[ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ กลรัก ... เปื้อนสี ] แล้วนะครับ !!!!  (อ่าน 275629 ครั้ง)

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
หยิ่งไว้น้องน้ำมนต์ ไอ่พี่โป้มันจะได้รู้ว่า ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆเป็นยังไง

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
ย่องมาอ่านตอนดึกๆๆ อิอิอิ

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
กดไลค์ น้ำมนต์    สิบ ครั้ง ง ง ง 

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เด็กช่างกับเด็กอาร์ท น้ำมนต์นี่ก็อาร์ทได้ใจจริงๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ลงกฏไม่ครบข้อ  ขอล๊อคกระทู้ไว้ก่อนนะคะ

เจ้สอง

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
ปลดล็อคยังหว่าาา

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยย บอร์ดโดนล็อคไป 3 วัน นักเขียนใจจะขาดรอนๆ ไม่ได้อัพให้นักอ่านอ่านกัน .. ต้องขอประทานโทษด้วย พอดีผิดที่นักเขียนไม่ได้อัพเดตกฎของเล้า เลยโดนล็อคไปตามระเบียบ .. แต่เมื่อได้กลับมาแล้ว ก็อยากฝากไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจอีกครั้ง ..

จะอัพทุกวันเพื่อเป็นการไถ่โทษ ..  :กอด1: :กอด1:




ตอนที่ 4  สองคนกลางห้าง .. ชื่อฉ่ำกระหน่ำจีบ


ผมละไม่เข้าใจไอ้เด็กช่างกล นายปีโป้นี่จริงๆ  ว่าต้องการอะไรจากผมนัก แล้วดูสิ ไปสนิทกับหญิง กับช้างน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมาเดินห้างกับนายคนนี้อีก ..

“นี่ รอก่อนดิ” เสียงของนายปีโป้ตะโกนไล่หลังผมมาครับ ไอ้ผมก็รีบที่จะสาวเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

“กูบอกให้มึงหยุดไง”  บทสนทนาเถื่อนๆ พร้อมกับใบหน้าพยามเถื่อนของนายปีโป้ วิ่งมาดักหน้าผมแล้ว ใช่สิ ขายาวกว่าผมนี่

“หลีก”

“ไม่ !!!”

“ทำไมต้องตะโกน”

“ก็อยากให้เชื่อฟังบ้างนี่”

“คิดว่าเสียงดังแล้วจะเชื่อฟังงั้นเหรอ”

“ก็ไม่คิด แต่จะทำ”

“เถื่อนจริงๆ หลีก”

“เดี๋ยว พูดกันดีๆบ้างไม่ได้หรือไง” ปีโป้พูดพร้อมกับดึงมือผมไว้ ในขณะที่ผมกำลังจะพยายามเดินหนี

“ได้ แต่ปล่อยมือก่อน” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับพยายามบิดมือให้หลุด

“เขินเหรอ” ดูที่ช่างถามมาครับ ไม่อายปากเลย แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก ต้องการสื่ออะไรมิทราบ

“เปล่า แต่ไม่ชอบ” ไม่ได้เขินจริงๆ ผู้ชายจับมือผู้ชายด้วยกันทำไมต้องเขิน แค่มันรู้สึกแปลกมากกว่า หรือพวกคุณว่าไม่แปลก

“ถ้าปล่อยแล้วพูดดีๆกับกูด้วยละ” ดูประโยคที่จะให้คนอื่นเขาพูดดีด้วยสิครับ

“อืมม” ผมรับปากส่งๆไป ยังไงก็อยากให้มันปล่อยมือก่อน

“อ่ะ ปล่อยละ” นายปีโป้พูดพร้อมกับปล่อยมือ ก่อนที่จะยกมือข้างที่จับกับมือผมเมื่อครู่ขึ้นไปดม

“มือหอมจัง ขนาดเป็นเด็กศิลป์ มือทั้งหอม ทั้งนุ่มเลยนะเนี่ย” นายปีโป้พูดออกมาด้วยสีหน้าหื่นกาม เห็นแล้วอยากจะต่อยหน้าจริงๆ

“โรคจิตป่ะเนี่ย” ผมถามไปอย่างสงสัยจริงๆ

“โรคจิตอะไรจะหล่อขนาดนี้”

“หลงตัวเอง”

“หลงรักตัวเองด้วยนะ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอานิ้วมาชี้ที่ผม ซึ่งจะให้ความหมายว่ากำลังหลงรักผมอยู่

“โอ๊ย อยากจะบ้า  จะไปไหนก็ไปเลยไป เราจะไปซื้อของ” ผมชักจะทนไม่ไหวกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้แล้วจริงๆ ทำไมหญิงกับช้างน้อยไม่คิดบ้างนะ ว่าเราจะไม่ปลอดภัยมากว่าจะสุขสบาย ถ้าอยู่ใกล้คนแบบนี้

“ก็บอกว่าจะไปด้วย” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำท่าจะเอามือมาจับมือผมอีก ดีที่ผมเร็วกว่า รีบซ่อนมือไว้ทัน

“เร็วจริงนะ” นายปีโป้แอบแซวผม

“จะไปด้วยให้ได้ใช่ไหม”

“ครับ” ผมอยากจะขำกับคำว่าครับจากปากเด็กช่างคนนี้ คิดจะพูดเพราะก็พูดออกมา

“แหนะ ยิ้มแบบนี้อารมณ์ดีแล้วอ่ะดิ”  ยังไม่เลิกที่จะแซวผมครับ

“เปล่า”

“เปล่าแล้วยิ้มทำไม”

“อย่าซักไซ้อะไรมากได้มั๊ย ถ้าจะไปด้วยก็เดินห่างๆเราไว้ และก็ไม่ต้องพูดอะไรมากด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปหาแฟนของนายเสีย” ผมพูดบอก อีกคนตั้งใจฟังจนรู้สึกผิดสังเกต  เมื่อไม่เห็นอีกคนมีปฎิกิริยาที่จะขัดอะไร ผมก็เลยเดินนำไปที่ร้านเครื่องเขียนของห้าง






แต่เปล่าครับ ไม่ใช่ว่าที่เงียบนั้นคือความเข้าใจ แต่ที่เงียบนั้นคือไม่ยอมรับเงื่อนไขต่างหาก ผมละอยากจะบ้า อยากดิ้นให้ตายกลางห้างนี้ให้ได้

“บอกว่าอย่ามาเดินใกล้”

“ห้างมันแคบ คนมันเยอะ”  ดูข้ออ้างของเขาครับ






กว่าจะมาถึงร้านเครื่องเขียนได้ คนที่เดินข้างผมมาตลอดทาง ที่เผลอๆผมคิดว่าเป็นคนบ้าคนนี้ ก็ดูสิครับ เดินยิ้มมาตลอดทาง แล้วท่าทางการเดินที่ต้องเข้ามาชิดกับผมแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวนั่นอีก ทั้งที่ทางออกจะกว้างขวาง คนก็ไม่ได้เยอะอย่างกับตอนห้างลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์อย่างที่อ้าง  แต่ก็ไม่อยากจะหยุดเถียงไปให้มากกว่านี้ แค่นี้ก็เสียเวลามากแล้ว





“จะมาซื้ออะไรเหรอ”  นายปีโป้ถาม

“สี กระดาษ ฟู่กัน   ดินสอวาดรูป ที่ผสมสี แล้วก็ ..”

“พอๆ เยอะแยะแค่นี้จะถือไหวได้ไง ดีนะที่กูมาด้วย ไม่งั้นมึงแบกคนเดียว มือช้ำหมดแน่ๆ” นายปีโป้พูดพร้อมกับเอามือมาลูบที่ฝ่ามือผมไปด้วย เอาอีกแล้วไอ้คนนี้ เผลอไม่ได้จริงๆ

“ถ้าแตะต้องตัวเราอีก เราจะไม่เกรงใจแล้วนะ” ถึงไม่เก่งการต่อสู้มากนัก เพราะไม่ชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา แต่คำว่าไม่เกรงใจแล้วนะ ของผมก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องชกหน้า หรือว่าต่อยหน้าท้องเสมอไป

“โห โหดจังเลย” คำพูด น้ำเสียง และสีหน้าของนายปีโป้ ไม่มีความกลัวบนใบหน้า อย่างกับประโยคที่พูดออกมาเลย กลับแสดงอาการตรงกันข้าม .. มันช่างกวนยิ่งนัก





“นายช่วยไปเอาตะกร้ามาให้หน่อยสิ” ผมพูดบอกนายปีโป้ เมื่อเดินหยิบของจำเป็นหลายอย่างจนจะเต็มมือ

“ได้ครับ นายท่าน” ดูครับ ยังไม่เลิกกวน





“มาแล้ว”

“อืม ขอบใจมาก” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจะหยิบตะกร้าที่นายปีโป้เอามาให้

“ปล่อยสิ” ผมพูดย้ำอีกที เมื่อออกแรงจะดึงตะกร้ามาถือเอง แต่นายปีโป้ไม่ปล่อยให้

“ไม่ปล่อย เดี๋ยวกูถือเอง มึงเดินเลือกไปเถอะ เอาอะไรก็ใส่มาในนี้” นายปีโป้พูดพร้อมกับทำหน้ายิ้มๆให้ผม

“แต่เรา ..”

“อย่าเถียงไรมากได้มั๊ย มัวแต่เถียงกันไปเถียงกันมา จะเลือกซื้อเสร็จไหมวันนี้”  อ่าว โดนดุซะงั้นผม

“ก็ใครกันละ ..”

“ยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวก็จูบปากให้” 

“..”  เงียบสิครับผม ไม่ใช่ว่ากลัวที่จะมาจูบปากผมนะครับ แต่รู้สึกขยะแขยงที่ผู้ชายด้วยกันจะมาจูบปากกันในที่สาธารณะชนแบบนี้ และผมคิดว่านายปีโป้ก็คงไม่ได้ขู่ด้วย  ถ้าทำจริงขึ้นมา ผมคงไม่กล้ามาเดินห้างนี้อีกเลย






ผมเดินเลือกซื้อของจนเกือบจะหมด ขาดแค่เพียงกระดาษที่จะซื้อเป็นอย่างหลังสุด เพราะมันถือลำบาก ขอที่ซื้อดูไปดูมาก็เยอะจริงๆครับ เพราะผมต้องซื้อเผื่อสองคนนั้นด้วย หันไปดูคนที่เดินตามมาด้วย ถือจนหนักเชียวครับ ก็ตะกร้าเดียวพอซะที่ไหน ตอนนี้สองตะกร้าใหญ่ๆเลยครับ ถ้ามีรถเข็นในร้านนี้ คงได้เข็นกัน




“ซื้อจะหมดร้านแล้ว”  เสียงเหน็บเล็กๆจากด้านหลังผม

“หนักเหรอ” ผมหันถามด้วยสีหน้าดูถูก

“เปล๊า แค่นี้จิ๊บจ๊อย”  แล้วนายปีโป้ก็ตอบกลับมาเสียงสูง หน้าตากวนๆ

“ยังต้องซื้ออีกสองตะกร้าใหญ่ๆเลยนะ”

“หา !!!”

“ฮ่าๆๆ” ผมหลุดขำออกมา เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่บอกว่าไหว เมื่อได้ยินว่าผมจะซื้อของเยอะกว่านี้เป็นสองเท่า






“น้ำมนต์”

“หือ”  เป็นอะไร อยู่ๆก็มาเรียกซะเต็มยศ

“หัวเราะบ่อยๆนะ เวลามึงหัวเราะ โคตรน่ารักเลย”  นายปีโป้พูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ เล่นเอาผมต้องหลบสายตาของเขา  บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่ารู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีคนชมว่าผมหัวเราะน่ารัก อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะก็ได้



“เป็นไรหรือเปล่า โกรธกูอีกเหรอ”

“เปล่า ไปที่โซนกระดาษกันเถอะ” ผมพูดบอก ก่อนที่จะเดินนำไปที่โซนกระดาษ








แล้วผมก็เลือกซื้อของสำหรับโปรเจคงานศิลปะที่จำต้องทำให้เสร็จก่อนจะสิ้นเดือนนี้ นี่ยังแค่เริ่มต้น เพราะยังไงผมกับเพื่อนก็ต้องเหนื่อยกันอีกเยอะ

“โห เยอะขนาดนี้มึงจะถือไปหมดได้ไง” นายปีโป้ถามผม ไม่รู้ทำไมได้ยินคำว่ามึงกู แล้วรู้สึกตะหงิดๆ แต่จะบอกให้นายปีโป้พูดเพราะกับผม ก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะมันเป็นนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน

“หมดสิ เดี๋ยววางบนรถสองแถวไป” ผมตอบไป

“จะบ้าเหรอ มึงจะเหมาสองแถวหรือไง วางแบบนี้ก็เต็มรถเขาพอดี”

“งั้นก็ไปวินก็ได้ เอาหน่า เราไปของเราได้อยู่แล้วละ”

“ไม่เอา”  งงเลยครับ จู๋ๆ นายปีโป้ก็พูดว่าไม่เอา แถมพอผมทำท่าจะเอาถุงทั้งหมดมาถือเพื่อแยกย้ายกันกลับ กลับไม่ให้ผมอีก

“อะไรของนายอีก เร็วๆ เรารีบกลับบ้าน” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะแย่งถุงทั้งหมดมาถือเอง

“เดี๋ยวกูไปส่งเอง” นายปีโป้พูดพร้อมกับเดินนำผมไป



นี่คือการบังคับให้ผมต้องตามไปใช่ไหม และคือการสมยอมให้นายไปส่งที่บ้านใช่ไหม โอ๊ย ประสาทจะกินหัวกับไอ้เด็กช่างคนนี้ !!!






“บ้านอยู่แถวไหน” มาถึงรถแล้ว นายปีโป้ก็เริ่มถามทันที

“ไม้หลา”

“หา !!!”   ตกใจเลยละสิ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ว่าบ้านผมไม่ได้อยู่ในเมือง แต่อยู่อีกอำเภอนึง แต่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก (สถานที่เกิดเรื่องคือจังหวัดนครศรีธรรมราช)



“ไกลแบบนี้ ไม่อยากไปส่งแล้วใช่มั๊ยละ งั้นเอาถุงมา จะกลับเอง”

“ใครบอกละ ไกลแบบนี้แหละที่ต้องไปส่ง ค่ำขนาดนี้แล้วจะมีรถกลับไหมก็ไม่รู้ แล้วนี่กว่าจะได้ไปต่อรถ กว่าจะไปถึงบ้านก็ดึกดื่นอีก อันตรายรู้ไหม คนอะไรเดินเลือกของไม่รู้เวล่ำเวลา”  อ้าว โดนดุซะงั้นผม

“ก็ใครกันละ ที่มาชวนเถียง มาถ่วงเวลาเรา” ผมขอเถียงบ้าง

“เออ กูก็ได้ ยอมรับผิดเอง เพราะถ้าเถียงกันไปมา มึงได้นอนหอกูแน่”  นายปีโป้ตัดบทจบซะงั้น เล่นเอาผมตามเกมไม่ทันเลย ก่อนที่นายปีโป้จะเอาขอไปส่ตะกร้ารถของเขา และก็เอาทีเหลือมาให้ผมถือ อ่อ นายปีโป้ยังไม่ลืมที่จะเอาหมวกกันน็อคมาให้ผมใส่ด้วย

“แล้วของนายละ” ผมถามเมื่อเห็นว่ามีหมวกแค่หนึ่งใบ

“ไม่เป็นไร กูหัวแข็ง เอ๋อไม่แดกกูหรอก รีบขึ้นมา”  เชื่อแล้วครับว่าเด็กช่าง ไม่เห็นต้องเถื่อนขนาดนี้ก็ได้







และด้วยการเป็นสิงห์นักบิด หรือเป็นเด็กแว๊นประจำซอย หรือว่าเป็นนักแข่งมอเตอร์คอสอะไรก็แล้วแต่ละครับ ที่ทำให้ผมมาถึงบ้านไวกว่าที่คิด เวลาที่เคยเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงนี่แค่สิบห้านาที ด้วยฝีมือการขับหลบหลีกการจราจรที่ติดขัดในช่วงไพร์มทามของถนน และการบิดมากกว่าแรงม้าของนายปีโป้  ขอบคุณหมวกกันน็อคที่นายปีโป้เสียสละมาให้ ไม่เช่นนั้นผมคงไม่มีสิ่งของใดยึดกายแทนใจเลย





“หลังนี้แหละ” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับความเร่งในการเคลื่อนที่ของรถมอเตอร์ไซค์ที่น้อยลง จนหยุดในที่สุด

“หลังนี้นี่นะ” นายปีโป้ถามเสียงสูงอย่างสงสัย เมื่อเห็นสภาพบ้านชั้นเดียวที่ปลูกเอาไว้ไกลจากบ้านคนอื่นๆพอสมควร และเป็นแค่บ้านไม้สองชั้นที่มีใต้ถุนธรรมดา สภาพผุพังและเต็มไปด้วยการซ่อมแซมมากมายหลากหลายจุด

“อืม ลงมากินน้ำก่อน” ผมยืนยันกับคนมาส่งอีกครั้ง ก่อนจะเชื้อเชิญให้มากินน้ำตามมารยาท


ผมพานายปีโป้มานั่งที่ใต้ถุนของบ้าน ซึ่งมียายกำลังนั่งดูละครอยู่

“ยายครับ กลับมาแล้วครับ” ผมทักเรียกยาย ก่อนจะวางของต่างๆไว้บนแคร่ แล้วโผเข้าไปกอดยาย

“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับช้าจังละลูกวันนี้”  ยายกอดผมตอบ พร้อมกับลูบหัวทักทายผมอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ

“พอดีวันนี้น้ำมนต์ต้องไปซื้อของอ่ะครับ เลยกลับเย็นหน่อย ยายกินอะไรหรือยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วลูก แล้วนั่นใครละ ทำไมไม่ชวนเข้าบ้าน” ยายตอบผม ก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่ามาด้วย พอเจอยาย แล้ลเผลอลืมซะงั้น



“นายปีโป้ ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม เข้ามาข้างในสิ” ผมเรียกอีกครั้ง พร้อมกับกวักมือเชื้อเชิญ

“สวัสดีครับ” นายปีโป้ยกมือไหว้ยายผม เออ ดีแฮะ มือไม้อ่อน ดูดีขึ้นเยอะ

“นั่งก่อนสิลูก เพื่อนน้ำมนต์เหรอ ทำไมยายไม่เคยเห็น”

“เอ่อ เพื่อนรุ่นพี่ที่สาขาอ่ะครับ” ผมตอบพร้อมกับยื่นขันน้ำที่เพิ่งเดินไปตักมาให้ ไม่รู้จะให้บอกว่ายังไง เพราะเป็นเพื่อนกันเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่เท่าไหร่

“ยายน้ำมนต์นี่ยังดูสาว ยังดูสวย ยังดูแข็งแรงอยู่เลยนะครับเนี่ย” นายปีโป้เริ่มคุยเล่นกับยายแล้วครับ

“แหม ชมคนแก่นะลูก ยายแก่แล้ว จะให้สวยเหมือนสาวๆสมัยนี้คงไม่ใช่แล้ว”

“ไม่จริงครับยาย  นี่ถ้าผมเจอยายตอนสาวๆ ผมจีบยายแล้วนะครับเนี่ย”

“แหม ที่ปากหวาน ลูกก็หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แฟนคงสวยมากละสิท่า”

“ยังครับยาย ผมยังไม่มีแฟนเลย กำลังจะจีบอยู่”  นายปีโป้พูดพร้อมกับหันหน้ามามองทางผม

“อย่าโกหกคนแก่สินาย .. เอ่อ พี่ปีโป้”  ไม่รู้จะแทนนายปีโป้ยังไงดี เรียกพี่ก็ไม่ถนัดปากเลย

“นั่นสิ อย่าโกหกคนแก่เลย ยายรู้นะว่าต้องมีแล้วแน่ๆ”

“ไม่มีจริงๆครับ แต่ที่มีอยู่ผมยังไม่เรียกแฟน”

“นั่นไง ยายว่าแล้ว  อย่าเที่ยวไปหลอกใครให้เสียใจละ มันเป็นบาป”

“ครับยาย” นายปีโป้รับปากยาย พร้อมกับยกขันน้ำขึ้นดื่ม  ส่วนยายก็หันหน้าไปดูละครต่อ

“งั้นผมว่าผมกลับก่อนดีกว่านะครับยาย เดี๋ยวจะดึกกว่านี้” เมื่อวางขันลง นายปีโป้ก็พูดลายาย

“อ้าว นึกว่าจะนอนด้วยกันซะที่นี่  ทำไมไม่นอนกันซะที่นี่เลยละ ขับไปขับมา มันอันตราย”

“ไม่เป็นไรหรอกยาย พี่เค้าขับได้ ขับรถดีๆละ” ไม่เอานะยาย อย่าให้มานอนเลย

“ไม่เป็นไรครับยาย คนแถวนี้เค้าไม่สะดวก”

“ใครกันไม่สะดวก ยายสะดวก ถ้าน้ำมนต์ไม่ให้นอนด้วย ก็นอนกับนายก็ได้  ยายอยากนอนกอดคนหล่อๆบ้าง”

“อ้าวยาย แล้วน้ำมนต์ละ” ผมเริ่มท้วงทันที ก็ทุกคืนผมนอนกอดยายอยู่นี่ แล้วทำไมวันนี้ถึงจะเปลี่ยนคน

“ฮ่าๆ ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน วันนี้ผมมีนัดซะด้วย” นายปีโป้บอกยายอีกครั้ง

“นัดกับแฟนไว้อ่ะดิ ยายรู้นะ ไม่รั้งไว้ก็ได้ ยังไงก็ขับรถดีๆละ”

“ครับยาย ขอบคุณมากครับ”

“น้ำมนต์เดินไปส่งพี่เค้าหน่อย”

“อ่าครับ” ผมตอบรับยาย ก่อนที่จะเดินออกไปส่งตามที่ยายบอก







“มึงอยู่กับยายสองคนเหรอ” พอห่างตาพ้นหูยาย คำพูดไพเราะของนายปีโป้ก็หายไปทันที

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า แล้วคนอื่นๆละ”

“คนอื่นๆ ใครเหรอ”

“พ่อแม่ พี่น้องอะไรเนี่ยแหละ”

“อืม .. ถึงรถละ ยังไงก็ขับรถกลับดีๆนะ ขอบใจมากที่มาส่ง” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่เพิ่งได้รับมา พร้อมกับที่เราเดินกันมาถึงรถพอดิบพอดี

“อืม ไม่เป็นไร กูเต็มใจ”

“อืม” ผมตอบพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าบ้าน

“น้ำมนต์”

“หือ มีไรอีก” ผมเอี้ยวหลังมามองคนที่เรียก ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถมอไซค์

“คืนนี้หลับฝันดีนะครับ” นายปีโป้พูดบอกผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“อืม” ผมตอบไปแค่นั้น ก่อนที่หันหน้าเดินเข้าบ้านต่อ






หลับฝันดีเหรอ .. ผู้ชายอย่างนายปีโป้ มันก็คิด ก็พูดอะไรดีๆกับเค้าเป็นเหมือนกันนะเนี่ย ..


...

อย่างที่จ่อหัว .. ยิ่งอ่าน ยิ่งเม้น ยิ่งอัพ ...

ปล.ดึกๆถ้ากระแสดีจะจัดอีกรอบ :)))


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ก็พอมีข้อดีมาให้เห็นแล้วเนอะ
น้ำมนต์น่ารักอ่ะ  หวังว่าไม่เศร้ามาก

ออฟไลน์ maple4120

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น้ำมนต์น่ารักอ่า อยากอ่านต่อจัง อัพอีกได้มั้ยคะเนี่ย 55

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5  ปีโป้เร่งรีบ .. ทำคะแนนเข้าไว้

ฝันดีนะครับ ... นี่ผมพูดประโยคนี้ออกไปได้ไงเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดบอกใคร  เมื่อกล้าที่จะพูดก็อยากจะเห็นอาการของคนที่ฟังเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่ก็เปล่า กลับไม่มีทีท่า เขินอายหรือว่าดีใจอะไรเลย นี่ถ้าผมบอกคนอื่นๆที่ผมเคยคบมานะ คงนอนฝันหวาน ไม่ก็ยิ้มหน้าบานไปสามวันเจ็ดวัน  เก็บความรู้สึกเก่งจริงๆนะ พอ่น้ำมนต์



แต่วันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขึ้น สำหรับการรู้จักน้องน้ำมนต์มากขึ้น แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมรู้สึกไม่เหมือนกับเวลาที่ตามจีบคนอื่นๆ ที่ต้องเก็กๆ ทำตัวเป็นนักเลงใหญ่ พูดคะพูดขาเอาใจ หรือไม่ก็จับไม่จับมือถือแขน แต่ตอนเดินกับน้ำมนต์กลับรู้สึกแตกต่าง  แล้วท่าทีที่เสมอต้นเสมอปลายนั่นอีก การหวงเนื้อหวงตัวแบบผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้ดูมีจริตมากจนเกินไป คำพูดคำจา ตลอดจนรอยยิ้มแล้วเสียงหัวเราะ เล่นเอาผมลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว






“ยิ้มมาเชียวนะมึง” ทันทีที่เดินมาถึงหอตัวเอง ก็พบว่าประตูหอได้เปิดอยู่ เพราะว่าไอ้โอ๊ตมันมีกุญแจห้องผมครับ  และสมาชิกเพื่อนๆในกลุ่มก็มารวมตัวกันเกือบครบทีม ขาดแต่ไอ้พี่เอก ที่คงจะไปขลุกอยู่กับเมียแก พร้อมกับคำทักทายจากไอ้โอ๊ตเพื่อนรัก

“เป็นไงวะ เด็กใหม่มึง” ไอ้บ่าวถามมาครับ

“คนนี้จะให้โปรกี่เดือนวะ” ไอ้โดมเอากับเขาด้วย

“พวกมึงมาทำอะไรที่ห้องกูเยอะแยะไปหมด กลับไปได้แล้วไป กูจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียน” ผมไม่อยากจะตอบคำถามโง่ๆของไอ้พวกนี้ครับ จะเรียกว่าเป็นคำถามเบสิคเลยก็ได้ ที่พวกนี้มันต้องถามผม เมื่อผมเริ่มคยคนใหม่ แล้วเมื่อก่อนผมก็บ้าตอบมันได้เป็นคืนๆเหมือนกัน

“วะ รักเรียนขึ้นมาทันทีนะมึง สงสัยครั้งนี้เจอของดี” ไอ้บ่าวแซวครับ

“พวกกูจะชวนมึงไปกินเหล้า วันนี้วันเกิดไอ้เดช ตอนนี้พี่เอก ไอ้บอย ไอ้เอ็ม รอเราอยู่ที่ร้านแล้ว กูมารอรับมึงไปเนี่ย” ไอ้โดมเล่าที่มาที่ไป ของการมานั่งเล่นห้องผมครั้งนี้

“ไอ้เดชเหรอ มันยังติดต่อกับพวกมึงเหรอวะ” ผมถามพวกมัน


ไอ้เดชเป็นเพื่อนเก่าพวกผมครับ จะว่าเคยอยู่ก๊วนเดียวกันก็คงไม่ผิด แต่ด้วยที่มันเกเร เลยทำให้เรียนไม่จบ เลยออกไปเป็นนักเลงหัวไม้ และที่ถามว่ายังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ ก็เพราะว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่มันมายุ่งกับเด็กของผม มีเรื่องกันไปนิดหน่อย มันเลยไม่กล้าจะสู้หน้าผมเท่าไหร่  เอาจริงๆผมก็ไม่ได้หวงเด็กผมมากหรอกนะครับ แต่ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนที่ผมกำลังคบอยู่ก็แค่นั้น  ไม่อยากใช้ของร่วมกับใครในเวลาเดียวกัน ถ้าต่างเวลาจะไม่ว่าเลย



“ก็เห็นว่ามันติดต่อกับพี่เอกเป็นระยะๆ แล้วมันก็ชวนพี่เอกไปนั่งกิน แล้วก็ให้พี่เอกชวนพวกเราอีกที” ไอ้บ่าวอธิบายให้ผมฟัง

“อืม งั้นกูอาบน้ำแป๊บ พวกมึงจะรอหรือไปกันก่อนละ” ผมบอกพวกมัน

“เดี๋ยวกูกับไอ้โดมไปก่อนแล้วกัน แล้วมึงกับไอ้โอ๊ตค่อยตามเข้าไป ร้านเดิมนั่นแหละ” ไอ้บ่าวบอกผมครับ

“เออๆ” ผมตอบรับพวกมัน พร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ริมระเบียงห้อง เตรียมตัวเข้าห้องน้ำอาบน้ำ

“น้องจอยละ โอเคมั๊ย” ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ผมยังไม่ลืมที่จะหันมาถามไอ้โอ๊ตเกี่ยวกับเรื่องน้องจอย

“ก็ดี งอนตามประสาผู้หญิง บอกว่าคืนนี้จะรอมึงด้วย ให้มึงไปหา” ไอ้โอ๊ตตอบมา แต่สายตาของมันยังมองหนังสือแต่งรถที่เปิดอ่าน โดยไม่ได้สนใจผม

“เออ งั้นมึงโทรบอกหน่อย ว่าให้แต่งตัว เดี๋ยวกูพาไปนั่งร้านเหล้าด้วย กูอาบน้ำก่อน” ผมเห็นไอ้โอ๊ตหันมามองหน้าผมนิดนึง ก่อนที่ผมจะเข้าห้องน้ำไป









หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ขับนั่งซ้อนท้ายไอ้โอ๊ตมารับน้องจอยที่หอ ไม่อยากเอารถมาเองครับ ขี้เกียจขับ เพราะขับรถไปบ้านน้องน้ำมนต์ไปกลับ ก็เหนื่อยใช่เล่นเหมือนกัน

น้องจอยลงมาด้วยเสื้อยืดสีขาวตัวบางที่ใส่รัดรูปจนเห็นรูปทรงไปทุกสัดส่วน กับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่แทบจะไม่มีขา เพราะว่ามันสั้นมาก  หน้าที่แต่งมาอ่อนๆ ตามสไตล์ของเธอ เธอคงรู้ว่าผมพาเธอไปนั่งวงเหล้า เลยไม่รู้จะแต่งตัวสวยไปอวดใคร แต่ที่แต่งมานี่ เค้าเรียกแต่งมายั่วละสินะ



“แต่งตัวน่ารักเชียวนะคะ” ผมทักชมเธอ เพราะเห็นหน้าเธอมุ่ยบอกบุญไม่รับซะอย่างนั้น

“พี่โป้ไปไหนมา ทำไมทิ้งจอยอีกแล้ว” และเธอก็เริ่มถามทันที

“มาคะ ไปคุยกันที่ร้าน เพื่อนพี่รออยู่” ผมไม่อยากจะชวนคุยตอนนี้ รู้ดีว่าไม่จบง่าย เลยบอกให้เธอขึ้นซ้อนผมมา แล้วค่อยไปจัดการเรื่องราวกันที่ร้าน





ไอ้โอ๊ตก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีครับ ขับรถไปตามประสาของมัน ไอ้โอ๊ตนี่มันจะเป็นเพื่อนที่ไปไหนมาไหนกับผมตลอดครับ ถึงแม้ว่าผมจะไปกับเด็กผมก็ตาม ก็จะมีไอ้โอ๊ตนี่แหละที่ตามผมไปด้วย ไปขับรถให้บ้าง เพราะผมค่อนข้างขี้เกียจขับ ไปรอเป็นเพื่อน ไปเดินเป็นเพื่อน แต่ดีนะครับ มันไม่ค่อยบ่น และมันก็ไม่ค่อยยุ่งเรื่องผมกับเด็กๆผมด้วย



เรามาถึงร้านที่เป็นเหมือนร้านขายของชำที่เปิดแข่งกับเซเว่น ปิดตอนลูกค้ากลับ ซึ่งลูกค้าก็คือพวกขี้เมาทั้งหลายแหล่ ทางร้านก็บริการอย่างดี มีโต๊ะให้นั่งก้งกันข้างๆร้าน ขาดเหลืออะไรตะโกนบอกได้อย่างไว  ไอ้พี่เอก ไอ้โดม ไอ้บ่าว ไอ้เอ็ม และไอ้เดชคงกำลังกรึ่มๆ และอีกคนที่นั่งข้างไอ้เดชก็คงเด็กใหม่มัน

“มาแล้วเหรอมึง กูกินกันไปหลายกลมแล้วนะเนี่ย” ไอ้เดชครับ ทำใจดีสู้เสือทักผม ทั้งที่ไม่ได้คุยกันมานานนม

“เออ โทษทีวะ พอดีเพิ่งกลับมาถึงหอ ไม่รู้ว่าวันเกิดมึง เลยไม่ได้เตรียมไรมาให้” ผมบอกมัน พร้อมกับเดินไปนั่งข้างๆมัน ซึ่งคงเป็นที่ๆพวกนี้ตั้งใจจะให้ผมไปนั่งตั้งแต่แรก โดยมีน้องจอยเดินตามมานั่งข้างๆ

“เออ ไม่เป็นไร แค่มึงมากินเหล้ากับกู กูก็ดีใจแล้ว”  คำพูดเบสิคทั่วไปครับ ผมได้ยินทุกงาน  แต่มันก็จริงนะครับ พวกเด็กช่างนักเลงอยากพวกผมไม่อยากได้ของขวัญกันหรอกครับ แค่มากันเหล้าด้วย แค่นี้ก็ดีมากแล้ว



“เออนี่ น้องเหม่ย แฟนกู” ไอ้เดชแนะนำคนที่นั่งข้างๆมันให้ผมรู้จัก ก็หน้าตาดีเลยละครับ เพราะว่าไอ้เดชมันก็หล่อใช่ย่อย แฟนมันแต่ละคนเลยหน้าตาดีไม่แพ้เด็กๆของผมเลย

“อืม พี่ชื่อพี่โป้นะ  ส่วนนี่ก็น้องจอย” ผมแนะนำกับน้องเหม่ยแฟนไอ้เดช พร้อมกับแนะนำให้ไอ้เดชรู้จักกับน้องจอย

“อืม น่ารักเหมือนเดิมเลยนะเด็กมึง” ไอ้เดชทัก

“มันก็ต้องรักษามาตรฐานไว้” ผมบอกมัน และตามมาด้วยเสียงคุยโหวกเหวกโวยวายของพวกเราทั้งก๊วน  นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ค่อยได้เมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ 




คืนนั้นเราก็เมากันถ้วนหน้าครับ กว่าจะได้กลับห้องกันก็เกือบจะเช้าแล้ว ผมได้คุยกับไอ้เดชเยอะแยะมากมาย ได้รู้ว่าเวลาที่มันหายไปนี่มันไปทำอะไรมาบ้าง เป็นการอัพเดตข่าวสารกันไปในตัว เรื่องเก่าๆที่เคยผ่านมาก็ถือว่าแล้วกันไป อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้ถือสากับเรื่องราวครั้งนั้นมากนัก แต่ไอ้เดชมันคิดมาก มันรู้สึกผิด มันเลยหายตัวไปจากกลุ่มเอง




“พี่โป้  ตื่น จอยหิวข้าวแล้ว”  น้องจอยครับเขย่าเขนผมอยู่ เมื่อคืนไอ้โอ๊ตมันมาส่งผมไว้ที่นี่ครับ บอกใฟ้ไปส่งห้องผม แต่น้องจอยก็ไม่ยอม  ทั้งๆที่รู้ว่าผมเมาขนานนั้น มาถึงห้องก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี ..

“จอยหิวก็ไปกินก่อนเลย พี่ยังง่วง” ผมบอกน้องจอยไป

“ไม่เอา จอยจะกินพร้อมพี่โป้ เราไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันมาหลายวันแล้วนะคะ จอยอยากไปกินร้านในเมือง ร้านที่เราเคยไปกินด้วยกันบ่อยๆไงคะ” น้องจอยเริ่มงอแงอีกแล้วครับ ผมละเกลียดนิสัยแบบนี้ของผู้หญิงจริงๆ ไม่เฉพาะผู้หญิงหรอกครับ บางทีผู้ชายที่ผมเคยคบก็เป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ

“พี่ง่วง ขอกลับไปนอนหอแล้วกัน ถ้าจอยอยากไปกินก็เอาเงินไป “ ผมลุกขึ้นจากเตียง ใส่เสื้อใส่กางเกง พร้อมกับเอาเงินวางไว้ให้น้องจอย ก่อนเดินจากห้องไป

“พี่โป้ อย่าทำกับจอยแบนนี้นะ พี่โป้” เสียงของเธอยังตะโกนไล่หลังผมมา ยิ่งทำให้ความน่ารักในตัวเธอลดน้อยลง ลดน้อยลง ..





ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบให้ใครมารบกวนตอนหลับครับ เพราะถ้ามากวน หรือผมนอนไม่เพียงพอแล้ว วันนั้นผมจะหงุดหงิดไม่เป็นอันทำอะไร ใครอยู่ใกล้มือใกล้ตีน แล้วมากวนประสาท ตัวได้น่วมนอนให้น้ำใบบัวบกแน่  แล้วมาเป็นผู้หญิงอีก ผมยิ่งเบื่อเป็นร้อยเท่าครับ ได้นอนก็จะเช้าแล้ว ยังปลุกอีก .. รมณ์เสียเว๊ย !!!




ผมเดินออกมาหน้าหอของน้องจอย กะจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่หอผมหน่อย ไอ้เอ็มมันก็โทรมาพอดี

“ไงมึง ตื่นยังวะ” มันทักผมมาครับ

“อืม ตื่นมาเพื่อจะเปลี่ยนที่นอน มึงมีไรวะ”

“อ๋อ กำลังจะกลับไปนอนต่อที่หอเหรอวะ ยังไม่หายมึนเรอะ”

“มึนที่ไหนกัน กูเพลีย กูอยากนอน แล้วมึงมีไรเนี่ย หรือว่าโทรมากวนตีนกูเล่นๆ กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”

“โห พ่อนายหัวโป้ หงุดหงิดแต่หัววัน กูก็ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาบอกเรื่องน้องน้ำมนต์”  ไม่รู้ทำไมครับ พอสมองผมได้ยินชื่อนี้ ความรู้สึกเหมือนหายง่วงไปในบัดดลเลย

“น้องน้ำมนต์ทำไม” ผมรีบถามไปเสียงสั่น

“ก็ไม่มีอะไร แค่กูเห็นนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ที่ร้านป้าตามสั่ง ..ช่าง” ผมไม่ฟังไรมากกว่านั้นแล้วครับ ผมรีบตัดสายของไอ้เอ็มทิ้ว พร้อมกวักมือเรียกวินมอไซค์ทันทีทันใด

“พี่ ไปวิทยาลัยศิลป์”






ด้วยความรีบร้อนของผม การสัญจรบนถนนแค่ 5 นาทีก็ดูนานมากเกินไปแล้วสำหรับเส้นทางไม่กี่กิโลจากหอน้องจอยมายังวิทยาลัยศิลป์แห่งนี้


เมื่อมาถึงจ่ายเงินให้พี่วินใบร้อยไปแบบไม่ต้องทอน แม้ว่าพี่แกจะขับไม่ได้เร็วดั่งใจนัก แต่ก็ไม่มีเวลามารอเงินทอนจากพี่แกเท่าไหร่ ผมเดินมาที่ร้านตามสั่งมองเห็นไอ้เอ็มกับกลุ่มเพื่อนของมันกำลังนั่งทานข้างเที่ยงกัน  และหันมายิ้มให้ผมนิดนึง แต่ผมหาสนใจพวกนกพกวกาที่คอยผิวปากแซวนั่นไม่ ผมกลับมองไปที่โต๊ะมุมสุดของร้าน ที่มีหนุ่มหน้าขาว ผมยาวนามว่าน้ำมนต์ นั่งกินข้าว พร้อมกับสองหูเสียบหูฟังเพลงอยู่อย่างไม่รู้เลย ว่าคนหล่อประจำช่างกลกำลังจะมา



“ป้า กระเพราไก่ ไข่ดาว นั่งโต๊ะน้องน้ำมนต์” ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องน้ำมนต์ผมก็หยุดสั่งอาหารกับป้าตามสั่งก่อน

“เออ รอก่อน คิวเยอะ” ป้าแกตวาดชักสีหน้ากลับมา ไม่ง้อลูกค้าเลยนะเนี่ย

“ไม่เป็นไร ผมรอได้” ดีนะที่อารมณ์ดี เพราะจะได้นั่งกับน้องน้ำมนต์ ไม่งั้นไม่กงไม่กินมันแล้ว







“นั่งด้วยนะ” ผมพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ออกมาแล้วเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามน้องน้ำมนต์ น้องน้ำมนต์เหลือบตามามองผมนิดหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป

“ทำไมไม่ไปนั่งโต๊ะอื่น” น้องน้ำมนต์พูดออกมา ทั้งที่สายตายังไม่ได้มองหน้าผม หรือว่าสนใจคนข้างหน้าเลย ก่อนที่จะถอดูฟังออก แล้วมองมาหน้าผม พร้อมกับสายตาที่ถามเหมือนที่พูดออกมา

“ก็อยากจะนั่งกินด้วย ไม่ได้เหรอ” ผมถามไป

“เดี๋ยวช้างน้อยกับหญิงจะมา เราไม่อยากให้เพื่อนเราต้องไปนั่งที่อื่น”

“ก็นั่งด้วยกันก็ไก้ นั่งหลายคนอบอุ่นดี”

“ไม่เอาอ่ะ นั่งกับคนเมา กลิ่นเหล้าก็หึ่ง แต่งตัวก็ซมซ่อ นี่เพิ่งตื่นแล้วมาเลยใช่มั๊ย”  เอาแล้วไงครับ นี่สภาพผมดูไม่ได้เลยเหรอ แล้วกลิ่นเหล้างี้หึ่งจริงๆอ่ะ

“ก็ใช่ ตื่นมาหิวข้าว เลยอยากมากินข้าวก่อน แล้วค่อยกลับไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน” ตามน้ำไปเรื่อยครับ

“ถ่อมากินถึงที่นี่เชียว” น้องน้ำมนต์พูดพร้อมกับตักข้าวกินไป ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคนที่นั่งตรงข้ามเลย

“ก็อยากมากินข้าวด้วย ไอ้เอ็มมันบอกว่านั่งกินข้าวคนเดียวอยู่”

“อ๋อ มีสายรายงานด้วยนี้ ไม่ให้สะกดรอยตามไปด้วยเลยละ” ประโยคเหมือนประชดประชัน แต่พูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบง่าย ผมลกับรู้สึกจี๊ดๆ กว่าสีหน้าที่เหน็บแนมซะอีก

“ไม่ได้รายงาน มันแค่โทรมาเล่าสู่กันฟัง” แก้ตัวหน่อยครับ

“เข้าใจ ว่าเพื่อนรักกัน ถ้าจะนั่งตรงนี้ก็นั่งเงียบๆ เราอยากฟังเพลง” น้องน้ำมนต์พูดพร้อมกับยกหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง และก็ก้มหน้าทานข้าวในจานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป






น้องน้ำมนต์นี่ก็แปลกคนจริงๆ การกระทำแบบนี้มันทำให้ผมพอรู้ว่า น้องน้ำมนต์พอใจที่จะอยู่คนเดียว มีความสุขในการทานข้าวคนเดียว ทั้งๆที่มีผมมานั่งชวนคุย เจ้าตัวยังขอเลือกนั่งฟังเพลงกินข้าว โดยไม่สนใจเพื่อนร่สมโต๊ะซะงั้น ดังนั้นการกินข้าวคนเดียวครั้งนี้ก็คงไม่ใช่ว่าเพื่อนยังมาไม่ถึง  แต่เป็นเพราะความตั้งใจของเจ้าตัวมากกว่า




ผมนั่งมองน้ำมนต์กินข้าวอยู่นาน แม้เจ้าตัวจะรู้ว่าผมนั่งมองหน้าหวานๆ ผมที่ยาวๆ ปากชมพู และแก้มน้อยๆนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการเขินอาย หรือความรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด กลับทำเหมือนไม่มีคนอยู่ตรงหน้า แบบนี้ผมว่ายิ่งทรมาณมากกว่านะ






“น้ำมนต์” ผมเรียก

“น้ำมนต์ !!!” ผมเรียกเสียงดังขึ้น พร้อมกับเอามือผมไปสะกิด

“หือ” น้องน้ำมนต์ชักมือตัวเองออก พร้อมกับหันหน้ามามองผม ก่อนที่จะค่อยๆดึงหูฟังออกทีละข้าง สายของหูฟังไปดันให้ยางที่มัดผมอยู่ หลุดออกมา ทำให้ผมหลุดออกมาเป็นทรงผมยาวประบ่า ทื่อๆ ไม่ได้ผ่านการซอย การเซ็ทแต่งปลายแต่อย่างใด

“ยางหลุดแล้วอ่ะ” ผมทัก

“ช่างมันเถอะ รวบไว้เดี๋ยวก็หลุดอีก”

“แล้วทำไมไม่ตัดให้สั้น จะได้ไม่ต้องรำคาญ”

“แล้วใครบอกว่ารำคาญละ”

“อือ ก็ตามใจ”

“แล้วเรียกทำไม”

“อยากคุยด้วย”

“แต่เราไม่ได้อยากคุยด้วยเลย”

“โห ใจร้าย” ผมบอกคนตรงหน้า และทำท่าทางเหมือนเด็กๆ  ทำหเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากใบหน้าที่แน่นิ่งมาหลายนาที





“เอ้า ได้แล้ว กระเพราะได่ไข่ดาวของแก”   ป้าตามสั่งก็นะ มาขัดได้ตรงเวลาจริงๆ

“ขอบคุณครับป้า”

“ไม่ต้องขอบคุณชั้น ต้องจ่ายตังค์เท่านั้น” ป้าแกบอก

“ครับ รู้แล้วครับ ไม่กินฟรีหรอกครับ”

“น้องน้ำมนต์ระวังนะ รายนี้มันกะล่อน ป้าละเป็นห่วงหนู” น่าน ดูสิครับ ใช่เรื่องปะนี่

“ครับป้า ขอบคุณครับ” แต่ก็ทำให้เห็นรอยยิ้มของน้ำมนต์ที่พูดกับป้าตามสั่ง ทำไมเวลาพูดกับเราไม่ยิ้มแบบนี้บ้างนะ




หลังจากป้าแกเดินเข้าครัวของแกไป ผมก็หันไปมองคนที่ยิ้มค้างอยู่ ก่อนที่มันจะหันมาเห็นหน้าผม และหุบยิ้มลงไป




“วันนี้ให้กูไปส่งได้มั๊ย” 


......................................................................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ชีวิตดราม่าแน่ๆเลยหนูน้ำมนต์

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ว่าที่หลานเขยได้เจอคุณยายแล้ว  เสียดายที่ไม่ได้ค้างอะ
เรื่องนี้อิพี่โป้อยู่ปี 3  แต่เรื่องโน้นอยู่ปี 4 ใช่มั้ยคะคนเขียน  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2011 01:35:58 โดย เฉาก๊วย »

ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
โป้  ไปเลิกนิสัยเก่าๆก่อนไป๊

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
โป้  อยากได้น้องก็ไปเคลียร์ตัวเองให้ดีก่อนเถอะ

รออ่านต่อๆ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คนนึงกะล่อน คนนึงก็เย็นชา
เหมาะสมกันดี ว่าแต่น้ำมนต์จะไปปรากฎในเรื่องของเป้กะนัทบ้างไหมเนี่ยยย

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ชอบน้ำมนต์ แต่ไม่ชอบปีโป้มีสาวอยู่ยังมาจีบน้ำมนต์อีก

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0
สนุกดีค่ะ
น้ำมนต์สู้ๆ

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6  อีกคนคือใคร .. ทำไมถึงใกล้เธอยิ่งนัก



“วันนี้ให้กูไปส่งได้มั๊ย”   เสียงคนตรงหน้าบอกกับผม ผมเงยหน้ามอง ก่อนที่จะยิ้มให้ และหันไปสนใจคนที่กำลังเดินเข้าร้าน ซึ่งเป็นหญิง กับช้างน้อย

“หญิง ช้างน้อย อยู่นี่” ผมส่งเสียง พร้อมกับชูมือเรียก

“มากันแล้วเหรอ มากันทำไมไวจังวะ” ถ้าผมหูไม่ฝาก ผมว่าผมได้ยินเสียงคนตรงหน้าบ่น

“พูดว่าอะไรนะ” ผมถาม

“เปล่า”  โกหก .. หึหึ





“อ้าว พี่ปีโป้ เป็นไงมาไงมานั่งกินข้าวกับน้ำมนต์ได้คะ” ช้างน้อยเริ่มถามทันทีที่เห็นคนแปลกหน้าประจำโต๊ะ

“พอดีพี่หิวข้าว ก็เลยมาหาอะไรกิน แล้วก็เห็นน้องน้ำมนต์นั่งกินคนเดียว เลยมานั่งเป็นเพื่อนครับ” คำตอบดูพระเอกมาก

“มากินไกลจังเลยนะคะ พี่ปีโป้” หญิงเห็นเช่นนั้นเลยเหน็บไปอีกที

“อ่าครับ พอดีมาหาไอ้เอ็มมันด้วย” แถไปใหญ่

“เหรอคะ บอกว่ามาหาน้ำมนต์แค่นั้นก็จบแล้วม้างงงงง” ช้างน้อยย้อนเข้าให้  แต่ผมก็เฉยๆครับ ถึงแม้จะรู้ว่าเขามาหาผมจริง

“มาหาทำไมครับ จำเป็นด้วยเหรอ” คำพูดกับสีหน้า ไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลย

“ไม่คุยกับคนปากแข็งแล้ว ไปสั่งข้าวดีกว่าไปหญิง” ช้างน้อยคงเบื่อที่จะต่อกรกับคนๆนี้ เลยเลี่ยงที่จะไปสั่งข้าว แล้วก็ลากหญิงไปด้วย




“แถเนียนดีนี่”  ผมบอกนายปีโป้

“ขอบคุณครับ”

“ไม่ได้ชม”

“อ้าวเหรอ”  ไม่เข้าใจเขาจริงๆ ว่าจะมาอารมณ์ไหน





“แล้วตกลงว่าไง” นายปีโป้ถามมาสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร” ผมถามกลับไปสีหน้าจริงจังเหมือนกัน

“ก็เรื่องที่จะขอไปส่งตอนเย็น”

“ที่บ้านมีบ่อน้ำมันหรือ”

“ใช่”

“หืออออ” ผมทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อถือนัก

“ที่บ้านกูป๊าเปิดปั๊มน้ำมัน  มึงไม่ต้องเป็นห่วง”

“นี่จริงหรืออำ”

“จริงสิ จะโม้มึงทำไม”

“ยังไงก็ไม่ต้องไปส่ง  เรากลับเองได้”

“แต่กูก็ไปส่งได้”

“เอาเวลาไปส่งสาวๆของนายเถอะ”

“นี่หึงเหรอ”

“ประโยคนั้นมีส่วนไหนบอกว่าเราหึงนาย” ผมส่ายหน้าให้กับการคิดไปเองของคนตรงหน้า




“มาแล้วค่า ....” เสียงของช้างน้อยดังมาแต่ไกล พร้อมกับจานข้าวในมือ ช่วงนี้ใกล้เข้าเรียนแล้ว ป้าตามสั่งเลยทำไวหน่อย

“มาแล้วก็ดี ช้างน้อย หญิง เราไปรอที่ห้องเรียนนะ” ผมบอกสองคนนั้น

“อ้าว / อ้าว / อ้าว”  สามคนอุทานออกมาพร้อมกัน เล่นเอากากาศรอบข้างอบอ้าวกันไปเลย

“จะรีบไปไหน นั่งเป็นเพื่อนกันก่อนสิ”  หญิงบอกผม

“อยากเข้าไปผสมสีตั้งไว้ก่อน เดี๋ยวไม่ทัน” ผมพยายามยกเหตุผลที่น่าเชื่อถือที่สุดมา

“เอ๊ย ดีเลย งั้นผสมให้ชั้นด้วยนะ” ช้างน้อยฝากผมด้วย

“อืมได้ ไปก่อนนะ” ผมบอกพร้อมหยิบกระเป๋าเดินออก

“ไม่แน่จริงนี่หว่า  ทำไมต้องหนีด้วยละ” เสียงของคนที่เงียบไปดังขึ้น เหมือนจะยั่วอารมณ์ให้ผมโมโห

“ไม่ได้หนี แค่จะไปเรียน”

“โกหก”

“ไม่ได้ขอให้เชื่อ”

“ใจร้ายอ่ะ” ผมหันหน้าไปดูคนที่บอกตัวเองว่าโตแล้ว แต่ดูทำหน้าทำตา เหมือนเด็กโดนขัดใจ นี่ถ้าคู่อริมาเห็นนายปีโป้ตอนนี้ ต้องเอาไปล้อสามวัดสามวาแน่ๆ

“...” ผมเลือกที่จะเพิกเฉย หันหน้ากลับและเดินออกจากร้านไป







ใจร้ายนะเหรอ .. ไม่เลย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นายต่างหากที่ทำตัวของนายเอง นายเลือกจะเป็นแบบนี้เพราะนายเอง ผมอยู่เฉยๆของผม และผมก็เลือกที่จะใช้ชีวิตตามปกติของผมต่อไป




“น้ำมนต์”  เสียงผู้หญิงเสียงใสเรียกผมที่หน้าโรงเรียน  ผมหันไปดูก็พบกับเพื่อนร่วมชั้นของผม ที่ผมแค่รู้จักชื่อ ไม่เคยได้คุยกันด้วยซ้ำ

“อ้าว แพร ว่าไงครับ” ผมขานเธอ พร้อมกับถาม

“จะเข้าไปเรียนเหรอ”

“อืมใช่”

“งั้นเราขอเดินไปด้วยได้ไหม  เราก็กำลังไปที่ห้องเรียนเหมือนกัน”

“อืม ไปสิ” ผมบอกเธอ พร้อมกับเดินไปพร้อมกับเธอ




ที่จริงแล้วแพรเป็นผู้หญิงเซอร์ๆ อาร์ตๆคนนึงครับ ผมของเธอเป็นลอนฟู สีออกชา เวลาโดนแดดจะสวยมาก หน้าของเธอก็เรยวได้รูปไข่ และที่แน่ๆ เธอเป็นดาวเอกผมครับ



“แล้วหญิง กับช้างน้อยละ” เธอถามผม

“อ๋อ นั่งทานข้าวที่ร้านป้าตามสั่งอ่ะ เราอยากเข้ามาผสมสีก่อน”

“อ๋อ อิจฉาน้ำมนต์จัง มีเพื่อนน่ารักๆทั้งนั้น”

“พูดอย่างกับแพรไม่มีเพื่อนน่ารัก” เธอก็มีกลุ่มเพื่อนครับ กลุ่มใหญ่ซะด้วย

“ฮ่าๆๆ ยอกย้อนเก่งนะน้ำมนต์นี่” นี่เธอกำลังชมผมใช่ไหม

“เราเปล่านะ เราพูดความจริง”

“จ้า เชื่อแล้ว เข้าห้องกันเถอะ”




ผมเดินคุยกับเธอมาจนถึงห้องศิลปะครับ คาบนี้เราเรียนเรื่องการวาดรูปด้วยสีน้ำและการจัดองค์ประกอบศิลป์ เหมือนเป็นเรื่องไม่ยากนะครับ แต่ผมว่ายากพอควรเลย แค่การระบายสีน้ำให้สวยก็ยากแล้ว ยังต้องจัดองค์ประกอบศิลป์ให้ลงตัวอีก  มันหินเลยละ สำหรับเด็กปีหนึ่งอย่างพวกเรา



“น้ำมนต์นี่น้ำจ๊ะ” แพรตักน้ำใส่แก้วมาให้ผม เพื่อสำหรับผสมสีครับ

“อ๋อ ขอบใจมากแพร ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

“ลำบากอะไร แพรไปเอาพอดี เลยเอามาเผื่อด้วย”

“อืม ครับ” ผมตอบพร้อมกับรับแก้วน้ำจากแพรมา

“น้ำมนต์สอนแพรผสมสีบ้างสิ แพรว่าน้ำมนต์ผสมสีสวยนะ”

“โห ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแพร เราก็ผสมมั่วๆเอา ถ้าแพรอยากจะให้มันดีๆ แพรก็เริ่มจากใส่น้ำทีละน้อยๆก่อน ถ้าอยากได้อ่อนๆ ก็ค่อยเพิ่มน้ำเข้าไป  มันก็หลักการทั่วไปหละนะ ว่าป่ะ” ผมเหมือนจะสอนเธอ ในสิ่งที่เธอก็พอจะรู้แล้ว

“แล้วยังไงต่อ” เธอถามมาพร้อมกับมองหน้าผม

“ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”

“เหรอ ขอบใจมากนะ”

“ด้วยความยินดีครับ” ไงครับ คำตอบผม ดูเป็นสุภาพบุรุษไหม


“เออใช่ ทำไมวันนี้น้ำมนต์ไม่มัดผมละ เวลาทำงานไม่รำคาญเหรอ” ก่อนที่เธอจะเดินไป เธอก็เดินมาถามผม

“อ๋อ มันมา พอดีมันหลุดไป ยังไม่หายางมัดใหม่เลย” ผมตอบบอกเธอ พร้อมกับเกาหัวเขินๆ

“มานี่มา แพรมัดให้”


เธอพูดพร้อมกับเอาที่มัดผมจากมือเธอ ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่ามันคือสีชมพู พร้อมกับเขย่งเท้าอยู่ข้างหน้าผม เพื่อทำท่าจะมัดผมให้กับผม

“ก้มลงหน่อยสิ” นั่นไงครับ โดนดุเลย

“แบบนี้แหละ น่ารักดี” เธอมัดให้ผมเสร็จก็ชมผมอีกครั้ง ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอมันอย่างไร จนเอามือมาแตะๆดู

“เอ๊ย จะดีเหรอแพร” ก็ผมที่เธอมัดให้ เป็นผมตั้งๆแบบน้ำพุอยู่ตรงกลางหัวนั่นสิครับ

“ดีสิ แบบนี้แหละน่ารัก” เธอตอบผมมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“อ่ะ น่ารักก็น่ารัก” และผมก็ยิ้มกลับไปให้เธอ





“น้ำมนต์”  ผมหันไปมองด้านหน้าห้องซึ่งเป็นเสียงของหญิง  แต่ก็ได้พบกับใบหน้าของอีกคนนึงด้วย .. นายปีโป้

“ผสมสีเสร็จยังยะ” เสียงของช้างน้อยดังมาแต่ไกล

“อ๋อ กำลังผสมอยู่ พอดีแพรมาถาม เลยสอนแพรผสมสีอยู่” ผมบอกช้างน้อย ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกับหญิง ทิ้งให้นายปีโป้ยืนมองหน้าผมอย่างเคร่งเครียดอยู่อย่างนั้นหน้าห้องเรียน

“แค่ผสมสี ต้องสอนด้วยเหรอ”  ช้างน้อยพูดพร้อมกับทำหันหน้าไปมองที่แพร

“ก็แค่บอกอะไรนิดหน่อย ไม่มีไรหรอก” ผมบอกช้างน้อย

“เพื่อนน้ำมนต์มาแล้ว งั้นแพรไปก่อนนะ” แพรเห็นว่าเหตุการณ์ชักแปลกๆ เธอเลยขอปลีกตัวไป




“ไปสนิทกับชะนีนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ช้างน้อยเริ่มชักผม

“ช้างน้อย พูดดีๆหน่อยสิ ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง” ผมบอก

“ว้ายยย คุยกันแค่ไม่นาน ออกโรงป้องกันด้วย”

“มันไม่ใช่ แต่ไปเรียกเขาแบบนั้นก็ไม่ดีนะ”

“ไม่รู้หละ ชั้นไม่ปลื้ม ชะนีแอ๊บ”

“พอกันทั้งสองคนนั้นแหละ น้ำมนต์ พี่ปีโป้เค้าอยากคุยด้วย เลยตามเข้ามา” หญิงเป็นฝ่ายห้ามช้างน้อยครับ และคงห้ามผมไปในตัวด้วย

“คุยอะไร แล้วเข้ามาได้ยังไง ยามไม่ว่าเอาเหรอ”

“พี่แกสนิทกับยามย่ะ ไปคุยกันให้เสร็จๆ ชั้นกลัวพี่แกยกพวกมารอหน้าวิทยาลัยตอนเย็น”  ช้างน้อยพูดทีเล่นทีจริงกับผม












“มีอะไรอีก” ผมถามคนที่ยืนรออยู่หน้าห้อง

“ตกลงจะให้ไปส่งมั๊ย”

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”

“เพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ ถึงรีบเข้ามาก่อน แล้วก็ไม่ยอมให้กูไปส่ง”  ดูครับที่พูด สายตาตัดพ้อนั่นอีก นี่นายเป็นนักเลงจริงๆป่ะเนี่ย หรือว่าได้โควตาเข้าเป็นนักเลง หรือจับฉลากได้ ถึงมีหัวจิตหัวใจคิดอะไรที่ดูหน่อมแน้มแบบนี้


“แล้วแต่จะคิด”




ไม่จำเป็นต้องบอกความจริง และก็ไม่จำเป็นต้องปฎิเสธ ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้อง เพื่อเข้ามาผสมสีต่อ  หันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างนอก ก็ไม่ได้เดินออกจากวิทยาลัยแต่อย่างใด








“น้ำมนต์ เธอรู้ใช่มั๊ย ว่าพี่ปีโป้เค้ามาวิทยาลัยทำไมบ่อยๆ”  ช้างน้อยกำลังชวนผมคุย ขณะที่กำลังลงมือปฎิบัติกันอยู่

“อืมรู้สิ มาหาพี่เอ็มใช่ป่ะ” ผมตอบไป พร้อมกับใช้ปลายพู่กันตวัดสี

“แหมมมม เจ้าค่ะ  คิดได้แค่นี้ก็ไปอยู่ในโลกศิลปะของเธอไป”

“อืม” ผมเลือกที่ตัดบทสนทนาด้วยประโยคสั้นๆ และช้างน้อยก็รู้ดีว่าถ้าผมพูดประโยคนี้ออกไป คือไม่อยากจะคุยในเรื่องที่คุยกันอยู่ต่อ .. เพราะผมก็จะมีแค่คำตอบเดียวคือ “อืม”





จะว่าไปผมก็เหมือนคนดื้อ ดื้อต่อสิ่งรอบตัว ดื้อต่อความจริง อะไรบางอย่างมันด็เด่นชัดตำตา ปต่ผมก็เลือกที่จะเชื่อว่ามันยังห่างไกล เลือกที่จะคิดในแบบของผม ความจริงก็ส่วนของความจริง ส่วนที่ผมคิดก็อีกส่วนหนึ่ง แล้วแต่ว่าผมจะให้อัตราส่วนกับอะไรมากกว่ากัน  เพราะผมก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาคิดมากและไร้สาระไปกับอะไรที่ไม่ได้ส่งผลให้ตัวผมดีขึ้น หรือแย่ลง ถ้ารู้ก็เท่านั้น ไม่รู้ก็คงเท่านั้นเหมือนกัน



ผมหันหลังไปดูที่หน้าห้องเรียนอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาของคนที่ยืนอยู่เมื่อต้นคาบ ผมรู้สึกดีขึ้น เพราะอย่างน้อยถ้าเขาคนนั้นยืนรอผมจริงๆ ผมคงรู้สึกแย่ และหากหมดคาบไป ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยกับเค้าอยู่ดี



เมื่อถึงเวลาหมดคาบศิลปะสีน้ำวันนี้ ผมและเพื่อนๆก็แยกย้ายกันเก็บของ ผมรับหน้าที่เอาจานสีไปล้างตามเดิม ไมได้ล้างเก่ง ไม่ได้ล้างสะอาด แต่มันเป็นงานเปียกๆ ช้างน้อยมันไม่ชอบทำ

“น้ำมนต์ จะไปล้างจานสีเหรอ” แพรเดินมาถามผมครับ

“อืมใช่ แพรจะไปด้วยเหรอ” ผมถามเธอกลับ

“ใช่ ไปด้วยคนนะ”



เธอพูดพร้อมกับเดินมาพร้อมผมทันที โดยไม่ต้องรอคำตอบจากผม แต่ก็ไม่เป็นไรครับ มีเพื่อนคุยไป ดีซะอีก ก็อกน้ำสำหรับล้างอุปกรณ์มันอยู่นอกห้องเรียนครับ เดินออกมาหน้าห้องก็เจอแล้ว



ผมหันไปมองรอบห้องเพื่อสังเกตคนแปลกปลอมที่แอบเข้ามาในโรงเรียนผมอีกที เขาไม่อยู่แล้วจริงๆครับ ผมหันไปหันมา ก็ไปเจอกับหน้าของพี่เอ็มอย่างบังเอิญ ผมยิ้มให้แกนิดหน่อย ก่อนจะเริ่มล้างจานสีต่อ คุยกับแพรไปด้วย แพรเป็นผู้หญิงที่คุยสนุกเอาการเลยครับ ปกติผมเป็นคนคุยไม่เก่ง แต่พอได้คุยกับแพรแล้วผมกลายเป็นคนพูดเยอะขึ้นทันทีเลย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน




“น้ำมนต์ ล้างเสร็จยัง พวกชั้นเก็บของเสร็จแล้วนะ” เสียงของช้างน้อยดังมาเตือนสติให้ผมรีบล้าง

“เสร็จแล้วๆ” ตอบหันไปตอบ พร้อมกับก้มเก็บจากสี พู่กัน ไปไว้ในห้อง

“เดี๋ยวนี้หัดนอกใจหญิงเหรอ หือ ?” ช้างน้อยพูดเสียงดัง ทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเป็นทางเดียว ส่วนหญิงได้แต่ก้มหน้าเขินๆ

“นอกจง นอกใจอะไร ไปกันเถอะ” ไม่รู้ว่าต้องแก้ตัว หรือต้องพูดอย่างไร ผมว่าตัดบทเสียง่ายกว่านะ ผมเลยหยิบกระเป๋าสะพายข้าง แล้วก็เดินออกนอกห้องเรียนมา โดยมีหญิงและช้างน้อยเดินตามมา วันนี้เรามีเรียนแค่วิชานี้วิชาเดียว ผมกับหญิงกับช้างน้อยว่าจะไปหาแรงบัลดาลใจในการสร้างผลงานศิลปะกัน





“พี่ปีโป้มาอีกแล้ว” เสียงของช้างน้อยพูดขึ้นทำเอาผมต้องมองไปหน้าโรงเรียน เมื่อเห็นนายปีโป้เพิ่งจะจอดเทียบมอเตอร์ไซค์กับฟุตบาตหน้าโรงเรียน ต้องเป็นพี่เอ็มแน่ๆที่โทรไปบอกว่าผมเลิกเรียนแล้ว ... ช่วยกันดีจริงๆนะ

“ชั้นว่าพี่เค้ามาจีบแกแหละ” ช้างน้อยบอกผม

“จีบอะไร เราเป็นผู้ชายนะ”

“แต่แกก็มีเสน่ห์ต่อผู้ชายอยู่แล้วนี่ มากกว่าชั้นอีก”

“อย่ามามั่วช้างน้อย ว่ามั๊ยหญิง เราก็มีเสน่ห์ต่อผู้หญิงเหมือนกัน” ผมหันไปชวนหญิงคุย โดยเลี่ยงที่จะมองหน้านายปีโป้ ที่กำลังมองผมเดินออกไป

“ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง ทั้งพี่ปีโป้ ทั้งแพร สลับกันแทบไม่ทัน” หญิงพูดจาแปลกๆ เล่นเอาผมงงเลย ว่าตกลงจะช่วย หรือจะประชดประชันกันแน่

“นี่หล่อนหึงน้ำมนต์เหรอ ยัยหญิง” ช้างน้อยแขวะครับ

“หึงเหรอ ชั้นมีสิทธิ์ด้วยเหรอ”  เอ่อ .. หญิงแก้ตัวด้วยประโยคนี้นี่นะ .. แล้วเดินนำไปอีก

“หญิง  หญิง!!” ผมเรียกชื่อเธอ

“ยัยนี่ เป็นไรของมัน” ช้างน้อยก็บ่นเหมือนกัน  ผมกับช้างน้อยเลยต้องรีบวิ่งตามไป






“น้ำมนต์”  เสียงนายปีโป้เรียกผม เมื่อผมวิ่งผ่านเขา

“มีไร” ผมหันไปถามชักสีหน้า

“นี่เรียกไม่ได้ใช่มั๊ย” นายปีโป้ก็ถามกลับมาชักสีหน้าเหมือนกัน

“ได้ แต่ตอนนี้กำลังยุ่ง” หญิงงอนผม ข้ามไปอีกฝั่งนึงแล้ว ช้างน้อยก็ตามไปโน่นแล้ว

“เอาไว้ค่อยคุยกันนะ” ผมบอกนายปีโป้ พร้อมกับเดินข้ามถนนไป และขึ้นรถสองแถวตามหญิงกับช้างน้อยไป หันไปมองนายปีโป้ที่ทำหน้างงๆ ก่อนจะขับรถตามผมมา

“หญิง โกรธอะไรน้ำมนต์เหรอ” ผมถาม

“เปล่านี่”

“ไม่จริงอ่ะ หล่อนโกหก ปกติหล่อนไม่ใช่คนแบบนี้” ช้างน้อยกระซิบบอกผม

“อย่าคิดมากหน่า หญิงไม่ได้เป็นอะไร” เธอปฎิเสธอีกครั้ง

“ยังไงหญิงก็เป็นเพื่อนรักเราเสมอนะ คำว่าเพื่อนมันเคยเปลี่ยนแปลง” ผมบอกพร้อมกับเอามือไปแต่ที่บ่าของหญิง

“อืม ขอบใจมากนะ” หญิงตอบผมแล้วก็ยิ้มมา





“น้ำมนต์ !!!” แล้วเสียงของอีกคนก็ดังตามมา

“ว้าว พี่ปีโป้เท่จังเลย ขับรถตามแกมาอย่างกับหนังมาเฟีย”  ช้างน้อยอุทานมา

“กูบอกให้ลงมาคุยกันก่อนไง”  นั่น นิสัยเถื่อนมาอีกแล้ว

“ช้าง บอกพี่แกไป ว่าค่อยคุยกัน ตอนนี้เราไม่อยากคุยอะไร” ผมบอกให้ช้างฝากบอกให้ เพราะยังไงผมก็อายเป็น

“พี่โป้ น้ำมนต์บอกว่าค่อยคุยกัน ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ที่จะคุย” ช้างน้อยรับหน้าที่สื่อประจำตัวผม  ตะโกนบอก

“ไม่ได้ กูอยากคุยกับมึงตอนนี้ ถ้ามึงไม่ลงมา กูก็จะตามอยู่แบบนี้”

“พี่โป้บอกว่า..”

“เรารู้แล้ว ถามไป ว่ามีเรื่องอะไร”

“พี่โป้ มีเรื่องอะไรคะ น้ำมนต์ถาม” ช้างน้อยตะโกนถามไปอีกรอบ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แฟนมึงเหรอ หรือมาจีบมึง หรือยังไง”





“แอ๊ดดดดดด” เสียงกริ่งคนกดลง






“เอี๊ยดดดดดดดดด” เสียงล้อรถของนายปีโป้






“เอ๊ย พี่โป้”






“เอ๊ย ระวัง”








“เอี๊ยด เอี๊ยด  โครม !!!!!!”














..............................................................................

ตอบคำถามจากแฟนนักอ่านเรื่องเป้นัทนะครับ .. เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนเรื่องเป้นัทครับแต่ไม่นาน เดี๋ยวอีกสักพักก็จะมีส่วนหนึ่งของเรื่องเป้นัทเข้ามาเกี่ยว แต่ไม่มาก เพื่อไม่ให้อรรถรสของเรื่องนี้หายไปครับ

ปีโป้อยู่ปีสามครับ โรงเรียนเทคนิคมีแค่ปีสามครับ เทียบได้กับม.6
ส่วนน้ำมนต์อยู่ปี 1 ครับ เทียบได้กับ ม.4

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านเรื่อง เป้ นัท ก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้เข้าใจครับ เพราะเรื่องมันผูกกันนิดหน่อย (นิดเดียวจริงๆ)
แต่ถ้าอยากอ่านเรื่อง [CHOOSE ME !!] ภารกิจเลือกรักหนุ่มกวนโอ๊ยยย !!! ก็ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
แต่ยาวมากนะครับ season 3 แล้ว ^ ^

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=23719.0

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
อ่านแล้วแอบสะใจ
น้ำมนต์อย่าพึ่งใจอ่อนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
เกิดอารายขึ้น

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
ว๊ากกกกกกก เอี๊ยดดดดดด  โครมมมมม!!!!! ตายยกเรื่อง จบบริบูรณ์ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ

lungkhao

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7.1 


“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”  ผมแหกปากร้องออกมาอย่างเสียงดัง ไม่อายคนทั้งโรงพบาบาล หมอ หรือใครๆหน้าไหนทั้งนั้น .. ก็มันเจ็บนี่ครับ

“เบาๆ หน่อย ทีไปทุบตี กต่อยกับคนอื่นไม่เจ็บเท่านี้เลยนะ” หมอครับ รักษาผมอย่างเดียวพอครับ ไม่ต้องสอนผม

“ต้องใส่เผือกไว้ก่อนนะ จะได้หายซ่าส์กับเขาบ้าง” หมอแก่รุ่นพ่อผมพูดอย่างนั้น ก่อนที่เหล่าพยาบาล บุรุษพยาบาลจะเรียงหน้ากันเข้ามา ทำอะไรก็ไม่รู้กับแขนซ้ายผม




คิดไปแล้วก็เจ็บใจ แถมอับอาย ก็ไอ้รถสองแถวบ้านั่นสิ จะจอดก็ไม่บอก แล้วไอ้เราก็ดันไปสนแต่คนบนรถจนไม่ทันได้ดู หักหลบทันที่ไหนละ ดีนะแค่เสียหลักชนฟุตบาตแล้วล้มลงมา โดนรถทับตัว แขนลงผิดทาง เลยต้องเข้าเฝือกไว้แบบนั้น คนบนรถไม่มีใครสงสารผมเลย มีแต่คนสมน้ำหน้า นายหัวรถก็ด่าแล้วด่าอีก .. ตกลงนี่กูทำผิดมากใช่มั๊ยยย .. กูเจ็บตัวนะเว๊ยยยยย







“พี่ปีโป้ เป็นไงบ้างคะ” ผมออกมาจากห้องฉุกเฉิน โดยมีน้องช้างน้อยเข้ามาทักผมคนแรก หันมองไปทางด้านหลังก็มีน้ำมนต์และหญิงนั่งรออยู่ แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจอะไรผมนัก

“ไม่เป็นไรครับ แขนหัก แค่ใส่เฝือกไว้ก่อน”

“โถๆ น่าสงสารจริงๆ คิดซะว่าฟาดเคราะห์นะคะ”  น้องช้างน้อยพูดพร้อมกับเอามือมาแตะที่เฝือกผม อารมณ์ประมาณอยากจะลูบผม แต่คงไม่กล้า





“เอ๊ย ไอ้โป้ ยังไม่ตายเหรอวะ” เสียงของกลุ่มเพื่อนผมดังมาแต่ไกลครับ

“สัด ไอ้บ่าว  มาถึงก็ปากดีเลยนะ” ผมตะโกนด่าไปด้วย

“อ้าว เอ๊ย มันยังด่าได้ แปลว่าไม่เป็นไร พวกเรากลับกันเถอะ”  ยังกวนไม่เลิกครับ





“เป็นไงบ้างมึง” ไอ้โอ๊ตถามครับ

“เออ ไม่เป็นไรมาก แขนหักนิดหน่อย สมองยังไม่เสื่อม” ผมตอบมันไป

“ได้ข่าวว่ามึงทำเจ๋ง ขับรถจีบเด็ก แล้วก็ทำล้มเรียกร้องความสนใจเหรอวะ” ไอ้เอ็มครับ ทักมาน่ารักมากกก

“พ่อมึงดิ ก็จะล้มเรียกร้องความสนใจทำไม ขนาดกูแขนหัก มันยังไม่ถามไถ่อะไรกูเลย” ผมตั้งใจจะพูดให้เสียงดัง และหันหน้าไปมองคนที่กำลังพาดพิง

“ก็เด็กมันไม่สน มึงจะไปยุ่งกับมันทำไมวะ” ไอ้โอ๊ตครับ  ย้ำอยู่นั่นแหละ

“ยุ่งเจ็บตัวไงน้องโอ๊ต ดูดิ น้องเขาเหมือนจำใจมานั่ง น่าสงสารเนอะ”

 “พี่เอกสงสารผมเหรอ”

“เปล่า พี่สงสารน้องเค้า ฮ่าๆๆ”  ดูครับ เห็นดีเห็นงาม หัวเราะกันเข้าไป

“จำไว้เลยนะ แต่ละคน”  ได้แต่บอกไว้ครับ ทำไรไม่ได้ รอให้ถอดเฝือกก่อนแล้วกัน

“โอ๊ต ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้กูหน่อย เอากระเป๋าตังค์ไป” ผมพูดบอกไอ้โอ๊ตให้ไปจัดการธุระให้ครับ

“เออๆ” มันพูดพร้อมกับกระเป๋าตังค์ และเดินไปพร้อมกับไอ้บ่าวครับ พร้อมกับเดินสวนกลุ่มขงอน้องน้ำมนต์ที่กำลังเดินมาทางผมพอดี .. หึหึ ขอหยิ่งหน่อยเหอะ ทำไม่สนใจเราดีนัก




“พี่ปีโป้คะ หญิงกับเพื่อนขอกลับก่อนนะคะ หายไวๆนะคะพี่” น้องหญิงเป็นตัวแทนคนอื่นๆ เข้ามาบอกกลุ่มชายล้วนที่ทำหน้าหื่นอยู่ตรงนี้




“ทำไมรีบกลับละครับ ไปหาอะไรกินกับพวกพี่ก่อนมั๊ย” ผมถามไป

“เออ ใช่ๆ ไปหาอะไรกินกันก่อน” เพื่อนข้างหลังผมก็กลายเป็นลูกคู่ในทันที เห็นน่ารักหน่อยไม่ได้นะพวกมึงนี่

“ไม่ดีกว่าคะ น้ำมนต์เค้าจะกลับบ้านแล้ว”

“ไปกินอะไรกันก่อนไม่ได้เหรอ จะรีบกลับไปไหน” ผมไม่ได้ตั้งใจพูดกับน้องหญิงครับ แต่พูดผ่านหัวน้องหญิงไปคุยกับน้องน้ำมนต์

“น้ำมนต์ เอายังไงดี” น้องหญิงหันไปถามเพื่อนของเขาครับ

“แล้วแต่หญิง แล้วแต่ช้างน้อย”

“ชั้นไป คริๆ ผู้ชายทั้งนั้น หล่อๆเพ”

“ก็ได้คะ พี่ปีโป้”   ดีมากน้องหญิง ในเมื่องสองในสามเสียง ยังไงน้องน้ำมนต์ก็ต้องไป






“พี่โป้ !!!!!!!!!!!!!”  โอ๊ยยย เสียงที่ไม่ปรารถนา ดังมาแล้วครับ

“หึหึ คนของมึงมาแหนะไอ้โป้”

“ขอบคุณครับพี่เอก  ผมได้ยินแล้วครับ”

“พี่โป้ เป็นไงบ้างคะ จอยได้ยินจากเพื่อนมา ว่าพี่เกิดอุบัติเหตุ เลยรีบวิ่งแจ้นมาหาพี่ ว้ายยย แขนหักเหรอคะ เจ็บไหมคะ โอ๊ยย จอยจะเป็นลม”

“พี่ว่าน้องจอยหยุดพักให้หายเหนื่อยก่อนดีมั๊ยคะ น้องจอยจะเป็นลมกับพูดยาวๆทั้งที่ยังหอบๆนี่แหละพี่ว่า”  ผมเห็นอาการของเธอแล้วตกใจครับ ไม่รู้จะอะเลิทมากมายไปไหนกัน

“แหม พี่โป้อ่ะ ก็จอยเป็นห่วงพี่โป้นี่”  ทำไมนะ ความน่ารักของเธอถึงน้อยลง น้อยลงทุกวัน

“ครับ พี่รู้แล้วครับ  พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมบอกเธอครับ

“ค่ะ จอยรู้สึกโล่งขึ้นมากเลย แล้วนี่พวกพี่จะไปไหนกันคะ”

“กลับห้อง”

“งั้นจอยไปด้วย จอยขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารักเมื่อเช้านะคะ ไม่โกรธจอยนะ”  เธอพูดพร้อมกับมาควงแขนผมข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือก พร้อมกับทำท่างอนง้อผม





“งานเข้าแล้วไงมึง ไอ้โป้ กูไปก่อนนะ”  พี่เอก ไอ้โดม ไอ้เอ็ม ที่ผมซะงั้น

“เหมือนพี่ปีโป้จะไม่สะดวกแล้ว งั้นหญิง น้ำมนต์ ช้างน้อย ก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ”  น้องหญิงเข้ามาลาผมอีกคน

“อ้าว เดี๋ยวสิ ไม่ไปหาอะไรกินกันแล้วเหรอ”

“อะไรคะ พี่โป้ เห็นบอกว่าจะกลับห้องไง”  โอ๊ยย น้องจอย

“ไม่เป็นไรดีกว่าคะ ไว้คราวหน้าละกัน” น้องหญิงพูดพร้อมกับเดินไป โดยมีช้างน้อยแล้วก็น้ำมนต์เดินตาม






โอ๊ยยย ทำไมวันนี้มันโชคร้ายแบบนี้เนี่ย ล้มรถทีนึงแล้ว  ยังมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

“จอยปล่อยพี่ก่อน” ผมบอกน้องจอย พร้อมกับวิ่งไปตามน้องน้ำมนต์

“พี่โป้ไปไหน อย่าทิ้งจอยสิ” เสียงของน้องจอยตามหลังมา







“น้ำมนต์ หยุดก่อน” ผมตะโกนเรียก

“น้ำมนต์บอกให้หยุดก่อนไง” ผมตะโกนเรียกอีกทีอย่างเสียงดัง เมื่ออยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว

“มีอะไร” น้ำมนต์หันกลับมาถามหน้านิ่ง ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรผมเลยนะเนี่ย ยังเจ็บๆอยู่ แล้วต้องมาวิ่งตามนี่นะ

“ให้กูไปส่ง”

“จะบ้าหรือไง แขนหักซะอย่างนั้น จะไปส่งได้ไงอีก”

“ให้กูนั่งรถไปกับมึง”

“อย่าบ้านะ กลับไปนอนพักกับแฟนนายเสียไป เราไม่อยากทรมารคนป่วย”

“ไหน ใครแฟนเรา เรายังไม่มีแฟน”

“งั้นก็กิ๊กนาย อย่าบอกว่าไม่ใช่อีกนะ  โน่นวิ่งแจ้นมาแล้ว เราไปละ หายไวๆ และก็อย่าขับรถตามสองแถวอีก”

“พี่โป้ รอจอยด้วย”







สิ้นบทสนทนา น้ำมนต์ ช้างน้อย และหญิงก็ขึ้นสองแถวกลับไป จริงๆเลยนะน้ำมนต์ นี่ขนาดผมเจ็บแบบนี้ ก็ไม่คิดที่จะสงสารที่จะเห็นใจอะไรผมเลยสินะ ต้องให้เจ็บมากกว่านี้หรือถึงกับตายเหรอ ถึงจะได้หันมาสนใจผมบ้าง



แล้วผมละ ทำไมถึงต้องสนใจเด็ดศิลป์คนนี้ให้มากนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ ..







นี่เราคิดจะจีบเล่นๆ จะฟันเล่นๆไม่ใช่เหรอ .. แล้วนี่มันคืออะไร ?

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
นังพี่โป้  แกเพิ่งรู้เหรอว่ารักน้องน้ำมนต์อ่ะ
จ๊าดง้าวแท้

น้ำมนต์น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ขอบคุณคนเขียนที่มาอธิบายสถานะของอิพี่โป้ค่ะ  :pig4:
เออเนาะ ลืมไปจริงๆ ว่าอาชีวะเค้าเรียน 3 ปี
พอดีอ่านตอนที่พี่โป้มาแนะนำตัวกับน้ำมนต์ว่าอยู่ปี 3
ส่วนเรื่องโน้น บอกแค่ว่าอิพี่โป้เป็นรุ่นพี่ชั้นปีสูงสุดของโรงเรียน เราเลยคิดไปเองว่าอยู่ปี 4 อะค่ะ

เม้นท์เรื่องบ้าง  น้องน้ำมนต์ใจแข็งมาก แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเป็นเรามีนักเลงโตมาจีบมันก็ไม่ค่อยน่าปลื้มเท่าไหร่หรอก  กลัวววววว  o22

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 o13มากน้องมนต์แบบนี้ละดีแล้ว

มีแล้วไม่รู้จักพอ เห็นแต่ละคนเป็นของเล่น ควายโป้ :z6:


การกระทำมีสมองแต่เหมือนคนไร้ความคิด คนอื่นเขาไม่ได้โง่เง่านะมึง มันยุคไหนแล้ว

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
รอให้อิพี่โป้มันพิสูจน์ตัวเองก่อน นำ้มนต์เอาหางตาไปเหลือบมองดูนะ^^

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
นิ่งได้อีก น้ำมนต์เอ๋ย
ยัยจอยนี่ตัวเกะกะจิงๆ

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
ฮั่นแน่  พี่โป้  o18  หลงน้องหน้ามน เอ้ย น้องน้ำมน แล้วหรอเนี่ย  :impress2: :-[


 :กอด1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด