ตอนที่ 16
เช้าวันนั้นผมมาวิทยาลัยตามปกติ แอบลุ้นว่านายปีโป้จะมาดักรออีกหรือเปล่า ไม่ใช่อยากเจอหรือว่าอะไร แต่ก็อยากรู้ว่าที่มันงอน เป็นเพราะอะไรก็เท่านั้น
“มองหาใครยะ” ช้างน้อยถามผม
“เปล่านี่”
“ตอแหล” จุกสิครับ เจอช้างน้อยด่าเข้าให้
“แล้วหญิงละ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
“กำลังมา โทรมาบอกชั้นว่ามาช้าหน่อย”
“อืม” ผมเลือกจะตัดประโยค
“นี่แกไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ” ช้างน้อยแอบเกริ่นกับผม
“รู้อะไร”
“เรื่องพี่ปีโป้อ่ะ” เธอบอกผม
“เรื่องอะไร”
“ว้ายยย ตกข่าวนะยะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรละ” ผมยังสงสัย
“ก็เรื่องเมื่อคืนไง” ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“นี่ช้างน้อยรู้ด้วยเหรอ” ผมไม่คิดว่าเรื่องที่นายปีโป้น้อยใจผม จะมีคนรู้ไปทั่ว
“รู้สิ ข่าวดังจะตายไป เค้าลือกันให้แซด”
“ทำไมต้องเอาไปบอกคนอื่นด้วยนะ” ผมแอบบ่นเบาๆ
“ชั้นได้ข่าวมาว่า ตีกันมันเลยเธอ”
“ตีกัน” ผมย้ำกับคำพูดของช้างน้อย
“ใช่ ชั้นได้ยินมาว่ามีไอ้ขี้เมาที่ไหนไม่รู้มาตบหน้าพี่โอ๊ต แล้วพี่ๆเค้าไม่พอใจ เลยเอากลับกันมันเลย ชั้นอยากเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นจริงๆ คงมันหยดติ่งเลยละ” ช้างน้อยเล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินมาจากคนอื่นอีกทีนึงให้ผมฟัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผมเลย
“อ้อ เหรอ” ผมพูดแก้เก้อไป
“ได้ข่าวว่าพี่ปีโป้เจ็บหนักเลยนะ” ช้างน้อยพูดตะล่อมผม
“อืม สมควรแล้ว เป็นนักเลง เมา ชอบมีเรื่อง” ผมบอกช้างน้อยไป
“แกไม่เป็นห่วงเค้าหน่อยเหรอ”
“เป็นห่วงทำไมละ แค่นั้นคงไม่ตายหรอกมั้ง”
“ใจร้ายวะแกเนี่ย” ช้างน้อยบ่นใส่ผม ก่อนจะหันกลับไปมองโต๊ะหนุ่มข้างๆที่นั่งอยู่ อย่างสบายใจ
จะว่าผมไม่เป็นห่วงก็ไม่ใช่หรอกครับ แต่จะให้บอกช้างน้อยไปว่าเป็นห่วงนั่นยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะตัวเองหรือเปล่า และก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
“เอ๊ยแก หญิงกับพี่เอ็มเดินมาโน่นแล้ว” ช้างน้อยเลิกสนใจผู้ชายโต๊ะข้างๆแล้วหันมาบอกผม
“เป็นไงถึงมาด้วยกันได้นะนั่น” ผมพูดมาลอยๆ
“สวัสดีครับพี่เอ็ม” ผมพูดทักพี่เอ็ม
“ดีครับน้องน้ำมนต์ มาแต่เช้าเชียวนะครับ” พี่เอ็มทักกลับ
“ปกติน้ำมนต์ก็มาเวลานี้นี่ครับ” ผมบอก
“ปกติที่ไหน ปกติเรามาถึงก่อนน้ำมนต์อีกนะ” หญิงแทรกขึ้นมา
“ก็วันนี้เราตื่นไว เลยรีบมาไง” ผมบอกหญิงไปพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัว จะมาจับผิดอะไรผมละเนี่ย
“พี่เอ็มเป็นยังไงบ้างคะ กับเหตุการณ์เมื่อคืน” ช้างน้อยรีบถาม
“อ๋อ พี่ไม่เป็นไรครับ ชิวๆมาก เรื่องของคนเมาอ่ะครับ น้องอย่าไปสนใจเลย” พี่เอ็มตอบแบบผ่านๆ
“แล้วคนอื่นละครับ เป็นไงบ้าง” ผมถามไปบ้าง
“คนไหนละครับ น้องน้ำมนต์” พี่เอ็มย้อนผม
“ก็พี่เอก พี่บ่าว พี่โอ๊ต ทุกคนแหละครับ”
“แหม น้ำมนต์ แกจะถามว่าพี่ปีโป้ก็ถามพี่เอ็มไปเถอะ อย่าเล่นตัวให้มันมากนะ ชั้นรำคาญ” ไงละ โดนช้างน้อยด่าอีกแล้ว
“ถ้าไอ้โป้เหรอครับ มันก็ไม่เป็นไรมาก มันหัวโจกซะอย่างนั้น”
“อ่าครับ” ผมตอบรับไปสั้นๆ
“ไง รู้แล้วสบายใจขึ้นป่ะ” ช้างน้อยบอกผม
“งั้นพี่ไปเรียนแล้วนะ ค่อยเจอกันครับน้องๆ” พี่เอ็มบอกลา เหมือนจะตั้งใจเน้นย้ำที่หญิงเป็นพิเศษ
“ยัยหญิง เล่ามา !!!” นั่งไงครับ หน่วยสืบสวนเริ่มทำงานทันที
แล้วพวกเราก็พอรู้เรื่องคร่าวๆว่าพี่เอ็มเข้ามาจีบหญิง และก็กำลังคุยๆกัน ไม่ถึงไหนมาก ผมว่าดีนะครับ หญิงเป็นคนดี และพี่เอ็มก็คงไม่ใช่เป็นคนเลวมากนัก แต่ก็นั่นแหละ อยากให้ดูและศึกษากันไปเยอะๆ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ เรื่องบางเรื่องแต่ละคนคงคิดกันได้ เรื่องของผมสองคนนี้ยังไม่ยุ่งเลย ถึงแม้จะถามๆ และคอยเป็นห่วงบ้าง และผมก็คิดว่า ควรให้เกียรติกัน
เย็นวันนั้น หญิงชวนช้างน้อยไปเดินห้างเล่น เพราะแอบนัดพี่เอ็มไว้ ส่วนผมปฎิเสธ เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็กำชับช้างน้อยให้ดูแลหญิงดีๆ .. ก็เรามีกันแค่ 3 คนนี้ครับ ก็ต้องช่วยๆกันไป ส่วนผมตอนนี้ก็นั่งอยู่บนรถเมล์ เพื่อรอรถออกกลับบ้าน อากาศเย็นๆแบบนี้ โรงเรียนยังไม่ทันเลิก ผู้โดยสารเลยยังน้อย ทำให้ผมนั่งริมหน้าต่าง คิดอะไรไปเรื่อยๆได้
“ลงม่าก่อน” เสียงของคนที่คุ้นเลยบอกผม ทางล่างของรถ
“ลงไปทำไม จะกลับบ้าน” ผมบอก
“เดี๋ยวไปส่ง” มามุกนี้อีกแล้ว ผมเลยทำเป็นไม่สนใจ นั่งมองเอ็มวีลูกทุ่งที่ทีวีบนรถต่อไป
“มึงนี่พูดไม่เคยรู้เรื่องนะ บอกให้ลงมาคุยกันก่อนไง” นายปีโป้ขึ้นมาบนรถตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และตอนนี้ก็ลากผมลงจากรถเรียบร้อยแล้ว
“ปล่อยมือ” ผมบอกมัน เมื่อโดนลากลงมาจากรถจนได้ คนที่นั่งบนรถ และอยู่ล่างรถมองเป็นตาเดียว เค้าคงกลัวว่าพวกเราจะตีกัน เพราะใส่เสื้อชอปกันคนละสี ต่างสถาบัน
“ไปกับกู เดี๋ยวกูไปส่งบ้าน” มันไม่ปล่อยมือครับ แต่ลากผมไปขึ้นรถมันแทน เมื่อมาถึงรถถึงได้ปล่อยมือผม
“ไปไหน” ผมถาม
“ไปหาไรกินก่อน เดี๋ยวไปส่งบ้าน” มันยังคงยืนยันความคิดตัวเองเป็นหลัก
“รีบขึ้นมา” นายปีโป้สตาร์ทรถมอไซค์แล้วหันมาสั่งผม
นายปีโป้พาผมมาร้านขายโรตีร้านเดิม แต่คนละสาขากัน (ผมบอกไปหรือยังว่าร้านขายโรตีนี้ มีสาขาเยอะมาก” น่าแปลกใจ ที่วันนี้คนค่อยข้างเยอะ เด็กนักเรียนคงเลิกเร็ว เลยมานั่งกันเยอะแยะไปหมด
“จะกินอะไรก็สั่งเลยนะ เดี๋ยวกูไปทักคนรู้จักก่อน” นายปีโป้บอกผมพร้อมกับเดินหายไปที่โต๊ะอื่น ทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับเมนูอาหาร ที่เมื่อคืนวานสั่งมากินเกือบทุกอย่างแล้ว
ผมหันไปดูโต๊ะที่นายปีโป้เดินไปหา น่าจะเป็นเด็กม.ปลาย และก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเด็กม.ปลายกลุ่มเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่า แต่ทั้งสองคนดูหน้าตาน่ารักทั้งคู่ ผมสังเกตได้ไม่นานก็มีเด็กเสริฟมารับรายการอาหาร ทำให้ผมต้องละสายตาจากสองคนนั้น
ผมสั่งอะไรง่ายๆ ไปสองสามอย่าง เผื่อนายปีโป้ไปด้วย และคิดว่ามันคงจะทานได้
“สั่งไรไป” เจ้าตัวมพอดี
“โรตี” ผมบอกมัน
“แล้วทำไมไม่สั่งข้าวละ กูหิว”
“จะรู้ป่ะละ ว่าจะกินอะไร”
“ไรวะ ไม่รู้ใจกูเลยนะมึงนี่ น้องๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเรียกเด็กเสริฟ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่มารับออร์เดอร์จากผมเมื่อกี้
“เอาข้าวมันไก่น้ำแกงสองจานนะ” นายปีโป้ตะโกนบอกตั้งแต่น้องเค้ายังเดินมาไม่ถึงโต๊ะ ได้ยินคำว่า “ครับ” ลอยตามมาเบาๆ
“สั่งทำไมตั้ง 2 จาน หิวเหรอ” ผมถาม
“เผื่อมึงจานนึง”
“แต่เรา ..”
“ไม่ต้องเถียง กูสั่งมาก็กินไป”
หึหึ วันนี้มาดุเชียว แต่ปกติมันก็มาเถื่อนๆแบบนี้ตลอดนี่นะ แปลกที่ตัวเองมากว่า ทำไมถึงไม่กล้าต่อเถียงไปเยอะ หรือว่ายังรู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนอยู่ .. ก็ไม่แน่
“หน้าไปโดนอะไรมา” ผมถาม เมื่อลองสังเกตหน้าของมันดีๆ มีแผลช้ำๆที่มุมปาก
“หมากัด” มันตอบมาแล้วก็ยิ้มๆ
“ไม่แปลกนี้ พันธ์เดียวกัน”
“มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ”
“พูดไปตอนไหน”
“มึงนี่นะ กวนกูตลอดเลย พูดดีๆกับกูบ้างไม่ได้หรือไง”
“อย่างกับนายพูดดีกับเรา”
“กูพูดไม่ดีตรงไหน”
“ตรง มึง กู นั่นไง”
“หึหึ ยอกย้อน” มันคงจะรู้ตัว และเถียงผมไม่ได้ เลยไม่เถียงต่อกลับมา แต่ผมว่าหน้าอย่างนายปีโป้ ถ้าลองพูดเพราะกับเค้าบ้าง ก็คงดูดีไม่น้อย อาจจะขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าทำตัวเถื่อนๆแบบนี้
“มึงยังไม่ง้อกูเลยนะ” นายปีโป้บอกผมด้วยสีหน้าเขินๆ
“ง้อ ?” ผมถามไปอย่างงงๆ
“เออดิ มึงจะไม่คิดง้อกูหน่อยเหรอ”
“เรื่องอะไรอ่ะ” ผมทำงง
“ก็เรื่องที่มึงเข้าใจกูผิดเมื่อคืนไง”
“แล้วยังไงถึงเข้าใจถูกละ”
“นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอ”
“ถ้าไม่บอกแล้วจะรู้ป่ะ”
“มึงนี่นะ ต่อปากต่อคำไม่เลิก ถ้าอยู่ที่ลับนะ จะจับปิดปากด้วยปากเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำหน้าหื่นมา ผมเลยต้องเอามือมาปิดปากตัวเองตามสัญชาติญาณ
“กลัวอ่ะดิ” มันแซวผม พร้อมกับยิ้มๆ
“ก็ลองดูดิ มีมือมีตีน ถ้าไม่ตายก็คงได้ต่อยปาก” ผมเอามือที่ปิดปากออก ก่อนที่จะกำหมัด ปกป้องตัวเอง
“เออ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก อะไรที่กูรัก กูจะทะนุถนอมมัน ไม่ให้มันแปดเปื้อนหรอก” นายปีโป้พูดมาพร้อมกับรอยยิ้ม นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงที่ชอบมันอยู่ คงเคลิ้มไปกับประโยคนั้น และถ้าเป็นผมคนก่อนคงหงุดหงิดน่าดู ..
เอ๊ะ ผมคนก่อนเหรอ .. แล้วตอนนี้ผมเป็นยังไงละ
“เขินอ่าดิ ไม่เคยโดนใครจีบอ่าดิ” นายปีโป้แซว
“หึหึ จะเล่าได้หรือยังว่าเมื่อคืนเป็นบ้าอะไร” ผมชวนเปลี่ยนเรื่อง
“ก็กูรู้จักเด็กผู้ชายม.ปลายสองคนด้วยความบังเอิญ มันเป็นแฟนกัน สองคนที่กูไปหาเมื่อกี้ไง” นายปีโป้เล่าแล้วเงียบไป หันไปมองโต๊ะที่ไปเดินไปหาเมื่อครู่
“อ้าว ไปไหนแล้ว สงสัยกลับละ” มันพูดออกมา เมื่อหันไปมองแล้วไม่เจอเด็กสองคนนั้น
“แล้วเด็กสองคนนั้นเกี่ยวอะไรกัน” ผมถาม
“ก็กูว่ามันสองคนน่ารักดี อยากให้มึงรู้จัก มึงน่าจะชอบ” นายปีโป้อธิบายมาแบบเขิน
“ไม่ใช่แค่นั้นมั้ง” ผมถามอีก
“แค่นั้นแหละ มึงจะเอาอะไรอีก”
“จริงอ่ะ” ผมย้ำอีกที
“ก็ .. ก็ อยากให้เป็นกรณีศึกษา”
“กรณีศึกษาอะไร ?” ผมเริ่มงงกับเหตุผล
“โรตีได้แล้วครับ” เด็กที่รับออเดอร์คนเดิม นำโรตีมาเสริฟได้ตรงช่วงเวลามากเลยครับ
“โอ๊ย ขอบใจมากไอ้น้อง กำลังหิวพอดีเลย” นายปีโป้พูดพร้อมกับช่วยเด็กเสริฟยกอาหารจากถาดมาวางบนโต๊ะ แล้วก็รีบหยิบทาน
“แล้วยังไงต่อ” ผมถามทันที ทีเด็กเสริฟเดินออกไป
“ไม่มีอะไรแล้ว มึงรู้แค่ว่ากูไม่ได้ทำอะไรพวกมันอย่างที่มึงคิดก็พอ คนอย่างกูไม่ทำพวกไม่มีทางสู้หรอก” นายปีโป้ตอบทั้งที่ปากยังมีแต่โรตีอยู่
“แปลว่าที่มีเรื่องเมื่อคืนนี่ พวกมันสู้นายเหรอ” ผมถามเรื่องอื่นต่อ
“มึงนี่นะ รู้เรื่องกูหมดจริงๆ แปลว่าเริ่มสนใจตัวกูแล้วใช่มั๊ย บอกมาซะดีๆ ว่าแอบชอบกูแล้วอ่าดิ” นายปีโป้พูดเข้าข้างตัวเอง พร้อมกับเอาลิ้นเลียนมที่ติดขอบปากไปด้วย
“อย่ามามั่ว ช้างน้อยกับพี่เอ็มบอกต่างหาก เลิกหลงตัวเองได้แล้ว” ผมบอก ก่อนที่ตักโรตีเข้าปากเช่นเดียวกัน
“น้ำหยดลงหิน หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับปีโป้ที่อยู่ใกล้น้ำมนต์ สักวันปีโป้ก็ต้องได้กินน้ำมนต์ และน้ำมนต์ก็ต้องได้กินปีโป้ ฮ่าๆๆ”
ผมว่าปล่อยให้นายปีโป้เพ้อไปคนเดียวดีว่าครับ เพราะผมเริ่มมองมันว่าไม่ใช่เด็กช่าง นักเลงหัวไม้ขึ้นทุกวันละ นับวันยิ่งเหมือนเด็กปัญญาอ่อน .. ไม่ไหวจริงๆ
“ฮั่นแหนะ หลบหน้าทำไม เขินอ่าดิ๊”