▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 136421 ครั้ง)

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399
 
ได้เข้ามาอ่าน 2 ตอนรวดเลย

:haun4: :haun4: :haun4:

คิดว่าจะไม่ได้อ่านฉากนี้ซะแล้ว 555

น่ารักอะ ต้นแอบร้ายนะเนี่ย กึยย

แล้วปัญหาที่มันคารังคาซังเนี่ยจะจัดการกับมันยังไง ทั้งพี่ทดแทน ยัยชะนีนา  :beat:

เง้ออ แอบสงสารสนจัง โดนผู้หญิงจับ ดูถ้าจะจับไม่ปล่อย ผู้ชายมีคนเดียวในโลกรึไงว่ะ !!?  -_-

ทำบุญให้ยัยนาค่ะ จะไปได้ไปที่ชอบที่ชอบ

ส่วนพี่ทดแทน มามะมาหาเรา  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

ตอนนี้มีฉาก Love scene ที่หวานแล้วก็น่ารักมากค่ะ แต่ตอนท้ายมันเร็วไปนิดอารมณ์มันก็เลยค้างๆง่า


+1 เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ไม่ดีใจที่มีเลิฟซีนเลยเรา =__="
แบบว่ามะรืนมะเรื่องจะแต่งงาน ยังจัดการเรื่องนาไม่ได้
ถ้าเคลียร์ไม่ออกขึ้นมาต้นจะทำไงล่ะ
ถึงจะดีกว่าทำหลังแต่งอันนั้นต้นเป็นชู้อย่างเดียวเลย


โฮ่ยยยยยยยยย จัดการชะนีที่มาห้อยโหนให้ได้เหอะ

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
เค้าทำรักกันแบบ งง ๆ นะ 5555
สนก็ยังไม่จัดการเรื่องของนา
ต้นก็ไม่ยังเคลียร์เรื่องทดแทน
แต่ชั่งมัน สำคัญที่ตอนจบ จบเร็วไปนะ :pighaun:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
เยี่ยมมากสน ได้ใจจริงๆ บอกรักต้นทั้งทางคำพูดและทางร่างกาย ผูกมัดต้นไว้ซะเลย .....  :z1: :z1:
แหม กว่าจะตัดสินใจเด็ดขาดได้ กว่าจะบอกรักต้น ทำให้คนอ่านลุ้นไปสามโลก
ส่วนต้น เห็นต้นเงียบๆอย่างงี้ ก็เก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แอบไปศึกษามาก่อนใช่ป่าว ต้น อิอิ  :kikkik: :kikkik: :kikkik:

ตอนนี้คงรอแค่ให้สนจัดการเรื่องนาให้เรียบร้อย
ในเมื่อเอาต้นมาผูกไว้กับตัวเองแบบนี้แล้ว รีบๆจัดการยัยนาเร็วๆน๊าาา สู้ๆ :yeb:  ล้มงานแต่งไปเลย   o18

+1 ขอบคุณค่ะ
ป.ล. ตอนท้ายแอบจบไวไปนิดนะคะ   :-[ :-[


ลองปรับบทรักใหม่แล้วนะครับ แต่คงเอาเท่านี้แหละ ไม่ไหวแล้ว เขียนไปก็เขินไปจนจะกัดนิ้วตัวเองขาดแล้วครับ
เลือดกำเดาพุ่งเลย  :haun4:

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
หวังว่าสิ่งมี่ทั้งสองคนตัดสินใจทำลงไปวันนี้ หรือแม้แต่การบอกรักกัน เราว่า มันย้ำให้ต้นและสนรู้จุดยืน
ของกันและกัน และต่างคนก็พร้อมจะยอมรับอุปสรรคต่างๆที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน การที่เรามีคนที่รัก
อยู่ใกล้ มันก็คือความเชื่อมั่นที่จะก้าวเิดินแม้ยากลำบากเพียงไร เราก็ไม่หวั่น
 เพราะยังไงก็มีอีกคนคอยเป็นคนหนุนเสริมอยู่ข้างหลังเรา
ไงต้นกับสน ขอให้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้นะ

ปล.บวกหนึ่งให้กับเรื่องราว ที่ค่อยดำเนินจากความผูกพันธ์ การเขียนที่ให้อารมณ์ความรู้สึกตามติดไปกับตัวละคร

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แปะไว้ก่อนอ่านละมึนๆ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เป็น love scenc ที่อ่านแล้วรู้สึกผิดหวัง
 ผิดหวังกับต้นที่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ นี่คือคนที่ไปปฎิบัติธรรมมานะหรือ สนกำลังจะแต่งงาน ยังไม่ได้เคลียร์ปัญหาอะไรใดๆทั้งสิ้น กับพี่แทนคุณก็ยังไม่เลิกลา

กับสนเราไม่รู้สึกอะไร เพราะเบื่อหน่ายกับความโลเลและไม่เอาไหนของสนมานานแล้ว
จะต้องให้คนกี่คนเจ็บปวดกับเรื่องนี้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน

    การที่สนไม่ยอมพูดความรู้สึกแปลว่าสนโลเลหรือเปล่า? ได้อธิบายเหตุผลที่เขาไม่ยอมพูดไปแล้ว
    ตั้งแต่ปีสอง จนกระทั่งจบมาทำงานได้หนึ่งปี (รวมสี่ปี) สนไม่มีแฟนเลย อยู่แต่กับต้น พอจะบอกอะไรบางอย่างได้หรือไม่?
    สนตั้งใจเรียนจนจบ ไม่เกเร สิ่งนี้ทำให้ต้นภูมิใจหรือไม่? เขาไม่เอาไหนไปทุกอย่างจริงหรือ? เราอาจจะต้องมองคนในหลายๆ มิติ เห็นทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ
    ความผิดพลาดของสนกับนาต้องแปลว่าสนโลเลเสมอไปหรือไม่?
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2012 09:50:56 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชอบเหตุผลข้อที่สองมาก  พระเอกหรือนายเอกก็คน  ไม่มีใครหรืออะไรที่สมบูรณ์แบบ
จริงๆ ต้องบอกว่าสนกับต้นคือตัวเอกของเรื่องนี้  พอบอกว่าเป็นพระเอกนายเอก
คนอ่านอาจคาดหวังว่าควรเป็นคนที่น่าจะคิดดี ทำดีมากกว่านี้
แต่งไปเถอะ  คนอ่านเขาก็แค่อิน  และคาดหวังไว้อย่างหนึ่ง
แต่ผลออกมาตรงกันข้ามกับที่คิด  ก็มีผิดหวังไปบ้าง 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

pahpai

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นก่อน แต่แอบดีใจนิดหน่อย เพราะไม่งั้นคงต้องตาบวมกว่านี้แน่ตอนที่สนแต่งงานไปจริงๆ

รอลุ้นเวอร์ชั่นใหม่นี้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง จะใจร้าวต่อไปหรือมีความสุข รอติดตามครับ

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนทำไมไม่คิดได้ตั้งนานอ่ะ   ไม่งั้นก็ไม่ต้องเจ็บปวด

ขอให้สนแก้ปัญหาให้ได้นะ 

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน

    การที่สนไม่ยอมพูดความรู้สึกแปลว่าสนโลเลหรือเปล่า? ได้อธิบายเหตุผลที่เขาไม่ยอมพูดไปแล้ว
    ตั้งแต่ปีสอง จนกระทั่งจบมาทำงานได้หนึ่งปี (รวมสี่ปี) สนไม่มีแฟนเลย อยู่แต่กับต้น พอจะบอกอะไรบางอย่างได้หรือไม่?
    สนตั้งใจเรียนจนจบ ไม่เกเร สิ่งนี้ทำให้ต้นภูมิใจหรือไม่? เขาไม่เอาไหนไปทุกอย่างจริงหรือ? เราอาจจะต้องมองคนในหลายๆ มิติ เห็นทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ
    ความผิดพลาดของสนกับนาต้องแปลว่าสนโลเลเสมอไปหรือไม่?
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
[/quot
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน

    การที่สนไม่ยอมพูดความรู้สึกแปลว่าสนโลเลหรือเปล่า? ได้อธิบายเหตุผลที่เขาไม่ยอมพูดไปแล้ว
    ตั้งแต่ปีสอง จนกระทั่งจบมาทำงานได้หนึ่งปี (รวมสี่ปี) สนไม่มีแฟนเลย อยู่แต่กับต้น พอจะบอกอะไรบางอย่างได้หรือไม่?
    สนตั้งใจเรียนจนจบ ไม่เกเร สิ่งนี้ทำให้ต้นภูมิใจหรือไม่? เขาไม่เอาไหนไปทุกอย่างจริงหรือ? เราอาจจะต้องมองคนในหลายๆ มิติ เห็นทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ
    ความผิดพลาดของสนกับนาต้องแปลว่าสนโลเลเสมอไปหรือไม่?
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ฃชีวิตคนคนหนึ่งไม่มีใครสมบูรณ์แบหรอก บางครั้งบางสิ่งก็กางกั้นด้วยคำว่าศีลธรรม แต่บางครั้งหากการรอศีลธรรม
ก็เป็นการปล่อยโอกาศให้หลุดรอย ทุกอย่างคงต้องบอกว่าตามเจตนาของเราอะ เลดี้เองยังเป็นยเหมือนกัน บางครั้งการทำบางอย่าง
กั้นด้วยศีลธรรม แต่การหยุดเพราะศีลธรรม บางครั้งเราก็พลาดโอกาสที่จะทำบางอย่างไป เลดี้จึงคิดว่า่บางทีคำว่าศีลธรรมคงต้องมองที่เจตนา

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องคนเขียนคะ อย่าเครียดไปเลยค่ะ นี่แสดงว่าน้องแต่งเก่งมาก จนคนอ่านอิน
มันเป็นนิยายอ่านเพื่อความบันเทิง เดี๋ยวพอจบสมบูรณ์ คนอ่านที่ด่าตัวละครไว้
ก็น่าจะ happy ไปตามๆกัน

ขอให้กำลังใจคนเขียนมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เข้มแข็งนะคะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
กลับมาแล้วนะครับ หลังจากที่ดราม่าไปเล็กน้อย
แค่รู้สึกไม่มั่นใจกับตัวละครที่ชื่อสนครับ จนทำให้ไม่อินในความเป็นตัวตนของเขาไปพักหนึ่ง
เพราะเราไม่ได้วางบทให้เขาเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น รู้สึกผิดที่เขียนไปแล้วทำให้เขาถูกมองแบบนั้น
ถ้าเขามีชีวิตจริงๆ ชีวิตเขาก็คงแย่จากการเขียนของเราทีเดียว ทำให้นึกถึงเรื่อง "คำพิพากษา" ของคุณชาติ กอบจิตติขึ้นมา
ผมเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อสิบปีที่แล้วแล้วก็ซึมไปสองอาทิยต์ สงสัยว่าทำไมสังคมเราถึงได้โหดร้ายขนาดนี้
แต่เมื่อคืน นอนคิดไปนอนคิดมา ก็กลับมาอินได้เหมือนเดิมแล้ว ไม่มีอะไรละ
เช้ามาก็เลยกลับมาปั่นต่อ ขอโทษคุณผู้อ่านด้วยครับ


-----------------------------------------

ตอนที่ 31: รักต้องห้าม (หรือเปล่า)



สนสวมกอดต้นไว้หลวมๆ จากทางด้านหลัง ในยามนี้ต้นก็เหมือนเป็นของเขาแล้ว สนไม่เคยรู้สึกหวงแหนและรักใคร่สิ่งใดเท่ากับคนที่เขากำลังกอดอยู่นี้เลย เมื่อก่อนก็ว่ารักแล้ว พอมีสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น ความรักก็ยิ่งเพิ่มอีกหลายเท่าทวี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขากำลังแสดงออกอยู่ตอนนี้มากพอเพียงพอเท่ากับความรู้สึกจริงๆ ที่อยู่ข้างในหรือเปล่า

"เรามีความสุขที่สุดเลยรู้ไหมต้น" สนพูดพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ซุกไซ้ลงไปที่ซอกคอของต้นพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายที่เขาคุ้นเคยนั้น "นายรู้ไหมว่าเรารักนายมากแค่ไหน หัวใจของผู้ชายคนนี้...เป็นของนายคนเดียวรู้หรือเปล่าต้น เป็นของนายมาตั้งนานแล้ว"

ต้นนอนยิ้มอย่างเป็นสุข แม้ในใจจะมีความกังวลบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ต้นมีความสุขมากจริงๆ ต่อให้วันพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่คิดเสียใจและเสียดายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาให้สนไป ทั้งในวันนี้และวันที่ผ่านๆ มา

"นายมีความสุขหรือเปล่าต้น" สนโน้มตัวมาถาม ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข บ่งบอกถึงความรักที่เขามีอยู่เต็มหัวใจ

ต้นพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความเขินอาย พอพายุความต้องการผ่านพ้นไปแล้วต้นก็เขินเหมือนกันเมื่อนึกได้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง เห็นท่าทางเขินอายของต้นแล้ว สนก็ยิ่งรู้สึกรักและเอ็นดู เขาก้มลงไปหอมแก้มใสๆ ที่เขาแสนจะหลงใหลเบาๆ อย่างรักใคร่

"ไปอาบน้ำกันไหม จะได้สบายตัว แล้วก็จะได้กินข้าวด้วย เราสองคนยังไม่ได้กินข้าวกันเลยนะ มัวแต่..." สนพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี

แต่พอจะลุกขึ้นแล้วต้นก็ร้องครางด้วยความเจ็บปวด สนเห็นเลือดไหลซึมออกมาตรงง่ามขาของต้นก็ตกใจ

"เจ็บหรือเปล่าต้น ไหวไหม ให้เราอุ้มไหม" สนถามอย่างเป็นห่วง เห็นต้นเจ็บแล้วก็สงสาร

"ไม่เป็นไร พอไหวอยู่ นายเพิ่งออกแรงมา อุ้มไม่ไหวหรอก เดี๋ยวเข่าอ่อนพอดี"

สนได้ฟังแล้วก็ขำ แต่ก็จริงอย่างที่ต้นว่านั่นแหละ สนจึงใช้วิธีค่อยๆ พยุงต้นไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็อาบน้ำด้วยกันเสียเลย ตอนเด็กๆ ก็เคยอาบด้วยกันบ้าง แต่พอโตมาก็แยกกันอาบมาตลอด นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขากับต้นได้กลับมาอาบน้ำด้วยกันอีกครั้ง

อาบน้ำเสร็จแล้วสนก็จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าให้ต้นใส่ ก็เป็นชุดนอนคุณหนูแบบที่สนชอบล้อนั่นเอง ส่วนสนเองใส่บ็อกเซอร์กับกางเกงใน แต่ไม่สวมเสื้อ เขาให้เหตุผลว่า

"ก็ตอนนั้นที่เราใส่เสื้อเพราะเรากลัวนายเห็นแล้วอดใจไม่ไหวไง แต่ตอนนี้เราไม่กลัวแล้ว ถ้านายอดใจไม่ไหว เราก็ยอมให้จับปล้ำแต่โดยดี" สนพูดพลางหัวเราะชอบใจ "เดี๋ยวเราไปทำอะไรให้กินนะ นายจะได้กินข้าวแล้วก็กินยา ทนเจ็บอีกนิดนะต้น เราทำไม่นานหรอก นายนอนพักอยู่ในห้องนี่ก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวเรามาตามนะครับที่รัก"

เห็นสนเรียกเขาแบบนั้นแล้วต้นก็หัวเราะชอบใจ บทจะน่ารักสนก็น่ารักเหลือหลาย พอต้นนอนแล้วสนก็ออกมาสำรวจในครัวว่าพอจะมีอะไรให้เขาทำอาหารกินได้บ้าง มีไข่เหลืออยู่สองสามฟอง แค่นี้ก็น่าจะพอทำอาหารง่ายๆ ได้แล้ว กินไข่เจียวละกันนะต้น

สนหุงข้าวก่อน ในระหว่างที่รอข้าวสุกก็ทอดไข่เจียวไปด้วย ใช้เวลาไม่นานนัก กับข้าวที่แสนง่ายและอร่อยก็เสร็จเรียบร้อย สนชอบทำอาหารมาก เขาจึงสามารถทำได้ทุกวันโดยไม่เบื่อ เขาไม่ค่อยกินอาหารตามสั่งเพราะเขาทำกินเองได้อร่อยกว่านั้น

"ต้นจ๋า...กับข้าวเสร็จแล้วนะ มากินข้าวเย็นกันเถอะ" สนโผล่หน้าเข้าไปเรียกต้นที่กำลังนอนพักเพลินๆ อยู่ คนที่ถูกเรียกถึงกับทำหน้าเหรอหราพร้อมกับสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง

"ทำไมเรียกเราแบบนั้นล่ะ"

"อ๋อ...เราเคยเห็นเพื่อนเรามันเรียกแฟนแบบนี้แล้วน่ารักดี ก็เลยอยากเรียกนายแบบนี้บ้าง ได้ไหม...ต้นจ๋า"

ต้นหัวเราะกิ๊กเมื่อสนเรียกเขาแบบนั้นอีกครั้ง "ตามสบายละกัน ถ้ากล้าเรียกก็กล้าขาน"

"มา...เดี๋ยวเราช่วยพยุง" ว่าแล้วสนก็เดินแกมวิ่งไปช่วยพยุงต้นที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง

สองหนุ่มนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะความหิว นี่ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโดตอนเย็นๆ ต้นก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย กลับมาถึงก็มาเจอสนเสียก่อนจนเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ข้าวปลาไม่ได้กินเลย

"ขนาดไข่เจียวธรรมดายังอร่อยเลยนะเนี่ย นายไม่คิดอยากเปิดร้านขายอาหารมั่งเหรอสน" ต้นถามขึ้นในขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

"อืม...นายว่าดีไหมล่ะ เราก็เคยคิดๆ อยู่เหมือนกัน เราว่าเราทำอาหารแล้วเรามีความสุขกว่าทำงานอย่างอื่นอีก"

"น่าสนใจนะ เดี๋ยวเราลองไปปรึกษากับพ่อแม่ของเราดีไหม ฝีมือดีแบบนี้เราว่าขายดีอยู่แล้ว"

สนพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าเขามีร้านอาหารเป็นของตัวเองก็น่าจะดีเหมือนกัน สนเองก็อยากเปลี่ยนมอาชีพมาทำอาหารอย่างเต็มตัวเพราะเริ่มเบื่อกับงานเขียนโปรแกรมที่ค่อนข้างเครียดและต้องใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์แทบทั้งวัน

"เอ...หรือว่าจะเก็บฝีมือไว้ทำอาหารให้คนพิเศษของเรากินคนเดียวดีนะ" สนพูดหยอกเล่นแล้วก็ขำเบาๆ

กินข้าวเสร็จแล้วสนก็ให้ต้นกินยาแก้ปวดสองเม็ด แล้วก็มานั่งดูทีวีด้วยกัน สนรู้ว่าต้นอยากพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ทำเป็นเฉยๆ จนกระทั่งกลับเข้ามานอนในห้องด้วยกันอีกครั้ง พอต่างคนต่างหัวถึงหมอน สนก็พูดขึ้นมาว่า

"ต้น...เรารู้นะว่านายกังวลอะไรอยู่"

ต้นหันมามอง แววตาที่กังวลกับอะไรบางอย่างคงไม่สามารถปิดบังความรู้สึกในใจของต้นได้

"เราอยากให้วันนี้เป็นวันของเราสองคนนะต้น เพราะวันนี้เป็นวันที่เราได้บอกรักกัน ได้เป็นของกันและกัน เป็นวันที่เราจะต้องจำไปอีกนานแสนนาน อย่ามัวแต่ไปคิดเลยว่าคนอื่นจะมองเราสองคนยังไง มันก็เป็นแค่ความเห็นจากคนที่มองเข้ามาเท่านั้นแหละ แต่เขา...ไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับเราสองคน เขาไม่รู้เหตุผลของเราสองคนหรอก มีแต่เราสองคนเท่านั้นที่รู้ว่าเราทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร มันอาจจะไม่ถูกสำหรับคนอื่น แต่มัน...ก็ถูกที่สุดแล้วสำหรับเราสองคน เราแค่รักกัน ก็แค่นั้น ถ้ามันจะผิดอะไรมากมายก็ให้มันผิดไป" สนหยุดเว้นไปสักพัก แล้วก็พูดสืบไปว่า

"วันนี้เป็นวันที่ความรักของเราสมบูรณ์แล้ว ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ก็ช่างมันเถอะ ถ้าวันนี้จะเป็นวันแรกและวันสุดท้ายของเรา อย่างน้อย...เราก็ยังดีใจที่เรามีวันนี้ใช่ไหมต้น เราก็เลยอยากจะขอว่า...วันนี้...เราไม่ต้องพูดถึงความกังวลทั้งหลายแหล่นั้นได้ไหม เพราะถึงไม่พูด...เราก็รู้ว่านายกังวลอะไร และนายก็คงจะรู้ว่าเรากังวลอะไรเช่นกัน ก็อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า มันเกิดขึ้นไปแล้ว แต่ถึงมันจะผิดแค่ไหนเราก็ไม่เสียใจที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้าม...เรากลับดีใจเสียอีกที่ความรักของเราเดินทางมาถึงวันนี้...ในแบบนี้ ใครจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เราสองคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็พอ นายไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำวันนี้และที่ผ่านมาทั้งหมด...ใช่ไหมต้น"

ต้นยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า "เราไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเสียดายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำหรือให้นายเลย เรามีแต่ดีใจที่ได้ทำ ที่ได้ให้ เราเห็นด้วยนะ...ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ก็เป็นวันของเรา ถ้ามันจะเป็นวันสุดท้าย มันก็เป็นวันสุดท้ายที่ดีที่สุดที่เราอยากให้มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นแล้ว แค่นี้เราก็พอใจแล้วล่ะ เราจะรักนายต่อไปนะสน ไม่ว่านายจะต้องเป็นใคร อยู่ในสถานะอะไร เราจะรักไปจนกว่าจะไม่อยากรัก ก็ไม่รู้ว่าวันไหนเหมือนกัน แต่เราจะไม่บังคับหัวใจตัวเองอีกแล้ว นายไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าเราจะรักนายต่อไป แม้ว่านาย...จะต้องเป็นของคนอื่น" ต้นก็อดที่จะใจหายไม่ได้อยู่ดี

สนมองต้นด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของต้น มันก็น่าใจหายและน่าเสียใจเหมือนกันที่เขากับต้นจะทำอะไรอย่างวันนี้อีกไม่ได้แล้ว

"เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่ขอให้นายเชื่อใจเราอย่างเดียวว่า...เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำแบบนี้แล้ว มันหมายความว่าเราจะทำให้ดีที่สุด มันหมายความว่าเราได้เลือกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนายก็จะรู้เอง"

แม้ว่าต้นจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่สนพูดมากนัก แต่ต้นก็มีความเชื่อมั่นบางอย่างอยู่ในใจ เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้แต่ต้นสามารถสัมผัสได้ด้วยใจของเขาเอง การที่สนรักเขามานานแต่ไม่ยอมบอกเป็นคำพูดออกมาก็ย่อมบอกได้ว่าเขาต้องอดทนและอดใจมากเพียงใด ถ้าวันนี้เขาพูดมันออกมาแล้ว ต้นก็มั่นใจว่าสนคงคิดอะไรบางอย่างไว้แล้ว มันจะเป็นแบบไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน รอให้ถึงเวลานั้นที่สนบอกดีกว่า

"เรารักนายนะต้น รักมากที่สุดในชีวิต รักมากกว่าใคร รักแบบนี้มานานแล้ว และจะรักแบบนี้ตลอดไป"

สนบอกแล้วก็ค่อยๆ ดึงตัวต้นให้มานอนซบอยู่บนอกเปล่าเปลือยแล้วก็ลูบผมของต้นเล่นอย่างเบามือ

"เราก็รักนาย รักมากที่สุดในชีวิตเหมือนกัน" แล้วต้นก็ซุกใบหน้าลงบนอกแกร่งที่แสนอบอุ่นนั้น

ในนาทีนี้ ทั้งความสุขและความเศร้ากำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน สุขที่ได้ค้นพบหัวใจตัวเอง ได้บอกรักกัน ได้เป็นของกันและกัน แต่อีกใจหนึ่งก็อดใจหายไม่ได้ว่าอีกไม่กี่วันเขาสองคนก็จะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้ว ความสุขช่างแสนสั้น แต่ช่วงเวลาที่ดีในวันนี้คงจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเขาสองคนไปได้อีกนานเท่านานทีเดียว

ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ความรักของเขาสองคนก็ยังอยู่ มันจะเป็นรักต้องห้ามหรือไม่ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้วและจะคงอยู่ไปอีกนานจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ในความเป็นจริงนั้น ความรักไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการสถานที่ ไม่ต้องการสถานะทางสังคม ไม่ต้องการความถูกผิด ไม่ต้องการเพศ ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจาก...หัวใจ

----------------------------------------------------------

พอกลับมาถึงบ้านแล้วทดแทนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที ไม่พูดไม่ทักทายกับคนในครอบครัวที่ยืนมองเขาอย่างงงๆ แต่ทุกคนก็คงพอเดาได้ว่าเขาอาจจะไม่พอใจอะไรกลับมา ทดแทนนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด น้ำตาเขาจะไหลให้ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้นบอกเขาระหว่างเดินทางกลับจากนั่งสมาธิด้วยกัน

ระหว่างทาง เขาพาต้นแวะมาที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพราะต้นอยากมาดู วันนี้เป็นวันธรรมดาจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ระหว่างที่เดินดูอะไรเพลินๆ ต้นก็พูดขึ้นมาว่า

"พี่แทน...ผมมาคิดๆ ดูแล้ว ผมคิดว่าผมทำผิดพลาดอย่างมากที่ดึงพี่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจของตัวผมเอง"

ทดแทนเริ่มหน้าเสียเพราะเขาพอจะเดาได้ว่าต้นกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

"ถึงพี่จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ผม...ก็รู้สึกผิดจริงๆ นะพี่ ผมให้ความหวังกับพี่ไม่ได้เลยว่า...ผมจะพร้อมเมื่อไหร่ ทุกวันนี้...สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมก็ยังเหมือนเดิม ผมขอโทษพี่จริงๆ นะครับ ขอโทษจากใจจริง แต่ผม...คงรักพี่ไม่ได้" ต้นอดที่จะร้องไห้ไม่ได้เมื่อได้พูดสิ่งนี้ออกไป สงสารหัวใจของคนฟังที่คงจะผิดหวังมากทีเดียว รอมาจะเป็นปีแล้วแต่ต้นก็ยังรักเขาไม่ได้อยู่เช่นเดิม

ทดแทนเดินเข้ามากอดต้นไว้ เป็นครั้งแรกที่ต้นยอมกอดตอบ ไม่ใช่เพราะรักแบบนั้น แต่รักในความเป็นคนดีของเขา รักในความใจกว้างของเขา

"พี่เข้าใจต้นนะ...แต่พี่...ก็ยังอยากจะรอต่อไป จนกว่าพี่จะค้นพบด้วยตัวเองว่า...พี่รอไม่ได้แล้ว พี่ไม่อยากรอแล้ว หรือพี่เหนื่อยกับมันจนถอดใจแล้ว แต่ตอนนี้พี่คิดว่าพี่ยังรอได้อยู่ ต้นไม่ต้องฝืนหัวใจตัวเองหรอกนะ พี่เข้าใจ ความรักมันเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก พี่เคยเป็นแบบต้น พี่เคยรักใครคนหนึ่งมากแบบนี้  เขาเป็นรักแรกของพี่ เรารักกันมาก แต่พอครอบครัวของพี่รู้ พี่ก็ผลักไสไล่ส่งเขาไป บังคับให้เขาออกไปจากชีวิตพี่ พี่ทำผิดกับเขามาก จนทุกวันนี้...พี่นึกถึงทีไรพี่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ เพราะฉะนั้น...พี่เข้าใจต้น พี่ไม่บังคับต้นหรอก ถ้าต้นอยากรักเขา ต้นก็รักไปเถอะ แต่พี่ก็จะรออยู่ตรงนี้ของพี่ไป ถ้าวันไหนที่พี่รอไม่ไหวแล้วพี่ก็จะบอกต้นเอง"

ต้นกอดทดแทนแน่นขึ้น นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรักคนที่แสนดีอย่างนี้ไม่ได้ แต่ความรักก็คงมีเหตุผลของมัน เหตุผลที่ต้นรักสนเป็นเหตุผลของหัวใจที่ต้นควบคุมไม่ได้ แม้ใจจะอยู่กับตัว เป็นของเราเอง แต่มันกลับอยู่เหนือการควบคุมของเรา

"ต้นไม่ต้องกังวลนะ ถ้าวันหนึ่งเราค้นพบว่าเราคงจะเดินไปบนถนนสายนี้ด้วยกันไม่ได้ ต้นก็ยังมาหาพี่ได้เหมือนเดิม เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้ มีอะไรต้นก็มาหาพี่ได้ ไปทำงานอาสาสมัครด้วยกันได้ เพราะพี่เองก็เห็นต้นเป็นคนดี ถึงจะรักกันไม่ได้จริงๆ พี่ก็ยังอยากจะมีน้องชายที่แสนดีอย่างต้น แต่ตอนนี้...พี่ยังยินดีที่จะรอต้น เป็นกำลังใจให้ต้นเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในตอนนี้"

"ขอบคุณครับพี่แทน ผมอยากจะรักพี่เหลือเกิน ถ้าผมทำได้...ผมจะไม่ลังเลเลย"

ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีๆ ของต้นนะ แต่พี่ก็รู้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ทดแทนคิดในใจ ที่เขารักต้นเพราะต้นทำให้เขานึกถึงแฟนคนแรกที่เขาเพิ่งเล่าให้ต้นฟังไป ต้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกับคนนั้น เป็นคนที่แสนดี มีน้ำอดน้ำทน แต่คนดีๆ คนนั้นกลับถูกเขาทำร้ายจิตใจเสียจนย่อยยับ พอเขาเห็นต้นแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะชดเชยความผิดพลาดให้กับคนๆ นั้นก็กลับมา แต่น่าเสียดาย...ไม่แคล้วเขาก็คงต้องผิดหวังอีกเช่นเคย

--------------------------------------------------

เหลืออีกเพียงวันเดียวเท่านั้นที่งานแต่งงานของสนจะเริ่มขึ้น ดูเหมือนว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่ แต่ก็ไม่เห็นอาการใดๆ ที่บอกว่าเขาดีใจหรือยินดี ในขณะเดียวกันก็ไม่มีอาการใดๆ ที่จะทำให้รู้ว่าสนเสียใจหรือไม่อยากแต่งงานเลย ใบหน้าเขาดูนิ่งมาก ไม่ยิ้ม ไม่เฉย เพราะดูไม่ออกว่าเขามีความรู้สึกใดอยู่

"เฮ้ยสน...นี่มึงคิดอะไรออกหรือยังวะ พรุ่งนี้มึงจะแต่งงานแล้วนะเว้ย จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอวะ" ปั้นจั่นถามขณะนั่งพักด้วยกัน วันนี้เขา นิก ต้นและเอกลางานมาช่วยสนเตรียมงานด้วย พ่อกับแม่ของต้นก็มา แต่เข้าไปช่วยพ่อกับแม่ของสนจัดการในบ้าน

"พรุ่งนี้จะแต่งงานอยู่แล้ว กูจะทำอะไรได้วะปั้นจั่น" สนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"เฮ้ย...ทำไมพูดแบบนี้วะ แล้วไอ้ต้นมันจะไม่เสียใจแย่เหรอวะ" ปั้นจั่นพูดพลางหันไปมองคนที่เขาพูดถึงซึ่งกำลังช่วยนิกกับเอกจัดสถานที่จัดงานอยู่ งานแต่งงานของสนจัดขึ้นที่บ้านเขาเอง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแต่เน้นจัดแบบเรียบๆ ง่ายๆ สนไม่มีญาติอยู่ที่นี่เลย จึงมีแต่เพื่อนบ้าน ที่จะมาเยอะก็คงเป็นญาติของนาเอง

"กูกับต้นคุยกันเข้าใจแล้วล่ะ มึงอย่าห่วงเลย ยังไง...กูก็ไม่ปล่อยให้ต้นเจ็บอยู่คนเดียวหรอก เดี๋ยวกูมานะเว้ย กูจะไปรับน้าสาวกับน้าเขยที่สนามบิน" สนบอกพลางลุกออกไป ปล่อยให้ปั้นจั่นนั่งงงอยู่กับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดเมื่อสักครู่นี้ วันนี้น้าสาวของเขาที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อุตส่าห์ลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อมางานแต่งงานของเขาโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายตรงที่ว่ามันไม่ใช่งานแต่งงานที่เขาอยากจะให้เกิดขึ้นเท่านั้นแหละ

------------------------------------------------------

"ต้นๆ กูถามอะไรมึงหน่อยได้ไหม กูสงสัยมานานละ" เอกเอ่ยขึ้นขณะพาต้นเดินกลับไปที่บ้านของต้นซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของสนไม่มากนัก พอดีที่บ้านสนขาดพานอยู่อีกอันหนึ่ง ต้นเลยจะมาเอาของที่บ้านมาให้ยืมใช้ แต่เอกก็รีบตามมาด้วยเพราะเขาอยากถามเรื่องนี้นั่นเอง

"อะไร" ต้นถามพลางหันมามอง

"มึงกับไอ้สนเนี่ย...เป็นอะไรมากกว่าเพื่อนกันหรือเปล่าวะ"

ก็คงจะเป็นคำถามที่ตอบไม่ยากหรอก ต้นเองก็ไม่อยากปิดบังเพื่อน เพราะเอกคงสังเกตมานานแล้ว สมัยประถมคงไม่มีอะไรให้สังเกตเห็น แต่ในสมัยเรียนมัธยมนั้นมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เอกคงสงสัย ตั้งแต่ที่ต้นกับสนถูกเพื่อนล้อว่าเป็นคู่เกย์กัน บางครั้งสนก็ถูกเพื่อนถามว่าเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า ไม่เห็นจีบหญิงเลย อยู่แต่กับต้น เอกเองก็ยังเคยถามเรื่องนี้ สนก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบมาว่า "ก็ยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้นี่หว่า"

"แล้วมึงคิดยังไงล่ะ" ต้นไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม

"อืม...มึงสองคนชอบกันหรือเปล่าวะ อย่าเพิ่งโกรธนะเว้ย ถ้าไม่จริงก็คือไม่จริง กูแค่สังสัยเฉยๆ ไม่จริงก็แล้วไป" เอกรีบดักไว้ก่อนเพราะกลัวต้นจะโกรธ

ต้นถอนหายใจแล้วก็ตอบไปว่า "อืม...ก็เป็นอย่างที่มึงสงสัยนั่นแหละ แต่ตอนนี้...มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ความรักของคนอย่างพวกกู...มันก็เป็นแต่แบบนี้แหละ ไม่ค่อยมีใครสมหวังเท่าไรหรอก พ่อแม่ที่ไหนเขาก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีครอบครัว มีลูกสืบสกุล ของเราก็เหมือนกัน พ่อแม่เราก็คาดหวังอย่างนั้น แต่เราก็ไม่รู้จะทำให้เขาได้หรือเปล่า" สีหน้าต้นดูเศร้าลงเมื่อพูดมาถึงตรงนี้

"โห...แล้วอย่างนี้มึงไม่เสียใจแย่เหรอวะ" เอกทำสีหน้าเห็นใจ เขารู้ว่าสองคนนี้ต้องรักกันมากอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเองก็เห็นสิ่งนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้นเอง

"ก็มีบ้าง...แต่เราทำใจแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ เรายังอยู่ได้สบาย สนเขาก็มีชีวิตของเขา เราก็คงมีชีวิตของเรา"

น้ำเสียงของต้นแสดงให้เห็นความน้อยอกน้อยใจที่ซ่อนเอาไว้ในใจลึกๆ อยู่ไม่น้อย จะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นเรื่องแปลกมาก พรุ่งนี้แล้วสินะที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขากับสนจะไม่สามารถกอดและบอกรักกันได้ พรุ่งนี้...ช่างเป็นวันที่น่ากลัวสำหรับต้นเหลือเกิน

"แล้วไอ้สนมันไม่เสียใจเหรอวะ" เอกสงสัย

ถ้าเป็นคนอื่น ต้นคงไม่กล้าพูดให้ฟัง แต่ต้นคิดว่าเอกคงจะพอเดาความรู้สึกของสนได้ เวลา 7-8 ปีที่เอกได้เห็นต้นกับสนมา เขาก็คงรู้อะไรบางอย่างบ้างไม่มากก็น้อย ไม่งั้นก็คงไม่ถามเรื่องนี้ ต้นจะบอกว่าสนไม่รู้สึกอะไรเลยก็จะกลายเป็นการโกหกมากไป

"ก็คง...ไม่ต่างจากกูเท่าไรหรอก แต่ชีวิตมันไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอกเอก เครียดไปก็มีแต่จะทำให้ชีวิตเศร้าหมอง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก้าวต่อไปดีกว่า ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ" ต้นพยายามตัดบท เพราะเขาไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ดูเหมือนเอกจะเข้าใจก็เลยไม่ถามเรื่องนี้อีกเลย

-----------------------------------------------------------

ตกเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็พาต้นมานั่งคุยกันตรงสะพานเหล็กข้ามคลองส่งน้ำหน้าบ้านต้น ไม่มีใครตามเขามาเพราะต่างก็อยากให้สองคนนี้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ก่อนที่พรุ่งนี้จะพรากเอาอิสรภาพไปจากชีวิตสน

ต้นกับสนเอาขาแช่น้ำแล้วก็ตีเล่นเบาๆ ปีนี้ย่างเข้าปีที่สิบสี่แล้วที่เขาสองคนรู้จักกัน ในโลกนี้จะมีใครบ้างไหมนะที่คบกันได้ยาวนานขนาดนี้โดยไม่เคยพรากจากกันไปไหนไกลเลย แถมยังแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนอีก

เวลามานั่งที่สะพานเหล็กนี้ทีไร ความรู้สึกเป็นเพื่อนก็จะกลับมาทุกที เพราะความสัมพันธ์ของเขาสองคนเริ่มจากความเป็นเพื่อนนั่นเอง ต้นกับสนจึงเหมือนมีสองสถานะเวลาอยู่ด้วยกัน บางครั้งแต่ละสถานะก็แยกกัน บางครั้งก็ปนๆ กัน บางคราวก็เป็นเพื่อนกัน แต่บางคราวก็เหมือนคนรักกัน หรือบางคราวก็เป็นทั้งสองอย่าง แต่ตอนนี้...ทั้งสองสถานะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่หลังๆ มานี้สถานะคนรักกันนำเด่นมาตลอด

"นายจำได้ไหมต้น นายสอนเราว่ายน้ำตรงนี้" สนพูดพลางใช้ขาตีน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน สนดูแปลกจนต้นสงสัยจริงๆ ทำไมเขาดูไม่ทุกข์ร้อนกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลย ไม่แสดงอาการร้อนรน ไม่แสดงอาการดีใจ ไม่แสดงอาการเสียใจ สนกำลังคิดอะไรอยู่นะ

"จำได้สิ เรายังจำสีหน้ากลัวน้ำของนายได้เลย" ต้นหัวเราะเบาๆ

"นายเคยนับไหมว่าเรามานั่งตรงนี้กี่ครั้งแล้ว"

"ไม่เคย...ใครจะไปจำได้ล่ะ"

"หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยสี่สิบครั้งแล้ว" สนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ถามต่อไปว่า "นายจำตอนที่นายไปปีนต้นหว้าแล้วถูกผึ้งต่อยขาได้ไหม ตอนที่เราอยู่ปอหกไง"

"อ๋อ...จำได้ๆ เจ็บชะมัดเลย ดีนะที่โดนแค่ตัวเดียว เรานึกว่าตัวอื่นๆ มันจะตามมารุมซะแล้ว"

"แล้วเราก็พานายวิ่งขี่หลังกลับมาบ้าน เอายาหม่องมาทาให้ แต่พอเรากลับบ้าน เราโดนพ่อตีเลยที่ไปเล่นซน แถมยังดูแลนายไม่ดีอีกด้วย" สนพูดแล้วก็น้ำตาไหลลงมาเสียอย่างนั้น

"จริงเหรอ พ่อนายตีนายด้วยเหรอ ไม่ใช่ความผิดของนายเลยนะ วันนั้นเราชวนนายไปเอง เราจำได้" แล้วต้นก็หยุดพูดเมื่อเห็นสนมีน้ำตา "สนเป็นไร"

สนยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาที่ยังไหลลงมาไม่หยุด "นายว่าไหม...ไม่มีสักวันเลยนะที่เราไม่รักกัน ไม่รู้สึกดีๆ ต่อกัน ไม่ดูแลกัน ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนถึงวันนี้ เราใจหายน่ะต้น เราพยายามที่จะไม่คิดอะไร พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไร แต่จริงๆ แล้วเราก็รู้สึก เราก็ใจหาย เราจะได้กลับมาดูแลกันอย่างนี้อีกหรือเปล่านะต้น"

"มีสิสน...เรายังมีโอกาสนั้นอยู่ อย่างน้อย...ถ้าอะไรๆ มันจะยากลำบากจริงๆ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ กลับมาที่จุดเดิมของเราไง เหมือนที่เรา...กำลังนั่งอยู่ที่จุดเดิมของเราตรงนี้ที่เราเคยเป็นเพื่อนกัน"

"เราก็หวังว่ามันจะง่ายแบบนั้นนะต้น แต่ความรู้สึกของเราสองคนก็เดินทางมาไกลมาก ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาจุดเดิมได้ถูกหรือเปล่า ตัวของเราอาจจะอยู่ที่เดิม แต่ใจของเรามันยังหาทางกลับที่เดิมไม่ได้ เราไม่อยากแต่งงานเลยต้น แต่เราก็สู้เขาไม่ได้ เราไม่ทันเขา เราพลาดเอง เราผิดเอง ถ้าไม่มีเรื่องนี้...เรากับนาย..."

ต้นเอื้อมมือไปกุมมือสนไว้ บีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ "มันผ่านไปหมดแล้วสน เราก็จำไว้เป็นบทเรียนละกัน เราไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายบ้างเพราะนายไม่ได้เล่าให้เราฟัง ถ้าเราจะเสียใจ ก็คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องที่นายไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังเลย บางทีเราอาจจะช่วยอะไรนายได้ก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ถึงตอนนี้ ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วล่ะ ก็ใช้ชีวิตของเราให้ดีที่สุด ส่วนความสัมพันธ์ของเรา...ก็คงต้องหยุดไว้แค่นี้ เราทำอย่างนั้นอีกไม่ได้แล้ว ชีวิตต้องเดินต่อไป เมื่อเลือกแล้ว เราก็ต้องทำให้มันดีที่สุด ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนที่จะกลับมาที่จุดเดิมของเรา แต่นายก็รู้ว่าเราจะกลับมาที่เดิมได้เสมอ เมื่อนายเจอทางกลับแล้ว นายก็แค่เดินกลับมา เราก็เหมือนกัน ที่เดิมของเรา ก็ยังเป็นที่เดิมของเรา ก็ยังต้อนรับเราสองคนเหมือนเดิม พร้อมเมื่อไรเราก็จะกลับมาด้วยกันนะสน"

สนโผเข้ากอดต้น คนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักในช่วงเวลาเกือบทั้งชีวิตที่ผ่านมา เมื่อความรักมันไปต่อไม่ได้ แต่อย่างน้อย...เขาสองคนก็ยังมีที่เดิมให้เดินกลับมา รอแค่ว่าเมื่อไรเขาสองคนจะอยากกลับมาตรงจุดนี้...เท่านั้นเอง สะพานเหล็กแห่งนี้ยังรอคอยเขาสองคนอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะกลับมาในฐานะอะไร เขาสองคนก็กลับมาได้เสมอ ไม่ว่าจะรักกันแบบไหน ความรักก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กัน โลกที่สับสนวุ่นวายทุกวันนี้ยังอยู่ได้เพราะเรายังมีความรักให้แก่กัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:35:45 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ไม่เสียใจที่ไม่ปลื้มกับการกระทำของสนที่ผ่านมา!

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สนคงไม่ใช่แบบฉบับของพระเอกที่หลาย ๆ คนปลื้ม  รวมมั้งเราด้วย
แต่เชื่อว่าในชีวิตจริง ๆ คนรอบตัวของใครหลาย ๆ คนก็ซื่อบื้อ อ่อนแอ และเห็นแก่ตัวเช่นกัน
คนที่ต้องเจ็บที่สุดไม่ใช่สน  แต่เป็นต้นต่างหาก  ซ้ำตอนนี้ยังถลำตัวลึกลงไปอีก
ได้แต่หวังว่ามโนธรรมจะช่วยให้ต้นได้คิดว่า  สุดท้ายแล้วต้นควรทำอย่างไร
จะ sad ending ก็ไม่แปลกอะไรเลย

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ทำไมมันเศร้าอย่างงี้อ่ะ  :sad4:  แล้วจะเป็นงัยต่อไป  ทั้งต้นและสน o22


อยากรู้ยัยนาทำอะไร วิธีไหน ถึงทำให้สนตกหลุมได้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เมื่อไหร่จะจบอ่ะ อยากรู้ตอนจบแล้วมันอึดอัดมาทั้งเรื่องเลย อ่านแล้วเครียดมาก ชอบเรื่องนี้นะแต่มันหน่วงใจเดี๋ยวรออ่านตอนจบทีเดียวดีกว่าถ้า happy ก็จะอ่านต่อแต่ถ้าไม่ก็หยุดอ่านแค่นี้แหละ ทำใจไม่ได้ ถ้าอ่านแล้วเราจะเก็บไปคิดหลายวันเลย ดีนะที่เป็นเรื่องแต่งถ้าเป็นเรื่องจริงเราไม่กล้าอ่านเลยอินไปกับเรื่องของเขา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ที่ชอบสไตล์การเขียนของคุณ Sarawatta เท่าที่อ่านมา 2 เรื่อง มันดูมีมิติ เหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คนจริงๆ
นายเอกไม่จำเป็นต้องนิสัยดี หน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิง พระเอกก็ไม่ต้องเก่งเลอเลิศ หล่อรวย แสนเพอร์เฟคอะไร
อ่านแล้วอินมากๆค่ะ ลุ้นตามตลอด และที่ชอบที่สุดคือความรักความผูกพันที่มีมาแต่เด็กของตัวละครค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆในหัวใจ อันนี้ชอบมาก....... มันมีพัฒนาการความรักที่เห็นและสัมผัสได้

การที่เขียนจนคนอ่านอินกันหลายๆคนนี่ แสดงว่าแต่งได้ดีระดับนึงแล้วนะคะ สู้ๆต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

----------------------------------------

ลองถามตัวเองอยู่เหมือนกัน หากเกิดขึ้นกับตัวเอง จะทำอย่างต้นกับสนมั้ย คำตอบคือ "ทำ"
ไม่ใช่ว่าจะแย่งของๆใครหรอกนะ แต่บางทีเรื่องของหัวใจ มันใช้ใจคิดอ่ะ สมองเหมือนจะใช้การไม่ได้กับเรื่องนี้
เวลาเป็นเรื่องของคนอื่น เราจะบอกให้เค้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้เป็นฉากๆ แต่พอเป็นเรื่องตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ไปไม่เป็นกันทั้งนั้น
ทั้งๆที่มองเห็นทางออก บางทีก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เข้าใจสนและต้นมากๆ กับตอนนี้

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเถอะ อย่างน้อย หากสนไม่ต้องแต่งงานกับนา
ก็เป็นการช่วยให้นาไม่ต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิตเพราะแต่งกับผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเองและแถมยังรักอยู่กับผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย
มันคงเป็นอะไรที่เลวร้าย..... มากๆสำหรับนานะ หากรู้เรื่องราวทั้งหมดในวันที่สายไปแล้ว

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
จะรักกันมากแค่ไหน รู้จักกันมานานแค่ไหน
แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ณ ปัจจุบัน คน ๆ นั้นกำลังจะแต่งงาน (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม)
แต่ก็ยังถลำลงไป ชีวิตจริงเยอะแยะนะแบบนี้ที่แยกแยะเอาชนะใจตัวเองไม่ได้

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399

เป็นกำลังใจให้ก่อนเลยนะค่ะ เข้ามาจิ้มๆๆ ไว้ก่อน

ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้อ่านเลย

แต่อยากบอกขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ชอบต้นสนมาก แม้ว่าสนจะเป้นอย่างไร โลเลหรือนิสัยไม่ดีก็แล้วแต่

ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว สนเองก็เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นแค่ตัวละครหนึ่งๆ และเขาก็เป็นมนุษย์ตัวหนึ่งในนิยาย

เขาก็ย่อมมีจิตใจเหมือนกับเรา การยอมรับว่าตัวเองนั้นชอบผู้ชายด้วยกันคงไม่ง่าย คงไม่แปลกที่สนจะเป็นคนโลเลในความ

รู้สึกของตนเอง ในความคิดของเราสนไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรเลย เวลาที่ได้อ่านซ้ำเรายังนึกสงสาร รักต้น แต่ไม่เคย

แน่ใจและรับรู้เลยในความรู้สึกของตนเอง เราว่าในมุมหนึ่งสนก็เป็นคนที่น่าสงสารในความหมั่นไส้

ต้นเองก็เป็นนายเอกที่มีความอดทนสูงมาก แต่อุปสรรคความรักมันมาจากมือที่สามมากกว่าที่เข้ามาคั่นกลาง

ความรักของคนสองคน

ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปนะค่ะ อย่าคิดมากนะ รักต้นสนที่สุดเลยค่ะ  :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เรื่องของสน  อ่านมาถึงตรงนี้แล้วงงมากว่า ที่โดนผู้หญิงจับนี่จับยังไง   ผู้หญิงท้อง?  หรือว่าขู่ว่าไม่แต่งจะแฉว่ามีอะไรกันแล้ว?

คือถ้ามีอะไรกันแล้ว แล้วต้องแต่งเท่านั้น  เพราะเป็นบรรทัดฐานของสังคมเนี่ย เรื่องชายรักชายคงไม่มีทางเป็นไปได้เลย


ปล.เรื่องที่ผู้แต่งกังวลว่า ผู้อ่านจะคิดผิดไปว่าสนโลเลนั้น อย่าคิดมากเลยค่ะ  เพราะโลเลกับไม่แน่ใจมันต่างกันไม่มาก ถ้าจะมีผู้อ่านคิดว่าสนโลเลก็ไม่ได้แปลกอะไร

ปล.2 แต่เรากลับคิดว่า สนไม่ได้โลเลแต่เห็นต้นเป็นของตายเลยจะทำอะไรก็ได้ เรื่องมันถึงมีเหตุและส่งผลมาถึงตอนนี้

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
ถึงตอนนี้ลุ้นมาก ในที่สุดสนก็เริ่มจะทำตัวสมกับเป็นพระเอกซะที
เรื่องจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านต่อไปแล้ว  :sad4:
ปล.ชอบนิยายของคุณคนเขียนมากครับ ทั้งสองเรื่องเลย สู้ๆนะครับ <3

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
ไม่รู้สนจะทำงัยต่อ  แต่ที่แน่ๆ  ทั้งคู่ก็ได้รู้ความในใจกันแล้ว

ไม่ใช่ต้นที่รัก และรู้สึกคนเดียวอีกต่อไป  ห่างกายแต่ใจเรารักกัน 

รอให้มีวันของ 2 คนได้อยู่ด้วยกัน :z2:

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
พึ่งเข้ามาอ่าน และกำลังติดอย่างงอมแงม

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
สนและต้นอาจไม่ใช่นายเอกและพระเอกในนิยาย แต่มีอยู่จริงในชีวิตจริง
ชีวิตที่หลายคู่อาจต้องยอมเพื่อรักษาคำว่าวงศ์ตระกูล หน้าตาพ่อแม่
สังคมเมืองหลวง ทุกคนอาจต่างคนต่างอยู่ บ้านใครบ้านมัน แต่สังคมบ้านนอก
เหมือนสนกะต้น บ้านถึงบ้าน ข่าวถึงข่าว เรื่องแบบนี้น้อยคนที่เข้าใจ คำติฉินนินทา
เหมือนไฟลามทุ่ง เรื่องราวรักเพศเดียวกัน เหมือนรักแบบตัวตลก เหมือนเรื่องผิดหลัก
เพราะสังคนชนบท ชายคู่หญิง ชายคู่ชายแค่เรื่องน่าอาย และเราเข้าใจ ปัญหาทุกปัญหา
ไม่ใช่นิยายที่ง่ายแค่ดีดนิ้ว เรื่องจริงบางทีคิดแทบตายก็หาทางไม่ได้ เรื่องนี้ เหมือนเราอ่านนิยาย
ที่ไม่ใช่นิยาย เหมือนได้ฟังชีวิตจริงของใครสักคน

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนตอนนี้จากหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ชื่อ "ลูกหลง" เคยดูเมื่ออายุ 7-8 ขวบครับ
แต่ยังจำตอนจบของเรื่องได้มาจนถึงปัจจุบัน


------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 32: Let's Elope



ในที่สุดวันแต่งงานของสนกับนาก็มาถึง งานทั้งหมดจัดขึ้นที่บ้านของสนเพราะบ้านแม่ของนาเป็นทาวเฮาส์ ไม่มีพื้นที่ที่จะให้จัดงานแบบนี้ได้มากนัก จึงได้ตกลงกับทางพ่อแม่ของสนว่าจะจัดงานที่บ้านของสนแทน พิธีแต่งงานนั้นก็จัดแบบไทยๆ แต่ตัดขั้นตอนให้สั้นลงเหลือเพียงการแห่ขันหมากช่วงเช้าและพิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่าย หลังจากนั้นจะเลี้ยงอาหารเย็นแล้วทำพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เรือนหอซึ่งก็คือบ้านของสนนั่นเอง

ประมาณสายๆ ขบวนแห่ขันหมากก็เริ่มขึ้น เจ้าบ่าวมาในชุดไทยผ้าไหมสีขาวแขนทรงกระบอก ใครเห็นต่างก็ชื่นชมว่าเจ้าบ่าวช่างหล่อเสียเหลือเกิน พาให้อยากเห็นเจ้าสาวเช่นกันว่าจะสวยสมกันเพียงใด คนที่มาเป็นเถ้าแก่ให้ก็ไม่ใช่ใคร พ่อของต้นนั่นเอง คนที่มาร่วมขบวนแห่ขันหมากก็เป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน เพื่อนเจ้าบ่าวก็เป็นเพื่อนเก่าร่วมคณะของสนสมัยเรียน เรื่องเพื่อนเจ้าบ่าวนี้พ่อกับแม่ของสนยังเคืองสนไม่หายที่ไม่ยอมให้ต้นมาเป็นให้ แม้จะอธิบายไปหลายครั้งแต่แม่ก็ยังค้อนปะหลับปะเหลือกอยู่

เมื่อเสียงกลองยาวและไชโยโห่ฮิ้วดังขึ้น ต้นก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงเดิน เห็นเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างหน้าแล้วต้นก็ได้แต่ใจหาย บางคราวต้นก็ต้องเบือนหน้าหนี เขาคิดว่าเตรียมตัวเตรียมใจมาดีแล้วในระดับหนึ่ง แต่พอเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ต้นก็พบว่ามันยากที่จะทำใจไม่น้อยเลย มันคงจบลงจริงๆ แล้วล่ะ ต่อจากนี้ไปเขาก็คงทำได้แค่รักสนอยู่เงียบๆ กลับมาทำตามความตั้งใจเดิมที่เขาว่าจะทำให้ได้แต่ก็ยังทำไม่ได้เสียที เมื่อสถานการณ์บังคับแบบนี้แล้วเขาก็คงไม่มีทางเลือกที่ดีไปมากกว่านี้

แล้วเจ้าบ่าวล่ะ วันนี้ทำไมดูเขายิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น หรือว่าจริงๆ แล้วสนก็คงดีใจที่จะได้แต่งงานเสียที ก็ไหนว่าไม่อยากแต่งงานยังไงล่ะ ทำไมถึงได้แสดงอาการไม่เหมือนกับที่เคยพูดไว้เลย ต้นไม่เข้าใจสนเลยจริงๆ หรือว่าสนก็แค่ทำหน้ายิ้มแย้มไปอย่างนั้นหรือเปล่า เฮ้อ...แล้วนายจะฟุ้งซ่านไปทำไมนะต้น นี่มันงานแต่งงานของเขา นายไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ความรักแบบนั้นของเขากับสนต้องยุติลงในทางพฤตินัยเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเขากับสนเป็นชู้กัน

เมื่อเข้ามาในบริเวณที่สมมติว่าเป็นบ้านเจ้าสาวชั่วคราว สนก็ต้องแจกซองตามประตูเงิน ประตูทองที่ญาติฝ่ายหญิงกั้นไว้ เมื่อผ่านด่านทั้งหมดไปแล้ว ต้นจึงได้เห็นเจ้าสาวของสนที่อยู่ในชุดไทยแสนสวยนั้น เป็นชุดสะไบเฉียงสีขาว สีเดียวกับชุดของเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็สวย ช่างสมกันดีจริงๆ ต้นไม่มีอะไรที่สู้เขาได้เลย

พอญาติฝ่ายหญิงซึ่งก็เป็นพ่อกับแม่ของนารับขันหมากและตรวจสินสอดแล้ว ก็ถึงคราวที่เจ้าบ่าวต้องสวมแหวนให้เจ้าสาว ทดแทนต้องมาคอยยืนอยู่ข้างๆ ต้นเมื่อเห็นสีหน้าต้นที่เริ่มซีดเผือด ภาพที่เจ้าบ่าวสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาวช่างบาดตาบาดใจต้นเหลือเกิน แค่นั้นยังเจ็บไม่พอ เพื่อนๆ และญาติๆ ของฝ่ายเจ้าสาวยังยุให้เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวเสียอีก ต้นถึงกับต้องกัดฟันแน่น ทดแทนต้องคอยบีบมือให้กำลังใจตลอดเวลา แต่ก็พยายามไม่ให้ใครเห็นและสังเกตได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นเรื่องขึ้นมา

หลังจากสวมแหวนแล้ว สนกับนาก็ไหว้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ในบางงานเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะจดทะเบียนสมรสกันในวันนี้เลย แต่สนก็ขอผลัดไปเป็นวันถัดไป ก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะช่วยยื้อเวลาได้มากน้อยเพียงใด แต่เขาก็ต่อรองกึ่งอ้อนวอนได้จนสำเร็จไม่ให้จดทะเบียนสมรสกันในวันนี้

"ทำใจดีๆ ไว้นะต้น" ทดแทนคอยกระซิบเตือนอยู่หลายครั้งที่เห็นต้นเกิดอาการ นิก ปั้นจั่นและเอกเองก็คอยมองดูต้นอย่างเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนเจ้าบ่าวไม่ค่อยสนใจการมีอยู่ของต้นเท่าใดนัก เขาแทบจะไม่หันมามองหาต้นเลยด้วยซ้ำ ต้นก็เลยได้แต่น้อยใจ ถึงจะห้ามแล้วแต่มันก็ห้ามไม่ได้ ต้นจนปัญญาที่จะจัดการกับความรู้สึกภายในของตัวเองแล้วล่ะ ทุกอย่างทะลักทะล้นจนต้นแทบจะเก็บไม่อยู่

"พี่แทน...พาผมไปข้างล่างหน่อยได้ไหมครับ" ต้นบอกเสียงสั่น เขาอยากร้องไห้ เขาคงจะปล่อยโฮอีกในไม่ช้านี้หากยังยืนดูภาพที่บาดตาบาดใจเช่นนี้ต่อไป

ทดแทนพยักหน้าแล้วก็พาต้นลงมาข้างล่าง พอลงมาถึงข้างล่างแล้วต้นก็เดินแกมวิ่งไปที่สวนหลังบ้านของสนที่เขาเคยมาช่วยสนรดน้ำแปลงผักตอนเด็กๆ ตอนนี้มีต้นมะม่วงและฝรั่งที่พ่อกับแม่ของสนปลูกไว้จำนวนหนึ่งสำหรับขาย พอลับตาคนแล้วต้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น เขายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยมีทดแทนคอยตบไหล่ปลอบใจอยู่ข้างๆ สุดท้าย...คนที่เจ็บก็คงเป็นต้นคนเดียว นี่สินะที่คงจะเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมต้นต้องตัดใจ แม้จะเคยคิดว่าเขาจะรักสนต่อไป แต่ตอนนี้ต้นเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนเขาคิดว่าควรจะเลิกรักเสียดีกว่า

ทดแทนได้แต่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจโดยไม่พูดอะไร รอจนกระทั่งต้นค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้เขาจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ต้นเช็ดหน้าเช็ดตา

"ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนดีกว่านะต้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะสงสัย" ทดแทนแนะนำเมื่อเห็นต้นหยุดร้องไห้แล้ว

ต้นพยักหน้า เห็นทดแทนคอยมาอยู่ข้างๆ ในเวลานี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ต้นก็ได้แต่หวังว่า ความเจ็บปวดในครั้งนี้คงจะช่วยให้ต้นตัดใจจากสนได้ง่ายขึ้น แล้วในไม่ช้าเขาก็คงจะเปิดใจรักทดแทนได้ แต่ตอนนี้ต้นเจ็บจริงๆ สนจะรู้บ้างไหมว่าเขาเจ็บแค่ไหน มีความรักแล้วมันก็เป็นทุกข์อย่างนี้นี่เอง

--------------------------------------------------------------------

ในที่สุดพิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่ายก็มาถึง คู่บ่าวสาวพร้อมแล้วและนั่งเคียงคู่กันตรงตั่งรับน้ำสังข์พร้อมกับมงคลที่ครอบศีรษะของทั้งคู่ไว้ ประกาศให้รู้เป็นนัยๆ ว่าเขาทั้งสองคนได้ถูกมัดตรึงไว้ด้วยกันแล้ว

ใจของต้นตอนนี้หายไปจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ถึงตอนนี้เขาก็ปลงแล้วว่ามันจบลงแล้วจริงๆ ไม่มีอีกแล้วโอกาสนั้น แม้จะทำได้แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทั้งสำหรับสังคมและตัวต้นเอง ดูเหมือนพ่อกับแม่ของต้นเองก็เริ่มสงสัยอาการของลูกชายที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกัน แถมยังมีทดแทนคอยยืนประกบไม่ห่างมาตั้งแต่เช้า แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปถามอะไรเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ของสนเตรียมงานหลายอย่าง จึงได้แต่คอยสังเกตดูด้วยสีหน้ามีคำถาม

ในช่วงนี้นี่เอง หลังจากที่สนทำเป็นไม่สนใจต้นมาตั้งแต่เช้า พอถึงพิธีรดน้ำสังข์ สนก็สอดส่ายสายตามองหาต้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย  เมื่อได้เจอแล้ว ได้สบตากัน ได้เห็นสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดสิ้นหวังของต้น สนก็รู้ว่าคงถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรบางอย่าง ภาพเดิมๆ ในอดีตของเขากับต้นฉายย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา ราวกับจะตอกย้ำให้ชัดอีกครั้งว่าสนควรจะทำอะไรตอนนี้

ภาพแรกที่เห็นก็คือภาพที่ต้นมาชวนเขากินข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะเขาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ภาพที่เขากับต้นนั่งเล่นน้ำด้วยกันที่สะพานเหล็ก ภาพงานวันเกิดครั้งแรกของสนพร้อมกับของขวัญวันเกิดชิ้นแรก ภาพที่สนได้อ่านข้อความที่ต้นแอบเขียนใส่กระดาษไว้ใต้โต๊ะของเขา พออ่านแล้วสนก็รีบวิ่งไปตามหาต้นและขอโทษที่เขาเคยอายเพื่อนเวลาที่ต้นเอาน้ำมาให้ตอนเล่นฟุตบอล ภาพต้นถอนเงินสี่หมื่นบาทมาให้เขาได้ใช้เรียนหนังสือ ภาพที่เขากับต้นได้เรียนต่อด้วยกันและอยู่ในบ้านหลังนั้น ภาพเหตุการณ์ที่สนรู้ว่าต้นเป็นเกย์แล้วบาดหมางใจกันและวันที่ต้นกลับมา ภาพที่ต้นยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อไปทำงานหาเงินมาให้พ่อแทนสน ภาพเหตุการณ์ที่เขาคอยหึงหวงและกันท่าพี่ปิ๊กที่มาจีบต้น ภาพที่เขาไม่สบายแล้วต้นคอยมาดูแล ภาพที่ต้นยิ้มดีใจที่เขาเรียนจบปริญญาตรี ภาพรอยยิ้มและความสุขที่เขากับต้นได้ใช้ชีวิตด้วยกัน จนมาถึงวันนั้น วันที่เขาได้บอกรักต้นและมีสัมพันธ์ทางกาย และภาพเมื่อก่อนเที่ยงที่ต้นแอบหลบไปทำใจหลังบ้านของเขา

เอาล่ะ...นี่คือสิ่งที่สนตัดสินใจและคิดมาหลายวันแล้ว ที่ผ่านมา เขาพยายามคุยกับนา บอกเธอว่าเขาไม่ได้รักเธอและขออิสรภาพคืนให้เขา ไม่ว่าเขาจะเสนอแลกด้วยสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเงินทองที่เขาเองก็มีไม่มาก เธอก็ไม่ยอมท่าเดียว หลายครั้งที่เขาขอร้องอ้อนวอนและชี้ให้เธอเห็นว่าทำไมเขาและเธอจึงไม่ควรแต่งงานกัน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นาก็ยังยืนกรานที่จะให้เขารับผิดชอบและข่มขู่ด้วยหลักฐานชิ้นนั้น บวกกับพ่อและแม่ของนาที่มาคอยกดดันเขาต่างๆ นาๆ และใช้เล่ห์เหลี่ยมที่เขาตามไม่ทันจนต้องยอมตกปากรับคำกับพ่อและแม่ของเธอว่าเขาจะรับผิดชอบ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

เอาล่ะ...เมื่อเขากับนาไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการคุยหรือตกลงกันได้ วิธีนี้ก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่สนคิดหาทางออกได้ในตอนนี้ เขาไม่มีอะไรจะต้องเสียไปมากกว่านี้ เขาอาจจะถูกใครต่อใครด่าประนาม เขาอาจจะต้องได้รับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ทำ หรืออาจจะมีอะไรที่เขาไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่วันนี้...สนยอมที่จะให้ทุกอย่างที่เขากลัวเกิดขึ้น ที่เขาเคยประวิงเวลาและไม่ตัดสินใจทำอะไรในช่วงที่ผ่านมาเพราะเขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร มีแค่วันนี้เท่านั้นที่ดีที่สุดแล้ว มันอาจจะทำให้ชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บและอาย แต่ก็อาจจะสาสมกับสิ่งที่เธอทำกับเขา และมันก็น่าจะดีกว่าที่จะให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเธอเลย

เอาล่ะ...สนตัดสินใจแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า...เขารักคนที่ยืนเจ็บปวดหัวใจอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนักมากเพียงใด

ก่อนที่น้ำสังข์หยดแรกจะหยดลงมา สนก็หันไปหานาแล้วเรียกเบาๆ

"นา..." สนหยุดและยิ้มอยู่สักพักเมื่อนาหันมามองอย่างสงสัย "พี่ขอโทษนะ"

พอพูดจบสนก็ถอดมงคลนั้นออกแล้วก็ลุกขึ้น เขาวิ่งปรื๋อออกไปอย่างสุดชีวิตท่ามกลางความตกใจของญาติเจ้าบ่าวและเจ้าสาว นาร้องเรียกเขาด้วยอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สนก็ไม่หันกลับมาอีกแล้ว เขากระโดดข้ามโต๊ะวางสิ่งของที่กีดขวางอยู่ จุดมุ่งหมายของเขาคือคนที่กำลังยืนเสียใจปานว่าจะขาดใจนั่นเอง

พอถึงที่หมายสนก็รีบฉุดแขนต้นวิ่งออกมาจากงานทันที ต้นร้องถามอย่างตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว "สน...นี่นายจะทำอะไร นายจะพาเราไปไหน"

สนรีบตอบมาว่า "ไปก่อนต้น อย่าเพิ่งถาม"

ต้นวิ่งไปตามแรงดึงของสนแต่ก็ไม่ถึงกับขืนตัว เมื่อพอจะเข้าใจว่าสนกำลังทำอะไรแล้ว ต้นก็วิ่งตามไปโดยที่สนไม่ต้องออกแรงดึงเลย ทั้งคู่จับมือกันแล้วก็วิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิต ญาติฝ่ายเจ้าสาววิ่งตามสนมากันหลายคน แต่ก็ไม่ทัน สนพาต้นวิ่งมาที่รถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านริมคลองส่งน้ำ พอเข้าไปนั่งข้างในแล้วเขาก็ขับออกไปทันที ทิ้งงานแต่งงานที่เป็นเหมือนคุกขังชีวิตเอาไว้ข้างหลัง

"พ่อเอ๊ย สนมันพาต้นหนีไปแล้วพ่อ โอย...ฉันจะเป็นลม นี่สนมันทำอะไรของมัน" แม่ของสนแทบจะเป็นลมล้มพับจนพ่อของสนต้องรีบวิ่งเข้ามาประคอง แค่สนหนีไปคนเดียวก็ว่าน่ากลุ้มใจแล้ว แต่นี่ยังพาต้นหนีไปด้วย น้าสาวกับน้าเขยของสนเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบวิ่งมาดูพี่สาวที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม

พ่อกับแม่ของต้นก็ยืนงงด้วยอาการไม่ต่างกัน แม่ของต้นถึงกับเอามือทาบอกและเข่าอ่อนจนพ่อของต้นต้องคอยประคองไว้อีกคน

"โอยพ่อ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสนถึงได้พาต้นหนีไปอย่างนั้นล่ะพ่อ" แม่ต้นถามอย่างตกตะลึง แต่พ่อของต้นก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้เช่นกันนอกจากความตกใจ ได้แต่มองดูลูกชายของตัวเองวิ่งหนีไปกับเพื่อนรักที่วิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าเป็นชายกับหญิงก็คงจะพอเข้าใจได้ว่าเป็นการหนีตามกันไป แต่พ่อกับแม่ก็ของต้นก็ไม่สามารถจะเข้าใจไปในทางนั้นได้

นิก ปั้นจั่น เอกและทดแทนก็ตกตะลึงไม่แพ้คนอื่นๆ ไม่มีใครคาดคิดด้วยซ้ำว่าสนจะกล้าทำแบบนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจและเอาใจช่วยเพราะรู้ว่าสนคงกดดันมาก การที่เขาต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รัก แถมคนที่รักก็ยังมายืนหน้าซีดเสียใจอยู่ในงาน สนจะทนดูอยู่เฉยได้อย่างไร สนรักต้นมากแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี มันก็ไม่ถูกหรอกที่ทำแบบนี้ แต่บางทีพอคนเรามันเข้าตาจนมากๆ มันก็อาจจะทำอะไรแบบนี้ได้ ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องมันคงจะไม่บานปลายเลวร้ายไปกันใหญ่

นายังนั่งตกตะลึงอยู่ที่ตั่งรับน้ำสังข์และร้องไห้อย่างน่าสงสาร ในบางคราวเธอก็อยากจะยอมแพ้และปล่อยสนไป แต่ในบางคราว เมื่อนึกถึงวันนั้นที่สนปฏิเสธความรักของเธอ เธอก็เจ็บแค้นและอยากจะเอาชนะให้ได้ แต่วันนี้ เธอก็ได้ตระหนักแล้วว่า เธอเอาชนะเขาไม่ได้เลย เพียงแต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสนจะทำถึงขนาดนี้

"หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะนา คนเฮงซวยแบบนี้ไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้มัน คลิปนั่นอยู่ไหน เอามาเปิดให้พ่อกับแม่มันดูเดี๋ยวนี้ จะได้รู้เสียทีว่ามันเลวแค่ไหน" แม่ของนาส่งเสียงด่าลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดเพราะเสียหน้าที่ลูกสาวถูกเจ้าบ่าวทิ้งกลางคัน

"นาลบทิ้งไปแล้วค่ะแม่" นาตอบพลางมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างหวาดๆ

"นา!!! นี่ลูกบ้าไปหรือเปล่า ไปลบทิ้งทำไมหา!!! ไม่ได้ดั่งใจเลย!!!" แล้วคนเป็นแม่ก็ฟาดฝ่ามือเปรี้ยงลงไปบนใบหน้าลูกสาว ท่ามกลางความตกตะลึงของญาติที่มามุงดู

นาลูบใบหน้าของตัวเองพร้อมกับก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่เธอลบคลิปนั่นทิ้งไปเพราะเธอก็รู้สึกละอายใจเหมือนกัน เธอใส่ร้ายสนว่าเป็นคนตั้งกล้องถ่ายโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่คนที่ทำจริงๆ ก็คือเธอเอง แล้วนาก็ไปฟ้องพ่อกับแม่ว่าสนเอาคลิปนั้นไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต แน่นอนเธอเป็นคนที่แอบเอาคอมพิวเตอร์ของสนปล่อยคลิปนั้นด้วยตัวเอง พ่อกับแม่ของเธอโกรธมากจนถึงกับจะเอาเรื่องสน และเรียกให้สนมาตกลงที่บ้านเพื่อให้สนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของความวุ่นวายในวันนี้

"ไปปกปิดความชั่วของมันทำไม ในเมื่อมันไม่ไว้หน้าลูกแบบนี้ ก็แฉให้หมดไปเลยว่ามันทำเลวอะไรไว้บ้าง" แม่ของนาด่าอย่างเกรี้ยวกราด

"นาขอโทษค่ะแม่ นานึกว่าคงไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว"

"โอ๊ย...ฉันจะบ้าตาย มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวฉันจัดการเอง" ว่าแล้วแม่ของนาก็เดินรี่เข้าไปหาพ่อกับแม่ของสนที่ยังยืนงงกันอยู่

"พวกคุณต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จ่ายฉันมาล้านหนึ่ง ถ้าไม่งั้นฉันเอาเรื่องแน่ ลูกชายของพวกคุณทำลูกสาวฉันเสียหาย มันแอบถ่ายคลิปลูกสาวของฉันแล้วก็เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต รู้ไหมว่าฉันอับอายเขาแค่ไหน นี่ขอให้มันรับผิดชอบ ให้มันแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว มันกลับมาหนีไปซะนี่ เลว!!!"

พ่อแม่ของสน พ่อแม่ของต้นและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบจะเรียกได้ว่าช็อกเสียมากกว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยจริงๆ ว่าสนจะทำเรื่องแบบนั้นได้ มิน่าล่ะ สนมันถึงต้องรีบแต่งงานแบบนี้ พ่อกับแม่ของสนได้แต่รำพึงในใจว่า 'ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก' ที่ผ่านมาสนไม่เคยทำตัวเสื่อมเสียแบบนี้เลย

"ตกใจกันมากใช่ไหมที่รู้ว่าลูกชายของพวกคุณทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ แล้วฉันล่ะ...รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่ไอ้หมอนั่นมันทำแบบนี้กับลูกสาวของฉัน ฉันอายจนไม่มีอะไรจะอายอยู่แล้ว อุตส่าห์ตกลงกับมันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้ แต่ดูมันทำตอนนี้สิ" แม่ของนาตวาดจนตัวสั่นเทิ้มจนพ่อของนาต้องเข้ามาปรามให้หยุดเพราะอายแขกเหรื่อที่มาในงาน

"คุณจะบ้าหรือไง เอาลูกสาวตัวเองมาประจานแบบนี้"

"มันจะมีอะไรที่ต้องอายกว่านี้อีก แค่เจ้าบ่าวหนีไปนี่มันก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ก็ให้มันรู้กันไปเลยสิ จะมาปิดไว้อีกทำไม แฉมันให้หมดเลย"

แม่ของนายังไม่ยอมหยุดโวยวาย ตอนนี้แม่ของต้นกับสนเป็นลมล้มพับไปทั้งคู่แล้วจนพ่ออีกสองคนต้องหายาดมมาปฐมพยาบาล ความวุ่นวายจึงไปอยู่ตรงนั้นแทน แม่ของนาจึงต้องลดความเกรี้ยวกราดลงเพราะไม่รู้จะไปลงกับใคร

เสียงแขกเหรื่อที่มาในงานวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเซ็งแซ่ทำให้นาต้องเอามือปิดหู เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้สำนึกสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่เมื่อทำไปแล้ว เธอก็ถอยไม่ได้ ดันทุรังจนทุกอย่างมาถึงวันนี้ แล้วทุกอย่างก็พังลงในพริบตา กรรมคงตามสนองสิ่งที่เธอได้ทำกับสนไว้แล้วล่ะ

"หยุดร้องให้เดี๋ยวนี้นะนา กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย!!!" แม่ของนาหันกลับมาเล่นงานลูกสาวแทน พอเห็นนายังนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมเธอก็เลยเดินมาลากแขนลูกสาวออกไป

ก่อนไปแม่ของนาก็ชี้หน้าด่ากราดไปทั่วว่า "ฉันไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่ไอ้สนมันทำเอาไว้"

นั่นแหละ ความโกลาหลทั้งหลายแหล่จึงค่อยๆ ลดลงเมื่อครอบครัวและญาติๆ ของนาเริ่มทยอยกลับไป จนตอนนี้เหลือแต่พ่อแม่ของต้นกับสน น้าสาวกับน้าเขยของสน นิก ปั้นจั่น เอกและทดแทนที่ยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ คนที่ก่อเรื่องไว้ก็ไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแถมยังปิดโทรศัพท์หนีกันทั้งสองคน

------------------------------------------------------------------

"ไปไหนกันดีต้น นายนึกออกหรือยัง" สนหันมาถามเมื่อเห็นว่าขับรถออกมาไกลแล้ว

"อืม...ไปรีสอร์ทแถวๆ สวนสนดีไหม ที่เราไปพักตอนนั้น"

"ได้ๆ เราก็ว่าดีเหมือนกัน" สนบอกแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปทางนั้น พอเจอทางหลวงหมายเลขสี่แล้วเขาก็ขับตรงไป

"กลัวหรือเปล่าต้น" สนหันมาถาม สีหน้าเขาก็เป็นกังวลเหมือนกัน

"เรากังวลกับพ่อแม่ของเรามากกว่า ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง"

นั่นสิ สนก็เป็นห่วงเหมือนกัน ได้แต่ขอโทษพ่อกับแม่ในใจที่เขาต้องก่อเรื่องทิ้งไว้ให้ แต่สนตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนี้ เขาก็ได้แต่หวังว่าถ้าเขาเล่าความจริงให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อกับแม่คงเข้าใจและให้อภัย แต่ตอนนี้ เขาขอพาตัวเองหนีไปก่อน แล้วเขาจะกลับไปสะสางปัญหาและยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น

"เราสัญญานะต้น เราจะกลับไปแก้ปัญหาทุกอย่างเอง นายไม่ต้องห่วงนะ เรายินดียอมรับผิดและรับโทษทุกอย่าง เรารู้ว่ามันไม่ดีหรอกที่ทำแบบนี้ แต่เรา...ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เราไม่อยากแต่งงานกับนา เราไม่ได้รักเขาเลย ไม่ได้รักแม้แต่นิดเดียว แต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุขหรอก มีแต่จะมีปัญหามากขึ้น"

"ถึงที่พักแล้วนายเล่าให้เราฟังหน่อยนะสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับนา เราสงสัยมานานแล้ว"

"ได้สิต้น เราจะเล่าให้นายฟังทุกอย่างที่นายอยากฟัง แล้วนาย...โกรธเราไหมที่เราพานายหนีมาแบบนี้"

ต้นถอนหายใจยาว มองไกลออกไปข้างหน้า ยามบ่ายเช่นนี้แดดค่อนข้างแรงจนรู้สึกแสบตา "เรื่องโกรธคงไม่โกรธหรอก แต่เรากังวลหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้มากกว่า อีกอย่างเราก็สงสารนาด้วย เขาเป็นผู้หญิง ยังไงเขาก็เสียหาย"

"แต่เราไม่ได้รักเขานะต้น จะให้บอกอีกกี่ครั้งเราก็ยังตอบอย่างเดิม ในเมื่อเราคุยดีๆ ก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นใจเรา ต้น...นายรู้ไหมว่า เมื่อเช้านี้เราใจแทบขาด เราพยายามไม่มองหน้านาย พยายามไม่มองหา แต่เราก็รู้ว่านาย...เจ็บแค่ไหน ตอนแรกเราก็ลังเลที่จะทำแบบนี้นะ แต่พอเราหันไปเห็นหน้านายเมื่อกี้ เท่านั้นแหละ เราก็บอกตัวเองว่า...เราต้องเลือกนายแล้ว นายคือคนสำคัญที่สุดเพราะนายคือคนที่เรารัก เราไม่อยากให้นายเจ็บเพราะเราอีกแล้ว รู้ไหมต้น...เราเคยตั้งใจเอาไว้ว่า...วันไหนที่เราบอกรักนาย วันนั้น...นายจะต้องไม่เจ็บเพราะเราอีก ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็จะขอไปจากชีวิตนาย แต่เราไม่อยากไป...ให้เราตายเสียดีกว่าที่จะอยู่ในโลกนี้โดยไม่มีนาย เราถึงต้องทำแบบนี้ เรารู้ดี เข้าใจทุกอย่างว่ามันไม่ดี เราเองก็สงสารนาที่เขาต้องเสียหาย แต่เรา...ก็ไม่อยากให้เขาต้องมาทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเขา"

ได้ฟังแล้วต้นก็นั่งเงียบ ถึงแม้ว่าวิธีการที่สนทำตอนนี้จะไม่ถูกต้องนัก มันอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่มันก็ทำให้ต้นตระหนักว่า สนรักเขาและตั้งใจจะทำเพื่อเขามากเพียงใด

จริงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเราพยายามจะทำสิ่งที่่ง่ายให้เป็นเรื่องยาก รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก มันก็ควรจะจบแค่นั้น แต่ชีวิตของเราก็ซับซ้อนเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

"ถ้าเกิดเขาจะเอาเรื่องนายล่ะสน นายจะทำยังไง" ต้นถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก

สนถอนหายใจบ้าง มันก็เป็นสิ่งที่เขากังวลอยู่เหมือนกันและคงเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะเขารู้จักแม่ของนาดี "ถ้ามันมีอะไรที่เขาอยากได้ ถ้าเราให้ได้หรือทำได้ เราก็จะยอมให้ทุกอย่าง แต่ก็หวังว่าเขาคงจะมีเมตตาธรรมกับเราบ้างนะ อย่างน้อยๆ หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ยุติธรรมกับเราเหมือนกัน เขาก็น่าจะเข้าใจเราบ้าง เขาก็ต้องรับรู้ความจริงบางอย่างที่เขายังไม่รู้"

ต้นพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเข้าใจ

"อดทนอีกนิดนะต้น เราสัญญาด้วยชีวิตของเรา...เราจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุด รู้ไหม...ที่เราทำทุกอย่างได้ตอนนี้เพราะมันเกิดจากพลังนะต้น...พลังที่มาจากความรักของเรา ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้ว เราก็ทำได้ทุกอย่าง แค่นายมีร้อยยิ้มให้เรา เราก็ทำอะไรได้อีกตั้งเยอะตั้งแยะ" สนหันมายิ้มแล้วก็หันกลับมาตามเดิมเพราะเขาต้องคอยมองทาง

ต้นขำเบาๆ "เราเชื่อ" แต่เมื่อนึกอะไรได้แล้วต้นก็กลับมีสีหน้ากังวลอีกครั้ง "สน...เราเพิ่งนึกได้ นายว่า...พ่อกับแม่ของเรา...จะสงสัยเราสองคนไหม ว่าทำไมเราหนีมาด้วยกัน"

จริงด้วยสิ สนก็ลืมคิดไป นี่คือสิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าเรื่องแม่ของนาเสียอีก เขายังจำที่เขาคุยกับพ่อต้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้เลย ถ้าเกิดพ่อกับแม่สงสัยและไม่ยอมรับในความรักของต้นกับสน มันจะเกิดอะไรขึ้น

"เราไม่แน่ใจน่ะต้น เราก็หวังว่าเขาคงยังไม่สงสัยตอนนี้หรอก เขาอาจจะแค่สงสัยว่าเราไม่อยากแต่งงานก็เลยหนีมาก็ได้ แต่ก็แค่พานายมาด้วยเพราะคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้า...เขาจะสงสัยมากกว่านั้น...ก็คงจะเป็นงานหนักของเราสองคนเหมือนกันนะต้น พ่อของนายเขาก็ห่วงนายเรื่องนี้นะ เขาก็อยากให้นายมีแฟน แต่งงานเหมือนผู้ชายทั่วไป มันก็บอกยากนะต้น...ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งเดียวที่เรามั่นใจก็คือว่า...ถ้าพ่อแม่รู้ว่าเรากับนายรักกัน พ่อกับแม่จะรู้ว่าเรารักกันจริง เขาจะมั่นใจว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน จะดูแลกัน แต่ถ้านาย...ไปรักกับผู้ชายคนอื่น เราว่าพ่อกับแม่นายคงไม่ไว้ใจหรอก ถ้าเป็นผู้ชายแล้ว...เขาไว้ใจเราคนเดียว นายว่าไหมต้น" สนพยายามถามให้เป็นเรื่องไม่เครียดมากเกินไป ปนอารมณ์ขันนิดๆ เพื่อช่วยลดบรรยากาศที่ตึงเครียดตอนนี้

ต้นพยักหน้า "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น" แล้วก็ถอนหายใจ "แต่อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลยดีกว่า มันยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้...ทำใจให้สบายๆ แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้ปัญหาของนายก่อนดีกว่านะ"

"เราก็ว่าอย่างนั้น อ้อ...ต้นจ๋า...นายหิวไหม ข้างหน้ามีปั๊ม นายอยากให้เราแวะหรือเปล่า เผื่อนายจะไปฉี่ด้วย"

ต้นอดขำไม่ได้ที่ดูเหมือนสนจะติดใจคำว่า 'ต้นจ๋า' เสียจริงๆ "ก็ดีเหมือนกัน พอนายพูดขึ้นมาก็เริ่มปวดเลย"

"ได้เลยครับที่รัก"

สองหนุ่มหันมายิ้มให้กัน เอาล่ะนะ ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจทำไปแล้ว ก็คนมันรักกัน อยากอยู่ด้วยกัน จะเอาเหตุผลอะไรมาห้าม จะเอากฏเกณฑ์อะไรมาวัด จะเอาไม้บรรทัดของใครมาทาบ หรือแม้คนทั้งโลกจะด่าประนาม มันก็หยุดความรักของเขาสองคนไม่ได้ ถ้าจะถามหาเหตุผล ก็ถามตัวเราเองดูละกันเวลาที่มีความรัก

TO BE CONTINUED
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:36:16 โดย sarawatta »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด