——Telephone #call123456—————— แจ้งข่าวรวมเล่ม |7.7.2019| p.7 (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——Telephone #call123456—————— แจ้งข่าวรวมเล่ม |7.7.2019| p.7 (END)  (อ่าน 49991 ครั้ง)

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆    [F i n i s h e d ]
  ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀    [ F i n i s h e d ]
  ※ MR.GREY ※     [ F i n i s h e d ]
  ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦     [ F i n i s h e d ]
❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄      [ F i n i s h e d ]
❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์     [ F i n i s h e d ]



[เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::     [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า    [ F i n i s h e d ]
  [เรื่องสั้น] ◎ #มนุษย์โอ่ง ◎    [ F i n i s h e d ]
  [เรื่องสั้น] ✧ #แมวเองนักเลงพอ ✧    [ F i n i s h e d ]



——————————





Call 0



“มึงแพ้อ่ะ โทรเลย”


“เชี่ย เอาจริงเหรอวะ”


“เออ เร็วดิ อย่าเล่นตัว”


“แต่เบอร์นี้เนี่ยนะ”


“บอกว่าเอาพิซซ่าหน้าซีฟู้ดนะ”


“เค้าก็รู้หมดดิว่าแกล้ง ใครมันจะบ้าสั่งพิซซ่าเบอร์ 0xx-123-456 วะ”


“เออ ก็แกล้งไง โทรเร็วๆ”


โชนเบ้หน้า แต่เพราะเป็นผู้แพ้ตามข้อตกลงของกลุ่มเพื่อนๆ ทำให้เขาต้องยอมโดนลงโทษตามกติกา โดยบทลงโทษครั้งนี้คือการให้โทรไปเบอร์แปลกหน้า เพื่อสั่งพิซซ่า


เป็นเวลาเย็นยามเลิกเรียนของเด็กมัธยม วันนี้พวกเขาเลิกเรียนหลังกริ่งโรงเรียนดังไปเป็นชั่วโมง


เด็กเกเรบ่นอุบที่ต้องมานั่งเรียนเลยเวลา ขณะนี้สนามบอลของพวกเขาถูกพวกนักเรียนชั้นปีอื่นแย่งชิงไปเสียแล้ว


สุดท้ายพวกเขาก็ลงมติไปจบกันที่ร้านเกมตู้หยอดเหรียญแห่งหนึ่งใกล้ๆ โรงเรียน เด็กๆ เตรียมสอบดูไม่มีทีท่ากังวลกับเรื่องเตรียมเข้ามหาลัยเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาตั้งใจจะไปหางานทำทันทีหลงจบการศึกษา มีเพียงโชนกับเพื่อนอีกสองสามคนเท่านั้นที่ตั้งใจจะเรียนต่อ


แต่ถึงอย่างนั้นก็อดใจไม่ได้ที่จะผ่อนคลายจากสิ่งบันเทิง ก่อนจะต้องไปอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำหลังกลับบ้าน


ตู้เกมเครื่องหนึ่งถูกเลือกมาเล่น โดยมีเด็กนักเรียนทั้งหมดเกือบสิบชีวิตได้มุงล้อมรอบคนเล่น ทั้งกลุ่มผลัดกันเล่นตามกติกาผู้แพ้ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่น จนสุดท้ายก็ได้ผู้ชนะ


และโชนได้เป็นที่โหล่


บทลงโทษผู้แพ้เป็นการละเล่นขำๆ ของวัยมัธยม ทว่าคงไม่ดีต่อคนที่ถูกรบกวนนัก ทำให้โชนขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยอมหย่อนเหรียญบาทลงตู้โทรศัพท์ พร้อมกับกดเลขหมายปลายทาง


เสียงสัญญาณดังขึ้น


“...เชี่ย โทรติดด้วยว่ะ! แป๊บนะ...เอ่อ ฮัลโหล...”


เด็กๆ ต่างชะเง้อรอฟังเสียงปลายสาย ทว่าไม่ได้ยินเสียงใดเลย มีเพียงโชนตอบรับปลายสายไม่กี่คำก่อนวางสายไป แววตาของโชนหลังสางสายวูบไหว เค้าจ้องมองตู้โทรศัพท์ด้วยความรู้สึกประหลาด ก่อนจะมีเสียงเพื่อนเรียกดึงสติ


“เค้าว่าไงวะมึง”


“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”


“ผู้ชาย...” โชนตอบ


“เขาด่าป่ะ หรือว่าไง”


“เขาบอกว่า โทรมาอีกก็ได้นะ...”


“แล้วไงอีก”


“ไม่ไง มีแค่นี้”


“เขาไม่โกรธเหรอที่มึงไปสั่งพิซซ่า”


“ไม่นะ แต่เสียงเขาดูเหงาๆ เศร้าๆ มากกว่า”


“คงเป็นพวกคนรวยที่ชีวิตว่างๆ ล่ะมั้ง”


“เบอร์สวยขนาดนี้คงเป็นเศรษฐีประมูลมา”


“งั้นมั้ง”


“ช่างมันเถอะ เย็นนี้ไปเที่ยวกัน”


จบเรื่องเกเร เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่พากันเกาะกลุ่มไปเฮโลกันที่อื่น และเรื่องราวในวันนี้จะกลายเป็นเพียงความทรงจำขำขันของวัยรุ่นวัยซน ทว่าไม่ใช่กับคนรับสาย...


ฝ่ายคนรับสายที่เป็นฝ่ายถูกโทรแกล้งนั้นได้แต่ยืนยิ้มกับปลายสาย


“ใครโทรมาหรือคะคุณหนู”


“เปล่าหรอก โทรผิดน่ะ”


“แปลกจริง ปกติไม่ค่อยมีคนโทรผิดมานะคะ ต้องแกล้งกันแน่เลย”


“นั่นสิครับ”


คนหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตอบรับ เขารู้ว่าถูกแกล้งแน่แท้ แต่ช่างปะไร ในเมื่อเขาไม่ได้คุยกับคนแปลกหน้ามานาน และช่วยไม่ได้ที่น้ำเสียงปลายสายนั้นกลับดูหวั่นๆ ไม่ได้คิดจะแกล้งเขาจริงจัง ทำให้เขาเผลออมยิ้มไปกับการกลั่นแกล้งครั้งนี้



และได้แต่หวังว่าสักวันพวกเขาน่าจะได้คุยกันอีก




——————————




เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งในทวิตแล้วลองรวบรวมมาเป็นเรื่องยาวดูค่ะ

อาจจะตัดตอน หรือจังหวะเร็วแปลกๆ ก็ขออภัยด้วย

ฝาก #call123456 ด้วยน้า  :L1:



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2019 14:43:16 โดย Raccool »

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Call 1


ทว่าหลังจากนั้น โชนก็ไม่เคยโทรไปเบอร์นั้นอีกเลย...เรื่องราวผ่านมาเป็นปี จากมัธยมเข้าสู่มหาลัย ความทรงจำเก่าเลือนรางใกล้จางหาย เรื่องราวเมื่อคราวนั้นกำลังจะกลายไปเป็นความทรงจำวัยทโมนอย่างแท้จริง เขาคงลืมเรื่องนี้ไปในที่สุด ถ้าหากเขาไม่ได้พบกับใครคนหนึ่งในสถานบันเทิง


ฉับพลันที่สบตา ดวงตาของอีกฝ่ายไร้ประกายใดในแววตา ดวงตาทอดมองบรรยากาศอย่างเอื่อยเฉื่อย ราวกับว่าโลกนี้ตนอยู่เพียงลำพัง


ความทรงจำที่หายไปนานถูกกระชากกลับมา เขาได้ยินเสียงหงอยเหงาส่งมาจากปีที่แล้ว


'ไม่เป็นไรครับ...ไว้โทรมาอีกก็ได้นะ' 


...มองตู้โทรศัพท์อีกครั้ง


Call 2


หลังจากนั้น เวลาผ่านมาร่วมปี กลับไม่มีใครโทรมาอีกเลย ภายในบ้านหลังใหญ่เขาเฝ้ารอวันแล้ววันเล่าให้คนแปลกหน้าหลงโทรมาอีกครั้ง ชีวิตที่ไร้เสียงพูดคุยเงียบเหงาเกินไป และน่ากลัวเกินไปหากจะออกไปค้นหาเสียงในโลกภายนอก


ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ใครมันจะบ้าโทรกลับมาอีก เรื่องราวในวันนั้นก็แค่พวกเด็กเล่นกันขำๆ เขาไม่น่าไปจริงจังกับมันเลย
เสียแต่ทำอย่างไรก็ไม่เคยห้ามใจไม่ให้มองโทรศัพท์ได้สักที


กระทั่งสิ้นสุดการรอคอย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หัวใจเขากระตุก


ทันทีที่รับสาย เขาจำน้ำเสียงนั้นได้ดี


น้ำเสียงที่เคยมาเยือนความหงอยเหงาของเขาเมื่อปีก่อน


'สวัสดีครับ'


 --


"สวัสดีครับ"


ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง จนอีกฝั่งได้ยินเสียงเขย่าเหรียญในมือดังกรุ๊งกริ๊ง และคนโทรมาก็ไม่ปล่อยให้โทรศัพท์กลายเป็นสายร้างอีก เขาเอ่ย


“ผม...เคยโทรหาคุณเมื่อปีที่แล้ว”


คนเคยโดนแกล้งยิ้มรับ ระลึกหวนถึงอดีตที่จดจำไม่ได้ไม่ลืม ไม่มีคนสติดีมาสั่งพิซซ่าในเบอร์นี้หรอก นอกเสียจากเป็นการกลั่นแกล้งกันของเด็กๆ


“คุณที่จะสั่งพิซซ่า” เขากรอกน้ำเสียงนุ่มตอบรับ


 “ครับ...ตอนนั้นขอโทษด้วย คือ-”


“ผมดีใจที่คุณโทรมาอีกนะ...”


“...”


โชนชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งสองฝ่ายพูดระลึกถึงความหลังกันนิดหน่อย เป็นโชนที่เอ่ยอธิบายออกมาว่าเขาเห็นใครบางคนแล้วนึกถึงปลายสายของเบอร์โทรนี้ จดจำได้ถึงประโยคที่บอกว่าให้โทรมาหาใหม่ได้ จึงลองโทรมาดู


เจ้าของเบอร์สวยยิ้มรับ เอ่ยยินดีให้โชนโทรมาหา


น้ำเสียงของคนโทรมาบอกเล่าเรื่องราวตลอดปีให้ฟัง จนกระทั่งเหรียญสุดท้ายถูกหยอดลงตู้โทรศัพท์ อีกฝ่ายบอกว่าไม่นานก็ต้องวางแล้ว น่ายินดีที่เขาโทรมาอีกครั้ง  ทว่าก็น่าเสียใจที่เขาโทรมาเพราะเห็นใครคนหนึ่งแล้วคิดถึงกัน


อย่างไรก็ตาม


เขากรอกเสียงลงไปก่อนสัญญาณจะถูกตัด


"ไว้โทรมาอีกนะ"


Call 3


โชนยังคงโทรหาอีกฝ่ายในวันศุกร์ต่อมา


“ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากคุยกับคุณอีก”


“มันสบายใจแปลกๆ”


“ไม่รู้คุณคิดเหมือนกันไหม”


“ขอผมโทรหาอีกบ่อยๆ นะ”


 อีกฝ่ายรับฟัง แล้วตอบกลับ


“คงเพราะเราต่างเป็นคนแปลกหน้า”


“คุณคงสบายใจเพราะผมไม่มีวันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง”


“แต่ผมก็ชอบให้คุณเล่าเรื่องของคุณให้ฟังนะ”


“ผมอยากจะขอให้คุณโทรมาอีกบ่อยๆ เช่นกัน”


โชนรับคำ เขาโทรไปหาคนแปลกหน้าอีกบ่อยครั้งตามคำขอ เขาเล่าเรื่องหญิงสาวที่บังเอิญเจอในย่านแสงสีให้อีกฝ่ายฟังเพราะเพื่อนที่มหาลัยของเขาหาว่าเล่นของสูง หัวเราะขำขันเขาที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ ทำเพียงแค่นั่งอยู่หน้าบาร์เฉยๆ เท่านั้น


เจ้าหล่อนแต่งตัวสวยสดไฉไลเสมอ เครื่องประดับดูหรูหราราคาแพง ดูมีเสน่ห์เย้ายวนให้เข้าหา มีรถมารับส่งทุกวัน โฉมงามไม่งามเพียงรูป แต่ยังมีสิ่งของรอบกายบ่งบอกถึงชนชั้นและฐานะ หลงรักเธอไปก็ไม่ต่างจากหมาเห่าเครื่องบิน


เมื่อพรรณนาพร่ำเพ้อถึงเธอให้กับเพื่อนรักไม่ได้ โชนเลยได้แต่เก็บความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวไปลงกับปลายสายแปลกหน้าแทน
คนแปลกหน้าชอบฟังเสียงของอีกฝ่าย มันทุ้มและนุ่มลึก ฟังแล้วพลิดเพลินไปกับเรื่องเล่าได้อย่างง่ายดาย โชนยังคงเล่าเรื่องของหญิงสาวที่เขาไปเจอมา เอ่ยถึงรายละเอียดทุกมุม ทุกเหตุการณ์ แม้นึกเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เป็นตัวเอกในเรื่องเล่า แต่ก็ขอบคุณคนแปลกหน้าที่โทรมาทำให้เขาไม่ต้องจมอยู่ในความเงียบ


ระหว่างที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสนั้น


จู่ๆ สัญญาณก็ตัด


Call 4


“ขอโทษ พอดีเหรียญหมด”


โชนแก้ตัวใหม่ในวันต่อมา อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ


“ให้ผมซื้อโทรศัพท์ให้คุณไหม เดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์มือถือแล้วนะคุณ”


พอถามออกไป เขาพลันรู้สึกตัวว่ามันคงพิลึก ที่จู่ๆ คนแปลกหน้าจะซื้อของแพงให้ เขาพยายามคิดหาข้อแก้ตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะสงสัย ทำนองว่าโทรศัพท์มือถือพกพาได้ง่ายและสะดวก สามารถส่งข้อความให้กันได้ด้วย ไม่ต้องลำบากออกไปหยอดตู้โทรศัพท์ตอนค่ำๆ มืดๆ


ทว่ากลับเสียงหัวเราะขำดังออกมาก่อน ตามด้วยถ้อยคำ


“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่มีตังจ่ายค่าโทรอยู่ดี”


 จบคำพูดของโชน เขาอยากบอกว่าจะออกค่าโทรให้ แต่คิดอีกทีก็แปลกอยู่ดี


จึงตอบกลับด้วยความเงียบ ลบความคิดตัวเองทิ้ง ปล่อยให้โชนเป็นฝ่ายเล่าเรื่องเหมือนเช่นทุกที


“ผมเรียนมหาลัย เลยอยู่หอน่ะคุณ” เขาเล่า


“กว่าจะหาตู้ที่ไม่ค่อยมีคนเจอ จะได้ไม่ต้องต่อแถว ก็เล่นห่างจากหอเป็นกิโล” เขาเล่า


“ต้องเดินออกมาไกลเลย” เขาเล่า


“มืดก็มืด ยุงก็เยอะอีก” เขาเล่า


“นาทีละตั้งบาท แพงเป็นบ้า” เขาเล่า


“แถมคุยได้ไม่นานก็ต้องกลับ เดี๋ยวเพื่อนสงสัย” เขาเล่า


“เนี่ย ผมพยายามเพื่อให้ได้มาคุยกับคุณเลยนะ” เขาเล่า


เขายิ้ม


นึกอยากขอบคุณด้วยการซื้อโทรศัพท์มือถือให้คนพยายามสักเครื่องอย่างใจจริง


Call 5


“ตอนนี้อยู่ร้านเกม” โชนบอกเล่า เขาปลีกตัวออกมาหลังจากที่เพื่อนๆ มุงตู้เกมมองเพื่อนอีกคนเล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาสังเกตเห็นตู้โทรศัพท์อยู่ข้างร้าน และนึกถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ช่วงนี้มักโทรไปหาบ่อยๆ เบอร์โทรที่ง่ายแสนง่ายต่อการจดจำ ตัวเลขเรียงกันสวยงามโดยไม่ต้องพึ่งสมุดจดเบอร์โทรด้วยซ้ำ


“อืม กำลังรอเพื่อนเล่นเกมอีกตา เสียไปเป็นร้อยแล้วมั้ง”


“ผมยังต้องให้มันยืมสิบบาทเลย”


“ออกมาโทรตู้ข้างๆ ร้านน่ะคุณ”



“เดี๋ยวต้องไปแล้ว คืนนี้คงไม่ได้โทรไปหานะ”


“วันศุกร์ทั้งทีก็ต้องไปเมาสิคุณ”


“คุณเองก็ออกไปผ่อนคลายบ้างล่ะ”


 จบสาย เขาคิดว่าวันนี้ควรออกไปเที่ยวบ้างเช่นกัน ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นั่งประจำ เดินไปยังตู้เสื้อผ้ารอง คืนนี้ตู้เสื้อผ้าประจำคงไม่ได้ออกโรง เมื่อเขาตั้งใจแต่งตัวในชุดพิเศษ เพื่อไปดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนด้วยตัวคนเดียว


เขาได้ทำตามความต้องการอย่างสมใจ


โชนโทรมาหาเขาใหม่ในวันศุกร์ต่อมา


“วันก่อนผมเจอเธอด้วยล่ะ”


ประเดิมด้วยเรื่องหญิงสาวเป็นหัวข้อหลักในการสนทนาครั้งนี้


“คนอะไรสวยเป็นบ้า”


เขารับฟัง


“เสียดายหยิ่ง ไม่พูดกับใครเลย”


น้ำเสียงปลายสายทุ้มต่ำทว่ามีพลัง เหมือนผู้ชายวัยรุ่นกำลังคึกคะนอง สดใส เต็มไปด้วยพลังงาน


“ได้แต่หวังว่าถ้าผมเข้าไปทักแล้วเธอจะพูดด้วยนะ”


“คุณว่าผมพอจะมีหวังไหม”


เขาสะดุ้งเมื่อถูกโยนคำถามมาให้... ความจริงคือ ชายหนุ่มแทบไม่ออกจากบ้านไปพบปะใคร หรือต่อให้ออกไปไหน เขาก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครจึงให้คำแนะนำได้ไม่มาก ในใจเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียใจนับร้อยครั้งที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่คิดแล้วคงประหลาดน่าดู หากอีกฝ่ายจะมาพร่ำเพ้อถึงผู้ชายด้วยกัน...


Call 6


“จะว่าไปคุณอยู่จังหวัดOOใช่ไหม”


“รู้ได้ยังไง”


“รู้จากรหัสโทรศัพท์คุณน่ะ”


“อ้อ...”


“คุณอยู่ใกล้ตึกXXไหม”


“ทำไมหรือ”


“ผมมีบางอย่างอยากจะให้คุณ สะดวกมาเจอไหม”


 “ไม่”


ปลายสายตอบกลับแทบทันที ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรืออะไร เขาสะดวกใจที่จะคุยกันเช่นนี้มากกว่าไปพบเจอหน้า ทว่าการปฏิเสธแบบตรงๆ เช่นนี้ เขากลัวว่าปลายสายจะคิดมาก แต่คนชวนไม่ได้เซ้าซี้ แต่บอกส่งท้ายเพียง


“พรุ่งนี้ผมจะเอาของไปใส่ไว้ที่ช่องกำแพงที่หกตรงตึกXX นะ”


“เอ๊ะ?”


เขาตอบกลับได้เพียงเสียงสงสัย ปลายสายเอ่ยถึงสถานที่นั้นอย่างละเอียดอีกเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดถึงมันอีก โชนเล่าเรื่องราววันนี้ให้ฟังอีกสองสามเรื่องก่อนวางสายไป และมันน่าเสียดายที่เขารู้จักตึกที่โชนว่านั่นดี เหตุเพราะบ้านเขาเองก็ไม่ได้ไกลจากจุดนัดพบนัก


เขาอดใจไม่ได้ที่จะไปตามคำบอกของอีกฝ่ายในวันต่อมา สถานที่ที่โชนบอกไม่ได้หายากนัก แต่ก็ไม่ง่าย หลังตึกอยู่ในซอยที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ช่องกำแพงที่หกมีพุ่มไม้บังทำให้สามารถซ่อนสิ่งของได้อย่างแนบเนียน เขาแหวกผ่านพุ่มไม้ไป เจอกับวัสดุใส่ไว้ในถุงพลาสติก


“คุณ ได้ของรึยัง”


“...ยังเลย ผมไปแล้วไม่เจอ”


“เอ๊ะ มีใครเอาไปหรือ ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนนะ...เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปดูให้”


คนไม่เจอลอบยิ้ม


ในวันถัดมา โชนโทรหาเขาตามคาด


“แผนสูงนะคุณ ใช้ให้ผมไปดูแล้วให้ตลับเทปผมกลับมาเนี่ย”


เขาไปรับของตามที่โชนบอกมาแล้ว เทปคลาสเซ็ทหนึ่งม้วนถูกสอดไว้ในช่องกำแพงรูที่หกตามคำบอก ในนั้นอัดแน่นไปด้วยบทเพลงจากนักร้องหลายๆ คน และเขาสังเกตว่าในเทปม้วนนี้ มีเพลงของนักร้องคู่หนึ่งที่มากกว่าเพลงอื่น ในระหว่างยามว่าง เขาจึงไปหาของขวัญมามอบให้เป็นการตอบแทน


“เห็นว่าคุณชอบอัสนีย์ วสันต์ ผมเลยไปหาเทปรวมเพลงมาให้”


“บอกกันดีๆ ก็ได้”


“อย่างนี้ดีกว่า”


คนให้ลอบยิ้ม เป็นการวางสายที่ไม่ได้รู้สึกเหงาอีกต่อไป เมื่อมีเสียงเพลงที่อีกฝ่ายเอาให้ฟังเป็นเพื่อน


เขาฮัมเพลงที่ได้มาจากคนแปลกหน้า เสียงเพลงจากเทปคลาสเซ็ทดังออกมาจากเครื่องเล่นเทปโก้หรู นาฬิกาบอกเวลาหัวค่ำ เมื่อวานอีกฝ่ายบอกแล้วว่าวันนี้อาจไม่ว่างโทรมา ให้ออกไปผ่อนคลายเที่ยวเล่นบ้าง วันนี้เป็นวันศุกร์ วันเที่ยวประจำของอีกฝ่าย และโชนจะไม่พลาดมัน


เขาทำตามที่โชนพูด ตั้งใจจะออกไปเที่ยวในค่ำคืนศิวิไล นักท่องราตรีตั้งใจแต่งตัวในชุดพิเศษ นิ้วมือจรดลิปสติกลงบนริมฝีปาก มองตัวเองในกระจกก่อนเริ่มวาดหน้าตาใหม่


วันนี้ใส่สีแดงน่าจะดูเข้าที...


เมื่อแต่งตัวเพียบพร้อม เขาก็ออกไปร่อนราตรี


เสาร์ถัดมา มีสายเข้าจากคนที่เขารอคอย


“วันก่อนผมเจอเธออีกแล้วด้วย” อีกฝ่ายลอบถอนหายใจ เมื่อเขาพูดถึงหญิงสาวที่หลงใหล


“สวยเหมือนเดิมเลย” เขามองเล็บตัวเอง หยิบสำลีชุบน้ำยาล้างเล็บ


“แต่ก็ยังไม่พูดกับใครเหมือนเดิม”


เช็ดเครื่องประทินโฉม


“ใส่ชุดสีแดงด้วย เซ็กซี่บรรลัย”


เขาชะงัก... ไม่ใช่หรอกน่า


Call 7


 “คุณได้ของที่ผมให้หรือยัง”


วันต่อมาโชนก็โทรมาติดตามความคืบหน้าของตัวเอง หลังจากเขามอบของอีกชิ้นให้อีกฝ่าย อันที่จริงชิ้นนี้น่าจะไม่เรียกว่ามอบให้ น่าจะเป็นการให้ยืมมากกว่า เพราะมันไม่ใช่ของเขา


“ได้แล้ว คราวนี้เป็นม้วนวิดีโอหนัง?”


“อืม เรื่องนั้นสนุกนะ อยากให้คุณได้ดู”


อีกฝ่ายยิ้มถามปลายสาย “ไปเอามาจากไหนล่ะ”


“ร้านเช่าแถวม.น่ะ”


“ให้ผมมาอย่างนี้ ไม่กลัวผมจะไม่เอาไปคืนเหรอ”


“คุณไม่ทำงั้นหรอกใช่ไหม”


“...”


“คุณ”


“ฮะๆ ไม่ทำหรอก”



“ไม่เชื่อแล้ว บอกที่อยู่คุณมาเลย”


“ไม่”


“งั้นบอกชื่อก็ได้”


เขายอมบอกชื่ออีกฝ่ายแทนบอกที่อยู่ วันต่อมาโชนโทรมาบอกให้รอฟังวิทยุคลื่นFM xxx.xx MHz ช่วงสามทุ่ม ก่อนวางสายไป
ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว เขารอด้วยใจอันกระวน จนกระทั่งสามทุ่มครึ่ง เสียงดีเจกล่าวถึงชื่อเขาออกมา


"สำหรับเพลงต่อไป ขอมอบให้คุณเอิ้นนะครับ"


"จากคุณโชน"



บทเพลงในวิทยุบรรเลง คนถูกให้เพลงหยุดไม่ได้ที่จะอมยิ้มใหญ่ๆ อยู่คนเดียว และคืนนั้นกลายเป็นคืนที่เขาหลับฝันดี เนื่องจากมีคนมอบบทเพลงไพเราะให้ฟัง


"ได้ฟังเพลงไหม"


โชนไม่รอช้าที่จะโทรมาติดตามผลงานของตนในวันถัดมา


“อืม นึกยังไงถึงให้เพลงนี้”


“เพราะดี ผมชอบ คุณเอิ้นชอบไหม”


“ก็ชอบ”


“จริงๆ ฟังแล้วนึกถึงเธอ วันนั้นเธอใส่สีแดง”


“ก็เลยเป็นไดอารี่สีแดง?”


“ผมนึกออกแต่เพลงนี้ ก็เข้าท่าดี แต่คงเอาให้หล่อนฟังไม่ได้”


“...”


“เลยให้คุณฟังแทน”


เขามองตัวเองในกระจก


ช่างอัปลักษณ์เหลือเกิน


Call 8


“วันนี้มีคนขอเพลงปาฏิหาริย์ไม่มีจริงมานะครับ”


จากคุณโชน ให้คุณเอิ้น”


จบจากเสียงเพลงวิทยุ อีกฝ่ายโทรมาราวกับรอเวลานี้อยู่แล้ว ทันทีที่เอิ้นรับโทรศัพท์ โชนก็อวดครวญ


“เธอต้องมีแฟนแล้วแน่เลย”


“คุณเลิกส่งเพลงที่อยากจะให้เธอมาให้ผมได้แล้ว”


“เฮ้อ ก็ผมไม่มีวันได้คุยกับเธอน่ะสิ”


“แต่เอามาให้ผมก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”


“นั่นสิ...ผมก็รู้นะ แต่พอคิดว่าคุณได้ฟังแล้วก็รู้สึกดี”


“...”


“ผมควรทำไงดี”


“...ก็ลองคุยกับเธอดูสิครับ”


“ผมก็อยาก แต่ขนาดคนหล่อๆ เข้าไปหาเธอยังเมินเลย นับประสาอะไรกับผม”


“...คุณต้องมั่นใจหน่อยสิ ปอดแหกแบบนี้ไม่มีวันได้คุยหรอกคุณ”


“มันก็จริง”


“สู้เขานะ”


“อืม เดี๋ยวศุกร์หน้าผมจะลองดู”


“ขอให้สำเร็จนะ”


จบสาย เขาแค่นยิ้ม เจือจาง


คำอวยพรและคำแนะนำที่มอบให้ หลอกลวง


เขาภาวนาใหม่อย่างชั่วร้าย ขอให้อีกฝ่ายไม่สมหวัง และเมื่อโชนโทรมาในครั้งถัดไป เขาค้นพบว่าตำอธิษฐานของเขาสัมฤทธิ์ผล


“มันไม่ได้ผล”


“เธอไม่ยอมคุยกับคุณเหรอ”


“อืม แค่หันมามองแล้วก็หันไป ไม่สนใจกันเลย”


“ไม่เป็นไรนะ”


“อืม”


“คุณ..ผมคืนวีดิโอคราวนั้นแล้วนะ”


“ผมเห็นแล้ว”


โชนตอบแล้วเงียบ ไม่นานก็วางสาย คนปลายสายเพียงนึกในใจ คิดว่าวันนี้เราจะได้คุยกันเรื่องหนังม้วนนั้นเสียอีก...


เขาวางสาย


และหลังจากนั้นหลายวันโชนก็ไม่โทรมาอีก...



Call 10


เหมือนว่าสวรรค์จะตอบแทนคนคิดร้ายด้วยการพรากความสุขของเขาไป เอิ้นจ้องมองโทรศัพท์วันแล้ววันเล่าแต่ก็ไม่มีใครโทรมา คงเป็นเวรกรรมที่เขาลอบภาวนาคิดร้ายกับโชน


เขาขอโทษสวรรค์ สำนึกผิดแล้ว


ขอแค่โชนโทรมา ต่อให้ต้องฟังโชนเล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีกกี่ครั้งก็ได้


อย่าทิ้งเขาอยู่กับเสียงเงียบงันเช่นนี้เลย


เขาจ้องโทรศัพท์ บังคับให้มันส่งเสียงดังอีกครั้ง


'กริ๊ง'



——————


#call123456


ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เวลาในเรื่องน่าจะประมาณ20ที่แล้วหรือเปล่า เดาจากที่โชนบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เพราะแพง

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
มันแอบหน่วงๆเหมือนพอจะเดาได้แต่ก็เดาไม่ได้
ฮื่ออรอนะคะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
มาให้กำลังใจ o13 o13

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น่าจะเป็นยุคที่เริ่มมีโทรศัพท์มือถือรุ่นกระบอกน้ำปะ จำได้เครื่องเป็นหมื่น ค่าโทรนาทีละ 5 บาทได้มั่ง มีเทป มีวีดีโอ ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ รถเมล์ร้อน 3.50 บาท รถเมล์เย็นเริ่มต้น 8 บาท มาม่ากับน้ำอัดลมขวดแก้วนี่ราคาเท่ากัน 4 บาท ก๋วยเตี่ยวเรือชามละ 3 บาท ลูกอม 4 เม็ดบาท อ่านแล้วนึกถึงอดีตแฮะ  :hao3:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ 2_____________________







Call 11



“ติดสอบน่ะคุณ”



เขาเอ่ยเฉลยในอีกสองอาทิตย์ถัดมา เป็นสองอาทิตย์ที่เหี่ยวเฉาสำหรับคนเฝ้ารอคอย สองอาทิตย์ที่ไม่มีเสียงโทรศัพท์โผล่มาสักกริ๊งเดียว เอิ้นไม่คิดว่าเขาจะดีใจเป็นบ้าที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มากขนาดนี้



“ช่วงใกล้สอบแล้วเลยไม่มีเวลาได้ออกไปหยอดตู้โทรหาคุณเลย” โชนสารภาพ



“อืม ไม่เป็นไร” เอิ้นตอบกลับ เขาโล่งใจที่อย่างน้อยโชนก็ไม่ได้เกลียดเขาหรือลืมเขาแล้ว



แค่โทรกลับมาหากันก็พอ



“แต่ว่าผมได้ฟังเพลงนะ”



“หืม”



“เพลงที่คุณส่งมาทางวิทยุน่ะ”



“...”



“เล่าสู่กันฟัง...ใช่มั้ย”



ใบหน้าเอิ้นเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ต้องแต่งเติมเครื่องสำอางใดๆ ก่อนที่เราจะร้องขอให้อีกฝ่ายหยุดพูดถึง โชนก็ร้องเพลงขึ้นมา



“ฝนที่ตกทางโน้น~”



กว่าเขาจะขอร้องให้อีกฝ่ายหยุดร้องเพลงก็เป็นตอนที่โชนร้องจบท่อนฮุคพอดี ใบหน้าของเอิ้นไม่ต่างจากสัญญาณไฟจราจรสีแดง เขาเขินเป็นที่สุด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทันได้ยินเพลงที่เขาโทรศัพท์ไปของทางวิทยุ



“ผมฟังคลื่นนี้ตลอดแหละ”



“...”



“คุณขอเพลงนี้มาให้ผมสองครั้งด้วยใช่ไหม”



อ๊าก!



เอิ้นกรีดร้องในใจ นึกอยากให้อีกฝ่ายเหรียญหมดไปซะ จะได้หยุดความเขินอันบ้าคลั่งนี่ได้ลง เป็นความจริงที่ว่า เอิ้นขอเพลงไปทางวิทยุถึงสองครั้ง และเป็นเพลงเดียวกัน เขาคิดว่าโชนคงไม่ทันฟัง หรือถ้าได้ฟัง คงไม่ได้ฟังทั้งสองรอบ เขาพลาดแล้วที่ใส่ชื่อตัวเองกับคนที่ต้องการมอบเพลงให้ตามที่ดีเจถาม อันที่จริงเขาไม่ต้องบอกชื่อตัวเองก็ได้ แต่ก็เผลอบอกไปทั้งสองรอบ



มันน่าอาย เหมือนว่าเขากำลังพยายามบอกให้อีกฝ่ายรับรู้...



ว่ายังอยากได้ยินทุกเรื่องราว



และอย่าลืมเล่าสู่กันฟัง



Call 12



“วันนี้คงโทรได้ไม่นานนะคุณ”



“...”



“นัดเพื่อนไว้”



เอิ้นตอบรับ วันนี้คงเป็นวันเที่ยวอีกวันของโชน และปลายสายมั่นใจว่าจะได้เจอเธอคนนั้นอีก



แน่นอน...โชนโทรหาเขาเพราะต้องการคำแนะนำ ในใจเอิ้นนึกอยากบอกว่าตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจีบหญิง แต่ทำไงได้ ถ้าเขาไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คงไม่มีอะไรให้คุยกันเท่าไหร่



นิยายรักประโลมโลกทั้งหลายแหล่ถูกเอิ้นอ่านเสียจนเริ่มบรรลุวิธีการจีบสาว และเขาก็แนะนำโชนไปตามนิยายที่ได้อ่าน



โชนขอคำแนะนำในการเข้าหาเธอคนนั้นจากเอิ้นอีกเล็กน้อยก่อนวางสายไป ด้วยเพราะเพื่อนเร่งยิกๆ เสียยกใหญ่ เอิ้นเอ่ยคำอวยพรให้ส่งท้ายวัน ขอให้โชนสมปรารถนา



เขาไปเที่ยว เอิ้นก็เช่นกัน



ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภร ปะแป้งประทินโฉม ฉีดน้ำหอมกลิ่นหวาน



ไฉไลออกสู่ราตรี



Call 13



เอิ้นไม่ได้ดีใจเพราะมีคนซื้อค็อกเทลมาให้ เอิ้นไม่ได้ดีใจเพราะมีคนมานั่งคุยข้างๆ ชวนคุยด้วยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เขาเพียงต้องการนั่งกินลมชมวิวเงียบๆ คนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการมิตรภาพใหม่ในร้านเหล้า เอิ้นไม่ได้ดีใจที่คนๆ นั้นคอยนั่งเป็นเพื่อน ไม่ได้ดีใจที่เขาไปส่งเอิ้นที่รถ เขาไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าต้องการอะไร



รู้แค่...ทุกอย่างมันเหมือนกับที่เอิ้นแนะนำให้โชนอย่างน่าขนลุก



ไม่ใช่หรอก เป็นไปไม่ได้หรอก



แม้จะคุ้นเคยกับน้ำเสียงอย่างน่าประหลาด



แต่ไม่มีทางหรอก



เสียงโทรศัพท์กรีดร้องในเวลาเดิม เป็นการรับโทรศัพท์ครั้งแรกที่เอิ้นรู้สึกทรมาน เมื่อรับสาย โชนเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อคืนอย่างไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว



“เมื่อคืนผมเจอเธอด้วย”



“...”



“ผมทำตามที่คุณเอิ้นบอกด้วยนะ”



เขาภาวนาให้ไม่จริง



“แล้วได้คุยกันไหม”



“ยังเลย เธอดูตกใจ แต่อย่างน้อยก็ดีที่ไม่ได้ปฏิเสธ”



“งั้นหรือ”



“ผมว่าผมเริ่มมีความหวังนะ คุณเอิ้นว่าไหม”



“ทำไมล่ะ”



“ก็เธอดู...ไม่ได้รังเกียจผมเท่าไหร่ กับคนอื่นมีแต่เชิดหน้าใส่นี่”



“ง...งั้นหรือ”



เอิ้นกลืนน้ำลาย เอ่ยถามปลายสาย “เมื่อคืนเธอใส่ชุดสีอะไร”



“น้ำเงิน...ทำไมหรือ”



บรรลัย!



Call 14



เขาไม่ได้ต้องการเป็นผู้หญิง เขาไม่ได้แต่งตัวเป็นผู้หญิงเพราะชอบหรืออยาก เขาเพียงแค่ใช้ร่างนี้ในการหลบหนีความเป็นจริง ความจริงที่ว่าเขาชอบผู้ชาย



แต่เขาไม่ใช่กะเทย เขาไม่ใช่ตุ๊ด ไม่ใช่สาวประเภทสอง เขาเป็นผู้ชายที่รักผู้ชาย



ไม่มีคำนิยามอะไรให้เขาในยุคนี้



หรือใครจะพยายามหาคำนิยามต่างๆ มาให้เอิ้นมากมาย แต่สำคัญอย่างไร เมื่อสุดท้ายแล้วเอิ้นก็คือคน



ผู้ชายที่รักผู้ชายโดยที่ไม่ได้ต้องการเป็นเพศแม่ ไม่มีคำนิยาม และเขาก็ไม่ได้ต้องการมัน เพียงแต่ความชอบของเขาไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม เขาเป็นที่รังเกียจเพราะเขาแตกต่าง เพราะเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่เป็น



เขาจึงลงทุนเปลี่ยนโฉมตัวเอง



ไม่ใช่เพราะชอบ แต่เพราะไม่ให้การเป็นผู้ชายของเขาไปขัดหูขัดตาใครยามเขาเผลอมองผู้ชายด้วยกัน แค่นั้นเอง



เอิ้นค้นพบว่าการแต่งเป็นผู้หญิงช่วยให้เขาไม่ถูกต่อยจากผู้ชายคนไหน แม้จะรำคาญใจที่มีคนเข้าหา แต่นั่นก็ดีกว่ามีคนเข้าหาเขาเพราะคิดว่าเขามองหน้าหาเรื่อง



ย้ำอีกครั้ง เอิ้นไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง



และไม่ได้อยากให้คนที่เอิ้นชอบ ชอบเขาในร่างหญิงสาว



เพียงแต่เขาจะบอกโชนได้อย่างไร



แม้จะเคยคิดอยากให้ตัวเองเป็นตัวเอกในบทสนทนา แต่แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงเพื่อให้ใครมารัก ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้มีคนรักเขาที่เป็นเขามากกว่า



ถ้าเป็นไปได้ คล้ายจะเป็นไปไม่ได้



ไม่มีผู้ชายที่ไหนรักผู้ชายด้วยกันเหมือนเขาหรอก



เขาไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้น



เพราะเช่นนี้ ถึงได้อยู่ตัวคนเดียวมาตลอดไม่ใช่หรือ



“คุณเอิ้น เป็นอะไรรึเปล่า?”



เขาวางสาย



ถอดสายโทรศัพท์



Call 15



โชนไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เอิ้นถึงตัดสายใส่เขา แม้จะโทรหาอีกกี่ทีก็ไม่มีสัญญาณ ในทีแรก เขาคิดว่าคงมีปัญหาเกี่ยวกับโทรศัพท์ของปลายสาย แต่ปาไปเป็นอาทิตย์แล้ว โชนก็ยังติดต่อเอิ้นไม่ได้ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงมีปัญหาจริงๆ ปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับโทรศัพท์



เขาหงุดหงิดเล็กน้อยที่เดินมาหยอดตู้โทรศัพท์ตั้งไกลแต่กลับไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายอย่างที่ตั้งใจ



ครั้นจะไปหา ไปคุยให้รู้เรื่องก็ใช่ว่าจะรู้จักที่อยู่ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลยนอกจากชื่อ นึกเสียดายที่ไม่ทำความรู้จักให้มากกว่านี้



แต่โชนไม่คิดว่าอีกคนจะหายไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้นี่



แถมเอิ้นเป็นคนบอกเขาเองต่างหากว่าให้โทรมาหาบอ่ยๆ



แล้วเล่นหายไปแบบนี้หมายความว่าไง



โชนถอนหายใจใส่โทรศัพท์ ยกหูวางสายให้กับสัญญาณปลายทางที่ติดต่อไม่ได้ เขาเดินกลับหอ วันนี้ไร้เสียงนุ่มหูที่คุ้นเคยกลับมาด้วย



เอิ้นคิดว่าเขาควรบอกโชน



ไม่ใช่การจู่ๆ ก็หายไปเช่นนี้ อย่างน้อยก็น่าจะหาข้ออ้างดีๆ หน่อย



เอิ้นรู้ตัวว่าตนมีใจให้อีกฝ่าย แต่ยังไงต่อ มันไม่มีทางเลยที่โชนจะหันมาชอบเขา คนพิลึกที่ชอบเพศเดียวกันเช่นเขา ไม่สมควรได้รับความรักจากใคร



เขารักโชน คนที่มอบความสุขแทนที่ความเงียบเหงาให้เขาตลอดมา เพราะโชนทำให้เอิ้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้งในบ้านที่อัดแน่นไปด้วยมวลความเงียบ



ครอบครัวเขาไม่มีใครต้องการร่วมอาศัยกับคนประหลาดเช่นเขา ทุกคนทิ้งเขาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ หนีไปอยู่บ้านใหม่ที่ซึ่งไร้เงาของเขา เอิ้นอยู่ในบ้านหลังนี้กับคุณแม่บ้านและคุณลุงคนขับรถเพียงแค่สามคน แม้ว่าคุณแม่บ้านกับคุณลุงจะปฏิบัติดีต่อเขา แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยลดความเหงาในใจลงได้ มีแค่โชน แค่โชนคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกมีตัวตน



เพราะโชนสำคัญ เขาจึงไม่ควรหายไปเช่นนี้



แม้ไม่รู้ว่าโชนจะเป็นห่วงเขาหรือไม่ แต่เอิ้นรู้ว่าการหายไปเช่นนี้เป็นเรื่องไม่สมควร อย่างน้อยในฐานะเพื่อนก็ไม่ควรละเลยกัน



เขาควรบอกโชน



แต่บอกด้วยร่างไหนถึงจะดี



ควรบอกยังไงให้โชนเกลียดเขาน้อยที่สุด...



แล้วเอิ้นก็ตัดสินใจ แปลงร่างเป็นโฉมงาม ออกไปหาปลายสายของหัวใจ



Call 16



เอิ้นเลือกที่จะให้โชนเกลียดเขาในร่างนี้ดีกว่าเกลียดเขาที่เป็นเขาจริงๆ



เสียแต่พอเขามาถึงร้าน นั่งมองซ้ายมองขวาสักพัก โชนก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ เอิ้นรู้อยู่แล้วว่าโชนจะเป็นฝ่ายเข้ามาหา เขาตั้งใจใช้โอกาสนี้บอกความจริงกับโชน บอกว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิง อย่างน้อยโชนจะได้เลิกยุ่งกับร่างนี้ ส่วนเขาที่เป็นเขาก็จะอยู่รอโชนโทรมาเช่นเดิม



เอิ้นไม่ได้เสียใจหากโชนจะเกลียดเขาในร่างหญิงสาว เพราะแต่ไหนแต่ไรมาตนก็ไม่ได้ชอบแต่งหญิงนัก อย่างที่เคยบอก เอิ้นแค่ต้องเป็นผู้หญิงเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น



โชนนั่งจ้องหน้าเอิ้นมาสักพักแล้ว โฉมสะคราญได้แต่นั่งเกร็ง สุดท้ายเขาก็พูดไม่ออก สุดท้ายเอิ้นก็ตัดสินใจลุกขึ้น เดินนำออกจากร้าน ทิ้งสายตาบอกให้อีกฝ่ายตามมา เขารอให้โชนเดินตามออกมาคุยกันข้างนอก



ใจนึงนึกถ่วงเวลาออกไปให้อีกฝ่ายรู้ความจริงช้ากว่านี้ อีกใจก็คิดว่าอย่างน้อยถ้าโชนรู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย คนในร้านจะได้ไม่มีใครหัวเราะเยาะเขา



พวกเขาเดินออกมาได้สักระยะ ห่าฝนก็เทลงมา…



โชนตกใจที่ห่าฝนโหมกระหน่ำโดยไม่มีบอกกล่าวกันล่วงหน้า เขาไม่มีร่มบดบังสายฝนให้หญิงสาวในตอนนี้ ชายหนุ่มรีบมองหาตัวช่วย ซ้ายขวา



เอิ้นตกใจที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ตอนนี้พวกเขาอยู่ไกลจากร้านที่จากมามากพอสมควร แถวนี้ไม่มีที่ใดพอหลบฝนได้เลย 



นอกจากตู้โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงนั้น...



ไม่รอช้า โชนจับมือเอิ้น พาไฉไลเข้าไปในตู้คับแคบ บดเบียดร่างอรชรไม่ให้โดนสายฝน



เอิ้นนึกขอบคุณที่ตนได้เข้าที่กำบังก่อนที่เครื่องประทินโฉมจะถูกสายน้ำชำระจนสิ้นความงาม ทว่าพอโชนเบียดตามเข้ามาด้วย นั่นทำให้ชายหนุ่มในร่างสาวน้อยสบถในใจนับร้อยครั้ง



บัดซบ!



ตู้โทรศัพท์มีพื้นที่น้อยเกินกว่าสองคนจะอัดอยู่ร่วมกันได้



บัดซบ!



โชนขยับตัวเข้ามาหาเขามากเกินไปแล้ว



บัดซบ!



เขาหวังว่าเสียงของสายฝนจะช่วยกลบเสียงหัวใจที่เต้นดังระรัวนี้ได้



Call 17



โชนขยับตัวเข้ามาอีก ตู้โทรศัพท์ไม่มีประตูปิดกั้น ทำให้แผ่นหลังเขาโชกไปด้วยน้ำฝน เขาเพียงขยับกายเพื่อหนีน้ำเท่านั้น ทว่าไม่ทันได้สังเกตที่อรอนงค์ตรงหน้า ว่าเจ้าหล่อนมีสีหน้าเป็นกังวลเช่นใด



โชนรีบขยับตัวถอยมา



“ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจจะแตะตัวคุณ...”



เอิ้นไม่ตอบ ก้มหน้างุด



“คือ...หลังผมเปียกฝน เลยขยับเข้ามา ไม่ได้ตั้งใจจะคุกคามคุณ...” โชนแก้ตัว



เอิ้นไม่ตอบอีกครั้ง แต่เขาขยับถอยเข้าไปชิดข้างในตู้ เพื่อให้อีกฝ่ายมีระยะเข้ามาหลบฝนมากขึ้น



สองคนเบียดกันในตู้โทรศัพท์คับแคบ ใกล้ชิดเสียจนได้ยินลมหายใจของอีกฝ่าย สายฝนภายนอกยังคงโหมกระหน่ำ สายน้ำเย็นเฉียบสายลมเย็นฉ่ำ พัดเข้ามาแทรกกลางระหว่างกายอุ่นของทั้งสอง มีเพียงเสียงฝนที่ดังขึ้นรอบกาย



เอิ้นเริ่มหนาวสั่นจากลมเย็น เขากอดตัวเองไว้ ในหัวมีแต่เรื่องจะบอกความจริงกับโชนอย่างไร จนไม่ทันไม่สังเกตคนตรงหน้า



โชนจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวยามไร้แสงสีเคลือบผิวหน้าสวย โฉมงามยังคงงดงามแม้อยู่กลางสายฝน เส้นผมเธอเปียกเล็กน้อยลู่กรอบหน้ารูปไข่ ใบหน้าละมุนดูเป็นกังวลใจ คงเพราะต้องมาอยู่ในที่คับแคบกับคนแปลกหน้าสองต่อสอง โชนพยายามหาเรื่องพูดคุย ไม่ให้ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นกลายเป็นความอึดอัด



มองซ้ายมองขวา เขาเห็นเพียงเครื่องโทรศัพท์ แล้วเรื่องราวก็ถูกกล่าวออกมา



“ที่จริง...คุณทำให้ผมคิดถึงเพื่อนคนหนึ่ง”



เอิ้นเงียบ เงยหน้าไปทางต้นเสียง แล้วก็ต้องชะงักกับความใกล้ชิดที่มากเกินกว่าเขาจะคาดไว้ จนแทบกลั้นหายใจ



“ตั้งแต่แรกที่เห็นคุณ ผมนึกถึงคนหนึ่งที่เคยโทรศัพท์ไปแกล้งเมื่อปีก่อน”



“เสียงเขาดูเหงาๆ เหมือนสายตาคุณตอนนี้เลย”



“แล้วรู้อะไรไหม ผมโทรกลับไปที่เบอร์เดิมด้วย และเขาก็ยังอยู่ แถมยังคอยฟังเรื่องของผมอีก”



“ผมไม่คิดว่าจะได้เป็นเพื่อนกับคนแปลกหน้าได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว”



“ประหลาดเนอะว่าไหม”



เอิ้นส่ายหน้า ส่วนอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ



“อันที่จริง วิธีพูดแบบนี้เพื่อนผมก็สอนมา”



“...”



“เป็นการพูดที่ไม่ต้องให้อีกฝ่ายเอ่ยตอบ แต่สามารถแสดงออกได้”



“คุณไม่ต้องตอบผมก็ได้ ผมจะเล่าไปเรื่อยๆ คุณจะได้ไม่กังวล ดีไหม”



เอิ้นพยักหน้า พร้อมกับก้มหน้าเม้มปากหลบตาอีกคน โชนทำตามคำพูดของเขาทุกประการ เขาคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยในการจีบหญิงสาวเย่อหยิ่งได้



แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอโชนเอามาใช้กับตัวเอง!



“พอเห็นตู้โทรศัพท์แล้วก็นึกถึงเขา”



“ตอนนี้จู่ๆ ก็ไม่รับสายผม แถมโทรไปก็ไม่ติด”



“คุณคิดว่าเขาเกลียดผมรึเปล่า”



เอิ้นส่ายหน้า



“แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหายไป”



“ผมเสียใจที่ไม่รู้จักเขาเลยนอกจากชื่อ ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรผมก็ช่วยเขาไม่ได้เลย ผมนี่เป็นเพื่อนที่แย่เนอะ”



เอิ้นส่ายหน้าอีก



“เขาเป็นคนบอกให้ผมโทรมาบ่อยๆ แท้ๆ”



“แต่จู่ๆ ก็หายไป ผมกังวลมากเลย”



โชนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยน้ำเสียงเบาบางจนแทบเป็นการกระซิบ “ยังอยากให้ฟังทุกเรื่องราว...”



แล้วฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง!





_____________________________



#call123456






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะได้สารภาพความจริงไหมเนี่ย ฟ้าฝ่าลงมาแบบนี้  :ling3:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ๊ย ลุ้น จะได้บอกมั้ยว่าไม่ใช่ผู้หญิง แล้วโชนจะรับได้มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ 3__________________









Call 18



เอิ้นสะดุ้งตัวโยน สบถด่าเสียงฟ้าร้องเป็นครั้งที่ร้อยในใจ ห่าฝนยังคงเทลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เอิ้นตัวสั่นงกๆ ด้วยความตกใจในเสียงฟ้าผ่าและหนาวจากอากาศเย็น



“คุณกลัวเสียงฟ้าผ่าหรือ”



เอิ้นไม่ตอบ กอดตัวเองไว้หลวมๆ



“หนาวหรือ”



เอิ้นไม่ตอบอีกครั้ง เขาแทบจะลืมไปแล้วว่ามาอยู่ที่นี่ทำไม



เขามาเพื่อบอกความจริงกับโชน ไม่ใช่มายืนเบียดกันติดอยู่ในตู้โทรศัพท์เช่นนี้ แต่เขานึกขลาดกลัวขึ้นมา...ในสถานที่คับแคบเช่นนี้ ถ้าจู่ๆ เขาเผยความจริงออกไป โชนจะอัดเขาตายคาตู้โทรศัพท์ไหม...



“คุณ...”



เอิ้นสะดุ้ง เมื่อเสียงที่เขาเชยชอบดังขึ้นข้างหู พลันสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเอื้อมมือมาโอบรอบเอวตัวเองหลวมๆ เอิ้นจ้องมัน



“คือ...ผมไม่ได้จะแต๊ะอั๋งหรือลวนลามคุณนะ...ผมแค่กลัวคุณหนาว” โชนแก้ตัวตะกุกตะกัก



“เอ่อ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผมขอโทษ...แต่ไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามคุณจริงๆ นะ” เขารีบดึงมือตัวเองออกไปไขว้หลัง พยายามทำตัวว่าตนบริสุทธิ์ใจอย่างถึงที่สุด



เอิ้นไม่ได้หวงตัวขนาดนั้น เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิง เสียแต่ว่าเขากลัวโชนจะจับได้ว่าร่างกายของเขาไม่ได้นุ่มนิ่มแบบหญิงสาว แต่ถึงอย่างไร ตนก็ไม่ได้รังเกียจอ้อมแขนอีกฝ่าย



เอิ้นกอดเอวของโชนไว้หลวมๆ แทนการพูด



หัวใจของโชนเต้นระรัว ตื่นเต้นที่อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบกลับแบบนี้ เขาจะเขินตายคาตู้โทรศัพท์อยู่แล้ว



ใครจะคาดคิดเล่าว่า ผู้หญิงที่เขาหมายปองจะมอบอ้อมกอดให้กันเช่นนี้



โชนโอบเอวคอดของโฉมงาม ขยับให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตัว กลิ่นหอมจากอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกันกับคนถูกกอด เอิ้นลืมตัวไปชั่วขณะว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร



เขาเพียงต้องการอ้อมกอดอุ่นจากคนๆ นี้



สายฝนเริ่มซา โชนเอ่ยถาม



“คุณ...มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า”



ดึงสติเอิ้นให้กลับมาในที่สุด



เอิ้นลังเลอย่างถึงที่สุด ใบหน้าแสดงความครุ่นคิด ทั้งๆ ที่ตัดสินใจมาบอกความจริงแท้ๆ ถึงอย่างนั้นกลับไม่อยากพรากจากอ้อมกอดอบอุ่นนี้ไป ถ้าเขาบอกไป อ้อมกอดนี่คงจะสลายไปพร้อมๆ กับคำพูดของเขา



เขาอยากเห็นแก่ตัว เก็บความลับนี้ไว้ตลอดไป แต่เพราะแคร์ความรู้สึกอีกฝ่ายมากเกินไป จึงไม่อยากหลอกลวง



เอิ้นนึกอยากหยุดเวลานี้ให้เป็นนิรันดร



 แต่อย่างไรเสียเวลาก็ไม่มีทางหยุดเดินได้ และเขาจะหลอกโชนตลอดไปไม่ได้



เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขาพบใบหน้าของโชนใกล้เข้ามา ริมฝีปากของเขากับอีกฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ



แม้ไม่เคยรู้จักจุมพิต แต่ในใจรับรู้ได้ว่าเขากำลังจะถูกจูบ



เหมือนถูกกระชากให้เข้ามาอยู่ในโลกแห่งความจริง เอิ้นเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก เขารีบผลักโชนออก



ไฉไลวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน



Call 19



“โทรศัพท์ผมเสียน่ะ”



“อือ เสียเป็นอาทิตย์เลย ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกคุณ”



สุดท้าย เอิ้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาต่อสายโทรศัพท์ใหม่อีกครั้ง รอการโทรมาของอีกฝ่าย สร้างเรื่องโกหกเพื่อหวังให้ตัวเองสบายใจ โชนนึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ เพราะไม่ได้คุยกันนานเขาจึงทำการพูดคุยกับอีกฝ่ายแทนเสียมากกว่า



“สบายดีหรือเปล่า”



“ก็ดี...คุณล่ะ” เอิ้นโกหก เขาเป็นหวัดเล็กน้อยจากการวิ่งฝ่าฝนเมื่อครั้งนั้น



“ผมสบายดี” โชนวรรค “คุณรู้อะไรไหม ช่วงที่ติดต่อคุณไม่ได้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นด้วยแหละ”



“อะไรหรือ”



“ผมได้เจอเธอ ครั้งนี้ได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นด้วย” อ๋อ เขารู้อยู่แล้ว



“ตอนแรกเหมือนเธออยากจะคุยกับผมที่ผับ แต่สุดท้ายเธอก็ให้ผมเดินตามออกมานอกร้าน” เขารู้อยู่แล้ว



“แล้วพอออกมาได้ไม่ทันไร ฝนก็ตกลงมาโครมใหญ่” รู้อยู่แล้ว



“ผมเลยพาเธอไปหลบฝนที่ตู้โทรศัพท์” รู้แล้ว



“ให้ตายเถอะ คุณรู้ไหม ผมตื่นเต้นมากๆ เลย” รู้...แล้ว?



“เอ๊ะ?” เอิ้นพลันสงสัย เพราะโชนในตอนนั้นไม่ได้ดูตื่นเต้นมากมายอะไร ทว่าความจริงแล้วชายหนุ่มกลับสารภาพว่าใจสั่นจนแทบทนไม่ไหว



“ผมไม่เคยใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อนเลย จะบ้าตาย เธอสวยมากๆ”



“หัวใจผมเต้นแรงมากตอนอยู่ใกล้เธอ”



“คุณรู้ไหม เธอกอดผมด้วย”



“หมายถึง...กอดหลวมๆ น่ะ คงหนาวจากอากาศ”



“จริงๆ แล้วผมเป็นฝ่ายกอดเธอก่อน”



“แต่ไม่คิดว่าเธอจะกอดตอบ”



“นี่มันเจ๋งเป้งมากๆ ผมไม่คิดว่าจะมีใครมีโอกาสแบบผมอีกแล้ว”



“คุณว่าผมมีหวังไหม”



“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” เอิ้นถาม เขารู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายตั้งใจจะจูบเขา แต่เขาผลักโชนไปเสียขนาดนั้นแล้ว ทำไมโชนถึงยังมีหวังอีก



“จริงๆ...ผมตั้งใจจะจูบเธอ”



คนเกือบถูกจูบหัวใจสั่นระรัวเมื่อนึกถึงภาพเมื่อครานั้น



“แต่เธอดันผลักผมออกแล้ววิ่งออกไป”



“ผมคิดว่าเธอน่าจะเขิน หน้าเธอแดงเป็นลูกตำลึงสุกเลย”



“ผมคงใจด่วนใจเร็วเกินไป”



“คราวหน้าถ้าเจอเธออีก คุณเอิ้นว่าผมควรสารภาพรักกับเธอไหม”



บรรลัยแล้ว เขาต้องรีบบอกความจริงให้อีกฝ่ายรู้!



ให้ไวที่สุด!



Call 20



ในระว่างที่เขาคิดหาทางบอกความจริงกับโชนใหม่ ทั้งคู่ยังคงติดต่อหากันอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่เอิ้นไม่ได้ไปร้านนั้นแล้ว และโชนก็บ่นอุบ

แต่เพราะเมื่อวันก่อนโชนเพิ่งส่งม้วนวิดีโอมาให้เขา ทำให้เอิ้นเลี่ยงบทสนทนาเกี่ยวกับหญิงสาวไปได้ พวกเขาคุยกันถึงเรื่องหนังแทนหญิงงาม ทำให้โชนอารมณ์ดีขึ้นมาได้เล็กน้อย



“ไว้ผมจะส่งอีกเรื่องไปให้นะ เรื่องนั้นก็สนุกเหมือนกัน”



“ได้สิ”



“เอ้อ..คุณเอิ้น”



“อะไรหรือ”



“ผมขออะไรอย่างสิ”



“...”



“ขอที่อยู่คุณได้ไหม ผมไม่สบายใจเลยเวลาคุณหายไป”



“...ไม่ ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก”



“แต่จู่ๆ คุณก็หายไป ผมติดต่อไปไม่ได้แล้วมันกังวลนะ”



“ผมไม่หายไปแล้ว”



“ผมไม่เชื่อหรอก เกิดโทรศัพท์คุณเสียอีกทำไงล่ะ”



“ถ้างั้น...ถ้าผมหายไป คุณก็เสียบจดหมายไว้ที่กำแพงตรงตึกเดิมก็ได้”



“ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไปเอา”



“ผมจะส่งข้อความบอกไปทางนั้น ดีไหม”



“เฮ้อ ก็ได้”



เอิ้นยิ้ม “ขอบคุณนะ”



“อะไรหรือ”



“ที่ไม่เซ้าซี้” เอิ้นยังไม่พร้อมบอกที่อยู่ของตนให้อีกฝ่ายเท่าใดนัก



“ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจนี่” โชนยิ้ม



ก่อนวางสายไป



Call 21



เอิ้นไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจเหมือนกัน เขาถึงได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เป็นหญิงสาวอีกครั้ง



ครั้งนี้ต้องไม่ผิดพลาด ต้องไม่ตื่นตระหนก ต้องทำให้ได้



ก่อนที่อีกฝ่ายจะถลำลึก และเกลียดเขาไปมากกว่านี้



เอิ้นสูดหายใจเข้า รวบรวมความกล้า เดินเข้าร้านประจำอีกครั้ง บอกตัวเองในใจเป็นพันครั้งว่าอย่ากลัว โชนไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ต่อให้โชนเกลียดเขาที่เป็นร่างนี้ แต่เขาก็ยังเป็นคุณเอิ้นในโทรศัพท์ของโชนได้อยู่ดี



ไม่เป็นไร ต่อให้ถูกเกลียดก็ไม่เป็นไร



อาจจะถูกต่อย...ก็ไม่เป็นไร



เขาแค่อยากคุยกับโชนไปเรื่อยๆ แค่นั้นเอง



คราวนี้โชนมานั่งรอที่ร้านก่อนอยู่แล้ว เขารู้ว่าอีกฝ่ายมักจะมาที่นี่ทุกคืนวันศุกร์ ถึงแม้ว่าเจ้าหล่อนจะหายไปในอาทิตย์ที่แล้วแต่โชนก็ยังมีความหวังว่าสาวเจ้าจะมา คราวนี้เป็นดังหวัง เมื่อร่างสะโอดสะองเดินเฉิดฉายเข้ามา คนงามกลายเป็นเป้าสายตาได้อย่างง่ายดาย โฉมงามเช่นนี้ ใครก็ใคร่มอง



เอิ้นนั่งลงที่บาร์ประจำ และโชนก็เดินเข้ามาหาแทบจะทันที



เอิ้นสะดุ้ง ตกใจเล็กน้อยที่เจอโชนไวกว่าที่คิด แต่คราวนี้เขาเตรียมใจมาแล้ว เขาจะต้องไม่ตื่นเต้นตื่นตระหนกเหมือนที่แล้วมา



“สบายดีนะคุณ” โชนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เอิ้นพยักหน้าตอบกลับ พยายามทำหน้านิ่ง แม้ในใจจะเต้นรัวเหมือนมีคนมาตีกลอง



“ค็อกเทลสักแก้วไหม ผมเลี้ยง”



เอิ้นส่ายหน้า ปฏิเสธ



“อืม...ผมว่าคุณมีอะไรจะบอกผม ใช่ไหม”



“...” เอิ้นเงียบเช่นเคย เงยหน้าขึ้นมาสบตาสีเข้ม เอิ้นพยักหน้า



“จะบอกอะไรหรือ”



เอิ้นลุกขึ้น



“บอกตรงนี้ไม่ได้หรือ”



ไม่ได้ เอิ้นส่ายหน้า



โชนพยักหน้า ลุกเดินตามคนงามไปอีกครา



Call 22



ครั้งนี้เอิ้นเลือกสถานที่ไม่ไกลจากร้านนัก ที่นี่อยู่ในซอยเล็กๆ ข้างตึกค้าขาย และมีหลังคาผ้าใบคลุมหัว ไม่กลัวว่าฝนจะมาขัดจังหวะอีกแล้ว ท่ามกลางค่ำคืนศิวิไล ดวงดาวพราวนภา มีเพียงสองร่างในสถานที่แห่งนี้



พวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครา



โชนเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน



“แล้ว...มีอะไรหรือ”



เอิ้นรวบรวมความกล้า แต่ยังคงก้มหน้าเงียบ



“อันที่จริง...ผมก็มีเรื่องจะบอกคุณ”



ฉับพลัน เอิ้นเบิกตาโพลง เขารู้ว่าโชนจะพูดอะไร



“ตั้งแต่ที่ผมได้เจอคุณครั้งแรก...ใจมันก็สั่น...”



เขาจะให้โชนพูดออกมาไม่ได้



“และหลังจากนั้น ผมก็มองแค่คุณมาตลอด”



โชนไม่สามารถรักเขา ทั้งๆ ที่เขาเป็นเช่นนี้ได้ มัน...ไม่ได้!



“ผมคิดว่าผมช...”



“ผมไม่ใช่ผู้หญิง!”



เอิ้นโพล่งออกมา ตัดหน้าคำบอกรักเพียงเสี้ยววินาที



Call 23



“หา...”



“ผม...ไม่ใช่ผู้หญิง”



“เสียงคุณ...”



“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง” เอิ้นย้ำอีกครั้ง เหตุผลที่เขาไม่คุยกับใครหาใช่เพราะเย่อหยิ่ง แต่เสียงของชายหนุ่มมีหรือจะเล็กแหลมเหมือนหญิงสาว ต่อให้ภายนอกเอิ้นเหมือนผู้หญิงมากแค่ไหน อย่างไรก็ปิดบังกันเรื่องเสียงไม่ได้



“...” โชนนิ่งเงียบ ตกใจกับความจริงที่เกิด



เอิ้นรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องจบเช่นนี้ เขาไม่ได้อยากร้องไห้ เสียแต่อดเสียใจไม่ได้ น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตาเขา ดวงตาสุกใสมีหยาดน้ำบางเคลือบไว้ สะท้อนแสงสียามค่ำคืน



ดีแค่ไหนแล้วที่โชนไม่อัดเขาทันทีที่รู้ความจริง เอิ้นคิดปลอบใจตัวเอง



“ฮะๆ คุณจะไม่ใช่ผู้หญิงได้ยังไง”



“...” โชนเอ่ยขำ ไม่คิดว่าสาวงามตรงหน้าจะกลายเป็นชาตรี เขาภาวนาให้ตนหูแว่ว



เสียแต่เอิ้นไม่ยอมให้โชนพลาดความจริงนี้ เขาหลับตา กักกั้นน้ำตาไม่ให้ทะลัก ยกสองมือถอดวิกผมยาวสวยออกมากุมไว้ เผยเส้นผมสั้นทรงผู้ชาย



“ผมไม่ใช่ผู้หญิง...อันที่จริง...ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณ”



“หมายความว่ายังไง...”



“ผมแค่...แต่งตัวเป็นผู้หญิงเฉยๆ...”



“...คุณ...” โชนมีสีหน้าประหลาดใจ คิ้วเข้มเริ่มขมวดมุ่น



“ผมขอโทษนะ ผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกแย่ ต่อจากนี้ผมจะไม่มาที่นี่อีก”



“คุณ...เดี๋ยวก่อน”



“ขอบคุณสำหรับค็อกเทลนะครับ” เอิ้นเอ่ย กลืนก้อนสะอื้นลงคอ น้ำตากลับมาเอ่อคลอเบ้า



เขาหวังว่าเขาจะได้เจอโชนในร่างผู้ชาย และก่อกำเนิดมิตรภาพใหม่อีกครั้ง



ไม่ทันที่เอิ้นจะได้หมุนตัวจากไป โชนจับแขนผอมรั้งไว้ เอิ้นสะดุ้ง ในใจคิดเสียว่าคงโดนต่อยสักตุ๊บ เขาหลับตาปี๋ เตรียมรับการปะทะ



ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“คุณ...?” เอิ้นเอ่ยด้วยความสงสัย เมื่ออีกฝ่ายจับแขนเขาไม่ปล่อย ทว่าไม่เอ่ยอะไร



“เสียงคุณ...ผมคิดว่าผมคุ้นเสียงคุณ”



“คุณ...คุณคงจำผิดแล้ว” เอิ้นรีบปฏิเสธ



“ไม่หรอก ไม่น่าผิด...”



“ผมไม่เคยเจอคุณ”



“แต่เสียงคุณ...คุ้นมาก...เหมือนมาก”



“เหมือน...ใคร?”



“ผมคุยกับเขาแทบทุกวัน ผมว่าผมจำได้”



“ผม..ผมไม่เคยคุยโทรศัพท์กับคุณเสียหน่อย”



โชนจับจ้องไปที่ใบหน้าของเอิ้นหลังเขาพูดจบประโยค ดวงตาคมจ้องไปในดวงตาอีกฝ่าย คล้ายค้นพบความจริง



“...ผมไม่ได้บอกคุณนี่ว่าผมเคยคุยโทรศัพท์กับคุณ?”



“...”



“ว่าแล้วเชียว...คุณคือ...”



“ไม่! ไม่ใช่”



ก่อนที่จะได้ยินคำถัดไป เอิ้นสะบัดมืออีกฝ่าย ตะโกนปฏิเสธ ยิ่งทำให้น่าสงสัยกว่าเดิม



เขารู้ตัวว่าย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จึงวิ่งหนีโชนไปยังรถที่จัดเตรียมไว้ให้ตัวเอง



จบสิ้นแล้ว



Call 24



“คุณเอิ้น!”



สิ้นเสียงไล่ตาม เขาเร่งฝีเท้าสุดชีวิต ชุดกระโปรงทำให้เทอะทะในการวิ่ง รองเท้าส้นเตี้ยทำให้เขาลงน้ำหนักตัวได้ไม่เต็มที่ เรียวขาของเขาไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดเหมือนนักกีฬา และมันก็สั้นกว่าอีกฝ่ายมากนัก



เขาถูกจับได้อีกครั้ง



เอิ้นหันไปหาโชนทั้งน้ำตา



“ปล่อยผมนะ”



“คุณเอิ้นจริงๆ ใช่ไหม?”



“ปล่อยผมก่อน”



“คุณรู้เรื่องมานานแค่ไหน”



“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมไม่ได้จะหลอกคุณ ไม่ได้คิดว่าคนที่คุณพูดถึงคือผม”



“แล้วทำไม...”



“ผมตั้งใจมาบอกคุณ ให้เลิกยุ่งกับ...ผมที่เป็นเธอคนนี้”



“...”



“ผมขอโทษ”



เขาพลาดเอง และทุกอย่างมันก็จบเห่



ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเป็นคนธรรมดาที่คุยโทรศัพท์กับโชนต่อไป แต่เขาทำมันพัง เผลอหลุดพูดโง่ๆ ลงไป โชนคงรับรู้แล้วว่าเอิ้นเป็นใคร โฉมงามที่โชนชมชอบกับเขาที่เป็นผู้ชายปลายสายคือคนเดียวกัน



โชนคงรู้แล้วว่าเขามันวิปริต



เขาหมุนตัวจากมา โชนไม่ได้วิ่งตามเมื่อครั้งที่แล้วอีก



โสภาเปิดประตูขึ้นรถ ลาจากสถานที่ที่ชมชอบและคนที่ชื่นชม



เอิ้นกลับมาทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม เตียงใหญ่ที่เคยเป็นพื้นที่ที่เอิ้นชอบที่สุด กลายเป็นเพียงพื้นที่ไร้ค่า



เอิ้นนอนคว่ำหน้า คว้าหมอนใบใหญ่มากอดไว้ หลั่งน้ำตา



เขาใช้หมอนแทนไดอารี่ และใช้หยดน้ำตาแทนน้ำหมึก บันทึกความเสียใจ



ร้อยเรียงความเศร้าที่ถาโถมใส่







_____________________________



#call123456

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกไปแล้ว โชนว่าไง  :hao4:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สงสารสมัยนั้นจริงๆนะ เรื่องพวกนี้มันร้ายแรงจริงๆในสมัยนั้น  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
บอกความจริงไปแล้ว สงสารคุณเอิ้นอ่า  :hao5:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
โอ้ยๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เศร้าเลยตอนนี้ สมัยนั้นมันยากจริงๆ
ตอนนี้ต้องให้เวลาโชนสักหน่อย ให้จูนความรู้สึกตัวเองให้ได้

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สงสารคุณเอิ้นจัง เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนยากจริงๆ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อย่าทำคุณเอิ้นเสียใจสิ  :mew4:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่สี่__________________________           

           

Call 25



เอิ้นไม่ได้ถอดสายโทรศัพท์ เขาแค่ไม่ได้รับมัน ปล่อยให้เสียงกริ่งของโทรศัพท์ดังหนวกหูลั่นบ้านอยู่อย่างนั้น จนคุณป้าแม่บ้านทนไม่ไหว ขอร้องให้คุณหนูอย่างเขาทำอะไรสักอย่าง



เอิ้นลุกไปยกสายโทรศัพท์ในขณะที่ยังไม่มีใครโทรมา แล้ววางหูโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตัวเครื่อง



ทำเช่นนี้ก็ไม่มีใครสามารถโทรเข้ามาได้แล้ว



และเสียงรบกวนก็จะหายไป



เสียงรบกวนที่มาจากโชน...



เขาไม่กล้าคุยกับโชนอีกแล้ว แม้ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างจากที่เขาหลอกโชนมานาน เขาคิดว่าตนคงถูกรังเกียจแล้วเป็นแน่แท้



ใครเล่าจะรักคนวิปริตอย่างเขา ใครเล่าจะหลงรักผู้ชายอย่างเขา



ไม่มีในโลกหรอก



ขนาดคนในครอบครัวยังรับไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ



เอิ้นไม่คาดหวังอะไรแล้ว



เขาปล่อยให้ตัวเองนอนแฉะแบะอย่างแห้งเฉาอยู่บนเตียงใหญ่



Call 26



เอิ้นนึกได้ว่าเขาเคยนัดจะส่งจดหมายหาโชน หากติดต่อไม่ได้...แต่คงไม่สำคัญอะไรแล้ว หากโชนส่งจดหมายมา คงไม่พ้นจดหมายต่อว่า และคำผรุสวาท



ถึงอย่างนั้น อีกใจกลับเรียกร้อง



ต่อให้ต้องโดนด่าทออีกกี่ครั้งก็ตาม ต่อให้ต้องถูกรังเกียจ ถูกติฉินท์นินทาอีกกี่ร้อยครั้ง เขาก็อยากคุยกับโชนอีกอยู่ดี แม้ว่าจะต้องเป็นการคุยผ่านตัวอักษร และเป็นการพูดคุยฝ่ายเดียวก็ตาม



เขาไม่คิดว่าโชนจะตอบจดหมายกลับมา ถึงอย่างนั้นก็ขอให้ได้ส่งก็พอ



เขาจรดปลายปากกาลงในกระดาษ เริ่มเขียนจดหมายถึงคนสำคัญ ใช้เวลาค่อนวันถึงเสร็จสรรพ เอิ้นพับมันไว้ในซอง จ่าหน้าชื่อโชน



เอิ้นไม่ได้รับโทรศัพท์ไปหลายอาทิตย์ เขาออกจากบ้านในรอบอาทิตย์เช่นกัน ตั้งแต่วันที่โชนรู้ความจริง เอิ้นก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน แม้แต่ห้องสมุดของมหาลัยก็ไม่ยอมไป เป็นที่น่าเป็นห่วงของป้าแม่บ้านและลุงคนขับรถ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากแสดงความเป็นห่วง



คุณหนูของบ้านเดินลงมาจากชั้นสอง ตามหาคุณลุงรวี



เขาตัดสินใจบอกคนขับรถว่าจะออกจากบ้าน คุณลุงรวีตื่นเต้นดีใจใหญ่ที่คุณหนูของเขายอมขยับตัวแล้ว ชายแก่ไม่สบายใจเวลาเห็นคุณหนูของเขานอนซม จึงได้แต่ดีอกดีใจที่เอิ้นจะออกบ้าน ลุงรวีรีบเตรียมรถให้พร้อม



เอิ้นเองพอแต่งตัวเสร็จก็ขึ้นรถ บอกป้าแม่บ้านว่าไม่นานจะกลับมา



เขาเพียงต้องการไปส่งจดหมายให้โชน



หรือไม่ก็รับจดหมายของโชน...ที่จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีสักฉบับเลยก็ได้



แต่เขาคิดผิดมหันต์...



กองจดหมายถูกเสียบไว้ที่ช่องกำแพงจนล้นทะลัก ที่นี่แทบไม่มีคนเดินผ่าน เป็นสถานที่ของเขากับโชนแน่แท้ และกองจดหมายมหึมานี่ เอิ้นค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นของตัวเอง



เขาเอื้อมมือไปหยิบจดหมายซองหนึ่งแบบสุ่ม



แล้วจดหมายที่เหลือก็ร่วงลงมา



Call 27



เขามองจดหมายหลายต่อหลายฉบับที่ร่วงหล่นสู่พื้นเพราะไร้แรงค้ำ เอิ้นพยายามก้มเก็บจดหมายทีละฉบับ พลันสายตาก็เห็นว่าจดหมายทุกฉบับล้วนนั้นจ่าหน้าซองถึงเขา



ใจเอิ้นเต้นระส่ำ



ใจหนึ่งตื่นเต้นที่โชนส่งจดหมายมามากขนาดนี้ อีกใจก็ร่ำร้อง กลัวว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจดหมายด่าทอไม่ก็สาปแช่ง



หวังว่าเนื้อหาในจดหมายที่โชนเขียนจะไม่รุนแรงมากนัก



จดหมายฉบับสุดท้ายอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เอิ้นลุกขึ้น เตรียมจากไปจากที่นี่ เขาตั้งใจจะเก็บจดหมายทุกฉบับไปอ่านที่บ้าน...ที่ห้องของตัวเอง เพราะถ้ามันเป็นจดหมายด่าทอ เขาจะได้ร้องไห้ได้อย่างไม่นึกอายใคร



เอิ้นหมุนตัว เตรียมออกจากตรงนี้



โดยไม่ทันระวัง เขาชนกับใครบางคนอย่างจัง



“ไอ้หยา” อีกฝ่ายร้องเสียงหลง



จดหมายในอ้อมแขนของเอิ้นร่วงกราวสู่พื้นดินอีกครั้ง เอิ้นรีบก้มเก็บของสำคัญ พยายามกวาดมันมารวมไว้ในอ้อมแขน พลันเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นมา



“โทษทีๆ ไม่คิดว่าคุณจะหันมาเร็วขนาดนี้”



แล้วคนก็แปลกหน้าก็ย่อตัวลง ช่วยเขาเก็บซองจดหมายพร้อมยื่นให้เอิ้น เผยใบหน้าสู่ระดับเดียวกัน



โชน!



อีกฝ่ายอมยิ้มจ้องหน้าเขา



“จับได้แล้ว”



Call 28



“ครั้งนี้อย่าคิดจะหนีไปไหนเลยนะคุณเอิ้น”



“ผ...ผิดแล้ว ผม ผมไม่ใช่”



“ไม่ใช่อะไรครับ”



“ไม่ใช่...คุณเอิ้น...อะไรนั่นหรอก ปล่อยผมนะ”



“ถ้าไม่ใช่คุณเอิ้นแล้วเก็บจดหมายทำไม”



“ผมแค่...เห็นว่ามัน...รก...เอ่อ...จะเอาไปไว้ให้อีกที่”



“เหรอครับ”



“อื้อ เดี๋ยวมันเปียกฝนจะทำไง”



“เมื่อไหร่คุณเอิ้นจะเลิกหลอกผมสักที”



“ผมไม่ได้หลอก อ๊ะ...”



ทันทีที่ตอบกลับ เอิ้นรู้ตัวแล้วว่าเขาพลาดให้อีกฝ่ายอีกแล้ว



โชนยิ้มขำ “คุณเอิ้น คิดว่าผมจำคุณไม่ได้งั้นหรือ”



“...”



“หน้าคุณตอนไม่ได้แต่งหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่นะ แค่ผมสั้นลง แล้วก็...ไม่ได้ใส่กระโปรง”



เอิ้นถอยเตรียมวิ่ง แต่โชนจับต้นแขนเขาไว้แน่นไม่ปล่อย



“เสียงคุณด้วย คิดว่าผมจะจำไม่ได้เหรอครับ คิดว่าจะหลอกผมได้หรือ”



“ผม...เปล่า”



คราวนี้คนทำผิดก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย



“คุณเอิ้น...” โชนส่งเสียงเรียก “ผมโกรธนะรู้ไหม”



เขารู้ ยังไงก็ต้องโดนโกรธอยู่แล้ว เขาทำให้โชนผิดหวัง แถมยังหลอกลวงกันอีก ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เอิ้นหลับตาปี๋ โชนบอกเองว่าโกรธเช่นนี้ เขาคงโดนต่อยสักหมัด



ทว่ามีเพียงน้ำเสียงตัดเพ้อของคนตรงหน้า



“ไหนคุณบอกว่าจะไม่หายไปไง”



“...”



“ไหนคุณบอกว่าจะเขียนจดหมาย”



“...”



“ผมรอมาตั้งนานรู้ไหม เดินเอาจดหมายมาส่งทั้งๆ ที่ไม่เคยมีฉบับไหนถูกเก็บไป เดินไปหาตู้โทรศัพท์เพื่อให้ผมติดต่อคุณไม่ได้เนี่ย”



“...”



“ผมมารอคุณที่นี่ทุกวันเลย หวังว่าจะมีวันหนึ่งที่คุณจำผมได้ แล้วมาส่งจดหมายถึงกัน”



“...”



“ผมรอมาตั้งนาน โดดเรียนไปหลายรอบเลยด้วย”



“...”



“หนีผมทำไมครับ”



เอิ้นเงยหน้าลืมตาขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย ตัวสั่นระริก



Call 29



“คุณเอิ้น?”



“ผมขอโทษ”



โชนไม่ตอบ จับแขนอีกฝ่ายไว้แน่นเช่นเดิม ถอนหายใจ



“ผมไม่โกรธแล้วก็ได้ แต่คุณเอิ้นต้องบอกผมก่อนว่าหนีผมทำไม”



“ผม...” เอิ้นพูดติดๆ ขัดๆ พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว “ผมเป็นแบบนี้...คิดว่าคุณโชนคงรังเกียจ”



“แบบไหน?”



“ก็ที่...แต่งตัวเป็นผู้หญิง”



“ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยที่คุณเอิ้นเป็นกะเทย”



“ผมไม่ได้เป็น!” เอิ้นขึ้นเสียง ก่อนตอบอ้อมแอ้ม “ขอโทษครับ”



“โอเคๆ ไม่ได้เป็นกะเทยก็ได้...แล้วเป็นอะไรล่ะ ตุ๊ด?”



“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”



“...”



“คำนิยามต่างๆ ที่พวกคุณพยายามยัดเยียดมาให้มันสำคัญด้วยหรือ”



“...”



“เมื่อสุดท้ายผมก็เป็นคน”



Call 30



“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณอย่างนั้น”



โชนดึงตัวเอิ้นเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ลูบหลังเขาเบาๆ เอิ้นสะดุ้ง แต่ผลักอีกฝ่ายไม่พ้น โชนแรงเยอะกว่าเขา คนตัวเล็กจึงได้แต่ดิ้นขลุกขลักด้วยความตกใจ



“ช่างมันเถอะ ผมชินแล้ว” เอิ้นบอกเสียงสั่น เลิ่กลั่กอยู่ในอ้อมกอดของโชน เขาไม่เคยถูกใครกอดมาก่อน แล้วจู่ๆ ก็มาถูกกอดเช่นนี้ เขาไม่รู้ต้องทำตัวเช่นไร



“อย่าโกรธผมนะคุณเอิ้น”



“ผม...ไม่ได้โกรธ คุณ...ปล่อยก่อน”



“ทำไมล่ะ”



“มันแปลก...เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน...มายืนกอดกันแล้วมัน...”



“คุณเอิ้นบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายังไงเราก็เป็นคน”



“...”



“ขอผมกอดอีกแป๊บนึงนะ คิดถึงมากเลย”



“...”



เอิ้นหาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในอ้อมแขนอุ่น ซบหน้าลงกับไหล่กว้าง โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนผ่าน ไม่อย่างนั้นล่ะก็เอิ้นต้องเขินจนจมดินแน่ๆ หรือไม่ก็โดนคนมองอย่างหยามเหยียด



คนตัวเล็กขบคิดพลางเริ่มดิ้นขลุกขลักอีกครั้ง เขาเริ่มกลัวว่าจะมีคนมาเห็น ไม่ว่าทางไหนก็แย่ทั้งนั้น



“คุณ...ปล่อยผมก่อน”



“ผมปล่อยก็ได้ แต่คุณเอิ้นห้ามหนีนะ”



“อือ” เขารับปาก และโชนก็ค่อยๆ คลายอ้อมกอดลงอย่างนึกเสียดาย เอิ้นตัวอุ่น ขนาดตัวกำลังพอดี ถึงจะผอมไปนิด แต่โชนชอบที่มีเอิ้นอยู่ในอ้อมแขน



“ผม...” โชนเริ่มเอ่ยก่อน “ไม่ค่อยเข้าใจที่คุณเอิ้นทำเท่าไหร่...หมายถึง...ตอนที่อยู่ในร้านนั้น”



“ผมมันก็แค่คนวิปริต”



“อย่าว่าตัวเองอย่างนั้นสิ ผมอยากรู้ว่าคุณเอิ้นทำไมถึง เอ่อ...แต่งตัวเป็นผู้หญิง”



“...ผมชอบผู้ชาย” เอิ้นตัดสินใจบอกโชน อย่างไรเสีย ที่เขาตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายที่มีต่อโชน ถึงแม้ว่าโชนจะรู้ความลับอันน่าเกลียดของเขาเพิ่มไปอีกอย่างก็คงไม่เป็นไร เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว



เอิ้นสูดหายใจเข้า กล่าวต่อ “แต่ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง”



“ที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงก็เพื่อไม่ให้มีคนสงสัยเวลาผมมองผู้ชายด้วยกัน”



“ผู้ชายมองผู้ชาย เขาว่าน่าขยะแขยง”



“แต่พอผมเป็นผู้หญิง ก็ไม่มีใครว่าอะไรอีก”



“ผมเลยแต่งตัวแบบนั้น เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาใคร”



“หรือถูกใครทำร้าย..”



“แค่นั้นเอง...ครับ”



โชนยืนนิ่ง รับรู้เรื่องราว



“คุณเอิ้นไม่เคยบอกผมเลย” โชนกล่าวออกมาเป็นคำแรกหลังจบคำอธิบายของเอิ้น



“ผมไม่เคยบอกใคร มันน่าขยะแขยง ผมเป็นผู้ชายนะ แต่มาแต่งตัวแบบนี้มัน...”



“ก็น่ารักดีออก”



“เอ๊ะ...!?”



“ผมหมายถึง...ก็น่ารักดี...ตอนคุณเป็นผู้หญิงน่ะ”



“คุณบ้าไปแล้วหรือ”



Call 31



“เปล่านะ ผมแค่พูดตามจริง”



“คุณมาบอกผมว่าน่ารัก ทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้ชายเนี่ยนะ”



“ก็คุณน่ารักจริงๆ นี่”



“คุณ!”



“ขนาดหน้าแดงเป็นตูดลิงยังน่ารักเลย”



“ผมไม่ขำด้วยหรอกนะ”



“ผมไม่ได้พูดให้ขำเสียหน่อย”



“แต่...”



“เอาเป็นว่า คุณเอิ้นมายังไงครับ”



“หา?”



“มาที่นี่ยังไง”



“ผม...ให้คนขับรถมาส่ง”



“แล้วเขายังอยู่ไหม”



“จอดรถอยู่ซอยข้างๆ” เอิ้นบอก ซอยนี้แคบเกินไป รถจอดขวางไม่ได้ เอิ้นเลยให้คุณลุงรวีจอดรอยังซอยข้างๆ แทน



“งั้นไปกัน”



“หา”



“ไปบอกคนขับรถคุณว่าคุณจะไปเที่ยวกับผม”



“เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ”



โชนไม่ว่าเปล่า เขาช่วยเอิ้นหอบจดหมายของตนเดินนำไปยังซอยข้างๆ อย่างที่เจ้าตัวบอก



“คุณโชน ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปกับคุณ”



“ถ้าคุณเอิ้นไม่ไป...งั้นผมจะลักพาตัวคุณเอิ้นนะ”



“หา”



“เร็วเข้า ถ้าไม่ไปบอกคนที่บ้านคุณ ผมก็จะอุ้มคุณหนีไปตอนนี้เลย”



“จะบ้าเหรอ”



“ไม่บ้าครับ ตกลงจะเอาอย่างนี้ใช่ไหม ให้ผมลักพาตัว”



“ไม่ๆๆๆ” เอิ้นปฏิเสธรัว และสุดท้ายเขาก็ยอมเดินไปหาคุณลุงรวีอย่างงุนงงในคำขู่ของโชน เอิ้นไม่คิดว่าโชนจะลักพาตัวเขาได้หรอก มันบ้าบอสิ้นดี แต่ในใจก็คิดว่าโชนอาจจะทำจริงก็ได้...



“คันนี้ใช่ไหม”



“ใช่...” เอิ้นตอบด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแล้ว



โชนเคาะกระจกรถสองสามที กระจกรถก็ถูกลด



“คุณลุงครับ ผมเป็นเพื่อนกับคุณเอิ้น บังเอิญเจอกันเลยจะพาเขาไปเที่ยวสักพัก คุณลุงกลับไปได้ก่อนเลยครับ”



“หา พ...เพื่อนคุณเอิ้น?”



“...เพื่อนผมเองครับลุงวี” เอิ้นตอบ เขาเคยมีเพื่อนที่ไหนกัน ลุงวีเองก็คงแปลกใจ แต่เอิ้นไม่อยากให้คุณลุงรวีที่แก่แล้วต้องมาตกใจ และไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เลยพยายามยืนยันอีกครั้งว่าเป็นเพื่อนที่มหาลัยที่ไม่ได้เจอกันมานาน



“ผมฝากจดหมายให้คุณลุงเอากลับบ้านก่อนนะครับ ส่วนคุณเอิ้นเดี๋ยวเย็นๆ ผมค่อยพาเขากลับ” โชนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม หยิบกองจดหมายยื่นให้คุณลุงในรถรับไว้



“โอ้ อย่างนั้นรึ งั้นลุงฝากคุณหนูด้วยนะ”



“ได้ครับ”



ว่าจบ รถคันหรูก็แล่นจากไป...



Call 32



โชนหันมายิ้มแฉ่งให้เอิ้น แต่เอิ้นไม่ได้ยิ้มกลับ เขาทำหน้าบู้



“คุณทำแบบนี้ทำไม”



“ผมอยากรู้จักคุณเอิ้นมากกว่านี้นี่ครับ”



“ทำไม...?”



“ไม่รู้สิ...”



“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณนะ”



“คุณเอิ้น ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม ผมแค่ไม่อยากให้คุณเลิกติดต่อกับผมแบบนี้ อย่างน้อยผมก็ยังอยากเป็นเพื่อนคุณนะ”



“ทั้งๆ ที่ผมเป็นแบบนี้น่ะหรือ...”



“แบบไหนครับ ที่แต่งหญิงกับชอบผู้ชายน่ะหรือ”



“อือ...”



“สำคัญตรงไหน ในเมื่อคุณเอิ้นบอกเองแท้ๆ ว่าคุณก็เป็นคน”



“ผมพูดแบบนั้นก็จริง...แต่คนทั่วไปเขาไม่ยอมรับนี่”



“เอาเป็นว่าผมยอมรับแล้วกันนะ”



“ทำไมล่ะ”



“ผมอยากคุยกับคุณเอิ้น”



เอิ้นไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาเขาไม่มีเพื่อน พอทุกคนรู้ว่าเขาชอบเพศเดียวกัน ทุกคนก็พลันถอยหนีราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค เอิ้นไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยากทำความรู้จัก และถึงแม้ว่าเขาจะออกไปนั่งเล่นที่ผับทุกอาทิตย์ แต่เขาก็กลัวการผูกมิตรใหม่



เอิ้นไม่คิดว่าการที่เขาเป็นแบบนี้จะเป็นที่ยอมรับของใครต่อใคร



เขาเลยสับสนกับการกระทำของโชน มากถึงมากที่สุด



เสียแต่โชนไม่สนใจ เขาจับมือเอิ้น จูงไปยังปากซอย



เอิ้นรีบสะบัดมือทิ้ง



“ผู้ชายจับมือกัน มันประหลาด” เอิ้นอ้าง โชนยักไหล่



ขยับมาเดินใกล้ๆ คนตัวเล็กกว่าแทน



Call 33



“ไปดูหนังกันไหม”



“เอ๊ะ?”



“หรือคุณเอิ้นหิว ไปหาอะไรทานกันไหม”



“เอ๊ะ?”



“หรือไปสวนสัตว์”



“หา”



“คุณเอิ้นสนใจไปตลาดไหม”



“เดี๋ยวสิ”



“อยากไปไหนครับ”



“...” เอิ้นเงียบ จับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความงุนงง เขาไม่รู้จะทำตัวเช่นไรเมื่ออยู่กับโชนสองต่อสองเช่นนี้ มือไม้ทุกอย่างดูเกะกะไปหมด และเขาก็คิดไม่ออกเลยสักนิดว่าต้องการไปที่ไหน



“เอาไปว่าไปหาอะไรทานก่อน ผมรู้จักร้านอาหารดีๆ แถวนี้ ตกลงไหมครับคุณเอิ้น”



“อ่า อื้อ”



โชนพาเขามาที่ร้านอาหารอย่างที่กล่าว ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว แต่เอิ้นไม่ค่อยหิว เลยสั่งเพียงขนมทานเล่นเท่านั้น



ส่วนคนพามาดันรีบโซ้ยข้าวตัวเองเสร็จก็นั่งดูเอิ้นเคี้ยวขนมอย่างเพลินตา



“คุณ...มองอะไร”



“ผมว่าคุณเอิ้นหน้าตาน่ารักดี”



เอิ้นหน้าแดง



“ตอนเป็นผู้หญิงก็สวยพริ้ง ไม่แปลกหรอกถ้าผมจะชอบ”



“คุณโชน...อย่าพูดถึงมันอีกเลย”



“ทำไมล่ะครับ คุณเอิ้นเป็นรักแรกผมเลยนะ” โชนหัวเราะขำ



เอิ้นไม่ขำตาม เขาเอ่ยถามแทน “คุณโชน...ทำแบบนี้ทำไม”



“หืม แบบไหนหรือ”



“ที่ชวนผมมาอย่างนี้”



“ผมบอกแล้วว่าอยากรู้จักคุณเอิ้นมากกว่านี้ ขืนผมปล่อยคุณไป คุณก็จะหนีไปอีก”



“...”



“ผมไม่ชอบเลย...”



“...”



“ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมชอบที่ได้คุยกับคุณเอิ้นนะ และก็ชอบที่ได้มองคุณเอิ้น...ตอนเป็นผู้หญิงด้วย”



เอิ้นเม้มปาก หน้าแดงอีกครั้ง เอ่ยอุบอิบ “ผมเป็นผู้ชาย”



“อืม ผมรู้แล้ว...ตอนนี้ผมก็ชอบมองที่คุณเอิ้นเป็นผู้ชายแบบนี้แหละ”



จบประโยค เหมือนเอิ้นโดนค้อนทุบหัวใจอย่างจัง แรงทุบรุนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่



หัวใจที่ว่าเต้นระรัวเมื่อได้คุยกับโชนนั้น ตอนนี้พลันเต้นแรงมากขึ้นเท่าทวีคูณ





_______________________






#call123456

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เขินนนนนน :-[

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
สายหยอด !

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หน้าแดง ม้วนกันไปเลย อิอิ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เขินแทนคุณเอิ้นนนนนนนนนนนนนน :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เขินนนน  :o8:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โชนรุกใหญ่เลยทีนี้
ไม่ต้องจูนความรู้สึกแล้วจ้า รับได้ที่เอิ้นเป็นทุกอย่างเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ระทวยจนเดินไม่เป็นแล้ว  :katai5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เอิ้นมั่นใจในดัวเองหน่อยนะ สู้ๆ :3123: :3123:

+1 เป็ดให้เอิ้น

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โชนหยอดเก่ง เป็นเรา เราก็ม้วน >////<
ในความเขิน เรายังเอ๊ะ! นั่นสมัยก่อน จะเป็นยังไงต่อนะ

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ห้า______________________







Call 34



หลังจากทานข้าวเสร็จ โชนพาเอิ้นไปเดินเล่นตามทางเดิน ผ่านสวนสาธารณะ โชนเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาให้เอิ้นฟัง เป็นการเล่าเรื่องต่อหน้าครั้งแรกที่ไม่ผ่านการโทรศัพท์ น้ำเสียงของโชนยามที่ไม่ถูกกรองผ่านเส้นสัญญาณช่างนุ่มทุ้มน่าฟัง เอิ้นปล่อยให้โชนเล่าส่วนตนเป็นผู้รับฟังอย่างตั้งใจ



“พอไม่มีเรื่องสาวก็ไม่รู้จะปรึกษาอะไรคุณเอิ้นเลยแฮะ”



“...อันที่จริง ผมรับปรึกษาเรื่องนี้ได้ไม่ดีหรอก”



“ดีสิ เพื่อนผมไม่มีใครให้คำแนะนำดีๆ แบบคุณเอิ้นเลยสักคน”



“พวกเขาว่าอะไรหรือ”



โชนส่ายหน้า “พวกนั้นบอกว่าคุณเอิ้นสวยไป ไม่สนใจผมหรอก ให้ตัดใจ”



“...”



“แต่คุณเอิ้นไม่ได้พูดอย่างนั้น...”



“...ผมแค่...” เอิ้นไม่รู้จะบอกยังไง เขาไม่ได้เห็นคนที่โชนชมว่าสวย ตัวเขาที่อยู่ห่างๆ จึงได้แต่ให้กำลังใจโชน เพียงเพราะไม่ได้อยู่เคียงข้าง เลยอยากสนับสนุนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ผ่านสายโทรศัพท์เท่านั้น



แต่ถ้าเอิ้นรู้ว่าโชนหมายถึงตน เขาก็คงบอกให้โชนเลิกสนใจเหมือนกัน



“อืม...คงต้องเปลี่ยนเรื่องแล้ว” สงสัยเพราะเอิ้นเงียบไปนาน โชนจึงพูดขึ้นตัดความเงียบ หาหัวข้อใหม่



“...”



“ผมถามเรื่องคุณเอิ้นบ้างได้ไหม”



“หืม”



“ตอนนี้คุณรู้ทุกอย่างของผมแล้วนี่ ผมเป็นนักศึกษาอยู่มหาลัยไหน เรียนคณะอะไร พักอยู่ที่ไหน เมื่อก่อนเป็นยังไง คราวนี้ตาคุณเอิ้นเล่าบ้างสิ”



“...เรื่องของผม...ไม่น่าสนใจขนาดนั้นหรอกครับ”



“เล่ามาเถอะนะ ผมอยากฟัง...”



เอิ้นถอนหายใจ เหลือบมองคนข้างๆ ที่ฉีกยิ้มหน้าแป้น รอฟังเรื่องราว



เอิ้นคิดว่าคราวนี้คงหาทางปฏิเสธไม่ได้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากให้มีใครสักคนรับรู้เรื่องราวของเขาบ้าง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเพื่อน จึงไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง



หัวใจเอิ้นเต้นผิดจังหวะไปสักพักด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเริ่มเอ่ย



“ผมเป็นลูกคนเล็ก...”



“พอพ่อแม่และพี่ๆ รู้ว่าผมชอบผู้ชาย ผมก็ถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว”



“ส่วนพวกเขาก็อยู่บ้านอีกหลัง ไกลออกไปอีก”



“ผมไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งในสังคมและครอบครัว”



“ไม่มีใครอยากรู้ว่าผมต้องการอะไร หรือทำอะไรอยู่”



“พวกเขาปล่อยผมไว้ รอวันให้ผมตายอย่างโดดเดี่ยว”



“มีแค่ป้าภากับลุงวีที่คอยดูแลผม”



“พอคุณแกล้งโทรผิดมาผมเลยดีใจที่มีคนอื่นให้คุยบ้าง”



“แค่นั้นแหละ จบแล้ว”



“เดี๋ยวสิ” โชนร้อง “แล้วเรื่องก่อนหน้านี้ล่ะ ที่โรงเรียน สมัยมัธยม วีรกรรมต่างๆ”



เอิ้นเงียบ



และโชนก็รับรู้คำตอบได้ในความเงียบ



“ผมขอโทษ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”



Call 35



ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว โชนจึงเปลี่ยนเรื่องไม่ให้เอิ้นหงอยไปมากกว่านี้



“บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”



“เอ๊ะ”



“บอกที่อยู่มาซะดีๆ” โชนเอ่ยเสียงทะเล้น ส่วนเอิ้นเบะปาก



“คุณส่งผมแถวนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมให้ลุงวีมารับ”



“แล้วคุณเอิ้นจะบอกคุณลุงยังไง แถวนี้ไม่มีตู้โทรศัพท์นะ”



“ผมมีโทรศัพท์มือถือ”



“...”



โชนจ้องมองเอิ้นตาเขม็ง เขานึกว่าทำให้อีกฝ่ายโกรธอีกแล้ว



“คุณเอิ้นไม่เห็นบอกเบอร์มือถือให้ผมเลย”



“ผม...ผมแค่คิดว่าไม่จำเป็น คุณโทรมาตอนผมอยู่บ้านอยู่แล้วนี่”



“แต่ถ้าผมโทรเข้ามือถือก็จะเป็นส่วนตัวมากกว่าใช่ไหมล่ะ”



“...”



“แถมยังเป็นเบอร์สำรองได้ด้วย ถ้าคุณเอิ้นไม่ยอมรับโทรศัพท์บ้าน”



“ผมอยู่บ้านตลอด...”



“ไม่ให้แก้ตัวแล้วครับ ผมจะไปส่งคุณเอิ้นที่บ้าน”



“แต่...”



“ห้ามปฏิเสธด้วย”



สุดท้ายเขาก็ต้องยอมบอกที่อยู่ตนให้อีกฝ่ายเพราะทนแรงรบเร้าไม่ไหว คราวนี้เขาชิ่งวางสายหนีก็ไม่ได้แล้วด้วยเพราะไม่ได้โทรคุยกัน ที่อยู่ของเอิ้นไกลจากตรงนี้ไปเล็กน้อย พวกเขาจึงโบกรถสองแถวให้มาส่งหน้าหมู่บ้านเอิ้นแทน



“ผมกลับเองได้ คุณกลับเถอะ เดี๋ยวมืดกว่านี้จะอันตราย”



“บอกแล้วไงครับ ผมอยากไปส่งคุณเอิ้นถึงหน้าบ้าน”



“แต่...”



“ผมยังอยากอยู่กับคุณนะ ไปเถอะ”



เอิ้นยอมทำตาม เดินนำไปยังบ้านของตน ระหว่างทางโชนหาเรื่องพูดคุยไปเรื่อยไม่ให้เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา โชนกลัวเอิ้นจะอึดอัดที่ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง รวมไปถึงต้องการแสดงให้เอิ้นเห็นถึงความจริงใจที่ตนมี เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเอิ้น ถึงแม้ว่าเอิ้นจะแตกต่าง



ระหว่างทางเดินจากหน้าหมู่บ้านไปยังบ้านเอิ้น โชนก็ชวนคุย



 “คุณเอิ้นอยากลองชิมไอศกรีมที่เปิดใหม่ใกล้ม.ผมดูไหม ไว้ผมพาไป”



“จริงๆ ไว้สักวันเราไปดูหนังด้วยกันเถอะ”



“มีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากทำกับคุณเอิ้นเยอะแยะไปหมด”



เอิ้นไม่ได้ตอบ อันที่จริงเขาคุยแข่งกับอีกฝ่ายไม่ทันเลยปล่อยให้โชนพูดคนเดียว



ยังไม่ทันจบเรื่องพูดคุยของโชน สุดท้าย ก็มาถึงหน้าบ้านของเอิ้น



“โห บ้านคุณเอิ้นหลังใหญ่จัง”



“...”



“อยู่คนเดียวต้องเหงาแน่ๆ ใช่ไหม”



“ผมชินแล้ว...”



“ไว้ผมจะโทรมาหาบ่อยๆ นะ โทรหาคืนนี้เลย คราวนี้รับสายด้วย”



“...”



“ถ้าไม่รับ ผมมาบุกถึงบ้านคุณแน่”



“...”



“ไม่เชื่อผมเหรอ”



“เชื่อแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว”



โชนยกยิ้ม “หลังจากนี้คุณหนีไม่ได้แล้วนะ”



“...” เอิ้นไม่ตอบ ก้มหน้าหนีสายตาทะเล้นของอีกฝ่าย



“เราถือว่ารู้จักกันมานานแล้วเนอะคุณเอิ้น



“...อืม ก็นาน...มั้ง” เอิ้นคิด...ถ้านับรวมระยะเวลาที่โชนโทรคุยมาตลอดก็ถือว่าค่อนข้างนานพอสมควร



“รู้จักชื่อแล้ว เห็นหน้ากันแล้ว รู้ความลับแล้ว ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว แถมผมยังมาส่งที่บ้านคุณได้อีก”



“...”



“จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ” โชนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มดุจแสงตะวัน



เอิ้นพยักหน้ารับ เขาไม่มีทางปฏิเวธความสัมพันธ์นี้หรอก ซ้ำยังดีใจด้วยซ้ำที่มีคนยอมเป็นเพื่อนกับคนอย่างเขา ก่อนที่เอิ้นจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป เขาชะงักพลันนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง หันมาบอกกับโชน



“อันที่จริง...ผมเป็นพี่คุณนะ”



Call 36



เอิ้นกับโชนกลับมาคุยกันผ่านโทรศัพท์เช่นเดิม โชนต้องรีบเร่งเรียนให้ทันเพื่อน เหตุเพราะมัวแต่วุ่นเรื่องเอิ้นจนไม่เป็นอันตั้งใจเรียน เขาเลยไม่มีเวลาไปหาเอิ้นอย่างที่ใจนึก



หลังจากตอนนั้นที่โชนกลับไป เขาโทรมาหาเอิ้นแล้วรีบพูดใส่



“คุณแก่กว่าผมงั้นหรือ”



“ใช่ ผมเรียนป.โทแล้วน่ะ”



“แล้วผมต้องเรียกว่าพี่ไหม พี่เอิ้นๆๆ”



“พอแล้ว หยุดเลย เรียกแบบเดิมนั่นแหละ”



เอิ้นดีใจที่ได้กลับมาคุยกับโชนอีก แค่ในฐานะเพื่อนก็ดีแล้ว จะมีสักกี่คนที่ยอมรับเขาได้ขนาดนี้



“พี่เอิ้น~”



“หยุดเลยนะ!”



อันที่จริง เอิ้นอยากให้โชนเรียกตนว่าพี่นั่นแหละ เสียแต่พอโชนเรียกจริงๆ เขากลับไม่ชิน และเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาคุ้นชินกับคำเรียกแบบเดิมมากกว่าและขอร้องให้อีกฝ่ายอย่าเปลี่ยนมัน



เพราะจะเป็นเขาเองที่จะเขินจนทนไม่ไหว



“คุณเอิ้น”



“หืม”



“เรียกผมว่าโชนบ้างสิ”



“ไม่เอา...”



“ทำไมล่ะ เป็นเพื่อนกันแล้วนะ”



“เป็นเพื่อนแล้วเรียกคุณไม่ได้หรือ”



“มันก็จะดูไม่สนิทสนมกันน่ะสิ”



“ก็...” เอิ้นเว้นวรรคยาว แม้จะรู้จักกันนานแต่ก็ยังไม่สนิทกันจริงๆ น่ะสิ ถึงได้ไม่กล้าเอ่ยเพียงชื่อธรรมดา เอิ้นกลัวว่ามันจะดูเสียมารยาท “เรียกแบบนี้แหละ”



“โถ่ คุณเอิ้น”



“ครับ คุณโชน”



Call 37



“คุณเอิ้น เย็นนี้ไปดูหนังกัน” หลังจากที่โชนได้เบอร์โทรศัพท์มือถือขเอิ้นมา เขาก็สามารถโทรหาอีกฝ่ายได้ทุกเวลา ไม่แค่เฉพาะตอนเย็น หรือค่ำๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว



“ผมไม่ว่าง”



“ทำอะไร”



“ทำวิจัย”



“พี่เอิ้น...”



“หยุดทำเสียงอย่างนั้นเลยนะ”



“คุณเอิ้นไม่อยากไปดูหนังกับผมเหรอ”



“อย่างอแงสิคุณ ผมต้องทำงานนะ คุณไม่มีงานหรือไง”



เอิ้นมายืนรออีกฝ่ายที่หน้าโรงหนัง



เขาล้มเหลวในการเถียงอีกฝ่าย อันที่จริง ในใจลึกๆ เอิ้นเองก็อยากเจอโชนเช่นกัน เขาไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์แล้ว



โชนมาถึงหลังจากนั้นห้านาที



“เอิ้นอยากดูเรื่องอะไรไหม”



“ไม่อ่ะ คุณเลือกเถอะ”



 “โอเค งั้นดูเรื่องนี้กัน”



พวกเขาใช้เวลาหลังดูหนังเสร็จไปกับการวิพากษ์วิจารณ์ตัวหนังในร้านอาหาร โชนเป็นคอหนังสุดฤทธิ์ เขาเก็บแทบจะทุกรายละเอียดของตัวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การจัดแสง การตัดจังหวะ รวมไปถึงเสื้อผ้าและฉากประกอบ



เอิ้นไม่ได้ชอบดูหนังเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น



แต่เขาก็ไหลตามน้ำไปกับอีกคน



เพียงเพราะอยากคุยด้วยนานๆ



Call 38



เอิ้นเริ่มไม่เข้าใจว่าโชนทำเช่นนี้ทำไม หลังจากที่โชนชวนเขาดูหนังครั้งก่อน ไม่กี่วันถัดมาโชนก็ชวนให้เอิ้นมาเจอกันในอาทิตย์นี้ แม้โชนจะเคยบอกชอบเอิ้น แต่เอิ้นไม่แน่ใจเลยสักนิดว่ามันเป็นคำว่าชอบแบบชู้สาว เอิ้นคิดว่าโชนคงชอบแบบเพื่อน หรืออารมณ์เจอของแปลกเลยชอบ ไม่ก็คงเป็นการหยอกล้อกัน ไมได้ลึกซึ้งอะไร



เพียงแต่การโทรคุยกันที่ถี่ขึ้นและนัดเจอกันบ่อยครั้งทำให้เอิ้นเริ่มไม่มั่นใจ



แต่เขาก็ตกลงทุกนัดที่โชนชวนอยู่ดี



เอิ้นมารอที่นัดหมายก่อนเวลาไม่กี่นาที และเมื่อถึงเวลา โชนก็มาถึง พร้อมกับทำหน้าแปลกใจ



“คุณ...เอิ้น?”



“ครับ?”



“ทำไมแต่งเป็นผู้หญิงมาล่ะ”



“ก็...คุณบอกว่าอาจจะพาไปทานขนม...ผู้ชายสองคนไปร้านขนมมันแปลกๆ นี่”



“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย โถ่”



โชนทำตาหงอย ไม่ใช่ไม่ชอบที่เอิ้นแต่งตัวแบบนี้ มันน่ารัก เพียงแต่เขาอยากให้เอิ้นเลิกคิดมากเรื่องสายตาคนทั่วไปเสียที



“ผมกะจะพาเอิ้นไปเล่นเกมตู้ด้วย...” โชนเฉลย



เอิ้นมองสภาพตัวเอง ถ้าเขาแต่งตัวออกทอมบอยสักหน่อยน่าจะเข้าร้านเกมได้แบบไม่มีใครจ้องมอง ไม่สิ...ทำไมต้องแต่งตัวทอมบอย ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นผู้ชาย!



เอิ้นก้มหน้างุด มองกระโปรงพลิ้วของตัวเอง...คงโดนคนเพ่งเล็งแน่ๆ ถ้าเขาเข้าร้านเกมด้วยสภาพชุดคุณหนูเช่นนี้



โฉมงามถอนหายใจ



เขาอุตสาห์เลือกชุดโปรดเลยแท้ๆ เชียว



“ไม่เป็นไรนะ ถ้างั้นเราไปทานไอศกรีมกันดีกว่า”



“ขอโทษนะ...”



“หืม”



“ที่ทำให้ลำบาก”



“คุณเอิ้นอย่าคิดอย่างนั้นสิ ผมเต็มใจ ไว้คราวหลังเราค่อยไปเล่นเกมด้วยกันก็ได้”



“อื้ม”



โชนพาเอิ้นไปทานไอศกรีม และเดินเล่นในห้างแทน พวกเขาเข้าร้านหนังสือ ร้านเทป ร้านเช่าวิดีโอหนัง ร้องคาราโอเกะ รวมถึงดูหนังด้วยกันอีกสักเรื่อง ก่อนที่โชนจะพาเอิ้นมาส่งที่รถ



จนสุดท้ายเอิ้นก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดีว่าโชนทำแบบนี้ทำไม



Call 39



“ที่จริง...คุณเอิ้นเสียงเพราะนะเนี่ย”



“อะไรของคุณ”



“ตอนที่ร้องคาราโอเกะกันไง” เอิ้นหน้าแดงอยู่หลังโทรศัพท์ เอ่ยอ้ำๆ อึ้งๆ



“คุณเองก็ร้องเพราะ...”



“จริงหรือ อย่าหลอกอำกันนา เดี๋ยวผมดีใจเก้อนะ”



“ไม่ได้หลอก” เอิ้นขำ



“ดีใจจนตัวลอยแล้ว”



“พอเลย”



เอิ้นอมยิ้มขำกับเสียงดีใจเหมือนเด็กๆ ของอีกฝ่าย คืนนี้เขาเข้านอนด้วยรอยยิ้ม และหุบยิ้มไม่ได้จนแม้กระทั่งยามหลับใหล



โชนชวนเอิ้นอีกครั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์ ครานี้เอิ้นไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นผู้หญิงแล้ว เขาปล่อยให้โชนลากไปลากมาตามใจชอบ และได้เข้าเล่นเกมเซ็นเตอร์อย่างที่โชนตั้งใจ



เอิ้นไม่รู้จักเครื่องเล่นเกมพวกนี้เท่าไหร่ แต่โชนก็พยายามสอนเขาเล่น เกมต่อสู้ที่ใช้ปุ่มกดเพียงไม่กี่ปุ่มดูไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่ก็ทำให้เอิ้นคิ้วขมวด สับสนในการบังคับตัวละครในตู้เกมอยู่ดี



แน่นอน เอิ้นเป็นฝ่ายแพ้ทุกรอบ



โชนยิ้มขำให้คนหน้าหวานที่ดูไม่พอใจกับผลการแข่งขัน ก่อนที่พวกเขาจะล้มละลายไปกับเกมหยอดเหรียญ โชนก็พาเอิ้นออกมา



แม้ว่าเอิ้นจะไม่ได้มีปัญหากับการเล่นเกมรอบละสิบบาทก็ตาม



“คุณเอิ้นไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้เลยสินะครับ”



“อืม ไม่เคยเลยสักครั้ง”



โชนพยักหน้ารับ เขาไม่คิดถามอะไรอีก



ส่วนเอิ้นก็พลันระลึกถึงความหลังที่ไม่น่าจดจำ พ่อแม่เขาไม่ยอมให้เขาไปคลุกคลีอยู่ในร้านแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เขาจึงไม่มีเพื่อนเล่นเลยสักคน เอิ้นมีแต่เพื่อนเรียน ที่ไว้ถามไถ่เรื่องการบ้านและวิชาความรู้เท่านั้น



“ไปเดินเล่นที่สวนตรงนั้นไหมคุณ” โชนเอ่ยชวนเมื่อเอิ้นเริ่มเงียบไป แถวนี้มีสวนสาธารณะให้ผู้คนมาออกกำลังกาย ตัวสวนค่อนข้างกว้างและร่มรื่น อุดมไปด้วยต้นไม้หลายสายพันธุ์



ไม่ทันได้ตอบอะไร พวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว



“คุณเอิ้น วิ่งแข่งกับผมสักตาไหม”



“หา ไม่เอา”



เอิ้นร้องปฏิเสธทันควัน นอกจากเขาจะเล่นเกมไม่เก่งแล้วยังเล่นกีฬาไม่เก่งอีกด้วย เอิ้นใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับหนังสือ นอนเล่นอยู่แต่ในบ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหน เรื่องออกกำลังกายน่ะหรือ ลืมไปได้เลย



“วอร์มร่างกายกันก่อน เอาเป็นเดินตรงนี้หนึ่งรอบ เสร็จแล้วเปลี่ยนมาวิ่งเหยาะๆ นะ”



โชนไม่สนใจคำปฏิเสธของคนข้างตัวสักนิด ในใจโชนอยากให้เอิ้นออกกำลังกาย เพราะคิดว่าเอิ้นตัวเล็กเกินไป ซูบซีดจนน่าเป็นห่วง กลัววันข้างหน้าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเอาง่ายๆ



เมื่อทำตามโปรแกรมของโชนเสร็จสรรพ ทั้งการเดินและวิ่งเหยาะๆ รอบสวน



พวกเขาออกตัววิ่งแข่งกันในรอบที่สาม



Call 40



เอิ้นแพ้ตามคาด เจ้าตัวมานั่งหอบฮั่กอยู่บนม้านั่ง มีโชนนั่งประกบคอยพัดให้คนตัวเล็กพร้อมหัวเราะขำ



“ผมบอกแล้วว่าไม่อยาก”



“แต่คุณเอิ้นก็ทำได้ดีนะ วิ่งได้ตั้งสองรอบ”



“พอแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อย”



“คุณเอิ้นต้องออกกำลังกายเยอะๆ นะรู้ไหม”



“ผมไม่อยากนี่”



“คุณเอิ้นตัวก็เล็กนิดเดียว ถ้าไม่แข็งแรงด้วยจะลำบากนะ”



“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าป่วยก็ค่อยไปหาหมอ”



“ไม่ได้สิ เราต้องดูแลตัวเองด้วย พึ่งหมออย่างเดียวไม่ได้นะ”



“คุณ...ขี้บ่นนะ วันนี้” เอิ้นบอก หอบเอาลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด



“ผมแค่อยากให้คุณเอิ้นแข็งแรงสุขภาพดี”



แกล้งกันล่ะสิไม่ว่า เอิ้นคิด



พวกเขานั่งพักกันที่ม้านั่งจนกระทั่งตะวันใกล้จะตกดิน เอิ้นโทรเรียกให้ลุงวีมารับ ระหว่างที่รอรถ โชนก็หาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ



วันนี้ทั้งวันเอิ้นเดินเยอะ แถมเสียพลังงานเยอะไปกับเกมเซ็นเตอร์ ยังไม่พอต้องมาวิ่งตากแดดกับโชนอีก พลังงานตอนนี้ของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว



เอิ้นฟังโชนพูดคุยสัพเพเหระ  ดวงตาน้อยๆ คล้อยยานใกล้จะปิดลง



โชนสังเกตเห็นคนนั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่คิดทักท้วง เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความขบขัน เอิ้นที่ควบคุมความง่วงไม่ได้ทำให้โงนไปเงนมา จนโชนปล่อยให้คนง่วงเอนหัวมาที่ไหล่ของเขาก่อนหลับไป



ตัวแทนหมอนอมยิ้มอยู่คนเดียว ภาวนาให้เวลาหยุดเดิน พวกเขาจะได้อยู่ในห้วงแห่งความเป็นนิรันดร์



ทว่าเวลาก็ผ่านไปจนใกล้ค่ำ โทรศัพท์มือถือของเอิ้นส่งเสียงเรียกเข้าดังลั่น ทำลายห้วงจักรวาลแสนหวาน



เอิ้นสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองนอนซบโชนมาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เขาสบตากับที่พิงชั้นยอดอย่างไม่รู้จะพูดคำแก้ตัวอะไร



โชนยิ้มให้คนขี้เซา เพยิดหน้าให้เอิ้นรับสาย “ลุงวีคงมาถึงแล้วมั้งครับ”



เอิ้นเลิ่กลั่ก หันซ้ายหันขวา มองหน้าโชนสลับกับโทรศัพท์มือถือที่กรีดร้องเป็นเสียงริงโทน



เขาตัดสินใจรับสายลุงวี คุณลุงอยู่ไม่ไกลจากตัวสวนสาธารณะนี้ เอิ้นจึงเตรียมตัวกลับ และโชนก็ขอเดินไปส่งเขาจนถึงรถคันสวย



พอรถเคลื่อนตัวออกไป เอิ้นขบคิดกับตัวเอง



เขาซบโชนทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชาย แล้วอย่างนี้คนที่เดินผ่านมาไหนไปไหนคงเห็นภาพไม่น่าชมนี้หมดแล้ว ทั้งเขาและโชนคงโดนนินทาไปแล้วเรียบร้อยแน่ๆ



เอิ้นตัดสินใจแล้วว่าเขายอมเป็นผู้หญิงตอนอยู่กับโชนคงจะดีกว่า





_____________________________



เจ้าโชนรุกหนักไม่ปล่อยให้คุณเอิ้นพักเลยย

#call123456

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณเอิ้นแต่งหญิงมาเดี๋ยวโชนก็ว่าหรอกค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด