ใครที่ภูมิต้านทานดราม่าต่ำ ทำใจดีๆ กับตอนนี้ไว้นะครับ
ตั้งแต่เขียนนิยายมา ตอนนี้หนักสุดแล้ว---------------------------------------------
ตอนที่ 34: คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้สนพาต้นกลับมาที่สวนสนอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คราวนี้สนตั้งใจว่าจะมาแก้มือเสียหน่อย คราวที่แล้วเขาก็มัวแต่วุ่นวายกับปัญหาส่วนตัวกับนา แถมต้นก็ยังควงแฟนมาเย้ยอีก จึงเป็นการมาเที่ยวที่ไม่สนุกสำหรับสนเอาเสียเลย แต่คราวนี้มีแต่เขากับต้นสองคนเท่านั้น แม้จะมีปัญหาที่ยังรอให้กลับไปแก้และคอยรบกวนจิตใจในบางคราว แต่สนก็พยายามที่จะทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีความสุขให้ได้มากที่สุด
สองหนุ่มขี่จักรยานไปตามทางอย่างอารมณ์ดี อากาศยามสายๆ ยังคงเย็นสบายอยู่เพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ทำให้ขี่จักรยานได้สนุกและเพลิดเพลินใจไม่น้อย สนุกจนกระทั่งหมดชั่วโมงเช่าจักรยานเลยทีเดียว
จากนั้นสองหนุ่มจึงมานั่งคุยกันริมชายทะเล คุยกันบ้าง นั่งนิ่งๆ บ้าง ฟังเสียงลมเสียงคลื่นเพื่อให้ให้ใจที่ยังกังวลกับปัญหาได้พักและสงบลงบ้าง
"ต้น...นายจำได้ไหมว่านายเริ่มชอบเรามาตั้งแต่ตอนไหน" สนถามขึ้นในตอนหนึ่งพลางหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาชอบมองดูแก้มใสๆ และตาแป๋วๆ ของต้น เป็นสิ่งที่ทำให้สนรู้ว่าผู้ชายก็น่ารักได้เหมือนกัน
"โห...นานมาก ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแน่ะ ถ้าจำไม่ผิด...น่าจะเริ่มชอบตั้งแต่อยู่ ม.1 เลย" ต้นตอบพลางทอดสายตาไปยังแนวคลื่นที่เคลื่อนตัวกระทบชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา เสียงคลื่นซัดสาดและลมเย็นๆ ดูเหมือนจะช่วยให้ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในอาณาบริเวณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบทุกคนจึงดูยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข
"นานขนาดนั้นเลยเหรอ...แล้วนายไม่ทรมานใจแย่เลยเหรอต้น" สนทำสีหน้าเห็นใจระคนกับทึ่ง
"อืม...ตอนเด็กๆ ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่พอโตขึ้นก็ลำบากนิดหน่อย แต่เราก็...โอเคกับชีวิตนะ จริงๆ เราน่ะตั้งใจว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่เคยคิดจะบอกใครเลย โดยเฉพาะนาย ก็เรารู้ว่านายไม่ชอบ..." ต้นชำเลืองมองสนแล้วก็หลุบตาลงต่ำ
สนรีบโอบคอต้นไว้แล้วก็ดึงเข้ามาชิดตัว "ก็มันตอนนั้น...แต่ตอนนี้ เรายกเว้นไว้ให้นายคนหนึ่ง นอกจากเราจะไม่รังเกียจแล้ว เรายังรักมากเสียด้วยนะ" สนหันไปยิ้ม เขาค่อยๆ ปล่อยแขนออกแล้วก็ถามต่อไปว่า "แล้วนาย...เคยคิดไหมว่าเราก็อาจจะรู้สึกอย่างนั้นกับนาย อาจจะรู้สึกมานานแล้วก็ได้ เราอาจจะไม่รู้ตัว นายเคยจับสังเกตได้ไหม"
ต้นทำหน้าครุ่นคิด "อืม...ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เราสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นจากนายได้แทบตลอดเวลาเลย อ้อ..นายจำได้ไหมว่าเราชอบเอางานพวกของประดิษฐ์ไปให้นายช่วยทำให้บ่อยๆ ตอน ม.ต้น แล้วเราก็จะคอยนั่งตาแป๋วเป็นกำลังใจให้นาย เวลานายเงยหน้าขึ้นมามองเรา...สายตาของนายทำให้เรารู้สึก...บอกไม่ถูกเหมือนกัน เริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แล้วนายล่ะ นายคิดว่านายรู้สึกกับเราแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหน"
สนทำท่าครุ่นคิดบ้าง "อืม...จริงๆ ก็คิดถึงตอนเดียวกับที่นายเพิ่งพูดไปนั่นแหละ แต่ว่า...มันก็คลุมเครือๆ ไม่ชัดเท่าไหร่ เพิ่งจะมารู้สึกตัวจริงๆ ก็ตอนที่เรารู้ว่านาย...เป็นแบบนี้ แล้วนายก็หนีเราไป ต้นเอ๊ย...นายรู้ไหมว่า...ฆ่าเราให้ตายเสียยังจะดีกว่าให้เราต้องมารับรู้ว่านายจะไม่กลับมา มันทรมานมาก เราแทบจะตรอมใจตายเลย ตอนนั้นแหละที่เราคิดว่า...ความรู้สึกมันเริ่มชัดขึ้น แต่มาชัดมากๆ ก็ตอนที่พี่ปิ๊กเข้ามานี่แหละ นึกแล้วก็ขำตัวเอง หึงนายไปทั่วเลย อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้างตอนนั้น รู้แต่ว่าคอยกันท่าสุดฤทธิ์" สนว่าพลางหัวเราะ พอหายขำก็กลับมาพูดต่อ "แต่จริงๆ แล้วเราว่า...ความรักของเราเกิดขึ้นตลอดเวลานะ เริ่มจากความเป็นเพื่อน แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ในตอนหลัง มันเหมือนกับค่อยๆ เปลี่ยนจนเราไม่รู้ตัวว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว"
ต้นพยักหน้าเห็นด้วย "แล้วนาย...คิดว่ามันยากไหมที่นายจะ...ทำใจยอมรับ ไม่รู้สิ เรา...ก็ไม่คิดว่านายเป็นแบบเดียวกับเราหรอก การที่นายอยู่ดีๆ จะรักผู้ชายขึ้นมามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย"
สนเม้มริมฝีปาก ต้นช่างถามได้ตรงกับสิ่งที่เขาอยากให้ต้นถามเสียจริงๆ "ไม่ง่ายหรอก...เราบอกได้เลย เราถึงไม่กล้าบอกรักนายไง รออยู่ตั้งนานเพราะเรากลัวว่าเราอาจจะสับสนระหว่างรักแบบเพื่อนกับรักแบบแฟน หรือไม่ก็อาจจะเป็นแค่ความสงสารเห็นใจ หรืออะไรอย่างอื่นที่เราไม่รู้ แต่พอพี่ทดแทนเข้ามาเท่านั้นแหละ เรามั่นใจอย่างที่สุดเลยว่า...เราไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อนแล้วล่ะ ไม่ใช่ความสงสาร ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น...นอกจากความรัก แต่ว่า...เราก็รู้สึกแบบนี้กับนายคนเดียวนะ กับผู้ชายคนอื่นๆ เราไม่รู้สึกอะไรเลย" สนหันไปยิ้มแล้วก็หันกลับมา มองออกไปข้างหน้าจนสุดลูกหูลูกตาที่เส้นขอบฟ้านั้น
"แล้วนาย...อายคนอื่นหรือเปล่าที่นาย...มีแฟนเป็นผู้ชาย" ไหนๆ ก็ไหนแล้วต้นก็เลยถือโอกาศถามสิ่งที่เขาสงสัยมานานเลยแล้วกัน
"ก็มีบ้าง" สนยอมรับไปตามความจริง "แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะ กลัวนายไม่รักมากกว่า" สนหัวเราะเบาๆ
ต่างคนต่างเงียบไปสักพักแล้วสนก็ถามขึ้นมาว่า "นายจะทำยังไงกับพี่แทนล่ะต้น เขายัง...ชอบนายอยู่ใช่ไหม"
ต้นพยักหน้าพร้อมกับทำหน้าเศร้าเล็กน้อย "แต่เราคุยกับเขาแล้วล่ะ พี่เขาเข้าใจนะ แต่พี่เขาก็ยัง...ยังจะรอเราอยู่ จนกว่าเขาจะไม่อยากรอ"
สนถอนหายใจ จะว่าสงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่ความรัก...มันต้องมีแค่สองคน ถ้าต้นกับเขาตกลงใจและคิดเหมือนกันแล้ว คนอื่นๆ ก็ต้องยอมถอยฉากออกไป ไม่อย่างนั้นแล้วความรักก็จะมีปัญหา
"ความรักก็เป็นอย่างนี้แหละต้น มันต้องมีแค่สองคน ถึงเราจะสงสารเห็นใจแค่ไหน แต่เราก็ต้องเลือกนะต้น ตอนนี้เราเลือกนาย...และนายก็เลือกเรา เราสองคนรักกัน ยังไงคนอื่นๆ เขาก็ต้องเข้าใจความรักของเรา"
สองหนุ่มหันมายิ้มให้กัน แม้ว่าในใจจะรู้สึกพรั่นพรึงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากกลับไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่อยากนึกถึงในตอนนี้
-------------------------------------------------------------------------
ตอนบ่ายๆ สนก็พาต้นขับรถกลับบ้านที่นครปฐม ต้นสังเกตเห็นว่าสนเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้นต้องคอยบีบมือให้กำลังใจอยู่บ่อยๆ พอมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่สนทำก็คือกราบเท้าของพ่อกับแม่ที่เขานำเรื่องไม่สบายใจมาให้ ทำให้พ่อกับแม่มีท่าทางที่อ่อนลงบ้างหลังจากที่ทำท่าจะเอาเรื่องให้หนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทั้งต้นและสนก็ถูกผู้ปกครองทั้งสี่คนซักกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดที่บ้านของสน สนก็เล่าไปตามความจริงที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่เล่าให้ต้นฟัง ยกเว้นเรื่องความสัมพันธ์ของสนกับต้นเท่านั้น
"ตายจริง ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ ทำไปได้ยังไงกัน...ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างเลย" แม่ของต้นอุทานพลางเอามือทาบอกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว "ดีแล้วล่ะแม่พร เป็นฉันนะ ฉันก็ไม่ให้ลูกชายฉันไปแต่งงานอยู่กินกับคนแบบนี้หรอก ดีแล้วล่ะที่สนมันหนีไป อย่าไปแต่งกับคนแบบนั้นเลยสน"
แม่ของสนถอนหายใจอย่างหนักใจ "ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็เห็นด้วย แต่ทางโน้นเขาก็เสียหาย นี่ก็จะเรียกร้องค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่ง ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปให้เค้า"
"อะไรนะแม่ เขาจะเรียกค่าเสียหายตั้งล้านหนึ่งเลยเหรอครับ" สนถามอย่างตกใจ ดูเหมือนต้นเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน พอเห็นแม่พยักหน้าแล้วสนก็ชักโมโหไม่คิดว่าบ้านนั้นเห็นแก่เงินถึงขนาดนี้ แล้วที่ชีวิตเขาเสียหายไปล่ะ ใครจะชดใช้อะไรให้เขาบ้าง
"เอาอย่างนี้ละกันนะครับแม่ ให้ผมไปคุยกับทางนั้นก่อน แม่ของนาเขายังไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนทำคลิปนั้นขึ้นมา ถ้าเขารู้...ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้ามาเรียกร้องความเสียหายจากเราหรอกครับ" แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่สนก็ยังหนักใจอยู่ดี เขาไม่เคยพูดกับคนบ้านนั้นรู้เรื่องเลย พูดทีไรก็เสียเปรียบทุกที
"แต่สนก็ต้องมีหลักฐานว่าเขาเป็นคนทำนะลูก ไม่งั้นเขาก็ดิ้นไปได้เรื่อยๆ เขาเป็นผู้หญิง เขาเสียหายมากกว่า ใครจะไปเชื่อว่าเขาเป็นคนทำขึ้นมาเอง" พ่อต้นให้ข้อคิดซึ่งมันก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าตอนนี้ปัญหาคงไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วล่ะ ใครจะถ่ายคลิปหรือใครจะเสียหายจากการล้มการแต่งงานคงไม่สำคัญเท่ากับปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างหนักใจ มีลูกชายก็อาจจะเสียเปรียบในเรื่องนี้ พอเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงก็จะเป็นฝ่ายเสียหายเสมอ บางครั้งสนก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเสียเลยที่สังคมจะเอาแต่โทษผู้ชาย
"ให้ผมลองดูก่อนละกันครับ เผื่อผมจะเจรจากับเขาได้ ที่ผ่านมา...แม่ของนาก็ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน อาจจะทำให้เขาคิดได้ก็ได้ครับ" สนยังยืนยันความคิดเดิม
"ก็ให้สนมันลองดูก่อนละกัน ถ้าเขาว่ายังไงก็ค่อยมาว่ากันอีกที" พ่อสนว่า
แล้วเสียงโทรศัพท์ของแม่สนก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมาแม่ของสนก็ทำหน้าหนักใจ "เขาโทรมาอีกแล้ว สงสัยคงจะโทรมาถามว่าสนกลับมาหรือยัง โทรมาเกือบทั้งวันเลยวันนี้"
"ไม่ต้องไปรับหรอกแม่พร พรุ่งนี้ให้สนจัดการเอง" แม่ต้นบอก
สนได้แต่ทำสีหน้ารู้สึกผิดที่ทำให้พ่อกับแม่และคนอื่นๆ ต้องมาเดือดร้อน พอเสียงโทรศัพท์เงียบลงพ่อของสนก็หันมาตำหนิลูกชาย
"แล้วทำไมสนต้องพาต้นหนีไปด้วยล่ะ ทำไมไม่รู้จักเกรงใจพ่อวัฒกับแม่พรเขาบ้าง ต้นเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ สนกำลังทำให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนด้วยรู้หรือเปล่า ทำเพื่อนเสียงานเสียการหมดเลย"
แววตาตำหนิของพ่อนั้นทำให้สนรู้สึกกลัวจนต้องหลบตา พ่อกับแม่ของสนชอบเรียกพ่อของต้นว่าพ่อวัฒเพราะพ่อของต้นชื่อจริงว่าวัฒนา แต่สนชอบเรียกชื่อเล่นว่าพ่อแอ๊ดมากกว่า
ต้นกับสนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สนก็ลืมคิดไปว่าต้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นเขาเห็นต้นกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยอยากจะพาต้นหนีออกไปให้พ้นจากสภาพนั้น แต่เขาจะบอกพ่อกับแม่ว่าอย่างไรล่ะ ส่วนต้นจะบอกว่าเขาวิ่งตามสนไปเองก็คงไม่ได้เพราะใครๆ ก็เห็นว่าสนวิ่งมาฉุดเขาออกไป เขาไม่ได้วิ่งตามไปเอง
"คือ..." สนอึกอัก มองหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองที แล้วก็หันไปมองหน้าพ่อกับแม่ของต้นที
"พ่อคำ...ฉันกับพ่อแอ๊ดก็ไม่ติดใจอะไรหรอกนะเรื่องนั้น อย่าไปกดดันสนมันเพิ่มอีกเรื่องเลย แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวสนก็กลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว" แม่ของต้นรีบปราม เธอรักสนเหมือนลูกเหมือนหลาน บางทีก็มักจะให้ท้ายอยู่บ่อยๆ
สนยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ของต้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด "ผมขอโทษครับพ่อแอ๊ด...แม่พร ที่พาต้นไปเดือดร้อนด้วย"
"ไม่เดือดร้อนหรอกครับ สนดูแลผมเป็นอย่างดี ผมเองก็อยากไปกับสนด้วยเพราะว่าสนเป็นเพื่อนผม ผมเป็นห่วงสนน่ะครับ ถ้าสนอยู่คนเดียวสนอาจจะแย่ได้ อีกอย่าง...ผมก็ลางานไว้แล้วครับ ไม่เสียงานเสียการเลยครับ" ต้นพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน พอต้นพูดแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของสนจะค่อยๆ คลายกังวลเรื่องนี้ลงไปได้มากทีเดียว ใครๆ ในบ้านสนก็รักต้นทั้งนั้น พอต้นพูดแล้วทุกคนก็พลอยเห็นด้วยไปอย่างง่ายดาย
"น้าสาวล่ะครับแม่" สนถามพลางหันไปมองหา
"พักอยู่โรงแรมที่กรุงเทพโน่นแหละ บ้านเรามันร้อน น้าเขยเขาอยู่ไม่ได้" แม่สนตอบ สีหน้าก็ยังคงกังวลอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น โมโหลูกชายก็โมโหอยู่ แต่ก็เป็นลูก ก็ยังดีที่สนกลับมารับผิดชอบและจะแก้ปัญหาที่เขาก่อขึ้นเอง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าสนจะเสียทีเขาอีกเพราะสนไม่ค่อยทันคน โดนเขาหลอกล่อด้วยวาจาก็อาจจะไปติดกับดักเขาอีกก็ได้
--------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดสนก็ตามมาเจอ...หญิงสาวที่เข้ามาในชีวิตของเขาได้ไม่กี่ปี แต่ก็ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจนแทบจะอยู่ไม่ได้ นานั่งรอเขาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านของเธอ สีหน้าเธอดูบึ้งตึงระคนเศร้าสร้อยจนสังเกตได้ พอรู้ว่าสนมาถึงเธอก็หันมามองแล้วก็ยืนขึ้น
สนหยุดมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ เข้าไปหา คนเริ่มทยอยเข้ามาในสวนสาธารณะมากขึ้นเพราะเป็นช่วงที่คนเลิกงาน คนที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ก็มาวิ่งออกกำลังกายกัน แต่บริเวณที่สนกับนานัดพบกันก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาวุ่นวายมากนัก ถึงมีคนเข้ามา พอรู้ว่ามีคนอยู่ในศาลา คนอื่นๆ ก็จะค่อยๆ เลี่ยงไปเอง
"พี่ขอโทษนะนาที่ต้องทำแบบนี้...ก็อย่างที่พี่บอก...พี่ไม่ได้รักนา พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว" นั่นคือสิ่งแรกที่สนพูดกับคนที่เกือบจะได้มาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาหลังจากที่ล้มงานแต่งงานนั้นไป
"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ แล้วก็หันไปทางอื่น
"เราคุยกันเรื่องนี้มามากแล้ว แต่พี่ก็อยากจะบอกนาเหมือนเดิมว่า...ไม่ว่านาจะพยายามมากแค่ไหน พี่ก็รักนาไม่ได้ รักไม่ได้จริงๆ ที่พี่ตัดสินใจล้มงานแต่งงาน เพราะว่าพี่...ไม่อยากให้นาต้องมีชีวิตที่ทนทุกข์ทรมานกับคนที่เขาไม่ได้รักนา และไม่มีวันที่จะรัก"
สนพูดแบบนี้อีกแล้ว นาอยากจะกรีดร้องใส่หน้าเขาจริงๆ ทุกครั้งที่ได้ยิน เมื่อไหร่เขาจะเลิกพูดเรื่องนี้กับเธอเสียทีนะ ทำไมถึงได้ชอบทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้ อยากรู้นักว่าถ้าสนรู้สิ่งที่เธอกำลังจะบอกต่อไปนี้ สนจะรู้สึกยังไง
"ค่ะ" นาตอบสั้นๆ เช่นเดิม แต่สีหน้าก็เริ่มมึนตึงมากขึ้น
"ไม่รักนาก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่...ต้องรักลูกของเราด้วย"
สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจนักว่าเขาฟังผิดหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่เขาจึงได้ยินแบบนั้น
"นาพูดว่าอะไรนะ" สนถามด้วยเสียงที่เริ่มสั่น นึกหวั่นใจว่าจะมีข่าวร้ายที่อาจจะทำให้เขาช็อกไปเลยก็ได้
นาเห็นอาการแบบนั้นของสนแล้วก็ได้แต่สะใจ "เอาเป็นว่า...เรื่องคลิปนั่น หรือเรื่องล้มงานแต่งงาน ลืมมันไปเถอะค่ะ ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ..." นาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะยิ้มเยาะคนที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วก็พูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า "นาท้องค่ะ"
เหมือนมีค้อนหนักๆ มาทุบที่หัวของสน เขายืนเซจนแทบจะทรงกายไม่อยู่กับสิ่งที่ได้ยินเป็นครั้งที่สอง นี่มันคือเรื่องจริงหรือ สนนึกว่าชีวิตเขาจะได้เป็นอิสระแล้ว ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ น้ำตาของสนค่อยๆ รินไหลลงมา คนที่เขานึกถึงคนแรกก็คือต้น ต้นจะเจ็บแค่ไหนที่ได้รู้เรื่องนี้
"คงไม่ต้องถามนะคะว่านาท้องกับใคร ถึงนาจะไม่ใช่คนดีนัก แต่นาก็ไม่ได้มั่ว ก็มีแต่พี่คนเดียวเท่านั้นที่นามีอะไรด้วย" นาตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก แล้วก็ยื่นผลตรวจครรภ์ที่เธอเตรียมมาด้วยให้สนดูเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดโกหกขึ้นมาลอยๆ
สนเห็นแล้วก็ยิ่งตะลึงมากขึ้นไปอีก "นาท้องได้ยังไง ก็ในเมื่อ...เราก็ป้องกันทุกครั้ง แล้วพี่...ก็มีอะไรกับเธอแค่ไม่กี่ครั้ง" สนยังไม่วายสงสัย เขาจำได้ว่าเขาป้องกันทุกครั้งจริงๆ แล้วมันจะผิดพลาดได้ยังไงกัน
"ค่ะ...ป้องกันทุกครั้ง ก็ไม่น่าจะพลาดนะคะ แต่ทำไมมันถึงได้พลาดก็ไม่รู้นะคะ" นาแค่นหัวเราะ
สนค่อยๆ นึกย้อนทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไปพลาดตรงไหน แล้วสนก็เริ่มจำได้ วันนั้น...เขาพานาไปดูชุดแต่งงานตอนเย็นๆ แล้วนาก็ขอกลับมาพักที่คอนโดเขา ปกติสนจะใช้ถุงยางอนามัยที่เขาซื้อมาใช้เองตลอด แต่วันนั้น...นาเป็นคนเอามาให้เขาเอง เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร สนมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในความร้ายกาจของเธอ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำสิ่งที่น่ารังเกียจได้หลายอย่างเหลือเกิน
"นา...ทำไมนาทำแบบนี้ เราเคยโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน ทำไมจะต้องทำลายชีวิตฉันขนาดนี้" สนร้องไห้ ปากสั่นระริก ร่างกายสั่นเทิ้มจนเขาแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่เขาจะไม่ทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างเด็ดขาด เขาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองจาก "พี่" เป็น "ฉัน" เขาสัญญาว่าจะไม่เรียกตัวเองแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ของลูกเขาก็ตาม
"จะด่าอะไรก็ด่าไปเถอะค่ะ นาเบื่อที่จะฟังแล้ว ไม่รักนาก็ไม่เป็นไร แต่ต้องรักลูกของเรา เขาเกิดมาแล้ว หรือจะทิ้งให้นาท้องไม่มีพ่อคะ จะเอาอย่างนั้นไหมคะ แค่นี้นาก็อับอายมากพอแล้ว จะอายอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก" นาเงยหน้า กะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา
"ไม่ต้องมาประชดฉัน จะเอายังไงก็ว่ามา" สนเสียงดังบ้าง
นาหันขวับมามองอย่างไม่พอใจทันที "ก็รับผิดชอบสิ นาเป็นเมียพี่แล้ว มีลูกกับพี่แล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากได้ของมีตำหนิแบบนี้ ก็ทำให้นาเป็นแบบนี้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบหรือไง หรือจะให้นาไปบอกแม่ให้เรียกร้องค่าเสียหายคะ แต่ไม่ว่าจะเรียกร้องหรือไม่เรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบ หมามันยังรักลูกของมันนะคะ" พูดจบแล้วนาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็ไม่ได้ดูน่าสงสารสำหรับสนเลย
สนค่อยๆ ถอยหลังไปพิงกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ถ้าเขาต้องรับผิดชอบก็หมายความว่า...ความรักของเขากับต้นก็จะไปต่อไม่ได้ ถ้าเขามีลูกแล้วก็เท่ากับว่าเขาก็ต้องเลิกหวังที่จะกลับไปหาต้นในฐานะคนรักกัน ถ้าต้นรู้...สนไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดเขาก็เจ็บปวดจนอยากจะกลั้นหายใจให้ตายตรงนี้เสียด้วยซ้ำ
เขาจะมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ ไม่คิดเลยว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นทำให้ชีวิตสนต้องผิดพลาดมากถึงขนาดนี้
"เธออยากได้ตัวฉันมากใช่ไหมนา ได้...ฉันจะรับผิดชอบก็ได้ แต่...เธอจะต้องไปตรวจดีเอ็นเอ ถ้าไม่ใช่...ฉันก็จะไม่ว่าอะไร แต่ขอให้เราเลิกแล้วต่อกัน แต่ถ้าเป็นลูกของฉัน ฉันก็ยินดีจะรับผิดชอบ แต่ฉันจะไม่จดทะเบียนกับเธอ ฉันจะทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อฉันรู้สึกรักเธอขึ้นมาเท่านั้น และฉันก็ไม่เชื่อว่าจะมีวันนั้น ที่สำคัญ ฉันจะไม่มีอะไรกับเธออีก สิ่งที่เธอจะได้ก็คืออิสรภาพของฉัน...แค่นั้น แต่เธอจะไม่ได้ทั้งตัวและใจของฉัน เพราะฉัน...รู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่เธอทำมาก ที่ฉันยอม...เพราะฉันเห็นแก่ลูกของฉันเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น"
นายืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่สนพูด ทำไมสนถึงไม่เคยรักเธอเลย ที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะเธอรักผู้ชายคนนี้ ตอนหลังๆ ก็พยายามทำตัวดีๆ คอยเอาอกเอาใจ แต่เขาก็ไม่เคยรักเธอเลย ก็ได้...ก็ให้มันเป็นแบบนี้แหละ แต่เธอก็ยังแอบหวังว่า เมื่อเธอเป็นแม่ของลูกเขา เขาก็คงจะรักเธอในสักวัน เขาว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจของพ่อกับแม่ เธอก็คงยังพอมีหวัง...
------------------------------------------------------------
พอสนกลับมาบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่ฟัง แม่ของสนก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปอีกครา สนขอร้องพ่อกับแม่ว่ายังไม่ให้บอกเรื่องนี้กับครอบครัวของต้น จนกว่าผลตรวจดีเอ็นเอจะออกมา จนเมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผลการตรวจดีเอ็นเอก็ปรากฎว่า...สนเป็นพ่อของเด็กในท้องของนาจริงๆ!!!
สนสูดหายใจยาวเข้าปอดลึกๆ เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องของต้น เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ควรจะต้องมาบอกต้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้ต้นรู้จากคนอื่น แต่สนก็กลัวเหลือเกิน ต้นคงช็อกและเสียใจไม่น้อย เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทนเห็นต้นเจ็บปวดได้หรือเปล่า แต่ยังไงเขาก็ต้องบอกต้นเรื่องนี้
สนเคาะประตูห้อง วันนี้เป็นวันหยุด ต้นคงไม่ได้ไปไหน ไม่นานนักเจ้าของห้องที่สนแสนจะคิดถึงก็มาเปิดประตู ต้นยิ้มตาแป๋วเมื่อเห็นสนมาหา ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้นปล่อยให้สนจัดการกับปัญหาส่วนตัวของเขาไป แต่ก็คอยโทรถามความคืบหน้าอยู่เรื่อยๆ วันนี้สนมาก็ดีแล้วต้นจะได้ถามความคืบหน้าทั้งหมดเสียทีเดียว
"มาแล้วเหรอ เข้ามาก่อนสิ" ต้นบอกพลางยิ้มดีใจ แต่สีหน้าคนมากลับดูเศร้าเสียจนต้นใจคอไม่ดี
สนเดินเข้ามาในห้องของต้น ปิดประตูแล้วสนก็ดึงต้นมากอดแล้วก็ร่ำไห้อย่างสุดกลั้นจนตัวสั่นเทิ้ม "ต้น...เราขอโทษ...เราขอโทษ"
ต้นได้แต่ตกตะลึง นี่แสดงว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ เลย สนถึงได้สะอื้นหนักน้ำตาไหลพรากราวกับจะขาดใจแบบนี้
"เกิดอะไรขึ้นเหรอสน นายร้องไห้ทำไม" ต้นถามอย่างเป็นห่วง
"ต้น...เราขอโทษ...เราหมดอิสรภาพแล้ว เราคงรักกันไม่ได้อีกแล้วต้น...เราผิดเอง เราพลาดไปเอง" แล้วสนก็ทรุดลงนั่งกับพื้นเพราะหมดเรี่ยวแรงจนทรงกายไม่อยู่ เขาร้องไห้ราวกับคนที่สูญสิ้นทุกอย่างที่เขารักไปแล้ว
"อะไรเหรอสน นายหมดอิสรภาพยังไง" ต้นถามพลางย่อตัวลงมานั่งด้วย พร้อมๆ กับเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับฟังข่าวร้ายที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย
สนเงยหน้ามองคนที่เขารักสุดหัวใจด้วยคราบน้ำตาที่เต็มใบหน้าและยังคงไหลมาไม่หยุดหย่อน "ต้น...นาเขาท้อง...ท้องกับเรา เรากำลังจะมีลูกกับเขา เราพาเขาไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว เขาเป็นลูกของเราจริงๆ"
เหมือนโลกทั้งโลกเงียบงัน ต้นไม่ได้ยินเสียงสนพูดตั้งแต่ประโยคที่ถัดจากสนบอกว่านาท้องแล้ว เขาหูอื้อตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าโลกถล่มหรือฟ้าทลาย มิน่าล่ะ สนถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจอย่างนี้ ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกและโหดร้ายกับสนและเขาเหลือเกิน
"เราขอโทษ..." สนขอโทษซ้ำอีกครั้ง แม้มันจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากบอกให้ต้นรู้ว่าเขาเองเสียใจมากแค่ไหน
ต้นพูดอะไรไม่ออก มันจุกไปหมด น้ำตาเขาค่อยๆ ไหลรินลงมา
"อย่าร้องไห้...ต้นอย่าร้องไห้สิ เราไม่อยากเห็นนายร้องไห้อีกแล้ว เราไม่อยากให้นายเสียใจเพราะเราอีกแล้ว...ต้นอย่าร้องไห้" สนรำพัน เขาเอามือจับใบหน้าต้นไว้ ใช้นิ้วป้ายน้ำตาของต้นที่ไหลออกไป แต่ต้นก็ไม่หยุดร้องไห้ สนเจ็บจนแทบจะขาดใจจนเขาต้องดึงต้นมากอดไว้อีกครั้ง ต้นกอดสนไว้แน่น ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ร้องไห้กันอยู่อย่างนั้น
"อาทิตย์หน้า...เขาจะย้ายมาอยู่กับเรา...เราเกลียดตัวเองเหลือเกินต้น เราทำอะไรไปก็ไม่รู้...ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูก แล้วก็นาย เราเกลียดตัวเองที่ทำให้นายเจ็บ...ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว นายจะเกลียดเราเราก็ไม่ว่านะต้น ให้นายเกลียดเรามันยังดีเสียกว่าที่จะให้นายรัก คนอย่างเราไม่มีค่าพอที่นายจะรักเลย เกลียดเราเถอะต้น เราอยากให้นายเกลียดเรา เกลียดคนที่ผิดสัญญา เกลียดคนที่ทำให้นายเสียใจ เกลียดเรานะต้น"
ยิ่งสนพูดแบบนั้นต้นก็ยิ่งกอดสนแน่นขึ้น เขารู้ว่าสนเสียใจและผิดหวังมากแค่ไหนที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ อุตส่าห์วาดฝันชีวิตหลังจากนี้ไว้อย่างสวยหรู อุตส่าห์เตรียมตัวหลายอย่างที่จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อุตส่าห์ว่าจะไปคุยกับพ่อและแม่เพื่อให้ยอมรับและเข้าใจ
'สน...เรารู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดของนาย นายอย่าโทษตัวเองอีกเลย นายทำดีที่สุดแล้ว...' ต้นพูดในใจ แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าต้นพูดออกมาสักนิด ต้นก็อาจจะไม่ได้ยินสิ่งที่สนกำลังจะพูดต่อไปนี้
"ในเมื่อเราเป็นคนผิดสัญญากับนาย ว่าจะไม่ทำให้นายเจ็บอีก เราก็คงจะไม่กล้าเอาหน้าคนขี้ขลาดแบบนี้มาให้นายเห็น เราขอโทษนะต้น...เราคงจะต้องทำตามที่เราสัญญากับนายเอาไว้ เราไม่ได้อยากไป แต่มันเป็นสัญญาที่เราพูดเอง เราไม่อยากอยู่แล้วเห็นนายเจ็บแบบนี้ เราไม่อยากกักขังชีวิตของนายไว้กับเราเพราะเราก็ไม่มีความหวังอะไรให้นายแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น...เรารักนายนะ รักที่สุดในชีวิตและเราจะรักตลอดไป แต่คนอย่างเราคงไม่มีวาสนาที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับนาย แม้แต่จะเป็นเพื่อน...เราก็ไม่คู่ควร ถึงเราไม่อยู่...เราก็เป็นห่วงนายเหมือนเดิมนะต้น เราขอให้นายได้เจอคนที่ดีๆ กว่าเรา อย่ารักเราเลย นายผิดหวังกับเรามามากแล้ว"
สนค่อยๆ ผละตัวออกจากต้น ต้นจ้องหน้าสนด้วยสีหน้าสงสัยสุดขีด "นายหมายความว่าไงสน"
สนค่อยๆ หยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก็วางลงตรงหน้าต้น
"คราวนี้...เราคงไม่ได้ใช้จริงๆ แล้วล่ะ ลาก่อนนะต้น ลืมคนที่ผิดสัญญาคนนี้ซะ ต่อจากนี้ไป เราคงจะไม่กล้ามาให้นายเห็นหน้าอีกแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะต้น เราไปก่อนนะ...ที่รักของเรา" สนพูดแล้วก็ลุกพรวดขึ้น เขาอยู่ใกล้ตรงประตูพอดีจึงรีบเปิดประตูแล้วก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้นได้แต่นั่งงง ประมวลผลแทบจะไม่ทันด้วยซ้ำว่าสนกำลังบอกอะไรเขาอยู่ เขาไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่า...สนจากเขาไปแล้วและจะไม่กลับมาหาอีก!!!
TO BE CONTINUED-----------------------------------------------
ตอนที่ลงเรื่องนี้ครั้งแรกๆ มีคนถามว่า แล้วถ้าเกิดนาตั้งท้องกับสนจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง
ก็เลยเป็นที่มาของเวอร์ชั่นนี้ครับ
เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ เพราะชีวิตจริง เกย์ที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนก็เจอเหตุการณ์นี้