กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]
91
 Episode 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน


ฤดูกาล
เมฆฝนที่คอยซัดเข้ามา
ค่ำคืนเดือนมิถุนา คิดถึงวันคืนผ่านมา
ดวงดาว
ส่องแสงลงมาตั้งไกล
ใจฉันยังคงหวั่นไหว คิดถึงวันคืนผ่านมา


“ถึงซักที ตะคริวแดกตูดกูหมดแล้ว”
“ไอ้เหน่ง มึงอ่ะแค่ตะคริวแดกตูด ส่วนรถกูอ่ะไอ้อาร์ทกับไอ้เทมส์แดกเบียร์หมดจะสองลังแล้ว ไอ้พวกชั่ว” เสียงบ่นโวยวายของไอ้ไม้ลอยลงตามมันมาจากรถ

เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ


“พี่น่านๆ”
“ไร”
“พี่มึงมาช่วยพี่แทนยกของก่อน กูจะไปดูที่จอดรถให้พวกเพื่อน” พูดจบก็กุลีกุจอออกไปที่ลานจอดรถของงาน
“แม่งขนกันมาทั้งคณะเลยหรอวะไอ้น่าน” แทนหันมาถามเชิงสงสัย
“ทั้งคณะไหมกูไม่รู้” หันมาทำหน้ายียวนตอบ “กูรู้แค่ว่าคนที่มันเทียวไปไล่ขายขนมจีบเช้าถึงเย็นถึง ตามเอาใจอย่างนู้นอย่างนี้อ่ะมาด้วยว่ะ”
“ฮ่าๆ เอาจริงดิ” น่านไม่ได้ตอบอะไรแค่ส่ายหัวแล้วยิ้มน้อยๆ “เสือร้ายอย่างไอ้นนท์อ่ะนะ ขนาดมึงที่เป็นพี่มันกับน้ำที่เป็นน้องมันที่มันบอกรักพวกมึงนักรักพวกมึงหนา กูยังไม่เห็นว่ามันจะใส่ใจเลยว่าพวกมึงจะมีที่จอดรถไหม จะกางเต็นท์กันตรงไหน แม่งเหลือจะเชื่อ-”
“เชื่อเถอะพี่แทน คนนี้อ่ะเอาพี่นนท์มันอยู่หมัด” น้ำเดินมาร่วมผสมโรงอีกคน

เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ
งดงามไปหมด

(เพลง ภาพฝันในจักรวาล  โดยเขียนไขและวานิช)
“เอาว่ะ เสือร้ายอย่างไอ้นนท์กับหมาป่าเดียวดายอย่างไอ้น่าน” แทนพูดไปหัวเราะไปอย่างชอบใจ “เห็นทีจะมีแต่มึงแล้วไอ้น่าน ที่ยังบูชาเวอร์จิ้นไม่เลิก ฮ่าๆๆ”
“ไอ้แทน ไอ้ห่าราก” ด่าพร้อมกับถีบไปกลางหลังแทนเบาๆ


“ไอ้แคมป์มีงมาช่วยกูกางเต็นท์ซิไอ้หอกหัก ยืนแอคอาร์ทอยู่นั่นแหละ” นั่นไอ้อาร์ทมันแหกปากขอความช่วยเหลืออยู่
“ไอ้บิวมึงถ่ายกูหล่อๆนะเว้ย กูจะ-”
“กูจะตายแล้วไอ้โชค ไอ้บิว แม่งมาช่วยกูตอกเสาเต็นท์ซักทีโว้ยยยย” นี่ไอ้ไม้ที่โวยวายตั้งแต่ขึ้น ลงรถ กางเต็นท์ และคิดว่าน่าจะยันกลับด้วย
“ไอ้เทมส์โว้ย ไปซื้อน้ำแข็งกับกูหน่อยใครแม่งแดกหมด มันกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่ารึไง” และก็นี่ไอ้โต่งกำลังทำตัวเป็นคนขี้โวยวาย
“ไอ้อาร์ท ไอ้ควายมึงกางเต็นท์ยังไงของมึงเนี่ย”
“มึงสิควายไอ้แคมป์ กูก็กางตามยูทูปเนี่ย”
“ไอ้ไม้ๆ มึงจะตอกมือกูรึไง”
“มึงก็อย่าโง่ให้กูตอกสิไอ้โชค”
“ไอ้หอกหัก--”
“วุ่นวายกันทุกตัว” ไอ้เหน่งที่เดินหน้าละเหี่ยมาตบไหล่ผมเบาๆ
“เออ วุ่นวายกันได้ทุกที่จริงๆพวกมัน” ผมบ่นไปหัวเราะไปกับความวายป่วงตรงหน้า “แต็งค์ เต็นท์แล้วเสร็จแล้วหรอ”
“เรียบร้อย”
“ไม่ต้องไปช่วยพวกมันนะ ปล่อยให้วุ่นวายกันให้ตาย คิคิ”
“ไม่ช่วยพวกมันก็หันมาช่วยกูนี่ไอ้แต็งค์” ไอ้เหน่งบ่นอุบอิบ “กูกางเสร็จจะนอนแม่งคนเดียวไอ้เวรตัวไหนอย่าได้เสือกเชียว” มันพูดไปส่ายหน้าไป

เห้ออออออ

ผมหันไปมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเรามาเที่ยวด้วยกันไกลขนาดนี้ ระหว่างทางก็มีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องขำขัน เรื่องน่าหงุดหงิด มีน่าเบื่อบ้างเล็กน้อย แต่พวกเราก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจที่จะมางานเทศกาลดนตรีด้วยกัน ถึงเพื่อนบางคนจะพึ่งเข้ามาในชีวิตผม แต่ความจริงใจ ความเป็นกันเองของพวกมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมและพวกมันจะสามารถเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปได้อีกนานเลยครับ
“คิดไรอยู่” ผมส่งยิ้มเบาบางไปให้แต็งค์
“คิดว่าถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ” แต็งค์มันอมยิ้มน้อยๆแล้วเอาแขนขึ้นมารั้งคอผมให้พิงไปบนบ่าของมัน
“คงจะวุ่นวายน่าดู”
“แต่มันก็มีความสุขไง” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ทำให้รักมากขึ้นทุกวันตั้งแต่รู้ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง “ได้ใช้เวลาสบายๆฟังเพลงเพราะๆในบรรยากาศที่ชอบ ได้อยู่กับเพื่อน อยู่กับแฟน แล้วก็พี่ๆของตัวเอง” หันไปมองทางพี่น่านและพี่แทนที่ล็อคคอพี่นนท์น่าจะคาดคั้นเรื่องคนสำคัญของพี่มันอยู่  “มันมีความสุขมากๆเลยนะ” ฟอดดดดดด
“ครับ มีความสุขมากๆ”

ฮิ้ววววววววววว

“ให้มันเบาๆกันหน่อย” เสียงหมั่นไส้จากพี่นนท์มัน แล้วพี่มันก็โดนพี่น่านกับพี่แทนบีบปากล็อคคอพี่มันต่อ
“สงสารหัวใจหนุ่มโสดแบบกูบ้าง” แล้วก็ตามด้วยเสียงคร่ำครวญของไอ้โชค ถามว่าสนใจพวกมันไหม ก็ไม่ คิคิ



เสียงเพลงฟังสบายๆ กับบรรยากาศยามค่ำ บวกด้วยเบียร์เย็นๆ ก็ทำเอาสุขใจเหมือนกัน ผมหันไปมองแก๊งค์เพื่อนที่พากันซัดเบียร์อย่างเอาเป็นเอาตายไม่พอ ยังพากันแหกปากประสานเสียงร้องเพลงตามนักร้องที่เค้ากำลังทำการแสดงอยู่บนเวทีไกลๆนู้น ผมได้แต่ส่ายหน้าระอากับพวกมัน
“เห้ยๆ เพลงนี้กูชอบ!!”
“ไอ้ไม้มึงอย่าแหกปาก!” ไอ้เหน่งพูดไปก็จัดการเอาเบียร์หยัดปากมันไปพร้อม
“อึก มึงแม่ง”
“ไอ้แคมป์ๆ ถ่ายกูแบบเหม่อๆนะ”
“ไอ้แต็งค์ มึงมาชนๆ” นับว่าเป็นครั้งแรกที่แต็งค์มันทำตามใจไอ้บิวมัน ชนกันเสร็จก็เอนตัวให้ผมพิงเหมือนเดิม ส่วนตัวผมก็อดไม่ได้ที่จะเอาหัวเน่าๆของตัวเองถูไถกับอกมันไปเรื่อยเปื่อย
“อ้อน”
“ก็อ้อนไง” ฟอดดดด แล้วก็หอมหัวผมไปหนึ่งที ไม่วายพึมพำออกมาเป็นเพลงตามนักร้องที่กำลังร้องอยู่

คือความประทับใจเมื่อสบตากัน
อบอุ่นเหลือเกิน ข้างในรอยยิ้ม
มีการก้มลงมาสบตาอีกนะคนเรา
จะบอกให้รู้รักมากๆเลย
จะบอกไม่รักได้ไงโธ่เอ๋ย
รอยยิ้มแบบนี้... ทำให้ผมตายได้จริงๆนะ
โอ้ Baby น่ารักมากๆเลย
แบบชุบแป้งทอดไปเลย


ผมที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเขิน เลยเอื้อมมือไปบีบจมูกมันด้วยความหมั่นไส้แทน

มอบเพลงนี้เป็นสื่อแทนใจ ยกให้เธอ
(เพลง น่ารักชุบแป้งทอด โดย ชีวิน ขวัญใจคนเดิม)
“เขิน” ใช่เขินมาก จุ้บบบ
“อ่ะ ให้รางวัล”
“มากกว่านี้ไม่ได้หรอ”
“แล้วจะเอาอะไรดีน๊า”
“เอาตีนกูนี่” อ่ะ ไอ้พี่นนท์ชาติที่แล้วมันทำงานโรงไฟฟ้ารึไง ขยันช็อตฟิลจริง
“เสือกอะไรอีกเนี่ยพี่นนท์”
“อ้าว นี่กูพี่มึงนะ”
“พี่ก็แค่พี่ชายที่มันเก็บมาเลี้ยง ฟู่วว” ไอ้เทมส์ที่โผล่มาเป่าหูพร้อมทำปากขมุบขมิบใส่พี่มัน เห้อออ
“มาลู่ลี่แต่กับน้องเนี่ย ปัณณ์นี่ให้คนอื่นดูแลไปแล้วรึไง” พอผมพูดขึ้นพี่มันก็หรี่ตาชี้นิ้วใส่ผมทันที
“ปัณณ์ไหนวะพี่” ไอ้เหน่งมันเลยวิ่งสี่คูณร้อยมาเสือกทันที
“คือใคร คือปัณณ์วะ” แล้วก็ไอ้แคมป์ที่มาร่วมวงเสือกด้วย
“นั่นสิๆ ปัณณ์คื-” ไอ้ไม้ที่ยังไม่ทันได้เสือกก็โดนพี่มันลูกชิ้นอุดปากซะก่อน
“ไม่เสือกนะเด็กๆ” พร้อมยกมือโบกไปมา แต่ลูกกะตาพี่มันนี่เลิกลักมาก จนผมอดหัวเราะไม่ได้ คึคึ
“ไอ้นนท์ ปัณณ์เมาอ้วกไปแล้วว่ะ ทำไ-” พี่น่านมันยังพูดไม่จบพี่นนท์มันก็ใส่ตีนหมารีบไปทันที ผมได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“เสือร้าย ได้เป็นหมาแน่ๆเลยว่ะไอ้เหน่ง ฮึๆ”
“อะระ เสือร้ายอะระ” ไม่วายความขี้เสือกของมันยังคงเซ้าซี้ผมต่อเรื่อยๆ “แล้วปัณณ์คือใครวะ”
“เออนั่นสิ”
“คนไหนปัณณ์วะ”
“หาววว ง่วงจังเลยแต็งค์” ผมที่ตัดบทพวกมันเหมือนไม่มีตัวตนแล้วหันมาสนใจคนที่ทำตัวเป็นเสาหลักให้พิงอยู่เนิ่นนาน “กินเยอะไปรึป่าว” ผมเหลือบตาลงมองกองขวดเบียร์ที่ไม่ใช่น้อยๆ “กินเยอะแบบนี้ต้องเจอหยิก”
“หยิกตรงไหนดีล่ะ” มันก้มหน้าลงมาพูด แล้วคลอเคลียร์อยู่แถวๆหูแถวๆคอผม จนผ-
“โห้ย มึงแม่งไม่ให้ความร่วมมือกูเลย” ไอ้ไม้ที่นั่งรอคำตอบจากผมอยู่นานเลยโวยวายขึ้น “กูไปเสือกเองก็ได้”
“กูไปด้วยๆ”
“เห่ หลังจากที่พี่มันเสือกเรื่องคนอื่นมานาน” ไอ้เหน่งพูดขึ้นและทำตาเจ้าเล่ห์ “ได้เวลาเสือกเรื่องพี่มันคืนแล้วว่ะ หึหึ”
“ก๊ากกก หึหึ”
“กู หึหึด้วย” แล้วพวกมันก็พากันยกโขยงไปเสือกเรื่องของพี่นนท์กัน
“ไม่ไปกับพวกมัน”
“ไม่อ่ะ อยากอยู่กับแฟน” ฟอดดดด
“อ้อน” ฟอดดดด
“คิคิ”
แล้วเราก็นั่งหยอกล้อกันท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ กับเพลงที่เพราะขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน

เธอคือนางฟ้า อยู่บนนภา
เพียงก้าวลงมา มาให้ถูกรักใช่ไหม
เธอมาเพื่อสอนให้ดวงตา ได้เห็นว่าอะไร
รู้ความใน ปิดไว้ไม่กล้าจะบอกสักที


ว่าแก่จนป่านนี้ มันคงไม่มีอะไร
จะสู้หนุ่มขาว ก็คงจะมีแต่ใจ
จะสุข จะหวาน ก็คงต้องคานออกไป
บอกใจว่าสังขารไม่ดี


เราเองจะเอาอย่างไร
ไอ้ความเก๋านั้นแต่ตัวแต่ใจ
จะเด็ดดอกฟ้าก็คงไม่ผ่านกระได
ดันสูงและขาก็ไม่ดี


มีใจต้องทำอย่างไร
คนอย่างเขาก็คงไม่ทันอะไร
แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไป
วอนขอเพียงเธอแค่หางตา มอง

                           
  (เพลง แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไปวอนขอเพียงเธอแค่หางตา โดย ดวงดาว เดียวดาย)


“หาววววว โหยยยยย กูคิดว่ากูจะหนาวตายไปแล้ว”
“หนาวตายห่าอะไรไอ้บิว กูเห็นเมื่อคืนมึงถอดเสื้อ บ่นว่ามึงร้อนๆ” เสียงไอ้โชคมันแย้งขึ้น
“เออ ไอ้เวรบิวเมาแล้วชอบถอดเสื้อ โชว์ขี้โพ้รึไงมึง” ไอ้เทมส์เดินเข้ามาผสมโรงด้วยอีกคน
“ทำไม กูโชว์ความฟิตปั๋งไม่ได้รึไง”
“ถุย/ถุย/ถุย”
“แหวะ ไอ้บิว มือมึงไปจับอะไรมาเนี่ย” แล้วก็เป็นไอ้ไม้ที่ซวยเพราะโดนมือไอ้บิวยัดปากไป
“เห้ย พวกมึงเก็บของกันเสร็จยัง” พี่นนท์มันตะโกนถามขึ้น
“เรียบร้อยแล้วลวกเพ่” แล้วก็เป็นไอ้แคมป์ที่ตอบกลับไปอย่ากวนตีน
“ไอ้ไม้ มันสกปรก”
“ก็มึงแกล้งกูก่อน”
“ไอ้พวกชิบหาย โดนกู”
“โทดๆ”
“มึงตายยยยย”
“โอ้ยๆ พี่น่านช่วยผมด้วย”
“ไอ้แทนนนนน”
“ไอ้พวกเวร!!”
“ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ทมึงจับมันไว้”
“เดี๋ยวมึ-”

เห้ออออออออ ผมบอกแล้วว่าวุ่นวายกันยันกลับ แล้วคอยดูนะ มันต้องไปวุ่นวายกันต่อที่มอแน่นอน ไหวไหนที่สงบสุขคงเป็นวันที่ผมอยู่บ้านแหละ ไม่ใช่พวกมันสงบสุขนะ แต่น่าจะเป็นผมที่สงบสุขมากกว่า ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ

“ลืมอะไรไหม”
“ไม่อ่ะ” ผมหันไปมองคุณแฟนที่สุดแสนจะประเสริฐหอบของพะรุงรังอยู่ ตั้งแต่มาจนกลับแต็งค์มันไม่เคยปล่อยให้ผมได้ลำบากเลย จะทำอะไรมันก็คอยทำให้ เดี๋ยวทำนั่นทำนี่ให้โดยไม่ต้องร้องขอ วาสนาจริงๆ “รักแฟนจัง”
“หึหึ” ผมเอามือไปคล้องแขนมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ช่วยถือของไปด้วย “อาทิตย์หน้าไปบ้านกัน พ่อกับแม่ถามหาแล้ว”
“กลายเป็นลูกรักไปแล้วหรอเนี่ย” จุ้บ แต็งค์มันก้มหน้ามาจุ้บเบาตรงๆหน้าผากของผม
“เป็นที่รักของคนทั้งบ้านไปแล้ว”
“คิคิ” ผมสบตากับแต็งค์ มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าแต็งค์มันมีความสุขมากแค่ที่ไหน สำหรับเราผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ก็เพราะเราต่างคนต่างพยายามที่จะเข้ามาในโลกของกันและกัน ซึ่งในโลกของเราก็ไม่ได้มีแค่ผมกับแต็งค์ แต่มีเพื่อน มีพี่ๆ มีครอบครัว ถึงแต็งค์จะไม่ใช่คนชอบพูดชอบอธิบายอะไร แต่ผมรู้ว่ามันก็พยายามอย่างมาเหมือนกันเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้รับกการยอมรับจากทั้งโลกของผม และโลกของมัน ไม่ใช่แค่เพื่อรักกัน แต่เพื่อปกป้องความรู้สึกของกันและกัน และก็เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน แรกๆมันอาจจะยากและดูน่าถอดใจไปหมด แต่เพราะว่าอยากมีกันอยู่ในชีวิตจริงๆ เราเลยผ่านมาได้ และผมก็เชื่อว่าเราสองคนจะผ่านมันไปอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไปซัก 10 ปี 50 ปี หรือซัก 100 ป-

“ไอ้น้ำโว้ยยยย แวะไหนอีกป่าววะ” เหอะ พี่น่านขัดมูดกูมากเลย
“จะแวะไหนก็แวะ!!” ผมตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด
“หึหึ” ไอ้แต็งค์ที่คงรู้ว่าผมหงุดหงิดเอามือมาลูบหัวลูบหลังปลอบใจ “พี่แกไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่มันตั้งใจ...” ผมหรี่ตาไปทางพี่น่านอย่างจับผิด ส่วนพี่มันก็ตีหน้ามึงไม่รู้ไม่ชี้
“น้ำ ถ่ายรูปรวมกันดีไหมวะ”
“ดีๆ” พี่นนท์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาเสนอหน้าตอบมา มาพร้อมกับ
“หวัดดีครับพี่ปัณณ์/หวัดดีครับ/พี่ปัณณณณณณ” ผม แต็งค์และไอ้เหน่ง เอ่ยทักคนที่เดินมาพร้อมกับพี่นนท์ด้วยรอยยิ้มเชิงแซว
“หวัดดีครับ” ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและเสียงนุ่มอ่อนโยน
“เมื่อวานเห็นแวปๆแต่ก็ไม่ได้เข้าไปทัก มัวแต่วุ่นวายกับไอ้พวกนี้” ผมบุ้ยปากไปทางพวกเพื่อนที่กำลังแกล้งกันอย่างสนุกสนาน
“ไม่เป็นไรๆ” พี่แกโบกมือไปมา พร้อมหัวเราะน้อยๆ “เมื่อวานพี่ก็เละมาก ดีแล้วจะไม่เห็นพี่สภาพนั้น”
“เละอะระ ออกจะน่ารั-” พี่นนท์
“พี่ปัณณณณณณณ” มาแล้วไอ้พวกตัวเสือก เตรียมวุ่นวายเลยมึงไอ้พี่นนท์
“พี่ปัณณ์ กินอะไรยังครับ”
“พี่ปัณณ์หิวน้ำไหม”
“พี่จะกลับรถใครอะ” ผมเสมองพี่นนท์ที่มันเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดใจ ก็อดขำไม่ได้ ไงมัน แกล้งคนไว้เยอะ โดนซะบ้าง
“กลับกับผมได้น-”
“เค้ากลับกะกู ไอ้พวกเวร!!!” พูดจบพี่มันก็ดึงแขนพี่ปัณณ์มาอยู่ใกล้ๆพร้อมชี้หน้าคาดโทษไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผมทุกตัว
“โห้ย ขี้หวง” เสียงไอ้ไม้บ่นอุบ
“เดี๋ยวมึงจะโดนอีกตัวไอ้ไม้” แล้วพี่มันก็ผลักหัวไอ้ไม้ไปอย่างไม่จริงจังทีนึง ทำเอาเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ปัณณ์ และจากทุกคน โดยเฉพาะพี่น่านกับพี่แทนที่ดูจะสะใจสุดๆ
“ดูท่าแล้ว น้องมึงได้เป็นหมาอย่างสมบูรณ์แล้วว่ะไอ้น่าน”
“เออ” พี่น่านมันตอบแค่นั้น แล้วก็ส่ายหัวพร้อมอมยิ้ม ก็แหงแหละเห็นพี่นนท์มันแดรดแด๋แบบนั้น มันเคยคบใครที่ไหน คุยกับใครแปบๆ มันก็เขี่ยเค้าทิ้งแล้ว ส่วนคนนี้ผมบอกเลยว่าของจริง ได้เป็นหมาสมใจพี่แทนกับพี่น่านแล้วแหละมึงไอ้พี่นนท์
“มาๆ มาถ่ายรูปรวมกันไว้เป็นที่ระทึกหน่อย” เสียงไอ้เหน่งตบมือเปาะเรียกทุกคน
“ที่ระทึกก็มาว่ะ”

โพล๊ะ

“มึงอ่ะรีบมาเลยไอ้ห่าอาร์ท” ประเคนฝ่ามือจบมันก็ดึงไอ้อาร์ทมันจัดแจงเตรียมตัวยืนถ่ายรูป
การถ่ายรูปรวมครั้งนี้ค่อนข้างจะวุ่นวายเหมือนเดิม เหมือนเดิมจริงๆ จนอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ผมหันมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า ที่ไอ้ไม้พยายามจะไปยืนข้างๆพี่ปัณณ์ส่วนพี่นนท์มันก็ทั้งผลักทั้งเอาตีนเขี่ยไอ้ไม้ให้ออกไปไกลๆพี่ปัณณ์จนไอ้เหน่งต้องเป็นคนรับจบดึงไอ้ไม้มาล็อคคอไว้อยู่ข้างตัว แล้วก็ไอ้แคมป์ ไอ้เทมส์ ไอ้บิว ที่ยืนยิ้มแฉ่งอุ้มไอ้โชคในท่านอนหงาย หันมาทางไอ้อาร์ทกับไอ้โต้งที่โพสท่ากวนๆแบบยอดมนุษย์เตรียมออกบิน แล้วมองเลยไปที่พี่นานกับพี่แทนที่ทำท่าแอคอาร์ทกอดอีกอย่างหนุ่มวัยรุ่นปลดเกษียณ ส่วนผมกับแต็งค์อ่ะหรอ
“ไอ้แต็งค์!! มึงกอดเอวน้องกูทำไม” นั่นไงทำตัวเป็นคนขี้โวยวายแล้วหนึ่ง
“แฟนผม”
“แต่น้องกูไง!”
“พี่นนท์ พี่ก็เลิกลู่ลี่มันซักที” ไอ้ไม้ที่พูดไปขำไป ส่ายหน้าไปด้วยอีก
“วุ่นวายกว่าใครพวกเลยมึง” พี่น่านบ่นแบบไม่จริงจัง อมยิ้มนิดๆ
“คิดผิดจริงๆที่เอามันมา” ผมก็ร่วมผสมโรงด้วยอีกคน จนพี่นนท์มันโวยวายอีกยกใหญ่
“พี่น่าน นี่กูน้องมึงนะ” แล้วก็หันมาทางผม “น้ำนี่กูพี่มึงมึงนะ”

ฮ่าๆๆ

ก๊ากกกกกก

แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะเฮโลครั้งใหญ่ที่พากันรวมหัวแกล้งพี่นนท์มันได้

“เอาละนะ 1   2   3” เสียงรุ่นพี่ที่เราขอแรงให้มาช่วยถ่ายรูปให้ตะโกนบอก

แชะ

แชะ

แชะ

แล้วก็อีกหลาย แชะ

ก่อนลา ก่อนจะผ่านคืนนี้
แค่ได้มีความสุข แค่นี้ก็มีแรงใจ
เอ่ยแค่เพียงคำลา สักวันจะกลับมา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน
ก่อนลา เราเป็นเพื่อนกันแล้ว
ไม่ว่านานเท่าไร ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน
เอ่ยแค่เพียงคำลา พ้นข้ามคืนนิทรา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน

(เพลง ก่อนลา โดย วสันต์17)
92
EP. 6 ข่าวลืออาจารย์กันตภณกับบีม

        Part’ s บีม         Part’ s บีม หลังจากที่ผมไปทำการเจาะเลือดไปตรวจและอัลตราซาวน์ ผมเห็นเจ้าบีมน้อยๆ ของผมที่ตัวเล็กมากๆ เขาเหมือนนั่งชิงช้าเลยสวิงน่าดู มิน้าผมตื่นมาหน้ามืด เวียนหัวทันที ส่งสัยลูกผมแน่ๆ ไปได้ใครมา น่าบอกน่ะว่าไอ้คนที่มันทำให้ผมท้องน่ะและพอผมกลับมาถึงห้องพักก็ง่วงเลย ผมขอตัวไปนอน ฟิล์มมันบอกจะกลับหาแม่มันก่อน ส่วนเป็กซ์ก็แยกกันตั้งแต่โรงพยาบาลแล้ว คืนนี้ใบชากับมะนาวจะ มานอนเป็นเพื่อนผมแทน

        ผมนอนหลับไปได้สักพักก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมได้กลิ่นอาหารที่หอมน่าทานโชยมาแตะที่ปลายจมูกกลิ้นพาสต้า ใครกันน่ะ เพื่อนผมเหรอ ไม่น่าจะใช้ ถ้าใช่นี่เซอไพรส์ผมมากจริงๆ เพราะว่าพวกนี้ชอบอาหารอีสานกันมากกว่า ผมเดินออกไป สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ ผู้ชายยืนหันหลังทำอาหารอยู่ เขาสวมผ้ากันเปื้อนอยู่นั้นคืออาจารย์กันตภณ
       “อาจารย์ครับ” ผมเรียกเขา เขาหันมามองหน้าผม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม
      “บอกว่าถ้าไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยให้เรียกพี่ไงครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมเดินมาหยุดมองสิ่งที่อาจารย์เขาทำอยู่ เขาทำพาสต้าซอส
       “มะนาวบอกว่าบีมอยากทานพาสต้าพี่เลยอาสามาทำให้ทาน “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมสูดดมเข้าไปมันหอมมาก หอมมากจน จน ผม เออ ผม
       “พี่กัน ผมขอตัวนะครับ “ผมหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
       “บีม!!” อาจารย์กันตภณเรียกผมเสียงหลง ผมรีบเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูไม่อยากให้อาจารย์เห็นผมสภาพนี้เลย ผมก็ก้มลงกอดชักโครกอีกแล้ว
       “บีม เปิดประตูซิ พี่จะได้เข้าไป” อาจารย์กันตภณเรียกผมจากด้านนอก
       “ไม่เป็นไรพี่กัน พี่อาจจะกินอะไรไม่ลงถ้าเห็นผม อ๊วก!!!”
       “แต่พี่เป็นห่วงบีม ให้พี่เข้าไปเถอะบีม” อาจารย์กันตภณพยายามเรียกผม ผมก็อาเจียนจนเกือบหมดพุงเลยทีเดียว ผมรีบเปิดก๊อกน้ำล้างปากทันที ผมเอามือกุมท้องตัวเอง นี้ผมจะต้องแพ้ท้องไปนานแค่ไหนกันเนี๊ยะ วันนี้ผมไม่ได้เจอหมอภีมปภพเลย หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่ผมรู้ว่าเขาสูงพอพอกับพี่กันนีแหละ ที่ผมรู้เพราะว่าเคยเห็นเขามารับพี่กันที่หมาวิทยาลาลัย ผมค่อยๆ เปิดประตูออกมา อาจารย์กันตภณยืนมองผม ฝ่ามือนั้นแตะที่หน้าผากผม มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
        “พี่ว่ากลับไปหาหมอภีมอีกรอบไหม” อาจารย์กันตภณถามผม ผมรีบสั่นหัวไปมาว่าไม่ไปดีกว่า ผมเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร อาจารย์กันตภณรินน้ำใส่แก้วมาให้ผมทันที ผมก็มองไปรอบๆ เพราะว่าปกติเพื่อนผมต้องอยู่แต่นี้หายไปไหนกันหมด
       “ใบชากับมะนาวเขาขอลงไปข้างล่างน่ะ ไปไหนก็ไม่ได้บอกซะด้วย” พี่กันตภณพูด
       “พี่มากับใบชาและมะนาว เขาบอกว่าเราอยากทานพาสต้า พี่ก็พากันไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตวิลล่ามา” อาจารย์กันตภณบอกผม
        “หิวหรือยังครับ พาสต้าพี่เสร็จแล้วครับ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้าว่าเริ่มหิวเหมือนกัน อาจารย์กันตภณตักพาสต้าใส่จานมาให้ผมตกแต่งเหมือนพาสต้าในภัตราคารไม่มีผิด ผมเคยไปทานกับแด้ดและแม่ของผมในวันเกิดของผม ตอนเด็กๆ และอาหารทีผมจะสั่งมาทานก็ไม่พ้นพาสต้า
         “ดูน่าจานจังเลยครับพี่กัน” ผมพูด
        “ทานเยอะๆ น่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม เข้ายิ้มให้ผม ผมใช้ช้อนส้อมหมุนเส้นพาสต้าทาน มันอร่อยมาก ผมก็ทานได้ อาจารย์กันตภณเขามองผมพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย ผมเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ
        “พี่กลับช้าแบบนี้ม๊าพี่ไม่เป็นห่วงแย่เหรอครับ” ผมถามพี่กัน
       “พี่โตแล้วบีมและวันนี้ม๊าพี่เขาไปทานอาหารบ้านเจ๊ของพี่ครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมทานพาสต้าที่อาจารย์กันตภณตักมาให้ผมจนหมดจานเลย อาจารย์กันตภณมองผมยิ้มใหญ่เลย
        “บีม” อาจารย์เขาเรียกผมก่อนจะหันไปหยิบกระดาษทิชชู้มาและเขาก็บรรจงเช็ดมุมปากของผมที่เลอะซอสพาสต้า เขาเช็ดมันออกอย่างเบามือ
        “ป่านนี้คงสวีตกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วแก” เสียงเพื่อนของผมเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมก็รีบจับกระดาษมาเช็ดเองแต่คงไม่ทัน ใบชากับมะนาวมันคงเห็นแล้ว มันรีบปิดประตูทันทีเช่นกัน อาจารย์กันตภณหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้สองคนนั้นเข้ามา ผมนี้มองเพื่อนรัก ทิ้งไปไหนมา
         “กูลงไปซื้อขนมมา คืนนี้กูค้างกับมึงไง กลัวหิวอ่ะ “มะนาวพูดพร้อมชูถุงขนม มะนาวมองผมกับอาจารย์กันตภณ
         “กูว่าเราลงไปซื้อเพิ่มอีกดีไหมใบชา เดี๋ยวค่อยขึ้นมาใหม่มั้ย ยังไม่ครบมั้งขนมมึงอ่ะ” มะนาวถามใบชา ผมนี้มองบนใส่ทันที มันจะทิ้งผมไปอีกแล้ว และถุงที่หิ้วมาน่ะกินได้ทั้งอาทิตย์เลยมั้งน่ะ
         “กูว่ารอบนี้กลับไปบ้านเถอะมึง” ใบชาหันไปบอกมะนาว
         “อาจารย์ต้องกลับแล้วครับ หึๆ “อาจารย์กันตภรพูดปนหัวเราะ กับเพื่อนของผมผม
         “ก็นึกว่าอยากอยู่ต่ออะค่ะ” มะนาวพูดก่อนจะวางถุงขนมถูกใหญ่
         “มาพอดีเลย พาสต้าอาจารย์ทำไว้ให้ทานได้เลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด
         “บีมทานหรือยังครับอาจารย์” ใบชาถามอาจารย์กันตภณ
         “ทานแล้ว หมดจานเลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด
        “อย่างนี้อาจารย์ต้องมาทำให้ทุกวันแล้วมั้งครับ ขุ่นแม่ของผมน่ะ ทานไม่ค่อยได้ ได้ฝีมืออาจารย์นี้คงจะดีจะได้บำรุงหลานผมไปด้วย “ใบชาพูด ผมเงยหน้ามองใบชา แบบประมาณว่าเบาๆ หน่อย
         “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์กลับก่อนน่ะ พรุ่งนี้ต้องพาม๊าของอาจารย์ไปหาป๊าที่สุสานที่ชลบุรี” อาจารย์กันตภลพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม
          “เอาของฝากอะไรไหม” อาจารย์กันตภณถาม
          “ข้าวหลามน้องมลค่ะ/ครับ” คนที่ตอบไม่ใช่มะนาวกับใบชา พร้อมกันมากโดยไม่ได้นัดหมายกันเลย ผมหันไปมองไม่เกรงใจอาจารย์เขาเลยน่ะ
         “ได้ อาจารย์จะซื้อมาฝากน่ะ “อาจารย์กันตภณพูด
         “ดีจังครับ ผมไม่ได้ไปเห็นหลุมศพพ่อผมเลย ผมบินมาอยู่ไทยทันทีกับแม่ผมนะครับ” ผมพูด อาจารย์เขาหันมามองหน้าผม เขาก็แปลกใจเพราะว่าผมเองก็ไม่เคยเล่าให้อาจารย์ฟังเลย ว่าผมไม่ได้ไปแม้กระทั่งงานฝังศพแด้ดของผมเองเพราะว่า ผมถูกให้ออกจากที่นั่นด่วน
          “อาจารย์กลับบ้านดีดีนะครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขาก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าและหันไปหยิบเสื้อสูทสวมทับ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผม ผมคิดว่าผมจะไปตามหาชื่อไอ้คนที่ทำให้ผมท้องให้ได้ อย่างน้อยมันก็ควรจะทำอะไรให้ผมบ้างป่ะ ผมไม่ได้ต้องการให้มันมารับผิดชอบผมหรอกเพราะดูจากสีหน้าและแววตามันคืนนั้น คนอย่างมันน่ะ เป็นพ่อคนก็คงไม่ได้ และนั้นผมจะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าผมควรจะยกตำแหน่งพ่อให้ใครดี พ่อแท้ๆ หรือว่าพ่อที่รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ กันแน่

         “บีม อาจารย์กันตภณเขาทำให้มึงขนาดนี้ มึงยอมเขาเถอะ” ใบชาพูด
         “กูควรจะยอมทั้งที่เขาไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้นมาอย่างนั้นเหรอวะ มันยุติธรรมแล้วเหรอว่ะ” ผมพูด
         “กูจะไปถามไอ้ผู้จัดการร้าน ว่าโต๊ะที่มันให้กูไปนั่งดื่มด้วยน่ะ เขาเป็นใคร มันบอกว่าพวกนี้เป็นลูกค้าชั้นดี แสดงว่ามันต้องรู้จัก” ผมพูด
         “มึงจะไปที่ผับนั้นอีกเหรอ มึงไปตามหาแล้วมันจะมารับผิดมึงเหรอวะบีม” มะนาวถามผม
         “แต่กูไม่อยากให้อาจารย์เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมา เขายังมีอนาคตอีกไกล กูเห็นเพจมหา’ลัย เขาพูดถึงกูกับอาจารย์อ่ะ กูรู้สึกแย่ว่ะ กูขอไปหาไอ้นั่นก่อนได้ไหม แต่กูไม่ได้อยากให้มันรับผิดชอบน่ะกูแค่อยากดูหน้ามันคนที่ขมขื่นกูอ่ะ ฮึกๆ” ผมร้องไห้อีกแล้ว
         “อาจารย์!” มะนาวเรียกคนที่เดินเข้ามา ผมรีบหันหลังปาดน้ำตาทันที
         “พอดีอาจารย์ลืมกุญแจเข้าบ้าน ม๊าของอาจารย์คงหลับแล้ว เดี๋ยวจะได้นอนนอกบ้านเอา” อาจารย์กันตพลพูด ใบชามันก็ไปเดินหาและหยิบไปส่งให้อาจารย์กันตภณ ผมหันไปฝืนยิ้มให้อาจารย์ เขาก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม ก่อนจะเดินออกไป ผมนี้พ่นลมออกมาทันที ไม่รู้ว่าอาจารย์เขาได้ยินไหม

          Part’ s เกริกและธัญญารัตน์ พ่อแม่ของเธียรวิชญ์และเป็นพี่ชายของอาจารย์กันตภณ วันนี้มีงานสมาคมแม่บ้าน ที่คุณหญิงชลดาเธอได้แต่งตั้งขึ้นมา คุณหญิงเขามีลูกสาวแต่ว่าไม่ยอมแต่งงานสักที วันนี้ได้เชิญเหล่าบรรดาคุณหญิง คุณหญิงธัญญารัตน์ภรรยาของเกริก ใครก็รู้จักเป็นอย่างดี ได้ถูกเชิญมาร่วมงานเช่นกัน เธอมาพร้อมกับแม่ของมิว ว่าที่ลูกสะใภ้ ตอนนี้เธอเกษียณราชการแล้ว เธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของสำนักงานกระทรวงการศึกษามาก่อน วันนี้ว่างจึงขอมาเข้าร่วมชมรมกับธัญญารัตน์แม่ของธีร์ ในฐานะที่จะเป็นดองกันกับลูกชายคนโต ธีร์
         “ธัญญารัตน์ จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ใช่ไหมคะ ถึงได้พาแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้มาเปิดตัวด้วย” คุณหญิงชลดาเอ่ยทักตอนนี้กำลังแยกย้ายเพื่อจะกลับบ้าน
         “ตอนนี้ก็…” ธัญญารัตน์ทำท่าจะพูดว่าธีร์กับมิวเขาขอเลื่อนไปก่อนเพราะว่าพ่อของมิวเขาประสบอุบัติเหตุ
         “เร็วนี้แหละค่ะคุณหญิง ตอนนี้ทั้งคู่ก็พร้อมแล้วค่ะ มิวเขาก็เรียนจบมาหลายปีแล้ว น่าจะแต่งงานและมีครอบครัวกันเสียทีนะคะ” แม่ของมิวชิ่งตอบเสียก่อน
         “จริงไหมคะคุณธัญญารัตน์” แม่ของมิวหันมาพูด ขยิบตาด้วย เธอก็พยักหน้าแต่ตอนที่คุยกับมิวและธีร์เขาจะขอเลื่อนไปก่อนนี้
         “มีข่าวดีนี้บอกกันบ้างนะคะ เห็นทั้งคู่แล้วอิจฉาเลยค่ะ หน้าตาดีทั้งคู่แบบนี้ มีลูกหลานมาหน้าตาดีแน่นอนค่ะ” คุณหญิงชลดาพูด
          “ขอตัวก่อนนะคะจะไปลาหญิงกมลทิพย์เสียหน่อย “คุณหญิงชลดาพูด ก่อนจะรีบเดินออกไป ธัญญารัตน์หันมายิ้มเจื่อนๆ กับแม่ของมิว เธอนึกในใจทำไมแม่กับลูกเขาพูดไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ เท่าที่ธัญญารัตน์ทราบมาคือมิวเขาอยู่กับพ่อมากกว่าแม่ พ่อกับแม่เขาแยกกันมาพักหนึ่งด้วยหน้าที่การงานหรือะไรนี่แหละ
         “คุณหญิงค่ะ ได้รับข่าวดีหรือยังค่ะ” คุณหญิงนิดาวรรณ์ เดินเข้ามาหาเธอทันที นิดาวรรณ์คือแม่ของแพรวา
         “ข่าวดีอะไรเหรอคะคุณหญิง” ธัญญารัตน์ถามแม่ของแพรวาทันที
         “ข่าวดีที่ว่า แพรวาจะได้เสนอชื่อเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสองค่ะ เห็นแพรวาบอกว่าเธียรวิชย์ก็จะมีรางวัลใหญ่ให้ด้วยนี่ค่ะ” คุณหญิงนิดาวรรณ์พูด ทำให้ธัญญารัตน์ถึงกับอึ้งไปหลายนาทีเพราะว่าลูกชายคนเล็กที่แสนดื้อกับป๊าแต่ไม่เคยมีความลับกับเธอเลยและเธียรวิชญ์ก็พูดกับเธอเสมอว่า ไม่เคยคิดอะไรกับแพรวามาก่อนเลย
         “รางวัลให้น้องสาวเหรอคะ เธียรวิชญ์เขาก็ให้แบบนี้ประจำ” ธัญญารัตน์พูด ก่อนจะหันไปมองหาคนขับรถ ที่สามีของเธอส่งมาให้
         “ไม่ใช่ค่ะ รางวัลของคนรักค่ะ” คุณหญิงนิดาพูด รุ่งรัตน์หันมามองเธอตกใจมาก
          “เธียรเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉันและเฮียเกริกเลยน่ะนิดา “ธัญญารัตน์พูด
           “อาจจะเซอไพรส์หรือเปล่าเพราะว่าเด็กๆ เขาคบกันอยู่นี่ค่ะ” ธัญญารัตน์หันมามองแม่ของมิวแทน เธอพึ่งมาเข้าสมาคมก็เลยไม่รู้อะไรแน่ชัด
           “ดิฉันขอตัวนะคะ ลูกสาวมารับแล้วค่ะ “แม่ของมิวพูดก่อนจะรีบเดินออกไปเช่นกัน ส่วนธัญญารัตน์ก็รีบขอตัวออกไปก่อนจะยาวมากไปกว่านี้
            “ขอตัวนะคะ คนขับรถมาแล้วค่ะคุณหญิง” ธัญญารัตน์และรีบหันหลังเดินออกอย่างรวดเร็ว จนออกมาเจอมิว
           “ม๊าสวัดดีค่ะ “มิวทักทายรุ่งรัตน์ธัญญารัตน์
           “มิวแล้วธีร์ล่ะลูก” ธัญญารัตน์ถามหาลูกชายคนโตทันที
          “เฮียบอกว่าเลิกเย็นนะคะ มิวเลยจะมารับแม่กลับบ้านก่อนและมิวจะได้กลับมาคอนโดค่ะ เฮียเขาขับรถไปเองค่ะวันนี้” มิวตอบธัญญารัตน์
          “งั้นบอกให้ธีร์โทรหาม๊าหน่อยน่ะมิว นี่ม๊าจะรีบไปทานข้าวบ้านโกวหงส์เขา เขาเชิญทานข้าวด้วยกันวันนี้” ธัญญารัตน์พูดก่อนจะโบกมือเพราะว่าเธอหันไปเจอ พ่อบ้านที่มายืนรอแทนคนขับรถเรียบร้อยแล้ว วันนี้ต้องไปทานข้าวที่บ้านอาหงส์ น้องสาวคนกลางของเกริก ทันทีที่เกริกเห็นภรรยารีบเดินจั้มอ้าวออกมาก็เดาได้ทันทีที่ว่าเธอหนีใครมา
           “ม๊า จะรีบเดินทำไมเดี๋ยวก็ได้หกขล่มกันบ้างหรอก” เกริกเอ่ยถามภรรยาทันที ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังตัวเล็กและขาว ผิวก็มีริ้วรอยบ้างแต่น้อย
           “คุณหญิงนิด้าซิป๊า นี้บอกว่าลูกสาวจะได้เกียรตินิยมอันดับที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ม๊าไม่ได้ฟังแต่ที่ได้ยินคือเธียรจะให้รางวัลใหญ่” ธัญญารัตน์พูดไปเอามือกุมหน้าอกตัวเองไปด้วย ป๊ายืนมองด้วยและยิ้มเล็กน้อย
            “ยังมายิ้มอีกป๊า ป๊าก็รู้นิว่าแพรวาเป็นยังไงและยิ่งไม่ถูกกับม๊าเฮียด้วย คงทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ” ธัญญารัตน์พูด
            “ถ้าเธียรมันคิดอะไรด้วยจริงๆ คงไม่หนีไปต่างประเทศหรอกม๊า” เกริกพูดกับภรรยาของเขา
            “ขึ้นรถเถอะ ม๊ารอทานข้าวอยู่ที่บ้านอาหงส์” เกริกพูดก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาของเขา สิ่งที่เสมอต้นเสมอปลายของเขาคือให้เกียรติและดูแล ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ถึงจะมีคนขับรถแต่เกริกต้องเป็นคนเปิดประตูให้ภรรยาเขาเองทุกครั้งไป แต่ว่าวันนี้เขาอาสาเป็นขับรถซะเอง
            “ไม่ค่อยได้นั่งหน้า ไม่คุ้นเลยเนอะป๊า” ธัญญารัตน์หันมาพูดกับคุณพ่อบ้าน ที่ไม่บ่อยเลยที่จะมาขับรถเองปกติมีคนขับรถให้นั่ง
            “ให้พงษ์เขาไปรับม๊า นี้บ่นว่าหลานๆ งานเยอะ ไม่มาทานข้าวด้วยแล้วเนี๊ยะ สงสัยจะเหงา” เกริกพูด
            “ก็คงต้องให้ใครสักคนมีเหลนให้อาม่าได้แล้วมั้งเฮีย” ธัญญารัตน์พูด เกริกหันมามองภรรยาของเขา ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปก็ยังสวยเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เจอหน้า ตอนที่ป๊าของเขาส่งแม่สื่อไปสู่ขอ เขาก็ไปด้วย
           “ป๊า มองอะไรน่ะป๊า “ธัญญารัตน์หันมามองสามีด้วยอาการเขินอาย
            “ยังสวยเหมือนเดิม” เกริกพูดกับภรรยาคนสวยของเขา
           “ป๊าเนี๊ยะ ปากหวานน่ะ “ธัญญารัตน์พูด
           “ป๊า โทรเธียรหรือยัง” รุ่งรัตน์ถามเกริกว่าโทรหาลูกชายคนเล็กหรือยัง
          “โทรไปแล้วแต่โทรไปสั่งงานและเขาก็ทำให้เรียบร้อยแล้ว แค่นั้นแหละเพราะว่าป๊าก็ไม่อยากบ่นมาก เธียรวิชญ์ไม่เหมือนคนอื่น เขามีความคิดเป็นของเขาเอง ดื้อแบบมีเหตุผลของตัวเอง “เกริกบอกกับธัญญารัตน์
           “ให้เวลาเขาหน่อยป๊าและตอนนี้ก็ไม่ค่อยยุ่งกันเท่าไหร่นิ” ธัญญารัตน์พูด
           “ต่อให้ไม่ยุ่ง ป๊าก็อยากให้เขามาเรียนรู้งานนิม๊า” เกริกพูด ตอนนี้รถแลนด์เข้าไปจอดบ้านของน้องสาวเกริก เขาไปรับม๊ามาทานข้าวด้วย หงส์หยกแต่งงานกับวิทย์ เป็นถึงรองผู้กำกับและยังมีลูกสาวสองคนชื่ออาหลิวและอาดอกเหมย ชื่อนี้ม๊าเขาเป็นคนตั้งให้

   TBC….

93
Boy's love story / Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 17
« กระทู้ล่าสุด โดย Namm12141 เมื่อ 09-04-2024 09:51:19  »
Episode 17 ไฟนอล นรก


ฟิ้วววววววววว
เสียงสายลมพัดเอื่อยๆ สลับกับเสียงแผ่นกระดาษที่เปิดสลับกันไปมาอย่างกับจังหวะฉิ่งฉาบในคลาสเรียนดนตรีไทย

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาลัยมาได้เกือบปีเต็ม ก็เดินทางมาถึงสัปดาห์นรกของหนุ่มหล่อหน้าใสที่ตอนนี้เริ่มไม่ใสแล้ว เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทบทวนเนื้อหาบทเรียนอย่างหนัก หนักหน่วง และหนักมากกกกก 
“นี่มันสัปดาห์นรกของกูชิบหายยยยยย โห้วววว เมื่อย” เสียงบ่นไปเรื่อย พร้อมกับลุกขึ้นบิดตัวไปมาของไอ้ไม้ ไอ้ตัวขี้เกียจ
“ทั้งหูทั้งตากูจะไหลมารวมกันอยู่แล้ว” ไอ้โชคไอ้ตัวขี้เกียจเบอร์สองมันพูดไปก็ส่ายหน้าเนือยๆไป
“หรอวะ” ไอ้เทมส์ที่ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหนของโลกมานั่งแทรกกลางกวนประสาทไอ้สองตัวที่พร้อมจะลาตายตรงหน้าผม
ตุบ
โพล๊ะ
นี่คือการตอบรับที่มันน่าจะต้องการ มิชชั่นคอมพลีทไหมล่ะมึง
“มึงก็ไปกวนพวกมัน มันกำลังตั้งใจกันอยู่” ไอ้แคมป์หันไปฉอดไอ้เทมส์หนึ่งยก แล้วก็กลับมาฉอดไอ้สองตัวต่อ “ไอ้ควายสองตัวนี่ก็อีก ตอนเรียนเสือกไม่ตั้งใจ”
“เอ้า/อ้าว”
“ไอ้นี่ก็แดกรังแตนมาจากไหนอีก ด่าหมดไม่สนลูกใคร” เสียงไอ้เหน่งมันบ่นพึมพำ แต่ลูกกะตายังไม่ละออกจากชีทเรียนเล่มหนาตึ้บ
“พรุ่งนี้ก็สอบแล้ว” ผมปิดหนังสือเล่มหนาตึ้บ แล้วเปลี่ยนมาจดโน้ตสรุปเนื้อหาเป็นแบบแผนผังลงในไอเพด เอาไว้ให้ไอ้พวกเพื่อนเวรไปอ่านกันต่อคืนนี้ “เตรียมตัวลาตายกันได้เลยไอ้พวกเวร”
“เป็นพรที่ประเสริฐมากเลยว่ะ” ไอ้เทมส์มันนั่งพนมมือ แล้วยิ้มแหยๆกับคำอวยพรของผม
พลั๊วะ
“ส่วนมึงไปอ่านหนังสือไอ้ควาย” หลังจากทุบหลังไอ้เทมส์เสร็จ ไอ้เหน่งก็สวดมันต่อ
“ไอ้นี่ก็ตีกูเป็นลูกเลย ไอ้ห่า”
“น้ำ กูไปอ่านหนังสือคอนโดมึงได้ป้ะวะ” ไอ้ไม้มันนั่งโอดครวญ
“กูไปด้วย!!” แล้วไอ้พวกที่เหลือก็รวมตัวกันเปล่งประสานเสียงในประโยคที่มันออกจะ---
“กูไม่ให้ไป” นั่นไง เสียงเรียบเย็นจากยมทูตประจำตัวผม
“แรงมาก” ทำเอาพวกมันคอตกไปพร้อมๆกัน
“เอาน่าพวกมึง” ไอ้บิวที่วิ่งเป็นตัวแถมมาจากไหนไม่รู้มากอดคอปลอบใจไอ้ไม้ “พวกมึงก็รู้นี่หว่า ว่าช่วงนี้ไอ้แต็งค์กะน้ำมันไม่ค่อยได้สวีท”
“ก็เล่นเอาเวลาทั้งหมดมาติวให้พวกมึง มึง แล้วมึงเนี่ย” ไอ้โต้งโผล่มาผสมโรงอีกตัว
“จริง” ไอ้อาร์ทที่ขอมีบทบ้างหลังจากนั่งพยักหน้าอยู่นาน
ผมเลยได้แต่ถอนหายใจใส่หน้าพวกมันดังๆไปหนึ่งเฮือกกกกกกกกกกก
“จะไปก็ไป!!!” แล้วไอ้คนที่น่าจะไม่ถูกใจกับสิ่งนี้ก็หันมาขมวดคิ้วหน้ายุ่งใส่ผม “แต็งค์ ให้พวกมันไปเถอะ สงสารสมองอันโง่เง่าของพวกมัน แล้วอีกอย่างจะได้ให้มึงช่วยติวให้พวกมันด้วยไง โอเคนะแฟน”
“ครับ”
ฮิ้วววววววววว
ดูก็รู้ว่าชอบใจที่ผมเรียกมันว่าแฟนต่อหน้าคนอื่น ถึงจะตอบแค่ครับแต่ปากนี่กลั้นยิ้มสุดแรง ตาก็หวานเยิ้มจนมดจะขึ้น จริงๆเลยคุณแฟน 
“ป่ะ กลับกันเถอะ” มันแหวกอากาศมาเก็บข้าวของทุกอย่างให้ผม พร้อมจูงมือลากผมมาที่โรงจอดรถ จุ้บ... “ถูกใจ... แฟนพูดถูกใจ” จุ้บบบ “เดี๋ยวคืนนี้อาบน้ำให้นะ”
ตุบ
“ไอ้แต็งค์ ได้คืบเอาศอกนะ” ผมก็บ่นงุบงิบไปงั้น ส่วนมันก็ลอยหน้าลอยตายัดผมเข้ารถ


22.30 น.
บรรยากาศการติวที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆตามช่วงเวลา ยิ่งดึก แทนที่จะยิ่งเงียบสงบ แต่กลับ......
“ไอ้เทมส์!!” เสียงไอ้อาร์ทมันกำลังเทศนา “มึงจบคณิตพื้นฐาน ม.6 มายังไงของมึงไอ้ห่า กูล่ะหัวจะปวดกับมึง มึงบวกลบเลขยกกำลังผิดกูยังให้อภัยได้ แต่นี่แม่งเลขจำนวนเต็มพื้นฐานมึงผิดได้ไง ตั้งสติเพื่อน มึงตั้งสติไอ้เทมส์!”
“โหยยย ไอ้อาร์ทกูติวจนกูเบลอหมดแล้วมึง” ไอ้เทมส์ที่เตรียมตัวจะลุกออกจากโต๊ะที่นั่งติว แต่ไม่ทันไอ้อาร์ทมันหรอก
“จะไปไหน มึงมาทำโจทย์ข้อนี้ต่อเลยยยยย” โดนรัดคอให้นั่งลงทันที
“ไอ้บิว ไอ้โต้ง มึงเข้าใจที่กูสรุปให้ฟังเมื่อกี้ไหมวะเนี่ย” ไอ้บิว ไอ้โต้งที่ทำสายตาล่องลอยกับคำถามของไอ้เหน่ง
“เอาห่าอะไรมาเข้าใจวะ พ่อกูคนไทย แม่กูก็คนไทย” ไอ้บิวมันโอดครวญเสียงเนือยๆแบบเหนื่อยสุดๆ แต่หน้าจะเป็นไอ้เหน่งนะที่เหนื่อยสุด เพราะรับผิดชอบติววิชาภาษาอังกฤษให้พวกมัน
“มีวุ้นแปลภาษาให้กูไหมวะไอ้เหน่ง แม่งกูจะอ้วกเป็นคำนาม พหุพจน์ของมึงแล้ว” แล้วไอ้เหน่งก็ยื่นมือหยาบๆของมันไปยัดปากไอ้โต้ง
“ไร้สาระ ติวต่อ!!!”
“ไอ้แต็งค์ กูว่ามึงไปเป็นอาจารย์สอนแทนดิเรกเถอะว่ะ” ไอ้โชคมันแสดงสีหน้าภูมิใจในตัวแฟนของผมอย่างกับว่าเจอเทวดามาโปรดมันยังไงยังงั้นแหละ “กูเรียนมาทั้งเทอมยังไม่เข้าใจเท่ามาให้มึงติวให้เลย มึงนี่มันเทพมาโปรดสัตว์สุดๆ” ไม่วายตบมือเปาะแปะอีกมึง
“มึงไม่ตั้งใจเรียนเอง” ไงล่ะ ช็อตฟิลเก่งขนาดนี้ แฟนกูเองแหละ
คึ คึ คึ คึ คึ
“ขำหอกอะไร ไอ้ไม้” ไอ้โชคมันหันมาล็อคคอไอ้ไม้เตรียมทำสงครามขนาดย่อมกัน “มึงอ่ะติวไปถึงไหนแล้ว”
 “โอ้ย โอ้ะๆ ไอ้โชคไอ้หอกหัก ปล่อยกู” ไอ้ไม้มันก็ดิ้นขลุกขลักเป็นปลาขาดน้ำ “กูนั่งติวกับไอ้น้ำ ไอ้แคมป์จนเข้าใจแจ่มแจ้งทุกเนื้อหาแล้วไอ้เวร” ไอ้แคมป์ก็ใจดีช่วยมันจนหลุดรอดออกมาจากไอ้โชคได้มันทำก็สีหน้าเหนือกว่าใส่ทันที “คนฉลาดๆแบบกูอ่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ บรัยยยย” พูดเสร็จมันก็สะบัดตูดหนีไปนอนหน้าทีวีทันที
“ได้ข่าวว่าเมื่อตอนบ่ายมันยังงอแงว่างงเนื้อหานั่นนี่อยู่เลยไม่ใช่หรอวะ” ไอ้โชคสงสัย
“เออน่า มันเป็นคนฉลาดแล้ว” ไอ้แคมป์พูดเสร็จ แล้วหันหน้าไปถามไอ้โชคกลับ “แล้วมึงจะฉลาดได้รึยัง”
“แหววววว ไอ้แคมป์ ขารวยนะมึง”
“คึคึคึ”มันไม่สะทกสะท้านหรอก “น้ำ เดี๋ยวกูไปช่วยไอ้อาร์ทติวให้ไอ้เทมส์ก่อนนะ แม่งจะฆ่ากันตายแล้ว”
“อือ เดี๋ยวกูจะไปดูไอ้โต้งไอ้บิวด้วย” ผมหันไปมองทางพวกมันอย่างละเหี่ยใจ สงสารไอ้เหน่งเป็นที่สุด
“ไอ้บิว! มึงวงคำศัพท์ตามกูด้วย” แล้วมันก็หันไปฉอดไอ้โต้งต่อ “ไอ้โต้งมึงเข้าใจแล้วรึไง นั่งเล่นโทรศัพท์น่ะ”
เสียงสงครามขนาดย่อมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อย เรื่อย จน…


02.00 น.
“แต็งค์ นอนเถอะ ปล่อยไว้งี้แหละตอนเช้าค่อยมาเก็บ” หาวววววว ไอ้แต็งค์มันพยักหน้ารับ ผมก็จูงมือมันเข้ามาในห้องนอน พากันล้มลงนอนทันที “ขอบคุณนะ” ฟอดดดด พร้อมกับกอดแบบแน่นสุดๆ
“พวกมันคือเพื่อน...”
“ใช่ พวกมันทุกคนคือเพื่อน เพื่อนของเรา”
“ขอบคุณครับ” จุ้บบบ “ขอบคุณที่ยอมเข้ามาในโลกของแต็งค์ แล้วก็ขอบคุณที่ยอมให้แต็งค์เข้าไปในโลกของน้ำ”
“รักจัง”
“รักเหมือนกันครับ” ฟอดดดดดด




“สอบเสร็จซักทีโว้ยยยยยย”
“จบสิ้นซักที ไฟนอลนรก แหวดดดดด”
“ในที่สุดดดด” เสียงมุ่งมั่น พร้อมชูกำปั้นขึ้นเหนือหัวดำของมัน “กูจะได้เป็นรุ่นพี่ปีสองซักที วี้ดดดดด”
โพล้ะ
“มึงรอเกรดออกก่อนเถอะ ไอ้โชคคคค” เสียงขัดมูดของไม้ที่แหวกอากาศมา
 “ช็อตฟิลกูมากเลย ไอ้ไม้ ไอ้นรก” แล้วมันก็วิ่งไล่ตีกันจนทั่วลานคณะ
“สอบเสร็จแล้ว ต้องฉลองว่ะ” ไอ้เทมส์มันวิ่งแดรดแด๋มากอดคอผมกับไอ้เหน่ง “ร้านพี่มึงกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว”
“เออ ไม่ไปนาน เจ๊เล้งเทคโอเวอร์ไปแล้วมั้ง”
พลั๊วะ
“ไอ้เหน่ง ไอ้ปากเห็บหมา”
“อ่ะ ล้อเล่งน่า” พร้อมหมุนมือกับเดาะลิ้นเลียนเสียงแบบคนจีนที่หัดพูดไทย
“ป่ะๆ กูอยากกินเหล้า” ไอ้แคมป์ไอ้นี่แอบเงี่ยหูฟังอยู่นานแล้วสินะมึง
“อ่ะ กูไปล่วยยยยย” ไอ้โต่งก็วิ่งเสนอหน้ามาเหมือนมีใครจุดธูปเชิญมันมา
“เอ๊... ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าใครจะไปกินเหล้าน๊า” อันนี้ไอ้บิวตัวเสนอหน้าตัวที่สอง
“กูนี่แหละ มึงจะทำไม”
“จะไปๆ ขอไอ้แต็งค์ยังอ่ะ” นี่ตัวเสนอหน้าตัวที่สาม ไอ้อาร์ท
“กูคุยกันมาตั้งแต่ก่อนสอบแล้ว” ไม่ใช่ผมตอบ แต่เป็นแฟนสุดที่รักสุดที่แสนจะโปรดปรานตอบ
“เพราะงั้นใครจะไป เจอกันหน้าร้านก่อนสี่ทุ่ม” ผมหันไปนัดแนะเวลากับพวกมัน
“เค แล้วไอ้โชคกะไอ้ไม้ล่ะ” ไอ้โต้งที่ยังมีกะจิตกะใจสนใจไอ้สองตัว
“วิ่งไล่แดกสมองกันอยู่นู้น” ไอ้แคมป์ชี้ไปทางพวกมันสองคนที่แกล้งกันเสร็จก็หันไปแกล้งคนอื่นๆในคณะต่อ สร้างเสียงหัวเราะและสีสันให้คนอื่นๆไม่น้อย คงเป็นเพราะเสร็จสิ้นสัปดาห์สอบกันซักที ทุกคนเลยเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก พวกผมทุกคนไม่มีใครมีงานค้างหรืองานแก้อะไร เลยไม่ได้พวงค์อะไร ส่วนเรื่องสอบ แต่ละวิชาก็ออกตามที่อาจารย์แกสอนกันมาทั้งนั้น ทุกคนเลยมั่นใจว่าทำได้ ส่วนจะได้คะแนนมากหรือน้อยคงอยู่ที่ความตั้งใจในแต่ละวิชานั้นๆที่เรามีกัน
“สอบได้ไหม” ไอ้แต็งค์เอื้อมมือมาถือกระเป๋าให้ พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ได้ชื่นใจ หายเหนื่อยเลย ฮึบบบ
“ต้องสอบได้อยู่แล้วป้ะ” ผมส่งยิ้มพร้อมขยิบตากับไป “นี่แฟนใครดูด้วย”
“หึๆ” แล้วก็วาดแขนโอบไหล่ผมไว้ “ปากหวาน”
“ก็เคยชิมแล้วนี่”
“เดี๋ยวจะโดน...”
“ไม่กลัวว” ฟอดดดดดดด
“แต็งค์!!”
โหยยยยยยยยยยย
งุ้ยยยยยยยยยยยยย
ฮิ้ววววววววววววว
“ให้มันน้อยๆหน่อยคู่นั้นอ่ะ เพื่อนอิจฉานะโว้ย” เสียงโห่แซวจากพวกเพื่อน แล้วก็เสียงโอดควรญจากคนขี้อิจฉาอย่างไอ้บิว
“ตายไหมล่ะ” แล้วนี่ก็เสียงมรณะจากยมทูตข้างตัวผม คิคิ
“ไอ้แต็งค์ ไอ้เวร กูเพื่อนมึงนะ”
“ไอ้ควาย สมน้ำหน้า”
“ไอ้เทมส์ มึงงง”
แล้วพวกมันก็พากันหยอกล้อกันต่ออย่างมีความสุข ก็แหงสิทำข้อสอบกันได้ทุกตัวนี่ เห้ออออ สมกับความตั้งใจอดสวีทกับแฟนเพื่อช่วยติวให้พวกมันจริงๆ ติวเตอร์น้ำคนนี้ภูมิใจยิ่งนัก

“’งายยยยยยยย พวกเด็กเล็ก” เสียงพี่แทนหุ้นส่วนใหญ่ของร้านที่เสนอหน้ามารินเหล้าให้ถึงที่ “หายหัวกันไปนานเลยนะ”
“ไม่หายได้ไงล่ะ สัปดาห์นรกเลยนะนั่น” ไอ้เหน่งหันไปตอบพร้อมกระดกเหล้าอย่างตายอดตายอยากมา
“เอออ” แล้วพี่แทนแกก็หันมาถามผมต่อ “เป็นไง สอบได้กันป่ะวะ” ผมเลยยกไหล่กับเลิกคิ้วเป็นคำตอบ ระดับนี้แล้ว “เจ๋งง”
“เกือบเอาตัวไม่รอด” และนี่คือไอ้แต็งค์ที่เบรกผมเกือบหัวทิ่ม
“เออจริง” ไอ้เทมส์ที่ทาสมทบอีกตัว “แม่งงานก็เยอะ เรียนก็เยอะ ยากอีก ใครบอกพวกวิดวะชิล กูดักตีแม่ง”
“หึๆ ขนาดแค่ปีหนึ่งมึงยังบ่นขนาดนี้” พี่น่านปากมันก็พูดมืออีกข้างก็ผลักหัวทักทายไอ้ไม้ที่นั่งซัดเอ็นไก่ทอดอยู่ “ปีสอง ปีสาม ปีสี่ พวกมึงไม่พากันลาตายเลยหรอวะ”
“เออ มึงดูกู” พี่นนท์มึงโผล่มาจากไหนเนี่ย “งานเยอะ เรียนหนัก แล้วไง” แหวกฝูงชนมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์แล้วก็เอื้อมแขนมากอดคอผม ถึงแม้จะได้รับสายตาหงุดหงิดจากไอ้แต็งค์แต่พี่มันที่ไหนล่ะ “แดกเหล้าไม่เคยพัก” ภูมิใจในตัวเองมากมึง “เรียนเท่าที่ไหว ไม่ไหวก็ลากออก”
“เชรดดดด แรกๆเหมือนจะดีว่ะ” ไอ้เหน่งหันมาต่อบทกับพี่นนท์มัน “หลังๆไม่มีห่าไรเลย”
“ไอ้กูก็รอปรัชญา” ไอ้ไม้ที่เตรียมถ้าหยิบทิชชู่ขึ้นมาทำท่าจะจดอะไรซักอย่าง “กูเตรียมจดไปโพสเฟชบุ้คเลยนะเนี่ย”
“มันแม่งเลยมีสาระให้พวกมึงด้วยหรอ” พี่น่านมันพูดจบก็ขว้างก้อนน้ำแข็งใส่พี่นนท์ทันที
“หยอกๆน่า คึคึคึ” พูดแล้วก็แย่งไอ้ไม้แดกเอ็นไก่ต่อ
“พอๆ เลยมึงสองพี่น้องเลอะเทอะไปหมด” พี่แทนแกว่า “งี้ก็ปิดเทอมกันแล้วอ่ะดิ”
“ก็เหมือนปิด แต่ก็รอเกรดออกอีก” ผมหันไปตอบแก
“เกรดออกแล้วไปเที่ยวกันป้ะ” ไอ้โต้งเสนอขึ้นมา
“ดี/ไป” แล้วพวกมันก็พร้อมใจกันตอบโดยอัตโนมัติ
“แต็งค์ ไปเที่ยวไหนกันดีอ่ะ” ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่นั่งเงียบฟังคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที พร้อมกับเอี้ยวตัวไปคล้องแขนเอาแก้มเบียดๆที่ต้นแขน ขออ้อนนิดนึงนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆกันเลย และแน่นอนตัวอย่างไอ้พี่นนท์มันก็ดังผมกับไปล็อคคอทันที
“ให้มันน้อยๆหน่อย” พร้อมดีดหน้าผากผมไปหนึ่งที “พี่มึงนั่งหัวโด่อยู่ตั้งสองหัว” แล้วก็หันไปแวดไอ้แต็งค์ต่อ “มึงก็เหมือนกันเกรงใจกูบ้าง จะมาแตะเนื้อต้องตัว”
“แตะอย่างอื่นมันก็แตะกันมาแล้ว”
“ไอ้เหน่ง ไอ้สันขวาน”
“อุ้ย โทดที”
“เค้าเป็นแฟนกันแล้ว” พี่น่านพูดไปส่ายหัวเนือยๆไป “มึงอ่ะ มันแค่พี่ชายที่เค้าเก็บมาจากถังขยะ ให้มันน้อยๆหน่อย”
“เจ็บจี๊ดดด”
“เรื่องจริงหรอพี่” ไอ้แคมป์มันทำหน้าตาเหลือเชื่อแต่ดูก็รู้ว่ากวนตีนอยู่
“งั้นที่ไอ้เหน่งเคยบอกว่าพี่นนท์แกไปทำหน้ามาให้เหมือนพี่กะไอ้น้ำก็เรื่องจริงดิ” ไอ้โชคเค้ามาสมทบอีกตัว
“ก็เออน่ะสิ มึงดูสันเดือนเหมือนพี่น่านไหมก็ไม่” ไอ้บิวที่ร่วมผสมโรงอีกตัว หันไปส่งไม้ต่อให้ไอ้เทมส์
“จะบอกว่าสันดาดเหมือนไอ้น้ำ ก็คนละเรื่องกันเลย”
“กูว่าแล้วทำไมน้ำมันเกลียดชังพี่นนท์ยิ่งนัก ฮ่าๆๆ” อ่ะไอ้อาร์ทเติมสีเข้าไปอีก ไอ้โต้งกับไอ้ไม้ก็พยักหน้างึกๆไปกับมัน
“กูคิดเหมือนไอ้--” ไอ้ไม้พูดไม่ทันจบหรอก โดนซะก่อน
โพล้ะ พลั้วะ โพล๊ะ โพล๊ะ
โดนทุตัว อย่างถ้วนหน้า
“ทำงานกันเป็นทีมนะพวกมึง”
ฮ่าๆๆๆๆๆ
แล้วก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นโต๊ะ
 ผมปล่อยให้พวกมันและพวกพี่มันตีกันต่อไปอีกยาวๆเลย แล้วหันมาสนใจคนที่นั่งเงียบๆข้างๆ แม้จะนั่งไม่มีบทพูดอะไรแต่แต็งค์มันก็ไม่ได้ดูเหงาหรือดูเบื่ออะไร มีบางครั้งก็อมยิ้มน้อยๆเวลาพวกนั้นด่ากันเถียงกัน นี่แหละแต็งค์เน้นฟังเก็บรายละเอียดอย่างเดียว
“เราจะไปเที่ยวไหนกันดีน๊า” แล้วผมก็เอนตัวไปพิงมันอีกครั้ง จับมือมันขึ้นมาบีบนวดอย่างเอาใจ
“อยากไปไหน” มันเอี้ยวตัวลงมากระซิบข้างหู
“ไปไหนก็ได้แค่มีแต็งค์” จุ้บ จุ้บตรงที่ต้นมันไปที
“อ้อน”
“ไม่ได้หรอ”
“เดี๋ยวจะไม่ได้นอน”
“น่ากลัวจัง”
“กลัวให้จริง” ฟอดดด หอมหัวเน่าๆของผมไปอีกหนึ่งที “ไปเทศกาลดนตรีไหม”
“ไปสิๆ” ผมพยักหน้าตอบอย่างตื่นเต้น “เอาไอ้พวกเวรนี่ไปด้วยนะ”
“อือ เอาไปทุกคน”
“ต้องสนุกแน่ๆ” ไอ้โต้งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน จากนั้นก็....
“ไปด้วยๆ”
“ให้กูไปด้วย”
“เอากูไปด้วยนะ”
“กูจะไป/ไปโด้ยย/ไปไป..”
“เออ!! ก็ไปกันทุกตัวนั่นแหละ” ผมหันไปแหวใส่พวกมันทันที ไอ้พวกขี้โวยวาย
“ใครจะไปก็เคลียร์ตัวเองด้วยอย่าให้ลำบากแฟนกู” งุ้ยยแฟนกูว่ะ พูดประโยคยาวๆได้แล้วนะเนี่ย “กูว่าจะไปโซนเหนือๆแต่ขับรถไปกันเอง เอาบรรยากาศ”
“ดี//ดี/ดี”
“พวกพี่จะไปกันไหม”
“ไปสิ กูต้องต้องไปดูแลน้องกู” พี่นนท์มันพูดจบก็แล่นมากอดคอรั้งผมไว้ จนพี่น่านต้องมาลากคอพี่มัน
“มาดูแลกูนี่มึงอ่ะ” พี่แทนพูดพร้อมตบหน้าผากมันไปที
“งั้นเดี๋ยวเรื่องเครื่องดื่มกูจัดการเอง” พี่น่านเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือเป็นปรางค์กห้ามญาติไม่ให้ไอ้แต็งค์กับผมค้าน “กูเป็นพี่กูมีเงินเดือน กูรวย จบนะ พวกมึงอ่ะไม่ต้องคิดมาก”
“รวยจริงอ่ะ งั้นขอแสนนึงสิ” ผมทำท่าแบมือขอตังพี่มันเลยตีมือผมมาแทน “อะระ แค่นี้ก็ให้ไม่ได้”
“ไปขอพ่อมึง”
“พ่อกูรวยมากมั้ง”
“ได้ข่าวว่าพ่อมึงพึ่งไปถอยเฟอรารี่มาไม่ใช่หรอ” เสียงไอ้พี่นนท์ลอยข้ามอากาศมา
“จริงดิ” ตาผมตอนนี้คงโตเป็นไข่ห่าน
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เรานั่งกินกันไป คุยกันไป เถียงกันไป ได้อีกพักใหญ่ๆก็พากันแยกย้ายกลับ ถ้าถามว่ากลับสภาพไหน ถามหน่อยมาร้านนี้เคยกลับสภาพดีกันไหม ก็ไม่ เพราะฉะนั้น เละ เหมียนหมาทุกรอบ
โอกกกกกกก อ้วกกกก แอวะ
“ไหวไหม”
“ม่ายยยยย”
“มาล้างหน้า อาบน้ำก่อน”
ฮึบบบบ
คุณแฟนคนดีของผมจัดการถอดเสื้อ ถอดกางเกง ลอกคราบผมจนเปลือยเปล่า เพราะตัวผมเองเละเทะจนต้องจับชำระล้าง ถามว่าทำไมไม่ทำเอง ก็คนมันมีแฟนอ่ะ แล้วแฟนก็รักมากด้วย จะทำเองไมกันนนนน  คิคิคิ
แต่
เดี๋ยว
นะ
นี่มันไม่ใช่แค่อาบน้ำแล้วไง
“แต็ง!!!”
“อืมมมม”
“ไหนบอกจะอาบน้ำ”
“อืมม กำลังอาบนี่ไง..” เสียงกระเส่าเชียวมึง
“มันไม่ใช่แล้ว อึก--”
“ใช่สิ ถอดขนาดนี้” เสียงจะแหบไปหนายยย “ทดมาหลายคืนแล้ว... บอกแล้วว่าคืนนี้ไม่ต้องนอน”
“แต่--”…. “อืมมม”
“อ่า”
“อื้อ”
“อืมม”
ดูแล้วน่าจะไม่ได้นอนจริงๆแหละ พรุ่งนี้จะตื่นไหมเนี่ย เห้อออออออออออ คนมีแฟนมันก็แบบนี้แหละ แล้วแฟนก็ยิ่งคลั่งรักๆด้วย อย่าได้พักเชียว คึคึ
อดทนหน่อยนะ ไอ้พวกไม่มีแฟน

“อื้อออ แต็งค์…”
“ขออีกรอบนะ” ฟอดดด
จุ้บ

คึคึคึ


โดย  อีช้อย
94
Boy's love story / (รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.6
« กระทู้ล่าสุด โดย PFlove เมื่อ 08-04-2024 20:50:43  »
 :mew1:
95
EP.5 อีกคนรอจะกลับไปรักแต่อีกคนรอให้อีกคนรัก

                Part’ s หมอภีมปภพ นั่งรอคนไข้คนพิเศษของกันตภณ อยู่ในห้องตรวจ ตอนนี้ในหัวผมวุ่นวายไปหมด ถามว่าผมยังคงไว้สถานะแค่เพื่อนจริงหรือไม่ ไม่เลย ผมยังรักกันตภณอยู่ เขาเป็นเพื่อนคนแรกและเป็นรักแรกของผม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ แต่งานไปแล้วผมก็ยังรักเขาอยู่ จนเขาเลิกกันแล้วผมก็ยังรักเขาอยู่ดี และมาตอนนี้เขากำลังจะบอกว่าเขาชอบนักศึกษาของเขาแถมน้องเขายังตั้งครรภ์ได้ แต่กันตภณเขาบอกว่าไม่ใช่เขา เขารู้ว่าผมรู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ แต่สีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงเด็กคนนั้นซิ มันไม่เหมือนตอนที่เขาพาหลินมาตรวจสุขภาพและนั้นความลับของกันก็ถูกเปิดเผย ภาพวันนั้นมันติดตาผมแต่ไม่เจ็บปวดเท่าสายตาของเขาวันที่มาขอร้องผมนั้น ผมตรวจคนไข้เสร็จก็นั่งพักรอคนไข้คนต่อไป
                Rrrr โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น กันตภณ ผมรีบกดรับสายทันที
               (ภีม วันนี้บีมเขาไปกับเพื่อนๆ เขาน่ะ) กันตภณบอกผม
               (แล้วกันละจะมาหรือเปล่า) ผมถามกันกลับไป
               (อยากไปแต่ไปไม่ได้ เขาเรียกประชุมด่วน เรื่องไร้สาระ) กันบ่นมาให้ผมฟัง
               (ก็บอกแล้วว่างานแบบนี้มันจุกจิก ทำไมไม่ลาออกมาบริหารงานโรงเรียนป๊าตัวเองละ คราวนี้คุณกันตภณอยากได้แบบไหน ก็ได้ตามใจคุณเลยเพราะคุณคือเจ้าของ) ผมพูดแอบยิ้มเล็กน้อย
               (เรียนมาตั้งเยอะให้มาเป็นผู้อำนวยการนั่งเซนต์เอกสารเฉยๆ นี่น่ะ) กันพูด
               (ตกลงที่หงุดหงิดนี้เพราะว่าเขาเรียกประชุมหรือว่ามากับน้องบีมเขาไม่ได้กันแน่) ผมถามกันตภณกลับทันที
               (ไม่ได้ไปด้วยไง) กันตภณพูด ผมเองก็ไม่รู้จะถามทำไม ถามไปผมก็เจ็บเปล่าๆ
              (เอาน่ะ จะดูแลแทนอย่างดี) ผมพูด
              (น้องแพ้ท้องมากจริงๆภีม อาเจียนมากด้วยและทานได้นอนมาก กันเป็นห่วงมากน่ะภีม) กันตภณพูด ผมก็หันไปมองเวลา น้องยังไม่ได้เวลานัด
             (โอเค งั้นจะสั่งยาให้น้องจะได้ดีขึ้น เอาใจเลยน่ะเนี๊ยะ) ผมพูด
             (ประชดหรือเปล่า) กันตภณถามผม
            (ไม่ได้ประชดเอาใจก็ผิดอีก) ผมพูดเชิงน้อยใจแต่จังหวะนั้นพยาบาลเดินเข้ามาพอดี ด้วยท่าทีรีบร้อย
             (แป๊บหนึ่งน่ะกัน สงสัยงานเข้า) ผมบอกคนปลายสาย
             “คุณหมอภีมค่ะ ไปห้องฉุกเฉินตอนนี้ด่วนเลยค่ะ มีคนไข้เจ็บท้องกระทันหันค่ะและตอนนี้แพทย์ที่ห้องฉุกเฉินกำลังช่วยทำคลอดแต่ว่าเด็กติดค่ะ น่าจะต้องผ่าคลอดด่วนค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ” พยาบาลรายงานผม ผมเหลือบมองเวลา คนไข้คนพิเศษของกันตภณก็กำลังจะมาถึง
            (กัน ภีมมีเคสคนไข้ด่วนอ่ะ แค่นี้ก่อนน่ะ ภีมโทรหานะกันน่ะ ภีม…) ผมพูดและกำลังจะท้ายเหมือนเช่นเคยแต่ผมลืมไปว่าตอนนี้คงไม่ได้แล้ว
            (อะไรภีม) กันถามผม
            (ไม่มีอะไรกัน ดูแลตัวเองด้วยเป็นห่วง) ผมพูดก่อนจะกดวางสายไป ผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินทันที ผมตรงไปสวมถุงมือและหยิบหูฟังมาพาดที่คออ่อนจะตรงไปที่เตียที่มีผ้าม่านปิดอยู่ ผมตรงเข้าไปตรวจดูแล้ว การเต้นหัวใจเด็กเริ่มอ่อนลง
              “เข้าห้องผ่าตัดตอนนี้เลย” ผมหันไปบอกพยาบาลอยู่ในห้องและผมก็เข้าไปเขียนใบส่งตัวขึ้นห้องผ่าตัดด่วน ผมคิดว่าผมคงไม่ทันได้เจอน้องบีมวันนี้ ผมรีบกดโทรไปที่แผนกของผมทันที แต่น้องเขาพึ่งจะสิบสองวีควันนี้ ผมคงทำอะไรไม่ได้มากเพราะว่าต้องให้เขาตรวจเลือดวัดค่าต่างๆ ก่อนถึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือสั่งยาให้น้องก่อนเพื่อช่วยลดอาการคลื้นไส้อาเจียนก่อน
               “สวัสดีค่ะ แผนกแม่และเด็กค่ะ ภิญญาพัชญ์รับสายค่ะ”
               “พี่อุ้งอิ้งครับ คนไข้ของผมมาถึงหรือยังครับ ชื่อคุณกันต์ธีร์นะครับ”
               “ น้องมาถึงแล้วค่ะน้องพึ่งจะยื่นบัตรเมื่อสักครู่ค่ะคุณหมอ”
               “ผมฝากให้ส่งน้องเขาไปเจาะเลือดตรวจ คนไข้ฝากครรภ์นะครับ” ผมพูด
                “ห๊ะ!!!” พี่อุ้งอิ้งถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจ
               “พี่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ตรวจตามที่ผมแจ้งนะครับและส่งร้องไปห้องอัลตราซาวน์เลยนะครับ อัลตราซาวน์แบบละเอียดนะครับและให้เขาส่งไฟล์ให้ผมทันที ส่วนน้องก็ให้ไปรับยาที่ห้องยา มียากลับบ้านด้วยนะครับและอีกน้องเขาให้ผมด้วยนะครับ” ผมบอกพยาบาลประจำหน้าห้องตรวจของผม
              (ตื้ด!!!) ข้อความเข้ามือถือผมพอดี (ภีมค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบีม เข้าบัญชีกันน่ะ) กันตภณส่งข้อความหาผมทันที
              “พี่อุ้งอิ้งแจ้งแผนกการเงินด้วยนะครับว่าค่ายาและค่าเวชภัณฑ์ ผมไปจัดการเอง ส่วนค่าแพทย์ ผมไม่คิดครับ” ผมบอกกับพี่อุ้งอิ้งก่อนจะกดวางสายไป
               “ผมขอใช้คอมพิวเตอร์หน่อยครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ ผมเข้าไปสั่งยาให้บีมทันที นายกันต์ธีร์ กิฟสัน ชื่อคนไทยแต่นามสกุลฝรั่ง ลูกครึ่งเหรอ ผมก็รีบส่งยาให้เขาสองสามอย่างเพื่อนำกลับไปทานที่บ้าน ส่วนผมก็รีบขึ้นไปที่ห้องผ่าตัดด่วนเพื่อเข้าไปทำงานร่วมกับทีมแพทย์ผ่าตัดคนอื่นๆ พยาบาลและผู้ช่วยทีมผ่าตัดที่รออยู่แล้ว ผมเองก็ไม่อยากคิดเลยว่า บีมเขาจะเป็นยังไง มันจะผ่านไปได้ด้วยดีไหม ค่อนข้างกดดันผมยอมรับเลยทั้งที่ยังไม่ได้เจอกันเลย

             เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงการผ่าตัดผ่าคลอดด่วนก็เรียบร้อยไปด้วยดี ผมออกมาแต่งจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะได้ลงไปทำหน้าที่แพทย์ต่อ ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วด้วย ผมเดินไปเปิดล๊อกเกอร์หยิบมือถือของผมออกมา ก็มีสายไม่ได้รับจากเจ้าไปส์ ไปส์นี่เป็นเพื่อนกับหลานชายของภันตภณเหมือนกัน แม่ของไปส์เขาเป็นน้องสาวของแม่ผมอีกที
             (ว่าไงไปส์) ผมโทรหาไปส์ เพื่อว่ามีเรื่องด่วน
             (เฮียหวัดีครับ) ไปส์ทักทายผม
              (โทรหาเฮียมีเรื่องอะไรหรือเปล่า อี้ของเฮียไม่สบายเหรอไปส์) ผมถามไปส์
             (แม่ผมนะสบายดี ฟังจากเสียงบ่นลูกชายเมื่อเช้าแปลว่าแม่ผมยังแข็งแรงอยู่เฮีย) ไปส์มันพูด
             (ไปทำยังไงให้ม๊าบ่นเราแต่เช้าไปส์) ผมถามลูกพี่ลูกน้องของผม
              (เรื่องเดิมๆ อะเฮีย) ไปส์พูดเชิงน้อยใจ
              (ว่าแต่มีเรื่องอะไรล่ะโทรมาหาเฮีย) ผมถามคนปลายสาย
              (เฮียผมถามหน่อยดิ ผู้ชายมีโอกาสท้องได้ไหม) ไปส์ถามผม
               (เฮ้ย!! ถามแบบนี้ อยากไปท้องกับเขาบ้างหรือไง) ผมถามคนปลายสายทันที
               (ไม่ใช่เฮีย เพื่อนผมน่ะ มันไปมีอะไรกับผู้ชาย มันไม่รู้ตัวอ่ะ มันโดนยาด้วยและมันก็กลับมาฝันเป็นตุ๋เป็นตุ๋ว่ามีลูกอะไรแบบนี้) คนปลายสายพูดให้ผมฟัง ผมนี้เกาหัวเล็กน้อย แต่ว่าเด็กที่กันตภณพามาให้ผม เขาก็เป็นผู้ชายนี้ ผมก็บอกไปส์ไม่ได้อยู่ดี นี้ความลับคนไข้ถ้ากันตภณรู้เข้าคงโกรธผมมากแน่ๆ มากกว่าตอนที่ผมไปนอนกับหมอสายป่านแน่นอน (ทั้งผมเองก็ได้เต็มใจไปนอนกับเขา)
                “ไม่น่าจะเป็นไปได้น่ะ โครงการนี้แค่เริ่มต้นคิดเขายังไม่ทำกันนิ แต่ถามว่ามีไหม มีน่ะ พ่อพี่เคยเล่าให้ฟังว่ารุ่นพี่ที่พ่อพี่เคารพเขาเคยมีโครงการนี้ขึ้นมาแต่ถูกกลุ่มที่เขาไม่เห็นด้วย เขาต่อต้านเลยยกเลิกไป” ผมบอกไปส์ไป
                (คุณหมอค่ะ) ผมหันไปมองพยาบาลห้องผ่าตัดเขาเข้ามาเรียกผมเข้าไปดูคนไข้ก่อนจะส่งตัวไปพักที่หวอดคนไข้พักฟื้นหลังคลอด
                (ไปส์เฮียมีคนไข้อ่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันน่ะ แต่เฮียมั่นใจว่าไม่น่าจะได้ ไปบอกเพื่อเราน่ะ พักผ่อนเยอะๆ อาจจะพักผ่อนน้อยไป เที่ยวเยอะไปหรือเปล่า เลยฝันไปเรื่อยเปื่อย) ผมบอกไปส์
              (โอเคเฮีย งั้นแค่นี้น่ะเฮีย เออ ม๊าผมบ่นคิดถึงแต่ไม่อยากไปโรงพยาบาลอ่ะ ว่างๆ เฮียพาม๊ากับป๊าเฮียมาทานข้าวบ้านผมบ้างน่ะ) ไปส์พูด
               (โอเค งั้นรอเฮียว่างน่ะ) ผมพูดกับคนปลายสายก่อนวางสายไป ผมเข้าไปดูคนไข้ทันทีและค่อยลงไปดูผลตรวจเลือดและอัลตราซาวน์ มันทำให้ผมคิดน่ะว่า หรือว่าโครงการนี้เขาเปิดแล้วกันแน่ ไม่น่าจะใช้น่ะ ผมต้องถามพ่อผมอีกที มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอ ที่โครงการนี้เขาอนุมัติออกมาแล้ว

                 Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมเล็ก มีอธิการบดีของทางมหาวิทยาลัยนั่งอยู่ด้วย อาจารย์เปรมสินีย์นั่งอยู่ใกล้ๆ กับอธิการบดี เธอหันมามองผม เธอยิ้มให้ผมทักทาย ผมก็ยิ้มทักทายเธอเช่นกันเหมือนกับว่าเราแสดงละครใส่กัน เขาแสดงมาผมก็แสดงกลับไป
                 “สวัสดีครับ  อาจารย์กันตภณ เชิญนั่งก่อนนะครับ ผมต้องขอโทษที่ต้องเรียกประชุมอาจารย์กะทันหันแบบนี้” ท่านอธิการบดีพูด ผมหันไปมองอาจารย์ท่านอื่นๆ เขาก็แอบชี้ไปที่อาจารย์เปรมสีนีย์ ผมรู้เลยใครคือที่ต้องการให้มีการประชุมขึ้น เขาเป็นรองอาจารย์ภาคเช่นกันแต่ว่าเขาเข้ามาแบบก้าวกระโดด
                “เริ่มเลยนะคะท่านอธิการบดี ดิฉันจะขอใช้สิทธิ์ในการคัดค้านให้นายกันต์ธีร์ที่ถูกเสนอชื่อเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสองกับทางมหาวิทยาลัยเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่งค่ะ” อาจารย์เปรมด์สินีย์พูด ผมหันไปมองเธอ เธอยิ้มให้ผมอย่างผู้จะมีชัย
                “เด็กคนนี้ที่อาจารย์กันตภณขอให้เขาได้เข้าสอบนี่ครับ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้เหรอครับอาจารย์” อธิการบดีหันมาถามผมทันที
                “เขามีปัญหาสุขภาพนะครับแต่ว่าช่วงที่เขามาเรียนเขาก็ทำงานส่งเรียบร้อยและไม่เคยขาดเรียนเลยก่อนหน้านี้แต่มีแค่ช่วงนี้ที่เขาสุขภาพไม่ค่อยดีนะครับท่าน ผมจึงขอให้เขาเข้าสอบภาคเรียนนี้ก่อนและจะได้กลับมาเรียนตามปกติ” ผมพูดกับอธิการบดี ผมหันไปมองหน้าอาจารย์เปรมด์สินีย์
                 “แต่อาจารย์บอกกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ว่าเขาตั้งครรภ์นี่ค่ะ” อาจารย์เปรมดิ์สินีย์พูด อธิการบดีหันมามองหน้าผมทันที
                “จริงเหรอครับอาจารย์” อธิการบดีถามผม
                 “จริงครับ แต่จะมาตัดสินให้เขาไม่สามารถมาเรียนได้นั้น ผมว่ามันไม่ถูกนะครับ” ผมพูด
                  “ด้วยสาเหตุที่ว่าเขาตั้งครรภ์ในมหาวิทยาลัย เราไม่ควรไปสั่งพักการเรียนเขานอกเสียจากนักศึกษาประสงค์จะพักการเรียนเองและเขาควรจะมีสิทธิ์เข้ามาเรียนได้ตามปกติเพื่อจะได้จบตามแผนที่วางเอาไว้นะครับท่าน” ผมพูด
                   “นายกันต์ธีร์เป็นคนเรียนเก่งมากค่ะ มีความรับผิดชอบ อ่อนน้อมถ่อมตน มารยาทดี ช่วยงานครูนักเรียนได้ดีทีเดียวค่ะ ดิฉันยืนยันอีกคนค่ะ” ครูประจำวิชาในคณะภาคพูด ผมหันไปยิ้มขอบคุณครู
                   “แต่ก็ไม่สมควรที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าเกียรตินิยมค่ะ “อาจารย์เปรมด์ขณะที่ย์พูด
                   “แล้วนี่คุณบอกมีรายชื่อนักศึกษาที่จะเสนอแทนอย่างนั้นหรือคุณเปรมดิ์สีนีย์ “ท่านอธิการบดีหันไปถามเธอ
                    “ใช่ค่ะ ดิฉันขอเสนอ แพรวา นิวัฒตั้งวงศ์ไพศาลค่ะ ลูกสาวคนเดียวรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศค่ะ “อาจารย์เปรมดิ์สินีย์เอ่ยชื่อของแพรวา ทุกคนหันไปมองทีเธอพร้อมกันหมดเพราะว่าอาจารย์แต่ล่ะคนรู้จักกิตติศัพท์ของเธอดี นี้อาจารย์เปรมดิสินีย์ยังกล้าเสนอชื่อเธออีกหรือ
                    “แพรวานี่นะคะ!!” อาจารย์หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น
                    “นี่ค่ะเกรดเฉลี่ยของแพรวาค่ะ เขาไม่สูงมากแต่ว่าไม่ได้แย่และเข้าเกณฑ์ค่ะแถมความประพฤติก็ดี ตรงตามเกณฑ์นะคะท่านอธิการบดี” อาจารย์เปรมดิสินีย์พูดก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้ท่านอธิการบดีเปิดอ่าน เขามองหน้าอาจารย์เปรมดิสินีย์สลับกับเอกสาร
                   “อะไรกันแน่ที่ดี สถานะทางการเงินหรือเปล่าที่ดี” มีอาจารย์หนึ่งในนั้นพูด ผมรู้ว่านีแค่ส่วนน้อยคงคัดค้านไม่ได้ถ้าอธิการบดีเขาเซนต์ชื่อลงลายลักษณ์อักษรเสียแล้ว
                  “ผมขอพักเรื่องที่อาจารย์เสนอนายกันต์ธีร์เอาไว้ก่อนนะครับเพราะว่าความประพฤตินอกมหาวิทยาลัยก็สำคัญครับอาจารย์” อธิการบดีพูด อธิการบดีหันมามองหน้าผมเพราะว่าผมทำท่าจะคัดค้านท่านยกมือห้ามผมเอาไว้เสียก่อน
                   “ผมขอปิดประชุมเพียงเท่านี้ก่อนนะครับเพราะว่าผมมีธุรด่วนต้องรีบไปครับ “อธิการบดีพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น เขาหันมามองผมอีกที
                   “อาจารย์กันครับ คุณน่ะจบดอกเตอร์มาจากต่างประเทศ มีความรู้ความสามารถมาก ผมถึงได้ดึงคุณมาช่วย แถมผมก็รู้จักพี่ชายคุณเป็นอย่างดีเพราว่าคุณเกริกกับเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นร้องกันจากมหาวิทยาลัยXXX ผมรู้จักครอบครัวคุณพอสมควรน่ะ ไม่ใช่ตระกูลธรรมดาน่ะ มีคนรู้จักมากมายทีเดียว” อธิการบดีพูด
                 “ผมคิดว่า คุณอย่าเอาหน้าที่การงานที่กำลังไปได้ไกลของคุณมาเสี่ยงกับเด็กคนนี้เลยน่ะ มันไม่คุ้มกันหรอกนะครับผมเตือน" ท่าอธิการบดีพูด

               "และผมเห็นว่าเขาน่ะ คงไม่จำเป็นหรอก เกียรตินิยมน่ะ เพราะว่าถ้าไม่มีเส้นมีสายหรือว่ามีบารมีจากครอบครัวเหมือนคุณ ได้ไปก็รับเงินเดือนเท่าๆ กับคนที่จบทั่วไปนั่นแหละ ดังนั้น ผมให้เขามาเรียนให้จบก็น่าจะพอแล้วมั้งครับ” ท่านอธิการบดีพูด มีคนยิ้มอยู่ข้างๆ ท่านก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้ไม่ชอบบีมเอาซะเลย บีมไปทำอะไรให้เขากันแน่
                 “ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะสมเหตุสมผลเพราะว่ามีนักศึกษาที่เรียนเก่งพอพอกับกันต์ธีร์แต่แพรวานี้ซิ มายังไง เขาเรียกม้ามืดเหรอคะ” อาจารย์คนอื่นยังสงสัยเลย
                “ผมได้ยินมาว่าพ่อเธอทุ่มเงินบริจาคให้กับนางศิษย์เก่าเยอะเลย และนี้คือเหตุผลมั้งครับ ที่ชื่อเธอจะถูกนำเสนอด้วยแต่เกรดนี้ผมไม่ทราบจริงๆ เธอเรียนสายบัญชี ต้องไปถามอาจารย์สายบัญชีดูนะครับ ว่าเธอได้เกรดเป็นอย่างไรบ้าง” อาจารย์อีกคนพูดขึ้น ผมเดินออกมาจากห้องประชุม วันนี้บีมเขาไปฝากครรภ์แล้วซิน่ะ ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง แต่ว่าก่อนที่ผมจะวางสายจากหมอภีม เขามีเคสด่วนด้วยนิ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพักอาจารย์
                “นี้แก ทีแพรวามันพูดจริงไหมวะ ว่ามันจะได้เสนอชื่อแทนคนที่ชื่อกันต์ธีร์ ที่เรียนเก่งๆ อ่ะแต่นางแพรวามันไม่เก่งเลยน่ะ มันโง่ซะด้วยซ้ำ มันได้ไปได้ยังไงว่ะ กูก็คิดว่าพวกเราที่ตั้งใจเรียน ไอ้คนที่ชื่อบีมก็ดันมาไม่ได้เหมือนกัน ” ผมได้ยินนักศึกษาพูดถึงแพรวาขณะที่เขาเดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้สังเกตเขายืนอยู่ตรงนั้น
                   “งานกลุ่มมันยังจ้างเขาเลยและเกรดนี้มาโด่งมาก มาได้ยังไงก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คงเพราะว่าพ่อกระเป๋าหนักอ่ะ” พวกเขาพูดถึงแพรวากันแบบนี้
                   “อาจารย์!” ผมสะดุ้งตกใจ พอผมหันหันมาเจอมะนาวกับใบชาเพื่อนของบีมเขาวิ่งเข้ามาหาผม
                    “พวกเราไม่ได้ไปกับบีมกันหรือวันนี้” ผมถามทั้งคู่
                   “ไม่ได้ไปค่ะพอดีว่าหนูกับใบชา มีรายงานต้องพรีเซนต์วันนี้ค่ะขาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ” มะนาวพูด
                  “อาจารย์ จริงหรือเปล่าครับที่คนที่ที่ชื่อ แพรวานะครับ เขาบอกว่าเขาจะได้ถูกเสนอชื่อแทนบีมเพราะว่าบีมมันท้องอ่ะครับ” ใบชาพูดกับผม ผมหันไปมอง ผมตกใจมาก
                  “แพรวารู้ได้ยังไง แพรวาเขารู้จักพวกเธอและบีมเหรอ ถึงได้เอาเรื่องบีมไปพูดแบบนั้น” ผมถามทั้งคู่
                   “ไม่เคยอยากจะเฉียดมาเจอกันเลย นางน่ะ นางฟ้านางสวรรดิ์ครับอาจารย์ นางคิดว่าสวยเริศในปฐพีและเป็นคุณหนูไฮโซโก้หรูอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ครับ"ใบชาพูดก่อนะหันมามองผมที่ยืนอึ้ง
                  "ขอโทษทีครับอาจารย์พวกผมลืมไปว่าอาจารย์ก็รู้จักนาง" ผมพยักหน้าว่าไม่เป็นไร
                  "แต่ว่าที่นางเอาบีมไปพูดแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แบบนี้ไม่ใช่นะครับอาจารย์” ใบชาพูด ผมพยักหน้าอีกครั้ง
                  “อาจารย์รู้จักแพรวา อาจารย์จะไปพูดกับแพรวาให้นะ แพรวาน่ะเขาค่อนข้างพิเศษนิดหนึ่ง อาจจะทำอะไรที่ไม่ทันคิดบ้าง” ผมพูด ทั้งคู่มองหน้าผม
                  “พ่อของแพรวาเขาเป็นเพื่อนแต่จริงๆ ก็รุ่นพี่ของพี่ชายอาจารย์น่ะและอากงของแพรวาก็สนิทกันกับป๊าของอาจารย์ด้วย” ผมพูด
                 “ป๊านี้คือพ่อใช่ไหมคะอาจารย์และพ่อของอาจารย์เป็นคนจีนเหรอคะ” มะนาวถามผม ผมพยักหน้า "งั้นอาจารย์ก็เป็นซิค่ะ" มะนาวถาม ผมยิ้มๆใพร้อมกับพยักหน้าว่าเป็น
                 “ดูไม่ออกเลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูดผมก็พยักหน้า
                 “บีมกลับจากโรงพยาบาลหรือยัง มีใครรู้ไหม” ผมถามทั้งคู่
                  “ไอ้ฟิล์มบอกว่ากลับแล้วค่ะ พยาบาลบอกว่าน้ำหนักมันลงไปตั้งสองกิโลค่ะ ขนาดมันท้องน้ำหนักมันไม่ขึ้นเลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูด
                 “กูว่าน่ะ น้ำหนักมันมาอยู่ที่มึงแน่ๆ เลยมะนาว มึงน่ะขึ้นมาอีกสองกิโลตั้งแต่ไอ้บีมมันแพ้ท้อง” ใบชาพูด
                 “จะไปหาบีมกันหรือเปล่า อาจารย์ไม่มีสอนแล้ว “ผมถามทั้งคู่
                 “พวกเราว่าจะไปหาซื้อพาสต้าอ่ะค่ะ บีมมันอยากกินพาสต้า” มะนาวบอกผม
                 “จริงเหรอ” ผมถามมะนาว
                 “เมื่อก่อนบีมไม่ชอบกินหรอกค่ะ มันบอกว่ามันเบื่อเพราะว่ามันตอนมันเด็กๆ มันเมืองนอกกินแต่พาสต้าและบ่อยมากอาทิตย์สองสามครั้ง พอมาอยู่ไทยมันไม่เคยร้องกินพาสต้าเลยค่ะ แต่พอมันท้องนี้ มันร้องจะกินซะงั้นนะคะ” มะนาวพูด ผมพลิกนาฬิกาดู วันนี้เจ๊หงส์พี่สาวของผมบอกว่าจะรับม๊าไปทานข้าวที่บ้าน
                 “งั้นไปซูเปอร์มาเก็ตกับอาจารย์หน่อย จะไปซื้อของมาทำพาสต้าให้บีมทานกัน” ผมพูด แต่ละคนหันมามองหน้าผมกันหมด
                  “อาจารย์ไปเรียนเมืองนอก อาหารก็ต้องทำเองและที่สะดวกคือพาสต้า ชอบทานเหมือนกันและอาจารย์ก็ต้องทำให้หลานชายคนเล็กทาน เขาทานแต่พาสต้าน่ะ อาจารย์ก็ต้องทำให้เขาทาน” ผมบอกเขาสองคน ผมคิดว่าหมอภีมคงยุ่งด้วยผมเลยไม่อยากกวน เอาไว้ไปถามบีมดีกว่า ผมขับรถพาเพื่อนของบีมไปหาซื้อของที่ไปทำพาสต้า ผมเลือกเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต วิลล่า จะมีของที่ใกล้เคียงกับซูเปอร์มาร์เก็ตกับต่างประเทศ วันนี้ผมจะทำ โบโลเนสซอส ให้บีมทานเพราะว่าบีมต้องเน้นเนื้อสัตว์ ให้มากกว่านี้
               “อาจารย์ครับ อาจารย์ทำอาหารไปก่อนนะครับ ผมกับมะนาวจะลงไปอ่อยผู้ชายอ่ะครับ” ใบชาบอกผมขณะที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพักของบีม
               “มะนาวก็อยากช่วยนะคะแต่งานครัวมะนาวไม่ค่อยถนัดค่ะ ถนัดชิมอย่างเดียวค่ะอาจารย์” มะนาวพูด
               “ชิมไปชิมมา หมดค่ะ” มะนาวพูด
               “อันนั้นเขาเรียกกินแล้วย๊ะหล่อนไม่ใช่ชิม” ใบชาพูด
               “อค้อาจารย์ค่ะ หนูเห็นไอ้บีมมันยังหลับอยู่เลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูด ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินไปโซนที่เป็นห้องครัว ภาชนะถูกจัดว่างเข้าที่อย่างเรียบร้อย
                “บีมมันเหมือนขุ่นแม่นะคะอาจารย์ เจ้าระเบียบ จนพวกผมแทบไม่กล้าหยิบของมันเลยค่ะ” มะนาวพูด
                “มึงน่ะทำให้ได้ครึ่งหนึ่งของไอ้บีมมันน่ะ แล้วผู้ชายจะมาขอไปทำเมีย” ใบชาพูด
                “งั้นอาจารย์ทำอาหารเลยนะคะ หนูกับใบชาไปทำธุรก่อนนะคะ ไม่อยากอยู่เป็น กขค ค่ะ “มะนาวพูด ผมหันมามองตกลงไปทำธุระหรือว่าแกล้งให้ผมกับบีมอยู่กันสองคนกันแน่ ผมสั่นหัวไปก่อนจะจัดการหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมทันทีและทำการหั่นนั้นหั่นนี้ พาสต้าที่ผมตั้งใจทำให้บีมทาน
                  ระหว่างที่รอ ผมเดินไปแอบดูบิมที่นอนหลับอยู่ เขาไม่ได้ห่มผ้า ผมเลยเดินไปหยิบผ้ามาห่มให้เขา ผมก้มลงมองใบหน้าที่ดูเรียบเนียน ผิวขาวสวย ผมเคยอยู่กินกับหลินมาก่อน เขายังไม่สวยเท่าบีมเลย ทำไมบีมถึงได้ดึงดูดสายตาผมได้ขนาดนี้ แต่ว่าผมไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส ผมเลือกเดินออกไปด้านนอกทันทีกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

TBC….

96
พูดคุยทั่วไป / ร้านพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุ
« กระทู้ล่าสุด โดย สไตล์หรีด เมื่อ 07-04-2024 23:35:41  »
ร้านพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุ  ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องของพิธีการ การจัดห้องประทีป หรือการแสดงความเสียใจและความอบอุ่นให้กับคลองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ในปัจจุบันมีบริการงานศพมากมายที่มีความเชี่ยวชาญและครบวงจร ร้านพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุ ทำให้เราสามารถเลือกบริการที่สอดคล้องกับความต้องการและความร่วมมือในการจัดงานศพให้กับคนที่เรารักในทุกช่วงเวลาอย่างชอบใจ และให้เกียรติและเกียรติให้กับคนที่เราได้สูญเสียด้วยการจัดงานศพอย่างเหมาะสมและเป็นมืออาชีพที่ทำงานด้วยใจรัก
97
ร้านพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร สถานการณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างแน่นอนในชีวิตประจำวันของเรา การทำพิธีการศพให้กับคนที่เรารักเป็นระยะเวลาที่ทุกคนจะต้องพบเห็น ดังนั้นการให้ความรักและความอบอุ่นให้กับคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

การจัดงานศพให้กับคนที่เรารักไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะฉะนั้นการเลือกบริการงานศพที่มีฝีมืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องของพิธีการ การจัดห้องประทีป หรือการแสดงความเสียใจและความอบอุ่นให้กับคลองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ในปัจจุบันมีบริการงานศพมากมายที่มีความเชี่ยวชาญและครบวงจร ร้านพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร ทำให้เราสามารถเลือกบริการที่สอดคล้องกับความต้องการและความร่วมมือในการจัดงานศพให้กับคนที่เรารักในทุกช่วงเวลาอย่างชอบใจ และให้เกียรติและเกียรติให้กับคนที่เราได้สูญเสียด้วยการจัดงานศพอย่างเหมาะสมและเป็นมืออาชีพที่ทำงานด้วยใจรัก ที่น่าเชื่อถือสำหรับความลืมทุกคนที่เรารัก.
98
พูดคุยทั่วไป / พวงหรีดปทุมธานี
« กระทู้ล่าสุด โดย สไตล์หรีด เมื่อ 07-04-2024 23:31:36  »
พวงหรีดปทุมธานี การจัดงานศพให้กับคนที่เรารักไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะฉะนั้นการเลือกบริการงานศพที่มีฝีมืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก พวงหรีดปทุมธานี ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องของพิธีการ การจัดห้องประทีป หรือการแสดงความเสียใจและความอบอุ่นให้กับคลองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ในปัจจุบันมีบริการงานศพมากมายที่มีความเชี่ยวชาญและครบวงจร ทำให้เราสามารถเลือกบริการที่สอดคล้องกับความต้องการและความร่วมมือในการจัดงานศพให้กับคนที่เรารักในทุกช่วงเวลาอย่างชอบใจ และให้เกียรติและเกียรติให้กับคนที่เราได้สูญเสียด้วยการจัดงานศพอย่างเหมาะสมและเป็นมืออาชีพที่ทำงานด้วยใจรัก
99
พูดคุยทั่วไป / พวงหรีด
« กระทู้ล่าสุด โดย สไตล์หรีด เมื่อ 07-04-2024 23:28:18  »
พวงหรีดการสูญเสียคนที่เรารักคือสถานการณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างแน่นอนในชีวิตประจำวันของเรา การทำพิธีการศพให้กับคนที่เรารักเป็นระยะเวลาที่ทุกคนจะต้องพบเห็น ดังนั้นการให้ความรักและความอบอุ่นให้กับคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

การจัดงานศพให้กับคนที่เรารักไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ พวงหรีดเพราะฉะนั้นการเลือกบริการงานศพที่มีฝีมืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องของพิธีการ การจัดห้องประทีป หรือการแสดงความเสียใจและความอบอุ่นให้กับคลองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
100
พูดคุยทั่วไป / ร้านพวงหรีด
« กระทู้ล่าสุด โดย สไตล์หรีด เมื่อ 07-04-2024 23:25:27  »
ร้านพวงหรีด การสูญเสียคนที่เรารักคือสถานการณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างแน่นอนในชีวิตประจำวันของเรา การทำพิธีการศพให้กับคนที่เรารักเป็นระยะเวลาที่ทุกคนจะต้องพบเห็น ดังนั้นการให้ความรักและความอบอุ่นให้กับคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

การจัดงานศพให้กับคนที่เรารักไม่ใช่เรื่องง่ายร้านพวงหรีด แต่ก็เป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะฉะนั้นการเลือกบริการงานศพที่มีฝีมืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องของพิธีการ การจัดห้องประทีป หรือการแสดงความเสียใจและความอบอุ่นให้กับคลองในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ในปัจจุบันมีบริการงานศพมากมายที่มีความเชี่ยวชาญและครบวงจร ทำให้เราสามารถเลือกบริการที่สอดคล้องกับความต้องการและความร่วมมือในการจัดงานศพให้กับคนที่เรารักในทุกช่วงเวลาอย่างชอบใจ และให้เกียรติและเกียรติให้กับคนที่เราได้สูญเสียด้วยการจัดงานศพอย่างเหมาะสมและเป็นมืออาชีพที่ทำงานด้วยใจรัก ที่น่าเชื่อถือสำหรับความลืมทุกคนที่เรารัก.
หน้า: 1 ... 6 7 8 9 [10]
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด