พิมพ์หน้านี้ - ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sarawatta ที่ 24-04-2012 00:22:59

หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-04-2012 00:22:59
เวอร์ชั่น 2012 เป็นเวอร์ชั่นที่คนเขียนไม่ใช้แล้ว และได้นำมาเขียนใหม่ ปรับบทและพล็อตเรื่องใหม่เป็นเวอร์ชั่น 2016 ตามลิงค์ด้านล่าง

ต้น-สน 2016 - เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด นิยาย "วายละมุน" ที่สุดในชีวิตของคนเขียน (http://bit.ly/1X74Ris)

(http://s5.postimg.org/qa9idgoc7/tonson_rewirte_poster02.jpg) (http://bit.ly/1X74Ris)

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

----------------------------------------------------------------

ผู้เขียนขอแนะนำให้อ่านเวอร์ชั่นสามแทนเวอร์ชั่นสองครับ ลิงค์เวอร์ชั่นสามอยู่ด้านล่าง

ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

≡▉≡ interstellar ∘★∘ รักหมดใจ นายต่างดาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49903.0

ผลงานที่ผ่านมา

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0

ท่านผู้อ่านโปรดทราบ

    นิยายเรื่องนี้มีความยาวทั้งหมด 38 ตอน
    นิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทนิยาย "ดราม่า" อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่บีบคั้นอารมณ์ของผู้อ่าน (แจ้งไว้เผื่อใครไม่ชอบดราม่า)
    นิยายเรื่องนี้ไม่เน้นการมีพระเอก-นายเอกที่เลิศเลอสมบูรณ์แบบ แต่จะเห็นการเติบโตด้านความคิดหรือการใช้ชีวิตของตัวละคร
    นอกจากพระเอก-นายเอกไม่สมบูรณ์แบบ คนเขียนและคนอ่านก็มีความเป็นมนุษย์ แต่เราเรียนรู้การที่จะอยู่ร่วมกันด้วยการสื่อสารอย่างจริงใจ
    ขอความกรุณาแสดงความเห็นโดยสุภาพ สามารถวิจารณ์ตัวละครและให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้เขียนได้
    ผู้เขียนจะขอบคุณอย่างยิ่งหากผู้อ่านสามารถแจ้งจุดที่มีคำผิดให้ผู้เขียนแก้ไขได้
    เมื่ออ่านจบแล้ว ผู้เขียนจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่งหากผู้อ่านสามารถสะท้อน ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ คำติชม ฯลฯ ให้แก่ผู้เขียนเพื่อการพัฒนาได้

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ครับ หวังว่านอกจากความบันเทิงแล้วคงจะได้แง่คิดการใช้ชีวิตหรืออื่นๆ ไปบ้างไม่มากก็น้อย

----------------------------------------------------------------


∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (เวอร์ชั่น 2)


ตอนที่ 1: เพื่อนใหม่ของต้น

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

วันนี้เป็นวันแรกที่โรงเรียนเริ่มเปิดเทอม พอกินข้าวเช้าเสร็จ ต้นก็วิ่งไปสวัสดีพ่อกับแม่แล้วก็รีบฉวยจักรยานคู่ใจปั่นออกไป แม้ว่าเพื่อนๆ ในห้องก็คงจะมีแต่คนเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่มาก แต่ต้นก็ตื่นเต้นมากทีเดียวที่จะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งเดือนเต็มๆ

เมื่อปั่นจักรยานมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ต้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะเห็นมีคนกำลังขนย้ายข้าวของลงจากรถกระบะคันหนึ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้น ต้นผ่านบ้านหลังนี้ทุกวันจึงรู้ดีว่ามันถูกปิดตายมานานแล้วเพราะเจ้าของบ้านไปอยู่เมืองนอก หรือว่าเจ้าของเขาจะกลับมา ต้นเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วก็ปั่นจักรยานผ่านไป อีกไม่นานทุกคนก็จะรู้เองเพราะในชุมชนแห่งนี้ข่าวสารรู้ทั่วถึงกันหมดภายในไม่กี่วันจากการบอกปากต่อปาก

โรงเรียนที่ต้นเรียนนั้นก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก อยู่ในระยะกิโลเมตรเศษๆ ตลอดระยะทางจนถึงโรงเรียนจะมีคลองส่งน้ำที่ผันน้ำมาจากแม่น้ำนครไชยศรีเพื่อใช้ทำเกษตรกรรม ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนั้นต้นกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมักจะมากระโดดเล่นน้ำคลายร้อนกันในคลองส่งน้ำนี้เป็นประจำ เขาจึงรู้สึกผูกพันกับคลองส่งน้ำนี้มากเพราะเป็นสถานที่ที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาสนุกมากทีเดียว

เปิดเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนักนอกจากจดตารางการเรียนใหม่และรู้จักกับครูที่จะมาสอนในแต่ละวิชา แต่หลังจากนั้นอีกสองวันก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นนิดหน่อยเมื่อครูประจำชั้นได้พาเพื่อนใหม่คนหนึ่งมาให้ทุกคนรู้จัก เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่และจะมาเรียนห้องเดียวกับต้น เขาแนะนำตัวว่าชื่อ "สน" ย้ายมาจากจังหวัดน่าน

ต้นนั่งอยู่บริเวณแถวด้านหน้าของห้อง จึงมีโอกาสได้สบตากับสน แค่เห็นครั้งแรกต้นก็รู้สึกถูกชะตากับเพื่อนใหม่อย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มให้สนที่มีท่าทางเขินๆ อายๆ เพราะเด็กๆ ส่วนมากมักจะมีอาการเช่นนี้เวลาต้องออกไปยืนหน้าชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม ก็ดูเหมือนว่าสนก็พยายามยิ้มตอบกลับมาเช่นเดียวกันแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่แทบดูไม่ออก

สนมีผิวขาวแบบคนเหนือ ดูจากชุดนักเรียนที่ใส่แล้วเหมือนจะมอมแมมเล็กน้อย จึงพอจะเดาได้ว่าทางบ้านอาจจะมีฐานะไม่ค่อยดีนัก สนได้ที่นั่งคนละกลุ่มกับต้น เขาดูเงียบๆ ไม่ค่อยพุดค่อยจากับเพื่อน แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งมาใหม่ก็ได้ แต่เพื่อนๆ ก็ดูจะให้ความสนใจเขาพอสมควรเพราะต่างก็คอยเข้าไปถามว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันใหญ่

ถึงเวลาพักเที่ยง เด็กๆ ก็ปรี่ลงไปที่โรงอาหารกัน บางคนที่ห่อข้าวมากินเองก็จะเอาห่อข้าวลงไปด้วย วันนี้ต้นก็ห่อข้าวมากินเหมือนกัน เขาวิ่งตามเพื่อนๆ ไปแล้วสักพักก็หยุดเมื่อนึกได้ว่าลืมเอาช้อนที่เก็บไว้ใต้โต๊ะเรียนลงมาด้วย ต้นจึงต้องวิ่งกลับขึ้นมาเอา แต่แล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าสนยังนั่งอยู่ในห้องคนเดียวอยู่ ไม่ลงไปกินข้าวกับเพื่อน ด้วยความสงสัยต้นจึงเข้าไปถาม

"นายไม่ไปกินข้าวเหรอ" ต้นเรียกเขาว่า "นาย" เนื่องจากยังไม่สนิทกันนั่นเอง แต่ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ ก็จะเรียกมึง-กู

สนหันมามองหน้าเพื่อนใหม่ เขายิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า "ไม่หรอก เราไม่ค่อยหิว" สนตอบ ต้นรู้สึกว่าน้ำเสียงเขาดูเศร้าๆ ชอบกล

"แล้วนายไม่ได้ห่อข้าวมาด้วยเหรอ" ต้นถามอีกด้วยความสงสัย พลางชำเลืองดูว่าเขามีกล่องข้าววางไว้ตรงไหนหรือเปล่า

"เรา...ไม่ได้เอามา แต่ไม่เป็นไรหรอก เราไม่หิว นายไปกินข้าวเถอะ" สนตอบอึกๆ อักๆ เหมือนกลัวว่าต้นจะรู้ความจริงว่าเขาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน

"เราว่านายไปกินข้าวดีกว่านะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะหิว เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ห่อข้าวมาก็ซื้อที่โรงอาหารได้ ไม่แพงหรอก" ต้นบอกด้วยความเป็นห่วง แต่สนก็ยังดูอึกอักและสายตามีพิรุธ

"นายไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินเหรอ" ต้นถามไปตามประสาเด็ก แต่ก็ทำให้สนหน้าเจื่อนลงทันที

"ไม่เป็นไร เราไม่หิวหรอก เราไม่ค่อยชอบกินข้าวกลางวัน" สนแก้ตัว แม้ว่าความจริงจะรู้สึกหิวข้าวมากพอสมควรก็ตาม

"เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้นายกินด้วยเอาไหม วันนี้แม่เราห่อข้าวให้เยอะเลย เรากินไม่หมดหรอก" ต้นเสนอพลางยิ้มเล็กน้อย สนมองหน้าเขาด้วยความไม่แน่ใจ จะปฏิเสธก็หิว จะตอบรับก็รู้สึกอายที่ตัวเองไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน

"นะ...เดี๋ยวเราแบ่งข้าวให้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก" ต้นคะยั้นคะยอพลางยิ้มกว้างเพื่อแสดงความเป็นมิตรและความจริงใจ โดยนิสัยแล้วต้นเป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนๆ มากเพราะพ่อกับแม่สอนต้นเสมอว่าให้รู้จักช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า เขาถูกปลูกฝังแบบนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก สุดท้ายสนก็ยิ้มตอบรับไมตรีจิตจากเพื่อนใหม่

"นายมีช้อนมาด้วยหรือเปล่า" ต้นถาม สนส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาเอาที่โรงอาหารก็ได้ ไปกันเถอะ" ต้นบอกพลางขยับเท้านำ สนลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามต้นไป

พอมาถึงโรงอาหาร ต้นเลือกที่จะแยกมานั่งต่างหากจากเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ เพราะคิดว่าสนอาจจะอายถ้าเขาแบ่งข้าวให้แล้วมีคนอื่นมอง เขาบอกให้สนนั่งรอก่อนแล้วก็เดินไปขอจานกับช้อนมาจากแม่ครัวที่เขาค่อนข้างรู้จักและสนิทสนมดีมาให้สน จากนั้นก็แบ่งข้าวจากกล่องใส่ข้าวของตัวเองให้เพื่อน วันนี้แม่ทำหมูทอดกับกุนเชียงให้ เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ และต้นก็ชอบกิน

"วันหลังนายมากินข้าวกับเราได้นะ เดี๋ยวเราจะให้แม่เราทำมาเผื่อนายทุกวันเลย" ต้นบอกขณะที่แบ่งข้าวให้เพื่อน เขารู้สึกว่าสนดูเป็นมิตรและเขาก็ถูกชะตาด้วย

สนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนใหม่อย่างบอกไม่ถูก แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยแต่ต้นกลับมีน้ำใจกับเขามาก อันที่จริงสนมีนิสัยเป็นคนขี้เกรงใจ เขาสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้เขาเรียนหนังสือและกินอยู่ ที่บ้านเขาไม่ได้ฐานะดีนัก สนจึงไม่ค่อยกล้าขอเงินพ่อกับแม่ เขามักจะอดข้าวตอนกลางวันเสมอ ยกเว้นว่าพ่อกับแม่จะนึกได้ก็จะให้เงินสนไว้ใช้บ้างแต่ก็ไม่มาก แล้วก็บังเอิญว่าวันนี้เขาไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว

"ขอบใจมาก" สนบอกพลางยิ้มด้วยความตื้นตันใจ เขาสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ลืมบุญคุณเพื่อนใหม่ของเขาครั้งนี้เลย ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องตอบแทน

"ไม่เป็นไร หิวแย่ละ กินดีกว่า วันนี้แม่เราทำหมูทอดกับกุนเชียง นายคงกินได้นะ แม่เราทำอร่อย" ต้นบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ สนยิ้มตอบ ต้นถือได้ว่าเป็นเพื่อนคนแรกของสนหลังจากที่เขาย้ายมา ด้วยท่าทีเป็นมิตรและเป็นกันเองของต้น ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและคุยได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเช้าที่เขาเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ

------------------------------------------------------------------------------------------------

เลิกเรียนแล้ว พอจะกลับบ้านต้นก็นึกถึงเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักกันวันนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ สนกำลังจะเดินออกไปจากห้องพอดี ต้นจึงรีบวิ่งไปถาม

"สน...นายกลับยังไง"

สนหันมายิ้มให้แล้วตอบสั้นๆ ว่า "เดิน"

"เดินเหรอ” ต้นทำสีหน้าแปลกใจ “บ้านนายอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า ไปกับเราก็ได้นะ"

"อยู่ใกล้ๆ สระบัว เป็นบ้านญาติเราเอง แต่เขาไปอยู่เมืองนอกนานแล้ว"

"อ๋อ...เรารู้ละ บ้านที่ไม่มีคนอยู่ ที่ปิดไว้หลายๆ ปีใช่ไหม"

สนพยักหน้า

"นายเดินไหวเหรอ เป็นกิโลเลยนะ" ต้นถามด้วยความเป็นห่วง

สนพยักหน้ายืนยัน "เราชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนที่เราอยู่น่าน เราเดินไกลกว่านี้อีก"

"ไปกับเราไหม เดี๋ยวเราไปส่ง เราขี่จักรยานผ่านบ้านหลังนั้นทุกวันเลย" ต้นเสนอ

สนมีท่าทางลังเล สงสัยว่าทำไมเพื่อนใหม่คนนี้จึงมีน้ำใจกับเขาทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียว แต่เขาก็ตกลงในที่สุด เขาเดินตามต้นลงไปที่บริเวณด้านหลังโรงเรียนซึ่งมีที่จอดรถจักรยานของนักเรียนอยู่ เพื่อนๆ ในห้องของต้นดูจะแปลกใจทีเดียวที่เห็นต้นสนิทกับเพื่อนใหม่ได้เร็วขนาดนั้น

ระหว่างทางกลับบ้าน ต้นก็ชวนสนคุยไปตลอดทางเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

"ญาตินายเขาไปอยู่ที่ไหนเหรอ เราเห็นบ้านหลังนั้นปิดตายมาตั้งนาน ตั้งแต่เรายังเด็กๆ แน่ะ"

"อ๋อ...เขาเป็นน้าเราเองแหละ พอดีเขาแต่งงานใหม่กับฝรั่ง ก็เลยพากันย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่เขาก็ไม่ได้ขายบ้านเพราะเขาบอกว่าอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่อีก"

"เหรอ...แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ แล้วถ้าน้านายกลับมา นายจะไปอยู่ไหน"

"ก็...เรื่องมันยาว... พอดีบ้านของเราที่น่านถูกธนาคารยึด น้าก็เลยให้พ่อกับแม่เรามาอยู่ที่นี่แทน" สนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนต้นสามารถสัมผัสได้

"เหรอ... แล้วทำไมน้าของนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ละ"

"อ๋อ...พอดีน้าเขยเราคนก่อนเป็นคนนครปฐม พอแต่งงานแล้วน้าเราก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีน้าเขยเราก็ถูกรถชนตาย น้าก็เป็นหม้าย แล้วเขาก็แต่งงานใหม่กับฝรั่ง ก็เลยย้ายไปอยู่เมืองนอก"

ต้นพยักหน้าเข้าใจ เขาเคยได้ยินคนในหมู่บ้านพูดอยู่เหมือนกันว่าเจ้าของบ้านคนก่อนถูกรถชนตาย ต่อมาเมียก็แต่งงานใหม่กับฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ญาติๆ เจ้าของบ้านฝ่ายชายก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่กัน ก็เลยไม่มีใครมาอยู่ บ้านหลังนั้นจึงถูกปิดไว้นับตั้งแต่นั้น ต้นกับคนในหมู่บ้านไม่ค่อยกล้าเข้าไปเล่นในบ้านหลังนั้นเท่าไรนักเพราะกลัวผีเจ้าของบ้านที่ตายไปแล้ว

"พรุ่งนี้เรามาจะมารับนายนะ" ต้นบอกเมื่อมาส่งสนถึงบ้านแล้ว ต้นพยามมองเข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นพ่อกับแม่สนเลยเพราะออกไปรับจ้างดายหญ้าในสวนมะม่วงอีกหมู่บ้านหนึ่งตั้งแต่เช้าแล้ว เย็นกว่านี้อีกสักหน่อยจึงจะกลับ

"ขอบใจมากนะเพื่อน" สนบอกด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพื่อนใหม่ของเขาคนนี้ช่างเป็นคนดีมีน้ำใจเสียจริงๆ แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันแต่เขาก็สัมผัสความจริงใจได้

ต้นหันมายิ้มแล้วก็ปั่นจักรยานออกไป บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านสนมากนัก สามารถเดินถึงกันได้

วันนี้นี่เองที่มิตรภาพระหว่างต้นกับสน...มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

TO BE CONTINUED...
หัวข้อ: Re: ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 1 ¤ เพื่อนใหม่ของต้น (24-04-2012)
เริ่มหัวข้อโดย: zaabbo ที่ 24-04-2012 00:39:09
 :z13: :z13:

ประเดิมเรื่องใหม่ น่าสนุกดีครับผม  o13 สู้ๆนะค้าบ +1
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 1 ¤ เพื่อนใหม่ของต้น (24-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-04-2012 07:51:43
ตอนที่ 2: มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

พอต้นกลับบ้านไปแล้ว สนก็จัดการหุงข้าวรอพ่อกับแม่ที่กำลังจะกลับมาจากทำงาน สนเป็นเด็กที่ขยันและชอบทำงาน ทำงานบ้านเป็นแทบทุกอย่างตั้งแต่หุงข้าว ทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน เรียกได้ว่าพ่อกับแม่แทบไม่ต้องบ่นในเรื่องนี้เลย ส่วนวันหยุดสนมักจะไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานข้างนอก บางทีก็รับจ้างดายหญ้า ตัดกิ่งไม้ รดน้ำผักในสวนและอีกสารพัดอย่าง แล้วแต่ว่าจะมีใครจ้างให้ทำอะไร เขาเต็มใจทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เงินค่าจ้างที่ได้มาก็จะให้พ่อกับแม่หมด แต่ช่วงนี้โชคไม่ดีนักที่บ้านเขาเป็นหนี้ธนาคารจนต้องถูกยึดบ้านและแทบจะไม่มีเงินติดบ้านกันเลย สุดท้ายก็ต้องระหกระเหเร่ร่อนมาอยู่ที่นี่ ดีที่น้าสาวเมตตาให้บ้านหลังนี้ไว้ซุกหัวนอน

เสียงรถจักรยานเข้ามาจอดในบ้าน สนรู้ว่าพ่อแม่กลับมาแล้วก็รีบวิ่งออกมารับ แม่ซื้อกับข้าวจากตลาดมาด้วย เป็นแกงเลียงหนึ่งถุงที่จะต้องกินกันทั้งบ้านสามคนพ่อแม่ลูก สนช่วยพ่อกับแม่ถือของไปเก็บในบ้าน บ้านของเขามีลักษณะเป็นบ้านปูนสองชั้น มันดูเก่ามากพอสมควรเพราะถูกทิ้งไว้นาน ข้างหลังบ้านยังพอมีที่ว่างๆ อยู่บ้าง แม่บอกว่าจะหาผักมาปลูกเอาไว้กินและส่งขายที่ตลาด วันนี้สนเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ให้พ่อกับแม่ฟังด้วย ดูท่านทั้งสองสนใจทีเดียว จริงๆ พ่อกับแม่ก็ห่วงสนอยู่เหมือนว่ามาแล้วจะไม่มีเพื่อนเล่นเพราะสนเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ไม่มีพี่หรือน้องที่จะพอเล่นด้วยกันได้ แต่ได้ยินว่าสนเริ่มมีเพื่อนจึงค่อยรู้สึกอุ่นใจขึ้น

------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันต่อมา ก่อนต้นจะไปโรงเรียน ต้นก็วิ่งเข้าไปในครัวแล้วบอกแม่ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

"แม่ครับ วันนี้ต้นขอข้าวเยอะๆ นะครับ แม่ใส่ให้ต้นเยอะๆ ทุกวันเลยก็ได้"

"ได้สิลูก ว่าแต่ทำไมถึงอขากกินข้าวเยอะขึ้นล่ะ" แม่หันมาถามในขณะที่กำลังตักข้าวและกับใส่กล้องข้าวให้ต้น

"ก็ต้นโตแล้ว ก็เลยอยากกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ ไงแม่" ต้นบอกพร้อมกับยิ้มแฉ่ง

พอได้กล่องข้าวแล้วต้นก็รีบปั่นจักรยานมาที่บ้านสนทันที ใช้เวลาไม่นานนักเพราะอยู่ห่างกันไม่กี่ร้อยเมตร พอมาถึงต้นก็ตะโกนถามจากข้างนอกรั้วบ้านว่า

"สน...เสร็จหรือยัง เรามาแล้ว"

ไม่นานนัก สนก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมพ่อกับแม่ของเขา ต้นพอจะเดาได้ว่าเป็นใครก็เลยยกมือสวัสดี พ่อกับแม่สนรับไหว้ ดูๆ แล้วพ่อกับแม่สนก็น่าจะอายุใกล้เคียงกับพ่อแม่ของต้น

"ฝากสนด้วยนะลูก" แม่ของสนบอกขณะที่สนเดินมานั่งซ้อนท้ายจักรยานของต้น จริงๆ ที่บ้านสนก็มีจักรยานเก่าๆ อยู่คันหนึ่ง แต่เป็นจักรยานของผู้ใหญ่ พ่อกับแม่ของสนเอาไว้ไปทำงานนอกบ้าน

"ได้ครับแม่" ต้นตอบ เขาเรียกแม่ของสนว่าแม่ได้อย่างสนิทใจทั้งที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก พอสนขึ้นซ้อนท้าย ต้นก็พาเพื่อนปั่นจักรยานออกไป

"วันนี้เรามีข้าวมาเผื่อนายเยอะเลย นายต้องช่วยเรากินให้หมดนะ" ต้นบอกขณะที่ปั่นจักรยานไปตามถนนเล็กๆ เลียบคลองส่งน้ำ

"รบกวนนายหรือเปล่าต้น เดี๋ยวที่บ้านนายจะว่าเอา" สนบอกด้วยความเกรงใจ

"ไม่หรอก พ่อกับแม่เราใจดีจะตาย ไว้วันหลังเราจะพาไปเที่ยวบ้านเรา แล้วนายจะเห็นว่าพ่อกับแม่เราใจดีจริงๆ นะ" ต้นบอกพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ โดยทั่วไป เด็กๆ ก็มักจะภูมิใจอยู่แล้วที่มีพ่อแม่เป็นคนใจดี

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ต้นกับสนก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเรียบร้อยแล้ว ต้นมารับสนที่บ้านทุกวัน ตอนเที่ยงก็แบ่งข้าวให้ ยกเว้นวันไหนที่สนพอจะมีเงินมาซื้อข้าวกินเองบ้าง แต่ก็ยังแบ่งข้าวกันกินอยู่เป็นประจำ จากคนที่ตัวผอมๆ ไม่ค่อยมีเนื้อมีหนัง สนก็เริ่มมีหน้าตาที่สดใสมากขึ้นจนพ่อกับแม่ของสนแปลกใจ แต่ก็ดีใจที่เห็นลูกชายมีความสุข

"ที่บ้านเราปลูกผักแล้วนะต้น กลับไปเราจะไปรดน้ำแปลงผักของเรา อีกไม่นานเราก็จะมีผักกินแล้ว" สนบอกขณะที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานต้นกลับบ้านในวันหนึ่ง

"เหรอ...นายปลูกผักอะไรล่ะ เราไปช่วยได้ไหม" ต้นถามอย่างตื่นเต้น

"ได้สิ ตอนนี้เราเพิ่งปลูกผักกาด นายเคยปลูกผักหรือเปล่าล่ะ"

"ไม่เคยเลย แม่เราซื้อผักจากตลาดมากิน ไม่ได้ปลูกเอง"

"เหรอ...งั้นต่อไปนายมาเอาผักที่บ้านเราไปกินได้นะ เดี๋ยวแม่เราจะปลูกอีกหลายอย่างเลย พ่อกับแม่เราชอบปลูกผักกับผลไม้ ตอนอยู่ที่น่านเราก็ปลูก แต่ที่นั่นอากาศดี ผักชอบอากาศหนาว แต่ไม่รู้ว่าพอปลูกที่นี่แล้วมันจะเป็นไงเหมือนกัน"

พอมาถึงบ้าน ต้นกับสนก็กุลีกุจอช่วยกันรดน้ำแปลงผัก เด็กสองคนเอาบัวรดน้ำไปตักน้ำจากสระบัวข้างบ้านของสนซึ่งมีน้ำตลอดปี เพื่อเอามารดน้ำแปลงผักกาด ดูท่าทางสนจะทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วกว่าต้นหลายเท่าเวลาที่ต้องทำงานใช้แรง ต้นไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้นักเวลาอยู่บ้าน พ่อกับแม่ของต้นเป็นครูสอนอยู่อีกตำบลถัดไปจึงมีเงินเดือนใช้อย่างไม่ต้องลำบาก ต้นจึงไม่ต้องทำงานหนักนอกจากถูบ้าน ล้างจานหรืออย่างมากก็ซักผ้า รีดผ้าเป็นบางครั้ง แต่ต้นก็ดูสนุกกับการรดน้ำต้นไม้ที่เขาไม่เคยทำมาก่อนทีเดียว พอรดเสร็จแล้ว ก่อนกลับบ้านต้นก็ชวนสนว่า

"พรุ่งนี้นายไปไหนหรือเปล่า ไปเที่ยวบ้านเราไหม เอาการบ้านไปทำด้วยก็ได้ เดี๋ยวเราช่วยสอนเลขให้"

สนดูลังเลเมื่อเพื่อนชวน "เราว่าจะไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานในไร่ส้มโอน่ะต้น คงไปไม่ได้หรอก"

ต้นทำหน้าเสียดาย เขารู้สึกชอบเพื่อนใหม่คนนี้มากทีเดียว ถ้าชวนไปที่บ้าน พ่อกับแม่ของเขาต้องชอบสนด้วยอย่างแน่นอน แต่เขาก็พอเข้าใจว่าสนต้องช่วยพ่อกับแม่ทำมาหากิน

"ว้า...เสียดายจัง" ต้นหน้าม่อยเล็กน้อย

"เป็นเพื่อนกับคนจนๆ อย่างเรานายก็ต้องทำใจหน่อยนะ เราคงไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับนายช่วงวันหยุดเท่าไรหรอก" สนบอกด้วยน้ำเสียงปนเศร้า

ต้นมองดูเพื่อนด้วยความสงสาร เขาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนเขาอายุแค่นี้เองแต่ก็ต้องทำงานหนักราวกับผู้ใหญ่ บางทีเด็กๆ อย่างเขาก็อาจไม่เข้าใจหรอกว่าความยากจนเป็นยังไง

"เฮ้ย...ไม่เห็นต้องทำใจอะไรเลย นายก็เป็นเด็กดีออก มีเพื่อนเป็นเด็กดีไม่เห็นจะต้องทำใจเลย" ต้นแย้งเพื่อช่วยให้สนรู้สึกสบายใจขึ้น เขาไม่อยากให้สนรู้สึกว่าเขารังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับคนจน

"ไปเถอะสน ไปทำการบ้านกับเพื่อนเถอะลูก จะได้เรียนเก่งๆ ลูกจะได้พักบ้าง เหนื่อยมาหลายอาทิตย์แล้ว" เสียงแม่ของสนดังมาจากข้างหลัง เด็กทั้งสองคนหันไปมองตาม พอต้นเห็นว่าเป็นแม่ของสนก็รีบยกมือสวัสดี แม่ของสนรับไหว้แล้วถามต้นว่า

"มาช่วยสนรดน้ำแปลงผักด้วยหรือลูก"

ต้นพยักหน้า "ครับ...สนุกดีครับแม่ ผมไม่เคยปลูกผักเลย เดี๋ยวผมจะมาช่วยรดทุกวันเลยครับจะได้ปลูกผักเป็น" ต้นบอกด้วยท่าทางตื่นเต้น

"โถลูก...แม่เกรงใจจังเลย ไหนจะมารับมาส่งสนทุกวัน แล้วยังมาช่วยสนรดน้ำแปลงผักอีก พรุ่งนี้ สนต้องช่วยเพื่อนทำงานบ้านด้วยนะลูก" แม่หันไปบอกสน

ได้ยินแม่บอกอย่างนั้นสนก็ไม่กล้าขัด และนั่นก็ย่อมหมายความว่าแม่อนุญาตให้เขาไปบ้านต้นพรุ่งนี้ได้

"ครับแม่" สนรับคำพลางยิ้มดีใจ

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้สนจึงได้มาเที่ยวบ้านต้น พ่อกับแม่ของต้นก็อยู่ด้วย วันนี้แม่ของต้นทำกับข้าวไว้ให้กินสองสามอย่าง อร่อยๆ ทั้งนั้นเลย แถมด้วยของหวานเป็นกล้วยบวชชี เด็กสองคนจึงทำการบ้านกันเพลินเพราะมีของให้กินไม่ขาดปาก ต้นช่วยสอนวิชาเลขให้สนเพราะสนไม่ถนัด หรือจะว่าไปแล้วก็คือไม่ชอบเอาเสียเลย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่คราวนี้ ต้นช่วยสอนจนเขาทำได้และรู้สึกดีกับวิชาเลขขึ้นมาก พอทำการบ้านเสร็จ สนก็ช่วยพ่อกับแม่ของต้นทำงานบ้านหลายอย่างตามที่เขาสัญญากับแม่ไว้ เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านและล้างห้องน้ำ พร้อมกับมีต้นคอยเป็นลูกมือ สนเป็นคนอาสาช่วยทำเองเพราะเขาอยากตอบแทนต้นและครอบครัวของต้นซึ่งดีกับเขามาก พ่อกับแม่ของต้นเองก็รู้สึกเอ็นดูสนมากทีเดียวเพราะเห็นว่าเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งและรู้จักช่วยเหลือคนอื่น

ตอนบ่ายๆ ต้นขออนุญาตพ่อกับแม่พาสนไปเล่นน้ำในคลองส่งน้ำหน้าบ้าน ก็ได้รับอนุญาตแต่โดยดีเพราะต้นว่ายน้ำเก่ง จริงๆ แล้วเด็กๆ แถวนี้ก็ว่ายน้ำเก่งแทบทุกคนเพราะโตมากับแม่น้ำลำคลอง จึงไม่ค่อยมีใครเป็นห่วงมากนัก

เด็กสองคนใส่กางเกงขาสั้นคนละตัวเดินออกมาจากบ้านของต้น ข้างหน้ามีสะพานเหล็กเล็กๆ ไว้สำหรับข้ามคลองส่งน้ำอยู่ บางจุดจะมีสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่เพื่อให้รถยนต์ข้ามได้ด้วย ต้นมาถึงคลองก็กระโดดตูมลงไปเลย แต่สนยังยืนมองอยู่บนฝั่งด้วยสีหน้ากังวล

"อ้าวสน ทำไมไม่ลงมาล่ะ" ต้นถามด้วยความสงสัย

"ลึกหรือเปล่าล่ะ เราว่ายน้ำไม่เป็น" สนมีสีหน้าตื่นกลัวเพราะเขาโตมากับภูเขาและความหนาวจึงไม่ค่อยชอบเล่นน้ำ

"ประมาณอกเราเอง ลงมาเลย ไม่ต้องกลัวหรอก เราว่ายน้ำเป็น ช่วยนายได้ เดี๋ยวเราช่วยสอนนายว่ายน้ำ เอาไหม"

ได้ยินดังนั้นสนจึงค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เขาค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในคลอง ต้นว่ายน้ำเข้ามาช่วยดูใกล้ๆ พอเห็นว่าสนเริ่มปรับตัวได้ก็ค่อยๆ พาสนมาเล่นบริเวณกลางคลอง พร้อมกับสอนให้เขาว่ายน้ำด้วย ใช้เวลาไม่นานนักสนก็เริ่มไหว้น้ำอย่างง่ายๆ ได้ ทำให้เขาเล่นน้ำได้สนุกขึ้น พอเล่นน้ำจนหนำใจ ทั้งสองคนจึงขึ้นมานั่งเล่นบนสะพาน หย่อนขาลงไปแล้วก็เอาขาตีน้ำเล่น ความสุขของเด็กๆ ก็คงไม่มีอะไรมาก แค่ได้เล่นตามจินตนาการก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่

"โตขึ้นนายอยากเป็นอะไร" ต้นหันมาถามขณะที่ใช้ขาตีน้ำเล่นเบาๆ

"อะไรก็ได้ แค่มีเงินเยอะๆ พ่อกับแม่เราจะได้ไม่ต้องลำบาก" สนตอบโดยไม่ลังเลเพราะเป็นสิ่งที่เขาคิดตลอดเวลา

"แล้วนายล่ะ" สนถามกลับบ้าง

ต้นครุ่นคิดสักพักแล้วก็ตอบ "เราอยากเป็นวิศวกร"

แน่ล่ะ อาชีพที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกหลานของตนเองเป็นก็คงไม่พ้นตำรวจ ทหาร หมอหรือวิศวกร เพราะนอกจากรายได้ดีแล้วยังทำให้พ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมอีกด้วย สามารถอวดใครต่อใครในหมู่บ้านได้นั่นเอง

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ไปบ้านต้นครั้งนั้นแล้ว ต้นกับสนรวมทั้งครอบครัวก็รู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งสองคนสามารถไปมาหาสู่และเข้านอกออกในทั้งสองบ้านได้เพราะเด็กทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจ บางทีสนก็ไปนอนบ้านต้น บางครั้งต้นก็มานอนบ้านสน ผู้ปกครองของทั้งสองคนจึงรู้สึกดีใจที่ลูกชายมีเพื่อนสนิทที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลและไว้ใจกันได้ เพราะทั้งสองบ้างต่างก็มีลูกชายเพียงคนเดียวเหมือนกัน เด็กทั้งสองจึงเป็นเหมือนลูกชายอีกคนของอีกบ้าน เวลาไปบ้านต้น สนจะได้กับข้าวหรือขนมจากบ้านต้นมาฝากพ่อกับแม่เสมอ ในขณะเดียวกันพ่อกับแม่ของสนก็พยายามหาของมาฝากบ้านต้นเช่นเดียวกัน บางทีก็เป็นกับข้าวแบบชาวเหนือที่พ่อกับแม่ของสนทำเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็พืชผักที่ปลูกหลังบ้าน

ตอนหลังๆ พ่อกับแม่ของสนเริ่มเก็บเงินได้บ้างทั้งจากการรับจ้างทำงานต่างๆ และขายพืชผักที่ปลูกเอง จึงซื้อจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ให้สนคันหนึ่งเผื่อไว้ขี่ไปโรงเรียน แต่ต้นกับสนก็ยังคงชอบซ้อนท้ายจักรยานกันอยู่ บางครั้งสนก็ไปรับต้นที่บ้าน สลับกันไปมา แทบจะเรียกได้ว่าเห็นต้นอยู่ตรงไหนก็จะเห็นสนอยู่ตรงนั้น เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนเด็กทั้งสองคนเรียนจบชั้นประถมศึกษา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 2 ¤ มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน (24-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 24-04-2012 10:26:10
ตามมาอ่าน ตามคำเรียกร้องของตัวเอง

 :pig4: ผู้แต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 2 ¤ มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน (24-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 24-04-2012 13:35:16
-w-
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 2 ¤ มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน (24-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 25-04-2012 00:11:55
มาซึบซับ คู่รักตั้งแต่ยังวัยละอ่อน

 :pig4: จ๊ะ ที่มาลง :กอด1: :L2: นักแต่ง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 2 ¤ มิตรภาพที่เริ่มเบ่งบาน (24-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 25-04-2012 06:30:01
ตอนที่ 3: ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ต้นกับสนอายุ 13 แล้ว กำลังจะเข้าเรียนชั้น ม.1 ผลจากการสอบปรากฏว่าต้นกับสนไม่ได้เรียนห้องเดียวกันเหมือนเดิม แต่ก็ยังเป็นโรงเรียนเดียวกันอยู่ โรงเรียนมัธยมนั้นไม่ไกลจากโรงเรียนประถมมากนักจึงสามารถขี่จักรยานไปโรงเรียนได้เหมือนเช่นเคย

ช่วงก่อนเข้าเรียน ม.1 ต้นกับสนปล่อยผมให้ยาวขึ้นเพื่อจะได้ไปตัดรองทรงเพราะเป็นทรงที่โรงเรียนอนุญาตให้ตัดได้ เด็กวัยรุ่นมักจะเริ่มตัดผมทรงนี้ตอนที่เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งต้นและสนเองก็ใฝ่ฝันอยากไว้ผมทรงนี้มานาน วันแรกที่ไปตัดรองทรงมาก็ทำให้คนทั้งหมู่บ้านแซวกันไปหลายวัน ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือต่างดูหล่อขึ้นกันทั้งสองคน ต่างกันที่ต้นดูหน้าหวานนิดๆ แต่สนจะหน้าเข้มหน่อยๆ นอกจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปบ้างแล้ว เสียงของต้นกับสนก็เริ่มห้าวขึ้นด้วย สัญญาณแห่งวัยหนุ่มกำลังเริ่มขึ้นนั่นเอง

พอเข้าเรียน ต้นได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องเพราะมีผลการเรียนดีและที่ผ่านมาต้นก็เป็น หัวหน้าห้องเสมอ จึงค่อนข้างได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ ส่วนสนนั้น การเรียนของเขาก็ดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่มีต้นคอยช่วยสอน เขาเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีขึ้น เทอมสุดท้ายของ ป.6 สนได้เกรด 3 ซึ่งเป็นเกรดที่สนไม่เคยได้เลยในวิชานี้ ผลจากการที่สนเรียนดีขึ้นก็ยิ่งทำให้สนรู้สึกว่าต้นคือเพื่อนที่มีบุญคุณกับเขามาก

แม้ว่าในอีกห้องหนึ่งสนจะไม่ได้เป็นหัวหน้าชั้นหรือมีตำแหน่งใดๆ เลย แต่ต่อมาสนก็ได้รับเลือกให้แสดงละครวันแม่โดยเล่นบทเป็นพ่อ มีนักเรียนหญิงร่วมชั้นอีกคนเล่นเป็นแม่ ด้วยเหตุนี้ สนจะต้องมาซ้อมการแสดงกับเพื่อนๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันงานทุกเย็นก่อนกลับบ้าน ส่วนต้นก็มานั่งดูเพื่อคอยเป็นกำลังใจและรอกลับบ้านพร้อมกับสนเกือบทุกเย็นเช่นกัน

ทุกครั้งที่เห็นสนเล่นบทพ่อกับ "น้อย" นักเรียนหญิงห้องเดียวกันที่เล่นบทแม่ ต้นก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเวลาที่เห็นสนกับน้อยหัวเราะสนุกสนานหรืออยู่ใกล้ๆ กัน บางครั้งก็ทำให้ต้นเจ็บแปลกในใจเล็กๆ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังอิจฉาสองคนนั้นอยู่ มันคือความรู้สึกอะไรกันนะ ทำไมเมื่อก่อนต้นไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลย

------------------------------------------------------------------------------------------------

มีอยู่วันหนึ่ง ต้นต้องทำของประดิษฐ์จากไม้เป็นการบ้าน แต่ต้นเองก็ไม่ค่อยมีหัวทางช่างมากนัก จึงอยากได้ความช่วยเหลือแต่ก็ติดที่ว่าช่วงสนต้องซ้อมการแสดง คงไม่สามารถมาช่วยเขาได้ พอเลิกเรียน ต้นจึงต้องกลับบ้านก่อนเพื่อจะไปทำของประดิษฐ์ส่งครู ก่อนจะกลับต้นก็ไปยืนเกาะขอบเวทีที่สนซ้อมอยู่แล้วก็ร้องเรียก

"สน...วันนี้เรากลับก่อนนะ พอดีเราต้องไปเลื่อยไม้ทำของประดิษฐ์ส่งครู ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเรากลับกับเอกก็ได้" เอกหมายถึงเพื่อนร่วมห้องของต้นนั่นเอง บ้านเขาอยู่ไม่ห่างจากบ้านของต้นนัก

"เสร็จแล้วเดี๋ยวเราจะไปช่วยนะต้น รอแป๊บนึง" สนร้องตอบพลางมองเพื่อนด้วยความลังเล ใจจริงเขาอยากจะกลับไปพร้อมกับต้นตอนนี้เลยเพราะอยากช่วยเพื่อนทำงานมากกว่า สนไม่ชอบการแสดงนักแต่ก็จับพลัดจับผลูได้มาเล่นด้วยความบังเอิญ

"ไม่เป็นไรหรอก เราพอทำได้อยู่ นายซ้อมละครเถอะ อีกไม่กี่วันก็จะแสดงแล้วนี่" ต้นปฏิเสธไปเพราะไม่อยากกวนเพื่อน

แต่สนก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะรู้ว่าต้นทำงานแบบนี้ไม่ค่อยเป็น ต่างจากสนที่ทำได้หลายอย่าง "แน่ใจนะ"

"เราทำได้น่า นายไม่ต้องห่วงหรอก" ต้นบอกพลางยิ้ม สนจึงไม่รบเร้า

เมื่อมาถึงบ้าน พ่อกับแม่ของต้นยังไม่กลับจากโรงเรียน ต้นเดินไปหาเลื่อยจากกล่องใส่เครื่องมือช่างของพ่อหลังบ้านแล้วก็เอามาเลื่อยตัดไม้ที่เขาหาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง เป็นไม้ที่เหลือจากการสร้างบ้านแล้วทิ้งไว้ไม่ได้ใช้นั่นเอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อยมากนัก แต่การเลื่อยไม้ของต้นก็ดูเก้ๆ กังๆ ชอบกล ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเลื่อยมีขนาดเล็กมากไป แถมต้นก็ไม่ค่อยได้ทำงานแบบนี้ พอเลื่อยไปสักพักก็เจ็บมือจนมือแดง ต้นจึงเริ่มกังวลว่าจะทำงานเสร็จไม่ทันส่ง ในระหว่างที่คิดกังวลอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีจักรยานมาจอดหน้าบ้าน พอเห็นว่าสนมา ต้นก็ยิ้มด้วยความดีใจจนออกนอกหน้าเพราะเขารู้ว่าสนช่วยเขาได้อย่างแน่นอน

"นายไม่ซ้อมละครแล้วเหรอ" ต้นถามด้วยความแปลกใจพร้อมกับยิ้มดีใจ สนจอดจักรยานแล้วก็เดินมาหาต้น

"ไม่เป็นไรหรอก เราอยากมาช่วยนายมากกว่า เรารู้ว่านายไม่ถนัดงานพวกนี้" สนบอกพลางยิ้ม รอยยิ้มของสนทำให้ต้นรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ สำหรับต้น ความรู้สึกอะไรกันหนอ ทำไมมันช่างอบอุ่นและวาบหวามใจเช่นนี้

"อ้าว แล้วคนอื่นไม่ว่าเอาเหรอ"

"นิดหน่อย แต่ช่างเถอะ มา...ให้เราช่วยดีกว่า จะให้เราทำอะไรก็บอกมาได้เลยเพื่อนรัก"

สนนั่งลงข้างๆ แล้วก็ยื่นมือไปรับเลื่อยมาจากต้น ต้นส่งให้สนแต่โดยดีแล้วก็บอกสนว่าต้องทำอะไรบ้าง ดูเหมือนว่าพอสนมาแล้วทุกอย่างก็ดูง่ายไปเสียหมด ต้นก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำแบบสนไม่ได้ เขาจึงได้แต่นั่งมองและให้กำลังใจเพื่อน ในระหว่างที่สนกำลังเลื่อยชิ้นไม้อย่างขะมักเขม้น ต้นก็คอยแอบมองหน้าเพื่อนอยู่บ่อยๆ  เขารู้สึกว่าสนมีเสน่ห์อะไรบางอย่าง มีพลังดึงดูดและคลื่นความอบอุ่นที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย แต่เหมือนต้นจะคอยมองอยู่นานจนสนรู้สึกได้

"มองอะไร" สนถามด้วยความสงสัยพลางยิ้มเขินนิดๆ เพราะเขารู้สึกว่าต้นนั่งมองเขาแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว

ต้นเหมือนจะได้สติแล้วก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน "อ๋อ เปล่านี่" ต้นยิ้มเขินนิดๆ "เรารู้สึกว่านายทำได้คล่องดี ไม่เหมือนเราทำเองเลย ช่วยเราได้ตั้งเยอะแน่ะ เรานั่งทำตั้งนานยังทำได้ไม่กี่อันเอง"

สนขำแล้วก็หันมาทำงานต่อ

"วันนี้นายกินข้าวบ้านเรานะ เดี๋ยวพ่อกับแม่เราก็มาแล้วล่ะ" ต้นชวน สนเงยหน้ามามองแล้วพยักหน้า

แต่หลังจากนั้นต้นก็ยังคอยเผลอแอบมองสนด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขายังไม่รู้จักอยู่เรื่อยๆ กว่างานจะเสร็จก็เกือบสามทุ่ม พ่อกับแม่ของต้นบอกให้สนนอนค้างกับต้นที่บ้านเพราะเห็นว่าดึกแล้ว สนตอบตกลงโดยไม่รีรอเพราะเขาก็มานอนที่บ้านต้นเป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนมาที่นี่สนแวะบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะมาช่วยต้นทำงาน ถ้าเขาไม่กลับ พ่อกับแม่จะรู้เองว่าเขามาค้างที่บ้านต้นและไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไร สนรู้สึกมีความสุขมากทีเดียวที่เห็นต้นดูจะพอใจและชอบของประดิษฐ์ที่เขาช่วยทำ

------------------------------------------------------------------------------------------------

สนยังไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ในโรงเรียนมากเพียงใด ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนมองเขาเสมอ ไม่ใช่แต่สาวๆ เท่านั้น บรรดากะเทยทั้งรุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกันต่างก็ชอบมองเขาด้วย เพราะความที่สนทำงานใช้กำลังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาดูเป็นหนุ่มมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีกล้ามเนื้อแขนขาที่ดูแข็งแรงไม่ต่างจากเด็กหนุ่มอายุ 15-16 สนไม่รู้หรอกว่าบางครั้งการมีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ก็อาจนำอันตรายมาให้เขาได้เหมือนกัน

วันหยุดวันหนึ่ง มีคนมาจ้างสนไปช่วยดายหญ้าที่บ้านตรงท้ายๆ หมู่บ้าน คนที่มาจ้างเป็นผู้ชายอายุราวๆ 30 ที่สนรู้สึกว่าดูท่าทางไม่ค่อยเหมือนผู้ชายเท่าไร พอคุยตกลงราคากันแล้วเขาก็พาสนซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้าน เขาบอกว่าถ้าเสร็จแล้วก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาส่งอีกที บ้านหลังที่สนมาทำงานนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านหลังอื่นๆ อยู่พอสมควร วันนี้บ้านดูเงียบๆ เพราะคนอื่นๆ ไปทำไร่กันหมด เหลือแต่ผู้ชายคนนี้ที่สนรู้สึกว่าเขาชอบมองสนแปลกๆ เวลามองก็ชอบมองดูส่วนกลางลำตัวของเขาบ่อยๆ เขามายืนคอยคุมงานสน บางทีก็ยิ้มพร้อมกับแววตาแปลกๆ ที่สนก็ไม่เข้าใจ พองานเสร็จชายคนนั้นก็ถามว่า

"เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวมีงานให้ทำอีกชิ้นหนึ่ง" ชายคนนั้นบอกด้วยน้ำเสียงมีจริตจะก้านต่างจากผู้ชายทั่วไป

"อะไรครับ" สนถามด้วยความสงสัย

"เดี๋ยวมานวดให้พี่หน่อยสิ พี่เมื่อย"

"ผมนวดไม่เป็นครับ" สนรีบปฏิเสธ เพราะเขารู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้

"ลองดูก่อนไหม เดี๋ยวพี่สอนให้ว่านวดยังไง พี่ให้ 200 เลย" ชายคนนั้นเอาเงินมาล่อ

พอได้ยินว่าเขาจะได้ค่าจ้างถึง 200 บาท สนก็เริ่มลังเลใจเพราะมันเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ สุดท้ายก็เลยตกลง ชายคนนั้นพาสนขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เขาบอกให้สนเข้าไปนั่งรอในห้องๆ หนึ่งซึ่งมีฟูกปูไว้อยู่ เข้าใจว่าน่าจะเป็นห้องนอนของใครสักคน สักพักชายคนนั้นก็ตามเขาข้ามา เขาเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามคล้ายกับต้องการจะอวดรูปร่าง เขานอนคว่ำหน้าลงบนฟูกแล้วบอกให้สนนวดหลังให้ สนนวดด้วยความประหม่า ชายคนนั้นเป็นคนคอยบอกว่าสนต้องนวดตรงไหนอย่างไร สักพักเขาก็นอนหงายแล้วบอกให้สนช่วยนวดต้นขา

พอนวดได้ไม่นานชายคนนั้นก็เริ่มถามคำถามแปลกๆ เช่น มีแฟนหรือยัง เคยมีอะไรกับผู้หญิงไหม เคยช่วยตัวเองหรือเปล่า และอีกหลายคำถามในทำนองนี้จนสนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เขาจึงตัดสินใจหยุดนวดและบอกว่าจะกลับบ้าน แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายค่าจ้าง 200 บาทอยู่ก็ตาม

"พี่...ผมนวดไม่เป็น...ผมไม่ชอบ ผมจะกลับบ้านแล้ว ไม่เอาตังค์ก็ได้"

ชายคนนั้นมองสนด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม สนรู้สึกอึดอัดจนอยากจะลุกหนีไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย

"จะรีบไปไหนล่ะ เดี๋ยวช่วยพี่อีกอย่างสิ" ผู้ชายคนนั้นไม่พูดเปล่า เขาฉวยมือสนไปวางบนเป้ากางเกงของเขา สนพยายามดึงมือหนีแต่ก็สู้แรงผู้ใหญ่กว่าไม่ไหว

"พี่จะทำอะไรผมน่ะ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ" สนร้องเสียงดัง ชายคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุขึ้นมาทันทีจนสนรู้สึกกลัว

"เดี๋ยวก็รู้น่า เดี๋ยวแกก็จะชอบเองแหละ"

สนเริ่มโตพอที่จะรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามดิ้นหนี ทั้งเตะ ทั้งถีบ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเด็กอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงผู้ใหญ่ได้อยู่แล้ว ชายคนนั้นเตรียมผ้าขาวม้าไว้จำนวนหนึ่งในห้องนั้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ สนถูกจับมัดมือ มัดเท้าและมัดปาก ชายคนนั้นถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในของเขาออก สนร้องลั่นแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เขารู้สึกกลัวมากเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกผู้ชายข่มขืน แม้ว่าเขาจะร้องให้น้ำตาไหลพรากแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนั้นเกิดความสงสารแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนั้นพยายามกดตัวเขาลงและพยายามเอาส่วนนั้นของเขาสอดใส่เข้าไปใน ปราการด้านหลังของเขา สนรู้สึกเจ็บมาก เขาพยายามร้องและดิ้นหนี

"อยู่เฉยๆ สิวะ อยากเจ็บตัวหรือไง" ชายคนนั้นตะคอกใส่และไม่ละความพยายามที่จะกระทำชำเราเขาให้ได้

ในขณะเดียวกัน ต้นก็ไปหาสนที่บ้านเพราะตั้งใจว่าจะชวนสนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน พ่อกับแม่ต้นบอกว่าสนไปดายหญ้าที่บ้านของตาเที่ยงตรงท้ายหมูบ้านได้สักพักแล้ว ต้นจึงรีบปั่นจักรยานไปหาเพื่อนที่บ้านหลังนั้นทันที พอถึงบ้านหลังนั้น ต้นเห็นอุปกรณ์ดายหญ้าของสนวางอยู่แต่ไม่เห็นตัวของสน เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นรองเท้าของสนถอดวางไว้อยู่ข้างล่างตรงบันไดที่จะขึ้นบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นใต้ถุนสองชั้น

"สน...นายอยู่นี่หรือเปล่า" ต้นตะโกนเรียกซ้ำกันอยู่ 2-3 ครั้ง

ชายคนนั้นหยุดทันทีที่ได้ยินเสียงคนเอะอะอยู่ข้างล่าง เขามีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด สนได้ยินเสียงเพื่อนเรียกแล้วก็ดีใจ เขาพยายามส่งเสียงอู้อี้ตอบแต่ต้นก็ไม่ได้ยิน

ชายคนนั้นลุกขึ้นใส่กางเกงแล้วก็เดินออกมาตรงบันได พอเห็นต้นก็ถามต้นด้วยเสียงดุว่า "มาหาใครวะ"

"มาหาสนครับ สนมาดายหญ้าที่นี่หรือเปล่า" ต้นถามพลางพยายามเมียงมองหาเพื่อนของตนเอง

"มันกลับไปแล้ว" ชายคนนั้นตอบแต่สีหน้าดูมีพิรุธจนต้นสังเกตได้

"แต่นี่รองเท้าสนนี่ครับ เครื่องมือก็ยังอยู่" ต้นแย้ง ชายคนนั้นจึงตะคอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า

"ก็กูบอกว่ามันกลับไปแล้ว จะมาเซ้าซี้ทำไม ไป๊ คนจะหลับนอนพักผ่อน อย่ามากวน" เขาพูดพร้อมทำมือไล่ให้ต้นไป

สนรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะตะโกน จึงใช้เท้าสองข้างที่ถูกมัดอยู่ทุ่มลงพื้นดังๆ ให้ต้นได้ยิน แล้วก็ได้ผล พอต้นได้ยินเสียงดังตึงๆ ก็พอจะเดาได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเพื่อนเขาอย่างแน่นอน ชายคนนั้นหน้าเสียลงทันที เขาเดินลงมาหวังจะลากต้นออกไปจากบ้าน ต้นถอยร่นมาตั้งหลักเล็กน้อย พอชายคนนั้นลงมาถึงพื้น ต้นก็รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีกระโดดถีบตรงเข่าของชายคนนั้นจนล้มตึงลงกับพื้น เขาร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บปวด ต้นรีบใช้โอกาสนี้วิ่งขึ้นไปบนบ้านทันทีแล้วตรงไปยังห้องที่มีเสียง ตึงตังๆ อยู่

ต้นแทบช็อกเมื่อเห็นว่าสนถูกจับมัดมือ มัดเท้าและมีผ้ามัดปิดปากอยู่ สนมีสีหน้าหวาดกลัวและมีรอยคราบน้ำตาอยู่บนใบหน้า ต้นรีบใส่กลอนล็อกห้องนั้นทันทีก่อนที่ชายคนนั้นจะตั้งหลักได้และวิ่งมาถึง ต้นช่วยแก้มัดให้เพื่อน เขารู้สึกสงสารเพื่อนจนน้ำตาไหลและรู้สึกโกรธแค้นชายคนนั้นที่ทำกับเพื่อนเขาที่ยังเป็นเด็กได้ถึงเพียงนี้ พอเป็นอิสระแล้วสนก็รีบใส่เสื้อผ้า เสียงชายคนนั้นทุบประตูปังๆ และตะโกนเรียกบอกให้รู้ว่าทั้งสองคนไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้ว ต้นกับสนจึงต้องรีบตัดสินใจว่าจะหนีอย่างไร

"ลงทางหน้าต่างก็แล้วกัน" ต้นบอกแล้วรีบพาสนวิ่งไปที่หน้าต่าง ทั้งสองคนปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่างแล้วก็กระโดดลงไป ชายคนนั้นได้ยินเสียงตุ๊บก็รู้ว่าเด็กสองคนหนีไปทางหน้าต่างแล้ว เขาวิ่งไปคว้ามีดแล้ววิ่งตามลงไปทันทีเพราะกลัวว่าเด็กสองคนจะไปบอกตำรวจ ตอนนี้เขาหน้ามืดแล้ว แม้จะต้องฆ่าเด็กสองคนนี้เขาก็ต้องทำ

ต้นกับสนพอตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งไปที่จักรยานที่ต้นจอดไว้ตรงหน้าบ้าน ชายคนนั้นถือมีดขนาดสั้นวิ่งตามมา พร้อมตะโกนว่า "พวกมึงสองคนจะหนีไปไหนพ้น" เขาตวัดมีดฉวัดเฉวียนไล่ตามมาจนปลายมีดกรีดไปถูกตรงบริเวณต้นแขนของต้น ต้นร้องโอ๊ยแล้วทรุดตัวลงกับพื้นทันที เขาใช้มือกุมต้นแขนตรงบริเวณที่โดนมีดฟันไว้

"ต้น" สนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีด

"ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย" สนร้องเรียกให้คนช่วย ชายคนนั้นหยุดชะงักเมื่อเห็นต้นถูกมีดเขากรีดจนเลือดไหลอาบ เขารีบทิ้งมีดแล้ววิ่งหนีไปทางหลังบ้านทันที โชคดีที่ในจังหวะนั้นมีชาวบ้านผ่านมาพอดีจึงช่วยกันพาต้นไปส่งที่บ้านและโรงพยาบาล
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: zaabbo ที่ 25-04-2012 07:06:26
 :m31: ฮึ่ยไอพวกมารสังคมพวกนี้ต้องจับส่งตำรวจให้หมด  :m31:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 25-04-2012 07:58:32
 :L2:มาเปนกำลังใจค่ะ           
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 25-04-2012 09:42:39
มาส่งกำลังใจให้ค่ะ

เรื่องนี้อ่านกี่รอบก็สนุก Confirm!!!

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 25-04-2012 10:37:47
ต้น เริ่มรักเพื่อนแบบไม่รู้ตัวแล้วนะเนี่ย

ส่วนสนก็เนื้อหอม จะโดนเปิดซิงซะแระ o22
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 25-04-2012 11:56:33
ต้นรีบเปิดซิงซะ สนจะได้ไม่เนื้อหอมเกิน 55555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ ความรักได้ก่อตัวขึ้นแล้ว (25-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-04-2012 08:07:28
ตอนที่ 4: เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ระหว่างที่รอหมอทำแผลให้ต้นอยู่นั้น สนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของต้นฟัง พ่อกับแม่ของต้นดูจะเป็นเดือดเป็นแค้นมากทีเดีย

"ทำไมมันถึงได้เลวอย่างนี้ คอยดูนะผมจะให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุกให้ได้ ทำได้แม้กระทั่งกับเด็กไม่มีทางสู้ จิตใจมันทำด้วยอะไร" พ่อของต้นพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

"เอาเลยพี่ ให้ต้นมันทำแผลเสร็จก่อนเดี๋ยวเราไปโรงพักกัน" แม่ของต้นว่าตาม

"คนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้หรอก อยู่ไปก็มีแต่จะไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น นี่ดีนะที่ต้นกับสนมันไม่เป็นอะไรมาก" แม่ของสนเห็นด้วยแล้วก็หันมากำชับกับสนว่า

"ต่อไปแม่ไม่ให้สนไปทำงานคนเดียวอีกแล้วนะลูก คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ไอ้เราก็คิดว่ามีลูกชายก็ไม่น่าจะมีปัญหาแบบนี้ ที่ไหนได้"

สนนิ่ง เขาดูเงียบเพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้ เฝ้ารอแต่ว่าเมื่อไรหมอจะทำแผลให้ต้นเสร็จเสียที เขาอยากเห็นหน้าเพื่อน อยากขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยเขาไว้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาก็คงถูกผู้ชายโรคจิตคนนั้นกระทำชำเราไปแล้ว แค่คิดเขาก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที เขายังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนและเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญ เหตุการณ์นั้นได้สร้างความรู้สึกหวาดระแวงในจิตใต้สำนึกของเขาไปแล้ว

สักพักหมอก็ออกมาบอกว่าทำแผลให้ต้นเสร็จแล้ว แต่ต้องให้ต้นนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพราะแผลลึกพอสมควร อาจจะบวมอักเสบได้ ฟังจบแล้วสนก็ปรี่เข้าไปในห้องเพื่อดูอาการเพื่อนก่อนใคร เขานั่งลงข้างๆ เตียง เห็นต้นเจ็บแทนแล้วก็ทำให้สนถึงกับน้ำตาซึม

"ต้น...นายเป็นไงบ้าง” สนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง สีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ใครเห็นสีหน้าของเขาก็คงจะรู้ว่าเขาเป็นห่วงเพื่อนมากขนาดไหน

"ขอบใจมากนะที่มาช่วยเรา ดูสิ...นายเลยต้องมาเจ็บตัวเพราะเราเลย"

"ไม่เป็นไร...เราเป็นเพื่อนนายเราก็ต้องช่วยนายสิ แล้วนายล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า ไอ้นั่นมันทำอะไรนายบ้าง" ต้นถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพื่อนเช่นกัน

"เราไม่เป็นอะไรมากหรอก โชคดีที่นายมาช่วยได้ทันเวลา ว่าแต่นายเจ็บมากหรือเปล่าล่ะ" สนมองดูบริเวณต้นแขนข้างขวาของต้นที่มีผ้าพันแผลอยู่ด้วยความสงสาร ถ้าเขาเจ็บแทนได้เขาก็จะยอม

"ไม่เป็นไรหรอก พอทนได้" ต้นตอบพลางยิ้มและหัวเราะเบาๆ เขาไม่อยากให้สนต้องกังวลกับเขามากนัก

"สน...เพื่อนเขามีบุญคุณกับเรานะลูก ต่อไป สนต้องคอยดูแลเพื่อน ช่วยเพื่อน ถ้าเพื่อนมีปัญหาก็อย่าทิ้งเพื่อนเป็นอันขาดนะลูก" พ่อของสนบอกพลางย่อตัวลงข้างๆ และใช้มือแตะไหล่ลูกชายเบาๆ สนเงยหน้าขึ้นมองพ่อและทุกๆ คนที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วตอบว่า

"ครับพ่อ ผมสัญญาครับ ผมจะคอยดูแลต้น ผมจะไม่ทิ้งต้นครับ" สนพูดด้วยความมั่นใจ แม้จะไม่มีใครบอกเขา เขาก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะดูแลเพื่อนคนนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการตอบแทนที่ต้นได้ช่วยชีวิตเขาไว้และยังเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาตลอดมา สนหันกลับมามองเพื่อนตามเดิม สายตาของเขาฉายแววมาดมั่นที่จะทำอย่างที่สัญญาไว้

พอถามไถ่อาการกันพอสมควรแล้ว พ่อแม่ของสนและพ่อของต้นก็พาสนไปแจ้งความที่โรงพัก ส่วนแม่ของต้นอาสาอยู่เป็นเพื่อนต้นที่โรงพยาบาลเอง

ก่อนออกไปจากห้อง สนหันมาบอกต้นว่า "เดี๋ยวเรามานะต้น เราจะมานอนเป็นเพื่อนนาย"

ต้นยิ้มเป็นเชิงตอบรับ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอมาถึงสถานีตำรวจ ครอบครัวของสนได้แจ้งข้อหาพยายามข่มขืนผู้เยาว์แก่ชายโรคจิตคนนั้นที่อาจถูกลงโทษจำคุกนานถึง 20 ปี พอเสร็จธุระแล้ว สนก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขี่จักรยานไปโรงพยาบาลอำเภอที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนต้น พอไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นแม่ของต้นนั่งอ่านหนังสืออยู่ ส่วนต้นหลับไปแล้ว เขาจึงเข้าไปคุยกับแม่ของต้นและเล่าให้ฟังว่าเขาไปแจ้งความอะไรไว้บ้าง ตอนนี้ตำรวจกำลังออกตามหาตัวชายโรคจิตคนนั้นอยู่ คาดว่าจะจับตัวได้ไม่ยากเพราะรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร คุยกันได้สักพักต้นก็ตื่น

"สน...เราปวดฉี่น่ะ พาเราไปห้องน้ำหน่อยสิ" ต้นบอกด้วยเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

สนรีบกุลีกุจอไปช่วยประคองเพราะต้นใช้แขนข้างหนึ่งไม่ได้จึงทำให้ลุกไม่สะดวก เขาพาต้นไปที่หน้าห้องน้ำแล้วก็ถามว่า "ให้เราเข้าไปช่วยข้างในไหม"

"ไม่เอา เราทำเองได้น่า" ต้นบอกพลางหัวเราะ แม่ของต้นก็พลอยหัวเราะไปด้วย

สนช่วยเปิดประตูให้ต้นเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างระมัดระวัง สายตาคอยมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่สายตาแบบนั้นก็ทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน "เสร็จแล้วบอกเรานะ เดี๋ยวเราช่วยเปิดประตูให้"

สนกำชับก่อนที่จะช่วยปิดประตู พอได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังอีกครั้งเขาก็รีบบอกต้นว่า "นายไม่ต้องเปิดเองหรอกเดี๋ยวเราเปิดให้" สนบอกพลางใช้มือเปิดประตูให้ต้นอย่างระวัง

เขาพาต้นกลับมานอนบนเตียงตามเดิมแล้วก็นั่งคุยกับต้นอยู่ข้างๆ คุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แม่ของต้นเดินไปเปิดก็เห็นเพื่อนชายหญิงของต้นหกเจ็ดคนยืนออกันอยู่ เพื่อนๆ ที่ทราบข่าวมาเยี่ยมต้นนั่นเอง เด็กๆ เดินเข้ามาข้างในห้องแล้วก็กรูเข้าไปถามต้นกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นยังไงบ้าง หนึ่งในนั้นมีเพื่อนชายของต้นคนหนึ่งที่มีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง พอรู้ว่าต้นไปช่วยสนไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกชายคนนั้นข่มขืน เขาก็พุ่งมาเกาะแขนสนเพื่อจะถามว่าสนเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วก็เลยเกิดเรื่องขึ้น สนสะบัดมือออกโดยอัตโนมัติและผลักเพื่อนของต้นคนนั้นจนกระเด็นล้มลงก้นจ้ำเบ้า

"อย่ามาถูกตัวกูนะเว้ย" สนว่าด้วยเสียงดังลั่น เขาดูไม่พอใจอย่างมาก ทุกคนทำหน้างงและมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สนหวาดกลัวและระแวงผู้ชายกระตุ้งกระติ้งเป็นอย่างมาก และเขาก็เป็นอย่างนั้นนับตั้งแต่นั้นมา กะเทยคนไหนก็ตามที่เข้ามาทำก้อร่อก้อติกหรืออยู่ใกล้เขาจะถูกเขาไล่เตะจนวิ่งหนีแทบไม่ทัน หลายครั้งสนก็สบถด่าด้วยคำพูดแรงๆ ที่แสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ไม่มีกะเทยคนไหนกล้าเข้าใกล้สนอีกเลย

"เฮ้ยไอ้สน อีรุ่งมันก็ถามมึงดีๆ มึงไปผลักมันทำไมวะ" เพื่อนคนหนึ่งของต้นถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเรียกเพื่อนชายที่กระตุ้งกระติ้งว่า "อีรุ่ง" เพราะทุกคนก็เรียกแบบนี้กันทั้งโรงเรียน

"กูเกลียดไอ้พวกกะเทยผิดเพศ มันทำไม่ดีกับกู แถมยังทำให้เพื่อนกูต้องมาเจ็บตัวอีก อย่าให้มาอยู่ใกล้กูนะเว้ย" สนตอบกลับไปอย่างฉุนเฉียว ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นๆ ต้นกับสนจะพูดมึง-กูซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ระหว่างต้นกับสนแล้ว ทั้งสองไม่เคยพูดมึง-กูด้วยกันเลย จะเรียกว่า “นาย-เรา” เสมอเพราะต้นเป็นเพื่อนคนพิเศษของสน

ต้นเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบปรามเพื่อน "สน...ใจเย็นๆ ก่อน" แล้วต้นก็หันไปบอกเพื่อนๆ ว่า "เดี๋ยวพวกมึงกลับไปก่อนนะ กูไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวกูจะไปเล่าให้ฟังที่โรงเรียน"

พอเห็นบรรยากาศไม่ดี เพื่อนๆ ของต้นจึงต้องพากันกลับ ต้นก็ฉลาดพอที่จะไม่ต่อว่าเพื่อนเพราะเขาพอเข้าใจความรู้สึกของสนที่กำลังเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่ หลังจากเพื่อนๆ กลับไป ต้นจึงชวนสนคุยเรื่องอื่นเพื่อให้สนสบายใจขึ้น ความเข้าใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นี่เองที่ทำให้สนรักเพื่อนของเขามาก

------------------------------------------------------------------------------------------------

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สนจะคอยดูแลต้นเป็นอย่างดี ไม่มีใครสามารถรังแกเพื่อนเขาได้เลยและก็เป็นอันรู้กันทั้งโรงเรียนว่า "เพื่อนสน ใครอย่าแตะ" อย่างเช่นมีอยู่วันหนึ่งที่ต้นวิ่งมาหาสนที่ห้องเรียนของเขาช่วงพักเที่ยงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

"สน...ช่วยดูหลังให้เราหน่อยสิ เป็นไรไม่รู้คันไปหมดเลย" ต้นพูดพลางพยายามใช้มือเกาด้วยความยากลำบาก

"งั้นนายนั่งนี่ก่อน เดี๋ยวเราดูให้" สนบอกพลางพาต้นมานั่งที่โต๊ะเรียนของเขาเองด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"นายถอดเสื้อออกก่อนสิ" สนบอก

ต้นจึงรีบแกะกระดุมเสื้อนักเรียนแล้วถอดออกวางไว้บนโต๊ะเรียนของสน สนเห็นรอยแพ้เป็นปื้นแดงแล้วก็ต้องตกใจ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นเศษขนอะไรบางอย่างคล้ายๆ ขนสุนัข แต่ไม่น่าใช่ มันน่าจะเป็นหมามุ่ยมากกว่า

"นายคงจะโดนหมามุ่ยแล้วล่ะต้น นายรออยู่นี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวเรามา" สนบอกแล้วก็วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อนในห้องคนอื่นๆ ของสนก็เดินเข้ามาซักถามต้นกันใหญ่

สักพักสนก็กลับมาพร้อมกับเทียนขี้ผึ้งที่เขาไปเอามาจากห้องประชุมใหญ่ มีเทียนขี้ผึ้งที่ผ่านการใช้งานอยู่จำนวนหนึ่งแถวๆ โต๊ะหมู่บูชา สนมาถึงแล้วก็รีบเอาเทียนขี้ผึ้งมากลิ้งไปมาบริเวณที่เป็นรอยแดงนั้น

"เฮ้ยสน มันจะหายคันเหรอวะ มึงไปรู้มาจากไหนว่าเอาเทียนขี้ผึ้งมาถูแล้วจะหายคัน" เพื่อนคนหนึ่งของสนถามขึ้น

"หายสิ...ที่บ้านเราก็ทำแบบนี้แหละ ไม่เชื่อคอยดูสิ เป็นไงต้น...เริ่มหายคันหรือยัง"

ต้นพยักหน้า ไม่น่าเชื่อว่ามันจะช่วยให้หายคันได้ พออาการเริ่มดีขึ้นสนก็เอาเทียนขี้ผึ้งไปถูกลิ้งไปมากับเสื้อของต้นบริเวณด้านหลังเพราะเขากลัวว่าจะมีขนหมามุ่ยหลงเหลืออยู่

"นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนแกล้งนาย" สนถามในขณะที่กำลังกลิ้งเทียนไขไปมา

"เอ่อ...ไม่แน่ใจน่ะ" ต้นพยายามนึกอยู่สักพักก็ร้องอ๋อ "อ๋อ...ไอ้เป๋งแน่ๆ เลย เราเห็นมันเดินตามหลังเรามาตอนเรากินข้าวเสร็จแล้ว สงสัยมันต้องแอบเอาขนหมามุ่ยมาเทใส่หลังเราแน่เลย" ต้นบอกไปเพราะไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก เขาเองก็ไม่ติดใจมากนักหรอก อย่างมากก็แค่ไปด่าแล้วก็ไล่เตะมันเท่านั้นเอง

"น่าจะไม่มีขนหมามุ่ยแล้วล่ะ" สนว่าพลางส่งเสื้อคืนให้ต้น สีหน้าเขาดูเหมือนโกรธอะไรบางอย่าง แล้วสนก็รีบเดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโดยไม่บอกไม่กล่าว

"อ้าวสน...จะไปไหน รอเราด้วย" ต้นว่าพลางรีบใส่เสื้อแล้วก็วิ่งตามสนไป

"ไอ้เป๋งอยู่ไหน" สนเดินเข้ามาในห้องเรียนของต้นแล้วก็ถามเพื่อนต้นที่ยังอยู่ในห้องนั้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

"มันลงไปฉี่เมื่อกี้นี้" เอกตอบพลางมองสนอย่างงงๆ ปกติสนไม่สนิทกับเป๋ง แต่ทำไมอยู่ดีๆ ก็มาถามหา

สนรีบเดินลงไปข้างล่างทันที ส่วนต้นพอเข้ามาถามเพื่อนในห้องแล้วก็ต้องตกใจเพราะเขาคิดว่าสนต้องไปจัดการเป๋งอย่างแน่นอน ต้นจึงรีบวิ่งตามลงไปห้าม

พอสนเห็นคนที่เป็นเป้าหมายแล้วเขาก็รีบเดินไปดักหน้าแล้วถาม "ไอ้เป๋ง มึงแกล้งต้นเหรอ"

เป๋งหยุดชะงัก พอเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจ "อะไร...แกล้งเกลิ้งอะไรวะ" เขาพยายามทำหน้าตาย แต่ก็รู้สึกกลัวสนอยู่หน่อยๆ เพราะสนตัวโตกว่าเขาเยอะ ถ้ามีเรื่องขึ้นมาเขาคงสู้ไม่ได้แน่ๆ

สนกระชากคอเสื้อเป๋งแล้วก็ตะคอก "ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็ยอมรับมาซะดีๆ"

"เออๆ กูแกล้งมันเองแหละ" เป๋งรีบบอกเพราะกลัวว่าจะต้องเจ็บตัวจริงๆ

"เฮ้ยสน...อย่ามีเรื่องกันเลย นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก" ต้นร้องห้ามเมื่อเขามาทันเห็นเหตุการณ์

สนจึงปล่อยคอเสื้อของเป๋งแล้วก็สั่งด้วยเสียงเฉียบขาดว่า "ขอโทษต้นด้วย"

เป๋งมองหน้าต้นด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก จริงๆ เป๋งรู้ว่าต้นคงไม่ได้โกรธอะไรเขามาก แต่สนนี่สิ มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ หลังจากที่ได้ยินกิตติศัพท์มานานว่า "เพื่อนสน ใครอย่าแตะ" เป๋งก็เพิ่งรู้ด้วยตัวเองวันนี้ว่ามันเป็นยังไง

"ขอโทษ" เป๋งตัดสินพูดออกไป

"ทีหลังอย่าให้กูรู้นะเว้ยว่ามึงมาแกล้งต้นอีก ไม่งั้นมึงเจ็บตัวแน่" สนพูดด้วยน้ำเสียงอาฆาต

เป๋งยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป พอพ้นรัศมีอำมหิตแล้วก็เดินแกมวิ่งหายไป

"หายคันหรือยังต้น" สนมาถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อกี้

"หายแล้ว แต่ว่านายไม่ต้อง..."

"ไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรารู้ เรายอมไม่ได้ นายเป็นเพื่อนเรานะต้น เราต้องดูแลนาย นายช่วยเราไว้ตั้งหลายอย่าง เราก็ต้องช่วยนายบ้าง ใครจะแกล้งนายต้องข้ามศพเราไปก่อน"

ต้นก็ไม่รู้จะว่าอะไร แต่ใจหนึ่งก็รู้สึกอุ่นใจที่สนรักและเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ ถ้ามีสนอยู่ ต้นคงไม่ต้องกลัวอะไร

ในช่วงหลังๆ นั้นสนไม่ค่อยได้ออกไปทำงานช่วยพ่อแม่บ่อยนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ของสนอยากให้สนมีเวลาเรียนมากขึ้นเนื่องจากเห็นว่าผลการเรียนของสนดีขึ้นมาก เกรดเฉลี่ยสามกว่าๆ แล้ว นอกจากนี้ น้าสาวของสนที่อยู่เมืองนอกก็ส่งเงินมาให้ใช้บ้าง แม้จะไม่ทุกเดือนแต่ก็ทำให้ครอบครัวเขาลำบากน้อยลงกว่าเดิม สนจึงมีเวลามากขึ้น ตอนเย็นๆ เขามักจะเล่นเตะบอลกับเพื่อนๆ ก่อนกลับบ้าน บางทีต้นก็ไปนั่งดูหรือไม่ก็ลงไปเล่นด้วย

การเล่นกีฬาทำให้สนมีรูปร่างที่แสดงถึงความเป็นหนุ่มมากขึ้น เขาเป็นคนที่หุ่นดีมาก สูงและผิวขาวตามแบบฉบับของคนเหนือ บางครั้งเวลาต้นนั่งดูสนเล่นฟุตบอล พอเห็นสนถอดเสื้อแล้วก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ต้นเริ่มสงสัยตัวเองแล้วว่าเขาอาจจะเป็นเกย์ แต่เขาแทบจะไม่มีท่าทางใดๆ ที่ดูเหมือนผู้หญิงเลย นอกจากหน้าตาที่ออกหวานหน่อยๆ และนิสัยที่ไม่ชอบเล่นกีฬาหรือทำงานที่ต้องใช้กำลัง แต่อย่างไรก็ดี ต้นก็พอทำได้ในระดับหนึ่งเพราะต้นก็ยังเล่นเตะบอล บาสเกตบอลหรือทำงานที่ใช้กำลังอยู่บ้าง จึงไม่มีใครสงสัยรวมถึงครอบครัวของเขาเองด้วย แม้ว่าต้นจะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาเป็นอะไรแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้นตระหนักดีก็คือ ถ้าหากต้นเป็นเกย์จริงๆ แล้ว ต้นจะไม่มีวันบอกสิ่งนั้นกับสนอย่างเด็ดขาดเพราะเขากลัวว่าจะต้องเสียเพื่อน...เพื่อนที่เขาแสนรัก

------------------------------------------------------------------------------------------------

แม้ว่าต้นกับสนดูจะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน แต่ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ยั่วยุและล่อแหลม บางครั้งก็ทำให้ไขว้เขวไปได้เหมือนกัน พอเริ่มขึ้น ม.3 สนก็ถูกเพื่อนชวนไปกินเหล้าและสูบบุหรี่ แต่สนก็แอบทำไม่ให้ครู พ่อกับแม่หรือต้นเห็น บางทีก็แอบไปสูบหลังโรงเรียน ในห้องน้ำหรือนอกรั้วโรงเรียน ส่วนเหล้านั้น บางทีเพื่อนก็จะเอามาให้สนลองกินเวลาที่เจอกันในหมู่บ้านบ้าง ส่วนต้นจะไม่แตะสิ่งเหล่านี้เลยเพราะการปลูกฝังของครอบครัวที่ค่อนข้างมีระเบียบ จะเห็นได้ว่าต้นถูกสอนให้เก็บหอมรอบริบเงินตั้งแต่เด็ก ถ้ามีเงินเหลือต้นจะต้องเอาเงินมาหยอดกระปุก พอเต็มแล้วก็จะเอาไปฝากธนาคารเป็นประจำ

ไม่นานนักต้นก็เริ่มระแคะระคายกับพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของสนจากคำบอกเล่าของเพื่อนคนอื่นๆ ที่เคยเห็น แม้ต้นจะรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของเพื่อน แต่เขาก็คงจะไปห้ามปรามสนตรงๆ ไม่ได้ ต้นรู้ว่าถ้าเขาพูดดีๆ และมีเหตุผล สนจะฟังเขาเสมอ ที่สำคัญ ต้นเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนจะยอมรับฟังมากกว่าใครๆ

วันหนึ่งในขณะที่ต้นซ้อนท้ายจักรยานสนกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน ต้นได้กลิ่นบุหรี่ตอนสนคุยด้วยจึงตัดสินใจถามว่า "สน...นายสูบบุหรี่หรือเปล่า"

สนอึ้งและเงียบไปสักพัก เขาไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้ แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยโกหกเพื่อนเขาจึงต้องตอบตามตรง "ใช่"

"แล้วนายกินเหล้าด้วยหรือเปล่า" ต้นถามอีก

"ใช่" สนยอมรับแต่โดยดี “เราแค่อยากลองดูว่าเป็นยังไง”

ต่างคนต่างเงียบไปพักใหญ่เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง

"นายอย่าบอกพ่อกับแม่ของเรานะต้น" สนขอร้องเพื่อน

"ทำไมล่ะสน" ต้นถามเสียงเรียบ

"เรากลัวพ่อกับแม่เราเสียใจ" สนบอกเพื่อนเสียงอ่อย

"ถ้านายกลัวพ่อกับแม่เสียใจ แล้วนายทำอย่างนั้นทำไมล่ะสน" คำถามง่ายๆ จากต้นช่วยทำให้สนคิดได้ เขาจึงเงียบไปพักใหญ่

พอถึงบ้าน ต้นลงจากรถจักรยานแล้วก็เดินมายืนด้านหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม

"เราไม่ห้ามนายหรอกนะสน แต่เราอยากให้นายคิดดีๆ ถึงผลที่จะตามมาในวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตและครอบครัวของนายด้วย นายเป็นความหวังของพ่อแม่นะสน” ต้นเว้นจังหวะแล้วก็พูดสืบไปว่า

"จริงๆ เราก็ไม่ชอบคนที่กินเหล้าสูบบุหรี่หรอกนะ แต่นายเป็นเพื่อนเรา ไม่ว่านายจะเป็นยังไงนายก็จะเป็นเพื่อนเราเสมอ เราเป็นห่วงนายนะสน เป็นห่วงจริงๆ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อน เราไม่สบายใจเลยที่เห็นเพื่อนที่เรารักกำลังเดินทางผิด ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง เราคงจะเป็นเพื่อนที่แย่มาก"

สนเริ่มสำนึกได้ เขาดึงมือต้นมาจับไว้แล้วตบเบาๆ สองสามที "เราสัญญาต้น เราจะไม่ทำแบบนี้อีก ขอบใจนายมากที่เตือนสติเรา เราเชื่อนายเพราะนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา" สนบอกเพื่อนจากใจจริง สองหนุ่มน้อยยิ้มให้กัน มันคือรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความเข้าใจที่ไม่สามารถจะหาจากใครอื่นได้ง่ายนักในโลกใบนี้ที่มีแต่การแข่งขัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 4 ¤ เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ (26-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 26-04-2012 09:00:07
ทำไมมันรู้สึก เศร๊า เศร้า อ่ะ กลัว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 4 ¤ เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ (26-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 27-04-2012 01:15:45
เริ่มหนุ่ม ก็มีอยากรู้อยากลอง ดีที่มีต้นคอยเตือน o13
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 4 ¤ เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ (26-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: zaabbo ที่ 27-04-2012 02:05:56
นี่แหละเพื่อนที่ดี เวลาเพื่อนผิดก็คอยเตือน  o13
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 4 ¤ เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ (26-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chochang99 ที่ 27-04-2012 07:09:27
มีเพื่อนดีจริงๆ ...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 4 ¤ เพื่อนสน...ใครอย่าแตะ (26-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-04-2012 07:46:39
ตอนที่ 5: สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

แม้ว่าต้นจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมาก แต่ก็ถือว่าพอมีฐานะและอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน แตกต่างจากสนที่ครอบครัวของเขาต้องถือว่าอยู่ในฐานะที่ไม่ค่อยดีนัก พ่อแม่ของสนยังคงรับจ้างทำงานในไร่และขายส่งผักอยู่เช่นเดิม แต่ตอนหลังๆ ก็ดีขึ้นพอสมควรเนื่องจากน้าสาวของสนส่งเงินมาให้ใช้บ้าง

บางครั้งฐานะที่ต่างกันก็ทำให้มีช่องว่างอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แม้ว่าต้นจะไม่ได้คบเพื่อนที่ฐานะก็ตาม พอจะขึ้น ม. 4 พ่อแม่ของต้นก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ต้นคันหนึ่งสำหรับขี่ไปโรงเรียน แน่นอนต้นให้สนขี่ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่บางครั้งต้นก็กังวลว่าเพื่อนจะคิดมาก โดยเฉพาะวันนี้ที่พ่อกับแม่จะพาต้นไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ในกรุงเทพ เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่จะให้ต้นซื้อกางเกงยีนส์เท่ห์ๆ มาใส่เหมือนกับเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ต้นคิดถึงสนขึ้นมาทันที ถ้าต้นชวนสนไปด้วยเขาคงไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าแบบนี้หรอก แล้วถ้าต้นใส่เสื้อผ้าแบบนี้ให้สนเห็น ต้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสนจะคิดยังไง เขาเองก็อยากให้เพื่อนได้แต่งตัวแบบนี้บ้างตามประสาวัยรุ่น ต้นคิดกังวลอยู่นานแต่ก็หาทางออกไม่ได้เพราะต้นเองก็ยังเด็ก ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของพวกนี้มาให้เพื่อนได้หรอก

ที่ต้นต้องคิดมากเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของสนนั่นเอง ที่ผ่านมาสนไม่เคยจัดงานวันเกิดเลย ต่างจากต้นที่จัดงานวันเกิดทุกปีตั้งแต่เด็กๆ ถ้าถึงวันเกิดของสน ต้นทำได้แค่เพียงบอกเพื่อนว่า "สุขสันต์วันเกิดนะสน" แล้วก็อาจจะพาสนไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารแถวๆ บ้าน แค่นั้นสนก็ดีใจแล้วล่ะ แต่ปีนี้ต้นอยากซื้อเสื้อผ้าดีๆ สักชุดให้เพื่อน แต่มันก็แพงน่าดูเหมือนกันสำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขา

เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ต้นจึงวิ่งไปปรึกษาพ่อเผื่อพ่อจะช่วยได้บ้าง พ่อของต้นกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ชั้นล่าง รอแม่ที่กำลังแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอกอยู่

"พ่อครับ" ต้นเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

พ่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็วางหนังสือพิมพ์ลง "อ้าวต้น พร้อมแล้วเหรอลูก แม่เขายังแต่งตัวไม่เสร็จเลย" พ่อถามพลางสังเกตท่าทางแปลกๆ ที่ต้นมักจะทำเวลาจะขออะไรจากพ่อแม่เสมอ

"พ่อครับ วันจันทร์นี้เป็นวันเกิดสนครับ" ต้นบอกแค่นั้นก่อนเพื่อหยั่งเชิงความสนใจจากพ่อ

"เหรอลูก จริงด้วยสิ พ่อก็ไม่เคยถามเลยว่าสนเขาเกิดวันไหน แล้วต้นจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนล่ะ"

"สนไม่มีเงินจัดงานวันเกิดหรอกครับพ่อ แต่ว่าต้นอยากซื้อกางเกงยีนส์กับเสื้อให้ต้นสักชุดหนึ่ง พ่อว่าดีไหมครับ"

"เอาสิลูก เดี๋ยวพ่อช่วยซื้อให้ จะให้สนไปกับเราไหมล่ะ"

พอพ่อพูดจบ ต้นก็ร้องดีใจพร้อมกับโผกอดพ่อ "พ่อใจดีจังเลยครับ ต้นรักพ่อที่สุดเลย"

พ่อของต้นยิ้มด้วยความเอ็นดู ครอบครัวของต้นไม่เคยเห็นสนเป็นคนอื่นคนไกล สนมาทีไรก็ช่วยทำงานให้หลายอย่าง บางทีก็มาช่วยซ่อมหลังคา ท่อน้ำ ตัดหญ้าและอีกสารพัด ที่สำคัญ สนไม่เคยรับเงินที่พ่อกับแม่ของต้นให้เลย ครอบครัวของต้นเห็นว่าสนกับต้นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและช่วยเหลือกันและกันมาตลอด เด็กสองคนนี้ไม่เคยทะเลาะกันเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เลย เพราะฉะนั้นถ้าจะซื้อของขวัญดีๆ ให้สน ที่บ้านของเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

"แล้วจะให้สนไปด้วยไหมลูก ถ้าจะให้ไปต้องรีบไปบอกสนนะ" พ่อต้นถามย้ำอีกครั้ง

"ไม่ต้องหรอกครับ ผมอยากจะเซอร์ไพรส์สนครับ" ต้นบอกพ่อด้วยรอยยิ้มอย่างดีใจเป็นที่สุด

------------------------------------------------------------------------------------------------

คิดไปคิดมาที่บ้านต้นก็ตกลงกันว่าจะจัดงานวันเกิดให้สน แม่ของต้นซื้อเค้กวันเกิดมาเตรียมไว้พร้อมกับขนมและอาหารเย็น ส่วนต้นก็เตรียมของขวัญวันเกิดให้สนที่เขาเลือกเองกับมือ ต้นมั่นใจว่าสนจะต้องใส่ได้และชอบของที่เขาซื้อให้อย่างแน่นอน

พอเตรียมของเสร็จแล้ว ต้นก็ไปชวนสนพร้อมกับพ่อและแม่ของเขาให้มากินข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงวันเกิดให้สน เขาบอกแต่เพียงว่าพ่อกับแม่อยากเลี้ยงขอบคุณในโอกาสพิเศษ แม้ที่บ้านของสนจะดูงงๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่ามีโอกาสพิเศษอะไร แต่ก็ยอมมาแต่โดยดี

เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว พ่อกับแม่ของต้นก็เชิญให้ทุกคนร่วมกินข้าว เย็นนี้มีกับข้าวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้มยำไก่บ้าน ยำวุ้นเส้น หมูทอดกระเทียมพริกไทยและน้ำพริก ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารบ้านๆ ที่ทำกินกันง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มยอดฮิตอย่างน้ำอัดลมสำหรับเด็กๆ ด้วย

พอทุกคนกินข้าวเสร็จ แม่ของต้นก็บอกให้ทุกคนอยู่รอก่อนเพราะจะมีของหวานตามมา ต้นกับแม่ขอตัวเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมของหวาน คนที่เหลือจึงนั่งคุยกันไปพลางๆ แต่คุยกันอยู่ดีๆ ไฟก็ดับพรึบลง ในขณะที่สนกับครอบครัวของเขากำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงคนร้องเพลง Happy Birth Day มาจากข้างหลัง พอเขาหันไปดูก็เห็นแม่ของต้นถือเค้กวันเกิดพร้อมเทียนสว่างไสวเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับต้น

พอเริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทุกคนก็พร้อมใจกันร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้สน สนได้แต่ตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง เขาไม่เคยจัดงานวันเกิดมาก่อนเลยในชีวิต และไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้จัดงานวันเกิดของตัวเองกับเขาบ้าง แม่ของต้นเอาเค้กวันเกิดมาวางไว้ตรงหน้าสน เขาเห็นทุกคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข สนเองก็รู้สึกมีความสุขและตื้นตันใจเป็นที่สุดเช่นกัน จริงๆ แล้วเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันมีอะไรแปลกๆ เพราะปกติเมื่อถึงวันเกิดเขา ต้นก็มักจะพาเขาไปเลี้ยงข้าว แต่ปีนี้ต้นทำเหมือนจำไม่ได้ แถมอยู่ดีๆ ก็ชวนครอบครัวเขามากินข้าวที่บ้านด้วย เขาเพิ่งมาถึงบางอ้อก็ตอนนี้นี่เอง

ทุกคนปรบมือเมื่อร้องเพลงจบและบอกให้สนเป่าเทียนวันเกิด ในระหว่างนั้นต้นก็วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดไฟและเอาของขวัญที่เขาเตรียมไว้มาให้เพื่อน

"สุขสันต์วันเกิดนะสน แม่ขอให้สนมีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนานะลูกนะ ขอให้เรียนเก่งๆ มีงานดีๆ ทำ จะได้ดูแลพ่อแม่ได้ พวกเราต้องขอบใจสนมากที่ช่วยดูแลต้น ต้นโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ อย่างสน พ่อกับแม่เองก็รู้สึกสบายใจและดีใจที่ต้นมีเพื่อนดีๆ แบบนี้ พวกเราไม่เคยมองสนเป็นคนอื่นคนไกลนะลูก พวกเราชื่นชมและรักสนเหมือนเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเราเพราะว่าสนเป็นเด็กดี เป็นคนขยัน มาบ้านเราทีไรก็มาช่วยทำงานให้ตั้งหลายอย่าง ครั้งนี้นอกจากจะเลี้ยงวันเกิดให้สนแล้ว ก็ถือเป็นการเลี้ยงขอบคุณสนแล้วก็ครอบครัวด้วยก็แล้วกันนะ" แม่ของต้นอวยพรให้สน สนยกมือไหว้ขอบคุณ ถัดจากนั้นคนอื่นๆ ก็อวยพรให้สนบ้าง ทั้งพ่อของต้น พ่อและแม่ของสนที่ต่างก็ตื้นตันใจด้วยกันทั้งคู่อ เพราะใจจริงนั้นก็อยากจัดงานวันเกิดให้ลูกชายเหมือนครอบครัวอื่นๆ เขาบ้างมานานแล้ว

แล้วก็มาถึงตาของต้นที่เป็นคนสุดท้ายที่จะอวยพรให้เพื่อน เขาหยิบการ์ดใบหนึ่งที่เขาเขียนอวยพรวันเกิดให้เพื่อนด้วยตัวเองขึ้นมา แล้วก็อ่านตามสิ่งที่เขาได้เขียนไว้

"ขอให้วันนี้เป็นวันที่สนมีความสุขมากๆ นะ นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เราอยากจะขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายคอยช่วยเหลือและดูแลเราเป็นอย่างดี เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของนายเสมอและหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป"

สนมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก เขาซาบซึ้งในทุกคำพูดที่เพื่อนของเขาได้กลั่นกรองและเขียนไว้ในการ์ดใบนั้นอย่างล้นเหลือ

"เรามีของขวัญให้นายด้วยนะ เราเลือกเองกับมือเลย" ต้นบอกพลางเดินไปหยิบกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามมาแล้วส่งให้เพื่อนพร้อมกับพูดว่า "สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก"

สนรับกล่องของขวัญมาจากเพื่อน เขามองดูกล่องนั้นด้วยสายตาชื่นชมแม้จะยังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ก่อนที่เขาจะเปิดดู สนวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะอาหารแล้วก็เดินมากอดต้น

"ขอบใจมากเพื่อน ขอบใจจริงๆ ที่นายเป็นเพื่อนที่ดีกับเรามาตลอด"

ต้นกอดตอบเพื่อนเบาๆ เช่นกัน สนไม่เคยกอดเขาแบบนี้มาก่อนเลย อย่างมากก็แค่กอดคอเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน ต้นจึงรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอ้อมกอดของเพื่อนจะอบอุ่นถึงเพียงนี้

"แกะของขวัญดูสิสน เรารู้ว่านายต้องชอบแน่ๆ เลย" ต้นบอกเพื่อนอย่างตื่นเต้น สนปล่อยอ้อมแขนออกแล้วก็เดินมาแกะกล่องของขวัญ ทุกคนมองด้วยสายตาคอยลุ้นว่าข้างในจะเป็นอะไร แม้ว่าบางคนจะรู้แล้วก็ตามแต่ก็คอยลุ้นด้วยว่าสนจะชอบหรือเปล่า พอสนเห็นว่าของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของเขาเป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวมีลวดลายเท่ห์ๆ แบบวัยรุ่นที่เขาอยากได้มานาน เขาก็ยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เข้มแข็งมากเพียงใดก็ตาม แต่วันนี้เขาไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจเอาไว้ได้เลย

"ขอบคุณทุกคนมากครับ ผมชอบที่สุดเลยครับ" สนหันไปบอกพ่อกับแม่ของต้นแล้วก็หันมาทางต้นที่ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ "ขอบใจมากเพื่อน เราจะไม่มีวันลืมวันนี้และของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของเราเลย"

สนเดินมากอดเพื่อนอีกครั้ง ในชีวิตนี้เขาจะหาเพื่อนที่ดีกับเขาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เขารู้สึกดีใจและโชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอต้นและได้เป็นเพื่อนกัน ชีวิตเขามีแต่สิ่งดีๆ ได้ก็เพราะมีเพื่อนคนนี้ที่คอยช่วยและให้กำลังใจเขาเสมอมา

เมื่อได้เห็นภาพที่เพื่อนรักสองคนกอดกัน พ่อกับแม่ของทั้งสองคนก็เกิดความรู้สึกตื้นตันใจจนถึงกับน้ำตาซึมกันทุกคนเลยทีเดียว ต้นกับสนรักกันมาก แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสองคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงความรักระหว่างเพื่อนกันธรรมดา เพราะความรักของเขาทั้งสองคนลึกซึ้งและไปไกลกว่านั้นเสียแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากงานวันเกิดเสร็จสิ้น สนก็ขอพ่อกับแม่นอนที่บ้านต้น ส่วนหนึ่งเพราะเขาจะช่วยพ่อกับแม่ของต้นเก็บจานชาม โต๊ะเก้าอี้และข้าวของอื่นๆ ที่นำมาใช้จัดงานวันเกิดให้เขาด้วย พ่อกับแม่ก็ไม่ขัดข้องและได้กำชับให้สนช่วยทำงานที่เขาตั้งใจให้เรียบร้อย

เก็บข้าวของเสร็จต้นกับสนจึงได้ขึ้นมาอาบน้ำนอน เวลามาค้างบ้านต้น สนก็จะใส่เสื้อผ้าของต้นเพราะเขากับต้นรูปร่างไม่ต่างกันมากนัก สนอาจจะตัวโตกว่านิดหน่อยแต่ก็ยังพอใส่เสื้อผ้าของต้นได้

ก่อนจะนอน สนก็ชวนต้นลากเก้าอี้มานั่งคุยกันริมหน้าต่าง เขามักจะชวนต้นทำแบบนี้บ่อยๆ เวลาที่มาค้างด้วย

"เรานึกว่านายจะลืมวันเกิดของเราแล้วเสียอีก" สนเริ่มการสนทนา

"ไม่ลืมหรอก แต่เราอยากทำให้มันพิเศษกว่าทุกครั้งไง นายเซอร์ไพรส์หรือเปล่า" ต้นถามด้วยน้ำเสียงสนุก

"เซอร์ไพรส์สิ พ่อกับแม่เรางงใหญ่เลยว่าบ้านนายมีงานพิเศษอะไร ไม่ยอมบอกล่วงหน้า อยู่ดีๆ ก็มาบอกให้มากินข้าวเย็นด้วยกัน"

ต้นได้ฟังแล้วก็ขำตามไปด้วย เขายังจำสีหน้างงงวยของพ่อกับแม่สนได้อยู่ตอนที่เขาไปเชิญมากินข้าวเย็นด้วยกันได้

"ต้น..." สนเรียก ต้นหันมามองด้วยความสงสัย

"ขอบคุณนายมากๆ ที่...ช่วยจัดงานวันเกิดให้เรา ขอบคุณจริงๆ" แล้วสนก็เอื้อมมือไปเลิกชายแขนเสื้อของต้นขึ้นเพื่อดูรอยแผลเป็นที่เกิดจากการถูกมีดกรีดตอนที่ต้นไปช่วยเขาเมื่อหลายปีก่อน สนมักจะชอบขอดูบ่อยๆ เวลาที่อยู่กับต้นตามลำพัง มันทำให้สนตระหนักดีแก่ใจเสมอว่า คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ารักและดีกับเขามากเพียงใด ญาติกันก็ไม่ใช่ รู้จักกันก็แค่ไม่นานเท่าไร แต่ต้นยังกล้าเสี่ยงชีวิตไปช่วยเขา นี่แหละคือคนที่จะเป็นเพื่อนแท้กันได้

"นายรู้หรือเปล่าว่าเราน่ะ...ไม่เคยร้องไห้ให้กับเพื่อนคนไหนเลยนะ นายเป็นคนแรกเลย" สนพูดในขณะที่เพ่งมองรอยแผลเป็นนั้น

ต้นไม่พูดอะไรแต่ก็หัวเราะเบาๆ เหลือบไปเห็นสายตาของสนแล้วต้นก็รู้สึกหวั่นไหวชอบกล ยิ่งอยู่ใกล้กันแบบนี้ต้นก็ยิ่งรู้สึกถึงความปั่นป่วนในจิตใจ

"เรากอดนายอีกทีได้ไหม"

อยู่ดีๆ สนก็ถามขึ้น ต้นหันมามองด้วายความตกใจ ยังไม่ทันจะได้ตอบสนก็ดึงเขามากอดเสียแล้ว

"ไม่รู้จะบอกนายยังไงว่าเรารู้สึกขอบคุณนายมากแค่ไหน ตอนนี้นายคงจะรู้แล้วนะ นี่แหละคือความรู้สึกของเราทั้งหมด"

อาจจะเป็นเพราะสนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก อยากขอบคุณต้นให้เท่ากับความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี แต่คำพูดมันก็คงช่วยได้ไม่มาก เขาคิดว่าแบบนี้นี่แหละที่น่าจะบอกความรู้สึกของเขาได้ทั้งหมดในตอนนี้

ต้นกอดเพื่อนตอบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน สนจะรู้ตัวเองไหมว่า "ความรู้สึกทั้งหมด" ของเขาคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่ สนอาจจะยังไม่รู้ แต่ต้นน่ะรู้แล้ว หลังจากที่ไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองมาระยะหนึ่ง วันนี้ต้นก็ได้รู้แล้วว่าเขากำลังรู้สึกอะไรกับเพื่อนที่กำลังกอดเขาอยู่นี้

แต่ต้น...คงไม่สามารถบอกอะไรสนได้ บอกไม่ได้จริงๆ เพราะเขากลัวจะเสียเพื่อนรักไป ส่วนสน...ถ้าเขาได้เริ่มถามและสังเกตดูความรู้สึกของเขาที่เกิดขึ้นจริงๆ ในวันนี้...ตอนนี้ เขาก็คงจะได้ค้นพบแล้วว่า...ใครคือคนที่เขาควรจะรัก เขาคงไม่ต้องเสียเวลาไปมากมายเพื่อตามหาความรัก แต่เสียดายที่สนก็ยังไม่รู้ใจตัวเอง เขาก็คงต้องตามหาความรักต่อไป
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 5 ¤ สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก (27-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 28-04-2012 10:19:02
ต้น ช่างเป็นคนที่แสนดีจริงๆ  o13  แถมรู้ตัวเร็วด้วยว่ารักเกินเพื่อนไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 5 ¤ สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก (27-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 29-04-2012 00:06:16
ต้น รักสนแล้วนะ

สนจะรู้มั้ย  ว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไป เป็นรักเธอ :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 5 ¤ สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก (27-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 02-05-2012 01:07:13
มารอจ๊ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 5 ¤ สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก (27-04-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 02-05-2012 08:05:04
ขออภัยครับ มัวแต่ปั่นเรื่องรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตอยู่ครับ

------------------------------------------------------------

ตอนที่ 6: หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

พอขึ้นชั้น ม.4 สนก็เริ่มมีบทบาทในด้านการเป็นนักกีฬามากขึ้นเพราะความสามารถที่โดดเด่นทางด้านนี้ของเขานั่นเอง เขาเริ่มแข่งจริงๆ จังๆ ตอนงานกีฬาสีของโรงเรียน ทุกครั้งที่สนลงแข่งจะมีสาวๆ คอยตามไปเชียร์ตลอดเพราะเขามีหน้าตาที่หล่อเหลาและรูปร่างที่ดูเป็นหนุ่มเกินวัย เวลาที่เขายิงประตูได้ทีก็จะมีคนส่งเสียงกรี๊ดสนั่น พอแข่งเสร็จก็จะมีสาวๆ เอาน้ำ เอาขนมและอะไรต่อมิอะไรมาให้เขามากมาย นอกจากนี้ สนมักจะได้รับจดหมายบอกรัก ช็อกโกแลตหรือดอกไม้จากสาวๆ ในโรงเรียนอยู่เสมอๆ ทั้งเอามาให้เอง ฝากเพื่อนมาให้ หรือไม่ก็แอบเอามาวางไว้ที่โต๊ะเรียนของสน แต่สนเองก็ยังไม่ได้คบหากับใครเป็นพิเศษ ส่วนต้นเองก็พอมีเช่นกัน มีสาวๆ มาแอบชอบต้นหลายคนอยู่ แต่ต้นก็ดูเฉยๆ กับสาวๆ เหล่านั้น โชคดีที่ต้นยังเด็กอยู่ก็เลยไม่มีใครสงสัยอะไรมากนัก

ตอนเย็นๆ ก่อนกลับบ้าน ถ้าไม่ได้ไปไหน ต้นมักจะไปยืนดูสนซ้อมฟุตบอลกับเพื่อนๆ เสมอ ทุกครั้งที่ไป ต้นก็จะซื้อน้ำเปล่ามาด้วยหนึ่งขวด เวลาที่สนพักซ้อม ต้นก็จะเอาน้ำที่ซื้อมาให้เพื่อนดื่ม

“วันนี้นายเล่นดีนะ เราว่านายน่าจะลองไปสมัครคัดตัวทีมชาติ เผื่อจะติด” ต้นบอกเพื่อนขณะที่สนรับน้ำไปดื่ม

สนยิ้มอย่างแปลกใจ “นายว่าอย่างงั้นเหรอ”

ต้นพยักหน้าแล้วยิ้ม "เราว่านายน่าจะมีพรสวรรค์ทางการเล่นฟุตบอลนะ"

เพื่อนรักชมแบบนี้สนก็ยิ่งมีกำลังใจจนถึงกับยิ้มไม่หุบทีเดียว

แรกๆ ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร หลังๆ เพื่อนที่ซ้อมฟุตบอลด้วยกันก็เริ่มแซว

“เฮ้ยไอ้สน คนอื่นๆ เขามีแต่สาวๆ เอาน้ำมาให้ แล้วทำไมมึงถึงไม่มีสาวๆ เอาน้ำมาให้มึงบ้างวะ หน้าตาก็ออกจะดี” เพื่อนคนหนึ่งแซวขณะที่สนเดินมารับน้ำจากต้นไปดื่ม เพื่อนคนอื่นๆ ก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่

“หรือว่ามึงไม่ชอบผู้หญิงวะ วันไหนๆ ก็เห็นแต่ไอ้ต้นเอาน้ำมาให้ พวกมึงสองคนนี่ชักยังไง” เพื่อนอีกคนหนึ่งแซวตามมา

ต้นกับสนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

“มึงอยากโดนเตะหรือไงวะ เดี๋ยวเหอะมึง ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะเว้ย กูกับต้นเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรซะหน่อย คิดอะไรทุเรศๆ นะพวกมึง” สนหันไปว่าเพื่อน แต่แทนที่พวกนั้นจะหยุดกลับหัวเราะชอบใจและแหย่ไม่เลิก

ต้นได้แต่นิ่งเงียบและครุ่นคิด เขารู้สึกกังวลและไม่สบายใจอยู่เหมือนกันที่เพื่อนๆ แซวเขากับสนไปในทางนั้น เห็นสนสีหน้าไม่ค่อยดีแล้วต้นก็ได้แต่รู้สึกเป็นห่วง

---------------------------------------------------

หลังจากนั้นสนก็ถูกเพื่อนๆ ในห้องและเพื่อนที่เล่นฟุตบอลด้วยกันล้ออยู่เรื่อยๆ ว่าเขากับต้นเป็นคู่เกย์กัน สร้างความหงุดหงิดไม่พอใจให้กับสนมากทีเดียว

จนกระทั่งสนเริ่มจะทนไม่ไหว วันหนึ่ง ต้นมานั่งดูสนเล่นฟุตบอลพร้อมกับซื้อน้ำมาให้เช่นเคย ระหว่างพัก สนก็เดินมาหาต้นด้วยสีหน้าเครียดๆ เขารับน้ำที่ต้นยื่นมาให้แล้วก็ครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจบอกต้นไปว่า

“ต้น...นายจะว่าอะไรเราไหม ถ้าเราจะบอกว่า...นายไม่ต้องเอาน้ำมาให้เราก็ได้เวลาที่เราซ้อมฟุตบอล”

ถ้าหากสนย้อนเวลาได้และตระหนักว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พูดไปแล้ว เขาก็จะไม่มีวันพูดอย่างนี้อย่างเด็ดขาด เพราะตอนนี้คนฟังอึ้งและตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึงไปแล้ว ไม่ต้องบอกต้นก็พอจะรู้ว่าสนบอกเขาอย่างนั้นทำไม

“เรารำคาญที่ไอ้พวกนั้นมันชอบแซวเรากับนาย นายเข้าใจใช่ไหมต้น ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากให้นายมานะ แต่...” สนพยายามจะแก้ตัวเมื่อเห็นต้นมีสีหน้าไม่ค่อยดี

“เราเข้าใจ" ต้นบอกพลางพยายามยิ้ม แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะห้ามความรู้สึกเสียใจที่เกิดขึ้นข้างใน "เอาเป็นว่า...เราจะทำตามที่นายขอก็แล้วกัน ต่อไปนี้...เราจะไม่มาทำให้นายลำบากใจอีก”

ต้นบอกแล้วก็ลุกเดินออกไปด้วยท่าทางผิดหวัง เขารู้ว่าสนอายเพื่อน จริงๆ เขาน่าจะคิดได้ตั้งตอนแรกๆ ด้วยซ้ำเพราะเขาได้ยินการล้อเลียนแบบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ควรจะปล่อยให้มันถึงวันนี้ ต้นก็รู้สึกเจ็บจนบอกไม่ถูกแม้ว่าจะเข้าใจเหตุผลของสนก็ตาม

ส่วนสน เขาได้แต่ยืนมองเพื่อนเดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสน พอพูดไปแล้วสนก็รู้สึกผิด ต้นคงจะเสียใจมากทีเดียวที่เขาพูดแบบนั้น นี่เขาพูดอะไรออกไป ทำไมไม่รักษาน้ำใจเพื่อนเลย สิ่งที่ต้นทำก็เป็นความหวังดี เป็นน้ำใจจากเพื่อนที่ต้นก็มีให้เขาอยู่เสมอ มันเป็นความผิดของต้นหรือเปล่า...

แต่พอเพื่อนเรียกให้กลับลงสนาม สนก็สลัดทิ้งความรู้สึกส่วนตัวออกไป ช่วงนี้เขาต้องซ้อมฟุตบอลค่อนข้างหนักเพราะใกล้จะแข่งกีฬาประจำจังหวัดแล้ว สนหันไปมองต้นแวบหนึ่งแล้วก็วิ่งลงไปเล่นฟุตบอลต่อ ค่อยๆ สลัดความกังวลออกไป เขาจะต้องหาเวลาไปขอโทษต้นให้ได้

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากนั้น สนก็ไม่เคยเห็นต้นมานั่งดูเขาซ้อมฟุตบอลอีกเลย เลิกเรียนแล้วต้นก็กลับบ้านทันที แม้กระทั่งตอนเช้า ต้นก็เลี่ยงที่จะไปโรงเรียนกับสน ทำให้สนต้องนั่งรถสองแถวไปเรียนหนังสือเอง ในตอนหลังๆ ต้นก็ได้ข่าวว่าสนมีแฟนแล้ว เป็นรุ่นน้องชั้น ม. 3 ชื่อ “ดา” ที่เคยมาตามเชียร์สนอยู่บ่อยๆ ตอนเย็นๆ ดาจะนั่งดูสนเล่นฟุตบอลพร้อมกับเอาน้ำมาให้ แต่ดาก็มักไม่ได้อยู่ดูจนสนเลิกเล่นทุกวันเพราะสนเลิกค่อนข้างมืด นั่งเชียร์อยู่สักพักก็กลับ บางทีดาก็พาเพื่อนๆ ของเธอมานั่งดูด้วย

แม้ว่าจะมีสาวๆ มาเชียร์อย่างนี้ สนก็ยังคอยมองหาต้นอยู่เสมอ เขารู้สึกว่าต้นทำให้เขามีกำลังใจมากกว่าสาวๆ กลุ่มนี้เสียอีก อย่างน้อย...ต้นก็จริงใจกับเขากว่าทุกคน แต่เขายังไม่ได้ไปขอโทษต้นเลย สนรู้สึกผิดจนไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปคุยด้วย ต้นเองก็คอยหลบหน้าหลบตาเขา มันก็เลยไปกันใหญ่

------------------------------------------------------------------------------------------------

"ทำไมเดี๋ยวนี้พ่อไม่ค่อยเห็นสนมาบ้านเราเลยล่ะต้น" พ่อของต้นเอ่ยถามขณะอ่านหนังสือพิมพ์สบายๆ ในวันหยุด ต้นเงยหน้าจากการทำการบ้านแล้วก็หันมาคุยกับพ่อ

"สนเขาต้องซ้อมกีฬาครับพ่อ พอดีเขาเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แล้วเดือนหน้านี้สนก็จะต้องไปแข่งระดับจังหวัดด้วยครับ" ต้นบอก แต่นั่นก็เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งที่ต้นพอจะบอกพ่อได้

"อ๋อ...ถึงว่าล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าสนเลย" พ่อว่าแล้วก็หันกลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

แล้วต้นก็เดินมานั่งใกล้ๆ กับพ่อเพราะอยากจะถามอะไรบางอย่าง "พ่อครับ ตอนสมัยเด็กๆ พ่อเคยมีเพื่อนสนิทไหมครับ"

พ่อของต้นเงยหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยความสงสัย "มีสิลูก มีหลายคนเลยทั้งสมัยประถม มัธยมหรือตอนเรียนมหาลัย"

"เหรอครับ แล้ว...ตอนเรียน พ่อเคยมีแฟนไหมครับ" ต้นถามต่อ

"มีสิลูก เรื่องธรรมดาของผู้ชาย เมื่อก่อนพ่อก็หล่อพอๆ กับต้นนี่แหละ มีสาวๆ ในโรงเรียนมาชอบเยอะเลย" พ่อบอกด้วยสีหน้าภูมิใจแต่ก็เริ่มสงสัยว่าต้นถามทำไม "มีอะไรหรือลูก ถามพ่อเรื่องนี้ทำไม หรือว่าต้นมีแฟนแล้ว"

"เปล่าครับ" ต้นรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน "ต้นแค่อยากรู้ว่าตอนที่พ่อมีแฟน พ่อยังสนิทกับเพื่อนๆ เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ"

"อ๋อ...ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ลูก แต่ก็เป็นธรรมดาที่พ่อต้องให้เวลากับแฟนมากหน่อย อย่างตอนที่พ่อเริ่มจีบแม่ของต้น พ่อก็ไม่ค่อยได้ไปหาเพื่อนเท่าไรหรอก แต่เพื่อนพ่อมันก็เข้าใจ พวกมันเองเวลามีแฟนมันก็ทำเหมือนพ่อนั่นแหละ เพราะว่าแฟนเป็นคนที่เราคาดหวังว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต เพราะฉะนั้นเราก็จำเป็นต้องให้เวลากับเขา เรียนรู้และศึกษากันมากหน่อย"

"แล้ว...ตอนนี้พ่อยังสนิทกับเพื่อนๆ เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ"

"มันเป็นเรื่องธรรมดานะลูก คนเราพอแต่งงาน มีครอบครัว ก็เริ่มห่างจากเพื่อนฝูงเป็นธรรมดา บางทีก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ก็เลยไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเดิม ด้วยสภาพชีวิตที่เปลี่ยนไป อย่างเมื่อก่อนพ่อเคยสนิทกับเพื่อนคนหนึ่งมากสมัยมัธยม แต่พอไปเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยได้เจอมัน ก็ห่างกันไป พ่อก็มีเพื่อนใหม่ สนิทกับเพื่อนใหม่ ส่วนเพื่อนพ่อคนนั้นก็เหมือนกัน แต่ก็มีเจอกันบ้าง คุยกันบ้าง อย่างเวลาเลี้ยงรุ่น พ่อก็ไป ก็ได้เจอเพื่อนๆ สมัยเรียน ก็ยังเจอกับมันเลย ก็ยังคุยสนิทกันดี"

ต้นพยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ แล้วก็ตัดสินใจบอกพ่อว่า "สนเขามีแฟนแล้วนะพ่อ"

พ่อหันมามองต้นทันทีพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย พ่อคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าต้นเป็นอะไร เพราะหลังๆ ต้นดูหงอยๆ ไม่ค่อยร่าเริง

"อืม...อันนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งใช่ไหมลูกที่สนไม่ค่อยมาบ้านเรา" พ่อถาม ต้นพยักหน้าน้อยๆ

พ่อเอามือมาแตะไหล่ต้นพลางปลอบว่า "อย่าคิดมากน่ะต้น ตอนนี้สนเขาเพิ่งมีแฟน เขาอาจจะเห่อมากหน่อย สักพักเขาก็จะปรับตัวได้ ถ้าสักวันต้นมีแฟน ต้นก็อาจจะเป็นเหมือนสนก็ได้"

ต้นได้แต่พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

"พ่อเชื่อว่ายังไงสนก็ไม่ทิ้งต้นหรอก พ่อดูออกว่าสนเขารักและเป็นห่วงต้นนะ พ่อว่าต้นโชคดีด้วยซ้ำที่มีสนเป็นเพื่อน พ่อเองก็ไม่เคยมีเพื่อนแบบสนเลย มีไม่กี่คนหรอกนะลูกที่จะมีเพื่อนดีๆ แบบนี้ ให้เวลาสนเขาหน่อย อย่างที่พ่อบอก สนเขาอาจจะเห่อเพราะเพิ่งมีแฟน สักพักเขาก็จะมาหาต้นเหมือนเดิม แต่อันนี้ก็ต้องดูกันไปนะลูก เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง"

คำปลอบใจของพ่อทำให้ต้นใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะเป็นอย่างที่พ่อบอกไว้หรือเปล่า ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนป่านนี้สนก็ยังไม่เคยมาคุยกับเขาอีกเลย ต้นเองก็ยังคงหลบหน้าหลบตาสนอยู่ ก็ยิ่งทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้นทุกทีๆ

------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่รู้วันที่เท่าไรแล้วที่เอกและเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องสังเกตเห็นต้นนั่งกินข้าวคนเดียว ปกติทุกคนจะรู้ว่าต้นจะนั่งกินข้าวเที่ยงกับสนเสมอ ก็เลยปล่อยให้สองคนนี้นั่งกินข้าวด้วยกันไป แต่พอสนมีแฟน ต้นก็เลยต้องนั่งคนเดียวแบบนี้

"เฮ้ย...ไงวะต้น เดี๋ยวนี้กูเห็นมึงนั่งกินข้าวคนเดียวแทบทุกวันเลยว่ะ แล้วไอ้สนเพื่อนรักของมึงไปไหนวะ" เอกถามขึ้นพร้อมกับวางจานข้าวที่เขาซื้อมาลงไปบนโต๊ะเดียวกับที่ต้นนั่งอยู่ แล้วก็นั่งลงข้างๆ กับต้น จริงๆ เอกก็พอรู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็แกล้งถามไปอยางนั้นแหละ

ต้นพยักพเยิดไปทางมุมหนึ่งของโรงอาหารที่สนกับดากำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน เอกมองตามแล้วก็หัวเราะ

"อ๋อ...มันมีแฟนนี่เอง มิน่าล่ะ กูไม่ค่อยเห็นมันมาหามึงเลย ไอ้นี่ใช้ไม่ได้เลย มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน" เอกว่าด้วยสีหน้าที่ไม่จริงจังนัก "เดี๋ยวกูกินข้าวเป็นเพื่อนมึงก็แล้วกัน"

ต้นยิ้มเศร้าๆ กับเพื่อน แต่ในใจของเขาก็รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เอกพูดอยู่ไม่น้อย หลายครั้งที่ต้นอดที่จะน้อยใจไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงวันนั้นที่สนขอให้เขาไม่ต้องเอาน้ำไปให้อีกเพราะอายเพื่อน กลับไปบ้านวันนั้นต้นก็นอนร้องไห้ด้วยความเสียใจ ต้นรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง

ตั้งแต่วันนั้น ดูเหมือนสนเองก็ไม่คิดสนใจที่จะมาพูดคุยถามไถ่อะไรเขาอีกเลย คงจะเป็นเพราะสนอายเพื่อนและไม่อยากถูกแซวว่าเป็นคู่เกย์กับเขาจึงทำให้สนห่างเหินไปนั่นเอง ยิ่งมีแฟนด้วยแล้วสนก็ยิ่งห่างหายไป มิตรภาพที่ดีๆ ระหว่างต้นกับสนจะจบลงแค่นี้เองหรือ...ทำไมมันช่างง่ายดายเหลือเกิน

------------------------------------------------------------------------------------------------

ในฐานะเพื่อนสนิทอีกคนของต้น เอกเห็นสภาพต้นที่ดูเหงาหงอยมาหลายวันแล้วก็ชักจะทนไม่ไหว เขาคงต้องช่วยต้นทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถานการณ์ของเพื่อนสองคนนี้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุดแล้วล่ะ เอกก็เลยว่าจะเริ่มด้วยการทำให้สนรู้สึกผิดเสียก่อน

“เฮ้ยไอ้สน ทำไมเมื่อวานมึงไม่ไปช่วยต้นทำงานประดิษฐ์ส่งอาจารย์วะ พวกกูไปนั่งช่วยมันทำอยู่จนดึกแน่ะ” เอกร้องทักเมื่อเห็นสนเดินผ่านหน้าห้องเรียนไป

สนหยุดแล้วก็ตอบว่า “อ๋อ...พอดีช่วงนี้กูต้องซ้อมบอลทุกเย็นเลยว่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา” สนแก้ตัวพลางหลบสายตาเหมือนกลัวเอกจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ถ้ามีงานแบบนี้ สนจะไปช่วยต้นเสมอ เขาจึงรู้สึกผิดที่คราวนี้เขาไม่ได้ช่วยอะไรเพื่อนเลย 

“ไม่จริงมั้ง อย่าเอากีฬามาอ้างดีกว่า เดี๋ยวนี้พอมึงมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อนนะมึง กูเห็นไอ้ต้นมันมาโรงเรียนคนเดียว กินข้าวคนเดียวแล้วก็กลับบ้านคนเดียวทุกวันเลย เมื่อก่อนเห็นตัวติดกัน ไม่คิดว่ามึงจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยว่ะ” เอกต่อว่า

สนอยากจะเถียงว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อยแต่ก็ได้แต่เงียบ ไม่ตอบโต้ เห็นสายตาไม่ค่อยพอใจของเอกแล้วสนก็รู้สึกอึดอัด เขาถอนหายใจแล้วก็เดินหนีเข้าไปในห้องเรียนของเขาที่อยู่ถัดจากห้องของต้นไปอีกสองห้อง

ช่วงนี้เป็นช่วงพักเที่ยง มีเพื่อนนักเรียนหญิงที่กินข้าวเสร็จแล้วอยู่ในห้องเรียนสี่ห้าคนกำลังจับกลุ่มคุยกันเรื่องละครที่ดูเมื่อคืนนี้กันอย่างสนุกสนาน สนนั่งที่โต๊ะเรียนแล้วก็ครุ่นคิดโดยไม่สนใจคนอื่นๆ เขารู้สึกกลัวว่ามิตรภาพของเขากับต้นกำลังจะจบลง ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น เขาก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เขาไม่น่าพูดแบบนั้นเลย สนได้แต่โทษตัวเองในใจ

สนครุ่นคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง บางทีเขาควรจะไปหาและคุยกับต้น ไม่ใช่คอยหลบหน้าหลบตากันอยู่แบบนี้ พอหันไปทางห้องต้นก็เห็นต้นเดินมากับเพื่อนผู้ชายสองสามคนพอดี สนรีบเดินออกไปหา เขาพยายามจะยิ้มให้ต้น ต้นหยุดมองหน้าเขา เงียบและไม่พูดอะไร ต้นเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สีหน้าของต้นเปลี่ยนไปเป็นเฉยชาและดูเศร้าๆ ปกติต้นจะมีความสุขเสมอเวลาเจอเขาหรือใช้เวลาด้วยกัน แต่สีหน้าแบบนี้ สนเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด

ต้นไม่ได้พูดอะไรกับสนแม้แต่คำเดียว แล้วก็เดินเข้าห้องเรียนไป สนจึงได้แต่ยืนนิ่งยอมรับชะตากรรม เขายอมรับว่าคิดถึงต้นมาก ไม่ได้คุยกับต้นแค่วันเดียวเขาก็แทบแย่แล้ว แต่นี่...จะเป็นเดือนอยู่แล้ว เขาเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า เขามัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะล้อ แต่กลับลืมคิดถึงความรู้สึกของคนที่เป็นเพื่อน เพื่อนที่รักและเป็นห่วงเขามาก เขาทำแบบนี้กับเพื่อนคนนี้ได้ยังไงกัน...

------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันต่อมา เอกลงทุนมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อที่จะดักเจอกับสนที่หน้าห้องเพื่อคุยเรื่องของต้น พอเห็นสนเดินมาแล้ว เอกก็รีบร้องทัก

"สนมานี่หน่อยสิ กูอยากคุยอะไรด้วย"

วันนี้สนมาโรงเรียนคนเดียวเช่นเคย เป็นอย่างนี้มาเกือบเดือนแล้ว เขาไม่ได้มาโรงเรียนกับต้นเพราะต้นคอยหลบหน้าเขาตลอด สนเองก็ไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนเหมือนกัน

"มีอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อนได้ไหม" สนมองเพื่อนของต้นด้วยความสงสัย แต่ก็พอเดาออกว่าคงต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับต้นอย่างแน่นอน

เอกพยักหน้า พอสนเก็บกระเป่าเสร็จแล้วเอกก็พาสนลงไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่ยังไม่มีใครมานั่ง ตอนนี้เพิ่ง 7 โมงเช้า คนยังน้อยอยู่จึงไม่มีใครมารบกวน

"สน...กูไม่ว่าเลยนะเว้ยถ้ามึงจะมีแฟน แต่มึงก็ต้องให้เวลากับไอ้ต้นมันบ้างสิวะ" พอนั่งลงแล้ว เอกก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เข้าประเด็นทันที เล่นเอาสนอึ้งไปอีกรอบหลังจากที่เมื่อวานโดนเอกต่อว่ามาหยกๆ

"ไอ้ต้นมันเหงานะเว้ย กูสังเกตดูมาหลายวันละ ตอนกลางวันมันก็นั่งกินข้าวคนเดียว กลับบ้านมันก็กลับคนเดียว แถมเมื่อวานก่อนมึงก็ไม่มาช่วยมันทำงาน มันก็ทำไม่ค่อยจะเป็น มึงไม่สงสารมันบ้างหรือไงวะ มึงรู้ไหมว่ามันนั่งหน้าจ๋อย คอยมองหาแต่มึง ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักของมันเหมือนกับมึง กูยังสงสารมันเลย"

สนถึงกับจุกในลำคอ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากไปหาต้น แต่พอปล่อยให้ความบาดหมางมันล่วงเลยมาขนาดนี้ เขากลับพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะไปสู้หน้าต้นได้

"ไม่ได้พูดเล่นนะเว้ยไอ้สน ที่กูมาบอกมึงเนี่ยเพราะกูทนสงสารมันไม่ได้ มันเป็นเพื่อนกับมึงมานาน ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ที่จริงกูก็ไม่ต้องบอกมึงก็ได้นี่หว่า มึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจเพราะมึงสนิทกับมันมากที่สุด แต่นี่มึงเล่นทำตัวห่างเหินไปแบบนี้ ไอ้ต้นมันยังปรับตัวไม่ได้นะเว้ย มึงต้องให้เวลามันบ้าง มีแฟนแล้วก็อย่าทิ้งเพื่อนสิวะ" ตอนท้ายเอกพูดเชิงตำหนิ

"กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะเอก กูจะทิ้งต้นทำไม ต้นมันเป็นเพื่อนรักของกูนะเว้ย" สนแก้ตัว แต่ใจก็รู้สึกผิดไปแล้ว

"ไม่รู้เว้ย แต่สิ่งที่มึงทำเนี่ย ถ้ากูเป็นเพื่อนมึงกูก็คงน้อยใจเหมือนกันแหละวะ ระวังนะเว้ย ถ้ามึงไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ ไป ก็แคร์มันหน่อยสิวะ ไม่งั้นมึงจะต้องมาเสียใจทีหลัง" เอกขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วก็ถามว่า “ถามจริงๆ เหอะ มึงกับไอ้ต้นมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ”

สนถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอคำถามนี้ สายตาเขาเหมือนคนซ่อนพิรุธบางอย่างไว้ แต่มาถึงวันนี้แล้ว สนต้องการคนช่วย เขาคิดว่าเอกน่าจะพอช่วยเขาได้ จึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เอกฟัง

พอฟังจบ เอกถึงกับสบถด่าสนด้วยความไม่พอใจ “ไอ้เ-ยเอ้ย มึงรู้ไหมว่ามึงพูดอะไรออกไป มิน่าล่ะ”

พอเอกเห็นสนทำหน้าเสียก็เลยนึกได้ว่าไม่ควรต่อว่าสนรุนแรงแบบนั้น “ขอโทษละกัน กูฟังแล้วกูโมโหว่ะ” เอกจ้องหน้าสนด้วยสายตาจริงจังแล้วก็แนะนำว่า “กูว่ามึงควรจะหาโอกาสขอโทษไอ้ต้นให้เร็วที่สุด ทิ้งไว้แบบนี้ ไอ้ต้นมันจะคิดว่ามึงไม่แคร์มัน แล้วจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ยากนะเว้ย อย่าหาว่ากูไม่เตือน”

สนพยักหน้าเห็นด้วยช้าๆ “กูก็คิดอย่างนั้น แต่กูไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง” สนบอกความกังวลของเขาออกไป

“โหไอ้นี่ มึงยังอยากเป็นเพื่อนกับไอ้ต้นมันอยู่หรือเปล่าวะ มึงสองคนสนิทกันขนาดนั้น มันจะยากตรงไหนวะที่จะขอโทษกัน” เอกตำหนิอีกแล้ว แต่เขาก็เป็นคนปากร้ายแต่ใจดี “คิดดูดีๆ นะเว้ย ที่จริงกูก็ไม่อยากยุ่งหรอก ไม่ใช่เรื่องของกู แต่กูสงสารไอ้ต้นมัน แล้วก็เสียดายแทนพวกมึงด้วย เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน จะมาบาดหมางใจกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ทำไมวะ”

สนพยักหน้าแล้วก็ถอนใจด้วยความหนักใจ มันคงถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาต้องเสียเพื่อนรักไปอย่างแน่นอน เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ต้นก็คงคิดว่าเขาไม่สนใจใยดี สุดท้ายแล้วมิตรภาพที่เคยสร้างกันมาก็คงจบลงจริงๆ

“กูจะพยายามละกัน ยังไงกูไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป” สนบอกโดยไม่หันไปมองหน้าเอก เขารู้ว่าเขาควรจะเลิกกลัวได้แล้ว เพราะการสูญเสียเพื่อนอย่างต้นไปนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เขาคงจะให้อภัยตัวเองไม่ได้เลยถ้าเกิดมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 02-05-2012 12:36:46
สงสารต้น   :angry2: สนพูดงี้ได้งัยอ่ะ

เพื่อนเอกน่ารักจริงเลย   :กอด1: 

เดี๋ยวให้เปลี่ยนตัวพระเอกเลย ชิส์  :a14:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 02-05-2012 20:40:20
ขอเข้ามาอ่านด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 06-05-2012 00:19:43
สน ไม่นึกถึงความรู้สึกต้นเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-05-2012 06:46:34
ตอนนี้คนเขียนขาจะขวิดกันแล้วครับ งานยุ่งมากๆ
อยากจะมาอัปเดตใจแทบขาดแต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้เลยครับ
รออีกสักนิดนะครับ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 06-05-2012 07:41:54
ตัดใจ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-05-2012 08:14:43
กลับมาอ่านอีกครั้ง
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 06-05-2012 08:24:01


 :mc4: :mc4: :mc4:

ได้มีโอกาสมาอ่านอีกครั้งแล้วค่ะ

สนุกมากมายเหมือนเดิม ชอบอะยิ่งอ่านมันยิ่งเพลิน

ชอบต้นจัง เป็นนายเอกในดวงใจเราคนหนึ่งเลยนะเนี่ย ไม่มากเรื่อง เรื่องเยอะ อิอิ ชอบ

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ ขอให้งานย่งๆผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แล้วว่างมาอัพต้นสนให้ได้อ่านกันนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ +1

 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 6 ¤ หรือเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว (2-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-05-2012 08:51:21
ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันเอาตอนนี้มาลงครับ ยอมโดนด่านิดหน่อยที่ออกไปสาย แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ซีเรียสมาก
ส่วนเรื่อง "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" ขอติดไว้ก่อนนะครับ

ป.ล.
พอเอามาลงใหม่ ก็รู้สึกว่าคงไม่ใช่การเขียนแบบชิลๆ แล้วล่ะ ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันเพราะต้องแก้หลายอย่าง
แต่ก็จะเต็มที่กับมันครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนและเป็นเรื่องที่รักมากอีกเรื่องหนึ่ง

----------------------------------------------------

ตอนที่ 7: เพื่อนแท้หรือแค่เหงา

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ สนกลับมาจากแข่งกีฬาที่จังหวัดแล้ว ได้รางวัลที่หนึ่งมาด้วย ทำให้โรงเรียนภูมิใจน่าดู สนก็ภูมิใจเช่นกัน แต่เขาคงรู้สึกดีกว่านี้มากถ้าต้นได้มาแสดงความยินดีกับเขาด้วย ตั้งแต่ที่เขาคุยกับเอกวันนั้น สนก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องการแข่งขันกีฬาอยู่ เขากับต้นก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น ห่างเหินจนรู้สึกว่าอีกไม่นานมิตรภาพที่ร่วมกันสร้างมาคงจะต้องจบลงไป

กลับมาโรงเรียนวันแรก การเรียนของสนก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางนักเพราะโรงเรียนจัดกิจกรรมแสดงความยินดีกับทีมฟุตบอลของโรงเรียนในตอนเช้า สนเริ่มมีเวลาเป็นของตัวเองจริงๆ ก็ตอนพักกินข้าวเที่ยง ดาก็กินข้าวกับเขาอีกเช่นเคย จะว่าไปแล้ว สนก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากมีแฟน หรือจริงๆ ก็เป็นแค่แรงยุของเพื่อนๆ อันที่จริงนั้นสนก็ยังไม่รู้หรอกว่าเขาอยากมีแฟนหรือเปล่า แต่เมื่อตกกระไดพลอยโจนแล้วเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ขณะที่สนพาดาไปเลือกซื้ออาหารอยู่นั้น เขาก็เจอกับต้นโดยบังเอิญพอดีเพราะต้นก็กำลังซื้ออาหารกลางวันอยู่กับเอก

“ต้น” สนร้องเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงดีใจ เขาไม่ได้คุยกับต้นนานเป็นเดือนแล้ว ไม่เคยได้เห็นต้นในระยะใกล้ๆ แบบนี้เลยตั้งแต่วันนั้น

ต้นหันมามองตามเสียง พอเห็นว่าเป็นสนแล้วสีหน้าของต้นก็เปลี่ยนไป แววตาของต้นดูหมางเมิน ตัดพ้อ เศร้า เจ็บปวดและยังมีอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ยิ่งเห็นว่าสนมากับแฟนแล้วต้นก็ยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้น

"เฮ้ยไอ้ต้น มึงไม่ต้องกลัวนะเว้ย ใครไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง...ช่างมัน มึงเป็นเพื่อนกับกูดีกว่า แล้วมึงจะลืมเพื่อนคนอื่นๆ ที่มึงเคยมีมาทั้งหมดเลยแหละ" เอกพูดขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ รู้สึกขัดใจสนอยู่เหมือนกันที่ไม่ยอมจัดการอะไรให้มันจบๆ เสียที มัวแต่กลัวแล้วก็ปล่อยไว้อยู่แบบนี้ เขาคงต้องทำให้สนรู้สำนึกเสียบ้าง

ดูเหมือนจะได้ผลเพราะสนหันมามองเอกแล้วก็ขมวดคิ้ว

"มึงพูดอะไรวะไอ้เอก"

"เรื่องของกู" เอกบอกพลางยักคิ้วล้อเลียน "ต้นเพื่อนรัก ไปดูร้านนั้นบ้างดีกว่า"

ถ้าไม่ติดว่าถือจานอาหารอยู่ เอกก็คงจะกอดคอต้นเย้ยสนไปแล้วล่ะ แต่จริงๆ เอกไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก แค่สนเห็นเอกกับต้นเดินหนีไปด้วยกันก็ทำให้สนรู้สึกอิจฉาได้แล้ว

สนจึงได้แต่มองตามสายตาละห้อยเพราะไม่กล้าตามไป แม้กระทั่งเวลากินข้าว สนก็คอยเหลือบมองหาต้นอยู่บ่อยๆ จนสนเริ่มจะทนไม่ไหว เขารู้สึกคิดถึงต้นเหลือเกิน อยากคุยกับต้น อยากเห็นต้นยิ้ม อยากได้มิตรภาพที่สวยงามกลับคืนมาเหมือนเดิม สนเพิ่งรับรู้ว่าต้นมีความหมายกับชีวิตของเขามากเพียงใดเพราะต้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น ต้นมีความหมายมากกว่านั้น สนไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่า...เขาขาดต้นไม่ได้จริงๆ

"พี่สนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" ดาถามขึ้นขณะที่เห็นสนเหลือบหันไปมองต้นบ่อยๆ

"อ๋อ...เปล่า" สนปฏิเสธ แต่อาการของเขาก็ฟ้องพิรุธหลายอย่างอยู่ดี

"ไม่จริงหรอก ดาเห็นพี่สนมองไปทางพี่ต้นบ่อยๆ มีอะไรกับพี่ต้นหรือเปล่าคะ"

สนขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าดาจะสังเกตเห็นอาการนี้ของเขาด้วย แสดงว่าเขาคงแสดงออกชัดเจนมากจนคนรอบข้างรู้สึกได้

"อย่าบอกนะว่า...ที่ดาเคยได้ยินพวกเพื่อนๆ ของพี่สนเขาล้อกันจะเป็นเรื่องจริง"

"ดา...อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ" สนบอกเสียงดุอย่างไม่ชอบใจ สีหน้าของสนเครียดขึ้นจนเห็นได้ชัด

พอถูกแฟนต่อว่าแบบนี้ดาก็คงจะไม่พอใจบ้าง แต่พอเห็นสายตาที่ฉายแววไม่พอใจของสนแล้วดาก็เลยต้องเงียบ เธอไม่เคยเห็นสนทำสีหน้าดุแบบนี้มาก่อนเลย แต่มันก็น่าสงสัยจริงๆ นี่นา เห็นมองไปที่ต้นเป็นสิบๆ รอบแล้ว จะบอกว่าไม่มีอะไรได้ยังไงกัน

"ค่ะ" ดาตอบสั้นๆ แต่ก็ยังคอยแอบสังเกตต้นกับสนอยู่เนืองๆ

-------------------------------------------------------

หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฝนก็เริ่มโปรยเม็ดลงมา เด็กนักเรียนวิ่งกลับห้องของตัวเองกันจ้าละหวั่น สนกับเพื่อนๆ ต่างก็วิ่งกรูกันกลับขึ้นมาบนห้อง พอสนนั่งประจำที่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษอะไรบางอย่างใต้โต๊ะเรียน พอหยิบออกมาดูก็เห็นข้อความเขียนไว้ว่า

“ดีใจด้วยนะเพื่อนรักที่นายแข่งฟุตบอลชนะ ขอให้นายประสบความสำเร็จแบบนี้ต่อไป ถ้าเราทำให้นายลำบากใจก็ขอโทษนะ ขอบคุณมากๆ ที่เราได้เป็นเพื่อนกัน เราจะไม่ลืมนายเลย”

แม้คนเขียนจะไม่ได้ลงชื่อไว้ สนก็รู้ว่าใครเขียนข้อความนี้ เขาจำลายมือของต้นได้เป็นอย่างดี สนรู้สึกจุกในลำคอขึ้นมาทันที ประโยคท้ายสุดนั้นต้นหมายความว่าอย่างไร ต้นกับเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้วหรือ ไม่สิ...มันต้องไม่เป็นอย่างนั้น เขาทนไม่ได้หรอกที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น

"ต้น..." สนเรียกชื่อเพื่อนเบาๆ กับตัวเอง

สนเก็บกระดาษข้อความนั้นใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนคนอื่นๆ ที่คุยกันอยู่ สนวิ่งเข้าไปในห้องเรียนของต้น กวาดสายตาหาจนทั่วก็ไม่เห็นต้น จึงละล่ำละลักถามเพื่อนต้นในห้องว่า “ต้นไปไหน มีใครเห็นต้นบ้าง”

“ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษายังไม่กลับเลย” เสียงเพื่อนร่วมห้องของต้นคนหนึ่งตอบมา

สนไม่รอช้า รีบวิ่งฝ่าสายฝนไปตามหาต้นทันที แม้ว่าจะต้องเปียกปอนแค่ไหน สนขอแค่ได้เจอต้นตอนนี้เท่านั้น

สนเดินแกมวิ่งพลางสอดส่ายสายตาไปทั่วอาคารที่เขาคาดว่าต้นน่าจะมาที่นี่ เขาวิ่งไปทั่วชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสามแล้วก็วิ่งลงมาข้างล่างอีกครั้ง มองไปอีกด้านหนึ่งของโถงทางเดิน สนก็เห็นใครบางคนเดินไปอีกทางหนึ่ง แม้จะเห็นแค่หลังสนก็รู้ว่านั่นคือต้น สนไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปทันที

พอถึงตัวแล้วสนก็คว้าต้นมากอดไว้ในลักษณะรวบแขนทันที ต้นตกใจพอสมควร แต่สักพักต้นก็นิ่งเพราะพอจะเดาได้ว่าใครที่กำลังกอดเขาไว้ ต้นยิ้มเล็กน้อยด้วยความดีใจที่รู้ว่าสนยังคิดถึงเขาอยู่

“ต้น...ขอบคุณนะ เราได้อ่านแล้ว” สนพูดพลางกอดต้นไว้แน่นราวกับกลัวว่าต้นจะหนีเขาไปไหนอีก

"สน...คนเขามองกันใหญ่แล้ว" ต้นเตือนเสียงเบา

"เราไม่สนใจใครทั้งนั้นแล้วต้น ต่อให้คนทั้งโรงเรียนมันล้อ เราก็จะไม่สนใจ นายสำคัญที่สุดนะต้น รู้ไหมต้น...นายสำคัญที่สุด"

ต้นยิ้มแหยๆ ด้วยความเขินอายเพราะคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองกันใหญ่ "เรารู้...แต่ว่า..."

"เราขอโทษนะต้น ขอโทษกับสิ่งแย่ๆ ที่เพื่อนคนนี้ทำลงไป เราจะไม่ทำอย่างนี้อีก เราสัญญา ยกโทษให้เรานะต้น ถ้านายไม่ยกโทษให้เรา เราก็จะกอดนายไว้แบบนี้แหละ"

"เราไม่โกรธนายแล้ว เรายกโทษให้" ต้นรีบบอกทันที ถึงจะรู้สึกดีแค่ไหนที่สนกอดเขาแต่มันก็ไม่ควรเป็นสถานที่แบบนี้ เผลอๆ ถ้าเกิดครูคนไหนเดินมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องได้

สนจึงยอมปล่อยต้น แต่เขาก็จับไหล่ต้นให้หันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างค่อยๆ ยิ้มให้กัน กว้างขึ้นและกว้างขึ้น ทั้งดีใจ ตื้นตันใจและก็เสียใจกับสิ่งที่เคยผิดพลาดไป

"เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะต้น เราขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

ต้นพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม เขารักเพื่อนเขาขนาดนี้ ทำไมแค่นี้จะให้อภัยไม่ได้ล่ะ

"ต้น...เราดีใจที่สุดในชีวิตเลย" สนว่าพลางกระโดดกอดเพื่อนแน่น แต่แล้วเขาก็อดขำไม่ได้เมื่อเห็นต้นพลอยเปียกมะล่อกมะแล่กไปด้วย

“นายเปียกหมดเลยต้น เราขอโทษ ทำไงดีล่ะ”

ต้นก้มดูเสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็ขำบ้าง “ไม่เป็นไร ดีเหมือนกัน ดูท่าฝนจะไม่หยุดตกง่ายๆ เราขี้เกียจรอแล้ว ไปกันดีกว่า” ต้นพูดพร้อมกับให้สัญญาณว่าเขาพร้อมแล้ว

"เอางั้นเลยเหรอ เดี๋ยวนายจะไม่สบายนะ เดี๋ยวแม่เราด่าตายเลยถ้ารู้ว่าทำให้นายไม่สบาย" สนเตือนแล้วก็ขำในตอนท้าย

"เราไม่ป่วยง่ายขนาดนั้นหรอกน่า" ต้นยืนยันแล้วก็เป็นคนเริ่มวิ่งออกไปก่อน

สนรีบวิ่งตามมาทันที สองหนุ่มน้อยวิ่งฝ่าสายฝนไปด้วยกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ โลกกลับมาสดใสอีกครั้งเมื่อเขาสองคนได้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

สนพาต้นวิ่งฝ่าสายฝนกลับมาที่อาคารเรียน ต่างคนต่างเปียกโชกไปทั้งตัว สนมาส่งต้นที่ห้องก่อน ก่อนจะแยกย้ายสนก็ทิ้งท้ายไว้ว่า

"เวลาเราซ้อมฟุตบอล เอาน้ำมาให้เราเหมือนเดิมนะ"

"อ้าว...แล้วแฟนนายล่ะ" ต้นท้วง

"เขาไม่ค่อยมานั่งรอเราแล้วเดี๋ยวนี้ เราอยากให้นายไปนั่งให้กำลังใจเรามากกว่า...จริงๆ นะต้น"

ท่าทางอ้อนๆ แบบนั้นทำให้ต้นต้องยอมแพ้มานักต่อนักแล้ว ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน ต้นจึงยิ้มและพยักหน้าตกลง

ทั้งบ่ายนั้น ต้นกับสนจึงนั่งเรียนไปหนาวไป แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้เพื่อนที่แสนรักกลับคืนมาหรอก ทั้งคู่จึงนั่งเรียนไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เป็นที่สงสัยของเพื่อนๆ ในห้องยิ่งนัก

------------------------------------------------------------------------------------------------

เลิกเรียน สนก็กลับบ้านพร้อมกับต้นเป็นครั้งแรกในรอบเดือนกว่าที่ผ่านมา เขาดูมีความสุขมากทีเดียวที่ได้มีโอกาสทำแบบนี้อีกครั้ง เขายอมรับว่าเขาคิดถึงเพื่อนมาก ระหว่างที่สนซ้อนมอเตอร์ไซค์กลับจากโรงเรียน สองหนุ่มคุยกันเสียงดังมาตลอดทาง

พอถึงบ้าน พ่อกับแม่ของต้นดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นสนกลับมากับต้นหลังจากที่ห่างหายไปนาน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร สนชวนต้นมานั่งคุยกันตรงสะพานเล็กๆ ที่พาดข้ามคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น หกปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขารู้สึกผูกพันกับมันมากทีเดียว

ตะวันยามเย็นกำลังตกดิน ดวงอาทิตย์ดูกลมโตกว่าเดิมหลายเท่ากว่าตอนที่มันอยู่กลางท้องฟ้าพร้อมกับแสงที่อ่อนแรงลง รอบๆ บริเวณนี้มีหมู่บ้าน ทุ่งนาและเรือกสวนต่างๆ อยู่ทั่วไป ความสวยงามตามธรรมชาติเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ต้องซื้อหามาเลย

“นายเหงาหรือเปล่าต้น” สนเริ่มคำถาม

“ช่างมันเถอะ ผ่านไปแล้ว” ต้นรีบตัดบท

“แต่เรารู้สึกผิดไงต้น เราสนิทกัน เจอกัน คุยกันทุกวัน แต่อยู่ๆ เราก็หายไป เรารู้ว่านายต้องคิดถึงเรามากแน่ๆ เลย แต่เรากลับทำเหมือนไม่สนใจใยดี”

“ไม่เอาสน อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิ เราบอกว่าเราเข้าใจแล้วไง เราจะเหงาบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก คนมีแฟนก็ต้องให้เวลากับแฟนมากหน่อยเป็นธรรมดา”

สนเงียบ มองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม้เขาจะยอมรับว่าผิดแต่ต้นก็เข้าใจเขาเสมอ

"ต้น...นายรู้ไหมว่าทำไมเราถึงได้เป็นเพื่อนกับนายมาได้นานจนถึงหกปี" แล้วสนก็เฉลยทันทีว่า "เพราะนายเข้าใจเราไงต้น เราอยู่กับนายแล้วเราสบายใจ จริงๆ นายจะด่าเราก็ได้ แต่นายก็ไม่ทำอย่างนั้น”

"คนเรา...ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วก็ต้องให้อภัยกันได้สิ"

สนพยักหน้าเข้าใจ "นายไม่น้อยใจใช่ไหมที่เราต้องให้เวลา...กับดา" สนถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่มั่นใจ

"ไม่ต้องห่วงเราหรอก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว วันหนึ่งถ้าเรามีแฟนเราก็อาจจะเป็นเหมือนนายก็ได้ ใครจะรู้" ต้นบอกพลางขำ

"จะเอาคืนเหรอ" สนหัวเราะแล้วก็พูดต่อว่า "ขอบใจนะที่นายเข้าใจเรา นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริงๆ" แล้วสนก็ทำหน้าเศร้า "บางทีเราก็ใจหายนะต้น เรายังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะได้เรียนต่อไหม หรือจะไปอยู่ที่ไหนหลังจากจบ ม.6 แล้ว"

"ทำไมล่ะสน นายจะไม่เรียนต่อเหรอ หรือว่านายจะย้ายไปอยู่ที่อื่น" ต้นถามด้วยสีหน้ากังวล แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วแต่ก็อดที่จะใจหายเมื่อได้ยินเช่นนั้นไม่ได้

"ตอนนี้เราก็ยังบอกอะไรไม่ค่อยได้ พ่อกับแม่เราไม่รู้ว่าจะหาเงินให้เราเรียนต่อมหาลัยได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือก็อาจจะต้องออกมาหางานทำช่วยพ่อกับแม่ อาจจะทำที่นี่หรือไม่ก็อาจจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เราไม่รู้อนาคตของเราเลย แต่นายไม่ต้องห่วงหรอกนะต้น เราลำบากมาเยอะแล้ว จะลำบากอีกสักแค่ไหนเราก็ไม่กลัวหรอก เรากลัวแค่อย่างเดียวเท่านั้นตอนนี้..." สนหันไปมองต้นด้วยสายตามีความหมายบางอย่าง

"อะไรล่ะ" ต้นถามด้วยความอยากรู้

"ก็...กลัวว่าเราจะต้องไปจากนายแล้วไม่ได้เจอกันอีกไงล่ะ" สนบอกด้วยเสียงเศร้า

"จริงเหรอ...." น้ำเสียงต้นเศร้าด้วยความใจหาย “แต่ถ้านายมีเวลาก็มาหาเราได้นะ เรายังเป็นเพื่อนนายเหมือนเดิม”

สนยิ้มด้วยความรู้สึกอุ่นใจ คิดแล้วก็นึกโมโหตัวเองที่เขามัวแต่ให้เวลากับแฟนมากไปจนลืมเพื่อนของตัวเอง เพื่อนดีๆ แบบนี้จะไปหาที่ไหนได้อีก ดีนะที่ต้นไม่น้อยใจแล้วก็เลิกคบกับเขาไปเลย ถึงตอนนั้นมีแฟนสิบคนก็คงทดแทนเพื่อนคนนี้ของเขาไม่ได้

"ไปกินข้าวกันเถอะ แม่ออกมาเรียกแล้ว" ต้นบอกเพื่อน

เขาลุกขึ้นก่อน สนลุกขึ้นตามแล้วก็กอดคอพาต้นเดินเข้าไปในบ้าน

------------------------------------------------------------------------------------------------

สุดท้ายดากับสนก็คบกันไปไม่ได้นานเพราะสนค่อยเริ่มค่อยๆ ปลีกตัวห่างออกมา จริงๆ เขาไม่ได้อยากมีแฟนเลย แต่พอเพื่อนแซวเขากับดาบ่อยเข้าก็เลยชอบกันไปตามแรงยุของเพื่อน แต่ตอนนี้ สนอยากมีเวลาให้กับต้นมากกว่าใครทั้งหมด เพราะเขาไม่มั่นใจกับอนาคตของตัวเองเลยว่าจะได้เรียนต่อหรือไม่ เขาอาจจะต้องจากต้นไปและไม่ได้เจอกันอีก เพราะฉะนั้น เขาจึงอยากใช้เวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกทีๆ อยู่กับเพื่อนที่เขารักให้มากที่สุด

พอต้นรู้ข่าวเข้าก็เริ่มไม่สบายใจเพราะคิดว่าตัวเขาเองเป็นเหตุให้สนกับแฟน ต้องเลิกกัน ตอนเลิกเรียนก่อนที่สนจะลงซ้อมกีฬาในสนาม ต้นก็รีบเข้าไปคุยกับเพื่อนเรื่องนี้ทันที

"สน...เราได้ยินเพื่อนๆ มันพูดกันว่านายเลิกกับดาเหรอ"

สนเงยหน้าขึ้นมองขณะที่กำลังผูกรองเท้าผ้าใบอยู่ข้างสนามหญ้าหน้าโรงเรียน เขาพยักหน้าและตอบสั้นๆ ว่า "อือ"

ต้นงงหน่อยๆ ตรงที่สนไม่ได้แสดงท่าทางเสียใจอะไรเลย "ทำไมล่ะสน เพราะเราหรือเปล่าล่ะ" ต้นถามด้วยความกังวลใจ เขารู้สึกไม่ดีเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเหตุทำให้เพื่อนเลิกกับแฟน สนทำท่าครุ่นคิดแต่ก็ไม่ตอบคำถามทันที

"เราขอโทษนะสนถ้าเราเป็นต้นเหตุ แต่เราไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้นายต้องเลิกกับแฟนเลยนะสน" ต้นอธิบาย

สนยิ้มน้อยๆ แล้วบอกเพื่อนไปว่า "นายไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้หรอกต้น จริงๆ เราก็ไม่ได้อยากมีแฟนหรอกนะ แต่...ไม่รู้ยังไง มันก็เป็นอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ ดาเองเขาก็มีคนมาชอบเยอะแยะ เขาก็ไม่ได้ชอบอะไรเราเท่าไรหรอก นายว่าดีไหมล่ะ เราจะได้มีเวลาให้กับนายมากขึ้นไง”

สนมองหน้าเพื่อนแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หม่นลงว่า “เราไม่รู้เลยว่าหลังจากจบ ม. 6 แล้วเรายังจะได้เจอกันอีกไหม ไม่รู้ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เราอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในโรงเรียนนี้ ในหมู่บ้านนี้ อยู่เป็นเพื่อนกับนายให้มากที่สุดนะต้น"

สนพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ต้นรู้สึกใจหายทุกครั้งที่ได้ยิน อีกไม่นานสนจะต้องจากเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ

“นายจะไปไหนล่ะสน นายจะไปจริงๆ เหรอ” ต้นถามอย่างใจหาย

สนถอนหายใจแล้วก็ตอบไปว่า “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรากลัวมันจะเป็นอย่างนั้น ครอบครัวเราไม่ได้มีเงินเยอะนะต้น เราคงไม่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ หรอก แค่นี้ก็ดีถมไปสำหรับเราแล้ว”

น้ำเสียงของสนดูเศร้าจนต้นใจคอไม่ดี

“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” สนบอกเมื่อเพื่อนคนอื่นๆ เรียกให้ลงไปในสนาม

ต้นนั่งดูเพื่อนเล่นฟุตบอลพลางครุ่นคิดหาหนทางที่จะให้สนได้เรียนต่อ ถ้าสนไม่เรียนต่อ อนาคตของสนจะเป็นอย่างไร ต้นเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ เขาอยากเห็นสนมีอนาคตที่ดี แต่เพื่อนตัวเล็กๆ อย่างเขาจะช่วยอะไรได้บ้างไหม มันคงต้องมีหนทางบ้างสิ ขอให้ต้นรู้เท่านั้น ต้นจะไม่รอช้าที่จะช่วยเพื่อนที่เขารักทันที
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 06-05-2012 09:54:19

 :m1: :m1: :m1:

ได้อ่านอีกแล้ววว

อิอิ

ต้นจะหาทางไหนนะ ช่วยสนนะ

เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนค่ะ

 :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-05-2012 15:14:44
ซึ้งใจกับเพื่อนทั้งสอง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 07-05-2012 00:25:14
สนยังดีที่ยังกลับมาเป็นเพื่อนที่รักของต้นได้ทัน

ไม่งั้นความสัมพันธ์ต้องแย่ลงแน่ๆ  o22

ต้นดีแบบจริงจังเลยอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 07-05-2012 02:38:18
ดา คงไม่หยุดแค่นี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 08-05-2012 00:43:05
สน อย่าสับสนบ่อยนะ

เดี๋ยวต้นก็เหงาอีก  ดูแลต้นให้ดีๆ หน่อยสิ   :m15:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 09-05-2012 09:29:46
 :angellaugh2:
ตามมาเจอแล้ว

ปล.เมื่อคืนเพิ่งอ่านทิวกับบูม ตื่นมาตาบวมโคตร
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 7 ¤ เพื่อนแท้หรือแค่เหงา (6-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 12-05-2012 06:42:55
ขออภัยที่เงียบหายไปนาน มีงานยุ่งๆ อยู่นิดหน่อยครับ ตอนนี้กลับมาแล้ว

ตอนที่ 8: เพื่อนผู้เสียสละ

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ต้นเก็บเงินสี่หมื่นบาทใส่กระเป๋าเป้ของเขาอย่างช้าๆ แล้วก็เดินออกมาจากธนาคาร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถอนเงินจากบัญชีนี้หลังจากที่เก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เด็กๆ หลายปี แต่เขาก็ไม่เสียดายมันหรอกถ้าหากมันจะช่วยทำให้เพื่อนของเขาคนหนึ่งมีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้ สิ่งที่ต้นกำลังหนักใจก็คือเขาจะบอกสนอย่างไรดีต่างหากล่ะ ถ้าอยู่ดีๆ ถือเงินไปให้สน เขาต้องไม่รับอย่างแน่นอน ต้นรู้นิสัยเพื่อนดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะต้องเกลี้ยกล่อมสนให้ได้

ก่อนหน้านี้ต้นเฝ้าเกลี้ยกล่อมสนและครอบครัวให้เห็นความสำคัญของการศึกษาอยู่นานหลายเดือนกว่าจะสำเร็จ เขาพาสนไปสมัครขอทุนจากรัฐบาลที่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะคนที่ไปสมัครก็ได้กันเกือบทุกคน จึงไม่น่าจะต้องห่วงเรื่องค่าเทอม

ก่อนสอบเอนทรานซ์ต้นก็มาช่วยติวให้เพื่อนแทบทุกวัน แล้วสนก็สอบติดในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศที่เขาอยากเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้นเองก็สอบติดด้วย แต่ค่าใช้จ่ายที่จะใช้สำหรับการเข้าเรียนก็มีอยู่มากพอสมควร ที่บ้านสนมีเงินไม่พอ น้าสาวของสนก็ประสบปัญหาด้านการเงินช่วงนี้พอดีเนื่องจากสามีป่วยออดๆ แอดๆ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทำให้หมดเงินไปมากจึงพอมีเงินช่วยได้ไม่มากนัก สนจึงงอแงที่จะไปไม่ไปเรียนอีกเพราะไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก ทั้งๆ ที่เขาก็สอบได้แล้ว ครั้นต้นจะให้พ่อกับแม่ช่วย ต้นก็รู้สึกเกรงใจเพราะตอนนี้พ่อกับแม่ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยสำหรับการศึกษาของเขา วิธีนี้จึงเป็นวิธีสุดท้ายที่ต้นพอจะนึกออก ไม่รู้เหมือนว่าถ้าพ่อกับแม่ของต้นรู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความที่ต้นไม่มีพี่ไม่มีน้องเช่นเดียวกับสน พ่อกับแม่ของต้นจึงรักสนมากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง ด้วยเหตุผลนี้ พ่อกับแม่ก็น่าจะเข้าใจและให้อภัยต้นได้เมื่อรู้ความจริง

ต้นมาหาสนที่บ้านด้วยความรู้สึกกังวลและประหม่าเพราะกลัวมากว่าสนจะปฏิเสธการช่วยเหลือของเขาในครั้งนี้ พอสนรู้ว่าต้นมาหา เขาก็พาต้นมานั่งคุยที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านใต้ต้นมะม่วง ดูท่าทางสนเครียดๆ จนพอสังเกตเห็นได้

“สน...นายเรียนต่อเถอะนะ อดทนลำบากอีกแค่สี่ปีเอง จบแล้วนายก็จะมีงานดีๆ ทำ พ่อแม่ของนายจะได้สบาย” ต้นบอกเพื่อนด้วยประโยคเดิมที่เขาพูดมาแล้วหลายครั้งแล้ว

สนถอนหายใจ เขารู้ว่าต้นหวังดีกับเขา แต่ครอบครัวเขาจะต้องลำบากมากขึ้นอีกหลายเท่าถ้าเขาเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าจะไม่ต้องจ่ายค่าเทอมแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกหลายอย่าง สนสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย ถ้าสนออกมาทำงานตอนนี้ พ่อแม่ก็จะได้เหนื่อยน้อยลง เขาก็จะได้เป็นอีกแรงที่ช่วยหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างเต็มที่

พอเห็นเพื่อนเงียบ ต้นก็พูดต่อ “เรารู้ว่านายกังวลเรื่องเงิน รู้ว่านายเป็นห่วงพ่อแม่ที่จะต้องลำบาก แต่สนคิดให้ดีๆ นะ พ่อแม่ของสนจะลำบากไปอีกไม่กี่ปีเท่านั้น แล้วเราหรือพ่อแม่ของเราก็จะช่วย นายไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอกสน เราจะช่วยให้สนเรียนจนจบให้ได้”

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ เห็นความพยายามของเพื่อนแล้วสนก็ลำบากใจเหมือนกัน

“ต้น...เรารบกวนนายและครอบครัวนายมาเยอะแล้ว เราเกรงใจนะต้น เรารู้ว่าตอนนี้ครอบครัวนายก็ต้องใช้เงินมากเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายของนายเองก็ไม่ใช่น้อยๆ นะต้น นายอย่าห่วงเราเลย เราเคยบอกนายแล้วไงว่าเราไม่กลัวความลำบากหรอก เราลำบากมาเยอะแล้ว” สนยังคงยืนกราน

“เราเต็มใจนะสน พ่อแม่เราก็เต็มใจที่จะช่วย ถ้าสนเรียนจบมีงานดีๆ ทำ สนจะใช้คืนทีหลังก็ได้ เราอยากให้นายเรียนจริงๆ นะสน” ต้นพยายามอ้อนวอน

สนดูเงียบไปเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ต้นจึงพูดสืบไปว่า “นายจะบอกให้เราไม่ต้องห่วงนายไม่ได้หรอก ก็นายเป็นเพื่อนรักของเรานี่นา ยังไงเราก็ห่วงนาย เราอยากเห็นนายมีอนาคตที่ดี มีการศึกษา มีงานทำ เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ มันอาจจะลำบากตอนนี้ แต่มันจะคุ้มค่าเมื่อนายเรียนจบนะสน เรายินดีช่วย เราทำได้ทุกอย่างเลย ขอแค่ให้นายยอมเรียนหนังสือต่อ เราพูดจริงๆ นะสน...”

สนมองหน้าเพื่อนด้วยความตื้นตันใจ เขารู้ว่าต้นห่วงใยเขามาก ที่ผ่านมาต้นได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้เขาเรียนต่อ จนทุกวันนี้ต้นก็ไม่เคยลดความพยายามลง เขาเองก็อยากเรียนต่ออย่างที่ต้นขอร้อง แต่มันติดตรงที่ว่าพ่อกับแม่เขาจะต้องลำบากมากขึ้นเท่านั้นเอง

“สน” ต้นเรียกเพื่อนแล้วหยุดไปเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ต้นหยิบห่อเงินออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าสนอย่างช้าๆ สนมองตามอย่างไม่วางตาด้วยความสงสัยว่าในนั้นมีอะไรอยู่

“อะไรเหรอต้น” สนถามด้วยสีหน้าสงสัย

ต้นกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนจะบอกเพื่อนว่า “นี่คือเงินที่เราพอมีอยู่ คิดว่าคงพอจะช่วยให้นายเข้าเรียนได้ นายรับไว้นะสน”

แล้วก็เป็นอย่างที่ต้นคิด สนปฏิเสธทันที

“ไม่ เราไม่รับอย่างเด็ดขาด นายอย่าทำแบบนี้เลยต้น นายช่วยเรามามากแล้ว อย่าให้เราต้องละอายใจไปมากกว่านี้เลย เก็บเงินนายไว้สำหรับอนาคตของนายเถอะ ถ้าพ่อแม่นายรู้มันจะไม่ดีนะต้น” สนบอกปฏิเสธเสียงแข็งแล้วก็ผลักเงินคืนมาให้ต้น

“สน...เราอยากให้นายเรียนต่อจริงๆ นะ เราไม่อยากเห็นนายลำบาก เราอยากเห็นนายเรียนจบสูงๆ มีงานดีๆ ทำ เลี้ยงพ่อกับแม่ได้ พ่อกับแม่นายจะภูมิใจในตัวนายมากนะสน อีกอย่าง...เราจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเลยถ้ารู้ว่าเราพอจะช่วยนายได้แต่เราก็ไม่ทำ” ต้นหยุดมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาอ้อนวอนแล้วพูดต่อว่า

“สน...ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะขอนาย แล้วเราจะไม่ขออะไรจากนายอีกเลย ถือว่าเราขอร้องละกัน นายจะเอามาคืนเราเมื่อไรก็ได้ที่นายพร้อม เราจะไม่เสียดายเงินนี้เลยถ้ามันช่วยให้เพื่อนที่เรารักมีอนาคตที่ดี เราเต็มใจอย่างที่สุดที่จะทำอะไรก็ได้ให้นายยอมเรียนหนังสือ ถ้าวันนี้ไม่สำเร็จ...เราก็จะพยายามอีก เราสัญญานะสน เราจะไม่ขออะไรนายอีกเลยในชีวิตนี้ ขอแค่ให้นายรับเงินก้อนนี้ไปแล้วเรียนต่อ นายจะช่วยทำอย่างที่เพื่อนคนนี้ขอได้ไหม”

เมื่อเจอไม้นี้เข้าไป สนก็พูดแทบไม่ออก

“ได้ไหมสน” ต้นย้ำคำถามเดิม “จะให้เราก้มกราบกรานหรือทำอะไรก็ได้ ขอให้นายรับเงินก้อนนี้ไปแล้วเรียนหนังสือต่อ...ได้ไหมสน”

เห็นความพยายามของเพื่อนขนาดนี้สนก็คงต้องยอมแพ้ แพ้อย่างราบคาบให้กับความดีของเพื่อน เขารู้ว่าต้นเหนื่อย เครียดและใช้ความพยายามอย่างมากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อที่จะทำให้เขาตกลงใจเรียนต่อให้ได้ ที่สำคัญ ต้นก็ได้แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าต้นทำอะไรก็ได้เพื่อให้เขามีอนาคต ต้นยอมเหนื่อยและเสียสละเพื่อเขาขนาดนี้ ทำไมเขาจะทำตามที่เพื่อนขอไม่ได้ “เอาวะ อะไรมันจะเกิดก็คงต้องเกิด พ่อกับแม่ทนเหนื่อยเพื่อสนอีกหน่อยก็แล้วกัน แล้วสนจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังเลย สนจะตอบแทนคุณของพ่อแม่ให้ได้อยู่อย่างสุขสบายเมื่อสนเรียนจบและมีงานทำ” สนคิดในใจ

สนพยักหน้ารับอย่างช้าๆ เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ขอบใจนายมากต้น เราไม่รู้ว่าเราขอบคุณนายเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วตั้งแต่รู้จักกันมา” สนพูดพร้อมกับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจที่ไหลลงมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เขาไม่มีนิสัยเป็นคนขี้แยเลย แต่ก็ต้องร้องให้ด้วยความซาบซึ้งใจกับเพื่อนคนนี้หลายครั้งแล้ว

“แค่นายตั้งใจเรียนให้จบ มีงานดีๆ ทำก็พอแล้วสน แค่นั้นเราก็พอใจแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอะไรเราก็ได้ ถึงวันนั้นเราก็จะไม่ห่วงนายแล้ว”

พอต้นพูดจบ สนก็ดึงเพื่อนมากอดด้วยความซาบซึ้งใจ สนรักเพื่อนคนนี้เหลือเกิน นอกจากพ่อกับแม่แล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีใครที่สามารถรักและเป็นห่วงเขาได้มากขนาดนี้

“นายอย่าบอกพ่อแม่เรานะสน บอกพ่อกับแม่นายด้วย อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ”

สนพยักหน้ารับคำ เขาควรต้องเลิกดื้อและฟังต้นบ้าง เพื่อนช่วยเขามาเยอะแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร สนรู้ดีว่าเขาโชคดีที่ได้มาเจอกับ “กัลยาณมิตร” ที่มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้เท่านั้นที่จะได้เจอมิตรที่จริงใจแบบนี้ “เพื่อนรัก แม้แต่ชีวิตเราก็ให้นายได้” สนบอกตัวเองในใจ

เมื่อสนเอาเรื่องนี้มาบอกพ่อกับแม่ในตอนเย็น แม่ของสนถึงกับร้องให้ ส่วนพ่อก็น้ำตาซึม ทุกคนต่างซาบซึ้งใจในความดีของต้น พ่อกับแม่ของสนได้แต่กำชับสนว่าให้รักเพื่อน ช่วยเพื่อนทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ อย่าทิ้งเพื่อนและอย่าทำให้เพื่อนผิดหวัง สนก็รับคำพ่อกับแม่เป็นอย่างดี

------------------------------------------------------------------------------------------------

แล้วชีวิตของต้นกับสนในรั้วมหาวิทยาลัยก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงที่เข้ามาเรียนใหม่ๆ ต้นกับสนได้มาเจอกับเพื่อนใหม่สองคนที่ชื่อ “นิก” และ “ปั้นจั่น” โดยบังเอิญในวันแรกที่มามอบตัวที่มหาวิทยาลัย เมื่อคุยกันจึงได้รู้ว่านิกกับปั้นจั่นเช่าบ้านอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่เพื่อนรุ่นพี่ที่นิกกับปั้นจั่นรู้จักและเพิ่งจบไป นิกกับปั้นจั่นก็เลยขอเช่าต่อ ตอนนี้ยังมีห้องว่างอยู่อีกสองห้อง จึงอยากให้มีคนมาอยู่ด้วยอีกเพื่อช่วยกันแบ่งเบาค่าเช่าบ้าน ต้นกับสนจึงรีบตอบตกลงทันทีเพราะทั้งสองคนต่างก็ไม่ชอบอยู่หอพัก เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่แคบๆ เพราะบ้านในต่างจังหวัดนั้นมีพื้นที่ใช้สอยมากมายไม่เหมือนในกรุงเทพ

วันรับน้องใหม่วันแรก สนก็แสดงฤทธิ์เดชให้คนในมหาวิทยาลัยรู้เสียแล้วว่า “เพื่อนสน ใครอย่าแตะ” เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะว่าสนกลับมาถึงบ้านพักที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับนิกและปั้นจั่นแล้วปรากฏว่าต้นก็ยังไม่กลับ พอโทรศัพท์ไปหาต้นก็ไม่รับสาย ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน สนจึงกลับไปมหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อไปตามหาเพื่อน

สนถามคนในมหาวิทยาลัยแล้วก็เลยรู้ว่าคณะของต้นนั้นยังรับน้องกันไม่เสร็จเลย สนจึงตามไปดูว่าคณะนั้นเขารับน้องอย่างไรกันถึงต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เมื่อไปถึง สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ต้นกำลังกระโดดโหนราวที่พาดไว้ค่อนข้างสูงมาก ใครที่สามารถกระโดดโหนราวและไต่ไปได้จนสุดก็จะผ่านด่าน ส่วนคนที่ไม่ผ่านก็ถูกบังคับให้กระโดดจนกว่าจะผ่าน

ในคณะของต้นนั้นมีแต่ผู้ชาย คนอื่นๆ กระโดดผ่านกันไปหมดแล้วเหลือแต่ต้นคนเดียว ต้นต้องกระโดดแล้วกระโดดอีกจนแทบจะไม่มีแรง พอต้นล้มลงเขาก็ถูกด่าว่าอ่อนแอและถูกหัวเราะเยาะ จากนั้นก็ถูกบังคับให้กระโดดอีก สนเริ่มกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโหที่เห็นต้นถูกบังคับทารุณเกินกว่าความจำเป็น แม้จะรู้ว่านี่คือการรับน้อง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป พอต้นล้มลงอีกครั้ง เขาก็ปรี่เข้าไปหาเพื่อนและต่อว่ารุ่นพี่อย่างไม่เกรงกลัวใคร

“พอได้แล้ว พวกพี่จะให้เพื่อนผมกระโดดจนตายเลยหรือไง ไม่เห็นหรือไงว่าเพื่อนผมเขากระโดดไม่ไหวแล้ว ทำไมจะต้องบังคับอะไรกันขนาดนั้นด้วย” แล้วสนก็หันมาบอกเพื่อนว่า “ต้น นายไม่ต้องกระโดดแล้ว กลับบ้าน”

“เฮ้ย มึงเป็นใครวะ มายุ่งอะไรเนี่ยหา” หนึ่งในรุ่นพี่ของต้นตะคอกถามแล้วเดินเข้ามาหาสนด้วยท่าทางหาเรื่อง

สนลุกขึ้นยืน ขึงหน้าใส่คนที่เดินเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรง “ผมเป็นเพื่อนต้น ถ้าพวกพี่ไม่หยุดแกล้งเพื่อนผม ผมจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องมหาลัย” สนขู่และก็ได้ผลเพราะเพื่อนรุ่นพี่ของต้นมีสีหน้ากลัวสิ่งที่เขาพูดอย่างเห็นได้ชัด

“มึงกล้าเหรอ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับผลักอกสน แต่สนเป็นคนที่แข็งแรงมากจึงไม่ล้มง่ายๆ ที่สำคัญคือสนดูตัวโตและแข็งแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางสู้สนได้อย่างแน่นอนแม้จะอายุมากกว่าก็ตาม

“นึกว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ” สนว่าพร้อมกับแสดงท่าทีให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะสู้ถ้าหากชายคนนี้ไม่หยุด

“เฮ้ย สนอย่ามีเรื่องกันเลย” ต้นร้องบอกด้วยเสียงเบาหวิวเหมือนคนที่ติดอยู่ในทะเลทรายที่เหน็ดเหนื่อยและหิวโหยมาเป็นแรมเดือน

เพื่อนรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็รีบมาห้ามทั้งสองคนไว้ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย “เฮ้ย ไม่เอาน่า อย่ามีเรื่องกันเลย” เพื่อนรุ่นพี่ที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นที่ยำเกรงของคนอื่นๆ เข้ามาห้ามด้วย

“เดี๋ยวเถอะมึง” ชายคนนั้นหันมาอาฆาตสน

งานรับน้องของคณะต้นจึงต้องหยุดลงกลางคัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ารุ่นพี่ของต้นกลัวว่าสนจะเอาเรื่องไปฟ้องทางมหาวิทยาลัยจริงๆ เพราะทางมหาวิทยาลัยเข้มงวดเรื่องการรับน้องมากและไม่ต้องการให้มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการรับน้องเผยแพร่ออกไปอีก รุ่นพี่คนไหนทำเกินกว่าเหตุก็อาจเจอโทษไล่ออกได้

“ลุกไหวไหมต้น” สนหันมาถามเพื่อน ต้นส่ายหน้าเพราะเขารู้สึกเหนื่อยมากจนเหมือนขาจะหลุดออกจากกัน ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเพราะรุ่นพี่ไม่ให้กิน สนจึงต้องช่วยพยุงต้นให้ค่อยๆ ยืนขึ้น

“ขี่หลังเราไหม” สนถาม เพราะดูแล้วต้นอาจจะเดินไม่ไหวด้วย ต้นพยักหน้า

สนให้ต้นขี่หลังแล้วพาเพื่อนออกไปโดยไม่สนใจรุ่นพี่บางคนที่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

สนพาต้นมาบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ต้นก็แอบรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้ขี่หลังเพื่อนเป็นครั้งแรก เหมือนพระเอกกับนางเอกในหนังรักโรแมนติกที่เขาเคยดูเลย บางครั้งความน่ารักของสนก็ทำให้เขาคิดไปไกลเหมือนกัน ตอนนี้ต้นรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้คิดกับสนแค่เพื่อนเท่านั้น แต่มีความรักอีกแบบหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นโดยที่ต้นไม่รู้ตัวเลยว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน

------------------------------------------------------------------------------------------------

สนพยุงต้นเข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นที่มาถึงก่อนแล้วก็วิ่งเข้ามาช่วยพลางถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“โห...มึงโคตรกล้าเลยว่ะสน ดีนะที่พวกมันไม่รุมมึง ไม่งั้นตายคาตีนพวกมันแน่” ปั้นจั่นชมเมื่อฟังสนเล่าจบ

“ไม่กลัวหรอกเว้ย ทำเกินไปนี่หว่า ไม่รู้ว่าเล่นพิเรนทร์อะไรกันมั่ง ถ้ามหาลัยรู้พวกนี้มีหวังโดนไล่ออก” สนว่าแล้วหันมามองเพื่อนที่นั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาข้างๆ เขาด้วยความห่วงใย บ้านหลังนี้มีชุดโซฟา เก้าอี้และโต๊ะอยู่ตรงกลางโถงชั้นล่าง ใช้นั่งพักผ่อนและกินข้าวได้ นอกจากนี้ก็มีห้องครัวและมีห้องนอนอีกสี่ห้องสำหรับสี่คนพร้อมห้องน้ำในตัวด้วย

นิกกับปั้นจั่นเห็นสายตาที่สนมองต้นแล้วก็รู้สึกแปลกใจเพราะรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ไม่ธรรมดา สายตาที่สนมองเพื่อนนั้นมีความหมายพิเศษกว่าเพื่อนทั่วไปมากนัก

“หายเหนื่อยหรือยังต้น ให้เรานวดให้ไหม” สนถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ” ต้นตอบ

“เอางี้ เดี๋ยวเราช่วยนวดขานายให้ดีกว่า” สนว่าพลางช่วยจัดแขนขาต้นให้นอนสบายๆ บนโซฟาแล้วลงไปนั่งช่วยนวดขาให้โดยไม่รู้ตัวว่าเพื่อนอีกสองคอยสังเกตดูบางสิ่งบางอย่าง จริงๆ ช่วยเหลือกันก็คงไม่แปลก แต่แปลกตรงที่สายตาของทั้งสองคนเวลามองกันนั้นมันมีความหมายบางอย่างที่นิกและปั้นจั่นไม่เข้าใจนั่นเอง

“พวกมึงรู้จักกันมากี่ปีแล้ววะเนี่ย” นิกถาม

สนพักนวด นับนิ้วมือแล้วก็ตอบไปว่า “เก้าปีแล้ว” ตอบเสร็จแล้วก็หันไปนวดให้เพื่อนต่อ

“โห...รู้จักกันนานเหมือนกันนะเนี่ย” นิกว่า

“แล้วพวกมึงล่ะ รู้จักกันกี่ปีแล้ว” สนถามบ้าง แต่ไม่หันไปมองหน้าเพื่อนอีกสองคน

“ไม่กี่ปีหรอก สองสามปีเอง ตอนเรียน ม. ปลาย” ปั้นจั่นตอบ

“สนพอเหอะ เราโอเคแล้ว” ต้นบอกเมื่อรู้สึกว่าอาการดีขึ้น สนจึงหยุด ต้นค่อยๆ ย้ายขาลงจากโซฟาแล้วลุกขึ้นนั่ง

“หิวข้าว มีอะไรกินไหม เรายังไม่ได้กินอะไรสักคำตั้งแต่เช้าเลย” ต้นบอกพลางนิ่วหน้า

“ไม่มีว่ะ เมื่อกี้ก็ลืมซื้อเข้ามา เออ...หิวเหมือนกันแฮะ” นิกเออออตาม

“เดี๋ยวเราออกไปซื้อตรงปากซอยให้” สนอาสา

“เราไปด้วยได้ปะ” ต้นถามแต่ก็รู้ว่าสนต้องไม่ให้ไปแน่ๆ

“ไม่ได้ นายอยู่นี่แหละ พักให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ”

“ทำไมมึงสองคนดูเป็นห่วงกันจังเลยวะ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

ต้นกับสนมองหน้ากันเพราะไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของคำถาม “อ้าว...ก็เป็นเพื่อนกันก็ต้องเป็นห่วงกันสิ แปลกตรงไหน แล้วพวกมึงไม่ห่วงเพื่อนเหรอ” สนถามกลับบ้าง

“ก็ห่วง แต่ไม่เหมือนอย่างนี้” ปั้นจั่นบอก

สนไม่รู้หรอกว่า “อย่างนี้” คืออย่างไหน เขาแค่เป็นห่วงเพื่อนทำไมจะต้องสงสัยด้วย

“เออๆ เดี๋ยวไปหาอะไรมากินดีกว่า ต้นหิวแย่ละ” สนตัดบทแล้วก็เดินออกไป
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 8 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (12-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 12-05-2012 12:51:11
เรื่องซึ้งๆกับความผูกพันระหว่างเพื่อนรัก
เรื่องนี้ต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้มะคะ
รออ่านตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 8 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (12-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 13-05-2012 00:43:26
ต้นเพื่อนรักที่แสนดี   สนเอ๊ย เมื่อไหร่จะคิดเกินเพื่อนซะทีอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 8 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (12-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 13-05-2012 21:02:34
ไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าไหม แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ดราม่าครับ มีอะไรให้ต้องเสียน้ำตาอยู่พอสมควร

---------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 9: จุดเริ่มต้นของความสงสัย

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

“มึงสองคนนี่ดูเป็นเพื่อนที่รักกันดีนะ” ปั้นจั่นเอ่ยขึ้นขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน ต้นกับสนนั่งด้วยกันฝั่งหนึ่ง นิกกับปั้นจั่นนั่งด้วยกันอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ

ต้นกับสนยิ้มเล็กน้อย เขาทั้งสองคนได้ยินคำพูดคล้ายๆ กันนี้มานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

“ถามจริงๆ เถอะ เคยทะเลาะกันบ้างไหมวะ” ปั้นจั่นถามอีก

ต้นกับสนส่ายหน้าแทบจะพร้อมกัน “ถ้าหมายถึงทะเลาะชกต่อยกันน่ะไม่เคย แต่ก็อาจจะมีเคืองๆ กันบ้างนิดหน่อย แต่ก็คุยกันได้ จริงไหมต้น” สนบอกพลางหันไปยิ้มกับต้น ต้นยิ้มตอบ “แล้วพวกมึงทะเลาะกันหรือเปล่า” สนถามบ้าง

“โอย...บ่อยจะตาย ไอ้นี่มันกวนตีน” นิกรีบแย่งบอก ทุกคนหัวเราะชอบใจ

“มึงนั่นแหละกวนตีนยิ่งกว่ากูอีก อย่างเมื่อเช้านี้ก็เหมือนกัน กูบอกให้ช่วยปลุกกูหน่อย แม่งพอตื่นแล้วมันก็ไปก่อนซะงั้น กูเกือบจะไปสาย เกือบโดนรุ่นพี่มันเขกกะบาลเอาแน่ะ” ปั้นจั่นแฉบ้างแล้วพูดต่อว่า “แล้วตอนอยู่ ม.5 นะ มันมีแฟนเว้ย แล้วมันก็หายหัวไปเลยไม่เคยมาดูดำดูดีเพื่อนเล้ย พอโดนแฟนทิ้งถึงได้มาหากู กูอยากล่ะอยากจะกระทืบซ้ำ” ปั้นจั่นว่าเพื่อนพลางหัวเราะ แต่ดูเหมือนต้นกับสนจะไม่ขำด้วยเพราะเคยมีเหตุการณ์คล้ายกันนี้เกิดขึ้นเช่นกัน

“แล้วมึงสองคนเคยมีแฟนเปล่าวะ” ปั้นจั่นหันมาถามต้นกับสนซึ่งต่างก็มองหน้ากันเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“ก็มีบ้างแหละ แต่ไม่จริงจังอะไรหรอก สุดท้ายอยู่กับเพื่อนสบายใจกว่า ต้นเป็นเพื่อนที่ดีมากของกูเลยนะเว้ย เพราะฉะนั้นกูบอกไว้ก่อนว่ากูรักเพื่อนคนนี้มาก พวกมึงห้ามมาทำอะไรเพื่อนกูอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นแล้วจะหาว่าไม่เตือน มึงเคยได้ยินไหม เพื่อนสน ใครอย่าแตะ คนที่โรงเรียนเก่าเขารู้จักดี” สนเป็นฝ่ายตอบก่อนและพยายามดึงประเด็นอื่นเข้ามาแทน เขาพูดอย่างภูมิใจเสมอเวลาที่บอกว่าต้นเป็นเพื่อนที่ดีของเขาและพูดได้โดยไม่รู้สึกอาย ส่วนเรื่องที่เขาเคยมีแฟนแล้วลืมเพื่อนนั้น แม้ว่าต้นจะไม่เคยต่อว่าอะไรเขาเลย แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทีไรเขาก็เสียใจทุกครั้ง

“แล้วต้นล่ะ มึงเคยมีแฟนหรือเปล่า” นิกหันมาถามต้น

“ไม่เคย ยังเด็กอยู่นี่หว่า” ต้นบอก เขารู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยอยากสนทนาเรื่องนี้เท่าใดนัก

“เฮ้ยอะไรกัน เด็กตรงไหนวะ อายุ 19 นี่ไม่เด็กแล้วนะเว้ย” นิกว่าแล้วก็หัวเราะ

“เฮ้ยเอาอย่างนี้ สมมติว่ามึงมีแฟน แล้วมึงจะลืมเพื่อนเปล่าวะ” ปั้นจั่นถาม เพิ่มความอึดอัดให้ต้นกับสนมากยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะเหมือนเป็นการสะกิดแผลเก่าที่มันหายไปแล้วให้กลับฟื้นขึ้นมาอีก แม้จะไม่ได้ทำให้เจ็บปวดแต่ก็กระอักกระอ่วนใจ

“ตอนนี้ยังไม่มีเว้ย ถามมาก็ตอบไม่ได้หรอก รอให้มีก่อนแล้วค่อยว่ากัน คุยเรื่องอื่นกันบ้างเหอะ ถามแต่เรื่องแฟนอยู่ได้” ต้นรีบช่วยตัดบทเพราะยิ่งคุยเรื่องนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด

“อะไรวะ ถามก็ไม่ได้ มีอะไรกับเรื่องแฟนหรือเปล่าเนี่ย” ปั้นจั่นว่า แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

ขณะที่กำลังกินข้าวและคุยกัน ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน สนเป็นคนอาสาเดินไปเปิดประตูแทนเพื่อนๆ

“สวัสดีจ้ะหนุ่มๆ กำลังกินข้าวกันเหรอ พี่ซื้อขนมมาฝากแน่ะ” พี่พิมพ์ หญิงวัยสามสิบปลายๆ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่านั่นเอง สนรับของฝากมาพลางกล่าวขอบคุณ

พี่พิมพ์เดินเข้ามาในบ้านแล้วถาม “เป็นไงจ้ะ บ้านอยู่ได้ไหม โอเคไหม”

“โอเคครับ พวกเราชอบมาก อยู่สบายมากๆ เลยครับ” ปั้นจั่นตอบ

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ ถ้าใครลืมกุญแจก็โทรไปหาพี่ได้ ไฟดับ น้ำไม่ไหล หลังคารั่ว หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ โทรบอกพี่ได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง”พี่พิมพ์บอก บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่เธอสร้างไว้นานแล้ว ทำด้วยไม้ทั้งหลัง พอลูกๆ โตกันหมดก็แยกย้ายกันไปไม่มีใครอยู่ พอพ่อแม่เสีย พี่พิมพ์ก็ซ่อมแซมบ้านหลังนี้ใหม่เพื่อให้คนมาเช่าอยู่ รายได้ที่เกิดขึ้นก็เป็นของพี่พิมพ์ทั้งหมดเพราะพี่น้องคนอื่นๆ ไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมดและไม่มีใครอยากได้บ้านหลังนี้แล้ว ตั้งแต่เปิดให้เช่าก็มีคนมาเช่าตลอดเพราะบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย สามารถเดินไปได้เลย

“พี่พิมพ์กินข้าวด้วยกันไหมครับ” ต้นชวน

“ไม่หรอกจ้ะ ตามสบายเลย พี่กินมาแล้ว พี่แวะมาดูแค่นี้แหละ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพี่ก็จะกลับละ บ๊ายบายจ้ะ มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่นะ” พี่พิมพ์บอกแล้วก็เดินออกไป

พอกินข้าวเสร็จ หนุ่มๆ ก็แบ่งเวรกันล้างจานโดยเริ่มจากนิกก่อนแล้วก็จะสลับไปเป็นปั้นจั่น ต้นและสนตามลำดับ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็ช่วยกันเก็บกวาดให้เรียบร้อย เมื่อหมดภาระแล้วจึงแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง

------------------------------------------------

ต้นถอดเสื้อผ้าออกทิ้งใส่ตะกร้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ยังไม่ทันจะได้เข้าไปอาบน้ำ ก็มีเสียงคนมาเคาะประตู ต้นจึงเดินมาเปิด ภาพที่เห็นทำให้ต้นตกใจเล็กน้อยเพราะสนใส่กางเกงในสีขาวตัวเดียวยืนอยู่หน้าห้องเขา แม้ว่าจะเคยอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอโตแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนในสภาพแบบนี้เท่าไรนัก

“นายมีแชมพูให้เรายืมไหม เราลืมซื้อน่ะ” สนบอกสาเหตุที่เขาต้องมาในสภาพนี้

“มีสิ รอก่อนนะ นายเข้ามาข้างในก่อนสิ” ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแชมพูและครีมนวดผมสำหรับผู้ชายมาให้เพื่อน

“ทำไมไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวมาล่ะ วิ่งออกมาแบบนี้คนอื่นเขาก็ตกใจแย่” ต้นว่าพลางขำ

“ลืมน่ะ แต่จะอายทำไมล่ะมีแต่ผู้ชายด้วยกัน” สนบอกพลางขำไปด้วย เขามองรูปร่างของต้นด้วยความสนใจ ต้นไม่ค่อยเป็นคนที่เปิดเผยรูปร่างของตัวเองมากนัก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าเพื่อนเขามีรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเห็นตอนเด็กๆ มากทีเดียว

“โห นายก็หุ่นดีเหมือนกันนะเนี่ย มีซิคแพ็คด้วย ตัวโตขึ้นเยอะเลย ไหนขอดูไอ้นั่นหน่อยสิว่าโตขึ้นด้วยหรือเปล่า” สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาแกล้งกระตุกผ้าเช็ดตัวที่ต้นนุ่งอยู่

ต้นดึงไว้พลางห้าม “เฮ้ยไม่เอา”

สนหยุดแล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ “ไปอาบน้ำละ เดี๋ยวเอามาคืนนะ” สนบอกแล้วเดินออกไป แล้วก็หยุดเหมือนนึกอะไรได้ “แล้วนายจะใช้ตอนนี้หรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร เราสระตอนเช้าก็ได้ นายเอาไปก่อนเถอะ”

“โอเค เดี๋ยวเราเอามาให้ อ้อ...เดี๋ยวเรามาคุยด้วยนะ อย่าเพิ่งนอนล่ะ” สนกำชับแล้วก็เดินออกจากห้องของต้นไป

อาบน้ำเสร็จแล้ว สนก็มาเคาะประตูห้องเพื่อน เขาใส่ยืดสีขาวบางๆ ไม่มีลายและกางเกงบ๊อกเซอร์ ต้นเดินมาเปิดประตูให้เพื่อน เขาอยู่ในชุดนอนปิจามาสซึ่งสนชอบล้อว่าเหมือนคุณชาย ต่างคนก็ต่างเป็นหนุ่มเต็มตัวกันแล้ว สำหรับสน ด้วยชุดที่เขาใส่ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศเป็นอย่างยิ่ง ต้นจึงรู้สึกใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเพื่อนมานั่งคุยใกล้ๆ แต่สักพักก็เริ่มชิน

พอมาถึงสนก็ลงไปนอนเล่นบนเตียงของต้นอย่างคุ้นเคย เขาตบมือลงตรงที่ว่างข้างๆ ตัวเป็นสัญญาณบอกให้ต้นตามมานอนข้างๆ

"อะไรเนี่ย นี่มันห้องนอนใครกันแน่ เราต้องเป็นคนชวนนายไม่ใช่เหรอ" ต้นแซวพลางขำ เขาเดินไปข้างๆ เตียงแล้วก็นั่งลงแทนที่จะนอนลงไป

"ทำไมล่ะ ห้องนายก็เหมือนห้องเรานั่นแหละ ไม่นอนคุยกันเหรอ"

ต้นส่ายหน้า "ยังไม่ง่วง" ต้นบอกพลางขยับขาขึ้นมาไว้บนเตียงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

สนเห็นแบบนั้นก็เลยเลียนแบบบ้าง เขาเขยิบตัวลุกขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ ต้นแล้วก็หันมายิ้มให้ ไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ต้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

"นอนตักเราไหม" สนชวน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำเขาถึงชวนแบบนั้น เวลาอยู่ลำพังกับต้นแล้วเขารู้สึกอยากดูแลผู้ชายคนนี้ ต้นเป็นเพื่อนที่สนรู้สึกอยากทนุถนอมมากกว่าที่จะเล่นแผลงๆ ด้วย

ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย สนไม่รอช้า เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ต้นแล้วก็ดึงให้นอนลง ต้นขืนตัวนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามในที่สุด

"อยากหลับก็หลับไปเลยนะ ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็งหรอก" สนบอก

"เดี๋ยวนายเมื่อยขาแย่" แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่ต้นก็นอนเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์ เขากับสนมักจะใกล้ชิดและสัมผัสเนื้อตัวกันแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะกอดคอ กอดตัว จับมือหรือแม้กระทั่งนอนตักแบบนี้

"ไม่เมื่อยหรอก" สนบอกพลางขำเบาๆ "วันนี้มีใครแกล้งอะไรนายหรือเปล่า ถ้ามี...นายต้องบอกเรานะ เดี๋ยวเราไปจัดการให้"

"โธ่...ใครจะกล้ามาแกล้งเรา แค่วันนั้นที่นายแผลงฤทธิ์กับรุ่นพี่ก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเราแล้ว" ต้นบอกพลางหัวเราะชอบใจ

อันที่จริงต้นเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงเพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องมาตลอด ตั้งแต่เด็กๆ เวลาอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ต้นจะกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่สนต้องแปลกใจ ต้นเป็นผู้นำและจัดการปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ต้นเหมือนมีอำนาจที่คนอื่นๆ จะต้องฟังและทำตามเขา จะว่าไปแล้วต้นก็เป็นต้นแบบให้สนในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านการเรียน การเป็นผู้นำและการช่วยเหลือผู้อื่น แต่พอต้นอยู่กับเขา ต้นก็ยังคงเป็นเด็กชายต้นที่เขาเคยเจอเมื่อ 7-8 ปีก่อน

พอคุยกันจนหนำใจแล้ว สนก็เดินกลับเข้าห้องของเขาไป ในขณะที่เขาออกมาจากห้องต้นนั้น ปั้นจั่นก็บังเอิญเห็นพอดีระหว่างที่ลงมากินน้ำข้างล่างก่อนจะขึ้นไปนอน เขาอดทึ่งไม่ได้ที่สองคนนี้เป็นเพื่อนที่รักกันมาก มากจนดูออกทั้งจากสีหน้าและการกระทำ

------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนเช้า ต้นกับสนก็เดินไปมหาวิทยาลัยด้วยกันพร้อมกับนิกและปั้นจั่น แต่เดินไปเดินมาสุดท้ายก็แยกกันเดินเป็นคู่ๆ เหมือนไม่ได้มาด้วยกันเพราะคุยกันไปมาแล้วต้นกับสนก็ดูเหมือนจะชอบคุยกันเองมากกว่า สนเดินมาส่งต้นที่คณะของต้นเพราะถึงก่อนของเขา จากนั้นสนจึงเดินต่อไปคณะของเขาเอง ชีวิตในช่วงปีแรกของต้นกับสนก็ดำเนินไปเช่นนี้ ในตอนหลังๆ ก็เริ่มสนิทสนมกับนิกและปั้นจั่นมากขึ้น ที่จริงสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดี แต่ปั้นจั่นจะเป็นคนที่พูดตรงและโผงผาง คิดหรือสงสัยอะไรก็จะถามอย่างนั้น ส่วนนิกก็จะออกแนวคล้ายๆ กัน แต่เขาจะไม่พูดโผงผางมากเท่ากับปั้นจั่น แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ไว้ใจได้

สิ่งหนึ่งที่เพื่อน ใหม่อีกสองคนตระหนักก็คือความมีน้ำใจของต้น ต้นมีน้ำใจกับเพื่อนทุกคน ต้นช่วยเพื่อนทุกคนถ้าเขาช่วยได้ซึ่งต่างกับสนอยู่บ้าง สนเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีน้ำใจแต่จะไม่ละเอียดอ่อนและใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่ากับต้น ความใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของต้นนี่เองที่เป็นเหตุให้นิกกับปั้นจั่นเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง แม้ว่าดูภายนอกต้นจะเหมือนผู้ชายทั่วไป เรียนวิศวะที่มีแต่ผู้ชายเต็มห้อง ไม่แต่งตัวหรือมีท่าทางที่เหมือนเกย์หรือกะเทยให้เห็น แต่เขาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนหน้าตาดี ในขณะเดียวกันต้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจผู้ชายเช่นกัน คงมีแต่สนเท่านั้นที่ดูต้นจะสนิทมากกว่าใคร เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ต้นอยู่ใกล้แล้วจะมีแววตาแปลกๆ ที่ทำให้นิกกับปั้นจั่นงุนงงสงสัย รวมทั้งยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่พอสังเกตได้ซึ่งทำให้ต้นดูแตกต่างจากผู้ชายทั่วไป

------------------------------------------------------------------------------------------------

ความสงสัยของนิกกันปั้นจั่นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้เห็นความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดาระหว่างต้นกับสน เช่นครั้งนี้ เย็นวันอาทิตย์ที่ทุกคนไม่ได้ไปไหน นิก ปั้นจั่น ต้นและสนลงมานั่งดูทีวีด้วยกันหลังจากที่อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยแล้ว นิกกับปั้นจั่นเป็นคนที่ชอบดูทีวีเพราะเป็นเด็กในเมืองที่ถูกเลี้ยงมาด้วยทีวี ส่วนต้นกับสนไม่ค่อยชอบดูเท่าไรนักเพราะโตมากับการเล่นตามธรรมชาติ

“ต้นมานั่งนี่” สนเรียกเมื่อเห็นต้นเดินไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ เขาตบมือลงบนโซฟาที่เขาต้องการให้ต้นมานั่งด้วย

ต้นจึงเดินมานั่งกับสนโดยไม่รู้ว่านิกกับปั้นจั่นคอยสังเกตอยู่ พอมานั่งแล้วต้นกับสนก็ไม่ค่อยได้สนใจทีวีเท่าไรนักแต่คุยกันเองเสียมากกว่า

“เราเพิ่งไปอ่านหนังสือดูลายมือมา” สนบอกพลางยิ้ม

“นายชอบเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” ต้นถามอย่างสงสัย

“เปล่าหรอก แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าเขาดูยังไง เราดูเป็นอย่างหนึ่งแน่ะ นายเอามือมาสิ”

ต้นยื่นมือไปให้เพื่อนแล้วก็ถาม “จริงเหรอ อะไรล่ะ”

สนดึงมือของต้นมาไว้ตรงบริเวณหน้าอกของเขาแล้วก็ตอบพลางขำว่า “เนื้อคู่ไง” แล้วสนก็หันมาสนใจกับลายมือของต้น พอดูอยู่สักพักสนก็ร้องว่า “นายเจอเนื้อคู่หรือยังเนี่ย ทำไมเส้นเนื้อคู่ของนายมันชัดมากเลย”

“จริงเหรอ ไหนล่ะ” ต้นร้องถามอย่างตื่นเต้น

“นี่ไงล่ะ นายดูสิ เห็นไหมมันชัดเจนมากเลย สงสัยนายจะเจอเนื้อคู่แล้วแน่ๆ”

ต้นชะโงกไปดูตามที่สนชี้ให้ดู นิกกับปั้นจั่นหันมามองดูแล้วก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นต้นกับสนใกล้ชิดถึงเนื้อตัวกันขนาดนั้น ดูเผินๆ ก็เหมือนต้นกำลังซบอยู่บนหน้าอกของสน

“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นไหมวะ” ปั้นจั่นกระซิบถามนิก

นิกพยักหน้ารับ “สายตาสองคนนี้มันแปลกๆ ว่ะ กูเห็นแล้วกูขนลุก” นิกว่าพลางทำท่าทางไปด้วย

แล้วทั้งสองคนก็หันกลับไปดูทีวีต่อ แต่ก็คอยชำเลืองมองเป็นระยะๆ

“เส้นนี้เราเห็นตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เส้นเนื้อคู่หรอกมั้ง เรายังไม่มีแฟนเลยจะมีเนื้อคู่ได้ยังไง” ต้นแย้ง

“ไม่มีแฟนแล้วมีคนที่ชอบหรือเปล่าล่ะ”

คำถามนี้ทำให้ต้นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ ต้นจะบอกได้อย่างไรว่าต้นชอบใคร แค่คิดก็ผิดแล้ว

“สงสัยถ้าจะเชื่อไม่ได้” สนว่าพลางขำ

“แล้วนายมีเส้นนี้หรือเปล่าล่ะ” ต้นอยากรู้

“ก็มีเหมือนกัน ดูสิ นี่ไง ไม่รู้ว่ามันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่เคยสังเกต” สนบอกพลางแบมือให้เพื่อนดูบ้าง

ต้นชะโงกมาดูอีกทีแล้วก็ยิ้ม “แล้วนายเจอเนื้อคู่หรือยังล่ะ”

“ยังไม่เห็นเจอเลย สงสัยจะมั่วจริงๆ นั่นแหละ เราว่าแล้ว เราถึงไม่ชอบดูของพวกนี้ไง เราว่าเขาเดาเอามากกว่า หรือไม่ก็บังเอิญ”

“บางทีพวกมึงสองคนอาจจะเจอเนื้อคู่แล้วแต่ยังไม่รู้ตัวก็ได้มั้ง” ปั้นจั่นหันมาแซวอย่างมีเลศนัย

“หมายความว่าไงวะ” สนถามอย่างสงสัย

“ไม่รู้เว้ย คิดเอาเองละกัน” แล้วปั่นจั่นก็เปลี่ยนเรื่องถาม “นี่กูถามจริงๆ เถอะ พวกมึงจะคุยกันแค่สองคน ไม่คุยกับคนอื่นบ้างหรือไงวะ”

ต้นกับสนทำหน้าเลิ่กลั่ก

“ไม่มีอะไรหรอก คุยกันต่อไปเถอะ แต่เบาๆ หน่อย กูดูทีวีไม่ค่อยรู้เรื่อง” ปั่นจั่นตัดบทแล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อ

ส่วนต้นกับสนก็หันกลับมาคุยกันเช่นเดิมโดยไม่ได้สนใจที่จะดูทีวีมากนัก

“เฮ้ยต้น เราว่านายมีผมหงอก มานี่เราถอนให้” สนพูดไม่พูดเปล่า สนค่อยๆ ใช้มือดึงเส้นผมสีขาวที่เขาเห็นบนหัวของเพื่อนออก แล้วก็เอาให้ต้นดู

“เห็นไหม สงสัยนายจะใช้สมองเยอะเวลาเรียน ผมก็เลยหงอกไว มานี่ เดี๋ยวเราจะดูให้ ท่าจะมีเยอะนะเนี่ย”

ต้นก้มหัวลงให้เพื่อนหาผมหงอกได้สะดวกขึ้น ต่างคนต่างก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนคอยสังเกตพฤติกรรมอยู่ตลอด ผ่านไปสักพักใหญ่ นิกกับปั้นจั่นหันมาก็เห็นต้นนอนหลับอยู่บนตักของสนเสียแล้ว ด้วยความสงสัยนิกจึงถามว่า “อ้าว ต้นเป็นอะไร”

“สงสัยช่วงนี้ต้นจะเรียนหนัก ไม่ค่อยได้นอน เล่นหัวหน่อยก็เลยหลับไปเลย” สนว่าพลางขำเล็กน้อย แล้วก็นั่งดูทีวีโดยปล่อยให้ต้นนอนหลับอยู่บนตักอย่างนั้น เวลาที่เขาได้ดูแลหรือทำอะไรให้เพื่อนบ้าง สนจะมีความสุขมาก

ตั้งแต่เกิดมา นิกกับปั้นจั่นยังไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายที่ไหนนอนหนุนตักกันแบบนี้เลย นอกจากที่เห็นวันนี้แล้ว วันอื่นๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน นิกกับปั้นจั่นมักจะสังเกตเห็นความใกล้ชิดระหว่างต้นกับสนที่ไม่ธรรมดาอยู่ตลอด แม้ว่าเขาสองคนไม่ได้ละเอียดอ่อนที่จะสังเกตเห็นอะไรลึกซึ้งตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่พอเจอบ่อยเข้าก็ทำให้สะดุดใจได้ จนแอบสงสัยว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันจริงๆ หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 9 ¤ จุดเริ่มต้นของความสงสัย (13-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 13-05-2012 21:30:39


เข้ามาจิ้มๆ ขอเจิมตอนนี้ไว้ก่อนนะ

ภาคนี้จะออกมาเศร้ารึเปล่านะ ไม่เอาชะนีนะ แงแง 555

เริ่มกลัวดราม่า แต่ภูมิคุ้นกันเราดีมากก  :m18: :m18:

ตอนเข้าห้องน้ำ ทำไมสนไม่ถกผ้าขนหนูซะก็หมดเรื่อง จะได้รู้ๆกันไปเลย <หื่นซะงั้นเรา  :haun4:>

5555  :laugh: :laugh: :laugh:

เป็นกำลังใจให้คนเขียน รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

ดราม่ายังไง ขอแบบ Happy ending นะค่ะ

 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 9 ¤ จุดเริ่มต้นของความสงสัย (13-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 14-05-2012 09:44:27
เพื่อนนิก กับ ปั้นจั่น ช่างสังเกตจริงๆนะ

สนก็ชอบยั่วต้นบ่อยๆ  ทำเอาต้นหวั่นไหวตลอดๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 9 ¤ จุดเริ่มต้นของความสงสัย (13-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 14-05-2012 10:27:40
=,,=
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 9 ¤ จุดเริ่มต้นของความสงสัย (13-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-05-2012 11:56:30
ตอนที่ 10: วันฟ้าใส

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ในช่วงพักกลางวัน นักศึกษาทุกคนจากทุกคณะจะมากินอาหารกันที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย วันนี้ สนเลือกที่จะมากินข้าวกับต้นเพราะยังไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนใหม่ดีนัก ในขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกัน บังเอิญมีสาวสวยกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา สนเผลอหันมองตามตามประสาคนวัยหนุ่มโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าต้นสังเกตดูและครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“แบบนี้สเปคนายหรือเปล่า” ต้นถาม ทำให้สนได้สติ

“อ๋อ...ก็สวยดี จริงๆ เราไม่มีสเปคหรอก ถ้าเกิดชอบก็ชอบ แต่คนจนๆ อย่างเราคงไม่มีสาวคนไหนสนใจหรอก” ประโยคท้ายสนพูดกึ่งประชดพลางแค่นหัวเราะนิดๆ

“ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะสน คนที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องฐานะก็มี บางทีมีแฟนเป็นคนดีก็อาจจะดีกว่ามีแฟนเป็นคนรวยก็ได้” ต้นแย้ง

“จะมีสักกี่คนที่คิดอย่างนั้นล่ะต้น เราว่าน้อยมาก นายรู้ไหม ในห้องของเรามีแต่ลูกคนรวยทั้งนั้น นามสกุลดังๆ ก็เยอะ มีแต่เราที่เป็นใครก็ไม่รู้อยู่คนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยทั้งเรื่องเงินและความรู้ เราก็คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสสังคมแบบนี้หรอก” สนพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความน้อยใจบางอย่าง

“อย่าคิดมากน่ะสน ใครจะรวยจะจนก็ช่างเขาเถอะ เราตั้งใจเรียนให้จบดีกว่าดีไหม”

สนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยิ้มกึ่งเม้มริมฝีปาก

“สน” ต้นเรียกเพื่อนเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง สนหันมามอง “ถ้านายอยากจะมีแฟนหรือเจอคนที่ชอบ นายไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ” ต้นบอกเพียงเท่านี้ซึ่งเขาคิดว่าสนคงเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“เรายังไม่อยากคิดเรื่องนั้นหรอกต้น เรียนให้จบก่อนดีกว่า เอาตัวก็ยังจะไม่รอดเลย มีแฟนตอนนี้ก็คงยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ว่าแต่นายเถอะ นายก็เป็นคนที่หน้าตาดีเหมือนกันนะ มีสาวๆ มาชอบบ้างหรือยังล่ะ ถ้าสนใจใครบอกได้นะเว้ย เดี๋ยวเราช่วย” สนพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“เราก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ เรียนให้จบก่อนดีกว่าแล้วค่อยคิด แต่ของแบบนี้มันก็เดายากนะ มันจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้ามันถึงเวลามันก็มาเองแหละ จริงๆ นายอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าบางทีเราอาจจะมีคนที่เราชอบมานานแล้ว”

ประโยคท้ายทำให้สนเกิดความอยากรู้ขึ้นมาทันที “ใครวะต้น ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ เราก็อยู่กับนายแทบทุกวัน ใครเหรอ นายแอบชอบใครเหรอ”

“เราแค่สมมติเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก” ต้นรีบแก้ตัว ชาตินี้ต้นคงไม่มีโอกาสได้บอกคนๆ นั้นอย่างแน่นอน เพราะคนที่ต้นรักนั้นคงไม่ได้คิดกับเขาอย่างนั้น และอาจจะรับไม่ได้ถ้าเกิดเขาได้รู้ความจริงบางอย่าง ความจริงที่ต้นไม่กล้าบอกใคร ได้แต่เก็บซ่อนไว้ลึกๆ แต่สนก็ยังไม่วายสงสัย แต่ก่อนจะถามอะไรต่อก็มีเสียงร้องทักมาจากข้างหลัง

“เฮ้ยสองคนนี้ แอบมาจู๋จี๋กันอยู่นี่เอง มากินข้าวก็ไม่ชวนกันบ้างเลย”

นิกกับปั้นจั่นนั่นเอง ทั้งสองคนเพิ่งได้หยุดพักเที่ยงตอนเกือบเที่ยงครึ่งแล้ว

“อ้าว ทำไมลงมาช้าล่ะ” สนถาม เขาไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตกับการใช้คำว่า “จู๋จี๋” ของเพื่อนเท่าไรนัก มีแต่ต้นเท่านั้นที่รู้สึกว่าสองคนนี้พูดอะไรแปลกๆ

“มีงานนิดหน่อย” ปั่นจั่นบอก

“เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวก่อน รอด้วยนะเว้ย” นิกบอก แล้วก็พาปั้นจั่นเดินไปซื้ออาหาร

---------------------------------------------------------------------

วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดสบายๆ อีกวันหนึ่งที่ต้น สน นิกและปั้นจั่นว่าจะไปเที่ยวด้วยกันด้วยการไปขี่จักรยานเล่นที่สวนหลวง ร. 9 ตอนสายๆ และไปดูหนังตอนบ่ายๆ

ในขณะที่ต้นกำลังแต่งตัวเตรียมออกไปกับเพื่อนๆ อยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ต้นกำลังใส่กางเกงยีนส์อยู่ ยังไม่ได้ใส่เข็มขัดเลย แต่ก็ต้องรีบเดินไปเปิด เขาเดาว่าน่าจะเป็นสนอย่างแน่นอน เพราะส่วนมากก็จะเป็นสนนั่นแหละที่มาเคาะห้องเขาบ่อยๆ

พอต้นเปิดประตูโผล่ออกไปดูก็เห็นว่าเป็นสนยืนยิ้มเผล่อยู่

"ต้น...กางเกงที่เราซื้อมาใหม่มันคับไปน่ะ นายมีตัวอื่นให้เราใส่ก่อนไหม พอดีตัวอื่นๆ ยังไม่ได้ซักน่ะ"

ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือเรื่องอะไร สนก็จะนึกถึงต้นเป็นคนแรกเสมอ ต้นก้มดูกางเกงที่สนใส่มาแล้วก็ตกใจเล็กน้อยเพราะสนยังไม่ได้รูดซิป อาจจะเป็นเพราะมันคับก็เลยรูดไม่ได้ จึงเห็นสนน้อยอยู่ในกางเกงในสีเทาๆ โผล่ออกมาด้วย

"เข้ามาก่อนสิ"

สนเดินตามต้นเข้ามาในห้อง พอปิดประตูห้อง สนก็จัดการถอดกางเกงออกทันที

"สงสัยจะใส่ไม่ได้แล้วล่ะ ตอนซื้อก็มัวแต่รีบเลยไม่ได้ลอง เอ...แต่เราว่านายน่าจะใส่ได้นะ นายจะเอาไว้ใส่ไหม" สนชูกางเกงที่เขาซื้อมาให้ต้นดู

ต้นเห็นเพื่อนเปลือยท่อนล่างเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวแล้วก็รู้สึกใจคอไม่เป็นปกติ "ก็น่าจะได้นะ ถ้านายใส่ไม่ได้เราใส่เองก็ได้ เท่ห์ดีเหมือนกัน"

ต้นรับกางเกงตัวนั้นมาแล้วก็วางพาดไว้บนเตียงก่อน กำลังจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหากางเกงให้สนใส่เขาก็ต้องตกใจเมื่อสนทักขึ้นมาว่า

"เฮ้ยต้น...เราว่ากางเกงที่นายใส่อยู่มันหลวมๆ นะ เอางี้ดีกว่า เราแลกกางเกงกัน นายเอาตัวนี้ของเราไป เราก็เอาตัวนี้ของนาย ดีไหม"

ต้นหันมามองพลางเลิกคิ้ว "เอางั้นเหรอ"

สนพยักหน้า "ดีไหมล่ะ นายถอดตัวนั้นให้เราสิ เดี๋ยวเราจะลองใส่ดูก่อน"

"เอางั้นเลยเหรอ" ต้นถามย้ำ

สนเห็นต้นชักช้าก็เลยเดินไปหาเพื่อน "มานี่ เดี๋ยวเราถอดให้"

ต้นใช้มือจับตะขอกางเกงไว้เมื่อรู้ว่าสนกำลังจะทำอะไร "เดี๋ยวเราถอดเองก็ได้" ต้นร้องบอก

แต่ไม่ทันเสียแล้ว สนจับมือต้นออก เขาปลดตะขอกางเกง รูดซิปแล้วก็ดึงกางเกงต้นลงอย่างรวดเร็ว ตอนแรกต้นว่าจะเอามือมาปิดเป้าไว้ แต่ก็กลัวว่าสนจะสงสัยว่าทำไมเขาต้องอายด้วยในเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็เลยต้องปล่อยให้ต้นน้อยที่อยู่ในกางเกงในสีขาวอวดสายตาเพื่อน

สายตาของสนจ้องมองที่ส่วนนั้นของต้นด้วยความสนใจ ยังไม่ทันที่ต้นจะได้ปกป้องตัวเอง สนก็จับหมับเข้าให้

"โห...ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย" สนปล่อยแล้วก็ยิ้มและหัวเราะชอบใจ ส่วนต้นได้แต่ยืนหน้าแดงด้วยความอาย

"จะเอาคืนก็ได้นะ" สนบอกพลางทำหน้าทะเล้น

"ไม่เอาหรอก" ต้นบอกด้วยเสียงเบาพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ แล้วก็ถอดกางเกงที่ถูกถอดลงไปกองที่ต้นขาออกแล้วส่งให้สน

สนรับกางเกงต้นมาใส่ก็ปรากฎว่าใส่ได้พอดี ไม่คับและไม่หลวมจนเกินไป

"พอดีเลย นายเอาของเรามาลองใส่ดูสิ หรือว่าจะให้ช่วยใส่ให้"

ท่าทางทีเล่นทีจริงของสนทำให้ต้นรีบเดินไปเอากางเกงของสนที่เขาวางพาดไว้บนเตียงแทบไม่ทัน

"ใส่เองก็ได้" ต้นบอกแล้วก็ยังคอยชำเลืองดูสนอย่างไม่ไว้ใจ เวลาที่สนเล่นกับเขาแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ทำให้ต้นกังวลอยู่เหมือนกันว่าร่างกายของเขาจะฟ้องความต้องการบางอย่างออกมา เกิดสนสงสัยขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องได้

สนยืนยิ้มมองเพื่อนที่คอยระแวงเขาด้วยความชอบใจ บางทีก็ขำ ดูไปแล้วต้นก็น่ารักดีเหมือนกัน แต่จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่รู้จักต้นมา เขาก็รู้สึกว่าต้นน่ารักแบบนี้เสมอ

"ขำอะไร" ต้นหันมาถามด้วยความสงสัย สายตาสนที่มองเขาอย่างเอ็นดูนั้นทำให้ต้นรับรู้ได้ถึงความพิเศษของเขาที่มีต่อเพื่อน ต้นเห็นสายตาแบบนี้มานานแล้วล่ะ บางทีก็ชิน แต่บางทีก็ทำให้รู้สึกอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่เคยคิดหรอกว่าสนจะให้ความสำคัญกับเขาเกินเพื่อน

"เปล่า" สนปฏิเสธ แต่ก็ยังขำอีกจนได้

"พอใส่ได้อยู่ เกือบคับแน่ะ" ต้นบอกเมื่อใส่กางเกงเสร็จแล้ว

"เราบอกแล้วว่านายต้องใส่ได้"

--------------------------------------------------------------

สนเดินกอดคอต้นลงมาข้างล่างก็เจอนิกกับปั้นจั่นนั่งรออยู่ ปั้นจั่นเห็นเพื่อนสองคนที่เดินคลอเคลียกันลงมาก็อดแซวไม่ได้

"สวีทกันจริงนะเพื่อนรักสองคนนี้"

"ทำไม ก็คนเขาเป็นเพื่อนรักกันไม่เห็นจะแปลก" สนบอกเหมือนกับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เขาก็กอดคอกับต้นออกบ่อยไป ไม่เห็นมีอะไรเลย มากกว่านี้ก็ทำ

"กอดก็ยังได้เลย เนาะต้นเนาะ" สนพูดพลางกอดต้นในลักษณะรวบแขนจากด้านหลัง

ต้นไม่ได้รู้สึกเขินอายหรือแปลกใจมากนักเพราะสนก็ทำแบบนี้บ่อยๆ จนต้นรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา ตั้งแต่ที่สนกับเขาเคยเกือบเลิกคบกันเพราะถูกเพื่อนล้อว่าเป็นคู่เกย์กัน พอปรับความเข้าใจกันได้แล้ว สนก็เลิกแคร์เรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะล้อเขาก็ไม่สนใจ แถมบางทียังทำใส่อีก เช่น กอดต้นต่อหน้าคนที่ล้อเสียเลย แถมยังบอกคล้ายๆ ที่เพิ่งพูดเมื่อกี้อีกว่า "ก็คนเขาเป็นเพื่อนรักกัน มันแปลกตรงไหนวะ" เพราะฉะนั้น ใครอยากล้อก็ล้อไป เขาไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มากวนใจ จนในที่สุดคนก็เลิกสนใจไปเอง

"เออ...แน่จริงก็หอมแก้มกันเลยสิวะ" นิกแซวบ้าง ไม่ได้คาดหวังว่าสนจะต้องทำอย่างนั้นจริงๆ หรอก

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" สนพูดไม่พูดเปล่า แต่หอมแก้มต้นให้สองคนนั้นดูเลยทันที

"เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรเลย คนเขาบริสุทธิ์ใจซะอย่าง เนาะต้น" สนพูดพลางใช้มือที่โอบไหล่ต้นไว้เขย่าตัวต้นเบาๆ หารู้ไม่ว่าคนที่ถูกหอมแก้มยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ

"ไปเหอะ สายแล้ว" สนพูดพลางเดินนำเพื่อนๆ ออกไป แต่ก็ต้องแปลกใจที่ต้นไม่ยอมเดินตามมาด้วย สนหันไปมองแล้วก็เดิมกลับมาดึงแขนต้นให้เดินตาม

"เป็นไรต้น ไปเถอะ เดี๋ยวแดดจะร้อน"

"ไอ้บ้า มึงไม่เห็นหรือไงว่าไอ้ต้นมันตกใจ อยู่ดีๆ ก็ไปหอมแก้มมันแบบนั้น กูแค่พูดเล่นเว้ย ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ มึงก็เสือกทำจริง" นิกว่าพลางหัวเราะ

"อ้าวเหรอ" สนทำหน้าเหรอหรา "ขอโทษนะต้น อย่าคิดมากสิ เพื่อนกันทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอก" สนว่าพลางโอบไหล่เพื่อนไว้

ต้นยิ้มแล้วก็ขำเบาๆ บางทีสนก็ดูล้นนิดๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้ สนคงไม่อยากทำให้ต้นรู้สึกไม่ดีเหมือนครั้งนั้น เวลาใครล้อสนก็เลยมักทำแบบนี้โชว์ แม้จะรู้ว่าบางทีมันก็มากเกินไป แต่ต้นก็เข้าใจความตั้งใจของเพื่อน

-----------------------------------------------

ช่วงปลายๆ หน้าฝนเข้าหน้าหนาวแบบนี้ท้องฟ้ากำลังสวยทีเดียว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ท้องฟ้าสดใส หนุ่มน้อยทั้งสี่คนเองก็สนุกและสดใสตามวัยของพวกเขาเช่นกัน พวกเขาขี่จักรยานที่เช่ามาอย่างสนุกสนาน สักพักก็แยกกันเป็นคู่ๆ อีกเช่นเคย บางทีนิกกับปั้นจั่นก็รู้สึกว่า ต้นกับสนต้องการพื้นที่ส่วนตัว

"ท้องฟ้าสวยจังเลย นายว่าไหม" ต้นบอกขณะที่ปั่นจักรยานช้าๆ ไปรอบๆ ทะเลสาบ เด็กนอกเมืองอย่างพวกเขามักจะได้เห็นหรือได้ยินชื่อสถานที่สำคัญๆ ในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ก็ได้แต่ใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้มาเห็นด้วยตัวเอง ก็เหมือนกับที่แห่งนี้ เด็กๆ ที่ได้ยินชื่อและเห็นภาพในทีวีต่างก็ใฝ่ฝันที่จะมาให้ได้สักครั้งในชีวิต

"อืม...อากาศดีด้วย แต่นายรู้เปล่าว่าที่บ้านเก่าเรานะ...ท้องฟ้าสวยกว่านี้อีก" สนถือโอกาสคุย

"จริงดิ...เรายังไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือเลย สงสัยต้องให้นายพาไปเที่ยวบ้างแล้วล่ะ"

"ได้เลย ไปวันไหนบอกเราก็แล้วกัน"

"นายไม่คิดจะกลับไปอยู่ที่น่านอีกเหรอ"

สนทำท่าครุ่นคิด "ไม่หรอก...เราว่าอยู่นี่ก็ดีแล้ว อีกอย่าง...เราอยู่ไหนก็ได้ขอให้มีนาย"

ต้นถึงกับสะดุดกึกและหยุดรถจักรยานเมื่อได้ยินเช่นนั้น สนขี่เลยไปเล็กน้อยแล้วก็หยุดหันมาถามด้วยความเป็นห่วง

"เป็นไรหรือเปล่าต้น"

"เปล่า..." ต้นปฏิเสธพลางยิ้มแล้วก็ค่อยๆ ปั่นจักรยานออกไป สนมองตามอย่างงงๆ แล้วก็ปั่นตามไป

"เห็นแล้วคิดถึงบ้านนะ นายว่าอาทิตย์หน้าเรากลับบ้านมั่งดีไหม" ต้นหันไปถาม

"ดีเหมือนกัน เราก็คิดถึงพ่อกับแม่ อ้อ...คิดถึงพ่อกับแม่ของนายด้วย นายอยากกินแกงผักกาดจอไหม เดี๋ยวเราจะบอกแม่ให้ทำไว้ให้"

ต้นได้ยินแบบนั้นก็ตาโต เขาชอบกินแกงผักกาดจอมากๆ ได้ลองครั้งเดียวก็ติดใจ แม่ของสนทำแกงผักกาดจอทีไรต้นจะต้องมากินข้าวที่บ้านสนทุกที "กินๆๆๆๆ"

"นึกแล้ว..." สนลากเสียงยาวแล้วก็ขำ

"ก็เราชอบนี่"

"เดี๋ยวเราโทรบอกแม่ให้"

สนบอกแล้วก็เร่งฝีเท้าขึ้น พลางหันมามองต้นเพื่อให้สัญญาณว่าให้ต้นรีบตามมา ต้นจึงต้องเร่งฝีเท้าตามไปด้วยพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใส

ถ้าหากชีวิตของคนเราสดใสได้แบบนี้ทุกวันก็คงดี แต่ชีวิตก็ย่อมต้องมีอุปสรรคขวากหนามบ้าง วันนี้เราอาจจะหัวเราะสดใส แต่อีกวันเราก็อาจจะร้องไห้ แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับชะตากรรมเหล่านี้ ต้นกับสนก็เช่นกัน ในวันข้างหน้าพวกเขาก็ต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก รวมถึงปัญหาชีวิตที่พวกเขาเองก็อาจไม่คาดฝันมาก่อนด้วย แต่ความสดใสในวัยเยาว์เช่นนี้ก็จะช่วยเติมพลังให้กับชีวิตในวันข้างหน้าได้เป็นอย่างดี
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 14-05-2012 12:26:51

กำลังหื่นอยู่พอดี  :haun4:

สนทำบ้าอะไรไม่รู้ เขินแทนต้น 555

ตอนไปขี่จักรยานดูอบอุ่นจัง

แต่เหมือนมีลางๆ แปลกๆในบรรทัดสุดท้ายย

รอมาม่าา  :interest: :oni1:


ปล. ขอบถามนิดนึงนะค่ะว่าต้นสนที่โพสไว้ในเล้า มันยังอยู่ใช่ไหมค่ะ เหรอลบไปแล้วอะ อยากอ่านอีก :m2: :m1:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-05-2012 12:47:49
กำลังหื่นอยู่พอดี  :haun4:

สนทำบ้าอะไรไม่รู้ เขินแทนต้น 555

ตอนไปขี่จักรยานดูอบอุ่นจัง

แต่เหมือนมีลางๆ แปลกๆในบรรทัดสุดท้ายย

รอมาม่าา  :interest: :oni1:


ปล. ขอบถามนิดนึงนะค่ะว่าต้นสนที่โพสไว้ในเล้า มันยังอยู่ใช่ไหมค่ะ เหรอลบไปแล้วอะ อยากอ่านอีก :m2: :m1:

เย้...ในที่สุดก็ทำเป็นแล้ว (ตอบกลับโดยการอ้างถึง) หาอยู่ตั้งนาน

เรื่องเดิมถูกลบไปแล้วครับ ไม่ได้ตั้งใจจะลบหรอกครับ แต่เกิดจากความเปิ่นของตัวเอง
พอดีซื้อมือถือระบบสัมผัสมาใหม่ ก็เลยลองเข้าเว็บนี้ด้วยมือถือ ลองหัดล็อกอินเข้ามาด้วย
ด้วยความที่ใช้ใหม่ๆ ยังไม่ค่อยชินกับระบบสัมผัส ลากมือไปมาอีท่าไหนไม่รู้
อยู่ดีๆ ก็มีข้อความอะไรสักอย่างถามขึ้นมา แล้วเราก็เผลอกดตกลงไป แล้ว "ต้นสน" ของผมก็หายไปในบัดดล
นั่นแหละครับ มันถึงได้หายไปและเรียกกลับคืนมาไม่ได้อีก แต่ผมก็มีต้นฉบับเก็บไว้เป็นไฟล์อยู่

อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำให้ตามอ่านอันนี้แทนครับ ผมจะเปลี่ยนการเดินเรื่องประมาณ 30-40%
จะไม่ค่อยเหมือนอันเก่าเท่าไรครับ แต่เค้าโครงเรื่องก็ยังเดินไปในทิศทางนั้น แต่เปลี่ยนอะไรบางอย่าง
หลังจากที่เขียน "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" ไปแล้ว ผมได้เรียนรู้การเขียนอะไรหลายอย่าง
อยากลองเอามาใช้กับเรื่องนี้ดูครับ เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องแรกที่ผมเขียน แล้วก็ต้องแก้กว่า 4 เวอร์ชั่นครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 14-05-2012 12:53:13


 :m30: :m30: :m30: :m2: :m2: :m2: :m2:


ถึงว่าทำไมหาไม่เจอ คืออยากกลับไปอ่านแก้ค้าง

จริงๆแล้วยังอ่านไม่ละเอียดดีเลยด้วยซ้ำ

 :m2: :m2: :m2:

ขอบคุณค่ะ

ชอบต้นสนมากกๆเลย

จะไปอ่านเวอร์อื่นต่อนะค่ะ

 :m2: :m2: :m2:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-05-2012 16:20:28
เวอร์ชั่นนี้จะรันทดมากไหมครับ
อยากได้ใสๆ  มีมาม่านิดหน่อยก็พอ
แต่ว่า......แล้วแต่คนแต่งเถอะครับ
ยังไงก็อยากอ่านครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 14-05-2012 18:47:44
อืมมม
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 14-05-2012 20:53:31
ต้นสนจะเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างนะ
แต่ถ้ามีคนรักคอยอยู่เคียงข้างต่อสู้ไปด้วยกัน
จับมือฟันฝ่าไปด้วยกันก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
๕๕๕๕๕ตอนนี้ต้นสนเขาออกจะสวีทกัน
แต่คนอ่านจิตตกไปก่อนล่วงหน้าแล้วอินจัดเหลือเกิน
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่า....รอติดตามตอนต่อไป
ต้นสน ต้นสน ต้นสน

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 15-05-2012 01:54:45
ตามมาจากเรื่อง รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตครับ 555
อ่านตอนล่าสุดไป ก็คอยระแวงว่าดราม่าจะมาช่วงไหน
ตอนที่สนเข้าไปแกล้งต้น ก็นั่งคิด ว่านิกกับปั้นจั่นจะเปิดมาเจอ
เป็นเรื่องอีก เลยไม่ได้ฟิลหื่นเลย 5555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 15-05-2012 04:23:23
ตอนนี้เหมือนไม่เคยอ่านเลย เนื้อเรื่องฉบับปรับปรุงใหม่ น่ารักกว่าเดิมอีกนะคะ 
โดนเฉพาะฉากที่สนหยอกล้อเล่นกับต้นตอนแลกกางเกงกัน กับ ตอนที่สนหอมแก้มต้น
เขินแทนต้นเลยทีเดียว นั่งกัดหมอนอยู่หน้าคอมฯ  :o8: :-[ :impress2:

:m3: น่ารักๆๆๆๆๆ   

รอติดตามค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 10 ¤ วันฟ้าใส (14-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 15-05-2012 06:26:09
เขียนเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงตัวเองตอนสมัยวัยรุ่นตอนต้นๆ ตอนนั้นติดเพื่อน (ผู้หญิง) คนหนึ่งมาก
คุยกันทั้งวันทั้งคืน จนพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเริ่มไม่พอใจแล้วถามว่า คุยอะไรกันนักกันหนา
กลางวันก็คุยกัน กลางคืนก็ยังออกมาคุยกันอีก (แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับ)
แต่ก็เป็นอดีตไปแล้วครับ ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายได้ก็ไม่รู้  :z1:

เรื่องนี้จะพยายามปรับโทนเรื่องให้ "ใส" ขึ้นครับ เพราะเป็นเรื่องของมิตรภาพและความผูกพันธ์
แต่ก็ยังมีส่วนดราม่าอยู่เช่นเดิมครับ

-----------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 11: เมื่อต้นมีแฟน???

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ระหว่างต้นกับสน ถ้าใครสักคนหนึ่งจะมีแฟนในตอนนี้ หลายๆ คนคงเชื่อว่าต้องเป็นสนแน่ๆ แต่คราวนี้คนที่มีแววว่าจะมีแฟนคนแรกกลับเป็นต้นเสียอย่างนั้น ช่วงเทอมสุดท้ายของปีหนึ่ง ต้นบังเอิญได้รู้จักกับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งชื่อ “เจนี่” จากคณะนิเทศศาสตร์ที่อยู่ในชมรม “จิตอาสาเพื่อสังคม” ซึ่งต้นก็เข้าไปร่วมด้วยเช่นกัน ชมรมนี้เป็นชมรมที่เน้นการทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ปลูกป่าชายเลน เก็บขยะในแม่น้ำลำคลอง ระดมทุนช่วยภัยน้ำท่วม/ภัยหนาว ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนพิการเวลาจัดงาน พาแขกต่างชาติไปเที่ยวเวลาที่มีการจัดงานระหว่างประเทศ ฯลฯ แล้วแต่ว่าใครต้องการอาสาสมัครนักศึกษาไปช่วยทำอะไรบ้าง แต่ก็มีข้อแม้ว่านักศึกษาจะไปได้นอกเวลาเรียนเท่านั้น ส่วนใครจะไปเมื่อไร วันไหน สมาชิกในชมรมจะคุยและตกลงกันเอง

ด้วยบทบาทการเป็นผู้นำที่โดดเด่นของต้นและการทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เจนี่ปลื้มเขามากทีเดียว เวลาจัดกิจกรรมก็มักจะเข้ามาคุยกับต้น ช่วยต้นทำนั่นทำนี่หลายอย่าง เจนี่เป็นคนที่ค่อนข้างติดดินแม้ว่าจะมาจากครอบครัวที่ฐานะดี ที่สำคัญเป็นคนที่จิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนต้น จึงค่อนข้างเข้ากันได้ดีทีเดียว บางทีไปเก็บขยะในคลองที่สกปรก เจนี่ก็ไปด้วยและไม่แสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด จะว่าไป ต้นก็ชอบผู้หญิงคนนี้มากทีเดียว จนความสนิทสนมกันของต้นและเจนี่ก็เริ่มเป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนๆ

------------------------------------------------------------------------------------------------

เที่ยงวันหนึ่ง สนโทรไปบอกต้นว่าเขาจะลงไปกินข้าวด้วย พอเลิกตอนเที่ยงสนก็รีบไปหาเพื่อนที่โรงอาหารทันที ต้นกับสนแยกกันไปซื้ออาหารตามที่ตัวเองอยากกิน พอสนได้อาหารที่ต้องการแล้วเขาก็ถือถาดอาหารเดินไปหาต้นตรงโต๊ะที่จองไว้ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมี “เจนี่” มานั่งคุยกับต้นอยู่และนั่งแทนที่เขาไปเสียแล้ว พอต้นหันมาเห็นเขา ต่างคนก็ต่างทำหน้าเลิ่กลั่ก

“ไม่เป็นไร ตามสบายเถอะ เดี๋ยวเราไปนั่งกินตรงนั้นก็ได้” สนบอกเพื่อนแล้วก็เดินไปหาโต๊ะนั่งใหม่โดยมีสายตาของต้นมองตามมาอย่างห่วงๆ สนพอรู้ว่าสาวคนนี้คือแฟนของเพื่อนนั่นเอง เขาจึงไม่อยากรบกวน

“เพื่อนต้นเหรอ” เจนี่ถาม เธอเรียกว่า “ต้น” เฉยๆ เพราะอายุไม่ห่างกันเพียงไม่กี่เดือน

ต้นพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ ชื่อสน เรียนคณะเทคโนฯ” ต้นบอก สายตายังแอบมองเพื่อนอยู่

“เหรอคะ แล้วทำไมเขาไม่มานั่งกับต้นล่ะ” เจนี่ถาม

“เอ่อ..." ต้นลังเล จะบอกว่าเป็นเพราะเจนี่มาแย่งที่นั่งของสนก็คงจะไม่เหมาะ "...ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนผมเขาเป็นคนประหม่าเวลาเจอคนที่ไม่รู้จักครับ เขาขี้อาย” ต้นแก้ตัวให้เพื่อน

"เหรอ..." เจนี่ลากเสียงพลางหันไปมองสนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ไม่ไกลออกไป จริงๆ สนก็มานั่งด้วยกันได้นี่นา ทำไมต้องหลบไปนั่งตรงนั้นด้วย แล้วเจนี่ก็หันกลับมาสนใจต้นต่อ "อ้อ...วันเสาร์นี้ทางชมรมจะพาไปทำกิจกรรมที่บ้านนนทภูมิ ต้นจะไปด้วยไหม"

"อืม...พอดีว่าจะกลับบ้านที่นครปฐมกับสนน่ะเจนี่ สงสัยงานนี้ต้องขอตัว" ต้นบอก สายตาเขาคอยเหลือบไปมองสนด้วยความเป็นห่วงบ่อยๆ ฝ่ายนั้นก็คอยแอบมองเขาบ่อยๆ เช่นกัน

"เหรอ...ว้า...เสียดายจัง นึกว่าต้นจะไปด้วย บ้านต้นอยู่นครปฐมเหรอ ปลูกส้มโอด้วยหรือเปล่า" เจนี่เปลี่ยนน้ำเสียงจากเศร้าเป็นสดใส

"ไม่ได้ปลูกอะไรเลย พอดีพ่อกับแม่เป็นครูสอนที่โรงเรียนประถม ก็เลยไม่ได้ทำสวนเหมือนคนอื่นๆ" ต้นบอกพลางขำ

นิกกับปั้นจั่นตามลงมาพอดี พอเห็นต้นนั่งกับเจนี่เท่านั้นแหละ นิกก็รีบร้องทักว่า

"เฮ้ยต้น แล้วคู่หูสุดสวีทของมึงไปไหนวะ"

คนทักนี่ก็ไม่ได้ดูอะไรเสียเลยว่าต้นกำลังนั่งคุยกับใครอยู่ เจนี่มองนิกกับปั้นจั่นที่กำลังเดินลงมานั่งข้างๆ กับต้นด้วยสีหน้ามีคำถาม ต้นพยักเพยิดไปทางที่สนนั่งอยู่

"เฮ้ยสน ไปนั่งทำไมตรงนั้นวะ มานั่งนี่สิ" ปั้นจั่นหันไปตะโกนเรียกแล้วจึงค่อยหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับต้น

"เจนี่ใช่ไหมครับ นี่ผมปั้นจั่นครับ แล้วนี่ก็นิก เป็นเพื่อนกับต้นครับ พักอยู่บ้านหลังเดียวกัน" ปั้นจั่นถือโอกาสบอกพลางยิ้ม

"อ๋อ...ค่ะ รู้จักชื่อของเจนี่ด้วยเหรอคะ" เจนี่ทำหน้าสงสัย

"อ๋อ...ครับ ไอ้ต้นมันบอก เห็นมันกลับไปเล่าให้ฟังทุกวันเลยครับว่าเจนี่น่ารักแล้วก็นิสัยดี" ปั้นจั่นบอกพลางขำ ไม่รู้ว่าขำอะไรของมัน

แต่คนได้ฟังก็เขินอายไปพอสมควร ต้นเห็นอาการของเจนี่แล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เขาพูดอย่างนั้นก็จริง แต่ไม่ได้มีนัยแฝงในทางอย่างนั้นเลย

"อ้าวเฮ้ย...ไอ้สนไปไหนละ" นิกร้องอย่างแปลกใจเมื่อหันไปมองตรงที่สนนั่งก็ไม่เห็นเสียแล้ว

"สงสัยมันจะงอนมึงแน่ๆ เลยต้น" นิกแอบหันมากระซิบกับต้นแล้วก็ขำเบาๆ แต่ต้นไม่ขำด้วยแถมยังมีสีหน้าเคร่งเครียดจนสังเกตได้ ต้นเองก็กลัวสนน้อยใจอยู่เหมือนกัน เอ...แต่สนจะน้อยใจเขาเรื่องอะไรล่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็เดินไปเคาะประตูห้องต้นเพื่อจะเข้ามาคุยด้วยก่อนนอนตามปกติ บางวันก็นอนที่ห้องต้นถ้าหากคุยกันดึกมากๆ จนนิกกับปั้นจั่นแซวว่าห้องตัวเองก็มี ไม่ยอมนอน

ต้นเดินมาเปิดประตูให้เพื่อน สนเดินตามเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงบนเตียงของเพื่อนอย่างคุ้นเคย

“นายทำงานอยู่หรือเปล่า” สนถาม

“อ๋อ...เสร็จแล้วแหละ” ต้นบอกแล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆ กับเพื่อน

สนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างสบายๆ “คนเมื่อกลางวันใช่แฟนนายหรือเปล่า ทำไมไม่เห็นพามารู้จักเราบ้างเลย”

“ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” ต้นตอบสั้นๆ จริงๆ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเจนี่ถึงขั้นจะคิดเป็นแฟนอยู่แล้ว เพียงแต่เห็นว่าเจนี่เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น

“ชื่ออะไรเหรอ” สนถามด้วยความอยากรู้

“เจนี่”

“โห...ชื่อน่ารักซะด้วย เราว่าเขาน่ารักดีนะ ตาคมดี เหมาะสมกับนายมากเลย” สนให้ความเห็นพลางดีดตัวขึ้นมานั่งข้างๆ กับต้นอีกครั้ง

“อืม...เจนี่เป็นคนน่ารัก เขาติดดินดีนะ เขาเป็นลูกคนรวยแต่เขาไม่ค่อยถือตัว ชอบช่วยเหลือผู้อื่น คราวก่อนเราก็พาเขาไปเก็บขยะในคลอง ตอนแรกนึกว่าเขาจะไม่ไป แต่เขาก็ไปนะ แถมยังช่วยเก็บขยะอย่างดี ไม่บ่นสักคำ” ต้นบอก

“ดูท่าทางนายคงจะชอบเขามากเลยสิท่า”

ต้นหันไปมองหน้าสนเพราะไม่แน่ใจว่าสนพูดธรรมดาหรือกำลังประชดกันแน่ "อ๋อ...ก็ชอบ...เขาก็นิสัยดี"

“นายนี่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย เห็นเป็นเด็กเรียนเงียบๆ ไม่นึกว่า...” สนแซวเพื่อนพลางหัวเราะ เห็นสนหัวเราะต้นก็เลยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

เสียงโทรศัพท์ของต้นดังขึ้น เจนี่โทรมานั่นเอง ต้นรับสายและขอตัวเดินไปนั่งคุยตรงโต๊ะทำงานของเขา

ผ่านไปสักพัก สนก็เห็นว่าต้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคุยโทรศัพท์จึงลุกขึ้นเดินไปบอกต้นเบาๆ ว่า “เราไม่กวนละ”

บอกแล้วสนก็เดินออกไป เขาลงมานั่งคุยกับนิกและปั้นจั่นซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างแทน

“อ้าว...ทำไมวันนี้คุยกันแป๊บเดียวล่ะ ปกติเห็นคุยกันจนดึกดื่น” นิกถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสนมานั่งดูทีวีด้วย

“สงสัยไอ้ต้นมันคุยกับแฟนล่ะมั้ง เมื่อวานก็เห็นคุยกันเป็นชั่วโมงๆ” ปั้นจั่นว่าแล้วก็หันไปดูทีวีต่อ

สนได้แต่เงียบ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการที่เพื่อนมีแฟน จะดีใจกับเพื่อนก็ดีใจอยู่ แต่อีกใจหนึ่งเขากลับรู้สึกเหมือนมีใครมาแย่งของรักของเขาไปเสียอย่างนั้น เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นต้นรู้สึกอย่างไรที่เขามีแฟนแล้วหายหน้าไป

------------------------------------------------------------------------------------------------

ช่วงนี้ตอนเย็นๆ ต้นมักจะคุยโทรศัพท์กับเจนี่เป็นประจำและมักจะคุยกันนาน นานจนทำให้สนรู้สึกน้อยใจเพราะเขาไม่ค่อยได้คุยกับต้นเลย ตอนหลังๆ เขาก็เลยไม่เข้าไปห้องต้นเพราะเข้าไปทีไรต้นก็คุยโทรศัพท์กับแฟน เขาจึงทำงานในห้องของตัวเองหรือไม่ก็มานั่งดูทีวีข้างล่าง

วันนี้ก็เช่นกัน สนลงมานั่งดูทีวีและคุยกับนิกและปั้นจั่นเหมือนหลายๆ วันที่ผ่านมา แต่เขามักจะเผลอเหลือบมองไปที่ห้องของต้นบ่อยๆ

“เป็นไรวะไอ้สน กูเห็นมึงมองขึ้นไปที่ห้องไอ้ต้นบ่อยๆ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

“เปล่า...” สนปฏิเสธเป็นพัลวันและพยายามทำสีหน้าให้ดูไม่มีพิรุธ

“ไม่ต้องมาเปล่าเลย กูเห็นมึงมองหลายทีละ อยากคุยกับมันล่ะสิ เดี๋ยวกูจัดการให้” ปั้นจั่นพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูห้องของต้น สนห้ามไม่ทันจึงปล่อยเลยตามเลย

ต้นเดินมาเปิดประตูพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย “แป๊บนึงนะเจนี่...มีอะไรเหรอ” ต้นถามอย่างสงสัย

“คุยกับแฟนเสร็จหรือยัง ไอ้สนมันอยากคุยด้วย” ปั้นจั่นบอก ต้นมองลงมาข้างล่าง สบตากับสนแล้วก็รีบขอตัววางโทรศัพท์ทันที "แค่นี้ก่อนนะเจนี่ ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไร"

“ขึ้นมาซิ” ปั่นจั่นร้องบอกสน

สนก็เดินขึ้นมา ทั้งต้นและสนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“เอ้า...คุยกันซะ ไปละ” ปั้นจั่นว่าแล้วก็เดินลงไปโดยไม่หันมาสนใจต้นกับสนอีก

“เข้ามาก่อน” ต้นเป็นฝ่ายบอกเพื่อน สนเดินเข้ามาในห้องของต้นแล้วปิดประตู ต่างคนต่างทำสีหน้าไม่ถูกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน

“เราไม่ได้บอกให้ไอ้ปั้นจั่นมาบอกนายนะต้น มันมาบอกเอง” สนแก้ตัวเพราะกลัวว่าต้นจะหาว่าเขามารบกวนเวลาที่ต้นคุยกับแฟน

“ถ้านายจะคุยกับแฟนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวเราจะลงไปดูทีวีข้างล่างก็ได้ เราไม่มีอะไรหรอก” สนบอกอย่างเกรงใจ

“เดี๋ยวก่อนสิ นายมีอะไรจะคุยกับเราหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็คุยเหมือนที่เคยคุยนั่นแหละ”

คำตอบของสนทำให้ต้นอึ้งไป เขาเกือบจะลืมไปว่าสนก็มาคุยกับเขาก่อนนอนทุกคืนถ้าไม่ได้ไปไหน เขาก็ไม่น่าไปถามสนแบบนั้นเลย

"ขอโทษนะสน" ต้นบอกเสียงอ่อย

"เฮ้ย...ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก นายคุยกับเจนี่ต่อเถอะ เราเข้าใจ เราไม่กวนละ" สนบอกพลางทำท่าจะเดินออกไป

ต้นรีบวิ่งมาขวางประตูไว้ “เดี๋ยวก่อนสิสน”

สองหนุ่มสบตากัน ต่างคนต่างรู้สึกประหม่า “นายจะมาคุยกับเราไม่ใช่เหรอ ทำไมจะรีบกลับล่ะ”

สนเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะพูดกับเพื่อนยังไงเหมือนกัน จะว่าน้อยใจก็ใช่ เพราะคนเคยคุยกันก่อนนอนแทบทุกวัน แต่ช่วงนี้ต้นก็เอาแต่คุยกับแฟนจนไม่มีเวลาให้เขา แต่สนก็เป็นผู้ชาย จะน้อยใจเรื่องพวกนี้มันก็ดูยังไงๆ อยู่

“ก็นาย...” สนหยุดคิดเพราะไม่รู้ว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “นายมีแฟนแล้ว เราเข้าใจ”

“เราขอโทษนะสนที่เราไม่มีเวลาให้นายเลย...” ต้นรีบพูดสวนออกไป “เราก็อยากคุยกับนายนะ พอดีเจนี่เขาโทรมาหาเราทุกวันเลย เราก็เลยต้องคุยกับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่อยากคุยกับนายนะ” ต้นพยายามอธิบาย

“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนายเสียหน่อย” สนบอก แต่สีหน้าของเขาก็บ่งบอกว่าเขาน้อยใจจริงๆ นั่นแหละ

“แต่เรารู้สึกว่านายกำลังโกรธหรือไม่พอใจเราอยู่นะ” ต้นบอกสิ่งที่สังเกตเห็นออกไปตามตรง

สนเงียบไปทันทีและไม่โต้ตอบในประเด็นนี้ ทำให้ต้นพอเข้าใจว่าสนอาจจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “นายอย่าเพิ่งกลับนะ เราอยากคุยกับนาย” ต้นเริ่มทำเสียงอ้อน “นะ...เรามีเรื่องคุยกับนายเยอะแยะเลยวันนี้”

“อือๆ” สนพูดเหมือนเสียงอยู่ในลำคอ แล้วก็หันเดินกลับเข้ามา

ต้นเดินตามหลังมาแล้วกระโดดกอดคอเขาเป็นเชิงหยอก สนเดินมาที่เตียงแล้วก็ปล่อยเพื่อนลงด้วยการทุ่มตัวลงไปบนที่นอนเบาๆ ต้นร้องโอ๊ย สนตกใจนึกว่าเพื่อนเป็นอะไร เขาพุ่งตัวลงไปนอนข้างๆ เพื่อนแล้วถามว่า

“เป็นอะไรต้น เจ็บหรือเปล่า”

ต้นยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วตอบว่า “เปล่า...ร้องไปงั้นแหละ” แล้วก็หัวเราะ

“นายนี่...เราตกใจหมดเลย” สนว่า ต้นหน้าเจื่อนลง พอรู้ตัวสนจึงยิ้มและหัวเราะเพราะไม่อยากให้เพื่อนตกใจและคิดมาก "ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ต้นจึงค่อยยิ้มได้ ทั้งสองคนนอนคุยกันเหมือนเช่นเคย แม้ว่าจะรู้จักกันมาจนเกือบสิบปี แต่เขาทั้งสองคนก็ไม่เบื่อที่จะคุยกัน มีเรื่องให้คุยกันได้ตลอด บางทีก็คุยกันทั้งวันทั้งคืนจนเคยมีคนสงสัยว่าคุยอะไรกันนักกันหนา อาการติดเพื่อนระหว่างทั้งสองคนไม่เคยลดน้อยลงไป ยิ่งคบกัน ยิ่งคุยกัน ยิ่งผูกพัน มากเสียจนไม่อาจจะมีใครมาทำให้ขาดสะบั้นไปได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 15-05-2012 09:03:47


โอ๋ๆๆ สนมาซบอกเรามา  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

เห็นชื่อแนวแล้วแอบตกกะใจ รีบดีดตัวจากที่นอนมาอ่านทันที

 :sad12: :sad12:


คิดว่าต้นจะเลิกรักสนไปซะแล้ว เปลี่ยนโหมดกระทันหันไปปิ๊งปั๊งกับชะนี  :eiei1:

สนทำเป็นนอยด์นะ ตัวเองอย่างให้มีแล้วกัน  :z4:


ปล. เค้าคุยเรื่องไรกันหว่า อยากแจมด้วย  :z9: :z9:


เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 15-05-2012 10:26:54
มาอ่านที 2 ตอนรวด o13

เหมือนได้อ่านเรื่องใหม่ค่ะ เพราะมีเติมบางฉากด้วย แต่ยังคงเค้าความผูกพันเหมือนเดิม

สนก็ยังคงไม่รู้ตัวต่อไปนะ เธอ  :เฮ้อ:

แต่นิก ปั้นจั่น นี่ตัวชงตลอดเลยนะ อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: vista054 ที่ 15-05-2012 12:03:29
กรี๊ด เด็กน่าน บ้านเรา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 15-05-2012 15:56:12
เขียนเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงตัวเองตอนสมัยวัยรุ่นตอนต้นๆ ตอนนั้นติดเพื่อน (ผู้หญิง) คนหนึ่งมาก
คุยกันทั้งวันทั้งคืน จนพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเริ่มไม่พอใจแล้วถามว่า คุยอะไรกันนักกันหนา
กลางวันก็คุยกัน กลางคืนก็ยังออกมาคุยกันอีก (แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับ)
แต่ก็เป็นอดีตไปแล้วครับ ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายได้ก็ไม่รู้  :z1:


^^  แบบว่าเพิ่งรู้ตัวงัยล่ะ  อิอิ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วจ๊ะ 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 15-05-2012 17:10:40
โถๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 11 ¤ เมื่อต้นมีแฟน??? (15-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 16-05-2012 08:49:22
ตอนที่ 12: ความลับที่ถูกเปิดเผย

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

วันหยุดวันหนึ่ง พ่อกับแม่ของต้นมาเยี่ยมต้นที่หอพัก ซื้อของฝากมาให้หลายอย่าง ต้นรู้สึกเสียดายที่วันนี้สนไม่อยู่ เพราะเขาต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อน ไม่อย่างนั้นแล้วพ่อกับแม่ของสนก็อาจจะมาด้วย

“เพื่อนต้นครับพ่อ คนนี้ชื่อนิก คนนี้ชื่อปั้นจั่น เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ครับ” ต้นแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักกับเพื่อนร่วมบ้านอีกสองคน นิกกับปั้นจั่นยกมือไหว้พ่อกับแม่ของต้นอย่างเรียบร้อย พอมีผู้ใหญ่มา สองคนนี้ก็ดูสงบเสงี่ยมมากขึ้น

“เรียนอยู่ปีอะไรกันแล้วล่ะ” แม่ของต้นถาม

“ปีหนึ่งครับ” นิกตอบ

“อ้อ...ปีเดียวกับต้นเลย” พ่อของต้นร้องอ๋อ

“อย่าลืมกินขนมกันนะลูก พอดีพ่อกับแม่ซื้อแต่ของที่ต้นกับสนเขาชอบ ไม่รู้ว่านิกกับปั้นจั่นชอบกินอะไรบ้าง คงมีของที่พอกินอยู่ได้บ้างนะ เสียดาย...สนน่าจะอยู่ด้วยวันนี้” แม่ต้นบอก

“ได้ครับๆ กินได้ครับ” ปั้นจั่นตอบด้วยท่าทางดีใจ

คุยกันอยู่พักใหญ่ พ่อกับแม่ก็พาต้นออกมาคุยนอกบ้านเพราะมีเรื่องที่จะคุยกับต้นเป็นการส่วนตัว

“ต้น...พอดีว่าลุงป่านมีเรื่องเดือดร้อนต้องการใช้เงิน ตอนนี้พ่อกับแม่ก็พอมีอยู่หน่อยหนึ่ง แต่ท่าจะไม่พอ ก็เลยอยากจะขอยืมเงินของต้นสักสองหมื่น เดี๋ยวพ่อกับแม่จะคืนให้” คนที่พ่อเรียกว่าลุงป่านก็คือลุงแท้ๆ ของต้นนั่นเอง ต้นเคยเจอลุงบ้างแต่ไม่บ่อยนักเพราะอยู่ห่างกันคนละอำเภอ

แต่สิ่งที่พ่อบอกก็ทำให้เขาตกใจจนแทบจะเก็บสีหน้าไม่อยู่ “เอ่อ...ลุงป่านเขาจะเอาเงินไปทำอะไรหรือครับ” ต้นถามโดยที่เขาไม่รู้ว่าน้ำเสียงของเขาเป็นปกติหรือไม่

“พอดีลูกชายคนเล็กของลุงเขาก็เข้าเรียนมหาลัยเหมือนต้นนี่แหละ แล้วตอนนี้ลุงก็ต้องใช้เงินเยอะเลย แต่เห็นว่าลุงเขายังไม่ใช้ตอนนี้หรอก อีกสองเดือนโน่นแหละ พ่อก็เลยบอกต้นไว้ก่อน” พ่อต้นอธิบาย ต้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“เอางี้ละกันต้น พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกเมื่อไร พ่อเขาก็ไม่ค่อยชอบเข้ากรุงเทพ รถมันเยอะ ขับยาก เดี๋ยววันนี้ก่อนกลับต้นถอนเงินมาให้พ่อเขาได้หรือเปล่าลูก พ่อเขาจะได้เอาไปให้ลุงตอนขากลับนี้เลย” แม่ต้นเสนอ

ต้นนิ่งเงียบเหมือนไม่รับรู้ว่าพ่อกับแม่พูดอะไรบ้าง

“อ้าว...ว่าไงล่ะต้น ได้ยินที่พ่อกับแม่พูดหรือเปล่า” พ่อถามเมื่อเห็นต้นเหม่อลอยและไม่ตอบสนอง

“อ๋อ...ได้ยินครับ คือ...” ต้นเริ่มใจคอไม่ดี เขาไม่รู้ว่าจะบอกพ่อกับแม่ตรงๆ ดีหรือไม่ ถ้าบอกไปแล้วก็กลัวว่าพ่อกับแม่จะโกรธ แต่ความลับมันคงไม่มีในโลก ยังไงต้นก็ต้องเอาเงินจำนวนนั้นให้พ่อกับแม่ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออีกสองเดือนข้างหน้า พ่อกับแม่ก็จะต้องรู้ความจริงอยู่ดีว่าเงินในบัญชีของต้นเหลือไม่กี่พันเท่านั้น

“คือว่า...” ต้นครุ่นคิดอย่างหนักเพราะเขาไม่เคยโกหกพ่อแม่เลย “ตอนนี้ต้นมีเงินในบัญชีเหลือแค่...สี่พันกว่าบาทเองครับ”

“อะไรนะต้น” พ่อกับแม่ของต้นร้องถามด้วยเสียงตกใจ ทำให้ต้นยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดีมากขึ้นไปอีก

“ลูกเก็บเงินมาเป็นสิบๆ ปี อย่างน้อยก็น่าจะเก็บได้สักสามสี่หมื่น ทำไมถึงมีเงินเหลือแค่สี่พันกว่าบาทล่ะต้น” แม่ต้นถามด้วยสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าต้นพูดความจริง

“ต้นเอาเงินไปทำอะไร บอกพ่อกับแม่มาเดี๋ยวนี้นะต้น ลูกเอาเงินไปเที่ยวเตร่เกกมะเหรกเกเรกินเหล้าเมายาหรือเปล่าต้น” พ่อเริ่มคาดคั้น เสียงคุยกันที่ดังขึ้นนั้นก็ทำให้นิกกับปั้นจั่นที่นั่งกินขนมและดูทีวีพลอยได้ยินไปด้วย ทั้งสองคนเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัยและอยากรู้

“เปล่าครับ คือว่าต้น....” ต้นมองหน้าพ่อกับแม่ด้วยความรู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่เขากำลังจะบอกต่อไปนี้ “ต้นถอนเงินมาให้สนสี่หมื่นบาทครับ” พูดจบต้นก็สบตากับพ่อกับแม่อีกครั้ง เขารู้สึกแปลกใจที่พ่อกับไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่กลับดูเหมือนจะรอฟังว่าต้นจะพูดอะไรต่อ

“พอดีตอนนั้นสนเขาจะไม่ยอมเรียนต่อท่าเดียวเพราะว่าที่บ้านเขามีเงินไม่พอ ต้นก็เลยอยากช่วยเพื่อนครับ ต้นอยากให้สนได้เรียนหนังสือมีอนาคตที่ดีก็เลย...” ต้นละไว้แต่เพียงเท่านี้

“โธ่ต้น...แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะลูก” เสียงของพ่อต้นดูอ่อนลง

“พ่อเข้าใจว่าต้นรักเพื่อน พ่อกับแม่ไม่รังเกียจอะไรเลยที่จะช่วยเหลือสน แต่ต้นควรจะบอกพ่อกับแม่ เงินไม่ใช่น้อยๆ นะต้น จะทำอะไรก็น่าจะปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน” พ่อต้นพูดด้วยเสียงตำหนิเล็กน้อย

“ผมขอโทษพ่อกับแม่ด้วยครับ” ต้นพูดพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ “ตอนนั้นผมเห็นพ่อกับแม่ต้องใช้เงินเยอะ ค่าใช้จ่ายของผมก็เยอะมาก ผมก็เลยไม่กล้ารบกวนครับ”

“โธ่เอ๋ยลูก” แม่ของต้นร้องเบาๆ ด้วยความสะท้อนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อดภูมิใจไม่ได้กับสิ่งที่เธอและสามีเฝ้าพร่ำสอนลูกให้เป็นคนดี รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะกับสนแล้ว ครอบครัวของต้นก็ไม่ขัดข้องที่จะช่วยเหลือเลย

“เอางี้ละกัน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะหาจากที่อื่นไปก่อน แม่อาจจะขอยืมจากป้าไปก่อนก็ได้” แม่ของต้นเสนอทางออก

“ลุงเขาจะใช้อีกสองเดือนใช่ไหมครับ” ต้นถามพลางทำหน้าครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้น...อีกสองเดือน ต้นจะเอาเงินสองหมื่นไปให้พ่อกับแม่เองครับ” ต้นบอก เขารู้สึกว่านี่คือความผิดของเขาและเขาต้องรับผิดชอบ

“ต้นจะไปเอามาจากไหนล่ะลูก” พ่อต้นถามด้วยความประหลาดใจ

“ผมคิดว่าผมหาได้ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วง ต้นสัญญา อีกสองเดือนต้นจะเอาเงินสองหมื่นไปให้เองครับ” ต้นยืนยันคำพูดเดิม

พ่อกับแม่ของต้นมองหน้ากันเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ต้นเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต้นจะไปหาเงินสองหมื่นบาทภายในสองเดือนมาได้อย่างไร แต่พ่อกับแม่ก็อยากให้ต้นได้เรียนรู้และเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จึงคิดว่าไม่เสียหลายที่จะให้ต้นลองดู

“พ่อกับแม่ไม่รู้ว่าต้นจะหาเงินมาได้อย่างไรหรอกนะ แต่ต้นต้องสัญญากับพ่อแม่ไว้อย่างหนึ่งว่า ต้นจะหาเงินนั้นมาอย่างสุจริต ได้ไหมลูก” พ่อถามพลางยิ้มน้อยๆ

“ผมสัญญาครับ” ต้นตอบ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอพ่อกับแม่ของต้นกลับบ้านไป นิกกับปั้นจั่นก็รีบเข้ามาซักถามต้นทันที

“เฮ้ยต้น เป็นไงมั่ง พ่อกับแม่มึงจะทำโทษมึงหรือเปล่าวะ” นิกถาม

ต้นส่ายหน้า เขาทำสีหน้าสงสัยว่าสองคนนี้รู้เรื่องได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพราะยังคิดกังวลอยู่

“จริงเหรอ...” นิกทำหน้าไม่เชื่อ

“เฮ้ย...แล้วมึงเอาเงินไปทำอะไรวะ” ปั้นจั่นถามบ้างเนื่องจากได้ยินการสนทนาไม่ค่อยชัดเจนเพราะต้นพูดเสียงเบา

“แต่กูได้ยินชื่อไอ้สน มึงเอาเงินไปให้ไอ้สนเหรอวะ” นิกซักบ้าง ต้นอึกอักอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า

“สนไม่มีเงินเรียนต่อ เราก็เลยช่วย”

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง “โห...นายนี่เป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ว่ะ” ปั้นจั่นชม

“ถามจริงๆ นะต้น... ทำไมมึงจะต้องช่วยเหลือไอ้สนขนาดนั้นวะ ดูแลมันสารพัดอย่าง เสื้อผ้าก็รีดให้มัน ก่อนจะนอนก็ต้องมานอนคุยกัน ตอนแรกนะเว้ย กูนึกว่ามึงกับไอ้สนเป็นคู่เกย์กันเสียอีก” ปั้นจั่นพูดพลางหัวเราะ แต่ต้นกลับหน้าซีดด้วยความตกใจ

“จะบ้าหรือไง สนเป็นเพื่อนกู เราก็ช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา สนก็ช่วยเราตั้งหลายอย่าง นายไม่เห็นเหรอ” ต้นแก้ต่างให้เพื่อน พยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด

“เฮ้ยไอ้ต้น กูว่ากูดูไม่ผิดนะเว้ย มึงกับไอ้สนเนี่ยดูสนิทกันเกินเพื่อนธรรมดายังไงไม่รู้ กูว่าไม่ใครก็ใครแหละที่เป็นเกย์ในระหว่างพวกมึงสองคน พวกกูสังเกตดูมานานละ” ปั้นจั่นบอก ยิ่งทำให้ต้นมีสีหน้ามีพิรุธมากขึ้น

“มึงเป็นเกย์หรือเปล่าวะไอ้ต้น” ปั้นจั่นถามรุกอีก พุ่งเป้ามาที่ต้นโดยเฉพาะเพราะทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงความไม่ค่อยเหมือน ผู้ชายของต้น ต้นถึงกับสะดุ้งกับคำถามนั้น

“เฮ้ยไอ้นี่ มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย เกย์เกออะไรกันวะ กูไม่ได้เป็นซะหน่อย” ต้นแย้งด้วยเสียงสั่นนิดๆ เขาเริ่มกังวลแล้วว่าสิ่งที่เขาปิดบังมากว่า 10 ปีจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“เฮ้ย เป็นก็บอกมาเถอะ อายอะไร พวกกูรับได้ สมัยนี้สังคมเขาก็เปิดรับคนที่เป็นเกย์เป็นกะเทยกันออกเยอะแยะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เรื่องธรรมดา” ปั้นจั่นบอก ต้นได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร

“เงียบ...แสดงว่าไม่ปฏิเสธ” ปั้นจั่นทำน้ำเสียงเหมือนคนที่เหนือชั้นกว่า สามารถต้อนคู่ต่อสู้ให้จนมุมได้

“แล้วมึงก็รักไอ้สนด้วยใช่หรือเปล่าล่ะ ไม่รู้สิ...แต่พวกกูรู้สึกอย่างนั้น” นิกได้โอกาสถามบ้าง

ต้นนิ่งอึ้งไปแล้วน้ำตาก็เริ่มไหลริน หมดกันกับสิ่งที่เขาอุตส่าห์ปิดบังมาเนิ่นนาน เขาไม่อยากให้ใครรู้เลยโดยเฉพาะสน ถ้าสนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ที่แอบหลงรักเพื่อน สนคงรับไม่ได้อย่างแน่นอน สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับสนตอนเด็กๆ นั้นสนคงไม่มีวันลืม และคงไม่มีวันที่จะรับได้ที่จะมีเพื่อนเป็นเกย์อย่างเขา

“พวกมึงอย่าบอกสนนะ สนรู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าเกิดสนรู้เรื่องนี้ แม้แต่จะเป็นเพื่อนกับสน กูก็คงเป็นไม่ได้” ต้นขอร้องเพื่อน

“เฮ้ยอะไรจะขนาดนั้น” ปั้นจั่นทำเสียงไม่เชื่อ

“สนเกลียดกะเทยมาก สมัยเรียนที่โรงเรียนเก่า ทุกคนจะรู้ดีว่าสนไม่ชอบกระเทยอย่างมาก” ต้นอธิบาย แต่ก็ไม่ได้เล่าสาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดสนจึงไม่ชอบกะเทย เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้นคงไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ง่ายๆ

“แต่มึงไม่ได้เป็นกะเทยนี่หว่า มึงแค่เป็นเกย์นะเว้ย” นิกแย้ง เขาพอรู้ความแตกต่างของเกย์และกะเทยมาบ้าง

“ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นอะไรแบบนี้ สนก็ไม่ชอบทั้งนั้น พวกมึงต้องสัญญานะว่าจะไม่บอกสน ไม่บอกใครอีก” ต้นขอร้องอีกครั้ง

นิกกับปั้นจั่นมองต้นด้วยความรู้สึกเห็นใจ “เออ... ไม่บอกหรอก แต่ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยก็บอกได้นะเว้ย มึงเป็นคนดีมาก พวกกูนับถือมึงจริงๆ ว่ะต้น ผู้ชายแท้ๆ มันยังทำตัวเป็นลูกผู้ชายได้ไม่ถึงครึ่งของมึงเลย ไม่ต้องร้องให้ พวกกูไม่บอกใครหรอก สัญญา” ปั่นจั่นรับคำ ทำให้ต้นรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

จะว่าไปแล้ว การที่มีคนเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นอะไรมันก็ช่วยทำให้ต้นสบายใจได้มากขึ้น ดีกว่าที่ต้องคอยเก็บไว้กับตัวเองซึ่งทำให้ชีวิตของต้นเครียดไม่น้อยเหมือนกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------

หลายวันมานี้ ต้นกลับบ้านดึกทุกคืนจนสนเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอโทรไปถาม ต้นก็จะตอบว่าไปทำงานที่บ้านเพื่อน แรกๆ สนก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่พอเป็นเหมือนกันทุกคืนๆ สนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป บางคืนที่เขามายืนรอ ต้นก็จะกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อยและขอตัวไปอาบน้ำนอน แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“พวกมึงรู้ไหมว่าต้นมันไปไหนของมัน กลับดึกทุกวันเลย” สนเดินลงมาถามนิกกับปั้นจั่นที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกัน สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดและกังวงอย่างเห็นได้ชัด

“มันคงหนีไปเที่ยวผับล่ะมั้ง” นิกพูดแหย่เล่น

“ไอ้นี่มึง...ต้นไม่ใช่คนอย่างนั้นเว้ย กูรู้จักเพื่อนกูดี” สนว่าและมองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง

“เออ...ถ้ามึงรู้จักเพื่อนมึงดีแล้วทำไมมึงถึงไม่รู้ล่ะว่าไอ้ต้นไปไหน” ปั้นจั่นย้อนถาม

สนอึ้งเล็กน้อย “ก็กูถามต้นแล้ว ต้นบอกว่าไปทำงานที่บ้านเพื่อน”

“แล้วมึงเชื่อหรือเปล่าล่ะ” ปั้นจั่นย้อนถามอีก สนอึกอัก จะตอบว่าไม่เชื่อที่ต้นพูดก็จะดูกระไรอยู่ แต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เขาไม่เชื่อเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าต้นจะต้องทำงานกลุ่มติดต่อกันหลายคืนขนาดนั้น แต่ต้นไปไหนล่ะ ปั้นจั่นเห็นสนอึกอักก็เลยช่วยชี้ทางให้ว่า

“ไม่เชื่อล่ะสิ ถ้ามึงอยากรู้ ทำไมไม่ลองตามต้นไปดูล่ะ จะได้รู้ว่ามันหายไปไหน แล้วมึงอาจจะตกใจก็ได้”

“หมายความว่าไง” สนถามด้วยความแปลกใจปนสงสัย

“ไม่รู้เว้ย อยากรู้ก็ต้องพิสูจน์เอง” ปั้นจั่นบอกแค่นั้นแล้วก็หันมาสนใจทีวีต่อ

--------------------------------------------------------

วันต่อมา พอเลิกเรียนแล้วสนก็ออกมาคอยดักดูต้นที่คณะ เลิกเรียนแล้วต้นก็ลงมาทันทีเช่นกัน แต่ดูรีบๆ ชอบกล ต้นเดินแกมวิ่งไปหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนั้นเหมือนจะต้องรีบไปไหนสักแห่ง พอเพื่อนออกไปสนก็เรียกมอเตอร์ไซค์แล้วบอกให้ขับตามรถมอเตอร์ไซค์ที่ต้นนั่งไปด้วยทันที

ต้นมาที่ห้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก พอถึงต้นก็รีบเดินแกมวิ่งเข้าไปในห้าง สนวิ่งตามเข้าไป ตอนแรกเขาสงสัยว่าต้นคงจะพาแฟนมาเที่ยวห้าง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นความลับอะไรขนาดนั้นนี่นา แต่พอสนวิ่งตามมาเรื่อยๆ ก็เห็นต้นหายเข้าไปในร้านสุกี้ยากี้ชื่อดังของห้างนั้น ไม่นานเท่าไรนัก ต้นก็โผล่มาอีกครั้งในชุดของเด็กเสิร์ฟอาหาร ต้นเดินไปรับออเดอร์ตามโต๊ะบ้าง ยกอาหารมาเสิร์ฟบ้าง คอยเสิร์ฟน้ำและเก็บจานชามของโต๊ะที่กินอาหารเสร็จแล้วบ้าง ดูต้นทำได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียวเหมือนกับทำมาหลายวันแล้ว ต้นมาเสิร์ฟอาหารทำไม สนได้แต่สงสัย มิน่าล่ะต้นถึงได้กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกวันเลย

สนกลับมาที่บ้านพักด้วยความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม เขากะว่าคืนนี้จะรอดักถามต้นให้กระจ่างแจ้งให้ได้ว่าทำไมต้นต้องไปเสิร์ฟอาหาร ต้นขัดสนเงินหรืออย่างไรกัน

“พวกมึงรู้ใช่ไหมว่าต้นไปเสิร์ฟอาหาร” สนถาม

นิกกับปั้นจั่นละจากทีวีแล้วหันมามองด้วยความแปลกใจ

“รู้ตั้งนานแล้ว” ปั้นจั่นตอบห้วนๆ สนยิ่งสงสัยมากขึ้นว่าทำไมสองคนนี้รู้แต่เขาไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งวันนี้

“ทำไมต้นต้องไปเสิร์ฟอาหาร พวกมึงรู้ไหม” สนถามอีก

“มึงนี่ช่างไม่รู้อะไรเลยนะไอ้สน เป็นเพื่อนกับไอ้ต้นมันยังไงวะเนี่ย” ปั้นจั่นต่อว่าเพราะเริ่มหมั่นไส้

“พวกมึงนี่อะไรกันวะ เหน็บกูอยู่ได้ ถ้าต้นไม่ยอมบอกแล้วกูจะรู้ได้ยังไงวะ” สนชักเริ่มไม่พอใจที่เพื่อนสองคนนี้เหน็บแนมเขาอย่างไม่มีเหตุผล

“ถ้ามึงไม่รู้ กูจะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า ไอ้ต้นมันไปทำงานเสิร์ฟอาหารเพราะว่ามันต้องหาเงินให้พ่อมันสองหมื่น เพราะว่าเงินที่มันเก็บไว้ในธนาคารเหลืออยู่ไม่กี่พัน” ปั้นจั่นบอกด้วยเสียงกระแทกกระทั้น

เมื่อสนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ เขาก็ต้องอึ้งพร้อมกับรู้สึกสะท้อนใจ น้ำตาเขาจะไหลออกมาให้ได้ ทำไมต้นไม่บอกเขาสักคำ ทำไมจะต้องยอมลำบากลำบนเพื่อเขาขนาดนั้น???
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 16-05-2012 09:29:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
เดี่ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 16-05-2012 10:51:28


 :mc4: :mc4: :mc4:

ต้นใจดีมากอะ น่าสงสารด้วย เป็นคนดีที่สุดเลย  :กอด1:



อยากอ่านต่อตอนที่สนรู้ความจริงแล้วจัง ว่าจะออกมาแบบไหน อยากซดมาม่า เอาให้เจ็บระงมไปทั้งหัวใจ  :eiei1:

อยากได้มาม่า อยากให้สนรู้ว่าต้นมีความสำคัญมากขนาดไหน แต่ก็รู้เมื่อทุกอย่างจะสายไป เหอๆ : เพ้อ 555


คนเขียนมาต่อด่วนเลยนะ  :เศร้า2:

อยากอ่านทุกวันเลย

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:

อยากกินมาม่าเรื่องนี้

 :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 16-05-2012 11:10:40
-0- ช็อคกี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-05-2012 21:39:10
มาตามอ่านด้วยคนครับ

 :z13:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 17-05-2012 00:16:53
2 คู่หู รู้ความลับต้นแระ  ต้นจะได้ไม่ต้องเครียดอีก

สนนี่เป็นเพื่อนสนิทได้งัยเนี่ย  สู้นิกกับปั้นจั่นไม่ได้เลย รู้หมด  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 12 ¤ ความลับที่ถูกเปิดเผย (16-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-05-2012 09:30:43
ตอนที่ 13: เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว)

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

สนกินข้าวได้สองสามคำก็อิ่ม จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่รู้สึกอยากกินด้วยซ้ำ พอเริ่มกินต่อไม่ไหวจึงขอตัวขึ้นมาอาบน้ำ แต่ก่อนจะขึ้นไปเขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกนิกกับปั้นจั่นว่า

"อย่าเอาของต้นมากินนะเว้ย" สนหมายถึงอาหารอีกชุดหนึ่งที่เขาซื้อมาไว้เผื่อต้น

"เออ" นิกตอบสั้นๆ สองหนุ่มมองสนที่มีท่าทางซึมๆ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ จะว่างไปแล้วสนเองก็รักและเป็นห่วงต้นไม่น้อยเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสรุปไม่ได้หรอกว่าสนจะคิดแบบเดียวกับต้นหรือเปล่า สนอาจแค่เป็นห่วงเพื่อนแต่คงไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้นก็ได้

อาบน้ำเสร็จสนก็ลงมานั่งดูทีวีข้างล่างกับนิกและปั้นจั่น แต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง เขาคอยหันไปมองประตูบ่อยๆ และนึกเป็นห่วงว่าป่านนี้ต้นจะได้กินข้าวหรือยัง ต้นคงจะเหนื่อยมาก ไหนจะเรียนแล้วยังต้องมาทำงานอีก มันไม่ใช่ความผิดของต้นเลย คนที่ควรจะรับผิดชอบคือเขาต่างหาก ต้นห่วงความรู้สึกของเขามากจนเกินไป เขาพอจะรู้ว่าที่ต้นไม่บอกเขาเพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก แต่ต้นจะมาเหนื่อยเพื่อเขาแบบนี้ไม่ได้

นิกกับปั้นจั่นขึ้นไปนอนแล้ว สนปิดทีวีแล้วก็เดินขึ้นมายืนรออยู่หน้าห้องของต้น เกือบๆ จะห้าทุ่มต้นก็ไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ต้นไม่ได้เปิดไฟเพราะที่หน้าบ้านมีไฟเปิดอยู่จึงพอมีแสงสว่างบ้าง เขาเดินขึ้นบันไดมา พอเห็นสนรออยู่ ต้นก็หยุดเล็กน้อยแล้วก็ค่อยเดินช้าๆ ตรงมาที่สน สีหน้าของต้นดูประหม่าเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วกลัวจะถูกจับได้

“ไปไหนมาต้น” สนถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เห็นท่าทางของเพื่อนที่ดูเหน็ดเหนื่อยแล้วเขาก็แทบจะน้ำตาไหล

“ไปทำงานบ้านเพื่อนมา นายยังไม่นอนอีกเหรอ” ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอิดโรย แต่ก็ยังมีกะจิตกะใจห่วงเพื่อน

“เหนื่อยไหม”

ต้นพยายามยิ้มแล้วตอบว่า "นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก" แต่ในใจต้นก็สงสัยว่าสนกำลังสงสัยอะไรเขาหรือเปล่า

"กินข้าวหรือยัง" ในที่สุดความซาบซึ้งในความดีของเพื่อนก็ไม่อาจห้ามน้ำตาของสนที่ค่อยๆ ไหลลงมาอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว

"ยังไม่ได้กิน แต่ไม่เป็นไรหรอก เราไม่หิว มีอะไรหรือเปล่าสน" ต้นถามด้วยสีหน้าตกใจและเป็นห่วง

สนเดินมาจับไหล่เขาไว้ทั้งสองข้าง จ้องหน้าแต่ต้นพยายามหลบสายตา

“ทำไม...นายจะต้องเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ล่ะต้น” แล้วสนก็ดึงเพื่อนมากอดไว้ เห็นต้นเหนื่อยแล้วเขาก็สงสาร เขารู้ว่าต้นห่วงความรู้สึกของเขามาก ไม่อยากให้เขาต้องกระทบกระเทือนใจกับเรื่องนี้

“เพื่อนรัก...นายห่วงความรู้สึกเรามากเกินไปรู้หรือเปล่า ที่จริงนายควรจะบอกเราเรื่องนี้เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเรา”

ต้นได้แต่นิ่งเงียบ

“ให้เรารับผิดชอบเรื่องนี้เองนะต้น ที่ผ่านมาเราไม่เคยขัดใจอะไรนาย แต่คราวนี้เราขอละกัน ขอให้นายเลิกทำงานตอนกลางคืนเพื่อเรา นายเหนื่อยกับเรามามาก อย่าทำให้เรารู้สึกละอายใจไปมากกวานี้เลย ได้ไหมต้น”

“เราช่วยกันได้ไหมสน” ต้นพยายามต่อรอง

สนปล่อยต้นออกจากอ้อมแขนแต่ก็ยังจับไหล่ต้นไว้อยู่ “นายอย่าดื้อสิต้น เราคือคนที่รับเงินของนายมา เพราะฉะนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะหาคืนให้นาย”

“ก็ใช่...แต่ว่า...เราอยากช่วยนาย ถ้าจะเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกัน เราเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ อ้อ...นายไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะ พ่อกับแม่เราเข้าใจ เขาไม่ได้ว่าอะไร” ต้นยืนยันความตั้งใจเช่นเดิม

สนพยักหน้ารับรู้ “นายจะเหนื่อยเพื่อเราขนาดนี้ทำไมล่ะต้น”

ต้นอึ้งไปเล็กน้อย เขามองหน้าสนแล้วถามกลับว่า “นายก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม”

สนเงียบไปทันที เขาปล่อยมือลงแล้วก็กะพริบตาถี่ๆ เมื่อน้ำตานั้นพร้อมที่จะไหลออกมาอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาก็รู้ว่าต้นรักและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน มันเป็นคำถามที่เขาไม่น่าจะถามเลยด้วยซ้ำ

“เราเป็นเพื่อนกันนะสน ตั้งแต่ที่คบกันมา เราก็ช่วยเหลือกันมาตลอด นายช่วยเรา เราช่วยนาย หลายครั้งเราก็ช่วยกัน เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกัน เหนื่อยด้วยกัน สุขทุกข์ด้วยกัน เรื่องนี้...เราช่วยกันดีกว่านะสน แค่สองเดือนคงไม่ลำบากเท่าไรหรอก ตอนนี้นายเห็นเราลำบากนายยังทนไม่ได้ เราก็ทนเห็นนายลำบากคนเดียวไม่ได้เหมือนกัน”

แล้วสนก็ต้องยอมแพ้อีกแล้ว ยอมแพ้กับความดีและความมีน้ำใจของเพื่อนคนนี้ เขารู้ว่ายังไงต้นก็คงไม่ยอมให้เขาเหนื่อยคนเดียว นายดีกับเราเหลือเกิน เพื่อนเอ๋ย เราไม่รู้จะบอกนายอย่างไรว่าเราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับนาย สนค่อยๆ เอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนขวาของต้น เขาเลิกแขนเสื้อของเพื่อนขึ้นก็เห็นรอยแผลเป็นนั้น รอยแผลนี้คือสิ่งที่ย้ำเตือนความเป็นเพื่อนที่ตายแทนกันได้ระหว่างเขากับต้น ได้เป็นอย่างดี

“รู้ไว้นะต้น...นายเป็นอีกหนึ่งคนที่เรารักมากที่สุด ชีวิตของเราก็ให้นายได้ ขอบใจมาก...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลาที่เราเป็นเพื่อนกัน” พูดจบสนก็อดที่จะกอดเพื่อนไว้อีกไม่ได้ เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กอดเพื่อนคนนี้ มันเหมือนกับการถ่ายทอดความรัก ความห่วงใยและความอบอุ่นให้กันและกันได้อย่างดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย

ต้นกอดเพื่อนตอบ เขารับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่สนได้ถ่ายทอดผ่านมาให้ ไม่ว่าต้นจะพยายามสร้างกำแพงและคอยเตือนตัวเองเรื่องนี้มากเพียงใด หัวใจของต้นก็อยู่เหนือการควบคุมของต้นไปเสียแล้ว

สนปล่อยแขนออกเมื่อนึกได้ว่าต้นยังไม่ได้กินอะไรมาเลย "กินข้าวเถอะต้น นายคงหิวแย่เลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”

ต้นยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้า

--------------------------------------------------------

สนพาต้นลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาเดินเปิดไฟแล้วก็เดินไปเข้าไปในครัว จัดแจงเทอาหารใส่จานและตักข้าว

"ให้เราช่วยไหมสน" ต้นร้องถาม

"ไม่เป็นไร นายมาเหนื่อยๆ นั่งพักให้สบายเถอะ เดี๋ยวเราจัดการให้" สนร้องตอบ เมื่อจัดแจงอาหารเสร็จแล้วเขาก็ยกใส่ถาดออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของที่ต้นชอบทั้งนั้น

"มาแล้ว" สนพูดพลางวางจานอาหารลงตรงหน้าต้น "เดี๋ยวเอาน้ำมาให้" ว่าแล้วสนก็เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมา แล้วก็เดินไปหยิบแก้วน้ำในครัวมาด้วย แล้วก็เอามาวางให้ต้นพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้

"บริการดีจัง" ต้นแซวพลางยิ้ม

"มีเพื่อนดีๆ แบบนี้ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว" สนตอบและยิ้มเช่นกัน

เสร็จแล้วสนก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับต้น มองเพื่อนกินข้าวด้วยความห่วงใย แม้ว่าเขาจะหิวอยู่บ้างเพราะกินข้าวไปนิดเดียวเมื่อตอนเย็น แต่ก็ไม่อยากแย่งเพื่อนกิน ต้นเหนื่อยแล้วควรจะได้กินมากกว่าเขา แค่ได้ดูแลเพื่อนคนนี้ ได้ทำอะไรให้มากบ้างน้อยบ้าง สนก็มีความสุข

“ต้น...นายรู้ไหม ตั้งแต่คบกันมา นายมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่ง” สนเอ่ยขึ้นเมื่อต้นกินข้าวไปได้สักพัก

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย “อะไรเหรอ”

สนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า “นายชอบทำให้เราเป็นคนขี้แยน่ะสิ”

ต้นยิ้มและขำเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ส่วนสนเองก็ยังนั่งมองต้นกินข้าวด้วยรอยยิ้มบางๆ จนคนถูกมองรู้สึกเขิน พอต้นกินข้าวเสร็จสนก็รีบบอกว่า "เดี๋ยวเราล้างให้ นายขึ้นไปอาบน้ำเถอะ อย่าเพิ่งล็อกห้องนะ เดี๋ยวเราไปหา"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราล้างเอง" ต้นบอกอย่างเกรงใจ

"เดี๋ยวเราจัดการให้ต้น นายเหนื่อยแล้ว พักผ่อนเถอะ" สนพูดพลางลุกเดินไปเก็บจานชามใส่ถาด พอเห็นต้นยังคงนั่งอยู่และมองเขาด้วยสีหน้าเกรงใจ สนก็เลยทำเสียงดุว่า "ไปสิ อย่าดื้อ"

"ครับ" ต้นทำเสียงล้อเลียนแล้วก็ลุกขึ้น หันมายิ้มแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง สนมองตามแล้วก็ยิ้มอย่างชอบใจ

พอจัดการล้างและเก็บกวาดเสร็จแล้วสนก็ปิดไฟข้างล่างและตามต้นขึ้นไปบนห้อง ต้นไม่ได้ล็อกห้องตามที่เขาบอก เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็นอนเล่นบนเตียงรอขณะที่ต้นกำลังอาบน้ำ

พอต้นอาบน้ำเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัว สนลุกขึ้นนั่ง เขามองต้นที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ จนคนถูกมองเขินอาย

"มองอะไร" ต้นร้องถาม

"เปล่า...อายเหรอ อายทำไมล่ะ เห็นแล้วก็เอาไปไม่ได้หรอก" สนตอบอย่างอารมณ์ดี

ต้นก็เลยหันกลับมาสนใจกับการใส่เสื้อผ้าต่อ พอใส่เสร็จแล้วต้นก็มานั่งที่หน้าโต๊ะแต่งตัว เขาหยิบไดร์เป่าผมมาเป่าผมให้แห้ง สนลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็มายืนดูใกล้ๆ

"ช่วยไหม"

ต้นหันมามองแล้วเลิกคิ้ว สนไม่รอให้ต้นตอบ เขาฉวยไดร์เป่าผมจากมือเพื่อนมาแล้วก็ช่วยเป่าผมให้ต้น ตอนแรกก็เป่าให้ดีๆ แต่ตอนหลังก็แกล้งทำให้ต้นผมยุ่งจนคนถูกแกล้งร้องห้าม

"เป่าดีๆ สิ"

"ขอโทษครับๆ" สนบอกพลางขำ แต่ก็ยอมเป่าดีๆ แต่โดยดี เขาก็แค่แกล้งเล่นสนุกๆ ไปอย่างนั้นแหละ

"เสร็จแล้ว" สนบอกพลางเดินเอาไดร์เป่าผมไปเก็บเข้าที่วางของมัน ในระหว่างนั้นต้นก็หวีผมไปด้วย

"ดึกแล้ว นอนได้แล้ว พรุ่งนี้...อย่าลืมพาเราไปสมัครงานนะ" สนพูดพลางเดินมายืนอยู่ข้างหลังต้นและจับไหล่ต้นไว้ทั้งสองข้าง ต่างคนต่างสบตากันผ่านกระจกตรงหน้า

"ครับ...คุณเพื่อน" ต้นทำเสียงล้อ

"งั้นเราไปนอนแล้วนะ" แต่ดูเหมือนสนยังเสียดายอะไรบางอย่างอยู่ "จริงๆ ก็อยากจะคุยกับนายเหมือนกัน ไม่ค่อยได้คุยกันหลายวัน แต่กลัวนายจะเหนื่อย"

"นอนนี่ก็ได้" ต้นเสนอ

สนจึงรู้ทันว่าต้นก็อยากคุยกับเขาเหมือนกันนั่นแหละ เขายิ้มชอบใจแล้วก็บอกว่า "งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ"

ต้นลุกขึ้นยืน หันหน้ามามองสนแล้วก็ยิ้ม "ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราก็อยากคุยกับนายเหมือนกัน"

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันต่อมา ต้นพาสนไปสมัครงานที่ร้านอาหารที่เขาทำอยู่ ทางร้านก็ยินดีเนื่องจากมีนโยบายที่จะช่วยนักศึกษาที่ต้องการหารายได้พิเศษอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นช่วงที่ต้องการคนมาช่วยเสิร์ฟเพิ่มเติมพอดี สองหนุ่มต่างช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน พอมีคนมาช่วยทำแล้ว ดูเหมือนว่างานจะเหนื่อยน้อยลงและมีกำลังใจทำมากขึ้น ลูกค้าในตอนเย็นๆ เยอะมากเพราะเป็นเวลาที่คนเลิกงานและมักจะมาเที่ยวห้าง ทั้งมาซื้อของและมากิน ต้นกับสนรวมทั้งพนักงานหรือนักศึกษาที่มาหารายได้พิเศษต่างก็ต้องทำงานกันอย่างหนัก งานนี้ต้นกับสนจะได้เงินเดือนละประมาณห้าพันบาทเศษๆ เนื่องจากไม่สามารถทำเต็มเวลาได้ เมื่อรวมสองคนแล้วก็จะได้หนึ่งหมื่นบาทหน่อยๆ ต่อเดือน ถ้าทำสองเดือนก็จะสามารถหาเงินไปให้พ่อของต้นได้พอดี

“เหงื่อเต็มหน้าเลยนะต้น” สนทักเมื่อต้นเดินเข้ามาบริเวณหลังร้าน ต้นยิ้มให้เพื่อน แต่ก่อนที่เขาจะไปทำอะไรต่อนั้น สนก็เดินมาหา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วย

“อยู่เฉยๆ นะ” สนบอกแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าให้เพื่อน ต้นถึงกับทำตัวไม่ถูก พยายามเก็บอาการเขินไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็หน้าแดงพอสมควร ดีนะที่ไม่มีใครมาเห็นเข้า

“เดี๋ยวไม่หล่อ” สนบอกพลางหัวเราะเบาๆ นี่คือสิ่งที่เขาพอจะตอบแทนเพื่อนได้บ้าง แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มาจากใจและมีคุณค่าต่อจิตใจเช่นเดียวกัน

กว่าจะเลิกงานก็เลยสี่ทุ่มไปแล้ว บางวันที่นิกกับปั้นจั่นอยู่ดึกๆ ก็จะเห็นสองหนุ่มเดินกอดคอกันกลับเข้ามาในบ้านเสมอ แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ก็มีความสุข

------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปสองเดือน ต้นกับสนก็ได้เงินมาสองหมื่นบาทนิดๆ วันหยุดวันหนึ่งทั้งสองคนก็กลับบ้านที่นครปฐมเพื่อนำเงินไปให้พ่อของต้น แต่พ่อกับแม่ของต้นไม่รับและยังบอกอีกว่า

“เก็บไว้ใช้เถอะลูก แม่เขาหาเงินได้แล้วล่ะ เก็บเอาไว้เรียนหนังสือนะ” พ่อของต้นบอก

ต้นกับสนมองหน้ากันอย่างงงๆ

“พ่อกับแม่ภูมิใจนะที่ต้นกับสนมีความรับผิดชอบและรักษาคำพูด แสดงว่าเราเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แค่นี้พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ เก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้เรียนหนังสือเถอะลูก” แม่ต้นบอกพลางยิ้มด้วยสีหน้าเอ็นดู

ต้นกับสนยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากนั้นสนก็พาต้นไปหาพ่อกับแม่เขาบ้าง ดูพ่อกับแม่ก็ดีใจมากที่สนกลับมาเยี่ยมบ้าน สนเองก็คิดถึงพ่อกับแม่มากเพราะเป็นห่วงว่าท่านทั้งสองจะทำงานหนัก ปกติถ้าสนอยู่บ้านสนจะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านแทบทุกอย่าง เขาไม่อยู่แล้วพ่อกับแม่ก็คงเหนื่อยเหมือนกัน

"พ่อกับแม่มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับวันนี้" สนถามพลางมองไปรอบๆ ตัวเผื่อว่าจะพอมีอะไรที่เขาช่วยได้บ้าง

"ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อกับแม่ทำหมดแล้วล่ะ เหลือแต่รีดเสื้อผ้า สนจะช่วยแม่ไหมล่ะ" แม่ของสนถามพลางขำ

สนกับต้นหันมามองหน้ากันแล้วก็ขำ "โธ่แม่...แม่ยังไม่เข็ดอีกเหรอครับ ผมรีดทีไรมันก็ไหม้ทุกที"

"อ้าว...แล้วอยู่นั่นใครรีดเสื้อผ้าให้สนล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่ได้รีด" พ่อของสนถามบ้าง

"จะมีใครซะอีกล่ะพ่อ ต้นก็คงช่วยอีกตามเคย" แม่ของสนรู้ทัน แล้วก็หันไปทำตาเขียวใส่ลูกชายเล็กน้อย "สนนี่น่าตีจริงๆ อย่างนี้ต้นก็เหนื่อยแย่สิลูก"

"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมช่วยรีดเสื้อผ้าให้ แต่ผมก็ให้สนช่วยปัดกวาดเช็ดถูห้องให้ครับ" ต้นบอก ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็หัวเราะชอบใจ

"ดีแล้วๆ ต้นใช้เขาได้เลย อยากให้ทำอะไร พ่อกับแม่ยอมให้สนทำให้ทุกอย่าง อย่าให้สนมันเอาเปรียบต้นละกัน ถ้าสนดื้อก็มาบอกพ่อกับแม่ เดี๋ยวจัดการให้" แม่สนกำชับ

"โห...เรื่องแค่นี้สบายมากครับ จะให้ผมช่วยต้นทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับแม่ แต่ยกเว้นรีดเสื้อผ้านี่แหละ" สนพูดพลางคอยหันไปสบตากับต้นเป็นระยะๆ

"อ้อ...วันนี้แม่ทำแกงผักกาดจอให้ต้นหรือเปล่าครับ วันนี้ต้นล้างท้องมาแล้วนะครับ" สนไม่ลืมที่จะทวงอาหารโปรดให้เพื่อน

"แม่เตรียมไว้แล้วจ้ะ เดี๋ยวสนไปชวนพ่อกับแม่ต้นมากินด้วยกันนะลูก วันนี้พ่อกับแม่ทำกับข้าวเผื่อไว้แล้ว" แม่ตอบพลางหันไปมองต้นที่ยิ้มระรื่นเมื่อรู้ว่าจะได้กินของโปรดอีกแล้ว

ตกเย็นหลังกินข้าว ต้นกับสนก็เดินทางกลับกรุงเทพ ต้นแบ่งเงินให้สนครึ่งหนึ่งแล้วก็รีบพูดดักไว้ก่อนว่า “นายยังไม่ต้องคืนเงินเราตอนนี้หรอกนะสน เรายังไม่เดือดร้อนอะไร นายเก็บไว้ใช้ดีกว่า นายจะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่นายด้วยไง”

สนนึกขำในใจ ต้นรู้จักเขาดีเสียจริงๆ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแต่ต้นก็ดักไว้เสียก่อนเหมือนรู้ทัน และสนก็พอรู้ว่าเขาไม่ควรจะแย้งอะไรอีกเพราะต้นจะหาเหตุผลมาทำให้เขายอมจน ได้ในที่สุด “ขอบใจมาก เพื่อนรัก”

หลังจากนั้น สนก็ทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านนั้นทุกเดือนเท่าที่เวลาจะอำนวยเพื่อหารายได้พิเศษ จะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่มากจนเกินไปด้วย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-05-2012 13:07:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 17-05-2012 13:27:22
ความดีของต้น  มันคงซึมซับไปในใจสนเร็วๆนะ เผื่อจะรักแบบคนรักสักที :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 19-05-2012 00:45:49
มารอต้น สน  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chochang99 ที่ 19-05-2012 03:48:41
ซึ้งอ่ะ อ่านแล้วร้องไห้ตาม
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 19-05-2012 22:50:29


ว่างมาอ่านแล้ว เย้ๆๆ

ต้นกับสนน่ารักขึ้นทุกตอนออ่ะ อยากอ่านต่อไวไว

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 13 ¤ เพื่อนผู้เสียสละ (อีกแล้ว) (17-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 20-05-2012 10:32:44
ตอนที่ 14: ปั้นปึง

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ในปีที่สองของการเรียนในมหาวิทยาลัย ต้นได้รับเลือกให้เป็นรองประธานชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมเนื่องจากมีผลการทำงานที่ค่อนข้างโดดเด่น เจนี่ดูจะดีใจกับเขามากทีเดียว แถมยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่ต้นอาจจะได้เป็นประธานชมรมในปีหน้า ปีนี้ต้นพยายามชักชวนสนให้เขามาร่วมกิจกรรมในชมรมของเขาด้วย เพราะอยากให้สนใช้เวลาว่างทำประโยชน์เพื่อสังคมบ้าง สนก็มาเข้ามาร่วมแต่โดยดีตามแต่เวลาจะอำนวย

ในช่วงต้นเทอมแรกของปีสอง ต้นได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานชิ้นหนึ่งซึ่งก็คือการพานักศึกษาในชมรมไป ช่วยสร้างบ้านดินให้กับคนที่ยากไร้ที่ต่างจังหวัด ต้นต้องเขียนโครงการเพื่อของบประมาณจากมหาวิทยาลัย ติดต่อประสานงานกับนักศึกษา หาที่พัก แจ้งขอเช่ารถของมหาวิทยาลัยและต้องประสานงานกับคนในพื้นที่ด้วย ต้นสามารถทำได้เป็นอย่างดี จนได้กำหนดวันที่จะไปทำกิจกรรมเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวติดกัน เดินทางเย็นวันพฤหัสบดีและกลับเย็นวันอาทิตย์ จังหวัดที่จะไปนั้นไม่ไกลจากกรุงเทพนักจึงใช้เวลาเดินทางไม่มาก

ในวันเดินทาง มีรสบัสสองชั้นคันใหญ่ของมหาวิทยาลัยหนึ่งคันเป็นพาหนะเดินทาง มีนักศึกษาและอาจารย์ที่จะไปรวมประมาณ 30 คน ต้นทำงานหนักทีเดียวเพราะต้องคอยดูแลนักศึกษาทั้งหมดที่จะไป บางคนก็มาสาย บางคนก็ยังติดต่อไม่ได้ วุ่นวายพอสมควร รวมทั้งปัญหาอุปสรรคจุกจิกอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี ดีที่ว่ามีเพื่อนๆ ในชมรมและสนคอยเป็นลูกมือและช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

"เหนื่อยหรือเปล่าต้น" สนถามขณะเดินขึ้นมาบนรถด้วยกันเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วและพร้อมจะออกเดินทาง

"นิดหน่อย ขอบใจนายมาก ทำงานอาสาก็อาจจะเหนื่อยแบบนี้แหละ" ต้นบอกพลางหันไปยิ้ม

"เราสบายอยู่แล้ว" สนยิ้ม เขาไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ต้นต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขากับสนเป็นแค่เพื่อนกัน

"ต้น...นั่งนี่สิ เจนี่จองที่ไว้ให้แล้ว" เสียงเจนี่ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นต้นกับสนเดินขึ้นมาด้วยกันพอดี

ต้นกับสนหยุดมองหน้ากัน สนยิ้มเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร

"ตามสบายนะต้น" สนบอกแล้วก็เดินไปหาที่นั่งที่อื่น ต้นมองตามสักพักก็นั่งลงที่ข้างๆ เจนี่ แต่ก็คอยเหลือบมองสนในช่วงแรกๆ ที่นั่งอยู่กับเจนี่

สนได้ที่นั่งช่วงกลาง มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง พอสนนั่งลง หญิงสาวคนนั้นก็หันมามอง ยิ้มหน่อยๆ แล้วก็หันกลับไปตามเดิม

นั่งลงแล้วสนก็คอยเหลือบหันไปมองต้นกับเจนี่บ่อยๆ เห็นสองคนนั้นนั่งคุยกันกะหนุงกะหนิงแล้วสนก็บอกตัวเองไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ บางทีก็คิดว่าตัวเขาเองกำลังหวงต้นอยู่ แต่สนก็พยายามสลัดความคิดนั้นออกไปโดยเร็วแล้วก็นั่งเงียบ

“พี่ชื่ออะไรคะ” หญิงสาวที่นั่งข้างๆ สนหันมาคุยด้วย ทำให้สนตื่นจากภวังค์ความคิด

“อ๋อ ชื่อสนครับ เป็นนักศึกษาใหม่หรือครับ” สนยิ้มนิดๆ เพื่อไม่ให้คนแปลกหน้ารู้สึกอึดอัดจนเกินไป

“ค่ะ ชื่อก้อยนะคะ เรียนคณะนิเทศศาสตร์ค่ะ พี่สนเรียนคณะไหนล่ะ”

“คณะเทคโนโลยีสารสนเทศครับ” สนบอกชื่อเต็มของคณะที่เขาเรียน ก้อยทำตาโตด้วยความสนใจ

“จริงเหรอคะ งั้นพี่ก็ต้องเก่งคอมสิ สอนก้อยหน่อยได้ไหมคะ ก้อยใช้คอมไม่ค่อยเป็นเลย”

“อ๋อ...ก็...พอใช้เป็นครับ ไม่ถึงกับเก่งมาก ถ้าอยากเรียน ไว้ว่างๆ พี่สอนให้ก็ได้ครับ” สนรับปากไปตามมารยาท จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่าก้อยอยากจะมาเรียนจริงๆ หรอก อาจจะถามไปอย่างนั้นเอง

ก้อยชวนสนคุยไปตลอดทางเลยทีเดียว เธอแสดงอาการสนใจสนอย่างเห็นได้ชัด แต่สนไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้นี่เองที่จะทำให้เขากับต้นต้องบาดหมางใจกันอีกไม่นานนี้

------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อเดินทางมาถึง คืนแรกทุกคนได้พักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้ๆ สถานที่ที่จะเดินทางไปพรุ่งนี้ ต้นได้ราคาพิเศษเนื่องจากเจ้าของรีสอร์ทเป็นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เขาจะไปพอดี ส่วนในคืนต่อๆ ไปจะพักในวัดในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ในหนึ่งห้องจะต้องพักกันถึง 4 คน ทำให้ต้นต้องเหนื่อยพอสมควรเพราะกว่าทุกคนจะได้ห้องพักก็มีการถกเถียงและขอเปลี่ยนแปลงห้องกันวุ่นวาย สนคอยเป็นลูกมือให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี กว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร พอหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย

รุ่งเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว รถก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่จะมีการสร้างบ้านดิน มีชาวบ้านและทีมวิทยากรสอนทำบ้านดินมารอต้อนรับอยู่ ในช่วงเช้าวิทยากรบรรยายเทคนิคการทำบ้านดินให้นักศึกษาฟังก่อนเพื่อจะได้เรียนรู้เทคนิคการทำก้อนดิน การก่อผนังและการฉาบ นักศึกษาได้เริ่มทำบ้านดินจริงๆ ในช่วงบ่าย ต้นสังเกตเห็นว่าสนดูจะสนุกกับกิจกรรมนี้มากทีเดียว เขาช่วยเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทำก้อนดินอย่างแข็งขัน

สนไม่ค่อยได้คุยกับต้นมากนักเพราะดูเหมือนจะมีเจนี่คอยตามเป็นเงา ตอนที่เตรียมดินก็เห็นเจนี่คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เอาน้ำท่ามาให้ดื่ม คุยกันกะหนุงกะหนิงเหมือนกับโลกนี้มีกันแค่สองคน สนรู้สึกหงุดหงิดจนต้องลอบถอนหายใจบ่อยๆ

ในขณะที่สนรู้สึกไม่พอใจอยู่นั้น ก้อยก็เดินเอาน้ำมาส่งให้เขาพลางยิ้มหวาน ตัวก้อยเองนั้นไม่ค่อยได้ช่วยคนอื่นๆ ทำอะไรมากนัก จริงๆ เธอมาเพราะอยากมาเที่ยวเปิดหูเปิดตามากกว่าจะมาช่วยทำงานอย่างจริงๆ จัง

"น้ำค่ะพี่"

"ขอบคุณครับ" สนหันไปยิ้มแล้วรับขวดน้ำดื่มที่เปิดฝาพร้อมดื่มมา เขายกขึ้นดื่มจนหมดแล้วก็หันรีหันขวางมองหาที่จะเอาไปทิ้ง

"เดี๋ยวก้อยเอาไปทิ้งให้ค่ะ พี่ทำต่อเถอะ" ก้อยบอกพลางยื่นมือไปรับขวดน้ำมาจากสนที่ยื่นให้ด้วยความเกรงใจ

"ขอบคุณนะครับ" สนยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ พอก้อยเดินออกไปแล้วเขาก็หันมาสนใจการเตรียมดินต่อ แต่หลังจากนั้นก้อยก็จะคอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เขาตลอดเวลา ดูเหมือนคราวนี้ต้นก็เริ่มจะหันมาสนใจเขาเหมือนกัน เห็นสนมีสาวน้อยมายืนอยู่ใกล้ๆ แล้วต้นก็มีคำถามมากมายอยู่ในใจ

หลังจากเสร็จกิจกรรมวันแรก ต้นก็ให้เพื่อนนักศึกษาพักผ่อนตามอัธยาศัยและนัดมาเจอกันที่ลานในหมู่บ้านตอนหกโมงเย็นเพื่อกินข้าวเย็นและทำกิจกรรมภาคกลางคืน จนกระทั่งถึงเวลากินข้าวเย็น ชาวบ้านนำอาหารที่ช่วยกันทำมาให้นักศึกษากินหลายอย่าง มีทั้งแกง ทั้งลาบ อาหารพื้นบ้านอื่นๆ ของหวานและผลไม้ นักศึกษาที่เป็นอาสาสมัครนั่งกินกันเป็นกลุ่มๆ บนเสื่อ ไม่มีโต๊ะให้นั่ง พอต้นเห็นว่าเพื่อนๆ นั่งกินข้าวกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ต้นจึงตักอาหารใส่จานมากินบ้าง

ในระหว่างที่ต้นกินข้าวอยู่นั้นเขาก็พยายามมองหาสนเพราะรู้สึกว่าเขาไม่เห็นสนเลยในช่วงตั้งแต่ก่อนเริ่มกินข้าว ต้นลุกขึ้นไปเดินดูตามกลุ่มต่างๆ ก็ไม่เห็น ที่น่าแปลกคือไม่เห็นก้อยด้วย ไม่รู้ว่าหายไปไหนด้วยกันทั้งคู่ ต้นถามเพื่อนๆ ก็ได้ความว่าก่อนจะหายไปสนนั่งคุยกับก้อยอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง ต้นกับเพื่อนอีกสองสามคนจึงลองเดินไปตามหาที่บ้านหลังดังกล่าวก็ได้ทราบจากคนในบ้านว่าเห็นสนกับก้อยเดินเล่นตรงถนนดินของหมู่บ้านและเดินไปทางทุ่งนา ต้นเริ่มใจคอไม่ดีที่สนหายไปกับรุ่นน้องผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจที่เพื่อนทำตัวเหลวไหลแบบนี้

ต้นกับเพื่อนแยกกันไปตามหาสนและก้อย ฟ้าเริ่มมืดมากแล้ว สองคนนั้นหายไปทำอะไรกันที่ไหนหนอ ต้นเดินไปตามถนนดินไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เป็นสามแยก แยกหนึ่งไปถนนสายหลัก อีกทางหนึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทางเกวียนและมีทุ่งนา ต้นเห็นกองฟางอยู่กองหนึ่งไม่ไกลจากเขามากนักจึงเดินไปดู

แล้วต้นก็ได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง สนกับก้อยนั่งซบและคุยกันอยู่ พอทั้งคู่เห็นสนก็ตกใจรีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน ต้นพยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุดเพราะเขาทั้งโกรธจนมือไม้สั่นที่เพื่อนทำตัวเหลวไหลและเจ็บที่เห็นคนที่ตัวเองรักมานั่งอยู่กับผู้หญิงซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าจะว่าหัวใจโดนฟ้าผ่าก็อาจจะยังไม่เจ็บเท่านี้เลย

“ทุกคนเขารออยู่” ต้นกัดฟันพูด เขาต้องข่มใจอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ให้ทั้งคู่เห็น พอบอกแล้วต้นก็เดินแกมวิ่งออกมา เมื่อพ้นสายตาของทั้งคู่แล้วต้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น สนวิ่งตามเพื่อนสุดชีวิตก่อนจะคว้าแขนต้นเอาไว้ได้

“ต้น...เดี๋ยวก่อนสิ”

เมื่อต้นหยุดแล้วหันมามอง สนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นต้นมีน้ำตาอยู่เต็มใบหน้า

“ต้น...นายเป็นอะไร” สนถามด้วยสีหน้าตกใจ เขาไม่เคยเห็นต้นร้องให้แบบนี้เลย ปกติต้นเป็นคนที่เข้มแข็งมากและเขาแทบไม่เคยเห็นต้นร้องให้เลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกบางอย่างบอกสนว่าเขาไม่ควรรั้งเพื่อนไว้ตอนนี้จึงค่อยๆ ปล่อยมือต้นอย่างช้าๆ

“นายทำตัวเหลวไหลมากนะสน” ต้นพูดเพียงเท่านี้ สายตาต้นดูเย็นชาอย่างที่สนไม่เคยเห็น เขาใช้มือปาดน้ำตาแล้วก็เดินไป สนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงงงัน ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปเมื่อสักครู่นี้จะทำให้ต้นต้องเสียใจถึงขนาดต้องร้องให้

หลังจากนั้นต้นก็ไม่พูดและไม่หันมาสนใจสนอีกเลย เหมือนกับไม่มีสนอยู่ตรงนั้น หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ต้นก็ไปเก็บกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระและเสื้อผ้าของตนเองออกไปจากเต็นท์ที่ตั้งใจว่าจะนอนด้วยกันกับสน ต้นรู้สึกเสียขวัญและยังทำใจกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ โกรธอาจจะไม่เท่าไร แต่เจ็บที่หัวใจนี่สิยิ่งกว่า

สนได้แต่ยืนมองเพื่อนด้วยสายตาละห้อย รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เพื่อนเสียใจแบบนั้น ใจจริงเขาอยากจะเข้าไปขอโทษ แต่ดูท่าทางต้นจะโกรธเขามากจริงๆ จนเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ จึงได้แต่ปล่อยให้ต้นเก็บของออกไป รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี เพิ่งมีวันนี้วันแรกนี่แหละที่สนเห็นต้นโกรธเขามากขนาดนี้ สนจึงคิดในใจว่าคงต้องปล่อยให้ต้นใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยดีกว่า ความเป็นจริงนั้นเขาก็ไม่ได้อยากเหลวไหล แต่ก้อยก็พยายามถึงเนื้อถึงตัวเขาจนสนเผลอไป แต่อย่างว่า...ปรบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดัง เขาก็มีส่วนผิดไม่น้อย

ตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรม 3 วันนั้น ต้นทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เขาได้รับความร่วมมือและการยอมรับจากนักศึกษาคนอื่นๆ จึงทำให้งานประสบความสำเร็จแม้ว่าจะเป็นงานสร้างบ้านดินงานแรก ส่วนสนนั้นได้แต่ช่วยทำไปเงียบๆ เขาไม่ได้คุยอะไรกับต้นที่ยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงเลย ก้อยเองก็ยังคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขาแทบตลอดเวลา สนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบเขา ถ้าเขาคิดจะทำอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

------------------------------------------------------------------------------------------------

รถบัสของมหาวิทยาลัยเดินทางมาถึงกรุงเทพราวๆ สามทุ่ม ต้นยังไม่ได้กลับเลยทันทีเพราะเขาต้องคอยดูแลให้คนอื่นกลับกันให้หมดก่อนเพราะเขาถือว่าเป็นผู้นำแล้ว สนยืนคอยเพื่อนอยู่เงียบๆ อยากเข้าไปช่วยต้นเหมือนกันแต่เห็นสายตาต้นที่มองเขาแล้ว สนก็ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ แต่เมื่อคนกลับหมดแล้ว สนจึงเดินเข้าไปหาต้นด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

“กลับกันเถอะต้น ดึกแล้ว นายจะได้พักผ่อน เหนื่อยมาหลายวันแล้ว”

ต้นพยักหน้าแต่ไม่ตอบอะไร เขายังรู้สึกเคืองๆ อยู่แต่ก็ยังไม่อยากคุยอะไรตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้านั่นเอง

“กลับแท็กซี่แล้วกันนะ” สนเสนอ ต้นพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

พอได้แท็กซี่ ต้นก็นั่งที่นั่งด้านหน้า ให้สนนั่งด้านหลังคนเดียว พอมาถึงบ้าน ต้นจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วก็เข้าบ้านไปโดยที่ไม่รอสน แล้วก็ขึ้นไปบนห้อง ไม่ทักแม้กระทั่งนิกกับปั้นจั่นที่นั่งดูทีวีอยู่ สองคนได้แต่มองตามอย่างสงสัย สักพักสนก็เข้ามาในบ้าน เขามองหาต้น เมื่อไม่พบก็เลยเดาเอาว่าต้นน่าจะเข้าห้องไปแล้ว

“เป็นไรกันเนี่ยสองคนนี้ มาด้วยกันหรือเปล่าวะ” นิกหันมาถามด้วยความสงสัย

สนเดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆ แล้วถอนหายใจ “สงสัยต้นจะโกรธกูว่ะ โกรธมาหลายวันแล้วล่ะ” สนบอกเพื่อนสองคนด้วยสีหน้าเซ็งๆ

“แล้วมึงไปทำอะไรให้ต้นมันโกรธเอาล่ะ ปกติก็เห็นมันรักมึงจะตาย ไม่เคยเห็นมันโกรธมึงเลยนี่หว่า” ปั้นจั่นถาม

สนถอนหายใจแล้วก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจึงทำให้ต้นโกรธเขาขนาดนั้น พอรู้เรื่องแล้วนิกกับปั้นจั่นก็พอเดาได้ว่าต้นไม่ใช่แค่เสียใจที่สนทำตัวเหลวไหลเท่านั้น แต่ต้นคงเสียใจด้วยที่เห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่นอย่างไม่คาดฝัน

“สมควรแล้วล่ะที่มันโกรธ เป็นกูกูก็โกรธเหมือนกันแหละวะ คนอื่นเขาทำงานกัน นี่ไปนั่งจู๋จี๋กัน ตอนมึงหายไปไอ้ต้นมันคงเป็นห่วงมึงนั่นแหละ ทำตัวเหลวไหลเองทำไมล่ะ” นิกว่าด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ไม่ต้องมองกูเลย ช่วยไม่ได้โว้ยเรื่องนี้ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง” ปั้นจั่นบอกปัดเมื่อเห็นสนหันมามอง เขาจะไม่ยอมเป็นสะพานให้สนในครั้งนี้แน่นอน

“มึงระวังไว้ด้วยละกัน ผู้หญิงไวไฟแบบนั้น ง่ายก็จริง แต่อาจจะทำให้มึงมีเรื่องได้” นิกเตือน

“กูขอตัวไปนอนก่อนละกัน เหนื่อย” สนบอกพลางลุกขึ้นแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง เขารู้ว่าสองคนนี้คงไม่ช่วยเขาแน่ๆ พอเดินผ่านห้องของต้น สนหยุดยืนดู ชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ แต่คิดอีกที ปล่อยให้ต้นอยู่เงียบๆ สักพักไปก่อนดีกว่า

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันหนึ่งตอนพักเที่ยง ต้นลงมากินข้าวก็บังเอิญเจอสนนั่งกินข้าวกับก้อยอยู่ ต้นจึงเดินหนีไป หลายวันมานี้เขาไม่ได้คุยกับสนเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้นต้นยอมรับว่าเขายังทำใจไม่ได้ แต่พอเขาทำตัวห่างเหินก็เหมือนกับเป็นการปล่อยให้สนกับก้อยสนิทกันมากขึ้น ในใจลึกๆ ต้นก็รู้สึกเป็นห่วงสนอยู่เหมือนกัน นิกกับปั้นจั่นเคยบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้ประวัติไม่ค่อยดีนัก เขากลัวสนจะถูกหลอก

ระหว่างที่ต้นกำลังเดินเลือกอาหารด้วยอาการเหม่อๆ นั้น ก็เจอกับเจนี่กับเพื่อนๆ สามสี่คนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี พอเจนี่เห็นแล้วก็หันไปคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนของเธอแล้วก็รีบวิ่งมาหาต้นด้วยความดีใจ ต้นก็เลยได้เจนี่เป็นเพื่อนกินข้าวกลางวัน

“ต้นเป็นไรเหรอ หน้าตาไม่ค่อยดีเลย” เจนี่ถามขณะกินข้าว เธอสังเกตว่าต้นดูเหม่อลอยชอบกล

“เปล่าหรอก สงสัยจะเหนื่อย” ตอบพลางยิ้มเนือยๆ

“แล้วสนเขาเป็นไงบ้าง ได้ยินว่ามีแฟนแบบสายฟ้าแลบเลยไม่ใช่เหรอ เตือนๆ เขาหน่อยนะ ยัยคนชื่อก้อยอะไรเนี่ยได้ข่าวว่าไม่ใช่เล่นเลย” เจนี่บอกพลางขำ

ต้นยกช้อนตักข้าวค้างไว้แล้วก็พยักหน้า “ก็คงแล้วแต่เขา ต้นเป็นแค่เพื่อนก็คงทำได้แค่บอก” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะประชดในที

“ถามจริงๆ เถอะ ต้นโกรธสนหรือเปล่า” เจนี่ถามด้วยความสงสัยเพราะสังเกตเหมือนกันว่าต้นไม่คุยกับสนเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันนั้น

“ก็นิดหน่อย” ต้นยอมรับ ถ้าจะบอกว่าไม่โกรธเลยก็จะดูโกหกจนเกินไป

“เอาน่า...ผู้ชายก็แบบนี้แหละต้น ก็มีเหลวไหลบ้าง ที่ห้องเจนี่นะ อยู่กันเป็นคู่ๆ เลย แต่ส่วนมากก็อยู่กันได้ไม่ค่อยนานหรอก เปลี่ยนคู่กันไปเปลี่ยนคู่กันมา ไม่ไหวเลย เจนี่ไม่ชอบ” พูดพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

แต่สิ่งที่เจนี่พูดก็ทำให้ต้นเกิดความกังวลใจมากทีเดียว ถ้าสนกับก้อยเกินเลยไปถึงขนาดนั้น สนอาจจะเสียอนาคตได้ ในฐานะเพื่อน ต้นจะทนมองเห็นเพื่อนที่รักเสียอนาคตได้อย่างไร ถึงจะโกรธเคืองอย่างไร ต้นก็คงต้องทำอะไรบางอย่าง

------------------------------------------------------------------------------------------------

“เฮ้ยไอ้ต้น มึงรู้หรือเปล่าว่าไอ้สนน่ะมันเสร็จผู้หญิงที่ชื่อก้อยไปแล้ว มีคนเห็นมันไปหาเขาถึงที่หอพักเลยนะเว้ย” ปั้นจั่นฟ้องต้นทันทีที่ต้นกลับมาถึงบ้าน

ได้ฟังแล้วต้นก็มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ต้นพยักหน้าเป็นเชิงว่ารู้เรื่องแล้วแต่ก็ไม่พูดอะไร

“เดี๋ยวเกิดทำลูกสาวเขาท้องขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อน” นิกว่าบ้าง พอต้นเงียบไม่พูดอะไร ทั้งสองคนจึงมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“มึงได้คุยกันไอ้สนมั่งยังวะตั้งแต่วันนั้น” ปั้นจั่นถาม

ต้นส่ายหน้า “สนคงไม่ฟังกูหรอก”

“แล้วมึงไม่ห่วงมันบ้างหรือไงวะ ยังไงก็เตือนๆ มันหน่อยนะเว้ย เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วโดนไล่ออก เสียอนาคตเลยนะเว้ย” นิกเตือน

“แล้วนี่ไอ้สนยังไม่กลับอีกเหรอ หรือว่าไปหาแฟน” ปั้นจั่นถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไปทำงานที่ร้านอาหารก็ได้” ต้นตอบอย่างเนือยๆ เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วตอนนี้

“ขอตัวก่อนละกันนะ” ต้นบอกแล้วก็เดินขึ้นห้องไปเพราะวันนี้เขามีงานหลายอย่างต้องทำส่งอาจารย์

------------------------------------------------------------------------------------------------

ในขณะที่ต้นนั่งทำงานอยู่นั้น ประมาณห้าทุ่มก็มีเสียงคนเข้ามาในบ้าน คงเป็นสนนั่นเอง ต้นหยุดทำงานแล้วครุ่นคิด จริงๆ เขาก็เป็นห่วงสนมาก ถ้าสนยังทำตัวแบบนี้อยู่ โอกาสที่จะเสียคนก็มีสูง ไหนๆ ก็อุตส่าห์โน้มน้าวจนสนยอมเรียนหนังสือแล้ว ต้นก็คงต้องช่วยเพื่อนให้ถึงที่สุด เหนื่อยแค่ไหน เจ็บแค่ไหนก็คงต้องลากถูกันไปให้ได้ เขาต้องตัดเรื่องความรู้สึกออกไปก่อนเพราะอนาคตของเพื่อนสำคัญกว่า คิดได้แล้ว ต้นจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องของสน สักพักสนก็เดินมาเปิดประตู พอรู้ว่าต้นมาหาเขาก็ยิ้มดีใจ

“ต้น...เข้ามาสิ” สนบอกพลางเชื้อเชิญเพื่อนให้เข้ามาในห้อง ต้นยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน แต่เมื่อสบตากันก็ยังเห็นแววของอาการไม่สนิทใจกันเหมือนเคยอยู่ แต่ก็ทำให้สนใจชื้นขึ้นมาบ้างที่เห็นต้นยิ้มให้

ต้นเดินไปนั่งบนเตียงของเพื่อน สนเดินมานั่งข้างๆ ได้กลิ่นควันกับอาหารจากเสื้อของสนต้นก็พอจะเดาได้ว่าสนเพิ่งกลับมาจากทำงานที่ร้านอาหาร

“เรา...คิดถึงนายนะ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน” สนพูดพลางพยายามจับสังเกตสีหน้าของเพื่อน "นายหายโกรธเราหรือยังต้น"

ต้นนิ่งเงียบ ก้มหน้าแล้วก็บอกไปว่า “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยนะสน ที่เรามาคุยกับนายวันนี้เพราะเรามีเรื่องที่กำลังกังวลใจแล้วก็เป็นห่วงนายอยู่”

“เรื่องอะไรเหรอ” สนหันมาถาม

ต้นชั่งใจอยู่พักหนึ่ง เขาหันไปมองสนแล้วพูดสืบไปว่า “มีคนมาบอกเราว่านายไปหาก้อยที่ห้องพักของเขา”

สนชะงักเล็กน้อย แล้วก็พูดราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญว่า “ก็แหมต้น ผู้หญิงเขาเสนอเรามา เราก็แค่สนองไปเท่านั้นแหละ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย นายไม่เคยเจออย่างนี้มั่งเหรอ”

“สน...ถ้าเกิดเขาท้องขึ้นมา นายจะทำยังไง”

“เราโตแล้วน่าต้น เรารู้วิธีป้องกันน่า นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะต้น เพื่อนๆ ในห้องเราก็ทำแบบนี้กันทั้งแหละ บางคนก็พักห้องเดียวกันเป็นผัวเมียกันไปเลยด้วยซ้ำ แต่เราไม่ทำถึงขนาดนั้นหรอก”

ต้นมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ ทำไมสนถึงได้ไม่ยี่หระราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก หรือว่ามันจะธรรมดาจริงๆ สำหรับผู้ชาย ต้นอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปก็ได้ถึงมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ธรรมดา

“เรารู้ว่านายโตและมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว แต่เราก็แค่...ไม่อยากให้นายประมาท”

สนนิ่งเงียบ ต้นจึงพูดต่อว่า “เราก็แค่เตือนนายเพราะว่าเราหวังดีนะสน ถ้าเราไม่รักนาย ไม่ห่วงนาย เราก็ไม่มาเตือนหรอก ไม่ใช่เตือนเพราะคิดว่านายเป็นเด็ก ไม่ได้คิดว่านายดูแลตัวเองไม่เป็น”

ต้นหยุดเหมือนกับไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังก้าวก่ายชีวิตของเพื่อนมากเกินไปหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ “นายจำได้ไหม...เราเป็นคนขอให้นายมาเรียนหนังสือ เราไม่อยากให้นายพลาดพลั้งจนเสียอนาคต แต่เอาเป็นว่า...ถ้านายมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เราก็...จะเลิกพูดเรื่องนี้ละกัน เราก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนาย”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วสนก็อยากจะเถียงว่าเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ไม่เคยคิดว่าต้นมาจุ้นจ้านเรื่องของเขา "เราไม่ได้คิดว่านายมาก้าวก่ายหรอกต้น เราเชื่อในความหวังดีของนาย นายเอง...ก็เชื่อมั่นในตัวเรา...ใช่ไหม"

ต้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มันมีอะไรหลายอย่างที่สนยังไม่รู้ และมันก็ทำให้ต้นเจ็บปวดร้อนรนแบบนี้ “เราเชื่อใจนายเสมอนะสน แต่เรา...ขอพูดตรงๆ ว่า...เราไม่เชื่อใจผู้หญิงคนนั้น แต่...ทั้งหมดก็แล้วแต่นายนะ เราแค่อยากให้นายรู้ว่าเราเป็นห่วงนายแค่นั้นแหละ”

สนมองดูเพื่อนด้วยสีหน้าครุ่นคิด จริงๆ เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันเตลิดมาถึงขนาดนี้หรอก วันนั้นเขาแค่รู้สึกไม่พอใจที่เห็นต้นกับเจนี่สนิทกัน ก็เลยคิดจะเรียกร้องความสนใจจากต้นด้วยการเข้าหาก้อย แค่อยากจะให้ต้นหันมาสนใจเขาบ้างเท่านั้นเอง แต่พอทำแบบนั้นไปแล้วเรื่องมันก็ชักจะเตลิดจนสนเองก็เริ่มหนักใจเหมือนกัน

“ดึกแล้ว...เราขอตัวไปทำงานต่อก่อนละกัน เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันส่ง”

ต้นบอกเสร็จแล้วก็ลุกเดินออกไป สนเดินไปปิดประตูแล้วก็กลับมานั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เพื่อนพูดเมื่อสักครู่นี้ ชีวิตเขาขาดต้นไม่ได้หรอก เวลาต้นไม่คุยกับเขาแล้วเขารู้สึกทรมานใจมาก มากจนต้องเรียกร้องความสนใจจากต้นด้วยวิธีการแบบนี้ แต่ต้นกลับดูเหมือนจะไม่พอใจมากขึ้น

สนถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตก เขาอยากให้ต้นกับเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จะว่าไปแล้วเขาก็เริ่มสับสนแล้วล่ะว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่ เขารู้สึกว่าต้นอาจจะไม่ได้แค่โกรธที่เขาทำตัวเหลวไหล แต่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 21-05-2012 10:15:03
สนเอ๊ย จะเรียกร้องความสนใจแบบนี้

ปัญหายิ่งเยอะเข้าไปใหญ่   :เฮ้อ:

สงสารต้นจัง คงทรมานใจน่าดู :m15:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 21-05-2012 17:05:21
ก้อยแกมาโผล่ทำไมเนี่ย 

สนก็นะเล่นด้วยซะ o22





หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 21-05-2012 18:36:54
 :z6: ให้ก้อย โผล่มาทำไมมม !!
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 21-05-2012 22:04:21
พึ่งได้เริ่มอ่านนะคะ เขียนได้ลื่นดีค่ะ ชอบต้นจังเลย สนก็ชอบนะ
ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะลงเอยรึเปล่า อยากให้สนรู้ใจตัวเองจังเลย
แต่มิตรภาพดีๆยังงี้หายากนะ อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนๆ ขอบคุณคนแต่งค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 22-05-2012 01:16:42
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :sad11:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chochang99 ที่ 22-05-2012 01:50:41
เพื่อนรักเพื่อน ......
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 14 ¤ ปั้นปึง (20-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 22-05-2012 22:00:11
ตอนที่ 15: บทเรียนของคนดื้อ

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

ดูเหมือนว่าความเฉยชาของต้นจะยิ่งทำให้สนเตลิดมากขึ้น จิตใจสนไร้ที่พึ่งจนต้องใช้ก้อยเป็นทางออก สนมักจะไปหาก้อยที่ห้องบ่อยๆ บางทีก็พาก้อยไปเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากนัก ช่วงนี้สนแทบไม่ได้คุยกับต้นเลยเพราะต้นปลีกตัวออกห่าง ต้นไม่เคยรู้เลยว่าสนน้อยใจเขามากแค่ไหน

วันหนึ่ง ก้อยชวนสนไปงานสังสรรค์ที่บ้านของเพื่อนก้อย สนไม่อยากไปนักแต่ก้อยก็รบเร้าจนเขายอมไปด้วย พอไปถึงสนก็พบว่ามันเป็นบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่ เจ้าของบ้านเป็นชายอายุราวๆ 30 เป็นเพื่อนของเพื่อนก้อยอีกที วันดีคืนดีก็จะเปิดบ้านให้ก้อยและเพื่อนๆ มาสังสรรค์กัน วันนี้ก็เช่นกัน บนบ้านมีทั้งชายทั้งหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสนหลายคนนั่งล้อมวงกินเหล้ากัน

“พี่สนต้องหัดมาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอย่างนี้บ้างนะคะ ไม่ใช่เอาแต่เรียนหนังสือ น่าเบื่อจะตาย” นั่นคือสิ่งที่ก้อยบอกเมื่อเห็นสนมีสีหน้ากังวลที่ต้องมาในสถานที่แบบนี้

"พี่ไม่ค่อยชอบที่แบบนี้เลยก้อย กลับกันดีกว่าไหม อีกอย่าง...พี่ไม่อยากให้ต้นรู้ว่าพี่มาที่แบบนี้"

ได้ยินชื่อต้นที่สนมักจะเอ่ยให้ฟังบ่อยๆ เข้าก้อยก็ชักจะรู้สึกรำคาญ "ลองดูก่อนดีไหมคะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้าไม่ชอบ วันหลังไม่ต้องมาก็ได้ค่ะ นะคะ" ก้อยทำเสียงอ้อนในตอนท้าย

สนได้แต่เงียบ ก้อยแนะนำเขาให้รู้จักกับคนอื่นๆ แต่สนก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาไม่อยากกินเหล้าเลยเพราะต้นเป็นห่วงเขาในเรื่องนี้มาก แม้ว่าต้นไม่ได้ขอให้เขาเลิกแต่เขาก็อดคิดถึงสิ่งที่เพื่อนบอกไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ บวกกับแรงคะยั้นคะยอ สุดท้ายสนก็ต้องดื่มจนได้

พอดื่มได้แก้วหนึ่ง แก้วต่อๆ ไปก็ตามมา เขาเริ่มเมาและสนุก บางคนลุกขึ้นมาเต้น มีเพื่อนคนอื่นๆ คอยเคาะขวดเหล้าให้จังหวะ สนก็เต้นกับเขาบ้าง เขาร้องเพลงอะไรสนก็ร้องตาม ถ้าต้นมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้ก็คงเสียใจไม่น้อย จนกระทั่งทุกคนเริ่มหมดแรงแล้วก็ค่อยๆ แยกไปนอนกันทีละคนสองคน บางคู่สนพอดูออกว่าเป็นแฟนกันก็หายไปด้วยกัน บางคนก็นอนกลิ้งไปมาใกล้ๆ บริเวณที่นั่งกินเหล้ากัน

------------------------------------------------------------------------------------------------

สนตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า โชคดีที่ว่าเป็นวันหยุดจึงไม่ต้องไปเรียนหนังสือ เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ จึงใช้มือทุบศีรษะเบาๆ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องแล้วเขาก็ต้องแปลกใจเพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมือนห้องนอนของเขาเลย เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง สนยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อหันไปมองข้างๆ ก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนอยู่ข้างๆ เขาในลักษณะเปลือยเปล่า ตัวสนเองก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ผู้หญิงคนนี้เขาก็ไม่รู้จักด้วย มันเกิดอะไรขึ้น นี่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ หรือ แล้วเขาก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ความกลัวจะติดโรคแวบเข้ามาในหัว แถมผู้หญิงคนนี้เป็นลูกเขาเมียใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นเมียคนอื่นเขาก็คงบาปหนักเข้าไปใหญ่

สนรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าของเขาซึ่งถูกวางกระจัดกระจายแล้วรีบออกมาจากห้อง ข้างนอกห้องมีคนนอนอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างในสภาพที่สนรู้สึกว่า “น่าสมเพช” ส่วนก้อยนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่เขาไม่สนใจแล้ว เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด รู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก สนสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ทั้งกินเหล้าทั้งมั่วเพศ สนได้แต่ด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักคิดให้ดี เขานึกถึงคำพูดของต้นที่เตือนเขาไว้ จริงๆ มันก็ยังไม่ได้มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้นหรอก แต่สนชักเริ่มกลัวแล้วว่าถ้าเขายังใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปชีวิตเขาอาจจะเตลิดไปไกลยิ่งกว่านี้

ไม่ว่าต้นจะมึนตึงปั้นปึงกับเขาแค่ไหน แต่วันนี้สนจะต้องคุยกับต้นและทำให้ต้นกับเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ เพราะว่าชีวิตของสนมีแต่ต้น ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน ต้นก็อยู่ในความคิดคำนึงของเขาเสมอ สมัยเรียนมัธยมเขาก็มักถูกแซวเสมอว่าถามหาแต่ต้น จนเป็นเหตุให้เขาต้องถูกเพื่อนล้อว่าเป็นคู่เกย์กับต้นอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ต้นก็สำคัญกับชีวิตเขา กลายเป็นเงื่อนไขของชีวิตที่เกิดขึ้นกับสนโดยไม่รู้ตัว ถ้าเขากับต้นยังเป็นแบบนี้อยู่ ชีวิตของสนก็คงเป็นสุขได้ยาก

--------------------------------------------

สนพาตัวเองกลับมาถึงบ้านในสภาพที่เรียกว่า “ดูไม่ได้” เลยทีเดียว เพราะเมื่อเขาโผล่เข้ามาในบ้าน นิกกับปั้นจั่นและต้นซึ่งนั่งทำงานอยู่ข้างล่างต่างก็ทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเขาเข้ามา

“ไอ้สน มึงไปไหนมา ทำไมเสื้อผ้าผมเผ้าถึงได้ดูทุเรศอย่างนั้นวะ” ปั้นจั่นร้องถามก่อน

สนไม่สนใจว่าใครจะว่าเขาอย่างไร ตอนนี้เขาต้องคุยกับต้นเท่านั้น สนจึงเดินเข้าไปหาต้นเพื่อจะขอคุยด้วย

“โห...กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เดี๋ยวนี้มึงชักเอาใหญ่แล้วนะไอ้สน ไปไกลๆ เลยเหม็น” นิกว่าพลางทำสีหน้ารังเกียจ

“พวกมึงสองคนเงียบไปเลย กูจะคุยกับต้น” สนหันไปว่าว่าเพื่อน นิกกับปั้นจั่นจึงเงียบ ต้นมองดูเขาด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“ต้นเราขอคุยกับนายหน่อยได้ไหม...ตอนนี้” สนบอกเพื่อนด้วยสีหน้าอ้อนวอน แต่ต้นยังคงมองดูเขาด้วยสายตามีคำถามหลายอย่าง

“นะต้น เราขอร้อง เราอยากคุยกับนาย...ได้ไหมต้น” สนย้ำอีกครั้ง

เห็นสีหน้าขอร้องอ้อนวอนของเพื่อนแล้วต้นก็ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไง หลายครั้งที่สนทำท่าทางเหมือนอยากจะคุยด้วยแต่ต้นก็ทำเป็นไม่รับรู้ พอนึกถึงตอนที่เขาเจอสนกับก้อยที่กองฟางนั้นทีไรแล้วต้นก็เจ็บปวดทุกครั้ง

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ต้นลุกขึ้นแล้วหันไปบอกเพื่อนอีกสองคนว่า "เดี๋ยวลงมานะ"

------------------------------------------------------------------

สนพาต้นเข้ามาในห้องของเขาแล้วก็ปิดประตู เขารู้สึกดีใจจนเก็บสีหน้าไม่อยู่ แม้จะยังไม่ได้คุยอะไรกัน แต่การที่ต้นยอมตามเขามาย่อมแสดงว่าต้นคงจะหายโกรธไปมากแล้ว

“นายไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนดีไหมสน นายตัวเหม็นมากเลยรู้หรือเปล่า เดี๋ยวเรารอ” ต้นบอกแล้วก็เดินไปนั่งบนเตียงของสน ต้นพอจะเดาออกว่าสนคงเจอปัญหาอะไรบางอย่างมา แต่อย่างน้อย ต้นก็ยังดีใจที่สนยังนึกถึงเขาอยู่

สนยิ้มและรีบทำตามอย่างว่าง่าย เขารู้ว่าถ้าจะคุยกับต้นแล้วมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ต้นคงไม่ยอมคุยด้วยเป็นแน่ เขาเองก็ไม่ชอบกลิ่นตัวเหม็นๆ นี้เหมือนกัน

"อย่าไปไหนนะ" สนหันมากำชับก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ วันนี้เขาจะอาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาดเป็นพิเศษเพื่อชำระล้างคราบและกลิ่นโสมมที่มันติดตัวเขามาเมื่อคืนนี้ให้หมดไป แม้มันจะหมดไปจากกายแต่ไม่ได้หมดไปจากใจเสียทีเดียว

"อืม" ต้นตอบสั้นๆ พลางยิ้มน้อยๆ

อาบน้ำเสร็จแล้วสนก็รีบออกมา เขาใช้ผ้าเช็ดผมอย่างลวกๆ ด้วยความรีบเร่ง แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ ทุกอย่างเสร็จสิ้นลงในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย” ต้นร้องบอกพลางขำ สนยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็ค่อยๆ เดินมานั่งลงข้างๆ ต้น สีหน้าเหมือนเด็กทำอะไรผิดแล้วอยากขอความเห็นใจ

"ผมนายยังเปียกอยู่เลย เป่าให้แห้งก่อนดีไหม" ต้นเสนอ สนมองหน้าเขาเหมือนกับจะถามว่าต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือ เขาอยากคุยกับต้นมากกว่าจะอยากทำอย่างอื่นในตอนนี้

"เดี๋ยวเราเป่าให้ ผลัดกัน" ต้นพูดพลางรุนหลังให้สนลุกขึ้น

สนทำตามด้วยท่าทางไม่เต็มใจนักในตอนแรกๆ เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะที่เขาใช้แต่งตัว ต้นหยิบไดร์เป่าผมมาแล้วก็ช่วยเป่าผมให้ สัมผัสที่เบามือทำให้สนรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เขาคอยแอบสังเกตกิริยาท่าทางของต้นในกระจกตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินใจโดยที่คนถูกสังเกตก็ไม่รู้ตัว บางครั้งสนก็นึกสงสัยว่าทำไมเพื่อนคนนี้ช่างสำคัญกับชีวิตเขาเหลือเกิน คงไม่ใช่แค่เพราะความดีของต้นเพียงอย่างเดียวแล้วล่ะ เหมือนจะมีอะไรที่มากกว่านั้นที่สนเองก็ยังไม่รู้จัก

ต้นเป่าผมเสร็จแล้วก็เอาเก็บไดร์เป่าผมเข้าที่ จากนั้นก็หยิบหวีมาหวีผมให้เพื่อน แม้จะไม่ได้หวีเองแต่สนก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบเพราะต้นก็หวีให้เขาเหมือนกับที่เขาหวีเองนั่นแหละ คบกันมาเป็นสิบๆ ปี ต้นเองก็คงสังเกตมาเป็นอย่างดีแล้วว่าเขาชอบหวีผมแบบไหน

"หล่อแล้ว" ต้นบอกพลางก้มต่ำลงมามองหน้าสนใกล้ๆ

สนเห็นแก้มใสๆ นั้นอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ใจสั่นขึ้นมาอย่างประหลาด ตอนเด็กๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับต้นเลย แต่พอโตมาทำไมถึงได้มีความรู้สึกแปลกๆ อย่างนี้ก็ไม่รู้ แล้วมันก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เสียด้วยสิ

ไม่รู้ว่านึกยังไง สนใช้มือหยิกแก้มต้นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู "หน้าใสดีนะ" แล้วก็ถามแก้เขินว่า "นายใช้อะไรเหรอ"

"อ๋อ...ก็เหมือนๆ กับที่นายใช้นั่นแหละ แต่เน้นล้างหน้าให้สะอาดเท่านั้นเอง" ต้นเองก็ตกใจทีเดียว สนเล่นกับเขาแบบนี้อีกแล้ว คราวที่แล้วก็เล่นหอมแก้มเขาไปทีหนึ่ง ทำเอาต้นจิตใจว้าวุ่นอยู่หลายวัน

"ต้น..." สนเรียกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วก็พูดสืบไปว่า "เราขอโทษนะ ขอโทษที่ทำตัวเหลวไหล ขอโทษที่ดื้อกับนาย"

สองหนุ่มจ้องหน้ากันเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็ค่อยๆ ฉีกยิ้มให้กัน

"นายไม่โกรธเราแล้วใช่ไหม อย่าโกรธเราอีกเลยนะ นายก็รู้...เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้านายโกรธเราแบบนี้ เราจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้วต้น เราสัญญานะ"

สีหน้าและท่าทางวิงวอนนั้นทำให้ภูเขาน้ำแข็งในใจที่ยังเหลืออยู่บ้างของต้นละลายไปจนหมดสิ้น สนยังคงเป็นเพื่อนที่น่ารักและให้ความสำคัญกับเขาเสมอ ต้นจะไปโกรธเคืองแบบนั้นได้ยังไงกัน

ต้นกะพริบตาถี่ๆ เมื่อน้ำตาเริ่มจะไหลลงมาด้วยความตื้นตันใจ สนเห็นแล้วก็ลุกขึ้นมากอดเพื่อนไว้ ความสุขและความอุ่นใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและถ่ายทอดให้กันและกันผ่านอ้อมกอดนั้น แม้จะยังไม่มีคำพูดใดจากต้น แต่สนก็รู้ว่าต้นได้ให้อภัยเขาแล้ว จริงๆ ต้นเองก็อาจจะไม่ได้โกรธเขามากขนาดนั้นหรอก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาเองที่เรียกร้องความสนใจแบบผิดๆ ด้วย ต้นเองเห็นสนทำแบบนั้นก็เลยคิดว่าสนคงไม่ได้ต้องการให้เขาเข้าไปวุ่นวายมากนัก แต่ต้นก็เพิ่งรู้ว่าเขาคิดผิดในวันนี้

--------------------------------------------------------------------

"เราตัดสินใจแล้วนะต้นว่าเรา...จะเลิกคบกับผู้หญิงคนนั้น" สนพูดพลางเขยิบตัวนอนบนตักของต้นที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ ก็อย่างที่รู้ๆ สนสนิทกับต้นและสัมผัสใกล้ชิดกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดสำหรับเขาทั้งสองคน

"นายไม่ได้รักเขาเหรอ แล้วเขาจะไม่เสียใจแย่เหรอสน" ต้นยังอุตส่าห์มีกะจิตกะใจเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น

"อืม...จะพูดยังไงดีล่ะ จริงๆ เรากับเขาต่างก็ไม่ได้รักกันหรอก เขาก็ไม่ได้รักเรา เราก็ไม่ได้รักเขา มันก็แค่..." สนละไว้ในฐานที่เข้าใจ

"แล้วนาย...ไปคบกับเขาทำไมล่ะสนถ้านายไม่ได้คิดอะไรกับเขา"

"นายอยากรู้จริงๆ เหรอ"

ต้นพยักหน้า ดูเหมือนสนจะมีอาการเขินๆ นิดๆ ก็แน่ล่ะสิ จะให้สนบอกว่าเขาหวงเพื่อนมันก็กระไรอยู่

"ก็...มีบางคนไม่สนใจเรา มัวแต่ไปคุยกับสาวๆ เราก็เลยแค่อยากเรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละ"

ดูเหมือนสิ่งที่สนอธิบายจะไม่ช่วยให้เกิดความกระจ่างมากนัก "นายหมายถึงอะไร เราไม่เห็นเข้าใจเลย"

"ก็...ก็นาย..." สนทำท่าครุ่นคิดเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีไม่ให้ต้นเข้าใจผิดว่าเขา "หึง" เพื่อน แต่สนก็ไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าเขาหึง มันไม่ใช่อาการหึงสำหรับสนหรอก "ก็นายมัวแต่คุยกับเจนี่ ไม่สนใจเราเลย เราก็เลย...ทำแบบนั้น แค่อยากให้นายสนใจเราบ้างเท่านั้นเอง" สนพูดเสียงอ่อยๆ ตอนท้าย

ต้นทำตาโตราวกับไม่เชื่อสิ่งที่สนพูด "นายพูดจริงเหรอ"

"ก็จริงสิ ตอนนี้เราเข้าใจแล้วล่ะว่า ตอนที่เรามีแฟน นายรู้สึกยังไง เราว่านะ คงเป็นเพราะเรากับนายจะสนิทกันมากไปแน่ๆ เลย" สนพูดพลางขำเบาๆ ต้นก็ขำบ้าง

"จริงๆ แล้ว...เรากับเจนี่ก็ไม่ได้มีอะไรนะ ก็เป็นเพื่อนกันธรรมดา" ต้นแก้ตัวบ้าง

"จริงเหรอ...แต่เราว่าเขาชอบนายนะ ดูเจนี่เขาจะปลื้มนายน่าดูเลย"

"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรา...คิดกับเขาแค่เพื่อนนี่นา" ต้นแบ่งรับแบ่งสู้ จริงๆ เขาก็พอรู้ว่าเจนี่คิดกับเขายังไง ทุกวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าจะจัดการเรื่องนี้ระหว่างเขากับเจนี่ยังไง เขาไม่อยากให้ความหวังกับเจนี่จนเตลิดไปไกล ถึงตอนนั้นเจนี่คงจะเสียใจน่าดู

"โอเคๆ เราไม่แซวละ กลับมาที่เรื่องเดิมดีกว่า เราจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ นะต้น เรารู้สึกไม่ค่อยดีกับหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น เราไม่ชอบสังคมที่เขาพยายามพาเราเข้าไป เราไม่อยากใช้ชีวิตมั่วซั่วแบบนั้น เดี๋ยวจะเรียนไม่จบ พ่อแม่จะเสียใจเอา อ้อ...นายก็จะเสียใจด้วย เราไม่อยากให้นายเสียใจเรื่องนี้ เราจำได้ว่านายพยายามอย่างมากที่จะให้เราได้เรียนหนังสือ นายเหนื่อยกับเรามาเยอะ เราสัญญาด้วยชีวิตของเราเลยว่า...เราจะไม่ให้นายเสียใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด"

ต้นยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ ถึงสนจะไม่ได้คิดกับเขาเกินเพื่อน ถึงสนจะไม่เคยรู้เลยว่าเขารู้สึกยังไง นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับอนาคตของสนที่ต้นได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้สนได้เรียนหนังสือ ต้นไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนดีที่เสียสละอะไรมากนักหรอก เขาก็แค่รักเพื่อนคนนี้มากเท่านั้นเอง แค่เห็นเพื่อนมีอนาคต ต้นก็พอใจแล้ว

"ดีแล้ว พ่อกับแม่ของนายจะได้สบายไงสน ไม่ต้องทำเพื่อเราหรอก ทำเพื่อพ่อกับแม่ของนายเถอะ"

"ไม่ได้...ทำเพื่อนายด้วย เราบอกแล้วไง นอกจากพ่อกับแม่เราแล้ว นายก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เรารักมากที่สุด" สนยืนยัน ต้นก็เลยไม่ค้านอะไรอีก

"ครับผม..." ต้นขำเบาๆ "นี่นายกินอะไรมาหรือยัง" ต้นถามเมื่อนึกได้

"ยังเลย...ถึงว่าล่ะทำไมเราแสบๆ ท้อง ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่เอง มีอะไรกินมั่งล่ะ" สนถามพลางนิ่วหน้า เวลาอยู่กับต้นแล้วบางทีสนก็ชอบทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อน โดยเฉพาะเวลาไม่สบาย

"สงสัยต้องออกไปซื้อ เมื่อเช้าสองคนนั่นกินหมดเลย เราบอกว่าให้แบ่งไว้ให้นายบ้างมันก็บอกว่านายไม่กลับหรอก ก็เลยซัดกันเรียบ"

"ดีล่ะ เดี๋ยวเราจะลงไปจัดการสองคนนั้นด้วย" สนทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วก็หัวเราะชอบใจ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

บทเรียนของสนยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในความเป็นจริงนั้น ก้อยมีแฟนอยู่แล้วและอยู่กินฉันท์สามีภรรยามาพักหนึ่ง แต่ก้อยเองก็ยังชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่วและแอบคบชู้สู่ชายเป็นประจำ แน่นอน เรื่องที่สนไปยุ่งกับก้อยก็รู้ถึงหูแฟนตัวจริงของก้อยด้วย

ตอนดึกๆ วันหนึ่ง ต้นและสนกลับจากทำกิจกรรมอาสาสมัครข้างนอกด้วยกัน พอแท็กซี่ออกไปไม่ทันไรและยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปในรั้วบ้าน อะไรบางอย่างก็ฟาดลงที่หลังของสนอย่างแรงสองสามครั้งจนร้องโอ๊ยและทรุดลง จากนั้นต้นก็โดนด้วยอีกคน ทั้งสองหนุ่มต่างก็ทรุดลงไปกองกับพื้นตรงหน้าบ้าน

“นี่แค่สั่งสอน ทีหลังมึงอย่าได้มายุ่งกับเมียกู ไม่งั้นแล้วกูจะไม่ให้พวกมึงได้กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่พวกมึงอีก” ชายหนึ่งในสามคนบอกอย่างเคียดแค้น “ไปเว้ย”

สิ้นเสียงชายสามคนนั้นก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงนั้นออกไป พร้อมกับโยนไม้หน้าสามทิ้งไว้แถวๆ นั้น นิกกับปั้นจั่นวิ่งออกมาดูเพราะได้ยินเสียงคนร้องโวยวาย เมื่อเจอเพื่อนสองคนถูกทำร้ายก็ตกใจกันใหญ่

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ ใครทำพวกมึงเนี่ย”

ต้นกับสนส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าชายสามคนนั้นเป็นใคร แต่สนพอจะเดาออกว่าน่าจะเกี่ยวกับก้อยอย่างแน่นอน เขารู้สึกสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย

นิกกับปั้นจั่นช่วยกันพยุงต้นและสนเข้ามาในบ้าน พอได้ฟังจากที่สนเล่าแล้ว นิกก็รีบต่อว่าทันที

“กูว่าแล้ว เดี๋ยวก็ต้องมีเรื่อง ผู้หญิงที่ชื่อก้อยน่ะ ที่กูรู้มาน่ะไม่ใช่เล่นๆ เขามีสามีอยู่แล้ว เป็นไงล่ะ...ไปยุ่งกับเมียเขา ผิดศีลไม่พอยังเจ็บตัวอีก แล้วไอ้ต้นก็พลอยมาโดนด้วยทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำผิดอะไร”

ต้นขึงตาใส่นิกเป็นเชิงปรามไม่ให้ซ้ำเติมสนอีก นิกทำสีหน้าขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี

“ต้น...เราขอโทษนะที่เราหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นาย จนนายต้องมาเจ็บตัวเพราะเรา” สนพูดพลางจับมือเพื่อนไว้ เห็นเพื่อนเจ็บตัวแบบนี้สนก็ได้แต่สงสารเพื่อนและโมโหตัวเอง นี่ถ้าเขาไม่ดื้อกับต้น ต้นก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้

“ไม่เป็นไรสน...อย่าคิดมาก มันผ่านไปแล้ว นายจำมันไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกันนะ”

“นายอย่าดีกับเราขนาดนี้สิต้น นายด่าเราบ้างก็ได้” สนทำหน้าเหมือนจะร้องให้

“อย่าคิดมากสน จะให้เราด่านายทำไมล่ะ เราด่านายไม่ได้หรอก นายก็รู้”

“จะไปโรงพยาบาลไหม เผื่อช้ำใน” ปั้นจั่นถาม

“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะต้น ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา เราจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดเลย” สนเป็นคนเสนอเอง

“งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกแท็กซี่ให้ รอก่อนนะ” นิกบอกแล้วก็รีบวิ่งออกไป

บทเรียนคราวนี้สนคงจำไปอีกนาน ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่พอเพื่อนต้องมาเจ็บตัวด้วย มันเป็นสิ่งที่สนทนเห็นไม่ได้และเขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 22-05-2012 22:10:12
ฮืมมม
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 23-05-2012 07:34:17
ต้นเธอเป็นคนดีมากกกกกกก
เมื่อไหร่จะเปิดใจกันล่ะนี่
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่า
...รอตอนต่อไป
 :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 23-05-2012 11:50:51
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 23-05-2012 15:51:31
สนดื้อจนทำให้ต้นเจ็บตัวไปด้วย เหตุการณ์นี้คงจะทำให้สนรู้สึกผิดจนไม่กล้าดื้อแบบนี้อีกแล้ว ก็ต้นเป็นคนสำคัญที่สุดนี่นะ

ความรู้สึกรักต้นในใจของสนมันชัดเจนขึ้นไปอีกขั้น แต่สนก็ยังไม่รู้ใจตัวเองซักที ว๊าาาาา...  ต้นน่ะ เค้ารู้ใจตัวเองนำไปไกลแล้ว

อ่านเรื่องนี้มาแล้วหลายรอบ มาอ่านใหม่อีกครั้งก็ลุ้นดีเหมือนกันนะคะ ลุ้นอยู่นั่นว่าเมื่อไหร่สนจะรู้ใจตัวเองซักที 555+

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 23-05-2012 17:20:38
 :mc4: :mc4: :mc4:

มีโอกาสได้เม้น+ อ่านแล้ว

สนอะไรก็ไม่รู้ อย่าทำตัวแบบนี้อีกนะ  :beat: :beat: :beat:

ต้นเป็นคนดีมากเลยอะ  :z3:ชอบจัง น่ารักกกก :-[ :-[ :-[

ขอให้พี่สนรู้ตัวและรีบรุกพี่ต้นเร็วๆนะค่ะ

แอร๊ยยยย ~

<หื่นอย่างเดียวเลยเรา>


 :laugh5: :laugh5: :laugh5:


แต่ก็ชอบแบบนี้แหละ น่ารักกกกกก  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 15 ¤ บทเรียนของคนดื้อ (22-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-05-2012 06:37:54
หลังจากตอนนี้คงจะหยุดพักไปหลายวันหน่อยนะครับ อาจจะได้กลับมาอีกทีช่วงต้นเดือนหน้า
ท่านใดที่เข้ามาอ่าน หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ฝากติชมและให้ความคิดเห็นด้วยนะครับ
ความคิดเห็นของท่านเพียงเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้เป็นอย่างดีครับ

-------------------------------------------------------------

ตอนที่ 16: เมื่อความลับถูกเปิดเผย

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

หลังจากที่เกิดเรื่องแล้ว สนก็เลิกไปหาก้อยโดยปริยาย แม้ว่าก้อยจะยังโทรมาตามบ้างก็ตามแต่สนก็ปฏิเสธที่จะคุยด้วยและไม่ยอมรับโทรศัพท์ เจอหน้าสนก็เดินหนี จนในที่สุดก้อยก็เลิกตามไปเอง สนใช้เวลาทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้น เขามีเงินเก็บจำนวนหนึ่งบวกกับเงินที่แบ่งกับต้นคราวนั้นจึงพอจะซื้อโน้ตบุ๊กเป็นของตัวเองสำหรับไว้ทำงานได้

ส่วนต้นนั้นก็ยังคงเรียนไปด้วยและทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคมไปด้วย ชมรมของเขาไปได้ดีทีเดียว มีสมาชิกเพิ่มขึ้น มีรายได้จากการบริจาคเข้ามาเพื่อช่วยสมทบทุนการทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น บางครั้งต้นก็รู้สึกว่าเขาอยากทำงานแบบนี้มากกว่า ไม่รู้ว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่เรียนวิศวะ จริงๆ เขาก็เรียนได้ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เขาชอบที่จะทำงานเพื่อสังคมมากกว่า

ความสัมพันธ์ของต้นกับเจนี่นั้นก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เจนี่จึงเลิกล้มความคิดที่จะให้ต้นเป็นคนพิเศษ แต่ก็เป็นเพื่อนกันและไม่มีปัญหาอะไร ต้นรู้ดีว่า ในชีวิตนี้ต้นคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ในหัวใจของต้นมีเพียงเพื่อนของเขาเพียงคนเดียวตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ความรักทั้งหมดที่ต้นมีจึงทุ่มเทให้เพื่อนเพียงคนเดียว แม้จะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ก็รู้สึกได้จากการกระทำแทบทุกอย่าง เพียงแต่สนไม่เคยเข้าใจว่าต้นทำด้วยความรู้สึกแบบไหนเท่านั้นเอง สนเข้าใจแต่เพียงว่าต้นทำเพราะรักสนอย่างเพื่อนเท่านั้น แต่สนก็มีความสุขกับชีวิตดีที่มีเพื่อนคอยดูแล เจ็บไข้ได้ป่วยก็ช่วยดูแลกัน ต้นคอยสนับสนุนเพื่อนทั้งด้านกายและใจเสมอมาโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้เพราะต้นเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขาได้เรียนรู้ว่าความรักอย่างผู้ให้มีความทุกข์น้อยกว่าความรักอย่างผู้ขอต่างหาก เขาจึงเลือกที่จะให้มากกว่าขอ

------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันหยุดสบายๆ อีกวันหนึ่ง นิกกับปั้นจั่นลุกขึ้นมาดูทีวีก่อนใคร สองคนนี้เป็นคนที่ติดทีวีมากพอดู ว่างเป็นไม่ได้ต้องคอยดูทีวีตลอด ต้นลงมาชงโอวัลติลในห้องครัวแล้วก็มานั่งดูทีวีกับเพื่อน ดูไปจิบโอวัลติลไปอย่างสบายอารมณ์ นี่เป็นเครื่องดื่มที่ต้นชอบมากทีเดียวเพราะกินมาตั้งแต่เด็กๆ

“แล้วเพื่อนรักมึงยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายจนป่านนี้แล้ว” นิกหันมาถาม

“เมื่อคืนสนกลับดึก คงนอนอยู่มั้ง” ต้นบอกแล้วก็หันมาจิบโอวัลติลเหมือนเดิม ต้นไม่ค่อยชอบดูทีวีนัก สนก็เหมือนกัน จะว่าไปแล้วทั้งต้นและสนก็มีนิสัยหลายๆ อย่างที่เหมือนกันอยู่พอสมควร

“เหรอ แต่ปกติมันก็ไม่นอนตื่นสายขนาดนี้นี่หว่า มึงไม่ลองไปดูมันหน่อยล่ะ” นิกเสนอ

ต้นวางแก้วโอวัลติลลงแล้วก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องสน นานพอดูทีเดียวกว่าสนจะมาเปิดประตู พอเห็นสภาพของเพื่อนแล้วต้นก็ตกใจ

“สนเป็นไร ไม่สบายหรือเปล่า” ต้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

สนพยักหน้าน้อยๆ “สงสัยจะใช่ รู้สึกปวดหัว เหมือนจะมีไข้”

“ไปหาหมอไหม”

“ยังดีกว่า เราขอนอนพักสักหน่อยก่อนละกัน” สนปฏิเสธ ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปหาหมอนัก เวลาไม่สบายก็มักจะซื้อยามากินเองจนต้นต้องคอยเตือนบ่อยๆ

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอายามาให้นะ นายจะกินอะไรหรือเปล่า ข้าวต้มไหม เดี๋ยวเราทำให้” ต้นอาสา

ถึงจะปวดหัวแค่ไหนแต่สนก็อดยิ้มและขำไม่ได้ เขาสัพยอกไปว่า “นายน่ะเหรอจะทำข้าวต้มให้เรากิน สงสัยกว่าเราจะได้กินก็คงบ่าย”

“นายก็...” ต้นว่าเพื่อนพลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ต้นก็ไม่มีฝีมือในการทำอาหารอย่างที่สนล้อ อาหารที่ว่าง่ายๆ ต้นก็อาจจะใช้เวลาทำนานกว่าคนทั่วไปได้ ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง “เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้ก็ได้”

 “เราล้อเล่น” สนว่าพลางหัวเราะ “เราอยากกินโจ๊กหมูใส่ไข่ ไม่อยากกินข้าวต้ม” สนเริ่มอ้อน เวลาเขาไม่สบายเขามักจะอ้อนแบบนี้เสมอ ต้นรู้นิสัยเพื่อนดี แต่เขาก็ไม่เคยขัดใจไม่ว่าสนอยากได้อะไร

“งั้นรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวเรามา” ว่าแล้วต้นก็วิ่งปรื๊ดออกไปจากบ้าน นิกกับปั้นจั่นเรียกตามแทบไม่ทัน

สักพักต้นก็กลับมาพร้อมกับโจ๊กหมูใส่ไข่อย่างที่เพื่อนอยากกิน เขาจัดแจงเอาใส่ถ้วยแล้วยกใส่ถาด พอเดินออกมาจากครัวปั้นจั่นก็ถามว่า

“ไอ้สนมันขี้เกียจถึงขนาดที่มึงต้องเอาไปประเคนให้ถึงห้องเลยเหรอวะ”

“เปล่า...สนเป็นไข้ ไม่สบาย” ต้นรีบแก้ตัวให้เพื่อน

“อ้าวเหรอ แล้วมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” นิกถามบ้าง

“ไม่มากหรอก” ต้นบอกแล้วก็รีบขอตัวเอาอาหารขึ้นมาให้เพื่อนบนห้อง

สนไม่ได้ล็อกห้องไว้ ต้นจึงสามารถเข้าไปได้เลย

“สนกินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยกินยา” ต้นว่าพลางยกชามโจ๊กหมูมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียงให้กับเพื่อน สนลืมตามองด้วยสีหน้าเหยเกเพราะเริ่มรู้สึกปวดหัวมากขึ้น เป็นสัญญาณว่าเขาควรต้องรีบกินข้าวและกินยาเสียที

สนค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน “ป้อนเราด้วยสิ” สนอ้อนอีกแล้ว จริงๆ เขาก็กินเองได้ แต่เวลาไม่สบายแล้วเขาชอบให้เพื่อนดูแล สนรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แม้ว่าจะไม่สบายแต่พอมีคนมาดูแลแล้วก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้น อย่างน้อยเขาก็รู้ว่ายามตกทุกข์ได้ยากหรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังคงมีคนคอยเป็นห่วงและอยู่เคียงข้างเสมอ ที่ผ่านมาก็มีแต่ต้นนี่แหละ ยกเว้นเวลาที่ต้นไม่ค่อยว่างหรือเวลาที่ต้นไปเรียนซึ่งอาจทำให้ต้นไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ต้นก็จะทำเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่เสมอ

ต้นยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่เขาก็เต็มใจที่จะทำตามที่เพื่อนขอ ต้นตักข้าวแล้วก็ค่อยๆ ส่งเข้าปากเพื่อน สนกินไปก็ยิ้มไปด้วยความชอบใจ

“โห...ไอ้สน มึงนี่เว่อร์จริงๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยทำสำออยให้ไอ้ต้นมาป้อนข้าว” เสียงของปั้นจั่นดังมาจากประตู นิกก็มาด้วย

“ทำไม นี่เพื่อนกูนะเว้ย พวกมึงยุ่งอะไรด้วยล่ะ” สนว่า

นิกกับปั้นจั่นขำกันใหญ่แล้วก็เดินเข้ามายืนดูสนข้างๆ เตียง “ไม่สบายแล้วยังปากเก่งอีกนะมึง ไอ้ต้นก็เหมือนกัน ตามใจเพื่อนจนเคยตัว” ปั้นจั่นหันไปแซวต้นบ้าง ต้นได้แต่นั่งยิ้ม

“ก็ต้นเป็นเพื่อนรักกูนี่หว่า เวลาต้นไม่สบายกูก็ดูแลต้นเหมือนกัน” สนเถียง

“เอาเหอะๆ ปากดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ด้วย งั้นพวกกูไม่กวนพวกมึงละกัน” ปั้นจั่นตัดบท แล้วก็พานิกเดินออกไป

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ต้นก็เอายาพาราเซตามอลให้เพื่อนกินสองเม็ด พลางกำชับว่า “เราว่าตอนบ่ายนายไปหาหมอดีกว่านะ เดี๋ยวเราพาไป”

สนพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดายจนต้นแปลกใจ ปกติสนจะดื้อมากเรื่องไปหาหมอ บอกให้ไปก็มักจะไม่ค่อยยอมไป

“ทำไมยอมไปง่ายจัง” ต้นถามอย่างสงสัย

“ก็...เราไม่อยากดื้อกับนายแล้วไง เรารู้ว่านายเป็นเพื่อนที่หวังดีกับเรา เราก็เชื่อนายไง นายว่าไงเราก็ว่างั้น”

ฟังแล้วต้นก็อดยิ้มดีใจไม่ได้ “นอนพักก่อนนะ ให้เหงื่อออกก่อน เดี๋ยวเราจะมาเช็ดตัวให้” ต้นบอก

สนค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน ก่อนจะนอน สนก็หันมายิ้มและบอกต้นเบาๆ ว่า “ขอบใจนะต้น” แล้วสนก็นอนหลับไป

------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://i221.photobucket.com/albums/dd253/inxsiny/2005-09%20Indonesia/tonson01.jpg)

ปีนี้เป็นปีที่ 11 แล้วที่ต้นกับสนได้เป็นเพื่อนรักกัน ความรักระหว่างเพื่อนก็ยังสม่ำเสมอดี เขามีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนเติบโตและได้ช่วยสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ ต้นยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า “รักแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เขาจึงไม่เคยคิดที่เรียกร้องหรือทำให้สนรู้ว่าต้นคิดกับเพื่อนอย่างไร แต่ความลับก็ไม่เคยมีในโลก สุดท้ายก็มีเหตุให้สิ่งที่ต้นปิดบังมากว่า 10 ปีถูกเปิดเผยออกมาจนได้

ช่วงเย็นๆ ของวันหยุดวันหนึ่ง สี่หนุ่มลงมานั่งทำงานด้วยกันที่ห้องโถงชั้นล่างอย่างสบายอารมณ์หลังจากกินข้าวแล้ว สนนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเขา ส่วนต้นไม่มีงานวันนี้ก็เลยมาช่วยนิกกับปั้นจั่นทำงาน สองคนนี้เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยชอบการคำนวณ ต้นจึงเป็นผู้ช่วยที่ดีมากในเรื่องนี้

“เฮ้ย พวกมึงสองคนรู้ไหมว่าต้นจะเก่งเศรษฐศาสตร์เท่าพวกมึงแล้วนะ” สนแซวเพื่อนขณะทำงาน เขาเห็นสองคนนี้ทำงานส่งอาจารย์ทีไรก็ต้องถามหาต้นแทบทุกที

“อ้าว ก็พวกกูไม่ชอบคำนวณนี่หว่า” ปั้นจั่นแก้ตัว

“ไม่ชอบแล้วเรียนทำไมวะ” สนถามกลับ

“ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้นี่หว่า” ปั้นจั่นตอบแล้วทุกคนก็หัวเราะ

“พอดีเราเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์น่าสนใจ ก็เลยยืมจากห้องสมุดมาให้ เอาไหม เดี๋ยวเราไปเอามาให้” ต้นบอก นิกกับปั้นจั่นทำท่าทางสนใจ ต้นจึงลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นบนห้องของเขา สนรีบร้องห้ามว่า

“ไม่ต้องไปหรอก จะเอาอะไร บอกเรามาเดี๋ยวเราไปหยิบให้”

ต้นหยุด นั่งลงกับที่แล้วบอกสนว่า “หนังสือเล่มสีฟ้าๆ น่ะสน เราวางไว้บนโต๊ะทำงานของเรา มีอยู่เล่มเดียว หาไม่ยากหรอก” ต้นบอก หลังๆ มานี้สนดูจะเอาใจเขามากขึ้น ถ้าสนอยากช่วยอะไรต้นจึงไม่ค่อยขัดเพราะเข้าใจว่าเพื่อนก็อยากทำอะไรให้เขาบ้าง

สนเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านแล้วก็ไปที่ห้องของต้นซึ่งก็อยู่ติดกับห้องของเขาเอง สนสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เลยเพราะปกติพวกเขามักจะไม่ล็อกห้องกันยกเว้นตอนออกไปข้างนอก สนไม่ได้เปิดไฟเพราะเห็นว่ามาเอาของแป๊บเดียว เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของต้นตรงมุมห้องก็เห็นหนังสือเล่มสีฟ้าๆ ตามที่ต้นบอกวางอยู่จึงหยิบขึ้นมา จังหวะที่กำลังจะเดินออกไปนั้นสายตาของเขาก็พลันเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้นคงลืมเก็บเข้าที่ มันวางอยู่ตรงมุมๆ โต๊ะใกล้ๆ กับหนังสือเล่มสีฟ้าที่เขาเพิ่งหยิบมานั่นเอง มันอาจจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยถ้าหากว่าหน้าปกของหนังสือเล่มนั้นไม่ได้มีรูปของผู้ชายที่เปลือยอกและใส่แต่กางเกงในสีขาวตัวเดียว

สนวางหนังสือเล่มสีฟ้าลงแล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ว่า มันคือหนังสืออะไร มือไม้และปากของสนสั่นทันทีที่เห็นรูปภาพข้างในหนังสือเล่มนั้น เขารู้สึกอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ต้นมีหนังสือแบบนี้ได้อย่างไรกัน หนังสือที่มีแต่รูปผู้ชายโป๊เปลือย ต้นเป็นเกย์หรือ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาเป็นสิบๆ ปี เขาไม่เคยรู้เลยว่าต้นเป็นเกย์และเขาก็เกลียดคนพวกนี้มาก ภาพที่เขาถูกชายคนนั้นพยายามข่มขืนปรากฏชัดขึ้นในหัวของเขา ความหวาดกลัวและขยะแขยงครั้งนั้นฝังลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขาจนยากที่จะลบเลือนมันออกไปได้ง่ายๆ

แล้วสนก็เริ่มสงสัยว่าที่ต้นคอยทำดีกับเขานั้น ต้นทำในฐานะเพื่อนหรือมีอะไรที่มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า เพราะหลายๆ ครั้งสนก็รู้สึกว่าต้นคิดและปฏิบัติกับเขามากกว่านั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้แล้วสนก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น หรือว่าต้นจะ...

“ทำไมเป็นแบบนี้” สนพึมพำพูดกับตัวเอง

เขาเดินลงมาจากห้องของต้นแล้วเอาหนังสือมาให้นิกกั้นปั้นจั่น แต่มืออีกข้างหนึ่งของเขาไพล่หลังเอาไว้เหมือนถืออะไรซ่อนไว้อยู่ สีหน้าเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนทั้งโกรธและผิดหวังปนกันอยู่บนใบหน้านั้น

“ต้น...นายเป็นเกย์ใช่ไหม” สนตัดสินใจถาม ทุกคนต่างตกตะลึง โดยเฉพาะต้นที่หน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

“นายพูดอะไรน่ะสน” ต้นถามเสียงสั่น

“ตอบเรามาสิ ว่านายเป็นเกย์ใช่ไหม” สนถามเสียงดังขึ้น แล้วเขาก็เอาหนังสือเล่มนั้นที่ถือไว้ด้านหลังฟาดลงไปบนโต๊ะ

“แล้วนี่อะไรต้น นายมีหนังสือพวกนี้ได้ยังไง” สนคาดคั้น

ต้นมองดูหนังสือเล่มนั้นแล้วก็ใจหายวาบ ในที่สุดความลับที่เขาปกปิดเอาไว้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจนได้ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยากให้ใครรู้เลย โดยเฉพาะสนที่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรู้ นิกกับปั้นจั่นเองก็ดูจะตกตะลึงไม่แพ้กัน แม้ว่าจะรู้ว่าต้นเป็นเกย์มาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะบอกใครอีก อีกทั้งก็คาดไม่ถึงว่าพอสนรู้แล้วสนจะโกรธมากถึงขนาดนี้

“นายเป็นเกย์ใช่ไหมต้น” สนถามย้ำ

ต้นลุกขึ้นแล้วรีบเดินมาจับแขนเพื่อนไว้ “คือ...” ต้นอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอย่างไร

ทันทีที่ต้นจับมือเขา ภาพในจิตใต้สำนึกนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกเกลียดกลัวขยะแขยงเพิ่มทวีโดยอัตโนมัติ สนผลักเพื่อนออกไปอย่างแรงจนต้นล้มลงกับพื้น แม้ว่ามันจะเป็นเพียงปฏิกิริยาอัตโนมัติที่สนทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างบาดแผลทางจิตใจให้เพื่อนที่เขารักเสียแล้ว

“ไอ้สน มึงทำอะไรวะ” นิกกับปั้นจั่นร้องพร้อมกันเพราะคาดไม่ถึงว่าสนจะทำกับเพื่อนถึงขนาดนั้น

หัวใจของต้นคงสลายไปแล้ว เขามองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คาดคิดว่าเพื่อนที่ต้นรักมาก ทุ่มเทความรักให้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะรังเกียจเขาได้ถึงเพียงนี้ น้ำตาต้นไหลรื้นเต็มใบหน้า เขาเสียใจจนเกินจะอดกลั้นเอาไว้ได้

“นายรังเกียจเราขนาดนี้เลยหรือสน” ต้นพูดพร้อมสะอื้น

สนเองก็ตกใจไม่น้อย พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็สายเสียแล้ว

ต้นลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องทันที เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นสายตาฉายแววรังเกียจจากคนที่เขารัก มันโหดร้ายทารุณเกินกว่าที่เขาจะอยู่ตรงนี้ต่อไปได้ ต้นปิดประตูล็อกห้องแล้วปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

“ไอ้สน มึงทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม” ปั้นจั่นตะคอกใส่เขาอย่างเหลืออด

สนเดินหนีขึ้นไปบนห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงต้นร้องให้โฮๆ อยู่ในห้องดังจนได้ยินจากข้างนอก เขาไม่เคยเห็นต้นเสียใจและผิดหวังมากขนาดนี้เลย ต้นร้องให้เหมือนคนที่หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ร้องให้เหมือนคนจะขาดใจ ร้องให้เหมือนคนที่ผิดหวังอย่างที่สุดในชีวิต แต่สนก็ไม่ได้ทำอะไร เขาเข้าไปในห้องของเขา เฝ้าถามตัวเองว่าเขาทำเกินไปหรือเปล่า สนเดินเอาหูไปแนบกับกำแพงห้อง เสียงต้นยังคงร้องให้ไม่หยุดเลย เขาทรุดนั่งลงกับพื้น ชันเข่าแล้วซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง

“ทำไมนายต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะต้น” สนรำพันเบาๆ แล้วก็ร้องให้อยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานทีเดียวจนผล็อยหลับไป แล้วก็สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้องดังสนั่น จริงๆ แล้วน่าจะเรียกว่าทุบมากกว่าเคาะ สนรีบเดินไปเปิดประตูทันทีด้วยอาการตกใจ

“ไอ้สน มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเป็นอะไร กูเคาะประตูห้องมันเท่าไหร่มันก็ไม่เปิด” นิกบอกด้วยสีหน้ากังวล

สนรีบวิ่งมาที่ห้องต้นด้วยหน้าตาตื่นทันที เขาเคาะประตูห้องต้นอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบใดๆ จากข้างในห้อง

“ไอ้ต้นมันจะคิดสั้นหรือเปล่าวะ” ปั้นจั่นพูดพลางทำสีหน้าไม่ดี สนใจหายวูบ

“มึงพูดอะไรน่ะ” สนตะคอกเพื่อน

“เออ กูพูดไม่ดีหรอก แต่ใครล่ะที่ทำให้ต้นมันเป็นแบบนี้” ปั้นจั่นตะคอกกลับ

สนไม่ได้สนใจมากนัก เขาเป็นห่วงเพื่อนของเขามากกว่าเรื่องอื่นๆ ในตอนนี้ เขาพยายามเคาะและเรียกต้นแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เขาเริ่มกลัวอย่างที่ปั้นจั่นพูดเมื่อสักครู่นี้ ถ้าต้นคิดสั้นหรือเป็นอะไรไป เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะไปบอกพ่อกับแม่ต้นรวมทั้งพ่อกับแม่ของเขาเองว่ายังไง

“โทรหาพี่พิมพ์เร็ว ขอกุญแจสำรองด่วน” นิกนึกได้

ปั้นจั่นรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดหาพี่พิมพ์เจ้าของบ้านทันที ราวๆ ครึ่งชั่วโมงพี่พิมพ์ก็มาถึงด้วยอาการตื่นตกใจเช่นกัน เธอกำลังจะนอนพอดี แต่พอรู้เรื่องก็รีบมา สนรีบรับกุญแจมาแล้วไขเข้าไปในห้อง เขาหลับตาแล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจ เขาไม่อยากลืมตาแล้วเห็นภาพที่เขาไม่อยากเห็นเลย ในขณะที่คนอื่นๆ กรูกันเข้าไปในห้องแต่สนกลับรู้สึกว่าเขาทำใจได้อย่างยากลำบากที่จะมองหาว่าต้นอยู่ตรงไหน เขากลัวเหลือเกินว่าเขาจะเห็นต้นเป็นอะไรอยู่ตรงไหนสักแห่งในห้องนี้ แต่เมื่อทุกคนหาจนทั่วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของต้น

“ไปดูตรงหน้าต่างซิ ต้นกระโดดลงไปหรือเปล่า” นิกรีบวิ่งไปเปิดหน้าต่างดู ก้มมองลงไปข้างล่างแล้วก็ไม่มีอะไรอยู่ดี

“กระเป๋าเป้ไอ้ต้นมันหายไปว่ะ หนังสือเรียนมันก็เอาไปด้วย แสดงว่ามันออกไปจากห้องแล้วล่ะ” ปั้นจั่นบอกคนอื่นๆ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมต้นถึงหนีไปล่ะ” พี่พิมพ์ถามอย่างสงสัย ทุกคนหยุดมองหน้ากัน

“ทะเลาะกันนิดหน่อยครับ” สนบอกเบาๆ

“หน่อยกับผีอะไรล่ะ” ปั้นจั่นประชดด้วยความหมั่นไส้

“โทรหาต้นซิ” พี่พิมพ์เสนอ

สนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อน แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติด

“สงสัยต้นจะปิดเครื่องครับ” สนบอก หรือว่าต้นจะกลับบ้านไป แต่ถ้าเขาโทรไปที่บ้านต้น ถ้าเกิดว่าต้นไม่ได้ไปที่นั่นแล้วพ่อกับแม่ต้นถามว่าต้นไปไหนหรือเกิดอะไรขึ้น เขาจะตอบพ่อกับแม่ของต้นว่าอย่างไรล่ะ ถ้าโทรไปตอนนี้ก็จะยิ่งทำให้พ่อกับแม่ของต้นตกใจ

“ต้นมันจะกลับบ้านหรือเปล่าวะ สนมึงโทรไปถามที่บ้านมันซิ” นิกเสนอ

แต่สนรู้ว่าต้นคงไม่ได้กลับไปบ้านอย่างแน่นอน ตอนนี้ต้นคงไม่อยากเจอเขา ถ้ากลับไปที่บ้านเขาก็ต้องตามไปเจออยู่ดี

“อย่าเลย เดี๋ยวพ่อกับแม่ต้นจะตกใจ ต้นไม่ได้กลับบ้านหรอก” สนบอก ทุกคนมองหน้ากันเหมือนสงสัยว่าสนรู้ได้อย่างไร

“มึงรู้ได้ยังไงวะ” นิกถามอย่างสงสัย

“กูเป็นเพื่อนต้นมาสิบกว่าปี ทำไมจะไม่รู้” สนตอบ

“เป็นเพื่อนกันประสาอะไรวะ” ปั้นจั่นอดที่จะประชดอีกไม่ได้

สนเจ็บแปลบในหัวใจกับสิ่งที่เพื่อนพูด พี่พิมพ์มองดูเด็กๆ แต่ละคนด้วยสีหน้างงๆ

เมื่อไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ไม่รู้ว่าต้นไปไหน ติดต่อต้นก็ไม่ได้ ก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่ารอ ก่อนจะกลับพี่พิมพ์ก็หันมากำชับว่าถ้าต้นกลับมาหรือติดต่อต้นได้แล้วให้โทรบอกแกด้วย แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอน สนเดินกลับมาที่ห้อง เขาสังเกตเห็นว่าตรงใต้ประตูมีกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน

“สน...เรารู้ว่านายคงรังเกียจเรามากและคงรับไม่ได้ที่เราเป็นแบบนี้ เพื่อให้นายสบายใจ เราจะขอเป็นฝ่ายจากไปเอง นายไม่ต้องห่วงเรานะ โชคดีนะเพื่อนรักของเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรารักและเป็นห่วงนายเสมอ”

สนอ่านแล้วก็น้ำตาร่วงทันที
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 24-05-2012 07:44:07
ไม่ใช่แค่สนหรอกที่น้ำตาร่วง
คนอ่านก็ร่วงเหมือนกัน
ฮืออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 24-05-2012 09:32:15
บีบคั้นหัวใจ.........เกินบรรยาย

อ่านไป น้ำตาก็ไหลไม่รู้ตัว

ทำไมสนทำกับต้นแบบนี้
สงสาร.......ต้นเหลือเกิน  :o12: :o12: :o12:

ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 24-05-2012 10:12:03
อ่านตอนนี้แล้วเศร้าน้ำตาไหลเลย :sad4:               
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 24-05-2012 10:39:39
 :sad11: :sad11:  +1
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 24-05-2012 13:31:05
รันทดทุกครั้งที่อ่านตอนนี้
สงสารต้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 24-05-2012 13:42:23
อ่านมาถึงท่อนนี้กะเอากันให้ช้ำใจตายเลยใช่มั้ยครับ  อย่านานนะครับสงสารน้องต้นอะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 24-05-2012 18:01:56
สนทำเกินไปแล้วน้าา ไปเอาต้นกลับมาคืนเลยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: หมาน้อย ที่ 24-05-2012 21:03:05
นึกถึงเพลงนี้เลย เหมาะกับความรักของต้นมากๆ เอามาเป็นเพลงประกอบเรื่องนี้ได้เลยอ่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=lADmlm6KfkE

เก็บแววตาที่เกินกว่าหวังดี ไม่ให้เธอสงสัย
เก็บความรักที่มันมีล้นใจ ไว้ในใจของฉัน
และยังคงทุ่มเทและทุ่มเท
มีชีวิตเพื่อเธอเท่านั้น เพียงทุกวัน ให้ฉันได้มองเห็นเธอ

จะมีพรุ่งนี้ของฉันรึเปล่า และเธอจะรักฉันบ้างรึเปล่า
ไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่เรื่องราวที่อยากจะรู้
แค่มีตรงนี้ให้ฉันได้ยืน อยู่ไม่ไกลจนเกินเฝ้าดู
ยังได้เจอ ได้รักเธอก็พอแล้ว

แค่เธอเห็นว่าฉันมีตัวตน แค่บางหนเธอเรียกชื่อฉัน
มันสำคัญกับฉันมากมายจริงๆ
จะไม่หวังเกินตัวให้วุ่นวาย ฉันสุขใจแค่นี้
นี่คือวันเวลาวินาที ที่ดีที่สุดของฉัน
ไม่ให้ความเป็นจริงในหัวใจ มาทำลายเวลาเหล่านั้น
นานเท่านาน ให้ฉันได้ทำเพื่อเธอ

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: หมาน้อย ที่ 24-05-2012 21:11:37
ปอลอ

ต้นรูปนี้น่ารักอ่ะ :กอด1:

(http://i221.photobucket.com/albums/dd253/inxsiny/2005-09%20Indonesia/tonson01.jpg)
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-05-2012 06:40:00
 :sad11: :sad11: :sad11:


สนอะ

ต้นหายไปไหนเนี่ย น่าเป็นห่วง

 :o12: :o12: :o12:


เป็นกำลังใจให้คนเขียนมาต่ออีกไวไวนะค่ะ

 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-05-2012 20:01:03
ตอนที่ 17: กลับมาได้ไหม

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

บรรยากาศยามเช้าที่มหาวิทยาลัยดูเหงากว่าเคยไปถนัดใจในวันที่ต้นไม่อยู่ สนเดินเตร่มาที่คณะของต้นเพื่อถามข่าวคราวของเพื่อนที่หายไปแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่บอกสนได้ว่าต้นหายไปไหน สนจึงไปหาเจนี่ที่คณะบ้าง แต่เจนี่ก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่าต้นหายไปไหน วันนี้ทั้งวันสนจึงไม่มีกะจิตกะใจเรียนหนังสือ แม้กระทั่งข้าวกลางวันสนก็กินได้แค่สองสามคำ

สนกลับมาบ้านเหมือนคนไร้วิญญาณ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาถึงบ้านได้อย่างไรหรือวิธีไหน วันนี้นิกกับปั้นจั่นคงจะกลับค่ำหน่อยก็เลยไม่มีใครนั่งดูทีวีเหมือนเช่นทุกวัน ทำให้บ้านหลังนี้ยิ่งดูเงียบเหงามากขึ้นไปอีก

สนขึ้นไปบนห้อง นั่งก้มหน้าซึมอยู่บนที่นอนของตัวเอง สักพักก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาต้นแต่ก็เหมือนเดิม ต้นก็ยังคงปิดเครื่องอยู่ ปิดแบบนี้มาทั้งวันแล้ว สนถอนหายใจหนัก เขาเฝ้าแต่คิดโทษตัวเองที่วู่วามจนเผลอทำร้ายทั้งกายและใจของเพื่อนที่เขารักมากที่สุดอย่างไม่ตั้งใจ เขาเป็นห่วงต้นเหลือเกิน เขานึกไม่ออกเลยว่าต้นจะไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ถ้าเกิดต้นเป็นอะไรจริงๆ เขาคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่สู้หน้าใครได้

เขาเคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลเพื่อนให้ดีที่สุด แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้มันเหมือนเขาได้ผิดคำสัญญานั้นไปแล้ว นึกถึงตอนที่เขาผลักต้นล้มลง สายตาที่ฉายแววผิดหวังและเจ็บปวดคู่นั้นของต้นคอยหลอนใจเขาแทบตลอดเวลา

สนเดินมาค้นดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ในลิ้นชักข้างเตียงนอน ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้หยิบมาดูนักแต่วันนี้เขาคิดถึงต้นมากเสียจนไม่มีสติที่จะคิดหรือทำสิ่งใด สนค่อยๆ เปิดดูทีละรูป มีรูปที่เขาถ่ายกับต้นอยู่หลายใบ มีภาพตอนอยู่ชั้นประถมถ่ายอยู่ริมคลองส่งน้ำหน้าบ้านของต้น มีภาพที่ต้นถ่ายให้ตอนที่เขาแสดงละครวันแม่สมัยเรียนมัธยม มีภาพที่เขาถ่ายกอดคอกันกับต้นและมีฉากหลังเป็นทะเล มีภาพเขากับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่ต้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ทุกวันนี้เสื้อและกางเกงตัวนั้นเขาก็ยังใส่ได้อยู่เลย และอีกหลายๆ ภาพที่ล้วนแต่ทำให้เขาหวนรำลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา

กี่ครั้งแล้วที่เขาทำให้เพื่อนเสียใจ แต่ต้นก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเขาเลย ให้อภัยทุกครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะพูดให้เขาระคายเคืองใจแต่เพียงนิด ทั้งๆ ที่ต้นจะด่าจะว่าเขาก็ได้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับชีวิตการเป็นเพื่อนกันเลยทีเดียว จะคบกันต่อหรือจะต้องจากกันไป อีกไม่ช้าเขาก็คงจะได้รู้คำตอบ

น้ำตาของสนไหลลงมาอีกอย่างสุดกลั้น ในใจเขาได้แต่เฝ้าพร่ำขอโทษเพื่อนกับสิ่งที่เขาทำลงไป ต้นคงจะเจ็บปวดมากกับสิ่งที่เขาตอบแทนให้อย่างไม่ตั้งใจ แค่คิดว่าต้นเจ็บแค่ไหนสนก็แทบจะขาดใจแล้ว ในนาทีนี้...ขอแค่ให้ต้นกลับมาเท่านั้น จะให้เขาทำอะไรสนก็จะยอมทำทุกอย่าง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สนหยิบขึ้นมากำลังจะรับ แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครเขาต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายสนก็จำใจต้องรับโทรศัพท์นั้นเพราะรู้ดีว่าการหลีกเลี่ยงไม่รับจะยิ่งทำให้เหตุการณ์น่าสงสัยมากขึ้น

"สวัสดีครับพ่อ" สนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติแต่ถ้าฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าเสียงเขาหม่นไปมากทีเดียว

"สนได้เจอต้นบ้างหรือเปล่าลูก เห็นต้นโทรมาบอกเมื่อกลางวันว่าไปอยู่บ้านเพื่อน พ่อว่าจะโทรถามอะไรต้นหน่อยแต่ก็โทรไม่ติดเลยทั้งวัน ไม่รู้เป็นอะไร"

สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาไม่รู้ว่าต้นบอกอะไรพ่อไปมากแค่ไหน แต่เขาก็รู้สึกกลัวมากทีเดียว "ยังไม่ได้เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับพ่อ ผมก็พยายามโทรหาแต่ก็ไม่ติดเหมือนกันครับ"

"เหรอลูก แล้ววันนี้ต้นไปเรียนหรือเปล่า"

"เอ่อ....คือ...ผมไปดูแล้วครับ วันนี้...ต้นไม่ได้มาเรียนครับพ่อ" สนตอบไปอย่างรู้สึกผิด เขาอาจจะไม่ได้โกหก แต่ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

"เหรอลูก เอ...ต้นไปไหนนะ ชักจะเหลวใหลใหญ่แล้ว" พ่อของต้นบ่นพึมพำ "ถ้าต้นโทรกลับมาหรือถ้าต้นกลับมาแล้ว สนโทรมาบอกพ่อด้วยนะลูก"

"ครับพ่อ"

"แล้วตอนนี้สนเป็นไงมั่ง เรียนหนักไหมช่วงนี้ เห็นต้นบอกพ่อว่าสนต้องเรียนด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วย ไม่เหนื่อยแย่เหรอลูก ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพ่อกับแม่ได้นะลูก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงพ่อกับแม่ก็ยินดีช่วย"

ได้ฟังแล้วสนก็อยากจะร้องไห้ ครอบครัวของต้นดีกับเขาเสมอมา แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับต้นสิ...แล้วสนจะให้อภัยตัวเองได้อย่างไร เขาเกลียดความวู่วามของตัวเองเหลือเกิน

"ไม่เหนื่อยหรอกครับพ่อ ยังพอไหวอยู่ครับ พ่อกับแม่สบายดีนะครับ" สนอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่ก็มีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่คอ

"สบายดีลูก ก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละ" พ่อต้นบอกพลางหัวเราะเบาๆ

"ไว้วันไหนต้นกลับมา ผมจะพาต้นกลับบ้านนะครับ พ่อกับแม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมกับต้นจะได้หาไปให้"

"ไม่เป็นไรหรอกลูก เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ มาแต่ตัวพ่อกับแม่ก็ดีใจแย่แล้ว ไม่ต้องยุ่งยากหรอกลูก ถ้าจะมาก็โทรมาบอกละกัน"

"ครับพ่อ"

------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปอีกวันอย่างยากเย็น เลิกเรียนสนก็กลับบ้าน เขาไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้จะทำอะไร เมื่อมาถึงบ้านก็ปรากฏว่านิกกับปั้นจั่นมาถึงก่อนแล้วและนั่งดูทีวีกันอยู่

“เป็นไง สะใจไหม” ปั้นจั่นทักด้วยน้ำเสียงประชด สนไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้วก็ขึ้นห้องไป

“เดี๋ยวคอยดูเถอะ จะแกล้งให้สะใจเลย กูหมั่นไส้ไอ้นี่มานานละ ไอ้ต้นมันรักแค่ไหน หนอยแน่...พอรู้ว่าต้นเป็นเกย์ทำเป็นรับไม่ได้ กูยังรับได้เลย” ปั้นจั่นว่าลับหลัง

“มึงจะทำอะไรมันวะ” นิกหันมาถามอย่างสงสัย

“ทำให้มันสำนึกน่ะสิ” ปั้นจั่นตอบ เป็นช่วงเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้นพอดี

“เฮ้ย ไอ้ต้นโทรมาว่ะ” ปั้นจั่นบอกอย่างดีใจแล้วก็รีบรับสาย

“เฮ้ยต้น มึงอยู่ไหนวะ รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงแทบแย่เลยนะเว้ย” ปั้นจั่นพูดด้วยเสียงคล้ายกระซิบเพราะไม่อยากดังจนสนได้ยินและสงสัย

“อยู่กับเพื่อน มึงไม่รู้จักหรอก พวกมึงไม่ต้องห่วงกูนะ กูขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ” เสียงต้นตอบมาตามสาย ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนต้นก็ยังไม่หายจากอาการเสียใจดีนัก

“มึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันจะตายแล้ว ข้าวปลาก็ไม่กิน หน้ามันอย่างกับศพแน่ะ อ้าว เฮ้ย”

“อะไร” นิกสงสัย

“มันวางสายไปแล้ว” ปั้นจั่นบอก พอเขาลองโทรกลับไปหาต้น ต้นก็ปิดเครื่องไปเสียแล้ว

“มันปิดเครื่องแล้วว่ะ แต่มันบอกว่าอยู่กับเพื่อน ไม่ต้องห่วง ขอเวลาทำใจสักหน่อยแล้วมันก็จะกลับ” ปั้นจั่นหันไปบอกเพื่อน พอรู้ว่าต้นไม่เป็นอะไร พวกเขาก็สบายใจขึ้น แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม

ปั้นจั่นยิ้มย่องเหมือนนึกอะไรออก “กูรู้ละว่ากูจะทำให้ไอ้สนมันสำนึกยังไงดี”

“ทำไงวะ” นิกเอียงคอถามอย่างสงสัย

“เดี๋ยวก็รู้ มึงคอยดูเฉยๆ ละกัน” ปั้นจั่นบอกแล้วก็หันกลับมาสนใจทีวีต่อ

สักพักใหญ่ สนก็ลงมาข้างล่าง ดูท่าทางเขาคงจะหิวนั่นเองเพราะไม่ได้กินตามที่ร่างกายต้องการมาหลายมื้อแล้ว เขาเข้าไปหาอะไรกินในครัวโดยไม่ยอมออกมานั่งกับเพื่อนอีกสองคนเพราะสนไม่อยากฟังเสียงสองคนนี้คอยกระแนะกระแหน แต่กินได้สองสามคำสนก็รู้สึกตื้อไปหมด แม้ว่าจะเป็นของที่ชอบแต่เขาก็ไม่รู้สึกอยากกิน เขาล้างจานแล้วก็ออกมาจากห้องครัว นิกกับปั้นจั่นหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับมีลับลมคมในบางอย่าง

“เมื่อกี้ต้นโทรมาแน่ะ” ปั้นจั่นบอกพลางยิ้มที่มุมปาก

สนถลาเข้าไปหาเขาแทบจะทันทีพลางละล่ำละลักถาม “ต้นอยู่ไหน ต้นเป็นอะไรหรือเปล่า ต้นจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ไม่รู้เว้ย มันไม่บอก ถ้ามันเป็นอะไรแล้วมันจะโทรมาได้ยังไงล่ะ” ปั้นจั่นเริ่มกวน สนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างเพื่อจะลองโทรไปหาต้น แต่ปั้นจั่นก็รีบดักไว้

“ไม่ต้องโทรหรอก มันปิดเครื่องแล้ว”

แต่สนก็ไม่ฟัง เขาพยายามโทรหาต้นอยู่สองสามครั้งก็ไม่เป็นผล จึงต้องเลิกล้มความพยายาม “ต้นอยู่ไหน บอกกูได้ไหม กูจะไปหาต้น” สนหันมาถามซ้ำด้วยแววตาวิงวอน

“ก็บอกว่าไม่รู้ ถ้ารู้แล้วก็จะนั่งอยู่นี่ทำไม ถ้ารู้ก็ไปหามันแล้วสิ พวกกูก็เป็นห่วงมันเหมือนกันนะเว้ย ไม่ใช่แต่มึงคนเดียว” ปั้นจั่นโวยวาย

“มึงอยากรู้ไหมว่าต้นมันคุยอะไรกับกู” ปั้นจั่นถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เขากำลังถือไพ่เหนือกว่า ยังไงสนก็ต้องยอมเขา สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นั่นแปลว่าเขาอยากรู้มากทีเดียว

“มันบอกให้กูสองคนช่วยหาหอพักให้มันใหม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะออกไปดู” ปั้นจั่นเริ่มทำตามแผนที่เขาคิดไว้ นิกทำหน้างงๆ เพราะรู้ว่าเมื่อกี้ต้นไม่ได้คุยกับปั้นจั่นเรื่องนี้ แต่เขาก็เงียบไว้เพราะคิดว่าปั้นจั่นคงมีแผนอะไรบางอย่าง

“ต้นจะไปไหนไม่ได้ ต้นต้องอยู่ที่นี่” สนโวยวายด้วยสีหน้าตกใจ ใจของเขาหล่นวูบ เขาจะอยู่อย่างไรถ้าต้นหนีไปจากชีวิตของเขา ให้เขาตายเสียดีกว่า

“อ้าว จะให้มันอยู่ได้ยังไง ก็ดูที่มึงทำกับมันสิ เป็นกูกูก็ไม่อยู่เหมือนกัน ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักกับมันเหมือนมึง กูยังสงสารมันเลย มันอุตส่าห์รักมึงมากขนาดนั้น ก็ดูมึงทำกับมันสิ” ปั้นจั่นตอกย้ำ จงใจจะให้สนรู้สึกเจ็บปวด ได้ผลทีเดียวเพราะสนรู้สึกเจ็บเหมือนมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจก็ไม่ปาน

“พวกมึงจะพาต้นไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กูไม่ให้ไป”

“ไม่รู้เว้ย กูไม่ได้ตัดสินใจ ต้นมันตัดสินใจเอง กูก็แค่ช่วยหาให้มันเท่านั้นแหละ มึงจะมาบอกอะไรกู ไปบอกไอ้ต้นเองโน่น” ปั้นจั่นโบ้ย

“กูบอกว่าไม่ต้องหา กูไม่ให้ต้นไปไหนทั้งนั้น” สนขึ้นเสียงดัง

“แล้วมึงจะให้มันอยู่ทำไมวะ ก็มึงแสดงท่ารังเกียจมันซะขนาดนั้น มึงเห็นไหมว่ามันเสียใจแค่ไหน ก่อนจะไปมันร้องให้จะเป็นจะตาย มึงเข้าไปดูมันบ้างไหม พอมันจะไปแล้วก็จะมาห้ามมันทีหลัง สายไปแล้วล่ะ” ปั้นจั่นตะคอกกลับ แล้วก็ตอกย้ำไปอีกว่า

“เรื่องที่ไอ้ต้นมันเป็นเกย์ พวกกูรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยรังเกียจมันเหมือนมึง แล้วพวกกูก็รู้ว่ามันรักมึงมากแค่ไหน มันทำให้มึงได้ทุกอย่าง มึงจะทำให้มันเสียใจกี่ครั้งมันก็ไม่เคยถือโกรธ แล้วมึงเคยได้ยินสักครั้งไหมไอ้สนว่าไอ้ต้นมันเรียกร้องขออะไรจากมึง มันรักมึงแบบนั้นก็จริง แต่มันก็ไม่เคยขอให้มึงรักมันตอบแบบนั้นเลย เวลามึงมีแฟน เวลามึงไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเจ็บแค่ไหน มันเคยบอกมึงสักคำไหม มันเคยว่าอะไรมึงไหม แล้วเรื่องที่มันเป็นเกย์ ถ้ามึงไม่บังเอิญรู้เอง ชาตินี้มึงก็จะไม่มีวันได้รู้หรอกเพราะต้นมันไม่เคยคิดจะบอกมึง แล้วมันก็กำชับพวกกูไว้ว่าห้ามบอกใคร โดยเฉพาะมึง เพราะมันกลัวว่ามึงจะรับไม่ได้ มันกลัวว่ามึงจะเกลียดมัน แล้วมึงก็เกลียดมันจริงๆ ด้วย กูไม่อยากจะเชื่อเลย” ปั้นจั่นว่าสนเสียยืดยาว

เหมือนมีคนสักร้อยคนช่วยกันตบหน้าสน ทุกคำพูดตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดและเสียใจอย่างยิ่ง ยิ่งรู้ว่าเขาทำให้เพื่อนเจ็บโดยไม่รู้ตัวเวลาที่เขาไปกับผู้หญิงคนอื่น สนก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ต้นคงจะเจ็บมาก แต่ต้นก็ไม่เคยพูดอะไรสักคำ สนไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ แต่นั่นก็ยังน้อยไป จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนั้นคงไม่ทำให้ต้นเจ็บได้เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอก นึกถึงสายตาที่ผิดหวังและเจ็บปวดของต้นตอนนั้นแล้วสนก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ เขาเฝ้าถามตัวเองไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งว่าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไรแต่ก็ไม่มีคำตอบที่น่าพอ

“ทำไมมึงถึงต้องรังเกียจมันด้วยวะไอ้สน กับอีแค่เป็นเกย์นี่มันมีอะไรน่ารังเกียจนักหนาวะ คนเหมือนกันนะเว้ย” ปั้นจั่นว่าเข้าให้อีก นิกได้แต่นั่งมองตาปริบๆ จะผสมโรงด้วยก็ยังไม่กล้า เห็นท่าทางของสนแล้วนิกก็พอรู้ว่าสนเสียใจแค่ไหน

“เมื่อไรพวกมึงสองคนจะหยุดตอกย้ำซ้ำเติมกูเสียทีหา!” สนตะโกนอย่างเหลืออด ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าปั้นจั่นจะพูดให้เขาเสียใจอีกทำไมนักหนา แค่นี้เขาก็เสียใจจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว

ท่าทางเกรี้ยวกราดนั้นทำให้ปั้นจั่นถึงกับสะดุ้งตกใจจนต้องเงียบและหยุดฟังบ้าง

“มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจมากแค่ไหน ต้นเป็นเพื่อนกู กูรักต้นแค่ไหนมึงไม่รู้หรอก” สนระเบิดอารมณ์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “มึงคิดว่ากูไม่เสียใจหรือไง กูไม่เคยทำร้ายเพื่อนกู ไม่เคยด่าว่าต้นแม้แต่คำเดียว ที่กูทำวันนั้นกูก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะกูรังเกียจต้น มึงสองคนไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกูบ้างกูถึงได้ไม่ชอบเกย์” สนเว้นจังหวะและเริ่มสะอื้นให้ เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

“กูทำให้เพื่อนเจ็บ กูทำให้เพื่อนร้องให้เสียใจขนาดนั้น มึงคิดว่ากูจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง กูเสียใจแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหม” สนตะโกนอีกแล้วก็ค่อยเบาเสียงลง “กูเป็นห่วงต้น กูคิดถึงต้น อยากขอโทษต้นใจจะขาดอยู่แล้ว” สนสะอื้นจนตัวโยน นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ

“เฮ้ยสน กูขอโทษละกัน” ปั้นจั่นบอกพลางนั่งลงแล้วตบไหล่เขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“ถ้ามึงมีเพื่อนอย่างต้น มึงจะเกลียดมันได้ไหม” สนถามแต่เหมือนเขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากใคร

“ไม่มีใครเกลียดต้นหรอกสน ต้นมันเป็นคนดี ขนาดพวกกูรู้จักมันแค่สองสามปี พวกกูก็ยังรักมันเลย” ปั้นจั่นบอก

นิกเดินสมทบบ้าง เขาย่อตัวลงแล้วก็ตบไหล่อีกข้างเพื่อปลอบใจสน

“เดี๋ยวต้นมันก็กลับแล้วล่ะ มึงไม่ต้องห่วงมันหรอก มันบอกว่ามันอยู่กับเพื่อน มันขอเวลาทำใจสักพักแล้วจะกลับ มันไม่ไปไหนหรอก มันรักมึงขนาดนั้น มันจะทิ้งมึงไปได้ยังไง กูรู้ว่ามันไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ”

พอรู้ว่าต้นไปอยู่กับเพื่อน ก็ทำให้สนพอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง “จริงเหรอ เพื่อนคนไหน พวกมึงรู้จักไหม” สนสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ มันไม่บอก พูดเสร็จมันก็วางสายแล้วปิดเครื่องไปเลย” ปั้นจั่นบอกพลางยักไหล่

“ทำใจให้สบายนะสน ไปนอนพักผ่อนเหอะ สภาพของมึงท่าทางจะแย่แล้วล่ะ อย่ากังวลมาก ต้นมันโตแล้ว มันไม่คิดสั้นหรอก มันดูแลตัวเองได้” นิกปลอบอีกแล้วช่วยรุนหลังให้สนลุกขึ้น สนก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

จะว่าไป ปั้นจั่นก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่เล่นกับสนแรงไปหน่อย เขาจึงพยายามยิ้มให้กำลังใจ “กูรู้ว่ามึงเองก็รักและเป็นห่วงต้นมาก แต่มึงเชื่อใจเพื่อนมึงใช่ไหมว่าไอ้ต้นมันคงไม่คิดสั้นหรือทำร้ายตัวเอง ต้นมันเป็นคนมีความคิด มึงเชื่อใจเพื่อนมึงสิว่าต้นมันแค่ต้องการเวลา มันแค่ต้องการอยู่เงียบๆ สักพัก เดี๋ยวต้นมันก็กลับมา ทำใจให้สบายนะสน อย่าคิดมาก”

สนพยักหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าต้นเป็นคนมีความคิดและคงไม่ทำแบบนั้น แต่สนก็เป็นห่วงต้น ห่วงกายนั้นก็ไม่เท่าไร แต่สนห่วงใจของต้นที่ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของเขาต่างหาก ที่เขาเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่ตอนนี้ก็เพราะอย่างหลังต่างหาก

แต่พอวันนี้ได้พูดได้ระบายออกไปบ้างก็ทำให้สนลดความเก็บกดและตึงเครียดลงไปเล็กน้อย มันคงจะเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันที่จะทำใจสบายๆ แต่ในเวลานี้ เมื่อเขาติดต่อต้นไม่ได้ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการรอคอย เขาเองก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปตามหาต้นที่ไหน เขานึกไม่ออกเลยว่าเพื่อนที่ต้นพูดถึงนั้นคือเพื่อนคนไหนกันแน่

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์มาถึงแล้ว สนเดาว่าต้นน่าจะกลับมาวันนี้จึงตั้งใจไม่ไปไหนเพื่ออยู่รอต้น วันนี้เขาใส่เสื้อกับกางเกงที่ต้นซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว สนตั้งใจว่าถ้าต้นกลับมาเห็น ต้นจะได้รู้ว่าเขาไม่เคยลืมมิตรภาพและสิ่งดีๆ ที่ผ่านมา

ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าสนจะทำอะไร เขาก็จะคอยหันไปดูที่ประตูบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววของต้นเลย กวาดบ้านก็แล้ว ถูบ้านก็แล้ว ดูทีวีก็แล้ว กินข้าวก็แล้ว เอางานมานั่งทำก็แล้ว ต้นก็ยังไม่กลับมาจนมืดค่ำ

นิกกับปั้นจั่นเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าให้เจ็บมากๆ อย่างนี้ก็น่าจะดีเหมือนกัน สนจะได้จำไปอีกนาน สนนั่งๆ นอนๆ รอจนสี่ทุ่มกว่าต้นก็ยังไม่กลับมา นิกกับปั้นจั่นขอตัวไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า ส่วนสนปิดไฟในห้องนั่งเล่น เปิดไฟหน้าบ้านไว้แล้วก็มานอนรอบนโซฟาต่อ

“นายอยู่ไหนต้น ทำไมไม่กลับมาเสียที รู้ไหมว่าเราคิดถึงนายใจจะขาดอยู่แล้ว” สนรำพึงเบาๆ เมื่อไม่เห็นมีวี่แววว่าต้นจะกลับมา ใจเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยว หมดความหวังลงไปทุกที สนกลัวเหลือเกินว่าต้นจะโกรธเขาจนไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว เขาไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีต้น สำหรับสนแล้ว ไม่มีแฟนเขาก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ สนคงอยู่ไม่ได้และเขาอาจจะต้องตรอมใจตายในที่สุด เหมือนในเวลานี้ สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังตรอมใจอย่างหนักเลย

สนผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน เขาทรมานร่างกายของตัวเองมาหลายวันแล้ว ใบหน้าของเขาเศร้าหมอง ซีดเซียวและตัวเขาก็ผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ตาก็เริ่มลึกโหลเพราะนอนไม่ค่อยหลับ

จนเกือบเที่ยงคืน สนเริ่มรู้สึกตัวเพราะเหมือนมีคนไขกุญแจบ้านเข้ามา สนลืมตาและลุกขึ้นอย่างงัวเงีย แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ เขา แม้จะเห็นแค่เงามืดๆ สนก็รู้ว่าคนๆ นั้นคือใคร
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 26-05-2012 20:18:22
ToT
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 26-05-2012 20:27:11
ขอให้ต้น-สน........พูดคุยกันให้เข้าใจกันนะครับ

          ..............................................................ขอให้สน......รักตอบต้นด้วยนะ

                                             ขอให้ทั้งคู่มีความสุข สมหวังนะครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 26-05-2012 21:18:46
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-05-2012 21:55:25


อย่ากลับมาได้ไหม....

ให้สนมันทุรนทุรายไปอย่างนั้นแหละต้น...

แล้วเราค่อยควงคนใหม่เย้ยมัน

 :fcuk:

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:

โอ๋ๆ ล้อเล่นนะสน ตัวอยากไปทำต้นแบบนั้นเอง ก็สมควรโดน

555

 :give2:

คนแต่งดูแลตัวเอง แล้วมาต่อต้นสนให้ได้อ่านกันไวไวนร๊าค่ะ

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 27-05-2012 00:02:59
ต้นสนมาแล้ววว ><

.กลับมาแล้วจะเป็นแฟนกันมั้ยเนี่ย หรือปรับความเข้าใจกัน แล้วก็เป็น
เพื่อนกันเหมือนเดิม นายยังไงกันแน่เนี่ย สน - -
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 27-05-2012 00:56:58
สนทำกับต้นขนาดนี้ สุดท้ายตัวเองก็เจ็บไปด้วย

ต่อไปก็อย่าทำอีกนะ :z3:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 16 ¤ เมื่อความลับถูกเปิดเผย (24-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 27-05-2012 03:10:56
สน... วันใดขาดต้นแล้วจะรู้สึก (ตอนนี้ สนรู้สึกแล้วใช่มะ ??)

ต้นกลับมาเร็วไปนะ น่าจะให้สนรู้สึกตัวมากกว่านี้อีกซักหน่อย

บางที อาจจะรู้สึกตัว จนรู้ใจตัวเองก็ได้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chochang99 ที่ 27-05-2012 03:30:28
เห็นใจสนน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: NuPpEr ที่ 27-05-2012 04:20:02
 :m15: :m15:
 :monkeysad: :monkeysad:
 :sad11: :sad11: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 29-05-2012 00:43:49
ชีวิตวุ่นวายมากเลยครับตอนนี้ งานก็เยอะ คอมดันมาเสียอีก
คาดว่าต้องซื้อใหม่ ขาดอุปกรณ์ทำงานแล้วคงต้องเว้นอัปเดตไว้ก่อน
ได้คอมแล้วจะกลับมาต่อครับ แต่ยังอ่านด้วยมือถืออยู่ แต่ให้ใช้มือถือพิมพ์คงไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - คอมเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 29-05-2012 08:02:17
สนจำความรู้สึกตอนนี้ไว้นะ
ชอบทำให้ต้นเสียใจเรื่อยเลย
หวังว่าคงไม่มีคราวหน้านะ
จะเชียร์ให้ต้นมีคนอื่นเลยนี่
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - คอมเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: knightprince ที่ 29-05-2012 17:24:29
ช่างบีบคั้นอารมณ์จริงๆ
น่าสงสารต้น สนก็นะ
เฮ้อ ทำไรไปแล้วมาเสียใจเอาทีหลังนี่มัน
สุดจะกล่าว รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - คอมเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 29-05-2012 18:05:26
เข้ามารอครับ  :really2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - คอมเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 29-05-2012 23:26:58

รอด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - คอมเสีย
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 29-05-2012 23:53:33
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

สนต้องทำดีกับต้นให้มากๆนะ เพื่อนแสนดีหายาก

รอคุณ sarawatta ขอให้เคลียร์เรื่องยุ่งๆ ได้เร็วๆ และคอมฯหายเสียไวๆนะค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓ - อีกไม่เกิน 2 วัน
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 31-05-2012 21:59:37


ขอให้คอมหายป่วยไวไวนะค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ได้มีโอกาสมาเม้นแล้ว

ต้นดูแลสนให้มากๆนะ ตอนนี้คิดถึงต้นสนอีกแล้วอะ

จะรอ รอ รอ คนเขียนนะค่ะ ขอให้เรื่องยุ่งๆผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ

 :L2: :L2: :L2: :z9:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 17 ¤ กลับมาได้ไหม (26-05-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-06-2012 23:06:56
กลับมาแล้วนะครับ ขออภัยสำหรับใครหลายคนที่รออ่านอยู่นะครับ
ตอนนี้ได้คอมมาใหม่แล้ว ต้องตัดสินใจซื้อใหม่เพราะค่าซ่อมอันเดิมแพงมาก ก็เลยซื้อใหม่เลยดีกว่า
มีเรื่องให้เสียเงินสบายใจอีกแล้ว... :sad11:

ป.ล.
มีเรื่องที่อยากรู้อย่างหนึ่งครับ คะแนนชื่นชมนี้เขามีไว้ทำอะไรหรือเปล่าครับ
เขามีไว้สำหรับแลกอะไรหรือเปล่า หรือแค่วัดเรตติ้งเฉยๆ พอดีมาใหม่เลยไม่ทราบจริงๆ ครับ
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอาคะแนนนี้ไปทำอะไร

???? รู้สึกช่วงนี้กระทู้ตกเร็วมาก ไม่ทันไรก็ตกไปอยู่หน้าสองหน้าสามแล้ว

--------------------------------------------------------

ตอนที่ 18: ผิดไปแล้ว

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

“ต้น” สนเรียกเพื่อนแล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเท่าที่แรงกายยังพอมีอยู่ สองหนุ่มเพื่อนรักมองหน้ากันภายใต้แสงสลัวๆ ของแสงไฟจากหน้าบ้านที่ลอดเข้ามา แม้ว่าตอนที่ต้นหายไปนั้นได้ทำให้สนรู้แล้วว่าต้นสำคัญกับเขามากแค่ไหน แต่พอได้เจอต้นจริงๆ ในตอนนี้ สิ่งที่สนเคยรู้สึกกลับยิ่งทวีคูณมากขึ้น สนนึกถึงวันที่เขาเห็นข้อความที่ต้นเขียนในโต๊ะเรียนของเขา พอได้อ่านแล้วเขาก็วิ่งไปตาหาต้นทันที วันนั้นสนจึงได้รู้ว่าต้นสำคัญกับเขามากแค่ไหน วันนี้...เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากวันนั้น แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ...ความรู้สึกบางอย่างที่สนเริ่มรู้สึกว่ามันมีมากขึ้นนั่นเอง มันคือความรู้สึกอะไรกันนะ...ทำไมสนถึงไม่เคยรู้จักมันเลย

"เราขอโทษ..." นี่คือสิ่งแรกที่สนตั้งใจจะบอกต้น แม้ว่าเขาจะทำให้ต้นต้องเสียใจและพูดคำว่าเสียใจหลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่มีคำพูดใดที่เขาควรจะต้องพูดมากไปกว่านี้ ทำผิดแล้วก็ต้องขอโทษ มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่สนก็จริงใจกับสิ่งที่เขารู้สึกและบอกออกไปตามที่สิ่งที่ใจคิด

สนดึงเพื่อนไปกอดไว้พร้อมกับสะอื้นไห้เบาๆ ต้นกอดเพื่อนตอบเช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรต้นก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ ถึงจะรู้สึกขุ่นเคืองกับสิ่งที่สนทำ แต่เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขารักแล้วต้นก็หมดทางต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ข้างใน ต่างคนต่างเงียบและไม่ได้พูดอะไร บางทีการปล่อยให้ร่างกายและจิตใจสื่อสารกันบ้างก็อาจจะดีกว่าการพูด สนรู้สึกว่าคราวนี้สัมผัสระหว่างเขากับต้นทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวเพราะมันได้ช่วยทลายกำแพงความรู้สึกปกป้องตัวเองของทั้งสองคนให้หมดลงไปอย่างราบคาบ

"เราไม่เคยรังเกียจนายนะต้น วันนั้นเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..." สนเริ่มพูดอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขนเพื่อที่จะได้มองหน้ากันชัดๆ

"นายจำได้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราตอนเด็กๆ เรายังรู้สึกกลัวอยู่จนทุกวันนี้ มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทำแบบนั้นกับนาย เราไม่ได้ตั้งใจนะต้น เราขอโทษจริงๆ นายดีกับเราขนาดนี้ เราจะรังเกียจนายได้ยังไง เราไม่เคยรังเกียจนายเลย นายหายไป เราก็เป็นห่วงนายมาก รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงนายมากแค่ไหน เราได้แต่โทษตัวเองที่วู่วาม เรารู้สึกผิดมาก...ที่ทำกับนายแบบนั้น ถ้าย้อนเวลาได้...เราจะไม่ให้มันเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดที่เราเคยทำ แต่เราอยากให้นายเข้าใจนะต้นว่าเราไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ใช่เพราะเรารังเกียจนาย เพื่อนรัก...เรารังเกียจนายไม่ได้หรอก ถ้าเราจะรังเกียจนาย ตัวเราเองก็คงน่ารังเกียจยิ่งกว่า" สนพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกมามากมายพร้อมกับสะอื้นให้ เขากอดต้นแน่นราวกับกลัวว่าต้นจะหนีหายไปไหนอีก "ขอโทษนะเพื่อน ขอโทษจริงๆ..."

นี่เป็นครั้งแรกที่ต้นเห็นสนร้องให้หนักขนาดนี้ แสดงว่าสนคงรู้สึกผิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต้นรับฟังทุกคำพูด เข้าใจทุกอย่างและไม่เคลือบแคลงใจใดๆ ทั้งสิ้นเพราะต้นรู้ว่าสนพูดออกมาจากใจจริงของเขา

“เราสัญญานะต้น ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าครั้งต่อไปมันเกิดขึ้นอีก เราจะเป็นฝ่ายยอมรับชะตากรรม แล้วเราจะไปเอง” สนพูดพลางดึงมือต้นทั้งสองข้างมาจับไว้ "ให้อภัยเราอีกครั้งได้ไหมต้น"

สายตาที่วิงวอนนั้นทำให้ต้นหัวใจแทบละลาย เขารักสนมากขนาดนี้ ทำไมจะให้อภัยไม่ได้ล่ะ ไม่ว่าสนจะทำไม่ดีกับเขาสักกี่ครั้ง ต้นก็ให้อภัยได้เสียทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะต้นกับสนรู้ว่าชีวิตของเขาสองคนขาดจากกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้อภัยกัน ยังไงก็ต้องอยู่ช่วยเหลือดูแลกันต่อไปไม่ว่าจะในฐานะอะไร

"แต่ถ้านายคิดว่ามันมากไปสำหรับนาย ให้อภัยไม่ได้ เราก็ยินดีที่จะยอมรับชะตากรรมนะต้น...เราเข้าใจนาย เรารู้ว่านายเจ็บแค่ไหน...กับสิ่งที่เพื่อนเลวๆ คนนี้ทำ" เห็นต้นยังเงียบอยู่ สนก็เลยไม่แน่ใจว่าต้นจะยอมยกโทษให้เขาหรือเปล่า

ต้นรีบเอามือปิดปากห้ามสนทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง สนดูจะตกใจอยู่เหมือนกัน "ไม่เอานะสน อย่าเรียกตัวเองแบบนี้ นายเป็นเพื่อนรักของเรา นายไม่ใช่คนเลว อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นให้เราได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ยกโทษให้นาย"

"เราขอโทษ เราจะไม่พูดแบบนั้นอีก" สนรับคำเกือบจะทันที แล้วก็เริ่มยิ้ม "แสดงว่านาย...ยกโทษให้เราแล้วใช่ไหมต้น"

ต้นเงียบไปสักพัก เขาค่อยๆ ยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า "ไม่มีอะไรที่เราจะให้อภัยนายไม่ได้หรอกสน เราผูกพันกันมานาน ยังไงเราก็ต้องอยู่ดูแลกันต่อไป ที่สำคัญ...เรายังไปไหนไม่ได้หรอก จนกว่าเราจะพานายไปถึงจุดหมาย ถ้านายยังต้องการเราอยู่ ถ้านายยังรับได้และสบายใจที่จะเป็นเพื่อนกับเรา เราก็จะอยู่ที่นี่ เราก็จะทำอย่างเต็มที่เหมือนเดิม”

สนยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเพื่อนอีกครั้ง “เราต้องการนายอยู่แล้วต้น ถ้าชีวิตเราไม่มีนาย...เราจะไม่มีวันนี้เลย ถ้าไม่มีนายเป็นเพื่อน ชีวิตของเราก็คงไม่มีความหมายอะไร เราต้องการนายนะต้น อย่าหายไปไหนแบบนี้อีกนะ”

--------------------------------------------------

ปั้นจั่นได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างล่างก็เปิดประตูออกมาดู เห็นต้นกับสนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นแล้วปั้นจั่นก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ต้นเป็นเกย์และรักสนเกินเพื่อนนั้นปั้นจั่นก็รู้และพอจะดูออก แต่สนล่ะ สนคิดแบบเดียวกันกับต้นหรือเปล่า การกระทำหลายๆ อย่างของสนก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน หรือว่าสนจะคิดแบบนั้น...แต่ไม่รู้ตัว... เขาควรจะต้องหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยต้นแล้วล่ะ ต้องสั่งสอนให้สนรู้เสียบ้าง จะได้รู้สำนึก

กำลังจะเดินกลับเข้าไปนอนตามเดิม นิกก็เปิดประตูออกมาดูเช่นกัน ปั้นจั่นรีบยกมือจุ๊ปากไว้เป็นเชิงบอกให้นิกเงียบๆ

"ปล่อยให้มันสองคนคุยกันไปเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันสองคนตอนนี้เลย ไปนอนไป" ปั้นจั่นทำเสียงดุเบาๆ พลางปัดมือไล่ นิกมองอย่างงงๆ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี แม้ว่าในใจอยากจะลงไปดูต้นมากก็ตาม

--------------------------------------------------

“นายกินอะไรมาหรือยังล่ะต้น” สนถามอย่างเป็นห่วงขณะที่พาต้นเดินขึ้นมาบนห้องพร้อมกับช่วยถือกระเป๋าเป้ของต้นด้วย

“กินแล้ว” ต้นหันมายิ้มเล็กน้อย

“อิ่มหรือเปล่า ดูหน้านายสิ ซีดเซียวขนาดนี้เราว่านายก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนเรานั่นแหละ ใช่ไหม"

"นายหิวใช่ไหมล่ะ" ต้นถามอย่างรู้ทัน สังเกตเห็นว่าสนเองก็มีหน้าซีดเซียวและตาลึกโหลไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไรนัก

สนหัวเราะแหะๆ "นายรู้ใจเราดีขนาดนี้ก็คงไม่มีอะไรจะเถียงแหละ ก็ก่อนหน้านี้...นายไม่อยู่ เรากินอะไรไม่ลง แต่พอนายมาปั๊บ มันก็หิวเลย” สนบอกพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบท้องตัวเองแล้วก็ขำ ต้นก็ขำไปด้วย

รอยยิ้มแห่งมิตรภาพนั้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว จนแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยบาดหมางใจกัน แต่...ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สนเพิ่งจะนึกได้ พอฉุกคิดได้แล้วสนก็หันไปมองต้นด้วยสีหน้ามีคำถาม แต่ก็แวบเดียวเท่านั้นเพราะสนคิดว่าเขายังไม่ควรถามเรื่องนี้ในตอนนี้

“นายอาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวเราจะทำอะไรให้กิน รู้สึกจะมีไข่อยู่ เดี๋ยวเราทำไข่เจียวให้กิน...ดีไหม”

ต้นพยักหน้าพลางยิ้ม "ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้กินข้าวกับนายตั้งหลายวัน"

"เดี๋ยวเราจะทำให้สุดฝีมือเลย"

ต้นหันมายิ้ม เขาเชื่อมือสนเรื่องทำอาหารอยู่แล้วเพราะตอนเด็กๆ สนมักจะเข้าไปช่วยแม่ทำอาหารบ่อยๆ เขาจึงทำอาหารเป็นหลายอย่าง ต่างจากต้นที่ทำอาหารแทบไม่เป็นสักอย่าง

----------------------------------------------------------

“นึกว่าจะไม่ได้กลับมานั่งกินข้าวคุยกันแบบนี้อีกแล้ว เรารู้สึกเหมือนคนที่ทำของที่รักมากๆ หายไป แล้วสุดท้ายก็ได้กลับคืนมา” สนบอกในขณะที่กินข้าว ต้นมองเขาแล้วก็ยิ้ม เห็นสนให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้นต้นก็อดยิ้มดีใจไม่ได้

"โห...เราเพิ่งเห็น นี่นายยังใส่เสื้อกับกางเกงชุดนี้ได้อีกเหรอ" ต้นทำตาโตพลางหัวเราะ

"ได้สิ เราไม่ได้อ้วนขนาดนั้นเสียหน่อย" สนยิ้มอย่างภูมิใจ เขาชอบเสื้อกับกางเกงชุดนี้มาก แม้มันจะดูเชยไปหน่อยที่จะใส่ไปข้างนอกในตอนนี้ก็ตาม

ต้นมองดูเสื้อผ้าที่สนใส่อย่างพิจารณาอีกครั้ง นี่สนคงตั้งใจใส่เพื่อจะช่วยให้เขาสองคนได้นึกถึงความรักและผูกพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง แต่ถึงสนจะไม่ทำแบบนี้ ต้นก็ไม่เคยลืมสิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ได้เห็นกลับมาใส่ชุดนี้อีกครั้ง

“นายไปอยู่ที่ไหนมาล่ะต้น” สนเปลี่ยนเรื่องคุย

“เราไปหาเอกมา นายจำเอกได้หรือเปล่า มันก็เรียนในกรุงเทพเหมือนกัน” ต้นตอบ

สนพยักหน้า เขาจำเอกได้ดี เพราะถ้าวันนั้นไม่ได้เอกช่วยเตือนสติ เขากับต้นก็อาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกเลยก็ได้

"เอกเป็นไงบ้าง"

"มันก็สบายดี มันดูหล่อขึ้นเยอะเลย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กกะโปโลอย่างมันจะโตมาหน้าตาดีแบบนี้" ต้นพูดพลางขำ ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของสน

"หล่อกว่าเราหรือเปล่า"

ได้ยินสนถามแบบนั้นต้นก็หยุดชะงัก "นายว่าอะไรนะ"

เหมือนสนจะนึกได้ถึงคำถามผิดปกติของตัวเองก็เลยรีบเสไปเรื่องอื่น "เปล่า...ไม่มีอะไร อืม...แล้วเอกมันถามอะไรนายหรือเปล่าว่านายไปหามันทำไม ไอ้นี่มันยิ่งขี้สงสัยอยู่ด้วย"

"เรายังไม่ทันจะเล่าอะไรเลย มันก็เดาถูกซะแล้วว่าเรากับนายต้อง..."

"ว่าแล้ว..." สนขำเบาๆ "มันคงด่าเราใหญ่เลยสิ"

ต้นขำ พยักหน้าแล้วก็ตักข้าวกิน แต่สีหน้าก็ยังยิ้มอยู่ ต้นก็พอรู้มาบ้างว่าตอนเรียนมัธยมนั้นเอกเคยไปว่าอะไรสนบ้าง

"ต้น...เราถามอะไรนายอย่างดิ" สนถามเมื่อเงียบไปสักพัก

"อะไร" ต้นเงยหน้ามามองด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ก็มีท่าทีสงสัยพอสังเกตได้

"ไอ้ปั้นจั่นมันบอกว่า...นายจะให้มันช่วยหาหอให้นายใหม่เหรอ นาย...คิดจะไปจริงๆ เหรอ"

สีหน้าไม่แน่ใจของสนตอนที่ถามทำให้ต้นยิ้มแล้วก็ขำ "นายเชื่อมันด้วยเหรอ"

แค่นั้นก็ทำให้สนยิ้มอย่างโล่งอกเพราะเขาคิดกังวลเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว "ดีแล้ว อย่าไปเลยนะ อยู่คนเดียวมันเหงา อยู่กับเราดีกว่า

ต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ เขาเองก็รู้สึกดีที่สนยังต้องการเขาอยู่

“เดี๋ยวคืนนี้เราจะไปนอนห้องนายด้วยนะ” สนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นต้นกินอิ่มแล้ว

ต้นยิ้มและพยักหน้าตกลง

"นายขึ้นไปรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราจัดการจานชามพวกนี้เอง นายไม่ต้องช่วยนะวันนี้ เราขอทำเอง เราอยากดูแลนาย ชดเชยกับสิ่งที่ไม่ดีที่เราทำลงไป...นะต้น" สนบอกเสียงเศร้าในตอนท้าย

ต้นเข้าใจว่าสนคงรู้สึกแย่จริงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าสนคิดว่าการได้ดูแลเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกผิดในใจได้ ต้นก็ไม่ขัดข้องเพราะต้นเองก็ไม่อยากให้สนรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน แต่การที่ต้นจะบอกด้วยคำพูดว่าสนไม่ต้องคิดมากนั้นอาจจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ บางอย่างก็ต้องใช้การกระทำแทนที่จะพูดอย่างเดียว

------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนเช้า สนตื่นนอนแล้วก็มาที่ห้องของเขาเอง อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ เขาลงมาข้างล่างแล้วก็จัดการหุงข้าว ทำไข่เจียวเหมือนเมื่อคืนและชงโอวัลติลสำหรับต้น ขณะที่เขากำลังสาละวนทำอาหารอยู่นั้น นิกกับปั้นจั่นก็ลงมาพอดี

“ทำอะไรวะ วันนี้ทำไมลงมาแต่เช้าผิดปกติ” ปั้นจั่นถามพลางมองอย่างสงสัย เห็นหน้าตาของสนดูสดใสขึ้นก็เลยพอจะเดาได้ว่าสนกับต้นคงคุยกันเข้าใจแล้ว “ต้นกลับมาแล้วเหรอ” ปั้นจั่นถามเหมือนกับไม่รู้

สนพยักหน้า “อืม...ตอนเกือบเที่ยงคืน น่าจะตื่นแล้วมั้ง เดี๋ยวขึ้นไปดูก่อน” สนว่าพลางวางอาหารเช้าที่เขาเตรียมให้เพื่อนไว้บนโต๊ะ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องของต้น ต้นไม่ได้ล็อกห้อง สนจึงเปิดประตูเข้าไปได้เลย เห็นต้นกำลังหวีผมอยู่พอดี

“ต้น...เสร็จแล้วลงไปข้างล่างนะ เราเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว”

ต้นหันมามองเพื่อนพลางยิ้มแล้วก็พยักหน้า สนจึงเดินกลับลงมานั่งรอ ไม่นานนักต้นก็เดินตามลงมา

พอนิกกับปั้นจั่นเห็นต้นลงมาก็รีบเข้าไปถาม “เฮ้ยต้น เป็นไงบ้าง มึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันจะตรอมใจตายอยู่แล้ว ถ้ามึงไม่มาอีกวันเดียว สงสัยมันตายแน่ๆ เลยว่ะ” ปั่นจั่นพูดพลางขำ

ไม่รู้ว่าปั้นจั่นพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ต้นก็เริ่มมองเห็นอิทธิพลที่เขาทั้งสองคนคนมีระหว่างกันมากขึ้น

“จริงนะเว้ย มันเป็นห่วงมึงมากเลย ถ้ามึงไม่กลับมาอีกวันเดียว กูว่ามันตายแน่ๆ เลย ดูสิ วันนี้มันอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาเตรียมของให้มึงกิน เอาใจเป็นพิเศษเลยเว้ย” นิกช่วยเสริมพลางแหย่เล่น

“พวกมึงไม่ต้องพูดมากเลย” สนว่าพลางเดินมากอดคอแล้วพาต้นไปนั่งที่เก้าอี้ “เห็นเมื่อคืนนายบอกว่าชอบ ก็เลยทำให้กินอีก อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนล่ะ กินหน่อยนะ อาหารเช้าสำคัญรู้หรือเปล่า”

ต้นเห็นอาหารแล้วก็ยิ้มดีใจเพราะรู้ว่าจะได้กินของอร่อยอย่างแน่นอนแม้ว่าจะเป็นอาหารที่แสนธรรมดาก็ตาม ฝีมือของสนมักจะทำให้อาหารธรรมดากลายเป็นอาหารที่อร่อยได้อย่างไม่น่าเชื่ออยู่เสมอ

“เพื่อนสนใครอย่าแตะจริงด้วย ดูสิ แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลย” ปั้นจั่นว่าพลางขำ

แต่ทุกคนก็รู้สึกดีใจที่ต้นกลับมา และดีใจที่ยังได้เห็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่สวยงามของต้นกับสนกลับมาอีกครั้ง นี่คือมิตรภาพที่ใครได้เห็นก็พลอยมีความสุขไปด้วย ต้นกับสนได้ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้ต้นเลิกเรียนค่อนข้างเย็นเพราะมีงานเยอะ แต่สนก็ยังอยู่รอที่จะกลับด้วย ระหว่างรอเขาก็ไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ ที่ยังไม่กลับ พอเริ่มมืด คนอื่นๆ ก็ค่อยทยอยกลับจนเหลือเพียงสนคนเดียว ขณะที่สนกำลังเล่นบาสเกตบอลคนเดียวเพลินๆ อยู่นั้น ต้นก็มาพอดี

“เล่นด้วยคนสิ”

สนหยุดเล่นแล้วหันมามองตามเสียง พอเห็นว่าเป็นต้นก็ยิ้มดีใจ “มาสิ”

ต้นเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างๆ สนามแล้วก็วิ่งลงไปเล่นบาสเกตบอลกับสนอย่างสนุกสนาน พอเบื่อแล้วก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ผลักกัน ทั้งสองคนยืนกางขาเล็กน้อย ยกสองมือขึ้นตั้งท่าเตรียมผลักกัน คอยดูท่าทีกันแล้วก็ผลักมือออกไป ฝ่ายที่รู้ว่าจะโดนผลักก็จะแยกมือออกเพื่อไม่ให้โดนผลัก ต้องใช้เทคนิคหลอกล่อกันพอสมควร พอผลักโดนกัน คนที่โดนผลักก็อาจเซจนถึงล้ม แต่ต้นกับสนก็จะคอยจับมือประคองกันไว้ไม่ให้ล้มลง เล่นไปสักพักก็เปลี่ยนมาเล่นเกมส์ดันลูกบอลด้วยหัว สนยกลูกบอลขึ้นมาไว้ตรงกลาง จากนั้นทั้งสองคนก็เอาหัวดันลูกบอลไว้คนละข้าง แล้วคอยประคองไม่ให้ลูกบอลตก ถ้าลูกบอลตกก็ต้องคอยระวังว่าหัวจะชนกันด้วย แต่พอลูกบอลตกทีไรก็จะหัวเราะกันสนุกสนาน แล้วก็เก็บมาเล่นใหม่ จนรู้สึกเหนื่อย สองหนุ่มจึงนั่งพักอยู่กลางสนามในท่าเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์

“มีนายเป็นเพื่อนนี่ก็มีความสุขดีนะ” สนพูดพลางหันไปยิ้มให้เพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนทั่วๆ ไปคงไม่พูดคุยความรู้สึกเช่นนี้กันมากนัก แต่ต้นกับสนมักจะบอกความรู้สึกดีๆ ต่อกันอย่างนี้เสมอ

ต้นหันไปมองเพื่อนด้วยท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใจหนึ่งเขาก็ดีใจ แต่อีกใจมันก็อดเศร้าไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะอย่างไรความสัมพันธ์ของเขากับสนก็คงมาได้แค่นี้ “เราก็เหมือนกัน..." แล้วต้นก็พูดสืบไปว่า "นายไม่ต้องกังวลนะสน ถึงเราจะเป็นอะไร แต่เราก็ไม่ได้...คาดหวังอะไรจากนายมากกว่าความเป็นเพื่อนเลย เราดีใจที่นายยังทำตัวกับเราเหมือนเดิม เราอยากให้นายเป็นแบบนี้แหละ ใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนกับตอนที่นาย...ยังไม่รู้ความจริง”

สนนิ่งเงียบและครุ่นคิด เขามัวแต่ดีใจที่ต้นกลับมาจนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สนเอามือไปโอบไหล่เพื่อนเหมือนกับเป็นการสัญญาว่าเขาก็ยังคงจะเป็นเพื่อนกับต้นตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ว่าต้นจะเป็นอะไรก็ตาม

“ถึงเราจะไม่ชอบ...พวกนั้น...แต่เราจะยกเว้นให้นายคนหนึ่ง” สนบอกจากใจจริง เขาอาจจะเกลียดคนที่มีลักษณะคล้ายกับคนที่เคยทำร้ายเขาตอนเด็กๆ แต่ยังไงสนก็ไม่มีทางที่จะเกลียดต้นได้ ต้นจึงเป็นข้อยกเว้นพิเศษเพียงคนเดียวและคงจะไม่มีใครได้สิ่งนี้จากเขาอีกแล้ว

ต้นเงียบไปสักพักก็ตัดสินใจที่จะบอกสิ่งสำคัญกับสน เป็นเรื่องที่ต้นอยากจะพูดให้เข้าใจ ต้นคิดว่ามันอาจจะเป็นคำถามหรือสิ่งที่สนคิดสงสัยอยู่แล้วก็ได้ “เรา...จะไม่ขออะไรจากนายมากกว่าความเป็นเพื่อนนะสน ไม่ว่าลึกๆ เราจะคิดยังไง ไม่ว่าลึกๆ เราจะรู้สึกยังไง นายไม่ต้องสนใจเรานะ เราไม่คิดจะทำอะไรที่เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนหรอก นายเชื่อใจเราได้ เราอยากให้เรากับนายเป็นแบบนี้แหละ แค่นี้...เราก็ดีใจแล้ว จริงๆ นะ” ต้นเน้นเสียงย้ำในตอนท้าย

สนนิ่งเงียบไปกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง ต้นยังคงเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายกับเขาเสมอมา แม้ว่าต้นจะไม่ได้รักเขาแค่เพื่อนอีกแล้ว แต่ต้นก็ไม่คิดจะเรียกร้องเอาจากเขามากกว่าความเป็นเพื่อน สนสงสารเพื่อนเหลือเกิน ถ้าเขาตอบสนองให้ต้นแบบนั้นได้เขาก็คงทำไปแล้วล่ะ แต่สนคิดว่าเขาเองไม่ได้คิดกับต้นแบบนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่สนจะทำให้เพื่อนได้

แต่ก็แปลกนะ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นรู้ว่ามีผู้ชายด้วยกันมาชอบ เขาก็คงปลีกตัวออกห่างไปแล้ว แต่ทำไมสนถึงไม่ทำอย่างนั้น ตรงกันข้าม พอต้นไม่อยู่เขากลับรู้สึกทรมานราวกับจะขาดใจ พอเห็นแววตาที่เศร้าของต้นแล้วก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

“เอาอีกแล้วเว้ย สองคนนี้ มึงดูสิ” นิกชวนปั้นจั่นดูสิ่งที่เห็นตรงหน้าระหว่างที่เดินมาตามต้นกับสน วันนี้เขาสองคนก็เลิกเรียนค่ำเช่นกันจึงบอกต้นกับสนว่าจะกลับบ้านด้วย

“เอาเหอะ มันรักกันก็ดีแล้ว ดีกว่าให้มันโกรธกัน” ปั้นจั่นบอกพลางยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“สองคนนี้เวลามันอยู่ด้วยกันแล้วมันดูมีความสุขดีนะ” นิกบอกพลางยิ้มด้วยความชื่นชมกับสิ่งที่เห็น

ปั้นจั่นพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเขาสองคนก็เดินเข้าไปหาต้นกับสนเพื่อที่จะกลับบ้านด้วยกัน

-------------------------------------------------------------------------

เที่ยงวันนี้ต้นไม่อยู่ที่มหาลัยเพราะออกไปดูงานข้างนอกกับคณะ สนจึงต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว แต่สนก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนัก บางแวบเขาก็เคยคิดอยากจะมีแฟนเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา อยู่กับต้นก็มีความสุขดี ทำให้ชีวิตสนไม่เคยรู้สึกถึงความเหงา แค่รู้ว่าโลกนี้มีเพื่อนที่ชื่อต้นอยู่ เขาก็ไม่รู้ว่าความเหงาคืออะไร

"ต้น...กินข้าวหรือยัง" สนกรอกเสียงถามไปทางโทรศัพท์มือถือ พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบมาว่ากำลังกินข้าวอยู่คนถามก็ยิ้มพอใจ

"ดีแล้ว กินอะไรล่ะวันนี้ ข้าวมันไก่เหรอ อร่อยสู้ของเราได้หรือเปล่า วันนี้เรากินผัดไทยกุ้งสดด้วยนะ เฮ้ยต้น แค่นี้ก่อนนะ ไอ้ตัวแสบสองตัวมันมาว่ะ ไม่รู้มันนึกยังไงของมันถึงได้มาหาเราวันนี้ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้องมา" สนบ่นพลางค่อยๆ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

"ฝากกระเป๋าด้วยนะเว้ย เดี๋ยวมา" นิกกับปั้นจั่นบอกพลางทิ้งกระเป๋าเป้โครมลงบนเก้าอี้ข้างๆ ที่ว่างอยู่ แล้วก็เดินออกไป ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับอาหารและน้ำดื่ม

"เมื่อกี้โทรหาไอ้ต้นเหรอ แล้วมันจะกลับมากี่โมง" นิกถามขณะนั่งลงพร้อมๆ กับปั้นจั่น

"ต้นจะกลับบ้านเลย ไม่เข้ามานี่แล้ว" สนบอก เห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนสองคนนี้สนก็เริ่มสงสัย

นิกกับปั้นจั่นชวนสนคุยเรื่องอื่นไปก่อนสักพัก จนเห็นว่าได้โอกาสเหมาะจึงเริ่มรุกฆาตสน

"เฮ้ยสน มึงรู้ใช่ปะว่าไอ้ต้นมันคิดยังไงกับมึง" ปั้นจั่นเริ่มแผนเป็นคนแรกตามที่ตกลงกับนิกไว้

ได้ผลทีเดียวเพราะสนถึงกับชะงักไปเลย "อะไรของพวกมึง จะเล่นอะไรกัน" สนไม่ตอบเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจว่าเพื่อนสองคนนี้จะมาไม้ไหนกับเขาอีก

"เออช่างเหอะ มึงไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร แต่มึงก็คงรู้นั่นแหละว่าไอ้ต้นมันคิดอะไรกับมึง...ที่ไม่ใช่แค่เพื่อน" ปั้นจั่นรอดูท่าทีของสน พอเห็นสนเงียบก็เลยพูดสืบไปว่า "แต่พวกกูสองคนก็รู้สึกว่ามึง...น่าจะคิดอะไรบางอย่างกับไอ้ต้นเหมือนกันนะ"

สนถึงกับสำลักอาหาร เขาหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแทบไม่ทัน สีหน้าเขาดูตกใจมากทีเดียวแต่ก็แฝงความไม่พอใจไว้จนพอสังเกตเห็นได้ "มึงพูดอะไรของมึงวะไอ้ปั้นจั่น กูกับต้นเป็นผู้ชายนะเว้ย พูดจาไร้สาระนะมึง"

สนไม่รู้หรอกว่าการปัดป้องของเขายิ่งทำให้เขาดูมีพิรุธมากขึ้น

"มันยุคไหนแล้วไอ้สน สมัยนี้ผู้ชายรักกันก็มีเยอะแยะไป อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคยเห็น" นิกหันมาช่วยอีกแรง

สนเงียบไปอีก แต่สักพักก็เถียงไปว่า "แต่กู...ไม่ได้คิดแบบนั้นกับต้นนะเว้ย ต้นเป็นเพื่อนรักของกู กูรักต้นเพราะต้นเป็นเพื่อนกูแค่นั้นแหละ"

"อ๋อเหรอ...ก็คงงั้น สงสัยพวกกูคิดไปเอง" ปั้นจั่นพูดพร้อมกับหันไปสบตากับนิก

"ถ้างั้น...สมมติว่า...ต้นมันเกิดมีแฟน แล้วแฟนมันเป็นผู้ชาย มึงก็โอเค...ไม่มีปัญหาอะไรใช่ปะ" นิกถามพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

สนขมวดคิ้ว เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าสองคนนี้กำลังเล่นเกมส์อะไรกับเขาอยู่ แต่ดูแล้วคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอน

"เออ..." สนตอบสั้นและห้วน

"จริงเหรอ...กูให้โอกาสมึงทบทวนอีกครั้งดีกว่า มึงคิดยังไงกับต้น...ถ้ามึงยังยืนยันอย่างเดิม อย่ามาเสียใจทีหลังนะเว้ย" ปั้นจั่นยั่ว

สนชักเริ่มหงุดหงิดกับลับลมคมในของเพื่อนสองคน ครั้นจะถามตรงๆ สองคนนี้ก็คงไม่มีทางเฉลยอย่างง่ายๆ แน่ๆ

"กูไม่ได้คิดอะไรกับต้นแบบนั้น จะให้กูตอบกี่ครั้งกูก็ตอบแบบนี้" สนยืนยัน

"ปากแข็งนักนะมึง" ปั้นจั่นพูดพึมพำเบาๆ สนทำหน้าสงสัยที่เห็นปั้นจั่นทำปากขมุบขมิบ

"พวกมึงสองคนจะทำอะไร" ในที่สุดสนก็ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

"เปล่านี่...ก็แค่ถามให้แน่ใจเท่านั้นแหละ พอดีมีเพื่อนรุ่นพี่ของกูคนหนึ่งเขาสนใจไอ้ต้นอยู่ เขาถามว่าต้นมีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มีเขาจะมาจีบ กูก็เลยต้องมาถามมึงก่อน แต่ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับไอ้ต้นมันก็ดีแล้วล่ะ กูก็จะได้บอกพี่คนนั้นให้มาจีบต้นได้เลย อ้อ...เพื่อนรุ่นพี่ของกูคนนั้น...เป็นผู้ชายด้วยนะเว้ย หล่อยังกับมาริโอ้เลยล่ะ เดี๋ยวอีกไม่นานนี้มึงก็จะได้รู้จัก...ในฐานะ...แฟนของเพื่อน" ปั้นจั่นหัวเราะชอบใจ นิกก็หัวเราะตามด้วย

สนไม่รู้หรอกว่าปั้นจั่นพูดจริงหรือแค่แหย่เล่น แต่พอรู้ว่าจะมีผู้ชายมาจีบต้น เขาก็เริ่มกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก แค่ต้นจะเป็นแฟนกับเจนี่ คุยโทรศัพท์กันทุกวัน สนยังทนไม่ไหวเลย นี่ถ้าเกิดมีผู้ชายมาจีบต้นจริงๆ แล้วเกิดต้นชอบผู้ชายคนนั้นขึ้นมาด้วยล่ะ สนนึกไม่ออกเลยว่าพอถึงตอนนั้นแล้วเขาจะรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 01-06-2012 23:28:10
 :z13: :z13:  +1   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 02-06-2012 00:22:38
สองคนนี้มีความผูกพันที่ลึกซึ้ง

ต้นคงต้องเก็บกดความรักนี้ไว้ โดยรู้ว่าสนไม่คิดเหมือนตัวเอง

แต่สนนี่ก็นะเมื่อไหร่จะเลิกทำให้ต้นเสียใจสักที   ทำแต่ละเรื่อง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 02-06-2012 01:11:05
ไอ้โง่สน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-06-2012 11:53:46
รีบๆมาต่อตอนต่อไปไวไวนะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-06-2012 00:45:49
ตอนที่ 19: รักออกแบบได้

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

เช้าวันใหม่ที่สดใสอีกวัน ท้องฟ้าแจ่มใสและมีแดดกำลังดี ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและอยากทำงานไม่น้อย นิกกับปั้นจั่นกำลังสาละวนกับการชงกาแฟและปิ้งขนมปังอยู่ในครัวเพื่อจะกินรองท้องก่อนไปเรียนหนังสือ ไม่นานนักต้นกับสนก็เดินกอดคอกันลงมา นิกกับปั้นจั่นมองด้วยอาการทึ่งนิดๆ ในความสนิทสนมและ "ถึงเนื้อถึงตัว" ของเพื่อนสองคนนี้ แม้จะเห็นบ่อยๆ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ทุกครั้ง

“เดี๋ยวกูจะไปกับต้นก่อนละกัน วันนี้ต้นมีงานแต่เช้า” สนบอกเพื่อนอีกสองคนแล้วหันมาเตือนต้นให้รีบไป

“ไปต้น เดี๋ยวไม่ทัน” สนพูดพลางจูงแขนต้นเดินออกไป นิกกับปั้นจั่นมองตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตา

“มึงเห็นอะไรไหมวะนิก” ปั้นจั่นถามโดยไม่ละสายตา มองต้นและสนที่เดินออกไปด้วยกัน

“เห็นดิ เดี๋ยวนี้สนมันถึงขั้นเดินจูงมือกับต้นเลยเหรอวะ เพื่อนที่ไหนกันวะจูงมือกันแบบนี้”

“ไม่ธรรมดานะสองคนนี้ ต้นมันเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่ไอ้สนนี่สิ กูว่ามันน่าสงสัยจริงๆ ว่ะ แต่มันทำเป็นปากแข็ง”

“แต่บางที ไอ้สนมันก็คงแค่รักเพื่อนมันมั้ง" นิกไม่แน่ใจ บางทีเขาก็ไม่อยากปรักปรำสนเร็วเกินไปจากสิ่งที่เห็น "แต่ทำแบบนี้ไอ้ต้นมันคงคิดเตลิดไปไกลว่ะ สงสารมัน เกิดไอ้สนไม่ได้คิดอะไรมันก็จะเจ็บอีก” นิกครุ่นคิดถึงแผนที่เขากับปั้นจั่นช่วยกันคิด บางทีมันอาจจะช่วยอะไรต้นกับสนให้รู้ใจตัวเองบ้างก็ได้

“ถ้างั้นกูว่าเราเริ่มแผนของเราเร็วๆ ดีกว่า จะได้ช่วยไอ้ต้นมันได้ทันการณ์” ปั้นจั่นเสนอความเห็น

“ก็ดีเหมือนกัน กูละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าไอ้สนมันจะทำหน้ายังไงถ้าเกิดมันรู้ว่ามีผู้ชายมาชอบไอ้ต้น”

“กูว่านะ มันอยู่ไม่สุขแน่ๆ” ปั้นจั่นหัวเราะเบาๆ พยายามจินตนาการถึงสีหน้าของสนเวลาที่หึงต้นขึ้นมา

"ถ้างั้นให้พี่ปิ๊กจัดการวันนี้เลย...ดีไหม"

"ดีๆ กูอยากเห็นเร็วๆ ว่ะ" ปั้นจั่นยิ้มย่อง แค่คิดก็สนุกพิลึกละ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอไปถึงมหาวิทยาลัย นิกกับปั้นจั่นก็ตรงไปหาพี่ปิ๊กทันทีเพื่อให้พี่ปิ๊กซึ่งแอบชอบต้นอยู่ดำเนินการตามแผนได้ แต่นิกกับปั้นจั่นได้กำชับพี่ปิ๊กว่าอย่าบอกใครอีกเป็นอันขาดว่าต้นเป็นเกย์ เพราะที่เขาสองคนเอามาบอกนี้ก็ถือว่าผิดสัญญากับต้นแล้ว แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการช่วยต้นนั่นเอง พี่ปิ๊กก็รับคำเป็นอย่างดี

พี่ปิ๊กเป็นเกย์ที่ดูแมนหน่อย รูปร่างสูงโปร่งและหุ่นดีอย่างกับนายแบบ แต่งตัวเนี้ยบ ผมเผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องแต่งกายอื่นๆ ล้วนแต่ดูดีและแสดงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ติดว่าเขาชอบผู้ชายอย่างเปิดเผย ป่านนี้ก็คงมีสาวๆ มาชอบเยอะแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลงเข้ามาอยู่เรื่อยๆ พอให้พี่ปิ๊กรำคาญเล่นๆ

พอถึงเที่ยง แผนของนิกกับปั้นจั่นก็เริ่มขึ้น นิกกับปั้นจั่นโทรไปบอกต้นว่าจะไปกินข้าวด้วย แล้วจะพาเพื่อนคนหนึ่งซึ่งต้องการเข้าร่วมชมรมของต้นไปให้รู้จัก ต้นก็ไม่ได้ว่าอะไรและยินดีที่จะมีสมาชิกของชมรมเพิ่มขึ้น

พอถึงเวลา นิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กเดินมาหาโต๊ะที่ต้นกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหาร มีข้าววางอยู่ 2 จาน เข้าใจว่าอีกจานหนึ่งน่าจะเป็นของสนซึ่งไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“สนล่ะ” ปั้นจั่นถามแล้วค่อยๆ พากันนั่งลงที่โต๊ะที่ต้นนั่งอยู่

“ไปซื้อน้ำ เดี๋ยวมา” ต้นบอกพลางหันไปมองพี่ปิ๊กซึ่งต้นเดาเอาว่าน่าจะเป็นคนที่ต้องการมาสมัครเข้าชมรมของเขา

“นี่พี่ปิ๊กนะ รุ่นพี่ของพวกกูเอง เขาอยากมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมของมึงน่ะ” นิกบอกเมื่อเห็นต้นมองพี่ปิ๊กอย่างสงสัย

“หวัดดีครับ” ต้นหันไปทักพี่ปิ๊กพลางยิ้มให้

“หวัดดีครับ พี่ปิ๊กได้ยินชื่อน้องต้นมานานแล้วล่ะ เคยเห็นบ่อยๆ พอมาเจอตัวจริงใกล้ๆ ไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้” พี่ปิ๊กชม ต้นยิ้มเขินนิดๆ แม้ว่าปกติเขาไม่ค่อยเขินนักถ้ามีคนมาชมว่าเขาหน้าตาดีเพราะต้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาของคนเท่าไร

“ขอบคุณครับ พี่สนใจจะเข้าชมรมของผมเหรอครับ” ต้นถามพลางยิ้ม

“ครับ พอดีพอมีเวลาว่างอยู่ครับ เผื่อคนอย่างผมจะพอช่วยทำประโยชน์อะไรสังคมได้บ้าง ตอนนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำหรือเปล่า” ปิ๊กพูดไปยิ้มไป แถมยังคอยจ้องหน้าต้นแทบจะไม่กะพริบตา คนอะไรนะ ยิ่งดูยิ่งน่ารัก หน้าต้นจะออกหวานนิดๆ ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะหรือนั่งเฉยๆ ก็ดูดีไปหมด

“อ๋อ...วันอาทิตย์นี้เราจะไปปลูกป่าชายเลนกันครับ ถ้าพี่สมัครวันนี้ก็น่าจะไปได้ทันครับ” ต้นแนะนำ

“ดีเลย งั้นพี่จะไปสมัครวันนี้แหละ แล้วพี่จะเอาใบสมัครได้ที่ไหนล่ะ ต้องมีเอกสารอะไรหรือเปล่า” พี่ปิ๊กถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อ๋อ...ใช้บัตรนักศึกษาอย่างเดียวครับ ส่วนใบสมัครเดี๋ยวไปเอาที่คณะผมได้ครับ วันนี้ผมจะกลับค่ำๆ หน่อย พี่ไปเอาที่ผมได้เลยครับ เดี๋ยวจดเบอร์ให้ เผื่อหาไม่เจอ” ต้นบอกแล้วก็หยิบเอากระดาษกับปากกาจากกระเป๋ามาจดเบอร์โทรศัพท์ให้พี่ปิ๊ก จดเสร็จแล้วก็ส่งให้

"ขอบคุณครับ" พี่ปิ๊กรับกระดาษที่จดเบอร์โทรของต้นไว้ แต่ก็แอบๆ จับมือต้นไปด้วย สายตาเขาเป็นประกายจนต้นรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง

สนกลับมาพอดีพร้อมกับน้ำอัดลมสองแก้ว สนนั่งลงข้างๆ ต้นแล้วก็ส่งแก้วน้ำให้ต้น สายตาเขามองไปที่คนที่มาใหม่ด้วยความสงสัย นิกเหมือนจะรู้ทันก็รีบชิงบอกว่า

“นี่พี่ปิ๊กนะ รุ่นพี่กูเองแหละ พอดีพี่เขาอยากจะมาสมัครเป็นแฟน เอ๊ยไม่ใช่ สมัครเข้าชมรมของต้น ก็เลยพามารู้จักกัน” นิกจงใจแกล้งพูดผิด สนกับต้นก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“อ๋อ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ” สนหันไปพูดกับพี่ปิ๊ก

“เช่นกันครับ เป็นเพื่อนกันเหรอ โห...หล่อทั้งสองคนเลย” พี่ปิ๊กชมพลางใช้สายตามองทั้งต้นและสนด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย

“อ๋อครับ ผมชื่อสนนะครับ เป็นเพื่อนต้นครับ เป็นเพื่อนรักกันด้วยครับ” สนพูดพลางเอามือไปโอบไหล่ต้นไว้ เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้สาเหตุ

นิกเห็นแล้วก็กระซิบเบาๆ กับปั้นจั่นว่า "ไม่ทันไรมันก็หวงก้างซะแล้ว"

“เดี๋ยวพวกกูพาพี่เขาไปซื้อข้าวก่อน เดี๋ยวมานะ” ปั้นจั่นบอก ต้นพยักหน้ารับรู้

พอสามคนนั้นเดินพ้นระยะที่จะได้ยินเสียง สนก็ชวนต้นคุยทันที

“เรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับพี่ปิ๊กเลยว่ะ ท่าทางแปลกๆ แต่งตัวก็ดูเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย ไม่รู้เป็นเกย์หรือเปล่า แต่อย่ามาเกาะแกะกับเราก็แล้วกัน ยิ่งไม่ชอบอยู่ด้วย” สนว่า

ต้นหลบตาต่ำเมื่อเห็นเพื่อนว่าพี่ปิ๊กแบบนั้น เพราะมันก็สะเทือนถึงเขาด้วย ถึงเขาจะไม่ได้แต่งตัวหรือมีท่าทางเหมือนเกย์มากนัก แต่เขาก็เป็นเกย์คนหนึ่งเหมือนกัน พอสนหันมาเห็นเพื่อนก็ทำให้เขารู้ตัวว่าได้เผลอพูดกระทบกระทั่งเพื่อนไปเสียแล้ว

“เฮ้ยต้น เราขอโทษ ต่อไปเราจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว” สนบอกอย่างรู้สึกผิด

ต้นได้แต่ยิ้มนิดๆ แต่ไม่พูดอะไร บางครั้งเขาก็นึกน้อยใจเหมือนกันว่าคนที่เป็นเกย์มักถูกถากถางเหยียดหยามด้วยการกระทำและคำพูดหลายอย่างที่ไม่ยุติธรรมของคนในสังคม ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่ถูกมองเป็นส่วนน้อยและผิดปกติจะทำอะไรไม่ได้มากนัก ได้แต่ก้มหน้ารับกรรมกันต่อไป แต่ก็มีคนที่ทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคมบ้าง

พอนิกกับปั้นจั่นพาพี่ปิ๊กกลับมานั่งกินข้าวด้วย ต้นกับสนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนักเพราะพี่ปิ๊กชวนต้นคุยตลอด สนดูเหมือนจะไม่พอใจนักเพราะลักษณะการพูดหรือสีหน้าท่าทางของพี่ปิ๊กนั้นดูไม่น่าไว้วางใจ สนรู้สึกว่าพี่ปิ๊กให้ความสนใจต้นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาของพี่ปิ๊กที่มองต้นนั้นมีความหมายอะไรบางอย่างที่ที่ทำให้สนไม่ค่อยสบายใจ

------------------------------------------------------------------------------------------------

พอรถบัสมาส่งนักศึกษาถึงที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับนักศึกษาที่จะมาทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนกัน ก่อนที่จะเริ่มปลูกป่าชายเลนนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ให้นักศึกษาทำก่อน พี่ปิ๊กคอยมาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับต้นแทบตลอดเวลาจนต้นเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรบางอย่างกับเขา ที่ผ่านมาต้นไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจีบเลย เคยมีแต่ผู้หญิงมาชอบ เขาก็เลยรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

พอทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์จบ เจ้าหน้าที่ก็มีวิดีโอเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ชายฝั่งให้ดูก่อน พอดูจบแล้วจึงพานักศึกษานั่งเรือออกไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกป่าชายเลน เจ้าหน้าที่เตรียมชุดลุยโคลนให้คนละชุด นักศึกษาที่มาส่วนมากจะแต่งชุดที่ไม่หวงมากเพราะถ้าลุยโคลนแล้วอาจจะไม่สามารถนำกลับมาใส่ได้อีก ทุกคนต้องสวมถุงเท้ายาวถึงเข่าเพื่อไม่ให้เปลือกหอยบาดขา ใส่หมวกกันแดด รวมทั้งจะต้องมีอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวและสบู่ติดมาด้วยเพื่อจะได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายหลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว

แน่นอนไม่ว่าต้นจะทำกิจกรรมอะไร พี่ปิ๊กก็จะคอยมาอยู่ใกล้ๆ โดยมีนิกกับปั้นจั่นคอยกันสนไม่ให้ได้อยู่ใกล้กับต้น แต่ก็อยู่ในระยะที่พอมองเห็นได้ ทำให้สนรู้สึกหงุดหงิดมากพอสมควรเพราะเขาแทบจะไม่ได้คุยหรืออยู่ใกล้กับต้นเลย จะช่วยต้นทำอะไรพี่ปิ๊กก็มาคอยกันตลอด

ในขณะที่นักศึกษากำลังช่วยกันปลูกป่าชายเลนอยู่นั้น สนก็คอยหันไปมองต้นและพี่ปิ๊กบ่อยๆ ส่วนนิกกับปั้นจั่นก็คอยเติมเชื้อไฟอยู่ตลอด

“กูว่าพี่ปิ๊กเขาต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ เลยว่ะ” ปั้นจั่นเริ่มก่อน

สนหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาฉงน “มึงพูดอะไรของมึงวะ”

“อ้าว!!! มึงไม่รู้หรือไง พี่ปิ๊กก็ออกจะเปิดเผยขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเกย์ ดูสิ ตามต้นไม่ห่างเลย แสดงว่าต้องคิดอะไรกับต้นแน่ๆ ว่าไหม” ปั้นจั่นหันไปยิ้มมีเลศนัยกับนิก ปลาเริ่มจะกินเหยื่อแล้ว

“หมายความว่าไง” สนถามเสียงห้วน

“โห...กูก็บอกซะขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีก กูหมายความว่าพี่ปิ๊กต้องชอบไอ้ต้นแน่ๆ ชอบ...ที่แปลว่าอยากเป็นแฟน เข้าใจไหม มึงดูสิ พี่ปิ๊กตามคอยดูแลต้นไม่ห่างขนาดนั้น ถ้าใครดูไม่ออกว่าพี่ปิ๊กชอบต้นก็โง่แล้ว” ปั้นจั่นพูดพลางคอยลอบสังเกตอาการของสนที่ไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ออกเดินทางจากกรุงเทพแล้ว อยากปากแข็งดีนัก จะแกล้งซะให้เข็ดเลย

“พวกมึงจะบ้าหรือไง ผู้ชายกับผู้ชายมันจะชอบกันได้ยังไงวะ” สนแย้ง เขายังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าพี่ปิ๊กจะชอบต้นจริงๆ

ปั้นจั่นเดินมาใกล้ๆ สนแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “มึงลืมไปหรือไงว่าไอ้ต้นมันเป็นเกย์ เกย์ก็ต้องชอบผู้ชายด้วยกัน ถ้าชอบผู้หญิงสิถึงจะเรียกว่าเแปลก”

สนนิ่งเงียบและเริ่มคิดตาม แต่สุดท้ายก็หันมาสนใจการปลูกป่าชายเลนต่อเพราะไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ยังคงแอบมองต้นบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง มีอยู่ตอนหนึ่งที่สนหันไปเห็นพี่ปิ๊กเอาน้ำบรรจุในแก้วพลาสติกมาให้ต้น พี่ปิ๊กเอาหลอดเจาะกระแทกฝาก่อนที่จะส่งให้ต้น แต่ต้นมือเปื้อนอยู่จึงจับหลอดไม่ได้ พี่ปิ๊กเลยถือแก้วให้ต้นดูดกินน้ำแทน

“ไอ้ต้นมันคงจะมีแฟนก็คราวนี้แหละเว้ย” นิกแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพอให้สนได้ยิน สนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดและไม่ค่อยพูดค่อยจามากขึ้น เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นพี่ปิ๊กมาเอาใจต้นแบบนั้น แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบพี่ปิ๊กมากยิ่งขึ้นที่มาแย่งหน้าที่เขาทำไปจนหมด

พอพักเที่ยง นักศึกษาก็เริ่มทยอยกันขึ้นมากินข้าวกล่องที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ สนเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่แจกกล่องข้าวให้เพื่อนๆ ด้วย พอหมดแล้วเขาก็ถือกล่องข้าวเดินไปตามหาต้นเพื่อจะไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ก็เห็นต้นนั่งกินข้าวอยู่กับพี่ปิ๊ก สนยืนเคว้งไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จะเข้าไปหาเพื่อนก็รู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจเพราะดูเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนเกิน แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินไปหาต้นพร้อมกับแผนอะไรบางอย่าง ต้นกับพี่ปิ๊กหันมายิ้มเมื่อเห็นสนเดินมา

“ไอ้นิกกับปั้นจั่นเรียกให้พี่ไปหาครับ” สนบอกพี่ปิ๊กพลางพยักพเยิดไปทางที่นิกกับปั้นจั่นนั่งกินข้าวกันอยู่ พี่ปิ๊กมองตามพลางทำหน้าสงสัย

“เหรอครับ เดี๋ยวพี่มานะต้น พี่ฝากกล่องข้าวด้วยเดี๋ยวพี่มากินต่อ” พี่ปิ๊กบอกพลางส่งกล่องข้าวให้ต้น ต้นรับมาแล้วก็หาที่วางไว้ข้างๆ ตัว

พอพี่ปิ๊กไป สนก็มานั่งข้างๆ ต้นแทน “เป็นไงต้น เหนื่อยหรือเปล่า” สนยิ้มดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใกล้ต้นเสียที ไอ้สองคนนั้นมันต้องวางแผนแกล้งอะไรเขาแน่ๆ เลย พอจะเข้าใกล้ต้นทีไรก็จะถูกพวกมันกีดกันตลอด

ต้นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก สนุกดี เราชอบ พี่ปิ๊กแกก็ช่วยดีนะ แต่คุยเก่งชะมัดเลย เราคุยแทบไม่ทันแน่ะ” ต้นพูดพลางขำ

สนเริ่มนิ่วหน้าเมื่อเห็นเพื่อนเอ่ยถึงพี่คนนั้นซึ่งเขาชักเริ่มจะไม่ชอบหน้ามากขึ้นทุกทีๆ “ดูเหมือนต้นจะชอบพี่เขามากนะ” สนพูดเหมือนแค่นเสียง

ต้นหันมามองเพื่อนด้วยความแปลกใจกับวิธีการพูดแบบนั้นซึ่งต้นมักไม่ค่อยเห็นสนทำเท่าไรนัก “อ๋อ...พี่เขาก็อัธยาศัยดีนะ เราว่าพี่เขาเต็มที่ดี ขนาดงานแรกนะเนี่ย เปื้อนแค่ไหนพี่เขาก็ไม่บ่นสักคำ”

น้ำเสียงและสีหน้าชื่นชมนั้นทำให้สนหน้าเสียไปเหมือนกัน “เหรอ...เขามาคุยอะไรกับนายมั่งล่ะ” สนซักด้วยความอยากรู้ นึกถึงหน้าไอ้หมอนั่นทีไรสนก็รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ

“ก็หลายเรื่อง ส่วนมากก็คุยเรื่องเรียน แล้วพี่เขาก็ถามว่าชมรมของเราทำงานอาสาสมัครอะไรบ้าง หาเงินยังไง ทำกิจกรรมบ่อยไหม อะไรทำนองนี้แหละ” ต้นบอก ในใจก็สงสัยเหมือนกันว่าสนทำไมถึงอยากรู้ว่าพี่ปิ๊กมาคุยอะไรกับเขาบ้าง

“เหรอ แล้ว...” สนหยุดคิด เขาอยากจะถามต้นว่าชอบพี่ปิ๊กหรือเปล่าแต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไรดี

“อะไรเหรอ” ต้นสงสัย

“อ๋อ... เปล่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวดีกว่า” สนบอกพลางหันมาตักข้าวใส่ปากกิน แต่ต้นก็รู้สึกได้ว่าสนดูแปลกๆ ไป

ยังไม่ทันไรพี่ปิ๊กก็เดินกลับมาเพราะจริงๆ แล้วนิกกับปั้นจั่นไม่ได้เรียกให้ไปหาเลย ต้นแปลกใจจึงร้องถาม

“อ้าวพี่ คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ เห็นเพิ่งไปเมื่อกี้เอง”

“สองคนนั้นเขาบอกว่าไม่ได้เรียกพี่นี่นา” พี่ปิ๊กร้องตอบ ต้นจึงหันมามองสนอย่างสงสัย สนหน้าถอดสีทันทีเพราะที่เขาบอกอย่างนั้นเพียงแค่ต้องการให้พี่ปิ๊กไปที่อื่น แล้วเขาจะได้มานั่งกินข้าวกับเพื่อนนั่นเอง

“อ้าว แล้วเมื่อกี้นายบอกพี่เขาไม่ใช่เหรอว่าไอ้สองคนนั้นเรียกพี่เขา” ต้นหันมาถามสนด้วยสีหน้างงๆ

สนทำหน้าเลิ่กลั่ก พยายามคิดหาทางแก้ตัว พี่ปิ๊กก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน “อ๋อ...พอดีได้ยินผมได้ยินพวกมันพูดถึงพี่ครับ สงสัยว่าผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ว่าพวกมันอยากคุยด้วย โทษทีครับ” สนแก้ตัวโดยที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลหรือไม่

“อ๋อ...เหรอ...” พี่ปิ๊กร้องอ๋อเบาๆ แม้ว่าจะสงสัยแต่ก็ไม่คิดว่ามีประโยชน์ที่จะถามอะไรต่อ เขายืนหันรีหันขวางเพราะสนมานั่งแทนที่เขาเสียแล้ว ต้นเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จะบอกให้เพื่อนไปก็คงไม่ได้ จะให้พี่ปิ๊กมานั่งกินข้าวด้วยก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ ต้นพอจับความรู้สึกได้ว่าสนไม่ค่อยชอบพี่ปิ๊กเท่าไรนัก ต้นสังเกตเห็นตั้งแต่วันแรกที่พี่ปิ๊กมานั่งกินข้าวเที่ยงด้วยเมื่อวันนั้นแล้ว

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปกินกับสองคนนั้นก็ได้ ต้นคุยกับเพื่อนเถอะ” พี่ปิ๊กว่าพลางเดินไปหยิบกล่องข้าวของตนเองแล้วก็เดินจากไป เห็นสายตาของสนที่มองเขาแล้วพี่ปิ๊กก็รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรทันที พอพี่ปิ๊กไปแล้ว สีหน้าของสนจึงกลับมายิ้มแย้มตามเดิม

"อิ่มหรือเปล่าต้น เดี๋ยวเราไปเอามาให้อีก เอาไหม" สนอยากเอาใจเพื่อนบ้างหลังจากที่ปล่อยให้พี่ปิ๊กดูแลต้นแทนเขาอยู่เกือบทั้งวัน

"ไม่ดีกว่า เอาไว้ให้คนอื่นๆ กินเผื่อใครไม่อิ่ม เรากินแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ" ต้นบอก เขาอยากจะถามอะไรสนบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พฤติกรรมของสนเมื่อสักครู่นี้ดูแปลกๆ ชอบกล ทำไมสนต้องโกหกพี่ปิ๊กแบบนั้น...ปกติสนก็ไม่เคยมีนิสัยชอบโกหกนี่นา

"แล้วนายได้น้ำหรือยังล่ะ เอ...ยังไม่เห็นมีนี่นา รออยู่นี่นะ เดี๋ยวเราไปเอามาให้" สนบอกพลางลุกขึ้น เหมือนจะนึกอะไรได้ ก่อนเดินออกไปสนหันมากำชับต้นว่า "ห้ามให้ใครมานั่งแทนที่เรานะต้น"

ต้นเลิกคิ้วและมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย สนดูแปลกไปจริงๆ ต้นพยายามนึกว่าเคยเห็นสนเป็นแบบนี้ตอนไหนบ้าง ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าต้นจะเคยเห็นสนเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน

สนเหมือนกลัวว่าต้นจะถามอะไรก็เลยรีบวิ่งออกไปก่อน สักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่มสองขวดพร้อมกับยิ้มแฉ่งมาแต่ไกลเชียว

"น้ำเกือบหมดแน่ะ ดีนะที่เราไปทัน" สนส่งขวดน้ำให้แล้วก็นั่งลงที่เดิมข้างๆ ต้น เนื้อตัวพวกเขาแต่ละคนดูมอมแมมไปบ้างแต่ก็ไม่สำคัญอะไรนัก มาปลูกป่าชายเลนก็คงต้องเปื้อนบ้างเป็นธรรมดา

ต้นรับน้ำมาแล้วก็ยิ้ม พอนั่งทบทวนไปสักพักต้นก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าสนคงจะหวงเขานั่นเอง สนเคยเป็นแบบนี้อยู่บ้างเวลาที่มีคนอื่นๆ มาสนิทกับต้น ตอนแรกต้นก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสนเป็นอะไร แต่เมื่อสังเกตดูอาการดีๆ ก็จะพบว่าสนกลัวต้นจะสนิทกับคนอื่นจนลืมเขานั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วต้นก็อดขำในใจไม่ได้

"ตอนขากลับ ให้เรานั่งกับนายนะ อย่าให้คนอื่นมานั่งล่ะ" อยู่ดีๆ สนก็โพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาหลังจากที่กลับมากินข้าวต่อได้สักพัก เล่นเอาต้นนึกไม่ถึงเหมือนกัน

ต้นพยักหน้าตกลงอย่างงงๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ต้นก็อยากนั่งคุยกับสนเหมือนกัน วันนี้เขาคุยกับคนอื่นมาทั้งวันแล้ว อยากคุยกับสนบ้าง อยู่กับสนแล้วต้นก็มีความสุขดี

"อ้อ...แล้วก็ตอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นายก็ต้องไปกับเรานะ"

"มีอะไรหรือเปล่าสน" ต้นถามด้วยความสงสัย

สนเริ่มอึกอักและครุ่นคิดหาเหตุผลที่เขาคิดว่าจะพออธิบายให้ต้นเข้าใจได้ "ก็...ไอ้สองคนนั้นมันบอกว่า...พี่ปิ๊กกำลังจีบนายอยู่ เราก็เลยไม่อยากให้นายไปกับเขา เกิดเขาทำอะไรนายขึ้นมาล่ะ นายจะสู้เขาไหวหรือเปล่า เขาตัวโตกว่านายนะ"

"อ๋อ..." ต้นลากเสียงยาว เขาไม่แปลกใจนักที่สนบอกว่าพี่ปิ๊กกำลังจีบเขาอยู่ ต้นรู้สึกได้อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ต้นแปลกใจมากกว่าก็คือสิ่งที่สนกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ต่างหาก

"เราเป็นห่วงนายนะต้น นายยังไม่รู้จักเขาดีพอ อย่าเพิ่งไปไว้ใจเขานะ"

"เฮ้ย ยังหรอก เรายังไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาเลย อีกอย่าง...มีคนตั้งเยอะตั้งแยะ เขาไม่กล้าทำอะไรเราหรอก" ต้นรีบแย้งก่อนที่สนจะกังวลไปกันใหญ่

"ก็นั่นแหละ นายรับปากเราก่อนสิว่าตอนไปอาบน้ำนายจะไปกับเรา ไม่ไปกับเขา"

"อือๆ" เห็นสนดึงดันจะให้เขารับปากให้ได้ต้นก็เลยต้องยอม แต่ก็แอบดีใจที่สนเป็นห่วงเขามากขนาดนี้

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว นักศึกษาก็กลับลงมาปลูกป่ากันต่อ นิกกับปั้นจั่นเรียกสนให้ไปช่วยอีกเช่นเดิมตามแผนที่วางไว้ สนจำใจต้องไปเพราะไอ้สองคนนั้นเป็นคนจัดการเรื่องแบ่งกลุ่ม แล้วยังไงไม่รู้เขาก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับต้น ส่วนพี่ปิ๊กก็ยังคงเวียนอยู่ใกล้ๆ ต้นไม่ห่างเหมือนตอนเช้า ทำให้สนเกิดอาการ "เซ็ง" อย่างรุนแรงจนแทบไม่อยากจะทำอะไร ปลูกป่าไปหงุดหงิดไป เขาไม่รู้หรอกว่ามีนิกกับปั้นจั่นคอยสังเกตพฤติกรรมเขาอยู่ตลอดเวลา

พอปลูกเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้นักศึกษาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีห้องสำหรับอาบน้ำแยกชายหญิงไว้อยู่จำนวนหนึ่ง นักศึกษาที่มาเป็นอาสาสมัครจึงต่างทยอยแยกย้ายกันไปอาบน้ำ ในฐานะที่เป็นผู้นำ ต้นจึงต้องเสียสละให้คนอื่นๆ อาบก่อนแล้วเขาค่อยอาบเป็นคนสุดท้าย ช่วงที่รอต้นก็มานั่งคุยกันกับเพื่อนๆ ที่เหลือ แน่นอนพี่ปิ๊กก็มานั่งด้วย ส่วนสนนั้นก็นั่งคุยกันอยู่อีกกลุ่มไม่ไกลนัก แต่ก็คอยแอบชำเลืองมองต้นโดยตลอด

"ไปกันเถอะต้น เขาอาบกันหมดแล้ว" พี่ปิ๊กเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นว่าจำนวนคนที่ไปอาบน้ำเริ่มซาลง

สนที่คอยจับตาดูอยู่ก็รีบเดินมาหาต้นทันที "ต้น ไปกับเรา"

สนจับมือต้นแล้วก็หันไปขึงตาใส่พี่ปิ๊ก ถึงจะเป็นรุ่นพี่แต่พี่ปิ๊กก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถสู้แรงสนได้แน่ๆ ดูท่าทางสนจะดุและหวงเพื่อนเอาเรื่องทีเดียว แน่นอนเขาคงไม่กล้าไปต่อล้อต่อเถียงอะไรด้วย จึงได้แต่ปล่อยให้ต้นเดินตามสนไป

"เราบอกนายแล้วใช่ไหมต้นว่าให้มากับเรา" น้ำเสียงของสนฟังดูไม่พอใจจนสัมผัสได้

"เราขอโทษ แต่เรายังไม่ได้ตกลงกับพี่เขาเลยนะ" ต้นแก้ตัว เห็นสนไม่พอใจแล้วต้นก็หน้าเสีย ตั้งแต่คบกันมาสนยังไม่เคยดุต้นแบบนี้เลย

สนดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่ควรดุต้นเพราะต้นเป็นคนถูกชวน ไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีเสียหน่อย "ขอโทษต้น" สนปล่อยมือเพื่อนออกหลังจากที่รู้ตัวว่าเขาจูงมือต้นอยู่ จะว่าไปแล้วสนก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่เขาช่างหงุดหงิดกับเรื่องนี้ได้มากถึงขนาดนี้

"เราเป็นห่วงนายมากไปหน่อย" สนเสียงอ่อย

"ไม่เป็นไร เรารู้" ต้นค่อยๆ ยิ้ม สนจึงค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง

"ไปกันเถอะ จะได้กลับถึงกรุงเทพไวๆ" ต้นเตือนแล้วก็ออกเดินนำ

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว คนที่ตามติดต้นแจก็กลายเป็นสนแทนเสียอย่างนั้น สนคอยช่วยต้นเช็คความเรียบร้อยต่างๆ ก่อนกลับ คอยช่วยตามและดูนักศึกษาจนมั่นใจว่าขึ้นรถครบกันหมดทุกคนแล้ว สนจึงพาต้นขึ้นไปนั่งบนรถ แน่นอนว่าด้วยวิธีนี้ยังไงสนก็ต้องได้นั่งกับต้นอยู่แล้ว

นิกกับปั้นจั่นที่นั่งอยู่บนรถอยู่แล้วเฝ้าคอยสังเกตสนอยู่ตลอด ดูเหมือนสองคนนี้จะเริ่มมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่เห็น แต่ก็นั่นแหละ สนคงไม่ยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก

"มึงดูนะนิก ไอ้คนปากแข็ง เห็นไหมว่ามันหวงไอ้ต้นสุดฤทธิ์เลย แต่พอถามก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไร" ปั่นจั่นเหน็บแนมพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

"สงสัยต้องเล่นให้หนักกว่าเดิม เอาให้มันคลั่งไปเลยดีไหม" นิกชักนึกสนุก

"เฮ้ยๆ มึงต้องถามพี่ปิ๊กด้วยนะเว้ยว่าเขาสนุกกับมึงไหม เห็นไหมพี่เขานั่งหน้าจ๋อยอยู่" ปั้นจั่นปราม

นิกหันไปมองตามก็เห็นพี่ปิ๊กนั่งอยู่หลังสุดกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เขาคงไม่ค่อยรู้จัก หน้าตาเขาดูเศร้าๆ อยู่เหมือนกันตั้งแต่สนเริ่มมากันต้นออกไป แต่ปิ๊กก็คงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ก็คงจะยอมแพ้ไม่ได้ เขามีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่างที่คงจะทำให้ต้นชอบเขาได้ไม่ยากนัก แต่วันนี้คงต้องยอมสนไปก่อน ตอนนี้มีนิกกับปั้นจั่นคอยร่วมมือกับเขาอยู่แล้วก็น่าจะช่วยทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ปิ๊กคิดจะง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า เขาประเมินความผูกพันของต้นกับสนน้อยเกินไปไหม เดี๋ยวก็จะได้รู้กัน...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2012 07:21:28
รอจ้ารอๆ :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 03-06-2012 07:48:57

ได้อ่านก่อนไปเรียน  :mc4: :mc4:

สนหึงต้นน่ารักอะ

แล้วเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองเนี่ย หืมม ?

รอวันที่ทั้งสองจะรักกันสักที อิอิ

สนรู้ใจตัวเองไวไวแล้วก็รีบรุกต้นเลยนร๊าา เดี๋ยวคนอื่นเขาคาบไปแดกแล้วจะเสียใจไม่รู้ตัวว

 :m14: :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 03-06-2012 09:56:41
อยากลองให้พี่ปิ๊กรุกหนักๆเลย
เอาให้สนคลั่งเลยอะ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 03-06-2012 10:20:07
นิกกับปั้นจั่น  นายเยี่ยมยอดมาก o13 คอยช่วยเหลือต้น 

พี่ปิ๊กรุกให้หนักเลยนะค่ะ  สมน้ำหน้าสนหวงอยู่ได้ แต่ก็ไม่ยอมรับ  :a14:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 03-06-2012 11:54:57
มาต่อสองตอนเลย ยาว ๆ ซะด้วย ><

รอครับ

 :z2:  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 03-06-2012 14:57:24
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 18 ¤ ผิดไปแล้ว (1-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 03-06-2012 15:19:26
ความรู้สึกของสน อาการหวงเพื่อน กับ หึงนี่ มันห่างกันแค่เส้นบางๆกั้นจริงๆ
คงต้องมีตัวเร่งปฏิกิริยาอย่างที่นิกกับปั้นจั่นบอก
ช่วงนี้ต้น Hot อ่ะ ใครๆก็มาชอบ ดีจัง

เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ
รอติดตามเวอร์ชั่นลงใหม่นี้นะคะ
 :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 04-06-2012 02:01:00
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 04-06-2012 07:43:35
สนนายเสร็จต้นแน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2012 10:24:55
รอตอนต่อไปค่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 19 ¤ รักออกแบบได้ (03-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-06-2012 12:51:12
ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ชอบมากๆ สนค่อยๆ สงสัยตัวเองมากขึ้นและเริ่มคิดหาคำตอบ
จะรู้ใจตัวเองไหม...ก็น่าจะรู้ (มั้ง)
แต่เรื่องก็จะยังดำเนินไปเหมือนกับที่เคยเขียนอยู่ประมาณหนึ่งครับ
ที่อยากจะลองเขียนก็คือ "ฉากรัก" ครับ จะได้เห็นฉากรักที่ดุเด็ดเผ็ดมันขึ้น (make love นะ บ่อไจ้ have sex)
แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้  :z1:

ป.ล.
ชอบรูปต้นกับสนที่เพิ่งเอามาลงใหม่มาก เห็นแล้วเพ้อเลย (เป็นเองซะงั้น)  :-[
หล่อชะมัดเลย

------------------------------------------------------

ตอนที่ 20: คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

รถบัสพานักศึกษากลับมาถึงที่มหาวิทยาลัยราวๆ สามทุ่ม เช่นเคย ต้นต้องอยู่คอยจัดการให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ กลับบ้านกันหมดก่อน มีสนคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ เรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้พี่ปิ๊กเข้าใกล้ต้นได้เลย

เมื่อเสร็จธุระและเตรียมตัวจะกลับบ้านก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดข้างๆ พี่ปิ๊กนั่นเอง มาพร้อมกับนิกและปั้นจั่น เขาอาสาจะไปส่งทุกคนที่บ้าน พี่ปิ๊กลดกระจกลงและบอกให้ต้นกับสนขึ้นมาบนรถ

"ต้น สน กลับด้วยกันนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

ต้นหันไปมองหน้าเพื่อนรัก เห็นเขาทำสีหน้าบึ้งๆ แล้วต้นก็ไม่กล้าตอบรับพี่ปิ๊ก แต่นิกกับปั้นจั่นไม่รอช้า รีบลงมาจัดการทันที

"เฮ้ยต้นเร็วๆ เดี่ยวจะดึก เหนื่อยจะตายอยู่แล้วจะเดินกลับทำไม" ปั้นจั่นว่าพลางเดินมารุนหลังกึ่งผลักต้นให้เข้าไปนั่งในรถข้างหน้าคู่กับพี่ปิ๊ก

"อ้าวสน เร็วๆ สิ จะเดินกลับคนเดียวหรือไง" นิกหันมาถามสนที่ยังยืนนิ่งหน้าบึ้งอยู่ "ตามใจเว้ย ไม่ไปก็อย่าไป" นิกว่าพลางโคลงศีรษะแล้วก็เข้าไปนั่งในรถ

"ไม่ไปแน่นะ เดี๋ยวกูยุให้พี่ปิ๊กพาต้นไปเที่ยวต่อซะเลยนี่" ปั้นจั่นขู่พลางยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็ตามนิกเข้าไปนั่งข้างในรถ คราวนี้ได้ผลเพราะสนรีบตามเข้ามานั่งในรถด้วยทันที แต่สนก็เงียบไปตลอดทางจนต้นสงสัยและต้องคอยชำเลืองมองอยู่เรื่อยๆ

"ต้นนี่เก่งนะครับ ทำชมรมใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วย" พี่ปิ๊กหันมาชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้น

"ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ ถ้าไม่ได้คนอื่นๆ ในชมรมช่วยกันผมก็ทำไม่ได้เหมือนกันครับ"

"แหม...ถ่อมตัวเสียด้วย จะน่ารักไปถึงไหน น่ารักแบบนี้มีคนมาชอบเยอะหรือเปล่าครับ"

"เคยมีสาวมาชอบด้วยครับพี่ หลายคนด้วย แต่ต้นมันไม่ชอบ" เสียงของนิกตอบมาจากทางด้านหลังแทนคนถูกถาม

"แล้วนอกจากสาวๆ แล้วมีหนุ่มๆ มาชอบบ้างหรือเปล่าล่ะ"

คำถามนี้ของพี่ปิ๊กเล่นเอานิกกับปั้นจั่นหัวเราะชอบใจกันใหญ่

"ยังไม่เคยเห็นนะพี่ แต่คิดว่า...ไม่นานนี้จะได้เห็นแล้วล่ะครับ" ปั้นจั่นตอบ พอชำเลืองไปดูสนก็เห็นว่ายังนั่งเงียบและหน้าบึ้งอยู่เช่นเดิม ส่วนต้นก็ทำหน้าไม่ถูก จะขำก็ไม่กล้าขำ จะทำเฉยก็กลัวเสียบรรยากาศ อาการแบบนั้นของสนทำให้ต้นไปไม่เป็นเลย

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้าน พี่ปิ๊กบอกให้ต้นนั่งรออยู่ในรถก่อนแล้วเขาก็ลงจากรถวิ่งมาเปิดประตูให้ ต้นหันไปสบตากับสนที่เพิ่งลงมายืนนิ่งและหน้าบึ้งอยู่ก่อนแล้ว เห็นสนไม่พอใจแบบนั้นต้นก็ได้แต่หลบตาแล้วก็ลงมาจากรถ พอทุกคนลงจากรถหมดแล้วพี่ปิ๊กก็เสนอว่า

“อยู่ใกล้ๆ แถวนี้นี่เอง เดี๋ยวไว้วันหลังพี่มารับดีไหม จะได้ไม่ต้องเดินไปมหาลัยให้เหนื่อย”

“ไม่เป็นไรครับพี่ เกรงใจ พวกเราเดินไปได้ครับ ไม่ไกลมาก ได้ออกกำลังกายด้วย” ต้นรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนพี่ปิ๊ก อีกอย่างก็เกรงใจสนด้วย ดูท่าทางจะไม่ชอบพี่ปิ๊กเอามากๆ

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกต้น พี่ขับผ่านแถวนี้ทุกวันเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับละกัน ไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน” พี่ปิ๊กไม่รอว่าต้นจะตอบตกลงหรือไม่ เขาขึ้นรถ ปิดประตูแล้วก็ขับออกไปทันที

“อ้าว...ไปซะละ เฮ้ยนิกมึงโทรไปบอกพี่เขาหน่อยสิว่าไม่ต้องมารับหรอก เกรงใจ” ต้นหันไปขอร้องเพื่อน แต่มีหรือที่นิกจะยอมเสียแผนที่วางเอาไว้

“ให้เขามารับเถอะ เขาไม่ลำบากอะไรหรอก พี่ปิ๊กแกใจดี แกไม่คิดอะไรหรอก เข้าบ้านเถอะ เหนื่อยจะแย่แล้ว อยากอาบน้ำ เหนียวตัว” นิกตัดบทแล้วก็เดินนำเพื่อนๆ เข้าไปในบ้าน ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนอีก สำหรับเด็กๆ แล้ว พวกเขายังมีพลังอีกมาก การได้ใช้พลังทำสิ่งที่สร้างสรรค์ถือเป็นการใช้พลังให้เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่ง

------------------------------------------------------

สนอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลังเลใจว่าจะไปห้องต้นดีหรือเปล่า วันนี้เขารู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลยที่พี่ปิ๊กตามต้นแจและคอยดูแลไม่ห่าง ช่วงที่ต้นกับเจนี่สนิทกันนั้นเขายังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไร แต่พอเห็นผู้ชายมาจีบต้น คอยดูแลต้น เขากลับรู้สึกกระวนกระวายจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร คนที่จะดูแลต้นควรต้องเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นและเขาก็พร้อมที่จะทำอย่างนั้นจนชั่วชีวิต พอเห็นคนอื่นมาทำหน้าที่นั้นแทนแล้วสนก็รู้สึกเหมือนเขาหมดความสำคัญกับต้นไป

ที่น่าสงสัยก็คือ...นิกกับปั้นจั่นก็พลอยรู้เห็นเป็นใจไปด้วย เขาเริ่มผิดสังเกตว่าสองคนนี้คอยยัดเยียดให้ต้นอยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลา นี่ถ้าเกิดต้นเป็นแฟนกับพี่ปิ๊กจริงๆ ล่ะ เขาจะยอมให้ต้นไปเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ได้ไหม เขาเคยได้ยินว่าคนที่เป็นเกย์มักไม่ค่อยมีรักแท้ ถ้าเกิดต้นถูกหลอกขึ้นมา ต้นจะเป็นอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ สนจึงรุดไปห้องปั้นจั่นทันทีแทนที่จะไปห้องต้น สนเคาะประตูสักพักปั้นจั่นก็เปิดประตูออกมาดู

“อ้าวสน มีอะไรเหรอ เข้ามาสิ” ปั้นจั่นบอก สนเดินตามเข้าไป ปั้นจั่นนั่งบนเตียงของเขาแต่สนยืนกอดอก

“กูรู้สึกว่าพวงมึงเชียร์พี่ปิ๊กให้ต้นจนออกหน้าออกตา กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอวะ” สนเริ่มเรื่องด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

"เปล่านี่ ก็แค่พี่ปิ๊กเขาชอบต้นแค่นั้นเอง กูก็แค่พาเขามารู้จักกัน แล้วทำไมล่ะ มึงจะมาเดือดร้อนทำไม เขาไม่ได้ชอบมึงเสียหน่อย" ปั้นจั่นย้อน

"ทำไมจะไม่เดือดร้อนล่ะ ถ้าเกิดเขาไม่ได้รักต้นจริงๆ แค่มาจีบเล่นๆ ต้นมันจะเป็นไง"

“อ้าว มึงจะรู้ได้ยังไง เขาอาจจะชอบไอ้ต้นจริงๆ ก็ได้ ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก คนเรามีความรักก็ต้องมีอกหักบ้างเป็นธรรมดา ต้นมันก็จะได้เรียนรู้” ปั้นจั่นแย้ง

“มึงพูดอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย ต้นยังไม่เคยมีความรัก ถ้าผิดหวังขึ้นมา ต้นอาจจะเสียคนไปเลยก็ได้ พวกมึงต้องรับผิดชอบนะเว้ย” สนเถียง

“มึงรู้ได้ไงว่าไอ้ต้นไม่เคยมีความรัก มันก็รักมึงอยู่นี่ไง แล้วมันก็ผิดหวังมาตั้งนานแล้วด้วย ก็ไม่เห็นมันเป็นอะไรนี่” ปั้นจั่นเถียงคืน ได้ผลทีเดียว สิ่งที่ปั้นจั่นพูดเสียดแทงใจดำสนจนเขาต้องนิ่งไป

“มึงก็ไม่ได้รักมันแบบนั้นแล้วมึงจะหวงมันไว้ทำไมวะ ให้มันมีความสุขบ้างสิ มึงได้ความรักจากมันมาเยอะแล้ว ให้มันแบ่งให้คนอื่นบ้าง” ปั้นจั่นไม่ลดละ สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สอง

“ต้นอยู่กับกู เป็นเพื่อนกันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว พวกมึงกำลังหาเหามาใส่หัวต้นรู้ไหม” แม้ว่าจะเถียงไม่ค่อยออกแต่สนก็ยังไม่จนมุมเสียทีเดียว

“ความสุขแบบเพื่อนน่ะกูไม่เถียงหรอก มึงให้มันได้มากกว่าใครๆ ในโลกนี้ทั้งนั้นแหละ แต่ไอ้ต้นมันก็มีหัวใจนะเว้ย มันก็คงอยากมีความสุขกับความรักอย่างอื่นบ้าง มึงก็อยากมี กูก็อยากมี แล้วทำไมไอ้ต้นจะไม่อยากมีล่ะ มึงอย่าเห็นแก่ตัวสิวะ ปล่อยให้ไอ้ต้นมันมีความสุขบ้าง มันก็คงอยากมีแฟนเหมือนที่มึงเคยมีนั่นแหละ ถ้ามึงให้มันได้แค่เพื่อน มึงก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นที่เขาให้ไอ้ต้นได้มากกว่านั้น” ปั้นจั่นพูดเน้นย้ำประโยคท้ายๆ และทำให้สนต้องสะอึกเป็นรอบที่สาม

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าหมอนั่นมันทำให้ต้นเจ็บขึ้นมา พวกมึงต้องรับผิดชอบ กูรักต้นแค่ไหนมึงก็รู้ ถ้าต้นเจ็บเพราะพวกมึง อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะเว้ย” สนขู่

เห็นปั้นจั่นทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเขาก็ยิ่งหงุดหงิด สนจึงเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขารู้และเข้าใจในสิ่งที่ปั้นจั่นพูดมาทั้งหมด แต่เขากลับไม่สามารถทำใจได้ที่จะเห็นมีคนมาดูแลต้นแทนเขา เขาอยู่กับต้นมานาน ผูกพันกันมาเป็นสิบๆ ปี ดูแลกันมาตลอด แล้วจู่ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้จะมาแย่งเอาความรักที่ต้นเคยมีให้เขาไป

หรือว่า...เขาควรต้องปล่อยเพื่อนให้มีความสุขอย่างที่ปั้นจั่นมันว่า แล้วต้นล่ะ สนตระหนักดีแก่ใจว่าต้นรักเขามาก ต้นยังจะมีหัวใจไปรักคนอื่นอีกหรือ พอคิดมาถึงตรงนี้สนก็เริ่มกังวล เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้ที่ไม่ยอมปล่อยต้นให้พ้นจากพันธนาการนี้ในขณะที่เขาเองก็ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ต้นต้องการได้

ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ความคิดเริ่มตีกันในหัว จนสนเริ่มจะทนไม่ไหว เขาจึงลุกออกไปจากห้องแล้วไปเคาะประตูห้องต้น นานพอสมควรกว่าต้นจะลุกมาเปิดประตูเพราะต้นเพลียมากและหลับไปสักพักแล้ว

“อ้าวสน มีอะไรหรือเปล่า” ต้นถามด้วยอาการงัวเงีย พอสนเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกผิดที่มากวนเพื่อนตอนนอน

“โทษทีต้นเรานึกว่านายยังไม่นอน” สนบอกเสียงอ่อย เขาลังเลว่าจะเข้าไปคุยกับเพื่อนหรือว่าควรจะปล่อยให้เพื่อนนอนดี

“นายมีอะไรจะคุยหรือเปล่าล่ะ” ต้นถามพลางหาว

“เอ่อ...คือ ...ไม่มีอะไรหรอก นายนอนเถอะเดี๋ยวเราก็จะนอนเหมือนกัน ฝันดีนะเพื่อน” สนเปลี่ยนใจในที่สุด

เขาค่อยๆ ปิดประตูให้ต้นแล้วก็กลับมาที่ห้องของตนเอง นอนกระสับกระส่ายอยู่นานและคิดกังวลถึงสิ่งที่ปั้นจั่นพูดจนหลับไปในที่สุด

------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนเช้าพี่ปิ๊กก็มารับจริงๆ เสียด้วย ต้นไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเพราะพี่ปิ๊กอุตส่าห์มารับถึงที่ จึงต้องยอมไปโดยมีนิกกับปั้นจั่นไปด้วย แต่สนปฏิเสธท่าเดียว เขารู้สึกอึดอัดจนเกินกว่าที่จะทนนั่งไปด้วยได้

พอถึงวันเสาร์ พี่ปิ๊กก็ชวนต้นไปดูหนัง ต้นก็ตอบตกลงไปเพราะนิกกับปั้นจั่นคอยคะยั้นคะยอจนเขาต้องยอมตกลงในที่สุด นิกกับปั้นจั่นชวนสนให้ไปด้วย แต่ก็เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกันกับการชวนคนที่ดื้อเงียบแบบสน

"เฮ้ยไอ้สน กูอยากให้มึงไปว่ะ มึงจะได้เห็นกับตาไงว่าพี่ปิ๊กเขาชอบต้นจริงหรือเปล่า มึงจะได้สบายใจไง ถ้าเกิดเขาชอบต้นจริง ดูแลต้นได้ ทำให้ต้นมีความสุขได้ มึงก็น่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ มึงไม่อยากเห็นเพื่อนรักของมึงมีความสุขหรือไงวะ"

สิ่งที่ปั้นจั่นพูดกระแทกใจของสนอย่างจัง เขาก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ต้นจะมีแฟนและมีความสุข แล้วนี่เขาเป็นอะไรของเขาถึงได้มีความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ บางทีสนก็รู้สึกเหมือนเขากำลังหวงหรือหึงต้นอยู่ เขารู้สึกแบบนี้ได้ยังไงกัน

"นะ...ไปดูหนังด้วยกันเถอะ ไปดูให้เห็นกับตาเลย ถ้าเกิดพี่ปิ๊กเขาไม่ดีจริงมึงก็จะได้ช่วยต้นได้ทัน แต่ถ้าเขาดีจริง มึงก็จะได้สบายใจไง" นิกช่วยเสริมอีกคน

สนก็ยังคงเงียบและครุ่นคิดอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะหนักใจมากทีเดียว

"คิดอะไรมากวะไอ้สน กับไอ้แค่เพื่อนจะมีแฟนนี่มันทำให้มึงเครียดขนาดนี้เลยเหรอวะ ใครๆ เขาก็มีแฟนกันเยอะแยะ เพื่อนกูก็มีแฟนกันหลายคน ไอ้นิกเองมันจีบสาวไปทั่ว กูยังไม่เห็นเป็นไรเลย"

"อ้าว...ไอ้นี่ มึงก็จีบไปทั่วเหมือนกันแหละ ว่าแต่กู" นิกใช้สิทธิ์ที่ถูกพาดพิง ปั้นจั่นหันไปหัวเราะแหะๆ กับเพื่อนแล้วก็หันมาจัดการสนต่อ

"หรือว่ามึง...หึงไอ้ต้นเหรอ"

สนตกตะลึงตาโตกับสิ่งที่ปั้นจั่นพูดเพราะมันตรงกับสิ่งที่เขากำลังสงสัยอยู่พอดี "พูดบ้าอะไรของมึง หึงเหิงอะไร กูก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเท่านั้นแหละ กูไม่อยากให้ต้นมันถูกหลอก ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะเว้ย" สนปฏิเสธเป็นพัลวันอย่างไม่พอใจ

"ปากแข็งจริงๆ นะไอ้นี่" ปั้นจั่นหันไปพูดกับนิกเบาๆ

"เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูด ตกลงมึงจะไปหรือเปล่า แต่กูแนะนำว่ามึงควรไป ถ้ามึงเป็นห่วงต้นจริงมึงต้องไปดูให้เห็นกับตา แค่นี้แหละ กูขี้เกียจพูดกับมึงละ ดื้อชิบเป๋งเลย" ปั่นจั่นว่าแล้วก็ชวนนิกออกมาจากห้องของสน

------------------------------------------------------------

พอมาถึงโรงหนังในห้างแห่งหนึ่งแล้ว นิกกับปั้นจั่นก็เจ้ากี้เจ้าการอีก ปั้นจั่นเป็นคนไปซื้อตั๋วที่นั่งและจัดการให้ตั๋วที่นั่งตามที่ได้วางแผนไว้ จากนั้นก็หันไปสั่งต้นว่า

“ต้น...มึงซื้อของกินกับพี่เขาไปก่อนละกัน เดี๋ยวพวกกูเข้าไปก่อน ไปสน” ปั้นจั่นบอกพลางรุนหลังให้สนเดินเข้าไปในโรงหนัง สนเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ แต่เขาก็ต้องไปเพราะถึงอยู่ตรงนี้เขาก็คงเป็นส่วนเกินของต้นกับพี่ปิ๊ก ต้นก็ได้แต่มองตามอย่างงงๆ พอเข้ามาในโรงหนังและหาที่นั่งได้แล้ว สนก็นั่งลงที่นั่งด้านขวาถัดจากที่นิกกับปั้นจั่นนั่งอยู่ นิกรีบร้องห้ามทันที

“เฮ้ยไอ้สน มึงนั่งตรงนั้นทำไมวะ ตรงนั้นเป็นที่นั่งของพี่ปิ๊ก เขาจะนั่งกับต้น เขาชอบกันอยู่ก็ให้เขานั่งด้วยกันสิ มานั่งตรงนี้ ที่นั่งมึงอยู่นี่ มึงดูเลขที่นั่งของมึงก่อนสิ อย่ามั่วดิ” นิกบอกพลางชี้มาที่นั่งทางด้านซ้ายถัดจากปั้นจั่น

“อะไรวะ” สนสบถอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ลุกไปโดยดี ความจริงสนก็คิดอยู่นานกว่าจะยอมมา แต่ที่ปั่นจั่นพูดมันก็ถูก เขาควรจะมาดูให้เห็นกับตาว่าพี่ปิ๊กรักและจริงจังกับต้นมากแค่ไหน แล้วเขาก็จะได้ตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไง

สักพักต้นกับพี่ปิ๊กก็หอบของกินพะรุงพะรังเข้ามา ต้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มีใครอยู่ช่วยถือของด้วยเลย และเมื่อรู้ว่าที่นั่งของเขากับพี่ปิ๊กติดกันด้วยแล้วต้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขารู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้อยู่ใกล้ๆ กับพี่ปิ๊กตลอดเวลายังไงไม่รู้ เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว สนเองก็ดูหน้าบึ้งๆ มาหลายวันเช่นกัน

พอนั่งลง ต้นพยายามหันไปมองสนเป็นระยะๆ สนหันมามองบ้างแล้วก็หันกลับไปตามเดิมโดยไม่พูดอะไร พอนั่งแล้วพี่ปิ๊กกับต้นก็ส่งของกินให้คนอื่นๆ สนรับป๊อปคอร์นมาแต่ก็ไม่ยอมแตะแม้แต่คำเดียว

"ต้นชอบกินแบบเค็มหรือแบบหวานล่ะ" พี่ปิ๊กถาม

"อ๋อ...ชอบแบบหวานครับ"

"ดีจัง ชอบเหมือนกันเลย พี่ก็ชอบกินแบบหวาน ใส่เนย หอมดี" พี่ปิ๊กบอกพลางหยิบป๊อบคอร์นใส่ปาก "แล้วต้นมาดูหนังบ่อยหรือเปล่า พี่มาดูเกือบทุกอาทิตย์แน่ะ มาดูกับเพื่อนบ้าง กับที่บ้านบ้าง"

"ไม่ค่อยได้ดูหรอกครับ ส่วนมากวันหยุดผมจะมีกิจกรรมที่ชมรม แต่ถ้าวันไหนไม่มีกิจกรรมก็จะอยู่บ้านหรือไม่ก็กลับบ้านที่นครปฐมครับ"

"ต้นเป็นเด็กนครปฐมเหรอเนี่ย ไว้วันหลังพาพี่ไปเที่ยวบ้านต้นบ้างสิ เดี๋ยวพี่ขับรถให้" พี่ปิ๊กทำน้ำเสียงตื่นเต้น

สนหันขวับมามองแทบจะทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ต้นก็หันไปมองทางสนเช่นกัน เห็นสนทำหน้าบึ้งๆ แล้วต้นก็รู้สึกแหยงๆ ไม่รู้ว่าจะตอบพี่ปิ๊กอย่างไรดี สักพักสนก็หันกลับไปตามเดิมเหมือนกับจะรู้ตัวว่าเขาไม่ควรยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป

"เอ่อ...มันไกลนะพี่ แถวบ้านผมก็ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวหรอกครับ มีแต่เรือกสวนไร่นาแล้วก็คลองส่งน้ำ พี่ปิ๊กอาจจะไม่ชอบก็ได้ครับ"

"ใครว่าล่ะ พี่ก็ชอบที่ที่มันสงบๆ เหมือนกันนะ หรือว่าต้นมีอะไรหรือเปล่าถึงไม่อยากให้พี่ไป"

"เปล่าครับ" ต้นรีบปฏิเสธ "แค่เดาเอาว่าพี่คงไม่ค่อยชอบเที่ยวแบบบ้านๆ"

"ใครว่าล่ะ พี่เที่ยวได้หมดแหละไม่ว่าจะในเมืองหรือต่างจังหวัด นะต้น ถ้าวันไหนต้นจะกลับบ้าน โทรมาบอกพี่ เดี๋ยวพี่ไปด้วย พานิกกับปัันจั่นไปด้วย อ้อ...สนจะไปด้วยกันหรือเปล่า"

สนยังนั่งเงียบเหมือนคิดอะไรอยู่จนปั้นจั่นต้องสะกิด "ได้ยินไหมว่าพี่เขาถาม"

สนสะดุ้งเล็กน้อย "อะไร"

"พี่ปิ๊กเขาบอกว่าวันไหนต้นกลับบ้านที่นครปฐม พี่เขาจะไปส่ง พากูสองคนไปด้วย มึงจะไปด้วยไหม" ปั้นจั่นทวนเรื่องให้

"ไม่ไป" สนตอบเสียงห้วนเบาๆ

"เออ...ก็แค่นั้นแหละ" แล้วปั้นจั่นก็หันไปบอกพี่ปิ๊ก "มันไม่ไปหรอกพี่ ให้มันไปเองเถอะ"

บรรยากาศชักเริ่มจะกร่อยๆ เพราะสนทำหน้าบึ้งๆ จนทุกคนรู้สึกได้ ทางที่ดีจึงต้องหยุดคุยกันแล้วหันไปสนใจกับหนังที่กำลังจะฉายในไม่ช้านี้

เนื่องจากหนังที่ดูเป็นหนังตลก จึงมีเสียงหัวเราะสนุกสนานอยู่เกือบตลอดเวลา พี่ปิ๊กดูไป ชวนต้นคุยไป หัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน แต่สนกลับหน้าบึ้งมากขึ้นทุกทีๆ จนในที่สุดสนก็เริ่มทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่เขาบอกตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะทำใจและยอมปล่อยให้เพื่อนได้มีความรักอย่างที่ต้องการบ้าง แต่พอเห็นต้นกับพี่ปิ๊กมีความสุขอยู่ด้วยกัน เขากลับรู้สึกอิจฉาจนทำใจไม่ได้ สนลุกขึ้นยืน ส่งป๊อปคอร์นให้ปั้นจั่น ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

“อ้าว จะไปไหนวะ ไปห้องน้ำเหรอ” ปั้นจั่นถามด้วยความสงสัย

“ไม่ดูแล้ว ไม่ชอบหนังตลกไร้สาระ” สนพูดพลางหันไปมองพี่ปิ๊กตรงประโยคท้ายๆ เล่นเอาพี่ปิ๊กถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว แล้วสนก็เดินออกไปจากโรงหนังโดยไม่ฟังเสียงเรียกของใคร

"อะไรของมันวะไอ้นี่" ปั้นจั่นบ่นเบาๆ พลางส่ายหน้า

พอต้นเห็นเพื่อนเดินออกไปอย่างนั้นก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะเขาห่วงใยความรู้สึกของสนมาก คงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้สนไม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นสนไม่ทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้แน่ๆ คิดอยู่ไม่นานนักต้นจึงลุกขึ้นบ้าง

“ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ ผมจะไปดูสนหน่อย ไม่รู้สนเป็นไร” ต้นหันไปบอกพี่ปิ๊ก ก่อนจะเดินออกไปต้นก็หันไปบอกนิกกับปั้นจั่นด้วย “ไปก่อนนะ ไม่ต้องรอ” แล้วต้นก็ผลุนออกไปโดยไม่ฟังเสียงอีกสามคนที่เรียกตามอีกเช่นกัน

“เอาไงล่ะพี่” นิกหันไปถามพี่ปิ๊กเมื่อต้นออกไปแล้ว

“ไม่เป็นไร พี่ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” พี่ปิ๊กบอก แต่สีหน้าก็กังวลอย่างเห็นได้ชัด

----------------------------------------------------------------------------------------------

“สน...รอด้วยสิ” ต้นส่งเสียงเรียกขณะที่สนกำลังเดินลงบันไดเลื่อนลงไปข้างล่าง สนหันมามอง พอเห็นว่าต้นตามเขามาก็ดูเหมือนสนจะดีใจอยู่ในทีแต่ก็ไม่แสดงออกมาก พอบันไดเลื่อนลงไปจนสุด เขาก็ยืนรอต้น จนกระทั่งต้นลงมาถึงที่เขายืนรออยู่

“ทำไมไม่อยู่ดูหนังกับพี่เขาล่ะ” สนถามเสียงห้วน

ต้นหน้าเสียเล็กน้อยที่สนทำเสียงดุๆ อีกแล้ว "ก็เราเป็นห่วงนาย" ต้นพูดเสียงอ่อย "ทำไมนายต้องดุเราด้วยล่ะสน" ต้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นั่นแหละจึงทำให้สนได้สติ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสนไม่เคยทำน้ำเสียงแบบนี้กับต้นเลย แต่ช่วงหลังๆ มานี้เหมือนเขาจะหลุดบ่อย

"ขอโทษต้น เราอารมณ์ไม่ค่อยดีไปหน่อย" สนหน้าเจื่อนด้วยความรู้สึกผิด เห็นต้นหน้าจ๋อยแบบนั้นเขาก็สงสาร ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะเขาคงจะต้องกอดต้นเพื่อปลอบใจแน่ๆ เลย

"ไปกินไอติมกันไหม"

สนเลิกคิ้วอย่างงงๆ ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

"ไม่อยากกินเหรอ แล้วนายอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยววันนี้เราเลี้ยงเอง" ต้นคิดว่าถ้าเขาได้อยู่กับสนตามลำพังสองต่อสองบ้างคงจะทำให้สนอารมณ์ดีขึ้นได้ เขาไม่อยากให้สนเป็นแบบนี้นานนักเพราะต้นเองก็พลอยจะไม่สบายใจไปด้วย

"กินไอติมก็ได้" สนยิ้มเล็กน้อย

ต้นจึงยิ้มบ้าง แล้วต่างคนต่างก็ยิ้มกว้างให้กันในที่สุด สนอยากจะบอกต้นเหลือเกินว่า "นายคือความสุขของเรา" ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ไม่ว่าจะคบกันมานานแค่ไหน ต้นก็ยังคงเป็นความสุขของสนเสมอ และก็คงจะไม่แปลกที่สนก็เป็นความสุขของต้นเช่นเดียวกัน

พอมาถึงร้านไอศครีม ต้นกับสนก็เลือกโต๊ะกลมตัวหนึ่งซึ่งมีเก้าอี้สองตัวอยู่มุมร้าน พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูมาให้เลือก พอเลือกเสร็จแล้วจึงได้เริ่มคุยกัน

“นายรู้ใช่ไหมว่าพี่ปิ๊กเขาตามจีบนายอยู่” สนถามตรงประเด็น ต้นขำนิดๆ

“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”

“ก็...ใช่ เราคิดว่าเขาจีบนายอยู่ แล้ว...นายรู้ใช่ไหมว่าเขาเป็น...เป็นเกย์” 

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“นายชอบเขาหรือเปล่าล่ะ” สนถามอีก

ต้นถอนหายใจ จริงๆ มันก็เป็นคำถามที่สนไม่น่าจะถามด้วยซ้ำ “นายคิดยังไงล่ะ” ต้นไม่ตอบแต่ถามกลับ

สนนิ่งเงียบไปสักพัก “อืม...ไม่รู้สิ เราก็เห็นนายก็คุยกับพี่เขาดีนะ” สนบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

“สน...เราอยู่กับนายมากี่ปีแล้วล่ะ” 

สนนับนิ้ว “ปีนี้ปีที่ 11 แล้ว”

“นายคิดว่าเราคบกันมานานหรือเปล่า”

“ใช่...ก็นาน”

“แล้วนายคิดว่าเราผูกพันกันมากแค่ไหนล่ะ”

สนหยุดคิดก่อนตอบว่า “มาก...มากจนนายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ถ้าขาดไปชีวิตเราคงแย่แน่ๆ”

“แล้วนายคิดว่าเราจะรักคนอื่นได้ง่ายๆ เหรอ”

สนนิ่งอึ้ง เขาลืมคิดไปว่าความผูกพันที่ยาวนานเช่นนั้นคงทำให้ต้นยากที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ไปได้ง่ายๆ เขาเองก็เหมือนกัน แต่สนก็พอใจที่จะอยู่กับพันธนาการนี้กับเพื่อนที่เขารักและผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต

แล้วเขาเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่าที่จะผูกมัดต้นไว้กับเขาแบบนี้ ทำไมเขาไม่พยายามทำให้ต้นรักใครสักคนที่มันน่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่จะรักเขาล่ะ ทำไมเขาไม่พยายามเลย นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่ เขารักต้นแบบไหนกันแน่ บางครั้งความผูกพันที่ยาวนานเกินไปก็ทำให้สนแยกไม่ออกว่าแบบไหนคือรักเพื่อน แบบไหนคือรักแฟน ยิ่งต่างคนต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ มันก็ยิ่งยากสำหรับสนเข้าไปใหญ่

เมื่อพนักงานนำไอศครีมมาเสิร์ฟ ความสนใจของทั้งสองคนจึงไปอยู่ที่ของกินแทน แต่สนก็ยังคงคิดถึงประโยคที่ต้นบอกเขาเมื่อสักครู่นี้อยู่ตลอดเวลา สนเริ่มสับสนตัวเองแล้วว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป เขาสงสารต้นถ้าหากชีวิตของต้นจะต้องติดกับพันธนาการความรักนี้ไปตลอดชีวิต

สนเริ่มคิดถึงคำพูดของปั้นจั่นที่บอกให้เขาปล่อยต้นให้เป็นอิสระ ให้ต้นมีความสุขกับชีวิตที่ต้นต้องการถ้าเขาไม่สามารถตอบสนองได้ หรือว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ต้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักนี้? เขาจะต้องทำอย่างนั้นใช่ไหม? แต่ทำไมมันยากสำหรับเขาเหลือเกินที่จะคิดและทำแบบนั้น

"ต้น" สนเรียกเบาๆ หลังจากที่เงียบไปนาน ต้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย

"นายอยากมีแฟนไหม" สนตัดสินใจถามออกไป

"อะไร...นายถามอะไรของนาย" ต้นเริ่มงง

"ก็...นายก็อยู่แบบนี้มานานแล้ว ไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอ"

"อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว" ต้นตอบสั้นๆ เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเอง ในเมื่อตอนนี้เขายังจัดการความรู้สึกที่มีต่อสนไม่ได้เลย เขาจะไปรักใครคนอื่นให้ยุ่งยากอีกทำไม

"นาย...ไม่อยากมีความสุขบ้างเหรอ"

ต้นครุ่นคิด เขาไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า "แล้วนายล่ะ...ตั้งแต่เลิกกับก้อยคราวนั้นเราก็ไม่เห็นนายมีใครอีกเลยนะ นายไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ"

คราวนี้คนที่เริ่มเรื่องกลับอึ้งเสียเอง เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่คิดอยากจะมีใครอีกเลยทั้งๆ ที่ก็มีสาวๆ หลายคนมาชอบ แต่สนก็แค่คุยเล่นๆ ทำไมเขาไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งนี้ไปทั้งๆ ที่สนเองก็คิดว่าเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง

"ไม่รู้สิ...แต่บางครั้งเราก็คิดว่า...คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายจนๆ อย่างเราหรอก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ ตอนนี้เราก็เลยสนใจเรื่องเรียนอย่างเดียวมากกว่า ให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เรายังไม่อยากมีใคร ไม่อยากให้นายลำบากใจด้วย เดี๋ยวเรามีแฟนแล้วจะทำให้นายกังวลว่าเราจะเรียนไม่จบ" สนบอกพลางขำในตอนท้าย

"เราเคยบอกนายแล้วนี่สนว่าไม่ต้องกังวลกับเราเรื่องนี้ ถ้าเจอคนที่ใช่นายก็รักเขาไปเถอะ เรารู้ว่านายโตแล้ว ไม่เสียการเรียนหรอก"

ดูเอาสิ ขนาดต้นรักเขาแค่ไหนต้นยังใจกว้างเลย แต่ทำไมสนถึงได้หวงเพื่อนเวลาที่จะมีใครสักคนมาจีบเพื่อน สงสัย...เขาก็คงต้องหัดใจกว้างเหมือนต้นบ้าง

"อืม...อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันเลย ถ้าถึงเวลาจะมีมันก็คงมาเองนั่นแหละ" แล้วสนก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมมากขึ้นเหมือนกับเตรียมตัวที่จะพูดอะไรบางอย่างที่สำคัญ

"ต้น...ถ้าพี่ปิ๊กเขาชอบนายจริงๆ ถ้าเขาเป็นคนดี นายลองเปิดใจให้เขาดูบ้างก็ได้นะ เผื่อว่า..." เอาล่ะสิ สุดท้ายสนก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

"เราจะพยายามละกันนะ" ต้นดูเหมือนจะเดาออกว่าสนอยากพูดอะไร ใจหนึ่งก็เจ็บเหมือนกันแต่ต้นก็โกรธเพื่อนไม่ลงหรอกที่ผลักใสให้เขาไปรักคนอื่น ต้นรู้ว่าสนเองก็เป็นห่วงเขา เมื่อสนรักเขาแบบนั้นไม่ได้ สนก็คงไม่อยากให้ต้นเป็นทุกข์กับความรักที่ไม่สมหวังแบบนี้ตลอดไป

"แต่เรา...อยากจะบอกนายอย่างหนึ่งนะว่า...การที่เราได้รักใครสักคนจริงๆ จากใจของเรา จากความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ แม้มันจะไม่สมหวัง แต่มันก็มีความสุขมากกว่าที่จะพยายามรักใครสักคนที่เราไม่ได้รักนะ"

"ต้น..." สนครางเสียงแหบแห้งด้วยความสงสารเพื่อนอย่างจับจิตจับใจ เขารู้ได้ไม่ยากเลยว่าต้นกำลังบอกอะไรเขาอยู่ มันทำให้สนต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า...เขาจะรักผู้ชายคนหนึ่งที่แสนดีอย่างต้นได้ไหม มันยากเกินไปหรือเปล่า หรือเขาควรจะปล่อยให้ต้นไม่สมหวังอยู่แบบนี้ต่อไป หรือว่าอันที่จริง...สนก็รักต้นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว???
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 04-06-2012 13:09:15
บีบคั้นหัวใจ สะเทือนอารมณ์ แลัเสียน้ำตา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 04-06-2012 14:57:16
ถ้าสนปล่อยต้นไป คำว่า โคตรโง่ คงธรรมดาสำหรับสน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 04-06-2012 15:54:19


สนนี้เนอะ -_-

แอบกรี๊ดด ตอนที่จะมีฉากบนเตียงดุเดือดเผ็ดมันส์กันด้วย ? อาจจะใสๆเนอะ ไม่รู้อ่า

อยากอ่านไวไว 5555

แบบสนหมั่นไส้ต้น เกิดอาการแปลก ลากต้นขึ้นห้อง แล้วทำการปล่อยพลังแสง บลาๆ <มันมาพล่ามอะไร?>


รอฉาก ฉึก ฉึกๆ อย่างใจจดใจจ่อ จ่ออยู่กับฉาก NC 5555 <ปกติเป็นผู้หญิงที่เซ้นซิถีบมาก> แต่สำหรับเรื่องนี้

อยากรู้นัก ว่าคนไม่ประสีประสาสองคนเค้าจะฉึกๆ กันยังไง อร๊ายย พูดอะไรออกไป

555 + 1 ค่ะ


พล่ามมาพอล่ะ เมื่อไหร่คุณสนจะรู้ใจตัวเองสักทีค่ะ รู้เมื่อไหร่ก็รีบจัดการซะ คุณพี่...จะคาบน้องต้นไปเคี้ยวแล้วค่ะ

คุณสนอย่ามัวแต่เคี้ยวเอื้อง มันขั๊ดจายยยย !!!!!

 :laugh5: :laugh5: :laugh5: :laugh5:


ปล. เพิ่งเห็นว่ารูปที่ลงใหม่เนี่ย อิมเมจต้น กับ สน แก้ม ป่องๆ บวมๆ ยุ้ยๆ น่ารักเหมือนกันเลยอะ อย่างนี้สิเค้าเรียกว่าเนื้อคู่

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 04-06-2012 16:54:15
ขัดใจสนอะไรของเธอเนี่ย
ต้นเอ้ยไม่รู้จะว่ายังไงก็รักเค้าอ่ะนะ
สนนนนย๊ากกกกก :z6:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 04-06-2012 17:49:47
เข้าใจฐานะทางบ้านสนดี ตอนเด็ก ๆ คงไม่ได้กินแบรนด์ 555

โตแล้ว ถ้ามีตัง ก็ซื้อมากินบ้างนะ ปวดตับแทน คิดน๊านนาน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 04-06-2012 18:03:18
ยิ่งอ่าน  ยิ่งรักต้น คนอะไรดีได้ขนาด!!!!!!!
อยาำกได้ๆๆๆๆๆๆๆ :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 04-06-2012 18:28:44
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 04-06-2012 22:44:09
 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-06-2012 22:56:35
ชอบเรื่องนี้  ชอบพี่นัทด้วย  น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 05-06-2012 10:19:01
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารต้น  :sad4:   แต่ยิ่งหมั่นไส้สน  :m16:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 20 ¤ คนขี้หึงและเห็นแก่ตัว (04-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-06-2012 23:35:48
ตอนนี้ไม่ยาวมากนะครับ แต่ขอยกทั้งตอนให้กับต้นและสนอย่างเต็มที่
เป็นความห่วงใยกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ความผูกพันและความรักแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แล้วค่อยกลับมาดราม่ากันต่อ  :m20:

-----------------------------------------------------

ตอนที่ 21: นี่แหละความรักของต้น

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

เช้าวันหยุดสบายๆ อีกวัน สนหอบตะกร้าผ้าลงมาซักที่เครื่องซักผ้าหลังบ้านแต่เช้า วันนี้เขาต้องไปทำงานที่ร้านอาหารจึงจำเป็นต้องตื่นแต่เช้าหน่อย พอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเขาถึงจะออกไปทำงาน

พอซัก ปั่นแห้งและตากเสื้อผ้าเสร็จแล้วสนจึงถือตะกร้าเอาขึ้นไปเก็บบนห้อง ก็สวนกับต้นที่ถือตะกร้าผ้าลงมาเช่นกัน สนยิ้ม วางตะกร้าผ้าของตัวเองลงแล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปช่วยต้นถือตะกร้าผ้าลงมา

"มา...ให้เราช่วยดีกว่า"

ต้นส่งตะกร้าผ้าให้สนแต่โดยดี รู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกันที่เห็นสนเปลือยอกใส่แต่บ็อกเซอร์อย่างเดียวแม้ว่าจะเห็นบ่อยแล้วก็ตาม แต่ต้นก็รู้ว่่าสนก็ใส่กางเกงในด้วยเพราะสนไม่ชอบใส่บ็อกเซอร์อย่างเดียว มันโล่งเกินไป

สนกุลีกุจอเอาถือตะกร้าผ้าไปที่เครื่องซักผ้า ต้นเดินตามมาติดๆ

"พอแล้ว เดี๋ยวเราทำเอง" ต้นบอก สนจึงวางตะกร้าผ้าลงข้างๆ เครื่องซักผ้าให้ ต้นจัดแจงหยิบเสื้อผ้าใส่ลงในเครื่อง ในขณะนั้นก็ชวนสนคุยไปด้วย

"วันนี้นายไปทำงานที่ร้านหรือเปล่า"

"อืม...เสียดายเหมือนกัน วันนี้มีงานสัปดาห์หนังสือด้วย เราว่าจะไปซื้อหนังสือคอมพิวเตอร์ซะหน่อย" สนบอกพลางช่วยหยิบน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้ต้น

"ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวันนี่ อ๋อ...หรือว่าพร่งนี้นายก็ต้องไปทำงานด้วย"

"อืม...แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะไปดีไหม แต่หยุดบ่อยๆ ก็ไม่ดี" แม้จะพูดเรื่องเครียด แต่สีหน้าสนกลับดูยิ้มๆ อยู่ตลอด ก็ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นหน้าหวานๆ แก้มใสๆ ของต้นแล้วก็ทำให้สนเพลิดเพลินใจดีเหมือนกัน

"เอางี้ไหมล่ะ นายจดชื่อหนังสือมาเดี๋ยวเราไปซื้อให้ก็ได้"

"อย่าดีกว่าต้น เรามีแต่แบบว่าอยากได้หนังสืออะไร ถ้าจะซื้อจริงๆ เราต้องไปเดินดูเองอยู่ดี สงสัยเราคงจะต้องขอหยุดอีกซักวัน" สนถอนหายใจ

"ก็ลองคิดดูก่อนละกัน แต่นาย...อย่าทำงานหนักเกินไปนะ ไหนจะงานที่ร้าน ไหนจะเรียนหนังสือ แล้วยังรับงานเขียนเว็บข้างนอกมาทำอีก เดี๋ยวนายจะไม่ไหวนะ"

เห็นต้นเป็นห่วงแล้วสนก็รู้สึกอุ่นใจ แต่เขาจำเป็นต้องทำเพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนของเขาค่อนข้างเยอะ สนสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องไปหาเงินมาให้เขาเรียนหนังสือ ตอนนี้เงินหมุนไม่ทันจนต้องไปกู้เขามาอีกแล้ว ทำให้สนชักใจคอไม่ค่อยดีเพราะบ้านที่จังหวัดน่านของเขาถูกยึดไปก็เพราะแบบนี้ เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีก

"ค่าใช้จ่ายเราเยอะน่ะต้น เราสงสารพ่อกับแม่ด้วย เราก็ต้องหาช่วยอีกแรง ไม่เป็นไรหรอก อีกแค่ปีกว่าก็จะจบแล้ว ทนอีกหน่อย" สนยิ้มเศร้าๆ "นายจะกินอะไรไหม เดี๋ยวเราออกไปซื้อให้ ไม่ต้องไปรอไอ้สองคนนั้นหรอก สงสัยวันนี้คงจะตื่นสาย เมื่อคืนคงจะกลับจากเที่ยวดึก"

"ก็ดีเหมือนกัน ชักหิวละ เดี๋ยวเราไปด้วยละกัน"

สนพยักหน้า

พอออกมาซื้ออาหารเช้าด้วยกัน ต้นก็แปลกใจที่สนไม่ยอมซื้ออะไรเลย พอถามสนก็ตอบว่า

"เรากินแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก อ้อ...ซื้อโจ๊กหมูใส่ไข่ไปฝากสองตัวนั่นด้วยดีไหม"

"ได้...ว่าแต่นายไม่กินจริงเหรอ" ต้นสงสัย เขาคิดว่าสนน่าจะยังไม่ออกมาซื้ออะไรเข้าไปกินก่อนที่เขาจะลงมาซักผ้า ในครัวตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว แล้วสนกินอะไรตอนไหนล่ะ

"อืม"

แต่ต้นก็รู้สึกว่าสนสีหน้าเศร้าๆ ชอบกล อย่างไรก็ตาม ต้นก็ไม่เซ้าซี้เพราะสนไม่ชอบคนเซ้าซี้ ถ้าต้นอยากรู้จริงๆ ต้นก็ต้องใช้วิธีอื่นหรือไม่ก็คอยสังเกตเอา ให้ต้นประเมินคร่าวๆ แล้วท่าทางแบบนี้น่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างที่อ่อนไหวที่สนไม่อยากให้เขารู้ ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงิน

กลับมาถึงบ้านพักสนก็ขอตัวออกไปทำงาน นิกกับปั้นจั่นยังนอนสลบอยู่ทั้งสองคน ต้นจึงกินข้าวเช้าคนเดียวโดยไม่รอ เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยตอนที่เอาถุงพลาสติกที่ใส่อาหารไปทิ้งในถังขยะเพราะเห็นมีซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ ต้นเห็นมาสองสามวันแล้ว ใครกันนะกินมาม่าได้ทุกวัน แต่แล้วต้นก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้

---------------------------------------------

สี่ทุ่มแล้ว สนกลับมาถึงก็มาเคาะประตูห้องของต้น ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน เขาก็ไม่ลืมที่จะแวะมาทักทายเพื่อนรักเหมือนเช่นเคย อย่างน้อยได้กลับมาเห็นว่ายังอยู่สบายดีก็ทำให้สนนอนหลับสบายได้แล้ว

"กลับมาแล้วเหรอ เหนื่อยไหมสน" ต้นยิ้มดีใจ

"นิดหน่อย นายยังไม่นอนอีกเหรอ" เห็นรอยยิ้มของต้นแล้วสนอยากจะบอกว่าเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย

"ยัง...ทำงานส่งอาจารย์อยู่ เสร็จพอดีเลย"

"เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ"

"อืม...เราไปหานายได้ไหม หรือว่านายจะนอนเลย"

"มาสิ...ยังไม่นอนหรอก ต้องทำงานต่อ"

ต้นได้แต่มองเพื่อนด้วยความสงสาร ช่วงนี้ดูสนทำงานหนักมาก แถมยังต้องเรียนหนังสืออีก แต่ต้นก็รู้ว่าการที่ต้นจะเสนอความช่วยเหลือแบบทื่อๆ นั้นสนคงไม่ยอมรับง่ายๆ แน่ๆ สนเป็นคนรักศักดิ์ศรี เขาไม่เคยยอมรับความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ แต่ก็คงยกเว้นต้นไปคนหนึ่ง

"ไปก่อนนะ" สนบอกแล้วก็ค่อยๆ ปิดประตูให้ต้น

ต้นนั่งตรวจงานในคอมพิวเตอร์อยู่พักหนึ่งก็ไปหาสนที่ห้อง สนอาบน้ำเสร็จพอดี เขาอยู่ในชุดบ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามสีขาว ส่วนต้นก็ใส่ชุดนอนคุณหนูเหมือนที่สนเคยแซว ต้นคงใส่แบบนี้จนติดแล้วก็เลยไม่คิดที่จะเปลี่ยน

สนเปิดประตูให้ต้นแล้วก็กลับมานั่งทำงาน ต้นเดินเข้าไปเมียงๆ มองๆ แล้วก็เอ่ยปากชม "เว็บนี้สวยดีนะ นายออกแบบเองทั้งหมดเลยเหรอ"

สนหันมายิ้มแล้วพยักหน้า "นายมาก็ดีเลย เราจะให้ช่วยคิดตรรกะเขียนโปรแกรมอันนี้ให้หน่อย มันเป็นเงื่อนไขการซื้อขายสินค้าในเว็บน่ะ เราอ่านแล้วไม่ค่อยแน่ใจว่าเข้าใจโจทย์ที่เขาให้มาถูกหรือเปล่า"

"ได้เลย" ต้นรับปากพลางรับเอกสารมาจากสน ต้นเดินไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ แล้วก็อ่านเอกสารตรงส่วนที่สนขอให้ช่วย

"นายมีกระดาษไม่ใช้ไหม ขอหน่อยสิ" ต้นบอกเมื่ออ่านจบแล้ว สนหยิบกระดาษบนโต๊ะที่ไม่ใช้ส่งให้แล้วก็หันมาเขียนโปรแกรมต่อ

ถึงต้นจะไม่ได้เรียนเขียนโปรแกรมมา แต่เขาก็สามารถเขียนอธิบายเป็นแผนผังให้สนเอาไปเขียนโปรแกรมทำงานต่อได้ พอเขียนแผนผังเสร็จแล้วต้นก็อธิบายให้สนฟัง

"อย่างนี้นะสน พอลูกค้าล็อกอินเข้ามาแล้ว นายต้องเช็คก่อนว่าเขาเป็นลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ เพราะว่าเขาจะได้ส่วนลดไม่เท่ากัน ถ้าเป็นลูกค้าเก่า นายก็ต้องเช็คด้วยว่าเขาเป็นลูกค้ามาเกิน 5 ปีแล้วหรือยัง ถ้าเกินแล้วเขาจะได้ส่วนลด 30%..."

สนฟังไป ยิ้มไป มองหน้าต้นและแก้มใสๆ นั้นไปด้วย แต่เขาก็ตั้งใจฟังนะ

"จริงด้วย เก่งจัง เพื่อนเรา" สนชมพลางยิ้มไม่หุบ

"หิวไหม เดี๋ยวหาอะไรมาให้กิน" ต้นเปลี่ยนเรื่อง สนทำงานดึกๆ แบบนี้น่าจะต้องเติมพลังงานบ้าง

"มีเหรอ ถ้ามีก็...ไม่ขัดศรัทธาละกันนะ" สนพูดพลางขำ จริงๆ แล้วเขาก็หิวมากทีเดียวแหละ ช่วงหลายวันมานี้เขากินแต่มาม่าเพราะต้องประหยัดเงิน เย็นนี้เขาก็กินมาม่าไปห่อหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็ต้องแอบกินเพราะไม่อยากให้ต้นสงสัย ถ้าต้นรู้แล้วก็จะเป็นห่วงเขาอีก เผลอๆ อาจจะเดือดร้อนถึงครอบครัวของต้นด้วย เขาไม่อยากรบกวนต้นกับครอบครัวเรื่องการเงินบ่อยเกินไป

"มีสิ เดี๋ยวเรามานะ" ต้นบอกแล้วก็เดินแว่บออกไป สักพักก็กลับมาพร้อมกับแบรนด์หนึ่งขวดและขนมเค้กสองชิ้น

"พักกินขนมก่อน แล้วนี่ก็...แบรนด์ บำรุงสมอง จะได้สดชื่น" ต้นพูดพลางวางขนมเค้กและแบรนด์ลงบนโต๊ะทำงาน

สนหยุดทำงานแล้วหันมาถาม "สองชิ้นเลยเหรอ แล้วนายล่ะ"

"กินแล้ว ไอ้สองคนนั้นก็กินแล้ว เค้กร้านนี้อร่อยนะ นายน่าจะเคยกินแล้วแหละ เราเคยซื้อมาให้กินตอนอยู่ปีสอง จำได้ไหม"

สนส่ายหน้า แล้วก็ตักเค้กวานิลากินอย่างสบายใจ นี่ถ้าสนรู้ว่าพี่ปิีกไปรับไปส่งเขาวันนี้สนจะยอมกินเค้กชิ้นนี้หรือเปล่านะ แต่อย่าเสี่ยงบอกเลย ความจริงต้นก็ไม่ได้อยากรบกวนพี่ปิ๊กหรอก แต่ต้นก็เกรงใจที่จะปฏิเสธบ่อยๆ อีกอย่าง นิกกับปั้นจั่นก็คะยั้นคะยอจนดูเหมือนยัดเยียดเสียเหลือเกิน จนต้นปฏิเสธไม่ได้

"ประชุมที่ชมรมเป็นไงบ้าง ราบรื่นดีไหมวันนี้ แต่อย่างนาย...เราว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ"

"ก็โอเค เรียบร้อยดี" ต้นเห็นเพื่อนกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ดูท่าทางสนจะหิวมากน่าดู "เดี๋ยวเราไปเอาน้ำมาให้นะ ลืมเอาน้ำมาด้วย" ต้นบอกแล้วก็วิ่งลงไปทันที ไม่รอให้สนพูดอะไรเสียก่อน สนได้แต่ยิ้มแล้วก็หันมากินเค้กต่อ

ต้นกลับมาพร้อมกับเหยือกใส่น้ำและแก้วหนึ่งใบ สนดูจะเอร็ดอร่อยกับเค้กที่ต้นซื้อมาทีเดียว คนซื้อจึงยิ้มไม่หุบ "อร่อยไหม"

"อร่อยมาก ขอบใจมากนะต้น" สนยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ นอกจากจะอร่อยมากแล้วมันยังช่วยให้เขาคลายหิวไปได้เยอะเลย

"กินแบรนด์ด้วยสิ" ต้นบอกพลางส่งขวดแบรนด์ให้ แล้วก็หันมาเทน้ำใส่แก้วส่งให้สน

สนรับมาแล้วก็เปิดดื่ม "ขอบใจนะต้น แต่ว่า...นายไม่ต้องซื้อมาบ่อยๆ หรอกนะ มันแพง...เปลืองเงิน"

ต้นพยักหน้ายิ้มๆ ในใจก็ครุ่นคิดว่าจะช่วยสนอย่างไรดี เขาไม่อยากให้สนต้องกินมาม่าแบบนี้ทุกวัน สนต้องใช้พลังงานเยอะ มาม่าเอาไม่อยู่หรอก แต่วิธีการที่ต้นจะช่วยสนนั้นก็อย่างที่รู้นั่นแหละว่าทำทื่อๆ ไม่ได้ ต้องมีเทคนิคที่จะทำให้สนไม่รู้สึกว่ากำลังรบกวนคนอื่นอยู่

"เดี๋ยวเราเก็บให้เอง นายทำงานต่อเถอะ" ต้นบอกเมื่อเห็นสนทำท่าจะลุกขึ้นมาเก็บภาชนะต่างๆ ที่ต้นยกขึ้นมา "ผลัดกัน วันนี้เราดูแลนาย ครั้งต่อไปนายก็มาดูแลเรา ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน เรื่องแค่นี้เอง ทำงานต่อเถอะนะ จะได้เสร็จไวๆ" ต้นบอกอย่างรู้ทันเมื่อเห็นสนทำท่าจะแย้ง สนจึงยอมแพ้แล้วก็นั่งลงทำงานตามเดิม

"ขอบใจนะต้น" สนบอกพลางยิ้ม

ต้นเก็บภาชนะลงไปข้างล่าง จัดการเก็บและล้างเสร็จแล้วก็ขึ้นมาที่ห้องสน คอยนั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ให้คำแนะนำเรื่องการเขียนโปรแกรมหรือออกแบบเว็บไซต์ไปด้วย ต้นเป็นเพื่อนสารพัดประโยชน์ของหลายๆ คน ช่วยทำอะไรก็ได้เพราะเขาเป็นคนหัวไว เขาจึงเป็นที่รักของเพื่อนแทบทุกคนที่ได้รู้จัก

"ไปฉี่ก่อนนะ" สนบอกแล้วก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ

ต้นเห็นเพื่อนเครียดๆ ก็เลยนึกสนุกอยากเล่นอะไรนิดหน่อย เขาไปแอบรอสนที่ข้างประตูห้องน้ำ สนรีบๆ แบบนี้คงไม่ได้สังเกตหรอก ก็เป็นอย่างที่ต้นคิดจริงๆ พอสนออกมาก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะจะรีบไปทำงาน ต้นจึงหยอกเพื่อนด้วยการวิ่งตามไปกระโดดกอดคอ

สนตกใจเล็กน้อย แต่พอรู้ว่าเป็นต้นก็ยิ้มชอบใจ "ตัวหนักขึ้นนะนาย"

สนให้ต้นขี่หลังแล้วก็เดินพาต้นมานั่งที่โต๊ะ การหยอกเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติของเขาทั้งสองคน ที่สำคัญมันช่วยเพิ่มความผูกพันและอบอุ่นใจที่เขาทั้งสองคนมีให้กันมากขึ้นและมากขึ้น

สนปล่อยต้นลงแล้วก็ยืนเก้ๆ กังๆ ดูเหมือนอยากพูดหรือทำอะไรบางอย่างแต่ยังไม่ตัดสินใจ แต่สนก็ไม่คิดนานนัก

"ขอกอดหน่อยนะ" สนตัดสินใจบอกไป

คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับต้นหรอก เวลาสนต้องการกำลังใจเขาก็มักทำแบบนี้ ต้นสวมกอดเพื่อนทันทีอย่างรักใคร่ เขารู้ว่าตอนนี้สนคงเหนื่อยและต้องการกำลังใจจากเขา ต้นก็ยินดีให้เพื่อนคนนี้อยู่แล้ว

"อดทนนะสน เพื่อพ่อกับแม่ เพื่ออนาคตของนาย"

"เพื่อต้นด้วย" สนรีบแทรกขึ้นมา

ต้นยิ้มและกอดเพื่อนแน่นขึ้น "แล้วแต่นายละกัน แต่ถ้านายมีอะไรจะให้เราช่วยก็บอก เราไม่อยากเห็นนายลำบากอยู่คนเดียวนะ เป็นกำลังใจให้นะ"

สนค่อยๆ ปล่อยเพื่อนออกจากอ้อมแขน "มีกำลังใจเต็มเปี่ยมเลยตอนนี้" สนยิ้มอ่อนโยน "เดี๋ยวเราขอตัวทำงานก่อนนะ อ้อ...นายนอนก่อนก็ได้นะ ถ้าง่วง"

"เรานอนนี่นะ นอนให้กำลังใจไง" ต้นบอกแล้วก็หัวเราะ

สนขำเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้า "แค่มีนายอยู่ใกล้ๆ เราก็มีกำลังใจแล้วล่ะ จะตื่นจะนอนก็ช่วยได้เหมือนกัน"

ต้นยิ้มเขินเล็กน้อยกับคำชมของเพื่อน "นอนก่อนนะ"

ว่าแล้วต้นก็เดินมานอนที่เตียงของเพื่อน ปกติก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวสนไปนอนห้องต้น เดี๋ยวต้นมานอนห้องสน แล้วแต่โอกาสและความสะดวก ต้นนอนรอเพื่อนอยู่นานสนก็ยังทำงานไม่เสร็จเสียที สุดท้ายก็เลยหลับไปก่อน

จนเกือบตีสองสนจึงหยุดทำงาน ก็ยังไม่เสร็จหรอกแต่เขาก็เริ่มง่วงมากแล้วเหมือนกัน พอขึ้นมาบนเตียงก็เห็นต้นนอนหลับปุ๋ยสบายอยู่ เวลาหลับใบหน้าต้นจะอิ่มไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย บ่งบอกถึงการเป็นคนมีความสุขกับชีวิต แก้มขาวใสนั้นชวนให้สนต้องมองอย่างสนใจและหลงใหล สนยังไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขาทั้งรักและหลงต้นขนาดไหน แต่ถ้าวันไหนที่ต้นจะต้องเป็นของคนอื่น วันนั้นล่ะที่สนอาจจะคลั่งได้

แทนที่สนจะนอนเขาก็กลับลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ค่อยๆ ช้อนศีรษะของต้นขึ้นมานอนบนตัก สนลูบไล้ไรผมต้นเล่นอย่างแผ่วเบา เขานึกถึงคำถามที่เขาเคยถามตัวเองว่า...เขาจะรักผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่งอย่างต้นได้ไหม สนชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เขากำลังรักต้นแบบนั้นอยู่หรือเปล่านะ อะไรล่ะที่จะช่วยพิสูจน์ให้เขารู้ว่าเขารักต้นแบบนั้น แล้วถ้าเกิดเขารักต้นแบบนั้นขึ้นมาล่ะ เขาจะทำตัวยังไง จากเพื่อนเปลี่ยนมาเป็นแฟน แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก คนรอบข้างจะมองยังไง พ่อกับแม่ล่ะ ทั้งพ่อกับแม่ของต้นและพ่อกับแม่ของสนจะรับได้ไหม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ...สนรับได้หรือเปล่าล่ะ

ไม่รู้เหมือนกัน มันยังมาไม่ถึง สนก้มลงมองใบหน้าและแก้มใสๆ ของเพื่อนอีกครั้ง ต้นที่นอนหลับใหลอยู่บนตักของเขาช่างดูอ่อนหวานและน่าทนุถนอม ริมฝีปากบางแดงระเรื่อตามธรรมชาตินั้นก็น่าสัมผัสยิ่งนัก เขาจะยอมสูญเสียคนที่น่ารักและแสนดีแบบนี้ให้ไปรักคนอื่นได้หรือ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกหรือคิดอะไรกับต้นในเวลานี้ สนก็รู้ว่าเขาปล่อยต้นไปให้ใครคนอื่นไม่ได้ง่ายๆ หรอก เขาอยากดูแลต้นเหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

-----------------------------------

เช้าแล้ว ต้นตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแปลกๆ เพราะเหมือนว่าหมอนที่เขากำลังนอนหนุนอยู่มีลักษณะแปลกไป พอลืมตาขึ้นถึงได้รู้ว่าเขาหนอนหนุนตักสนอยู่ ส่วนสนก็นั่งหลับ ศีรษะพิงกับผนังห้องตรงหัวนอน ต้นนึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้นอนหนุนตักสนอยู่แบบนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขามานอนก่อนสน สนยังนั่งทำงานอยู่ แล้วเขาก็น่าจะหลับไปก่อน

ต้นลุกขึ้นนั่งแล้วก็เขย่าตัวสนให้ตื่น สนนอนแบบนี้อาจจะปวดคอได้ "สน สน ตื่นๆ"

สนลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย รู้สึกปวดคอตะหงิดๆ "มีอะไรเหรอต้น"

"นายเปลี่ยนท่านอนดีไหม เดี๋ยวปวดคอ"

สนจึงได้สติ เขาดูเหมือนจะเขินนิดๆ เพราะเริ่มจะจำได้ว่าทำไมเขาถึงนอนอยู่ในท่านั้น ต้นคงจะสงสัยเหมือนกันว่าทำไมตื่นมาแล้วถึงได้นอนอยู่บนตักเขา สนไถลตัวลงมานอนในท่าปกติแล้วก็ทำเป็นนอนหลับไป เขาไม่อยากให้ต้นถามนั่นเองว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน

ต้นเห็นแล้วก็ทำสีหน้างงๆ พลางเกาศีรษะและถามตัวเองในใจว่า "สนเป็นอะไร" แต่เห็นสนนอนหลับไปแล้วต้นก็เลยไม่กวน เขาลุกขึ้นแล้วก็เดินกลับห้องของตัวเองไป

---------------------------------------

ต้นคิดออกแล้วล่ะว่าจะทำยังไงสนถึงจะไม่ต้องกินมาม่าทุกวัน สนชอบทำอาหาร ถ้าต้นไปซื้อของมาทำอาหารแล้วก็ให้สนช่วยทำให้กิน สนและคนอื่นๆ ก็จะได้กินด้วยกัน หรือไม่อย่างน้อยก็มีพวกไข่ ผักหรือเนื้อสัตว์ต่างๆ ไว้ให้สนกินกับมาม่าก็ได้ อย่างน้อยถ้าต้นบอกว่าอยากให้สนทำอาหารที่ต้นอยากกิน สนก็ไม่น่าจะขัดข้อง ถ้าเขาชวนสนหรือคนอื่นๆ กินด้วยก็คงไม่น่าจะมีปัญหา คิดได้อย่างนั้นแล้วต้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปซื้อของที่ตลาดใกล้ๆ ทันที

ต้นกลับมาถึงบ้านพักตอนสายๆ ยังไม่มีใครตื่นเลยสักคน นิกกับปั้นจั่นก็ยังไม่ตื่น สองคนนี้ไปเที่ยวติดกันสองวันแล้ว ดูท่าจะไม่ตื่นง่ายๆ ต้นจัดแจงเก็บผักสด ไข่ไก่ เนื้อสัตว์และขนมไว้ในตู้เย็น จากนั้นก็วิ่งขึ้นมาเคาะประตูห้องสน ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปมาในห้องต้นก็รู้ว่าสนตื่นแล้วเพราะสนไม่ใช่คนนอนตื่นสาย

สนนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินมาเปิดประตู หัวเขากำลังเปียกอยู่เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ "ว่าไงต้นเพื่อนรัก"

ต้นยิ้มแต่ท่าทางก็เหมือนคนซ่อนพิรุธอะไรไว้อยู่ ด้วยความที่รู้จักกันมานาน การปิดบังซ่อนเร้นอาจไม่สามารถทำได้ง่ายๆ นักเพราะอีกฝ่ายอาจจะจับสังเกตได้ แน่นอนสนเองก็เริ่มตะหงิดๆ อะไรบางอย่างกับท่าทางแปลกๆ ของต้น
 
"สน...วันนี้นายทำกับข้าวให้เรากินหน่อยสิ เนี่ย...เราไปซื้อผัก เนื้อหมูแล้วก็ไข่มาเยอะเลย นะ...เราเบื่ออาหารแม่ค้าน่ะ อยากกินอาหารทำเองบ้าง แต่เราทำไม่เป็น ก็เลยจะให้นายช่วย ได้หรือเปล่า เดี๋ยวเราช่วยหุงข้าวก็ได้"

สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ปกติสนก็จะทำอาหารให้เพื่อนๆ กินบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนมาก็ช่วยกันออกเงินเวลาที่อยากกินอะไรพิเศษๆ ที่สนพอจะทำให้กินได้ "ได้ๆ เดี๋ยวเราใส่เสื้อผ้าก่อนนะ"

ต้นยิ้มดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น "เดี๋ยวเรารอข้างล่างนะ"

สนพยักหน้ายิ้มๆ "อืม"

ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วสนก็ตามลงมาหาต้นในครัว "อยากกินอะไรล่ะต้น" สนถามพลางเปิดดูในตู้เย็นว่าต้นซื้ออะไรมาบ้าง "โห...ทำไมซื้อมาเยอะจังล่ะ นี่นายกะจะกินกี่วันเนี่ย จะทำกับข้าวกินทุกวันเลยเหรอ" สนหันไปถาม

ต้นพยักหน้า "อืม...นายว่าดีไหมล่ะ แต่ถ้ารบกวนนายมากเกินไปก็ไม่เป็นไรนะ ทำเท่าที่นายสะดวกก็ได้"

"ไม่มีปัญหาหรอก เราแค่ตกใจที่นายซื้อมาเยอะเฉยๆ ว่าไงล่ะ อยากกินอะไรล่ะวันนี้ แต่ไม่ทำแกงผักกาดจอนะ ที่นายซื้อมามันทำไม่ได้"

"นายทำแกงผักกาดจอเป็นด้วยเหรอ" ต้นร้องถามอย่างตื่นเต้น

"เป็นสิ เราเห็นแม่ทำบ่อยๆ หลับตาทำยังได้เลย"

"งั้นวันหลังนายพาเราไปซื้อของมาทำหน่อยสิ เราไม่รู้ว่ามันใส่อะไรบ้าง แต่วันนี้เอาผัดผักบุ้งแล้วก็ไข่เจียวก็ได้...ง่ายดี แล้วค่อยมาคิดเมนูกันดีไหมว่าแต่ละวันจะกินอะไรบ้าง"

"ก็ดีเหมือนกัน" สนยิ้มแล้วก็สอดส่ายสายตาหาผักบุ้ง ไข่ไก่และเครื่องปรุงอื่นๆ ที่จะทำอาหารให้ต้นกิน

"กินด้วยกันนะ"

ได้ยินอย่างนั้นสนก็หันมามองต้นแทบจะทันที

"เรากินคนเดียวไม่หมดหรอก" ต้นให้เหตุผล สนพยักหน้าเข้าใจ แต่ในใจเขาก็เริ่มสงสัยอะไรบางอย่างแล้วล่ะ

"ถ้าวันไหนเราไม่อยู่ นายจะเอามาทำอะไรกินก็ได้นะ คราวนี้เราซื้อ คราวหน้านายค่อยซื้อมาก็ได้ ยังไม่ต้องแชร์ตอนนี้หรอก เราอยากกินของเราเอง แต่ก็ต้องรบกวนนายนิดหน่อย"

สนยิ้มเศร้าๆ เขาเริ่มจะปะติดปะต่อได้แล้วล่ะว่าทำไมต้นถึงได้ซื้อของมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ สนรู้ว่าเขาคงจะปิดบังต้นได้ยากเพราะต้นคอยใส่ใจดูแลความเป็นไปของเขาอยู่ตลอด ก็เหมือนกับที่เขาเองก็คอยใส่ใจดูแลความเป็นไปของต้น เรื่องที่เขากินมาม่ามาหลายวันเพราะต้องการประหยัดเงินก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่ต้นจะรู้ เช่นเดียวกัน การที่ต้นซื้อของพวกนี้มามากมายแล้วอ้างว่าอยากกินเองก็เป็นสิ่งที่สนก็เดาได้ไม่ยากว่าจริงๆ แล้วต้นทำเพราะอะไร น้ำตาจากความซาบซึ้งใจของสนแทบจะไหลลงมาในตอนนี้

สนปิดตู้เย็น หันมามองต้นที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก แล้วสนก็เดินไปกอดเพื่อน สนไม่เคยเก็บความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อเพื่อนไว้กับตัว ถ้าเขามีความรู้สึกนั้นและรู้จักมัน เขาจะแสดงออกทันที เขาทำอย่างนี้เสมอ อยากขอบคุณก็ขอบคุณ เสียใจก็บอกว่าเสียใจ เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วง ดีใจก็บอกว่าดีใจ นี่ถ้าเขาเพียงแต่รู้จักความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีให้ต้น เขาก็คงไม่เก็บไว้เหมือนกัน

ต้นไม่ได้ถามหรือพูดอะไรเพราะรู้ว่าสนกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ท้ายที่สุดต้นก็ค้นพบว่าแผนของเขาไม่แนบเนียนเอาเสียเลย สุดท้ายสนก็จับได้ แต่ก็ช่างเถอะ แค่สนไม่ต่อต้านสิ่งที่เขาทำก็ดีมากแล้ว

"รู้ไหมต้นว่าเรารักนายมากแค่ไหน ขอบใจมากที่นายเป็นห่วงเรา คอยดูแลเรามาตลอด เราไม่รู้จะขอบคุณนาย...แล้วก็พ่อกับแม่ของนายยังไง" สนพูดเสียงสั่นเครือ

"ก็เราเป็นเพื่อนกันไง" ต้นบอกเบาๆ ถึงต้นจะไม่ได้คิดกับสนแค่เพื่อน แต่เขาก็เข้าใจมาตลอดว่าสนคิดกับเขาแค่นั้น เขาจึงนิยามความสัมพันธ์ของเขากับสนไว้ที่เพื่อนกัน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ามันจะมีอะไรมากกว่านั้น

สนได้ยินแบบนั้นก็ผละออกทันที สนจับไหล่ทั้งสองข้างของต้นไว้แล้วก็ถาม "เพื่อนเหรอ...เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหมต้น เรากับนายเป็นเพื่อนกันใช่หรือเปล่า หรือว่า..." สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังจะพูดหรือสื่อสารอะไรออกไป

"ก็...เราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วไง นายคิดว่าเราสองคนจะเป็นอะไรกันล่ะ" ต้นถามกลับด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ ดูเหมือนสนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง

"เราไม่รู้ เราสับสน..."

"นายสับสนอะไรเหรอสน" ต้นถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาไม่เคยเห็นสนมีอาการสับสนและอ่อนไหวแบบนี้เลย

"เรา..."







"อะแฮ่ม...จู๋จี๋กันแต่เช้าเลยนะสองคนนี้" เสียงปั้นจั่นกระแอมกระไอดังมาจากข้างนอกห้องครัว สนรีบปล่อยมือออกจากไหล่ต้นแทบไม่ทัน แล้วก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

"นี่มันห้องครัวนะเว้ย เขาเอาไว้ทำอาหาร ไม่ใช่เอาไว้จู๋จี๋กัน"

"จู๋จี๋อะไรของมึงไอ้นี่ ตื่นขึ้นมาก็เห่าเลยนะมึง จะกินไหมข้าวเช้า เดี๋ยวก็ไม่ทำให้กินซะเลย พูดมากดีนัก" สนหันไปว่าเพื่อนแก้เขิน

"วันนี้มึงจะทำกับข้าวเหรอวะสน เฮ้ยๆ ขอโทษๆๆๆๆ ไม่แซวละ ใครๆ ก็อยากกินกับข้าวฝีมือมึงทั้งนั้นแหละ อร่อยจนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์"

"เรื่องเว่อร์นี่ขอให้บอกเลยนะมึง แล้วไอ้นิกล่ะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"

"ยัง ไม่รู้เมื่อไรจะฟื้น เมื่อคืนก็บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ" ปั้นจั่นว่าพลางส่ายหัว

ต้นกับสนกันมามองหน้ากัน ไม่รู้เหมือนกันว่าปั้นจั่นเห็นและสงสัยอะไรบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย คิดแล้วก็น่าเสียดาย อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นที่สนจะได้ค้นพบอะไรบางอย่างและพูดมันออกมา ปั้นจั่นเองก็เพิ่งจะคิดได้ว่าเขาไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลย แค่เสี้ยววินาทีที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสบางอย่างไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 05-06-2012 23:45:20
ถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าเบาๆให้สน
.
โคตรจะหงุดหงิดตัวละคร เเต่ก็ยังตามอ่านอยู่เนี่ย เห้อ ให้ตัวเอง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 06-06-2012 00:07:48

เกือบจะได้บอกความในใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 06-06-2012 00:33:29
เวอร์ชั่นลงใหม่... ดูเหมือนจะมีรายละเอียดมากขึ้น
และสองคนนี้ก็น่ารักมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะเวลาเค้าอยู่ด้วยกันน่ะนะ
รู้สึกเหมือนมีรังสีของความรักและความผูกพันโอบล้อมอยู่เต็มไปหมด อ่านแล้วอุ่นดี

ติดตามๆๆค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ... :L2: :L2: :L2:

ปล. ไม่ว่าเวอร์ชั่นไหน สนก็โดนคนอ่านกดดันทุกเวอร์ชั่น :laugh: :laugh: :laugh:
แต่พระเอกแบบนี้ ก็น่ารักดีนะ ซึนๆมึนๆและไม่ได้ดั่งใจดี มีความสุขในการลุ้นว่าพระเอกจะเอาไงต่อ?? จะรู้ตัวมั้ย??
สนุกไปอีกแบบ อะไรที่ได้มายากๆ (หรืออะไรที่เป็นไปได้ยากๆ) มักมีค่าเสมอ....
ขอแหวกออกจากกรอบ เชียร์สนละกัน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-06-2012 06:25:26
สิ่งที่สนกำลังเป็นอยู่นี้ ต้องบอกว่าเอามาจากชีวิตจริงของตัวผมเองเลยครับ
บางคนอาจจะสงสัยวามันจะมีด้วยเหรอคนที่สับสนจนไม่รู้ว่ารักแบบเพื่อนหรือรักแบบแฟน
ผมอยากจะบอกว่ามันมีจริงและผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
เคยผูกพันกับผู้หญิงคนหนึ่งมาตั้งแต่เด็กๆ มาสนิทกันมากๆ ก็ตอนช่วงวัยรุ่น
ผมคิดว่าผมไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้น แม้ว่าคนแถวบ้านจะล้อก็ตาม แต่เราสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
แต่ก็ไม่เคยเลยเถิดนะครับ เวลาที่เขามีคนมาจีบ ผมก็บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่ไม่มีความสุข
ไม่อยากให้เขามีแฟน บางทีเราก็นั่งคิดสับสนตัวเองว่ารู้สึกอะไรกับเขากันแน่

ใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะรู้ว่าคิดอะไร ตอนนั้นมีเหตุให้ผมต้องย้ายที่อยู่
หายไปสองปี กลับมาเจอเขาอีกที เขาแต่งงานมีลูกแล้ว ผมช็อกไปเลย
แต่ผมกระจ่างแก่ใจว่ารักเขาก็ตอนที่มาหาเขาที่บ้าน เขาให้ไปดูลูกเขาที่นอนอยู่ในเปล (วันนั้นสามีเขาไม่อยู่)
เท่านั้นแหละ น้ำตาผมจะไหล ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ตอนนี้นะ ถ้าน้ำตาไหลออกมา
ทุกคนจะรู้สิ่งที่ผมเฝ้าปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้รักเขาเกินเพื่อนทันที แต่ตอนนั้นผมคิดว่าผมห้ามไม่ได้แน่ๆ
แต่สุดท้าย เหมือนมันจะไหลเข้าไปในหัวใจแทน ก็โชคดีไป

แต่จากความรู้สึกวันนั้นมันทำให้ผมบอกตัวเองได้ทันทีครับว่าผมคิดอะไรกับเขา
คิดได้เมื่อตอนที่เราเสียเขาให้คนอื่นไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ก็เลยเลิกชอบผู้หญิงซะเลย :jul3:
แต่เขาก็ยังเป็นความทรงจำดีๆ ของช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นของผมเสมอนะครับ

ก็เลยเอาประสบการณ์ตรงนั้นมาใช้กับตัวละครที่ชื่อสนครับ
สนจะได้บอกว่ารักต้นเมื่อไร ขออุบไว้ก่อนครับ บอกได้ว่าไม่ธรรมดา
แล้วบอกพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาด้วย คุ้มค่าที่รอคอยแน่นอนครับ  :z1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 06-06-2012 10:02:59
ต้นก็ดีขนาด  สนจะสับสนอะไรน๊า :เฮ้อ:

ความรู้สึกของสนที่แท้ก็มาจากชีวิตจริงผู้แต่งเหรอเนี่ย 

รู้เมื่อสาย  แต่อย่างว่าค่ะมันคงมีเหตุมีปัจจัยที่ทำให้ไม่ได้คู่กันค่ะ  คงกำหนดให้มาแค่เป็นเพื่อนกัน

แต่ตอนท้ายสปอย์ไว้  สนจะบอกต้น อะไรยังงัยนะ  มีบอกไม่ธรรมดาด้วย :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-06-2012 10:19:48
สงสารใจคนรอ  แต่ต้นคงชินซะแล้ว  ชินที่รักและคงไม่ได้หวังความรักตอบ
ต้นคงกลัวที่จะเสียสนไป  แต่สนเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองซักที
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 06-06-2012 10:28:52
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 06-06-2012 16:06:35
 :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 06-06-2012 19:17:47
รอไม่ไหวแล้ว สนเมื่อไรจะรู้ซักที

หรือต้องให้พี่ปิ๊กจัดหนัก 55555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 07-06-2012 00:12:20
สนก็รู้แล้วว่าต้นรักและไม่เคยเรียกร้อง

แต่สนเองก็ทำเหมือนไม่รับรู้ความรู้สึกของตัวเองและต้นเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 07-06-2012 19:26:43
รัก..............ไปเถิดสน

                                   อย่าลังเลสงสัย..........................................................
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 07-06-2012 20:26:52


 :pig4: :pig4: :pig4:

สนเนี่ย เดี๋ยวจะโดนดี มัวแต่ลังลงลังเลไปได้ ถ้าเราเป็นสนเจอคนดีๆแบบต้นขนาดนี้จับทำเมียไปนานแล้วค่ะ

ไม่ได้ทึ่มเหมือนคุณพี่สน -_- ต้นก็น่าสงสารอะ ยอมเขาตลอด หาพระเอกใหม่ให้ต้นควงแก้ขัดทีเถอะค่ะ แหมๆๆ

กว่าสนจะรู้ใจตัวเองเนี่ย แก่ตายพอดี !


555

อย่าไปสนข้อความด้านบนมาก งุงิ

มาบ่นไรไปไม่รู้ ไปแล้ว

คนเขียนต่อต่ออีกนะค่ะ แนวนี้จะมาแบบไหนเนี่ย เห็นสนคอยเอาอกเอาใจต้นอยู่ตลอดเวลาเลย อิอิ จะว่าไปก็อยากกินมาม่า

เหมือนกันนะค่ะ อากาศหนาวมาก ต้มน้ำร้อนรอมาม่า กัับฉาก ฉึกๆ อิิอิ

 :laugh5: :laugh5: :laugh5:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-06-2012 20:28:19
รอจ้ารอ :laugh:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 07-06-2012 20:35:30
จะรอนะ.  วันท่ีสนบอกความในใจกับต้น
อีกนานไหมหนอ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 08-06-2012 00:31:33
เพิ่งเข้ามาอ่าน เริ่มอ่านวันนี้ตอนสองทุ่ม อ่านไปอ่านมาหยุดไม่ได้เลย
ชอบอะ อ่านแล้วกินใจตั้งแต่ตนแรก จนตอนนี้ รู้สึกว่าความผูกพันธ์
ของสองคนนี้มันมีมาเรื่อย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเศร้าทุกข์ แต่ทั้งหมดก็จบ
ด้วยความสุขทุกครั้ง และการให้อภัยและการเริ่มต้นใหม่ทำให้ความสัมพันธ์
ทั้งของต้นและสนพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนแน่นแฟ้นขึ้น จนมันเริ่มก่อตัวเป็นความรัก
ซึ่งคนหนึ่งรู้ตัวและไขว่คว้าไว้กับตัวได้ แต่ก็ไม่เคยทำให้อีกคนอึดอัดใจ อีกคนสับสน
แต่ไม่นานรับรู้ได้ และรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขา มันค่อยเป็นค่อยไปอะ
ชอบต้นกับสน Sarawatta เขียนเรื่องแนวนี้ได้ดีมากก มีเหตุผลลงตัวในแต่ละตอนมาก
ชอบกดไลค์ให้เลยนะนี่คะ+1ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 08-06-2012 20:36:32
อยากรู้สนจะบอกรักต้นยังไงแล้วสิ

รอค่ะรอแต่ขอแบบน้ำตาซึมกับความซึ้งนะไม่เอาเศร้าน๊า

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 08-06-2012 21:07:54
ขอมารอตอนต่อไปด้วยคน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 08-06-2012 23:40:46
มาแล้วครับ กว่าจะได้มาก็หลายวันเหมือนกัน อาทิตย์หน้าอาจจะต้องไปนานนะครับ ตะลอนต่างจังหวัดอีกแล้ว
ตอนนี้...คือจุดเริ่มต้นของดราม่าของจริงครับ คราวที่แล้วที่ว่าบีบคั้น คราวนี้จะบีบจะคั้นให้หน้าเขียวเลยครับ  :z1:
ผมเคยบอกว่าตอนที่เขียนเรื่อง "รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" มีหลายตอนที่เขียนไปร้องไห้ไปใช่ไหมครับ
เรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ ใครที่ต้มน้ำรอมาม่าไว้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยนะครับ

ป.ล.
อยากให้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 21 ช่วงที่ต้นวิ่งไปกระโดดกอดคอสน
เพิ่งนึกได้ว่าผมตั้งใจจะเขียนอะไรบางอย่าง แต่ลืม
เพิ่งเอาไปใส่ให้ครับ

-------------------------------------------------------------

ตอนที่ 22: ชาไปทั้งหัวใจ

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

สนออกไปทำงานแล้วหลังจากที่ทำกับข้าวให้ต้นและเพื่อนๆ กิน รวมทั้งเขาเองก็ได้กินข้าวอิ่มท้องครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถเมล์สนก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เขาเกือบพลั้งปากบอกอะไรบางอย่างกับต้นไปแล้ว ตอนนั้นก็รู้สึกเสียดายที่ถูกปั้นจั่นมาขัดจังหวะเสียก่อน แต่พอมาคิดดูอีกครั้งเขาก็คิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ยังไม่ได้พูดออกไป ในเมื่อสนยังไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับต้นนั้นคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่ ถ้าเขาจะบอกต้นแบบนั้น เขาควรจะต้องมั่นใจและมั่นคงจริงๆ ถ้าเกิดบอกไปแล้วเขามารู้ตัวทีหลังว่าไม่ได้คิดกับต้นแบบนั้น ต้นจะเสียใจมากแค่ไหน ต้นมีค่าสำหรับเขามาก เขาไม่อยากทำให้ต้นเสียใจอีก แม้ว่าตอนนี้ต้นอาจจะเสียใจที่เขายังไม่ได้รักตอบ แต่ก็ยังดีกว่าให้ต้นเสียใจที่เขาบอกรักต้นไปแล้วกลับมาค้นพบทีหลังว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

ช่างมันเถอะ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกกับต้นแบบไหน แต่เขาก็รู้สึกดีๆ เวลาที่ต้นอยู่เคียงข้าง รู้สึกอุ่นใจที่มีเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้ๆ คอยดูแลกันและกัน มีใครสักคนที่เขาไว้ใจได้ มีใครสักคนที่พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเขาในทุกเรื่อง เป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นคนที่เขาจะยอมทำอะไรให้ก็ได้ แม้แต่ชีวิตเขาก็จะให้ แบบนี้...มันเรียกว่าความรักหรือเปล่านะ เขารักต้นแบบนั้นหรือเปล่า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าต้นช่างน่ารัก น่าทนุถนอม เขาอยากกอด อยากสัมผัส อยากจุมพิตที่ริมฝีปากบางๆ นั้น หรือว่ามันจะเป็นความรักจริงๆ เขาไม่รังเกียจหรอกนะที่จะเป็นแฟนกับต้น แม้ว่ามันจะต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างที่เขาเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอก เขากลัวว่ามันจะเป็นเพียงอารมณ์อ่อนไหวที่เกิดขึ้นชั่วคราว เขาไม่อยากใจร้อนรีบบอกแล้วก็มาเปลี่ยนใจทีหลัง จะทำยังไงดีหนอ ใครกันจะช่วยเขาได้บ้าง ใครกันจะช่วยทำให้เขารู้ว่าเขารักต้นแบบไหน เขาจะพิสูจน์ยังไงดี...

---------------------------------------------------

ไม่รู้ว่าโลกมันกลมเกินไปหรือเปล่า เมื่อสนเดินมารับออร์เดอร์ที่โต๊ะหนึ่งก็เจอกับพี่ปิ๊กซึ่งพาพ่อ แม่แล้วก็บรรดาน้องชายน้องสาวมากินสุกี้ด้วยกันที่ร้านที่เขากำลังทำงานอยู่พอดี

"อ้าวสน...ทำงานที่นี่ด้วยเหรอ" พี่ปิ๊กทักพลางยิ้มระคนแปลกใจ

สนยิ้มตอบอย่างกระอักกระอ่วน ไม่ได้อายที่พี่ปิ๊กเห็นเขาในสภาพนี้หรอก แต่รู้สึกทำใจลำบากที่จะต้องคุยกับคนที่เขาไม่ชอบหน้ามากกว่า

"ครับ" สนตอบเสียงห้วนแล้วก็ทำสีหน้าเรียบๆ ตามเดิม

เหมือนพี่ปิ๊กจะรู้ตัวว่าสนไม่ค่อยชอบหน้าเขาอยู่ ก็เลยต้องหุบยิ้ม

"จะรับอะไรดีครับ" สนถามพลางทำท่าเตรียมจดรายการอาหาร ตอนนี้เขาทำงานอยู่และเขาก็เป็นมืออาชีพพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน

"พ่อกับแม่อยากกินอะไรสั่งเลยนะครับ ปอนด์กับแป้งด้วย วันนี้กินเต็มที่เลยนะ ไม่อิ่มไม่ให้กลับบ้าน" ปิ๊กยิ้มอย่างอารมณ์ดี น้องชายกับน้องสาวของปิ๊กอายุราวๆ สิบห้าสิบหกหรืออาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย ดูเหมือนปิ๊กจะรักน้องมากทีเดียว

สนยืนรับออร์เดอร์จนหมดแล้วก็แว่บหายไป ส่วนปิ๊กก็หันมาคุยกับพ่อแม่และน้องๆ ในระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ท่าทางของสนที่แสดงออกนั้นเริ่มทำให้ปิ๊กเข้าใจอะไรบางอย่าง นิกกับปั้นจั่นบอกว่าต้นกับสนสนิทกันมากเพราะคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยอยู่ห่างกัน แต่สิ่งที่สนแสดงออกนั้นปิ๊กค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่แค่เพื่อน สนหวงต้นออกนอกหน้านอกตา พยายามเข้ามากันท่าเขากับต้นตลอด แต่ดูเหมือนต้นเองก็จะเอนเอียงไปทางสนมากกว่า ถึงขนาดหนีออกจากโรงหนังตามสนไปก็น่าจะมีอะไรไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ถ้าบอกว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันปิ๊กคิดว่ายังจะน่าเชื่อกว่าบอกว่าเป็นเพื่อนกันเสียอีก

ปิ๊กครุ่นคิด ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าสนหวงก้างหรือไม่ แต่อยู่ที่ต้นต่างหากว่าจริงๆ แล้วต้นคิดอะไรกับสน ถ้าเกิดต้นชอบสนจริงๆ ความผูกพันที่ยาวนานขนาดนั้นย่อมจะมีอิทธิพลมาก ปิ๊กไม่คิดว่าเขาจะทำให้ต้นเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ ทำไมนิกกับปั้นจั่นไม่บอกเรื่องนี้กับเขาตั้งแต่ทีแรกนะ

"เดี๋ยวผมไปห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ" ปิีกบอกแล้วก็ขอตัวลุกออกไปข้างนอกร้าน

พอลับตาพ่อกับแม่ ปิ๊กก็โทรหาปั้นจั่นทันที "ปั้นจั่น พี่มีเวลาคุยไม่มาก แต่ช่วยบอกความจริงพี่มาตรงๆ ได้ไหมว่าต้นกับสนเขาเป็นอะไรกันแน่ สองคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันใช่ไหม เนี่ย...ตอนนี้พี่พาพ่อแม่กับน้องๆ ที่บ้านมากินข้าวที่ร้าน MK แล้วเจอสนด้วย พี่ว่าเขาไม่ชอบหน้าพี่ยังไงไม่รู้ พี่ว่ามันแปลกๆ นะ เราสองคนลืมบอกอะไรพี่หรือเปล่า"

ปั้นจั่นหัวเราะแหะๆ เมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงจะปิดบังไม่ไหวแล้วล่ะ "คือ...พวกผมก็สงสัยเหมือนกันครับว่าไอ้สนมันชอบต้น แต่มันปากแข็ง พอถามทีไรมันก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับต้นเกินเพื่อน"

"แล้วทำไมไม่บอกพี่เรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก พี่สังเกตเห็นไม่กี่ครั้งพี่ก็รู้แล้วว่าสนเขาหึงต้น นี่กะจะให้พี่มาช่วยลองใจสนเหรอ มันไม่สนุกนะปัั่นจั่น" พี่ปิ๊กเสียงดุจนปั้นจั่นต้องสะดุ้ง

"เอ่อ...คือ..."

"อยากช่วยต้นใช่ไหม" คงไม่ใช่เรื่องยากนักที่ปิ๊กจะอ่านแผนการของสองเพื่อนสุดแสบนี้ออก

"ครับ" ปั้นจั่นรับคำเสียงอ่อย

"ต้นเขารักสนใช่ไหม"

"เอ่อ...ครับ รักมากๆ เลยแหละครับ"

ปิ๊กถอนหายใจ ถึงจะโกรธนิกกับปั้นจั่นไม่น้อยที่ปิดบังความจริงเรื่องนี้ แต่ปิ๊กก็รู้สึกเห็นใจต้น ได้รู้จักเพียงไม่เท่าไรปิ๊กก็รู้ว่าต้นเป็นคนดี อีกอย่าง เขาก็ยังไม่ได้ถลำลึกไปไกลมาก ยังพอถอนตัวถอนใจทันอยู่ ดีนะที่เอะใจขึ้นมาได้ก่อน คิดๆ แล้วปิ๊กก็อยากลองช่วยต้นดูอยู่เหมือนกัน เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบต้นเพราะเคยหลงรักเพื่อนชายสมัยอยู่ ม. ปลาย เขารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องแอบรักคนที่เขาไม่ได้รักเรา

"ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกพี่ตรงๆ ก็ได้ เราสองคนนี่นะ รู้ไหมว่าพี่โกรธมาก แต่เอาเถอะ...พี่ก็คิดว่าต้นเป็นคนดี เมื่อหลายปีมาแล้วพี่เองก็เคยแอบหลงรักเพื่อนเหมือนที่ต้นเป็นตอนนี้ เอาเป็นว่า...เดี๋ยวพี่จะช่วยละกัน เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะแวะเข้าไปหาที่บ้านละกันนะ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่พี่สงสัย ออกมานานแล้ว"

"ครับพี่ เดี๋ยวพวกผมจะรอนะครับ" ปั้นจั่นรับคำด้วยความรู้สึกผิด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของพวกเขาสองคน การล้อเล่นกับความรู้สึกและความรักของคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องสนุก ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมามันมีแต่เจ็บกับเจ็บ

ปิ๊กกลับมาถึงอาหารก็เริ่มทยอยมาแล้ว ปิ๊กปล่อยให้พ่อแม่กับน้องๆ จัดการกับอาหารกันเองไปก่อน เขาหยิบเอากระดาษและปากกาที่ทางร้านมีไว้สำหรับให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นมา เขียนอะไรบางอย่างลงไปแล้วก็ส่งให้สนตอนที่เขาจัดวางอาหารให้หมดแล้ว สนรับมาอย่างไม่สนใจนักเพราะคิดว่าเป็นเพียงความคิดเห็นจากลูกค้าที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ นอกจากเจ้าของร้าน

"อ่านด้วย" ปิ๊กบอกเบาๆ

สนมองอย่างสงสัย เขาเดินออกไปแล้วก็อ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น

"รู้นะว่าสนคิดอะไรกับต้นอยู่"

สนหันมามองเจ้าของลายมือ ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจ อาจจะไม่พอใจก็ได้ที่หมอนั่นดันรู้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกพอใจที่พี่ปิ๊กจะได้รู้เสียบ้างว่าไม่ควรมายุ่งกับต้นอีก ถ้าเข้าใจแบบนี้แล้วไม่มายุ่งกับต้นก็ดีเหมือนกัน

-------------------------------------------------------

สนกลับมาถึงบ้านสี่ทุ่มกว่าๆ ก็แปลกใจที่เห็นไฟในบ้านยังเปิดสว่างจ้าอยู่ แถมยังมีเสียงคนหัวเราะคุยกันสนุกสนาน พอเข้ามาในบริเวณบ้านก็เห็นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ สนขมวดคิ้ว เขาพอจะจำได้ นี่มันรถพี่ปิ๊กนี่นา พอเปิดประตูเข้าไปสนจึงได้เห็นว่าต้น พี่ปิ๊ก นิกและปั้นจั่นนั่งคุยกันอยู่พร้อมกับเปิดทีวีทิ้งไว้ไปด้วย ทุกคนหันมามองสนเป็นตาเดียวกันทันทีที่สนเปิดประตูเข้ามา

ต้นรีบลุกเดินมาหาเพื่อนพร้อมกับยิ้มดีใจ "กลับมาแล้วเหรอ เหนื่อยไหม กินอะไรมาหรือยัง"

สนนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม เห็นแบบนั้นแล้วต้นก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้ว่าสนจะคิดอะไรที่เห็นพี่ปิ๊กมาคุยกับพวกเขาที่นี่

"มากินด้วยกันสิสน พี่ปิ๊กเขาซื้อของมาฝากเยอะแยะเลยนะ" เสียงนิกร้องบอกมาจากที่พวกเขานั่งอยู่

สนหน้าบึ้งขึ้นมาทันที "ไม่กิน ไม่หิว เดี๋ยวเราขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะต้น" สนบอกเสียงห้วนแล้วก็เดินปลีกตัวขึ้นไปบนห้องอย่างอารมณ์เสีย พอเขาไม่อยู่พี่ปิ๊กก็มาหาต้นแบบนี้เหรอ นี่ความสัมพันธ์ของต้นกับพี่ปิ๊กคงพัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้วสินะ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมาหากันถึงบ้านละ ต่อไปไม่มาหากันถึงห้องนอนเลยหรือ

สนปิดประตูดังปังจนคนที่นั่งอยู่ข้างล่างสะดุ้งตกใจและมองหน้ากันเหรอหรา ต้นเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยสีหน้างงๆ ระคนเป็นห่วง แถมยังเกรงใจพี่ปิ๊กอีกด้วยที่เจอกิริยาแบบนี้ของสนเข้าไป ต้นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสนถึงไม่ชอบหน้าพี่ปิ๊กมากขนาดนั้น

"ดึกแล้ว...สงสัยพี่ต้องกลับก่อนแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย" พี่ปิ๊กบอกด้วยสีหน้าแหยงๆ เห็นอาการหึงของสนแล้วก็รู้สึกขยาดเหมือนกัน ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าการที่เขาจะเข้ามาช่วยต้นจะทำให้เขาปลอดภัยหรือเปล่า

"อ๋อ...เหรอครับ มันก็ดึกแล้วเหมือนกันเนาะ คุยกันเพลินจนลืมเวลาเลย" ปั้นจั่นพูดแก้เกี้ยว ถึงจะเข้าใจความรู้สึกของสน แต่ในฐานะเจ้าบ้านร่วมกันก็ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกแบบนี้กับแขกที่มาเยือน

"จริงด้วย คุยซะเพลิน" นิกช่วยเสริมอีกคน ตอนนี้เขาสองคนต้องเกรงใจพี่ปิ๊กให้มากๆ เพราะไปโกหกพี่ปิ๊กเรื่องต้นกับสนไว้ ดีที่ว่าพี่ปิีกไม่โกรธจนถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ไปเลย

"เดี๋ยวผมไปส่งที่รถนะพี่" ต้นอาสา พี่ปิ๊กพยักหน้า

พอส่งพี่ปิ๊กแล้วต้นก็เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางครุ่นคิด สนชักจะหวงเขามากเกินไปหรือเปล่า เมื่อก่อนที่สนหวงเพื่อนก็ไม่เป็นมากขนาดนี้นี่นา เหมือนจะไม่ใช่แค่หวงอย่างเดียวแล้วนะ... ถ้าไม่ใช่หวงแล้วจะเป็นอะไร... หึงงั้นเหรอ... เป็นไปไม่ได้หรอก อย่าคิดอะไรแบบนี้เลยต้น แค่คิดก็ผิดแล้ว สนคงแค่หวงเท่านั้นแหละ

ต้นกลับขึ้นไปบนห้องแล้วก็อาบน้ำ ในใจก็ยังคอยเป็นห่วงสนอยู่เพราะรู้ว่าสนกลับมาเหนื่อยๆ ยังไม่ได้กินข้าว ต้นเคยไปทำงานที่ร้านนั้นก็เลยรู้ว่าต้องทำงานหนักแค่ไหน คิดไปคิดมาอยู่หลายรอบ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ต้นก็เลยตัดสินใจไปเคาะประตูห้องสน เอาเถอะ ไม่ว่าสนจะโกรธ จะหวง จะหึงหรือจะอะไรมากแค่ไหนก็ตามแต่ ความเป็นห่วงคนที่เขารักก็มีมากกว่า

สนเดินมาเปิดประตู สีหน้ายังดูตึงๆ จนพอสังเกตได้ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เขามักจะใส่นอนตามปกติซึ่งก็คือเสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ แสดงว่าคงจะอาบน้ำแล้ว

"ทำงานอยู่เหรอ"

สนพยักหน้าแล้วถามเสียงห้วนๆ ว่า "เขากลับไปแล้วเหรอ"

"อืม...พรุ่งนี้พี่เขามีเรียนแต่เช้า"

"แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ"

"ก็...มาคุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ว่า...เราเข้าไปข้างในได้ไหม"

"อ้อ" สนเพิ่งนึกได้ว่าเขากับต้นยังเปิดประตูคุยกันอยู่ "เข้ามาสิ"

ต้นเดินเข้าไปในห้องของเพื่อน ปิดประตูแล้วก็เดินตามสนไปที่โต๊ะทำงานของเขา สนกำลังทำงานเว็บค้างไว้อยู่พอดี

"ใกล้เสร็จหรือยัง" ต้นถามขณะที่สนนั่งลงเตรียมจะทำงานต่อ

"อีกสองสามวันก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เหลือเก็บความเรียบร้อยแล้วก็แก้อะไรอีกนิดๆ หน่อยๆ"

ดูเหมือนน้ำเสียงของสนจะดูอารมณ์ดีขึ้นหน่อยแล้วล่ะ

"ดีใจด้วยนะ...นายจะได้พักผ่อนบ้าง"

เห็นต้นเป็นห่วงแล้วก็ทำให้สนรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เมื่อกี้เขาก็คิดอกุศลไปไกลถึงไหนต่อไหน แถมยังทำหน้าบึ้งๆ ใส่ต้นอีก เขาไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับคนที่แสนดีอย่างต้นเลย แล้วที่ต้นมาหาเขาที่ห้อง เขาก็รู้ว่าต้นมาเพราะเป็นห่วงที่เขายังไม่ได้กินข้าวนั่นเอง

"อืม...มีอะไรกินไหมต้น เราหิว" สนหันมาทำเสียงและสีหน้าอ้อน ต้นเห็นเขาเหนื่อยต้นก็คงอยากมาดูแล สนก็เลยไม่อยากจะขัดศรัทธา

"ไม่มีเลย...หมดแล้ว" ต้นแกล้งอำเล่น รู้สึกดีใจที่เห็นสนหายหน้าบึ้งแล้ว

"จริงเหรอ..." สนทำหน้าเศร้า นึกว่าเป็นเรื่องจริง

"ล้อเล่น...รออยู่นี่ละกัน เดี๋ยวเราไปเอามาให้ อ้อ...เดี๋ยววันนี้เราจะมานอนให้กำลังใจด้วยนะ"

ได้ยินมุกนี้แล้วสนก็อดขำไม่ได้ ต้นเดินลงไปแล้วสนก็หันกลับมานั่งยิ้ม ลืมไปเสียสิ้นว่าเมื่อสักครู่นี้เพิ่งไม่พอใจที่พี่ปิ๊กมาหาต้นถึงที่บ้าน ต้นทำให้ชีวิตเขามีความสุขจริงๆ รู้ใจเขาทุกอย่าง ไม่ใช่แฟนก็เหมือนแฟน แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อเขายังหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้ เขาก็ไม่อยากรีบร้อน เพราะต้นจะต้องไม่เสียใจอีกเลยถ้าเขาได้บอกและตัดสินใจไปแล้ว

ทำไมสนถึงกลัวแบบนั้นน่ะหรือ เพราะสนก็ยังชอบมองผู้หญิงอยู่น่ะสิ เขาถึงได้กลัวใจของตัวเองว่าจะไม่มั่นคงมากพอ เขากลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาก็อาจจะหนีธรรมชาติของตัวเองไม่พ้น แล้วคนที่จะเจ็บ...ก็คือต้นคนเดียว แม้ว่าตอนนี้ต้นจะเจ็บแค่ไหนกับความรักที่ไม่สมหวัง แต่สนจะให้เวลากับความรักครั้งนี้อย่างพอเพียงเท่าที่มันจำเป็น เพื่อที่จะทำให้เขามั่นใจจริงๆ ว่าเขา...รักต้นแบบนั้น

---------------------------------------------------------

"ปั้นจั่น...พี่มาคิดๆ ดูแล้ว พี่ว่าเราเลิกทำแบบนี้เถอะ ตอนแรกพี่ก็อยากจะช่วยนะ แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยดีว่ะ"

ปั้นจั่นครุ่นคิด จริงๆ เขาก็เริ่มเห็นแล้วล่ะว่ามันชักจะไม่สนุก

"พี่ไม่อยากเล่นกับความรู้สึกคนว่ะ ในเมื่อพวกเราก็รู้แล้วว่าต้นคิดยังไงกับสน สนคิดยังไงกับต้น ก็ปล่อยให้เขาจัดการความรู้สึกกันเองเถอะ พี่รู้สึกกลัวๆ ไงไม่รู้ว่ะ เกิดทำไปแล้วทำให้เขาผิดใจกันมากกว่าเดิม เกิดเกลียดกันขึ้นมามันจะไม่ดีนะปั้นจั่น"

"ผมก็กลัวๆ อยู่เหมือนกันครับพี่" ปั้นจั่นรับไปตามตรง หลายๆ ครั้งสนก็ดื้อและวู่วามอยู่บ่อยๆ เกิดมีปัญหาแล้ววู่วามกับต้นขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องเหมือนคราวนั้นอีก

"ถ้ากลัวแล้วก็ควรจะเลิกทำ...ดีไหม เขาสองคนก็รักกันดีอยู่แล้ว เขาแค่ต้องการเวลา อีกไม่นานเขาก็จะเจอความรู้สึกของเขาเองแหละ พี่ว่าเราไม่ต้องไปห่วงแทนเขาหรอก"

"ครับพี่"

"งั้นเรายกเลิกแผนของเรานะ บอกนิกด้วยว่าพี่ไม่ทำแล้ว"

"ครับพี่" ดูเหมือนปั้นจั่นได้แต่รับคำอย่างเดียวเพราะเขาก็ไม่รู้จะแย้งอะไรเหมือนกัน สิ่งที่พี่ปิ๊กพูดมาทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

"งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่จะถึงบ้านแล้ว"

"ครับพี่ หวัดดีครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ"

ปั้นจั่นวางสายแล้วก็ถอนหายใจ เมื่อกี้ก่อนจะเข้ามาในห้องเขาก็เห็นต้นยกอาหารขึ้นไปให้สนถึงบนห้อง สองคนนี้เขาก็รักกันดีอยู่แล้วอย่างที่พี่ปิ๊กว่า ไปยุแยงให้เขาหึงหวงกันอาจจะกลายเป็นทำให้เขาผิดใจกันได้ เขาลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลย เอาล่ะวะต้น คงช่วยมึงได้เท่านี้แหละ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นแล้วว่าสนมันรักมึงมากแค่ไหน สักวันสนมันก็จะรู้ใจของมันด้วยตัวของมันเอง มันไปไหนไม่รอดหรอก อดทนอีกหน่อยละกัน

------------------------------------------------------

หลังจากวันนั้นแล้ว นิกกับปั้นจั่นก็ล้มเลิกแผนที่จะทำให้สนหึงหวงต้นไป ส่วนต้นกับสนก็ดูจะมีความสุขดีที่ได้เป็นเพื่อนและคอยดูแลกันแบบนี้ สนก็ยังคงไม่ได้บอกอะไรกับต้น นอกจากการแสดงออกถึงความรู้สึกดีๆ ที่ก็ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ แล้วก็ดูเหมือนว่าเมื่อไม่มีอะไรมากระตุ้น สนก็ดูจะลืมๆ ไปด้วยซ้ำ ส่วนพี่ปิ๊กพอเรียนจบไปแล้วจึงหลุดจากวงโคจรของชีวิตต้นไปโดยปริยาย

ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน ต้นกับสนต้องทุ่มเทให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษ เพราะต่างก็มุ่งหวังที่จะเรียบให้จบภายในสี่ปี สำหรับต้นอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนักเพราะเป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว แต่สนต้องพยายามมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ต้นก็เป็นคนที่คอยช่วยเท่าที่ทำได้และเป็นกำลังใจที่สำคัญให้เขามาโดยตลอด

ในด้านความรัก สนไม่ได้ชอบพอใครเป็นพิเศษเลย อาจจะมีแซวหรือเล่นกันบ้างตามประสาหนุ่มๆ สาวๆ สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือฐานะของเขาเอง จึงทำให้สนคิดอยู่เสมอว่าเขายังต้องเจียมตัวเจียมใจ เพราะผู้หญิงเท่าที่เขารู้จักก็มักให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก ถ้าเขามีรถขับ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมก็อาจจะมีคนชอบเขามากกว่านี้ หน้าตาดีอย่างเดียวดูเหมือนจะยังไม่พอ ทุกวันนี้ที่เรียนมาจนได้ถึงปีสี่ สนก็อาศัยเงินทั้งจากพ่อแม่ จากทุนกู้ยืมเรียน ส่วนที่สนหามาเองจากการทำงานนอกเวลาเรียนและงานพิเศษ เช่น ออกแบบเว็บไซต์ ทำระบบฐานข้อมูล ฯลฯ และอีกส่วนที่สำคัญคือจากครอบครัวของต้น

ช่วงก่อนเรียนจบ ต้นได้ฝึกงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งรับงานใหญ่ๆ จำพวกระบบขนส่งหรือสถานที่ที่สำคัญๆ ของประเทศ ส่วนสนได้ฝึกงานกับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง

พอเรียนจบ ต้นก็ได้งานทำให้บริษัทที่เคยไปฝึกงาน ส่วนสนหลังจากที่ตระเวนสมัครอยู่หลายที่ก็ได้งานทำในบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเช่นกัน ด้วยความที่สนทำงานพวกนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้มีโพรไฟล์การทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้เขาสามาถเข้าทำงานในบริษัทนี้ได้ไม่ยากนัก ต้องขอบคุณความขยันและอดทนของสนจริงๆ

ในคืนสุดท้ายก่อนที่ต้นและสนจะย้ายออกจากบ้านพักที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานถึงสี่ปีเต็ม หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว แม้ว่าจะดึกไปสักหน่อย สนก็มาคุยกับต้นที่ห้องเพราะเขามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะบอกเพื่อน สิ่งแรกที่สนทำเมื่อไปถึงห้องของต้นก็คือ "กอดเพื่อน" เหมือนที่เขามักจะทำบ่อยๆ เวลารู้สึกดีๆ

“ขอบใจมากนะต้น สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ ที่นายกับครอบครัวของนายให้เรากับครอบครัวของเรามาตลอด เราจะไม่มีวันลืมเลย ที่เรามีวันนี้ได้ก็เพราะนายจริงๆ นะต้น”

“เรายินดีและเต็มใจอยู่แล้วสน เราเองก็ดีใจที่นายตั้งใจและทำอย่างดีที่สุดจนมีวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวนายเอง ถ้านายไม่มุ่งมั่น ไม่ตั้งใจ เราก็อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เลย เราภูมิใจในตัวนายมากรู้ไหมสน” ต้นชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สนมีวันนี้ได้ เขาอยากให้สนภูมิใจกับความมุ่งมั่นของตัวเองด้วย

“ที่เราตั้งใจเพราะเราไม่อยากให้พ่อกับแม่ของเราลำบาก ที่สำคัญ...เราก็ได้กำลังใจดีๆ จากนายนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้หรอก จริงๆ นะต้น เราอยากบอกนายว่า...นายคือกำลังใจที่สำคัญของเราจริงๆ ไม่มีนายเราก็ไม่มีวันนี้ ขอบใจมากนะเพื่อน ขอบใจจริงๆ” สนกอดเพื่อนแน่น เพื่อนที่สนแสนจะรักปานแก้วตาดวงใจ

"โชคดีเป็นของนายนะสน จากวันนี้เป็นต้นไป ชีวิตเป็นของนายอย่างเต็มที่ แต่เราก็จะยังคอยดูและเป็นห่วงนายเสมอนะ มีอะไรก็กลับมาหาเราได้ จะให้เราช่วยอะไรก็บอก โทรมาหาเราได้ จะให้เราไปหาก็ได้ เราก็ยังเป็นนายต้นของนายเหมือนเดิม...จำไว้นะสน”

“นายก็เหมือนกัน อยากให้เราช่วยอะไร บอกเรามาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ เราให้นายได้ทุกอย่าง ชีวิตก็ให้ได้” สนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใจหายเหมือนกันที่ต่อไปนี้จะไม่ได้พบหรือเห็นหน้ากันทุกวันเหมือนก่อน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ความผูกพันในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาจะไม่ทำให้เขากับต้นห่างเหินกันไปไหนหรอก เมื่อใจยังเชื่อมถึงกัน ความห่างไกลก็คงไม่ใช่ปัญหา

----------------------------------------------------

ชีวิตการทำงานของต้นและสนผ่านไปได้ด้วยดี สนผ่อนคอนโดอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ด้วยนิสัยที่เป็นคนขยันทำงานทำให้สนค่อนข้างก้าวหน้าได้เร็ว ได้เลื่อนตำแหน่งและมีเงินเดือนมากขึ้น สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้อย่างไม่ลำบาก และสามารถคืนเงินที่ต้นให้ยืมได้จนหมด

พ่อกับแม่ของสนแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปทำงานรับจ้างข้างนอกอีกแล้ว แต่ก็ปลูกผักทำสวนไปตามประสา สนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ว่างๆ สนก็จะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ บางทีก็มากับต้น บางทีก็มาคนเดียว ส่วนต้นก็อยู่คอนโดเช่นเดียวกัน แต่งานของต้นจะต้องออกนอกพื้นที่บ่อยๆ บางทีก็ไปต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศ พ่อกับแม่ของต้นก็ยังคนสอนหนังสือเช่นเดิม แต่อีกไม่นานก็จะเกษียณแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างต้นกับสนก็ยังคงเส้นคงวาเช่นเดิม แม้ไม่ได้เจอกันทุกวันแต่ก็โทรศัพท์คุยกันเกือบทุกวัน บางวันก็หลายรอบ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเสมอ บางทีว่างๆ สนก็จะมาที่คอนโดของต้น ไปกินข้าว ซื้อของหรือเที่ยวด้วยกันบ้าง บางทีสนก็มาค้างด้วย แต่ต้นไม่ค่อยได้ไปหาสนเท่าไรนักเพราะสนบอกว่าเขาจะมาหาเอง จึงนับได้ว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยขาดการติดต่อกันเลยแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กันเหมือนเดิมแล้วก็ตาม

อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีไปหมด แต่แล้ววันหนึ่งต้นก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจเมื่อสนพาผู้หญิงคนหนึ่งมาให้เขารู้จักและแนะนำว่า

"ต้น...นี่นานะ แฟนของเรา"

ต้นรู้สึกชาไปหมดทั้งตัวและหัวใจ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ต้นก็ยังคงรักสนอยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้จะเริ่มทำใจไว้บ้างแล้วว่าอาจจะมีวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าพอเจอเหตุการณ์จริงแล้วมันจะเจ็บได้ถึงเพียงนี้ สนจะรู้บ้างไหมว่าเขาเจ็บแค่ไหน หรือว่าสนไม่เคยรับรู้เรื่องนี้เลยถึงได้พาแฟนมารู้จักเขาอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้

หญิงสาวที่ชื่อนาหรือชื่อเต็มๆ ว่า "ปวีณา" ยกมือไหว้ต้นเพราะอายุน้อยกว่า "สวัสดีค่ะพี่ต้น เห็นพี่สนพูดถึงให้ฟังบ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"

ต้นรับไหว้เจ้าของเสียงหวานนั้นเหมือนกับคนที่สติได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว สนอุตส่าห์โทรไปนัดเขาออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะอยากจะทำให้เขาประหลาดใจ เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ใช่...มันน่าประหลาดใจมาก ประหลาดใจจนต้นแทบจะล้มทั้งยืนเลยล่ะ ถ้าหากเขาลุกไปจากตรงนี้ได้โดยไม่ต้องรู้สึกเกรงใจใครต้นก็คงทำไปแล้ว

แต่เอาเถอะ ถึงยังไงมันก็ต้องมีวันนี้อยู่แล้วไม่ว่าต้นจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ ทางที่ดี ต้นก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ มันไม่ใช่ความผิดของสนที่จะมีแฟน ต้นคงไม่สามารถไปคาดหวังให้สนอยู่คนเดียวแบบนี้ต่อไปได้ ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่ต้องมีแฟน แต่งงานและมีครอบครัว ต้นต้องยอมรับและอยู่กับความจริงนี้ให้ได้ ไม่ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน

ต้นหันไปสบตากับสน ไม่รู้ว่าสนจะรับรู้ได้ไหมว่าข้างในต้นรู้สึกอย่างไร ต้นอยากจะร้องไห้แต่ก็รู้ว่าคงร้องไห้ตรงนี้ไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้มันไหลเข้าไปในใจ ต้นหันกลับมามองนา ยิ้มเท่าที่สมองจะสามารถสั่งให้ยิ้มได้ ต้นไม่รู้เลยว่าสีหน้าของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มันคงไม่แย่จนเกินไปจนทำให้แฟนของสนรู้สึกไม่ดีหรอกนะ เขาก็หวังว่าอย่างนั้น...

"เช่นกันครับ" ต้นบอกเสียงเบาเพราะพยายามกดความรู้สึกอย่างเต็มที่ "ดีใจด้วยนะสน"

ต้นหันไปบอกเพื่อน สนยิ้มเล็กน้อย จะว่ายิ้มธรรมดาก็ดูเหมือนจะใช่ แต่จะว่ายิ้มเจื่อนๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน ต้นไม่รู้หรอกว่าสนคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่ต้นเจ็บเหลือเกิน แม้จะไม่ได้อยากให้สนรู้หรอกว่าเขาเจ็บ ไม่อยากทำให้ลำบากใจ แต่สนไม่รู้จริงๆ หรือว่าที่ผ่านมาต้นคิดอะไรกับเขา สนลืมไปหรือเปล่า สนคงลืมไปแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 21 ¤ นี่แหละความรักของต้น (06-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 09-06-2012 00:11:41
อะไรๆ เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว สนเกือบจะรู้ใจตัวเอง

พอเรียนจบทำงาน สนดันมีแฟนผู้หญิงซะนี่

สนคิดอะไรกันนะ ??



 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 09-06-2012 00:13:16
อุ้ย! แม่เจ้า เวรแล้วไง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-06-2012 00:31:42
ถ้าทำเพราะอยากลองใจต้น


จะเอาระเบิดไปเขวี้ยงใส่หน้านะคะ
เป็นการกระทำที่สารชั่วมากๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 09-06-2012 00:40:06
อ้าวนายสน  ตอนแรกดูเหมือนจะสับสน ลังเล

ไปๆมาๆ  เปิดตัวแฟนซะงั้น :a5:

ต้นชีช้ำอีกแล้ว  :sad4:

คุณ sarawatta ค่ะ อันนี้มาม่าแบบเข้มข้นใช่มั้ยค่ะ จะได้เตรียมผ้านวมมาซับน้ำตา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 09-06-2012 12:45:57
ขออนุญาตกลับมาอ่านตอนไม่มาม่าเเล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-06-2012 15:58:29
อืม  ดีจริง ๆ  สนตอบแทนความรักของต้นด้วยการหวง ห่วงและหึงบ้างเป็นบางโอกาส
ทำให้ต้นยิ่งไปไหนไม่รอด  และแล้วก็พาว่าที่เมียในอนาคตมาเปิดตัวกับต้น  ทำได้เจ็บมาก ๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 09-06-2012 16:20:47


ช่วงแรกของตอน สนทำตัวเหมือนผู้ชายวัยหมดประจำเดือน ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไปได้

แอบคิดลึกๆว่าภาคนี้เป็นแนวใสใสไหมเอ่ย ???

แต่พออ่านรวบรัดมาจนถึงช่วงทำงาน และเปิดตัวแฟนเนี่ย มันน่าเจ็บใจอีตาสนจริงๆ


Mrang !!!  ตอนแรกๆล่ะทำหวง ถ้าปล่อยให้ต้นไปคบๆกับพี่ปิ๊ก เขาคงรักกันเหนียวแน่นมีลูกเป็นคอกๆ ไม่ต้องมาจมปลักกับอีตา

สนหรอก !!! เลวมากกกกก

ถ้าเราเป็นต้นน่ะ ข่วนหน้ามันทั้งผัวและเมียเลยคอยดู

อยากรู้เหมือนกันว่าต้นจะทนกับสนไปได้นานเท่าไหร่?

แล้วท่าต้นหลุดบ่วงกรรมจากอีตาสนจริงๆ อยากรู้เหมือนกันว่าอคุณสนจะรู้สึกยังไง

น่าหมั่นไส้ !!!

ชิ ! โกรธสน หาสามีใหม่ให้ต้นด่วนค่ะ

อย่าไปเอามันคนโลเลแบบนี้ อึ้ยย
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-06-2012 16:34:00
พอเหอะต้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 09-06-2012 16:53:05
 :m31: :m31: :m31: :m16: :m16: :angry2: :angry2: :serius2:
สน :fire: :fire: :fire: :fire: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 09-06-2012 20:10:56
ถึงเวลามีคนของตัวเองได้แล้วล่ะต้น เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 09-06-2012 20:58:40
ทุกอย่างเหมือนจะดีแล้วแท้ สนทำท่าเหมือนจะรักต้นในแบบที่ต้นต้องการแล้ว แต่ทำไมกลับเป็นแบบนี้
ที่ผ่านมานายไม่รู้ใจตัวเองเลยเหรอสน นายกำลังทำให้ต้นเจ็บแบบนี้อีกแล้วนะ นายสนนี่โง่ชะมัดเลย
เราไม่ชอบสนแล้ว ไม่เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง ขี้ขลาด ไม่เหมือนต้นที่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง คนแบบ
ต้นนี่ละทำไมต้องมารักคนแบบสน คนที่เชื่อมั่นในรักแบบต้น คนที่ขอเพียงได้ยืนข้าง ทำไมต้องมารักคนแบบสน
อยากให้มีใครเข้ามาตอนนี้ เข้ามาพรากต้นไปจากสนที จะให้นายบ้านี่ได้รู้สักทีว่า แกนะมันโง่ จะมารู้สึกอะไรตอนนั้
มันก็สายไปแล้ว
ปล.+1ให้กับความรักที่มั่นคงของต้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2012 23:06:10
รอจ้ารอ รอ ร๊อ รอ :call:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 10-06-2012 01:03:58
คือสนเยอะไปอะำไรเกิน
ต้นหาใหม่เหอะ ปล่อยสนมันไป  :sad11:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 10-06-2012 09:55:42
 :angry2:สนผู้ชายใจร้ายยยยยย

ต้นเปิดใจให้คนอื่นเหอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 10-06-2012 10:19:22
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 10-06-2012 10:20:46
ขอตอนต่อไปได้ไหมค่ะ อยากให้มีใครเข้ามาในชีวิตต้นสักทีได้แล้ว
เราจะได้สมน้ำหน้าอิสนสักที
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 10-06-2012 12:36:20
ปลงแล้วต้นเอ้ยปล่อยมันไป
อย่ายึดติดเลย มันคงไม่มีอะไรไปกว่านี้แล้ว
หาใหม่ดีกว่าคนดีๆใช่มีสนคนเดียวเมื่อไหร่
เปิดใจให้กว้างงงงงหาคนรักแท้มั่นคงที่เหมาะสมกับต้นมันคงมีล่ะน่า
จะรอทำไมกะอิตาสนชริ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 22 ¤ ชาไปทั้งหัวใจ (09-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 10-06-2012 15:17:24
ตอนหน้าต้นกับสนจะเปิดใจพูดความรู้สึกบางอย่างแล้วนะครับ
ส่วนใครที่ลุ้นให้ต้นมีแฟนใหม่ อิๆ ไม่แน่ใจว่าจะลุ้นขึ้นไหม แต่มีคนเข้ามาแน่นอนครับ

ป.ล.
คนเขียนก็หมั่นใส้สนเหมือนกัน ขอหน่อยเถอะ นี่แน่ะๆๆๆๆ  :beat: :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

------------------------------------------------------------

ตอนที่ 23: คนไม่น่าสงสาร

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ข่าวที่สนมีแฟนเริ่มเป็นที่รู้ในหมู่เพื่อนฝูงมากขึ้น คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ต่างก็แสดงความยินดีด้วย มีแต่นิกกับปั้นจั่นเท่านั้นแหละที่เป็นเดือดเป็นแค้นจนถึงกับทนไม่ไหว ปั้นจั่นเป็นคนแรกที่โทรมาเล่นงานสนหลังจากที่กลับจากไปหาต้นมาเมื่อวานนี้ เห็นสายตาเศร้าๆ และท่าทางซึมๆ ของต้นแล้วปั้นจั่นก็แทบจะปรี่มาหาสนถึงที่บ้าน ถ้าสนยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คงซัดให้สักเปรี้ยง

"มึงทำอะไรไปมึงรู้ตัวหรือเปล่าสน"

น้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้นทำให้สนดูจะตกใจไม่น้อย "มึงพูดถึงเรื่องอะไรวะปั้นจั่น"

"ไม่ต้องมางงเลย ก็เรื่องที่มึงมีแฟนไง ทำไม...ที่ผ่านมามึงยังทำไอ้ต้นมันเจ็บไม่พออีกเหรอถึงต้องได้เอาแฟนมาเย้ยมัน คิดถึงความรู้สึกของมันบ้างไหม"

สนนิ่งเงียบและครุ่นคิด "ทำไมกูจะไม่คิดล่ะ"

"เออดี...ถ้ามึงไม่คิดกูก็ไม่รู้จะด่ามึงว่าอะไรแล้วล่ะ ไอ้สน...กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ นะเว้ย มึงรู้ไหมว่าสิ่งที่มึงแสดงออกกับต้น ใครๆ เขาก็ว่ามึงชอบต้น ลึกๆ ในใจไอ้ต้นมันก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน ตอนที่พี่ปิ๊กมาจีบมัน มึงก็คอยมากันท่ามัน หึงหวงมัน แทนที่จะปล่อยให้มันมีแฟนไปซะ มันจะได้หลุดพ้นจากมึง แต่พอมึงทำแบบนี้ มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันก็ไปไหนไม่ได้ ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งผูกมัดไอ้ต้นไว้กับมึงมากขึ้น มึงคิดบ้างไหม แล้วอยู่ดีๆ วันนี้มึงก็มีแฟน ไอ้ต้นมันจะรู้สึกยังไง มันรักมึงมากแค่ไหนมึงก็รู้ กูก็นึกว่ามึงจะรู้ใจตัวเองแล้วก็เปิดใจกับไอ้ต้นซะอีก ที่ไหนได้...มึงคิดอะไรของมึงกันแน่วะไอ้สน"

"..............."

"เงียบทำไม มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันเสียใจแค่ไหน ถึงมันจะไม่บอกมึงก็เถอะ มึงก็รู้ว่ามันเสียใจใช่ไหม มึงรู้จักมันมาเป็นสิบๆ ปีมึงก็ต้องรู้ดีอยู่แล้ว เรื่องอื่นที่มันลึกลับซับซ้อนกว่านี้พวกมึงก็ยังรู้ใจกันได้ นับประสาอะไรกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้ กูไปหามันมาเมื่อวาน มึงรู้ไหมว่าไอ้ต้นมันซึมไปเลย มึงไม่สงสารมันบ้างหรือไงวะ หรือมึงคิดว่ามันไม่น่าสงสาร มึงได้โผล่หน้ามาดูมันบ้างไหม มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว ขนาดกูไม่ได้เป็นเพื่อนรักกับมันเหมือนมึง แค่กูนึกถึงความรู้สึกของมันตอนนี้กูก็จะน้ำตาไหลอยู่แล้ว มึงมาดูสิ นึ่...กูจะร้องไห้อยู่แล้ว กูสงสารมันที่รักมึงมานานมาก ทำดีกับมึงมาตลอด เจ็บแค่ไหนมันก็ไม่เคยปริปากบ่น คอยห่วงใยดูแลทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจะไม่ได้ความรักแบบนั้นตอบกลับมา ทำไมมึงไม่สงสารมันบ้างหาไอ้สน ใจดำเกินไปไหม" ปั้นจั่นร่ายยาวด้วยความอัดอั้นตันใจ

สนก็ยังคงนิ่งเงียบ สิ่งที่ปั้นจั่นพูดมันก็เป็นสิ่งที่สนรู้อยู่แล้วล่ะ เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้ต้นหรอก สนถอนหายใจยาวราวกับคนคิดหนัก "ปั้นจั่น กูก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง กูผิดเหรอที่กูจะมีแฟน พ่อกับแม่ของกูก็อยากให้กูมีแฟน อยากให้กูแต่งงาน เขาก็อยากมีหลานไว้สืบสกุล"

"กูรู้ กูเข้าใจ แต่ถ้ามึงรักไอ้ต้นจริงๆ ไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้ มึงก็ต้องบอกพ่อกับแม่มึงไปตามตรงสิวะ"

"มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอกนะปั้นจั่น แต่เอาเถอะ...ที่กูมีแฟน มันก็เป็นความต้องการของกูเอง กูไม่โทษใครหรอก ก็อย่างที่กูบอกมึง กูก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย ถึงกูจะรักต้นแค่ไหน แต่กูก็ไม่คิดว่ากูจะรักต้นแบบแฟนได้"

"แล้วมึงไปกันท่า ไปหึงหวงมันทำไมล่ะไอ้สน ถ้าที่ผ่านมามึงไม่ทำแบบนี้กูก็จะไม่ว่าอะไรมึงหรอก แต่นี่มึงเล่นไปปิดกั้นโอกาสไอ้ต้นมัน มันก็รักมึงมากอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้าไปมันจะหนีไปไหนรอด หา!!! แล้วถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับมัน ก็ควรจะบอกมันไปตรงๆ ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยใหัมันล่วงเลยเนิ่นนานมาซะขนาดนี้ กูโมโหมากเลยมึงรู้ไหม ไอ้นิกก็โมโห เดี๋ยวมันก็จะโทรมาด่ามึงเหมือนกัน"

"ก็เพราะกูสับสนไง"

"สับสนเหรอ" ปั้นจั่นทวนคำเสียงดัง "บอกตรงๆ นะเว้ย ยิ่งคุยกับมึงกูก็ยิ่งโมโหว่ะ มึงสับสนบ้าอะไรของมึง สับสนแล้วมึงก็ยังไปทำให้ไอ้ต้นมันสับสนไปด้วย มึงได้รับผิดชอบที่มึงไปทำให้มันสับสนหรือยัง กูจะไม่คุยแล้ว แต่กูจะขอบอกมึงไว้เลยว่า...มึงจะมีแฟนก็มีไป แต่ห้ามไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับไอ้ต้นอีก ปล่อยให้มันทำใจ ปล่อยให้มันได้เจอคนใหม่เถอะ ยิ่งมึงไปอะไรกับมันมาก มันก็ยิ่งหนีจากมึงไม่ได้ อย่าให้มันทรมานกับมึงอีกเลย มึงต้องปล่อยมันทั้งตัวและใจ มึงคอยดูละกัน ในเมื่อมึงมีแฟนได้ ไอ้ต้นก็จะมีแฟนได้เหมือนกัน ถ้าไอ้ต้นมันไม่หา พวกกูสองคนก็จะหาให้มันเอง ถึงตอนนั้นแล้วมึงไม่ต้องมาเสือกหวงก้างล่ะ ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังนะเว้ย บอกไว้ก่อน แค่นี้แหละ กูโมโหจริงๆ ถ้ามึงอยู่ตรงหน้ากูจะซัดให้เลือดกลบปากเลย"

ปั้นจั่นวางสายลงอย่างหัวเสียทันทีที่พูดจบ แล้วก็สบถ "แม่งเอ๊ย รู้งี้กูให้พี่ปิ๊กรุกให้จบซะก็ดี ไม่น่าไปสงสารมันเลย" แต่แล้วก็นึกถึงแผนที่เคยคุยกับพี่ปิ๊กเอาไว้เมื่อสองปีก่อน บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์ในตอนนี้ แต่พี่ปิ๊กคงไม่มาเล่นด้วยแน่ๆ จะหาใครมาช่วยต้นดี คราวนี้เขาอยากให้สนกระอักเลือดไปเลย ไม่เป็นไร...ไว้นึกออกค่อยหาก็ได้

"กูจะคอยดู...ถึงเวลาที่มึงจะต้องเสียไอ้ต้นให้คนอื่นไป มึงจะรู้สึกยังไง ก็ไม่พ้นต้องตามมากันท่าอีก มึงอย่านึกว่ากูดูมึงไม่ออก" ปั้นจั่นคิดในใจ

ส่วนสนนั้นก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะเหมือนกับครุ่นคิดว่าจะโทรไปหาใครสักคนที่ถูกพาดพึงถึงดีหรือไม่ เขาเป็นห่วงต้นเหลือเกิน แต่ตั้งแต่วันที่พานาไปรู้จักกับต้น เขากับต้นก็ไม่ได้ติดต่อกันหลายวันแล้ว เพราะสนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในใจของต้น เขาจึงไม่อยากไปสะกิดแผลให้ต้นเจ็บมากเข้าไปอีก

-----------------------------------------------------------

ในที่สุดต้นก็ตัดสินใจที่จะลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์ ก่อนหน้านี้มีคนมาชวนเขาไปทำกิจกรรมอาสาสมัครที่จังหวัดเชียงรายแต่ต้นได้ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากลางานหลายวัน แต่หลังจากที่สนได้พาแฟนมาแนะนำให้รู้จัก ต้นก็กลับมาบ้านพร้อมกับความทุกข์ใจ จิตใจของต้นว้าวุ่นเหลือเกิน คิดฟุ้งซ่านแทบทั้งวัน บางทีการอยู่ห่างๆ จากสภาพแวดล้อมเดิมๆ คงจะช่วยอะไรได้บ้าง ต้นจึงเปลี่ยนใจที่จะลาพักร้อนไปทำกิจกรรมอาสาสมัครกับเพื่อนๆ กลุ่มนี้ซึ่งจะไปช่วยชาวบ้านสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม กิจกรรมนี้จัดขึ้นเป็นรุ่นแรกในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็ยังหนาวๆ อยู่ หลังจากนั้นก็จะมีรุ่นอื่นๆ ที่จะมาช่วยทำกิจกรรมในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป

ต้นไม่ได้โทรไปบอกสน เขาบอกแค่พ่อกับแม่เท่านั้นว่าจะไปทำกิจกรรมอาสาสมัครกับเพื่อนๆ อาจจะติดต่อลำบากหน่อยเพราะอยู่บนเขาบนดอย สัญญาณอาจจะไม่ดี ต้นบอกเพื่อให้พ่อกับแม่สบายใจเผื่อว่าจะติดต่อเขาไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วที่ต้นบอกแบบนี้เพราะเขาตั้งใจจะปิดโทรศัพท์และจะเปิดใช้เฉพาะเวลาที่ต้องการใช้งานเท่านั้น เขาอยากพักใจและไม่อยากถูกรบกวนจากใครบางคนในเวลานี้

ในระหว่างที่นั่งรถทัวร์ไปนั้น ต้นก็คิดถึงคำพูดของสนที่เคยบอกว่าอยากจะพาเขามาเที่ยวทางภาคเหนือบ้าง แต่สุดท้ายวันนี้ต้นก็มาเอง ไม่มีแม้แต่เงาของสน มีแต่ความเจ็บปวดในใจที่ต้นต้องทนเก็บกดไว้ เขาพยายามคิดและปลอบใจตัวเองว่าสนไม่ผิดที่จะมีแฟน ก็ใช่...สนไม่ผิดหรอก ถ้าจะผิด...ก็คงผิดที่ต้นไปรักสนเอง เมื่อธรรมชาติของสนไม่ได้เป็นแบบเดียวกับเขา สนก็คงจะเป็นอะไรกับเขาที่มากเกินเพื่อนไม่ได้ แต่...ต้นก็อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากที่สนได้รู้ว่าต้นเป็นเกย์แล้ว สนก็ดูเหมือนจะหวงเขามากขึ้น คอยดูแลเขามากขึ้น ก็ไม่แปลก...ที่ต้นก็อาจจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้างว่าสนคงรู้สึกอะไรบางอย่างกับเขาไม่มากก็น้อย แต่สุดท้ายต้นก็พบว่าไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เขาคาดเดาเลยสักอย่าง ในที่สุดสนก็มีแฟนหลังจากที่เรียนจบมาได้แค่ปีเดียว เรื่องที่ต้นเคยสงสัยก็เป็นอันตกไป

ต้นรู้สึกสับสนเหลือเกิน พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ใจหนึ่งต้นก็อยากจะตัดใจแล้วลองเปิดใจให้ใครสักคนดูบ้าง แน่นอนว่าแม้ต้นจะมีคนอื่นไปแล้ว แต่ความรักระหว่างเพื่อนกับสนก็คงไม่หายไปไหน แต่อีกใจหนึ่งก็หวงแหนความรักความผูกพันที่เขามีให้สน เขาอยู่กับความรู้สึกนี้มานานมาก แม้จะไม่เคยสมหวังแต่ก็ยังรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารัก ได้คอยดูแลเป็นห่วง ได้แค่นี้ก็ดูเหมือนต้นจะพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่อยู่แล้ว แต่คราวนี้...ทำไมต้นจึงรู้สึกว่าเขาทำใจได้ยากเหลือเกิน ก็ได้แต่หวังว่ากลับจากการทำกิจกรรมคราวนี้แล้วคงจะช่วยให้ต้นอาการดีขึ้นได้บ้าง

ต้นรู้สึกหนาวจึงเอื้อมมือขึ้นไปปรับทิศทางของลมแอร์ที่เป่าลงมาให้หันไปทางอื่น แต่เหมือนมันจะหมุนยากหรือเสียก็ไม่รู้ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เลยอาสาช่วย

"หนาวหรือครับ เดี๋ยวผมช่วย"

ชายหนุ่มผู้นั้นเอื้อมมือขึ้นมาขยับๆ ที่เป่าลมแอร์อยู่สักพักก็สามารถเปลี่ยนทิศทางมันได้

"ขอบคุณนะครับ" ต้นยิ้มเล็กน้อย พอสังเกตดูดีๆ จึงเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เป็นคนในกลุ่มที่จะไปทำงานอาสาสมัครด้วยกันที่เชียงรายนั่นเอง ดูจากหน้าตาแล้วก็ดูดีพอสมควร อายุก็น่าจะมากกว่าต้นสักสี่ห้าปี

"ยินดีครับ คุณอยู่ในกลุ่มที่จะไปทำฝายเหมือนกันหรือเปล่าครับ" ชายคนนั้นหันมาคุยด้วย

"ครับ" ต้นตอบสั้นๆ จริงๆ ตอนนี้เขาก็ไม่อยากพูดคุยกับใครมากนัก แต่อีกใจก็คิดว่ามีเพื่อนคุยก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องจมจ่อมอยู่กับตัวเองและความทุกข์อยู่แบบนี้

"พี่ชื่อทดแทนนะครับ เรียกสั้นๆ ว่าแทนก็ได้" ฝ่ายนั้นหันมาแนะนำตัว เขาคงพอจะกะอายุของต้นได้ว่าน้อยกว่าเขานก็เลยเรียกตัวเองว่าพี่

"ผมชื่อต้นครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ชื่อแปลกดีเหมือนกันนะครับ"

"อ๋อ" ทดแทนหัวเราะเบาๆ "มันมีที่มาครับ พอดีพี่ชายผมเสียไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิดแน่ะ เขาไม่สบายแล้วก็เสียชีวิตตั้งแต่อายุสองขวบ พ่อกับแม่ก็เลยตั้งชื่อพี่ว่าทดแทน เพราะเขาอยากให้พี่มาทดแทนพี่ชายที่เสียไป" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเรียกแทนตัวเองว่า "พี่" ได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่ก็เป็นธรรมดาของคนไทยที่มีวัฒนธรรมพี่น้อง การเรียกคนที่ไม่ใช่ญาติว่าพี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อาไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

"แล้วต้นมาทำกิจกรรมแบบนี้บ่อยไหมครับ เหมือนพี่จะไม่เคยเห็นเลยนะ" ทดแทนถามต่อ

"อ๋อ...หลังๆ ก็ไม่บ่อยครับ ตั้งแต่จบมาทำงาน แต่เมื่อก่อนผมจะทำชมรมจิตอาสาเพื่อสังคมในมหาลัยครับ ก็จะทำกิจกรรมพวกนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่เคยขึ้นมาทำที่ภาคเหนือนะครับ"

"จริงเหรอครับ ดีจังเลยนะ ไม่ค่อยเห็นเด็กรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานอาสาเลย ของพี่นะ...ก็ทำกิจกรรมพวกนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนเหมือนต้นนี่แหละ จบแล้วก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ ก็ไปช่วยหลายอย่างนะ ทั้งกวาดวัด สร้างโรงเรียน ทำบ้านดิน ช่วยดูแลคนแก่ ตอนนี้กำลังคิดว่าอาจจะไปช่วยเขาเก็บศพอยู่เหมือนกัน แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ พี่ชอบทำกิจกรรมแบบนี้เวลาว่างๆ นะ พี่ว่ามันช่วยด้านจิตใจเราได้เยอะ คนเราอยู่กับตัวเองมากไปก็มีแต่ความทุกข์นะ อย่างน้อยก็ทุกข์ที่วันๆ ก็มัวแต่คิดว่าจะหาเงินมาจากไหน จะบำรุงบำเรอตัวเอง พ่อแม่พี่น้องหรือลูกเมียตัวเองยังไง อยู่กับเรื่องพวกนี้มากๆ แล้วก็วุ่นวายเหมือนกัน แต่พอออกมาทำงานช่วยคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จัก ได้เห็นรอยยิ้มของคน ได้แบ่งปันน้ำใจให้กัน มันก็ช่วยให้เราวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้น้อยลงนะ"

เหมือนต้นจะได้คิดอะไรหลายอย่างจากสิ่งที่เพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้ได้พูดมามากทีเดียว ถ้าเขาลองหาอะไรอย่างอื่นทำให้มากขึ้นในช่วงนี้ก็คงจะดีเหมือนกัน ก็คงจะเป็นกิจกรรมอาสาสมัครนี่แหละ นอกจากจะช่วยเรื่องจิตใจได้แล้วก็ยังช่วยทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ได้ด้วย

"สงสัยผมคงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่บ้างแล้วล่ะครับ จริงๆ ผมก็ยังว่างๆ อยู่ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ก็อาจจะมีงานเข้ามาบ้างแต่ไม่ค่อยบ่อย ถ้ามีกิจกรรมอาสาสมัครที่ไหนก็อย่าลืมชวนผมละกันนะครับ ผมไม่อยากอยู่ว่างๆ บางทีมันก็ฟุ้งซ่านอย่างที่พี่ว่าแหละครับ"

"อ๋อ...ได้ได้ กำลังต้องการคนช่วยเพิ่มอยู่พอดีเลย งั้นพี่ขอเบอร์ไว้เลยละกัน"

ต้นยิ้มแล้วก็บอกเบอร์โทรศัพท์ไป แล้วเขาก็ขอเบอร์ของทดแทนไว้บ้าง

"อืม...พี่ก็ลืมไป มัวแต่ชวนคุย ลืมไปว่ามันดึกแล้ว ต้นจะนอนเลยหรือเปล่า พรุ่งนี้ต้องใช้แรงแต่เช้าเลยนะ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าพี่ยังไม่ง่วงผมก็ไม่มีปัญหาครับ"

"อืม...แต่ว่าพี่ง่วงแล้วนี่สิ นอนดีกว่าไหม เรายังต้องเจอกันตั้งหลายวัน ยังไงก็ได้คุยกันอยู่แล้ว"

ต้นขำเบาๆ กับท่าทางอารมณ์ดีและตรงไปตรงมาของทดแทน เขาพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ดีเหมือนกันครับ"

"ราตรีสวัสดิ์นะครับ" ทดแทนหันไปบอกต้นพลางยิ้ม แล้วต่างคนต่างก็ค่อยๆ ปรับเบาะที่นั่งให้เอนลง กระชับผ้าห่มแนบตัวแล้วก็หลับไป

แต่ต้นก็ยังคงหลับไม่ลง เขาเหม่อมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกหน้าต่างรถทัวร์แล้วก็ครุ่นคิดเรื่องเขากับสนอีกแล้ว คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายจึงเห็นทั้งดวงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า ผลุบๆ โผล่ๆ ผ่านเงาของแมกไม้ข้างถนนที่รถกำลังวิ่งอยู่ บางช่วงที่ไม่มีต้นไม้ก็จะเห็นท้องฟ้าโล่งๆ ต้นมองดูดวงจันทร์และดวงดาวไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย บางทีก็เพลินดีเหมือนกัน นานทีเดียวกว่าต้นจะข่มตาหลับลงได้ บวกกับการนอนบนเบาะรถที่ทำให้นอนไม่สบายมากนัก ต้นจึงหลับได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

--------------------------------------------------------------

ต้นหายไปติดต่อไม่ได้มาหลายวันแล้ว สนไปหาต้นที่คอนโดก็ปรากฎว่าต้นไม่อยู่ โทรไปที่ทำงานก็รู้ว่าต้นลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์แต่ไม่รู้ว่าไปไหน โทรไปหาแม่ของต้นจึงได้รู้ว่าต้นไปทำกิจกรรมอาสาสมัครที่จังหวัดเชียงราย แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นกิจกรรมอะไร อยู่ตรงส่วนไหนของจังหวัดเชียงราย สนพยายามโทรหาต้นหลายครั้ง ก็มีแต่ให้ฝากข้อความตลอด เขาเป็นห่วงต้นจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาไม่เคยขาดการติดต่อกับต้นนานขนาดนี้เลย แค่หายไปวันเดียวสนก็ต้องโทรมาหาแล้ว แต่นี่ต้นหายไปหกเจ็ดวันโดยที่เขาติดต่ออะไรไม่ได้เลย นี่ต้นกำลังหลบลี้หนีหน้าเขาอยู่หรือเปล่านะ

สนเผลอถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้รู้สึกว่าภาพยนต์ที่เขากับแฟนกำลังนั่งดูอยู่ด้วยกันมีความซาบซึ้งใจแม้แต่นิดเดียว แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้สนใจดูต่างหาก นาอยากมาดูหนังรักเรื่องนี้สนก็เลยพามาดูหลังจากที่นาเลิกงานแล้ว สนพยายามที่จะข่มใจไม่แสดงออกให้แฟนเห็นว่าเขารู้สึกหงุดหงิดและเบื่อหน่ายมากขนาดไหน ไม่ใช่เป็นเพราะนาน่าเบื่อหน่าย แต่เป็นเพราะอิทธิพลของคนที่กำลังหลบหนีเขาไปต่างหาก สนรู้ดีและยอมรับว่าต้นมีอิทธิพลต่อชีวิตของเขามาก ก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว

นาคงจะรู้สึกซาบซึ้งใจกับหนังเรื่องนี้มาก พอถึงฉากที่พระนางได้บอกความในใจกัน เธอก็เอื้อมมือมาจับมือสนไว้พร้อมกับเอนมาซบที่ไหล่เขา แต่สนแทบไม่ได้รับรู้หรือสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลย เขากลับนึกถึงเสียงของปั้นจั่นที่หลุดลอยเข้ามาในห้วงความคิด "...กูสงสารมันที่รักมึงมานานมาก ทำดีกับมึงมาตลอด เจ็บแค่ไหนมันก็ไม่เคยปริปากบ่น คอยห่วงใยดูแลทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจะไม่ได้ความรักแบบนั้นตอบกลับมา ทำไมมึงไม่สงสารมันบ้างหาไอ้สน ใจดำเกินไปไหม"

สนเจ็บแปลบในใจกับคำถามที่ว่าทำไมเขาไม่สงสารต้นบ้าง น้ำตาสนค่อยๆ ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว แค่นี้ก็คงจะเป็นคำตอบได้แล้วว่าเขาสงสารต้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีใครรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้หรอก ที่เขามีแฟนแบบนี้ ใครๆ ก็คิดว่าสนช่างใจดำที่ทำร้ายจิตใจคนที่เฝ้ารักเฝ้าห่วงใยเขามานานแสนนานอย่างต้นได้ แต่จะมีใครซักคนที่รู้ว่าข้างในใจของสนเป็นอย่างไร

---------------------------------------------------------------

ดูเหมือนว่าความสนิทสนมระหว่างต้นกับทดแทนจะเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว อาจจะเป็นด้วยความที่ต้นเองก็กำลังต้องการที่พึ่งทางใจ ทดแทนก็เป็นคนอัธยาศัยดี ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ทำให้ต้นรู้สึกชอบในตัวตนของเขามากทีเดียว

"เดี๋ยวพี่ช่วย ต้นเป็นวิศวกร ไปช่วยดูเขาทำฝายดีกว่า อันนี้พี่ยกเอง" นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ทดแทนคอยช่วยดูแลต้น เห็นต้นแบกไม้ไผ่ที่จะเอามาทำฝายด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยถนัดแล้วเขาก็รีบวิ่งมาช่วยทันที ต้นเอ่ยขอบคุณแล้วก็เดินกลับมาช่วยควบคุมการสร้างฝายต่อ เขาได้ใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรมที่เรียนมาช่วยในการทำงานนี้ด้วย


หรือ...

"ต้น...กินน้ำหน่อยไหม จะได้สดชื่น" เวลาที่ต้นเหนื่อยๆ ทดแทนก็จะเอาน้ำมาให้
ต้นรับขวดน้ำมาแล้วก็ดื่ม พอหมดแล้วทดแทนก็บอกว่า

"มา...เดี๋ยวพี่เอาไปทิ้งให้"

ต้นส่งขวดน้ำให้พี่เขาแล้วก็ยิ้มและเอ่ยขอบคุณ


หรือ...

"ต้นจะไปไหน" ทดแทนร้องเรียกเมื่อเห็นต้นเดินออกไปจากกลุ่ม

"ไปยิ่งกระต่ายครับ" ต้นหันมาตอบเขินๆ

"เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน ในป่าแบบนี้มันอันตรายนะ"

ต้นพยักหน้าเพราะเขาก็รู้สึกกลัวๆ อยู่เหมือนกัน เกิดมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอโผล่มาจะได้มีคนช่วย


หรือ...หลังจากที่กลับมาพักที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ถูกจัดไว้ให้อาสาสมัครมานอนแล้ว

"ต้น...ทายากันยุงหน่อยไหม เดี๋ยวยุงกัดเป็นไข้ป่าได้นะ" ทดแทนบอกพลางส่งขวดยาทากันยุงให้ ต้นรับมาแล้วก็ทาตามแขนขา

"กลัวผีเปล่า เดี๋ยวพี่จะได้นอนเป็นเพื่อน"

"คือ..." ต้นไม่รู้จะตอบยังไง ตอนแรกก็ไม่กลัวหรอกแต่พอทดแทนพูดขึ้นมาเท่านั้นแหละก็เลยทำให้เขาคิดและเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจนได้

"กลัวก็บอกมาเถอะ เดี๋ยวพี่มานอนเป็นเพื่อนตรงนี้ ดีไหม"

"อ๋อ...ดีครับ" ต้นตอบพลางยิ้ม

ตลอดสามสี่วันที่ต้นอยู่ที่นี่ ทดแทนก็ได้กลายเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวต้นไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรเขาก็จะคอยมาดูหรือถามตลอดว่าจะให้ช่วยอะไรบ้าง หรือไม่ก็เสนอน้ำใจให้เลยโดยที่ไม่ต้องรอให้ถามหรือขอร้อง

แต่...มันจะช่วยให้ต้นลืมสนได้ไหม คงไม่หรอก ก็แค่ช่วยให้เขาลืมนึกถึงไปชั่วคราวเท่านั้น

---------------------------------------------------

เมื่อกิจกรรมเสร็จสิ้น ต้นก็เดินทางกลับมากรุงเทพ ตอนแรกทดแทนว่าจะมาส่ง แต่พอดีที่บ้านเขาโทรมาให้ช่วยไปทำธุระให้ด่วนก็เลยต้องรีบแยกตัวกลับไปก่อน

เมื่อต้นกลับมาถึงห้องพักก็ต้องแปลกใจเพราะมีใครบางคนมารอเขาอยู่ที่หน้าห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร สนนั่นเอง เขามาที่นี่บ่อยจนต้นให้คีย์การ์ดไปใบหนึ่ง สนจึงสามารถเข้านอกออกในที่นี่ได้อย่างสบาย

สนหันมาเห็นต้นที่กำลังเดินมาพอดี เขายิ้มดีใจแล้วรีบเดินมาหาพลางจะเข้ามาช่วยถือข้าวของที่ต้นถือมาด้วย อันที่จริงต้นเองก็ดีใจที่ได้เจอสน แต่พอนึกถึงเรื่องนั้นต้นก็ได้แต่ทำสีหน้าเรียบเฉย จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะเศร้าก็ไม่เศร้า จะดีใจก็ไม่ดีใจ ดูปนๆ กันอยู่

"เราคิดถึงนาย"

นั่นคือประโยคแรกที่สนพูดหลังจากที่ไม่ได้คุยกับต้นมาเป็นสัปดาห์เศษๆ ฟังจากน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางที่สนแสดงออกมาแล้วต้นก็รู้ว่าสนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ถ้าไม่นับความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้นแล้ว สนก็คือสนคนเดิมที่ต้นเคยรู้จัก ไม่มีลักษณะตรงไหนที่บ่งบอกว่าสนเปลี่ยนไป

ต้นค่อยๆ ส่งของฝากที่เขาแวะซื้อระหว่างทางให้สนช่วยถือ ต่างคนต่างจ้องหน้าและสบตากัน เหมือนแต่ละคนจะมีอะไรหลายอย่างที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอะไรก่อน

นี่เหรอคนไม่น่าสงสาร ใครบอกล่ะ แค่ได้เจอหน้า แค่ได้เห็นแววตาที่ฉายแววเศร้า แค่ได้รับรู้ว่าคนๆ นี้กำลังเจ็บปวดเพียงใด สนก็รู้สึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากจะกอด อยากจะปลอบใจและทำให้คนตรงหน้าคนนี้รู้ว่าเขาทั้งรักและเป็นห่วงมากแค่ไหน

แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะแสดงออกว่ารักและเป็นห่วงแค่ไหน แต่ใครๆ ที่ได้รู้เห็นความสัมพันธ์ของต้นกับสนตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็คงมีคำถามเช่นเดียวว่า สนคิดอะไรอยู่ ทำไมอยู่ดีๆ สนก็มีแฟนทั้งๆ ที่เขาก็ทำเหมือนคอยหวงก้างต้นตลอดเวลา ก็มีแต่สนคนเดียวเท่านั้นที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการกระทำทั้งหมดในครั้งนี้

-------------------------------------------------------------

นึกถึงเพลงนี้ยังไงไม่รู้ครับ น่าจะเข้ากับชีวิตของต้นมากทีเดียว

http://www.youtube.com/v/D5UHnwDqKjw
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 10-06-2012 16:19:32
 :z3: :z3: :z3: :z3:
พี่ทดแทนจะเข้ามาช่วยต้นหรือ
สนน่าสงสารก็จริงแต่  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 10-06-2012 16:45:13
อยากขาคู่ใส่สนเพราะรำคาญมากค่ะ
เรื่องเยอะจริงหมอนี่ -*-
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 10-06-2012 17:14:18
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-06-2012 17:23:22
รอจ้ารอ รีบๆมาต่อนะ :call:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 10-06-2012 17:44:41

เพิ่งกลับมาจากเรียน เห็นเรื่องนี้อัพ ดี๊ด๊า ลั้ลล้า ทันที

สนนี่มันเลือกได้เนอะ จะทำไรมันก็ไม่ผิด สับสน ก็คิดหน่อย ถ้าไม่ใช่ก็ทางใครทางมัน ?

รู้สึกว่าสนจะทำตัวเป็นคนเลือกได้รึเปล่าจ้ะ ไม่สงสารตัวเลือกอย่างต้นบ้างเหรอ หืมม??? แอบหมั่นไส้ !!!


ทดแทน พอ หลังๆจะเป็น เติมเต็มรึเปล่าค่ะ ?

ฮิฮิ อ่านตอนพี่ทดแล้วเขินแปลกๆแทนต้น ปกติเราจะไม่ชอบ บุคคลที่สามเป็นอย่างมาก

แต่อิมเมจพี่ทดแทน อบอุ่นมากๆเลยอ่ะ เหมือนเข้ามาเทคแคร์ต้น ชอบอะ

แต่ไม่เชียร์หรอกนะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่า อีตาสนมันเป้นพระเอกชิ !!!

รู้ตัวเองเมื่อไหร่ก็หัดทำตัวอบอุ่นเหมือนพี่ทดแทนเค้านะย่ะ อีตาพระเอกเลือกได้ !!!


 :m14: :m14: :m14:

+ 1 ค่ะ หมั่นไส้ตาสนมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 10-06-2012 18:12:46
อยากให้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น
∞ ต้นทดแทน ∞
มากครับ - -'' เบื่อตาสนเหลือเกิน 555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-06-2012 19:26:55
เชียร์พี่แทนสุดใจ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 10-06-2012 20:38:43
ขอทดแทนมาแทนสนไปเลยดีกว่าไหม ไม่เอาสนแล้ว ปั่นจั่นด่าเราว่าถูกแล้ว ไม่รักอย่างใที่ต้นรัก
ก็ปล่อยไปซิ อย่าหวงก้างดิ ไม่คิดอย่างต้นก็ปล่อยให้เขามีแฟน อย่าดึงเอาไว้แค่คำว่าเพื่อนรัก
เกลียดสนวะ โง่กับใจตัวเองตลอด
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-06-2012 21:20:59
ถ้าสนจะ "เยอะ" ขนาดนี้เชิญจมอยู่คนเดียวเหอะ ชักจะรำคาญแล้วหล่ะ

เชียร์ต้นกับทดแทน เพราะต้นไม่ใช่ของตายของใคร กับสนปล่อยให้มันเป็นความทรงจำไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 11-06-2012 10:24:07
สนเอ๊ยตกลงจะสับสนอีกนานมั้ย???

เชียร์พี่ทดแทนดีกว่ามั้ยเนี่ย  ช่างแสนดี และอบอุ่น :-[
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-06-2012 13:35:32
สนแม่งเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 11-06-2012 15:49:27
เพราะพ่อแม่หรือว่าอะไร เหมือนสนจะหลุดออกมานิดๆแล้วว่า พ่อแม่อยากได้หลาน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 11-06-2012 16:44:20
สน ช่วยค้นหัวใจตัวเองให้เจอไวๆหน่อยได้มั้ย  :serius2: :serius2: :serius2:
อย่าทำให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเป็นห่วงผูกคอเลย ยิ่งนานไปมีแต่จะเจ็บทุกฝ่าย

เฮ้อออ...แต่ยังไงก็ยังเชียร์สนอยู่นะ ทั้งๆที่สนก็น่าหมันไส้เหลือเกิน แต่ต้นเค้ารักของเค้า รักมานาน..
การเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นชั่วเพียงสัปดาห์เดียว ความเป็นไปได้คงแทบจะเ่ท่ากับศูนย์ ใช่มั้ยต้น...??
การได้รักกับคนที่เรารักมันเป็นความสุขยิ่งอ่ะนะ ต้นรักใครเราเชียร์คนนั้นแล้วกัน

พี่ทดแทนเค้าเริ่มทำคะแนนมาแล้ว (พี่ทดแทนแอบน่ารักอ่ะ หรือจะเปลี่ยนใจมาเชียร์พี่ทดแทนดี)
สนรีบรู้ตัวรู้ใจนะ ก่อนอะไรจะสายเกินไป

ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2:
บวกๆ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
เวอร์ชั่นลงใหม่ แปลกใหม่จริงๆ 
รอตอนต่อไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 11-06-2012 19:43:12
เรียน ทุกท่านที่มาติดตาม (ทางการไปไหม)  :z1:

เนื่องด้วยกระผมได้ติดภารกิจหลายอย่างในช่วงสัปดาห์นี้ ไม่สามารถปลีกเวลามาเขียนนิยายได้

ในการนี้ กระผมจึงใคร่ขออนุญาตจากท่านนักอ่านทั้งหลายเพื่อขอหยุดพักการเขียนนิยายเป็นเวลาตั้งแต่ 2-5 วัน ทั้งนี้ หากกระผมเสร็จสิ้นภาระกิจแล้วจะรีบกลับมาเขียนนิยายต่อโดยด่วน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา จักเป็นพระคุณยิ่ง

Sarawatta
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 11-06-2012 20:40:27
เข้ามารอ  :m15:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 11-06-2012 22:43:58
ถ้าไม่พิจารณาละว่าไงไหม(ล้อเล่น)รอนะค่ะ แต่กลับมาขอตอนที่จุกอกไอ้นายสนไปเลย(แอบซาดิสต์)
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: baspoison ที่ 12-06-2012 00:59:53
อยากอ่านต่อ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 12-06-2012 20:03:51

รับทราบค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 12-06-2012 21:31:31
รับทราบค่ะ รอเรื่องนี้ได้เสมอ
ระหว่างนี้จะกอดต้นรอไปพลางๆก่อน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 13-06-2012 00:01:10
รับแซ่บ ค่ะ 

งัยจะรอเจ้าสน เห็นพี่ทดแทนมาแทนที่ ที่ๆเคยเป็นของนาย  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 23 ¤ คนไม่น่าสงสาร (10-06-2012) ░ ▒ ▓ - ติดภารกิจ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 14-06-2012 00:06:45
แอบเข้ามาอ่าน อิๆ เห็นด่าสนกันใหญ่เลย 55555 สมน้ำหน้ามัน
ชักคันปากอยากบอกอะไรบางอย่างซะแล้ว อิๆ แต่อย่ารู้ตอนนี้เลยครับ ยังไม่ถึงเวลา

------------------------------------------------------

ตอนที่ 24: จูบแรก

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ต้นพาสนเดินเข้ามาในห้องพักเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนจะอึดอัดแต่ก็ยังไม่อึดอัดเสียทีเดียว สนเอาของไปวางให้ต้นไว้บนโต๊ะกลางห้อง ส่วนต้นก็เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้อง สักพักก็กลับออกมา

"กลับมาเหนื่อยๆ อาบน้ำก่อนก็ได้นะต้น เดี๋ยวเราว่าจะออกไปซื้อของแถวๆ นี้มาทำอาหารให้นายกิน นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวเราทำให้" สนพยายามยิ้มเพื่อที่จะแสดงให้ต้นเห็นว่าเขาก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย

ดูเหมือนต้นจะยังคงมีท่าทีระวังตัวและห่างเหินกับสนอยู่บ้าง "ก็...อะไรก็ได้" ต้นทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

สนได้แต่เสียดาย เขานึกว่าต้นจะยิ้มให้แต่ก็กลับทำหน้าเรียบๆ ตามเดิมเสียอย่างนั้น

"ไปเชียงรายสนุกไหม เหนื่อยหรือเปล่า รู้ไหมว่าเราน่ะ...เป็นห่วงนายนะ คิดถึงมากๆ ด้วย หายไปไม่ยอมบอกกันเลย โทรหาก็ไม่ติด เรา...น้อยใจนะ" สีหน้าของสนหม่นลง บ่งบอกว่าเขาน้อยใจจริงๆ

"คือ..." ต้นไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไรเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าสนคงจะพอรู้บ้างว่าทำไมเขาถึงต้องหายไปแบบนั้น

"เอาเถอะ...นายกลับมาก็ดีแล้ว" เหมือนสนจะรู้ว่าต้นลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้ก็เลยตัดบทไป "เดี๋ยวเราไปซื้อของข้างนอกก่อนนะ วันนี้...ถ้านายไม่เหนื่อยจนเกินไป เราจะมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้คุยด้วยหลายวัน เหงาปาก"

ต้นพยักหน้า แต่ก็คิดในใจว่าสนมีแฟนแล้วยังจะมาบอกว่าเหงาปากอีกหรือ สนยิ้มมุมปาก เขาโคลงศีรษะแล้วก็เดินออกไปจากห้อง

ไม่นานนักสนก็กลับเข้ามา ต้นอาบน้ำเสร็จพอดี เขาใส่กางเกงผ้ายืดขายาวสีเทาและเสื้อยืดสีขาว กำลังง่วนอยู่กับการเอารูปจากกล้องถ่ายรูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์ พอเห็นสนเข้ามา ต้นก็เพียงแต่ยิ้มให้ สนยิ้มตอบ ทำท่าเหมือนอยากจะคุยอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เดินเข้าครัวไป ต้นจึงหันกลับมาสนใจกับการเอารูปลงต่อ

พอสนทำอาหารเสร็จแล้วก็เดินมานั่งลงข้างๆ ต้นขณะที่เขากำลังดูรูปเพลินๆ อยู่ "รูปที่ถ่ายตอนไปเชียงรายเหรอ"

ต้นเงยหน้ามามองแล้วก็พยักหน้า

"เราดูด้วยได้ไหม"

ต้นพยักหน้าอีก สนเริ่มนิ่วหน้า

"ใจคอนายจะไม่คุยกับเราเลยเหรอต้น เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือเปล่า" สนถามด้วยอาการน้อยใจ

ต้นหลบตาลงต่ำ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอยู่ใกล้ๆ สนแล้วอึดอัด แล้วก็หันกลับมาสบตากับสนอีกครั้ง สนเห็นแววตาประหม่าของต้นแล้วก็ถอนหายใจ

"ไม่มีอะไรมากหรอกสน เราก็แค่...รู้สึกอะไรของเราไปบ้างนิดหน่อย แต่...เราเข้าใจนะ นายก็ยังเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิม แค่...ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย" ต้นไม่รู้ว่าเขาพูดรู้เรื่องหรือไม่เพราะพยายามที่จะเลี่ยงพูดถึงบางสิ่งบางอย่างจนประโยคไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ก็พยายามยิ้มให้เพื่อนเพื่อไม่ให้สนรู้สึกแปลกแยกจนเกินไป

"ให้เวลาเราหน่อยนะสน" ต้นพูดเมื่อเห็นสนยังคงมองเขาด้วยสีหน้ามีคำถาม สนพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ เป็นรอยยิ้มที่ต้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าสนกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่

"ดูรูปต่อเถอะ เปิดให้เราดูตั้งแต่ตอนแรกๆ เลยได้ไหม" สนรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มดูเศร้า เขายังไม่อยากเข้าไปค้นความรู้สึกบางอย่างของต้นในตอนนี้นัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขายังไม่พร้อมหรือกลัวอะไรบางอย่างกันแน่

ต้นพยักหน้า แล้วก็หันกลับมาสนใจกับการดูรูปต่อพร้อมกับคอยอธิบายว่าแต่ละรูปมีอะไรบ้าง พอได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ค่อยๆ ทำให้กำแพงที่ต้นสร้างขึ้นมากั้นไว้พังทลายลงไปทีละน้อยๆ สนเองก็ดูเหมือนจะพอใจที่เห็นต้นยิ้มมากขึ้น แต่พอดูรูปไปสักพักสนก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า

"พี่คนนี้เขาเป็นใครเหรอ" สนชี้ที่รูปเดี่ยวของพี่ทดแทนที่ต้นกำลังเปิดมาถึงพอดี สนสังเกตเห็นแล้วล่ะว่าต้นกับพี่ทดแทนดูเหมือนสนิทกันจากรูปถ่ายที่เห็นหลายๆ รูป

"อ๋อ...ชื่อพี่ทดแทน เพิ่งรู้จักกัน พี่เขาก็ชอบทำงานพวกอาสาสมัครเหมือนกัน พี่เขาอัธยาศัยดีนะ" ต้นบอกพลางยิ้ม

"อืม...ท่าทางนายจะชอบพี่เขานะ"

"อืม...พี่เขาก็นิสัยดี แล้วก็คอยมาดูแลเราตลอดเลย ถ้าไม่ได้พี่เขาก็แย่เหมือนกันเพราะเราก็ไม่เคยไปอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนั้น  อ้อ...นายว่าชื่อพี่เขาแปลกไหม เราว่าแปลกดี พี่เขาบอกว่าพี่ชายเขาเสียตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่พี่เขาจะเกิด พ่อกับแม่ก็เลยตั้งชื่อพี่เขาว่าทดแทน เพราะจะได้มาทดแทนพี่ชายที่เสียไปไง" ต้นเล่าพลางยิ้ม ไม่ได้สังเกตหรอกว่าสนกำลังคิดอะไรอยู่

"รู้สึกนายจะจำรายละเอียดพี่เขาได้เยอะจัง" น้ำเสียงของสนฟังดูแปลกๆ เมื่อพูดประโยคนี้ จะว่าประชดก็ไม่ใช่ จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง แต่แล้วสนก็เงียบ ปล่อยให้ต้นพาดูรูปอื่นๆ ต่อไปจนหมด

"ต้น..." สนเรียกเบาๆ หลังจากดูรูปจนหมด ต้นปิดโปรแกรมที่ใช้ดูรูปแล้วก็หันมามอง

สนครุ่นคิด เหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร "นาย...เหนื่อยไหม" สนหยุดเพราะรู้สึกประหม่า แต่ต้นก็รอฟังอย่างตั้งใจ

"เหนื่อยหรือเปล่าที่นาย...รักเรามานาน แต่เราไม่ได้รักนายแบบนั้นตอบกลับไป"

ต้นเงียบงันไปกับคำถามนั้น คำถามที่ต้นไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสนจะถาม ส่วนสนนั้นก็ได้แต่สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเพิ่งมาถามคำถามนี้เอาตอนนี้ ที่ผ่านมาตั้งเนิ่นนานทำไมเขาไม่เคยถามหรือคุยเปิดใจกับต้นเรื่องนี้เลย

"บอกเรามาตรงๆ ได้ไหมต้น เราอยากฟังความรู้สึกที่แท้จริงของนาย"

ต้นหลบตาแล้วก็ถอนหายใจ "นายอย่ารู้เลย ไม่มีประโยชน์หรอก เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ล่ะดีแล้ว เราจะพยายามนะ...นายไม่ต้องห่วงหรอก เราจะไม่เรียกร้องอะไรจากนายมากกว่าที่เป็นอยู่ จะไม่ทำให้นายต้องลำบากใจ เพียงแต่ว่า...ตอนนี้...เราก็อาจจะรู้สึกอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไปตามประสาของเรา แต่เราเชื่อว่า...ไม่นานมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม" ต้นหันมายิ้ม แต่ก็ดูเศร้าเสียเหลือเกิน

"แต่เราอยากฟัง ขอให้เรารู้ได้ไหมว่านายคิดอะไร คิดยังไง เราอยากรู้จริงๆ นะต้น อย่างน้อย...ก็จะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของนายมากขึ้น เราอยากรู้...ทุกอย่างที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยถามนาย" สนยังยืนยันเจตนารมณ์เดิม

น้ำตาของต้นค่อยๆ ไหลลงมา ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างเป็นฉากบังไว้ดูเหมือนจะเริ่มสั่นไหวและเตรียมพร้อมที่จะพังลงอีกในไม่ช้าหากได้รับแรงกระทบกระเทือนอีกเพียงเล็กน้อย

"นายจะถามเราทำไมล่ะสน นายรู้จักเรามานานขนาดนี้ นายจะไม่รู้เลยเหรอว่าเรา...คิดอะไรกับนาย รู้สึกอะไรกับนาย และเรา...เจ็บมากแค่ไหน  นายไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเคยเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรายังจะเป็นแค่เพื่อนกัน เราไม่อยากพูดถึงความรู้สึกพวกนี้ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร มันไม่ได้ทำให้เรา...เลิกรักนายได้ แล้วมันก็ไม่ทำให้นาย...รักเราแบบนั้นเหมือนกัน เราไม่อยากทำให้ความเป็นเพื่อนของเราต้องเสียไปเพราะเรื่องนี้ ปล่อยให้เรารู้สึกแบบนี้ไปคนเดียวเถอะ นายก็ใช้ชีวิตของนายไปตามอย่างที่นายต้องการ ส่วนเรา...ก็จะหาวิธีที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับนายต่อไป ไม่ให้นายต้องลำบากใจหรอก เราสัญญา..." ต้นพูดพลางสะอื้นให้ กำแพงที่กั้นไว้ตอนนี้พังทลายลงจนไม่เหลือสิ้น

"ต้น...พูดมาให้หมดได้ไหม" ดูเหมือนสนเองก็จะมีอาการไม่ต่างกัน น้ำตาของเขาก็เริ่มปริ่มที่ขอบตา

ต้นสบตากับเพื่อน เขาผูกพันกับผู้ชายคนนี้มานานเหลือเกิน ถึงจะทำให้เขาเจ็บแค่ไหนแต่ต้นก็ไม่เคยเลิกรักได้เลย "เรารักนายนะสน รักมาก...นายได้ยินใช่ไหม นายรู้ใช่ไหม" ต้นโผเข้ากอดเพื่อนแน่น แม้จะบอกว่าไม่อยากพูด แต่อารมณ์ของต้นตอนนี้ก็เริ่มหยุดไม่อยู่

"เรารู้..." สนกอดเพื่อนตอบ แล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา

"แต่เรา...ก็ไม่รู้ว่าเรารักนายมานานเกินไปหรือเปล่า"

"นายหมายความว่าไงต้น..."

"ก็...เราคิดว่า...มันคงจะถึงเวลาที่เรา...ควรจะต้องตัดใจ ที่ผ่านมา...เราไม่เคยห้ามใจตัวเอง เรารัก...เพราะเราอยากรัก แต่ตอนนี้...เราไม่อยากให้ความรักของเราทำให้นายลำบากใจ เรา...เหนื่อยที่จะเจ็บกับเรื่องนี้"

"นายจะเลิกรักเราเหรอต้น" สนถามเสียงแหบพร่า ใจหายที่รู้ว่าต่อไปนี้ต้นจะไม่ได้รักเขาแบบนั้นแล้ว

"มันจะดีกว่าไหมล่ะสน ถ้าเรา...จะเหลือแค่ความเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันจริงๆ ที่ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ตอนนี้เราอยากให้มันเป็นแบบนั้น เรากับนาย...จะไม่ได้ต้องเป็นแบบนี้อีก เราจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเวลาที่นายมีคนอื่น ไม่ต้องคอยหลบหน้า นายเองก็จะได้ไม่ต้องห่วงเรา ถ้าเป็นไปได้...เราก็อาจจะมีใครสักคนที่เขาจะรักเราแบบนั้นได้"

ดูเหมือนสนจะตกตะลึงและนิ่งเงียบไปกับความคิดนั้นของต้น พอเอาเข้าจริงๆ สนก็รู้สึกหวงแหนความรู้สึกนั้นที่ต้นมีให้เขา เขาไม่ได้อยากให้มันเปลี่ยนเลย แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นเขาก็คงจะเห็นแก่ตัวมาก เขากักขังต้นมานานมากพอแล้ว เขาควรจะปล่อยต้นเป็นอิสระและมีโอกาสเสียที

"แล้วแต่นายละกันนะ...แต่เรา...ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่ว่านายจะรู้สึกกับเราแบบไหน แต่เราก็เข้าใจความทุกข์และความเจ็บปวดของนายนะ เราก็ไม่อยากให้นายเป็นแบบนี้" สนตอบ

ต้นค่อยๆ ผละตัวออกอย่างช้าๆ เขาหยุดสะอื้นแล้วแต่ก็ยังคงมีคราบน้ำตาอยู่เต็มใบหน้า

"สน..." ต้นเรียกเสียงเบา ดูเหมือนว่าคราวนี้ต้นจะคิดหนักกับสิ่งที่เขากำลังจะถามต่อไปนี้

"หือ"

"นาย..." ต้นอึกอัก หันหน้าหนีไปสักพัก จากนั้นก็หันกลับมามองสนตามเดิมด้วยแววตาประหม่า "นายรักเราแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เหรอ" ต้นตัดสินใจถามออกไป

แต่พอเห็นสนนิ่งอึ้งและเงียบไปต้นก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาอาจจะกดดันเพื่อนมากไปเสียแล้ว "ขอโทษ...ลืมมันไปเถอะ คิดเสียว่าเราไม่ได้ถามอะไรละกันนะ"

ต้นยังไม่ทันจะพูดจบด้วยซ้ำ สนก็ดึงเขามาจูบ ต้นตกใจและขัดขืนในตอนแรก แต่สัมผัสที่อบอุ่นแปลกใหม่นั้นก็ฉุดให้ต้นค่อยๆ ถลำเข้าไป เขาเริ่มตอบสนองต่อสัมผัสนั้นมากขึ้น ต้นกอดเพื่อนไว้แน่นเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง สักพักสนก็หยุด ทั้งต้นและสนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทั้งคู่ดูสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทันและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ก็ทำให้สนตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่ารสจูบของเขากับต้นเป็นสิ่งที่หอมหวานอ่อนละมุนมากเพียง เป็นสัมผัสที่น่าหลงไหลที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

"กินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน" สนเริ่มพูดเป็นคนแรกหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน

ต้นก้มหน้า จะว่าเป็นเพราะเขินก็ไม่ใช่ จะว่าตกใจก็ไม่เชิง แถมยังมีอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ตีกันสับสนไปหมด ต้นจึงได้แต่พยักหน้า


ในขณะที่นั่งกินข้าว ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนสนจะคอยมองหน้าต้นอยู่เกือบตลอดเวลา จริงๆ แล้วสนรู้สึกมานานแล้วล่ะว่า ไม่ว่าต้นจะทำอะไรก็ดูน่ารัก กินข้าวก็น่ารัก ยิ้มก็น่ารัก แม้กระทั่งเศร้าก็ยังน่ารัก

"รู้เปล่าว่าตอนนี้เจ้านายเราน่ะ...จะขึ้นเงินเดือนให้เราอีกแล้วนะ เราก็เลยว่า...จะผ่อนรถสักคัน เผื่อเอาไว้พานายไปหาพ่อกับแม่" สนชวนคุยหลังจากที่เงียบกันมานาน

ต้นพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับสน สนก็เลยเดาเอาว่าต้นคงจะเขินนั่นเอง อย่าว่าแต่ต้นเลย เขาเองก็เขินเหมือนกัน

"นายไม่อยากมีรถสักคันมั่งเหรอต้น" สนพยายามชวนคุยเพื่อจะให้ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาให้ได้

"ยังหรอก...เราไม่ชอบขับรถ เรากลัวอุบัติเหตุ" ต้นตอบเสียงเบาๆ เหมือนพูดอยู่คนเดียว

"อะไรนะ เมื่อกี้นายพูดอะไร"

นั่นแหละจึงทำให้ต้นยอมเงยหน้าขึ้นมามองสน "เรากลัวอุบัติเหตุน่ะ ก็เลยไม่อยากขับ" ต้นพยายามสบตากับเพื่อนเพื่อให้ดูเหมือนปกติที่สุด

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขับให้ ถ้าเรามีรถแล้ว นายอยากไปไหนก็บอกนะ เราจะพานายไปทุกที่ที่นายอยากไป"

"แล้วแฟนนายล่ะ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ" ต้นถามไปตามประสา แต่ก็เล่นเอาคนถูกถามอึ้งไปเหมือนกัน

"แฟนก็ส่วนแฟนสิ ส่วนนาย...เป็น...เอ่อ..." สนชักเริ่มไม่มั่นใจว่าจะใช้คำว่าเพื่อนดีไหมเพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะใช้คำว่าเพื่อนเสียแล้ว แต่เขาก็คงจะพูดคำอื่นนอกจากนี้ไม่ได้ในตอนนี้ "นายเป็นเพื่อนเรา ทำไมเราจะพานายไปไหนไม่ได้ล่ะ เขาไม่ได้ห้ามซะหน่อยว่ามีแฟนแล้วห้ามไปกับเพื่อน" สนพูดเสียงเบาตอนท้าย

"กับข้าวอร่อยไหม" สนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย พอคุยมาถึงเรื่องแฟนแล้วสนกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดเรื่องนี้เวลาอยู่กับต้น

"อร่อยสิ อร่อยทุกอย่างเลย" ต้นยิ้ม ความประหม่าเขินอายเมื่อสักครู่นี้เริ่มหายไปบ้างแล้ว

"ไว้วันหลังเราจะทำแกงผักกาดจอให้นายกินนะ" สนบอกอย่างอารมณ์ดี ต้นก็ยิ้มอารมณ์ดีเช่นกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แม้ว่าเหตุการณ์ระหว่างเขากับสนตอนนี้จะดูเครียด แต่เวลาอยู่ด้วยกันแล้ว ต้นกับสนก็จะมีความสุขเสมอ พอได้คุยกันแล้ว พอได้ยิ้มให้กันแล้ว สุดท้ายเขาสองคนก็จะลงเอยด้วยความรู้สึกดีๆ และกลับมาดูแลกันเหมือนเดิม

ก่อนจะนอน สนก็ล้มตัวลงนอนบนตักของเพื่อนแล้วเหยียดขานอนอย่างสบายใจ พร้อมกับชวนคุยอย่างอารมณ์ดีว่า

"มีความสุขจังเลยได้กลับมานอนคุยกับนายเหมือนเดิมเสียที นายรู้ไหมว่า...นายเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุดในโลกเลย"

"ขนาดนั้นเลยเหรอ" ต้นทำสีหน้าไม่เชื่อ

"จริงสิ เราเคยโกหกนายเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ เห็นไหมว่าเราเป็นเพื่อนกันมาได้ตั้งนาน นายรู้ไหมว่าถ้าเป็นคนอื่นนะ ทะเลาะกันไม่กี่ครั้งก็เลิกคบกันแล้ว ไม่รู้สิ...เราอยู่กับนายแล้วสบายใจ อยากคุยอะไรก็ได้ อยากจะหัวเราะ อยากจะร้องไห้ อยากจะดีใจ เศร้าใจ เราก็ทำได้หมด"

'แล้วนายมีแฟนทำไมล่ะสน' ต้นได้แต่ถามในใจ แต่แล้วก็สรุปเอาเองว่าเป็นเพราะเพื่อนกับแฟนไม่เหมือนกัน ไม่สามารถทดแทนกันได้เพราะต่างก็มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน ปฏิบัติต่อกันต่างกัน เอ...แล้วมีเพื่อนกันที่ไหนบ้างไหมที่เขาจะ...จูบกันเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำนี้ สนทำให้ต้นต้องกลับมาสับสนและฟุ้งซ่านอีกแล้ว

-----------------------------------------------------------

ดูเหมือนว่าปั้นจั่นจะเป็นฟืนเป็นไฟทีเดียวที่พอคุยกันไปสักพักแล้วต้นก็บอกว่าสนมาหาเขาที่คอนโดและได้คุยกันแล้ว

"ไปยอมมันง่ายๆ แบบนั้นทำไมวะต้น" เสียงจากอีกปลายสายบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์

"เฮ้ย สนเป็นเพื่อนกูนะเว้ย โกรธกันนานไม่ได้หรอก" ต้นแก้ตัว แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว

"รู้...แต่มึงต้องสั่งสอนมันหน่อยสิวะ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ยอมมัน มันก็ได้ใจสิ ถึงได้ทำมึงเจ็บอยู่ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว" ปั้นจั่นเถียง

"สั่งสอนยังไงวะ สั่งสอนเรื่องอะไร" ต้นงง

"ก็ปล่อยให้มันคิดถึงมึงมากๆ ให้มันทุรนทุรายมากๆ ไง ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครสำคัญที่สุดสำหรับมัน"

"กูก็สำคัญสำหรับสนอยู่แล้วไง สนก็ให้ความสำคัญกับกูเหมือนเดิมนะ แต่กูก็เข้าใจว่ากูไม่ใช่แฟนสน แทนกันไม่ได้หรอก"

"เฮ้ยต้น...กูถามมึงจริงๆ เถอะ มึงไม่รู้สึกบ้างหรือไงวะว่าบางทีไอ้สนน่ะ มันก็คิดอะไรกับมึงเกินเพื่อน กูรู้สึกอย่างนั้นมาตลอดนะเว้ย"

"กูก็เคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้...มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าสนมีแฟนแล้ว มันก็น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างแล้วนะ พอเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย ยังไงกูกับสนก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันนั่นแหละ มึงอย่ามาทำให้กูเพ้อฝันอีกเลย กูไม่อยากเจ็บอีก"

"โห...ทำอย่างกับมึงตัดใจจากมันได้ง่ายๆ เลยนะไอ้ต้น มึงทำได้เหรอวะ"

ช่างเป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาและแทงใจดำเสียจริงๆ "คือ..."

"มึงทำไม่ได้หรอกไอ้ต้น มึงรักมันมากี่ปี ถ้าทำได้ก็คงทำได้ไปนานแล้วล่ะ" ปั้นจั่นพูดดักอย่างรู้ทันและอ่านได้ขาดทีเดียว "ที่กูกำลังจะบอกมึงก็คือ...หัดเล่นตัวซะบ้าง ให้ไอ้สนมันทรมานเหมือนมึง แล้วมันก็จะรู้เองล่ะว่า...มันรักใครกันแน่ ไม่รู้สิ...กูว่าที่มันมีแฟนคราวนี้ดูแปลกๆ นะเว้ย"

"แปลกยังไงวะ" ต้นขมวดคิ้ว เขาก็ไม่เห็นสนกับนาจะมีอะไรให้น่าสงสัยเลย

"ไม่รู้จริงๆ ว่ะ แต่กูว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ผ่านมามันคอยหวงก้างมึงมาตลอด อยู่ดีๆ พอจบออกมาก็ดันมีแฟนเป็นผู้หญิงซะนี่ กูก็นึกว่ามันจะเปิดเผยความในใจแล้วก็ขอคบมึงเป็นแฟนแล้วซะอีก"

"บ้าน่า...พอเถอะปั้นจั่น กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว หยุดเถอะ อย่าพากูฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เลย"

"ไม่เชื่อก็คอยดู แต่ว่ากูขออีกนิดละกัน"

"อะไรวะ"

"กูอยากให้มีงมีแฟนว่ะต้น กูว่านี่เป็นวิธีเดียวนะเว้ยที่จะทำให้ไอ้สนมันยอมรับความจริงว่ามันคิดอะไรกับมึงอยู่ มึงจำพี่ปิ๊กได้ไหม ตอนนั้นกูยังคิดเลยนะเว้ยว่าถ้าพี่ปิ๊กเขารุกต่อจนจีบมึงเป็นแฟนสำเร็จ มึงอาจจะได้รู้อะไรบางอย่างจากไอ้สนไปแล้วก็ได้ ตอนนี้มีใครมาชอบมึงบ้างไหมต้น"

ต้นเริ่มคิดตาม แต่เขาก็ยังกลัวๆ อยู่เหมือนกัน "ถ้าเกิดว่าสนไม่ได้คิดกับกูแบบนั้นล่ะ มันไม่จะสร้างปัญหาเพิ่มเหรอวะ ถ้าเกิดกูมีแฟนขึ้นมาจริงๆ คนอื่นๆ ก็ต้องมารับเคราะห์กรรมที่เขาไม่รู้เรื่อง ถ้าเกิดคนนั้นเขาเกิดชอบกูขึ้นมาจริงๆ ล่ะ กูจะต้องเป็นคนไปหักอกคนอื่นเพียงแค่ต้องการอยากจะพิสูจน์ใจสนเท่านั้นเหรอวะ กูว่าไม่ดีมั้ง"

สิ่งที่ต้นพูดก็น่าคิดทีเดียว ทำไมต้นถึงจะต้องไปดึงคนอื่นๆ เข้ามาเจ็บด้วย เจ็บแล้วก็คงไม่ได้ใจต้นไปหรอก

"เอางี้ละกัน มึงบอกกูมาก่อนว่า...ตอนนี้พอจะมีใครที่น่าจะมาชอบมึงบ้างไหม ถ้าไม่มีกูจะหามาให้ ไม่รู้ว่ะ ก็เห็นไอ้สนมันมีแฟนอย่างหน้าตาเฉยแล้วกูรับไม่ได้ว่ะ กูอยากจะเอาคืนจริงๆ" ปั้นจั่นพูดราวกับตัวเขาเป็นคนถูกสนทำร้ายจิตใจเสียเอง

"เฮ้ยพอเลย มึงไม่ต้องหาใครมาให้กูเลย เดือดร้อนคนอื่นเปล่าๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไร" ต้นรีบร้องห้าม

"เออๆ ตอบกูมาก่อนละกันว่าพอจะมีใครมาชอบมึงบ้างไหมตอนนี้ หญิงหรือชายก็ได้" ปั้นจั่นตัดบทเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ

"ยังไม่มีหรอก" ต้นบอก เขายังไม่ได้นึกด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วพี่ทดแทนก็เริ่มแสดงอาการแปลกๆ กับเขาเหมือนกัน "แต่ตอนนี้กูก็คิดเหมือนกันว่า...ถ้ามีใครสักคนที่เขาดีกับกู แล้วกูพอจะรักได้ กูก็อยากจะลองเปิดใจดู บางที...การที่กูกับสนเหลือแค่ความเป็นเพื่อนกันก็น่าจะดีกว่า มึงว่าไหม"

"เออ...ถ้ามันได้อย่างนั้นมันก็คงดีอยู่แล้วล่ะ แต่ปัญหาก็คือว่า...พวกมึงจะโกหกความรู้สึกของตัวเองไปได้นานแค่ไหนเท่านั้นแหละ ถ้าทำได้ก็ทำไป"

ปั้นจั่นชักเริ่มรำคาญ แต่ก็รู้ว่าสองคนนี้ไม่เคยโกรธกันนาน ปรับความเข้าใจนิดหน่อยก็กลับมาเหมือนเดิมได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็อยากให้ต้นสั่งสอนสนให้เข็ดจริงๆ เขาอยากแก้มือมาตั้งแต่คราวนั้น คราวนี้คงจะต้องทำอะไรสักอย่างบ้างให้ได้ ไม่งั้นชีวิตเขาคงจะเป็นสุขได้ยาก เขาต้องช่วยต้นให้ค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของสนให้ได้ อืม...แต่ว่า...สนมันสับสนจริงหรือเปล่านะ มันจะไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันรู้สึกยังไงกับต้นกันแน่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วมันยังสับสนอยู่อีกเหรอ สนกำลังทำอะไรของมันอยู่กันแน่นะ ปั้นจั่นชักสงสัย

------------------------------------------------------

"สวัสดีครับต้น จำเสียงพี่ได้ไหม"

เสียงตามสายที่ทักมาอย่างอารมณ์ดีนั้นทำให้ต้นยิ้มได้เลยทีเดียว

"จำได้ครับพี่แทน สบายดีนะครับพี่" ต้นพูดอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน ตั้งแต่กลับมาจากเชียงรายคราวนั้น ทดแทนก็หายไปเกือบเดือน ต้นนึกว่าเขาคงจะลืมต้นไปแล้วเสียอีก

"สบายดีครับ ต้นล่ะ"

"สบายดีครับ ช่วงนี้ก็งานยุ่งนิดหน่อยครับ สงสัยจะได้ออกไปไซต์ต่างจังหวัดอีกแล้ว"

"อ๋อ...เหรอครับ คงไม่ใช่ไปวันเสาร์นี้หรอกนะ"

"อ๋อ...ไม่เร็วขนาดนั้นครับพี่ ว่าแต่ว่า...วันเสาร์นี้มีอะไรหรือเปล่าครับ" ต้นลุกออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วก็เดินหลบออกไปข้างนอกเพื่อไม่ให้เสียงคุยกันรบกวนสมาธิเพื่อนร่วมงาน

"ก็...เห็นต้นบอกว่าถ้ามีงานอาสาสมัครอะไรก็ให้บอก พอดีนึกได้พี่ก็เลยโทรมาชวน พอดีวันเสาร์นี้จะไปช่วยขุดลอกคลองในวัดที่นครปฐม ต้นอยากไปร่วมด้วยไหม ตอนนี้พี่หาคนได้ประมาณ 5-6 คนแล้วล่ะ"

"ได้เลยพี่ ไปวัดไหน กี่โมงครับ"

ทดแทนบอกชื่อวัด วัน เวลา สถานที่นัดหมายกัน คุยกันสักพักจึงได้วางสายไป

แต่เรื่องที่ต้นจะไปทำงานอาสาสมัครก็รู้ถึงหูสนด้วย ต้นเป็นคนบอกเขาเอง ก็ดูเหมือนสนจะไม่ได้สนใจเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขากำลังง่วนอยู่กับการดูรถที่จะซื้ออยู่ พอบอกแล้วสนก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้

สนได้รถมาใหม่ก็เป็นวันเดียวกับที่ต้นไปทำงานอาสาสมัครพอดี สนขับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่นครปฐมแต่ไม่ได้พานามาด้วยเพราะเขายังไม่อยากเปิดตัวแฟนให้พ่อกับแม่รู้ตอนนี้ ขากลับ สนนึกได้ว่าต้นเองก็มาทำงานอาสาสมัครอยู่ที่วัดซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก จึงขับรถไปที่วัดนั้นเพื่อจะรับต้นกลับด้วย แต่ก็ไม่ได้โทรไปบอกต้นเพราะอยากให้ต้นประหลาดใจ

สนหาที่จอดรถในวัดได้แล้วสนก็ถามหากลุ่มอาสาสมัครที่มาทำงานกับคนแถวนั้น พอรู้แล้วสนก็รีบตามไปอย่างไม่รอช้า ไม่นานนักก็เดินมาเจอบริเวณที่อาสาสมัครกำลังทำงานขุดลอกคูคลองกันอยู่ เขาสอดส่ายสายตามองหาไม่นานก็เจอต้น ตอนนี้ต้นกับกลุ่มอาสาสมัครกำลังนั่งพักกันอยู่บนริมฝั่งคลอง เนื้อตัวแต่ละคนมอมแมมเล็กน้อย

สนไม่ได้เดินเข้าไปหาต้นทันที เขาเห็นต้นนั่งชันเข่าคุยกับผู้ชายคนนั้นที่เขาเห็นในรูปอยู่สองคน ห่างจากอาสาสมัครคนอื่นๆ พอสมควร สนจึงยืนสังเกตอยู่บนศาลาวัดอย่างเงียบๆ และครุ่นคิด ท่าทางต้นกับผู้ชายคนนั้นดูสนิทกันมากจริงๆ เสียด้วยสิ สนิทจนทำให้สนรู้สึกกลัว

สนยืนดูสักพักจึงเดินไปหาต้นเพื่อแสดงตัวให้เห็น ดูเหมือนต้นจะตกใจที่เห็นสนมา เขารีบลุกขึ้น ปัดแข้งปัดขาแล้วก็ขอตัวเดินมาหาสนทันทีด้วยอาการดีใจ

"สน...มาได้ไง"

"เราไปเยี่ยมพ่อกับแม่มา ไปหาพ่อกับแม่นายมาด้วยนะ ขากลับก็เลยแวะมารับนายด้วยซะเลย" สนพูดพลางชูกุญแจรถให้ต้นดู

"นายซื้อรถแล้วเหรอ"

สนพยักหน้า "ใกล้เสร็จหรือยัง"

"อืม...กำลังนั่งพักกันอยู่ ว่าจะกลับแล้วล่ะ ว่าแต่...ขากลับนายพาเราไปหาพ่อกับแม่หน่อยได้ไหม แป๊บเดียว...ไม่นานหรอก เราอยากไปหาพ่อกับแม่" ต้นถามอย่างเกรงใจ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนต้นก็ยังเกรงใจอยู่ดี

"เราบอกนายแล้วไง จะไปไหนให้บอกเรา เดี๋ยวเราพาไป ไม่มีปัญหาหรอก" สนบอกพลางยิ้ม

"ขอบใจนะ อ้อ...เดี๋ยวเราพานายไปรู้จักกับพี่แทนดีกว่า คนนี้แหละที่นายเห็นในรูป" ต้นบอกพลางหันไปมองคนที่เขาพูดถึงซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม สนหันไปมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ต้นพาสนเดินไปหาคนที่เขาเพิ่งพูดถึง ทดแทนเห็นสนเดินมากับต้นแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนพลางยิ้มให้ แต่สนกลับทำสีหน้าเรียบเฉย

"พี่แทนครับ นี่สนเพื่อนผมครับ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านผมกับสนก็อยู่ไม่ไกลจากนี่ครับ พวกเราเป็นเด็กนครปฐมนี่แหละ แต่ว่าสนเขาย้ายมาจากน่านครับ" ต้นแนะนำอย่างภูมิใจ

"สวัสดีครับ" สนยกมือไหว้เพราะเข้าใจว่าฝ่ายนั้นคงอายุมากกว่า

"หวัดดีครับ" ทดแทนรับไหว้ "เป็นคนเหนือเหรอครับ แม่ผมก็เป็นคนเหนือ อยู่พะเยา ผมก็เคยอยู่ที่นั่นตอนเด็กๆ ผมชื่อทดแทนนะครับ เรียกสั้นๆ ว่าแทนก็ได้ครับ" ทดแทนยิ้มอารมณ์ดี เพราะนี่เป็นบุคลิกที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของเขา

"อ๋อครับ..." แต่สนก็แอบคิดว่า จะบอกทำไม ไม่เห็นอยากรู้เลย

"พอดีผมมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่นครปฐมครับ ก็เลยแวะมารับต้นกลับกรุงเทพด้วยกัน" สนบอก "ไปต้น จะกลับหรือยัง" สนหันไปถามเพื่อนรัก

ต้นทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะรู้สึกเกรงใจคนอื่นๆ ที่จะต้องกลับก่อน "กลับตอนนี้เลยเหรอ"

"อืม...เดี๋ยวเราต้องพานายไปหาพ่อกับแม่ด้วย ถ้าไปช้าเดี๋ยวจะกลับกรุงเทพค่ำนะ" จริงๆ แล้วนั่นก็เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหลักจริงๆ คือพอสนเห็นต้นสนิทกับทดแทนแล้วเขาก็ไม่อยากให้ต้นอยู่กับผู้ชายคนนี้มากนัก

"ไปเถอะต้น กลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกเราก็จะกลับแล้วล่ะ ไม่ต้องเกรงใจ" ทดแทนรีบบอกเมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของต้น

"เอ่อ..." ดูเหมือนต้นจะยังลังเลอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากให้สนคอยนาน "ถ้างั้นผมลาเลยละกันนะครับพี่ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องกลับก่อน เอาไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะครับ สวัสดีครับพี่" ต้นยกมือสวัสดี แต่ทดแทนกลับอ้าแขนแล้วก็กอดต้นเสียอย่างนั้น เขาตบหลังต้นเบาๆ

"ขอบใจมากนะต้นที่มาช่วย ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้วล่ะ" ทดแทนบอกพลางหันไปสบตากับสนที่ยืนตกใจที่จู่ๆ ทดแทนก็มากอดต้นให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้

"ครับพี่" ต้นตอบอย่างงงๆ แต่ก็เข้าใจว่าผู้ชายทั่วไปที่ชอบพอถูกคอกันก็คงกอดกันเป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะมีอะไรอย่างอื่นแอบแฝง แต่ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนรักของเขากำลังรู้สึกไม่พอใจพี่ทดแทนอยู่ในตอนนี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 14-06-2012 00:54:25
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 14-06-2012 01:09:24
พี่ทดแทนสู้ๆ น้องต้นทำให้สนหึงเยอะๆ เลย
ชอบทำให้น้องต้นเสียใจอยุ่เลย เคืองแทน เอิีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 14-06-2012 06:50:08
เลดี้คิดเหมือนปั่นจั่น สนต้องมีอะไรแอบแฝงในการคบกับนา และเรื่องอาการสับสน
เราว่ามันคงหายไปนานแล้ว ควรรู้ใจตัวเองได้นานแล้ว เพราะมีเวลานานเนิ่นที่อยู่ใกล้สน
คงเข้าใจอาการเเแปลของตัวเองบ้างละ ถ้ไม่ถึงกะดง่อะนะ หรือมึน บื้อไอ้ที่มาจูบต้น
ก็พอบอกนายสนแล้วว่า เขาคิดกะต้นมากกว่าเพื่อนปรกติ เฮ่อ!เมื่อไหร่สนจะรู้ใจตัวเองหว่า
พี่ทดแทนรุกเลย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 14-06-2012 07:17:33
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 14-06-2012 09:59:20
ไม่ว่าสนจะมีเหตุผลอะไรในการมีแฟน  แต่ไม่ควรทำร้ายจิตใจคนอื่น
ไม่มีสิทธิ์หึง หวงต้นกับใครทั้งนั้น  เปิดโอกาสให้เพื่อนเหมือนกับที่เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 14-06-2012 10:58:30

สนเป็นเชรี่ยมอะไรนักหนา ว่ะ ?

แอบเขินจูบแรก >< สนมันด้านดีจริงๆเนอะ
ไปจูบเค้าแลช้วยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้

อิอิ

พี่ทดแปทนจะคาบต้นไปแดกแล้วค่ะพี่สนนน

รู้ใจตัวเองไวไวสักที !!!!

 :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 14-06-2012 11:26:13
ขอโทษนะคะ ขอด่าต้นหน่อยเถอะไม่ไหวละ ค-ายจริงๆ เขาทำขนาดนี้แล้วยังโง่ยอมอยู่อีก ทำไมไม่เปิดใจให้คนใหม่สักที ให้คนอื่นช่วยดามใจให้จะได้ลืมๆไอ้สวะสนไปซะ...แฮะๆๆๆ ก็มันอินอ่ะเลยหยาบคายไปนี๊ดนึง บีบหัวใจจนน้ำตาแตกทุกที ประหนึ่งว่าเป็นเรื่องตัวเองซะงั้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-06-2012 12:22:40
ถึงสนจะรักต้น แต่เป็นคนลังเลแบบนี้อนาคตจะมีความสุขตลอดอ่ะยากกกก เก็บไว้เป็นเพื่อนนั่นแหละดีแล้วไปรักกับคนที่เค้ารักเราและไม่ลังเลดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-06-2012 15:00:56
ก็น่าจะคิดแหละ
แต่ขอตบซักที แล้วโดดถีบขาคู่ได้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 14-06-2012 15:49:53
 :L2: :L2: :L2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 14-06-2012 15:51:57
ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดในการที่สนมีแฟน

แต่อยากบอกว่าสนโคตรเห็นแก่ตัว

พี่แทนจีบต้นให้ติดเลย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 14-06-2012 16:34:59
สนเผลอตัวเผลอใจจูบต้นจนได้ สนชักติดใจต้นขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ สับสนอยู่นั่น อะไรของแกเนี่ย สน  :serius2: :serius2:
เพื่อนน่ะเค้าไม่ชมเพื่อนผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักหรอกนะ แหม่ๆมีคิดไปว่าต้นทำอะไรก็น่ารักไปหมด คิดไปไกลนะสนนะ
และที่สำคัญเพื่อนกันเค้าไม่ "จูบปาก" กันนะเฟ้ย ไม่ว่าจะเพศไหนก็เถอะ เข้าใจม๊ายยย?? :angry2: :angry2:
แต่ยังไงก็เอาใจช่วยสนให้ค้นใจตัวเองเจอไวๆนะ คนอ่านลุ้นซะเหนื่อยแล้วเนี่ย....

พี่ทดแทน....แอบออกตัวแรงส์...นะคะ มีกอดต้นโชว์สนต่อหน้าต่อตาด้วย แรงดีอ่ะ ชอบๆๆๆ :kikkik: :kikkik: :kikkik:
คาดว่าพี่ทดแทนต้องรู้สึกว่าสนหวงต้นแน่ๆเลย เลยจัดหนักให้เห็นซะ รึเปล่าหว่า????

บวกๆ ขอบคุณนะคะ
รอตอนต่อไปค่าาา :myeye: :myeye: :myeye:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 14-06-2012 18:41:29
 :angry2: จัดเต็มเลยพี่ทดแทน !! หมั่นไส้สน 5555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2012 20:17:52
รอจ้า รอๆ ^0^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 15-06-2012 10:01:23
สนจะจูบต้นมัยล่ะ  ทั้งที่ตัวเองบอกแค่เพื่อน

ทำให้ต้นตัดใจลำบากอีก  :เฮ้อ: 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 15-06-2012 13:11:22
เซ็งกับสนจริง  สนนี่ชื่อจริง นายสับสนรึป่าวเนี่ย ??

พี่แทนมาจีบให้ไวเลยค่ะ  ตอนนี้ต้นต้องการกำลังใจ  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 15-06-2012 20:45:51
เซ็งกับสนจริง  สนนี่ชื่อจริง นายสับสนรึป่าวเนี่ย ??

พี่แทนมาจีบให้ไวเลยค่ะ  ตอนนี้ต้นต้องการกำลังใจ  :z2:
เห็นด้วย อยากให้สนรู้ใจตัวเองได้สักที ขอตอนต่อไปแบบจัดหนักๆให้นายสนเขากระอักเลย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 24 ¤ จูบแรก (14-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-06-2012 00:01:42
ตอนนี้พี่ทดแทนกำลังเริ่มทำคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ
แอบสงสารสนเหมือนกัน วันอื่นๆ ไม่เป็นไร แต่วันนี้ขอให้สนเขาเถอะ
เขารักและผูกพันของเขามานาน วันนี้อย่าแย่งสนเลยนะพี่ทดแทน

----------------------------------------------------------

ตอนที่ 25: ทดแทน แทนใจ แทนกาย

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

สนพาต้นมาที่รถที่จอดอยู่ เขาเปิดประตูรถให้ต้นเข้าไปนั่งข้างหน้าคู่กับเขา จากนั้นก็เดินอ้อมมาอีกด้าน เปิดประตูรถเข้าไปนั่งคู่กับต้น พอนั่งเรียบร้อยแล้วสนก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาเสียบเข้าที่ล็อก

"สวยเหมือนกันนะ แพงหรือเปล่า" ต้นถามพลางหันไปมองรอบๆ เพื่อสำรวจรถที่สนเพิ่งซื้อมาใหม่

"ไม่แพงหรอก ก็เท่าที่คนอย่างเราจะมีปัญญาหาได้นั่นแหละ" สนตอบพลางยิ้ม พอเห็นต้นไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรภัยสนก็เอื้อมมือไปหยิบสายเข็มขัดตรงที่นั่งของต้นให้ พอทำแบบนี้ก็ทำให้ใบหน้าของสนอยู่ใกล้กับต้นมากทีเดียว

ต้นเห็นสนเคลื่อนตัวมาใกล้ขนาดนี้ก็ตกใจ นี่สนกำลังจะทำอะไรนะ... หรือว่า...จะทำเหมือนวันนั้น ต้นรีบยกมือมาปิดปากไว้ทันที

"เป็นอะไรต้น" สนถามด้วยความสงสัย

ต้นส่ายหน้า มือยังปิดปากไว้อยู่และตัวแข็งทื่อ สนเหมือนจะรู้แล้วว่าต้นกลัวอะไร เขายิ้มและหัวเราะเบาๆ ชอบใจ

"คาดเข็มขัดด้วย" สนว่าพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาเสียบกับที่ล็อกให้แล้วก็เคลื่อนตัวออก ต้นก็เลยดูโล่งใจมากขึ้น แต่ก็ยังมีท่าทางระแวงอยู่ สนเห็นแล้วก็อดขำปนเอ็นดูไม่ได้ จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่เขาจูบต้น เขาก็คิดถึงรสจูบนั้นแทบตลอดเวลา ไม่คิดว่ามันจะหอมหวานและตราตรึงใจขนาดนี้ เป็นจูบแรกที่แสนประทับใจจริงๆ

"กลัวขนาดนั้นเลยเหรอต้น"

ต้นรีบส่ายหน้า "เปล่านี่"

"เปล่าอะไร นายรู้แล้วเหรอว่าเราหมายถึงอะไร"

"ก็นึกว่านายจะ..." แล้วต้นก็ถอนหายใจพร้อมกับสีหน้าที่เริ่มเคร่งขรึมมากขึ้น "ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะสน ถ้านายไม่ได้คิดอะไรกับเรา ก็อย่าทำให้เราต้องทำใจลำบากกว่านี้เลย" ต้นตัดพ้อแกมตำหนิไปหน่อยๆ

"นายคิดว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนายเลยเหรอ" สนถามกลับ

สนกำลังจะบอกอะไรต้นหรือเปล่า ถามแบบนี้ก็มีแต่จะทำให้ต้นสับสนที่ต้องตีความไปต่างๆ นาๆ จะเอายังไงของนายกันแน่นะสน นายรู้ไหมว่าเราสับสนกับนายมากแค่ไหน

"นายมีแฟนแล้วนะสน" ต้นสำทับประเด็นสำคัญไป

สนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็กลับเงียบตามเดิม เสียงโทรศัพท์สนดังขึ้นพอดี สนหยิบขึ้นมาดู พอรู้ว่าใครโทรมาสนก็ทำท่าลังเลพร้อมกับหันมามองต้นด้วยความเกรงใจ แต่สนก็รับโทรศัพท์นั้นในที่สุด

"พี่สนยังไม่กลับอีกเหรอคะ"

"ยังหรอกนา เดี๋ยวพี่พาต้นไปหาพ่อกับแม่ก่อน อีกสองสามชั่วโมงก็น่าจะเสร็จ" สนหันหน้าไปอีกทางและพยายามคุยเสียงเบาเหมือนกับไม่อยากให้ต้นได้ยิน

"แล้วจะกลับมาทันหรือเปล่าคะ นาว่ามันจะไม่ทันนะคะ นี่ก็จะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว กว่าจะไปกว่าจะกลับ แล้วนี่พี่สนกับพี่ต้นอยู่ไหนกันคะ"

"อ๋อ...พอดีต้นมาธุระใกล้ๆ แถวบ้านนี่แหละ พี่เลยแวะมารับ แล้วก็เลยว่าจะพาไปหาพ่อกับแม่ด้วย"

"อืม...วันนี้เป็นวันแรกที่พี่สนได้รถมา นาอยากให้เราไปกินข้าวฉลองด้วยกันนะคะ" นาทำเสียงตัดพ้อเป็นเชิงกดดัน

"พี่จะพยายามรีบไปรีบกลับละกันนะนา" สนพยายามตัดบท ไม่รู้ว่าต้นจะได้ยินอะไรบ้างหรือเปล่า ต้นยิ่งเป็นคนขี้เกรงใจอยู่ด้วย เขาไม่อยากให้ต้นรู้เลย

สนคุยกับนาสักพักก็วางสาย เห็นต้นนั่งซึมสนก็ทำตัวไม่ถูก ทั้งเกรงใจและสงสารต้น บางทีก็คิดเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้โหดร้ายกับต้นมากเกินไปไหม บางทีเขาก็นึกอยากจะหยุดมันเสียแต่ก็มีเหตุผลหลายอย่างที่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้

"อดทนหน่อยนะต้น ถ้านายยังรักเราอยู่" สนพูดขึ้น ทำให้ต้นที่กำลังเหม่อหันมามองและสบตากัน

ต้นไม่รู้ว่าสนหมายถึงอะไร ที่ผ่านมาเขาก็อดทนอยู่แล้ว สนจะบอกให้เขาอดทนไปเพื่ออะไรกันล่ะ ก็ในเมื่อสนก็มีคนอื่นอยู่แล้ว ความอดทนของต้นก็คงเป็นเพียงการอดทนเพื่อให้เขาทำใจได้เท่านั้นเอง

"ส่งเราที่บ้านแล้วนายจะกลับก่อนก็ได้นะ" ต้นพูดโดยไม่มองหน้าสน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้นคงพอได้ยินการสนทนานั้น

"ไม่เป็นไรต้น...ยังไงเราก็จะกลับพร้อมกับนาย" สนยืนยัน เขาเอื้อมมือไปจับมือต้นไว้ แต่ไม่นานต้นก็ดึงมือออก

"สน...เราไม่อยากให้นายกับนามีปัญหากันเพราะเรา นาเขาเป็นแฟนนายนะ นายต้องไปดูแลเขา ไม่ต้องห่วงเราหรอก เรากลับเองได้"

ไม่รู้ว่าต้นจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าสีหน้าของเขาแสดงอาการเศร้าออกมามากแค่ไหน แต่มันก็ทำให้สนสะท้อนใจมากทีเดียว

"แต่นายเป็นเพื่อนเรานะต้น"

ต้นหันกลับมาสบตากับสน พยายามยิ้มเท่าที่เขาจะสามารถฝืนได้ "เรารู้...ก็เราเป็นแค่เพื่อนนายไง เพื่อน...ก็ต้องเข้าใจเพื่อนเวลาที่มีแฟน เราเข้าใจนะ นายไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องห่วง เรากลับเองได้จริงๆ"

"ต้น..." สนรู้สึกจุกในอก สิ่งที่ต้นย้อนมาทำให้เขาเจ็บแทบกระอักที่รู้ว่าต้นวางสถานะตัวเองไว้แค่เพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนที่ไม่สำคัญมากเท่ากับแฟน สนทำให้ต้นเข้าใจสถานะตัวเองแบบนั้นมาตลอดหรือเปล่า...

"เราตั้งใจไว้แล้วว่าเราจะพานายกลับบ้านด้วยรถของเรา นายรู้ไหมว่า...ถ้าไม่มีนาย...เราก็คงไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ แล้วก็คงไม่มีเงินมาซื้อรถแบบนี้หรอก" สนพยายามต่อรอง

"เอาไว้วันหลังก็ได้สน ถ้านายไม่รีบกลับไปหานา เราจะไม่ไปกับนายนะ เรากลับกับพี่แทนก็ได้" ต้นต้องลงทุนขู่ แน่นอนว่ามันต้องทำให้สนกระเทือนได้บ้างเพราะสนไม่อยากต้นไปกับผู้ชายคนนั้น เมื่อกี้สนยังเคืองอยู่เลยที่หมอนั่นกอดต้นโชว์เขา แถมยังทำหน้ากวนประสาทอีก

"ต้น...ถือว่าเราขอร้องละกัน ขอให้เราไปส่งนายเถอะ เราตัดสินใจแล้ว เราจะยกเลิกนัดเย็นนี้กับนา เราจะพาพ่อแม่ของพวกเราสองคนไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ไปคันนี้แหละๆ เบียดๆ กันหน่อย ดีไหมต้น ไปกับเรานะ ไปด้วยกัน"

ต้นเงียบและครุ่นคิด นานแล้วเหมือนกันที่ต้นกับสนไม่ได้พาพ่อกับแม่ไปกินข้าวนอกบ้าน ถ้าไม่ติดว่าสนนัดกับแฟนไว้แล้วต้นก็คงไม่ขัดข้องหรอก

"นะต้น เราขอร้องนายแล้วนะ นายไม่เห็นใจเราเหรอ เราอยากตอบแทนทุกๆ คนที่ดีกับเรา คนที่ทำให้เรามีวันนี้ เราไม่อยากผลัดไปวันอื่น วันนี้แหละดีที่สุดแล้ว" สนรบเร้า

"นายไม่กลัวนาเขาโกรธเหรอ"

สนชะงักเล็กน้อย "เขาก็คงโกรธแหละ แต่ไม่เป็นไรหรอก เราคุยกันได้" สนยิ้มเพื่อจะยืนยันให้ต้นสบายใจว่าเขาจะไม่มีปัญหากับนาจริงๆ

นั่นสินะ...ต้นไม่น่าถามเลย ก็เขาเป็นแฟนกัน งอนกัน โกรธกันเป็นเรื่องธรรมดา ยังไงเขาก็คุยกันได้ ต้นยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ก้มหน้าลงต่ำ ช่วงนี้ต้นรู้สึกว่าเขาควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ไม่ค่อยดี พอมีอะไรมากระทบต้นก็เผลอแสดงอาการบ่อยๆ

ก๊อกๆ!!!

เสียงเคาะกระจกรถทำให้สองหนุ่มหลุดจากความสนใจในกันและกัน พอหันไปดูก็พบว่าเป็นทดแทนนั่นเอง

"อ้าวพี่แทน" ต้นอุทานด้วยความแปลกใจที่เห็นทดแทนมายืนยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ รถ ต้นลดกระจกลงพลางส่งยิ้มให้

"นึกว่าจะไม่ทันซะละ ต้นลืมหมวกไว้" ทดแทนบอกพลางชูหมวกสีเทาๆ ที่ต้นลืมไว้ให้ดู

"อ๋อ...ขอบคุณครับพี่แทน วิ่งมาเหนื่อยแย่เลย" ต้นยื่นมือจะไปรับหมวกแต่ทดแทนกลับไม่ยอมให้

"เดี๋ยวพี่ใส่ให้"

พูดไม่พูดเปล่า ทดแทนสวมหมวกใบนั้นลงบนศีรษะให้ต้นท่ามกลางความตกตะลึงของสน

"ต้นใส่อะไรก็ดูน่ารักนะ"

คำชมของทดแทนทำให้ต้นยิ้มเขินนิดๆ สนสังเกตเห็นทุกอย่าง ดูท่าทางผู้ชายคนนี้จะไม่ได้คิดกับต้นแค่คนรู้จักกันธรรมดาเสียแล้ว หนอยแน่ บังอาจมาชมต้นว่าน่ารักต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้เลยเหรอ

"พี่ไปแล้วนะต้น ไปก่อนนะครับสน ขับรถดีๆ นะครับ ฝากดูแลต้นให้พี่ด้วย" ทดแทนหันไปแหย่สนเล่น เขาพอจะดูออกว่าสนออกอาการหึงหวงต้นอยู่พอสมควร แต่สนก็ทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้สนใจสิ่งที่ทดแทนฝากไว้

"ขอบคุณครับพี่ หวัดดีครับ แล้วเจอกันนะครับ" ต้นโบกมือให้ทดแทนที่ค่อยๆ เดินแกมวิ่งออกไป ต้นกดเลื่อนกระจกรถขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูเงียบๆ ผิดปกติ พอหันไปทางสนก็เห็นเขาทำหน้าบึ้งๆ อยู่

"อยู่ในรถไม่ต้องใส่หมวกก็ได้" สนพูดคล้ายกับไม่ค่อยพอใจโดยไม่หันมามองต้น

ต้นถอดหมวกออกแล้วเอาใส่กระเป๋าเป้อย่างงงๆ สนขับรถออกไปแล้วก็เงียบไปตลอดทาง พอต้นถามว่าเป็นอะไรก็ตอบกลับมาว่า "เปล่า" คำเดียว กลับมาพูดคุยได้เหมือนเดิมอีกทีก็ตอนที่มาถึงบ้านต้นแล้ว แต่สนก็ไม่ได้ลืมหรอกนะว่าเขาเห็นอะไร แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะคุยเท่านั้นเอง

-----------------------------------------------

วันเกิดของต้นเวียนมาถึงอีกแล้ว ปีนี้พ่อกับแม่อยากให้ต้นจัดงานวันเกิดที่บ้านบ้างเพราะที่ผ่านๆ มาต้นมักจะจัดในกรุงเทพกับเพื่อนๆ ต้นก็เห็นดีด้วยกับพ่อแม่ ปีนี้ต้นชวนเฉพาะคนที่สนิทๆ จริงๆ เท่านั้นมาที่บ้าน แน่นอนว่าก็มีสนกับแฟน นิก ปั้นจั่น เอก รวมทั้งพี่ทดแทนด้วย คนหลังสุดนี้กลายเป็นมาคนสนิทของต้นได้อีกคนเพราะชอบทำงานอาสาสมัครเหมือนกัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็ไปช่วยงานกันหลายที่

ในวันจัดงาน ทดแทนมาช่วยเตรียมงานตั้งแต่เช้า เขาพาแม่ของต้นไปซื้อของที่ตลาดด้วย เล่นเอาคนแถวนั้นมองด้วยความสนใจกันใหญ่เพราะไม่เคยเห็นแม่ของต้นมาซื้อของด้วยรถยี่ห้อหรูหราแบบนี้มาก่อน

ช่วงบ่ายๆ นิก ปั้นจั่นแล้วก็เอกก็ตามมา ส่วนสนอาจจะมาถึงประมาณช่วงเย็นๆ เพราะนาต้องไปเยี่ยมพี่ชายที่ป่วยที่โรงพยาบาลก่อน ทำให้สนรู้สึกหงุดหงิดพอสมควรเพราะปกติเขาจะต้องมาช่วยต้นเตรียมงาน แต่คราวนี้เขากลับมาไม่ได้ ได้แต่โทรมาขอโทษขอโพยต้น

พอต้นแนะนำให้ทุกคนให้รู้จักกันหมดแล้ว นิกกับปั้นจั่นก็ดูจะสนใจทดแทนเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่สังเกตดูเหมือนผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างกับต้น ที่ดูออกนั้นก็เป็นเพราะว่าได้ประสบการณ์มาจากการสังเกตต้นกับสนนั่นเอง จังหวะที่ทดแทนกับเอกไปจัดเก้าอี้และเครื่องเสียงตรงสนามหน้าบ้าน นิกกับปั้นจั่นก็แอบเข้าไปหาต้นที่กำลังรินน้ำอัดลมใส่แก้วจำนวนหนึ่งอยู่

"เอาไปให้ใครเหรอต้น" ปั้นจั่นถามพลางนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างๆ อยู่ นิกตามมานั่งด้วยข้างๆ

"พี่แทนกับเอกไง แล้วก็พวกมึงด้วย" ต้นเงยหน้าขึ้นมาบอก แล้วก็หันกลับไปตามเดิม

"เฮ้ยต้น...มึงกับพี่แทนรู้จักกันนานหรือยังวะ" นิกถามบ้าง เสียงที่เหมือนกระซิบกระซาบนั้นทำให้ต้นหันมามองด้วยความสงสัย ยิ่งเห็นประกายตาของเพื่อนสองคนนี้ก็ยิ่งดูน่าสงสัยมากขึ้น

"สามสี่เดือนได้แล้วมั้ง มีอะไรเหรอ" ต้นขมวดคิ้วพร้อมกับหยุดรินน้ำอัดลม

"มึงว่าพี่เขาจะเป็น..." ปั้นจั่นหันซ้ายหันขวา พอไม่เห็นใครอยู่แถวนี้ก็กระซิบกระซาบว่า "เป็นเกย์ไง"

ต้นทำสีหน้าตกใจแล้วก็ตำหนิเพื่อน "เฮ้ย อย่าพูดเป็นเล่นสิวะ"

"ไม่ได้พูดเล่นนะเว้ย มึงดูไม่ออกเหรอ แล้วถ้าให้เดานะ กูว่าพี่เขาต้องชอบมึงแน่ๆ เลย"

ต้นยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ "ไอ้ปั้นจั่น มึงพูดอะไรของมึงวะ"

"มึงสังเกตดีๆ ก็แล้วกันไอ้ต้น มึงนี่ดูคนเป็นหรือเปล่าวะ ไอ้สนมึงก็ดูไม่ออก พี่คนนี้มึงก็ดูไม่ออกอีก อย่างนี้จะหาแฟนกับเขาได้ไหมเนี่ย" ปั้นจั่นค่อนขอด ต้นเรียบจบมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีแฟนกับเขาสักคน ก็แน่ล่ะ เพราะต้นรักสนจนไม่เหลือใจให้ใคร

"ชอบไม่ชอบไม่รู้ล่ะไอ้ต้น แต่มึงน่าจะใช้โอกาสนี้แก้แค้นไอ้สนมันซะ มึงจำได้ไหมที่พวกกูสองคนบอกให้มึงรีบหาแฟนมาเย้ยไอ้สนมัน ก็เอาพี่คนนี้เลย ดูท่าทางพี่เขาก็เป็นคนดีนะเว้ย น่าจะดูแลมึงได้เลยล่ะ" นิกยุบ้าง

"พอๆ เลยพวกมึง หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว กูไม่ใช่หุ่นยนต์นะเว้ยที่จะกดปุ่มให้ไปรักใครก็ได้" ต้นทำเสียงให้เพื่อนสองคนรู้ว่าเขาเริ่มจะไม่พอใจ

"เออๆ เรื่องของมึงละกัน แล้วนี่ไอ้สนมันหายหัวไปไหนวะเนี่ย จนป่านนี้ยังไม่มาอีก" ปั้นจั่นทำท่ามองหาคนที่เขาพูดถึง

"พานาไปเยี่ยมพี่ชายที่โรงพยาบาล คงมาเย็นๆ แหละ" ต้นบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

------------------------------------------------

สนกับนามาถึงที่บ้านต้นก็เย็นมากแล้ว นามาถึงก็เข้าไปช่วยแม่ต้นกับแม่สนเรื่องกับข้าวกับปลาในครัว พ่อของต้นกับสนก็อยู่หลังครัวเช่นเดียวกัน คอยช่วยเรื่องปิ้งๆ ย่างๆ และหั่นเนื้อสัตว์ ที่หน้าบ้านจึงเหลือผู้ชายห้าคนที่ช่วยกันจัดสถานที่ นิกกับเอกช่วยกันจัดโต๊ะหน้าบ้าน ต้นก็วิ่งเข้าวิ่งออกคอยหาน้ำและขนาให้เพื่อนๆ แล้วก็ไปช่วยตรงนั้นตรงนี้บ้าง ปั้นจั่นกับทดแทนช่วยกันจัดเครื่องเสียงเพราะพ่อของต้นอยากให้มีคาราโอเกะด้วย ส่วนสนเพิ่งมาถึงก็ยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะเข้าไปช่วยตรงไหนดี

ต้นเห็นสนยืนงงอยู่ก็เลยเอาน้ำมาให้ "กินน้ำก่อนสน"

สนรับน้ำแดงมาแล้วก็ยกขึ้นจิบสองสามครั้ง ต้นรู้ใจเขาเสมอว่าเขาชอบกินน้ำอะไร "ขอบใจมากต้น" สนยิ้มให้เพื่อน ต้นก็ยิ้มกว้างเช่นกัน สนวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ต้นรูทันทีว่าสนจะทำอะไรเพราะเขามักจะทำแบบนี้เป็นประจำ

สนเดินไปกอดต้นแล้วก็ตบหลังเบาๆ "สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก"

"ขอบใจมากสน"

ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก แม้ว่าจะทำแบบนี้ทุกปี แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม ยังอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ที่บ้านหลังนี้ ในหมู่บ้านนี้ ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็อบอวลไปด้วยความทรงจำดีๆ ของต้นกับสน ยิ่งได้กลับมาอยู่ด้วยกันในที่ที่ความทรงจำในวัยเด็กได้เกิดขึ้น ต้นกับสนก็ยิ่งรู้สึกถึงความผูกพัน ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาสองคนก็ยังคงก็ยังคงรักษามิตรภาพเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

"ถ้านายยังรักเราอยู่ ขอให้นายอดทนอีกนิดนะต้น" สนพูดจบแล้วก็ปล่อยต้นออกจากอ้อมแขน

สนพูดแบบนี้อีกแล้ว แต่ต้นก็ไม่รู้ว่าสนหมายถึงอะไร ทำไมต้องอดทน อดทนอะไร อดทนเพื่ออะไร แต่ต้นก็จับสังเกตได้ว่าสนมีอะไรบางอย่างที่ัต้นยังไม่รู้ ปกติถ้ามีอะไรสนก็จะบอกให้เขารู้ แต่แปลกที่คราวนี้สนกลับทำให้มันดูลึกลับ

"สัญญานะว่านายจะอดทน" ดูเหมือนสนจะต้องการคำตอบจากต้นเดี๋ยวนี้เลย

ต้นพยักหน้าตกลง แม้ว่าจะเป็นการตกลงที่เขาไม่ค่อยเข้าใจนักก็ตาม

"มีอะไรให้เราช่วยไหม" สนถามพลางหันไปมองรอบๆ ดูเหมือนว่างานต่างๆ มีคนทำไปจนเกือบจะหมดแล้ว

ยังไม่ทันที่ต้นจะตอบอะไร เสียงปั้นจั่นก็ดังมา "เฮ้ยไอ้สน ไปหาเทปกาวมาให้หน่อยดิ จะเอามาติดสายไฟหน่อย"

"เออๆ เดี๋ยวหาให้" สนตอบแล้วก็หันมายิ้มให้ต้น ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในบ้านเพื่อไปหาเทปกาวที่ปั้นจั่นขอ

พอหาเจอแล้วสนก็เดินออกมานอกบ้าน ตอนนี้ต้นไปช่วยนิกกับเอกจัดโต๊ะอยู่อีกด้านหนึ่งแล้ว ยังไม่ทันที่สนจะได้เอาเทปกาวไปส่งให้ สิ่งที่ปั้นจั่นคุยกับทดแทนก็ทำให้สนหยุดชะงัก

"ต้นเป็นคนดีมากๆ เลยนะครับพี่แทน ชอบช่วยเหลือคนอื่น สมัยเรียนนะครับ ต้นก็ช่วยติวพวกวิชาคำนวณให้ผมบ่อยๆ เพราะเขาเก่งด้านนั้น ผมจบมาได้ก็เพราะต้นนี่แหละครับ แต่เสียดายอย่างเดียว มันยังไม่มีแฟนนี่สิครับ พี่พอจะมีใครแนะนำไหมครับ"

"อืม...แล้วต้นเขาชอบคนแบบไหนล่ะครับ" ทดแทนถามพลางค้นหาแผ่นคาราโอเกะที่อยู่ในกล่องใส่ซีดีที่พ่อต้นเอามาส่งให้ช่วยหา

"แบบพี่...ต้นก็น่าจะชอบนะครับ" ปั้นจั่นพูดทีเล่นทีจริง

ทดแทนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ถ้าปั้นจั่นพูดมาแบบนี้ก็แสดงว่าต้นน่าจะเป็นแบบที่เขาสงสัย แต่ปั้นจั่นนี่ก็ช่างสังเกตนะ รู้ด้วยว่าเขาเป็นแบบไหน

"ถ้าพี่จะจีบต้น ผมเชียร์เต็มที่เลย" ปั้นจั่นยุต่อ เมื่อทดแทนไม่เถียงและไม่ปฏิเสธ เขาก็พอจะเดาได้ว่าทดแทนก็น่าจะเป็นอย่างที่เขากับนิกสงสัยนั่นแหละ

สนได้ยินแล้วก็ถึงกับใจหายวูบ เขาต้องทำเสียงกระแอมกระไอเพื่อให้สองคนนี้หยุดคุยกันเรื่องนี้เสียที

"เอ้า...เทปกาว" สนยื่นเทปกาวให้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

ปั้นจั่นรับไปแล้วก็แอบยิ้ม "เฮ้ยสนมึงว่าดีไหมวะถ้าไอ้ต้นมันจะมีแฟน" ปั้นจั่นถามโดยไม่หันไปมองแต่ง่วนอยู่กับการใช้เทปกาวพันสายไฟบางส่วนที่เริ่มขาดและสายทองแดงโผล่ออกมาให้เห็น

"ไม่รู้เว้ย แต่ต้นเขาคงไม่อยากมีตอนนี้หรอก" สนตอบเสียงห้วนๆ

"เฮ้ย...มึงช่วยพี่เขาหาแผ่นคาราโอเกะหน่อยสิ ไม่รู้อยู่ในกล่องไหน มีตั้งหลายกล่อง" ปั้นจั่นเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่ได้สนใจคำตอบของสนนักเพราะเขาก็ถามกวนประสาทสนไปอย่างนั้นเอง

สนจึงต้องจำใจนั่งลงแล้วช่วยทดแทนหาแผ่นคาราโอเกะเพราะตอนนี้เขายังไม่มีอะไรทำ สนไม่ค่อยกล้าหันไปสบตากับทดแทนนักเพราะเขารู้สึกอึดอัด เขาจึงหยิบกล่องใส่ซีดีมาช่วยเปิดหาแผ่นคาราโอเกะโดยไม่พูดไม่จา

"พี่แทนรู้จักต้นมานานหรือยังครับ" ปั้นจั่นหันมาชวนทดแทนคุยต่อ จริงๆ คำถามนี้เขารู้แล้วล่ะ แต่ถามเพราะอยากแกล้งสนมากกว่า

"อืม...สามสี่เดือนได้แล้วมั้งครับ"

"เหรอครับ...แล้วพี่แทนคิดว่าต้นเขาน่ารักแล้วก็นิสัยดีไหมครับ" ปั้นจั่นถามพลางเหลือบไปมองสน แม้จะทำท่าทางเหมือนไม่สนใจแต่เขาก็รู้ว่าสนคอยฟังการสนทนานี้อยู่

"อืม...พี่ว่าต้นเป็นน่ารักมากๆ ตอนไปทำฝายที่เชียงราย ต้นเขาก็ไม่หวงวิชาเลย มีอะไรก็บอกหมด ฝายที่ทำคราวนี้ก็เลยแข็งแรงเพราะว่าได้วิศวกรมือดีมาช่วยออกแบบให้ ชาวบ้านแถวนั้นชอบต้นกันใหญ่ เมื่อวานเพิ่งโทรไปคุยกับพี่ที่นั่นก็เห็นเขาถามหาต้นกันว่าเมื่อไหร่จะมาอีก ถ้าต้นไปอีกเขาจะแกงผักกาดจอให้กินทุกวันเลย" ทดแทนพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

สนชักเริ่มจะหงุดหงิดในใจ ทำไมนายคนนี้ถึงได้รู้นะว่าต้นชอบกินแกงผักกาดจอ ทำไมต้นถึงต้องไปบอกเขาด้วยล่ะ

"ไอ้ต้นไปไหนก็มีแต่คนรักแหละครับ อ้อ...พี่รู้ไหมว่า...ผมนี่ชอบพี่จริงๆ เลยครับ คิดๆ แล้วก็ชักอยากจะให้ต้นมีแฟนแบบพี่นี่แหละครับ"

ทดแทนได้ยินแล้วก็ยิ้มและหัวเราะชอบใจ แต่อีกคนที่นั่งเงียบเริ่มจะเดือดขึ้นทุกทีๆ 'ไอ้ปั้นจั่น มึงเล่นเชียร์ออกนอกหน้านอกตาแบบนี้เลยเหรอวะ'

"เอพี่...ผมถามหน่อยครับ พี่คิดยังไงครับกับคนที่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนครับ ทำเหมือนว่าไม่รัก แต่พอเขาจะมีคนอื่นก็คอยหวงก้าง คอยกันท่าตลอด ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่" ปั้นจั่นเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้งหวังจะให้กระทบกระเทือนคนหน้าบึ้งที่เริ่มจะทนไม่ไหวขึ้นทุกทีๆ 'ทนได้ก็ให้มันรู้ไปไอ้สน'

ทดแทนหยุดคิด หันไปมองสนที่นั่งหาแผ่นซีดีอยู่เงียบๆ แล้วก็เกิดความสงสัยว่าปั้นจั่นกำลังพูดกระทบสนอยู่หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ปั้นจั่นไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย เพิ่งมาคุยตอนที่สนมานี่แหละ "อืม...พี่ก็ไม่ชอบหรอกคนแบบนี้ พี่ว่าคนเราควรจะชัดเจนในเรื่องความรักนะ ไม่งั้นอีกฝ่ายก็แย่เลย ไม่รู้ว่าคิดอะไร ไม่รู้จะเอายังไง ไม่ดีหรอก ในหมู่เกย์เขาจะเรียกพวกนี้ว่าอีแอบ ขอโทษนะที่พูดไม่สภาพ แต่เขาเรียกอย่างนี้จริงๆ"

สนทนไม่ไหวแล้ว นี่ปั้นจั่นมันแอบหลอกให้เขามาถูกด่าหรือเปล่า สนวางกล่องซีดีลงแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป เห็นต้นนั่งคุยกับเอกและนิกอยู่ที่โต๊ะที่จะใช้เป็นที่กินข้าวเย็นร่วมกันก็เลยเดินเข้าไปคุยด้วย ทดแทนกับปั้นจั่นได้แต่มองตามอย่างงงๆ แต่ปั้นจั่นคงไม่งงหรอกเพราะรู้ดีว่าสนเป็นอะไร นับว่าโชคดีที่ทดแทนเข้ามาในตอนนี้ สนจะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่เขาทำกับต้นบ้าง

--------------------------------------------------------

"Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you"

สิ้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด ต้นก็เป่าเทียนบนเค้กวันเกิดจนค่อยๆ ดับไปจนหมด จากนั้นต้นก็ตัดเค้กแจกคนที่มาร่วมงาน มีทดแทนคอยเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ ต้นตลอด ส่วนสนก็นั่งหน้าบึ้งจนนาต้องถาม

"พี่สนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

"เปล่าหรอกนา" ตอบว่าเปล่าแต่สีหน้าก็ยังคงบึ้งตึงอยู่ แถมยังคอยมองต้นกับทดแทนตลอดเวลา พ่อกับแม่ของต้นและสนเองก็ดูจะแปลกใจเหมือนกันที่คราวนี้ต้นกับสนอยู่ห่างกัน ปกติถ้าเป็นงานวันเกิดของต้นหรือสน สองคนนี้จะตัวติดกันตลอด พฤติกรรมแปลกๆ ของต้นกับสนจึงถูกจับสังเกตโดยผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายด้วย

ต้นหันมามองสนกับแฟนแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เห็นสนหน้าบึ้งแล้วต้นก็พอจะเดาได้ว่าสนคงรู้สึกแย่เหมือนกันที่ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เขาเหมือนงานวันเกิดที่ผ่านมาทุกปี ต้นหยิบจานเล็กๆ สองใบที่มีเค้กอยู่แล้วก็เดินเอาไปส่งให้สนกับแฟน คิดว่าคงจะทำให้สนอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง

ตอนที่สนยื่นมือมารับเค้ก ต้นก็ทำตัวไม่ถูกเพราะถูกสนมองด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่อกับแม่ของต้นสนคงจะกลับบ้านไปแล้ว มีหลายอย่างที่สนอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้เพราะนานั่งอยู่ข้างๆ

"ขอบคุณค่ะพี่ต้น" นาบอกหลังจากที่รับจานใบเล็กใส่เค้กมาจากต้น "พี่สน แบ่งของนาไปอีกซักครึ่งได้ไหมคะ นากินไม่หมดหรอก เดี๋ยวอ้วน" นาบอกพลางตักเค้กบางส่วนของตัวเองส่งให้สนไป ต้นเห็นแล้วก็รู้ตัวว่าเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้เป็นก้างขวางคอสนกับแฟน

"ต้น..." สนร้องเรียก

ต้นหันมามองเพื่อน ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีเสียงอีกคนเรียกเขาเช่นกัน ทดแทนนั่นเอง

"ต้น...นี่ชิ้นสุดท้ายของต้นนะครับ" ทดแทนเดินเอาเค้กมาส่งให้ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครอีกคนกำลังจับตามองอยู่อย่างไม่พอใจ

"ขอบคุณครับพี่แทน" ต้นรับมาแล้วก็ยิ้ม

"ไปนั่งตรงนั้นดีกว่าต้น จะได้คุยกัน" ทดแทนชี้ไปที่นิกกับปั้นจั่นนั่งอยู่ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสน

ต้นจำต้องไปตามที่ทดแทนบอก จริงๆ ก็มีเหตุผลหลายๆ อย่างที่ทำให้ต้นอยู่ใกล้กับสนมากไม่ได้ ไม่ใช่เพราะทดแทนที่เข้ามาใกล้ชิดเพียงอย่างเดียว แต่เพราะแฟนสนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยต่างหากเล่า ต้นหันไปมองสนอย่างรู้สึกผิด ถึงต้นจะน้อยใจที่สนมีแฟนแล้ว แต่เขาก็รู้ว่าสนรู้สึกยังไงที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับเขาในงานวันเกิดเหมือนทุกปี ต้นเองก็รู้สึกไม่ต่างกันหรอก สนกับเขาเคยทำแบบนี้ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นความผูกพันและคุ้นเคย เมื่อกี้พ่อกับแม่ของต้นก็ถามว่าทำไมสนดูห่างๆ ไป ต้นก็ได้แต่ตอบไปว่าสนมีแฟนแล้วก็ต้องคอยดูแล ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน

ถึงวันนี้สนจะมีใคร แต่วันพิเศษเช่นนี้สนก็พร้อมที่จะให้เวลากับต้น แต่ทำไมคราวนี้เขาถึงไม่มีโอกาสเลย เป็นเพราะนายทดแทนคนเดียวแท้ๆ รู้ไหมว่าสนเจ็บปวดแค่ไหนที่เขาไม่ได้เป็นคนสำคัญของต้นในงานวันเกิดนี้ เขารักและผูกพันกับเพื่อนคนนี้มากแค่ไหนรู้ไหม ทำไมถึงได้มาแย่งที่เขาแบบนี้อย่างหน้าตาเฉย สนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

TO BE CONTINUED...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-06-2012 00:36:19
อ่านจบปั๊บ
อยากตะโกนดังๆใส่หน้าสน

สมน้ำหน้า แล้วหัวเราะหึหึในลำคอเบาๆ

สะจายยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 17-06-2012 00:47:00
สนจะให้ต้นอดทนทำไมล่ะ  ทำให้ต้นงงซะงั้น

แล้วก็อีหรอบเดิม พอมีคนมาจีบต้นก็ไม่พอใจ มันน่า :z6:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 17-06-2012 02:19:32
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 17-06-2012 08:36:05
นั่นสิ สน เมื่อไหร่สนจะทนไม่ไหวซักที รอให้สนทนไม่ไหวจริงๆอยู่นะ
ขนาดว่าโดนปั้นจั่นกับพี่ทดแทนคุยกระทบว่าเป็นอีแอบแล้วนะเนี่ย

ที่สนบอกให้ต้นรอ รออะไร??  รอทำไม??

ทำให้นึกถึงเพลงนี้เลย "การรอคอย"(Paradox)  :m15: :m15: :m15:   งื้อ......สงสารต้น

"เธอปล่อยให้ฉันรอ.... เธอปล่อยให้ฉันคอย.... แต่เวลามันช่างเหลือน้อย แล้วเธอก็จากไป
 ให้ฉันรอ เธอปล่อยให้ฉันคอย ต่อให้นานก็ยังคงรัก รักเธอจนหมดใจไม่เหลือ......"


ขอบคุณค่ะ
บวก1บวกเป็ด
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-06-2012 10:15:01
สำหรับสนไม่มีคำใดเหมาะกับสนมากไปกว่า "หมาหวงก้าง" อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 17-06-2012 13:38:28
อีแอบ ขอบคุณมากพี่ทดแทน สนเหมาะแล้วแหละกับคำนี้ คนที่ไม่คิดจะเข้าใจความรู้สึกตัวเอง
คนที่คอยแต่จะหลบลี้ความรู้สึกตัวเอง และหลอกใจตัวเองไปวันๆคนแบบสนเป็นแบบนี้ดีแล้ว
พี่ทดแทนมาแทนสนเลย เราว่าพี่ตรงกับความรู้สึกตนดี ชอบก็รุก ไม่เหมือนอินายสน
อยากตะโกนให้ดังๆ เลยทุกอย่างที่เป็นแบบนี้เพราะตัวแกเอง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 17-06-2012 14:01:18
ดีแล้ว ให้ทนไม่ไหวไปเลย
ไม่รู้ว่าสนมีเหตุผลอะไร แต่ทำแบบนี้สงสารต้น  :sad4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 17-06-2012 14:46:39
ดีปล่อยให้ทนไม่ไหวจุกอกอยู่นั่นแล่ะชิสะจายยยยย :beat:
ตั้งแต่อ่านมาหลายเรื่องหมั่นไส้อีตาสนที่สุด
เอ่ออออคนเขียนจ๋าคนอ่านอินมากไปหน่อยไม่ว่ากันนะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 17-06-2012 17:55:33


อ่านตอนนี้แล้วแอบสงสาร "สน"

ความคิดต่างสักหน่อย แต่เราว่า การที่จะรักใครสักคนจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

แต่การรักเพศด้วยกันเนี่ย จะให้ผู้ชายแท้ๆอย่างสน ยอมรับใจตัวเองได้ 100% มันก็ดูจะแปลกไปหน่อย  :monkeysad:


ต้นอย่าท้อที่จะคอยนะ คู่กันแล้วไม่แคว้นกันหรอก ยังไงเราก็ต้องคู่สนอยู่แล้ว อย่าเพิ่งเครียด จุ๊บๆๆ


<ตอบแบบนางเอก >



โว๊ยยย อี * สน อย่าเยอะค่ะ หมั่นไส้ ให้รงให้รอ ต้นแก่ตายพอดี !!!

แหมมม อีคุณพระเอกเลือกได้ หมั่นไส้ ลองมาเป็นคนรอแบบต้นบ้างไหม๊ล่ะ ฟวยย !!!

รู้สึกว่าสนจะสับไปสับมา ไม่รู้ใจตัวเองสักที มีไว้ทำไมค่ะ สมองน่ะ -- ใจตัวเอง คิดยังไงก็ไม่รู้

ก็เข้าใจนะ ว่ามันลำบากที่จะว่ารักผู้ชายด้วยกัน แต่ชะนีนานี่เก็บๆไปได้ไหม ?

เรื่องเยอะ เกลียดชะนี  สนนี่มันเลือกได้ตลอด ต้นไม่ได้เกิดมาเผื่อเป็นตัวเลือกให้ใครหรอกนะ

อีคุณสน !!!


อุ้ยเขิน  :-[ :-[ :-[

<ตอบแบบคนหน้าตาดี  :oak:>



+ 1 รักสน

แต่อย่าเยอะ หมั่นไส้


 :laugh5: :laugh5: :laugh5: :laugh5:

ปล.ใช้คำสุภาพนิดหน่อย พอดีอารมณ์ ดี๊ดี  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 17-06-2012 19:51:32
คิดเหมือนคุณ Mc_ma เลยค่ะเพลงนี้ใช่เลย :monkeysad: :o12:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 25 ¤ ทดแทน แทนใจ แทนกาย (17-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: tra_daday ที่ 17-06-2012 19:53:44
 :sad4: :sad4: :sad4: :fire: :fire: สนุกมากกกกก ต้นไม่ต้องรอแล้วคบพี่แทนประชดมันเลย  :fire: :fire: :m31:เอาให้ไอ้สนอกแตกตายเลย เกลียดพวกโลเล ต้นออกจะแสนดี คบพี่แทนเลยแต่อย่างว่าเนอะนางเอกก็ต้องคู่กับพระเอก555 แล้วอีกอย่างคนที่มันรักไปแล้วให้เลิกรักคงยาก แต่ไงเราก็จะอยู่ข้างต้นน่ะสู้ๆๆๆ  เฮ้ย ชักจะเพ้อแระ 5555 ชอบมากเรื่องนี้สนุกมากครับ  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 18-06-2012 00:08:49
เพลงที่ต้นร้องในนี้เป็นเพลงที่ไม่มีอยู่จริงนะครับ ผมเขียนขึ้นมาเอง
จะลองดูว่ามันจะร้องเป็นเพลงได้ไหม ถ้าได้จะเอามาให้ฟังครับ

ตอนที่ 26: ลาก่อนความรัก    

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ต้นถูกคะยั้นคะยอให้ร้องเพลงอยู่หลายรอบ ในที่สุดเขาก็ขัดเพื่อนๆ ไม่ได้ พอนึกชื่อเพลงที่อยากร้องได้แล้วต้นก็ขอให้เอกช่วยหาเพลงที่เขาต้องการให้ พอต้นหยิบไมค์มาเท่านั้น ทุกคนต่างก็มองมาที่ต้นและคอยลุ้นว่าต้นจะร้องเพลงอะไร มีเสียงแซวเป็นระยะให้ต้นเขินบ้าง พอต้นร้องประโยคแรกเท่านั้น ทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮากันใหญ่

"จะรักใครก็รักไป...
เก็บหัวใจเธอไว้อย่างนั้น
ไม่เรียกร้องอะไร
ไม่เคยขอใจของเธอแค่เพียงเสี้ยว

แค่รักเธอเหมือนทุกวัน
แค่หัวใจที่ไม่ไปไหน
อาจจะช้ำบางที
เธอก็รู้ดีว่าฉันก็ทนได้

แต่ว่าเธอไม่ต้องถาม ได้ไหม
ปล่อยให้ฉันรักต่อไปอย่างนี้
อาจจะช้ำ เมื่อเห็นเธอ...กับเขา
เมื่อใจฉันเลือกเธอแล้ว
ก็ต้องยอมทุกอย่าง

จะรักใครก็ตามใจ
เก็บหัวใจเธอไว้กับเขา
แค่อย่าคิดรำคาญ ทำอย่างที่เคย
เพราะฉันแค่รักเธอ"

ถึงต้นจะไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ ไม่ได้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการร้องเพลง แต่ทุกคนก็รู้สึกคล้ายๆ กันว่าต้นร้องเพลงนี้ได้เพราะกินใจเหลือเกิน ราวกับว่าเพลงนี้คือชีวิตจริงของต้น โดยเฉพาะสนที่ตั้งใจฟังทุกคำร้อง ซึมซับทุกความหมายที่ต้นสื่อสารออกมา สนรู้สึกเหมือนใจจะขาดรอนๆ เสียให้ได้ ถ้าหากตรงนี้ไม่มีใครอยู่สักคน เขาคงต้องบอกให้ต้นหยุดร้องเพลงนี้ เขาจะไม่ให้ต้นรู้สึกเหมือนเพลงนี้เลย ให้ตายเถอะ สนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

ในช่วงที่เป็นเสียงดนตรี สนลุกขึ้นยืนเหมือนคนไม่รู้ตัว เขาเดินออกไปหาต้นท่ามกลางความสงสัยของคนอื่นๆ รวมทั้งต้นด้วย สนก็แค่อยากมายืนใกล้ๆ ต้น ขอให้ต้นรู้ว่าไม่ว่าต้นจะเจ็บแค่ไหน เขาจะคอยอยู่ข้างๆ เพื่อปลอบใจ เมื่อเขาคือคนที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เมื่อคนที่ต้องเจ็บกว่าใครคือต้น เขาก็จะขอรับผิดชอบหัวใจที่เจ็บช้ำของต้นเอง

"ไม่มีอะไร ต้นร้องต่อเถอะ เราแค่มาให้กำลังใจ" สนบอกเมื่อเห็นต้นสงสัย เขามายืนอยู่ข้างๆ ต้นแล้วก็โอบไหล่ต้นไว้ ในที่สุดสนก็ได้มายืนอยู่ในที่ที่เขาควรจะอยู่ในงานวันเกิดของต้นแล้ว ถึงเพลงที่ต้นร้องมันจะเศร้าแค่ไหน แต่สนก็ดีใจที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ทำให้ต้นได้อุ่นใจ เขารู้ว่าไม่มีใครหรอกที่จะทำให้ต้นรู้สึกแบบนี้ได้ นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น

ต้นร้องเพลงส่วนที่เหลือจนจบเพลงพร้อมกับสนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้นรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากทีเดียว เสียงเพลงที่แสนเศร้าก็เลยเปลี่ยนเป็นเศร้าน้อยลง แม้ความรักแบบนั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ขอแค่ให้มิตรภาพของความเป็นเพื่อนระหว่างต้นกับสนยังอยู่เหมือนเดิม เท่านี้ต้นกับสนก็พอใจแล้ว เพราะความเป็นเพื่อนคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในวันนี้

เพลงจบลงแล้วท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนๆ และพ่อกับแม่ของทั้งสองคน พ่อกับแม่ของต้นและสนยิ้มด้วยความสุขใจทีเดียวที่เห็นต้นกับสนมายืนอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นในวันนี้เสียแล้ว แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น

คนที่ดูจะอึ้งและทึ่งกับสิ่งที่เห็นก็คงเป็นทดแทนกับเอก ทดแทนอึ้งเพราะได้เห็นความรักความผูกพันของต้นกับสนที่เขารู้ได้ทันทีว่ามันมากมายมหาศาลแค่ไหน มันทำให้เขาต้องหนักใจพอดูถ้าหากคิดจะจีบต้น ส่วนเอกนั้นอึ้งไปเพราะเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของต้นกับสน เขายังเจอกับต้นอยู่บ้าง คุยกันทางโทรศัพท์บ้าง ได้รับรู้ข่าวคราวของต้นและสนอยู่เนืองๆ แต่พอมาเห็นกับตาวันนี้ เขาก็ชักไม่แน่ใจว่าสองคนนี้เป็นเพียงเพื่อนกันธรรมดา

"นั่งด้วยกันนะต้น" สนพูดกับต้นเบาๆ ขณะที่ต้นกำลังเดินกลับที่นั่งของตัวเอง

ต้นพยักหน้า ตอนนี้แฟนสนนั่งอยู่กับแม่และพ่อของสน คงไม่น่าเกลียดอะไรที่สนจะมานั่งกับเขาบ้าง ขอแค่วันพิเศษนี้เท่านั้นให้เขาทั้งสองคนได้อยู่ข้างๆ กัน ไม่งั้นแล้วงานวันเกิดคราวนี้ของต้นคงไม่สมบูรณ์เหมือนเช่นเคย

พ่อของต้นเหมือนจะรู้ทัน รีบไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมาให้สนนั่งกับต้น

"ขอบคุณครับพ่อแอ๊ด" ถ้าเกิดพ่อสองคนมาอยู่ด้วยกันสนจะเรียกพ่อของต้นว่า 'พ่อแอ๊ด' เพื่อไม่ให้สับสน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเรียกพ่อเฉยๆ

ต้นกับสนนั่งลงด้วยกันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุข คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนี้แล้วก็คงไม่มีใครกล้ามาแทรกกลาง พ่อกับแม่ของทั้งคู่ต่างก็ยิ้มดีใจ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ต้นกับสนก็เหมือนเด็กซนๆ ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกัน การเฝ้าดูเด็กทั้งสองเติบโตและคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนเป็นพ่อแม่ ภาพที่ต้นกับสนอยู่ด้วยกันยังเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูอยู่เสมอ

เอกออกไปร้องเพลงบ้าง เมื่อความสนใจไปอยู่ตรงนั้นสนก็หันมาคุยกับต้น "เดี๋ยวเราจะให้นายดูอะไร"

สนหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาแล้วก็เปิดให้ต้นดู "เราไม่เคยเปลี่ยนรูปเลยนะต้น" สนบอกอย่างภูมิใจ

ต้นมองดูรูปของเขาที่สนยังเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างมีความสุข "ของเราเปลี่ยนแล้ว"

สนขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินต้นพูดเช่นนั้น พอต้นหยิบกระเป๋ามาเปิดให้ดูบ้างสนจึงเข้าใจ ก็ยังเป็นรูปเขาเหมือนเดิม แต่ต้นเปลี่ยนเป็นรูปตอนเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนรูปต้นที่เขาใส่ไว้ยังเป็นรูปตอนเรียนมัธยมปลายเหมือนเดิม

"ไม่เอารูปแฟนมาใส่ด้วยล่ะสน" แม่ของต้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ทักขึ้น

สนหันไปยิ้มเจื่อนๆ กับแม่ต้น ใครๆ ที่มีแฟนเขาก็เอารูปแฟนมาใส่กระเป๋าทั้งนั้นแหละ มีแต่สนเท่านั้นที่ไม่ได้ทำแบบนั้น "พอดี...มันใส่ได้รูปเดียวครับ ก็เลยใส่รูปต้นดีกว่า เดี๋ยวต้นน้อยใจครับแม่"

"ต้นเขาไม่น้อยใจหรอก เขาเข้าใจ แต่ก็ตามใจเถอะจ้ะ แม่แค่กลัวหนูนาเขาจะน้อยใจเท่านั้นเอง" แม่บอกพลางยิ้ม

แต่ก็ทำให้สนต้องคิดหนักทีเดียว ตอนนี้นานั่งอยู่กับแม่ของเขาแต่ก็มองมาที่สนอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นแฟนกับสนมา นาก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูแปลกๆ หลายครั้งที่สนทำให้นาต้องสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา นายังคงมีคำถามอยู่ในใจตลอดว่าสนรักเธอจริงแค่ไหนกัน ยิ่งเห็นสนมาอยู่กับต้นแบบนี้เธอก็ยิ่งหวั่นๆ ผู้ชายสมัยนี้ไม่ใช่ไว้ใจยากเพราะนอกใจกับหญิงอื่นเท่านั้น แต่ก็ต้องระวังว่าจะนอกใจกับผู้ชายด้วยกันด้วย

----------------------------------------------------------

"พี่สนคะ พอดีนาได้บัตรพักรีสอร์ทที่กาญจน์มาสำหรับสองคน เราหาเวลาไปเที่ยวกันบ้างดีไหมคะ ช่วงนี้นาเบื่อๆ น่ะค่ะ อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ไม่ได้ไปเที่ยวไหนมาเกือบปีแล้ว"

ดูเหมือนเสียงใสๆ หวานๆ ของนาจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก คนที่ถูกถามก็ยังคงนอนเหมือนคิดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"สนคะ ได้ยินที่นาถามไหมคะ" นาเขย่าแขนสนเบาๆ ทำให้สนรู้สึกตัวและหันมามอง ตอนนี้ร่างกายของทั้งคู่ต่างก็มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวคลุมไว้เท่านั้น หลังจากกลับจากงานวันเกิดของต้น นาก็ขอมาพักที่คอนโดของสนเพราะบ้านของเธอค่อนข้างอยู่ไกล ส่วนต้นลาหยุดงานเพิ่มอีกหนึ่งวันจึงยังอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่อยู่ ต้นบอกเขาว่าอยากใส่บาตรแล้วก็ไปทำบุญที่วัดด้วย

"นาว่าไงนะครับ"

นาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่แล้วก็พยายามที่จะลืมๆ มันไปเพราะยังไม่อยากชวนทะเลาะ "พอดีนาได้บัตรพักรีสอร์ทที่กาญจน์น่ะค่ะ ห้องพักได้สองคน นาก็เลยว่าจะชวนพี่สนไปเที่ยวซักหน่อย ศุกร์เสาร์อาทิยต์นี้ดีไหมคะ พักได้สองคืนแน่ะ เราก็ไปกันเย็นๆ วันศุกร์ก็ได้"

จากสีหน้าที่พยายามยิ้มเมื่อสักครู่นี้ก็กลายเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง "นา...พี่ว่าเราค่อยไปสิ้นปีดีไหม ตอนนี้มันหน้าฝน พี่ว่ามันยังไม่ค่อยน่าเที่ยวเท่าไร"

"แต่มันใช้ได้ถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะคะ" นาแย้ง

"แต่..." สนไม่รู้จะหาอะไรมาอ้างดี รู้แต่ว่าเขาไม่อยากไป ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเพราะสนไม่รู้จักระมัดระวังเอง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ต้องมีชีวิตแบบนี้ เขาไม่ชอบตัวเองในสภาพแบบนี้เลย

"ถ้าสนไม่อยากไป นาไปคนเดียวก็ได้ค่ะ" น้ำเสียงของนาดูจะเริ่มไม่สบอารมณ์มากขึ้น หลายครั้งหลายหนแล้วที่สนทำให้เธอต้องรู้สึกขัดใจอยู่บ่อยๆ แล้วนาก็ถอนหายใจ สะบัดหน้า พลิกตัวไปอีกทาง

สนเงียบและครุ่นคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจบอกไปว่า "ก็ได้นา...ไปวันหยุดนี้เลยละกัน"

"จริงนะคะ" นาหันกลับมายิ้มดีใจ สนพยักหน้าพลางยิ้มบางๆ เขาก็อยากจะยิ้มให้ได้มากกว่านี้ แต่ก็ทำได้เท่านี้แหละ สาเหตุสำคัญที่สนเครียดเป็นเพราะว่าสนเพิ่งนัดกับต้นไว้ว่าจะไปดูอุปกรณ์บางอย่างที่โรงงานแห่งหนึ่งวันเสาร์นี้ เขาคงจะต้องผิดนัดกับต้นอีกแล้ว

-----------------------------------------------

สรุปว่าคนที่พาต้นไปดูของที่โรงงานนั้นก็เป็นปั้นจั่น สนโทรไปกำชับปั้นจั่นว่าให้พาต้นไปให้ได้ ห้ามให้คนอื่นพาไปอย่างเด็ดขาด ถ้าสนรู้ว่าคนอื่นพาไป สนขู่เขาว่าจะเลิกคบเป็นเพื่อน นั่นแหละ...ปั้นจั่นจึงต้องมาแทนทั้งๆ ที่อยากจะให้อีกคนมาใจแทบขาด

หลังจากที่ดูของและซักถามข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ปั้นจั่นก็พาต้นกลับ แล้วก็แวะกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารข้างถนนแห่งหนึ่ง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแถวนั้น

"เฮ้ยต้น...กูถามอะไรมึงอย่างได้ปะ กูสงสัยมานานแล้ว ไม่ได้ทะลึ่งนะเว้ย"

ต้นขมวดคิ้ว ปั้นจั่นสงสัยอะไรในตัวเขาที่มันทะลึ่งๆ ด้วยเหรอ ปกติต้นก็ไม่ค่อยคุยทะลึ่ง ไม่ได้มีบุคลิกไปทางนั้นนี่นา "อะไรวะ"

"มึงนอนกับไอ้สนบ่อยๆ เนี่ย เคย...จุดๆๆ กับมันไหม" ปั้นจั่นทำหน้าทะเล้นไปด้วย

"จุดๆๆ ของมึงคืออะไรวะ" ไม่ใช่ว่าต้นโง่ แต่ต้นไม่ทันคิดต่างหาก

"ก็...ทำกิจกรรมแบบนั้นไง เหมือนที่ผู้ชายผู้หญิงเค้าทำกัน"

"ไอ้บ้า เดี๋ยวเอาตะเกียบจิ้มตาเลย คิดอะไรของมึงวะ ไม่เคยโว้ย" ต้นว่าเพื่อนเสียงดังจนคนอื่นๆ หันมามอง

"จริงเหรอวะ ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอวะ" ปั้นจั่นยังไม่อยากเชื่อ สนกับต้นมันก็ดูหุ่นดี เรียกได้ว่าสเป็กเกย์ด้วยกันทั้งคู่ นอนด้วยกันบ่อยๆ แบบนั้นมันจะไม่มีเผลอใจบ้างหรือไง

ต้นส่ายหน้า

"กอดล่ะ โอ๊ยไม่ๆๆๆ พวกมึงสองคนกอดกันบ่อยๆ หรือว่า...จูบล่ะ เคยไหม"

ต้นถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียวที่ได้ยินคำนี้ "เอ่อ..." ต้นไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เขาเป็นคนที่โกหกคนไม่ค่อยเก่งเสียด้วยสิ

"แสดงว่าเคยล่ะสิ" ปั้นจั่นยิ้มชอบใจ เขาจ้องหน้าต้นจนต้นเขิน

"บ่อยหรือเปล่าวะ"

ต้นส่ายหน้า

"แล้วกี่ครั้งล่ะ"

"มึงจะรู้ไปทำไมวะ" ต้นชักรู้สึกว่าปั้นจั่นชักจะล้ำเส้นมากเกินไป

"เออๆ อายก็ไม่ต้องบอก แต่กูจะบอกมึงให้นะเว้ย ไม่มีผู้ชายที่ไหนหรอกที่เป็นเพื่อนกันแล้วจูบกัน ไอ้สนน่ะมันรักมึงมากกว่าเพื่อน กูกล้าเอาหัวเป็นประกัน ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่มันทำปากแข็งหรือไม่มันก็ต้องมีอะไรผิดปกติบางอย่างเท่านั้นแหละ มันถึงยังกั๊กๆ อยู่แบบนี้"

น้ำเสียงและสีหน้ามั่นใจขนาดนั้นของปั้นจั่นทำให้ต้นชักจะเอนเอียงไปตามนั้น "มึงมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอวะปั้นจั่น"

"เออสิวะ ผู้ชายที่ไหนมันจะจูบกันวะ" แล้วปั้นจั่นก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้ต้น "ถ้ามึงอยากพิสูจน์ มึงก็ต้องลองทำตามแผนของกู"

"แผนอะไรวะ"

"ทำให้ไอ้สนมันคลั่งแล้วก็ยอมพูดความจริงออกมา" ปั้นจั่นให้แนวทาง

"ทำยังไง" ต้นก็ชักอยากรู้เหมือนกัน

"จริงๆ กูก็ว่ามึงทำไปเยอะแล้วนะ เวลามึงอยู่กับพี่แทนมึงรู้ไหมว่าไอ้สนมันแทบบ้า มองตามมึงตาละห้อยเลย แต่มึงจะต้องทำมากกว่านั้นไอ้ต้น"

"ทำไงวะ"

"ก็ลองเป็นแฟนกับพี่แทนจริงๆ ดูสิ"

ต้นถึงกับตาโตด้วยความตกใจ "ไม่เอาเว้ย เกิดพี่เขาชอบกูขึ้นมาจริงๆ ล่ะ"

"แล้วมึงจะทำไงวะต้น มันก็ต้องทำแบบนี้ถึงจะรู้ ไม่งั้นมึงก็ต้องคุยกับพี่เขาให้เขาเข้าใจแล้วให้เขาช่วยมึง"

"แล้วมึงคิดว่ากูจะกล้าไปพูดกับพี่เขาแบบนั้นเหรอ อย่าว่าแต่กูเลย มึงจะกล้าไหมล่ะ"

ปั้นจั่นส่ายหน้าไวๆ "เอางี้ละกัน มึงก็ทำแต่พอดีๆ ก็ได้ เอาแบบให้ไอ้สนมันคลั่งเล่นๆ อย่างเช่น ไปดูหนังกินข้าวด้วยกัน ไปงานอาสาสมัครด้วยกันบ่อยๆ ก็ได้ ไปต่างจังหวัดเลยยิ่งดี ไอ้สนมันจะได้หึง"

"เฮ้ยปั้นจั่น กูกลัวพี่เขาจะชอบกูจริงๆ ว่ะ แค่นี้กูก็รู้สึกว่าพี่เขาเหมือนจะจีบๆ กูอยู่ กูไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจว่ะ มีวิธีอื่นไหมวะ"

"ก็จริงของมึงว่ะ...เดี๋ยวกูขอไปคิดก่อนละกัน" ปั้นจั่นคล้อยตาม ก็จริงอย่างที่ต้นว่านั่นแหละ ทำแบบนี้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องก็จะพลอยเดือดร้อนและเจ็บไปด้วย

"เอ...ต้น หรือว่ามึงจะ...ลองคบกับพี่แทนจริงๆ จังๆ เลยดีไหม กูว่าพี่เขาก็ดูเป็นคนดีนะ มึงกับไอ้สนก็เป็นเพื่อนกันไปตามเดิม ไอ้สนมันก็มีแฟนแล้ว เดี๋ยวมันก็คงจะแต่งงาน คิดไปคิดมากูก็ไม่อยากจะไปพรากเขาจากกันว่ะ นี่ตอนนี้มันก็ไปเที่ยวกันสองต่อสอง ก็คงจะมีอะไรกันไปถึงไหนต่อไหนละ ถ้าเขาไม่รักกันก็คงไม่คบกันเป็นแฟน มึงลองคิดดูละกัน กูก็ชักงงๆ กับพวกมึงสองคนเหมือนกัน" ปั้นจั่นบอกแล้วก็คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก

จริงๆ ต้นไม่อยากจะนึกถึงด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์กับนาของสนไปไกลถึงไหนแล้ว แต่ไปเที่ยวกันสองต่อสองแบบนี้ก็คงเป็นอย่างที่ปั้นจั่นบอกนั่นแหละ แล้วสนมีแผนที่จะแต่งงานกับนาหรือเปล่านะ แค่คิดต้นก็เจ็บไปทั้งใจแล้ว ถ้าสนแต่งงานกับนาไปจริงๆ ทุกอย่างก็คงจบที่ความเป็นเพื่อนกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ  ต้นก็ควรจะมีทางเลือกให้กับชีวิตบ้าง หรือว่าเขาควรจะต้องทำอย่างที่ปั้นจั่นแนะนำเสียแล้ว

----------------------------------------------------------------------------

อีกไม่กี่เดือนต่อมาต้นก็ขึ้นมาเชียงรายกับทดแทนอีก คนที่ทุรนทุรายไม่อยากให้ต้นมาก็คือสน เพราะเขากลัวว่าต้นจะไม่ปลอดภัยถ้าหากไปกับทดแทนสองต่อสองแบบนี้ แต่พอหาเหตุผลมาห้ามไม่ได้สนก็เลยต้องยอมให้ต้นมา จริงๆ เขาก็ว่าจะตามมาด้วยแต่ก็ติดธุระกับนาก็เลยมาด้วยไม่ได้

การมาครั้งนี้ก็เป็นการมาช่วยทำฝายน้ำล้นเช่นเคย แต่เป็นคนละที่กัน ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับงานอาสาสมัคร การมาด้วยกันครั้งนี้ของทดแทนก็มีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างที่เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะเปิดเผยมันออกมา

หลังจากทำงานเสร็จวันแรก ทดแทนก็พาต้นเข้ามาหาอะไรกินด้วยกันในเมืองสองคน มาคราวนี้ทดแทนขอยืมรถเก๋งของเพื่อนที่รู้จักมาไว้ใช้ด้วย หลังจากเดินซื้อของตามตลาดสักพักก็มานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารเหนือแห่งหนึ่งริมแม่น้ำกก ก็เป็นเพียงการกินข้าวคุยกันธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น จนกระทั่งตอนกลับ พอเข้ามานั่งในรถด้วยกันแล้วทดแทนก็เริ่่มทันที

"ต้น..." ทดแทนเรียกเบาๆ แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือต้นไว้ แม้ว่าต้นจะตกใจแต่ก็ไม่กล้าเสียมารยาทดึงมือออก

"ต้นจะว่าอะไรถ้าพี่จะบอกว่า...พี่ชอบต้น อยากจะขอเป็นแฟนกับต้น"

ต้นเคยเจอแต่มึนๆ งงๆ เบลอๆ แบบสน พอเจอจังๆ แบบนี้ต้นก็แทบจะไปไม่เป็นเลยทีเดียว

"เอ่อ..." ต้นหันไปมองทดแทนด้วยสีหน้าประหม่า แม้ว่าจะรู้จักกับทดแทนมาเกือบปีแล้ว เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของเขา เห็นความดูแลเอาใจใส่ของเขา ถามว่าชอบไหมก็คงคงชอบ แต่ถ้าให้ถึงขั้นเป็นแฟนกัน...ต้นก็ต้องคิดหนัก

"พี่ไม่รู้ว่าต้นมีใครอยู่ในใจหรือเปล่านะ แต่พี่...อยากบอกให้ต้นรู้ว่าพี่คิดยังไงกับต้น ต้นยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้ พี่รอได้" จะว่าไปก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่ทดแทนจะรู้ว่าต้นมีใครในใจหรือไม่ ก็เห็นชัดเจนเสียขนาดนั้น

"พี่อยากจะบอกต้นว่า...คนเราบางทีก็ต้องมีทางเลือกอื่นบ้าง ถ้าเรามีแค่ทางเลือกเดียวแล้วเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมา ชีวิตเราจะแย่นะต้น พี่อยากให้ต้นหาทางเลือกอื่นไว้บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องความรัก พี่รู้ว่าต้น...มีทางเลือกหลักของต้นอยู่แล้ว พี่ยินดีที่จะเป็นทางเลือกรอง ถ้าวันไหนที่ต้นรู้ว่า...ต้นไปทางเลือกหลักไม่ได้ พี่ก็อยากให้ต้นรู้ว่า...พี่จะเป็นอีกทางเลือกให้ต้น ต้นอยากมาต้นก็มาได้เสมอ"

ต้นค่อยๆ ยิ้มให้ทดแทน ที่ต้นชอบทดแทนก็เพราะความใจกว้างและมีน้ำใจของเขานี่แหละ โดยมากคนที่ชอบทำงานอาสาสมัครก็มักจะมีจิตใจดีแบบนี้ แต่ต้นขอเวลาตรวจสอบอะไรบางอย่างให้ต้นแน่ใจก่อนเท่านั้น ต้นแค่อยากจะรู้ว่าทางเลือกหลักของต้นยังพอมีทางเป็นไปได้ไหม ถ้าไม่ได้แล้ว ก็คงจะต้องถึงเวลาที่ต้นจะเปิดใจให้ทางเลือกอื่น การเปลี่ยนความชอบมาเป็นความรักก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ไม่รู้สิ ต้นคิดว่ามันไม่น่าจะยาก ถ้าใจชอบขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะชอบอัธยาศัยใจคอหรือชอบอะไรก็แล้วแต่ มันก็น่าจะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่ความรักได้

"ขอบคุณพี่มากนะครับ เอาเป็นว่า...ขอเวลาให้ผมอีกหน่อยละกัน ภายในเดือนสองเดือนนี้แหละครับ"

ทดแทนยิ้มดีใจ "พี่จะรอนะ...หวังว่า...ต้นคงไม่ทำให้พี่รอเก้อนะ" ทดแทนกุมมือต้นแน่นขึ้นแล้วก็พูดต่อว่า "รู้ไหมว่าต้น...คือคนในแบบที่พี่ตามหามานานแล้ว พี่รักใครมาก็หลายคน เจ็บไปก็เยอะ จนรู้สึกไม่อยากจะมีความรัก แต่พอได้เจอต้น ได้เจอคนที่คิดคล้ายกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน คนที่แสนดี คนที่ช่างอดช่างทน คนที่น่าสงสาร" ถึงตรงนี้ทดแทนขำนิดๆ ต้นคงไม่รู้หรอกว่าเขาแอบสงสารต้นอยู่ "และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ต้นเป็นอยู่ ต้นทำให้พี่อยากจะลองรักอีกสักครั้ง พี่จะรอนะต้น" ทดแทนย้ำว่าเขาจะรออีกครั้ง

โอกาสที่เขาจะสมหวังก็ยังพอมีอยู่ เมื่อสนมีแฟนไปแล้ว ความหวังของต้นก็มีแต่ริบหรี่ลงไป ยกเว้นว่าต้นจะรักสนต่อไปโดยไม่สนใจว่าสนจะเป็นแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้น ความรักเป็นเรื่องพูดยาก ไม่เข้าใครออกใคร บางครั้งก็อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นได้

---------------------------------------------------------

พอกลับมาจากเชียงราย ต้นก็ได้รู้ข่าวบางอย่างที่คงทำให้ต้นตัดสินใจง่ายขึ้น เมื่อสนโทรมาหาหลังจากที่เขาเพิ่งกลับถึงบ้านได้ไม่ถึงชั่วโมงดี

"ต้น...ขอโทษนะที่เราไม่ได้มาบอกด้วยตัวเอง เรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกนาย...นายทำใจดีๆ ไว้นะ"

แค่ได้ยินที่สนเกริ่นนำ ต้นก็แทบจะไม่อยากฟังแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรให้เขาต้องประหลาดใจอีก แต่ต้นก็สังหรณ์ใจว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะดีกับต้นนัก

"มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอสน" ต้นถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ

"ต้น...เรา...เดือนหน้า..." สนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะรู้ว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้คงทำให้ต้นเจ็บและเสียใจมากทีเดียว

"เราจะหมั้นกับนาเดือนหน้า" เพราะว่าต้องบอกเรื่องนี้ สนจึงไม่กล้ามาบอกต้นด้วยตัวเอง เขากลัวว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นต้นต้องเสียใจ

โทรศัพท์ต้นแทบจะหลุดร่วงลงจากมือ จะว่าไปแล้วต้นก็แทบจะล้มลงไปทั้งที่ยืนอยู่ด้วยซ้ำ เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัวเขาอย่างแรงจนมึนงงไปหมด เรื่องเจ็บคงไม่ต้องพูดถึง มันแล่นพล่านไปทั่วทั้งกายและใจของเขาแล้ว แต่ยังหรอก ต้นจะยังอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้

"ยินดีด้วยนะสน" ต้นกัดฟันพูดออกไปอย่างยากเย็น เสียงเบาหวิวนั้นคงจะปิดบังได้ยากว่าคนพูดกำลังรู้สึกอะไรอยู่

"ต้น...เราขอโทษ" สนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจและปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก เขานึกว่าเขาจะจัดการมันได้ แต่มันก็กลับจัดการได้ยากขึ้นทุกทีๆ เชือกที่เขาหามามัดตัวเองไว้นั้นไม่ได้แก้ง่ายอย่างที่เขาคิดในตอนแรกเสียแล้ว ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งแน่น

"ขอโทษทำไม มันเป็นสิทธิ์ของนายนะสน นายมีสิทธิ์ที่จะมีแฟน หมั้น แต่งงาน มีลูก มีครอบครัว ใครๆ เขาก็ทำแบบนี้ นายไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย จะขอโทษเราทำไม"

"แต่ว่า..."

"นายโทรมาก็ดีแล้ว เราก็มีเรื่องจะบอกนายอยู่เหมือนกัน" ต้นกำลังจะไม่ไหวแล้ว พอบอกเสร็จแล้วต้นก็คงจะปล่อยให้ความรู้สึกข้างในทั้งหมดได้ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

"อะไรเหรอต้น" สนถามด้วยความหวั่นใจ รู้สึกสังหรณ์ใจถึงเรื่องที่อาจจะไม่เป็นผลดีสำหรับเขาเช่นกัน

เอาล่ะ...ต้นตัดสินใจแล้ว ความรักที่ต้นหวงแหนมาตลอดสิบกว่าปีคงถึงคราวที่ต้นจะต้องทิ้งมันไปแล้วสินะ ต้นคงจะต้องทิ้งมันแล้วเพราะมันทำให้ต้นเจ็บมากเหลือเกิน ยามดีมันก็ทำให้ต้นมีความสุขมาก แต่ยามร้าย ต้นก็เจ็บสาหัสไม่แพ้กัน เมื่อคิดช่างใจดูแล้วว่าไม่เห็นความเป็นไปได้ ต้นก็คงต้องคิดใหม่หลังจากที่ลังเลมาหลายครั้ง เราคงไม่มีบุญวาสนาที่จะได้เป็นอะไรมากกว่านี้ ก็เป็นแค่เพื่อนกันแล้วกันนะสน...

"พอดีเรา...กับพี่ทดแทน...ตกลงจะเป็นแฟนกันแล้วนะ"

"อะไรนะต้น!!!" สนถามด้วยเสียงดังอย่างคนตกตะลึงสุดขีด

แต่ต้นไม่รับรู้อะไรแล้ว เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องนอน ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก ความรักที่เขาแสนจะหวงแหนกำลังหลุดลอยออกไปแล้ว ต้นรักมันเหลือเกิน แต่มันก็โหดร้ายทารุณกับต้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย ลาก่อนนะความรัก...

ความรักของเรากับนาย...

ต้นกับสน

TO BE CONTINUED
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: atblueann ที่ 18-06-2012 00:22:40
เราว่าสนไม่เหมาะกับต้นหลอก เราว่าสนเห็นแก่ตัวเกินไป มากเกินจะได้ความรักของต้นมาครองน่ะ
ไม่ชอบนาเลยจริงๆเถอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-06-2012 00:46:23
กว่าจะฉลาดรักตัวเองขึ้นมาได้ ล่วงเลยมาถึงตอน 26 กันเลยทีเดียว

คนนึงยอมเป็นของตาย คนนึงเห็นแก่ตัว ทิ้งความรักแบบนี้ไปก็ดี

เพราะอย่างไรคนเห็นแก่ตัวก็มีอีกคนข้าง ๆ กายอยู่แล้วจะดันทุรังความรู้สึกไปทำไม
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 18-06-2012 01:03:54
แยกๆกันไปแบบนี้ก็ดี ตัดสินใจกันแบบนี้ก็เอาให้ขาดกันทั้งคู่

อย่าได้หันหลังกลับมาแล้วกัน เฮ้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: tra_daday ที่ 20-06-2012 22:10:15
รอนะครับ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 21-06-2012 01:38:37
ดีใจที่สุดเลยที่บอร์ดไม่เป็นไรแล้ว ตกใจหมดเลยครับนึกว่าจะโดนดีไปแล้ว
เพิ่งรู้ว่าขาดไปแล้วมันเป็นอย่างนี้เอง

---------------------------------------------------

ตอนที่ 27: ที่รักของคนอื่น

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ในนาทีนี้ สนไม่ต่างจากคนที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการยอมรับสภาพ จิตใจเขามันคงดิ้นรนมามากจนวันนี้มันเหนื่อยล้าและกำลังจะหมดแรง เขาจึงได้แต่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร พยายามที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักก็ตาม เขารู้ดีว่าเรื่องทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้ เขาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้มันเป็นไปแบบนั้น

แม้ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเสียคนที่เขารักเหมือนแก้วตาดวงใจไปให้คนอื่น สนก็หมดแรงที่จะยื้อแย่งสิ่งนั้นคืนมา ต้นคงได้เจอคนที่ดีกว่าเขาแล้ว ผู้ชายคนนั้นดูแลต้นได้เป็นอย่างดี สนคงไม่ต้องห่วงกังวลอะไร สิ่งที่สนควรจะห่วงมากกว่าตอนนี้คือชีวิตของเขาเองต่างหาก เพราะเขากำลังติดกับและเริ่มจะหมดหนทางแก้

สนคอยชำเลืองมองดูเจ้าของแก้มใสๆ ที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าพร้อมกับอีกคนที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง คนที่ถามว่าอยากได้อะไรก็ดูเหมือนจะยินดีทำให้ทุกอย่างทั้งที่ขอและไม่ได้ขอ แม้ว่าจะนั่งอยู่คนละโต๊ะกันแต่ก็อยู่ในระยะที่พอมองเห็นได้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง บางครั้งที่ต้นหันมาสบตา สนก็ได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ตอบกลับไป เขาได้แต่ถามตัวเองในใจว่าต้นจะรู้ไหมว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ จะรู้ไหมว่าสนเสียใจแค่ไหน

สนคิดถึงตอนเด็กๆ ที่ไม่ว่าต้นจะอยู่ที่ไหน เขาก็จะอยู่ใกล้ๆ เสมอเพื่อคอยดูแล เวลาทำการบ้านจำพวกงานประดิษฐ์ ต้นก็จะวิ่งมาหาแล้วขอให้เขาช่วยทำ ทุกครั้งต้นจะนั่งดูและคอยเป็นกำลังใจให้ เวลาต้นไม่สบาย สนก็จะหยุดเรียนไปด้วยแล้วก็คอยมาช่วยดูแลต้นที่บ้าน พ่อกับแม่ต้นก็ไว้ใจ ไม่เคยต้องห่วงต้นเลยถ้ามีสนคอยดูแล เขาจึงเป็นคนที่ครอบครัวต้นรักมากจนเหมือนลูกชายอีกคน เวลาอยู่โรงเรียนใครจะมาแกล้งหรือรังแกต้นให้เขารู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด สนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ดีไปทุกอย่าง แต่สนก็รู้ว่าเขารักต้นมากแค่ไหน เขายังจำคำสัญญานั้นที่เขาให้กับพ่อไว้ว่าจะดูแลต้นให้ดีที่สุดได้เสมอ

แต่วันนี้เขาคงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นแล้ว ทดแทนดูจะทำสิ่งนั้นแทนเขาได้เป็นอย่างดี หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำเพราะทดแทนดูเป็นผู้ใหญ่และมีความสุขุมรอบคอบมากกว่า ดูอบอุ่นมากกว่า สนอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อเขาจะไม่ได้มีโอกาสดูแลต้นอย่างที่วาดหวังไว้แล้ว

แต่สนก็รู้ว่ามันไม่ง่ายหรอกที่ต้นจะรักคนอื่น เขารู้ว่าต้นคงต้องพยายามอย่างมากที่จะเปิดใจ ก่อนหน้านี้สนคอยหวงและกันท่าต้นมาตลอด แต่ด้วยปัญหาที่สนเริ่มแก้ไม่ตกและความหวังที่เริ่มริบหรี่ลงไป วันนี้สนจึงควรต้องหยุดและปล่อยต้นให้เป็นอิสระ ให้ต้นได้เจอคนที่ดีกว่าเขา เพราะอิสระของเขาเองก็เริ่มเหลือน้อยลงแล้ว ถึงจะรักแค่ไหนเขาก็ให้สิ่งนั้นกับต้นไม่ได้

ท่าทางที่เงียบและซึมเศร้าของสนทำให้นิกและปั้นจั่นซึ่งเป็นผู้ก่อการในครั้งนี้ดูจะผิดหวังไม่น้อย พวกเขาหวังจะได้เห็นอาการทุรนทุรายของสน อยากเห็นสนอกแตกตายแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตาด้วยความหึงหวง แต่ทุกอย่างก็ผิดคาดไปหมด สนไม่แสดงอาการเหล่านั้นให้เห็น แถมยังมีท่าทางซึมเศร้าและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

"มันเป็นอะไรของมันวะ" นิกถามพลางคอยชำเลืองมองดูสนที่นั่งอยู่กับนาอยู่ไม่ไกลนัก ถัดไปจากนั้นอีกไม่กี่โต๊ะก็จะเห็นต้นกับทดแทนนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่

"ไม่รู้ว่ะ แต่มันซึมไปเลย สงสัยมันคงเสียใจมั้งที่ต้นไปคบกับพี่ทดแทนแล้ว" ปั้นจั่นตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ข้างในใจก็เริ่มรู้สึกกังวลและเป็นห่วงสน ยิ่งเห็นสนกับแฟนนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จากันทั้งที่เพิ่งหมั้นกันได้ไม่กี่วัน ปั้นจั่นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นว่าสนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง

"อืม...ก็มันรักของมันขนาดนั้น มันก็คงเสียใจแหละ เฮ้ยปั้นจั่น...มึงว่าเราทำเกินไปหรือเปล่าวะ ไปบังคับให้มันมาเที่ยวด้วย แล้วให้มันมาเห็นต้นมีแฟนใหม่แบบนี้"

"ไม่หรอกมั้ง ยังไงมันก็ต้องรู้อยู่แล้ว ก่อนจะมามันก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ"

"ก็น่าจะรู้นะ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ไอ้สนมันทำตัวของมันเองนี่นา" นิกว่าพลางส่ายหัวไปด้วยเหมือนกับเสียดายแทนสน

"กูเคยคิดว่ามันสับสน...แต่กูว่ามันไม่ได้สับสนหรอกว่ะนิก กูว่ามันน่าจะรู้ใจตัวเองนานแล้วล่ะ มันก็แสดงออกชัดเจนว่ามันคิดอะไรกับต้น แต่ไม่รู้ว่ามันติดอะไรของมันมันถึงไม่ยอมบอกต้นเสียที กูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะเว้ย มึงดูมันกับแฟนดิ นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ไม่รู้ว่ารักกันจริงหรือเปล่า"

"กูว่ามันก็น่าคิดนะ ผู้หญิงที่ชื่อนาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็โผล่มา มันจะเป็นไปได้ไหมวะที่ไอ้สนมันอาจจะพลาดไปมีอะไรกับเขา แล้วผู้หญิงก็เลยจับไม่ปล่อย จริงๆ กูก็สังเกตมานานแล้วล่ะว่าสนมันไม่ได้ดูรักผู้หญิงคนนี้เลย"

"ลองถามมันดูไหม" ปั้นจั่นเสนอ

"ก็ดีเหมือนกัน แต่ไอ้สนนี่มันปากแข็ง มันอาจจะไม่ยอมเล่าก็ได้"

"ลองดูก่อนสิวะ อย่าเพิ่งคิดไปเอง" ปั้นจั่นทำเสียงตำหนิเล็กน้อย

พอกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนก็มานั่งรอรถอยู่ที่ตรงล็อบบี้ของรีสอร์ท ไม่นานนักรถตู้ก็มาถึง ช่วงนั้นทดแทนคงไปเข้าห้องน้ำอยู่ ต้นจึงยืนรอและปล่อยให้คนอื่นๆ ไปขึ้นรถก่อน สนหันมามองและสบตากับต้น เขากับต้นกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้วหรือไรจึงไม่พูดไม่จากันสักคำ เมื่อต่างคนต่างเงียบ สนจึงพานาเดินไปขึ้นรถ นี่คงเป็นกรรมตามสนองที่เขาเคยทำให้ต้นต้องเจ็บแล้ววันนี้เขาก็ต้องมาเจ็บเสียเอง 

ใช้เวลาไม่นานนัก รถตู้ที่พวกเขาเช่ามาก็พามาถึงจุดหมายแรกที่สวนสนประดิพัทธ์ พอมาถึงแล้วคนอื่นๆ ก็ไปเช่าจักรยานแล้วก็ปั่นชมชายหาดกัน มีแต่สนกับนาเท่านั้นที่ไม่ได้ไป แต่เดินแยกไปตรงชายหาดกันสองคน ต้นได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นสนมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่เช้าต้นก็สังเกตว่าสนกับนาแทบไม่คุยกันเลย ตอนกินข้าวก็เห็นสนนั่งเงียบไม่พูดไม่จา

สาเหตุที่สนต้องแยกตัวออกมานั้นเพราะนาเริ่มแสดงอาการไม่พอใจและขู่ว่าจะกลับบ้านตอนอยู่บนรถ เขาจึงต้องแยกออกมาคุยกันต่างหากเพราะไม่อยากทะเลาะกันให้คนอื่นเห็น

"เป็นอะไรของพี่คะ ไม่พูดไม่จา นาทำอะไรให้ไม่พอใจขนาดนั้นเหรอคะ" นาเริ่มก่อนเมื่อเห็นว่าไกลจากสายตาของเพื่อนๆ สนพอสมควรแล้ว

"ไม่เกี่ยวกับนาหรอก" สนตอบโดยไม่หันมามองหน้า

"แล้วไงคะ ไม่เกี่ยวกับนา แต่นาเป็นแฟนพี่สนนะคะ ทำเฉยชาแบบนี้จะให้นารู้สึกยังไง อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว แต่ดูพี่สนสิคะ ทำหน้ายังกะคนเบื่อโลก มีปัญหาอะไรหนักอกหนักใจนักหนาเหรอคะ" นาเริ่มเสียงดัง

"แล้วนาจะให้พี่ทำหน้ายังไง พี่ทำให้ขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ จะให้ต้องทำแค่ไหน นาก็รู้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของเรามันเป็นมายังไง" สนเริ่มเสียงดังบ้าง เขาเริ่มจะหมดความอดทนมากขึ้นทุกทีๆ

"รู้ค่ะ แล้วไงคะ จะไม่รับผิดชอบเหรอ มันเป็นความผิดของนาคนเดียวเหรอคะ เพราะพี่เองไม่ใช่เหรอที่ทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่ความต้องการของนาคนเดียวซะหน่อย  นาเป็นผู้หญิง นาเสียหายนะคะ หรือจะให้นาไปบอกพ่อกับแม่ของพี่สนว่าความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มมาจากอะไร"

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ นั่นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้สนต้องยอมปิดปากเงียบและปล่อยให้เรื่องมันดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ สนไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ความผิดพลาดที่เขาได้ทำขึ้น เขาไม่อยากให้พ่อกับแม่เสียใจและผิดหวังในตัวเขา และไม่อยากให้ต้นกับครอบครัวรู้เรื่องนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เขารู้สึกละอายใจที่ทุกคนต่างก็หวังดีและทุ่มเทเพื่อให้เขาได้เรียนจบมีงานดีๆ ทำ แต่เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้น ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นเสียก่อน เขากับต้นก็คงจะไม่เป็นแบบนี้

"นาจะกลับบ้านค่ะ ไม่ท่งไม่เที่ยวมันละ พี่สนอยากอยู่ก็ตามใจ" นากระแทกเสียงพลางสะบัดหน้าเดินหนีไป เธอเองก็เริ่มเบื่อหน่ายกับอาการเงียบและเฉยชาของสน

แต่สนก็ไม่ได้เดินตามไป เขารู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่อยากทำอะไร สนนั่งชันเข่าลงข้างๆ ต้นสนต้นหนึ่งราวกับคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต เขาเหนื่อยกับชีวิตตอนนี้เหลือเกิน เหนื่อยที่จะดิ้นรนแก้ปัญหาที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้ จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับผลจากความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น ความผิดพลาดที่ทำให้เขาต้องสูญเสียคนที่เขารักให้คนอื่น ความผิดพลาดที่ทำให้เขาต้องจำทนฝืนใจรับผิดชอบ แต่ทั้งหมดนี้ มันก็เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง เพราะความคิดฝ่ายต่ำเพียงชั่ววูบนั้นที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปได้มากถึงเพียงนี้

-----------------------------------------------------------------------

"ต้นว่าสนเขาดูเงียบๆ ไปไหมวันนี้" ทดแทนถามขึ้นขณะที่นั่งกินไอศครีมกับต้นอยู่ตรงริมทางเลียบชายหาดด้วยกัน ต้นเห็นไอศครีมโบราณผ่านมาพอดีก็เลยชวนทดแทนหยุดซื้อกิน

"ครับ" ต้นตอบสั้นๆ และพยายามยิ้มเพื่อไม่ให้ทดแทนรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้รู้ว่าต้นรู้สึกหวั่นไหวมากแค่ไหน ต้นเป็นห่วงสนเสมอ เพราะเขาสองคนคอยดูแลกันมาเกือบทั้งชีวิต เห็นสนเป็นแบบนั้นแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ต้นจะไม่รู้สึกอะไรเลย ที่สำคัญ ต้นก็ไม่ได้เป็นห่วงสนในฐานะเพื่อนเสียด้วยสิ

"สงสัยจะงอนกับแฟนหรือเปล่านะ" ทดแทนยังไม่วายสงสัย

"ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ" ต้นยิ้มเศร้าแล้วก็หันไปมองทะเลเพื่อซ่อนความรู้สึกบางอย่าง แต่ปิดอย่างไรก็คงไม่มิด ทดแทนไม่ใช่เด็กๆ แล้วเขาย่อมรู้ว่าต้นกำลังคิดอะไรอยู่

ทดแทนไม่ได้ถามอะไรต่อ ถึงตอนนี้ต้นจะตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว แต่ทดแทนก็รู้ว่าต้นคงไม่สามารถลืมสนได้ง่ายๆ เขาก็ต้องให้เวลาต้นและไม่อยากจะไปกดดันอะไรต้นมากเกินไป

กินไอศครีมหมดแล้วต้นกับทดแทนก็ขี่จักรยานย้อนกลับมาทางเดิมซึ่งเป็นจุดนัดพบก่อนที่จะไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน พอเอาจักรยานไปคืนแล้วก็มานั่งรอปั้นจั่น นิก สนกับนาตรงขอบกำแพงที่กั้นระหว่างถนนกับชายหาด ไม่นานนักนิกกับปั้นจั่นก็ตามมาติดๆ เหลือแต่สนกับนาเท่านั้น

"สนกับแฟนมันยังไม่กลับมาอีกเหรอ" ปั้นจั่นถามขึ้นพลางมองหาสองคนที่หายไปจากกลุ่ม

"เดี๋ยวเราไปตามเอง" ต้นอาสา แล้วก็รีบเดินออกไป ทดแทนไม่ได้ตามไปด้วยเพราะเขาคิดว่าต้นคงไม่อยากให้ตามไป แต่สีหน้าของเขาก็เริ่มแสดงความกังวลขึ้นมาบ้าง

ต้นเดินไปตามสนตรงที่เขาเห็นสนกับนาเดินลงมาด้วยกัน เดินหาอยู่สักพักก็เห็นสนนั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นสนต้นหนึ่ง ต้นยืนนิ่งกับสิ่งที่เขาได้เห็นตรงหน้า ตั้งแต่วันนั้นต้นก็ไม่ได้คุยอะไรกับสนเลย ต้นเริ่มฉุกคิดสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของสนหรือเปล่าในช่วงที่ผ่านมา ต้นเอาแต่คอยหลบหน้าหลบตาสนและมัวแต่น้อยอกน้อยใจจนลืมที่จะถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อน คิดไปแล้วต้นก็รู้สึกผิดเหมือนกัน สนเป็นอะไรนะ...ทำไมถึงได้ดูเศร้าแบบนั้นทั้งๆ ที่เพิ่งจะหมั้นกับแฟนมาหยกๆ อีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้ว มีอะไรหรือเปล่าที่ต้นไม่รู้

ต้นเดินแกมวิ่งเข้าไปหาสน เขาร้องเรียกเมื่อคิดว่าอยู่ในระยะที่สนพอจะได้ยิน "สน...ไปกันเถอะ เขาจะไปกินข้าวกันแล้ว"

สนหันมามองตามเสียงเรียก ต้นเห็นสีหน้าของสนแล้วก็ยิ่งตกใจ เมื่อเห็นใกล้ๆ จึงได้เห็นสีหน้าของสนที่ดูเศร้าหมองกว่าที่ต้นเห็นห่างๆ มากมายนัก

"นาล่ะสน" ต้นถามพลางหันไปมองหา

"เขากลับไปแล้ว" สนบอกเสียงเบาแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเศษทรายตามกางเกงออก

ในยามนี้สนต้องการกำลังใจจากใครสักคน คนที่จะให้สิ่งนั้นกับเขาได้ดีที่สุดก็คงเป็นคนที่เพิ่งมาถึงนี้เท่านั้น เขาอยากจะกอดต้นเหลือเกินแต่สนก็ทำไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้นกับต้นอีก เขาไม่ควรจะให้อ้อมกอดหรือคำว่ารักจากเขาเป็นสิ่งที่กักขังต้นเอาไว้ เพราะเขาก็คงจะไม่มีความหวังใดๆ ให้ต้นอีกแล้ว สนทำได้เพียงทำท่ายกมือขึ้นแล้วก็ปล่อยลงข้างๆ ตัว

"กลับไปไหน" ต้นสงสัย

"เราทะเลาะกับเขานิดหน่อย เขาก็เลย...กลับบ้านไปแล้ว" สนบอกพลางหันหน้าไปทางอื่น เขาทำใจได้ยากเหลือเกินในเวลานี้ ไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งทะเลาะกับแฟน แต่เป็นเพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างที่เขาอยากทำกับคนที่เขารักได้อีกแล้วต่างหาก ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กันแค่นี้

"จริงเหรอ..." ใจจริงต้นก็อยากจะถามสนว่าทำไมไม่ตามนาไปแต่ก็ไม่กล้าถาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ต้นจะเคยเสียใจมากแค่ไหนที่ได้รู้ว่าสนกำลังจะหมั้นกับนา แม้ว่าความรู้สึกเสียใจจะยังมีอยู่ แต่พอมาเห็นสนในตอนนี้แล้วต้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกยังไง

สนดูเงียบและซึมเศร้าไปมาก มากจนต้นอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้นเห็นสนซึมๆ เมื่อไหร่เขาก็จะต้องคอยให้กำลังใจ เห็นสีหน้าแบบนี้ต้นก็พอรู้ว่าสนกำลังต้องการกำลังใจ แต่ทำไมตอนนี้ต้นถึงได้แต่ยืนนิ่งและไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่ใจก็อยากจะทำอย่างนั้น

"เราว่าเรากลับไปหาเพื่อนๆ กันก่อนดีไหม เขารออยู่"

สนหันมาพยักหน้า ต้นออกเดินนำไปก่อนแล้วสนก็ค่อยๆ เดินตามมา เดินมาได้สักพักสนก็พูดขึ้นมาว่า

"ต้น...เราดีใจด้วยนะ"

ต้นหยุดเดินแล้วหันมามองสน เขารู้ว่าสนหมายถึงอะไร ต้นก็คิดว่าเขาควรจะดีใจ แต่พอมาถึงตอนนี้ต้นก็ไม่รู้ว่าเขาดีใจหรือเปล่า

"ต่อไปนี้ เราก็คงไม่ต้องห่วงนาย พี่แทนเขาดูแลต้นดีนะ" สนรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ก็แข็งใจพูดต่อว่า "พี่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ คงจะดูแลนายได้ดีมากกว่า..." สนหยุดเพราะรู้สึกเจ็บจนไม่อยากจะพูดส่วนที่เหลือ 

"มากกว่าเรา" สนพูดส่วนนั้นด้วยเสียงที่เบาหวิวราวกับคนจะขาดใจ

ต้นยืนนิ่งราวต้องคำสาป การที่เขามาคบกับพี่ทดแทนคงจะปิดโอกาสไม่ให้สนได้มาดูแลเอาใจใส่เขาเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มันก็เป็นสิ่งที่สนทำมาตลอด เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดหายไปไม่ได้ ใครๆ ก็อาจจะคิดว่ามีแต่ต้นเท่านั้นที่คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยสน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ต้นก็รู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาสนก็คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี ก็อย่างที่สนเคยบอกไว้ "ชีวิตของเราก็ให้นายได้"

ในแต่ละวันที่ใช้ชีวิตด้วยกันมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ทำไมต้นถึงลืมสิ่งเหล่านั้นไปเพียงเพราะเขาเสียใจที่สนมีแฟน ลืมคิดถึงสิ่งดีๆ หลายอย่างที่เขากับสนทำร่วมกันมา ลืมคิดถึงสิ่งดีๆ ที่สนเคยทำให้ ความเสียใจเพียงอย่างเดียวมีค่ามากกว่าความดีทั้งหมดที่ทำมาเลยหรือ

ต้นอยากจะร้องไห้ อยากจะบอกสนเหลือเกินว่า...ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่านายอีกแล้ว ไม่มีอ้อมแขนของใครที่จะอบอุ่นเท่ากับอ้อมแขนของนาย ไม่มีเลยจริงๆ...

-------------------------------------------------------------

อาการซีมเศร้าของสนดูจะทำให้การมาเที่ยวครั้งนี้ขาดความสนุกไปมากทีเดียว เพราะไม่ว่าจะทำอะไรสนก็ดูเงียบๆ เบื่อๆ ทำให้คนอื่นๆ ก็พลอยหมดสนุกและเครียดไปด้วยจนต้องรีบหาที่กินข้าวเย็นแล้วก็กลับมาที่พัก

พอมาถึงรีสอร์ทแล้วนิกกับปั้นจั่นทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจึงไปเคาะประตูห้องสน เจ้าตัวก็ยังคงมีอาการเหมือนเมื่อตอนกลางวันอยู่ แถมยังทำหน้าไม่รับแขกเสียด้วย พอเข้าไปแล้วปั้นจั่นก็เริ่มก่อนทันที

"เฮ้ยสน มึงเป็นไรวะ...บอกพวกกูได้ไหม กูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้เลยนะเว้ย"

สนเดินมานั่งบนเตียงนอนแล้วก็ตอบโดยไม่หันไปมองหน้าว่า "ก็สะใจพวกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ"

"มึงพูดอะไรของมึงวะ" นิกถาม พลางเดินมายืนข้างๆ เตียงที่สนนั่งอยู่

"มึงคิดว่ากูไม่รู้หรือไงว่าพวกมึงทำอะไร อยากแกล้งกูไม่ใช่เหรอ อยากให้กูเจ็บไม่ใช่เหรอ อยากสมน้ำหน้ากูใช่ไหม เอาสิ...กูก็เป็นอย่างที่พวกมึงต้องการแล้วนี่" น้ำเสียงประชดประชันนั้นทำให้นิกกับปั้นจั่นต้องหันมามองหน้ากันว่าจะรับมือกับสนอย่างไรในตอนนี้

"มึงรักไอ้ต้นเหรอสน" ปั้นจั่นตัดสินใจถามตรงจุด

สนเงยหน้ามามองปั้นจั่น แววตาของเขาดูเจ็บปวดกับอะไรบางอย่างจนปั้นจั่นต้องตกใจ "ใช่...กูรักต้น แล้วกูก็เจ็บปวดมากด้วยที่เห็นต้นกับพี่แทนคบกันเป็นแฟนต่อหน้าต่อตา สมใจพวกมึงทุกอย่างเลย"

"เฮ้ย กูขอโทษจริงๆ ว่ะสน พวกกูก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจมึงหรอกนะเว้ย เอาเป็นว่า...ต่อไปพวกกูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษจริงๆ นะเว้ย" ปั้นจั่นบอกเสียงอ่อยและรู้สึกผิดพลางนั่งลงข้างๆ สนบนเตียง

"พวกกูรู้มานานแล้วล่ะว่ามึงรักต้น...แต่มึงก็ปากแข็งนี่หว่า พวกกูสงสารไอ้ต้น ก็เลยต้องหาวิธีที่จะทำให้มึงยอมเปิดปาก ยอมรับความจริงกับต้นไปตรงๆ ว่ามึงคิดกับมันแบบไหน แต่ทำไมมึงถึงไม่พูดวะไอ้สน พวกกูข้องใจจริงๆ นะเว้ย กูนึกว่ามึงจะบอกไอ้ต้นไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้...นาก็ดันโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มึงคิดจะทำอะไรวะสน"

"กูก็อยากบอก...แต่ก็มีอะไรบางอย่างทำให้กูบอกไม่ได้" สนเริ่มน้ำตาซึม "พวกมึงอย่าไปบอกต้นนะเว้ยว่ากูคิดอะไรกับต้น"

"ทำไมวะสน ก็มึงชอบไอ้ต้นทำไมมึงถึงไม่อยากให้มันรู้ล่ะ" นิกสงสัย เขานั่งลงๆ ข้างสนอีกฟากหนึ่ง ทำให้สนถูกขนาบข้างด้วยทั้งปั้นจั่นและนิก

"กูทำอะไรบางอย่างไม่ดีว่ะ แล้วกูก็ไม่อยากให้คนที่เขารักกูต้องมารับรู้เรื่องบ้าๆ นี่" สนค่อยๆ เผยมาทีละน้อย

"เรื่องมึงกับนาใช่ไหม กูสงสัยมานานแล้วล่ะว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ มึงบอกพวกกูได้หรือเปล่าวะสน เผื่อพวกกูช่วยได้"

สนมองหน้าปั้นจั่นแล้วก็หันไปมองนิก เหมือนกับจะชั่งใจว่าเขาควรจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้สองคนนี้รู้ดีหรือไม่ เขากลัวว่าสองคนนี้จะเอาไปเล่าให้ต้นฟัง เขาไม่อยากให้ต้นรู้ ไม่อยากให้ต้นผิดหวังในตัวเขา ต้นทุ่มเทให้เขามามาก สิ่งที่เขาทำมันช่างไม่สมกับที่ใครหลายๆ คนคอยรักและเป็นห่วงเสียเลย

"เอาเป็นว่า...กูจะเล่าให้พวกมึงฟังละกัน แต่พวกมึงต้องสัญญากับกูว่าจะไม่ไปบอกใครอีก โดยเฉพาะต้น ต้นจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด พวกมึงสัญญาได้ไหม"

เมื่อนิกกับปั้นจั่นสัญญา สนจึงยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่มาของความสัมพันธ์ของเขากับนาให้ฟัง พอได้ฟังจบแล้วนิกกับปั้นจั่นจึงได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่าเหตุใดสนจึงไม่ได้บอกรักต้น ทำไมอยู่ดีๆ นาก็โผล่มาให้ใครต่อใครแปลกใจกันใหญ่

"เขาก็ร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย ทีหลังมึงก็ต้องรู้จักระวังบ้างนะไอ้สน" ปั้นจั่นว่า

"แล้วมึงก็จะยอมแต่งงานกับเขาทั้งที่ไม่ได้รักเขาเหรอสน คิดดีๆ นะเว้ย" นิกเตือน เขาไม่เห็นว่าสนจำเป็นต้องรับผิดชอบเลย แต่ก็ติดว่านาฉลาดมากจนสร้างเงื่อนไขผูกมัดสนได้

"กูก็อยากทำอย่างนั้นใจแทบขาด กูติดแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ กูเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อกับแม่ ของต้น แล้วก็ของพ่อกับแม่ของต้นด้วย"

"เฮ้ย กูว่าไอ้ต้นมันน่าจะเข้าใจนะเว้ย มันไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากหรอก" แล้วปั้นจั่นก็เสนอและยืนยันทางออกให้สนว่า "มึงคุยกับต้นเถอะ เชื่อกู"

สนส่ายหน้า "อย่าเลย...กูไม่อยากผูกมัดต้นไว้ ไม่ใช่ว่ากูไม่รักต้นนะเว้ย แต่กู...ไม่อยากให้ความหวังกับต้น กูจะทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อกูแก้ปัญหานี้ได้แล้วเท่านั้น กูไม่อยากให้ต้นเสียใจเพราะกูอีก ตอนนี้ต้นอาจจะเสียใจที่กูไม่ได้บอกรัก แต่กูว่ามันก็ยังดีกว่าที่กูจะไปบอกรักต้น หลอกให้ต้นมีความหวัง แล้วสุดท้าย...กูก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้"

"เออๆ เอาเป็นว่าพวกกูเข้าใจมึงละกัน" ปั้นจั่นพูดพลางตบไหล่ให้กำลังใจสน "แล้วมึงจะทำไงต่อไปวะสน จะยอมแต่งงานกับเขาจริงๆ เหรอวะ"

สนถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ "ถ้ามันไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น" สนตอบอย่างปลงๆ เพราะตอนนี้เขาถูกผูกมัดแน่นจนต้องยอมจำนน

นิกกับปั้นจั่นได้แต่อึ้ง ไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่าสนจะต้องมาเจอปัญหาแบบนี้

"อย่าเพิ่งท้อนะสน พวกกูจะหาทางช่วยมึงอีกทางหนึ่งละกัน" นิกตบไหล่ปลอบใจสนบ้าง พอมีคนเข้าใจบ้างแล้วก็ทำให้สนรู้สึกดีขึ้นมาได้มากทีเดียว

"ขอบใจนะเว้ย ถ้าพวกมึงช่วยกูได้ กูยินดีจะเป็นหนี้ชีวิตให้กับพวกมึง จะให้กูทำอะไรก็ได้"

สนหันไปยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสองคน แม้ว่าความหวังจะเริ่มริบหรี่ลงไปเพราะเขาอาจจะต้องแต่งงาน และต้นเองก็อาจจะเปลี่ยนใจจากเขาไปรักกับพี่ทดแทน แต่สนก็จะขอดิ้นอีกสักเฮือกละกัน เผื่อว่าใครสักคนที่บนฟ้าจะช่วยให้เขาเจอทางออกบ้าง

-----------------------------------------------------

ต้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยที่ต้องนอนพักห้องเดียวกับทดแทน แม้ว่าจะตกลงเป็นแฟนกันแล้วก็ตามแต่ต้นก็กลัวว่าเขาจะพลาดท่าเสียที เขายังไม่ได้รู้สึกรักทดแทนจนถึงกับจะยอมขนาดนั้นได้

ความกลัวของต้นดูเหมือนจะใกล้ความจริงมากขึ้นเมื่อทดแทนเดินมานั่งลงบนเตียงที่ต้นนอนอยู่ เขาทำสีหน้าสงสัยที่เห็นต้นห่มผ้าจนถึงคอก็เลยถาม

"ต้นไม่ร้อนเหรอครับ พี่ว่าแอร์ห้องนี้มันไม่ค่อยเย็นเท่าไรนะ พี่พยายามปรับแล้วมันก็ไม่ดีขึ้น"

"อ๋อ...พอดีผมเป็นคนขี้หนาวครับ" ต้นบอกพลางยิ้มกลบเกลื่อนความกลัว

"อืม...แต่พี่ว่ามันร้อนนะต้น" ทดแทนสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วก็จับแขนต้น "เห็นไหมต้น แขนต้นชื้นเหงื่อแล้ว เอาผ้าห่มออกเถอะ"

ทดแทนใช้มือดึงผ้าห่มต้นลงมากองที่บริเวณเอว ต้นไม่กล้าขัดขืนมากนักเพราะเดี๋ยวทดแทนจะสงสัยได้ว่าต้นกลัวเรื่องนั้น บางทีทดแทนอาจจะยังไม่ได้คิดจะทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ถ้าต้นสงสัยจนเกินเลยไปคงไม่เป็นผลดี

"ต้นมีเชื้อจีนหรือเปล่า ผิวขาวดีจัง" ทดแทนพูดพลางใช้มือลูบไล้ไปตามแขนของต้น

"เปล่าครับ ไทยแท้เลยครับพี่" ต้นตอบ อยากจะผลักมือของทดแทนออกไปแต่ก็ทำไม่ได้

"เหรอครับ..." ทดแทนยิ้มมีเลศนัยบางอย่าง ต้นเป็นคนน่ารัก ผิวขาว ปากแดง ขนาดตัวกำลังพอดี ดูน่าหลงใหลไปหมดจนทดแทนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากรู้จังเลยว่าถ้าต้นไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ต้นจะดูน่ารักและน่าหลงใหลมากขึ้นอีกแค่ไหน

"ต้นรู้ตัวไหมว่าต้น...น่ารักมากแค่ไหน พี่รักต้นมากรู้ไหมครับ" ทดแทนเหมือนถูกมนตร์สะกด เขาก้มลงไปเท้าแขนสองข้างในลักษณะคร่อมตัวต้นไว้ ต้นใจเต้นไม่เป็นส่ำเพราะรู้ว่าเขากำลังถูกรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นทุกทีๆ

ทดแทนค่อยๆ โน้มใบหน้าลงต่ำเพื่อที่จะจุมพิตกับริมฝีปากสีแดงเรื่อนั้นที่เขาแสนจะหลงใหลและอยากสัมผัสว่าจะหอมหวานสักปานใด

ต้นหลับตาปี๋ นี่เขาจะต้องทำอะไรแบบนี้กับทดแทนจริงๆ หรือ นึกแล้วก็โมโหนิกกับปั้นจั่นที่หาเรื่องให้เขาพักห้องเดียวกับทดแทน แต่ตอนนี้ต้นจะต้องรีบหาทางออกด่วนที่สุด ก่อนที่อะไรๆ มันจะไปไกลมากว่านี้ ไม่ได้หรอก ต้นยังทำแบบนี้กับทดแทนไม่ได้ ต้นรีบเลื่อนตัวลงต่ำลอดใต้วงแขนของทดแทนออกมาแล้วก็ลงมาจากเตียง แต่ทดแทนก็คว้าแขนต้นไว้ได้ก่อน

"ต้น...ทำไมล่ะต้น เราเป็นแฟนกันนะ" ทดแทนทำหน้าเว้าวอน มองต้นอย่างไม่เข้าใจ

"พี่แทน ปล่อยผมเถอะ ผมกลัว..." ต้นขอร้องพลางพยายามดึงมือออก

ทดแทนเห็นท่าทางแบบนั้นของต้นแล้วก็เลยต้องยอมปล่อยอย่างเสียดาย พอเป็นอิสระแล้วต้นก็วิ่งออกไปจากห้องทันที

"ต้นจะไปไหนครับ" ทดแทนร้องเรียกตาม แต่ต้นก็วิ่งออกไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเขาเลย

ต้นมายืนที่หน้าห้องสนแล้วก็กดกริ่งเรียก ไม่นานนักสนก็มาเปิด พอเห็นว่าต้นมาหาสนก็ทำสีหน้าเหมือนยุ่งยากใจ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มาแต่สนทำตัวไม่ถูกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะให้ต้นเป็นเพื่อน เป็นคนรักของคนอื่นหรือเป็นของเขาเอง

"มีอะไรหรือเปล่าต้น" สนถามอย่างเป็นห่วงเพราะต้นดูหน้าตาตื่นชอบกล แต่คนถามเองก็ยังดูไม่สดชื่นนัก

"คืนนี้เราขอนอนห้องนายได้หรือเปล่า"

สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ต้นก็มีแฟนแล้วจะมานอนห้องเขาทำไมกัน

"จะดีเหรอต้น เดี๋ยวพี่แทนเขาจะ..."

ยังไม่ทันพูดจบ ต้นก็โผเข้าไปกอดสนเสียก่อน สนไม่รู้หรอกว่าต้นเป็นอะไร แต่นี่คือสิ่งที่เขากำลังถามหาและต้องการที่สุดแล้วในเวลานี้ สนกอดเพื่อนตอบ ลูบผมต้นอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่และเอ็นดู มันอาจจะไม่ดีนักที่เขากอดแฟนคนอื่นอยู่ แต่สนก็ห้ามใจไม่ไหวแล้วในตอนนี้ เขารักของเขามาก่อนใคร เขาหวงของเขา เขาผูกพันของเขา ไม่ว่าต้นจะวิ่งหนีหรือกลัวอะไรมา แต่เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของสนแล้วต้นจะปลอดภัย ไม่ว่าต้นจะกลับมาชั่วคราวหรือตลอดไป เวลานี้สนก็มีความสุขมากที่ได้กอดต้นไว้ในอ้อมแขน

ทดแทนได้แต่ยืนตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า ต้นไม่ยอมแม้แต่จะให้เขาสัมผัสนิดๆ หน่อยๆ แต่ตอนนี้กลับอยู่ในอ้อมกอดของสน แววตาของสนก็ดูรักและหวงแหนต้นเหลือเกิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้รักกันมากแค่ไหน 'สงสัยพี่จะต้องผิดหวังกับความรักอีกแล้วใช่ไหมต้น' ทดแทนรำพึงรำพันกับตัวเองในใจ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 21-06-2012 03:05:44
❤คนเขียนนะ
 :m15:
ฮืืือออออ ! พี่แทนน...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 21-06-2012 10:47:06
ก็สมน้ำหน้าแล้วนะสนทำตัวเอง

ต้นก็นะ  ก็ถ้ายังทำใจไม่ได้ ก็อย่าไปเอาใครมาเป็นตัวแทน เค้าจะเจ็บ แม้เค้าจะบอกว่ารอได้ ก็น่าจะให้เค้ารอในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แฟน

โอ๋ๆๆๆพี่แทนมานี่มา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 21-06-2012 10:58:23
สนไปพลาดยังงัยให้นาจับได้ล่ะ  หรือโดนถ่ายคลิป???

ส่วนพี่แทนทำไมใจร้อนจังอ่ะ  ทำน้องต้นต๊กกะจายเลยนั่น o22
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 21-06-2012 12:59:23
รู้ว่าต้นอยากหลุดพ้นจากสภาพที่เจ็บซ้ำๆ แต่ไม่รู้ดิ ตราบใดที่ใจมันตัดไม่ขาด ต้นก็ไม่มีทางหลุดพ้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 21-06-2012 13:46:30
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-06-2012 13:47:32
พี่แทนอย่าไปยุ่งกะ 2 คนนั้นเลย

คนนึงปากแข็ง คนนึงก็อยู่ที่เดิมไม่ตัดใจสักทีเรื่องยุ่งยาก

หาคนรักใหม่ดีกว่าการมาคบกับคนที่ไม่เคยจะตัดใจจากคนก่อนสักที
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: leelea ที่ 21-06-2012 16:05:33
เหนื่อยใจกับสน
เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงก็เคยมีบทเรียนตอนมหาลัยแล้วไม่รู้จักเข็ดอีก

บอกว่าเหนื่อย ขอโทษเหอะ ที่ผ่านมาไม่เห็นจะทำอะไรให้ต้นได้ดีใจเลย มีแต่ทำให้ต้นเสียใจ
แม้แต่เสี้ยวของความพยายาม ไม่เคยเห็นเลยจากผู้ชายชื่อสน

บอกว่าแก้ปัญหา แล้วเวลาผ่านมาขนาดนี้ สุดท้ายก็ต้องหมั้น
ทำให้เห็นว่าแก้ปัญหาไม่เก่ง ไม่เหมาะจะเป็นผู้นะเลย
สุดท้ายก็ต้องให้ต้นแก้ปัญหาให้สินะ

ยิ่งรู้เหตุผล ยิ่งเกลียดสนค่ะ  :m31:

เพิ่ม : เพลงนี้คิดว่าเข้ากับต้นสนมาก
: คำยินดี Klear

ฉันมายินดีให้กับรักที่สดใส
ยินดีที่เธอได้พบเจอ
คนที่ดี คนที่ควรคู่รักของเธอ
คนที่เข้ากันมากกว่าฉัน

ฉันหวังจะยืนที่ตรงนั้นข้างๆ เธอ
ได้เดินร่วมทางกันเหมือนเดิม
แต่ก็รู้น่าเสียใจเมื่อมันสายเกิน
ไม่มีแล้วที่เคยรักกัน

ในวันนี้มีเพียงถ้อยคำส่งท้าย
ลาก่อนรักที่เคยงดงาม
ไม่โกรธเคืองเธอเลยมีแค่คำยินดี
และคำอวยพรจากฉันให้เธอ

ขอให้ความรักมีแต่ความสุขใจ
ไม่ว่าสิ่งไหนเข้ากันหมดทุกอย่าง
ขอให้ความรักเขาและเธอไม่มีจืดจาง
มีเขาเคียงข้างไม่มีความทุกข์ใด

ขอให้ความรักดีกว่าที่ฝัน
ไม่มีเปลี่ยนผันรักกันหมดหัวใจ
ขอให้เธอนั้นได้คู่เคียงกันตลอดไป
ถึงแม้ฉันยังไม่เปลี่ยนใจ
และรักได้เพียงแต่เธออยู่เหมือนเดิม

ซ่อนน้ำตาไว้ใต้รอยยิ้มที่ให้ไป
ไม่มีใครรู้ความเป็นจริง
ว่าฉันฝืนเก็บเรื่องความรู้สึกทุกสิ่ง
กดมันไว้จนใจปวดร้าว

ขอให้ความรักดียิ่งกว่าที่ฝัน
ขอให้คนนั้นดีกว่าฉันทุกอย่าง
ให้เขาคอยรัก คอยดูแล คอยอยู่เคียงข้าง
แบบที่ฉันเองไม่เคยทำให้เธอ

ขอให้คาดหวังแล้วไม่ต้องผิดพลั้ง
ไม่เหมือนความหลังที่เธอเคยพบเจอ
ขอให้คราวนี้ได้อย่างใจเธออยู่เสมอ
ถึงแม้ฉันยังมีแต่เธอ
และรักได้เพียงแต่เธออยู่เหมือนเดิม

ขอให้เธอนั้นได้คู่เคียงกันตลอดไป
ถึงแม้ฉันยังไม่เปลี่ยนใจ
และรักได้เพียงแต่เธออยู่เหมือนเดิม

http://www.youtube.com/watch?v=cEeUFE6tRmQ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 21-06-2012 18:42:36
ไปทำเขาท้องหรือเปล่านะ
แล้วเขาก็ให้เป็นพ่อสินะ
เป็นพ่อตัวจริงหรือเปล่านะ
ต้องตรวจ DNA สิ
เอ๊ะ แล้วถ้าเป็นพ่อตัวจริง จะทำยังไงดีนะ
 :really2:

แอบเบื่อพี่ทดแทน >//<
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 26 ¤ ลาก่อนความรัก (18-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 21-06-2012 19:29:16
อ่านตอนนี้แล้ว สงสารสนมากที่สุด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มิน่า.... ทั้งๆที่ดูเหมือนอะไรๆก็น่าจะลงตัวแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ มันมีเหตุผล มีที่มาจริงๆ

ตัวร้ายเต็มรูปแบบคือนานี่เอง :pigangry2: เฮ้อออ....ขอให้สนผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีด้วยเถอะ
นิกกับปั้นจั่นเค้าเจ้าความคิด ต้องช่วยสนได้แน่ๆ  :yeb: :yeb:
ไม่งั้นยิ่งนานวันก็ยิ่งมีแต่ทุกข์ไปทุกฝ่าย นาเองต่อให้ได้ครอบครองสน
แต่การอยู่กับคนที่ไม่ได้รักตัวเองไปตลอดชีวิตนี่ไม่น่าหาความสุขได้นะ จะทำไปทำไม

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
บวกๆ ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-06-2012 20:55:26
ยายนาจะใชะชะนีคนหนึ่งที่ตอนที่ต้นไปนอนตอนเมายาตอนเรียนเปล่าหว่า
กลัวเป็นแบบนั้น ตอนนี้เราเริ่มสงสารสนนะ แต่แค่นิดเดียว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2012 21:15:06
รอตอนต่อไปจ้า :call:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-06-2012 21:45:13
ซวยเอ๊ยยยยยย รักคนที่เค้ามีใจให้คนอื่น
....... แต่พี่แทนดีแบบนี้หาคนอื่นเถอะพี่

เริ่มคิดว่าระหว่างพี่แทนกับต้นใครน่าสงสารกว่ากันนะเนี่ย




ส่วนสน ทำตัวเองอ่ะ จะแก้ก็พยายามเข้าล่ะกัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 27 ¤ ที่รักของคนอื่น (21-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 22-06-2012 01:02:35
สงสารสนนะตอนนี้  แต่มันมีโอกาสหลายครั้ง

สนก็ปล่อยมันไปเอง  สับสนจนกว่าจะรู้ ก็สายไปแล้ว

ก็ต้องทำใจแหละ  แต่ต้นนี่น่าสงสารที่สุด เจ็บไม่รู้จะเจ็บงัยแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 22-06-2012 14:24:35
เฮ้อ น้ำตาไหลพรากตรงที่สนพูดว่า เราไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ แต่เราก็รักนาย
อีกไม่เกินสองตอน จะถึงฉากสำคัญที่ผมเคยเกริ่นไว้แล้วนะครับ
ตื่นเต้นจัง ไม่รู้จะเขียนออกไหม แต่จะทำให้ดีที่สุดครับ

---------------------------------------------------

ตอนที่ 28: แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี 

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

"เป็นไรต้น มีอะไรหรือเปล่า ใครทำอะไรนาย" สนถามหลังจากที่ต้นค่อยๆ ผละตัวออกอย่างอายๆ พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วต้นก็รู้สึกเขินไม่น้อย

"เราอยู่ตรงนี้ นายไม่ต้องกลัวนะต้น ไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก เพื่อนสนใครอย่าแตะรู้ไหม" สนพูดหยอกในตอนท้าย อย่างน้อยแค่รู้ว่าต้นมาหาเขาก็ดีใจแล้ว

"เปล่า..." ต้นยิ้มปนกับอาการที่ยังเขินอายอยู่ นึกขำที่สนยังจำสิ่งที่เขาชอบขู่คนอื่นๆ ที่มาแกล้งต้นสมัยเรียนมัธยมได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว ต้นก็ตระหนักแก่ใจว่ามันมีสิ่งดีๆ มากมายเกิดขึ้นจริงๆ ทุกอย่างล้วนแต่เกิดจากมิตรภาพและความตั้งใจ แม้ใครจะมองสนไม่ดี แต่ต้นก็คือคนที่รู้ดีที่สุดเพราะเขาได้สัมผัส เรียนรู้และรู้จักคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในแทบทุกวันของชีวิต

"เข้ามาก่อนสิ" สนเชิญชวน ทำให้ต้นเพิ่งนึกได้ว่าเขากับสนยังเปิดประตูคุยกันอยู่ ต้นเดินเข้ามาในห้องสนแล้วก็ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะไปอยู่ตรงไหนของห้อง ต้นเห็นห้องนี้มีเตียงคู่ก็แปลกใจที่สนกับนานอนกันคนละเตียง

สนปิดประตูแล้วก็เดินมาหาต้น พาต้นเดินไปยังเตียงที่คิดว่าจะให้ต้นนอน "นายนอนเตียงนี้ละกัน" สนบอกพลางยิ้ม สีหน้าเขาดูมีความสุขมากขึ้นทีเดียวที่เห็นต้นมาหา แม้จะไม่รู้ว่าต้นมาหาด้วยสาเหตุใดแต่สนก็ดีใจอย่างล้นเหลือ ตั้งแต่นาเข้ามาในชีวิต สนก็ไม่ค่อยได้ไปหาต้นบ่อยๆ เหมือนเคย และไม่ได้ไปอีกเลยพอรู้ว่าต้นกับพี่ทดแทนคบกัน

ต้นค่อยๆ นั่งลงบนเตียง สนตามลงมานั่งข้างๆ สีหน้าเขาทั้งยิ้มและทั้งเศร้าปนๆ กัน

"ต้น...เราดีใจนะ...ที่นายมาหาเรา" สนอยากจะบอกว่าคิดถึงแต่ก็ยั้งปากเอาไว้ทัน เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าต้นมีแฟนแล้วและเขาไม่ควรพูดแบบนั้นกับต้น

ต้นเม้มริมฝีปาก ใช้ความคิดสักพักก็บอกไปว่า "พอดีแอร์ห้องนั้นมันเสีย...เราร้อนก็เลยว่าจะมาขอนอนห้องนี้กับนาย นายคงไม่ว่านะ"

"อ๋อ..." สนพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าใช่เหตุผลนั้นหรือเปล่า จริงด้วยสิ สนก็ลืมคิดไป ต้นนอนห้องเดียวกันกับทดแทนนี่นา ทดแทนทำอะไรต้นหรือเปล่า

"มีอะไรอย่างอื่นที่มากกว่า...ร้อนไหม" สนอดถามไม่ได้จริงๆ ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ของต้นแล้วก็ตาม

"ไม่มีหรอก" ต้นยิ้มกลบเกลื่อน "ว่าแต่นาย...โอเคแล้วใช่ไหม" ต้นเองก็อดที่จะเป็นห่วงสนไม่ได้ แค่ไม่ถึงเดือนที่ห่างเหินกันไป ดูเหมือนจะมีอะไรที่ต้นไม่รู้เกิดขึ้นมากมาย

สนพยักหน้าน้อยๆ "อืม..."

ต้นรู้ว่าที่สนตอบมาแค่นั้นเพราะเขาคงไม่สะดวกใจที่จะเล่ามากกว่านั้นให้ฟัง ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังไม่พร้อมต้นก็คงจะไม่ซักไซ้ให้ลำบากใจ

"ต้น...ในช่วงปีสองปีมานี้มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างนะ เราไม่รู้ว่ามันทำให้เราสองคน...บาดหมางใจกันมากแค่ไหน มันจะเป็นไปได้ไหมที่เรา...จะลืมเรื่องพวกนั้นไปก่อน เราอยากให้เรากับนาย...ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่เราเคยเป็นบ้าง นายเคยคิดถึงสิ่งดีๆ ระหว่างเราสองคนที่มันหายไปในช่วงนี้บ้างหรือเปล่าต้น นายคิดถึงใช่ไหม" สนถามด้วยสายตาวิงวอน

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ

"ถ้างั้น...เรากลับมาทำเหมือนเดิมได้ไหมต้น ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไง...ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้"

ต้นยิ้มและพยักหน้าอีกครั้ง เขารู้ว่าสนหมายถึงอะไร ไม่อยากจะบอกเลยว่าบางทีต้นกับสนก็รู้จักกันมากเกินไปด้วยซ้ำ ภาพต่อมาจึงเป็นภาพที่ต้นนอนหนุนตักสนที่นั่งเหยียดขาอย่างสบายใจ สนชวนต้นคุยเรื่องราวตอนเป็นเด็กบ้าง สมัยเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยบ้าง คุยเรื่องพ่อกับแม่ คุยเรื่องเพื่อนและอีกหลายๆ อย่าง อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาสองคนไม่ลืมว่าเคยเกิดอะไรขึ้น

จนต้นหลับไปแล้ว สนก็ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม มองดูคนที่เขารักปานแก้วตาดวงใจหลับไหลไปอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขากับต้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกก็ไม่รู้ แต่สนก็ดีใจที่เขากับต้นได้ทำเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ

"เราไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะต้น แต่เราก็รักนายนะ รักมากที่สุดในชีวิตเลยรู้ไหม" สนพูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง เขาใช้มือปัดไรผมเล็กๆ ให้พ้นไปจากใบหน้าที่กำลังหลับไหล น้ำตาสนค่อยๆ ไหลลงมาจนเขาต้องสูดหายใจยาวเพื่อสะกดกลั้นมันไว้ คำว่ารักที่เขาอยากบอก ก็คงบอกได้แต่ตอนที่ต้นไม่รู้

พรุ่งนี้ต้นก็คงกลับไปหาพี่ทดแทน เขาเองก็คงต้องกลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง สนเสียดายเหลือเกินที่วันนี้ทุกอย่างผิดพลาดจนมันคงสายไปแล้ว หลังจากเกิดเรื่องกับผู้หญิงที่ชื่อก้อยสมัยเรียนและได้รู้ว่าต้นเป็นเกย์ สนก็เริ่มสงสัยว่าเขาคิดอะไรกับต้นกันแน่ ความรู้สึกของสนเริ่มปรากฏชัดขึ้นก็ตอนที่ต้นยอมไปทำงานหาเงินแทนเขา ตั้งแต่นั้นสนก็ทำตัวดีมาตลอด ไม่เคยเหลวไหล ไม่เคยเกเรอีกเลย เขาใช้ชีวิตอยู่กับต้นและเรียนหนังสือด้วยกันอย่างมีความสุข พยายามตั้งใจเรียนเพราะอยากจะให้ต้นได้ภูมิใจกับความสำเร็จในการเรียนของเขา แล้วสนก็ทำได้สำเร็จในที่สุด ต้นภูมิใจกับเขามาก สนเองก็ดีใจที่เขาสามารถทำสิ่งที่ต้นอยากเห็นมากที่สุดได้
 
ที่สนไม่เคยเหลวไหลหลังจากนั้นเลยเพราะเขารู้ว่าเขาคงรักต้นเข้าให้แล้ว เขาอาจจะสับสนแค่ตอนแรกๆ แต่หลังจากพี่ปิ๊กเข้ามาและจากไป สนก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายมาชอบหรือทอดสะพานให้ สนก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งด้วย คงไม่มีชายหนุ่มคนไหนหรอกที่จะทนเหงาไม่มีแฟนอยู่ได้ตั้งสองสามปี ที่สนทำได้เพราะต้นคือคนพิเศษของเขานั่นเอง ถึงจะไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนแต่ทุกวันที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ต้นก็ไม่ต่างจากแฟนเขาเลย แม้จะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด แต่ทุกสิ่งที่สนทำก็บ่งบอกความรู้สึกของเขาอยู่แล้ว ต้นเองก็คงจะรับรู้ได้ถึงสิ่งนั้นไม่มากก็น้อย

เขาเฝ้าทนุถนอมความรู้สึกนี้ไว้ในใจ รักแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบต้นแม้จะมีโอกาสแทบตลอดเวลา สนได้แต่เฝ้ารอวันที่เขาจะมั่นใจว่าเขารักต้นจริงๆ มั่นใจว่าไม่ใช่อารมณ์เพ้อฝันของหนุ่มสาว ไม่ใช่ความเผลอใจหลงใหลชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะความสงสารเห็นใจในความดี แต่เป็นความรักที่หมายถึงความรักจริงๆ เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อบอกรักต้นไปแล้ว ต้นจะต้องไม่เสียใจกับเรื่องนี้อีก เหมือนกับที่เขาตั้งใจเรียนจนจบซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นจะไม่มีวันเสียใจอีกเลย นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังวางแผนถึงขนาดที่ว่าจะไปพูดคุยกับพ่อแม่ของเขาและของต้นอีกด้วย

อนิจจา...วันนั้นที่เขาจะได้บอกว่ารักต้นอย่างภาคภูมิใจก็ผ่านมาแล้ว จนป่านนี้ต้นก็ยังไม่ได้รับรู้ เพราะอารมณ์ด้านมืดชั่ววูบเดียวเท่านั้น ปราสาททรายที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ของสนก็ถูกคลื่นซัดสาดหายวับไปกับตา สิ่งที่วาดหวังไว้ค่อยๆ หลุดลอยไปจนสุดเอื้อมมือ เขาจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง สงสารก็แต่ต้นที่ได้แต่เฝ้ารอ หลายครั้งที่สนอยากจะบอก แต่เมื่อคิดบวกลบคูณหารแล้วเขาก็รู้ว่าเขาบอกไม่ได้ มันทรมานจิตใจเขามากเหลือเกิน มากจนเขาแทบจะเสียสติ

-----------------------------------------------------

วันต่อมา ทุกคนก็เปลี่ยนแผนจากการที่จะไปเที่ยวข้างนอกมาเป็นนั่งคุยกันเล่นๆ อยู่ในรีสอร์ทแทนเพราะตอนบ่ายๆ ก็จะเดินทางกลับแล้ว หลังจากกินข้าวเช้าทดแทนก็ชวนต้นไปเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนนิก ปั้นจั่นและสนก็กลับมานั่งคุยกันอยู่ตรงชั้นล่างของที่พักซึ่งมีโต๊ะและเก้าอี้ไว้สำหรับนั่งคุยกันหรือทำกิจกรรมอื่นๆ

ทดแทนกับต้นเดินเล่นด้วยกันอย่างเงียบๆ ต้นหันไปชำเลืองมองทดแทนแล้วก็คิดสะท้อนใจ ต้นเองก็รู้สึกผิดที่เขากับทดแทนตกลงเป็นแฟนกัน แต่ต้นก็บอกทดแทนไปตรงๆ แล้วว่าเขายังลืมสนไม่ได้ ถ้าหากจะเป็นแฟนกันจริงๆ ทดแทนก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย ก็น่าแปลกที่ทดแทนก็ตกลงและพร้อมที่จะเข้ามาช่วยดามหัวใจให้ต้น

"ผม...ขอโทษพี่แทนนะครับ...เรื่องเมื่อคืนนี้"

ทดแทนหยุดและสบตากับต้น แววตาของต้นบ่งบอกว่าเขาก็รู้สึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ "พี่ก็...ต้องขอโทษต้นด้วยที่...รีบร้อนไปหน่อย ต้นไม่โกรธพี่ใช่ไหม"

ต้นส่ายหน้าพลางยิ้ม "ไม่หรอกครับ แต่ว่าผม...อยากจะขอพี่แทนไว้ว่า...ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ครับสำหรับเรื่องนี้" ก็คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการพูดและบอกไปตรงๆ ที่ต้นกล้าพูดแบบนี้เพราะทดแทนเองก็เป็นคนที่ชอบพูดตรง บางครั้งก็ตรงมากเกินไปเสียด้วย

ทดแทนพยักหน้าเข้าใจ แต่เขายังจำภาพที่เขาเห็นเมื่อคืนได้ติดตาอยู่เลย มันทำให้เขาไม่สบายใจและหนักใจจริงๆ

"พี่แทน...เรื่องที่ผมไปหาสนเมื่อคืน...พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว แต่พี่คงไม่ว่าใช่ไหมครับ ถ้าผมกับสนอาจจะยังมีเยื่อใยต่อกันในฐานะเพื่อนอยู่ เรารู้จักกันมานานมาก มีความผูกพันหลายอย่าง คงตัดกันไม่ขาด" ต้นรู้ว่าทดแทนกำลังกังวลใจเรื่องนี้ เขาจึงพยายามพูดเพื่อที่จะให้ทดแทนสบายใจมากขึ้น

"ต้น...พี่เข้าใจนะ พี่เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้นจะต้องเลิกคบกับสนไปเลย พี่ไม่ว่าหรอกถ้าต้นจะเป็นเพื่อนกับสนเหมือนเดิม แต่ต้นแน่ใจหรือว่าสนเขาคิดกับต้นแค่เพื่อน"

ต้นสบตากับทดแทนด้วยแววตาสงสัย ทดแทนเห็นอะไรถึงได้พูดแบบนั้น สนเคยแสดงให้ทดแทนเข้าใจไปแบบนั้นหรือเปล่า

"พี่ไม่รู้นะว่าต้นกับสนรู้อะไรระหว่างกันบ้าง แต่พี่แค่รู้สึกว่าสน...ไม่ได้คิดกับต้นแค่เพื่อน แล้วถ้าเกิดทั้งสองคนที่ไม่ได้คิดแค่เพื่อนยังมาเจอกัน อยู่ใกล้กัน พี่บอกตรงๆ ว่าพี่ก็รู้สึกไม่มั่นใจ พี่ถามจริงๆ นะ ต้นไม่รู้เลยหรือว่าสนเขาคิดอะไรกับต้นเกินเพื่อนหรือเปล่า"

เป็นอีกคำถามที่ทำให้คนตอบลำบากใจทีเดียว ถ้าถามมาตรงๆ แบบนี้ ต้นก็คงต้องตอบตรงๆ บ้าง "ก็เคยรู้สึกนะครับ แต่ตอนนี้สนเขาก็มีแฟนไปแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งงานกัน ถ้าเขาคิดแบบนั้นกับต้นจริง เขาก็คงไม่ไปแต่งงานกับคนอื่นหรอกครับ"

"เขากับแฟนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าต้น ไม่รู้สิ พี่คิดว่าสนเขาชอบต้น แต่พี่ก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าทำไมเขาถึง...มีแฟน รู้ไหมว่าเมื่อก่อนพี่ก็เคยถูกพ่อแม่บังคับให้คบกับผู้หญิง เพราะเขาไม่อยากให้พี่เป็นเกย์ สนเขาถูกพ่อแม่บังคับหรือเปล่า"

"ไม่หรอกพี่ ผมไม่เคยได้ยินพ่อกับแม่ของสนพูดเรื่องนี้เลย ที่ผมมั่นใจเพราะผมรู้จักครอบครัวของสนมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็ช่างเถอะครับ กลับมาที่เรื่องของเราสองคนก่อน..." ต้นหยุดถอนหายใจ "เรื่องผมกับสน พี่แทนก็คงจะเห็นแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเองก็กำลังพยายามตัดใจ แต่ผมก็ให้คำตอบกับพี่ไม่ได้ว่าเมื่อไรผมถึงจะตัดใจได้ ผมถามพี่ตรงๆ นะครับ เมื่อพี่รู้อย่างนี้แล้ว...พี่ยังสบายใจที่จะคบผมเป็นแฟนอยู่หรือเปล่า พี่หนักใจไหม พี่...รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับชีวิตพี่ไหม"

คราวนี้ทดแทนถอนหายใจบ้าง เขามองไกลไปที่เส้นขอบฟ้าที่เหมือนจะเป็นสีเดียวกับทะเลจนแทบจะแยกไม่ออก ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ท้องฟ้ามักจะโปร่งโล่งและอวดสีครามสดใสกับแสงอาทิตย์เสมอ

"จำได้ไหมต้นวันที่เราตกลงจะเป็นแฟนกัน พี่ก็รู้นะว่าต้น...ยังไม่ลืมสน แต่พี่มาคิดๆ ดูแล้ว ไม่ว่าพี่กับต้นจะเป็นแฟนกันหรือไม่ พี่ก็ชอบต้นไปแล้ว พี่เองก็อยากช่วยต้นให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด พี่ก็คิดว่า...การเข้ามาของพี่ในฐานะเช่นนี้คงจะช่วยทำให้ต้นค่อยๆ ลืมสนไปได้ ก็เอาเป็นว่า...พี่ยินดีละกันนะต้น ก็พี่รักต้นไปแล้ว พี่ก็อยากช่วยคนที่พี่รัก ถึงแม้ว่าในตอนท้าย...พี่อาจจะไม่สมหวังเลยก็ตาม พี่เข้าใจ...ไม่แปลกหรอกที่คนเรามีรักแล้วจะสมหวังบ้าง จะผิดหวังบ้าง พี่ก็ผิดหวังมาหลายครั้ง สมหวังมาก็หลายครั้ง แต่อย่างน้อย...เราก็ได้รักคนที่เราอยากจะรัก มันจะลงเอยยังไง...พี่ก็จะทำเต็มที่ของพี่"

"พี่แทน..." ต้นเรียกด้วยเสียงแหบพร่า เหมือนกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ต้นได้ฟังแล้วก็อยากจะร้องไห้ คนที่ดีก็ดีเหลือหลาย ทดแทนรักเขาและอยากจะรักไม่ว่าวันนี้ต้นจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าต้นจะรักใคร เขาก็ไม่อยากรอ เขาไม่ต้องรอว่าเมื่อไรควรจะรัก เมื่อรักแล้วก็รักเลย ความรักเกิดขึ้นมาแล้วมันรอไม่ได้

จากสิ่งที่ทดแทนพูดเมื่อครู่ทำให้ต้นเองก็ต้องกลับมาถามตัวเองเหมือนกันว่าเขาเจ็บปวดจริงหรือที่รักสน ความรักมันก็คือความรัก ความเจ็บปวดกับความรักไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ความเจ็บปวดมันก็คือความอิจฉา หึงหวง อยากได้ในสิ่งที่พอใจ แต่ความรักมันคือการให้ ต้นเองก็มีความสุขที่ได้รัก เขามีความสุขเสมอที่ได้ดูแลสน คอยช่วยเหลือต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ต้นพอใจและยินดีที่จะทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่สนขอร้องให้ทำ ต้นเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าสนจะต้องตอบสนองในทางเดียวกัน สนเองก็ไม่เคยให้สัญญาใดๆ ว่าจะรักต้นตอบ

ทุกอย่างมาจากความพอใจของต้น มันคงไม่ยุติธรรมนักที่จะคาดหวังว่าสนจะต้องรู้สึกอย่างเดียวกัน สนก็มีสิทธิ์เลือกชีวิตของเขา ต้นเข้าใจดี มันก็มีแค่บางครั้งที่ต้นรู้สึกอิจฉา แต่เมื่อต้นทำใจได้ ต้นก็รู้ว่าเขาจะรักสนได้อย่างไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องคาดหวังว่าสนจะรักตอบ เขาตั้งใจอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่เคยคิดจะบอกสนว่าเขารู้สึกยังไง แต่เรื่องมันมาวุ่นวายขึ้นก็ตอนที่สนรู้ว่าเขาเป็นเกย์นั่นเอง

--------------------------------------------------------

"เฮ้ยสน เมื่อคืนไอ้ต้นไปนอนห้องมึงเหรอ มีอะไรหรือเปล่าวะ" นิกถามขึ้นในขณะที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆ บรรยากาศที่กำลังสบายๆ ก็เลยดูตึงเครียดขึ้นมาทันที

"มึงรู้ได้ไง" สนถามด้วยสีหน้าเครียด

"ก็เมื่อคืนกูไปหาพี่แทนเขาที่ห้อง เขาก็บอกว่าต้นไปนอนห้องมึง มันเกิดอะไรขึ้นวะ"

"กูก็ไม่รู้ ไม่ได้ถาม ต้นอยากมานอนก็แค่ให้มานอนด้วยเฉยๆ" สนตอบเหมือนกับคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่เห็นว่าเรื่องที่ต้นมานอนที่ห้องเขาจะเป็นปัญหาตรงไหน

"มึงจะคิดอย่างนั้นได้ไง ต้นมันเป็นแฟนกับพี่แทนอยู่นะเว้ย แล้วอยู่ดีๆ มันไปนอนห้องมึงเนี่ย แฟนมันจะคิดยังไง" นิกเตือน

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ไม่รู้เว้ย...ก็ต้องไปถามต้นเอง กูไม่ได้บอกให้ต้นมานอนห้องกูนี่หว่า อีกอย่าง ถึงต้นมานอนห้องกูมันก็ไม่ได้มีอะไร ถึงกูจะรักต้นมากแค่ไหน กูก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบต้น ไม่เคยคิดที่จะบังคับขืนใจ แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่แทนที่พวกมึงคอยเชียร์น่ะเขาอาจจะ...จะเอาเปรียบต้นก็ได้ ไม่งั้นต้นจะหนีมาห้องกูทำไม"

นิกกับปั้นจั่นหันมามองหน้ากัน ที่สนพูดมันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน อยู่ดีๆ ต้นจะไปนอนที่ห้องสนทำไม

"แต่เขาเป็นแฟนกัน มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ที่เขาจะทำแบบนั้นกัน" ปั้นจั่นขอพูดบ้างหลังจากที่ฟังมาพักหนึ่ง

"มึงคิดว่าต้นเขารักทดแทนมากพอที่จะยอมให้ทำแบบนั้นเหรอวะ กูไม่คิดอย่างนั้นว่ะ"

สนบอกมาแบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าเถียง เรื่องความเข้าอกเข้าใจหรือรู้ใจกันก็ต้องยกให้สองคนนี้เขาจริงๆ

"อืม...ก็คงอย่างนั้นแหละ แต่มึงก็ต้องเข้าใจต้นนะเว้ย ต้นมันก็ต้องการใครสักคนเหมือนกัน ถึงตอนนี้มันจะลืมมึงไม่ได้ แต่สักวันมันก็ต้องลืมให้ได้ อีกไม่นานมึงก็จะเป็นของคนอื่นแล้ว ต้นไม่ควรจะมีความหวังกับมึงอีก"

"อะไรวะปั้นจั่น พวกมึงยังเชียร์ให้กูแต่งงานอีกเหรอวะ ไหนว่าจะหาทางช่วยไง กูไม่อยากแต่งงานเลยรู้เปล่า ถ้ากูหายไปจากโลกนี้ได้กูก็คงหายไปแล้ว"

"ใจเย็นๆ สิวะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเว้ย" ปั้นจั่นรีบแก้ตัว

"คุยเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก" นิกรีบเตือนเพื่อนอีกสองคนเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี

"ไม่ต้องเลยมึง มึงนั่นแหละเป็นคนเริ่มก่อน กูบอกมึงแล้วว่าอย่าชวนคุยเรื่องพวกนี้" ปั้นจั่นหันไปว่าเพื่อน นิกได้แต่ยิ้มและหัวเราะแหะๆ

"สงสัยสองคนนั้นเขาคงไปปรับความเข้าใจกันแน่ๆ เลย ดูสิ จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ไม่รู้ว่าเป็นไงมั่ง จะทะเลาะกันหรือเปล่าก็ไม่รู้" ทั้งๆ ที่เพิ่งเตือนเพื่อนไปหยกๆ นิกกลับเผลอพูดขึ้นมาเองเสียอย่างนั้น

"ไอ้นิก เมื่อกี้มึงยังว่ากูอยู่เลย เสือกพูดเองนะมึง พอแล้วๆ สงสารไอ้สนมันบ้าง" ปั้นจั่นปราม

"เออๆ โทษที ลืมตัวนี่หว่า ขอโทษละกันนะสน" นิกทำสีหน้ารู้สึกผิด

แค่รู้ว่าเพื่อนสองคนนี้คำนึงถึงจิตใจของเขาสนก็ดีใจแล้วล่ะ เมื่อก่อนคุยกันไม่กี่คำก็มักจะทะเลาะกัน แต่ความจริงในใจทุกคนก็รู้ว่าเป็นเพื่อนกัน ห่วงใยกัน เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งสี่ห้าปี ยังไงก็รักกันเหมือนเพื่อนสนิททีเดียวล่ะ

--------------------------------------------------------

ใกล้วันแต่งงานของสนกับนาเข้ามาแล้ว อีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น แม่ของสนดูจะแปลกใจมากทีเดียวเมื่อรู้ว่าต้นจะไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวจนต้องโทรมาต่อว่าลูกชาย

"สน...แม่ว่าสนทำไม่ถูกนะลูก ต้นเขาเป็นเพื่อนกับลูก รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมถึงไม่ให้ต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวล่ะลูก ต้นเขาจะไม่น้อยใจแย่เหรอ สนต้องให้เกียรติต้นหน่อยสิลูก ต้นเขามีบุญคุณกับพวกเรามากนะสน"

สนทำสีหน้ายุ่งยากใจ ที่เขาไม่อยากให้ต้นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ต้นสะเทือนใจมากไปกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ เขาจะไม่ให้ต้นไปงานแต่งงานเขาด้วยซ้ำง

"ผมขอโทษจริงๆ ครับแม่ แต่เพื่อนผมสิครับแม่ เขาเคยบอกว่าถ้าผมแต่งงานเขาจะมาช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ พอเขารู้ว่าผมแต่งงานแล้วเขาก็เลยเสนอตัว ผมก็ไม่รู้จะขัดยังไง แต่ผมคุยกับต้นแล้วนะครับ ต้นเขาไม่ได้ว่าอะไร ต้นเขาเข้าใจครับแม่"

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สนก็ควรจะเสนอต้นก่อนให้ต้นมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว นี่อะไร พอเพื่อนเสนอมาก็ไปตกปากรับคำกับเพื่อนซะอย่างนั้น น่าตีจริงๆ เลยสนนี่" แม่ของสนยังคงไม่พอใจอยู่

"ผม...ลืมไปจริงๆ ครับแม่ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษต้นเองครับ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ ผมไม่อยากไปปฏิเสธเพื่อนเพราะว่ามันก็อุตส่าห์เสนอตัวมา ผมก็ตกลงไปแล้ว ไม่อยากให้มันเสียหน้าครับ มันก็เป็นเพื่อนสนิทของผมอีกคน" สนแก้ตัว จริงๆ เพื่อนเขาไม่ได้เสนอตัวหรอก แต่สนไปขอใให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ต่างหาก

"เอาเถอะๆ มันผ่านไปแล้ว ก็ไปขอโทษต้นเขาละกัน แม่ก็จะไปขอโทษพ่อกับแม่ต้นด้วย ทีหลังทำอะไรก็คิดดีๆ ก่อนนะสน อย่างเรื่องแต่งงานนี่ก็เหมือนกัน แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสนต้องรีบร้อนขนาดนั้น" แม่บ่นเรื่องนี้อีกแล้ว แต่แม่ของสนก็เข้าใจไปว่าลูกชายคงพลาดไปมีอะไรกับผู้หญิงก่อนก็เลยอยาจะรับผิดชอบ แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

"ครับแม่ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษต้นเย็นนี้เลยครับ" สนตอบเอาใจแม่ แต่ว่าสนก็จะไปหาต้นจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้จะได้เจอบ้างหรือเปล่าเพราะช่วงนี้ต้นเริ่มอาการเดิมอีกแล้ว พอใกล้วันแต่งงานของสน ต้นก็เริ่มหลบหน้าหลบตาและไม่ค่อยยอมให้เขาไปหาที่คอนโดเหมือนเดิมอีก

แล้วก็เป็นอย่างที่สนคิด พอสนโทรไปหาต้นเพื่อที่จะบอกว่าเขาจะไปหาที่คอนโดตอนเย็น ต้นก็ตอบกลับมาว่า

"เราไม่ว่างน่ะสน เย็นนี้พี่แทนเขาจะพาเราไปซื้อของที่พารากอน"

สนได้แต่หน้าม่อย บางทีเขาก็อดน้อยใจไม่ได้ อยากจะลุกขึ้นมาหึงหวงกันท่าเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกละอายใจจนเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

"เหรอ...เสียดายจัง"

"ใกล้จะแต่งงานแล้วนะสน นายควรจะเอาเวลาไปดูแลแฟนนายดีกว่านะ เดี๋ยวเขาจะน้อยใจ"

นอกจากจะไม่อยากให้ไปหาแล้วต้นยังเตือนสนเรื่องแฟนอีก เอากับต้นสิ ใจคอจะไม่ให้เขาได้เห็นหน้าบ้างเลยหรือไง คิดถึงก็คิดถึง ก็เพราะรู้ว่าจะแต่งงานแล้วน่ะสิถึงได้อยากมาหา มาเจอหน้า ก่อนที่สถานะของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างเต็มตัว

"อืม...ไม่เป็นไร...เอาไว้คราวหน้าละกันนะต้น"

ช่วงนี้สนอยากมาหาต้นเหลือเกิน เขากำลังต้องการใครสักคนที่จะช่วยเยียวยาจิตใจเขาบ้าง สนเครียดมาหลายวันแล้ว เขาถูกกดดันจากนาและพ่อกับแม่ของเธอจนเขาต้องยอมให้เกิดงานแต่งงานขึ้น หลักฐานชิ้นนั้นมันทำให้เขาดิ้นไม่หลุด เขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมาหรอก แต่เขาถูกยัดเยียดให้เป็นคนสร้างหลักฐานนั้นขึ้นมาเสียเอง ด้วยเหตุผลที่เขาเป็นผู้ชาย ผู้หญิงคือคนเสียหาย แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่านาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร สนก็ยังมีสำนึกของความเป็นคน ยังมีสำนึกของความเป็นลูกผู้ชาย เขาก็ต้องรับผิดชอบ

"แต่ว่า...ช่วงนี้เราจะไม่ว่างนะสน เดี๋ยวเราจะไปงานอาสาสมัครกับพี่แทนที่เชียงราย แต่ไม่ต้องห่วงนะ เราไปไม่กี่วันหรอก กลับมาทันงานแต่งงานของนายอย่างแน่นอน"

แค่นี้สนก็พอรู้แล้วว่าต้นต้องการที่จะหลบหน้าเขาจริงๆ แต่เขาก็เข้าใจต้นว่าทำไมต้นถึงต้องทำแบบนั้น สนรู้สึกใจหายเหลือเกิน คิดแล้วก็เศร้าใจที่เขาคงจะต้องสูญเสียคนที่เขารักไปแล้วจริงๆ เขาอยากให้มันเป็นแค่ความฝัน เป็นแค่ฝันร้ายที่ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันก็คือเรื่องจริงที่เขาต้องเผชิญ เพราะเขาทำให้มันเกิดขึ้นเองทั้งหมด

TO BE CONTINUED
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-06-2012 14:59:19
ผู้หญิงไรฟระน่ากลัวเกิน

ถ้ามีหลักฐานอะไรนอกจากโดนเห็นคาตา แปลว่า เค้าจัดฉากแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 22-06-2012 15:25:33
ลึกๆ เราว่า สนช้าไปเองที่หลายสิ่งหลายอย่างชัดเจน แต่ไม่ทำตามใจตัวเอง
แต่ยัยนานั่นอยากได้สาามีมากเหรอไง เฮ่อ สงสารทุกคนมาก
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 22-06-2012 16:19:19
 :o12: :o12:  สนจะแต่งงานจริงๆหรอ ทำไมมันเร็วอย่างงี้ล่ะ
นิกกี้กับปั้นจั่นช่วยคิดหาทางออกให้สนให้ได้นะ ด่วนๆๆๆๆเลย จะไม่ทันแล้ววววว  :z3: :z3: :z3:

สงสารทั้งต้น สน และพี่ทดแทนเลย

ขอบคุณค่ะ

 :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 22-06-2012 16:54:41
โง่
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 22-06-2012 18:17:38

 :m15: :m15: :m15:

อ่านตอนก่อนหน้าแล้วแอบร้องไห้

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

สนเพิ่งมารู้ตัวอะไรเอาตอนที่กำลังสายไป

มาม่าถ้วยใหญ่กำลังจะมาใช่ไหมค่ะ เฮ้อ พี่ทดแทนก็ทนุทนอมต้นหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งทำอะไรต้นของคนอ่านเลย แงแงแง

แล้วชะนีปวีณา??ใช่ป่าวเนี่ย - -  ทำไมต้องไปแต่งงานกับยัยนี่ด้วยอะ

ไม่ยอม ไม่ยอม !!! 

 :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:


+1

ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 22-06-2012 18:22:57
เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ สนน่าจะรู้ตัว เร็วกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: leelea ที่ 22-06-2012 18:37:42
...ไม่ว่านาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร สนก็ยังมีสำนึกของความเป็นคน ยังมีสำนึกของความเป็นลูกผู้ชาย เขาก็ต้องรับผิดชอบ...

ถ้านี่คือเหตุผลที่แก้ปัญหาไม่ได้ ก็ทำใจยอมรับแล้วแต่งงานไปซะเถอะสน
หรือไม่ก็ทิ้งสำนึกที่ว่า แล้วพูดความรู้สึกที่แท้จริงกับนาและต้นซะ

มัวแต่เวิ่นเว้ออยู่อย่างนี้ มันมีประโยชน์อะไรไหมห๊ะ!!

เริ่มรำคาญสนละ  :m16:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 22-06-2012 21:40:11
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 28 ¤ แก้วตาดวงใจของคนนิสัยไม่ดี (22-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 23-06-2012 09:13:23
หมดทิชชู่กับตอนนี้ไปหลายแผ่นมาก ซับน้ำตานะครับ ไม่ใช่อย่างอื่น
ตอนหน้าแล้วนะครับที่จะถึงตอน "อย่างว่า" แล้ว
เริ่มเขียนแล้วล่ะครับ แต่ยากเอาการอยู่ ขอเวลาสักพักในการขัดเกลานะครับ
กะจะเขียนตอนนี้ให้ได้รางวัลซีไรท์ไปเลย :z1:

อีกไม่นานก็คงจะจบแล้วนะครับ มาลุ้นกันว่าความรักของต้นกับสนจะเป็นอย่างไร
เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ สนแต่งงานกับนาและใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่เวอร์ชั่นนี้อาจจะเป็นอีกแบบ
เรื่องของนา ผมจะค่อยๆ เฉลยออกมาทีละนิดๆ
แต่ขอให้เชื่อว่า...ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
อาจจะป็นเหตุผลที่เราไม่เห็นด้วย แต่นั่นก็คือเหตุผลของเขา
ถ้าจะอ่านให้มีความสุขมากขึ้น ต้องวางเหตุผลถูกผิดของเราลงสักหน่อย
บางทีเราอาจจะเข้าใจในสิ่งที่เราไม่เห็นจะเข้าใจมากขึ้น

อย่าเพิ่งเครียดนะครับ สนจะทำอะไรที่เซอร์ไพรส์ให้ดู

------------------------------------------------------

ตอนที่ 29: บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

สนนอนคิดทั้งคืนเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้ต้นจะไปเชียงรายกับทดแทนอีกแล้ว ทำไมคราวนี้สนถึงได้รู้สึกไม่อยากให้ต้นไปมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ เขาไม่อยากให้ต้นไปเลย ไปอยู่สองต่อสองกับทดแทนแบบนั้นสนกลัวว่าสักวันต้นจะพลาด แต่ก็นั่นแหละ มันเรื่องอะไรของสนล่ะ เขาจะไปหวงต้นทำไมก็ในเมื่อเขาเองก็จะแต่งงานอีกไม่กี่วันนี้ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะไปหวงต้น แต่ก็อย่างว่า เรื่องของความควรไม่ควรกับเรื่องของหัวใจบางทีมันก็ไปด้วยกันไม่ได้ ถึงยังไงสนก็รู้สึกหวงต้นอยู่เสมอ เขาโกหกตัวไม่ได้ว่าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

ด้วยสาเหตุนี้มันจึงเป็นเหตุให้สนต้องรีบตื่นแต่เช้าแล้วก็มาที่คอนโดของต้น สนยังสามารถเข้านอกออกในที่นี่ได้อยู่เหมือนเดิมเพราะเขามีคีย์การ์ดอยู่ สนขึ้นมาบนชั้นที่ต้นพักอยู่ เขาไม่ได้เข้าไปในห้องเลยทีเดียวแต่ยืนรออยู่ข้างนอก ในใจก็คิดหาวิธีที่จะสื่อสารกับต้น อยู่ดีๆ จะมาบอกให้ต้นไม่ต้องไปต้นคงงงเหมือนกัน

ไม่ถึงยี่สิบนาที เสียงกุกกักๆ ก็ทำให้สนรู้ว่าต้นกำลังจะออกมา ใครจะว่าอะไรเขาก็ช่าง แต่สนคงต้องทำแบบนี้ พอต้นเปิดประตูออกมาแล้ว สนก็แสดงตัวพร้อมกับดักทางต้นไว้ ต้นดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นสนมาหาในตอนเช้ามืดแบบนี้ อีกอย่างต้นก็บอกสนไปแล้วนี่นาว่าจะไม่อยู่ หรือว่าสนจะมีเรื่องสำคัญ

"ต้น...นายไม่ไปได้ไหม"

สนพูดแล้วก็เดินเข้าไปกอดเพื่อน ให้มันรู้ไปสิว่าต้นจะใจแข็งได้ สนเองก็ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอกเพราะรู้ว่าต้นใจอ่อนเสมอเวลาที่เจอเขาอ้อนแบบนี้ แต่เขาไม่อยากให้ต้นไปจริงๆ นี่นา ให้ทำยังไงก็ยอมล่ะทีนี้

ต้นตกใจมากทีเดียวเพราะไม่รู้ว่าสนเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็มาหานี่ก็น่าแปลกใจแล้ว นี่แถมยังมากอดแล้วอ้อนวอนอีก

"ไม่ได้หรอกสน เราต้องไป เรารับปากพี่เขาไว้แล้ว" น้ำเสียงของต้นดูเหมือนจะไม่มีพลังที่จะต่อต้านนัก แค่อยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของสนทีไรต้นก็แทบจะไปไหนไม่รอดแล้ว ให้โกรธให้โมโหแค่ไหนต้นก็แพ้ทุกที ที่สำคัญมันทำให้ต้นรู้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีให้สนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ทำไมนายต้องกลับมาตอกย้ำความรู้สึกเดิมที่เรามีให้นายอีกนะสน เราจะลืมนายได้ยังไงล่ะถ้านายยังทำแบบนี้อยู่

"ก็เราไม่อยากให้นายไป" สนดึงดันแถมยังทำเสียงอ้อนที่คิดว่าฟังดูน่าสงสารที่สุด

"ทำไมล่ะสน ทำไมนายไม่อยากให้เราไป" ต้นสงสัยจริงๆ เขาก็ไปมาหลายครั้งแล้วทำไมคราวนี้ไม่อยากให้ไปล่ะ

"ไม่รู้ ก็แค่ไม่อยากให้ไป นะต้นนะ อย่าไปเลย เราคิดถึงนายรู้หรือเปล่า ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน ไม่คิดจะให้เราได้เห็นหน้าบ้างหรือไง ให้เวลากับเราบ้างสิ เรายังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะ นายไม่รู้เหรอ" แม้จะรู้ว่าไม่ควรพูดแบบนี้แต่สนก็เริ่มจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่อีกแล้ว

สนปล่อยต้นออกจากอ้อมแขนแล้วก็ดึงกระเป๋าเป้ที่ต้นกำลังเตรียมจะสะพายหลังมาถือไว้ พยายามทำสีหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุด ต้นเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

"ไม่ไปแล้วใช่ไหม" สนถามพร้อมกับสีหน้ายิ้มดีใจ

ต้นทำสีหน้ายุ่งยากใจ "จริงๆ เราก็ไม่ควรทำแบบนี้หรอก แต่ถ้านายไม่อยากให้ไป เราก็ไม่ไป"

สนยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ สุดท้ายต้นเองก็ยิ้มเขินที่ไม่สามารถเอาชนะลูกอ้อนของสนได้เลย ได้แต่ขอโทษทดแทนในใจ ที่ต้นยอมนั้นเป็นเพราะว่าเขาเองก็อยากให้เวลากับสนบ้าง พอต้นกับทดแทนคบกัน พอรู้ว่าสนกับนาจะแต่งงานกัน เขากับสนก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ด้วยกันเลย ก็ดีเหมือนกัน มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันเหมือนที่เคยเป็นมา

"นั่นถุงอะไรเยอะแยะเลยล่ะสน" ต้นถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นถุงจำนวนหนึ่งวางกองไว้ข้างๆ ห้องของตัวเอง

"เราซื้อของทำกับข้าวมาด้วย จะทำให้นายกิน วันนี้เราจะทำแกงผักกาดจอให้นายกินนะ" สนยิ้มแก้เก้อ

"โห...วางแผนมาซะขนาดนี้ กะจะไม่ให้เราปฏิเสธได้เลยใช่ไหมเนี่ย" ต้นขำอย่างเอ็นดู สนเป็นคนน่ารักแบบนี้เสมอ แต่มันอะไรกันนะที่ทำให้สนเปลี่ยนท่าทีไปจนต้นสับสน เคยทำเหมือนว่ารัก ต้นก็รู้สึกได้ว่าสนคิดอย่างนั้นกับเขา แต่สุดท้าย...ทำไมอีกไม่กี่วันนี้สนก็จะแต่งงานแล้วล่ะ มันไปผิดพลาดตรงไหนกัน มันผิดคาดเสียจนต้นไม่กล้าคาดเดาอะไรอีกแล้ว

"ปะ เข้าไปข้างในกันเถอะ" สนชวนพร้อมกับเดินมาหยิบรวมรวมบรรดาของต่างๆ ที่เขาซื้อมา ต้นเห็นแล้วก็อดขำอีกไม่ได้

"เดี๋ยวเราถือของพวกนี้ละกัน นายเอากระเป๋าไปเก็บให้เราก็ได้"

"ขอบใจนะต้น" สนบอกแล้วก็เดินยิ้มเข้าไปในห้องของต้น เอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอน ส่วนต้นก็ถือบรรดาถุงของทำกับข้างทั้งหลายไปไว้ในครัว

สนออกมาจากห้องนอนแล้วก็เดินมาหาต้นที่กำลังจะออกมาจากห้องครัว "โทรไปบอกพี่เขาด้วยสิว่านายไม่สบาย ท้องเสียหรือเป็นไข้ก็ได้ เอาท้องเสียดีกว่า" สนคิดให้เสร็จสรรพ

ต้นเลิกคิ้วทำสีหน้าตลก คิดในใจว่า 'แบบนี้ก็มีด้วย' แต่ก็แปลกที่ต้นก็ยอมทำตาม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็โทรหาทดแทนโดยมีสนคอยยืนคุมอยู่ข้างๆ

"พี่แทน ผมจะโทรมาบอกว่าวันนี้...ผมคงไปไม่ได้นะครับ"

ทดแทนคงจะถามเหตุผลเพราะสนเห็นต้นทำสีหน้ายุ่งยากใจ สนจึงทำท่าเอามือกุมท้องแล้วก็นิ่วหน้าเหมือนคนปวดท้องเพื่อให้ต้นบอกทดแทนไปตามแผนที่เขาวางไว้ให้

"ผมท้องเสียครับพี่ สงสัยจะไม่ไหวจริงๆ ครับ ตอนนี้เข้าห้องน้ำไม่หยุดเลยครับ" ต้นต้องยอมโกหกทั้งๆ ที่ปกติเขาก็จะไม่ค่อยทำแบบนี้

ต้นคุยกับทดแทนอยู่พักหนึ่งก็วางสายไป รู้สึกเหนื่อยเหมือนเพิ่งจะไปวิ่งมาสักยี่สิบกิโลเมตร ไม่คิดว่าการโกหกมันจะต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้

"ขอโทษนะต้นที่ต้องให้นายโกหก เรารู้ว่านายไม่ชอบ แต่วันนี้เราขอละกันนะ" สนรู้ว่าตัวเองกำลังจะเศร้าอีกแล้ว แต่ก็พยายามไม่คิดถึงความทุกข์ใดๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเวลานี้
 
ต้นพยักหน้า "ขอแค่วันนี้วันเดียวนะสน"

สนยิ้มเศร้าๆ และพยักหน้าตกลง คิดๆ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพอถึงวันแต่งงานจริงๆ สนจะทำใจได้ไหม ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้อะไรๆ มันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ได้นะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พยายาม พอเรื่องมันถึงพ่อกับแม่ของนาแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะทางนั้นจะเอาเรื่องถึงที่สุด ถึงขั้นจะแจ้งตำรวจจับ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ ไม่อยากให้ท่านทั้งสองต้องเสียใจ แถมยังมีต้นกับครอบครัวของต้นอีก ทุกคนรักเขามาก คอยดูแลเขาเป็นอย่างดี เงินทองที่ใช้เรียนหนังสือส่วนหนึ่งครอบครัวของต้นก็ช่วย ใครๆ ก็คงจะผิดหวังกับเขามากถ้ารู้เรื่องนี้ สนจึงต้องขอร้องให้นากับครอบครัวไม่ให้บอกพ่อกับแม่ของเขาแล้วเขาจะรับผิดชอบนาเอง เมื่อรับปากไปแล้วมันก็เป็นเรื่องยากที่สนจะคืนคำ

แต่พอเถอะ ไม่เอาแล้ว อย่าเศร้าเลยวันนี้ สนไม่อยากพูดหรือคิดถึงเรื่องเศร้าๆ อีกแล้ว มันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็คงต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและหยุดทุกข์กับมันเสียที แต่ก็คิดถึงนิกกับปั้นจั่นเหมือนกัน ทำไมป่านนี้สองคนนั้นยังคิดไม่ออกอีกนะว่าจะช่วยเขายังไง

"นั่งดูทีวีไปก่อนนะต้น เดี๋ยวเราทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน" สนบอกพลางรุนหลังให้ต้นเดินมานั่งตรงส่วนนั่งเล่นในห้อง แล้วก็เปิดทีวีให้ต้นดู "อ้อ...แล้วตอนสายๆ เราไปหาพ่อกับแม่ดีไหมต้น ตอนเย็นๆ ก็ไปกินข้าวนอกบ้านกัน เดี๋ยวเราเลี้ยงเองก็ได้"

ต้นพยักหน้า ไม่ว่าสนจะอยากทำอะไรเขาก็ไม่ขัดข้องทั้งนั้น สนก็ดีตรงนี้แหละ เขาเป็นคนรักครอบครัว แถมสนเองก็ยังรักและเคารพพ่อกับแม่ของต้นมาก พ่อกับแม่ของเขาก็รักสนมากเช่นกัน จนบางทีต้นก็รู้สึกเหมือนพ่อกับแม่มีลูกชายสองคน

"ไปกินไรดีล่ะต้น คราวที่แล้วที่พาไปกินอาหารญี่ปุ่น พ่อต้นสงสัยจะไม่ชอบแน่ๆ เลย เห็นกินได้นิดเดียวเอง เราว่าไปกินอาหารเกาหลีกันไหม อร่อยดีนะ รสชาติคล้ายๆ อาหารไทย พ่อต้นแม่ต้นน่าจะพอกินได้"

"แล้วพ่อสนแม่สนล่ะจะกินอาหารเกาหลีได้หรือเปล่า"

"ได้สิ เราเคยซื้อกิมจิไปให้พ่อกับแม่กิน เขาก็กินได้นะ อืม...เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ เดี๋ยวเราไปทำอาหารก่อนนะ เดี๋ยวนายหิวแย่เลย"

สนเดินเข้าไปในครัวแล้วต้นก็นั่งยิ้ม สนเป็นคนที่ชอบทำอาหารมากในช่วงหลังๆ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฝีมือดีจนใครกินใครก็ชม บางทีต้นยังคิดเลยว่าสนน่าจะเปิดร้านอาหาร ท่าจะรายได้ดีไม่น้อย

พอสนทำอาหารเสร็จเขาก็ชวนต้นมานั่งกินข้าวด้วยกัน ดูท่าทางสนมีความสุขมากทีเดียว คอยชี้ชวนให้ต้นลองกินนั่นลองกินนี่ที่เขาทำ

"เป็นไง แกงผักกาดจอของเราสู้ที่แม่เราทำได้หรือเปล่า" สนถามพลางรอลุ้นขณะที่ต้นตักกิน

"อร่อยมากเลย ฝีมือไม่แพ้แม่สนเลย" ต้นชมพลางยิ้ม แล้วก็ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เล่นเอาคนทำยิ้มไม่หุบ

"นี่ถ้านายเป็นแฟนเรานะคงอ้วนเป็นหมูแน่ๆ เลย"

สนเหมือนจะลืมตัวเพราะสิ่งที่เขาพูดหยอกเล่นเมื่อกี้ทำให้คนฟังถึงกับหยุดชะงัก ต้นค่อยๆ วางช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากลง

"อะไรนะสน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร"

สนกลืนน้ำลายแล้วก็หยุดยิ้ม เขาพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไงกัน เขาไม่เคยพูดแบบนี้เลยตั้งแต่คบกับต้นมา สนหน้าเจื่อนลง ถ้าต้นจะว่าอะไรเขาก็คงยอมให้ว่า แต่ขออย่างเดียว อย่าบอกให้เขาไปก็แล้วกัน

เห็นสนทำสีหน้าแบบนั้นต้นก็เลยอดสงสารไม่ได้ สนคงไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเผลอพูดออกมาก แต่แล้วมันอะไรกันนะที่ทำให้สนเผลอพูดแบบนั้น ต้นเคยรู้มาว่าการเผลอของเราก็คือการเผยความในใจอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายต้นก็ต้องบอกตัวเองอย่างเดิม 'หยุดฟุ้งซ่านเถอะ'

"นายว่าเราซื้ออะไรไปฝากพ่อกับแม่ดีคราวนี้" ต้นเปลี่ยนเรื่องพูด เขายิ้มเพื่อที่จะให้สนสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

สนจึงค่อยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย "อ๋อ...เราอยากซื้อลูกเชอรี่ไปฝากพ่อต้นแม่ต้น เอางี้ดีกว่า แลกกัน เราซื้อไปฝากพ่อต้นแม่ต้น ต้นก็ซื้อไปฝากพ่อกับแม่ของเรา ดีไหม"

ต้นพยักหน้าเห็นดีด้วย เอาเถอะ ไหนๆ มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว อย่ามัวแต่เศร้ากับชีวิตอยู่เลย มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นหรอก ถ้าหากคิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็ทำให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่ดีที่สุดละกัน

----------------------------------------------------------------

พอทดแทนกลับมาจากเชียงรายแล้วก็ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ดีนัก พอถามต้นว่าตอนที่ไม่สบายมีใครมาดูแลก็ได้ความว่าเป็นสน ทดแทนถึงกับหน้าเสีย รู้สึกไม่พอใจจนเก็บอาการไม่อยู่

"สนเขามาหาต้นอีกแล้วเหรอ" แม้ว่าทดแทนจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่ต้นก็รู้ว่าทดแทนดูจะไม่ค่อยพอใจ ต้นยืนหน้าเสียเพราะไม่เคยเห็นทดแทนเป็นแบบนี้มาก่อน

"ครับ..."

ทดแทนเหมือนจะรู้ตัวว่าเขากำลังแสดงอาการไม่พอใจอยู่ ก็เลยต้องพยายามลดอาการลงบ้างเพราะอาจจะทำให้ต้นตกใจกลัวไปกันใหญ่ "ต้น...ไหนว่าต้นจะตัดใจล่ะต้น แล้วทำไมต้นถึงให้สนมาหาอีก แล้วเมื่อไรต้นจะตัดใจได้ล่ะ ต้นต้องรักตัวเองบ้างนะ อย่าเอาตัวเองไปเล่นกับความเจ็บปวดแบบนี้สิต้น"

"ผมขอโทษ..." ต้นไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรต่อ เขาได้แต่ก้มหน้าด้วยความเสียใจ พอได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ต้นก็ได้เรียนรู้มุมมองและตัวตนอื่นๆ ของทดแทนมากขึ้นในหลายๆ ด้าน แต่ไม่เป็นไรหรอก ต้นก็เข้าใจว่าคนเราคงไม่มีใครดีพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง ได้อย่างเสียอย่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากนัก

ทดแทนเดินมาหาต้น เขาจับไหล่ต้นไว้ทั้งสองข้างแล้วก็พยายามให้ต้นสบตากับเขา "ต้น...ต้นเข้าใจพี่ใช่ไหม ต้นรู้ไหมว่าพี่...รอความรักจากต้นอยู่ ต้นช่วยบอกให้พี่มั่นใจหน่อยได้ไหมว่าต้นจะมีให้พี่ได้หรือเปล่า"

ต้นสบตากับทดแทนได้สักพักก็หลบตา เขารู้สึกประหม่าและกลัวอย่างบอกไม่ถูก

"คือ..." ต้นกลืนน้ำลาย สมองเขาตื้อไปหมดเพราะไม่รู้จะบอกหรืออธิบายให้ทดแทนเข้าใจได้อย่างไร หรือจริงๆ แล้วต้นก็ไม่แน่ใจว่าการอธิบายจะช่วยให้ทดแทนเข้าใจได้หรือเปล่า มันก็เป็นเรื่องเดิมที่ทดแทนก็รู้อยู่แล้ว

"บอกพี่มาสิต้น ต้นจะให้พี่ได้หรือเปล่า" ทดแทนคาดคั้น เขาเริ่มจับไหล่ต้นแน่นขึ้นจนต้นรู้สึกเจ็บ สนยังไม่เคยทำกับต้นแบบนี้เลย ทนุถนอมเขายังกับไข่ในหิน พอเจอแบบนี้ต้นก็ชักกลัวคนตรงหน้า

"ผมไม่รู้...แต่ผมก็บอกพี่แล้วนะครับว่าผมยัง..."

ทดแทนปล่อยต้นออกเมื่อจำได้ว่าต้นก็เคยบอกเขาเรื่องนี้แล้ว แต่จะให้เขาเข้าใจต้นอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร ต้นเองก็ไม่เคยมีความพยายามใดที่จะลืมสนเลย ทดแทนมองเพดานแล้วก็ถอนหายใจ

"พี่รู้...แต่ต้นเข้าใจพี่บ้างได้ไหม...พี่เจ็บนะต้น"

ถ้าเป็นสน ต้นคงเดินไปกอดแล้วขอโทษ แต่พอเป็นทดแทน ต้นก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างนั้นไหม แต่ขาเขามันหยุดนิ่ง มือเขาก็ไม่ยอมขยับ แค่นี้ก็คงพอจะรู้แล้วล่ะว่าต้นทำได้หรือไม่

ทดแทนหันมามองต้นอีกครั้ง เขาดึงต้นเข้าไปกอดแล้วก็ร้องไห้ "พี่รักต้นนะ...อย่าให้พี่รอนานไปกว่านี้เลย"

ต้นได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ยอมแม้แต่จะกอดตอบ แต่กลับรู้สึกหวาดระแวง เขาไม่เคยให้ทดแทนมาที่ห้องเขาเลย แต่ทดแทนกลับจากเชียงรายก็ตรงมาหาต้นที่คอนโดเลย ต้นจึงต้องยอมพาเขาขึ้นมาบนห้อง

แต่ก็โชคดีที่ทดแทนไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น พอเขาอารมณ์ดีแล้วเขาก็กลับบ้านไป ต้นได้แต่นึกโมโหตัวเองที่ใจอ่อนอีกแล้ว ก็อย่างที่ทดแทนว่า ถ้าต้นมัวแต่ทำแบบนี้เขาก็คงไม่มีทางตัดใจได้ คนที่รอก็คงจะมีแต่เจ็บกับเจ็บ ต้นคงต้องคุยกับสนให้รู้เรื่องเสียที

-------------------------------------------------------

สนมารับนาที่ทำงานหลังจากที่เธอเลิกงานแล้ว นาทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในห้างจึงเลิกค่อนข้างค่ำ แต่พอเข้ามานั่วในรถด้วยกันนากับสนก็ต้องทะเลาะกันอีกแล้ว ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกัน แต่สนกลับทำท่าทางเฉยชาเหมือนคนเบื่อโลก ทำให้นาไม่ค่อยพอใจจนอดไม่ไหวที่จะชวนทะเลาะ

"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้วนะคะ"

สนพยายามทำเฉยเพราะเหนื่อยที่จะทะเลาะด้วย แต่นาก็ดูเหมือนจะไม่ลดละ

"ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยได้ไหมคะ เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่ไม่กี่วันแล้วนะคะ"

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ พอโดนยั่วยุมากๆ เข้าเขาก็ชักจะอดไม่ได้อีกแล้ว

"พี่ไม่ได้รักนา...นาก็รู้ ถ้าจะให้พี่รับผิดชอบ พี่ก็ทำได้แค่นี้แหละ อย่าบังคับพี่มากกว่านี้เลย" สนตอบไปตามตรง ความจริงเขาก็เคยบอกแล้วว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ก็ดูเหมือนนาจะไม่ได้สนใจนัก

"แล้วไงคะ ไม่รักแล้วมาทำแบบนี้กับนาทำไม" นาเถียงอย่างฉุนเฉียว

"นา...ตอนนี้เราอยู่กันสองคน ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ พี่ไม่อยากให้นาสร้างเรื่องเพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเท็จจริงยังไง นากับพี่ก็รู้เท่าๆ กันไม่ใช่เหรอว่าใครเป็นคนที่ต้องการให้มันเกิดขึ้น"

"ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะคะพี่สน" นาเถียงกลับมาทันที

"ถ้าเรื่องนั้นพี่ไม่เถียง แต่เรื่องความรัก...พี่ไม่ได้รักนาจริงๆ พี่บอกหลายครั้งแล้ว แต่ที่ทำไปก็จะรับผิดชอบให้ แต่นาก็ต้องเข้าใจ พี่ไม่ได้รักนา พี่ก็ไม่รู้ว่าจะบังคับใจของพี่ให้รักนาได้ยังไง"

สนถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาเริ่มเหนื่อยที่จะพูดเพราะพูดมาหลายครั้งแล้ว "นา...พี่ว่าเราหยุดตรงนี้ก็ยังไม่สายนะนา คนไม่รักกัน มันอยู่ด้วยกันไม่ได้นานหรอก พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว ปล่อยให้พี่เป็นอิสระเสียทีได้ไหม" สนพยายามพูดดีๆ ด้วย แต่นาก็กลับตอบสวนเสียงดังมาว่า

"ไม่ค่ะ นาบอกแล้วไงว่านาทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงนาก็ยอมไม่ได้ วันนี้ไม่รัก พรุ่งนี้ก็ต้องรัก" นาพูดอย่างหน้าตาเฉย แต่เธอก็รู้สึกเจ็บในใจอยู่ไม่น้อย เธอพยายามมานานเหลือเกินที่จะทำให้สนรักและสนใจเธอ แต่สนก็ไม่เคยสนใจเธอเลย ตั้งแต่ที่เธอเจอผู้ชายคนนี้เธอก็หลงรักเขา เฝ้าคอยตาม เฝ้าคอยหาอะไรมาให้ แต่สนก็ปฏิเสธมาตลอด มันทำให้เธออยากเอาชนะ แล้วเธอก็ทำสำเร็จในขั้นหนึ่งแล้ว แม้จะยังไม่ได้ใจมาแต่เธอก็เชื่อว่าสนจะต้องรักเธอในสักวัน

พอเป็นแบบนี้อีกแล้วสนจึงคิดว่าเขาควรจะเงียบเสียดีกว่า เขาเหมือนกำลังพูดกับคนบ้าอยู่ เขาคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไงกัน ผู้หญิงที่ไม่เคยรับฟังเหตุผลใดๆ เลย

"อ้อ...คลิปนั่น...มันจะถึงมือของพ่อกับแม่พี่ได้ตลอดเวลานะคะถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้อยู่" นาพูดโดยไม่หันมามองสน แม้จะเจ็บปวดที่ต้องใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือบังคับสน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน

"อย่าทำบ้าๆ แบบนี้นะนา" สนหันมาพูดเสียงดังจนเหมือนตวาด แต่นาก็ทำไม่สนใจ เธอถือว่าถือไพ่เหนือกว่าแล้ว ยังไงสนก็คงต้องยอมเมื่อเจอคำขู่นี้

สนมาส่งนาที่บ้านแล้วเขาก็กดโทรศัพท์หาปั้นจั่นทันที

"เฮ้ยปั้นจั่น...พวกมึงคิดอะไรออกหรือยังวะ ที่เคยคุยกันไว้ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว"

น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้ปั้นจั่นสงสารอยู่เหมือนกัน แต่ปั้นจั่นกลับตอบมาว่า

"สน...พวกกูยังไม่ได้คิดว่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยมึงนะเว้ย แต่กูคิดว่า...ถ้ามึงรักต้นจริง มึงต้องหาทางได้สิวะ หาให้ได้ด้วยตัวของมึงเอง ต้นมันจะภูมิใจนะเว้ยถ้ามึงทำได้"

สนได้แต่เงียบ มันก็จริงอย่างที่ปั้นจั่นว่า เรื่องนี้สนควรจะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สมองเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เขาคิดอะไรไม่ออกเลย อีกไม่กี่วันนี้เขาก็จะต้องแต่งงานแล้ว เขาจะต้องทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เขาจะอยู่กับผู้หญิงอย่างนาได้ยังไงกัน หรือว่า...เขาจะแต่งงานไปก่อนแล้วค่อยหาทางหย่ากัน แต่เธอจะยอมปล่อยเขาง่ายๆ หรือ แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้งมีลูกขึ้นมา มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่

เห็นสนเงียบไปปั้นจั่นก็เลยต้องรีบบอกไปว่า "นะสน กูเชื่อว่ามึงทำได้ ถ้ามึงรักต้นจริงๆ มึงต้องทำให้ได้นะสน อะไรก็ได้ที่มึงคิดว่าทำได้ ทำมาซักอย่างเถอะ กูให้กำลังใจมึง อย่ายอมแพ้นะสน" ปั้นจั่นรู้ว่ามันกดดันสำหรับสน แต่เขาก็หวังว่าความกดดันนั้นจะช่วยทำให้สนคิดอะไรออก คนเราเมื่อมันถึงคราวสุดวิสัยจริงๆ ก็ทำได้ทุกอย่าง

"อืม...กูจะพยายามละกัน" แต่น้ำเสียงของสนก็ดูไม่มั่นใจเลย เขาคงรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตมากเกินไป แต่สนก็อดที่จะท้อใจและหมดหวังไม่ได้เมื่อเพื่อนตอบมาแบบนี้ เขายังนึกอะไรไม่ออกเลย ถ้าทำได้เขาก็คงจะทำได้ไปนานแล้ว

สนคิดถึงต้นอีกแล้ว เขาต้องการใครสักคนจริงๆ ในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่อยากไปกวนต้นแต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ยิ่งในเวลาแบบนี้แล้วสนก็ยิ่งอยากไปหา แค่ได้เจอหน้าก็คงจะทำให้สนมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตได้อีกไม่น้อย สุดท้ายสนก็เลยต้องมาหาต้นจนได้ แต่พอโผล่เข้ามาในห้องต้นแล้ว อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้ว

"นายมาหาเราทำไมอีกล่ะสน" สีหน้าเฉยชาและน้ำเสียงที่ดูเย็นเยียบของต้นนั้นทำให้สนถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว เขาไม่เคยเห็นต้นเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แต่สนก็พยายามคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก หรือไม่เขาก็คงจะฟังผิดไปก็ได้

"เรา..."

"นายรู้ไหมว่านายไม่ควรมาหาเราแบบนี้อีกแล้ว" ต้นเริ่มเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริกและกำลังจะร้องไห้

"ทำไมล่ะต้น...ทำไมเรามาหานายไม่ได้ ปกติเราก็มา"

"แต่นายกำลังจะแต่งงานนะสน นายควรจะไปอยู่กับแฟนนาย ไม่ใช่เรา" ต้นสวนกลับไปโดยไม่รอให้สนพูดจบ

"ต้น...นายโกรธอะไรเราเหรอ" สนเริ่มหน้าเสีย

"นายรู้ไหมว่า...เราไม่เคยตัดใจจากนายได้เลย ยิ่งนายมาหาเราแบบนี้เราก็ยิ่งตัดใจไม่ได้ เราจะเปิดใจให้คนอื่น เราก็ทำไม่ได้ นายหยุดมาหาเราสักพักหนึ่งได้ไหมสน"

สนยืนนิ่ง ตกตะลึง ไม่คิดว่าการมาของเขาจะสร้างปัญหาให้กับต้นมากมายขนาดนี้

"กลับไปอยู่กับแฟนนายเถอะ อย่ามาหาเราแบบนี้อีกเลย ปล่อยให้เราเป็นอิสระจากนายเสียทีได้ไหม ออกไปจากชีวิตเราเสียที" ต้นร้องไห้น้ำตาไหลพราก รู้สึกเจ็บปวดที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เขาคิดว่าจะไม่พูดก็คงไม่ได้ ไม่งั้นสนก็คงจะไม่หยุด แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป

"ต้น...นายพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า" สนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าต้นที่เขาเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ จะขับไสไล่ส่งเขาแบบนี้ สนคิดว่าเขากำลังหนีร้อนมาหวังจะพึ่งเย็น แต่ตอนนี้กลับไม่มีตรงไหนสักแห่งที่จะพอให้เขาได้พักความเหนื่อยล้าได้

ต้นไม่ตอบคำถามนั้น ได้ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น สนเองก็กำลังร้องไห้ด้วยเช่นกัน เขาอดเสียใจไม่ได้จริงๆ ที่ต้นทำแบบนี้ สรุปแล้วเขาก็จะไม่เหลือใครสักคนเลยใช่ไหม แม้แต่ต้นก็ยังผลักไสไล่ส่งเขาไป แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ยังไง ต้นไม่รู้เลยหรือว่าต้นมีความหมายกับชีวิตเขามากแค่ไหน

"ได้ต้น...เราจะไปจากชีวิตนายก็ได้ ถ้านายไม่อยากให้เรามา เราก็จะไม่มาอีก ลาก่อนนะ...เพื่อนรัก" สนบอกด้วยความรู้สึกใจหายและเจ็บปวดจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างไร สิบสามปีแล้วที่คบกันมา คงจะจบลงเพียงแค่นี้

สนหันหลังกลับ กำลังจะเดินออกไปแต่ก็เหมือนจะนึกได้ว่าเขายังลืมอะไรบางอย่างอยู่ สนหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงแลัวหันกลับไปมองต้น เขาชูมันขึ้นมาแล้วก็บอกต้นว่า

"ต่อไปนี้ เราคงไม่ได้ใช้มันแล้ว เราคืนให้นายละกันนะ" สนวางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะแล้วก็หันหลังกลับอีกครั้ง ตอนนี้อะไรก็ห้ามน้ำตาและความเสียใจของเขาไม่อยู่แล้ว สนไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย ไม่เคยเลยจริงๆ จะเรียกได้ว่าเสียใจที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้

สนเปิดประตูออกไป ก่อนจะปิดและจากไปจริงๆ เขาก็บอกต้นอีกครั้งว่า "ลาก่อนนะต้น ดูแลตัวเองดีๆ นะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณจริงๆ"

ประตูค่อยๆ ปิดลง ใบหน้าของสนค่อยๆ บีบแคบลง จนเมื่อประตูนั้นปิดสนิท ใบหน้าของสนก็หายไปจากสายตาของต้น ต้นทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก็ร้องไห้โฮ นี่เขาทำอะไรลงไป เขาไล่สนไปแบบนั้นได้ยังไงกัน เขาคงบ้าหรือไม่ก็เสียสติไปแล้วที่ทำแบบนั้น เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าต้นเสียเองที่ทำลายมิตรภาพและความผูกพันที่ยาวนานของเขากับสนลง เขาทำลายมันด้วยมือของเขาเอง เขาจะทำใจได้ยังไงถ้าสนไม่กลับมาหาเขาอีก

อะไรกันหนอที่มาดลใจให้ต้นพูดแบบนั้น นี่เขาเครียดที่ทดแทนมากดดันเขาจนต้องทำร้ายจิตใจของสนขนาดนั้นเลยหรือ ภาพที่สนบอกลาเขาด้วยน้ำตาวนเวียนและฉายซ้ำอยู่ในหัวอยู่หลายรอบ แค่คิดว่าสนจะไม่กลับมาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วต้นก็แทบจะขาดใจ

"สน...เราขอโทษ"

ต้นร่ำไห้ เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย นี่คงจะเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ต้นทำแล้วรู้สึกเสียใจมากที่สุด สนจะคิดยังไงเมื่อคนที่เขารักมากที่สุดทำกับเขาแบบนี้ ต้นได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาทำได้ยังไง ทำไปได้ยังไง...

TO BE CONTINUED
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 23-06-2012 10:21:36
2 คนนี้จะรักกันที อุปสรรคเยอะจัง

ตกลงยัยนามันทำอะไรเนี่ย 

แล้วต้นไล่สน   สนจะทำงัยต่อไปล่ะ   :เฮ้อ:

ถ้าว่าสนจะหาทางออกไม่ได้แล้วสิ o22
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 23-06-2012 11:46:33
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 23-06-2012 11:53:28
 :serius2: :serius2: :sad4: :sad4: :o12: :o12:
ไหนสนจะกำลังแต่งงาน แถมยังมาทะเลาะกันหนักขนาดนี้อีก ทำไมมันยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่แบบนี้นะ

นามีถ่ายคลิปไว้ด้วย   เฮ้อ...........ผู้หญิงคนนี้เหลือร้ายจริงๆ
ไม่คิดว่าจะทำขนาดลืมคิดถึงศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้หญิงของตัวเอง

ขอให้สนหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ไวๆ นะ :yeb:
แต่ทะเลาะกันขนาดนี้ จะให้สนกลับมากอดต้นได้ยังไงล่ะเนี่ย
รอลุั้้้นกับตอนหน้าด้วยนะคะ   :myeye: :myeye:
กอดต้นแน่นๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


+1 ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 23-06-2012 12:40:04
เหอๆถ้าเป็นอย่างที่คิดว่า นาทำคลิปแบล็คเมล์จริง
เป็นผมนะก็จะบอกว่า ส่งไปเหอะ จะทำไรก็ทำ
ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 23-06-2012 13:06:56
เชอะ ไม่เห็นจะยาก หลอกถ่ายคลิบนังนาบ้างดิ ผู้หญิงอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติ มัวแต่ทำตัวเป็นควายให้มันจูงอยู่ได้เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญญาแก้ เจือกพามันมาเปิดตัวกับผู้ใหญ่เรื่องถึงยุ่ง สมนำ้หน้า
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 23-06-2012 13:48:24
เมื่อคนหนึ่งเข้าใจในสถานภาพว่าหัวใจเป็นของใคร แต่อุปสรรคก็พัดผานมา
ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนสถานภาพไปตามที่คิด สงสารกับรักของคนสองคนนี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-06-2012 15:52:27
แบกรับอะไรไว้มาก พอเจออะไรกดดันเข้าไปอีกเลยหลุด

ตอนนี้กลัวสนจะทำไรสักอย่างมากกว่า กลัวจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับสน เพราะตอนนี้สนเองก็สติหลุดไปแล้ว

คนเราพออยากให้อะไรได้มาอย่างที่ต้องการ จากคนดีๆก็กลายเป็นผีบ้าไปซะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-06-2012 16:25:59
ไม่สงสารสักนิด เพราะทำตัวเองทั้งนั้น เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-06-2012 16:49:40
ประสาทมากเลยสน เลือกไม่ได้ว่าควรเลือกอะไรหรือไง?
ถ้าอีแค่ช.ญ.นอนด้วยกัน อายุก็ปูนนั้นแล้วไม่ได้บังคับข่มขืน
อยากรู้เหมือนกันใครจะผิดมากกว่า

รับผิดชอบต้องมีทั้ง2ฝ่าย ไม่ใช่ยัดเยียดให้ฝ่ายเดียว
อีกฝ่ายที่ท่องว่าจะรับผิดชอบๆๆๆๆๆๆ ก็แย่พอกับฝ่ายที่ไปยัดเยียดให้อีกฝ่ายทำนั่นแหละ
เรื่องพ่อแม่? โหยระหว่างรับชะนีมีนอมาเป็นสะใภ้ ที่แร่ดขนาดอัดคลิปตัวเองเก็บไว้ได้
ใครจะเอาว่ะคะ?????

ตรูเอือมสนมาก เดี๋ยวตบให้สมองไกลกลับเข้าไปในกระโหลกกลวงๆ เลยนี่
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 23-06-2012 20:18:50
นาร้ายมาก -0-
กลัวตอนจบจะไม่ Happy Ending อ่ะคนเขียน TT
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 29 ¤ บทสุดท้ายของความเป็นเพื่อน (23-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-06-2012 00:15:32
มาแล้วครับ ตอนที่แสนจะเขียนยากตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่านะครับ
เป็นครั้งแรกที่เขียนฉากอย่างว่ามากขนาดนี้ เขียนไปเขินไป ติชมกันได้นะครับ

ตอนที่ 30: รักแรกแปลกนักหนา (love scene)

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ต้นตื่นเช้าขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนนี้เขาก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นเลย ใจหายเมื่อรู้ว่าสนคงจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้ว ต้นอยากจะตบปากตัวเองสักร้อยครั้งพันครั้ง เขาหยุดโทษตัวเองไม่ได้เลยที่พูดไปแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเอง แต่ต้นก็ต้องรีบสลัดความคิดในหัวนั้นออกไป วันนี้เขาต้องไปทำงานจึงต้องฝืนใจลุกขึ้น

หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเขาก็แต่งตัวออกไปทำงานเหมือนเช่นเคย ต้นหยิบสัมภาระที่จำเป็นต่างๆ แล้วก็เปิดประตูห้องออกไป กำลังจะล็อกห้อง สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งหลับคอตกอยู่ข้างประตู

“สน” ต้นร้องอุทานด้วยความแปลกใจและตกใจ ทำไมสนถึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้ ไหนว่าสนจะไม่กลับมาอีกแล้ว แสดงว่าเมื่อคืนสนไม่ได้ไปจริงๆ หรอกหรือ แต่ช่างเถอะ ต้นดีใจที่สุดแล้วที่สนยังไม่ไปจริงๆ ต้นย่อตัวลงแล้วก็รีบเขย่าตัวสนเพื่อปลุกให้เขาตื่น

"สน...สน...ตื่น"

เจ้าของร่างที่หลับไหลเริ่มขยับตัวและพยายามปรับสายตาและเรียกสติการรับรู้กลับคืนมา พอเห็นต้นแล้วสนก็ยิ้มดีใจ

“ต้น...เราไม่รู้จะไปไหน ให้เราอยู่ที่นี่กับนายได้ไหมต้น นายอย่าขับไสไล่ส่งเราไปไหนอีกเลย เราไม่มีใครจริงๆ นอกจากนาย"

พอสนพูดจบต้นก็น้ำตาไหลพรากด้วยความสงสารระคนรู้สึกผิด แต่ต้นก็ดีใจจริงๆ ที่สนยังไม่ได้คิดจะไปจากเขาเหมือนกับที่พูดไว้เมื่อคืนนี้ ต้นนึกว่าเขาจะต้องเสียทั้งเพื่อนและคนที่รักไปเสียแล้ว เขาดีใจจนไม่รู้ว่าจะบอกว่าดีใจยังไง เมื่อคืนต้นก็นึกว่าสนคงจะเสียใจจนสติหลุด ทำร้ายตัวเองหรือหนีเตลิดไปไหนต่อไหน แต่สนกลับมีสติมากกว่าที่ต้นจะคาดคิดเสียอีก

“ขอเราอยู่ที่นี่สักพักนะต้น...อย่าใจร้ายกับเราอีกเลย” สนอ้อนวอนพลางดึงมือต้นมาจับไว้ ต้นโผเข้ากอดสนแน่นราวกับกลัวว่าสนจะหนีไปอีก

“สน...นายไม่ต้องไปไหนแล้ว...เราขอโทษ ยกโทษให้เรานะสน เราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"

น้ำตาต้นร่วงเผาะอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้จะให้ต้นร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดหรือจะให้ทำอะไรต้นก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่ไม่ให้สนไปจากชีวิตเขา

"เรารู้...เราถึงได้ไม่ไปไหนไง"

สนเป็นคนไม่ซับซ้อน คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ดูซื่อๆ ไม่ทันคนด้วยซ้ำ ก็ในเมื่อสนเองก็รู้ว่ายังไงๆ เขาก็ไปจากต้นไม่ได้ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ไป แล้วก็นั่งรออยู่ตรงนี้ทั้งคืน ใครที่สงสัยแล้วเดินมาถาม สนก็ตอบไปว่าทะเลาะกับแฟน แฟนไม่ให้เข้าห้อง

ได้ยินเช่นนั้นแล้วต้นก็ยิ่งกอดสนแน่นขึ้น สนรู้จักเขามานาน สนรู้ว่าต้นไม่ได้ตั้งใจ สนจึงให้อภัยเขาได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบาดหมางใจกันไปจนมองหน้ากันไม่ติดไปแล้ว โชคดีแค่ไหนที่สนเข้าใจ ความผิดพลาดครั้งนี้ต้นคงจำไปชั่วชีวิต

"ทำไมนายตัวร้อนๆ ล่ะสน" ต้นถามอย่างสงสัย เขาค่อยๆ ผละออก

พอใช้มือแตะหน้าผากสนเขาก็อุทาน "นายไม่สบายเหรอสน"

สนพยักหน้าน้อยๆ "อืม...สงสัยจะใช่"

"เราขอโทษ เรานี่แย่จริงๆ เลยสน เราเป็นเพื่อนที่ใช้ไม่ได้เลย" ต้นโมโหตัวเองที่ปล่อยให้สนมานอนอยู่ข้างนอกจนไม่สบายแบบนี้

"เข้าไปนอนในห้องเราก่อนนะสน เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้" ต้นพูดพลางดึงสนลุกขึ้น เห็นสนทำหน้าแบบนั้นแล้วต้นก็อดขำไม่ได้ สนก็ยังเป็นเหมือนเดิมจริงๆ เวลาไม่สบายแล้วก็ชอบอ้อน ให้ต้นคอยดูแล เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำทั้งๆ ที่ทำเองก็ได้

ต้นพาสนเดินเข้ามาในห้อง สนนั่งลงบนเตียงแล้วก็ถอดเสื้อออก

"ถอดกางเกงออกด้วยสิ ไม่งั้นจะเช็ดตัวได้ไงล่ะ" ต้นบอกเมื่อเห็นสนถอดเสื้อแล้วก็นั่งนิ่ง

"ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวนายแอบดูของเรา" สนพูดติดตลก

"ไม่เห็นจะอยากดูเลย ของเราก็มี เร็วเข้า เดี๋ยวเราไปเตรียมผ้าเช็ดตัวให้ก่อนนะ" ต้นยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปในครัวหาชามใส่น้ำมาด้วย

พอกลับเข้ามาสนก็ถอดกางเกงออกไปแล้วเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวและคงมีกางเกงในอีกตัวอยู่ข้างในที่ต้นมองไม่เห็น สนชอบใส่แบบนั้น ต้นวางชามใบเล็กที่ใส่น้ำลงตรงหัวเตียง แล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาชุดที่คิดว่าสนน่าจะพอใส่นอนได้มาให้

ต้นวางเสื้อกับกางเกงชุดนั้นลงบนเตียงแล้วก็เดินอ้อมมาหาสน นั่งคุกเข่าลงข้างๆ เตียงแล้วก็หยิบผ้าขนหนู ชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วก็เช็ดตัวให้คนที่นอนยิ้มอย่างสบายใจ ไล่ไปจากใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขนและขา

"เช็ดหลังให้เราด้วยนะ" สนบอกแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคงให้ต้นเช็ดหลังได้สะดวก

ต้นขำพลางส่ายหน้า อดยิ้มไม่ได้กับอาการอ้อนๆ แบบนี้ เอาเถอะต้น เมื่อนายรักเขาแล้วก็จงรักต่อไป หยุดบังคับใจตัวเองเสียทีเถอะ ถ้านายไม่ขี้อิจฉาจนเกินไป นายก็จะรักเขาได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะอะไร ทำตามความตั้งใจเดิมของนายที่อยากจะรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไขเถอะ หยุดเรียกร้องในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ พอใจกับสิ่งที่เขาให้มา

สนเอามือมากุมเป้าของตัวเองแล้วก็หยอกต้นเล่นว่า "อย่ามองตรงนี้สิ เราเขินนะ"

"บ้า...ไม่ได้มองซะหน่อย" ต้นว่าอย่างไม่จริงจังนัก "เดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้กินนะ นายจะได้กินยาแล้วนอน อ้อ...เราเอาเสื้อผ้ามาให้แล้ว อย่าลืมใส่ด้วยล่ะ"

"ใส่แบบนี้นอนไม่ได้เหรอ" สนแกล้งกวนเล่น

"ก็ตามใจ" ว่าแล้วต้นก็เดินออกไป

พอต้นเดินออกไปแล้ว สนก็แอบรำพันกับตัวเอง "เรารักนายนะต้น เราทรมานเหลือเกินที่เราบอกไม่ได้" สนรู้ว่ายิ่งนานวัน ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งรักต้นมากขึ้นและมากขึ้น มันไม่ใช่ความรักที่หวือหวา แต่เป็นความรักที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากความผูกพัน บางทีเขาก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเขาอาจจะรักต้นมานานกว่านั้นก็ได้ คงไม่ถึงกับเป็นวันแรกที่เจอกันเพราะตอนนั้นเขากับต้นยังเด็ก คงยังไม่รู้จักความรัก เขานึกถึงเวลาที่เขานั่งทำงานประดิษฐ์ให้ต้นเอาไปส่งการบ้าน ต้นมักจะนั่งมองและยิ้มเสมอ เขาเงยหน้ามาเห็นทีไรก็มักจะรู้สึกแปลกๆ กับรอยยิ้มนั้นของต้นทุกที หรือเขาจะชอบต้นตั้งแต่ตอนนั้นนะ 

ไม่นานนักต้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูปที่ต้นซื้อมาไว้กินยามหิวเวลาขี้เกียจออกไปข้างนอก สนใส่เสื้อผ้าแล้วก็เขยิบตัวขึ้นนั่งอย่างรู้ทัน ต้นนั่งลงบนเตียง ถือชามข้าวต้มในมือ แล้วก็ตักป้อนคนที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม 'นายช่างมีความสุขจริงๆ นะสนเวลาไม่สบาย'

แววตาของสนแบบนี้ต้นเคยเห็นบ่อยแล้ว แววตาที่อ่อนโยน อบอุ่น พร้อมกับมีความรู้สึกบางอย่างส่งผ่านออกมาเป็นประกาย เป็นแววตาที่ทำให้ต้นเคยเข้าใจว่าสนคงจะรักเขา ต้นลืมนึกถึงแววตาแบบนี้ไปนานแล้ว จนกระทั่งวันนี้ที่ต้นได้เห็นอีกครั้ง แววตาของสนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มันสื่อสารออกมาอย่างตรงที่สุดจนต้นรับรู้ได้ สนคงรักเขาจริงๆ อย่างที่ใครหลายๆ คนบอก ต้นเคยไม่แน่ใจมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ต้นมั่นใจกับสิ่งที่เขาเห็นอย่างที่สุด ไม่ว่าตอนนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ต้นเห็นคือสิ่งนี้...สนรักเขา

ต้นให้สนกินยา แล้วเขาก็สั่งก่อนออกไปว่า "นอนพักก่อนนะสน เดี๋ยวตอนบ่ายๆ เราเข้ามา พอดีตอนเช้าเรามีงานด่วน ต้องไปทำก่อน"

สนพยักหน้า "ขอบใจมากนะต้น นายรู้ไหมว่า...เราน่ะรู้จักแล้วก็เก่งแต่กับนายคนเดียวเท่านั้นแหละ แต่กับคนอื่น เราไม่เคยทันใครเขาหรอก...ถึงได้..." สนหยุดพูดไว้แค่นั้น

แต่ต้นก็พอจะเดาได้ สนเป็นคนเชื่อคนง่ายและไม่ค่อยทันคน เขามักจะถูกเพื่อน ผู้หญิงหรือคนรอบข้างหลอกอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ได้ต้นช่วยดึงไว้เขาก็อาจจะเสียคนได้เหมือนกัน ต้นรู้สึกว่าสนคงกำลังจะบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการแต่งงานของเขากับนา เพราะต้นก็สงสัยมานานแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เข้ามาในชีวิตสนได้ยังไง

ต้นยิ้มแล้วก็บอกไปว่า "นอนพักนะ เดี๋ยวเรามา"

สนยิ้มตอบ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ กันสนก็มีความสุขและลืมความเจ็บปวดของชีวิตไปได้มากแล้ว เขานึกถึงที่ปั้นจั่นบอกให้เขาหาทางออกด้วยตัวเอง เพราะถ้าเขาทำได้ ต้นคงจะภูมิใจมาก ในเมื่อชีวิตนี้เขารักต้นมากขนาดนี้ ยังไงก็เสียต้นไปไม่ได้ ในเมื่อเขาก็รู้ว่าเขาคงอยู่กับใครไม่ได้นอกจากต้น แล้วสนจะมัวลังเลอะไรอีก ยังมีอะไรที่สนต้องกลัวอีกหรือ เอาล่ะ...สนคงจะต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้แหละนะ
 
-------------------------------------------------

งานแต่งงานของสนเหลืออีกเพียงสี่วันเท่านั้น ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ต้นทรมานจิตใจมากพอสมควร ต้นถึงกับต้องหยุดลาพักร้อนยาวเป็นสัปดาห์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้ไปงานแต่งงานสนด้วย อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อที่เขาจะได้หลบไปไกลๆ เพื่อทำให้ตัวเองสบายใจมากขึ้น ต้นจึงเลือกที่จะหลบไปนั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิเงียบๆ ในวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก พร้อมกับปิดโทรศัพท์มือถือและช่องทางรับข่าวสารหลายๆ อย่างเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน

แต่คนที่แทบจะเป็นบ้าก็คงเป็นสน แม้จะวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งงานของเขากับนามากแค่ไหน แต่สนก็จะหาเวลาโทรหาต้นเสมอ เมื่อไม่ติดเลยสักครั้งสนจึงได้แต่กระวนกระวายใจ ต้นหลบหน้าหลบตาเขาอีกแล้วหรือ ไปไหนก็ไม่บอกกันเลย ทำให้เขาเป็นห่วงว้าวุ่นใจอยู่แบบนี้อีกแล้ว

ตกเย็นสนจึงมาที่บ้านของต้น นั่งรออยู่หน้าบ้านไม่นานนักก็เห็นพ่อของต้นขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าๆ เข้ามา แม้ว่าจะมีลูกชายเป็นถึงวิศวกรเงินเดือนหลายหมื่น แต่ครอบครัวของต้นก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะ

สนลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหาพ่อของต้นแล้วก็สวัสดี "สวัสดีครับพ่อแอ๊ด เพิ่งกลับเหรอครับ"

"อ้าวสน" พ่อของต้นลงจากรถแล้วก็รับไหว้ "เป็นไงลูก เตรียมงานไปถึงไหนแล้วล่ะ"

"ใกล้จะเรียบร้อยแล้วล่ะครับ แม่พรยังไม่กลับอีกเหรอครับ"

"ยัง...แม่เขามีประชุมงานเข้าค่ายลูกเสือน่ะลูก ช่วงนี้สนคงยุ่งน่าดูเลยนะ"

"นิดหน่อยครับพ่อแอ๊ด"

พ่อของสนทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย "อืม...เห็นสนจะแต่งงานแล้วพ่อก็นึกถึงต้น ทำไมจนป่านนี้ต้นก็ยังไม่มีแฟนกับเขาเลยก็ไม่รู้ สนพอจะรู้ไหมลูกว่าต้นเขาแอบไปชอบผู้หญิงที่ไหนหรือเปล่า พ่อล่ะเป็นห่วงเขาจริงๆ"

เจอคำถามนี้เข้าไปสนก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ต้นเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านนี้ พ่อกับแม่ก็คงจะคาดหวังให้ต้นแต่งงานเหมือนผู้ชายทั่วไป สนเองก็ถูกคาดหวังจากครอบครัวเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เขาก็กำลังจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้จะติดที่มันเร็วเกินไปหน่อยก็ตาม

"ต้นก็คงดูอยู่ๆ บ้างมั้งครับพ่อ ก็เหมือนจะมีคนมาชอบเขาอยู่เหมือนกันครับ"

"เหรอลูก...อืม...ยังไงก็ช่วยๆ ดูต้นให้พ่อกับแม่หน่อยละกันนะสนนะ พ่อกับแม่ก็มีลูกชายคนเดียว กลัวจะต้องไปเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอยู่เหมือนกัน เห็นไม่มีแฟนแบบนี้พ่อกับแม่ก็เลยไม่ค่อยสบายใจ"

สนแทบจะเหงื่อตก เมื่อได้รู้ว่าพ่อกับแม่ต้นไม่อยากให้ต้นเป็นแบบนั้นแล้วเขาก็กลัวแทนต้นจริงๆ ถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้ขึ้นมาแล้วต้นจะทำอย่างไร

"ครับพ่อ" สนรับคำแล้วก็ถือโอกาสถามเรื่องที่เขาอยากจะรู้ทันที "พ่อแอ๊ดครับ ช่วงนี้ต้นเขาไปไหนเหรอครับ ทำไมผมโทรหาไม่ติดเลยครับ"

"อ๋อ...เขาไปปฏิบัติธรรมน่ะลูก พ่อก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าไปที่ไหน ใกล้ๆ กรุงเทพนี่แหละลูก เย็นๆ พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับแล้วล่ะ ต้นไม่ได้บอกสนเหรอ" พ่อต้นมองอย่างแปลกใจ

"สงสัยต้นเขาคงเห็นผมยุ่งๆ อยู่มั้งครับพ่อแอ๊ดก็เลยไม่ได้โทรมาบอก" สนพยายามแก้ตัวให้

"อืมๆ ก็คงจะอย่างนั้น"

สนอยู่คุยกับพ่อของต้นสักพักเขาก็ขอตัวกลับบ้าน เห็นทีพรุ่งนี้เขาคงจะต้องแวะไปหาต้นตอนเย็นๆ แล้วล่ะ ไม่ไหวเลยนะต้น คนยิ่งคิดถึงและเป็นห่วงอยู่ งานแต่งงานเขาก็ใกล้เข้ามาแล้ว สนยิ่งต้องการอยู่ใกล้กับต้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้อีกแล้ว

-----------------------------------------------------------------

เสร็จธุระจากการจัดการทั้งหลายแหล่แล้วสนก็ขับรถมุ่งตรงสู่กรุงเทพทันที พอมาถึงคอนโดของต้นเขาก็ขึ้นไปดูบนห้องต้นก่อน ปรากฏว่าต้นยังมาไม่ถึง สนจึงลงมานั่งรอตรงส่วนรับแขกที่ทางคอนโดจัดไว้ให้สำหรับคนที่มาติดต่อหรือรอพบแขกที่พักอยู่ที่คอนโดนี้

ประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าของแก้มใสที่สนแสนจะเป็นห่วงและคิดถึงก็มาถึง แต่ที่ทำให้สนขุ่นเคืองใจก็คือ...ต้นมากับทดแทน ก็คงจะหมายความว่าสองคนนี้ไปด้วยกันนั่นเอง สนลุกขึ้นแล้วก็รีบเดินไปหาต้นกับทดแทนด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ไม่ได้อยากจะแสดงอาการหึงหวงเลยแต่สนก็อดไม่ได้จริงๆ

ต้นเห็นสนแล้วก็หน้าเสีย รู้ทันทีว่าสนคงโกรธที่เขาหายไปแล้วไม่บอกสักคำ ส่วนทดแทนนั้นก็ดูจะแปลกใจเหมือนกันที่เห็นสนมารอต้น สนยังมาที่นี่อีกทำไมหรือก็ในเมื่อเขาเองก็จะแต่งงานอยู่อีกไม่กี่วันนี้

"ขอบคุณที่มาส่งนะครับ ต้น...ไปกับเราเดี๋ยวนี้" สนทำเสียงเฉียบขาดแล้วก็คว้าข้อมือต้นไว้ให้เดินตามเขามา ปล่อยให้ทดแทนยืนงงอยู่คนเดียวแต่ก็ตามไปไม่ได้เพราะเขาไม่มีคีย์การ์ด

พอพาต้นเข้ามาในห้องแล้วสนก็จัดการเอากระเป๋าเสื้อผ้าของต้นไปเก็บในห้อง แล้วก็ออกมาจัดการต้นที่ยืนหน้าเสียด้วยความรู้สึกผิดทันที  สนเดินเข้ามาใกล้แล้วก็จับไหล่ต้นไว้ ต้นกลัวจนต้องยืนตัวแข็งทื่อ

"นายไปไหนมาต้น ทำไมไม่บอกเราสักคำ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงมากแค่ไหน เราจะบ้าอยู่แล้วรู้หรือเปล่า"

เห็นสนโกรธแบบนี้ต้นก็ชักใจคอไม่ค่อยดี "เรา...ไปนั่งสมาธิมา" ต้นตอบอย่างหวั่นๆ

"กับพี่แทน"

ต้นค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ "ใช่" แล้วต้นก็ก้มหน้าหลบตา "เราขอโทษ...ที่ไม่ได้บอกนาย เราเห็นนายยุ่งๆ อยู่ก็เลยไม่อยากกวน"

"นายกำลังหลบหน้าเราใช่ไหมต้น หลบหน้าเราหรือเปล่า" สนคาดคั้น

ต้นเงียบและไม่ตอบ ก็แสดงว่าใช่

"เรารู้ว่านายหลบหน้าเรา แต่นายรู้ไหมว่าเราอยากเจอนายมากแค่ไหน เราพยายามโทรหานายทั้งวัน ห่วงก็ห่วง ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน กลัวว่านายจะเสียใจจนเป็นอะไรไปแล้ว ถ้านายเป็นอะไรไปเราจะทำยังไง นายเห็นใจเราบ้างสิ"

ต้นได้แต่รู้สึกผิด แต่เขาก็ทำไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ชำเลืองขึ้นมองหน้าสนก็เห็นเขาทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วสนก็เขยิบตัวเข้ามาแนบชิดกับต้นมากขึ้น พร้อมกับดันต้นไปจนหลังติดกำแพงห้อง ใบหน้าสนกับต้นอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ

"นายจะทำอะไรน่ะสน" ต้นถามเสียงสั่น ต้นไม่เคยเห็นสนมีสีหน้าท่าทางแบบนี้เลย

"ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ให้นายไปจากชีวิตเราอีก" สนตอบเสียงสั่นพอกัน เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะยอมแลกเพื่อให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักตลอดไป

"อย่าทำแบบนี้นะสน นายกำลังจะแต่งงานกับนาอยู่อีกไม่กี่วันนะ" ต้นพยายามจะเรียกสติสนกลับมา เขาพอจะรู้แล้วว่าสนกำลังจะทำอะไร เพราะร่างกายของส่วนนั้นของสนที่เบียดเข้ามามันฟ้องความต้องการบางอย่างของสนอยู่

"ไม่ต้องสนใจคนอื่นได้ไหมต้น มันเป็นเรื่องของเราสองคน เราต้องการนาย เราอยากให้นายอยู่กับเรา ไม่อยากให้นายไปไหนอีก ไม่อยากเสียนายให้คนอื่น เราทนไม่ได้ที่จะให้นายเป็นของคนอื่น รู้ไหมต้น" สนพูดเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต่างคนต่างเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

"นายหมายความว่าไง"

"นายตอบเรามาคำเดียวต้น นายต้องการเราหรือเปล่า" สนไม่ตอบแต่ถามกลับ ต้นมองหน้าสนอย่างใช้ความคิด ต้นเองก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันว่าจะเอายังไง จะยอมปล่อยอารมณ์ตามที่ใจปรารถนาหรือจะยอมเป็นแค่คนดีคนหนึ่ง

"ว่าไงล่ะต้น...นายต้องการเราเหมือนที่เราต้องการนายหรือเปล่า" สนถามย้ำอีกครั้ง

"เราต้องการนาย" ต้นพูดเสียงเบาหวิว สนยิ้มอย่างพอใจ

"เรารักนาย" สนตัดสินใจบอกไปในที่สุด เมื่อเขาตัดสินใจแล้วนั่นก็หมายความว่าสนจะต้องทำอย่างที่เขาตั้งใจ ต้นจะต้องไม่เสียใจกับเรื่องนี้อีก ถ้าเขาทำให้ต้นเสียใจ เขาจะเป็นฝ่ายจากไปเองเหมือนที่เขาเคยพูดไว้

ต้นไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอิ่มเอมตื้นตันใจของเขาที่มีอยู่ตอนนี้ได้อย่างไร นับสิบปีที่ต้นเฝ้ารักเฝ้าคอยผู้ชายคนนี้ ในที่สุดวันนี้ต้นก็ได้ยินคำว่ารักจากปากเขาแล้ว มันคือการรอคอยที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าที่ผ่านมาจะมีเรื่องราวให้เจ็บปวดเสียใจแค่ไหน คำว่ารักของสนก็เป็นยารักษาบาดแผลทั้งหมดเหล่านั้นให้หายไปจนสิ้น

"เราก็รักนาย" ต้นบอกในสิ่งที่สนก็คงรู้อยู่แล้ว แต่สนก็ยิ้มดีใจที่ได้ยินมันอีกครั้ง

น้ำตาแห่งความตื้นตันใจของสนไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ต้นใช้มือปาดน้ำตาบนใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา

"อย่าร้องไห้สิสน"

"เราดีใจต่างหาก...ที่ในที่สุดเราก็ได้บอกว่ารักกัน"

สนค่อยๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าไปหาใบหน้าของต้น ใกล้กันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ริมฝีฝากของสนค่อยๆ แตะลงบนริมฝีปากของต้นอย่างแผ่วเบาๆ เป็นเชิงทักทาย สนเริ่มด้วยการขบริมฝีปากบนของต้นเบาๆ จากนั้นก็ย้ายมาริมฝีปากล่าง เมื่อความต้องการทวีขึ้นเขาจึงค่อยๆ บดริมฝีปากลงไปพร้อมกับน้ำหนักของสัมผัสที่เพิ่มขึ้น สนสอดลิ้นเข้าไปควานหารสหวานในโพรงปากของเจ้าของร่างที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่ เพียงไม่นานนักเขาหยุดแล้วก็สอดเข้าไปใหม่พร้อมกับให้เวลาเพิ่มขึ้น ต้นรู้สึกเสียวสะท้านจนต้องโอบมือรอบคอสนไว้ เขาเริ่มใช้ลิ้นตอบสนองกับการรุกล้ำของสนบ้าง พอสนเปลี่ยนมาใช้ลิ้นดุนไปตามไรฟันของต้น ต้นก็ส่งปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการโอบคอเขาแน่นขึ้นจนตัวลอย ต้นไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นวิธีจูบอย่างหนึ่งหรือเปล่าแต่เขาก็รู้สึกดีกับมันทีเดียว สนสอดมือของเขาเข้าไปในเสื้อของต้น ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวเนียนนั้น แม้ปากจะยังไม่ว่างแต่เสียงครางของต้นก็เล็ดลอดออกมาให้พอได้ยิน

เมื่อสนพอใจกับรสจูบนั้นแล้วเขาก็ค่อยๆ ถอนปากออก ต้นหอบหายใจด้วยความตื่นเต้นและรัญจวนใจ เขาค่อยๆ คลายอ้อมแขนของตัวเองออกจากการโอบกอดลำคอของสน

"พร้อมหรือยังต้น" สนถามเสียงหอบเช่นกัน แววตาหื่นกระหายแบบนี้ต้นเพิ่งเคยเห็นจากสนเป็นครั้งแรก

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

"ไม่ว่านายจะรู้สึกอะไร กอดเราไว้นะต้น กอดเราไว้แล้วนายจะปลอดภัย"

ต้นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

"ไปกันเถอะต้น"

สนจับมือต้นแล้วทำท่าจะพาวิ่ง แต่ต้นก็ยังดูงงๆ อยู่เพราะไม่รู้ว่าสนกำลังจะพาเขาไปไหน สนอดขำไม่ได้จนต้องบอกว่า "เข้าไปในห้อง"

นั่นแหละต้นจึงได้ยอมวิ่งตามสนเข้าไปในห้องของเขาเอง

พอเข้ามาในห้องนอนของต้นแล้ว สนก็คว้าต้นมากอดไว้แล้วบรรเลงเพลงจูบที่เร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง เขาใช้มือที่ยังว่างอยู่ไล่ปลดกระดุมเสื้อของต้นอย่างเร่งรีบ ต้นเห็นแบบนั้นก็เลยทำให้สนบ้าง จนทั้งคู่เหลือแต่ท่อนบนที่เปล่าเปลือย ต้นถึงกับเสียวสะท้านเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับกล้ามเนื้อแกร่งของสน เมื่อเพลงจูบคำรบที่สองจบลงสนก็ค่อยๆ ดันตัวต้นให้ลงไปนอนบนเตียง ตัวของสนตามมาทาบทับอยู่ข้างบน ท่อนล่างของร่ายกายเบียดกันแน่นจนรู้สึกได้ถึงความเครียดเขม็งของส่วนนั้น แม้ต้นจะเคยกอดสนบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยกอดสนตอนที่ท่อนบนเปล่าเปลือยแบบนี้เลย เมื่อเนื้อแนบเนื้อมันช่างให้อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันมากมายนัก ทั้งเสียวซ่านและอบอุ่น ผิวเนื้อและกล้ามเนื้อที่กำยำสมชายของสนได้ปลุกเร้าความต้องการของต้นให้กระเจิดกระเจิงจนยากจะเรียกกลับคืนมาแล้ว มันจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้นไปเท่านั้น สนรู้สึกดีเหลือเกินที่ต้นกอดเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน เขารักต้นเหลือเกิน กอดเราไว้แบบนี้นะต้น

สนระดมจูบไปตามใบหน้าและซอกคอของต้น เสียงครางด้วยความเสียวกระสันทำให้สนยิ่งฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ต้นบีบแขนสนแน่น ใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่าน จากนั้นมือของต้นเองก็ควานสะเปะสะปะไปทั่วจนไปเจอกับส่วนนั้นที่แม้จะยังอยู่ในกางเกงแต่ต้นก็รู้ว่ามันคืออะไร ต้นลูบคลำและขยำเบาๆ จนสนต้องร้องครางออกมา

"อาห์...เก่งมากต้น"

คำชมนั้นทำให้ต้นยิ่งกล้ามากขึ้น เขาค่อยๆ ปลดตะขอกางเกงและรูดซิปลงด้วยความอยากรู้จักกับส่วนนั้นว่ามันจะมีขนาดเท่าใด ต้นค่อยๆ ดึงกางเกงและบ็อกเซอร์ของสนให้เลื่อนต่ำลงไปจนกางเกงในสีขาวที่ยังห่อหุ้มส่วนนั้นของเขาไว้อยู่โผล่พ้นออกมา มือของต้นกลับมาลูบไล้และเคล้นคลึงส่วนนั้นอีกครั้งจนสนต้องหยุดและครางออกมาด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ

"อาห์...ต้น...ดีมาก"

สนปล่อยให้ต้นเล่นกับส่วนนั้นของเขาจนรู้สึกว่าต้นพอใจแล้ว จากนั้นสนก็เลื่อนตัวต่ำลงมาตรงบริเวณอกของต้น เขาใช้ลิ้นเลียวนตรงยอดอกต้นทีละข้าง เริ่มจากซ้ายก่อน แล้วก็ย้ายไปขวา สลับกับขบกัดเบาๆ ต้นถึงกับผวากอดเขาแน่น แล้วมือของสนก็เริ่มซุกซนเช่นกัน เขาควานต่ำลงไปจนเจอกับส่วนนั้นของต้น สนทำแบบเดียวกับที่ต้นทำ เขาค่อยๆ ลูบไล้และบีบคลึงเล่นอย่างสนุกมือพร้อมกับน้ำหนักมือที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ต้นถูกจู่โจมทั้งบนและล่างแบบนี้ก็ถึงกับทนไม่ไหวจนต้องกดศีรษะของสนให้แนบแน่นอยู่บนยอดอกของเขาอย่างลืมตัว

ไม่ทันเท่าไรกางเกงของต้นก็ถูกปลดออกไปเช่นกัน ต่างคนจึงต่างเหลือแต่กางเกงในสีขาวด้วยกันทั้งคู่ สนรู้ว่าต้นต้องการอะไรเขาจึงเป็นฝ่ายพลิกตัวไปนอนบนเตียงบ้าง รูปร่างของสนกำยำและสมส่วน มีกล้ามเนื้อพองาม อกกว้างแกร่งนั้นชวนให้ต้นอยากซุกไซ้ลงไปหาความอบอุ่นยิ่งนัก ผิวเขาขาวละเอียดอย่างคนเหนือ ต้นเคยได้แต่แอบหลงไหลและเชยชมด้วยสายตามานาน แต่วันนี้ต้นกำลังจะได้สัมผัสของจริงแล้ว ต้นดึงปราการด่านสุดท้ายนั้นลงมาอยู่บริเวณน่องแล้วก็จัดการกับส่วนนั้นของสนอย่างหิวกระหาย มืออีกข้างของเขาคอยลูบไล้บนแผ่นอกกว้างของสนราวกับจะเพิ่มความเสียวกระสันให้มากขึ้นไปอีก ให้ตายเถอะ สนไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลยจนเขาต้องกำผ้าปูที่นอนแน่น

เมื่อต้นพอใจแล้วสนก็เป็นฝ่ายจัดการส่วนนั้นของต้นบ้าง เขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย ต้นเองก็ไม่เคยเหมือนกัน แต่สนก็พยายามประยุกต์ใช้ประสบการณ์ที่เขาพอมีกับผู้หญิงมาบ้างมาใช้กับต้น ครั้งแรกๆ ก็อาจจะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย แต่ก็ทำให้ต้นถึงกับบิดตัวเร่าๆ ได้ทีเดียว สนเหลือบตาขึ้นมองดูเจ้าของแก้มใสที่บัดนี้ใบหน้าบิดเบี้ยวจากการถูกรุกล้ำอย่างพอใจ

จนกระทั่งมาถึงขั้นตอนสุดท้าย สนรู้ว่าต้นคงเจ็บไม่น้อยเพราะเป็นครั้งแรก แต่ต้นก็ยังกัดฟันสู้เพราะต้นก็อยากทำให้คนที่เขารักมีความสุขเช่นกัน เมื่อเจ้าท่อนเนื้อประหลาดที่ผ่านเข้ามาทางด้านหลังของต้นค่อยๆ ขยับเข้าออก ต้นก็เจ็บจนน้ำตาแทบไหล แต่เมื่อเริ่มคุ้นเคยแล้วความเจ็บปวดก็กลายเป็นความเสียวกระสันที่มากยิ่งกว่าขั้นตอนอื่นๆ ที่ผ่านมาเสียอีก ต้นเริ่มสนุกกับมันแล้ว เขาเอื้อมมืออีกข้างไปด้านหลังแล้วจับกดก้อนกลมกลึงของอีกฝ่ายเป็นจังหวะเพื่อช่วยเพิ่มแรงที่โหมเข้ามา

เนิ่นนานทีเดียวที่สองหนุ่มได้โหมป้อนความสุขทางร่างกายให้แก่กัน จนกระทั่งพายุแห่งความรักนั้นสงบลงพร้อมกับหยาดรักที่ขับพ่นออกมามากมายราวกับไม่ได้ผ่านกิจกรรมเช่นนี้มาแรมปี นับว่าเป็นพายุที่แปลกมากเพราะเมื่อมันทวีไปถึงขั้นรุนแรงสูงสุด พายุนั้นก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที ภารกิจแห่งความสุขนั้นเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ผู้ทำภารกิจต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็มีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขบนใบหน้าด้วยกันทั้งคู่

แม้จะเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้ว แต่สนก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีครั้งไหนที่ทำให้เขามีความสุขและรู้สึกดีได้แบบนี้เลย เพราะความรักนั่นเองเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทุกสัมผัสของเขากับต้นมีความหมาย ความรักทำให้สนกล้าทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนเพื่อให้คนที่เขารักมีความสุข ถ้าไม่มีความรัก ค่ำคืนนี้ก็คงเป็นเพียงการปลดปล่อยธรรมดาๆ หมดความต้องการแล้วก็จากไป แต่เมื่อมีความรัก เขาทั้งสองคนก็จะยังอยู่ตรงนี้ด้วยกันเพื่อที่จะดูแล ห่วงใยและทำสิ่งดีๆ ให้กันต่อไป

TO BE CONTINUED
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 24-06-2012 00:41:59
หวังว่าสนจะจัดการได้คงไม่ปล่อยเลยตามเลยอีกนะ ผิดหวังกับมันตั้งแต่ต้นยันท้ายเรื่องละ ตอนจบขอทำไรให้สะใจบ้าง ยัยนานี่เอาคืนมันให้หนักทีเถอะหน้าด้านหน้าทนเกิ๊นเสียศักดิ์ศรีผู้หญิงหมด อยากแต่งนักให้มันหน้าแหกกลางงานไปเลย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 24-06-2012 01:15:01
2 ตอนก่อนยังงงงวย สับสนกันอยู่

มาตอนนี้ แบบว่า  :pighaun: :o8:  รอมาตั้งนานแระ  ในที่สุดก็  :oo1: ซะที (คงไม่หื่นไปนะ :z1:)

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 24-06-2012 01:36:36
เห้อ....สงสารพี่แทน
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 24-06-2012 02:34:53
เยี่ยมมากสน ได้ใจจริงๆ บอกรักต้นทั้งทางคำพูดและทางร่างกาย ผูกมัดต้นไว้ซะเลย .....  :z1: :z1:
แหม กว่าจะตัดสินใจเด็ดขาดได้ กว่าจะบอกรักต้น ทำให้คนอ่านลุ้นไปสามโลก
ส่วนต้น เห็นต้นเงียบๆอย่างงี้ ก็เก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แอบไปศึกษามาก่อนใช่ป่าว ต้น อิอิ  :kikkik: :kikkik: :kikkik:

ตอนนี้คงรอแค่ให้สนจัดการเรื่องนาให้เรียบร้อย
ในเมื่อเอาต้นมาผูกไว้กับตัวเองแบบนี้แล้ว รีบๆจัดการยัยนาเร็วๆน๊าาา สู้ๆ :yeb:  ล้มงานแต่งไปเลย   o18

+1 ขอบคุณค่ะ
ป.ล. ตอนท้ายแอบจบไวไปนิดนะคะ   :-[ :-[

--------------------------------------------------------------------------
มาอ่านที่ปรับใหม่แล้วนะคะ อารมณ์ไหลลื่นขึ้นแล้วค่ะ   :impress2: :impress2: :impress2:
คนอ่านแอบเขิลแทนคนแต่งด้วยนะ   :myeye: :myeye: :myeye:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: leelea ที่ 24-06-2012 04:39:17
ดีใจได้ไม่เต็มอิ่มกับตอนนี้

สนยังจัดการปัญหาไม่เรียบร้อย
ต้นก็ยังไม่ได้เลิกกับพี่แทน
สถานะก็เลย...ไม่ชัดเจน

ตีตราขนาดนี้แล้ว ถ้าสนจัดการไม่ได้ล่ะน่าดู :m31:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 24-06-2012 07:11:32
 
ได้เข้ามาอ่าน 2 ตอนรวดเลย

:haun4: :haun4: :haun4:

คิดว่าจะไม่ได้อ่านฉากนี้ซะแล้ว 555

น่ารักอะ ต้นแอบร้ายนะเนี่ย กึยย

แล้วปัญหาที่มันคารังคาซังเนี่ยจะจัดการกับมันยังไง ทั้งพี่ทดแทน ยัยชะนีนา  :beat:

เง้ออ แอบสงสารสนจัง โดนผู้หญิงจับ ดูถ้าจะจับไม่ปล่อย ผู้ชายมีคนเดียวในโลกรึไงว่ะ !!?  -_-

ทำบุญให้ยัยนาค่ะ จะไปได้ไปที่ชอบที่ชอบ

ส่วนพี่ทดแทน มามะมาหาเรา  :laugh5: :laugh5: :laugh5:

ตอนนี้มีฉาก Love scene ที่หวานแล้วก็น่ารักมากค่ะ แต่ตอนท้ายมันเร็วไปนิดอารมณ์มันก็เลยค้างๆง่า


+1 เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-06-2012 10:14:52
ไม่ดีใจที่มีเลิฟซีนเลยเรา =__="
แบบว่ามะรืนมะเรื่องจะแต่งงาน ยังจัดการเรื่องนาไม่ได้
ถ้าเคลียร์ไม่ออกขึ้นมาต้นจะทำไงล่ะ
ถึงจะดีกว่าทำหลังแต่งอันนั้นต้นเป็นชู้อย่างเดียวเลย


โฮ่ยยยยยยยยย จัดการชะนีที่มาห้อยโหนให้ได้เหอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 24-06-2012 12:45:01
เค้าทำรักกันแบบ งง ๆ นะ 5555
สนก็ยังไม่จัดการเรื่องของนา
ต้นก็ไม่ยังเคลียร์เรื่องทดแทน
แต่ชั่งมัน สำคัญที่ตอนจบ จบเร็วไปนะ :pighaun:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-06-2012 13:49:02
เยี่ยมมากสน ได้ใจจริงๆ บอกรักต้นทั้งทางคำพูดและทางร่างกาย ผูกมัดต้นไว้ซะเลย .....  :z1: :z1:
แหม กว่าจะตัดสินใจเด็ดขาดได้ กว่าจะบอกรักต้น ทำให้คนอ่านลุ้นไปสามโลก
ส่วนต้น เห็นต้นเงียบๆอย่างงี้ ก็เก่งไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แอบไปศึกษามาก่อนใช่ป่าว ต้น อิอิ  :kikkik: :kikkik: :kikkik:

ตอนนี้คงรอแค่ให้สนจัดการเรื่องนาให้เรียบร้อย
ในเมื่อเอาต้นมาผูกไว้กับตัวเองแบบนี้แล้ว รีบๆจัดการยัยนาเร็วๆน๊าาา สู้ๆ :yeb:  ล้มงานแต่งไปเลย   o18

+1 ขอบคุณค่ะ
ป.ล. ตอนท้ายแอบจบไวไปนิดนะคะ   :-[ :-[


ลองปรับบทรักใหม่แล้วนะครับ แต่คงเอาเท่านี้แหละ ไม่ไหวแล้ว เขียนไปก็เขินไปจนจะกัดนิ้วตัวเองขาดแล้วครับ
เลือดกำเดาพุ่งเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (Love Scene) (24-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 24-06-2012 14:40:19
หวังว่าสิ่งมี่ทั้งสองคนตัดสินใจทำลงไปวันนี้ หรือแม้แต่การบอกรักกัน เราว่า มันย้ำให้ต้นและสนรู้จุดยืน
ของกันและกัน และต่างคนก็พร้อมจะยอมรับอุปสรรคต่างๆที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน การที่เรามีคนที่รัก
อยู่ใกล้ มันก็คือความเชื่อมั่นที่จะก้าวเิดินแม้ยากลำบากเพียงไร เราก็ไม่หวั่น
 เพราะยังไงก็มีอีกคนคอยเป็นคนหนุนเสริมอยู่ข้างหลังเรา
ไงต้นกับสน ขอให้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้นะ

ปล.บวกหนึ่งให้กับเรื่องราว ที่ค่อยดำเนินจากความผูกพันธ์ การเขียนที่ให้อารมณ์ความรู้สึกตามติดไปกับตัวละคร

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 24-06-2012 15:21:41
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-06-2012 15:54:57
แปะไว้ก่อนอ่านละมึนๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-06-2012 17:53:04
เป็น love scenc ที่อ่านแล้วรู้สึกผิดหวัง
 ผิดหวังกับต้นที่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ นี่คือคนที่ไปปฎิบัติธรรมมานะหรือ สนกำลังจะแต่งงาน ยังไม่ได้เคลียร์ปัญหาอะไรใดๆทั้งสิ้น กับพี่แทนคุณก็ยังไม่เลิกลา

กับสนเราไม่รู้สึกอะไร เพราะเบื่อหน่ายกับความโลเลและไม่เอาไหนของสนมานานแล้ว
จะต้องให้คนกี่คนเจ็บปวดกับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-06-2012 21:59:25
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-06-2012 22:12:47
ชอบเหตุผลข้อที่สองมาก  พระเอกหรือนายเอกก็คน  ไม่มีใครหรืออะไรที่สมบูรณ์แบบ
จริงๆ ต้องบอกว่าสนกับต้นคือตัวเอกของเรื่องนี้  พอบอกว่าเป็นพระเอกนายเอก
คนอ่านอาจคาดหวังว่าควรเป็นคนที่น่าจะคิดดี ทำดีมากกว่านี้
แต่งไปเถอะ  คนอ่านเขาก็แค่อิน  และคาดหวังไว้อย่างหนึ่ง
แต่ผลออกมาตรงกันข้ามกับที่คิด  ก็มีผิดหวังไปบ้าง 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 24-06-2012 22:36:31
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: pahpai ที่ 24-06-2012 22:58:46
ไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นก่อน แต่แอบดีใจนิดหน่อย เพราะไม่งั้นคงต้องตาบวมกว่านี้แน่ตอนที่สนแต่งงานไปจริงๆ

รอลุ้นเวอร์ชั่นใหม่นี้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง จะใจร้าวต่อไปหรือมีความสุข รอติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 25-06-2012 10:13:01
สนทำไมไม่คิดได้ตั้งนานอ่ะ   ไม่งั้นก็ไม่ต้องเจ็บปวด

ขอให้สนแก้ปัญหาให้ได้นะ 
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 25-06-2012 18:21:28
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน
    การที่สนไม่ยอมพูดความรู้สึกแปลว่าสนโลเลหรือเปล่า? ได้อธิบายเหตุผลที่เขาไม่ยอมพูดไปแล้ว
    ตั้งแต่ปีสอง จนกระทั่งจบมาทำงานได้หนึ่งปี (รวมสี่ปี) สนไม่มีแฟนเลย อยู่แต่กับต้น พอจะบอกอะไรบางอย่างได้หรือไม่?
    สนตั้งใจเรียนจนจบ ไม่เกเร สิ่งนี้ทำให้ต้นภูมิใจหรือไม่? เขาไม่เอาไหนไปทุกอย่างจริงหรือ? เราอาจจะต้องมองคนในหลายๆ มิติ เห็นทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ
    ความผิดพลาดของสนกับนาต้องแปลว่าสนโลเลเสมอไปหรือไม่?
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
[/quot
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะอินมากไปหรือเปล่านะครับ แต่ช่วงหลังๆ นี้มีบางประเด็นที่ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ (จนเริ่มไม่อยากเขียน)
อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจก่อนที่จะลงตอนต่อไปนะครับ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ค้างไปจนถึงตอนจบ
เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็จะไม่มีความสุข จบแล้วก็ยังไม่มีความสุข คนเขียนก็จะยิ่งเครียดและไม่อยากเขียนไปกันใหญ่

1. ศีลธรรม - ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ เพียงแต่ว่าเรื่องมันยังไม่คลี่คลาย บางทีคนเขียนยังไม่ได้บอกหรือเฉลยอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งกังวลไปครับ

2. ความสมบูรณ์แบบ - นิยายทั่วไปตัวเอกของเรื่องมักจะมีความสมบูรณ์แบบค่อนข้างมาก หรือไม่ก็ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้ไปทางนั้น อาจจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมๆ ก็จะสมบูรณ์แบบนั่นเอง แต่ผมจะพยายามไม่ให้ตัวเอก (รวมทั้งตัวละครอื่นๆ) ของผมเป็นแบบนั้นครับ บางครั้งตัวเอกของผมก็แก้ปัญหาไม่เป็น ตัดสินใจไม่ได้ โลเล อิจฉา เห็นแก่ตัว โลภ ผิดพลาด หูเบา โง่ ฯลฯ มีความเป็นปุถุชนเหมือนคนทั่วไป ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโต จะไม่มีภาพของการเป็นฮีโร่ เก่ง ฉลาด ปราดเปรื่อง  สุภาพบุรุษ อบอุ่น ได้ดั่งใจ ฯลฯ ตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะอ่านนิยายที่ผมเขียนให้มีความสุข ผมอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ครับ แม้แต่ตัวละคร "ต้น" ในเรื่องนี้ที่ดูว่าแสนดีก็ยังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าทำในความคิดของหลายๆ คน ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา หลายครั้งเราก็ยังผิดซ้ำเรื่องเดิม นี่คือชีวิตมนุษย์ครับ ยกเว้นผมจะเขียนนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ถูกสอนมาให้สมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

คนที่มาอ่านงานของผมใหม่ๆ ก็อยากให้ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ตอนนี้ผมเครียดกับตัวละคร "สน" ที่ถูกด่ามาหลายตอนมากทีเดียว (ตอนแรกเฉยๆ แต่ตอนนี้เข้าขั้นเครียดแล้ว)

ขออธิบายในส่วนของ "สน" ตรงนี้เลยละกันนะครับ เพราะผมจะไม่พยายามอธิบายซ้ำในนิยายตอนต่อไปอีก
แต่ก็เป็นส่วนที่ผมปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันขัดแย้งกันเอง
ในตอนที่ 28 (หรือตั้งแต่ 28-30) ลองอ่านดูดีๆ แล้วลองพิจารณาดูนะครับว่า สน "โลเล" หรือแค่ "ไม่มั่นใจเต็มที่" เพราะสองอย่างนี้ต่างกัน
    การที่สนไม่ยอมพูดความรู้สึกแปลว่าสนโลเลหรือเปล่า? ได้อธิบายเหตุผลที่เขาไม่ยอมพูดไปแล้ว
    ตั้งแต่ปีสอง จนกระทั่งจบมาทำงานได้หนึ่งปี (รวมสี่ปี) สนไม่มีแฟนเลย อยู่แต่กับต้น พอจะบอกอะไรบางอย่างได้หรือไม่?
    สนตั้งใจเรียนจนจบ ไม่เกเร สิ่งนี้ทำให้ต้นภูมิใจหรือไม่? เขาไม่เอาไหนไปทุกอย่างจริงหรือ? เราอาจจะต้องมองคนในหลายๆ มิติ เห็นทั้งด้านที่เราชอบและไม่ชอบ
    ความผิดพลาดของสนกับนาต้องแปลว่าสนโลเลเสมอไปหรือไม่?
ที่ผมต้องอธิบายตรงนี้เพราะว่าในตอนหลังๆ ผมได้อธิบายสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกว่ารักต้นไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นมีคนคอมเมนต์ว่าสนโลเลและสับสนอยู่ ผมก็เลยสงสัยว่าผมอธิบายไม่เคลียร์ในนิยายหรือเปล่า ก็เลยขออธิบายนอกรอบอีกครั้ง เพราะผมจะไม่อธิบายซ้ำอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ครั้งนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการเขียนนิยายของผมต่อไปครับ


ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ แต่ขอให้มั่นใจว่าจะมีหลายๆ อย่างที่คลี่คลายไป แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นมนุษย์ เราไม่ได้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ฃชีวิตคนคนหนึ่งไม่มีใครสมบูรณ์แบหรอก บางครั้งบางสิ่งก็กางกั้นด้วยคำว่าศีลธรรม แต่บางครั้งหากการรอศีลธรรม
ก็เป็นการปล่อยโอกาศให้หลุดรอย ทุกอย่างคงต้องบอกว่าตามเจตนาของเราอะ เลดี้เองยังเป็นยเหมือนกัน บางครั้งการทำบางอย่าง
กั้นด้วยศีลธรรม แต่การหยุดเพราะศีลธรรม บางครั้งเราก็พลาดโอกาสที่จะทำบางอย่างไป เลดี้จึงคิดว่า่บางทีคำว่าศีลธรรมคงต้องมองที่เจตนา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 25-06-2012 22:38:12
น้องคนเขียนคะ อย่าเครียดไปเลยค่ะ นี่แสดงว่าน้องแต่งเก่งมาก จนคนอ่านอิน
มันเป็นนิยายอ่านเพื่อความบันเทิง เดี๋ยวพอจบสมบูรณ์ คนอ่านที่ด่าตัวละครไว้
ก็น่าจะ happy ไปตามๆกัน

ขอให้กำลังใจคนเขียนมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เข้มแข็งนะคะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 30 ¤ รักแรกแปลกนักหนา (24-06-2012) ░ ▒ ▓ - ปรับใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 26-06-2012 09:43:19
กลับมาแล้วนะครับ หลังจากที่ดราม่าไปเล็กน้อย
แค่รู้สึกไม่มั่นใจกับตัวละครที่ชื่อสนครับ จนทำให้ไม่อินในความเป็นตัวตนของเขาไปพักหนึ่ง
เพราะเราไม่ได้วางบทให้เขาเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น รู้สึกผิดที่เขียนไปแล้วทำให้เขาถูกมองแบบนั้น
ถ้าเขามีชีวิตจริงๆ ชีวิตเขาก็คงแย่จากการเขียนของเราทีเดียว ทำให้นึกถึงเรื่อง "คำพิพากษา" ของคุณชาติ กอบจิตติขึ้นมา
ผมเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อสิบปีที่แล้วแล้วก็ซึมไปสองอาทิยต์ สงสัยว่าทำไมสังคมเราถึงได้โหดร้ายขนาดนี้
แต่เมื่อคืน นอนคิดไปนอนคิดมา ก็กลับมาอินได้เหมือนเดิมแล้ว ไม่มีอะไรละ
เช้ามาก็เลยกลับมาปั่นต่อ ขอโทษคุณผู้อ่านด้วยครับ

-----------------------------------------

ตอนที่ 31: รักต้องห้าม (หรือเปล่า)

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

สนสวมกอดต้นไว้หลวมๆ จากทางด้านหลัง ในยามนี้ต้นก็เหมือนเป็นของเขาแล้ว สนไม่เคยรู้สึกหวงแหนและรักใคร่สิ่งใดเท่ากับคนที่เขากำลังกอดอยู่นี้เลย เมื่อก่อนก็ว่ารักแล้ว พอมีสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น ความรักก็ยิ่งเพิ่มอีกหลายเท่าทวี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขากำลังแสดงออกอยู่ตอนนี้มากพอเพียงพอเท่ากับความรู้สึกจริงๆ ที่อยู่ข้างในหรือเปล่า

"เรามีความสุขที่สุดเลยรู้ไหมต้น" สนพูดพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ซุกไซ้ลงไปที่ซอกคอของต้นพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายที่เขาคุ้นเคยนั้น "นายรู้ไหมว่าเรารักนายมากแค่ไหน หัวใจของผู้ชายคนนี้...เป็นของนายคนเดียวรู้หรือเปล่าต้น เป็นของนายมาตั้งนานแล้ว"

ต้นนอนยิ้มอย่างเป็นสุข แม้ในใจจะมีความกังวลบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ต้นมีความสุขมากจริงๆ ต่อให้วันพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่คิดเสียใจและเสียดายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาให้สนไป ทั้งในวันนี้และวันที่ผ่านๆ มา

"นายมีความสุขหรือเปล่าต้น" สนโน้มตัวมาถาม ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข บ่งบอกถึงความรักที่เขามีอยู่เต็มหัวใจ

ต้นพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความเขินอาย พอพายุความต้องการผ่านพ้นไปแล้วต้นก็เขินเหมือนกันเมื่อนึกได้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง เห็นท่าทางเขินอายของต้นแล้ว สนก็ยิ่งรู้สึกรักและเอ็นดู เขาก้มลงไปหอมแก้มใสๆ ที่เขาแสนจะหลงใหลเบาๆ อย่างรักใคร่

"ไปอาบน้ำกันไหม จะได้สบายตัว แล้วก็จะได้กินข้าวด้วย เราสองคนยังไม่ได้กินข้าวกันเลยนะ มัวแต่..." สนพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี

แต่พอจะลุกขึ้นแล้วต้นก็ร้องครางด้วยความเจ็บปวด สนเห็นเลือดไหลซึมออกมาตรงง่ามขาของต้นก็ตกใจ

"เจ็บหรือเปล่าต้น ไหวไหม ให้เราอุ้มไหม" สนถามอย่างเป็นห่วง เห็นต้นเจ็บแล้วก็สงสาร

"ไม่เป็นไร พอไหวอยู่ นายเพิ่งออกแรงมา อุ้มไม่ไหวหรอก เดี๋ยวเข่าอ่อนพอดี"

สนได้ฟังแล้วก็ขำ แต่ก็จริงอย่างที่ต้นว่านั่นแหละ สนจึงใช้วิธีค่อยๆ พยุงต้นไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็อาบน้ำด้วยกันเสียเลย ตอนเด็กๆ ก็เคยอาบด้วยกันบ้าง แต่พอโตมาก็แยกกันอาบมาตลอด นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขากับต้นได้กลับมาอาบน้ำด้วยกันอีกครั้ง

อาบน้ำเสร็จแล้วสนก็จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าให้ต้นใส่ ก็เป็นชุดนอนคุณหนูแบบที่สนชอบล้อนั่นเอง ส่วนสนเองใส่บ็อกเซอร์กับกางเกงใน แต่ไม่สวมเสื้อ เขาให้เหตุผลว่า

"ก็ตอนนั้นที่เราใส่เสื้อเพราะเรากลัวนายเห็นแล้วอดใจไม่ไหวไง แต่ตอนนี้เราไม่กลัวแล้ว ถ้านายอดใจไม่ไหว เราก็ยอมให้จับปล้ำแต่โดยดี" สนพูดพลางหัวเราะชอบใจ "เดี๋ยวเราไปทำอะไรให้กินนะ นายจะได้กินข้าวแล้วก็กินยา ทนเจ็บอีกนิดนะต้น เราทำไม่นานหรอก นายนอนพักอยู่ในห้องนี่ก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวเรามาตามนะครับที่รัก"

เห็นสนเรียกเขาแบบนั้นแล้วต้นก็หัวเราะชอบใจ บทจะน่ารักสนก็น่ารักเหลือหลาย พอต้นนอนแล้วสนก็ออกมาสำรวจในครัวว่าพอจะมีอะไรให้เขาทำอาหารกินได้บ้าง มีไข่เหลืออยู่สองสามฟอง แค่นี้ก็น่าจะพอทำอาหารง่ายๆ ได้แล้ว กินไข่เจียวละกันนะต้น

สนหุงข้าวก่อน ในระหว่างที่รอข้าวสุกก็ทอดไข่เจียวไปด้วย ใช้เวลาไม่นานนัก กับข้าวที่แสนง่ายและอร่อยก็เสร็จเรียบร้อย สนชอบทำอาหารมาก เขาจึงสามารถทำได้ทุกวันโดยไม่เบื่อ เขาไม่ค่อยกินอาหารตามสั่งเพราะเขาทำกินเองได้อร่อยกว่านั้น

"ต้นจ๋า...กับข้าวเสร็จแล้วนะ มากินข้าวเย็นกันเถอะ" สนโผล่หน้าเข้าไปเรียกต้นที่กำลังนอนพักเพลินๆ อยู่ คนที่ถูกเรียกถึงกับทำหน้าเหรอหราพร้อมกับสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง

"ทำไมเรียกเราแบบนั้นล่ะ"

"อ๋อ...เราเคยเห็นเพื่อนเรามันเรียกแฟนแบบนี้แล้วน่ารักดี ก็เลยอยากเรียกนายแบบนี้บ้าง ได้ไหม...ต้นจ๋า"

ต้นหัวเราะกิ๊กเมื่อสนเรียกเขาแบบนั้นอีกครั้ง "ตามสบายละกัน ถ้ากล้าเรียกก็กล้าขาน"

"มา...เดี๋ยวเราช่วยพยุง" ว่าแล้วสนก็เดินแกมวิ่งไปช่วยพยุงต้นที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง

สองหนุ่มนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะความหิว นี่ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโดตอนเย็นๆ ต้นก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย กลับมาถึงก็มาเจอสนเสียก่อนจนเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ข้าวปลาไม่ได้กินเลย

"ขนาดไข่เจียวธรรมดายังอร่อยเลยนะเนี่ย นายไม่คิดอยากเปิดร้านขายอาหารมั่งเหรอสน" ต้นถามขึ้นในขณะที่นั่งกินข้าวด้วยกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

"อืม...นายว่าดีไหมล่ะ เราก็เคยคิดๆ อยู่เหมือนกัน เราว่าเราทำอาหารแล้วเรามีความสุขกว่าทำงานอย่างอื่นอีก"

"น่าสนใจนะ เดี๋ยวเราลองไปปรึกษากับพ่อแม่ของเราดีไหม ฝีมือดีแบบนี้เราว่าขายดีอยู่แล้ว"

สนพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าเขามีร้านอาหารเป็นของตัวเองก็น่าจะดีเหมือนกัน สนเองก็อยากเปลี่ยนมอาชีพมาทำอาหารอย่างเต็มตัวเพราะเริ่มเบื่อกับงานเขียนโปรแกรมที่ค่อนข้างเครียดและต้องใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์แทบทั้งวัน

"เอ...หรือว่าจะเก็บฝีมือไว้ทำอาหารให้คนพิเศษของเรากินคนเดียวดีนะ" สนพูดหยอกเล่นแล้วก็ขำเบาๆ

กินข้าวเสร็จแล้วสนก็ให้ต้นกินยาแก้ปวดสองเม็ด แล้วก็มานั่งดูทีวีด้วยกัน สนรู้ว่าต้นอยากพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ทำเป็นเฉยๆ จนกระทั่งกลับเข้ามานอนในห้องด้วยกันอีกครั้ง พอต่างคนต่างหัวถึงหมอน สนก็พูดขึ้นมาว่า

"ต้น...เรารู้นะว่านายกังวลอะไรอยู่"

ต้นหันมามอง แววตาที่กังวลกับอะไรบางอย่างคงไม่สามารถปิดบังความรู้สึกในใจของต้นได้

"เราอยากให้วันนี้เป็นวันของเราสองคนนะต้น เพราะวันนี้เป็นวันที่เราได้บอกรักกัน ได้เป็นของกันและกัน เป็นวันที่เราจะต้องจำไปอีกนานแสนนาน อย่ามัวแต่ไปคิดเลยว่าคนอื่นจะมองเราสองคนยังไง มันก็เป็นแค่ความเห็นจากคนที่มองเข้ามาเท่านั้นแหละ แต่เขา...ไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับเราสองคน เขาไม่รู้เหตุผลของเราสองคนหรอก มีแต่เราสองคนเท่านั้นที่รู้ว่าเราทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร มันอาจจะไม่ถูกสำหรับคนอื่น แต่มัน...ก็ถูกที่สุดแล้วสำหรับเราสองคน เราแค่รักกัน ก็แค่นั้น ถ้ามันจะผิดอะไรมากมายก็ให้มันผิดไป" สนหยุดเว้นไปสักพัก แล้วก็พูดสืบไปว่า

"วันนี้เป็นวันที่ความรักของเราสมบูรณ์แล้ว ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ก็ช่างมันเถอะ ถ้าวันนี้จะเป็นวันแรกและวันสุดท้ายของเรา อย่างน้อย...เราก็ยังดีใจที่เรามีวันนี้ใช่ไหมต้น เราก็เลยอยากจะขอว่า...วันนี้...เราไม่ต้องพูดถึงความกังวลทั้งหลายแหล่นั้นได้ไหม เพราะถึงไม่พูด...เราก็รู้ว่านายกังวลอะไร และนายก็คงจะรู้ว่าเรากังวลอะไรเช่นกัน ก็อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า มันเกิดขึ้นไปแล้ว แต่ถึงมันจะผิดแค่ไหนเราก็ไม่เสียใจที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้าม...เรากลับดีใจเสียอีกที่ความรักของเราเดินทางมาถึงวันนี้...ในแบบนี้ ใครจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เราสองคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็พอ นายไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำวันนี้และที่ผ่านมาทั้งหมด...ใช่ไหมต้น"

ต้นยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า "เราไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเสียดายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำหรือให้นายเลย เรามีแต่ดีใจที่ได้ทำ ที่ได้ให้ เราเห็นด้วยนะ...ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ก็เป็นวันของเรา ถ้ามันจะเป็นวันสุดท้าย มันก็เป็นวันสุดท้ายที่ดีที่สุดที่เราอยากให้มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นแล้ว แค่นี้เราก็พอใจแล้วล่ะ เราจะรักนายต่อไปนะสน ไม่ว่านายจะต้องเป็นใคร อยู่ในสถานะอะไร เราจะรักไปจนกว่าจะไม่อยากรัก ก็ไม่รู้ว่าวันไหนเหมือนกัน แต่เราจะไม่บังคับหัวใจตัวเองอีกแล้ว นายไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าเราจะรักนายต่อไป แม้ว่านาย...จะต้องเป็นของคนอื่น" ต้นก็อดที่จะใจหายไม่ได้อยู่ดี

สนมองต้นด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของต้น มันก็น่าใจหายและน่าเสียใจเหมือนกันที่เขากับต้นจะทำอะไรอย่างวันนี้อีกไม่ได้แล้ว

"เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่ขอให้นายเชื่อใจเราอย่างเดียวว่า...เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำแบบนี้แล้ว มันหมายความว่าเราจะทำให้ดีที่สุด มันหมายความว่าเราได้เลือกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนายก็จะรู้เอง"

แม้ว่าต้นจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่สนพูดมากนัก แต่ต้นก็มีความเชื่อมั่นบางอย่างอยู่ในใจ เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้แต่ต้นสามารถสัมผัสได้ด้วยใจของเขาเอง การที่สนรักเขามานานแต่ไม่ยอมบอกเป็นคำพูดออกมาก็ย่อมบอกได้ว่าเขาต้องอดทนและอดใจมากเพียงใด ถ้าวันนี้เขาพูดมันออกมาแล้ว ต้นก็มั่นใจว่าสนคงคิดอะไรบางอย่างไว้แล้ว มันจะเป็นแบบไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน รอให้ถึงเวลานั้นที่สนบอกดีกว่า

"เรารักนายนะต้น รักมากที่สุดในชีวิต รักมากกว่าใคร รักแบบนี้มานานแล้ว และจะรักแบบนี้ตลอดไป"

สนบอกแล้วก็ค่อยๆ ดึงตัวต้นให้มานอนซบอยู่บนอกเปล่าเปลือยแล้วก็ลูบผมของต้นเล่นอย่างเบามือ

"เราก็รักนาย รักมากที่สุดในชีวิตเหมือนกัน" แล้วต้นก็ซุกใบหน้าลงบนอกแกร่งที่แสนอบอุ่นนั้น

ในนาทีนี้ ทั้งความสุขและความเศร้ากำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน สุขที่ได้ค้นพบหัวใจตัวเอง ได้บอกรักกัน ได้เป็นของกันและกัน แต่อีกใจหนึ่งก็อดใจหายไม่ได้ว่าอีกไม่กี่วันเขาสองคนก็จะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้ว ความสุขช่างแสนสั้น แต่ช่วงเวลาที่ดีในวันนี้คงจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของเขาสองคนไปได้อีกนานเท่านานทีเดียว

ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ความรักของเขาสองคนก็ยังอยู่ มันจะเป็นรักต้องห้ามหรือไม่ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้วและจะคงอยู่ไปอีกนานจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ในความเป็นจริงนั้น ความรักไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการสถานที่ ไม่ต้องการสถานะทางสังคม ไม่ต้องการความถูกผิด ไม่ต้องการเพศ ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจาก...หัวใจ

----------------------------------------------------------

พอกลับมาถึงบ้านแล้วทดแทนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที ไม่พูดไม่ทักทายกับคนในครอบครัวที่ยืนมองเขาอย่างงงๆ แต่ทุกคนก็คงพอเดาได้ว่าเขาอาจจะไม่พอใจอะไรกลับมา ทดแทนนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด น้ำตาเขาจะไหลให้ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้นบอกเขาระหว่างเดินทางกลับจากนั่งสมาธิด้วยกัน

ระหว่างทาง เขาพาต้นแวะมาที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพราะต้นอยากมาดู วันนี้เป็นวันธรรมดาจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ระหว่างที่เดินดูอะไรเพลินๆ ต้นก็พูดขึ้นมาว่า

"พี่แทน...ผมมาคิดๆ ดูแล้ว ผมคิดว่าผมทำผิดพลาดอย่างมากที่ดึงพี่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจของตัวผมเอง"

ทดแทนเริ่มหน้าเสียเพราะเขาพอจะเดาได้ว่าต้นกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

"ถึงพี่จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ผม...ก็รู้สึกผิดจริงๆ นะพี่ ผมให้ความหวังกับพี่ไม่ได้เลยว่า...ผมจะพร้อมเมื่อไหร่ ทุกวันนี้...สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมก็ยังเหมือนเดิม ผมขอโทษพี่จริงๆ นะครับ ขอโทษจากใจจริง แต่ผม...คงรักพี่ไม่ได้" ต้นอดที่จะร้องไห้ไม่ได้เมื่อได้พูดสิ่งนี้ออกไป สงสารหัวใจของคนฟังที่คงจะผิดหวังมากทีเดียว รอมาจะเป็นปีแล้วแต่ต้นก็ยังรักเขาไม่ได้อยู่เช่นเดิม

ทดแทนเดินเข้ามากอดต้นไว้ เป็นครั้งแรกที่ต้นยอมกอดตอบ ไม่ใช่เพราะรักแบบนั้น แต่รักในความเป็นคนดีของเขา รักในความใจกว้างของเขา

"พี่เข้าใจต้นนะ...แต่พี่...ก็ยังอยากจะรอต่อไป จนกว่าพี่จะค้นพบด้วยตัวเองว่า...พี่รอไม่ได้แล้ว พี่ไม่อยากรอแล้ว หรือพี่เหนื่อยกับมันจนถอดใจแล้ว แต่ตอนนี้พี่คิดว่าพี่ยังรอได้อยู่ ต้นไม่ต้องฝืนหัวใจตัวเองหรอกนะ พี่เข้าใจ ความรักมันเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก พี่เคยเป็นแบบต้น พี่เคยรักใครคนหนึ่งมากแบบนี้  เขาเป็นรักแรกของพี่ เรารักกันมาก แต่พอครอบครัวของพี่รู้ พี่ก็ผลักไสไล่ส่งเขาไป บังคับให้เขาออกไปจากชีวิตพี่ พี่ทำผิดกับเขามาก จนทุกวันนี้...พี่นึกถึงทีไรพี่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ เพราะฉะนั้น...พี่เข้าใจต้น พี่ไม่บังคับต้นหรอก ถ้าต้นอยากรักเขา ต้นก็รักไปเถอะ แต่พี่ก็จะรออยู่ตรงนี้ของพี่ไป ถ้าวันไหนที่พี่รอไม่ไหวแล้วพี่ก็จะบอกต้นเอง"

ต้นกอดทดแทนแน่นขึ้น นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรักคนที่แสนดีอย่างนี้ไม่ได้ แต่ความรักก็คงมีเหตุผลของมัน เหตุผลที่ต้นรักสนเป็นเหตุผลของหัวใจที่ต้นควบคุมไม่ได้ แม้ใจจะอยู่กับตัว เป็นของเราเอง แต่มันกลับอยู่เหนือการควบคุมของเรา

"ต้นไม่ต้องกังวลนะ ถ้าวันหนึ่งเราค้นพบว่าเราคงจะเดินไปบนถนนสายนี้ด้วยกันไม่ได้ ต้นก็ยังมาหาพี่ได้เหมือนเดิม เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้ มีอะไรต้นก็มาหาพี่ได้ ไปทำงานอาสาสมัครด้วยกันได้ เพราะพี่เองก็เห็นต้นเป็นคนดี ถึงจะรักกันไม่ได้จริงๆ พี่ก็ยังอยากจะมีน้องชายที่แสนดีอย่างต้น แต่ตอนนี้...พี่ยังยินดีที่จะรอต้น เป็นกำลังใจให้ต้นเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในตอนนี้"

"ขอบคุณครับพี่แทน ผมอยากจะรักพี่เหลือเกิน ถ้าผมทำได้...ผมจะไม่ลังเลเลย"

ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีๆ ของต้นนะ แต่พี่ก็รู้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ทดแทนคิดในใจ ที่เขารักต้นเพราะต้นทำให้เขานึกถึงแฟนคนแรกที่เขาเพิ่งเล่าให้ต้นฟังไป ต้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกับคนนั้น เป็นคนที่แสนดี มีน้ำอดน้ำทน แต่คนดีๆ คนนั้นกลับถูกเขาทำร้ายจิตใจเสียจนย่อยยับ พอเขาเห็นต้นแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะชดเชยความผิดพลาดให้กับคนๆ นั้นก็กลับมา แต่น่าเสียดาย...ไม่แคล้วเขาก็คงต้องผิดหวังอีกเช่นเคย

--------------------------------------------------

เหลืออีกเพียงวันเดียวเท่านั้นที่งานแต่งงานของสนจะเริ่มขึ้น ดูเหมือนว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่ แต่ก็ไม่เห็นอาการใดๆ ที่บอกว่าเขาดีใจหรือยินดี ในขณะเดียวกันก็ไม่มีอาการใดๆ ที่จะทำให้รู้ว่าสนเสียใจหรือไม่อยากแต่งงานเลย ใบหน้าเขาดูนิ่งมาก ไม่ยิ้ม ไม่เฉย เพราะดูไม่ออกว่าเขามีความรู้สึกใดอยู่

"เฮ้ยสน...นี่มึงคิดอะไรออกหรือยังวะ พรุ่งนี้มึงจะแต่งงานแล้วนะเว้ย จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอวะ" ปั้นจั่นถามขณะนั่งพักด้วยกัน วันนี้เขา นิก ต้นและเอกลางานมาช่วยสนเตรียมงานด้วย พ่อกับแม่ของต้นก็มา แต่เข้าไปช่วยพ่อกับแม่ของสนจัดการในบ้าน

"พรุ่งนี้จะแต่งงานอยู่แล้ว กูจะทำอะไรได้วะปั้นจั่น" สนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"เฮ้ย...ทำไมพูดแบบนี้วะ แล้วไอ้ต้นมันจะไม่เสียใจแย่เหรอวะ" ปั้นจั่นพูดพลางหันไปมองคนที่เขาพูดถึงซึ่งกำลังช่วยนิกกับเอกจัดสถานที่จัดงานอยู่ งานแต่งงานของสนจัดขึ้นที่บ้านเขาเอง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักแต่เน้นจัดแบบเรียบๆ ง่ายๆ สนไม่มีญาติอยู่ที่นี่เลย จึงมีแต่เพื่อนบ้าน ที่จะมาเยอะก็คงเป็นญาติของนาเอง

"กูกับต้นคุยกันเข้าใจแล้วล่ะ มึงอย่าห่วงเลย ยังไง...กูก็ไม่ปล่อยให้ต้นเจ็บอยู่คนเดียวหรอก เดี๋ยวกูมานะเว้ย กูจะไปรับน้าสาวกับน้าเขยที่สนามบิน" สนบอกพลางลุกออกไป ปล่อยให้ปั้นจั่นนั่งงงอยู่กับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดเมื่อสักครู่นี้ วันนี้น้าสาวของเขาที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อุตส่าห์ลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อมางานแต่งงานของเขาโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายตรงที่ว่ามันไม่ใช่งานแต่งงานที่เขาอยากจะให้เกิดขึ้นเท่านั้นแหละ

------------------------------------------------------

"ต้นๆ กูถามอะไรมึงหน่อยได้ไหม กูสงสัยมานานละ" เอกเอ่ยขึ้นขณะพาต้นเดินกลับไปที่บ้านของต้นซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของสนไม่มากนัก พอดีที่บ้านสนขาดพานอยู่อีกอันหนึ่ง ต้นเลยจะมาเอาของที่บ้านมาให้ยืมใช้ แต่เอกก็รีบตามมาด้วยเพราะเขาอยากถามเรื่องนี้นั่นเอง

"อะไร" ต้นถามพลางหันมามอง

"มึงกับไอ้สนเนี่ย...เป็นอะไรมากกว่าเพื่อนกันหรือเปล่าวะ"

ก็คงจะเป็นคำถามที่ตอบไม่ยากหรอก ต้นเองก็ไม่อยากปิดบังเพื่อน เพราะเอกคงสังเกตมานานแล้ว สมัยประถมคงไม่มีอะไรให้สังเกตเห็น แต่ในสมัยเรียนมัธยมนั้นมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เอกคงสงสัย ตั้งแต่ที่ต้นกับสนถูกเพื่อนล้อว่าเป็นคู่เกย์กัน บางครั้งสนก็ถูกเพื่อนถามว่าเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า ไม่เห็นจีบหญิงเลย อยู่แต่กับต้น เอกเองก็ยังเคยถามเรื่องนี้ สนก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบมาว่า "ก็ยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้นี่หว่า"

"แล้วมึงคิดยังไงล่ะ" ต้นไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม

"อืม...มึงสองคนชอบกันหรือเปล่าวะ อย่าเพิ่งโกรธนะเว้ย ถ้าไม่จริงก็คือไม่จริง กูแค่สังสัยเฉยๆ ไม่จริงก็แล้วไป" เอกรีบดักไว้ก่อนเพราะกลัวต้นจะโกรธ

ต้นถอนหายใจแล้วก็ตอบไปว่า "อืม...ก็เป็นอย่างที่มึงสงสัยนั่นแหละ แต่ตอนนี้...มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ความรักของคนอย่างพวกกู...มันก็เป็นแต่แบบนี้แหละ ไม่ค่อยมีใครสมหวังเท่าไรหรอก พ่อแม่ที่ไหนเขาก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีครอบครัว มีลูกสืบสกุล ของเราก็เหมือนกัน พ่อแม่เราก็คาดหวังอย่างนั้น แต่เราก็ไม่รู้จะทำให้เขาได้หรือเปล่า" สีหน้าต้นดูเศร้าลงเมื่อพูดมาถึงตรงนี้

"โห...แล้วอย่างนี้มึงไม่เสียใจแย่เหรอวะ" เอกทำสีหน้าเห็นใจ เขารู้ว่าสองคนนี้ต้องรักกันมากอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเองก็เห็นสิ่งนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้นเอง

"ก็มีบ้าง...แต่เราทำใจแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ เรายังอยู่ได้สบาย สนเขาก็มีชีวิตของเขา เราก็คงมีชีวิตของเรา"

น้ำเสียงของต้นแสดงให้เห็นความน้อยอกน้อยใจที่ซ่อนเอาไว้ในใจลึกๆ อยู่ไม่น้อย จะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นเรื่องแปลกมาก พรุ่งนี้แล้วสินะที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขากับสนจะไม่สามารถกอดและบอกรักกันได้ พรุ่งนี้...ช่างเป็นวันที่น่ากลัวสำหรับต้นเหลือเกิน

"แล้วไอ้สนมันไม่เสียใจเหรอวะ" เอกสงสัย

ถ้าเป็นคนอื่น ต้นคงไม่กล้าพูดให้ฟัง แต่ต้นคิดว่าเอกคงจะพอเดาความรู้สึกของสนได้ เวลา 7-8 ปีที่เอกได้เห็นต้นกับสนมา เขาก็คงรู้อะไรบางอย่างบ้างไม่มากก็น้อย ไม่งั้นก็คงไม่ถามเรื่องนี้ ต้นจะบอกว่าสนไม่รู้สึกอะไรเลยก็จะกลายเป็นการโกหกมากไป

"ก็คง...ไม่ต่างจากกูเท่าไรหรอก แต่ชีวิตมันไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอกเอก เครียดไปก็มีแต่จะทำให้ชีวิตเศร้าหมอง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก้าวต่อไปดีกว่า ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ" ต้นพยายามตัดบท เพราะเขาไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ดูเหมือนเอกจะเข้าใจก็เลยไม่ถามเรื่องนี้อีกเลย

-----------------------------------------------------------

ตกเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว สนก็พาต้นมานั่งคุยกันตรงสะพานเหล็กข้ามคลองส่งน้ำหน้าบ้านต้น ไม่มีใครตามเขามาเพราะต่างก็อยากให้สองคนนี้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ก่อนที่พรุ่งนี้จะพรากเอาอิสรภาพไปจากชีวิตสน

ต้นกับสนเอาขาแช่น้ำแล้วก็ตีเล่นเบาๆ ปีนี้ย่างเข้าปีที่สิบสี่แล้วที่เขาสองคนรู้จักกัน ในโลกนี้จะมีใครบ้างไหมนะที่คบกันได้ยาวนานขนาดนี้โดยไม่เคยพรากจากกันไปไหนไกลเลย แถมยังแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนอีก

เวลามานั่งที่สะพานเหล็กนี้ทีไร ความรู้สึกเป็นเพื่อนก็จะกลับมาทุกที เพราะความสัมพันธ์ของเขาสองคนเริ่มจากความเป็นเพื่อนนั่นเอง ต้นกับสนจึงเหมือนมีสองสถานะเวลาอยู่ด้วยกัน บางครั้งแต่ละสถานะก็แยกกัน บางครั้งก็ปนๆ กัน บางคราวก็เป็นเพื่อนกัน แต่บางคราวก็เหมือนคนรักกัน หรือบางคราวก็เป็นทั้งสองอย่าง แต่ตอนนี้...ทั้งสองสถานะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่หลังๆ มานี้สถานะคนรักกันนำเด่นมาตลอด

"นายจำได้ไหมต้น นายสอนเราว่ายน้ำตรงนี้" สนพูดพลางใช้ขาตีน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน สนดูแปลกจนต้นสงสัยจริงๆ ทำไมเขาดูไม่ทุกข์ร้อนกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลย ไม่แสดงอาการร้อนรน ไม่แสดงอาการดีใจ ไม่แสดงอาการเสียใจ สนกำลังคิดอะไรอยู่นะ

"จำได้สิ เรายังจำสีหน้ากลัวน้ำของนายได้เลย" ต้นหัวเราะเบาๆ

"นายเคยนับไหมว่าเรามานั่งตรงนี้กี่ครั้งแล้ว"

"ไม่เคย...ใครจะไปจำได้ล่ะ"

"หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยสี่สิบครั้งแล้ว" สนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ถามต่อไปว่า "นายจำตอนที่นายไปปีนต้นหว้าแล้วถูกผึ้งต่อยขาได้ไหม ตอนที่เราอยู่ปอหกไง"

"อ๋อ...จำได้ๆ เจ็บชะมัดเลย ดีนะที่โดนแค่ตัวเดียว เรานึกว่าตัวอื่นๆ มันจะตามมารุมซะแล้ว"

"แล้วเราก็พานายวิ่งขี่หลังกลับมาบ้าน เอายาหม่องมาทาให้ แต่พอเรากลับบ้าน เราโดนพ่อตีเลยที่ไปเล่นซน แถมยังดูแลนายไม่ดีอีกด้วย" สนพูดแล้วก็น้ำตาไหลลงมาเสียอย่างนั้น

"จริงเหรอ พ่อนายตีนายด้วยเหรอ ไม่ใช่ความผิดของนายเลยนะ วันนั้นเราชวนนายไปเอง เราจำได้" แล้วต้นก็หยุดพูดเมื่อเห็นสนมีน้ำตา "สนเป็นไร"

สนยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาที่ยังไหลลงมาไม่หยุด "นายว่าไหม...ไม่มีสักวันเลยนะที่เราไม่รักกัน ไม่รู้สึกดีๆ ต่อกัน ไม่ดูแลกัน ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนถึงวันนี้ เราใจหายน่ะต้น เราพยายามที่จะไม่คิดอะไร พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไร แต่จริงๆ แล้วเราก็รู้สึก เราก็ใจหาย เราจะได้กลับมาดูแลกันอย่างนี้อีกหรือเปล่านะต้น"

"มีสิสน...เรายังมีโอกาสนั้นอยู่ อย่างน้อย...ถ้าอะไรๆ มันจะยากลำบากจริงๆ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ กลับมาที่จุดเดิมของเราไง เหมือนที่เรา...กำลังนั่งอยู่ที่จุดเดิมของเราตรงนี้ที่เราเคยเป็นเพื่อนกัน"

"เราก็หวังว่ามันจะง่ายแบบนั้นนะต้น แต่ความรู้สึกของเราสองคนก็เดินทางมาไกลมาก ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาจุดเดิมได้ถูกหรือเปล่า ตัวของเราอาจจะอยู่ที่เดิม แต่ใจของเรามันยังหาทางกลับที่เดิมไม่ได้ เราไม่อยากแต่งงานเลยต้น แต่เราก็สู้เขาไม่ได้ เราไม่ทันเขา เราพลาดเอง เราผิดเอง ถ้าไม่มีเรื่องนี้...เรากับนาย..."

ต้นเอื้อมมือไปกุมมือสนไว้ บีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ "มันผ่านไปหมดแล้วสน เราก็จำไว้เป็นบทเรียนละกัน เราไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายบ้างเพราะนายไม่ได้เล่าให้เราฟัง ถ้าเราจะเสียใจ ก็คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องที่นายไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังเลย บางทีเราอาจจะช่วยอะไรนายได้ก็ได้ แต่ช่างมันเถอะ ถึงตอนนี้ ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วล่ะ ก็ใช้ชีวิตของเราให้ดีที่สุด ส่วนความสัมพันธ์ของเรา...ก็คงต้องหยุดไว้แค่นี้ เราทำอย่างนั้นอีกไม่ได้แล้ว ชีวิตต้องเดินต่อไป เมื่อเลือกแล้ว เราก็ต้องทำให้มันดีที่สุด ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนที่จะกลับมาที่จุดเดิมของเรา แต่นายก็รู้ว่าเราจะกลับมาที่เดิมได้เสมอ เมื่อนายเจอทางกลับแล้ว นายก็แค่เดินกลับมา เราก็เหมือนกัน ที่เดิมของเรา ก็ยังเป็นที่เดิมของเรา ก็ยังต้อนรับเราสองคนเหมือนเดิม พร้อมเมื่อไรเราก็จะกลับมาด้วยกันนะสน"

สนโผเข้ากอดต้น คนที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักในช่วงเวลาเกือบทั้งชีวิตที่ผ่านมา เมื่อความรักมันไปต่อไม่ได้ แต่อย่างน้อย...เขาสองคนก็ยังมีที่เดิมให้เดินกลับมา รอแค่ว่าเมื่อไรเขาสองคนจะอยากกลับมาตรงจุดนี้...เท่านั้นเอง สะพานเหล็กแห่งนี้ยังรอคอยเขาสองคนอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะกลับมาในฐานะอะไร เขาสองคนก็กลับมาได้เสมอ ไม่ว่าจะรักกันแบบไหน ความรักก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กัน โลกที่สับสนวุ่นวายทุกวันนี้ยังอยู่ได้เพราะเรายังมีความรักให้แก่กัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 26-06-2012 09:51:16
ไม่เสียใจที่ไม่ปลื้มกับการกระทำของสนที่ผ่านมา!
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-06-2012 11:00:20
สนคงไม่ใช่แบบฉบับของพระเอกที่หลาย ๆ คนปลื้ม  รวมมั้งเราด้วย
แต่เชื่อว่าในชีวิตจริง ๆ คนรอบตัวของใครหลาย ๆ คนก็ซื่อบื้อ อ่อนแอ และเห็นแก่ตัวเช่นกัน
คนที่ต้องเจ็บที่สุดไม่ใช่สน  แต่เป็นต้นต่างหาก  ซ้ำตอนนี้ยังถลำตัวลึกลงไปอีก
ได้แต่หวังว่ามโนธรรมจะช่วยให้ต้นได้คิดว่า  สุดท้ายแล้วต้นควรทำอย่างไร
จะ sad ending ก็ไม่แปลกอะไรเลย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 26-06-2012 13:49:00
ทำไมมันเศร้าอย่างงี้อ่ะ  :sad4:  แล้วจะเป็นงัยต่อไป  ทั้งต้นและสน o22


อยากรู้ยัยนาทำอะไร วิธีไหน ถึงทำให้สนตกหลุมได้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 26-06-2012 15:00:07
เมื่อไหร่จะจบอ่ะ อยากรู้ตอนจบแล้วมันอึดอัดมาทั้งเรื่องเลย อ่านแล้วเครียดมาก ชอบเรื่องนี้นะแต่มันหน่วงใจเดี๋ยวรออ่านตอนจบทีเดียวดีกว่าถ้า happy ก็จะอ่านต่อแต่ถ้าไม่ก็หยุดอ่านแค่นี้แหละ ทำใจไม่ได้ ถ้าอ่านแล้วเราจะเก็บไปคิดหลายวันเลย ดีนะที่เป็นเรื่องแต่งถ้าเป็นเรื่องจริงเราไม่กล้าอ่านเลยอินไปกับเรื่องของเขา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 26-06-2012 15:10:02
ที่ชอบสไตล์การเขียนของคุณ Sarawatta เท่าที่อ่านมา 2 เรื่อง มันดูมีมิติ เหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คนจริงๆ
นายเอกไม่จำเป็นต้องนิสัยดี หน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิง พระเอกก็ไม่ต้องเก่งเลอเลิศ หล่อรวย แสนเพอร์เฟคอะไร
อ่านแล้วอินมากๆค่ะ ลุ้นตามตลอด และที่ชอบที่สุดคือความรักความผูกพันที่มีมาแต่เด็กของตัวละครค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆในหัวใจ อันนี้ชอบมาก....... มันมีพัฒนาการความรักที่เห็นและสัมผัสได้

การที่เขียนจนคนอ่านอินกันหลายๆคนนี่ แสดงว่าแต่งได้ดีระดับนึงแล้วนะคะ สู้ๆต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

----------------------------------------

ลองถามตัวเองอยู่เหมือนกัน หากเกิดขึ้นกับตัวเอง จะทำอย่างต้นกับสนมั้ย คำตอบคือ "ทำ"
ไม่ใช่ว่าจะแย่งของๆใครหรอกนะ แต่บางทีเรื่องของหัวใจ มันใช้ใจคิดอ่ะ สมองเหมือนจะใช้การไม่ได้กับเรื่องนี้
เวลาเป็นเรื่องของคนอื่น เราจะบอกให้เค้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้เป็นฉากๆ แต่พอเป็นเรื่องตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ไปไม่เป็นกันทั้งนั้น
ทั้งๆที่มองเห็นทางออก บางทีก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เข้าใจสนและต้นมากๆ กับตอนนี้

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเถอะ อย่างน้อย หากสนไม่ต้องแต่งงานกับนา
ก็เป็นการช่วยให้นาไม่ต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิตเพราะแต่งกับผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเองและแถมยังรักอยู่กับผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย
มันคงเป็นอะไรที่เลวร้าย..... มากๆสำหรับนานะ หากรู้เรื่องราวทั้งหมดในวันที่สายไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-06-2012 17:12:34
จะรักกันมากแค่ไหน รู้จักกันมานานแค่ไหน
แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ณ ปัจจุบัน คน ๆ นั้นกำลังจะแต่งงาน (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม)
แต่ก็ยังถลำลงไป ชีวิตจริงเยอะแยะนะแบบนี้ที่แยกแยะเอาชนะใจตัวเองไม่ได้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 26-06-2012 17:22:33

เป็นกำลังใจให้ก่อนเลยนะค่ะ เข้ามาจิ้มๆๆ ไว้ก่อน

ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้อ่านเลย

แต่อยากบอกขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ชอบต้นสนมาก แม้ว่าสนจะเป้นอย่างไร โลเลหรือนิสัยไม่ดีก็แล้วแต่

ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว สนเองก็เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นแค่ตัวละครหนึ่งๆ และเขาก็เป็นมนุษย์ตัวหนึ่งในนิยาย

เขาก็ย่อมมีจิตใจเหมือนกับเรา การยอมรับว่าตัวเองนั้นชอบผู้ชายด้วยกันคงไม่ง่าย คงไม่แปลกที่สนจะเป็นคนโลเลในความ

รู้สึกของตนเอง ในความคิดของเราสนไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรเลย เวลาที่ได้อ่านซ้ำเรายังนึกสงสาร รักต้น แต่ไม่เคย

แน่ใจและรับรู้เลยในความรู้สึกของตนเอง เราว่าในมุมหนึ่งสนก็เป็นคนที่น่าสงสารในความหมั่นไส้

ต้นเองก็เป็นนายเอกที่มีความอดทนสูงมาก แต่อุปสรรคความรักมันมาจากมือที่สามมากกว่าที่เข้ามาคั่นกลาง

ความรักของคนสองคน

ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปนะค่ะ อย่าคิดมากนะ รักต้นสนที่สุดเลยค่ะ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 26-06-2012 17:38:07
เรื่องของสน  อ่านมาถึงตรงนี้แล้วงงมากว่า ที่โดนผู้หญิงจับนี่จับยังไง   ผู้หญิงท้อง?  หรือว่าขู่ว่าไม่แต่งจะแฉว่ามีอะไรกันแล้ว?

คือถ้ามีอะไรกันแล้ว แล้วต้องแต่งเท่านั้น  เพราะเป็นบรรทัดฐานของสังคมเนี่ย เรื่องชายรักชายคงไม่มีทางเป็นไปได้เลย


ปล.เรื่องที่ผู้แต่งกังวลว่า ผู้อ่านจะคิดผิดไปว่าสนโลเลนั้น อย่าคิดมากเลยค่ะ  เพราะโลเลกับไม่แน่ใจมันต่างกันไม่มาก ถ้าจะมีผู้อ่านคิดว่าสนโลเลก็ไม่ได้แปลกอะไร

ปล.2 แต่เรากลับคิดว่า สนไม่ได้โลเลแต่เห็นต้นเป็นของตายเลยจะทำอะไรก็ได้ เรื่องมันถึงมีเหตุและส่งผลมาถึงตอนนี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 26-06-2012 17:52:30
ถึงตอนนี้ลุ้นมาก ในที่สุดสนก็เริ่มจะทำตัวสมกับเป็นพระเอกซะที
เรื่องจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านต่อไปแล้ว  :sad4:
ปล.ชอบนิยายของคุณคนเขียนมากครับ ทั้งสองเรื่องเลย สู้ๆนะครับ <3
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 26-06-2012 18:22:59
ไม่รู้สนจะทำงัยต่อ  แต่ที่แน่ๆ  ทั้งคู่ก็ได้รู้ความในใจกันแล้ว

ไม่ใช่ต้นที่รัก และรู้สึกคนเดียวอีกต่อไป  ห่างกายแต่ใจเรารักกัน 

รอให้มีวันของ 2 คนได้อยู่ด้วยกัน :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 26-06-2012 20:20:46
พึ่งเข้ามาอ่าน และกำลังติดอย่างงอมแงม
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 26-06-2012 22:16:53
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 26-06-2012 23:40:33
สนและต้นอาจไม่ใช่นายเอกและพระเอกในนิยาย แต่มีอยู่จริงในชีวิตจริง
ชีวิตที่หลายคู่อาจต้องยอมเพื่อรักษาคำว่าวงศ์ตระกูล หน้าตาพ่อแม่
สังคมเมืองหลวง ทุกคนอาจต่างคนต่างอยู่ บ้านใครบ้านมัน แต่สังคมบ้านนอก
เหมือนสนกะต้น บ้านถึงบ้าน ข่าวถึงข่าว เรื่องแบบนี้น้อยคนที่เข้าใจ คำติฉินนินทา
เหมือนไฟลามทุ่ง เรื่องราวรักเพศเดียวกัน เหมือนรักแบบตัวตลก เหมือนเรื่องผิดหลัก
เพราะสังคนชนบท ชายคู่หญิง ชายคู่ชายแค่เรื่องน่าอาย และเราเข้าใจ ปัญหาทุกปัญหา
ไม่ใช่นิยายที่ง่ายแค่ดีดนิ้ว เรื่องจริงบางทีคิดแทบตายก็หาทางไม่ได้ เรื่องนี้ เหมือนเราอ่านนิยาย
ที่ไม่ใช่นิยาย เหมือนได้ฟังชีวิตจริงของใครสักคน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 31 ¤ รักต้องห้าม (หรือเปล่า) (26-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 27-06-2012 00:23:50
ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนตอนนี้จากหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ชื่อ "ลูกหลง" เคยดูเมื่ออายุ 7-8 ขวบครับ
แต่ยังจำตอนจบของเรื่องได้มาจนถึงปัจจุบัน

------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 32: Let's Elope

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ในที่สุดวันแต่งงานของสนกับนาก็มาถึง งานทั้งหมดจัดขึ้นที่บ้านของสนเพราะบ้านแม่ของนาเป็นทาวเฮาส์ ไม่มีพื้นที่ที่จะให้จัดงานแบบนี้ได้มากนัก จึงได้ตกลงกับทางพ่อแม่ของสนว่าจะจัดงานที่บ้านของสนแทน พิธีแต่งงานนั้นก็จัดแบบไทยๆ แต่ตัดขั้นตอนให้สั้นลงเหลือเพียงการแห่ขันหมากช่วงเช้าและพิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่าย หลังจากนั้นจะเลี้ยงอาหารเย็นแล้วทำพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เรือนหอซึ่งก็คือบ้านของสนนั่นเอง

ประมาณสายๆ ขบวนแห่ขันหมากก็เริ่มขึ้น เจ้าบ่าวมาในชุดไทยผ้าไหมสีขาวแขนทรงกระบอก ใครเห็นต่างก็ชื่นชมว่าเจ้าบ่าวช่างหล่อเสียเหลือเกิน พาให้อยากเห็นเจ้าสาวเช่นกันว่าจะสวยสมกันเพียงใด คนที่มาเป็นเถ้าแก่ให้ก็ไม่ใช่ใคร พ่อของต้นนั่นเอง คนที่มาร่วมขบวนแห่ขันหมากก็เป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน เพื่อนเจ้าบ่าวก็เป็นเพื่อนเก่าร่วมคณะของสนสมัยเรียน เรื่องเพื่อนเจ้าบ่าวนี้พ่อกับแม่ของสนยังเคืองสนไม่หายที่ไม่ยอมให้ต้นมาเป็นให้ แม้จะอธิบายไปหลายครั้งแต่แม่ก็ยังค้อนปะหลับปะเหลือกอยู่

เมื่อเสียงกลองยาวและไชโยโห่ฮิ้วดังขึ้น ต้นก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงเดิน เห็นเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างหน้าแล้วต้นก็ได้แต่ใจหาย บางคราวต้นก็ต้องเบือนหน้าหนี เขาคิดว่าเตรียมตัวเตรียมใจมาดีแล้วในระดับหนึ่ง แต่พอเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ต้นก็พบว่ามันยากที่จะทำใจไม่น้อยเลย มันคงจบลงจริงๆ แล้วล่ะ ต่อจากนี้ไปเขาก็คงทำได้แค่รักสนอยู่เงียบๆ กลับมาทำตามความตั้งใจเดิมที่เขาว่าจะทำให้ได้แต่ก็ยังทำไม่ได้เสียที เมื่อสถานการณ์บังคับแบบนี้แล้วเขาก็คงไม่มีทางเลือกที่ดีไปมากกว่านี้

แล้วเจ้าบ่าวล่ะ วันนี้ทำไมดูเขายิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น หรือว่าจริงๆ แล้วสนก็คงดีใจที่จะได้แต่งงานเสียที ก็ไหนว่าไม่อยากแต่งงานยังไงล่ะ ทำไมถึงได้แสดงอาการไม่เหมือนกับที่เคยพูดไว้เลย ต้นไม่เข้าใจสนเลยจริงๆ หรือว่าสนก็แค่ทำหน้ายิ้มแย้มไปอย่างนั้นหรือเปล่า เฮ้อ...แล้วนายจะฟุ้งซ่านไปทำไมนะต้น นี่มันงานแต่งงานของเขา นายไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ความรักแบบนั้นของเขากับสนต้องยุติลงในทางพฤตินัยเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเขากับสนเป็นชู้กัน

เมื่อเข้ามาในบริเวณที่สมมติว่าเป็นบ้านเจ้าสาวชั่วคราว สนก็ต้องแจกซองตามประตูเงิน ประตูทองที่ญาติฝ่ายหญิงกั้นไว้ เมื่อผ่านด่านทั้งหมดไปแล้ว ต้นจึงได้เห็นเจ้าสาวของสนที่อยู่ในชุดไทยแสนสวยนั้น เป็นชุดสะไบเฉียงสีขาว สีเดียวกับชุดของเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็สวย ช่างสมกันดีจริงๆ ต้นไม่มีอะไรที่สู้เขาได้เลย

พอญาติฝ่ายหญิงซึ่งก็เป็นพ่อกับแม่ของนารับขันหมากและตรวจสินสอดแล้ว ก็ถึงคราวที่เจ้าบ่าวต้องสวมแหวนให้เจ้าสาว ทดแทนต้องมาคอยยืนอยู่ข้างๆ ต้นเมื่อเห็นสีหน้าต้นที่เริ่มซีดเผือด ภาพที่เจ้าบ่าวสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาวช่างบาดตาบาดใจต้นเหลือเกิน แค่นั้นยังเจ็บไม่พอ เพื่อนๆ และญาติๆ ของฝ่ายเจ้าสาวยังยุให้เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวเสียอีก ต้นถึงกับต้องกัดฟันแน่น ทดแทนต้องคอยบีบมือให้กำลังใจตลอดเวลา แต่ก็พยายามไม่ให้ใครเห็นและสังเกตได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นเรื่องขึ้นมา

หลังจากสวมแหวนแล้ว สนกับนาก็ไหว้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ในบางงานเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะจดทะเบียนสมรสกันในวันนี้เลย แต่สนก็ขอผลัดไปเป็นวันถัดไป ก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะช่วยยื้อเวลาได้มากน้อยเพียงใด แต่เขาก็ต่อรองกึ่งอ้อนวอนได้จนสำเร็จไม่ให้จดทะเบียนสมรสกันในวันนี้

"ทำใจดีๆ ไว้นะต้น" ทดแทนคอยกระซิบเตือนอยู่หลายครั้งที่เห็นต้นเกิดอาการ นิก ปั้นจั่นและเอกเองก็คอยมองดูต้นอย่างเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนเจ้าบ่าวไม่ค่อยสนใจการมีอยู่ของต้นเท่าใดนัก เขาแทบจะไม่หันมามองหาต้นเลยด้วยซ้ำ ต้นก็เลยได้แต่น้อยใจ ถึงจะห้ามแล้วแต่มันก็ห้ามไม่ได้ ต้นจนปัญญาที่จะจัดการกับความรู้สึกภายในของตัวเองแล้วล่ะ ทุกอย่างทะลักทะล้นจนต้นแทบจะเก็บไม่อยู่

"พี่แทน...พาผมไปข้างล่างหน่อยได้ไหมครับ" ต้นบอกเสียงสั่น เขาอยากร้องไห้ เขาคงจะปล่อยโฮอีกในไม่ช้านี้หากยังยืนดูภาพที่บาดตาบาดใจเช่นนี้ต่อไป

ทดแทนพยักหน้าแล้วก็พาต้นลงมาข้างล่าง พอลงมาถึงข้างล่างแล้วต้นก็เดินแกมวิ่งไปที่สวนหลังบ้านของสนที่เขาเคยมาช่วยสนรดน้ำแปลงผักตอนเด็กๆ ตอนนี้มีต้นมะม่วงและฝรั่งที่พ่อกับแม่ของสนปลูกไว้จำนวนหนึ่งสำหรับขาย พอลับตาคนแล้วต้นก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น เขายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยมีทดแทนคอยตบไหล่ปลอบใจอยู่ข้างๆ สุดท้าย...คนที่เจ็บก็คงเป็นต้นคนเดียว นี่สินะที่คงจะเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมต้นต้องตัดใจ แม้จะเคยคิดว่าเขาจะรักสนต่อไป แต่ตอนนี้ต้นเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนเขาคิดว่าควรจะเลิกรักเสียดีกว่า

ทดแทนได้แต่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจโดยไม่พูดอะไร รอจนกระทั่งต้นค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้เขาจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ต้นเช็ดหน้าเช็ดตา

"ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนดีกว่านะต้น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะสงสัย" ทดแทนแนะนำเมื่อเห็นต้นหยุดร้องไห้แล้ว

ต้นพยักหน้า เห็นทดแทนคอยมาอยู่ข้างๆ ในเวลานี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ต้นก็ได้แต่หวังว่า ความเจ็บปวดในครั้งนี้คงจะช่วยให้ต้นตัดใจจากสนได้ง่ายขึ้น แล้วในไม่ช้าเขาก็คงจะเปิดใจรักทดแทนได้ แต่ตอนนี้ต้นเจ็บจริงๆ สนจะรู้บ้างไหมว่าเขาเจ็บแค่ไหน มีความรักแล้วมันก็เป็นทุกข์อย่างนี้นี่เอง

--------------------------------------------------------------------

ในที่สุดพิธีรดน้ำสังข์ในตอนบ่ายก็มาถึง คู่บ่าวสาวพร้อมแล้วและนั่งเคียงคู่กันตรงตั่งรับน้ำสังข์พร้อมกับมงคลที่ครอบศีรษะของทั้งคู่ไว้ ประกาศให้รู้เป็นนัยๆ ว่าเขาทั้งสองคนได้ถูกมัดตรึงไว้ด้วยกันแล้ว

ใจของต้นตอนนี้หายไปจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ถึงตอนนี้เขาก็ปลงแล้วว่ามันจบลงแล้วจริงๆ ไม่มีอีกแล้วโอกาสนั้น แม้จะทำได้แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทั้งสำหรับสังคมและตัวต้นเอง ดูเหมือนพ่อกับแม่ของต้นเองก็เริ่มสงสัยอาการของลูกชายที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกัน แถมยังมีทดแทนคอยยืนประกบไม่ห่างมาตั้งแต่เช้า แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปถามอะไรเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ของสนเตรียมงานหลายอย่าง จึงได้แต่คอยสังเกตดูด้วยสีหน้ามีคำถาม

ในช่วงนี้นี่เอง หลังจากที่สนทำเป็นไม่สนใจต้นมาตั้งแต่เช้า พอถึงพิธีรดน้ำสังข์ สนก็สอดส่ายสายตามองหาต้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย  เมื่อได้เจอแล้ว ได้สบตากัน ได้เห็นสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดสิ้นหวังของต้น สนก็รู้ว่าคงถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรบางอย่าง ภาพเดิมๆ ในอดีตของเขากับต้นฉายย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา ราวกับจะตอกย้ำให้ชัดอีกครั้งว่าสนควรจะทำอะไรตอนนี้

ภาพแรกที่เห็นก็คือภาพที่ต้นมาชวนเขากินข้าวเที่ยงด้วยกันเพราะเขาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ภาพที่เขากับต้นนั่งเล่นน้ำด้วยกันที่สะพานเหล็ก ภาพงานวันเกิดครั้งแรกของสนพร้อมกับของขวัญวันเกิดชิ้นแรก ภาพที่สนได้อ่านข้อความที่ต้นแอบเขียนใส่กระดาษไว้ใต้โต๊ะของเขา พออ่านแล้วสนก็รีบวิ่งไปตามหาต้นและขอโทษที่เขาเคยอายเพื่อนเวลาที่ต้นเอาน้ำมาให้ตอนเล่นฟุตบอล ภาพต้นถอนเงินสี่หมื่นบาทมาให้เขาได้ใช้เรียนหนังสือ ภาพที่เขากับต้นได้เรียนต่อด้วยกันและอยู่ในบ้านหลังนั้น ภาพเหตุการณ์ที่สนรู้ว่าต้นเป็นเกย์แล้วบาดหมางใจกันและวันที่ต้นกลับมา ภาพที่ต้นยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อไปทำงานหาเงินมาให้พ่อแทนสน ภาพเหตุการณ์ที่เขาคอยหึงหวงและกันท่าพี่ปิ๊กที่มาจีบต้น ภาพที่เขาไม่สบายแล้วต้นคอยมาดูแล ภาพที่ต้นยิ้มดีใจที่เขาเรียนจบปริญญาตรี ภาพรอยยิ้มและความสุขที่เขากับต้นได้ใช้ชีวิตด้วยกัน จนมาถึงวันนั้น วันที่เขาได้บอกรักต้นและมีสัมพันธ์ทางกาย และภาพเมื่อก่อนเที่ยงที่ต้นแอบหลบไปทำใจหลังบ้านของเขา

เอาล่ะ...นี่คือสิ่งที่สนตัดสินใจและคิดมาหลายวันแล้ว ที่ผ่านมา เขาพยายามคุยกับนา บอกเธอว่าเขาไม่ได้รักเธอและขออิสรภาพคืนให้เขา ไม่ว่าเขาจะเสนอแลกด้วยสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเงินทองที่เขาเองก็มีไม่มาก เธอก็ไม่ยอมท่าเดียว หลายครั้งที่เขาขอร้องอ้อนวอนและชี้ให้เธอเห็นว่าทำไมเขาและเธอจึงไม่ควรแต่งงานกัน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นาก็ยังยืนกรานที่จะให้เขารับผิดชอบและข่มขู่ด้วยหลักฐานชิ้นนั้น บวกกับพ่อและแม่ของนาที่มาคอยกดดันเขาต่างๆ นาๆ และใช้เล่ห์เหลี่ยมที่เขาตามไม่ทันจนต้องยอมตกปากรับคำกับพ่อและแม่ของเธอว่าเขาจะรับผิดชอบ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

เอาล่ะ...เมื่อเขากับนาไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการคุยหรือตกลงกันได้ วิธีนี้ก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่สนคิดหาทางออกได้ในตอนนี้ เขาไม่มีอะไรจะต้องเสียไปมากกว่านี้ เขาอาจจะถูกใครต่อใครด่าประนาม เขาอาจจะต้องได้รับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ทำ หรืออาจจะมีอะไรที่เขาไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่วันนี้...สนยอมที่จะให้ทุกอย่างที่เขากลัวเกิดขึ้น ที่เขาเคยประวิงเวลาและไม่ตัดสินใจทำอะไรในช่วงที่ผ่านมาเพราะเขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร มีแค่วันนี้เท่านั้นที่ดีที่สุดแล้ว มันอาจจะทำให้ชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บและอาย แต่ก็อาจจะสาสมกับสิ่งที่เธอทำกับเขา และมันก็น่าจะดีกว่าที่จะให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเธอเลย

เอาล่ะ...สนตัดสินใจแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า...เขารักคนที่ยืนเจ็บปวดหัวใจอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนักมากเพียงใด

ก่อนที่น้ำสังข์หยดแรกจะหยดลงมา สนก็หันไปหานาแล้วเรียกเบาๆ

"นา..." สนหยุดและยิ้มอยู่สักพักเมื่อนาหันมามองอย่างสงสัย "พี่ขอโทษนะ"

พอพูดจบสนก็ถอดมงคลนั้นออกแล้วก็ลุกขึ้น เขาวิ่งปรื๋อออกไปอย่างสุดชีวิตท่ามกลางความตกใจของญาติเจ้าบ่าวและเจ้าสาว นาร้องเรียกเขาด้วยอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สนก็ไม่หันกลับมาอีกแล้ว เขากระโดดข้ามโต๊ะวางสิ่งของที่กีดขวางอยู่ จุดมุ่งหมายของเขาคือคนที่กำลังยืนเสียใจปานว่าจะขาดใจนั่นเอง

พอถึงที่หมายสนก็รีบฉุดแขนต้นวิ่งออกมาจากงานทันที ต้นร้องถามอย่างตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว "สน...นี่นายจะทำอะไร นายจะพาเราไปไหน"

สนรีบตอบมาว่า "ไปก่อนต้น อย่าเพิ่งถาม"

ต้นวิ่งไปตามแรงดึงของสนแต่ก็ไม่ถึงกับขืนตัว เมื่อพอจะเข้าใจว่าสนกำลังทำอะไรแล้ว ต้นก็วิ่งตามไปโดยที่สนไม่ต้องออกแรงดึงเลย ทั้งคู่จับมือกันแล้วก็วิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิต ญาติฝ่ายเจ้าสาววิ่งตามสนมากันหลายคน แต่ก็ไม่ทัน สนพาต้นวิ่งมาที่รถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านริมคลองส่งน้ำ พอเข้าไปนั่งข้างในแล้วเขาก็ขับออกไปทันที ทิ้งงานแต่งงานที่เป็นเหมือนคุกขังชีวิตเอาไว้ข้างหลัง

"พ่อเอ๊ย สนมันพาต้นหนีไปแล้วพ่อ โอย...ฉันจะเป็นลม นี่สนมันทำอะไรของมัน" แม่ของสนแทบจะเป็นลมล้มพับจนพ่อของสนต้องรีบวิ่งเข้ามาประคอง แค่สนหนีไปคนเดียวก็ว่าน่ากลุ้มใจแล้ว แต่นี่ยังพาต้นหนีไปด้วย น้าสาวกับน้าเขยของสนเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบวิ่งมาดูพี่สาวที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม

พ่อกับแม่ของต้นก็ยืนงงด้วยอาการไม่ต่างกัน แม่ของต้นถึงกับเอามือทาบอกและเข่าอ่อนจนพ่อของต้นต้องคอยประคองไว้อีกคน

"โอยพ่อ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสนถึงได้พาต้นหนีไปอย่างนั้นล่ะพ่อ" แม่ต้นถามอย่างตกตะลึง แต่พ่อของต้นก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้เช่นกันนอกจากความตกใจ ได้แต่มองดูลูกชายของตัวเองวิ่งหนีไปกับเพื่อนรักที่วิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าเป็นชายกับหญิงก็คงจะพอเข้าใจได้ว่าเป็นการหนีตามกันไป แต่พ่อกับแม่ก็ของต้นก็ไม่สามารถจะเข้าใจไปในทางนั้นได้

นิก ปั้นจั่น เอกและทดแทนก็ตกตะลึงไม่แพ้คนอื่นๆ ไม่มีใครคาดคิดด้วยซ้ำว่าสนจะกล้าทำแบบนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจและเอาใจช่วยเพราะรู้ว่าสนคงกดดันมาก การที่เขาต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รัก แถมคนที่รักก็ยังมายืนหน้าซีดเสียใจอยู่ในงาน สนจะทนดูอยู่เฉยได้อย่างไร สนรักต้นมากแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี มันก็ไม่ถูกหรอกที่ทำแบบนี้ แต่บางทีพอคนเรามันเข้าตาจนมากๆ มันก็อาจจะทำอะไรแบบนี้ได้ ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องมันคงจะไม่บานปลายเลวร้ายไปกันใหญ่

นายังนั่งตกตะลึงอยู่ที่ตั่งรับน้ำสังข์และร้องไห้อย่างน่าสงสาร ในบางคราวเธอก็อยากจะยอมแพ้และปล่อยสนไป แต่ในบางคราว เมื่อนึกถึงวันนั้นที่สนปฏิเสธความรักของเธอ เธอก็เจ็บแค้นและอยากจะเอาชนะให้ได้ แต่วันนี้ เธอก็ได้ตระหนักแล้วว่า เธอเอาชนะเขาไม่ได้เลย เพียงแต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสนจะทำถึงขนาดนี้

"หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะนา คนเฮงซวยแบบนี้ไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้มัน คลิปนั่นอยู่ไหน เอามาเปิดให้พ่อกับแม่มันดูเดี๋ยวนี้ จะได้รู้เสียทีว่ามันเลวแค่ไหน" แม่ของนาส่งเสียงด่าลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดเพราะเสียหน้าที่ลูกสาวถูกเจ้าบ่าวทิ้งกลางคัน

"นาลบทิ้งไปแล้วค่ะแม่" นาตอบพลางมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างหวาดๆ

"นา!!! นี่ลูกบ้าไปหรือเปล่า ไปลบทิ้งทำไมหา!!! ไม่ได้ดั่งใจเลย!!!" แล้วคนเป็นแม่ก็ฟาดฝ่ามือเปรี้ยงลงไปบนใบหน้าลูกสาว ท่ามกลางความตกตะลึงของญาติที่มามุงดู

นาลูบใบหน้าของตัวเองพร้อมกับก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่เธอลบคลิปนั่นทิ้งไปเพราะเธอก็รู้สึกละอายใจเหมือนกัน เธอใส่ร้ายสนว่าเป็นคนตั้งกล้องถ่ายโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่คนที่ทำจริงๆ ก็คือเธอเอง แล้วนาก็ไปฟ้องพ่อกับแม่ว่าสนเอาคลิปนั้นไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต แน่นอนเธอเป็นคนที่แอบเอาคอมพิวเตอร์ของสนปล่อยคลิปนั้นด้วยตัวเอง พ่อกับแม่ของเธอโกรธมากจนถึงกับจะเอาเรื่องสน และเรียกให้สนมาตกลงที่บ้านเพื่อให้สนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของความวุ่นวายในวันนี้

"ไปปกปิดความชั่วของมันทำไม ในเมื่อมันไม่ไว้หน้าลูกแบบนี้ ก็แฉให้หมดไปเลยว่ามันทำเลวอะไรไว้บ้าง" แม่ของนาด่าอย่างเกรี้ยวกราด

"นาขอโทษค่ะแม่ นานึกว่าคงไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว"

"โอ๊ย...ฉันจะบ้าตาย มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวฉันจัดการเอง" ว่าแล้วแม่ของนาก็เดินรี่เข้าไปหาพ่อกับแม่ของสนที่ยังยืนงงกันอยู่

"พวกคุณต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จ่ายฉันมาล้านหนึ่ง ถ้าไม่งั้นฉันเอาเรื่องแน่ ลูกชายของพวกคุณทำลูกสาวฉันเสียหาย มันแอบถ่ายคลิปลูกสาวของฉันแล้วก็เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต รู้ไหมว่าฉันอับอายเขาแค่ไหน นี่ขอให้มันรับผิดชอบ ให้มันแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว มันกลับมาหนีไปซะนี่ เลว!!!"

พ่อแม่ของสน พ่อแม่ของต้นและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบจะเรียกได้ว่าช็อกเสียมากกว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยจริงๆ ว่าสนจะทำเรื่องแบบนั้นได้ มิน่าล่ะ สนมันถึงต้องรีบแต่งงานแบบนี้ พ่อกับแม่ของสนได้แต่รำพึงในใจว่า 'ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก' ที่ผ่านมาสนไม่เคยทำตัวเสื่อมเสียแบบนี้เลย

"ตกใจกันมากใช่ไหมที่รู้ว่าลูกชายของพวกคุณทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ แล้วฉันล่ะ...รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่ไอ้หมอนั่นมันทำแบบนี้กับลูกสาวของฉัน ฉันอายจนไม่มีอะไรจะอายอยู่แล้ว อุตส่าห์ตกลงกับมันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้ แต่ดูมันทำตอนนี้สิ" แม่ของนาตวาดจนตัวสั่นเทิ้มจนพ่อของนาต้องเข้ามาปรามให้หยุดเพราะอายแขกเหรื่อที่มาในงาน

"คุณจะบ้าหรือไง เอาลูกสาวตัวเองมาประจานแบบนี้"

"มันจะมีอะไรที่ต้องอายกว่านี้อีก แค่เจ้าบ่าวหนีไปนี่มันก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ก็ให้มันรู้กันไปเลยสิ จะมาปิดไว้อีกทำไม แฉมันให้หมดเลย"

แม่ของนายังไม่ยอมหยุดโวยวาย ตอนนี้แม่ของต้นกับสนเป็นลมล้มพับไปทั้งคู่แล้วจนพ่ออีกสองคนต้องหายาดมมาปฐมพยาบาล ความวุ่นวายจึงไปอยู่ตรงนั้นแทน แม่ของนาจึงต้องลดความเกรี้ยวกราดลงเพราะไม่รู้จะไปลงกับใคร

เสียงแขกเหรื่อที่มาในงานวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเซ็งแซ่ทำให้นาต้องเอามือปิดหู เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้สำนึกสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่เมื่อทำไปแล้ว เธอก็ถอยไม่ได้ ดันทุรังจนทุกอย่างมาถึงวันนี้ แล้วทุกอย่างก็พังลงในพริบตา กรรมคงตามสนองสิ่งที่เธอได้ทำกับสนไว้แล้วล่ะ

"หยุดร้องให้เดี๋ยวนี้นะนา กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย!!!" แม่ของนาหันกลับมาเล่นงานลูกสาวแทน พอเห็นนายังนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมเธอก็เลยเดินมาลากแขนลูกสาวออกไป

ก่อนไปแม่ของนาก็ชี้หน้าด่ากราดไปทั่วว่า "ฉันไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่ไอ้สนมันทำเอาไว้"

นั่นแหละ ความโกลาหลทั้งหลายแหล่จึงค่อยๆ ลดลงเมื่อครอบครัวและญาติๆ ของนาเริ่มทยอยกลับไป จนตอนนี้เหลือแต่พ่อแม่ของต้นกับสน น้าสาวกับน้าเขยของสน นิก ปั้นจั่น เอกและทดแทนที่ยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ คนที่ก่อเรื่องไว้ก็ไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแถมยังปิดโทรศัพท์หนีกันทั้งสองคน

------------------------------------------------------------------

"ไปไหนกันดีต้น นายนึกออกหรือยัง" สนหันมาถามเมื่อเห็นว่าขับรถออกมาไกลแล้ว

"อืม...ไปรีสอร์ทแถวๆ สวนสนดีไหม ที่เราไปพักตอนนั้น"

"ได้ๆ เราก็ว่าดีเหมือนกัน" สนบอกแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปทางนั้น พอเจอทางหลวงหมายเลขสี่แล้วเขาก็ขับตรงไป

"กลัวหรือเปล่าต้น" สนหันมาถาม สีหน้าเขาก็เป็นกังวลเหมือนกัน

"เรากังวลกับพ่อแม่ของเรามากกว่า ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง"

นั่นสิ สนก็เป็นห่วงเหมือนกัน ได้แต่ขอโทษพ่อกับแม่ในใจที่เขาต้องก่อเรื่องทิ้งไว้ให้ แต่สนตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนี้ เขาก็ได้แต่หวังว่าถ้าเขาเล่าความจริงให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อกับแม่คงเข้าใจและให้อภัย แต่ตอนนี้ เขาขอพาตัวเองหนีไปก่อน แล้วเขาจะกลับไปสะสางปัญหาและยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น

"เราสัญญานะต้น เราจะกลับไปแก้ปัญหาทุกอย่างเอง นายไม่ต้องห่วงนะ เรายินดียอมรับผิดและรับโทษทุกอย่าง เรารู้ว่ามันไม่ดีหรอกที่ทำแบบนี้ แต่เรา...ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เราไม่อยากแต่งงานกับนา เราไม่ได้รักเขาเลย ไม่ได้รักแม้แต่นิดเดียว แต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุขหรอก มีแต่จะมีปัญหามากขึ้น"

"ถึงที่พักแล้วนายเล่าให้เราฟังหน่อยนะสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับนา เราสงสัยมานานแล้ว"

"ได้สิต้น เราจะเล่าให้นายฟังทุกอย่างที่นายอยากฟัง แล้วนาย...โกรธเราไหมที่เราพานายหนีมาแบบนี้"

ต้นถอนหายใจยาว มองไกลออกไปข้างหน้า ยามบ่ายเช่นนี้แดดค่อนข้างแรงจนรู้สึกแสบตา "เรื่องโกรธคงไม่โกรธหรอก แต่เรากังวลหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้มากกว่า อีกอย่างเราก็สงสารนาด้วย เขาเป็นผู้หญิง ยังไงเขาก็เสียหาย"

"แต่เราไม่ได้รักเขานะต้น จะให้บอกอีกกี่ครั้งเราก็ยังตอบอย่างเดิม ในเมื่อเราคุยดีๆ ก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นใจเรา ต้น...นายรู้ไหมว่า เมื่อเช้านี้เราใจแทบขาด เราพยายามไม่มองหน้านาย พยายามไม่มองหา แต่เราก็รู้ว่านาย...เจ็บแค่ไหน ตอนแรกเราก็ลังเลที่จะทำแบบนี้นะ แต่พอเราหันไปเห็นหน้านายเมื่อกี้ เท่านั้นแหละ เราก็บอกตัวเองว่า...เราต้องเลือกนายแล้ว นายคือคนสำคัญที่สุดเพราะนายคือคนที่เรารัก เราไม่อยากให้นายเจ็บเพราะเราอีกแล้ว รู้ไหมต้น...เราเคยตั้งใจเอาไว้ว่า...วันไหนที่เราบอกรักนาย วันนั้น...นายจะต้องไม่เจ็บเพราะเราอีก ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็จะขอไปจากชีวิตนาย แต่เราไม่อยากไป...ให้เราตายเสียดีกว่าที่จะอยู่ในโลกนี้โดยไม่มีนาย เราถึงต้องทำแบบนี้ เรารู้ดี เข้าใจทุกอย่างว่ามันไม่ดี เราเองก็สงสารนาที่เขาต้องเสียหาย แต่เรา...ก็ไม่อยากให้เขาต้องมาทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเขา"

ได้ฟังแล้วต้นก็นั่งเงียบ ถึงแม้ว่าวิธีการที่สนทำตอนนี้จะไม่ถูกต้องนัก มันอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่มันก็ทำให้ต้นตระหนักว่า สนรักเขาและตั้งใจจะทำเพื่อเขามากเพียงใด

จริงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเราพยายามจะทำสิ่งที่่ง่ายให้เป็นเรื่องยาก รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก มันก็ควรจะจบแค่นั้น แต่ชีวิตของเราก็ซับซ้อนเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

"ถ้าเกิดเขาจะเอาเรื่องนายล่ะสน นายจะทำยังไง" ต้นถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก

สนถอนหายใจบ้าง มันก็เป็นสิ่งที่เขากังวลอยู่เหมือนกันและคงเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะเขารู้จักแม่ของนาดี "ถ้ามันมีอะไรที่เขาอยากได้ ถ้าเราให้ได้หรือทำได้ เราก็จะยอมให้ทุกอย่าง แต่ก็หวังว่าเขาคงจะมีเมตตาธรรมกับเราบ้างนะ อย่างน้อยๆ หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ยุติธรรมกับเราเหมือนกัน เขาก็น่าจะเข้าใจเราบ้าง เขาก็ต้องรับรู้ความจริงบางอย่างที่เขายังไม่รู้"

ต้นพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเข้าใจ

"อดทนอีกนิดนะต้น เราสัญญาด้วยชีวิตของเรา...เราจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุด รู้ไหม...ที่เราทำทุกอย่างได้ตอนนี้เพราะมันเกิดจากพลังนะต้น...พลังที่มาจากความรักของเรา ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้ว เราก็ทำได้ทุกอย่าง แค่นายมีร้อยยิ้มให้เรา เราก็ทำอะไรได้อีกตั้งเยอะตั้งแยะ" สนหันมายิ้มแล้วก็หันกลับมาตามเดิมเพราะเขาต้องคอยมองทาง

ต้นขำเบาๆ "เราเชื่อ" แต่เมื่อนึกอะไรได้แล้วต้นก็กลับมีสีหน้ากังวลอีกครั้ง "สน...เราเพิ่งนึกได้ นายว่า...พ่อกับแม่ของเรา...จะสงสัยเราสองคนไหม ว่าทำไมเราหนีมาด้วยกัน"

จริงด้วยสิ สนก็ลืมคิดไป นี่คือสิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าเรื่องแม่ของนาเสียอีก เขายังจำที่เขาคุยกับพ่อต้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้เลย ถ้าเกิดพ่อกับแม่สงสัยและไม่ยอมรับในความรักของต้นกับสน มันจะเกิดอะไรขึ้น

"เราไม่แน่ใจน่ะต้น เราก็หวังว่าเขาคงยังไม่สงสัยตอนนี้หรอก เขาอาจจะแค่สงสัยว่าเราไม่อยากแต่งงานก็เลยหนีมาก็ได้ แต่ก็แค่พานายมาด้วยเพราะคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้า...เขาจะสงสัยมากกว่านั้น...ก็คงจะเป็นงานหนักของเราสองคนเหมือนกันนะต้น พ่อของนายเขาก็ห่วงนายเรื่องนี้นะ เขาก็อยากให้นายมีแฟน แต่งงานเหมือนผู้ชายทั่วไป มันก็บอกยากนะต้น...ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งเดียวที่เรามั่นใจก็คือว่า...ถ้าพ่อแม่รู้ว่าเรากับนายรักกัน พ่อกับแม่จะรู้ว่าเรารักกันจริง เขาจะมั่นใจว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน จะดูแลกัน แต่ถ้านาย...ไปรักกับผู้ชายคนอื่น เราว่าพ่อกับแม่นายคงไม่ไว้ใจหรอก ถ้าเป็นผู้ชายแล้ว...เขาไว้ใจเราคนเดียว นายว่าไหมต้น" สนพยายามถามให้เป็นเรื่องไม่เครียดมากเกินไป ปนอารมณ์ขันนิดๆ เพื่อช่วยลดบรรยากาศที่ตึงเครียดตอนนี้

ต้นพยักหน้า "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น" แล้วก็ถอนหายใจ "แต่อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลยดีกว่า มันยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้...ทำใจให้สบายๆ แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้ปัญหาของนายก่อนดีกว่านะ"

"เราก็ว่าอย่างนั้น อ้อ...ต้นจ๋า...นายหิวไหม ข้างหน้ามีปั๊ม นายอยากให้เราแวะหรือเปล่า เผื่อนายจะไปฉี่ด้วย"

ต้นอดขำไม่ได้ที่ดูเหมือนสนจะติดใจคำว่า 'ต้นจ๋า' เสียจริงๆ "ก็ดีเหมือนกัน พอนายพูดขึ้นมาก็เริ่มปวดเลย"

"ได้เลยครับที่รัก"

สองหนุ่มหันมายิ้มให้กัน เอาล่ะนะ ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจทำไปแล้ว ก็คนมันรักกัน อยากอยู่ด้วยกัน จะเอาเหตุผลอะไรมาห้าม จะเอากฏเกณฑ์อะไรมาวัด จะเอาไม้บรรทัดของใครมาทาบ หรือแม้คนทั้งโลกจะด่าประนาม มันก็หยุดความรักของเขาสองคนไม่ได้ ถ้าจะถามหาเหตุผล ก็ถามตัวเราเองดูละกันเวลาที่มีความรัก

TO BE CONTINUED
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 27-06-2012 00:36:07
อืม อ่านแล้วเราเข้าใจนะ คนเรากดดันมากๆ ก็มีหลายคนในชีวิตจริงที่ยอมหนีงานแต่ง
เพราะรู้ไปว่าแต่งกัน ก็ไม่วายจะต้องเจ็บไปเรื่อยๆ แม้การหนีไม่ใช่ทางออก แต่หนีไปตั้งหลักยังดีกว่า
นาร้ายมากอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-06-2012 00:46:15
คิดแบบคนวงนอกนะคะ

นาเป็นผู้หญิงที่แปลกมากเข้าขั้นไร้หัวคิดเลยทีเดียว ครอบครัวของนาก็เหมือนกัน
ถ้าเรื่องคลิปนี้เกิดขึ้นจริงๆ วูบแรกทุกคนต้องคิดว่าชายต้องเป็นคนทำ
แต่ไม่นานก็ต้องรู้สึกแปลกๆล่ะว่า ทำไมคนเดือดร้อนมันเป็นฝ่ายชาย??

ถ้ามีผู้หญิงคิดแบบนี้ทำแบบนี้ ผช.จะไม่สนใจผญ.เลยเราก็ไม่แปลกใจซักติ๊ดดดดดดดดดด
น่ากลัว จนเข้าขั้นหลอนจิตเลยทีเดียว
มาคิดกันตามกม.พิสูจน์ยากมากเลยว่าใครถ่ายคลิป ใครอัพลงยูทูป

เจอหักหน้ากันกลางงานแต่งแบบนี้ก็สมน้ำหน้าแฮะ
สงสารหน่อยๆ แต่มองที่เหตุเริ่มต้นแล้วก็ไม่เหลือความสงสารกันล่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 27-06-2012 06:06:41
เหอๆ สมน้ำหน้า ว่าละ บีบจนผู้ชายทนไม่ไหว
หมาจนตรอกมันทำได้หมดละ ไม่มีอะไรจะเสียนี่
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 27-06-2012 08:59:41
หนีงานแต่งเพื่อให้งานแต่งล้ม  ที่เดาเอาไว้ ถูกซะด้วย แต่ไม่คิดว่าจะพาต้นไปด้วย
ตอนแรกยังกลัวว่าสนจะไม่ทำอะไรซะแล้ว สงสารต้นมากๆที่แอบไปร้องไห้

นาควรรู้สึกผิดได้ตั้งนานแล้ว ดันทุรังจนเรื่องบานปลาย
ไม่รักศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของตัวเองยังไม่พอ ยังพยายามทำลายคนที่ตัวเองบอกว่ารักอีก เธอรักตัวเองมากกว่า ไม่ได้รักสนหรอก
เฮ้อออ...หวังว่านาจะสำนึกผิดโดยสมบูรณ์ แล้วสารภาพกับทุกคนซะ จะได้ไม่มีสิ่งติดค้างต่อกัน

เอาใจช่วยต้นกับสนนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้สนุกมากๆ ลุ้นตามตลอด
เข้มข้นยิ่งกว่าละครช่อง 7 ซะอีก
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 27-06-2012 10:10:59
ตอนนี้สนทำอย่างที่เราอยากให้ทำพอดี ให้มันขายหน้ากลางงานแต่งสมน้ำหน้ายัยนาไม่มีความสงสารให้หรอก ร่านเองปล่อยคลิปตัวเองได้หน้าไม่อายตอนนี้ทำมาอายน่าสมเพช
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-06-2012 11:07:27
อืม  ผลของการดันทุรังคือความเจ็บปวด ขายหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสินะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 27-06-2012 11:09:30
หากว่าเรื่องเข้าถึงตำรวจ สุดท้ายแล้ว คนที่จะเจ็บตัวและอับอายขายหน้าที่สุดก็คือนา

สนมีความเป็นสุภาพบุรุษมาก นาเลยใช้เหตุผลนี้เข้ามาเป็นเครื่องมือ

เฮ้อออ ใครทำอะไรให้ใครไว้ สุดท้ายแล้ว กรรม ย่อมสนองกลับคืนเป็นสองเท่า
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 27-06-2012 11:10:02
ในที่สุดสนก็ตัดสินใจได้ซะทีนะ   นานี่ร้ายจริงอยากได้เค้าสุดท้ายก็ต้องอาย

แถมยังไม่ยอมบอกความจริงกับแม่อีก   เดี๋ยวจะได้หน้าแตกกันทั้งแม่ทั้งลูก


ปัญหาต่อไปก็คงมีมา  ก็ค่อยรอแก้ต่อไปนะสน :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 27-06-2012 18:43:57


"ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจทำไปแล้ว ก็คนมันรักกัน อยากอยู่ด้วยกัน จะเอาเหตุผลอะไรมาห้าม จะเอากฏเกณฑ์อะไรมาวัด จะเอาไม้บรรทัดของใครมาทาบ หรือแม้คนทั้งโลกจะด่าประนาม มันก็หยุดความรักของเขาสองคนไม่ได้ ถ้าจะถามหาเหตุผล ก็ถามตัวเราเองดูละกันเวลาที่มีความรัก"




ชอบประโยคนี้ที่สุดเลย  :impress2: :impress2: :impress2:

เอาช้างมาฉุดก็หยุดรักไม่ได้ง่ายๆหรอกเนอะ


::: อ่านตอนแรกหดหู่ สงสารต้น พออ่านจนถึงสนว่าชิ่งนั้นแหละ เฮเลย  :man1:

น่ารักจริงๆเลย

นาเป็นผู้หญิงที่หน้า ...ด้าน...มาก ถ้าสวยจริงดีจริงเดินไปทางไหนผู้ชายก็มองค่ะ เหอๆ ไปหาคนที่พร้อมกับเธอดีกว่าไหม

ก่อนที่คิดจะมาจับเขาเนี่ย  o13 o13 o13

+ 1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 27-06-2012 19:28:14
งง ๆ นิดหน่อย แม่ของนายังไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย
ว่าลูกสาวตัวเองเป็นคนสร้างหลักฐานผูกมัดสนไว้
ถ้าเข้าใจถูก อยากเห็นแม่ของนา หน้าแตกจัง 55
โวยวายไว้ซะเยอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: DarKLasT ที่ 28-06-2012 02:07:56
ในชีวิตจริงผมเคยเจอเคสแบบนี้นะครัับนี่

ตามกฏหมายแล้วเมื่อรู้ว่าผู้กระทำผิดเป็นใครก็ควรแจ้งความภายใน7วัน แต่ถ้าหลังจาก90วันหรือ60วันนี่ผมจำไม่ได้มันจะหมดอายุความทันทีนะครับ

ถึงจะมีคลิปอยู่แต่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ที่มีหลักฐานนี้อยู่ในมือก็ยิ่งทำให้ฝ่ายชายพ้นข้อกล่าวหาเร็วขึ้น

อืม บอกได้คำเดียวสมน้ำหน้าหญิง นา จริงๆ

อ่ออีกอย่างตามกฏหมายแล้ว ถ้าฝ่ายเสียหายมีอายุเกิน18ปี แล้วนั้น พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมาเรียกร้องค่าเสียหายแต่ประการใด

นอกเสียจากว่า จะเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียง

แต่ยังไงดูๆแล้วหญิงนานี่ก็คงทำไรสนไม่ได้เลยสักอย่าง

นิยายเรื่องนี้อ่านไปปวดใจไปเลยครับนี่ น้ำตาไหลเป็นเผาเต่ากันเลยทีเดียว

สนุกมากครับแต่ สกิลต่อต้านดราม่าของผมมันน้อยไปหน่อยเทานั้นเอง

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 28-06-2012 04:03:03
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-06-2012 08:41:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 29-06-2012 09:41:46
ขอเวลาปรับบทอีกสักวันสองวันนะครับ รู้สึกว่ามันยังกระชากใจไม่พอ
ยังไม่สะใจคนเขียนครับ ขอเพิ่มดีกรีความหน่วงใจของเรื่องขึ้นอีกหน่อย

เวอร์ชั่นเก่าสนกับนาแต่งงานกัน แต่สุดท้ายก็เลิกกัน
เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้แต่งงานกัน แต่ก็อยากให้แรงไม่แพ้กันครับ
หลังจากนี้อีกไม่นาน เรื่องก็จะไปถึงจุดพีคสุดครับ (แรงจนคนเขียนยังแอบหวั่นใจว่าจะให้เป็นแบบนี้ดีไหม)

อ้อ...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับเพื่อนผมเมื่อไม่นานนี้
ก็เลยเอามาเป็นไอเดียแต่ปรับให้มันหนักขึ้นครับ

อย่าเพิ่งชะล่าใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้
อีกไม่เกินสองวันจะกลับเอาตอนใหม่มาให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓ - พักอีกสองวัน
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 29-06-2012 10:33:31
รอจ้า  ^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 32 ¤ Let's Elope (27-06-2012) ░ ▒ ▓ - พักอีกสองวัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 29-06-2012 22:02:44
ตอนที่ 33: ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า)

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

"นายจะลงไปทั้งชุดอย่างนี้เหรอสน" ต้นพูดพลางหัวเราะชอบใจใหญ่ สนหนีออกมาจากงานทั้งชุดแต่งงาน แถมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาไว้เผื่ออีก ตอนแวะปั๊มน้ำมัน สนเดินไปตรงไหนคนก็มอง ต้นนึกถึงทีไรก็ยังขำไม่หาย

"ก็จะให้เราทำไงล่ะ ก็เราลืมเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย" สนหัวเราะเช่นกัน "รีบไปจองห้องกันก่อนดีกว่า" สนว่าแล้วก็เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับต้น เขาไม่ได้วิ่งมาเปิดประตูให้ต้นเพราะต้นเห็นว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็น เขาพอดูแลตัวเองได้ จึงบอกสนไปว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้กับเขาก็ได้

พอจองห้องได้แล้ว สนก็พาต้นขึ้นมาบนห้องพัก พอล็อกห้องแล้วสนก็อ้าแขนออกเป็นเชิงบอกให้ต้นรู้ว่าจะต้องทำอะไร ต้นเห็นแล้วก็เดินเข้าไปกอดกับสนทันที

"ในที่สุดก็ได้กอดเสียที รู้ไหมว่าเราอยากกอดนายมากแค่ไหน เห็นนายเจ็บ แอบไปร้องไห้แล้วก็สงสาร ไม่เจ็บแล้วนะต้น ต่อไปนี้...เราจะไม่ทำให้นายเจ็บแบบนี้อีกแล้ว เราสัญญา" น้ำเสียงของสนบ่งบอกว่าเขารู้สึกสงสารคนที่เขากำลังกอดอยู่นี้มากเพียงใด เขาลูบหลังแล้วก็ฝังจมูกลงบนไหล่ของต้น คล้ายกลับจะปลอบใจคนที่เพิ่งเสียขวัญไปเพราะเห็นคนรักไปแต่งงานกับคนอื่น

"ไม่เจ็บแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายพยายามทำให้เรานะสน" ต้นบอก ยิ้มจางๆ อย่างเป็นสุขใจ สิ่งที่เขาได้จากสนมานี้นับว่าเกินความคาดหมายเป็นอย่างมากแล้ว ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสนจะรู้ว่าเขาคิดอะไร ยิ่งจะให้คิดว่าสนจะมีใจให้เขาด้วยนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่วันนี้ต้นกลับได้รู้ว่าเพื่อนที่เขาแอบรักมาเกือบทั้งชีวิตก็รู้สึกไม่ต่างกัน

"ต้น...ตอนนี้เราทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้เรากับนายได้อยู่ด้วยกัน ขอแค่นาย...ไม่ต้องเจ็บเหมือนที่ผ่านมา" สนค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนของเขาออก "เอาล่ะ...นายพร้อมที่จะฟังเรื่องราวทั้งหมดหรือยังต้น เรื่องที่เรายังไม่เคยบอกนายเลย"

ต้นพยักหน้า สนพาต้นมานั่งที่ชุดโซฟา เขาอยากจะเล่าให้หมดเสียในตอนนี้เพราะสนไม่อยากพูดถึงอีกหลังจากนี้ ช่วงเย็นนี้เขาอยากจะพาต้นไปหาอะไรกินข้างนอกอย่างสบายใจ พอเห็นว่าต้นพร้อมที่จะฟังแล้วสนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขาปิดบังต้นไว้

"นายจำได้ไหม ตอนเรียนปีสี่ เราเคยบอกนายว่ามีผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่งมาชอบเรา ก็เป็นเขานั่นแหละ"

"คนที่นายบอกว่าเขาชอบเอาของมาให้นายบ่อยๆ ใช่ไหม" ต้นสงสัย เขาเองก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นที่สนพูดถึงหรอก ต้นไม่ค่อยได้แวะไปที่คณะของสนเท่าไหร่ แต่เท่าที่ฟังจากสนเล่าตอนนั้นต้นก็พอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะชอบสนมาก

"ใช่...เขาแอบชอบเรามาพักใหญ่ๆ แล้วล่ะตอนที่เราเริ่มรู้ตัว เขาชอบเอาของมาให้ ชอบเดินผ่านให้เราเห็นบ่อยๆ ก็เป็นแบบนี้อยู่สักพัก แล้ว...เราจำได้ดีว่ามันเป็นวันวาเลนไทน์ เขาเดินมาบอกเราว่า...เขาชอบเรา เอาดอกกุหลาบมาให้ แต่พอเรารับไว้...เราก็ดันบอกเขาไปว่า ขอบคุณที่รู้สึกดีๆ กับเรานะ แต่เรา...มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วเขาก็หน้าเสีย ก็คงจะเสียใจที่เราไปบอกแบบนั้น"

"มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ...ใครเหรอสน" ต้นถามอย่างสงสัย เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าสนชอบใครอยู่ตอนนั้น ไม่เห็นสนชอบใครสักคนเลย

สนยิ้มแล้วก็ตอบว่า "จะใครเสียอีกล่ะ" แล้วสนก็เอานิ้วมาจิ้มตรงหน้าอกของต้น "คนนี้ไง" สนยิ้มเขินเล็กน้อย "นายจำได้ไหมที่นายถามเราว่า...วาเลนไทน์ปีนี้เอาดอกกุหลาบไปให้สาวที่ไหนหรือเปล่า แล้วเราก็ตอบไปว่า...อยู่กับนายก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่เห็นอยากมีแฟนเลย ตอนนั้น...เราแอบคบนายเป็นแฟน ไม่รู้ตัวอีกเหรอ" สนขำและยิ้มไปพร้อมๆ กัน

"ใครจะไปรู้ล่ะ" ต้นยิ้มเขิน "เอาๆ...ต่อดีกว่า" ต้นรีบดึงเข้าเรื่องที่เขาอยากรู้

"ต่อนะ...หลังจากนั้น...เราก็ไม่ค่อยได้เจอเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนหลังๆ เขาก็พยายามเข้ามาคุยกับเรา พยายามที่จะ...อย่าหาว่าเราอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ เขาพยายามจะเชิญชวนเราไปทำอย่างนั้น แต่เราก็ปฏิเสธเขามาตลอด จนเราเรียนจบไปแล้ว ก็เลยไม่ได้เจอเขาอีกเลย แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งเขาก็โทรมาหาเรา เขาบอกว่าอยากได้คนช่วยทำเว็บให้ชมรมที่คณะของเขา ก็เลยถามว่าเราสนใจไหม เราก็ตอบไปว่าสนใจ แล้วเขาก็บอกว่าเขาจะมาคุยรายละเอียดด้วย เราก็นัดเขามาคุยที่ร้านกาแฟข้างล่างคอนโดของเรานั่นแหละ แล้วเราก็เลยรับทำเว็บให้เขาไป แล้วเขาก็มาคุยงานกับเราอยู่อีกหลายครั้ง แต่เราก็ไม่เคยพาเขาขึ้นไปบนห้องหรอกนะ เพราะเราก็ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่ แต่มีอยู่วันหนึ่ง ห้องน้ำข้างล่างมันเสีย เราก็เลยพาเขาไปเข้าห้องน้ำที่ห้องของเรา เราก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาก แต่พอเขาออกจากห้องน้ำ..." สนหยุดเว้นจังหวะเหมือนกับไม่อยากจะพูดถึงตอนนี้เอาเสียเลย

"เขาไม่สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น นายก็คงพอจะเดาได้ใช่ไหมว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แล้วเขาก็พยายามมาหาเราอีก เราก็เผลอไปมีอะไรกับเขาอีกจนได้ แต่คราวนี้เราไม่รู้ว่าเขา..แอบตั้งกล้องถ่ายไว้ แล้วเขาก็อาศัยตอนที่เราเผลอเอาคอมของเราอัปโหลดคลิปขึ้นไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต จากนั้น...ไม่รู้ว่ายังไง ไม่กี่วันพ่อกับแม่เขาก็ตามมาเอาเรื่องเราถึงที่คอนโด เขาใส่ร้ายเราว่าเราถ่ายคลิปแล้วเอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต เราไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย พูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว เราเป็นผู้ชาย คงไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงที่ไหนจะทำแบบนั้น แล้วเขาก็ขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับเรา แล้วก็จะไปฟ้องพ่อกับแม่ของเราด้วย แล้ว...อาจจะเป็นเพราะนาเขาชอบเรามาตั้งนานแล้ว เขาก็เลยพยายามหว่านล้อมพ่อกับแม่ให้กดดันให้เรารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เขาบอกพ่อกับแม่เขาว่าเรากับเขาชอบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พ่อกับแม่เขาก็เลยเข้าใจว่าเรากับนาชอบกันอยู่ ก็เลยจะให้เรารับผิดชอบลูกสาวของเขาหลังจากที่เขาเรียนจบ ตอนนั้นเรากลัวเขาไปฟ้องพ่อกับแม่ของเรามาก เราไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ ไม่อยากให้นายกับครอบครัวรู้ ไม่อยากให้คนที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอดต้องผิดหวังกับสิ่งที่เราทำ เราก็เลยตกปากรับคำเขาไปว่าจะรับผิดชอบ มันก็เลยเป็นที่มาของการแต่งงานของเรากับเค้า" สนหยุดเล่าด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย

"นายรู้ไหมว่าตอนนั้น...เรากำลังตัดสินใจ...ที่จะบอกรักนายอยู่แล้ว แต่พอเรื่องนี้มันเกิดขึ้น เราก็ต้องเก็บมันเอาไว้ เราทรมานใจมากนะต้น เราพยายามคุยกับเขามาตลอดว่าเราไม่ได้รักเขา เรามีคนที่รักอยู่แล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะแต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน แต่เขาก็ไม่ฟัง จะให้เรารับผิดชอบท่าเดียว แล้วก็ขู่ว่าจะส่งคลิปนั้นไปให้พ่อกับแม่เราดู" สนถอนหายใจและมองดูมือของตัวเอง "แต่มันก็สำคัญที่ว่า เราตกปากรับคำเขาไปแล้ว...และเราก็มีอะไรกับลูกสาวเขาจริงๆ"

"เขาทำถึงขนาดนี้เลยหรือสน แสดงว่า...เขาคงต้องชอบนายมากๆ ไม่งั้นเขาก็คงไม่ยอมทำถึงขนาดนี้หรอก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะ" ต้นทำน้ำเสียงและสีหน้าเห็นใจ ไม่คิดว่าสนจะต้องมาเจอกับโชคชะตาแบบนี้

"ก็คงอย่างนั้น...อาจจะเป็นเพราะเราไปปฏิเสธความรักเขาอย่างไม่ไยดีด้วยมั้ง เขาก็เลยอยากเอาชนะ แต่ก็ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้ว ถึงตอนนี้...เราไม่โกรธเขาแล้วล่ะ ต่างคนต่างอยู่ละกัน ไม่อยากให้มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว เราอยากเป็นอิสระ อยากอยู่กับนาย" สนหันมายิ้มจางๆ กับต้น

"เขาบอกว่าฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอนะสน" ต้นเอื้อมมือไปกุมมือสนไว้เบาๆ

"เราก็หวังว่า...มันจะเป็นฟ้าหลังฝนจริงๆ เราเข็ดแล้วล่ะต้น ไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเขาอีก เราเหนื่อย อยากพักชีวิตที่มันวุ่นวาย อยากกลับมาบ้าน...แล้วก็เห็นรอยยิ้มของนาย กินอะไรอร่อยๆ ด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน คุยกัน นอนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แล้วก็ไปหาพ่อกับแม่ด้วยกัน" แล้วสนก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นและเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือต้นไว้แทน

"กลับไปคราวนี้...เราจะไปคุยกับพ่อแม่ของเราก่อนนะต้น เราคงจะต้องหาทางบอกให้เขารู้ให้ได้ว่าเราสองคน...รักกัน จะใช้ชีวิตด้วยกัน ถ้าพ่อกับแม่เราโอเคแล้ว เราก็จะไปคุยกับพ่อแม่ของนาย"

"แล้ว...พ่อสนแม่สนจะว่ายังไง เขาจะเห็นดีด้วยเหรอ เรากลัวเขาจะ..." ต้นมีสีหน้ากังวล

"ไม่รู้เหมือนกันต้น เราก็ตอบนายตอนนี้ไม่ได้หรอก แต่ยังไงเขาก็ต้องรู้จนได้ ถ้าเราสองคนจะอยู่ด้วยกัน มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ นายเป็นคนสำคัญของเรานะต้น เราไม่อยากคบกับนายแบบหลบๆ ซ่อนๆ"

ต้นยิ้ม สนเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็ใช้มือโอบต้นไว้

"เราคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกสักหน่อยนะต้น แต่เราจะอยู่ข้างๆ นาย จะไม่ไปไหนอีกแล้ว นายคงไม่กลัวนะ"

ต้นกอดและซบลงไปบนอกอุ่นๆ ของสนแทนคำตอบ ถ้าสนอยู่ตรงนี้แล้ว ต้นก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ วันเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนานได้พิสูจน์ให้ต้นเห็นแล้วว่า ถ้ามีสนอยู่ใกล้ๆ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกเลย แต่ถ้าเป็นอุปสรรคที่เกิดจากพ่อกับแม่แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นักที่เขาและสนจะฝ่าไปได้ แต่พ่อกับแม่คือคนที่รักเรามากที่สุด เขาก็น่าจะเข้าใจเรามากที่สุดเช่นกัน ต้นกับสนก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

--------------------------------------------------------

แขกเหรื่อกลับกันไปจนหมดแล้ว บ้านที่เป็นที่จัดงานแต่งงานก็กลับมาเงียบเหงาเช่นเดิม พ่อกับแม่ของต้นและสนก็ยังนั่งปรับทุกข์กันอยู่หน้าบ้าน สีหน้าแต่ละคนดูกังวลและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด สนกับต้นหายไปได้หลายชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าจะติดต่อทางไหนก็ไม่ถึงตัว ให้นิกกับปั้นจั่นตามไปดูที่คอนโดของทั้งสองคนก็ไม่ได้ความ ดูๆ แล้วยังไงสนกับต้นคงไม่น่าจะอยู่ที่คอนโดอย่างแน่นอน น่าจะไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่กรุงเทพ

"ขอโทษจริงๆ นะแม่พรที่สนมันพาต้นหนีไปด้วย" แม่ของสนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

"อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยแม่ตา ถ้าต้นไปกับสนแล้วฉันก็ไม่ห่วงหรอก ที่กลุ้มใจ...ก็ไม่ใช่เรื่องนั้น กลุ้มใจเรื่องสนกับแฟนเขานี่แหละ ฉันว่านะ...แม่ตาอย่าเพิ่งไปเชื่อทางนั้นเลย เราเลี้ยงต้นกับสนมาตั้งแต่เด็กๆ เรารู้ว่าเขาเป็นเด็กดี ฉันเองกับพ่อวัฒก็รักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน เขาก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังนะแม่ตา รอให้สนกลับมาแล้วถามสนก่อนดีกว่านะ อย่าเพิ่งไปเชื่อตามเขา ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เขาบอก เราก็จะได้หาทางช่วยสนได้" แม่ของต้นคิดอย่างนั้นจริงๆ เธอไม่เชื่อหรอกว่าสนจะทำแบบนั้นได้ มันต้องมีลับลมคมในบางอย่างอย่างแน่นอน

"แต่เขาว่าเขามีหลักฐานนะแม่พร" แม่ของสนยังไม่วายกลุ้มใจเรื่องนั้น

"แม่ตา...อย่าเพิ่งปักใจเชื่อเลย หลักฐานอะไรนั่นเราก็ไม่เห็น หรือถ้ามีก็อย่าเพิ่งไปมั่นใจว่าจะเป็นของจริง ไม่เห็นในข่าวเหรอที่ว่าดาราเขาตัดต่อภาพกันโครมๆ อย่าเพิ่งมองสนแง่ร้ายแบบนั้นเลยแม่ตา เราเลี้ยงเขามา เราก็รู้จักคนของเราดีพอสมควร" พ่อของต้นปรามบ้าง ทำให้แม่ของสนค่อยๆ คลายความกังวลใจในเรื่องนั้นลงไปได้อีกหน่อย

"ก็ดีเหมือนกันนะแม่ รอถามสนมันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก ถ้าถึงขนาดที่สนมันต้องหนีงานแต่งงาน มันก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ สนมันไม่ใช่คนใจร้ายหรอกแม่ มันไม่ทิ้งผู้หญิงแบบนั้นหรอก นี่ทางนั้นคงไปกดดันอะไรมันเข้า มันก็อาจจะทนไม่ไหว ก็เลยหนีไป" พ่อของสนช่วยให้สติอีกคน ดูเหมือนว่าหลายๆ คนไม่เชื่อในสิ่งที่แม่ของนาพูดนัก

"อืม...ฉันก็ว่าลูกชายของฉันมันก็ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นหรอก แต่ฉันก็ยังไม่พอใจอยู่ดีนั่นที่สนมันพาต้นหนีไปด้วย ทำยังกะพาลูกสาวเขาหนียังไงยังงั้นเลย ตัวเองเดือดร้อนยังไม่พอ ยังจะไปให้เพื่อนมาเดือดร้อนอีก" แม่ของสนยังอดไม่ได้ที่จะกลับมาบ่นเรื่องนี้ด้วยความที่เกรงใจครอบครัวของต้น เห็นสนไปทำให้ต้นเดือดร้อนแบบนั้นจึงไม่ค่อยสบายใจ

แต่สิ่งที่แม่ของสนพูดก็ทำให้พ่อกับแม่ของต้นถึงกับต้องหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าครุ่นคิด ที่ต้องคิดนั้นเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ของต้นเองก็เริ่มสงสัยที่ต้นไม่ยอมมีแฟนกับเขาเสียทีมาพักหนึ่งแล้ว จนขนาดว่าสนจะแต่งงานมีแฟนแล้ว ต้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใคร เห็นอยู่แต่กับสนแล้วก็ทำงาน ว่างก็ไปทำงานอาสาสมัคร

"แม่พรสบายใจเถอะ ฉันน่ะไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก ต้นกับสนมันโตกันแล้ว เขาช่วยเหลือดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก เขาดูแลกันได้ ก็ถือซะว่าเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันก็แล้วกัน เดี๋ยวก็กลับมา ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดหาทางช่วยสนรับมือกับทางนั้นก่อนเถอะ" แม่ของต้นบอก แต่ในใจก็อดคิดเป็นห่วงลูกชายเรื่องนั้นไม่ได้ ถ้าเกิดต้นเป็นแบบนั้นอย่างที่เธอกับสามีสงสัยขึ้นมาจะทำยังไงดีหนอ

"กินข้าวกินปลากันก่อนเถอะ วันนี้พ่อวัฒกับแม่พรก็อยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่เสียก่อนละกันนะ เหนื่อยมาทั้งวันเลยวันนี้ มาช่วยตั้งหลายอย่างเลย" พ่อของสนพยายามตัดบท ถ้าปล่อยให้คุยกันเรื่องนี้ก็คงคุยได้ทั้งคืน แต่ก็คงได้แต่เดากันไป เจ้าตัวที่จะตอบปัญหาได้ก็หนีไปแล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่ารอให้เจ้าตัวเขามาเล่าเองว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้บรรดาพ่อๆ แม่ๆ ทั้งหลายต้องหยุดฟุ้งซ่านไว้ชั่วคราว

----------------------------------------------------------------------

ตกเย็นสนก็พาต้นมาซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ชั่วคราวที่ร้านขายของนักท่องเที่ยวเลียบชายหาด เสร็จแล้วก็มากินอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่สนเล็งๆ ไว้ระหว่างที่ขับรถผ่านมา เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีทีเดียว ค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับร้านใกล้ๆ กันแถวนี้ ขายทั้งอาหารไทยและฝรั่ง

"เดี๋ยวเราไปฉี่ก่อนนะ" สนบอกแล้วก็รีบลุกเดินออกไป ต้นจะเรียกตามก็ไม่ทัน เขาจึงหยิบเมนูมาเลือกอาหารรอไปพลางๆ ก่อน นานพอสมควรทีเดียวจึงได้เห็นสนกลับมา

"ทำไมไปนานจังล่ะ ท้องเสียเหรอ เราก็เลยสั่งอาหารไปก่อน เดี๋ยวนายคอยดูก่อนละกันนะว่าพอไหม หรืออยากกินอะไรเพิ่มก็ค่อยสั่งทีหลัง"

"เปล่า...ไม่ได้เป็นไรหรอก" สนตอบยิ้มๆ "นายสั่งอะไรไปบ้างล่ะ" สนถามพลางหยิบเมนูขึ้นมาดู ต้นจึงสาธยายไปว่าเขาได้สั่งอะไรไปบ้าง

"น่าจะพอแล้วแหละ" สนว่าพลางวางเมนูลง ท่าทางแปลกๆ แบบนี้ทำให้ต้นสงสัยเหมือนกันแต่ต้นก็ไม่ได้ถามอะไร

พออาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ สองหนุ่มก็นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยและสบายใจ ต้นชอบกินปูแต่แกะไม่ค่อยเก่ง สนก็ช่วยแกะให้ ดูเขามีความสุขมากทีเดียวที่ได้ช่วยทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

จนกระทั่งกินกันจนอิ่ม ต้นว่าจะสั่งของหวานมากินแต่สนห้ามไว้ก่อน

"ทำไมล่ะ เราอยากน่ะ" ต้นถามอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมสนต้องห้ามเขากินของหวานด้วย

"เดี๋ยวอ้วน เราจะกอดได้ไม่รอบ" สนแกล้งหยอกเล่น

"บ้า...เราก็ออกกำลังกายนะ บางวันเราก็ไปฟิตเนส ไม่อ้วนหรอก"

ก่อนที่สนจะเริ่มหมดทางห้ามเพราะต้นดูเหมือนอยากจะกินของหวานจริงๆ พนักงานเสิร์ฟก็เอาของที่สนแอบไปสั่งไว้มาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะพอดี พอต้นเห็นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยใหญ่

"อะไรน่ะสน นายไปสั่งเค้กอะไรมาเหรอ ทำไมมีชื่อเรากับนายอยู่บนนี้ด้วยล่ะ มีรูปหัวใจด้วย" ต้นถามด้วยสีหน้าอยากรู้

"ทายสิว่าเค้กอะไร" สนยิ้มมีเลศนัย

ต้นพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก มันไม่ใช่ทั้งวันเกิดของเขาหรือของสน ก็ไม่น่าจะใช่เค้กวันเกิด แล้วมันเป็นเค้กอะไรกันนะ

"นึกไม่ออก...เฉลยดีกว่า เค้กอะไรเหรอ"

สนค่อยๆ ยิ้มกว้าง ยิ่งเห็นต้นทำหน้าฉงนก็ยิ่งชอบใจ

"ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันที่เราจะแต่งงาน ไม่ได้แต่งงานกับเขา ก็แต่งกับนายดีไหม คิดออกหรือยังว่าเป็นเค้กอะไร"

พอได้รู้เท่านั้นแหละ คนฟังก็ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจและซาบซึ้งใจ ต้นนึกสงสัยอยู่แล้วเชียวเพราะเห็นสนทำท่าทางแปลกๆ ไม่คิดว่าจะทำให้ประหลาดใจแบบนี้

"เค้กแต่งงานของเราสองคนไงต้น" สนบอก

นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก ต้นคงจะต้องโผเข้าไปกอดสนอย่างแน่นอน ต้นมองหน้าสนแล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตาที่ซึมๆ ออกมา

"ขี้แยอีกแล้วแฟนเรา" สนพูดพลางส่งกระดาษเช็ดหน้าบนโต๊ะให้ ต้นรับมาซับน้ำตาแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้

"กินเค้กกันนะ ช่วยกันตัดดีกว่า" สนว่าแล้วก็เขยิบเก้าอี้ของเขาไปนั่งข้างๆ ต้น จากนั้นก็จับที่ตัดเค้กพร้อมกันพร้อมกับตัดเค้กออกเป็นชิ้นๆ นับแล้วก็ได้สี่ชิ้นเท่าๆ กันพอดี

"คนละสองชิ้นนะ" สนบอก พอดีเค้กไม่ได้ชิ้นใหญ่มากนักเพราะเขากะว่าให้กินสองคนหมด

ต้นทำสีหน้ากังวล "โห...สงสัยต้องยอมอ้วนเพื่อเค้กแต่งงานของเราสองคนแล้วล่ะ" แล้วต่างคนก็ต่างขำ

"มื้อนี้เราจ่ายนะ นายค่อยจ่ายมื้อต่อไป" สนรีบบอกดักไว้ เวลาไปกินอาหารด้วยกันแบบนี้ ต้นกับเขาจะช่วยกันออกหรือไม่ก็ผลัดกันเลี้ยง แต่ต้นจะไม่ยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกคนเดียวอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อน ต้นก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร เขาไม่ชอบนักเวลาที่เห็นคนมีแฟนแล้วให้แฟนออกค่าใช้จ่ายทั้งหลายแหล่ให้

ต้นพยักหน้ารับแล้วก็หันมากินเค้กแต่งงานของเขาทั้งสองคนต่อ สลับกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กันบ้าง

เกือบๆ สี่ทุ่มสนก็พาต้นกลับมาถึงที่พัก หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานั่งคุยกันบนเตียง เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ค่อยสบายตัวนักเพราะเพิ่งซื้อมาใหม่ แต่ก็พอแก้ขัดไปได้พลางๆ

ต้นเห็นสนคอยบีบๆ บริเวณคอและไหล่ของตัวเองบ่อยๆ ก็เลยถาม

"ปวดคอเหรอสน ให้เรานวดให้ไหม"

"อืม...ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราทำงานกับคอมทั้งวันหรือเปล่า" สนพูดพลางใช้มือบีบๆ บริเวณต้นคอ

"เรานวดให้ละกันนะ" ต้นเขยิบไปนั่งข้างหลังสนแล้วก็ค่อยๆ บีบนวดบริเวณคอและไหล่ให้สน สักพักสนก็บอกให้หยุด

"โอเคแล้วล่ะต้น ค่อยยังชั่วละ" แล้วสนก็หันหน้ามาเผชิญกับต้น

"ทีหลังนายต้องหัดบริหารกล้ามเนื้อคอกับแขนบ่อยๆ นะเวลาทำงานกับคอม พออยู่ท่าเดียวนานๆ มันก็จะปวดเมื่อยได้ เดี๋ยวเราหาข้อมูลมาให้นะว่าต้องทำยังไงบ้าง เราเคยอ่านผ่านๆ แต่จำได้ว่าไม่ยากหรอก"

สนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม

"นายรู้ไหมว่า...คืนแรกของการแต่งงาน บ่าวสาวเขาจะทำอะไรกัน" สนถามพลางจ้องหน้าคนถูกถามอย่างไม่วางตา

"อืม...นั่งดูดาวด้วยกันมั้ง" ต้นแกล้งตอบกวน

"แค่นั้นเองเหรอ อืม...แต่เดี๋ยวนี้แสงไฟเยอะ ไม่ค่อยเห็นดาวหรอก น่าจะมีอะไรต้องทำมากกว่านั้นนะเราว่า"

สนยังจ้องตาแบบนั้นอยู่ ต้นเขินจนต้องรีบแก้เก้อด้วยการทิ้งตัวลงไปนอน

"ไม่รู้เหมือนกัน นอนดีกว่า" ว่าแล้วต้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายพลางหันหน้าไปอีกทาง

สนยิ้มแล้วก็นอนตามลงมา เขาเขยิบไปจนชิดกับต้นแล้วก็ชะโงกหน้าข้ามมาถามว่า "เดี๋ยวเราจะช่วยทำให้นายรู้เองว่าเขาทำอะไรกัน"

ต้นพลิกตัวหันกลับมาทางสน ยังไม่ได้ทันจะได้พูดอะไรเขาก็ถูกจู่โจมด้วยการจูบของสนเสียแล้ว แม้จะไม่ทันตั้งตัวแต่ต้นก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบนั้นได้อย่างไม่ยากนัก จนกระทั่งได้แลกลิ้นชิมความหวานซึ่งกันและกันจนพอใจแล้ว สนก็ปล่อยให้ต้นให้พักหายใจ เตรียมตัวสำหรับการถูกจู่โจมครั้งใหญ่

สนมองหน้าต้นที่ดูเขินอายด้วยรอยยิ้มอย่างไม่วางตา สนยิ้มไปทั้งใบหน้า เขารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน รักที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็พร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคนรักกันกับคนๆ นี้

"ต้น...คืนนี้เราช่วยกันอีกนะ เราจะทำให้นายมีความสุขยิ่งกว่าวันนั้นอีกคอยดูสิ คราวที่แล้วเรายังไม่ค่อยมั่นใจ แต่คราวนี้..."

สนก้มหน้าต่ำลงมาหาคนที่เพิ่งหยุดหอบหายใจไปได้ไม่นานนัก แต่คราวนี้ต้นรู้ตัวแล้วจึงตั้งรับได้ทัน เขาชอบรสจูบของสนเสียจริงๆ แม้ว่าเขาเองก็ไม่เคยจูบกับใครมาก่อนหรอก แต่รสจูบของสนทำให้ต้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ อ่อนปวกเปียกจนละลายไร้สิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่กอดสนไว้แน่นราวกับกลัวว่าร่างของเขาจะหลุดลอยปลิวไป ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้น สนก็ช่วยทำให้คนที่ไม่เคยอย่างเขาผ่านพ้นมันมาได้ด้วยดี ไม่รุนแรงจนทำให้ต้นรู้สึกกลัว นับว่าเขาเป็นคนที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความรู้สึกหรือความต้องการของคนที่เป็นคู่รักมากทีเดียว

-------------------------------------------------------------------

เช้าของอีกวันมาถึงแล้ว แต่ก็สายทีเดียวกว่านาจะลงมากินข้าวเช้าที่แม่ทำเตรียมไว้ให้ได้ สีหน้าเธอดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะนอนร้องไห้เกือบทั้งคืน เห็นสีหน้าของคนเป็นแม่แล้วเธอก็พอจะรู้ว่าแม่ยังไม่หายโกรธนัก นี่ถ้าแม่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ทำคลิปนั้นเสียเอง เธอก็คงโดนแม่เล่นงานชุดใหญ่เป็นแน่

"พ่อออกไปแล้วเหรอคะ" นาถามเสียงเบาพลางตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า

"อืม...แล้วนี่จะไปทำงานไหมวันนี้" แม่ของนาพูดพลางจ้องมองอย่างไม่พอใจนัก เบื่อหน่ายกับปัญหาที่ลูกสาวสร้างขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่คบกับสนนั้นก็มีแต่เรื่องแต่ราวมาตลอด

"ทำไมข้าวต้มมันเหม็นอย่างนี้คะแม่" นาไม่ได้ตอบคำถามของแม่แต่ย่นจมูกแล้วก็เบือนหน้าหนี แต่กลิ่นนั่นก็ยังเหม็นอยู่ดีจนนาต้องรีบลุกวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็อาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

แม่ของนาไม่ได้ตามเข้าไปในทันที แต่พอเห็นอาการของลูกสาวแล้วเธอก็ต้องตกใจ เธอเคยมีอาการคล้ายๆ แบบนี้มาก่อน เหม็นอาหารบางชนิด อยู่ใกล้ไม่ได้ แล้วก็อาเจียนแบบนี้ ทำไมอาการของลูกสาวของเธอถึงได้เหมือนกับคน...แพ้ท้อง นาท้องหรือเปล่า!!??

แม่ของนาเดินตามลูกสาวไปแล้วก็ช่วยลูบหลังให้ จนกระทั่งนาหยุดอาเจียน

"นา...แม่ว่า...วันนี้ลูกต้องไปหาหมอนะ"

"ทำไมคะแม่ นาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ" นาแย้ง ถึงเธอจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าได้นอนพักผ่อนร่างกายก็จะกลับฟื้นมาเป็นปกติ

"เพราะแม่กำลังสงสัยว่าหนูจะท้องน่ะสิ" แม่ของนาพูดกระแทกเสียง

นาหันมามองผู้เป็นแม่อย่างตกตะลึง

"จริงเหรอคะแม่ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอาการของคนท้องเหรอคะ"

"ไม่ต้องมาถามแม่เลย คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกหรือไง ท้องกับไอ้หมอนั่นใช่ไหม ทำไมถึงปล่อยให้ท้อง เห็นไหมว่าเขาไม่เอาแกแล้ว ขยันหาแต่เรื่องมาให้พ่อกับแม่ปวดหัว โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตาย นี่แหละน้าเขาว่า...มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน แล้วนี่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อายชาวบ้านชาวช่องเขาจนไม่รู้อายยังไงแล้ว" แม่ของนาตวาดเสียงดัง

แต่สำหรับนา เธอกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เธออาจจะตั้งท้อง ดีเสียอีก นี่แหละที่จะเป็นเหตุผลที่จะทำให้สนต้องกลับมารับผิดชอบเธอ ถ้าเธอท้องจริง สนก็ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นพ่อ เธอกำลังจะมีลูกกับสนหรือนี่ หวังว่า...นี่คงไม่ใช่แค่อาการไม่สบายธรรมดาๆ เท่านั้นหรอกนะ ดีล่ะ...เธอจะไปโรงพยาบาล เธออยากให้หมอบอกเธอว่าเธอกำลังตั้งท้อง เธอจะท้องกับใครอื่นไม่ได้เพราะช่วงนี้เธอมีอะไรกับสนคนเดียวเท่านั้น แม้จะไม่บ่อยเพราะสนไม่ค่อยอยากให้เธอไปยุ่งกับชีวิตเขานัก แต่เธอก็ไม่ได้ท้องกับคนอื่นอย่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-06-2012 22:18:41
มันไม่ใช่ฟ้าหลังฝนแล้วววววววววววววววววววววววววววววว

ขอให้เป็นแค่เครียด เป็นแค่เครียดเหอะ ดราม่ามากกว่านี้ ไม่ไหวแล้ววว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 29-06-2012 22:22:17



 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:


ทำเอาถ้าไหนชะนีนาถึงท้องได้ล่ะสน สงสารต้นอะ ไม่อยากนึกเลยว่าจะต้องเจ็บปวดยังไง

คนไม่รักแล้วยังไปฉุดกระชากลากถูให้เขามารัก ต่อมัดด้วยเชือกข้างหลังเราไม่ปล่อยให้ไปไหน จะทำไงๆ เขาก็ไม่กลับมารักเราหรอก

ทำใจซะ ชะนีนา -_- จงรู้จุดยืนของชะนีอย่างมีคุณค่า ^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 29-06-2012 22:22:53
เฮ้ออออออ เครียดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 29-06-2012 22:29:42
เรื่องชักจะไปกันใหญ่


สนเรียนจบจากไหนมา ถึงไม่รู้จักถุงยาง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-06-2012 22:42:52
อินางงงงงงงงงงงน่าสะพรึงยิ่งนัก

แบบนี้มันเข้าข่ายต้องบำบัดแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 30-06-2012 01:03:12
มันฟ้าหลังฝน หรือ พายุใต้ฝุ่นหลังฝนไล่ช้างล่ะเนี่ย :a5:
นาอย่าท้องเลยนะ หรือ หากท้องขอให้ท้องกับคนอื่นได้มั้ย นาท้องจริงหรอ?.... ไม่นะ ไม่จริงงงงง.... :serius2:
o12 :sad4: :o12:  งื้อ.......ทำไมมันดราม่าสุดชีวิตขนาดนี้...


+1 ค่ะ  :กอด1: :กอด1: มาเร็วมากๆ....
ชอบเวอร์ชั่นใหม่นี้มากค่ะ มันละมุนมากขึ้นและดราม่ามากกว่าเวอร์ชั่นเก่าเยอะเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 30-06-2012 06:50:13
อ่านไปอ่านมา นึกว่าเรื่องราวจะเข้าขั้นสุขสักที
แต่ไหงงานนี้ มีเฮอีกแล้วอะ เฮ่อ แล้วเรื่องจะจบไงนี่
สนต้นคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-06-2012 08:00:40
รอจ้ารอ :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 30-06-2012 09:38:41
อุปสรรคยังไม่หมด ท้องกับใครล่ะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 30-06-2012 11:37:12
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-06-2012 14:56:27
ช่วงโดนแบล็คเมลเป็นช่วงที่เราคิดว่าสนน่าจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
แต่อาจเป็นเพราะว่าความกลัว  ความไม่กล้า  ทำให้มันเลยเถิดมาไกล  ก็เข้าใจอยู่
จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน  อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจหนีการแต่งงานเราไม่รู้ 
แต่ที่แน่ ๆ หลังจากทำแบบนั้นไปแล้ว  ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย  ปัญหาจะยุติ
จริง ๆ ต้องบอกว่าเรื่องยุ่งยากเพิ่งจะเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก  เพราะสิ่งที่สนทำลงไปกระทบกับสามครอบครัวอย่างจัง
ยังไม่ต้องนับถึงผลกระทบอย่างอื่น  ถ้าเป็นเราคงยังฉลองอะไรไม่ออกแน่ ๆ ใจคงเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ หายใจไม่เต็มปอด
คิดหาทางแก้ปัญหาหัวหมุนไปแล้ว  เพราะไม่รู้และไม่มั่นใจว่าพ่อแม่จะรับมือกับอะไรบ้าง  และจะเข้าใจว่าอย่างไร
... แถมตอนนี้ยังมีปัญหาใหม่เพิ่มมาอีก  กลับมาไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 33 ¤ ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า) (29-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 30-06-2012 18:36:33
ใครที่ภูมิต้านทานดราม่าต่ำ ทำใจดีๆ กับตอนนี้ไว้นะครับ  :m15: :monkeysad: :sad11:
ตั้งแต่เขียนนิยายมา ตอนนี้หนักสุดแล้ว

---------------------------------------------

ตอนที่ 34: คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้

(http://s19.postimage.org/ic8fidc9f/l_tonson05.jpg)

สนพาต้นกลับมาที่สวนสนอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คราวนี้สนตั้งใจว่าจะมาแก้มือเสียหน่อย คราวที่แล้วเขาก็มัวแต่วุ่นวายกับปัญหาส่วนตัวกับนา แถมต้นก็ยังควงแฟนมาเย้ยอีก จึงเป็นการมาเที่ยวที่ไม่สนุกสำหรับสนเอาเสียเลย แต่คราวนี้มีแต่เขากับต้นสองคนเท่านั้น แม้จะมีปัญหาที่ยังรอให้กลับไปแก้และคอยรบกวนจิตใจในบางคราว แต่สนก็พยายามที่จะทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีความสุขให้ได้มากที่สุด

สองหนุ่มขี่จักรยานไปตามทางอย่างอารมณ์ดี อากาศยามสายๆ ยังคงเย็นสบายอยู่เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้ขี่จักรยานได้สนุกและเพลิดเพลินใจไม่น้อย สนุกจนกระทั่งหมดชั่วโมงเช่าจักรยานเลยทีเดียว

จากนั้นสองหนุ่มจึงมานั่งคุยกันริมชายทะเล คุยกันบ้าง นั่งนิ่งๆ บ้าง ฟังเสียงลมเสียงคลื่นเพื่อให้ให้ใจที่ยังกังวลกับปัญหาได้พักและสงบลงบ้าง

"ต้น...นายจำได้ไหมว่านายเริ่มชอบเรามาตั้งแต่ตอนไหน" สนถามขึ้นในตอนหนึ่งพลางหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาชอบมองดูแก้มใสๆ และตาแป๋วๆ ของต้น เป็นสิ่งที่ทำให้สนรู้ว่าผู้ชายก็น่ารักได้เหมือนกัน

"โห...นานมาก ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแน่ะ ถ้าจำไม่ผิด...น่าจะเริ่มชอบตั้งแต่อยู่ ม.1 เลย" ต้นตอบพลางทอดสายตาไปยังแนวคลื่นที่เคลื่อนตัวกระทบชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา เสียงคลื่นซัดสาดและลมเย็นๆ ดูเหมือนจะช่วยให้ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในอาณาบริเวณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบทุกคนจึงดูยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข

"นานขนาดนั้นเลยเหรอ...แล้วนายไม่ทรมานใจแย่เลยเหรอต้น" สนทำสีหน้าเห็นใจระคนกับทึ่ง

"อืม...ตอนเด็กๆ ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่พอโตขึ้นก็ลำบากนิดหน่อย แต่เราก็...โอเคกับชีวิตนะ จริงๆ เราน่ะตั้งใจว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่เคยคิดจะบอกใครเลย โดยเฉพาะนาย ก็เรารู้ว่านายไม่ชอบ..." ต้นชำเลืองมองสนแล้วก็หลุบตาลงต่ำ

สนรีบโอบคอต้นไว้แล้วก็ดึงเข้ามาชิดตัว "ก็มันตอนนั้น...แต่ตอนนี้ เรายกเว้นไว้ให้นายคนหนึ่ง นอกจากเราจะไม่รังเกียจแล้ว เรายังรักมากเสียด้วยนะ" สนหันไปยิ้ม เขาค่อยๆ ปล่อยแขนออกแล้วก็ถามต่อไปว่า "แล้วนาย...เคยคิดไหมว่าเราก็อาจจะรู้สึกอย่างนั้นกับนาย อาจจะรู้สึกมานานแล้วก็ได้ เราอาจจะไม่รู้ตัว นายเคยจับสังเกตได้ไหม"

ต้นทำหน้าครุ่นคิด "อืม...ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เราสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นจากนายได้แทบตลอดเวลาเลย อ้อ..นายจำได้ไหมว่าเราชอบเอางานพวกของประดิษฐ์ไปให้นายช่วยทำให้บ่อยๆ ตอน ม.ต้น แล้วเราก็จะคอยนั่งตาแป๋วเป็นกำลังใจให้นาย เวลานายเงยหน้าขึ้นมามองเรา...สายตาของนายทำให้เรารู้สึก...บอกไม่ถูกเหมือนกัน เริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แล้วนายล่ะ นายคิดว่านายรู้สึกกับเราแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน"

สนทำท่าครุ่นคิดบ้าง "อืม...จริงๆ ก็คิดถึงตอนเดียวกับที่นายเพิ่งพูดไปนั่นแหละ แต่ว่า...มันก็คลุมเครือๆ ไม่ชัดเท่าไหร่ เพิ่งจะมารู้สึกตัวจริงๆ ก็ตอนที่เรารู้ว่านาย...เป็นแบบนี้ แล้วนายก็หนีเราไป ต้นเอ๊ย...นายรู้ไหมว่า...ฆ่าเราให้ตายเสียยังจะดีกว่าให้เราต้องมารับรู้ว่านายจะไม่กลับมา มันทรมานมาก เราแทบจะตรอมใจตายเลย ตอนนั้นแหละที่เราคิดว่า...ความรู้สึกมันเริ่มชัดขึ้น แต่มาชัดมากๆ ก็ตอนที่พี่ปิ๊กเข้ามานี่แหละ นึกแล้วก็ขำตัวเอง หึงนายไปทั่วเลย อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้างตอนนั้น รู้แต่ว่าคอยกันท่าสุดฤทธิ์" สนว่าพลางหัวเราะ พอหายขำก็กลับมาพูดต่อ "แต่จริงๆ แล้วเราว่า...ความรักของเราเกิดขึ้นตลอดเวลานะ เริ่มจากความเป็นเพื่อน แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ในตอนหลัง มันเหมือนกับค่อยๆ เปลี่ยนจนเราไม่รู้ตัวว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว"

ต้นพยักหน้าเห็นด้วย "แล้วนาย...คิดว่ามันยากไหมที่นายจะ...ทำใจยอมรับ ไม่รู้สิ เรา...ก็ไม่คิดว่านายเป็นแบบเดียวกับเราหรอก การที่นายอยู่ดีๆ จะรักผู้ชายขึ้นมามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย"

สนเม้มริมฝีปาก ต้นช่างถามได้ตรงกับสิ่งที่เขาอยากให้ต้นถามเสียจริงๆ "ไม่ง่ายหรอก...เราบอกได้เลย เราถึงไม่กล้าบอกรักนายไง รออยู่ตั้งนานเพราะเรากลัวว่าเราอาจจะสับสนระหว่างรักแบบเพื่อนกับรักแบบแฟน หรือไม่ก็อาจจะเป็นแค่ความสงสารเห็นใจ หรืออะไรอย่างอื่นที่เราไม่รู้ แต่พอพี่ทดแทนเข้ามาเท่านั้นแหละ เรามั่นใจอย่างที่สุดเลยว่า...เราไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อนแล้วล่ะ ไม่ใช่ความสงสาร ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น...นอกจากความรัก แต่ว่า...เราก็รู้สึกแบบนี้กับนายคนเดียวนะ กับผู้ชายคนอื่นๆ เราไม่รู้สึกอะไรเลย" สนหันไปยิ้มแล้วก็หันกลับมา มองออกไปข้างหน้าจนสุดลูกหูลูกตาที่เส้นขอบฟ้านั้น

"แล้วนาย...อายคนอื่นหรือเปล่าที่นาย...มีแฟนเป็นผู้ชาย" ไหนๆ ก็ไหนแล้วต้นก็เลยถือโอกาศถามสิ่งที่เขาสงสัยมานานเลยแล้วกัน

"ก็มีบ้าง" สนยอมรับไปตามความจริง "แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะ กลัวนายไม่รักมากกว่า" สนหัวเราะเบาๆ

ต่างคนต่างเงียบไปสักพักแล้วสนก็ถามขึ้นมาว่า "นายจะทำยังไงกับพี่แทนล่ะต้น เขายัง...ชอบนายอยู่ใช่ไหม"

ต้นพยักหน้าพร้อมกับทำหน้าเศร้าเล็กน้อย "แต่เราคุยกับเขาแล้วล่ะ พี่เขาเข้าใจนะ แต่พี่เขาก็ยัง...ยังจะรอเราอยู่ จนกว่าเขาจะไม่อยากรอ"

สนถอนหายใจ จะว่าสงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่ความรัก...มันต้องมีแค่สองคน ถ้าต้นกับเขาตกลงใจและคิดเหมือนกันแล้ว คนอื่นๆ ก็ต้องยอมถอยฉากออกไป ไม่อย่างนั้นแล้วความรักก็จะมีปัญหา

"ความรักก็เป็นอย่างนี้แหละต้น มันต้องมีแค่สองคน ถึงเราจะสงสารเห็นใจแค่ไหน แต่เราก็ต้องเลือกนะต้น ตอนนี้เราเลือกนาย...และนายก็เลือกเรา เราสองคนรักกัน ยังไงคนอื่นๆ เขาก็ต้องเข้าใจความรักของเรา"

สองหนุ่มหันมายิ้มให้กัน แม้ว่าในใจจะรู้สึกพรั่นพรึงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากกลับไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่อยากนึกถึงในตอนนี้

-------------------------------------------------------------------------

ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นขับรถกลับบ้านที่นครปฐม ต้นสังเกตเห็นว่าสนเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้นต้องคอยบีบมือให้กำลังใจอยู่บ่อยๆ พอมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่สนทำก็คือกราบเท้าของพ่อกับแม่ที่เขานำเรื่องไม่สบายใจมาให้ ทำให้พ่อกับแม่มีท่าทางที่อ่อนลงบ้างหลังจากที่ทำท่าจะเอาเรื่องให้หนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทั้งต้นและสนก็ถูกผู้ปกครองทั้งสี่คนซักกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดที่บ้านของสน สนก็เล่าไปตามความจริงที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่เล่าให้ต้นฟัง ยกเว้นเรื่องความสัมพันธ์ของสนกับต้นเท่านั้น

"ตายจริง ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ ทำไปได้ยังไงกัน...ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างเลย" แม่ของต้นอุทานพลางเอามือทาบอกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว "ดีแล้วล่ะแม่พร เป็นฉันนะ ฉันก็ไม่ให้ลูกชายฉันไปแต่งงานอยู่กินกับคนแบบนี้หรอก ดีแล้วล่ะที่สนมันหนีไป อย่าไปแต่งกับคนแบบนั้นเลยสน"

แม่ของสนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็เห็นด้วย แต่ทางโน้นเขาก็เสียหาย นี่ก็จะเรียกร้องค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่ง ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปให้เค้า"

"อะไรนะแม่ เขาจะเรียกค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่งเลยเหรอครับ" สนถามอย่างตกใจ ดูเหมือนต้นเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน พอเห็นแม่พยักหน้าแล้วสนก็ชักโมโหไม่คิดว่าบ้านนั้นเห็นแก่เงินถึงขนาดนี้ แล้วที่ชีวิตเขาเสียหายไปล่ะ ใครจะชดใช้อะไรให้เขาบ้าง

"เอาอย่างนี้ละกันนะครับแม่ ให้ผมไปคุยกับทางนั้นก่อน แม่ของนาเขายังไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนทำคลิปนั้นขึ้นมา ถ้าเขารู้...ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้ามาเรียกร้องความเสียหายจากเราหรอกครับ" แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่สนก็ยังหนักใจอยู่ดี เขาไม่เคยพูดกับคนบ้านนั้นรู้เรื่องเลย พูดทีไรก็เสียเปรียบทุกที

"แต่สนก็ต้องมีหลักฐานว่าเขาเป็นคนทำนะลูก ไม่งั้นเขาก็ดิ้นไปได้เรื่อยๆ เขาเป็นผู้หญิง เขาเสียหายมากกว่า ใครจะไปเชื่อว่าเขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง" พ่อต้นให้ข้อคิดซึ่งมันก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าตอนนี้ปัญหาคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วล่ะ ใครจะถ่ายคลิปหรือใครจะเสียหายจากการล้มการแต่งงานคงไม่สำคัญเท่ากับปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างหนักใจ มีลูกชายก็อาจจะเสียเปรียบในเรื่องนี้ พอเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงก็จะเป็นฝ่ายเสียหายเสมอ บางครั้งสนก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเสียเลยที่สังคมจะเอาแต่โทษผู้ชาย

"ให้ผมลองดูก่อนละกันครับ เผื่อผมจะเจรจากับเขาได้ ที่ผ่านมา...แม่ของนาก็ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน อาจจะทำให้เขาคิดได้ก็ได้ครับ" สนยังยืนยันความคิดเดิม

"ก็ให้สนมันลองดูก่อนละกัน ถ้าเขาว่ายังไงก็ค่อยมาว่ากันอีกที" พ่อสนว่า

แล้วเสียงโทรศัพท์ของแม่สนก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมาแม่ของสนก็ทำหน้าหนักใจ "เขาโทรมาอีกแล้ว สงสัยคงจะโทรมาถามว่าสนกลับมาหรือยัง โทรมาเกือบทั้งวันเลยวันนี้"

"ไม่ต้องไปรับหรอกแม่พร พรุ่งนี้ให้สนจัดการเอง" แม่ต้นบอก

สนได้แต่ทำสีหน้ารู้สึกผิดที่ทำให้พ่อกับแม่และคนอื่นๆ ต้องมาเดือดร้อน พอเสียงโทรศัพท์เงียบลงพ่อของสนก็หันมาตำหนิลูกชาย

"แล้วทำไมสนต้องพาต้นหนีไปด้วยล่ะ ทำไมไม่รู้จักเกรงใจพ่อวัฒกับแม่พรเขาบ้าง ต้นเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ สนกำลังทำให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนด้วยรู้หรือเปล่า ทำเพื่อนเสียงานเสียการหมดเลย"

แววตาตำหนิของพ่อนั้นทำให้สนรู้สึกกลัวจนต้องหลบตา พ่อกับแม่ของสนชอบเรียกพ่อของต้นว่าพ่อวัฒเพราะพ่อของต้นชื่อจริงว่าวัฒนา แต่สนชอบเรียกชื่อเล่นว่าพ่อแอ๊ดมากกว่า

ต้นกับสนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สนก็ลืมคิดไปว่าต้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นเขาเห็นต้นกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยอยากจะพาต้นหนีออกไปให้พ้นจากสภาพนั้น แต่เขาจะบอกพ่อกับแม่ว่าอย่างไรล่ะ ส่วนต้นจะบอกว่าเขาวิ่งตามสนไปเองก็คงไม่ได้เพราะใครๆ ก็เห็นว่าสนวิ่งมาฉุดเขาออกไป เขาไม่ได้วิ่งตามไปเอง

"คือ..." สนอึกอัก มองหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองที แล้วก็หันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของต้นที

"พ่อคำ...ฉันกับพ่อแอ๊ดก็ไม่ติดใจอะไรหรอกนะเรื่องนั้น อย่าไปกดดันสนมันเพิ่มอีกเรื่องเลย แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวสนก็กลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว" แม่ของต้นรีบปราม เธอรักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน บางทีก็มักจะให้ท้ายอยู่บ่อยๆ

สนยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ของต้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด "ผมขอโทษครับพ่อแอ๊ด...แม่พร ที่พาต้นไปเดือดร้อนด้วย"

"ไม่เดือดร้อนหรอกครับ สนดูแลผมเป็นอย่างดี ผมเองก็อยากไปกับสนด้วยเพราะว่าสนเป็นเพื่อนผม ผมเป็นห่วงสนน่ะครับ ถ้าสนอยู่คนเดียวสนอาจจะแย่ได้ อีกอย่าง...ผมก็ลางานไว้แล้วครับ ไม่เสียงานเสียการเลยครับ" ต้นพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน พอต้นพูดแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของสนจะค่อยๆ คลายกังวลเรื่องนี้ลงไปได้มากทีเดียว ใครๆ ในบ้านสนก็รักต้นทั้งนั้น พอต้นพูดแล้วทุกคนก็พลอยเห็นด้วยไปอย่างง่ายดาย

"น้าสาวล่ะครับแม่" สนถามพลางหันไปมองหา

"พักอยู่โรงแรมที่กรุงเทพโน่นแหละ บ้านเรามันร้อน น้าเขยเขาอยู่ไม่ได้" แม่สนตอบ สีหน้าก็ยังคงกังวลอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น โมโหลูกชายก็โมโหอยู่ แต่ก็เป็นลูก ก็ยังดีที่สนกลับมารับผิดชอบและจะแก้ปัญหาที่เขาก่อขึ้นเอง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าสนจะเสียทีเขาอีกเพราะสนไม่ค่อยทันคน โดนเขาหลอกล่อด้วยวาจาก็อาจจะไปติดกับดักเขาอีกก็ได้

--------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดสนก็ตามมาเจอ...หญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตของเขาได้ไม่กี่ปี แต่ก็ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจนแทบจะอยู่ไม่ได้ นานั่งรอเขาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านของเธอ สีหน้าเธอดูบึ้งตึงระคนเศร้าสร้อยจนสังเกตได้ พอรู้ว่าสนมาถึงเธอก็หันมามองแล้วก็ยืนขึ้น

สนหยุดมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ เข้าไปหา คนเริ่มทยอยเข้ามาในสวนสาธารณะมากขึ้นเพราะเป็นช่วงที่คนเลิกงาน คนที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ก็มาวิ่งออกกำลังกายกัน แต่บริเวณที่สนกับนานัดพบกันก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาวุ่นวายมากนัก ถึงมีคนเข้ามา พอรู้ว่ามีคนอยู่ในศาลา คนอื่นๆ ก็จะค่อยๆ เลี่ยงไปเอง

"พี่ขอโทษนะนาที่ต้องทำแบบนี้...ก็อย่างที่พี่บอก...พี่ไม่ได้รักนา พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว" นั่นคือสิ่งแรกที่สนพูดกับคนที่เกือบจะได้มาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาหลังจากที่ล้มงานแต่งงานนั้นไป

"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ แล้วก็หันไปทางอื่น

"เราคุยกันเรื่องนี้มามากแล้ว แต่พี่ก็อยากจะบอกนาเหมือนเดิมว่า...ไม่ว่านาจะพยายามมากแค่ไหน พี่ก็รักนาไม่ได้ รักไม่ได้จริงๆ ที่พี่ตัดสินใจล้มงานแต่งงาน เพราะว่าพี่...ไม่อยากให้นาต้องมีชีวิตที่ทนทุกข์ทรมานกับคนที่เขาไม่ได้รักนา และไม่มีวันที่จะรัก"

สนพูดแบบนี้อีกแล้ว นาอยากจะกรีดร้องใส่หน้าเขาจริงๆ ทุกครั้งที่ได้ยิน เมื่อไหร่เขาจะเลิกพูดเรื่องนี้กับเธอเสียทีนะ ทำไมถึงได้ชอบทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้ อยากรู้นักว่าถ้าสนรู้สิ่งที่เธอกำลังจะบอกต่อไปนี้ สนจะรู้สึกยังไง

"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ เช่นเดิม แต่สีหน้าก็เริ่มมึนตึงมากขึ้น

"ไม่รักนาก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่...ต้องรักลูกของเราด้วย"

สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจนักว่าเขาฟังผิดหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่เขาจึงได้ยินแบบนั้น

"นาพูดว่าอะไรนะ" สนถามด้วยเสียงที่เริ่มสั่น นึกหวั่นใจว่าจะมีข่าวร้ายที่อาจจะทำให้เขาช็อกไปเลยก็ได้

นาเห็นอาการแบบนั้นของสนแล้วก็ได้แต่สะใจ "เอาเป็นว่า...เรื่องคลิปนั่น หรือเรื่องล้มงานแต่งงาน ลืมมันไปเถอะค่ะ ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ..." นาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะยิ้มเยาะคนที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วก็พูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า "นาท้องค่ะ"

เหมือนมีค้อนหนักๆ มาทุบที่หัวของสน เขายืนเซจนแทบจะทรงกายไม่อยู่กับสิ่งที่ได้ยินเป็นครั้งที่สอง นี่มันคือเรื่องจริงหรือ สนนึกว่าชีวิตเขาจะได้เป็นอิสระแล้ว ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ น้ำตาของสนค่อยๆ รินไหลลงมา คนที่เขานึกถึงคนแรกก็คือต้น ต้นจะเจ็บแค่ไหนที่ได้รู้เรื่องนี้

"คงไม่ต้องถามนะคะว่านาท้องกับใคร ถึงนาจะไม่ใช่คนดีนัก แต่นาก็ไม่ได้มั่ว ก็มีแต่พี่คนเดียวเท่านั้นที่นามีอะไรด้วย" นาตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก แล้วก็ยื่นผลตรวจครรภ์ที่เธอเตรียมมาด้วยให้สนดูเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดโกหกขึ้นมาลอยๆ

สนเห็นแล้วก็ยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก "นาท้องได้ยังไง ก็ในเมื่อ...เราก็ป้องกันทุกครั้ง แล้วพี่...ก็มีอะไรกับเธอแค่ไม่กี่ครั้ง" สนยังไม่วายสงสัย เขาจำได้ว่าเขาป้องกันทุกครั้งจริงๆ แล้วมันจะผิดพลาดได้ยังไงกัน

"ค่ะ...ป้องกันทุกครั้ง ก็ไม่น่าจะพลาดนะคะ แต่ทำไมมันถึงได้พลาดก็ไม่รู้นะคะ" นาแค่นหัวเราะ

สนค่อยๆ นึกย้อนทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไปพลาดตรงไหน แล้วสนก็เริ่มจำได้ วันนั้น...เขาพานาไปดูชุดแต่งงานตอนเย็นๆ แล้วนาก็ขอกลับมาพักที่คอนโดเขา ปกติสนจะใช้ถุงยางอนามัยที่เขาซื้อมาใช้เองตลอด แต่วันนั้น...นาเป็นคนเอามาให้เขาเอง เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร สนมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในความร้ายกาจของเธอ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำสิ่งที่น่ารังเกียจได้หลายอย่างเหลือเกิน

"นา...ทำไมนาทำแบบนี้ เราเคยโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน ทำไมจะต้องทำลายชีวิตฉันขนาดนี้" สนร้องไห้ ปากสั่นระริก ร่างกายสั่นเทิ้มจนเขาแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่เขาจะไม่ทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด เขาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองจาก "พี่" เป็น "ฉัน" เขาสัญญาว่าจะไม่เรียกตัวเองแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ของลูกเขาก็ตาม

"จะด่าอะไรก็ด่าไปเถอะค่ะ นาเบื่อที่จะฟังแล้ว ไม่รักนาก็ไม่เป็นไร แต่ต้องรักลูกของเรา เขาเกิดมาแล้ว หรือจะทิ้งให้นาท้องไม่มีพ่อคะ จะเอาอย่างนั้นไหมคะ แค่นี้นาก็อับอายมากพอแล้ว จะอายอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก" นาเงยหน้า กะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา

"ไม่ต้องมาประชดฉัน จะเอายังไงก็ว่ามา" สนเสียงดังบ้าง

นาหันขวับมามองอย่างไม่พอใจทันที "ก็รับผิดชอบสิ นาเป็นเมียพี่แล้ว มีลูกกับพี่แล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากได้ของมีตำหนิแบบนี้ ก็ทำให้นาเป็นแบบนี้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบหรือไง หรือจะให้นาไปบอกแม่ให้เรียกร้องค่าเสียหายคะ แต่ไม่ว่าจะเรียกร้องหรือไม่เรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ หมามันยังรักลูกของมันนะคะ" พูดจบแล้วนาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็ไม่ได้ดูน่าสงสารสำหรับสนเลย

สนค่อยๆ ถอยหลังไปพิงกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ถ้าเขาต้องรับผิดชอบก็หมายความว่า...ความรักของเขากับต้นก็จะไปต่อไม่ได้ ถ้าเขามีลูกแล้วก็เท่ากับว่าเขาก็ต้องเลิกหวังที่จะกลับไปหาต้นในฐานะคนรักกัน ถ้าต้นรู้...สนไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดเขาก็เจ็บปวดจนอยากจะกลั้นหายใจให้ตายตรงนี้เสียด้วยซ้ำ

เขาจะมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ ไม่คิดเลยว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นทำให้ชีวิตสนต้องผิดพลาดมากถึงขนาดนี้

"เธออยากได้ตัวฉันมากใช่ไหมนา ได้...ฉันจะรับผิดชอบก็ได้ แต่...เธอจะต้องไปตรวจดีเอ็นเอ ถ้าไม่ใช่...ฉันก็จะไม่ว่าอะไร แต่ขอให้เราเลิกแล้วต่อกัน แต่ถ้าเป็นลูกของฉัน ฉันก็ยินดีจะรับผิดชอบ แต่ฉันจะไม่จดทะเบียนกับเธอ ฉันจะทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อฉันรู้สึกรักเธอขึ้นมาเท่านั้น และฉันก็ไม่เชื่อว่าจะมีวันนั้น ที่สำคัญ ฉันจะไม่มีอะไรกับเธออีก สิ่งที่เธอจะได้ก็คืออิสรภาพของฉัน...แค่นั้น แต่เธอจะไม่ได้ทั้งตัวและใจของฉัน เพราะฉัน...รู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่เธอทำมาก ที่ฉันยอม...เพราะฉันเห็นแก่ลูกของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น"

นายืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่สนพูด ทำไมสนถึงไม่เคยรักเธอเลย ที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะเธอรักผู้ชายคนนี้ ตอนหลังๆ ก็พยายามทำตัวดีๆ คอยเอาอกเอาใจ แต่เขาก็ไม่เคยรักเธอเลย ก็ได้...ก็ให้มันเป็นแบบนี้แหละ แต่เธอก็ยังแอบหวังว่า เมื่อเธอเป็นแม่ของลูกเขา เขาก็คงจะรักเธอในสักวัน เขาว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจของพ่อกับแม่ เธอก็คงยังพอมีหวัง...

------------------------------------------------------------

พอสนกลับมาบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ฟัง แม่ของสนก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปอีกครา สนขอร้องพ่อกับแม่ว่ายังไม่ให้บอกเรื่องนี้กับครอบครัวของต้น จนกว่าผลตรวจดีเอ็นเอจะออกมา จนเมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผลการตรวจดีเอ็นเอก็ปรากฎว่า...สนเป็นพ่อของเด็กในท้องของนาจริงๆ!!!

สนสูดหายใจยาวเข้าปอดลึกๆ เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องของต้น เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ควรจะต้องมาบอกต้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้ต้นรู้จากคนอื่น แต่สนก็กลัวเหลือเกิน ต้นคงช็อกและเสียใจไม่น้อย เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทนเห็นต้นเจ็บปวดได้หรือเปล่า แต่ยังไงเขาก็ต้องบอกต้นเรื่องนี้

สนเคาะประตูห้อง วันนี้เป็นวันหยุด ต้นคงไม่ได้ไปไหน ไม่นานนักเจ้าของห้องที่สนแสนจะคิดถึงก็มาเปิดประตู ต้นยิ้มตาแป๋วเมื่อเห็นสนมาหา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้นปล่อยให้สนจัดการกับปัญหาส่วนตัวของเขาไป แต่ก็คอยโทรถามความคืบหน้าอยู่เรื่อยๆ วันนี้สนมาก็ดีแล้วต้นจะได้ถามความคืบหน้าทั้งหมดเสียทีเดียว

"มาแล้วเหรอ เข้ามาก่อนสิ" ต้นบอกพลางยิ้มดีใจ แต่สีหน้าคนมากลับดูเศร้าเสียจนต้นใจคอไม่ดี

สนเดินเข้ามาในห้องของต้น ปิดประตูแล้วสนก็ดึงต้นมากอดแล้วก็ร่ำไห้อย่างสุดกลั้นจนตัวสั่นเทิ้ม "ต้น...เราขอโทษ...เราขอโทษ"

ต้นได้แต่ตกตะลึง นี่แสดงว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ เลย สนถึงได้สะอื้นหนักน้ำตาไหลพรากราวกับจะขาดใจแบบนี้

"เกิดอะไรขึ้นเหรอสน นายร้องไห้ทำไม" ต้นถามอย่างเป็นห่วง

"ต้น...เราขอโทษ...เราหมดอิสรภาพแล้ว เราคงรักกันไม่ได้อีกแล้วต้น...เราผิดเอง เราพลาดไปเอง" แล้วสนก็ทรุดลงนั่งกับพื้นเพราะหมดเรี่ยวแรงจนทรงกายไม่อยู่ เขาร้องไห้ราวกับคนที่สูญสิ้นทุกอย่างที่เขารักไปแล้ว

"อะไรเหรอสน นายหมดอิสรภาพยังไง" ต้นถามพลางย่อตัวลงมานั่งด้วย พร้อมๆ กับเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับฟังข่าวร้ายที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย

สนเงยหน้ามองคนที่เขารักสุดหัวใจด้วยคราบน้ำตาที่เต็มใบหน้าและยังคงไหลมาไม่หยุดหย่อน "ต้น...นาเขาท้อง...ท้องกับเรา เรากำลังจะมีลูกกับเขา เราพาเขาไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว เขาเป็นลูกของเราจริงๆ"

เหมือนโลกทั้งโลกเงียบงัน ต้นไม่ได้ยินเสียงสนพูดตั้งแต่ประโยคที่ถัดจากสนบอกว่านาท้องแล้ว เขาหูอื้อตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าโลกถล่มหรือฟ้าทลาย มิน่าล่ะ สนถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจอย่างนี้ ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกและโหดร้ายกับสนและเขาเหลือเกิน

"เราขอโทษ..." สนขอโทษซ้ำอีกครั้ง แม้มันจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากบอกให้ต้นรู้ว่าเขาเองเสียใจมากแค่ไหน

ต้นพูดอะไรไม่ออก มันจุกไปหมด น้ำตาเขาค่อยๆ ไหลรินลงมา

"อย่าร้องไห้...ต้นอย่าร้องไห้สิ เราไม่อยากเห็นนายร้องไห้อีกแล้ว เราไม่อยากให้นายเสียใจเพราะเราอีกแล้ว...ต้นอย่าร้องไห้" สนรำพัน เขาเอามือจับใบหน้าต้นไว้ ใช้นิ้วป้ายน้ำตาของต้นที่ไหลออกไป แต่ต้นก็ไม่หยุดร้องไห้ สนเจ็บจนแทบจะขาดใจจนเขาต้องดึงต้นมากอดไว้อีกครั้ง ต้นกอดสนไว้แน่น ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ร้องไห้กันอยู่อย่างนั้น

"อาทิตย์หน้า...เขาจะย้ายมาอยู่กับเรา...เราเกลียดตัวเองเหลือเกินต้น เราทำอะไรไปก็ไม่รู้...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูก แล้วก็นาย เราเกลียดตัวเองที่ทำให้นายเจ็บ...ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว นายจะเกลียดเราเราก็ไม่ว่านะต้น ให้นายเกลียดเรามันยังดีเสียกว่าที่จะให้นายรัก คนอย่างเราไม่มีค่าพอที่นายจะรักเลย เกลียดเราเถอะต้น เราอยากให้นายเกลียดเรา เกลียดคนที่ผิดสัญญา เกลียดคนที่ทำให้นายเสียใจ เกลียดเรานะต้น"

ยิ่งสนพูดแบบนั้นต้นก็ยิ่งกอดสนแน่นขึ้น เขารู้ว่าสนเสียใจและผิดหวังมากแค่ไหนที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ อุตส่าห์วาดฝันชีวิตหลังจากนี้ไว้อย่างสวยหรู อุตส่าห์เตรียมตัวหลายอย่างที่จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อุตส่าห์ว่าจะไปคุยกับพ่อและแม่เพื่อให้ยอมรับและเข้าใจ 'สน...เรารู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดของนาย นายอย่าโทษตัวเองอีกเลย นายทำดีที่สุดแล้ว...' ต้นพูดในใจ แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าต้นพูดออกมาสักนิด ต้นก็อาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่สนกำลังจะพูดต่อไปนี้

"ในเมื่อเราเป็นคนผิดสัญญากับนาย ว่าจะไม่ทำให้นายเจ็บอีก เราก็คงจะไม่กล้าเอาหน้าคนขี้ขลาดแบบนี้มาให้นายเห็น เราขอโทษนะต้น...เราคงจะต้องทำตามที่เราสัญญากับนายเอาไว้ เราไม่ได้อยากไป แต่มันเป็นสัญญาที่เราพูดเอง เราไม่อยากอยู่แล้วเห็นนายเจ็บแบบนี้ เราไม่อยากกักขังชีวิตของนายไว้กับเราเพราะเราก็ไม่มีความหวังอะไรให้นายแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น...เรารักนายนะ รักที่สุดในชีวิตและเราจะรักตลอดไป แต่คนอย่างเราคงไม่มีวาสนาที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับนาย แม้แต่จะเป็นเพื่อน...เราก็ไม่คู่ควร ถึงเราไม่อยู่...เราก็เป็นห่วงนายเหมือนเดิมนะต้น เราขอให้นายได้เจอคนที่ดีๆ กว่าเรา อย่ารักเราเลย นายผิดหวังกับเรามามากแล้ว"

สนค่อยๆ ผละตัวออกจากต้น ต้นจ้องหน้าสนด้วยสีหน้าสงสัยสุดขีด "นายหมายความว่าไงสน"

สนค่อยๆ หยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก็วางลงตรงหน้าต้น

"คราวนี้...เราคงไม่ได้ใช้จริงๆ แล้วล่ะ ลาก่อนนะต้น ลืมคนที่ผิดสัญญาคนนี้ซะ ต่อจากนี้ไป เราคงจะไม่กล้ามาให้นายเห็นหน้าอีกแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น เราไปก่อนนะ...ที่รักของเรา" สนพูดแล้วก็ลุกพรวดขึ้น เขาอยู่ใกล้ตรงประตูพอดีจึงรีบเปิดประตูแล้วก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

ต้นได้แต่นั่งงง ประมวลผลแทบจะไม่ทันด้วยซ้ำว่าสนกำลังบอกอะไรเขาอยู่ เขาไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่า...สนจากเขาไปแล้วและจะไม่กลับมาหาอีก!!!

TO BE CONTINUED

-----------------------------------------------

ตอนที่ลงเรื่องนี้ครั้งแรกๆ มีคนถามว่า แล้วถ้าเกิดนาตั้งท้องกับสนจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง
ก็เลยเป็นที่มาของเวอร์ชั่นนี้ครับ
เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ เพราะชีวิตจริง เกย์ที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนก็เจอเหตุการณ์นี้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-06-2012 18:45:47
รอจ้ารอๆ :t3:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 30-06-2012 18:49:41
" มั่นใจว่าคนไทยเกินล้าน อยากให้นานี่ตรวจ DNA " 5555
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 30-06-2012 18:54:23
แก้ไขยังไงเหรอค่ะ

เอาตรงๆในฐานะผู้หญิงนะ เราไม่เข้าข้างผู้หญิงแบบนี้ โดยพื้นฐานของตัวเองแล้ว หากเค้าไม่รัก ก็คือไม่รัก

เราจะไม่พยายามทำอะไรที่ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง เพื่อแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของเรามาค่ะ การกระทำแบบนา มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเราอยู่แล้วแน่ๆ ความรักไม่เคยทำให้เราตาบอดจนมองไม่เห็นอะไรที่ไม่ควร

การกระทำแบบนา มันไม่ใช่ความรัก หากอ้างว่ารักแล้วทำทุเรสๆแบบนี้ ต่อให้ทำดีให้ตายก็ไม่มีใครเห็นความดีหรอก

วิธีแก้เหรอ เรื่องนี้จะจบเมื่อนาถอนตัว และทั้งต้นและสน ต้องมั่นคงที่จะรักและรอ สงสารนะ มันเหมือนเรื่องจะจบ แต่ไม่จบ ทำเวรทำกรรมอะไรมามากมายก็ไม่รู้ สงสัยชาติที่แล้ว สองคนนี้ต้องทำอะไรไว้กับนามากมายแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้กัน

ส่วนนา ผู้หญิงคนนี้ หากไม่รู้จักคำว่าให้ และปล่อยวาง รวมไปถึงการตัดใจ ชีวิตของเธอจะไม่มีวันสุข ใจจะไม่มีทางสงบ ทั้งสองคน ถึงอยู่ด้วยกันไป แต่ถามสักคำว่า สนจะทำใจนอนร่วมเตียง อยู่ร่วมบ้านได้เหรอ สนเองเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาชัดเจนอยู่แล้ว ทุกวันนี้นายังเจ็บไม่พออีกหรือ ยิ่งเวลามีลูกแล้ว คิดว่าสนจะรักลูกได้เต็มใจเหรอ ไม่มีทางอ่ะ (เอาความคิดของตัวเองเข้าว่านะ เป็นเราน่ะ เกลียดแทบตาย ถ้าต้องรับผิดชอบ เราจะรับผิดชอบแต่ลูก กับแม่น่ะเหรอ หายใจร่วมกัน เรายังไม่อยากเลย) บางทีก็อยากให้สนเลวกว่านี้นะ ทิ้งแม่งเลย แต่อย่างว่า หมามันยังรักลูก แต่นะ รักลูกหนิ ไม่ได้รักแม่

นาทำผิดมากเกินไป จนเกินจะให้อภัยจริงๆ ปล่อยเธอให้จมกับความสุขจอมปลอม ชัยชนะที่ไม่มีวันมีจับต้องได้เถอะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 30-06-2012 19:11:19
ร้องไห้ไม่หยุดเลยกับเรื่องนี้
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 30-06-2012 20:07:39
ชักรำคาญแระ อีนานี่หน้าด้านหน้าทนจังพอๆกับพระเอกควายซำ้ควายซ้อน เบื่อ!!! รอจบค่อยอ่านดีกว่ามันหงุดหงิด
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 30-06-2012 21:34:04
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 30-06-2012 21:37:13
โอ้ววว มาม่าไซส์ XXXXL  :o12:
แล้วต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไง
สงสารก็สงสารทั้งต้น สน แล้วก็ลูกของสน
เพราะนาคนเดียว TT TT
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-06-2012 21:39:12
ขอให้อยู่ด้วยกันยืนยาว  ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะสน
ส่วนต้นไปให้ไกล ๆ จากสน  อย่าทำให้เขาลังเล  และอย่าเป็นเมียเก็บใคร
อย่าให้ตัวเองเป็นสาเหตุให้เขาต้องแยกทางกัน
คิดไปคิดมา  สนกับนาก็เหมาะสมกันดี  คนหนึ่งเป็นเหยื่อ  คนหนึ่งเป็นผู้ล่า
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 30-06-2012 21:51:02


ยัยนาต้องแอบใช้เข็มจิ้มถุงยางเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่เราเคยดูแน่เลย เหอๆ ครูก็เคยสอนด้วยว่าห้ามให้ผู้หญิงใส่ให้นะจ๊ะ

คุณผู้ชายดีๆทั้งหลาย เดี๋ยวจะแพ้มารยาหญิงไม่รู้ตัว อิอิ

 :beat: :beat: :beat:


:::ทำการบ้านเครียดๆอ่านตอนนี้ช่วงท้ายเกลียดหนักเลย สงสารต้นกับสนจับใจ กว่าจะผ่านอะไรต่อมิอะไรมาได้ทำไมอุปสรรค

มันมากมายแสนเข็ญขนาดนั้น เราว่านาท้องกับสนจริงๆนั้นแหละ แล้วจะแก้สถานการณ์ยังไงล่ะเนี่ย คิดไม่ตกจริงๆ

ต่อให้สนรับลูกเลี้ยงแต่ต้นก็คงไม่อยากกลับไปอยู่กับสนหรอกมั้ง เพราะต้องรู้สึกผิดแน่ๆ เรื่องมันชักจะตีกันใหญ่แล้ว

เกลียดผู้หญิงชื่อนา มาตั้งแต่เวอร์ชั่นที่แล้วแล้ว มาเวอร์ชั่นนี้ยัยนาข้าวก็ยังตามมาหลอกหลอนกันเหมือนเดิม  :angry2:

ดูท่าจะออกตัวแรงกว่าด้วยซ้ำ เห้อ

สนเหมือนผู้ชายอ่อนแอเลย อย่าท้อนะ สู้ต่อไป ห้ามแพ้มารยาชะนีอีกต่อไปนะ

กอดๆต้นสน สมหวังกันไวไวเน้อ รออยู่ๆๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:



หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 30-06-2012 22:34:15
ขนาดผู้ชายแท้ๆ ผู้หญิงท้องลูกยังต้องเป็น single mom เลย  เพราะไม่รักไม่พร้อมพอที่จะแต่งด้วย  แต่จะส่งเสียลูกหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง แต่เกย์นี่ถ้าไม่เพราะอยากแต่งงานบังหน้า ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่กับผู้หญิง



คนแบบสนนอกจากนิยายนี่จะมีจริงๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-06-2012 23:27:07
สงสารเด็กที่ต้องเป็นลูกของแม่แบบนี้ชะมัด -*-
เธอก็คงรักลูกแหละ แต่รักตัวเองมากกว่า ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนี้จะต้องเจออะไร
เพราะถูกใช้เป็นเครื่องมือตั้งแต่อยู่ในท้องเพื่อจับผู้ชาย
แล้วได้ตัวสนไปแล้วไง  ไม่ได้ดั่งใจจะขู่เอาอะไรอีก? ที่สำคัญจะใช้ลูกขู่
แบบนี้ร้อยละ 90 ไม่ได้ดั่งใจก็ไปลงที่ลูกแหงๆ
เด็กที่โตมาเห็นพ่อแม่มึนตึงใส่กัน.... ไม่ต้องทะเลาะแต่แค่ไม่พูดกันก็แย่แล้ว


โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ผู้หญิงคนนี้แย่ที่สุด

ผู้ชายแบบสนมีเยอะแยะไปในชีวิตจริง ไม่ได้เป็นเกย์(ในความหมายที่ว่าไม่ได้สนใจผู้ชายแบบจริงจัง)
แต่รักผู้ชาย ที่จริงก็ไม่รู้จะไประบุทำไมนะเนี่ย

เอาแค่รักใครก็อยากอยู่กับคนนั้น แต่มีข้อบังคับทางสังคม ครอบครัวให้อยู่ด้วยกันไม่ได้
เลยต้องอยู่กับอีกคนนึง
ชีวิตบัดซบสิ้นดี
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 30-06-2012 23:37:55
มันแย่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก TT___TT
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 01-07-2012 00:14:18
 :z3: :z3:  :sad4: :sad4: :o12: :o12:

เริ่มจะเชื่อแล้วว่า...มันคงเป็นวิบากกรรมของสนกับต้นที่เกิดมา...ทำได้แค่รักกัน...(หรือเปล่า?)
แล้วจากนี้......ยังจะพอมีความหวังอยู่มั้ย ทำไมมันดูริบหรี่จัง :m15: :m15: :m15:

+1 ให้กับดราม่าจัดหนักตอนนี้ค่ะ
หน่วง................................สุดใจ
 :L2: :L2: :L2:



หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 01-07-2012 00:54:21
ปวดใจแต่ก็ชอบค่ะ มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงๆ
สนคงได้บทเรียนราคา(โคตร)แพงไปแล้วที่ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองให้ถึงที่สุดได้
ประมาทเพียงครั้งเดียวอาจทำให้อนาคตพังครืนลงมาเลยก็ได้ใครจะรู้

อันที่จริงก็เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากเหมือนกันนะ
คิดว่าในฐานะที่มีส่วนทำให้เด็กเกิดมาแม้ไม่ตั้งใจก็ควรที่ต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่ง
แต่ก็ไม่น่าจะต้องรับผิดชอบมากขนาดนำทั้งชีวิตตัวเองไปผูกติดกับผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนาเลย
สงสารที่สุดคือลูกที่กำลังจะเกิดมาโดยความไม่ได้ตั้งใจร่วมกัน เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับต้องมารับกรรมไปด้วย

สำหรับนาคำว่าศักดิ์ศรีชีคงไม่เหลือแล้วล่ะ ที่ทำไปนี่ตอนนี้มันยังฮึกเหิมสะใจที่เห็นความทุกข์ของคนอื่นสินะ
แต่ถ้าอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วสนไม่สนใจไม่รักเธอจริงๆแบบที่ได้พูดไว้ มันจะมีความสุขจริงเหรอนา
คิดดูว่าอีกกี่สิบปีที่ต้องผูกติดกันแบบนี้ต่อไป ภาวนาให้เจ้าตัวคิดได้ในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 01-07-2012 10:16:59
เจ็บปวดอีกแล้ว  คิดว่าจะได้สมหวัง

เวอร์ชั่นนี้ ยังคงปวดจายยยยยยยยย แถมมากกว่าเดิมอีก :monkeysad:

แล้วต้นจะทำงัยต่อไปล่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 01-07-2012 10:44:35
บอกได้คำเดียวเศร้าค้อด!
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-07-2012 14:27:18
วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยมีเวลาเขียนไปจนเกือบจบแล้วครับ แต่ตอนจบคงยังไม่เขียนวันนี้
ไหนๆ จะจบแล้วก็ต้องเอาให้ประทับใจ (หรือเปล่า) ซะหน่อย

-----------------------------------------------------

ตอนที่ 35: ไฟความหวังที่ริบหรี่

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

เป็นเวลากว่าสามสัปดาห์แล้วที่สนไม่กลับมาหาต้นอีกเลย ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์มาหา จนต้นเองก็ไม่กล้าแม้จะโทรไปหาหรือตามไปดูว่าเป็นอยู่อย่างไรบ้าง สนจะรู้ไหมว่าต้นทั้งคิดถึงและเป็นห่วงมากแค่ไหน ไม่ได้รักกันแบบนั้น...ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมจะต้องหนีหายไปแบบนี้ด้วย ถึงต้นจะเจ็บแค่ไหน แต่เขาก็เข้าใจทุกอย่าง รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ แค่เขารู้ว่าสนรักเขา...แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับชีวิตต้นแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...สนก็คงหวังเอาไว้มาก พอไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเขาก็คงเสียใจมากเป็นธรรมดา

ต้นถามตัวเองว่าเขาโง่หรือเปล่าที่ยังรักสนอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ แม้ว่าเขาหมดสิทธิ์ที่จะรอคอย แต่คำตอบในใจของต้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่หรอก...ต้นไม่เคยคิดว่าตัวเองโง่ ต้นก็โตมากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วล่ะ การพยายามไม่รักทั้งที่ยังรักมันเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะมันคือการหนีและดิ้นรน แต่การปล่อยใจให้รักอย่างมีสตินั้นเหนื่อยน้อยกว่า เรื่องเจ็บ...มันก็เป็นธรรมดา รักที่ไม่สมหวังที่ไหนๆ มันก็เจ็บอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเมื่อเจ็บก็ยังรู้ว่าเจ็บ ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเอง ไม่ต้องไปดึงใครเข้ามาให้เจ็บช้ำใจอีก ต้นได้เรียนรุู้แล้วล่ะว่าชีวิตมีเงื่อนไขมากกว่านั้น เหตุและปัจจัยก็มีหลายอย่าง คงไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราอยากให้เป็นทุกอย่าง ต้นเข้าใจดี

"สนเป็นไงบ้างวะปั้นจั่น" ต้นเริ่มการสนทนาเมื่อมีคนเอากาแฟกับเบเกอรี่สองสามชิ้นมาเสิร์ฟ วันนี้ปั้นจั่นแวะมาใกล้ๆ แถวคอนโดต้นก็เลยแวะมาหา

"ขอกินก่อนนะต้น...หิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าละ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง" ปั้นจั่นบอกพลางใช้ช้อนเล็กๆ ตักเบเกอรี่กินด้วยอาการมือไม้สั่น คงจะหิวจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็คอยชำเลืองเพื่อนที่นั่งตาละห้อยด้วยความอยากรู้

พอค่อยยังชั่วแล้วปั้นจั่นจึงเริ่มเล่า "กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะต้น...สงสารมันชิบเป๋งเลยว่ะ" แล้วก็ถอนหายใจ "มันผอมลงไปเยอะเลย หน้าตาดูไม่มีความสุข ดูเครียดๆ ไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ มึงต้องไปเห็นเอง แต่กูสงสารมัน...ไม่รู้ว่ามีวิบากกรรมอะไรนักหนาว่ะ"

ต้นได้ฟังแล้วก็ห่อเหี่ยวใจ ต้นเองช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่สนหายไปเขาก็ยอมรับว่าเขาอาการหนักเหมือนกัน แต่ต้นเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย เข้าใจคน เข้าใจชีวิต เขาจึงค่อยๆ ฟื้นตัวจากความหดหู่เศร้าหมอง แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่ เขาไม่โกรธอะไรสนเลยจริงๆ ไม่ได้คิดว่าสนผิดสัญญา ต้นแยกแยะได้ว่ารักกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง ความรับผิดชอบก็เป็นเรื่องหนึ่ง มีหลายคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้รัก แต่เมื่อมันเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้ว ต้นกลับชื่นชมคนที่กล้ายืดอกรับผิดแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะทำอย่างอื่นก็ได้ แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เสียสละของคนๆ นั้น

ต้นอาจจะเสียใจที่คงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับสนอย่างที่วาดฝันเอาไว้ แต่ต้นก็ไม่ได้เสียใจที่สนยอมเสียสละความสุขของชีวิตเพื่อรับผิดชอบเด็กที่เกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาก็เกิดมาแล้วและไม่ได้รับรู้หรอกว่าพ่อกับแม่ของเขารักกันหรือเปล่า ตรงกันข้าม...ต้นชื่นชมในความเสียสละของสนมากทีเดียว อย่างน้อย...เด็กคนนั้นก็จะมีพ่อเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป ถ้าเป็นต้น...ต้นก็คงทำแบบเดียวกับสนแม้ใครจะมองว่าโง่ก็ตาม

"ถามจริงๆ นะต้น มึงโกรธไอ้สนหรือเปล่าวะ" ปั้นจั่นถามแล้วก็จิบกาแฟ แต่ก็คอยมองหน้าต้นตลอด

"ไม่โกรธหรอก" ต้นยิ้มจางๆ แต่ก็ยังดูเศร้าอยู่ในที "ตรงกันข้าม...กูชื่นชมสนนะ เขามีส่วนทำให้เด็กเกิดมา ไม่ว่าจะเกิดมาจากความรักหรือไม่รัก เขาก็รับผิดชอบ กูอาจจะเสียใจ...แต่กูก็ดีใจแทนเด็กคนนั้น...เขาจะได้มีพ่อเหมือนลูกคนอื่นๆ" พูดจบแล้วต้นก็ยกกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง แต่ก็ไม่ได้แตะต้องเบเกอรี่เพราะเห็นปั้นจั่นหิวเลยไม่อยากแย่งกิน

"แต่มึงก็ยังรักมันอยู่ใช่ไหม"

ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้นจะปฏิเสธ ปั้นจั่นรู้จักเขามาหลายปีต้นจะไปโกหกได้อย่างไร

แล้วปั่นจั่นก็ถอนหายใจอีก สีหน้าเขาดูเครียดมากทีเดียว "ไอ้เรื่องรับผิดชอบกูก็ไม่ว่าหรอก แต่ถ้ามันไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ก็ไม่รู้จะทนไปทำไมว่ะ แล้วเด็กที่เกิดมา ถ้าเกิดว่ามันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่รักกัน หรือเกิดต่อไปสนมันเลิกกับนาขึ้นมา เด็กก็จะมีปัญหานะเว้ย กูละปวดหัวแทนว่ะ กูพูดจริงๆ นะต้น กูอยากช่วยมันว่ะ กูไม่อยากให้มันอยู่ให้มันอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเลย จะเป็นไปได้ไหมวะที่พอลูกมันโตสักหน่อย ก็ให้สนมันหย่ากับนาไปเลย แล้วก็มาอยู่กับมึง เอาลูกมันมาเลี้ยงด้วย มึงจะรังเกียจลูกติดของมันหรือเปล่าวะต้น"

ต้นพยายามคิดตาม เขาคงไม่รังเกียจหรอกถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ "ไอ้รังเกียจน่ะคงไม่หรอก แต่เรา...ไม่อยากไปพรากลูกพรากแม่เขา อีกอย่าง...เด็กมันจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าเรากับสนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน"

"ไม่รู้ว่ะ กูก็แค่ลองคิดหาทางออกให้มัน อาจจะไม่ใช่วิธีนี้ก็ได้ เออ...ว่าแต่ว่า...ไอ้สนมันไม่ยอมติดต่อมาหามึงเลยเหรอวะ ขนาดกูไปหามันที่คอนโด พอจะเล่าเรื่องมึงให้มันฟังมันรีบยกมือห้ามเลย ทำไมมันต้องอะไรขนาดนั้นด้วยวะ แล้ววันนั้นมันก็โทรมาร้องห่มร้องไห้บอกกูกับไอ้นิกให้ช่วยดูแลมึงด้วย ทำอย่างกับจะไม่กลับมาหามึงอีกเลยงั้นแหละ มันจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะต้น"

ต้นถอนหายใจยาวแล้วก็ก้มลงมองถ้วยกาแฟของตัวเองที่พร่องไปไม่มากนัก ต้นไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไร นานๆ ทีถึงจะดื่มสักครั้ง "สนเขาตั้งความหวังไว้เยอะ เขาก็เลยผิดหวังมาก แล้วมันก็เป็นเพราะว่า...สนเคยสัญญากับเราไว้ ถ้าเขาทำให้เราเจ็บอีกครั้ง เขาก็จะเป็นคนไปจากเราเอง นั่นแหละ...สนก็เลย...ไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมมาหาเราอีก" ต้นพูดแล้วก็จะร้องไห้ ความผูกพันของเขากับสนมีมากเหลือเกิน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าสนจะทำอย่างที่บอกได้จริงไหม แต่ต้นก็กลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

"มึงเชื่อกูอย่างหนึ่งละกันต้น สนมันอยู่กับนาได้ไม่นานหรอก ยังไงก็เลิกกันชัวร์ รอแค่ว่าเมื่อไหร่ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าเลิกกันแล้วจะไปไหนเท่านั้น ถ้ามันเลิกกัน...มึงจะยอมให้ไอ้สนกลับมาหามึงหรือเปล่าวะต้น"

ดูเป็นคำถามที่เหมือนจะตอบง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะตอบ "กูยังรักสนอยู่เหมือนเดิมนะ แต่ทุกอย่าง...ก็ขึ้นอยู่กับสนว่าเขายังอยากจะกลับมาหากูไหม ถ้าอยากมา...กูก็ยังยินดี แต่ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้แช่งให้เขาเลิกกันนะเว้ย ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แต่กูแค่ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ชีวิตมากขึ้น"

ปั้นจั่นพยักหน้าเข้าใจ "ก็ดีแล้วล่ะ แต่ยังไงๆ พวกกูก็เห็นมึงเป็นคนดีคนหนึ่งแหละ เชื่อกูดิ ไอ้สนมันไปไหนไม่พ้นหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมาหามึง มันไม่มีทางที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ กูว่ามันเกลียดผู้หญิงคนนั้นไปแล้วล่ะ เป็นกูกูก็เกลียดว่ะ"

ดูเหมือนปั้นจั่นจะมั่นใจอย่างนั้น แต่ต้นก็ไม่อยากไปคาดหวังอย่างนั้นหรอก ตอนนี้ต้นรู้สึกว่าเขาทำอย่างที่เคยตั้งใจไว้ได้มากขึ้นแล้ว ต้นยินดีที่จะรักและอยู่ตรงนี้ของต้นไป ปัญหาเดียวของต้นตอนนี้ก็คือ...เขาเป็นห่วงสน คิดถึง อยากเจอ อยากถามไถ่ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งสนคงจะกลับมาหาเขาอย่างที่ปั้นจั่นว่า สำหรับต้นแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาหาเขาในฐานะเพื่อนที่รักและผูกพันกัน ต้นก็พอใจแล้ว ขอแค่ให้สนกลับมาเท่านั้น

---------------------------------------------

สนพาร่างที่น่าจะเรียกได้ว่าไร้วิญญาณกลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านในวันหยุดวันหนึ่ง วันนี้สนตั้งใจจะมาพูดเรื่องสำคัญบางอย่างกับแม่ แล้วก็จะให้แม่ไปคุยกับพ่ออีกทอดหนึ่งเพราะเขาคิดว่าเรื่องนี้คงคุยกับพ่อตรงๆ ไม่ได้ ถึงเขากับต้นอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก แต่เขาก็อยากจะบอกให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้  อย่างน้อย...ถึงมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร สนก็ยังได้ทำอย่างที่เขาตั้งใจ ทำในสิ่งที่เขาเคยคุยกับต้นไว้ว่าจะทำ

"ไม่ไปหาแม่พรกับพ่อแอ๊ดหน่อยล่ะสน เขาถามถึงสนทุกวันเลยนะลูก" แม่ของสนบอกลูกชายที่นั่งหน้าเครียด ไร้วี่แววของความสุข สนดูผ่ายผอมไปมากจนเธอชักจะเป็นห่วง

สนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ผมละอายใจครับแม่ ผมไม่กล้าไปหาใคร กับต้นเอง...ผมก็ไม่ได้ไปหาหรือติดต่อเขามาจะเป็นเดือนแล้วครับ"

"อ้าว...ทำไมล่ะสน สนทะเลาะอะไรกับต้นหรือเปล่า" แม่ถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับแม่..." แล้วสนก็หยุดคิด ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาคงจะต้องบอกความจริงเรื่องนี้ให้แม่รู้

"แม่ครับ...ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกแม่...เกี่ยวกับผมและต้นครับ แต่ก่อนที่ผมจะบอกไป ผมอยากให้แม่...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะผมคิดว่า...ถ้าแม่รู้แล้ว...แม่อาจจะตกใจ...หรืออาจจะรับไม่ได้ไปเลยก็ได้ครับ"

ได้ยินสนพูดแบบนั้นแล้วคนเป็นแม่ก็ยิ่งหวั่นใจ กลัวว่าสนจะไปมีเรื่องอะไรกับต้นร้ายแรงจนอาจจะถึงกับเลิกเป็นเพื่อนกันหรือร้ายแรงกว่านั้น

สนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็หันไปถามแม่ว่า "แม่พร้อมจะฟังหรือยังครับ...ที่ผมยังไม่บอกพ่อ เพราะผมกลัวว่า...พ่อจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุยกับแม่แล้วแม่เข้าใจ แม่อาจจะช่วยพูดกับพ่อให้ผมได้ แล้วผม...จะคุยกับพ่ออีกทีครับ"

แม่ของสนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเธอพร้อมที่จะฟังแล้ว แม้จะดูไม่น่าไว้วางใจแต่ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวมากไปกว่าเรื่องของสนกับนาแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่เธอจะรับไม่ได้มากไปกว่านี้

"แม่ก็คงสังเกตใช่ไหมครับว่า...ผมกับต้น...สนิทกันมาก ไม่เคยห่างกัน ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด ต้นเขาดีกับผมมาก...ดีกับผมทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะเดือดร้อนเรื่องไหน ต้นก็ไม่เคยทิ้งผม" สนหยุดเพื่อดูปฏิกิริยาของแม่

"แม่รู้จ้ะ แล้วมันยังล่ะสน แม่ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าลูกกำลังจะบอกแม่เรื่องอะไร"

สนนิ่งไปสักพักก็ตัดสินใจบอกไปว่า "ผมกับต้น...เราสองคน...รักกันครับแม่"

แม่ขมวดคิ้ว แต่ก็ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจมากเท่าไรนัก "อืม...แม่ก็รู้นะลูก ไม่เห็นจะเป็นความลับตรงไหนเลย คนแถวนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าต้นกับสนเป็นเพื่อนรักกัน"

ตอนแรกสนก็แอบดีใจที่ดูเหมือนแม่จะไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เขาบอก แต่พอรู้ว่าแม่เข้าใจผิดว่าเขารักต้นแบบเพื่อน สนก็เลยต้องรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วบอกไปใหม่ว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่...ผมกับต้น...รักกันมากกว่าเพื่อนครับ เรารักกัน...เหมือนผู้หญิงกับผู้ชายรักกันครับ"

นั่นแหละจึงทำให้แม่อึ้งได้ คราวนี้อึ้งจริงๆ ไม่ได้เข้าใจผิดอีกแล้ว "อะไรนะสน สนพูดว่าไงนะ"

เอาล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่สนจะต้องกลัว ชีวิตสนเจอความเจ็บปวดมามากจนเขามีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้ามันเป็นความจริงแล้วสนก็จะไม่กลัวมันอีกแล้ว "ผมกับต้นรักกัน...เหมือนที่ผู้หญิงผู้ชายเขารักกันครับแม่ ไม่ใช่แค่เพื่อน"

แล้วแม่ก็เงียบไป เงียบจนสนเดาไม่ออกและรู้สึกกลัวใจของแม่ ก็แน่ล่ะ...คงไม่มีแม่ที่ไหนหรอกที่จะไม่ช็อกเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองรักผู้ชายด้วยกัน แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นต้น สนก็หวังว่าแม่จะเข้าใจ

แม่ของสนถอนหายใจหลังจากที่เงียบไปนาน แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า "แล้วต้น...เขาคิดแบบเดียวกับสนหรือเปล่า หรือว่า...สนแค่จะบอกแม่ว่าสนคิดอย่างนั้นกับต้นฝ่ายเดียว"

"เราสองคนคิดตรงกันครับแม่ เรารักกันมานานแล้ว เพราะเหตุนี้แหละครับ ผมถึง...ไม่กล้าไปสู้หน้าต้น" สนพูดแล้วก็จะร้องไห้ ช่วงนี้เขาร้องไห้บ่อยเหลือเกิน บ่อยจนเขาไม่รู้ว่าเขายังมีความเป็นผู้ชายเหลืออยู่ไหม

แม่พยักหน้าเข้าใจแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ถ้าต้นกับสนจะรักกันแบบนั้น มันก็ไม่น่าจะแปลกหรอก มันก็มีโอกาสที่คนสองคนที่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้จะรักกันได้ แม้ว่าจะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม "มันก็...น่าตกใจสำหรับคนเป็นแม่นะ แต่ว่า...แม่ก็...เข้าใจลูกนะ พวกเราเอง...ก็รักต้นกันทุกคน ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...แม่ก็เข้าใจ แล้วต้น...เขาไม่เสียใจแย่เหรอลูกที่ลูก...ต้องมาอยู่กินกับยัยนา"

สนน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ดีใจที่แม่เข้าใจและยอมรับได้ ถึงมันจะไม่มีประโยชน์นักในตอนนี้เพราะเขามีห่วงผูกคอแล้ว แต่เขาก็อยากให้แม่รู้ สนโผเข้ากอดแม่แล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กๆ ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่และอ่อนแอมาก แต่เขาก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างอดทนและก้าวผ่านเรื่องราวร้ายๆ เหล่านี้ไปให้ได้

"แม่ครับ...ช่วยสนด้วย ผมรักต้นมาก...ผมอยากอยู่กับเขา แต่ผม...ก็ทำให้เขาเสียใจจนผมไม่กล้าไปสู้หน้าเขาอีกแล้ว ผมไม่ได้ไปหาเขามาเกือบเดือน ผมคิดถึงต้น เป็นห่วงเขา อยากไปดูแล อยากไปทำกับข้าวให้เขากิน...แต่ผมก็ไปหาต้นไม่ได้"

แม่ของสนก็พลอยร้องไห้ไปกับลูกชายด้วย สนเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ความรักทั้งหมดของครอบครัวจึงมาตกที่สนคนเดียว เห็นลูกเป็นทุกข์ คนเป็นแม่ก็ย่อมไปทุกข์ไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแบบนี้เพิ่มเข้ามาอีก สนคงไม่ได้พูดเล่น จากอาการที่สนเป็นอยู่ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ สนคงรักต้นจริงๆ อย่างที่เขาบอก แล้วก็ดูท่าจะรักมากเสียด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่สนจะรักต้นมากขนาดนั้น

แล้วเธอจะช่วยลูกชายของเธอยังไงดีล่ะ สนก็อยู่กินกับทางนั้นแล้วแถมยังมีจะมีลูกด้วยกัน นี่ก็คงเป็นอีกปัญหาที่เธอจะต้องนอนก่ายหน้าผากอีกแล้ว ไหนจะต้องไปคุยกับพ่อของสนให้เข้าใจอีกล่ะ แต่เธอก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรยากเกินไป ทุกคนรักต้นด้วยกันทั้งนั้น ถ้าสนจะรักต้นแบบนั้น...พ่อของสนอาจจะตกใจบ้างเหมือนเธอตอนนี้ แต่สุดท้ายเธอก็เชื่อว่าสามีจะเข้าใจลูกชายเหมือนที่เธอกำลังพยายามเข้าใจเขาอยู่ในตอนนี้

"สนเอ้ย...ถ้ามันเจ็บปวดนัก แล้วลูกจะไปทนอยู่กับเขาทำไมล่ะลูก บางครั้ง...เราก็ไม่ควรจะเป็นคนดีมากเกินไปนะลูก คนบางคน...พอเขารู้ว่าเรายอมเขาก็จะเอาเปรียบเรา อย่าไปยอมคนแบบนั้นมากเกินไป ลูกของสน...หลานของแม่ พ่อกับแม่ช่วยกันเลี้ยงได้ แต่แม่...ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น ถ้าลูกไม่ได้รักเขา ก็อย่าไปอยู่กับเขาให้มันทรมานจิตใจกันไปเปล่าๆ เลยนะลูก ออกมาเถอะ ยังไงลูกของเราเราก็รับผิดชอบอยู่แล้ว"

"ผมมีเหตุผลบางอย่างครับแม่ เขาทำลายชีวิตผมขนาดนี้...ถ้าที่ผ่านมาเขาเจ็บไม่พอ ผมก็จะทำให้เขาเจ็บเสียให้พอ"

คำตอบของสนดูจะทำให้คนเป็นแม่ตกใจมากทีเดียว ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของเธอจะกลายเป็นคนอาฆาตพยาบาทแบบนี้ไปได้

"สน...อย่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาอีกเลยนะลูก ไม่งั้นมันจะไม่จบไม่สิ้น เกิดชาติหน้าเราก็อาจจะต้องมาชดใช้เวรกรรมให้เขาอีก หยุดเถอะนะลูก...แม่ยินดีที่จะให้เขามาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย บ้านหลังนี้น้าเขาก็ยกให้เราแล้ว ถ้าจะต้องขายบ้านหลังนี้เอาเงินให้เขาไป แม่กับพ่อก็จะยอม จะให้ไปอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่แม่ไม่อยากให้สนมีชีวิตแบบนี้เลยลูก เห็นลูกทุกข์...พ่อกับแม่ก็ไม่มีความสุขหรอกนะลูก"

ไม่รู้ว่าสนจะเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ แต่แม่ก็บอกด้วยความรักและเป็นห่วง แม่ของสนลูบผมลูกชายด้วยความรักและเอ็นดู เธอรู้ว่าสนคงต้องการเวลาไตร่ตรอง และเธอก็มั่นใจว่าสุดท้ายสนก็จะหยุด สนไม่ใช่คนจิตใจโหดร้ายแบบนั้นหรอก

-----------------------------------------------------

สนกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นๆ ก็เห็นนานั่งดูทีวีพร้อมกับกินมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกกับเกลือราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร เธอท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว บางวันก็แพ้ท้องหนักมากจนบางทีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ก็แค่สงสาร...ไม่ได้รัก

ดูเหมือนว่าพอสนกลับมาแล้วบรรยากาศภายในห้องกลับดูอึมครึมมากขึ้น สนมาถึงก็ไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มไม่แย้มใดๆ ตรงเข้าไปในครัวเป็นอันดับแรก เห็นจานชามกองไว้ยังไม่ได้ล้างแล้วสนก็ชักหงุดหงิด เขาจึงต้องลงมือล้างและเก็บเอง

จากนั้นเขาก็ทำกับข้าว ทำเสร็จแล้วก็นั่งกินคนเดียว นาเหมือนอากาศธาตุในบ้านนี้จริงๆ แต่จริงๆ อาจจะหนักกว่านั้น สนเห็นเธอเป็นเพียงสิ่งน่ารังเกียจ ไม่ควรแม้แต่จะปรายตาไปมองด้วยซ้ำ กินข้าวเสร็จแล้วสนก็เอาจานไปล้าง ส่วนนาจะกินตอนไหนก็เรื่องของเธอ แล้วสนก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เขาไปเงียบๆ คนเดียว

ตั้งแต่นามาอยู่กับเขา สนก็ทำแบบนี้ทุกวัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่พูดด้วยอย่างเด็ดขาด อาจจะคอยดูแลบ้างเวลาที่เธอแพ้ท้องหนักๆ หรืออยากกินอะไรบางอย่างตามประสาคนแพ้ท้อง ของอะไรที่คนท้องจำเป็นต้องมีต้องกิน เขาก็ซื้อมาไว้ให้ แต่อยากกินอยากใช้ก็ทำเอง เขาทำให้ได้เท่านี้จริงๆ บางทีมันก็มากไปด้วยซ้ำ

นาดูเหมือนจะหงุดหงิดมากทีเดียว เธอมายืนเท้าสะเอวมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่นั่งหันหลังทำงานด้วยความไม่พอใจ ยิ่งกำลังท้องกำลังใส้แบบนี้เธอก็ยิ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคนที่เป็นพ่อของลูกมากเป็นพิเศษ แต่สนก็เอาแต่ทำตัวเฉยชากับเธอ แถมดูจะหนักกว่าตอนก่อนที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ

พอเห็นสนทำเป็นไม่สนใจแบบนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ทำเสียงกระฟัดกระเฟียด เดินลงเท้าหนักๆ เข้าไปหาอะไรกินเองในครัว แต่ไม่ว่าเธอจะเรียกร้องความสนใจอย่างไร สนก็ไม่หันมามอง พอถึงเวลานอน สนก็ปล่อยให้เธอไปนอนในห้องคนเดียว แต่สนก็ยังนั่งทำงานที่เขารับมาทำจนดึกจนดื่น พอง่วงนอนจริงๆ สนก็จะนอนข้างนอกห้องบนโซฟา

ตื่นเช้ามาสนก็ไปทำงานตามปกติ ปล่อยให้นาอยู่ในห้องคนเดียว ตอนนี้นาขอหยุดงานหนึ่งสัปดาห์เพราะเธอแพ้ท้องมาก ไปทำงานไม่ไหว ตอนนี้เธอเองก็ชักเริ่มหงุดหงิดกับที่ทำงานจนคิดอยากจะเปลี่ยนงานอยู่เหมือนกัน ใครๆ ต่างก็นินทาเธอไปต่างๆ นาๆ ที่จบออกมาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ท้องซะแล้ว แถมสามียังไม่มาส่งที่ทำงานอีก ตอนเย็นๆ สนอาจจะไปรับบ้าง แต่ถ้าเขามีธุระกับบริษัทหรือลูกค้า สนก็จะให้เธอกลับเอง อาจจะดูเหมือนคนใจดำ แต่สนก็จำเป็นต้องสั่งสอนให้ผู้หญิงคนนี้รู้สำนึกสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดเสียบ้าง

สภาวะจิตใจตอนนี้ของนาจึงย่ำแย่และกดดันมาก เธอนอนร้องไห้แทบทุกคืน บางวันทนไม่ไหวเธอก็จะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ กลับมาก็หวังว่าสนคงจะคิดถึงเธอบ้าง ก็เปล่าเลย...ไม่มีท่าทางแบบนั้นจากสน ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากสนถ้าไม่จำเป็น มีแต่ท่าทางรังเกียจและเฉยชาที่แทบจะทำให้เธอเป็นบ้าไปทุกขณะจิต

-----------------------------------------------------------------

เป็นเวลาเกือบเดือนที่ทดแทนไม่ได้เจอต้นเลย ตั้งแต่งงานของสนผ่านไปทดแทนก็เงียบหายไป แต่เขาก็ได้รับรู้ข่าวสารและเรื่องราวของต้นกับสนตลอดผ่านนิกกับปั้นจั่นอยู่เสมอ ที่เขาไม่ได้มาหาเพราะเขาเองก็อยากให้ต้นใช้เวลากับตัวเองเพื่อที่จะคิดและทบทวนให้เต็มที่ ทดแทนรู้ว่าต้นเป็นคนเข้มแข็ง ต้นจะไม่เสียใจฟูมฟายและคิดสั้นอย่างแน่นอน และเขาก็ดีใจที่วันนี้ต้นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ช่วงวันหยุดสบายๆ ทดแทนจึงนัดต้นออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขามานั่งรออยู่ก่อน พอต้นมาถึง เขาก็เห็นว่าต้นยังดูแจ่มใสอยู่เหมือนเดิม อาจจะมีแววตาเศร้าๆ บ้างแต่เขาก็ดูออกว่านี่คือแววตาของคนที่เข้าใจชีวิตและทำใจกับบางสิ่งบางอย่างได้แล้ว

พอต้นนั่งลง ทดแทนก็ถามพลางยิ้มว่า "เป็นไงต้น สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน"

ต้นยิ้มตอบ "สบายดีครับพี่...ไม่เจ็บไม่ป่วย...แต่งานก็อาจจะเยอะนิดหน่อย"

ทดแทนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ "อะ...สั่งอาหารก่อนดีกว่า กินได้ตามสบายเลยนะวันนี้ พี่เลี้ยงเอง อย่าเพิ่งห้าม...พี่จำได้ว่าคราวที่แล้วต้นเป็นคนจ่าย คราวนี้ก็เป็นตาของพี่" ทดแทนรีบดักไว้อย่างรู้ทันเมื่อเห็นต้นทำท่าจะห้าม

"อ๋อ...ครับ" ต้นว่าแล้วก็หยิบเมนูอาหารมาดู ทดแทนก็หยิบมาดูเช่นกัน แล้วก็สั่งสิ่งที่แต่ละคนอยากกินไป

ในระหว่างรออาหาร ทดแทนก็ถามขึ้นว่า "ดูเหมือนต้น...จะทำใจได้แล้วใช่ไหม พี่หมายถึง...เรื่องของต้นกับสน"

สีหน้าของต้นหม่นลงเล็กน้อย "ก็...น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมลืมเขานะครับ แต่ผมแค่...กลับมาทำตามความตั้งใจเดิมของผม"

ทดแทนทำสีหน้าแสดงให้รู้ว่าเขาอยากรู้ว่าต้นหมายถึงอะไร ต้นจึงพูดสืบไปว่า "เมื่อก่อน...ที่ผมรักสน ผมก็ไม่เคยคิดจะบอกเขาเลยนะครับ พยายามทำใจเสมอมา แล้วก็คิดว่า...ผมก็จะรักเขาแบบนี้แหละ ไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ปล่อยให้เขามีชีวิตอย่างที่เขาต้องการ เราก็มีความสุขไปตามประสาที่ได้รักเขา ได้ดูแลเขาบ้างตามโอกาส แต่เรื่องมันก็มาวุ่นวายขึ้นตอนที่สนเขารู้ว่าผมคิดอะไรกับเขาโดยบังเอิญ แล้วตอนหลังมันก็กลายเป็นว่า...สนเขาก็รักผมเหมือนกัน เราต่างก็รักกัน...แต่อุปสรรคก็เยอะเหลือเกินนะพี่ จนถึงตอนนี้...ความหวังมันก็ริบหรี่ไปมาก หรืออาจจะดับไปแล้วด้วยซ้ำ"

"ต้นเสียใจหรือเปล่าที่มันเป็นแบบนี้"

ต้นพยักหน้าน้อยๆ "แรกๆ ก็หนักอยู่ครับ แต่ตอนนี้...ผมคิดว่า...ผมสามารถที่จะรักและเป็นห่วงเขาได้โดยที่ไม่ต้องทุรนทุราย ผมก็ยังรอเขาได้...ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน ผมไม่อยากเหนื่อยกับการเสแสร้งหรือบังคับใจตัวเอง ถ้ามันยังรักอยู่...ผมก็จะรักต่อไป จนกว่าจะไม่อยากรักอีกแล้ว"

ทดแทนยิ้มด้วยความชื่นชม ถึงเขาจะรักผู้ชายคนนี้...แต่เขาก็ไม่อยากจะไปบังคับฝืนใจเมื่อรู้ว่าต้นยังรักเขาไม่ได้ มีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นที่เขาเผลอใจไปบ้าง เห็นต้นมีความสุขกับชีวิตและทำใจได้ เขาก็ดีใจด้วยจริงๆ

"ดีแล้วล่ะต้น...ดีแล้วที่ต้นรอได้โดยไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน มีไม่กี่คนในโลกนี้หรอกนะที่จะทำใจได้แบบนี้ เชื่อพี่นะ รอสนอีกสักหน่อย...ชีวิตของสนเขาก็มีแต่ต้นเท่านั้นแหละ ถ้าเขาไม่กลับมาหาต้น เขาก็คงไม่รู้จะไปหาใคร พี่ดูผู้ชายคนนี้ออกนะ เขาเป็นคนแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดอะไร พี่ว่าก็ดีเหมือนกัน...พอสนเขาได้บทเรียนชีวิตที่หนักขนาดนี้แล้ว ถ้าเขากลับมาหาต้นได้ เขาก็จะยิ่งรักต้นมาก และเขาจะระมัดระวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เขาอาจจะเข็ดผู้หญิงไปจนชั่วชีวิตก็ได้"

ต้นได้แต่ยิ้มแล้วก็ขำเบาๆ จังหวะนั้นอาหารก็เริ่มทยอยมา ต้นกับทดแทนจึงหันไปสนใจกับอาหารอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาคุยกันหลังจากที่บรรเทาความหิวไปได้บ้างแล้ว

"ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับพี่แทน ขอบคุณที่เข้าใจผม ไม่บังคับผม อย่างน้อย...ถึงเราจะไม่ได้รักกัน แต่ผมก็คิดว่าผมโชคดีที่ผมได้มารู้จักคนดีๆ อย่างพี่ ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากให้พี่...เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผม"

ทดแทนหยุดกินข้าวแล้วก็ยิ้ม เขาเองก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากแล้วล่ะ เจ็บกับความรักมาก็หลายครั้ง เขาก็เริ่มทำใจได้ไวขึ้น รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร

"ยินดีครับน้องต้น...พี่ดีใจนะ...ที่พี่จะมีน้องชายที่น่ารักอย่างต้น เป็นครั้งแรกเลยล่ะ...ที่ความรักของพี่...ไม่ได้จบไปแล้วก็จบไปเลย ที่ผ่านมา...พอเลิกกันแล้ว...ต่างคนก็ต่างไป บางทีไม่อยากจะกลับมาเจอกันอีกด้วยซ้ำ พี่ดีใจที่ความรักของพี่ครั้งนี้ไม่ได้จบแบบนั้น ถ้ามันจบแบบนั้นพี่คงเสียใจมาก พี่ดีใจที่มันจบลงด้วยการที่เราเป็นพี่น้องกัน"

เห็นรอยยิ้มของทดแทนแล้วต้นก็ค่อยสบายใจและหายใจได้อย่างโล่งคอมากขึ้น ที่ผ่านมาต้นกังวลมาตลอดและรู้สึกผิดที่ดึงทดแทนเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ นึกโมโหตัวเองก็หลายครั้งที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

"ขอบคุณครับ...พี่ชาย" ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง

สักพักก็หันกลับมาสนใจกับอาหารต่อ

"แล้วตอนนี้...สนเขาไม่หาต้นเลยเหรอ" ทดแทนถามหลังจากกินข้าวไปได้สองสามคำ

"ครับ...เป็นเดือนแล้วครับพี่" ต้นตอบพลางยกช้อนอาหารค้างไว้

"โห...แล้วต้นไม่คิดถึงเขาแย่เลยเหรอ" ทดแทนทำสีหน้าเห็นใจ

ต้นพยักหน้า "คิดถึงครับ...เป็นห่วงมาก แต่ผมก็คิดว่า...สนโตแล้ว เขาก็น่าจะจัดการปัญหาของเขาเองได้ แต่...ไม่ว่าจะยังไง ผมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ไม่เคยจากกันกับเขานานขนาดนี้เลยครับ เมื่อก่อน...โกรธกันบ้าง แต่ก็ยังเห็นหน้ากัน แต่นี่...ไม่ได้เห็นเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ไม่เห็นแม้แต่เงา"

เห็นต้นทำหน้าเศร้าแล้วทดแทนก็ยื่นมือไปบีบมือต้นให้กำลังใจ

"อดทนอีกนิดนะต้น...เชื่อพี่...สักวันสนเขาจะต้องกลับมาหาต้น เขาจะกลับมาอย่างแน่นอน พี่เอาหัวเป็นประกันได้เลย..."

TO BE CONTINUED...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-07-2012 15:31:50
 :L2: :L2: :L2:
 :L2: :L2:
 :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 01-07-2012 16:26:09
อ่าาาา มันไม่ริบหรี่หรอกเนอะ

อย่างที่แม่ว่า บางทีเราก็ไม่ควรเป็นคนดีมากก็ได้ กับคนที่จ้องแต่จะทำร้ายเราน่ะ

เริ่มมองเห็นเหมือนนาจะทิ้งลูกเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: evaeveevaeve ที่ 01-07-2012 22:25:11
ขอบอกว่าเรื่องนี้ จุดสำคัญคือความผูกพันธ์ จนขาดกันไม่ได้ ของต้นกับ สน อ่านแล้วรู้สึกรำคาญ สน อ่ะ
แต่ต้องบอกว่า ภาษาเขียนเอาไป10
ผูกเรื่องได้ดีน่ะแต่ไม่เท่าเรื่องที่แล้ว เอาไป7
ตัวละครน้อยไปหน่อย มันเลยดูไม่มีเรื่องอะไรมากมาย เอาไป7
 แต่รวมๆๆแล้วดีคับไม่ผิดหวัง
เออที่สำคัญอันนี้ขอติเลย อิมเมจตัวละคร มันดูขัดๆๆ เรื่องที่แล้วรักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต วางอิมเมจดีมาก
แต่อันนี้ผมว่าไม่ดีเลย ดป๊ปตัวจริงดูคุณหนูมากอ่ะ คุณน่าจะหาแบบ หล่อแมน ผิวคล้ำมาเป็น สน แจต่จะคล้ำมากไม่ได้ไอ้สนมันเด็กเหนือแต่ก็น่ะควรจะมองใครที่ลูกบ้านๆๆหน่อน ที่มิใช่พี่โป๊ป
ส่วนต้น ok แล้วคับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 02-07-2012 01:07:46
อ่านตอนนี้แล้วสงสารสนจัง  :sad4:

แต่กับยัยนา ผู้หญิงร้าย วางแผนเก่ง สมควรแล้วที่สนทำเหมือนเป็นอากาศธาตุ

น่าจะเครียดจนไม่สบายไปเลย  คนอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นแม่คนได้หรอก สงสารเด็กที่จะเกิดมา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 02-07-2012 09:31:19
ถึงความหวังจะริบหรี่ แต่ก็ยังพอมีความหวัง ล่ะนะ
อยากให้สนเชื่อแม่ การให้อภัยเลิกแล้วต่อกัน กรรมที่เคยมีจะได้จบ จบที่เรานี่ล่ะ
จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ

ดีใจที่ต้นทำใจได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการยอมรับความจริงและอยู่กับมันอย่างเข้าใจ
ต้นเป็นไอดอลทางความคิดของเราเลยนะเนี่ย

ยังหน่วงๆอยู่ แต่เหมือนโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
อย่างน้อยแม่ของสนก็ได้รู้และเข้าใจเรื่องที่สนกับต้นรักกันแล้ว
ต่อไปก็รอแค่ให้นาทนไม่ไหว เดินจากไป เท่านั้นเอง
รอ...ร๊อ....รอ......

+1 ขอบคุณคนแต่งค่ะ
เสพความหน่วงวันละนิด เป็นการสร้างภูมิต้านทานชั้นดีให้กับหัวใจ :yeb:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 34 ¤ คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ (30-06-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 02-07-2012 19:29:46
วันนี้เป็นวันหยุดแรกที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยมีเวลาเขียนไปจนเกือบจบแล้วครับ แต่ตอนจบคงยังไม่เขียนวันนี้
ไหนๆ จะจบแล้วก็ต้องเอาให้ประทับใจ (หรือเปล่า) ซะหน่อย

ไม่หรือเปล่าครับ ขอแฮปปี้เอนดิ้ง TT
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 02-07-2012 23:34:45
สงสัยตอนนี้คนอ่านคงจะเริ่มเหนื่อยกับดราม่าแล้ว นึกว่าจะสุขก็ไม่สุข
ถ้าอย่างนั้นหยุดพักอารมณ์กันก่อนดีกว่านะครับ
เอาไว้ให้รู้สึกคิดถึง อยากอ่านแล้วค่อยอ่านดีกว่า ไม่อยากเอามาให้อ่านตอนที่ไม่อยากอ่าน
ผมเขียนตอนจบไว้แล้วล่ะ
ตอนนี้...ขอพักดราม่าเอาไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกมาได้เลยครับ
เดี๋ยวจัดให้
ป.ล.
ตอนนี้คนเขียนก็เริ่มลากอารมณ์ตามไม่ไหว อาจจะดูไม่ค่อยมีอะไรแต่ใช้พลังงานไปกับการสร้างอารมณ์เยอะมาก
จบเรื่องนี้แล้วคงต้องพักยาว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 02-07-2012 23:48:04
ความรักของต้นนี่ชั่งบริสุทธิ์จริงๆ  ถึงไม่ได้ครอบครอง แต่ก็ยังคงมีความปรารถนาดีเสมอ o13

แล้วก็ยังรอคอยแบบไม่เรียกร้องด้วย :กอด1:


คุณ sarawatta ลงเมื่อไหร่ ผู้อ่านก็จะรออ่านตลอดค่ะ  มาถึงขั้นนี้แล้ว

ก็จะรอลุ้น เชียร์ทั้งคู่ ให้ฝ่าฟันอุปสรรค จนได้รักกัน อยู่ด้วยกันจริงๆสักที  :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 02-07-2012 23:49:10
จัดมาเลยเถอะค่ะ ให้มาทีเดียวเลย เพื่อหลังฝนฟ้าจะสดใสบ้าง  :z3:
อ่านตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นนี้ ปวดตับกว่าเยอะ
แต่ดูสมเหตุสมผลขึ้นเลยนะ
มาตามอ่านทีเดียวเลย รอให้เยอะๆก่อน เพราะคิดแล้วว่ายี่ห้อคนเขียนต้องซดมาม่าชามพี่บิ๊กกก
กลัวค้าง หวังแค่ว่าขอจบแบบhappyๆเท่านั้นแหละ มาม่าระหว่าทางรับได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: light_kung ที่ 03-07-2012 06:38:40
เป็นกำลังใจให้ คนแต่ง :L2: คนอ่าน รออยู่น๊าครับ :m15:

     รอ รอ รอ และก็รอ...คอยอย่างมี ความหวัง  :impress2:

          <ต้นสน> :กอด1:

ปล.จำได้ลางๆในความทรงจำ ว่าเวอร์ชั่นเก่านั้น...  :a5:
ต้องซดมาม่าไปเต็มที่พอสมควร แต่ ก็ผ่านมาได้
แต่ไม่รู้ว่ารอบนี้จะไหวไหม เพราะ ได้ซดมาม่าในชีวิตจริงของตัวเองไปหนักหนาสาสมแก่ใจแล้ว
:sad4: หวังว่าภูมิคุ้มกันดราม่าจะสูงขึ้น
รอลุ้นเวอร์ชั่นนี้  :serius2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 03-07-2012 08:12:13

ลงมาเถอะค่ะ  มาต่อเร็วดราม่าก็จะผ่านไปเร็ว
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 35 ¤ ไฟความหวังที่ริบหรี่ (01-07-2012) ░ ▒ ▓-suspended
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 03-07-2012 10:27:59
ความรักของสองคนนี้มีอุปสรรคเยอะมาก มากจนหากเป็นเรา เราว่าเราก็ท้อ
แตายอมรับต้นที่มองโลกในแง่ที่กว้างออกไป รักกอย่างมีเหตุผล รักอย่างอดทน
เจ็บแบบไม่ทำร้ายตัวเอง ใช้สมองมากกว่าหัวใจ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 3 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 03-07-2012 13:51:28
ตอนที่ 36: นั่นแหละคือความกดดัน

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ผ่านไปเดือนกว่าแล้วที่สนเงียบหายไปจากชีวิตของต้น แต่ต้นก็ได้รับรู้เรื่องราวของสนผ่านนิกบ้าง ปั้นจั่นบ้าง แต่หลังๆ สองคนนั้นก็ไม่ค่อยได้ไปหาหรือคุยกับสนเท่าไหร่ ข่าวคราวของสนจึงเงียบไป ส่วนสนเองนั้น เขาไม่เคยถามถึงต้นจากใครเลย เขาไม่อยากรู้...เพราะเขากลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะทำใจไม่ได้ แล้วก็กลับเอาปัญหามาให้ต้นอีกเหมือนเดิม แต่ในใจของเขานั้น...เป็นห่วงและคิดถึงต้นอยู่แทบทุกลมหายใจ ยิ่งชีวิตต้องมาอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก ขาดอิสรภาพ สนก็ยิ่งคิดถึงและเห็นความสำคัญของสิ่งที่เขาสูญเสียไปมากขึ้น แต่ถ้าต้นจะตัดใจ ลืมเขาไป สนก็พอจะเข้าใจได้ มันก็เป็นสิ่งที่สมควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว

วันนี้สนได้รับมอบหมายจากบริษัทให้มาพบลูกค้าที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจะว่าจ้างให้บริษัทของเขาช่วยพัฒนาระบบเน็ตเวิร์กให้ สนมาถึงที่บริษัทดังกล่าวในช่วงสายๆ เขาไปนั่งรออยู่สักพักคนที่นัดเขาไว้ก็ออกมาหา

"สวัสดีครับ อ้าว...สน" เสียงร้องทักนั้นทำให้สนรีบวางแก้วน้ำที่เขากำลังจะดื่มลง พอเห็นว่าเป็นใครสนก็ทำหน้าแปลกใจเช่นเดียวกัน

"พี่ปิ๊ก" แล้วสนก็ยกมือสวัสดีอย่างงงๆ

"สนจริงๆ ด้วย โลกมันช่างกลมเสียจริงๆ เลย พี่เห็นชื่อเราแล้วล่ะ แต่ไม่เคยรู้ชื่อจริงไงก็เลย...ไม่รู้ว่าเป็นสน ดีใจนะครับที่ได้เจอกันอีกครั้ง" ปิ๊กยิ้มแล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสน ดูเหมือนเขาจะดีใจที่จริงๆ ที่ได้เจอสนอีกครั้ง

แต่การมาเจอพี่ปิ๊กก็ทำให้ความทรงจำเก่าๆ ของเขากับต้นเริ่มย้อนกลับมาอีกแล้ว ไม่รู้จะตอกย้ำไปถึงไหนนะว่าชีวิตเขาจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีต้น

"ดื่มน้ำก่อน โทษที...มัวแต่ดีใจก็เลยขัดจังหวะ" พี่ปิ๊กบอกพลางขำ

สนจึงดื่มน้ำแก้วนั้น แล้วก็เตรียมตัวจะคุยงานทันที

"คุยงานเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกับพี่หน่อยนะ พี่อยากคุยด้วย อยากถามเรื่องต้น...ไม่รู้เป็นไงบ้าง" ปิ๊กรีบบอกไว้ก่อนที่จะเริ่มคุยงานกัน

สนพยักหน้าและยิ้มจางๆ พอดีเพื่อนร่วมงานอีกคนของพี่ปิ๊กมาร่วมวงด้วย การสนทนาธุรกิจจึงเริ่มต้นขึ้น

จนกระทั่งคุยงานเสร็จแล้วปิ๊กก็ชวนสนมานั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับบริษัท เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้วจึงนั่งกินไปคุยกันไป

"ต้นเป็นไงบ้าง...นี่ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย...สามสี่ปีได้แล้วมั้ง" ปิ๊กถามโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนถูกถาม แต่พอเริ่มสังเกตเห็นสนทำหน้าตาเครียดๆ ปิ๊กก็เลยรีบบอกไปว่า "อย่าเพิ่งเครียดสิ ที่ถาม...พี่ไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปจีบต้นซะหน่อย พี่มีแฟนแล้ว แค่อยากรู้ว่าต้นเป็นไงอยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง"

แต่สนก็ยังเครียดอยู่ดีเพราะเขาไม่ได้กลัวเรื่องนั้น "คือ...ผมกับต้น...เราไม่ได้...เราไม่ได้คบกันแล้วครับ" สนพูดออกไปอย่างยากเย็น

"หา!!! อะไรนะ จริงเหรอสน...ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น พี่ก็นึกว่าเราสองคนจะ..." ปิ๊กทำหน้าตกใจระคนแปลกใจ

สนทำท่าทางอึกอักๆ ปิ๊กจึงเริ่มรู้ตัวว่ากำลังทำให้สนลำบากใจอยู่ "โทษทีๆ ถ้าไม่สะดวกใจที่จะตอบก็ไม่เป็นไร"

สนยิ้มเจื่อนๆ กินข้าวแทบไม่ลงแต่ก็ต้องฝืนกิน ช่วงหลังๆ มานี้เขากินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ จนผมกระหร่องไปหมดแล้ว

"น่าเสียดายนะ..." ปิ๊กพูดเหมือนรำพึงเบาๆ "ว่าแต่ว่า...สนไม่รู้เลยเหรอว่าต้นเขาอยู่ไหน ทำงานที่ไหน"

"อ๋อ...เขาเป็นวิศวกรครับ ทำงานที่บริษัท...." ถ้าเป็นข้อมูลแบบนี้สนก็คงพอตอบได้

"โห...บริษัทใหญ่ซะด้วย คงได้เงินเดือนเยอะน่าดู" ปิ๊กทำท่าคิดตาม "รู้ไหมว่า...พี่จำได้เราสองคนได้ดีเลยนะ ตอนนั้นนะ...จะว่าโมโหก็โมโหนะ แต่ตอนนี้นึกๆ ดูแล้วก็ขำ เรานี่กันท่าพี่สุดฤทธิ์เลย" ปิ๊กพูดแล้วก็ขำ

แต่คนฟังกลับทำสีหน้าลำบากใจมากขึ้น สนคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเขาจะทนอยู่กับชีวิตแบบนี้ไปได้อีกกี่น้ำ เขาไม่เคยห่างจากต้นโดยไม่ติดต่อกันนานขนาดนี้เลย สุดท้ายแล้วเขาก็กลัวว่าเขาจะทนไม่ได้ แล้วก็กลับเอาปัญหาไปให้ต้นอีกจนได้

"โทษทีสน...พี่ลืมตัวอีกแล้ว เอาล่ะๆ พี่จะไม่พูดเรื่องนี้ละ" ปิ๊กพูดขึ้นเมื่อนึกได้ ท่าทางต้นกับสนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่างกันแน่ๆ ท่าจะหนักซะด้วยเพราะอาการนั่งเหม่อของสนมันฟ้อง

"ไม่เป็นไรครับพี่" สนบอกแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวไป สนพยายามที่จะไม่คิดถึงต้น แต่พอมาเจอพี่ปิ๊กก็เลยทำให้ความทรงจำต่างๆ หลายอย่างในช่วงนั้นของเขากับต้นหวนคืนกลับมา

--------------------------------------------------------

สนรู้สึกว่าเขาคงจะทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้ว พอได้เจอพี่ปิ๊ก มันก็ยิ่งทำให้เขาอดที่จะคิดถึงต้นและเรื่องราวเก่าๆ ไม่ได้ พอเลิกงานแล้วสนก็ตรงดิ่งมาที่คอนโดของต้นทันที เขาไม่รู้หรอกว่าต้นกลับมาหรือยัง แต่เขาก็อยากมาหา มาให้เห็นหน้าสักหน่อย ได้รู้ว่าอยู่สุขสบายดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แค่นี้...สนก็คงพอใจแล้ว

พอมาถึง สนก็นั่งรออยู่ตรงส่วนรับแขกเพราะเขาไม่มีคีย์การ์ดเข้าไปแล้ว รปภ. ที่นั่นจำสนได้เพราะเขามาบ่อยๆ บางครั้งสนก็จะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากอยู่เรื่อยๆ เขาก็เลยเดินมาถามสนว่า

"มาหาคุณต้นเหรอครับ"

สนเงยหน้าขึ้นมอง วางนิตยสารที่เขาหยิบมาอ่านลงแล้วก็พยักหน้า

"เพิ่งขึ้นไปเมื่อกี้เองครับ เดี๋ยวให้ผมโทรเรียกไหมครับ" รปภ. วัยกลางคนอาสา แต่สนก็รีบห้ามไว้

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผม..." สนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขาคงไม่กล้าโทรหาต้นเอง แล้วก็ไม่อยากให้ รปภ. คนนั้นโทรขึ้นไปบอกต้นด้วยว่าเขามาหา

"เดี๋ยวผมจะกลับแล้วครับ" สนต้องยอมตัดใจ เขาไม่ควรจะขึ้นไปหาต้น เพราะเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะไม่กลับมาอีก ต้นเป็นคนเข้มแข็ง สนรู้ว่าต้นอยู่ได้ อีกไม่นานต้นก็จะทำใจได้ อย่ามาทำให้ต้นไขว้เขวอีกเลย

คิดได้แล้วสนก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถโดยมีสายตา รปภ. คนนั้นที่มองตามไปอย่างงงๆ

สนกลับมาถึงบ้านด้วยใจคอห่อเหี่ยว แต่พอเปิดเข้าไปแล้วพบว่านาไม่อยู่เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง วันนี้เธอคงกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านเพราะเธอก็คงเบื่ออาการเฉยชาของเขา เขาเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องกลับมาเจอผู้หญิงคนนี้ แล้วต่างคนก็ต่างอยู่เหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน จะว่าไปมันก็เป็นชีวิตที่กดดันมากทีเดียว จนสนชักไม่แน่ใจแล้วว่าไม่ใครก็ใครคงต้องบ้ากันไปก่อน

สนเข้ามาในห้องนอนของเขาที่บัดนี้เขาไม่ได้เข้ามานอนเลยเป็นเดือนแล้ว แล้วก็นั่งลงค้นเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่เก็บไว้ในที่เก็บของเล็กๆ บนหัวเตียงออกมา แต่ละรูปที่สนเก็บไว้เขาจะเรียงตามลำดับก่อนหลังเป็นอย่างดี เขาคิดถึงต้นจนทนไม่ไหว เมื่อหาทางออกไม่ได้สนก็เลยต้องหยิบเอารูปเก่าๆ มาดูแก้ขัดไปก่อน

สนค่อยๆ พลิกดูทีละรูปอย่างช้าๆ แต่ละรูปล้วนแต่มีความทรงจำที่ดีๆ ที่ทำให้เขาได้แต่นึกเสียดายกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปเพราะความประมาทของเขาเอง น้ำตาสนไหลลงมาอีกแล้ว มันอดไม่ได้ที่มันจะต้องไหล เขาได้แต่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้เข้มแข็งและทำใจได้ง่ายเหมือนต้น ทุกวันนี้สนจึงยังทรมานอยู่

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่สนนั่งดูรูปของเขากับต้นแล้วก็น้ำตาไหลอยู่แบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็เหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง สนหันมาดูแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นนา เขาคงมัวแต่ดูรูปอยู่ก็เลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่ทำให้นาต้องมาเห็นเขาในสภาพอ่อนแอแบบนี้ สนเอามือเช็ดน้ำตา เก็บอัลบั้มรูปเข้าที่แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ดูเหมือนนาจะข้องใจมากทีเดียวที่เห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีนั่งดูรูปของเพื่อนแล้วก็ร้องไห้

"หมายความว่าไงคะ" นาถามพลางขมวดคิ้ว เธอเห็นกับตาว่าสนร้องไห้ตอนที่นั่งดูรูปเก่าๆ ของต้น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร

"อยากรู้เหรอ...ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเธออยากรู้ ฉันก็จะบอกให้" สนมองหน้าของนาด้วยสายตาที่ฉายแววรังเกียจเช่นเดิม คิดแล้วก็ยังเสียดาย ทำไมเขาถึงนึกเรื่องนี้ไม่ออกเสียตั้งแต่แรกนะ

"ที่ฉันบอกเธอว่า...ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว เธอคงสงสัยใช่ไหมว่าเป็นใคร ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่า...คนที่ฉันรัก...ก็คือต้น เพื่อนของฉันเอง" สนกระแทกเสียงในตอนท้าย

นาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จะบอกว่าสนโกหกหรือล้อเล่นก็คงไม่ใช่แบบนั้น เพราะที่เธอเห็นเมื่อกี้มันก็บอกอะไรบางอย่างได้อยู่แล้ว

"อะไรนะคะ นี่พี่เป็น..." นาไม่กล้าพูดคำนั้นเพราะเธอรับไม่ได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเธอจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้

"ใช่...ฉันชอบผู้ชาย คนที่ฉันรัก...ก็เป็นผู้ชาย ฉันรักต้น...รักมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันกับต้นก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้" สนพูดเสียงดัง

"ไม่จริง...นาไม่เชื่อ" นาพูดพลางส่ายหน้า

"เธอก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ฉันรักต้น...ไม่ได้รักเธอ ได้ยินไหม รักมาตั้งนานแล้ว รักมากกว่าใครทั้งหมด"

"ไม่จริง" นาหวีดร้องลั่น

"ทำไมจะไม่จริง ก็ฉันเป็นคนยืนยันอยู่นี่ไงว่าเป็นเรื่องจริง" สนเถียง

"มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่เป็นผู้ชายนะ พี่จะชอบผู้ชายด้วยกันได้ยังไง"

"ทำไมจะไม่ได้ ฉันรักใครก็ได้ที่เขาเป็นคนดี ต้นเป็นคนดี ฉันก็รักเขา มันผิดตรงไหน ถ้ามันจะผิด มันก็ผิดที่ฉันต้องมาอยู่กับเธอมากกว่า เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ เธอยังไม่สามารถทำให้ฉันรักได้เลย มันเป็นเพราะว่าเธอ...ไม่มีอะไรสักนิดที่ฉันจะรักได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ฉันก็ไม่รักเธอ เพราะเธอไม่จริงใจกับฉัน เพราะเธอรักแต่ตัวเธอเอง ไม่มีความดีอะไรสักอย่างให้ฉันรักเธอได้ เธอเข้าใจไหมนา...ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันรักต้น ได้ยินไหม" สนระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างสุดกลั้น

นาหวีดร้องแล้วก็เอามือปิดหูแน่น สนเห็นแล้วก็รีบเดินออกมา แต่พอนึกได้ก็กลับไปเปิดเอาอัลบั้มรูปทั้งหมดที่เขาเก็บไว้ออกมาด้วย เพราะเขากลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะบ้าคลั่งจนถึงขั้นเอารูปของเขาไปทำลาย

"เชิญเธอบ้าอยู่คนเดียวในนี้ก็แล้วกัน" สนว่าแล้วก็เดินหนีออกมาจากห้องโดยไม่สนใจใยดี

พอออกมาจากห้องสนก็ลงไปที่ลานจอดรถ ระหว่างทางก็โทรหาปั้นจั่น "เฮ้ยปั้นจั่น คืนนี้กูไปนอนบ้านมึงได้ไหมวะ กูอยู่ไม่ไหวแล้ว กูจะบ้าตายกับผู้หญิงคนนี้"

"เออๆ มาสิๆ แต่ว่าตอนนี้กูยังไม่ถึงบ้านนะเว้ย เดี๋ยวกูไปส่งแฟนก่อน ถ้ามึงมาถึงก่อนก็รอกูอยู่ในบ้านนะ เดี๋ยวกูจะโทรไปบอกที่บ้านให้ เขาจะได้ไม่ตกใจ"

"ขอบใจมากเพื่อน ขอโทษที่ต้องรบกวน กูไม่รู้จะไปหาใครจริงๆ ตอนนี้"

"เออๆ ไม่เป็นไร ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวค่อยเจอกัน"

สนวางโทรศัพท์ เก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็เดินไปที่รถ ปล่อยให้นานอนร้องห่มร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง อย่าหาว่าเขาใจร้ายเลย เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขามันก็ใจร้ายไม่แพ้กัน

ส่วนนา พอสนไปแล้วเธอก็ทุ่มตัวลงไปบนที่นอนแล้วก็ร้องไห้อย่างหนักด้วยความน้อยอกน้อยใจที่สนไม่ใยดีกับเธอ หนำซ้ำยังต้องมารู้ความลับอีกว่าสนชอบผู้ชาย เพิ่มความเจ็บปวดให้เธอมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอทนไม่ไหวแล้ว ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปเธอคงต้องบ้าตายแน่ๆ

"แม่ขอโทษ แม่ขอโทษนะลูก" นาคร่ำครวญพลางทุบมือลงบนหมอน

"พ่อเขาไม่รักเราสองคนเลย เขาไม่รักเราเลย แม่ขอโทษจริงๆ"

นาพร่ำรำพันแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ล่อแหลมต่อการทำสิ่งที่ขาดความยั้งคิดอย่างมาก คนที่กำลังท้องกำลังใส้อย่างเธอมักมีอารมณ์อ่อนไหวและน้อยใจง่ายอยู่แล้ว เจออาการเฉยชาของคนที่เป็นสามีในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้เธอก็ยิ่งน้อยใจมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่ฟูมฟายจนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอน แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอคุยอะไรกับเพื่อนคนนั้น แต่ในสภาวะจิตใจและสถานการณ์กดดันแบบนี้ เธอทำอะไรก็ได้จริงๆ

-------------------------------------------------------

ปั้นจั่นพาสนมานั่งคุยกันตรงริมสระว่ายน้ำในบ้าน เห็นสภาพสนนั่งคอตก หน้าตาเศร้าหมองแล้วปั้นจั่นก็ได้แต่สงสาร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพื่อนของเขาสองคนนี้จะหมดทุกข์หมดโศกเสียที ปัญหาก็ช่างเกิดขึ้นได้ไม่หยุดไม่หย่อน จนเขาเองยังเหนื่อยแทน

"รู้ไหมวันนี้กูไปเจอใครมา" สนถามขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน แล้วเหม่อมองไปที่ผืนน้ำในสระที่กระเพื่อมไปมาและส่งแสงวิบวับยามต้องแสงไฟ

"ใครวะ" ปั้นจั่นเลิกคิ้วอย่างสงสัย

"พี่ปิ๊ก เขาเพิ่งมาเป็นลูกค้าบริษัทกู วันนี้กูเพิ่งไปคุยงานก็เลยเจอกับเขา" สนตอบเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ยินดียินร้ายกับอะไรอีกแล้ว

"จริงเหรอวะ ทำไมโลกกลมแบบนี้ แล้วพี่เขาสบายดีไหม"

"ก็สบายดี" สนตอบแล้วก็ก้มหน้า

"แต่เขาคงถามมึงเรื่องต้นใช่ไหมล่ะ" ปั้นจั่นถามอย่างรู้ทัน

สนพยักหน้าแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าที่มองไม่เห็นดวงดาวเพราะแสงไฟบดบังจนหมด

"สน...มึงแวะไปหาต้นมันบ้างก็ดีนะเว้ย ต้นมันคิดถึงมึง มันรอมึงอยู่...รู้หรือเปล่า"

ปั้นจั่นจะทำให้สนร้องไห้อีกแล้ว เขาพยายามที่จะไม่ถามอะไรเกี่ยวกับต้น แต่เขาก็ดันคิดถึงขึ้นมามากขึ้นเพราะพี่ปิ๊ก แถมปั้นจั่นยังเอ่ยซ้ำให้เขาได้ยินว่าต้นรอเขาอยู่ ยิ่งทำให้สนรู้สึกคิดถึงมากขึ้นไปอีก แต่เขาจะกล้ากลับไปหาต้นได้อย่างไร

"กูไปมาแล้ว..." สนบอกแล้วก็หันมามองหน้าเพื่อน "แต่...กูก็ไม่กล้าขึ้นไปหาต้นว่ะ กูละอายใจจริงๆ"

"เฮ้ย...ละอายใจอะไรของมึงวะ ต้นมันเข้าใจ...มึงกลับไปหาต้นบ้างเถอะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้นมาบ้าง กูรู้...ไม่มีใครทำให้มึงยิ้มได้หรอก นอกจากไอ้ต้นมัน กูกลัวมึงจะบ้าไปซะก่อน"

สนถอนหายใจแล้วก็ครุ่นคิด "กูไม่กล้าไปเจอหน้าต้นจริงๆ ว่ะปั้นจั่น มึงอย่าบังคับกูเลย อีกอย่าง...กูไม่อยากเอาปัญหาของกูไปให้ต้น ต้นเขาเจ็บกับกูมามากแล้ว ให้เขาอยู่สบายๆ เถอะ กูสัญญากับต้นไว้แล้วว่า...ถ้ากูทำให้ต้นเสียใจอีก กูก็จะจากไปเอง กูตัดสินใจแล้ว...วันนั้นที่กูบอกต้นเรื่องนี้ ต้นร้องไห้...กูเสียใจจนแทบจะเป็นบ้า กูไม่อยากเห็นต้นร้องไห้เพราะกูอีก มึงเข้าใจกูใช่ไหมปั้นจั่น"

"ไม่เข้าใจว่ะ..." ปั้นจั่นบอกไปตามตรง ทำให้สนต้องหยุดมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ปั้นจั่นก็เลยอธิบายไปว่า

"ที่ไม่เข้าใจเพราะกูคิดว่า...ต้นมันไม่ได้โกรธเคืองอะไรมึงหรอก มันเสียใจก็จริง แต่มันก็เข้าใจว่าความผิดพลาดนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจนะเว้ย มันเข้าใจมึงนะสน มันรอมึงอยู่ เลิกกับผู้หญิงคนนี้เสียทีเถอะ ไม่ต้องไปทนอยู่กับเขาหรอก ต่างคนต่างก็ไม่ได้รักกัน จะทนไปทำไมวะ ส่วนลูก...มึงก็คอยเลี้ยงดูส่งเสียเขาไปสิวะ เผลอๆ ถ้าเขาเกิดไม่อยากเลี้ยงลูกขึ้นมา มึงก็เอาลูกมาอยู่กับมึงซะ ไอ้ต้นมันไม่รังเกียจหรอก มันรักมึง...มันก็รักลูกของมึงด้วย"

ดูเหมือนสนจะเริ่มคล้อยตามสิ่งที่ปั้นจั่นพูดอยู่บ้าง เขาเองก็เริ่มจะเหนื่อยกับการเล่นสงครามประสาทกับนามากขึ้นทุกวันๆ จนเริ่มจะไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะทำอย่างนั้น สนคงจะต้องดูให้มั่นใจก่อนว่าครอบครัวของนาจะไม่มาหาเรื่องครอบครัวเขาอีก แค่นี้พ่อกับแม่เขาก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่อยากเพิ่มปัญหาให้พ่อกับแม่

"ว่าไง มึงคิดยังไง" ปั้นจั่นถามซ้ำเมื่อเห็นสนนิ่งเงียบไป

สนถอนหายใจแล้วก็เหยียดแขนออกเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายและจิตใจ จากนั้นก็เอามือกลับมาประสานกันแล้วก็มองดูมือของตัวเอง

"มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะ กูเองก็เริ่มเหนื่อย กูยอมรับตามตรงว่า...ที่กู...ตัดสินใจให้เขามาอยู่ด้วย เพราะกูอยากเล่นสงครามประสาทกับเขา กูอยากให้เขาเจ็บ...เหมือนที่เขาทำกับกู อยากจะตอกย้ำให้เขารู้ว่า...ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะได้ตัวหรือใจของกูไป แต่ตอนนี้...กูก็เหนื่อยจริงๆ ว่ะ เหนื่อยที่จะทะเลาะกับเขา เหนื่อยที่จะปั้นหน้า เหนื่อยที่จะทนอยู่ทั้งที่ไม่รัก ถ้ามันจบได้กูก็อยากให้มันจบ ส่วนลูก...กูจะขอเขามาเลี้ยงเอง เขาไม่ควรจะอยู่กับแม่แบบนั้น เราไม่อยากให้ลูกของเราต้องเป็นเหมือนเขา"

ปั้นจั่นยิ้มดีใจที่สนเริ่มคิดได้ "ดีแล้วสน...กูดีใจนะเว้ยที่มึงคิดได้แบบนี้"

สนหันไปยิ้มกับเพื่อน นี่คงเป็นเพียงไม่กี่รอยยิ้มที่เขามีในช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา

"แต่ว่า...กูก็คงต้องไปคุยกับพ่อแม่เขาก่อน เดี๋ยวเขาก็จะมาหาเรื่องพ่อแม่กูอีก กูไม่อยากสร้างปัญหาให้พ่อกับแม่ว่ะ กูสงสารเขา แค่นี้เขาก็เป็นทุกข์กับกูมากพอแล้ว"

"มึงไม่ต้องกลัวหรอกสน เดี๋ยวกูหาทนายเก่งๆ ให้ มึงลองไปศึกษากฎหมายดีๆ ละกัน เผลอๆ เขาอาจจะฟ้องร้องอะไรมึงไม่ได้ด้วยซ้ำ นาเองเขาก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่ผู้เยาว์ มึงก็รอดประเด็นนี้ไปแล้วล่ะ กูก็ไม่ได้รู้เรื่องกฎหมายอะไรมาก แต่กูว่ามันต้องมีทางออกว่ะ เชื่อกูสิ"

สนพยักหน้า เขารู้สึกค่อยมีความหวังขึ้นมาบ้าง อาจจะเป็นเพราะเขาเองมัวแต่อยากจะแก้แค้น อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บบ้าง เขาก็เลยลืมคิดหาทางออกอย่างอื่นไป ถ้าเขาปล่อยวางและไม่จองเวร มันก็อาจจะง่ายกว่านี้ คำสอนของแม่วันนั้นย้อนกลับมาให้สนได้คิด พอได้คิดอีกครั้งก็ทำให้สนเห็นทางออกของปัญหามากขึ้น เอาล่ะ...ขอเวลาอีกหน่อย สนคิดว่าสนน่าจะจัดการปัญหานี้ได้ในเร็ววันนี้

"ขอบใจมากปั้นจั่น ที่ผ่านมาที่กูพูดไม่ค่อยดีกับมึง มึงก็อย่าถือสากูละกัน แต่กูไม่มีอะไรหรอก มึงกับไอ้นิก...เป็นเพื่อนที่กูรักและไว้ใจไม่น้อยเลยนะเว้ย" สนถือโอกาสนี้ขอโทษเพื่อนไปในตัวด้วย

"เออ...กูไม่เคยคิดมากเรื่องนั้นหรอก บางทีพวกกูก็เล่นกับมึงแรงไปด้วยซ้ำ ยังไงกูกับไอ้นิกก็เห็นมึงเป็นเพื่อนที่น่าคบคนหนึ่่งเลยแหละ พวกกูไม่ทิ้งมึงหรอก แต่มึง...อย่าทิ้งไอ้ต้นก็แล้วกัน"

ปั้นจั่นทิ้งระเบิดไว้ในตอนท้าย จากที่สนกำลังจะยิ้มๆ ก็เลยหน้าเจื่อนๆ ไป

------------------------------------------------------------

"คุณต้น จะไปทำงานแล้วเหรอครับ"

เสียงเรียกของ รปภ. ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกทำให้ต้นต้องหันกลับมามองก่อนที่กำลังจะออกไปทำงาน

"ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ต้นหยุดถามอย่างแปลกใจ

"อ๋อ...เมื่อวาน...คุณสนเขามาหาคุณต้นครับ เนี่ย...นั่งรออยู่ตรงนี้ครับ แต่แปลกนะครับ ปกติคุณสนก็จะขึ้นไปเอง แต่คราวนี้ไม่ยอมขึ้นไป ผมบอกคุณสนว่าคุณต้นเพิ่งกลับมาถึง เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกให้ แต่คุณสนก็กลับไปเลยครับ"

"เหรอครับ" ต้นพูดเสียงแผ่วเบาจนแทบจะฟังไม่ได้ยิน ในใจก็ครุ่นคิด

สนมาหาเขาอย่างนั้นหรือ ปกติถ้าลองว่าสนได้ตัดสินใจแล้ว เขาก็มักจะไม่คืนคำง่ายๆ หรอก บอกว่าจะไม่มาก็คือไม่มา เลิกก็คือเลิก แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเขากับสนดูจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดขาดกันได้ง่ายๆ ถ้าสนมา...ก็แสดงว่าเขาคงตัดไม่ขาดหรอก สนคงคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงสน

"ขอบคุณนะครับ"

ต้นกล่าวขอบคุณแล้วก็เดินลงบันไดไป เขายังไม่คิดจะโทรหาสนตอนนี้หรอก ต้นจะรอวันที่สนพร้อมและกลับมาหาเขาเอง หรือแม้ว่าสนจะไม่กลับมา ต้นก็ยังยินดีจะรอต่อไปจนกว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนใจเขาในที่สุด แต่จะมีวันนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าอดทน อีกไม่นานสนก็คงจะกลับมาหาเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะกลับมาในฐานะอะไรต้นก็ไม่ขัดข้อง เราจะรอนายนะสน...นานแค่ไหนเราก็จะรอ...

TO BE CONTINUED...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 03-07-2012 14:08:02
โอยยยยย กลัวเรื่องราวจะไปกันใหญ่ เพราะผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

เมื่อไหนนางจะยอมรับความจริงสักทีเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-07-2012 14:26:58
แม่หนูนาเธอจะทำอะไรอีกล่ะ  เห็นแม่หนูนาเป็นอย่างนี้แล้วนึกถึงข่าวที่คน ๆ หนึ่งเรียกร้องให้ผู้ชายคนหนึ่งรับผิดชอบตัวเองซะจริง ๆ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 03-07-2012 15:15:18
ความรักของสองคนนี้ทรมานเหลือเกิน แต่ก็ยังดีกว่าการทรมานทั้งที่ไม่รักัน
แต่ทรมานเพราะรักกัน บางทีมันดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร เราก็ยังมีรัก
ให้รอคอย แม้ต้องรอไปเรื่อย แต่สุดท้ายก็มีรักอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 03-07-2012 19:18:59
ที่นาคุยกับเพื่อน หวังว่านาจะไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่าง... การทำแท้งหรอกนะ คาดเดาความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆ
ความรักที่เกิดจากความผูกพันอย่างของต้นกับสน ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก
ตัดบัวยังเหลือใยเลยนะ นี่เค้ารักและผูกพันกันมาเกือบทั้งชีวิต...จะตัดยังไง??
สนก็คิดถึงต้น ต้นก็คิดถึงสน แต่ไปหากันไม่ได้
เมื่อไหร่ปัญหาจะหมดไปสักที  :m15: :m15: :m15:


+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่าาา....
หลังกินมาม่าหม้อใหญ่ไปหลายตอน ตอนนี้เริ่มจะอิ่มแล้ว....
กำลังรอของหวานตบท้ายจากคนแต่งอยู่นะคะ ><

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 03-07-2012 23:38:06
ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง  :sad5:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 04-07-2012 00:04:15
ในเมื่อนารู้ความจริงอย่างนี้แล้ว  ก็ควรปล่อยสนไปได้แล้วนะ

ส่วนสนก็จัดการปัญหาตัวเองให้เรียบร้อย  แล้วไปหาต้นสักที  ต้นรออยู่นะ :z10:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 04-07-2012 17:17:45
อีกนาน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 04-07-2012 19:39:47
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 36 ¤ นั่นแหละคือความกดดัน (03-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 04-07-2012 22:37:16
ถ้าเราให้เพราะเราอยากมีความสุข ให้เพราะหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น ให้เพราะหวังชาติหน้า
ให้เพราะหวังว่าจะได้อะไรบางอย่างคืนกลับมา ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็คงไม่ได้ให้อะไรเลย
เรากำลังสร้างเงื่อนไขสำหรับการให้ต่างหาก
ตั้งแต่เขียนเรื่องนี้มา หลังๆ นี้ก็เจออะไรที่บั่นทอนจิตใจพอสมควร แต่สุดท้ายก็คิดว่า การเขียนก็คือการให้อย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ก็แค่เขียนให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แล้วก็เอามาให้คนที่อยากอ่านได้อ่าน
ไม่ต้องคาดหวังความสุขหรือการจะได้อะไรตอบกลับมา ใครจะอ่าน/ไม่อ่าน เม้นต์/ไม่เม้นต์ ด่า/ไม่ด่า
ก็สุดแล้วแต่ คิดมากไปก็ปวดหัว คงไม่มีอะไรได้อย่างใจเราทุกอย่าง

ป.ล.
ตอนนี้เป็นตอนที่เนื้อหาค่อนข้างแรงสำหรับผม ไม่เคยอยากเขียนเรื่องแบบนี้เลย
แต่ตัดสินใจเปลี่ยนบทนิดหน่อยเพราะคิดว่ามันมีเหตุผลให้มาทางนี้ได้

---------------------------------------------------------------

ตอนที่ 37: ตราบาปของชีวิต

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าสถานที่แบบนี้จะอยู่ติดถนนใหญ่ที่คนพลุกพล่านผ่านไปผ่านมาราวกับจะเย้ยตำรวจแถวนี้ให้หมดความน่ายำเกรง แต่ก็นั่นแหละ ใครที่ไหนจะไปรู้ว่าข้างบนตึกแถวสี่ชั้นนี้ทำอะไร ก็คงจะมีแต่คนที่ได้เข้าไปใช้บริการเท่านั้นจึงจะรู้ว่าห้องข้างบนสุดของตึกแถวนี้น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

นาพาร่างของตัวเองมาที่แห่งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่คล้ายกับคนอื่นๆ อีกหลายคน ที่มาของแต่ละคนที่มาที่นี่อาจจะต่างกันไปบ้าง แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการก็คงเหมือนกัน แม้จะเคยมาที่นี่แล้วเมื่อสองวันก่อน แต่พอขึ้นมาถึงชั้นที่ว่าแล้วนาก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจนต้องคอยจับมือเพื่อนที่มาเป็นเพื่อนไว้ตลอดเวลา

นั่งรออยู่ไม่นานนักก็มีคนมาพาเธอไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้ เมื่อนอนลงไปบนเตียงนั้นแล้วเธอก็ตัวแข็งเกร็ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันไปทั่ว ใจหนึ่งก็อยากจะลุกแล้ววิ่งหนีออกไป แต่พอนึกถึงสิ่งที่สนทำกับเธอ สายแต่ที่แสนเย็นชานั้น อาการรังเกียจเดียดฉันท์ที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง บวกกับคำพูดที่คอยตอกย้ำว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย ก็ทำให้นายังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น รอคอยเวลาที่ภารกิจอำมหิตจะมาถึง

เธอก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เห็นบรรยากาศแล้วก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก เมื่อสองวันก่อนที่เธอมา ใครคนนั้นบอกเธอว่าของเธอน่าจะง่ายหน่อยเพราะเพิ่งท้องได้ยังไม่ถึงสามเดือน ก็ขอให้มันจริงอย่างที่ใครคนนั้นบอกก็แล้วกัน

เมื่อภารกิจนั้นเริ่มขึ้น ความกลัวสุดชีวิตก็แล่นเข้าจับขั้วหัวใจของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้หนีอย่างที่ร่างกายอยากจะหนี ภาพของแม่ที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ลอยเข้ามาในห้วงสำนึก น้ำตาของนาไหลลงมาเป็นสายแต่ก็ไม่มีเสียงร้องใดๆ ในใจก็ได้แต่เฝ้าขอโทษและขออโหสิกรรมกับสิ่งที่เธอกำลังทำกับเขาอยู่ เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ปฏิสนธิขึ้นมาจากความพลาดพลั้งของพ่อกับแม่ ก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งที่น่าเสียดายหรือน่าดีใจกันแน่ที่เด็กคนนี้คงไม่ได้มีโอกาสลืมตามาดูโลก

ยานั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว นารู้สึกคันไปทั้งตัวแต่สักพักก็หาย แล้วไม่นานเธอก็เป็นไข้จนตัวหนาวสั่น แล้วก็ปวดท้องขึ้นเรื่อยๆ ภาพของแม่กลับเข้ามาในห้วงสำนึกอีกครั้ง แม่คงเสียใจมากที่รู้ว่าเธอได้ตัดสินใจทำสิ่งนี้ไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเธอจะคิดได้ มันก็คงสายไปที่จะกลับหลังหัน

จนกระทั่งรุ่งเช้า มีคนเดินเข้ามาตรวจอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นว่าเธอพร้อมแล้ว นาก็ถูกนำไปขึ้นเตียงขาหยั่ง ภารกิจที่แสนอำมหิตนั้นจึงมาถึงขั้นตอนสุดท้าย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง รู้แต่ว่าเธอรู้ตัวอีกทีข้ามมาเป็นอีกวันหนึ่งแล้ว เขาให้เธอไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด แล้วเพื่อนของเธอก็มาส่งเธอที่คอนโดของสน

ความเจ็บปวดในกายนั้นยังพอมีอยู่ แต่เมื่อกลับมาถึงห้องนี้แล้ว ความเจ็บปวดในใจก็เพิ่มทวีขึ้น เธอคงจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว พอกันทีกับการอยู่อย่างทรมานกับคนที่เขาไม่ได้รักเธอ นาล้มตัวลงนอนบนเตียง ตอนนี้เธอยังเจ็บปวดภายในกายของเธออยู่ ขอให้เธอได้นอนพักเอาแรงก่อนละกัน

พอตกบ่ายแก่ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเก็บข้าวของของเธอทั้งหมดที่นำมาจากบ้านใส่กระเป๋าเดินทาง ดีที่ว่าเธอไม่ได้มีอะไรมามากมายนัก จึงพอเก็บทุกอย่างเข้าไปในกระเป๋าเดินทางนั้นได้ ตอนนี้...ก็เหลือแค่รอให้สนกลับมาล่ะนะ

---------------------------------------------------------------

"นี่เธอกำลังจะไปไหน" สนถามด้วยความแปลกใจ พอเขาเข้ามาในบ้านก็เห็นนานั่งรออยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง

"กลับบ้านค่ะ นาจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว" นาตอบเสียงแข็ง แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น

สนขมวดคิ้ว รู้สึกสงสัยว่านี่คงจะไม่ใช่แค่การกลับไปนอนบ้านพ่อกับแม่ธรรมดาเหมือนที่เธอทำบ่อยๆ "กำลังท้องกำลังใส้อยู่ ทำไมถึงได้เที่ยวเดินทางไปมาบ่อยๆ ไปมาแล้วสามวันก็ยังจะไปอีกเหรอ"

"ห่วงด้วยเหรอคะ" นาหันขวับมาถาม

"ฉันห่วงลูกของฉัน ไม่ได้ห่วงเธอ" สนรีบตอบกลับไปทันที

นาเจอคำพูดแบบนี้ของสนอีกแล้ว ปกติเธออาจจะทำเฉยๆ ได้บ้าง แต่เมื่อเธอตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นเหตุมาจากคำพูดแบบนี้ของสน วันนี้นาจะขอระเบิดอารมณ์เป็นครั้งสุดท้าย เธอจึงลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มรินไหลพรั่งพรู

"ห่วงทำไมคะ พี่สนรักลูกด้วยเหรอ สิ่งที่พี่ทำอยู่ตอนนี้...มีอะไรบ้างที่มันบ่งบอกว่าพี่รักลูกของเรา ไม่มีเลยสักอย่าง"

สนนิ่งเงียบ ก็แน่ล่ะ...เขาไม่ได้รักเธอ แล้วจะให้เขาแสดงออกอย่างไร อีกอย่าง...สิ่งที่นาทำกับเขานั้นมันก็โหดร้ายไม่ต่างกัน

"เคยพูดกับนาดีๆ บ้างไหม นาเป็นเมียของพี่ กำลังอุ้มท้องให้ลูกของพี่อยู่ เคยคิดที่จะดูแลบ้างไหม รู้ไหมว่านาน้อยใจมากแค่ไหน กลับบ้านมาเจอกันก็ต่างคนต่างอยู่ แทบจะไม่พูดคุยกัน พอพูดกันทีก็เอาแต่ด่าๆๆ แล้วจะให้นาคิดได้ยังไงว่าพี่รักลูกของเรา พี่ไม่ได้รักนากับลูก ไม่ได้รักเราสองแม่ลูกเลย" นาเค้นอารมณ์ราวกับคนเสียสติ

"ก็ฉันไม่ได้รักเธอ เธอเองไม่ใช่เหรอที่พยายามจะดึงฉันให้อยู่กับเธอ ทั้งๆ ที่ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้รักเธอ ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว แล้วที่ผ่านมา...สิ่งที่เธอทำกับฉัน มันก็ทำให้ฉัน...ไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้เธอเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเกลียดเธอด้วยซ้ำถ้าจะว่าไปแล้ว แต่ฉัน...ไม่ได้รังเกียจลูกของฉัน ยังไงเขาก็เป็นลูกของฉัน ถ้าเธอไม่เลี้ยงเขา...ฉันก็ยินดีจะเอาไปเลี้ยงเอง ถึงฉันจะเกลียดเธอ แต่ฉันก็ไม่เคยเกลียดลูก เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เข้าใจไหมนา" สนกระแทกเสียงดังกลับไปบ้าง เขาชักจะเหนื่อยกับผู้หญิงคนนี้จวนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว กลับมาบ้านทีไรก็ต้องมาเจอสงครามประสาทแบบนี้ไม่เว้นแต่ละวัน

"แต่มันสายไปแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อพี่ไม่รักฉัน ไม่รักคนที่เป็นแม่ของลูก ฉันก็ไม่อยากให้ลูกของฉันเกิดมาในสภาพครอบครัวแบบนี้ เขาจะอยู่ได้ยังไง สู้ไม่ต้องให้เขาเกิดมามันจะไม่ดีกว่าเหรอ" นาตวาดเสียงดัง เธอคงจะเสียสติไปแล้วเป็นแน่ สัญชาติญาณของแม่ที่เพิ่งสูญเสียลูกไปนั้นหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา

"นี่เธอพูดอะไรของเธอฮะนา เธอไปทำอะไรมา" สนถามพลางเดินเข้ามาใกล้ สัญชาติญาณบอกให้เขารู้ว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่

"ฮึ...ฉันไปทำแท้งมา ได้ยินไหม สะใจหรือยังกับสิ่งที่พี่ทำกับฉันจนฉันทนไม่ไหวแบบนี้" นาตะโกนใส่หน้าสนอย่างเหลืออด

สนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะใจคอโหดร้ายถึงขนาดนี้ มือไม้สนสั่นเทา พยายามควบคุมอารมณ์สุดชีวิตเพื่อไม่ให้ทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนนี้ สนเดินเข้ามาจับไหล่ของนาแล้วก็เขย่าตัวเธอราวกับจะให้ร่างกายของเธอแหลกสลายไปตอนนี้

"นี่เธอเป็นบ้าหรือเปล่านา ใจคอเธอทำด้วยอะไร เธอไปทำร้ายเขาทำไม เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เธอยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า ก็เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าหมามันยังรักลูกของมัน แล้วเธอเป็นแม่ประสาอะไร รู้ไหมว่ามันเป็นบาปเป็นกรรมแค่ไหน ฉันไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยที่ฉันเกลียดเธอ" แล้วสนก็ปล่อยมือออก เขารู้สึกขยะแขยงผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน จิตใจเขาบอบช้ำจนเกินจะทนไหวแล้ว

นาฟาดฝ่ามือเรียวเล็กไปบนใบหน้าของสนแล้วก็ตวาดกลับไปว่า "ใช่...ฉันมันบ้า แต่มันก็เป็นเพราะพี่ไง ฉันถึงต้องทำแบบนี้ ถ้าพี่รักฉันสักนิด ดูแลฉันสักนิด ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก คิดว่าฉันไม่เสียใจหรือไง ฉันเป็นแม่เขา ฉันอุ้มท้องเขา ทำไมฉันจะไม่รักเขา รู้ไหมว่าคนท้องคนใส้มันขี้น้อยใจแค่ไหน ไม่ต้องมาโทษฉันคนเดียว เพราะพี่กดดันฉัน ฉันถึงต้องทำแบบนี้ไงล่ะ สะใจไหม สะใจหรือยัง"

สนเอามือลูบใบหน้าเบาๆ เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะใจข้างในของเขาเจ็บยิ่งกว่า เจ็บจนชาไปทั้งตัวและใจแล้ว "เธอออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะนา ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงอย่างเธออีก ฉันคงจะทนอยู่กับผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอไม่ได้อีกต่อไป ฉันขอให้เราจบกันแค่นี้" สนตะโกนพร้อมกับชี้มือไปที่ประตู

"ฉันไปแน่...ไม่ต้องมาไล่ นึกว่าฉันอยากอยู่ด้วยนักหรือไงคนใจร้ายใจดำแบบนี้ ไอ้คนไม่มีหัวใจ" นาตวาดแล้วก็ลากกระเป๋าออกไป พร้อมกับโยนคีย์การ์ดที่สนให้ไปไว้บนพื้นห้องอย่างไม่ใยดี ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการกลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ กลับไปหลบเลียแผลใจและกายที่กำลังบอบช้ำอย่างหนัก เธอคิดผิดจริงๆ ที่ดื้อรั้นและพยายามรั้งสนเอาไว้ แล้วสุดท้ายก็ต้องมาเจ็บทั้งตัวทั้งใจและมีตราบาปติดตัวแบบนี้

สนไม่ได้คิดที่จะห้ามแม้แต่น้อย เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก็ร้องไห้ ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจอโชคชะตาที่เจ็บปวดแบบนี้

"ลูกพ่อ..."

สนรำพึงเบาๆ ด้วยความเสียใจ เมื่อเริ่มพิจารณาดีๆ เขาก็เริ่มเห็นว่าเขาเองก็มีส่วนที่ทำให้นาต้องทำแบบนั้น นี่คงจะเป็นบาปกรรมที่เขาก่อไว้กับผู้หญิงคนนี้รวมทั้งเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาด้วย

"ยกโทษให้พ่อด้วยนะลูก ยกโทษให้พ่อด้วย..."

สนก็ไม่รู้หรอกว่าลูกจะยกโทษให้เขาหรือไม่ ถ้าหากเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์จากบาปกรรมที่เกิดขึ้นนี้ เขาก็ยินดีที่จะก้มหน้ารับมันไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...เขากับผู้หญิงคนนั้นก็คงจะไม่มีวันกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกแล้ว เธอเปรียบเสมือนฝันร้ายของชีวิต ฝันร้ายที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องสูญเสียอิสรภาพ ความสงบสุขของพ่อแม่ ลูกและคนที่รักไป

เขากำลังจะตื่นจากฝันร้ายนี้แล้ว จากนี้ไป...เขาก็คงจะมีชีวิตใหม่และมีอิสรภาพ แต่ทว่า...มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเหลือเกิน เขาเข็ดแล้วจริงๆ จากนี้ไปเขาคงจะต้องระวังกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้ชีวิตของเขาต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่คาดฝันได้มากถึงขนาดนี้

สนคิดถึงต้นเหลือเกิน ในเวลาเช่นนี้...เขาต้องการต้นอยู่ข้างๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกละอายใจ เขาไม่ควรจะกลับเอาปัญหาใดๆ ไปให้ต้นอีก แม้ว่าตอนนี้ชีวิตเขากำลังจะเป็นอิสระอย่างเต็มที่ แต่เขา...ก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะกลับไปหาต้นดีหรือเปล่า ต้นอาจจะไม่รอเขาเหมือนที่นิกกับปั้นจั่นมันบอกแล้วก็ได้

-----------------------------------------------------------------

"นังลูกไม่รักดี นี่แกทำอะไรลงไปแกรู้ตัวหรือเปล่า" แม่ของนาตวาดอย่างโกรธจัด โกรธจนอดที่จะตบหน้าลูกสาวไม่ได้ที่สร้างปัญหามาให้เธอไม่ได้หยุดได้หย่อนมาตั้งแต่คบกับสน

นาใช้มือลูบหน้าของตัวเองแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอไม่มีอะไรจะเถียงแม่เพราะเธอก็รู้ว่าเธอทำผิดไปแล้ว

"ถึงไอ้หมอนั่นมันจะไม่รักลูกของมัน แต่ฉันก็เลี้ยงหลานของฉันได้ แกไปทำแบบนี้ทำไมให้มันเป็นบาปเป็นกรรม รู้ไหมว่ามันบาปแค่ไหน ถ้ารู้ว่าแกเกิดมาแล้วจะสร้างปัญหาให้อับอายขายหน้าแบบนี้ ฉันเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายซะก็ดี" แม่ของนาตวาดอย่างเหลืออด

"แม่...นาขอโทษ" นาทรุดลงกับพื้นพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษคนเป็นแม่ ตั้งแต่ที่เธอเริ่มตั้งท้องขึ้นมาเธอก็รู้สึกรักและเข้าใจแม่มากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติและทำให้เธอสำนึกได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำเรื่องให้แม่เสียใจมากแค่ไหน

"ขอโทษแล้วมันได้อะไร แล้วนี่แกจะเอายังไงกับไอ้หมอนั่น" เห็นลูกสาวยกมือไหว้ขอโทษด้วยความสำนึกผิดขนาดนั้น คนเป็นแม่ก็เริ่มใจอ่อนลงมาบ้าง

"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะแม่ นาไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว นาผิดเองที่ดื้อจะรั้งเขาไว้ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้รักนา แล้วอีกอย่าง...เขารักผู้ชายค่ะแม่ เขาเป็นเกย์...สนเขาเป็นเกย์ค่ะ นาเห็นกับตา..."

แม่ของนาถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ไม่ได้มีท่าทางตุ้งติ้งแบบสนจะเป็นอย่างนั้นไปได้

"ตายแล้ว...นี่แกพูดจริงเหรอยายนา"

"ค่ะแม่...นาถึงรับไม่ได้ เขาเป็นเกย์ เขาไม่รักนา ไม่รักลูก นาไม่อยากให้ลูกเกิดมามีพ่อแบบนี้ นากลัวลูกจะมีปัญหา นาขอโทษ...ที่ไม่ได้มาปรึกษาแม่เรื่องนี้...นาผิดไปแล้ว นาสัญญาค่ะแม่...ต่อไปนี้...นาจะไม่ทำปัญหาแบบนี้ให้พ่อกับแม่อีกแล้ว นาเข็ดแล้วค่ะแม่ ยกโทษให้นาด้วย นาเองก็เจ็บที่นาทำร้ายลูก นารู้ว่าเขาไม่รู้เรื่อง นารู้ว่ามันเป็นบาปกรรม แต่นา...ตอนนั้นนาไม่มีทางเลือก นาคิดไม่ออก นาน้อยใจที่สนเขาไม่เคยรักนาเลย"

นาก้มลงกราบแทบเท้าคนเป็นแม่อีกครั้ง แม่ของนาเห็นแล้วก็คงอดที่จะสงสารลูกสาวไม่ได้ เมื่อลูกสำนึกผิดแล้ว เธอจะไม่ให้อภัยก็กระไรอยู่ ยังไงลูกก็เป็นลูกอยู่วันยังค่ำ จะโกรธแค่ไหนมันก็ตัดกันไม่ขาด ก็ได้แต่หวังว่าลูกสาวของเธอคงจะสำนึกผิดและพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ

"จำไว้เป็นบทเรียนละกัน ทีหลัง...จะทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้าง สงสารพ่อกับแม่บ้างเถอะ ไหนจะปัญหาของเรา ไหนจะพี่ชายที่ยังเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ อยู่แบบนี้อีก ให้ฉันได้หยุดพักหายใจบ้างเถอะ"

"นาขอโทษค่ะแม่...ต่อไปนี้นาจะเชื่อแม่ จะไม่สร้างปัญหาให้แม่อีกแล้ว" พูดจบนาก็กอดขาคนเป็นแม่ไว้ เพราะความรักที่หน้ามืดตามัว ความอยากได้โดยปราศจากความยั้งคิดและความอยากเอาชนะเพื่อความสะใจ ชีวิตของเธอก็ต้องมาพบกับฝันร้ายเช่นนี้ ก็ได้แต่หวังว่า...คงยังไม่สายเกินไปที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่

-------------------------------------------------------

สองวันมานี้สนได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องและซึมเศร้า เขาไม่ได้ไปทำงานเพราะเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไรในตอนนี้ สนปิดโทรศัพท์ ตัดขาดการติดต่อสื่อสารกับคนทั้งหมด ข้าวปลาก็แทบจะไม่ได้กิน แค่กินพอไม่ให้ตายเท่านั้น หิวจนไม่ไหวจริงๆ เขาก็ต้มมาม่ากิน แล้วก็กลับมานั่งซึมตามเดิม เปิดทีวีทิ้งไว้บ้าง เปิดเพลงบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ดูหรือฟังเลย

เมื่อทบทวนดูดีๆ แล้ว สนก็รู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เขาต้องเสียลูกไป เขาก็มีส่วนที่ทำให้ลูกไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลก จะว่าไปแล้วเขาก็คืออีกคนที่ฆ่าลูกของเขาทางอ้อมคนหนึ่ง สนไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้เลย มันจึงทำให้เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง

คนอื่นๆ สมัยนี้อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากเหมือนเขา บางคนขอให้แต่ตัวเองมีความสุขและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร พวกเขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างและลืมความผิดพลาดไปอย่างง่ายดาย เผลอๆ ก็อาจจะเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่สนคงจะเป็นคนเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่คิดต่างไป แม้อีกด้านหนึ่งสนจะเห็นว่าก็ดีเหมือนกันที่ลูกของเขาจะได้ไม่ต้องเติบโตอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รักกัน แต่เขาก็ยังรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันโหดร้ายเกินไป เหมือนกับว่านากับเขาได้ร่วมกันฆ่าเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั้นด้วยกัน ทำอย่างไรสนก็สลัดความรู้สึกผิดในใจนี้ออกไปไม่ได้

เมื่อคืนที่ผ่านมานี้สนก็ขวัญผวาและฝันร้าย เขาฝันเห็นเด็กตัวเล็กๆ มาเรียกเขาว่าพ่อ พอเขาหันไปเด็กคนนั้นก็ร้องไห้และต่อว่าเขาว่าพ่อทำร้ายหนูทำไม จนสนต้องผวาจนสะดุ้งตื่น แล้วก็พาลให้นอนไม่หลับทั้งคืน

เสียงโทรศัพท์ในห้องสนดังขึ้น เขารู้สึกแปลกใจเหมือนกันเพราะปกติเขาจะไม่ได้ให้เบอร์ที่ห้องกับใคร ไม่น่าจะมีใครโทรมาหาเขาด้วยเบอร์นี้ แต่พอสนเดินไปรับสายจึงรู้ว่ามีญาติมารออยู่ข้างล่าง

'ญาติเหรอ ใครกัน' สนคิดในใจ

สนเดินไปดูสภาพตัวเองในกระจก เขาหวีผมเผ้าที่ไม่เป็นทรงดีนักให้เรียบร้อยขึ้น จากนั้นจึงลงไปข้างล่าง เห็นแม่กับแม่ของต้นมานั่งรอแล้วสนก็แปลกใจระคนรู้สึกผิด สงสัยแม่ของเขากับแม่ของต้นคงติดต่อเขาไม่ได้ก็เลยเป็นห่วงจนต้องตามมาหาเขาถึงที่

"อ้าวสน..." แม่สนร้องทักเมื่อเห็นสนเดินลงมาหา แล้วก็รีบลุกเดินไปหาลูกชายพร้อมกับแม่ของต้น "เป็นไรหรือเปล่าลูก แม่โทรหาเท่าไรก็ไม่ติด โทรไปถามที่ทำงานเขาก็บอกว่าสนไม่ได้เข้ามาทำงานสองวันแล้ว โทรหาต้น...ต้นก็ไม่รู้ โทรหาใครก็ไม่รู้สักคน แม่เป็นห่วงก็เลยจะมาดูว่าสนเป็นไรหรือเปล่า"

สนยกมือไหว้แม่และแม่ของต้นพร้อมกับสีหน้าสำนึกผิด ไม่นึกว่าการที่เขาปิดโทรศัพท์ไว้จะทำให้แม่เป็นห่วงเขามากขนาดนี้

"ผมขอโทษครับแม่ ขอโทษแม่พรด้วยครับที่ทำให้เป็นห่วง พอดี...ผมมีปัญหาอะไรบางอย่าง...เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ ขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่าครับ แม่กับแม่พรมาที่นี่ได้ยังไงครับ"

"มาแท็กซี่กันจ้ะ กว่าจะบอกทางถูกก็เกือบหลงไปที่อื่นเหมือนกัน" แม่ของต้นตอบ สนได้ฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

สนพาแม่ๆ ทั้งสองคนขึ้นมาบนห้องของเขา สภาพมันดูไม่ค่อยได้นักเพราะสนไม่ได้ทำความสะอาดมาได้สองสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงกับรกมากนัก สนพาแม่ทั้งสองนั่งที่ชุดโซฟาแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้แม่ๆ ทั้งสองคนฟัง

"หลานย่า..." แม่ของสนอุทานพลางเอามือทาบอกหลังจากที่ฟังจบแล้ว

"ตายจริง...ทำไมถึงได้ใจคอโหดเหี้ยมนักนะแม่คนนี้ ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง" แม่ของต้นว่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

พอได้ยินแม่พรพูดแล้วสนก็หน้าเสียไปเล็กน้อย "ผมก็ผิดเหมือนกันครับแม่ แม่พร ผมกดดันเขา...ผมทำร้ายจิตใจเขาด้วยการบอกว่าไม่รักเขา รังเกียจเขา ไม่พูดไม่จากับเขา เขาคงน้อยใจ...ก็เลย..."

เห็นสายตาของแม่แล้วสนก็รู้สึกผิด เขามาคิดได้ก็ตอนที่มันสายเกินไป แม่บอกให้เขาเลิกจองเวรกับผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ยังดื้อ จนในที่สุดก็เกิดเรื่องที่น่าเศร้าแบบนี้จนได้ นี่แหละนะเขาเรียกว่า 'ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา'

สนลงมานั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วก็กราบลงไปบนตักของแม่ "ผมขอโทษนะครับที่ผมไม่เชื่อฟังแม่ อยากแก้แค้นเขา อยากทำร้าย...จนเกิดเรื่องแบบนี้" สนพูดพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมา

"จำไว้เป็นบทเรียนละกันนะลูก...อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก จากนี้ไป...สนเริ่มต้นชีวิตใหม่นะลูก อะไรที่มันผ่านมา...ก็ให้มันผ่านไป อย่าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกับเขาอีก"

สนเงยหน้ามองคนเป็นแม่แล้วก็บอกแม่ไปว่า "แม่ครับ...ผมอยากบวช บวชสัก 15 วัน...ให้ลูก แล้วผม...จะกลับมามีชีวิตใหม่ครับแม่"

แม่พยักหน้าแล้วก็ยิ้ม แม่พรก็พลอยยิ้มไปด้วย ไม่ว่าสนจะเคยผิดพลาดมากแค่ไหน แต่สนก็มีจิตสำนึกของความเป็นคนดี นั่นคือสิ่งที่สนได้รับการถ่ายทอดมาจากครอบครัว รวมทั้ง...ต้นด้วย จริงสินะ...ต้นจะเป็นไงบ้างหนอ สองเดือนแล้วที่สนไม่เคยติดต่อไปเลย ต้นจะยังรอเขาอยู่หรือเปล่า

"สน...แม่อยากคุยกับสนเรื่องต้นกับสนหน่อยได้ไหมจ้ะ วันนี้แม่โทรหาต้น...ถามเรื่องสน ต้นบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อกับสนมาเกือบสองเดือนแล้ว แม่ก็คิดว่ามันแปลกมาก ต้นกับสนไม่เคยขาดการติดต่อกันนานขนาดนี้ ต้นกับสนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก" แม่พรถาม

สนกับแม่มองหน้ากันแล้วแม่ก็พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าสนควรจะคุยเรื่องนี้กับแม่ของต้นเสีย

"เดี๋ยวแม่เข้าไปรอในห้องนะสน" แม่สนบอกลูกชายแล้วก็หันไปทางแม่ของต้น "แม่พร...คุยกับสนเขาสองคนนะ มันเป็นเรื่องสำคัญที่แม่พรต้องคุยกับสนสองคน"

แม่ของสนบอกแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องของลูกชาย พร้อมกับถือโอกาสจัดห้องหับที่สนลืมดูแลในช่วงนี้ให้ไปในตัวด้วย

สนกลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องเขากับต้นให้แม่ของต้นฟัง เหมือนกับที่เขาเล่าให้แม่ฟังเมื่อวันนั้น ที่น่าแปลกก็คือแม่ของต้นก็เข้าใจว่าสนหมายถึงความรักระหว่างเพื่อน แต่พอสนย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เป็นความรักแบบเดียวกับที่หนุ่มสาวทั่วไปเขารักกัน แม่ของต้นก็อึ้งและเงียบไป

"ผมขอโทษแม่พรนะครับที่รักต้นแบบนี้...ต้นเขาเป็นคนดี เขาดีกับผมมาก ช่วยเหลือผมมาตลอด เราผูกพันกัน เราใช้ชีวิตด้วยกันไม่เคยห่างไปไหน ผมก็เลยรักเขา ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าผมรักเขาแบบนั้น แต่พอนานไป...ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมรักต้น ไม่ใช่แค่เพื่อน พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้น...ผมก็เลย...ไม่กล้าไปหาต้น ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้ผมกับต้นรักกันแบบนี้...ผมก็เข้าใจนะครับ คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ลูกชายของตัวเอง...รักกับผู้ชายด้วยกัน คงไม่มีใครรับได้ ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้แม่พรกับพ่อแอ๊ดลำบากใจ ผมก็ยินดี...ที่จะเป็นฝ่ายจากไป ผมทำให้ทุกคนเดือดร้อนมามากแล้ว...ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีก แต่ผมก็ไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว ไม่อยากให้พ่อแอ๊ดกับแม่พรสงสัยว่าผมแอบทำอะไรลับหลัง ผมก็เลยอยากให้แม่พรรู้ว่าผม...รักต้น ผมรักเขามาก ทุกวันนี้ที่ไม่ได้เจอเขา...ผมก็คิดถึงเขา เป็นห่วงเขา อยากไปหาเขา แต่ผม..." สนร้องไห้อีกแล้ว

"สน..." แม่ของต้นเรียกเสียงเบา ฟังจากที่สนเล่ามาแล้วเธอก็อดสงสารสนไม่ได้ แต่เธอ...ก็รับไม่ได้จริงๆ ที่ลูกชายเธอกับสน...รักกัน เธอกับสามีตั้งความหวังไว้กับต้นเพียงคนเดียว เพราะต้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่จะสืบสกุลต่อไป

"แม่เข้าใจสนนะลูก แต่แม่...รับไม่ได้ ต้นเขาเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ พ่อกับแม่ก็หวังจะให้เขาเป็นคนสืบสกุลของเรา แม่คงให้ต้นกับสนรักกันแบบนี้ไม่ได้ สนเข้าใจแม่นะ ไม่ใช่ว่าแม่รังเกียจสน แต่มันจำเป็นนะลูก" แม่ของต้นพูดพลางร้องไห้ ไม่รู้ว่าเธอเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า แต่เธอก็ยอมไม่ได้จริงๆ

"ไม่เป็นไรครับแม่พร...ผมเข้าใจ...ผมขอบคุณ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่พรกับพ่อแอ๊ดคอยช่วยเหลือผมมาตลอด ผมจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาตอบแทน แต่ถ้าเรายังเจอกัน...ผมรู้ว่าเราคงทำใจได้ยาก ผมก็คงจะขอจากไป...จากชีวิตเค้า...ผมยินดีครับ" แม้ปากจะบอกว่ายินดี แต่สนกลับน้ำตาไหลพรากไม่หยุดจนแม่ของต้นรู้สึกสงสารจับจิตจับใจ

จากสิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ สนคงรักต้นมากจริงๆ และถ้าเดาไม่ผิด ต้นก็คงรักสนมากเช่นกัน เธอกำลังจะพรากสองคนที่รักกันมากให้จากกันจริงๆ หรือ เธอจะยอมให้สนจากต้นไปจริงๆ หรือ เธอเองก็รักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน มันเป็นความผิดของเขาสองคนหรือเปล่าที่รักกันแบบนี้

"สน..." แม่ของต้นเรียกเขาเสียงแหบพร่าด้วยความสะเทือนใจแล้วก็ดึงสนมากอดไว้ ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ของต้นก็ไม่เคยกอดสนหรอก นี่เป็นครั้งแรก และมันก็ทำให้เธอได้ตระหนักว่า ครอบครัวของเธอรักสนมากแค่ไหน สนคอยดูแลต้นมาตั้งแต่เด็กๆ เธอไม่เคยเป็นห่วงเลยเวลาที่ต้นไปไหนกับสน มีอะไรเธอกับสามีก็ไหว้วานสนได้เสมอ ที่ต้นไม่ยอมมีแฟนก็คงจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เธอกำลังจะสร้างความเจ็บปวดให้ลูกชายเพราะความต้องการของเธอกับสามีหรือเปล่าหนอ เมื่อเขาสองคนรักกันเธอจะไปห้ามได้อย่างไร ก็คงบังคับได้แต่ตัวของเขา แต่ในใจลึกๆ ของเขาทั้งสองคนก็คงรักกัน ยิ่งรักกันมานานแบบนี้ก็คงทั้งรักและผูกพันมาก เธอจะกล้าพรากเขาสองคนจากกันหรือ...

TO BE CONTINUED...

----------------------------------------------------------

ตอนหน้าจะจบแล้วนะครับ ช่วงตอนหลังๆ นี้ผมเขียนด้วยอารมณ์ที่เสียศูนย์ไปพอสมควร ไม่รู้ว่าอ่านแล้วเป็นไงบ้าง
พยายามบิลด์อารมณ์แล้ว แต่มันลากไม่ไหวจริงๆ ครับ ไม่ดีเลยที่มาเป็นแบบนี้ในตอนใกล้จบ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 04-07-2012 23:14:47
หมดปัญหา นาแล้ว

ก็ยังมาเจอด่านคุณแม่อีก   :เฮ้อ:  อุปสรรคมันเยอะดีจริงๆเลย



ดูท่าคุณ sarawatta จะนอยด์ใช่มั้ยค่ะ  งัยก็อย่างซีเรียสเลยค่ะ

หลายคนก็หลายความคิด  นานาจิตตัง

แต่สำหรับผู้อ่านแล้ว  ชอบมากค่ะ มันดราม่าเจ็บ หน่วง ได้ใจดี (ซาดิสต์ไปมั้ยช้าน :sad4:)

ก็เป็นกำลังใจให้ คุณ sarawatta  นะค่ะ สู้ๆ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 04-07-2012 23:42:05
อีกนานจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 04-07-2012 23:50:11
สุดท้ายก็ทำแท้งไปจริงๆสินะ นาเอ๊ย ยังดีที่เธอยังคิดได้ เข็ดกับผลของการกระทำของตัวเอง
แต่ก่อนไปเธอก็ยังทำอย่างกับจะโยนบาปทั้งหมดให้สน ว่าเป็นเพราะสนถึงได้ไปทำแท้งอย่างนั้นแหละ
จริงอยู่ว่าสนมีส่วนผิดด้วย เหมือนบีบให้นาไปทำแท้ง แต่นั่นต้องดูว่าต้นสายปลายเหตุมาจากไหน นาทำตัวเองตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอไง
ความจริงคนที่นาต้องโทษมากที่สุดน่ะเป็นตัวเองต่างหาก นาสมควรต้องขอโทษสนด้วยซ้ำ ยายคนเลือดเย็น

เราชอบที่คุณเสนอมุมมองของหลายด้าน ทั้งสน นา ต้น ที่เป็นตัวหลัก แล้วยังมีของครอบครัว เพื่อนๆอีก
ปกติในนิยายวายจะไม่ค่อยเสนอมุมมองด้านฝ่ายหญิงเท่าไหร่(ก็นิยายวายนิ ฮ่าๆ)
เลยชอบที่เรื่องนี้มี เพราะคนอ่านก็ได้คอยติดตามและคิดตามไปด้วย รอบด้านดี

ถึงจะเป็นระยะเวลาไม่นานมาก แต่ก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น สนคงได้บทเรียนและเข็ดไปอีกนานล่ะนะ
ปัญหาต่อมาตามมาติดๆเลย รอดูว่าจะผ่านไปได้อย่างไร (แต่ก็ดูคุณแม่น่าจะเข้าใจทั้งคู่อยู่นะ)
จริงอย่างคนเขียนว่าหลายอย่างไม่เป็นไปตามใจจริงๆ อยู่ที่จะเลือกหยิบมาพิจารณาและเข้าใจค่ะ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งตัวละคร ทั้งคนเขียนนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 04-07-2012 23:52:24
ปัญหานู้นหมดไป มีปัญหาใหม่้เข้ามาอีก ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆ เครียดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-07-2012 00:00:20
ในที่สุดเราก็เลิกรำคาญสนได้ซะที
เพราะสาเหตุหลักที่เราเกลียดปนรำคาญสนก็ตรงที่กั๊กมันทุกปัญหา =*=
ตัดสินใจจะเดินทางไหนก็เลือกแล้วลงมือเดินไปซะทีนะ

ค่อยเห็นทางหน่อย ถึงจะไกลจะลำบาก แต่ถ้าไม่เริ่มเดินก็ไม่ถึงซักที
ส่วนต้นจะเลือกเดินไปพร้อมกันรึเปล่าก็อยู่ที่ดวงแล้วล่ะ


สำหรับนา เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งตลอด
เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนน่ากลัว  เหมือนมีปัญหาด้านการควบคุมตัวเอง
ย้อนไปแล้วก็น่าจะเกี่ยวกับสภาพแว้ดล้อม และแอบคิดว่าน่าจะป่วยเล็กๆ
เหมือนต้องการความเห็นใจ ต้องการเป็นที่สนใจพอสนเคยให้เลยยึดติดว่าต้องคนนี้แหละ
อ่านถึงตอนขึ้นขาหยั่งแล้วกลัวมาก  การที่ตัดสินใจอะไรแบบนั้นมันแปลว่าหมดหนทางแล้ว
ทำอะไรปุบปับแบบสุดๆ
ใจนึงก็อยากร้องไห้ แต่ก็ดีใจ(หวังว่า)  น้องไม่ได้เกิดมาในที่ไม่พร้อม
ฮ่วยยยยยยยยยย ถ้าพ่อแม่เจอแบบนี้ในชีวิตจริงก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-07-2012 02:39:38
เข้าใจค่ะว่าแรงไปจริงๆ สำหรับคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้ การทำแท้งมันโหดร้ายจริงๆ

การตัดสินเพียงเสี้ยววินาที มันพาให้ชีวิตพังได้ ส่วนเรื่องของพ่อแม่ต้น จะมีใครรับได้ทันทีอ่ะเนอะเรื่องที่ลูกชายตัวเป็นเกย์

ของทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและการพิสูจน์ สู้ๆทั้งคนแต่ง และตัวละคร
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 05-07-2012 07:12:46
ตอนนี้เป็นตอนที่อ่านแล้ว น้ำตาของเลดี้มันไหลมาเอง มันสะท้อนใจมาก
ชีวิตที่ดำเนินไปของเรื่องนี้ ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกความคิด เหมือนเราได้ดูเรื่องจริง
ชีวิตจริงของคนรู้จักคนกนึ่ง มันสะท้อนใจ ห่อเหี่ยว คนคนหนึ่งยอมทำทุกอย่าง เพียงหวังเอาชนะ
เอาเพียงความน้อยใจ จนลืมผิดชอบชั่วดี แต่เราเข้าใจ คนเราทุกคนทำอะไร ชั่วแล่นของอารมณ์
สนเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่านับถือ เป็นคนหนึ่งที่ตระหนักเรื่องบาปบุญ ไม่เหมือนผู้ชายอีกหลายคนที่เลดี้
รู้จัก ไม่ยอมรับ หนี ปัดความรับผิดชอบ ทั้งที่สนุกไปเองด้วยกัน แต่ปล่อยภาระเป็นของผู้หญิง ไม่สำนึกใดๆ ขอให้พ้นตัว ไม่รับผิดแต่บาปกรรมมีจริง หลายคนที่ไม่เคยได้รับความเจริญไง และชอบสนที่ยืดอกพูด เรื่องต้นกับเขากับแม่ต้น แค่นี้ก็รู้ว่า สนเป็นคนอย่างไร
แต่อยากให้สนคิดถึงต้นนิดหนึ่ง ต้นคอยากอยู่ข้างๆคนที่รัก ขบคิดและปลอบใจเป็นที่ปรึกษาให้สน

ปล.+1ให้กับความสะเทือนใจที่คนเขียนกลั่นกรองอย่างดี
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-07-2012 10:26:53
ถ้าการมีชีวิตมันคือการมีความสุข  เขาจะเรียกว่าการตายว่าพ้นทุกข์ทำไม
นิยายเรื่องนี้มันสะท้อนความจริงในอีกแง่มุมหนึ่งที่คนไม่อยากยอมรับ
ซึ่งคนแต่งคงต้องหนักแน่นกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาสักหน่อย
ธรรมชาติของคนที่อ่านนิยายก็อยากให้มันได้ดั่งใจ  สมหวัง  อย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้
เพื่อชดเชยกับชีวิตที่หวานบ้าง ขมบ้างตามประสา  เพราะส่วนใหญ่อ่านเพื่อคลายเครียด
พอมีนิยายซักเรื่องที่มันไม่คลายเครียด  ไม่ได้ดั่งใจก็ออกอาการ
ซึ่งอาการที่ว่าคือ "อิน" น่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ  ที่สามารถทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมได้
พี่ว่า  พี่ดูข่าวตอนเช้า ๆ ทุกวัน  อินมากกว่านี้อีก  ใส่อารมณ์มากกว่านี้อีกนะ
ยังงัยซะก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ  ถ้าพี่จะอินไปบ้างก็อย่าถือสา
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 05-07-2012 12:37:14
นานี่เป็นผู้หญิงที่....สุดบรรยาย ตอนพยายามจะมีลูกก็ใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้เขามา แต่พอคิดจะไม่เอาก็ทำแท้ง ฆ่าลูกตัวเอง
เฮ้อ....เธอเป็นคนที่รักแต่ตัวเองจริงๆ อย่างน้อยเค้าก็เกิดมาแล้ว ไม่เอาเขาก็รอคลอดแล้วให้สนเลี้ยงก็ได้นี่ ไม่น่าทำบาปแบบนี้เลย
ขอไว้อาลัยให้ลูกของสนด้วย เกิดมามีกรรมตรงที่เกิดเป็นลูกของแม่ใจร้ายอย่างนานี่ล่ะ ไม่น่าเลย

จบเรื่องนา ก็ยังมีเรื่องของแม่ต้นอีก ขอให้ครอบครัวต้นเข้าใจในความรักของทั้งสองคนด้วยเถอะ
นับถือสนที่กล้าพอที่จะบอกเรื่องราวของสนกับต้นกับแม่ของต้น....แม่อาจจะเห็นใจก็ตรงนี้ล่ะ

+1 ขอบคุณมากๆค่ะ ตอนหน้าจะจบแล้ว รู้สึกโหวงๆ งื้อ..ไม่อยากให้จบแต่ก็อยากรู้ตอนจบ :serius2:
เวอร์ชั่นนี้ ดราม่าหนัก แต่ก็เข้มข้น...โดนใจ....ไปหมดทุกตอน แต่งออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วอินมากกว่าเดิม
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ 

จะรอตอนจบค่ะ  :กอด1: :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 05-07-2012 16:40:00
^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 05-07-2012 19:15:51
เฮ้อ โล่ง ตอนแรกก็คิดไปเองว่า นาจะจ้างคนไปฆ่าต้น
อารมณ์ประมาณแบบว่า ฉันไม่ เธอก็ต้องไม่
อะไรแนว ๆ นั้น
แต่ใจก็สงสาร ที่เรื่องราวมันลงเอยแบบนี้
สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่อง และถ้าเกิดมาก็น่าสงสารอีก
ต้องมาอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์
สรุปเรื่องนี้คนที่น่าสงสารที่สุด คือลูกของสนกับนา : '(
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 05-07-2012 23:21:52
ก่อนจะเอาตอนจบมาให้อ่าน ขออนุญาตชี้แจงเรื่องที่ผมกำลังนอยด์ให้ฟังสักนิดนะครับ

จริงๆ ต้องบอกว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครหรือคนเขียนได้หรือไม่ได้
แต่ปัญหาที่ทำให้ผมรู้สึกเสียศูนย์ไปก็คือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ค่อยสุภาพครับ
ในเรื่องที่แล้วที่ผมเขียน (รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต) ตัวละครที่ชื่อ "บูม" ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์คล้ายๆ สน
แต่ผมก็ยังโอเคนะครับ เพราะยังรู้สึกว่ามันก็ยังดูสุภาพอยู่ มีเหตุมีผล

แต่ในเรื่องนี้ ตอนหลังๆ ผมเริ่มเห็นการเม้นต์ที่เริ่มใช้คำรุนแรงมากขึ้นจนล้ำเส้นไป
บางทีก็มีสิงสาราสัตว์มาป้วนเปี้ยนด้วย ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการเม้นต์ในลักษณะนี้ครับ
พอเจอมากเข้าผมก็ชักเสียศูนย์เพราะเริ่มไม่มั่นใจตัวละครที่เราเขียนว่าเขาเลวร้ายจนถึงกับต้องใช้คำแบบนั้นด่าด้วยหรือ
ผมก็มานั่งถามตัวเองว่าต่อมสำนึกผิดชอบชั่วดีของผมมันเสียหรือเปล่า ถึงได้ไม่รู้ว่าตัวละครตัวนี้เขาแย่ขนาดไหน
ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะดำเนินไปแบบไหน จุดยืนคืออะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆ
มันทำให้ผมไม่อินกับตัวละครที่เขียนไปเลย แล้วก็เฝ้าถามตัวเองว่า...เราเขียนอะไรไปทำไมทำให้เขาดูแย่ขนาดนั้นได้
เพราะเราไม่ได้อยากจะให้เขาแย่ขนาดที่จะต้องถูกด่าด้วยคำที่รุนแรงแบบนั้นเลย
พอเขาดูแย่ขนาดนั้นผมก็ไม่รู้จะเขียนบทอะไรให้เขาอีก ไม่รู้จะแก้ตัวให้ยังไงเพราะขนาดว่าอธิบายไปแล้วก็ยังเหมือนเดิม
ผมก็เลยเกิดอาการไปไม่เป็นครับ บางทีเขียนไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะทำให้เขาแย่กว่าเดิมหรือเปล่า

โดยสรุปก็คือ ผมอยากให้เราแสดงความคิดเห็นกันอย่างสุภาพครับ
การวิพากษ์วิจารณ์ตัวละครเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ชอบไม่ชอบก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปบนพื้นฐานของเหตุผล
จะอินแค่ไหนก็ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานนี้
แต่พอล้ำเส้นไปเป็นการด่าทอ หยาบคาย มันกระทบกับความรู้สึกของคนเขียนด้วย เพราะบางทีก็รู้สึกเหมือนด่าคนเขียน
ยิ่งเจอคำที่มีสิงสาราสัตว์ด้วยแล้ว บางทีคนเขียนอ่านแล้วก็สะดุ้งไปเหมือนกัน
จริงๆ จะวิพากษ์วิจารณ์คนเขียนก็ทำได้นะครับสำหรับผม แต่ควรทำบนพื้นฐานของความสุภาพเช่นเดียวกัน
แต่อีกอันที่เห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจก็คือ "การให้คะแนน" ครับ สำหรับผม แค่บอกว่าชอบไม่ชอบตรงไหน
ชอบมาก ชอบน้อยหรือไม่ชอบมากๆ ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ แต่พอมีคะแนนมาด้วย
ผมรู้สึกว่างานผมถูกตีค่าให้สูงหรือต่ำ

ไม่ใช่ว่าจะต้องชมอย่างเดียวนะครับ เพราะผมเองก็ต้องการที่จะพัฒนาการเขียนต่อไป
ติก็ได้ครับ ผมยังโอเคกับการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุด้วยผลและความสุภาพเสมอครับ

ป.ล.
ตอนนี้กำลังปรับตอนจบอยู่ครับ พร้อมแล้วจะเอามาให้อ่านเร็วๆ นี้

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 06-07-2012 00:44:11
อยากให้สนกลับมาหาต้นเร็วๆ  ทรมานกันมามากแล้ว :m15:

แอบใจหาย ไม่อยากให้จบเลย แต่มันก็ต้องจบแหละเนอะ

เรื่องที่ผู้แต่งนอยด์ก็เข้าใจอ่ะค่ะ ตั้งใจเต็มที่แล้วต้องมาเจออะไรที่มันเลยเถิดไปหน่อย

ก็คิดว่าคนอ่านๆหลายๆคน อินมากกกกกกกกกก  เพราะผู้แต่งแต่งดีงัยค่ะเลยมีอารมณ์ร่วมไปด้วย

เหมือนดูละคร อย่างมารยาริษยา ตัวละครดีนี่เล่นซะน่า.........จริงๆ แสดงว่านักแสดงเล่นได้ถึงบทบาท

ผู้แต่งก็ทำเต็มที่ ดีที่สุดแล้ว ก็เป็นกำลังใจให้นะค่ะ   :man1: :L2:

จะรอผลงานชิ้นต่อๆไปด้วยค่ะ (แอบตั้งฉายาเจ้าพ่อมาม่าได้มั้ยเนี่ย o13)

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-07-2012 19:32:43
ดัน 1
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-07-2012 19:33:05
ดัน 2
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-07-2012 19:33:27
ดัน 3
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 37 ¤ ตราบาปของชีวิต (05-07-2012) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 06-07-2012 19:34:04
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วนะครับ ตอนจบทีไรใจหายทุกที
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ ทั้งคนที่ตามมาตั้งแต่แรกๆ หรือคนที่มาตามตอนหลังๆ
ขอบคุณจากใจใจจริงสำหรับกำลังใจที่ทุกคนมีให้ และต้องขอโทษด้วยหากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดหรือทำให้ขุ่นเคืองใจ
เขียนนิยายมาแล้ว 2 เรื่อง เรื่องสั้นๆ อีกสองสามเรื่อง ก็ชักสนุก คงหยุดไม่ได้ ยังไงก็จะกลับมาเขียนอีก
แต่ขอพักหายใจและกลับมาทำงานให้เต็มที่ พร้อมเมื่อไหร่จะกลับมาครับ

---------------------------------------------------------

ตอนที่ 38: รักจะนำทางเราไป (ตอนจบ)

(http://i1.picxy.com/Al/9620_Image2.png)

หลังจากที่รู้ว่าสนไม่เป็นไรมากแล้ว แม่ของสนกับแม่ของต้นก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่ ตอนแรกสนจะไปส่งแต่แม่ของสนไม่ยอมเพราะเธอก็อยากจะคุยกับแม่ของต้นไปในรถด้วย ถ้าสนไปส่งคงจะคุยไม่สะดวก สนจึงใช้วิธีออกค่ารถให้กับแม่ๆ ทั้งสองแทน

ระหว่างทางที่นั่งรถไปด้วยกัน แม่ของสนก็คอยสังเกตท่าทางของคนเป็นแม่อีกคนที่ดูเหมือนจะเครียดหนักทีเดียว ในฐานะที่เป็นแม่เหมือนกันจึงคิดว่าคำแนะนำของเธออาจจะพอมีประโยชน์อะไรบ้าง  "แม่พร...ฉันเข้าใจแม่พรนะที่แม่พรไม่อยากให้เขาสองคนรักกัน ฉันเองก็หัวอกเดียวกับแม่พรนั่นแหละ ก็มีลูกชายคนเดียวเหมือนกัน อยากให้เขาเป็นคนสืบสกุลของเรา ฉันก็หวังอย่างนั้นมาตลอด แต่...ฉันมาคิดๆ ดูแล้วก็ต้องยอมรับความจริงว่า...เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวเขาเท่านั้น ใจของเขา ชีวิตของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องเลือกเอง เราเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้แค่เลี้ยงดูเขา ช่วยให้เขามีชีวิตดีๆ ตามที่เขาเลือก ถ้าเราจะบังคับเขา ลูกมันก็คงยอมทำตามล่ะนะ ก็เราเป็นพ่อเป็นแม่เขานี่นา เขาก็คงขัดไม่ได้ แต่เขาก็คงไม่มีความสุขกับการถูกเราบังคับหรอก ฉันก็เลยต้องกลับมาถามตัวเองว่า...ฉันอยากให้ลูกเป็นอย่างที่ฉันต้องการหรืออยากให้ลูกมีความสุขกันแน่ แล้วฉันก็ได้คำตอบเป็นอย่างหลัง แต่...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยกับความรักของเขาทั้งสองคน ฉัน...ก็เข้าใจความจำเป็นของแม่พรนะ ฉันเองก็คงจะต้องให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น เพราะเขารักกัน...อยู่ใกล้กันแล้วเขาคงจะทำใจลำบาก"

แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แม่ของต้นต้องใช้ความคิดหนักขึ้น เธอเห็นสนร้องไห้แล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ยิ่งคิดตามที่แม่ของสนพูดแล้วเธอก็ยิ่งหวั่นไหวในใจ เธอเองก็เคยได้ยินคำพูดนั้นที่ว่า 'ลูก...เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว' ไม่คิดว่าเธอจะต้องมาเจอกับสถานการณ์นั้นด้วยตัวเองในเวลานี้

"ขอเวลาฉันคิดทบทวนหน่อยนะแม่ตา ฉันจะลองคุยกับพ่อแอ๊ดดู...ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงบ้าง แต่ฉันก็เดาว่าเขาก็คงคิดไม่ต่างจากฉันนักหรอก หลังๆ นี้เขาก็เริ่มกังวลมากที่ต้นยังไม่มีแฟนกับเขาเสียที แต่ฉัน...ไม่ได้รังเกียจอะไรสนนะแม่ตา แม่ตาเข้าใจฉันนะ ถึงฉันจะไม่ได้อยากให้ต้นกับสนรักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจสนเลย ครอบครัวของฉันก็รักสนทุกคน รักเหมือนลูกคนหนึ่ง"

แม่ของสนเอื้อมมือไปบีบมือแม่ของต้นไว้เพื่อให้กำลังใจ เธอรู้ว่าแม่ของต้นคงต้องใช้เวลาสักพักและต้องเข้มแข็ง "ฉันเข้าใจ...ไม่ว่าแม่พรจะรับได้หรือไม่ได้ฉันก็เข้าใจ ฉันกับลูกก็ยินดีถ้าหากว่ามีอะไรที่ทำแล้วจะช่วยให้พ่อแอ๊ดกับแม่พรสบายใจ ถ้าไม่อยากให้เขาสองคนรักกันจริงๆ ฉันก็จะให้สนมันอยู่ห่างๆ ต้น แต่ฉันก็อยากให้แม่พรลองคุยกับต้นด้วยว่าเขาคิดยังไง แล้วแม่พรค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ดีเหมือนกันนะ ต้นเขาเป็นคนมีความคิด เขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ก็ได้"

แม่ของต้นพยักหน้า โดยทั่วไปผู้หญิงมักจะอารมณ์อ่อนไหวและเข้าใจบางเรื่องได้ง่ายกว่าผู้ชายอยู่แล้ว เธอก็เลยชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจะทนเห็นต้นกับสนพรากจากกันไปทั้งที่ยังรักกันได้หรือเปล่า ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ คนที่ไม่ได้รักคงไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่เขารักกันนี่สิ...เธอไม่แน่ใจหรอกว่าจะห้ามเขาไปได้ตลอด

"แม่พร...ฉันอาจจะไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์มีความรู้อะไรมาก แต่ฉันก็เป็นแม่คนหนึ่ง ฉันเองก็เคยมีความต้องการมากมายที่จะให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องมาถามตัวเองว่า สิ่งที่ฉันอยากได้จากลูกมากที่สุดคืออะไร ช่วงที่สนมีเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า...ฉันอยากเห็นลูกมีความสุข ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขามากกว่านี้หรอก ฉันเห็นเขาทุกข์มามาก ถ้าเขาทำอะไรหรือเป็นอะไรแล้วมีความสุข ฉันก็อยากให้เขาทำหรือเป็นอย่างนั้น ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน" แม่ของสนสำทับเข้าไปอีก เธอเชื่อว่าแม่กับพ่อของต้นจะคิดได้ สังเกตจากที่ต้นเป็นคนจิตใจดี นั่นก็ย่อมหมายความว่าเขามีพ่อแม่ที่จิตใจดีด้วย คนที่จิตใจดีคงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก

"แต่เอาเป็นว่า...ถ้าแม่พรไม่เห็นด้วยและยอมรับไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะคอยดูสนให้ แต่ฉันก็รับปากไม่ได้หรอกว่าเขาจะไม่แอบมาหากัน ที่เขารักกันก็เพราะว่าเขาผูกพันกัน พวกเราทั้งสองครอบครัวก็เห็นความรักของต้นกับสนแล้ว สำหรับฉัน...ฉันคิดว่ามันห้ามได้ยากมาก ฉันอยากให้แม่พรเตรียมใจเผื่อไว้บ้างว่ามันอาจจะเกิดขึ้น"

ใช่...สิ่งที่แม่ของสนพูดก็ตรงกับสิ่งที่แม่ของต้นกำลังกังวลเผงเลย เธอไม่มั่นใจจริงๆ ว่าเธอจะห้ามเขาทั้งสองคนได้

-------------------------------------------------

สามเดือนผ่านไปแล้วที่สนไม่ได้เจอกับต้นเลย แม้ว่าตอนนี้สนจะยังไม่ได้บวชเพราะยังหาช่วงเวลาที่สะดวกไม่ได้ แต่สนก็รู้สึกว่าจิตใจเขาสงบมากขึ้น หลังจากที่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ การได้อยู่กับตัวเองก็ดีเหมือนกัน แม้ว่าจะเหงาและฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่เมื่อคิดมากๆ ทบทวนมากๆ ก็ทำให้มีเวลาเรียนรู้สิ่งที่ผ่านมาได้มากขึ้นไปด้วย

เมื่อไม่กี่วันมานี้แม่โทรมาบอกข่าวดีบางอย่างกับเขาแล้ว ทำให้สนสามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญได้ เขาลุกขึ้นมาจัดห้องใหม่ ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าม่านใหม่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่และทำอะไรใหม่อีกหลายอย่าง หมดเงินไปก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เสียดายหรอก เพราะอีกไม่นาน ห้องนี้ก็จะได้ต้อนรับใครบางคนที่สนอยากให้มาอยู่ด้วย นอกจากนี้แล้วสนก็ยังไปตัดผมเผ้าใหม่ให้เรียบร้อยจนกลับมาหล่อสะอาดใสเหมือนเดิม แถมจะดูหล่อยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สนพร้อมแล้วที่จะกลับไปหาใครคนนั้นที่เขาแสนจะคิดถึง กลับไปพร้อมกับอิสรภาพที่เขาได้กลับคืนมา กลับไปพร้อมกับความภาคภูมิใจที่เขาได้สะสางปัญหาทุกอย่างไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวของเขาเอง หรือปัญหาความไม่เข้าใจของพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้เขาคบหากับใครคนนั้นได้อย่างสบายใจ

เมื่อสนเช็คจนแน่ใจแล้วว่าต้นจะกลับบ้านเย็นวันนี้ สนก็เลยกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เพื่อที่จะรอพบใครบางคน มาถึงบ้านสนก็ตรงไปหาพ่อกับแม่ของต้นเพื่อที่จะเอาของไปฝากและคุยเรื่องเขากับต้นด้วย

ดูเหมือนพ่อกับแม่ของต้นดีใจไม่น้อยที่เห็นสนกลับมาหา หลังจากที่เงียบหายไปนานหลายเดือน ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในบ้านนี้รักและคิดถึงสนเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทุกคนตระหนักว่าสนจะขาดหายไปจากชีวิตของพวกเขาไม่ได้ ถ้าสนไม่กลับมา ต้นก็คงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต นั่นแหละ...จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจครั้งนี้

"พ่อฝากต้นด้วยนะลูก" นั่นคือสิ่งที่พ่อของต้นบอกกับสนก่อนที่เขาจะกลับ

"ครับพ่อแอ๊ด" สนตอบพลางยิ้ม เขารู้สึกตื้นตันใจจนแทบจะควบคุมน้ำตาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณใครดีที่ทำให้สนได้มาเจอกับครอบครัวนี้ ครอบครัวที่ดีกับเขาเสมอมา คอยช่วยเหลือยามตกทุกข์ได้ยาก ให้ความรักและไว้วางใจสนราวกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง

"ผมจะดูแลต้นให้ดีที่สุดครับ พ่อแอ๊ดกับแม่พรไม่ต้องห่วงนะครับ" นี่คือคำสัญญาจากลูกผู้ชายที่ชื่อสน เมื่อเขาได้โอกาสนี้แล้วเขาก็จะรักษาให้สุดชีวิต ไม่ให้พ่อกับแม่ของต้นต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด

"พ่อแอ๊ดก็...สนเขาดูแลลูกเราดีจะตาย ฉันไม่เห็นจะห่วงเรื่องนั้นเลย ต้นเขาโชคดีนะ...ที่ได้เป็นแฟนกับสน" แม่ของต้นหันไปคุยกับสามีแล้วก็หันมายิ้มกับสน ก็อย่างที่แม่ของสนเดาไว้ว่าพ่อกับแม่ของต้นจะเข้าใจเพราะบ้านนี้เป็นคนจิตใจดีทั้งบ้าน
--------------------------------------------------------

http://www.youtube.com/v/ErgnOWcN3r4

พอรุ่งเช้า สนก็รีบตื่นแต่เช้า จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่งตัวให้ดูหล่อและเท่ห์ที่สุด แล้วสนก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปหาต้น พ่อกับแม่ยิ้มและอวยพรให้เขาโชคดีกับการกลับไปหาต้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นฟ้าหลังฝนจริงๆ แล้วล่ะ อะไรๆ ก็ดูจะเอื้อชีวิตของสนให้ง่ายขึ้น

ช่วงนี้ยังเป็นช่วงปลายๆ หน้าหนาว อากาศก็ยังเย็นสบายดีอยู่ แต่ก็ไม่หนาวเหมือนกับบ้านเกิดของสนหรอก สนเดินเลาะเลียบไปตามคลองส่งน้ำไปทางบ้านต้น แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น...สะพานเหล็กหน้าบ้านต้น ที่ๆ เขากับต้นมักจะมานั่งคุยกันทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งเรื่องที่เป็นความสุขหรือความทุกข์

สนยิ้มด้วยความดีใจและเป็นสุขที่บัดนี้ใครคนนั้นที่เขารอคอยได้มานั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว ราวกับจะรู้ว่ามีคนสำคัญมาหาตรงที่เดิมของเขาทั้งสองคน สนกลับมาคราวนี้เพราะหัวใจขอมาจริงๆ เขามาพร้อมกับชีวิตใหม่ที่ได้ผ่านฝันร้ายมาจนหัวใจเข้มแข็งแล้ว แต่เขาก็ยังมีหัวใจดวงเดิมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักให้กับต้นเสมอ และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

สนสาวเท้าเข้าไปหาต้นอย่างช้าๆ ทำเสียงเดินให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ใครคนนั้นที่รออยู่รู้ตัวเสียก่อน จนกระทั่งถึงตัว สนก็เรียกชื่อที่เขาคุ้นเคยมาเกือบทั้งชีวิต ชื่อที่เขาแทบจะไม่เคยได้พูดถึงเลยในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ชื่อของคนที่เขาแสนจะคิดถึงและเป็นห่วง และชื่อของคนที่เขา...จะไม่ยอมให้จากไปไหนอีกแล้ว

"ต้น..."

ต้นหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นแล้วต้นก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ แล้วเขาทั้งสองคนก็โผเข้ากอดกันเหมือนกับที่เคยกอด ถ่ายทอดความอบอุ่นจากหัวใจให้แก่กัน

"เรากลับมาแล้วนะต้น...นายคิดถึงเราไหม" สนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงถึงความรักและความห่วงหาอย่างสุดหัวใจ แม้จะไม่ได้เจอกันถึงสามเดือนแต่ก็ไม่ปรากฏช่องว่างใดๆ ระหว่างเขากับต้นเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

"คิดถึง...คิดถึงทุกวันเลย" ต้นตอบพร้อมกับกอดสนแน่นขึ้นอีกนิด เขารู้สึกอุ่นใจและมีความสุขเสมอที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ ดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้อ้อมกอดที่แสนคิดถึงนี้กลับมาอีกครั้ง

สองหนุ่มค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากกันเพื่อที่จะมองหน้ากันให้ชัดๆ เต็มตาอีกครั้ง วันนี้สนดูหล่อมากทีเดียว ใบหน้าขาวสะอาดใสและมีรอยยิ้มสุขใจ หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาหลายอย่าง สนคงพร้อมแล้วสำหรับชีวิตใหม่และการเริ่มต้นชีวิตในอีกแบบหนึ่งที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้

"นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยนะ" ต้นชม รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า วันนี้สนใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนส์สีออกเทาเข้ม ทรงผมดูแปลกตาไปเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ดูดีมากทีเดียว

สนยิ้มเขินนิดๆ "เพราะเราจะกลับมาหาคนพิเศษไง ก็ต้องหล่อเป็นพิเศษ แก้มนายก็ยังใสเหมือนเดิมนะ" ว่าแล้วสนก็เอามือจับแก้มใสนั้นเบาๆ คนถูกจับแก้มจึงก้มหน้าเขินเล็กน้อย

"ต้น...เรากลับมาคราวนี้...เราจะไม่ไปไหนอีกแล้วนะ ชีวิตของเราจะขอหยุดทุกอย่างไว้ที่นายคนเดียว เราเหนื่อยและบาดเจ็บกับชีวิตมาพอสมควรแล้ว นายคงไม่รังเกียจใช่ไหมที่จะให้เราหยุดพักพิงใจตรงนี้ อยู่กับคนที่เรารัก...และรักเรา อยู่กับคนที่เราผูกพันมาเกือบทั้งชีวิต อยู่กับคนที่เรารู้ว่า...ชีวิตนี้...เราขาดเขาไม่ได้...ได้ไหมต้น"

ต้นพยักหน้าตอบรับโดยไม่รีรอ แล้วสนก็อดที่จะกอดต้นไว้อีกครั้งไม่ได้ หมดทุกข์หมดโศกกันเสียทีนะชีวิตของสน ต่อไปนี้สนจะเป็นคนใหม่ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากยิ่งขึ้น จะไม่นำปัญหามาให้ต้นเสียใจอีกแล้ว "เรารักนายนะ...ขอบคุณมาก...ที่นายยังรอเราอยู่"

"เราก็รักนาย" ต้นกอดตอบอย่างสุขใจ

โชคดีที่ว่ายังเช้าอยู่จึงยังไม่ค่อยมีใครออกมาข้างนอกกันมากนัก แต่...พ่อกับแม่ของต้นก็ออกมาเห็นพอดีตรงรั้วบ้าน แม้ว่าจะยังคงทำใจรับได้ไม่สนิทดีนัก แต่เห็นต้นกับสนกลับมาอยู่ด้วยกัน เห็นเด็กสองคนรักกันด้วยน้ำใสใจจริงและบริสุทธิ์ใจเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดแล้ว พ่อกับแม่ของต้นก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้เห็นภาพนี้อีกครั้ง

เอาเถอะ...อย่างน้อยต้นก็มีความสุข อย่างน้อยต้นก็ทำตัวดีเสมอมาไม่เคยสร้างปัญหาหนักใจให้พ่อกับแม่เหมือนลูกคนอื่นๆ ในละแวกนี้ อย่างน้อยต้นก็ตั้งใจเรียนจนจบ มีงานดีๆ ทำที่พ่อแม่ไม่ต้องห่วงแล้วว่าต้นจะดูแลตัวเองได้ไหม นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่เหลือ...ชีวิตก็เป็นของต้นที่ต้นจะต้องดูแลจัดการด้วยตัวเอง

สนกับต้นนั่งลงบนสะพาน ถอดรองเท้าแล้วก็ห้อยเท้าลงไป ช่วงนี้น้ำในคลองส่งน้ำพร่องไปค่อนข้างมากจึงไม่สามารถใช้เท้าตีน้ำเล่นได้เหมือนเคย

"เดือนหน้าเราจะบวชนะต้น บวชให้ลูก...บวชให้กับชีวิตที่เราเคยผิดพลาด" สนบอกแล้วก็หันไปยิ้มจางๆ ในตอนนี้ทั้งเขาและต้นต่างก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าแทบตลอดเวลา

"ดีแล้วล่ะสน..."

"นายคงรอเราได้นะ แค่สิบห้าวันเอง"

ต้นขำเบาๆ "รอได้สิ...รอมาตั้งสามเดือนเรายังรอได้เลย"

"นายรู้ไหม...ช่วงเดือนที่ผ่านมา...เราก็เคยคิดอยากมาหานายนะ แต่มาคิดๆ ดูแล้วเราคิดว่า...เราควรมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มาก คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง ทำใจให้สงบและหยุดทุรนทุราย แล้วก็แก้ปัญหาบางอย่างที่เราคิดว่าสำคัญมากสำหรับเราสองคน ตอนนี้...เราแก้ปัญหานั้นได้แล้วนะ"

ต้นเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "อะไรเหรอ..."

"ก็...คุยกับพ่อกับแม่ของเราสองคนเรื่องของเราไง ตอนนี้...พ่อกับแม่ของเรา แล้วก็พ่อกับแม่ของนาย...รู้เรื่องที่เรารักกันแล้วนะ"

ต้นทำหน้าตกใจเล็กน้อย รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะกลัวพ่อกับแม่จะไม่เข้าใจ หลังๆ มานี้ต้นโดนพ่อกับแม่ถามเรื่องแฟนจนต้นต้องคอยหลบหน้า "จริงเหรอสน แล้วพ่อกับแม่ของเรา..."

สนรู้ว่าต้นกลัวเรื่องนั้น เขาจึงยิ้มกว้างเพื่อให้ต้นสบายใจ "นายดูเรายิ้มสิ...ถ้าเรายิ้มแบบนี้มันแปลว่าอะไรล่ะ"

"จริงเหรอสน" ต้นยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

"จริงสิ...ไม่งั้นเราไม่กล้ากลับมาหานายหรอก เราบอกตัวเองไว้แล้ว ถ้าเรายังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เราก็จะไม่กลับมาหานาย ถ้าพ่อกับแม่นายไม่ยอม เราก็คงต้องจากไปจริงๆ เราไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีก ตอนแรกที่เราคุยกับแม่ของนาย แม่ของนายเขาไม่ยอมนะ แต่แม่ของเราก็พยายามช่วยเราอธิบายอีกแรง จนตอนนี้...แม่พรแล้วก็พ่อแอ๊ดเข้าใจเราสองคนแล้วล่ะ"

ต้นมองดูสนและยิ้มด้วยความชื่นชม เขาเองยังไม่กล้าคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เลย ต้นรู้ดีว่าเขาเป็นลูกคนเดียว บางทีต้นยังคิดเลยว่าถ้าพ่อแม่ถามมากๆ ต้นก็อาจจะต้องทำอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้ทำก็ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี ต้นคงจะกอดสนเพื่อขอบคุณไปแล้ว

"ขอบคุณมากนะสน...นายเก่งจังที่กล้าคุย...ที่ผ่านมาเราได้แต่คอยหลบหน้าพ่อกับแม่เพราะเขาถามเราเรื่องแฟนบ่อยมาก เรายังไม่กล้าคุยเลย"

"เพื่อนาย...เราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วต้น ชีวิตเราก็ให้นายได้...นายก็รู้"

ต้นยิ้มและสบตากับสนอยู่สักพัก "สน...นายโอเคกับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วใช่ไหม เราเป็นห่วงนายมากนะ คอยภาวนาทุกวันให้นายเจอทางออกของปัญหา"

"โอเคแล้วล่ะต้น" แล้วสนก็ถอนหายใจ ทอดสายตาไปตามแนวคลองที่ยาวสุดลูกหูลูกตา "ถือเสียว่า...มันเป็นฝันร้ายของชีวิตก็แล้วกัน เราได้เรียนรู้แล้วว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็อาจจะทำให้ชีวิตเราพังได้ ต่อไปนี้...เราจะไม่ประมาทกับชีวิตแบบนั้นอีกแล้วต้น มีอะไร...เราก็จะปรึกษากับนาย...ทุกเรื่อง เพราะเรา...เป็นแฟนกันแล้ว นายอยากเป็นแฟนเราหรือเปล่า"

"จะให้ตอบว่าไงดีนะ" ต้นแกล้งกวน

"ก็ตอบว่าอยากเป็นสิ นายจะหาได้ที่ไหนแฟนแบบนี้ หล่อก็หล่อ เป็นแฟนก็ได้ เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นพ่อครัวก็ได้ ต่อไปก็อาจจะเป็นพ่อบ้าน"

ต้นขำชอบใจกับอันหลังที่สนบอก "ก็รู้อยู่แล้ว...จะถามทำไมล่ะ" แล้วต้นก็ก้มหน้าเขิน "ก็อยากเป็นมาตั้งนานแล้ว ก็รอให้ชวนอยู่...ไม่เห็นชวนเสียที"

สนเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้ม "ก็อยากชวนตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าไง อ้อ...วันนี้เรามีอะไรจะเซอร์ไพรส์นายด้วยนะ แต่อย่าถามให้ยาก ยังไงเราก็ไม่บอกตอนนี้"

"งั้นไม่อยากรู้ก็ได้ อุตส่าห์อยากรู้" ต้นว่าพลางทำหน้าล้อเลียน

"เรารู้ว่านายอยากรู้...มันดีมากนะ ถ้านายรู้แล้ว...นายจะชอบ"

------------------------------------------------------

ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นกลับกรุงเทพ กลับไวจนพ่อกับแม่ของต้นสงสัยเพราะต้นเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน แต่พอสนบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ต้น พ่อกับแม่ก็เลยยอมให้ต้นกลับไว

พอสนขับรถเข้ามาในกรุงเทพ ต้นแปลกใจที่สนไม่ได้ขับไปทางคอนโดของเขา สักพักจึงพอจะเดาออกว่าสนน่าจะไปที่คอนโดของเขาเอง ปกติต้นไม่ค่อยไปคอนโดของสนนักเพราะสนบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาหาต้นเอง ต้นจึงเคยไปแค่สามสี่ครั้ง

แล้วสนก็พาต้นมาที่คอนโดของเขา ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นกลับไม่ใช่ต้นเสียอย่างนั้น แต่กลับเป็นสนเองที่เหมือนจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ต้นจะได้เห็นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ พอเปิดประตูห้องพักเข้าไปแล้ว สนก็รีบถามอย่างภูมิใจว่า

"เป็นไงต้น...ห้องของเรา...น่าอยู่ไหม"

ต้นเดินเข้ามาแล้วก็หันไปมองสำรวจรอบๆ ถึงจะเคยมาแค่สามสี่ครั้งแต่ต้นก็รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ "นายทำห้องใหม่เหรอ" ต้นหันมาถามคนที่เดินมายืนยิ้มอยู่ข้างหลัง

"ใช่แล้ว...นายชอบหรือเปล่า" สนถามแล้วก็เดินเข้ามาสวมกอดต้นไว้จากด้านหลัง

"ชอบ...สวยดี" ต้นตอบพลางมองไปรอบๆ ไม่ได้เอะใจสักนิดว่าสนทำห้องใหม่ทำไม

"แล้วอยากมาอยู่ไหม"

ได้ยินคำถามนั้นแล้วต้นก็รีบหันตัวกลับไปมองหน้าสนด้วยความสงสัย

"นายหมายความว่าไง"

"ก็หมายความว่า...เราจะชวนนายมาอยู่ด้วยน่ะสิ นายเป็นแฟนเราแล้วนะต้น เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา"

ต้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังไม่ได้ตอบรับไปทันที

"นายคิดดูก่อนก็ได้...มา...เดี๋ยวเราพานายดูให้ทั่วดีกว่าว่าเราเปลี่ยนอะไรบ้าง" ว่าแล้วสนก็จูงแขนต้นให้เดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็คอยอธิบายว่าเขาเปลี่ยนอะไรในห้องไปบ้าง ดูเหมือนสนจะภูมิใจมากทีเดียว

ดูจนทั่วแล้วสนก็ถามต้นว่า "อยากออกไปข้างนอกไหม ไปไหนดี...ไปห้างหรือไปซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือนายอยากไปไหน"

ต้นส่ายหน้า "ไม่อยากไปไหนเลย ก็...เมื่อกี้นายถามเราว่าเราอยากอยู่ที่นี่ไหม ถ้างั้น...เรามาลองอยู่จริงๆ ก่อนไหมล่ะ เผื่อเราจะตัดสินใจได้ เอางี้...สมมติว่าเราอยู่ด้วยกันละ นายก็ใช้ชีวิตตามปกติของนาย เราก็จะใช้ชีวิตตามปกติของเราในห้องนี้ ดีไหม"

สนทำหน้าฉงนแต่ก็พยักหน้าตกลงแต่โดยดี "โอเค...ถ้างั้น...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราจะทำงานเขียนโปรแกรมต่อนะ ส่วนนาย...ทำอะไรดีล่ะ"

"อ่านหนังสือไง...นายมีหนังสือให้เราอ่านไหม" ต้นถามพลางมองหา

"มีสิๆ เยอะแยะเลย" สนบอกแล้วก็รีบไปหยิบนิตยสารที่เขาพอมีอยู่บ้าง แล้วก็ได้นิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ชายมาให้ต้น "ไม่รู้ว่าชอบอ่านหรือเปล่านะ แต่อ่านไปก่อนละกัน ไว้ค่อยไปหาซื้อแบบที่นายชอบอ่านมาเพิ่มทีหลัง"

ต้นพยักหน้าแล้วก็รับนิตยสารนั้นมา จากนั้น สนก็เดินกลับไปนั่งทำงานเขียนโปรแกรมของเขา ส่วนต้นก็นอนเหยียดยาวตรงโซฟาอ่านหนังสืออย่างสบายใจ สนคอยหันไปมองต้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็แอบยิ้มบางๆ กับตัวเอง มีต้นอยู่ใกล้ๆ แบบนี้สนก็มีความสุขและอุ่นใจจริงๆ ถ้าต้นมาอยู่กับเขาแบบนี้ทุกวันก็คงดี เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับต้นอย่างจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ เบื่อชีวิตโสดละ อยากอยู่กับแฟน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนที่ชวนเขาทดลอง "อยู่ก่อนแต่ง" ก็หลับไปแล้วพร้อมกับหนังสือที่ปิดหน้าไว้ สนเห็นแล้วก็รีบเดินไปหยิบออกให้เพราะกลัวต้นจะหายใจไม่ออก

สนหยิบหนังสือออกแล้วก็นั่งกับพื้นข้างล่าง มองดูใบหน้าของคนที่หลับใหลอย่างเป็นสุขแล้วก็ยิ้ม เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงไปดูหน้าต้นใกล้ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากดูให้ชัดๆ เท่านั้น แต่อยู่ดีๆ ต้นก็ลืมตาตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมา ศีรษะจึงชนกับสนแม้จะไม่แรงมากแต่ก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่

"โอ๊ย..."

"สนเจ็บหรือเปล่า...โทษทีเราไม่รู้ว่านายมาแอบมองเรา" ต้นทำสีหน้ารู้สึกผิด เขาไม่เจ็บมากเท่าไรแต่คิดว่าสนคงจะเจ็บมากกว่า

"เจ็บสิ...เป่าให้เราหน่อย" สนทำเสียงอ้อน

ต้นหัวเราะพลางส่ายหน้า สนยื่นหน้ามาใกล้ๆ ต้นก็เลยต้องยอมเป่าให้ "หายเจ็บหรือยัง"

"หายแล้ว..."

"อย่าก้มมาใกล้แบบนี้สิ อยู่ใกล้คนหล่อแล้วเราใจสั่น"

"ใจสั่นจริงเหรอ ถ้างั้นต้องกอดแล้วล่ะ จะได้หายสั่น" สนไม่พูดเปล่าแต่ซุกหน้าลงไปบนอกของต้นแล้วก็กอดต้นแน่น เล่นเอาคนถูกแกล้งหัวเราะร่า

สนหยุดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม "มีแฟนหล่อไม่ชอบเหรอ ใครๆ ก็อิจฉานะ แต่เรา...ให้นายเชยชมได้คนเดียวเท่านั้น"

ต้นยื่นมือมาบีบจมูกสนเล่นแล้วก็ยิ้ม แต่พอเห็นสนเอานิ้วชี้ที่แก้มของเขา ต้นก็ขมวดคิ้วแปลกใจ "อะไร"

"เราอยากได้รางวัล เราอุตส่าห์แต่งห้องใหม่ซะสวย ไม่คิดจะให้รางวัลเราบ้างเหรอ" สนพูดจบก็เอานิ้วชี้ที่แก้มตัวเองสองสามครั้งเป็นการเร่งเร้า

เห็นสนอ้อนเล่นแบบนี้ต้นก็ขำ แต่ก็ยอมยื่นจมูกไปหอมแก้มสนเบาๆ ตามที่เขาขอ คนที่ถูกหอมยิ้มเสียจนตาหยี

"ต้นลุกขึ้นมานั่งตรงๆ ก่อนสิ" สนบอกพลางช่วยขยับตัวต้นให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ต้นทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็มีสีหน้าสงสัย

สนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต้นราวกับจะขอความรัก เขาจับมือของต้นทั้งสองข้างมากุมไว้บนตักของต้นแล้วก็พูดว่า

"ต้น...มาอยู่กับเรานะ เราอยากให้นายมาอยู่กับเรา เราอยากมีใครสักคน อยากมีคู่ชีวิต อยากดูแลนาย เราคิดว่าเราพร้อมแล้ว อยากให้นาย...ให้โอกาสผู้ชายที่ผิดพลาดคนหนึ่ง...ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับนาย ได้ไหมต้น...มาอยู่กับเรานะ...นะต้นนะ"

เห็นสีหน้าเว้าวอนและความตั้งใจจริงของสนแบบนี้แล้ว ต้นก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ เจอลูกอ้อนของสนทีไรต้นก็ไม่เคยเอาชนะได้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน คิดแล้วก็ตื้นตันใจจริงๆ ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรักเขามากขนาดนี้

ต้นค่อยๆ ยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้าตกลงอย่างช้าๆ "เริ่มตั้งแต่วันไหนดีล่ะ"

"วันนี้เลย...ดีไหมต้น เดี๋ยวเราให้พ่อกับแม่เราไปขอนายพรุ่งนี้เลยเป็นไง" สนพูดพลางเขย่ามือต้น เขาดีใจจนลืมตัว แต่พอรู้ตัวแล้วก็รีบวางมือต้นลงเพราะกลัวต้นจะเจ็บ

"ใจร้อนจังเลย...เอ...แสดงว่าวันนี้เราก็อยู่ก่อนแต่งสิ" ต้นสัพยอก

สนหัวเราะชอบใจ เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ ต้น แล้วก็กอดต้นจากด้านข้างในลักษณะรวบแขนไว้ "ไม่ดีเหรอ...ลองทั้งหมดแล้วก็จะช่วยให้นายตัดสินใจได้ไง แต่ยังไงๆ นะ เราก็มั่นใจว่านายลองแล้วต้องติดใจ อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แน่ๆ" สนเอาคางเกยบนไหล่ของต้นพร้อมกับลอบมองดูเจ้าของแก้มใสที่ยังยิ้มไม่หยุด

"อืม...สงสัย...วันนี้เราคงต้องลองอยู่ก่อนแต่งดูสักวันจริงๆ แล้วล่ะมั้ง เผื่อจะดี" ต้นบอกพลางขำ

"ดีอยู่แล้ว" สนบอกพลางยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทั้งต้นและสนต่างก็ตระหนักแก่ใจว่า มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้ ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ ไม่ได้เกี่ยวกับเพศ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะเป็นใคร ขอแค่มีใจที่รักกันจริงเสียอย่าง การอยู่ร่วมกันก็เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์

ชีวิตที่บอบช้ำและเหนื่อยล้าของสนได้สิ้นสุดลงแล้ว ฝันร้ายนั้นก็ได้ผ่านพ้นไปไม่หวนกลับมาอีก ส่วนต้น...ความรักที่เขาเฝ้ารอคอยมาเกือบทั้งชีวิตก็กลายเป็นความจริงอย่างสมบูรณ์ จากที่เคยสงสัยว่า "มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่" ตอนนี้ต้นก็ได้คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว นั่นเป็นเพราะความผูกพัน ความมั่นคงและอดทน ความรักของเขาทั้งสองคนจึงยืนยาวมาจนถึงวันนี้ จากเพื่อน กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่สับสน แล้วก็กลายมาเป็นความรักที่แท้จริงในที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นขวางแรงดึงดูดความรักระหว่างต้นกับสนได้ เมื่อหัวใจยังมีรักที่มั่นคงแล้ว ความรักก็จะนำทางเราไป ในยามที่หลงทาง เพียงแค่เราแหงนมองขึ้นมาก็จะเห็นความรักอยู่ตรงนั้นเสมอ รอคอยให้เราเดินตามไปและกลับมาสู่ทางเดินแห่งรักเช่นเดิม

จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 06-07-2012 19:36:51
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะค่ะ :pig4: :pig4:      อาจไม่ค่อยได้เม้นในตอน แต่ก็ติดตามค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-07-2012 19:55:02
ในที่สุดก็แฮปปี้ซะที ดีใจด้วยยยยยยย >_<


ป.ล. ถ้าโชคดี คงจะมีโอกาสได้เห็นต้นกับสนในภาพยนต์นะครับ แต่อาจจะแฝงในเรื่องอื่น << อยากรู้ว่าเรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 06-07-2012 20:16:54
ตบมือแปะๆกับนิยายดีๆเรื่องนี่
หนทางพิสูจน์รักจริงๆคู่นี้ กระจะได้รักกัน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ
 :L2:
จะติดตามผลงานต่อไป
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-07-2012 21:03:10
ดีใจกับต้นที่สุดแล้วที่รักสมหวัง
สนเองก็เหมือนกันโชคดีที่อดทนมากพอ และคนที่รักยังรักอยู่เสมอ

มันสอนใจคนอ่านมากเลยนะ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ความมั่นคงระหว่างคนรัก
การเลือกที่จะรักแบบไม่ลุ่มหลง

อ่านแล้วก็หลงรักตัวละคร ไม่ใช่เพราะว่าดีอย่างเดียวแต่ต้นมีสติตลอด
ทั้งที่อาจจะตัดสินใจผิดพลาดได้ แต่ต้นเลือกที่จะคิดเสมอทำให้ไม่หลงทาง
อยากเห็นคนที่มีความรักเป็นแบบต้นมากๆ จะได้ไม่เจ็บปวดกับรักที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้า
เพราะตัวอย่างที่ตรงข้ามกันก็คือนา ไขว่คว้าจนสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2012 21:05:52
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  เรื่องหน้าขอแบบเบาๆบ้างนะ  ดราม่ามาสองเรื่องแล้ว
อ่านไปอินไป  บีบหัวใจเป็นช่วงๆอีก  ชอบคิดว่าตัวเองเป้นตัวเอกอยู่เรื่อย  อิ อิ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 06-07-2012 21:13:04
 :mc4: เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็จบแล้วจะได้อ่านสักทีหลังจากหยุดอ่านไปเพราะทนความหน้าด้านยัยนาไม่ไหว ทำตัวเองแล้วยังสะเออะไปโทษคนอื่นอีกไม่สงสารหรอกเรามันพวกอาฆาตแค้นนิสัยเหมือนตัวร้ายในนิยาย ฮ่าๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: llihc_mrr ที่ 06-07-2012 21:57:58
เย้ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง : )
ขอบคุณคนเขียนมากนะครับ ที่เขียนเรื่องดีๆ แบบนี้ให้อ่าน
ชื่นชมความสามารถในการแต่งมากครับ อ่านแล้วอินกับตัวละครมาก
เรียกได้ว่าปวดจิต ปวดตับ ปวดไส้กันสุดๆ เลย
ถ้ามีเขียนเรื่องต่อไป ขอแนวน่ารัก ใสๆ หน่อยนะครับ
จัดเต็มมาม่าสองเรื่องเลย แบบว่าไม่ไหว 5555
<3 <3
:catrun:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-07-2012 21:58:46
สนุกและขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ ไอ้เรื่องบีบคั้นหัวใจไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ อิฉันมันเป็นประเภทภูมิคุ้มกันสูง จะเป็นก็แต่กิเลศหนา อยากจะรู้ตอนต่อไปมากว่า ว่าทำไมอะไร ต่อ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 06-07-2012 21:59:44
เพราะอะไร เรียกอีกอย่างว่า ความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นเรื่องธรรมชาติสามัญของมนุษย์ ระริกระรี้เต้นเร่า อยากจะอ่านตอนต่อไปเรื่อย ๆ อยู่เสมอ  ขอบคุณอีกครั้งที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: tekeela ที่ 06-07-2012 22:19:49
มีความสุขกับเค้าซะทีต้น สน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 06-07-2012 22:21:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 06-07-2012 23:20:33
Happy ending แล้ว ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
จะคอยติดตามผลงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 06-07-2012 23:46:39
ในที่สุด สนกับต้นก็สมหวังเสียที ผ่านเรื่องราวอุปสรรคมากมายเหลือเกิน กว่าจะถึงวันนี้
ชอบฉากกุ๊กกิ๊กที่สนชวนต้นมาอยู่ด้วย หวานและน่ารักมากๆเลยค่ะ อ่านวนอยู่หลายรอบมาก :myeye: :myeye: :myeye:
สมกับเป็นของหวานปิดท้าย...ที่รอคอยจริงๆค่ะ นั่งอ่านไป อมยิ้มไป กัดหมอนไป เขินไปกับต้น :o8: :-[ :impress2:

ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้  :pig4: :pig4:
เวอร์ชันนี้ละมุนขึ้น ดราม่ามากขึ้น แต่ก็หวานกันมากขึ้นด้วย
มันเข้มข้นไปหมดทุกรส อ่านแล้วอินมาก.....ชอบมากๆค่ะ

+1 เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (06-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 07-07-2012 00:01:34
ขอบคุณค่ะ สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยดี
อยากอ่านตอนพิเศษจังเลยยยย ❤❤

 :L2:
อยากรู้ว่าจะมีเรื่องของพี่แทนกะแฟนที่คนที่พี่แทนรู้สึกผิดไหมม
อยากอ่านจัง :)
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (07-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 07-07-2012 10:15:03
สนก็ได้คู่กับต้นแล้ว  ต้องยกความดีให้ต้นนะ เพราะต้นมีความรักที่ดี เสียสละ มั่นคง และยินดีที่จะรอคอย

แม้ไม่รู้ว่าจะได้มารึเปล่า   ส่วนสนอย่างน้อยก็รู้จักแก้ไขปัญหาแม้จะผิดพลาดไป  แต่ก็ยังรู้ใจตัวเองซะที

 :pig4: :กอด1: คุณsarawatta ที่แต่งนิยายดีๆ ครบรส ให้ข้อคิด และ ตัวละครมีมิติมีความเป็นมนุษย์ที่เป็น

อย่างนี้จริงๆ  ไม่ใช่ว่าพระเอกจะต้องเลิศเลอ perfect  เพราะทุกคนก็ต้องมีข้อผิดพลาดกันอยู่แล้ว 

ส่วนต้น บางคนอาจจะคิดว่าน่าจะมีคนอื่นซะ เพราะดูท่าจะผิดหวังและไม่น่าจมอยู่กับสนที่ทำให้ต้องเสียใจ(เราก็คิดอย่างนััน)  แต่ก็เพราะรัก (ที่มั่นคง) ในที่สุดต้นก็สมหวัง 

เป็นนิยายที่เต็มจริงๆค่ะ   o13 ต้องชื่นชมคุณ sarawatta :pig4: ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ดีจริงๆ 

จะรอผลงานชิ้นต่อๆไปนะค่ะ  :กอด1: :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (07-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-07-2012 12:33:10
อ่านรวดเดียวจบเลยไม่ค่อยได้อ่านเม้นท์หรือเม้นท์เองเท่าไหร่
ขอขอบคุณกับเรื่องราวที่ทั้งอบอุ่น ร้อนแรง แสบสันต์ แสนเศร้าเป็นครั้งคราว ของต้น-สน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ ตอนที่ 38 ¤ รักจะนำทางเราไป (07-07-2012) ░ ▒ ▓ - ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 07-07-2012 19:49:12
ก่อนที่จะปิดเรื่องนี้และย้ายไปห้องนิยายที่โพสต์จบแล้ว จะขอปิดท้ายหน่อยนะครับ

จะว่าไปแล้วก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันที่เผลอลบเวอร์ชั่นเดิมออกไปโดยบังเอิญ เลยทำให้ต้องเอามาลงใหม่
แล้วก็ถือโอกาสปรับเรื่องใหม่ไปในตัว พร้อมกับถือโอกาสนำเอาคำถามหนึ่งที่คนอ่านท่านหนึ่งได้ถามไว้มาคิดต่อ
เขาเล่าให้ฟังว่าชีวิตเขาคล้ายต้นกับสนมาก แต่ก็แต่งงานและมีลูกไปแล้ว เขาอยากให้สนกับนามีลูกด้วยกัน
เขาอยากรู้ว่าแล้วมันพอจะมีทางออกไหม บอกตรงๆ ว่า...ผมก็กลัวเหมือนกันที่จะเดินเรื่องมาทางนี้
ตอนแรกทางออกที่พอคิดได้ก็คือ...สนกับนาเลิกกันแล้วผลัดกันเลี้ยงลูก ผมก็ว่าดีเหมือนกัน แต่ก็ดูธรรมดาไป
แต่พอเขียนๆ ไปแล้วเหมือนเนื้อเรื่องมันแรงขึ้น จนผมคิดว่ามันน่าจะมาทางนี้ได้ ก็เลยให้นาทนไม่ไหวแล้วก็ไปทำแท้ง
จริงๆ ไม่ชอบเขียนเรื่องพวกนี้เลยครับ แต่มันแค่มีเหตุผลสนับสนุนที่เป็นไปได้ ก็เลยตัดสินใจเลือกทางนี้

ส่วนตอนจบ เกือบจะไม่สมหวังแล้วครับ ผมก็คิดอยู่หลายรอบว่าจะเอาแบบไหน ระหว่าง....
ให้สนบวชไม่สึก (เหมือนกับพระเจสัน ยัง ตอนนี้) กับให้สนกลับมาหาต้นเหมือนเดิม
มันก็เป็นไปได้ทั้สองอย่าง แต่ความสมเหตุสมผลน่าจะอยู่ที่อย่างหลังมากกว่า เพราะสนยังไม่ได้ปลงถึงขนาดนั้น
ก็เลยตัดสินใจเอาแบบหลังแทน

เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกที่เขียนครับ ได้แรงบันดาลใจที่จะเขียนเมื่อปีหรือสองปีกว่าๆ ที่แล้ว
อยากเขียนเรื่องราวความรักที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำทำให้ใครอีกคนเสียใจ
ส่วนอีกคนก็มีน้ำอดน้ำทน เสียใจแค่ไหนก็ยังมั่นคงและแสดงให้เขาเห็นความมั่นคงและความรักนั้น
ให้มันรู้กันไปว่า...ทำดีด้วยขนาดนี้แล้ว คนมันจะใจอ่อนได้ไหม

ได้ฉากที่นครปฐมมาเนื่องจากมีอยู่วันหนึ่งไปทำธุระแถวนั้น ขากลับอยู่ดีๆ คนขับก็พาเปลี่ยนเส้นทาง
วิ่งลัดเลาะมาตามคลองส่งน้ำ ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าอยากให้ชีวิตในวัยเด็กของต้นกับสนอยู่ที่นี่
ชื่อต้นสนนั้นมาจากบังเอิญนั่งรถไปทางฉะเชิงเทรา เส้นสุวินทวงศ์ บังเอิญเห็นทิวต้นสนอยู่ไกลๆ ช่วงสิ้นสุดเขตกรุงเทพพอดี
ก็เลยได้ชื่อนี้มา จากนั้นผมก็ใช้เวลาวางพล็อตเรื่องอยู่นานพอสมควร ประมาณเกือบปีได้ครับ แล้วก็เอาไปลงอีกที่หนึ่ง
แต่ก็ปรับไปสามรอบได้ พอเอามาลงที่นี่ก็ปรับอีกรอบ พอหายไปแล้วเอามาเขียนใหม่ก็ปรับอีกรอบ
สรุปแล้วเรื่องนี้ปรับบ่อยมาก เพราะเป็นเรื่องแรกก็เลยอยากให้เราพอใจที่สุดครับ
จบเรื่องนี้แล้วถึงได้วางพล็อตเรื่องใหม่ ก็ใช้เวลาอีกเป็นปีเหมือนกันครับ จนได้รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตมา
ก็เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากทีเดียว

เรื่องต่อไป ถามว่าจะมีดราม่าไหม ถ้าจะไม่มีเลยก็คงเป็นชีวิตที่แปลกดีครับ ก็คงต้องมีบ้าง
แต่อาจจะเปลี่ยนแนวไปเขียนแบบอื่น ตอนนี้เริ่มมีพล็อตมาบ้างแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเป็นปีอีกหรือเปล่า
จริงๆ อยากจะลองเขียนแบบเรื่อง "คำพิพากษา" ของชาติ กอบจิตติบ้าง ในเรื่องต้นสน ผมแอบเอาปัญหาสังคมบางอย่างเข้ามาสอดแทรกไว้ บางทีก็อยากเขียนเรื่องที่หนักแบบนี้ไปเลย แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า

ขอบคุณทุกๆ คนอีกครั้ง แล้วพบกันเมื่อชาติต้องการครับ

Will come back when the nation wants me krab. 555555 :m20:

 :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ต้นสน∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓รอย้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 07-07-2012 20:55:47
ตอนท้ายเรื่องชอบฉากกุ๊กกิ๊กๆ (ที่ไม่มีเอ็นซี)ของต้นกับสนที่คุณ Sarawatta แต่งมากเลยค่ะ น่ารักดี อ่านแล้วรู้สึกตาม :m1:
หากเป็นไปได้ อยากอ่านแนวเบาๆกุ๊กกิ๊กๆ (อาจมีมาม่าชามน้อยๆด้วยก็ได้นะคะ)จากคุณ  Sarawatta  บ้างน่ะค่ะ
ชอบในสำนวนการเขียน ภาษาที่สละสลวย และการวางโครงเรื่องโดยรวม

แล้วยังไง จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ต้นสน∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓รอย้าย
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-07-2012 21:12:23
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ต้นสน∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓รอย้าย
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 07-07-2012 23:24:22
ชอบนิยายเรื่องนี้มากอ่านไปนำ้ตาไหลไป
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 08-07-2012 10:43:17
2 คนฝ่าฟันมาจนได้รักกัน และได้อยู่คู่กันแล้ว  :z2:

ไม่อยากให้จบเลย  มันติดแบบว่าอ่านแล้วก็ลุ้นไปเรื่อยๆคะ ทั้งซึ้ง เศร้า อึนๆ  แล้วก็ประทับใจด้วย

 :pig4: ผู้แต่ง  ที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน เขียนได้น่าติดตาม ได้อารมณ์ ได้ใจเรามากเลย o13

เห็นผู้แต่งใช้เวลาแต่งเยอะ นับถือค่ะ เพราะเขียนได้ละเมียดละมัย  ให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วม รู้สึกไปกับตัว

ละครจริงๆ   งัยก็ขอให้ผู้แต่งมีงานแต่งดีๆ ออกมาอีกตลอดๆนะ จะรอติดตามค่ะ  แล้วก็จะแวะเวียน

กลับมาอ่านอีกครั้ง ทั้ง ทิว บูม และ ต้น สน  นะค่ะ   

ก็ขอให้ผู้แต่ง มีความสุข ทำผลงานดีๆ มาให้ชื่นชมอีกนะค่ะ :pig4: :L2: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2012 11:47:20
ชอบๆ :3123:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-07-2012 22:55:30
จบแล้ว รักกันๆ :กอด1:

เริ่มอ่านตอนที่เขียนได้ 33 ตอนอ่าครับ แล้วก็อ่านมาเรื่อยๆ (ละเลียดมากอะผม) จนจนในวันนี้พอดี

ผมดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้นะครับ ติดใจตั้งแต่บูมกับทิวแล้วหล่ะก็เลยตามมาอ่านเรื่องนี้

แล้วก่อนหน้านี้ผมได้ส่ง PM ไปด้วยนะครับ  :-[

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่น่ารักๆนี้ด้วยนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 09-07-2012 11:46:27
ขอบคุณที่แต่งนิยาย ที่อ่านแล้วรู้สึกว่า มันมีทุกซีนอารมณ์
ทุกตัวละครดำเนิน เหมือนชีวิตจริงคนคนหนึ่ง ของคุณSarawattaค่ะ
ปล.ช่วงนี้งานยุ่งมากค่ะ เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน แต่พอจบแบบนี้ดีมากเลย+1
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 09-07-2012 11:50:18
อ่านรวดเดียวจบ เป็นเรื่องที่ดีมากครับ หลากอารมณ์มากมาย

รู้สึกเสียดายที่เห็นแล้วไม่อ่านแต่แรก แต่อ่านตอนนี้ก็รู้สึกเต็มอิ่ม

อิ่มความรักที่มีแต่ให้ของต้น

อิ่มความรักของสนที่สุดท้ายก็ทำให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้  :pig4:

สุดท้าย ขอบคุณคนเขียนมากนะครับที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 11-07-2012 14:24:36
ขอบคุณครับ ตามมาอ่านจากเรื่องที่แล้ว อ่านสองวันจบ มาราธอนมาก
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: nongnette ที่ 12-07-2012 22:42:49
 :pig4: เคยมั้ยที่อ่านนิยาย ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาออกมาแล้ว เรื่องนี้ทำให้เราเป็นแบบนั้น แม้จะเดาได้ว่า Happy Ending แน่นอน แต่ก็มีอารมณ์คล้อยตามอย่างบอกไม่ถูก การใช้ภาษาต้องใช้คำว่าเป็นเลิศจริงๆ คำผิด หาไม่ได้ อ่านแล้วสบายตาและอารมณ์ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 13-07-2012 09:34:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 13-07-2012 19:36:54

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


วันนี้วันศุกร์สุดสัปดาห์ มีเวลาอ่านได้แค่ตอนจบเท่านั้นเอง หวังว่าคุณผู้เขียนคงไม่น้อยใจกันไปก่อนนะค่ะ T T

ไม่ได้เข้ามาอ่าน+เม้นเลย อ่านตอนจบแล้ว ต้นสนหวานแหววกันมาก  :oo1: :oo1: :oo1: อ่านผ่านๆแล้ว นาเอาลูกออก?

จิตใจดำมากเลยอะ เศร้าโหว่งๆพิกลเลย แต่จบได้ดีแล้วก็น่าประทับใจมากเลยค่ะ พ่อแม่เข้าใจทั้งสองฝ่าย

ต้นและสนเองก็ไม่ได้เป็นคู่รักที่หวือหวาอะไรมากกกว่าจะรู้ใจกันนี่ก็ทำเอาคนอ่านลุ้นตัวโก่ง -- สนโดนด่าไปเยอะเลยทีเดียว

555+ แต่สำหรับเราสนเป็นพระเอกในดวงใจเลยนะ โง่ๆดีชอบ :P ต้นก็เป็นนายเอกที่มีความอดทนสูงมากเลย

จิตใจดีแถมอ่อนโยนอีก <แต่แอบร้อนแรงนะเนี่ย  :haun4: :haun4: :haun4:> 555 ความแตกต่างของเวอร์ชั่นนี้กับรุ่นก่อนหน้า

ที่เรายังอ่านไม่จบ : ( รู้สึกว่าเวอร์ชั่นนี้เหมือนสนเล่าเองเลย แสดงออกถึงความบื่อและซื่ออย่างรุนแรง

เวอร์ชั่นก่อนหน้า เหมือนต้นเป็นคนเล่าเนอะ สนคิดไร ทำอะไร เรายังงงๆกับมันเลย เท่าที่จำได้ - - เหมือนได้อ่านต้นสนสองภาค

ยังไงอย่างนั้น ชอบสุดๆ  อ่านได้ไม่เบื่อ ต้นเองก็ไม่ได้เป็นนายเอกในนิยายทั่วๆไปที่ ใสซื่อ ตัวเล็ก ปากแดง ขี้น้ำตา

น่าสงสาร ในแบบที่เราชอบอ่าน แต่เป็นตัวละครอีกตัวที่เหมือนกระดาษ ไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรอยู่ในตัว เป็นเหมือนผู้ที่ยอม

เสียสละให้คนอื่นได้มีความสุขก่อนอยู่เสมอ คนอย่างต้น ใครอยู่ใกล้ก็ต้องตกหลุมรักเป็นธรรมดาเนอะสนเนอะ

อยากให้คู่รักคู่นี้เค้ามีอยู่จริงในโลกจัง พร้อมที่จะให้อภัยและโอกาส ฝ่าฝัน อุปสรรคทุกสิ่งไปด้วยกัน

เวอร์ชั่นนี้สนโดนหนักสุดๆแล้ว เหมือนโดนแก้แค้นเลย :m14: :m14: :m14: สมน้ำหน้ามันอะ ขอสารภาพว่าเรื่องนี้

แจงอ่านแล้วหื่นสุดๆ = = ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องแนวดรา่ม่าโรแมนติก<?> แจงก็มั่วไปแหละ แนวไหนก็ช่าง แจงวาดเอ็นซีของ

คู่นี้จิ้นเองในหัวรีบร้อยล่ะ  รู้สึกว่าสนจะอ่อนโย๊น อ่อนโยนไปนะ อยากให้สนโหดกับต้นบ้าง  :jul1: :jul1: :jul1:


อย่าไปฟังแจงพล่ามเยอะ เม้นมายืดดดและยาวมาก มีสาระไรบ้างเนี่ย ชอบเม้นยาวๆแบบวนไปวนมา -_- คิดไรได้ก็เม้นไปเรื่อย

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด แจงขอเป็นแฟนคลับติดตามนิยายก็พี่ Sarawatta ไปเรื่อยๆนะคะ ชอบนิยายทุกเรื่องที่มีโอกาสได้อ่านเลย

บีบหัวใจดี แถมเรื่องพล๊อตก็ไม่ได้ยุ่งยากมากความ แต่มันชอบอะ อ่านได้เรื่อยๆเลยทีเดียว ตัวละครทุกเรื่องทุกตอน มีความอ่อน

โยนในแบบฉบับของตัวเอง และหวังว่าอนาคตจะมีนิยายสนุกๆได้อ่านต่อไปอีกนะคะ ^_^ อยากอ่านนิยายสไตล์ Sarawatta

ไปเรื่อยๆอีกจัง  :L2: :L2: :L2:

แล้วก็ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ส่งข้อความลับมาบอก  :haun5: :haun5: :haun5:

เห็นว่าอัพแล้ว แต่ต้องข่มใจงดอ่านนิยาย เพราะการบ้าน สอบย่อยมันเยอะมาก อ่านหนังสือมันแทบทุกวัน+++

แล้วก็สารภาพผิดที่ไม่ได้อ่านทุกตอนก่อนหน้า และเม้นให้เป็นประจำด้วยนะค่ะ ขอบโทษจริงๆค่ะ ว่างเมื่อไหร่จะแวะมาอ่านอีก

รอบ เพราะยังค้างเรื่องชะนีนากับพี่ทดแทนที่รักอยู่  :o8: :o8: :o8:  เดี๋ยวว่างๆแจงจะมาเม้นเพิ่มอีกนะ

ขอโทษจริงๆนะค่ะ รู้สึกผิดจัง  :impress: :impress: :impress:

+ 1 ค่ะ >.<  o3 o3 o3








:::::::::::::::::::::: อ้อ !!! แวะมาบอกว่า อยากอ่านตอนพิเศษ อีกนะ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 14-07-2012 16:25:43
 o13 o13 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆๆค่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 14-07-2012 17:27:58
อ่านๆไปก็...จะดราม่าไปหน๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กร๊ากกกก

สนุกมากค่ะ เขียนดีนะ^^
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 14-07-2012 21:53:53


ชอบเรื่องนี้มาก...สนุกจริงๆ  o13

กว่าจะรักกันได้... :o12: :sad4:

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 16-07-2012 02:37:58
สนุกมากครับ แต่งเรื่องดี ๆมาให้อ่านอีกนะครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 22-07-2012 22:20:20
คิดว่าโดยส่วนตัวแล้วผมคงไม่ได้มีโอกาสได้ทำรวมเล่มนิยายของตัวเอง
แต่ก็อยากจะทำเป็นรูปแบบให้คนที่เคยอ่านสามารถเก็บไว้อ่านทีหลังได้
ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาทำเป็น HTML ไฟล์ครับ สามารถเปิดอ่านด้วยบราวเซอร์ได้เลย
ทำให้ผ่านมาตรฐาน XHTML 1.1 ของ W3C ด้วยครับ

แตกไฟล์ ต้นสน.rar ด้วย WinRar จากนั้นก็
เปิดไฟล์ที่ชื่อ index.html นะครับ จะเห็นลิงค์ของทุกตอนในหน้าสารบาญ
เมื่อกดอ่านแล้วให้กดปุ่ม back ของบราวเซอร์เพื่อกลับมาหน้าหลัก
พยายามอย่าลบหรือเปลี่ยนชื่อไฟล์อย่างเด็ดขาดนะครับ

ดาวน์โหลดได้ที่ (ลิงค์ใหม่) ต้นสน-มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=35BA1325D1N4NY3X8YH4NBJH3ZKYCR)

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคนที่มาติดตามอ่านนะครับ ไว้เจอกันอีกครั้งในเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 23-07-2012 11:01:01
^

^

^

^


ขอบคุณผู้แต่ง :pig4: มากกกกกกกค่ะ  อุตส่าห์ใจดีทำไฟล์ให้ได้อ่านกัน แถมยังสะดวกเป็นสารบัญ

ทำให้อ่านได้ง่ายขึ้น  ไป load มาอ่านแล้วนะค่ะ   รอผลงานชิ้นต่อไปอยู่นะค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 26-07-2012 20:19:58
 :pig4:  :pig4: :pig4:
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่ ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 30-08-2012 18:30:56
โอ้ว มีการทำออกมาเป็นไฟล์ให้อ่านได้ง่ายๆอีกด้วย ขอบคุณมากครับที่เขียนนิยายดีๆออกมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ - Coming soon!) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 17-09-2012 07:34:47
ผมจำได้ว่าเคยบอกไว้ว่าจะไม่มีตอนพิเศษให้กับทุกเรื่องที่ตัวเองเขียน
มีความรู้สึกว่าอยากให้มันจบไปเลย เหมือนละครที่จบแล้วก็จบไป
แต่...ผมก็รู้สึกว่าผมลืมเขียนเล่าถึงตอนที่สนแอบคบต้นเป็นแฟน (ช่วงปีสี่ของการเรียน)
ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องตรงช่วงนี้ขึ้นมาบ้าง พอดีกับที่ไปเห็นอะไรน่ารักๆ เข้า
ผมแชร์ไว้ที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34799.0
ก็เลยยิ่งทำให้อยากเขียนตอนพิเศษของเรื่องนี้ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจแล้วครับว่าจะเขียน

ส่วนใครที่รอเรื่องใหม่ของผม อีกไม่นานนี้ครับ ได้ชื่อเรื่องแล้วครับ ดัดแปลงมาจากประสบการณ์จริงของตัวเองเลย
"อัปไลน์ที่รัก" รอติดตามนะครับ ที่นี่........... เร็วๆ นี้

ป.ล.
ไม่รู้จะมีใครได้แวะมาอ่านไหม แต่จะพยายามแจ้งไปทาง P.M. นะครับ

----------------------------------------------------------------

ต้นสน: ตอนพิเศษ (ไม่ต้องรู้ว่าเรารักกันแบบไหน)

(http://i1.picxy.com/Al/6446_Image.png)

เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ พร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อของต้นซ้ำๆ ทำให้ต้นต้องรีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว กำลังชั่งใจว่าจะใส่เสื้อก่อนดีไหมแต่เสียงเคาะและเสียงเรียกที่ไม่ยอมหยุดนั้นทำให้ต้นตัดสินใจรีบเดินไปเปิดประตู

"ต้น ต้น ต้น เรากลับมาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย ต้น ต้น อยู่หรือเปล่า เปิดประตูให้เราหน่อย" สนร้องเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องของต้นไปด้วย ไม่ได้เคาะหรือเรียกเสียงดังมาก แต่น้ำเสียงก็ดูเร่งเร้าอยู่ไม่น้อย

พอต้นเปิดประตูออกมาเท่านั้น สนก็ยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ

"คิดถึงต้น...ไม่ได้เจอตั้งหลายวันเลย ขอกอดหน่อย" สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้าไปกอดต้นที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ไม่ใช่อะไร ต้นยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย เวลาสนมากอดเขาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

พอสนกอดจนหนำใจแล้วต้นก็เลยถาม "ทำไมรีบมาล่ะ"

"ก็รีบมาหานายไง เรานั่งนับวันนับคืนจะได้กลับเร็วๆ มาเจอนายรู้หรือเปล่า เนี่ย...พอลงจากรถทัวร์นะ เราก็รีบขึ้นแท็กซี่กลับมาเลย กลัวนายจะไปข้างนอกซะก่อน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ของก็ยังไม่ได้เอาไปเก็บเลยเห็นไหมเนี่ย" สนบอกพลางชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาวางไว้ข้างประตูห้องของต้น

ต้นมองตามแล้วก็ขำ "ไปแค่ไม่ถึงอาทิตย์เอง คิดถึงขนาดนี้เลยเหรอ"

"ก็ใช่สิ...นายไม่คิดถึงเราหรือไง"

พอสนถามกลับมาแบบนั้นต้นก็หยุดคิดพร้อมกับมองหน้าสนเหมือนกับไม่รู้จะตอบยังไง ช่วงหลังๆ มานี้สนทำตัวแปลกๆ กับเขาหลายอย่างมาก จนต้นอดสงสัยไม่ได้ว่าสนคิดอะไรกับเขากันแน่

"คิดถึงสิ" ต้นตอบสั้นๆ พลางยิ้มน้อยๆ

"แล้วนี่นายจะไปไหนหรือเปล่า" สนสงสัย

"อืม...ไปบ้านเพื่อน พอดีจะไปช่วยมันทำงานส่งอาจารย์น่ะ"

"เราไปด้วยได้ไหม" สนรีบถามกลับมาแทบจะทันทีที่ต้นพูดจบ

"อย่าเลย...นายเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เราไปนานนะ อาจจะทำงานจนดึกเลย นายพักก่อนดีกว่า" ต้นบอกอย่างหวังดี

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ไปดูแลนายไง เผื่อใครมารังแกนาย"

"ไม่มีใครเขารังแกเราหรอก ในคณะเราไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเราอยู่แล้ว"

"นายเดินทางไปคนเดียวก็เหงาแย่สิ ไม่เป็นไรให้เราไปเป็นเพื่อนเถอะ...นะ" สนยังไม่ลดละ

ต้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย แม้ว่าจะเกรงใจสนที่เพิ่งจะกลับมาจากไปทำกิจกรรมกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดมา แต่พอเห็นสนตั้งใจแบบนี้ ต้นก็คงจะไม่กล้าขัด ทำไมสนถึงอยากไปเป็นเพื่อนกับเขาขนาดนี้นะ จริงๆ ไม่ต้องไปก็ได้ เมื่อก่อนสนก็ไม่เห็นไปด้วยเลย สนไม่ค่อยสนิทกับกลุ่มเพื่อนๆ ของต้นเท่าไร เขาก็ไม่รู้ว่าสนจะเบื่อหรือเปล่าที่ไม่รู้จักใคร แถมต้นยังต้องทำงานกับเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้มีเวลามาคุยกับสนมากนักเสียด้วย

ต้นพยักหน้าตกลง "ตามใจละกัน ถ้านายไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่เราบอกไว้ก่อนนะว่า...เราอาจจะต้องทำงานกับเพื่อนๆ เราคงไม่ค่อยได้คุยกับนายแน่ๆ เลย เรากลัวนายจะเบื่อเสียก่อน"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็หาอะไรทำได้เองแหละน่า เดี๋ยวทำอาหารเที่ยงให้กินด้วย ดีไหม"

ต้นพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม

"เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะแป๊บนึง นายรอเราด้วยนะ" สนบอกแล้วทำท่าจะวิ่งออกไป แล้วก็หยุดหันมาถาม "แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ ไปไหนซะล่ะวันนี้"

"อ๋อ...กลับบ้านทั้งคู่เลย กลับมาเย็นวันจันทร์โน่นมั้ง" ต้นตอบไป

"ใช้ไม่ได้เลยนะไอ้สองคนนี้ ปล่อยให้นายอยู่คนเดียว เดี๋ยวกลับมาจะเล่นงานทั้งสองคนเลย" สนว่าอย่างไม่จริงจังนัก "โอเค...เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่นาน ไม่ถึงสิบนาที"

สนบอกแล้วก็เดินมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะผลุนเข้าห้องตัวเองไป ต้นเห็นแล้วก็อดยิ้มและส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชีวิตช่วงนี้ของเขากับสนก็ดูจะมีความสุขมากทีเดียว ยิ่งนับวันสนก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อน คอยดูแลเขาดีเป็นพิเศษจนรู้สึกได้ว่าไม่ใช่แบบที่สนเคยทำให้กับเขามาก่อน มันทำให้ต้นอดที่จะคิดไปในทางนั้นไม่ได้จริงๆ สนกำลังเล่นอะไรของเขาอยู่นะ สนจะรู้ไหมว่าแม้ว่าต้นจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่มันก็มีความทุกข์ด้วยเหมือนกัน ทุกข์ที่ไม่รู้ว่าสนคิดอะไรกับเขากันแน่

---------------------------------------------------------------

ต้นพาสนนั่งแท็กซี่มาถึงบ้านเพื่อนก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้า มีคนอื่นๆ มารอกันอยู่ก่อนแล้วสามสี่คน ถามไปถามมาก็ได้ความว่าต้นมาถึงเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ยังมาทันเวลาที่นัดไว้พอดี แต่พอทุกคนเห็นว่าต้นมากับใครต่างก็ทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย จริงๆ หลายคนก็รู้จักสนอยู่บ้างแล้ว แม้จะไม่สนิทแต่ก็รู้ว่าสนเป็นเพื่อนที่สนิทมากของต้น

"อ๋อ...วันนี้สนเขาอยากมาด้วย มาช่วยทำอะไรอร่อยๆ ให้พวกมึงกินด้วย" ต้นบอกเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนๆ แต่ละคนที่มองมาด้วยความสงสัย เพื่อนๆ ของต้นก็ร้องอ๋อ

แต่ก่อนจะลงมือทำงานกัน "เต้" หรือเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้านก็พาต้นกับสนไปไหว้พ่อกับแม่ที่นั่งดูทีวีด้วยกันอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน พร้อมกับขออนุญาตให้สนใช้ครัวทำอาหารให้เพื่อนๆ กินกันด้วย ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะทำสีหน้าแปลกใจปนทึ่งนิดๆ แต่ก็อนุญาตแต่โดยดี

จากนั้นต้นกับเพื่อนๆ จึงได้ลงมือกันทำงาน ส่วนสนก็วิ่งเข้าครัวไป มีแม่ของเพื่อนต้นตามเข้าไปด้วยเพราะความอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มอย่างสนทำไมถึงสนใจทำอาหาร ลูกสาวของบ้านนี้เองสอนเท่าไรก็ยังไม่เห็นอยากทำเลย

แม่ของเต้เห็นสนทำอาหารอย่างคล่องแคล่วว่องไวก็เอ่ยปากชม ไม่เท่านั้นยังไปตามน้องสาวของเต้ที่นอนดูทีวีอยู่ข้างบนลงมาช่วยเป็นลูกมือของสนด้วย ตอนแรกเธอก็อิดออด แต่พอเห็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีอย่างสน เต้ยซึ่งเป็นน้องสาวของเต้ก็ดูเหมือนจะเต็มใจช่วยมากขึ้น สนบอกให้ช่วยทำอะไรก็ไม่ขัดแม้แต่น้อย แถมยังขอให้สนช่วยสอนเธอทำอาหารอีก สนก็ยินดีสอนให้ด้วยความเต็มใจ

ด้วยเหตุนี้ ในช่วงกินข้าวกลางวัน เต้ยจึงดูตื่นเต้นกับอาหารที่เธอช่วยสนทำมากเป็นพิเศษ เต้ยอวดเพื่อนๆ ของพี่ชายและพ่อกับแม่อย่างภาคภูมิใจ ใครๆ เห็นก็ต้องรู้ว่าเธอปลื้มสนมากแค่ไหน

"เนี่ยพี่เต้เห็นไหม เต้ยทำอาหารเป็นตั้งหลายอย่างแล้วนะ พี่สนเก่งมากเลย สอนเก่งด้วย" เต้ยเล่าด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองสนอย่างชื่นชม

"อะไรยัยเต้ย เมื่อก่อนพี่ไม่เห็นเราชอบเข้าครัวเลย แม่สอนก็ไม่ยอมทำ พอมีหนุ่มๆ มาสอนกลับไม่บ่นสักคำเลยนะ" เต้แซวน้องสาวเล่น แต่นั่นก็ทำให้ต้นรู้สึกแปลกๆ ได้เหมือนกัน เต้ยแสดงออกว่าปลื้มสนมากทีเดียว สนเองก็ยิ้มไม่หุบ

"ก็แม่สอนไม่สนุกนี่" เต้ยตอบเสียงอ่อยๆ แล้วก็ยิ้มร่า "แต่ถ้าได้เรียนทำอาหารกับพี่สนบ่อยๆ นะ เต้ยต้องทำอาหารเก่งแน่ๆ เลย ต่อไปจะได้ทำให้ทุกคนในบ้านทานไง ดีไหมคะคุณแม่"

คุณแม่ของเต้ยยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร

"วันหลังพี่สนมาที่นี่อีกนะคะ เต้ยจะได้เรียนทำอาหารด้วย พี่สนสอนสนุกดีค่ะ ขนาดเต้ยไม่ชอบทำอาหารนะคะ วันนี้ยังทำได้ตั้งหลายอย่างแน่ะ" สาวน้อยหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ตัวเองเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่ก็ถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสนิทสนมมากทีเดียว

"ครับ ถ้ามีโอกาส" สนตอบพลางยิ้ม แต่ก็แอบชำเลืองมองต้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าต้นจะคิดอะไรหรือเปล่า แต่ก็ดูเงียบๆ ไปเหมือนกัน คงจะคิดน้อยใจไปใหญ่แล้วแน่ๆ เลย

แน่ล่ะ ต้นย่อมคิดอะไรบางอย่างในใจแน่นอน ที่ต้นเคยเข้าใจว่าสนอาจจะคิดอะไรบางอย่างที่พิเศษกับเขา พอมาวันนี้ต้นก็ชักไม่มั่นใจอีกแล้ว ยังไงๆ สนก็คงเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาก็คงต้องชอบสาวๆ อย่างน้องเต้ยมากกว่าต้นแน่นอน ฟุ้งซ่านมาอยู่ได้ตั้งนานนะต้น ก็คงต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที

"ต้น กินนี่สิ เรารู้ว่านายชอบ"

เสียงพูดของสนพร้อมกับอาหารที่ตักใส่ลงมาในจานของต้นทำให้ต้นค่อยๆ ตื่นจากความคิดดังกล่าว ต้นหันไปยิ้มกับเพื่อนจางๆ ปนเศร้านิดๆ แล้วก็หันมาตักอาหารที่สนตักมาให้เข้าปาก คงไม่มีอะไรหรอก สนก็คงแค่ดูแลเขาตามประสาที่เป็นเพื่อนกันมานั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่ต้นสงสัยแล้วล่ะ ต้นคิดในใจ

---------------------------------------------------

ตกบ่าย ต้นกับเพื่อนๆ ก็ยังคงทำงานกันต่อ สนเดินเข้ามาคุยด้วยบ้าง ไปหาหนังสืออ่านเล่นบ้าง ดีที่ว่าเต้ยออกไปธุระกับเพื่อนที่เธอนัดไว้ข้างนอก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงต้องนั่งคุยกับเธอไม่เลิกเป็นแน่

"ทำไมไอ้สนมันเงียบๆ ไปวะต้น" เต้เอ่ยขึ้นในช่วงหนึ่งของการนั่งทำงาน

ต้นหันไปมองตรงโซฟาที่เห็นสนนั่งอ่านหนังสือเมื่อสักครู่นี้ ไม่เห็นสนแล้ว

"เดี๋ยวเราไปดูเอง" ต้นบอก แล้วก็ลุกเดินออกไปตรงโซฟา

แล้วก็ได้เห็นว่าเพื่อนที่แสนรักของเขานอนหลับไปแล้ว สนคงจะเหนื่อยนั่นเอง ตอนที่อยู่บนรถทัวร์สนก็นอนแบบหลับๆ ตื่นๆ แถมตอนเช้าต้นบอกให้พักก็ยังไม่ยอมพัก ยังอุตส่าห์ตามมาเป็นเพื่อนต้นจนได้

ต้นแอบยิ้มอย่างเอ็นดู เหนื่อยขนาดนี้สนก็ยังอุตส่าห์จะตามมาคอยดูแล ตอนที่เดินทางมาสนก็ช่วยถือของให้ทั้งหมด ต้นจะถือเองเขาก็ไม่ยอม จัดการเรียกแท็กซี่ให้เสร็จสรรพ ต้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าอุ้มได้สนก็คงจะอุ้มไม่ให้ต้นเดินแล้วล่ะ แต่พอถึงตอนนี้ก็หมดแรงข้าวต้มเสียแล้วเพื่อนรัก

"หลับไปแล้ว" ต้นหันไปบอกเพื่อนๆ เขาค่อยๆ ก้มลงเก็บหนังสือที่ตกอยู่ข้างตัวสนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ แล้วก็กลับมานั่งทำงานกับเพื่อนตามเดิม

"ไอ้สนนี่ดูมันเป็นห่วงมึงมากเลยนะต้น" เพื่อนคนหนึ่งของต้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ต้นกลับมานั่งทำงานต่อได้สักพัก

ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาจะปฏิเสธเรื่องนี้

"บางทีนะเว้ย พวกกูก็คิดว่ามึงกับไอ้สนเป็นคู่เกย์กันเสียอีกว่ะ" เพื่อนคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นสนุก แต่คนอื่นๆ ก็หัวเราะขบขันกัน ต้นได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เขามักจะโดนเพื่อนล้อเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ต้นก็ไม่เคยโต้ตอบใดๆ

"แล้วนี่มันมีแฟนหรือยังวะ ตอนนั้นที่เห็นมันคั่วกับผู้หญิงรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ ชื่ออะไรนะ...จำไม่ได้ละ เออ...นั่นแหละ ตั้งแต่นั้นมากูก็ยังไม่เห็นมันมีแฟนกับเขาเลยว่ะ พวกมึงสองคนนี่ชักยังไง มึงก็ไม่มีแฟน ไอ้สนก็ไม่มีแฟน เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ" เพื่อนอีกคนแซวขึ้นมาอีก เต้เห็นต้นมีสีหน้าอึดอัดใจก็เลยรีบปราม

"พอแล้วพวกมึง ไอ้ต้นมันอุตส่าห์มาช่วยทำงานแล้วยังมาล้อมันอีก เดี๋ยวก็ให้ทำเองซะเลยนี่"

นั่นแหละจึงทำให้เพื่อนๆ ของต้นหยุดเล่นเรื่องนี้ได้ เต้นับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทและรู้ใจของต้นมากทีเดียว ในคณะที่ต้นเรียนนั้นต้องบอกว่าเต้นี่แหละคือเพื่อนที่ต้นสนิทด้วยมากที่สุด แต่จะว่าไปแล้ว เต้ก็สงสัยในความสัมพันธ์ของต้นกับสนเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม

------------------------------------------------------------------

"สน ตื่นได้แล้ว กลับกันเถอะ"

เสียงเรียกพร้อมกับอะไรบางอย่างที่มาเขย่าแขน ทำให้สนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พอเห็นว่าต้นมานั่งย่อเข่าอยู่ข้างๆ ก็ยิ้ม

"นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ" สนถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย

"เออ เสร็จตั้งนานแล้ว ไอ้ต้นมันไม่อยากปลุกมึงมันก็เลยนั่งคุยเล่นกับกูรอให้มึงตื่น แต่ดูท่ามึงจะไม่ตื่นง่ายๆ ก็เลยให้ไอ้ต้นมาปลุก" เต้บอก

สนได้ยินเสียงอีกคนแล้วก็เลยหันไปมอง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆ แล้วก็ถาม "กี่โมงแล้ว"

"จะทุ่มหนึ่งแล้วล่ะ" ต้นบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน "พอดีเต้เขาจะต้องพาครอบครัวไปบ้านย่า เราก็เลยต้องมาปลุกให้นายตื่น ขอโทษด้วยนะ"

"ขอโทษทำไม เราสิต้องขอโทษนาย ไม่ได้ดูแลนายเลย มัวแต่หลับ" สนรีบบอก

"พวกมึงสองคนนี่คุยกันเพราะเกินไปไหมเนี่ย คุยกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เลยหรือเปล่าวะ" เต้ถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นเพื่อนที่ไหนคุยกันแบบนี้มาก่อนเลย

"เออดิ กูกับต้นก็คุยกันแบบนี้แหละ เดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงก่อนนะ" สนเปลี่ยนเรื่องพูดพลางลุกขึ้น

"เออๆ ตามสบาย ขอโทษด้วยนะเว้ยไม่ได้เลี้ยงข้าวเย็นพวกมึง พอดีต้องไปธุระที่บ้านย่าว่ะ" เต้บอก นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับสนหรอก เพราะพอเขานั่งแท็กซี่ออกมาแล้ว เขาก็ชวนต้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารริมฟุตบาทแห่งหนึ่งที่สนมักจะมากินกับเพื่อนๆ บ่อยๆ

"เรื่องน้องเต้ยน่ะ นายไม่ต้องคิดมากนะ" อยู่ดีๆ สนก็พูดขึ้นมาหลังจากที่กินไปได้สักพัก

ต้นดูจะงงมากทีเดียว เขาต้องคิดทบทวนอยู่เกือบยี่สิบวินาทีจึงได้เข้าใจว่าสนหมายถึงอะไร

"เราก็ไม่ได้คิดอะไรนี่ อีกอย่าง...ถ้านายจะชอบน้องเขาก็เป็นสิทธิ์ของนาย" ต้นบอกพลางยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง

"เรายังไม่ชอบใครหรอกตอนนี้ เพราะเรา..." แล้วสนก็เงียบไปเหมือนกับหยุดคิดอะไรบางอย่าง "เราอยากจะเรียนหนังสือให้จบไง ไม่อยากมีแฟนตอนนี้หรอก เดี๋ยวไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ นายอุตส่าห์ช่วยเรามาตั้งเยอะ เราจะต้องเรียนให้จบ ตอบแทนบุญคุณของนายไง นายจะได้ภูมิใจที่ช่วยเพื่อนคนนี้แล้วไม่เสียเปล่า"

สนเสไปเรื่องอื่นหลังจากที่คิดไตร่ตรองแล้วว่าเขายังไม่ควรพูดเรื่องนั้นตอนนี้ ถ้าสนรู้ว่ามันจะมีเหตุผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขาก็คงจะบอกต้นเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้ว

"เฮ้ย...บุญคุณอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันเป็นธรรมดา นายก็ยังช่วยเราตั้งหลายอย่าง" แม้จะผิดหวังที่สนไม่ได้พูดสิ่งที่เขาแอบสงสัยออกมา แต่ต้นก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกกับเขาแบบนั้นเพราะนี่คือมิตรภาพระหว่างเพื่อน เขาไม่อยากให้ใครรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับเขา

"ครับ" สนพูดพลางยิ้มแล้วก็ตักอาหารใส่ปาก เขารู้ดีว่าต้นคิดอะไร ไม่ต้องอธิบายอะไรมากสนก็เข้าใจสิ่งที่เพื่อนรู้สึกเป็นอย่างดี

"แล้วนายไม่เหงาเหรอ" ต้นยังไม่วายสงสัย

"แล้วนายล่ะ ไม่เหงาเหรอที่ไม่มีแฟน" สนย้อนถาม ทำให้ต้นอึ้งไปเล็กน้อย

"ก็...จะเอาเวลาที่ไหนมาเหงาล่ะ แค่เรียนอย่างเดียวเวลาก็จะหมดแล้ว" ต้นหาทางออกจนได้

สนยิ้มอย่างมีเลศนัย "แต่เรานะ...อยู่กับนาย ชีวิตเราก็โอเคดีนะ ไม่เห็นจะเหงาอะไรเลย นายว่าไหม"

ต้นได้แต่พยักหน้าอย่างงงๆ ยิ่งนับวันสนก็ยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นและมากขึ้น

ขากลับ ต้นกับสนก็นั่งแท็กซี่กลับเช่นเคย จริงๆ จะขึ้นรถเมล์ก็ได้ แต่สนเห็นว่ามันเริ่มจะดึกแล้วจึงไม่อยากให้ต้นต้องขึ้นเหนื่อยโหนรถเมล์กลับบ้าน

ในระหว่างที่นั่งกลับ สองหนุ่มก็ดูเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้มีบรรยากาศที่อึดอัด ต้นกับสนสามารถอยู่ด้วยกันเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดกันก็ได้ และไม่เคยรู้สึกว่าต้องอึดอัด บางทีคนเราก็ต้องการเวลาคิดอะไรเงียบๆ ส่วนตัว การพูดกันตลอดเวลาจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับต้นและสน

ช่วงจังหวะหนึ่ง ต้นใช้มือสองข้างลูบผมให้เข้าที่ มือของสนก็วางแหมะลงบนต้นขาของเขาแล้วก็ตบเล่นเบาๆ ต้นถึงกับต้องหยุดแล้วหันไปมอง สนหันมายิ้มน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ใจของต้นเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ ถึงแม้ว่าสนกับเขาจะถึงเนื้อถึงตัวกันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คราวนี้ต้นรู้สึกได้ว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่มากไปกว่านั้นแล้วล่ะ ต้นค่อยๆ ตัดสินใจวางมือลงอย่างช้าๆ สายตายังจับจ้องใบหน้าของสนอยู่ แล้วก็วางมือของเขาทับลงไปบนฝ่ามือของสนที่จับต้นขาเขาไว้อยู่ ดีที่ว่ามันมืดๆ คนขับเองก็ไม่ได้สนใจที่จะสังเกตดู

พักเดียว สนเลื่อนมือขึ้นมาจับมือต้นไว้แล้วก็ยิ้มกว้างขึ้น สนไม่ได้พูดอะไร ต้นก็ไม่ได้พูดอะไร สีหน้า แววตาและสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้เหมือนจะสื่อสารได้ดีมากพอแล้ว คงไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใดๆ สื่อสารกันอีก สนจับมือต้นไว้แบบนี้จนกระทั่งนั่งรถมาถึงบ้านพัก

ดูเหมือนสองคนนั้นจะยังไม่กลับมา คงจะกลับมาอีกทีก็หลังเลิกเรียนวันพรุ่งนี้นั่นเอง

"เดี๋ยวอาบน้ำแล้วเราไปหานายนะ" ต้นบอกขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาด้วยกัน

สนหันมามองอย่างแปลกใจ

"ไม่มีอะไร ให้เราไปหานายบ้าง นายมาห้องเราบ่อยแล้ว แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง"

ได้ฟังแล้วสนจึงพยักหน้าเข้าใจ

แต่ก่อนที่ต้นจะเดินเข้าไปในห้อง สนก็เรียกขึ้นมาว่า "ต้น..."

ต้นหันไปมองด้วยสายตามีคำถาม

สนเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความสุขใจอย่างเต็มเปี่ยม ต้นไม่เคยเห็นสนมีสีหน้าแบบนี้บ่อยนัก "นายมีความสุขไหม...ที่ได้เป็นเพื่อนเรา" เสียงที่ถามดูเหมือนจะสั่นนิดๆ

"ไม่เห็นต้องถามเลย" ต้นพยักหน้าตอบพลางพูดไปด้วย แต่ก็กลัวว่าสนยังจะไม่พอใจ เขาจึงต้องบอกเป็นคำพูดตรงๆ ไปด้วย "มีความสุขสิ ขอบคุณนะ...ที่นายคอยเป็นเพื่อนที่ดีของเรามาตลอดเลย แล้วก็ขอบคุณด้วยที่วันนี้ตามไปดูแลเราทั้งวัน แถมยังทำของอร่อยๆ ให้กินอีก"

สนยิ้มอย่างพอใจ ต้นช่างรู้ใจเขาเสียจริงๆ "เราจะพยายามนะต้น เราจะทำให้นายมีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนของเราตลอดไป หรือถ้าไม่เป็นเพื่อน เราก็จะทำให้นายมีความสุขมากขึ้นไปอีก"

อะไรของสนนะ ต้นฟังแล้วไม่เห็นเข้าใจเลย สนทำตัวแปลกจริงๆ แปลกจนต้นอยากจะถามไปตรงๆ เลยว่าสนกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่หรือเปล่า

สนเห็นต้นเอียงคอมองอย่างสงสัยเลยขำเบาๆ "เรามีอะไรหลายอย่างที่อยากจะบอกนายนะ อืม...เอาเป็นว่า...เป็นเรื่องดีๆ ก็แล้วกัน แต่...ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่เราจะบอกนายอย่างแน่นอน เราสัญญา"

ต้นพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างมีความหวัง "เราจะรอฟังนะ"

สนกอดคอเพื่อนไว้แล้วก็พูดเบาๆ ว่า "รู้ไหมต้น...เราโชคดีที่สุดเลยที่ได้มาเจอนาย ถ้าเราไม่เจอนาย ชีวิตของเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน คงจะลำบากมากกว่านี้ มิตรภาพของเรา...มหัศจรรย์จริงๆ นะ"

ทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของสน ต้นรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยเสมอ ไม่ว่าวันนี้สนจะคิดกับเขาอย่างไร แม้ว่าสนจะยังไม่พูดให้ชัดเจน แต่ต้นก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกพิเศษนั้น ต้นคบกับสนมานานย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่สนแสดงออกในช่วงหลังๆ มานี้ไม่เหมือนกับที่สนเคยทำมาตลอด

ไม่เป็นไรนะสน เรารอได้ พร้อมเมื่อไรนายก็บอกเราเมื่อนั้น มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก นายคงต้องการเวลา เราเข้าใจ เรารอนายมานานขนาดนี้ จะรออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก ถึงนายจะยังไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้...เราก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว

จบตอนพิเศษ...
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 17-09-2012 08:45:01
อบอุ่นไปกะความรักของต้นสน
ยังคิดถึงนิยายเรื่องนี้ตลอด
รอเรื่องใหม่ของคุณนักเขียนอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 17-09-2012 12:52:12
อ่อนหวาน อบอุ่น อ่านแล้วโลภจัง คิดถึงบูมกับทิวขึ้นมาทันใด  :laugh:


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษแสนอบอุ่นนี้ครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 17-09-2012 20:58:22
เรื่องนี้เขียนออกมาดีมากเลย

ช่วงแรกๆสงสารต้นสุดๆรักโดยไม่มีข้อแม้ไม่มีเงื่อนไขไม่เรียกร้องทนเจ็บปวดอยู่คนเดียว..

ลุ้นตลอดว่าเมื่อไหร่ต้นจะสมหวังซักที..
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 18-09-2012 09:12:21
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคนแต่งนะคะ ที่ส่ง PM ไปให้เราด้วย ^^

ตอนนี้มันอบอุ่นฟุ้งกระจายมาก ละมุนมาก ชอบบรรยากาศของสองคนนี้ >_<

ปล. น้องเต้ยออกจากบ้านไปแล้ว แต่มีแอบหลุด เต้ย มา 2 ครั้งนะ ^^


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-09-2012 10:15:38
อ่านแล้วแบบ




สนเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เงื่อนไขในชีวิตเยอะเลยพลาดอะไรไปหลายสิ่งจริงๆ
ดีนะต้นรักและรอจนทุกอย่างลงเอยได้
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: z-Time ที่ 18-09-2012 10:15:59
ต้นยังคงความน่ารัก และรู้ใจสนเสมอ แม้ตัวเองจะต้องแอบเจ็บ

สนก็นะ ยังกั๊กได้อีก  แต่ก็น่ารักขึ้นเยอะ อย่างน้อยต้นก็ยังมีสนดูแลอยู่ข้างๆ

 :pig4: ที่แจ้งตอนพิเศษค่ะ  จะรอติดตามเรื่องใหม่นะ "อัปไลน์ที่รัก" แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนแระ :z2:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 18-09-2012 13:01:50
มันเป็นความรักที่แค่ยืนข้างๆกันก็อุ่นใจแล้ว ไม่ต้องจับมือกันให้แน่น ก็สัมผัสได้ถึงความรักที่มีต่อกัน

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ จะรอเรื่องใหม่ด้วยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 18-09-2012 16:17:49
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 18-09-2012 23:51:02
ขอบคุณสำหรับ PM นะครับไม่งั้นไม่รู้เลย

จะรอติดตามเรื่องใหม่นะครับ

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: icyblue ที่ 19-09-2012 00:51:33
สนหัดสนใจความรู้สึกต้นขึ้นนะเนี่ย
กลัวว่าต้นจะคิดมากเรื่องน้องเต้ยด้วย  อย่างนี้น่ารักขึ้นเยอะเลย :กอด1:

จะรอเรื่องใหม่จ๊ะ   ขอบคุณที่ส่งข่าวคราวนะค่ะ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 19-09-2012 21:59:23
ป๊าดดดดด  ย้อนไปตอนที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน


น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: SungMinKRu ที่ 20-09-2012 23:18:36

 :o8: :o8: :o8:


น่ารักตลอดเลยคู่นี อ่านแล้วอิจฉา ตาร้อนเป็นไฟ อยากได้อยากมีแบบนี้มาก ฮา  :laugh: :laugh: :laugh:


อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง  :oo1: อิอิ จะติดตามเรื่องใหม่ของคนเขียนด้วยนะคะ

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Mc_ma ที่ 10-11-2012 00:32:18
ตามมาอ่านตอนพิเศษค่ะ ขอบคุณนะคะ
สนมีช่วงเวลาแบบนี้กับต้นด้วย แอบซึ้ง

แล้วจะรอติดตามเรื่องใหม่ แน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: nam-nueng ที่ 29-12-2012 21:21:25
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยค่า ประทับใจต้นกับสนมาก อิมเมจตัวละครก็ถูกใจเลย  รอติดตามเรื่ิองต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 28-01-2013 20:16:58
เรื่องนี้มีสองแบบใช่ครับ เคยอ่านแบบเก่า วันนี้กลับมาอ่านซ้ำอีกทีเลยได้รู้ว่ามีแบบใหม่ ชอบทั้งสองแบบนะคับ รอเรื่องใหม่นะครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 28-01-2013 21:25:50
มีสองแบบครับ แต่พอดีเวอร์ชั่นเก่าเผลอกดลบไปโดยไม่รู้ตัว (ตอนนั้นใช้สมาร์ทโฟนเปิดดู ใช้ไม่ค่อยเป็นเลยพลาด)
ส่วนเรื่องใหม่ ลงได้หกตอนแล้วครับ อย่าลืมติดตามอ่านครับ "อัปไลน์...ที่รัก"

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36446.0

ป.ล.
คุณ Mc_ma กับคุณ SungMinKru หายไปนานเลย มีใครทราบข่าวคราวบ้างครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: however_pat ที่ 07-04-2014 09:39:21
สิ่งที่คาใจของสนคือสนมั่นคงในความรักแค่ไหน
สนไปมีอะไรกับนา ไม่ใช่เมา ไม่ใช่พลาด แต่ทำด้วยสติเต็มร้อย รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังทำ
ผู้หญิงไม่ได้ข่มขืน ไม่ได้บังคับ แต่แค่หลอกล่อ ทอดสะพานให้
สนเองเท่านั้นที่ตัดสินใจร่วมรักกับเขา สุดท้ายมาด่าผู้หญิงว่าทำความรักระหว่างของสนและต้นพัง?
ประเด็นคือใครที่ทำมันพัง
เราทราบดีว่าตัวละครต่างมีเหตุผลของตนเอง บางทีก็ไม่ถูกใจไปทั้งหมด
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายที่สุด
เพราะมันทำให้คนที่สนบอกว่ารักที่สุดเจ็บปวดทรมาน ใครจะทนทำให้คนที่เรารักเจ็บปวดได้ ทั้งๆที่เราเลือกได้
สนไม่ใช่คนเลว ไรต์แต่งได้เข้าใจว่าสนเป็นเพื่อนที่ดี เป็นลูกที่ดี แต่เป็นคนรักที่แย่ที่สุด
ไม่ว่าใครก็มีเหตุผล แม้แต่โจรฆ่าข่มขืนคน มันก็ต้องมีเหตุผล แต่เหตุผลนั้นสมเหตุสมผลแค่ไหน และทำร้ายใครไปบ้าง
นี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญ
ในใจแอบคิดนะ ว่าขนาดสนรู้ใจตัวเองว่ารักต้น คุยกับต้นตลอด (แม้จะไม่ตกลงเป็นทางการ แต่ทางปฏิบัติก็คล้ายๆดูใจกัน)
สนยังไปมีอะไรกับคนอื่นได้ แค่เพราะว่าไม่ยับยั้งชั่งใจตนเอง เผลอไปกับเขา เห็นเขาแก้ผ้าก็กระโจนใส่ โดนมัดมือมัดเท้ารึก็เปล่า
แล้วอนาคต ซึ่งแน่นอน สนคงเจอผญ มากหน้าหลายตามาชอบ มาทอดสะพาน มาพยายาม. แล้วมันจะเป็นอย่างไร
ปัญหาเรื่องนี้มันจะไม่จบไม่สิ้น

ใตความคิดเรา สนไม่ได้พลาดเรื่องนา แต่สนนอกใจ แค่นั้นเอง บางทีใช้คำว่าพลาด มันทำให้การนอกใจดูซอฟต์ลงได้ง่ายๆ
ประหนึ่งว่าเมาแล้วไม่รูเรื่องเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่มีสติตลอดเวลาที่มีอะไรกับนา และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หลายครั้ง
ไม่ได้เรียกพลาด เรียกตั้งใจ
และน่าเสียใจมาก ว่าคนๆหนึ่งรักอีกคนมากมายขนาดนั้น(ดูจากคำบรรยาย) แต่ทำเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยได้ยังไง
คนแบบนี้น่ากลัวมาก มันคล้ายๆชั่วตาใส อะไรแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: one ที่ 07-04-2014 20:03:17
ขอบคุณคะ  :hao3: เป็นอีกเรื่องที่หน่วงจิตมาก   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: watt1960ka ที่ 01-05-2014 22:55:33
ขอบคุณคะ  :hao3: เป็นอีกเรื่องที่หน่วงจิตมาก   :เฮ้อ:
ชอบเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: watt1960ka ที่ 01-05-2014 22:56:29
ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: watt1960ka ที่ 13-07-2014 18:52:51
อ่านหลายรอบเลยครับ อ่านทีไรร้องไห้ทุกกกกกกที เฮ้อ!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Sasima ที่ 30-10-2014 19:11:13
เราเป็นคนนึง(ตบมือให้กับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ) ที่รักเเละปลื้มในคาเรนเตอร์สนตลอด เรื่องที่เขาทำสังคมอาจจะไม่เข้าใจ ยิ่งเป็นสังคมไทยยิ่งเเล้วกันไปใหญ่ เรื่องเหยียดคนอื่นสมนํ้าหน้าคนอ่อนเเอ่เราไม่เคยทำเเล้วไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องสะใจที่จะเอามาด่า กลับกันเราอินในความรู้สึกของตัวละครเเบบสนชนิดว่าเราคิดว่าถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์ในเรื่องนี้เราอาจจะเป็นสนเลยก็ได้. เรื่องที่เกิดขึ้นหลายอย่างไม่ใช่ความผิดสน ชอบมากๆที่มีคนเขียนที่มีจิตใจกล้าขนาดเขียนตัวละครเเบบสนมาเป็นตัวเอกของเรื่อง สิ่งที่เราได้มาจากการอ่านนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่เเค่เนื้อเรื่องความรักเพียงอย่างเดียว(ซึ่งเราก็ประทับใจความรักของสนเเละต้นมาก)เเต่เราได้รับรู้ความเรียลเเละความรู้สึกของตัวละครที่เราสามารถรู้สึกเชื่อมโยงด้วยได้ ขอบคุณคนเเต่งจริงๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้นสน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักฯ (ตอนพิเศษ) ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 23-06-2015 09:45:09
สิ่งที่คาใจของสนคือสนมั่นคงในความรักแค่ไหน
สนไปมีอะไรกับนา ไม่ใช่เมา ไม่ใช่พลาด แต่ทำด้วยสติเต็มร้อย รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังทำ
ผู้หญิงไม่ได้ข่มขืน ไม่ได้บังคับ แต่แค่หลอกล่อ ทอดสะพานให้
สนเองเท่านั้นที่ตัดสินใจร่วมรักกับเขา สุดท้ายมาด่าผู้หญิงว่าทำความรักระหว่างของสนและต้นพัง?
ประเด็นคือใครที่ทำมันพัง
เราทราบดีว่าตัวละครต่างมีเหตุผลของตนเอง บางทีก็ไม่ถูกใจไปทั้งหมด
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่โหดร้ายที่สุด
เพราะมันทำให้คนที่สนบอกว่ารักที่สุดเจ็บปวดทรมาน ใครจะทนทำให้คนที่เรารักเจ็บปวดได้ ทั้งๆที่เราเลือกได้
สนไม่ใช่คนเลว ไรต์แต่งได้เข้าใจว่าสนเป็นเพื่อนที่ดี เป็นลูกที่ดี แต่เป็นคนรักที่แย่ที่สุด
ไม่ว่าใครก็มีเหตุผล แม้แต่โจรฆ่าข่มขืนคน มันก็ต้องมีเหตุผล แต่เหตุผลนั้นสมเหตุสมผลแค่ไหน และทำร้ายใครไปบ้าง
นี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญ
ในใจแอบคิดนะ ว่าขนาดสนรู้ใจตัวเองว่ารักต้น คุยกับต้นตลอด (แม้จะไม่ตกลงเป็นทางการ แต่ทางปฏิบัติก็คล้ายๆดูใจกัน)
สนยังไปมีอะไรกับคนอื่นได้ แค่เพราะว่าไม่ยับยั้งชั่งใจตนเอง เผลอไปกับเขา เห็นเขาแก้ผ้าก็กระโจนใส่ โดนมัดมือมัดเท้ารึก็เปล่า
แล้วอนาคต ซึ่งแน่นอน สนคงเจอผญ มากหน้าหลายตามาชอบ มาทอดสะพาน มาพยายาม. แล้วมันจะเป็นอย่างไร
ปัญหาเรื่องนี้มันจะไม่จบไม่สิ้น

ใตความคิดเรา สนไม่ได้พลาดเรื่องนา แต่สนนอกใจ แค่นั้นเอง บางทีใช้คำว่าพลาด มันทำให้การนอกใจดูซอฟต์ลงได้ง่ายๆ
ประหนึ่งว่าเมาแล้วไม่รูเรื่องเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่มีสติตลอดเวลาที่มีอะไรกับนา และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หลายครั้ง
ไม่ได้เรียกพลาด เรียกตั้งใจ
และน่าเสียใจมาก ว่าคนๆหนึ่งรักอีกคนมากมายขนาดนั้น(ดูจากคำบรรยาย) แต่ทำเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยได้ยังไง
คนแบบนี้น่ากลัวมาก มันคล้ายๆชั่วตาใส อะไรแบบนั้น

เพิ่งได้มาอ่านความเห็นนี้ ตกใจนิดๆ 555
ความตั้งใจของผมในตอนนั้นคือสนก็คือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง การที่จะเผลอไปมีอะไรกับใครไม่ว่าจะเมาหรือไม่
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชายทั่วๆ ไปอยู่แล้วครับ แม้กระทั่งผมเอง เจอแบบนั้นก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน (ต่อให้เป็นเกย์ก็เถอะ)
ถ้าเรามองเรื่องนี้จากกรอบสังคม สนผิดแน่นอนครับ แต่ยังไงสำหรับผู้ชายส่วนมาก เซ็กซ์กับความรักอาจไม่จำเป็นต้องเกิดพร้อมกัน
มันก็เหมือนที่ผู้ชายไปเที่ยวอาบอบนวดแต่ไม่ได้แปลว่าต้องการจะนอกใจ สำหรับสนตอนนั้นคิดประมาณนั้น แต่ความรักก็ยังมีให้ต้นเหมือนเดิม
บางทีผู้ชายกับผู้หญิงมองเรื่องแบบนี้ไม่เหมือนกัน

ความผิดพลาดในต้น-สนเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มาของผมก็คือ บางทีผมอยากให้เรื่องมันแรง (เพราะรู้ว่าคนชอบอะไรแรงๆ) ก็เลยให้สนทำอย่างนั้น
ในฐานะคนเขียน ก็รู้สึกไม่คอยดีเหมือนกันครับ ใจจริงไม่ได้อยากวางบทบาทให้สนแย่ขนาดนั้น แต่อยากทำตามกระแสมากกว่า
ผมจึงต้องกลับมาเขียนต้น-สนเวอร์ชั่นที่สาม เพื่อที่จะวางบทบาทสนใหม่ให้เป็นอย่างที่ผมต้องการมากขึ้น
ถ้าใครที่ติดตามเรื่องนี้อยู่แล้วยังประทับใจกับความรักของต้น-สน อย่าลืมมาติดตามอ่านเวอร์ชั่น 3 กันนะครับ กำลังลงอยู่ตอนนี้

ต้น-สน☀ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0)
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 30-06-2015 22:42:28
ตามมาอ่านเรื่องนี้ต่อจนจบจนได้ หุหุหุ แอบหนีความเครียดจากอีกภาคมาสู่ความมุ้งมิ้งภาคนี้ชั่วคราว ยังไม่กล้าไปอ่านต่อ แอบกลัวเครียด อ่านเรื่องนี้จบสักพัก เลยได้โอกาสมา โพส + เป็ด+++ ชอบความกดดัน ปัญหา จุดหักมุมของเรื่องมาก ขอบคุณคนเขียนมากๆ เลยที่นำเรื่องสนุกๆ แบบนี้มาแบ่งให้ทุกคนได้่อ่าน
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 01-07-2015 15:42:32
ไม่ได้เข้ามานานเลยทีเดียว เม้นก่อนเดี๋ยวไปอ่าน :hao7: :hao7: :hao7:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 01-07-2015 16:17:10
ไม่ได้เข้ามานานเลยทีเดียว เม้นก่อนเดี๋ยวไปอ่าน :hao7: :hao7: :hao7:
 :pig4: :pig4: :pig4:

เวอร์ชั่นสอง ผมชอบที่สนขี้หึงดี เดี๋ยวสนเวอร์ชั่นสามก็จะหึงมั่งแล้วนะ  :z1:
ถ้าอ่านเวอร์ชั่นสองแล้วอย่าลืมเวอร์ชั่นสามนะครับ เวอร์ชั่นนี้ถือว่าได้อย่างใจผมที่สุด
ที่ยอมเหนื่อยกลับมาเขียนครั้งที่สามเพราะมีหลายอย่างที่เวอร์ชั่นก่อนอยากได้แล้วไม่ได้นี่แหละครับ
ผมทุ่มสุดตัวเรื่องความละเมียดละไม การบรรยาย ความดราม่าและโรแมนติก รวมทั้งการจบเรื่องที่ได้อย่างใจที่สุด
รักเรื่องนี้มากครับ

(http://s5.postimg.org/waet1v247/tonson_new.jpg)

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3)░ ▒ ▓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0)
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 24-06-2016 01:48:57
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เราว่าทั้งหมดก็ความผิดสนนั่นเเหละ จะโทษเเต่ผู้หญิงมันก็ไม่ได้
ถ้าจะนอนกับชะนีทำไมไม่รู้จักป้องกัน?? ไม่ได้โดนยาไม่ได้โดนมอมเเถมไม่ได้"พลาด"ครั้งเดียว
ยิ่งถ้ารู้ตัวว่ารักคนอื่น ยิ่งควรป้องกัน จะได้ไม่พลาดโดนจับให้รับผิดชอบเป็นพ่อเด็ก 

หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: sarawatta ที่ 24-06-2016 06:02:55
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เราว่าทั้งหมดก็ความผิดสนนั่นเเหละ จะโทษเเต่ผู้หญิงมันก็ไม่ได้
ถ้าจะนอนกับชะนีทำไมไม่รู้จักป้องกัน?? ไม่ได้โดนยาไม่ได้โดนมอมเเถมไม่ได้"พลาด"ครั้งเดียว
ยิ่งถ้ารู้ตัวว่ารักคนอื่น ยิ่งควรป้องกัน จะได้ไม่พลาดโดนจับให้รับผิดชอบเป็นพ่อเด็ก

ขอบคุณครับ 555 ว่าแล้วจะต้องโดนด่า ผมเลยต้องเอามาเขียนใหม่

เวอร์ชั่น 2012 เป็นเวอร์ชั่นที่คนเขียนไม่ใช้แล้ว และได้นำมาเขียนใหม่ ปรับบทและพล็อตเรื่องใหม่เป็นเวอร์ชั่น 2016 ตามลิงค์ด้านล่าง

ต้น-สน 2016 - เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด นิยาย "วายละมุน" ที่สุดในชีวิตของคนเขียน (http://bit.ly/1X74Ris)

(http://s5.postimg.org/qa9idgoc7/tonson_rewirte_poster02.jpg) (http://bit.ly/1X74Ris)
หัวข้อ: Re: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 18-08-2016 21:03:21
มาอ่านอีกรอบเพราะคิดถึงต้น สน.  รอบนี้ขอคอมเม้นต์ค่ะ.   เราชอบในความดราม่าที่ไม่เหมือนใคร. พระเอกไม่จำเป็นต้องเป็นฮี่โร่.  ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง. พระเอกก้ออ่อนแอได้.  ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นก้อได้.   ถ้าขายสินค้านี่คือจุดขายเลยค่ะ. เพราะมันแปลกแตกต่างจากทั่วไป.   มาม่าชามโต. เจ็บปวด. หน่วงทั้งหลายเกิดจากความไม่ทันคนของสน. แต่เป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเอง.   ส่วนบูมก้อเป็นพระเอกที่อ่อนแอจากการเลี้ยงดู.ไม่กล้าตัดสินใจ  ทิวนี่น่าสงสารที่สุด.  ความเจ็บปวดมาจากการกระทำของคนอื่น(พ่อแม่).  เคร้าเคล้าน้ำตา. ตาบวม. เราชอบแนวนี้นะ.ทั้งสองเรื่อง เด่วตามอ่าน. V.   16   ค่ะคุณนักเขียน. sarawatta. ขอบคุณจร่า