กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 ... 10
21
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้
23
Boy's love story / Re: Love, In Every Lifetime : ตอนที่ 1 (Coming of age, Slice of life, Feel good)
« กระทู้ล่าสุด โดย Milky_Milky_Way เมื่อ 18-04-2025 15:09:53  »
ตอนที่ 1 : วันเปิดเทอม


ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง นับแกะหมดไปเป็นฝูงจนเข็มสั่นของนาฬิกาเลยเลข 2 ไปแล้วเกือบครึ่ง ก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ ... นาฬิกายังเดินไปเรื่อย ๆ ทุกเสียงติ๊กต๊อกยังดังก้องอยู่ในหัว เวลามีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลผมมักจะนอนไม่หลับเสมอ ... ผม มิลค์ ติณสิงห์ สิงหนาฏ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ป้ายแดงที่ตอนนี้กำลังนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงวันเปิดเทอมวันแรกที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง ห้องเรียนใหม่ บรรยากาศใหม่ อาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ และที่สำคัญคือเพื่อนใหม่ แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำทุกปีแต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เล่านี้กลับทำให้ผมไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ มีเพียงที่นึกถึงแล้วพอจะช่วยคลายความกังวลได้นั้นคือเพื่อนสนิทที่ปีนี้เราก็ยังโชคดีได้อยู่ห้องเดียวกันอีกครั้ง

ความคิดของผมถูกตรึงไว้กับความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อนสนิท ยิ่งนึกถึงความรู้สึกก็ยิ่งผ่อนคลาย ชีวิตของผมดำเนินไปอย่างเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวาในขณะที่อีกคนโลดโผนเกินวัย แม้จะแตกต่างแต่เราก็เป็นเพื่อนกันมาถึงทุกวันนี้ ... เปลือกตาค่อยๆ ปิดลง สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหาย ผมเข้าสู่ห่วงนิทรา โดยไม่รู้เลยซักนิดว่าหลังจากวันนี้ชีวิตของผมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ก้าวขาเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่เจอคือจรวดพับกระดาษลอยมาจนเกือบจะทิ่มหน้า ยังดีที่หลบทัน ไม่มีใครสนใจการมาถึงของผม เสียงพูดคุยในห้องยังดังระงม เปิดเทอมวันแรกก็แบบนี้มีเรื่องให้ update ชีวิตกันมากมาย ผมมองซ้ายมองขวาเห็นเพื่อนสนิทยกมือเรียกสุดแขน มันเลือกที่นั่งแถวกลางริมขวา เพราะมันบอกว่าไปศึกษามาแล้วตำแหน่งนี้เป็นต่ำแหน่งที่ครูให้ความสนใจน้อยที่สุด

“กูนั่งไหน” ผมถามเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามัน

“ข้างกูซิวะ กูจองที่ไว้ให้” มันพูดพลางเอื้อมมือมายกกระเป๋าเป้ของตัวเองออกจากโต๊ะข้าง ๆ

“มึงแดกข้าวยัง” ผมถามเมื่อวางกระเป๋านักเรียนลงเก้าอี้ ถือเป็นการเสร็จสิ้นการสร้าง land mark

“ยัง รอมึงเนี่ย กลัวไม่เฝ้าไว้แล้วโดนแย่งที่”

“เออๆ ขอบใจ งั้นไปโรงอาหารกัน”

“รีบเลย กูโคตรหิว” มันลุกขึ้นพร้อมกับกอดคอผมออกจากห้อง

ผมนั่งอยู่กลางโรงอาหาร สลับหน้าที่ในการจองโต๊ะกับเพื่อนสนิท เพราะบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเลยมีเวลาให้กินข้าวเช้าก่อนออกจากบ้าน ส่วนมันที่บ้านอยู่ไกล ทำให้ต้องตื่นเช้าและมาหาข้าวเช้ากินที่โรงเรียนเป็นประจำ ผมมองบรรยากาศโดยรอบ เด็กนักเรียนชายนับร้อยเดินกันให้ควักไขว่ บางโต๊ะก็มีพ่อแม่มานั่งให้กำลังใจเด็กตัวน้อย ไม่นานมันก็เดินกลับมา มือหนึ่งถือจานข้าว อีกมือถือแก้วน้ำมา 2 ใบ

“ของมึง” แก้วน้ำอัดลมสีดำถูกเลื่อนมาวางไว้ตรงหน้า

“ขอบใจ” มันไหวไหล่แบบไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว

ไอ้นี้ชื่อ “บอน” เพื่อนสนิทที่สุดของผม รู้จักกันมาตั้งแต่ ป.5 อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือเวรกรรมที่ทำร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ทำผมกับมันได้อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

“มึงสูงขึ้น?” ผมถามในขณะที่เรา 2 คนเดินกลับมาจากโรงอาหาร

“มึงเตี้ยลง?”

“กวนตีน” มันสูงขึ้นจริงๆ ก่อนปิดเทอมเรายังตัวใกล้กัน แต่ตอนนี้มันสูงเกินผมไปแล้ว

“มึง ... ใครวะ” เรา 2 คนหยุดอยู่หน้าประตู เพื่อนสนิทกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างของผม คิ้วหนาของมันขมวดเป็นปม เพราะที่นั่งด้านหลังของผมถูกจับจองโดยใครซักคนที่เราไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า

“ขึ้นมาพร้อมกัน มึงไม่รู้ แล้วกูจะรู้ไหม”

“เอ้า!!! ถามดีๆ กวนตีนกูอีก” มือใหญ่ๆ ผลักหัวผมเป็นเชิงหยอกล้อ

“กูกวนตรงไหน อยากรู้ก็ถามซิวะ ...”

“... หวัดดี นายชื่ออะไร เราชื่อมิลค์ นี่บอน” ผมหันหลังกลับไปถามทันทีที่หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ เห็นจากหางตาว่าไอ้บอนเดิมมาหยุดอยู่ข้างๆ

“เราจี ... พูดกูมึงได้นะ พูดสุภาพแล้วกูไม่ค่อยชิน 555”

“กูก็ไม่ชิน...” ผมตอบรับพร้อมกับเปิดบทสนทนา

“... มึงมาจากห้องไหนอะ”

“ห้อง 15”

“มาคนเดียวเลยเหรอ”

“เปล่าๆ มาหลายคนแต่ไม่ค่อยสนิท ...” จีตอบพลางมองซ้ายขวา

“... ไอ้นั้นก็มาจากห้อง 15 ชื่อแอมป์” ผมมองตามที่ปลายนิ้วชี้ของจี แอมป์มองกลับมาที่พวกผม คิ้วหนายกสูง ทำหน้าไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ก็ตกเป็นเป้าสายตาของพวกเราทั้ง 3 คน



...



เปิดเทอมได้ไม่นานก็เริ่มมีงานกลุ่ม วิชาไหนจับกลุ่ม 2 คน ผมก็จะคู่กับบอน แต่ถ้ากลุ่ม 3 คนก็จะเป็นผม บอน และจี ชีวิต ม.2 ไม่มีอะไรแตกต่างจากปีที่แล้ว เรียน เล่น ทำการบ้านวนเวียนไปเป็นวัฏจักร

“ไอ้บอน มึงจะหนีไปไหน” มันชะงักเท้าทันทีที่ผมตะโกนถาม ร่างสูงค่อยๆ หันมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างราวกับเด็กน้อยที่โดนจับได้ว่าแอบไปทำอะไรผิดมา

“เอออออออออออ กู ... คือออออออออออ กู” มันอ่ำๆ อึ้งๆ เหมือนจะพูดอะไรแล้วก็กลืนกลับลงคอไป

“มึงจะโดดไปหาสาวใช่ไหม” ผมหรี่ตามองอย่างรู้ทัน

“เอ่อน่า กูนัดจุ๊กจิ๊กไว้”

“แต่บ่ายนี้เรานัดกันทำงานกลุ่มนะเว้ย” ผมแย้ง วันนี้วันเสาร์พวกเรามีเรียนพิเศษเสริมกันที่โรงเรียนแค่ครึ่งวันเช้า บ่ายไหนว่างก็ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง แต่ถ้าต้องทำการบ้านบ่ายวันเสาร์ก็เป็นเวลาที่ดีเพราะสามารถทำได้ไปถึงช่วงเย็น และถ้าไม่เสร็จก็นัดกันวันอาทิตย์ต่อได้

