▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ∞ ต้น-สน ∞ มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรัก ❉ V2 ❉ ROMANTIC DRAMA ░ ▒ ▓  (อ่าน 137210 ครั้ง)

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
อืม อ่านแล้วเราเข้าใจนะ คนเรากดดันมากๆ ก็มีหลายคนในชีวิตจริงที่ยอมหนีงานแต่ง
เพราะรู้ไปว่าแต่งกัน ก็ไม่วายจะต้องเจ็บไปเรื่อยๆ แม้การหนีไม่ใช่ทางออก แต่หนีไปตั้งหลักยังดีกว่า
นาร้ายมากอะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
คิดแบบคนวงนอกนะคะ

นาเป็นผู้หญิงที่แปลกมากเข้าขั้นไร้หัวคิดเลยทีเดียว ครอบครัวของนาก็เหมือนกัน
ถ้าเรื่องคลิปนี้เกิดขึ้นจริงๆ วูบแรกทุกคนต้องคิดว่าชายต้องเป็นคนทำ
แต่ไม่นานก็ต้องรู้สึกแปลกๆล่ะว่า ทำไมคนเดือดร้อนมันเป็นฝ่ายชาย??

ถ้ามีผู้หญิงคิดแบบนี้ทำแบบนี้ ผช.จะไม่สนใจผญ.เลยเราก็ไม่แปลกใจซักติ๊ดดดดดดดดดด
น่ากลัว จนเข้าขั้นหลอนจิตเลยทีเดียว
มาคิดกันตามกม.พิสูจน์ยากมากเลยว่าใครถ่ายคลิป ใครอัพลงยูทูป

เจอหักหน้ากันกลางงานแต่งแบบนี้ก็สมน้ำหน้าแฮะ
สงสารหน่อยๆ แต่มองที่เหตุเริ่มต้นแล้วก็ไม่เหลือความสงสารกันล่ะ

chai235

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ สมน้ำหน้า ว่าละ บีบจนผู้ชายทนไม่ไหว
หมาจนตรอกมันทำได้หมดละ ไม่มีอะไรจะเสียนี่

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
หนีงานแต่งเพื่อให้งานแต่งล้ม  ที่เดาเอาไว้ ถูกซะด้วย แต่ไม่คิดว่าจะพาต้นไปด้วย
ตอนแรกยังกลัวว่าสนจะไม่ทำอะไรซะแล้ว สงสารต้นมากๆที่แอบไปร้องไห้

นาควรรู้สึกผิดได้ตั้งนานแล้ว ดันทุรังจนเรื่องบานปลาย
ไม่รักศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของตัวเองยังไม่พอ ยังพยายามทำลายคนที่ตัวเองบอกว่ารักอีก เธอรักตัวเองมากกว่า ไม่ได้รักสนหรอก
เฮ้อออ...หวังว่านาจะสำนึกผิดโดยสมบูรณ์ แล้วสารภาพกับทุกคนซะ จะได้ไม่มีสิ่งติดค้างต่อกัน

เอาใจช่วยต้นกับสนนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้สนุกมากๆ ลุ้นตามตลอด
เข้มข้นยิ่งกว่าละครช่อง 7 ซะอีก
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ตอนนี้สนทำอย่างที่เราอยากให้ทำพอดี ให้มันขายหน้ากลางงานแต่งสมน้ำหน้ายัยนาไม่มีความสงสารให้หรอก ร่านเองปล่อยคลิปตัวเองได้หน้าไม่อายตอนนี้ทำมาอายน่าสมเพช

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อืม  ผลของการดันทุรังคือความเจ็บปวด ขายหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสินะ

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
หากว่าเรื่องเข้าถึงตำรวจ สุดท้ายแล้ว คนที่จะเจ็บตัวและอับอายขายหน้าที่สุดก็คือนา

สนมีความเป็นสุภาพบุรุษมาก นาเลยใช้เหตุผลนี้เข้ามาเป็นเครื่องมือ

เฮ้อออ ใครทำอะไรให้ใครไว้ สุดท้ายแล้ว กรรม ย่อมสนองกลับคืนเป็นสองเท่า

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ในที่สุดสนก็ตัดสินใจได้ซะทีนะ   นานี่ร้ายจริงอยากได้เค้าสุดท้ายก็ต้องอาย

แถมยังไม่ยอมบอกความจริงกับแม่อีก   เดี๋ยวจะได้หน้าแตกกันทั้งแม่ทั้งลูก


ปัญหาต่อไปก็คงมีมา  ก็ค่อยรอแก้ต่อไปนะสน :z2:

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


"ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจทำไปแล้ว ก็คนมันรักกัน อยากอยู่ด้วยกัน จะเอาเหตุผลอะไรมาห้าม จะเอากฏเกณฑ์อะไรมาวัด จะเอาไม้บรรทัดของใครมาทาบ หรือแม้คนทั้งโลกจะด่าประนาม มันก็หยุดความรักของเขาสองคนไม่ได้ ถ้าจะถามหาเหตุผล ก็ถามตัวเราเองดูละกันเวลาที่มีความรัก"




ชอบประโยคนี้ที่สุดเลย  :impress2: :impress2: :impress2:

เอาช้างมาฉุดก็หยุดรักไม่ได้ง่ายๆหรอกเนอะ


::: อ่านตอนแรกหดหู่ สงสารต้น พออ่านจนถึงสนว่าชิ่งนั้นแหละ เฮเลย  :man1:

น่ารักจริงๆเลย

นาเป็นผู้หญิงที่หน้า ...ด้าน...มาก ถ้าสวยจริงดีจริงเดินไปทางไหนผู้ชายก็มองค่ะ เหอๆ ไปหาคนที่พร้อมกับเธอดีกว่าไหม

ก่อนที่คิดจะมาจับเขาเนี่ย  o13 o13 o13

+ 1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
งง ๆ นิดหน่อย แม่ของนายังไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย
ว่าลูกสาวตัวเองเป็นคนสร้างหลักฐานผูกมัดสนไว้
ถ้าเข้าใจถูก อยากเห็นแม่ของนา หน้าแตกจัง 55
โวยวายไว้ซะเยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ในชีวิตจริงผมเคยเจอเคสแบบนี้นะครัับนี่

ตามกฏหมายแล้วเมื่อรู้ว่าผู้กระทำผิดเป็นใครก็ควรแจ้งความภายใน7วัน แต่ถ้าหลังจาก90วันหรือ60วันนี่ผมจำไม่ได้มันจะหมดอายุความทันทีนะครับ

ถึงจะมีคลิปอยู่แต่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ที่มีหลักฐานนี้อยู่ในมือก็ยิ่งทำให้ฝ่ายชายพ้นข้อกล่าวหาเร็วขึ้น

อืม บอกได้คำเดียวสมน้ำหน้าหญิง นา จริงๆ

อ่ออีกอย่างตามกฏหมายแล้ว ถ้าฝ่ายเสียหายมีอายุเกิน18ปี แล้วนั้น พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมาเรียกร้องค่าเสียหายแต่ประการใด

นอกเสียจากว่า จะเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียง

แต่ยังไงดูๆแล้วหญิงนานี่ก็คงทำไรสนไม่ได้เลยสักอย่าง

นิยายเรื่องนี้อ่านไปปวดใจไปเลยครับนี่ น้ำตาไหลเป็นเผาเต่ากันเลยทีเดียว

สนุกมากครับแต่ สกิลต่อต้านดราม่าของผมมันน้อยไปหน่อยเทานั้นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2012 02:11:42 โดย DarKLasT »

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ขอเวลาปรับบทอีกสักวันสองวันนะครับ รู้สึกว่ามันยังกระชากใจไม่พอ
ยังไม่สะใจคนเขียนครับ ขอเพิ่มดีกรีความหน่วงใจของเรื่องขึ้นอีกหน่อย

เวอร์ชั่นเก่าสนกับนาแต่งงานกัน แต่สุดท้ายก็เลิกกัน
เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้แต่งงานกัน แต่ก็อยากให้แรงไม่แพ้กันครับ
หลังจากนี้อีกไม่นาน เรื่องก็จะไปถึงจุดพีคสุดครับ (แรงจนคนเขียนยังแอบหวั่นใจว่าจะให้เป็นแบบนี้ดีไหม)

อ้อ...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับเพื่อนผมเมื่อไม่นานนี้
ก็เลยเอามาเป็นไอเดียแต่ปรับให้มันหนักขึ้นครับ

อย่าเพิ่งชะล่าใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้
อีกไม่เกินสองวันจะกลับเอาตอนใหม่มาให้อ่านครับ

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนที่ 33: ฟ้าหลังฝน (หรือเปล่า)



"นายจะลงไปทั้งชุดอย่างนี้เหรอสน" ต้นพูดพลางหัวเราะชอบใจใหญ่ สนหนีออกมาจากงานทั้งชุดแต่งงาน แถมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาไว้เผื่ออีก ตอนแวะปั๊มน้ำมัน สนเดินไปตรงไหนคนก็มอง ต้นนึกถึงทีไรก็ยังขำไม่หาย

"ก็จะให้เราทำไงล่ะ ก็เราลืมเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย" สนหัวเราะเช่นกัน "รีบไปจองห้องกันก่อนดีกว่า" สนว่าแล้วก็เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับต้น เขาไม่ได้วิ่งมาเปิดประตูให้ต้นเพราะต้นเห็นว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็น เขาพอดูแลตัวเองได้ จึงบอกสนไปว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้กับเขาก็ได้

พอจองห้องได้แล้ว สนก็พาต้นขึ้นมาบนห้องพัก พอล็อกห้องแล้วสนก็อ้าแขนออกเป็นเชิงบอกให้ต้นรู้ว่าจะต้องทำอะไร ต้นเห็นแล้วก็เดินเข้าไปกอดกับสนทันที

"ในที่สุดก็ได้กอดเสียที รู้ไหมว่าเราอยากกอดนายมากแค่ไหน เห็นนายเจ็บ แอบไปร้องไห้แล้วก็สงสาร ไม่เจ็บแล้วนะต้น ต่อไปนี้...เราจะไม่ทำให้นายเจ็บแบบนี้อีกแล้ว เราสัญญา" น้ำเสียงของสนบ่งบอกว่าเขารู้สึกสงสารคนที่เขากำลังกอดอยู่นี้มากเพียงใด เขาลูบหลังแล้วก็ฝังจมูกลงบนไหล่ของต้น คล้ายกลับจะปลอบใจคนที่เพิ่งเสียขวัญไปเพราะเห็นคนรักไปแต่งงานกับคนอื่น

"ไม่เจ็บแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายพยายามทำให้เรานะสน" ต้นบอก ยิ้มจางๆ อย่างเป็นสุขใจ สิ่งที่เขาได้จากสนมานี้นับว่าเกินความคาดหมายเป็นอย่างมากแล้ว ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสนจะรู้ว่าเขาคิดอะไร ยิ่งจะให้คิดว่าสนจะมีใจให้เขาด้วยนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่วันนี้ต้นกลับได้รู้ว่าเพื่อนที่เขาแอบรักมาเกือบทั้งชีวิตก็รู้สึกไม่ต่างกัน

"ต้น...ตอนนี้เราทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้เรากับนายได้อยู่ด้วยกัน ขอแค่นาย...ไม่ต้องเจ็บเหมือนที่ผ่านมา" สนค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนของเขาออก "เอาล่ะ...นายพร้อมที่จะฟังเรื่องราวทั้งหมดหรือยังต้น เรื่องที่เรายังไม่เคยบอกนายเลย"

ต้นพยักหน้า สนพาต้นมานั่งที่ชุดโซฟา เขาอยากจะเล่าให้หมดเสียในตอนนี้เพราะสนไม่อยากพูดถึงอีกหลังจากนี้ ช่วงเย็นนี้เขาอยากจะพาต้นไปหาอะไรกินข้างนอกอย่างสบายใจ พอเห็นว่าต้นพร้อมที่จะฟังแล้วสนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขาปิดบังต้นไว้

"นายจำได้ไหม ตอนเรียนปีสี่ เราเคยบอกนายว่ามีผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่งมาชอบเรา ก็เป็นเขานั่นแหละ"

"คนที่นายบอกว่าเขาชอบเอาของมาให้นายบ่อยๆ ใช่ไหม" ต้นสงสัย เขาเองก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นที่สนพูดถึงหรอก ต้นไม่ค่อยได้แวะไปที่คณะของสนเท่าไหร่ แต่เท่าที่ฟังจากสนเล่าตอนนั้นต้นก็พอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะชอบสนมาก

"ใช่...เขาแอบชอบเรามาพักใหญ่ๆ แล้วล่ะตอนที่เราเริ่มรู้ตัว เขาชอบเอาของมาให้ ชอบเดินผ่านให้เราเห็นบ่อยๆ ก็เป็นแบบนี้อยู่สักพัก แล้ว...เราจำได้ดีว่ามันเป็นวันวาเลนไทน์ เขาเดินมาบอกเราว่า...เขาชอบเรา เอาดอกกุหลาบมาให้ แต่พอเรารับไว้...เราก็ดันบอกเขาไปว่า ขอบคุณที่รู้สึกดีๆ กับเรานะ แต่เรา...มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วเขาก็หน้าเสีย ก็คงจะเสียใจที่เราไปบอกแบบนั้น"

"มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ...ใครเหรอสน" ต้นถามอย่างสงสัย เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าสนชอบใครอยู่ตอนนั้น ไม่เห็นสนชอบใครสักคนเลย

สนยิ้มแล้วก็ตอบว่า "จะใครเสียอีกล่ะ" แล้วสนก็เอานิ้วมาจิ้มตรงหน้าอกของต้น "คนนี้ไง" สนยิ้มเขินเล็กน้อย "นายจำได้ไหมที่นายถามเราว่า...วาเลนไทน์ปีนี้เอาดอกกุหลาบไปให้สาวที่ไหนหรือเปล่า แล้วเราก็ตอบไปว่า...อยู่กับนายก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่เห็นอยากมีแฟนเลย ตอนนั้น...เราแอบคบนายเป็นแฟน ไม่รู้ตัวอีกเหรอ" สนขำและยิ้มไปพร้อมๆ กัน

"ใครจะไปรู้ล่ะ" ต้นยิ้มเขิน "เอาๆ...ต่อดีกว่า" ต้นรีบดึงเข้าเรื่องที่เขาอยากรู้

"ต่อนะ...หลังจากนั้น...เราก็ไม่ค่อยได้เจอเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนหลังๆ เขาก็พยายามเข้ามาคุยกับเรา พยายามที่จะ...อย่าหาว่าเราอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ เขาพยายามจะเชิญชวนเราไปทำอย่างนั้น แต่เราก็ปฏิเสธเขามาตลอด จนเราเรียนจบไปแล้ว ก็เลยไม่ได้เจอเขาอีกเลย แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งเขาก็โทรมาหาเรา เขาบอกว่าอยากได้คนช่วยทำเว็บให้ชมรมที่คณะของเขา ก็เลยถามว่าเราสนใจไหม เราก็ตอบไปว่าสนใจ แล้วเขาก็บอกว่าเขาจะมาคุยรายละเอียดด้วย เราก็นัดเขามาคุยที่ร้านกาแฟข้างล่างคอนโดของเรานั่นแหละ แล้วเราก็เลยรับทำเว็บให้เขาไป แล้วเขาก็มาคุยงานกับเราอยู่อีกหลายครั้ง แต่เราก็ไม่เคยพาเขาขึ้นไปบนห้องหรอกนะ เพราะเราก็ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่ แต่มีอยู่วันหนึ่ง ห้องน้ำข้างล่างมันเสีย เราก็เลยพาเขาไปเข้าห้องน้ำที่ห้องของเรา เราก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาก แต่พอเขาออกจากห้องน้ำ..." สนหยุดเว้นจังหวะเหมือนกับไม่อยากจะพูดถึงตอนนี้เอาเสียเลย

"เขาไม่สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น นายก็คงพอจะเดาได้ใช่ไหมว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แล้วเขาก็พยายามมาหาเราอีก เราก็เผลอไปมีอะไรกับเขาอีกจนได้ แต่คราวนี้เราไม่รู้ว่าเขา..แอบตั้งกล้องถ่ายไว้ แล้วเขาก็อาศัยตอนที่เราเผลอเอาคอมของเราอัปโหลดคลิปขึ้นไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต จากนั้น...ไม่รู้ว่ายังไง ไม่กี่วันพ่อกับแม่เขาก็ตามมาเอาเรื่องเราถึงที่คอนโด เขาใส่ร้ายเราว่าเราถ่ายคลิปแล้วเอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต เราไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย พูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว เราเป็นผู้ชาย คงไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงที่ไหนจะทำแบบนั้น แล้วเขาก็ขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับเรา แล้วก็จะไปฟ้องพ่อกับแม่ของเราด้วย แล้ว...อาจจะเป็นเพราะนาเขาชอบเรามาตั้งนานแล้ว เขาก็เลยพยายามหว่านล้อมพ่อกับแม่ให้กดดันให้เรารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เขาบอกพ่อกับแม่เขาว่าเรากับเขาชอบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พ่อกับแม่เขาก็เลยเข้าใจว่าเรากับนาชอบกันอยู่ ก็เลยจะให้เรารับผิดชอบลูกสาวของเขาหลังจากที่เขาเรียนจบ ตอนนั้นเรากลัวเขาไปฟ้องพ่อกับแม่ของเรามาก เราไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ ไม่อยากให้นายกับครอบครัวรู้ ไม่อยากให้คนที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอดต้องผิดหวังกับสิ่งที่เราทำ เราก็เลยตกปากรับคำเขาไปว่าจะรับผิดชอบ มันก็เลยเป็นที่มาของการแต่งงานของเรากับเค้า" สนหยุดเล่าด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย

"นายรู้ไหมว่าตอนนั้น...เรากำลังตัดสินใจ...ที่จะบอกรักนายอยู่แล้ว แต่พอเรื่องนี้มันเกิดขึ้น เราก็ต้องเก็บมันเอาไว้ เราทรมานใจมากนะต้น เราพยายามคุยกับเขามาตลอดว่าเราไม่ได้รักเขา เรามีคนที่รักอยู่แล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะแต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน แต่เขาก็ไม่ฟัง จะให้เรารับผิดชอบท่าเดียว แล้วก็ขู่ว่าจะส่งคลิปนั้นไปให้พ่อกับแม่เราดู" สนถอนหายใจและมองดูมือของตัวเอง "แต่มันก็สำคัญที่ว่า เราตกปากรับคำเขาไปแล้ว...และเราก็มีอะไรกับลูกสาวเขาจริงๆ"

"เขาทำถึงขนาดนี้เลยหรือสน แสดงว่า...เขาคงต้องชอบนายมากๆ ไม่งั้นเขาก็คงไม่ยอมทำถึงขนาดนี้หรอก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะ" ต้นทำน้ำเสียงและสีหน้าเห็นใจ ไม่คิดว่าสนจะต้องมาเจอกับโชคชะตาแบบนี้

"ก็คงอย่างนั้น...อาจจะเป็นเพราะเราไปปฏิเสธความรักเขาอย่างไม่ไยดีด้วยมั้ง เขาก็เลยอยากเอาชนะ แต่ก็ช่างมันเถอะ มันผ่านมาแล้ว ถึงตอนนี้...เราไม่โกรธเขาแล้วล่ะ ต่างคนต่างอยู่ละกัน ไม่อยากให้มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว เราอยากเป็นอิสระ อยากอยู่กับนาย" สนหันมายิ้มจางๆ กับต้น

"เขาบอกว่าฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอนะสน" ต้นเอื้อมมือไปกุมมือสนไว้เบาๆ

"เราก็หวังว่า...มันจะเป็นฟ้าหลังฝนจริงๆ เราเข็ดแล้วล่ะต้น ไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเขาอีก เราเหนื่อย อยากพักชีวิตที่มันวุ่นวาย อยากกลับมาบ้าน...แล้วก็เห็นรอยยิ้มของนาย กินอะไรอร่อยๆ ด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน คุยกัน นอนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แล้วก็ไปหาพ่อกับแม่ด้วยกัน" แล้วสนก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นและเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือต้นไว้แทน

"กลับไปคราวนี้...เราจะไปคุยกับพ่อแม่ของเราก่อนนะต้น เราคงจะต้องหาทางบอกให้เขารู้ให้ได้ว่าเราสองคน...รักกัน จะใช้ชีวิตด้วยกัน ถ้าพ่อกับแม่เราโอเคแล้ว เราก็จะไปคุยกับพ่อแม่ของนาย"

"แล้ว...พ่อสนแม่สนจะว่ายังไง เขาจะเห็นดีด้วยเหรอ เรากลัวเขาจะ..." ต้นมีสีหน้ากังวล

"ไม่รู้เหมือนกันต้น เราก็ตอบนายตอนนี้ไม่ได้หรอก แต่ยังไงเขาก็ต้องรู้จนได้ ถ้าเราสองคนจะอยู่ด้วยกัน มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ นายเป็นคนสำคัญของเรานะต้น เราไม่อยากคบกับนายแบบหลบๆ ซ่อนๆ"

ต้นยิ้ม สนเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็ใช้มือโอบต้นไว้

"เราคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกสักหน่อยนะต้น แต่เราจะอยู่ข้างๆ นาย จะไม่ไปไหนอีกแล้ว นายคงไม่กลัวนะ"

ต้นกอดและซบลงไปบนอกอุ่นๆ ของสนแทนคำตอบ ถ้าสนอยู่ตรงนี้แล้ว ต้นก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ วันเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนานได้พิสูจน์ให้ต้นเห็นแล้วว่า ถ้ามีสนอยู่ใกล้ๆ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกเลย แต่ถ้าเป็นอุปสรรคที่เกิดจากพ่อกับแม่แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นักที่เขาและสนจะฝ่าไปได้ แต่พ่อกับแม่คือคนที่รักเรามากที่สุด เขาก็น่าจะเข้าใจเรามากที่สุดเช่นกัน ต้นกับสนก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

--------------------------------------------------------

แขกเหรื่อกลับกันไปจนหมดแล้ว บ้านที่เป็นที่จัดงานแต่งงานก็กลับมาเงียบเหงาเช่นเดิม พ่อกับแม่ของต้นและสนก็ยังนั่งปรับทุกข์กันอยู่หน้าบ้าน สีหน้าแต่ละคนดูกังวลและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด สนกับต้นหายไปได้หลายชั่วโมงแล้ว ไม่ว่าจะติดต่อทางไหนก็ไม่ถึงตัว ให้นิกกับปั้นจั่นตามไปดูที่คอนโดของทั้งสองคนก็ไม่ได้ความ ดูๆ แล้วยังไงสนกับต้นคงไม่น่าจะอยู่ที่คอนโดอย่างแน่นอน น่าจะไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่กรุงเทพ

"ขอโทษจริงๆ นะแม่พรที่สนมันพาต้นหนีไปด้วย" แม่ของสนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

"อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยแม่ตา ถ้าต้นไปกับสนแล้วฉันก็ไม่ห่วงหรอก ที่กลุ้มใจ...ก็ไม่ใช่เรื่องนั้น กลุ้มใจเรื่องสนกับแฟนเขานี่แหละ ฉันว่านะ...แม่ตาอย่าเพิ่งไปเชื่อทางนั้นเลย เราเลี้ยงต้นกับสนมาตั้งแต่เด็กๆ เรารู้ว่าเขาเป็นเด็กดี ฉันเองกับพ่อวัฒก็รักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน เขาก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังนะแม่ตา รอให้สนกลับมาแล้วถามสนก่อนดีกว่านะ อย่าเพิ่งไปเชื่อตามเขา ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เขาบอก เราก็จะได้หาทางช่วยสนได้" แม่ของต้นคิดอย่างนั้นจริงๆ เธอไม่เชื่อหรอกว่าสนจะทำแบบนั้นได้ มันต้องมีลับลมคมในบางอย่างอย่างแน่นอน

"แต่เขาว่าเขามีหลักฐานนะแม่พร" แม่ของสนยังไม่วายกลุ้มใจเรื่องนั้น

"แม่ตา...อย่าเพิ่งปักใจเชื่อเลย หลักฐานอะไรนั่นเราก็ไม่เห็น หรือถ้ามีก็อย่าเพิ่งไปมั่นใจว่าจะเป็นของจริง ไม่เห็นในข่าวเหรอที่ว่าดาราเขาตัดต่อภาพกันโครมๆ อย่าเพิ่งมองสนแง่ร้ายแบบนั้นเลยแม่ตา เราเลี้ยงเขามา เราก็รู้จักคนของเราดีพอสมควร" พ่อของต้นปรามบ้าง ทำให้แม่ของสนค่อยๆ คลายความกังวลใจในเรื่องนั้นลงไปได้อีกหน่อย

"ก็ดีเหมือนกันนะแม่ รอถามสนมันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก ถ้าถึงขนาดที่สนมันต้องหนีงานแต่งงาน มันก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ สนมันไม่ใช่คนใจร้ายหรอกแม่ มันไม่ทิ้งผู้หญิงแบบนั้นหรอก นี่ทางนั้นคงไปกดดันอะไรมันเข้า มันก็อาจจะทนไม่ไหว ก็เลยหนีไป" พ่อของสนช่วยให้สติอีกคน ดูเหมือนว่าหลายๆ คนไม่เชื่อในสิ่งที่แม่ของนาพูดนัก

"อืม...ฉันก็ว่าลูกชายของฉันมันก็ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นหรอก แต่ฉันก็ยังไม่พอใจอยู่ดีนั่นที่สนมันพาต้นหนีไปด้วย ทำยังกะพาลูกสาวเขาหนียังไงยังงั้นเลย ตัวเองเดือดร้อนยังไม่พอ ยังจะไปให้เพื่อนมาเดือดร้อนอีก" แม่ของสนยังอดไม่ได้ที่จะกลับมาบ่นเรื่องนี้ด้วยความที่เกรงใจครอบครัวของต้น เห็นสนไปทำให้ต้นเดือดร้อนแบบนั้นจึงไม่ค่อยสบายใจ

แต่สิ่งที่แม่ของสนพูดก็ทำให้พ่อกับแม่ของต้นถึงกับต้องหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าครุ่นคิด ที่ต้องคิดนั้นเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ของต้นเองก็เริ่มสงสัยที่ต้นไม่ยอมมีแฟนกับเขาเสียทีมาพักหนึ่งแล้ว จนขนาดว่าสนจะแต่งงานมีแฟนแล้ว ต้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใคร เห็นอยู่แต่กับสนแล้วก็ทำงาน ว่างก็ไปทำงานอาสาสมัคร

"แม่พรสบายใจเถอะ ฉันน่ะไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก ต้นกับสนมันโตกันแล้ว เขาช่วยเหลือดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก เขาดูแลกันได้ ก็ถือซะว่าเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันก็แล้วกัน เดี๋ยวก็กลับมา ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดหาทางช่วยสนรับมือกับทางนั้นก่อนเถอะ" แม่ของต้นบอก แต่ในใจก็อดคิดเป็นห่วงลูกชายเรื่องนั้นไม่ได้ ถ้าเกิดต้นเป็นแบบนั้นอย่างที่เธอกับสามีสงสัยขึ้นมาจะทำยังไงดีหนอ

"กินข้าวกินปลากันก่อนเถอะ วันนี้พ่อวัฒกับแม่พรก็อยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่เสียก่อนละกันนะ เหนื่อยมาทั้งวันเลยวันนี้ มาช่วยตั้งหลายอย่างเลย" พ่อของสนพยายามตัดบท ถ้าปล่อยให้คุยกันเรื่องนี้ก็คงคุยได้ทั้งคืน แต่ก็คงได้แต่เดากันไป เจ้าตัวที่จะตอบปัญหาได้ก็หนีไปแล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่ารอให้เจ้าตัวเขามาเล่าเองว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้บรรดาพ่อๆ แม่ๆ ทั้งหลายต้องหยุดฟุ้งซ่านไว้ชั่วคราว

----------------------------------------------------------------------

ตกเย็นสนก็พาต้นมาซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ชั่วคราวที่ร้านขายของนักท่องเที่ยวเลียบชายหาด เสร็จแล้วก็มากินอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่สนเล็งๆ ไว้ระหว่างที่ขับรถผ่านมา เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีทีเดียว ค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับร้านใกล้ๆ กันแถวนี้ ขายทั้งอาหารไทยและฝรั่ง

"เดี๋ยวเราไปฉี่ก่อนนะ" สนบอกแล้วก็รีบลุกเดินออกไป ต้นจะเรียกตามก็ไม่ทัน เขาจึงหยิบเมนูมาเลือกอาหารรอไปพลางๆ ก่อน นานพอสมควรทีเดียวจึงได้เห็นสนกลับมา

"ทำไมไปนานจังล่ะ ท้องเสียเหรอ เราก็เลยสั่งอาหารไปก่อน เดี๋ยวนายคอยดูก่อนละกันนะว่าพอไหม หรืออยากกินอะไรเพิ่มก็ค่อยสั่งทีหลัง"

"เปล่า...ไม่ได้เป็นไรหรอก" สนตอบยิ้มๆ "นายสั่งอะไรไปบ้างล่ะ" สนถามพลางหยิบเมนูขึ้นมาดู ต้นจึงสาธยายไปว่าเขาได้สั่งอะไรไปบ้าง

"น่าจะพอแล้วแหละ" สนว่าพลางวางเมนูลง ท่าทางแปลกๆ แบบนี้ทำให้ต้นสงสัยเหมือนกันแต่ต้นก็ไม่ได้ถามอะไร

พออาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ สองหนุ่มก็นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยและสบายใจ ต้นชอบกินปูแต่แกะไม่ค่อยเก่ง สนก็ช่วยแกะให้ ดูเขามีความสุขมากทีเดียวที่ได้ช่วยทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

จนกระทั่งกินกันจนอิ่ม ต้นว่าจะสั่งของหวานมากินแต่สนห้ามไว้ก่อน

"ทำไมล่ะ เราอยากน่ะ" ต้นถามอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมสนต้องห้ามเขากินของหวานด้วย

"เดี๋ยวอ้วน เราจะกอดได้ไม่รอบ" สนแกล้งหยอกเล่น

"บ้า...เราก็ออกกำลังกายนะ บางวันเราก็ไปฟิตเนส ไม่อ้วนหรอก"

ก่อนที่สนจะเริ่มหมดทางห้ามเพราะต้นดูเหมือนอยากจะกินของหวานจริงๆ พนักงานเสิร์ฟก็เอาของที่สนแอบไปสั่งไว้มาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะพอดี พอต้นเห็นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยใหญ่

"อะไรน่ะสน นายไปสั่งเค้กอะไรมาเหรอ ทำไมมีชื่อเรากับนายอยู่บนนี้ด้วยล่ะ มีรูปหัวใจด้วย" ต้นถามด้วยสีหน้าอยากรู้

"ทายสิว่าเค้กอะไร" สนยิ้มมีเลศนัย

ต้นพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก มันไม่ใช่ทั้งวันเกิดของเขาหรือของสน ก็ไม่น่าจะใช่เค้กวันเกิด แล้วมันเป็นเค้กอะไรกันนะ

"นึกไม่ออก...เฉลยดีกว่า เค้กอะไรเหรอ"

สนค่อยๆ ยิ้มกว้าง ยิ่งเห็นต้นทำหน้าฉงนก็ยิ่งชอบใจ

"ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันที่เราจะแต่งงาน ไม่ได้แต่งงานกับเขา ก็แต่งกับนายดีไหม คิดออกหรือยังว่าเป็นเค้กอะไร"

พอได้รู้เท่านั้นแหละ คนฟังก็ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความดีใจและซาบซึ้งใจ ต้นนึกสงสัยอยู่แล้วเชียวเพราะเห็นสนทำท่าทางแปลกๆ ไม่คิดว่าจะทำให้ประหลาดใจแบบนี้

"เค้กแต่งงานของเราสองคนไงต้น" สนบอก

นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก ต้นคงจะต้องโผเข้าไปกอดสนอย่างแน่นอน ต้นมองหน้าสนแล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตาที่ซึมๆ ออกมา

"ขี้แยอีกแล้วแฟนเรา" สนพูดพลางส่งกระดาษเช็ดหน้าบนโต๊ะให้ ต้นรับมาซับน้ำตาแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้

"กินเค้กกันนะ ช่วยกันตัดดีกว่า" สนว่าแล้วก็เขยิบเก้าอี้ของเขาไปนั่งข้างๆ ต้น จากนั้นก็จับที่ตัดเค้กพร้อมกันพร้อมกับตัดเค้กออกเป็นชิ้นๆ นับแล้วก็ได้สี่ชิ้นเท่าๆ กันพอดี

"คนละสองชิ้นนะ" สนบอก พอดีเค้กไม่ได้ชิ้นใหญ่มากนักเพราะเขากะว่าให้กินสองคนหมด

ต้นทำสีหน้ากังวล "โห...สงสัยต้องยอมอ้วนเพื่อเค้กแต่งงานของเราสองคนแล้วล่ะ" แล้วต่างคนก็ต่างขำ

"มื้อนี้เราจ่ายนะ นายค่อยจ่ายมื้อต่อไป" สนรีบบอกดักไว้ เวลาไปกินอาหารด้วยกันแบบนี้ ต้นกับเขาจะช่วยกันออกหรือไม่ก็ผลัดกันเลี้ยง แต่ต้นจะไม่ยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกคนเดียวอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อน ต้นก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร เขาไม่ชอบนักเวลาที่เห็นคนมีแฟนแล้วให้แฟนออกค่าใช้จ่ายทั้งหลายแหล่ให้

ต้นพยักหน้ารับแล้วก็หันมากินเค้กแต่งงานของเขาทั้งสองคนต่อ สลับกับเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กันบ้าง

เกือบๆ สี่ทุ่มสนก็พาต้นกลับมาถึงที่พัก หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานั่งคุยกันบนเตียง เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ค่อยสบายตัวนักเพราะเพิ่งซื้อมาใหม่ แต่ก็พอแก้ขัดไปได้พลางๆ

ต้นเห็นสนคอยบีบๆ บริเวณคอและไหล่ของตัวเองบ่อยๆ ก็เลยถาม

"ปวดคอเหรอสน ให้เรานวดให้ไหม"

"อืม...ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราทำงานกับคอมทั้งวันหรือเปล่า" สนพูดพลางใช้มือบีบๆ บริเวณต้นคอ

"เรานวดให้ละกันนะ" ต้นเขยิบไปนั่งข้างหลังสนแล้วก็ค่อยๆ บีบนวดบริเวณคอและไหล่ให้สน สักพักสนก็บอกให้หยุด

"โอเคแล้วล่ะต้น ค่อยยังชั่วละ" แล้วสนก็หันหน้ามาเผชิญกับต้น

"ทีหลังนายต้องหัดบริหารกล้ามเนื้อคอกับแขนบ่อยๆ นะเวลาทำงานกับคอม พออยู่ท่าเดียวนานๆ มันก็จะปวดเมื่อยได้ เดี๋ยวเราหาข้อมูลมาให้นะว่าต้องทำยังไงบ้าง เราเคยอ่านผ่านๆ แต่จำได้ว่าไม่ยากหรอก"

สนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม

"นายรู้ไหมว่า...คืนแรกของการแต่งงาน บ่าวสาวเขาจะทำอะไรกัน" สนถามพลางจ้องหน้าคนถูกถามอย่างไม่วางตา

"อืม...นั่งดูดาวด้วยกันมั้ง" ต้นแกล้งตอบกวน

"แค่นั้นเองเหรอ อืม...แต่เดี๋ยวนี้แสงไฟเยอะ ไม่ค่อยเห็นดาวหรอก น่าจะมีอะไรต้องทำมากกว่านั้นนะเราว่า"

สนยังจ้องตาแบบนั้นอยู่ ต้นเขินจนต้องรีบแก้เก้อด้วยการทิ้งตัวลงไปนอน

"ไม่รู้เหมือนกัน นอนดีกว่า" ว่าแล้วต้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายพลางหันหน้าไปอีกทาง

สนยิ้มแล้วก็นอนตามลงมา เขาเขยิบไปจนชิดกับต้นแล้วก็ชะโงกหน้าข้ามมาถามว่า "เดี๋ยวเราจะช่วยทำให้นายรู้เองว่าเขาทำอะไรกัน"

ต้นพลิกตัวหันกลับมาทางสน ยังไม่ได้ทันจะได้พูดอะไรเขาก็ถูกจู่โจมด้วยการจูบของสนเสียแล้ว แม้จะไม่ทันตั้งตัวแต่ต้นก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบนั้นได้อย่างไม่ยากนัก จนกระทั่งได้แลกลิ้นชิมความหวานซึ่งกันและกันจนพอใจแล้ว สนก็ปล่อยให้ต้นให้พักหายใจ เตรียมตัวสำหรับการถูกจู่โจมครั้งใหญ่

สนมองหน้าต้นที่ดูเขินอายด้วยรอยยิ้มอย่างไม่วางตา สนยิ้มไปทั้งใบหน้า เขารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน รักที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็พร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคนรักกันกับคนๆ นี้

"ต้น...คืนนี้เราช่วยกันอีกนะ เราจะทำให้นายมีความสุขยิ่งกว่าวันนั้นอีกคอยดูสิ คราวที่แล้วเรายังไม่ค่อยมั่นใจ แต่คราวนี้..."

สนก้มหน้าต่ำลงมาหาคนที่เพิ่งหยุดหอบหายใจไปได้ไม่นานนัก แต่คราวนี้ต้นรู้ตัวแล้วจึงตั้งรับได้ทัน เขาชอบรสจูบของสนเสียจริงๆ แม้ว่าเขาเองก็ไม่เคยจูบกับใครมาก่อนหรอก แต่รสจูบของสนทำให้ต้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ อ่อนปวกเปียกจนละลายไร้สิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่กอดสนไว้แน่นราวกับกลัวว่าร่างของเขาจะหลุดลอยปลิวไป ถ้าจะพูดถึงเรื่องนั้น สนก็ช่วยทำให้คนที่ไม่เคยอย่างเขาผ่านพ้นมันมาได้ด้วยดี ไม่รุนแรงจนทำให้ต้นรู้สึกกลัว นับว่าเขาเป็นคนที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความรู้สึกหรือความต้องการของคนที่เป็นคู่รักมากทีเดียว

-------------------------------------------------------------------

เช้าของอีกวันมาถึงแล้ว แต่ก็สายทีเดียวกว่านาจะลงมากินข้าวเช้าที่แม่ทำเตรียมไว้ให้ได้ สีหน้าเธอดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะนอนร้องไห้เกือบทั้งคืน เห็นสีหน้าของคนเป็นแม่แล้วเธอก็พอจะรู้ว่าแม่ยังไม่หายโกรธนัก นี่ถ้าแม่รู้ว่าเธอเป็นคนที่ทำคลิปนั้นเสียเอง เธอก็คงโดนแม่เล่นงานชุดใหญ่เป็นแน่

"พ่อออกไปแล้วเหรอคะ" นาถามเสียงเบาพลางตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า

"อืม...แล้วนี่จะไปทำงานไหมวันนี้" แม่ของนาพูดพลางจ้องมองอย่างไม่พอใจนัก เบื่อหน่ายกับปัญหาที่ลูกสาวสร้างขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่คบกับสนนั้นก็มีแต่เรื่องแต่ราวมาตลอด

"ทำไมข้าวต้มมันเหม็นอย่างนี้คะแม่" นาไม่ได้ตอบคำถามของแม่แต่ย่นจมูกแล้วก็เบือนหน้าหนี แต่กลิ่นนั่นก็ยังเหม็นอยู่ดีจนนาต้องรีบลุกวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็อาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

แม่ของนาไม่ได้ตามเข้าไปในทันที แต่พอเห็นอาการของลูกสาวแล้วเธอก็ต้องตกใจ เธอเคยมีอาการคล้ายๆ แบบนี้มาก่อน เหม็นอาหารบางชนิด อยู่ใกล้ไม่ได้ แล้วก็อาเจียนแบบนี้ ทำไมอาการของลูกสาวของเธอถึงได้เหมือนกับคน...แพ้ท้อง นาท้องหรือเปล่า!!??

แม่ของนาเดินตามลูกสาวไปแล้วก็ช่วยลูบหลังให้ จนกระทั่งนาหยุดอาเจียน

"นา...แม่ว่า...วันนี้ลูกต้องไปหาหมอนะ"

"ทำไมคะแม่ นาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ" นาแย้ง ถึงเธอจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าได้นอนพักผ่อนร่างกายก็จะกลับฟื้นมาเป็นปกติ

"เพราะแม่กำลังสงสัยว่าหนูจะท้องน่ะสิ" แม่ของนาพูดกระแทกเสียง

นาหันมามองผู้เป็นแม่อย่างตกตะลึง

"จริงเหรอคะแม่ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอาการของคนท้องเหรอคะ"

"ไม่ต้องมาถามแม่เลย คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกหรือไง ท้องกับไอ้หมอนั่นใช่ไหม ทำไมถึงปล่อยให้ท้อง เห็นไหมว่าเขาไม่เอาแกแล้ว ขยันหาแต่เรื่องมาให้พ่อกับแม่ปวดหัว โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตาย นี่แหละน้าเขาว่า...มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน แล้วนี่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อายชาวบ้านชาวช่องเขาจนไม่รู้อายยังไงแล้ว" แม่ของนาตวาดเสียงดัง

แต่สำหรับนา เธอกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เธออาจจะตั้งท้อง ดีเสียอีก นี่แหละที่จะเป็นเหตุผลที่จะทำให้สนต้องกลับมารับผิดชอบเธอ ถ้าเธอท้องจริง สนก็ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นพ่อ เธอกำลังจะมีลูกกับสนหรือนี่ หวังว่า...นี่คงไม่ใช่แค่อาการไม่สบายธรรมดาๆ เท่านั้นหรอกนะ ดีล่ะ...เธอจะไปโรงพยาบาล เธออยากให้หมอบอกเธอว่าเธอกำลังตั้งท้อง เธอจะท้องกับใครอื่นไม่ได้เพราะช่วงนี้เธอมีอะไรกับสนคนเดียวเท่านั้น แม้จะไม่บ่อยเพราะสนไม่ค่อยอยากให้เธอไปยุ่งกับชีวิตเขานัก แต่เธอก็ไม่ได้ท้องกับคนอื่นอย่างแน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:36:53 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
มันไม่ใช่ฟ้าหลังฝนแล้วววววววววววววววววววววววววววววว

ขอให้เป็นแค่เครียด เป็นแค่เครียดเหอะ ดราม่ามากกว่านี้ ไม่ไหวแล้ววว

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:


ทำเอาถ้าไหนชะนีนาถึงท้องได้ล่ะสน สงสารต้นอะ ไม่อยากนึกเลยว่าจะต้องเจ็บปวดยังไง

คนไม่รักแล้วยังไปฉุดกระชากลากถูให้เขามารัก ต่อมัดด้วยเชือกข้างหลังเราไม่ปล่อยให้ไปไหน จะทำไงๆ เขาก็ไม่กลับมารักเราหรอก

ทำใจซะ ชะนีนา -_- จงรู้จุดยืนของชะนีอย่างมีคุณค่า ^^

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
เฮ้ออออออ เครียดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เรื่องชักจะไปกันใหญ่


สนเรียนจบจากไหนมา ถึงไม่รู้จักถุงยาง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อินางงงงงงงงงงงน่าสะพรึงยิ่งนัก

แบบนี้มันเข้าข่ายต้องบำบัดแล้วนะ

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
มันฟ้าหลังฝน หรือ พายุใต้ฝุ่นหลังฝนไล่ช้างล่ะเนี่ย :a5:
นาอย่าท้องเลยนะ หรือ หากท้องขอให้ท้องกับคนอื่นได้มั้ย นาท้องจริงหรอ?.... ไม่นะ ไม่จริงงงงง.... :serius2:
o12 :sad4: :o12:  งื้อ.......ทำไมมันดราม่าสุดชีวิตขนาดนี้...


+1 ค่ะ  :กอด1: :กอด1: มาเร็วมากๆ....
ชอบเวอร์ชั่นใหม่นี้มากค่ะ มันละมุนมากขึ้นและดราม่ามากกว่าเวอร์ชั่นเก่าเยอะเลย  :pig4:

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
อ่านไปอ่านมา นึกว่าเรื่องราวจะเข้าขั้นสุขสักที
แต่ไหงงานนี้ มีเฮอีกแล้วอะ เฮ่อ แล้วเรื่องจะจบไงนี่
สนต้นคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อุปสรรคยังไม่หมด ท้องกับใครล่ะเนี่ยะ

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ช่วงโดนแบล็คเมลเป็นช่วงที่เราคิดว่าสนน่าจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
แต่อาจเป็นเพราะว่าความกลัว  ความไม่กล้า  ทำให้มันเลยเถิดมาไกล  ก็เข้าใจอยู่
จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน  อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจหนีการแต่งงานเราไม่รู้ 
แต่ที่แน่ ๆ หลังจากทำแบบนั้นไปแล้ว  ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย  ปัญหาจะยุติ
จริง ๆ ต้องบอกว่าเรื่องยุ่งยากเพิ่งจะเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก  เพราะสิ่งที่สนทำลงไปกระทบกับสามครอบครัวอย่างจัง
ยังไม่ต้องนับถึงผลกระทบอย่างอื่น  ถ้าเป็นเราคงยังฉลองอะไรไม่ออกแน่ ๆ ใจคงเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ หายใจไม่เต็มปอด
คิดหาทางแก้ปัญหาหัวหมุนไปแล้ว  เพราะไม่รู้และไม่มั่นใจว่าพ่อแม่จะรับมือกับอะไรบ้าง  และจะเข้าใจว่าอย่างไร
... แถมตอนนี้ยังมีปัญหาใหม่เพิ่มมาอีก  กลับมาไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง  เฮ้อ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ใครที่ภูมิต้านทานดราม่าต่ำ ทำใจดีๆ กับตอนนี้ไว้นะครับ  :m15: :monkeysad: :sad11:
ตั้งแต่เขียนนิยายมา ตอนนี้หนักสุดแล้ว


---------------------------------------------

ตอนที่ 34: คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้



สนพาต้นกลับมาที่สวนสนอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คราวนี้สนตั้งใจว่าจะมาแก้มือเสียหน่อย คราวที่แล้วเขาก็มัวแต่วุ่นวายกับปัญหาส่วนตัวกับนา แถมต้นก็ยังควงแฟนมาเย้ยอีก จึงเป็นการมาเที่ยวที่ไม่สนุกสำหรับสนเอาเสียเลย แต่คราวนี้มีแต่เขากับต้นสองคนเท่านั้น แม้จะมีปัญหาที่ยังรอให้กลับไปแก้และคอยรบกวนจิตใจในบางคราว แต่สนก็พยายามที่จะทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีความสุขให้ได้มากที่สุด

สองหนุ่มขี่จักรยานไปตามทางอย่างอารมณ์ดี อากาศยามสายๆ ยังคงเย็นสบายอยู่เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้ขี่จักรยานได้สนุกและเพลิดเพลินใจไม่น้อย สนุกจนกระทั่งหมดชั่วโมงเช่าจักรยานเลยทีเดียว

จากนั้นสองหนุ่มจึงมานั่งคุยกันริมชายทะเล คุยกันบ้าง นั่งนิ่งๆ บ้าง ฟังเสียงลมเสียงคลื่นเพื่อให้ให้ใจที่ยังกังวลกับปัญหาได้พักและสงบลงบ้าง

"ต้น...นายจำได้ไหมว่านายเริ่มชอบเรามาตั้งแต่ตอนไหน" สนถามขึ้นในตอนหนึ่งพลางหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาชอบมองดูแก้มใสๆ และตาแป๋วๆ ของต้น เป็นสิ่งที่ทำให้สนรู้ว่าผู้ชายก็น่ารักได้เหมือนกัน

"โห...นานมาก ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแน่ะ ถ้าจำไม่ผิด...น่าจะเริ่มชอบตั้งแต่อยู่ ม.1 เลย" ต้นตอบพลางทอดสายตาไปยังแนวคลื่นที่เคลื่อนตัวกระทบชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา เสียงคลื่นซัดสาดและลมเย็นๆ ดูเหมือนจะช่วยให้ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในอาณาบริเวณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบทุกคนจึงดูยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข

"นานขนาดนั้นเลยเหรอ...แล้วนายไม่ทรมานใจแย่เลยเหรอต้น" สนทำสีหน้าเห็นใจระคนกับทึ่ง

"อืม...ตอนเด็กๆ ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่พอโตขึ้นก็ลำบากนิดหน่อย แต่เราก็...โอเคกับชีวิตนะ จริงๆ เราน่ะตั้งใจว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่เคยคิดจะบอกใครเลย โดยเฉพาะนาย ก็เรารู้ว่านายไม่ชอบ..." ต้นชำเลืองมองสนแล้วก็หลุบตาลงต่ำ

สนรีบโอบคอต้นไว้แล้วก็ดึงเข้ามาชิดตัว "ก็มันตอนนั้น...แต่ตอนนี้ เรายกเว้นไว้ให้นายคนหนึ่ง นอกจากเราจะไม่รังเกียจแล้ว เรายังรักมากเสียด้วยนะ" สนหันไปยิ้ม เขาค่อยๆ ปล่อยแขนออกแล้วก็ถามต่อไปว่า "แล้วนาย...เคยคิดไหมว่าเราก็อาจจะรู้สึกอย่างนั้นกับนาย อาจจะรู้สึกมานานแล้วก็ได้ เราอาจจะไม่รู้ตัว นายเคยจับสังเกตได้ไหม"

ต้นทำหน้าครุ่นคิด "อืม...ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เราสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นจากนายได้แทบตลอดเวลาเลย อ้อ..นายจำได้ไหมว่าเราชอบเอางานพวกของประดิษฐ์ไปให้นายช่วยทำให้บ่อยๆ ตอน ม.ต้น แล้วเราก็จะคอยนั่งตาแป๋วเป็นกำลังใจให้นาย เวลานายเงยหน้าขึ้นมามองเรา...สายตาของนายทำให้เรารู้สึก...บอกไม่ถูกเหมือนกัน เริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แล้วนายล่ะ นายคิดว่านายรู้สึกกับเราแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน"

สนทำท่าครุ่นคิดบ้าง "อืม...จริงๆ ก็คิดถึงตอนเดียวกับที่นายเพิ่งพูดไปนั่นแหละ แต่ว่า...มันก็คลุมเครือๆ ไม่ชัดเท่าไหร่ เพิ่งจะมารู้สึกตัวจริงๆ ก็ตอนที่เรารู้ว่านาย...เป็นแบบนี้ แล้วนายก็หนีเราไป ต้นเอ๊ย...นายรู้ไหมว่า...ฆ่าเราให้ตายเสียยังจะดีกว่าให้เราต้องมารับรู้ว่านายจะไม่กลับมา มันทรมานมาก เราแทบจะตรอมใจตายเลย ตอนนั้นแหละที่เราคิดว่า...ความรู้สึกมันเริ่มชัดขึ้น แต่มาชัดมากๆ ก็ตอนที่พี่ปิ๊กเข้ามานี่แหละ นึกแล้วก็ขำตัวเอง หึงนายไปทั่วเลย อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้างตอนนั้น รู้แต่ว่าคอยกันท่าสุดฤทธิ์" สนว่าพลางหัวเราะ พอหายขำก็กลับมาพูดต่อ "แต่จริงๆ แล้วเราว่า...ความรักของเราเกิดขึ้นตลอดเวลานะ เริ่มจากความเป็นเพื่อน แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ในตอนหลัง มันเหมือนกับค่อยๆ เปลี่ยนจนเราไม่รู้ตัวว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว"

ต้นพยักหน้าเห็นด้วย "แล้วนาย...คิดว่ามันยากไหมที่นายจะ...ทำใจยอมรับ ไม่รู้สิ เรา...ก็ไม่คิดว่านายเป็นแบบเดียวกับเราหรอก การที่นายอยู่ดีๆ จะรักผู้ชายขึ้นมามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย"

สนเม้มริมฝีปาก ต้นช่างถามได้ตรงกับสิ่งที่เขาอยากให้ต้นถามเสียจริงๆ "ไม่ง่ายหรอก...เราบอกได้เลย เราถึงไม่กล้าบอกรักนายไง รออยู่ตั้งนานเพราะเรากลัวว่าเราอาจจะสับสนระหว่างรักแบบเพื่อนกับรักแบบแฟน หรือไม่ก็อาจจะเป็นแค่ความสงสารเห็นใจ หรืออะไรอย่างอื่นที่เราไม่รู้ แต่พอพี่ทดแทนเข้ามาเท่านั้นแหละ เรามั่นใจอย่างที่สุดเลยว่า...เราไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อนแล้วล่ะ ไม่ใช่ความสงสาร ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น...นอกจากความรัก แต่ว่า...เราก็รู้สึกแบบนี้กับนายคนเดียวนะ กับผู้ชายคนอื่นๆ เราไม่รู้สึกอะไรเลย" สนหันไปยิ้มแล้วก็หันกลับมา มองออกไปข้างหน้าจนสุดลูกหูลูกตาที่เส้นขอบฟ้านั้น

"แล้วนาย...อายคนอื่นหรือเปล่าที่นาย...มีแฟนเป็นผู้ชาย" ไหนๆ ก็ไหนแล้วต้นก็เลยถือโอกาศถามสิ่งที่เขาสงสัยมานานเลยแล้วกัน

"ก็มีบ้าง" สนยอมรับไปตามความจริง "แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะ กลัวนายไม่รักมากกว่า" สนหัวเราะเบาๆ

ต่างคนต่างเงียบไปสักพักแล้วสนก็ถามขึ้นมาว่า "นายจะทำยังไงกับพี่แทนล่ะต้น เขายัง...ชอบนายอยู่ใช่ไหม"

ต้นพยักหน้าพร้อมกับทำหน้าเศร้าเล็กน้อย "แต่เราคุยกับเขาแล้วล่ะ พี่เขาเข้าใจนะ แต่พี่เขาก็ยัง...ยังจะรอเราอยู่ จนกว่าเขาจะไม่อยากรอ"

สนถอนหายใจ จะว่าสงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่ความรัก...มันต้องมีแค่สองคน ถ้าต้นกับเขาตกลงใจและคิดเหมือนกันแล้ว คนอื่นๆ ก็ต้องยอมถอยฉากออกไป ไม่อย่างนั้นแล้วความรักก็จะมีปัญหา

"ความรักก็เป็นอย่างนี้แหละต้น มันต้องมีแค่สองคน ถึงเราจะสงสารเห็นใจแค่ไหน แต่เราก็ต้องเลือกนะต้น ตอนนี้เราเลือกนาย...และนายก็เลือกเรา เราสองคนรักกัน ยังไงคนอื่นๆ เขาก็ต้องเข้าใจความรักของเรา"

สองหนุ่มหันมายิ้มให้กัน แม้ว่าในใจจะรู้สึกพรั่นพรึงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากกลับไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่อยากนึกถึงในตอนนี้

-------------------------------------------------------------------------

ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นขับรถกลับบ้านที่นครปฐม ต้นสังเกตเห็นว่าสนเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้นต้องคอยบีบมือให้กำลังใจอยู่บ่อยๆ พอมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่สนทำก็คือกราบเท้าของพ่อกับแม่ที่เขานำเรื่องไม่สบายใจมาให้ ทำให้พ่อกับแม่มีท่าทางที่อ่อนลงบ้างหลังจากที่ทำท่าจะเอาเรื่องให้หนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทั้งต้นและสนก็ถูกผู้ปกครองทั้งสี่คนซักกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดที่บ้านของสน สนก็เล่าไปตามความจริงที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่เล่าให้ต้นฟัง ยกเว้นเรื่องความสัมพันธ์ของสนกับต้นเท่านั้น

"ตายจริง ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ ทำไปได้ยังไงกัน...ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างเลย" แม่ของต้นอุทานพลางเอามือทาบอกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว "ดีแล้วล่ะแม่พร เป็นฉันนะ ฉันก็ไม่ให้ลูกชายฉันไปแต่งงานอยู่กินกับคนแบบนี้หรอก ดีแล้วล่ะที่สนมันหนีไป อย่าไปแต่งกับคนแบบนั้นเลยสน"

แม่ของสนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็เห็นด้วย แต่ทางโน้นเขาก็เสียหาย นี่ก็จะเรียกร้องค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่ง ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปให้เค้า"

"อะไรนะแม่ เขาจะเรียกค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่งเลยเหรอครับ" สนถามอย่างตกใจ ดูเหมือนต้นเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน พอเห็นแม่พยักหน้าแล้วสนก็ชักโมโหไม่คิดว่าบ้านนั้นเห็นแก่เงินถึงขนาดนี้ แล้วที่ชีวิตเขาเสียหายไปล่ะ ใครจะชดใช้อะไรให้เขาบ้าง

"เอาอย่างนี้ละกันนะครับแม่ ให้ผมไปคุยกับทางนั้นก่อน แม่ของนาเขายังไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนทำคลิปนั้นขึ้นมา ถ้าเขารู้...ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้ามาเรียกร้องความเสียหายจากเราหรอกครับ" แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่สนก็ยังหนักใจอยู่ดี เขาไม่เคยพูดกับคนบ้านนั้นรู้เรื่องเลย พูดทีไรก็เสียเปรียบทุกที

"แต่สนก็ต้องมีหลักฐานว่าเขาเป็นคนทำนะลูก ไม่งั้นเขาก็ดิ้นไปได้เรื่อยๆ เขาเป็นผู้หญิง เขาเสียหายมากกว่า ใครจะไปเชื่อว่าเขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง" พ่อต้นให้ข้อคิดซึ่งมันก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าตอนนี้ปัญหาคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วล่ะ ใครจะถ่ายคลิปหรือใครจะเสียหายจากการล้มการแต่งงานคงไม่สำคัญเท่ากับปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างหนักใจ มีลูกชายก็อาจจะเสียเปรียบในเรื่องนี้ พอเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงก็จะเป็นฝ่ายเสียหายเสมอ บางครั้งสนก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเสียเลยที่สังคมจะเอาแต่โทษผู้ชาย

"ให้ผมลองดูก่อนละกันครับ เผื่อผมจะเจรจากับเขาได้ ที่ผ่านมา...แม่ของนาก็ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน อาจจะทำให้เขาคิดได้ก็ได้ครับ" สนยังยืนยันความคิดเดิม

"ก็ให้สนมันลองดูก่อนละกัน ถ้าเขาว่ายังไงก็ค่อยมาว่ากันอีกที" พ่อสนว่า

แล้วเสียงโทรศัพท์ของแม่สนก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมาแม่ของสนก็ทำหน้าหนักใจ "เขาโทรมาอีกแล้ว สงสัยคงจะโทรมาถามว่าสนกลับมาหรือยัง โทรมาเกือบทั้งวันเลยวันนี้"

"ไม่ต้องไปรับหรอกแม่พร พรุ่งนี้ให้สนจัดการเอง" แม่ต้นบอก

สนได้แต่ทำสีหน้ารู้สึกผิดที่ทำให้พ่อกับแม่และคนอื่นๆ ต้องมาเดือดร้อน พอเสียงโทรศัพท์เงียบลงพ่อของสนก็หันมาตำหนิลูกชาย

"แล้วทำไมสนต้องพาต้นหนีไปด้วยล่ะ ทำไมไม่รู้จักเกรงใจพ่อวัฒกับแม่พรเขาบ้าง ต้นเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ สนกำลังทำให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนด้วยรู้หรือเปล่า ทำเพื่อนเสียงานเสียการหมดเลย"

แววตาตำหนิของพ่อนั้นทำให้สนรู้สึกกลัวจนต้องหลบตา พ่อกับแม่ของสนชอบเรียกพ่อของต้นว่าพ่อวัฒเพราะพ่อของต้นชื่อจริงว่าวัฒนา แต่สนชอบเรียกชื่อเล่นว่าพ่อแอ๊ดมากกว่า

ต้นกับสนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สนก็ลืมคิดไปว่าต้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นเขาเห็นต้นกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยอยากจะพาต้นหนีออกไปให้พ้นจากสภาพนั้น แต่เขาจะบอกพ่อกับแม่ว่าอย่างไรล่ะ ส่วนต้นจะบอกว่าเขาวิ่งตามสนไปเองก็คงไม่ได้เพราะใครๆ ก็เห็นว่าสนวิ่งมาฉุดเขาออกไป เขาไม่ได้วิ่งตามไปเอง

"คือ..." สนอึกอัก มองหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองที แล้วก็หันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของต้นที

"พ่อคำ...ฉันกับพ่อแอ๊ดก็ไม่ติดใจอะไรหรอกนะเรื่องนั้น อย่าไปกดดันสนมันเพิ่มอีกเรื่องเลย แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวสนก็กลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว" แม่ของต้นรีบปราม เธอรักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน บางทีก็มักจะให้ท้ายอยู่บ่อยๆ

สนยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ของต้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด "ผมขอโทษครับพ่อแอ๊ด...แม่พร ที่พาต้นไปเดือดร้อนด้วย"

"ไม่เดือดร้อนหรอกครับ สนดูแลผมเป็นอย่างดี ผมเองก็อยากไปกับสนด้วยเพราะว่าสนเป็นเพื่อนผม ผมเป็นห่วงสนน่ะครับ ถ้าสนอยู่คนเดียวสนอาจจะแย่ได้ อีกอย่าง...ผมก็ลางานไว้แล้วครับ ไม่เสียงานเสียการเลยครับ" ต้นพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน พอต้นพูดแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของสนจะค่อยๆ คลายกังวลเรื่องนี้ลงไปได้มากทีเดียว ใครๆ ในบ้านสนก็รักต้นทั้งนั้น พอต้นพูดแล้วทุกคนก็พลอยเห็นด้วยไปอย่างง่ายดาย

"น้าสาวล่ะครับแม่" สนถามพลางหันไปมองหา

"พักอยู่โรงแรมที่กรุงเทพโน่นแหละ บ้านเรามันร้อน น้าเขยเขาอยู่ไม่ได้" แม่สนตอบ สีหน้าก็ยังคงกังวลอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น โมโหลูกชายก็โมโหอยู่ แต่ก็เป็นลูก ก็ยังดีที่สนกลับมารับผิดชอบและจะแก้ปัญหาที่เขาก่อขึ้นเอง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าสนจะเสียทีเขาอีกเพราะสนไม่ค่อยทันคน โดนเขาหลอกล่อด้วยวาจาก็อาจจะไปติดกับดักเขาอีกก็ได้

--------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดสนก็ตามมาเจอ...หญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตของเขาได้ไม่กี่ปี แต่ก็ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจนแทบจะอยู่ไม่ได้ นานั่งรอเขาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านของเธอ สีหน้าเธอดูบึ้งตึงระคนเศร้าสร้อยจนสังเกตได้ พอรู้ว่าสนมาถึงเธอก็หันมามองแล้วก็ยืนขึ้น

สนหยุดมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ เข้าไปหา คนเริ่มทยอยเข้ามาในสวนสาธารณะมากขึ้นเพราะเป็นช่วงที่คนเลิกงาน คนที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ก็มาวิ่งออกกำลังกายกัน แต่บริเวณที่สนกับนานัดพบกันก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาวุ่นวายมากนัก ถึงมีคนเข้ามา พอรู้ว่ามีคนอยู่ในศาลา คนอื่นๆ ก็จะค่อยๆ เลี่ยงไปเอง

"พี่ขอโทษนะนาที่ต้องทำแบบนี้...ก็อย่างที่พี่บอก...พี่ไม่ได้รักนา พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว" นั่นคือสิ่งแรกที่สนพูดกับคนที่เกือบจะได้มาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาหลังจากที่ล้มงานแต่งงานนั้นไป

"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ แล้วก็หันไปทางอื่น

"เราคุยกันเรื่องนี้มามากแล้ว แต่พี่ก็อยากจะบอกนาเหมือนเดิมว่า...ไม่ว่านาจะพยายามมากแค่ไหน พี่ก็รักนาไม่ได้ รักไม่ได้จริงๆ ที่พี่ตัดสินใจล้มงานแต่งงาน เพราะว่าพี่...ไม่อยากให้นาต้องมีชีวิตที่ทนทุกข์ทรมานกับคนที่เขาไม่ได้รักนา และไม่มีวันที่จะรัก"

สนพูดแบบนี้อีกแล้ว นาอยากจะกรีดร้องใส่หน้าเขาจริงๆ ทุกครั้งที่ได้ยิน เมื่อไหร่เขาจะเลิกพูดเรื่องนี้กับเธอเสียทีนะ ทำไมถึงได้ชอบทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้ อยากรู้นักว่าถ้าสนรู้สิ่งที่เธอกำลังจะบอกต่อไปนี้ สนจะรู้สึกยังไง

"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ เช่นเดิม แต่สีหน้าก็เริ่มมึนตึงมากขึ้น

"ไม่รักนาก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่...ต้องรักลูกของเราด้วย"

สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจนักว่าเขาฟังผิดหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่เขาจึงได้ยินแบบนั้น

"นาพูดว่าอะไรนะ" สนถามด้วยเสียงที่เริ่มสั่น นึกหวั่นใจว่าจะมีข่าวร้ายที่อาจจะทำให้เขาช็อกไปเลยก็ได้

นาเห็นอาการแบบนั้นของสนแล้วก็ได้แต่สะใจ "เอาเป็นว่า...เรื่องคลิปนั่น หรือเรื่องล้มงานแต่งงาน ลืมมันไปเถอะค่ะ ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ..." นาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะยิ้มเยาะคนที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วก็พูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า "นาท้องค่ะ"

เหมือนมีค้อนหนักๆ มาทุบที่หัวของสน เขายืนเซจนแทบจะทรงกายไม่อยู่กับสิ่งที่ได้ยินเป็นครั้งที่สอง นี่มันคือเรื่องจริงหรือ สนนึกว่าชีวิตเขาจะได้เป็นอิสระแล้ว ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ น้ำตาของสนค่อยๆ รินไหลลงมา คนที่เขานึกถึงคนแรกก็คือต้น ต้นจะเจ็บแค่ไหนที่ได้รู้เรื่องนี้

"คงไม่ต้องถามนะคะว่านาท้องกับใคร ถึงนาจะไม่ใช่คนดีนัก แต่นาก็ไม่ได้มั่ว ก็มีแต่พี่คนเดียวเท่านั้นที่นามีอะไรด้วย" นาตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก แล้วก็ยื่นผลตรวจครรภ์ที่เธอเตรียมมาด้วยให้สนดูเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดโกหกขึ้นมาลอยๆ

สนเห็นแล้วก็ยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก "นาท้องได้ยังไง ก็ในเมื่อ...เราก็ป้องกันทุกครั้ง แล้วพี่...ก็มีอะไรกับเธอแค่ไม่กี่ครั้ง" สนยังไม่วายสงสัย เขาจำได้ว่าเขาป้องกันทุกครั้งจริงๆ แล้วมันจะผิดพลาดได้ยังไงกัน

"ค่ะ...ป้องกันทุกครั้ง ก็ไม่น่าจะพลาดนะคะ แต่ทำไมมันถึงได้พลาดก็ไม่รู้นะคะ" นาแค่นหัวเราะ

สนค่อยๆ นึกย้อนทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไปพลาดตรงไหน แล้วสนก็เริ่มจำได้ วันนั้น...เขาพานาไปดูชุดแต่งงานตอนเย็นๆ แล้วนาก็ขอกลับมาพักที่คอนโดเขา ปกติสนจะใช้ถุงยางอนามัยที่เขาซื้อมาใช้เองตลอด แต่วันนั้น...นาเป็นคนเอามาให้เขาเอง เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร สนมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในความร้ายกาจของเธอ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำสิ่งที่น่ารังเกียจได้หลายอย่างเหลือเกิน

"นา...ทำไมนาทำแบบนี้ เราเคยโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน ทำไมจะต้องทำลายชีวิตฉันขนาดนี้" สนร้องไห้ ปากสั่นระริก ร่างกายสั่นเทิ้มจนเขาแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่เขาจะไม่ทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด เขาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองจาก "พี่" เป็น "ฉัน" เขาสัญญาว่าจะไม่เรียกตัวเองแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ของลูกเขาก็ตาม

"จะด่าอะไรก็ด่าไปเถอะค่ะ นาเบื่อที่จะฟังแล้ว ไม่รักนาก็ไม่เป็นไร แต่ต้องรักลูกของเรา เขาเกิดมาแล้ว หรือจะทิ้งให้นาท้องไม่มีพ่อคะ จะเอาอย่างนั้นไหมคะ แค่นี้นาก็อับอายมากพอแล้ว จะอายอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก" นาเงยหน้า กะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา

"ไม่ต้องมาประชดฉัน จะเอายังไงก็ว่ามา" สนเสียงดังบ้าง

นาหันขวับมามองอย่างไม่พอใจทันที "ก็รับผิดชอบสิ นาเป็นเมียพี่แล้ว มีลูกกับพี่แล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากได้ของมีตำหนิแบบนี้ ก็ทำให้นาเป็นแบบนี้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบหรือไง หรือจะให้นาไปบอกแม่ให้เรียกร้องค่าเสียหายคะ แต่ไม่ว่าจะเรียกร้องหรือไม่เรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ หมามันยังรักลูกของมันนะคะ" พูดจบแล้วนาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็ไม่ได้ดูน่าสงสารสำหรับสนเลย

สนค่อยๆ ถอยหลังไปพิงกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ถ้าเขาต้องรับผิดชอบก็หมายความว่า...ความรักของเขากับต้นก็จะไปต่อไม่ได้ ถ้าเขามีลูกแล้วก็เท่ากับว่าเขาก็ต้องเลิกหวังที่จะกลับไปหาต้นในฐานะคนรักกัน ถ้าต้นรู้...สนไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดเขาก็เจ็บปวดจนอยากจะกลั้นหายใจให้ตายตรงนี้เสียด้วยซ้ำ

เขาจะมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ ไม่คิดเลยว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นทำให้ชีวิตสนต้องผิดพลาดมากถึงขนาดนี้

"เธออยากได้ตัวฉันมากใช่ไหมนา ได้...ฉันจะรับผิดชอบก็ได้ แต่...เธอจะต้องไปตรวจดีเอ็นเอ ถ้าไม่ใช่...ฉันก็จะไม่ว่าอะไร แต่ขอให้เราเลิกแล้วต่อกัน แต่ถ้าเป็นลูกของฉัน ฉันก็ยินดีจะรับผิดชอบ แต่ฉันจะไม่จดทะเบียนกับเธอ ฉันจะทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อฉันรู้สึกรักเธอขึ้นมาเท่านั้น และฉันก็ไม่เชื่อว่าจะมีวันนั้น ที่สำคัญ ฉันจะไม่มีอะไรกับเธออีก สิ่งที่เธอจะได้ก็คืออิสรภาพของฉัน...แค่นั้น แต่เธอจะไม่ได้ทั้งตัวและใจของฉัน เพราะฉัน...รู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่เธอทำมาก ที่ฉันยอม...เพราะฉันเห็นแก่ลูกของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น"

นายืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่สนพูด ทำไมสนถึงไม่เคยรักเธอเลย ที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะเธอรักผู้ชายคนนี้ ตอนหลังๆ ก็พยายามทำตัวดีๆ คอยเอาอกเอาใจ แต่เขาก็ไม่เคยรักเธอเลย ก็ได้...ก็ให้มันเป็นแบบนี้แหละ แต่เธอก็ยังแอบหวังว่า เมื่อเธอเป็นแม่ของลูกเขา เขาก็คงจะรักเธอในสักวัน เขาว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจของพ่อกับแม่ เธอก็คงยังพอมีหวัง...

------------------------------------------------------------

พอสนกลับมาบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ฟัง แม่ของสนก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปอีกครา สนขอร้องพ่อกับแม่ว่ายังไม่ให้บอกเรื่องนี้กับครอบครัวของต้น จนกว่าผลตรวจดีเอ็นเอจะออกมา จนเมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผลการตรวจดีเอ็นเอก็ปรากฎว่า...สนเป็นพ่อของเด็กในท้องของนาจริงๆ!!!

สนสูดหายใจยาวเข้าปอดลึกๆ เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องของต้น เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ควรจะต้องมาบอกต้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้ต้นรู้จากคนอื่น แต่สนก็กลัวเหลือเกิน ต้นคงช็อกและเสียใจไม่น้อย เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทนเห็นต้นเจ็บปวดได้หรือเปล่า แต่ยังไงเขาก็ต้องบอกต้นเรื่องนี้

สนเคาะประตูห้อง วันนี้เป็นวันหยุด ต้นคงไม่ได้ไปไหน ไม่นานนักเจ้าของห้องที่สนแสนจะคิดถึงก็มาเปิดประตู ต้นยิ้มตาแป๋วเมื่อเห็นสนมาหา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้นปล่อยให้สนจัดการกับปัญหาส่วนตัวของเขาไป แต่ก็คอยโทรถามความคืบหน้าอยู่เรื่อยๆ วันนี้สนมาก็ดีแล้วต้นจะได้ถามความคืบหน้าทั้งหมดเสียทีเดียว

"มาแล้วเหรอ เข้ามาก่อนสิ" ต้นบอกพลางยิ้มดีใจ แต่สีหน้าคนมากลับดูเศร้าเสียจนต้นใจคอไม่ดี

สนเดินเข้ามาในห้องของต้น ปิดประตูแล้วสนก็ดึงต้นมากอดแล้วก็ร่ำไห้อย่างสุดกลั้นจนตัวสั่นเทิ้ม "ต้น...เราขอโทษ...เราขอโทษ"

ต้นได้แต่ตกตะลึง นี่แสดงว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ เลย สนถึงได้สะอื้นหนักน้ำตาไหลพรากราวกับจะขาดใจแบบนี้

"เกิดอะไรขึ้นเหรอสน นายร้องไห้ทำไม" ต้นถามอย่างเป็นห่วง

"ต้น...เราขอโทษ...เราหมดอิสรภาพแล้ว เราคงรักกันไม่ได้อีกแล้วต้น...เราผิดเอง เราพลาดไปเอง" แล้วสนก็ทรุดลงนั่งกับพื้นเพราะหมดเรี่ยวแรงจนทรงกายไม่อยู่ เขาร้องไห้ราวกับคนที่สูญสิ้นทุกอย่างที่เขารักไปแล้ว

"อะไรเหรอสน นายหมดอิสรภาพยังไง" ต้นถามพลางย่อตัวลงมานั่งด้วย พร้อมๆ กับเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับฟังข่าวร้ายที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย

สนเงยหน้ามองคนที่เขารักสุดหัวใจด้วยคราบน้ำตาที่เต็มใบหน้าและยังคงไหลมาไม่หยุดหย่อน "ต้น...นาเขาท้อง...ท้องกับเรา เรากำลังจะมีลูกกับเขา เราพาเขาไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว เขาเป็นลูกของเราจริงๆ"

เหมือนโลกทั้งโลกเงียบงัน ต้นไม่ได้ยินเสียงสนพูดตั้งแต่ประโยคที่ถัดจากสนบอกว่านาท้องแล้ว เขาหูอื้อตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าโลกถล่มหรือฟ้าทลาย มิน่าล่ะ สนถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจอย่างนี้ ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกและโหดร้ายกับสนและเขาเหลือเกิน

"เราขอโทษ..." สนขอโทษซ้ำอีกครั้ง แม้มันจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากบอกให้ต้นรู้ว่าเขาเองเสียใจมากแค่ไหน

ต้นพูดอะไรไม่ออก มันจุกไปหมด น้ำตาเขาค่อยๆ ไหลรินลงมา

"อย่าร้องไห้...ต้นอย่าร้องไห้สิ เราไม่อยากเห็นนายร้องไห้อีกแล้ว เราไม่อยากให้นายเสียใจเพราะเราอีกแล้ว...ต้นอย่าร้องไห้" สนรำพัน เขาเอามือจับใบหน้าต้นไว้ ใช้นิ้วป้ายน้ำตาของต้นที่ไหลออกไป แต่ต้นก็ไม่หยุดร้องไห้ สนเจ็บจนแทบจะขาดใจจนเขาต้องดึงต้นมากอดไว้อีกครั้ง ต้นกอดสนไว้แน่น ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ร้องไห้กันอยู่อย่างนั้น

"อาทิตย์หน้า...เขาจะย้ายมาอยู่กับเรา...เราเกลียดตัวเองเหลือเกินต้น เราทำอะไรไปก็ไม่รู้...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูก แล้วก็นาย เราเกลียดตัวเองที่ทำให้นายเจ็บ...ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว นายจะเกลียดเราเราก็ไม่ว่านะต้น ให้นายเกลียดเรามันยังดีเสียกว่าที่จะให้นายรัก คนอย่างเราไม่มีค่าพอที่นายจะรักเลย เกลียดเราเถอะต้น เราอยากให้นายเกลียดเรา เกลียดคนที่ผิดสัญญา เกลียดคนที่ทำให้นายเสียใจ เกลียดเรานะต้น"

ยิ่งสนพูดแบบนั้นต้นก็ยิ่งกอดสนแน่นขึ้น เขารู้ว่าสนเสียใจและผิดหวังมากแค่ไหนที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ อุตส่าห์วาดฝันชีวิตหลังจากนี้ไว้อย่างสวยหรู อุตส่าห์เตรียมตัวหลายอย่างที่จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อุตส่าห์ว่าจะไปคุยกับพ่อและแม่เพื่อให้ยอมรับและเข้าใจ 'สน...เรารู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดของนาย นายอย่าโทษตัวเองอีกเลย นายทำดีที่สุดแล้ว...' ต้นพูดในใจ แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าต้นพูดออกมาสักนิด ต้นก็อาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่สนกำลังจะพูดต่อไปนี้

"ในเมื่อเราเป็นคนผิดสัญญากับนาย ว่าจะไม่ทำให้นายเจ็บอีก เราก็คงจะไม่กล้าเอาหน้าคนขี้ขลาดแบบนี้มาให้นายเห็น เราขอโทษนะต้น...เราคงจะต้องทำตามที่เราสัญญากับนายเอาไว้ เราไม่ได้อยากไป แต่มันเป็นสัญญาที่เราพูดเอง เราไม่อยากอยู่แล้วเห็นนายเจ็บแบบนี้ เราไม่อยากกักขังชีวิตของนายไว้กับเราเพราะเราก็ไม่มีความหวังอะไรให้นายแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น...เรารักนายนะ รักที่สุดในชีวิตและเราจะรักตลอดไป แต่คนอย่างเราคงไม่มีวาสนาที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับนาย แม้แต่จะเป็นเพื่อน...เราก็ไม่คู่ควร ถึงเราไม่อยู่...เราก็เป็นห่วงนายเหมือนเดิมนะต้น เราขอให้นายได้เจอคนที่ดีๆ กว่าเรา อย่ารักเราเลย นายผิดหวังกับเรามามากแล้ว"

สนค่อยๆ ผละตัวออกจากต้น ต้นจ้องหน้าสนด้วยสีหน้าสงสัยสุดขีด "นายหมายความว่าไงสน"

สนค่อยๆ หยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก็วางลงตรงหน้าต้น

"คราวนี้...เราคงไม่ได้ใช้จริงๆ แล้วล่ะ ลาก่อนนะต้น ลืมคนที่ผิดสัญญาคนนี้ซะ ต่อจากนี้ไป เราคงจะไม่กล้ามาให้นายเห็นหน้าอีกแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น เราไปก่อนนะ...ที่รักของเรา" สนพูดแล้วก็ลุกพรวดขึ้น เขาอยู่ใกล้ตรงประตูพอดีจึงรีบเปิดประตูแล้วก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

ต้นได้แต่นั่งงง ประมวลผลแทบจะไม่ทันด้วยซ้ำว่าสนกำลังบอกอะไรเขาอยู่ เขาไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่า...สนจากเขาไปแล้วและจะไม่กลับมาหาอีก!!!

TO BE CONTINUED

-----------------------------------------------

ตอนที่ลงเรื่องนี้ครั้งแรกๆ มีคนถามว่า แล้วถ้าเกิดนาตั้งท้องกับสนจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง
ก็เลยเป็นที่มาของเวอร์ชั่นนี้ครับ
เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ เพราะชีวิตจริง เกย์ที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนก็เจอเหตุการณ์นี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:37:40 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
" มั่นใจว่าคนไทยเกินล้าน อยากให้นานี่ตรวจ DNA " 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด