Telephone #Call123456
โทรครั้งพิเศษ 1
ในช่วงเรียน เอิ้นไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะความทรงจำช่วงมัธยมทำร้ายเขาจนเกินไป เอิ้นปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมผูกมิตรใหม่ๆ กลายเป็นคนเก็บตัว และสุดท้ายก็ถูกเพื่อนๆ หมางเมิน ทำราวกับเอิ้นไม่มีตัวตนอยู่ในรุ่น
แต่ไม่ใช่กับทุกคน
ตะวันเป็นคนที่เอิ้นเปิดใจให้ แม้ไม่ได้มากมาย แต่ก็มากพอที่จะเข้าใจเอิ้น เขาเป็นคนที่เอิ้นพึ่งพาในเรื่องของการเรียน นอกเหนือจากนั้น เอิ้นไม่ค่อยพูดคุยด้วยเท่าไหร่ ซึ่งตะวันก็ไม่ได้เซ้าซี้ ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังแลกที่อยู่และเบอร์โทรติดต่อกันเมื่อเรียนจบปริญญาตรี
ตะวันไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ ส่วนเอิ้นเลือกเรียนต่อที่ไทย
พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกัน และเอิ้นคงจะลืมไปแล้ว ถ้าหากตะวันไม่ได้ส่งโปสการ์ดมา พร้อมกับข้อความบอกว่าเขากำลังจะกลับมาไทย
แม้ตอนเรียนจะไม่ได้สนิทสนมกันมากขนาดนั้น แต่พอรู้ว่าเพื่อนเก่ากำลังจะกลับมาจากที่แสนไกล เอิ้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้
เขาติดต่อทางเบอร์โทรที่ตะวันแนบมาให้ เพราะเกรงว่าตอนที่โปสการ์ดถึงมือเอิ้นแล้ว ตะวันก็คงถึงไทยพอดี
ไม่มีประโยชน์ที่จะส่งโปสการ์ดหรือจดหมายกลับไปยังประเทศอังกฤษ
เอิ้นต่อสายสักพัก ก็มีคนรับสาย ตามคาด ตะวันมาถึงไทยแล้ว
พวกเขานัดแนะตกลงว่าจะพบกัน ฉลองในโอกาสที่ไม่เจอกันเสียนาน
เมื่อนัดแนะกันเสร็จสรรพ จากนั้นเอิ้นก็ติดต่อบอกกับโชนว่าจะไปพบเพื่อน
“เพื่อนคุณเอิ้น?”
“อื้อ สมัยมหาลัยน่ะ ไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็คุยด้วยเยอะที่สุดแล้ว”
“อ้อ ให้ผมไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร โชนน่าจะติดเรียน ผมให้ลุงวีไปส่งก็ได้”
“ถ้างั้นให้ผมไปรับนะครับ”
“อื้ม”
โชนเรียนปีสี่แล้ว ปีสุดท้ายของมหาลัยล้วนหนักหน่วงทั้งเนื้อหาการสอบ ทั้งโปรเจคจบ เอิ้นไม่อยากรบกวนโชน เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาก็ได้พบกันทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แถมยังได้โทรคุยกันทุกวันอีกต่างหาก สมัยนี้การติดต่อหากันง่ายขึ้นแล้ว เกิดเป็นความสะดวกสบายให้ทั้งคู่และผู้คนอื่น
เวลาผันผ่าน เด็กหนุ่มเรียนรู้ที่จะค่อยๆ เติบโตเป็นชายหนุ่ม โชนใจเย็นมากขึ้น พยายามใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใส่ใจบริบทรอบข้างมากกว่าเดิม
เขาคงใจเย็นสุขุมได้ต่อไป ถ้าหากไม่เห็นว่าเอิ้นและเพื่อนคนนั้นกำลังหัวร่อต่อกระซิกกันในร้านอาหารหรู
โชนมารับเอิ้นถึงที่เมื่อถึงเวลานัด ทว่าโทรไปแล้วเอิ้นไม่รับสาย เขาคิดว่าเอิ้นคงปิดเสียงและยังติดธุระอยู่ ทีแรกชายหนุ่มตั้งใจจะรออยู่ในรถ แต่พอเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ความใจเย็นของโชนก็พังทลายลง เขาทั้งเป็นห่วงเอิ้นรวมถึงหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ตรงเวลา เดินลงจากรถ ออกตามหาเอิ้นในภัตตาคารหรู
จนมาเห็นภาพนี้
ที่ผ่านมาเอิ้นไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครนอกจากป้าภาและลุงรวี โชนจึงไม่เคยเห็นเอิ้นคุยกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก ภาพต่อหน้าโชนในยามนี้ นับว่าทำให้ใจเขาปะทุเดือดดาล จิตใจที่เคยเยือกเย็นสงบมาได้หลายปีป่นปี้ไม่เป็นท่า
เอิ้นไม่เคยยิ้มให้ใคร โชนเห็นเอิ้นยิ้มให้กับเขาคนเดียวมาตลอด
เอิ้นแทบไม่คุยกับใครนานๆ โชนเห็นเอิ้นคุยกับเขาเพียงคนดียวมาตลอด
คนขี้หึงที่ไม่เคยหึงมาก่อน คราวนี้โมโหหึงจนเลือดขึ้นหน้า
ถึงอย่างนั้น โชนก็ไม่ได้ไร้มารยาทถึงขั้นอาละวาด แม้ในใจเขาจะจินตนาการภาพตนเองคว่ำโต๊ะอาหารใส่เพื่อนของเอิ้นไปแล้วก็ตาม เขาเพียงเดินเข้าไปหาเอิ้น เอ่ยเสียงเย็น
“คุณเอิ้น ได้เวลากลับบ้านแล้วครับ”
“โชน? มาตอนไหนเนี่ย”
เอิ้นส่งยิ้มให้คนรัก ทว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะสบตา หน้าตาบึ้งตึงของโชนทำให้เอิ้นหุบยิ้ม แววตาของโชนไม้ได้มองมาที่เขา แต่มองไปยังคนที่เอิ้นอ้างว่าเป็นเพื่อน
“มีอะไรหรือโชน อ้อ นี่เพื่อนผม ชื่อตะวัน”
ตะวันเป็นชายหนุ่มตัวสูง ตัดผมสั้น สวมแว่นตา ท่าทางดูดีมีภูมิฐาน ผิวพรรณขาวสะอาดหมดจด แบบที่ดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลอบรมอย่างดี แตกต่างจากโชนที่ผิวคล้ำกรำแดด แถมท่าทางดาดๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย โชนเห็นแบบนี้ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้ คิดว่าอีกฝ่ายเหมาะสมกับเอิ้นในหลายๆ อย่างมากกว่าตนจนน่าหงุดหงิด
โชนเอ่ยสวัสดีอย่างขอไปทีและพยักหน้าให้ตะวันส่งๆ หันมาบอกเอิ้น “กลับกันได้แล้วครับ”
“เอ๊ะ แต่ผมยัง...” เอิ้นลังเล เขากับตะวันยังคุยกันไม่จบเลย แต่เพราะใบหน้าถมึงทึงของโชนทำให้เอิ้นเลือกที่จะเงียบ เหลือบมองตะวันด้วยสายตาขอโทษ ตะวันส่งยิ้มกลับมา คล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร
“ถ้างั้นคิดเงินเลยไหมครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“เอ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกตะวัน แชร์กันเถอะ”
“ไม่เป็นไรๆ เอิ้นรีบกลับเถอะ ไว้คราวหน้าค่อยนัดใหม่”
“อ่า งั้นคราวหน้าให้ผมเลี้ยงตะวันนะ”
“ได้ครับ”
เอิ้นส่งยิ้มให้ตะวัน เอ่ยขอโทษและขอตัวจากไปหาโชนที่เดินนำไปก่อนแล้ว เอิ้นพยายามวิ่งตามคนรักที่หน้าตาบูดบึ้ง โดยที่เอิ้นก็ไม่เข้าใจว่าโชนโกรธเขาเรื่องอะไร
“โชน เป็นอะไรรึเปล่า” ทันทีที่มาถึงตัว เอิ้นก็เอ่ยถาม
โชนไม่ตอบ เดินพาเอิ้นไปยังที่จอดรถ เอิ้นยอมเข้ารถแต่โดยดี
รถนี้เป็นรถของเอิ้นที่ไม่ได้ใช้ จึงเอามาให้โชนยืม แน่นอนว่าทีแรกโชนปฏิเสธแทบตาย แต่สุดท้ายเอิ้นก็อ้างเหตุผลว่าให้ใช้เผื่อขับมารับเขาไปเที่ยวสักวัน ลุงวีในตอนนี้อายุเยอะมากแล้ว เอิ้นไม่อยากรบกวนให้ออกมารับเอิ้นตอนติดธุระยามดึกๆ ดื่นๆ อีก โชนได้ยินดังนั้นถึงได้ยอมเอารถหรูมาใช้
โชนขับรถเป็นตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัย เพราะเขาต้องช่วยลุงกับป้าทำงานที่ร้านขายของ เป็นเหตุให้บางครั้งเด็กหนุ่มต้องขับรถไปส่งของบ่อยๆ โดยที่คนฝึกให้โชนขับรถเป็นก็คือคุณลุงของเขาเอง
เมื่อประตูรถปิดลง คนชำนาญการขับรถก็ตะบึงออกไปด้วยความเร็วจนเอิ้นร้องท้วงเสียงดัง
“โชน ขับเร็วเกินไปแล้ว!”
“...”
“เป็นอะไรไป บอกผมได้มั้ย โกรธอะไรหรือ”
เอิ้นลดเสียงของตัวเอง พยายามเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างใจเย็น กลัวว่าอารมณ์ร้อนของโชนในตอนนี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุเข้า
“ไม่เห็นรู้เลยว่าคุณเอิ้นมีเพื่อนที่สนิทกันขนาดนี้” ในที่สุด โชนก็ยอมเปิดปาก
“...ตะวันเป็นคนเดียวในมหาลัยที่ผมสนิทด้วย จริงๆ ก็ไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้น แต่เพราะไม่ได้เจอกันนาน เลยมีเรื่องให้คุยเยอะเฉยๆ”
“ดูท่าจะเยอะมากเสียจนลืมเวลานัดนะครับ”
“เรื่องนั้น...ผมขอโทษ”
โชนไม่ตอบ ตั้งหน้าขับรถต่อไป แต่ลดความเร็วลงสู่ความเร็วปกติ
ในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบที่ดังสงัด เอิ้นเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“โชน...หึงเหรอ?”
คนหึงไม่ตอบอะไร แต่ใบหน้าสีเข้มของโชนขึ้นสี ออกมาเป็นภาพประหลาดจนเอิ้นอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“คุณเอิ้น ผมโกรธอยู่นะ”
“ฮะๆๆ ไม่คิดว่าโชนจะหึงนะ”
“ที่ผ่านมาคุณเอิ้นคุยกับใครที่ไหนเล่า แถมกับคนนี้ดูคุยกันสนุกสนานออกหน้าขนาดนี้ คุยเพลินจนลืมผมเลยนะ”
โชนร้องแย้ง ในขณะที่ติดไฟแดง เขาหันหน้ามาเอ่ยข้อแก้ตัวให้ตัวเอง
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เจอกันนานเฉยๆ”
“แต่ผมไม่ชอบนี่”
“โถ่ โชน~ ตะวันเป็นเพื่อนเพียงไม่กี่คนของผมนะ”
“เนี่ย เรียกกันตะวัน ไอ้หมอนั่นก็เรียกคุณเอิ้นว่าเอิ้น ทีผมขอเรียกคุณเอิ้นว่าพี่ยังไม่ได้เลย”
เอิ้นหัวเราะร่า ขำกว่าเดิมเมื่อรู้เหตุผลเด็กๆ ของโชน
“คุณเอิ้น ผมจริงจังนะ”
“ถ้างั้นโชนเรียกผมว่าเอิ้น ดีไหม”
“ทำไมไม่ให้เรียกพี่ล่ะครับ”
“...” จะให้ตอบยังไงดี โชนดื้อรั้นและมักจะเรียกเอิ้นว่าพี่เอิ้นเฉพาะตอนที่พวกเขาร่วมรักกัน กี่ครั้งกี่ทีที่โชนเรียกเขาว่าพี่เอิ้น เอิ้นก็จะนึกถึงช่วงเวลาน่าอายนั่นทุกที
“เรียกเอิ้นนั่นแหละ ไม่ดีหรือ” เอิ้นไม่กล้าบอกเหตุผล แม้โชนจะสงสัย แต่ก็ไม่วอแว ยอมทำตามที่เอิ้นบอกอยู่ดี
“ครับ เอิ้นก็เอิ้น”
“ครับ โชน”
“คราวหน้าถ้านัดตะวันอะไรนั่นอีก ให้ผมไปด้วยนะ”
“เอ๋”
“ผมไม่ยอมให้เอิ้นอยู่กับหมอนั่นแค่สองต่อสองหรอก สายตาของตะวันนั่นไม่ใช่สายตาที่ดีเลย ผมรู้”
“โชนคิดมากแล้ว”
โชนถอนหายใจ เอิ้นต่างหากที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย สายตาที่ตะวันมองเอิ้น ไม่ได้คิดบริสุทธิ์แน่ๆ ก็คุณเอิ้นน่ารักขนาดนี้ เขาไม่อยากให้เอิ้นต้องโดนไอ้หมอนี่มองด้วยสายตาที่มากกว่าเพื่อนมองกัน
เอิ้นน่ะ เขามองได้แค่คนเดียวก็พอ
วันนัดหมายของเอิ้นกับตะวันครั้งต่อมามาใกล้กว่าที่คิด โชนติดเรียนภาคบ่ายทำให้ไม่สามารถไปพร้อมกับเอิ้นได้ ชายหนุ่มเพียงส่งเอิ้นที่จุดนัดหมายที่เป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนขับไปเรียน
ตะวันมาถึงก่อนแล้ว ทั้งคู่นั่งคุยกันรออาหารมาถึง
“ผมว่าจะไปเรียนต่อเอกที่ออสเตรเลีย เอิ้นสนใจไหม”
“อืม...ป.เอกเหรอ”
“ใช่ครับ ตอนต่อป.โท ผมชวนเอิ้นไปอังกฤษด้วยกัน เอิ้นก็ไม่ไปนี่นา
“ฮะๆ ผมชอบอยู่ที่ไทยมากกว่านะ” เอิ้นยิ้ม บอกความจริง เขาไม่ได้อยากไปต่างประเทศ แม้ว่าถ้าเขาเอ่ยปากจะไป ครอบครัวเขาก็มีกำลังมากพอที่จะส่งเอิ้นเรียน ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
“แล้วป.เอกก็ไม่สนเหรอ ไปอยู่ต่างประเทศสนุกนะ ได้เปิดประสบการณ์ เห็นอะไรใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด”
“อืม...” เอิ้นครุ่นคิด เขาเคยไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยอยู่นาน เอิ้นไม่ชอบอากาศหนาว เพราะฉะนั้นเอิ้นจึงไม่ได้อยากไปอยู่แถบประเทศที่หนาวเกินไป
แต่ถ้าให้เลือกไปประเทศที่อากาศไม่หนาว เอิ้นในตอนนี้ก็ยังไม่มีความคิดจะไปอยู่ดี
เขานึกถึงหน้าโชน เจ้าหมาน้อยตัวโตจะต้องทำหน้าหงอยแน่ๆ ถ้าเขาจะไป
รวมถึงเขาเองก็คงเหงาสุดๆ ถ้าหากไม่ได้เจอโชน
“ผมว่าผมอยู่ไทยนี่แหละครับ” เอิ้นตอบตะวันด้วยรอยยิ้ม
ตะวันเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ พวกเขานั่งทานอาหารด้วยกันไปสักพัก ตะวันก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนอีกครั้ง
“ว่าแต่ ผมถามเอิ้นได้ไหม”
“เรื่องอะไรหรือ”
“เรื่อง...เด็กมหาลัยคนนั้น”
“อ้อ โชนทำไมหรือ”
ตะวันมีสีหน้าครุ่นคิด เกรงว่าคำถามของตนจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ถึงอย่างนั้นก็ต้องการคำตอบอยู่ดี
“เอิ้นคบกันเขาเหรอ...ผมหมายถึง คบแบบคนรัก”
เอิ้นยิ้ม นิ่งเงียบ พยักหน้ารับช้าๆ
“จริงหรือ แต่พวกคุณเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ”
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับผมหรอกครับ ผม...ชอบผู้ชายน่ะ”
“เอิ้นเป็น...ตุ๊ดเหรอ?”
“เปล่าหรอก...ทีแรกผมก็ไม่คิดจะนิยามตัวเองว่าอะไรเหมือนกัน แต่ถ้าสมัยนี้ล่ะก็ผมคงถูกเรียกว่าเกย์ล่ะมั้ง”
“ผมก็ว่า แต่ไหนแต่ไรมาเอิ้นก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนสาวประเภทสองที่ผมเคยเจอเลย”
“แล้วถ้าผมเป็นตุ๊ด ตะวันจะว่าไงหรือ”
“...ผมก็...ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ แค่คง...”
“รู้สึกแปลกๆ เหรอ”
“อืม คงจะเป็นอย่างนั้น”
“ถ้างั้นตอนนี้รู้สึกแปลกๆ ไหม”
“...”
“ถ้าอึดอัดก็บอกได้นะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก”
“เปล่า ไม่ใช่เลย กลับกันเลย”
“หืม”
ตะวันมีท่าทีอึกอัก ไม่รู้ว่าความคิดในหัวของตนควรถูกส่งออกมาเป็นคำพูดดีไหม
“ผมว่าเอิ้นน่ารัก”
แต่สุดท้ายเขาก็เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงจางๆ ชายหนุ่มดันแว่นตาตัวเองอย่างประหม่า คล้ายไม่แน่ใจว่าตนสมควรพูดออกไปไหม
ตะวันคิดว่าตนไม่ได้สนใจเพศเดียวกันรวมถึงไม่เคยสนใจเอิ้นมาก่อน แต่พอครั้งนี้ได้กลับมาคุยกันแล้วจิตใจของชายหนุ่มกลับหวั่นไหว เก็บเอาหน้าเอิ้นไปฝันถึงตั้งแต่คืนแรกที่ได้เจอ จากที่คิดว่าคงรู้สึกแปลกๆ กลับแปรเป็นความรู้สึกตัวเองต่างหากที่แปลก
“ตะวันหมายถึงอะไรเหรอ”
“ผมหมายถึง...ผมคิดว่าเอิ้นน่ารักขึ้น จริงๆ ผมคิดว่าเอิ้นหน้าหวานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ครั้งนี้พอได้เจอ ความรู้สึกผมเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไป อย่างไรหรือ...”
“ผมว่าผมอยากทำความรู้จักเอิ้นมากกว่านี้น่ะ ผมชอ...”
“เอิ้นครับ”
ก่อนที่คำสารภาพจะถูกบอกออกมา ตะวันถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเอิ้นจากคนที่เพิ่งพูดถึงไปเมื่อครู่นี้
“อ้าว โชน...เลิกเรียนแล้วหรือ”
“อ่า ครับ อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาน่ะ”
โชนโกหก เขาโดดเรียนมาต่างหาก เพราะตนไม่ไว้ใจตะวัน ดังนั้นหลังจากที่ส่งเอิ้นที่ร้านอาหารแล้ว ตนก็ขับอ้อมรอบหนึ่ง ก่อนนำรถมาจอด และแอบเฝ้ามองเอิ้นอยู่ไกลๆ
จนเห็นท่าทีไม่น่าไว้ใจ จึงรีบเดินออกมาจากที่ซ่อน ขัดจังหวะคนที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อน
โชนส่งสายตามองตะวัน แววตาแข็งกร้าวคล้ายจะบอกอีกฝ่ายว่าตนเป็นเจ้าของเอิ้น ดังนั้นอย่าได้มายุ่งกับคนของเขา
ตะวันยกยิ้ม รู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์ในตัวเอิ้นแล้ว
ก่อนหน้านี้ ก็แค่อยากจะลองบอกความรู้สึกในใจดู เผื่อว่าจะมีโอกาสที่เอิ้นจะเปลี่ยนใจหันมามองเขา เขาที่ดูเหมาะสมกับเอิ้นมากกว่าโชน
แต่จากสายตาของเอิ้นที่มองโชนนั้น ก็ทำให้ตะวันเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คุยต่อได้เลยไม่ต้องสนใจผม”
โชนยกยิ้มให้อีกฝ่าย พร้อมกับนั่งลงข้างเอิ้นอย่างถือวิสาสะ
ดูสิ ไอ้เด็กนี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย และคงจะไม่ได้มีฐานะอะไรมากมายแน่ เขาเหมาะกับเอิ้นมากกว่าเป็นไหนๆ ตะวันมองหน้าโชนพร้อมนึกคิด
แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อทั้งใจของเอิ้นไม่ได้มีการเปรียบเทียบถึงลักษณะภายนอก
ไม่ได้สนใจว่าใครจะดีกว่าใคร
สำหรับเอิ้นแล้ว โชนเป็นคนที่ไม่ว่าใครก็แทนที่ไม่ได้
ตะวันเองก็รับรู้แล้ว จึงไมได้ต่อบทสนทนาแสนสำคัญที่ขาดหายไป เขาเริ่มบทสนทนาใหม่ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหัวใจอีก อย่างน้อยเขาก็ยังได้เป็นเพื่อนของเอิ้นเท่านั้นก็พอ
พวกเขาคุยกันไประหว่างทานอาหาร โดยมีโชนคอยแทรกบทสทนาอยู่บ่อยๆ
หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้าน
เอิ้นก็โดนโชนฟัดจนพรุน ข้อหาน่ารักพร่ำเพรื่อ
ร่างสูงกว่าจัดการเอิ้นโยนลงเตียงนุ่ม
โดยไม่เปิดโอกาสให้เอิ้นแก้ตัวใดๆ…
___________________________________
นิดๆ หน่อยๆ พอให้หายคิดถึงงง
#Call123456