“ก็ ... กูไปก่อนนะ” พูดจบมันก็วิ่งออกจากห้อง

“ไอ้เหี้ย!!! #$*#@><*&&$###@!!!” ผมสาดคำผรุดสวาทตามหลังเพื่อนสนิท แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ฟังก็ตาม

“ฮ่าๆๆ”

“ขำไรวะ” ผมถามจีที่ขำไปพลางเก็บของเข้าเป้ไป

“กูเห็นมันลุกลี้ลุกลนตั้งแต่ก่อนหมดคาบ นึกอยู่แล้วว่ามันต้องชิ่ง ... ปะ ไปกินข้าวกัน”

“เออ แม่ง กินแรงชิบหาย ครั้งก่อนโน้นก็หนี” ผมพูดพรางคว้ากระเป๋าตามจีไปโรงอาหาร

โรงอาหารหลังเลิกเรียนวันเสาร์ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ แต่ร้านค้าก็เปิดขายไม่ถึงครึ่ง โรงเรียนผมมีนักเรียนตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 รวมๆ กันก็น่าจะหลายพันคน เรียนพิเศษวันเสาร์จะมีเฉพาะ ป.1-ม.3 แล้วก็ไม่ได้บังคับเรียน คนเลยหายไปเกินครึ่ง

“มึงกินเหมือนเดิมปะ” จีถาม

“เหมือนเดิม”

“งั้นกูไปซื้อข้าว เดียวมึงไปซื้อน้ำ”

“เอางั้น?”

“เออ จะได้ไม่เสียเวลา”



“กินน้ำเปล่า ไม่เบื่อเหรอวะ” ผมถามจีพลางตักข้าวเข้าปาก

“ไม่นะ ก็ปกตินิ แล้วมึงกินแต่น้ำอัดลมไม่เบื่อเหรอวะ”

“ก็ไม่ มันหวานๆ ซ่าๆ ... ทำไมมึงกินแต่น้ำเปล่า กูไม่เคยเห็นมึงกินน้ำอัดลม น้ำหวานมึงก็ไม่กิน”

“ไม่รู้วะ น่าจะติดมาจากที่บ้านมั้ง ที่บ้านกูไม่มีใครกินน้ำหวานหรือน้ำอัดเลย กินแต่น้ำเปล่า ...” เชี่ย!!! Healthy ไปไหนวะ

“ไข่ดาวไม่สุกนี้ก็ติดมาจากที่บ้านด้วยเปล่า” ผมเหลือบตามองไข่แดงสีส้มเยิ้มๆ บนจานข้าวของจี นอกจากกินแต่น้ำเปล่านี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่จีชอบกินมากคือไข่ดาว กินทุกมื้อ อย่างน้อยก็มื้อกลางวัน และจะต้องเป็นไข่ดาวที่ไข่แดงไม่สุกเท่านั้น ถ้าสุกมันไม่กิน ต่างจากกับผมที่กินได้หมดทั้งสุกและไม่สุก

“อืม ... มึงก็น่าจะลองดูบ้าง”

“เออๆ ไว้จะลอง”

“ไอ้เหี้ยบอนนี้ก็เจ้าชู้เหมือนกันนะ ครั้งก่อนกูจำได้ว่าไม่ได้ชื่อจุ๊กจิ๊ก รวมถึงเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ด้วย”

“เออ มันแรดไง สงสัยจะเป็นเอดส์ตายเข้าซักวัน ป้องกันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“มึงพูดจริงดิ ... ไหนๆ เล่าให้กูฟังดิ” คนตรงหน้าทำตาโตเท่าไข่ห่าน จานข้าวที่กินใกล้จะหมดถูกเลื่อนไปวางไว้ด้านข้าง ในขณะที่ผมที่กินได้ไม่ถึงครึ่งเลยตัดสินใจกินไปพูดไป

“กูจะไปรู้รายละเอียดได้ยังไง ไม่ได้แอบอยู่ใต้เตียงมันซักหน่อย”

“มันไม่เคยเล่าให้มึงฟังเหรอ”

“ก็เล่าบ้าง แต่ไม่ได้ละเอียด ส่วนมากก็บอกแค่ว่าได้กันแล้ว”

“พอได้แล้วมันก็เลิกแบบนั้นปะ”

“ก็ไม่ถึงขนาดฟันแล้วทิ้งหรือ one night stand หรอก … มันเป็นคนขี้เบื่อมากกว่า มันเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่รู้สึกใจเต้นเวลาอยู่กับเขาแล้วมันก็เลิก”

“เชี่ยยยยยยย ... idol สาสสสสสสสส”

“...” ผมขมวดคิ้ว แม้เราจะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่ผมกับจียังไม่ได้สนิทกันถึงขนาดพูดเรื่องใต้ร่มผ้ากัน เหมือนผมกับบอน

“เปล่าๆ อย่าเข้าใจกูผิด กูไม่ใช่คนแบบนั้น ...”

“... ไม่ใช้จริงๆ แฟนกูยังไม่เคยมีเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” มันรีบอธิบายเมื่อถูกผมหรี่ตามอง

“เออ กูก็ไม่ได้ว่าอะไร แกล้งมึงไปงั้น” ผมละความสนใจจากจีแล้วกลับมากินข้าวต่อ

“แล้วมึงละ มีแฟนยัง”

“ฮึ ยังอะ ยังไม่เคยมีแฟนเลย” ผมพูดพลางส่ายหัว

“เดียวเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ ก็มีเองแหละเนอะ” พูดกัน 2 คนก็เออออกันเอง 2 คน


“มึง ตรงนี้เอาไวดีวะ” ผมใช้ข้อศอกสะกิดจีที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเราย้ายมาทำงานที่ห้องสมุดเนื่องจากเป็นสถานที่เดียวในโรงเรียนที่มีคอมให้ใช้ทำงานได้

“ไหนวะ ...” จียื่นหน้าเข้ามา

“... กูว่ามันเอาเนื้อหาตรงนี้มาต่อได้นะ ...” มันพูดพลางหันไปลื้อกองหนังสือที่วางอยู่ข้างๆ

“... อะ อันนี้ แล้วก็ต่อด้วยเล่มนี้ เล่มนี้ และเล่มนี้ กูคั่นหน้าไว้ให้หมดแล้ว” ผมรับหนังสือที่จีส่งมาให้รัวๆ ยอมรับตามตรงว่าชีวิตผมดีขึ้นมากเมื่อมีจีมาเป็นสมาชิกในกลุ่ม หลังจากรู้จักกันได้ไม่นานผมก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นคนฉลาดแล้วก็ตั้งใจเรียนมาก สอบ midterm ที่ผ่านมาจีได้คะแนนอันดับ 2 รองจากแอมป์ ตอนนี้งานกลุ่มเดินหน้าเร็วมาก ถ้าเป็นสมัยที่ผมกับไอ้บอนทำกัน 2 คน ไม่ต่างอะไรกับเรือวนอยู่ในอ่าง หรือบางครั้งอาจจะเหลือมผมอยู่คนเดียวที่วนอยู่ในอ่าง แต่ตอนนี้บอกเลยว่าไม่ได้สัมผัสเหตุการณ์แบบนั้นมานานมาก พูดได้เต็มปากเลยว่าจีคือ “เดอะแบก” ของกลุ่มที่แท้จริง

ปลายนิ้วของผมเคาะลงบนแป้น keyboard ตามประโยคที่จีบอกทุกกระเบียนนิ้ว เราทำงาน หยุดพัก แล้วก็กลับมาทำงาน รู้ตัวอีกทีบรรณารักษ์ก็เดินมาบอกว่าห้องสมุดจะปิดในอีก 15 นาที

“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง ... เก็บไว้ให้ไอ้บอนมันทำบ้าง”

“พวกมึงงงงงง” โคตรเฮี้ยน พูดถึงมันก็โผล่หัวมา

“ไอ้เหี้ย มาได้เวลาพอดีเลิกเลยนะ ... เป็นไง สบายกายสบายใจเลยซิ ... อิ่มเลยไหมมึง ...”

“... กินแรงพวกกูมาตั้งแต่กลางวันเนี่ย” ยิ่งเห็นหน้ามันแล้วก็ยิ่งหมั่นใส้ มีความสุขมาซิมึง

“โห้ยยยยย มิลค์ ...” โหยหวนอย่างกับผีเปรตขอส่วนบุญ ไม่ได้เข้ากับรูปร่างสูงใหญ่ของมันเลยแม้แต่น้อย

“... อย่าพูดแบบนั้น กูก็รู้สึกผิดถึงได้ซื้อขนมมาฝากพวงมึงไง” มันยื่นถึงขนมมาให้ผมกับจีคนละถุง

“ขอบใจมึง” จีสะดุ้งทันทีที่พูดประโยคนี้จบเพราะถูกผมตวัดสายตามองแรง ไอ้นี้ก็คนดีเกิน โดนกินแรงกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่เคยบ่น

“มึงคิดว่ากูซื้อได้ด้วยขนมเหรอ ... ไอ้บอน กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่แดกรสสตอเบอร์รี่ มึงเห็นกูเป็นน้องจุ๊กจิ๊กของมึงหรือไง”

“สตอร์เบอร์รี่ก็เข้ากับหน้าแบ๊วๆ ของมึงอยู่นะ ... หรือไม่ก็เข้ากับนิสัยสตอเบอร์รี่ของมึง” มันต่อล้อต่อเถียงด้วยสีหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างขั้นสุด

“ไอ้เหี้ยบอน ... นอกจากนิสัยเหี้ย กินแรงคนอื่น แล้วยังปากหมาอีก ... กูขอให้มึงได้กับผู้ชาย เออใช่กูขอให้มึงได้กับอีชาช่า”

"ชาช่าห้อง 26 ชอบบอนเหรอ” จะบอกว่านอกการเรียนเก่งแล้ว จียังเม้าท์เก่งอีกต่างหาก พอได้ยินประโยคเมื่อครู่คนข้างตัวถึงกับหูตั้งเลยทีเดียว

“ใช่ ชอบมากกกกก มันมาติดสินบนกู อืมมมมม #$$$$######%&” พูดไม่ทันจบประโยค มือหนาของไอ้บอนก็เอื่อมมาอุดปากผมไว้ อย่าให้เรา 2 คนได้เผ่ากันเลย รับรองว่าศพไม่สวยทั้งคู่

“แล้วนี้พวกมึงจะกลับเลยหรือเปล่า” มันถามหลังจากที่แกล้งผมจนพอใจ

“กลับเลย ... อันนี้ของมึง แก้คำผิด จัดรู้หน้า ทำปก แล้วก็ print … งานถนัดมึงไม่ใช้เหรอทำหน้าปก” ผมยื่นแผ่น floppy disc สีดำให้มัน

“บ่นจังวะ เป็นเมียกูหรือไง” มันทำหน้ามุ้ยแล้วก็ดึง floppy disc ออกจากมือผม

“ใครจะเอามึงลง ... แล้วมึงกลับไง” แค่คิดก็สยองจนต้องเก็บไปฝันร้ายแล้ว

“เดียวรอรถที่บ้าน ... แล้วพวกมึงกลับด้วยกันเหมือนเดิมปะ”

“เออ เดียวกลับ taxi” ไอ้บอนมีคนขับรถคอยรับคอยส่ง จริงๆ แล้วเหตผลที่มันกลับมาโรงเรียนไม่ใช้เพราะเป็นคนดีเอาขนมมาให้พวกผมหรอกแต่มันกลับมารอคนขับรถเพราะถ้าไปรับมันที่อื่น ป๊าม้าจะรู้ทันทีว่าลูกชายตัวแสบหนีเที่ยว

หลังจากแยกย้าย ผมกับจีเดินออกไปเรียก taxi หน้าโรงเรียน ถ้าวันไหนกลับพร้อมกันเรากลับ taxi คันเดียวกันเพราะบ้านเรา 2 คนอยู่ใกล้กัน ขากลับก็ขอให้พี่ taxi ส่งจีลงก่อนแล้วก็ขับเลยมาส่งผม



.. 'G'

“ว่าไงมึง” ผมรับสายเพื่อนที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อ 20 นาทีก่อน

“ถึงบ้านยัง”

“ถึงแล้วมีไรเปล่า”

“เปล่า แค่โทรถามว่าถึงยัง”

“เออมึง ติวหนังสือให้กูหน่อยดิ กูอยากเก่งเหมือนมึงบ้าง” ว่าจะถามตั้งแต่บ่ายแล้วแต่ก็ลืม

“ได้นะ แต่กูก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น”

“ไม่เป็นไร ขอแค่ให้กูเก่งกว่านี้กูก็โอเคแล้ว ติวทุกวันเสาร์หลังเลิกเรียนพิเศษได้ปะ”

“เอาดี นี่มึงชวนไอ้บอนยัง”

“ยังๆ นี่กูคุยอยู่กับมันอีกสาย เดียวเชื่อมสายแป๊บ...”

“...บอน กูขอให้จีติวหนังสือให้ บ่ายวันเสาร์ มึงมาติวด้วยกันนะ”

“เออได้ ตามนั้น เริ่มเมื่อไหร่”

“เสาร์หน้าก็ได้” จีตอบ

“ตามนั้น แยกย้ายนะมึง เหนื่อยแหละ” ผมตัดบทเพราะว่าเหนื่อยมาก อยากอาบน้ำ กินข้าว เล่นเกม แล้วก็นอน
24
Boy's love story / Love, In Every Lifetime : แนะนำตัวละคร
« กระทู้ล่าสุด โดย Milky_Milky_Way เมื่อ 18-04-2025 10:59:31  »
แนะนำตัวละคร
25
Boy's love story / Love, In Every Lifetime : ตอนที่ 3 : รักแรก
« กระทู้ล่าสุด โดย Milky_Milky_Way เมื่อ 18-04-2025 10:37:04  »
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


แนะนำนิยาย

เขาเคยเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็ก
เคยเป็นความรักในวัยเรียน
และสุดท้าย... กลายเป็นคนแปลกหน้า
กลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีใครกล้าเปิดดู

แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ชื่อของเขาก็ยังซ้อนอยู่ในหัวใจของผมเสมอ

นี่ไม่ใช่แค่นิยาย
แต่มันคือบันทึกของความรัก
ที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงในทุกช่วงของชีวิต

จากเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ในวันนั้น
งอกงาม... เติบโต
และกลายเป็นต้นไม้ใหญ่
แข็งแรงพอจะต้านลมพายุ

เพราะบางครั้ง
เราอาจต้องใช้ทั้งชีวิต
เพื่อเฝ้ารอใครสักคน
...คนที่เป็น ‘รักเดียว’
ในหัวใจเสมอมา

Love, In Every Lifetime
นิยายที่จะพาคุณย้อนกลับไป
พบ "รักเดียว" ของคุณเอง
26
Boy's love story / Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.15 Enigma (17/04/25)
« กระทู้ล่าสุด โดย Nattie69 เมื่อ 17-04-2025 20:07:09  »
 :z1: :pighaun:
27

“คิดไว้แล้วเชียว” คำพูดที่ทำให้หนึ่งคนที่เปิดประตูลงจากรถยนต์ของตัวเอง กับอีกสองคนที่ลงมาจากเบาะด้านหลังของรถแท็กซี่ ต้องหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน ทั้งสามคนเดินมารวมกลุ่มกัน “เดี๋ยวพ่อกลับครับ พ่อมาดูพี่รินก่อน หนูเข้านอนกับแม่ก่อนได้เลย ดึกมากแล้ว” หนึ่งในสามคนนั้น พูดกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองกลับไปที่ปลายสาย ก่อนที่ปลายสายจะบอกกลับมาเช่นกันว่า “พี่ ช่วยบอกรินด้วยนะ ว่าอย่าคิดมาก” เขาตอบรับไปเบา ๆ เมื่อได้ยินภรรยาบอกมาแบบนั้น ก่อนจะกดวางสายไป

“ก็เผื่อหมวดรินเมามาก จะได้พากลับบ้าน” ซี โค้ดที่ใช้เป็นชื่อเรียกระหว่างกัน ในการปฏิบัติการพูดขึ้น เมื่อรู้ตัวเองดีว่า ถ้าหากจะต้องเป็นใครสักคน ที่ต้องกลับมาช่วยหมวดรินแล้วล่ะก็ มันก็ต้องเป็นตัวเขานี่แหละ ที่ได้รับความช่วยเหลือในเรื่องหน้าที่การงาน รวมทั้งครอบครัวที่ได้รับน้ำใจจากหมวดริน โดยเฉพาะหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวตัวน้อยของเขา ที่ทางเมียของซีเอง ยังเคยพูดกับเขาบ่อย ๆ ว่า เธอสำนึกในบุญคุณของหมวดรินเสมอ

“ก็ไม่ใช่ว่าป่านนี้เมาพับไปแล้วหรือ” เอ พูดด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้ว่าหมวดริน เวลาดื่มเพื่อสังสรรค์เฮฮา ผู้หมวดก็ขึ้นชื่อว่าไม่เบาเช่นกัน “หรือว่าอาจจะกลับไปแล้วก็ได้นะ” บีที่มองไปที่ทางเข้าด้านหน้าร้าน แต่เห็นว่าตอนนี้ไฟในร้านดับอยู่ และบริเวณรอบ ๆ ก็มืดสนิท “เข้าไปดูก่อน” ทั้งสามคนตัดสินใจที่จะดูให้แน่ชัด ว่าหมวดรินนั้น ตอนนี้ไม่ได้ล้มพับฟุบหลับไปกับพื้นที่มุมไหนสักแห่งของร้าน

“เฮ้ย” ซีร้องออกมา “เดี๋ยว อย่าเพิ่งเดินเข้าไป” ไม่พูดเปล่า แต่ว่าชี้นิ้วไปที่ร่างของใครสักคนที่นอนอยู่ตรงทางเข้าร้าน ทั้งสามคนมองหน้ากัน พูดว่าถ้าหากเป็นหมวดรินที่นอนหลับคาทางเดินแบบนั้น จะถือว่า ผู้หมวดนั้นทำเลยเถิดเกินลิมิตไปมากกว่าที่ควรจะเป็นจริง ๆ และมันจะไม่ใช่ผลดีใด ๆ เลยต่อตัวหมวดริน หากว่ามีใครมาเจอหมวดในสภาพแบบนี้

“ใครวะ” ทั้งสามคนเดินเข้าไปดูใครคนนั้นที่นอนอยู่บนทางเท้า “หมวดรินจะเมามากยังไง ก็ไม่เคยที่จะ” ก่อนจะโล่งใจเมื่อพบว่า นั่นไม่ใช่ผู้หมวดรินผู้เป็นหัวหน้าทีมของพวกเขา แต่จากความโล่งอกนั้น กลายเป็นความตกใจแทน บี ด้วยความระมัดระวัง ย่อตัวลงที่ข้าง ๆ คนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองเอและซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่ตรงทางเดินนั้นเป็นใคร

“นี่มันไอ้หนุ่มฝรั่งเศสคนนั้นนี่” ทั้งสามคนจำได้ในทันทีที่ได้เห็นใบหน้านั้น “โทรเรียกรถพยาบาล” บีบอกเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน เมื่อเขาสังเกตเห็นรอยเปื้อนสีแดงคล้ำเป็นวงกว้างที่ท้องของหนุ่มฝรั่งเศส คนที่เดินตามหมวดรินมาที่บาร์ในคืนวันนั้น “ยังมีชีพจรอยู่” บีบอกเอและซี เมื่อใช้นิ้วแตะลงที่ต้นคอของหนุ่มฝรั่งเศส เพื่อคลำหาสัญญาณชีพ ซีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรหาหน่วยกู้ชีพในทันที

“เอ เรียกกำลังเสริมด่วน” บีบอกเพื่อนร่วมทีม ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน มองไปที่ประตูร้านที่เปิดทิ้งเอาไว้ เอโทรเรียกกำลังเสริม ก่อนจะเดินมารวมกลุ่มกับบีและซี มองหน้ากันแล้วส่งซิกแบบรู้ใจกันในทีม เอค่อย ๆ ปลดซองปืนที่เหน็บอยู่ที่ข้างเอว ก่อนจะก้าวเท้ายาว ๆ แบบเงียบกริบ ข้ามไปอยู่ที่อีกฝั่งด้านข้างประตูทางเข้าร้าน เอมองมาที่บีที่ถือปืนพร้อมอยู่ในมือ ที่อีกฝั่งของประตูร้าน โดยมีซี ยืนคุ้มกันอยู่ทางด้านหลัง เอพยักหน้าให้กับอีกสองคน

“นี่ทีมสืบสวน มีใครอยู่ด้านในร้านมั้ย” เอตะโกนถาม ยื่นหน้าเข้าไปดูในตัวร้าน ก่อนจะถอยกลับออกมา “หมวดริน” เอตะโกนเรียกออกไปอีกครั้ง “หมวดระรินอยู่ในร้านมั้ย” ทั้งสามคนสบตากับแบบไม่ปิดบังว่า ทั้งหมดกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับเจ้าของชื่อ ด้วยความคิดที่เริ่มจะเพิ่มความตระหนกให้กับทุกคนแบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ดังออกมา แม้ว่าทั้งสามคนจะเงียบเสียงเพื่อเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในร้านแล้วก็ตาม

ทั้งสามคนตัดสินใจที่จะเข้าไปตรวจสอบภายในร้าน ทุกอย่างดูเงียบเชียบในความมืดทั่วทั้งร้านนั้น จนกระทั่งเอ ได้กดเปิดสวิตช์ไฟ ทั้งร้านสว่างขึ้นในทันที แต่ก็ไม่มีวี่แววของใครเลยสักคน ทั้งสามคนมองเห็นแก้วเหล้าวางอยู่บนเคาน์เตอร์ และจำได้ว่าเมื่อตอนที่บอกลาหมวดระรินเพื่อจะกลับกันก่อน หมวดระรินเริ่มนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ตรงนี้ เอพยักหน้าให้บีเดินเข้าไปดูห้องเก็บของด้านหลังบาร์เหล้านั่น

“เฮ้ย มาดูนี่สิ” เสียงของบีเรียกเพื่อนอีกสองคนให้เดินตามเข้ามาดู ภายในห้องไม่มีใครอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ร่องรอยของการต่อสู้ที่อยู่ในห้องนี้ ทั้งสามคนเห็นตรงกันว่า มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม เพราะโต๊ะกลางห้องที่ล้มลง เศษแก้วแตกจากอุปกรณ์ของทางหน่วยสืบสวนที่จะส่งเจ้าหน้าที่มารับกลับคืนพรุ่งนี้เช้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่หมวดระรินจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ มันไม่ใช่นิสัยของหมวดรินที่ทั้งสามคนรู้จักเลยสักนิด

“นี่ที่ตรงขอบโต๊ะ นั่นมันเลือดใช่มั้ย” ซีที่เปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ ส่องไปที่จุดต้องสงสัยถามเพื่อน เมื่อรอยคราบนั้นมันดูชัดเจนและคุ้นตาในรายละเอียดจากความรู้สึก “แกสองคนว่า มันเหมือนรอยนิ้วมือมั้ยวะ” ซีถามต่อขึ้นอีก เมื่อก้มลงมองใกล้ ๆ รอยเปื้อนนั้น “เนี่ย” ซีระมัดระวัง ตอนที่ทำท่าเอานิ้วโป้งปาดข้างบนเหนือรอยคราบสีแดงนั้น ด้วยประสบการณ์ที่เคยเห็นร่องรอยต่าง ๆ ในสถานที่เกิดเหตุมามากพอสมควร

“หมวดรินไม่รับสาย” บีบอกให้เพื่อนรับรู้ เมื่อเจ้าของเบอร์ที่โทรหาไม่ตอบรับ หรือโทรกลับมาด่า เมื่อถูกโทรตามหลายรอบแบบนั้น “เมาหลับไปแล้วหรือเปล่า คือ กลับถึงห้องก็ฟุบบนที่นอนไปเลย” เอให้ความเห็น “ก็แบบว่า คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ไง” เอเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป ดูจะห่างไกลจากความเป็นผู้หมวดระรินที่พวกเขาทั้งสามคนรู้จัก เพราะรายนั้น ต่อให้เมาหรือเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม หากโดนโทรตามแบบนั้นแล้ว ผู้หมวดรินรับสายทุกครั้ง

“เอาไง” ทั้งสามคนปรึกษากัน “โทรเรียกพิสูจน์หลักฐาน” เสียงของรถหน่วยกู้ชีพใกล้เข้ามา “ฝรั่งนั่นโดนทำร้ายเห็น ๆ และคราบบนโต๊ะนี่อีก” ซีไม่รอช้า ยกมือถือขึ้นกดเบอร์หัวหน้าหน่วยเก็บหลักฐานทันที เพื่อเล่าสถานการณ์ให้ฟัง ว่าอาจจะมีเคสการถูกทำร้ายของเจ้าหน้าที่ เพราะมีนักท่องเที่ยวถูกทำร้าย นอนหมดสติอยู่ที่ด้านหน้าของที่เกิดเหตุด้วย ทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกว่า นี่มันอาจจะร้ายแรงกว่าที่คิดแล้วก็ได้

“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน” ซีร้องห้ามเพื่อนร่วมทีม เมื่อเห็นบีกำลังจะเดินออกไปด้านนอก แล้วจะเหยียบลงไปบนเศษผ้าอะไรบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้น บีขยับก้าวถอยหลัง เอส่องไฟจากโทรศัพท์มือถือให้เพื่อน ซีหยิบเอาถุงมือยางจากตรงกล่องเครื่องมือบนเคาน์เตอร์เครื่องมือมาสวม “คิดว่าเป็นอะไร” ซีถามเพื่อน เมื่อหยิบเอาเศษผ้าชิ้นนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ “ลายอะไรวะ” บีมองซ้ายมองขวาบนเศษผ้านั้น

“มันดูเหมือน” เอพูด ขมวดคิ้ว ย่นตา ด้วยความรู้สึกว่าคลับคล้ายคลับคลา เหมือนว่าเคยเห็นมันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง “ไม่ใช่ชุดที่หมวดรินใส่” ทั้งสามยืนยันตามนั้น ว่านี่ไม่ใช่ลายผ้า ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชุดนางโชว์ที่หมวดรินสวมในคืนนี้ “แต่เคยเห็นมันมาก่อนแน่ ๆ” เอยืนยัน ก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนที่คุ้นหูเป็นอย่างมาก โหวกเหวกโวยวายกับหน่วยกู้ชีพที่ด้านนอกนั่น

“ใครเป็นคนเรียกมากันเนี่ย แล้วมากันอะไรขนาดนี้” ผู้กองอติขึ้นเสียงเอากับหน่วยกู้ชีพ ที่เพิ่งตรวจหนุ่มชาวฝรั่งเศสคนนั้น และกำลังนำตัวขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาล “พวกผมเองครับ” ทั้งสามคนที่กรูกันออกมาจากห้องด้านหลังบาร์เหล้า และเป็นเอที่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผู้กองอติได้ทราบ “ผมเห็นพวกคุณกลับไปแล้วนี่” ผู้กองอติมองหน้าของทั้งสามคนอย่างสำรวจตรวจตรา

“แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ผู้กองอติคั้นเอาคำตอบจากทั้งสามคน “คือพวกเราคิดว่า เผื่อจะช่วยอะไรหมวดรินได้ คือ หากว่าหมวดรินเมามากคืนนี้ครับ” เอที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดบอกกับผู้กองอติไป “แต่พอมาถึงก็เจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ผมจำได้ว่า เคยเจอเมื่อคืนก่อนกับหมวดระรินที่นี่ ถูกทำร้ายร่างกายและอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ ก็เลยโทรเรียกหน่วยกู้ชีพ และก็รายงานหัวหน้าหน่วยพิสูจน์หลักฐาน” พูดมาถึงตรงนี้ ผู้กองอติก็มีท่าทีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ว่าทีมสืบสวนจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไม

“แต่เราคิดว่า มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่นะครับ” บีรีบบอกไปถึงร่องรอยการต่อสู้ รวมทั้งคราบบนขอบโต๊ะ ที่คิดว่าจะเป็นรอยเลือด อีกทั้งผู้หมวดรินไม่เคยไม่รับสายโทรศัพท์เมื่อมีคนโทรหา และก่อนที่บีจะพูดถึงชิ้นผ้าที่พบอยู่บนพื้น บีนั้นเห็นซีที่ยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลังสุด ห่างจากการสังเกตของผู้กองอติ ที่ปกติแล้วจะรายงานทุกอย่างให้ผู้กองได้รับทราบ ค่อย ๆ เอามือที่ถือเศษผ้านั้น ใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

“แล้วนั่นจะสวมถุงมือยางทำไม ต้องรอทีมพิสูจน์หลักฐาน พวกนิติเวชก่อนไม่ใช่หรือไง” ผู้กองอติถามซี ที่ทำหน้ายิ้มออกมาเจื่อน ๆ “ครับ ทราบครับ” ก่อนจะค่อย ๆ ถอดถุงมือนั้นออก แล้วสบตาเอกับบีที่ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน “อย่าทำอะไรเกินหน้าที่ทีมสืบ” ผู้กองอติพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งเป็นการบอกทั้งสามคนเป็นนัยว่า สิ่งที่ผู้กองอติเห็นอยู่นี้ ไม่ได้ทำให้เขาปลาบปลื้มเสียเท่าไหร่นัก

“โดยเฉพาะพวกคุณที่ยังเป็นพวกหน้าใหม่ ไม่ได้มีความรู้ความสามารถอะไรเทียบกับผมได้ เด็กใหม่ ๆ กระดูกอ่อนอย่างพวกคุณต้องรู้เอาไว้ นี่แค่พวกคุณไม่รายงานผม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาก่อนที่พวกคุณจะเที่ยวไปโทรหาใครต่อใคร จนวุ่นวายไปหมดแบบนี้ คือมันข้ามหัวผมไป ข้ามหน้าข้ามตาผม ที่เพิ่งออกคำสั่งเอาไว้ ให้พวกคุณรายงานตรงมาที่ผม แล้วผมไม่สั่งลงโทษพวกคุณก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เอที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่บ่าของเขาอย่างจงใจ เมื่อผู้กองอติวางมือลงมา

“ไม่มีใครที่เข้าไปด้านในห้องนั้นใช่มั้ย” เสียงของทีมพิสูจน์หลักฐานดังขึ้นทันทีที่เดินทางมาถึง “ไม่มีครับ นอกจากพวกผมสามคน” เอตอบกลับหน่วยพิสูจน์หลักฐานไป ผู้กองอติที่ไม่สามารถขวางการทำงานของทีมพิสูจน์หลักฐานได้ ก็ทำได้แค่พูดว่า “ได้ความอะไรรีบแจ้งผมทันทีนะ มีอะไรอีกมั้ยที่ผมยังไม่รู้ เกี่ยวกับเรื่องนี้” ผู้กองอติจ้องไปทางทีมสืบสวน ที่ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมออกไปแต่อย่างใด

“โอเคครับ งั้นผมขอให้ทุกคนออกไปจากตรงนี้ก่อน” หัวหน้าทีมเก็บหลักฐานจากที่เกิดเหตุบอกกับผู้กองอติและทีมสืบสวน “เดี๋ยวเก็บหลักฐานตรงหน้าบาร์นะ แก้ว ขวด ทุกอย่างบนหน้าบาร์นั้น เก็บไปให้หมด” หัวหน้าทีมเก็บหลักฐานบอกกับลูกน้อง “เดี๋ยวผมจะเข้าไปด้านในห้องเอง” ซีที่กำลังเดินตามเพื่อในทีม เพื่อออกไปนอกร้าน ดูลังเลเดินช้ากว่าทุกคน เมื่อพยายามสบตากับหัวหน้าหน่วยพิสูจน์หลักฐาน

“มีอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าทีมเก็บหลักฐานที่เห็นซี เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา ถามขึ้น แต่ซีที่หันไปมองทางเอและบี แต่เห็นผู้กองอติที่ยังยืนอยู่ไม่ไกลพอ และคงจะได้ยินอย่างแน่นอน หากว่าซีพูดบอกอะไรกับหัวหน้าทีมพิสูจน์หลักฐานออกไป ทั้ง ๆ ที่หากว่าผู้กองอติรู้เรื่องนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่อะไรบางอย่างบอกกับซีในความรู้สึกว่า เขาควรจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับก่อนในตอนนี้

“ไม่นึกว่าแกจะทำแบบนั้น” ทั้งสามคนทีมสอบสวนเดินกลับมาขึ้นรถ ก่อนจะเริ่มบทสนทนาระหว่างกัน “ไม่รู้ว่ะ” ซีพูดขึ้น มันรู้สึกอะไรแปลก ๆ” ซีบอกเพื่อนร่วมทีมสืบสวนออกไปตรง ๆ โดยที่เศษผ้าผืนนั้นที่ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา “และตอนนี้คิดออกแล้ว ว่าผ้าชิ้นนี้มันคืออะไร” ซีบอกเพื่อนทั้งสองคนออกไป ว่าเขาจำมันได้จากที่ไหน “โทรหาหมวดรินอีกทีซิ” บีบอกเพื่อนร่วมทีม เอทำตามในทันที แต่ก่อนจะพบว่า ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของหมวดรินที่ก่อนหน้ายังคงมีเสียงว่าสายว่างแต่ไม่มีคนรับ มาตอนนี้กลายเป็นเสียงที่ตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความในทันที

**********************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA

Baba O' Riley (CSI: New York Theme Song) - The Who

https://www.youtube.com/watch?v=xyDSsaDAEQg



Out here in the fields, I fight for my meals

ออกมาอยู่ที่ข้างนอกนี่ ฉันต้องสู้เพื่อให้อิ่มท้อง

I get my back into my living

ยอมหลังขดหลังแข็งเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด

I don't need to fight to prove I'm right

แม้จะไม่ต้องสู้เพื่อบอกกับใครใครว่าที่ฉันทำมันถูกต้อง

I don't need to be forgiven

และไม่ต้องการคำให้อภัยใดใดจากใคร



Don't cry, don't raise your eye

อย่าได้เสียน้ำตา และอย่าได้ทำหน้าตาสงสัย

It's only teenage wasteland

มันอาจจะเป็นแค่คำพูดว่าดินแดนของพวกหน้าอ่อน



Sally, take my hand, travel south Crosland

ขอแค่ให้เดินมาจับมือกัน ข้ามผ่านดินแดนสนธยา

Put out the fire don't look past my shoulder

ช่วยกันดับไฟร้อน และไม่ต้องเดินอย่างระแวงระวัง

The exodus is here, the happy ones are near

การกวาดล้างอาจจะมาถึง จะพบคนที่มีความสุขได้บ่อยขึ้น

Let's get together before we get much older

มาร่วมรวมตัวกัน ก่อนที่อะไรอะไรจะสายไปมากกว่านี้



Teenage wasteland, it's only teenage wasteland

เขาบอกว่าเรานั้นเห่ย เป็นแค่ไก่อ่อนสอนขัน

Teenage wasteland, oh, oh

ว่าเราเป็นเพียงพวกไร้ค่าไร้ราคา

Teenage wasteland, they're all wasted

บนพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่า อย่าได้เป็นอย่างที่เขากล่าว

28
Boy's love story / Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.15 Enigma (17/04/25)
« กระทู้ล่าสุด โดย Shonennihon เมื่อ 17-04-2025 08:55:51  »

“แจ้งรถพยายบาล!!” ผมนึกได้ดังนี้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทา

“ผมไม่น่าใจร้อนเลย….” ผมพูดกับตัวเองซ้ำๆ ขณะกดเลขที่ตัวเองเห็นจากในเวปไซต์โรงพยาบาลซึ่งที่บ้านไปเป็นประจำ

“วิน….”  เสียงอ่อนแรงของคอปเตอร์ดังขึ้น

ผมวางโทรศัพท์ทันทีและหันไปหาเจ้าของเสียง พลางสำรวจใบหน้าของเขาที่ยังเหมือนตื่นไม่เต็มที่

“เป็นไงบ้าง เวียนหัวไหม คลื่นไส้หรือเปล่า การมองเห็นเป็นไงบ้าง จำอะไรได้บ้าง?” ผมยิงทุกคำถามที่นึกออก

“ใจเย็นๆ ตอบไม่ทันเลย เอ่อ….. เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ รู้สึกอยากนอนแบบนี้อีกสักหน่อย” คอปเตอร์พูดเสียงเบามากจนแทบจับใจความอะไรไม่ได้มาก เขาเพียงปล่อยให้ตัวเองนอนยืดเหยียดออกไปตามความยาวของตนเองเต็มที่ และนิ่งไปพักใหญ่

“เตอร์ๆ” ผมขยับไปเขย่าตัวเขาเพื่อให้มั่นใจว่าเขายังมีสติอยู่ ผมมองใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นและมีรอยแดงจากการปะทะอยู่ประปราย

เขายังคงนิ่ง ผมได้ยินแต่เสียงลทหายใจที่แผ่วเบา ผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลนองสองข้าง

“ทำไมพอเป็นเรื่องของนายเราถึงไม่เคยใจเย็นอะไรได้เลยนะ เราทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงนายนะรู้ไหม อย่าทำแบบนี้สิใจมันไม่ดี….” ผมฟูมฟายอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะมีสติกดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อเรียกรถพยาบาล

มือหยาบใหญ่มือหนึ่งยกขึ้นมาจับแขนผมไว้แน่น

“เด็กขี้แง เราไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย” เสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

“เตอร์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?” ผมหันไปทางต้นเสียงที่ตอนนี้ลืมตากลมโตให้เห็นชัดเจน

“เจ็บหัวน่ะ โอ้ย!!!” อีกฝ่ายที่พยายามยกศรีษะขึ้นร้องเสียงหลง

“อย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวเราตามหมอให้!!”

“เดี๋ยวก่อน…” คอปเตอร์คว้ามือผมรั้งไว้ด้วยแรงที่รวยริน

“ทำอะไรน่ะ?!?”

“เราอยากจะขอโทษก่อน ที่….. คิดน้อยไป…หน่อย”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เราให้อภัยเตอร์ตั้งแต่เจอหน้าแล้ว มัน….หมดห่วงอะไรประมาณนั้น แต่…..ก็ยอมรับว่า โกรธ…นิดหน่อย”  หน้าผมร้อนไปหมดเมื่อได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา มันคือความรู้สึกจริงๆ ที่เพิ่งได้เรียนรู้

“ไม่โกรธเราแล้วเนอะ?”

“อืม”  ผมพยักหน้า

“แน่นะ?”

“แน่สิ!!”

“งั้นกอดหน่อย”

“ใกล้จะตายแล้วยังไม่วาย…… เดี๋ยวนะ!!”

ยังไม่ทันจบประโยคดี ผมก็ถูกอีกฝ่ายรวบไว้ในอ้อมแขน

“เฮ้ย!! แกล้งเจ็บเรอะ??!?”

“ไม่ได้แกล้ง เจ็บจริง หัวน่าจะโนนะ คิดว่ายังเจ็บอยู่เลย แต่…..ทนคิดถึงวินไม่ไหวแล้ว รู้ไหม? เราฝันถึงวินไม่รู้ตั้งกี่รอบ ยิ่งตอนวินกลับมาถึงบ้าน ได้เพียงแค่มอง แต่ไม่ได้สัมผัส มันทรมานมากรู้ไหม??” 

ผมถูกอีกฝ่ายกอดแน่นมากขึ้นอีก รู้สึกเหมือนอากาศภายในปอดมันน้อยลงไปจนผมแทบจะหายใจไม่ออก

“ปล่อย!!”

“ไม่!!  เราไม่ไหวแล้วนะ!!!”

ผมถูกพลิกและกดลงไปติดกับพื้นพรมสีแดงเลือดนกที่แข็งหยาบ ผมร้องโอยทันทีที่หลังติดพื้น  สองมือของผมอยู่ในท่าแผ่กางออกขนานกับศรีษะแนบติดกับพื้นพรมโดยมีมือของผู้ชายร่างใหญ่กดทับไว้ด้วยน้ำหนักของเขาเอง

ผมร้องด้วยความเจ็บปวดพลางขอร้องให้เขาปล่อยผมด้วยวาจาเกรี้ยวกราดเพราะความโกรธ แต่ด้วยน้ำหนักที่จับกดลงมันมันทำให้เลือดลมของผมเดินไม่สะดวกเอาเสียเลย

ไม่รู้ว่าคอปเตอร์เขาอ่านใจผมออกหรือว่าอะไร แม้จะเห็นผมโวยวายและต่อว่าปฏิเสธการกระทำของเขา เขากลับยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

วงหน้าที่หล่อเหลาเจ้าเลห์นั่น กลิ่นและรสสัมผัสของคนตรงหน้ามันทำให้ผมโหยหาและใจสั่นไปหมด

ในหัวของผมมันสับสนไปหมดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองผิดปกติหรือเปล่าที่มาใจสั่นกับการทำแบบนี้ของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันร่างกายของผมกลับตอบสนองและต้องการบางอย่างจากอีกฝ่ายมาเติมเต็มอย่างมหาศาล

ผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว หากเขา……. ผมคิดในใจอย่างร้อนรน ไม่ทันที่จะสิ้นสุดประโยคในหัว ผมก็ร้องออกมาเสียงหลงเพราะอีกฝ่ายดันทำสิ่งที่ผมกำลังจะพูดในใจด้วยความหวาดหวั่นที่จะต่อต้านไม่ไหว

เขาโน้มลงมาพรมจูบที่ต้นคออย่างนุ่มนวล และใช้ริมฝีปากเม้มวนไปจนถึงเนินอก ทันทีที่ริมฝีปากอันชุ่มชื้นของคอปเตอร์เดินทางถึงเนินอก ผมก็หมดแรงขัดขืนทันที

ผมเหมือนคนเสพติดคอปเตอร์ เสพติดสัมผัสจากเขาจนแทบจะขาดไปจากชีวิตไม่ได้


มือหยาบใหญ่ของเขาสัมผัสที่ท้ายทอยของผมและไล่มาถึงสันกรามและใช้นิ้วโป้งดันคางของผมให้เชิดขึ้น เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสสัมผัสจากผมทั้งรสที่ปาก และกลิ่นทางจมูก ผมเหมือนเนื้อชิ้นใหญ่ที่กำลังถูกราชสีห์แทะกินอย่างตะกละ

มืออันเชี่ยวชาญของเขาค่อยๆ ปลดอาภรณ์ของผมออกที่ละชิ้นอย่างไม่รีบร้อน สายตาอันหิวกระหายคู่นั้นทำให้ผมร้อนลุ่มไปหมด ทำให้ผมทำตัวเป็นอาหารอันโอชะให้กับเขา

เมื่อกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปหมดแล้ว คอปเตอร์ก็เริ่มเข้ามาลิ้มรสทุกส่วนสำคัญทุกส่วนจนผมใช้นิ้วจิกพื้นพรมเพื่อให้สามารถทนกับเทคนิคการเสิร์ฟรักจากเขา ผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า รอรับทุกสิ่งที่คอปเตอร์มอบให้

เหงื่อที่ไหลออกจากกิจกรรมที่อีกฝ่ายชี้นำและการสัมผัสเสียดสีของทั้งสองร่างทำให้ผมเริ่มหนาวสั่นจากเครื่องปรับอากาศที่พยายามทำให้ห้องนี้เย็นขึ้นจนเหมือนเขตใกล้ขั่วโลก

ความรู้สึกตัวเหล่านั้นทำให้ผมพยายามหยุดอีกฝ่ายที่พยายามเตรียมการที่จะรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของผมเฉกเช่นทุกครั้ง

แต่ด้วยความหิวโหยและโหยหา คอปเตอร์ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไป เขาใช้เสื้อยืดแขนยาวของตัวเองที่ตอนนี้ถอดกองอยู่ไม่ไกล ใช้สิ่งนี้มัดแขนผมไว้และผูกกับขาโต๊ะที่อยู่ใกล้กับศรีษะของผม

ผมไม่สามารถขยับได้เลย ไม่คิดว่าความหน้ามืดของคนเราจะทำอะไรได้ขนาดนี้ อีกฝ่ายจัดท่าทางของผมตามใจ ในขณะที่ผมพยายามร้องปฏิเสธ แต่ภายในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด ร่างกายกลับไม่ได้ปฏิเสธมากอย่างที่ปากโวย

คอปเตอร์ที่เหมือนอ่านใจผมได้ เขาไม่รั้งรอที่จะเดินหน้าต่อด้วยใบหน้าแฝงยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ

เขาค่อยๆ ลิ้มชิมร่างกายของผมด้วยริมฝีปากอย่างบรรจง อย่างกับว่าเขาเห็นผมไม่ขันขืนแล้ว เขาจึงใจเย็นลงแล้วค่อยๆ ใช้ลิ้นที่ชุ่มอุ่นสัมผัสเรือนร่างของผมอย่างช้า ๆ แต่ตรงจุด

ความรู้สึกของผมมันขัดแย้งกันไปมาระหว่างยอมรับความสุขที่เขามอบให้ต่อไป หรือ พยายามต่อต้านเพื่อหยุดเขาให้ได้ จนกระทั้งเขาพยายามกลืนกินสิ่งที่ผมหวงแหน เหมือนผึ้งที่พยายามที่จะเก็บน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ชูก้านตรงรับแสงตะวัน

ในที่สุดผมก็ปล่อยทุกความคิดในหัวไปหมด เหลือแต่อยากให้เขาทำให้มันจบไวๆ ผมพยายามร้องปฏิเสธ และคอปเตอร์ที่อยู่กับผมมาพอสมควรจะรู้ว่าการที่ผมร้องแบบนี้คือถึงเวลาที่เขาควรเผด็จศึกแล้ว

เขาลุกขึ้นเดินหายไปพักใหญ่พร้อมกับอุปกรณ์ประจำตัว เขาเตรียมความพร้อมให้ผมเช่นเคยก่อนที่จะทำให้ทุกอย่างมันสุดยอดมากกว่าที่เคยทำมา….. บนพรมที่หยาบและแข็งนั่น…..

…………
30
Special ep. ส่งท้ายปีเก่า…เริ่มต้นปีใหม่


“ฉิน วันนี้เลิกงานกี่โมงนะ” ผมส่งข้อความไปถามเขา ช่วงนี้สิ้นปีแล้วงานที่โรงแรมยิ่งเยอะขึ้น ช่วงHigh season เขาบอกผมอย่างนี้ละ

“ประชุมอีก 2-3 เรื่องก็หมดแล้วครับ เทียน”  แปลว่าอีกนานเลยแหละ

“อ่า…พักบ้างนะครับ”  งั้นไม่น่าทันไปดูพลุด้วยกันแน่เลย อันที่จริงผมทำใจไว้แล้วตั้งแต่เห็นตารางงานเขา

“พักก็ไม่หายเหนื่อยหรอก” อ่าว แล้วทำไงดี “ถ่ายหน้ามาดูหน่อยครับ พูดว่าคิดถึงด้วยนะเทียน”

ตงฉิน!!! มีแรงแกล้งกันขนาดนี้คงไม่เหนื่อยมากหรอก แต่ถามว่าผมทำตามที่เขาขอไหมนะหรอ

“รูปถ่าย”  ขึ้นอ่านแล้ว “คิดถึงตงฉินแล้ว”  นี่ก็ขึ้นอ่านแล้ว แต่ไม่ตอบแฮะ



“น้องเทียนพร้อมนะคะ แสตนบายข้างสเตจได้เลยค่ะ”  สิ้นเสียงพี่ทีมงานเรียก ผมหายใจเข้าลึกๆ เรียกสมาธิก่อนจะค่อยๆ หายใจออกพร้อมกับเดินไปจุดที่ซ้อมกันไว้

วันนี้ 31 ธันวาคม วันสุดท้ายของปี

ว่ากันว่าที่ต้องมีการระบุจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดลงในปฏิทินของทุกปีเพราะมนุษย์ไม่สามารถอดทนได้กับช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไป

ผมเชื่อนะ เพราะให้ผมรอตงฉินแค่ไม่กี่ชั่วโมงผมก็รู้สึกอยู่ไม่ค่อยสบายเลยในใจมันเป็นอะไรก็ไม่รู้



ผมเลยทำงานเยอะๆ บ้างจะได้ไม่ต้องคิดถึงตงฉินมากเกินขนาด



ผมกลับมารับงานในวงการแล้ว ผมให้พี่เจนรับงานทุกรูปแบบเลยถ้าไม่ผิดกฎหมาย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

ขอแทรกตรงนี้ว่ามีทีมงานที่ตงฉินหามาเพื่อคัดงานผมอีกที เขาบอกว่ากลัวจะไปเจอเรื่องไม่ดีอีกแบบที่ผ่านมา วันนี้ผมก็ทำงานตั้งแต่เช้า เริ่มจากไปถ่ายแบบเสื้อผ้า ถ่ายโฆษณา รวมทั้งงานเปิดตัวสินค้าใหม่แบบวันนี้



ในที่สุด

ก็จบวันสักที



ขายาวก้าวอย่างสม่ำเสมอไปที่ทางออก สวนทางกับผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลกันเข้ามาในบริเวณห้างสรรพสินค้านี้เพื่อร่วมฉลองคืนวันปีใหม่

บางคนมากับเพื่อน

บางคนมากับครอบครัว

บางคนมากับแฟน บางคนก็มาคนเดียว

และบนใบหน้าทุกคนมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนนั้น ไม่ว่าจะเป็นมุมปากที่โค้งขึ้น หรือ ดวงตาที่โค้งปิดเหมือนสายรุ้ง

ละอองความสุขลอยปลิวแทรกซึมและอบอวลไปทั่วบริเวณ



คนที่ตั้งใจจะกลับบ้านไปรอเจอใครบางคน

เท้าหยุดชะงัก...



เพราะใครบางคนนั้น มายืนรอตรงหน้านี้แล้ว



เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่ามีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าต่างกับวินาทีที่แล้วลิบลับ

จังหวะการเดินที่แทบจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง...คงไม่ต้องบอกว่าตอนนี้ความคิดถึงทำงานแค่ไหน

เจ้าของใบหน้าลูกรักพระเจ้าตอนนี้ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าเจ้าของหัวใจ จนคนตัวโตกว่าอดเอ็นดูไม่ไหว

หยิกแก้มคนตรงหน้าไวๆ หนึ่งที

ใจจริงๆ อยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่คนตรงหน้าต้องรักษาภาพลักษณ์

มีแฟนเป็นดาราแล้วสินะ คนตัวสูงคิดในใจ พลางหลุดยิ้มออกมากับความคิดตลกๆ

“ฉิน ยิ้มอะไร?”  คนตัวเล็กกลัวว่าคนตรงหน้าจะแกล้งกันอีก

แต่คนตัวสูงก็ไม่ได้ตอบอะไร แถมยังหลุดหัวเราะออกมกับท่าทางไม่ไว้วางไว้ของคนรัก ที่ตอนนี้พยายามจะหาอะไรมาส่องดูหน้าตัวเองแล้ว

จนคนตัวสูงต้องรีบยกมือมาห้ามก่อนศิลปะบนใบหน้าคนรักจะโดนลบจนหมด

ที่จริงวันนี้ เทียนนะโคตรน่ารักเลย

ใครเป็นช่างแต่งหน้าวันนี้มาเอารางวัลกับผมได้เลย

“เทียน ทำไมวันนี้น่ารักจังครับ” ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและเซตให้เป็นลอนเหมือนพวงองุ่น รับกับใบหน้าได้รูปที่ถูกแต้มด้วยสีโทนธรรมชาติ ที่พวงแก้มถูกบรรจงสร้างกลุ่มดาวขึ้นราวกับตั้งใจให้ส่องไปยังดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่วันนี้อ่อนกว่าปกติเพราะคอนแทคเลนส์

เหมือนมาเดทกับเด็กลูกครึ่งฝรั่ง



“Babe, Are you free tonight?”  คนตัวสูงก้มลงไปกระซิบข้างหูคนตรงหน้า



ทำเอาคนตัวเล็กเขิน หูเหอ หน้าเน้อ เห่อแดงแข่งกันไปหมด

“ฉิน!!” ทำได้แค่นี้แหละ! แค่เสียงดังขึ้นนิดหน่อย

คนตัวสูงตัดใจไม่แกล้งต่อ แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นเคาะจมูกโด่งนั่นเบาๆ



“กินอะไรครับ” สุดท้ายประโยคง่ายๆ ก็ดึงความสนใจทั้งหมดจากคนทั้งคู่

แตกต่างอย่างลงตัวตัว อธิบายภาพตรงหน้าได้เป็นอย่างดี คนตัวสูงใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวพับขึ้นมาครึ่งศอกกับกางเกงสแลคสีดำ สวมรองเท้าหนังอย่างดีก้าวไปข้างหน้าตามจังหวะคนตัวเล็กกว่าที่ใส่เสื้อยืดสีขาวลายดอกไม้สีเขียวเข้มสุดฮิตกับกางเกงวอร์มขายาวสีเทา

ลุคท่านประธานกับเด็กท่านประธาน คงเป็นประมาณนี้แหละ



หลังจากของหวานไอศกรีมชื่อดังลงไปในกระเพาะพวกเราเรียบร้อยแล้ว เราก็พากันมารอปีใหม่อยู่บริเวณงานแสดง

สิ้นเสียงพิธีกรบอกลาปีเก่าให้เราเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่

“5 4 3 2 1” ผู้คนพร้อมใจส่งเสียงนับและยิ่งลำดับตัวเลขลดน้อยลงเท่าไหร่เสียงนับยิ่งดังมากขึ้นเหมือนค่อยๆ ทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลังเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มออกแรงเดินหน้าโอบรับบางสิ่งที่รอเราอยู่

สิ้นสุดการรอคอย…

เสียงพลุดังอื้ออึงในหู ตาพร่ามัวไปด้วยเม็ดสีสันที่แย่งกันผลิบานกลายเป็นดอกไม้ไฟสวยสะพรั่งกระจายไปทั่วผืนผ้าใบของจักรวาลฉลองให้กับการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของมนุษย์ทุกคน



“Happy new year สุขสันต์วันปีใหม่ครับเทียน”



เสียงพลุเงียบไปแล้ว แต่เสียงทุ้มต่ำของตงฉินยังคงดังก้องโสตประสาทของผม



“สุขสันต์วันปีใหม่ครับ”



มีคนในโลกอินเทอร์เน็ตเคยพูดว่า “ เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ผู้คนเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งผมก็ไม่เหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นสิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมคือคนข้างๆ ผมยังเป็นคนเดิม “



แรงบีบที่มือไม่แรงแต่ก็มากพอให้ผมสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของใครอีกคน

เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอให้ผมกล้าเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของวันพรุ่งนี้



เสื้อฮู้ดดี้ตัวใหญ่ที่ตงฉินวกกลับไปเอาที่รถมาให้เพราะเขาเห็นว่าลมมันออกจะเย็น ผมใช้หมวกของมันเป็นกำบังปิดหน้าผมจนมิด ผมตัดสินใจถอดมันออกและยืดตัวจนจมูกและริมฝีปากผมฝังลงบนแก้มของตงฉิน

ปฏิกิริยาเขาออกจะตกใจในชั่ววินาทีแรก

ทว่าในวินาทีต่อมาเขากลับทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า

เมื่อเขาหันมาทั้งตัวและดึงดันเอาใบหน้าตัวเองเข้ามาอยู่ใต้กมวกอันเดียวกัน ก่อนวางริมฝีปากเย็นเฉียบของตัวเองลงบนริมฝีปากผมเมื่อความเย็นหายไปความอุ่นร้อนค่อยๆ แทรกเข้ามาระหว่างเรา เขาไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมันเลยด้วยซ้ำ

เขากล้ามากจริงๆ

โชคดีที่ทุกคนง่วนอยู่กับการชื่นชมช่วงเวลาปีใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น หลังสุดของบริเวณที่เรายืนอยู่จึงมีแค่เราที่ให้ความสนใจกัน

ผมชอบมาก ชอบมากจริงๆ ที่ได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่เรียกว่าอ้อมกอดของกันและกันแบบนี้


...

วันปีใหม่ไทย นักเขียนก็ขอแบ่งปันความสุขเล็กๆของตงฉินกับเทียนให้ทุกคน

ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ชีวิตเย็นสดชื่นเหมือนวันสงกรานต์



สุดท้ายนี้ขอสารภาพว่าดองไว้ เพิ่งว่างมาลงเลยย คิดถึงอะไรแบบนี้มาก

จากปีใหม่สากลสู่ปีใหม่ไทย(เลทมาก มาช้าแต่มานะ)
 :mew1:
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 ... 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด