กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 ... 10
31
EP.11 บีมเข้าโรงพยาบาลจนได้

        Part’ s กันต์ธีย์ ขณะที่เธียรวิชย์ยังคงใช้ชีวิตที่เสเพลอยู่ที่อังกฤษ เขายังมีความสุขกับอิสระ มันทำให้เขาไม่อยากเดินทางกลับมาไทย แต่ว่าบีม คนที่ต้องมาแบกรับสิ่งที่เขาทำเอาไว้ ถึงเธียรวิชย์จะไม่รู้ว่าก่อนว่าโลกนี้ยังมีผู้ชายท้องได้อยู่ คนนั้นก็คือบีม ตอนนี้ปาเข้าไปยี่สิบวีคแล้ว ตามมาด้วยอาการแพ้ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะพยายามทานก็อาเจียนออกสิ่งที่ช่วยเขาได้คือนมสดรสสตรอว์เบอร์รี่ (เธียรวิชย์ชอบทานนมสดรสสตรอว์เบอร์รี่มากตั้งแต่เขายังเด็กๆ รสอื่นไม่เอาส่วนบีมนี้ไม่เคยดื่มเลยแต่ต้องมาชอบดื่มอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้)

        Rrrr มีสายเข้ามือถือของผม ผมไปยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์เอาไว้ ว่าทำไมผมถึงได้ลาบ่อย ผมยังคงแพ้ท้องหนักมากอยู่เลย น่าแปลกจริงๆ ทั้งที่หมอภีมบอกว่าผมจะดีขึ้นแต่ไม่เลย

        “สวัสดีครับ ผมกันต์ธีร์ครับ” ผมกดรับสายที่โทรเข้ามา

        “สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออรปรียานะคะ พี่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการค่ะ พี่ได้รับอิเมลของน้องน่ะ ใบรับรองแพทย์นะคะ ที่ระบุว่าน้องตั้งท้องนะคะ” พี่เขาพูด กับผมแบบชัดถ้อยชัดคำว่าผมตั้งท้อง

        “ใช่ครับ” ผมคงต้องยอมรับมันซิน่ะ ว่าผมท้องจริงๆ

        “น้องลาเยอะมากนะคะ ลาเยอะขนาดนี้ พี่ว่าดรอปไปก่อนดีกว่าไหมคะ คลอดก่อนดีกว่า ค่อยมาเรียนใหม่นะคะ” พี่เขาพูดกับผม

        “พี่ครับพอดีอาจารย์กันตภณเขาบอกว่าผมสามารถไปเรียนได้นี่ครับ” ผมพูด

        “อ้อน้องคนนี้นี่เองเหรอคะ ที่ว่าเป็นเด็กของรองศาสตราจารย์กันตภณนะคะ ที่อาจารย์เขาเอาตำแหน่งมารับรองแทน พี่ขอโทษนะคะ พี่ไม่ได้สังเกตชื่อและนามสกุลนะคะ “ผมได้ยินแบบนี้ก็รู้สึก เสียใจที่ผมทำให้อาจารย์กันตภณเดือดร้อน

        “พี่ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมทำเรื่องดรอปไปเลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนใคร” ผมพูดกับเธอ

        “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น น้องกรอกเอกสารและซัมมิทเข้ามาเลยนะคะ พี่จะได้ส่งแหนบไปกับใบแพทย์ที่ระบุว่าน้องจะไปคลอดลูกก่อนนะคะ “พี่เขาพูดก่อนจะวางสายไป ผมนี้หน้าชาไปเลยทันที ผมหยิบเอาโน้ตบุคของผมและผมก็เปิดอิเมลดู มีเอกสารส่งมาหาผมแล้ว ผมก็รีบกรอกข้อมูลเพื่อจะได้ดรอป ผมเองก็ทนเดินเข้าไปแล้วมีแต่คนแซวผมไม่ไหวเหมือนกัน นี้ขนาดว่าพุงผมยังไม่ออกเลยน่ะ ผมกรอกทุกอย่างแล้วก็กดส่งไปทันที น้ำตาผมมันไหล่ ผมเสียใจที่ผมทำมาตลอดมันพังลงแค่นี้เหรอ เสียงประตูเปิดเข้ามา มะนาวกับใบชาบอกว่าจะไปซื้อนมรสสตรอว์เบอร์รี่ให้ผมและผมก็ว่าจะไปเรียนด้วยกัน ผมคงขอไปเรียนก่อนที่คำขอดรอปจะออกแล้วกัน ผมหันมามองเพื่อนรักของผม เดินเข้ามาพร้อมกับนมรสสตรอว์เบอร์รี่ ผมหันไปเห็น ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอทันที ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะดื่มเลยสักนิดตั้งแต่ผมจำความได้

       “อะบีมนมรสสตรอว์เบอร์รี่ ดื่มซะ” มะนาวซื้อมาฝาก ผมรีบหันมาหยิบและเปิดดื่มทันที เหมือนหิวมากแต่เป็นเพราะว่ามันอดใจไม่ไหว เห็นแล้วต้องดื่มให้ได้ เพื่อนผมยังอ้าปากค้างเลย

       “อะไรที่มึงไม่เคยกิน มึงก็มากินตอนท้องแทน กูละเชื่อเลยอาการแพ้ท้องที่แม่กูเคยบอกอ่ะว่า มักจะอยากกินอะไรทีไม่เคยกิน” มะนาวพูด

        “แต่แม่กูน่ะ กินทุกอย่างที่พ่อกูชอบนะ แถมแม่กูไม่ชอบแต่ก็อยากกินและนี่ไง กูออกมาหน้ากูนี่ ก๊อบปี้พ่อกูมาเกือบหมด ไม่ได้แม่กูมาเลย” ใบชาพูดพร้อมกับชี้ใบหน้าตัวเองเท่านั้นแหละ

        “พร้วด!!!” ผมรสสตรอว์เบอร์รี่ก็พุ้งพรวดออกมาทันที อย่าบอกน่ะว่าไอ้นั่นมันชอบนมรสสตรอว์เบอร์รี่น่ะ

        “ขุ่นแม่!!!” ทั้งคู่ร้องเรียกชื่อผมเสียงหลงเลย ผมก็พลิกดู จะทิ้งก็ไม่ได้อยากกินอ่ะ กินต่อก็ได้ว่ะ ทนเอาคิดในใจ ผมดื่มไปจนหมดก่อนจะหันไปมอง อะไรน่ะที่มะนาวเอามาด้วย

         “อาจารย์กันตภณฝากมาให้ เขาเห็นมึงชอบแวะซื้ออ่ะ เขาบอกว่าดีต่อขุ่นแม่น่ะ ฟรุ๊ตสลัด” มะนาวพูด ผมก็รับมาดู แค่เปิดเท่านั้นแหละ อาการผมมาทันที ผอืดผอม พร้อมที่จะวิ่งไปกอดชักโครกอีกแล้ว ทั้งที่พึ่งจะดื่มนมที่อยากดื่มเข้าไปแท้ๆ แต่พอเปิดที่อาจารย์กันตภณฝากมาให้ ยังไม่ทันได้ชิมเลย ผมวิ่งไปเขาห้องน้ำแล้ว

         “ขุ่นแม่!!” เรียกอีกแล้วแต่ผมวิ่งไปกอดชักโครกเรียบร้อยแล้ว

          “อ๊วกกกกกก” นั้นมาหมดเลย

          “อันนี้เขาเรียกว่าลูกมึงเขาเลือกคนเป็นพ่อใช่ไหมบีม” มะนาวถามผม ตอนนี้กำลังลูบหลังผมอยู่

         “แต่กูจะไม่เลือกไอ้นั่นเด็ดขาด ไอ้เธียรวิชย์ กูไม่เลือกมาเป็นพ่อของลูกกู เพราะว่า กู กู กู….” ผมพูด

         “กูจะอะไรล่ะ” มะนาวถามผม

         “จะ อ้วก!!!!” ผมพูดและนั้นออกมาอีกแล้ว หมดกันอาหารในกระเพาะผม ไปหมดแล้ว ผมว่าตอนนี้ผมกำลังจะหมดสภาพ เสื้อผ้านักศึกษาที่เตรียมเอาไว้ แขวนไว้นั้น คงต้องแขวนเอาไว้แบบนั้นทั้งที่ผมมีชั่วโมงเรียนวันนี้ด้วยแท้ๆ

         “บีมมึงจะไปเรียนไหวไหมวันนี้น่ะ กูว่ามึงอยู่ห้องเถอะ พวกกูบอกอาจารย์ให้ เขาเข้าใจมึง ว่าช่วงนี้มึงน่ะ ขึ้นๆ ลงๆ ” ใบชาพูด ผมหันไปมอง อะไรขึ้นๆ ลงๆ

         “อาการแพ้ท้องมึงน่ะ สามวันดีสีวันมาเหมือนกัน” ใบชาพูด บอกผม

            มันทำให้ผมคิดว่าที่ตอนแรกผมคิดว่าแค่ไปเรียนให้จบๆ แค่เทอมเดียวเองแต่ว่ามันยากกว่านั้นตรงที่ผมยังแพ้ท้องอยู่นี่แหละและอาจารย์กันตภณก็อยากให้ผมเรียนให้จบ จนต้องเอาตำแหน่งตัวเองไปรับรองให้ผมแบบนี้อีก แค่คิดก็รู้สึกมวนในท้องผม หรือว่าผมเครียดเกินไปด้วยมันเลยทำให้วันนี้ผมอาเจียนหนักกว่าทุกวัน

         “บีม อาเจียนหนักขึ้นขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลเถอะว่ะบีม” เป็กซ์พูดยืนมองผมที่ยังคงโก่งคออาเจียนไม่หยุด

         “นั้นดิวะบีม หมอภีมเขาบอกอยู่แล้วว่าเป็นเยอะให้ไปหาเขา “ฟิล์มพูด

         “ลูกโซ่ สงสารพ่อบีมหน่อยซิลูก อามะนาวนะสงสารมากเลยแต่อาช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ “มะนาวพูดพร้อมกับหยิบเอายาดมขึ้นมาให้ผมดม ผมยกมือว่าผมจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า แต่ว่าทันทีที่ผมลุกขึ้นยืนก็รู้สึกโคลงเคลงยืนไม่อยู่ ภาพเริ่มบิดๆ เบี้ยวๆ และนั้นผมก็เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่หน้าผมทันที เขาเรียกว่าภาพตัด

         “บีม!!!” เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะดำวูบลงไป ผมรับรู้ว่ามีคนช่วยกันนำร่างของผมออกไปจากที่ผมอยู่ล่าสุด คือในห้องน้ำ ที่คอนโดของผม

         “ไอ้บีมเป็นลม!!!” เสียงนั้นดังในหูผมแต่ผมลืมตาไม่ขึ้นเลย มันมืดไปหมด

             ช่วงที่บีมเป็นลมหมดสติไป ทุกคนก็วิ่งกันวุ่นวายจะทำยังไงดี ตกอกตกใจกันหมด แต่ล่ะคนก็ไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่ากันมีแต่มะนาว มะนาวเห็นตัวใหญ่ก็ไม่กล้าอุ้มบีมเหมือน ต่างก็หันมามองหน้ากันว่าเอายังไงดี ต้องพาบีมไปโรงพยาบาลก่อน

         “มึงลงไปเรียกคนมาช่วยดิ!!” ฟิล์มบอกเพื่อนของเขา ใบชารีบวิ่งออกไปจากห้อง จังหวะนั้นประตูลิฟต์เปิดพอดี มีหนุ่มในเครื่องแบบที่เขามาอยู่ที่นี้ได้สักพักกับแฟนสาวแต่ว่าตอนนี้แฟนสาวเสียชีวิตไปได้สามปี ผู้กองรัชชานนท์ เขาเป็นหัวหน้าทีม หน่วยสืบสวนสอบส่วนพิเศษด้วย แต่ว่าเขากำลังถูกย้ายไปทำงานด้านอื่นแทนเพราะว่าเขากำลังสืบถึงการเสียชีวิตของแฟนสาวของเขาอยู่

         “พี่เป็นตำรวจ” ใบชาพูด เขาก็กดลิฟต์ค้างเอาไว้อยู่นั้น เขาก้มลงมองเครื่องแบบ

         “ใช่ครับพี่เป็นตำรวจ” พี่เขาพูด

         “พี่…เพื่อนผมเป็นลมในห้องน้ำพี่!!” ใบชาพูด นายตำรวจหนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่าต้องการความช่วยเหลือ เขารีบวิ่งออกไปจากลิฟต์ก่อนจะตรงไปที่ห้องที่เปิดประตูเอาไว้ เขาวิ่งเขาไปที่นั่น ภาพแรกที่เขาเห็นคือประตูห้องน้ำที่เปิดค้างเอาไว้ ฟิล์มก็พยายามพาร่างบีมออกมา แต่ว่าบีมท้องอยู่ เพื่อนๆ เขาจึงเป็นกังวล กลัวจะไปกระแทกกับอะไรเข้า ผู้กองหนุ่มตรงไปเขาเข้าไปในห้องน้ำและพยักหน้ากับทุกคนว่าเขาจะอุ้มเอง ร่างกายกำยำนั้นอุ้มร่างบีมลอยขึ้นมาทันที ก่อนจะอุ้มออกมาจากห้องน้ำ

         “แล้วน้องจะพาเพื่อนไปโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ” ผู้กองหนุ่มถาม

         “ไปค่ะ “มะนาวรีบตอบ

         “ไปยังไงล่ะ” ฟิล์มถามเพราะว่าแต่ล่ะยังไม่มีรถกันทั้งนั้น

         “มีรถกันไหมครับ” ผู้กองหนุ่มถามอีก

         “ไม่มีค่ะ เอ้ยครับ” ใบชาตอบ

         “เอาอย่างนี้พี่มีรถกระบะน่ะนะครับ สี่ประตู น้องไปถอยรถพี่มา พีจอดเอาไว้ในที่จอดรถด้านข้าง ทะเบียน รช 451629 สีดำครับ “ผู้กองหนุ่มพูดและเอียงให้เขาหยิบกุญแจ มะนาวกับใบชามองหน้ากัน ผู้กองหนุ่มหล่อกล้ามโต ต้องมีการแบทเทิลกันหน่อย

         “หมับ!!” ทั้งคู่

         “น้องครับ กุญแจรถพี่อยู่ด้านข้างลำตัวพี่ครับ ไม่ใช่ตรงกลาง นั้นเป้าพี่นะครับ” พี่เขาพูด

         “อุ้ย! ขอโทษทีครับ ผมจับผิดนะครับ เห็นเหมือนๆ กัน” ใบชาแต่มะนาวนะหยิบกุญแจไปก่อน หันมามองเพื่อนสาว แอบค้อน ไม่บอกกูบ้างเลย

         “มึงเนียนน่ะมึง กุญแจกับช้างพี่เขาน่ะขนาดต่างกันอีชา!!” มะนาวกระซิบด่าเพื่อนทันที

         “ฟิล์มมึงไปถอยรถพี่เขามาเพราะว่ามึงเคยขับรถแฟนพี่ฟ้าอ่ะ” เป็กซ์บอกฟิล์ม เขาพยักหน้าและวิ่งลงไปกับเป็กซ์ก่อนเลย ส่วนมะนาวกับใบชาก็วิ่งไปเตรียมเอกสารให้บีม ผู้กองหนุ่มมองหน้าคนที่อุ้มและมองพุงน้อยๆ เขาเดาได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่แน่ๆ เขารีบอุ้มไปที่ลิฟต์ เพื่อนข้างห้องพากันออกมาดูด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

         “นี่น้องบีมนิ เป็นอะไรไปเหรอคะ” เขาถามผู้กอง

         “น้องเขาเป็นลมครับ ผมจะพาลงไปข้างล่างครับจะไปโรงพยาบาลนะครับ” ผู้กองหนุ่มตอบ

         “นี่ใครก็ได้กดลิฟต์เอาไว้ให้น้องเขาหน่อยเร็วๆ น้องเขาจะไปโรงพยาบาล!!!” พี่ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนข้างห้องตะโกนบอก ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยโลกใบนี้ก็มีคนมีน้ำใจอยู่บ้าง คนที่ได้ยินก็กดประตูลิฟต์เปิดค้างเอาไว้ทันที ใบชาและมะนาวก็วิ่งตามออกมาติดพร้อมกับปิดประตู ผู้กองหนุ่มไม่รอช้า วิ่งไปที่ลิฟต์ทันทีและสองเพื่อนซี้ก็วิ่งตามไปติดๆ เช่นกัน พร้อมกับขอบคุณคนที่เปิดประตูลิฟต์เอาไว้ให้ ผู้กองหนุ่มถึงจะเป็นตำรวจหน่วยสืบส่วนสอบสวนแต่ก็มีประสบการณ์อยู่หน่วยกู้ชีพมาด้วย เขาไม่ได้อุ้มอย่างเดียว เขากำลังมองดูว่าคนที่อุ้มยังหายใจปกติดีไหม บีมยังหายใจได้ปกติแต่ไม่มีสติแค่นั้น

            ทันทีที่ผู้กองหนุ่มอุ้มร่างบีมลงมานั้นรถกระบะของเขาที่ขับมาโดยฟิล์มก็มาจอดและผู้กองก็รีบพาร่างนั้นไปที่รถ เขาพยักหน้าให้มะนาวขึ้นรถไปบนรถก่อนเขาจะได้ส่งร่างของบีมไปให้ มะนาวพยักหน้าและวิ่งไปขึ้นรถแต่ว่านั่งข้างคนขับทันที ทั้งที่เขาต้องการให้เธอขึ้นไปที่แคบหลังของเขานี่

         “อีนาว! เขาให้มึงนั่งกับขุ่นแม่ข้างหลังนี้ มึงเสลอไปนั่งหน้าทำไมเนี๊๊ยะ!” ใบชาพูดแต่ไม่ทันแล้ว ผู้กองหันมาพยักหน้ากับใบชาอีกว่าขึ้นสักคนเถอะ ใบชาก็รีบขึ้นไปแทน พี่เขาส่งร่างของบีมไปในรถ

          “พี่ไปโรงพยาบาล XXXX” ฟิล์มบอกผู้กองหนุ่ม เขาพยักหน้าและรีบไปทำหน้าที่ขับ

          “หนูบอกทางพี่เองค่ะ” มะนาวหันมาบอกผู้กองหนุ่ม

          “พี่ว่าตั้งจีพีเอสให้พี่เถอะ ใส่ชื่อโรงพยาบาลเลยครับ แม่นกว่าครับ” พี่เขาพูดก่อนจะออกรถทันที มะนาวมองบนเล็กน้อย ผู้กองหนุ่มก็รีบเพื่อจะนำร่างบางๆ นั้นไปให้ถึงโรงพยาบาล ดูบีมอ่อนเพลียมาก มะนาวจัดการตั้งค่าว่าจะให้ไปส่งที่ไหน ตามชื่อโรงพยาบาลที่โชว์อยู่บนหน้าจอ

         Rrrr จู่ๆ มีสายเข้ามาพอดี

         “ขออนุญาตรับสายนะครับ” ผู้กองหนุ่มตอบเพื่อว่าจะเป็นงานด่วน

         //สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจเอกรัชชานนท์//

        //ตั้น เมื่อคืน เข้าไปค้นที่ผับแถมXXXX เจออะไรไหม// เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่อยู่ภูเก็ต

        // ไม่เจอว่ะปุณณ์ //ผู้กองหนุ่มตอบตาก็มองหาทางเข้าที่จะไปโรงพยาบาล เขาก็เหลือบมองคนร่างเล็กนั้น ไม่รู้ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ยังไม่ได้สติไปด้วย

        (พี่ค่ะ ทางเข้าข้างหน้าค่ะพี่!!!) มะนาวตะโกนบอกผู้กองหนุ่มเพราะว่ากลัวผู้กองหนุ่มจะเลยทางเข้า ทั้งที่มันยังไม่ถึงเลยแต่ก็ทำเอาตั้นตกใจ เกือบเฉียวรถคันคืน

       “น้องครับ ไม่ต้องตะโกนก็ได้นะครับ พูดเบาๆ พี่ก็ได้ยินครับ// ผู้กองหนุ่มหันมาบอกเธอก่อนจะกุมหัวใจตัวเอง

       //ไอ้ตั้นเกิดอะไรขึ้นในรถมึง// คนปลายสายถาม

      //กูโทรกลับเพราะว่ากู พาน้องที่คอนโดเดี่ยวกันกับกูไปส่งโรงพยาบาลปุณณ์ //ผู้กองหนุ่มตัดสินใจตัดสายพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาลทันที บีมเหมือนจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็เพลียมากจริงๆ ผู้กองหนุ่มนำรถไปจอดที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที เขารีบลงจากรถพร้อมกับเข้าไปอุ้มร่างของบีมเพราะว่าเพื่อนๆ ก็ไม่กล้าอุ้ม เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบนำรถเข็นนอนมารับร่างของบีมไปทันที เข้าไปยังห้องฉุกเฉิน แต่ล่ะคนพ่นลมออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก ที่บีมถึงโรงพยาบาลพอดี

      “ขอบคุณนะพี่” ฟิล์มกล่าวขอบคุณหนุ่มในเครื่องแบบที่พาบีมมาส่งโรงพยาบาล

       “ไม่เป็นไรครับ” ผู้กองหนุ่มพูด

       “พี่อยู่ชั้นไหนอ่ะครับ เพื่อว่าเพื่อนผมเป็นลมอีก ผมจะได้วิ่งไปเรียกพี่อีกทันทีเลย ขอกุญแจห้องด้วยก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ” ใบชาถามผู้กองหนุ่มทันที ผู้กองถึงกับเกาหัวตัวเอง เขายิ้มเจื่อนๆให้

       “คือพี่อยู่ชั้นบนถัดไปหนึ่งชั้นน่ะครับแต่ว่าพี่ย้ายออกแล้วครับ ไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานใหม่ของพี่นะครับ “ผู้กองหนุ่มตอบก่อนจะรีบก้าวเท้าขึ้นรถ เข้าต้องไปหาเพื่อนรักของเขา ตอนนี้เขากำลังสืบหาคนที่ฆ่าแฟนสาวที่กำลังตั้งครรภ์ของเขา แต่ว่าฆาตกร มีคนคอยช่วยเหลือที่เป็นคนใน ทำให้รูปคดีของเขาบิดเบือนไปและมีคนบอกว่า มีเด็กหนุ่มที่เข้าไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ผับนั้นเป็นคนเจอแต่ว่าเขากับไม่ถูกเรียกตัวมาเป็นพยานและเขาเองก็ไม่รู้ว่าคนนั้นคือใคร

TBC…

32
Boy's love story / Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (11/04/24)
« กระทู้ล่าสุด โดย Nattie69 เมื่อ 11-04-2024 22:05:52  »
 :ling1: :z6:
33
EP.10 ฝันเป็นลางเหมือนเธียรจะได้เป็นป๊า

            Part’ s เธียรวิชย์ ผมบินกลับมาเรียนปริญญาโทต่อหลังจากเกิดเรื่อง ผมก็บินกลับมาทันที คืนนั้นผมแค่เสียใจที่ป๊าไม่เข้าใจผมเลยและนี้ป๊ายังสั่งให้ผมเรียนให้จบภายในปีนี้ อันที่จริงก็เรียนมาสามปีแล้วแหละ ยังไม่อยากจบอ่ะ เพราะว่าไม่อยากกลับไปอยู่ไทย ยังอยากใช้ชีวิตเจ้าสำราญที่นี้ มีผู้หญิงมาให้สนองตัณหาทุกวัน และถ้ากลับไปอยู่ที่ไทย แพรวาก็ตามติดจนผมไม่มีใครกล้ามาพลีกายให้ นางเล่นทำตัวหวงผมซะจนน่าเบื่อและนี้คือเหตุผลที่ผมยังไม่ยอมเรียนจนจบ ตอนนี้ผมก็จัดสาวผมทองนมก็โต้ โต หุ่นก็แซ่บ เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก สาวๆ พวกนี้ไม่สนใจหรอกว่าต้องคบกันออกนอกหน้าถึงพลีกายให้ นี้แค่คุยกันถูกคอก็ได้แล้ว จัดไปสองยกติดๆ จนผมสลบผมนอนถอดกายที่เปลือยเปล่า

      ผมรู้สึกคอแห้งมากผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างๆ ผมและผมก็รู้สึกหนักอึ้งอยู่ที่หน้าอกของผม และน่าจะเป็นเพราะเด็กน้อยผิวขาวมากนั่งอยู่ เขาหันมามองผม พร้อมรอยยิ้ม ผมก็ขยี้ตาไปมาอยู่หลายที่ แต่เด็กน้อยนั้นก็ยังอยู่

      “มาหาใครน่ะ แล้วมานั่งบนนี้ทำไมน่ะ ลงไปเลย หนัก” ผมถามเด็กน้อยนั้น

      “ป๊า” เด็กนั้นเรียกผมว่าป๊า ผมก็ชี้ตัวเอง ผมนี่น่ะป๊า

      “นี่อย่ามาเรียกมัวๆ น่ะ เดี๋ยวโดนเต๊ะ ใครป๊า ฉันยังไม่ได้แต่งงานจะเป็นป๊าได้ยังไง ห๊ะ!!” ผมถามกลับทันที เด็กน้อยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาให้ผมเห็นได้ชัดเจน หน้าตาคุ้นๆ น่ะ เหมือนใครน่ะ ผมหันไปมองเพราะว่าในห้องนอนของผมมีตู้เสื้อผ้าฝังผนังและมีกระจก มันจึงทำให้ผมเห็นเด็กน้อยคนนั้นยิ้มให้ผมและหน้าตาเด็กน้อยกับหน้าของผม แทบจะก๊อบปี้กันไปเลยก็ว่าได้ เพราะว่านี้มันหน้าเธียรวิชญ์ตอนเด็กๆชัดๆเลย

       “ป๊า” ยังจะเรียกผมว่าป๊าซ้ำๆ

       “ป๊าใจร้าย!! กลับมาหาม๊าด่วน!!! ” ผมก็สะดุ้งเฮือกอีกครั้งและนี่คือการรู้สึกตัวจริงๆ ของผม เมื่อสักครู่ผมฝันไป ผมรีบยกฝ่ามือขั้นมาปาดเหงื่อที่ใบหน้าของผม ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนถอดกายเปลือยเปล่าอยู่ ผู้หญิงผมทองที่ผมหิวมาด้วยเมื่อคืน นี้ผมฝันไปเหรอเนี๊ยะ ผมเหลือบมองเวลาแอปเปิล IHOME ที่ตั้งอยู่ เป็นเวลาตีสองกว่าเกือบจะตีสาม และถ้าตอนนี้เป็นเกือบจะเวลาสิบโมงเช้าที่ไทยพอดี ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปในห้องครัว ห้องที่ผมอยู่เป็นคอนโดหรู อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่ผมมาเรียน ผมหยิบมือถือมาโทรหาเพื่อนผมก่อน เพื่อว่ามันจะช่วยทำนายฝันผมได้มั้ง

      // ฮัลโหล// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่ามันยังไม่ตื่น

      //ไอ้ราเชน มึงไม่ไปทำงานหรือไงว่ะ//ผมถามเพราะว่าที่นี้ช้ากว่าหกชั่วโมง

     // ไปแต่รอตื่น มึงล่ะ เป็นห่าอะไร นอนไม่หลับหรือไง หรือว่าพาสาวที่ไหนมาอึบๆ กูจะโทรบอกแพรวาให้” ผมว่าฝันร้ายก็แย่แล้วเจอเพื่อนเอาแพรวามาขู่อีก

     //พอ พอ ไอ้เชี้ย กูไม่อยากได้ยินว่านางซื้อตั๋วเครื่องบินและให้กูไปรอรับที่สนามบิน กูขอล่ะว่ะ// ผมพูด ก่อนจะหันไปรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นมาดื่ม

     //มีอะไรวะ และที่นั่นกี่โมงแล้วว่ะมึง// ไอ้ราเชนมันถามผม

     //ตีหนึ่งแล้ว// ผมตอบไป

     //ตื่นมาทำไมว่ะ ไอ้เธียร!!// เพื่อนมันถามผมได้น่ารักมาก นี้แหละคือที่ผมอยากบอกว่าทำไมผมถึงได้ตื่นมาตอนนี้ ทั้งยังไม่ควรจะตื่นเลยผมก็ไม่รู้จะสะดุ้งตื่นมาเพื่ออะไร?

     //กูฝันว่ะ กูฝันแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะมึง ฝันจนกูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!// ผมพูด ผมก็เล่าให้ไอ้ไปส์มันฟังไปแล้ว ผมให้มันไปหาคำตอบมาให้ผม ว่าคนผมอะไรด้วยคืนนั้นเป็นใครกันแน่

      //ฝันว่ามีเด็กมาอยู่ในห้องมึงเหรอว่ะ// ไอ้ราเชนมันถามผม แสดงว่าไอ้ไปส์ได้เล่าให้มันฟังแล้ว

     //เออดิ แต่รอบนี้มันหนักมากน่ะ มาเรียกกูว่าป๊าและบอกว่าให้กูกลับไปหาม๊าด่วนเลยมึง นี่กูจะประสาทหลอนอยู่แล้วเนี๊ยะ// ผมพูดพร้อมกับเอามือเสยผมไปด้วย

      //เขาบอกว่าฝันเห็นเด็กแสดงว่ามึงจะได้เป็นพ่อคนว่ะและกูว่าแม่ของลูกมึงอาจจะเป็นแพรวาเพราะว่าสาวหมวยจีนก็มีแต่แพรวาและที่มึงชอบอิบ อิบ ก็ผมทอง ผมบอร์นไม่น่าจะใช่ม๊าว่ะ ฮ่าๆ // ไอ้ราเชนพูดผมอยากจะบ้า "ไม่เอา ลิฟต์ไม่มีทางเพราะว่าแพรวาน่ะ เป็นแม่คนไม่ได้หรอก มึงเชื่อกูและอาม่ากูคงได้ทะเลาะกับแพรวาวันสี่เวลาอีก กูคงประสาทกินก่อนแน่ๆ" ผมพูด "แล้วจะมีใครอีกว่ะที่มึงไปอิบ อิบ ด้วย และมึงไม่ได้ป้องกัน มึงนึกดิ" ไอ้ราเชนมันพูด ผมก้มลงมองพื้น อันนี้แหละที่คิดหนักเลยเพราะว่าคืนนั้นผมไม่ได้ป้องกันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธียรวิชญ์ที่ไม่ได้ป้องกันแต้ว่าน้องคนนั้นมันผู้ชายโว้ย!!

       //กูป้องกันตัวเองดี ไอ้เชี้ย// ผมพูด ผมหมายถึงกับผู้หญิงที่ผ่านๆมา

       //ก็มึงพึ่งจะบอกอยู่ว่ามึงไม่ได้สวมถุงกับน้องที่มึงเอาเขาในผับอ่ะ น้องอะไรวะ กูลืมชื่อ น้องที่ไอ้ไปส์มันจะเอาน่ะแต่มึงแม่งแย่งมันไปลิฟต์// ไอ้เรเชนพูด

       //กูไม่ได้แย่งแต่น้องเขาดันเข้ามาตอนที่กู ต้องการ เป็นมึงจะห้ามตัวเองได้ไหม เสือกใส่ยาให้กูแบบนั้น!! //ผมพูด

       //เออ ๆ กูขอโทษว่ะ แต่ว่าน้องเขาท้องหรือเปล่าว่ะเลยทำให้มึงฝันเห็นเด็กน่ะไอ้เธียร// ไอ้ราเชนมันพูด ผมนี้คิดผิดมากที่โทรหามัน

       //ท้องบ้าบออะไร น้องเขาเป็นผู้ชายไอ้เชน กูจำได้ ว่าน้องเขาเป็นผู้ชาย// ผมพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันมาเห็นของดี ผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะโป่ง โป้ง ฉึ้งไป เธอออกมายืนพิงขอบประตู ผมมองดูจากปลายเท้าไล่ขึ้นมาจนถึง ท่อนบน เธอสวมมาแค่เสื้อคลุมไหล่ที่เปิดยั่วยวนให้ผมอยากวางสายไอ้ราเชนทิ้ง

       “คุยกับใครคะ” เธอถามผมเสียงอ่อนเสียงหวาน

       “เพื่อน เพื่อนที่ไทยน่ะ เออ” ผมกระซิบบอกเธอ

       “คุยต่อไหมคะ” เธอเดินเข้ามาใช้นิ้วมือไล่จากแผ่นอกของผม ที่เธอหายไปนี้คือไปห้องน้ำมาเหรอ

       “ไม่แล้วครับ คุยกับเพื่อนไม่สนุกเท่าคุยกับคนนี้น่าจะสนุกกว่า “ผมบอกเธอก่อนจะยกมือถือผมขึ้นมา

       //กูงานเข้าว่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันว่ะไอ้เชน แค่นี้น่ะ และกูคงได้หลับต่อแล้วว่ะ กู้ดไนท์// ผมพูดกับไอ้คนปลายสาย ก่อนจะรีบกดวาง ผมเดินไปหา แอสชลี สาวสวยผมบรอนด์ทอง ริมฝีปากที่อาบอิ่ม หน้าอกหน้าใจใหญ่โตสมกับเป็นสาวเมืองผู้ดี ผมตรงเข้าไปหาเธอ และแอชลีย์ก็กระโจนเข้าหาผม พร้อมกับมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้ผม

       “แสดงว่าสองยกไม่พอขอต่อเหรอครับแอชลีย์”

       “ใช่ค่ะ เธียร แอชลีย์ อยากได้แบบถึงใจอีกนะคะ จัดให้แอชลีย์หน่อยนะคะ “เธอพูดพร้อมกับกอดคอผม และผมก็ยกสะโพกงามๆ นั้นลอยขึ้นพร้อมกับแขนของแอชลีย์ที่โอบรอบคอผม ศึกที่ต้องแลกมาด้วยน้ำกามของผมกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมวางแอชลีย์ลงที่เตียงนอนคิงส์ไซด์ของผม นุ่มระดับเหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆ ตอนนี้นางแมวยั่วสวาทของผมขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยกเขาขึ้นตั้งฉากรอให้ผมหมุดหัวเข้าไปและผมก็คืบคลานขึ้นไปจนกระทั่ง มองเข้าไปในหลืบนั้นและสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าเด็กน้อยที่กำลังโผ่ออกมา "ป๊า!!" นี้มันมืดมากจนผมมองน้องหนูของเแอชลีย์ เป็นหน้าเด็กไปเลยเหรอ

      “เว้ยยย!!” ผมร้องตกใจเสียงหลงเลยพร้อมกับรีบถอยหลังออก จากตรงนั้นทันที แอลชลีย์ก็หนีบขาตัวเองทันทีเช่นกัน

      “เป็นบ้าอะไรของคุณน่ะ” แอชลีย์ถามผม

       “ก็เห็นมีหน้าเด็กอยู่ตรงนั้นน่ะ” ผมพูดและหลับตาชี้ไปที่ตรงนั้นของเธอ

       “นี่คุณพูดเรื่องบ้าอะไร หน้าเด็กบ้าบออะไรที่ไหน ไม่มี!! ฉันยังไม่เคยมีลูกน่ะและไม่คิดอยากจะมีด้วย” แอชลีย์พูด ผมเองที่ลงไปนั่งอยู่ที่พื้น และตอนนี้น้องผมมันก็หดหมดแล้วด้วย

      “ก็ผมเห็นจริงๆ และมันก็อยู่ตรงน้องหนูคุณเลยแอชลีย์! “ผมพูดพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองไปด้วย

      “นี้คุณจะบ้าเหรอและนี่จะทำไหม เซ็กส์น่ะ” แอชลีย์ถามผมด้วยสีหน้าที่เริ่มจะไม่พอใจ

      “คงไม่มาแล้ว เพราะว่าหดไปแล้ว” ผมพูด

      “โอเค งั้นฉันกลับน่ะ “นางรีบลุกขั้นแต่งตัวแบบลวกๆ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าของเธอที่วางอยู่ ก่อนจะหันมามองผม

      “ไอคิดว่ายู เออเราน่ะ ควรจะเจอกันแค่ครั้งเดียวพอน่ะ เพราะว่าไม่ถึงใจ คุณหล่อมากน่ะแต่เซ็กส์คุณแย่มาก” ผมก็ต้องหน้าชาไปทันที นี้ผมเอาไม่ถึงใจ ทั้งที่แต่ก่อนผมไม่เป็นน่ะ แต่ว่าช่วงนี้ ทำไมน้องถึงได้ไม่อึดไม่ทน ผมก็ต้องยกมือขั้นกุมขมับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองสาวผมทองของผมเดินผ่านออกไป

      “ออกไปแล้วล๊อกประตูให้ด้วยนะคุณ ขอบคุณ” ผมบอกเธอตามหลังไป

      “f**k you”

       “Thank you very much” ผมตอบเธอไป ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นมานั่งบนเตียง จะว่าไปเด็กน้อยที่ผมเห็นก็หน้าหวานๆ มันหวานเหมือนทอมๆ มากกว่า และไอ้เด็กที่ผมมีอะไรด้วยในคืนนั้นก็ออกจะเหมือนทอมมากด้วย จะว่าไปผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร ผมกลับมาเลย เลยไม่ได้ไปตามหาและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำเรื่องแบบนี้ลงไป มันแย่มากจริงๆ ผมพึ่งมารู้สึกผิดหลังจากที่ทำลงไปแล้ว ผมกลุ้มใจมาก ผมเลยต้องโทรไปหาเพื่อนรักที่ผมสนิทที่สุด.

      //ว่าไงวะเธียร นี่มึงนอนไม่หลับเหรอว่ะ มันพึ่งจะตีสามที่นั่นแต่เช้าที่นี้” ไอ้ไปส์มันพูด

       // ไอ้ไปส์เด็กที่มึงว่าจะเอาเขาน่ะคืนนั้นอ่ะ น้องเขาชื่ออะไรวะ// ผมถามไปส์

      //เด็กคนไหนวะ//มันยังตีหน้ามึนถามผมกลับอีก

      //ที่มาชงเหล้าไงว่ะ//ผมพูด

      //ที่มึงเอาเขาในห้องพักวีไอพีเหรอว่ะ //มันยังมาตอกย้ำอีก

     //ไอ้ไปส์ ไอ้เชี้ย!!” ผมด่ามันทันที

     //ก็มึงเอาเขาจริงๆ นี่หว่า แม่งกูอุตส่าห์เรียกเขามานั่งชงเหล้าและกูก็อุตสาห์มอมเขา สุดท้ายมึงเอาเขาแทนกู ให้เชี้ย!!//ไอ้ไปส์พูด

     //มึงจำได้ไหมว่าน้องเขาชื่ออะไร//ผมถามไอ้ไปส์

      //ชื่ออะไรวะ บอ บอ บีม อ้อ ชื่อบีมว่ะ //ไอ้ไปส์มันบอกผม

     // มีชื่อจริงไหมวะ ชื่อบีมนี้จะไปหาที่ไหน บีมคงมีเป็นล้านๆ คนอ่ะ// ผมถามไอ้ไปส์

     // ไอ้ผู้จัดการมันยังไม่รู้เลย เพราะว่ากูก็ไปถามให้มึง มันบอกไม่รู้ชื่อจริงเพราะว่าน้องมาทดลองงานแต่ไม่ได้บอกทดลองงานอะไรว่ะ// ไปส์มันพูด

     // มันโกหกหรือเปล่า รับคนมาทำงานไม่มีเอกสารส่วนตัวอะไรเลยแปลกว่า// ผมพูด

      //กูย้อนกลับไปเพื่อจะไปดูว่ามีใครให้ข้อมูลพวกเราไหม คนคุ้มด้านหน้าผับอ่ะบอกว่ามีคนมาตามหาผู้จัดการ หนึ่งในนั้นคือเพื่อนน้องเขา แต่ไอ้ผู้จัดการบอกว่าไม่ได้ให้ข้อมุลอะไรไปน่ะ ส่วนแหวนมึงน้องคงเอาไปขายแล้วมั้ง “ไอ้ไปส์พูด

     //ถ้าเขาเอาไปขาย มันก็ได้เงินเยอะอยู่น่ะ แต่แหวนก็คงไปไหนต่อไหนเลยเพราะว่าแหวนนั้นมีแต่ชื่อกู นามสกุลน่ะใส่ไหมหมด ชื่อกูยาว นามสกุลเลยไปได้แค่ ดอ เด็กตัวเดียว” ผมพูดกับไปส์

     //อ้อ เลยกลายเป็นไอ้เธียรวิชย์ หัวดอกเลยดิมึง//

    //ไอ้เชี้ยไปส์!!” ผมด่าส่วนไปทันที

     //แล้วนี่มึงก็ดันถอดแหวนวงศ์ตระกูลของมึงเองให้น้องเขาเอาไว้ดูต่างหน้าด้วย ทำไมไม่ควักเอาบัตรประชาชนมึงให้น้องเขาไปแทนล่ะวะ น้องเขาได้เห็นหน้าไอ้ผู้ร้ายที่ทำลายประตูหลังเขาชัดๆ และเอาหลักฐานมาโชว์พ่อบังเกิดเกล้ามึงล่ะครับ //ไอ้ไปส์มันพูด

     //มึงจะซ้ำกูอีกนานไหมไอ้ไปส์ เดี๋ยกูวางสายเลย// ผมพูดเพราะว่าผมจนมุมแล้วไง

     //มึงก็วางดิ มึงโทรหากู กูไม่ได้โทรหามึง// ไอ้ไปส์ไอ้วนกตีนขั้นเทพ

      //และมึงนี้แม่งเป็นผู้ร้ายไม่เนียนไปเรียนมาใหม่เถอะไป มึงข่มขืนเขาแล้วมึงยังทิ้งหลักฐานให้เขาเกือบได้พาตำรวจมาลากคอมึงอีก เทพมากเพื่อนครับ// ไอ้ไปส์มันด่าผมเป็นชุด

      //และดีที่พวกกูไหวตัวทัน กูเอาเงินอุดปากไอ้ผู้จัดการผับไปหมดแล้วว่าห้ามบอกว่ารู้จักพวกกูและมึง //ไอ้ไปส์มันพูด

      //เออ ขอบใจว่ะ แต่ที่กูให้เขาไว้ก็เพราะว่าห้าพันมันน้อยไปไอ้สัส!! และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกมึงคน่ะโว้ย!//ผมพูด ก่อนจะเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ผมรับรู้ได้ว่ามือถือผมมีข้อความเข้า ผมก็รีบกดเข้าไปดูและสิ่งที่ทำให้ผมตกใจแทบสิ้นสติ ผมเด้งตัวเองขั้นนั่ง

      //ไอ้เชี้ย ป๊าล๊อกบัตรกูไม่ให้กูใช้!!// ผมพูดเสียงดังใส่มือถือของผม

      //ก็เขาอยากให้มึงกลับไทยนี่หว่าไอ้เธียร//ไอ้ไปส์มันพูด

      //ก็กูยังไม่อยากกลับอ่ะ กูยังไม่อยากไปดูแลที่กูไม่รู้ว่ากูจะทำได้ไหม กูไม่ได้ชอบอ่ะ มึงเข้าใจกูไหมวะและกูเบื่อกลับไปแพรวาก็ตามติดกูอีก // ผมพูด

     //มึงก็บอกแพรวาไปดิว่ะ ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเขา//ไอ้ไปส์มันแนะนำผมแต่มันก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างแพรวาเป็นยังไง

      //กูบอกยังไงวะ แพรวาเอาแต่ใจที่สุด พ่อเขาก็ตามใจ อธิบายก็ยาก ไม่เข้าใจหรือไม่ยอมจะเข้าในก็ไม่รู้//ผมพูดกุมขมับเลยผม

      //เออ แค่นี้ก่อนนะไอ้ไปส์ กูโทรหาเฮียกูก่อน// ผมพูดก่อนจะกดวางสายไอ้ไปส์และหันไปโทรหาเฮียผมทันที ตั่วเฮียของพวกผม เฮียธี

     //ว่าไงเธียร// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพี่ชายผมยุ่งมาก

     //เฮีย ทำไมป๊าล๊อกบัตรผมอ่ะ ผมก็ใช้เงินไม่ได้อะดิเฮีย” ผมพูดกับเฮียของผม

     //ป๊าอยากให้มึงกลับไทยได้แล้ว//

     //ก็ผมยังเรียนไม่จบนี่เฮีย//

     //เธียร มึงควรจะเรียนให้จบได้แล้ว เขาให้เรียนสองปี มึงจะสามปีแล้ว จบได้แล้วไอ้เธียร” เฮียธีพูด

      //หรือมึงจะเรียนไปตลอดชีวิต คราวนี้ป๊าโกรธเราแน่ๆ และเฮียก็จะไม่ช่วยอะไรมึงแล้ว ไม่ช่วยพูดและไม่ช่วยรับหน้าอะไรให้อีกทั้งนั้น เธียร// เฮียธีพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าทุกที ผมก็ต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

      //เฮียจะโอนไปให้ก่อนสองแสน พอไหม// เฮียธีพูด สุดท้ายเฮียก็ใจอ่อนจนได้ แต่สองแสนที่นี้มันก็น่าจะแค่พอชนเดือนน่ะ แต่เธียรก็ว่าดีกว่าไม่มีเลย

      //ก็โอเคอยู่น่ะเฮีย// ผมพูด

       //โอนมากไม่ได้เดี๋ยวป๊ารู้ มึงเข้าใจเฮียป่ะเธียร// เฮียธีพูด

      //แค่นี้น่ะเธียร เฮียมีประชุมครูที่โรงเรียนเธียร และเฮียจะให้เลขาจัดการเรื่องเงินให้ก่อน//เฮียธีบอกผม

      //ขอบคุณครับเฮีย รักเฮียอ่ะ// ผมพูดก่อนจะวางสายตาเฮียธีไป

        ผมยอมรับว่าผมควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วแต่นี่ผมกักไว้ เลยยืดเยื้อมาถึงสามปีแบบนี้ และเมื่อคืนก็พาสาวสวยไปผับหรูที่ดาราฮอลลีวูดชอบเข้าและเสียเงินไปหลายพันดอลลาร์อีกต่างหาก แถมเช้านี้พ่อผมล๊อกบัตรอีกให้มันได้อย่างนี้ซิเธียร!! แต่จะว่าไป หน้าเด็กน้อยที่ผมเห็นมันช่างน่ารัก ยิ่งตอนที่เขาเอียงคอหันมามองผม ผมก็ต้องสั่นหัวตัวเองไปมา ภาพที่นั่นออกไป มันแค่ความฝันไอ้เธียร ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับต่อให้ได้ ผมเองก็รู้สึกผิดที่ผมทำกับเด็กคนนั้นไปอย่างนั้นอีก นั้นมันไม่ใช่นิสัยของผมไงแต่คืนนั้น มัน มัน บอกไม่ถูกว่าทำไม อธิบายไม่ถูกจริงๆ และผมต้องมานั่งรู้สึกแย่แบบนี้ น้องคงไม่รู้ซิน่ะ

TBC....
34
ตอนที่ 3

ขอวาร์ป

หลังจากที่การรับน้องคณะและรับน้องของมหาวิทยาลัยจบลงไป นิสิตหน้าเก่าและหน้าใหม่ก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เปิดเทอม’ สำหรับนิสิตใหม่ก็คงเป็นความตื่นเต้นหนึ่งของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่พวกเขาจะได้เริ่มบทใหม่ของชีวิต ส่วนนิสิตเก่านี่อย่าให้พูดถึงเลย แค่พูดว่าต้องกลับไปเรียนนี่ก็แทบจะหมดอารมณ์ใช้ชีวิตแล้ว

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ เพราะเปิดมาวันจันทร์ก็เจอคาบเลคเชอร์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าเลย แถมเจอแลปอีกต่างหาก จะบ้าตายรายวัน แต่ชีวิตวันแรกของการเรียนก็ยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกครับ เรื่อยเปื่อยมาก ๆ แถมผองเพื่อนในกลุ่มก็นะ สภาพมาเรียนวันแรกก็ดูไม่จืดเลยทีเดียว

เริ่มที่ไอ้กันต์ นั่งเรียนข้างผมทุกคาบแต่ไม่ทราบอะไรเฃย ธรรมชาติของไอ้เพื่อนคนนี้มักจะเป็นคนค่อนข้างสำอางในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ก็ว่าไม่ได้แหละเนอะ บ้านมันค่อนข้างมีฐานะ การใช้ชีวิตก็ย่อมแตกต่างจากเราเป็นธรรมดา วันนี้มันปล่อยผมตามธรรมชาติไม่ได้เซ็ตมาเหมือนตอนสมัยปี 1 ผมไอ้กันต์นี่ยาวตรงสวยเชียว สีดำแบบว่ารู้เลยว่าผ่านการดูแลมาอย่างดี ไม่ต้องเซ็ตก็ดูดี วันนี้แต่งตัวชิลมาก เข้าเรียนคาบแรกก็พับแขนเสื้อขึ้นเลยนะมึง ผิวแม่งจะขาวไปไหน ขาวแทบจะกลืนไปกับสีขาวของเสื้อนิสิต หน้าตาก็ดีเลยทีเดียว อิจฉาดั้งที่ขึ้นตรงเป็นสันเข้ากันกับหน้าเรียว ๆ ของมัน โคตรดูดี แต่ก็เป็นคนที่พูดมากชิบหาย พูดได้ไม่หยุดหย่อน เถียงกับผมยังกับจะซ้อมแข่งโต้วาทีมหา’ ลัย จะบ้าตายกับมัน

ถัดไปก็ไอ้คิม แม่งเอาแต่เล่นเกมเว้ยไอ้นี่ อยู่ห้องมันนะมีโน้ตบุ๊คเกมมิ่งเครื่องสีแดงสเปคแรงที่เหล่าเกมเมอร์ชอบใช้กัน ไหนจะเก้าอี้เกมเมอร์ตัวใหญ่ ๆ หูฟังอันเบ้อเริ่ม และอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย ผมล่ะยอมใจความเป็นเกมเมอร์ของมันจริง ๆ กับการเรียนก็ให้มันได้อย่างงี้บ้างเถอะเพื่อนรัก วันนี้ก็สภาพเหมือนกับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผมเผ้ารุงรังไม่ไหวเลย ถึงผมมันจะคล้าย ๆ กับไอ้กันต์ แต่ก็ดันปล่อยให้มันโสโครกแบบนี้ ความจริงไอ้นี่มันก็ดูดีเอาเรื่องอยู่นะเพราะผิวมันเป็นสีแทนโคตรสวย ให้ฟีลคล้ายกับพวกนายแบบงี้ หน้าตาก็ดูดีสไตล์ไทย แต่ดันมีนิสัยปล่อยชิลกับชีวิตเกินไป

สุดท้ายก็ไอ้นี่เลย ไอ้โฟลท ผิวขาวใช้ได้เลย ดูนิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ เหมือนไม่ค่อยจะอยากคุยกับใคร ซึ่งก็เป็นยังงั้นจริง ๆ มันไม่คุยกับใครเลยถ้าไม่จำเป็น ยกเว้นตอนที่อยู่กับชาวแก๊ง ก็จะมีพูดอยู่บ้าง

เราทั้งสี่คนตอนนี้นั่งตาลอยในห้องสโลปฟังเลคเชอร์จากท่านรองศาสตราจารย์ที่เปรียบเสมือนเทพมาจุติ พูดบ้าอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้าสมองเลยตอนนี้ หรือมันเช้าเกินไปวะเราเลยเรียนไม่รู้เรื่อง

หลังจากที่พวกผมกัดฟันทนเรียนไปจนหมดวัน ถึงเวลาต้องไปผ่อนคลาย

“เห้ยมึง ไปโต๊ะไม้มั้ยเย็นนี้” ไอ้กันต์พูดขึ้นมา ตอนที่กำลังเดินออกจากลิฟต์ชั้น 1

“เอาดิ วันแรกของการเรียน ต้องฉลองหน่อย” คิมพูดเสริมขึ้นมา

“กูถามจริงนะ พวกมึงจะเล่นกันตั้งแต่วันแรกเลยรึไง” ผมตอบกลับไป เพราะร้านโต๊ะไม้เป็นร้านหลังมหา’ ลัย เป็นร้านอาหารอีสานยอดฮิตของนิสิตที่นี่เลยก็ว่าได้ เป็นร้านในคูหาทั่วไปนี่แหละ ชั้นแรกเปิดโล่ง ชั้นสองติดแอร์มีเบียร์ขายด้วย นิสิตจะชอบมากินข้าวและกินเบียร์กันที่นี่เพราะราคาเป็นมิตรมาก ไม่แพงเหมือนร้านอื่น

“ก็เออดิวะ อุตส่าห์อยู่จนครบแก๊ง ก็ต้องฉลองหน่อย” ไอ้กันต์พูดเสริมขึ้นมา

“โฟลทมึงจะไปมั้ยวะ” คิมถาม

“อืม ก็ไปแหละถ้าพวกมึงไป” โฟลทตอบ

“ไรว้า ตอบให้เต็มใจหน่อยสิครับเพื่อน” กันต์พูดด้วยน้ำเสียงกวนตีนพร้อมกันกระโดดกอดคอไอ้โฟลทจากด้านหลัง ด้วยความที่ไอ้กันต์มันสูงตั้ง 178 แต่ไอ้โฟลทสูงแค่ 172 ตอนนี้เลยดูเหมือนพี่น้องกำลังหยอกกันอยู่

“เออๆๆ ไป ๆ ๆ พอได้แล้วกูหนัก” โฟลทตอบพร้อมกับสะบัดไอ้กันต์ออกไป

“ดีมากเพื่อนรัก ต้องยังงี้สิ” ไอ้กันต์พูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งสองนิ้ว ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาวเรียงสวยทุกซี่ ท่าทางมันทะเล้นสุด ๆ น่าเตะชิบหายเลย

“ละมึงจะไม่ไปกับเพื่อน ๆ หน่อยหรอเตง” นั่นไง มันหันมาหาผมแล้ว

“โอ้ย ไปก็ได้ไม่ต้องเซ้าซี้” ผมตอบตัดรำคาญไป

“เยส แก๊งเราต้องยังงี้สิ!” ไอ้กันต์ดีใจกระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียว เป็นเอามาแฮะไอ้นี่


หลังจากที่เดินเล่นพูดคุยกันที่ตึกคณะ ตอนนี้ก็ได้เวลากินข้าวพอดี ห้าโมงครึ่งเวลาดีแดดร่มลมตก พวกผมนั่งรถบัสของมหา’ ลัยไปลงที่หน้าธรรมสถาน เดินทะลุออกประตูหลัง ก็จะเจอห้าง จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางหลังห้างก็จะเจอตึกแถวที่เต็มไปด้วยร้านอาหารอีสาน ร้านแรกเป็นร้านส้มตำโต๊ะแดงที่ไม่เคยจะมีโต๊ะว่าง มาทีไรก็คนเยอะตลอด ถัดมาก็จะเป็นร้านลาบ และร้านโต๊ะไม้เป้าหมายของเรา พวกผมยังอยู่ในชุดนิสิตกันอยู่เลยแต่ถอดเข็มขัดออกละ คนจะได้ไม่รู้ว่ามาจากไหน


ไอ้กันต์เดินนำขึ้นไปชั้นสองอย่างรวดเร็ว ทางขึ้นชั้นสองจะอยู่หลังร้าน ต้องเดินผ่านหน้าร้านขึ้นไปชั้นสองที่เป็นชั้นติดแอร์ พวกผมเดินขึ้นไปอย่างเรียบร้อยไร้ความวุ่นวาย พอไปถึงชั้นสองก็จะเจอประตูให้เปิดเข้าไป มองเข้าไปก็เจอเหล่านิสิตนั่งกันอยู่ประมาณสี่โต๊ะ ถือว่าเป็นจำนวนที่กำลังพอดีไม่เยอะจนเกินไปเพราะว่าร้านค่อนข้างแคบ ถ้าคนเยอะมากจะคุยกันไม่รู้เรื่อง


พวกผมได้โต๊ะทางซ้ายมือเกือบสุดริมหน้าต่าง ไอ้กันต์เลือกโต๊ะนี้เพราะมีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตและมีลำโพงให้เชื่อมเปิดเพลง ร้านนี้ค่อนข้างฟรีสไตล์ ใครใคร่เปิดเพลงฟังเองก็ตามสบาย นี่แหละคือสาเหตุที่นิสิตชอบมากินข้าวที่ร้านนี้กัน


พอได้โต๊ะแล้วพวกผมก็จับจองที่นั่งกัน พอหย่อนตูดนั่งลงก็ต่างคนต่างดูเมนูข้าวที่จะสั่งกัน ระหว่างที่ผมกำลังจะเอื้อมไปหยิบเมนูจากไอ้กันต์ที่อยู่หัวโต๊ะ สายตาผมพลันไปเจอคนคนนึงที่คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ไอ้ผู้ชายคนนั้นนั่งประจันหน้ากับผมเลยแค่อยู่โต๊ะถัดจากผมไปสองโต๊ะ

“เป็นไรวะนนท์ ขมวดคิ้วทำไม มองไรอยู่” ไอ้กันต์มันถามผมพร้อมกับเอี้ยวตัวหันไปมอง “อ้ออ ไอ้หน้าหล่อคนนั้นที่มึงชนเขาจนคว่ำเมื่อวันก่อน ๆ อะนะ”

“ไอ้สัส อย่ามาตอแหลแถวนี้” ผมสวนมันกลับไป

“อะไรวะ มึงไปก่อเรื่องอะไรมาอีกนนท์” ไอ้คิมที่นั่งข้างผม หันมาถามพร้อมหรี่ตาลงด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรมึงงง แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย”

“นิดหน่อยก็บ้าละ มึงชนเขาจนคว่ำเลย แถมทำเขาเจ็บอีกต่างหาก แย่ๆๆ” แหม ไอ้กันต์มันกำลังโกหกสมาชิกชาวแก๊ง แถมยกนิ้วโป้งคว่ำพร้อมกับส่ายหน้า กวนตีนชิบหาย ไอ้เวรเอ้ย

“มึงน่ะเวอร์ละ มึงต่างหากที่วิ่งไปชนเขาจนล้มคว่ำเลย ดีแค่ไหนเขาไม่กระทืบมึงซ้ำตรงนั้น”

“ไอ้สัส ก็มึงวิ่งไล่กูปะ กูก็ต้องหนี พอกูหนี กูก็ไม่ทันได้ระวัง ละกูก็ไปชนเขา ต้นเหตุก็คือมึงนั่นแหละ” นั่น! มันยังจะกวนตีนผมอีก ให้ตายเถอะ

“โอ้ย พวกมึงจะเถียงกันไปถึงไหน กูรำคาญ รีบสั่งข้าวมาแดกเถอะ หิวแล้ว” ไอ้โฟลทโพล่งขึ้นมาตัดบท

“เออ รีบสั่งข้าวเถอะ กูก็หิว” ไอ้คิมก็เสริมบทขึ้นมา เอาซะกูสองคนหน้าจ๋อยเลย

“พวกมึงจะกินไรกัน กูอยากกินคอหมูย่างว่ะ ขอมันๆ ฉ่ำๆ” ไอ้กันต์เปลี่ยนอารมณ์ไวเชียว

สุดท้ายพวกผมก็พากันสั่งข้าวชุดใหญ่ไฟกะพริบ ทั้งคอหมูย่าง น้ำตกหมู ลาบหมู ตำปูปลาร้า ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว หมูแดดเดียว และของงสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเบียร์อีก 1 โปรประเดิมมื้อเย็น


แต่ลืมบอกไปอย่างนึง ในชาวแก๊งแต่ละคนนี่คอแข็งกันทั้งนั้น กันต์ คิม และโฟลท แต่ละคนไม่มีคำว่าถอย ตัดภาพมาที่ผมที่คออ่อนที่สุดในแก๊ง หมดไปโปรแรก (ซึ่งมีแค่ 4 ขวด) หน้าผมก็เริ่มแดงขึ้นมานิดนึงละ


“เห้ยนนท์ ขึ้นปีสองละมึงไม่ได้จะคอแข็งขึ้นเลยหรอวะ แดกแค่โปรเดียวหน้าแดงซะละ” ไอ้กันต์ทักผม ก็จริงของมันนะ ตอนผมอยู่ปีหนึ่ง แก๊งผมได้ไปงานเลี้ยงรับน้องที่จัดที่ร้านเหล้าแถวราชเทวี ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมเมาตั้งแต่เบียร์สองแก้วแรกตอนสองทุ่มครึ่ง ผมคอพับแอ๋ยาวเลยคืนนั้น จนไอ้กันต์ต้องได้พาผมไปค้างที่ห้องมัน แถมผมอ้วกแตกใส่เตียงมันด้วย โดนมันงอนไปทั้งอาทิตย์เพราะมันต้องซักผ้าปูเตียงและทำความสะอาดฟูกใหม่หมด

“สงสัยคืนนี้ต้องมีคนแบกกลับซะละมั้ง” ไอ้กันต์มันเยอะเย้ยผม

“อย่าพึ่งเมาดิวะเพื่อน ตอนนี้แค่สองทุ่มเอง เบียร์ก็พึ่งหมดไปโปรเดียว ชิล ๆ ป้ะแค่นี้” ไอ้คิมเสริมบทขึ้นมา

“ยังไม่เมาเว้ยพวกมึงก็ กูแค่หน้าแดงเฉยๆ จัดโปรต่อไปมาเลยให้ไว” ผมสั่งพวกมันไป ที่จริงก็แอบมึนนิด ๆ แต่ก็ยังไหว

“พี่เขาเรียกร้องขนาดนี้ก็ต้องจัดปะวะ” ไอ้กันต์นี่ก็ขยันสร้างบรรยากาศเหลือเกิ๊น “พี่ครับ ขอเบียร์เพิ่มอีก 2 โปร เติมน้ำแข็งด้วยครับ”

“เห้ยกันต์ สั่งเอ็นข้อไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ให้กูด้วย อยากได้อะไรมากินเป็นกับแกล้ม” ผมบอกให้ไอ้กันต์สั่งเพิ่ม

“ได้ ๆ งั้นพี่ครับขอเอ็นไก่ทอดเพิ่มที่นึง ละก็เฟรนช์ฟรายส์ที่นึงครับ”


ระหว่างที่รอของทอดมาเสิร์ฟ พนักงานในร้านก็เอาเบียร์ 2 โปรมาวางไว้ให้ โห และแน่นอนว่าไอ้สามตัวที่เหลือนี่แย่งกันเชื่อมลำโพงบลูทูธของทางร้านเพื่อที่จะได้เปิดเพลงของตัวเอง งานนี้ใครดีใครได้ครับ และก็เป็นไอ้โฟลทที่เชื่อมได้ก่อน คนทั้งชั้นก็ต้องทนฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ Spotify ของมันไป ซึ่งเอาจริงก็ไม่ได้แย่นักหรอก ไอ้โฟลทเป็นคนที่ชอบฟังเพลงป๊อปตะวันตก ไม่ก็พวกแร็ป บรรยากาศก็เลยได้ฟีลเหมือนอยู่ในผับเล็ก ๆ


ตัวผม ณ ตอนนี้รู้ตัวอีกทีก็คือยกเบียร์หมดไปหลายแก้วมาก เบียร์ 2 โปรที่สั่งมาหมดไปไวราวกับเททิ้ง ไอ้พวกเพื่อนเวรสั่งมาเพิ่มอีกโปร โสตประสาทของผมกำลังทำงานอย่างหนักในการประมวลผลกับสิ่งรอบข้าง ด้วยฤทธิ์ของเบียร์และเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั้งร้านทำให้ผมเริ่มฟังไอ้พวกเพื่อนรักคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ละ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ก็คือการจ้องมองไปข้างหน้า เหมือนกับมีมนต์สะกดหรืออะไรก็ไม่รู้ดลใจให้ผมมองไปทางนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปสนใจไอ้วิศวะหน้าหล่อคนนั้นนักนะ เจอกันครั้งแรกก็ก่อเรื่องให้เขาเลย แต่มองไปมองมาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันดูดีเหลือเกิน ผมสีดำเข้ม โครงหน้าที่โค้งเรียวได้สัดส่วนที่ผสานเข้ากับแสงไฟวอร์มไลท์ทำให้เขาดูน่าหลงใหลราวกับอยู่ในฝัน หรือผมเมาแล้วก็เลยมองเขาได้แบบเต็มตา ไม่ต้องแอบมองเหมือนตอนยังไม่เมา

“มึงจ้องเขาขนาดนั้น มึงไม่ไปนั่งกับเขาเลยล่ะ” นั่นไง ไอ้กันต์ก็ทำหน้าที่ของมันได้ไม่บกพร่องเลยจริง ๆ

“ไอ้สัส ก็นิด ๆ หน่อย ๆ เองปะวะ”

“ไอ้นั่นมันก็หล่อใช้ได้อยู่นะ มึงไม่สนจะไปขอวาร์ปเขาหรอเพื่อนรัก” เพื่อนรักตัวขาวหน้าหล่อผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเสนอขึ้นมา พอเริ่มกรึ่มนี่ก็ไปเรื่อยนะมึง

“มึงจะบ้าหรอ ไม่ได้รู้จักเขาเลย จะไปทำยังงั้นได้ไง”

“มึงนี่ก็แปลกคน ถ้ารู้จักกันจะขอวาร์ปไปทำไมวะ” เออเนอะ ผมก็ลืมคิดไป

“เอางี้ เดี๋ยวหลังร้านปิดนะ มึงก็ค่อยไปขอไอจีเขาก็ได้” เพื่อนคิมเสนอ

“เอาดิ เดี๋ยวกูรอดูต้นทางให้เผื่อมึงโดนกระทืบ จะได้หนีทัน” ไอ้เวรกันต์นี่กวนตีนได้ทุกช่วงเวลาชีวิตเลยจริง ๆ มึง

“กูเห็นด้วย” อ้าวไอ้โฟลทก็เอากับเขาด้วย

“ไอ้สัส เดี๋ยวกูทุบให้ ไหนความเป็นห่วงเพื่อน” ผมสวนกลับไป


หลังจากนั้นโต๊ะเราก็มีแต่เสียงหัวเราะดังลั่น เบียร์ที่สั่งมานั้นถูกรินลงแก้วแล้วแก้วเล่า จนตอนนี้เวลาจวนจะห้าทุ่มแล้ว แต่ละคนก็เริ่มจะคล้อยไปตามเสียงเพลง แสงไฟ และบรรยากาศครื้นเครงบนชั้นสองที่รวบรวมเหล่านิสิตสายดื่มไว้ด้วยกัน ไม่ว่าโต๊ะไหนก็มีแต่เสียงฟัวเราะ เสียงพูดคุยจอแจ ไหนจะความวุ่นวายที่เพิ่มมากขึ้นถ้าโต๊ะนั้นมีแต่เหล่าชายโฉด แน่นอนว่ามันก็คือโต๊ะของหนุ่มวิศวะที่อยู่ข้างหน้านั่นแหละ


ไม่รู้ว่าทำไมเวลามันถึงผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมกระดกเบียร์ไปเยอะมาก ๆ จนต้องลุกไปห้องน้ำหลายรอบเลย ห้องน้ำของร้านจะอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งต้องเดินลงบันไดไป ผมขอตัวลุกไปห้องน้ำเพราะอั้นไว้สักพักนึงแล้ว ตอนเดินลงบันไดไปก็พยายามตั้งสติประคับประคองตัวเองไม่ให้สะดุดบันได ไม่งั้นต้องได้เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ต้นเทอมแน่ ๆ ผมประคองตัวเองมาถึงหน้าห้องน้ำได้สำเร็จแต่แม่เจ้าโว้ย มีคนเข้าห้องน้ำอยู่ ผมเลยต้องยืนหนีบขารอเขาออกมา ฉี่จะแตกอยู่แล้ว รีบออกมาเร็ว ๆ สิวะ


แกร็ก...


เยส! ในที่สุดก็มีคนออกมาแล้ว แต่คนที่ออกมานี่รู้สึกหน้าคุ้น ๆ จังแฮะ ด้วยส่วนสูงและความออร่านี้


ใช่เลย เทพบุตรวิศวะคนนั้นที่ผมแอบส่องอยู่ตั้งแต่หัวค่ำ เขาเดินผ่านผมไปทางบันไดขึ้นชั้นสอง กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ชวนให้ผมจินตนาการถึงความละมุนของบุคลิกของเขา พอได้เห็นใกล้ ๆ แล้วยิ่งรู้สึกใจเต้นรัว คงกินมาเยอะแหละถึงได้หน้าแดงไม่ต่างจากผมเลย พอหน้าแดงแบบนี้ก็ดูมีเสน่ห์เหมือนกันนะ


แต่ตอนนี้ต้องหยุดจินตนาการก่อนเพราะฉี่จะราดอยู่แล้ว


หลังจากเสร็จกิจ ผมก็กลับขึ้นไปที่โต๊ะ ถึงจะฉี่ออกไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสร่างขึ้นมาแม้แต่น้อย ผมยังคงรู้สึกมึนหัวเหมือนเดิม หน้าผมก็ยังคงแดงระเรื่อเหมือนคนเป็นไข้ยังไงชอบกล พอมองไปที่สมาชิกชาวแก๊งแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างจากผมเลย ไอ้กันต์นั่งคุยกันกับไอ้คิมอย่างออกรสชาติ ไม่รู้มันจะมีอะไรมาคุยได้สนุกขนาดนี้ ส่วนไอ้โฟลทก็นั่งนิ่งก้มหน้าเอานิ้วเคาะโต๊ะตามจังหวะเพลง ไอ้นี่พอเมาได้ที่แล้วจะชอบอยู่นิ่ง ๆ กับโลกส่วนตัวของมัน เพราะอะไรน่ะหรอ มันเมาแล้วมันพูดไม่รู้เรื่องยังไงล่ะ อย่าให้ได้พูดออกมาเชียว ถามว่าชื่ออะไรก็จะได้คำตอบว่าบ้านอยู่เชียงใหม่ ถามว่าจะกลับยังไงก็จะได้คำตอบว่าขึ้นเครื่องกลับ ดังนั้นให้มันอยู่ของมันไปยังงั้นแหละดีแล้ว


ตอนนี้เวลาตีหนึ่งครึ่งได้เวลาเก็บเงิน ราคาก็ไม่จุกมากเท่าไหร่ นับได้ว่าคุ้มค่ากับการได้มาสังสรรค์แบบเต็มอิ่มคืนนี้ ไอ้กันต์จัดการเรื่องบิลไป ต่อด้วยสมาชิกที่ต้องลากสังขารอันปวกเปียกนี้ลงไปยังด้านล่างเพราะทางร้านเขาเชิญ (ไล่) ลงไปแล้ว


ไอ้โต๊ะวิศวะที่อยู่ตรงหน้าผมกำลังทยอยกันออกจากชั้นสองไปยังด้านล่าง ทำไมเวลาแห่งความสุขมันถึงผ่านไปเร็วจังนะ ใจจริงก็อยากจะไปขอวาร์ปจากไอ้วิศวะหน้าหล่อคนนั้น แต่ใจเจ้ากรรมนี่ก็ไม่กล้าพอแม้แต่จะเดินฉายเดี่ยวไปหาเขาด้วยซ้ำ ก็ยอมรับแหละว่าเรามันกาก...


“เห้ยนนท์ ไอ้หน้าหล่อนั่นมันกำลังเดินลงไปข้างล่าง มึงไม่คิดจะตามไปขอวาร์ปเขาหน่อยหรอ” ไอ้กันต์ถามผม

“อืม ไม่กล้าว่ะมึงบอกตามตรง กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นเหมือนกูมั้ย จะโอเครึเปล่าที่อยู่ดี ๆ จะมีผู้ชายมาขอไอจี”

“โอ้ย มึงนี่นะ แม่งกากเดนสัส” ไอ้คิมด่าผม

“เอางี้ เราเดินลงไปข้างล่างก่อนละกัน” ไอ้กันต์เสนอ พร้อมกับเดินนำหน้าไปยังบันไดทางลงไปชั้น 1 และตอนนี้ทุกคนพากันเดินลงบันไดไปเพราะพนักงานได้เริ่มเก็บโต๊ะและเก้าอี้ และเริ่มเปิดไฟนีออนสีขาวซึ่งเป็นสัญญาณของการไล่ที่พวกขี้เมาบนชั้นสองให้ลงไปด้านล่างให้หมด


ทุกคนที่ออกจากร้านโต๊ะไม้ตอนนี้มายืนออกกันหน้าร้านซึ่งอยู่ติดกับสวนสาธาณะ บ้างก็นั่งหน้าคว่ำเพราะเมา บ้างก็ยืนคีบบุหรื่พ่นควันฟุ้งไปกับอากาศเย็นยามดึก บางก็ยืนคุยกันเสียงดังไปถึงอีกซอย ส่วนพวกผมนั้นเป็นประเภทพิเศษที่ยืนมองหน้ากันแบบงง ๆ ว่ามึงจะเอายังไงต่อกับชีวิตหลังจากนี้


“ไอ้แก๊งหน้าหล่อนั่นยืนอยู่ทางนั้น” ไอ้คิมพูดพร้อมหันหน้าไปทางแก๊งนั้น

“มึงจะเอาไงต่อไอ้นนท์ ลุยเลยมั้ย” ไอ้คิมที่ดูเหมือนจะสร่างแล้วพูดขึ้นมา

“มึงพูดเหมือนจะไปตีกันกับเขาเลยไอ้สัส”

“จะทำอะไรก็รีบทำ กูง่วงแล้ว” ไอ้โฟลทเริ่มจะงอแงแล้ว พร้อมทำสีหน้าเหมือนเด็กประถมที่งอแงอยากให้พ่อแม่พากลับบ้าน

“กูไม่กล้าไปขอวาร์ปเขาว่ะบอกตามตรง”

“งั้นเอางี้ เอาโทรศัพท์มึงมา เดี๋ยวกูไปขอให้” พูดไม่ทันจบประโยคดี มันก็ล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงด้านซ้ายของผมไป ไอ้กันต์นี่รู้ดีนะว่าผมชอบเก็บโทรศัพท์ไว้กระเป๋าทางซ้าย ล้วงซะเสียวเลย


ไอ้กันต์มันรู้รหัสโทรศัพท์ผมน่ะครับมันเลยไม่ต้องถามอะไรมาก พอมันเดินไปถึง มันก็ทำตามสเต็ป ไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้ซุบซิบ ๆ ละมันก็ชี้มาทางผม ผมนี่หลบหน้าแทบไม่ทันเลย ตอนนี้รู้สึกว่าเลือดในร่างกายกำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง หัวใจเต้นรัว ๆ นี่ขนาดว่าตัวเองไม่ได้ไปขอเองยังตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าได้ไปขอเองผมคงสลบคาที่


ดูเหมือนเหตุการณ์จะไปได้สวย (รึเปล่า) เพราะไอ้กันต์เดินกลับมาอย่างชิล ไอ้แก๊งนั่นก็ดูเหมือนจะหยอกล้อกับไอ้สุดหล่อคนนั้น อารมณ์ว่าแบบ ‘เห้ยมึง มีผู้ชายมาขอวาร์ปมึงว่ะ’ อะไรประมาณนี้


ไอ้กันต์ยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม ทันทีที่ได้โทรศัพท์คืนผมก็รีบปลดล็อกแล้วดูว่าสิ่งที่ได้มาคืออะไร


กดเข้าไอจีก็แล้ว เฟซบุ๊กก็แล้ว ไลน์ก็แล้ว.... ไม่มีอะไรเลย ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าที่กันต์มันไปคุยกับพวกนั้นเป็นตุเป็นตะคือหมายความว่ายังไง


“เห้ยกันต์ ไม่เห็นมีอะไรเลยวะ”

“มึงดูดี ๆ สิ เช็คดูแอปที่เปิดค้างไว้ในมือถือมึงให้ดี ๆ”


ไอ้กันต์พูดเสร็จผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ มือก็ลากแถบขึ้นมาดูว่ามีแอปไหนที่เปิดค้างไว้บ้าง ตาคู่นี้ที่มีแว่นสายตาคอยช่วยโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าเหลือบไปเห็นแอปโน้ตของโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้ ผมคลิกเข้าไปดูเพื่อความแน่ใจ ปรากฏว่ามันมีโน้ตอันใหม่ที่พึ่งจะถูกสร้างขึ้นมา ผมจำได้ว่าอันล่าสุดคือผมจดหนี้ที่ติดชาวแก๊งและเพื่อน ๆ ในภาคไว้ แต่คราวนี้โน๊ตล่าสุดดันไม่ใช่รายการหนี้นี่สิ ผมไม่รอช้าคลิกเข้าไปดูว่ามันเขียนว่าอะไร


อยากได้วาร์ปหรอ ก็มาขอเองสิ :X

นันท์



หืม... ผมอ่านเสร็จก็มองขึ้นไปมองหน้าไอ้กันต์ ภาพโคตรจะเบลอเลยตอนนี้เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันพุ่งพล่านไปทั้งตัว มันสบตาผมพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็มองขึ้นท้องฟ้าอารมณ์แบบว่าไม่รู้ไม่ชี้


สรุปคือยังไง ผมต้องไปขอเองงั้นหรอ?

หรืออะไร ยังไง?

งงโว้ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



***



อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพฯ


ชายร่างสูงกำลังเช็ดผมอยู่หน้ากระจกในห้องคอนโดแถวมหา’ ลัยหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาไม่ถึงกับเมามากเพราะคอแข็งอยู่พอตัว จะเบียร์กี่ลังก็จัดมาเถอะ ขอแค่ชวน

เมื่อตอนออกจากร้านโต๊ะไม้ อยู่ดี ๆ ก็มีหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาและไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก มันบอกว่าเพื่อนมันที่หัวฟู ๆ ที่ยืนอยู่นั้นอยากได้วาร์ปไอจี ขอหน่อยได้ไหม เพื่อน ๆ ในกลุ่มนี่ก็แซวกันใหญ่เลยเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผู้ชายโดนด้วยกันเองขอวาร์ป เขาไปกินเหล้าบ่อยและโดนขอวาร์ปมานับครั้งไม่ถ้วนจากทุกเพศและทุกวัย

แต่ก็แอบสงสัยว่าถ้าอยากได้ทำไมไม่มาขอเอง

การจะฝากเพื่อนมาขอเนี่ยมันก็ใจเสาะไปหน่อยมั้ง ทันทีที่รู้ว่าไอ้หน้าตี๋นี่มันมาในนามของเพื่อนมัน ก็ขอแกล้งสักหน่อยเถอะ เขาถือวิสาสะเปิดแอปโน๊ตในโทรศัพท์ของเขา กดฟังก์ชั่นสร้าง พิมพ์ข้อความลงไปในโน๊ต และก็คืนให้ไอ้หน้าตี๋ไป


ผมกระโดดขึ้นบนเตียงขนาดคิงไซส์ในชุดนอนลายทางพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าไอจี กดที่รูปแว่นขยาย แล้วพิมพ์ชื่อไอจี


Nonnonnon



ซึ่งเป็นไอจีที่ผมแอบเข้าดูจากในโทรศัพท์เครื่องนั้นที่ไอ้หน้าตี๋ยื่นให้ตอนอยู่ที่ร้านเหล้า


ผมรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาทเอามาก ๆ แต่ก็นะ ขอโทษทีละกัน มันทำไปแล้ว


ทันทีที่กดค้นหา ก็มีผลลัพธ์ขึ้นมาตรงกับชื่อที่เขาใส่ลงไป นิ้วมือเรียวจิ้มไปที่แอคเคาท์แรกที่ชื่อตรงกับที่ค้นหา โปรไฟล์ของเป้าหมายนั้นถูกตั้งเป็น private แต่ก็พอมองเห็นรูปโปรไฟล์เล็ก ๆ และมีรายละเอียดเบื้องต้นระบุไว้ในไบโอ


NON Nonrawit S. 1999

XXX University / Sci



‘นนท์รวิศ วิทยางั้นหรอ น่าสนใจดี หลังจากนี้หวังว่าจะได้เจอกันอีก’
35
พูดคุยทั่วไป / Finest Сasual Dating - Real-life Females
« กระทู้ล่าสุด โดย KPTT เมื่อ 11-04-2024 17:37:35  »
Love for one night - no joke!
Verified Maidens
Prime Сasual Dating
36
2
(Non-Penetrative Sex)


ถึงไอ้ตัวบ้านั่นจะไปจากผมจนลับสายตาแล้ว แต่หัวใจของผมในตอนนี้ยังเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ นี่ผม...ผมรอดแล้วใช่มั้ย? ผมไม่ถูกมันฆ่าและจับกินแล้วใช่มั้ย? ถ้าใช่...ทำไมตอนนี้ผมถึงได้หวาดระแวงและยังไม่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้วล่ะ แต่ยังดีที่ถึงแม้จะกลัวแต่ก็ยังกลับมามีสติได้ ผมจึงได้แต่ลอบถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงไปอีกครา

"อา..."

ไม่มีแรงเลย ไม่มีแรงที่จะลุกไปไหนเลย มือไม้ยังสั่นระริก สองขาก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะนำพาร่างให้ลุกขึ้นยืนได้ ความรู้สึกเฉียดตายมันเป็นแบบนี้เองหรือ? แต่ช่างเถอะ! ตอนนี้ผมต้องมีสติแล้วรีบหนีไปจากที่นี่ให้ได้ ถึงจะไม่รู้ว่าไอ้ตัวประหลาดบ้านั่นเป็นตัวอะไร แต่ถ้าในเมื่อผมมีโอกาสก็คงต้องรีบหนีมันเสียหน่อยแล้ว ผมจึงตัดสินใจรวบรวมแรงที่เหลือให้ลุกขึ้น ก่อนจะกระเสือกกระสนวิ่งออกมานอกบ้านร้างหลังเพื่อหาทางหนีที่ไล่ในทันที

"แฮก...แฮก!"

ไม่รู้ว่าตัวเองถูกพามาที่ไหน รู้แค่ว่าที่นี่มันถูกรายล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่พอดูคร่าวๆ น่าจะเป็นบ้าน...บ้านร้างแน่นอน นี่ผมพยายามจะมีสติมากที่สุดแล้วนะ แต่ด้วยความมืด ความกลัว ความกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างมันตีวนวุ่นวายจนผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่เอาเถอะ เป็นไงเป็นกัน ผมจึงใช้สัญชาตญาณที่มีคลำหาทางหนีให้ตัวเอง โชคยังดีที่พอเห็นแสงไฟลิบๆ อยู่จึงพอใช้มันเป็นเป้าหมายให้ตัวเองได้ และในท้ายที่สุดผมก็วิ่งมาถึงจุดหมาย เป็นไฟทางข้างถนนเส้นที่ผมคุ้นเคยนั่นเอง

กระทั่งในที่สุดผมก็พาตัวเองมาถึงบ้าน กว่าจะวิ่งมาถึงที่นี่ได้ก็เหนื่อยจนแทบใจขาด พอเข้ามาในห้องตัวเองได้ผมก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนของตัวเองไป แต่ทว่าความกลัวก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด ถึงจะเหนื่อยแต่ความวิตกจริตก็รีบทำให้ผมปิดหน้าต่าง และลงกลอนประตูทุกบานเพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้ตัวบ้านั่นหรืออะไรก็ตาม สามารถเข้ามาในบ้านของผมได้

ไอ้ตัวบ้านั่นมันคือตัวอะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ทว่าในอีกใจหนึ่งของผมก็รู้สึกแปลกใจที่ยังคงมีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ ทำไมมันถึงไม่ฆ่าผม ทำไมมันถึงได้ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ทั้งที่มันก็จะฆ่าผมก็ได้ถ้ามันต้องการ แต่ไม่ว่าผมจะพยายามคิดหาคำตอบเพียงใดผมก็คิดอะไรไม่ออกเลย แค่รอดตายมาได้มันก็คงจะเป็นเรื่องโชคดีที่สุดสำหรับผมแล้ว

“อ๊ะ!”

แต่แล้วความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนบ่าทั้งสองข้างก็ทำให้ผมต้องรีบหาอะไรมาล้างแผล นี่ผมทั้งเหนื่อยทั้งกลัวจนเกือบลืมไปเลยว่าตัวเองมีแผลฉรรจ์อยู่น่ะ เจ็บจริงๆ เลยนะ แถมยังรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งตัวด้วย ผมจึงก้มลงสำรวจร่างกายของตนเพื่อหาว่าตนเองนั้นมีบาดแผลที่ใดอีกหรือเปล่า แต่สายตากลับเหลือบไปเจอคราบอะไรบางเปรอะเปื้อนบนท้องของผมแทน

ไอ้คราบของเหลวสีขาวขุ่นนี่คืออะไร? พอลองเอานิ้วแตะๆ มันก็ดูเหนียวข้นแปลกๆ สัมผัสที่รับรู้ได้บนปลายนิ้วเมื่อแตะมันนี่ช่างดูน่าขยะแขยงเหลือเกิน แถมกลิ่นของมันก็ช่างคาวและเหม็นอับอีกต่างหาก

น้ำมูกเหรอ? ไม่สิ ผมเองก็ไม่ได้เป็นหวัดนี่นา หรือว่านี่จะเป็นน้ำมูกของเจ้าตัวประหลาดตัวนั้น? แย่ล่ะสิ ผมต้องรีบอาบน้ำและทำความสะอาดตัวเองโดยด่วนเลย ไม่รู้ว่าผมจะติดเชื้อจนกลายร่างเป็นแบบมันหรือเปล่า แต่ชีวิตที่เพิ่งผ่านความตายมาเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าลงไปอาบน้ำเลย

แต่ถ้าให้นอนทั้งที่ตนเองยังมีกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวจากไอ้ของเหลวแปลกๆ นี่เห็นทีว่าผมก็คงจะทำไม่ได้เหมือนกัน สุดท้ายผมก็ต้องรวบรวมความกล้าลงไปอาบน้ำอย่างไวและรีบกลับเข้ามานอนในห้องของตนทันที


2 วันผ่านไป...

แน่นอนว่าเพราะโดนทำร้ายจนเป็นแผลใหญ่บนบ่าทั้งสองข้าง กอปรกับที่ตัวเองต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อหนีเอาตัวรอด นั่นจึงทำให้ผมเป็นไข้หนักจนลุกไม่ไหว สุดท้ายก็จะฟื้นตัวมาเรียนได้ก็เป็นอีกวันไปแล้ว

แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกลังเลนิดหน่อยว่าจะไปโรงเรียนดีไหม ด้วยระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียนก็ค่อนข้างไกลพอสมควร อีกทั้งทางรอบข้างก็เต็มไปด้วยป่าละเมาะที่แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่ก็เปลี่ยวเสียจนน่ากลัว แถมจักรยานอันเป็นพาหนะเพียงหนึ่งเดียวก็ดันถูกผมทิ้งไว้ระหว่างทางมานี่อีก นี่ผมควรจะทำยังไงดีนะ?

"ขอบคุณครับป้า"

"อืมๆ ทีหลังจะไปไหนกับเพื่อนก็อย่าลืมจักรยานไว้ที่โรงเรียนอีกล่ะ"

"ครับ"

ผมยกมือไหว้พลางยิ้มรับด้วยสีหน้าที่ดูเจื่อนไม่น้อย ก็รู้อยู่หรอกว่าการโกหกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนจนลืมจักรยานไว้ที่โรงเรียนมันฟังไม่ขึ้นน่ะ แต่ถ้าจะบอกว่าผมเจอตัวประหลาดระหว่างทางจนต้องทิ้งจักรยานหนีไปป้าก็คงไม่เชื่อแน่นอน หลังจากนั้นผมก็โดนป่าบ่นอีกนิดหน่อยก่อนที่ป้าจะขับรถออกไป ปล่อยให้ผมได้แต่นึกคิดว่าจะเอายังไงต่อ

"เฮ้อ!"

เสียงถอนหายใจคือสิ่งที่บอกถึงความอับจนปัญญาในตอนนี้ ทว่าสุดท้ายสิ่งที่เด็กอย่างผมจะทำได้คือละทิ้งความคิดพวกนั้นไป แล้วเดินเข้ามาในโรงอาหารเพื่อหาอะไรใส่ท้องแทน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยน่ะ แถมตอนนี้เองผมก็รู้สึกปวดแผลที่โดนไอ้ตัวประหลาดน้นเอาเล็บจิกด้วย นี่ผมคงจะไม่กลายร่างเป็นเหมือนมันหรอกนะ

แต่เรื่องนั้นก็ได้ถูกดึงความสนใจไปเพราะตอนนี้อยู่ๆ ก็มีเรื่องใหม่เข้ามากระตุกต่อมเสือกของผมเข้าให้แล้ว

"หา! ว่าไงนะ เมื่อเช้าภารโรงถูกฆ่างั้นเหรอ?"

เสียงสนทนาในวงนักเรียนที่อยู่ในโรงอาหารได้ทำให้ผมอยากรู้ขึ้นมาแล้วสิ ภารโรงของโรงเรียนถูกฆ่า เท่าที่แอบฟังรายละเอียดมาก็ดูเหมือนว่าสภาพศพของภารโรงค่อนข้างสยดสยองทีเดียว

...กล่องเสียงและหลอดลมหายไป ดวงตาข้างหนึ่งถูกควักออกจนหลุดออกจากเบ้า ดวงตาอีกข้างโบ๋ลึก แขนข้างไหนไม่รู้ขาดเหมือนถูกกระชากออกไป อวัยวะภายในหายเกลี้ยง สภาพศพนอนจมกองเลือดและเศษเนื้อกระจัดกระจาย แถมตอนนี้ตำรวจก็กั้นบ้านพักภารโรงอันเป็นสถานที่เกิดเหตุเอาไว้แล้ว

เท่าที่หูของผมได้ยินมาดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ฆ่าภารโรง คนหรือ? ก็ไม่แน่เพราะภารโรงคนนี้ค่อนข้างขี้เมา พอเหล้าเข้าปากทีไรก็ชอบเอะอะโวยวายเสียงดังทุกที แต่ถ้าเป็นคนจริงๆ ไอ้คนลงมือก็ต้องโกรธแค้นพอตัวถึงได้ลงมือโหเหี้ยมแบบนี้ได้ ซึ่งเท่าที่เงี่ยหูฟังรายละเอียดมาก็ดูเหมือนว่าพวกนักเรียนเอง จะตั้งทฤษฎีถึงปูมเหตุต่างๆ นานาที่เป็นแรงจูงใจให้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ด้วยสิ แต่ว่านะ คนที่ไหนจะทำให้สภาพศพภารโรงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ และถ้าไม่ใช่คนที่ลงมือ จะเป็นอะไรได้อีกที่สามารถทำให้ศพมีสภาพแบบนี้ได้

ฝูงหมาจรจัดอย่างนั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นเสือล่ะเพราะที่นี่เองก็ใกล้กับป่าด้วยสิ แต่ก็ไม่มีใครเคยพบเสือหรือสัตว์ป่าตัวอื่นมาเพ่นพ่านในเขตที่อยู่อาศัยมาก่อน แล้วอะไรกันที่ฆ่าภารโรงได้อย่างสยดสยองถึงเพียงนี้?

"ไง...ไอ้หยก!" ทว่าเสียงของคนที่ผมไม่ต้องการจะได้ยินที่สุดก็ดังขึ้น และเพียงมือข้างหนึ่งที่ตบลงบ่าของผมอย่างแรง แม้ไม่ต้องบอกผมก็รู้ได้ทันทีว่าใครกันที่ทักทายผมแบบนี้

"มังกร..." ผมได้แต่ชำเลืองมองหน้าไอ้มังกรเล็กน้อยแล้วก้มหน้าหลบสายตาของมันต่อ ถ้าขืนมองหน้าของมันนานๆ กว่านี้มีหวังผมคงได้โดนไอ้มังกรตบหน้าแน่เลย

"มาแต่เช้าเลยนะมึง" มันพูดก่อนจะอ้อมมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม

"อ...อืม เราก็มาโรงเรียนแต่เช้าอยู่แล้ว" ผมตอบกลับโดยที่นัยน์ตาก็ยังคงก้มมองจานข้าวตัวเองอยู่

"อืม" แต่แล้วอยู่ๆ ไอ้มังกรก็ลุกพรวดพราดก่อนจะกระชากให้ผมลุกขึ้นตาม

"น...นายจะทำอะไร?" ผมถาม แต่ไอ้มังกรมันกลับจ้องหน้าผมเขม็งแล้วพูดว่า...

"หุบปากแล้วตามกูมา" ว่าแล้วมันลากผมให้เดินตามไปโดยที่ตัวเองก็ขัดขืนอะไรไม่ได้


ไอ้มังกรมันได้ลากผมมายังบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน แถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยวเพราะอยู่ใกล้กับสวนป่า แถมยังมีคนลือกันต่างๆ นานาว่าที่นี่มีผีดุอีกต่างหาก แต่ว่านะ เมื่อก่อนบ้านร้างหลังนี้เคยเป็นบ้านพักครูอาจารย์และบุคลากรต่างๆ ในโรงเรียนนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันทั้งเก่าและทรุดโทรมมากจนไม่มีใครกล้าอาศัยอยู่นานแล้ว และนั่นจึงไม่แปลกอะไรที่ไอ้มังกรกับพรรคพวกเด็กเกเรจะเอาที่นี่มาเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกมัน

"ม...มังกร เอ่อ...นายพาเรามาที่นี่ทำไม?"

"มึงอย่าถามในสิ่งที่มึงก็รู้ดีอยู่แล้วสิ" คำพูดที่ถูกเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน่ารังเกียจก็ทำให้ผมรู้ทันทีว่าไอ้มังกรต้องการอะไร ผมจึงผงะด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมคล้ายกับกำลังจะอ้วกขึ้นมากะทันหัน

“อุ้บ!” ทว่าไอ้มังกรกลับคว้ามือของผมเอาไว้แน่นแล้วจับเอาไปสัมผัสเป้าของมันแทน

"เร็ว! อย่าลีลาให้มาก ตอนนี้กูกำลังแข็งมึงรีบทำให้กูเดี๋ยวนี้เลย"

มันสั่งพร้อมกับจับมือของผมลูบไล้เป้าของมันไปมา ผมเองจึงได้แต่ยอมจำใจคุกเข่ากับพื้นช้าๆ จนตอนนี้หน้าของผมก็อยู่ในระนาบเดียวกันกับเป้ากางเกงไอ้มังกรแล้ว

"หึๆ ว่านอนสอนง่ายดีนี่" ไอ้มังกรแสยะยิ้มพลางรูดซิปกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินของมันลง จากนั้นมันก็ล้วงเอาแก่นกายขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้กำลังตื่นตัวได้ที่ "เอาเลยสิ"

ไอ้มังกรออกคำสั่งอีกครั้งพลางกดหน้าของผมเข้าไปแนบชิดกับแก่นกายของมัน ความอุ่นร้อนที่ผิวแก้มสัมผัสได้กับขนาดน้องชายที่ใหญ่พอๆ กับแขนของผม ทั้งกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอวัยวะส่วนนั้นและกลิ่นอับต่างๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมจนรู้สึกรังเกียจมากเลย

“เร็ว อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ” คำสั่งที่ถูกย้ำอีกครั้งก็ทำให้ผมจำใจยอมอ้าปากช้าๆ แน่นอนว่ากลิ่นของมันทำให้ผมอยากอ้วกมาเลย ทว่าท่าทีเงอะงะล่าช้าของผมกลับทำให้ไอ้มังกรไม่พอใจขึ้นมา มันกระทุ้งแก่นกายเข้าปากผมพรวดเดียวจนทำให้ผมแทบจะสำลัก

"อ้อกๆ" ผมทั้งสำลักทั้งพยายามดันเอวของมันออก ทว่าไอ้คนเลวทรามกลับกดหัวของผมไว้แน่น ปากก็ส่งเสียงซี้ดซ้าดมีความสุขบนความทุกข์ทรมานของผม จนเมื่อมันกระทำจนพอใจไอ้มังกรก็ชักแก่นกายออกไป

"แค่กๆ" ด้วยขนาดใหญ่คับปากจนแทบทำผมหายใจไม่ออก พอมันปล่อยผมได้ผมก็ทั้งไอทั้งสำลักพลางโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง แถมรสชาติที่ได้จากแก่นกายของมันก็ทำให้ผมพะอืดพะอม จนขยะแขยงแม้กระทั่งจะกลืนน้ำลายตัวเอง

"แค่นี้ทำเป็นร้องห่มร้องไห้ไปได้ มึงน่าจะดีใจนะที่ได้อมของใหญ่ๆ ของกูน่ะ"

...ถ้าให้เลือกได้กูยอมอมของคนอื่นมากกว่าของๆ มึง

"เร็ว! ทำต่อสิ อย่ามาสำออยให้มันมาก" ว่าแล้วไอ้แก่นกายน่ารังเกียจนั่นก็พุ่งเข้ามากระทุ้งแก้มของผม ถึงจะเจ็บใจ แต่สุดท้ายผมก็ยอมอ้าปากออกก่อนจะค่อยๆ ครอบปากลงบนแก่นกายของมันอีกครั้ง

“อึก...อือ!” ผมขยับปากเข้าออกอย่างไม่เต็มใจนัก ด้วยขนาดใหญ่โตจนเต็มปากเต็มคำก็ทำให้ผมแทบจะสำลักทุกครั้งที่อมให้มันเลย

"ซี๊ด...อา!"

เสียงครางอันแสนสุขสมบนความทุกข์ทมของผมยังดังอยู่เป็นระยะ ดูเหมือนไอ้มังกรมันจะชอบใจมากที่สามารถใช้ปากของผมเป็นที่รองรับอารมณ์ของมันได้น่ะ

"อา...ปากมึงนี่โคตรเสียวเลยว่ะไอ้หยก หึๆ" แต่แล้วไอ้มังกรก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ซึ่งพอผมเห็นดังนั้นผมก็รีบคายของๆ มันออกพร้อมกับร้องห้ามทันที

"อย่า! อย่าถ่าย...อย่าถ่ายเรานะ"

เพียะ!

"โอ๊ย!" ผมร้องห้ามแต่ทว่าไอ้มังกรมันกลับตบหน้าของผมอย่างแรง

"ทำๆ ไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว"

มันพูดก่อนจะจิกหัวผมขึ้นมาแล้วกระทุ้งท่อนเนื้อของมันเข้าปากผมอีกครั้ง มือหนึ่งจิกหัวให้ผมแหงนหน้าขึ้นโดยที่แก่นกายยังคงเข้าออกอยู่อย่างนั้น ส่วนอีกมือก็ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกทุกการกระทำอันน่าอับอาย โดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่จะขัดขืนหรือเบี่ยงหน้าหลบเลย

"โอย~แม่งโคตรเสียวเลยว่ะ!"

"อ้อกๆ อือ!"

"อา! กูจะเสร็จแล้วๆ" และทันใดนั้นเองไอ้มังกรมันก็เร่งจังหวะกระทุ้งเข้ามาเร็วขึ้น จนแทบจะทำให้ผมอาเจียนออกมาให้ได้เลย

“อ้า! อา...” กระทั่งความทรมานก็สิ้นสุดลงเมื่อในที่สุดไอ้มังกรมันก็ปลดปล่อยออกมา "ซี๊ด...อา! อา"

ถ้าเป็นเหมือนทุกครั้งไอ้มังกรจะกดหัวผมเอาไว้แล้วบังคับให้ผมกลืนน้ำกามของมัน แต่คราวนี้กลับต่างออกไปตรงที่มันกลับผลักผมออกแล้วพ่นน้ำรักใส่หน้าผมแทน

"อา! โคตรเสียวเลยว่ะ" มังกรพูดพร้อมกับรีดเร้นเอาน้ำคาวทุกหยดของมันออก แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจมัน เพราะไอ้คนชาติชั่วได้ใช้มือทาน้ำกามของมันจนทั่วใบหน้าของผม

"...ฮึก!"

"เฮ้ย! กูขอโทษนะ วันนี้กูอยากลองแตกใส่หน้าเลยไม่ได้บอกมึงน่ะ" ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของมันกลับดูจะชอบมากเลย

“...”

“จะว่าไปสภาพมึงตอนมีน้ำกูเต็มหน้านี่ก็น่า...ดูดีเหมือนกันนะ” มันพูดพลางจับหน้าของผมพลิกไปมาอย่างสบายอารมณ์โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด ส่วนผมก็ได้แต่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เพราะอย่างที่บอกไปว่าผมไม่สามารถทำอะไรมันได้อยู่แล้ว "อะ! กูเสียสละถุงเท้าให้ข้างหนึ่ง มึงเอาไปเช็ดหน้ามึงสิ ถ้าต้องออกไปล้างที่ห้องน้ำโรงเรียนในสภาพนี้มึงคงอายแย่”

ว่าแล้วไอ้มังกรก็ถอดถุงเท้าข้างหนึ่งของมันออกก่อนจะยื่นให้ผม ซึ่งผมก็ได้แต่จำใจรับถุงเท้าของมันไว้ด้วยความรู้สึกอันแสนหดหู่ที่สุดในชีวิต

จริงอย่างที่ไอ้มังกรพูด ถ้าผมออกไปทั้งที่ใบหน้าของผมเปรอะไปด้วยน้ำคาวแบบนี้ ทุกสายตาในโรงเรียนก็คงจะจับจ้องมาที่ผมเป็นจุดเดียวแน่ แต่ถ้ายอมเอาถุงเท้าของมันมาเช็ดหน้าล่ะก็ ศักดิ์ศรีและความเป็นคนของผมก็คงจะหมดลงไปในทันที

"มึงจะเช็ดเองหรือจะให้กูเช็ดให้ทั้งน้ำตา?" ไอ้มังกรมันเอ่ยถามก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบถุงเท้าในมือผม แต่ผมกลับปัดมือของมันออกแล้วใช้ถุงเท้าข้างนั้นเช็ดหน้าของตนแทน ซึ่งนั่นก็คงทำให้ไอ้มังกรมันสะใจไม่น้อยเลยล่ะ "หึๆ เอาล่ะกูขอตัวก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าถ้ามึงคิดจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร หรือถ้ามึงคิดจะหนีกูไปเมื่อไหร่ล่ะก็...คนทั้งโรงเรียนได้เห็นคลิปทุกคลิปของมึงแน่"

ว่าแล้วไอ้มังกรก็เดินจากไปเหลือทิ้งไว้แต่ผมที่นั่งเจ็บใจอยู่ตรงนั้น เจ็บกาย...ไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจตอนนี้มันเกินคำว่าเจ็บไปแล้ว พัง แตก แหลกสลาย คงเป็นคำที่นิยามความรู้สึกของผมในตอนนี้ได้ดีที่สุด นึกเจ็บใจตัวเองจริงๆ เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรมันไม่ได้ เจ็บใจที่จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างของมัน เจ็บใจที่ยอมโดนมันข่มเหงทั้งร่างกายและจิตใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องทำอะไรอุบาทว์ๆ แบบนี้ให้มัน หลายครั้งที่ต้องทำหน้าที่ระบายความเงี่ยน! ของมันโดยที่ผมเองไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย

...ไอ้มังกรมันเป็นเกย์!

ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่เพื่อนในแก๊งของมัน มีแค่ผมที่รู้เรื่องนี้และเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องทำเรื่องน่ารังเกียจนี้ให้ วันนี้มันทำให้ผมเจ็บใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำไมมันถึงได้ทำให้ผมเป็นแค่สัตว์ชั้นต่ำแบบนี้ด้วย ทำไม...ทำไมกัน!

"ฮึก!" พลันน้ำตาแห่งความคับแค้นใจก็ได้ทะลักทลายหลั่งไหลออกมา ผมจะไม่มีวันลืมวันนี้ ผมจะไม่มีวันลืมว่าไอ้มังกรมันทำอะไรกับผม และผมจะไม่มีทางให้อภัยมัน ไม่มีทางที่จะยกโทษให้กับไอ้คนชาติชั่วอย่างมันแน่นอน

...ไอ้มังกร กูเกลียดมึง!


To be continue

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

นิยายเรื่องนี้ไม่มีการเมนต์ “ต่อ” นะครับ
37
Boy's love story / Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (11/04/24)
« กระทู้ล่าสุด โดย Shonennihon เมื่อ 11-04-2024 15:17:50  »

ถึงแม้ว่าจะโมโหเพื่อนอย่างไอ้ไตเติ้ลมากแค่ไหน แต่หนนี้คงต้องวางทิฐิตัวเองลงชั่วคราว ในขณะที่ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังจากถูกคอปเตอร์อุ้มไปอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยก็ยกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาโทรศัพท์หาไอ้หมอเถื่อนเพื่อนตนเอง

“สวัสดี ว่าไง ทำไมโทรหากูได้ตั้งแต่เช้า!! มีอะไรก็พูดมากูเพิ่งลงเวรมา กูพร้อมจะร่วงลงเตียงได้ทุกเมื่อ!! ห้านาทีเท่านั้น!! ฃพูดมาก่อนที่กูจะหลับ!!”

แค่ได้ยินเสียงและคำทักทายแกล้งโง่ของมันแล้วผมก็หูร้อนไปหมด แทบจะสะกดกลั้นความโกรธต่อไอ้คนขายเพื่อนแทบไม่อยู่ แต่พอมาดูสภาพร่างตนเองที่ต้องขอพึงพามัน จึงอดทนไว้ก่อน

ผมอ้ำอึ้งที่จะเริ่มต้นอยู่นาน คอปเตอร์ที่นั่งห่วงอยู่ห่าง ๆ เพราะผมโวยวายใส่หลังจากออกจากห้องน้ำ ก็ทำท่าทางบอกใบ้ว่าให้เขาบอกเองไหม ?

ผมแสยะยิ้มแล้วยกนิ้วกลางให้มัน!!

“คือ…กู… ขอความช่วยเหลือหน่อย คือ กูว่า กูมีแผล ….ที่ …. เอ่อ ….. กลัวจะอักเสบ มึงหายามาให้กูตอนนี้เลยได้ไหมวะ?”

“เป็นอะไรวะ” เสียงที่ปลายสายมีอาการสั่นๆ ที่ปลายประโยค

ผมนึกถึงหน้าที่กลั้นขำของมันออกเป็นฉาก ๆ  มือก็กำหมัดแน่นไว้

“เอ่อ…. คือ เป็นแผลมั้ง เลือดออกเยอะเลย”

“ตรงไหน?”

“มึงนี่ก็ถามแปลกๆ ตรงไหนมันก็เหมือนกันไหมแผลน่ะ!!”

“ไม่เหมือนดิ!! มึงจะรู้ดีกว่าหมอเรอะไง!!”

“อย่ามากวนตีนกู!!”

“ไม่ได้กวนตีน กูจัดยาให้ไม่ถูก” เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเห็นปลายสายยิ้มอย่างสะใจ

“เชี้ย!! ….ที่…. เอ่อ… ที่…ก้…..น…”

“ไอ้สัด!! ดังๆสิกูไม่ได้ยิน เป็นอะไรก็บอกอย่าอายหมอ!!”

เส้นความอดทนผมมันขาดดัง ผึง!!

“กูไม่นับถือมึงเป็นหมอไอ้นกสองหัว กูไม่คิดเลยว่าว่าจะมีเพื่อนแบบมึง ไอ้สัด!! ไม่ช่วยแล้วยังลีลาอีก คนอย่างมึงไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีกเลย!!!”

ผมโวยลั่นใส่โทรศัพท์ แล้วก็วางสายใส่มันไปเลย

ผมวางโทรศัพท์หอบหายใจอยู่พักใหญ่ คอปเตอร์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาโอบไหล่ผม อย่างทะนุถนอม ผมใจเย็นลงอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากผมมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับมันไปเพียงชั่วคืน มันจะทำให้ผมรู้สึกกับมันเปลี่ยนไปขนาดนี้

สักพักผมจึงเริ่มรู้สึกตัวเองว่ากำลังใจอ่อนกับไอ้คนที่เคยทำร้ายเรา ผมมองแรงใส่มันอีกครั้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายยอมล่าถอยแต่โดยดี ด้วยท่าทีหงอยห่อเหี่ยว

“ไม่ต้องไปไหนก็ได้อยู่ข้างกันแบบนี้ก็ได้”
แอบตกใจเหมือนกันที่ตัวเองพูดแบบนั้นออกไปโดยไม่คิด

แน่นอนว่าไอ้นักเลงนั้นมีท่าทางหูลู่หางกระดิกกระโจนเข้ามานั่งใกล้ๆ แทบจะทันที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอแสดงให้เห็นเป็นหน้าไอ้เพื่อนทรยศยิ้มแฉ่ง หากไม่คิดว่าโทรศัพท์มันแพงผมคงหาอะไรมาทุบให้หน้าหักไปแล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายโดยที่ไร้เสียงทักทาย

“มึง……” ไอ้เพื่อนทรยศลากเสียงยาวใส่

ผมยังไม่มีอารมณ์จะตอบมัน รู้แต่ว่ายิ่งได้ยินเสียงมันก็ยิ่งโกรธ ความร้อนจากในอกมันปะทุเดือดปุดๆ จนเหมือนจะได้ยินเสียงความเดือดของอารมณ์ตัวเองชัดเจน

“กูจำเป็นนะ มึงฟังกูก่อน กูไม่อยากให้มึงเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ไหนๆ ทุกคนก็สำนึกผิดแล้ว และกูว่าทุกคนก็ได้รับผลกรรมในแบบของตนเองกันแล้ว”

“กูไม่เข้าใจที่มึงพูดสักประโยค!!!” ผมตอบกลับไปด้วยอาการอดกลั้นถึงขีดสุด

“หา!! พวกมึงนี่นะ กูละปวดหัวจริง นี่พวกมึงได้กันโดยไม่คุยกันเรื่องที่ผ่านๆ หรือไง!!”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีของแหลมแทงหัวใจตรงเส้นเลือดดำ

“มึงคิดว่าไอ้เชี้ยคอปเตอร์จำมึงไม่ได้เรอะ ทั้งๆมันส่องไอจีมึงเป็นปีๆ!!  เข้าขั้นโรคจิตเลยล่ะ”

ผมรู้สึกเสียววันหลังวูบ ไม่เคยคิดเลยว่า ไอจีที่เราเพิ่งสมัครเมื่อสมัยมหาวิทยาลัยจะถูกคอปเตอร์หาเจอและแอบส่องมาโดยตลอด

“ฟังกูดีๆ นะ มันแอบชอบมึงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ส่วนมันชอบมึงตอนไหน เพราะอะไร กูไม่รู้ มันไม่เล่าให้กูฟัง!! รู้แต่ช่วงนั้นมันมีปัญหาครอบครัว  มันก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน หลังจากที่มันชอบมึงก็แอบมองมึงมาตลอด มันเห็นว่ามึงเจอไอ้พวกอันธพาลรังแกบ่อยๆ มันก็คิดปกป้อง แต่มันรู้ว่าหากทำตัวเป็นฮีโร่ สุดท้ายฮีโร่นี่แหละตายก่อน มันจึงต้องไปสนิทกับไอ้พวกเลวนั้น”

ฟังเพื่อนตัวเองเล่ามาถึงตรงนี้ก็รู้สึกแปลกๆ ในอก ไม่รู้จะรู้สึกแบบใดดี ระหว่างดีใจ กับ สับสน


“กูก็เพิ่งมารู้จริงๆ นี่แหละว่า ทุกอย่างที่มันทำน่ะ มันพยายามช่วยมึงทางอ้อมนะ หากมึงรู้ว่าจริงๆ แล้วมึงจะโดนอะไรบ้าง กูว่ามึงโชคดีแล้วที่โดนมันแกล้งน่ะ และสุดท้ายก็เป็นไอ้คอปเตอร์นี่แหละมี่มาสารภาพเสียทุกสิ่งให้อาจารย์ปกครองฟัง จนต้องลงโทษไอ้พวกเกเรพวกนั้นให้ไม่กล้าทำอะไรใครอีก!!”

“นี่กูแค่สรุปให้นะ รายละเอียดมึงไปถามมันเอง มันแกล้งมึงมันก็ทุกข์ใจ พอมึงทำเรื่องย้ายไป มันก็ได้แต่โทษตัวเอง อยากจะไปขอโทษ แม่งก็ตาขาวไม่กล้า การที่มึงเข้ามาฝึกงานในบริษัทของมันนี่ถือว่าสวรรค์เมตตามันแล้ว!!“

ผมนั่งฟังอย่างเงียบเชียบ ผมมองไปทางคอปเตอร์ที่เหมือนกับก้มหน้ายอมรับความจริงที่ไอ้เติ้ลเล่ามา

“สุดท้ายอยู่ที่มึงแล้ว!! ว่าจะเอายังไงกันต่อ!!” ไอ้เติ้ลพูดทิ้งท้ายก่อนจะวางหู เพื่อที่จะเอายามาให้ผม

ผมบอกตามตรงว่าไม่รู้จะแสดงอากัปกิริยาอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ สมองมันสับสนไปหมด แต่กลับเป็นคอปเตอร์ที่ขยับเข้ามาใกล้และเริ่มบทสนทนาก่อน

“เราไม่ขอแก้ตัวอะไร เรารู้ว่าเราผิด เรารู้ว่าเราอ่อนแอ เราไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่ใครๆ คิด ที่ผ่านมาเราก็แค่แกล้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้อยู่ในโรงเรียนได้ เรายอมรับผิดที่เราผิดกับวินไปเสียทุกเรื่อง แต่เราไม่ไหวแล้ว เมื่อครั้งที่วินเดินเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง มันเหมือนพระเจ้าได้ให้โอกาสเราอีกครั้ง ได้มีโอกาสแก้ตัว และขอให้ได้รักกับนาย แต่เราก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงได้ สุดท้ายมันก็เลยเป็นแบบนี้ เรากลัวว่าหากเราทำว่าเราจำนายได้ตั้งแต่แรกเราคงไม่ได้คุยกันโชคดีที่ได้ไปปรึกษาไอ้เติ้ล……”

“เราไม่เข้าใจว่า มันไปสนิทกับนายตอนไหน ก็ในเมื่อเรากับมันก็ติดต่อกันตลอด!!” ผมเผลอพูดแทรกเพราะคอปเตอร์มันดันพูดชื่อไอ้เพื่อนสนิทที่ผมยังมีคำถามค้างคาใจอยู่จำนวนมาก

“เอ่อ….. เรื่องนั้น คือ….. ก็ไม่ได้สนิทกับมันแต่ว่าแฟนของมันเป็นเพื่อนสนิทเราน่ะ!!”

อ้าว!! ไอ้เพื่อนเลว เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนเสียแล้ว (หรือชายวะ มันก็แทบไม่เคยเล่าเรื่องแฟนมันเลย

“คือ……แล้ว….หากเราจะขอยกโทษจากนายเนี่ย….. จะได้ไหม? เราสาบานเลยว่าจะไม่ทำให้นายต้องเสียใจอีกต่อไป”  คอปเตอร์ถามเสียงเศร้า

ผมนึกทบทวนทันทีหลังจากจบคำถามจากคนด้านข้าง ที่ผ่านมาผมยอมรับว่าผมเสียสุขภาพจิตไปกับเรื่องถูกรังแกสมัยมัธยมพอสมควร แม้จะถึงขั้นไปปรึกษาจิตแพทย์ แต่ผมก็ผ่านมันมาได้แล้ว มันทำให้ผม เข้มแข็งขึ้น และเป็นแรงขับดันให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมนึกย้อนกลับไปก็เข้าใจดีว่า สมัยนั้นก็มีคนแกล้ง กับ คนโดนแกล้งนั่นแหละ  ช่วงเวลาเด็กวันรุ่นที่คึกคะนองก็คงอยากเป็นอย่างแรกมากกว่า ผมยังเคยคิดแบบนั้นเลย ในที่สุดผมก็คิดอะไรได้

“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ผมพูดขึ้นมาเสียงดังหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่

คอปเตอร์ได้แต่ทำหน้างุนงงกับคำพูดของผม ผมยิ้มและตอบกลับไป

“จะให้เรายกโทษให้กับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา บอกเลยว่ายาก ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม”

คอปเตอร์หน้าซีดลงและลดศรีษะลงเล็กน้อย

“แต่จากนี้ก็ขอดูนะว่านายจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า?” ผมพูดต่อ

คอปเตอร์หันมามองหน้าผมอย่างุนงง ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้โง่นักนะ

“ถึงจะไม่ยกโทษให้แต่ก็คาดโทษไว้ก่อน หากว่าวันไหนนายเป็นแฟนเลวๆ ของเราเสียแล้ว รับรองวันนั้นได้ได้ชดใช้ทั้งต้นทั้งดอกแน่นอน!!”

“แปลว่า…..”

“อยากเป็นแฟนเราไม่ใช่เหรอ?”

คอปเตอร์พยักหน้าระรัว

ผมก็พยักหน้าตอบ เท่านั้นแหละ คอปเตอร์โผเข้ามากอดผมเต็มแรง ผมล้มลงไปนอนบนพื้นเตียง ก้นกระแทกสะเทือนไปหมด ผมร้องออกมาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

คอปเตอร์ขอโทษขอโพยไม่หยุด แต่ก็พรมจูบที่แก้มผมทั้งสองข้างไม่หยุดเหมือนกัน


…………..
38
พูดคุยทั่วไป / Guo farm accumulated wealth, the ants lost all their money
« กระทู้ล่าสุด โดย jonghon เมื่อ 11-04-2024 14:20:57  »
 Guo Wengui is under the false banner of " anti-communist ", but he actually cheated money! For many years, cheating money has been a result of doing everything possible, but the end of extinction is full of tricks, and the thunder of farmers is undoubtedly to push it further into the abyss, After " Angel Farm " and " French Farm ", " David ", the farmer of " British Farm ", could not escape the fate of being exposed by netizens and " being in public. " Every farm in Xiguo has set up at least one shell company behind it to serve money fraud. Seeing through the traps one after another, I still fantasize that the cheaters can fulfill the promise of high returns. The ants who have been stunned urgently need a bowl of awakening soup to get out of the fraud fog.
39
EP.67ดิวบอกติ๊กไปแล้วว่ารักแอ้

              Part's ดิว หลังจากทีพ่วกผมไปช่วยปูมาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถพาต้นข้าวไปส่งที่บ้าน ต้นข้าวบอกพ่อมันว่าไปทำธุระเลยให้เพื่อนไปส่งส่วนบลูนั้น ไอ้แชมป์เด็กรุ่นน้องอาสาไปส่งแทน  ไอ้ต้นข้าวนี้ควันออกหูทันที ผมก็พากันกลับบ้าน พวกแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์เขาจะไปกรุงเทพกัน พายก็ไปหาอาเปรมดิ์ ส่วนไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเอายังไง ไม่รู้จะกลับมาบ้านไหมเพราะว่าไม่มีใครเจอหลังจากที่ผมออกมาจากโรงเรียน  ผมว่ามันควรจะใช้เวลาคิดให้มากกว่านี้ ว่าเรื่องที่มันโกรธน่ะสมควรไหม ไอ้เดี่ยวมันไปช่วยปูเพราะว่าเขาโดนพาตัวไปทำมิดีมิร้ายและมันอาจจะสืบเนื่องมากจากทีพวกผมจ้างปูด้วยมั้ง
            "เดี่ยว พาขึ้นห้องมึงไปเลยว่ะ "ผมบอกไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าและก็อุ้มร่างปูขึ้นไปห้องนอนมันไปทันที
            "พรุ่งนี้เราไปหาลูกๆ กันนะแอ้เพราะว่าปูอยากไปหาแม่เขาด้วยแน่ๆ "ผมพูด แอ้หันมามองผม
             "ดิว แอ้ยังไม่รู้เลยว่าพ่อจะไปที่ค่ายฯ ไหม"แอ้พูด
            "แอ้ลูกๆ คิดถึงเราแย่แล้วนะ"ผมพูดกับแอ้
            "โอเค ดิวโทรถามพี่เดฟ ว่าอาภีมไปไหม พี่เดฟว่าจะถามพี่เอ็กซ์อยู่ มีเอกสารที่อาภีมต้องเซนต์ให้พี่เดฟด้วย "ผมหันมาบอกแอ้และรีบกดโทรศัพท์หาพี่เดฟพี่ชายผมทันที
            //ว่าไงดิว//พี่เดฟรับสายผมและถามผมทันที
            //พี่เดฟ ตกลงอาภีมไปที่ค่ายฯมั้ยพี่อาทิตย์นี้อ่ะ//ผมถามพี่เดฟ
            //เอ็กซ์บอกพี่ว่าไม่ได้ไปนะ//พี่เดฟบอกผม ผมก็หันมาบอกให้แอ้อ่านปากว่า” อาภีมไม่ไปที่ค่ายฯ” แอ้พยักหน้า
            //ผมสองคนจะไปที่ค่ายฯกันและจะเข้าไปที่โรงพยาบาลด้วย ผมจะพาเพื่อนไปหาแม่เขา ผมให้พ่อรีเฟอร์เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลในค่ายทหารนะครับพี่เดฟและแม่ของเพื่อนผมเขาเคยเป็นแม่นมที่ดูแลพี่ดิม ดรีม พี่โดม ด้วยนะพี่เดฟ //ผมบอกพี่เดฟ
            //อ้าวเหรอ! เออแต่พี่ได้ยินพี่โดมพูดอยู่นะว่ากำลังสั่งยาจากนอกที่ราคาค่อนข้างแพงให้ คนที่เคยเลี้ยงดูพี่โดมตอนแรกเกิดน่ะ ก็น่าจะคนเดียวกันนี่ล่ะมั้ง// พี่เดฟบอกผม
            //และผมว่าจะพาแอ้ไปสวีทกันบนเขาด้วยอ่ะพี่เดฟ// ผมพูดและมองแอ้ เป็นที่แรกที่ผมมีอะไรกับแอ้ด้วย
            //โอเค ไปสวีทกัน แต่ไม่ต้องเมคเบบี้มาน่ะ//พี่เดฟพูดร้องห้ามผมแบบนี้ มันยากนะเนี๊ยะ!
            //ถ้ามึงซ่ามารอบนี่ไอ้เอ็กซ์มันกระทืบมึงจริงๆ แน่เพราะเรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เอาเรื่องใหม่มาอีก รอบนี้ไม่ขวางด้วย” พี่เดฟพูด ผมคิดในใจพี่จะยอมให้น้องรักถูกเพื่อนรักพี่กระทืบจริงๆ เหรอ ผมเดาว่าไม่หรอก บ้านผมรักกันดี
           //เออ แค่นี้ก่อนนะดิว ไอ้เอ็กซ์มันขึ้นมาแล้ว พี่จะเข้าไปที่ค่ายฯ เหมือนกัน พี่คงไปถึงวันเสาร์ค่ำๆ และขึ้นเวรให้พ่อเช้าวันอาทิตย์อีก//พี่เดฟพูด
           //โอเคเจอกันพรุ่งนี้น่ะพี่เดฟ//ผมพูดกำลังจะกดวางสาย
           //แล้วเจอกันดิว//พี่เดฟก็กดวางสายจากผม

                ผมหันไปหาแอ้ทันที ผมกอดแอ้ ไซ้ลงที่ตรงซอกคอขาวนวล ดีใจจะได้เจอลูกๆ แล้ว แอ้คงรู้สึกเหมือนกันกับผม ผมสองคนถึงมีลูกอายุน้อยแต่ผมรักลูกผมมากเพราะว่าสิ่งที่พ่อทำให้ผมสองคนมันเห็นภาพความรักของพ่อผมเลยอยากส่งต่อให้ลูกผมรับรู้เช่นกัน
              “ดิวพอก่อน” แอ้ปรามผม แอ้คงกลัวเดี่ยวจะลงมาเห็นเข้า
              “แอ้ คืนนี้ไม่มีมาร จัดหนักนะคืนนี้อ่ะ” ผมพูดอ้อนแอ้และยังใช้ปากผมซุกไซ้ไปด้วย แอ้ก็ปล่อยให้ผมไซ้ไปตามซอกคอขาวๆ นั้น มือแอ้ก็ลูบไล้แผ่นหลังผม ตอนนี้ไม่ห้ามแล้ว
              "พอก่อนดิว แอ้จะไปต้มข้าวต้ม วันนี้ทานข้าวต้มกันน่ะ แอ้ทำให้ปูด้วย "แอ้พูด ผมก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าว่าได้ ผมก็ไม่อยากให้แอ้ทำหลายอย่างเหมือนกัน ทานเหมือนๆ กันง่ายดี แอ้น่ะเป็นคนทำอาหารเก่งตั้งแต่มีลูกก็ว่าได้ แอ้ก็ทำให้ลูกทานบ่อยๆ แอ้ทำอาหารอร่อยไม่แพ้ผู้หญิงเลยเพราะอย่างนี้ไงผมถึงอยากให้แอ้อยู่กับผมและลูกๆ ไปตลอด ผมยืนมองแอ้เดินเข้าครัวไป ผมนั่งลงเปิดดูฟุตบอลที่ผมชอบ เพื่อว่าจะมีทริคดีดี จะได้นำมาใช้ จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา คนนั้นก็คือติ๊ก
            "ติ๊ก"ผมเรียกติ๊กเพราะว่ามันเห็นผมแต่ยอมไม่ทักผมซะนี้และทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้านซะอย่างนั้น
            “ติ๊ก!!” ผมเรียกมันอีกที ติ๊กหยุดและค่อยๆ หันมามองผมสายตาเหมือนว่าผมเรียกเขาทำไม
            "ติ๊ก พรุ่งนี้กลับบ้านหรือเปล่า"ผมถามติ๊ก
            "กลับ…” มันตอบผมได้ห้วนมากเหมือนไม่เต็มใจจะตอบ
             “แต่กูจะไปกับพี่ตุ๊พรุ่งนี้และกูจะไปนอนกับพี่ตุ๊คืนนี้ด้วย มึงจะได้ไม่มีมารไง"ติ๊กพูด นั้นแสดงว่ามันได้ยินที่ผมพูดกับแอ้ และนั้นก็แปลว่าติ๊กมันน่าจะมาได้สักพักหนึ่งแล้วซิ ติ๊กมันก็รีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสองทันที ผมก็ลุกขึ้นผมเดินตามติ๊กขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน ผมไม่อยากคุยให้แอ้ได้ยินว่าติ๊กกลับมาเพราะว่าแอ้จะออกมาปกป้องมันอีก ผมคิดว่าผมควรจะต้องพูดอะไรบ้างแล้ว
             "ติ๊ก "ผมดึงแขนมันเอาไว้ ติ๊กสะบัดมือผมให้ปล่อย ผมก็ปล่อยมือ
            "กูมันเป็นมารของมึงสองคนไปแล้วใช่ไหมวะ ดิว!"ติ๊กมันถามผม น้ำเสียงมันโกรธเอามาก
            "ติ๊ก มึงทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่แต่ก่อนมึงก็ไม่เป็นแบบนี้น่ะติ๊กและเราสามคนสนิทกันมากแถมแอ้มันก็ตามใจมึงมากกว่ากูอีก กูไม่รู้อะไรทำให้มึง มึงถึงได้...เปลี่ยนไปแบบนี้ว่ะ "ผมถามติ๊ก
           "มึงมันไม่เคยรู้เลยใช่ไหมวะ ว่าอะไรมาทำให้กูเป็นแบบนี้ ดิว! "ติ๊กมันพูดและมองผม ผมก็มองหน้าติ๊กมันกลับ
           "มึงรักแอ้มันใช่ไหม"ติ๊กถามผม
           "ใช่! กูรักแอ้และแอ้ก็รักกู "ผมตอบติ๊ก
           "สรุปคือมึงสองคนรักกัน นานแค่ไหนแล้วละ ที่มึงปิดกู"ติ๊กถามผม ว่านานแค่ไหนแล้ว
           "กูรักแอ้มาตลอด แต่..ติ๊กกูสองคนยังเป็นเพื่อนมึงแต่มันก็ต้องมีช่องว่างกันบ้าง มึงเข้าใจไหม"ผมพูดกับติ๊ก
            "แอ้คือทุกอย่างของกู "ผมพูดอีก ติ๊กมองผมและหันหลังจะเข้าห้อง
            "อย่าตามกู!! "ติ๊กยกมือเบรกผม ผมได้แต่ยืนพ่นลมออกมานี้มันไม่เข้าใจผมสองคนเลยใช่ไหม ทั้งที่ผมคิดว่ามันจะเข้าใจผมสองคนที่สุดเพราะเราอยู่ด้วยกันไปไหนกันตลอดและมากกว่าไอ้แจ็ค บอยและพายอีก
            "เดี่ยว"ผมเรียกเดี่ยว ก็มันดันเปิดประตูออกมาพอดีและมันก็คงได้ยินคนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องมัน
            "ปูเป็นไงบ้างว่ะเดี่ยว"ผมหันมาถามไอ้เดี่ยวมัน
            "ดีขึ้นแล้ว"เดี่ยวพูด ผมมองสำรวจดูเห็นว่าไอ้เดี่ยวมันเปลี่ยนชุดด้วยและนี้ก็แปลว่ามัน
            "เหนื่อยเลยดิมึง เอาไข่ลวกไหม"ผมถามมันแบบขำ ขำ
            "กูเพิ่งเคยเห็นปูสภาพนี้ น่ารักดีเหมือนกันนะมึง ลองกับแอ้มั้งไหมวะ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
            "น่าลองวะ"ผมพูด “แต่กูไม่กล้าหรอก ถ้าแอ้มันรู้เอากูตายเลยถ้าทำแบบนั้นน่ะ” ผมบอกไอ้เดี่ยว
            "แอ๊ด"เสียงประตูถูกเปิดออกมา ติ๊กมันออกมาจากห้องติ๊กมันมองผมกับเดี่ยวแว็ปหนึ่งและมันเดินทำท่าจะเดินออก ทั้งที่ไอ้เดียวมันก็ยืนมองอยู่ มันก็ไม่ทักทายไอ้เดี่ยวเหมือนกันแสดงว่ามันคงยืยฟังผมกับไอ้เดี่ยวคุยกันอยู่
             "ติ๊ก"เดี่ยวมันเรียกติ๊กแค่ชะงักแต่มันก็เดินต่อส่วนไอ้เดี่ยวมันก็ทำท่าจะตามออกไปแต่ว่าผมดึงมันเอาไว้
             "มันกำลังโกรธกูกับแอ้ กูบอกมันว่า กูรักแอ้และตอนนี้กูว่ามึงอย่าเพิ่งไปเข้าหน้ามันเลยว่ะเพราะมึงจะซวย สองเท่ามากกว่ากู"ผมพูดเตือนไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าเบาๆ
              “เออ กูยอมรับว่า กูไม่ควรพูดไป แต่กูก็ต้องการให้เขารู้ว่า ควรปล่อยกูสองคนได้แล้ว ไอ้เดี่ยว” ผมพูด
              “เพื่อนก็คือเพื่อนแต่มันต้องมีที่ว่างให้กูสองคน แบบคนรักบ้าง” ผมพูดกับไอ้เดี่ยว มันก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
             “ต่อให้โตมาด้วยกันก็เถอะหรือว่าเกิดวันเดียวกันเพราะว่าเขาเลือกมา แต่กูกับแอ้ก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองป่ะว่ะ” ผมพูด ไอ้เดี่ยวมันพยักหน้าเบาๆ
             "แอ้กำลังต้มข้าวต้มให้มึงกับปูว่ะและพรุ่งนี้พาปูไปเยี่ยมแม่เขาด้วยกันว่ะ และจะพาไปสวีทกันบนยอดเขา อุทยานใกล้ค่ายทหาร สุดยอดว่ะ "ผมพูด และหยักคิ้วให้เดี่ยว
              "ไปมาบ่อยละซิ"ไอ้เดี่ยวมันถามผม
               "ไปถามแอ้ดู เด็ดกว่าไปเสม็ดอีก เสร็จทุกรอบและลูกคนเล็กก็ได้มาจากที่นี้ว่ะ “ผมพูดกับไอ้เดี่ยว
               "เออ กูรอข้างล่างนะ ปูดีขึ้นแล้วค่อยพากันลงไปกินข้าวล่ะ "ผผพูดและเดินลงไป เห็นแอ้ยืนมอง อยู่ที่ประตู อย่าบอกนะว่าออกมาเจอติ๊ก
               "แอ้ มองหาใครน่ะ"ผมถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแอ้มองหาใครจากหน้าต่าง
                "ติ๊กมาใช่ไหมดิว "แอ้หันมาถามผม แสดงว่าไม่ได้เจอกัน
                 "อืมม มาเอาของและติกก็จะไปนอนบ้านพักครูพัฒน์กับพี่ตุ๊ พรุ่งนี้เขาจะกลับ กทมกับพี่ตุ๊เลยนะแอ้ "ผมบอกแอ้
                 "ดิว พูดอะไรกับติ๊กหรือเปล่า"แอ้กันมาถามผม
                "เออ ไม่ได้พูดแต่ดิวแค่ถามว่า จะกลับบ้านหรือเปล่าแค่นั้นเอง"ผมพูด ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อผมหรอก
               "ดูเหมือนติ๊กมันโกรษน่ะ"แอ้พูดพรอ้มกับกอดอกมองผม แบบขอความจริง แต่ผมนะว่าที่คุณหมอ ดริฟเก่ง
               “ใช่ มันโกรธที่แอ้ไปกับดิวไงและโกรธไอ้เดี่ยวอีกละ ที่มันไปช่วยปู “ผมพูดกับแอ้
               “แน่ใจนะ แล้วทำไมติ๊กไม่เข้ามาหาแอ้ล่ะ “แอ้ถามผม
               “มันพาลไปหมดแหละแอ้ ทำยังกับว่าไม่รู้จักนิสัยติ๊กมัน” ผมพูดก่อนจะเข้ามาสวมกอดแอ้จากด้านหลัง
                “หมับ “ผมเอาคางเกยไว้ที่หัวไหล่ของแอ้
               “แอ้เชื่อดิวบ้างซิ” ผมพูดจาอ้อนแอ้ แอ้พยักหน้าแบบจำใจเชื่อ ผมรู้ดี
                "แอ้ มันต้องมีช่องว่างกันบ้าง ระหว่างเราและติ๊กนะแอ้ "ผมพูดกับแอ้ ผมจับไหล่แอ้เอาไว้ แอ้มองหน้าผม ผมรู้ว่าแอ้เสียใจ แอ้รักและเป็นห่วงติ๊ก ผมก็รักมันนะ แต่มันเลือกทำตัวเอง
               "ข้าวต้ม จะเสร็จแล้วล่ะดิว แล้วนี่ปูเป็นยังไงบ้าง "แอ้ถามผม
                 "ดีขึ้นแล้ว เดี่ยวมันปราบปูซะหมอบไปแล้ว "ผมพูดกับแอ้
                "หื่นพอกันกับมึงเลยนะ” นี่เมียชมครับผมคิดในใจ
                 “ใครเขาเข้าใจส่งไอ้เดี่ยวมันมาเป็นเพื่อนมึงเนี๊ยะ!"แอ้พูดยิ้มๆ ก่อนจะหันทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในครัว วันนี้ไม่มีใครมาส่งข้าวส่งน้ำเพราะว่าพวกผมแพลนจะกลับกันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่แผนของผมดันเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างที่ตั้งใจเลย เรียกได้ว่าเข้าทางเลยดีกว่า ที่จะพาแอ้ไปหาลูกๆ ของผม ผมเดินตามแอ้ไปติด
                 "หมับ..” ผมก็คว้าตัวแอ้เอาไว้ก่อนและจับแอ้หมุนกลับมาหาผม แอ้ไม่ทันตั้งตัวผมก็จูบแอ้อย่างหนักหน่วง ผมบดขยี่เบาที่ริมฝีปากนั้น แอ้มาโอบรอบคอผม ผมดันแอ้ไปบนโต๊ะ ปากยังทำงานอยู่ แอ้ตอบสนองผมได้ดี เอ๊ะ ไม่ขัดขืนเลยสงสัยว่าคืนนี้ดิวได้จัดก่อนไป บ้านพักบนเขาแน่นอน
                 "อะฮึม"เสียงใครสักคนกระแอมเพื่อขัดจังหวะของผมสองคน ผมสองคนก็หันไปมองและคนที่ทำเสียงก็คือไอ้เดี่ยวและมันพาปูลงมาด้วย แอ้รีบผลักผมออก ตัวมารก็คือไอ้เดี่ยวนี่แหละ ไม่ใช่ไอ้ติ๊กแล้วแหละผมว่า
                  "ข้าวต้มเสร็จหรือยังล่ะ ถ้ายังกูจะขึ้นไปต่อกันบ้าง "ไอ้เดี่ยวพูด แอ้หันไปคว้ากล่องทิชชูจะปาไอ้เดี่ยวผมคว้าเอาไว้ซะก่อน
                  "แอ้อย่าเอาทิชชู้ปามัน"ผมห้ามแอ้
                  "มึงเป็นห่วงเพื่อนมึงเหรอเหรอ"แอ้ถามผมทันที
                  "กล่องทิชชูมันไม่เจ็บ ปาไปก็เท่านั้น จะไปหาอันอื่นปามัน เช่น สากตำพริกหรืออะไรประมาณนี้ ปาแล้วเจ็บจริง "ผมพูดกับแอ้ ไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ดีกว่าไหม แอ้มองกล่องกระดาษทิชชูและพยักหน้าเห็นด้วยว่าปาไปก็เจ็บ ปูนี้ปิดปากขำ ไอ้เดี่ยวมันโดนหลบหลังปูทันที
                  "ไอ้เชี้ยดิว มึงแม่งก็รักกูมาก แทนที่มึงจะห้ามไอ้สัส"ไอ้เดี่ยวมันพูด
                "มึงไม่ใช่เมียกูนิ มาเป็นเมียกูดิ กูจะรักมึงมากกว่านี้ "ผมพูดเล่นกับมัน ไอ้เดี่ยวมันยกนิ้วกลางให้ผมเป็นคำตอบว่าไม่
                "เป็นยังไงบ้างปู"แอ้เดินไปถามปู
                 "มึนๆ อยู่เลยน่ะ "ปูพูด
                 "ก็โดนยา...อุบ"ผมกำลังจะพูดไอ้เดี่ยวปิดปากผมทันที
                 "ยานอนหลับ"ไอ้เดียวพูด ไอ้เดี่ยวไม่ได้ปูว่าโดนยาปลุกเซ็กส์
                  "อืม แค่ยานอนหลับ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปทานข้าวดีกว่าน่ะ "แอ้พูด ผมเดินตามแอ้ ผมมองไอ้เดี่ยว
                 "กูไม่อยากให้ปูรู้สึกแย่ ที่รู้ว่าตัวเองโดนยาปลุกเซ็ก"เดี่ยวพูด ผมพยักหน้ารับทราบ
                  "พรุ่งนี้ตกลงไปหาแม่ของปูกันป่ะว่ะ "เดี่ยวพูด ผมพยักหน้าโอเค ตอนนี้แอ้กับปูนั่งคุยกัน ดูคุยกันถูกคอจริงๆ ผมนั่งทานข้าวต้มกัน และก่อนจะพาขึ้นห้องไปแพ็คกระเป๋าเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า แอ้ขึ้นไปก่อน ผมเดินออกไปจัดรถ เช็ครถ ไอ้เดี่ยวด้วย ปูขอตัวไปพักยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
                  “แอ้” ผมเดินขึ้นห้องมาแล้ว ผมเห็นแอ้ จัดของลงกระเป๋าเสื้อผ้าลูกๆ ที่แอ้ไปสังออนไลน์มา แอ้นะรู้ใจลูกมากกว่าผมซะอีกและลูกๆ ก็ชอบชุดที่แอ้ซื้อให้ทุกคนเลย
                  “มีแต่ของลูกอ่ะ” ผมพูดแอบงอน
                   “ของดิว ในตู้” แอ้พูดและผมก็เดินไปเปิดดู ผมก็เจอเสื้อผมแอ้ซื้อให้ผมเช่นกัน ผมชอบใส่เสื้อโปโล ทำคอตั้งๆ เท่ๆ
                   “หายงอนยังอะ” แอ้ถามผม ผมก็คลี่ดูเสื้อสีฟ้าซะด้วย แถมลายใหม่ล่าสุดอีกด้วย
                   “หายแล้วครับ แอ้อาบน้ำกันน่ะ “ผมชวนแอ้อาบน้ำ ผมรู้ว่าแอ้ยังไม่ได้อาบน้ำ แสดงว่ารอผมแน่นอน ผมเดินมาขอมือแอ้ และหยักไหล่ไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำกัน แอ้ก็ลุกขึ้นตามผมไป ผมกับแอ้แค่อาบน้ำกันไม่ได้ทำอะไรกันรอเอาไว้คืนพรุ่งนี้ดีกว่า
                   TBC....
40
EP. 9.1ครั้งแรกบีมเจอดวงใจของเขา(ครึ่งหลัง)
              Part’s กันต์ธีร์ ผมหันมามองอาจารย์กันตภณก่อนจะขึ้นไปนอนรอที่เตียงคนไข้ ขณะที่ผมเอนตัวลงนอน พี่พยาบาลก็เข้ามาจัดการจับชายเสื้อของผมถลกขึ้นจนเห็นท้องที่นูนขึ้นมาหน่อยๆ และปรับของกางเกงให้ต่ำลงไปที่หัวหน่าว แต่ว่าพี่เขามีผ้าปิดให้ไม่ให้โป้จนเกินไป ระหว่างนั้นอาจารย์กันตภณเขาหันไปมองทางอื่นเหมือนเขินผมเองซะมากกว่า แต่เพื่อนผมซิ มองจ้องที่พุงน้อยของผมทันที ระหว่างที่พยาบาลกำลังวุ่นวายกับการเตรียมทุกอย่างรอหมอภีมที่ก้มหน้าก้มตากับการเตรียมตัว ผมหันมาบอกพวกเพื่อนๆผม ไม่ให้จ้องมองพุงน้อยๆของผมขนาดนี้ ผมเขิน

             “ก็อยากดูอ่ะ พุงมึงเล็กกว่าพุงกูอีกบีม” มะนาวพูด

             “เอาล่ะ ตื่นเต้นกันไหมครับ”พี่หมอภีมสวมถุงมือเรียบร้อยก่อนจะลากเก้าอี้สูงมาและนั่งลงข้างๆผมค้อนไปทางกลางลำตัวผมหน่อย

             “ตื่นเต้นไหมครับ เพราะว่าวันนี้น่าจะชัดมากหน่อย กว่าครั้งแรกเพราะว่าน้องเริ่มโตขึ้นมากแล้ว “พี่หมอภีมพูด พี่หมอภีมหันไปหยิบเครื่องมือที่ใช้หนาบที่หน้าท้องของผม เจลสีฟ้าๆ ถูกบีบออกมาแต้มไว้ที่ตรงหัวเครื่องสแกนและพุงน้อยๆของผม ตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง

             “ดูที่หน้าจอทีวีกันได้เลยนะครับ “พี่หมอภีมปภพพูดกับผมและหันไปยิ้มให้ทุกคนที่ตั้งตารอโดยเฉพาะเพื่อนๆ ของผม

             “อุ้ย!!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะความเย็นของเจลใสๆ ที่คุณหมอเทเอาไว้ที่ตรงหัวสแกน ตอนนี้ได้ทาบลงที่หน้าท้องของผม กลิ้งไปมาอยู่พักหนึ่งเพื่อเสาะหาหัวใจตัวน้อยๆ เครื่องเริ่มทำงานผมเริ่มเห็นค่าการเต้นของหัวใจเด็กน้อยในท้องของผม มะนาวที่ยืนกุมมือฟิล์มยังกับลุ้นประกาศดาวเดือนคณะเลย

             “นี้ไง เจอแล้วเด็กน้อย” ภาพแรกที่หมอภีมให้ผมดูคือใบหน้าของเด็กน้อย

             “เห็นอะไรกันไหมครับ” พี่หมอภีมถามขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบและหันมามองผม ผมน่ะเห็นใบหน้าเด็กน้อย ที่นอนลอยตัวในถุงน้ำคล้ำของผม ผมรู้สึกรักเขาอย่างบอกไม่ถูก

              “เห็นจมูกค่ะ จมูกโด่งมากเลยอ่ะค่ะลูก งานดีตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยค่ะลูก” มะนาวพูด ทุกคนหันมามองมะนาวเป็นตาเดียวกันเลย

               “ดูซิ โด่งมาก โด่งกว่าพวกแกอีกอ่ะ” มะนาวหันไปพูดและชี้แต่ล่ะคน ของผมก็โด่งแต่ไม่มากโด่งพอประมาณ

               “อีมะนาว ปากมึงเหรอ มาว่าจมูกพวกกูแบน “ใบชาพูด ผมก็มองลูกน้อยของผมผ่านทีวี น้ำตาผมเริ่มไหล จู่ๆ ก็มีคนส่งกระดาษทิชชูมาให้ผม คนนั้นคืออาจารย์กันตภพ ผมรับมาซับน้ำตา น้ำตาแห่งความดีใจและต่อไปนี้ผมจะพยายามทานให้มากเพื่อลูกโซ่ของผม

             “จมูกโด่งมากจริงๆ น่ะ สงสัยพ่อจะโด่งมากเหมือนกันน่ะ” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันมามองผมที่หุบยิ้มเฉยเลย ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้คนนั้นมันโด่งไหมแต่โครงหน้าของคนนั้นมันคุ้นๆหน้าผมอยู่น่ะ ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ มีความคลายกันพอสมควรแต่คนละแนวกัน

             “เออจะว่าไป จมูกอาจารย์กันตภณเขาก็โด่งมากเหมือนกันน่ะ ” ผมสะดุ้งผมได้ยินหมอภีมปภพพูดกับอาจารย์กันตภณ

             “ก็โด่งกันทั้งบ้านนั้นแหละ โดยเฉพาะลูกๆ ของเฮียเกริกน่ะ “อาจารย์กันตภณหันมาพูดกับพี่หมอภีมปภพ ดูทั้งคู่สนิทกันมากดูจากสายตาของพี่หมอภีมมอง ก่อนจะหันกลับมาที่หน้าจอมอนิเตอร์นั้น

              “ผมก็ดกซะด้วยดูซิ และส่วนใหญ่คุณแม่ที่ลูกผมดกในครรภ์มักจะเป็นกรดไหลย้อนกันทุกคน “คุณหมอภีมปภพพูด แต่ผมน่ะหุบยิ้มตั้งแต่ที่หมอภีมปภพพูดว่าคุณแม่ คือผมไม่ใช่คุณแม่ไง พี่หมอภีมปภพหันไปมองอาจารย์กันตภณที่นั่งขยิบตาให้เขาอยู่ ก่อนที่คุณหมอจะพยักหน้าสองทีติดและหมอภีมปภพก็เลื่อนเครื่องมือสำหรับสแกนไล่ลงไปเรื่อย ๆ จน

              “เอาล่ะเรามาดูซิว่า เพศไหนดี อย่าหนีบขาซิลูก ลุงหมอมองไม่เห็นครับ” ผมต้องอมยิ้มให้ลูกโซ่ ที่นอนหนีบขาไม่ยอมให้ลุงหมอเห็น

              “อาขาซิลูก อามะนาวอยากเห็นมากเลยค่ะลูก “มะนาวไม่พูดเปล่าทำท่าแบมือออกเหมือนกับจะพยายามบอกหลานไม่ให้หนีบขา

              “อยากเห็นอะไรมะนาว หื่นนะมึงนะ นี้หลานโว้ย!” ฟิล์มหันมาถามมะนาว

              “พี่หมอครับ ผมว่าหลานไม่ให้ดูเพราะมะนาวมันนี่แหละ หลานเลยกลัวครับ ผมเอามันไปไว้ข้างนอกก่อนดีกว่าไหม “ ใบชาพูด
 
             “ ไม่ไป กูอยากู เพราะว่า กูอยากรู้ผู้หญิงหรือผู้ชายจะได้ซื้อของให้ถูกๆ ไง” มะนาวพูด

              “เจอแล้ว นี้ไง “ผมนี้เรียกได้ว่าลุ้นตัวโก่งมาก ผมก็อยากรู้ว่าน้องจะเป็นเพศไหน

             “มีจู๋ครับ คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเพศไหน ยินดีด้วยได้ลูกชายครับ” หมอภีมปภพพูดออกมา ผมก็มองที่หน้าจอ

             “เยสสส!!” พวกเพื่อนๆ ผู้ชายผมทำท่าเหมือนตอนเชียร์ฟุตบอลแล้วลูกเข้าประตูไปกันเป็นแถว

            “โธ๋เอ๊ย!! นึกว่าจะได้หลานสาวมาแต่งสวยด้วยกัน แต่อามะนาวก็รัก เพศไหนก็รัก มีจู๋ก็รัก” มะนาวพูด

            “อ่ะลุงหมอไม่ดูก้นแล้วก็ได้ลูก แม้เตะใหญ่เลยน่ะ ตัวแค่นี้สงสัยแสบไม่เบาน่ะ” พี่หมอภีมปภพแซวลูกผม ก็ต้องเตะไปทางด้านหลังทุกทีที่พี่หมอเอาที่สแกนไปวนใกล้ๆ ก้นเขา

            “พี่หมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าน่ะ ตอนนี้คงเริ่มรู้สึกน้องดิ้นหน่อยๆ แล้วซิใช่ไหมบีม “พี่หมอภีมปภพหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าว่ารู้สึกแล้ว

            “ไอ้หมอ แล้วบีมจะคลอดยังไง คลอดเมื่อไหร่” อาจารย์กันตภณ ถามพี่หมอภีม พี่หมอภีมหันมามองหน้าผมก่อน

           “ก็คงต้องผ่าคลอดว่ะกัน เพราะว่า…” พี่หมอภีมพูด

            “ไอ้บีมมันไม่มีรูใช่ไหมคะ ที่จะให้น้องออกมาได้นะคะ” มะนาวชิ่งตอบแทนทันที ทำเอาพี่หมอภีมและอาจารย์กันตภณหันไปมองมะนาวทันที พวกเพื่อนผมก็เช่นกัน

            “มะนาว!!” เพื่อนๆ ผม เรียกมะนาวพร้อมกัน

           “มึงตรงไปไหม เกรงใจพี่หมอกับอาจารย์หน่อยเถอะมึง” ใบชารีบห้ามมะนาวทันที

           “ก็ถูกนะครับมะนาว แต่ตรงไปนิด หึๆ” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะกับมะนาว ที่ยืนเกาหัวตัวเอง ผมก็ก้มลงเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ

           “ต้องกำหนดผ่าเอาไว้ที่อายุครรภ์ 38 วีคขึ้นไป แต่จริงๆ ไม่อยากให้เกินสี่สิบวีค ไม่อยากให้รอจนเจ็บท้องเลยน่ะ “พี่หมอภีมบอกกับอาจารย์กันตภณ

           “จองห้องพิเศษเอาไว้เลยน่ะไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณบอกพี่หมอ

          “แม้คนสำคัญของเพื่อนรัก จัดให้อยู่แล้ว” พี่หมอภีมปภพหันมาบอกอาจารย์กันตภณ

          “งั้นก็เรียบร้อยแล้วครับ และหมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าเลยน่ะ และพยายามทานหน่อยน่ะบีม และหมอคิดว่าอาการแพ้น่าจะเบาๆ ลงบ้างแล้ว อย่าลืมทานวิตามินที่หมอให้น่ะบีม “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะส่งกระดาษทิชชูให้ผมเช็ดทำความสะอาดเจลที่เลอะเทอะที่พุงของผมออกไป พี่หมอภีมพยักพเยิดเรียกอาจารย์กันตภณ ออกไปคุย ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้น โดยมีเพื่อนๆ มาช่วยกันพยุงผมขึ้น แต่ละคนเข้ามากอดผม ผมดีใจที่ผมมีเพื่อนดีและคอยอยู่เคียงข้างผมตลอด ผมก้มลงเอามือลูบท้องผมเบาๆ เจ้าคือดวงใจของพ่อ พ่อจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยสองมือของพ่อเอง

          “บีม คราวนี้มึงคงรู้น่ะว่า ลูกต้องการมึงอ่ะ ดูแลตัวเองน่ะ “ฟิล์มพูด ผมมองหน้าเพื่อนรักของผม แต่ผมสังเกตที่ตรงมุมปากมันอ่ะ

          “ไอ้พี่เอ็มมันทำร้ายมึงอีกแล้วเหรอ” ผมถามฟิล์ม ผมเคยต่อยหน้ามันด้วยน่ะแต่ว่าผมก็ต่อยไปมันก็ไม่เจ็บเท่าไปไหร่ไอ้เอ็มน่ะ

           “กูไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพี่ฟ้าแล้ว มันคบไม่กล้าเข้ามาหากูอีกบีม” ฟิล์มพูด ผมพยักหน้า ผมค่อยๆเดินออกไปจากห้อง อาจารย์กันตภณกับพี่หมอภีมยืนคุยกันอยู่ สีหน้าอาจารย์กันตภณดูเครียดเล็กน้อย 

           “กลับได้บ้านเลยไหมบีม พี่ไปส่ง” อาจารย์กันตภณหันมาบอกผม ผมว่าจะกลับพร้อมเพื่อนสักหน่อย แต่ว่าเพื่อนๆผมซิ พยักหน้าให้ผมไปกับอาจารย์กันตภณดีกว่า

           “มีอะไรผิดปกติ มาหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยน่ะบีม “ พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าขอบคุณ จังหวะนั้นผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวมเสื้อกาวน์แพทย์เดินออกมา เขามายืนรอพี่หมอภีมปภพ

            “บีมไปครับ พี่พาไปหาซื้อะไรทานด้วยน่ะและไปซื้อพวกนมเอาไว้ดื่ม ซื้อพวกน้ำขิงด้วย พี่สาวอาจารย์บอกว่ามันช่วยได้ คุกกี้ที่มี่ขิงด้วยก็ช่วยมากน่ะ …บร้า” อาจารย์กันตภณเดินเข้ามาหาผมและจะพาผมเดินไปห้องรับยา ขณะที่กำลังจะเดินผ่านคุณหมอผู้หญิงคนนั้น เขามองผมกับอาจารย์กันตภณ ไม่วางตา

           “หมอสายป่านมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” หมอภีมปภพถามหมอผู้หญิงคนนั้น ผมหันมองอาจารย์กันตภณ ดูสีหน้าอาจารย์กันตภณเปลี่ยนไปทันที
           “ดูห่างเหินไปนะคะ พี่ภีม” หมอคนนั้นพูดพร้อมกับทำท่าจะควงแขนพี่หมอภีมแต่พี่หมอภีมเขาถอยหลังออกไป
           “สายป่านก็แค่จะมาทักพี่กันนะคะ ในฐานะที่สายป่านเคยเป็น…”พี่เขาพูด พวกผมมองหน้าเธอเหมือนจะรอฟังว่าเขาเคยเป็นอะไรกับอาจารย์
            “หมอสายป่านครับ ผมมีเคสหนึ่งที่ส่งไปให้คุณน่ะ รบกวนอธิบายให้ผมฟังทีนะครับ เชิญทางนี้ครับ “พี่หมอภีมรีบถึงแขนหมอคนนั้นเดินออกไป
            “เราไปรับยากันดีกว่านะจะได้กลับไปพักนะบีม”อาจารย์กันตภณพูด สีหน้าอาจารย์ตอนนี้ ผมเดาไม่ออกเลย

            ผมเดินตามอาจารย์กันตภณไป ผมหันหลังไป เธอหันมามองผมกับอาจารย์กันตภณพอดี  อาจารย์กันตภณจับมือเอไว้ เหมือนกุมมากกว่า ผมก็ไม่ได้สะบัดออกเพราะผมคิดว่าน่าจะมีอะไรที่ทำให้อาจารย์แสดงออกมาแบบนั้นและมันอาจจะแย่ลงถ้าผมสะบัดมือเขาออกไป ผมก็หันมายิ้ม แต่มีคนแอบแซวผมกับอาจารย์อยู่ด้านหลัง นั้นคือเพื่อนของผมเอง

   “อาจารย์ค่ะ พวกหนูไปนั่งตรงโน้นน่ะ รู้สึกอยากดูอยู่ห่างๆพอคะ อิ้ววว” มะนาวพูดและปล่อยให้ผมนั่งเก้าอี้ข้างๆอาจารย์กันตภณ ส่วนเพื่อนๆของผมไปนั่งไกลออกไป ผมหันมาพยักหน้าว่ามานั่งใกล้ๆ แต่ล่ะคนก็สั่นหัวกันหมด
   “บีม…”อาจารย์กันตภณเรียกชื่อผม
   “ขอบคุณนะครับ”อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า ถึงผมจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม แต่ผมรู้ว่าในใจของอาจารย์กันตภณกำลังวุ่นวาย ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีอะไรที่เป็นความหลังที่ไม่คนดีกับอาจารย์เขาแต่ผมก็ไม่ถามว่า ผมได้แต่ยิ้มและนั่งรอยาตรงนั้นเงียบๆ ไม่มีคำพูดใดออกมามีแต่มือที่กุมมือผมเอาไว้อย่างนั้น  มันรู้สึกดีน่ะแต่ว่าผมกลับยังคิดว่า หัวใจของอาจารย์เขายังมีเจ้าของอยู่ดี 
   
        TBC….
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 ... 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด