ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วนะครับ ตอนจบทีไรใจหายทุกที
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ ทั้งคนที่ตามมาตั้งแต่แรกๆ หรือคนที่มาตามตอนหลังๆ
ขอบคุณจากใจใจจริงสำหรับกำลังใจที่ทุกคนมีให้ และต้องขอโทษด้วยหากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดหรือทำให้ขุ่นเคืองใจ
เขียนนิยายมาแล้ว 2 เรื่อง เรื่องสั้นๆ อีกสองสามเรื่อง ก็ชักสนุก คงหยุดไม่ได้ ยังไงก็จะกลับมาเขียนอีก
แต่ขอพักหายใจและกลับมาทำงานให้เต็มที่ พร้อมเมื่อไหร่จะกลับมาครับ---------------------------------------------------------
ตอนที่ 38: รักจะนำทางเราไป (ตอนจบ)หลังจากที่รู้ว่าสนไม่เป็นไรมากแล้ว แม่ของสนกับแม่ของต้นก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่ ตอนแรกสนจะไปส่งแต่แม่ของสนไม่ยอมเพราะเธอก็อยากจะคุยกับแม่ของต้นไปในรถด้วย ถ้าสนไปส่งคงจะคุยไม่สะดวก สนจึงใช้วิธีออกค่ารถให้กับแม่ๆ ทั้งสองแทน
ระหว่างทางที่นั่งรถไปด้วยกัน แม่ของสนก็คอยสังเกตท่าทางของคนเป็นแม่อีกคนที่ดูเหมือนจะเครียดหนักทีเดียว ในฐานะที่เป็นแม่เหมือนกันจึงคิดว่าคำแนะนำของเธออาจจะพอมีประโยชน์อะไรบ้าง "แม่พร...ฉันเข้าใจแม่พรนะที่แม่พรไม่อยากให้เขาสองคนรักกัน ฉันเองก็หัวอกเดียวกับแม่พรนั่นแหละ ก็มีลูกชายคนเดียวเหมือนกัน อยากให้เขาเป็นคนสืบสกุลของเรา ฉันก็หวังอย่างนั้นมาตลอด แต่...ฉันมาคิดๆ ดูแล้วก็ต้องยอมรับความจริงว่า...เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวเขาเท่านั้น ใจของเขา ชีวิตของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องเลือกเอง เราเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้แค่เลี้ยงดูเขา ช่วยให้เขามีชีวิตดีๆ ตามที่เขาเลือก ถ้าเราจะบังคับเขา ลูกมันก็คงยอมทำตามล่ะนะ ก็เราเป็นพ่อเป็นแม่เขานี่นา เขาก็คงขัดไม่ได้ แต่เขาก็คงไม่มีความสุขกับการถูกเราบังคับหรอก ฉันก็เลยต้องกลับมาถามตัวเองว่า...ฉันอยากให้ลูกเป็นอย่างที่ฉันต้องการหรืออยากให้ลูกมีความสุขกันแน่ แล้วฉันก็ได้คำตอบเป็นอย่างหลัง แต่...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยกับความรักของเขาทั้งสองคน ฉัน...ก็เข้าใจความจำเป็นของแม่พรนะ ฉันเองก็คงจะต้องให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น เพราะเขารักกัน...อยู่ใกล้กันแล้วเขาคงจะทำใจลำบาก"
แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แม่ของต้นต้องใช้ความคิดหนักขึ้น เธอเห็นสนร้องไห้แล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ยิ่งคิดตามที่แม่ของสนพูดแล้วเธอก็ยิ่งหวั่นไหวในใจ เธอเองก็เคยได้ยินคำพูดนั้นที่ว่า 'ลูก...เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว' ไม่คิดว่าเธอจะต้องมาเจอกับสถานการณ์นั้นด้วยตัวเองในเวลานี้
"ขอเวลาฉันคิดทบทวนหน่อยนะแม่ตา ฉันจะลองคุยกับพ่อแอ๊ดดู...ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงบ้าง แต่ฉันก็เดาว่าเขาก็คงคิดไม่ต่างจากฉันนักหรอก หลังๆ นี้เขาก็เริ่มกังวลมากที่ต้นยังไม่มีแฟนกับเขาเสียที แต่ฉัน...ไม่ได้รังเกียจอะไรสนนะแม่ตา แม่ตาเข้าใจฉันนะ ถึงฉันจะไม่ได้อยากให้ต้นกับสนรักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจสนเลย ครอบครัวของฉันก็รักสนทุกคน รักเหมือนลูกคนหนึ่ง"
แม่ของสนเอื้อมมือไปบีบมือแม่ของต้นไว้เพื่อให้กำลังใจ เธอรู้ว่าแม่ของต้นคงต้องใช้เวลาสักพักและต้องเข้มแข็ง "ฉันเข้าใจ...ไม่ว่าแม่พรจะรับได้หรือไม่ได้ฉันก็เข้าใจ ฉันกับลูกก็ยินดีถ้าหากว่ามีอะไรที่ทำแล้วจะช่วยให้พ่อแอ๊ดกับแม่พรสบายใจ ถ้าไม่อยากให้เขาสองคนรักกันจริงๆ ฉันก็จะให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น แต่ฉันก็อยากให้แม่พรลองคุยกับต้นด้วยว่าเขาคิดยังไง แล้วแม่พรค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ดีเหมือนกันนะ ต้นเขาเป็นคนมีความคิด เขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ก็ได้"
