.
.
.
.
ผมกำลังสิ้นหวังที่จะหลุดพ้นจากความน่าขยะแขยงนี้ น้ำตาไหลอาบแก้มไหลไปรวมกับน้ำในสระ ผมร้องไห้แบบไม่มีเสียง ไม่รู้ว่าปากของตัวเองถูกบดขยี้ไปนานเท่าไรแล้ว แต่แล้วเสียงที่ผมจำได้ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง หอบเอาความหวังของผมทั้งหมดกลับมาแทบจะทันที
“ไอ้สัส! มึงทำอะไรเพื่อนกู!!”
ที่ผมเห็นผ่านม่านน้ำตาคือปลายเท้าที่เฉียดหน้าผมไป แต่กลับไปกระแทกเข้าซีกหน้าพี่หมอกและน่าจะแรงพอสมควร ฝ่ายนั้นถึงได้หงายหลังจมลงไปในน้ำ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาในสภาพเลือดไหลออกจากจมูก
“ไอ้เหี้ย!! มึงกล้าถีบกูหรือวะ” โผล่ขึ้นมาได้ก็ตะโกนด่าเจ้าของเท้าทันที ก่อนหันไปด่าอีกคนหนึ่งที่วิ่งตามหลังดีนมา “ไอ้สัสดรีม! แม่ง... มึงปล่อยน้องมึงออกมาทำไมวะ”
“ไอ้ห่า! มันโทรฟ้องพ่อกูไง กูเลยต้องปล่อยมันกับเพื่อนออกมา”
“มึงก็เหมือนกันดรีม พรุ่งนี้พ่อกับแม่ลงมา มึงเจอหนักแน่น เสือกคบตัวเหี้ยเป็นเพื่อน”
ฟังแล้วผมก็เข้าใจทันทีว่าทำไมดีนกับเพื่อนถึงหายไป
“ขึ้นไหวไหม” ดีนหันมาถามผมอย่างเป็นห่วง ผมพยักหน้าให้ บอกว่าผมขึ้นจากสระเองไหว ก่อนวางมือไว้กับขอบสระ ค่อยๆ ยกตัวขึ้นมานั่งบนนั้น กัดฟันข่มความรู้สึกจากส่วนกึ่งกลางตัวไม่ให้เล็ดลอดออกมาจากลำคอ จากนั้นก็พยุงตัวลุกขึ้นยืน มีดีนคอยช่วยพยุงไว้อีกที
ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ไม่รู้ว่าเสียงเพลงพวกนั้นหยุดลงตอนไหน
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเรานะ” ดีนบอก ตั้งท่าจะประคองตัวผมเข้าไปในบ้าน แต่ผมฝืนตัวเอาไว้
“ไม่ เราจะกลับบ้าน พาเรากลับที”
“แน่ใจนะ”
“เราอยากกลับบ้าน ตอนนี้เลย” ผมพยักหน้า หันหลังก้มไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับผนังห้อง ภายในร่างกายผมมันร้อนไปหมด มันกำลังเต็มไปด้วยความต้องการทางเพศ “เร็วๆ ดีน เราโดนยา” ผมตัดสินใจบอกดีน
“ห้ะ! โดนยา” ดีนร้องตกใจเสียงดังลั่นเลย ก่อนหันไปถีบหน้าคนที่กำลังจะปีนขึ้นมาจากสระอีกครั้งและคงเต็มแรงเลยทีเดียว คราวนี้ไม่ใช่ซีกหน้าแต่เป็นกลางหน้าเลย “ไอ้เหี้ย! ไอ้สัส!! พ่อมึงเป็นเหี้ยหรือวะ มึงถึงได้เหี้ยตามพ่อมึงขนาดนี้ ไอ้สัส!!!”
“ไอ้เด็กเวร! กูเป็นพี่มึง ด่าอะไรให้ระวังจะไม่มีปากไว้กินข้าว” พี่หมอกตะโกนขึ้นมาจากในสระ มือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกไปด้วย สภาพของเขาตอนนี้เลือดยังไหลออกจมูกอยู่เลย ไม่รู้ว่าดั้งจะหักหรือเปล่า โดนถีบหน้าไปเต็มๆ ถึงสองครั้ง
“กูไม่มีพี่หน้าเหี้ยใจหมาแบบมึง!”
“ไอ้ดรีม มึงหาอะไรมายัดปากน้องมึงหน่อย ก่อนที่กูจะเอาตีนยัดปากมันแทน ปีนเกลียวนักนะมึงไอ้ดีน อย่าคิดว่าเป็นน้องไอ้ดรีมแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไร”
“มึงก็ลองสิวะไอ้เหี้ย นึกว่ากูไม่มีตีนหรือไงวะ มึงได้ชิมตีนกูแน่” ดีนทำท่าจะกระโจนลงสระไปแลกตีนกับพี่หมอก แต่ผมคว้าแขนไว้ทัน
“ดีน ไปเถอะ เราจะไม่ไหวแล้ว” น้องชายผมปวดตุบๆ แทบจะยืนตัวตรงไม่ได้
“ดีนว่าอย่ากลับเลย ไปนอนห้องดีนนะ เดี๋ยวดีนช่วย พวกนี้ทำอะไรพีไม่ได้หรอก”
“ไม่เอา” ผมส่ายหน้า ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจที่นี่ “ไปเถอะ ไปส่งเราที่โรงแรมก็ได้... นะดีน ไปเถอะ เร็ว” จากบ้านดีนไปพุฒิธาดาน่าจะใช้เวลาน้อยกว่ากลับไปที่บ้านตรัยธาดา
“ก็ได้ๆ... ไอ้เอ้เอากุญแจรถมึงมาดิ ถอดเสื้อกับกางเกงมึงมาด้วย” ดีนหันไปแบมือขอกุญแจจากเพื่อนตัวเอง แต่ไม่วายหันไปชี้หน้าพี่หมอกที่เพิ่งปีนขึ้นจากสระมาได้ มีพี่เพียวเอาผ้าซับเลือดที่ไหลออกจากจมูกให้ “ส่วนมึงไอ้เหี้ยหมอก มึงรอกินตีนกูอยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าหนีเชียวนะมึง กูจะให้มึงแดกตีนกูให้สาสมกับที่มึงอยากแดกเพื่อนกู!”
“เออ!! กูรอมึงแน่ไอ้ดีน”
“เจอกันไอ้เหี้ย!... ไปพี” ดีนหันมาบอกผม ขณะที่มือก็รับเอากุญแจกับเสื้อผ้ามาจากเอ้ที่ทั้งตัวเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมจำได้ว่ารถที่เอ้ขับมาเป็นมอเตอร์ไซค์ ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไปถึงโรงแรมเร็วขึ้น
เดินออกมานอกบ้านได้ดีนก็พาผมตรงไปหามอเตอร์ไซค์ของเอ้ที่จอดอยู่ ไม่ได้ไกลจากประตูรั้วเท่าไรนัก
“เปลี่ยนเสื้อก่อน” ดีนยื่นเสื้อกับกางเกงของเอ้มาให้
“ต้อง... เปลี่ยนเหรอ” ผมรับมาอย่างลังเล ไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางที่แจ้ง ต่อให้ไม่ใช่เวลากลางวันและมีแค่แสงสลัวที่ทอดยาวมาจากท้องฟ้าด้านบนก็ตาม แต่ก็ยังมีสายตาของดีนอยู่นี่นา สภาพผมตอนนี้ก็ไม่ควรให้ใครเห็นด้วย
“นั่งมอเตอร์ไซค์ไปทั้งเปียกๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ เปลี่ยนเถอะ ดีนไม่มองหรอกน่า” พูดจบดีนก็หยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมหัว หมุนตัวหันหลังให้ทันที ผมหันซ้ายมองขวาก่อน ไม่มีใครอยู่แถวนี้ (เพราะอยู่ในบ้านกันหมด) ก็สบายใจขึ้น จัดการถอดเสื้อผ้าชุ่มน้ำออกจากตัวอย่างรวดเร็ว ดีที่ผมใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ส่วนเสื้อผ้าของเอ้ก็เหมือนกัน เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ผมเลยใช้เวลาเปลี่ยนแป๊บเดียว
“เสร็จแล้วดีน” ผมบอกดีน
ดีนหันมาสำรวจสภาพผมแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า สวมหมวกกันน็อกให้ผมเสร็จ เจ้าตัวก็วาดขายาวๆ ควบมินิไบค์ลูกรักของเอ้ ส่วนผมก็ไม่รอช้ากระโดดขึ้นซ้อนท้าย แต่เพราะตัวเบาะที่สั้นมากๆ ทำให้ผมต้องนั่งติดกับดีนอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังต้องกอดเอวคนด้านหน้าไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงได้เงยหลังหัวน็อกพื้นแน่ๆ และนั่นทำให้ความร้อนในร่างกายผมปะทุขึ้นอีก อาการปวดตุบๆ ที่กึ่งกลางตัวก็ยิ่งทำให้ผมทรมาน หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะทะลุออกมาจากซี่โครงให้ได้
แน่นอนว่าดีนก็ต้องรู้
“ไหวแน่นะพี”
“อืม...ไหว” ผมตบไหล่ดีนเบาๆ เป็นการยืนยันคำพูด “ไปเถอะ”
“เฮ้อ... ขอโทษว่ะพี ดีนไม่น่าบังคับให้พีมาเลย”
“ไม่เป็นไร” เพราะผมก็ผิดเองด้วยที่ไม่เชื่อคำพูดของปาลิน ผิดที่ทำให้พี่เลม่อนโกรธ ทุกอย่างมันเลยเป็นแบบนี้ พี่เลม่อนใช้เพื่อนของตัวเองมาแก้แค้นผม ดีนไม่เกี่ยวด้วยเลยสักนิด “ไปเถอะ” ผมเร่งอีกครั้ง ก่อนที่เจ้ามินิไบค์จะวิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ของดีนด้วยความรวดเร็ว
สิบกว่านาทีที่รถวิ่งอยู่บนทางสายหลักที่การจราจรไม่หนาแน่นมาก ก่อนเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรมพุฒิธาดา
ผมรีบก้าวลงจากเบาะในสภาพที่เหงื่อเหมือนจะไหลท่วมตัว เซหน่อยๆ เพราะขาสองข้างคล้ายจะหมดแรงเอาดื้อๆ แต่ผมก็พยายามฝืนร่างกายเอาไว้อย่างสุดกำลัง ไม่ให้ล้มไปกองพื้นและเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
“ข...ขอบใจนะดีน” ผมถอดหมวกกันน็อกคืนให้ดีนอย่างรีบๆ กะจะฝืนวิ่งเข้าไปในโรงแรมให้ทันก่อนร่างกายจะต่อสู้กับฤทธิ์ยาไม่ไหว แต่ดีนคว้าตัวไว้เสียก่อน
“ให้ดีนเข้าไปด้วยไหม ดีนช่วยได้นะ” น้ำเสียงของดีนห่วงใยอย่างจริงใจ
ผมส่ายหน้าให้กับคำว่า ‘ช่วย’ ของดีนทันที เพราะรู้ว่า ‘ช่วย’ นั้นจะเป็นการช่วยแบบไหนและลงเอยอย่างไร
“ไม่ต้อง เราช่วยตัวเองได้” ผมคิดว่าความต้องการมากมายที่หลั่งไหลอยู่ในร่างกาย และมันกำลังหาทางออกมาอย่างทะลักทลายนั้น ผมน่าจะรับมือไหว... มารู้ตัวอีกทีว่าผมคิดผิดไปถนัดก็เมื่อสายเกินไปแล้ว
“แน่ใจนะ” อีกฝ่ายก็ยังถามย้ำ
“อืมๆ” ผมพยักหน้ารัวเร็ว “ดีนกลับไปเถอะ เราดูแลตัวเองได้” แล้วผมก็ทิ้งดีนไว้ตรงนั้น คือไม่ไหวแล้วไง สิ่งที่คับแน่นอยู่ในกางเกงมันปวดร้าวไปหมด ขาผมแทบไม่เหลือแรง ทำท่าจะล้มหลายทีแล้ว
ผมเลือกเดินเข้าไปในโรงแรมทางประตูฝั่งสวนสีเขียว มีพนักงานหลายคนที่มองผมอย่างนึกสงสัยอาการที่ผมเป็น คือเดินหลังงอ ตัวสั่น ผิวขาวของผมขึ้นสีแดงอย่างชัดเจน แต่ผมก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น ไม่อยากให้พวกเขาเข้ามาทักทายและไถ่ถามอาการที่ผมเป็น ผมฝืนพยุงตัวมาจนถึงหน้าลิฟต์ตัวที่จะพาผมขึ้นไปยังชั้นสามสิบสาม... เพนต์เฮ้าส์ของเจ้าของพุฒิธาดา
ในกระเป๋าตังค์ของผมมีคีย์การ์ดของห้องเพนต์เฮ้าส์ที่ได้มาจากคราวก่อน ผมเลยเข้าไปในห้องนั้นได้แม้เจ้าของห้องจะไม่อยู่ก็ตาม เพราะตอนนี้คุณยะกำลังมีความสุขหวานชื่นอยู่กับเด็กของเขาที่เยอรมัน พวกเขาสองคนมีความสุขกันมาก พากันไปเที่ยวตั้งหลายที่ ผมรู้เพราะพี่เลม่อนส่งรูปพวกนั้นมาให้ผมทุกวัน บางวันหนักถึงขั้นส่งมาทุกชั่วโมงก็มี ถามว่าทำไมผมถึงไม่บล็อกไลน์พี่เลม่อนไปซะ ผมก็อยากถามตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงยังอยากเห็นรูปของเขาทั้งคู่... บางทีผมอาจจะอยากเจ็บให้ถึงขีดสุด หรือบางทีผมก็แค่อยากรู้ว่าพวกเขารักกันมากแค่ไหน หรือผมก็อยากเห็นแค่ว่าคุณยะมีความสุขมากขนาดไหนตอนที่อยู่กับคนที่ไม่ใช่ผม
ตึ้ง...
เมื่อถึงชั้นที่ตั้งของเพนต์เฮ้าส์ ผมรีบหอบร่างกายที่ชื้นด้วยเม็ดเหงื่อส่วนภายในนั้นร้อนระอุ สั่นระริกไปทั้งร่างกาย โดยเฉพาะส่วนกลางลำตัวที่ทรมานเหลือเกิน อาการที่ผมเป็นมันหนักขึ้น ขาที่ควรจะก้าวให้เร็วเหมือนวิ่งกลับหนักอึ้ง ถึงขั้นที่ว่าผมต้องเดินลากขาตัวเอง สองมือเท้าไว้กับผนังทางเดินเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไปกองพื้นพรม สมองก็เริ่มมึนเบลอ ล่องลอยและพร่ามัวไปหมด ผมกัดฟันเอาร่างกายที่ไม่เหลือความปกติใดอีกแล้วไปจนถึงประตูห้องเพนต์เฮ้าส์ได้ในที่สุด
ผมล้วงเอากระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋าเป้ มือของผมสั่นมากตอนหยิบเอาคีย์การ์ดสีเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์อีกที แตะมันไปบนประตูห้องด้วยความรู้สึกว่า... ผมรอดแล้ว ผมไม่ต้องทรมานอีกต่อไป สิ่งที่ผมต้องทำหลังจากนี้คือปลดปล่อยตัวเองออกมาให้หมด แล้วผมจะลืมเรื่องที่ ‘เกือบ’ เลวร้ายนี้ไปซะ
เรื่องเกือบเลวร้ายที่ผมไม่กล้าเอาไปฟ้องใครหรอกโดยเฉพาะครอบครัวของตัวเอง เพราะผมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายเอง ทั้งยังโกหกคุณปู่คุณย่าว่าจะไปทำรายงานที่บ้านปาลิน ผมโกหกพวกท่านสองครั้งแล้ว และก็สร้างปัญหาให้ตัวเองเสียทุกครั้ง ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก เพราะผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ตัวเองโกหกผู้มีพระคุณ ผมได้รับผลกรรมของการโกหกแทบจะทันทีเลย
...โกหกครั้งแรกก็ดันไปเล่นยาจนโดนตัดเงิน
...โกหกครั้งที่สองก็ดันโดนวางยาและเกือบจะโดนข่มขืน
แต่ช่างเถอะตอนนี้ผมควรเอาอะไรที่มันอึดอัดอยู่ในตัวออกมาก่อน ผมดันประตูเข้าไปและสิ่งที่ผมต้องเจอไม่ได้มีเพียงแสงไฟที่สาดส่องทั่วห้อง แต่ยังมี... เสียงของความสุขสมที่ดังออกมาจากสองเรือนร่าง แม้พวกเขาจะอยู่ไกลจากประตูที่ผมยืนอยู่ ทว่าภาพนั้นกลับชัดราวกับว่าคนทั้งคู่มายืนทำเรื่องอย่างว่ากันตรงหน้าผม ห่างไปแค่ก้าวเดียว!
สิ่งที่ผมเห็น... ร่างกายหนาใต้เสื้อคลุมสีเทาเข้มกำลังรูดถุงยางออกจากแก่นกายตัวเอง ก่อนฉีดพ่นน้ำสีขาวข้นให้ไหลรดลงบนบั้นท้ายของคนตัวบางที่นั่งคลุกเข่าอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นชุ่มไปด้วยเหงื่อจากกิจกรรมที่เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อวินาทีที่แล้วพาดไปกับพนักโซฟา ร่างกายขาวเต็มไปด้วยรอยสีแดงและรอยกัดที่ผมเคยเห็นมาแล้วในรูปถ่ายที่ส่งมาพังหัวใจผม
กลิ่นคาวคลุ้งที่สติอันพร่าเบลอของผมสัมผัสได้ มันเกินกว่าจะคิดว่าบทรักและความสุขสมของคนทั้งคู่ผ่านไปเพียงแค่รอบเดียว
สมองสั่งให้ผมถอยหนี หันหลังเดินออกไปซะ ทันทีที่ดวงตาสีราตรีหันมาเจอเข้ากับผม เขาตกใจที่เห็นผมเข้ามาในห้องหรือตกใจกับสภาพที่ผมเป็นกันแน่ เพราะตอนนี้ผมได้กองลงไปกับพื้นพรมหนานุ่มเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งร่างกายที่หมดเรี่ยวแรงไว้กับประตูห้อง หอบหายใจถี่หนักคล้ายกับว่าวิ่งมาสักสิบรอบสนามฟุตบอล เนื้อตัวชุ่มเหงื่อไม่ต่างจากพวกเขาสองคน เพียงแค่ว่าผมไม่ได้มีกิจกรรมความสุขสมอย่างพวกเขา ผมกำลังเผชิญหน้ากับความทรมานแสนสาหัส ที่ต้องการมีจุดหมายปลายทางเดียวกับที่พวกเขาไปถึงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
“พี...เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” เขาตรงดิ่งมาหาผมพร้อมกับผูกปมเชือกที่เอวไปด้วย มาถึงก็ดึงเอาผมเข้าสู่อ้อมกอด อุ้มเนื้อตัวที่ชุ่มเหงื่อของผมขึ้นจากพื้น
“อึก... เอา...มัน...ออกไป” ร่างกายผมเป็นแบบนี้เพราะคนของเขา “...ละ...อึก...ไล่มันไป...ผม...เกลียดมัน...” ไม่มีอะไรต้องปิด เมื่อผมเกลียด ผมก็จะบอกว่าเกลียด เกลียดจนไม่อยากหายใจร่วมกับพี่เลม่อนแม้แต่วินาทีเดียว
“ตอบฉันมาก่อนเธอเป็นอะไร โดนอะไรมา หรือว่า...” เขาค้างคำพูดไว้แค่นั้น ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างที่ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต เขาคงเดาได้แล้วว่าสภาพของผมเป็นผลมาจากอะไร สองเท้าของคุณยะกำลังอุ้มพาผมเข้าไปในห้องนอนของเขา และตรงไปที่ห้องน้ำอย่างที่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่
“นายมีสิทธิ์อะไรมาใช้ให้พี่ยะไล่ฉันห้ะ!” เสียงขุ่นจัดเอ่ยขึ้นตามหลังมา ก่อนหยุดยืนกอดอกอยู่ตรงกรอบประห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า ไร้สิ่งห่อหุ้มร่างกายและไม่อายสายตาของผม เห็นแล้วผมก็ยิ่งเกลียดเขาอีกร้อยเท่าพันเท่า
“คุณยะ...อึก...เอามันออกไป...ผม...เกลียดมัน...ไม่อยากเห็นหน้ามัน...อึก...” เสียงผมแหบแห้งและขาดห้วง มองเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังวางผมลงในอ่างอาบน้ำอย่างอ้อนวอน “...นะครับคุณยะ...น้องพีเกลียดเขา...ฮึก...เกลียดที่สุด...เกลียด...” น้ำตาผมไหลอาบแก้ม มันมาจากความทรมานของร่างกายและความเกลียดชังที่ผมมีให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
ผมมองตามร่างสูงใหญ่ที่หันกลับไปพูดกับคนที่ผมเกลียด
“เธอกลับไปก่อน” คำพูดเขาเป็นยิ่งกว่าสายน้ำเย็นที่ไต่รดลงบนร่างกายที่ร้อนระอุของผม หัวใจผมสงบขึ้น พร้อมกับเปลือกตาที่ค่อยๆ ปิดลง ขณะที่สายน้ำของจริงไหลรดลงมาตามร่างกายผม ระดับน้ำในอ่างเพิ่มสูงขึ้น
“ผมไม่กลับ!”
...ผมชอบน้ำเสียงแบบนี้จัง รู้สึกสะใจเป็นบ้า
“กลับไปเลม่อน”
...ผมชอบประโยคนี้ด้วย มันบอกผมว่าคุณยะเลือกผม
“ไม่!”
...ผมอยากจะเห็นใบหน้าของพี่เลม่อนตอนเขาตะโกนออกมาจริงๆ
“ฉันบอกให้กลับ!”
...ผมอยากเห็นใบหน้าของคุณยะด้วยเหมือนกัน อยากรู้ว่าสีหน้าของเขาโกรธจัดแค่ไหน
“พี่ยะ...ผมทำอะไรผิด ทำไมพี่ต้องเชื่อมัน”
...ผมรู้ว่าพี่เลม่อนกำลังเจ็บปวดแต่คงไม่เท่ากับที่ผมเคยสัมผัสมาทั้งหมด
“เชื่อฉัน กลับไปก่อน”
“แต่...”
“ฉันขอ”
“ก็ได้ครับ”
แล้วประโยคทุ่มเถียงกันก็เงียบหายไปพร้อมกับคนสองคน ทุกอย่างกลับมาสู่ความเงียบเชียบที่มีเพียงเสียงทรมานของร่างกายผมที่กรีดร้อง
ภายใต้สายน้ำเย็นชืดนั้นความทรมานของผมกำลังได้รับการรักษาอย่างช้าๆ สติของผมเริ่มหลุดลอยไปกับสองมือที่ประคับประคองตัวตนบวมเป่งออกมาสัมผัสกับความเย็นของสายน้ำโดยตรง ผมเริ่มลูบคลำแก่นกายตัวเองอย่างช้าๆ จนเร็วขึ้นและแรงขึ้น เพียงแค่ไม่กี่ครั้งที่ผมขยับรั้งรูดร่างกายก็กระตุกเกร็งและปล่อยลาวาสีขาวขุ่นออกมาปนไปกับสายน้ำ
เหนื่อย... ไม่เคยช่วยตัวเองแล้วเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน เหนื่อยจนไม่มีแรงลุกขึ้นยืน ที่มากกว่าความเหนื่อยที่ไม่เคยเป็นคือแก่นกายที่ยังไม่ลดขนาดลง ความทรมานที่บรรเทาลงก็น้อยนิดเกินกว่าจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลายได้
ความต้องการปลดปล่อยของผมก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มือที่อ่อนล้าเริ่มทำหน้าที่ที่คุ้นเคยเป็นครั้งที่สอง ผมรูดรั้งรุนแรงเพื่อพาตัวเองไปให้ทันกับความรู้สึกที่ยากเกินต่อต้าน
“อ่า...อึก...” จังหวะที่ผมกำลังกระตุกเกร็งและปล่อยสายน้ำสีขาวข้นออกมาจากร่องรูเล็กๆ บนท่อนลำพองโต ร่างหนาและสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามายืนชิดขอบอ่าง เขาค่อยๆ ทรุดตัวลงมาเพื่อให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าผมกับเขาเหลือน้อยลง ใกล้แบบที่ผมอยากจะคว้าต้นคอหนาเข้ามาหาและบดจูบลงไปบนริมฝีปากของเขา
“ไปโรงพยาบาลไหม” มือข้างหนึ่งของเขาลูบศีรษะผม มันอ่อนโยนและปลอบโยนไปพร้อมกัน
“...อึก...ไม่” ผมไม่ได้ป่วยและผมอายเกินกว่าจะเอาสภาพนี้ไปให้ใครเห็นเพิ่ม
“อย่าดื้อพี” เขาพูดเสียงเข้ม “ปล่อยไว้เธอจะแย่เอานะ”
“ไม่... ผมอาย”
“.....” เขามองหน้าผมนิ่งนาน ริมฝีปากคล้ายจะขยับเพื่อเอ่ยถ้อยคำบางอย่างกับผม เพียงแต่เขายั้งมันไว้
“ออกไป...อึก...ผมอยากอยู่คนเดียว...” เพราะความต้องการของผมก่อตัวขึ้นอีกแล้ว ผมไม่อยากช่วยตัวเองต่อหน้าเขา แค่นี้ผมก็อับอายสายตาของเขาจะแย่อยู่แล้ว
“ให้ฉัน...” เขาหยุดคำพูดไว้แค่สองคำแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทอดสายตาห่วงใยลงมาที่ผม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
...เกือบแล้ว มือของผมเกือบจะดึงแขนเขาไว้ เพื่อร้องขออย่างสิ้นอายให้เขาช่วยปลดปล่อยความร้อนระอุในท่อนลำที่พองโตจากฤทธิ์ยาให้ผมที เพราะสองครั้งที่ปลดปล่อยออกมา ผมรู้ดีว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในร่างกายผม มันไม่จบสิ้นลงด้วยมือสองข้างของผมอย่างแน่นอน
ผมยังจำคำพูดของพี่หมอกได้...
‘มันช่วยให้น้องอ้าขาให้พี่กับเพื่อนง่ายขึ้น’
...เพราะคำพูดนี้ไง ผมถึงได้กลัวตัวเองจะอ้าขาให้ใครก็ได้ที่อยู่กับผม ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่เพียงคนเดียวคือคนที่เพิ่งเดินออกไป คนที่ผมคิดว่าร่างกายของเขามันสกปรก แต่ทำไมตอนที่มือกำลังรูดรั้งแก่นกายแสนทรมาน ผมกลับคิดถึงหน้าเขา คิดถึงร่างกายเต็มแน่นด้วยมัดกล้ามที่ผมเคยเห็นผ่านรูปอุบาทว์และคลิปทุเรศพวกนั้น ภาพในหัวชัดขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่มือผมเคลื่อนไหวแรงขึ้นเร็วขึ้น
“อึก... คุณยะ...อ่า...”
สายน้ำขาวขุ่นทะลักทลายออกมาจากร่องรูเล็กบนปลายยอดสีแดงก่ำ หัวใจผมเต้นรัวเร็ว มันกำลังจะทะลุออกมาจากอกที่กระเพื่อมอยู่ในสายน้ำเย็นชืด
“คุณยะ...อ่า...อึก...คุณยะ...”
สมองสั่งให้ผมหยุดเรียกชื่อเขา แต่ความต้องการของร่างกายกลับมีอำนาจมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“คุณยะ...อ่า...อึก...”
ปากผมขยับเรียกชื่อเขาแผ่วเบาไปกับเสียงสะอื้นที่ไหลตามกันออกมา ส่วนมือก็เริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ทั้งที่ผมเหนื่อยเหลือเกินแต่ผมก็อยากจะปลดปล่อยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อ๊ะ...คุณยะ...อึก....คุณยะของน้องพี...”
ผมเร่งเร้าตัวเองให้ปลดปล่อยความทรมานออกมาด้วยชื่อของเขา ครั้งนี้มันยาวนานเสียจนผมคิดว่ามือไม่สามารถทำหน้าที่เดิมของมันให้สำเร็จเป็นรอบที่สี่ได้
“คุณยะ...อึก...ช่วยน้องพีด้วย...”
ผมต้องการมากกว่ามือตัวเอง มากกว่านั้นผมยังต้องการความอบอุ่นจากร่างกายของเขาคนนั้น และยิ่งน่าอายเมื่อผมกำลังจะเป็นแบบที่พี่หมอกพูดใส่หน้า... ผมรู้สึกอยากอ้าขาเพื่อรับเอาความแข็งกร้าวดุดันเข้ามาในช่องทางของตัวเองจนเนื้อตัวมันสั่นสะท้านไปหมด
ร่างกายของผมกำลังนำสมอง มันฉุดผมให้ลุกขึ้นก้าวออกจากอ่างอาบน้ำ ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายทั้งสามชิ้น เนื้อตัวจึงเหลือเพียงความว่างเปล่าและความน่าอับอายที่เด่นชัดอยู่กึ่งกลางตัว ผมรู้สึกอายและอยากกลับลงไปในแช่ในน้ำ ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง มันหอบพาความน่าอับอายของผมออกไป เพื่อไปเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง
เพียงแค่มือสั่นๆ ของผมเปิดประตูออกมา สายตาพร่ามัวก็ปะทะเข้ากับร่างกายสูงใหญ่ใต้เสื้อคลุมสีเทาเข้ม แล้วร่างกายของผมก็แสดงอำนาจยิ่งใหญ่ ข่มให้ทุกความอับอายและความถูกต้องอยู่ใต้เท้าของมัน รวมทั้งความรู้สึกรังเกียจร่างกายสกปรกที่เต็มไปด้วยเซ็กซ์ของเขาด้วย
...ลืมไปจนหมด
“คุณยะ...ช่วยน้องพีด้วย...”
ผมโผเข้าหาร่างกายสูงใหญ่ โอบกอดและบดเบียดเนื้อตัวเปลือยเปล่าที่สั่นระริกและต้องการถูกเติมเต็มไปตามความแข็งแกร่งใต้ผ้าเนื้อดี
“ขะ...เข้ามา...อึก...ในตัวน้องพีนะ...น้องพีทรมาน...” มันเป็นคำพูดน่าอาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกอายอะไรทั้งนั้น
“ตั้งสติก่อน” ท่อนแขนแข็งแรงไม่ได้กอดตอบ เขาแค่ยืนนิ่งๆ กับคำพูดราบเรียบที่กดผมให้จมลงไปกับความอับอายที่เคยทิ้งมันไปเมื่อหลายนาทีก่อน “ฉันทำแบบนั้นไม่ได้... ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอกพี”
“...คุณยะ” ผมรู้สึกถูกทอดทิ้ง ถูกทอดทิ้งทั้งร่างกายและหัวใจ “...ฮึก...คุณยะ...ใจร้าย”
“ถ้าฉันทำต่างหากคือการใจร้าย”
“ไม่จริง... ไม่ต้องมาอ้าง...อึก...” ผมปล่อยมือจากตัวเขา ทิ้งตัวลงพื้นเมื่อความทรมานจู่โจมผมหนักขึ้น แก่นกายแดงก่ำชูชันรอคอยการปลดปล่อย
“ฉันจะพาเธอไปหาหมอ” เขาย่อตัวลงมาหา ความห่วงใยของเขาเอ่อล้นในดวงตา “ลุกไหวไหม”
“ฮึก... น้องพีไม่ไหวแล้วคุณยะ” ร่างกายที่อยากได้รับการปลดปล่อยของผมโถมเข้าใส่คนตรงหน้า ทำให้ตัวเขาถึงกับหงายหลังลงไปกับพรมหนา โดยมีผมคร่อมทับอยู่บนตัวเขา “...แค่มือมันไม่พอ ฮึก... คุณยะเห็นไหม เห็นของน้องพีไหมว่ามัน...ฮึก...บวม ปวดไปหมดเลย น้องพี...อึก...ทรมาน... อยากให้คุณยะช่วย ช่วยน้องพีหน่อยนะครับ” ระหว่างที่ผมเอ่ยเสียงแหบแห้งออดอ้อนให้เขาเห็นใจความทรมานที่กัดกินผมจนผุกร่อน ผมก็ดึงมือเขามาจับที่ความร้อนระอุของตัวเอง
มือคุณยะอุ่นจัดและเพียงแค่นั้นผมก็กระตุกเกร็ง ฉีดพ่นสายน้ำขุ่นขาวออกมาอย่างง่ายดาย ผมทิ้งตัวลงไปทาบทับบนตัวเขาในสภาพอ่อนแรง แต่ความต้องการของผมก็ยังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างจากเจ้าของร่างกายที่รองรับตัวผมเอาไว้
“มันยังไม่พอ... แค่มือยังไม่พอ” แม้จะเหนื่อยผมก็ยังมีเรี่ยวแรงเรียกร้องในสิ่งที่ร่างกายอยากได้จากเขา “ตรงนี้ของน้องพีต้องการคุณยะ... เข้ามานะครับ...” มือของคุณยะที่ชุ่มน้ำรักถูกผมดึงอ้อมมายังด้านหลัง ตรงสะโพกที่ไร้เนื้อผ้าปกปิดผิวเนื้อ ไล่ลงไปจนถึงตรงช่องทางนั้น
...ผมโทษทุกการโอบกอดของคุณยะที่อยู่ในหัวผม
...ผมอยากรู้ความรู้สึกที่ถูกคุณยะโอบกอดครอบครอง
“ฮึก...กอดน้องพีนะ...เข้า...มา...” ผมอ้อนวอน น้ำตาร่วงหล่นลงบนอกเขา “...มันทรมาน...ช่วยน้องพีด้วย”
“พี... ฉัน...ทำไม่ได้” เสียงทุ้มแหบพร่า แต่มือของเขาก็ยังคงอยู่ที่เดิม บนสะโพกผมทั้งสองมือเลย ข้างหนึ่งบีบเน้นเบาๆ อีกข้างกำลังใช้ปลายนิ้วแกร่งหยอกล้อให้ผมสะท้านไปทั้งร่าง
...มันดีกว่ามาก
มือของเขาดีกว่ามือของผมไม่รู้กี่เท่า
“ลุกออกไปพี ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว” ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเขาไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ความแข็งกร้าวร้อนจัดที่ผมทาบทับอยู่นั้นได้ฟ้องออกมาหมด ไหนจะมือของเขาบนสะโพกและปากช่องทางของผมอีกล่ะ
“คุณยะก็อยาก... น้องพีรู้ เข้ามาเถอะนะครับ น้องพีจะไม่ไหวแล้ว” ผมขยับสะโพกช้าๆ ให้ส่วนร้อนจัดของผมกับเขาเสียดสีกันยิ่งขึ้น ยิ่งทรมานและยิ่งเสียวซ่านไปพร้อมกัน
“เธอจะเสียใจ” คุณยะกัดฟันพูด เขากำลังข่มอารมณ์ไม่ให้พวยพุ่ง
“ไม่” ผมส่ายหน้า ยืนยันเสียงหนักแน่นแต่ก็แหบพร่าตามอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นทุกที “น้องพีไม่เสียใจ”
“พรุ่งนี้เธอจะด่าฉันไหม” เขาถามอีก รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยอารมณ์ความต้องการที่ไม่ต่างจากผม “จะด่าว่าฉันเห็นแก่ตัว เป็นผู้ใหญ่เลวไหม” ครั้งนี้เขาดึงเอามือขึ้นมาลูบหน้าผม ปลายนิ้วกดเน้นเบาๆ ตรงตำแหน่งไฝเม็ดเล็กบนแก้มขวา เขาดูจะชอบมันมาก
“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้าแรงๆ ยืนยันอย่างจริงใจ “น้องพีรักคุณยะ ไม่ด่า...ทะ...ทำเถอะครับ...อึก...น้องพีไม่ไหวแล้ว...น้องพีอยากได้คุณยะ” ผมอยากได้เขา อยากได้มาตลอด ไม่ว่าจะเกลียดเขา โกรธเขา รังเกียจเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเซ็กซ์ของเขา ทว่าลึกลงไปภายใต้ความเกลียดชัง มันคือความโหยหาอ้อมกอดของเขาเสมอมา
“อย่าเสียใจ” เขาย้ำมาอีก
“ครับ” ผมพยักหน้า ย้ำให้เขามั่นใจ “น้องพีไม่เสียใจ...อื้ออ...” ริมฝีปากของผมถูกครอบครองจากคนด้านล่าง ก่อนที่ร่างกายของผมจะถูกร่างกายแข็งแกร่งโอบกอดและพาพ้นไปจากความทรมานทั้งหมดในค่ำคืนนี้
ความทรงจำสุดท้ายคือผมสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่ง ถูกกอดและกระซิบคำหวานมากมายให้ผมได้ฝันดี
จบตอนที่ 16
มามะ มาตอบเม้นต์จากตอนที่ 15 กันนะคะ ขอบคุณที่เม้นต์และอินไปด้วยกันค่า /// ดีใจ ซึ้งๆ
Nonlapan : เอางั้นเลยเหรอคะ เปลี่ยนพล็อตกลางอากาศดีไหม 555+ ให้คุณยะแห้งเหี่ยวและแก่ไปอย่างโดดเดี่ยว แล้วน้องพีก็เปิดฮาเร็มเป็นของตัวเอง กวาดเรียบ
Jibbubu : เรื่องที่เลม่อนรู้ มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้รู้ คุณยะไม่ได้บอกค่า //เดี๋ยวเลม่อนก็จะโดนผลจากการกระทำนะคะ (ไม่อยากสปอยด์ว่าเดี๋ยวจะโดนน้องพีจัดการ 555+ เวอร์ชั่นน้องพีที่อัพเกรดเป็นปัจจุบันแล้ว) ส่วนคุณยะ วิธีเอาคืนแบบหนักๆ ไม่มีนะคะ น้องพีไม่กล้าทำ (เอาจริงๆเลย)
Panizzz : ขัดใจเนอะๆๆๆๆ
Somm : เดี๋ยวเราด่าคุณยะให้นะคะ คุณยะก็สู้กับตัวเองเหมือนกัน เหมือนคนลังเล จะเดินต่อ หรือถอยหลัง อะไรประมาณนี้ ก็อธิบายไม่ถูกเลย ต้องอธิบายด้วยเรื่องราวไปเรื่อยๆ มันจะเล่าปมที่มาของน้องพี (ปมไม่ซับซ้อน) ไปทีละนิดค่า (สปอยด์นิดๆ นิยามของคุณยะคือ “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” แต่ก็ไม่ถึงกับเป๊ะมากนะคะ) ปล. เราจะมารำคาญอิตาคุณยะไปพร้อมๆ กันนะคะ 555+
Snowboxs : งั้นก่อนคุณยะจะโดนสาป ขอสปอยด์ละกันเนอะว่า... มันมีเหตุการณ์ให้เลม่อนรู้เองค่ะ ไม่ได้มาจากปากของคุณยะ (สปอยด์แล้วเรื่องจะหมดสนุกไหมเนี่ย 555+)
ปล. ตอน 17 เจออิพี่เลม่อนเวอร์ชันน่าตบกันนะคะ
ส่วนน้องพีกับคุณยะนั้น หึหึ
สีเหลืองอ่อน