——Telephone #call123456—————— แจ้งข่าวรวมเล่ม |7.7.2019| p.7 (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——Telephone #call123456—————— แจ้งข่าวรวมเล่ม |7.7.2019| p.7 (END)  (อ่าน 49997 ครั้ง)

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เข้าใจคุณเอิ้นนะะ แต่แงงง อย่าเลยย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เป็นตัวเราดีที่สุดนะคะคุณเอิ้น เป็นกำลังใจให้คุณเอิ้นนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อีกคนรุกหนัก อีกคนก็คิดมาก
รออ่านตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ 6_______________





Call 41



“คุณเอิ้น เย็นนี้ว่างไหม”



“หืม”



“ไปเที่ยวกันนะครับ”



“ที่ไหนเหรอ”



“ที่ประจำ ร้านเดิม”



“อ้อ ได้สิ”



 “ผมไปเรียนก่อนนะครับ แล้วเจอกันสักสองทุ่มนะ”



“เดี๋ยวสิ”



สัญญาณถูกตัดไป โดยที่คนรับสายยังงัวเงียอยู่บนเตียง และไม่มีโอกาสได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร ช่วงนี้โชนมักโทรมาไม่เป็นเวลา เขายังคงใช้ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญโทรมาอยู่เสมอ เพียงแต่มักจะโทรเข้ามาในเบอร์มือถือเขามากกว่าเบอร์บ้านแล้ว



เอิ้นที่ถูกปลุกให้มารับสายตอนแปดโมงอยู่ในความมึนงง



โชนชวนเขาไปเที่ยวร้านเหล้าเย็นนี้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก



เพียงแต่โชนไม่เคยชวนเขาไปที่ร้านเดิมนั่นเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรหรือเปล่า ปกติโชนมักจะไปร้านนั้นกับเพื่อน แต่ครานี้โทรมาชวนเขา เอิ้นก็ไม่รู้ว่าโชนจะพาเพื่อนมาด้วยกันไหม ครั้นจะให้โทรกลับไปถามก็ไม่ได้เสียอีก เพราะโชนใช้ตู้โทรศัพท์โทรมา



เอิ้นตื่นเต็มตา ลุกจากเตียง พลางกลุ้มใจเรื่องการแต่งตัวขึ้นมาทันที



Call 42



สุดท้าย เอิ้นก็เลือกสวมชุดกระโปรง



เอิ้นค่อนข้างมั่นใจกับการแต่งเป็นผู้หญิงออกไปมากกว่าเพราะไม่ต้องกลัวสายตาใคร แถมเป็นร้านเดิมทำให้เขาคุ้นชินกับการแต่งตัวแบบนี้มากกว่า



ยังมีเหตุการณ์ที่เขาซบไหล่โชนเมื่อคราวนั้นอีกที่ยังคงฝังใจ ทำให้เอิ้นไม่กล้าแต่งตัวเป็นชายออกไปไหนมาไหนกับโชน เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก



เอิ้นไม่อยากให้ใครมองตนประหลาด รวมถึงไม่อยากให้ใครมองโชนแปลกๆ ด้วย



ให้เขาเป็นคนวิปริตคนเดียวก็พอ



เอิ้นเดินเข้าร้านตอนสองทุ่มเศษ



ร่างอรชรโดดเด่นทันทีตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา ทุกคนในร้านมองเอิ้นเป็นตาเดียว เขาเคยชินกับสายตาแบบนี้แล้ว สายตาที่ไม่ได้มองเขาเพราะเหยียดหยาม ทำให้เอิ้นไม่รู้สึกอะไร เอิ้นตั้งใจจะนั่งรอที่บาร์ตัวเดิมรอโชนมาถึง



“คุณเอิ้น...”



ทว่าเจ้าตัวมาถึงก่อนได้สักพักแล้ว โชนเข้ามาหาเอิ้นทันทีที่เขานั่งลงตรงบาร์



“ทำไมแต่งตัวอย่างนี้อีกล่ะครับ”



“เอ๊ะ...ไม่ได้เหรอ” เอิ้นถามกลับ



“ผมว่าจะพาคุณเอิ้นมาแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จัก เลยคิดว่า...คุณเอิ้นจะไม่เป็นผู้หญิง”



“...โชนไม่ได้บอกผมว่าจะมีเพื่อนมาด้วยนี่นา... แถมผมโทรกลับหาคุณก็ไม่ได้ด้วย” เอิ้นเถียง แต่กระนั้นก็รู้สึกกระสับกระส่าย ถ้าโชนพาเพื่อนมาด้วยงั้นโชนอาจจะบอกเพื่อนๆ ไปแล้วก็ได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วอย่างนี้เขาจะโดนอะไรไหม



“โอเค ผมผิดเอง”



โชนถอนหายใจ ลืมเอ่ยย้ำกับเอิ้นว่าไม่ต้องแต่งเป็นผู้หญิงเช่นนี้ก็ได้ แต่ก็เป็นโชคดีของเขาที่ยังไม่ได้บอกเพื่อนตนว่าคุณเอิ้นเป็นเพศอะไร มิเช่นนั้นคนตรงหน้าคงลำบากกว่านี้ เขาเพียงบอกว่ามีคนอยากแนะนำให้รู้จัก



แต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าการที่เอิ้นเป็นตัวของตัวเองคงจะดีกว่าหลบอยู่ในคราบสาวสะอาง



“แล้วก็...ผมคิดว่า ผมสบายใจที่จะเป็นแบบนี้มากกว่า” เอิ้นเอ่ยอุบอิบ เขาเคยชินกับการมาที่นี่ด้วยชุดนี้



“ทำไมล่ะ”



เขามองตาโชน ทำให้ต้องให้อธิบายซ้ำซาก “ผมชอบผู้ชาย คุณลืมแล้วหรือ”



“แล้วมันยังไง”



“ดีแล้วที่ผมแต่งตัวแบบนี้ ถ้าผมเผลอไปมองเพื่อนคุณที่เป็นผู้ชายเข้าจะทำไงล่ะ เพื่อนคุณได้แขยงผมตาย”



“ก็ไม่ต้องมองสิ”



“ได้ที่ไหน”



“ได้สิ มองแค่ผม”



“...”



โชนพาเอิ้นมานั่งร่วมวงกับเพื่อนของเขา ทุกคนฮือฮาเล็กน้อยที่เห็นว่าโชนพาคนสวยขนาดนี้เข้ามานั่งด้วยกัน



เพลง  Take Me Home, Country Roads ของ John Denver ถูกเปิดคลอเบาๆ ในร้านระหว่างรอวงดนตรีบรรเลง เอิ้นนั่งอยู่ข้างๆ โชน รายล้อมด้วยเพื่อนฝูงของคนตัวโตกว่า เอิ้นไม่รู้จักใครสักคนและมันทำให้เขาทำตัวไม่ถูก



จนอยากจะเทคมีโฮมตามเพลงจริงๆ



โชนแนะนำเอิ้นให้ทุกคนรู้จัก โดยใช้ชื่อว่าเอิน เขารู้สึกแปลกๆ ที่จะแนะนำอีกฝ่ายว่าเอิ้นในคราบผู้หญิง เอิ้นสำหรับโชนแล้วคือผู้ชายน่ารักมากกว่า เอิ้นไม่ได้ว่าอะไร เขาพยักหน้ารับ จดจำชื่อเพื่อนๆ ของโชนไว้ แต่ตัวเองไม่ได้พูดคุยกับใคร เขาแค่อมยิ้มให้แต่ละคนเท่านั้น



“คุณเอินขี้อายน่ะ” โชนอ้าง



และทุกคนก็ดูจะไม่ได้สงสัยอะไรที่เขาไม่เปิดปาก



Call 43



“คุณเอิ้นอึดอัดเหรอ” โชนเอ่ยถาม หลังจากที่พวกเขาขอตัวมาห้องน้ำกันสองคน เพื่อนๆ ของโชนแซวเอิ้นทันทีหลังจากที่โชนแนะนำตัวให้ ทุกคนล้วนรู้จักเอิ้นเป็นอย่างดี ในฐานะหญิงสาวที่โชนแอบมองมานาน



กูนึกว่ามึงจะพาใครมา ที่แท้ก็สาวคนนั้นนี่เอง – โทน



บอกว่าเพื่อนใหม่ จริงๆ จะเปิดตัวแฟนใช่มั้ยล่ะยะ – กานต์



คุณเอินสวยขนาดนี้ ทำไมถึงยอมคบกับโชนได้ล่ะครับ – หน่อย



ไหนมึงว่าคนนี้เขาไม่เล่นด้วยไง – ตาว



เอิ้นส่ายหน้า แต่เมื่อคิดถึงถ้อยคำเอ่ยแซวของเพื่อนร่วมโต๊ะ ทำให้เอิ้นอดครุ่นคิดไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้วโชนต้องการพาเขามารู้จักเพื่อนๆ ในฐานะอะไรกันแน่



“ผมแค่อยากให้คุณรู้จักเพื่อนผม มีสังคมใหม่ๆ มีเพื่อนๆ บ้าง”



เอิ้นก้มหน้า “เพราะสงสารเหรอ”



“คุณเอิ้น ผมไม่ได้คิดแบบนั้น” โชนเริ่มกังวลเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้มีความคิดเห็นตรงกับเขา “หรือว่าคุณเอิ้นไม่ชอบเพื่อนผม”



“ไม่ใช่นะ ผมแค่...ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง” เอิ้นยกมือเกี่ยวเส้นผมที่ตกลงมาขึ้นทัดหู “ผมไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติกับพวกเขายังไง”



เพราะที่ผ่านมาเอิ้นไม่เคยมีเพื่อนอายุใกล้เคียงกันมากขนาดนี้มาก่อน เขาทำตัวไม่ถูก ซ้ำยังถูกแซวกับคนข้างกาย ทำให้ยิ่งเลิ่กลั่กจนทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่



เขาอยากจะเอ่ยปฏิเสธเพื่อนๆ โชน แต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่ก้มหน้านิ่ง และไม่เข้าใจคนข้างๆ



“โถ่ คุณเอิ้นไม่เห็นต้องคิดมากเลย คุณก็แค่นั่งฟังพวกมันคุยกันไปก็ได้”



“ผมก็ทำแล้วไง...” เขาเพียงไม่เข้าใจที่เพื่อนๆ ของโชนเอ่ยแซว ใจนึงเขาเขินอาย แต่อีกใจก็คิดว่าทำไมโชนถึงไม่ปฏิเสธไป คนข้างตัวทำเพียงหัวเราะกับคำหยอกล้อของเพื่อนๆ



เอิ้นไม่อยากมีความหวังไปมากกว่านี้



“ผมคิดว่าถ้าผมแต่งตัวเป็นผู้ชายมาคงจะดีกว่านี้”



“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”



“ผมจะได้เฮฮากับเพื่อนๆ คุณได้...”



“คุณเอิ้นคิดมากจังเลย”



ก็เพราะใครล่ะ เอิ้นเม้มปาก



Call 44



พวกเขากลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง และหนีไม่พ้นคำเอ่ยแซว เมื่อพวกเพื่อนๆ เห็นว่าทั้งสองหายไปด้วยกันนานเกินกว่าเข้าห้องน้ำธรรมดา



เอิ้นนั่งหน้าแดง ส่ายหน้าปฏิเสธทุกคำหยอกล้อ เพียงแต่คนข้างๆ กลับนั่งยิ้ม



เอิ้นหันไปมองโชน ไม่เข้าใจ อีกแล้ว...



ทำไมถึงไม่ปฏิเสธ



“แหน่ะ มองกันอีกแล้ว” ทันทีที่เพื่อนของโชนเอ่ยแซวขึ้นมาในจังหวะที่เอิ้นช้อนตามองอีกฝ่าย โชนก็หันมาสบตากับเอิ้นกลับทันที



เอิ้นสะดุ้ง หันหน้าหนี ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมาราวกับจะกลืนกินกันยังไงอย่างนั้น



“โชน อย่าไปมองคุณเอินอย่างนั้น ดูสิคุณเอินตกใจหมดแล้ว”



“กูมองยังไง”



“ก็...มองเหมือนฉันจะกลืนกินเธอ”



แล้วทั้งโต๊ะก็ส่งเสียงหวีดหวิว จนเอิ้นหน้าแดงกว่าเดิม ส่วนคนมองกลับหัวเราะเหมือนเคย



ค่ำคืนศิวิไลอีกคืนกำลังจะผ่านพ้นไป พวกเขาเริ่มแยกย้ายกันกลับแล้ว จนเหลือเพียงเอิ้นกับโชนอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ระหว่างรอให้ลุงวีขับรถมารับ



“ทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ”



ท่ามกลางหมู่ดาวสุกสกาว เอิ้นเอ่ยถามคนข้างตัวทันที ทางเดินตรงนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านนัก ทำให้เอิ้นพูดได้อย่างไม่ต้องเก็บเสียง



เขารู้ว่าโชนไม่ใช่แบบเขา แล้วทำไมถึงไม่ปฏิเสธเพื่อนๆ ไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ว่าพวกเขาไม่ได้มีสัมพันธ์ชู้สาวอย่างที่พวกเพื่อนๆ คิด



ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดทำไม



แม้ว่ามันจะดีต่อเอิ้น แน่ล่ะ เขาชื่นชอบโชนมานานแล้ว เพียงแต่โชนทำเช่นนี้ยิ่งมีแต่ทำให้เขาเจ็บปวด เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายปลายความหวังของเขาจะไม่สวยงาม



“ปฏิเสธเรื่องอะไรหรือ” โชนถามกลับ จนเอิ้นเบ้ปาก รู้ทั้งรู้ยังจะถามกันอีก



“ก็เรื่องที่เพื่อนๆ คุณแซว”



“อ้อ...” โชนลากเสียงยาว แล้วก็เงียบไป ราวกับครุ่นคิด เป็นเวลานานจนเอิ้นเอ่ยมาอีกครั้ง



“ถ้าเกรงใจผมก็ไม่เป็นไรหรอก ดีเสียอีกที่คุณชัดเจน”



โชนหันมามองเอิ้นช้าๆ ใช้สายตาเดียวกับตอนที่จับจ้องร่างอรชรข้างในร้าน สายตาที่รุ่มร้อนและร้อนแรง ราวกับจะแผดเผาให้ตายทั้งเป็น สายตาของนักล่าที่จ้องเหยื่อ



เอิ้นตัวสั่นโดยไม่รู้สาเหตุ เขาพยายามหาเสียงตัวเองเพื่อไม่ให้บรรยากาศของพวกเขาเงียบไปกว่านี้



“คือ...ผมอาจจะชอบผู้ชาย แต่กับคุณผมแค่ปลาบปลื้ม”



“แค่นั้นหรือ?”



“อืม คุณทำดีกับผม ผมก็เลย...ดีใจน่ะ”



“แค่นั้นหรือ” เขาถามซ้ำ ไม่ว่าเปล่า โชนขยับเข้ามาใกล้เอิ้นมากขึ้น



“ใช่...ผมชอบผู้ชายไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนนะคุณ” เขาเอ่ยเสียงสั่น ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองเอ่ย แน่ล่ะ เขาชอบโชน เพียงแต่ต้องหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้ตนเป็นที่รังเกียจไปมากกว่านี้



แค่โชนยอมเป็นเพื่อนเขาก็ดีเกินฝันแล้ว



โชนไม่ตอบอะไรกลับมา แสงสว่างยามค่ำคืนมืดมิด ทว่าดวงตาที่เร่าร้อนกลับแผดเผามากกว่าเดิม จนเอิ้นไม่สามารถหาเสียงของตัวเองเจออีกต่อไป



“ที่ผมไม่ปฏิเสธ” โชนกล่าว “เพราะผมต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ”



“เอ๊ะ?”



Call 45



“คุณเอิ้นคิดว่าหลังจากที่ผมรู้เรื่องคุณเอิ้นแล้วทำไมถึงไม่ถอยไปล่ะครับ”



โชนเอ่ยถามนำ ตามด้วยส่งคำถามต่อไปตามมาติดๆ



“คิดว่าผมจะส่งจดหมายให้คุณเอิ้นเป็นสิบๆ ฉบับทำไม”



“คิดว่าผมจะมารอคุณเอิ้นทำไม”



“คิดว่าผมจะโทรหาคุณเอิ้นทำไม”



“คิดว่าผมพาคุณเอิ้นไปเที่ยวบ่อยๆ ทำไม”



“คิดว่าผมเป็นห่วงคุณเอิ้นหลายๆ เรื่องทำไม”



“เพราะคิดว่าคุณเอิ้นเป็นเพื่อนเหรอครับ”



เขาแทบจะหดตัวให้หายไปในกำแพง โชนในตอนนี้น่ากลัวกว่าที่เคยรู้สึก แววตาของเขาราวกับจะฟาดฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า และเอิ้นไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้...โกรธ...



โชนขยับตัวเข้ามาใกล้เอิ้นมาขึ้น จนสองร่างแทบจะชิดกัน เขาใช้แขนของตนค้ำกำแพงไว้ข้างหนึ่ง ไม่ให้เอิ้นคิดหนี



แววตาที่ดุดันทำให้เอิ้นหายใจติดขัด



“...แล้วมัน ไม่ใช่เหรอ”



เอิ้นถามกลับ



“คุณเอิ้น”



โชนพลันเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนใจ แววตาที่ราวกับพระเพลิงพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน และเอ็นดู ลำแขนแกร่งที่เคยวางยันกำแพงหดกลับเข้ามา โชนหมุนตัวมาใช้หลังพิงกำแพงอยู่ข้างๆ เอิ้น



“คุณโชน?”



“ผมชอบคุณเอิ้นนะ ไม่รู้เลยหรือครับ”



“เอ๊ะ”



Call 46



“ไม่รู้จริงๆ ด้วย”



“เอ๊ะ...เอ๊ะ!”



เกินกว่าคำว่าตกใจ เอิ้นทำตัวไม่ถูกเมื่อสมองประมวลผลคำพูดของโชนเสร็จสรรพ พลันคิดว่าตนหูแว่ว เมื่อกี้โชนบอกว่าชอบเขาจริงๆ น่ะหรือ



“ผมว่าผมหูเพี้ยนแน่ๆ เมื่อกี้คุณโชนพูดว่า...”



“ผมชอบคุณเอิ้น”



“...”



“ชัดไหมครับ”



“...ชัด...ครับ”



เอิ้นมุดหน้าหนี เมื่อเสียงคำบอกรักถูกกระซิบอยู่ข้างหูอย่างหาข้ออ้างอะไรอีกไม่ได้ เขาหน้าแดงแปร๊ด และพยายามใช้เส้นผมยาวจากวิกผมปิดบังใบหน้าของตัวเอง



“คุณเอิ้น” โชนเป็นคนทัดผมให้คนขี้อายเผยใบหน้าน่ารักออกมา



“...”



“ได้ยินผมไหม”



“ได้ยิน...แล้ว...”



“คุณเอิ้นจะว่าอะไรไหม”



“...”



“ถ้าเราจะเป็นแฟนกัน”



พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของเอิ้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะ



Call 47



“ลุง...ลุงวีคงมาถึงแล้ว”



เอิ้นว่าตะกุกตะกัก พยายามควักหาโทรศัพท์ของตัวเองที่ส่งเสียงร้องเป็นเสียงเรียกเข้า ทันทีที่เขาหาเจอและกำลังจะกดรับมัน อีกฝ่ายก็ริบไปไว้ในมือ โชนยกยิ้มให้เจ้าของมือถือ กดตอบรับปลายสาย



“ครับลุงวี คุณเอิ้นอยู่กับผมครับ ขอเวลาอีกสักครู่นะครับ”



กรอกความต้องการของตนไม่กี่คำก่อนวางสายไป



“คุณเอิ้นห้ามหนีนะครับ”



 “บอกมาเลยผมจะได้ทำใจถูก”



 “ถ้าคุณเอิ้นไม่ได้ชอบผมแบบเดียวกันผมจะได้กลับไปทำใจ”



“ไม่สิ จะกลับเข้าร้านเดิมแล้วขอเจ้าของร้านนั่งดื่มเหล้าจนเช้าเลย”



“แต่ถ้าคุณเอิ้นตกลง...”



“ผมจะพาคุณเอิ้นเข้าม่านรูดตอนนี้เลย”



ไม่ได้สิ!!



เอิ้นเบิกตาโพลง จนโชนหัวเราะขำ “ล้อเล่นครับ ไม่พาไปไหนหรอก”



“รีบๆ ตอบเร็วคุณเอิ้น เดี๋ยวลุงวีรอนะ”



“ผม...”



“คุณเอิ้น...” โชนเร่ง เมื่อเอิ้นยังมีสีหน้าลังเล



จะให้เขาตัดสินใจได้ทันควันได้อย่างไรกัน ในเมื่อโชนเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาบอกชอบเอิ้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเอิ้นเป็นผู้ชาย!



แถมโชนยังเป็นคนที่เอิ้นมีใจให้อีก!



พุทโธ่! คนมันไม่เคยคิดว่าจะมีคนรักชอบในสิ่งที่เขาเป็นนี่นา ช่วยเห็นใจเขาสักนิดจะได้ไหม



“คุณเอิ้น” โชนขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น



“คุณเอิ้นครับ” ใกล้ขึ้นอีก



“เป็นแฟนกันนะ” จนแทบหยุดหายใจ



เอิ้นพยักหน้า ตอบรับคำในที่สุด “อืม...”



และริมฝีปากของเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวคำใดอีก



นอกจากตอบรับจุมพิตจากอีกฝ่าย



__________________________________



#Call123456





 

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :o8: :o8: :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยินดีด้วย  :mc4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
กรี๊ดดดดดดดด โชนไล่ต้อนจนได้ เป็นแฟนกันแล้วค่า เย่ๆๆๆๆๆๆ :mc4: :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
#เหม็นความรัก    :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ๊ายยยยยยยยยยย   :m11: :m11:

เขาเป็นแฟนกันแล้ว  :mc3: :mc3:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวีดสุดเสียงงงงงงง เขาเป็นแฟนกันแล้วววววว

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ไม่น้าาาา

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
งืออออ เขิน~ เป็นแฟนกันแล้ว
คราวนี้โชนไม่ได้โดนลงโทษที่เล่นเกมแพ้เพื่อนใช่ไม๊ >____<

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
คุณเอิ้น ดีใจด้วย เจาใจตรงกันค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งือออออ ชอบเรื่องนี้ อย่ามีม่านะ ละมุนใจแบบนี้เถอะ ฮือออ หลงรัก#โชนเอิ้น

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ 7_____________________







Call 48



ในคืนนั้น เอิ้นกลับบ้านด้วยสภาพไม่รับรู้อะไรแล้ว สมองเขาขาวโพลน ใบหน้าเขาร้อนผ่าวราวกับกำลังเผาไหม้ผิวหน้าตัวเอง นั่งเงียบตลอดทางจนลุงวีนึกสงสัย



พอถึงเตียง เอิ้นก็เอาหน้าฟาดหมอนทันที เมื่อครู่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม โชนไม่ได้เมาใช่ไหม หรือว่าเป็นเขาที่เมา



ไฉไลไม่ยอมรับความจริงจนคิดหาข้ออ้างต่างๆ นาๆ จนเผลอหลับไป



หรือว่าโชนจะหลอก!



เขาตื่นจากความฝันอันหอมหวานด้วยเพราะฝันร้ายในตอนจบ เอิ้นผุดลุกตัวนั่งราวกับเพิ่งนึกได้ถึงความเป็นไปได้เมื่อคืน



จริงๆ แล้วโชนอาจจะลงพนันกับเพื่อนไว้ก็ได้ ทำให้เขายอมตกลงรับเป็นแฟน เพื่อที่จะได้ชนะเกม เพื่อนโชนอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นยังไง แล้วหลังจากนั้นก็พาเอิ้นไปสู่ความจริง ทุกคนรอบตัวหัวเราะเยาะใส่พร้อมกับเอ่ยคำต่อว่าเอิ้นอีกครั้ง เหมือนที่ผ่านมา ครั้นสมัยเอิ้นยังเป็นเด็กวัยมัธยม...



เอิ้นสมัยยังเป็นเด็กชายเคยแอบหลงรักรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง เด็กน้อยไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการแอบมอง แต่พอถูกจับได้ รุ่นพี่คนนั้นก็ทำเป็นทำดีด้วยในทีแรก พาเขาไปทานข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียนด้วยกัน ก่อนประกาศเสียงดังลั่นว่าเขามีรสนิยมอย่างไร ร่วมกับพวกลูกหาบทำให้สถานการณ์ตอนนั้นแย่ลงไปอีก



คนที่เขาชอบมองเขาด้วยสายตาขยะแขยง ทำท่าทางลูบแขนลูบขา ขนลุกเกรียว เขาถูกเสียงหัวเราะจากทุกทิศทาง ถ้อยคำถากถาง หลากคำเยาะเย้ยพุ่งสู่กลางหัวใจจนแทบสลาย



ทุกคนหัวเราะใส่สิ่งที่เขาเป็น และด่าทอในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น



คำว่าร้ายจากคนไม่รู้จักกรีดหัวใจบอบบางจนเป็นแผลลึก



เรื่องราวถูกกล่าวขานมาสู่ครอบครัวของเขา จนกระทั่งมันต้องจบลงเช่นนี้



จบลงโดยที่เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว



ไม่นะ ขออย่าให้มันเป็นเช่นนั้นเลย



เอิ้นภาวนา จ้องมองโทรศัพท์ของตน อยากให้โชนโทรมาหาเพื่อยืนยันกันสักนิดว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป และมันเป็นความจริง หาใช่การกลั่นแกล้งใด



เขาจ้อง จ้อง จ้องโทรศัพท์เครื่องสวยจนตัวเองน้ำตาคลอ



โทรมาเถอะนะ



เขาเฝ้ารอโทรศัพท์ทั้งวัน...และไม่มีเสียงเรียกเข้าใดดังขึ้นมา...



Call 49



คงถูกหลอกจริงๆ แล้ว...



เอิ้นปาดน้ำตาในรุ่งเช้า เขาควรเรียนรู้จากบทเรียนที่แล้วมาไม่ใช่หรือไง ทำไมยังเผลอใจไปกับโชนได้อีก...



แต่เพราะตอนนั้น โชนพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังเสียจนเอิ้นไม่คิดว่ามันจะเป็นการหลอกลวง อีกทั้งจุมพิตสุดท้ายก่อนจากลาทำให้เขาเผลอตัวลอย หัวใจโบยบินอยู่บนปุยนุ่น จนกระทั่งเขาพลันนึกได้ว่าปุยนุ่นเบาบางนั่นไม่สามารถรองรับหัวใจของตนได้ หัวใจดวงน้อยๆ จงหล่นสู่พื้น กระแทกสู่ความจริง



จะมีใครมาชอบเขากัน บ้าหรือเปล่า



สงสัยอยู่ตัวคนเดียวกับหนังสือนิยายมากเกินไปจนเพ้อเจ้อ



หลงลืมว่าความเป็นจริงไม่สวยหรูเหมือนในนิทาน



เขานอนจมกับกองน้ำตาทั้งวัน เขาเปิดอ่านจดหมายที่โชนเคยส่งมาให้เขาเมื่อคราวก่อน เนื้อหาข้างในมีแต่คำถามถึงการหายไปของเอิ้น และลงท้ายด้วยความเป็นห่วงทุกฉบับ ลายมือของโชนทำให้สภาพจิตใจของเอิ้นดีขึ้น แต่ก็ไม่ทั้งหมด จะมีอะไรดีไปกว่าได้พูดคุยกับเจ้าตัวจริงๆ



จนกระทั่งตอนเย็น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น



เอิ้นไม่กล้ารับโทรศัพท์ เป็นครั้งแรกที่เขาลังเล



เขามองโทรศัพท์บ้านที่กรีดร้องเสียงแหลมจนดับไป



พลันโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาแทน



ปรากฏเป็นเบอร์ไม่รู้จัก เบอร์ของตู้โทรศัพท์สาธารณะ



เอิ้นเม้มปาก รวบรวมความกล้า กดรับสาย



Call 50



“คุณเอิ้นไม่ได้อยู่บ้านเหรอครับ ผมโทรเข้าเบอร์บ้านแล้วไม่มีคนรับสาย”



“เปล่า...ผมแค่รับไม่ทัน...” เอิ้นโกหก ใจสั่นหวาดกลัวว่าสิ่งที่เขาคิดไปกำลังจะเกิดขึ้น



“คุณเอิ้นได้ฟังเพลงเมื่อคืนไหม”



“เอ๊ะ...?”



“โถ่ ว่าแล้วเชียว ไม่ได้ฟังสินะครับ”



“เพลง...อะไร”



“ผมโทรไปขอเพลงให้คุณเอิ้นที่คลื่นวิทยุ แต่ไม่ได้โทรบอกคุณเอิ้น ลืมไปเลยว่าคุณเอิ้นคงไม่ได้ฟังวิทยุทุกวันแบบผม”



“...”



“ผมเขินเก้อเลย”



เอิ้นงงงวยกับเรื่องตรงหน้า เขาคิดว่าโชนคงโทรมาด้วยเรื่องอื่น อย่างเช่นว่าเรื่องคืนนั้นผมล้อเล่นนะ ไม่ก็ชวนเขาไปเจอกับเพื่อนของโชนอีกรอบ เพื่อเฉลยความจริงว่าเขามันวิปริต



ไม่ใช่โทรมาพูดคุยเรื่องเพลงแบบนี้



“เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยเอาเพลงให้ฟังนะครับ”



“...”



“ว่าแต่พรุ่งนี้คุณเอิ้นว่างใช่ไหม ออกมาเจอกันตอนเย็นเหมือนทุกทีได้รึเปล่า”



“ผม...ว่าง...”



“งั้นเจอกันที่ม.ผมไหมครับ”



“ได้...”



“...คุณเอิ้น เป็นอะไรรึเปล่า”



“ผม...” เอิ้นเว้นไปสักพัก ก่อนกรอกเสียง “ไม่เป็นไร”



“ผมว่าผมไปหาคุณเอิ้นที่บ้านดีกว่า”



“หา เดี๋ยวสิ มาทำไม”



“เสียงคุณเอิ้นเหมือนไม่สบายใจเลย ต่อให้ผมคาดเค้นยังไงคุณเอิ้นก็จะไม่ตอบใช่ไหมล่ะ”



“ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”



“นั่นไง ก็จะตอบแบบนี้ไง ผมไม่เชื่อหรอก”



“คุณโชน...”



“มาคุณโชนอะไรล่ะครับ เป็นแฟนกันแล้วนะ เลิกเรียกผมคุณได้แล้ว”



“...!”



“คุณเอิ้น...?”



“ห้ะ ค...ครับ!”



“อย่าบอกนะว่าลืมเรื่องนี้”



“เปล่านะ...ไม่ได้ลืม...”



“เสียงสั่นจัง มีพิรุธนะครับ”



“ไม่ใช่นะ”



เอิ้นเสียงสั่นกว่าเดิม เขาไม่ได้ลืมเรื่องที่โชนขอเป็นแฟน ให้ตายก็ไม่ลืม เพียงแต่เขาคิดว่าโชนต่างหากที่ลืม หรือไม่ก็ไม่ได้จริงจังกับมัน



“ผมว่าผมไปหาคุณเอิ้นดีกว่า”



“หา...จะ...จะมายังไง ไม่ต้องมาหรอก”



“เดี๋ยวผมยืมมอเตอร์ไซค์ไอ้ตาว บึ่งไปแป๊บเดียวถึง รอผมก่อนนะ”



“โชน!”



ปลายสายวางหูไปแล้ว



Call 51



“สรุปก็คือคุณเอิ้นกลัวว่าผมจะหลอก?”



“....อือ”



“แล้วก็เลยร้องไห้”



“ไม่ได้ร้องนะ”



“แต่ตาแดงนะครับ” โชนเอ่ย ยิ้มขำ เขามาถึงที่บ้านของเอิ้นภายในเวลาสิบห้านาทีเท่านั้น เอิ้นที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงได้แต่ต้อนรับแขกแบบงงๆ



พวกเขาทั้งคู่นั่งคุยกันที่โถงใหญ่ ที่ซึ่งเป็นห้องสำหรับรับรองแขก



โชนลูบใบหน้าเอิ้นแผ่วเบา จ้องมองดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้มีร่องรอยของคราบน้ำตา เขารู้ว่าเอิ้นเป็นคนคิดมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้



“คุณเอิ้น บอกผมได้ไหมว่าทำไม”



“หืม”



“ทำไมถึงคิดว่าผมจะหลอกล่ะ...”



เอิ้นกระพริบตาปริบๆ เรื่องราวในความทรงจำถูกฉายซ้ำขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาไม่อยากนึกถึงมัน แต่เมื่อหนีแขกไม่ได้รับเชิญไม่ได้ สุดท้ายเอิ้นจึงยอมเล่าเรื่องของตนให้อีกฝ่ายฟัง



โชนพลันเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที



เอิ้นปิดใจเพราะเรื่องราวในอดีตฝังใจ ทำให้คิดว่าไม่มีใครรักเขาได้อย่างแท้จริง การอยู่คนเดียวมาตลอดหลายปีของเอิ้นยิ่งทำให้เอิ้นเปิดใจได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก



เขาตระกองกอดอีกฝ่าย



คนในอ้อมกอดไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองน่ารักน่าชังขนาดไหน และมีคนที่พร้อมจะมอบความรักให้ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ คนตัวโตกดจูบลงกลางกระหม่อมของคนขี้คิดมาก



“ว้าย ตายจริง”



สิ้นเสียงของคุณป้าภา ทั้งคู่กระเด้งตัวออกจากกัน



Call 52



เอิ้นมาหาโชนที่มหาลัยตามที่เจ้าตัวนัดไว้เมื่อวาน



หลังจากที่ป้าภาเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว โชนก็ขอตัวกลับก่อนที่ฟ้าจะมืดไปกว่านี้ ไม่ลืมกำชับถึงนัดหมายของพวกเขาในวันพรุ่งนี้ ป้าภาขอโทษขอโพยเอิ้นเป็นการใหญ่ เพียงแต่เอิ้นไม่ได้นึกถือโทษโกรธอะไร



เขาแค่เขินมากๆ แค่นั้นเอง



พวกเขารู้อยู่แล้วว่าบ้านนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน แต่ก็ยังเผลอแตะเนื้อต้องตัวกันกลางบ้าน เรื่องนี้จะโทษใครก็ไม่ได้



โชนโทรมาหาเอิ้นก่อนนอนอีกครั้ง ตอกย้ำในความสัมพันธ์เพื่อให้เอิ้นเลิกคิดมาก



วันต่อมา เมื่อถึงเวลานัดหมาย เอิ้นก็มายังตึกคณะที่โชนเรียน ครานี้ไม่ได้มาในคราบไฉไล เพราะโชนบอกว่าอยากเที่ยวกับเอิ้นที่เป็นเอิ้นมากกว่าอยู่ภายใต้หน้ากากของใคร



นั่นทำให้เขาดีใจ



แต่ก็ประหม่าไปด้วยพร้อมกัน



“มาหาใครรึเปล่าครับ”



เอิ้นสะดุ้งโหยงกับเสียงข้างตัว หลังจากที่เขาด้อมๆ มองๆ อยู่หลายที่ก็ไม่เจอโชนสักที เอิ้นหันไปยังต้นเสียง และพบว่าคนที่ถามเขาคือตาว เพื่อนของโชนนั่นเอง



เอิ้นเอ่ยบอกความประสงค์ของตนไป ตาวพยักหน้ารับ บอกให้ตามมา



โชนอยู่ในห้องสมุดของคณะ



เจ้าตัวบ่นอุบไม่เลิก บอกกับเพื่อนเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วว่ามีนัด จะให้มานั่งทำรายงานตอนนี้ไม่ได้ แม้ว่างานกลุ่มจะสำคัญ แต่เอิ้นก็สำคัญเช่นกัน รายงานเล่มนี้ ค่อยเขียนพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย หรือให้เขาเขียนสองบทในคืนนี้ก็ยังได้ เหตุใดถึงต้องมากักตัวกันด้วย



เขาตั้งใจจะลุกออกไปหลังจากเขียนรายงานหน้านี้จบ เอิ้นคงมาถึงนานแล้ว



ป่านนี้ดวงใจของเขาคงรอแย่แล้ว



ดีไม่ดีอาจจะร้องไห้ที่เขาหายไปอีก



โชนนึกเป็นห่วงแฟนตัวเองสารพัด โดยไม่รู้ตัวว่าเอิ้นปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาเอง



Call 53



“ถ้ายุ่งก็ไม่ต้องนัดก็ได้นี่นา ผมไม่ว่าอะไรหรอก”



“ไม่ได้สิ ผมอยากเจอนี่”



สุดท้าย เอิ้นก็มานั่งข้างๆ โชนท่ามกลางเพื่อนๆ กลุ่มเดิม โดยแนะนำตัวเองว่าเป็น ‘เพื่อนโชน’ ครานี้เขาสามารถเอ่ยแนะนำชื่อตัวเองได้อย่างไร้ข้อกังขา เพื่อนทุกคนรับรู้และแนะนำตัวเองให้เอิ้นรู้จักอีกครั้ง



โชนตั้งใจนัดเขาที่นี่เพราะรู้ว่าต้องทำงานกลุ่ม แต่ไม่คิดว่าเพื่อนๆ ของเขาจะรั้งไว้นานเสียขนาดนี้จนโชนต้องขอโทษเอิ้นเสียยกใหญ่



เขาปล่อยให้โชนทำงานกลุ่มไปอย่างไม่นึกโกรธเคือง กลับขำแกมไม่เห็นด้วยด้วยซ้ำที่นิสิตโชนตั้งใจจะโดดงานกลุ่มเพื่อมาเจอเขา



เอิ้นหยิบหนังสือในห้องสมุดมาอ่าน ส่วนโชนก็ปั่นรายงานหัวฟูกับเพื่อนๆ



ไม่มีเพื่อนคนไหนจำเอิ้นได้ว่าเป็นคนเดียวกับหญิงสาวในร้านเดิมนั้น และเอิ้นนึกขอบคุณที่ไม่มีใครจำเขาได้



ยกเว้นคนหนึ่ง



ตาวจำหน้าเอิ้นได้ทันทีที่เห็นตั้งแต่ครั้งแรก และเมื่อรู้ว่าเอิ้นมาหาโชนก็ยิ่งมั่นใจในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ เพียงแต่เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรออกไป



“เอ้อ จะว่าไป นี่ไงเพลงที่ผมจะให้ฟัง” โชนพูดขึ้นเมื่อจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเอิ้นไม่ได้ฟังเพลงที่ตนมอบให้ทางวิทยุ



ซาวน์เบาท์ที่บรรจุเทปไว้ถูกหยิบขึ้นมา โชนหยิบหูฟังให้เอิ้น กดเล่นเพลงที่ต้องการ



เย็นวันนั้น เอิ้นก็กลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกไปไหนกัน ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในห้องสมุดของมหาลัย ท่ามกลางกลุ่มคนมากมายดูวุ่นวายและไม่เป็นว่นตัว เพียงแต่เอิ้นก็มีความสุขแล้วที่ได้เจอโชน ดีใจแล้วที่โชนไม่ได้หลอกเขา



และขอบคุณที่ความสัมพันธ์ของสองเราเป็นเรื่องจริง



‘Sugar~ Oh, honey honey



You are my candy girl~



And you got me wanting you.’



Sugar Sugar ของ The Archies ถูกเล่นอยู่ในหัวเอิ้นไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และในคืนนั้นเองโชนก็โทรมาหาเขา



พร้อมกับร้องเพลงเดียวกันกับที่ให้เอิ้นฟังเมื่อเย็น



เพลงเดิมว่าหวานแล้ว ใยจะสู้ได้กับเสียงร้องของโชน ที่ทำให้หัวใจเขาหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า



เสียงของโชนเข้ามาแทนที่ The Archies ดังทุ้มในใจแทนที่เพลงต้นฉบับ



รอยยิ้มฉาบใบหน้าของเอิ้นตลอดค่ำคืนนั้น



Honey~ Oh, Sugar sugar~



Call 54



“โชนน่าจะให้ช่องทางติดต่อผมเสียหน่อย”



“หืม”



เอิ้นพูดขึ้นในขณะที่พวกเขานั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน วันนี้โชนไม่ต้องปั่นรายงานหรือการบ้านอะไรแล้ว จึงมีเวลามาชวนเอิ้นไปทานข้าวเย็นด้วยกัน ทดแทนส่วนของเมื่อวาน



“พอคิดว่าโชนเป็นคนเดียวที่สามารถติดต่อหาผมได้ มันก็ไม่ยุติธรรมเลย”



“คุณเอิ้น...”



“ผมว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้คุณสักเครื่อง”



“อย่าเชียวนะ” โชนร้องลั่น “คุณเอิ้นห้ามซื้อของแพงขนาดนั้นให้ผมเชียว ผมจะเก็บตังซื้อเอง”



“แล้วอย่างนั้น...” เมื่อไหร่จะได้คุยกันเล่า เอิ้นถอนหายใจ คิดหาวิธีใหม่



“ใช้เพจเจอร์ดีไหม”



“ไม่เอา เพจเจอร์ไม่ได้ยินเสียงคุณ” โชนค้าน อีกอย่าง เขาไม่มีเพจเจอร์ด้วย เพราะเสียเงินเก็บไปกับซาวน์เบาท์และอย่างอื่นหมดแล้ว แถมครอบครัวเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร



“ไม่เอาเพจเจอร์ แต่ยอมเขียนจดหมายน่ะหรือ” เอิ้นถามด้วยความฉงน



“ก็จดหมายมันมีลายมือคุณเอิ้นนี่นา”



“แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะติดต่อคุณได้กันเล่า...” เอิ้นบ่นอุบพร้อมถอนหายใจ โชนไม่ทันโลกเทคโนโลยีเหมือนเขาเอาเสียเลย ขนาดเขาแก่กว่าแท้ๆ



เอิ้นคิดว่าไม่ยุติธรรมเสียเลยที่ตนไม่สามารถติดต่อโชนก่อนได้ บางวันโชนโทรมาหาเขาตอนดึก บางวันก็ไม่โทรมา เขาเองก็เป็นห่วงแฟนของตัวเองเหมือนกันนะ



“งั้นเอาเบอร์ไอ้ตาวไปได้ไหม”



“หือ”



“เพื่อนผมมันมีมือถือ ไว้ถ้ามีเรื่องเร่งด่วนคุณเอิ้นก็โทรเข้ามือถือมันนะ เดี๋ยวผมบอกมันเอง”



“ไม่เอาหรอก รบกวนแย่เลย” ให้เขาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้ยังดีกว่าเลย



“ไอ้ตาวไม่ว่าหรอก มันอยู่หอเดียวกับผมด้วย เอาตามนี้แหละ” ว่าแล้วโชนก็หยิบกระดาษมาจดเบอร์โทรศัพท์ของซี้สหายให้อีกฝ่าย



โชนเอาแต่ใจ เอิ้นคิด แต่ก็รับแผ่นกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์ของตาวไปอยู่ดี



Call 55



คนเป็นแฟนเขาต้องทำตัวกันยังไง



เอิ้นไม่เคยมีแฟน จึงไม่รู้ว่าต้องเป็นอย่างไร เพียงแต่โชนเองก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ เขาปฏิบัติกับเอิ้นเหมือนที่ผ่านมา



สาวน้อยดูดน้ำแดงในแก้ว สวมหมวกใบโตสีสวยหลบแสงอาทิตย์ขณะที่รออีกฝ่ายไปต่อแถวซื้อสายไหมถุงใหญ่ให้เขา แข่งกับความร้อนและผู้คน ไม่นานนักก็ถึงคิวของโชน เขาซื้อขนมสายไหมมาสองถุง ยื่นขนมก้อนฟูสีชมพูให้เอิ้น ส่วนของโชนเป็นสีขาว



เอิ้นแกะถุงขนมก่อนพากันเดินออกไปจากตรงนี้ อย่างน้อยก็หลบเข้าที่ร่มดีกว่า เอิ้นหยิบขนมเข้าปาก ความหวานจากน้ำตาลค่อยทำให้เขามีแรงขึ้นมาหน่อย



โชนพาเขาเข้าร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับของผู้หญิง



“คุณเอิ้นอยากได้อะไรหรือเปล่า”



อันที่จริง เอิ้นเริ่มเบื่อเสื้อผ้าและเครื่องประดับอันเก่าแล้ว จึงพยักหน้ารับ คิดว่าอย่างไรเสียก็คงได้ออกมาเที่ยวกับโชนอีกบ่อยๆ และคงต้องแต่งเป็นผู้หญิงไปอีกสักพัก



ใช้เวลาไม่นานเอิ้นก็เลือกเครื่องประดับเป็นจี้ห้อยคอและกำไลข้อมือเสร็จสรรพพร้อมกับชุดเดรสตัวใหม่



“คุณเอิ้นอยากได้อะไรอีกไหม”



เอิ้นส่ายหน้า เอ่ยถาม “โชนล่ะ”



“ไม่มีเหมือนกัน”



แล้ว...เราจะกลับกันแล้วเหรอ เอิ้นคิดในใจ ถึงแม้จะเย็นแล้วแต่เขายังอยู่กับโชนให้นานกว่านี้ เช่นเดียวกับโชน เขายังไม่อยากจากเอิ้นไปในตอนนี้ พลันนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นป้ายโฆษณางานวัดใกล้ๆ นี้



“งั้นเราไปงานวัดกันไหม”



“หืม”



“ผมเห็นว่าวันนี้มีงานวัดแถวนี้ด้วยล่ะ”



“เอาสิ” เอิ้นเอ่ยตอบรับด้วยความตื่นเต้น ตนไม่เคยไปเที่ยวงานอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง



โชนจึงพาคนสวยไปที่งานตามความต้องการ



Call 56



เอิ้นไม่เคยเห็นซุ้มยิงปืน ปาเป้า โยนห่วง หรือซุ้มขายขนมอะไรพวกนี้ใกล้ขนาดนี้มาก่อน เขาเคยเห็นในรูปถ่าย แต่ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศจริง และที่สำคัญ เขาไม่เคยเห็นชิงช้าสวรรค์ใกล้ขนาดนี้มาก่อน ไฉไลมองไปรอบตัวด้วยความตื่นเต้น คนเป็นแฟนก็ได้แต่ยกยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดู



“ลองเล่นดูมั้ยครับ” โชนเอ่ยถาม เมื่อเห็นเอิ้นสนใจซุ้มปาโป่ง



“ได้หรอ”



“ได้สิ”



ไม่รอช้า โชนจัดการพูดคุยกับคุณลุงร้านปาเป้าทันที เอิ้นได้รับลูกดอกมาหกอัน กติการคือต้องยิงให้โดนลูกโป่งที่อยู่ในชั้นให้ได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ ถึงจะได้รางวัล



หัวใจเอิ้นสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เล่นอะไรเช่นนี้เป็นครั้งแรก นิ้วมือสวยจับลูกดอก ขว้างมันออกไป



เอิ้นจบการเล่นปาโป่งด้วยลูกดอกที่ยิงเข้าเป้าอยู่หนึ่งดอก และได้ของรางวัลปลอบใจมา แม้ไม่ใช่ของแพงหรือหรูหรา แต่มีความหมายต่อเอิ้นอย่างถึงที่สุด ดินสอไม้รูปสัตว์แท่งนี้จะเป็นของระลึกว่าครั้งหนึ่งเอิ้นเคยมาที่นี่กับโชน



งานวัดมีทั้งของกินที่เอิ้นไม่เคยได้กิน มีทั้งซุ้มแปลกๆ ให้ลองเข้าไปชม เอิ้นพลันกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งพล่านให้โชนตามดูแลเสียอย่างนั้น



“เราขึ้นชิงช้าสวรรค์ได้มั้ย” เอิ้นถาม



“ได้สิครับ”



พวกเขาต่อคิวเข้าแถวรอขึ้นชิงช้าสรรค์ เมื่อกระเช้าว่างมาถึง โชนพาเอิ้นเข้าไปนั่งเข้าใน ก่อนมันจะค่อยๆ ลอยเคลื่อนสู่ผืนฟ้า



เอิ้นจ้องมองพื้นดินที่ค่อยๆ สูงขึ้นอย่างสนุกสนาน ตนไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้ และมันทำให้เอิ้นตื่นเต้นมากๆ จนกระเช้าเหล็กพาพวกเขามาใกล้จะเกือบถึงจุดสูงสุด เอิ้นหันไปหาโชน



“ขอบคุณที่พามานะ”



“ผมยินดี”



“โชน...ตอนนี้เราเป็นแฟนกันใช่ไหม”



“ใช่สิ คุณเอิ้นเป็นแฟนผมนะ”



“จริงๆ แล้ว ผมไม่ค่อยรู้ว่าการเป็นแฟนกันต้องทำยังไง” เอิ้นเริ่มกล่าวความรู้สึกในใจ



“โชนไม่ได้ทำอะไรแตกต่างจากเดิมเลย ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบมันนะ”



“ผมหมายถึง...ก่อนหน้านี้เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม แล้วโชนก็ทำเหมือนเมื่อก่อน คือ...”



“คือไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำตัวยังไงให้เหมือนคนเป็นแฟนกัน”



“แต่จริงๆ แบบนี้ก็ไม่ได้แย่นะ เอ่อ...ช่างมันเถอะ” เอิ้นยอมแพ้กับการพยายามอธิบายความรู้สึกตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นัก โชนปฏิบัติตัวไม่ต่างจากที่แล้วมา แม้ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ลึกๆ ในใจเอิ้นก็อยากรู้ว่าคนเป็นแฟนกันต้องทำตัวอย่างไรเฉยๆ



“คุณเอิ้นรู้ไหม ทำไมผมถึงไม่ได้ทำอะไรให้ต่างจากเดิม”



“ผมไม่รู้...”



“เพราะทุกๆ วันก่อนหน้านั้นผมก็คิดกับคุณเอิ้นมากกว่าเพื่อนอยู่แล้ว”



“เอ๊ะ”



“อยากปฏิบัติกับคุณเอิ้นมากกว่าเพื่อน...จริงๆ ผมก็เคยบอกไปแล้วนี่เนอะ”



“...”



“แต่รู้ไหมก่อนหน้านี้มีสิ่งหนึ่งที่ผมทำกับคุณเอิ้นไม่ได้นะ”



“...”



“เป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนกันเท่านั้นถึงจะทำได้”



โชนไม่รอให้เอิ้นเอ่ยปากถามหาคำตอบ เขาเคลื่อนตัวเข้ามาประทับริมฝีปากกับอีกฝ่าย สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากหวาน มอบจูบที่ลึกซึ้งกว่าเดิมให้คนเป็นแฟน



กระเช้าชิงช้าลอยตัวสู่จุดสูงสุด ไปพร้อมๆ กับหัวใจของเอิ้นที่ล่องลอยแตะปุยเมฆ





___________________________________

หวานกันทีละนิด ///

#call123456


ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยยยยยยย จูบกันแล้วววววววววอ่ะ

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตบมด ไต่เต็มชิงช้าแล้วค่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
หวานกันจนมดบุกงานวัดแล้วค่าาา

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หอมความรัก~~~  :-[

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
มาให้กำลังใจ

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนนี้หวานมาก แต่เวลาหวานๆ มักจะมีดราม่าตามเสมอ
ไทม์ไลน์ในเรื่องนี้ ตรงกับเราตอนขึ้นม.ต้นเลย คิดถึงซาวน์เบาท์ โซนี่ บอกอายุเลย

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หวานๆ แบบนี้ อย่าชงมาม่าน๊าาาา

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คุณเอิ้นน  :hao5: เรื่องน่ารักมากๆเลยค่ะ ชอบ o13

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
โทรครั้งที่ 8_____________________









Call 57



“คุยกับคุณเอิ้นมาเหรอ”



“อืม เอ้อ กูให้เบอร์มึงกับคุณเอิ้นไปนะ”



“หือ”



“เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ให้เขาโทรมา”



“อ่อ ได้”



จบคำของไอ้ตาว โชนเอ่ยขอบคุณก่อนปีนขึ้นเตียง เขาอยู่หอเดียวกับตาว และเป็นรูมเมทกัน สภาพของเพื่อนซี้ที่ออกไปโทรศัพท์กลางค่ำกลางคืนเป็นที่คุ้นตาของตาวอยู่แล้ว



เพียงแต่พอรู้ว่าคุณเอิ้นเป็นผู้ชายและเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่โชนพามาให้รู้จักในฐานะคุณเอิน... ก็อดจะคิดแบบเดิมไม่ได้



ตาวไม่ได้จะว่าอะไรที่เพื่อนชอบผู้ชาย...หรือกะเทย หรือผู้ชายแต่งหญิงอะไรก็ตามแต่ แต่เขาแค่ไม่คิดว่าจู่ๆ โชนจะเลือกทางนี้



หรืออาจจะเพราะคนนี้มากกว่า



เขายักไหล่ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมาก ปีนขึ้นอีกเตียงนอนตามอีกฝ่ายไป



Call 58



“วนิลาหรือสตอเบอร์รี่ครับ”



“สตอ...วนิลาก็ได้”



“คุณเอิ้น...เอาที่อยากได้จริงๆ สิครับ”



“...”



“อ่ะ”



โชนยื่นไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่สีหวานให้อีกคน



“เป็นผู้ชายแล้วกินไอศกรีมรสนี้มันคงแปลกๆ” เอิ้นว่า หลังจากรับไอศกรีมมาไว้ในมือ เป็นอีกครั้งที่วันนี้เขาไม่ได้สวมกระโปรงตามคำขอของอีกฝ่าย



“แปลกยังไงครับ ผู้ชายชอบสตอเบอร์รี่ไม่ได้หรือ”



“ไม่ใช่ไม่ได้...แต่ไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนชอบนี่  คนเห็นแล้วมันจะดูประหลาดเอา”



“คุณเอิ้นต้องเลิกตัดสินใจจากสายตาคนภายนอกได้แล้วนะ”



“...”



“อ่ะ ผมกินรสสตอเบอร์รี่เป็นเพื่อน”



วันนี้เอิ้นไม่ได้แต่งตัวเป็นผู้หญิง เนื่องจากโชนขอไว้ ทำให้เขาค่อนข้างเกร็งกับสายตาคนรอบข้าง กลัวว่าจะไปทำอะไรให้ใครต่อใครผิดใจอีก



“คุณเอิ้น...” โชนเรียกชื่อคนข้างตัว เอื้อมมือมาลูบใบหน้าที่คล้ายกังวล



เอิ้นชะงัก เขาเอนหน้าหลบสัมผัสของโชน ที่นี่ที่สาธารณะ เอิ้นไม่อนุญาตให้โชนสัมผัสเขาเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน และการลูบหน้ากันไม่ใช่การกระทำของเพื่อนชาย



“อยู่กับผมไม่ต้องคิดมากเรื่องสายตาคนอื่นได้ไหม” โชนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคนน่ารักคิดมากอีกแล้ว



“ไม่ได้หรอก” เอิ้นว่า “โชนไม่เคยเจอเหมือนผมนี่”



ก่อนเดินนำไปสู่อีกทาง



โชนยกยิ้มพร้อมถอนหายใจลำพัง เขาพยายามอยากให้เอิ้นเป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้ แสดงถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่านี้ ไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้างมากกว่านี้ สิ่งที่เอิ้นเป็นไม่ใช่เรื่องผิด โชนไม่อยากให้เอิ้นต้องใส่หน้ากากปกปิดความเป็นตัวเอง



แต่เหมือนว่าโชนจะรีบร้อนเกินไป



Call 59



“คุณเอิ้น ดูเรื่องนี้กันดีไหม”



“Home alone หรือ เอาสิ ผมชอบ”



“งั้นซื้อม้วนนี้นะ”



“ไม่เช่าเอาเหรอ”



“ซื้อเลยก็ได้ ถ้าจะไปร้านเช่าก็ไม่แน่ใจว่ามีคนยืมไปแล้วรึเปล่า”



“ผมมีเวลาตลอดน่า”



โชนอมยิ้ม “ซื้อไว้จะได้เป็นที่ระลึกว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมจะได้ดูกับคุณเอิ้นด้วย”



เอิ้นไม่ตอบอะไรหลังจากนั้น หลังจากกินไอศกรีมสีหวานจนหมด พวกเขาก็มาอยู่ในร้านขายวิดีโอและเทปคลาสเส็ท โชนตั้งใจชวนเอิ้นออกมาเดทเหมือนเคย เพียงแต่อยากลองซื้อวิดีโอหนังสักเรื่องไว้ดูกับเอิ้นสองต่อสองบ้าง ดูในโรงมันก็ดี แต่มันก็ยังเป็นที่สาธารณะ คุณเอิ้นของเขาไม่ยอมแน่ๆ หากเขาจะแต๊ะอั๋งแฟนตัวเองสักหน่อย



แม้แต่จับมือคุณเอิ้นยังไม่ให้เลย



แผนการซื้อหนังไปดูของโชนจะเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ บ้านของเอิ้นมีเครื่องเล่นวิดีโออยู่ในห้องนอนเอิ้น โชนมั่นใจว่าคราวนี้จะได้สวีทกับคุณเอิ้นด้วยกันสองต่อสองแบบไม่ต้องเกรงกลัวสายตาใครเสียที



รวมไปถึง...วันนี้คุณป้าภากับคุณลุงวีไม่อยู่บ้านเสียด้วย



พวกเขานำม้วนหนังไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์



ในจังหวะที่โชนกำลังเคลิบเคลิ้มวาดภาพฝันไปกับการได้ครอบครองเอิ้น



ฝนก็เทลงมา



Call 60



วันนี้ลุงวีไม่ว่างมารับ พวกเขาทั้งคู่รู้ดี โชนมารับเอิ้นถึงบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์ของตาวเพื่อนซี้ ตั้งใจจะไปส่งเอิ้นถึงบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์คันเดิมแต่ตอนนี้กลับต้องคิดใหม่...



ห่าฝนที่เทลงมาไม่มีท่าว่าจะหยุด



และคงไม่ดีแน่ถ้าจะให้คุณเอิ้นนั่งรถเปียกฝน



“คงต้องรอฝนหยุด” เอิ้นว่า แต่กว่าฝนจะหยุดไม่ต้องรอจนถึงเช้าเลยหรือ



“งั้นคุณเอิ้นรอสักครู่นะ” โชนว่า ส่งถุงวีดิโอให้อีกฝ่าย วิ่งออกร้านฝ่าน้ำฝนไปโดยไม่ทันให้เอิ้นได้ร้องทัก



เอิ้นยืนชะเง้อคอยาวมองหาอีกฝ่ายอย่างกังวล โชนไม่ได้บอกว่าไปไหน แถมจู่ๆ ก็วิ่งฝ่าสายฝนไปทำให้เอิ้นเป็นห่วงมิใช่น้อย



แต่ไม่นานโชนก็กลับมาด้วยสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวพร้อมเสื้อกันฝนสองอัน และมอเตอร์ไซค์คู่ใจ เขาเดินลงจากพาหนะ มาหาเอิ้นพร้อมกับยื่นเสื้อกันฝนอย่างดีให้



“โชนเปียกหมดเลย...”



“ผมไม่เป็นไรหรอก นี่ของคุณเอิ้น สวมไว้นะครับ เดี๋ยวผมพาไปส่งที่บ้าน” โชนว่า



“ผมถามคนขายของแล้ว เขาว่าวันนี้ฝนตกทั้งคืน”



เอิ้นพยักหน้ารับ สวมใส่เสื้อกันฝน ปีนขึ้นมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะห้อตะบึงฝ่าสายฝนไป



ระหว่างทางกลับเหมือนฝนจะเล่นตลก เมื่อมันสาดโครมเหมือนฟ้ารั่วมากกว่าเก่า



“โชน ฝนตกหนักขนาดนี้ จอดก่อนไหม มันอันตราย”



“อืม แต่แถวนี้ไม่มีที่ให้หลบฝนเลย”

“...”



“แต่จากตรงนี้ไปหอผมประมาณสิบนาที เราไปพักที่หอผมก่อนก็ได้ คุณเอิ้นไหวมั้ยครับ”



“อื้อ ได้” เขาบอกอีกฝ่าย โอบแขนรอบเอวคนขับ ก็หมวกกันน็อคทำให้ไม่เห็นหน้านี่นา ไม่เป็นไรหรอก แถมฝนก็ตกหนักขนาดนี้ คงไม่มีใครมาใส่ใจผู้ชายสองคนที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์หรอกมั้ง



โชนขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนจนมาถึงจุดหมายในที่สุด เขาชวนเอิ้นเข้าห้องพักของตัวเอง



“คุณเอิ้นอาบน้ำนะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด เดี๋ยวยืมเสื้อผมก่อนก็ได้”



“อ่า...แล้วโชนล่ะ”



“เดี๋ยวผมค่อยอาบต่อคุณเอิ้น”



“แต่โชนเปียกกว่าผมนะ”



“ผมแข็งแรงน่า ไม่เป็นไรหรอก”



เอิ้นพ่ายแพ้ต่อการเถียงอีกแล้ว เขายอมทำตามเจ้าของห้องอย่างว่าง่าย เอิ้นอาบน้ำด้วยน้ำเย็นเพราะหอพักไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ทำให้เขาทำใจอยู่พักใหญ่กว่าจะราดน้ำเย็นๆ ชโลมให้ทั่วตัว เอิ้นอาบน้ำเสร็จก็หนาวจนตัวสั่น



 โชนให้เขายืมเสื้อตัวใหม่ มันใหญ่กว่าตัวเอิ้นค่อนข้างมาก ทำให้ดูเหมือนลูกชายแอบใส่เสื้อพ่อ ทั้งๆ ที่เขาแกกว่าโชนแท้ๆ แต่ร่างกายกลับตัวกระเปี๊ยกเดียว



เอิ้นออกมาจากห้องน้ำ และเห็นโชนนั่งอยู่ริมเตียง เอิ้นมองไปรอบๆ ห้องพัก



ห้องพักนี้มีเตียงสองเตียง โชนเคยบอกว่าพักอยู่กับเพื่อนที่ชื่อตาว ในตอนแรกที่พวกเขาเข้าห้องมาเอิ้นยังไม่ทันได้สังเกตอะไรมากนัก แต่ครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่เอิ้นเห็นแน่ชัด



“เพื่อนโชนไม่อยู่เหรอ”



“อือ มันออกไปข้างนอก เดี๋ยวคงกลับ”



“แสดงว่าตอนนี้มีแค่โชนกับผมงั้นเหรอ...?”



Call 61



โชนจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบ พยายามจ้องเข้าไปในดวงตากลม



เอิ้นไม่ได้หมายความถึงอะไรลึกซึ้ง เขาแค่เอ่ยถามตามความสงสัยอย่างแท้จริง แต่พอเอ่ยถามออกไปกลับดูเหมือนเอิ้นคิดลึกมากกว่านั้นแถมโชนก็จ้องแปลกๆ จนคนถามต้องรีบเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวัน



“ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่สงสัยเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่า...”



โชนหัวเราะขำ ลุกขึ้นมาลูบหัวคนตัวเล็กกว่า “ผมยังไม่ทันว่าอะไรเลยครับคุณเอิ้น”



คุณเอิ้นของโชนหน้าขึ้นสีเป็นลูกมะเขือเทศ



“แต่ถ้าคุณเอิ้นคิด...ก็รอผมอาบน้ำแป๊บนึงนะ”



“บ้า!”



เอิ้นร้องโวยวาย รีบผลักให้อีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปด้วยใจที่สั่นระรัว



ส่วนคนแกล้งเดินละลิ่วลอยตัวไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์



เอิ้นนั่งรอที่ปลายเตียงของโชน จนกระทั่งอีกฝ่ายอาบน้ำเสร็จก็มานั่งเช็ดผมข้างๆ



“ฝนไม่มีทีท่าจะหยุดเลยแฮะ”



“อือ...”



“คุณเอิ้น ถ้ายังไง...คืนนี้พักที่นี่ไหมครับ”



“เอ๊ะ”



“คือ...ถ้าไม่รังเกียจห้องแคบๆ น่ะ”



เอิ้นส่ายหน้ารัว ไม่ได้รังเกียจ และห้องก็ไม่ได้แคบมากมาย ก็แค่...เล็กกว่าที่เอิ้นเคยอยู่นิดเดียวเอง แต่ที่เอิ้นไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะโชนชวนค้างที่นี่! เขาแทบไม่เคยค้างคืนที่ไหนกับใครนอกจากคนในครอบครัวมาก่อน



“ผมไม่ได้รังเกียจ แต่...ที่นี่มีเพื่อนโชนอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”



“อืม แต่มันไม่ว่าอะไรหรอก”



“ได้ไง ต้องถามเพื่อนโชนก่อนสิ”



โชนทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ยอมตกลงแต่โดยดีเพราะไม่อยากให้เอิ้นคิดมาก เดิมทีเขากับตาวเช่าห้องอยู่ด้วยกัน แชร์ค่าน้ำค่าไฟกันและบางครั้งตาวก็พาเพื่อนมานอนด้วยบ่อยๆ โชนก็ไม่คิดห้าม ส่วนตาวเองก็ไม่ใช่คนมากความอะไร โชนคิดว่าถ้าขอให้คุณเอิ้นพักที่นี่สักคืนคงไม่มีปัญหา



แต่ดูท่าคงต้องให้เอิ้นเห็นตาวอนุญาตจริงๆ เจ้าตัวถึงจะยอมเชื่อ



“คุณเอิ้น ดูหนังกันมั้ย”



โชนเอ่ยชวน หลังจากที่เสียงสายฝนเริ่มแย่งซีนนานเกินไป ที่ห้องของโชนมีโทรทัศน์ 21 นิ้วอยู่เครื่องนึง มีเครื่องเล่นวิดีโอที่เป็นของตาว วางอยู่ใต้ชั้นวางโทรทัศน์  พอมีเครื่องเล่นวิดีโอจากเพื่อนซี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้โชนชอบเช่าหนังมาดูบ่อยๆ



เอิ้นไม่ปฏิเสธคำชวน แล้วม้วนวิดีโอก็ถูกกลืนเข้าเครื่องเล่นไป



ตัวหนังเล่นไปเรื่อยๆ เรื่องราวของเด็กชายตัวน้อยที่ต้องเฝ้าบ้านลำพัง และต่อสู้กับขโมยตัวร้ายถูกนำเสนอออกมาได้อย่างตลกขบขำ



สายฝนยังคงโปรยปราย



พวกเขานั่งเบียดกันอยู่ที่เตียงเดี่ยวเล็กๆ ของโชน



ในช่วงที่ยังไม่ใช่ตอนตื่นเต้นของฉาก โชนใช้จังหวะนี้ทำการเคลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าหาคนข้างๆ มากขึ้น มือใหญ่ช้อนคางมนเข้าหาตัว ก่อนกดลงที่ริมฝีปาก



แนบแน่น และเนิ่นนาน ก่อนจะเริ่มรุกล้ำลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากเล็ก ละเลียดไล่ชิมทุกซี่ฟัน ดูดดึงลิ้นร้อนที่สั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ



โชนประคองใบหน้าละมุนให้เข้าองศาเพื่อมอบรสจูบที่ดูดดื่มมากขึ้น



เคลิบเคลิ้มจนลืมว่าตัวหนังเล่นถึงไหนแล้ว



ทันใดนั้นเอง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมา



ปัง!



Call 62



ทั้งคู่สะดุ้งตัวโยนผละออกห่างจากกันทันที ทั้งสองรีบมองหน้าผู้มาเยือน ตาวที่เปียกโชกไปทั้งตัวไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่ร่วมห้องนอกเหนือจากเพื่อนสนิทตัวเองด้วย



“เวรเอ๊ย ฝนตกลงมาห่าใหญ่ กว่ากูจะฝ่าฝนกลับมาได้”



“...”



“เปียกยันกางเกงในเลยแม่ง ข้าวที่ซื้อมาก็คงอดแดก”



“...”



“กูเห็นมอเตอร์ไซค์กูจอดอยู่ใต้หอ ไหนมึงว่าจะขอยืมคืนนึงไง อ...อ้าว คุณเอิ้น สวัสดีครับ”



คนเปียกม่อล่อกม่อแลกบ่นอุบพร้อมกับบิดน้ำฝนออกจากเสื้อตัวนอก ก่อนจะเงยหน้ามาเจอกับคนไม่คุ้นเคยที่นั่งจ้องเขาตาแป๋ว เอิ้นตอบรับคำทักทายและปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของโชน



“เออ จู่ๆ ฝนมันก็ตกหนัก กูเลยกลับมาที่นี่ก่อนเพราะใกล้กว่า คิดว่าฝนซาเมื่อไหร่คงพาคุณเอิ้นกลับบ้าน”



“ตกอย่างนี้น่าจะไม่ซาง่ายๆ มั้ง มึงก็ให้คุณเอิ้นนอนที่นี่ไปเลยสิ”



โชนยักคิ้วให้แขกรับเชิญ “กูก็ว่างั้น แต่คุณเอิ้นเขาเกรงใจมึง”



“โอ๊ย คุณเอิ้นไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมสิต้องเกรงใจ ห้องรกไปหน่อย”



เอิ้นส่ายหน้า “ไม่ๆ ไม่รกเลย”



“แต่แคบกว่าห้องน้ำบ้านคุณเอิ้นเยอะ” โชนล้อ พร้อมหัวเราะขำจนโดนเอิ้นถองเข้าที่ท้อง



เอิ้นบ่นคนชอบล้อในใจ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่น่าพูดมั้ยเล่า เจ้าของห้องอีกคนอุตสาห์ยอมให้เขาพักด้วยทั้งที



“ตามสบายนะคุณเอิ้น” ตาวว่าพร้อมยกยิ้ม ก่อนขอตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้พวกเขาสองคนดูหนังที่ค้างไว้ต่อไป...แต่หลังจากที่โชนจูบไปเสียขนาดนั้น ใครเล่าจะมีอารมณ์ดูต่อ



เมื่อได้มติ โชนก็กดหยุดเล่นหนังก่อนนำม้วนวิดีโอออกมาจากเครื่องเล่น ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ปกติจะเป็นช่วงที่เขาออกไปโทรศัพท์หาเอิ้น  แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วนี่ ในเมื่อเจ้าตัวมานั่งตากลมแป๋วอยู่ข้างๆ



ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ข้างๆ ในเวลาเดิมที่มักพูดคุยกันแท้ๆ



แต่กลับพูดอะไรไม่ออก



Call 63



“ฟังวิทยุกันไหม” เป็นโชนที่เอ่ยชวนขึ้นมา เจ้าของห้องหยิบซาวน์เบาท์มาเปิดเครื่อง เสียงเพลงจากวิทยุสลับกับเสียงดีเจทำให้บรรยากาศไม่เงียบเกินไป



ตาวทำธุระเสร็จแล้ว



เขาออกมาจากห้องน้ำพลันเห็นว่าเพื่อนซี้ของตนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง โดยมีแขกคนสำคัญนอนซบไหล่เพื่อนตนอยู่



คุณเอิ้นผล็อยหลับไปแล้ว



โชนยกมือทำสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายอย่าส่งเสียงดัง



ตาวยักไหล่ แต่ก็ทำตามคำขอของเพื่อน เขานั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะสักพัก ก่อนที่ทั้งห้องจะถูกดับไฟเมื่อถึงเวลาเข้านอน



ในมวลอากาศเย็นเพราะสายฝนชุ่มฉ่ำ เตียงเดี่ยวที่บรรจุไปด้วยร่างของสองคนกลับอบอุ่น



โชนค่อยๆ ขยับตัวพาคุณเอิ้นนอนลงที่หมอนดีๆ ก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้ท้ายทอย โอบกอดร่างเล็กไว้แบบกาย สูดดมกลิ่นหอม มอบไออุ่นให้กันและกัน โชนมีฝันดีทั้งที่ยังไม่ได้นอน







_____________________________

ตาวมาดีนะ

#call123456

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หรือจริง ๆ แล้วตาวจะแอบชอบโชน
...
ไม่ใช่หรอก มั้ง

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เนื้อเรื่องแปลกดี เหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยยังเด็ก ยังทันม้วนวีดีโออยู่นะ 55
เอาใจช่วยความรักของทั้งคู่ ขอให้ราบรื่น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด