【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62  (อ่าน 73558 ครั้ง)

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



            คำพูดที่แสนตรงไปตรงมาของภัทร ทำเอาอีกคนถึงกับหลุดหัวเราะ ภัทรที่ตอนนี้กำลังนั่งคร่อมกลางตัวคุณภาสกร ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เขารีบปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายอย่างใจร้อนและท่าทีที่เร่งรีบของภัทรก็ดูเหมือนจะถูกใจอีกคนนักหนา



                “ไม่คิดจะช่วยกันเหรอครับ” ภัทรเอ่ยถามคนใต้ร่าง หลังเห็นว่าอีกคนยังนิ่ง



                “ผมรู้ว่าคุณเก่ง เรื่องแค่เท่านี้คุณคงจัดการเองได้”



                “ถ้าจะให้ผมทำคนเดียว….งั้นผมไม่ทำแล้ว” ไม่ใช่แค่ดีแต่พูด แต่ภัทรยังชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของคุณเขาอีกด้วย



                เราสบตาหยั่งเชิงกันอยู่ครู่หนึ่ง ดูว่าใครกันแน่ที่จะเป็นคนจริง ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน เรื่องนี้ภัทรไม่ได้พูดเล่น เขาพร้อมจะหยุดทุกอย่าง ถ้าคุณภาสกรจะให้ภัทรจัดการเรื่องนี้เพียงลำพัง



                “ถ้าจะให้ทำคนเดียว ผมว่าผมควรนอนเก็บแรงไว้เจอคุณแม่คุณพรุ่งนี้ดีกว่า” ภัทรว่าพร้อมระบายยิ้มออกมาจาง ๆ



                เรื่องอารมณ์ความต้องการน่ะ มันไม่ได้เป็นปัญหากับเขาเท่าไรหรอก ปลุกขึ้นมาได้ มันก็สงบเองได้ ภัทรรู้วิธีจัดการตัวเอง เขาห่วงแต่คุณภาสกรนั่นแหละ ไม่รู้อีกฝ่ายจะทนไหวหรือเปล่า



                หากนับเวลาดูดี ๆ เราห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่ามาได้ปีกว่าแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น ความวุ่นวายและปัญหาต่าง ๆ ที่โถมเข้ามา ทำให้เราห่างกันไปในที่สุด กว่าจะได้มีโอกาสกลับมาปรับความเข้าใจกัน ได้คุยกันอย่างทุกวันนี้ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร



                “งั้นผมไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” เมื่อยังเห็นว่าคุณเขายังนิ่งอยู่ ภัทรก็เตรียมจะลุกขึ้น ปัดตูดหนีเข้าห้องนอนเตรียมเข้านอน แต่ทว่าไม่ทันจะได้ลุก เขาก็ถูกคุณภาสกรจับเหวี่ยงลงบนเตียงเสียก่อน ก่อนที่คุณเขาจะเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมร่างภัทรเสียเองจนกลายเป็นว่าตอนนี้ภัทรอยู่ใต้ร่างคุณภาสกรแทน



                “คืนนี้ผมจะจัดการคุณเอง ส่วนคุณ…..ก็เก็บแรงไว้เจอคุณแม่ผมก็แล้วกัน” ถึงคุณภาสกรจะพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่การกระทำของเจ้าตัวกลับไม่เป็นเช่นนั้น



                ไม่ทันจะได้เอ่ยเจรจาว่าความกัน ภัทรก็ถูกอีกฝ่ายประกบปากเสียก่อน  เพียงแค่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน เราก็รับรู้ได้ทันทีว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงสัมผัสของกันและกันมากแค่ไหน



                ภัทรซึมซับจูบของคุณภาสกรด้วยความคิดถึง เขาเอียงหน้าจูบตอบคุณเขาอย่างไม่สงวนท่าที ตวัดแขนโอบรอบคอหนาเอาไว้เพื่อให้รสจูบของเราลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะจูบกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภัทรก็ใจเต้นแรงเพราะรสจูบของคุณเขาเสมอ



                แต่ก่อนเราคงกระโจนเข้าหากันด้วยไฟราคะและแรงดึงดูด แต่ตอนนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ใช่ความต้องการเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีความคิดถึงแทรกซึมอยู่ในรสจูบนั้นอีกด้วย บอกคิดถึงกันคำพูดเท่าไรก็คงไม่พอ ต้องแสดงออกด้วยภาษากาย น่าจะพรรณนาความคิดถึงที่มีต่อกันได้มากกว่า



                “ค—คุณอาทิตย์” เสียงครางผะแผ่วหลุดออกมา เมื่อถูกเม้มบริเวณยอดอก ภัทรแอ่นตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ ร่างของเขาบิดเร้าไปมายามถูกสัมผัสจากอีกคน



                ความรุ่มร้อนของคุณภาสกรกำลังทำให้ภัทรละลาย มือเรียวปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังกว้างและข่วนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ใช้เวลาเพียงไม่นาน ร่างกายของสองเราก็เปลือยเปล่าอย่างไม่มีใครเสียเปรียบใคร เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามไรผมภัทร แอร์ที่ว่าเย็นฉ่ำก็ยังไม่สามารถดับความร้อนระอุในร่างกายของเราได้



                หากให้เปรียบเทียบ….สายตาของคุณภาสกรก็เป็นดั่งคลื่นแม่เหล็ก คอยดึงดูดให้ภัทรตกหลุมรักซ้ำ ๆ



                ภัทรชอบสายตาของคุณภาสกรมาก ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เขารู้สึกว่าสายตาของอีกฝ่ายมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทุกครั้งที่ได้มอง ภัทรไม่เคยละสายตาออกได้เลย ได้สบตากันทีก็อยากจะสบตากันนาน ๆ



                ยามปกติสายตาของคุณภาสกรก็น่ามองอยู่แล้ว พออยู่บนเตียงภัทรยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เพราะเขาได้เห็นไฟปรารถนา ความต้องการส่วนลึกที่อยู่ในสายตาของคุณเขา



                “คุณเป็นของผม” คุณภาสกรกระซิบบอกภัทร แม้ไม่ใช่ประโยคบอกรักก็ยังสามารถทำให้ภัทรใจสั่นได้ ลมหายใจร้อนกรุ่น

ของคุณเขารดรินบริเวณซอกคอ ทำเอาคนรับสัมผัสถึงกับขนลุกซู่



                “คุณก็เป็นของผม” ภัทรว่า ก่อนจะตวัดแขนโอบกอดรอบคอหนา รั้งคอคุณเขาลงมาเพื่อให้เราได้จูบกันอีกครั้ง



                แค่จูบและบอกรักกันคงยังไม่พอ เราสองคนต่างรู้ดีว่าเราต้องการมากกว่านั้น หลังจากถอนจุมพิตออก คุณภาสกรก็จับร่างภัทรให้พลิกตัวนอนคว่ำหน้า ก่อนจะทำการจูบพรมไปทั่วหลังคอและแผ่นหลังของภัทร ในเวลาเดียวกันนั้นฝ่ามือของคุณเขาก็ขย้ำบั้นท้ายอย่างไม่เว้นจังหวะ



                ภัทรได้แต่หลับตา ส่งเสียงครางงึมงำในลำคอแล้วโก้งโค้งสะโพกขึ้น ใช้บั้นท้ายของตัวเองถูไถตรงส่วนนั้นของคุณภาสกรอย่างยั่วยวน



                “ร้ายนักนะ” คุณภาสกรว่าเสียงพร่าพร้อมขย้ำบั้นท้ายภัทรอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว



                “ก็อยากโดนแล้ว”



                “ได้โดนแน่ ไม่ต้องห่วง” คุณภาสกรไม่ได้ดีแต่ขู่ หลังจากสิ้นเสียงอีกฝ่ายก็ทำอย่างที่ว่าจริง ๆ ฝ่ามือหนาจับขาภัทรให้กางออกยิ่งกว่าเดิมเพื่อให้ได้ฐานที่มั่นคง นวดคลึงบั้นท้ายเขาราวกับส่งสัญญาณให้เตรียมรับศึกหนัก ก่อนจะค่อย ๆ รั้งรูดแล้วกดส่วนนั้นแทรกเข้ามาในร่างภัทรอย่างช้า ๆ



                ความคับแน่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าเราห่างหายจากเรื่องนี้มานาน ไหนจะไม่ได้เตรียมพร้อมร่างกายให้ดีอีก เมื่อคุณเขาได้เคลื่อนตัวเข้ามา ภัทรก็ถึงกับขบกรามแน่น มันเจ็บ…แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้



                ดูเหมือนคุณภาสกรจะรับรู้ปัญหานั้น อีกฝ่ายเลยช่วยโดยการสะกิดยอดอกและรูดรั้งส่วนด้านหน้าของภัทร สร้างอารมณ์เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้ราบรื่นขึ้น ด้านบนโดนสะกิด ด้านหน้าถูกปรนเปรอ ส่วนด้านหลังก็ถูกรุกราน สัมผัสที่แสนร้ายกาจนั้น ทำเอาถึงกับภัทรหายใจไม่ทั่วท้อง ความเสียวกระสันที่ถูกปลุกปั่นโดยคุณภาสกร ทำเอาเขาแทบเสียสติ



            “เด็กดี….คุณเก่งที่สุดเลยรู้ไหม” คุณภาสกรออกปากชมพร้อมกับจูบหลังหูภัทรเพื่อให้รางวัล ในที่สุดอีกฝ่ายก็เข้ามาในตัวภัทรได้สำเร็จ คุณภาสกรแช่อยู่ข้างในตัวภัทรเกือบนาที ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวจังหวะรักอย่างใจเย็น



                เสียงครางทุ่มต่ำของผู้ชายสองคนดังสลับกันไปมา ในเวลานี้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าหลานชายจะตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว



                เกมรักเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวล ความอ่อนโยนของคุณเขาถูกแสดงออกมาผ่านการจูบข้างขมับและกระซิบบอกรักภัทรเป็นระยะ ๆ



                เมื่อภัทรพลิกตัวขึ้นมาได้ คุณภาสกรก็ยังคอยจูบหน้าผากและข้างแก้มของเขาอย่างไม่ว่างเว้น สองมือของเราสอดประสานกันอย่างแนบแน่น ทุกครั้งที่คุณเขาเข้ามาแรง ๆ ก็จะกำชับมือภัทรไปด้วย 



                “เอาผม….เอาผมแรง ๆ” ภัทรพูด เขาไม่อายที่จะบอกความต้องการของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากจับมืออีกคนไปกำผ้าปูที่นอนไว้แทบ อารมณ์ที่ใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มทีกำลังทำให้ภัทรหายใจไม่สะดวก



                “ใกล้แล้วเหรอ หืม?” คุณเขาเอ่ยถามพร้อมกระแทกเข้ามาเต็มแรง



                “อา…..” ภัทรหลุดเสียงคราง รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

                เมื่อเริ่มต้นก็ต้องมีจบ ความสนุกสนานมาถึงโค้งสุดท้าย เมื่อคุณเขาเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วมากขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นระยะ ๆ สลับกับเสียงครางและหอบหายใจของผู้ชายสองคน



                ในที่สุดสงครามรักบนเตียงก็ได้สิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับการกระตุกตัวของภัทรและคุณภาสกรก็ได้มอบบางอย่างเข้ามาในตัวเขา เพื่อให้เป็นตัวแทนแห่งความคิดถึง



                “ให้ตายเถอะภัทร….ผมรักคุณจริง ๆ” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ภัทรได้ยิน ก่อนที่เขาจะเผลอหลับไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า









                ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะคุณภาสกรบอกครอบครัวไว้แล้วว่าวันนี้ภัทรจะเข้าไปทานอาหารด้วย ต่อให้ลุกไม่ไหวเพียงใดก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้  ร่างอยู่บนรถแต่ใจยังอยู่ที่เตียง นั่นเป็นสิ่งที่ภัทรกำลังเป็นอยู่ขณะนี้



                ภัทรถูกปลุกขึ้นมาด้วยฝีมือของคุณภาสกร เขาไม่เคยรู้สึกง่วงเท่านี้มาก่อน แม้ในวันนี้เราจะตื่นกันเกือบบ่ายก็เถอะ แต่ภัทรก็ยังง่วงอยู่ดี ขนาดอาบน้ำเสร็จแล้วก็ยังง่วงเหมือนเดิม ต่างจากอีกคนที่สดชื่นเหมือนเมื่อวานเราไม่ได้ผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยกัน



                “ไหน….มาให้คุณหมอวัดไข้ซิ ป่วยหรือเปล่า” เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถเตรียมมุ่งหน้าไปคอนโดต่อ คุณภาสกรก็ได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของภัทรเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายให้



                “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา แต่เพลียมากสินะ” คุณเขาพึมพำ



                “……”



                “หรือวันนี้เราจะยกเลิกนัดไปก่อนดี”



                “ไม่ได้ครับ บอกผู้ใหญ่ไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูดสิ” ภัทรว่าทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดคุณภาสกร เราอุตส่าห์นัดผู้ใหญ่ไว้เสียดิบดี จะมาเสียเพราะเหตุผลนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่อง



                “แต่ตอนนี้คุณเหมือนไม่ไหวนะ” คุณภาสกรว่าเสียงเป็นห่วงเป็นใย



                “ไหวครับ ผมไหวแน่” ภัทรพูดอย่างหนักแน่น พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้น เพื่อยืนยันคำพูด “แต่ตอนนี้ผมขอแค่งีบบนรถแป๊บเดียวเท่านั้น เดี๋ยวก็หายง่วงแล้วครับ”



                “แน่นะ”



                “ครับ แน่นอน”



                “โอเค ตามใจคุณแล้วกัน”



                ภัทรรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้หลับต่อ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มีค่าสำหรับเขา มาเมื่อถึงคอนโดของคุณภาสกร ภัทรก็เข้าครอบครองเตียงนอนของคุณเขาในทันที ก่อนถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง หลังเจ้าของห้องอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว



                “ใกล้จะถึงบ้านผมแล้วนะ” คุณภาสกรบอกภัทร ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่พอคุณภาสกรบอกเช่นนั้น ภัทรก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อ ๆ



                “นั่งนิ่งเชียว เครียดเหรอครับ” คุณภาสกรถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ



                “ใครจะไม่เครียดกันล่ะครับ ไปพบพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการครั้งแรกเลยนะ”



                “ไม่ต้องเครียดหรอก พ่อแม่ผมไม่ดุ”



                “ไม่ดุแค่กับคุณนั่นแหละ”



                นี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรได้มาบ้านใหญ่ของคุณภาสกร บ้านของอีกฝ่ายไม่ได้ใหญ่โตอย่างกับวังในละคร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เล็กจนน่าอึดอัด เมื่อเข้ามาด้านใน สังเกตจากการตกแต่งและของประดับบ้านต่าง ๆ ต่อให้ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัท ก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าบ้านนี้มีอันจะกิน



                เราเดินจับมือกันเข้ามาในบ้าน เมื่อเข้ามาถึงก็มีแค่ความเงียบมาทักทาย ภาพภายในหัวของภัทรและความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งมีสาวใช้เดินผ่านมาคุณภาสกรถึงได้เอ่ยถาม



                “คุณพ่อ คุณแม่ล่ะครับ”



                “คุณผู้ชายอยู่บนห้องทำงานค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงอยู่ในครัว”



                “อ๋อ ขอบคุณมากครับ”



                “คุณอาทิตย์คะ คุณผู้ชายบอกว่าถ้ามาถึงแล้วให้ขึ้นไปหาท่านที่ห้องทำงานด้วยนะคะ”



                “ครับ เดี๋ยวผมขึ้นไป”



                “ไปหาคุณพ่อเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้” ภัทรบอกคุณเขา หลังสาวใช้เดินจากไปแล้ว



                ภัทรมองว่าการที่คุณพ่อเรียกลูกชายไปพบทันทีที่มาถึง แสดงว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยด้วย หากขึ้นไปช้าคงเสียมารยาท



                “ได้แน่นะ” คุณภาสกรถามด้วยน้ำเสียงลำบากใจ



                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะนั่งรออยู่โซฟา คุณคุยธุระกับคุณพ่อเสร็จก็รีบลงมาแล้วกันครับ”



                “โอเค งั้นคุณนั่งรอผมก่อนนะ คุยธุระกับพ่อเสร็จ ผมจะรีบลงมา”



                 เมื่อตกลงกันได้ ภัทรก็ได้นั่งรอคุณภาสกรอยู่ที่โซฟา เขานั่งสังเกตมองนั่นมองนี่ภายในบ้านไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกกำลังอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างที่กำลังสังเกตสิ่งของรอบ ๆ ตัวอยู่นั้น ภัทรก็ได้ยินเสียงของคุณธารณีดังแว่วมาแต่ไกล



                เพียงแค่ได้ยินเสียง….ภัทรก็เกร็งตัว นั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ จะบอกว่ากลัวก็คงไม่ผิดเท่าไรนัก ภัทรรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ



                ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังทำอาหารอยู่ในครัว….ภัทรนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าควรลุกไปหาเธอดีไหม แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามเสียงนั้นไป



                ไม่รู้ว่าภัทรเดินเงียบเกินไปหรือทุกคนในครัวจะขะมักเขม้นกับการทำอาหารมากกันแน่ เพราะไม่มีใครแม้แต่จะเงยหน้ามองภัทรที่ยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าประตูครัวเลยด้วยซ้ำ



                ภายในครัวคุณธารณีเป็นหัวหน้าและแม่บ้านอีกสองคนจะเป็นลูกมือในการทำอาหาร ภัทรมองการกระทำของทั้งสามชีวิตอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะเอายังไงต่อดี แต่จะให้เขานั่งรอให้เจ้าของบ้านทำให้อาหารให้กินก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม สุดท้ายภัทรก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  เพื่อลดความประหม่า ก่อนจะเอ่ยปากทักคนในครัว



            “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ทันทีที่เขาเอ่ยออกไปเช่นนั้น การกระทำของคนในครัวก็หยุดชะงักลง ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมามองภัทรราวกับเขาเป็นจุดรวมสายตา



                “….อาหารหลาย ๆ อย่างยังไม่เสร็จ ถ้าอยากจะช่วยกันก็เข้ามาสิ” เป็นคุณธารณีที่พูดกับภัทร เธอยังคงปฏิบัติกับภัทรเหมือนเดิม ไม่ได้ตั้งท่าไม่ชอบหน้า ในขณะเดียวก็ไม่ได้เหมือนจะเป็นมิตรด้วย เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เป็นฝ่ายภัทรที่หลบสายตาเธอก่อนและเมื่ออีกฝ่ายว่าเช่นนั้น เขาจึงก้าวเท้าเข้ามาในครัว



                “มาช่วยแม่บ้านหั่นอันนี้แล้วกัน เขาจะได้ไปทำอย่างนั้นอื่นต่อ” คุณธารณีว่าพลางพยักพเยิดหน้าให้ภัทรเดินไปยืนข้าง ๆ แม่บ้านที่กำลังเตรียมมีดและเขียงเพื่อจะหั่นอะไรบางอย่างอยู่



                เมื่อเขาเดินไปยืนข้างแม่บ้าน คุณธารณีที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา ปรุงรสแกงในหม้อก็ผละออกจากตรงนั้นแล้วเดินตรงมาหาภัทร เมื่อเธอเข้ามาใกล้ ภัทรก็เผลอเกร็งตัวทันที บรรยากาศภายในห้องครัวเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูกและคงมีแค่เขาที่รู้สึกเช่นนั้น



                “เห็ดนี้จะเอาไว้ผัดน้ำหอย เมนูโปรดของอาทิตย์ ต้องหั่นแบบนี้ ถึงจะกินอร่อย” คุณธารณีว่าขณะที่มือของเธอก็สาธิตให้เขาดูว่าควรจะหั่นเจ้าเห็นนี้อย่างไรดี



                “ทำได้ใช่ไหม”



                “ด—ได้ครับ” ภัทรตอบ ก่อนจะจับมีดและเห็ดจากตะกร้ามาหั่นโชว์ให้เธอดู เมื่อคุณธารณีตรวจสอบแล้วว่าภัทรหั่นเห็ดได้อย่างถูกต้อง เธอก็ผละออกจากเขา กลับไปควบคุมการทำแกงที่หน้าเตาต่อ



                บรรยายกาศในห้องครัวไม่ได้ดีและก็ไม่ได้แย่ ตลอดเวลาการจัดเตรียมอาหารมื้อเย็น เราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ ไม่มีใครชวนใครคุยเรื่องสัพเพเหระ มีแต่เสียงสั่งให้ภัทรทำอย่างนั้น หั่นอย่างนี้ แต่โดยรวมก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนอย่างตอนแรก



                หากจะให้ภัทรเปรียบเทียบ….คุณธารณีก็คงจะเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ไม่สนิท เราร่วมงานกันได้ แต่ถ้าให้เลือกก็อย่าร่วมงานกันดีกว่า เพราะทำงานด้วยกันไปก็อึดอัดใจเปล่า ๆ



                สรุปแล้วมื้อเย็นของเรามีอาหารรวม ๆ ประมาณสี่อย่าง มีผัดเห็ดน้ำมันหอย แกงมะระใส่กระดูกหมู พะแนงเนื้อและผัดผักรวมใส่กุ้ง เป็นจำนวนอาหารที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปและคุณธารณีก็ยังใจดี ทำเผื่อพวกแม่บ้านด้วย



                “ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่าล่ะ” จู่ ๆ คุณธารณีก็พูดขึ้น หลังเราทำอาหารเสร็จเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแค่แกงมะระเท่านั้นที่ยังไม่ได้ที่ ต้องตุ๋นในหม้ออีกสักพักถึงจะเปื่อยพร้อมทาน การชวนคุยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอ ทำให้ภัทรเผลอชะงักไปครู่หนึ่ง



                “ครับ? อ๋อ….ก็พอได้ครับ อาหารง่าย ๆ อย่างพวกไข่เจียว แกงจืดเต้าหู้” ภัทรว่า พอพูดถึงเรื่องนี้ก็อดคิดถึงเจ้าโอ๊ตไม่ได้ รายนั้นน่ะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาเลย ไม่ใช่เพราะภัทรทำอาหารอร่อยเหาะ แต่ตัวเลือกมีให้น้อยมากกว่า



                “ดีแล้วล่ะ ทำอาหารได้สักอย่างสองอย่างก็ยังดี” ภัทรรู้สึกดีขึ้น เมื่อคุณธารณีเป็นฝ่ายชวนเขาคุยก่อน อาการเกร็งที่เคยมีอยู่มากมาย เริ่มลดหลั่นลงไปเมื่อเธอเริ่มสอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำอาหาร



                “แกงมะระนี่ ต้องใช้ไฟอ่อน ๆ ปล่อยให้มันเปื่อย ระหว่างตุ๋นก็อย่าไปคนมันมาก เดี๋ยวจะขม”



                “อ๋อครับ” ภัทรชะโงกหน้ามองหม้อที่เต็มไปด้วยมะระยัดไส้และกระดูกหมู กลิ่นของมันหอมจนเขาเผลอกลืนน้ำลายและไม่นานนักท้องของภัทรก็เริ่มส่งเสียงร้อง มันส่งเสียงดังมากเสียจนคุณธารณีได้ยินมัน



                “นี่ไม่ได้กินข้าวมาเหรอ”



                “ครับ….” เขาตอบเสียงอ่อน วันนี้พวกเขาตื่นมาก็บ่ายกว่าแล้ว กว่าภัทรจะอาบน้ำเสร็จ กว่าจะไปถึงคอนโดคุณภาสกร พอทำธุระนั่นนี่เสร็จ พวกเขาก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปกินข้าว



                “รวมถึงอาทิตย์ด้วยใช่ไหม”



                “ช—ใช่ครับ” ภัทรยอมรับ



                “อะไรกัน! ตลอดทั้งวันพากันทำอะไรอยู่ วันนี้อาทิตย์เขาก็ไม่ได้เข้าบริษัทนี่”



                “เอ่อ…คือว่า” ภัทรอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ใจจริงก็อยากตอบความจริงไปอยู่หรอกว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่ได้กินข้าวกัน แต่เขากลัวว่าเธอจะช็อคไปก่อนนี่สิ



                “คุณผู้หญิงคะ ข้างนอกตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” ขณะที่ภัทรกำลังจนมุม คิดคำตอบไม่ทัน ทันใดนั้นก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้



                ภัทรลอบถอนหายใจออกมาเมื่อคุณธารณีไม่ยืนรั้งรอคำตอบจากเขาอีกต่อไป หลังแม่บ้านเดินมาบอกเช่นนั้น เธอก็หัดไปตักแกงมะระที่ทำเสร็จทันที



                “เดี๋ยวผมช่วยครับ” ภัทรว่าพร้อมกุลีกุจอเข้าไปช่วยยกถ้วยแกงมะระร้อน ๆ หลังเห็นว่าคุณธารณีทำท่าจะยกมันขึ้น ส่วนอาหารจานอื่น ๆ แม่บ้านก็ยกไปวางไว้ให้แล้ว



                “งั้นก็ตามมาแล้วกัน” คุณธารณีปล่อยให้ภัทรยกถ้วยแกงมะระแทน เธอบอกเขาเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินนำออกไป

 






ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



                “ทำไมถึงได้เข้าไปทำอาหารกับคุณแม่” คุณภาสกรกระซิบถาม หลังเราเดินออกมาหาเจอกันพอดี ดูเหมือนอีกฝ่ายและคุณพ่อของเจ้าตัวก็เพิ่งลงข้างล่างเช่นกัน



                “แม่คุณกำลังอาหารอยู่ในครัว คุณจะให้ผมนั่งรอกินหรือไง ขืนทำแบบนั้นเขาคงเอ็นดูผมอยู่หรอก หลีกด้วยครับ แกงมะระมันร้อน” ภัทรว่า อยากจะคุยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้อยู่หรอก แต่เขาไม่สามารถยืนคุยนาน ๆ ได้ เพราะแกงมะระที่อยู่ในมือมันร้อนมาก



                “มา ๆ เดี๋ยวผมช่วย” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยังแย่งถ้วยมะระออกจากมือภัทร เดินนำเอาไปวางไว้บนโต๊ะอาหารให้



                “โอ้โห….วันนี้อาหารโปรดผมทั้งนั้นเลย”



                “ลูกกลับมากินข้าวที่บ้านทั้งที ก็ต้องเอาใจหน่อยสิ จะกลับมากินด้วยกันบ่อย ๆ” ทันทีที่คุณธารณีว่าเช่นนั้น คุณภาสกรก็รีบเดินไปสวมกอดอ้อนผู้เป็นแม่ทันที



                “โธ่…แม่ครับ แม่ก็น่าจะรู้นี่ว่างานที่บริษัทยุ่งแค่ไหน”



                “มันยุ่งมากหรือแบ่งเวลาไปให้คนอื่นกันแน่”



                “แม่อย่าน้อยใจไปเลยนะครับ เดี๋ยวหลังนี้ผมจะกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อย ๆ ดีไหม?”



                “ให้มันจริงเถอะ แม่จะคอยดู”



                การทานข้าวร่วมกับครอบครัวคุณภาสกรครั้งนี้ แน่นอนหัวโต๊ะคือคุณพ่อผู้เป็นประมุขของบ้าน คุณภาสกรและภัทรนั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนคุณธารณีนั่งฝั่งตรงข้ามลูกชายของบ้าน



                เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรได้การร่วมโต๊ะกับครอบครัวคนอื่น ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก เก้ ๆ กัง ๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติ ภัทรลอบมองคุณภาสกรเป็นระยะ ๆ จนอีกฝ่ายต้องคอยบีบมืออยู่ใต้โต๊ะเพื่อเป็นกำลังใจให้กันอยู่



                แม้บนโต๊ะอาหารคุณภาสกรจะเป็นตัวสร้างบรรยากาศไม่ให้โต๊ะเงียบเกินไป พยายามทำให้ทุกคนผ่อนคลาย แต่ตัวภัทรก็ยังอดประหม่าไม่ได้อยู่ดี เขาก็ได้ภาวนาขอให้วันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอให้การพบกันอย่างเป็นทางการครั้งนี้ พ่อแม่ของคุณภาสกรประทับใจในตัวเขา



                “สวัสดีครับ” ภัทรเอ่ยสวัสดีและยกมือไหว้คุณพ่อของคุณภาสกรอย่างนอบน้อม นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน พอได้เห็นใบหน้าของคนพ่อ ภัทรก็รู้แล้วว่าคุณภาสกรจมูกโด่งได้ใคร



                “อืม…สวัสดีลูก ชื่อภัทรใช่ไหมล่ะเรา” คุณพ่อท่านถามพร้อมกับส่งยิ้มให้ภัทรเล็กน้อย



                “……”



                “อาทิตย์เขาเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังบ้างแล้ว”



                “อ๋อ…ใช่ครับ ผมชื่อภัทร ธนภัทร” ภัทรเอ่ยแนะนำตัว



                คุณพ่อของคุณภาสกรไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ออกจะเป็นมิตรกว่าคุณธารณีด้วยซ้ำ ภัทรรู้สึกเช่นนั้นและคำถามส่วนใหญ่ก็ออกแนวถามเรื่องทั่วไปเพื่อทำความรู้จักกันขั้นพื้นฐานเสียมากกว่า



                “อ้อ แล้วเราเป็นคนที่ไหนล่ะ” คุณพ่อของคุณภาสกรเอ่ยถามอีกครั้ง หลังเรากำลังนั่งทานของหวานปิดท้ายมื้ออาหารเย็นของวันนี้



                “ผมเป็นกรุงเทพครับ”



                “อ๋อ…แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ”



                “ครับ แต่ก่อนก็อยู่กับหลานชาย แต่ตอนนี้หลานไปอยู่กับแม่เขาแล้ว”



                “แล้วพ่อแม่เธอ?”



                “พวกท่านเสียแล้วครับ เสียไปได้หลายปีแล้ว” ภัทรตอบ เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าที่ต้องพูดถึงพ่อแม่อีกครั้ง ในอดีตภัทรอาจเคยเจ็บปวดกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเช่นนั้นแล้ว เขาก้าวผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียนั้นมาได้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เพียงความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกท่านเท่านั้น



                “ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ”



                “ครับ ขอบคุณครับ”



                พ่อของคุณภาสกรดูใจดี ในแต่ขณะเดียวกันน้ำเสียงของท่านก็แฝงไปด้วยอำนาจ ฟังแล้วรู้สึกเฉียบขาดอย่างบอกไม่ถูก ดูน่ายำเกรงอยู่ในที



                ในที่สุดการทานข้าวมื้อเย็นร่วมกับครอบครัวของคุณภาสกรก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ภัทรแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขารู้สึกว่าจะมีการแยกย้ายกันเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้



                ภาพในความคิดตอนแรก เขาคิดว่าการร่วมโต๊ะครั้งนี้จะต้องเกร็งและอึดอัดจนเขากินข้าวได้น้อยแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงบรรยากาศมันดีกว่าที่เขาคิดไว้มากโข



                “อาทิตย์….ก่อนแกจะกลับขึ้นมาเอาหนังสือกับพ่อด้วยนะ พ่อมีหนังสือบางเล่มอยากจะให้แกอ่าน”



                “ได้ครับพ่อ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอา”



                หลังจากที่ประมุขของบ้านพูดจบ ท่านก็เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ทำให้ตอนนี้ข้างล่างจะเหลือเพียงแค่ภัทร คุณภาสกรและคุณธารณีเท่านั้น ภัทรรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาก็ต้องสู้ ภัทรลอบมองคุณภาสกรอยู่หนึ่ง ทันทีที่เราสบตากัน เขารีบพยักหน้าส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายขึ้นไปเอาหนังสือจากผู้เป็นพ่อ ให้ข้างล่างนี้เหลือเพียงแค่เขาและคุณธารณีก็พอ



                “วันนี้เราไม่ได้ค้างคืนนี่ งั้นลูกขึ้นไปเอาหนังสือกับพ่อเขาเถอะ” ไม่ใช่แค่ภัทรที่คิดเช่นนั้น แต่คุณธารณีก็คิดเช่นเดียวกัน



                “ขึ้นไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไร” ภัทรยืนยัน หลังเห็นว่าคุณภาสกรอิดออด ทำทีไม่อยากขึ้นไป สงสัยคงไม่อยากจะปล่อยให้ภัทรอยู่กับแม่เจ้าตัวเพียงลำพัง



                “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมลงมา” หลังจากคุณภาสกรขึ้นไปชั้นสองแล้ว ภัทรก็หันกลับมามองคุณธารณี เธอจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา



                “ตามมานี่หน่อยสิ” เพียงแค่ได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ถึงกับเย็นสันหลังวาบ



                จริง ๆ ก็เตรียมมาแล้วว่าวันนี้ก็คงไม่จบแค่การร่วมโต๊ะอาหาร ซักถามประวัติคร่าว ๆ หรอก แต่ถึงจะเตรียมใจแล้ว พอเจอสถานการณ์จริงก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าการพบกันครั้งนี้ คุณธารณีจะว่ายังไง จะเปลี่ยนความคิดจากหนึ่งปีก่อนไหม ภัทรก็ไม่อาจทราบได้



                การพูดคุยของเราไม่ได้คุยกันบนโต๊ะอาหาร แต่คุณธารณีเดินนำภัทรออกไปคุยที่สวนหลังบ้าน ซึ่งเขาเองก็เพิ่งทราบว่าบ้านหลังนี้มีสวนไว้ให้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจด้วย



                “มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ภัทรเอ่ยถาม หลังคุณธารณีลีลาไม่ยอมพูดอะไรสักที



            “จริง ๆ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ เรื่องเธอกับอาทิตย์” เพียงแค่ประโยคแรกที่เธอเอ่ยขึ้นก็ทำเอาภัทรถึงกับนิ่ง



                “……”



                “แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา หนึ่งปีที่พวกเธอสองคนห่างกัน ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าการปล่อยให้ลูกได้เลือกทางชีวิตตัวเองคือสิ่งดีที่สุดแล้ว…..”



                “อาทิตย์เขาแบกรับความหวังของพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาพยายามพัฒนาตัวเองให้ได้อย่างที่ต้องการ คอยรับความหวังดีของพวกฉันมาตลอด” คุณธารณีว่า เธอพูดถึงลูกชายของเธอด้วยสายตาและน้ำเสียงที่ต่างออกไป หากไม่คิดไปเองหรือตีความผิดไป ภัทรคิดว่าเธอกำลังรู้สึกผิดต่อคุณภาสกร



                “เขา….ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ ฉันอยากให้ไปเรียนต่ออันนั้น เสริมอันนี้ เขาก็ยอมมาโดยตลอด เพราะเขารู้ว่านั่นจะทำให้เขาเก่งเหมือนพ่อตัวเอง โตขึ้นเขาจะได้ดูแลบริษัทแทนพ่อเขาได้ ตั้งแต่ที่ฉันเลี้ยงดูเขามา เขาไม่เคยบอกว่าไม่อยากทำในแบบที่ฉันต้องการเลยสักครั้ง”



                “…..”



                “จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเข้ามาในชีวิตเขา แน่นอนฉันไม่เห็นด้วย เพราะฉันวางแผนชีวิตให้อาทิตย์แล้วว่าเขาต้องแต่งงานกับใคร ในที่สุดเธอก็ออกไปจากชีวิตเขาแบบที่ฉันต้องการ”



                “ทุกอย่างมันควรจะดีขึ้นใช่ไหม? ในตอนนั้นฉันก็แค่คิดว่าอาทิตย์เขาหลงเธอ เขาเลือกทางเดินที่ผิด จนกระทั่งเขาเข้ามาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน เขาขอชีวิตตัวเองคืน” ว่าจบหยดน้ำตาของคุณธารณีก็หยด



                “เขา….ขอได้ลองเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองดูสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาตามใจฉันทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้เขาขออย่างเดียว ขอมีนายอยู่ในชีวิตตัวเอง”



                “……”



                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมอาทิตย์ถึงได้รักนายมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าถึงขั้นมาขอแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน นี่ก็ไม่ใช่เล่น ๆแล้ว”



                “ฉันคิดเรื่องนี้มาหลายคืน ถ้านายคือความสุขเดียวของอาทิตย์ ฉันก็คงต้องหลีกทางให้ เขาโตแล้ว ส่วนฉันก็แก่ลงในทุก ๆ วัน ถ้าจะให้ใครสักคนมาเป็นมาดูแลเขา ฉันก็อยากให้อาทิตย์มีความสุขด้วย”



                “……”



                 “ยังไงก็ฝากนายช่วยยืนอยู่ข้าง ๆ อาทิตย์ ในวันที่เขาไม่เหลือใครแล้วก็แล้วกันนะ” คุณธารณีไม่ว่าเปล่า แต่ยังเอื้อมมาบีบที่มือภัทรราวกับจะฝากฝั่งลูกชายของเธอไว้กับเขา นั่นทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่เอาไว้



                “ครับ ต่อจากนี้ผมจะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีกแล้ว” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



                มันไม่ใช่ประโยคที่เอ่ยอย่างขอไปที ภัทรไม่ได้พูด เพราะอยากให้ใครประทับใจ แต่มันคือคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับตัวเองต่างหาก หนึ่งปีที่ห่างกันไป เวลาได้สอนให้ภัทรได้เรียนรู้และพบว่าเขาเองก็อยู่โดยปราศจากคุณภาสกรไม่ได้เหมือนกัน



                ไม่ใช่แค่ภัทรเป็นความสุขของคุณภาสกร แต่อีกฝ่ายก็เป็นความสุขของเขาเหมือนกัน เราต่างเป็นความสุขของกันและกัน













 

                “ภัทร…..เป็นยังไงบ้าง” หลังจากภัทรคุยกับคุณธารณีเสร็จ ในเวลาเดียวกันคุณภาสกรก็เดินลงมาพอดี อีกฝ่ายเดินมาหาภัทรด้วยสีหน้าเป็นกังวล คงกลัวว่าการพูดคุยระหว่างเขากับแม่ของเจ้าตัวในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง



                “ขอกอดหน่อยครับ” ภัทรไม่ตอบคำถามนั้น แต่โผเข้ากอดคุณเขาแทน



                เขาโอบกอดคุณภาสกรแน่นมากราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะหายไป เพียงแค่ภัทรนึกย้อนกลับไปว่าเราต้องฝ่าฝันอะไรด้วยกันมาบ้าง เขาก็น้ำตารื้นแล้ว ภัทรได้แต่ขอบคุณคุณภาสกรในใจซ้ำ ๆ ที่ยังรอกันอยู่ตรงที่เดิม รอจนกระทั่งเราได้เจอกันอีกครั้ง



                “โดนคุณแม่ดุเหรอ เอางี้ไหมเดี๋ยวผมจะลองไปคุยกับท่านอีกครั้ง….บางทีท่านอาจจะเข้าใจคุณผิด”

                “ไม่ต้องครับ ท่านไม่ได้ดุอะไรผม” ภัทรส่ายหน้า ยังโอบกอดคุณเขาไว้อย่างนั้น



                “แล้วทำไมคุณถึงร้องไห้ครับ?” คุณภาสกรถาม หลังจากที่ผละตัวออก อีกฝ่ายก็เช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้ภัทรอย่างอ่อนโยน



                “ผมก็อยากขอบคุณคุณเฉย ๆ”



                แค่นึกภาพที่คุณภาสกรเข้าไปคุกเข่าขอแม่ ขอให้มีภัทรอยู่ในชีวิตของเจ้าตัว เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม นึกโทษตัวเองว่าทำไมถึงได้โง่เขลา ทิ้งคุณเขาไว้ที่นี่แล้วหนีไปหลบเลียแผลใจถึงต่างประเทศ สนใจแค่บาดแผลของตัวเอง ไม่นึกถึงจิตใจของคนที่อยู่นี่เลยสักนิด



                “ผมรักคุณ ผมรักคุณจังเลยคุณอาทิตย์” ภัทรบอกรักคุณเขาพร้อมกับโถมตัวเข้ากอดอีกครั้ง กอดผู้ชายที่ดีที่สุดของภัทร



                “……”



                “ให้ตายเถอะ ผมจะตอบแทนคุณยังไงดี” เขาพูด รู้สึกจนปัญญาไม่รู้จะตอบแทนความรักนี้อย่างไรดี



                “ไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น อยู่ข้าง ๆ ผมก็พอครับ” คุณภาสกรว่าพร้อมตวัดแขนโอบกอดภัทรเอาไว้เช่นกัน



                “อื้อ ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนแล้ว”



                “สัญญากันแล้วนะ”



                “ครับ สัญญา”



                “ขอบคุณนะ….ธนภัทร”



                หลังจากวันนั้นภัทรก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่คอนโดกับคุณภาสกร เนื่องจากคุณเขาเอ่ยปากขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่นั่น พอเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร พ่อแม่ของคุณเขาก็รับรู้เรื่องนี้แล้วด้วย ภัทรจึงตัดสินใจยอมย้ายมาที่นี่



                 ตลอดเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่แรกเริ่มวันที่เราพบกันครั้งแรก ภัทรไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์อันฉาบฉวยและมองว่าเป็นเรื่องที่น่าท้าทายในตอนนั้น จะกลายเป็นความมั่นคงในวันนี้ มารู้ตัวอีกทีเขาก็ได้ผู้ชายที่ดีมานอนกอดทุกคืน….



            “ผมรักคุณ”…..และบอกรักกันทุกเช้าเสียแล้ว



                “ผมก็รักคุณครับ”



 

THE END



 




________________________
สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้
ในที่สุดเรื่องก็เดินทางมาถึงตอนจบ รู้สึกใจหายเล็กน้อยเพราะอยู่กับน้องมานานจริง ๆ ;_;
เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ พาใช้กระเป๋าผ้าลายลูกไม้ ตอนกำลังนั่งรถเมล์อยู่ ก็มองกระเป๋าตัวเองแล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อย
พารู้สึกว่าผ้าลายลูกไม้มันมีความเซ็กซี่แปลก ๆ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ผ้า แต่กลับมันดูพิเศษอย่างบอกไม่ถูก
จนในที่สุดเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น

พาอยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยส่งฟีดแบ็กและลองอ่านงานเขียนของพานะคะ ขอบคุณจริง ๆ ตลอดการเขียนเรื่องนี้ พาได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง

หากมีข้อผิดพลาดอะไร ไม่ถูกใจ ไม่พอใจสิ่งไหนขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
แล้วเราไปเจอกันเรื่องหน้านะคะ ร่วมเดินทางไปด้วยกันอีกสักเรื่อง :D

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แฟนคลับลายลูกไม้ค่าาาา
สนุกมากอยากให้มีตอนพิเศษใส่ชุดลูกไม้จังเลยยยยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จบไวเหลือเกิน    :mew1:

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จบแน้วว เคลียร์กันได้ในที่สุดดด
ตอนพิเศษชุดลูกไม้ต้องมาแร้วค่าา  :hao6:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยัยภัทรยังคงแซ่บเสมอ ความ dirty talk นั้น ทำเราเขินอาย  :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แล้วจากเหตุการณ์นี้ ทำให้สองคนนี้เลิกชอบลูกไม้
หรือยังไงอ่ะ  อยากให้มีตอนพิเศษนะ อิอิ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อยากได้แบบนี้มั่งงงงงง

ออฟไลน์ Piechicofic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
้คุณภัทรทั้งยั่วๆบดๆ น้ำตาก็มาเป็นหยดเช่นกัน แงง
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากนะค้า

ออฟไลน์ praewypn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆๆเลย คุณภาสดีมากก น้องภัทรก็ดี งืออ  :o8: :-[ 

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เข้าใจทั้งฝั่งครอบครัวเลยนะแบบชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบที่คิดเลย แต่ดีสุดท้ายทั้งคู่ยังได้กลับมาเจอกันรักกันอยู่ด้วยกันน้อยมากนะคนที่ห่างหายกันไปขนาดนี้แล้วยังแบบต่างฝ่ายต่างนักกันอยู่แบบนี้ไม่มีใครไปมีคนอื่น และทีีสำคัญภัทรลูกกกหนูยังแซ่บนะจ๊ะ  :-[

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Number1_90

  • 넘버원~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-0
มันดีมากเลย

+1 เลยจ้า

ออฟไลน์ JJAY.K

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยาวมาก  เดินเรื่องได้เร็ว  แต่ก็มีหลากอารมณ์  สนุกดีครับ  ขอบคุณนักเขียนนะครับ

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4:จะติดตาเรื่่องอื่นๆต่อไปคะ

ออฟไลน์ TiGgeRLuMOs62

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
คุณอาทิตย์ไม่ชัดเจนเลย ดีแล้วที่น้องเดินออกมา ให้พระเอกเคลียร์ตัวเองไป
อยากให้น้องยืนข้างๆ ตัวเองก็ต้องชัดเจนก่อนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AngPao1932

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ในส่วนของดราม่านั้นเข้าใจทั้ง2ฝ่ายนะ แต่ในส่วนอื่นของเนื้อเรื่องคือฟินคือดีมาก อ่อยเก่งทั้งคู่ แต่อยากรู้ว่าตอนจบลูกสาวทำงานที่ไหนอ่าาาาาาาาาาา :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอตอนพิเศษเถอะนะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
แม่ยังไงก็คือแม่ เพื่อความสุขของลูก แม้จะขัดใจแต่ก็ต้องยอมเพื่อลูก  ภัทรก็เข้าใจถึงยอมจากไปทั้งที่ยังรัก แต่ที่สุดแล้วก็happy  :pig4:

ออฟไลน์ Carina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฮืออออ ดีมาากกกก ขอบคุณมากค่ะ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ reginasorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้ ซึ้งใจมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจมากกก :impress2:  :impress2:

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao5: ช่วงท้ายน้ำตาไหล แบบว่าปลื้มปริ่มมาก

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 887
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
น้องภัทรทำถูกต้องแล้วค่ะ ผู้ชายไม่ชัดเจน ก็เฟดตัวเองออกมาดีกว่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด