กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10
41
ในยุคที่การแข่งขันในวงการประกันภัยเข้มข้น การมีโอกาสร่วมงานกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างมั่นคง บริษัทของเรามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบและสร้างเครือข่ายนายหน้าที่มีคุณภาพ โดยเปิดรับสมัครผู้ที่มีความกระตือรือร้นและมีความตั้งใจจริงที่จะเข้าร่วมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการประกันภัยหรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นในสายงานนี้ ทุกคนต่างมีโอกาสในการเติบโตไปพร้อมกับเรา


คุณสมบัติและประโยชน์ของการร่วมงาน
 
การเป็นนายหน้าประกันภัยกับบริษัทของเราไม่เพียงแต่จะได้รับค่าคอมมิชชั่นที่สูงและโบนัสพิเศษตามผลงานเท่านั้น แต่ยังได้รับการอบรมและสนับสนุนด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณสามารถปรับปรุงทักษะและความรู้ในด้านประกันภัยได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาวสำหรับอาชีพของคุณ ด้วยการทำงานร่วมกับเรา คุณจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเข้าถึงฐานลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งนี้เรายังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถ รับสมัครนายหน้าขายประกันรถยนต์ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ทำไมต้องเลือกเข้าร่วมกับเรา? 

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้หลายคนเลือกเข้าร่วมงานกับบริษัทของเราคือความโปร่งใสในการบริหารจัดการและการสนับสนุนที่ครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการให้คำปรึกษา การอบรม และการใช้เครื่องมือทางการตลาดที่ทันสมัย นอกจากนี้ บริษัทยังมีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้ความช่วยเหลือคุณตลอดเวลา ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการเริ่มต้นในสายงานประกันภัยนั้นจะไม่เกิดความสับสนหรือความไม่แน่นอน เรามีระบบการติดตามผลงานและรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ดีในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง

โอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย 

ในโลกของประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีเครือข่ายนายหน้าที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและมีศักยภาพในการสร้างรายได้ในระดับที่สูงขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น การเข้าร่วมงานกับบริษัทของเรายังเปิดโอกาสให้คุณได้สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในวงการและได้รับประสบการณ์จากการทำงานในสถานการณ์จริง ที่สำคัญ หากคุณต้องการ สมัครสมาชิกฟินประกันรถ เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูงพร้อมกับเครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็น

ระบบสนับสนุนและการอบรม 

เรามุ่งเน้นที่การพัฒนาทักษะและความรู้ของนายหน้าให้มีความสามารถในการวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ลูกค้า ด้วยการจัดอบรมและสัมมนาเป็นประจำ คุณจะได้รับความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ ประกันภัย รวมถึงเทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงในวงการ นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามและประเมินผลที่ช่วยให้คุณเห็นความก้าวหน้าของตนเอง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะประสบความสำเร็จในสายงานนี้ ผู้ที่สนใจสามารถรับสมัครนายหน้าขายประกันฟินประกันรถได้ทันที เพื่อเข้าร่วมอบรมและสัมมนาที่เราเตรียมไว้ให้

สรุป 

การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนายหน้าของเราไม่เพียงแต่เป็นการเปิดโอกาสทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมงานกับทีมที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและสร้างความสำเร็จร่วมกัน ด้วยระบบสนับสนุนที่ครบวงจรและการอบรมที่ทันสมัย คุณจะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มีค่า ซึ่งจะช่วยให้คุณก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในวงการประกันภัยอย่างแท้จริง หากคุณมองหาโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้และพัฒนาทักษะของตัวเอง อย่ารอช้า ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับคุณที่จะเข้าร่วมกับเรา 
 
เพื่อเริ่มต้นเส้นทางใหม่และก้าวสู่ความสำเร็จในสายงานประกันภัย สามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ โดยการรับสมัครนายหน้าขายประกันรถยนต์ และ สมัครสมาชิกฟินประกันรถ อีกทั้งหากคุณมีความสนใจเฉพาะด้านการขายประกันที่มุ่งเน้นด้านฟินประกัน คุณก็สามารถ รับสมัครนายหน้าขายประกันฟินประกันรถ ได้ทันที เมื่อคุณตัดสินใจเข้าร่วมกับเราแล้ว คุณจะได้พบกับโอกาสและความสำเร็จที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน

ทุกขั้นตอนและการดำเนินงานของเรามุ่งเน้นที่การสร้างคุณค่าและผลประโยชน์ให้กับนายหน้าทุกคน ด้วยความมุ่งมั่นในความโปร่งใสและการพัฒนาต่อเนื่อง บริษัทของเราเชื่อว่าอนาคตของวงการประกันภัยจะสดใสสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจและพร้อมที่จะเรียนรู้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ เราพร้อมที่จะสนับสนุนให้คุณเติบโตในทุก ๆ ด้าน และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

เข้าร่วมกับเราเพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณและสร้างความแตกต่างในวงการประกันภัย พร้อมกันนี้คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนที่ดีที่สุดในการพัฒนาศักยภาพของคุณในตลาดที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน อย่าพลาดโอกาสทองนี้ในการร่วมงานกับเรา เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในอาชีพนายหน้าประกันภัยที่แท้จริง

สมัครเข้าร่วมกับเราวันนี้และเริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จ
42
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ: ภัทร & ดินสอ วัยมัธยม – เพลงนั้นของเรา



ม.1 — จุดเริ่มของคำว่า “เพื่อนสนิท”

ภัทรยังเหมือนเดิม เด็กชายตัวโต ขี้เล่น ขี้แกล้ง เสียงดัง
ส่วนดินสอก็ยังเป็นเด็กขาว ตัวเล็ก เงียบ ชอบอ่านหนังสือคนเดียวใต้ต้นหูกระจง

ทุกคนในห้องรู้ว่า “สองคนนี้ต้องนั่งด้วยกันเท่านั้น”
ครูประจำชั้นสั่งย้ายที่กี่รอบ ภัทรก็จะลากโต๊ะกลับมาข้างดินสอทุกครั้ง
“มึงนั่งคนเดียวทำไมวะ เหงาแย่เลยป่ะ?”
“…กูไม่เหงา แต่ถ้ามึงมานั่งด้วยก็โอเค”

วันนั้นเป็นวันที่ดินสอยิ้มทั้งวัน
โดยไม่ต้องมีเหตุผล



ม.2 — เริ่มรู้สึก แต่ยังไม่รู้ชื่อของความรู้สึกนั้น

ภัทรเริ่มไม่ชอบเวลามีผู้ชายคนอื่นมาคุยกับดินสอ
ชอบถามว่าใคร
แล้วก็บ่นเสียงดังว่า
“แม่งหน้าเหมือนกล้วยไข่เลย ยังจะคุย”

ดินสอเริ่มเขียนบันทึก
หน้าหนึ่งมีประโยคว่า
“ทำไมมึงต้องทำหน้าหงุดหงิดทุกครั้งที่กูคุยกับคนอื่นวะ?”

แต่ไม่มีคำตอบในตอนนั้น
มีแค่เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่อีกคนเรียกชื่อ



ม.3 — ปีที่หัวใจชัดเจนที่สุด

ดินสอเริ่มมีแฟนคลับในโรงเรียน เพราะหน้าตาดี เรียนเก่ง
ภัทรหงุดหงิดแทบระเบิด
จนวันหนึ่งในงานกีฬาสี
บนเวทีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ กลางสนาม
ภัทรยืนถือไมค์ ใส่เสื้อกีฬา
แล้วร้องเพลง
“แค่คุณ”

ดินสอยืนอยู่ข้างสนาม
ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือร้องไห้
เพราะประโยคถัดมาคือ

“ดินสอ…กูไม่รู้ว่าแฟนที่ดีต้องทำตัวยังไง
แต่กูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างมึงทุกวันได้ไหม?”

เสียงเฮดังลั่นสนาม
ดินสอหน้าแดง
และพยักหน้าเบา ๆ

ตั้งแต่วันนั้น ทั้งโรงเรียนก็รู้ว่า…พวกเขาเป็นของกันและกันแล้ว



ม.4 — ปีแห่งความลังเล และการปรับตัว

เข้าสายวิทย์-คณิต
เรียนหนักขึ้น
ดินสอเริ่มหงุดหงิดง่าย
ภัทรเริ่มไม่เข้าใจเวลาที่ดินสอเงียบใส่

แต่ทุกเย็นหลังเลิกเรียน
ภัทรจะนั่งรอหน้าห้องเรียน
พร้อมชาเขียวเย็นหนึ่งแก้ว

“มึงยังไม่อยากคุย กูก็นั่งตรงนี้นะ”

บางทีความรักไม่ต้องแก้ปัญหาเลยทันที
แค่ไม่วิ่งหนีกันก็เพียงพอแล้วในตอนนั้น



ม.5 — ปีที่ทะเลาะบ่อยที่สุด แต่ก็ยังไม่เคยปล่อยมือ

ดินสอเริ่มมีความฝันอยากเรียนดีไซน์
ภัทรยังคงสนใจพวกเทคโนโลยี
เป้าหมายเริ่มต่าง ความชอบเริ่มแยก

ทะเลาะกันเรื่องอนาคต
แต่ทุกเช้า…ภัทรก็ยังวางข้าวเช้าไว้บนโต๊ะดินสอ
พร้อมโพสต์อิทใบเล็กที่เขียนว่า

“ไม่ต้องยิ้มตอนนี้ก็ได้ แต่กินข้าวก่อนนะ กูห่วง”



ม.6 — ปีสุดท้ายของความทรงจำวัยรุ่น และสัญญาที่ไม่มีใครกล้าพูดออก

ใกล้สอบ
ใกล้แยกย้าย
แต่กลับ “ใกล้กันที่สุด” เท่าที่เคยเป็น

ภัทรพูดน้อยลง
แต่เวลาเดินสวนกันในโรงอาหาร เขาจะเอานิ้วเกี่ยวข้อมือดินสอเบา ๆ
ดินสอทำเป็นเฉย
แต่พอเดินไปถึงโต๊ะ…จะยกแขนขึ้นกอดกระเป๋าแน่นกว่าเดิม

วันจบการศึกษา
ภัทรเขียนในการ์ดว่า

“ไม่ว่าต่อไปเราจะอยู่ตรงไหน
ถ้ามึงยังเป็นมึง
กูก็จะยังเป็นของมึงเหมือนเดิม”



และนั่นคือ
รักวัยรุ่นที่ไม่ฟูมฟาย แต่แน่นหนากว่าใคร

ความรักที่เริ่มจากดินสอ HB ในกระเป๋า
สู่ดินสอคนจริง ๆ ที่กลายเป็นบ้านของกันและกัน
แม้จะมีพายุ
แม้จะมีวันเหนื่อย
แต่ก็ยังกลับมา
ทุกครั้ง…ไม่เคยเปลี่ยน
43
เยี่ยมแวะวิมานตอนประถม | ตอน: เด็กชายตัวโตกับเพื่อนใหม่ที่นั่งเงียบ

ภัทร คือเด็กชายตัวสูงที่สุดในห้อง ป.1/3
ผิวแทนจัด วิ่งเก่ง เตะบอลแม่น กินเก่ง และเสียงดังมาก
ชอบกอดคอเพื่อน ชอบหัวเราะ ชอบปีนโต๊ะตอนครูเผลอ
เป็นคนที่ครูแป๋วจะเรียกชื่อบ่อยที่สุดวันละสามรอบ

ดินสอ คือเด็กชายคนสุดท้ายที่เข้าห้อง
ตัวขาว ตัวเล็ก ใส่แว่นกรอบดำ หิ้วกระเป๋าผ้า เดินเงียบ
วันแรกที่มานั่งหลังห้อง ไม่มีใครกล้าเล่นด้วย
แต่ครูแป๋วพูดว่า “ภัทร มานั่งข้างน้องนะลูก”

แล้วก็เกิดสิ่งที่เหมือนจะธรรมดา
แต่กลับ “กำหนดความสัมพันธ์ตลอด 20 ปี” หลังจากนั้น



“เฮ้ มึงชื่ออะไรนะ?”
ภัทรถามเสียงดังตั้งแต่นั่งลง

“…ดินสอ”
เด็กชายตัวเล็กตอบเบา ๆ จนเกือบไม่ได้ยิน

“ห๊ะ! จริงดิ ชื่อเหมือนของในกระเป๋ากูเลย!”
ภัทรหัวเราะ ก่อนจะหยิบดินสอของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“เอาไว้เรียกผิดเวลาโยนใส่หน้าจะได้ไม่โกรธนะ มึงก็เป็นของกูเหมือนดินสอนี่แหละ”

ตอนนั้นดินสอหน้าแดงไปจนถึงคอ
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขายิ้มในโรงเรียนนี้



พักเที่ยงวันต่อมา
ภัทรลากดินสอไปโรงอาหาร
ช่วยถือถาด
แลกขนม
ตักแตงโมให้
แล้วพูดว่า

“ถ้ามีใครแกล้งมึงนะ บอกกู กูเตะให้”

ดินสอไม่ได้พูดอะไร
แค่พยักหน้า
แต่วันนั้น เขากินข้าวหมดครั้งแรกในรอบสัปดาห์



ตอนเย็นวันหนึ่งฝนตก
ดินสอลืมร่ม
ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเขากับภัทรที่รอผู้ปกครอง

“มึงหนาวปะ?”
ภัทรถาม ก่อนจะถอดเสื้อพละโยนคลุมหัวดินสอ
“แม่กูชอบบ่นอยู่ละว่าเสื้อตัวนี้เหม็น กูเลยให้มึงแทน”

วันรุ่งขึ้น ดินสอเอาเสื้อพับมาให้ใหม่
ซักหอมเรียบ
ติดโน้ตว่า
“เสื้อของมึง แต่…ขอใส่ก่อนอีกวันนะ มันอุ่น”



หลังจากนั้น…ชื่อของทั้งสองคนก็ไม่เคยแยกจากกันเลยในสายตาเพื่อนและคุณครู

ภัทรกับดินสอในวัย 6 ขวบ
ไม่รู้หรอกว่าคำว่า “รัก” คืออะไร
แต่เขารู้ว่า…

ถ้าอีกคนร้องไห้…เขาจะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว
ถ้าอีกคนไม่พูด…เขาจะพูดแทนให้
ถ้าอีกคนล้ม…เขาจะยอมโดนดุแทนก็ได้



และนั่นแหละ
คือจุดเริ่มต้นของ “วิมาน” ที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้แวะเข้าไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
44
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่โต – ไกด์ที่ไม่ได้พาทัวร์แค่เมือง…แต่พาหัวใจกลับบ้าน

“เวลาเป็นไกด์ พี่ต้องรู้แผนที่ทุกเมือง
แต่สำหรับคู่นั้น…
พี่ต้องรอดูว่าพวกเขาจะ ‘หลงรักกันใหม่’ ได้ยังไงอีกครั้ง”



ตอนพี่มารับหน้าที่ในวันที่ 8 ของทริป
แค่ขึ้นรถไปห้านาที พี่ก็รู้เลยว่า…

“อ้อ คู่ที่เขาเตือนมานี่คือคู่นี้แน่นอน — ไอ้คนล่ำขี้เล่น กับไอ้ตัวขาวหน้าเหวี่ยงนั่นแหละ”

แต่สิ่งที่พี่ไม่รู้
คือคู่นี้แม่ง “รักกันโคตรจริง”



ภัทรน่ะพี่เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ
เป็นญาติห่าง ๆ ที่โตมาแบบไฟแรง ขี้เล่น หัวร้อน แต่ใจกว้าง

ดินสอพี่เพิ่งรู้จัก
แต่จากวันแรกที่มองสบตา
พี่รู้เลยว่า “เด็กคนนี้…เก็บความรู้สึกลึกกว่าที่ใครเข้าใจ”



ช่วงแรก พี่แกล้งไม่รู้ ไม่พูด
เพราะบางอย่างมันไม่ต้องมีใครเข้าไปช่วย
ต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้จังหวะกันเอง

แต่พี่ก็ “อยู่”
อยู่ตอนเขาทะเลาะ
อยู่ตอนเขาเงียบใส่กัน
อยู่ตอนเขาหันหลังกลับมาแล้ว “ยังอยู่กันครบ”



พี่ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
แต่ครั้งหนึ่ง พี่แอบได้ยินตอนดินสอพูดกับตัวเองที่ริมทะเลสาบว่า

“ถ้าเรากลับมาดีกันจริง ๆ…เราจะพังกันอีกไหมวะ”

พี่เลยพูดเบา ๆ กลับไปว่า

“ทุกคู่มันก็พังได้หมดแหละ
แต่ถ้ายังอยาก ‘ซ่อม’ อยู่ มันก็ยังไม่พังจริง”



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่โต
มันไม่ใช่แค่ทริปไกด์พาทัวร์
แต่มันคือการได้เห็น “คนสองคนที่เคยหันหลังให้กัน
ค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมานั่งหันหน้า”



พี่โตอาจไม่ได้พูดมาก
แต่พี่มีบทในใจตลอดเรื่องนี้
พี่อยากให้ทั้งสองคนรู้ว่า…

“การรักกันให้ชัด มันยากกว่าการเดินทางทั้งยุโรปอีก
แต่ถ้ารักนั้นมันยัง ‘เดินกลับมาหากัน’ ได้ทุกครั้ง
มันก็โคตรคุ้มที่จะเดินต่อด้วยกัน”



และพี่ขอสรุปไว้ให้เลยว่า
ภัทรกับดินสอไม่ใช่คู่รักที่หวานที่สุด
แต่เป็นคู่ที่ ‘จริงที่สุด’ เท่าที่พี่เคยเจอมาในการเป็นไกด์ 20 ปี

– พี่โต
ไกด์ผู้ไม่ได้แค่ถือธงนำทาง
แต่เฝ้าดูความรักค่อย ๆ ซ่อมให้หายร้าว…แล้วกลับมาแน่นกว่าเดิม
45
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของโอ๊ตพีท – สองหนุ่มที่ไม่ได้ช่วยเย็บรัก แต่คอยปูเบาะไว้กันล้ม

“เราไม่ได้รู้ลึก…
แต่เราอยู่ใกล้พอจะรู้ว่า ทุกครั้งที่สองคนนั้นเกือบหลุด
พวกเขายังมองหากันอยู่เสมอ”



พวกเราไม่รู้หรอกว่าความรักมันต้องใช้ความเข้าใจลึกแค่ไหน
เราไม่ได้รู้ว่าดินสอเก็บอะไรในใจ
หรือภัทรกลัวอะไรอยู่บ้าง

แต่เรารู้ว่า…
ทุกครั้งที่ภัทรเดินเร็ว
ดินสอก็เดินเร็วตาม
และทุกครั้งที่ดินสอเงียบ
ภัทรก็ทำเป็นพูดมากขึ้น
เพราะกลัวบรรยากาศจะเย็นไป



วันแรกเราคิดว่าคู่นี้จะทะเลาะกันยันจบทริป
แต่พอเข้าวันที่ 3…
เราเริ่มเห็นบางอย่างในสายตาพวกเขา

ตอนนั้นที่หอไอเฟล
ดินสอพูดว่า

“ถ้ามึงจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
ภัทรเงียบ…แล้วพูดว่า
“งั้นมึงบอกกูสิว่ากูควรทำยังไง”
เราทั้งสองคนเงียบทั้งโต๊ะเลย



เราสองคนเป็นเพื่อนประเภท
ไม่ได้เก่งเรื่องความรัก
ไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนเจน
ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนพี่ดา
ไม่ได้เป๊ะเหมือนคุณเอิร์ธคุณต่าย

แต่เรามีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ…

“คอยดันหลังเบา ๆ เวลาพวกมันกำลังจะหันหลังให้กัน”



คืนก่อนกลับไทย
ภัทรเดินมาซื้อถุงยาง
เราแซวว่ากล่องเก่าไปไหน
เขายักคิ้วแล้วบอกว่า

“หมดแล้วพี่…มึงจะให้กูเหลือทำไม ในเมื่อทริปนี้กูได้คนของกูคืนมา”

เราไม่ได้ตอบอะไร
แต่ในใจเราสองคนแม่งโคตรเฮเลยเว้ย



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับโอ๊ตพีท
คือทริปที่ทำให้เราเชื่อว่า
ความรักไม่จำเป็นต้องโรแมนติก
ไม่ต้องเป๊ะ
ไม่ต้องสมบูรณ์

แต่ขอแค่
ยังกล้าเดินไปพร้อมกันแม้ในวันที่พูดไม่ออก
ยังกล้าจับมือ แม้ในวันที่เพิ่งทะเลาะกันมาหนักมาก



“เราไม่เคยพูดว่าภัทรกับดินสอจะรักกันได้ตลอดไป
แต่เรารู้…ว่าพวกเขารักกัน ‘พอจะพยายามต่อ’ เสมอ”

และถ้าถามว่าใครเชียร์ที่สุดให้คู่นี้รอด
ก็ต้องโอ๊ตกับพีทเนี่ยแหละ
เพื่อนที่ไม่ชอบดราม่า
แต่รักความรักของพวกเขาเหมือนเป็นของตัวเอง

– โอ๊ต & พีท
นักพากย์สายเฮ ผู้เฝ้าลุ้นเหมือนดูบอลนัดชิง…
แต่ความสุขคือการเห็น “เพื่อนเรายังอยู่ในสนาม…พร้อมกัน”
46
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่ดา — หัวใจที่เฝ้ามองความรักแบบคนเป็นแม่

“บางคนมีหน้าที่รัก
แต่บางคน…ขอแค่ได้เฝ้ามองคนที่รักกัน
แล้วหวังว่าจะไม่หลุดมือจากกันไป”



ตอนวันแรกที่เครื่องบินจะลงปารีส
พี่ดานั่งอยู่หลังภัทรกับดินสอหนึ่งแถว
มองออกไปเห็นเงาทั้งคู่ซ้อนกันในกระจกหน้าต่างเครื่อง
หนึ่งคนโน้มหน้า
อีกคนพิงเบาะแล้วหลับ

ภาพนั้น…มันไม่โรแมนติกเลย
แต่ในใจพี่กลับรู้สึกว่า

“สองคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกันธรรมดา
แต่เป็นอะไรที่ผูกพันกว่านั้น
เป็นคนที่ ‘ถ้าไม่ได้รักกัน…จะเจ็บมากกว่าคนอื่น’”



พี่ไม่ได้รู้ลึกเท่าคุณเจน
ไม่ได้คอยแซวแรงเท่าพี่พลอย
ไม่ได้หัวเราะเฮดังเหมือนลุงก้อง
แต่พี่ “ฟัง” ดินสอเสมอเวลาเขานั่งเงียบ

บางที ดินสอก็ไม่พูดอะไร
แต่พี่รู้ว่าเขาเหนื่อย
เหนื่อยกับการพยายามเข้าใจคนที่เขารัก
และเหนื่อยกับการกลัวว่าจะไม่พอ



ภัทรเองก็ใช่ย่อย
ทำเป็นร่าเริง
ทำเป็นล้อเล่น
แต่เวลาหันหลัง เขามักถอนหายใจเงียบ ๆ
เหมือนเด็กผู้ชายที่กลัวโดนเมินจากคนที่รักที่สุด



ในมื้อเย็นวันหนึ่งที่มิลาน
พี่จำได้ดีว่า ภัทรยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า

“กูไม่รู้ว่าอนาคตเราจะยังอยู่ด้วยกันไหม
แต่คืนนี้…ขอแค่กูยังได้มองมึงอยู่ก็พอ”

พี่ไม่รู้ว่าดินสอได้ยินไหม
แต่พี่ได้ยิน และเก็บมันไว้ในใจเสมอ



พี่เคยผ่านความรัก
ที่ตอนแรกมันแน่นหนา
แต่ค่อย ๆ เบาลง จางลง
เพราะต่างฝ่ายไม่มีใครยอมเหนื่อยเพื่องานนี้อีก

แต่ภัทรกับดินสอไม่ใช่แบบนั้น
ถึงจะเหนื่อย
ถึงจะเจ็บ
ถึงจะพูดแรง
แต่ทุกครั้งที่หันไปดูอีกที…
เขายังอยู่ตรงนั้นให้กันเสมอ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่ดา
ไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนสองคนที่ไปเที่ยวยุโรป
แต่มันคือเรื่องราวของความรักที่ “รอด” มาได้
ไม่ใช่เพราะมันสมบูรณ์
แต่เพราะ “มันมีคนพยายาม”



และพี่ดีใจมาก
ที่ตอนนี้…ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน
รักกันเงียบ ๆ
งอนกันเบา ๆ
แต่ไม่หนีกันอีกแล้ว

“บางความรักไม่ต้องเสียงดัง
ขอแค่ยังมีอยู่
ยังมองตากัน…ก็เพียงพอ”

– พี่ดา
คนที่เฝ้ามองความรักจากมุมอบอุ่น
ไม่ต้องไปยืนตรงกลาง
แต่อยู่ตรงนั้น…เสมอ
47
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของลุงก้อง & ป้าอุ๊ — คนแก่สองคนที่ยังจับมือกันแน่น

“ลุงกับป้าไม่ได้เห็นความรักจากแค่คำพูดหวาน ๆ
แต่จากการที่คนสองคน ยังยอมเดินอยู่ข้างกัน…
ในวันที่ไม่รู้จะพูดอะไร”



วันแรกของทริป
ลุงนั่งอยู่ข้างหลัง
ป้านั่งติดหน้าต่าง
เรามองเห็นภัทรกับดินสอ ไม่ได้นั่งด้วยกัน
แต่ใจ…ดูเหมือนผูกกันแน่นกว่าทุกคู่ในเครื่องบิน



ป้าอุ๊กระซิบบอกลุงว่า…

“คู่ข้างหน้าเรานี่ เขายังรักกันอยู่ แต่คงทะเลาะกันมาหนักมาก”
ลุงพยักหน้า
แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“ก็เหมือนเราสมัยหนุ่ม ๆ ไง…เสียงดังแต่ไม่เคยปล่อยมือ”



เราสังเกตพวกเขาทุกวัน
ภัทรเป็นผู้ชายที่ใจร้อน
แต่ทุกครั้งที่ดินสอเงียบ…เขาจะหันไปมองเสมอ
ไม่ว่าจะอยู่กลางลูฟวร์ หรือล่องเรือที่เวนิส



ดินสอเป็นเด็กที่เหมือนจะเข้มแข็ง
แต่ทุกครั้งที่หลบมุมเงียบ
เรามักเห็นเขายืนใกล้กระจก หรือหน้าต่าง
เหมือนถามตัวเองว่า…

“กูจะไปต่อกับเขาได้ไหม”



ลุงกับป้าไม่พูดมาก
แต่เราคอยยื่นขนม ยื่นร่ม ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเสมอ
ไม่ใช่เพราะอยากเสือก
แต่เพราะเรารู้ว่า…

“ความรักของเด็กสมัยนี้บางทีมันร้าวไว…
เพราะไม่มีใครคอย ‘ซับน้ำตาเงียบ ๆ’ ให้อยู่ใกล้ ๆ”



คืนที่พวกเขาทะเลาะกันที่ Lucerne
ป้าอุ๊ตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นดินสอนั่งกอดเข่าหน้าระเบียง
ลุงก้องเดินไปหยิบน้ำอุ่นมา แล้ววางไว้ข้างเขา
ดินสอไม่พูด แต่ยิ้ม…
น้ำตาคลอ



และวันที่ภัทรหายไปจากทริปเขาใหญ่
ป้าอุ๊บอกว่า

“เขาคงกำลังเลือกว่าจะเดินกลับเข้ามาไหม
แต่ดูจากตาคู่นั้นนะ…ยังไม่ยอมแพ้หรอก”



เราทั้งคู่เห็นเด็กสองคนนี้เติบโตขึ้นทุกวัน
จากแฟน…เป็นคู่รัก
จากคนรัก…เป็นคนที่อยากอยู่ด้วย



ลุงก้องเคยพูดกับป้าอุ๊หลังจากล่องเรือแซนน์วันสุดท้ายว่า

“ถ้าคืนนี้เขายังนอนกอดกันอยู่แบบเมื่อวาน
แปลว่ารักครั้งนี้แม่ง ‘รอด’ แล้วจริง ๆ”



และมันก็รอดจริง ๆ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาลุงกับป้า
คือเรื่องของคนสองคนที่ไม่สมบูรณ์
แต่พยายามเติมกันทุกวัน
ไม่ใช่เพราะอยาก “ชนะ” แต่อยาก “รักษา”



เราเคยผ่านมาแล้ว
เคยทะเลาะ
เคยเกือบแยกทาง
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้…

“เราไม่เคยรีบตัดสินกันในวันที่อารมณ์ร้อนที่สุด
และไม่เคยปล่อยให้อีกคนรู้สึกว่า…อยู่คนเดียวแม้แต่วันเดียว”



ถ้าภัทรกับดินสอจะได้อะไรจากลุงกับป้า
เราอยากบอกว่า
ความรักไม่ต้องสมบูรณ์
ขอแค่ไม่ยอมแพ้กัน…ก็พอ

– ลุงก้อง & ป้าอุ๊
คู่ที่ทะเลาะกันตั้งแต่ยุคไม่มีมือถือ
แต่ยังจับมือกันไว้แม้จะหลงทางบ่อยแค่ไหนก็ตาม
48
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของคุณเอิร์ธคุณต่าย – คู่รักที่ลิ้มรสรักของคนอื่นด้วยใจละเมียด

“พวกเราคือคู่รักที่ผ่านครัวร้อนมาหลายสิบปี
เราไม่ได้อยากรู้ว่าใครรักกันหวือหวา
เราแค่อยากรู้ว่า…คู่ไหน ‘อดทน’ ทำอาหารความรักด้วยกันจนไม่ต้องชิมก่อนก็รู้ว่าดี”



เราเจอ ภัทร กับ ดินสอ วันแรกบนเครื่อง
เรารู้เลยว่านี่คือ “รสชาติที่ยังไม่กลมกล่อม”

ภัทรคือพริกสด – ร้อนแรง กล้าลอง ไม่กลัวเปื้อน
ดินสอคือซอสเบสไวน์ – ละเอียด เข้มข้น ไม่ชอบถูกรบกวน
แต่ความรักของคนสองคน
ไม่ได้สำเร็จจากวัตถุดิบเด่น
มันสำเร็จเพราะ “กล้าอยู่ในหม้อเดียวกัน จนรสเข้าเนื้อ”



เรานั่งมองพวกเขาทะเลาะ
ในวันที่พิซซ่าไม่มา
ในวันที่แชมเปญไม่พอ
หรือแม้แต่วันที่ไวน์หกรดโต๊ะ

เราไม่ได้หัวเราะ
แต่เราสบตากัน แล้วเข้าใจว่า

“พวกเขายังอยากกินอาหารจานเดียวกัน
ถึงจะยังหั่นไม่เป็น”



ตลอดทริป เราสังเกตพวกเขาแบบไม่พูดมาก
เราชอบเวลาภัทรพยายามสั่งอาหารให้ดินสอ
ทั้งที่ไม่รู้ว่าดินสอแพ้อะไรบ้าง
เราชอบเวลาดินสอเงียบ แต่ยอมกินข้าวกับภัทรเสมอ
แม้วันนั้นจะยังโกรธอยู่



เราเคยมีความรักที่ไม่รอด
เพราะต่างคนอยากให้ “อีกคนเป็นเชฟ”
แต่ลืมไปว่า…
อาหารมื้อนึง ต้องช่วยกันทำ
ช่วยกันล้าง และช่วยกันเช็ดโต๊ะ



และเมื่อเราเห็นภัทรยอมเดินออกจากร้านมิเชลิน เพราะดินสอป่วย
เห็นดินสอเดินลุยฝนไปหายาด้วยตัวเอง เพราะภัทรนอนไม่ได้
เราเลยรู้ว่า…

“อาหารจานนี้ แม้ยังไม่ลงตัว
แต่มันคือจานที่ไม่มีใครยอมโยนทิ้ง”



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับเรา
ไม่ใช่แค่ทริปท่องเที่ยวของคนรักกัน
แต่มันคือ
“ครัวเล็ก ๆ” บนรถไฟ บนเรือ บนห้องพัก
ที่คนสองคนค่อย ๆ เรียนรู้ว่า
ความรักไม่ได้เสิร์ฟมาแบบสำเร็จรูป
แต่มันต้องค่อย ๆ ต้ม…คน…แล้วชิม
วันละนิด
โดยไม่ทิ้งกันกลางทาง



“เราเคยล่ามิชลินมาแล้วทั่วโลก
แต่รางวัลเดียวที่เราอยากมอบให้พวกเขา
คือ ‘ดาวหัวใจ’ ที่ได้จากการพยายามกันสุดหัวใจ”



และถ้าครั้งหน้า
ภัทรกับดินสอเปิดครัวของตัวเอง
เราอยากเป็นลูกค้ากลุ่มแรก
ที่สั่งจานพิเศษชื่อว่า

“เรายังรักกันอยู่…แม้บางวันจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม”

– คุณเอิร์ธ & คุณต่าย
คู่รักผู้ไม่เคยรีวิวร้านไหนยาวเท่าความรักของพวกเขาเลยสักครั้ง
49
จดหมายของเจน – ถึงภัทรและดินสอ

(ที่ไม่เคยส่ง…แต่คิดถึงทุกวัน)

ภัทร
ดินสอ

มีหลายครั้งที่เจนอยากพูดกับพวกมึง
แต่ก็ไม่กล้า
เพราะกลัวจะพูดมากไป
หรือพูดผิดเวลา

เจนเลยเลือกจะเขียน

เผื่อวันหนึ่ง…มึงสองคนจะได้อ่านพร้อมกัน

…ในวันที่เข้าใจกันแล้ว



ภัทร
มึงเป็นเพื่อนที่เสียงดังที่สุดเท่าที่เจนเคยรู้จัก
และก็เป็นคนที่ “รักเป็นเสียงดัง” ที่สุดเหมือนกัน

มึงรักดินสอแบบกล้าพูด
แต่บางที…มึงก็ลืมว่า
คนบางคนไม่ได้อยากฟังเสียงดัง
แต่อยากรู้ว่าเสียงในใจมึงมันรู้สึกอะไร

เจนรู้ว่ามึงไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายใคร
โดยเฉพาะดินสอ
แต่เพราะมึงกลัวจะเสียเขาไป
มึงเลยพังทุกอย่างไว้ก่อน
เพราะคิดว่าถ้าเจ็บก่อน…จะได้ไม่เจ็บอีก



ดินสอ
มึงไม่เคยพูดตรง ๆ
แต่เจนเห็นทุกอย่างในสายตามึง
ทุกครั้งที่มึงไม่พูดอะไร
คือมึงพูดกับตัวเองไปแล้วล้านประโยค

มึงปกป้องตัวเองจนคนอื่นนึกว่ามึงเฉย
แต่เจนรู้ว่า มึง “แค่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองพอจะถูกรักไหม”

เจนอยากบอกว่า…
มึงโคตรสมควรถูกรักเลยนะ
โดยเฉพาะจากคนที่ชื่อภัทร
ที่แม่งรักมึงแบบไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนแล้วจริง ๆ



เจนเคยกลัว
ว่าพวกมึงจะไม่รอด

กลัวจะมีวันหนึ่งที่เหลือแค่ความทรงจำ
กลัวจะต้องเล่าเรื่องนี้แบบเศร้า ๆ ว่า

“เคยมีเพื่อนสองคนที่รักกันมาก
แต่สุดท้าย…ก็รักกันไม่ไหว”

แต่วันนี้
เจนไม่กลัวแล้ว

เพราะเจนเห็นแล้วว่า
พวกมึงไม่ได้รักกันแค่ในวันดี ๆ
แต่รักกันแม้ในวันที่ไม่เข้าใจกันเลย



ไม่ต้องขอบคุณเจน
ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น

แค่จับมือกันแน่น ๆ
และอย่าปล่อยกันอีก…ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

แค่นั้นก็พอแล้ว

รักเสมอ
– เจน



บางความรู้สึกไม่ได้พูดออกมา
แต่คนที่รักกัน…จะรู้เองว่า มีใครคอยอยู่ข้างหลังเสมอ

และสำหรับภัทรกับดินสอ
เจนคือ “ข้างหลังนั้น”
ที่ไม่มีวันหายไป.
50
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมของเจน – คนที่ไม่ใช่พระเอก นางเอก แต่เป็น ‘พยานรัก’

“ไม่ต้องเป็นคนที่เขารักที่สุดก็ได้
แค่เป็นคนที่อยู่ตรงนี้เสมอ ตอนเขาไม่แน่ใจในกันและกัน”



เจนเคยคิดว่า ทริปยุโรปจะเป็นแค่การพักผ่อน
แต่พอขึ้นเครื่องบินได้วันเดียว
เจนก็รู้ว่า “คู่นั้นแม่งมีอะไรแน่ ๆ”

ภัทร กับ ดินสอ
เหมือนจังหวะกีตาร์กับเปียโน
ฟังแยก ๆ ก็ดี
แต่พอมาเล่นด้วยกัน…แม่งเสียงเพี้ยนบ่อยมาก
แต่ทุกครั้งที่เพี้ยน — เจนก็เห็นทั้งคู่ “พยายามตั้งจูนกันใหม่”



เจนเป็นเพื่อนของดินสอ
แต่รู้จักภัทรมานาน
และเจนคือคนเดียวที่ดินสอ “ยอมร้องไห้ให้ดู”
ตอนที่โดนภัทรพูดแรง ๆ
เจนไม่ปลอบ ไม่ด่า
แค่ยื่นผ้าเย็นให้
แล้วบอกว่า

“ถ้ามึงจะรักใครที่พูดไม่เพราะ
มึงก็ต้องมั่นใจว่า เขารักมึงมากพอจะ ‘เรียนรู้’ ที่จะพูดดี ๆ กับมึงวันหนึ่ง”



ดินสอเงียบ แต่ไม่เคยไม่รู้สึก
ภัทรพูดเก่ง แต่ไม่เคยรู้ตัวว่ากำลังรุนแรง
เจนเลยกลายเป็นคนกลาง
ที่ต้องยืนดูระเบิดสองลูก
แล้วคอยเก็บเศษทุกครั้งหลังระเบิดจบ



จนวันหนึ่ง…เจนรู้ว่า
ความรักของทั้งคู่ “ต้องถึงจุดวิกฤต”
และเมื่อถึงจุดนั้นจริง ๆ
เจนก็คือคนแรกที่เดินเข้าไปหาทุกคนในแก๊งค์
แล้วพูดว่า

“พวกมึง พวกมันกำลังจะเลิกกันจริง ๆ แล้วนะ
ถ้ายังรักพวกมันอยู่ เราต้องช่วยพวกมันเข้าใจกันให้ได้ก่อนที่จะสายไป”



ทริปเขาใหญ่ไม่ใช่แค่การรวมตัวเที่ยว
แต่มันคือ “สะพาน”
ที่เจนกับพี่พลอย พี่โต ลุงก้อง วางแผนสร้างขึ้น
เพื่อให้ภัทรและดินสอกลับมา “มองหน้ากันใหม่”
โดยไม่ต้องมีคำว่าถูกผิด



เจนไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่เทวดา
แค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่รู้ว่า…
บางความรัก ถ้าไม่ช่วยผลักเบา ๆ
มันอาจหลุดลอยไปจากมืออย่างโง่ ๆ ได้เลย



วันนี้…พวกเขากลับมารักกันอีกครั้ง
ทะเลาะน้อยลง
จับมือบ่อยขึ้น
ยังมีงอนบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะไม่รัก
แค่ยังเรียนรู้กันอยู่ทุกวัน

และเจนก็ยังอยู่
เหมือนเดิม
ไม่พูดมาก
แต่เฝ้ามอง และพร้อมดึงมือทั้งคู่ไว้
ในวันที่ใครคนใดคนหนึ่งอ่อนแรงอีกครั้ง



เยี่ยมแวะวิมานในมุมของเจน คือการได้เห็นคนสองคนเติบโตจากคำว่า ‘แฟน’
มาเป็นคำว่า ‘คนของกันและกัน’
ไม่ต้องโรแมนติก
ไม่ต้องหวือหวา
ขอแค่ทุกวัน…ยังมองหน้ากัน แล้วยิ้มได้
แค่นั้นก็ดีเกินพอแล้วสำหรับความรักนี้



“คนที่เจนรักที่สุด…คือดินสอ
แต่คนที่เจนดีใจที่สุด…คือดินสอกับภัทร
ที่ยังไม่ปล่อยมือกันไป”

– เจน
เพื่อนคนที่ 15 ในทริป 500 ชาติ
ที่ไม่เคยยืนตรงกลาง
แต่ “อยู่ข้าง ๆ เสมอ”
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด