▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 136771 ครั้ง)

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ความรักของสองคนนี้ทรมานเหลือเกิน แต่ก็ยังดีกว่าการทรมานทั้งที่ไม่รักัน
แต่ทรมานเพราะรักกัน บางทีมันดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร เราก็ยังมีรัก
ให้รอคอย แม้ต้องรอไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็มีรักอยู่ดี

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ที่นาคุยกับเพื่อน หวังว่านาจะไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่าง... การทำแท้งหรอกนะ คาดเดาความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆ
ความรักที่เกิดจากความผูกพันอย่างของต้นกับสน ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก
ตัดบัวยังเหลือใยเลยนะ นี่เค้ารักและผูกพันกันมาเกือบทั้งชีวิต...จะตัดยังไง??
สนก็คิดถึงต้น ต้นก็คิดถึงสน แต่ไปหากันไม่ได้
เมื่อไหร่ปัญหาจะหมดไปสักที  :m15: :m15: :m15:


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่าาา....
หลังกินมาม่าหม้อใหญ่ไปหลายตอน ตอนนี้เริ่มจะอิ่มแล้ว....
กำลังรอของหวานตบท้ายจากคนแต่งอยู่นะคะ ><

 :pig4: :pig4: :pig4:


llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง  :sad5:

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ในเมื่อนารู้ความจริงอย่างนี้แล้ว  ก็ควรปล่อยสนไปได้แล้วนะ

ส่วนสนก็จัดการปัญหาตัวเองให้เรียบร้อย  แล้วไปหาต้นสักที  ต้นรออยู่นะ :z10:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ถ้าเราให้เพราะเราอยากมีความสุข ให้เพราะหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น ให้เพราะหวังชาติหน้า
ให้เพราะหวังว่าจะได้อะไรบางอย่างคืนกลับมา ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็คงไม่ได้ให้อะไรเลย
เรากำลังสร้างเงื่อนไขสำหรับการให้ต่างหาก
ตั้งแต่เขียนเรื่องนี้มา หลังๆ นี้ก็เจออะไรที่บั่นทอนจิตใจพอสมควร แต่สุดท้ายก็คิดว่า การเขียนก็คือการให้อย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ก็แค่เขียนให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แล้วก็เอามาให้คนที่อยากอ่านได้อ่าน
ไม่ต้องคาดหวังความสุขหรือการจะได้อะไรตอบกลับมา ใครจะอ่าน/ไม่อ่าน เม้นต์/ไม่เม้นต์ ด่า/ไม่ด่า
ก็สุดแล้วแต่ คิดมากไปก็ปวดหัว คงไม่มีอะไรได้อย่างใจเราทุกอย่าง

ป.ล.
ตอนนี้เป็นตอนที่เนื้อหาค่อนข้างแรงสำหรับผม ไม่เคยอยากเขียนเรื่องแบบนี้เลย
แต่ตัดสินใจเปลี่ยนบทนิดหน่อยเพราะคิดว่ามันมีเหตุผลให้มาทางนี้ได้


---------------------------------------------------------------

ตอนที่ 37: ตราบาปของชีวิต



ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าสถานที่แบบนี้จะอยู่ติดถนนใหญ่ที่คนพลุกพล่านผ่านไปผ่านมาราวกับจะเย้ยตำรวจแถวนี้ให้หมดความน่ายำเกรง แต่ก็นั่นแหละ ใครที่ไหนจะไปรู้ว่าข้างบนตึกแถวสี่ชั้นนี้ทำอะไร ก็คงจะมีแต่คนที่ได้เข้าไปใช้บริการเท่านั้นจึงจะรู้ว่าห้องข้างบนสุดของตึกแถวนี้น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

นาพาร่างของตัวเองมาที่แห่งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่คล้ายกับคนอื่นๆ อีกหลายคน ที่มาของแต่ละคนที่มาที่นี่อาจจะต่างกันไปบ้าง แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการก็คงเหมือนกัน แม้จะเคยมาที่นี่แล้วเมื่อสองวันก่อน แต่พอขึ้นมาถึงชั้นที่ว่าแล้วนาก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจนต้องคอยจับมือเพื่อนที่มาเป็นเพื่อนไว้ตลอดเวลา

นั่งรออยู่ไม่นานนักก็มีคนมาพาเธอไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้ เมื่อนอนลงไปบนเตียงนั้นแล้วเธอก็ตัวแข็งเกร็ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันไปทั่ว ใจหนึ่งก็อยากจะลุกแล้ววิ่งหนีออกไป แต่พอนึกถึงสิ่งที่สนทำกับเธอ สายแต่ที่แสนเย็นชานั้น อาการรังเกียจเดียดฉันท์ที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง บวกกับคำพูดที่คอยตอกย้ำว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย ก็ทำให้นายังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น รอคอยเวลาที่ภารกิจอำมหิตจะมาถึง

เธอก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เห็นบรรยากาศแล้วก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก เมื่อสองวันก่อนที่เธอมา ใครคนนั้นบอกเธอว่าของเธอน่าจะง่ายหน่อยเพราะเพิ่งท้องได้ยังไม่ถึงสามเดือน ก็ขอให้มันจริงอย่างที่ใครคนนั้นบอกก็แล้วกัน

เมื่อภารกิจนั้นเริ่มขึ้น ความกลัวสุดชีวิตก็แล่นเข้าจับขั้วหัวใจของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้หนีอย่างที่ร่างกายอยากจะหนี ภาพของแม่ที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ลอยเข้ามาในห้วงสำนึก น้ำตาของนาไหลลงมาเป็นสายแต่ก็ไม่มีเสียงร้องใดๆ ในใจก็ได้แต่เฝ้าขอโทษและขออโหสิกรรมกับสิ่งที่เธอกำลังทำกับเขาอยู่ เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ปฏิสนธิขึ้นมาจากความพลาดพลั้งของพ่อกับแม่ ก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งที่น่าเสียดายหรือน่าดีใจกันแน่ที่เด็กคนนี้คงไม่ได้มีโอกาสลืมตามาดูโลก

ยานั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว นารู้สึกคันไปทั้งตัวแต่สักพักก็หาย แล้วไม่นานเธอก็เป็นไข้จนตัวหนาวสั่น แล้วก็ปวดท้องขึ้นเรื่อยๆ ภาพของแม่กลับเข้ามาในห้วงสำนึกอีกครั้ง แม่คงเสียใจมากที่รู้ว่าเธอได้ตัดสินใจทำสิ่งนี้ไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเธอจะคิดได้ มันก็คงสายไปที่จะกลับหลังหัน

จนกระทั่งรุ่งเช้า มีคนเดินเข้ามาตรวจอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นว่าเธอพร้อมแล้ว นาก็ถูกนำไปขึ้นเตียงขาหยั่ง ภารกิจที่แสนอำมหิตนั้นจึงมาถึงขั้นตอนสุดท้าย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง รู้แต่ว่าเธอรู้ตัวอีกทีข้ามมาเป็นอีกวันหนึ่งแล้ว เขาให้เธอไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด แล้วเพื่อนของเธอก็มาส่งเธอที่คอนโดของสน

ความเจ็บปวดในกายนั้นยังพอมีอยู่ แต่เมื่อกลับมาถึงห้องนี้แล้ว ความเจ็บปวดในใจก็เพิ่มทวีขึ้น เธอคงจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว พอกันทีกับการอยู่อย่างทรมานกับคนที่เขาไม่ได้รักเธอ นาล้มตัวลงนอนบนเตียง ตอนนี้เธอยังเจ็บปวดภายในกายของเธออยู่ ขอให้เธอได้นอนพักเอาแรงก่อนละกัน

พอตกบ่ายแก่ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเก็บข้าวของของเธอทั้งหมดที่นำมาจากบ้านใส่กระเป๋าเดินทาง ดีที่ว่าเธอไม่ได้มีอะไรมามากมายนัก จึงพอเก็บทุกอย่างเข้าไปในกระเป๋าเดินทางนั้นได้ ตอนนี้...ก็เหลือแค่รอให้สนกลับมาล่ะนะ

---------------------------------------------------------------

"นี่เธอกำลังจะไปไหน" สนถามด้วยความแปลกใจ พอเขาเข้ามาในบ้านก็เห็นนานั่งรออยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง

"กลับบ้านค่ะ นาจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว" นาตอบเสียงแข็ง แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น

สนขมวดคิ้ว รู้สึกสงสัยว่านี่คงจะไม่ใช่แค่การกลับไปนอนบ้านพ่อกับแม่ธรรมดาเหมือนที่เธอทำบ่อยๆ "กำลังท้องกำลังใส้อยู่ ทำไมถึงได้เที่ยวเดินทางไปมาบ่อยๆ ไปมาแล้วสามวันก็ยังจะไปอีกเหรอ"

"ห่วงด้วยเหรอคะ" นาหันขวับมาถาม

"ฉันห่วงลูกของฉัน ไม่ได้ห่วงเธอ" สนรีบตอบกลับไปทันที

นาเจอคำพูดแบบนี้ของสนอีกแล้ว ปกติเธออาจจะทำเฉยๆ ได้บ้าง แต่เมื่อเธอตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นเหตุมาจากคำพูดแบบนี้ของสน วันนี้นาจะขอระเบิดอารมณ์เป็นครั้งสุดท้าย เธอจึงลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มรินไหลพรั่งพรู

"ห่วงทำไมคะ พี่สนรักลูกด้วยเหรอ สิ่งที่พี่ทำอยู่ตอนนี้...มีอะไรบ้างที่มันบ่งบอกว่าพี่รักลูกของเรา ไม่มีเลยสักอย่าง"

สนนิ่งเงียบ ก็แน่ล่ะ...เขาไม่ได้รักเธอ แล้วจะให้เขาแสดงออกอย่างไร อีกอย่าง...สิ่งที่นาทำกับเขานั้นมันก็โหดร้ายไม่ต่างกัน

"เคยพูดกับนาดีๆ บ้างไหม นาเป็นเมียของพี่ กำลังอุ้มท้องให้ลูกของพี่อยู่ เคยคิดที่จะดูแลบ้างไหม รู้ไหมว่านาน้อยใจมากแค่ไหน กลับบ้านมาเจอกันก็ต่างคนต่างอยู่ แทบจะไม่พูดคุยกัน พอพูดกันทีก็เอาแต่ด่าๆๆ แล้วจะให้นาคิดได้ยังไงว่าพี่รักลูกของเรา พี่ไม่ได้รักนากับลูก ไม่ได้รักเราสองแม่ลูกเลย" นาเค้นอารมณ์ราวกับคนเสียสติ

"ก็ฉันไม่ได้รักเธอ เธอเองไม่ใช่เหรอที่พยายามจะดึงฉันให้อยู่กับเธอ ทั้งๆ ที่ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้รักเธอ ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว แล้วที่ผ่านมา...สิ่งที่เธอทำกับฉัน มันก็ทำให้ฉัน...ไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้เธอเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเกลียดเธอด้วยซ้ำถ้าจะว่าไปแล้ว แต่ฉัน...ไม่ได้รังเกียจลูกของฉัน ยังไงเขาก็เป็นลูกของฉัน ถ้าเธอไม่เลี้ยงเขา...ฉันก็ยินดีจะเอาไปเลี้ยงเอง ถึงฉันจะเกลียดเธอ แต่ฉันก็ไม่เคยเกลียดลูก เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เข้าใจไหมนา" สนกระแทกเสียงดังกลับไปบ้าง เขาชักจะเหนื่อยกับผู้หญิงคนนี้จวนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว กลับมาบ้านทีไรก็ต้องมาเจอสงครามประสาทแบบนี้ไม่เว้นแต่ละวัน

"แต่มันสายไปแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อพี่ไม่รักฉัน ไม่รักคนที่เป็นแม่ของลูก ฉันก็ไม่อยากให้ลูกของฉันเกิดมาในสภาพครอบครัวแบบนี้ เขาจะอยู่ได้ยังไง สู้ไม่ต้องให้เขาเกิดมามันจะไม่ดีกว่าเหรอ" นาตวาดเสียงดัง เธอคงจะเสียสติไปแล้วเป็นแน่ สัญชาติญาณของแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกไปนั้นหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา

"นี่เธอพูดอะไรของเธอฮะนา เธอไปทำอะไรมา" สนถามพลางเดินเข้ามาใกล้ สัญชาติญาณบอกให้เขารู้ว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่

"ฮึ...ฉันไปทำแท้งมา ได้ยินไหม สะใจหรือยังกับสิ่งที่พี่ทำกับฉันจนฉันทนไม่ไหวแบบนี้" นาตะโกนใส่หน้าสนอย่างเหลืออด

สนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะใจคอโหดร้ายถึงขนาดนี้ มือไม้สนสั่นเทา พยายามควบคุมอารมณ์สุดชีวิตเพื่อไม่ให้ทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนนี้ สนเดินเข้ามาจับไหล่ของนาแล้วก็เขย่าตัวเธอราวกับจะให้ร่างกายของเธอแหลกสลายไปตอนนี้

"นี่เธอเป็นบ้าหรือเปล่านา ใจคอเธอทำด้วยอะไร เธอไปทำร้ายเขาทำไม เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เธอยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า ก็เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าหมามันยังรักลูกของมัน แล้วเธอเป็นแม่ประสาอะไร รู้ไหมว่ามันเป็นบาปเป็นกรรมแค่ไหน ฉันไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยที่ฉันเกลียดเธอ" แล้วสนก็ปล่อยมือออก เขารู้สึกขยะแขยงผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน จิตใจเขาบอบช้ำจนเกินจะทนไหวแล้ว

นาฟาดฝ่ามือเรียวเล็กไปบนใบหน้าของสนแล้วก็ตวาดกลับไปว่า "ใช่...ฉันมันบ้า แต่มันก็เป็นเพราะพี่ไง ฉันถึงต้องทำแบบนี้ ถ้าพี่รักฉันสักนิด ดูแลฉันสักนิด ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก คิดว่าฉันไม่เสียใจหรือไง ฉันเป็นแม่เขา ฉันอุ้มท้องเขา ทำไมฉันจะไม่รักเขา รู้ไหมว่าคนท้องคนใส้มันขี้น้อยใจแค่ไหน ไม่ต้องมาโทษฉันคนเดียว เพราะพี่กดดันฉัน ฉันถึงต้องทำแบบนี้ไงล่ะ สะใจไหม สะใจหรือยัง"

สนเอามือลูบใบหน้าเบาๆ เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะใจข้างในของเขาเจ็บยิ่งกว่า เจ็บจนชาไปทั้งตัวและใจแล้ว "เธอออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะนา ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงอย่างเธออีก ฉันคงจะทนอยู่กับผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอไม่ได้อีกต่อไป ฉันขอให้เราจบกันแค่นี้" สนตะโกนพร้อมกับชี้มือไปที่ประตู

"ฉันไปแน่...ไม่ต้องมาไล่ นึกว่าฉันอยากอยู่ด้วยนักหรือไงคนใจร้ายใจดำแบบนี้ ไอ้คนไม่มีหัวใจ" นาตวาดแล้วก็ลากกระเป๋าออกไป พร้อมกับโยนคีย์การ์ดที่สนให้ไปไว้บนพื้นห้องอย่างไม่ใยดี ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ กลับไปหลบเลียแผลใจและกายที่กำลังบอบช้ำอย่างหนัก เธอคิดผิดจริงๆ ที่ดื้อรั้นและพยายามรั้งสนเอาไว้ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาเจ็บทั้งตัวทั้งใจและมีตราบาปติดตัวแบบนี้

สนไม่ได้คิดที่จะห้ามแม้แต่น้อย เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก็ร้องไห้ ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจอโชคชะตาที่เจ็บปวดแบบนี้

"ลูกพ่อ..."

สนรำพึงเบาๆ ด้วยความเสียใจ เมื่อเริ่มพิจารณาดีๆ เขาก็เริ่มเห็นว่าเขาเองก็มีส่วนที่ทำให้นาต้องทำแบบนั้น นี่คงจะเป็นบาปกรรมที่เขาก่อไว้กับผู้หญิงคนนี้รวมทั้งเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาด้วย

"ยกโทษให้พ่อด้วยนะลูก ยกโทษให้พ่อด้วย..."

สนก็ไม่รู้หรอกว่าลูกจะยกโทษให้เขาหรือไม่ ถ้าหากเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์จากบาปกรรมที่เกิดขึ้นนี้ เขาก็ยินดีที่จะก้มหน้ารับมันไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...เขากับผู้หญิงคนนั้นก็คงจะไม่มีวันกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกแล้ว เธอเปรียบเสมือนฝันร้ายของชีวิต ฝันร้ายที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องสูญเสียอิสรภาพ ความสงบสุขของพ่อแม่ ลูกและคนที่รักไป

เขากำลังจะตื่นจากฝันร้ายนี้แล้ว จากนี้ไป...เขาก็คงจะมีชีวิตใหม่และมีอิสรภาพ แต่ทว่า...มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเหลือเกิน เขาเข็ดแล้วจริงๆ จากนี้ไปเขาคงจะต้องระวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้ชีวิตของเขาต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่คาดฝันได้มากถึงขนาดนี้

สนคิดถึงต้นเหลือเกิน ในเวลาเช่นนี้...เขาต้องการต้นอยู่ข้างๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกละอายใจ เขาไม่ควรจะกลับเอาปัญหาใดๆ ไปให้ต้นอีก แม้ว่าตอนนี้ชีวิตเขากำลังจะเป็นอิสระอย่างเต็มที่ แต่เขา...ก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะกลับไปหาต้นดีหรือเปล่า ต้นอาจจะไม่รอเขาเหมือนที่นิกกับปั้นจั่นมันบอกแล้วก็ได้

-----------------------------------------------------------------

"นังลูกไม่รักดี นี่แกทำอะไรลงไปแกรู้ตัวหรือเปล่า" แม่ของนาตวาดอย่างโกรธจัด โกรธจนอดที่จะตบหน้าลูกสาวไม่ได้ที่สร้างปัญหามาให้เธอไม่ได้หยุดได้หย่อนมาตั้งแต่คบกับสน

นาใช้มือลูบหน้าของตัวเองแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอไม่มีอะไรจะเถียงแม่เพราะเธอก็รู้ว่าเธอทำผิดไปแล้ว

"ถึงไอ้หมอนั่นมันจะไม่รักลูกของมัน แต่ฉันก็เลี้ยงหลานของฉันได้ แกไปทำแบบนี้ทำไมให้มันเป็นบาปเป็นกรรม รู้ไหมว่ามันบาปแค่ไหน ถ้ารู้ว่าแกเกิดมาแล้วจะสร้างปัญหาให้อับอายขายหน้าแบบนี้ ฉันเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายซะก็ดี" แม่ของนาตวาดอย่างเหลืออด

"แม่...นาขอโทษ" นาทรุดลงกับพื้นพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษคนเป็นแม่ ตั้งแต่ที่เธอเริ่มตั้งท้องขึ้นมาเธอก็รู้สึกรักและเข้าใจแม่มากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติและทำให้เธอสำนึกได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำเรื่องให้แม่เสียใจมากแค่ไหน

"ขอโทษแล้วมันได้อะไร แล้วนี่แกจะเอายังไงกับไอ้หมอนั่น" เห็นลูกสาวยกมือไหว้ขอโทษด้วยความสำนึกผิดขนาดนั้น คนเป็นแม่ก็เริ่มใจอ่อนลงมาบ้าง

"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะแม่ นาไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว นาผิดเองที่ดื้อจะรั้งเขาไว้ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้รักนา แล้วอีกอย่าง...เขารักผู้ชายค่ะแม่ เขาเป็นเกย์...สนเขาเป็นเกย์ค่ะ นาเห็นกับตา..."

แม่ของนาถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ไม่ได้มีท่าทางตุ้งติ้งแบบสนจะเป็นอย่างนั้นไปได้

"ตายแล้ว...นี่แกพูดจริงเหรอยายนา"

"ค่ะแม่...นาถึงรับไม่ได้ เขาเป็นเกย์ เขาไม่รักนา ไม่รักลูก นาไม่อยากให้ลูกเกิดมามีพ่อแบบนี้ นากลัวลูกจะมีปัญหา นาขอโทษ...ที่ไม่ได้มาปรึกษาแม่เรื่องนี้...นาผิดไปแล้ว นาสัญญาค่ะแม่...ต่อไปนี้...นาจะไม่ทำปัญหาแบบนี้ให้พ่อกับแม่อีกแล้ว นาเข็ดแล้วค่ะแม่ ยกโทษให้นาด้วย นาเองก็เจ็บที่นาทำร้ายลูก นารู้ว่าเขาไม่รู้เรื่อง นารู้ว่ามันเป็นบาปกรรม แต่นา...ตอนนั้นนาไม่มีทางเลือก นาคิดไม่ออก นาน้อยใจที่สนเขาไม่เคยรักนาเลย"

นาก้มลงกราบแทบเท้าคนเป็นแม่อีกครั้ง แม่ของนาเห็นแล้วก็คงอดที่จะสงสารลูกสาวไม่ได้ เมื่อลูกสำนึกผิดแล้ว เธอจะไม่ให้อภัยก็กระไรอยู่ ยังไงลูกก็เป็นลูกอยู่วันยังค่ำ จะโกรธแค่ไหนมันก็ตัดกันไม่ขาด ก็ได้แต่หวังว่าลูกสาวของเธอคงจะสำนึกผิดและพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ

"จำไว้เป็นบทเรียนละกัน ทีหลัง...จะทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง สงสารพ่อกับแม่บ้างเถอะ ไหนจะปัญหาของเรา ไหนจะพี่ชายที่ยังเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ อยู่แบบนี้อีก ให้ฉันได้หยุดพักหายใจบ้างเถอะ"

"นาขอโทษค่ะแม่...ต่อไปนี้นาจะเชื่อแม่ จะไม่สร้างปัญหาให้แม่อีกแล้ว" พูดจบนาก็กอดขาคนเป็นแม่ไว้ เพราะความรักที่หน้ามืดตามัว ความอยากได้โดยปราศจากความยั้งคิดและความอยากเอาชนะเพื่อความสะใจ ชีวิตของเธอก็ต้องมาพบกับฝันร้ายเช่นนี้ ก็ได้แต่หวังว่า...คงยังไม่สายเกินไปที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่

-------------------------------------------------------

สองวันมานี้สนได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องและซึมเศร้า เขาไม่ได้ไปทำงานเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไรในตอนนี้ สนปิดโทรศัพท์ ตัดขาดการติดต่อสื่อสารกับคนทั้งหมด ข้าวปลาก็แทบจะไม่ได้กิน แค่กินพอไม่ให้ตายเท่านั้น หิวจนไม่ไหวจริงๆ เขาก็ต้มมาม่ากิน แล้วก็กลับมานั่งซึมตามเดิม เปิดทีวีทิ้งไว้บ้าง เปิดเพลงบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ดูหรือฟังเลย

เมื่อทบทวนดูดีๆ แล้ว สนก็รู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เขาต้องเสียลูกไป เขาก็มีส่วนที่ทำให้ลูกไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลก จะว่าไปแล้วเขาก็คืออีกคนที่ฆ่าลูกของเขาทางอ้อมคนหนึ่ง สนไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้เลย มันจึงทำให้เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง

คนอื่นๆ สมัยนี้อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากเหมือนเขา บางคนขอให้แต่ตัวเองมีความสุขและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร พวกเขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างและลืมความผิดพลาดไปอย่างง่ายดาย เผลอๆ ก็อาจจะเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่สนคงจะเป็นคนเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่คิดต่างไป แม้อีกด้านหนึ่งสนจะเห็นว่าก็ดีเหมือนกันที่ลูกของเขาจะได้ไม่ต้องเติบโตอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รักกัน แต่เขาก็ยังรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันโหดร้ายเกินไป เหมือนกับว่านากับเขาได้ร่วมกันฆ่าเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั้นด้วยกัน ทำอย่างไรสนก็สลัดความรู้สึกผิดในใจนี้ออกไปไม่ได้

เมื่อคืนที่ผ่านมานี้สนก็ขวัญผวาและฝันร้าย เขาฝันเห็นเด็กตัวเล็กๆ มาเรียกเขาว่าพ่อ พอเขาหันไปเด็กคนนั้นก็ร้องไห้และต่อว่าเขาว่าพ่อทำร้ายหนูทำไม จนสนต้องผวาจนสะดุ้งตื่น แล้วก็พาลให้นอนไม่หลับทั้งคืน

เสียงโทรศัพท์ในห้องสนดังขึ้น เขารู้สึกแปลกใจเหมือนกันเพราะปกติเขาจะไม่ได้ให้เบอร์ที่ห้องกับใคร ไม่น่าจะมีใครโทรมาหาเขาด้วยเบอร์นี้ แต่พอสนเดินไปรับสายจึงรู้ว่ามีญาติมารออยู่ข้างล่าง

'ญาติเหรอ ใครกัน' สนคิดในใจ

สนเดินไปดูสภาพตัวเองในกระจก เขาหวีผมเผ้าที่ไม่เป็นทรงดีนักให้เรียบร้อยขึ้น จากนั้นจึงลงไปข้างล่าง เห็นแม่กับแม่ของต้นมานั่งรอแล้วสนก็แปลกใจระคนรู้สึกผิด สงสัยแม่ของเขากับแม่ของต้นคงติดต่อเขาไม่ได้ก็เลยเป็นห่วงจนต้องตามมาหาเขาถึงที่

"อ้าวสน..." แม่สนร้องทักเมื่อเห็นสนเดินลงมาหา แล้วก็รีบลุกเดินไปหาลูกชายพร้อมกับแม่ของต้น "เป็นไรหรือเปล่าลูก แม่โทรหาเท่าไรก็ไม่ติด โทรไปถามที่ทำงานเขาก็บอกว่าสนไม่ได้เข้ามาทำงานสองวันแล้ว โทรหาต้น...ต้นก็ไม่รู้ โทรหาใครก็ไม่รู้สักคน แม่เป็นห่วงก็เลยจะมาดูว่าสนเป็นไรหรือเปล่า"

สนยกมือไหว้แม่และแม่ของต้นพร้อมกับสีหน้าสำนึกผิด ไม่นึกว่าการที่เขาปิดโทรศัพท์ไว้จะทำให้แม่เป็นห่วงเขามากขนาดนี้

"ผมขอโทษครับแม่ ขอโทษแม่พรด้วยครับที่ทำให้เป็นห่วง พอดี...ผมมีปัญหาอะไรบางอย่าง...เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ ขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่าครับ แม่กับแม่พรมาที่นี่ได้ยังไงครับ"

"มาแท็กซี่กันจ้ะ กว่าจะบอกทางถูกก็เกือบหลงไปที่อื่นเหมือนกัน" แม่ของต้นตอบ สนได้ฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

สนพาแม่ๆ ทั้งสองคนขึ้นมาบนห้องของเขา สภาพมันดูไม่ค่อยได้นักเพราะสนไม่ได้ทำความสะอาดมาได้สองสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงกับรกมากนัก สนพาแม่ทั้งสองนั่งที่ชุดโซฟาแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้แม่ๆ ทั้งสองคนฟัง

"หลานย่า..." แม่ของสนอุทานพลางเอามือทาบอกหลังจากที่ฟังจบแล้ว

"ตายจริง...ทำไมถึงได้ใจคอโหดเหี้ยมนักนะแม่คนนี้ ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง" แม่ของต้นว่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

พอได้ยินแม่พรพูดแล้วสนก็หน้าเสียไปเล็กน้อย "ผมก็ผิดเหมือนกันครับแม่ แม่พร ผมกดดันเขา...ผมทำร้ายจิตใจเขาด้วยการบอกว่าไม่รักเขา รังเกียจเขา ไม่พูดไม่จากับเขา เขาคงน้อยใจ...ก็เลย..."

เห็นสายตาของแม่แล้วสนก็รู้สึกผิด เขามาคิดได้ก็ตอนที่มันสายเกินไป แม่บอกให้เขาเลิกจองเวรกับผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ยังดื้อ จนในที่สุดก็เกิดเรื่องที่น่าเศร้าแบบนี้จนได้ นี่แหละนะเขาเรียกว่า 'ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา'

สนลงมานั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วก็กราบลงไปบนตักของแม่ "ผมขอโทษนะครับที่ผมไม่เชื่อฟังแม่ อยากแก้แค้นเขา อยากทำร้าย...จนเกิดเรื่องแบบนี้" สนพูดพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมา

"จำไว้เป็นบทเรียนละกันนะลูก...อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก จากนี้ไป...สนเริ่มต้นชีวิตใหม่นะลูก อะไรที่มันผ่านมา...ก็ให้มันผ่านไป อย่าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกับเขาอีก"

สนเงยหน้ามองคนเป็นแม่แล้วก็บอกแม่ไปว่า "แม่ครับ...ผมอยากบวช บวชสัก 15 วัน...ให้ลูก แล้วผม...จะกลับมามีชีวิตใหม่ครับแม่"

แม่พยักหน้าแล้วก็ยิ้ม แม่พรก็พลอยยิ้มไปด้วย ไม่ว่าสนจะเคยผิดพลาดมากแค่ไหน แต่สนก็มีจิตสำนึกของความเป็นคนดี นั่นคือสิ่งที่สนได้รับการถ่ายทอดมาจากครอบครัว รวมทั้ง...ต้นด้วย จริงสินะ...ต้นจะเป็นไงบ้างหนอ สองเดือนแล้วที่สนไม่เคยติดต่อไปเลย ต้นจะยังรอเขาอยู่หรือเปล่า

"สน...แม่อยากคุยกับสนเรื่องต้นกับสนหน่อยได้ไหมจ้ะ วันนี้แม่โทรหาต้น...ถามเรื่องสน ต้นบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อกับสนมาเกือบสองเดือนแล้ว แม่ก็คิดว่ามันแปลกมาก ต้นกับสนไม่เคยขาดการติดต่อกันนานขนาดนี้ ต้นกับสนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก" แม่พรถาม

สนกับแม่มองหน้ากันแล้วแม่ก็พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าสนควรจะคุยเรื่องนี้กับแม่ของต้นเสีย

"เดี๋ยวแม่เข้าไปรอในห้องนะสน" แม่สนบอกลูกชายแล้วก็หันไปทางแม่ของต้น "แม่พร...คุยกับสนเขาสองคนนะ มันเป็นเรื่องสำคัญที่แม่พรต้องคุยกับสนสองคน"

แม่ของสนบอกแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องของลูกชาย พร้อมกับถือโอกาสจัดห้องหับที่สนลืมดูแลในช่วงนี้ให้ไปในตัวด้วย

สนกลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องเขากับต้นให้แม่ของต้นฟัง เหมือนกับที่เขาเล่าให้แม่ฟังเมื่อวันนั้น ที่น่าแปลกก็คือแม่ของต้นก็เข้าใจว่าสนหมายถึงความรักระหว่างเพื่อน แต่พอสนย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เป็นความรักแบบเดียวกับที่หนุ่มสาวทั่วไปเขารักกัน แม่ของต้นก็อึ้งและเงียบไป

"ผมขอโทษแม่พรนะครับที่รักต้นแบบนี้...ต้นเขาเป็นคนดี เขาดีกับผมมาก ช่วยเหลือผมมาตลอด เราผูกพันกัน เราใช้ชีวิตด้วยกันไม่เคยห่างไปไหน ผมก็เลยรักเขา ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าผมรักเขาแบบนั้น แต่พอนานไป...ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมรักต้น ไม่ใช่แค่เพื่อน พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้น...ผมก็เลย...ไม่กล้าไปหาต้น ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้ผมกับต้นรักกันแบบนี้...ผมก็เข้าใจนะครับ คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ลูกชายของตัวเอง...รักกับผู้ชายด้วยกัน คงไม่มีใครรับได้ ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้แม่พรกับพ่อแอ๊ดลำบากใจ ผมก็ยินดี...ที่จะเป็นฝ่ายจากไป ผมทำให้ทุกคนเดือดร้อนมามากแล้ว...ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีก แต่ผมก็ไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว ไม่อยากให้พ่อแอ๊ดกับแม่พรสงสัยว่าผมแอบทำอะไรลับหลัง ผมก็เลยอยากให้แม่พรรู้ว่าผม...รักต้น ผมรักเขามาก ทุกวันนี้ที่ไม่ได้เจอเขา...ผมก็คิดถึงเขา เป็นห่วงเขา อยากไปหาเขา แต่ผม..." สนร้องไห้อีกแล้ว

"สน..." แม่ของต้นเรียกเสียงเบา ฟังจากที่สนเล่ามาแล้วเธอก็อดสงสารสนไม่ได้ แต่เธอ...ก็รับไม่ได้จริงๆ ที่ลูกชายเธอกับสน...รักกัน เธอกับสามีตั้งความหวังไว้กับต้นเพียงคนเดียว เพราะต้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่จะสืบสกุลต่อไป

"แม่เข้าใจสนนะลูก แต่แม่...รับไม่ได้ ต้นเขาเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ พ่อกับแม่ก็หวังจะให้เขาเป็นคนสืบสกุลของเรา แม่คงให้ต้นกับสนรักกันแบบนี้ไม่ได้ สนเข้าใจแม่นะ ไม่ใช่ว่าแม่รังเกียจสน แต่มันจำเป็นนะลูก" แม่ของต้นพูดพลางร้องไห้ ไม่รู้ว่าเธอเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า แต่เธอก็ยอมไม่ได้จริงๆ

"ไม่เป็นไรครับแม่พร...ผมเข้าใจ...ผมขอบคุณ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่พรกับพ่อแอ๊ดคอยช่วยเหลือผมมาตลอด ผมจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาตอบแทน แต่ถ้าเรายังเจอกัน...ผมรู้ว่าเราคงทำใจได้ยาก ผมก็คงจะขอจากไป...จากชีวิตเค้า...ผมยินดีครับ" แม้ปากจะบอกว่ายินดี แต่สนกลับน้ำตาไหลพรากไม่หยุดจนแม่ของต้นรู้สึกสงสารจับจิตจับใจ

จากสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ สนคงรักต้นมากจริงๆ และถ้าเดาไม่ผิด ต้นก็คงรักสนมากเช่นกัน เธอกำลังจะพรากสองคนที่รักกันมากให้จากกันจริงๆ หรือ เธอจะยอมให้สนจากต้นไปจริงๆ หรือ เธอเองก็รักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน มันเป็นความผิดของเขาสองคนหรือเปล่าที่รักกันแบบนี้

"สน..." แม่ของต้นเรียกเขาเสียงแหบพร่าด้วยความสะเทือนใจแล้วก็ดึงสนมากอดไว้ ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ของต้นก็ไม่เคยกอดสนหรอก นี่เป็นครั้งแรก และมันก็ทำให้เธอได้ตระหนักว่า ครอบครัวของเธอรักสนมากแค่ไหน สนคอยดูแลต้นมาตั้งแต่เด็กๆ เธอไม่เคยเป็นห่วงเลยเวลาที่ต้นไปไหนกับสน มีอะไรเธอกับสามีก็ไหว้วานสนได้เสมอ ที่ต้นไม่ยอมมีแฟนก็คงจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เธอกำลังจะสร้างความเจ็บปวดให้ลูกชายเพราะความต้องการของเธอกับสามีหรือเปล่าหนอ เมื่อเขาสองคนรักกันเธอจะไปห้ามได้อย่างไร ก็คงบังคับได้แต่ตัวของเขา แต่ในใจลึกๆ ของเขาทั้งสองคนก็คงรักกัน ยิ่งรักกันมานานแบบนี้ก็คงทั้งรักและผูกพันมาก เธอจะกล้าพรากเขาสองคนจากกันหรือ...

TO BE CONTINUED...

----------------------------------------------------------

ตอนหน้าจะจบแล้วนะครับ ช่วงตอนหลังๆ นี้ผมเขียนด้วยอารมณ์ที่เสียศูนย์ไปพอสมควร ไม่รู้ว่าอ่านแล้วเป็นไงบ้าง
พยายามบิลด์อารมณ์แล้ว แต่มันลากไม่ไหวจริงๆ ครับ ไม่ดีเลยที่มาเป็นแบบนี้ในตอนใกล้จบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:39:30 โดย sarawatta »

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
หมดปัญหา นาแล้ว

ก็ยังมาเจอด่านคุณแม่อีก   :เฮ้อ:  อุปสรรคมันเยอะดีจริงๆเลย



ดูท่าคุณ sarawatta จะนอยด์ใช่มั้ยค่ะ  งัยก็อย่างซีเรียสเลยค่ะ

หลายคนก็หลายความคิด  นานาจิตตัง

แต่สำหรับผู้อ่านแล้ว  ชอบมากค่ะ มันดราม่าเจ็บ หน่วง ได้ใจดี (ซาดิสต์ไปมั้ยช้าน :sad4:)

ก็เป็นกำลังใจให้ คุณ sarawatta  นะค่ะ สู้ๆ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
อีกนานจริงๆ

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
สุดท้ายก็ทำแท้งไปจริงๆสินะ นาเอ๊ย ยังดีที่เธอยังคิดได้ เข็ดกับผลของการกระทำของตัวเอง
แต่ก่อนไปเธอก็ยังทำอย่างกับจะโยนบาปทั้งหมดให้สน ว่าเป็นเพราะสนถึงได้ไปทำแท้งอย่างนั้นแหละ
จริงอยู่ว่าสนมีส่วนผิดด้วย เหมือนบีบให้นาไปทำแท้ง แต่นั่นต้องดูว่าต้นสายปลายเหตุมาจากไหน นาทำตัวเองตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอไง
ความจริงคนที่นาต้องโทษมากที่สุดน่ะเป็นตัวเองต่างหาก นาสมควรต้องขอโทษสนด้วยซ้ำ ยายคนเลือดเย็น

เราชอบที่คุณเสนอมุมมองของหลายด้าน ทั้งสน นา ต้น ที่เป็นตัวหลัก แล้วยังมีของครอบครัว เพื่อนๆอีก
ปกติในนิยายวายจะไม่ค่อยเสนอมุมมองด้านฝ่ายหญิงเท่าไหร่(ก็นิยายวายนิ ฮ่าๆ)
เลยชอบที่เรื่องนี้มี เพราะคนอ่านก็ได้คอยติดตามและคิดตามไปด้วย รอบด้านดี

ถึงจะเป็นระยะเวลาไม่นานมาก แต่ก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น สนคงได้บทเรียนและเข็ดไปอีกนานล่ะนะ
ปัญหาต่อมาตามมาติดๆเลย รอดูว่าจะผ่านไปได้อย่างไร (แต่ก็ดูคุณแม่น่าจะเข้าใจทั้งคู่อยู่นะ)
จริงอย่างคนเขียนว่าหลายอย่างไม่เป็นไปตามใจจริงๆ อยู่ที่จะเลือกหยิบมาพิจารณาและเข้าใจค่ะ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งตัวละคร ทั้งคนเขียนนะคะ
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
ปัญหานู้นหมดไป มีปัญหาใหม่้เข้ามาอีก ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆ เครียดดดดดดด

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ในที่สุดเราก็เลิกรำคาญสนได้ซะที
เพราะสาเหตุหลักที่เราเกลียดปนรำคาญสนก็ตรงที่กั๊กมันทุกปัญหา =*=
ตัดสินใจจะเดินทางไหนก็เลือกแล้วลงมือเดินไปซะทีนะ

ค่อยเห็นทางหน่อย ถึงจะไกลจะลำบาก แต่ถ้าไม่เริ่มเดินก็ไม่ถึงซักที
ส่วนต้นจะเลือกเดินไปพร้อมกันรึเปล่าก็อยู่ที่ดวงแล้วล่ะ


สำหรับนา เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งตลอด
เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนน่ากลัว  เหมือนมีปัญหาด้านการควบคุมตัวเอง
ย้อนไปแล้วก็น่าจะเกี่ยวกับสภาพแว้ดล้อม และแอบคิดว่าน่าจะป่วยเล็กๆ
เหมือนต้องการความเห็นใจ ต้องการเป็นที่สนใจพอสนเคยให้เลยยึดติดว่าต้องคนนี้แหละ
อ่านถึงตอนขึ้นขาหยั่งแล้วกลัวมาก  การที่ตัดสินใจอะไรแบบนั้นมันแปลว่าหมดหนทางแล้ว
ทำอะไรปุบปับแบบสุดๆ
ใจนึงก็อยากร้องไห้ แต่ก็ดีใจ(หวังว่า)  น้องไม่ได้เกิดมาในที่ไม่พร้อม
ฮ่วยยยยยยยยยย ถ้าพ่อแม่เจอแบบนี้ในชีวิตจริงก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันนะเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2012 00:05:22 โดย fuku »

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
เข้าใจค่ะว่าแรงไปจริงๆ สำหรับคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้ การทำแท้งมันโหดร้ายจริงๆ

การตัดสินเพียงเสี้ยววินาที มันพาให้ชีวิตพังได้ ส่วนเรื่องของพ่อแม่ต้น จะมีใครรับได้ทันทีอ่ะเนอะเรื่องที่ลูกชายตัวเป็นเกย์

ของทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและการพิสูจน์ สู้ๆทั้งคนแต่ง และตัวละคร

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
ตอนนี้เป็นตอนที่อ่านแล้ว น้ำตาของเลดี้มันไหลมาเอง มันสะท้อนใจมาก
ชีวิตที่ดำเนินไปของเรื่องนี้ ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกความคิด เหมือนเราได้ดูเรื่องจริง
ชีวิตจริงของคนรู้จักคนกนึ่ง มันสะท้อนใจ ห่อเหี่ยว คนคนหนึ่งยอมทำทุกอย่าง เพียงหวังเอาชนะ
เอาเพียงความน้อยใจ จนลืมผิดชอบชั่วดี แต่เราเข้าใจ คนเราทุกคนทำอะไร ชั่วแล่นของอารมณ์
สนเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่านับถือ เป็นคนหนึ่งที่ตระหนักเรื่องบาปบุญ ไม่เหมือนผู้ชายอีกหลายคนที่เลดี้
รู้จัก ไม่ยอมรับ หนี ปัดความรับผิดชอบ ทั้งที่สนุกไปเองด้วยกัน แต่ปล่อยภาระเป็นของผู้หญิง ไม่สำนึกใดๆ ขอให้พ้นตัว ไม่รับผิดแต่บาปกรรมมีจริง หลายคนที่ไม่เคยได้รับความเจริญไง และชอบสนที่ยืดอกพูด เรื่องต้นกับเขากับแม่ต้น แค่นี้ก็รู้ว่า สนเป็นคนอย่างไร
แต่อยากให้สนคิดถึงต้นนิดหนึ่ง ต้นคอยากอยู่ข้างๆคนที่รัก ขบคิดและปลอบใจเป็นที่ปรึกษาให้สน

ปล.+1ให้กับความสะเทือนใจที่คนเขียนกลั่นกรองอย่างดี

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถ้าการมีชีวิตมันคือการมีความสุข  เขาจะเรียกว่าการตายว่าพ้นทุกข์ทำไม
นิยายเรื่องนี้มันสะท้อนความจริงในอีกแง่มุมหนึ่งที่คนไม่อยากยอมรับ
ซึ่งคนแต่งคงต้องหนักแน่นกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาสักหน่อย
ธรรมชาติของคนที่อ่านนิยายก็อยากให้มันได้ดั่งใจ  สมหวัง  อย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้
เพื่อชดเชยกับชีวิตที่หวานบ้าง ขมบ้างตามประสา  เพราะส่วนใหญ่อ่านเพื่อคลายเครียด
พอมีนิยายซักเรื่องที่มันไม่คลายเครียด  ไม่ได้ดั่งใจก็ออกอาการ
ซึ่งอาการที่ว่าคือ "อิน" น่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ  ที่สามารถทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมได้
พี่ว่า  พี่ดูข่าวตอนเช้า ๆ ทุกวัน  อินมากกว่านี้อีก  ใส่อารมณ์มากกว่านี้อีกนะ
ยังงัยซะก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ  ถ้าพี่จะอินไปบ้างก็อย่าถือสา

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
นานี่เป็นผู้หญิงที่....สุดบรรยาย ตอนพยายามจะมีลูกก็ใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้เขามา แต่พอคิดจะไม่เอาก็ทำแท้ง ฆ่าลูกตัวเอง
เฮ้อ....เธอเป็นคนที่รักแต่ตัวเองจริงๆ อย่างน้อยเค้าก็เกิดมาแล้ว ไม่เอาเขาก็รอคลอดแล้วให้สนเลี้ยงก็ได้นี่ ไม่น่าทำบาปแบบนี้เลย
ขอไว้อาลัยให้ลูกของสนด้วย เกิดมามีกรรมตรงที่เกิดเป็นลูกของแม่ใจร้ายอย่างนานี่ล่ะ ไม่น่าเลย

จบเรื่องนา ก็ยังมีเรื่องของแม่ต้นอีก ขอให้ครอบครัวต้นเข้าใจในความรักของทั้งสองคนด้วยเถอะ
นับถือสนที่กล้าพอที่จะบอกเรื่องราวของสนกับต้นกับแม่ของต้น....แม่อาจจะเห็นใจก็ตรงนี้ล่ะ

+1 ขอบคุณมากๆค่ะ ตอนหน้าจะจบแล้ว รู้สึกโหวงๆ งื้อ..ไม่อยากให้จบแต่ก็อยากรู้ตอนจบ :serius2:
เวอร์ชั่นนี้ ดราม่าหนัก แต่ก็เข้มข้น...โดนใจ....ไปหมดทุกตอน แต่งออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วอินมากกว่าเดิม
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ 

จะรอตอนจบค่ะ  :กอด1: :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ โล่ง ตอนแรกก็คิดไปเองว่า นาจะจ้างคนไปฆ่าต้น
อารมณ์ประมาณแบบว่า ฉันไม่ เธอก็ต้องไม่
อะไรแนว ๆ นั้น
แต่ใจก็สงสาร ที่เรื่องราวมันลงเอยแบบนี้
สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่อง และถ้าเกิดมาก็น่าสงสารอีก
ต้องมาอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์
สรุปเรื่องนี้คนที่น่าสงสารที่สุด คือลูกของสนกับนา : '(

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ก่อนจะเอาตอนจบมาให้อ่าน ขออนุญาตชี้แจงเรื่องที่ผมกำลังนอยด์ให้ฟังสักนิดนะครับ

จริงๆ ต้องบอกว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครหรือคนเขียนได้หรือไม่ได้
แต่ปัญหาที่ทำให้ผมรู้สึกเสียศูนย์ไปก็คือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ค่อยสุภาพครับ
ในเรื่องที่แล้วที่ผมเขียน (รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต) ตัวละครที่ชื่อ "บูม" ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์คล้ายๆ สน
แต่ผมก็ยังโอเคนะครับ เพราะยังรู้สึกว่ามันก็ยังดูสุภาพอยู่ มีเหตุมีผล

แต่ในเรื่องนี้ ตอนหลังๆ ผมเริ่มเห็นการเม้นต์ที่เริ่มใช้คำรุนแรงมากขึ้นจนล้ำเส้นไป
บางทีก็มีสิงสาราสัตว์มาป้วนเปี้ยนด้วย ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการเม้นต์ในลักษณะนี้ครับ
พอเจอมากเข้าผมก็ชักเสียศูนย์เพราะเริ่มไม่มั่นใจตัวละครที่เราเขียนว่าเขาเลวร้ายจนถึงกับต้องใช้คำแบบนั้นด่าด้วยหรือ
ผมก็มานั่งถามตัวเองว่าต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีของผมมันเสียหรือเปล่า ถึงได้ไม่รู้ว่าตัวละครตัวนี้เขาแย่ขนาดไหน
ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะดำเนินไปแบบไหน จุดยืนคืออะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ
มันทำให้ผมไม่อินกับตัวละครที่เขียนไปเลย แล้วก็เฝ้าถามตัวเองว่า...เราเขียนอะไรไปทำไมทำให้เขาดูแย่ขนาดนั้นได้
เพราะเราไม่ได้อยากจะให้เขาแย่ขนาดที่จะต้องถูกด่าด้วยคำที่รุนแรงแบบนั้นเลย
พอเขาดูแย่ขนาดนั้นผมก็ไม่รู้จะเขียนบทอะไรให้เขาอีก ไม่รู้จะแก้ตัวให้ยังไงเพราะขนาดว่าอธิบายไปแล้วก็ยังเหมือนเดิม
ผมก็เลยเกิดอาการไปไม่เป็นครับ บางทีเขียนไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะทำให้เขาแย่กว่าเดิมหรือเปล่า

โดยสรุปก็คือ ผมอยากให้เราแสดงความคิดเห็นกันอย่างสุภาพครับ
การวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ชอบไม่ชอบก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปบนพื้นฐานของเหตุผล
จะอินแค่ไหนก็ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานนี้
แต่พอล้ำเส้นไปเป็นการด่าทอ หยาบคาย มันกระทบกับความรู้สึกของคนเขียนด้วย เพราะบางทีก็รู้สึกเหมือนด่าคนเขียน
ยิ่งเจอคำที่มีสิงสาราสัตว์ด้วยแล้ว บางทีคนเขียนอ่านแล้วก็สะดุ้งไปเหมือนกัน
จริงๆ จะวิพากษ์วิจารณ์คนเขียนก็ทำได้นะครับสำหรับผม แต่ควรทำบนพื้นฐานของความสุภาพเช่นเดียวกัน
แต่อีกอันที่เห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจก็คือ "การให้คะแนน" ครับ สำหรับผม แค่บอกว่าชอบไม่ชอบตรงไหน
ชอบมาก ชอบน้อยหรือไม่ชอบมากๆ ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ แต่พอมีคะแนนมาด้วย
ผมรู้สึกว่างานผมถูกตีค่าให้สูงหรือต่ำ

ไม่ใช่ว่าจะต้องชมอย่างเดียวนะครับ เพราะผมเองก็ต้องการที่จะพัฒนาการเขียนต่อไป
ติก็ได้ครับ ผมยังโอเคกับการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุด้วยผลและความสุภาพเสมอครับ

ป.ล.
ตอนนี้กำลังปรับตอนจบอยู่ครับ พร้อมแล้วจะเอามาให้อ่านเร็วๆ นี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2012 09:29:32 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากให้สนกลับมาหาต้นเร็วๆ  ทรมานกันมามากแล้ว :m15:

แอบใจหาย ไม่อยากให้จบเลย แต่มันก็ต้องจบแหละเนอะ

เรื่องที่ผู้แต่งนอยด์ก็เข้าใจอ่ะค่ะ ตั้งใจเต็มที่แล้วต้องมาเจออะไรที่มันเลยเถิดไปหน่อย

ก็คิดว่าคนอ่านๆหลายๆคน อินมากกกกกกกกกก  เพราะผู้แต่งแต่งดีงัยค่ะเลยมีอารมณ์ร่วมไปด้วย

เหมือนดูละคร อย่างมารยาริษยา ตัวละครดีนี่เล่นซะน่า.........จริงๆ แสดงว่านักแสดงเล่นได้ถึงบทบาท

ผู้แต่งก็ทำเต็มที่ ดีที่สุดแล้ว ก็เป็นกำลังใจให้นะค่ะ   :man1: :L2:

จะรอผลงานชิ้นต่อๆไปด้วยค่ะ (แอบตั้งฉายาเจ้าพ่อมาม่าได้มั้ยเนี่ย o13)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วนะครับ ตอนจบทีไรใจหายทุกที
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ ทั้งคนที่ตามมาตั้งแต่แรกๆ หรือคนที่มาตามตอนหลังๆ
ขอบคุณจากใจใจจริงสำหรับกำลังใจที่ทุกคนมีให้ และต้องขอโทษด้วยหากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดหรือทำให้ขุ่นเคืองใจ
เขียนนิยายมาแล้ว 2 เรื่อง เรื่องสั้นๆ อีกสองสามเรื่อง ก็ชักสนุก คงหยุดไม่ได้ ยังไงก็จะกลับมาเขียนอีก
แต่ขอพักหายใจและกลับมาทำงานให้เต็มที่ พร้อมเมื่อไหร่จะกลับมาครับ


---------------------------------------------------------

ตอนที่ 38: รักจะนำทางเราไป (ตอนจบ)



หลังจากที่รู้ว่าสนไม่เป็นไรมากแล้ว แม่ของสนกับแม่ของต้นก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่ ตอนแรกสนจะไปส่งแต่แม่ของสนไม่ยอมเพราะเธอก็อยากจะคุยกับแม่ของต้นไปในรถด้วย ถ้าสนไปส่งคงจะคุยไม่สะดวก สนจึงใช้วิธีออกค่ารถให้กับแม่ๆ ทั้งสองแทน

ระหว่างทางที่นั่งรถไปด้วยกัน แม่ของสนก็คอยสังเกตท่าทางของคนเป็นแม่อีกคนที่ดูเหมือนจะเครียดหนักทีเดียว ในฐานะที่เป็นแม่เหมือนกันจึงคิดว่าคำแนะนำของเธออาจจะพอมีประโยชน์อะไรบ้าง  "แม่พร...ฉันเข้าใจแม่พรนะที่แม่พรไม่อยากให้เขาสองคนรักกัน ฉันเองก็หัวอกเดียวกับแม่พรนั่นแหละ ก็มีลูกชายคนเดียวเหมือนกัน อยากให้เขาเป็นคนสืบสกุลของเรา ฉันก็หวังอย่างนั้นมาตลอด แต่...ฉันมาคิดๆ ดูแล้วก็ต้องยอมรับความจริงว่า...เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวเขาเท่านั้น ใจของเขา ชีวิตของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องเลือกเอง เราเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้แค่เลี้ยงดูเขา ช่วยให้เขามีชีวิตดีๆ ตามที่เขาเลือก ถ้าเราจะบังคับเขา ลูกมันก็คงยอมทำตามล่ะนะ ก็เราเป็นพ่อเป็นแม่เขานี่นา เขาก็คงขัดไม่ได้ แต่เขาก็คงไม่มีความสุขกับการถูกเราบังคับหรอก ฉันก็เลยต้องกลับมาถามตัวเองว่า...ฉันอยากให้ลูกเป็นอย่างที่ฉันต้องการหรืออยากให้ลูกมีความสุขกันแน่ แล้วฉันก็ได้คำตอบเป็นอย่างหลัง แต่...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยกับความรักของเขาทั้งสองคน ฉัน...ก็เข้าใจความจำเป็นของแม่พรนะ ฉันเองก็คงจะต้องให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น เพราะเขารักกัน...อยู่ใกล้กันแล้วเขาคงจะทำใจลำบาก"

แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แม่ของต้นต้องใช้ความคิดหนักขึ้น เธอเห็นสนร้องไห้แล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ยิ่งคิดตามที่แม่ของสนพูดแล้วเธอก็ยิ่งหวั่นไหวในใจ เธอเองก็เคยได้ยินคำพูดนั้นที่ว่า 'ลูก...เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว' ไม่คิดว่าเธอจะต้องมาเจอกับสถานการณ์นั้นด้วยตัวเองในเวลานี้

"ขอเวลาฉันคิดทบทวนหน่อยนะแม่ตา ฉันจะลองคุยกับพ่อแอ๊ดดู...ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงบ้าง แต่ฉันก็เดาว่าเขาก็คงคิดไม่ต่างจากฉันนักหรอก หลังๆ นี้เขาก็เริ่มกังวลมากที่ต้นยังไม่มีแฟนกับเขาเสียที แต่ฉัน...ไม่ได้รังเกียจอะไรสนนะแม่ตา แม่ตาเข้าใจฉันนะ ถึงฉันจะไม่ได้อยากให้ต้นกับสนรักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจสนเลย ครอบครัวของฉันก็รักสนทุกคน รักเหมือนลูกคนหนึ่ง"

แม่ของสนเอื้อมมือไปบีบมือแม่ของต้นไว้เพื่อให้กำลังใจ เธอรู้ว่าแม่ของต้นคงต้องใช้เวลาสักพักและต้องเข้มแข็ง "ฉันเข้าใจ...ไม่ว่าแม่พรจะรับได้หรือไม่ได้ฉันก็เข้าใจ ฉันกับลูกก็ยินดีถ้าหากว่ามีอะไรที่ทำแล้วจะช่วยให้พ่อแอ๊ดกับแม่พรสบายใจ ถ้าไม่อยากให้เขาสองคนรักกันจริงๆ ฉันก็จะให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น แต่ฉันก็อยากให้แม่พรลองคุยกับต้นด้วยว่าเขาคิดยังไง แล้วแม่พรค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ดีเหมือนกันนะ ต้นเขาเป็นคนมีความคิด เขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ก็ได้"

แม่ของต้นพยักหน้า โดยทั่วไปผู้หญิงมักจะอารมณ์อ่อนไหวและเข้าใจบางเรื่องได้ง่ายกว่าผู้ชายอยู่แล้ว เธอก็เลยชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจะทนเห็นต้นกับสนพรากจากกันไปทั้งที่ยังรักกันได้หรือเปล่า ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ คนที่ไม่ได้รักคงไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่เขารักกันนี่สิ...เธอไม่แน่ใจหรอกว่าจะห้ามเขาไปได้ตลอด

"แม่พร...ฉันอาจจะไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์มีความรู้อะไรมาก แต่ฉันก็เป็นแม่คนหนึ่ง ฉันเองก็เคยมีความต้องการมากมายที่จะให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องมาถามตัวเองว่า สิ่งที่ฉันอยากได้จากลูกมากที่สุดคืออะไร ช่วงที่สนมีเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า...ฉันอยากเห็นลูกมีความสุข ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขามากกว่านี้หรอก ฉันเห็นเขาทุกข์มามาก ถ้าเขาทำอะไรหรือเป็นอะไรแล้วมีความสุข ฉันก็อยากให้เขาทำหรือเป็นอย่างนั้น ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน" แม่ของสนสำทับเข้าไปอีก เธอเชื่อว่าแม่กับพ่อของต้นจะคิดได้ สังเกตจากที่ต้นเป็นคนจิตใจดี นั่นก็ย่อมหมายความว่าเขามีพ่อแม่ที่จิตใจดีด้วย คนที่จิตใจดีคงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก

"แต่เอาเป็นว่า...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยและยอมรับไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะคอยดูสนให้ แต่ฉันก็รับปากไม่ได้หรอกว่าเขาจะไม่แอบมาหากัน ที่เขารักกันก็เพราะว่าเขาผูกพันกัน พวกเราทั้งสองครอบครัวก็เห็นความรักของต้นกับสนแล้ว สำหรับฉัน...ฉันคิดว่ามันห้ามได้ยากมาก ฉันอยากให้แม่พรเตรียมใจเผื่อไว้บ้างว่ามันอาจจะเกิดขึ้น"

ใช่...สิ่งที่แม่ของสนพูดก็ตรงกับสิ่งที่แม่ของต้นกำลังกังวลเผงเลย เธอไม่มั่นใจจริงๆ ว่าเธอจะห้ามเขาทั้งสองคนได้

-------------------------------------------------

สามเดือนผ่านไปแล้วที่สนไม่ได้เจอกับต้นเลย แม้ว่าตอนนี้สนจะยังไม่ได้บวชเพราะยังหาช่วงเวลาที่สะดวกไม่ได้ แต่สนก็รู้สึกว่าจิตใจเขาสงบมากขึ้น หลังจากที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ การได้อยู่กับตัวเองก็ดีเหมือนกัน แม้ว่าจะเหงาและฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่เมื่อคิดมากๆ ทบทวนมากๆ ก็ทำให้มีเวลาเรียนรู้สิ่งที่ผ่านมาได้มากขึ้นไปด้วย

เมื่อไม่กี่วันมานี้แม่โทรมาบอกข่าวดีบางอย่างกับเขาแล้ว ทำให้สนสามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญได้ เขาลุกขึ้นมาจัดห้องใหม่ ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าม่านใหม่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่และทำอะไรใหม่อีกหลายอย่าง หมดเงินไปก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เสียดายหรอก เพราะอีกไม่นาน ห้องนี้ก็จะได้ต้อนรับใครบางคนที่สนอยากให้มาอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วสนก็ยังไปตัดผมเผ้าใหม่ให้เรียบร้อยจนกลับมาหล่อสะอาดใสเหมือนเดิม แถมจะดูหล่อยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สนพร้อมแล้วที่จะกลับไปหาใครคนนั้นที่เขาแสนจะคิดถึง กลับไปพร้อมกับอิสรภาพที่เขาได้กลับคืนมา กลับไปพร้อมกับความภาคภูมิใจที่เขาได้สะสางปัญหาทุกอย่างไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวของเขาเอง หรือปัญหาความไม่เข้าใจของพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้เขาคบหากับใครคนนั้นได้อย่างสบายใจ

เมื่อสนเช็คจนแน่ใจแล้วว่าต้นจะกลับบ้านเย็นวันนี้ สนก็เลยกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เพื่อที่จะรอพบใครบางคน มาถึงบ้านสนก็ตรงไปหาพ่อกับแม่ของต้นเพื่อที่จะเอาของไปฝากและคุยเรื่องเขากับต้นด้วย

ดูเหมือนพ่อกับแม่ของต้นดีใจไม่น้อยที่เห็นสนกลับมาหา หลังจากที่เงียบหายไปนานหลายเดือน ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในบ้านนี้รักและคิดถึงสนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทุกคนตระหนักว่าสนจะขาดหายไปจากชีวิตของพวกเขาไม่ได้ ถ้าสนไม่กลับมา ต้นก็คงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต นั่นแหละ...จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจครั้งนี้

"พ่อฝากต้นด้วยนะลูก" นั่นคือสิ่งที่พ่อของต้นบอกกับสนก่อนที่เขาจะกลับ

"ครับพ่อแอ๊ด" สนตอบพลางยิ้ม เขารู้สึกตื้นตันใจจนแทบจะควบคุมน้ำตาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณใครดีที่ทำให้สนได้มาเจอกับครอบครัวนี้ ครอบครัวที่ดีกับเขาเสมอมา คอยช่วยเหลือยามตกทุกข์ได้ยาก ให้ความรักและไว้วางใจสนราวกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง

"ผมจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ พ่อแอ๊ดกับแม่พรไม่ต้องห่วงนะครับ" นี่คือคำสัญญาจากลูกผู้ชายที่ชื่อสน เมื่อเขาได้โอกาสนี้แล้วเขาก็จะรักษาให้สุดชีวิต ไม่ให้พ่อกับแม่ของต้นต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด

"พ่อแอ๊ดก็...สนเขาดูแลลูกเราดีจะตาย ฉันไม่เห็นจะห่วงเรื่องนั้นเลย ต้นเขาโชคดีนะ...ที่ได้เป็นแฟนกับสน" แม่ของต้นหันไปคุยกับสามีแล้วก็หันมายิ้มกับสน ก็อย่างที่แม่ของสนเดาไว้ว่าพ่อกับแม่ของต้นจะเข้าใจเพราะบ้านนี้เป็นคนจิตใจดีทั้งบ้าน
--------------------------------------------------------

http://www.youtube.com/v/ErgnOWcN3r4

พอรุ่งเช้า สนก็รีบตื่นแต่เช้า จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่งตัวให้ดูหล่อและเท่ห์ที่สุด แล้วสนก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปหาต้น พ่อกับแม่ยิ้มและอวยพรให้เขาโชคดีกับการกลับไปหาต้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นฟ้าหลังฝนจริงๆ แล้วล่ะ อะไรๆ ก็ดูจะเอื้อชีวิตของสนให้ง่ายขึ้น

ช่วงนี้ยังเป็นช่วงปลายๆ หน้าหนาว อากาศก็ยังเย็นสบายดีอยู่ แต่ก็ไม่หนาวเหมือนกับบ้านเกิดของสนหรอก สนเดินเลาะเลียบไปตามคลองส่งน้ำไปทางบ้านต้น แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น...สะพานเหล็กหน้าบ้านต้น ที่ๆ เขากับต้นมักจะมานั่งคุยกันทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งเรื่องที่เป็นความสุขหรือความทุกข์

สนยิ้มด้วยความดีใจและเป็นสุขที่บัดนี้ใครคนนั้นที่เขารอคอยได้มานั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว ราวกับจะรู้ว่ามีคนสำคัญมาหาตรงที่เดิมของเขาทั้งสองคน สนกลับมาคราวนี้เพราะหัวใจขอมาจริงๆ เขามาพร้อมกับชีวิตใหม่ที่ได้ผ่านฝันร้ายมาจนหัวใจเข้มแข็งแล้ว แต่เขาก็ยังมีหัวใจดวงเดิมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักให้กับต้นเสมอ และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สนสาวเท้าเข้าไปหาต้นอย่างช้าๆ ทำเสียงเดินให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ใครคนนั้นที่รออยู่รู้ตัวเสียก่อน จนกระทั่งถึงตัว สนก็เรียกชื่อที่เขาคุ้นเคยมาเกือบทั้งชีวิต ชื่อที่เขาแทบจะไม่เคยได้พูดถึงเลยในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ชื่อของคนที่เขาแสนจะคิดถึงและเป็นห่วง และชื่อของคนที่เขา...จะไม่ยอมให้จากไปไหนอีกแล้ว

"ต้น..."

ต้นหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นแล้วต้นก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ แล้วเขาทั้งสองคนก็โผเข้ากอดกันเหมือนกับที่เคยกอด ถ่ายทอดความอบอุ่นจากหัวใจให้แก่กัน

"เรากลับมาแล้วนะต้น...นายคิดถึงเราไหม" สนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงถึงความรักและความห่วงหาอย่างสุดหัวใจ แม้จะไม่ได้เจอกันถึงสามเดือนแต่ก็ไม่ปรากฏช่องว่างใดๆ ระหว่างเขากับต้นเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

"คิดถึง...คิดถึงทุกวันเลย" ต้นตอบพร้อมกับกอดสนแน่นขึ้นอีกนิด เขารู้สึกอุ่นใจและมีความสุขเสมอที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ ดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้อ้อมกอดที่แสนคิดถึงนี้กลับมาอีกครั้ง

สองหนุ่มค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากกันเพื่อที่จะมองหน้ากันให้ชัดๆ เต็มตาอีกครั้ง วันนี้สนดูหล่อมากทีเดียว ใบหน้าขาวสะอาดใสและมีรอยยิ้มสุขใจ หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาหลายอย่าง สนคงพร้อมแล้วสำหรับชีวิตใหม่และการเริ่มต้นชีวิตในอีกแบบหนึ่งที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้

"นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยนะ" ต้นชม รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า วันนี้สนใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนส์สีออกเทาเข้ม ทรงผมดูแปลกตาไปเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ดูดีมากทีเดียว

สนยิ้มเขินนิดๆ "เพราะเราจะกลับมาหาคนพิเศษไง ก็ต้องหล่อเป็นพิเศษ แก้มนายก็ยังใสเหมือนเดิมนะ" ว่าแล้วสนก็เอามือจับแก้มใสนั้นเบาๆ คนถูกจับแก้มจึงก้มหน้าเขินเล็กน้อย

"ต้น...เรากลับมาคราวนี้...เราจะไม่ไปไหนอีกแล้วนะ ชีวิตของเราจะขอหยุดทุกอย่างไว้ที่นายคนเดียว เราเหนื่อยและบาดเจ็บกับชีวิตมาพอสมควรแล้ว นายคงไม่รังเกียจใช่ไหมที่จะให้เราหยุดพักพิงใจตรงนี้ อยู่กับคนที่เรารัก...และรักเรา อยู่กับคนที่เราผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต อยู่กับคนที่เรารู้ว่า...ชีวิตนี้...เราขาดเขาไม่ได้...ได้ไหมต้น"

ต้นพยักหน้าตอบรับโดยไม่รีรอ แล้วสนก็อดที่จะกอดต้นไว้อีกครั้งไม่ได้ หมดทุกข์หมดโศกกันเสียทีนะชีวิตของสน ต่อไปนี้สนจะเป็นคนใหม่ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากยิ่งขึ้น จะไม่นำปัญหามาให้ต้นเสียใจอีกแล้ว "เรารักนายนะ...ขอบคุณมาก...ที่นายยังรอเราอยู่"

"เราก็รักนาย" ต้นกอดตอบอย่างสุขใจ

โชคดีที่ว่ายังเช้าอยู่จึงยังไม่ค่อยมีใครออกมาข้างนอกกันมากนัก แต่...พ่อกับแม่ของต้นก็ออกมาเห็นพอดีตรงรั้วบ้าน แม้ว่าจะยังคงทำใจรับได้ไม่สนิทดีนัก แต่เห็นต้นกับสนกลับมาอยู่ด้วยกัน เห็นเด็กสองคนรักกันด้วยน้ำใสใจจริงและบริสุทธิ์ใจเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดแล้ว พ่อกับแม่ของต้นก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้เห็นภาพนี้อีกครั้ง

เอาเถอะ...อย่างน้อยต้นก็มีความสุข อย่างน้อยต้นก็ทำตัวดีเสมอมาไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจให้พ่อกับแม่เหมือนลูกคนอื่นๆ ในละแวกนี้ อย่างน้อยต้นก็ตั้งใจเรียนจนจบ มีงานดีๆ ทำที่พ่อแม่ไม่ต้องห่วงแล้วว่าต้นจะดูแลตัวเองได้ไหม นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่เหลือ...ชีวิตก็เป็นของต้นที่ต้นจะต้องดูแลจัดการด้วยตัวเอง

สนกับต้นนั่งลงบนสะพาน ถอดรองเท้าแล้วก็ห้อยเท้าลงไป ช่วงนี้น้ำในคลองส่งน้ำพร่องไปค่อนข้างมากจึงไม่สามารถใช้เท้าตีน้ำเล่นได้เหมือนเคย

"เดือนหน้าเราจะบวชนะต้น บวชให้ลูก...บวชให้กับชีวิตที่เราเคยผิดพลาด" สนบอกแล้วก็หันไปยิ้มจางๆ ในตอนนี้ทั้งเขาและต้นต่างก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าแทบตลอดเวลา

"ดีแล้วล่ะสน..."

"นายคงรอเราได้นะ แค่สิบห้าวันเอง"

ต้นขำเบาๆ "รอได้สิ...รอมาตั้งสามเดือนเรายังรอได้เลย"

"นายรู้ไหม...ช่วงเดือนที่ผ่านมา...เราก็เคยคิดอยากมาหานายนะ แต่มาคิดๆ ดูแล้วเราคิดว่า...เราควรมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มาก คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง ทำใจให้สงบและหยุดทุรนทุราย แล้วก็แก้ปัญหาบางอย่างที่เราคิดว่าสำคัญมากสำหรับเราสองคน ตอนนี้...เราแก้ปัญหานั้นได้แล้วนะ"

ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "อะไรเหรอ..."

"ก็...คุยกับพ่อกับแม่ของเราสองคนเรื่องของเราไง ตอนนี้...พ่อกับแม่ของเรา แล้วก็พ่อกับแม่ของนาย...รู้เรื่องที่เรารักกันแล้วนะ"

ต้นทำหน้าตกใจเล็กน้อย รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะกลัวพ่อกับแม่จะไม่เข้าใจ หลังๆ มานี้ต้นโดนพ่อกับแม่ถามเรื่องแฟนจนต้นต้องคอยหลบหน้า "จริงเหรอสน แล้วพ่อกับแม่ของเรา..."

สนรู้ว่าต้นกลัวเรื่องนั้น เขาจึงยิ้มกว้างเพื่อให้ต้นสบายใจ "นายดูเรายิ้มสิ...ถ้าเรายิ้มแบบนี้มันแปลว่าอะไรล่ะ"

"จริงเหรอสน" ต้นยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

"จริงสิ...ไม่งั้นเราไม่กล้ากลับมาหานายหรอก เราบอกตัวเองไว้แล้ว ถ้าเรายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เราก็จะไม่กลับมาหานาย ถ้าพ่อกับแม่นายไม่ยอม เราก็คงต้องจากไปจริงๆ เราไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีก ตอนแรกที่เราคุยกับแม่ของนาย แม่ของนายเขาไม่ยอมนะ แต่แม่ของเราก็พยายามช่วยเราอธิบายอีกแรง จนตอนนี้...แม่พรแล้วก็พ่อแอ๊ดเข้าใจเราสองคนแล้วล่ะ"

ต้นมองดูสนและยิ้มด้วยความชื่นชม เขาเองยังไม่กล้าคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เลย ต้นรู้ดีว่าเขาเป็นลูกคนเดียว บางทีต้นยังคิดเลยว่าถ้าพ่อแม่ถามมากๆ ต้นก็อาจจะต้องทำอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้ทำก็ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ต้นคงจะกอดสนเพื่อขอบคุณไปแล้ว

"ขอบคุณมากนะสน...นายเก่งจังที่กล้าคุย...ที่ผ่านมาเราได้แต่คอยหลบหน้าพ่อกับแม่เพราะเขาถามเราเรื่องแฟนบ่อยมาก เรายังไม่กล้าคุยเลย"

"เพื่อนาย...เราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วต้น ชีวิตเราก็ให้นายได้...นายก็รู้"

ต้นยิ้มและสบตากับสนอยู่สักพัก "สน...นายโอเคกับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วใช่ไหม เราเป็นห่วงนายมากนะ คอยภาวนาทุกวันให้นายเจอทางออกของปัญหา"

"โอเคแล้วล่ะต้น" แล้วสนก็ถอนหายใจ ทอดสายตาไปตามแนวคลองที่ยาวสุดลูกหูลูกตา "ถือเสียว่า...มันเป็นฝันร้ายของชีวิตก็แล้วกัน เราได้เรียนรู้แล้วว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็อาจจะทำให้ชีวิตเราพังได้ ต่อไปนี้...เราจะไม่ประมาทกับชีวิตแบบนั้นอีกแล้วต้น มีอะไร...เราก็จะปรึกษากับนาย...ทุกเรื่อง เพราะเรา...เป็นแฟนกันแล้ว นายอยากเป็นแฟนเราหรือเปล่า"

"จะให้ตอบว่าไงดีนะ" ต้นแกล้งกวน

"ก็ตอบว่าอยากเป็นสิ นายจะหาได้ที่ไหนแฟนแบบนี้ หล่อก็หล่อ เป็นแฟนก็ได้ เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นพ่อครัวก็ได้ ต่อไปก็อาจจะเป็นพ่อบ้าน"

ต้นขำชอบใจกับอันหลังที่สนบอก "ก็รู้อยู่แล้ว...จะถามทำไมล่ะ" แล้วต้นก็ก้มหน้าเขิน "ก็อยากเป็นมาตั้งนานแล้ว ก็รอให้ชวนอยู่...ไม่เห็นชวนเสียที"

สนเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้ม "ก็อยากชวนตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าไง อ้อ...วันนี้เรามีอะไรจะเซอร์ไพรส์นายด้วยนะ แต่อย่าถามให้ยาก ยังไงเราก็ไม่บอกตอนนี้"

"งั้นไม่อยากรู้ก็ได้ อุตส่าห์อยากรู้" ต้นว่าพลางทำหน้าล้อเลียน

"เรารู้ว่านายอยากรู้...มันดีมากนะ ถ้านายรู้แล้ว...นายจะชอบ"

------------------------------------------------------

ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นกลับกรุงเทพ กลับไวจนพ่อกับแม่ของต้นสงสัยเพราะต้นเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน แต่พอสนบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ต้น พ่อกับแม่ก็เลยยอมให้ต้นกลับไว

พอสนขับรถเข้ามาในกรุงเทพ ต้นแปลกใจที่สนไม่ได้ขับไปทางคอนโดของเขา สักพักจึงพอจะเดาออกว่าสนน่าจะไปที่คอนโดของเขาเอง ปกติต้นไม่ค่อยไปคอนโดของสนนักเพราะสนบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาหาต้นเอง ต้นจึงเคยไปแค่สามสี่ครั้ง

แล้วสนก็พาต้นมาที่คอนโดของเขา ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นกลับไม่ใช่ต้นเสียอย่างนั้น แต่กลับเป็นสนเองที่เหมือนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ต้นจะได้เห็นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ พอเปิดประตูห้องพักเข้าไปแล้ว สนก็รีบถามอย่างภูมิใจว่า

"เป็นไงต้น...ห้องของเรา...น่าอยู่ไหม"

ต้นเดินเข้ามาแล้วก็หันไปมองสำรวจรอบๆ ถึงจะเคยมาแค่สามสี่ครั้งแต่ต้นก็รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ "นายทำห้องใหม่เหรอ" ต้นหันมาถามคนที่เดินมายืนยิ้มอยู่ข้างหลัง

"ใช่แล้ว...นายชอบหรือเปล่า" สนถามแล้วก็เดินเข้ามาสวมกอดต้นไว้จากด้านหลัง

"ชอบ...สวยดี" ต้นตอบพลางมองไปรอบๆ ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าสนทำห้องใหม่ทำไม

"แล้วอยากมาอยู่ไหม"

ได้ยินคำถามนั้นแล้วต้นก็รีบหันตัวกลับไปมองหน้าสนด้วยความสงสัย

"นายหมายความว่าไง"

"ก็หมายความว่า...เราจะชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะสิ นายเป็นแฟนเราแล้วนะต้น เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา"

ต้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังไม่ได้ตอบรับไปทันที

"นายคิดดูก่อนก็ได้...มา...เดี๋ยวเราพานายดูให้ทั่วดีกว่าว่าเราเปลี่ยนอะไรบ้าง" ว่าแล้วสนก็จูงแขนต้นให้เดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็คอยอธิบายว่าเขาเปลี่ยนอะไรในห้องไปบ้าง ดูเหมือนสนจะภูมิใจมากทีเดียว

ดูจนทั่วแล้วสนก็ถามต้นว่า "อยากออกไปข้างนอกไหม ไปไหนดี...ไปห้างหรือไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือนายอยากไปไหน"

ต้นส่ายหน้า "ไม่อยากไปไหนเลย ก็...เมื่อกี้นายถามเราว่าเราอยากอยู่ที่นี่ไหม ถ้างั้น...เรามาลองอยู่จริงๆ ก่อนไหมล่ะ เผื่อเราจะตัดสินใจได้ เอางี้...สมมติว่าเราอยู่ด้วยกันละ นายก็ใช้ชีวิตตามปกติของนาย เราก็จะใช้ชีวิตตามปกติของเราในห้องนี้ ดีไหม"

สนทำหน้าฉงนแต่ก็พยักหน้าตกลงแต่โดยดี "โอเค...ถ้างั้น...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราจะทำงานเขียนโปรแกรมต่อนะ ส่วนนาย...ทำอะไรดีล่ะ"

"อ่านหนังสือไง...นายมีหนังสือให้เราอ่านไหม" ต้นถามพลางมองหา

"มีสิๆ เยอะแยะเลย" สนบอกแล้วก็รีบไปหยิบนิตยสารที่เขาพอมีอยู่บ้าง แล้วก็ได้นิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ชายมาให้ต้น "ไม่รู้ว่าชอบอ่านหรือเปล่านะ แต่อ่านไปก่อนละกัน ไว้ค่อยไปหาซื้อแบบที่นายชอบอ่านมาเพิ่มทีหลัง"

ต้นพยักหน้าแล้วก็รับนิตยสารนั้นมา จากนั้น สนก็เดินกลับไปนั่งทำงานเขียนโปรแกรมของเขา ส่วนต้นก็นอนเหยียดยาวตรงโซฟาอ่านหนังสืออย่างสบายใจ สนคอยหันไปมองต้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็แอบยิ้มบางๆ กับตัวเอง มีต้นอยู่ใกล้ๆ แบบนี้สนก็มีความสุขและอุ่นใจจริงๆ ถ้าต้นมาอยู่กับเขาแบบนี้ทุกวันก็คงดี เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับต้นอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ เบื่อชีวิตโสดละ อยากอยู่กับแฟน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนที่ชวนเขาทดลอง "อยู่ก่อนแต่ง" ก็หลับไปแล้วพร้อมกับหนังสือที่ปิดหน้าไว้ สนเห็นแล้วก็รีบเดินไปหยิบออกให้เพราะกลัวต้นจะหายใจไม่ออก

สนหยิบหนังสือออกแล้วก็นั่งกับพื้นข้างล่าง มองดูใบหน้าของคนที่หลับใหลอย่างเป็นสุขแล้วก็ยิ้ม เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงไปดูหน้าต้นใกล้ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากดูให้ชัดๆ เท่านั้น แต่อยู่ดีๆ ต้นก็ลืมตาตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมา ศีรษะจึงชนกับสนแม้จะไม่แรงมากแต่ก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่

"โอ๊ย..."

"สนเจ็บหรือเปล่า...โทษทีเราไม่รู้ว่านายมาแอบมองเรา" ต้นทำสีหน้ารู้สึกผิด เขาไม่เจ็บมากเท่าไรแต่คิดว่าสนคงจะเจ็บมากกว่า

"เจ็บสิ...เป่าให้เราหน่อย" สนทำเสียงอ้อน

ต้นหัวเราะพลางส่ายหน้า สนยื่นหน้ามาใกล้ๆ ต้นก็เลยต้องยอมเป่าให้ "หายเจ็บหรือยัง"

"หายแล้ว..."

"อย่าก้มมาใกล้แบบนี้สิ อยู่ใกล้คนหล่อแล้วเราใจสั่น"

"ใจสั่นจริงเหรอ ถ้างั้นต้องกอดแล้วล่ะ จะได้หายสั่น" สนไม่พูดเปล่าแต่ซุกหน้าลงไปบนอกของต้นแล้วก็กอดต้นแน่น เล่นเอาคนถูกแกล้งหัวเราะร่า

สนหยุดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม "มีแฟนหล่อไม่ชอบเหรอ ใครๆ ก็อิจฉานะ แต่เรา...ให้นายเชยชมได้คนเดียวเท่านั้น"

ต้นยื่นมือมาบีบจมูกสนเล่นแล้วก็ยิ้ม แต่พอเห็นสนเอานิ้วชี้ที่แก้มของเขา ต้นก็ขมวดคิ้วแปลกใจ "อะไร"

"เราอยากได้รางวัล เราอุตส่าห์แต่งห้องใหม่ซะสวย ไม่คิดจะให้รางวัลเราบ้างเหรอ" สนพูดจบก็เอานิ้วชี้ที่แก้มตัวเองสองสามครั้งเป็นการเร่งเร้า

เห็นสนอ้อนเล่นแบบนี้ต้นก็ขำ แต่ก็ยอมยื่นจมูกไปหอมแก้มสนเบาๆ ตามที่เขาขอ คนที่ถูกหอมยิ้มเสียจนตาหยี

"ต้นลุกขึ้นมานั่งตรงๆ ก่อนสิ" สนบอกพลางช่วยขยับตัวต้นให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ต้นทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็มีสีหน้าสงสัย

สนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต้นราวกับจะขอความรัก เขาจับมือของต้นทั้งสองข้างมากุมไว้บนตักของต้นแล้วก็พูดว่า

"ต้น...มาอยู่กับเรานะ เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา เราอยากมีใครสักคน อยากมีคู่ชีวิต อยากดูแลนาย เราคิดว่าเราพร้อมแล้ว อยากให้นาย...ให้โอกาสผู้ชายที่ผิดพลาดคนหนึ่ง...ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับนาย ได้ไหมต้น...มาอยู่กับเรานะ...นะต้นนะ"

เห็นสีหน้าเว้าวอนและความตั้งใจจริงของสนแบบนี้แล้ว ต้นก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ เจอลูกอ้อนของสนทีไรต้นก็ไม่เคยเอาชนะได้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน คิดแล้วก็ตื้นตันใจจริงๆ ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรักเขามากขนาดนี้

ต้นค่อยๆ ยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้าตกลงอย่างช้าๆ "เริ่มตั้งแต่วันไหนดีล่ะ"

"วันนี้เลย...ดีไหมต้น เดี๋ยวเราให้พ่อกับแม่เราไปขอนายพรุ่งนี้เลยเป็นไง" สนพูดพลางเขย่ามือต้น เขาดีใจจนลืมตัว แต่พอรู้ตัวแล้วก็รีบวางมือต้นลงเพราะกลัวต้นจะเจ็บ

"ใจร้อนจังเลย...เอ...แสดงว่าวันนี้เราก็อยู่ก่อนแต่งสิ" ต้นสัพยอก

สนหัวเราะชอบใจ เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ ต้น แล้วก็กอดต้นจากด้านข้างในลักษณะรวบแขนไว้ "ไม่ดีเหรอ...ลองทั้งหมดแล้วก็จะช่วยให้นายตัดสินใจได้ไง แต่ยังไงๆ นะ เราก็มั่นใจว่านายลองแล้วต้องติดใจ อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แน่ๆ" สนเอาคางเกยบนไหล่ของต้นพร้อมกับลอบมองดูเจ้าของแก้มใสที่ยังยิ้มไม่หยุด

"อืม...สงสัย...วันนี้เราคงต้องลองอยู่ก่อนแต่งดูสักวันจริงๆ แล้วล่ะมั้ง เผื่อจะดี" ต้นบอกพลางขำ

"ดีอยู่แล้ว" สนบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทั้งต้นและสนต่างก็ตระหนักแก่ใจว่า มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้ ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ ไม่ได้เกี่ยวกับเพศ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะเป็นใคร ขอแค่มีใจที่รักกันจริงเสียอย่าง การอยู่ร่วมกันก็เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์

ชีวิตที่บอบช้ำและเหนื่อยล้าของสนได้สิ้นสุดลงแล้ว ฝันร้ายนั้นก็ได้ผ่านพ้นไปไม่หวนกลับมาอีก ส่วนต้น...ความรักที่เขาเฝ้ารอคอยมาเกือบทั้งชีวิตก็กลายเป็นความจริงอย่างสมบูรณ์ จากที่เคยสงสัยว่า "มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่" ตอนนี้ต้นก็ได้คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว นั่นเป็นเพราะความผูกพัน ความมั่นคงและอดทน ความรักของเขาทั้งสองคนจึงยืนยาวมาจนถึงวันนี้ จากเพื่อน กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่สับสน แล้วก็กลายมาเป็นความรักที่แท้จริงในที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นขวางแรงดึงดูดความรักระหว่างต้นกับสนได้ เมื่อหัวใจยังมีรักที่มั่นคงแล้ว ความรักก็จะนำทางเราไป ในยามที่หลงทาง เพียงแค่เราแหงนมองขึ้นมาก็จะเห็นความรักอยู่ตรงนั้นเสมอ รอคอยให้เราเดินตามไปและกลับมาสู่ทางเดินแห่งรักเช่นเดิม

จบบริบูรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:40:04 โดย sarawatta »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะค่ะ :pig4: :pig4:      อาจไม่ค่อยได้เม้นในตอน แต่ก็ติดตามค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
ในที่สุดก็แฮปปี้ซะที ดีใจด้วยยยยยยย >_<


ป.ล. ถ้าโชคดี คงจะมีโอกาสได้เห็นต้นกับสนในภาพยนต์นะครับ แต่อาจจะแฝงในเรื่องอื่น << อยากรู้ว่าเรื่องอะไร

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ตบมือแปะๆกับนิยายดีๆเรื่องนี่
หนทางพิสูจน์รักจริงๆคู่นี้ กระจะได้รักกัน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ
 :L2:
จะติดตามผลงานต่อไป

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ดีใจกับต้นที่สุดแล้วที่รักสมหวัง
สนเองก็เหมือนกันโชคดีที่อดทนมากพอ และคนที่รักยังรักอยู่เสมอ

มันสอนใจคนอ่านมากเลยนะ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ความมั่นคงระหว่างคนรัก
การเลือกที่จะรักแบบไม่ลุ่มหลง

อ่านแล้วก็หลงรักตัวละคร ไม่ใช่เพราะว่าดีอย่างเดียวแต่ต้นมีสติตลอด
ทั้งที่อาจจะตัดสินใจผิดพลาดได้ แต่ต้นเลือกที่จะคิดเสมอทำให้ไม่หลงทาง
อยากเห็นคนที่มีความรักเป็นแบบต้นมากๆ จะได้ไม่เจ็บปวดกับรักที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้า
เพราะตัวอย่างที่ตรงข้ามกันก็คือนา ไขว่คว้าจนสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  เรื่องหน้าขอแบบเบาๆบ้างนะ  ดราม่ามาสองเรื่องแล้ว
อ่านไปอินไป  บีบหัวใจเป็นช่วงๆอีก  ชอบคิดว่าตัวเองเป้นตัวเอกอยู่เรื่อย  อิ อิ

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
 :mc4: เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็จบแล้วจะได้อ่านสักทีหลังจากหยุดอ่านไปเพราะทนความหน้าด้านยัยนาไม่ไหว ทำตัวเองแล้วยังสะเออะไปโทษคนอื่นอีกไม่สงสารหรอกเรามันพวกอาฆาตแค้นนิสัยเหมือนตัวร้ายในนิยาย ฮ่าๆๆ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด