ก่อนที่จะปิดเรื่องนี้และย้ายไปห้องนิยายที่โพสต์จบแล้ว จะขอปิดท้ายหน่อยนะครับ
จะว่าไปแล้วก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันที่เผลอลบเวอร์ชั่นเดิมออกไปโดยบังเอิญ เลยทำให้ต้องเอามาลงใหม่
แล้วก็ถือโอกาสปรับเรื่องใหม่ไปในตัว พร้อมกับถือโอกาสนำเอาคำถามหนึ่งที่คนอ่านท่านหนึ่งได้ถามไว้มาคิดต่อ
เขาเล่าให้ฟังว่าชีวิตเขาคล้ายต้นกับสนมาก แต่ก็แต่งงานและมีลูกไปแล้ว เขาอยากให้สนกับนามีลูกด้วยกัน
เขาอยากรู้ว่าแล้วมันพอจะมีทางออกไหม บอกตรงๆ ว่า...ผมก็กลัวเหมือนกันที่จะเดินเรื่องมาทางนี้
ตอนแรกทางออกที่พอคิดได้ก็คือ...สนกับนาเลิกกันแล้วผลัดกันเลี้ยงลูก ผมก็ว่าดีเหมือนกัน แต่ก็ดูธรรมดาไป
แต่พอเขียนๆ ไปแล้วเหมือนเนื้อเรื่องมันแรงขึ้น จนผมคิดว่ามันน่าจะมาทางนี้ได้ ก็เลยให้นาทนไม่ไหวแล้วก็ไปทำแท้ง
จริงๆ ไม่ชอบเขียนเรื่องพวกนี้เลยครับ แต่มันแค่มีเหตุผลสนับสนุนที่เป็นไปได้ ก็เลยตัดสินใจเลือกทางนี้
ส่วนตอนจบ เกือบจะไม่สมหวังแล้วครับ ผมก็คิดอยู่หลายรอบว่าจะเอาแบบไหน ระหว่าง....
ให้สนบวชไม่สึก (เหมือนกับพระเจสัน ยัง ตอนนี้) กับให้สนกลับมาหาต้นเหมือนเดิม
มันก็เป็นไปได้ทั้สองอย่าง แต่ความสมเหตุสมผลน่าจะอยู่ที่อย่างหลังมากกว่า เพราะสนยังไม่ได้ปลงถึงขนาดนั้น
ก็เลยตัดสินใจเอาแบบหลังแทน
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกที่เขียนครับ ได้แรงบันดาลใจที่จะเขียนเมื่อปีหรือสองปีกว่าๆ ที่แล้ว
อยากเขียนเรื่องราวความรักที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำทำให้ใครอีกคนเสียใจ
ส่วนอีกคนก็มีน้ำอดน้ำทน เสียใจแค่ไหนก็ยังมั่นคงและแสดงให้เขาเห็นความมั่นคงและความรักนั้น
ให้มันรู้กันไปว่า...ทำดีด้วยขนาดนี้แล้ว คนมันจะใจอ่อนได้ไหม
ได้ฉากที่นครปฐมมาเนื่องจากมีอยู่วันหนึ่งไปทำธุระแถวนั้น ขากลับอยู่ดีๆ คนขับก็พาเปลี่ยนเส้นทาง
วิ่งลัดเลาะมาตามคลองส่งน้ำ ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าอยากให้ชีวิตในวัยเด็กของต้นกับสนอยู่ที่นี่
ชื่อต้นสนนั้นมาจากบังเอิญนั่งรถไปทางฉะเชิงเทรา เส้นสุวินทวงศ์ บังเอิญเห็นทิวต้นสนอยู่ไกลๆ ช่วงสิ้นสุดเขตกรุงเทพพอดี
ก็เลยได้ชื่อนี้มา จากนั้นผมก็ใช้เวลาวางพล็อตเรื่องอยู่นานพอสมควร ประมาณเกือบปีได้ครับ แล้วก็เอาไปลงอีกที่หนึ่ง
แต่ก็ปรับไปสามรอบได้ พอเอามาลงที่นี่ก็ปรับอีกรอบ พอหายไปแล้วเอามาเขียนใหม่ก็ปรับอีกรอบ
สรุปแล้วเรื่องนี้ปรับบ่อยมาก เพราะเป็นเรื่องแรกก็เลยอยากให้เราพอใจที่สุดครับ
จบเรื่องนี้แล้วถึงได้วางพล็อตเรื่องใหม่ ก็ใช้เวลาอีกเป็นปีเหมือนกันครับ จนได้รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตมา
ก็เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากทีเดียว
เรื่องต่อไป ถามว่าจะมีดราม่าไหม ถ้าจะไม่มีเลยก็คงเป็นชีวิตที่แปลกดีครับ ก็คงต้องมีบ้าง
แต่อาจจะเปลี่ยนแนวไปเขียนแบบอื่น ตอนนี้เริ่มมีพล็อตมาบ้างแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเป็นปีอีกหรือเปล่า
จริงๆ อยากจะลองเขียนแบบเรื่อง "คำพิพากษา" ของชาติ กอบจิตติบ้าง ในเรื่องต้นสน ผมแอบเอาปัญหาสังคมบางอย่างเข้ามาสอดแทรกไว้ บางทีก็อยากเขียนเรื่องที่หนักแบบนี้ไปเลย แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า
ขอบคุณทุกๆ คนอีกครั้ง แล้วพบกันเมื่อชาติต้องการครับ
Will come back when the nation wants me krab. 555555