ผ่านมาห้าวันแล้วที่ทินกรไม่ติดต่อมาหาเขา
หลังจากคืนที่ภรัณยูขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่คฤหาสน์ เด็กหนุ่มก็เงียบหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตเขา คืนแรกที่ทินกรไม่โทรมาบอกราตรีสวัสดิ์ ภรัณยูรู้ว่าสิ่งที่เขาว่าไปคงทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายพอดู แต่เขาคิดเอาเองว่าเด็กหัวรั้นอย่างทินกร เดี๋ยวพอหายซึมก็คงจะโทรมาเอง
ทว่าคืนต่อมา ยังคงไร้วี่แววของทินกร ถึงแม้ภรัณยูจะนั่งจ้องโทรศัพท์ของตนจนถึงตีสองก็ตาม
เช่นเดียวกับคืนถัดไป
และคืนถัดไปจากนั้น...
“เป็นอะไรภัทร? หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว น้องๆเขากลัวหมดแล้ว”
เจนจิราทักพนักงานหนุ่มอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องนั่งทำหน้าเหมือนจะกินหัวคนที่เดินผ่านไปมา ภรัณยูยังคงไม่เข้าใจว่าหัวหน้าของเขาสามารถแยกสีหน้าของเขาออกได้อย่างไรทั้งที่พนักงานส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสีหน้าของเขาไม่ว่าจะเป็นเวลาดีใจ เสียใจ โกรธ หรือมีความสุข ล้วนแล้วแต่เป็นสีหน้าเดียวกันทั้งสิ้น
“ขอโทษครับ”
ภรัณยูพยายามสลัดเรื่องของทินกรออกไปจากสมอง เขาไม่่ควรให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้บรรยากาศในที่ทำงานของเขาเสีย เจนจิราเอียงคอ ก่อนจะดึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่มานั่งลงตรงข้ามกับเขา ขณะนี้เป็นเวลาพักเที่ยง ทำให้พนักงานรอบๆทยอยกันออกไปทานอาหารกลางวัน เหลือเพียงพวกเขาสองคนในแผนก
“มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะภัทร”
“ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่แจน แค่โหมงานหนักไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”
ภรัณยูยังคงยืนยันคำเดิม แม้เจนจิราจะดูไม่เชื่อคำพูดของพนักงานรุ่นน้อง แต่ก็ไม่ได้ซักต่อ
“งั้นก็แล้วไป เห็นทำหน้าแบบนี้แล้วเหมือนคุณทินตอนเด็กๆไม่มีผิด”
ชื่อของคนที่อยู่ในห้วงความคิดมาตลอดหลายวันทำเอาภรัณยูหูผึ่งขึ้นมาทันที แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมขยายความ ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องถาม
“ที่ว่าเหมือนคุณทินตอนเด็กๆนี่...”
“อ๋อ พี่ก็ลืมไปว่าภัทรยังไม่มาทำงานตอนนั้น” เจนจิราเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ “คุณทินน่ะ แกเป็นเด็กคิดมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาเพื่อนพูดจาอะไรไม่ดีใส่นิดๆหน่อยๆ ก็จะเก็บมานั่งหน้าเครียดแบบนี้แหละ กว่าพี่จะปลอบให้หายกังวลได้ เล่นเอาเหนื่อย”
“….”ภรัณยูทำได้เพียงนั่งฟังเงียบๆ ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไร
“จริงสิ พูดถึงคุณทินแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรนะ คืนที่เราประชุมดึกกันเห็นหอบขนมนมเนยมาให้ทุกคนเยอะแยะเลย บอกว่ากลัวพวกเราหิวกัน แล้วก็จะกลับไปซะอย่างนั้น” เจนจิรานึกย้อนไปถึงวันนั้น “พี่เลยบอกว่าให้รอพี่ประชุมเสร็จอีกแป๊บเดียว เดี๋ยวจะพาไปกินขนมร้านโปรด ก็เห็นรับปากนั่งรอซะดิบดี พอพี่ลงมาก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
ภรัณยูรู้สึกว่าใบหน้าของตนชาวาบ
“พี่แจน...บอกให้เขารอเหรอครับ?”
“อื้ม ทีแรกเห็นบอกว่าจะกลับเลย ไม่อยากเกะกะคนอื่นที่ทำงานกันอยู่” หญิงสาวรุ่นพี่ส่ายศีรษะยิ้มๆ “เด็กอะไรก็ไม่รู้ ขี้เกรงใจจนไม่เหมือนเด็ก พี่ต้องย้ำตั้งหลายรอบว่าไม่มีใครรำคาญเขาหรอก เขาถึงยอมรับปากจะรอพี่”
ความรู้สึกผิดถ่วงอยู่ในท้องของภรัณยูเหมือนก้อนหินหนัก นี่เขาด่วนตัดสินอีกฝ่ายอีกแล้วงั้นเหรอ...
“จริงสิ วันนี้ภัทรมีสอนพิเศษคุณทินใช่มั้ย? เดี๋ยวไปเอาขนมในออฟฟิศพี่ไปฝากคุณทินหน่อยนะ พี่ขับผ่านร้านคุ้กกี้ร้านโปรดเขาพอดี” เจนจิราทิ้งท้าย ภรัณยูพยักหน้ารับอย่างไร้เรี่ยวแรง ก้มมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมืออย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจวางอุปกรณ์สื่อสารขนาดเท่าฝ่ามือลงบนโต๊ะทำงาน
บอกแล้วไง...เขาไม่เก่งเรื่องขอโทษคนสักนิด
ทินกรเปิดประตูให้เขาด้วยสีหน้าเซื่องซึม ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นที่ดูเหมือนชุดนอนมากกว่าชุดอยู่บ้านทั่วไป ทว่าดวงตาของเด็กหนุ่มกลับดูเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายคืน
“ซัน เป็นอะไร? ไม่สบายเหรอ?” ภรัณยูลืมเรื่องที่ตนอยากมาคุยกับอีกฝ่ายจนหมดเมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่ม มือเรียวยกขึ้นทาบบนหน้าผากของทินกรอย่างเป็นห่วง แต่ร่างสูงกลับก้าวถอยห่างแทบจะในทันทีราวกับสัมผัสถูกของร้อน
ภรัณยูนิ่วหน้ากับความรู้สึกปวดแปลบในอกของตน
ซัน...คงโกรธเขาอยู่สินะ
“พี่ภัทร?”
“วันนี้มีเรียน จำไม่ได้เหรอ?”
ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ตนมาหาทินกรในวันนี้ แต่ร่างกายกลับไม่ฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดเลยสักนิด
“จริงสิครับ...ผมลืมไปสนิทเลย”
แววตาของเด็กหนุ่มไหววูบ ทินกรขยับเปิดทางให้ร่างโปร่งในชุดทำงานเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อภรัณยูจะขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านเช่นทุกครั้ง ร่างสูงกลับเรียกเขาไว้ด้วยน้ำเสียงอึกอัก
“พี่ภัทร..สอนข้างล่างได้มั้ยครับ?”
“…ได้สิ”
แม้จะไม่เข้าใจ แต่ภรัณยูเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวของบ้าน โดยมีทินกรนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตัวเล็กไม่ห่างจากเขามากนัก
ถึงกระนั้นระยะห่างที่ภรัณยูรู้สึกได้กลับไกลเกินกว่าร่างโปร่งจะรู้สึกชอบใจ
“มานั่งข้างพี่สิ แบบนี้จะมองเห็นได้ยังไง?”
“…ครับ”
ทินกรขยับลุกมานั่งข้างภรัณยูอย่างว่าง่าย แม้ดวงตาสีควันบุหรี่คู่นั้นจะไม่เคยเหลือบมองเขาตั้งแต่เข้ามาก็ตาม
“วันนี้ก็อยู่คนเดียวเหรอ?” คนอายุมากกว่าพยายามทำลายความเงียบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องถนัดของเขาเท่าไหร่
“ครับ ป้าแต้วพาพี่ๆไปซื้อของที่ตลาด” ทินกรตอบ ก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“จริงสิ พี่แจนฝากคุ้กกี้มาให้” ภรัณยูเปลี่ยนเรื่อง หันไปเปิดกระเป๋าเป้ข้างกายแล้วหยิบเอากล่องคุ้กกี้ขนาดกลางออกมาให้อีกฝ่าย “พี่เขาบอกว่าขับรถผ่านแล้วคิดถึงซัน”
“ขอบคุณนะครับ” ทินกรเอื้อมมือมารับกล่อง แต่ภรัณยูที่เพิ่งนึกอะไรออกชักมือกลับก่อนที่อีกฝ่ายจะได้หยิบกล่องคุ้กกี้ไปจากตน ทินกรมีสีหน้างุนงงกับการกระทำของคนอายุมากกว่า “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“พี่ป้อน”
ภรัณยูไม่เคยทำแบบนี้กับใคร เขาไม่เคยเข้าใจหลักการของการ’อ่อย’ที่ใครหลายคนบอกนักบอกหนาว่าเป็นศาสตร์ที่จำเป็นเสียยิ่งกว่าวิชาในโรงเรียน แต่ในตอนนี้ เขานึกโกรธตัวเองที่ไม่ตั้งใจฟังน้องๆในออฟฟิศเม้าท์ให้มากกว่านี้
“….”
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขาที่ทินกรนั่งนิ่งเหมือนโดนคาถานะจังงังเข้าไป ทำให้ภรัณยูมีเวลามากพอที่จะแกะกล่องคุ้กกี้แล้วหยิบคุ้กกี้ช็อกโกแลตชิพขนาดพอดีคำขึ้นมา ภรัณยูนำขนมหน้าตาน่าทานไปจ่อที่ริมฝีปากของคนที่ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่ ร่างโปร่งกลั้นหายใจ ลุ้นจนตัวโก่งว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจการกระทำของตนหรือไม่ แต่ทินกรเพียงแค่อ้าปากงับคุ้กกี้ชิ้นนั้นไว้ ดวงตาสีควันบุหรี่ยังคงเบิกกว้างเหมือนเด็กหลงทาง
ภรัณยูนึกอยากถอยกลับไปตั้งหลักเมื่อเห็นท่าทีไม่ตอบสนองนั้น แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะรวบรวมความกล้าได้มากเท่านี้อีกครั้งเมื่อไหร่
“ชิมด้วยสิ”
ก่อนที่ทินกรจะได้ประมวลผลว่าคำพูดของอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ริมฝีปากเรียวก็งับลงบนอีกด้านของคุ้กกี้ชิ้นนั้น ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้น แต่ภรัณยูไม่คิดว่าตนจะมีความกล้าที่จะทำอะไรมากกว่านี้
โชคดีของเขาที่ในที่สุดทินกรก็ดึงขนมชิ้ินเล็กออกจากปากแล้วบดขยี้ริมฝีปากของตนลงบนเรียวปากของภรัณยูราวกับเขาเป็นคุ้กกี้เจ้าโปรดของตน ภรัณยูถูกร่างสูงรุกเร้าจนต้องนอนราบไปกับโซฟาโดยมีร่างของทินกรทาบทับอยู่ด้านบน แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอของเด็กหนุ่มขณะที่ริมฝีปากเผยอให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาตักตวงความหวานอย่างไม่ขัดขืน ภรัณยูหลับตา ดื่มด่ำกับสัมผัสที่ตนปฏิเสธว่าโหยหา
“อือ…”
เสียงครางในลำคอของภรัณยูปลุกร่างสูงให้ตื่นจากมนต์สะกดของริมฝีปากอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหล ทินกรผละออกจากร่างข้างใต้ราวกับโดนของร้อน แววตาของเด็กหนุ่มมีทั้งความสับสนและหวาดกลัวปนเปกันไป
“ซัน…”
“พี่ภัทรต้องการอะไรกันแน่ครับ” คำถามของทินกรไม่มีความโกรธแค้นใดๆแอบแฝง มีเพียงความสับสนและไม่เข้าใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ภรัณยูรู้สึกเจ็บแปลบในอกมากกว่าเดิม
“ซัน…พี่...”
“พี่บอกผมว่าพี่ไม่อยากเห็นผมที่บริษัท พี่ทำเหมือนสิ่งที่ผมพยายามอยู่เป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ แต่พอไม่มีสายตาของคนอื่น พี่ทำเหมือนผมมีโอกาส...” เสียงของร่างสูงสั่นเครือ ทินกรยกมือขึ้นนวดขมับ พยายามสงบสติอารมณ์ที่เป็นดั่งพายุที่กำลังก่อตัว “ผม...วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ...ขอโทษนะครับ”
“ซัน..เดี๋ยว...”
ภรัณยูมองคนที่หมุนตัวกลับขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ชั้นบนด้วยความว้าวุ่นใจ หากเป็นคนอื่น ร่างโปร่งคงกลับไปตั้งหลักที่ห้อง ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาส่วนตัว
แต่ทินกรไม่เหมือนคนอื่น
ทินกร...ไม่เหมือนใครที่เขาเคยพบเจอ
“ซัน…พี่เองนะ...”
รู้ตัวอีกที ภรัณยูก็มายืนอยู่หน้าห้องนอนของเด็กหนุ่มเสียแล้ว
ภายในห้องไม่มีเสียงตอบกลับมา ภรัณยูเม้มปากแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์หลักที่ตนมาหาอีกฝ่ายในวันนี้
“เรื่องที่บริษัท พี่ขอโทษ”
“…” ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่เขาต้องการจะขอโทษ แต่เสียงฝีเท้าที่มาหยุดอยู่อีกฟากของประตูทำให้เชายหนุ่มรู้สึกใจชื้นขึ้น
“พี่…กลับก่อนนะ”
“กลับดีๆนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในที่สุด ภรัณยูอมยิ้ม เด็กอะไร โกรธเขาอยู่แท้ๆยังจะเป็นห่วงเขาอีก
คืนนั้น ภรัณยูนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ของตนสลับกับนาฬิกาที่อยู่มุมบนของจอ ปกติทินกรจะโทรมาช่วงสี่ทุ่มกว่าๆ ขณะนี้เพิ่งเลยสามทุ่มครึ่งมาเล็กน้อย อีกฝ่ายจะยังไม่โทรมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ชายหนุ่มกดเข้าไปที่รายชื่อสมุดโทรศัพท์ ชื่อของทินกรที่เจ้าตัวเป็นคนบันทึกเองเด่นหราอยู่ในรายชื่อที่เขาโทรบ่อย แต่ไม่มีซักครั้งที่ภรัณยูจะโทรไปหาอีกฝ่ายหากไม่มีธุระอะไร
ร่างโปร่งจ้องมองตัวเลขทั้งสิบตัวภายใต้ชื่อนั้นจนสามารถท่องได้ขึ้นใจ แววตาของภรัณยูเต็มไปด้วยความลังเล แต่นิ้วเรียวก็ตัดสินใจกดโทรออกในที่สุด
“พี่ภัทร?มีอะไรรึเปล่าครับ?พี่ภัทรเป็นอะไรรึเปล่า?”
เสียงปลายสายฟังดูดีขึ้นกว่าที่เขาได้ยินล่าสุดแม้จะเจือไปด้วยความกังวลที่ภรัณยูโทรมาในเวลาแบบนี้
“เปล่า...” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ ทำให้เขาถึงไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างทินกรบ้างนะ “...พี่แค่โทรมาราตรีสวัสดิ์”
“….”
ปลายสายนิ่งไปอีกครั้ง ภรัณยูไม่รู้ว่าทินกรช็อกตาค้างกับคำพูดเมื่อครู่ของเขาไปหรือยัง
“ฝันดีนะครับพี่ภัทร” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสในที่สุด
แน่นอน...คืนนั้นเขานอนหลับฝันดีเช่นเดียวกับทุกคืนที่เด็กหนุ่มโทรมากล่าวราตรีสวัสดิ์
------
กำลังจะตายในดงข้อสอบ