แม่ของต้นพยักหน้า โดยทั่วไปผู้หญิงมักจะอารมณ์อ่อนไหวและเข้าใจบางเรื่องได้ง่ายกว่าผู้ชายอยู่แล้ว เธอก็เลยชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจะทนเห็นต้นกับสนพรากจากกันไปทั้งที่ยังรักกันได้หรือเปล่า ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ คนที่ไม่ได้รักคงไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่เขารักกันนี่สิ...เธอไม่แน่ใจหรอกว่าจะห้ามเขาไปได้ตลอด
"แม่พร...ฉันอาจจะไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์มีความรู้อะไรมาก แต่ฉันก็เป็นแม่คนหนึ่ง ฉันเองก็เคยมีความต้องการมากมายที่จะให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องมาถามตัวเองว่า สิ่งที่ฉันอยากได้จากลูกมากที่สุดคืออะไร ช่วงที่สนมีเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า...ฉันอยากเห็นลูกมีความสุข ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขามากกว่านี้หรอก ฉันเห็นเขาทุกข์มามาก ถ้าเขาทำอะไรหรือเป็นอะไรแล้วมีความสุข ฉันก็อยากให้เขาทำหรือเป็นอย่างนั้น ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน" แม่ของสนสำทับเข้าไปอีก เธอเชื่อว่าแม่กับพ่อของต้นจะคิดได้ สังเกตจากที่ต้นเป็นคนจิตใจดี นั่นก็ย่อมหมายความว่าเขามีพ่อแม่ที่จิตใจดีด้วย คนที่จิตใจดีคงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก
"แต่เอาเป็นว่า...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยและยอมรับไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะคอยดูสนให้ แต่ฉันก็รับปากไม่ได้หรอกว่าเขาจะไม่แอบมาหากัน ที่เขารักกันก็เพราะว่าเขาผูกพันกัน พวกเราทั้งสองครอบครัวก็เห็นความรักของต้นกับสนแล้ว สำหรับฉัน...ฉันคิดว่ามันห้ามได้ยากมาก ฉันอยากให้แม่พรเตรียมใจเผื่อไว้บ้างว่ามันอาจจะเกิดขึ้น"
ใช่...สิ่งที่แม่ของสนพูดก็ตรงกับสิ่งที่แม่ของต้นกำลังกังวลเผงเลย เธอไม่มั่นใจจริงๆ ว่าเธอจะห้ามเขาทั้งสองคนได้
-------------------------------------------------
สามเดือนผ่านไปแล้วที่สนไม่ได้เจอกับต้นเลย แม้ว่าตอนนี้สนจะยังไม่ได้บวชเพราะยังหาช่วงเวลาที่สะดวกไม่ได้ แต่สนก็รู้สึกว่าจิตใจเขาสงบมากขึ้น หลังจากที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ การได้อยู่กับตัวเองก็ดีเหมือนกัน แม้ว่าจะเหงาและฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่เมื่อคิดมากๆ ทบทวนมากๆ ก็ทำให้มีเวลาเรียนรู้สิ่งที่ผ่านมาได้มากขึ้นไปด้วย
เมื่อไม่กี่วันมานี้แม่โทรมาบอกข่าวดีบางอย่างกับเขาแล้ว ทำให้สนสามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญได้ เขาลุกขึ้นมาจัดห้องใหม่ ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าม่านใหม่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่และทำอะไรใหม่อีกหลายอย่าง หมดเงินไปก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เสียดายหรอก เพราะอีกไม่นาน ห้องนี้ก็จะได้ต้อนรับใครบางคนที่สนอยากให้มาอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วสนก็ยังไปตัดผมเผ้าใหม่ให้เรียบร้อยจนกลับมาหล่อสะอาดใสเหมือนเดิม แถมจะดูหล่อยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สนพร้อมแล้วที่จะกลับไปหาใครคนนั้นที่เขาแสนจะคิดถึง กลับไปพร้อมกับอิสรภาพที่เขาได้กลับคืนมา กลับไปพร้อมกับความภาคภูมิใจที่เขาได้สะสางปัญหาทุกอย่างไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวของเขาเอง หรือปัญหาความไม่เข้าใจของพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้เขาคบหากับใครคนนั้นได้อย่างสบายใจ
เมื่อสนเช็คจนแน่ใจแล้วว่าต้นจะกลับบ้านเย็นวันนี้ สนก็เลยกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เพื่อที่จะรอพบใครบางคน มาถึงบ้านสนก็ตรงไปหาพ่อกับแม่ของต้นเพื่อที่จะเอาของไปฝากและคุยเรื่องเขากับต้นด้วย
ดูเหมือนพ่อกับแม่ของต้นดีใจไม่น้อยที่เห็นสนกลับมาหา หลังจากที่เงียบหายไปนานหลายเดือน ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในบ้านนี้รักและคิดถึงสนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทุกคนตระหนักว่าสนจะขาดหายไปจากชีวิตของพวกเขาไม่ได้ ถ้าสนไม่กลับมา ต้นก็คงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต นั่นแหละ...จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจครั้งนี้
"พ่อฝากต้นด้วยนะลูก" นั่นคือสิ่งที่พ่อของต้นบอกกับสนก่อนที่เขาจะกลับ
"ครับพ่อแอ๊ด" สนตอบพลางยิ้ม เขารู้สึกตื้นตันใจจนแทบจะควบคุมน้ำตาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณใครดีที่ทำให้สนได้มาเจอกับครอบครัวนี้ ครอบครัวที่ดีกับเขาเสมอมา คอยช่วยเหลือยามตกทุกข์ได้ยาก ให้ความรักและไว้วางใจสนราวกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง
"ผมจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ พ่อแอ๊ดกับแม่พรไม่ต้องห่วงนะครับ" นี่คือคำสัญญาจากลูกผู้ชายที่ชื่อสน เมื่อเขาได้โอกาสนี้แล้วเขาก็จะรักษาให้สุดชีวิต ไม่ให้พ่อกับแม่ของต้นต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด
"พ่อแอ๊ดก็...สนเขาดูแลลูกเราดีจะตาย ฉันไม่เห็นจะห่วงเรื่องนั้นเลย ต้นเขาโชคดีนะ...ที่ได้เป็นแฟนกับสน" แม่ของต้นหันไปคุยกับสามีแล้วก็หันมายิ้มกับสน ก็อย่างที่แม่ของสนเดาไว้ว่าพ่อกับแม่ของต้นจะเข้าใจเพราะบ้านนี้เป็นคนจิตใจดีทั้งบ้าน
--------------------------------------------------------
http://www.youtube.com/v/ErgnOWcN3r4พอรุ่งเช้า สนก็รีบตื่นแต่เช้า จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่งตัวให้ดูหล่อและเท่ห์ที่สุด แล้วสนก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปหาต้น พ่อกับแม่ยิ้มและอวยพรให้เขาโชคดีกับการกลับไปหาต้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นฟ้าหลังฝนจริงๆ แล้วล่ะ อะไรๆ ก็ดูจะเอื้อชีวิตของสนให้ง่ายขึ้น
ช่วงนี้ยังเป็นช่วงปลายๆ หน้าหนาว อากาศก็ยังเย็นสบายดีอยู่ แต่ก็ไม่หนาวเหมือนกับบ้านเกิดของสนหรอก สนเดินเลาะเลียบไปตามคลองส่งน้ำไปทางบ้านต้น แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น...สะพานเหล็กหน้าบ้านต้น ที่ๆ เขากับต้นมักจะมานั่งคุยกันทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งเรื่องที่เป็นความสุขหรือความทุกข์
สนยิ้มด้วยความดีใจและเป็นสุขที่บัดนี้ใครคนนั้นที่เขารอคอยได้มานั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว ราวกับจะรู้ว่ามีคนสำคัญมาหาตรงที่เดิมของเขาทั้งสองคน สนกลับมาคราวนี้เพราะหัวใจขอมาจริงๆ เขามาพร้อมกับชีวิตใหม่ที่ได้ผ่านฝันร้ายมาจนหัวใจเข้มแข็งแล้ว แต่เขาก็ยังมีหัวใจดวงเดิมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักให้กับต้นเสมอ และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สนสาวเท้าเข้าไปหาต้นอย่างช้าๆ ทำเสียงเดินให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ใครคนนั้นที่รออยู่รู้ตัวเสียก่อน จนกระทั่งถึงตัว สนก็เรียกชื่อที่เขาคุ้นเคยมาเกือบทั้งชีวิต ชื่อที่เขาแทบจะไม่เคยได้พูดถึงเลยในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ชื่อของคนที่เขาแสนจะคิดถึงและเป็นห่วง และชื่อของคนที่เขา...จะไม่ยอมให้จากไปไหนอีกแล้ว
"ต้น..."
ต้นหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นแล้วต้นก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ แล้วเขาทั้งสองคนก็โผเข้ากอดกันเหมือนกับที่เคยกอด ถ่ายทอดความอบอุ่นจากหัวใจให้แก่กัน
"เรากลับมาแล้วนะต้น...นายคิดถึงเราไหม" สนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงถึงความรักและความห่วงหาอย่างสุดหัวใจ แม้จะไม่ได้เจอกันถึงสามเดือนแต่ก็ไม่ปรากฏช่องว่างใดๆ ระหว่างเขากับต้นเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
"คิดถึง...คิดถึงทุกวันเลย" ต้นตอบพร้อมกับกอดสนแน่นขึ้นอีกนิด เขารู้สึกอุ่นใจและมีความสุขเสมอที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ ดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้อ้อมกอดที่แสนคิดถึงนี้กลับมาอีกครั้ง
สองหนุ่มค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากกันเพื่อที่จะมองหน้ากันให้ชัดๆ เต็มตาอีกครั้ง วันนี้สนดูหล่อมากทีเดียว ใบหน้าขาวสะอาดใสและมีรอยยิ้มสุขใจ หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาหลายอย่าง สนคงพร้อมแล้วสำหรับชีวิตใหม่และการเริ่มต้นชีวิตในอีกแบบหนึ่งที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้
"นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยนะ" ต้นชม รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า วันนี้สนใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนส์สีออกเทาเข้ม ทรงผมดูแปลกตาไปเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ดูดีมากทีเดียว
สนยิ้มเขินนิดๆ "เพราะเราจะกลับมาหาคนพิเศษไง ก็ต้องหล่อเป็นพิเศษ แก้มนายก็ยังใสเหมือนเดิมนะ" ว่าแล้วสนก็เอามือจับแก้มใสนั้นเบาๆ คนถูกจับแก้มจึงก้มหน้าเขินเล็กน้อย
"ต้น...เรากลับมาคราวนี้...เราจะไม่ไปไหนอีกแล้วนะ ชีวิตของเราจะขอหยุดทุกอย่างไว้ที่นายคนเดียว เราเหนื่อยและบาดเจ็บกับชีวิตมาพอสมควรแล้ว นายคงไม่รังเกียจใช่ไหมที่จะให้เราหยุดพักพิงใจตรงนี้ อยู่กับคนที่เรารัก...และรักเรา อยู่กับคนที่เราผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต อยู่กับคนที่เรารู้ว่า...ชีวิตนี้...เราขาดเขาไม่ได้...ได้ไหมต้น"
ต้นพยักหน้าตอบรับโดยไม่รีรอ แล้วสนก็อดที่จะกอดต้นไว้อีกครั้งไม่ได้ หมดทุกข์หมดโศกกันเสียทีนะชีวิตของสน ต่อไปนี้สนจะเป็นคนใหม่ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากยิ่งขึ้น จะไม่นำปัญหามาให้ต้นเสียใจอีกแล้ว "เรารักนายนะ...ขอบคุณมาก...ที่นายยังรอเราอยู่"
"เราก็รักนาย" ต้นกอดตอบอย่างสุขใจ
โชคดีที่ว่ายังเช้าอยู่จึงยังไม่ค่อยมีใครออกมาข้างนอกกันมากนัก แต่...พ่อกับแม่ของต้นก็ออกมาเห็นพอดีตรงรั้วบ้าน แม้ว่าจะยังคงทำใจรับได้ไม่สนิทดีนัก แต่เห็นต้นกับสนกลับมาอยู่ด้วยกัน เห็นเด็กสองคนรักกันด้วยน้ำใสใจจริงและบริสุทธิ์ใจเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดแล้ว พ่อกับแม่ของต้นก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้เห็นภาพนี้อีกครั้ง
เอาเถอะ...อย่างน้อยต้นก็มีความสุข อย่างน้อยต้นก็ทำตัวดีเสมอมาไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจให้พ่อกับแม่เหมือนลูกคนอื่นๆ ในละแวกนี้ อย่างน้อยต้นก็ตั้งใจเรียนจนจบ มีงานดีๆ ทำที่พ่อแม่ไม่ต้องห่วงแล้วว่าต้นจะดูแลตัวเองได้ไหม นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่เหลือ...ชีวิตก็เป็นของต้นที่ต้นจะต้องดูแลจัดการด้วยตัวเอง
สนกับต้นนั่งลงบนสะพาน ถอดรองเท้าแล้วก็ห้อยเท้าลงไป ช่วงนี้น้ำในคลองส่งน้ำพร่องไปค่อนข้างมากจึงไม่สามารถใช้เท้าตีน้ำเล่นได้เหมือนเคย
"เดือนหน้าเราจะบวชนะต้น บวชให้ลูก...บวชให้กับชีวิตที่เราเคยผิดพลาด" สนบอกแล้วก็หันไปยิ้มจางๆ ในตอนนี้ทั้งเขาและต้นต่างก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าแทบตลอดเวลา
"ดีแล้วล่ะสน..."
"นายคงรอเราได้นะ แค่สิบห้าวันเอง"
ต้นขำเบาๆ "รอได้สิ...รอมาตั้งสามเดือนเรายังรอได้เลย"
"นายรู้ไหม...ช่วงเดือนที่ผ่านมา...เราก็เคยคิดอยากมาหานายนะ แต่มาคิดๆ ดูแล้วเราคิดว่า...เราควรมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มาก คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง ทำใจให้สงบและหยุดทุรนทุราย แล้วก็แก้ปัญหาบางอย่างที่เราคิดว่าสำคัญมากสำหรับเราสองคน ตอนนี้...เราแก้ปัญหานั้นได้แล้วนะ"
ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "อะไรเหรอ..."
"ก็...คุยกับพ่อกับแม่ของเราสองคนเรื่องของเราไง ตอนนี้...พ่อกับแม่ของเรา แล้วก็พ่อกับแม่ของนาย...รู้เรื่องที่เรารักกันแล้วนะ"
ต้นทำหน้าตกใจเล็กน้อย รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะกลัวพ่อกับแม่จะไม่เข้าใจ หลังๆ มานี้ต้นโดนพ่อกับแม่ถามเรื่องแฟนจนต้นต้องคอยหลบหน้า "จริงเหรอสน แล้วพ่อกับแม่ของเรา..."
สนรู้ว่าต้นกลัวเรื่องนั้น เขาจึงยิ้มกว้างเพื่อให้ต้นสบายใจ "นายดูเรายิ้มสิ...ถ้าเรายิ้มแบบนี้มันแปลว่าอะไรล่ะ"
"จริงเหรอสน" ต้นยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
"จริงสิ...ไม่งั้นเราไม่กล้ากลับมาหานายหรอก เราบอกตัวเองไว้แล้ว ถ้าเรายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เราก็จะไม่กลับมาหานาย ถ้าพ่อกับแม่นายไม่ยอม เราก็คงต้องจากไปจริงๆ เราไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีก ตอนแรกที่เราคุยกับแม่ของนาย แม่ของนายเขาไม่ยอมนะ แต่แม่ของเราก็พยายามช่วยเราอธิบายอีกแรง จนตอนนี้...แม่พรแล้วก็พ่อแอ๊ดเข้าใจเราสองคนแล้วล่ะ"
ต้นมองดูสนและยิ้มด้วยความชื่นชม เขาเองยังไม่กล้าคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เลย ต้นรู้ดีว่าเขาเป็นลูกคนเดียว บางทีต้นยังคิดเลยว่าถ้าพ่อแม่ถามมากๆ ต้นก็อาจจะต้องทำอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้ทำก็ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ต้นคงจะกอดสนเพื่อขอบคุณไปแล้ว
"ขอบคุณมากนะสน...นายเก่งจังที่กล้าคุย...ที่ผ่านมาเราได้แต่คอยหลบหน้าพ่อกับแม่เพราะเขาถามเราเรื่องแฟนบ่อยมาก เรายังไม่กล้าคุยเลย"
"เพื่อนาย...เราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วต้น ชีวิตเราก็ให้นายได้...นายก็รู้"
ต้นยิ้มและสบตากับสนอยู่สักพัก "สน...นายโอเคกับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วใช่ไหม เราเป็นห่วงนายมากนะ คอยภาวนาทุกวันให้นายเจอทางออกของปัญหา"
"โอเคแล้วล่ะต้น" แล้วสนก็ถอนหายใจ ทอดสายตาไปตามแนวคลองที่ยาวสุดลูกหูลูกตา "ถือเสียว่า...มันเป็นฝันร้ายของชีวิตก็แล้วกัน เราได้เรียนรู้แล้วว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็อาจจะทำให้ชีวิตเราพังได้ ต่อไปนี้...เราจะไม่ประมาทกับชีวิตแบบนั้นอีกแล้วต้น มีอะไร...เราก็จะปรึกษากับนาย...ทุกเรื่อง เพราะเรา...เป็นแฟนกันแล้ว นายอยากเป็นแฟนเราหรือเปล่า"
"จะให้ตอบว่าไงดีนะ" ต้นแกล้งกวน
"ก็ตอบว่าอยากเป็นสิ นายจะหาได้ที่ไหนแฟนแบบนี้ หล่อก็หล่อ เป็นแฟนก็ได้ เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นพ่อครัวก็ได้ ต่อไปก็อาจจะเป็นพ่อบ้าน"
ต้นขำชอบใจกับอันหลังที่สนบอก "ก็รู้อยู่แล้ว...จะถามทำไมล่ะ" แล้วต้นก็ก้มหน้าเขิน "ก็อยากเป็นมาตั้งนานแล้ว ก็รอให้ชวนอยู่...ไม่เห็นชวนเสียที"
สนเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้ม "ก็อยากชวนตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าไง อ้อ...วันนี้เรามีอะไรจะเซอร์ไพรส์นายด้วยนะ แต่อย่าถามให้ยาก ยังไงเราก็ไม่บอกตอนนี้"
"งั้นไม่อยากรู้ก็ได้ อุตส่าห์อยากรู้" ต้นว่าพลางทำหน้าล้อเลียน
"เรารู้ว่านายอยากรู้...มันดีมากนะ ถ้านายรู้แล้ว...นายจะชอบ"
------------------------------------------------------
ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นกลับกรุงเทพ กลับไวจนพ่อกับแม่ของต้นสงสัยเพราะต้นเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน แต่พอสนบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ต้น พ่อกับแม่ก็เลยยอมให้ต้นกลับไว
พอสนขับรถเข้ามาในกรุงเทพ ต้นแปลกใจที่สนไม่ได้ขับไปทางคอนโดของเขา สักพักจึงพอจะเดาออกว่าสนน่าจะไปที่คอนโดของเขาเอง ปกติต้นไม่ค่อยไปคอนโดของสนนักเพราะสนบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาหาต้นเอง ต้นจึงเคยไปแค่สามสี่ครั้ง
แล้วสนก็พาต้นมาที่คอนโดของเขา ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นกลับไม่ใช่ต้นเสียอย่างนั้น แต่กลับเป็นสนเองที่เหมือนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ต้นจะได้เห็นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ พอเปิดประตูห้องพักเข้าไปแล้ว สนก็รีบถามอย่างภูมิใจว่า
"เป็นไงต้น...ห้องของเรา...น่าอยู่ไหม"
ต้นเดินเข้ามาแล้วก็หันไปมองสำรวจรอบๆ ถึงจะเคยมาแค่สามสี่ครั้งแต่ต้นก็รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ "นายทำห้องใหม่เหรอ" ต้นหันมาถามคนที่เดินมายืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
"ใช่แล้ว...นายชอบหรือเปล่า" สนถามแล้วก็เดินเข้ามาสวมกอดต้นไว้จากด้านหลัง
"ชอบ...สวยดี" ต้นตอบพลางมองไปรอบๆ ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าสนทำห้องใหม่ทำไม
"แล้วอยากมาอยู่ไหม"
ได้ยินคำถามนั้นแล้วต้นก็รีบหันตัวกลับไปมองหน้าสนด้วยความสงสัย
"นายหมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่า...เราจะชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะสิ นายเป็นแฟนเราแล้วนะต้น เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา"
ต้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังไม่ได้ตอบรับไปทันที
"นายคิดดูก่อนก็ได้...มา...เดี๋ยวเราพานายดูให้ทั่วดีกว่าว่าเราเปลี่ยนอะไรบ้าง" ว่าแล้วสนก็จูงแขนต้นให้เดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็คอยอธิบายว่าเขาเปลี่ยนอะไรในห้องไปบ้าง ดูเหมือนสนจะภูมิใจมากทีเดียว
ดูจนทั่วแล้วสนก็ถามต้นว่า "อยากออกไปข้างนอกไหม ไปไหนดี...ไปห้างหรือไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือนายอยากไปไหน"
ต้นส่ายหน้า "ไม่อยากไปไหนเลย ก็...เมื่อกี้นายถามเราว่าเราอยากอยู่ที่นี่ไหม ถ้างั้น...เรามาลองอยู่จริงๆ ก่อนไหมล่ะ เผื่อเราจะตัดสินใจได้ เอางี้...สมมติว่าเราอยู่ด้วยกันละ นายก็ใช้ชีวิตตามปกติของนาย เราก็จะใช้ชีวิตตามปกติของเราในห้องนี้ ดีไหม"
สนทำหน้าฉงนแต่ก็พยักหน้าตกลงแต่โดยดี "โอเค...ถ้างั้น...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราจะทำงานเขียนโปรแกรมต่อนะ ส่วนนาย...ทำอะไรดีล่ะ"
"อ่านหนังสือไง...นายมีหนังสือให้เราอ่านไหม" ต้นถามพลางมองหา
"มีสิๆ เยอะแยะเลย" สนบอกแล้วก็รีบไปหยิบนิตยสารที่เขาพอมีอยู่บ้าง แล้วก็ได้นิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ชายมาให้ต้น "ไม่รู้ว่าชอบอ่านหรือเปล่านะ แต่อ่านไปก่อนละกัน ไว้ค่อยไปหาซื้อแบบที่นายชอบอ่านมาเพิ่มทีหลัง"
ต้นพยักหน้าแล้วก็รับนิตยสารนั้นมา จากนั้น สนก็เดินกลับไปนั่งทำงานเขียนโปรแกรมของเขา ส่วนต้นก็นอนเหยียดยาวตรงโซฟาอ่านหนังสืออย่างสบายใจ สนคอยหันไปมองต้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็แอบยิ้มบางๆ กับตัวเอง มีต้นอยู่ใกล้ๆ แบบนี้สนก็มีความสุขและอุ่นใจจริงๆ ถ้าต้นมาอยู่กับเขาแบบนี้ทุกวันก็คงดี เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับต้นอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ เบื่อชีวิตโสดละ อยากอยู่กับแฟน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนที่ชวนเขาทดลอง "อยู่ก่อนแต่ง" ก็หลับไปแล้วพร้อมกับหนังสือที่ปิดหน้าไว้ สนเห็นแล้วก็รีบเดินไปหยิบออกให้เพราะกลัวต้นจะหายใจไม่ออก
สนหยิบหนังสือออกแล้วก็นั่งกับพื้นข้างล่าง มองดูใบหน้าของคนที่หลับใหลอย่างเป็นสุขแล้วก็ยิ้ม เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงไปดูหน้าต้นใกล้ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากดูให้ชัดๆ เท่านั้น แต่อยู่ดีๆ ต้นก็ลืมตาตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมา ศีรษะจึงชนกับสนแม้จะไม่แรงมากแต่ก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่
"โอ๊ย..."
"สนเจ็บหรือเปล่า...โทษทีเราไม่รู้ว่านายมาแอบมองเรา" ต้นทำสีหน้ารู้สึกผิด เขาไม่เจ็บมากเท่าไรแต่คิดว่าสนคงจะเจ็บมากกว่า
"เจ็บสิ...เป่าให้เราหน่อย" สนทำเสียงอ้อน
ต้นหัวเราะพลางส่ายหน้า สนยื่นหน้ามาใกล้ๆ ต้นก็เลยต้องยอมเป่าให้ "หายเจ็บหรือยัง"
"หายแล้ว..."
"อย่าก้มมาใกล้แบบนี้สิ อยู่ใกล้คนหล่อแล้วเราใจสั่น"
"ใจสั่นจริงเหรอ ถ้างั้นต้องกอดแล้วล่ะ จะได้หายสั่น" สนไม่พูดเปล่าแต่ซุกหน้าลงไปบนอกของต้นแล้วก็กอดต้นแน่น เล่นเอาคนถูกแกล้งหัวเราะร่า
สนหยุดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม "มีแฟนหล่อไม่ชอบเหรอ ใครๆ ก็อิจฉานะ แต่เรา...ให้นายเชยชมได้คนเดียวเท่านั้น"
ต้นยื่นมือมาบีบจมูกสนเล่นแล้วก็ยิ้ม แต่พอเห็นสนเอานิ้วชี้ที่แก้มของเขา ต้นก็ขมวดคิ้วแปลกใจ "อะไร"
"เราอยากได้รางวัล เราอุตส่าห์แต่งห้องใหม่ซะสวย ไม่คิดจะให้รางวัลเราบ้างเหรอ" สนพูดจบก็เอานิ้วชี้ที่แก้มตัวเองสองสามครั้งเป็นการเร่งเร้า
เห็นสนอ้อนเล่นแบบนี้ต้นก็ขำ แต่ก็ยอมยื่นจมูกไปหอมแก้มสนเบาๆ ตามที่เขาขอ คนที่ถูกหอมยิ้มเสียจนตาหยี
"ต้นลุกขึ้นมานั่งตรงๆ ก่อนสิ" สนบอกพลางช่วยขยับตัวต้นให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ต้นทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็มีสีหน้าสงสัย
สนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต้นราวกับจะขอความรัก เขาจับมือของต้นทั้งสองข้างมากุมไว้บนตักของต้นแล้วก็พูดว่า
"ต้น...มาอยู่กับเรานะ เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา เราอยากมีใครสักคน อยากมีคู่ชีวิต อยากดูแลนาย เราคิดว่าเราพร้อมแล้ว อยากให้นาย...ให้โอกาสผู้ชายที่ผิดพลาดคนหนึ่ง...ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับนาย ได้ไหมต้น...มาอยู่กับเรานะ...นะต้นนะ"
เห็นสีหน้าเว้าวอนและความตั้งใจจริงของสนแบบนี้แล้ว ต้นก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ เจอลูกอ้อนของสนทีไรต้นก็ไม่เคยเอาชนะได้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน คิดแล้วก็ตื้นตันใจจริงๆ ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรักเขามากขนาดนี้
ต้นค่อยๆ ยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้าตกลงอย่างช้าๆ "เริ่มตั้งแต่วันไหนดีล่ะ"
"วันนี้เลย...ดีไหมต้น เดี๋ยวเราให้พ่อกับแม่เราไปขอนายพรุ่งนี้เลยเป็นไง" สนพูดพลางเขย่ามือต้น เขาดีใจจนลืมตัว แต่พอรู้ตัวแล้วก็รีบวางมือต้นลงเพราะกลัวต้นจะเจ็บ
"ใจร้อนจังเลย...เอ...แสดงว่าวันนี้เราก็อยู่ก่อนแต่งสิ" ต้นสัพยอก
สนหัวเราะชอบใจ เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ ต้น แล้วก็กอดต้นจากด้านข้างในลักษณะรวบแขนไว้ "ไม่ดีเหรอ...ลองทั้งหมดแล้วก็จะช่วยให้นายตัดสินใจได้ไง แต่ยังไงๆ นะ เราก็มั่นใจว่านายลองแล้วต้องติดใจ อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แน่ๆ" สนเอาคางเกยบนไหล่ของต้นพร้อมกับลอบมองดูเจ้าของแก้มใสที่ยังยิ้มไม่หยุด
"อืม...สงสัย...วันนี้เราคงต้องลองอยู่ก่อนแต่งดูสักวันจริงๆ แล้วล่ะมั้ง เผื่อจะดี" ต้นบอกพลางขำ
"ดีอยู่แล้ว" สนบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทั้งต้นและสนต่างก็ตระหนักแก่ใจว่า มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้ ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ ไม่ได้เกี่ยวกับเพศ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะเป็นใคร ขอแค่มีใจที่รักกันจริงเสียอย่าง การอยู่ร่วมกันก็เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์
ชีวิตที่บอบช้ำและเหนื่อยล้าของสนได้สิ้นสุดลงแล้ว ฝันร้ายนั้นก็ได้ผ่านพ้นไปไม่หวนกลับมาอีก ส่วนต้น...ความรักที่เขาเฝ้ารอคอยมาเกือบทั้งชีวิตก็กลายเป็นความจริงอย่างสมบูรณ์ จากที่เคยสงสัยว่า "มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่" ตอนนี้ต้นก็ได้คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว นั่นเป็นเพราะความผูกพัน ความมั่นคงและอดทน ความรักของเขาทั้งสองคนจึงยืนยาวมาจนถึงวันนี้ จากเพื่อน กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่สับสน แล้วก็กลายมาเป็นความรักที่แท้จริงในที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นขวางแรงดึงดูดความรักระหว่างต้นกับสนได้ เมื่อหัวใจยังมีรักที่มั่นคงแล้ว ความรักก็จะนำทางเราไป ในยามที่หลงทาง เพียงแค่เราแหงนมองขึ้นมาก็จะเห็นความรักอยู่ตรงนั้นเสมอ รอคอยให้เราเดินตามไปและกลับมาสู่ทางเดินแห่งรักเช่นเดิม
จบบริบูรณ์