~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH  (อ่าน 95112 ครั้ง)

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
«ตอบ #90 เมื่อ16-07-2009 22:20:11 »

อ๊าาากกกก พี่ต้นสั่งทำเลยหรอ หึหึ
สร้อยคอน้อง สติชชี่  :z2:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
«ตอบ #91 เมื่อ16-07-2009 22:49:52 »

พี่ต้นก็นะ ชอบเค้าไม่แสดงออกให้มันเยอะๆ หน่อย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
«ตอบ #92 เมื่อ16-07-2009 23:34:02 »

วิ๊ววว
ถึงกับสั่งทำสร้อยให้กันเลยหรอพี่ต้น
นั่นแน่ ๆๆๆ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 15
«ตอบ #93 เมื่อ16-07-2009 23:40:24 »

ตอน 15

ช่วงปิดเทอมของสามเพื่อนสนิทผ่านไปอย่างรวดเร็ว ..สิ่งที่นนท์รอคอยเดินมาถึงผลการเรียนที่ประกาศทำให้เขาคลายกังวลลงได้มาก เมื่อมันบ่งว่านนท์เรียนดีขึ้นมากกว่าเทอมที่แล้วเสียอีก

“ ว้าวนนท์เทอมนี้แกพุ่งอีกแล้วได้ a เพิ่มมาตั้งสองตัวแหนะรับรองอีกไม่นานแกต้องได้มาครบทั้งหกวิชาอย่างแน่นอน” กิ่งที่เห็นผลการเรียนของเพื่อนสนิทก็ตื่นเต้นแทน


“ อืมเอาเถอะ แค่ได้เท่านี้ก็น่าพอใจแล้วฉันไม่ได้หวังจะให้สมบูรณ์แบบไปหมดหรอก น้าแก้วบอกว่าทำในสิ่งที่กำลังพอดีจะเหมาะที่สุด และฉันก็คิดอย่างนั้น อีกอย่างที่ฉันได้ a มาสองตัวนั่นเพราะเป็นวิชาที่ฉันชอบฉันเลยตั้งใจกับมันมาก แต่ก็อย่างที่ว่า ฉันรู้สึกเหมือนช่วงนี้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ฉันเปลี่ยนไปแทบทุกอย่างจนเหมือนตัวตนของฉันมันถูกกลืนหายไปหมดแล้ว ฉันสับสนจริงๆเลยกิ่ง ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันหลอกตัวเองหรือเปล่า” แม้ความกังวลเรื่องผลการเรียนจะละลายหายไป แต่ความสับสนในความรู้สึกก็ถ่ายทอดออกมาด้วยรอยน้ำตา กิ่งไม่ได้นึกว่าเพื่อนสนิทข้างกายจะมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน



“ เป็นอะไรไปนนท์ แกไม่ได้ละตัวตนไปไหนสักหน่อย แกก็ยังเป็นแกคนเดิมเป็นเพื่อนที่ฉันรักและเป็นที่รักของทุกคน รูปลักษณ์และคุณสมบัติภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง คนเราจะเปลี่ยนมันไม่ได้แปลกอะไรหรอก และที่สำคัญแกเปลี่ยนเพื่อปรับให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง มั่นใจในตัวเองสิขอแค่ให้มีความสุขก็พอ อีกอย่างที่แกพูดว่าเปลี่ยนจนแกรู้สึกหนัก ถ้าอย่างนั้นก็ทำตัวให้สบายๆนะไม่ต้องคิดมากแล้วทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแกสำหรับทุกคนแล้ว” กิ่งรวบมือของนนท์มากุมไว้


“ อย่างนั้นเหรอกิ่ง แต่ฉันรู้สึกเหมือน.....”



“ ทำอะไรอยู่สองคน เอ๊ะเป็นอะไรหรือเปล่านนท์ น้องกิ่งไปแกล้งอะไรนนท์หรือ” คุณแก้วที่หอบขนมร้อนๆที่เพิ่งอบเสร็จเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าที่สะใภ้กำลังร้องไห้อยู่


“ เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร” นนท์เลื่อนมือป้ายน้ำตาออก ไม่อยากให้คุณแก้วต้องมาเป็นห่วงเป็นกังวลไปอีกคน


“ เหรอถ้าอย่างนั้นมากินขนมกันดีกว่านะ” ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอะไรนางก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้
ชายหนุ่มต้องสะเทือนใจอีก


“ ว้าวขนมหน้าตาน่าทานจังเลยนะคะแม่” กิ่งร้องเสียงใสเอื้อมไปหยิบหนึ่งชิ้นมายัดใส่ปาก แต่เพราะไม่รู้ว่ามันร้อนเลยกำไปเต็มมือ



“ ว้ายทำไมร้อนอย่างนี้ล่ะคะแม่” เธอรีบปล่อยขนมออกจากมือร้องถามเสียงลั่นบ้าน ทั้งนนท์และคุณแก้วถึงกับปล่อยยิ้มในท่าทีเปิ่นๆของกิ่ง แค่เห็นนนท์ยิ้มได้เพื่อนอย่างเธอก็มีความสุขมากเกินพอแล้ว ..ขอให้นนท์มีความสุขแค่นี้ก็พอ




หลายวันต่อมา..ทุกอย่างก็เดินมาสู่เงื้อเงาของความปกติ วันนี้พี่ต้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน นนท์เลยเข้าครัวเช่นทุกที...


“ ทำอะไรอยู่จ้ะนนท์กลิ่นหอมออกไปถึงข้างนอกบ้านเลย น้ากลับมาก็ได้กลิ่นดึงดูดใจเลยนะ” คุณต้นที่เพิ่งกลับมาจากการไปจับจ่ายนอกบ้านเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม


“ วันนี้นนท์กลับมาตั้งแต่บ่ายเพราะไม่มีเรียน อยู่บ้านเบื่อๆเลยไปเก็บผักที่ปลูกไว้ข้างรั้วพอดีน้าเดือนบ้านโน้นเขามาเห็นเลยชวนนนท์ไปนั่งเล่น นนท์เลยได้ลองหัดทำห่อหมกดู” เขารีบอวดผลงานที่ลองกลับมาทำเองที่บ้าน


“ คุณเดือนเหรอ”


“ใช่ครับ แต่เห็นว่ามีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก ฝากน้องโดมมาทานข้าวบ้านเราด้วย น้าแก้วไม่ว่าอะไรนะคือนนท์รับปากไปแล้ว”


“ จะว่าอะไรได้ล่ะ คุณเดือนกับบ้านเราก็สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตาโดมก็เห็นมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยกเดียวว่าแต่ตาโดมอยู่ไหนล่ะ” นางบอกอย่างมีเมตตาเลยทำให้นนท์หายใจได้คล่องขึ้น


“ อยู่ในครัวครับกำลังช่วยหยิบห่อหมกออกจากเตา”


“ มาพอดีเลย” คุณแก้วเอ่ยทัก เด็กหนุ่มลูกชายของเพื่อนอีกคนของคุณแก้ว เขาเดินมาใกล้วางถาดอาหารลงแล้วยกมือไหว้นางอย่างสุภาพ ถ้าไม่ติดที่เขาอ่อนกว่าลูกสาวสุดรักถึงสองปีนางคงได้ลุ้นเพิ่มอีกคู่


“ สวัสดีครับน้าแก้ว วันนี้ขอมารบกวนหน่อยนะ” เด็กหนุ่มโปรยยิ้มดวงตาแสนคมคายช่างมีเสน่ห์ยามประกอบเข้ากับรอยยิ้มนั้น


“ จ้ะว่าแต่วันนี้เราไม่เรียนพิเศษเหรอ ปกติเห็นเราเหมาทุกสถาบันเลยเวลาว่างแทบจะไม่มี” เพราะเห็นพฤติกรรมและฟังจากคำบอกเล่าของคุณปานเดือนมานาน เลยรู้ว่าเขาตั้งความหวังกับการเข้ามหาวิทยาลัยไว้ค่อนข้างมาก


“ ช่วงนี้ว่างแล้วครับเพราะวันก่อนพี่กิ่งแนะนำให้รู้จักครูคนใหม่ เก่งมากเลยนะน้าแก้วสอนแค่เสาร์อาทิตย์วันละสองชั่วโมงผมก็รู้สึกเหมือนเข้าใจได้ดีขึ้น และอีกอย่างผมก็ลองขยันในชั้นเรียนอย่างที่พี่กิ่งบอกมันเลยเรียนสบายขึ้นไม่ต้องเครียดและกังวล”


“ ครูคนใหม่เหรอ น้องกิ่งแนะนำให้ด้วยน้าไม่เห็นจะรู้เลย” นางมีท่าทางใคร่รู้


“ เขาเป็นเพื่อนของพี่กิ่งไงครับชื่อครูต่อ เก่งมากอธิบายทีเดียวผมก็เข้าใจแล้ว” โดมรีบอวดเพราะเขาค่อนข้างทึ่งในตัวครูคนใหม่ของเขามาก ต่อมีวิธีการสอนที่ง่ายต่อการเรียนและเข้าใจ เขาไม่ได้เน้นเนื้อหาหรือความจำให้กับนักเรียน แต่เขาเน้นความเข้าใจและรู้จักนำไปปรับใช้ ทฤษฎีไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอ หากรู้จักนำเหตุผลมาสนับสนุนและพิสูจน์ออกมาได้ ทฤษฎีบางบทก็อาจตกไป โดมจำได้ดีว่ามีคำพูดหนึ่งที่ครูคนใหม่มักบอกเขาเป็นประจำ


‘ ไม่มีความตายตัวในหลักวิชา ข้อสอบไม่ได้ออกมาเหมือนกันทุกปี เราต้องรู้จักปรับซ้ายปรับขวาให้ทันเกม ถ้าทำได้เราก็จะเป็นผู้ชนะเอง ’


“ นนท์รู้จักไหมลูก น้ารู้สึกคุ้นๆชื่อบอกไม่ถูก” เหมือนนางจะหลงลืมเขาไปแล้ว ว่าเขาคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของลูกสาวคนเล็กของบ้าน


“ เขาเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มนี่แหละครับ ..” นนท์พยักหน้าบอก ถ้าไม่เกรงใจคงบอกต่อไปแล้วว่าสนิทมาก..โดยเฉพาะกิ่ง..


“ เหรอน้าไม่ยักจะเคยเห็นหน้า..ว่าแต่เขาหน้าตาเป็นไงเหรอน้าลืมไปแล้ว”


“ ลองถามน้องโดมดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง” นนท์โยนกลองให้พ้นตัว เพราะไม่อยากพูดมากกลัวจะหลุดความลับของเขาออกไป โดมได้ทีก็รีบอวดสรรพคุณของครูคนใหม่ของเขาต่อ ภูมิใจนักที่จะนำเสนอครูคนนี้ให้คุณแก้วได้รู้จัก


“ จัดว่าหล่อมากเลยขนาดผมเป็นผู้ชายยังยอมรับเลยว่า ครูเขาหล่อจริงๆ เหมือนพระเอกหนังจีนหนังเกาหลีเลยน้าแก้ว”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าเทียบกับพี่ต้นของน้าล่ะ”



“ คนละแบบนะ พี่ต้นเขานิ่งๆหน้าเข้มตาหวานให้เทียบผมบอกไม่ถูกหรอกครับ ลองถามพี่นนท์ดูสิรายนั้นน่าจะตัดสินได้” ถึงคราวที่นนท์ถูกโยนกลับมา กะทันหันกระชั้นชิดแทบรับไม่ทัน


“ ถามพี่นนท์ได้ไงคนนั้นใจเขาไม่เป็นกลาง ไว้วันหลังน้าจะลองถามน้องกิ่งดูก็แล้วกัน” ได้ฟังคำของนางถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องถึงสองรอบ เรื่องแรกก็เรื่องใจเขาลำเอียงนะสิ โดมจะคิดยังไง แล้วอีกเรื่องก็ของกิ่งนางรู้ได้ไงว่ากิ่งจะเที่ยงตรง



“ เสียงรถนี่ พี่ต้นคงกลับมาแล้วเดี๋ยวนนท์ไปเปิดประตูให้ก่อนนะ” นั้นไงลำเอียงไม่ลำเอียงก็เห็นกันอยู่ชัดๆ การได้เห็นหน้าเขาก็ทำให้มีแรงใจลุกขึ้นแก้ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา มันคงจะดีหากเขายอมแสดงความรู้สึกดีๆกับนนท์อีกสักหน่อย

“ เป็นไงน้าบอกแล้วว่าถามพี่นนท์เขาไม่ได้หรอก โดมดูเอาเองสิ”


“ พี่นนท์กับพี่ต้นเขาตกลงปลงใจกันแล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มถามตรงๆเพราะถ้าคำตอบคือไม่เขาพอจะมีหวังสักหน่อย ใครบ้างล่ะที่เห็นนนท์แล้วจะไม่ชอบ เรื่องอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับความรัก


“ ใกล้ๆแล้วล่ะ”

“ ครับ” เด็กหนุ่มข้างบ้านนั่งเก็บข้อมูลไว้เพื่อเตรียมตัวลงสู้ศึกสักตั้ง ยังไงก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันคำว่าใกล้ๆแสดงว่ายังไม่ใช่ อย่างไรเสียถ้าเขาไม่ยอมแพ้ ความหวังน่าจะปรากฏขึ้นบ้าง ....


“ ยิ้มอะไรคนเดียวเหรอโดม น้าเรียกตั้งสองครั้งแล้วไม่ตอบสักที กำลังคิดแย่งพี่นนท์ไปจากอกพี่ต้นหรือเปล่า” นางถามได้ตรงจุดแววตาที่เขาทอพอที่จะทำให้นางจับทางได้



“ เปล่าหรอกผมไม่คิดจะแย่งหรอก แต่ถ้าได้มาด้วยความเต็มใจน้าแก้วว่าผมไม่ได้นะ”


“ เด็กคนนี้ล้มเลิกความตั้งใจเลยนะตาโดม พี่นนท์เขาจองตำแหน่งสะใภ้น้าไว้แล้วห้ามคิดเลยเถิดเข้าใจไหม” เพราะความที่เห็นเขามาตั้งแต่เด็กนางจึงกล้าพูดตรงๆไม่อ้อมค้อม


“ โธ่น้าแก้ว...”


“ คุยอะไรกันครับ เสียงดังไปถึงข้างนอกเลยท่าทางจะพูดคุยกันสนุกนะ” นนท์เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มตัวสูง เพราะเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่นนท์ซื้อให้ ต้นเลยดูมาดนุ่มน่าหลงใหลเพิ่มขึ้น เขาเหมาะกับการใส่สีหวานๆไม่น้อย แม้แต่มารดายังตกใจที่เห็นลูกชายกลับมาบ้านด้วยเสื้อสีแปลกตา



“ ว้าวพี่ต้นเสื้อสวยจังเลยลูก แม่ไม่เคยเห็นพี่ต้นใส่เสื้อสีอย่างนี้เลยนะ รู้ไหมว่ามันเหมาะกับลูกมากดูนุ่มขึ้นแถมยังมีเสน่ห์ ลูกน่าจะใส่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว”นางลุกจากที่นั่งไปเพ่งพิศลูกชายรูปหล่อให้เต็มตา นนท์ยืนยิ้มอย่างแสนภาคภูมิ เพราะกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้เขายอมใส่เสื้อตัวนี้ก็นานหลายวัน ในที่สุดเขาก็ยอมทำตามที่นนท์ต้องการ


“ สวัสดีครับพี่ต้น” โดมยกมือสวัสดี



“ อืมไปไงมาไงล่ะวันนี้ถึงได้มาทานข้าวที่นี่ได้” ต้นทักทายกลับ เขาเองก็รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้มาพอๆกับทุกคนในบ้าน


“ วันนี้แม่ไปทำธุระพอดีพี่นนท์เขาไปนั่งเล่นบ้านผม แม่เลยฝากพี่เขาให้ช่วยพาผมมาทานข้าวด้วย” เด็กหนุ่มรีบบอกเสียงรัว อยากอวดนี่ว่านนท์เป็นคนพาเขาเข้ามาทานอาหารด้วย



“ เหรอ” ชายหนุ่มมองไม่แยแส บรรยากาศในโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างครึกครื้นเพราะโดมคอยชักชวนทุกคนให้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงต้นเท่านั้นที่ต้องแสร้งยิ้มแสร้งทำ เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้รู้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับท่าทางการเอาใจของโดม ที่มีต่อพ่อน้องสติชของเขา ทีแรกคุณแก้วก็ไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็อดคล้อยตามมุกตลกของเด็กหนุ่มมัธยมปลายไม่ได้....


หากได้ยัยน้องเล็กของบ้านอย่างกิ่งมาเข้าลูกคงได้สนุกกว่านี้...
แต่ใครจะรู้ละว่าตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังเผชิญเหตุการณ์บางอย่าง ..



LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 14
«ตอบ #94 เมื่อ17-07-2009 00:01:17 »

ภาพเมื่อครู่มันคืออะไรล่ะ...ผู้หญิงคนนั้นคือใคร..กล้าดียังไงมาจับแขนต่อ แล้วดูเหมือนเขาจะไม่ปัดป้อง แถมยังยิ้มให้อีก ..น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมา ..จนเพื่อนทักขึ้น ..เสียงนั้นทำให้ต่อหันมามองแล้วต้องใจหาย รีบวิ่งตามหญิงสาวมาอย่างเร็ว

“ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ..”


“ เลิกพูดเถอะ ฉันขออยู่เงียบๆ ค่อยคุยกัน” หญิงสาวข่มใจให้นิ่งงัน แล้วก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทางข้างหน้าดูจะเปลี่ยวไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิงตัวลำพัง ต่อเลยเดินตามอย่างห่างๆ..รู้จักกิ่งมาหลายปี มีหรือจะไม่เข้าใจนิสัย ในตอนนี้เธออยากอยู่เงียบๆ เขาเลยไม่เข้าไปกวนได้แต่เดินตามอย่างไม่ลดละ.. มือแกร่งก็เอื้อมกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอีกคน ...



การมาทานอาหารในบ้านวรโชติในวันนี้ทำให้เด็กหนุ่มข้างบ้านมีความสุขไม่น้อย นนท์ทั้งใจดีแถมยังมีเสน่ห์ทุกอากัปกิริยา จนหัวใจเด็กอายุสิบแปดถึงกับสั่นรัวไม่เป็นจังหวะ ต้นได้แต่มองอย่างขัดเคืองแต่ก็พูดอะไรมากไปไม่ได้ เขาเดินสะบัดกลับขึ้นห้องของตัวเองไปอย่างไม่พอใจ ท่ามกลางความสงสัยของคุณแก้วและว่าที่ลูกสะใภ้ แม้จะแปลกใจในท่าทางของพ่อลูกชายคนโตแต่เพราะลูกสาวคนเล็กยังไม่กลับนางเลยเป็นห่วงและไม่กะจิตกะใจจะสงสัยในพฤติกรรมของต้น


“ น้องกิ่งเขาไปไหนของเขานะ ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้านลูกคนนี้นะเดี๋ยวนี้ชักเหลวไหลใหญ่แล้ว จะกลับหรือไม่กลับก็ควรโทรฯมาบอกบ้างนะ ปล่อยให้รออย่างนี้จะรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน” นิตยสารเล่มแล้วเล่มเล่าถูกพลิกไปมา นางแค่ดูผ่านๆฆ่าเวลาไปเท่านั้น



“ นนท์นี่แย่จังเลย ตอนเย็นกิ่งโทรฯมาบอกแล้วว่าจะไปทำธุระ บางทีอาจจะกลับดึกหน่อย
นนท์มัวแต่ยุ่งๆเลยลืมไปเลย น้าแก้วไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ากิ่งไม่ได้บอกว่าจะกลับดึก แต่จำต้องโกหกไปเพื่อให้นางสบายใจ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ยอมกลับไปนอนแน่


“ เหรอ น้าก็หลงเป็นห่วงอยู่ตั้งนาน รู้อย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อยว่าแต่หมู่นี้เหมือนกิ่งเขาเรียนหนักนะ กลับบ้านดึกก็หลายครั้งแล้ว บางทีก็ต้องไปค้างที่อื่นด้วย”


“ ใช่ครับ ช่วงนี้เราใกล้จะจบปีสามแล้วนี่ไม่นานก็จะมีการสอบ โดยเฉพาะคณะของกิ่งนี่ต้องเรียนหนักเป็นธรรมดา เห็นเขาบ่นว่ารายงานเยอะบานเบอะ แต่ละชิ้นค่อนข้างมีรายละเอียดและความซับซ้อนมาก” นนท์รีบสวมรอยให้นางคล้อยไปตามความคิดนั้น เขาไม่ได้โกหกสักหน่อยนะข้อนี้ ก็งานเยอะมากจริงๆ
แถมอาจารย์แต่ละวิชาก็สั่งงานเอาๆ อาจเพราะปีสามเป็นปีสุดท้ายของการเรียนด้านทฤษฎีเลยหนักที่สุด หลังจากนี้เมื่อขึ้นปีสี่ก็จะมีหนึ่งภาคเรียนให้นักศึกษาออกไปฝึกงานนอกสถานที่เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ เป็นแนวทางให้พวกเขาเหล่านั้นได้ปรับตัวให้เข้ากับคนทุกชั้นทุกระดับ แต่ถ้าเรียนปีสามไม่ผ่าน การฝึกงานก็จะเลื่อนไปตอนปีสี่เทอมสอง....


“ เหรอ สงสัยจะงานเยอะจริงอย่างที่นนท์ว่า ถ้าอย่างนั้นน้าไปนอนก่อนนะง่วงตั้งนานแล้ว” นางวางความห่วงใยลง เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ยอมเดินขึ้นห้องไปด้วยใจที่โล่งสบาย คนโกหกเลยต้องนั่งรอเพื่อนสนิทแต่เพียงลำพัง ในใจก็ภาวนาให้กิ่งรีบกลับมาสักที


“ ...ดี้ๆ..” เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกายดังขึ้นเรียกนนท์ให้ตื่นจากความคิด มือนุ่มเอื้อมมือไปหยิบและกดดูเบอร์ที่โทรฯเข้า

“ ต่อนี่” นนท์พึมพำรีบกดรับ


“ มีอะไรหรือเปล่าต่อโทรฯ มาซะดึกเชียว ว่าแต่กิ่งอยู่ไหนแล้ว ตอนนี้น้าแก้วกำลังเป็นห่วงมาก
ขอฉันพูดกับกิ่งหน่อยสิ” นนท์รัวถาม รัวคิด รัวตอบจนเขาไม่มีช่องจะแทรกเลย


“ นนท์ฟังดีๆนะ มารับกิ่งหน่อยตอนนี้เรากับมันทะเลาะกันนิดหน่อย แต่อย่าให้น้าแก้วรู้ล่ะ” เสียงปลายสายบอกชัดถึงความเป็นห่วงที่อัดแน่นในใจ


“ ทะเลาะกันเหรอ ร้ายแรงมากหรือยังไง ถึงขนาดกิ่งจะกลับเอง ปกติแกกับมันต่อให้โกรธกันยังไงเดียวเดี๋ยวก็หายไม่ใช่เหรอ...” นนท์ถามอย่างสงสัย


“ เข้าใจผิดกันมากกว่า ..มันดันมาเห็นตอนฉันซ้อมละครของชมรม ..แต่ฉันยังไม่ได้บอกมันทีว่าได้แสดง ไอ้ลิงนั่นมันก็เลยเข้าใจผิด อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ..ฮ่วย..”


“ เอออย่าคิดมาก แล้วแกอยู่แถวไหน ..”


“ อืม..แถวมหาวิทยาลัยนั่นแหละ...ไว้แกใกล้ถึงแล้วโทรฯหาฉันอีกครั้งนะ..ขอบใจมากป๋าแบ..” ต่อบอกกลับมา ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน หากเขาเป็นกิ่งเขาก็อาจมีอาการไม่แตกต่าง ..เห็นแฟนตัวเองไปเกาะแกะกับผู้หญิงคนอื่น แถมยังยิ้มระรื่น..กิ่งหนอกิ่ง..ไม่รู้หรือยังไงว่าแค่คิด เจ้าหน้าหยกมันยังไม่กล้าเลย...


นนท์ตัดสายลงแล้วรีบวิ่งขึ้นไปหาต้นทันที



“ นนท์เข้าไปนะ” เขาเคาะประตูบอกพร้อมทั้งเปิดเข้าไป โดยไม่ฟังคำอนุญาตจากเจ้าของห้องก่อนต้นที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะเปลี่ยนชุด ถึงกับต้องวิ่งขึ้นที่นอนเอาผ้าห่มมาคลุมกายที่เปล่าเปลือยนั้น


“ เข้ามาอย่างนี้ได้ยังไง ดีนะที่พี่ยังหาที่กำบังทัน” ชายหนุ่มแทบใจหาย


“ โธ่ต่อให้เห็นนนท์ก็ไม่มีกะจิตกะใจมาคิดอกุศลหรอกนะ ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าหลายเท่า
พี่รีบแต่งตัวเข้านะ นนท์จะรออยู่หน้าห้อง เดี๋ยวต้องออกไปทำธุระข้างนอกกัน” ชายหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าหากช้าไปมากกว่านี้ ต่ออาจคลายสายตาจากกิ่งก็เป็นได้


“ ธุระเหรอ ไปชวนไอ้เด็กโน้นไปพี่ไม่ว่างไม่อยากออกไปข้างนอกหรอก” คิดแล้วก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา ต้องประชดประชันให้เธอได้รู้


“ โธ่พี่อย่าขี้งอนนักสิ ยังไงนนท์ก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน โดมก็แค่เด็ก นนท์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อยพี่รีบแต่งตัวเร็วๆเดี๋ยวจะไม่ทัน” เพราะรับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างยามกล่าวถึงเด็กข้างบ้าน นนท์เลยบอกกลับตอกย้ำความมั่นใจ ..โห..แต่เขาจะแสดงมากเกินหรือเปล่านี่...ต้นยังไม่เคยพูดอะไรออกมาสักครั้ง ..


“ แล้วจะไปไหน” ต้นดูจะเย็นลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันทีที่ได้ยินคำว่าไม่เปลี่ยนใจ .

.
“ เถอะนะถ้าพี่ไม่รีบเดี๋ยวนนท์แต่งให้เอาไหม ไว้ถ้าจะงอนหรือนนท์ไปทำอะไรให้พี่ไม่พอใจก็ค่อยโกรธเถอะนะตอนนี้มีเรื่องสำคัญจริงๆ” น้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังทำให้ต้นเริ่มตระหนักว่าเขาคงมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำแน่นอน ต้นคงจะอิดออดไม่ไปกับเขาก็ไม่ได้


“ อืมออกไปสิ” ชายหนุ่มพยักหน้ายินยอม เอาเถอะในเมื่อนนท์บอกแล้วว่าค่อยโกรธค่อยงอนเขาก็จะลองเชื่อดูสักครั้ง เรื่องที่นนท์จะทำอาจเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญอย่างมาก


“ ครับ”


รถบ้านวรโชติออกมาจากรอบรั้วอย่างเงียบเชียบที่สุด เพราะนนท์ไม่ต้องการให้คุณแก้วได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแม่ลูกสาวคนเล็ก รถที่แล่นออกไปตามถนนสายหลักแล่นไปอย่างคล่องตัว เพราะช่วงนี้ถนนค่อนข้างโล่งการจราจรไปมาได้สะดวก ไม่นานก็ถึงยังจุดที่นัดหมาย


“ ต่อเหรอ ฉันมาถึงแล้วนะว่าแต่พวกแกอยู่ไหนล่ะ วนหาตั้งสามรอบแล้วยังไม่เจอเลย” น้ำเสียงร้อนใจทำให้เขาต้องรีบตอบกลับมา


“ แกขับตรงมาหน่อยนะ ..ตอนนี้มันเดินผ่านห้างแถวสะพานสองแล้ว” ชายหนุ่มพยายามหาจุดที่สะดุดตาที่สุดในการบอกทางเขา


“ อืม..” นนท์วางสายลงแล้วหันไปบอกทางกับคนขับจำเป็น นนท์ยังไม่ยอมบอกเขาว่าออกมาทำธุระเรื่องอะไร แม้จะติดขัดข้องใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่ซักไซ้ไล่เรียงตามประสา

“ พี่ขับตรงไปอีกนะ”


“ ครับคุณหนู” ชายหนุ่มรับทราบแถมยังโค้งศีรษะรับคำสั่ง ทำให้คนที่กำลังเครียดถึงกับยิ้มขันออกมา บ่อยสักที่ไหนล่ะที่เขาจะทำอะไรพรรค์นี้ รู้จักทำตลกให้คนอื่นดูก็เป็นด้วย

“ นั่นไงจอดตรงนี้แหละ” นนท์รีบบอกเมื่อเห็นสะพานสอง


“ นายจะไปไหนคุณหนูอยู่ๆก็ลงมาอย่างนี้”


“ ...” เขาไม่ได้รับคำตอบใดๆจากปากของนนท์ เพราะสายตาคู่สวยกำลังสอดส่ายมองหาเป้าหมายอยู่ไม่มีเวลามาตอบคำถามของเขาหรอก ไม่นานนนท์ก็เหลือบเห็นหลังของเพื่อนสาวคนสนิท ..ร่างเพรียวลมรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างมั่นใจ



“ จะไปไหนรอพี่ด้วยสิ” ชายหนุ่มมองอากัปกิริยานั้นอย่างแสนฉงนแต่ก็ยอมวิ่งตามไป



“ กิ่งๆ” เขาเริ่มใช้เสียงเรียกเพราะชักจะวิ่งตามไปไม่ทัน กิ่งที่เดินใจลอยอยู่เหมือนถูกกระชากออกจากภวังค์อย่างแรง ฝีเท้าของเธอชะงักและสาวช้าลงเพื่อรอคนที่ส่งเสียงเรียก


“ กิ่งๆ” ในที่สุดนนท์ก็วิ่งมาทัดระดับเดียวกับเพื่อนสาว พ่อน้องสติชเดินมายืนข้างหน้าจ้องมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย เพราะเข้าใจผิดกันแท้ๆ..กิ่งถึงได้อ่อนแอขนาดนี้.. ต้นเดินมาสมทบและกำลังจะดุที่เห็นน้องสาวมาเดินคนเดียวดึกๆดื่นๆอย่างนี้ แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากกิ่งก็โผเข้ากอดเพื่อนที่ยืนขวางข้างหน้าอย่างรวดเร็ว น้ำตาที่เหือดไปกลับรื้อออกมามากยิ่งกว่าเดิม ไหลออกมาเป็นทางยาวจนนนท์และต้นใจไม่ดี เสียงสะอื้นดูหดหู่บอกไม่ถูก


ไม่มีเสียงใด ไม่มีการสนทนามีเพียงความเงียบเชียบ..นนท์พาเพื่อนกลับไปส่งที่ห้องอยู่พักใหญ่กว่ากิ่งจะหลับ นนท์ถึงได้วางใจและเดินออกมาจากห้องนั้น


ต้นนั่งรอจนวางใจในสถานการณ์



“ พรุ่งนี้ถ้ากิ่งตื่นมา พี่อย่าคาดคั้นอย่าถามเขาเรื่องนี้ได้ไหม แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วกับความเจ็บปวดขืนคนใกล้ตัวยังบีบคั้นบางทีเขาอาจทำอะไรที่เราไม่คิดกันก็ได้” เพราะความห่วงเพื่อนเลยขอร้องเขาตรงๆ


“ ช่างเถอะ” คำว่าช่างเถอะถือเป็นคำรับปาก ชายหนุ่มยิ่งเป็นประเภทตอบรับไม่เป็น เออออไม่คล่องเลยต้องตอบกลับไปด้วยคำว่า ช่างเถอะ

“ ครับ พี่ไปนอนเถอะขอบคุณสำหรับคืนนี้” นนท์เองก็เหนื่อยมากแล้วสำหรับค่ำคืนของการเข้าใจผิด ..ทั้งเจอพี่ต้นงอน ..ไหนจะกิ่งเข้าใจผิดกับเจ้าหน้าหยกอีก..พรุ่งนี้คงมีแต่สิ่งดีๆรอเขาอยู่ใช่ไหม.
.
“ อืม” เขาพยักหน้าเดินออกจากห้องนอนน้องสาวไป ในใจของต้นก็คิดเรื่องราวต่างๆนานา..น้องสาวเขาไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ..เฮ้อ เหนื่อยใจ ...


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #95 เมื่อ17-07-2009 00:58:58 »

ตอน 16 

เช้าวันนี้เป็นเสาร์แรกที่นนท์เห็นว่าต้นไม่ไปทำงาน ความสงสัยก็เกิดขึ้นเสียเต็มประดา

แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม ตอนนี้เขาควรอยู่ใกล้เพื่อนที่บอบช้ำให้มากที่สุด แต่เพราะกิ่งยังไม่ตื่นชายหนุ่มเลยลงมาทำอาหารเช้าให้กับทุกคน วันนี้เขาเลือกทำแซนด์วิชเพราะง่ายและไม่ต้องใช้เวลามาก



“ ทำอะไรอยู่”


“ เฮ้ย” คนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการทำอาหารถึงกับผวา เมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนมายืนข้างกายอยู่แล้ว มาไวไปไวหรือเป็นพวกวิญญาณ เข้ามานนท์ไม่ได้ยินเสียงเลยlสักแอะเดียว


“ ขวัญอ่อนไปได้คุณหนู หรือนายยังไม่หายกลัวผีเหรอ” แล้วใครล่ะที่ทำให้นนท์เป็นโรคตกใจง่ายมาจนถึงทุกวันนี้ ช่างไม่สำนึกอะไรเลยนะพ่อตัวการ


“ บ้า ! เล่นอะไรอย่างนี้ นนท์กำลังทำแซนด์วิชอยู่ เอาสักชิ้นไหม” เขาเชื้อเชิญ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่ถูกปาก นนท์ทำอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่าง ไม่ต้องระแวดระวังก่อนทานเช่นแต่ก่อน

“ ก็ดีวันนี้ทำตัวให้ว่างล่ะ” เขาหยิบแซนวิชจากจานไปหนึ่งชิ้นแล้วบอกนนท์เสียงราบ แม้จะไม่ได้ตั้งใจฟังแต่ก็ได้ยินว่าเขาบอกให้นนท์อยู่บ้านอย่าไปไหน


“ ทำไมครับ”


“ วันนี้พี่อุตส่าห์ได้หยุดทั้งทีเลยคิดว่าอยู่บ้านคงน่าเบื่อ คิดจะพาทุกคนไปเที่ยวทะเลกันสักหน่อย กิ่งก็กำลังเป็นอย่างนี้การไปเที่ยวอาจทำให้สบายใจขึ้นได้” ชายหนุ่มบอกเหตุผล เพราะรู้ตัวดีว่าน้องสาวเสียใจมาก..


“ ว้าว ! มีความคิดอย่างนี้ก็เป็นด้วย ถ้าไม่ได้ฟังด้วยหูตัวเองนนท์ไม่เชื่อเลยนะ ว่าพี่คิดจะพาทุกคนไปเที่ยวทะเล” นนท์เย้าเสียงเริงร่า ใช่สิ...เขาเองก็ควรไปสูดเอาพลังงานบริสุทธิ์เข้ามาเติมเต็มกำลังใจบ้าง ชีวิตที่ผ่านมายังอาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในหลายส่วน วันข้างหน้าเขาอาจเจอบททดสอบที่ยิ่งใหญ่และหนักหนา หากไม่รู้จักเติมเต็มพลังงานไว้บ้าง ถึงวันนั้นเขาอาจหมดแรงสู้


“ เป็นอะไรไปยืนเหม่อเชียว” พี่ต้นทักขึ้น


“ เปล่าหรอกนนท์แค่คิดถึงบรรยากาศทะเลเท่านั้น ตั้งแต่งานพรอมตอนม.6นนท์ก็ไม่ได้ไปอีกเลย คิดแล้วยังรู้สึกเสียดายอยู่เลย สามปีที่ผ่านมานี้นนท์เอาเวลาไปทำอะไรหมดนะถึงได้ไม่ไปเยี่ยมทะเลเลยสักครั้ง...”


“ งานพรอมงั้นเหรอ....” ความสงสัยเดินเข้ามาจุกในอก แต่เพราะคุณแก้วเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อนทำให้เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ


“ ทำอะไรอยู่จ๊ะ” นางทักทายเสียงสดใส นนท์หันไปแย้มยิ้มแล้วทักทายกลับ ส่วนต้นก็ทำตามบ้าง รอยยิ้มนั้นทำให้นางอดขันไม่ได้...ขอบคุณนนท์ ..ขอบคุณที่เขามา..ตั้งแต่ไปเมาแอ๋ริมหาด ต้นเคยร่าเริงเท่าช่วงนี้เหรอ..


“ วันนี้แม่อย่าไปไหนนะ ผมจะชวนไปเที่ยวทะเลกัน บ้านเราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันตั้งหลายปีแล้ว อีกอย่างผมจองโรงแรมไว้แล้วด้วย” คุณแก้วถึงกับตาค้างไม่คิดฝันว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากลูกชายที่แสนเย็นชา เป็นครั้งแรกล่ะมั้งในรอบสามปีกว่า ที่เห็นเขาพูดด้วยแววตาสดใสไม่ขุ่นเคืองเช่นนี้

" เป็นอะไรไปครับแม่"

“ คือ..เปล่าหรอกดีเลยแม่จะได้ไปจัดเสื้อผ้า นานๆเราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกันสักที ว่าแต่กิ่งกลับมาหรือเปล่าล่ะ แม่ไม่ได้ยินเสียงเลย” เมื่อเอ่ยถึงกิ่งทั้งคู่ถึงกับยืนนิ่ง กลัวว่านางจะรู้ความจริงขึ้นมา นนท์รีบเอาจานไปไว้ที่อ่างล้าง


“ กลับมาแล้วครับ น้าแก้วไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนเถอะเดี๋ยวนนท์ไปปลุกเขาให้ นนท์กำลังจะขึ้นไปข้างบนอยู่พอดี” นนท์รีบชิงบอกอยากดูให้แน่ใจว่ากิ่งพร้อมสำหรับวันนี้ ยังไงก็ต้องอธิบายให้แม่จอมขี้หึงเข้าใจเสียก่อน ..


“ เหรอ...ก็ดีเหมือนกัน น้าจะได้รีบไปเลือกชุด ทะเลๆ โอ้ทะเลแสนงาม...” บทเพลงที่ร้องกันในสมัยเด็กถูกขับขานจากปากสาววัยกลางคนอย่างสุขใจ


“ ครับ” นนท์ยิ้มรับแล้วรีบสาวเท้าขึ้นไปบนห้องกิ่งทันที

“ กิ่งๆ ตื่นได้แล้ว”

“ ใครวะ..คนจะนอน..” ได้ยินแค่คำตอบที่ลอดกลับมา ก็พอทำให้นนท์วางใจได้ระดับหนึ่ง อารมณ์ของแม่ขี้หึงคงวางได้ระดับหนึ่งแล้ว..

“ แฟนแกมั้ง..” ไม่พูดเปล่า..คนหน้าสวยก็ออกแรงที่เท้าดันร่างที่ขดใต้ผ้าห่มให้กลิ้งไปตามพื้นเตียงจนล้มลงกระทบพื้นหินอ่อนในที่สุด

“ ไอ้นนท์..แกจะฆ่าฉันหรือยังไง”

“ ลุกขึ้นได้แล้ว..เราจะไปเที่ยวทะเลกัน..”

“ ไม่ไป ไม่มีอารมณ์”

“ ยังงอนไอ้หน้าหยกอีกเหรอ...” นนท์เอ่ยขึ้นตรงประเด็น

“ บ้า..”


“ โอ๋ๆ น้องกิ่งของพี่..เข้าใจไอ้หน้าหยกผิดแล้วรู้ไหม. ..เมื่อคืนกว่าพี่จะได้นอน ก็โดนไอ้หน้าหยกเรียกคุยโทรศัพท์ตั้งสองชั่วโมง...บอกว่าแฟนมันขี้หึงเว่อร์ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไอ้เราก็นึกนะว่าทำไมแฟนมันตาร้ายขนาดนั้น ..คนที่กอดแขนไอ้หน้าหยกเป็นถึงดาวคณะของปีล่าสุดคงไม่ชายตามาแลมันหรอก..” นนท์พึมพำบางสิ่งที่ทำให้ใบหน้าบูดเบี้ยวเริ่มกลับมายิ้มได้เมื่อรู้ความจริง


“ จริงอะ” กิ่งทะลึ่งตัวขึ้นบนที่นอนอย่างตื่นเต้น


“ จริงดิ...ไม่รู้ไอ้ลิงกังที่ไหนมันหึงลมหึงแล้ง..กะแค่เขาซ้อมบทละครก็ร้องไห้ตาแตก” นนท์ยั่วเพื่อนต่อด้วยความสุขเมื่อเห็นว่ากิ่งเริ่มเข้าใจ

“ไปทะเลดีกว่า ..” หญิงสาวลุกพรวดขึ้นทันทีทันใด จนนนท์ต้องแอบขำออกมา

“ แล้วไม่โทรฯไปบอกมันหน่อยเหรอว่าเข้าใจแล้ว...”


“ ปล่อยให้มันจิตตกไปสักสองวัน..ค่อยบอก..ฮ่ะๆ..ถึงจะแค่ซ้อมละครยังไงก็หึงโว้ย” หญิงสาวบอกเสียงร่า จ้องมองสภาพตัวเองในกระจกอย่างเวทนา ..ร้องไห้จนตาโปน..อืมๆ..ไอ้ต่อนะไอ้ต่อฉันหมดสวยหมดแล้ว ไอ้แฟนบ้า ไอ้หน้าคิงคอง

“ เฮ้อ..สบายใจแล้วยิ้มร่าเชียวนะแก..”


“ แน่นอนจ้า พี่สะใภ้..” หญิงสาวหันมายิงฟันกับคนหน้าหวาน ..สรรพนามที่ใช้เล่นเอานนท์ถึงกับหน้าแดงอย่างรวดเร็ว


“ ไอ้ลิงบ้า..ฉันไปจัดเสื้อผ้าดีกว่า..”

“ โห่ ตอนล้อฉันก็ล้อเอาๆ พอตัวเองทำเป็นอายไม่แฟร์นี่หว่า” หญิงสาวไล่หลังว่าไป แต่ก็แค่ขำๆ..เมื่อความสุขกลับคืน ทุกอย่างก็จะงดงามอีกครั้ง ...


ทีแรกที่ได้ยินว่าต้นจะพาไปเที่ยวทะเล คนฟังถึงกับตาค้างไม่ต่างจากมารดา คนอย่างต้นนี่เหรอคิดจะพาทุกคนไปทะเล ฟังแล้วอยากหัวเราะ แต่เพราะหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังของคนมาบอกถ้อยความ ทำให้กิ่งยอมเชื่อดีเหมือนกัน หายไปต่างจังหวัดสักสองวันแกล้งไอ้คิงคองมันเล่น..หุหุ..



เท้าเปลือยวางลงบนผืนทรายที่เปียกชุ่มกระแสน้ำค่อยๆ คลื่นซัดมากระทบเท้าของหญิงสาวเรื่อยๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า แดดอ่อนๆในยามบ่ายแก่ๆ ทำให้เธออยากใช้เวลาในการซึมซับความงามของท้องทะเล ให้นานกว่านี้ หลังจากมาถึงที่พักเมื่อตอนเที่ยงกิ่งก็แยกออกมาเดินเล่นเพียงลำพัง

“ คิดอะไรอยู่คนสวย” นัทที่เดินออกมาตามเพื่อนสนิท ให้กลับเข้าไปทานอาหารในบ้านกล่าวทักทายเสียงทีเล่น


“ เปล่าหรอกยืนคิดอะไรเล่นๆเท่านั้นล่ะ”


“ ฉันมาตามแกเข้าไปทานของว่างกัน เดี๋ยวพี่ต้นจะพาไปขับเรือเล่นแถวๆนี้ ไปนั่งชมวิวสักชั่วโมงก็กลับ” นนท์บอกรายการต่อจากนี้ เพื่อกระตุ้นต่อมอยากเที่ยวของคนที่กำลังยืนมองทิวทัศน์อยู่ สงสัยจะรู้สึกผิดที่ทำให้เจ้าคิงคองมันจิตตก...แต่ใครจะรู้ตอนนี้มันอาจกำลังเริงร่าอยู่ก็เป็นได้... นนท์นั่นโทรฯไปรายงานตั้งแต่เช้าแล้ว มีหรือที่รายนั้นจะจิตตก ..ไม่มีทางเสียหรอก..


“ เหรอ ก็น่าจะดีเหมือนกันเราเข้าไปในบ้านกันเถอะ” กิ่งรับคำ แล้วเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปภายในบ้านพักส่วนหนึ่งของรีสอร์ต .. ตัวบ้านแบ่งเป็นห้องนอนสองห้อง คงไม่ต้องบอกว่าใครจะนอนห้องไหน..คุณแก้วเธอจัดการเสร็จสรรพให้พี่ต้นไปนอนกับน้องสติช ส่วนนางก็นอนกับลูกสาวคนเล็ก.. ( เจ้าแผนการจริงๆคนบ้านนี้..


“ มากันแล้วเหรอ นนท์เข้าไปตามพี่ต้นหน่อยนะสงสัยจะยังไม่ตื่น น้องกิ่งมาช่วยแม่จัดจานดีกว่ามาเร็วลูก” หญิงวัยกลางคนในชุดยีนส์เปรี้ยวปรี๊ดเอ่ยบอก.. จานผลไม้และของหวานในมือกำลังถูกจัดแบ่งออกเป็นชามเล็กๆให้เท่ากับจำนวนสมาชิกของบ้าน .....



LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 15
«ตอบ #96 เมื่อ17-07-2009 01:00:49 »

นนท์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ซึ่งคืนนี้จะเป็นที่พักของเขากับพี่ต้น..เอ้อมันก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกเขากับพี่ต้นนอนด้วยกันตั้งหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่อยู่ในสายตาของสองแม่ลูก( ใครจะรู้ หนูนนท์ แม่แก้วน้องกิ่งเขาเห็นหมดแล้ว..) เตียงหลังใหญ่ถูกชายอีกคนครอบครองอยู่ นนท์เห็นเขายังหลับอยู่เลยเดินไปจัดข้าวของเล็กๆน้อยๆพอเสร็จเลยมาปลุกเขาตามคำสั่ง


“ พี่ๆ ตื่นได้แล้ว” เสียงใสดังขึ้น.. แต่เขาก็เหมือนไม่ได้ยิน คนร่างบางเลยเดินเข้ามาใกล้นั่งลงที่ขอบเตียงใช้มือนุ่มนั้นเอื้อมไปเขย่าแขนเขาเบาๆ



“ พี่ๆ ตื่นได้แล้วทุกคนกำลังรอทานอาหารว่างอยู่อย่าขี้เซานักสิ” นนท์เพิ่งเห็นเขาเป็นอย่างนี้ครั้งแรก เขาบอกว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อน เขาก็ทำจริงอย่างที่พูด นอนกลางวันนั้นเหรอตั้งแต่เข้าไปอยู่ในวรโชติ เขายังไม่เคยเห็นพี่ต้นใช้เวลาในตอนกลางวันเป็นเวลาหลับเลยสักครั้งเดียว



“ แพ...” ปากของชายหนุ่มเหมือนพร่ำบางอย่างซึ่งนนท์ไม่เข้าใจ เลยนั่งเพ่งเพื่อพยายามอ่านปากของเขา ด้วยเพราะความตั้งใจนั้นมีมากเลยทำให้ความระวังตัวเหือดหาย คนที่นอนอยู่ดึงมือของนนท์ลงไปใกล้จากนั้นก็พลิกกายเป็นฝ่ายทับร่างของเขาไว้..


“ พี่ๆ” นนท์ร้องเสียงหลง แต่เขาก็ไม่มีท่าทางจะลุกขึ้น แล้วคำร่ำชื่อของใครบางคนที่นนท์ยังจำติดหูมาจนถึงทุกวันนี้ก็เฉลยความจริงบางอย่าง



“ แพทๆ” ดวงตาที่ยังปิดอยู่หารู้หรอกว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ไม่ได้จำเพาะอยู่แต่ในฝัน ตอนนี้เขากำลังลากนนท์เข้าไปเล่นเป็นหนึ่งในตัวละครนั้นด้วย ชายหนุ่มค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้นนท์เรื่อยๆ จนปากของเขาเกือบชิดริมปากเรียวบาง ดีนะที่นนท์ไม่ปล่อยให้มันเลยเถิดไปกว่านี้



มือเรียวเอื้อมตวัดมาป้องปากของตนเอาไว้อย่างเร็ว ก่อนจะบรรจงฟาดมืออีกข้างไปบนหน้าหล่อๆของพี่ต้นจอมขรึม ดวงตาของชายหนุ่มค่อยๆเปิดออกและต้องตะลึงเมื่อเห็นดวงตาของใครอีกคน ใกล้เขามาก มากกว่าทุกครั้งทุกคราว เขายังคงเพ่งพิศเช่นนั้นไม่ละเพราะยังไม่รู้ตัวว่านี่คือความเป็นจริง


“ พี่ตื่นหรือยังนี่” นนท์พยายามเรียกสติเขาอีกครั้ง เพราะหากชายหนุ่มมีสติดีเขาคงไม่คิดจะทำอย่างนี้กับนนท์แน่นอน แม้เขาจะดูไร้อารมณ์ไม่สนใจใครๆ แต่เขาคงไม่ใช่พวกชอบฉวยโอกาสเอาประโยชน์ใส่ตัวเองหรอกนนท์เชื่ออย่างนั้น


ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของนนท์ที่ชัดเจน


“ มาทำอะไรตรงนี้นี่คุณหนู ” เขาเอื้อนถาม


“ พี่ลุกขึ้นก่อนสิ นนท์หายใจไม่ออกแล้วนะ” นนท์ใช้มือข้างหนึ่งสอดไปดันที่หน้าอกของเขา
เพื่อให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าเขากำลังนอนทับร่างของนนท์อยู่


“ ...” เขากระโดดขึ้นโหยงไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง คนถูกทับค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นนั่งหายใจถี่

จนแทบเรียกว่าไม่หยุดพัก ทั้งตัวที่หนักและใจที่เต้นแรงทำให้นนท์เหนื่อยมากพอตัว ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลมองอย่างสงสัย



“ พี่ละเมอบ้าอะไรนี่ ทำเอานนท์แทบขาดใจเลยนะนี่” เขาบอกชี้ทางเพื่อให้พี่ต้นหายกังวลกับสิ่งที่ทำลงไป แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่ต้นทำเพราะคิดว่านนท์คือใครคนนั้น แพท..จีรนันท์คนที่ทำให้เขาเกือบตายเมื่อสามปีก่อน




“ น้าแก้วให้นนท์เข้ามาตามไปทานของว่าง ออกไปกันเถอะน้าแก้วคงรอแย่แล้ว” นนท์ยิ้มกลบเกลื่อนรีบลุกจากเตียงเดินออกไปโดยไม่สนเรื่องที่เกิด

ทิ้งให้ต้นมองร่างของเขาเดินจากไปจนลับตา นี่ต้นทำอะไรลงไปนะ ความฝันเมื่อสามปีที่แล้วผุดเข้ามาในความคิด เขากำลังกอดคนตัวนุ่มบางๆ.


.ซึ่งเขาคิดว่าคนคนนั้นคือแพทแถมยังจูบคนตัวนุ่มเข้าไปอีกตั้งสองครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นนนท์หรือเขาจะทำเช่นเดียวกับที่เคยทำกับคนคนนั้น.


“ ช่างเถอะ” เขาไล่ความคิดออก เดินตรงไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นๆที่โถงกลางบ้าน เพื่อร่วมทานอาหารว่างกัน



“ ทำไมออกมาช้าจังเลยล่ะพี่ต้น แม่กับทุกคนรอนานแล้วนะรีบๆทานเข้านะลูกเดี๋ยวจะเย็นไปกว่านี้แล้วจะเที่ยวกันไม่สนุก” นางรีบเข้ามาจับแขนลูกชายแล้วพาไปนั่งใกล้ๆสองเพื่อนสนิท.. จากนั้นก็ส่งชามของหวานให้บริการเต็มที่


“ ขอโทษทีครับ”



เป็นอันว่าสุดท้ายคุณแก้วก็ขอตัวอยู่ที่พักเพียงลำพัง นางให้เหตุผลว่าตนเมาเรือเลยไม่ต้องการจะไปด้วย ปล่อยให้หนุ่มๆสาวๆไปเที่ยวกันให้สนุกดีกว่า อีกอย่างถ้าไปก็อาจเป็นภาระทำให้เที่ยวไม่สนุก


กิ่งที่ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญจากมารดา..ทำหน้าที่กามเทพเต็มสตรีม... การไปครั้งนี้ของเธอก็แค่ตบตา ..จริงๆเป็นลูกไม้หาโอกาสให้พี่ต้นกับนนท์ได้เข้าใกล้กันมากขึ้น


คุณแก้วเดินอย่างสบายใจมาตามชายหาด แถมยังโทรศัพท์ไปบอกแผนการกับตัวต้นเรื่องอีกคนด้วย สองสาวเพื่อนสนิทคุยกันอย่างออกรส



“ จริงเหรอเธอ แน่มากเลยนะบรรยากาศออกจะโรแมนติกขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่คล้อยไป
ถ้าเป็นฉัน ฉันคงยอมพร้อมใจไปแล้วล่ะ พระอาทิตย์ตกท่ามกลางท้องน้ำฟังแล้วก็อยากไปบ้างจัง” คุณนันถึงกับออกอาการแย้มยิ้ม...จินตนาการภาพของลูกชายของตนกับต้นท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ



“ ใช่แล้ว ฉันส่งน้องกิ่งไปก็เพื่อไม่สองคนนั้นสงสัย ถ้ามีโอกาสก็ช่วยสร้างสถานการณ์ให้สองคนนั้นได้ปิ๊งๆกัน ฉันมั่นใจว่ากลับไปคราวนี้ทั้งสองคนต้องสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม” นางวาดฝันเสียไกล


“ ดีมากหล่อน เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานก่อนนะ”


“ เดี๋ยวสิ ป่านนี้มันควรจะเป็นเวลาดึกไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอต้องทำงานอีกเหรอยังไง อย่าบอกนะว่าบ้างานจนหามรุ่งหามค่ำอย่างนี้” นางชักเป็นห่วงคนไกล


“ ไม่ใช่หรอกแค่ตรวจเอกสารนิดหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวฉันก็จะเข้านอนแล้วล่ะ” ปลายสายบอกเสียงนุ่มไม่อยากให้คนที่กำลังสบายใจอยู่ต้องเป็นห่วง


“ อย่างนั้นก็ดีแล้ว อย่าทำงานให้หนักมากล่ะเงินที่มีอยู่ก็ใช้จะไม่หมดแล้ว หัดหาความสุขใส่ตัวบ้างนะ ไม่ใช่ทำแต่งาน” เพราะความที่สนิทกันมานานเลยทำให้นางกล้าพูดตรงๆ จริงอย่างที่คุณแก้วว่านั่นแหละบางคนบ้างานมาทั้งชีวิตต้องการเก็บเงินไว้มากเพื่อความสุข แต่อนิจจาบางทีเขาก็ไปเร็วเกินกว่าจะรู้ตัว เงินที่มีซื้ออะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชีวิตจะยื้อออกไปสักวันก็ยากยิ่ง ดังนั้นก็ต้องรู้จักหัดหาความสุข ความสดใสใส่ตัวเองบ้าง

“ ฉันรู้แล้วล่ะ”



คุณแก้วกดตัดสายแล้วเดินเดินยิ้มแป้นตรงไปยังร้านอาหารของรีสอร์ต เพื่อสั่งอาหารเตรียมไว้ให้ทั้งสาม แต่ความสบายใจของนางก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่คนหนึ่งใกล้ๆร้านอาหารกำลังวอบอกหน่วยยามฝั่งของรีสอร์ตให้ช่วยประกาศบางอย่าง


“ ตอนนี้ได้รับรายงานว่ากำลังมีพายุเข้ามา............” คำบอกสรรพคุณของพายุที่กำลังจะเข้ามายืดยาวเป็นหางว่าวแต่แค่ฟังเท่านั้นนางก็ชักใจหาย เพราะคนที่แล่นเรือออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่รู้ ความวิตกเกิดขึ้นกลางใจ แล้วเพียงไม่กี่นาทีถัดมาเงื้อเงาของความแปรปรวนก็เกิดขึ้น.

. นางเข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ยามฝั่งที่กำลังนั่งเฝ้าระวังภายในประภาคารบังคับการใกล้ๆกัน นางได้แต่นั่งลุ้นรอเวลาที่ฝนจะสงบเพื่อที่เรือของหน่วยจะได้ออกไปตามหาทั้งสามคน ในใจฟุ้งซ่านนานากลัวจริงๆว่าจะต้องเสียลูกและว่าที่สะใภ้ไป ยังดีที่มีแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเข้ามานั่งปลอบให้กำลังใจ


ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #97 เมื่อ17-07-2009 02:52:53 »

ซวยเป็ดแต่ยังไงก็ต้องรอดเพราะน้องติชยังไม่ได้รักกับพี่นนท์เลย  :กอด1:

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #98 เมื่อ17-07-2009 10:37:01 »

พี่ต้น นนท์  กิ่ง จาเป็นไงบ้างนะ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #99 เมื่อ17-07-2009 11:06:28 »

เดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ จริงป่ะ เพราะยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
« ตอบ #99 เมื่อ: 17-07-2009 11:06:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #100 เมื่อ17-07-2009 19:18:06 »

ฟ้าฝนเป็นใจอ๊ะเปล่า  :z2: :z2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #101 เมื่อ18-07-2009 01:22:44 »

พี่ต้นยังไม่ลืมแฟนเก่าอีกหรอเนี่ยยย

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #102 เมื่อ20-07-2009 23:08:11 »

มาแล้วคร๊าบบบ หลังจากที่หายไปหลายวัน อย่าโกรธเค้านะ


ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #103 เมื่อ20-07-2009 23:29:06 »

มาแล้วคร๊าบบบ หลังจากที่หายไปหลายวัน อย่าโกรธเค้านะ



อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 16
«ตอบ #104 เมื่อ20-07-2009 23:51:45 »

ตอน 17


ห่างออกไปในทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง เพราะเงาฝนที่ก่อตัวอย่างรวดเร็ว คลื่นในทะเลที่มีกำลังแรงจนน่าใจหายเลยทำให้ต้นตัดสินใจหันหัวเรือขับเข้าไปที่เกาะแห่งหนึ่ง เพราะตรึกตรองดูแล้วว่าระยะทางที่จะขับกลับไปยังแผ่นดินใหญ่นั้นไกลกว่า หากเกิดพายุขึ้นตอนที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเลก็เสร็จ


“ ดีนะที่ในเรือมีทุกอย่างพร้อมสรรพแถมยังมีเสบียงพร้อมพรัน ขนาดเต็นท์ผ้าใบก็ยังมี นนท์ไม่อยากเชื่อว่ารีสอร์ตเขาจะบริการดีเลิศขนาดนี้” นนท์ที่กำลังหยิบแซนด์วิชกัดทานกล่าวขึ้น แม้แต่ต้นก็เห็นเช่นเดียวกับเขาจะมีก็แต่กิ่งที่นั่งเงียบ สัมภาระที่เธอเตรียมมาจัดฉากสร้างความโรแมนติกได้ใช้ประโยชน์ก็คราวนี้ ตัวเต็นท์ที่ไม่ใหญ่นักแต่แข็งแรงพอตัว พวกเขาเลือกจะกางใต้หมู่ไม้เพื่อเวลาฝนตกและลมพัดต้นไม้จะเป็นปราการชะลอน้ำและลมได้ดี อันตรายก็จะได้น้อยลง


“ ว่าแต่ดูๆไปท่าทางพายุคงไม่หยุดง่ายๆหรอก อย่าบอกนะว่าเราต้องนอนติดแหง็กกันในเกาะนี้” อยู่ๆห้วงคิดก็ปรากฏภาพในละครที่เคยดู ฉากมันคล้ายๆกันมากพระนางต้องมาติดเกาะท่ามกลางพายุรุนแรง แถมคืนนั้นจะเป็นคืนที่สองตัวละครจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกระดับ แต่ที่ต่างก็ตรงที่มีกิ่งมาด้วยไม่เช่นนั้นพ่อน้องสติชคงได้อยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน


“ คิดอะไรอยู่นนท์” กิ่งที่นั่งคั่นกลางระหว่างพี่ชายและเพื่อนสนิทกล่าวทัก เมื่อสังเกตว่าสีหน้าของนนท์มีแววแปลกไป


“ เปล่านี่ ฉันแค่คิดถึงแม่เท่านั้นเอง ใช่สิน้าแก้วคงเป็นห่วงเราแย่แล้วพายุเข้ามาอย่างนี้จะไปไหนก็ไม่ได้” นนท์กลบเกลื่อนความคิด โดยยกเอาประมุขบ้านวรโชติมาเป็นข้ออ้าง หลบเลี่ยงไม่ให้เขาที่นั่งมองนนท์อยู่ด้วยได้รับรู้ ขืนเขาอ่านใจนนท์ออกว่ากำลังคิดถึงฉากหวานซึ้งในละครเรื่องนั้นอยู่ รับรองเขาต้องมีเรื่องได้ล้อได้แกล้งนนท์อีก


“ ใช่แล้วแม่คงเป็นห่วงมากทำไงดีล่ะ กิ่งชักเป็นห่วงแม่แล้ว” ท้ายประโยคหันไปพูดกับพี่ชายที่กำลังเสยผมซึ่งเปียกฝนขึ้นเล็กน้อย


“ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” เขาปลอบเสียงสั่นๆ


“ พี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ” นนท์มองตาม สังเกตเห็นอาการผิดปกติของพี่ต้นตั้งแต่กิ่งเริ่มคุยด้วยแล้ว..


“ เปล่าหรอก” ชายหนุ่มบอกปฏิเสธ แต่นนท์ไม่สู้ฟังเขยิบเข้ามานั่งใกล้ กิ่งที่ขวางอยู่เลยขยับให้เพื่อนได้เข้าใกล้พี่ชายของเธอมากกว่าเดิม เรื่องอย่างนี้กิ่งเต็มใจอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้สร้างสถานการณ์โรแมนติกอย่างที่วางแผนกับมารดา


แต่บางทีธรรมชาติอาจสร้างสรรค์สิ่งสวยงามด้วยตัวของมันเอง ท่ามกลางความมืดมนของท้องฟ้า พายุที่โหมกระหน่ำแต่ต่ำลงมาภายใต้เต็นท์ผ้าใบหลังนี้ มือนุ่มของนนท์กำลังประคองหน้าเขาอย่างเป็นห่วง


“ ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะ โดนฝนแค่นี้ถึงกับเป็นไข้เลยเหรอ” นนท์พูดราวกับเขาเป็นเด็กๆที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอง

“ พี่ไม่เป็นไรหรอก” เขาเงยหน้าขึ้นสบตานนท์เพียงน้อยก่อนจะบอกปัดไปเหมือนเมื่อครู่ คนอย่างต้นถ้าเจ็บก็จะปากแข็งว่าไม่เจ็บ หากจะล้มเขาก็อยากจะแอบนั่งเศร้าอยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องการให้ใครมาพยุงให้ยืนขึ้น เขาจะเป็นผู้ลุกขึ้นด้วยขาทั้งสองเอง แม้จะเป็นปณิธานที่ค่อนข้างดีและน่ายกย่อง แต่มันก็อาจเป็นผลร้ายแรงทำให้เขาต้องเจ็บหนักกว่าเดิมได้เช่นกัน เหมือนครั้งก่อนที่เขาตัดสินใจคิดสั้นเพราะเขาไม่เคยระบายมันออกให้ใครรับรู้ เก็บไว้ลำพัง


เขาเลือกจะคิดสั้นเพราะเขาอยากจบเรื่องราวไปจริงๆไม่นึกหรอกว่าใครคนหนึ่งจะผ่านมาเห็น และยอมเอื้อมมือลงไปช่วยเขาถึงในทะเลที่ทั้งมืดและเย็น



“ ตัวร้อนอย่างนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก กิ่งส่งกระเป๋าให้ฉันหน่อยสิ” นนท์ไม่ยอมถอยง่ายๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาป่วย มือบางเอื้อมไปรับกระเป๋าที่เตรียมมาแต่แรก



“ เดี๋ยวกินยาซะก่อนนะ” ว่าแล้วก็หยิบยาบรรเทาไข้วางลงในมือใหญ่ ตอนแรกเขาก็เหมือนจะไม่ยอมรับแต่เพราะนนท์เอื้อมไปแบมือออกชายหนุ่มเลยต้องยอม บทนนท์จะดื้อก็ดื้อถึงใจ...


“ ยังไงฝนก็คงไม่เลิกตกง่ายๆแน่ หากต้องนอนกันที่นี่พี่ก็นอนพักเลยดีกว่านะไข้จะได้ไม่ขึ้น” นนท์สรุปเสร็จสรรพบอกสิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้


“แต่พี่ยังไม่ง่วงนี่” เขาปฏิเสธ



“ ไม่ง่วงก็ต้องนอน ยังไงก็นอนลงไปก่อน...เอานี่” นนท์ตบลงบนตักตัวเองเบาๆ..ต้นได้แต่มองแต่ไม่กล้าลงไปหรอก เขาไม่ได้อยู่กับนนท์แค่สองคนนะ..


“ พี่..” นนท์บอกเสียงแข็ง ..และมันก็ทำให้กิ่งถึงกับงงในท่าทีที่ทั้งสองแสดงต่อกัน เพราะทันทีที่สิ้นเสียงต้นก็ยอมล้มตัวลงบนตักนุ่มของนนท์อย่างไม่รอช้า..


“ พี่ยังไม่ง่วง..”


“ นอนไปเถอะเดี๋ยวก็ง่วงเอง..” นนท์ยิ้มให้เบาๆ จัดแจงหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาชุบน้ำพอหมาด แล้ววาดลงบนหน้าหล่อๆอย่างห่วงใย.. กิ่งเหมือนถูกความสัมพันธ์ระหว่างสองคนแบ่งแยกออกจากแนวปราการ ใครจะเชื่อละว่าพี่ต้นที่ดูเย็นชาไร้หัวใจ แต่กลับยอมอ่อนยอมโอนให้นนท์..



คุณแก้วที่นั่งเฝ้ารออยู่ผล็อยหลับไปเพราะเวลาล่วงเลยไปจนดึกมากแล้ว พายุยังไม่มีทีท่าจะสงบเวลาผ่านไปอีกเรื่อยๆจนแสงแรกของวันเริ่มแย้มสายออกมาให้รู้ให้เห็น


การมาเยือนของแสงตะวันมาพร้อมกับการจากไปของพายุท้องฟ้ายามนี้สว่างสดใสยิ่งกว่าครั้งไหน อากาศดีถึงดีมากไร้แววพายุหรือเงาฝน ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น คนที่หลับอยู่ถูกเลื่อนให้ล้มลงกับโซฟาพร้อมทั้งมีผ้าห่มผืนบาง ซึ่งแม่บ้านคนที่นั่งปลอบใจเมื่อคืนนำมาห่มให้


เพราะแม่บ้านคนนั้นก็มีลูกเช่นเดียวกับคุณแก้วเลยเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ อยากจะอาทรและเอื้อเฟื้อตามกำลังที่มี เพียงผ้าห่มผืนเดียวที่นำมาให้ก็ทำให้คุณแก้วซาบซึ้งมากแล้ว นางตื่นขึ้นพร้อมทั้งพับวางมันไว้อย่างเรียบร้อย ตอนนี้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆกำลังออกเรือไปตามหาผู้สูญหายทั้งสาม เหลือเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวที่นั่งอยู่หน้าจอควบคุมสัญญาณ



“ เป็นไงบ้างคะเจอลูกๆดิฉันหรือยัง” แม้นางจะอายุมากกว่าแต่ก็กล่าวกับเขาอย่างเคารพ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ของที่นี่คือที่พึ่งเดียวที่มี นางพร้อมยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ลูกกลับคืน คิดๆไปแล้วก็ไม่น่าวางแผนบ้าๆอย่างนั้นเลย แผนจะสำคัญอะไรล่ะถ้าต้องเสียทุกคนไป


“ ไม่ต้องห่วงนะครับคุณ ตอนนี้เราส่งเรือเร็วออกติดตามสามลำแล้วอีกสักสองชั่วโมงคงได้ทราบผล” เขาช่วยผ่อนความกังวลของนางได้ไปเปราะหนึ่ง


“ ขอบคุณมากนะคะ”



“ ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วพายุเมื่อวาน ก็ใช่จะเป็นพายุที่หนักมากแค่ฝนฟ้ามันตกหนักเป็นพิเศษ อีกทั้งมันก็ใกล้ค่ำเลยทำให้ภาพของมันอาจน่ากลัวแต่จริงๆแล้วไม่ได้หนักหนาอะไร คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ” ชายหนุ่มอธิบายถึงปรากฏการณ์เมื่อคืนนี้ ช่วยส่งแรงใจไม่ให้นางท้อถอยและหมดแรงไป เรื่องร้ายๆไม่เกิดขึ้นกับนางแน่นอน


“ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ได้ยินอย่างนี้ดิฉันก็วางใจ” แม้ปากจะบอกว่าวางใจ แต่จริงๆแล้วก็คงวางไม่ได้ทั้งหมดหรอก หัวอกคนเป็นแม่หากไม่เห็นว่าลูกปลอดภัยด้วยตาตัวเองยังไงก็ไม่ยอมเชื่อ

 

เช้าวันนี้..กิ่งตื่นเป็นคนแรก..ภาพที่เห็นทำให้อดจะยิ้มไม่ได้..น้องนนท์ของพี่ต้นที่เดิมทีให้คนป่วยได้หนุนนอนบนตักนุ่ม บัดนี้กำลังกลายเป็นซุกไซ้อยู่ในอ้อมอกแกร่ง ส่วนพี่ต้นก็พาดแขนตัวเองงอเข้าหนุนหัว..จะรักกันไปถึงไหน ..ก่อนกันกลมเลยนะสองคน...

นนท์รู้สึกตัวเป็นคนต่อมา สัมผัสได้ถึงลมหายใจของใครอีกคน เสียงหัวใจที่เต้นไม่ห่าง ทุกอย่างคือการใกล้ชิด และสัมผัสที่เป็นความจริงหาได้ลวงหลอก.. นนท์ผละออกเล็กน้อยแล้วค่อยๆเอาตัวของเขาออกเบาๆก่อนพี่ต้นจะตื่นขึ้นมามาก่อน ..มองซ้ายมองขวาก็เห็นกิ่งเดินเล่นอยู่ริมหาดที่ยังปรากฏเงาชื้นฝนฟ้าเมื่อคืนนี้..

“ ตื่นแล้วไม่ปลุกเลยนะไอ้ลิง..” นนท์เดินเข้ามาใกล้กับเพื่อนที่ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์..


“ คนเขากำลังสวีทกัน..จะขัดลาภก็เกรงใจ ไม่อยากตกนรกนะจ้าน้องนนท์จ๋า..” หญิงสาวร่างบางเข้ามาคล้องแขนว่าที่พี่สะใภ้พลางย้อนกลับด้วยเสียงล้อ..


“ ไอ้ลิง..ล้อฉันเหรอ..”


“ เปล่าล้อค่ะพี่สะใภ้..กิ่งไม่ได้ล้อ..”พูดออกมาได้ว่าไม่ได้ล้อ ไอ้ที่ทำอยู่เขาเรียกอะไรนี่..สองเพื่อนสนิทยิ้มให้กันแล้วหยอกเย้าไปอย่างนั้น ..นนท์เดินกลับเข้าไปในเต้นดูอาการคนที่ยังนอนอยู่..แต่พอเข้ามาก็รู้ว่าต้นไม่ได้หลับแล้ว ..


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่าพี่ต้น ทำไมไม่ลุกล่ะ..” นนท์นั่งลงข้างๆแล้วถามขึ้น..


“แค่ไม่อยากขัดจังหวะคนกำลังมีความสุข..” ต้นบอกเสียงแข็ง พลางลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว โรคงอนไร้สาเหตุปรากฏขึ้นอีกแล้ว ..นนท์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะโน้มกายของตัวเองเขากอดเจ้าของร่างหนั่น..ดีนะที่กิ่งยังอยู่ข้างนอกไม่อย่างนั้นคงได้ล้อเขาอีกแน่นอน



“ คิดอะไรอีกนี่..กิ่งกับนนท์เป็นเพื่อนกันนะ..อีกอย่างกื่งก็มีแฟนแล้วด้วย”

“ อะไรนะ..” จากความหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นความสงสัย ..รีบผละแล้วหันมามองนนท์โดยไว ..คนหลุดปากถึงกับสะดุ้ง ในที่สุดก็หลุดออกไปอีกแล้ว ...

“ หายไข้แล้วเหรอ” นนท์เฉไฉ

“ คุณหนู ! “


“ก็ได้..มีแล้ว แต่ห้ามไปบอกกิ่งล่ะว่านนท์หลุดปากพูดออกไป” นนท์พยักหน้าให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่ต้นหนอพี่ต้น งอนเขาขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะแปรสถานภาพให้หน่อยเหรอ..มีหวังนนท์ได้ตามง้อจนเหนื่อยหน่ายแน่ พี่ต้นนะ...


“ แล้วตกลงหายไข้ยัง..” นนท์ถามตาใสพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากอีกคนที่นั่งตรงข้าม..


“ อืม.” เขาพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกปลอดโปร่งแล้วสบายใจอย่างเป็นที่สุด ตอนตื่นขึ้นมาก็หงุดหงิดงุ่นง่าย มองภาพน้องสาวกับนนท์หยอกเย้ากันไปมา ก็บังเกิดความไม่พอใจอย่างไร้สาเหตุ..( พ่อคนความรู้สึกช้า ได้อีกนะ ได้อีก..ช้าไปอีก..)


“ พี่ต้น ..นนท์..มาเร็วมีเรือมา..” เสียงของหญิงสาวนอกเต้นท์ปลุกให้ทั้งสองหลุดออกจากภวังค์ความคิด เรือจากทีมฝั่งเข้าเทียบตรงริมหาดและช่วยเหลือทั้งสามกลับคืนฝั่งอย่างรวดเร็ว ...โดยมีคนวัยกลางคนรอคอยอยู่ตรงท่าเรือบนแผ่นดินใหญ่...


คนที่นั่งลุ้นอยู่ถึงกับดีใจกระโดดอย่างลืมวัย คราวหน้าหากจะวางแผนนางจะไม่ใช้วิธีที่ต้องเสี่ยงอย่างนี้อีกแล้ว รู้ตัวดีว่าบทเรียนครั้งนี้สอนเรื่องมากมายให้ตระหนัก ทุกอย่างที่ทำแม้จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ควรเผื่อใจระวัง โอกาสผิดพลาดไม่ตรงตามแผนก็มีเยอะ


“ กลับมาปลอดภัยกันก็ดีแล้ว แม่เป็นห่วงจะแย่” นางกอดรับขวัญให้กับทุกๆคน แถมยังขอบคุณเจ้าหน้าที่กองเรือเสียยกใหญ่ร่ำๆว่าจะมาขอบคุณด้วยตัวเองอีกครั้ง


“ ค่ะแม่”


“ ว่าแต่เป็นไงบ้างล่ะลูกไปติดเกาะลำบากมากใช่ไหม ฝนก็ตกอย่างนั้นแล้วอยู่กันอย่างไรล่ะ แม่ยังเป็นห่วงไม่หายว่าจะต้องตากฝนกัน กลัวจะเป็นไข้เป็นหวัด” นางรำพันความกังวลในใจที่คิดฟุ้งซ่านตอนนั่งรออยู่ออกมา โดยลืมไปว่าในเรือนั้นนางได้แอบใส่อุปกรณ์สร้างสถานการณ์ไว้พร้อมพรัน สามารถอยู่ได้หลายวันแม้หน่วยออกตามหาจะตามไม่พบ


การเดินทางไปพักผ่อนครั้งนี้ถือว่าสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับทั้งสามชีวิต...



การกลับมาครั้งนี้...ต่อก็แกล้งงอนแฟนสาวยกใหญ่..ทั้งที่ตอนรู้เรื่องก็สบายใจยกใหญ่..ชายหนุ่มเดินหนีไม่พูดกับเธอตั้งแต่เช้าจนเย็น


..พอเลิกเรียนก็หนีกลับห้องไปก่อนจนกิ่งร้อนใจกลัวต่อจะโกรธจริงๆ..ตกเย็นของวันเลยรีบนั่งแท๊กซี่ตามแฟนหนุ่มกลับไปที่ห้องอย่างไม่รอช้า..เธอเองก็มีกุญแจห้องต่ออยู่แล้ว..


.เลยไขเข้าไปอย่างไม่รอช้า..มองสอดส่ายสักครู่ก็รู้ว่าแฟนหนุ่มนอนแผ่หราอยู่บนโซฟาตัวใหญ่...


“ โอ๊ย..”ต่อถึงกับร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อท้องแกร่งถูกร่างของใครบางคนนั่งทับอย่างเต็มแรง กลิ่นหอมจากเรือนผมทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าคนที่แกล้งเขาเป็นใคร...



“ มาทำไม..” ต่อรั้งตัวเองออกจากการนั่งทับอย่างไม่รอช้า พลางแกล้งเดินไปอีกทางของห้อง .


.
“ แกโกรธฉันจริงเหรอต่อ...” กิ่งชักใจไม่ดีกลัวว่าต่อจะโกรธเธอ ..หารู้เลยว่าทุกคำที่ออกมาทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างได้มากมายแค่ไหน ..เป็นไงล่ะ..จะแกล้งให้ต่อจิตตกสองสามวัน สุดท้ายตัวเองมาเจอแผนซ้อนเข้าไป..เอ้อ..


“ ฉันไม่กล้าโกรธแกหรอก..”ต่อบอกพลางจะก้าวไปข้างหน้า แต่ร่างแกร่งก็ถูกใครบางคนกระทบเข้ากอด ..มือเรียวเอื้อมสอดประสานไม่อยากให้คนในอ้อมกอดหายไป



“ ขอโทษ..” เสียงนั้นสั่นคลอจนต่อชักหวั่น ..นี่เขาทำให้กิ่งต้องร้องไห้อีกแล้วเหรอ..จากเดิมที่ใจยังกระหยิ่มยิ้มร่าก็แปรเปลี่ยนเป็นนิยามใหม่..ร่างสูงพลิกกลับมาเผชิญหน้าคนที่ยังกอดเขาแน่น..


“ อย่าร้องสิวะ” ต่อยิ้มเบาๆ..พลางเชยคางคนที่ซบอยู่ที่อกแน่นให้เงยขึ้น..

“ ก็แกโกรธฉันนี่..ขอโทษแล้วก็ไม่รับ” น้ำตายังทอสายออกมา


“ เออหายแล้ว..พอใจนะ..ห้ามร้องด้วย ..ฉันไม่ชอบเห็นแกร้องหรอก.” ต่อยิ้มให้พลางเลื่อนริมฝีปากบดเบียดลงบนใบหน้าปลั่งนวลเพียงครู่...



“ ไอ้บ้า..ฉันขอโทษแกแต่ไม่ได้บอกให้แกหอมแก้มนะโว้ย..” กิ่งหน้าแดงเพิ่มมากขึ้น ถึงกับต้องโวยแก้เก้อ แต่มันก็กลับทำให้ต่อมีรอยยิ้มออกมา..อย่างนี้สิ..ถึงสมกับเป็นกิ่ง

“ บอกแล้วตั้งหลายครั้งว่าไม่เค้ยไม่เคยนอกใจ แค่คิดยังกลัวเลย..คิดเหรอว่าทำจะกล้า”

“ก็ใครจะรู้วะ..คนมันหึงนี่หว่า..”


“ ดีจังที่ได้ยินคำนี้จากปาก..” ต่อรวบร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดอย่างสุดแน่น ..เขารักเธอจัง หญิงสาวที่เป็นคนข้างกาย คนที่ไม่เคยทิ้งเขาคนที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้...





LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
«ตอบ #105 เมื่อ21-07-2009 00:02:02 »

อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:


กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว 55555

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
«ตอบ #106 เมื่อ21-07-2009 00:10:15 »

อ๊าาากกกก คิดถึง มาถีบที เอ่ยไม่ใช่มากอด เอ่ยยยมาต่อดีกว่า  :z2:


กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว 55555

มีเรื่องจะบ่นหลังจากอ่านแล้ว มีที่ไหนให้พระเอกมาหนุนตัก มีแต่เอกป่วยไข้ขึ้น พระดูแลแล้วนอนหนุนตักพระ
โอ๊ยยย มาแปลกเว่ยยย  :z2: เด๋ว กิ่งกะแม่ ได้ไปลัลลากันอีกแน่นอนข้าวดีโครตๆ แล้วพี่ต้นก็หึงน้องสาวตัวเอง
กร๊าาาาก สะใจแอบ  o22

changasa@hotmail.com

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
«ตอบ #107 เมื่อ21-07-2009 00:15:19 »

 :-[ งิงิ หวานทั่งคู่เยย ชอบๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
«ตอบ #108 เมื่อ21-07-2009 00:44:01 »

พี่ต้นกันนนท์จะหวานกันไปไหนอ่า ๆๆ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 18
«ตอบ #109 เมื่อ21-07-2009 01:28:10 »

ตอน 18

ทุกชีวิตดำเนินไปในรูปแบบของการเดินทาง..จนมาถึงปลายสุดของเทอมสองของการเป็นนักศึกษาปีสาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง.. ค่ำนี้กิ่งเข้าห้องเร็วเช่นคืนก่อนๆ ส่วนนนท์ก็กับสาละวนอยู่กับการรีดผ้าในห้อง คุณแก้วเลยไม่อยากเข้าไปรบกวน นางเลือกเดินเข้าไปคุยกับลูกชายคนโตในห้อง


“ ว่างหรือเปล่าพี่ต้น” นางส่งเสียงเอ่ยถามก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัว ชายหนุ่มที่ยึดเตียงเป็นที่ทำงานเงยหน้าเล็กน้อยพยักหน้าให้มารดาพร้อมทั้งวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คลง


“ มีอะไรหรือเปล่าครับแม่...”

“ เปล่าหรอกแม่รู้สึกเบื่อๆ..”


“ เหรอ เป็นอะไรไปหรือเปล่าแม่ ปกติเห็นแม่ร่าเริงจะตาย..” ต้นถามเสียงเย้ากับมารดา ..


“ อืมๆ ว่าแต่ได้ข่าวว่าคุณรินเลขาฯของลูกกำลังจะลาออกไปต่างประเทศกับสามีใช่ไหม” นางเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเร็วจนเขาไม่ตั้งตัว ชายหนุ่มองมารดาอย่างแสนงง…


“ แม่ได้ยินข่าวมาจากคุณประชาเมื่อเช้านี้”


“ ครับผมเองก็กำลังรับสมัครเลขาฯ คนใหม่อยู่ แม่ไม่ต้องห่วงนะ”


“ ใครบอกว่าแม่ห่วงล่ะ แม่กำลังจะบอกให้รับเลขาฯคนใหม่ คนนี้แม่ภูมิใจเสนอ” เอาเข้าแล้วไหมล่ะ จะเป็นใครได้ล่ะนอกจากว่าที่สะใภ้สุดที่รัก


“ แม่อย่าบอกนะว่าจะให้.....”



“ ถูกต้องนะครับ ใครจะเหมาะเป็นเลขาฯหน้าห้องของลูกได้อีกนอกจากนนท์ แม่ไม่เห็นใครเหมาะเลยยิ่งพอคุณรินออกไปนะต้องมีแม่พวกสาวๆมาคว้าตำแหน่งนี้กันยกใหญ่ ขืนปล่อยไว้ลูกได้ถูกแม่พวกนั้นงาบไปแน่ แม่ไม่ยอมหรอกให้นนท์ไปเป็นหูเป็นตาซะหน่อย” นางยกเอาคำยอดนิยมในตอนนี้มาตอบรับ แม้เหตุผลจะอ้อมโลกไปสักหน่อย แต่ก็ฟังดูเข้าท่าขืนบอกไปว่าให้ นนท์ไปทำงานกับเขาเพื่อให้ทั้งสองมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น ต้นคงไม่ยอม



“ แต่แม่ ...นนท์ยังเรียนไม่จบเลยนะจะไปทำงานกับผมได้ยังไงล่ะ ถ้าแม่ไม่ชอบเลขาฯสาวๆงั้นผมจะระบุในใบสมัครว่ารับคนมีสามีแล้วพอใจแม่ไหม”



“ ใครจะเชื่อแม่สาวๆสมัยนี้ละต่อให้มีสามีมีแฟน ยังแอบไปมีกิ๊กกันได้เลยแม่ไม่เชื่อเสียหรอก ที่ยอมให้คุณรินเป็นเลขาฯเพราะเธอเป็นคนเก่าแก่อยู่กับเรามาเป็นสิบปี” ฟังจากน้ำเสียงของนางบอกชัดว่าไม่ต้องการเลขานุการคนอื่นนอกจากว่าที่สะใภ้



“ แต่แม่...แล้วนนท์จะไปทำงานได้ยังไงล่ะ งานผมต้องทำเต็มเวลานะจะมาครึ่งๆกลางๆเดี๋ยวขอไปเรียนไม่ได้นะ” เขาเองก็ไม่ยอมแพ้


“ ตอนนี้นนท์ก็ปิดเทอมแล้ว สองเดือนนี้ยังไงก็ช่วยลูกทำงานได้เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจ่ายเงินเดือนแล้วจะไม่คุ้มนะ อีกอย่างเทอมหน้านนท์ก็ขึ้นปีสี่แล้วยังไงก็ต้องฝึกงาน สู้สานต่องานเลขาฯไปเรื่อยๆก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ยืดเวลาได้ตั้งครึ่งปีแหนะ” นางวางแผนไว้เป็นขั้นเป็นตอนแล้วอธิบายออกมาอย่างฉับไว คนอย่างคุณแก้วจะมาจนแต้มง่ายดายคงเป็นเรื่องแสนตลก



“ งั้นก็แล้วแต่แม่นะ ว่าแต่บอกเขาแล้วเหรอ ยังไงไปวางกรอบชีวิตให้คนอื่นเขามากๆอย่างนี้ไม่ดีนะ” ได้ฟังคำของลูกชายก็ไม่ชอบใจนัก ก่อนออกจากห้องเขาไปเลยย่นจมูกใส่หนึ่งที ทำราวยังกับวัยรุ่นสยามเชียวนะคุณแก้ว.




ชายหนุ่มผมปรกคิ้วเล็กน้อย..วงหน้าที่โดดเด่น จมูกโด่งน่าสัมผัส กับริมฝีปากเรียวบางน่าแตะต้อง ..ดวงตาคู่ใสที่แลนทอประกาย ..ในชุดสีขาวอมชมพู..รับกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน..กับกระเป๋าสะพายหลังใบพอเหมาะ..เดินตามต้นเข้าไปในบริษัทอย่างตื่นเต้น ..นนท์ได้รับสิทธิพิเศษจากคุณแก้วเจ้าของบริษัทให้แต่งตัวตามสบาย ..เพราะที่นี่เป็นสำนักพิมพ์ไม่ใช่บริษัท..


“ ทุกคนมาทางนี้หน่อย” ต้นส่งเสียงเรียกพนักงานและทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ เข้ามารวมกันเป็นจุดเดียวเพื่อแนะนำให้รู้จักกับเลขานุการคนใหม่


“ ว้าวคุณต้นวันนี้พาใครมาด้วยน่ารักมากๆ มากที่สุดเท่าที่สายตาผมเคยเห็นมา” หนึ่งในพนักงานหนุ่มกล่าวชมเสียงใสดวงตาเพ่งพิศมองนนท์ไม่วาง ชมกันซึ่งหน้าอย่างนี้นนท์ถึงกับหน้าแดง แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือมั่นใจในตัวเองไม่คลาย


“ ผมก็เห็นด้วย น่ารักอย่างนี้มีแฟนหรือยังครับ” จากท่าทางของพนักงานหนุ่มๆที่ดูเป็นกันเองและพูดจาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้นนท์เริ่มรับรู้ถึงความเรียบง่ายเหมือนบ้านของสำนักพิมพ์แห่งนี้ มันให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับชื่อหนังสือ your house my home จริงๆ


“ อย่าเพิ่งแทะโลมกันให้มาก นี่นนท์จะมาเป็นเลขาฯคนใหม่ของผม ส่วนนี่.....” ชายหนุ่มค่อยๆแนะนำชื่อเล่นของพนักงานให้คนตัวบางรู้จัก นนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแถมยังยิ้มหวานส่งให้กับทุกคนทั้งชายและหญิง จึงทำให้เขาเป็นที่ประทับใจของทุกคนได้ไม่ยาก จากนั้นพี่ต้นก็พานนท์ตรงไปที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขา


“ นี่โต๊ะทำงานของนายนะ วันนี้นุ่นและคุณประชาไม่อยู่ไว้พรุ่งนี้ พี่จะแนะนำให้รู้จักก็แล้วกัน
ยังไงลองอ่านๆเอกสารที่วางบนโต๊ะทำความเข้าใจไปก่อนนะ ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมาก แต่ช่วงปิดต้นฉบับของแต่ละปักษ์อาจหนักหน่อย”


“ ครับเจ้านาย”


การทำงานในวันแรกของนนท์ดำเนินไปอย่างสะดวกปลอดภัย งานสนุกกว่าที่คิดแถมยังได้เจอหน้าเขาบ่อยขึ้นอีกด้วย แม้ในช่วงทำงานจะผ่านไปอย่างดี แต่พอนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานนนท์ถึงกับตกใจที่พนักงานหนุ่มๆนับสิบเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของเขาในมือก็มีของกำนัลนานา ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้ช่อโต ที่ดูจะไม่ซ้ำใครก็คือกระเช้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี่แหละนนท์จำต้องยิ้มรับ



“ วันนี้น้องนนท์กลับยังไงเหรอครับ ถ้ายังไงให้ผมไปส่งดีไหม”


“ ผมว่าผมไปส่งที่กว่านะ รับรองส่งถึงบ้านปลอดภัยหายห่วง” อีกหนึ่งเสียงดังขึ้น ต่อจากนั้นก็มีเสียงชวนอีกมากจนชักจะเวียนหัว นานๆสำนักพิมพ์จะมีคนหน้าสวยน่าถนอม ..เข้ามาทำงาน พนักงานหนุ่มๆย่อมกระตือรือร้นกันเป็นธรรมดา ยิ่งคนที่สวยสะดุดตามีเสน่ห์แค่เพียงปรายยิ้ม ยิ่งทำให้ทุกคนอยากจะเข้ามาคบหาทำความรู้จัก



ต้นเปิดประตูห้องออกมาก็ต้องสงสัยเมื่อหน้าห้องของเขาเต็มไปด้วยพนักงานชายทั้งนั้น ตอนแรกยังนึกแปลกใจว่าพวกเขาจะมารวมกันทำไม แต่เพราะภาพในวันนี้ช่างเหมือนภาพเมื่อปีก่อนจริงๆ วันที่เขาไปรับนนท์ที่มหาวิทยาลัย วันแรกที่เห็นเขาในโฉมใหม่...



“ มาทำอะไรกันนี่ขยับหน่อยผมจะออกจากห้อง...” ทางที่พอจะเดินหลบกลุ่มคนก็มีให้เดิน แต่ก็เลือกที่จะส่งเสียงเพื่อระงับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตอนนี้


“ คุณต้น...” เมื่อเห็นว่าคนส่งเสียงคือเจ้านายใหญ่ที่สุดของสำนักพิมพ์จำต้องแหวกวงให้เขาเดิน ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของนนท์ยืนมองอย่างไม่พอใจนัก.. หึงขึ้นตาอีกแล้ว( ยังกับเบาหวาน.)



“ กลับกันได้หรือยัง” เขาบอกเสียงราบ



“ ก็กลับสิ” นนท์รีบกุลีกุจอเก็บของลงกระเป๋ารีบยืนขึ้น อัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเขาอีกคราแล้ว ขอให้พี่ต้นเป็นอัศวินคู่เขาไปตลอด เพียงเท่านี้ก็ไม่กลัวว่าจะเจออันตรายใดๆว จากนั้นนนท์ก็จัดการรวบดอกไม้ที่วางอยู่เต็มโต๊ะขึ้นมาถือแต่ก็หอบขึ้นไม่หมด ชายหนุ่มยื่นมือไปรับกองที่นนท์ถืออยู่ นนท์เลยหันไปหยิบอีกสามสี่ช่อที่เหลือ



“ นนท์ขอบคุณมากนะ แต่ทีหลังอย่าซื้อมาเลยนะเปลืองเงินกันเปล่านะ” นนท์บอกลาก่อนเดินจากไปพร้อมกับเขา ทิ้งให้สายตานับสิบคู่มองดูอย่างอิจฉาเล็กๆ



“ โธ่ที่แท้ก็เด็กคุณต้น”


“ เด็กแล้วไงนี่ ยังไม่ได้แต่งกันเสียหน่อย ยังไงก็ยังมีโอกาสกันอย่าเพิ่งท้อไม่เคยได้ยินเหรอตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ยังไงผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก” ปณิธานแรงกล้า แม้ลูกตื้อจะครองโลกแต่ใช่จะได้ครองใจของใครคนที่หมายปองเสียหน่อย



“ จริงอย่างที่ชินว่า ผมเห็นด้วยทุกประการ ศึกยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” แนวโน้มของพวกเขาชักเอนไปทางเดียวกัน ไม่ยอมแพ้งั้นเหรอ สงสัยนนท์คนหน้าสวยว่าที่สะใภ้วรโชติคงต้องรับศึกหนักกว่าเดิมแน่นอน



ในช่วงนี้ต้นต้องกลับมานอนบ้านแทบทุกวันเพราะต้องพานนท์ไปทำงานด้วย คุณแก้วไม่วางใจให้นนท์ขับรถไปเอง รอให้ทำงานได้สักเดือนสองเดือนพอคุ้นเคยเส้นทางดี ถึงจะยอมให้ไปเอง ในความเป็นห่วงก็อยากให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น


“ พี่ลืมไปได้ยังไงนี่ว่านายน่ะเสน่ห์แรง วันนี้ที่ทำงานพี่แทบลุกเป็นไฟเพราะพวกพนักงานหนุ่มๆตามจีบกันยกใหญ่ ระวังพวกสาวๆคนอื่นจะเคืองให้ล่ะ”


“ โธ่นนท์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ อยู่ๆเขาก็เอาของมาให้นนท์จะทำยังไงล่ะ ไม่รับก็เสียมารยาทตายเลย แต่พอรับคนอื่นๆก็เอามาให้ด้วย” นนท์ถอนหายใจเฮือกยาวทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างอ่อนแรง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลไปมา นนท์เลือกหยิบช่อหนึ่งขึ้นมาดู


“ ทำไมกำลังจะซาบซึ้งกับดอกไม้หรือยังไง”



“ เปล่าหรอกนนท์แค่คิดว่าทำไมดอกไม้ถึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักล่ะ ทำไมพอวาเลนไทน์ถึงมีแต่ดอกกุหลาบเกลื่อนเมือง ใช่สินนท์คิดอะไรออกแล้ว” อยู่ๆความคิดดีๆก็ผุดขึ้นจากการนั่งมองดอกไม้ สายตาของต้นเอนโอนมาทางนนท์อย่างสนใจ


“ คิดอะไรได้เหรอ”



“ ก็ปกหนังสือฉบับหน้าไงล่ะ ตอนนี้ยังไม่มีไอเดียไม่ใช่เหรอ” ที่แท้ก็กำลังคิดเรื่องงานให้เขาอยู่ เอาเถอะตั้งแต่ความคิดเมื่อครั้งก่อนก็ทำให้เขาเชื่อถือตัวนนท์มาก นนท์จะเสนอความคิดอะไรต่อจากนี้เขาก็พร้อมเปิดใจรับฟังไว้


“ ยังไงล่ะ”


“ นับตั้งแต่เราเปลี่ยนปกมาใช้นักแสดงลงปก เดือนนี้ก็เข้าเดือนที่เก้าแล้วใช่ไหมนัทว่าบางทีเราน่าจะลองใช้แนวใหม่ดูอีก พี่ยังจำได้ไหมที่นนท์บอกว่า น่าจะลองใช้นักแสดงมาเป็นแบบคล้ายๆการถ่ายแฟชั่นคู่กับมุมต่างๆของบ้าน”


“ จำได้ แต่พี่คิดว่าอย่างนั้นมันดูจะขายหนังสือดารามากกว่าหนังสือแต่งบ้านนะ” ชายหนุ่มออกความคิดเห็นบ้างในบางสิ่งที่เขาเห็นว่าไม่ดีก็พูดออกมาตรง


“ ถ้าจะให้ยอดขายไม่ชะงักเหมือนครั้งก่อนเราก็ต้องยอมเปลี่ยนนะ และอีกอย่างถ้าเราใช้ปกแบบพาโนราม่าใช้มุมกว้างถ่ายออกมามันน่าจะเน้นรายละเอียดของบ้านในมากขึ้นอีกอย่างก็มีดาราเป็นจุดขายเหมือนเดิมด้วย”



“ พาโนราม่าเหรอ ภาพมุมกว้างขนาดนั้นนายจะให้วางปกแนวนอนหรืออย่างไร” ชายหนุ่มที่นั่งคิดตามแม้ดวงตาจะมองตรงไปยังเส้นทางข้างหน้าแต่หูก็ยังฟังคำของนนท์อยู่


“ ใครบอกล่ะ นนท์จะให้ใช้ปกซ่อนต่างหากล่ะเพราะหากเราวางแนวนอนถึงจะได้มุมกว้างแต่ภาพก็เล็กจะให้รายละเอียดกับของที่เราอยากนำเสนอก็ทำได้ยาก หากใช้ปกซ่อนมันน่าจะดีกว่า...”



“ ปกซ่อนงั้นเหรอพี่ไม่เข้าใจยังไงล่ะ”


“ พี่เคยเห็นนิตยสารที่ปกยาวเป็นหางว่าวไหม แล้วเขาก็พับซ่อนไว้หลังหน้าแรกเพื่อให้ขนาดยังคงเท่าเดิมแต่ภาพใหญ่ขึ้นประมาณนั้น” นนท์เอาแนวคิดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่ง มาปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับนิตยสารแต่งบ้านของเขา


“ อย่างงั้นเหรอแต่ถ้าเราใช้ปกยาวมากเช่นนั้นมันจะไม่ดูยาวไปเหรอ”


“ นนท์ขอแค่ให้ได้เพียงทบเดียวเท่านั้นแหละ เอาให้ได้ภาพแนวกว้างอีกอย่างถ้าเราเพิ่มปกซ่อนใช่ไหมหน้าหลังของปกในเท่ากับเราได้หน้าลง s’เพิ่มมาอีกหน้าเลยนะพี่คิดว่าคุ้มไหมล่ะ” นี่แหละน่าพ่อหัวการตลาด ในเมื่อคิดจะลงทุนแล้วก็ย่อมคิดถึงผลได้เสียที่จะตามมาด้วย


“ นายนี่น่าจะเป็นครีเอทีฟของสำนักพิมพ์มากกว่าเลขาฯ นะไว้ถ้ายอดขายดีขึ้นจะซื้อของมาสมนาคุณ”


“ โธ่ครั้งที่แล้วนนท์บอกว่าจะเลือกของเอง แต่พี่ก็ชิงให้เสียก่อนถ้าครั้งนี้ได้ผลพี่อยากลืมล่ะว่านนท์จะเลือกเองนะ ...”


“ แล้วไม่ชอบของที่พี่ให้เหรอ...” ต้นหันมามองด้วยสายตากังวล..เกรงว่าคำตอบจะเป็นไม่..สร้อยเส้นนั้นเขาตั้งใจมอบให้นนท์มาก...


“ เปล่าหรอกแต่ที่พี่ให้มันแพงเกินไปนะ นนท์เคยไปเดินดูเห็นราคาไม่ใช่น้อยๆสร้อยแค่เส้นเดียวแต่ราคาออกจะแพง ไม่คุ้มทุนหรอกอีกอย่างพวกสร้อยคริสตัลอย่างนี้ง่ายต่อการเป็นรอยหรือตกแตก เวลาที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ของมีความสดน้อยลง การจะขายคืนก็ทำให้ได้เงินกลับมาน้อย อย่างนี้เขาเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย” เจ้าของหลักการเปรยขึ้น

“ แล้วใครให้เอาไปขายล่ะ”


“ นนท์ก็แค่บอก นานๆพี่จะซื้อของให้สักทีนนท์ไม่ขายหรอก แต่ทีหลังถ้าได้เป็นสร้อยทองก็น่าจะดีกี่ยุคๆทองไม่เคยเสื่อมราคา คือของที่น่าเก็บที่สุด” มือบางเลื่อนไปคลำจี้คริสตัลรูปสติชไปมา


“ เอาเถอะไว้คราวหน้า พี่จะถามก่อนพอใจไหม”



“ พอใจอยู่แล้วเจ้านาย...” บางครั้งนนท์ก็เลือกจะรับคำด้วยคำว่าเจ้านาย เพื่อให้เขาได้ผ่อนจากความตึงเครียด การเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์ของนนท์ทำให้เขาสุขใจอย่างประหลาด ดีใจอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยนึกฝันว่าจะรู้สึกเช่นนี้



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 18
« ตอบ #109 เมื่อ: 21-07-2009 01:28:10 »





LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 17
«ตอบ #110 เมื่อ21-07-2009 02:07:43 »

ตอน 19 ...


วันถัดมานนท์เดินเข้ามาทำงานพร้อมชายหนุ่มอย่างสบายใจ เพราะคิดว่าพวกพนักงานชายในบริษัทจะเลิกตอแยแต่กลับผิดคาด เมื่อเช้านี้ทุกคนมายืนรอรับเขาที่โต๊ะเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย แต่ละคนมีดอกไม้เพียงหนึ่งดอกในมือ มาแปลกกว่าเมื่อวาน....

ช่วงพักก็มีมาเช่นเดิมดอกไม้ถูกมาวางไว้อีกแล้ว

ช่วงบ่ายก็เช่นกันจนนนท์ชักลำบากใจดอกไม้ที่ค่อยๆทยอยเอามาให้ สงสัยอยากเห็นหน้าสวยๆของนนท์มากขึ้นเลยทยอยส่งมาทีละดอกอย่างนี้ ต้นที่เดินไปมาสังเกตเห็นกองดอกไม้ที่ใหญ่ขึ้นก็เริ่มชักจะไม่พอใจ เขายังคงอดทนต่อมาจนอีกวัน แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


“ ช่วยเรียกรปภ.หน้าสำนักพิมพ์ขึ้นมาหน่อยนะ” เขาต่อสายถึงพนักงานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ชั้นล่างเพื่อให้ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสำนักพิมพ์ เขาวางหูโทรศัพท์ลงอย่างหัวเสียในเมื่อความอดทนเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว เลยเลือกจะสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเลื่อนโต๊ะของเลขาฯหน้าห้องเข้ามาในห้อง คราวนี้แหละใครกันจะกล้าเข้าห้องเขา ถือเป็นไม้กันชั้นเลิศ


“ พี่นี่หัวใสจริงๆเลยนะ ในที่สุดนนท์ก็หลุดพ้นมาได้ขืนอยู่ต่อไปเช่นนั้นเรื่อยๆนนท์ได้เป็นโรคแพ้เกสรดอกไม้แน่” นนท์ยิ้มร่าทอดตัวลงบนเก้าอี้โซฟาในห้องอย่างแสนสบาย


“ คงจะอย่างนั้นแหละ เดี๋ยววันนี้คุณนุ่นก็กลับมาแล้วพี่จะพานายไปแนะนำให้เขารู้จัก คุณนุ่นนี่เป็นเพื่อนพี่สมัยเรียน ตอนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาหากมีอะไรก็ปรึกษาได้ เขาเป็นคนใจดี”


“ เหรอ สงสัยจะสวยไม่เบานะเวลาพี่พูดถึงได้ตาใสแป๋วขนาดนั้น”


“ จะบ้าเหรอคิดอะไรปัญญาอ่อน กลับไปทำงานได้แล้ว” การย้ายโต๊ะทำงานของนนท์ทำให้พนักงานหนุ่มๆต่างใจห่อเหี่ยว ใครกันล่ะจะกล้าเคาะประตูห้องเจ้านายเข้าไปบอกว่าจะเอาดอกไม้ไปให้คนหน้าหวาน หากกล้าหาญเช่นนั้นคงได้ถูกไล่ออกจากเคหสถานอย่างแน่นอน


“ ครับ..เจ้านาย” ตอนบ่ายๆนุ่นก็เข้าบริษัท ต้นรับหน้าที่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันจากนั้นต้นและน้องสติชสีฟ้าอ่อนก็กลับบ้านกันไป ท่ามกลางความสงสัยของนุ่น... แม้เวลาจะผ่านมาเป็นปีก็ตามแต่นุ่นก็ยังไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจจากเขาเลยแม้แต่น้อย เธอชอบคนเก่ง ทำงานเก่ง และเขาเข้าตาเธอทุกอย่าง


“ คุณนุ่นนี่สวยกว่าที่นนท์คิดนะ ดูเป็นผู้หญิงเก่งปราดเปรียวดี” นนท์เอ่ยปากชมเมื่อเข้ามานั่งในรถสักระยะหนึ่งแล้ว

“ คงอย่างนั้น” เขารับ



นนท์ทำงานที่สำนักพิมพ์ได้ครบหนึ่งเดือนก็ขอขับรถไปทำงานด้วยตัวเอง เขาคุ้นชินเส้นทางตลอดหนึ่งเดือนที่ไปมาแล้ว อีกอย่างก็ไม่อยากให้พี่ต้นต้องเทียวไปเทียวมาอย่างนี้ แม้จะไม่ว่าอะไรแต่บางทีนนท์ก็เห็นความเหนื่อยในแววตา หากพี่ต้นไม่ต้องกลับไปส่งเขาที่บ้านบ้าน พี่ต้นก็สามารถเดินกลับคอนโดมิเนียมพักผ่อนได้เลย


วันนี้ต้นได้นำเสนอแผนปกใหม่ที่นนท์เสนอ ทุกคนไม่อยากเชื่อว่านิตยสารจะมีรูปแบบแปลกไปอีกครั้งชายหนุ่มให้เหตุผลเช่นที่นนท์บอก หากเราไม่เดินไปข้างหน้าเราก็จะย่ำอยู่กับที่ไม่มีวันไปไหน เมื่อทุกคนก้าวไปกันหมดก็จะเหลือแต่เรายืนอยู่เพียงเดียวดายและไม่นานก็จะล้มลง นนท์นั่งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อแผนการปกใหม่ของเขาได้รับการเห็นชอบจากทุกๆคนในที่ประชุม เวลาสิบเดือนที่ผ่านมาทำให้นิตยสาร your house my home สามารถขึ้นเป็นหนึ่งในห้าหนังสือขายดีประเภทรายปักษ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทุกคนต่างได้รับเงินโบนัสที่มากขึ้น จนมีความสุขกันถ้วนหน้า หากแผนการใหม่นี้สำเร็จปลายปีนี้คงมีภาพอย่างนั้นเกิดขึ้นแน่นอน


“ อาทิตย์หน้าจะมีประชุมอีกรอบหนึ่งเป็นการสรุปต้นฉบับและวางแผนออกแบบปกใหม่ซึ่งน่าจะประชุมกันจนถึงดึก อาทิตย์หน้ากลับไปก่อนเลยนะ”


“ แล้วทำไมไม่ให้นนท์อยู่ด้วยล่ะ”

“ ที่มีก็พวกครีเอทีฟและพวกออกแบบปกจะอยู่ไปทำไมล่ะ เตรียมร่างประชุมให้พี่ก็พอแล้วขืนกลับบ้านดึกๆแม่ได้เป็นห่วงอีก” น้ำเสียงของต้นเองนี่แหละที่เป็นห่วง..ทำมาเป็นอ้างคุณแก้ว..

“ อืมนึกว่าจะกีดกันนนท์เสียอีก อย่าให้รู้นะว่าพี่แอบเอางานมาอ้าง..เป็นอย่างนั้น นนท์จะฟ้องน้าแก้วให้ดู” นนท์ขู่ทีเล่นก่อนจะแย้มยิ้มออกมา


“ พี่ไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย นี่ก็เย็นมากแล้วกลับบ้านได้แล้ว” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะทำงานแล้วเดินนำออกไปทันที แม้นนท์จะขับรถมาทำงานเองแล้ว... แต่ทุกวันศุกร์คุณแก้วก็ให้ว่าที่สะใภ้นั่งรถมาพร้อมลูกชายคนโต เพราะตอนเย็นยังไงต้นก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แต่เพราะต้องเทียวไปมาในเช้าวันศุกร์ชายหนุ่มเลยตัดสินใจกลับมานอนที่บ้านในวันพฤหัสบดีเพิ่มอีกหนึ่งวัน

“ รอนนท์ด้วยสิ” นนท์ร้องบอกพลางรีบวิ่งตามเขาออกไป ....



ด้วยเพราะภาวะที่เปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ..อากาศเริ่มค่อนข้างแปรปรวน ..แม่น้องสาวคนเล็กของบ้านถูกสภาวะที่ผิดผันทำพิษเข้าจนได้.. ก็ดันเป็นไข้หวัดใหญ่เพราะอากาศเย็นมาเกินไป ร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคเลยเข้าสู่กระแสเลือด..เฮ้อ..เหนื่อยจิต ..การป่วยของกิ่งทำให้งานที่สำนักพิมพ์สะดุดเล็กน้อย ดูเหมือนช่วงนี้ต้นจะวุ่นๆอย่างมากเพราะต้องแบ่งภาคไปเยี่ยมน้องสาวที่ยังป่วยอยู่ แถมงานที่บริษัทก็มาสุมเป็นกอง ... แผนงานที่วางไว้ก็ต้องเลื่อนไปอย่างละนิดอย่างละน้อย เวลาแทบทุกวินาทีของเขามีค่านัก ...


“ วันนี้พี่น่าจะประชุมดึก นายไปเยี่ยมน้องกิ่งคนเดียวนะ ฝากบอกด้วยว่าพี่ติดธุระจริงๆ” ชายหนุ่มที่นั่งคิดอยู่นานจำต้องเลือกงานมาก่อนเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องปิดต้นฉบับนิตยสาร หากจะเลื่อนไปอีกก็ผิดแผน กำหนดการต่างๆจะถูกเลื่อนอีกไม่ได้แล้ว


“ ครับ ช่วงนี้นนท์ไม่เห็นพี่ทานข้าวเที่ยงเลยนะ นนท์เลยทำมาให้ด้วยนะวันนี้” เพราะอาการของกิ่งทำให้เวลาของเขายุ่งจนสาละวนไปทุกอย่างจะปลีกตัวไปทานอาหารเที่ยงก็ไม่ได้ อาศัยเจ้ากาแฟแก้วโตกับขนมปังชิ้นบางประทังไปเท่านั้น


“ เหรอ วางไว้ก่อนสิ” ชายหนุ่มยังคงสนใจอยู่กับงานตรงหน้าเช่นเคย เมื่อเวลาจวนเจียนเร่งรีบชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ลนลานได้ง่ายและทำอะไรอย่างรีบๆเสมอ การทำเช่นนี้แทนที่จะทำให้งานเดินหน้าไปได้ไวมันกลับกลายเป็นตัวบั่นทอนเวลามากกว่า เพราะเมื่อไม่มีสมาธิต้องห่วงงานมากกว่าหนึ่งอย่าง ใจก็จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรไม่ได้ดีไปสักอย่างต้องเสียเวลากลับมาแก้ใหม่อีก


“ เอามานี่” นนท์รวบงานที่เขาถือไว้มาวางกับโต๊ะ แล้วจึงวางกล่องข้าวลงตรงหน้า


“ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้วยังไงก็ต้องทานข้าวสิ มาทำอย่างนี้จัดเวลาไม่ถูกเลยนะ แล้วอีกอย่างปัดไปอย่างนี้จะได้ทานเมื่อไหร่ล่ะ งานที่มีมากอยู่ข้างหน้าหากพะวงไปทุกอย่างก็จะไม่มีชิ้นไหนออกมาดีเลย อย่าเร่งรีบ ทานข้าวก่อน...” นนท์ให้เหตุผล แล้วดึงเขาให้ห่างออกจากโต๊ะทำงานไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกตัวโตที่อยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเขา


“ เอาวันนี้นนท์ลองทำข้าวผัดดู อย่าเพิ่งดูถูกล่ะ มันไม่ใช่ข้าวผัดธรรมดานะ นนท์ใส่ผักสารพัดลงไปช่วยบำรุงสมองไงล่ะเห็นช่วงนี้พี่วุ่นๆเลยทำมาให้ทาน แม้งานจะเยอะแต่พี่ห้ามอดข้าวอีกรู้ไหม เวลาท้องว่างมันจะทำให้สมองคิดการไม่ออก แทนที่งานจะเสร็จเร็วก็กลายเป็นช้า..” กล่องข้าวที่นนท์เปิดออกมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มีช่องใส่อาหารสองช่อง และมีข้าวทั้งสองข้าง สำหรับนัทและของเขา ข้างๆก็มีไข่ดาวไก่ทอดรวมทั้งซอสปรุงรสที่แยกใส่กระปุกเล็กไว้ด้วย


“ อืม” เขาพยักหน้ายอมเชื่อ แล้วตักข้าวในส่วนของเขาเข้าปากอย่างว่าง่าย แม้จะต้องยอมทำตามความต้องการของนนท์ในทีแรก แต่หลังๆเขาชักติดใจเพราะอาหารที่ทำมารสชาติดีไม่น้อย อีกอย่างก็อิ่มท้องกว่ากาแฟและขนมปังเป็นไหน ๆ ที่สำคัญคือไม่ต้องออกไปทานข้างนอกให้เสียเวลา ...


“ ไว้ถ้าพี่อยากทานอะไรก็บอกนนท์นะ” นนท์รวบกล่องข้าวที่ถูกจัดการจนเรียบลงถุง ปล่อยให้เขากลับไปทำงานต่อ ได้ ส่วนคนหน้าหวานก็เดินนำแก้วน้ำมาวางให้และกลับที่โต๊ะของตัวเอง เฝ้ามองเขาที่กำลังทำงานอยู่


หลังจาก ทานข้าวจนอิ่มดูเขาทำงานสบายขึ้นมาก สงสัยต่อมความรักที่นนท์ใส่ลงไปในอาหารคงเข้าไปกระตุ้นใจให้เขาทำงานได้อย่างฉับไวคล่องแคล่ว ชายหนุ่มค่อยๆจัดการงานไปทีละอย่างเช่นที่นนท์บอก และมันก็ดีจริงอย่างที่คนหน้าเรียวว่า งานที่ได้รับการสนใจทีละอย่างจะได้รับทุ่มเทสมาธิไปที่มันแม้ต้องใช้เวลาไตร่ตรองแต่ทำแค่รอบเดียวก็ผ่านไปได้ ไม่ต้องกลับมานั่งแก้ให้เสียเวลา


“ งานพี่เหลืออีกเยอะไหม...” นนท์เหลือบดูนาฬิกาก็พบว่าเวลานี้เลยเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มเงยหน้าเล็กน้อยตอบคำถามนั้น


“ ก็พอตัวแต่เดี๋ยวตอนหกโมงพี่ต้องไปประชุมแล้ว”

“ เหรอ..งั้นนนท์ไปก่อนนะ..” นนท์ปรายยิ้มส่งท้ายก่อนเดินจากไป ประชุมงั้นเหรอถ้าอย่างนั้นหลังจากเยี่ยมกิ่งเสร็จนนท์จะมาช่วยทำงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะให้เสร็จเองไม่ต้องเป็นห่วง ....



ก่อนถึงโรงพยาบาลคนเจ้าเสน่ห์ก็แวะะซื้อผลไม้และของทานเล่นเล็กๆน้อยๆฝากคนไข้ คุณแก้วที่เฝ้าแม่ลูกสาวมาทั้งวันกำลังหลับอยู่บนเก้าอี้เอนยาวอย่างแสนอ่อนแรง

“ วันนี้พี่ต้นมาเยี่ยมไม่ได้นะ วันนี้เขามีประชุมงานเยอะไปหน่อยแกคงไม่โกรธนะ” นนทืเลื่อนมือไปจัดข้าวของลงตู้เย็น ..


“ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แกเถอะซื้ออะไรมามากมายพรุ่งนี้ฉันก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซื้อมาราวกับฉันจะอยู่อีกสักสองสามเดือนอย่างนั้นแหละ”


“ โธ่ฉันก็ซื้อมาบำรุงแกนั่นแหละ อีกอย่างจะกลับก็หอบกลับไปก็ได้กลัวอะไรล่ะ..” พ่อสติชสีอ่อน..ยังจัดของลงตู้ต่อไม่สนคำหรอกของกิ่ง คนป่วยจะรู้อะไรของที่มีประโยชน์ต่อร่างกายควรจะใส่ปากทั้งนั้น เอาเถอะไหนๆก็ซื้อมาแล้วจะเอากลับบ้านด้วยทำไมจะไม่ได้ล่ะ


“ ฉันล่ะเชื่อแกจริงๆเลยนะ ว่าแต่แกไม่ต้องอยู่ช่วยพี่ต้นทำงานเหรอวันนี้..”


“ ไม่หรอก แต่ฉันกะว่าหลังจากเยี่ยมแกเสร็จจะไปช่วยเคลียร์งานให้เขา ช่วงนี้งานรัดตัวมากเลยเห็นทีฉันต้องจัดการตารางใหม่แล้วจะได้มีเวลาเหลือช่วยเขาได้”


“ งั้นแกก็รีบไปสิ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”


“ แกทานของที่ฉันเอามาให้ก่อนสิไอ้ลิง... แล้วเดี๋ยวฉันจะไปขืนฉันยอมไปตอนนี้ ไอ้ลิงเกเรก็ไม่ยอมทานหรอก” เพราะคบกันมานานเลยรู้ดีว่ากับกิ่งต้องนั่งจ้องนั่งเฝ้าถึงจะหมดท่า ไว้ใจไม่ได้หรอกแม่คนนี้ให้นนท์ลับตาไปงั้นเหรอ คงต้องรีบเททิ้งลงถังขยะแน่


“ พอใจหรือยังฉันกินแอ๊ปเปิ้ลหมดจานแล้วนะ”


“ พอใจแล้ว แต่เดี๋ยวต้องทานส้มอีกสักผลสองผล ช่วงนี้แกเป็นไม่สบายอยู่..กินส้มแหละดีว่าแต่สามีไม่มาเยี่ยมเหรอ..” นนท์พานจะเอ่ยล้อ..ทำหน้าที่พี่สะใภ้ได้ดีขึ้นจริงๆพ่อคู้ณ


“ พูดบ้าอะไรแก..ไอ้นนท์..เดี๋ยวแม่ก็ได้ยินหรอก..”


“ ล้อเล่นน่า..ไปดีกว่าไม่อยากเถียงกับแกแล้ว” นนท์ยอมรามือง่ายดาย ..รถคู่ใจที่ใช้เป็นยานพาหนะมาร่วมสองปีกว่าจอดลงหน้าอาคารสองชั้นสำนักพิมพ์ นนท์เดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยรวดเร็ว


แต่ต้องแปลกใจเมื่อทั้งอาคารกลับไม่มีใครอยู่สักคน เขาเลือกเดินไปยังห้องประชุมที่โดยปกติคือสถานที่สรุปผลยอดขายและปิดต้นฉบับแต่วันนี้กลับว่างเปล่าไม่มีใครสักคน


ชายหนุ่มเดินไปมาหลายต่อหลายห้องก็ไม่เจอใครสักคน จึงลงมาข้างล่างสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ในขณะที่กำลังจะเดินกลับขึ้นไปเอางานบนห้องของต้น สายตาของเขาก็เหลือบเห็นบางอย่างที่ถนนอีกฟากหนึ่ง


“ นั่นมัน...” นนท์คลับคล้ายชายร่างสูงสมส่วน ที่กำลังเดินเข้าไปในอาคารตรงข้ามสำนักพิมพ์พร้อมหญิงสาวอีกคนซึ่งเขาเองก็คุ้นเคย นนท์สาวเท้าเร็วขึ้นเลือกข้ามถนนตรงทางม้าลาย ยอมเสี่ยงเพื่อตามไปให้ทันหลังของทั้งสองคน โชคดีที่วันนี้รถไม่เยอะไม่อย่างนั้นนนท์อาจกลายเป็นผีเฝ้าถนนแล้วแน่นอน


“ พี่ต้นจริงๆด้วย...” ขณะที่วิ่งเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ยิ่งทำให้แน่ใจชัดเจนว่าคนที่เห็นคือต้นนั่นเอง และเมื่อเห็นชื่อของอาคารก็เริ่มนึกขึ้นได้ คุณแก้วเคยบอกว่าต้นพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมตรงข้ามสำนักพิมพ์ว่าแต่ต้นกับหญิงสาวคนนั้นมาทำอะไรกันที่นี่ล่ะ หรือว่า....


นนท์มาถึงตอนที่สองคนนั้นเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว...


มือเรียวรีบกดลิฟต์ตัวข้างๆขึ้นไปอย่างเร่งรีบ เพราะจำได้ว่าเลขห้องของชายหนุ่มคืออะไร เขาเลยซุ่มกดตามไปชั้นเดียวกับตัวเลขแรกของห้อง โดยปกติตัวเลขแรกคือตัวบอกชั้นส่วนอีกสองหรือสามตัวด้านหลังจะเป็นตัวบอกห้องที่เท่าไหร่ และการคาดคะเนของพ่อนักการตลาดค่อนข้างจะได้ผล เมื่อลิฟต์เปิดออกก็รีบสาวเท้าตามไปอย่างเร่งรีบ ...


“ เป็นอะไรหรือเปล่า...” และเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่นุ่นเดินสะดุดพรมหน้าห้องของเขาเซถลาไปเล็กน้อย แต่เพราะรองเท้าที่ส้นสูงปรี๊ดเลยทำให้เท้าเธอเกิดพลิก ชายหนุ่มข้างกายเลยดึงร่างนั้นมาใกล้โดยสัญชาตญาณ ภาพจากมุมไกลที่นนท์ยืนอยู่เลยทำให้เห็นว่าทั้งสองกำลังกอดกัน หน้าของนนท์ชาวาบเหมือนถูกใครตบอย่างแรงหลายที ในใจของเขาเหมือนถูกทำร้าย

.. แถมหลังจากเห็นทั้งสองกอดกันยังเห็นเขาประคองร่างของเธอเดินเข้าห้องไปอีกด้วย นนท์เลยรู้สึกเจ็บเป็นสองเท่า น้ำตาของชายหนุ่มไม่ไหลออกมาสักหยด ได้แต่เดินกลับไปที่รถซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งด้วยใจที่ไร้เรี่ยวแรง ความตั้งใจที่จะมาช่วยแบ่งเบางานของเขาถูกภาพที่เห็นทำลายลงสิ้น นนท์เข้าใจไปว่าประชุมที่เขาบอกในวันนี้คือสิ่งโกหก หากไม่หวนกลับมาคงไม่ได้รู้ความจริงหรอกว่าเขาทำอย่างนี้กับนนท์ เขาพาหญิงสาวคนอื่นเข้าห้องส่วนตัวไป จะมีอะไรอีกล่ะนอกจาก...

วันต่อมาพ่อเลขาฯส่วนตัวไม่มาทำงาน....


changasa@hotmail.com

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #111 เมื่อ21-07-2009 11:37:12 »

จิ้มซ้า  :z13:   งิงิงิ

เศร้าเยย ทำงี้ได้ไงเนี่ยยยยยยยยย  :fire:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #112 เมื่อ21-07-2009 22:06:08 »

เจอ jackpot สุด

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #113 เมื่อ21-07-2009 22:34:02 »

นู๋นนนี่  :o12:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #114 เมื่อ22-07-2009 00:14:58 »

ตอน 20

วันต่อมาพ่อเลขาฯส่วนตัวไม่มาทำงาน....

นนท์ทอดมือทอดกายอยู่บนเตียงของตัวเองอย่างแสนเหนื่อย ในหัวก็ปรากฏภาพความทรงจำต่างๆระหว่างเขากับพี่ต้น ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน.. อารมณ์ของนนท์ดูจะว่างเปล่า เจ็บปวด ทรมาน สับสนไปหมด แม้จะเจ็บยังไงแต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด. นนท์เลือกจะนอนเฉยๆภายในบ้านหลังเดิม


ต้นเริ่มแปลกใจเพราะคนอย่างน้องสติชไม่เคยมาสายไม่เคยขาด จะไปไหนก็โทรฯมารายงานเขาเสมอ คุณแก้วที่กลับมาบ้านพร้อมคนหายป่วยเลยอาสาเดินขึ้นไปดูนนท์ให้ที่ห้อง และเห็นสภาพที่แทบดูไม่ได้ของว่าที่สะใภ้ ..นนท์ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวคนเล็กตอนป่วยเลยสักนิด.. แต่นนท์ดูจะหนักหน่อยก็ตรงที่คล้ายๆร่างไร้วิญญาณ เชื่องช้า และเย็นชา ...


“ นนท์เป็นอะไรไปหรือเปล่า น้ากลับมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเลยนึกว่าไปทำงานเสียอีก ไม่สบายเหรอทำไมไม่ไปทำงานล่ะจ๊ะ..” นางทิ้งกายลงข้าง เลื่อนมือไปลูบหน้าของว่าที่สะใภ้เล็กน้อย


“ เปล่าหรอกครับ.. นนท์เหนื่อยๆอยากพักเท่านั้น” เขาตอบเสียงเลื่อนลอย

“ เป็นอะไรหรือเปล่าทะเลาะอะไรกับพี่ต้นหรือ บอกน้ามาเลยนะ หากพี่เขารังแกอะไรลูกก็บอกมาเลยน้าจะไปจัดการให้เอง.” เมื่อได้ยินชื่อต้นเข้า ใจที่เหือดแห้งไร้แรงกลับเริ่มถูกพายุในใจถาโถมเข้า เหมือนไฟที่กำลังรอจะปะทุเมื่อมีเชื้อเพลิงชั้นดียื่นเข้าหาก็พร้อมจะมอดไหม้ทุกอย่าง


“ คือ...” นนท์ไม่ตอบอะไร เพราะเหมือนมีก้อนบางอย่างมาขวางลำคอให้พูดออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าแม้แต่หายใจก็ทำได้ลำบากนัก อารมณ์ของคนอกหักนะเหรอ ค รั้งแรกล่ะมั้งที่นนท์รู้สึก เพิ่งเข้าใจว่ามันทรมานจนรานร้าวไปทั้งกาย เหมือนทุกอณูของร่างพร้อมรับรู้กับความเสียใจที่เกิดขึ้น


“ ไม่เป็นไรนะ ไว้น้าจะบอกพี่ต้นเองว่านนท์ไม่สบายนอนพักให้สบายเถอะ” บางทีเวลาอาจช่วยทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าดีขึ้น คุณแก้วเลยเดินออกมาจากห้องปล่อยให้เขาลองทบทวนบางอย่างเพียงลำพัง คนอย่างนนท์ฝ่าฟันมาได้แทบจะทุกอย่าง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งสำคัญยังผ่านมาได้อย่างงดงามแล้วเรื่องเสียใจที่เจออยู่ นางก็เชื่อมั่นว่านนท์ต้องทำได้ พ้นจากประตูห้องของนนท์แล้วนางจึงรีบต่อสายถึงลูกชายอย่างเร่งด่วนบางทีสอบถามจากต้นอาจได้ข้อกระจ่าง

“ ว่าไงครับแม่ตกลงเขาจะไม่มาทำงานเหรอ”


“ ลูกไปทำอะไรน้องหรือเปล่า ตอนนี้น้องดูเศร้ามากเลยนะ พอแม่พูดถึงลูกก็ดูเหมือนนนท์จะยิ่งเศร้า วันนี้กลับมานอนบ้านด้วยแม่จะถามให้รู้เรื่อง...”

“ ผมเปล่าทำอะไรสักหน่อยนะแม่” เขารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน ที่นิ่งไปก่อนหน้าก็เพราะยืนคิดทบทวนจนแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าน้องสติชของเขาเสียใจ เลยปฏิเสธออกไป


“ ช่างเถอะ วันนี้กลับมานอนที่บ้านแล้วกันมาคุยกันให้รู้เรื่อง แม่ไม่เคยเห็นนนท์เขาเป็นอย่างนี้เลยนะ ดูไร้ชีวิตชีวาสิ้นดี” เสร็จจากเรื่องกิ่งป่วยก็มีเรื่องของว่าที่สะใภ้ให้นางเครียดต่อ สงสัยบ้านวรโชติจะยังไม่สงบสุขในเร็ววันนี้แน่


“ ครับแม่แล้วผมจะรีบกลับ” เขายอมรับปากกลับบ้าน เมื่อวางสายจากมารดาแล้วก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของนนท์ ยังคงนั่งคิดต่อว่าเหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้น้องสติชหน้าหวานไม่มาทำงาน คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจเขากับนนท์ยังพูดกันดีๆอยู่เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นอีกอย่างล่ะ ชายหนุ่มหยิบรูปที่วางไว้บนโต๊ะของนนท์ขึ้นมาจ้องมอง ตั้งคำถามกับรูปภาพนั้นอย่างสงสัย ...


“ งอนอะไรพี่อีกล่ะ ถึงได้ไม่มาทำงานอย่างนี้” เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่เขารู้สึกกังวลขึ้นมาจับใจ เพราะช่วงหลังมานี้เห็นหน้ากันแทบทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชินการได้พูดได้คุยกันทุกวันทำให้สนิทสนมมากขึ้น มากจนเขาก็เริ่มหวั่นไหวและเริ่มเปิดใจให้นนท์เข้ามามากขึ้น วันนี้ที่นนท์ไม่ยอมมาทำงานเหตุผลต้องมาจากเขาอย่างแน่นอน...


เพราะความกังวลที่มีอยู่ในใจเขาจึงรีบสะสางให้เสร็จเร็วกว่าปกติ สี่โมงครึ่งก็ขับรถออกจากที่ทำงานถึงบ้านก็ราวหกโมงเย็น ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านอย่างเร่งรีบแต่พอเห็นมารดาก็ชะลอฝีเท้าลง ไม่อยากให้นางจับได้ว่าเขารีบกลับบ้านมาเพื่อเจอสติชสีอ่อน..


“ กลับมาแล้วเหรอพี่ต้น” เสียงของคุณแก้วดังขึ้น และดังพอจะทำให้คนที่อยู่ในครัวได้ยิน
ในใจของเขาที่กำลังเก็บอารมณ์ต่างๆไว้อย่างมิดชิดเริ่มถูกกระทบกระเทือนอีกจนได้ วันนี้โดยปกติต้นจะไม่กลับมาค้างที่บ้านนี่ นนท์ถึงกับเต้นเร่าภายในร่างของตน เอาเถอะไหนๆก็ต้องเผชิญหน้ากันจะเร็วกว่าที่คิดสักหน่อยก็คงต้องสู้แล้วจะก้าว...ถอยไม่ได้


“ เป็นอะไรไปหรือเปล่านนท์” กิ่งที่เดินเข้ามายกอาหารทักขึ้น เมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของนนท์ ใจลอยจนไม่รู้ว่าเพื่อนสาวมายืนข้างๆตั้งนานสองนานแล้ว



“ มาตอนไหนกิ่ง ไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะมาอย่างนี้ฉันได้หัวใจวายแย่” นนท์แกล้งโวยวายกลบเกลื่อน แววตาวูบหวั่นเพียงน้อยสามารถหลบสายตาของกิ่งไปได้อย่างฉิวเฉียด


“ ฉันมาตั้งนานแล้วแถมยังเรียกแกแล้วนะ แกนั่นแหละเป็นอะไรไปอาการหนักนะ” อาการหนักงั้นเหรอ ตอนนี้กิ่งหายป่วยเลยพูดปร๋อล่ะสิ..ก็เมื่อวานตอนคุณแก้วไปทำธุระข้างนอก เจ้าแฟนหนุ่มก็แอบไปนั่งให้กำลังใจจนเต็มปรี่...


“ เหรอสงสัยฉันจะประสาทช้าไปเอง แกยกออกไปได้เลยนะเหลืออีกอย่างเดียวเดี๋ยวฉันตามออกไป” คำรับของนนท์ดูออกจะทะแม่งไปสักนิด แต่กิ่งก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเดินถือถาดอาหารออกไปข้างนอกครัว


“ นนท์ล่ะน้องกิ่ง” มารดากล่าวถาม เมื่อเห็นลูกสาวของบ้านเดินออกมาเพียงลำพัง หญิงสาววางถาดลงแล้วค่อยวางอาหารลงทีละจาน พร้อมทั้งตอบข้อสงสัยของมารดาออกไป


“ นนท์ยังทำอาหารอยู่ค่ะ เหลืออีกแค่อย่างเดียวเดี๋ยวก็ตามออกมาแล้วล่ะ”



“ งั้นเหรอ งั้นพี่ต้นเข้าไปช่วยน้องหน่อยนะ ทำอาหารทั้งเหนื่อยทั้งร้อนเราไปช่วยน้องเขาถืออาหารออกมาแล้วกัน” คุณแก้วเปิดโอกาสให้พ่อลูกชายอย่างเต็มที่ ต้นเลื่อนกายออกจากเก้าอี้ที่นั่งแล้วเดินตรงไปในครัวทันที โอกาสมาถึงแล้วเขาก็ต้องรีบสักหน่อย แต่เหมือนว่ามันจะช้าเกินไป นนท์เดินถืออาหารออกมา


ในนาทีที่ร่างนั้นผ่านเขาออกไปชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกจากอีกฝ่าย ปกติคนตัวเล็กต้องยิ้มแย้มทักทาย และต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขาตลอด


“ แน่แล้วนายต้องงอนพี่แน่นอน” ชายหนุ่มตอกย้ำกับตัวเองเบาๆ มั่นใจอย่างมากว่าตนคือสาเหตุของการเย็นชา สาเหตุที่ทำให้นนท์ไม่ไปทำงานในเช้าที่ผ่านมา


ความอึมครึมในโต๊ะอาหารเกิดจากคนช่างพูดช่างจาทั้งสองเงียบไป กิ่งที่เพิ่งป่วยแม้จะพูดได้ปร๋อแต่พอ นนท์เงียบเลยไม่รู้จะพูดอะไร บรรยากายเลยกร่อยเสียยิ่งกว่ากร่อย


หลังมื้ออาหารต้นกะจะหาเวลาคุยกับชายหนุ่มอีกคนให้รู้เรื่อง แต่นนท์กลับชิงขอตัวขึ้นไปนอนก่อน

สายตาทุกคู่ยังแปลกใจในท่าทีหมางเมินที่นนท์แสดงต่อเขา กิ่งเองก็เดินกลับขึ้นไปเพราะอยากถามอาการของเพื่อนบ้าง คบกันนั้นมาจนจะสิบปีแล้ว มีหรือจะดูไม่ออก.. หญิงสาวเดินก้าวเข้าไปภายในห้องของเพื่อนสนิทอย่างใคร่รู้..


ทางต้นที่นั่งอยู่ข้างล่างก็แทบอยู่ไม่ติดที่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอย่างไรดี เห็นท่าทางร้อนรนของพ่อลูกชายทำให้นางพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยต้นก็ใช่จะไม่สนว่าที่สะใภ้ เขามีอาการแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบใจอาการเย็นชาของนนท์ที่มีต่อเขา


“ เป็นอะไรไปพี่ต้นนั่งไม่ติดที่เลยนะ มีงานยุ่งเหรอลูกหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า มีปัญหาบอกแม่ได้นะ” แม้จะรู้ดีว่าคำถามของนางอ้อมโลกไปไกลถึงดาวอังคาร แต่ก็อยากทำเพื่อให้พ่อคนตัวสูงคายความจริงออกมาบ้าง

“ เปล่าหรอก..”


“ รู้ๆกันอยู่ว่าลูกกังวลอะไรอยู่ ต่อให้วางหน้าเฉยไม่พูดอะไรแต่แววตากับท่าทางของลูกน่ะ ปิดไม่มิดหรอกนะ”เอาเข้าแล้วไหมล่ะ นางเป็นฝ่ายรุกเองก็ได้ ผู้ชายอะไรปากแข็งจริงๆนั่งใจเย็นอยู่ได้นานสองนานช่างน่าหมั่นไส้จริงๆพ่อคนนี้

“ แม่ว่าอะไร”


“ อยากขึ้นข้างบนก็ขึ้นไปสิแม่ไม่ได้ห้ามอะไรสักหน่อย จะมานั่งจมกับคนแก่ทำไมล่ะ ลูกเป็นผู้ชายเล่นตัวมากๆเขาจะหาว่าเกินงามนะ หากทำผิดอะไรก็ควรเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่องสิจะปล่อยให้คาราคาซังทำไม ” นางกล่าวชี้ทางให้ พลิกนิตยสารในมือ ไม่ได้ตั้งใจอ่านหรอกแค่ใช้เป็นอุปกรณ์ตบตา


“ งั้นผมไปนะ” เอาเถอะในเมื่อมารดาอุตส่าห์เปิดทางให้อีกรอบหนึ่งแล้ว จะนั่งจมอยู่บนโซฟากับนางก็ใช่เรื่อง พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีกหากยังไม่รีบจบๆเรื่องไป สิ่งที่จะกระทบคือการทำงานนั่นแหละ จะให้เขาตอบคนอื่นอย่างไรล่ะ จะให้บอกว่าเลขาฯคนสวยงอนไม่ยอมมาทำงานเพราะโกรธกับเขานะเหรอ คงได้ขันกันทั้งสำนักพิมพ์แน่ ชายหนุ่มรุดเดินออกไปจากที่นั่ง....


กิ่งเดินเข้ามาภายในห้องสักพักถึงจะเอ่ยปากกล่าวอะไรออกไป คนหนึ่งนั่งอยู่ขอบเตียงส่วนอีกคนก็นอนแผ่ลงอย่างอ่อนแรง วันนี้นนท์เป็นฝ่ายล้มลงนอนอย่างอ่อนแรง..ผิดกับอีกคนที่นั่งมองเพื่อนด้วยความสงสัย..


“ แกจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังไอ้ป๋าแบ.. ว่าทำไมวันนี้ถึงได้ทำท่าเหมือนกำลังเสียใจหนักหนา แถมยังทำท่าทางเย็นชาใส่พี่ต้นอีก..”



“ ฉันนอนคิดมาทั้งคืนแล้วนะ บางทีการวิ่งไล่บางสิ่งบางอย่างที่ยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า..อาจไม่มีจุดจบของเรื่องราว..อีกฝ่ายหนึ่งก็ดีแต่ไล่ โดยลืมมองไปว่าคนด้านหน้าไม่คิดจะหยุดรอ.. มันคงตลกเกินไปหากจะดึงดันวิ่งต่อ..” นนท์เปรยในบางคำที่บอกชัดว่าเขาเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับการต้องเดินตามใครบางคนที่ไร้หัวใจ


“ แกเป็นอะไรของแก.. ฉันห่วงแกรู้ไหม” กิ่งสะอึกในคำพูดของเพื่อนสนิท นนท์เคยเป็นอย่างนี้เสียที่ไหน ..


“ เมื่อวานฉันบอกว่าหลังจากเยี่ยมแกที่โรงพยาบาล ฉันจะกลับไปที่ทำงานเพื่อช่วยเคลียร์งานให้เขา แต่พอฉันไปถึงไม่เจอใครเลยสักคน...” ต้นที่กำลังเดินขึ้นมาชั้นบน ชะงักฝีเท้าเมื่อรู้ว่านนท์ไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว เสียงที่นนท์พูดแม้จะไม่ดังนักแต่เขาก็พยายามยืนฟัง...


“ ที่โกรธพี่ต้นเพราะหาเขาไม่เจอเหรอ แต่เรื่องแค่นี้ฉันว่าคนอย่างแกคงไม่เอามาใส่ใจหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”


“ ฉันไม่เห็นใครสักคนทั้งที่เขาบอกฉันว่าต้องประชุม ฉันเลยลงไปชั้นล่างถามลุงยามหน้าสำนักพิมพ์ดูแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรหรอก ดีนะที่ฉันเหลือบเห็นเขากับใครอีกคนที่ถนนอีกฟาก ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นเด็กน่าไม่อายที่ตามตื้อเขาต่อแน่” ความจริงค่อยๆถูกเผยให้กิ่งรู้เรื่อยๆ


“ แล้วยังไงล่ะ เขาอาจจะทำงานก็ได้นะ”



“ แต่ทำไมต้องบอกฉันว่าประชุมล่ะ ที่สำคัญฉันยังเห็นเขากอดกับผู้หญิงคนนั้น แถมยังประคองกันเข้าห้องที่คอนโดของเขาอีก แล้วแกจะให้ฉันทู่ซี้ไปทำไมล่ะ”


“ นี่พี่ชายฉันกล้าพาผู้หญิงเข้าห้องเลยเหรอ ตายแล้วๆฉันต้องฟ้องแม่แล้ว กล้าดียังไงพาผู้หญิงคนอื่นเข้าห้อง แกไม่ต้องกลัวนะฉันเชียร์แกสุดใจเรื่องนี้ให้แม่จัดการให้” กิ่งออกโรงเสริมทัพให้เพื่อนสนิทอย่างถึงพริกถึงขิง เอาเถอะในเมื่อเห็นปัญหาแล้วก็น่าจะแก้ไวกว่า


“ ช่างเถอะอย่าทำอย่างนั้นเลย ในเมื่อเขามีคนที่รักก็ควรให้เขามีไปสิ หากเขามีความสุข จะไปให้เขาต้องเสียใจทำไมล่ะ ฉันเหนื่อยแล้วไม่อยากวิ่งไล่ตาม” ฟังจากคำพูดของเพื่อนกิ่งก็รู้ดีว่า ชายหนุ่มข้างกายเริ่มถอดใจลงแล้ว ความรักหนอความรักช่างเล่นตลกกับคนเราเสียจริง ใครไม่เคยลองลิ้มจักไม่รู้หรอกว่ามันหอมหวานสักเพียงใด แต่วันที่ต้องพรากต้องจากรักไปวันนั้นจะรู้ว่ารักแสนหวาน จะป้อนความขมควบคู่มาด้วย และจะเข้าไปทำร้ายใจให้เป็นแผล


LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #115 เมื่อ22-07-2009 00:38:10 »

ตอน 21


ต้นอดทนยืนฟังการสนทนาของสองเพื่อนสนิทด้วยใจจดจ่อ ไม่นึกเลยว่าการรักเขาสำหรับนนท์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากกิ่งไม่ได้อยู่ในห้องของนนท์เวลานี้เขาคงเปิดประตูไปบอกความจริง และบอกให้นนท์คลายห่วงเรื่องที่กำลังเข้าใจผิดอยู่ แต่เอาเถอะเขาจะจัดการเรื่องราวให้จบในวันพรุ่งนี้ ได้รู้ความจริงถึงสาเหตุที่นนท์หมางเมินใส่ก็สบายใจ เมื่อรู้ปัญหาก็จะรู้ว่าควรแก้ตรงจุดไหน


เท้าที่กำลังจะสาวออกไปจากหน้าห้องนนท์ ชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงแว่วออกมาจากห้อง


“ อย่าตัดทอนกำลังใจอย่างนั้นสินนท์ แกพูดเหมือนการรักพี่ชายฉันทำให้แกเจ็บหนักมากนั้นแหละ เหตุการณ์เป็นยังไงแกก็ยังไม่รู้แน่ชัดอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนเลยนะ” กิ่งไม่อยากให้เพื่อนยอมแพ้ง่ายๆหรอกอุตส่าห์สู้กันมาแรมปี


“ แล้วสิ่งที่ฉันเห็นล่ะกิ่ง แกคิดว่ามันพอจะทำให้แกเข้าใจเรื่องราวได้มากหรือเปล่า หากไม่เพราะฉันเคยโดนเขา...” ลำเสียงขาดห้วงไปอีกครา แต่แค่เพียงประโยคเริ่มต้นก็ทำให้กิ่งได้เค้าสิ่งที่นนท์จะพูดต่อ แม้ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่การกระทำของพี่ชาย ต้องทำให้นนท์ฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน

“ เขาทำอะไรเธอหรือนนท์”

“ คือ..” ท่าทางอึกอักนี้ไม่สมกับเป็นนนท์เลย

“ บอกมาเถอะไหนๆก็เล่ามาถึงตอนนี้หากฉันรู้อาจพอช่วยอะไรได้บ้าง” เอาอีกแล้วแม่คนเก่ง เสริมทัพกันเข้าไป ถ้าได้คุณแก้วอีกแรงรับรองพ่อน้องสติชชนะขาด..


“ แกสัญญานะว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดแม้แต่น้าแก้ว” นนท์ยื่นเงื่อนไขเพราะเรื่องที่เขาจะเล่าคือความลับครั้งแรกที่นนท์กับพี่ต้นได้เจอกัน การเจอที่แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าโลกจะกลมได้มาก ขนาดพาทั้งสองโคจรกลับมาเจอกัน

“ ฉันสัญญา”

“ ความจริงที่ฉันตัดเขาไม่ขาด ตัดใจไม่ได้ก็เพราะเขาเคยจูบฉัน” คนที่ยืนฟังอยู่นอกห้องเงี่ยหูฟังใหญ่ จำได้ว่าเขากับนนท์ไม่เคยเลยเถิดไปไกลขนาดนั้น แม้ใจจะค้านสิ่งที่นนท์พูด แต่ก็อยากฟังต่อเผื่อเขาอาจจะทำลงไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

“ อะไรนะแกกับพี่ต้นเคย.. มันก็ดีไม่ใช่เหรอแล้วทำไมแกต้องมานั่งเศร้าอย่างนี้ล่ะ คนที่จูบกันเขาก็ต้องรักกันสิ แล้วจะมาคิดมากให้มันได้อะไรกันล่ะ” กิ่งตื่นเต้นแทนที่ได้ยิน


“ เปล่าเลยเขาไม่ได้รักฉันสักหน่อย ความจริงฉันเจอเขาตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่บ้านของแกหกเดือน หากแกยังจำได้วันนั้นเป็นวันงานพรอมของโรงเรียน เราไปจัดงานกันที่ทะเลจำได้ไหม..” ปลายเสียงเอ่ยถามทวนความจำของเพื่อน

“ จำได้สิ”

“ ถ้าแกจำได้วันนั้นตอนที่ฉันมาพบแกครั้งสุดท้าย สภาพของฉันดูไม่ได้เลยตัวทั้งเปียกทั้งเปื้อนทรายแกรู้ไหมว่าจริงๆแล้วฉันไปทำอะไรมา” คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เว้นช่วงเพียงหญิงสาวหายใจ ฝ่ายต้นก็เริ่มคิดตามไป



“ วันนั้นระหว่างที่ฉันกำลังเดินจะกลับไปที่ห้อง ฉันก็เหลือบเห็นเงาของคนกำลังเดินลงไปในทะเล ใจฉันหายวาบบอกไม่ถูกเลย ฉันต้องสู้กับความกลัวผีในใจ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจวิ่งตามลงไป ไม่เท่าไหร่ฉันก็เห็นเขาเหมือนกำลังจะจมน้ำฉันเลยว่ายลงไปช่วย...”



“ แกอย่าบอกนะว่าเขาคนนั้นคือพี่ชายของฉัน” กิ่งไม่อยากเชื่อ หากไม่ออกมาจากปากเพื่อนสนิทอย่างนนท์ที่รู้จักกันมานานเธอไม่มีวันเชื่อหรอก



“ ใช่ ฉันเดาเอาเองนะว่าเขาคงอกหักเพราะทันทีที่ฉันช่วยเขามาถึงฝั่ง เขาก็กอดฉัน และก็...เขาเรียกฉันว่าแพทชื่อนี้ยังฝังในหัวฉันถึงทุกวันนี้” แน่แล้วคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายปีที่แท้อยู่ใกล้กันมาก คือคนที่คอยเคียงเขามาตลอด มือใหญ่ยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเองรู้สึกกระแสอุ่นๆ ของอีกคนที่ปากเขาทาบทับครั้งแรกคือการขาดสติ แต่ครั้งที่สองคือตั้งใจ


“ ฉันโกรธมากที่เขาทำอย่างนั้น แถมเมื่อรู้ว่าเขาคิดฆ่าตัวตายเพราะอกหัก ฉันยิ่งแค้นแทนพ่อแม่เขาเลยตบสั่งสอนไป แต่สิ่งที่ฉันได้กลับคือการจูบครั้งที่สอง เพราะไอ้จูบบ้าครั้งนี้นี่แหละ ที่ทำให้ฉันตัดเขาไม่ขาดเสียทีมันต่างจากครั้งแรกจนฉันแทบใจหาย ยิ่งได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งได้พูดคุยฉันเองก็เผลอใจไปจนหมด จนตอนนี้ฉันต้องเสียใจเมื่อรู้ความจริงว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว...”

“ แล้วทำไมแกไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้พี่ต้นรู้ล่ะ”


“ อย่าบอกเขาเด็ดขาด ช่างมันเถอะเรื่องที่เป็นอดีตให้มันฝังไปกับฉันเพียงเท่านั้นก็พอ ฉันไม่ต้องการดึงดันเดินบนทางที่มันขรุขระอีกแล้ว จบจากการฝึกงานปีสี่ฉันกะจะไปอเมริกากับแม่”


“ นนท์ไม่ได้นะ นี่แกจะหนีพวกเราไปเหรอฉันไม่ยอมเด็ดขาด” กิ่งท้วงเสียงหลง ไม่เคยคิดหรอกว่าเพื่อนที่อยู่กับเธอมาหลายปีจะทิ้งร้างจากกันไป

“ เพราะฉันไม่มีเหตุผลจะอยู่ที่นี่ต่อแล้วนะสิ อีกอย่างฉันก็ควรไปช่วยแม่ฉันทำงาน หนึ่งปีที่ฉันหลอกตัวเองมันก็มากพอแล้ว หากฉันยังดึงดันต่อบางทีฉันอาจเสียใจมากกว่านี้”

“ หนึ่งปีอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจ”


“ การกลับมาเยี่ยมฉันของแม่ เมื่อปีที่แล้วทำให้ฉันได้รู้ความจริงบางอย่าง ว่าบริษัทของแม่ฉันไม่ได้ถูกฟ้องล้มละลายอย่างที่บอก แถมกลับกันมันยิ่งดีวันดีคืน เพราะฉันห่วงแม่มากเลยโทรฯไปถามที่บริษัทและได้รู้ความจริงจากเลขาฯคนใหม่ของแม่ว่า แม่เดินทางมาเพื่อเซ็นสัญญาร่วมทุน” ความลับที่ทุกคนไม่คิดว่านนท์จะรู้เปิดเผยอย่างง่ายดาย เพราะเลขาฯสาวคนใหม่ที่มาแทนเลขาฯคนเก่าซึ่งลาคลอดอย่างกะทันหัน เลยทำให้คุณนันไม่ทันได้กำชับและวางแผน ความเลยแตกแต่ตอนนี้มีเพียงกิ่งเท่านั้นที่รู้

ไม่ใช่สิมีต้นด้วย ความจริงหลายอย่างในวันนี้ทำให้ชายหนุ่มเดินกลับห้องไปอย่างครุ่นคิด ในใจอยากพูดกับนนท์อย่างมาก



เอาเถอะในเมื่อรู้แล้วว่านนท์มีความสำคัญในหลายส่วนหลายตอน เขาจะเปิดใจให้มากขึ้นและทำดีให้อีกคนรู้สึกมากขึ้น หวังว่าสิ่งที่เขาทำต่อจากนี้จะหยุดความคิดที่จะไปอเมริกาของนนท์ได้


หนทางของรักต่อจากนี้จะเป็นสีสันเช่นไร วันพรุ่งนี้จะเป็นตัวขานไข


คุณแก้วจอมวางแผนจัดการจ้างคนสวน ที่มาทำงานทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อจัดการสูบน้ำมันจากรถนนท์ออกให้หมด เมื่อชายหนุ่มจะออกไปทำงานก็ทำให้ติดเครื่องไม่ได้ เพราะเมื่อวานไม่ได้ออกไปไหนเลยทำให้นนท์ไม่ได้ดูเกน้ำมันเลยคิดไปว่าน้ำมันคงหมด เข้าแผนของคุณแก้วไปอีกขั้น


“ เป็นอะไรเหรอนนท์ น้าเห็นเดินเข้าเดินออกเป็นอะไรหรือเปล่า” ในใจแอบยิ้มกระหยิ่ม แต่ปากก็ถามเสียงใส นี่แหละนะคุณแก้วเจ้าแผนการ จอมวางแผน

“ คือรถของนนท์น้ำมันหมดน่ะครับ”


“ อย่างงั้นเหรอ พี่ต้นมาพอดีเลยพี่ต้นวันนี้ให้นนท์ติดรถไปด้วยนะ รถของน้องน้ำมันหมด” พ่อลูกชายช่างเดินมาได้จังหวะ นางเลยรีบสวมรอยให้ลงล๊อคเล่นกันซึ่งหน้า


“ แต่น้าแก้ว”

“ มีอะไรหรือเปล่านนท์ทำงานที่เดียวกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ หรือนนท์จะแวะไปทำธุระที่ไหนหรือเปล่าน้าจะให้พี่เขาแวะให้ก่อน” คำถามซื่อๆไม่น่าเชื่อว่านางจะคิดได้ เห็นหน้าคุณแก้วอย่างนั้นแล้ว
นนท์กล้าขัดก็คงแปลก จำต้องนั่งรถร่วมไปกับเขา แต่ตลอดทางก็ไม่ยอมหันมองเขาสักนิด เขาถามอะไรก็ตอบเพียงสั้นๆ

“ รอพี่ก่อนสิ” มาถึงที่ทำงานนนท์ก็รีบจ้ำอ้าวเดินเข้าบริษัทไม่รอเขาสักนิด ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าจนเดินมาทันกับอีกคน เมื่อพ้นประตูห้องทำงานเข้าไปพ่อเลขาฯหน้าสวย ก็วางข้าวของลงบนโต๊ะดูเอกสารที่วางอยู่ไม่สนใจเขา ทีแรกเขากะจะบอกความจริงทันทีที่เข้ามาในห้อง แต่เห็นท่างอนของนนท์เลยเปลี่ยนใจ ปล่อยให้งอนไปสักครึ่งวันแล้วค่อยบอก ดูๆไปเวลางอนนนท์ก็น่ารักไปอีกแบบ


“ นนท์เดี๋ยวช่วยโทรฯหาเลขาฯคุณนุ่น ด้วยบอกว่านัดทานข้าวสิบเอ็ดโมงอย่าลืมล่ะ” ชายหนุ่มสั่งยั่วอีกคน ดูสิว่านนท์จะอดกลั้นไปได้เท่าไหร่


“ ครับ” นนท์รับคำแล้วจัดการตามคำสั่งของเขา สายตาหวานเยิ้มที่ส่งมาช่างน่าหมั่นไส้ยิ่ง สงสัยจะส่งสายตานี้ไปถึงคุณนุ่นล่ะมั้ง ช่างเป็นผู้ชายที่ยั่วโทสะคนอื่นเก่งจริงๆ ต้นแทบไม่รู้ตัวสักนิด ว่าเขากลับคืนสู่ต้นคนเก่าที่แสนสดใสร่าเริงไปทุกวัน เพราะมีเจ้าน้องสติชหน้าหวานขี้งอนเข้ามาในชีวิต เขาถึงได้พบความสวยงามของโลกใบนี้อีกครั้ง


ชายหนุ่มแกล้งยั่วนนท์มาตลอดจนเวลาล่วงเลยเข้าตอนบ่าย เพราะเห็นนนท์ออกไปห้องน้ำนานแล้วเขาเลยชักสงสัยและตามไปดูในที่สุด



“ ไอ้บ้าคอยดูนะ” นนท์ยืนตัดพ้อเจ้านายจอมยั่วหน้ากระจก ตอนนี้ทำได้มากที่สุดก็แค่นี้แหละน้ำตาที่แอบไหลเหือดหายไปหมด แต่รอยแดงในตายังบอกร่องรอยการร้องไห้ให้เห็น


“ เป็นอะไรไป” เขามายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเพราะนนท์มัวแต่โมโหเลยไม่ทันสังเกตว่าเขามายืนจ้องมองนานแล้ว

เห็นนนท์ในตอนนี้ก็ตัดสินเลิกแกล้ง


“ เปล่า” นนท์ตอบสั้นเร็วและง่าย จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำไป มือข้างหนึ่งของคนตัวสูงรั้งแขนนนท์ไว้ ไม่ว่าจะพยายามแกะยังไงก็แกะไม่ออก


“ ปล่อยนนท์นะ” คนร่างบางบอกเสียงค่อย เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องผิดใจกัน แต่เสียงนี้ไร้วี่แววจะได้ผล มือของเขายังเกาะกุมแขนเรียวไม่คลาย


“ ตามพี่มาทางนี้”

“ ปล่อย...นนท์ไม่ไป”


“บอกให้ตามมาไงล่ะ” มือของเขาจากที่จับก็กลายเป็นลาก นนท์จำต้องยอมให้เขาลากไปอย่างว่าง่าย ขืนใครเห็นว่าเจ้านายของสำนักพิมพ์ กำลังฉุดกระชากลากถูกกับนนท์อยู่คงดูไม่ดีแน่ สายตาคนที่มองจะคิดกันอย่างไรล่ะ นนท์คงมองหน้าใครไม่ได้ไปหลายวัน..


ชายหนุ่มเดินพาร่างเพรียวลมมาในห้องประชุมเล็ก ที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังนั่งดูสกู๊ปที่กำลังจะจัดรวบรวม ซึ่งนุ่น สาวเก่งหัวหน้าฝ่ายโฆษณาก็อยู่ในที่นี้ด้วย


“ เอ้าคุณต้น” หนึ่งในพนักงานทักอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มปล่อยแขน เจ้าเด็กขี้งอนจากนั้นก็เอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา


“ พอดีแม่ของผมเขาสงสัยว่าสองวันก่อน ผมบอกว่าจะมีประชุมที่สำนักพิมพ์ แต่พอมาดูกลับไม่เห็นใครเลยสักคน แม่ผมเลยสงสัยว่าผมโกหกหรือเปล่าหรือผมแอบไปเกเรที่ไหน เลยให้นนท์มาถามใครพอจะทำให้แม่ผมหายสงสัยหน่อยได้ไหม” เชื้อในสายเลือดคงแรงไม่แพ้หยิบยกมารดามาอ้างหน้าตาเฉย ขืนบอกไปว่าเจ้าคนขี้งอนข้างกายเป็นคงสงสัย ..นนท์คงจะยืนอยู่ในห้องนี้ไม่ได้


“ ก็วันนั้นเราไปประชุมกันที่ห้องคุณต้นกันไงครับ คุณต้นไม่ได้บอกคุณแก้วเหรอ อย่างนั้นก็ฝากบอกนนท์ไปนะวันนั้นน่ะที่สำนักพิมพ์เกิดไฟดับได้ข่าวว่ากว่าไฟจะมาก็ราวสักทุ่มกว่า เราคงรอไม่ไหว เราเลยปรึกษากันและสุดท้ายก็ไปประชุมที่ห้องคุณต้นกันเพราะใกล้ที่สุด โชคดีนะที่ฟากโน้นใช้ไฟคนละสายกับสำนักพิมพ์ไม่อย่างนั้นคงต้องระเห็จกันไปไกลแน่” ทุกคำที่เอ่ยออกมาทำให้นนท์ที่ใจห่อเหี่ยวถึงกับเหวอ มองหน้าเขาอย่างตั้งคำถาม

“ นี่..”

“ เป็นไงล่ะพอใจหรือยัง” เขากระซิบเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินออกไปจากห้องก็หันไปขอบคุณคนที่ไขข้อข้องใจให้นนท์จนหมดเปลือก

“ รอนนท์ก่อน” ร่างบางๆ ที่หลายคนใฝ่ฝันรีบเดินตามเขาออกไป ในใจมีสุขยิ่งกว่าถูกสลากรางวัลที่หนึ่ง ฟ้าที่ถล่มไปกลับสว่างไสวอีกครั้ง หลังม่านหมากจะมีฟ้าที่งดงามแสงสว่างจะฉายส่องอีกคราหนึ่งแล้ว นุ่น ลอบเดินตามออกไป เธอไม่อยากเชื่อว่าคนที่สงสัยจะเป็นคุณแก้ว


“ ว้าว ! ทำไมพี่ไม่บอกนนท์ตั้งแต่แรก” นนท์ดีใจโผกอดร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว หัวใจในตอนนี้พองโตบอกไม่ถูกช่างเป็นความรู้สึกที่น่ายินดี ใครจะนึกล่ะว่าเขายอมโกหกเอาคุณแก้วที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาอ้าง


“ ปล่อยพี่ได้แล้ว” มือของเขาขัดขืนเพียงน้อย แต่นนท์ก็ยังไม่ปล่อยแค่เห็นนนท์ยิ้มออกเขาก็มีความสุขแล้ว ไม่ชอบเลยจริงๆ..เวลานนท์ต้องร้องไห้ เสียใจ ..


“ ก็คนมันดีใจ” นนท์บอกโดยไม่ปิดบัง ชายหนุ่มจึงยอมให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดอีก เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือโอบกลับ


“ พอใจหรือยังเดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก” คงไม่ทันแล้วกระมัง นุ่น ที่เดินตามมามองลอดช่องว่างของประตูเข้ามาในห้อง มองท่าทีของเขาอย่างแปลกใจน้อยครั้งนักที่จะเห็นเขายอมให้นนท์ได้ใกล้ชิด แถมยังมีรอยยิ้มเปื้อนเต็มหน้า


‘ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว ’ หญิงสาวหวนคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น แล้วนนท์ในความรู้สึกเขาล่ะ หรือนนท์ไม่ใช่คนอื่นเขาถึงยอมให้นนท์แตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ว่ากล่าวอะไรสักคำ หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยแล้วเดินจากไปอย่างยอมรับ หลายปีที่เธอพยายามจะขย่มฐานผาให้ล้มลง แต่แล้วเธอก็ไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ บางทีเจ้าของหรือคนที่ถูกเลือกต่างหากล่ะที่จะมีสิทธิ์จะทลายผาแกร่งให้แตกพังลงมา คนไม่ใช่ย่อมทำไม่สำเร็จ


“เอ๊ะ” นนท์คลายอ้อมกอดออกจากร่างของเขา สีหน้าดูเปลี่ยนไปจนเขาเกิดอาการสงสัย นนท์เป็นอะไรไปอีกหรือเปล่า หรือจะมีเรื่องใหม่ทำให้งอนเขาอีก...

“ เป็นอะไร งอนอะไรพี่อีก”


“ พี่เปลี่ยนน้ำหอมกลิ่นใหม่หรือ นนท์คุ้นๆนะว่าเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหน ใช่แล้วคุณน่น วันก่อนนนท์ได้กลิ่นนี้จากคุณนุ่นนี่ตกลงว่ายังไงกัน” นนท์ทวนความทรงจำขึ้นมา กลิ่นหอมของกายที่เคยชินตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนนท์เลยนึกแปลกใจ

“ อ๋อพอดีขวดเก่าของพี่มันหมด คุณนุ่น เขาก็เลยซื้อมาฝากอย่าบอกล่ะว่าน้ำหอมก็ใช้ไม่ได้” ชายหนุ่มนึกทึ่งในการช่างสังเกตของคนตัวบาง


“ ใช่ ! ไว้ตอนเย็นนนท์จะไปซื้อให้ใหม่กลิ่นนี้ไม่เหมาะกับพี่หรอก มันร้อนเกินไปกลิ่นเดิมก็ดีแล้วหอมเย็นดีกลิ่นนี้ไม่เหมาะจริงๆนะ” นนท์วิเคราะห์กลิ่นเดิมที่ตรึงใจไม่คลาย หลายต่อหลายครั้งที่ได้ใกล้กันกลิ่นของเขายังเหมือนลอยอยู่ใกล้จมูก

“ ตามใจเถอะพี่ไปทำงานดีกว่าเย็นนี้ยังมีงานอีกตั้งมาก”

“ ...” นนท์แอบย่นจมูกตามหลัง ต้นก็ยังเป็นต้นวันยังค่ำทำดีกับเขาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็กลับไปบ้างานอีกแล้ว แถมยังวางหน้าตายเฉยเมยอีก เอาเถอะไหนๆวันนี้เขาก็ยอมให้นนท์ใกล้เขามากขึ้นแล้ว นนท์จะไม่ถือสาเขาอีกต่อไป หากเขาหน้าเฉยนนท์ก็จะยิ้มรับ



ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #116 เมื่อ22-07-2009 01:00:03 »

^

^

^

เย้ ๆๆๆ เข้าใจกันแล้ว หุหุ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 19
«ตอบ #117 เมื่อ22-07-2009 01:01:33 »

ตอน 22

ด้วยความตั้งใจว่าจะไปซื้อน้ำหอมให้พี่ต้น นนท์เลยออกจากที่ทำงานตั้งแต่เย็นและบอกว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านเอง แต่เดินทางไปซื้อของมาเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่สำนักพิมพ์เลยกลับไปเอา แต่ฝนก็ดันเทลงมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้คนร่างโปร่งติดอยู่ภายในตึกจะกลับก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เตรียมร่มมา นนท์เลยเลือกนั่งทำงานบนโต๊ะเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว และเหมือนจะทำงานเพลินไปหน่อยจนเวลาเลยล่วงเลยมามากต่อมาก ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ...


และเหมือนลิขิตของบางอย่างพกพาความสุขมาแก่สองร่าง..วันนี้ต้นเองก็ลืมเอกสารสำคัญไว้ที่โต๊ะทำงานเลยกลับมาเอาเช่นกัน ตอนแรกเขายังนึกสงสัยว่าใครกันนะมานั่งอยู่ในห้องของเขาเงียบๆ เพียงลำพังพอเดินเข้ามาก็หายสงสัย อาจเพราะชะตาลิขิตต้นถึงได้หวนกลับมาเอาของที่สำนักพิมพ์และได้มาเจอกับใครอีกคน

“ ทำอะไรอยู่”


“ เฮ้ย” นนท์ส่งเสียงโวยวายอย่างตกใจ ... เพราะดวงตากำลังจับจ้องอยู่ที่งานในมือ สมาธิเลยมุ่งตรงไปอย่างเดียว ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในห้อง ตอนต้นทักทายเลยตกใจไม่น้อย


“ ขวัญอ่อนจริงจริ๊งคุณหนู ทำอะไรอยู่ไหนบอกว่าจะกลับบ้านก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมย้อนกลับมาอีกล่ะ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตน รื้อเอกสารที่ต้องการออกมาวางไว้บนโต๊ะ



“ นนท์ลืมของไว้เลยกลับมาเอา พอดีฝนตกเลยไปไหนไม่ได้นนท์จึงนั่งดูงานไปเรื่อยๆ อีกสักแป๊บก็เสร็จแล้ว วันจันทร์มาทำงานจะได้ไม่เครียด” เวลาทุกนาทีของนนท์ช่างมีค่าจริงๆ ผิดกับเจ้าฟูจังคนก่อนสิ้นดี...


“ อย่างนั้นเหรอ งั้นพี่รอแล้วกันจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” ชายหนุ่มบอกเสร็จสรรพพร้อมทั้งเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆอีกคน.. มือหนึ่งก็หยิบงานออกมาเปิดอ่าน



“ ครับ” นนท์หันไปยิ้มให้แล้วกลับไปทำงานที่เหลืออีกไม่มากต่อให้เสร็จ ชายหนุ่มมองอีกคนอย่างสนใจแต่แล้วเขาก็เลิกนั่งรอ ร่างของเขาค่อยๆเอนลงบนเก้าอี้และหลับตาลง สงสัยนอนรอจะดีกว่า


เห็นท่านอนของชายหนุ่มก็อดขันไม่ได้ ผู้ชายที่ดูดีทุกเวลาแต่ตอนนี้ยามอยู่ตรงหน้านนท์ เขากล้าจะนอนหลับโดยไม่ขัดเขิน กล้าจะทำสิ่งที่ไม่เคยทำเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น มือเรียวเลื่อนไปปิดเอกสารที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว สายตาของนนท์ก็เลื่อนไปจับจ้องคนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ข้างกาย



“ บางทีนนท์ก็รู้สึกเหนื่อยนะ ที่ต้องวิ่งตามอะไรที่ไม่รู้ว่าจุดหมายมันอยู่ตรงไหน มันเหนื่อยจริงๆกับการที่วิ่งไปโดยไม่รู้จุดจบ นนท์ต้องวิ่งกันถึงเมื่อไหร่ถึงจะไล่ตามพี่ทัน แต่ช่างเถอะอย่างน้อยตอนนี้ก็ดีหน่อยที่พี่ไม่ทำหน้าบึ้งหน้าตึงใส่นนท์แล้ว แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลาแต่นนท์ก็หวังไว้ว่าสักวันจะทำให้พี่หยุดรอนนท์บ้าง” ถ้อยรำพันที่เก็บตันอยู่ในใจมาหลายปีดังขึ้นกับคนที่คิดว่าหลับอยู่


“ พูดจบหรือยัง กลับกันได้แล้ว” เขาลืมตาขึ้นเมื่อนนท์พูดจบ ส่วนนนท์ก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อรู้ว่าเขาได้ยินทุกอย่างที่พูด



“ พี่ไม่ได้หลับนี่” นนท์ออกจะตกใจ


“ แล้วพี่บอกว่าหลับเหรอ กลับกันได้แล้วใช่ไหม” ขนาดได้ยินคนหน้าหวานพูดซึ่งหน้า ชายหนุ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องไปช้าๆ


เขาจะหยุดรอให้นนท์เดินตาม จะวิ่งให้ช้าเพื่อให้นนท์ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปกับการตามเขา และจะเลิกบึ้งใส่ในเวลาที่มากขึ้น


สองหนุ่มวิ่งฝ่าฝนไปยังรถที่จอดไว้หน้าสำนักพิมพ์อย่างว่องไว ระยะที่ห่างเพียงไม่เท่าไหร่ทำให้เสื้อผ้าโดนฝนแค่เล็กน้อย ฝนฟ้าในช่วงนี้ตกไม่มีวี่แววคนในเมืองที่เร่งรีบมักหลงลืมเรื่องการพกพาร่ม เพราะเกิดฝนไม่ตกร่มก็กลายเป็นของเกะกะ ทั้งสองก็เช่นกันไม่ต่างจากคนเมืองคนอื่น


“ รถเป็นอะไรไปหรือ” นนท์ถามขึ้น เพราะเหมือนการติดเครื่องของเขาจะกินเวลามากกว่าปกติ ชายหนุ่มหันมาบอกหน้าเสีย


“ สงสัยรถจะตากฝนนานเกินไปเลยทำให้เครื่องขัดข้อง พี่เองก็ไม่ได้เช็คสภาพรถมานานแล้วสงสัยจะออกฤทธิ์คราวนี้แหละ”


“ แล้วจะทำยังไงล่ะ ดึกอย่างนี้แถมฝนยังตกหนักแท็กซี่ก็ไม่วิ่งแล้ว เราจะกลับบ้านกันอย่างไร” นนท์ชักจะเป็นกังวลกลัวคนที่รออยู่ที่บ้านจะะเป็นห่วง

“ คืนนี้นอนคอนโดฯพี่ก่อน” ชายหนุ่มเสนอความคิด คนฟังถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอย่างอัตโนมัติจะห้ามก็ทำไม่ได้ด้วย

“ เป็นอะไรอย่าบอกว่าเขินนะ ใช่ว่าเราไม่เคยนอนด้วยกันสักหน่อย” โธ่ ก็นั้นมันเพราะมีความกลัวส่วนตัวมาเป็นปัจจัยนี่ แล้วตอนนั้นก็อยู่ในบ้านด้วยจะว่าไปมันก็ไม่เหมือนกันเลย



“ ไปเถอะฝ่าฝนไปก่อน แล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าขืนอยู่อย่างนี้คงไม่ได้ออกจากรถแน่ อีกอย่างพี่ก็ง่วงแล้วพรุ่งนี้ยังมีงานแต่เช้าด้วย” ชายหนุ่มตัดบทแล้วเปิดประตูวิ่งนำไปรอที่ใต้สะพานลอย


“ คนบ้าวิ่งไปไม่รอนนท์เลย” คนตัวบางสาวสบถเล็กน้อย แต่ก็ยอมวิ่งตามเขาออกไปเมื่อนนท์ตามมาสมทบเขาก็กดล๊อคประตูอัตโนมัติจากรีโมตอันเล็กในมือ


“ ทนหน่อยนะ ตากฝนหน่อยเดี๋ยวก็ถึงแล้วดีนะที่คอนโดอยู่ใกล้แค่นี้เอง” ต้นบอกคนข้างกายอย่างเป็นห่วง ..เสื้อสีขาวที่แนบเนื้อเพราะความลู่น้ำทำให้ต้นต้องเบือนหน้าไปทางอื่น ..ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..


เมื่อมาถึงในห้องชายหนุ่มก็รีบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมร่างเล็กๆที่สั่นเทิ้มไว้ทันที ส่วนเขาก็หาผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวเช่นกัน


นี่เป็นครั้งแรกที่นนท์ได้ก้าวเข้ามาในความเป็นส่วนตัวของเขา ครั้งแรกที่นนท์ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของชายหนุ่มใกล้กว่าทุกครั้งที่เคยสัมผัส

“ ไปอาบน้ำก่อนไปเร็วๆนะ อาบน้ำอุ่นกันไว้จะได้ไม่ป่วย” ชายหนุ่มยื่นผ้าขนหนูพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของเขาส่งให้


“ ครับ” นนท์รับไปอย่างว่าง่าย ตอนนี้อยากอาบน้ำอุ่นที่สุด แม้จะได้ไออุ่นจากผ้าผืนหนาแต่มันคงไม่ดีเท่าการได้ลงแช่ในน้ำที่แสนอุ่นได้หรอก


“ อย่าช้าล่ะ ถ้าไม่อยากออกมาเห็นพี่หนาวตายก็รีบๆหน่อย” ต้นเอ่ยดักทางก่อน


“ ครับเจ้านาย..” นนท์รับคำแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำทันที ฝ่ายเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายลับตาไปก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ...แต่...นนท์นึกขึ้นได้ว่าลืมครีมในกระเป๋าสะพาย ซึ่งตั้งอยู่บนเก้าอี้ที่นั่งเมื่อครู่เลยเดินกลับออกมา

“ เฮ้ย” เสียงร้องนั้นทำให้คนใส่กางเกงอยู่ถึงกับรีบนั่งลง เอาอีกแล้ว...ชอบมาตอนเขาโป๊อยู่เรื่อยนนท์เป็นอะไรนักหนานี่... ชอบทำให้ต้นใจหายใจคว่ำตลอดเวลาเลย..

“ เด็กบ้า มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”


“ คือนนท์จะมาเอาของในกระเป๋า นนท์ไม่ได้ตั้งใจนะ ใครจะรู้ล่ะว่าพี่กำลังโป๊อยู่แล้วพี่แต่งตัวเสร็จยังล่ะ” เสียงของนนท์รีบรัวบอก กลัวเขาจะเข้าใจผิด


“ เสร็จแล้วจะมาเอาอะไรก็มาสิ” เขานั่งลงอย่างอ่อนใจ แต่เมื่อใจเขาโอนเอนลงให้อีกฝ่ายแล้ว
เขาก็พร้อมรับ การเข้ามาของคนตัวบางทำให้เขามีความสุขมากขึ้นเยอะ หากจะมีแฟนอย่างนนท์เขาก็พร้อมรับและยินดีอยู่แล้ว คนแรกที่เขาจูบ และเขาคือคนแรกที่จูบนนท์


คนหน้าหวานที่ฝาดปลั่งด้วยความอุ่นของสายน้ำรีบจัดการตัวเองอย่างเร่งรีบตามคำสั่งเขา แค่ได้กระแสน้ำอุ่นๆอาบทั่วร่างแค่นี้ก็สบายตัวแล้ว ไว้วันหลังค่อยนอนแช่ให้สบายใจวันนี้ให้เขาเข้ามาอาบก่อนดีกว่าจะหนาวตาย นนท์เดินก้าวเข้ามาภายในส่วนห้องนอนของพี่ต้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ..ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังอาบน้ำคลายความหนาว นนท์เลยขึ้นมายึดครองเตียงนอนเสียก่อน..


“ ดึกป่านนี้แล้วยังนั่งทำอะไรอีก” ต้นในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนนนท์ เดินเข้ามาในห้องอย่างสงสัยนึกว่านนท์จะหลับแล้วเสียอีก


“ เปล่าหรอก” นนท์ตอบปัดไป พร้อมทั้งเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ ชายหนุ่มรีบหยิบมาเปิดดูเมื่อเห็นเป็นชื่อของกิ่งก็ยิ้มออก


“ ไงบ้างกิ่ง” นนท์เอ่ยถามอย่างห่วงใย ..รู้ดีว่าวันนี้ หญิงสาวแอบไปหาต่อ...ก็วันก่อนเล่นงอนกันอีกระลอก.. จนต่อจะไปสารภาพกับคุณแก้วเสียให้ได้ว่าคบกับกิ่งอยู่ ชายหนุ่มไม่ชอบเลยจริงๆ ทั้งที่เขาเองก็ให้เกียรติ ทั้งที่เขาเองก็จริงใจ ..จะแปลกอะไรหากคุณแก้วรู้ว่าลูกสาวคนเล็กมีแฟนแล้ว..


“ วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะแกช่วยบอกแม่ให้หน่อย ตอนนี้ฉันอยู่กับต่อมัน” ปลายสายค่อยๆกระซิบเพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่ต้องตื่นขึ้น


“ ง้อแฟนแกสำเร็จแล้วเหรอ..” นนท์พูดเย้า..เพราะเคยหลุดปากเรื่องแฟนกิ่งไปหนึ่งครั้งแล้ว..เลยไม่ห่วงสักเท่าไหร่ เมื่อคนที่ล้มกายลงมานอนข้างๆ ชะโงกหน้าดูอย่างสงสัย..

“ เอ่อ..แต่ฉันต้องนอนเป็นเพื่อนมันนี่แหละ..”


“ นอนได้แล้วคุณหนู” ต้นชักเริ่มรำคาญ เพราะเขาเป็นคนนอนยากแค่ได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆมากวนใจก็ทำให้นอนไม่หลับแล้ว


“ อยู่กับพี่ต้นเหรอ...” กิ่งเอ่ยถามเสียงตื่นเต้น


“ เลิกล้อเลยแก..แค่นี้แหละ..” นนท์หน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะรีบปิดการสนทนาก่อนเพื่อนสาวจะรู้เรื่องไปมากกว่านี้...

“ ใช่สิ..” นนท์วางสายไปก็นึกอะไรได้..”


“ เรายังไม่เคยถ่ายรูปคู่กันสักรูปเลย พี่ลุกขึ้นมาหน่อยนนท์อยากถ่ายไว้” นิ้วเรียวเลื่อนกดเลือกโหมดถ่ายรูปจากโทรศัพท์ในมือ แต่คนที่เขาอยากถ่ายด้วยกลับนอนนิ่งไม่ยอมลุกขึ้นมา บางเรื่องที่นนท์เห็นว่าสำคัญแต่สำหรับพี่ต้นอาจมองว่าไร้สาระ

“ ไว้ค่อยถ่ายเถอะวันนี้พี่ง่วงแล้ว” เขาบอกปัด แต่ดวงตาก็ยังมองไปยังร่างบางที่นั่งหน้างออยู่.. นนท์หันมาย่นจมูกเล็กใส่ๆคนที่นอนข้างตนเล็กน้อย ..ทำไมต้องมาชอบคนเย็นชาพรรค์นี้ด้วยนี่..


“ พี่นี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย นนท์ไปชอบพี่ได้ยังไงนี่ไม่ถ่ายก็ไม่ต้องถ่ายนนท์ถ่ายคนเดียวก็ได้” คำตัดพ้อหาจริงจังสักเท่าไหร่ ออกจะเป็นแนวบ่นรำพึงรำพันมากกว่า นนท์เลิกสนใจคนข้างกายแล้วกลับไปมองโทรศัพท์ในมือเพื่อยกขึ้นจะถ่ายรูป

“ นนท์ไม่สนพี่แล้ว” นนท์บอกพร้อมทั้งกดปุ่ม และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มยอมทำตามความต้องการของนนท์และตัวเขาเอง ในเมื่อนนท์ยอมวิ่งตามเขามาตั้งหลายปี เขาเองควรตอบแทนความรักอีกฝ่ายบ้างสิ อีกอย่างยิ่งรู้ว่านนท์รักเขาจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อลบล้างคำสบประมาทเมื่อสองปีก่อน ยิ่งทำให้เขาโอนอ่อนยอมมอบใจให้อีกคนมากขึ้น .

. ริมฝีปากของเขาวางลงบนแก้มนวลปรั่งอย่างแผ่วเบา นิ้วมือที่กดปุ่มถ่ายภาพวางลงในวินาทีเดียวกัน ตอนนี้นนท์ไม่สนใจรูปถ่ายแล้วล่ะ หันมองเขาอย่างแปลกใจมากกว่า หน้าของเขายังอยู่ที่เดิม ..นนท์เพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าหน้าของเขาใกล้นนท์มากที่สุด หากไม่นับตอนที่โดนเขาจูบเมื่อครั้งนั้น ห่างกันเพียงน้อยจนปลายจมูกแทบชนกัน น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่หลบยังคงจ้องนนท์ตอบ ดวงตาคู่เรียวของนนท์มองอย่างไม่อยากเชื่อ


“ พอใจหรือยัง” รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏ ครั้งแรกจริงๆที่เห็นมันน่ารักแกมร้ายอย่างบอกไม่ถูก เขากล้ามองนนท์ตอบไม่หลบเลี่ยง


“ คือ” ดวงตาพ่อคนเจื้อยแจ้วเจรหรุบต่ำ ใจพองโตมากกว่าครั้งไหนแถมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกร่าง เขายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ริมฝีปากของชายหนุ่มวางลงที่แก้มนนท์อีกครั้ง


“ นอนได้แล้ว” แล้วเขาก็ล้มลงนอน ปล่อยให้นนท์นั่งอึ้งไปกับการกระทำของเขา ใบหน้าเรียวรีเริ่มแดงก่ำเพราะความเขิน..ทำอะไรไม่ถูกเลยหันมามองโทรศัพท์ นนท์แก้เขินด้วยการยิ้มให้หน้าจอ


“ เอ๊ะ” เพิ่งสังเกตเห็นว่าเมื่อกี้ถ่ายติดภาพที่เขาเอาปากมาชนแก้มนนท์.. มือเรียวยื่นให้อีกคนดูบ้าง ผลงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกที่เขายอมทำอะไรอย่างนี้


“ อืม” เขามองผ่านแล้วหลับตาลง

“ นนท์ขอโทรศัพท์พี่หน่อย”


“ จะทำอะไรอีกคุณหนู...” สุ้มเสียงเขาไม่ได้รำคาญนนท์เลย ตอนนี้ไม่ว่านนท์อยากทำอะไรเขาก็พร้อมร่วมมือทำไปกับนนท์ทุกอย่าง มันก็น่าแปลกนนท์ก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อความนึกคิดของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ แต่พอมานั่งทบทวน ภาพของอีกคนก็เริ่มเข้ามาในความคิดแทบจะทุกครั้ง ทุกความรู้สึกหรือลมหายใจเข้าออกรอยยิ้มการเอาใจใส่ หรือจะเวลาที่เธอย่นจมูกใส่เขา ...ทุกภาพของความรัก


“ เอามาเถอนะ”


“ อยู่ที่หัวเตียงนะ หยิบเอาเองล่ะพี่จะนอนแล้ว” คำนั้นที่ออกมาย่อมแสดงว่าเขาอนุญาตให้นนท์ใช้โทรศัพท์ของเขาแล้ว นนท์ยิ้มแป้นเอื้อมกายไปหยิบโทรศัพท์พกพาที่วางอยู่หัวเตียงข้างเขา ชายหนุ่มที่หลับตาอยู่เริ่มรู้สึกเหมือนเสื้อที่นนท์ใส่อยู่สัมผัสถูกหน้าของเขา กลิ่นหอมจากกายที่บอบบางลอยมาแตะไม่คลาย แม้นนท์จะกลับไปนั่งที่เดิม..แต่เขายังรู้สึกเหมือนกลิ่นนั้นไม่จางไป


“ วันนี้พี่น่ารักมากเลยนะ... นนท์รักพี่จัง..” นนท์ยิ้มให้กับคนที่หลับตา.. สมแล้วกับที่เป็นน้องสติช.. ทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์แสดงออกมาชัดเจนไม่เคยปิดบัง..


“ บ่นอะไรอีกแล้ว..” ต้นพึมพำเบาๆ..พลิกมาที่คนที่นั่งอยู่พลางดึงร่างที่นั่งกดโทรศัพท์ให้ล้มลงนอนข้างกายเขา ความอบอุ่นที่ถ่ายทอด สัมผัสที่ปรากฏผูกพันสองหัวใจให้ใกล้กันมากขึ้น..

“ ไม่ได้บ่นสักหน่อย..”

“ งั้นก็เงียบสักทีสิ..พี่ง่วงแล้ว..”

“ ..” นนท์พยักหน้าเบาๆ ยอมตามใจอีกคน ..พลางยื้อกายเล็กน้อยเพื่อเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียง ก่อนร่างทั้งสองจะเริ่มดำดิ่งสู่สัมผัสของความรัก...

‘พี่สัญญา...พี่จะไม่ทำให้นายต้องเสียใจอีกแล้ว..น้องสติชของพี่...’ ความคิดที่ปรากฏ ..ยืนยันความรู้สึกภายในอย่างชัดเจน ..จะให้ทำยังไง..การแสดงออกของต้นอาจจะดูน้อย อาจจะดูขรึม..หรือมากมายด้วยความเย็นชา ..แต่ที่เขาทำ..มันก็มากที่สุดเท่าที่คนเย็นชาคนหนึ่งจะทำให้คนที่เขารักได้แล้ว...


gboy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
«ตอบ #118 เมื่อ22-07-2009 08:04:28 »

 :m11:
 :m1:
ดีใจแทนน้องนนท์

แล้วเราก็รอต่อไป :z2:
 :z2:
 :z2:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: [นิยาย] ~PeRHaPS LoVe~ by MIRARATH ตอนที่ 20+21+22
«ตอบ #119 เมื่อ22-07-2009 15:21:45 »

ชอบอ่านเรื่องนี้ที่สุดเลยอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด