(ต่อนะคะ)
วางสายเสร็จผมก็เรียบแต่งตัวก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามค่ำคืน สองขาของผมวิ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้นด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ร่างกายสามารถทำได้ พอไปถึงก็รีบไขกุญแจเข้าไปภายในโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น
“ต้นว่าน” แค่เปิดประตูบานสีขาวเข้าไปเจ้าของบ้านก็ตะโกนเรียกชื่อดังลั่น
“ใจเย็นครับพี่ มะนาวเป็นยังไงบ้าง?”
“ออกมาแล้วล่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“อ่า...ทุกตัวรึยังครับ” ผมถามต่อโดยที่ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับฟังข่าวดีจากพี่ใบไผ่
“ยังๆ แค่ตัวแรก ไปดูกัน” พี่ใบไผ่บอกก่อนจะคว้ามือผมดึงให้ตรงไปยังกรงสีฟ้าที่วางไว้ข้างโซฟาสีน้ำตาล
สุนัขพันธุ์เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อกที่ก่อนผมจะกลับมีเพียงตัวเดียว ตอนนี้กลับเพิ่มมาเป็นสองตัว ลูกสุนัขพันธุ์เดียวกันแต่เป็นสีดำทั้งร่างนอนหลับตาอยู่บริเวณหน้าท้องของมะนาว มันเป็นภาพที่ทำยิ้มตามได้ในทันที
“สุดยอดเลย”
“อืม สุดยอดเลย” พี่ใบไผ่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยโดยสายตายังจ้องไปยังกรงตรงหน้า
“พี่ใบไผ่ ดูนั่นๆ ออกมาอีกตัวแล้ว” ผมคว้าตัวพี่เขามาดูใกล้ๆ พร้อมกับชี้ไปยังลูกสุนัขตัวใหม่สีขาวแซมน้ำตาลปนดำนิดๆ ที่กำลังออกมาจากช่องคลอดช้าๆ
“อ่า...สีขาวน้ำตาล อ๊ะมีสีดำแซมด้วย คล้ายมะนาวเลย” ผมเห็นด้วยกับพี่ใบไผ่ ลูกสุนัขตัวที่สองนี้มีสามสีคล้ายมะนาว
“เดี๋ยวตัวสุดท้ายก็คงออกมา” ตอนนี้มือของผมกับพี่ใบไผ่กุมกันไว้แน่นอย่างลืมตัว มีเพียงแค่ความสุขและความยินดีรวมไปถึงความตื่นเต้นที่เห็นลูกสุนัขกำลังเกิดเท่านั้น
“อ๊ะ...ออกมาแล้ว สีขาวล้วนด้วย”
“ขาวจั๊วทั้งตัวเลย” ผมพูดเบาๆ เมื่อเห็นลูกสุนัขตัวสุดท้ายออกมา
ลูกสุนัขทั้งสามตัวขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่มะนาวขยับเข้าใกล้ๆ เพื่อเลียทำความสะอาดลูกของตัวเองทีละตัว โดยเริ่มจากตัวสีดำไปยังตัวขนสามสี และสีขาวตามลำดับ
“เราต้องทำอะไรบ้าง” พี่ใบไผ่หันมาถามเหมือนคนเพิ่งนึกขึ้นได้ คงเพราะก่อนหน้านี้ตื่นเต้นอยู่กับการได้เห็นลูกสุนัขคลอดกับตาจนลืมไปว่าต้องทำอะไร
“คิดว่าไม่ต้องแล้วครับ” ผมบอกเมื่อเห็นลูกสุนัขทั้งสามตัวเริ่มดูดนมแม่แล้ว
“กินนมด้วย น่ารักจังเลย”
พอบรรยากาศอันแสนตื่นเต้นกลับสู่สภาวะปกติ สติที่หายไปก็ค่อยๆ กลับเข้าร่างอีกครั้ง สัมผัสของมือที่กุมแน่นทำเอาผมรู้สึกเขินเล็กน้อย แล้วยิ่งเห็นใบหน้าด้านข้างที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างของพี่ใบไผ่ก็พานให้หัวใจที่เต้นรัว ความตื่นเต้นเมื่อครู่กลับมาทำให้ใจเต้นรัวอีกครั้ง
สายตาอบอุ่นของพี่ใบไผ่ยังคงจ้องไปยังลูกสุนัขทั้งสามตัวโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ตกเป็นเป้าสายตาของผมเช่นกัน ผมเฝ้ามองพี่เขาราวกับมีอะไรบางอย่างดึงดูดไว้จนไม่สามารถละสายตาได้
“สุดยอดเลยต้นว่าน” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่มือที่กุมกัน แต่พี่ใบไผ่คว้าคอผมเข้าไปกอดแน่น
“พี่ใบไผ่...” อ้อมกอดอุ่นๆ กำลังทำให้ผมทำตัวไม่ถูก
“ขอบคุณที่รีบมาหาพี่นะต้นว่าน” ทันทีที่พูดจบก็เหมือนร่างของพี่ใบไผ่เทเข้าหาผมอย่างรวดเร็วจนแทบรับร่างนั้นไว้ไม่ทัน
“พี่ใบไผ่?” ยิ่งไม่มีเสียงตอบรับยิ่งทำให้เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี “พี่ใบไผ่? พี่...”
พอรู้ว่าคนตรงหน้าหมดสติไปเรียบร้อยแล้วผมก็รีบเปลี่ยนไปสัมผัสใบหน้าขาวที่ดูหมองลงเล็กน้อย ไม่ใช่แค่ใบหน้าแต่ใต้ตาก็คล้ำมากจนเห็นได้ชัด
นี่พี่อดนอนมากี่คืนแล้วเนี่ย? ยิ่งคิดคิ้วผมก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น
“ทำไมไม่บอกกันล่ะ ถ้าพี่บอกผมจะได้มาช่วยดูไง” จะโทษพี่ใบไผ่ฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกเพราะคนที่อยู่ด้วยตลอดอย่างผมกลับไม่เคยเอะใจถึงเรื่องนี้เลย
ผมตัดสินใจอุ้มพี่ใบไผ่เข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล ด้วยร่างกายที่เป็นผู้ชายเหมือนกันทำให้ค่อนข้างหนักเวลาอุ้ม แต่ถ้าถามว่ามากไหมก็บอกได้เลยว่าไม่มากเท่าตอนที่ถูกเพื่อนกระโดดขึ้นหลังหรอก
“ฝันดีนะครับ ที่เหลือผมจะจัดการต่อเอง” ผมบอกเจ้าของบ้านที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะกลับออกมาเฝ้ามะนาวและลูกของมันที่เพิ่งเกิดใหม่ทั้งสามตัวตลอดทั้งคืน
เมื่อแสงแดดยามเช้าเข้ามาทางหน้าต่าง ผมก็ทำการเลื่อนม่านเพื่อปิดไม่ให้แสงนั้นโดนมะนาวและลูกๆ อีกสามตัวมากจนเกินไป อาหารสุนัขแบบเปียกถูกจัดใส่ชามเพื่อเพิ่มแรงให้กับแม่สุนัขที่เพิ่งคลอด
“เก่งมากมะนาว เธอเก่งที่สุดเลย” ผมบอกพร้อมกับลูบขนนุ่มๆ ของมะนาวไปมา ช่วงคลอดใหม่ยังไม่ควรไปแตะลูกสุนัขมากนักเพราะมือเราอาจมีเชื้อโรคได้
แกร็ก!
เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งของพี่ใบไผ่ที่เดินงัวเงียออกมา เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวระต้นคอกระเซิงจนเหมือนรังนกขนาดย่อมแถมยังยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ตาอีก...ทำท่าทางเหมือนเด็กๆ เลย
“พี่ไปนอนต่อก็ได้นะ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” ผมบอก
“หื้อ? ต้นว่าน! เรามาได้ยังไง” น้ำเสียงตกใจนั่นเหมือนจะบอกว่าพี่ใบไผ่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้ว
“พี่ลืมแล้วเหรอ”
“เดี๋ยว...ขอปรับสมองแป๊บนะ ใช่ๆ เมื่อคืนพี่โทรเรียกต้นว่านมา” ผมพยักหน้าเมื่อสิ่งที่ได้ยินเป็นจริงตามนั้น “แล้วก็มะนาว...มะนาวคลอดลูก!!” ครั้งนี้พี่ใบไผ่ตะโกนพร้อมกับวิ่งตรงไปที่กรงสุนัขซึ่งภายในมีลูกๆ ของมะนาวทั้งสามตัวนอนหลับขดซ้อนอยู่บริเวณท้องของแม่มัน
“ชู่วว์... เสียงดังไปแล้วครับพี่”
“โทษที พี่ตื่นเต้นไปหน่อย” อีกฝ่ายหันมาบอกเสียงอ่อย
“พี่เปลี่ยนไปมากนะ” ถ้าเทียบกับเมื่อตอนแรกที่เจอกัน
“เปลี่ยน? ยังไง”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ไม่มีทางวิ่งเข้ามาหามะนาวแบบนี้หรอก ถ้าจะมีก็คงเป็นวิ่งหนีหรือกระโดดขึ้นโซฟามากกว่า” ภาพของพี่ใบไผ่ตอนกระโดดหนีมะนาวไปอยู่บนโซฟายังติดตาจนถึงทุกวันนี้ นึกถึงทีไรก็หลุดขำออกมาทุกที
“อย่าพูดแต่เรื่องน่าอายแบบนั้นสิ” ใบหน้าที่เห่อแดงขึ้นเล็กน้อยทำให้รู้ว่าพี่เขาคงอายอย่างที่พูดจริงๆ
“ตอนนี้พี่ดูไม่กลัวมะนาวแล้ว”
“อืม คงไม่กลัวเท่าเมื่อก่อน ต้องขอบคุณต้นว่านที่ทำให้พี่มีความกล้าที่จะต่อสู้กับความกลัว” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในตัวเอง
“พูดเกินไปแล้วครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวพี่”
ใช่...มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม
“ไม่เลย ถ้าคนที่พี่เจอหน้าบ้านหลังนี้ไม่ใช่ต้นว่าน พี่คงไม่มีวันที่ได้เข้าใกล้สุนัขเหมือนอย่างวันนี้” คำพูดจากปากของพี่ใบไผ่ผมรับรู้ได้เลยว่ามันออกมาจากใจและความรู้สึกจริงๆ
“ผมดีใจที่ช่วยพี่ได้...” พี่เองก็ช่วยผมมามากเหมือนกัน
“อืม”
“แต่เรื่องนั้นกับเรื่องที่ผมจะพูดมันคนละเรื่องกันนะ” อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่ต้องพูดกับคนตรงหน้าให้ได้อยู่
“เรื่องอะไร?”
“พี่รู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนตัวเองสลบไปน่ะ”
“สลบ...พี่น่ะนะ” น้ำเสียงนั้นคล้ายจะบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดนัก
“ใช่ และผมเป็นคนอุ้มพี่ไปห้องนอนเอง”
“อุ้ม? เราอุ้มพี่” ดูเหมือนฝ่ายที่ได้ยินจะตกใจสุดๆ เพราะดวงตาสีสวยนั่นเบิกกว้าง แถมใบหน้าขาวๆ ก็แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ครับ หนักมากเลย” ขอเสริมอีกหน่อยละกัน
“เอ่อ ขอโทษนะ ที่ทำให้ลำบาก”
“ครับ เพราะงั้นครั้งหน้าก็อย่าฝืนตัวเองอีก ถ้าไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวผมจะช่วยพี่เอง...เข้าใจนะ”
ใจความสำคัญทั้งหมดที่ร่ายยาวมาคือจุดนี้แหละ ผมไม่อยากให้พี่ใบไผ่ฝืนจนทรุดลงแบบนี้อีก ถ้าหากเมื่อคืนพี่ใบไผ่ไม่ได้โทรมา ผมคงได้มาเจอพี่สลบในตอนเช้าเป็นแน่
“เราทำตัวเหมือนเป็นพ่อพี่เลย” อีกฝ่ายบ่นอุบอิบแต่ใบหน้านั้นกลับยิ้มกว้างเหมือนกำลังมีความสุข
“พี่เหมือนดีใจที่ถูกบ่นนะ”
“อืม การที่บ่นก็แปลว่าต้นว่านห่วงพี่ พี่ดีใจนะ”
“ผมพูดตอนไหนว่าห่วง”
“ไม่พูดก็รู้น่า...”
ครืดดด~ ครืดดด~
แรงสั่นของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นขัดการสนทนาของพวกเรา
“เฮ้อ วุ่นแต่เช้าอีกแล้วเหรอเนี่ย” เสียงบ่นของพี่ใบไผ่ดังขึ้น เจ้าตัวลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์สีดำที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายแต่ไม่ได้กดรับ ดูเหมือนจะไม่ใช่สายเรียกเข้าอย่างที่คิดไว้ตอนแรก สีหน้าที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันทีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ
ความรู้สึกแรกเมื่อผมเห็นใบหน้าตึงเครียดนั้นคือ...อยากช่วย
“โอ้ย สมองไม่แล่นเอาซะเลย ทำไมต้องมาพร้อมกันด้วยเนี่ย” พี่ใบไผ่ระบายเสียงแข็งพร้อมยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองแรงๆ จนฟูฟ่องกว่าเดิม
“พี่ใบไผ่”
“หืมม์? โทษทีนะ แต่ช่วงนี้ที่ไม่ได้นอนไม่ใช่เพราะต้องดูแลมะนาวอย่างเดียวหรอก”
“งานที่บริษัทเหรอครับ” นี่เป็นสิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้
“อืม บริษัทพี่ทำเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครั้งก่อนก็เพิ่งจะเพิ่มชนิดสินค้าในการขนส่งไป แต่ตอนนี้ดันมาเจอปัญหาทางต่างประเทศต่ออีก”
“ทำไมครับ”
“ตอนนี้มีหลายบริษัทในประเทศต่างๆ ที่ต้องการทำสัญญากับบริษัทพี่ ซึ่งถ้าปกติมันก็คงไม่ยุ่งยาก แต่เพราะระยะเวลาที่เหลื่อมล้ำกันอยู่ทำให้ไม่สามารถตกลงรับงานได้เท่าที่ควรจะเป็น”
“พี่ก็ปฏิเสธบางที่ไปสิ” เรื่องนี้ไม่น่าแก้ปัญหายากนี่
“ก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่มันจะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายน่ะสิ แค่เรื่องเวลาเหลื่อมล้ำกันก็จัดการไม่ได้” พี่ใบไผ่อธิบายต่อ
“งั้นพี่ก็จัดการขนส่งให้พวกเขาก็ได้นี่”
“อ๊ะ...ก็บอกอยู่ไงว่าเวลามันเหลื่อมกัน”
“ในเมื่อมันเหลื่อมกันพี่ก็ทำให้มันต่อกันพอดีสิครับ”
การทำเรื่องพวกนี้อาจเป็นเรื่องที่ต้องกำหนดวันและเวลาอย่างชัดเจนก็จริง แต่เราก็สามารถทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ได้เพียงแค่เรามีระบบการขนส่งที่รวดเร็ว
“สมมติว่าบริษัทในประเทศ A และ ประเทศ B ต้องการส่งของประเภทเดียวกันไปยังบริษัท C ในไทย แต่ของทั้งสองประเทศมาถึงไม่พร้อมกัน และกำหนดส่งงานเหลื่อมกันอยู่ 2 วัน ซึ่งพี่สามารถเลือกรับได้แค่เจ้าเดียวเท่านั้นเพราะตอนนี้ตารางงานของบริษัทแน่นมาก ก็แล้วทำไมพี่ไม่ลองคุยกับบริษัท C ดูละครับว่าเขาสามารถรอของไปส่งพร้อมกันได้หรือไม่ ส่วนมากแล้วบริษัทต่างๆ มักจะเผื่อเวลาสำหรับกรณีฉุกเฉินเอาไว้ 4-5 วันอยู่แล้ว ถ้าเราขอเลื่อนเวลาออกไปอีก 2 วัน แล้วส่งพร้อมกัน ทางนั้นน่าจะเห็นด้วยกับเรานะ เพราะนอกจากเราจะสามารถประหยัดเวลาและไม่ต้องวิ่งซ้ำสองรอบแล้ว บริษัท A, B และ C ก็ยังสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งได้อีกด้วย” ผมลองแสดงความคิดเห็นของตัวเองดู เผื่อจะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้บ้าง
“จริงด้วยสิ” ดูเหมือนพี่ใบไผ่จะรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคืออะไร
“แบบนี้ก็ไม่เครียดแล้วนะพี่ เดี๋ยวผมทำมื้อเช้าให้” พูดจบผมก็เตรียมลุกไปเตรียมมื้อเช้าง่ายๆ แต่กลับถูกมือของอีกคนรั้งเอาไว้
“เราเรียนโลจิสติกส์เหรอ”
“เปล่าครับ ผมเรียนบริหาร”
“เรานี่เก่งมากเลยนะต้นว่าน”
“ฮะ? เอ่อ...ขอบคุณครับ” คำชมที่ได้รับทำเอาเขินอยู่หน่อยๆ
“พี่พูดจริงนะ นี่ถ้าจบแล้วมีบริษัทไหนที่เราเล็งไว้มั้ย” พี่ใบไผ่ยังคงถามต่อ
“ยังไม่มีบริษัทไหนเป็นพิเศษนะครับ เอ่อ...พี่พูดเหมือนผมเลือกงานได้เลยงั้นแหละ”
“ก็ได้น่ะสิ เราน่ะเก่งจริงๆ เลขาพี่บางคนยังไม่ได้เท่าเราเลย”
“ขอบคุณครับ” ผมเกาหัวตัวเองด้วยความเก้อเขิน
“เอาเถอะ พี่อยากกินข้าวต้มหมู มีของทำไหม” อยู่ๆ คนตรงหน้าก็เปลี่ยนเรื่อง
“มีครับ” ผมได้แต่ทำหน้างงๆ โดยไม่ได้ถามอะไรต่อ
มื้อเช้าง่ายๆ ตามความต้องการของพี่ใบไผ่ได้ผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย โชคดีที่วันนี้ผมไม่มีเรียนเลยไม่ต้องวิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านอีกรอบเพื่อไปมหาลัยต่อ ตลอดหลายชั่วโมงที่อยู่ด้วยกัน พี่ใบไผ่เอาแต่อยู่หน้ากรงของมะนาวสลับกับดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ไปด้วย
...ไม่แน่ว่าอาจจะทำงานอยู่ก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อีกฝ่าย
“พี่ใบไผ่ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมดูให้เอง”
“งาน? อ้อ...นี่เหรอ เปล่าๆ ไม่ได้ทำงาน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังโบกโทรศัพท์ในมือให้ดูอีกด้วย “พี่ไม่ได้ทำงานหรอกก็เรื่องยุ่งๆ ได้เราช่วยจนเสร็จไปแล้วไง” พี่ใบไผ่บอกยิ้มๆ
“งั้นพี่ทำอะไรอยู่ครับ” ในเมื่อไม่ได้ทำงานแล้วจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำไม จะว่าถ่ายรูปก็ไม่ใช่เพราะเพิ่งถ่ายด้วยกันไปก่อนหน้านี้เอง
“กำลังคิดชื่อของเจ้าตัวน้อยทั้งสามอยู่น่ะ”
“ชื่อ...” ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาลุกวาว ...จะว่าไปยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยนี่นะ
“ใช่ๆ พี่จะให้เราช่วยตั้ง”
“ไม่ดีมั้งครับ พี่เป็นเจ้าของนะ” ผมส่ายหน้า
“เหมือนพี่จะเคยบอกแล้วนะว่าคนดูแลมะนาวมีสิทธิ์มากกว่าเจ้าของน่ะ” พี่ใบไผ่ย้อนคำพูดเดิมซึ่งเคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว
“นั่นก็ใช่ แต่ว่า...”
“พี่ตั้งไว้แล้วสองตัว จะให้เราตั้งอีกตัวนะ”
เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังคำพูดผมเลยสักนิด แต่เอาเถอะ การที่ได้ตั้งชื่อลูกสุนัขนี่เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสุดๆ
“พี่ตั้งว่าอะไรครับ”
“ลองทายไหม” อีกฝ่ายบอกพร้อมยักคิ้วมาให้
“คำใบ้ล่ะครับ” ไหนๆ ก็ขอลองหน่อยละกัน
“ชื่อเหมือนพี่กับเรา”
“เหมือนผมกับพี่?” ทำไมพอได้ยินประโยคนั้นแล้วถึงรู้สึกวูบวาบที่หัวใจแปลกๆ นะ
“ใช่ เหมือนต้นว่านกับใบไผ่ สองตัวที่พี่ตั้งก็เป็นชื่อต้นไม้เหมือนกัน”
“มันเยอะนะครับ ลำดวน บัวสรรค์ จำปา จำปี เอ่อ...บุนนาค” ผมพยายามพูดชื่อต้นไม้ที่พอจะนึกออกให้มากที่สุด
“ชื่อพวกนั้นเหมือนคนรุ่นปู่เลยนะ”
“พี่เฉลยมาดีกว่าครับ” ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่พอกลับมาคิดมันก็จริงอย่างที่ว่า...ชื่อที่บอกไปนี่รุ่นปู่ชัดๆ
“ก็ได้ ตัวสีดำชื่อต้นสน ส่วนตัวสีน้ำตาลขาวแซมดำชื่อราตรี ชื่อพวกนี้น่ารักไหม” บอกเสร็จก็หันมาถามความเห็นผมเสียงใส
“ครับ เหมาะมากเลย”
“ตัวสุดท้ายชื่ออะไรดีต้นว่าน?” พี่ใบไผ่ถามต่อ
“นั่นสิครับ นี่พี่คงไม่ได้คิดไม่ออกเลยโยนมาให้ผมคิดใช่ไหม”
“เปล่าสักหน่อย พี่กะจะให้เราตั้งแต่แรกแล้ว” อีกฝ่ายไม่เสียเวลาคิดคำตอบสักนิด และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออก
ลูกสุนัขตัวสุดท้ายเป็นสีขาวทั้งตัวทำให้มันดูบริสุทธิ์มาก เหมือนกับพี่ใบไผ่ที่มักจะทำตัวออดอ้อนเป็นเด็ก รวมทั้งยังมีรอยยิ้มที่สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ ฉะนั้นชื่อของสุนัขตัวนี้ผมอยากสื่อถึงสีขาวของมันบวกกับชื่อที่ตั้งผมอยากให้เป็นต้นไม้เหมือนกับตัวอื่นๆ
“คิดได้แล้ว...” ใช้เวลาไม่นานชื่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัว
“อะไร ชื่ออะไรล่ะ” พี่ใบไผ่ถามด้วยน้ำเสียงลุ้นๆ
“ต้นโมกครับ” ผมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คนด้านข้าง
ต้นโมก เป็นต้นไม้มงคลที่หลายคนคงรู้จักกันดี ตัวดอกสีขาวบริสุทธิ์และส่งกลิ่นหอมรัญจวนไปทั่วบริเวณที่ปลูก ไม่มีชื่อไหนเหมาะกับลูกสุนัขตัวสีขาวไปมากกว่านี้แล้วในความคิดผม
“ต้นโมก เวลาเรียกสั้นๆ คงเหลือแค่โมก...น่ารักจังเลย แบบนี้ครอบครัวของเราก็ชื่อต้นไม้เหมือนกันหมดเลยเนอะ”
พี่ใบไผ่อาจพูดมันออกมาโดยไม่ทันได้คิดถึงความหมายแฝงที่พานให้คนฟังอย่างผมใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำว่า...ครอบครัวของเรา เส้นกั้นระหว่างเราที่พังทลายลง ตอนนี้เหมือนภายในหัวใจถูกอีกฝ่ายลุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ จนยากที่จะไล่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นออกไป
...................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพต่อแล้ว
สำหรับตอนนี้ค่อนข้างแต่งยากเพราะส่วนตัวไม่มีประสบการณ์เห็นสุนัขคลอดลูกมาก่อน
นี่ก็แต่งสุดความสามารถแล้ว อยากจะมีสังครั้งในชีวิตที่ได้เห็นเหมือนกัน
ยิ่งแต่ยิ่งรู้สึกว่าชอบพี่ใบไผ่มากๆๆๆ
เหมือนเป็นชายในฝันของเรา 555 (มโนไปไกล)
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจและคอมเม้นท์มาตลอดนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
ปล.ขอตอบที่คุณ เสพศิลป์ คอมเม้นท์หน่อยนะคะ สำหรับเรื่องจดหมายเห็นว่าทางสนพ.อาจมีรีปริ้นอีกช่วงปีหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
-Rewrite- >> สำหรับเรื่องพบรักตอนนี้กำลังมีการเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะหากสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อกันได้ค่ะ >>
www.bookishhouse.comหรือเข้าไปอ่านรายละเอียดในเพจเราได้ค่ะ
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