วิวาห์อามันต์
ตอนที่10
วิวาห์มองหน้าทั้งสองคนอย่างตกตะลึง เขาเคยเจอหน้ามารดาของอามันต์มาก่อนเมื่อสมัยที่ยังรักกันดี พี่อาร์มเคยพาเขาไปที่บ้าน ตอนนั้นแม่ของพี่อาร์มไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้
“ผม...ทำไม่ได้ครับแม่”
“อาร์มคิดดี ๆ นะลูกที่อาร์มทำมาทั้งหมดเพื่ออะไรกัน”สาวใหญ่ที่ยังดูสวยเพราะดูแลตัวเองอย่างดีพูดขึ้น ประคองใบหน้าลูกชายเอาไว้ “ลูกไม่ได้รักเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ อย่าโดนมันหลอก”
“ผมไม่เคยหลอก” ว่านโพล่งขึ้นจ้องหน้าพี่อาร์มเขม็ง“พี่อาร์มก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรพวกคุณมันเห็นแก่ตัวโดยเฉพาะคุณ..คุณรักลูกชายของคุณผมก็รักลูกของผมเหมือนกันผมไม่ได้อยากให้ลูกของผมตาย” ว่านกัดฟันพูดเสียงสั่น นัยน์ตาคมวาวของนุชนารถลุกวาบ หันมามองเขาอย่างโกรธจัด
“เด็กคนนั้นยังไงก็ป่วยตายอยู่แล้ว แต่ว่าลูกชายของฉันเขากำลังจะหาย เขาใกล้จะหายดีแล้ว ขาดอีกนิดเดียว”
“คุณมันไม่ยอมรับความจริง” ว่านกรีดเสียง“ลูกสาวผมทำอะไรผิด ยี่หวายังเด็กอยู่เลย ยี่หวาก็มีโอกาสหายเหมือนกันลูกสาวผมต่างหากที่ควรจะมีชีวิตต่อไปไม่ใช่คนที่สมองตายนอนเป็นผัก”
“อาร์มไม่ต้องไปฟัง รีบไปที่โรงพยาบาล”
“พี่อาร์ม”ว่านทุ่มตัวลงไปกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน “ห้ามไปนะนั่นยี่หวาลูกของพี่นะ พี่จะฆ่าลูกตัวเองได้ยังไง หยุดนะว่านไม่ยอม ว่านไม่ให้ไปไหน” วิวาห์ร้องไห้พร้อมกับกอดรัดอีกฝ่ายไปด้วย อาร์มพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก
“ว่านปล่อยพี่ก่อน”
“ไม่ ว่านไม่ปล่อยให้ตายว่านก็ไม่ปล่อย”
“งั้นก็ตายไปก่อนเลยก็แล้วกันนะ” นุชนารถพูดขึ้น เธอกระชากปืนจากมือลูกชายมาถือเอาไว้เสียเอง เล็งไปยังวิวาห์ที่รั้งลูกชายของเธอเอาไว้ “จะถอยออกไปมั้ย หรือว่าจะตายก่อนประเดิมคนแรก”
“ให้ผมตายแทนลูกได้มั้ย” วิวาห์พูดทั้งน้ำตา “ยิงผมเลยก็ได้แล้วปล่อยยี่หวาไป เอาชีวิตผมไปต่อวิญญาณของคุณแทน”
“ท้าฉันงั้นหรือ” นุชนารถเลิกคิ้ว
“หยุดนะครับ ห้ามยิงว่าน”อามันต์ดันตัวว่านไปอยู่ด้านหลัง“ถ้าจะยิงก็ยิงผมไปเลยผมไม่อยากอยู่แล้ว”
“อาร์ม พูดอะไรแบบนั้นลูก” นุชนารถอุทาน“เราสู้ด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่ตั้งแต่ลูกเริ่มป่วยเมื่อหลายปีก่อนมีใครมาอยู่เคียงข้างลูกสักคนมั้ย”
“ก็พี่อาร์มไม่บอกว่าป่วย ว่านจะไปตรัสรู้เองได้ยังไงล่ะครับ” ว่านตะโกน
“พี่ผิดเองว่านที่ไม่ได้บอก ตอนนั้น...”อามันต์อึ้งไปครู่แล้วก็สารภาพ“พี่คิดว่าตัวเองจะหายดี พี่กำลังดัง...ดังมาก ๆ พี่ยอมรับว่าพี่รู้สึกว่าใจพี่ไม่ได้อยู่ที่วง พี่อยากไปรับงานเองคนเดียวมากกว่า ส่วนว่าน...พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้รักว่านอย่างคนรักตั้งแต่แรกมันเป็นแค่ธุรกิจที่พี่เห็นว่าได้ประโยชน์เท่านั้น”
วิวาห์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“ขอบคุณที่พูดตรง ๆ ให้ฟังนะครับอย่างน้อยก็ยังดีกว่าโกหกว่ารักกัน”ว่านสั่นไปทั้งตัว ถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้ว...แต่ความจริงจากปากของคนที่ว่านรักมากที่สุดก็ยังทำให้ว่านจุกจนหายใจไม่ออก
“รู้แล้วก็ถอยออกไปค่ะน้องว่าน พี่จะได้พาอาร์มไปเสียที” นุชนารถพูดเสียงหวานจนน่าขนลุก วิวาห์ส่ายหน้า ยึดตัวอามันต์เอาไว้แน่น
“ไม่ครับ ถ้าจะไปก็ต้องผ่านศพผมไปก่อน” ว่านหมายความตามที่พูดจริง ๆ
หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากพริบตาเดียวว่านก็รู้สึกเหมือนถูกผลักให้กระเด็นไปอีกทางหนึ่งตามด้วยเสียงดังปังของปืนในมือนุชนารถดังขึ้น ความเจ็บปลาบที่ส่วนหลังกระแทกกับพื้นเต็มแรงทำให้ว่านลุกไม่ขึ้นได้แต่เบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
ร่างสูงใหญ่ของอามันต์ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นเลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากกลางอกเหมือนเปิดก๊อกเสื้อที่สวมอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานน่ากลัว นุชนารถกรีดร้องโหยหวนถลาเข้าไปหาลูกชายที่เป็นเหยื่อกระสุนของเธอ
“อาร์ม ...แม่ขอโทษ อาร์มทำแบบนี้ทำไม อย่าทิ้งแม่ไปนะ อาร์ม”เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดร่างของลูกชายเอาไว้แน่น อามันต์หันหน้ามาหาวิวาห์ นัยน์ตาคมเข้มแดงก่ำเห็นเส้นเลือด
“ไปดูลูก” เสียงแหบห้าวนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเป็นห้วง ๆ
“อาร์มอย่าเพิ่งพูด อาร์มจะต้องไม่เป็นอะไร”นุชนารถยกมือขึ้นกดบาดแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มเอาไว้
“ยี่หวา..ต้องหาย...”
พี่อาร์มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อมาอีกแต่แล้วก็นิ่งไปทั้งที่นัยน์ตาเบิกค้าง วิวาห์พูดไม่ออก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกผีอำ กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็ผ่านไปนาน
“พี่อาร์ม พี่อาร์ม...”
เสียงกรีดร้องอย่างขวัญเสียดังเข้าหูของตัวเองจนวิวาห์ลืมตาโพลง มันเป็นเสียงของเขาเอง วิวาห์พยายามจะลุกขึ้นทว่าเนื้อตัวของเขากลับไม่สามารถขยับได้เลย เหมือนมีก้อนหินทับเอาไว้ทั้งตัว เขาได้ยินเสียงใครพูดอยู่ใกล้ ๆ
“ว่านร้องไห้ใหญ่เลยครับคุณแม่ คงจะเพ้อเพราะพิษไข้”
เสียงพี่วัตนี่ พี่วัตอยู่ตรงนี้เหรอว่านพยายามร้องเรียกแต่กลับไม่มีเสียงเปล่งออกมาอีก แขนขาของเขากระดุกกระดิกไม่ได้เลย
“ว่านลูกแม่” เสียงนุ่ม ๆ ของคุณปราณีมารดาของเขาดังขึ้น “โถ เคราะห์กรรมอะไรอย่างนี้ ว่าน...ได้ยินเสียงแม่มั้ย แม่กับพ่อมาเยี่ยมนะลูก”
คุณแม่..ว่านขยับปากอย่างยากลำบาก
“สองวันแล้ว ว่านเพ้อไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าจะผีเข้า”
“อย่าเพ้อเจ้อน่ะวัต น้องว่านนี่พ่อเองนะ ตัวร้อนจี๋จริง ๆ”
“ไข้ไม่ลงเลยค่ะ”
“เราจะทำยังไงกันดีคะ ว่านคงจะไม่... โธ่ ไหนจะว่านไหนจะยี่หวา ฉันทำใจไม่ได้ค่ะ” เสียงใครร้องไห้กัน ...ใช่แม่ของเขามั้ย วิวาห์ขมวดคิ้ว เพ่งมองภาพเบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาพร่าเลือน เขาเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่กับพ่อ
“คุณแม่” ว่านส่งเสียงเรียกออกไป
“ใจเย็น ๆ ก่อนคุณ ผมเชื่อว่าว่านจะต้องหายดี ยี่หวาก็ด้วย”
“ฉันพยายามจะเผื่อใจแล้วนะคะ ถ้าเกิดว่า...เกิดแก่เจ็บตายเป็นอนิจจังแต่ว่า ...มันก็...” ว่านรู้สึกเจ็บข้างในอกเขานึกถึงลูกสาวที่นอนอยู่ในห้องไอซียูแล้วก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีสู้กับแรงกดอากาศที่มากผิดปกตินั้น
“.......”
วิวาห์ดันตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งใจสั่นรัว เหงื่อแตกทั่วตัวเหมือนอาบน้ำ จู่ ๆ แรงกดอากาศหนักอึ้งนั้นก็หายวับไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ คนที่อยู่ในห้องหันมามองแล้วก็กรูกันเข้ามาหาเขาอย่างตกใจ
“ว่านเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นว่านนอนกรีดร้องครวญครางตลอดเลยพี่เป็นห่วงแทบแย่”พี่วัตพูดรัวเร็วจับตัวน้องชายเอาไว้ “นอนลงก่อน”
“พี่วัต พี่เบสต์คุณพ่อคุณแม่?” ว่านกะพริบตากวาดตามองหน้าทุกคนอย่างมึนงง“ยี่หวาล่ะครับยี่หวาเป็นยังไงบ้าง”
“วินกำลังไปคุยกับคุณหมออยู่ ว่านนอนลงก่อนลูก” มารดาของเขาเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น “ว่านลูกแม่”
“ว่านโวยวายเหมือนผีเข้าเลย พวกพี่ใจหายหมดกำลังคิดกันอยู่ว่าจะต้องนิมนต์พระมาสาดน้ำมนต์ไล่ผีมั้ย” พี่วัตว่า
“น้องว่านไข้ขึ้นสูงก็เลยเพ้อเพราะพิษไข้น่ะค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ” พี่เบสต์ปลอบใจเขา “นอนพักก่อนนะคะ”
“พี่อาร์ม..” ว่านนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาได้ เขาตัวสั่นขึ้นมาอีก “ผมเจอพี่อาร์ม แล้วก็เจอพี่นุชนารถด้วย” ว่านรีบเล่าสิ่งที่เจอมาให้ทุกคนฟัง พี่วัตหน้าซีดจับมือน้องชายเอาไว้แน่นพี่เบสต์ก็ช่วยดูแลพ่อกับแม่ที่เวียนหัวขึ้นมาหลังจากฟังจบ
“หมายถึง นายอามันต์ในฝันของว่านจะมาเอาชีวิตยี่หวาจริง ๆ น่ะเหรอ”
“ใช่ครับ” วิวาห์พยักหน้า “เขากับพี่นุชแม่ของเขาวางแผนมา”
“คุณนุชนารถคือแม่ของเขาเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง” วิรัตน์อุทาน“เกินความคาดหมายมาก ๆ เลวพอกันทั้งแม่ทั้งลูก แล้วสุดท้ายก็พลาดยิงถูกลูกตัวเอง สมน้ำหน้า”
“ว่านไม่รู้ว่าเขาแย่งปืนกันหรือว่ายังไง แต่มีคนผลักว่านออกมาแน่ ๆ” วิวาห์พูด“ว่านจำได้คร่าว ๆ เท่านี้ตอนนี้เรื่องสำคัญก็คือจะต้องไปดูยี่หวาก่อน”
“ตอนนี้เรื่องสำคัญกว่าก็คือสุขภาพของว่าน นอนลงให้คุณหมอเขาตรวจก่อน” วิรัตน์ว่าเบี่ยงตัวให้คุณหมอเข้ามาตรวจร่างกายวิวาห์อย่างละเอียด อาการไข้ของวิวาห์ดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเท่านั้น คุณหมอกำชับให้ว่านพักผ่อนมาก ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกสาว
“ผมขอไปหาลูกได้มั้ยครับหมอ ผมเป็นห่วงลูกจริง ๆ ทนไม่ไหวหรอก”วิวาห์อ้อนวอนรับปากกับแพทย์ว่าจะไม่ก่อความวุ่นวายอะไรอีก
วิรุฬกำลังคุยกับนายแพทย์เจ้าของไข้อยู่พอดีตอนที่พวกเขาเข้าไปเยี่ยมยี่หวาเห็นหน้าตาของน้องชายแล้ววิวาห์ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ๆ วินรีบเข้ามาหาพวกเขา
“ยี่หวาฟื้นแล้วครับ”
“จริงเหรอวิน” วิวาห์เบิกตากว้าง
“จริงครับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เลย วินว่าจะไปตามพี่ว่านอยู่พอดี”
วิวาห์ดีใจจนพูดไม่ออกขอเข้าไปเยี่ยมลูกสาวได้ก็ตรงเข้าไปเกาะข้างเตียง เด็กหญิงหวันยิหวาลืมตาขึ้นมองหน้าเขา ท่าทางดีใจมากที่ได้เจอกัน
“ยี่หวาลูก...เห็นวีว่ามั้ยคะ วีว่ามาแล้วนะ” วิวาห์กำมือเล็กจ้อยนั่นเอาไว้แน่น ยี่หวายังพูดไม่ได้เพราะใส่ท่อช่วยหายใจเอาไว้อยู่ เด็กหญิงน้ำตาซึมเปียกหมอนพอ ๆ กับมารดาที่น้ำตาไหลพราก อยากก้มลงไปจูบลูกแต่ก็กลัวว่าจะเอาเชื้อไปติดเข้า วิวาห์ได้แต่จับมือลูกเอาไว้ “หายไว ๆ นะคะ วีว่ารออยู่นะ เราจะได้ไปเที่ยวกันอีก ยี่หวาอยากกินไอติมใช่มั้ย”
เด็กหญิงพยักหน้า ท่าทางยังเพลียมากแต่ก็ตื่นดีนัยน์ตากลมโตมีประกายขึ้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงขนมที่ชอบ
“รีบหายนะคะ อย่าดื้อกับคุณหมอนะ วีว่าอยู่แถวนี้เองไม่ต้องกลัวนะคะ”
นายแพทย์เจ้าของไข้บอกว่ายี่หวาตอบสนองต่อยารักษาอย่างปาฏิหาริย์ ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะหมดหวังเสียแล้ว ความดันเลือดกลับมาดีเหมือนเดิม อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถอดท่อช่วยหายใจได้ในที่สุดยี่หวาได้ออกจากห้องไอซียูท่ามกลางความยินดีของทุกคน
วิวาห์บอกไม่ถูกว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ลูกสาวรอดชีวิตหวันยิหวาเรียกชื่อวีว่าเป็นคำแรกหลังจากหายเจ็บคอ เด็กหญิงเรียกหาไอติมเป็นอย่างที่สองวิวาห์เฝ้าลูกทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าใครหรืออะไรจะมาพรากลูกสาวไปอีกจนกระทั่งในที่สุดก็ถึงวันที่ยี่หวาจะได้กลับบ้าน
“เรื่องคีโมเดี๋ยวหมอจะนัดมาเจาะเลือดอีกทีอาทิตย์หน้านะครับ” คุณหมอพูดยิ้ม ๆ ลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู “กินเก่ง ๆ นะคะ จะได้แข็งแรงไว ๆ”
“ค่ะ” ยี่หวารับคำจับมือคุณหมอเอาไว้“แล้วผมยี่หวาจะยาวเหมือนเดิมมั้ยคะ”เป็นสิ่งที่เจ้าตัวกังวลมากที่สุดเพราะเส้นผมยาวสลวยบัดนี้ถูกโกนออกจนเกลี้ยง “แบบนี้ไม่สวยเลยค่ะ”
“ยี่หวาหน้าตาสวยน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก” วิวาห์รีบปลอบใจ “เดี๋ยวเราไปหาหมวกสวย ๆ มาใส่กันดีมั้ยคะ”
“ถ้ายี่หวาแข็งแรง ไม่ดื้อกับคุณแม่ กินข้าวกินนมเยอะ ๆ ผมก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมครับ แถมเผลอ ๆ จะสวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีกนะ”คุณหมอพูดยิ้ม ๆ เด็กหญิงค่อยยิ้มออกหันไปเขย่ามือมารดา
“วีว่า ไอติมทำมาจากนมใช่มั้ยคะ”
“แน่ะ จะขี้โกงแล้วเรา” วิวาห์หัวเราะ“พอหายแล้วก็ร้องหาขนมเลยนะ”
เด็กหญิงหัวเราะคิก แนบใบหน้ากับมือของมารดา
“ก็ยี่หวาอดกินมาตั้งนานนี่คะ”
วิวาห์แอบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ส่งยิ้มให้ลูก
“อยากกินเท่าไหร่บอกมาเลย” พอนึกว่าเกือบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ จากยี่หวาอีกแล้ว วิวาห์ก็สะท้านในอก ดึงตัวลูกสาวมากอดเอาไว้แน่น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเสียยี่หวาไปจริง ๆ แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร
หวันยิหวากลับมาที่บ้านพร้อมกับคุณตาคุณยายและลุงป้าน้าอาพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนตามใจยี่หวายิ่งกว่าเดิมเสียอีก วิรัตน์ถึงกับซื้อทองมาปลอบขวัญให้หลานรัก ส่วนวิรุฬก็ไม่แพ้กันพายี่หวาไปเลือกตุ๊กตาสวย ๆ มาหลายตัว วิวาห์ได้แต่ห้ามปรามพี่น้องด้วยความเกรงใจ
“พี่ว่านอย่าคิดมาก วินมีหลานอยู่คนเดียว ให้อะไรได้วินก็อยากให้” วิรุฬพูดยิ้ม ๆ พาหลานสาวไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกัน “ยี่หวาก็แข็งแรงขึ้นมากแล้ว เห็นพี่วัตบอกว่าจะจัดงานแต่งกับพี่เบสต์ซักที”
วิวาห์ดีใจ
“ดีจังเลยวิน เมื่อไหร่ดีล่ะ”
“ไปขอฤกษ์กันมาแล้ว วินล่ะดีใจจริง ๆ เลยนะ”
“ลุงวัตจะแต่งงานเหรอคะน้าวิน” หวันยิหวากระตุกมือถาม “แต่งงานคืออะไรคะ”
“แต่งงานก็คือการตกลงกันว่าจะอยู่ด้วยกันค่ะ” วิรุฬตอบเสียงอ่อนหวาน “แต่งงานกันแล้วก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ มีลูก..” วิรุฬพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหลือบมองหน้าพี่ชายอย่างเกรงใจเห็นวิวาห์วางหน้าเฉย ๆ
“คุณพ่อยี่หวาไม่อยู่แล้ว” เด็กหญิงหน้าเศร้า
“คุณพ่อจะต้องดีใจที่เห็นยี่หวาแข็งแรงค่ะ” วิวาห์พูดเรียบ ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “วินจะแวะซื้อของไม่ใช่เหรอ ถึงร้านแล้วล่ะ”
วิวาห์พาลูกสาวเดินเล่นในร้านสะดวกซื้อรอน้องชายเลือกของไปเรื่อย ๆ ปากก็ตอบคำถามห้าร้อยข้อของยี่หวาไปแต่ก็อดคิดถึงคำพูดของอามันต์ขึ้นมาไม่ได้เวลาผ่านไปเกือบสามอาทิตย์แล้วนับจากวันนั้นทว่าบางครั้งเขายังสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะภาพนัยน์ตาเบิกโพลงของอามันต์อยู่เลย มันกลายเป็นภาพติดตาที่น่ากลัว
ความรักที่เคยมีอยู่ ...ว่านพบว่ามันจางหายไปแทบไม่เหลือแล้วถ้าถามความรู้สึกของเขาที่มีต่ออามันต์ในเวลานี้ว่านก็ยังอธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่ามันเปลี่ยนไปมาก ว่านไม่ได้รู้สึกโหยหาหรือคิดถึงคน ๆ นั้นอีกแล้วในแง่ของคนรักหรือพ่อของลูกถ้าว่านจะคิดถึงก็คงเป็นความรังเกียจแกมสมเพชมากกว่า
เสียดายความรู้สึกที่เคยมีให้จริง ๆ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ...ว่านเลือกไม่ถูกหรอกการได้เจอพี่อาร์มทำให้ว่านได้ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตมาครอบครอง
“วีว่า...ดูสิคะ น้องกระต่ายล่ะ กระต่ายน่ารักจังค่ะ” ยี่หวาหยุดยืนที่หน้าร้านขายสัตว์เลี้ยง วิวาห์รีบดึงลูกสาวเดินออกมาจากหน้าร้านทันที
“น่ารักค่ะ แต่ยี่หวาเข้าใกล้น้องไม่ได้นะคะน้องกระต่ายมีเชื้อโรคเดี๋ยวยี่หวาจะไม่สบายอีกนะคะ”
เด็กหญิงหน้าม่อย
“ยี่หวาอยากเลี้ยง”
“ยี่หวาก็ต้องรีบหาย ถ้าหายแล้ววีว่าจะให้เลี้ยงค่ะ” วิวาห์ตอบ
“คิดถึงคุณลุงกระต่ายจังค่ะ” เด็กหญิงพูดขึ้น คนฟังใจหายวาบหยุดเดินทันที
“เขามาหายี่หวาอีกเหรอคะ” วิวาห์เหลือบมองรอบตัวอย่างระแวง ลูกสาวส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ยี่หวาไม่เจอคุณลุงมานานแล้ว คุณลุงหายไปเลย...ไม่รักษาสัญญากับยี่หวา”
วิวาห์ผ่อนลมหายใจลง รู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เอาไว้เราไปทำบุญให้คุณลุงกันนะคะ” เขาพูดเบา ๆ
วิรุฬเอาข่าวมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ ว่าพี่อาร์มเสียชีวิตแล้วข่าวหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวสั้น ๆ เกี่ยวกับอดีตนักร้องดังที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จากนั้นก็จากไปด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเรื่องมะเร็งเม็ดเลือดขาวของพี่อาร์มก็ยังคงเป็นความลับต่อไป ไม่มีใครคิดจะเปิดเผยหรือขุดคุ้ยอีก เพราะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
งานศพของพี่อาร์มจัดขึ้นในวัดแถบชานเมืองว่านไม่ได้ไปเพราะเขาไม่กล้าปล่อยให้ยี่หวาคลาดสายตาอีกแล้ว วิรุฬไปกับเพื่อนที่เป็นแพทย์ด้วยกันกลับมาเล่าให้ฟังเขาไม่เห็นหน้านุชนารถที่บอกว่าเป็นแม่ของพี่อาร์มเลย เจอแต่คนที่เป็นพ่อว่านเลยเพิ่งรู้ว่าพ่อของพี่อาร์มแต่งงานใหม่ผู้หญิงที่เขาเคยเจอเมื่อก่อนเป็นแม่เลี้ยงของพี่อาร์มนั่นเอง ไม่ใช่แม่แท้ ๆ
พี่อาร์มคงมีความลับในชีวิตหลายอย่างที่ไม่เคยนึกจะบอกว่านจะว่าไปแล้วว่านเองก็แทบไม่ได้รู้จักพี่อาร์มมากไปกว่าสิ่งที่พี่อาร์มอยากให้รู้จักเลย พี่อาร์มขีดเส้นบาง ๆ กั้นเอาไว้ ...เส้นที่ว่านแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในสมัยที่คบกัน ว่านหลอกตัวเองมาตลอดว่าพี่อาร์มรักว่าน ถึงตอนนี้ว่านตาสว่างแล้ว
เกือบจะต้องแลกกับชีวิตของยี่หวาเลย กว่าว่านจะรู้สึกตัว
“เป็นอาทิตย์หน้าแล้วกันนะ ว่าน...ฟังอยู่หรือเปล่า” พี่วัตหันมาถาม ว่านอมยิ้ม
“ฟังอยู่น่าพี่วัต ว่านจะร้องเพลงในงานพี่วัตเองไม่ต้องห่วง ว่านร้องให้ฟรี ๆ เลย”
“พี่ว่านอย่าร้องให้ฟรีสิครับ เราเป็นนักร้องดังนะ คิดค่าแรงเป็นค่าเทอมยี่หวาดีกว่า” วิรุฬพูด
“เออให้มันได้อย่างนี้ ทั้งสองคนนั่นแหละ มาใกล้ ๆ ฉันนี่มา” พี่วัตกวักมือเรียก วิวาห์หัวเราะรีบสะกิดน้องชายให้ลุกหนีไปคนละทาง“ไอ้เด็กพวกนี้ อย่าลืมไปลองชุดสูทล่ะ ร้านเขาโทรมาให้ไปลองแล้ว”
“รู้แล้วน่ะพี่วัต พูดซ้ำสิบรอบแล้ว แต่งงานไปอย่าขี้บ่นนักนา เดี๋ยวพี่เบสต์หูชา สงสารเขา”
“ไอ้วิน ลงมาเลยนะฉันยังไม่ได้คุยกับแกเรื่องครูเตยเลย”
“หือ?ครูเตยอะไรน่ะว่านตกข่าวอะไรหรือเปล่า”วิวาห์ตาโตมองหน้าน้องชายอย่างอัศจรรย์ใจ“วินจีบครูเตยเหรอ”
“ไม่ได้จีบซักหน่อย พี่วัตมั่ว”วิรุฬรีบแก้ข่าว“พี่ว่านอย่าไปฟัง”
“แน่ะ แล้วใครพาครูเตยไปดูหนังวันก่อนนะ”
น้องชายคนเล็กของบ้านหน้าแดงว่านหัวเราะชอบใจที่เห็นวิรุฬเสียอาการเป็นครั้งแรก นึกแล้วตลกดีตอนที่วิรุฬเล่าเหตุการณ์ที่พาครูเตยกับพี่วัตเข้าไปในอาคารเก่าที่เคยเป็นสตูดิโอด้วยกันแล้ววิรุฬก็ท่องบทสวดมนต์ไปตลอดทาง วิรัตน์เองก็สั่นไม่แพ้กัน ตรงข้ามกับหญิงสาวคนเดียวในคณะที่ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย
“มันก็เลยประทับใจความกล้าหาญของเขาล่ะซิ” วิรัตน์สรุปมองหน้าน้องชายขัน ๆ “ดีนะที่ไม่เจออะไรไอ้วินรีบชวนกลับคนแรกเลย”
“แหม พี่วัตเองก็กลัวเหมือนกันนั่นล่ะ บรรยากาศมันตะครั่นตะครอจะตาย วินได้ยินเสียงคนเดินจริง ๆ นะ ไม่ได้โกหก”วิรุฬทำท่าขนลุกขนพอง
“ว่านขอบคุณพี่วัตกับวินมากเลยนะ” วิวาห์ยกมือขึ้นไหว้ ทั้งสองคนรีบห้าม
“โอ๊ยว่านไม่ต้องขอบคงขอบคุณอะไรอีกแล้ว พูดเรื่องนี้ไม่ได้เลยแฮะ เจ้าว่านต้องขอบคุณอีกยี่สิบรอบแน่เลย” วิรัตน์หัวเราะ “มันเป็นหน้าที่ของพี่น้องอยู่แล้ว ไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะไปช่วยเหลือใครล่ะ เราก็มีกันอยู่แค่นี้”
วิวาห์น้ำตาซึม ในความโชคร้ายของเขาก็ยังมีความโชคดีอยู่ไม่รู้ว่าพี่น้องบ้านอื่นจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีแบบนี้ไหม ว่านโชคดีจริง ๆ ที่มีพี่วัตกับวินอยู่ด้วย
ว่านพายี่หวาไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายต่อ คุณหมอบอกว่าผลเลือดของยี่หวาดีมาก พร้อมจะเริ่มยาเคมีบำบัดต่อได้แล้วยี่หวาอิดออดนิดหน่อยเพราะเข็ดตอนที่เจ็บปากกินอะไรก็ไม่อร่อยนั้น แต่ว่าก็ยอมให้คุณหมอรักษาต่อโดยดีวิวาห์ผู้มีประสบการณ์จากคราวก่อนก็เตรียมอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่ายเอาไว้ให้ยี่หวาหลายเมนู
“โอ้โห น่ารับประทานจังเลยค่ะ” คุณแม่ของคนไข้ที่นั่งใกล้ ๆ แอบมองอาหารในปิ่นโตของวิวาห์ที่เตรียมมาไว้ให้ลูก “ซื้อหรือว่าทำเองคะนี่”
“ทำเองครับ” วิวาห์ตอบเขิน ๆ “ยี่หวากินไม่ค่อยได้ แถมไม่ชอบกินผักก็เลยต้องเตรียมเมนูเอาไว้”
“ดีจังเลยค่ะ นี่น้องพีชก็กินยากมาก แม่ทำอะไรให้กินก็ไม่ยอมกินเลย” เธอพูดอย่างกังวล ลูกชายของเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกมองอาหารน่าตารับประทานในกล่องของวิวาห์อย่างสนใจ “อย่ามองใกล้ขนาดนั้นสิคะลูกพีช เสียมารยาทนะคะ”
“ลองชิมมั้ยล่ะครับ ผมทำมาเผื่ออยู่แล้ว” วิวาห์พูดยิ้ม ๆ มองหน้ากลมเล็กของเด็กชายพีชอย่างเอ็นดู เขาแบ่งให้ลองชิม เด็กชายพีชตาโต หันไปเขย่าแขนมารดาอย่างกระตือรือร้น
“พีชชอบมากเลยครับ อยากกินอีกคุณแม่ทำให้กินบ้างได้มั้ยครับ”
“อุ้ย แม่ทำเป็นเสียที่ไหนล่ะลูก” มารดาอุทานหันยิ้มให้วิวาห์ “แสดงว่าอร่อยจริง ๆ นะคะเนี่ย ปกติน้องพีชกินยาก เลือกกินเป็นที่หนึ่งเลย”
“น้องพีชไปกินข้าวบ้านเราสิ วีว่าทำอาหารอร่อยสุดยอดเลยนะ” หวันยิหวาพูดขึ้นบ้างด้วยท่าทางภูมิใจ ยกช้อนขึ้นตักเข้าปากโชว์ให้อีกฝ่ายดู “เมนูหมูอบน้ำผึ้งคือสุดยอดแห่งความอร่อย”
คนฟังน้ำลายสอ กวาดตามองอาหารของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างอิจฉา
สองอาทิตย์หลังจากนั้นวิวาห์ก็ทำอาหารไปเผื่อให้น้องพีชด้วยกล่องหนึ่งคุณแม่ของน้องพีชเกรงใจใหญ่ยืนยันว่าจะจ่ายเงินค่าข้าวให้เขา มีผู้ปกครองคนอื่นเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง ไป ๆ มา ๆ วิวาห์ก็เลยช่วยกันกับป้าเอิบทำข้าวใส่กล่องไปขายให้กับบรรดาผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่โรงพยาบาล
“น่าจะส่งตามบ้านด้วยนะคะ จะสะดวกมากเลย” คุณแม่ของเด็กคนหนึ่งปรารภขึ้น “บอกตรง ๆ ว่าฉันน่ะหมดปัญญาที่จะหาอะไรมาหลอกล่อให้เจย์เดนกินข้าวแล้วล่ะค่ะ มาเจอข้าวกล่องฝีมือคุณวิวาห์นี่แหละ เจย์เดนชอบมากอร่อยแล้วยังน่ารักน่าเอ็นดูเข้าใจทำจริง ๆ ดูแครอทต้มอันนี้สิคะน่ารัก”
“จริงด้วยครับ คุณวิวาห์สนใจทำขายไหม ผมทำธุรกิจรับส่งของอยู่แล้ว เราโคกันได้นะ”
“ผมต้องดูแลยี่หวาด้วย น่าจะไม่มีเวลาขนาดนั้น..” วิวาห์ยังปฏิเสธไม่ทันจบ ป้าเอิบก็สะกิดขาแล้วพยักหน้า
“เดี๋ยวป้าเอิบช่วยเองค่ะ อาหารเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ...น่าสนใจออกนะคะ”
วิวาห์เลยแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจจะทำได้ปริมาณไม่มากและถ้าวันไหนไม่สะดวกก็จะของดโดยบอกล่วงหน้าก่อน พี่วัตเห็นด้วยกับงานนี้มาก เพราะยังไงว่านก็ต้องทำอาหารให้ลูกอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มปริมาณขึ้นมาเท่านั้น
“เดี๋ยวนี้คนเขาฮิตกัน อาหารคลีนทั้งหลาย ของเราทั้งอร่อยทั้งปลอดสารพิษ พี่สนับสนุนนะว่าน”
“ว่านไม่เคยค้าขาย” วิวาห์ท้วงเสียงอ่อย “กลัวจะเจ๊งน่ะสิพี่วัต”
“เราก็เริ่มทำเล็ก ๆ ก่อน รับแค่ห้าหกเจ้านี่ก็พอ ว่านทำเมนูล่วงหน้าให้เขาเลยดีมั้ย” พี่วัตเข้ามาช่วยว่านจัดแจงซื้อของ ทำใบเมนูให้เสร็จสรรพ ว่านก็เลยคิดว่าจะลองทำดู
ว่านคิดว่าตัวเองค้นพบสิ่งที่ชอบมากพอ ๆ กับการร้องเพลงแล้ว ใคร ๆ ก็ออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าว่านมีพรสวรรค์ทางด้านการดัดแปลงอาหาร ว่านทำให้ยี่หวายอมกินผักขม ๆ ได้ แล้วก็ทำให้เด็ก ๆ คีโมทั้งหลายยอมกินข้าวได้มากขึ้นแค่นี้ก็ทำให้บรรดาพ่อแม่พร้อมที่จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ลูกของเขาได้รับสารอาหารมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีแถมอาหารของวิวาห์ก็ยังเน้นเรื่องความสะอาดมาก เพราะตัวยี่หวาเองก็ทานด้วยเหมือนกัน
“ว่านว่าจะลองผสมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มอีกหน่อย จะได้อร่อยขึ้น หวาน ๆ หอม ๆ เด็กทานง่าย” วิวาห์พูดกับป้าเอิบ เขากำลังหัวหมุนอยู่ในครัวมาตั้งแต่เช้า “ให้ยี่หวาชิมก่อนว่าผ่านไม่ผ่าน” วิวาห์พูดแกมหัวเราะ แก้มเป็นสีแดงปลั่ง
ป้าเอิบมองชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กยิ้ม ๆ
“ยิ้มอะไรน่ะป้าเอิบ เดี๋ยวไหม้หรอก”
“ป้าเอิบดีใจที่เห็นน้องว่านมีความสุข” ป้าเอิบว่า
ว่านอมยิ้ม
“ว่านก็ดีใจที่ว่านเจอสิ่งที่ว่านทำได้แล้ว”
“ไม่ใช่แค่ทำได้นะ แต่ทำได้ดีเลยล่ะ” ป้าเอิบยกนิ้วโป้งให้สองข้าง วิวาห์หัวใจพองโตเขารู้ดีว่าป้าเอิบเป็นห่วงเขามากที่สุดในฐานะที่เป็นเด็กที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ “คุณปราณียังว่าน้องว่านเก่งมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเก่งขนาดนี้”
ว่านหน้าบานรายได้ที่ได้รับมาจากอาหารปิ่นโตก็มากกว่าที่คาดคิดเอาไว้ เขารับลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นสิบคน ตั้งใจว่าจะทำแค่เท่าที่ตัวเองไหว ไม่ให้หักโหมมากจนกินเวลาดูแลยี่หวา
อาการของยี่หวาไม่น่ากลัวอย่างที่ว่านคิดเด็กหญิงตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดสูตรที่สองได้ดีจนหมอก็ยังแปลกใจ ผลเลือดของยี่หวาทำให้หมอชมทุกครั้งว่าว่านดูแลลูกดีมาก