【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62  (อ่าน 73565 ครั้ง)

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
โค๊ด: [เลือก]
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 



สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

แฟนเพจช่องทางการติดตามนักเขียน

Apaphaty
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2019 19:20:51 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้
«ตอบ #1 เมื่อ24-10-2018 15:17:26 »






บทนำ

            “โอ๊ตครับ วันนี้มีของมาส่งบ้านหรือเปล่า”

            “มีฮะ น้าภัทร”

            “โอเค งั้นโอ๊ตช่วยหยิบกล่องไปไว้ที่ห้องนอนน้าด้วยนะครับ เดี๋ยวน้าจะไปทำกับข้าว”

            “ได้ฮะ” เมื่อธนภัทรวานให้หลานชายวัยสิบสองขวบยกกล่องไปรษณีย์ที่เพิ่งมาส่งวันนี้หมาด ๆ ขึ้นไปไว้บนห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมตัวไปทำอาหารเย็นต่อ

            ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านธนภัทรยังไม่ทันได้นั่งพักเลย เพราะวันนี้เขาเลิกงานช้า กลับมาถึงก็เห็นหลานชายนั่งรอกินข้าวตาละห้อยแล้ว จะให้เขาพักในขณะที่เจ้าโอ๊ตยังหิวไส้กิ่วอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่อง ภัทรจึงยอมเหนื่อยอีกสักนิด ไปทำอาหารเตรียมไว้ให้หลานและตัวเอง กว่าเขาจะได้พักจริง ๆ ก็คงหลังจากส่งหลานเข้านอนแล้ว จากนั้นเขาถึงจะได้มีเวลาเป็นของตัวเอง

            บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองแห่งนี้ มีเพียงน้าหลานอาศัยอยู่สองคนเท่านั้น เจ้าโอ๊ตเป็นหลานแท้ ๆ ของเขา แม่ของอีกฝ่ายเป็นพี่สาวเขา ซึ่งตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่เมืองนอก ไม่สะดวกเอาเจ้าลูกชายไปด้วย ทำให้ภัทรต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองหลานชายตัวกระเปี๊ยกตั้งแต่อีกฝ่ายอายุเก้าขวบ

            “น้าภัทรฮะ โอ๊ตเอาของไปไว้ให้แล้วนะ”

            “ดีมากครับ”

            หลังจากทำตามคำสั่งของผู้เป็นน้าเรียบร้อยแล้ว หลานชายตัวเล็กก็รีบวิ่งมาบอกน้าที่ห้องครัวพร้อมกับเกาะประตู ยืดตัวขึ้นชะโงกหน้าสังเกตการณ์ว่ามื้อนี้จะได้กินอะไร

            “วันนี้น้าภัทรจะทำอะไรให้กินเหรอฮะ”

            “น้าว่าจะทำไข่เจียวกุ้งสับกับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาครับ”

            “งั้นโอ๊ตตั้งโต๊ะไว้รอเลยนะ” หลานชายตัวน้อยว่า

            “ฮ่า ๆ หิวล่ะสิเรา ไป ๆ ไปเตรียมโต๊ะไว้ น้าทำใกล้เสร็จแล้วล่ะ” ธนภัทรว่าพร้อมกับโบกมือไล่ให้หลานชายไปตั้งโต๊ะเตรียมถ้วยจานเอาไว้รอรับอาหารเย็นฝีมือเขา

 

            ธนภัทรเป็นเด็กจบใหม่อายุยี่สิบสามปี เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ได้ไม่ถึงปี แรกเริ่มชีวิตของภัทรช่วงรับหลานมาเลี้ยงใหม่ ๆ ก็ลำบากนิดหน่อย เพราะยังไม่มีรายได้เป็นหลักเป็นแหล่ง ไหนจะยังเรียนอยู่ด้วย ต้องอาศัยเงินจากพี่สาว กู้เงินกยศ.และทำงานพิเศษนิด ๆ หน่อย ๆ เอา ถึงจะพออยู่ได้

            ผ่านมาหลายปีภัทรและหลานเพิ่งจะเริ่มสบายขึ้น เพราะเขาเรียนจบแล้ว จึงสามารถทำงานได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้เงินมากกว่าการทำงานพิเศษทั่วไป ประกอบกับตัวพี่สาวภัทรเองก็ส่งเงินมาให้ไม่เคยเว้นเดือน ทำให้เราสามารถใช้จ่ายภายในครอบครัวได้อย่างไม่ติดขัดและยังพอมีเงินเหลือไว้ซื้อของเพื่อสนองความต้องการของตัวเองได้ด้วย

            “พรุ่งนี้เรายังต้องไปโรงเรียนนี่ งั้นกินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำได้เลยนะ เดี๋ยวน้าจะล้างจานเอง” ธนภัทรว่า หลังจากหลานชายกินมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “ได้ฮะ งั้นโอ๊ตขึ้นห้องนะ”

            “อืม...อย่าลืมทำการบ้านล่ะ รีบเข้านอนด้วย” ธนภัทรกำชับหลานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายขึ้นห้องไปก่อน ส่วนเขาก็อยู่ล้างจานไม่กี่ใบแล้วขึ้นห้องตามหลานไป

            ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อกลับเข้ามาห้องตัวเองเสียที เขาล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ภัทรและหลานชายนอนแยกห้องกัน เพราะเจ้าโอ๊ตจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว อีกทั้งตัวภัทรเองก็ต้องการเวลาส่วนตัว ทำให้เขาตัดสินใจว่าเราควรจะแยกห้องนอนกันดีกว่าจะนอนกอดกันกลมเหมือนอย่างเคย

            ขณะที่เขากำลังคิดทบทวนว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรไปบ้างและยังเหลืออะไรที่ต้องสะสางอีก สายตาของภัทรก็เหลือบไปเห็นกล่องพัสดุที่สั่งให้หลานชายเอาขึ้นมาไว้ให้บนห้องพอดี เขารีบลุกขึ้น เก็บความเหนื่อยล้าของตัวเองไว้ชั่วคราว แล้วเอื้อมไปหยิบกล่องพัสดุนั้นมาดู

            รู้ทั้งรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา เพราะอีกฝ่ายบอกเขาแล้ว แต่พอมาเห็นชื่อผู้ส่งที่เป็นนามแฝงและกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ธนภัทรก็รู้สึกใจเต้นแรงอยู่ไม่น้อย แอบลุ้นว่าอีกฝ่ายส่งอะไรมาให้กันแน่

            มีคนเคยบอกว่า...มนุษย์อย่างเราหลายคนมีสองตัวตน ตัวตนแรกคือตัวตนจินตนาการ อยากให้คนอื่นเห็นแต่ด้านดี ๆ ของตัวเอง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้คนอื่นมองว่าเราเป็นเช่นนั้น ตัวตนนี้จะปรากฏตอนเราอยู่ท่ามกลางสังคม เพื่อนร่วมงานหรือคนหมู่มาก

            ตัวตนที่สองคือตัวตนที่แท้จริงของเรา มีทั้งด้านดีและด้านเสียปะปนกันอยู่ แต่สิ่งไหนจะมากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสภาพสังคมที่อยู่ ตัวตนนี้จะปรากฏขึ้นยามอยู่กับคนสนิทชิดเชื้อและยามอยู่เพียงลำพัง

            ธนภัทรรีบคว้าคัตเตอร์มากรีดเพื่อเปิดกล่อง เขาอยากรู้แทบแย่ว่าในกล่องนี้บรรจุอะไรกันแน่ ทันทีที่กรีดกล่องสำเร็จ เขาก็ถึงกับฉีกยิ้มอย่างถูกใจ เมื่อได้เห็นของที่อยู่ข้างใน มือเรียวก็สัมผัสมันอย่างหลงใหล เขาถูกใจมันมากจริง ๆ อยากจะให้มันอยู่บนเรือนร่างตัวเองแทบแย่

            ธนภัทรผละมือออกจากของถูกใจชั่วคราว เอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเอง เปิดแอปพลิเคชันชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ เพื่อส่งข้อความไปหาเขาคนนั้น คนที่ส่งของชิ้นนี้ให้กับเขา

            บัญชีผู้ใช้ของธนภัทร เป็นบัญชีผู้ใช้ส่วนตัวที่ถูกล็อกเอาไว้ แต่ถึงจะปิดกั้นไว้ไม่ให้ใครได้เห็นง่าย ๆ ยกเว้นเขาจะอนุมัติคำขอติดตามนั้น และแม้จะไม่ใช่บัญชีผู้ใช้สาธารณะที่ใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย คนติดตามของเขากลับมีถึงหลักหมื่นและส่วนใหญ่คนติดตามก็มักจะเป็นคนที่มีรสนิยมคล้าย ๆ กันทั้งนั้น รวมถึงเขาคนนั้นด้วย

            “ได้รับของแล้วนะครับ ถูกใจผมมาก”       

            “ขอบคุณ คุณพีมากครับ”           

            ธนภัทรส่งคำขอบคุณไปให้เขาคนนั้น เราต่างไม่เคยเห็นหน้ากันและกัน แต่อีกฝ่ายกลับเป็นคนที่เขาคุยด้วยแล้วสบายใจและถูกใจมากด้วย

             เบื้องหลังบัญชีผู้ใช้ลูกไม้ป่าที่มีคนติดตามหลักหมื่น ร้อนระอุไปด้วยบัญชีผู้ใช้รายอื่น ๆ ที่ต่างส่งข้อความมาหาเขาตั้งมากมาย จนธนภัทรตอบไม่หวาดไม่ไหว

             มีทั้งส่งข้อความสอบถามแหล่งที่ซื้อและชวนคุยเรื่องใต้สะดือ ชวนพูดเรื่องเสียว ซึ่งภัทรเลือกที่จะตอบแค่บางคนเท่านั้น เพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ได้สร้างบัญชีผู้ใช้นี้ขึ้นมาเพื่อตอบสนองเรื่องอย่างว่าของตัวเองหรือของใครทั้งนั้น

            เขาสร้างมันขึ้นมา เพื่อแชร์ประสบการณ์การหลงใหลผ้าลูกไม้ของตัวเอง ซึ่งบางรูปมันเป็นชุดลายลูกไม้ พอมันอยู่บนเรือนร่างของเขาจึงค่อนข้างเป็นสื่อล่อแหลม ทำให้ธนภัทรตัดสินใจล็อกบัญชีให้เป็นผู้ใช้ส่วนตัวเพื่อตัดปัญหาตั้งแต่แรกดีกว่า รอเพียงไม่นาน ธนภัทรก็ต้องฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อคุณพีตอบกลับมา อีกฝ่ายก็คงรอข้อความจากเขาเช่นกัน

            “ถึงเร็วจังครับ เพิ่งส่งไปให้วันก่อนเอง”

            “อยากเห็นตอนมันอยู่บนร่างคุณลูกไม้จัง”

            หลังจากอ่านข้อความเสร็จ ธนภัทรก็ถึงกับหน้าร้อนฉ่า เราต่างฝ่ายต่างไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน เพราะเราต่างมีอีกหนึ่งสังคมที่ต้องอยู่ เราใช้นามแฝงเพื่อเรียกชื่อกัน ไม่เคยเปิดเผยหน้าให้เห็น มีแต่การเปิดเผยร่างกายในบางครั้งเท่านั้น

            เมื่อเจ้าของชุดลายลูกไม้ตัวนี้ปรารถนาที่จะเห็นมันอยู่บนเรือนร่างของเขา ธนภัทรก็ไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องชุดทำงานของตัวเองออก แล้วสวมใส่ชุดลูกไม้ป้ายแดงตามที่อีกฝ่ายต้องการ เขาหน้าร้อนผ่าวนิด ๆ ตอนที่ต้องกดถ่ายแล้วส่งรูปไปรายงานคุณพี ถึงเขาจะอายแต่ก็เลือกที่จะส่งไปอยู่ดี

            ก็มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา....

            “ใส่ให้ดูแล้วนะครับ”       

            ธนภัทรส่งข้อความกลับไปพร้อมกับแนบรูปยามมันอยู่บนตัวเขาไปให้คุณพี ชุดลูกไม้ป้ายแดงนี้ปกปิดอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง แต่กลับถูกใจเขาเหลือเกิน เพียงเพราะลวดลายมันสวยงาม ลายไม่ซ้ำกับเจ้าอื่น ๆ ที่ธนภัทรเคยเห็นมา เขาเดาว่าชุดลูกไม้นี้คงมีราคาน่าดู

            “มีคนเคยบอกคุณลูกไม้หรือยังครับว่าร่างกายคุณสวยมาก”


 



_________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ดีใจมากๆค่ะที่มีคนอยากอ่านเหมือนกัน ภาวนาให้เรื่องนี้เราเขียนจบนะคะ

แง ๆ

               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 17:20:20 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่าสนใจมากเลยค่ะ อยากเห็นรูปที่ธนภัทรส่งไปจังเลย :haun4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
วรั้ย แพ้อัไรน้อยชิ้น ลูกไม้ลายปักอะไรงี้ค่ะ
ไม่ได้หวานเลย เซะซี่ซีทรูมั่กๆ

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่คะ หนูจะตายแร้ววววว แค่คิดถึงncน้องก็เขินตัวจะแตกแล้วพี่ แง ขอบคุณค่ะๆ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่อไวๆ

ออฟไลน์ dorabarin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :haun4: แค่บทนำก็เเซ่บเเล้วค่ะ เอื้อออ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เราตามมาจากทวิตค่า ชื่อเรื่องคุ้นๆ เลยเข้ามาดูว่าใช่รึเปล่า อิอิ :oo1:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1

1


1
   “ทำวันนี้ให้เต็มที่นะทุกคน ถ้าการเจรจาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากเสร็จประชุมเราจะไปฉลองกัน”
   “เข้าใจแล้วค่า/เข้าใจแล้วครับ” เสียงเหล่าพนักงานในแผนกขานรับหัวหน้ากันอย่างพร้อมเพียง
   ทุกคนต่างกระตือรือร้นกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมากเป็นพิเศษ เนื่องด้วยวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของบริษัท เพราะมีการเจรจา ทำสัญญากับบริษัทฝั่งยุโรป เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทเป็นที่รู้จักและได้ขยายฐานลูกค้าไปทางฝั่งยุโรปมากขึ้น
   เหล่าพนักงานต่างตั้งใจเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากการเจรจาครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นั่นหมายความว่าในสิ้นปีนี้โบนัสก้อนใหญ่กำลังรอเราอยู่
    ธนภัทรรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลังจากรู้ว่าตัวเองมีรายชื่อที่ต้องเข้าร่วมการเจรจาด้วย การเจรจาทำสัญญาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันระหว่างสองผู้บริหาร หาข้อตกลงแล้วลงนามทำสัญญาเท่านั้น แต่เหล่าพนักงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เช่นกัน เพื่อที่จะได้โชว์ศักยภาพของบริษัท ข้อดีของผลิตภัณฑ์ มูลค่าทางการตลาดและผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างได้รับ
   หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งสองบริษัทอาจจะได้เจรจาตกลงธุรกิจอื่นที่อยู่ในเครือบริษัทเดียวกันด้วย นั่นหมายความว่าจะมีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียนเข้ามา
   ในตอนแรกธนภัทรคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เข้าร่วมเจรจาครั้งนี้ด้วยซ้ำ เพราะเขาเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ไม่ถึงปี ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญอะไร แถมตำแหน่งของเขาก็ยังอยู่ปลายแถวของแผนกอีกต่างหาก บางครั้งเขาก็ต้องเป็นลูกมือ คอยช่วยเหลือรุ่นพี่ในแผนก เพื่อที่จะได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ที่ต้องพึงมีเอาไว้
   “ภัทรอย่าลืมเช็กแผ่นนี้ให้ด้วยนะ”
   “ได้ครับ พี่นัท” ว่าจบก็รับเอกสารที่จะใช้ในการประชุมครั้งนี้มาตรวจเช็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจัดเรียงเข้าแฟ้มให้เรียบร้อย นำไปวางเรียงให้เป็นระเบียบเพื่อเตรียมประชุมในบ่ายวันนี้
    ธนภัทรไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่านี้มาก่อน เขาไม่ได้แสดงอาการประหม่าออกมาให้คนรู้ แต่อาการที่ว่ามันอยู่ข้างใน....เขากำลังกังวลทุกอย่าง กลัวตัวเองจะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้การเจรจานี้ผิดพลาด แม้ความผิดพลาดนั้นอาจเป็นแค่กระจุกเล็ก ๆ แต่ธนภัทรจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
   ยิ่งเห็นว่าทุกคนเป็นจริงเป็นจัง ตั้งใจทำงานเพื่อให้การประชุมครั้งนี้ออกมาดีที่สุดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น พยายามตรวจเช็กเอกสารที่เหล่ารุ่นพี่ในแผนกส่งให้ตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เขาเป็นคนตรวจเอกสารครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำเข้าห้องประชุม ดังนั้นหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายในตอนนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน
   “นาน ๆ คุณภาสกรจะเข้าบริษัท ตั้งใจทำงานนะ แสดงศักยภาพตัวเองให้เขาเห็นเท่าที่ทำได้ เผื่อเขาจะเห็นแววแล้วให้เลื่อนตำแหน่งให้เราเร็ว ๆ” พี่นัทชวนภัทรคุย หลังอีกฝ่ายเห็นว่าธนภัทรเริ่มทำหน้าเครียด
   “คุณภาสกรเหรอครับ” ธนภัทรถาม
   “ใช่....ไม่รู้จักหรือ”
   “เคยได้ยินชื่อครับ แต่ไม่เคยเห็นหน้า”
   “เขาไม่ค่อยเข้ามาบริษัทหรอก ได้ยินจากเลขาเขาว่า คุณภาสกรกำลังเรียนต่อปริญญาเอกอยู่ แล้วก็กำลังวุ่นกับธุรกิจส่วนอื่นที่กำลังบุกตลาดต่างประเทศด้วย”
   “......”
   “แต่พี่จะบอกให้นะ คุณภาสกรน่ะ....หล่ออย่าบอกใครเชียว”
   “เหรอครับ” เมื่อได้ยินรุ่นพี่คนสนิทว่าเช่นนั้น ธนภัทรก็เริ่มอยากเห็นหน้าคุณภาสกรขึ้นมาบ้างแล้ว อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะหล่อแค่ไหน ถึงทำให้ลูกน้องเอ่ยปากชมได้
   “ใช่ หล่อมาก....แต่ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเอาคุณภาสกรไปเพ้อฝัน ใฝ่สูงอยากยืนเคียงข้างคุณเขาหรอก”   
   “อ้าว ทำไมล่ะครับ” ธนภัทรถามต่ออย่างสงสัย หากมีเจ้านายหล่อเหลา ลูกน้องที่ยังโสดก็ย่อมแอบเพ้อฝันบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา
   “เฮ้อ....พี่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าภัทรได้เห็นคงจะถึงบางอ้อเองนั่นแหละ คนบางคนไม่ได้เกิดมาคู่เราหรอก บางคนก็มีไว้แค่ให้มองเท่านั้น”
   
   ยิ่งใกล้ถึงเวลาประชุมมากขึ้นเท่าไร ธนภัทรก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น คราวนี้เขาเริ่มออกอาการผ่านทางน้ำเสียงและแววตาจนรุ่นพี่ร่วมแผนกต้องคอยปลอบว่าไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
   ก่อนจะถึงเวลาประชุม คนของทางบริษัททั้งฝั่งเขาและคู่เจรจาก็เริ่มทยอยเข้าห้องประชุม เพื่อที่จะได้เริ่มประชุมตามกำหนดการ บริษัทที่ธนภัทรทำงานอยู่ ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก กำหนดการตอนไหนก็ต้องเริ่มตอนนั้น
   “ภัทร...คุณภาสกรมาแล้ว” พี่นัทที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยบอกธนภัทรเสียงแผ่ว ให้เราได้ยินกันแค่สองคน
   หลังจากที่ก้มมองตักตั้งสติกับตัวเองอยู่นานสองนาน เพียงได้ยินเช่นนั้นธนภัทรก็รีบเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังประตูทันที ก่อนที่คุณภาสกรจะเข้ามา ทีมเลขาก็ได้เข้ามาก่อน เพียงแค่ได้เห็นหน้าคุณภาสกร ธนภัทรก็ถึงบางอ้อตามที่พี่นัทพูดไว้ทันที เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเหล่าพนักงานถึงไม่กล้าเพ้อฝัน คิดเกินเลยกับคุณเขา
   ธนภัทรเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะ....
   คุณภาสกรน่าจะสูงร้อยแปดสิบกว่า ๆ เขาเดินเฉิดฉายมาแต่ไกล เข้าประชุมก่อนกำหนดไม่ต่างจากเหล่าพนักงานเช่นกัน ทุกคนบนโต๊ะลุกขึ้นเพื่อทำความเคารพเจ้านายรวมถึงเขาด้วย
   ดวงตาของธนภัทรจับจ้องผู้บริหารหนุ่ม ผู้เป็นเจ้านายตัวเองตาไม่กะพริบ คุณภาสกรสามารถแสดงเสน่ห์ออกมาได้โดยไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ นั่นทำให้ภัทรมองคุณเขาแทบไม่ละสายตา เพราะเขาเพิ่งเคยเจอหน้าอีกฝ่ายครั้งแรก ย่อมประหม่าและตกใจในความมีเสน่ห์ของคุณเขา ซึ่งพนักงานคนอื่นอาจจะเคยชินไปแล้ว
   คุณภาสกรกวาดสายตามองเหล่าพนักงานในปกครองของตัวเองและวินาทีที่คุณภาสกรเลื่อนสายตามาสบกับเขา ธนภัทรก็รีบส่งยิ้มไปให้เจ้านายตามมารยาท ถือเป็นการฝากเนื้อฝากตัวไปด้วย ซึ่งคุณภาสการก็ส่งยิ้มตอบกลับมาตามมารยาทเช่นเดียวกัน
   เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของคุณภาสกร ธนภัทรก็รู้สึกว่าโลกของเขาได้หยุดหมุนไปชั่วคราว...

   ตลอดการประชุม.....ธนภัทรมองคุณภาสกรด้วยสายตาชื่นชม หลายครั้งที่เขาเผลอจ้องหน้าคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนจะรีบผละไปทางอื่น หลังถูกจับได้ว่ากำลังแอบมอง
   ภัทรชื่นชมในความเก่งและมีเสน่ห์ของอีกฝ่าย ภายใต้น้ำเสียงนุ่มนวลฟังแล้วลื่นหูนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ ภัทรมองเห็นรังสีความเป็นผู้บริหารแผ่รอบตัวของคุณเขา คุณภาสกรดูแตกต่างจากพนักงานบริษัททั่วไป ชนิดที่ว่าไม่ต้องให้ใครเอ่ยแนะนำตำแหน่ง ก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับไหน
   ในที่สุดการเจรจาทำสัญญากับบริษัทฝั่งยุโรปก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังพนักงานทุกคนแสดงศักยภาพออกมาอย่างสุดความสามารถ บรรยากาศความกดดันที่มีก่อนเข้าห้องประชุมหายไปในทันที เมื่อได้รับผลตอบรับที่ดีจากว่าที่บริษัทคู่ค้ารายใหม่   
   “อย่าลืมนะคะ หัวหน้าบอกว่าจะพาเราไปฉลองกัน หลังเสร็จจากงานประชุม” หนึ่งในรุ่นพี่ประจำแผนกเอ่ยทักท้วงหัวหน้า หลังเราทยอยออกมาจากห้องประชุมกันด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น
   “รู้แล้วน่า....ผมไม่ผิดคำพูดอยู่แล้ว พวกคุณน่ะเตรียมท้องให้ว่างแล้วเคลียร์คิวไว้ดีกว่า” เหล่าพนักงานถึงกับเฮลั่น เมื่อได้ยินพี่ชาติ ผู้เป็นหัวหน้าแผนกเอ่ยยืนยันว่าหลังเลิกงานวันนี้จะพากันไปเลี้ยงฉลอง โดยมีเจ้าตัวเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยง
   “ภัทรก็ด้วยนะ อย่าลืมไปด้วยกัน” พี่ชาติหันมาพูดกับภัทร
   “ได้ครับ”
   ขณะที่เหล่าพนักงานกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันหลังเสร็จงานประชุม ทุกคนก็ต้องรีบแหวกทางตรงหน้าประตูห้องประชุมให้ เมื่อผู้บริหารประจำบริษัทค่อย ๆ ทยอยกันออกจากห้องประชุม ซึ่งมีทั้งคนที่ภัทรรู้จักและไม่รู้จัก โดยคุณภาสกรและเลขาของเขาออกจากห้องกลุ่มสุดท้าย
    ภัทรจับจ้องใบหน้าคุณภาสกรอีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านหลังของทุกคน แอบมองคุณภาสกรจากที่ไกล ๆ เพราะไม่อยากให้คุณเขาจับได้อีก แม้เขาจะแอบมองตั้งแต่เราอยู่ในห้องประชุมด้วยกัน โดนจับได้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ภัทรก็ยังเลือกที่จะมองอยู่ดี
   ธนภัทรละสายตาจากคุณภาสกรไม่ได้จริง ๆ
   “ขอบคุณทุกคนที่ทำงานเหนื่อยนะครับ”
   คุณภาสกรไม่ได้เดินออกจากห้องประชุมไปเฉย ๆ เหมือนกับผู้บริหารท่านอื่น แต่เขาหยุดคุยกับเหล่าพนักงานตัวเอง แสดงความเป็นกันเองออกมา คงหวังจะลดความเกร็งของพนักงานทั้งหลายที่ยืนอยู่ตรงบริเวณนั้น เขาไม่พูดพร้อมขอบคุณเปล่า แต่ยังฉีกยิ้มกว้าง นั่นทำเอาเหล่ารุ่นพี่ผู้หญิงในแผนกที่มองเห็นรอยยิ้มนั้นตายกันเป็นแถบ ๆ
   “ภัทรดูรอยยิ้มคุณภาสกรสิ พี่จะไม่ทนแล้วนะ” พี่นัทกระซิบข้างหูธนภัทร พร้อมกับเอามือทาบเหนืออกข้างซ้ายของตัวเอง มองใบหน้าหล่อที่อยู่ไกลจากพวกเขาด้วยสายตาเพ้อฝัน ทำเอาภัทรถึงกับหลุดยิ้มออกมา
   “ถ้าจะลงสนาม ผมว่าคู่แข่งเยอะนะครับพี่นัท” ภัทรกระซิบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกลับไปมองคุณเขาอีกครั้ง
    ภัทรสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าคุณภาสกรจะไม่เห็นตัวเองเพราะยืนอยู่ไกล แต่ตอนนี้คุณเขากลับมองเขาอยู่ต่างหากและดูเหมือนจะมองอยู่นานแล้วด้วย คราวนี้ธนภัทรถึงกับทำตัวไม่ถูก หัวใจเขาเต้นแรง ไม่รู้ควรจะส่งยิ้มไปให้เหมือนทุกทีหรือเปล่า สุดท้ายจึงตัดสินใจหลุบตามองพื้น แสร้งไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
   “เลิกงานแล้ว พวกคุณจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า” คุณภาสกรหันไปถามพี่ชาติ
   “ผมตั้งใจว่าหลังเลิกงานจะพาลูกน้องไปกินเลี้ยงกันครับ เชิญคุณภาสกรกับคุณเลขาด้วยนะครับ”
   “โอเค…งั้นเดี๋ยวผมจะเป็นเจ้าภาพเอง ไหน ๆ พวกคุณก็ยอมเหนื่อยเพื่อเราแล้ว”
   กลายเป็นที่ฮือฮาของเหล่ารุ่นพี่ในแผนก เมื่อคุณภาสกร ผู้บริหารคนหล่อที่ไม่ค่อยเข้าบริษัท ยกเว้นมีเรื่องสำคัญหรือมีสัญญาที่ต้องรอการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูง เป็นคนออกปากเองว่าจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงแทนพี่ชาติ ผู้เป็นหัวหน้าแผนก มิหนำซ้ำยังจะไปร่วมฉลองด้วย ทำเอาพนักงานแผนกอื่นถึงกับตาร้อนกันเป็นแทบ ๆ
   “ภัทรว่าพี่ควรจะเติมหน้าเพิ่มไหม”
   “ฮ่า ๆ เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วมั้งครับพี่นัท ข้างในก็ไฟสลัว คงไม่มีใครเห็นอะไร” ภัทรว่า ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้มมองพี่นัทที่กำลังเติมแป้งก่อนจะไปฉลองต่อด้วยความเอ็นดู
   “แล้วปากล่ะ”
   “พอแล้วครับ”
   “รวม ๆ แล้วพี่โอเคใช่ป่ะ” พี่นัทถามภัทรอีกครั้ง เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันหญิงสาวก็มองตัวเองในกระจกตลับแป้งไปด้วย
   “โอเคแล้วครับ สวยแล้วครับ” ธนภัทรยืนยัน ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ “ภัทรไม่เคยเห็นพี่นัทกังวลว่าตัวเองไม่สวยเท่านี้มาก่อนเลย”
   “แหม….รอบนี้ไม่ได้นะคะคุณน้อง พี่ต้องขอสวยนิดนึง ไม่คิดเลยอะว่าคุณภาสกรจะไปฉลองกับเราด้วย สงสัยการประชุมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เม็ดเงินจะเข้าบริษัทเยอะ เขาก็เลยอยากจะขอบคุณเราจริง ๆ แหละมั้ง เพราะปกติน่ะเป็นแต่เจ้าภาพออกเงินให้อย่างเดียว ไม่เคยไปฉลองกับพนักงานหรอก เขาคงไม่สะดวกใจเท่าไร”
   ภัทรรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาสกรจากปากรุ่นพี่ที่ทำงานมาก่อนอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะเขารู้จักคุณภาสกรผิวเผินเหลือเกิน แถมเพิ่งจะได้เห็นหน้าคุณเขาก็วันนี้เอง หลังจากได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอีกฝ่ายมานาน
   เพราะภัทรยังไม่มีรถส่วนตัวและไม่รู้ว่าต้องไปเจอกันที่ร้านไหน ทำให้เขาต้องอาศัยติดรถรุ่นพี่ในแผนกไปด้วย ภัทรต้องโทรหาพี่เนย พี่สาวข้างบ้านให้ช่วยเข้าไปดูแลเจ้าโอ๊ตก่อน เพราะเขาคงไม่ได้แวะเข้าบ้าน หลังจากเลิกงานก็เลยไปยังร้านที่จะจัดฉลองเลย
   ธนภัทรยังถือว่าตัวเองเป็นเด็กใหม่มาก ๆ ในแผนกเขาไม่ค่อยสนิทกับใครมากเป็นพิเศษ คนที่คุยเล่นกันบ่อยที่สุดก็มีแค่พี่นัทเท่านั้น ไม่รู้ว่าการไปฉลองครั้งนี้ เขาจะสนุกไปกับมันหรือเปล่า
   พอเข้ามาถึงในร้าน ก็มีพี่ในบริษัททยอยเข้ามาถึงก่อนแล้ว พี่ชาติจองห้องคาราโอเกะที่ใหญ่ที่สุดของร้าน เพื่อรองรับพนักงานทั้งแผนก เนื่องด้วยคุณภาสกรออกปากเองว่าจะเป็นเจ้าภาพ จึงไม่ต้องเกรงว่ากระเป๋าตังค์ตัวเองจะขาด
   “ต้องรอคุณภาสกรมาถึงก่อนไหมคะ” หนึ่งในพนักงานประจำแผนกเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้า เมื่อพนักงานเริ่มทยอยเข้ามาในร้านเกือบครบแล้ว
   “เขาบอกให้สั่งก่อน อาจจะมาถึงช้า” เมื่อพี่ชาติว่าเช่นนั้น เหล่าพนักงานที่ต่างร่วมทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มสั่งอาหารมาคนละอย่างสองอย่างตามความชอบ
   เพราะภัทรเป็นพนักงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ไม่ค่อยสนิทกับใคร ทำให้เขากลายเป็นคนพูดน้อยที่สุด ธนภัทรไม่อยากสร้างกำแพงให้กับตัวเอง เขาจึงพยายามให้ความสนใจทุกคน ไม่ว่าพี่คนไหนจับไมค์ เขาก็พยายามจะสนุกไปด้วย
   โชคดีที่สภาพแวดล้อมในแผนกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เป็นบรรยากาศที่ใครหลายคนต่างใฝ่ฝัน เพราะพี่ ๆ ในแผนกเกือบทุกคนพยายามเป็นกันเองกับเขาให้มากที่สุด เพื่อลดระยะห่างต่อกัน เนื่องด้วยต้องร่วมงานกันอีกหลายครั้ง ทำให้ค่อย ๆ ธนภัทรคลายความกังวลลง
   “น้องภัทรรรรรร มาห้องคาราโอเกะทั้งที อยากร้องเพลงอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ชิงไมค์ตอนนี้จะไม่ได้จับไมค์แล้วน้า” พี่ชาติเรียกชื่อธนภัทรผ่านไมค์
   “เอาเลยครับ ผมขอดูเฉย ๆ ดีกว่า ร้องเพลงไม่เก่ง” ภัทรว่าพร้อมกับฉีกยิ้มส่งไปให้ เรื่องการเรียนเขาอาจเป็นที่หนึ่ง แต่เขาไม่ถนัดเรื่องร้องเพลงจริง ๆ เป็นสายนั่งฟังและมีส่วนร่วมมากกว่า
   ธนภัทรเหลือบมองประตูห้องคาราโอเกะอีกครั้ง ตอนนี้พนักงานในแผนกมาถึงร้านกันหมดแล้ว ขาดแต่คุณภาสกร ผู้ซึ่งเป็นเจ้าภาพและเป็นคนออกปากเองว่าจะมาร่วมสังสรรค์ด้วย
   ธนภัทรไม่ได้เฝ้ารอคุณภาสกร เขาก็แค่สงสัยว่าคุณเขาจะมาไหม
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 17:28:08 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
         
   เมื่อธนภัทรรู้สึกว่าตัวเองให้ความสนใจกับการมาของคุณภาสกรมากเกินไป เขาจึงพยายามดึงสติ เบี่ยงความสนใจของตัวเองกลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้งและร่วมพูดคุยกับพี่ ๆ ในแผนกเพื่อเพิ่มความสนิทสนม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายเหลือบไปมองประตูห้องอยู่หลายครั้งหลายครา
   ภัทรไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่าอยากจะจ้องหน้าคุณภาสกรอีกครั้ง มันอาจจะดูเสียมารยาทเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันและเขาเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา แต่ครั้งนี้ภัทรจะไม่ทำให้ตัวเองถูกจับได้แน่นอน
   สมแล้วที่ความหล่อของคุณเขาเป็นที่กล่าวขานของเหล่าพนักงานทั้งบริษัท ขนาดภัทรที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าคมคายของคุณภาสกรได้เลย ราวกับมีบางอย่างดึงดูดเขาเอาไว้
   “หรือที่คุณภาสกรบอกว่าจะมา เขาก็แค่พูดตามมารยาทกันนะ? ภัทรคิดว่าไง” เกือบสิบนาทีที่ธนภัทรเลิกสนใจการมาของคุณภาสกร พี่นัทที่นั่งดื่มเบียร์และกินอาหารอยู่ข้างกันก็หันมาถามเขา
   “ผมไม่สนิทกับคุณภาสกร จะรู้เหรอครับว่าเขาพูดตามมารยาทหรือจะมาจริง ๆ” ภัทรว่า
   หากคิดดี ๆ ธนภัทรเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หากคุณภาสกรจะไม่มาตามที่บอกไว้ เขาก็แค่อยากเห็นหน้าคุณเขาอีกสักครั้งก็เท่านั้น ธนภัทรคิดว่าหากเขาได้มองหน้าอีกฝ่ายจนเบื่อ อาการอยากเห็นหน้าแบบนี้คงจะหายไป
   บทสนทนาระหว่างเขาและพี่นัทจบลงแค่นั้น ไม่มีใครสนใจการมาของคุณภาสกรอีก รวมถึงธนภัทรด้วย อีกหนึ่งชั่วโมงร้านจะปิดแล้ว คงเป็นคำอธิบายได้ดีว่าคุณภาสกรจะมาจริง ๆ หรือแค่พูดตามมารยาทเท่านั้น
   ภัทรฉีกยิ้มกว้าง หัวเราะออกมาบ้างในบางครั้ง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่คนครองไมค์ ทุกอย่างเริ่มสนุกได้ที่ ขนาดพี่นัทที่เคยนั่งอยู่ข้างกันเขา ตอนนี้ก็เคลื่อนย้ายตัวเองไปเป็นหางเครื่องให้นักร้องหน้าห้องไปแล้ว
   ภัทรร่วมสนุกสนานกับพี่ ๆ ทุกคนที่อยู่ในห้อง ตอนนี้เหล่าพนักงานในแผนกกำลังสนุกสุดเหวี่ยง ราวกับว่าพรุ่งนี้ไม่มีงานรอพวกเราอยู่ มีบ้างที่ขอตัวกลับก่อน เพราะมีหน้าที่ต้องไปส่งลูกแต่เช้าตรู่ ซึ่งพี่ชาติก็ยอมปล่อยไป เพราะพรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันหยุดของเรา สนุกคืนนี้ พรุ่งนี้ทุกคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
   ไม่มีใครสนใจการมาของคุณภาสกรอีกเลย จนกระทั่งประตูห้องคาราโอเกะถูกเปิดออก คุณภาสกรเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ มีเลขาติดตามมาด้วยหนึ่งคน ซึ่งไม่ได้เข้ามาจุ้นจ้าน แต่นั่งอยู่มุมห้องอย่างเงียบ ๆ แสดงขอบเขตงานอย่างชัดเจนว่ามาทำงานและติดตามคุณภาสกรเท่านั้น ไม่ได้ร่วมสังสรรค์กับเหล่าพนักงาน
   อาจเพราะด้านในห้องคาราโอเกะเป็นไฟสลัวค่อนข้างมืด ทำให้ไม่มีใครสนใจว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา แต่ธนภัทรรู้ เพราะเขานั่งอยู่หลังห้องใกล้กับประตูและคุณภาสกรทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ที่ว่างที่อยู่ข้างเขา
   “คุณภาสกรมาแล้ว....” ภัทรมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ นึกว่าคุณเขาจะไม่มาเสียแล้ว ภัทรรีบกุลีกุจอวางแก้วแอลกอฮอล์ที่กำลังถือไว้ลงกับโต๊ะทันที ทำท่าจะโน้มตัวไปสะกิดพี่ในแผนกที่นั่งถัดออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก เพื่อบอกว่าคุณภาสกรมาแล้ว
   “ไม่ต้องบอกพวกเขาหรอก ให้พวกเขาสนุกไปเถอะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ดึงแขนรั้งร่างภัทรไว้ด้วย   
“ก็ได้ครับ” หากคุณภาสกรไม่ต้องการให้เขาบอกใคร ภัทรก็จะไม่ทำ เขาจึงกลับมานั่งเรียบร้อยเช่นเดิม
   เพราะตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจแค่ข้างหน้าห้องเท่านั้น บ้างก็เคลื่อนเก้าอี้ย้ายไปข้างหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่ภัทรนั่งดื่ม นั่งทานอาหารบนโต๊ะอยู่หลังห้องเพียงลำพัง พอคุณภาสกรเข้ามาก็กลายเป็นว่าพวกเขานั่งอยู่หลังห้องด้วยกันเพียงสองคน
   ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ภัทรก็เงียบ คุณภาสกรก็ไม่ได้ชวนคุย มันดูน่าอึดอัด แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา คุณภาสกรก็เจ้านาย ธนภัทรก็ลูกน้อง สถานะเราแตกต่างกันอย่างชัดเจน แถมภัทรเองเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้เพียงไม่นาน
   ตอนนี้โครงการที่ธนภัทรอยากลองจ้องหน้าคุณเขาอีกสักครั้ง มองหน้าคุณภาสกรให้เบื่อไปข้าง ถูกพับลงแต่โดยดี เนื่องด้วยภัทรนั่งใกล้คุณภาสกรมากเกินไป มันไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะแค่เงยหน้าขึ้น คุณภาสกรก็ตวัดสายตามามองเขาแล้ว ดีไม่ดีหากจ้องคุณเขานาน ๆ คุณภาสกรอาจจะมองภัทรในแง่ลบอีก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากมองไกล ๆ คงพอไหวอยู่
   ภัทรหลุบตามองหน้าตักตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนบรรยากาศข้างหน้าห้องและด้านหลังถูกตัดออกจากกันชั่วคราว ตอนนี้ภัทรเองก็ยอมรับว่าเริ่มเมาขึ้นมาบ้างแล้ว สติไม่เต็มร้อยเหมือนตอนขามา แต่ยังพอประคับประครองสติตัวเองได้อยู่ รู้ว่ากำลังคุยกับใคร แต่ความรอบคอบอาจไม่เหมือนเดิม
   จากตอนแรกที่จะยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม พอคุณภาสกรมา ภัทรก็ไม่กล้าหยิบ ไม่พูดไม่จา ไม่หัวเราะ ดูเรียบร้อยเกินไป ผิดธรรมชาติของธนภัทร
   “ไม่สนุกเหรอ” ความเงียบปกคลุมเราหลายสิบนาที ในที่สุดคุณภาสกรก็เอ่ยปากชวนพูดคุยก่อน
   “ส—สนุกครับ” ภัทรตอบเสียงแผ่ว เขาอยากจะชวนคุณภาสกรคุยเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร
   “เหรอ....แต่ผมไม่เห็นคุณยิ้มหรือดูสนุกเลยนะ เป็นเพราะผมมาหรือเปล่าครับ”
   “ไม่นะครับ” ธนภัทรเงยหน้าขึ้นพร้อมโบกมือปฏิเสธคุณภาสกรทันที หากจะมีคนผิดก็คงเป็นเขานี่แหละที่เป็นอะไร ทำไมต้องนั่งเกร็ง ไม่เป็นธรรมชาติแบบนี้   
   “แล้วคุณมาถึงนานหรือยังครับ”
   “อะไรนะครับ” เนื่องด้วยเสียงดนตรีมันดัง ไหนจะเสียงเฮฮาของคนหน้าห้อง ทำให้ภัทรได้ยินแค่บางคำพูดของคุณเขาเท่านั้น จึงขยับเข้าไปใกล้ เพื่อให้คุณเขาพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
   “คุณภัทรมาถึงนานหรือยัง?” คุณภาสกรไม่ตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลง แต่เลือกที่จะกระซิบถามข้างหูพนักงานหน้าใหม่ตัวเล็กแทน ราวกับว่าคำถามนั่นเป็นความลับของเราสองคน ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกพร้อมเผยรอยยิ้มที่สามารถทำให้ธนภัทรชะงักไปครู่หนึ่ง
   “อ—อ๋อ....ก็ได้สักพักแล้วครับ”
   เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ความเกร็งยามที่คุยกับคุณภาสกรค่อย ๆ ลดลง หลังคุณเขาชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติและคุยอย่างไม่ขาดตอน เราคุยกันแค่สองคน ไม่มีพี่คนไหนหันมามองด้านหลังเลยสักคน มีการกระซิบกันบ้าง ยามเสียงเพลงดังมากเกินไปจนไม่ได้ยินเสียงของกันและกัน
   “คุณเก่งวิชาอะไรเหรอ?”
   “ก็พอถูไถได้ทุกวิชาครับ แต่วิชาที่คิดว่าตัวเองพอจะถูไถไปได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพวกวิชาคำนวณและภาษาอังกฤษ” ภัทรว่า
   เขาต้องยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาดอะไรมากมาย ที่ผ่าน ๆ มาเขาอาศัยความขยันของตัวเองทั้งนั้นและความขยันเหล่านั้นก็ส่งผลให้คะแนนเขาดี จนทำให้บริษัทใหญ่ตัดสินใจรับเขาทำงาน
   “ผมเห็นใบคะแนนในพอร์ตฯ ที่คุณแนบมา คะแนนเกือบเต็มทุกช่องเลยนะ” คุณภาสกรว่าต่อ
   “นั่นเพราะว่าผมอ่านมันจนแทบไม่ได้นอน ก่อนจะสอบน่ะครับ ไม่ใช่เพราะผมฉลาด” ภัทรว่า ยังยืนยันคำเดิมว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาด แต่อาศัยความขยันล้วน ๆ ก่อนที่ภัทรจะขมวดคิ้ว หลังนึกขึ้นได้ว่ามันแปลก ๆ
   “นี่คุณดูพอร์ตฯสมัครงานของผมเหรอครับ” ธนภัทรถามต่อ ตอนที่เขาสมัคร เขาจำได้ว่าผู้จัดการเป็นคนสัมภาษณ์งานเขา ซึ่งในบริษัทผู้บริหารระดับสูงเขาไม่มายุ่งกับเรื่องนี้หรอก
   “ใช่ครับ ผมสงสัยว่าคุณเป็นใคร เข้ามาทำงานในบริษัทตอนไหน เลยให้คุณเลขาไปหาพอร์ตสมัครงานของคุณมาให้ดู” คุณภาสกรยอมรับแต่โดยดี
   “อ๋อครับ....” ธนภัทรขานรับในลำคอ ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรอีกต่อไป
   “แต่ผมชอบคนเก่งและถ่อมตัวแบบคุณนะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยื่นมือมาลูบหัวภัทรด้วยท่าทางคล้ายจะเอ็นดู นั่นทำให้คนที่รับสัมผัสถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าคุณเขาจะสัมผัสตัว แม้มันจะเป็นแค่ศีรษะก็เถอะ แต่มันทำให้ภัทรตกใจ
   “ขอโทษที....ผมลืมไป” คุณภาสกรว่าพร้อมกับผละออกจากศีรษะของภัทรทันควัน คุณเขาเองก็เพิ่งนึกได้ว่ากำลังเสียมารยาทกับพนักงานตัวเล็กอย่างธนภัทร
   “ม—ไม่เป็นไรครับ” ธนภัทรว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะผละสายตาออก เบนสายตามองไปทางอื่นแทนที่จะมองหน้าคุณภาสกรเหมือนอย่างเคย
   สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นยังคงตราตรึงอยู่ความรู้สึกของภัทร บทสนทนาที่กำลังลื่นไหลสะดุดชั่วคราว ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง เหมือนเรากำลังจะย้อนกลับไปตอนเราช่วงที่คุยกันในตอนแรก ๆ
   “ผมขอโทษจริง ๆ” คุณภาสกรเอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง
   “ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” ธนภัทรเองก็ยังยืนคำเดิมว่าไม่เป็นไร
   บทสนทนาของเราจบลงเพียงเท่านั้น เมื่อความสนุกได้หมดแล้ว หลังเข็มนาฬิกาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ไฟสลัวในห้องคาราโอเกะในตอนแรกถูกเปิดให้สว่างโรจน์ บรรยากาศความสนุกสนานของเหล่าพนักงานทั้งหลาย หายวับไปในพริบตาพร้อม ๆ กับ ทุกคนที่เริ่มเห็นว่าคุณภาสกรเองก็อยู่ในห้องคาราโอกะแห่งนี้ด้วย
   “อ้าว คุณภาสกรมาถึงตอนไหนเหรอครับ ภัทรทำไมไม่บอกพวกพี่เล่า” พี่ชาติเป็นคนเอ่ยถามแทนพี่ ๆ ทุกคน พี่เขาเอ่ยถามคุณภาสกรพร้อมกับถามภัทร ดูน้ำเสียงคล้ายจะติเตียนที่ไม่ยอมบอกกัน นั่นทำให้ธนภัทรถึงกับอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบคำถามหัวหน้าแผนกยังไงดี
   “ผมเป็นคนบอกเขาเองว่าไม่ต้องบอกพวกคุณ พวกคุณจะได้สนุกให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องเกร็งว่าผมอยู่ในห้อง” คุณภาสกรอ้าปีกปกป้อง
   “โธ่....คุณภาสกรครับ จริง ๆ น่าจะปล่อยให้ภัทรบอกพวกเรานะครับ จะได้เตรียมเครื่องดื่มไว้รอ แบบนี้เหมือนพวกเราไม่มีมารยาทกับคุณเลย”
   “ผมไม่ถือครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่มหรือกินอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างคืนนี้เป็นงานสังสรรค์ของพวกคุณ ไม่ได้เป็นงานที่พวกคุณต้องมาคอยมีพิธีรีตองกับผมอีก” คุณภาสกรว่าด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครกล้าค้านคุณเขาอีก
   ก่อนที่คุณภาสกรจะหันไปบอกเลขาส่วนตัวให้จัดการเรื่องบิลค่าอาหาร ค่าห้องคาราโอเกะในคืนนี้ ตามคำสัญญาที่บอกว่าจะเป็นเจ้าบ้านงานเลี้ยงฉลองนี้ให้
   “คุณจะกลับยังไง” คุณภาสกรที่มางานนี้เพื่อเป็นเจ้าภาพโดยเฉพาะเอ่ยถามธนภัทร ขณะที่เราทยอยออกจากร้านคาราโอเกะพร้อมกับเหล่าพนักงานคนอื่น ๆ
   “ผมว่าจะกลับแท็กซี่ครับ” ภัทรว่า ขามาเขามากับพี่นัท แต่ขากลับเราต้องแยกกัน เพราะบ้านพี่นัทอยู่คนละฝั่งกับเขา
   “แต่ฝนใกล้ตกแล้วนะครับ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงดูน่ากลัว ไหนจะอาการฟ้าแลบที่มีให้เห็นเป็นระยะ ๆ นั่นอีก
   “แต่นั่งแท็กซี่ก็ไม่เปียกฝนนะครับ”
   “บ้านคุณอยู่แถวไหน”
   “แถวปิ่นเกล้าครับ”
   “ไหน ๆ ก็จะกลับทางเดียวกันแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ”
   “ครับ? อ๋อ....ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่มาเป็นเจ้าภาพวันนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว” เมื่อจับใจความได้ว่าคุณเขาจะไปส่ง ธนภัทรก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยปฏิเสธทันที
   “ถ้าปล่อยให้คุณกลับคนเดียว ผมก็คงไม่สบายใจ” คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะเดียวกันธนภัทรก็เริ่มมองรอบ ๆ ตัว เพื่อพบว่าพี่ ๆ ในแผนกก็เริ่มทยอยกลับกันแล้ว บ้างก็ยืนรอให้แฟนมารับ
   “......”
   “....เถอะนะครับ”
   “งั้นผมรบกวนคุณภาสกรด้วยนะครับ” ธนภัทรว่า เมื่อเจ้านายยืนยันคำเดิมว่าจะไปส่งให้ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มีหรือที่ลูกน้องของเขาจะกล้าปฏิเสธความหวังดีนั้นเป็นหนที่สอง
   เป็นครั้งแรกชีวิตที่ธนภัทรได้นั่งรถหรู ยี่ห้อดัง ภายในรถคันงามมีแค่เขาและคุณภาสกรเท่านั้น ส่วนคุณเลขาที่ตามคุณเขามาก็แยกย้ายกลับบ้าน เพราะหมดเวลางานแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่อีกครั้ง มีบ้างที่ภัทรพูด เพราะต้องคอยบอกทางเขาเป็นระยะ ๆ
   “เลี้ยวซอยนี้ใช่ไหมครับ” คุณภาสกรเอ่ยถาม
   “ใช่ครับ แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกตามบังคับเลี้ยวเลย” ภัทรว่า อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงบ้านตัวเองแล้ว
   “โอเคครับ ผมก็ว่าทำไมคุ้นชื่อซอยจัง เพิ่งนึกได้ว่าคนที่ผมรู้จักเขาก็อยู่ซอยนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าบ้านหลังไหน” ว่าจบก็เลี้ยวรถตามคำบอกของธนภัทร
   รถคันหรูของคุณภาสกรมาจอดหยุดสนิทที่หน้าบ้านหลังเล็ก ๆ ของภัทรแล้ว เวลานี้เจ้าโอ๊ตหลานชายคนเก่งคงหลับไปแล้ว
   “เข้ามาดื่มน้ำก่อนไหมครับ” ธนภัทรเชื้อเชิญตามมารยาท ไหน ๆ คุณเขาก็อุตส่าห์เสียเวลามาส่งเขาทั้ง ๆ ที่ฝนตั้งเค้าใกล้จะตกเต็มที ภัทรชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อที่จะพบว่าเวลานี้เกือบจะตีหนึ่งแล้ว มันนับว่าดึกมากสำหรับคนที่ต้องไปทำงานก่อนเก้าโมงเช้าอย่างเขา
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีนั้น เขาเต็มใจที่จะเข้าไปดื่มน้ำในบ้านหลังเล็ก ๆ ของธนภัทร พักให้หายเหนื่อย ก่อนจะขับรถกลับที่พักตัวเอง
   “คุณอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเหรอครับ” คุณเขาชวนภัทรคุย ดวงตาคมกวาดสายตามองชั้นล่างของบ้านขนาดเล็ก แต่ให้กลิ่นอายความอบอุ่นคลุ้งไปหมด ในขณะเดียวกันภัทรก็กำลังอยู่ในห้องครัว รินน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วให้
   “เปล่าครับ ผมอยู่กับเจ้าโอ๊ต”
   “ลูกของคุณ?”
   “หลานชายครับ” ธนภัทรรีบปฏิเสธ เขาจะไปมีลูกได้ยังไง ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่มีแฟนสักคน “นี่น้ำครับ
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรไม่ได้ถามอะไรอีก คุณเขาอยู่ในบ้านภัทรเกือบยี่สิบนาที จนกระทั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ในแก้วหมด ก็ได้เวลาที่เราทั้งคู่ต้องร่ำลากันเสียที
   “ขอบคุณสำหรับน้ำมากนะครับ ผมต้องกลับแล้ว”
   “ขอบคุณที่มาส่งเช่นกันครับ มาครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ” ธนภัทรอาสาเดินไปส่งคุณเขา
    จังหวะที่คุณภาสกรเตรียมจะก้าวเท้าออกจากบ้านก็เหมือนฟ้าฝนจะกลั่นแกล้ง เพราะไม่ทันที่คุณภาสกรจะพ้นประตู ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง ลมพัดแรงชนิดที่ว่าถ้ากางร่มไปส่งที่รถ คันร่มก็อาจหักคามือได้ ทำเอาคนเตรียมจะกลับ ต้องถอยทัพชั่วคราวแล้วหันมาถามเจ้าของบ้าน
   “คุณภัทร....จะเป็นอะไรไหม หากผมจะขอหลบฝนที่บ้านคุณสักพัก?”
   





---------------------------------------
สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

อาจจะไม่พอร์นเท่าไหร่ (มั้ง) แต่จะพยายามให้มากที่สุดค่ะ 

ฮั่นน่อวววว คุณภาสกรรรรรรร

ชอบไม่ชอบ อยากให้ปรับอะไร อย่าลืมคอมเมนต์นะคะ


เราวางพล็อตไว้ถึงตอนจบเสร็จแล้ว มีไม่เกิน 12 ตอน

(ขอให้อ่านแล้วยิ้มนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 17:28:36 โดย Papa614 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กุมใจแรงมากๆค่ะ โอ๊ะโอ้ววว เขามาถึงบ้านแล้วน้อแถมฟ้าฝนก้อช่างเป็นใจ
 ถ้าเกิดใช่คุณพีจริงๆล่ะก้อแค่เลขที่บ้านตรงมันก็ชัดอยุ่แล้วว่าลูกไม้ป่าคือใคร
รอทุกวันค่ะ พนมมือรับพอร์นนะคะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2018 19:33:17 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่ออีกกกกกกก  อยากอ่านต่อออ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อู้ยยยยยยยย ฟ้าฝนเป็นใจจ้นนน :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฝนตกมาทันเวลาพอดีอย่างกับตั้งใจ  :m20:

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กรี๊ดดดดดด คุณเพ๊ขาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ dorabarin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :hao7: ตื่นเต้นเเทนภัทรข่าาา  :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตอนเช้าเห็นบ้านเลขที่จะรู้เลยไหมคะคุณพี  :hao7:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1

2



   ครั้นจะปฏิเสธไม่ให้ค้างก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้านายแถมสาเหตุที่ต้องติดฝนก็เพราะแวะมาส่งภัทรที่บ้าน ทำให้เขาต้องปล่อยให้คุณภาสกรหลบฝนอยู่ในบ้านตัวเองสักพัก ระหว่างรอให้ฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระหน่ำง่าย ๆ ภัทรก็ตัดสินใจไปชงชาร้อน ๆ ให้คุณภาสกรอีกสักแก้ว ดีกว่าเราจะมานั่งมองหน้ากันแก้เก้อ
   “ขอบคุณครับ ถ้าคุณง่วงนอนก็ขึ้นไปนอนได้เลยนะ ผมไม่ขโมยของในบ้านคุณหรอก ถ้าฝนหยุดแล้วผมจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด” คุณภาสกรว่าพร้อมกับรับถ้วยชาจากของมือภัทร
   “จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ ที่คุณภาสกรติดฝนก็เพราะมาส่งผมนี่นา” ภัทรว่าพร้อมกับมองไปทางหน้าต่างเพื่อดูท่าทีของฟ้าฝนข้างนอกอีกครั้ง ตอนนี้ฝนก็กระหน่ำลงมาได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ เลย
   “เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่าครับ” ธนภัทรว่า นอนน้อยสักคืนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณภาสกร คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาเกินไปสำหรับเขา
   เราต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่โปรยกระหน่ำลงมาเท่านั้นที่ทำให้หูเราไม่ว่างจนเกินไป ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นระหว่างเราอีกครั้ง ภัทรมองไปอีกทาง คุณภาสกรเองก็มองอีกทาง เรานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แต่ไม่พูดกันสักประโยค ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี เพราะเรื่องที่อยากรู้ก็ถามไปให้ห้องคาราโอเกะไปหมดแล้ว
   “สงสัยพายุเข้า จวนจะตีสองอยู่แล้ว ยังไม่มีท่าทีหยุดง่าย ๆ เลย” หลังใช้เวลาเค้นสมองอยู่นาน ในที่สุดภัทรก็ได้คำตอบแล้วว่าจะชวนคุณภาสกรคุยเรื่องอะไร   
   “คงงั้นมั้งครับ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ตามข่าวกรมอุตุฯอยู่ด้วย”
   “ดูท่าฝนอาจจะตกถึงเช้า….งั้นคืนนี้คุณภาสกรค้างที่บ้านผมก่อนดีกว่าไหมครับ” ธนภัทรตัดสินใจถามออกไป หลังคิดอยู่นานว่าควรชักชวนคุณภาสกรนอนค้างที่นี่ดีไหมและดูท่าแล้วฝนคงไม่หยุดตกในเร็ว ๆ นี้ด้วย
   ตัวภัทรยังไงก็ได้ เขาแค่เสนอทางเลือกอีกทางให้คุณภาสกรเท่านั้น หากคุณเขาไม่อยากค้างตามคำชวน ภัทรก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่หากคุณเขาจะค้าง ภัทรจะได้รีบไปจัดที่นอนเตรียมไว้ให้คุณเขา เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วอีกอย่างภัทรเองก็เริ่มง่วง
   “ฝนคงไม่หยุดตกง่าย ๆ ตามที่คุณพูดจริงด้วย” ว่าจบคุณเขาก็ทำท่ามองฟ้าฝนข้างนอก ก่อนจะหันมาสบตากับเจ้าของบ้านตัวเล็กอีกครั้ง
   “......”
   “งั้นคืนนี้ผมขอรบกวนคุณภัทรอีกสักเรื่องแล้วกันนะครับ”
   “ได้ครับ.....งั้นคุณภาสกรรอผมอยู่ข้างล่างสักสิบนาทีนะครับ ผมขอไปจัดการเตรียมที่นอนข้างบนก่อน”
   หลังได้ข้อสรุปแล้วว่าคุณภาสกรจะอยู่ค้างที่นี่สักคืนหรือรอจนฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับ ธนภัทรจึงขอตัวขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เพื่อไปเตรียมที่นอนให้กับคุณเขาและเตรียมพวกผ้าเช็ดตัว ข้าวของเครื่องใช้ชุดใหม่ เผื่อคุณภาสกรอยากจะอาบน้ำก่อนนอน
   ภัทรตัดสินใจแล้วว่าจะให้คุณภาสกรนอนค้างห้องตัวเอง ส่วนเขาจะไปนอนกับหลานสักคืน สิ่งที่ภัทรต้องทำเป็นสิ่งแรกหลังจากตัดสินใจเช่นนั้นก็คือเขาต้องเก็บหลักฐานความชอบหลาย ๆ อย่างของตัวเองที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางให้มันไปอยู่ในที่ ๆ ที่ควรอยู่อย่างเช่นในตู้สะสม
   ต้องยอมรับว่าบางครั้งช่วงเงินเดือนออกใหม่ ๆ ภัทรก็หน้ามืดซื้อของอย่างไร้ขอบเขตอยู่หลายครั้ง จนของบางอย่างภัทรซื้อมา จนถึงป่านนี้เขายังไม่มีเวลาได้เปิดมันด้วยซ้ำ มันจึงถูกวางอยู่ข้างนอก ไม่ได้เก็บเข้าตู้สะสมอย่างที่ควรจะเป็น
   บางกล่องรู้ว่าข้างในเป็นอะไร ใครส่งมาให้ก็ถูกลัดคิวเปิดก่อน บางกล่องมาถึงเป็นเดือนแล้ว เขายังไม่มีเวลาได้แกะมันด้วยซ้ำ ดังนั้นวันนี้ภัทรจึงได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายพวกมันเสียที เขายังไม่เปิด แต่เก็บเอาเจ้ากล่องพัสดุทั้งหลายไปกองไว้ในที่ ๆ ควรจะอยู่ นั่นก็คือข้างตู้สะสม
   ภายในห้องนอนของภัทรถูกแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ว่าจะเป็นมุมทำงาน มุมพักผ่อนและมุมสะสมของรักของหวงของตัวเอง ห้องของภัทรไม่ได้กว้างมากมาย เขาใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน กว่าจะแบ่งสรรปันส่วนให้มันลงตัวเช่นนี้
   หลังจากเก็บข้าวของและจัดที่นอนใหม่แล้ว เขาก็กวาดสายตารอบ ๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อตรวจตราว่าตัวเองได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้อีกหรือเปล่า
   ที่ภัทรต้องเก็บทุกอย่างไว้เช่นนี้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณภาสกรรู้ความชอบของตัวเอง มันเป็นความชอบที่ค่อนข้างส่วนตัวในความคิดของภัทร ความชอบของใครของมันและเขาไม่อยากให้คุณภาสกรคิดไปต่าง ๆ นานา หลังจากเห็นความชอบส่วนตัวของเขา ดังนั้นภัทรควรตัดปัญหาตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่า ขนาดเจ้าโอ๊ต ภัทรยังไม่อยากให้มายุ่งเลย เมื่อมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรแล้ว ภัทรก็ลงไปเรียกคุณภาสกรให้ขึ้นมา
   “ห้องผมมันอาจจะคับแคบไปหน่อยนะครับ” ภัทรออกตัว บอกคุณภาสกรให้เตรียมใจไว้ก่อน ห้องนอนของเขาคงไม่ได้กว้างขวางเทียบเท่าห้องที่คุณเขาเคยอยู่มาแน่ ๆ
   “ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ ผมไม่ใช่คนติดหรูนะ” คุณภาสกรว่าพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอนติด ๆ
   ดวงตาคมกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องนอนขนาดน่ารักของธนภัทร ไม่ได้แสดงท่าทีอึดอัดหรือทำท่าจะอยู่ไม่ได้อย่างที่ภัทรกังวลเอาไว้ นั่นทำให้พนักงานตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
   “ห้องคุณไม่เห็นจะคับแคบเลยครับ ก็เหมาะสมกับขนาดตัวคุณนั่นแหละ”
   “นี่คุณจะบอกว่าผมตัวเล็กเหรอครับ”
   “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่บอกว่าห้องนอนก็สมกับขนาดตัวคุณ”
   “ก็ห้องนอนผมมันเล็ก”
   “เอาเป็นว่าคุณจะเข้าใจยังไงก็ได้ที่จะไม่ทำให้คุณโกรธผม” คุณภาสกรว่าพร้อมเผยรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือวิสาสะนั่งตรงปลายเตียง
   “เฮ้อ....แล้วนี่คุณจะอาบน้ำเลยไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามอีกครั้ง
   “ก็ว่าจะอาบเลยครับ ตอนนี้ผมเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวแล้ว”
   “โอเคครับ ผมเตรียมของไว้ในห้องน้ำให้แล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปนอนห้องหลานก่อนนะครับ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงผมต้องตื่นไปทำงานแล้ว” ธนภัทรว่าต่อ ทำท่าจะขอตัวออกจากห้องไป แต่ถูกคุณภาสกรรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเสียก่อน
   “อ้าว ผมก็นึกว่า....”
   “นึกว่าอะไรครับ” ธนภัทรถามต่อพร้อมกับทำหน้างง
   “ก็นึกว่าคืนนี้เราจะนอนด้วยกัน”


“โอ๊ต...โอ๊ตครับ เปิดประตูให้น้าหน่อย”
   “......”
   “โอ๊ตครับ.....”
   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ธนภัทรไม่ว่าเปล่า แต่เคาะประตูพร้อมกับเรียกชื่อหลานไปด้วย หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าคืนนี้เขาจะนอนห้องหลาน ส่วนห้องตัวเองก็ยกให้คุณภาสกรชั่วคราว ตอนนี้ความแรงของฝนก็ยังคงสม่ำเสมอ ไม่มีท่าทีจะหยุดตกง่าย ๆ มีบ้างที่ฟ้าร้อง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนทำให้ภัทรรู้สึกกลัว
   มือข้างหนึ่งกอดหมอนคู่ใจเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เคาะประตูห้องหลานชายอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่มีท่าทีว่าคนในห้องจะลุกมาเปิดประตูหรือขานรับกันเลยสักนิด ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ ยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงกันเข้าไปใหญ่
   ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา ลังเลว่าควรไปนอนข้างล่างดีไหม เพราะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องลุกแล้ว ขณะที่ธนภัทรกำลังลังเลอยู่นั่น ประตูห้องเขาก็ถูกเปิดออกมาโดยคุณภาสกร
   “ถ้าหลานคุณไม่เปิดห้องให้ ก็กลับมานอนห้องนี้สิครับ”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะไปนอนข้างล่างแล้ว”
   “ผมจะปล่อยให้คุณไปนอนข้างล่างก็ได้ยังไง ถ้าไม่สะดวกใจที่จะนอนห้องเดียวกัน เดี๋ยวผมลงไปนอนข้างล่างแทนคุณเอง” คุณภาสกรว่า
   “คุณเป็นแขกนะครับ” ธนภัทรแย้ง
   “แต่คุณเป็นเจ้าของบ้าน”
   “......”
   “เอายังไงครับ” คุณภาสกรถามต่อ
   “ถ้าคุณไม่ถือสาอะไร....งั้นเราก็นอนห้องเดียวกันก็ได้ครับ” ธนภัทรว่า ดูท่าทางแล้วคุณภาสกรยังไม่ปล่อยให้เขาไปนอนข้างล่างง่าย ๆ แน่
   สุดท้ายเราก็เดินกลับมาห้องนอนอีกครั้ง ภัทรเดินไปวางหมอนไว้ที่เดิม ก่อนจะหอบผ้าเช็ดตัว ชุดนอนตัวเองเตรียมจะไปอาบน้ำ ส่วนคุณภาสกรก็นั่งรออยู่บนเตียง มันค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา ต่างฝ่ายเหมือนยังอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง หลายครั้งที่ธนภัทรรู้สึกวางตัวไม่ถูก
   ค่ำคืนนี้เราอาจพูดคุยกันบ่อยก็จริง แต่ในความจริงเรารู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น รู้จักกันแค่ว่าคุณภาสกรเป็นเจ้านายและธนภัทรเป็นลูกน้อง
   “คุณภาสกรนอนก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะอาบน้ำก่อน”
   “ครับ....ว่าแต่ผมชาร์ตแบตที่ห้องคุณได้ใช่ไหม?”
   “ได้ครับ สายชาร์ตอยู่หัวเตียง”
   “ขอบคุณครับ”
   เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ภัทรจึงขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองต่อ หลังพ้นสายตาของคุณภาสกรมาได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้
    ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หลายครั้งที่ภัทรเกิดอาการเกร็งตัวอัตโนมัติ ยามที่คุยกับคุณภาสกร ยามที่ภัทรถูกคุณเขาจ้องตา บ่อยครั้งที่ภัทรมักจะลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูด ภัทรไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร กับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็สามารถสนิทสนม สนทนาได้อย่างลื่นไหลแล้ว แต่กับคุณภาสกรกลับไม่ใช่เช่นนั้น
   แม้บทสนทนาระหว่างเราในร้านคาราโอเกะจะค่อนข้างลื่นไหล แต่พอมาคุยกันข้างนอก ภัทรก็ยังเกร็งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราทำความรู้จักกันแรก ๆ
   ธนภัทรมองตัวเองในกระจกนานเกือบห้านาที ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดเพี้ยน ๆ ออกจากหัว ต้องยอมรับว่าตอนเห็นคุณภาสกรนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายของคุณเขาอยู่ในชุดนอนที่เป็นของภัทร จิตใจเขาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย มันชวนให้คิดถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรคิด
   ภัทรใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เขาออกมาในชุดพร้อมนอน ภัทรโยนผ้าเช็ดตัวใส่ตะกร้าซัก แล้วคว้าผ้าผืนเล็กอีกผืนมาเช็ดผมตัวเองที่กำลังเปียกอยู่ ตั้งใจว่าพอผมหมาด ๆ แล้ว เขาจะเข้านอนเลย ถึงผมผู้ชายจะแห้งเร็วกว่าผู้หญิง แต่ภัทรขี้เกียจรอแล้ว ได้นอนสักสองชั่วโมงก็ยังดีกว่าไม่ได้นอน
   “ภัทร....นี่ของคุณเหรอ” 
   ขณะที่ภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดผมเผ้าตัวเองอยู่นั้น คุณภาสกรก็ถามอะไรบางอย่าง ทำให้เขาหันไปตามเสียงเรียก หัวใจภัทรถึงกับกระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าในมือของคุณเขากำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ ภัทรเปิดตากว้างเล็กน้อย แสดงอาการลนลานออกมา หลังหลักฐานชิ้นโตที่คิดว่าเก็บใส่ตู้สะสมไว้หมดแล้ว กำลังอยู่ในมือคุณเขา!
   ถุงน่องลายลูกไม้ข้างหนึ่งกำลังอยู่ในมือคุณภาสกร!
   “อ—เอ่อ.....” อาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกมันเป็นเช่นไร ภัทรก็เพิ่งเข้าใจวันนี้
   ภัทรไม่รู้ว่ามันหลุดรอดสายตาเขาไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณภาสกรถึงไปเจอมัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้คุณภาสกรกำลังมองถุงน่องลายลูกไม้ของเขาอย่างพินิจพิจารณา ในขณะที่ภัทรเองก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยังทำตัวไม่ถูก สมองหยุดประมวลผลชั่วคราว
   ยิ่งเห็นนิ้วยาวของคุณเขากำลังสัมผัสกับเจ้าถุงน่องลายลูกไม้ที่มีรูปดอกกุหลาบปักอยู่อย่างแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเอานิ้วถูวน ๆ ตรงลายปักนั่นอีก ยิ่งทำให้ภัทรลนลาน ไม่รู้จะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร
   “ดูท่าน่าจะขาดง่าย....สั่งมาจากเว็บจีนเหรอครับ” คุณเขาถามต่อหน้าซื่อ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นอกจากจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับเรากำลังคุยเรื่องฝน ฟ้า อากาศกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้คนมีความลับอย่างภัทรรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
   “ไม่ใช่ของผมนะครับ!” ภัทรโพล่งออกไป เขาไม่ว่าเปล่า แต่รีบลุกขึ้นไปแย่งหลักฐานชิ้นโตของตัวเองออกมาจากมือของคุณเขาโดยพลัน
   “เอ่อ...เดิมทีห้องนี้เป็นห้องพี่สาวของผม ตอนที่เธอย้ายไป เธอน่าจะลืมเก็บไปด้วย”
   หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังแสดงพิรุธออกมา ธนภัทรก็รีบโกหกคำโตต่อ พยายามทำตัวให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาเป็นคนโกหกไม่เก่ง แม้แต่เด็กก็ยังดูออก เวลาโกหกเขามักจะไม่ค่อยกล้าสบตากับคู่สนทนา ดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองครั้งนี้ก็เช่นกัน
   “อ๋อครับ....น่าเสียดายจัง ผมก็นึกว่าคุณชอบลูกไม้เสียอีก”
   “ทำไมเหรอครับ” ธนภัทรถาม
   “ผมเคยศึกษาเรื่องผ้าลูกไม้มาบ้าง น่าจะแลกเปลี่ยนความรู้พวกนี้กับคุณได้” คุณภาสกรพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อยและยิ่งคุณเขายิ้มนี่แหละ ยิ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
   “......”
   “แต่คุณไม่ได้ชอบลูกไม้ใช่ไหมครับ” คุณเขาถามให้แน่ใจอีกครั้ง
   “ผมไม่ได้ชอบครับ! อันนี้เป็นของพี่สาว” ภัทรว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในความจริงเขาจะตาลุกวาวตอนได้ยินว่าคุณภาสกรบอกว่าเคยศึกษาเรื่องผ้าลายลูกไม้มาบ้างก็ตาม
    หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ภัทรคงจะหัวใจพองโตมาก เพราะนาน ๆ ทีถึงจะมีคนคุยเรื่องผ้าลายลูกไม้กับเขา อีกฝ่ายคงศึกษามาจริง ๆ ถึงรู้ว่าถุงน่องลูกไม้ชิ้นนี้ผลิตมาจากไหน ภัทรจำได้ว่าเขาสั่งมาจากเว็บจีน เพราะเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วมันสวยดีเลยลองสั่งมา เขาเคยลองเอามาใส่เพื่อลงรูปในทวิตเตอร์อยู่สองสามครั้งแล้วก็ไม่ได้ใส่อีก   ผ้าลูกไม้แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน หากคนที่อยู่ในแวดวงผ้าลูกไม้มานาน แค่ได้สัมผัสแล้วสังเกตลวดลายก็รู้แล้วว่าแต่ละชิ้นผลิตมาจากที่ไหน เพราะแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
   “แล้วคุณภาสกรไปเจอมันที่ไหนเหรอครับ” ภัทรถามต่ออย่างสงสัย เขาเช็กหมดแล้วนี่ว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในห้อง แต่ทำไมคุณเขาถึงยังเจอมันอีก
   “ตอนที่ผมจะโน้มตัวไปชาร์จแบตโทรศัพท์ เหลือบไปเห็นว่ามันตกอยู่หลังตู้ข้างหัวเตียงคุณพอดี”
   “อ—อ๋อ งั้นก็ขอบคุณครับ พี่สาวผมหาถุงน่องอีกข้างอยู่ตั้งนาน” ภัทรว่าต่อ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ก็ยังไม่กล้าสบตากับคุณเขาอยู่ดี
   “......”
   “ผมคิดว่าตัวเองผมง่วงแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว หลังทำทีเดินเอาถุงน่องไปเก็บที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดผมไปตากไว้ให้เรียบร้อย
   เขาแสร้งทำตาปรือคล้ายคนง่วงนอนเต็มที ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียง ภัทรให้คุณภาสกรนอนฝั่งข้างประตูห้องเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ชาร์จแบต
   ภัทรไม่อยากอยู่ให้คุณเขาซักถามนานกว่านี้อีกแล้ว เพราะยิ่งเขาพูดมากแก้ต่างให้ตัวเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแสดงพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วคุณภาสกรก็อาจจะจับได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ เมื่อภัทรนอนหันหลังให้กับคุณภาสกร คุณเขาก็ถามต่อ
   “งั้นผมปิดไฟหัวเตียงเลยนะ”
   “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ภัทรตัดบท
   เขาข่มตาลงพร้อมกับอาการใจเต้นแรง จริง ๆ ในตอนแรกก็ง่วงจนตาจะปิดนั่นแหละ แต่พอคุณเขาเจอหลักฐานชิ้นใหญ่ของตัวเองเข้า อาการง่วงในตอนแรก็หายเป็นปลิดทิ้ง  แม้กระทั่งตอนนี้หัวถึงหมอนแล้ว แต่ภัทรกลับไม่สามารถหลับได้ ยังร้อนตัวกับเรื่องเมื่อกี้อยู่ ความกังวลกำลังเล่นงานภัทรเข้าอย่างจัง เขากังวลว่าคุณภาสกรจะจับได้ จะรู้ภัทรพูดปด
   ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่ไม่หลับกันทั้งคู่ ความเงียบและความมืดปกคลุมรอบตัวเรา ยังคงมีเสียงฝนเป็นฉากหลัง ไม่ให้ภายในห้องนอนเงียบจนเกินไป
   ภัทรรู้สึกว่าคุณเขาขยับตัว พลิกไปมาตอนอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนนอนไม่หลับ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ในขณะเดียวกันภัทรก็ลืมตามองกำแพงห้องตัวเองอย่างเงียบ ๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เขาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาหลังเห็นว่ามีการแจ้งเตือนจากโลกทวิตเตอร์ซึ่งน่าจะมาจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่
   “หายไปจากหน้าฟีดเลยนะครับ”
   “คุณอยู่หรือเปล่า?”
   “ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ”
   ภัทรถึงกับคลี่ยิ้มออกมาอัตโนมัติหลังเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร โดยปกติแล้วเขาตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ มันจะเด้งขึ้นหน้าจอก็ต่อเมื่อเป็นการแจ้งเตือนจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่เท่านั้น ถ้าคนที่ภัทรไม่ได้ติดตามกลับก็จะไม่แจ้งเตือน
   “บังเอิญจังเลยครับ”      
“ผมก็นอนไม่หลับอยู่พอดี”
      
   ภัทรไม่รีรอที่จะตอบกลับคุณพีไป รอเพียงไม่นานนักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอีก
   “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
   “กำลังนอนอยู่บนเตียงครับ”      
   “คิดเรื่องเครียดอยู่พอดี”      
   “คุณล่ะ?”   
   
   “กำลังนอนดูรูปที่คุณเคยถ่าย ๆ ส่งมาให้ผมดู”
   “แค่นอนดูเหรอครับ”   
   “เปล่าครับ...”
   “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรไปด้วย ขณะที่ดูรูปคุณ”
   ภัทรอ่านทวนประโยคล่าสุดจากคุณพีซ้ำอีกครั้ง ความกังวลในโลกของความจริงหายไปชั่วคราว เมื่อความรู้สึกร้อนวูบวาบจากคนในโลกออนไลน์กำลังเข้ามาแทนที่
   นานมากแล้วที่เราไม่ได้คุยเรื่องทำนองนี้กัน เพราะปกติเรามักจะคุยกันเรื่องผ้าลายลูกไม้กันมากกว่าจะคุยเรื่องใต้สะดือ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าคนอื่น ๆ  เพราะอีกฝ่ายไม่เจาะจงที่จะคุยเรื่องลามกกับเขามากเกินไป นาน ๆ ทีมีหน
   “ลามกจังครับ”   
   
   “ขอโทษครับ”
   “ถ้าคุณรู้แบบนี้ คุณรู้สึกอึดอัดกับผมหรือเปล่า”
   “บอกผมได้นะ ผมจะไม่พูดอีก”
   คราวนี้ภัทรถึงกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังเขาสัมผัสได้ถึงการแคร์ความรู้สึกของคู่สนทนาของคุณพี นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าใคร   
      “ไม่ครับ ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไร”   
“นาน ๆ ทีเราถึงคุยเรื่องแบบนี้กัน อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ส่งรูปแปลก ๆ เหมือนคนอื่นทำด้วย”   
   “ยังคุยต่อได้อยู่ครับ แต่อย่าส่งรูปแบบที่คนอื่นส่งมาก็พอ”
      
   ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป สิ่งเดียวที่เขาจะขอจากคุณพีก็คือเรื่องนี้จริง ๆ เพราะขนาดภัทรล็อกแอคแล้ว ในแต่ละวันยังมีพวกแอคที่ชอบส่งรุปอวัยวะเพศมาทักทายอยู่เรื่อย บางวันก็ส่งมาสองสามคน บางวันเขาลงรูปก็มีส่งหลังไมค์มาเกือบสิบคน ส่งมาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ถามเขาสักคำว่าเขาอยากเห็นมันหรือเปล่า
   ภัทรทำอะไรไม่ได้นอกจากกดบล็อกเท่านั้น ช่วยไม่ได้....เขาตัดสินใจเปิดบัญชีผู้ใช้นี้เอง ไหนจะลงภาพสุ่มเสี่ยงอีก ก็ต้องทำใจว่าต้องเจอคนจากโลกออนไลน์ทำนองนี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งวันไหนที่ภัทรอารมณ์ไม่ดี ก็มีการตอบกลับไปบ้าง ทำนองว่าของลับเล็กกว่าเจ้าของแอคลูกไม้ป่าอย่างเขา ทำให้พวกที่ชอบส่งของลับให้คนอื่นรู้สึกเสียความมั่นใจเล่น ๆ
   “โอเคครับ”
   “จะไม่มีการส่งอะไรแบบที่คุณกลัว”
   “เราลองคุยกันแบบ Dirty talk ดูไหมครับ”
   “ผมไม่เคยคุยทำนองนี้นะครับ”   
   “แต่ก็อยากลองอยู่เหมือนกัน”   
   ภัทรตอบกลับไป เขาตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ยิ่งฝนกำลังตกแบบนี้ ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี
   ภัทรพอจะรู้ว่าการพูดคุยแบบDirty talk คืออะไร Dirty talk ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บ้างก็คุยเชิงหยอกล้อ แซว ๆ กัน พูดเรื่องลามกให้พอขำขันเท่านั้น หากจริงจังหน่อยก็อาจจะคุยแบบสร้างอารมณ์ผ่านตัวอักษรให้คู่สนทนาเกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่า ซึ่งเขาและคุณพีจะคุยกันแบบไหน ก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะเลือกมา

“คุณพีเริ่มก่อนสิครับ”   
“ผมอยากลองแล้ว”   



สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ขอตัดก่อนนะคะ พยายามศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่ ไปสอบถามพวกบอทเขาก็ไม่คุยกับพาอะ เสียใจมาก แง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอิ่ม เขาจะนอนแชทกันแบบนี้ทั้งคืนไหมนะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   “ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในชุดแบบไหนเหรอ”
   “อยู่ในชุดผ้าลูกไม้ครับ ลายดอกเดซี่ที่คุณเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว”      
   “ผมอยากจะบอกว่า มันบางจนแทบปกปิดอะไรไม่ได้เลยครับ”   
   “แถมนอนคนเดียวด้วย”   
   ภัทรพิมพ์ไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ใช่....ภัทรโกหก เขาไม่ได้นอนคนเดียว คุณภาสกรกำลังนอนอยู่ข้างกาย เราต่างนอนหันหลังให้กันและกัน
   ภัทรไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับการที่ตัวเองพูดปด นี่มันโลกออนไลน์ เขาไม่จำเป็นต้องพูดความจริงทั้งหมดก็ได้และสิ่งที่คุณพีพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงทั้งหมดเสียหน่อย
   “ตัวนั้นผมซื้อมาจากอิตาลี ทันทีที่เห็นก็รู้เลยว่ามันเหมาะกับคุณ”
   “ว่าแต่ทำไมคุณถึงใส่ชุดแบบนั้นนอนครับ”
“จริง ๆ ผมก็ไม่ได้คลั่งจนถึงขั้นต้องใส่นอนหรอกนะครับ”
   “แต่ผ้ามันบาง ใส่แล้วหลับสบายดี”
   “จะว่าก็ว่าเถอะ เห็นบาง ๆ แต่ผ้าแข็งแรงมากเลยนะครับ ยืดหยุ่นดีด้วย”
   “ขนาดผมนอนถ่าง มันยังไม่ขาดเลย”
   หลังจากพิมพ์ประโยคสุดท้ายไป ภัทรถึงกับยิ้มออกมา ดวงตาสุกใสจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ ความสนุกกำลังจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเขาอยากรู้ว่าคุณพีจะตอบอะไรกลับมา หลังจากที่เขาพิมพ์ไปเช่นนั้น
   “ทำไมถึงนอนถ่างกันนะ?”
“ก็เวลาที่ได้คุยกับคุณพี...ผมมีอารมณ์”
   “ฮ่า ๆ เล่นแบบนี้เลยเหรอครับ”
   “งั้นผมจะเอาคุณ”
   “เอาคุณทั้ง ๆ ที่คุณอยู่ในชุดลูกไม้นั่นแหละ”
   “ผมก็จะแอ่นก้นให้คุณ ร้องขอให้คุณเข้ามาในตัวผมลึก ๆ”
“แล้วทำผมแรง ๆ”
   การฟาดฟันกันด้วยข้อความดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใคร จากการพูดหยาบโลนกันแบบผิวเผินก็เริ่มถลำลึกมากขึ้น ๆ ไม่มีใครที่คิดจะหยุดยั้งมัน หลายครั้งที่ภัทรเผลอเปิดเผยรสนิยม ความชอบของตัวเองให้คุณพีรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเล้าโลมหรือท่วงท่าที่คิดว่าตัวเองโปรดปรานมากที่สุด
   ข้างนอกสายฝนยังคงโปรยกระหน่ำ มอบความชุ่มชื้นให้กับผืนดินโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด บรรยากาศนอกบ้านกำลังเย็นเพราะฝนตกเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติด ผิดกับจิตใจของภัทรที่เริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนไหวกับแต่ละประโยคที่คุณพีส่งกลับมา เขาอยากจะหยุดแต่ก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ คงต้องรอให้ใครสักคนยอมแพ้เสียก่อน เกมนี้ถึงจะสิ้นสุด
   “ผมจะใช้ปากจนกว่าคุณร้องขอให้ผมหยุด”
   “ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้น แต่ปล่อยให้ตัวเองเสร็จในปากคุณ”   
   ในที่สุดภัทรหลับตาลง เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะเลยเถิดมากขึ้นเรื่อย ๆ อกบางกระเพื่อมขึ้นตามแรงหายใจ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด เขาข่มตาลงและในขณะเดียวกันก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น
   เพราะตอนนี้ภัทรไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง จึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่ใจต้องการ ร่างกายของเขากำลังปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากถูกพิษของการคุยแต่เรื่องใต้สะดือเล่นงาน ภัทรขมวดคิ้วอยู่หลายครั้งหลายครา ความต้องการที่ยังไม่ปลดปล่อยกำลังทำให้เจ้าของร่างกายอย่างธนภัทร เริ่มกระสับกระส่าย
   เปรี้ยง!
   “อ๊ะ!” ภัทรหลุดเสียงร้องออกมา หลังจู่ ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังจนทำให้บ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลังและด้วยความตกใจ ทำให้ภัทรขยับเข้าไปชิดคุณภาสกรที่นอนอยู่ข้าง ๆ กันโดยอัตโนมัติ จนทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ภัทรลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก เกรงว่าอาการกลัวเสียงฟ้าผ่าของตนเองจะทำให้คุณภาสกรที่อาจหลับไปแล้วตื่น
   “ข—ขอโทษครับ” ธนภัทรรีบเอ่ยขอโทษผู้เป็นเจ้านายก่อนจะรีบผละออกในทันที หลังเห็นว่าคุณเขาตื่นแล้วและเรากำลังสบตากันในระยะใกล้
   “คุณกลัวฝนเหรอ” คุณภาสกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มหู น้ำเสียงไม่ได้งัวเงียคล้ายกับคนเพิ่งตื่นนอนแต่อย่างใด
   “เปล่าครับ....ผมแค่กลัวเสียงฟ้าร้อง มันน่ากลัวเกินไป” ภัทรว่า
   สิ้นเสียงของภัทร ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้ง! เสียงดังสนั่นจนบ้านหลังเล็กของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง นั่นทำให้ภัทรถึงกับสะดุ้งโหยง ขยับเข้าใกล้คุณเขาอีกครั้ง
   “ขอโทษครับ....” ภัทรรีบเอ่ยขอโทษและผละออกอีกครั้ง
   “ไม่ต้องกลัวนะ คืนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียว” คุณภาสกรไม่ได้มีท่าทีรำคาญแต่อย่างใด กลับยื่นมือมาลูบหัวเจ้าของบ้านตัวเล็กเพื่อปลอบโยน ในขณะเดียวกันภัทรเองก็ไม่ได้ปัดสัมผัสของคุณเขาออก แต่ปล่อยให้คุณเขาลูบหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น เพราะใจยังสั่นกับเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่อยู่
   ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ มือของคุณภาสกรลูบกลุ่มผมของภัทรอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ในขณะที่ภัทรกำลังเคลิ้ม จวนจะหลับอยู่รอมร่อ ภัทรก็รู้สึกว่ามือของคุณภาสกรกำลังค่อย ๆ สอดเข้ามาตรงบริเวณหลังคอ คล้ายกับจะคว้าร่างภัทรให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด   
   “คุณภาสกรครับ...”
   “คุณกำลังตัวสั่นนะรู้ตัวหรือเปล่า กลัวเสียงฟ้าร้องมากสินะ” ธนภัทรอยากจะแย้งไปว่าตัวเขาไม่ได้สั่นตามที่คุณเขากล่าวอ้าง แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้ภัทรตัดสินใจไม่พูดมันออกไป
    ด้วยบรรยากาศนำพาหรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ใบหน้าเรากลับมาอยู่ห่างกันแค่คืบอีกครั้ง ภัทรรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นของคุณเขา มันทำให้ภัทรรู้สึกใจเต้นแรง อารมณ์วาบหวามตั้งแต่ตอนที่คุยกับคุณพีถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   ภัทรอยากเป็นคนเริ่มก่อนแต่เขาไม่มีความกล้าพอ กลัวคุณภาสกรจะปฏิเสธแล้วเราจะเข้าหน้ากันไม่ติด เขาเกรงว่าหลังจากนี้ไปตัวเองจะทำงานลำบากเอา
   ดวงตาของภัทรจับจ้องริมฝีปากของคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนจะละสายตาแสร้งมองไปทางอื่นแทน ทั้ง ๆ ที่ในความจริง เขาอยากลองสัมผัสริมฝีปากนั้นดูสักครั้ง แต่คงไม่ใช่แค่ภัทรคนเดียวที่รู้สึก เพราะในเวลาต่อมาริมฝีปากของภัทรก็ถูกคุณภาสกรบดขยี้มันอย่างช้า ๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือใหญ่ ภัทรไม่ได้ปัดมือคุณเขาอย่างที่ควรจะทำ แต่กลับมองการกระทำของคุณเขาด้วยอาการใจระส่ำแทน
   “ผมขอสัมผัสคุณมากกว่านี้ได้ไหม”
   “......” เป็นอีกครั้งที่ภัทรเลือกที่จะไม่ตอบ แต่หลับตาลงปล่อยให้คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากของเจ้าตัว นั่นยิ่งทำให้ภัทรใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนที่ริมฝีปากของเขาถูกคุณภาสกรบดขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือเสียอีก
   “อ้าปากหน่อยได้ไหม.....คนดี” หลังจากที่คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากส่วนนอกจนพอใจแล้ว เขาก็ออกคำสั่งกับภัทรอีกครั้ง
   ราวกับคำพูดของคุณภาสกรเป็นคำสอนของพ่อแม่ที่ภัทรต้องเชื่อฟัง เพราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ค่อย ๆ อ้าปากออก ปล่อยให้คุณเขาสอดลิ้นเข้ามาตวัดสัมผัสกับท่อนลิ้นของภัทรในโพรงปากของเขา ภัทรรู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังใจเต้นแรงจนเผลอกำชายเสื้อคุณเขาเอาไว้แน่น
   จากสัมผัสที่อ่อนโยนถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรุ่มร้อนและเราก็มีความเห็นตรงกันว่าต้องการมากกว่าแค่การจูบแล้วจบไป
   “คุณมีถุงยางหรือเปล่าครับ” ธนภัทรเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความขลาดอาย อายก็อาย แต่ความอยากได้มันมีมากกว่าจึงทำให้ภัทรตัดสินใจถามคุณเขาออกไป
   “มี...แต่อยู่บนรถ”
   “......” คราวนี้ภัทรถึงกับเงียบ
   “ไม่ได้สินะ.....” คุณภาสกรว่าพร้อมกับระบายยิ้มจาง ๆ
   “คุณภาสกรครับ! ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่ว่า....” ภัทรรีบโพล่งออกไป กลัวว่าคุณเขาจะเข้าใจผิด
   “ผมเข้าใจ....ยังไงความปลอดภัยต้องมาก่อนความต้องการอยู่แล้ว”
   “......”
   “ฝนหยุดแล้ว ผมว่าผมกลับดีกว่า”
   “ง—งั้นผมจะไปส่ง” ภัทรว่า
   “คุณไม่ต้องลงไปส่งหรอกเดี๋ยวผมเดินไปที่รถเอง คุณนอนพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า....ฝันดีอีกครั้งครับ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า ก็จูบหน้าผากภัทรเบา ๆ แทนคำปลอบโยน ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้ภัทรอยู่ในห้องเพียงลำพังด้วยความรู้สึกสุดแสนจะเสียดาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 20:10:06 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้ากกกกก

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดอยากให้เขาได้กัน

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แม่ค๊าาาาาา กรี๊ดดๆๆๆๆๆ :ling1: :ling2:

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ขอตอนต่อไปปปป

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อื้อหืออออออออออออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด