ตอนที่ 25 : Fuck Butterfly (Part2/2)ส่องกระจกแล้วส่องกระจกอีก เสื้อตัวนั้นใส่แล้วดูดีไหมนะ ถ้าใส่กับกางเองตัวนี้จะเข้ากันหรือเปล่า ชุดนี้ก็หลวม ชุดนั้นก็ไม่ถูกใจ กำไร แหวน ใส่ทั้งหมดนี่จะเยอะไปไหม ผมหยิบเสื้อผ้ากางเกงเครื่องประดับเข้าๆ ออกๆ มาตั้งแต่ช่วงบ่าย จนถึงตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ อีกไม่ถึงชั่วโมงจะถึงเวลานัดแล้ว ... ไม่เอาชุดนี้ ไม่เข้ากัน เลือกใหม่ๆ
ขณะที่กำลังเลือดชุดสำหรับเย็นนี้ อยู่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก
“มึงอยู่ในนี้หรือเปล่าวะ ...” เป็นจังหวะ dead air ที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต คนตรงหน้าในชุดเสื้อโปโลสีฟ้ากางเกงยีนส์ขายาวกำลังจ้องมาที่ผมด้วยสีหน้าตกตะลึง ตาชั้นเดียวคู่นั้นเบิกกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นผม
“... เปลี่ยนชุดอยู่เหรอ” จีเป็นฝ่ายที่ตั้งสติได้ก่อน แต่แทนที่จะเดินกลับออกไป เจ้าตัวกลับก้าวเข้ามาในห้อง แล้วทำเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เห็นผมจะเดินไปเดินมาโดยสวม boxer อยู่ตัวเดียว

“อะ เออ นั่งก่อนดิ” ผมไม่รู้ว่าควรจะไล่มันออกจากห้อง หรือชวนมันเข้ามาแต่ในเมื่อเจ้าตัวหย่อนก้นลงบนเตียงแล้ว ผมก็เลยๆ ตามเลย
“มึงรื้อชุดออกมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” เสื้อกางเกงหลายชุดของผมวางอยู่บนเตียง แขวนอยู่บนตู้ พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ จีมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะกลับมาหยุดอยู่ที่ผมอีกครั้ง
“อ่ออ เออ อืม” เชี่ย!!! ไปไม่เป็นเลยอะ จีนิ่งมาก มันทำเหมือนนี่คือเหตุการณ์ปกติ ส่วนผมก็เขินมาก เขินจนทำตัวไม่ถูก เลยคว้าเสื้อที่อยู่ใกล้ที่สุด ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วใส่ๆ มันไปละกัน
“ตัวนี้ดีกว่า ...” มือที่กำลังสวมเสื้อหยุดชะงัก จีหยิบเสื้อตัวที่วางอยู่บนเตียงแล้วเดินเข้ามาหา
“... น่าจะเข้ากับมึง” ผมรับเสื้อยืดคอกลมสีขาวจากมือเพื่อนสนิท มันเป็นเสื้อยืดคอกลมง่ายๆ มีแค่ logo ของ brand ปักอยู่บนหน้าอกซ้าย
“เหรอ” รับมาแล้วก็รีบสวมอย่างไว
“เอากางเกงตัวนี้” กางเกงยีนส์สีเทาซีดๆ ถูกส่งมาให้ พอใส่เสื้อกางเกงครบ ในใจเลยรู้สึกว้าวุ้นน้อยลง
“ผมไม่ต้อง set แล้วมั้ง แค่นี้ก็ดูดีแล้ว” เชี่ยยยยยยยยยยยยย!!! นี่มันกำลังชมว่าผมดูดีงั้นเหรอ
“อืม ไม่ set แล้วก็ได้”
“ยังขาดอะไรอีกซักหน่อย ...” พูดจบมันก็เดินไปโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเปิดกล่องใส่ accessory ที่วางอยู่หน้ากระจก
“... เหมือนจะเยอะขึ้นจากครั้งสุดท้ายที่กูเห็นนะ ... นี่ไง ...” เจ้าตัวพูดงึมงำๆ ก่อนจะเดินกลับมา สร้อยข้อมือและกำไลถูกบรรจงสวมใส่บนข้องมือทั้ง 2 ข้าง ตามด้วยแหวนที่ถูกสวมลงบนนิ้วชี้ขวา นิ้วกลางซ้าย และจบลงด้วยนิ้วนางข้างซ้าย
“... perfect” มากกกกกก เกินไปมากสำหรับวันแรกที่เจ้าตัวกลับมาจาก offshore ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหัวใจของผมทำงานหนักเหมือนไปวิ่งมาราธอนมา 10 รอบ ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าบรรยากาศระหว่างเรามันดูแปลกไป เหมือนว่าเรากำลังก้าวขึ้นไปอีก step หนึ่ง
“งั้นเราไปกันเลยไหม” ผมถามขึ้นในขณะที่คนตรงหน้ายังกุมมือข้างซ้ายของผมไว้
“มานั่งกับกูก่อน ...” จีเดินจูงผมไปที่เตียงแล้วดึงตัวผมมานั่งบนตัก
“... นั่งดีๆ อย่ายุกยิกดิ”
“ก็มันนั่งไม่ถนัด” ผมเถียงเพราะนั่งไปถนัดจริงๆ ... ไม่ถนัดทั้งกาย ไม่ถนัดทั้งใจ
“มิลค์ นั่งดีๆ ถ้าของกูมันขึ้นๆ มาจริงๆ กูจะให้มึงช่วยเอามันลงนะ...” เป็นคำขู่ที่ทำผมตัวแข็งทื่อเป็นหินทันที

“... กูไม่อยู่ 3 สัปดาห์ เป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า” เสียงกระซิบที่ดังอยู่ไม่ไกล และลมร้อนที่เป่าลดหลังใบหูทำให้อุณภูมิร่างกายของผมร้อนฉ่า มือหนาที่เคยกุมมือของผมเอาไว้เปลี่ยมมาโอบเอวหลวมๆ
“กูไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน มีแค่ไปทำงานที่คณะเท่านั้นเอง” ผมกลับมาก่อนจีประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากพักร่างได้ 2 วันก็นัดทำงานกับพวกไอ้แก้วที่คณะ แม้จะฝึกงานเสร็จแล้วแต่พวกเรายังต้องทำ assignment ให้เสร็จก่อนเปิดเทอม
“เหรอ แน่ใจ? ว่าระหว่างฝึกงานไม่มีใครมาจีบ ...” ริมฝีปากบางของผมเม้มเข้าหากัน
“... ถ้าโกหกจะถูกทำโทษนะ” คนด้านหลังพูดเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไรในใจ สงสัยมาซักพักแล้วว่าต้องมีใครซักคนในกลุ่มเป็นสายให้จี หรือความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสายให้คนข้างๆ ทั้ง 3 คนเลยก็ได้
“ก็ ... ก็มีบ้าง ... มีคนมาขอเบอร์ ขอ Facebook”
“แล้วไงต่อ” น้ำเสียงเรียบสนิทในขณะที่แขนที่พาดอยู่บนเอวกลับออกแรงดึงรั้งผมเข้าหาตัว
“ก็ไม่ได้ให้ บอกเขาว่าไม่สะดวกให้”
“ดีมากครับ ... มิลค์”
“อืม”
“เราไม่พูดกูมึงกันได้ไหม”
“ฮะ??? อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย”
“เพิ่งบอกอยู่หยกๆ ว่าไม่พูดกูมึง”
“แล้วจะให้ใช้คำไหน”
“เรียกชื่อแทนไง”
“ไม่เอาอะ ไม่ชิน”
“เรียกบ่อยๆ เดียวก็ชิน ... มิลค์ครับ ...” เชี่ยยยยยยยยยยยย ขนลุกไปทั้งตัว
“... มิลค์หิวข้าวหรือยัง ... ไม่ต้องเขิน ไหนเรียกชื่อจีซิ ...”
...
...
...
“... เรียกเร็วครับ”
“จี ... มิลค์หิวข้าวแล้ว”
“ดีมากครับ งั้นไปกินข้าวกันนะ คนเก่งของจี”
จมูกโด่งของจีกดลงบนลาดไหล่ของมิลค์ ก่อนที่หน้าผากกว้างจะซบลงแผ่นหลังของเพื่อนสนิท แล้วออกแรงรั้งตัวที่นั่งอยู่บนตักของเขาให้อิงแอบแนบชิดมากขึ้นกว่าเดิม
จีกลับมาถึง base กลางดึกของเมื่อคืน สายแรกที่โทรเข้ามาคือสายของมิลค์ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารีบกลับกรุงเทพแต่เช้าได้ยังไง เป็นครั้งแรกที่เรา 2 คนห่างกันนานขนาดนี้ รวมๆ แล้วเกือบจะเดือนครึ่งที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน การได้ยินแค่เสียงกลับยิ่งทำให้คิดถึงมากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมตั้งแต่เริ่มทำงาน เวลาอยู่ใกล้ชิดกับมิลค์แล้วมีแต่ความคิดอกุศลเกิดขึ้นมากมาย อยากกอด อยากจูบ อยากดูแลปกป้อง อยากเป็นเจ้าของ อยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ... เป็นแฟนกันเลยได้ไหม คบกันเลยได้ไหม ไม่อยากรอให้เสียเวลาอีกแล้ว
ผมในชุดไปรเวทยืนถือของพะรุงพะรังอยู่ใต้ร่มไม้ของลานเกียร์ บัณฑิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ในชุดครุยนับร้อยๆ คนเดินสวนกันไปมาให้ขวักไขว่ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และการรวมตัวกันของพ่อแม่ญาติพี่น้องทำให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่น่าจดจำของบัณฑิตใหม่
“มิลค์ ไหวไหมของเยอะมากเลย” จีเดินกลับมาพร้อมกับช่อดอกไม้สีส้มในอ้อมแขน ในมือของมันยังถือตุ๊กตาหมีสีขาวใส่ชุดครุยแบบเดียวกันถึง 3 ตัว
“ไหวๆ เอามาๆ เดียวมิลค์เก็บไว้ให้” ผมคว้าเอาช่อดอกไม้ในอ้อมแขนของจี ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะม้าหินด้านหลัง ทีมีช่อดอกไม้วางอยู่ก่อนแล้วเกือบ 10 ช่อและตุ๊กตาใส่ชุดครุยเกือบ 15 ตัว
“ร้อนฉิบหาย” คนตรงหน้าบ่นพร้อมกับใช้มือทั้ง 2 ข้างกระพือเสื้อพิธีการสีขาวตัวหนาเพื่อระบายความร้อน
“กินน้ำก่อน” มือหนึ่งหยิบขวดน้ำดื่มส่งให้ ส่วนอีกมือหยิบเอาพัดลมไฟฟ้าแบบพกพาขึ้นมาเป่าเพื่อช่วยดับร้อน มือหนารับเอาขวดน้ำจากมือผมไปก่อนจะกระดกน้ำไปค่อนขวด
แม้จะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมที่อากาศไม่ได้จัดว่าร้อนเท่าไหร่นักแต่เพราะชุดที่หนา ไหนจะเสื้อข้างในและเสื้อครุยแค่คิดผมก็รู้สึกเห็นในบัฌฑิตใหม่ที่ต้องสวมชุดรับปริญญาเดินไปเดินมาทั้งวัน
“อ่า!!! ขอบใจ ... แล้วนี่ร้อนไหม หิวข้าวหรือเปล่า”
“ไม่ร้อนๆ มิลค์กินมาแล้วตอนที่จีอยู่ในหอประชุม ... ป๊าม๊ามากี่โมง” ผมพูดพลางเอาพัดลงไฟฟ้าแบบพกพาเป่าคนตรงหน้าพร้อมกันถึง 2 ตัว
“น่าจะอีกซักพัก นัดไว้บ่าย 3 ...”
“... แล้วนี่โดดเรียนได้ใช่ไหม เกรงใจ”
“โดดเรียนได้ เดียวไปตาม lecture กับไอ้แก้วเอา” วันนี้ผมตั้งใจจะอยู่กับจีทั้งวัน ที่จริงคืออยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เมื่อวาน จีมานอนค้างที่คอนโดของผม เราตื่นพร้อมกันตั้งแต่ตี 3 เพราะคณะวิศวะเข้ารับปริญญาช่วงเช้า เจ้าตัวเลยต้องตื่นเช้ามาแต่งหน้า ทำผม และถึงคณะให้ทันนัดตอน 6 โมงเช้า ในขณะที่เพื่อนสนิทแต่งหล่อ ผมก็จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ นานา รวมถึงขับรถมาส่งเพื่อให้คนตรงหน้าได้มีเวลากินข้าวเช้า
“พี่จีคะ ... ถ่ายรูปกันคะ” บทสนทนาของเราถูกขัดจังหวะด้วยกลุ่มรุ่นน้องชายหญิงกลุ่มใหญ่
“ได้ซิครับ” คนตรงหน้าตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ แม้ว่าจะร้อนจนเม็ดเหงื่อขึ้นเต็มหน้าก็ตามแต่จีก็ยิ้มแย้มถ่ายรูปกับทุกคน
“จี ... เหงื่อออกเยอะมาก เดียวมิลค์จัดการให้ ...”
“... แป๊บนึงนะครับ ... หลับตา ...” ผมหันไปบอกกลุ่มรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหยิบเอาสเปรย์น้ำแร่ออกมาฉีดพรมเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ซักพักแล้วค่อยๆ ใช้ทิชชูซับออก
“รู้สึกดีขึ้นเลยวะ”
“อืม ไปได้แล้ว ...” พูดจบก็พลักไหล่เพื่อนสนิทให้เดินไปหากลุ่มรุ่นน้องที่ตั้งท่ารอถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล เสียงหัวเราะ เสียงแซว ดังขึ้นเมื่อพี่บัณฑิตเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงกลาง ตั้งแต่วันนั้น เราก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อของกันและกันแทน ไม่มีแล้ว “กู-มึง” มีแต่ “มิลค์-จี” แม้ว่าช่วงแรกจะขัดเขินแต่ซักพักก็ชิน พวกเพื่อนๆ แซวกันสนุกปากแต่ลับหลังพวกมันก็แอบยินดี ผมสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของเราทั้ง 2 คนกำลังสุกงอม แม้จะยังไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการแต่ตอนนี้ผมกับจีก็ไม่ต่างอะไรกับคู่รัก
ช่วงที่จีไป off shore ผมนั่งนับวันรอจีกลับมาราวกับเด็กน้อยนับถอยหลังรอวันหยุด ช่วงที่กลับมากรุงเทพจีมานอนกับผมเกือบทุกวัน แม้จะต้องเข้า office แต่ก็เหมือนไปพอเป็นพิธี เจ้าตัวเลยมีเวลาว่างไปรับไปส่งผมรวมถึงพาไปกินข้าวดูหนัง เรากอด จับมือ และสัมผัสตัวกันง่ายขึ้นกว่าเก่า ... แค่มองตาผมก็รับรู้ได้ว่าเรา 2 คนใจตรงกัน ผมไม่สนใจแล้วกับแผลในอดีต ตอนนี้ผมมั่นใจว่าตัวเองพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า เพียงแค่จีเอ่ยปาก ผมก็พร้อมจะขยับสถานนะจากเพื่อนเป็นคนรัก
“... มาครับ เดียวพี่ช่วยพี่จีถือ” ถ่ายรูปเสร็จน้องๆ ก็ให้ช่อดอกไม้และของขวัญอีกหลายชิ้นจนผมต้องเดินเข้าไปช่วยถือ
“จะขนกลับหมดไหมวะ” เจ้าตัวพูดพร้อมกับยืนเท้าเอวมองของขวัญมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะ
“หมดแหละ ... ทำไงได้เนอะ คนมัน popular” อดใจไม่แซวไม่ได้ ของขวัญจาก FC เยอะจริงๆ กองเต็มโต๊ะจนลุงป้าน้าอาโต๊ะข้างๆ เหล่มองทุกครั้งที่เจ้าตัวกลับมาพร้อมช่อดอกไม้และของขวัญชิ้นใหม่
“แซวๆ ... แป๊บนะป๊าโทรมา ...”
“... ไปกัน ป๊าม๊ารออยู่หน้าคณะ ไปถ่ายรูปกับป๊าม๊ากัน”
“แล้วของละ”
“ทิ้งไว้นี่แหละ ไม่มีใครเอาไปหรอก ...”
“... จีเอาแค่ช่อนี้ไปก็พอ อย่างอื่นหายได้ยกเว้นช่อนี้” ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีที่เจ้าตัวหยิบเอาช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อโตขึ้นมากอดไว้ ช่อดอกไม้ของผมที่ให้เจ้าตัวเป็นช่อแรกหลังจากออกมาจากหอประชุม
“G”
“ครับ, dear”
“Congratulations again, no word can explain how I feel today”
“You don’ t have to said anything. Your smile tells me everything and I cannot wait to take the next step with you.”
“สวัสดีครับป๊า-ม๊า ... สวัสดีครับเฮีย-เจ้” ผมยกมือไหว้พ่อแม่และพี่ๆ ของจี ป๊าผูกเนคไทด์สวมสูทมาเต็มยส ในขณะที่ม๊ามาในชุดเดรสสีชมพูสดใส
“ขอบใจนะอามิลค์ เหนื่อยแย่เลยตื่นตั้งแต่เช้าแล้วยังต้องมาอยู่เป็นเพื่อนอาจีทั้งวัน” ม๊าหันมาพูดกับผม
“ไม่เป็นไรครับม๊า”
“ไม่ได้เจอนานเลย เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีนะ”
“สบายดีครับ ม๊าเป็นยังไงบ้างครับ” มือเล็กๆ ของม๊ากุมมือผมไว้ตอนช่วงเวลาที่ไถถามสาระทุกข์สุขดิบ
“ม๊าสบายดี แล้วนี่ใกล้จะเรียนจบหรือยัง”
“ถ้านับปีนี้ด้วยก็อีก 3 ปีครับ”
“ใกล้แล้วๆ พยายามอีกนิด”
“ขอบคุณครับ”
“คุณพ่อคุณแม่สบายดีนะ”
“สบายดีครับ”
“เจ้าจีมาเล่าให้ฟังว่าพ่อของมิลค์ชวนเขาไปทำงานด้วยกัน ม๊าก็เชียร์ให้ไปทำนะ ทำงานกับอามิลค์มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน แต่อีก็ดื้อเหลือเกิน”
“555 มิลค์พยายามพูดเท่าไหร่จีก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจครับ ... ไปครับม๊า ไปถ่ายรูปกัน” ผมจูงมือม๊ามายังป้ายชื่อหน้าคณะ
ผมเขยิบออกมายืนอยู่ด้านข้างเพื่อให้ครอบครัวของจีได้ถ่ายรวมกัน เลยได้เห็นว่าป๊าและม๊ายิ้มกว้างแค่ไหน ลูกชายคนสุดท้องเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยวุฒิเกียรตินิยมอันดับ 1 ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่เอ่อล้นออกมาทางสายตาและรอยยิ้ม
“มิลค์ มาถ่ายรูปกันลูก ...” ป๊าเรียกผมหลังจากถ่ายรูปครอบครัวไปได้หลาย act
“... มาๆ มายืนข้างจีเลย” ผมยิ้มรับแล้วค่อยๆ เขยิบเข้ามายืนข้างเพื่อนสนิท
“พร้อมนะครับ ขอ 5 act รั่วๆ เลยนะครับ” พี่ตากล้องตะโกนบอก
หลังมือของผมกับจีสัมผัสกันเบาๆ จากนั้นนิ้วก้อยของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เริ่มสะกิดนิ้วก้อยของผม เราสะกิดกันไปมาในขณะที่ act ท่าถ่ายรูป ก่อนที่นิ้วก้อยของจีจะตวัดเกี่ยวนิ้วก้อยของผม
“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะมิลค์” ป๊าเอ่ยปากชวน หลังจากที่ตระเวนถ่ายรูปกับลูกชายคนเล็กจนทั่วคณะ ตอนนี้ทุกคนย้ายมานั่งรวมกันที่โต๊ะมาหิน ยังมีรุ่นพี่รุ่นน้องมาขอถ่ายรูปกับบัณฑิตใหม่ต่อเนื่องจนของขวัญเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เฮียกับเจ้ต้องอาสาเอาของบางส่วนไปเก็บที่รถก่อน
“จะดีเหรอครับ มิลค์เกรงใจ”
“เกรงใจอะไร คนกันเองทั้งนั้น ป๊าม๊าไปรอที่โรงแรม ลือ 2 คนเสร็จแล้วค่อยตามมานะ”
“ได้ครับ ... งั้นมิลค์ฝากของไว้กับป๊าก่อนนะครับ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งครับ”
“มึงว่าคนนั้นใช่แฟนพี่จีหรือเปล่าวะ” มือที่กำลังจะเปิดประตูห้องน้ำออกชะงักอยู่กับที่ เสียงของใครซักคนดังขึ้นโดยมีเสียงน้ำไหลจากก๊อกเป็นเสียง background
“พี่จี บัณฑิต อะเหรอ ...”
“... จะเหลือเหรอมึง ตามมาเฝ้าตั้งแต่เช้า กูแอบเห็น shot เขาซับหน้าให้กันด้วย ยิ้มหวานราวกับทั้งโลกมีแค่เรา 2 คน”
“พี่เขาน่ารักดีเนอะ เขาเรียนมหาลัยเราเปล่าวะ”
“นี่มึงไม่รู้จักพี่เขาเหรอ”
“ฮึ ใครวะ”
“มิลค์ ติฒสิงห์ ไงมึง rare item คณะสัตว ลูกเจ้าของ The Nemean Group อะ”
“คนนี้นะเหรอ เชี่ยยยยยย มิน่าละราศีโคตรจับ คนอะไรเหมือนเปล่ง aura ตลอดเวลา”
“ตอนพี่เขาเข้าเรียนปี 1 เป็น talk of the town เลยนะ”
“ใครจะเชื่อเนอะว่าสุดท้ายจะมาเป็นแฟนกับพี่คณะเรา”
“มีข่าวเม้าท์ว่า 2 คนนี้คบกันมาซักพักแล้ว เขาว่ากันว่าเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม”
“ดีเนอะ ได้เป็นแฟนกับเพื่อนสนิท”
“เหมาะสมกันดี พี่จีก็เป็นหนึ่งในสมบัติคณะ หล่อ นิสัยดี เรียงเก่ง มีแต่คนปลื้ม บริษัทที่พี่จีทำงานโคตรใหญ่ เงินเดือนก็ดี”
“จริงมึง 2 คนนี้โคตรเหมาะสมกัน”
“มีคนในใจแล้วนี่เอง มิน่าละพี่จีถึงไม่เคยมีข่าวกับใคร”
“อืม เปิดตัวขนาดนี้ ชัดแล้วมั้งว่าคบกันจริง”
“มันหล่อจริงๆ เว้ยวันนี้” ไอซ์พูดพลางยกแขนขึ้นพาดไหล่ผมไว้หลวมๆ ผมมองเพื่อนสนิทที่แม้จะเดินออกมาไกลจากคณะแต่ก็ยังมีคนมาขอถ่ายรูป สมแล้วที่จะถูกเรียกว่า ‘สมบัติคณะ’
หลังจากส่งป๊าม๊ากลับ ผมกับจีก็เดินมาสมทบกับคนอื่นๆ พวกเรานัดกันถ่ายรวมกลุ่มแถวหน้าหอประชุม
“อืม หล่อ”
“ชมผู้ชายหล่อได้ไม่อายปากเลยนะมึง...” ไอซ์เอ่ยบางแซว มันเบ้ปากมองบนใส่ผมอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ จริงๆ ก็อาย แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้คุณเขาหล่อจริง หล่อจนอยากเก็บเอาไว้ที่ห้อง ไม่อยากให้ใครเห็น แต่วันนี้เป็นวันของเขาเลยต้องยอมให้วันหนึ่ง
“... วาสนามึงเนอะ ได้แฟนหล่อ”
“บ้า!!! ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน” ผมใช้ข้อศอกกระทุ้งเอวไอซ์เบาๆ
“กูก็พูดเผื่อไว้ก่อนไง”
“พูดแบบนี้ มึงไปรู้อะไรมา จีมันไปปรึกษามึงเหรอ”
“หางกระดิกเลยนะอีแรด ... เปล่า มันไม่ได้พูดอะไร จีมันเคยปรึกษาเรื่องแบบนี้กับใครที่ไหน ...”
“... กูแค่สัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของมึง 2 คนก้าวไปอีก step หนึ่งแล้ว”
“อืม” ไอซ์ไม่ใช้คนแรกที่พูดประโยคนี้ ตอนนี้ความรู้สึกที่เรา 2 คนมีให้กันมันล้นจนซ้อนเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ
“มึงไม่กลัวแล้วเนอะ” ผมส่ายหัวให้กับคำถามของไอซ์
“ไม่กลัวแล้ว” มีจีอยู่ด้วยต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็ไม่กลัว
“ยินดีกับมึงด้วย”
“ขอบใจ ... ไปถ่ายรูปกันมึง พวกมันกวักมือเรียกแล้ว”
‘Fuck butterfly, I feel the whole zoo when I’ m with you’
Gossip 3rd Year
ข่าวล่ามาแรงคร่า!!! วันรับปริญญาที่ผ่านมามีแมงเม๊าท์ตาดีแอบไปเห็นไฮโซ ม. ที่ลานเกียร์ ปักหลักอยู่ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ทั้งช่วยถือของ ช่วยถ่ายรูป ป้อนน้ำ เช็ดหน้า หนุ่ม ม. ของเราทำหน้าที่ได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง จังหวะถ่ายรูปครอบครัวดิฉันน้ำตาลื้อเมื่อพ่อสามีกวักมือเรียกลูกสะใภ้เข้าเฟลม ให้ความรู้สึกเหมือนถ่ายรูปครอบครัวบ่าวสาวมากกว่างานรับปริญญา เหนือสิ่งอื่นใดคือช่อดอกไม้ใหญ่เท่าบ้านราวกับเหมาดอกกุหลาบทั้งปากคลองตลาดมาไว้ในช่อเดียวกัน สมศักดิ์ศรีลูกเขยมหาเศรษฐีแสนล้าน สุดท้ายดิฉันขอแสดงความยินดีกับ หนุ่ม จ. ‘ลูกเขยคณะ’ ที่คว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองได้สำเร็จ และขอให้บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร
----------
#Next step #พี่จีจะกินน้องแล้วววววววว #Fuck Butterfly
#LoveInEveryLifetime #รักนะ #ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกัน