9
ยามอยู่ที่ทำงาน....ยามคุณเขาเดินผ่าน ภัทรต้องก้มหน้าเสมอ เพราะคุณเขาเป็นถึงเจ้านาย แต่พอตกเย็น...เจ้านายที่ใคร ๆ ต่างเคารพรัก กลับพรมจูบตามข้อเท้าของภัทรราวกับทาสผู้แสนซื่อสัตย์ เพียงเพราะภัทรให้ทุกอย่างที่คุณเขาปรารถนาได้
“ชอบมากใช่ไหมครับ....ชอบที่เห็นมันอยู่บนตัวผมมากใช่ไหม” ภัทรเอ่ยถามคุณภาสกร
คุณภาสกรไม่เคยปล่อยให้โอกาสเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เจ้าตัวคงรู้ดีว่าตัวเองยังมีสิทธิ์เรียกร้องให้ภัทรสวมใส่ชุดลายลูกไม้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายและภัทรก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
“รักเลยล่ะ” คุณภาสกรตอบและคำตอบของเจ้าตัวก็ทำให้คนฟังรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก
“.......”
“ถ้าคุณรู้ว่าผมหลงรักตอนที่มันอยู่บนตัวคุณแล้ว คุณจะยอมใส่มันให้ผมได้ไหม?”
“ทำไมถึงถามแบบนี้ครับ.....”
“.......”
“คุณก็รู้นี่ว่ายังไงผมก็ต้องยอมคุณอยู่แล้ว”
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง....ไม่รวมกับตอนคืนแรกของเราที่ภัทรยอมใส่อะไรก็ตามที่คุณภาสกรหามาให้ใส่ จะเรียกว่าเป็นการบังคับก็คงไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะภัทรไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น แต่จะเรียกว่าชอบก็ยังไม่ใช่ เพราะของบางชิ้นภัทรก็ไม่ได้รู้สึกชอบมากจนอยากลองสวมใส่ แต่ถ้าคุณภาสกรอยากให้ลองใส่ ภัทรก็ต้องยอม
โดยปกติแล้วภัทรมักจะเลือกใส่เสื้อผ้าหรือรีวิวของต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบเป็นผ้าลายลูกไม้ ตามความชอบของตัวเอง ถึงเขาจะชอบผ้าลายลูกไม้มากจนขนาดเก็บสะสมเป็นกิจจะลักษณะและเป็นเจ้าของแอคเคานต์ลูกไม้ป่าผู้โด่งดัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าของบางชิ้น แม้จะต้องตาต้องใจมากเพียงไร แต่มันก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา
โชคดีที่ครั้งนี้คุณภาสกรไม่ได้หาชุดประหลาด ๆ พิสดารจนทำให้ภัทรหนักใจมาให้เขาสวมใส่ อีกฝ่ายเลือกเอาของเบสิกอย่างถุงน่องมาให้ภัทรลอง
จริง ๆ พวกถุงน่อง ถุงมือหรือหน้ากากาลายลูกไม้ ภัทรมักจะอัปโหลดลงทวิตเตอร์อยู่แล้วและก่อนจะอัปโหลดลงให้เหล่าผู้ติดตามได้ชื่นชม ภัทรก็มักจะส่งไปให้คุณพีได้เห็นก่อนเสมอ เพราะอีกฝ่ายพิเศษกว่าใคร พอภัทรเห็นคุณเขาเอามาให้ลองสวมใส่อีก จึงอดแย้งไม่ได้
ตั้งแต่สมัยเรายังไม่เปิดเผยตัวตนกันและกัน ภัทรก็ส่งไปให้คุณเขาดูนับครั้งไม่ถ้วน นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ แต่คุณภาสกรกลับใส่เหตุผลสั้น ๆ ว่าอยากเห็นมองด้วยตาตัวเองมากกว่าจ้องรูปภาพ ภัทรจึงยอมถือมันเดินเข้าไปเปลี่ยนใส่ห้องน้ำ
โชคดีที่เจ้าโอ๊ตไปเข้าค่ายวิชาการประมาณสองคืน สามวัน ทำให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังและมีเวลามากพอที่ได้เล่นอะไร ๆ ที่ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน ภัทรไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง หากรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านาย ลูกน้องที่เป็นแบบนี้ แต่เขาไม่อยากรีบร้อนให้หลานชายรับรู้ว่าความสัมพันธ์ของน้าและเจ้านายว่าอยู่รูปแบบไหน
หลายครั้งภัทรจึงไม่ค่อยเป็นธรรมชาติยามที่เราเล่นกันต่อหน้าหลาน แม้จะเป็นแค่ลูบแก้มหรือหยอกล้อด้วยวาจาก็ตาม
หลังเข้ามาในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็จัดการถอดกางเกงออกด้วยความชำนาญ เขาเลือกที่จะเปลี่ยนไปใส่กางเกงชั้นในลายลูกไม้ด้วยเพื่อที่มันจะได้เข้ากับถุงน่อง
ภัทรผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย เพียงเพราะหวังว่ามันจะช่วยลดความประหม่าของเขาลง แม้ภัทรจะเคยลองสวมใส่แบบชุดลายลูกไม้แบบเต็มตัวให้คุณเขาได้เชยชมไปแล้ว แม้ความสัมพันธ์ของเราจะเลยเถิดไปหลายโค้ง แต่ภัทรก็ยังมีอาการเขินอายอยู่ดี มันแก้ไม่หาย
แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา นอกจากมองกันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าภายใต้สายตาเรียบนิ่งเหล่านั้นเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ภัทรก็ยังอาย เขาก็หวังว่าสักวันหนึ่งอาการเหล่านี้ของเขาจะหายไป
ดวงตาเรียวจับจ้องสภาพตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่อีกครั้ง เพื่อเช็กว่าแต่งตัวเรียบร้อยหรือยังมีอะไรที่ต้องจัดการอีกไหม
ภัทรเลือกที่จะไม่ถอดเสื้อออก ฉะนั้นด้านบนของเขาจึงเป็นสีเชิ้ตแขนยาวที่อ่อนที่ใส่ไปทำงานเมื่อเช้าอยู่ เขาถอดแค่กางเกงสแล็คออกเท่านั้น แล้วเปลี่ยนจากกางเกงชั้นในแบบของผู้ชายปกติเป็นชั้นในผ้าลูกไม้แทน โดยการใส่ถุงน่องครั้งนี้ ภัทรไม่ลืมที่จะใช้สายรัดถุงน่องเหนี่ยวรั้งมันไว้ ป้องกันถุงน่องหลุดระหว่างขยับตัว
ภัทรยกมือขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่ม ฉะนั้นยังมีเวลามากพอที่เราจะได้เล่นกัน ได้ปล่อยคุณเขาเชยชมถุงน่องลายลูกไม้บนเรือนร่างของภัทร ก่อนที่เราจะไปกินอาหารมื้อเย็นกัน
“น่ารัก....ภัทรน่ารัก” นั่นคือคำชมสั้น ๆ จากปากของคุณภาสกร เมื่อภัทรรวบรวมความกล้าออกมาจากห้องน้ำ หลังยอมสวมใส่อะไร ๆ ที่คุณเขาอยากเห็นให้ดู
ภัทรจ้องใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณภาสกรในระยะใกล้ แขนทั้งสองข้างโอบลำคอแกร่งไว้เพียงหลวม ๆ หลังภัทรถูกคุณเขาดึงขึ้นไปให้นั่งตัก โดยภัทรหันเข้าหาคุณภาสกร เหมือนตอนที่เราออกกำลังกายกันที่ห้องน้ำชั้นสิบห้า ในตอนนี้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก เขาใจสั่นทุกครั้งยามที่มองใบหน้าของคุณภาสกรและในขณะเดียวกันคุณเขาก็กำลังมองร่างกายภัทร
“เหมือนในรูปไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามเสียงแผ่ว ดวงตาเรียวจับจ้องที่ริมฝีปากของคุณภาสกรอย่างใจจดจ่อ
ต่อให้คำชื่นชมนั้นเป็นเพียงคำสั้น ๆ แต่พอมันออกมาจากปากของคุณภาสกร มันก็มีผลต่อความรู้สึกภัทรเสมอ เพราะทุกครั้งที่ได้ฟัง มันทำให้ภัทรรู้สึกมั่นใจมากขึ้น รู้สึกดี รู้เป็นคนสำคัญ หลังรู้ว่าตัวเองสามารถทำให้คุณภาสกรพอใจได้
“ดีกว่าตั้งเยอะ.....ต่อให้เคยเห็นเป็นร้อยรูปก็ไม่ดีเท่าเห็นด้วยตาเปล่าเพียงครั้งเดียว” คุณภาสกรว่า อีกฝ่ายระบายยิ้มจาง ๆ ก่อนที่ภัทรจะหลุบตามองมือของคุณเขา หลังรู้สึกว่ามันกำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าขาของเขา สัมผัสขาอ่อนของภัทรผ่านผ้าลายลูกไม้เนื้อบาง
“เห็นพูดจาดี จะให้รางวัลแล้วกันนะครับ” ว่าจบภัทรก็จุ๊บคุณภาสกรเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา หลังคุณเขางอแงขอใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อกี้ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่น่าเสียดายรางวัลของภัทรไม่มีการให้พร่ำเพรื่อ เดี๋ยวครั้งต่อไปมันจะไม่ตื่นเต้น
ภัทรปล่อยให้คุณภาสกรเชยชมถุงน่องที่อยู่บนร่างกายของเขาอย่างตามใจชอบ อีกราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมาอยู่ในชุดลำลอง เตรียมออกไปกินข้าวข้างนอกกับคุณเขา เพราะเมื่อตอนกลางวัน....เราคิดว่ามันเพียงพอแล้ว จึงไม่มีอะไรเลยเถิดอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณอยากกินอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ภัทรตอบคุณเขาพร้อมกับข้างทางไปด้วย เผื่อจะได้ไอเดียว่าวันนี้จะกินอะไรดี วันนี้เขาไม่ได้ทำอาหารเย็นกินกันที่บ้านเหมือนอย่างทุกวัน เนื่องด้วยภัทรเหนื่อยจึงตัดสินใจออกมากินข้าวข้างออก เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและรสชาติอาหารน่าจะดีกว่า
“งั้นไปกินข้าวที่ห้างดีไหม เพื่อจะคิดอะไรออก” คุณภาสกรเสนอความคิด
“แต่คนพลุกพล่านนะครับ”
“ครับ?”
“ถ้าเกิดมีคนในบริษัทเห็นเราขึ้นมา.....”
“คุณกลัวว่าจะถูกจับได้ใช่ไหม?” คุณภาสกรถามภัทรพร้อมหันมาสบตา ระหว่างรอให้ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
“ก็ต้องกลัวสิครับ ในเมื่อตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ถูกเปิดเผย” ภัทรตอบตามตรง
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเรียกได้ว่าเป็นความลับก็จริง แต่ก็ไม่ได้ปิดไปเสียหมดและในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เปิดเผยออย่างโจ่งแจ้ง อยู่ในบริษัทเราทำทีเหมือนไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่พออยู่ข้างนอกเรากลับออกไปกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง จะเรียกว่าย้อนแย้งในความสัมพันธ์ก็ไม่เชิง
เวลาเราออกไปข้างนอก เราไม่ได้หลบซ่อนจนถึงขั้นปลอมตัว ปิดบังใบหน้า ถ้าเลี่ยงสถานที่คนเยอะ ๆ ได้ ภัทรก็พยายามเลี่ยง เพราะถ้ามีใครบังเอิญเจอเราข้างนอก เขาก็อาจถูกถามได้ว่าเป็นอะไรกับเจ้านาย ทำไมถึงไปด้วยกันสองคนและอย่างที่บอก สายงานเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ภัทรไม่ได้อยู่ในระดับหัวหน้า ระดับผู้จัดการที่คอยคุยกับผู้บริหารจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมาคุยเรื่องงานนอกเวลา
การที่ไปห้างสรรพสินค้าตอนช่วงค่ำ ช่วงที่คนกำลังพลุกพล่านก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หากยังอยากให้ความสัมพันธ์นี้เป็นความลับต่อไป
ภัทรไม่รู้ว่าคุณภาสกรอยากจะปิดไหม อยากจะเปิดเผยมันหรือเปล่า เพราะคุณเขาไม่เคยพูดถึงเลย แต่ภัทรกลัว.....เขากลัวว่าถ้ามีคนรู้ถึงความสัมพันธ์เจ้านาย ลูกน้อง จะมีปัญหาตามมาภายหลัง ในอนาคตหากตำแหน่งหน้าที่ภัทรขยับขยาย คงมิวายถูกนินทาว่าใช้เส้นสายความพิศวาสของเจ้านายให้ตัวเองก้าวหน้า
ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าจะมีคนในบริษัทเจอเราตอนที่อยู่ห้าง แน่นอน...ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักภัทร เขาเป็นพนักงานหน้าใหม่ในแผนกหนึ่งของบริษัท แต่กับคุณภาสกรยังไงเสีย....ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ถึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน ก็ต้องมีจำได้บ้าง อาจเห็นหน้าค่าตาจากบอร์ดของผู้บริหารก็ได้
“แล้วคุณอยากเปิดมันหรือเปล่า?” คุณภาสกรถาม
“ครับ?”
“เรื่องความสัมพันธ์ของเรา” คุณเขาขยายความ
“.......”
คราวนี้ภัทรทำได้แค่สบตาคุณเขาอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าการที่คุณภาสกรถามเช่นนี้ อีกฝ่ายจริงจังแค่ไหน แต่ภัทรไม่ตลกเลย....ภัทรไม่อยากจะหมกหมุ่นเรื่องสถานะของเรา เพราะมันกำลังทำให้เขาไม่มีความสุข แต่ก็ยอมรับว่าลึก ๆ แล้ว เขาก็อยากได้ความชัดเจนเช่นกัน คุณเขาจะจริงจังสัมพันธ์นี้แค่ไหนหรือให้ภัทรเป็นแค่คนชั่วคราว เรามีความสุขแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็พอ พอถึงจุดหนึ่งก็แยกย้ายไปตามทางใครทางมัน
คุณภาสกรต้องการให้ภัทรเป็นแบบไหนกันแน่?
“แล้วถ้าเปิดเผยความสัมพันธ์....เราจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกันครับ?”
#ภูมิแพ้ลูกไม้