ตอนที่ 9 ไม่ผิดใช่ไหม .. ที่รักใครไม่เป็น
ไม่บอกก็รู้ครับ ว่าไอ้เดช เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของผมคนนี้ มันคิดยังไงกับไอ้เด็กน้ำมนต์ เห็นแค่แววตาที่มันมองน้องน้ำมนต์ ก็รู้ถึงจิตใต้สำนึกมันแล้วครับ ไม่ไม่รู้ ว่าไอ้เดชมันก็เป็นเหมือนผม ที่มีนิสัย หญิงก็ได้ ชายก็ดี ฟันฟรีเอาหมด และผู้หญิงที่ร้านเหล้าวันนั้น ไม่อยากจะพูดของเพื่อน ว่าเด็กล่า ไม่แพ้มันนั่นแหละ นั่งจึงไม่ต้องถามเรื่องความสัมพันธ์หลังจากนั้นของทั้งสองคน
ผมเคยบอกแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าไอ้เดชมันเคยแย่งกิ๊กผม เรียกว่าแย่งคงไม่ใช่ เพราะไอ้เดชมันก็แทบจะไม่ได้ทำอะไร กิ๊กผมตอนนั้นต่างหาก ที่มันร่านไม่รู้จักพอ ได้ผมแล้ว แต่ก็ยังอยากจะได้เพื่อนผมอีก แต่ผมก็คงลืมบอกไป ว่ากิ๊กผมคนนั้น เป็นเด็กผู้ชาย
“เออ คนนี้แหละ .. รู้แล้วก็ห่างๆไว้” ผมบอกไอ้เดช พร้อมกับข่มขู่ทางสายตา ไอ้เดชเห็นถึงกับผงะไปพักนึง ส่วนน้องน้ำมนต์ไม่ต้องพูดถึง หน้าตอนนี้บึ้งตึงอย่างกับหมีกินผึ้งมา
“พี่เอ็ม ขอน้ำมนต์ไปนั่งตรงนั้นได้มั๊ย” นั่นไงครับ แสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ทำไมต้องเปลี่ยนที่นั่ง” ผมถาม
“อยากไปนั่งใกล้หญิง”
“มึงโกหก”
“ไม่อยากจะนั่งใกล้นาย ... ความจริงแล้ว พอใจยัง” มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นไป แล้วไปยืนที่ไอ้เอ็ม เพื่อกดดันให้ไอ้เอ็มลุกขึ้น ไอ้เอ็มหันมามองหน้าผมนิดนึงเชิงถามว่าเอาไง ผมพยักหน้าส่งๆไป ยังไงน้ำมนต์ก็โกรธแล้ว ไม่อยากจะให้โกรธมากกว่านี้
“งานเข้าแล้วไงพี่ปีโป้” ช้างน้อยพูดขึ้นมาอย่างกับรู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไง
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปฝั่งน้ำมนต์
“หญิง พี่ขอนั่งตรงนี้ได้มั๊ย” ผมขอร้องหญิง
“เอ่อ ..”
“พี่จะนั่งตรงนี้ !!” ตอนนี้กลับกลายเป็นบังคับละ หญิงเลยต้องจำใจลุกขึ้น ทั้งๆที่มีมึงน้ำมนต์ดึงไว้ แต่เธอก็เดินไปนั่งอีกทางจนได้ บรรยากาศบนโต๊ะดูอึมครึมไปหมด แม้กระทั่งพนักงานที่มาเสริฟส้มตำ ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเสริฟ
“ชอบทำนิสัยเถื่อนๆแบบนี้ตลอดสินะ” ยังไม่ทันนั่งครับ ก็โดนคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าด่าซะละ
“ก็มึงทำตัวให้กูต้องเถื่อน” ผมพูดพร้อมกับนั่งลง
“ตัวเองไม่เคยจะผิด” น้ำมนต์พูดออกมาเบาๆ
“กูยอมรับกูผิด แต่กูจะทำให้มันกลายเป็นถูก”
“คิดไปเอง”
“เอ๊ะมึงเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกเถียง เห็นมั๊ยกูเจ็บแขนอยู่” ผมเริ่มเอาแขนที่เข้าเฝือกมาอ้าง
“..” มันกลับเงียบแทน เออ ดี เจ๋ง
“ทำไมต้องเปลี่ยนที่นั่ง ไม่พอใจอะไรกู กูพูดอะไรผิด” ผมถามมัน
“ก็แค่อยากให้นายคุยกับเพื่อนได้สบายขึ้น”
“โกหก”
“อืม”
อีกแล้วครับ ทำไมต้องจบประโยคด้วยคำว่าอืมด้วย ผมละเบื่อจริงๆ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลย
“ว้ายยย ปลาร้ามาแล้ว กลิ่นหอมมาเชียว มาจกกันเถอะค่า ... ช้างน้อยเครียดจนน้ำย่อยกัดกระเพราะหมดแล้ว” น้องช้างน้อยคงเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่เข้าท่า เลยชวนให้ทั้งโต๊ะคลื้นเคลง
“พี่บ่าวว่าน้องช้าง ใช้มือจกก็ได้นะครับ จะได้อินๆไง” ไอ้บ่าวก็เริ่มชวนช้างน้อยคุยเล่น
“พี่บ่าวคะ หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าหนูชื่อช้างน้อย เรียกหนูว่าช้าง เดี๋ยวแม่ก็ตกมันให้ดูเสียนี่”
“จ้าๆๆ อ่ะนี่เอาไก่ไปกินนะจ๊ะ อย่าตกมันเลยนะ”
และก็เป็นจริงอย่างที่พวกมันสองคนอยากให้เป็น บรรยากาศรอบโต๊ะก็ดูครึกครื้นขึ้น น้ำมนต์ดูมีรอยยิ้มมากกว่าเมื่อกี้ หันไปมองไอ้เดช ก็ยังมองมาทางน้ำมนต์ไม่หยุด มันคงรู้สินะ ว่าน้ำมนต์กำลังไม่พอใจผม ..
นี่มึงจะแย่งของกูอีกแล้วเหรอ ...
ไม่สิ , ผมแค่วิ่งนำมาก่อน .. และมันอาจจะกำลังวิ่งตามหลัง
ยังไม่มีใครถึงเส้นชัยทั้งนั้น ..
“กินไรมั๊ยมึง เดี๋ยวกูตักให้” ผมถามน้ำมนต์
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ก่อนจะช่วยคนอื่น”
“งั้นมึงก็ฉีกไก่ให้กูหน่อย กูอยากกิน” ไม่ให้ผมช่วย ก็ต้องมาช่วยผม
“วุ่นวาย” น้ำมนต์หันมาด่าผม ก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบไก่มาฉีก แล้วส่งให้ผม
“ป้อนด้วย” ผมบอกมัน
“ถ้ามือทั้งสองข้างใช้งานไม่ได้ ก็ใช้ลิ้นเลียเอา” น้ำมนต์พูดพร้อมกับเอาไก่วางไว้บนจานผม
ไอ้คำว่าเลียเอานี่มันทะแม่งๆนะครับ , ว่ามั๊ย
หรือว่าผมถูกหลอกด่า , ไม่หรอก
“ใจร้าย ไม่ช่วยคนป่วยเลย” ผมบ่นเล็กๆ
“แต่เหมือนนายไม่ได้ป่วยอะไรนะ ยังกะล่อนได้เหมือนเดิม”
“ก็ใครกันละ ทำให้กูเป็นแบบนี้”
“จะโทษเราว่างั้น”
“เปล่าซะหน่อย” ไม่กล้าว่าอะไรหรอกครับ เมื่อกี้ก็ดราม่าไปแล้ว ถ้าจะให้ดราม่าอีก ผมว่าได้เก็บเงินกลับบ้านกันแน่
พวกเรานั่งกินส้มตำกันนานพอสมควร สั่งกันมาเยอะแยะไปหมดครับ น้ำมนต์ก็ช่วยผมบ้าง ให้ผมกินเองบ้าง ไม่ได้ช่วยเพราะหลงผมหรืออะไรหรอกครับ สงสารซะมากกว่า .. แต่ก็ดีครับ อย่างน้อยๆก็มีความรู้สึกอื่นบ้าง ที่ไม่ใช่ทำหน้าเซ็งๆ หยิ่งๆ หรือไม่รู้หนาวรู้ร้อนเหมือนแต่ก่อน
เย็นวันนั้นผมให้ไอ้โอ๊ตขับรถพาผมมาส่งน้ำมนต์ที่รถครับ ไอ้เดชยังอาสาจะไปส่งน้องน้ำมนต์ด้วย และน้ำมนต์ก็เต็มใจให้มันไปส่งด้วย โดยให้เหตุผลว่า ยังไงก็นั่งกับพี่แกมาตั้งแต่แรก น่าเจ็บใจ
หลังจากที่ส่งน้ำมนต์เสร็จ ผมก็กลับมานั่งเล่นที่หอเหมือนเดิม เมื่อความสุขผ่านไป ความวุ่นวายก็จะตามเข้ามาสินะ ยังไม่ทันย่างเข้าหอ ผมก็เห็นน้องจอยนั่งรออยู่ใต้หอแล้ว
“มึงขึ้นไปก่อนไอ้โอ๊ต กูขอจัดการอะไรหน่อย” ผมบอกไอ้โอ๊ต ให้มันเดินขึ้นห้องไปก่อน ช่วงนี้ไอ้นี่มาอยู่กินกับผมครับ ตัวดิดกันยังกับคู่แฝด แต่ก็ดีนะครับ เพราะช่วงนี้ผมทำอะไรคนเดียวลำบากมาก
“พี่โป้ ทำไมไม่รับโทรศัพท์จอยคะ” น้องจอยซัดมาทันทีที่เห็นหน้าผม
“พี่รับไม่ได้ เจ็บแขน”
“เจ็บแขนอะไรกัน อีกข้างนึงก็รับได้”
“พี่กินยา แล้วก็นอนหลับ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยครับ
“แล้วทำไมตื่นมาไม่โทรกลับ จอยโทรหาพี่หลายสายแล้วนะ” เธอก็ยังยกประเด็นอื่นมาอีก
“ไอ้โอ๊ตพาพี่ไปกินข้าว ลืมเอามือถือไป” ผมบอกเธอ
“งั้นคืนนี้จอยนอนกับพี่นะ ให้พี่โอ๊ตไปนอนหอแก” เธอเริ่มอ่อนลง จนกลายเป็นคนที่ต้องง้อผมแทน
“ไม่เป็นไรหรอก ลำบากเราเปล่าๆ ไอ้โอ๊ตมันผู้ชาย มันช่วยอะไรได้ดีกว่าเรา”
“ทำไมพี่โป้พูดแบบนี้ ทำไมถึงเฉยชากับจอยแบบนี้ เบื่อจอยแล้วเหรอ” เธอเริ่มโวยวายขึ้นอีกแล้ว ผู้หญิงนี่ตามอารมณ์ไม่ทันเลยจริงๆ
“พี่ไม่ได้เบื่อเรานะ เอาไงดีละ คือว่าพี่ว่า ... เราห่างๆกันบ้างก็ดีนะ” ไม่รู้ครับ ไม่รู้ว่าจะต้องบอกเลิกใครสักคนเขาต้องงัดประโยคทิ่มแทง ตรงไปตรงมา เพื่อให้รู้ๆกันไป แต่พอถึงเวลาจริงแล้ว เราก็ต้องหาประโยคอ้อมโลกมาพูดกันอยู่ดี
“ห่างกัน .. ทำไมคะ พี่โป้มีคนใหม่แล้วนั้นเหรอ” เธอพูดมาแบบจริงจัง แววตาของเธอดูดุดันขึ้น
“ก็ไม่เชิง”
“พี่โป้ .. พี่โป้ทำแบบนี้ได้ไง จอยไม่เคยมีใคร แต่ทำไมพี่ปีโป้ทำแบบนี้” เธอพูดพร้อมกับเอามือมาตีที่ตัวผม มันอาจจะสะเทือนไปโดนแขนที่เข้าเฝือกผมบ้าง ยอมรับว่าเจ็บ แต่ผมว่าคงน้อยกว่าเธอ
“พี่ขอโทษนะจอย แต่เราก็คุยกันตั้งแต่ตอนแรกแล้วนี่ ว่าเราคบกันแบบไหน”
“แต่ .. แต่จอย”
“ถ้ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา พี่ก็ว่าไม่เห็นมันจะแปลกอะไร” ผมบอกเธอไป เพราะเรื่องการคบหาของผมกับเธอ เราไม่เคยพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ เพราะนั่น .. ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ
“จอยไม่ยอมหรอกคะ กว่าจอยจะได้พี่มา มันก็ยากเย็น แล้วนี่จะมาทิ้งจอยไปง่ายๆ พี่โป้มองจอยผิดไปแล้วค่ะ” เธอพูดอะไรออกมาอีกเยอะแยะมากมาย พร้อมกับเดินจากหอของผมไป
อีกแล้ว , ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วสินะ ผมนั่งทรุดลงกับม้าหินอ่อนของสวนที่หอลงอย่างเหนื่อยใจ .. มันไม่ใช่ครั้งแรกของผู้ชายที่รักสนุกและไม่รู้จักพออย่างผมต้องเจอแบบนี้ .. เพราะทุกคนที่เจ้ามาหาผมหรือผมเข้าไปหา เขาก็รู้ดีว่าผมต้องการแค่สัมพันธ์ทางกาย แต่ก็ทุกคนที่เข้ามา ได้คืบจะเอาศอก .. ได้กายหวังจะเอาใจ
ผิดที่เขาที่หวังมากเกินไป
หรือผิดที่ผม .. ที่รักใครไม่เป็นสักที
“กลับไปแล้วเหรอวะ” ไอ้โอ๊ตคงแอบมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมือ่เห็นว่าสถานการณ์โอเค เลยเข้ามา พร้อมกับมือที่ตบลงบนบ่าผม
“อืม สงสารวะ” ผมบอกไอ้โอ๊ต
“คนที่เจ็บเพราะความรัก น่าสงสารทั้งนั้นละ” ไอ้โอ๊ตบอกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองมันนิดหน่อย
“มึงพูดอย่างกับเคยเจ็บเพราะรัก” ผมถามมัน
“อะโด่ กูโตแล้วนะมึง เจ็บเพราะรัก ใครๆก็เคยๆกัน” มันพูดมายิ้มๆ
“เหรอ กูเคยป่ะวะ ไม่แน่ใจวะ” ผมบอกมันไป พร้อมกับคิดถึงรักครั้งก่อนๆที่เคยผ่านมา
“เคยสิ มึงต้องเคยแน่ ไม่งั้นมึงจะทำตัวแบบนี้เหรอ”
“แบบนี้ .. ยังไงวะ”
“เล่นกับความรัก เล่นกับความรู้สึกคนอื่น มองทุกอย่างเป็นแค่ความใคร่ ความสนุก”
“กูดูเลวจังวะ” ผมบอกมัน ทำหน้าจริงจัง
“กูก็ว่างั้น” มันก็ตอบมาหน้าจริงจังเหมือนกัน
อยากจะขำเหมือนที่ไอ้โอ๊ตกำลังอมยิ้มเหมือนจะหลุดขำผมเหมือนกันครับ แต่ก็ขำไม่ออกครับ เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านเข้ามา ไอ้โอ๊ตมันพูดถูกทั้งหมด ผมมองความรักเป็นแค่ความใคร่ ความสนุก ทุกอย่างที่เข้ามาไม่เคยทำให้ผมเคยคิดเลยว่าผมจะจริงจังกับมัน ทุกคนที่เข้ามาก็รู้ .. แต่เขาพยายามเข้ามาเปลี่ยน .. แต่ก็ไม่เคยมีใครทำได้
สำหรับผมแล้ว ..
“หากคนเราเคยเจ็บเพราะรัก .. ไม่ผิดหรอก, ที่เราจะเอาคืนมันบ้าง ..”