พิมพ์หน้านี้ - 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Papa614 ที่ 24-10-2018 15:15:58

หัวข้อ: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 24-10-2018 15:15:58
โค๊ด: [เลือก]
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 



สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

แฟนเพจช่องทางการติดตามนักเขียน

Apaphaty (https://www.facebook.com/apaphaty)
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 24-10-2018 15:17:26





บทนำ

            “โอ๊ตครับ วันนี้มีของมาส่งบ้านหรือเปล่า”

            “มีฮะ น้าภัทร”

            “โอเค งั้นโอ๊ตช่วยหยิบกล่องไปไว้ที่ห้องนอนน้าด้วยนะครับ เดี๋ยวน้าจะไปทำกับข้าว”

            “ได้ฮะ” เมื่อธนภัทรวานให้หลานชายวัยสิบสองขวบยกกล่องไปรษณีย์ที่เพิ่งมาส่งวันนี้หมาด ๆ ขึ้นไปไว้บนห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมตัวไปทำอาหารเย็นต่อ

            ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านธนภัทรยังไม่ทันได้นั่งพักเลย เพราะวันนี้เขาเลิกงานช้า กลับมาถึงก็เห็นหลานชายนั่งรอกินข้าวตาละห้อยแล้ว จะให้เขาพักในขณะที่เจ้าโอ๊ตยังหิวไส้กิ่วอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่อง ภัทรจึงยอมเหนื่อยอีกสักนิด ไปทำอาหารเตรียมไว้ให้หลานและตัวเอง กว่าเขาจะได้พักจริง ๆ ก็คงหลังจากส่งหลานเข้านอนแล้ว จากนั้นเขาถึงจะได้มีเวลาเป็นของตัวเอง

            บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองแห่งนี้ มีเพียงน้าหลานอาศัยอยู่สองคนเท่านั้น เจ้าโอ๊ตเป็นหลานแท้ ๆ ของเขา แม่ของอีกฝ่ายเป็นพี่สาวเขา ซึ่งตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่เมืองนอก ไม่สะดวกเอาเจ้าลูกชายไปด้วย ทำให้ภัทรต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองหลานชายตัวกระเปี๊ยกตั้งแต่อีกฝ่ายอายุเก้าขวบ

            “น้าภัทรฮะ โอ๊ตเอาของไปไว้ให้แล้วนะ”

            “ดีมากครับ”

            หลังจากทำตามคำสั่งของผู้เป็นน้าเรียบร้อยแล้ว หลานชายตัวเล็กก็รีบวิ่งมาบอกน้าที่ห้องครัวพร้อมกับเกาะประตู ยืดตัวขึ้นชะโงกหน้าสังเกตการณ์ว่ามื้อนี้จะได้กินอะไร

            “วันนี้น้าภัทรจะทำอะไรให้กินเหรอฮะ”

            “น้าว่าจะทำไข่เจียวกุ้งสับกับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาครับ”

            “งั้นโอ๊ตตั้งโต๊ะไว้รอเลยนะ” หลานชายตัวน้อยว่า

            “ฮ่า ๆ หิวล่ะสิเรา ไป ๆ ไปเตรียมโต๊ะไว้ น้าทำใกล้เสร็จแล้วล่ะ” ธนภัทรว่าพร้อมกับโบกมือไล่ให้หลานชายไปตั้งโต๊ะเตรียมถ้วยจานเอาไว้รอรับอาหารเย็นฝีมือเขา

 

            ธนภัทรเป็นเด็กจบใหม่อายุยี่สิบสามปี เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ได้ไม่ถึงปี แรกเริ่มชีวิตของภัทรช่วงรับหลานมาเลี้ยงใหม่ ๆ ก็ลำบากนิดหน่อย เพราะยังไม่มีรายได้เป็นหลักเป็นแหล่ง ไหนจะยังเรียนอยู่ด้วย ต้องอาศัยเงินจากพี่สาว กู้เงินกยศ.และทำงานพิเศษนิด ๆ หน่อย ๆ เอา ถึงจะพออยู่ได้

            ผ่านมาหลายปีภัทรและหลานเพิ่งจะเริ่มสบายขึ้น เพราะเขาเรียนจบแล้ว จึงสามารถทำงานได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้เงินมากกว่าการทำงานพิเศษทั่วไป ประกอบกับตัวพี่สาวภัทรเองก็ส่งเงินมาให้ไม่เคยเว้นเดือน ทำให้เราสามารถใช้จ่ายภายในครอบครัวได้อย่างไม่ติดขัดและยังพอมีเงินเหลือไว้ซื้อของเพื่อสนองความต้องการของตัวเองได้ด้วย

            “พรุ่งนี้เรายังต้องไปโรงเรียนนี่ งั้นกินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำได้เลยนะ เดี๋ยวน้าจะล้างจานเอง” ธนภัทรว่า หลังจากหลานชายกินมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “ได้ฮะ งั้นโอ๊ตขึ้นห้องนะ”

            “อืม...อย่าลืมทำการบ้านล่ะ รีบเข้านอนด้วย” ธนภัทรกำชับหลานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายขึ้นห้องไปก่อน ส่วนเขาก็อยู่ล้างจานไม่กี่ใบแล้วขึ้นห้องตามหลานไป

            ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อกลับเข้ามาห้องตัวเองเสียที เขาล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ภัทรและหลานชายนอนแยกห้องกัน เพราะเจ้าโอ๊ตจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว อีกทั้งตัวภัทรเองก็ต้องการเวลาส่วนตัว ทำให้เขาตัดสินใจว่าเราควรจะแยกห้องนอนกันดีกว่าจะนอนกอดกันกลมเหมือนอย่างเคย

            ขณะที่เขากำลังคิดทบทวนว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรไปบ้างและยังเหลืออะไรที่ต้องสะสางอีก สายตาของภัทรก็เหลือบไปเห็นกล่องพัสดุที่สั่งให้หลานชายเอาขึ้นมาไว้ให้บนห้องพอดี เขารีบลุกขึ้น เก็บความเหนื่อยล้าของตัวเองไว้ชั่วคราว แล้วเอื้อมไปหยิบกล่องพัสดุนั้นมาดู

            รู้ทั้งรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา เพราะอีกฝ่ายบอกเขาแล้ว แต่พอมาเห็นชื่อผู้ส่งที่เป็นนามแฝงและกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ธนภัทรก็รู้สึกใจเต้นแรงอยู่ไม่น้อย แอบลุ้นว่าอีกฝ่ายส่งอะไรมาให้กันแน่

            มีคนเคยบอกว่า...มนุษย์อย่างเราหลายคนมีสองตัวตน ตัวตนแรกคือตัวตนจินตนาการ อยากให้คนอื่นเห็นแต่ด้านดี ๆ ของตัวเอง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้คนอื่นมองว่าเราเป็นเช่นนั้น ตัวตนนี้จะปรากฏตอนเราอยู่ท่ามกลางสังคม เพื่อนร่วมงานหรือคนหมู่มาก

            ตัวตนที่สองคือตัวตนที่แท้จริงของเรา มีทั้งด้านดีและด้านเสียปะปนกันอยู่ แต่สิ่งไหนจะมากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสภาพสังคมที่อยู่ ตัวตนนี้จะปรากฏขึ้นยามอยู่กับคนสนิทชิดเชื้อและยามอยู่เพียงลำพัง

            ธนภัทรรีบคว้าคัตเตอร์มากรีดเพื่อเปิดกล่อง เขาอยากรู้แทบแย่ว่าในกล่องนี้บรรจุอะไรกันแน่ ทันทีที่กรีดกล่องสำเร็จ เขาก็ถึงกับฉีกยิ้มอย่างถูกใจ เมื่อได้เห็นของที่อยู่ข้างใน มือเรียวก็สัมผัสมันอย่างหลงใหล เขาถูกใจมันมากจริง ๆ อยากจะให้มันอยู่บนเรือนร่างตัวเองแทบแย่

            ธนภัทรผละมือออกจากของถูกใจชั่วคราว เอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเอง เปิดแอปพลิเคชันชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ เพื่อส่งข้อความไปหาเขาคนนั้น คนที่ส่งของชิ้นนี้ให้กับเขา

            บัญชีผู้ใช้ของธนภัทร เป็นบัญชีผู้ใช้ส่วนตัวที่ถูกล็อกเอาไว้ แต่ถึงจะปิดกั้นไว้ไม่ให้ใครได้เห็นง่าย ๆ ยกเว้นเขาจะอนุมัติคำขอติดตามนั้น และแม้จะไม่ใช่บัญชีผู้ใช้สาธารณะที่ใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย คนติดตามของเขากลับมีถึงหลักหมื่นและส่วนใหญ่คนติดตามก็มักจะเป็นคนที่มีรสนิยมคล้าย ๆ กันทั้งนั้น รวมถึงเขาคนนั้นด้วย

            “ได้รับของแล้วนะครับ ถูกใจผมมาก”       

            “ขอบคุณ คุณพีมากครับ”           

            ธนภัทรส่งคำขอบคุณไปให้เขาคนนั้น เราต่างไม่เคยเห็นหน้ากันและกัน แต่อีกฝ่ายกลับเป็นคนที่เขาคุยด้วยแล้วสบายใจและถูกใจมากด้วย

             เบื้องหลังบัญชีผู้ใช้ลูกไม้ป่าที่มีคนติดตามหลักหมื่น ร้อนระอุไปด้วยบัญชีผู้ใช้รายอื่น ๆ ที่ต่างส่งข้อความมาหาเขาตั้งมากมาย จนธนภัทรตอบไม่หวาดไม่ไหว

             มีทั้งส่งข้อความสอบถามแหล่งที่ซื้อและชวนคุยเรื่องใต้สะดือ ชวนพูดเรื่องเสียว ซึ่งภัทรเลือกที่จะตอบแค่บางคนเท่านั้น เพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ได้สร้างบัญชีผู้ใช้นี้ขึ้นมาเพื่อตอบสนองเรื่องอย่างว่าของตัวเองหรือของใครทั้งนั้น

            เขาสร้างมันขึ้นมา เพื่อแชร์ประสบการณ์การหลงใหลผ้าลูกไม้ของตัวเอง ซึ่งบางรูปมันเป็นชุดลายลูกไม้ พอมันอยู่บนเรือนร่างของเขาจึงค่อนข้างเป็นสื่อล่อแหลม ทำให้ธนภัทรตัดสินใจล็อกบัญชีให้เป็นผู้ใช้ส่วนตัวเพื่อตัดปัญหาตั้งแต่แรกดีกว่า รอเพียงไม่นาน ธนภัทรก็ต้องฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อคุณพีตอบกลับมา อีกฝ่ายก็คงรอข้อความจากเขาเช่นกัน

            “ถึงเร็วจังครับ เพิ่งส่งไปให้วันก่อนเอง”

            “อยากเห็นตอนมันอยู่บนร่างคุณลูกไม้จัง”

            หลังจากอ่านข้อความเสร็จ ธนภัทรก็ถึงกับหน้าร้อนฉ่า เราต่างฝ่ายต่างไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน เพราะเราต่างมีอีกหนึ่งสังคมที่ต้องอยู่ เราใช้นามแฝงเพื่อเรียกชื่อกัน ไม่เคยเปิดเผยหน้าให้เห็น มีแต่การเปิดเผยร่างกายในบางครั้งเท่านั้น

            เมื่อเจ้าของชุดลายลูกไม้ตัวนี้ปรารถนาที่จะเห็นมันอยู่บนเรือนร่างของเขา ธนภัทรก็ไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องชุดทำงานของตัวเองออก แล้วสวมใส่ชุดลูกไม้ป้ายแดงตามที่อีกฝ่ายต้องการ เขาหน้าร้อนผ่าวนิด ๆ ตอนที่ต้องกดถ่ายแล้วส่งรูปไปรายงานคุณพี ถึงเขาจะอายแต่ก็เลือกที่จะส่งไปอยู่ดี

            ก็มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา....

            “ใส่ให้ดูแล้วนะครับ”       

            ธนภัทรส่งข้อความกลับไปพร้อมกับแนบรูปยามมันอยู่บนตัวเขาไปให้คุณพี ชุดลูกไม้ป้ายแดงนี้ปกปิดอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง แต่กลับถูกใจเขาเหลือเกิน เพียงเพราะลวดลายมันสวยงาม ลายไม่ซ้ำกับเจ้าอื่น ๆ ที่ธนภัทรเคยเห็นมา เขาเดาว่าชุดลูกไม้นี้คงมีราคาน่าดู

            “มีคนเคยบอกคุณลูกไม้หรือยังครับว่าร่างกายคุณสวยมาก”


 



_________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ดีใจมากๆค่ะที่มีคนอยากอ่านเหมือนกัน ภาวนาให้เรื่องนี้เราเขียนจบนะคะ

แง ๆ

               
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 24-10-2018 16:04:30
น่าสนใจมากเลยค่ะ อยากเห็นรูปที่ธนภัทรส่งไปจังเลย :haun4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-10-2018 16:17:30
วรั้ย แพ้อัไรน้อยชิ้น ลูกไม้ลายปักอะไรงี้ค่ะ
ไม่ได้หวานเลย เซะซี่ซีทรูมั่กๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 26-10-2018 03:17:27
พี่คะ หนูจะตายแร้ววววว แค่คิดถึงncน้องก็เขินตัวจะแตกแล้วพี่ แง ขอบคุณค่ะๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-10-2018 19:29:58
มาต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 27-10-2018 21:41:57
 :haun4: แค่บทนำก็เเซ่บเเล้วค่ะ เอื้อออ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บทนำ 24.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 28-10-2018 00:49:29
เราตามมาจากทวิตค่า ชื่อเรื่องคุ้นๆ เลยเข้ามาดูว่าใช่รึเปล่า อิอิ :oo1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 (1/2) 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-10-2018 17:58:00

1


1
   “ทำวันนี้ให้เต็มที่นะทุกคน ถ้าการเจรจาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากเสร็จประชุมเราจะไปฉลองกัน”
   “เข้าใจแล้วค่า/เข้าใจแล้วครับ” เสียงเหล่าพนักงานในแผนกขานรับหัวหน้ากันอย่างพร้อมเพียง
   ทุกคนต่างกระตือรือร้นกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมากเป็นพิเศษ เนื่องด้วยวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของบริษัท เพราะมีการเจรจา ทำสัญญากับบริษัทฝั่งยุโรป เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทเป็นที่รู้จักและได้ขยายฐานลูกค้าไปทางฝั่งยุโรปมากขึ้น
   เหล่าพนักงานต่างตั้งใจเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากการเจรจาครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นั่นหมายความว่าในสิ้นปีนี้โบนัสก้อนใหญ่กำลังรอเราอยู่
    ธนภัทรรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลังจากรู้ว่าตัวเองมีรายชื่อที่ต้องเข้าร่วมการเจรจาด้วย การเจรจาทำสัญญาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันระหว่างสองผู้บริหาร หาข้อตกลงแล้วลงนามทำสัญญาเท่านั้น แต่เหล่าพนักงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เช่นกัน เพื่อที่จะได้โชว์ศักยภาพของบริษัท ข้อดีของผลิตภัณฑ์ มูลค่าทางการตลาดและผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างได้รับ
   หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งสองบริษัทอาจจะได้เจรจาตกลงธุรกิจอื่นที่อยู่ในเครือบริษัทเดียวกันด้วย นั่นหมายความว่าจะมีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียนเข้ามา
   ในตอนแรกธนภัทรคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เข้าร่วมเจรจาครั้งนี้ด้วยซ้ำ เพราะเขาเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ไม่ถึงปี ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญอะไร แถมตำแหน่งของเขาก็ยังอยู่ปลายแถวของแผนกอีกต่างหาก บางครั้งเขาก็ต้องเป็นลูกมือ คอยช่วยเหลือรุ่นพี่ในแผนก เพื่อที่จะได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ที่ต้องพึงมีเอาไว้
   “ภัทรอย่าลืมเช็กแผ่นนี้ให้ด้วยนะ”
   “ได้ครับ พี่นัท” ว่าจบก็รับเอกสารที่จะใช้ในการประชุมครั้งนี้มาตรวจเช็กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจัดเรียงเข้าแฟ้มให้เรียบร้อย นำไปวางเรียงให้เป็นระเบียบเพื่อเตรียมประชุมในบ่ายวันนี้
    ธนภัทรไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่านี้มาก่อน เขาไม่ได้แสดงอาการประหม่าออกมาให้คนรู้ แต่อาการที่ว่ามันอยู่ข้างใน....เขากำลังกังวลทุกอย่าง กลัวตัวเองจะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้การเจรจานี้ผิดพลาด แม้ความผิดพลาดนั้นอาจเป็นแค่กระจุกเล็ก ๆ แต่ธนภัทรจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
   ยิ่งเห็นว่าทุกคนเป็นจริงเป็นจัง ตั้งใจทำงานเพื่อให้การประชุมครั้งนี้ออกมาดีที่สุดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น พยายามตรวจเช็กเอกสารที่เหล่ารุ่นพี่ในแผนกส่งให้ตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เขาเป็นคนตรวจเอกสารครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำเข้าห้องประชุม ดังนั้นหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายในตอนนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน
   “นาน ๆ คุณภาสกรจะเข้าบริษัท ตั้งใจทำงานนะ แสดงศักยภาพตัวเองให้เขาเห็นเท่าที่ทำได้ เผื่อเขาจะเห็นแววแล้วให้เลื่อนตำแหน่งให้เราเร็ว ๆ” พี่นัทชวนภัทรคุย หลังอีกฝ่ายเห็นว่าธนภัทรเริ่มทำหน้าเครียด
   “คุณภาสกรเหรอครับ” ธนภัทรถาม
   “ใช่....ไม่รู้จักหรือ”
   “เคยได้ยินชื่อครับ แต่ไม่เคยเห็นหน้า”
   “เขาไม่ค่อยเข้ามาบริษัทหรอก ได้ยินจากเลขาเขาว่า คุณภาสกรกำลังเรียนต่อปริญญาเอกอยู่ แล้วก็กำลังวุ่นกับธุรกิจส่วนอื่นที่กำลังบุกตลาดต่างประเทศด้วย”
   “......”
   “แต่พี่จะบอกให้นะ คุณภาสกรน่ะ....หล่ออย่าบอกใครเชียว”
   “เหรอครับ” เมื่อได้ยินรุ่นพี่คนสนิทว่าเช่นนั้น ธนภัทรก็เริ่มอยากเห็นหน้าคุณภาสกรขึ้นมาบ้างแล้ว อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะหล่อแค่ไหน ถึงทำให้ลูกน้องเอ่ยปากชมได้
   “ใช่ หล่อมาก....แต่ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าเอาคุณภาสกรไปเพ้อฝัน ใฝ่สูงอยากยืนเคียงข้างคุณเขาหรอก”   
   “อ้าว ทำไมล่ะครับ” ธนภัทรถามต่ออย่างสงสัย หากมีเจ้านายหล่อเหลา ลูกน้องที่ยังโสดก็ย่อมแอบเพ้อฝันบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา
   “เฮ้อ....พี่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าภัทรได้เห็นคงจะถึงบางอ้อเองนั่นแหละ คนบางคนไม่ได้เกิดมาคู่เราหรอก บางคนก็มีไว้แค่ให้มองเท่านั้น”
   
   ยิ่งใกล้ถึงเวลาประชุมมากขึ้นเท่าไร ธนภัทรก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น คราวนี้เขาเริ่มออกอาการผ่านทางน้ำเสียงและแววตาจนรุ่นพี่ร่วมแผนกต้องคอยปลอบว่าไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
   ก่อนจะถึงเวลาประชุม คนของทางบริษัททั้งฝั่งเขาและคู่เจรจาก็เริ่มทยอยเข้าห้องประชุม เพื่อที่จะได้เริ่มประชุมตามกำหนดการ บริษัทที่ธนภัทรทำงานอยู่ ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก กำหนดการตอนไหนก็ต้องเริ่มตอนนั้น
   “ภัทร...คุณภาสกรมาแล้ว” พี่นัทที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยบอกธนภัทรเสียงแผ่ว ให้เราได้ยินกันแค่สองคน
   หลังจากที่ก้มมองตักตั้งสติกับตัวเองอยู่นานสองนาน เพียงได้ยินเช่นนั้นธนภัทรก็รีบเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังประตูทันที ก่อนที่คุณภาสกรจะเข้ามา ทีมเลขาก็ได้เข้ามาก่อน เพียงแค่ได้เห็นหน้าคุณภาสกร ธนภัทรก็ถึงบางอ้อตามที่พี่นัทพูดไว้ทันที เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเหล่าพนักงานถึงไม่กล้าเพ้อฝัน คิดเกินเลยกับคุณเขา
   ธนภัทรเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะ....
   คุณภาสกรน่าจะสูงร้อยแปดสิบกว่า ๆ เขาเดินเฉิดฉายมาแต่ไกล เข้าประชุมก่อนกำหนดไม่ต่างจากเหล่าพนักงานเช่นกัน ทุกคนบนโต๊ะลุกขึ้นเพื่อทำความเคารพเจ้านายรวมถึงเขาด้วย
   ดวงตาของธนภัทรจับจ้องผู้บริหารหนุ่ม ผู้เป็นเจ้านายตัวเองตาไม่กะพริบ คุณภาสกรสามารถแสดงเสน่ห์ออกมาได้โดยไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ นั่นทำให้ภัทรมองคุณเขาแทบไม่ละสายตา เพราะเขาเพิ่งเคยเจอหน้าอีกฝ่ายครั้งแรก ย่อมประหม่าและตกใจในความมีเสน่ห์ของคุณเขา ซึ่งพนักงานคนอื่นอาจจะเคยชินไปแล้ว
   คุณภาสกรกวาดสายตามองเหล่าพนักงานในปกครองของตัวเองและวินาทีที่คุณภาสกรเลื่อนสายตามาสบกับเขา ธนภัทรก็รีบส่งยิ้มไปให้เจ้านายตามมารยาท ถือเป็นการฝากเนื้อฝากตัวไปด้วย ซึ่งคุณภาสการก็ส่งยิ้มตอบกลับมาตามมารยาทเช่นเดียวกัน
   เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของคุณภาสกร ธนภัทรก็รู้สึกว่าโลกของเขาได้หยุดหมุนไปชั่วคราว...

   ตลอดการประชุม.....ธนภัทรมองคุณภาสกรด้วยสายตาชื่นชม หลายครั้งที่เขาเผลอจ้องหน้าคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนจะรีบผละไปทางอื่น หลังถูกจับได้ว่ากำลังแอบมอง
   ภัทรชื่นชมในความเก่งและมีเสน่ห์ของอีกฝ่าย ภายใต้น้ำเสียงนุ่มนวลฟังแล้วลื่นหูนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ ภัทรมองเห็นรังสีความเป็นผู้บริหารแผ่รอบตัวของคุณเขา คุณภาสกรดูแตกต่างจากพนักงานบริษัททั่วไป ชนิดที่ว่าไม่ต้องให้ใครเอ่ยแนะนำตำแหน่ง ก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับไหน
   ในที่สุดการเจรจาทำสัญญากับบริษัทฝั่งยุโรปก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังพนักงานทุกคนแสดงศักยภาพออกมาอย่างสุดความสามารถ บรรยากาศความกดดันที่มีก่อนเข้าห้องประชุมหายไปในทันที เมื่อได้รับผลตอบรับที่ดีจากว่าที่บริษัทคู่ค้ารายใหม่   
   “อย่าลืมนะคะ หัวหน้าบอกว่าจะพาเราไปฉลองกัน หลังเสร็จจากงานประชุม” หนึ่งในรุ่นพี่ประจำแผนกเอ่ยทักท้วงหัวหน้า หลังเราทยอยออกมาจากห้องประชุมกันด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น
   “รู้แล้วน่า....ผมไม่ผิดคำพูดอยู่แล้ว พวกคุณน่ะเตรียมท้องให้ว่างแล้วเคลียร์คิวไว้ดีกว่า” เหล่าพนักงานถึงกับเฮลั่น เมื่อได้ยินพี่ชาติ ผู้เป็นหัวหน้าแผนกเอ่ยยืนยันว่าหลังเลิกงานวันนี้จะพากันไปเลี้ยงฉลอง โดยมีเจ้าตัวเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยง
   “ภัทรก็ด้วยนะ อย่าลืมไปด้วยกัน” พี่ชาติหันมาพูดกับภัทร
   “ได้ครับ”
   ขณะที่เหล่าพนักงานกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันหลังเสร็จงานประชุม ทุกคนก็ต้องรีบแหวกทางตรงหน้าประตูห้องประชุมให้ เมื่อผู้บริหารประจำบริษัทค่อย ๆ ทยอยกันออกจากห้องประชุม ซึ่งมีทั้งคนที่ภัทรรู้จักและไม่รู้จัก โดยคุณภาสกรและเลขาของเขาออกจากห้องกลุ่มสุดท้าย
    ภัทรจับจ้องใบหน้าคุณภาสกรอีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านหลังของทุกคน แอบมองคุณภาสกรจากที่ไกล ๆ เพราะไม่อยากให้คุณเขาจับได้อีก แม้เขาจะแอบมองตั้งแต่เราอยู่ในห้องประชุมด้วยกัน โดนจับได้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ภัทรก็ยังเลือกที่จะมองอยู่ดี
   ธนภัทรละสายตาจากคุณภาสกรไม่ได้จริง ๆ
   “ขอบคุณทุกคนที่ทำงานเหนื่อยนะครับ”
   คุณภาสกรไม่ได้เดินออกจากห้องประชุมไปเฉย ๆ เหมือนกับผู้บริหารท่านอื่น แต่เขาหยุดคุยกับเหล่าพนักงานตัวเอง แสดงความเป็นกันเองออกมา คงหวังจะลดความเกร็งของพนักงานทั้งหลายที่ยืนอยู่ตรงบริเวณนั้น เขาไม่พูดพร้อมขอบคุณเปล่า แต่ยังฉีกยิ้มกว้าง นั่นทำเอาเหล่ารุ่นพี่ผู้หญิงในแผนกที่มองเห็นรอยยิ้มนั้นตายกันเป็นแถบ ๆ
   “ภัทรดูรอยยิ้มคุณภาสกรสิ พี่จะไม่ทนแล้วนะ” พี่นัทกระซิบข้างหูธนภัทร พร้อมกับเอามือทาบเหนืออกข้างซ้ายของตัวเอง มองใบหน้าหล่อที่อยู่ไกลจากพวกเขาด้วยสายตาเพ้อฝัน ทำเอาภัทรถึงกับหลุดยิ้มออกมา
   “ถ้าจะลงสนาม ผมว่าคู่แข่งเยอะนะครับพี่นัท” ภัทรกระซิบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกลับไปมองคุณเขาอีกครั้ง
    ภัทรสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าคุณภาสกรจะไม่เห็นตัวเองเพราะยืนอยู่ไกล แต่ตอนนี้คุณเขากลับมองเขาอยู่ต่างหากและดูเหมือนจะมองอยู่นานแล้วด้วย คราวนี้ธนภัทรถึงกับทำตัวไม่ถูก หัวใจเขาเต้นแรง ไม่รู้ควรจะส่งยิ้มไปให้เหมือนทุกทีหรือเปล่า สุดท้ายจึงตัดสินใจหลุบตามองพื้น แสร้งไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
   “เลิกงานแล้ว พวกคุณจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า” คุณภาสกรหันไปถามพี่ชาติ
   “ผมตั้งใจว่าหลังเลิกงานจะพาลูกน้องไปกินเลี้ยงกันครับ เชิญคุณภาสกรกับคุณเลขาด้วยนะครับ”
   “โอเค…งั้นเดี๋ยวผมจะเป็นเจ้าภาพเอง ไหน ๆ พวกคุณก็ยอมเหนื่อยเพื่อเราแล้ว”
   กลายเป็นที่ฮือฮาของเหล่ารุ่นพี่ในแผนก เมื่อคุณภาสกร ผู้บริหารคนหล่อที่ไม่ค่อยเข้าบริษัท ยกเว้นมีเรื่องสำคัญหรือมีสัญญาที่ต้องรอการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูง เป็นคนออกปากเองว่าจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงแทนพี่ชาติ ผู้เป็นหัวหน้าแผนก มิหนำซ้ำยังจะไปร่วมฉลองด้วย ทำเอาพนักงานแผนกอื่นถึงกับตาร้อนกันเป็นแทบ ๆ
   “ภัทรว่าพี่ควรจะเติมหน้าเพิ่มไหม”
   “ฮ่า ๆ เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วมั้งครับพี่นัท ข้างในก็ไฟสลัว คงไม่มีใครเห็นอะไร” ภัทรว่า ใบหน้าเขาเปื้อนยิ้มมองพี่นัทที่กำลังเติมแป้งก่อนจะไปฉลองต่อด้วยความเอ็นดู
   “แล้วปากล่ะ”
   “พอแล้วครับ”
   “รวม ๆ แล้วพี่โอเคใช่ป่ะ” พี่นัทถามภัทรอีกครั้ง เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันหญิงสาวก็มองตัวเองในกระจกตลับแป้งไปด้วย
   “โอเคแล้วครับ สวยแล้วครับ” ธนภัทรยืนยัน ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ “ภัทรไม่เคยเห็นพี่นัทกังวลว่าตัวเองไม่สวยเท่านี้มาก่อนเลย”
   “แหม….รอบนี้ไม่ได้นะคะคุณน้อง พี่ต้องขอสวยนิดนึง ไม่คิดเลยอะว่าคุณภาสกรจะไปฉลองกับเราด้วย สงสัยการประชุมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เม็ดเงินจะเข้าบริษัทเยอะ เขาก็เลยอยากจะขอบคุณเราจริง ๆ แหละมั้ง เพราะปกติน่ะเป็นแต่เจ้าภาพออกเงินให้อย่างเดียว ไม่เคยไปฉลองกับพนักงานหรอก เขาคงไม่สะดวกใจเท่าไร”
   ภัทรรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาสกรจากปากรุ่นพี่ที่ทำงานมาก่อนอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะเขารู้จักคุณภาสกรผิวเผินเหลือเกิน แถมเพิ่งจะได้เห็นหน้าคุณเขาก็วันนี้เอง หลังจากได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอีกฝ่ายมานาน
   เพราะภัทรยังไม่มีรถส่วนตัวและไม่รู้ว่าต้องไปเจอกันที่ร้านไหน ทำให้เขาต้องอาศัยติดรถรุ่นพี่ในแผนกไปด้วย ภัทรต้องโทรหาพี่เนย พี่สาวข้างบ้านให้ช่วยเข้าไปดูแลเจ้าโอ๊ตก่อน เพราะเขาคงไม่ได้แวะเข้าบ้าน หลังจากเลิกงานก็เลยไปยังร้านที่จะจัดฉลองเลย
   ธนภัทรยังถือว่าตัวเองเป็นเด็กใหม่มาก ๆ ในแผนกเขาไม่ค่อยสนิทกับใครมากเป็นพิเศษ คนที่คุยเล่นกันบ่อยที่สุดก็มีแค่พี่นัทเท่านั้น ไม่รู้ว่าการไปฉลองครั้งนี้ เขาจะสนุกไปกับมันหรือเปล่า
   พอเข้ามาถึงในร้าน ก็มีพี่ในบริษัททยอยเข้ามาถึงก่อนแล้ว พี่ชาติจองห้องคาราโอเกะที่ใหญ่ที่สุดของร้าน เพื่อรองรับพนักงานทั้งแผนก เนื่องด้วยคุณภาสกรออกปากเองว่าจะเป็นเจ้าภาพ จึงไม่ต้องเกรงว่ากระเป๋าตังค์ตัวเองจะขาด
   “ต้องรอคุณภาสกรมาถึงก่อนไหมคะ” หนึ่งในพนักงานประจำแผนกเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้า เมื่อพนักงานเริ่มทยอยเข้ามาในร้านเกือบครบแล้ว
   “เขาบอกให้สั่งก่อน อาจจะมาถึงช้า” เมื่อพี่ชาติว่าเช่นนั้น เหล่าพนักงานที่ต่างร่วมทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มสั่งอาหารมาคนละอย่างสองอย่างตามความชอบ
   เพราะภัทรเป็นพนักงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ไม่ค่อยสนิทกับใคร ทำให้เขากลายเป็นคนพูดน้อยที่สุด ธนภัทรไม่อยากสร้างกำแพงให้กับตัวเอง เขาจึงพยายามให้ความสนใจทุกคน ไม่ว่าพี่คนไหนจับไมค์ เขาก็พยายามจะสนุกไปด้วย
   โชคดีที่สภาพแวดล้อมในแผนกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เป็นบรรยากาศที่ใครหลายคนต่างใฝ่ฝัน เพราะพี่ ๆ ในแผนกเกือบทุกคนพยายามเป็นกันเองกับเขาให้มากที่สุด เพื่อลดระยะห่างต่อกัน เนื่องด้วยต้องร่วมงานกันอีกหลายครั้ง ทำให้ค่อย ๆ ธนภัทรคลายความกังวลลง
   “น้องภัทรรรรรร มาห้องคาราโอเกะทั้งที อยากร้องเพลงอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ชิงไมค์ตอนนี้จะไม่ได้จับไมค์แล้วน้า” พี่ชาติเรียกชื่อธนภัทรผ่านไมค์
   “เอาเลยครับ ผมขอดูเฉย ๆ ดีกว่า ร้องเพลงไม่เก่ง” ภัทรว่าพร้อมกับฉีกยิ้มส่งไปให้ เรื่องการเรียนเขาอาจเป็นที่หนึ่ง แต่เขาไม่ถนัดเรื่องร้องเพลงจริง ๆ เป็นสายนั่งฟังและมีส่วนร่วมมากกว่า
   ธนภัทรเหลือบมองประตูห้องคาราโอเกะอีกครั้ง ตอนนี้พนักงานในแผนกมาถึงร้านกันหมดแล้ว ขาดแต่คุณภาสกร ผู้ซึ่งเป็นเจ้าภาพและเป็นคนออกปากเองว่าจะมาร่วมสังสรรค์ด้วย
   ธนภัทรไม่ได้เฝ้ารอคุณภาสกร เขาก็แค่สงสัยว่าคุณเขาจะมาไหม
   
   
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 (2/2) 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-10-2018 17:58:59
         
   เมื่อธนภัทรรู้สึกว่าตัวเองให้ความสนใจกับการมาของคุณภาสกรมากเกินไป เขาจึงพยายามดึงสติ เบี่ยงความสนใจของตัวเองกลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้งและร่วมพูดคุยกับพี่ ๆ ในแผนกเพื่อเพิ่มความสนิทสนม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายเหลือบไปมองประตูห้องอยู่หลายครั้งหลายครา
   ภัทรไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่าอยากจะจ้องหน้าคุณภาสกรอีกครั้ง มันอาจจะดูเสียมารยาทเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันและเขาเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา แต่ครั้งนี้ภัทรจะไม่ทำให้ตัวเองถูกจับได้แน่นอน
   สมแล้วที่ความหล่อของคุณเขาเป็นที่กล่าวขานของเหล่าพนักงานทั้งบริษัท ขนาดภัทรที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าคมคายของคุณภาสกรได้เลย ราวกับมีบางอย่างดึงดูดเขาเอาไว้
   “หรือที่คุณภาสกรบอกว่าจะมา เขาก็แค่พูดตามมารยาทกันนะ? ภัทรคิดว่าไง” เกือบสิบนาทีที่ธนภัทรเลิกสนใจการมาของคุณภาสกร พี่นัทที่นั่งดื่มเบียร์และกินอาหารอยู่ข้างกันก็หันมาถามเขา
   “ผมไม่สนิทกับคุณภาสกร จะรู้เหรอครับว่าเขาพูดตามมารยาทหรือจะมาจริง ๆ” ภัทรว่า
   หากคิดดี ๆ ธนภัทรเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หากคุณภาสกรจะไม่มาตามที่บอกไว้ เขาก็แค่อยากเห็นหน้าคุณเขาอีกสักครั้งก็เท่านั้น ธนภัทรคิดว่าหากเขาได้มองหน้าอีกฝ่ายจนเบื่อ อาการอยากเห็นหน้าแบบนี้คงจะหายไป
   บทสนทนาระหว่างเขาและพี่นัทจบลงแค่นั้น ไม่มีใครสนใจการมาของคุณภาสกรอีก รวมถึงธนภัทรด้วย อีกหนึ่งชั่วโมงร้านจะปิดแล้ว คงเป็นคำอธิบายได้ดีว่าคุณภาสกรจะมาจริง ๆ หรือแค่พูดตามมารยาทเท่านั้น
   ภัทรฉีกยิ้มกว้าง หัวเราะออกมาบ้างในบางครั้ง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่คนครองไมค์ ทุกอย่างเริ่มสนุกได้ที่ ขนาดพี่นัทที่เคยนั่งอยู่ข้างกันเขา ตอนนี้ก็เคลื่อนย้ายตัวเองไปเป็นหางเครื่องให้นักร้องหน้าห้องไปแล้ว
   ภัทรร่วมสนุกสนานกับพี่ ๆ ทุกคนที่อยู่ในห้อง ตอนนี้เหล่าพนักงานในแผนกกำลังสนุกสุดเหวี่ยง ราวกับว่าพรุ่งนี้ไม่มีงานรอพวกเราอยู่ มีบ้างที่ขอตัวกลับก่อน เพราะมีหน้าที่ต้องไปส่งลูกแต่เช้าตรู่ ซึ่งพี่ชาติก็ยอมปล่อยไป เพราะพรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันหยุดของเรา สนุกคืนนี้ พรุ่งนี้ทุกคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
   ไม่มีใครสนใจการมาของคุณภาสกรอีกเลย จนกระทั่งประตูห้องคาราโอเกะถูกเปิดออก คุณภาสกรเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ มีเลขาติดตามมาด้วยหนึ่งคน ซึ่งไม่ได้เข้ามาจุ้นจ้าน แต่นั่งอยู่มุมห้องอย่างเงียบ ๆ แสดงขอบเขตงานอย่างชัดเจนว่ามาทำงานและติดตามคุณภาสกรเท่านั้น ไม่ได้ร่วมสังสรรค์กับเหล่าพนักงาน
   อาจเพราะด้านในห้องคาราโอเกะเป็นไฟสลัวค่อนข้างมืด ทำให้ไม่มีใครสนใจว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา แต่ธนภัทรรู้ เพราะเขานั่งอยู่หลังห้องใกล้กับประตูและคุณภาสกรทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ที่ว่างที่อยู่ข้างเขา
   “คุณภาสกรมาแล้ว....” ภัทรมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ นึกว่าคุณเขาจะไม่มาเสียแล้ว ภัทรรีบกุลีกุจอวางแก้วแอลกอฮอล์ที่กำลังถือไว้ลงกับโต๊ะทันที ทำท่าจะโน้มตัวไปสะกิดพี่ในแผนกที่นั่งถัดออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก เพื่อบอกว่าคุณภาสกรมาแล้ว
   “ไม่ต้องบอกพวกเขาหรอก ให้พวกเขาสนุกไปเถอะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ดึงแขนรั้งร่างภัทรไว้ด้วย   
“ก็ได้ครับ” หากคุณภาสกรไม่ต้องการให้เขาบอกใคร ภัทรก็จะไม่ทำ เขาจึงกลับมานั่งเรียบร้อยเช่นเดิม
   เพราะตอนนี้ทุกคนให้ความสนใจแค่ข้างหน้าห้องเท่านั้น บ้างก็เคลื่อนเก้าอี้ย้ายไปข้างหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่ภัทรนั่งดื่ม นั่งทานอาหารบนโต๊ะอยู่หลังห้องเพียงลำพัง พอคุณภาสกรเข้ามาก็กลายเป็นว่าพวกเขานั่งอยู่หลังห้องด้วยกันเพียงสองคน
   ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ภัทรก็เงียบ คุณภาสกรก็ไม่ได้ชวนคุย มันดูน่าอึดอัด แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา คุณภาสกรก็เจ้านาย ธนภัทรก็ลูกน้อง สถานะเราแตกต่างกันอย่างชัดเจน แถมภัทรเองเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้เพียงไม่นาน
   ตอนนี้โครงการที่ธนภัทรอยากลองจ้องหน้าคุณเขาอีกสักครั้ง มองหน้าคุณภาสกรให้เบื่อไปข้าง ถูกพับลงแต่โดยดี เนื่องด้วยภัทรนั่งใกล้คุณภาสกรมากเกินไป มันไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะแค่เงยหน้าขึ้น คุณภาสกรก็ตวัดสายตามามองเขาแล้ว ดีไม่ดีหากจ้องคุณเขานาน ๆ คุณภาสกรอาจจะมองภัทรในแง่ลบอีก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากมองไกล ๆ คงพอไหวอยู่
   ภัทรหลุบตามองหน้าตักตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนบรรยากาศข้างหน้าห้องและด้านหลังถูกตัดออกจากกันชั่วคราว ตอนนี้ภัทรเองก็ยอมรับว่าเริ่มเมาขึ้นมาบ้างแล้ว สติไม่เต็มร้อยเหมือนตอนขามา แต่ยังพอประคับประครองสติตัวเองได้อยู่ รู้ว่ากำลังคุยกับใคร แต่ความรอบคอบอาจไม่เหมือนเดิม
   จากตอนแรกที่จะยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม พอคุณภาสกรมา ภัทรก็ไม่กล้าหยิบ ไม่พูดไม่จา ไม่หัวเราะ ดูเรียบร้อยเกินไป ผิดธรรมชาติของธนภัทร
   “ไม่สนุกเหรอ” ความเงียบปกคลุมเราหลายสิบนาที ในที่สุดคุณภาสกรก็เอ่ยปากชวนพูดคุยก่อน
   “ส—สนุกครับ” ภัทรตอบเสียงแผ่ว เขาอยากจะชวนคุณภาสกรคุยเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร
   “เหรอ....แต่ผมไม่เห็นคุณยิ้มหรือดูสนุกเลยนะ เป็นเพราะผมมาหรือเปล่าครับ”
   “ไม่นะครับ” ธนภัทรเงยหน้าขึ้นพร้อมโบกมือปฏิเสธคุณภาสกรทันที หากจะมีคนผิดก็คงเป็นเขานี่แหละที่เป็นอะไร ทำไมต้องนั่งเกร็ง ไม่เป็นธรรมชาติแบบนี้   
   “แล้วคุณมาถึงนานหรือยังครับ”
   “อะไรนะครับ” เนื่องด้วยเสียงดนตรีมันดัง ไหนจะเสียงเฮฮาของคนหน้าห้อง ทำให้ภัทรได้ยินแค่บางคำพูดของคุณเขาเท่านั้น จึงขยับเข้าไปใกล้ เพื่อให้คุณเขาพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
   “คุณภัทรมาถึงนานหรือยัง?” คุณภาสกรไม่ตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลง แต่เลือกที่จะกระซิบถามข้างหูพนักงานหน้าใหม่ตัวเล็กแทน ราวกับว่าคำถามนั่นเป็นความลับของเราสองคน ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกพร้อมเผยรอยยิ้มที่สามารถทำให้ธนภัทรชะงักไปครู่หนึ่ง
   “อ—อ๋อ....ก็ได้สักพักแล้วครับ”
   เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ความเกร็งยามที่คุยกับคุณภาสกรค่อย ๆ ลดลง หลังคุณเขาชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติและคุยอย่างไม่ขาดตอน เราคุยกันแค่สองคน ไม่มีพี่คนไหนหันมามองด้านหลังเลยสักคน มีการกระซิบกันบ้าง ยามเสียงเพลงดังมากเกินไปจนไม่ได้ยินเสียงของกันและกัน
   “คุณเก่งวิชาอะไรเหรอ?”
   “ก็พอถูไถได้ทุกวิชาครับ แต่วิชาที่คิดว่าตัวเองพอจะถูไถไปได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพวกวิชาคำนวณและภาษาอังกฤษ” ภัทรว่า
   เขาต้องยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาดอะไรมากมาย ที่ผ่าน ๆ มาเขาอาศัยความขยันของตัวเองทั้งนั้นและความขยันเหล่านั้นก็ส่งผลให้คะแนนเขาดี จนทำให้บริษัทใหญ่ตัดสินใจรับเขาทำงาน
   “ผมเห็นใบคะแนนในพอร์ตฯ ที่คุณแนบมา คะแนนเกือบเต็มทุกช่องเลยนะ” คุณภาสกรว่าต่อ
   “นั่นเพราะว่าผมอ่านมันจนแทบไม่ได้นอน ก่อนจะสอบน่ะครับ ไม่ใช่เพราะผมฉลาด” ภัทรว่า ยังยืนยันคำเดิมว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาด แต่อาศัยความขยันล้วน ๆ ก่อนที่ภัทรจะขมวดคิ้ว หลังนึกขึ้นได้ว่ามันแปลก ๆ
   “นี่คุณดูพอร์ตฯสมัครงานของผมเหรอครับ” ธนภัทรถามต่อ ตอนที่เขาสมัคร เขาจำได้ว่าผู้จัดการเป็นคนสัมภาษณ์งานเขา ซึ่งในบริษัทผู้บริหารระดับสูงเขาไม่มายุ่งกับเรื่องนี้หรอก
   “ใช่ครับ ผมสงสัยว่าคุณเป็นใคร เข้ามาทำงานในบริษัทตอนไหน เลยให้คุณเลขาไปหาพอร์ตสมัครงานของคุณมาให้ดู” คุณภาสกรยอมรับแต่โดยดี
   “อ๋อครับ....” ธนภัทรขานรับในลำคอ ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรอีกต่อไป
   “แต่ผมชอบคนเก่งและถ่อมตัวแบบคุณนะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยื่นมือมาลูบหัวภัทรด้วยท่าทางคล้ายจะเอ็นดู นั่นทำให้คนที่รับสัมผัสถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าคุณเขาจะสัมผัสตัว แม้มันจะเป็นแค่ศีรษะก็เถอะ แต่มันทำให้ภัทรตกใจ
   “ขอโทษที....ผมลืมไป” คุณภาสกรว่าพร้อมกับผละออกจากศีรษะของภัทรทันควัน คุณเขาเองก็เพิ่งนึกได้ว่ากำลังเสียมารยาทกับพนักงานตัวเล็กอย่างธนภัทร
   “ม—ไม่เป็นไรครับ” ธนภัทรว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะผละสายตาออก เบนสายตามองไปทางอื่นแทนที่จะมองหน้าคุณภาสกรเหมือนอย่างเคย
   สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นยังคงตราตรึงอยู่ความรู้สึกของภัทร บทสนทนาที่กำลังลื่นไหลสะดุดชั่วคราว ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง เหมือนเรากำลังจะย้อนกลับไปตอนเราช่วงที่คุยกันในตอนแรก ๆ
   “ผมขอโทษจริง ๆ” คุณภาสกรเอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง
   “ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” ธนภัทรเองก็ยังยืนคำเดิมว่าไม่เป็นไร
   บทสนทนาของเราจบลงเพียงเท่านั้น เมื่อความสนุกได้หมดแล้ว หลังเข็มนาฬิกาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ไฟสลัวในห้องคาราโอเกะในตอนแรกถูกเปิดให้สว่างโรจน์ บรรยากาศความสนุกสนานของเหล่าพนักงานทั้งหลาย หายวับไปในพริบตาพร้อม ๆ กับ ทุกคนที่เริ่มเห็นว่าคุณภาสกรเองก็อยู่ในห้องคาราโอกะแห่งนี้ด้วย
   “อ้าว คุณภาสกรมาถึงตอนไหนเหรอครับ ภัทรทำไมไม่บอกพวกพี่เล่า” พี่ชาติเป็นคนเอ่ยถามแทนพี่ ๆ ทุกคน พี่เขาเอ่ยถามคุณภาสกรพร้อมกับถามภัทร ดูน้ำเสียงคล้ายจะติเตียนที่ไม่ยอมบอกกัน นั่นทำให้ธนภัทรถึงกับอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบคำถามหัวหน้าแผนกยังไงดี
   “ผมเป็นคนบอกเขาเองว่าไม่ต้องบอกพวกคุณ พวกคุณจะได้สนุกให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องเกร็งว่าผมอยู่ในห้อง” คุณภาสกรอ้าปีกปกป้อง
   “โธ่....คุณภาสกรครับ จริง ๆ น่าจะปล่อยให้ภัทรบอกพวกเรานะครับ จะได้เตรียมเครื่องดื่มไว้รอ แบบนี้เหมือนพวกเราไม่มีมารยาทกับคุณเลย”
   “ผมไม่ถือครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่มหรือกินอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างคืนนี้เป็นงานสังสรรค์ของพวกคุณ ไม่ได้เป็นงานที่พวกคุณต้องมาคอยมีพิธีรีตองกับผมอีก” คุณภาสกรว่าด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครกล้าค้านคุณเขาอีก
   ก่อนที่คุณภาสกรจะหันไปบอกเลขาส่วนตัวให้จัดการเรื่องบิลค่าอาหาร ค่าห้องคาราโอเกะในคืนนี้ ตามคำสัญญาที่บอกว่าจะเป็นเจ้าบ้านงานเลี้ยงฉลองนี้ให้
   “คุณจะกลับยังไง” คุณภาสกรที่มางานนี้เพื่อเป็นเจ้าภาพโดยเฉพาะเอ่ยถามธนภัทร ขณะที่เราทยอยออกจากร้านคาราโอเกะพร้อมกับเหล่าพนักงานคนอื่น ๆ
   “ผมว่าจะกลับแท็กซี่ครับ” ภัทรว่า ขามาเขามากับพี่นัท แต่ขากลับเราต้องแยกกัน เพราะบ้านพี่นัทอยู่คนละฝั่งกับเขา
   “แต่ฝนใกล้ตกแล้วนะครับ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงดูน่ากลัว ไหนจะอาการฟ้าแลบที่มีให้เห็นเป็นระยะ ๆ นั่นอีก
   “แต่นั่งแท็กซี่ก็ไม่เปียกฝนนะครับ”
   “บ้านคุณอยู่แถวไหน”
   “แถวปิ่นเกล้าครับ”
   “ไหน ๆ ก็จะกลับทางเดียวกันแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ”
   “ครับ? อ๋อ....ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่มาเป็นเจ้าภาพวันนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว” เมื่อจับใจความได้ว่าคุณเขาจะไปส่ง ธนภัทรก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยปฏิเสธทันที
   “ถ้าปล่อยให้คุณกลับคนเดียว ผมก็คงไม่สบายใจ” คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะเดียวกันธนภัทรก็เริ่มมองรอบ ๆ ตัว เพื่อพบว่าพี่ ๆ ในแผนกก็เริ่มทยอยกลับกันแล้ว บ้างก็ยืนรอให้แฟนมารับ
   “......”
   “....เถอะนะครับ”
   “งั้นผมรบกวนคุณภาสกรด้วยนะครับ” ธนภัทรว่า เมื่อเจ้านายยืนยันคำเดิมว่าจะไปส่งให้ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มีหรือที่ลูกน้องของเขาจะกล้าปฏิเสธความหวังดีนั้นเป็นหนที่สอง
   เป็นครั้งแรกชีวิตที่ธนภัทรได้นั่งรถหรู ยี่ห้อดัง ภายในรถคันงามมีแค่เขาและคุณภาสกรเท่านั้น ส่วนคุณเลขาที่ตามคุณเขามาก็แยกย้ายกลับบ้าน เพราะหมดเวลางานแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่อีกครั้ง มีบ้างที่ภัทรพูด เพราะต้องคอยบอกทางเขาเป็นระยะ ๆ
   “เลี้ยวซอยนี้ใช่ไหมครับ” คุณภาสกรเอ่ยถาม
   “ใช่ครับ แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกตามบังคับเลี้ยวเลย” ภัทรว่า อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงบ้านตัวเองแล้ว
   “โอเคครับ ผมก็ว่าทำไมคุ้นชื่อซอยจัง เพิ่งนึกได้ว่าคนที่ผมรู้จักเขาก็อยู่ซอยนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าบ้านหลังไหน” ว่าจบก็เลี้ยวรถตามคำบอกของธนภัทร
   รถคันหรูของคุณภาสกรมาจอดหยุดสนิทที่หน้าบ้านหลังเล็ก ๆ ของภัทรแล้ว เวลานี้เจ้าโอ๊ตหลานชายคนเก่งคงหลับไปแล้ว
   “เข้ามาดื่มน้ำก่อนไหมครับ” ธนภัทรเชื้อเชิญตามมารยาท ไหน ๆ คุณเขาก็อุตส่าห์เสียเวลามาส่งเขาทั้ง ๆ ที่ฝนตั้งเค้าใกล้จะตกเต็มที ภัทรชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อที่จะพบว่าเวลานี้เกือบจะตีหนึ่งแล้ว มันนับว่าดึกมากสำหรับคนที่ต้องไปทำงานก่อนเก้าโมงเช้าอย่างเขา
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีนั้น เขาเต็มใจที่จะเข้าไปดื่มน้ำในบ้านหลังเล็ก ๆ ของธนภัทร พักให้หายเหนื่อย ก่อนจะขับรถกลับที่พักตัวเอง
   “คุณอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเหรอครับ” คุณเขาชวนภัทรคุย ดวงตาคมกวาดสายตามองชั้นล่างของบ้านขนาดเล็ก แต่ให้กลิ่นอายความอบอุ่นคลุ้งไปหมด ในขณะเดียวกันภัทรก็กำลังอยู่ในห้องครัว รินน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วให้
   “เปล่าครับ ผมอยู่กับเจ้าโอ๊ต”
   “ลูกของคุณ?”
   “หลานชายครับ” ธนภัทรรีบปฏิเสธ เขาจะไปมีลูกได้ยังไง ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่มีแฟนสักคน “นี่น้ำครับ
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรไม่ได้ถามอะไรอีก คุณเขาอยู่ในบ้านภัทรเกือบยี่สิบนาที จนกระทั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ในแก้วหมด ก็ได้เวลาที่เราทั้งคู่ต้องร่ำลากันเสียที
   “ขอบคุณสำหรับน้ำมากนะครับ ผมต้องกลับแล้ว”
   “ขอบคุณที่มาส่งเช่นกันครับ มาครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ” ธนภัทรอาสาเดินไปส่งคุณเขา
    จังหวะที่คุณภาสกรเตรียมจะก้าวเท้าออกจากบ้านก็เหมือนฟ้าฝนจะกลั่นแกล้ง เพราะไม่ทันที่คุณภาสกรจะพ้นประตู ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง ลมพัดแรงชนิดที่ว่าถ้ากางร่มไปส่งที่รถ คันร่มก็อาจหักคามือได้ ทำเอาคนเตรียมจะกลับ ต้องถอยทัพชั่วคราวแล้วหันมาถามเจ้าของบ้าน
   “คุณภัทร....จะเป็นอะไรไหม หากผมจะขอหลบฝนที่บ้านคุณสักพัก?”
   





---------------------------------------
สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

อาจจะไม่พอร์นเท่าไหร่ (มั้ง) แต่จะพยายามให้มากที่สุดค่ะ 

ฮั่นน่อวววว คุณภาสกรรรรรรร

ชอบไม่ชอบ อยากให้ปรับอะไร อย่าลืมคอมเมนต์นะคะ


เราวางพล็อตไว้ถึงตอนจบเสร็จแล้ว มีไม่เกิน 12 ตอน

(ขอให้อ่านแล้วยิ้มนะคะ)
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-10-2018 19:19:57
กุมใจแรงมากๆค่ะ โอ๊ะโอ้ววว เขามาถึงบ้านแล้วน้อแถมฟ้าฝนก้อช่างเป็นใจ
 ถ้าเกิดใช่คุณพีจริงๆล่ะก้อแค่เลขที่บ้านตรงมันก็ชัดอยุ่แล้วว่าลูกไม้ป่าคือใคร
รอทุกวันค่ะ พนมมือรับพอร์นนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 28-10-2018 20:45:09
มาต่ออีกกกกกกก  อยากอ่านต่อออ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 28-10-2018 21:45:01
อู้ยยยยยยยย ฟ้าฝนเป็นใจจ้นนน :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 28-10-2018 22:36:02
ฝนตกมาทันเวลาพอดีอย่างกับตั้งใจ  :m20:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 29-10-2018 01:22:43
กรี๊ดดดดดด คุณเพ๊ขาา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-10-2018 11:50:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: dorabarin ที่ 29-10-2018 20:43:50
 :hao7: ตื่นเต้นเเทนภัทรข่าาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท1 28.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-10-2018 02:58:38
ตอนเช้าเห็นบ้านเลขที่จะรู้เลยไหมคะคุณพี  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (1/2) 31.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 31-10-2018 16:06:11

2



   ครั้นจะปฏิเสธไม่ให้ค้างก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้านายแถมสาเหตุที่ต้องติดฝนก็เพราะแวะมาส่งภัทรที่บ้าน ทำให้เขาต้องปล่อยให้คุณภาสกรหลบฝนอยู่ในบ้านตัวเองสักพัก ระหว่างรอให้ฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระหน่ำง่าย ๆ ภัทรก็ตัดสินใจไปชงชาร้อน ๆ ให้คุณภาสกรอีกสักแก้ว ดีกว่าเราจะมานั่งมองหน้ากันแก้เก้อ
   “ขอบคุณครับ ถ้าคุณง่วงนอนก็ขึ้นไปนอนได้เลยนะ ผมไม่ขโมยของในบ้านคุณหรอก ถ้าฝนหยุดแล้วผมจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด” คุณภาสกรว่าพร้อมกับรับถ้วยชาจากของมือภัทร
   “จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ ที่คุณภาสกรติดฝนก็เพราะมาส่งผมนี่นา” ภัทรว่าพร้อมกับมองไปทางหน้าต่างเพื่อดูท่าทีของฟ้าฝนข้างนอกอีกครั้ง ตอนนี้ฝนก็กระหน่ำลงมาได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ เลย
   “เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่าครับ” ธนภัทรว่า นอนน้อยสักคืนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณภาสกร คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาเกินไปสำหรับเขา
   เราต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่โปรยกระหน่ำลงมาเท่านั้นที่ทำให้หูเราไม่ว่างจนเกินไป ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นระหว่างเราอีกครั้ง ภัทรมองไปอีกทาง คุณภาสกรเองก็มองอีกทาง เรานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แต่ไม่พูดกันสักประโยค ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี เพราะเรื่องที่อยากรู้ก็ถามไปให้ห้องคาราโอเกะไปหมดแล้ว
   “สงสัยพายุเข้า จวนจะตีสองอยู่แล้ว ยังไม่มีท่าทีหยุดง่าย ๆ เลย” หลังใช้เวลาเค้นสมองอยู่นาน ในที่สุดภัทรก็ได้คำตอบแล้วว่าจะชวนคุณภาสกรคุยเรื่องอะไร   
   “คงงั้นมั้งครับ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ตามข่าวกรมอุตุฯอยู่ด้วย”
   “ดูท่าฝนอาจจะตกถึงเช้า….งั้นคืนนี้คุณภาสกรค้างที่บ้านผมก่อนดีกว่าไหมครับ” ธนภัทรตัดสินใจถามออกไป หลังคิดอยู่นานว่าควรชักชวนคุณภาสกรนอนค้างที่นี่ดีไหมและดูท่าแล้วฝนคงไม่หยุดตกในเร็ว ๆ นี้ด้วย
   ตัวภัทรยังไงก็ได้ เขาแค่เสนอทางเลือกอีกทางให้คุณภาสกรเท่านั้น หากคุณเขาไม่อยากค้างตามคำชวน ภัทรก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่หากคุณเขาจะค้าง ภัทรจะได้รีบไปจัดที่นอนเตรียมไว้ให้คุณเขา เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วอีกอย่างภัทรเองก็เริ่มง่วง
   “ฝนคงไม่หยุดตกง่าย ๆ ตามที่คุณพูดจริงด้วย” ว่าจบคุณเขาก็ทำท่ามองฟ้าฝนข้างนอก ก่อนจะหันมาสบตากับเจ้าของบ้านตัวเล็กอีกครั้ง
   “......”
   “งั้นคืนนี้ผมขอรบกวนคุณภัทรอีกสักเรื่องแล้วกันนะครับ”
   “ได้ครับ.....งั้นคุณภาสกรรอผมอยู่ข้างล่างสักสิบนาทีนะครับ ผมขอไปจัดการเตรียมที่นอนข้างบนก่อน”
   หลังได้ข้อสรุปแล้วว่าคุณภาสกรจะอยู่ค้างที่นี่สักคืนหรือรอจนฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับ ธนภัทรจึงขอตัวขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เพื่อไปเตรียมที่นอนให้กับคุณเขาและเตรียมพวกผ้าเช็ดตัว ข้าวของเครื่องใช้ชุดใหม่ เผื่อคุณภาสกรอยากจะอาบน้ำก่อนนอน
   ภัทรตัดสินใจแล้วว่าจะให้คุณภาสกรนอนค้างห้องตัวเอง ส่วนเขาจะไปนอนกับหลานสักคืน สิ่งที่ภัทรต้องทำเป็นสิ่งแรกหลังจากตัดสินใจเช่นนั้นก็คือเขาต้องเก็บหลักฐานความชอบหลาย ๆ อย่างของตัวเองที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางให้มันไปอยู่ในที่ ๆ ที่ควรอยู่อย่างเช่นในตู้สะสม
   ต้องยอมรับว่าบางครั้งช่วงเงินเดือนออกใหม่ ๆ ภัทรก็หน้ามืดซื้อของอย่างไร้ขอบเขตอยู่หลายครั้ง จนของบางอย่างภัทรซื้อมา จนถึงป่านนี้เขายังไม่มีเวลาได้เปิดมันด้วยซ้ำ มันจึงถูกวางอยู่ข้างนอก ไม่ได้เก็บเข้าตู้สะสมอย่างที่ควรจะเป็น
   บางกล่องรู้ว่าข้างในเป็นอะไร ใครส่งมาให้ก็ถูกลัดคิวเปิดก่อน บางกล่องมาถึงเป็นเดือนแล้ว เขายังไม่มีเวลาได้แกะมันด้วยซ้ำ ดังนั้นวันนี้ภัทรจึงได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายพวกมันเสียที เขายังไม่เปิด แต่เก็บเอาเจ้ากล่องพัสดุทั้งหลายไปกองไว้ในที่ ๆ ควรจะอยู่ นั่นก็คือข้างตู้สะสม
   ภายในห้องนอนของภัทรถูกแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ว่าจะเป็นมุมทำงาน มุมพักผ่อนและมุมสะสมของรักของหวงของตัวเอง ห้องของภัทรไม่ได้กว้างมากมาย เขาใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน กว่าจะแบ่งสรรปันส่วนให้มันลงตัวเช่นนี้
   หลังจากเก็บข้าวของและจัดที่นอนใหม่แล้ว เขาก็กวาดสายตารอบ ๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อตรวจตราว่าตัวเองได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้อีกหรือเปล่า
   ที่ภัทรต้องเก็บทุกอย่างไว้เช่นนี้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณภาสกรรู้ความชอบของตัวเอง มันเป็นความชอบที่ค่อนข้างส่วนตัวในความคิดของภัทร ความชอบของใครของมันและเขาไม่อยากให้คุณภาสกรคิดไปต่าง ๆ นานา หลังจากเห็นความชอบส่วนตัวของเขา ดังนั้นภัทรควรตัดปัญหาตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่า ขนาดเจ้าโอ๊ต ภัทรยังไม่อยากให้มายุ่งเลย เมื่อมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรแล้ว ภัทรก็ลงไปเรียกคุณภาสกรให้ขึ้นมา
   “ห้องผมมันอาจจะคับแคบไปหน่อยนะครับ” ภัทรออกตัว บอกคุณภาสกรให้เตรียมใจไว้ก่อน ห้องนอนของเขาคงไม่ได้กว้างขวางเทียบเท่าห้องที่คุณเขาเคยอยู่มาแน่ ๆ
   “ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ ผมไม่ใช่คนติดหรูนะ” คุณภาสกรว่าพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอนติด ๆ
   ดวงตาคมกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องนอนขนาดน่ารักของธนภัทร ไม่ได้แสดงท่าทีอึดอัดหรือทำท่าจะอยู่ไม่ได้อย่างที่ภัทรกังวลเอาไว้ นั่นทำให้พนักงานตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
   “ห้องคุณไม่เห็นจะคับแคบเลยครับ ก็เหมาะสมกับขนาดตัวคุณนั่นแหละ”
   “นี่คุณจะบอกว่าผมตัวเล็กเหรอครับ”
   “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่บอกว่าห้องนอนก็สมกับขนาดตัวคุณ”
   “ก็ห้องนอนผมมันเล็ก”
   “เอาเป็นว่าคุณจะเข้าใจยังไงก็ได้ที่จะไม่ทำให้คุณโกรธผม” คุณภาสกรว่าพร้อมเผยรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือวิสาสะนั่งตรงปลายเตียง
   “เฮ้อ....แล้วนี่คุณจะอาบน้ำเลยไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามอีกครั้ง
   “ก็ว่าจะอาบเลยครับ ตอนนี้ผมเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวแล้ว”
   “โอเคครับ ผมเตรียมของไว้ในห้องน้ำให้แล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปนอนห้องหลานก่อนนะครับ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงผมต้องตื่นไปทำงานแล้ว” ธนภัทรว่าต่อ ทำท่าจะขอตัวออกจากห้องไป แต่ถูกคุณภาสกรรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเสียก่อน
   “อ้าว ผมก็นึกว่า....”
   “นึกว่าอะไรครับ” ธนภัทรถามต่อพร้อมกับทำหน้างง
   “ก็นึกว่าคืนนี้เราจะนอนด้วยกัน”


“โอ๊ต...โอ๊ตครับ เปิดประตูให้น้าหน่อย”
   “......”
   “โอ๊ตครับ.....”
   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ธนภัทรไม่ว่าเปล่า แต่เคาะประตูพร้อมกับเรียกชื่อหลานไปด้วย หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าคืนนี้เขาจะนอนห้องหลาน ส่วนห้องตัวเองก็ยกให้คุณภาสกรชั่วคราว ตอนนี้ความแรงของฝนก็ยังคงสม่ำเสมอ ไม่มีท่าทีจะหยุดตกง่าย ๆ มีบ้างที่ฟ้าร้อง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนทำให้ภัทรรู้สึกกลัว
   มือข้างหนึ่งกอดหมอนคู่ใจเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เคาะประตูห้องหลานชายอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่มีท่าทีว่าคนในห้องจะลุกมาเปิดประตูหรือขานรับกันเลยสักนิด ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ ยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงกันเข้าไปใหญ่
   ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา ลังเลว่าควรไปนอนข้างล่างดีไหม เพราะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องลุกแล้ว ขณะที่ธนภัทรกำลังลังเลอยู่นั่น ประตูห้องเขาก็ถูกเปิดออกมาโดยคุณภาสกร
   “ถ้าหลานคุณไม่เปิดห้องให้ ก็กลับมานอนห้องนี้สิครับ”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะไปนอนข้างล่างแล้ว”
   “ผมจะปล่อยให้คุณไปนอนข้างล่างก็ได้ยังไง ถ้าไม่สะดวกใจที่จะนอนห้องเดียวกัน เดี๋ยวผมลงไปนอนข้างล่างแทนคุณเอง” คุณภาสกรว่า
   “คุณเป็นแขกนะครับ” ธนภัทรแย้ง
   “แต่คุณเป็นเจ้าของบ้าน”
   “......”
   “เอายังไงครับ” คุณภาสกรถามต่อ
   “ถ้าคุณไม่ถือสาอะไร....งั้นเราก็นอนห้องเดียวกันก็ได้ครับ” ธนภัทรว่า ดูท่าทางแล้วคุณภาสกรยังไม่ปล่อยให้เขาไปนอนข้างล่างง่าย ๆ แน่
   สุดท้ายเราก็เดินกลับมาห้องนอนอีกครั้ง ภัทรเดินไปวางหมอนไว้ที่เดิม ก่อนจะหอบผ้าเช็ดตัว ชุดนอนตัวเองเตรียมจะไปอาบน้ำ ส่วนคุณภาสกรก็นั่งรออยู่บนเตียง มันค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา ต่างฝ่ายเหมือนยังอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง หลายครั้งที่ธนภัทรรู้สึกวางตัวไม่ถูก
   ค่ำคืนนี้เราอาจพูดคุยกันบ่อยก็จริง แต่ในความจริงเรารู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น รู้จักกันแค่ว่าคุณภาสกรเป็นเจ้านายและธนภัทรเป็นลูกน้อง
   “คุณภาสกรนอนก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะอาบน้ำก่อน”
   “ครับ....ว่าแต่ผมชาร์ตแบตที่ห้องคุณได้ใช่ไหม?”
   “ได้ครับ สายชาร์ตอยู่หัวเตียง”
   “ขอบคุณครับ”
   เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ภัทรจึงขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองต่อ หลังพ้นสายตาของคุณภาสกรมาได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้
    ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หลายครั้งที่ภัทรเกิดอาการเกร็งตัวอัตโนมัติ ยามที่คุยกับคุณภาสกร ยามที่ภัทรถูกคุณเขาจ้องตา บ่อยครั้งที่ภัทรมักจะลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูด ภัทรไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร กับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็สามารถสนิทสนม สนทนาได้อย่างลื่นไหลแล้ว แต่กับคุณภาสกรกลับไม่ใช่เช่นนั้น
   แม้บทสนทนาระหว่างเราในร้านคาราโอเกะจะค่อนข้างลื่นไหล แต่พอมาคุยกันข้างนอก ภัทรก็ยังเกร็งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราทำความรู้จักกันแรก ๆ
   ธนภัทรมองตัวเองในกระจกนานเกือบห้านาที ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดเพี้ยน ๆ ออกจากหัว ต้องยอมรับว่าตอนเห็นคุณภาสกรนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายของคุณเขาอยู่ในชุดนอนที่เป็นของภัทร จิตใจเขาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย มันชวนให้คิดถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรคิด
   ภัทรใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เขาออกมาในชุดพร้อมนอน ภัทรโยนผ้าเช็ดตัวใส่ตะกร้าซัก แล้วคว้าผ้าผืนเล็กอีกผืนมาเช็ดผมตัวเองที่กำลังเปียกอยู่ ตั้งใจว่าพอผมหมาด ๆ แล้ว เขาจะเข้านอนเลย ถึงผมผู้ชายจะแห้งเร็วกว่าผู้หญิง แต่ภัทรขี้เกียจรอแล้ว ได้นอนสักสองชั่วโมงก็ยังดีกว่าไม่ได้นอน
   “ภัทร....นี่ของคุณเหรอ” 
   ขณะที่ภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดผมเผ้าตัวเองอยู่นั้น คุณภาสกรก็ถามอะไรบางอย่าง ทำให้เขาหันไปตามเสียงเรียก หัวใจภัทรถึงกับกระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าในมือของคุณเขากำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ ภัทรเปิดตากว้างเล็กน้อย แสดงอาการลนลานออกมา หลังหลักฐานชิ้นโตที่คิดว่าเก็บใส่ตู้สะสมไว้หมดแล้ว กำลังอยู่ในมือคุณเขา!
   ถุงน่องลายลูกไม้ข้างหนึ่งกำลังอยู่ในมือคุณภาสกร!
   “อ—เอ่อ.....” อาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกมันเป็นเช่นไร ภัทรก็เพิ่งเข้าใจวันนี้
   ภัทรไม่รู้ว่ามันหลุดรอดสายตาเขาไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณภาสกรถึงไปเจอมัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้คุณภาสกรกำลังมองถุงน่องลายลูกไม้ของเขาอย่างพินิจพิจารณา ในขณะที่ภัทรเองก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยังทำตัวไม่ถูก สมองหยุดประมวลผลชั่วคราว
   ยิ่งเห็นนิ้วยาวของคุณเขากำลังสัมผัสกับเจ้าถุงน่องลายลูกไม้ที่มีรูปดอกกุหลาบปักอยู่อย่างแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเอานิ้วถูวน ๆ ตรงลายปักนั่นอีก ยิ่งทำให้ภัทรลนลาน ไม่รู้จะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร
   “ดูท่าน่าจะขาดง่าย....สั่งมาจากเว็บจีนเหรอครับ” คุณเขาถามต่อหน้าซื่อ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นอกจากจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับเรากำลังคุยเรื่องฝน ฟ้า อากาศกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้คนมีความลับอย่างภัทรรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
   “ไม่ใช่ของผมนะครับ!” ภัทรโพล่งออกไป เขาไม่ว่าเปล่า แต่รีบลุกขึ้นไปแย่งหลักฐานชิ้นโตของตัวเองออกมาจากมือของคุณเขาโดยพลัน
   “เอ่อ...เดิมทีห้องนี้เป็นห้องพี่สาวของผม ตอนที่เธอย้ายไป เธอน่าจะลืมเก็บไปด้วย”
   หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังแสดงพิรุธออกมา ธนภัทรก็รีบโกหกคำโตต่อ พยายามทำตัวให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาเป็นคนโกหกไม่เก่ง แม้แต่เด็กก็ยังดูออก เวลาโกหกเขามักจะไม่ค่อยกล้าสบตากับคู่สนทนา ดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองครั้งนี้ก็เช่นกัน
   “อ๋อครับ....น่าเสียดายจัง ผมก็นึกว่าคุณชอบลูกไม้เสียอีก”
   “ทำไมเหรอครับ” ธนภัทรถาม
   “ผมเคยศึกษาเรื่องผ้าลูกไม้มาบ้าง น่าจะแลกเปลี่ยนความรู้พวกนี้กับคุณได้” คุณภาสกรพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อยและยิ่งคุณเขายิ้มนี่แหละ ยิ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
   “......”
   “แต่คุณไม่ได้ชอบลูกไม้ใช่ไหมครับ” คุณเขาถามให้แน่ใจอีกครั้ง
   “ผมไม่ได้ชอบครับ! อันนี้เป็นของพี่สาว” ภัทรว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในความจริงเขาจะตาลุกวาวตอนได้ยินว่าคุณภาสกรบอกว่าเคยศึกษาเรื่องผ้าลายลูกไม้มาบ้างก็ตาม
    หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ภัทรคงจะหัวใจพองโตมาก เพราะนาน ๆ ทีถึงจะมีคนคุยเรื่องผ้าลายลูกไม้กับเขา อีกฝ่ายคงศึกษามาจริง ๆ ถึงรู้ว่าถุงน่องลูกไม้ชิ้นนี้ผลิตมาจากไหน ภัทรจำได้ว่าเขาสั่งมาจากเว็บจีน เพราะเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วมันสวยดีเลยลองสั่งมา เขาเคยลองเอามาใส่เพื่อลงรูปในทวิตเตอร์อยู่สองสามครั้งแล้วก็ไม่ได้ใส่อีก   ผ้าลูกไม้แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน หากคนที่อยู่ในแวดวงผ้าลูกไม้มานาน แค่ได้สัมผัสแล้วสังเกตลวดลายก็รู้แล้วว่าแต่ละชิ้นผลิตมาจากที่ไหน เพราะแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
   “แล้วคุณภาสกรไปเจอมันที่ไหนเหรอครับ” ภัทรถามต่ออย่างสงสัย เขาเช็กหมดแล้วนี่ว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในห้อง แต่ทำไมคุณเขาถึงยังเจอมันอีก
   “ตอนที่ผมจะโน้มตัวไปชาร์จแบตโทรศัพท์ เหลือบไปเห็นว่ามันตกอยู่หลังตู้ข้างหัวเตียงคุณพอดี”
   “อ—อ๋อ งั้นก็ขอบคุณครับ พี่สาวผมหาถุงน่องอีกข้างอยู่ตั้งนาน” ภัทรว่าต่อ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ก็ยังไม่กล้าสบตากับคุณเขาอยู่ดี
   “......”
   “ผมคิดว่าตัวเองผมง่วงแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว หลังทำทีเดินเอาถุงน่องไปเก็บที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดผมไปตากไว้ให้เรียบร้อย
   เขาแสร้งทำตาปรือคล้ายคนง่วงนอนเต็มที ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียง ภัทรให้คุณภาสกรนอนฝั่งข้างประตูห้องเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ชาร์จแบต
   ภัทรไม่อยากอยู่ให้คุณเขาซักถามนานกว่านี้อีกแล้ว เพราะยิ่งเขาพูดมากแก้ต่างให้ตัวเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแสดงพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วคุณภาสกรก็อาจจะจับได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ เมื่อภัทรนอนหันหลังให้กับคุณภาสกร คุณเขาก็ถามต่อ
   “งั้นผมปิดไฟหัวเตียงเลยนะ”
   “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ภัทรตัดบท
   เขาข่มตาลงพร้อมกับอาการใจเต้นแรง จริง ๆ ในตอนแรกก็ง่วงจนตาจะปิดนั่นแหละ แต่พอคุณเขาเจอหลักฐานชิ้นใหญ่ของตัวเองเข้า อาการง่วงในตอนแรก็หายเป็นปลิดทิ้ง  แม้กระทั่งตอนนี้หัวถึงหมอนแล้ว แต่ภัทรกลับไม่สามารถหลับได้ ยังร้อนตัวกับเรื่องเมื่อกี้อยู่ ความกังวลกำลังเล่นงานภัทรเข้าอย่างจัง เขากังวลว่าคุณภาสกรจะจับได้ จะรู้ภัทรพูดปด
   ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่ไม่หลับกันทั้งคู่ ความเงียบและความมืดปกคลุมรอบตัวเรา ยังคงมีเสียงฝนเป็นฉากหลัง ไม่ให้ภายในห้องนอนเงียบจนเกินไป
   ภัทรรู้สึกว่าคุณเขาขยับตัว พลิกไปมาตอนอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนนอนไม่หลับ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ในขณะเดียวกันภัทรก็ลืมตามองกำแพงห้องตัวเองอย่างเงียบ ๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เขาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาหลังเห็นว่ามีการแจ้งเตือนจากโลกทวิตเตอร์ซึ่งน่าจะมาจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่
   “หายไปจากหน้าฟีดเลยนะครับ”
   “คุณอยู่หรือเปล่า?”
   “ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ”
   ภัทรถึงกับคลี่ยิ้มออกมาอัตโนมัติหลังเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร โดยปกติแล้วเขาตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ มันจะเด้งขึ้นหน้าจอก็ต่อเมื่อเป็นการแจ้งเตือนจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่เท่านั้น ถ้าคนที่ภัทรไม่ได้ติดตามกลับก็จะไม่แจ้งเตือน
   “บังเอิญจังเลยครับ”      
“ผมก็นอนไม่หลับอยู่พอดี”
      
   ภัทรไม่รีรอที่จะตอบกลับคุณพีไป รอเพียงไม่นานนักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอีก
   “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
   “กำลังนอนอยู่บนเตียงครับ”      
   “คิดเรื่องเครียดอยู่พอดี”      
   “คุณล่ะ?”   
   
   “กำลังนอนดูรูปที่คุณเคยถ่าย ๆ ส่งมาให้ผมดู”
   “แค่นอนดูเหรอครับ”   
   “เปล่าครับ...”
   “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรไปด้วย ขณะที่ดูรูปคุณ”
   ภัทรอ่านทวนประโยคล่าสุดจากคุณพีซ้ำอีกครั้ง ความกังวลในโลกของความจริงหายไปชั่วคราว เมื่อความรู้สึกร้อนวูบวาบจากคนในโลกออนไลน์กำลังเข้ามาแทนที่
   นานมากแล้วที่เราไม่ได้คุยเรื่องทำนองนี้กัน เพราะปกติเรามักจะคุยกันเรื่องผ้าลายลูกไม้กันมากกว่าจะคุยเรื่องใต้สะดือ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าคนอื่น ๆ  เพราะอีกฝ่ายไม่เจาะจงที่จะคุยเรื่องลามกกับเขามากเกินไป นาน ๆ ทีมีหน
   “ลามกจังครับ”   
   
   “ขอโทษครับ”
   “ถ้าคุณรู้แบบนี้ คุณรู้สึกอึดอัดกับผมหรือเปล่า”
   “บอกผมได้นะ ผมจะไม่พูดอีก”
   คราวนี้ภัทรถึงกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังเขาสัมผัสได้ถึงการแคร์ความรู้สึกของคู่สนทนาของคุณพี นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าใคร   
      “ไม่ครับ ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไร”   
“นาน ๆ ทีเราถึงคุยเรื่องแบบนี้กัน อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ส่งรูปแปลก ๆ เหมือนคนอื่นทำด้วย”   
   “ยังคุยต่อได้อยู่ครับ แต่อย่าส่งรูปแบบที่คนอื่นส่งมาก็พอ”
      
   ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป สิ่งเดียวที่เขาจะขอจากคุณพีก็คือเรื่องนี้จริง ๆ เพราะขนาดภัทรล็อกแอคแล้ว ในแต่ละวันยังมีพวกแอคที่ชอบส่งรุปอวัยวะเพศมาทักทายอยู่เรื่อย บางวันก็ส่งมาสองสามคน บางวันเขาลงรูปก็มีส่งหลังไมค์มาเกือบสิบคน ส่งมาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ถามเขาสักคำว่าเขาอยากเห็นมันหรือเปล่า
   ภัทรทำอะไรไม่ได้นอกจากกดบล็อกเท่านั้น ช่วยไม่ได้....เขาตัดสินใจเปิดบัญชีผู้ใช้นี้เอง ไหนจะลงภาพสุ่มเสี่ยงอีก ก็ต้องทำใจว่าต้องเจอคนจากโลกออนไลน์ทำนองนี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งวันไหนที่ภัทรอารมณ์ไม่ดี ก็มีการตอบกลับไปบ้าง ทำนองว่าของลับเล็กกว่าเจ้าของแอคลูกไม้ป่าอย่างเขา ทำให้พวกที่ชอบส่งของลับให้คนอื่นรู้สึกเสียความมั่นใจเล่น ๆ
   “โอเคครับ”
   “จะไม่มีการส่งอะไรแบบที่คุณกลัว”
   “เราลองคุยกันแบบ Dirty talk ดูไหมครับ”
   “ผมไม่เคยคุยทำนองนี้นะครับ”   
   “แต่ก็อยากลองอยู่เหมือนกัน”   
   ภัทรตอบกลับไป เขาตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ยิ่งฝนกำลังตกแบบนี้ ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี
   ภัทรพอจะรู้ว่าการพูดคุยแบบDirty talk คืออะไร Dirty talk ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บ้างก็คุยเชิงหยอกล้อ แซว ๆ กัน พูดเรื่องลามกให้พอขำขันเท่านั้น หากจริงจังหน่อยก็อาจจะคุยแบบสร้างอารมณ์ผ่านตัวอักษรให้คู่สนทนาเกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่า ซึ่งเขาและคุณพีจะคุยกันแบบไหน ก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะเลือกมา

“คุณพีเริ่มก่อนสิครับ”   
“ผมอยากลองแล้ว”   



สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ขอตัดก่อนนะคะ พยายามศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่ ไปสอบถามพวกบอทเขาก็ไม่คุยกับพาอะ เสียใจมาก แง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (1/2) 31.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-10-2018 19:06:13
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (1/2) 31.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-10-2018 22:22:44
เอิ่ม เขาจะนอนแชทกันแบบนี้ทั้งคืนไหมนะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (1/2) 31.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 01-11-2018 17:37:20
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 03-11-2018 21:57:15
   “ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในชุดแบบไหนเหรอ”
   “อยู่ในชุดผ้าลูกไม้ครับ ลายดอกเดซี่ที่คุณเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว”      
   “ผมอยากจะบอกว่า มันบางจนแทบปกปิดอะไรไม่ได้เลยครับ”   
   “แถมนอนคนเดียวด้วย”   
   ภัทรพิมพ์ไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ใช่....ภัทรโกหก เขาไม่ได้นอนคนเดียว คุณภาสกรกำลังนอนอยู่ข้างกาย เราต่างนอนหันหลังให้กันและกัน
   ภัทรไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับการที่ตัวเองพูดปด นี่มันโลกออนไลน์ เขาไม่จำเป็นต้องพูดความจริงทั้งหมดก็ได้และสิ่งที่คุณพีพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงทั้งหมดเสียหน่อย
   “ตัวนั้นผมซื้อมาจากอิตาลี ทันทีที่เห็นก็รู้เลยว่ามันเหมาะกับคุณ”
   “ว่าแต่ทำไมคุณถึงใส่ชุดแบบนั้นนอนครับ”
“จริง ๆ ผมก็ไม่ได้คลั่งจนถึงขั้นต้องใส่นอนหรอกนะครับ”
   “แต่ผ้ามันบาง ใส่แล้วหลับสบายดี”
   “จะว่าก็ว่าเถอะ เห็นบาง ๆ แต่ผ้าแข็งแรงมากเลยนะครับ ยืดหยุ่นดีด้วย”
   “ขนาดผมนอนถ่าง มันยังไม่ขาดเลย”
   หลังจากพิมพ์ประโยคสุดท้ายไป ภัทรถึงกับยิ้มออกมา ดวงตาสุกใสจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ ความสนุกกำลังจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเขาอยากรู้ว่าคุณพีจะตอบอะไรกลับมา หลังจากที่เขาพิมพ์ไปเช่นนั้น
   “ทำไมถึงนอนถ่างกันนะ?”
“ก็เวลาที่ได้คุยกับคุณพี...ผมมีอารมณ์”
   “ฮ่า ๆ เล่นแบบนี้เลยเหรอครับ”
   “งั้นผมจะเอาคุณ”
   “เอาคุณทั้ง ๆ ที่คุณอยู่ในชุดลูกไม้นั่นแหละ”
   “ผมก็จะแอ่นก้นให้คุณ ร้องขอให้คุณเข้ามาในตัวผมลึก ๆ”
“แล้วทำผมแรง ๆ”
   การฟาดฟันกันด้วยข้อความดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใคร จากการพูดหยาบโลนกันแบบผิวเผินก็เริ่มถลำลึกมากขึ้น ๆ ไม่มีใครที่คิดจะหยุดยั้งมัน หลายครั้งที่ภัทรเผลอเปิดเผยรสนิยม ความชอบของตัวเองให้คุณพีรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเล้าโลมหรือท่วงท่าที่คิดว่าตัวเองโปรดปรานมากที่สุด
   ข้างนอกสายฝนยังคงโปรยกระหน่ำ มอบความชุ่มชื้นให้กับผืนดินโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด บรรยากาศนอกบ้านกำลังเย็นเพราะฝนตกเป็นเวลานานหลายชั่วโมงติด ผิดกับจิตใจของภัทรที่เริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนไหวกับแต่ละประโยคที่คุณพีส่งกลับมา เขาอยากจะหยุดแต่ก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ คงต้องรอให้ใครสักคนยอมแพ้เสียก่อน เกมนี้ถึงจะสิ้นสุด
   “ผมจะใช้ปากจนกว่าคุณร้องขอให้ผมหยุด”
   “ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้น แต่ปล่อยให้ตัวเองเสร็จในปากคุณ”   
   ในที่สุดภัทรหลับตาลง เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะเลยเถิดมากขึ้นเรื่อย ๆ อกบางกระเพื่อมขึ้นตามแรงหายใจ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด เขาข่มตาลงและในขณะเดียวกันก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น
   เพราะตอนนี้ภัทรไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง จึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่ใจต้องการ ร่างกายของเขากำลังปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากถูกพิษของการคุยแต่เรื่องใต้สะดือเล่นงาน ภัทรขมวดคิ้วอยู่หลายครั้งหลายครา ความต้องการที่ยังไม่ปลดปล่อยกำลังทำให้เจ้าของร่างกายอย่างธนภัทร เริ่มกระสับกระส่าย
   เปรี้ยง!
   “อ๊ะ!” ภัทรหลุดเสียงร้องออกมา หลังจู่ ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังจนทำให้บ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลังและด้วยความตกใจ ทำให้ภัทรขยับเข้าไปชิดคุณภาสกรที่นอนอยู่ข้าง ๆ กันโดยอัตโนมัติ จนทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ภัทรลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก เกรงว่าอาการกลัวเสียงฟ้าผ่าของตนเองจะทำให้คุณภาสกรที่อาจหลับไปแล้วตื่น
   “ข—ขอโทษครับ” ธนภัทรรีบเอ่ยขอโทษผู้เป็นเจ้านายก่อนจะรีบผละออกในทันที หลังเห็นว่าคุณเขาตื่นแล้วและเรากำลังสบตากันในระยะใกล้
   “คุณกลัวฝนเหรอ” คุณภาสกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มหู น้ำเสียงไม่ได้งัวเงียคล้ายกับคนเพิ่งตื่นนอนแต่อย่างใด
   “เปล่าครับ....ผมแค่กลัวเสียงฟ้าร้อง มันน่ากลัวเกินไป” ภัทรว่า
   สิ้นเสียงของภัทร ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้ง! เสียงดังสนั่นจนบ้านหลังเล็กของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง นั่นทำให้ภัทรถึงกับสะดุ้งโหยง ขยับเข้าใกล้คุณเขาอีกครั้ง
   “ขอโทษครับ....” ภัทรรีบเอ่ยขอโทษและผละออกอีกครั้ง
   “ไม่ต้องกลัวนะ คืนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียว” คุณภาสกรไม่ได้มีท่าทีรำคาญแต่อย่างใด กลับยื่นมือมาลูบหัวเจ้าของบ้านตัวเล็กเพื่อปลอบโยน ในขณะเดียวกันภัทรเองก็ไม่ได้ปัดสัมผัสของคุณเขาออก แต่ปล่อยให้คุณเขาลูบหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น เพราะใจยังสั่นกับเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่อยู่
   ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ มือของคุณภาสกรลูบกลุ่มผมของภัทรอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ในขณะที่ภัทรกำลังเคลิ้ม จวนจะหลับอยู่รอมร่อ ภัทรก็รู้สึกว่ามือของคุณภาสกรกำลังค่อย ๆ สอดเข้ามาตรงบริเวณหลังคอ คล้ายกับจะคว้าร่างภัทรให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด   
   “คุณภาสกรครับ...”
   “คุณกำลังตัวสั่นนะรู้ตัวหรือเปล่า กลัวเสียงฟ้าร้องมากสินะ” ธนภัทรอยากจะแย้งไปว่าตัวเขาไม่ได้สั่นตามที่คุณเขากล่าวอ้าง แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้ภัทรตัดสินใจไม่พูดมันออกไป
    ด้วยบรรยากาศนำพาหรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ใบหน้าเรากลับมาอยู่ห่างกันแค่คืบอีกครั้ง ภัทรรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นของคุณเขา มันทำให้ภัทรรู้สึกใจเต้นแรง อารมณ์วาบหวามตั้งแต่ตอนที่คุยกับคุณพีถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   ภัทรอยากเป็นคนเริ่มก่อนแต่เขาไม่มีความกล้าพอ กลัวคุณภาสกรจะปฏิเสธแล้วเราจะเข้าหน้ากันไม่ติด เขาเกรงว่าหลังจากนี้ไปตัวเองจะทำงานลำบากเอา
   ดวงตาของภัทรจับจ้องริมฝีปากของคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนจะละสายตาแสร้งมองไปทางอื่นแทน ทั้ง ๆ ที่ในความจริง เขาอยากลองสัมผัสริมฝีปากนั้นดูสักครั้ง แต่คงไม่ใช่แค่ภัทรคนเดียวที่รู้สึก เพราะในเวลาต่อมาริมฝีปากของภัทรก็ถูกคุณภาสกรบดขยี้มันอย่างช้า ๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือใหญ่ ภัทรไม่ได้ปัดมือคุณเขาอย่างที่ควรจะทำ แต่กลับมองการกระทำของคุณเขาด้วยอาการใจระส่ำแทน
   “ผมขอสัมผัสคุณมากกว่านี้ได้ไหม”
   “......” เป็นอีกครั้งที่ภัทรเลือกที่จะไม่ตอบ แต่หลับตาลงปล่อยให้คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากของเจ้าตัว นั่นยิ่งทำให้ภัทรใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนที่ริมฝีปากของเขาถูกคุณภาสกรบดขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือเสียอีก
   “อ้าปากหน่อยได้ไหม.....คนดี” หลังจากที่คุณภาสกรสัมผัสริมฝีปากส่วนนอกจนพอใจแล้ว เขาก็ออกคำสั่งกับภัทรอีกครั้ง
   ราวกับคำพูดของคุณภาสกรเป็นคำสอนของพ่อแม่ที่ภัทรต้องเชื่อฟัง เพราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ค่อย ๆ อ้าปากออก ปล่อยให้คุณเขาสอดลิ้นเข้ามาตวัดสัมผัสกับท่อนลิ้นของภัทรในโพรงปากของเขา ภัทรรู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังใจเต้นแรงจนเผลอกำชายเสื้อคุณเขาเอาไว้แน่น
   จากสัมผัสที่อ่อนโยนถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรุ่มร้อนและเราก็มีความเห็นตรงกันว่าต้องการมากกว่าแค่การจูบแล้วจบไป
   “คุณมีถุงยางหรือเปล่าครับ” ธนภัทรเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความขลาดอาย อายก็อาย แต่ความอยากได้มันมีมากกว่าจึงทำให้ภัทรตัดสินใจถามคุณเขาออกไป
   “มี...แต่อยู่บนรถ”
   “......” คราวนี้ภัทรถึงกับเงียบ
   “ไม่ได้สินะ.....” คุณภาสกรว่าพร้อมกับระบายยิ้มจาง ๆ
   “คุณภาสกรครับ! ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่ว่า....” ภัทรรีบโพล่งออกไป กลัวว่าคุณเขาจะเข้าใจผิด
   “ผมเข้าใจ....ยังไงความปลอดภัยต้องมาก่อนความต้องการอยู่แล้ว”
   “......”
   “ฝนหยุดแล้ว ผมว่าผมกลับดีกว่า”
   “ง—งั้นผมจะไปส่ง” ภัทรว่า
   “คุณไม่ต้องลงไปส่งหรอกเดี๋ยวผมเดินไปที่รถเอง คุณนอนพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า....ฝันดีอีกครั้งครับ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า ก็จูบหน้าผากภัทรเบา ๆ แทนคำปลอบโยน ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้ภัทรอยู่ในห้องเพียงลำพังด้วยความรู้สึกสุดแสนจะเสียดาย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-11-2018 22:21:16
อ้ากกกกก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 03-11-2018 22:57:45
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-11-2018 23:28:16
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดอยากให้เขาได้กัน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 04-11-2018 02:59:15
แม่ค๊าาาาาา กรี๊ดดๆๆๆๆๆ :ling1: :ling2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 04-11-2018 12:20:52
ขอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 04-11-2018 13:08:28
อื้อหืออออออออออออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2018 15:24:53
 :ling1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-11-2018 16:03:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-11-2018 16:04:28
โอ้โหหห อยากลอยเข้าไปในเรื่องแล้วโปรยถุงยางไว้ ค่อยออกมานั่งดูค่ะ ชอบตอนเขานอนคุยกันแบบ dirty talk คือลุ้นมาก นอนหันหลังให้กันน  :haun4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-11-2018 11:38:34
รอค่าา :jul1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท2 (2/2) 3.10.61
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 06-11-2018 23:32:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 07-11-2018 00:29:18


3

   “ไหน.....เรื่องมันเป็นยังไง เล่าซิ”
   “โธ่ เรื่องมันไม่มีอะไรเลยครับ คุณภาสกรเขาก็แค่ไปส่งภัทรเฉย ๆ”
   “พี่ไม่เชื่ออะ เล่ามาเลยนะภัทร ถือว่าเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องของเรา” พี่นัทว่าต่อพร้อมกับจ้องภัทรอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ ทำเอาคนเป็นน้องเล็กในแผนกถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
   เชื่อแล้วว่าคุณภาสกรฮอตในหมู่พนักงานบริษัท ไม่ต้องบรรยายให้มากความ เพราะทันทีที่ภัทรก้าวเท้าเข้ามาถึงแผนก พี่ ๆ ก็เข้ามารุมถามกันใหญ่ หลัก ๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องการที่คุณภาสกร ผู้บริหารระดับสูงอาสาไปส่งเขาถึงที่บ้าน
   “จะให้ภัทรเล่าอะไรล่ะครับ พวกพี่ก็เห็น ๆ กันอยู่นี่นา คุณภาสกรเขาเห็นว่าภัทรกลับทางเดียวกับเขา เลยอาสาไปส่งก็แค่นั้นเอง” ภัทรว่า  เขายังคงเป็นผู้ร้ายปากแข็งไม่พูดความจริงออกไป เพราะรู้ว่ามันอาจเป็นผลร้ายมากกว่าดี ไม่ใช่ภาพพจน์ของคุณภาสกรแต่รวมไปถึงหน้าที่การงานของเขาด้วย ดังนั้นภัทรจะไม่มีทางหลุดปากบอกใครเด็ดขาดว่าเมื่อคืนนี้เราไปถึงขั้นไหนกันแล้ว
   “มีแค่นั้นแน่นะ” พี่นัทถามอีกครั้ง
   “แน่นอนครับ เขาก็ดูแลพนักงานทุกคนนั่นแหละครับ อีกอย่างผมไม่มีรถส่วนตัวด้วย เขาก็เลยไปส่งเฉย ๆ” ภัทรว่า รู้หรอกว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่งจึงแสร้งจัดข้าวของเอกสารบนโต๊ะ แทนที่จะสบตากับคู่สนทนาอย่างที่ควรจะเป็น
   “โอเค พี่เชื่อก็ได้ เฮ้อ....แต่พี่เสียดาย ตอนอยู่ร้านคาราโอเกะภัทรน่าจะไลน์บอกพี่สักนิดก็ยังดีอะ พี่จะได้คีพลุกต่อหน้าคุณภาสกรสักนิดนึง”
   “ผมขอโทษครับ แต่เมื่อคืนคุณภาสกรเขานั่งข้างผมจริง ๆ ลำพังจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม เขายังจ้องเลย” ภัทรว่า เขาไม่ได้เติมแต่งแต่อย่างไร แต่คุณภาสกรแทบจะจ้องทุกการกระทำของภัทรจริง ๆ
   “ช่างมันเถอะ งั้นก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปแผนกอื่นก่อน”
   “ครับ” ดีที่พี่นัทไม่ได้ซักไซ้อะไรมากกว่านี้ ภัทรจึงไม่ต้องเดือดร้อนสร้างเรื่องโกหกเติมแต่งไปเรื่อย ๆ
   ตั้งแต่เมื่อคืน เขายังไม่ได้นอนเลยจนกระทั่งตอนนี้ แม้คุณภาสกรจะบอกว่าไม่ต้องลำบากไปส่งที่รถ ให้นอนพักผ่อนเอาแรงเสียเถอะ แต่คนที่เกือบจะได้เสียกัน ใครจะไปหลับลง แค่ภัทรหลับตา ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ผุดขึ้นมาในความคิดทันที
   แม้แต่ตอนนี้ภัทรยังอดโทษตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ยังคงกลัวว่าคุณภาสกรตีความหาว่าภัทรรังเกียจคุณเขาอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เถอะ ภัทรก็แค่เป็นห่วงความปลอยภัยของตัวเองเท่านั้น
   ธนภัทรพยายามสลัดความคิดอันฟุ้งซ่านของตัวเองออกจากหัว หลังจากนี้ไปใช่ว่าเขาจะเจอคุณภาสกรบ่อย ๆ เสียหน่อย หากคุณเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทบ่อยตามที่พี่นัทเคยบอกเอาไว้ นั่นก็หมายความว่าจะเข้าทีก็ต่อเมื่อมีการประชุมหรือไม่ก็มีเอกสารที่ต้องอนุมัติด้วยตัวเอง
   หลังจากนี้ไปเราอาจเจอกันด้วยความบังเอิญ ซึ่งอาจเป็นนาน ๆ ทีครั้งหรือไม่...เมื่อคืนอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันก็ได้ จากที่คำนวณแล้วคุณภาสกรคงเข้าบริษัทเดือนละไม่ถึงสิบห้าครั้ง
   ภัทรไม่ได้หวังสูงอยากสานต่อความสัมพันธ์กับคุณเขา เพียงเพราะเรื่องเมื่อคืนมันเกินกว่าหน้าที่ของพนักงานและเจ้านาย แต่พออะไรที่เกือบได้แล้วไม่ได้ มันย่อมค้างคาใจเป็นธรรมดา แม้อยากจะเลิกใส่ใจแล้ว แต่สมองก็ดันคิดอยู่เรื่อย ร่างกายวอนอยากจะเสียตัวให้คุณเขาให้มันจบ ๆ
   ภัทรกลับมาใส่ใจงานตรงหน้าอีกครั้ง ในขณะเดียวกันสมองของเขาก็คิดเรื่องอื่นไปด้วย หลัก ๆ ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องคุณเขาอีกอยู่ดี กลายเป็นว่าทั้งวันมานี้ แม้คุณภาสกรจะไม่มาให้เห็นหน้า แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถครอบครองพื้นที่ความคิดของภัทรได้อยู่ดี
   ภัทรทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองออกจากแผนกเป็นคนสุดท้าย เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพื่อพบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน ภัทรทำงานล่วงเวลามาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ปีนี้เขาสมควรได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นด้วยซ้ำ
   ดวงตาเรียวกวาดสายตารอบโต๊ะตัวเองเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าทำงานออกจากแผนกไปโดยไม่ลืมที่จะแวะปิดหลอดไฟเพื่อประหยัดพลังงานให้กับบริษัท
   ทำงานเพลิน ๆ ก็สามารถทำให้ภัทรรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวได้ เขายกมือข้างหนึ่งนวดหลังคอตัวเองเบา ๆ ขณะที่เดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์เตรียมจะลงชั้นข้างล่าง แทบทั้งชั้นเหมือนเหลือแค่ภัทรอยู่คนเดียว เขาก็เพิ่งรู้ว่าพนักงานที่นี่กลับบ้านตรงเวลากัน
   รอเพียงไม่นานลิฟต์ก็มาถึงชั้นของเขา แทนที่ภัทรจะเข้าไปทันทีที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างในนั้นและในเวลาเดียวกัน ภัทรก็ตระหนักได้ว่าตัวเองมาลิฟต์ผิดตัว เพราะลิฟต์นี้มีไว้ให้ผู้บริหารใช้เท่านั้น
   “ขอโทษครับ!” เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังใช้ลิฟต์ผิดตัว ธนภัทรก็รีบเอ่ยขอโทษขอโพยอีกฝ่ายในทันที ก่อนจะผงกหัวทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายแล้วตั้งท่าจะเดินหนี ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตาคุณเขา
   “เดี๋ยวสิ คุณภัทร!” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่าแต่ยังรั้งภัทรไว้ด้วยกันจับข้อมือ เพียงแค่ร่างกายเราสัมผัสกัน ภัทรก็รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
   “ค—ครับ?” ภัทรขานรับ ในจังหวะเดียวกันคุณภาสกรก็รีบผละออกจากข้อมือเขา
   “มาด้วยกันเถอะ....ไม่เป็นไรหรอก” เมื่อคุณภาสกรเมตตาให้เราใช้ลิฟต์ร่วมกัน ภัทรจึงผงกหัวและเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ตัวเดียวกันกับคุณภาสกร
   ความอึดอัดปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครชวนคุย เหมือนเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นแค่ความฝันเท่านั้น ซึ่งภัทรเองก็เข้าใจเหตุผลนั้นดี จะให้ทำท่าสนิทสนมกันเหมือนอย่างเมื่อคืนที่เกือบได้เสียกัน แต่ต้องมาพลาดท่าเพราะไม่มีตัวป้องกันก็คงไม่ใช่เรื่อง
   คุณภาสกรลงชั้นใต้ดิน ส่วนภัทรลงชั้นหนึ่ง อีกฝ่ายยืนอยู่ข้างหลัง เอาแผ่นหลังพิงลิฟต์ ส่วนภัทรยืนอยู่หน้าประตูมือข้างหนึ่งถือเสื้อสูทและมืออีกข้างก็กำสายกระเป๋าทำงานไว้แน่น ภัทรรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองตัวเลขที่ระบุชั้นลิฟต์ ภาวนาให้รีบถึงชั้นล่างเร็ว ๆ 
   “ทำไมถึงกลับบ้านช้ากว่าคนอื่นล่ะครับ ตามปกติคุณต้องเลิกบ่ายสามไม่ใช่เหรอ” ก่อนที่ลิฟต์จะนำพาเราไปถึงชั้นล่าง คุณภาสกรก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
   “พอดีผมเหลืองานที่ต้องสะสางอีกนิดหน่อยครับเลยอยู่ต่อทำจนเสร็จดีกว่า” ภัทรตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองคุณเขา
   “หัวหน้าแผนกที่รับผิดชอบคุณไม่ได้บอกเหรอครับ ทางบริษัทไม่มีนโยบายให้พนักงานล่วงเวลา” คุณภาสกรเอ่ยถามต่อ น้ำเสียงคล้ายจะดุภัทร
   “บอกครับ....แต่ผมลืม” ภัทรโกหก
   “ครับ....ทีหลังอย่าทำงานล่วงเวลาอีกนะครับ ไม่งั้นแผนกคุณอาจโดนหักคะแนนได้”
   “ครับ เข้าใจแล้วครับ” ภัทรขานรับอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมเราอีกครั้ง ตึกนี้มีทั้งหมดสิบหกชั้นตอนนี้เพิ่งมาถึงชั้นที่แปด เหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่งกว่าจะถึงชั้นล่าง
   “เมื่อคืน....คุณหลับสบายดีไหมครับ” ก่อนที่ลิฟต์จะนำพาเราทั้งคู่ไปถึงชั้นล่างด้วยกัน คุณภาสกรก็เอ่ยปากถามภัทรอีกครั้ง
   “ครับ หลับสบายดี”
   “แล้วคุณได้บอก.....”
   “ไม่ครับ ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟัง” ไม่ต้องรอให้คุณภาสกรพูดจบประโยคดี ภัทรสามารถตอบได้ทันที....มันเป็นเรื่องธรรมดา คนระดับนี้ต้องเป็นห่วงภาพลักษณ์ตัวเองอยู่แล้ว
   “ผมไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหรอกนะครับ แต่ผมเป็นห่วงความปลอดภัยคุณ” คุณเขาว่า บอกจุดประสงค์ของตัวเองให้พนักงานตัวเล็กได้รับรู้
   “ผมเข้าใจครับ” ภัทรตอบเสียงแผ่ว ในบริษัทมีคนหลายร้อยพ่อพันแม่ที่ต้องทำงานด้วยกัน ต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป และรวมไปถึงคนขี้อิจฉากลัวคนอื่นได้ดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องดี หากจะแสดงออกว่าสนิทสนมกับผู้บริหารเป็นการส่วนตัว
   จังหวะที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ภัทรแทบจะพุ่งออกจากลิฟต์ในทันที แต่คุณภาสกรก็ไม่ปล่อยให้เขากลับบ้านง่าย ๆ อีกนั่นแหละ
   “ เดี๋ยวสิ ภัทร!” คุณเขาตะโกนเรียกชื่อภัทรเสียงดัง นั่นทำให้เจ้าของชื่อต้องหยุดเดินครู่หนึ่ง
   “......”
   “วันนี้ให้ผมไปส่งคุณอีกนะครับ”
   เพราะคำขอของคุณภาสกรถึงทำให้ภัทรได้มานั่งข้างคนขับเช่นนี้ เหมือนเหตุการณ์ฉายวนอีกครั้ง แต่บรรยากาศกลับแตกต่างจากครั้งแรก ความอึดอัดระหว่างเราที่เคยก่อตัวขึ้นอยู่บ่อยครั้งวันนี้กลับไม่มี แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้ชวนกันพูดคุย ต่างฝ่ายต่างเงียบ คุณภาสกรทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนภัทรก็มองข้างทางไปเรื่อย
   “นี่ก็ค่ำแล้ว คุณกินข้าวเย็นหรือยังครับ” หลังพ้นช่วงรถติดมาได้ คุณภาสกรก็เอ่ยถามภัทรพร้อมกับชำเลืองมองกระจกข้าง ๆ ไปด้วย
   “ยังเลยครับ” ภัทรว่า อยากจะตอบต่อว่าอีกฝ่ายก็เพิ่งเห็นนี่ว่าภัทรเพิ่งเลิกงานเมื่อกี้เอง จะเอาเวลาที่ไหนกินข้าว แต่สุดท้ายธนภัทรก็เลือกที่จะเงียบและตอบไปแค่นั้น
   “งั้นเราแวะทานของอร่อย ๆ กินก่อนที่จะไปส่งคุณดีกว่า ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
   “ครับ?” คราวนี้ภัทรหันไปมองหน้าคุณเขาด้วยความงุนงง
   “ผมรู้จักร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง ย่านวงเวียนใหญ่ เป็นร้านอาหารโปรดของครอบครัวผม อร่อย ราคาไม่แพงด้วยอยากให้คุณลอง”
   แทนที่คุณภาสกรจะขยายความหรือพูดอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่กลับตีมึนแล้วเล่าเรื่องร้านอาหารแทน เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากคุณเขาจะไม่ถามความสมัครใจของภัทรเลยสักนิด ยังเปลี่ยนเลนรถอย่างถือวิสาสะอีกต่างหาก แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังทางกลับบ้านภัทร กลับพาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ มุ่งตรงไปย่านวงเวียนใหญ่อย่างที่คุณเขาว่าแทน
   “นี่เราจะไปกินข้าวกันเหรอครับ?”
   “ใช่ครับ ผมกำลังพาคุณภัทรไปทานข้าว” คุณภาสกรตอบเสียงซื่อ
   ในเวลาเพียงไม่นานเราก็เดินทางมาถึงวงเวียนใหญ่จนได้ แม้คุณภาสกรจะพูดเองเออเองสำหรับเรื่องการแวะกินข้าวครั้งนี้ แต่ภัทรไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาแต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่าการแสดงออกเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ารัก อีกทั้งนี่คือความต้องการของคุณเขา ใครจะกล้าขัดคำสั่ง
   เพราะนอกจากชื่อและตำแหน่งในบริษัท เราก็ไม่รู้จักเรื่องส่วนตัวของกันเลย ทำให้ภัทรอดทึ่งไม่ได้ที่คุณภาสกรพาแวะกินร้านข้างทางแทนที่จะเดินเข้าร้านหรูอย่างที่คิดไว้
   ภัทรไม่ได้รังเกียจอาหารข้างทางที่จอดขายตามริมริมฟุตบาธ มันเป็นร้านธรรมดาระดับชนชั้นอย่างเขา แต่ที่ภัทรอึ้งก็เพราะไม่คิดว่าระดับคุณภาสกรกินร้านตามริมฟุตบาธเช่นนี้ ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณเขามีเงินเป็นพันล้าน จะกินร้านหรูแค่ไหนก็ย่อมได้
   “ร้านนี้แหละครับ อาหารอร่อยมาก คุณภัทรนั่งก่อนสิ....เดี๋ยวผมเดินไปสั่งเมนูแป๊บหนึ่ง” คุณภาสกรว่าพร้อมกับพยักพเยิดให้ภัทรนั่งเก้าอี้เฝ้าโต๊ะที่ว่าง ๆ ไว้ก่อน แล้วคุณเขาก็เดินไปสั่งเมนูกับแม่ค้าที่กำลังปรุงอาหารอยู่หน้าเตาอย่างชำนาญการ
   “ไม่ยักจะรู้นะครับว่าคุณภาสกรจะกินร้านข้างทางด้วย” หลังจากที่คุณเขากลับมานั่งที่โต๊ะ ระหว่างรอให้อาหารมาเสิร์ฟ ภัทรก็ชวนคุณเขาคุย
   “ทำไมล่ะครับ”
    “ก็คุณรวย.....ระดับคุณกินร้านภัตตาคารหรู ๆ ได้สบาย ๆ” ธนภัทรว่าอย่างซื่อตรง
   “แต่คนรวยก็คนนะครับ”
   “.......”
   “ถ้าร้านทำสะอาดและอร่อยทำไมผมจะกินไม่ได้ล่ะ” คุณภาสกรชี้แจงด้วยเหตุผล
   “ก็ผมเคยเห็นในละคร คนรวย ๆ ต้องกินร้านหรู ๆ อาหารถูกปรุงโดยเชฟชื่อดัง...”
   “นั่นคือในละคร แต่ผมคือคนในชีวิตจริง”
   “....ขอโทษครับ” ภัทรเอ่ยขอโทษอย่างไม่ลังเล หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมองคุณเขาในทางที่ไม่ดี มองว่าคุณภาสกรเป็นพวกผู้ดีตีนแดง ทั้ง ๆ ที่คุณภาสกรติดดินขนาดนี้
   “จะขอโทษทำไมล่ะครับ ดีเสียอีก เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” คุณภาสกรว่า ใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณเขายังคงเปื้อนด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นเดิม ไม่ได้แสดงออกถึงความหงุดหงิดที่เห็นภัทรมองตัวเองในแง่ลบเลยแม้แต่นิด
   “แล้วคุณภาสกรมาทานที่นี่บ่อยหรือครับ” ภัทรเปลี่ยนเรื่องคุย
   “ไม่บ่อยหรอกครับ นาน ๆ ทีมาครั้ง ส่วนใหญ่จะวานให้แม่บ้านซื้อเข้าไปมากกว่า” เราพูดคุยกันอีกสองสามประโยค อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี
   ร้านที่คุณภาสกรพามากิน ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง แต่เป็นร้านที่ขายหลายเมนู เมนูที่ดูขึ้นชื่อของทางร้านมากที่สุด น่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น คุณเขาหายไปสั่งเมนูกับแม่ค้าแป๊บเดียว แต่อาหารมาเสิร์ฟแทบล้นโต๊ะ มีทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น หอยแมลงภู่อบใบโหระพา ต้มยำรวมทะเลและปูผัดผงกะหรี่
   “สั่งมาเยอะจังเลยครับ” ภัทรว่า หลังอาหารที่คุณเขาสั่งได้มาเสิร์ฟจนครบแล้ว มันเยอะจนเขาไม่แน่ใจว่าลำพังแค่เราสองคนจะกินกันหมดไหม
   “ก็อยากให้คุณได้ลองกินไงครับ อร่อยจริง ๆ นะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยังใจดีตักกุ้งอบวุ้นเส้น อาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเอกของทางร้านให้ภัทรอีกด้วย
   “ขอบคุณครับ”
   ระหว่างทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน คุณภาสกรดูแลภัทรดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตักอาหารให้ชิมหรือรินน้ำใส่แก้วให้อยู่บ่อยครั้ง ทำเอาคนที่อาศัยติดรถกลับบ้านด้วย เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว คุณภาสกรดูแลภัทรดีมากราวกับอีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารแห่งนี้ด้วยซ้ำ
   “ไม่เอาครับ ผมจ่ายเอง” ภัทรรีบคว้ากระเป๋าตังค์และปฏิเสธความหวังดีของคุณภาสกรในทันที หลังเห็นว่าคุณเขาทำท่าจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้
   “ผมเลี้ยงครับ”
   “ไม่ได้นะครับ แค่พามาทานข้าวผมก็เกรงใจแล้ว” ภัทรว่า ยังยืนกรานที่จะรับผิดชอบค่าอาหารร่วมกับคุณภาสกรให้ได้
   “งั้น....ถ้าคุณภัทรอยากจะรับผิดชอบค่าอาหารร่วมกัน ไว้เลี้ยงผมตอนทานของหวานก็ได้ครับ ข้ามฝั่งไปจะมีร้านทับทิมกรอบเจ้าดังอยู่” คุณภาสกรเสนอทางออกให้
   “ค่าทับทิมกรอบอย่างมากก็ไม่เกินห้าสิบบาทต่อถ้วย แต่มื้อนี้ขั้นต่ำน่าจะเป็นพันเลยนะครับ” ธนภัทรยังคงเถียง เพราะยังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบผู้เป็นเจ้านายอยู่ ของหวานอย่างมากสุดก็คงกินได้ไม่เกินสามถ้วยแน่ มูลค่าของหวานสามถ้วยยังไม่ได้ครึ่งของราคาอาหารมื้อนี้เลยด้วยซ้ำ
   “แต่ผมเป็นเจ้านายนะครับ จะให้คุณมาแชร์ค่าอาหารทั้ง ๆ ผมลากคุณมาด้วยก็คงไม่เหมาะเท่าไรเหมือนกัน” คุณภาสกรเองก็ไม่ยอม
   “......”
   “งั้นตกลงตามนี้นะ”
   สุดท้ายภัทรก็ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงของหวานแทน เพราะคุณภาสกรไม่สะดวกใจที่จะให้เขาช่วยออกค่าอาหารคาวจริง ๆ
   หลังจากออกจากร้านอาหารเสร็จ เราก็เดินข้ามสะพานลอย เดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงร้านที่คุณเขากล่าวถึง เราแวะเข้าร้านทับทิมกรอบเจ้าดังที่เปิดขายอยู่วงเวียนใหญ่
   ทั้งภัทรและคุณเขา เราใจตรงกัน สั่งรวมมิตรมาคนละถ้วย ในถ้วยที่สั่งไปจะมีทั้งทับทิมกรอบ แห้วสวรรค์และซ่าหริ่มรวมอยู่ในถ้วยเดียว เรากินไปคนละหนึ่งถ้วย เอาพอให้หอมปากหอมคอ ราคาต่อถ้วยประมาณสี่สิบบาท ถือว่าไม่ถูกและแพงจนเกินไป
   “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ร้านที่คุณพาไปอาหารอร่อยมาก วันหลังผมจะได้พาหลานไปกินอีก” ภัทรเอ่ยขอบคุณคุณภาสกร หลังรถหรูมาจอดสนิทที่หน้าบ้านของเขาแล้ว
   “ถ้าจะพาหลานไปก็บอกผมได้ เดี๋ยวผมพาไปเอง ไปเองเปลืองค่ารถเปล่า ๆ”
   “งั้นถ้ามีครั้งหน้า ผมต้องเป็นเจ้ามือนะครับ” ภัทรต่อรอง
   “ก็ได้ครับ ตามใจคุณ”
   “......”
   “คุณภัทรครับ....จะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าผมจะขอเบอร์คุณเอาไว้” คุณภาสกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก คล้ายว่ากลัวจะถูกปฏิเสธ
   “ได้สิครับ” เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ภัทรจึงให้เบอร์คุณเขาอย่างไม่ลังเล เราพิรี้พิไรอยู่ในรถนานสองนาน จริง ๆ ภัทรควรจะขอตัวเข้าบ้านได้แล้ว เพราะหลานอยู่บ้านคนเดียว แต่เขากลับไม่อยากรีบลง เพราะบรรยากาศบนนี้กำลังดีได้ที่
   “ภัทรครับ.....”
   “ครับ?” ภัทรขานรับในทันทีที่ได้ยินว่าคุณเขาขานชื่อ
   “จะเป็นอะไรไหม ถ้าผม.....ผมขอจูบคุณอีก” ตอนแรกเหมือนคุณภาสกรจะลังเล แต่สุดท้ายก็พูดอย่างตรงไปตรงมา คราวนี้ธนภัทรถึงกับเงียบ เดาใจคุณภาสกรไม่ถูก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คำขอของคุณเขา มันกำลังทำให้ใบหน้าภัทรร้อนฉ่าไปหมด
   “คุณภาสกรไม่คิดว่า มันเกินขอบเขตของเจ้านายลูกน้องไปหน่อยเหรอครับ” นานนับนาทีกว่าภัทรจะตอบ
   “นอกเวลางาน เราไม่ใช่เจ้านายลูกน้องกันหรอกนะครับ”
   “แต่ตอนที่อยู่ร้านอาหาร คุณเพิ่งอ้างเรื่องเจ้านาย ลูกน้องไปเองนะครับ” ภัทรแย้ง
   “.......”
   “อีกอย่าง....นอกเวลางานของคุณภาสกรนี่ รวมไปถึงเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่าครับ”
   “ใช่ครับ ไม่มีเจ้านายลูกน้องที่ไหนเขาจูบกันหรอก” เมื่อธนภัทรเอ่ยถามอย่างซื่อตรง คุณภาสกรก็ตอบตรง ๆ เช่นกัน แม้มันจะดูแรง หวือหวาไปเสียหน่อย เพราะเราเพิ่งรู้จักกันเพียงระยะเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับถูกใจคนฟังอย่างภัทรหนักหนา เพราะจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง แต่เราคิดตรงกันต่างหาก
   เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของความสัมพันธ์นี้แล้ว ภัทรก็ไม่รีรอที่จะมอบในสิ่งที่คุณเขาขอมา เพราะภัทรเองก็อยากสัมผัสความรู้สึกแบบเมื่อคืนเช่นกัน เรื่องลีลาปล่อยให้เป็นกิริยาของนางเอกหลังข่าวเถอะ เพราะในชีวิตจริงถ้ามัวอ้อยอิ่งก็คงไม่ทันการ
   ภัทรเอียงหน้าเล็กน้อย เพื่อให้เราจูบกันได้ถนัดถนี่ขึ้น เราจูบกันเพียงไม่นาน เรียกว่าเอาปากแนบปากน่าจะใช่กว่า เพราะไม่มีการรุกล้ำอะไรที่มากกว่านั้น
   “จูบผมอีก....แล้วเรียกชื่อผมที” ผละออกจากกันได้ไม่ถึงนาที คุณภาสกรก็ร้องขอจูบอีกครั้ง อีกฝ่ายสั่งการพร้อมหลับตาพริ้มรอรับจูบหวาน ๆ จากธนภัทรอย่างเป็นเด็กดี
   “ภาสกร แปลว่า ดวงอาทิตย์ ชื่อเล่นผม....ชื่ออาทิตย์” คุณเขาว่า หวังจะได้ยินเสียงหวาน ๆ เรียกชื่อเล่นตัวเองให้ชื่นใจสักหน
   “คุณอาทิตย์” ภัทรไม่ได้ใสซื่อ เขากระซิบชื่อข้างใบหูผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับขบใบหูคุณเขาด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งไปประกบปากคุณเขาอีกครั้งอย่างไม่อิดออด
   แม้จะเป็นจูบที่บางเบาไม่ได้รุกล้ำดูเร่าร้อนพร้อมจะสานต่อเหมือนกับเมื่อคืน แต่แปลกที่ภัทรรู้สึกร้อนวูบวาบตรงบริเวณแก้มและใบหู เหมือนเราเพิ่งผ่านจูบแบบดูดดื่มมาหมาด ๆ มันทำให้เขาใจสั่น 
   “พอใจคุณอาทิตย์หรือยังครับ” ธนภัทรเอ่ยถาม หลังผละจากจูบรอบที่สอง
   “พอใจ....พอใจมากครับ”
   “.......”
   “นี่จะสามทุ่มแล้ว คุณเข้าบ้านเถอะ ฝันดีนะครับ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็รีบปล่อยตัวธนภัทรเข้าบ้านในทันที
   “ฝันดีเช่นกันครับ....คุณอาทิตย์”
   เมื่อภัทรได้ให้สิ่งที่คุณเขาขอไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะนั่งอยู่บนรถต่อ เขายิ่งรู้สึกดี เพราะเมื่อหันหลังแล้วมองกลับไป ก็ได้เห็นคุณอาทิตย์มองตามด้วยสายตาเว้าวอน เราส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายเลื่อนสายตาไปมองตู้ซองจดหมายที่ระบุบ้านเลขที่ของเขาเอาไว้

________________________________
#ภูมิแพ้ลูกไม้

ขอบคุณมากๆค่ะ ขอให้อ่านแล้วมีความสุขนะคะ,พาพา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 07-11-2018 00:46:49
อ้อยเก่งกันไปหมดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หืมมมมมมมมมมม  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 07-11-2018 03:18:18
โหหหห นี่แค่จูบเบาๆแถมยังไม่รุกล้ำนะเนี้ย นุตัยไพเรยยยยย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-11-2018 09:16:03
กุมใจแรงมาก รอเขาแชทกันนะ 55
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-11-2018 11:04:45
โอ้ยยยย เห็นบ้านเลขที่แล้วแน่เลยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 07-11-2018 11:36:22
โอ้ยยยยยยยยยยยย ถ้าต่างคนต่างรู้ว่าคือคนในทวิตจะเป็นยังไงน้อ อ่านละวูบวาบไปหมด  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-11-2018 13:11:47
 :o8:

ลุ้นนนนน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (1/2) 7.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2018 13:52:28
ไม่ต้องเนียมกันแล้วเดี๋ยวไม่ได้กิน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 08-11-2018 01:43:07
         



     “เอ้ย!”




            “รถใครอะ น้าภัทร”



            “โธ่....โอ๊ตมาแอบอยู่ข้างประตูทำไมเนี่ย น้าตกใจหมด” ธนภัทรเอามือลูบอกตัวเอง หลังตกใจเมื่อจู่ ๆ หลานชายตัวดีก็โผล่ออกมาจากหลังผ้าม่านข้างประตูยิ่งกว่าหนังระทึกขวัญ



                “น้าภัทรไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะฮะ ตอบคำถามผมมาก่อน”



                “ก็รถเจ้านายเขาน่ะสิ”



                “แล้วทำไมเขาถึงมาส่งน้าอะ” เจ้าโอ๊ตถามต่ออย่างกับเด็กขี้สงสัย ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ หลานชายตัวเล็กจ้องหน้าธนภัทรราวกับจะจับผิดกัน หลังเห็นว่าน้ามีท่าทีอึกอักแถมวันนี้ยังกลับบ้านช้าอีก ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลาน้าภัทรกลับบ้านช้าก็มักจะโทรมาบอกก่อนเสมอ



                “ก็อยู่บ้านละแวกเดียวกัน บังเอิญเจอกัน เขาเลยใจดีมาส่งน้าไง” ภัทรตอบส่ง ๆ



                “จริงอะ”



                “เอ๊ะ! เราเป็นแม่น้าหรือไงเจ้าโอ๊ต ถามเซ้าซี้จัง” ภัทรว่าต่อ แสร้งทำเป็นโมโห หลังหลานชายตัวดียังคงจับผิดอยู่นั่นแหละ



                “แน่ะ....มีโมโหกลบเกลื่อนอีกนะ” เจ้าโอ๊ตว่าอย่างรู้ทัน



                “โอ๊ต....” คราวนี้เขาเรียกชื่อหลานชายตัวดีด้วยโทนเสียงต่ำ เป็นสัญชาตญาณเตือนว่าหากอีกฝ่ายยังสงสัยไม่เลิก อาจถูกบิดหู ข้อหาถามเซ้าซี้เกินเหตุแน่



                “ก็ได้ฮะ ๆ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วนี่น้าภัทรซื้ออะไรมาเหรอฮะ” หลานชายตัวดีเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ



                “ขนมปังสังขยากับน้ำเต้าหู้ ตอนออกมาน้าซื้อมาฝาก ไปหาแก้ว หาจานมาเทใส่ไป” ภัทรว่า ก่อนจะยื่นถุงขนมปังสังขยาและน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องและน้ำตาลให้หลานชายไปจัดการต่อ



                “เออ โอ๊ตเดี๋ยวสิ!” จังหวะที่หลานชายจะเดินไปหยิบภาชนะในครัว ภัทรก็เรียกไว้เสียก่อน หลังเพิ่งนึกได้ว่าควรถามอะไรบางอย่างกับเจ้าโอ๊ต เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น



                “มีอะไรเหรอฮะ” เจ้าโอ๊ตหันมาถามน้าชายเสียงซื่อ



                “ตอนที่เจ้านายเขามาส่งน้า.....โอ๊ตเห็นอะไรไหม”



                “เห็น?”



                “ในรถน่ะ” ภัทรขยายความ



                “จะเห็นได้ไงล่ะฮะ รถติดฟิล์มดำขนาดนั้น”



                “......”



                “ว่าแต่น้าภัทรมีอะไรหรือเปล่าฮะ?” คราวนี้หลานชายตัวดีถามกลับบ้าง

                “เปล่าหรอก....น้าไม่มีอะไรจะถามแล้ว โอ๊ตกินเสร็จแล้วก็อย่าลืมเช็กบานประตูหน้าต่างก่อนขึ้นนอนนะ เดี๋ยวน้าจะขึ้นห้องก่อน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ”



                “ได้ฮะ



                ภัทรกลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้าบ้าน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ครั้งล่าสุดก็น่าจะตอนมัธยมปลายที่ภัทรรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีสีสัน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก



                ในขณะเดียวกันความคิดมากที่มีตลอดทั้งวัน พอถึงตอนนี้ก็หายไป เพราะเราได้คุยเพื่อทำความเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่กำลังทำมันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านายและลูกน้อง คุณอาทิตย์สนใจภัทร ภัทรเองก็สนใจคุณเขา



                ภัทรถูกดึงให้กลับเข้ามาในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง เมื่อเสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้เห็นว่าไลน์ของเขาถูกเพิ่มเพื่อนจากทางหมายเลขโทรศัพท์ ไม่ต้องเดาภัทรก็รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะกดเพิ่มเพื่อนกลับ แล้วกดดูรูปประจำตัวของคุณเขาอย่างขี้สงสัย



                ความหลงมันน่ากลัวยังไง ภัทรไม่เคยได้สัมผัสหรอก จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าความลุ่มหลงมันน่ากลัว ภัทรไม่รู้หรอกความลุ่มหลงที่กำลังก่อเกิดนี้ มันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เพียงแค่ได้เห็นรูปประจำตัวไลน์ของคุณเขา ภัทรก็ฉีกยิ้มกว้างแล้ว มิหนำซ้ำยังจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยม มองดูรูปเดิมนานนับนาที ก่อนจะตัดสินใจกดบันทึกไว้ในเครื่องตัวเอง



                ถึงจะมีไลน์กันและกันแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะทักกันก่อน ภัทรที่ยังอยู่ในชุดทำงานเฝ้ารออยู่หน้าจอโทรศัพท์มาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หลังจากที่มีการแจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์



                แต่ทว่าเขารอจนแล้วจนรอด คุณเขาก็ไม่ทักมาเสียที แต่ถึงอย่างนั้นภัทรก็ยังไม่หมดกำลังใจ ระหว่างรอให้คุณเขาทักมา เขาจึงเปิดเข้าทวิตเตอร์เช็กการแจ้งเตือนเพื่อฆ่าเวลาแทน



                การแจ้งเตือนส่วนมากจะเป็นเรื่องการรีทวิตและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าพอบัญชีผู้ใช้ลูกไม้ป่ามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มักจะดึงคนประหลาดเข้ามา ทั้ง ๆ ก่อนจะกดรับใคร ภัทรมักจะเช็กก่อนทุกครั้ง แต่ก็หลุดรอดสายตามาอยู่ดี



                สุดท้ายภัทรก็เลือกที่จะมองข้ามการแจ้งเตือนไปอย่างเช่นทุกที เขาเลือกที่จะกดเข้าไปกล่องข้อความที่ถัดไปแทน เพื่อมีคนเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลูกไม้หรือร้านค้าที่ภัทรซื้อมา



                หนึ่งในบุคคลที่ภัทรจะไม่ละเลย ไม่ตอบไม่ได้นั่นก็คือคุณพี เมื่อเห็นว่าคุณพีทักค้างเอาไว้ ภัทรรีบกดเข้าอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาทันที



                แม้ในตอนนี้คุณภาสกรจะเป็นที่หนึ่งในใจของภัทร แต่คุณพีผู้ชายที่อยู่ในโลกออนไลน์ ภัทรก็ละเลยไม่ได้เช่นกัน  ไม่อยากจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ เมื่อมีอะไรที่น่าสนใจกว่าก็ปล่อยให้คนในโลกออนไลน์เหงาอยู่เพียงลำพัง เพราะก่อนที่ภัทรจะเจอกับคุณเขา ก็มีคุณพีนี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้



 
           “ผมอยากเห็นรูปคุณอีก”



“ครั้งก่อนผมเพิ่งถ่ายส่งไปให้ไม่ถึงสัปดาห์เองนะครับ”



                หลังเห็นว่าคุณพีทักมาด้วยเรื่องอะไร ภัทรก็ไม่รีรอที่จะตอบกลับไป เริ่มอิดออดไม่อยากส่งให้อีกฝ่าย เพราะตอนนี้ภัทรไม่มีรูปที่ถ่ายเก็บไว้แล้ว



            “แต่ผมดูทุกวันเลยนะ ผมดูจนเบื่อแล้วด้วย”



            “เถอะนะครับ....ที่รัก คุณอย่าใจร้ายกับผมเลย”



            ได้คืบจะเอาศอก เคยส่งให้ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามจึงร่ำร้องตามมาติด ๆ เพราะไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้ส่งไปแล้วจะได้อะไร ภัทรจึงไม่อยากส่งรูปไปให้อีก อีกทั้งยังไม่ได้แกะของใหม่มาลองด้วยจึงไม่รู้จะส่งอะไรให้ ถ้าจะเอาในเวลานี้ก็คงมีแค่ชุดทำงานนี่แหละ



                พอภัทรมีเวลาได้คิด เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่เขาจะพอใจที่ร่างกายตัวเองถูกเยินยอด้วยคำชมก็เถอะ


“ถ้าผมถ่ายส่งไป....ผมจะได้อะไรเหรอครับ?”



            สุดท้ายภัทรก็ตัดสินใจถามกลับไป เริ่มอยากมีอะไรแลกเปลี่ยนขึ้นมา หากคุณพีตอบมาว่าไม่มี ก็อย่าหวังว่าวันนี้ภัทรจะส่งรูปอะไรให้อีก



                ภัทรอยากคุยกับคุณพีต่อ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่ตัวเองเอาแต่ส่งรูปหาคุณพีอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้



“ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเสียเปรียบหรอกนะครับ เพราะวันนี้ผมเองก็มีของมาแลกเหมือนกัน”



            พอคุณพีกลับมาเช่นนั้น เจ้าของบัญชีลูกไม้ป่าก็เริ่มรู้สึกมีแรงจูงใจขึ้นมาบ้าง ภัทรคิดว่าเขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะความอยากรู้ว่าของที่คุณพีจะมาแลกกันคืออะไรกันแน่ จึงทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นนั่งดี ๆ



                มือเรียวค่อย ๆ ปลดเปลื้องกระดุมเสื้อตัวเองออกจนถึงช่วงกลางอก เผยให้เห็นเนื้อตัวขาว ๆ ไร้เสื้อกล้ามปกปิด ก่อนจะนั่งอ้าขาทั้ง ๆ ที่ยังใส่กางเกงอยู่ จัดท่าทางให้พอเหมาะแล้ว วางกล้องในมุมเสย กดถ่ายรูปเรือนร่างตัวเองทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในชุดทำงานส่งไปให้คุณพีทันที



                หลังจากที่ภัทรส่งรูปไปให้ตามคำขอของอีกฝ่าย คุณพีก็หายไปครู่หนึ่ง นั่นทำเอาคนที่ส่งไปก่อนเริ่มใจเสีย ก่อนว่าตัวเองจะถูกโกง เกือบจะโวยวายไปแล้ว แต่คุณพีก็ชิ่งตอบกลับมาเป็นรูปภาพเสียก่อน



                รูปเรือนร่างท่อนบนไร้ซึ่งการปกปิด ทำเอาคนที่ได้รับถึงกับใจระส่ำ อยากจะเอานิ้วสัมผัสกล้ามเนื้อนั้นดู ท่อนบนของคุณพีอุดมไปด้วยมัดกล้าม บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมกล้องหรือการปรับแต่งกันแน่ แต่ภัทรคิดว่ากล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องของอีกฝ่ายดูงดงามจนไม่อยากมองผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมงี่เง่านี่ด้วยซ้ำ



“โอเคไหมครับ?”



            “โอเคครับ ดีมากเลย”

            “อยากลองจับดูจัง”

            “คุณพีคงออกกำลังกายบ่อยเลยใช่ไหมครับ”

“ช่วงนี้ทำงาน ไม่ค่อยได้ออกหรอกครับ”

"ว่าแต่คุณเถอะ ถ่ายรูปแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังในชุดทำงาน ไม่กลัวเจ้านายเขาจับได้เหรอครับ?”



                ช่วงประโยคสุดท้ายของคุณพีทำให้ภัทรได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะพบว่าภัทรได้พลาดแล้ว..... หากคิดจะมาทางนี้ พูดคุยเชิงเรื่องใต้สะดือกับคนในโลกออนไลน์ เขาไม่ควรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในชีวิตจริงของตัวเอง แม้กระทั่งชื่อเล่นก็ไม่ควร แต่ตอนนี้เขากลับเปิดเผยชื่อบริษัทตัวเองเสียดื้อ ๆ


“คุณจะแจ้งทางบริษัทผมเหรอครับ”

                ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป หากถามว่ากลัวว่าคุณพีจะแจ้งทางบริษัทไหม ภัทรขอตอบเลยว่าเขากลัวมากและยิ่งไปกว่านั้น เขากลัวว่าคุณภาสกรจะรู้และผิดหวังในตัวเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะหยุดความสัมพันธ์กันเสียตอนนี้ เพราะเราเพิ่งเริ่มต้นถึงได้ไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งภัทรไม่ต้องปรารถนาให้มันเป็นเช่นนั้น


            “เปล่าครับ ผมก็แค่เป็นห่วง”

            “อย่าแบบนี้ส่งให้ใครอีกนะครับ”


            “เพราะโชคดีไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป”





_____________________
#ภูมิแพ้ลูกไม้
ระวังนะภัทร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2018 02:14:41
ภาสกร ? คุณพี? ถ้าใช่จริงๆคงจะโดนจับได้แล้วละ จำได้ว่ามีการส่งของให้ที่ยงที่อยู่ก็คงจะรู้แล้วเพราะมาส่งเอง ลูกไม้อีกล่ะ ไม่แน่ตัวที่เห็นอาจจะเป็นขอวที่คุณพีซื้อส่งมาให้ด้วย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 08-11-2018 05:19:16
แหม่ มันก็ต้องใช่แล้วพ่ะะะะะ คุณพีคะ เขิลล
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 08-11-2018 17:39:17
น​้​องภัทรพลาดแล้วลูก​ คุณพีน่าจะรู้แล้วนะ
เผลอๆก็รู้ตั้งแต่ตอนมาส่งครั้งแรก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 08-11-2018 18:18:26
 :z1: เค้ารู้แล้วแน่เลยย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-11-2018 18:42:15
มีคำผิดค่ะ ไม่น่าใช่นาย น่าจะเป็น เขาก็เลยมาส่งน้าไง
คำเดียวเลยค่ะคุณอาทิตย์ร้ายกว่ามาก โอ้ยยย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-11-2018 00:13:43
คุณพีน่าจะแน่ใจตรงบ้านเลขที่ เลยมาขอรูปพิสูจน์อีกทีแน่เลย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท3 (2/2) 8.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 09-11-2018 00:33:10
เสื้อบริษัทหรอ.. หรือจำสีเสื้อได้เฉยๆ
แต่จุดที่เดาได้น่าจะบ้านเลขที่
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 09-11-2018 23:51:24


4



   ‘เพราะโชคดีไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป’
   แม้คุณพีบอกว่าจะไม่รายงานให้ทางบริษัทที่ภัทรทำงานอยู่ทราบ แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เหมือนตัวเองกำลังถูกกุมความลับเอาไว้ หน้าที่การงานของเขาอยู่ในกำมือของคุณพี ผู้ชายบนโลกออนไลน์ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าตากัน จะถูกเด้งหรือจะอยู่ต่อก็ขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนั้น
   ภัทรไม่ชอบที่ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานะแบบนี้เลย แม้คุณพีจะบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล รู้ว่านี่คือเรื่องผิดพลาด แต่เขาก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะหน้าที่การงาน อนาคตของเขากำลังอยู่ในมือของคุณพี ภัทรไม่ได้ตั้งใจที่จะโชว์ตราปักบนเสื้อเชิ้ต ให้ใครได้รู้ว่าเขาทำงานกับบริษัทใหญ่ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมที่เกิดจากความไม่ระมัดระวังของตัวเอง
   พอมีความผิดติดตัว ภัทรก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ปกติยามเข้าบริษัท เขามักจะมาพร้อมกับจิตใจที่เบิกบานตามประสาบัณทิตที่เพิ่งจบและพร้อมจะโชว์ศักยภาพตัวเองให้ที่ทำงานได้เห็น แต่สองสามวันมานี้กลับไม่ใช่เลย…
    นอกจากจะวิตกกังวล จิตใจไม่เบิกบานเหมือนอย่างเคยแล้ว ในขณะเดียวกันภัทรก็ไม่ได้เข้าทวิตเตอร์อีกเลย นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือกับใครอีก แม้คน ๆ นั้นจะเป็นคุณพีก็ตาม
   ตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนจะดีไปเสียหมด ทั้งในโลกออนไลน์และในโลกความจริง แต่พอข้ามคืนทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เพราะจนถึงวันนี้สามวันแล้วที่ภัทรไม่ได้ติดต่อกับคุณภาสกร แม้ตอนนี้เราจะมีช่องทางการติดต่อกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์ แต่เรากลับไม่ได้คุยกันเลย คุณเขาอาจจะยุ่งและตอนนี้ภัทรเองก็ไม่มีกระจิตกระใจจะคุยกับใครเท่าไรนัก
   “ภัทรเป็นอะไร ขอบตาคล้ำมาอีกแล้ว” พี่นัทเอ่ยถามภัทรด้วยน้ำเสียงกังวล หลังเห็นหน้าตาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องดูหมองพิกล มิหนำซ้ำยังขอบตาคล้ำมาอีก บ่งบอกว่าอีกฝ่ายนอนไม่เพียงพอ
   “พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” ภัทรว่าพลางทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน
    เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่ เพราะมีความผิดเป็นชนักติดหลัง ปรึกษาใครก็ไม่ได้ ทำให้ภัทรอึดอัดอยู่ทุกขณะ ขนาดจะกินข้าว สมองยังหวนให้นึกถึงความผิดที่เขาทำไว้อยู่ดี
   ความผิดที่มีคนรับรู้ตามหลอกหลานธนภัทรอยู่ทุกฝีก้าว สามวันมาแล้วที่ภัทรไม่สามารถยิ้มได้อย่างสบายใจและทุกครั้งที่เขาหลับตา เรื่องแย่ ๆ ที่พลั้งพลาดไปแล้วก็มักจะผุดขึ้นมาให้คิดมากส่งผลให้นอนไม่หลับเสมอ
   “มีอะไรปรึกษาพี่ได้เสมอนะ” พี่นัทว่าต่อด้วยความหวังดี ภัทรขอบคุณตัวเองเสมอที่เขาได้รู้จักกับพี่คนนี้ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้
   “ขอบคุณมากครับพี่”
   ถึงจะมีเรื่องส่วนตัวให้เครียดมากเพียงใด แต่พอถึงเวลางานภัทรก็พยายามทำงานเต็มที่อย่างเช่นทุกครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนเดิมก็คือจิตใจของเขา ภัทรกลัวเสมอยามที่หัวหน้าเดินเข้ามาหา แม้อีกฝ่ายจะเข้ามาหา เพราะชวนคุยเล่นเฉย ๆ แต่ภัทรก็กลัวอยู่ดี
   ภัทรกลัวว่าตัวเองจะถูกเรียกพบจากฝ่ายบุลคล เพื่อสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัทก็คงเถียงไม่ขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับบริษัทโดยตรง มีตราบริษัทเด่นหราอยู่ในภาพนั้นและท้ายที่สุดแล้ว มันก็คือการทำให้บริษัทและองค์กรเสียชื่อเสียง
   “ภัทร!”
   “ครับ!”
   “เป็นอะไร เหม่ออีกแล้วนะเรา” พี่ชาติผู้เป็นหัวหน้าแผนกเอ่ยท้วงภัทรเป็นรอบที่สองของวัน หลังเห็นลูกน้องในปกครองมองออกไปทางหน้าต่างเป็นเวลานาน
   “ขอโทษครับ พี่ชาติมีไรหรือเปล่า”
   “เอ้ย! พี่ไม่ได้ว่าเรานะ แค่เห็นว่าเราใจลอยเลยเรียกเฉย ๆ เป็นห่วง”
   “….”
   “เห็นมีอาการใจลอย ใต้ตาคล้ำมาได้สองสามวันแล้วพี่” พี่นัทที่นั่งทำงานถัดจากโต๊ะของภัทรพูดเสริม นั่นจึงทำให้พี่ชาติยิ่งมองภัทรราวกับจะจับผิดกัน
   “เป็นอะไร เครียดเรื่องงาน? มันหนักเหรอ” พี่ชาติเอ่ยถามภัทร
   “เปล่าครับ”
   “อ้าว แล้วเป็นอะไร”
   “ผม…เครียดเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” ภัทรตอบเสียงแผ่ว ไม่แม้แต่จะอธิบายว่าเรื่องทางเงิน ความรักหรืออะไร เขาตอบเพียงสั้น ๆ ว่าเครียดเรื่องส่วนตัว เป็นอันรู้กันว่าไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะก้าวก่าย
   “งั้นพี่จะไม่ยุ่งแล้วกัน แต่ถ้าไม่สบายใจก็ทักมาปรึกษาได้นะ”
   “ขอบคุณมากครับพี่”

   การทำงานวันนี้ไม่ได้เหนื่อยเหมือนอย่างทุกวัน เพราะภัทรได้เคลียร์ส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบไปหมดแล้วตั้งแต่วันก่อน แต่พอถึงเวลาเลิกงาน ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงที่ควรจะเหลือกลับบ้านหายไปไหนหมด ภัทรถอนหายใจออกมา หลังพาร่างพัง ๆ ของตัวเองมาถึงชั้นล่างของบริษัทแล้ว
   หลังออกจากบริษัทภัทรก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามเป๊ะ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงที่ภัทรจะแวะเข้าบ้านเพื่อเอากระเป๋าโน้ตบุ๊กและพวกเอกสารไปเก็บ เพราะวันนี้เขาต้องไปรับเจ้าโอ๊ตที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ปกติภัทรจะให้หลานชายใช้บริการรถรับส่ง จ่ายเงินเป็นรายเดือน แต่วันนี้คนขับขอหยุดไปทำธุระที่บ้าน ทำให้ภัทรต้องไปรับหลานชายเอง
   การเดินทางไปกลับระหว่างบ้านและบริษัทค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับภัทร มันเป็นวิถีชีวิตแบบเมืองกรุงที่แท้จริง ยกตัวอย่างขากลับที่ภัทรต้องทำซ้ำ ๆ ในทุก ๆ วัน คือภัทรจะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีอนุสาวรีย์และต่อด้วยรถเมล์อีกหกป้ายกว่าจะถึงบ้าน ดีหน่อยที่บริษัทอยู่ติดถนนใหญ่ การคมนาคมค่อนข้างสะดวก เขาสามารถลงสถานีที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินเท้าเข้าบริษัทได้ โดยไม่ต้องต่อรถอีกทอดหนึ่ง
   ตอนเลิกงานก็ว่าเหนื่อยแล้ว กว่าจะฝ่าการจราจรมาจนเห็นชายคาบ้านตัวเองก็ทำเอาธนภัทรถึงกับแทบเข่าทรุด ภัทรหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังของตัวเองเดินจากปากซอยมาจนถึงบ้าน ซึ่งใช้เวลาราว ๆ สิบนาที
   ขณะที่ภัทรกำลังรวบรวมเรี่ยวแรงเดินไปถึงบ้านให้ได้ สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นรถคันงามที่แสนคุ้นตากำลังจอดอยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน พอรู้ว่าเป็นรถของใคร ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ภัทรก็เกิดอาการฮึดขึ้นมา จนในที่สุดเขาเดินสับขามาถึงหน้าบ้านในเวลาอันสั้น ภัทรไม่ได้เดินเข้าบ้านก่อน แต่เขาเดินมาตรงมายังรถของคุณอาทิตย์เลย ซึ่งคุณเขาเองก็ลดกระจกรถรออยู่แล้ว
   “คุณอาทิตย์ สวัสดีครับ” ภัทรเอ่ยทักทายคุณเขาอย่างมีมารยาท พยายามจะยกมือไหว้ทั้ง ๆ ที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของที่เอามาจากที่ทำงาน แม้ในตอนนี้ภัทรจะอยู่ในสภาพอิดโรย แต่ก็ยังพยายามส่งรอยยิ้มสดใสให้กับคุณเขาอยู่ดี
   ดูเหมือนวันนี้คุณเขาจะไม่ได้เข้าบริษัท เพราะอยู่ในชุดไปรเวท ดูอ่อนวัยกว่าตอนอยู่ในชุดทำงานไปหลายปี และไม่ว่าคุณภาสกรจะอยู่ในชุดไหน คุณเขาก็ยังดูหล่อเสมอ สมกับที่ความหล่อของคุณเขาเป็นที่กล่าวขานของเหล่าพนักงาน
   “ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันเลยนะครับ” คุณอาทิตย์ผงกหัวรับไหว้แล้วชวนคุยต่อ
   “ครับ ว่าแต่ทำไมถึง……” ภัทรเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เขาเลิกคิ้วสูงมองหน้าคุณอาทิตย์เชิงถามว่าทำไมคุณเขาถึงได้มาจอดรถแช่ไว้หน้าบ้านตัวเองและดูเหมือนคุณอาทิตย์เองก็รู้ว่าภัทรต้องการสื่ออะไร
   “พอดีผมผ่านมาแถวนี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรเหมือนกัน แต่มาจอดอยู่หน้าบ้านคุณได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว”
   “อ๋อ…..”
   “แล้วนี่คุณภัทรจะเข้าบ้านเลยเหรอครับ”
   “ใช่ครับ เดี๋ยวผมเอาของไปไว้แล้วจะต้องออกไปรับหลานต่อ”
   “เหรอครับ ไม่ยักรู้ว่าปกติตอนเย็นคุณจะต้องไปรับหลานด้วย”
   “ปกติก็ใช้บริการรถรับส่งแหละครับ แต่วันนี้เขาขอหยุด”
   “งั้นเดี๋ยวผมพาไปรับ หลานคุณเลิกกี่โมง?”
   “ครับ? อ้อ ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมเกรงใจ” พอจับต้นชนปลายได้ว่าคุณเขาจะพาไปรับหลานที่โรงเรียน ภัทรก็รีบปฏิเสธความหวังดีนั้นทันที โรงเรียนเจ้าโอ๊ตใกล้แค่เท่านี้เขาไปรับเองได้
   
   “น้ำครับ”
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรรับน้ำเย็น ๆ จากมือภัทร เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ทำให้ภัทรต้องเชื้อเชิญคุณเขาให้เข้าบ้านเสียก่อน พอถึงเวลาสี่โมงเย็น เราถึงจะไปรับหลานด้วยกัน
   จากตอนแรกภัทรยืนกรานว่าจะไปรับหลานเอง แต่พอถูกคุณเขาพูดนิดพูดหน่อย สุดท้ายภัทรก็ใจอ่อนยอมให้ไปด้วยกัน
   ธนภัทรเกรงใจในความหวังดีของคุณเขาเสมอ แต่พอคุณอาทิตย์ยืนยันว่าการพาไปรับหลานครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร อีกทั้งยังอยากไปด้วย ภัทรจึงไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีนั้นได้ จึงต้องเออออให้คุณเขาไปด้วยกัน
   เหตุการณ์การเสิร์ฟน้ำให้แขก ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังมองออกไปทางหน้าต่างเหมือนจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง มันชวนให้ภัทรนึกถึงคืนฝนตกวันนั้นอย่างอดไม่ได้ ต่างก็ตรงที่ว่าตอนนี้เป็นตอนกลางวัน ส่วนครั้งนั้นคือตอนกลางคืน
   “ช่วงนี้คุณพักผ่อนน้อยเหรอ” หลังจากคุณภาสกรดื่มน้ำเสร็จ คุณเขาก็หันมาถามภัทรด้วยเสียงนุ่มหูและเสียงของคุณภาสกรก็ทำให้ภัทรหลุดออกจากภวังค์
   “ครับ?”
   “วันนี้คุณดูอิดโรย มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คุณเขาไม่ว่าเปล่า ยังใช้มือข้างหนึ่งมาลูบแก้มภัทรด้วยความอ่อนโยน ทำเอาคนที่ยืนรับสัมผัสรู้สึกใจเต้นแรงและอ่อนระทวย
   “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ”
   “มีเรื่องให้คิด?”
   “ใช่ครับ”
   “……”
   “เอ่อ…จะว่าไปผมก็มีเรื่องอยากถามคุณนิดหน่อย” ภัทรพูด เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอยากจะถามคุณอาทิตย์อยู่พอดี
   “มีเรื่องอยากถาม? เรื่องอะไรครับ”
   “เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะครับ แต่ผมก็แค่อยากรู้…” ภัทรเกริ่นถามออก พอเห็นว่าคุณเขากำลังจ้องเพื่อรอว่าภัทรจะถามอะไรกันแน่ ทำเอาคนถามรู้สึกประหม่า
   “ถ้าคนในบริษัททำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง คุณอาทิตย์จะทำยังไงเหรอครับ”
   “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายบุคคลจะต้องรับผิดชอบและผมเชื่อว่าฝ่ายบุคคลเขารู้ครับว่าควรจัดการยังไง เขาคงต้องประเมินก่อนว่ามันส่งผลต่อบริษัทมากแค่ไหน โทษหนักสุดก็คงไล่ออก”
   “แล้วถ้าพนักงานคนนั้นเป็นคนที่คุณรู้จักล่ะครับ”
   “คุณเหรอครับ?” คราวนี้ภัทรถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกคุณเขาถามกลับ ทำเอาคนที่มีชนักติดหลังอย่างภัทรใจร่วงไปถึงตาตุ่ม ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตาคุณเขาด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนภัทรชอบมองตาคุณเขาเหลือเกิน
   “เปล่าครับ….ไม่ใช่ผม” ภัทรปฏิเสธเสียงแผ่ว ยังคงไม่กล้าสู้หน้าอยู่ดี
   “……”
   “แต่ถ้าสมมติว่าเป็นผม…..”
   “ผมคงจะผิดหวังกับคุณมากครับ” เมื่อภัทรถามเช่นนั้น คุณภาสกรก็ตอบกลับมาทันที นั่นยิ่งทำให้คนมีความผิดรู้สึกว่าคุณเขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด
   ภัทรไม่อยากให้คุณภาสกรผิดหวังในตัวเขา
   “……เข้าใจแล้วครับ”
   “ถ้ารู้แล้วอย่าทำให้ผมผิดหวังนะ….ธนภัทร”

             









______________________________________

#ภูมิแพ้ลูกไม้

ช่วงนี้แบบเราไม่ค่อยฮึดเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน

คล้ายจะหมดไฟ อุแง

หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-11-2018 23:59:55
พักผ่อนเยอะๆนะค่ะคนเขียน อย่าเหมือนยัยภัทรล่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 10-11-2018 00:26:29
 :fire: :fire: :fire: :fire: :m31: :m31: :m31: :m31:    เพิ่มไฟให้ผู้แต่ง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2018 01:50:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 10-11-2018 15:33:25
อย่าหมดไฟเลยนะคะ แง่ เรารักคนแต่งนะะะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2018 16:21:18
สงสารน้องภัทร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 10-11-2018 16:27:14
คนแต่งอย่าหมดไฟนะค้า​ กำลังใจเร้กๆอยู่ตรงนี้ :mew1:
เราจะเปงกะลังใจให้เองงง​ ส่วนน้องภัทร​ ฮื่อ​ คุณเขาจะผิดหวังในตัวน้องได้ลงหรอ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-11-2018 20:00:04
ลุ้นทุกตอนเลย มาเติมไฟให้คนเขียนนะคะ สู้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 11-11-2018 02:28:53
อยากอ่านพารท์ 2.....
สงสัยคุณอาทิตย์ต้องรู้แล้วว่าเจ้าของแอคเคาท์นั้นเป็นภัทร........
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (1/2) 9.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-11-2018 11:49:11
 :fire: :fire:

มาเติมไปให้คนเขียน เราชอบตั้งแต่น้องจิ้งจอก น้องจิ้งจกด้วย
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 12-11-2018 18:25:09
            “เจ้านายน้าภัทรนี่ เขาใจดีจังเลยนะฮะ”

“…..”
   “น้าภัทรฮะ….”
   “อือ….ใช่ เขาใจดี”
   “เลี้ยงข้าวเราไม่พอยังซื้อขนมให้โอ๊ตอีก ใจดีมากเลย” หลานชายพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ขณะที่แขนทั้งสองข้างยังกอดถุงขนมใบใหญ่เอาไว้ด้วย
   สองน้าหลานเพิ่งกลับเข้าบ้านได้เพียงไม่นาน หลังภัทรพาคุณภาสกรไปรับหลานชายที่โรงเรียน เราจึงแวะทานข้าวเย็นข้างนอกบ้านเสียเลย ซึ่งคุณเขาก็อาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหาร ไม่ยอมให้ภัทรออกเงินช่วยสักบาทเดียว
   อยากจะชื่นชมคุณภาสกรอย่างเต็มใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้ภัทรไม่มีอารมณ์จะชื่นชมหรือเยินยอใครทั้งนั้น เนื่องด้วยเรื่องส่วนตัวที่ทำให้เขาแทบทานอาหารมื้อเย็นไม่ลง แถมภัทรยังไม่ยิ้มแย้มเหมือนอย่างเคย ทำเอาคนรอบข้าง แม้แต่หลานชายอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
   หลังส่งหลานเข้านอน เช็กประตูบ้าน กลอนหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็กลับเข้ามาในห้องนอน สถานที่ส่วนตัวของตนเองด้วยความหนักอกหนักใจ ทั้งวันมานี้ก็ว่าแย่แล้ว เพราะไหล่ทั้งสองข้างแบกรับความกลัวที่ยังไม่เกิดขึ้นจนเหนื่อยล้าไปหมด แต่ตอนนี้ทุกอย่างยิ่งแย่ลงไปอีก
   หากย้อนเวลากลับไปได้ ธนภัทรจะไม่มีทางเอ่ยถามเรื่องนั้นกับคุณภาสกรเป็นอันขาด เพราะคำตอบของคุณเขา มันทำให้ภัทรรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ตอนนี้เหมือนเขาต้องตระหนักไว้เสมอ ห้ามให้คุณเขาผิดหวังเป็นอันขาด หากอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง ซึ่งก็แปลว่าคุณภาสกรจะรู้ความลับของภัทรไม่ได้เด็ดขาด
   ธนภัทรคิดเวลาตัวเองมีสติในการเล่นโซเชียลเสมอ เขาเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะเล่นทุกอย่างอย่างมีสติ แต่ครั้งนั้นภัทรเผลอไม่ระวังไปเพียงเสี้ยววิ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะต้องมานั่งหนักใจ นับวันรอว่าเมื่อไรความลับจะแตก
   คุณพีดีกับภัทรก็จริง เราคุยกันมากกว่าใคร แต่ตอนนี้อีกฝ่ายรู้เรื่องส่วนตัวภัทรแล้ว คนเราขนาดรู้หน้ายังไม่รู้ใจ แล้วนี่รู้จักกันแค่ตัวอักษร อีกทั้งภัทรเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง ข้อมูลส่วนตัวที่พอจะเป็นหลักประกันว่าจะไม่แพร่งพรายความลับของกันและกันก็ไม่มี มีหรือจะไว้ใจได้
   ในตอนนี้ภัทรอยากขังตัวเองอยู่ในห้องด้วยซ้ำ จะออกไปก็ต่อเมื่อหาทางออกให้กับเรื่องได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าตัวเองทำเช่นนั้นไม่ได้ ภัทรไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
   พอคนเริ่มจนตรอก ไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองปลอดภัย ก็เริ่มมีความคิดแปลก ๆ เข้ามาในหัวว่าจะชิ่งลาออกก่อนที่ความลับจะแตกหรือจะให้บริษัทรู้แล้วออกปากไล่ออกเอง เพราะทุกอย่างมันกำลังดีแล้ว ภัทรจึงไม่อยากให้คุณเขาผิดหวัง อีกทั้งวัยอย่างภัทรไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโยกย้ายหางานใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการ แม้มันจะดูบ้าบิ่นไปเสียหน่อย แต่ภัทรก็จะเก็บความคิดนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ตัวเอง   
   แทนที่จะพักผ่อนนอนเอาแรงไว้ค่อยหาทางออกอีกครั้ง แต่ตอนนี้แสงอาทิตย์แห่งเช้าวันใหม่ส่องเข้าผ่านหน้าต่างแล้ว เปลือกตาบางกลับไปเคยคิดจะปิดลงเพื่อพักสายตาเลยสักครั้ง ภัทรนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง เขายังอยู่ในชุดทำงานของเมื่อวาน บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้ลุกไปอาบน้ำแต่อย่างใด
   ตราบใดที่ยังหาออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ ภัทรคิดว่าเขาคงไม่สามารถฉีกยิ้มได้อย่างเต็มปากได้แล้ว ความรู้สึกอึน ๆ ไม่มีความสุข กระปรี้กระเปร่าเหมือนอย่างเคย เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อภัทรเดินทางมาถึงบริษัท ตอกบัตรเข้าแผนกก่อนเวลาทำงานด้วยซ้ำ ช่วงนี้ใต้ตาก็ว่าคล้ำกว่าปกติอยู่แล้ว พอไม่ได้นอนเพิ่มอีกสักคืนก็ยิ่งแย่ไปใหญ่
   หลังจากวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กและเอกสารไว้โต๊ะทำงานได้แล้ว ภัทรก็ลุกไปชงกาแฟไว้ดื่มต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองง่วงนอนระหว่างวัน
   สภาพมนุษย์ซอมบี้เป็นยังไงภัทรไม่เคยเห็น จนกระทั่งพี่นัทบอกและเขาได้มีโอกาสมองสภาพตัวเองในกระจกนั่นแหละ เขาก็ถึงบางอ้อ
   เมื่อคืนภัทรได้ลองเข้าไปเช็กทวิตเตอร์อีกครั้ง แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แค่เข้าไปเช็กกล่องข้อความเผื่อคุณพีจะทักมา อาจจะต่อรองด้วยเงินทองหรือไม่ก็สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แต่กลับไร้วี่แวว นั่นยิ่งทำให้ภัทรกลัว
    เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดีขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าภัทรอย่างชัดเจน ภัทรยอมถูกเรียกเงินเพื่อปิดปากยังดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายส่งเรื่องให้ทางบริษัท แต่ตอนนี้คุณพียังเงียบนั่นก็แปลว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเงินทองหรืออะไรทั้งนั้นและจะถือไพ่เหนือภัทรแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
   หลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ ภัทรก็เดินกลับมาที่โต๊ะตั้งใจว่าจะทำงานที่เหลือให้เสร็จแล้วจะได้พักผ่อนเสียที เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเลิกงานแล้ว ภัทรอยากจะกลับบ้านแล้วรีบเข้านอนก่อนหกโมงเย็นด้วยซ้ำ เพราะร่างกายมันเริ่มไม่ไหวแล้วและหากคืนนี้เขาอดนอนอีก คงมาทำงานไม่ไหวแน่
   ขณะที่ธนภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานในส่วนของตัวเองให้รีบเสร็จอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้นพอดี มือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเช็ก ในขณะเดียวกันสายตาก็กำลังไล่ตรวจเอกสารไปด้วย
   ทันทีที่เปิดอ่านข้อความ หัวใจดวงน้อยของภัทรก็ร่วงไปถึงตาตุ่มเมื่อเห็นว่าใครทักมา คุณภาสกรคนที่ภัทรเฝ้าฝันให้เขาทักมาก่อน จู่ ๆ ก็ทักมาหาอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย คุณเขาไม่ได้ส่งเป็นข้อความหรือสติกเกอร์มา แต่กลับส่งเป็นรูปภาพพร้อมข้อความแนบท้าย
   “ใช่คุณหรือเปล่าครับ?”
   “…!!”
   อาการตัวชาเป็นยังไงภัทรก็เพิ่งเคยวันนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าความลับจะแตกเร็วขนาดนี้ สมองรีบประมวลผลในทันที อาการลนลานทำตัวไม่ถูกเกิดขึ้นโดยพลัน สงสัยว่าคุณเขาได้รูปเจ้าปัญหานี้มาได้ยังไง ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มตามหาความจริง หนึ่งในพี่ประจำแผนกก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาเสียก่อน
   “ภัทร เลขาคุณภาสกรเขามาบอกว่าเจ้านายต้องการเรียกพบนายด่วน”
   เพียงแค่ได้ยินว่าคุณภาสกรเรียกหา ภัทรก็เกิดอาการหูอื้อ ตาลายกะทันหัน รู้ตัวดีว่าคุณเขาเรียกพบด้วยเรื่องอะไร คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเสน่หาแต่กลับเป็นเพราะภัทรกำลังทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นธนภัทรก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เป็นฝ่ายบุคคลที่เป็นคนเรียกเขาเข้าไปพบ
   ไม่มีผู้บริหารคนไหนเรียกพบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างมากก็อาจสั่งเลขาให้ไปจัดการ ประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อขอสิ่งที่ต้องการ เป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งงานข้ามหน้าข้ามตาคนที่เป็นหัวหน้าแผนก แล้วยิ่งภัทรน้องเล็กสุดในแผนก ทุกคนก็ย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าคุณภาสกรมีเหตุอะไรถึงต้องเรียกพบภัทรโดยตรง
   แต่ภัทรเข้าใจเหตุผลที่คุณเขาเรียกพบดี…..
    ภัทรเดินไปยังหน้าห้องทำงานคุณเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว ระหว่างทางเขาก็พยายามเค้นสมองเตรียมหาคำตอบที่ดีที่สุดไว้ปกป้องตัวเอง คิดไม่ถึงความลับจะแตกเร็วเช่นนี้ ภัทรเดาผิดเสียที่ไหนกัน คุณพีไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก
   เมื่อภัทรมาถึงหน้าห้องทำงาน เขาก็ติดต่อกับเลขา ก่อนที่เธอจะแจ้งผู้เป็นเจ้านายว่าเขามาถึงแล้ว รอเพียงไม่กี่อึดใจ เลขาคนเก่งก็หันมาบอกภัทรว่าคุณภาสกรตอบรับและให้ภัทรเข้าไปในห้องได้เลย
   ก่อนจะเข้าห้องภัทรถึงกับต้องสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อตั้งสติ ทวนคำตอบที่เตรียมเอาไว้ในใจ เคาะประตูห้องทำงานพอเป็นมารยาทแล้วเปิดเข้าไป ในเมื่อความลับมันแตกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คุณภาสกรจะว่ายังไง ภัทรก็คงต้องว่าตามนั้น
   “สวัสดีครับ” คุณภาสกรตอนอยู่ในห้องทำงานแตกต่างจากตอนอยู่ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง เหมือนอีกฝ่ายตัวใหญ่เหลือเกิน ภัทรมองคุณเขาที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยักษ์ด้วยสายตาหวาดหวั่น อีกฝ่ายนั่งหันหลังให้โต๊ะทำงานและกำลังมองทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครอย่างเงียบ ๆ
   ในตอนนี้ภัทรรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่กล้าหายใจ อาจเพราะตอนนี้เขามีความผิดติดตัว จึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ความกลัวเกาะกุมหัวใจภัทรเอาไว้แน่น จนไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรเพื่อแก้ตัวให้ตัวเอง
   “รู้ใช่ไหมที่ผมเรียกหาคุณเพราะอะไร” คุณเขาเกริ่นนำทั้ง ๆ ที่ไม่หมุนเก้าอี้มามองหน้ากัน
   “รู้ครับ”
   “คุณมีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่า”
   “ที่ผมทำไป….ผมไม่ได้ตั้งใจ” ภัทรว่าเสียงแผ่ว เขาไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
   “ไม่ได้ตั้งใจ? อืม….” คุณภาสกรทวนคำภัทรพูดเบา ๆ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหมุนเก้าอี้กลับมาประจันหน้ากับคนทำผิด ภัทรไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายน่ากลัวจนกระทั่งวันนี้
   ในมือของคุณภาสกรมีไอแพดขนาดสิบสองจุดเก้านิ้ว คุณเขาสบตาภัทรครู่หนึ่ง ก่อนจะกดอะไรบางอย่างในนั้นแล้วโยนมันบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ไยดี
   “นี่ไม่ใช่ความตั้งใจใช่ไหม?” คุณภาสกรถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าคุณเขากำลังโกรธ นั่นทำให้ภัทรใจสั่น ในเวลานี้เขากลัวคุณภาสกรเหลือเกิน ยิ่งอีกฝ่ายเปิดภาพเจ้าปัญหาบนไอแพดขนาดยักษ์ มันยิ่งเห็นชัดทุกอณู ตอกย้ำความผิดที่ภัทรมี
   “คุณอาทิตย์ครับ”
   “อย่ามาเรียกชื่อเล่นผม”
   “…..”
   “เอาล่ะ ธนภัทร….ผมจะให้โอกาสคุณตอบใหม่อีกครั้ง” คุณภาสกรพูดอย่างใจเย็น แสดงออกถึงความห่างเหินอย่างชัดเจน คำตอบที่ว่าภัทรไม่ได้ตั้งใจคงไม่ถูกใจคงฟังอย่างคุณเขาเท่าไรนัก
   “จริง ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว….”
   “ภัทร….คุณจะให้ผมพูดมันจริง ๆ เหรอ?” คุณภาสกรเอ่ยถามเสียงสูง มองหน้าภัทรอย่างไม่อยากเชื่อว่าภัทรจะบอกว่านี่คือเรื่องส่วนตัว
    “มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตั้งแต่คุณถ่ายภาพวาบหวิวทั้ง ๆ ที่ยังสวมเสื้อที่มีตราปักของบริษัทแล้วครับ”
   “……”
   “แล้วไหนจะในใบข้อมูลส่วนตัวที่คุณกรอกมา คุณก็ใส่ข้อมูลไม่ครบ จงใจปกปิดข้อมูลตัวเอง จะมาบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวคงไม่ใช่”
   “ครับ?”
   “ในทวิตเตอร์….แอคเคานต์ลูกไม้ป่าคือคุณใช่ไหมครับ?”
   “…..”
   “ตอบผม” คุณภาสกรเร่งรัดเอาคำตอบ เหมือนคุณเขาจะรู้อยู่แล้ว แต่แค่ถามเพื่อให้เขายอมรับความจริง เขาไม่รู้ว่าคุณเขารู้ได้ยังไง แต่คนระดับคุณภาสกร หากคิดจะสืบหาความจริงคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
   “ใช่ครับ ของผมเอง” ภัทรยอมรับแต่โดยดี ไหล่แคบเคยผึ่งผายเพื่อบุคลิกภาพที่ดีถึงกับตกอย่างยอมแพ้ เมื่อคุณเขารับรู้ความลับทุกอย่างแล้ว
   วันนี้หดหู่มาทั้งวัน ยิ่งพักผ่อนน้อยยิ่งอารมณ์อ่อนไหวง่าย จากที่เคยคิดว่าจะปกป้องตัวเองก็กลายเป็นก้มหน้ายอมรับความผิดทั้งหมดไว้อย่างไม่คิดจะโต้แย้งหรือหาเหตุผลมาพูดให้ตัวเองดูดี ตอนนี้ภัทรรู้สึกแย่ไปหมด เขาคงไม่เหลือความประทับใจไว้ให้คุณภาสกรจดจำแล้ว
   “ผม…ผิดหวังในตัวคุณ” ภัทรรู้ดีว่าคุณภาสกรผิดหวังในตัวเขา แต่ยิ่งอีกฝ่ายพูดออกมา คนฟังก็ยิ่งเจ็บ มันยิ่งตอกย้ำให้ภัทรรู้สึกเจ็บปวดจนขอบตาร้อนผ่าว ทั้ง ๆ ที่ภัทรไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ครั้งล่าสุดน่าจะตอนที่แม่เสีย
   “ผมก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ” ภัทรว่า พยายามควบคุมน้ำเสียงอันสั่นเครือของตัวเอง หากคุณเขาจะไล่ออก ภัทรก็คงต้องยอม
   “ผมจะจัดการยังไงกับคุณดี”
   “……”
   “ตอนนี้ฝ่ายบุคคลยังไม่รู้เรื่องนี้ มีแค่ผมที่รู้” เมื่อคุณภาสกรว่าเช่นนั้น ภัทรที่เกือบไม่อยากจะคว้าโอกาสไว้แล้วก็รีบเงยหน้าขึ้น หลังจากหลุบตามองพื้นห้องอยู่นานสองนาน มองหน้าคุณภาสกรราวกับจะตั้งคำถามว่าคุณเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
   “เสนอมา….คุณจะทำยังไงเพื่อไม่ให้ผมแจ้งกับทางฝ่ายบุคคลเพื่อไล่คุณออก” คุณภาสกรว่าพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างใจเย็น
   “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
   “ยังไม่ถูกใจ” คุณเขาตอบกลับมาในทันที
   “……”
   “ผมคิดว่าคุณเสนออะไรได้ดีกว่าการที่บอกส่ง ๆ ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อ้อ…ข้อเสนอนั้นผมต้องพอใจด้วย”
   “คุณ….จะแบล็คเมล์ผมเหรอครับ” ภัทรถามเสียงซื่อ
   “เย็นก่อน…ผมไม่ได้จะแบล็คเมล์คุณ
   “งั้นคุณต้องการอะไรครับ” ภัทรไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่านี่ไม่ใช่การหวังผลประโยชน์ เอาเข้าจริงแล้วคุณภาสกเองรก็ร้ายกาจพอ ๆ กับคุณพีนั่นแหละ
   อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นคนเดียวกัน….
   “ผมต้องการคุณ”
   “ครับ?”
   “……”
   “หลังเลิกงาน ไปรอผมที่รถ”

   หลังกลับมาถึงแผนกพี่ ๆ ก็ต่างมอง แต่ไม่มีใครกล้าถาม ยกเว้นพี่นัทที่สนิทกับภัทรมากที่สุด แต่ภัทรก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เขาบอกแค่เลี่ยง ๆ ว่าคุณภาสกรทำของหายตอนที่เราไปเลี้ยงฉลองกัน เพราะวันนั้นภัทรคลุกคลีกับคุณภาสกรมากที่สุด คุณเขาจึงเรียกเข้าไปสอบถามว่าเห็นของที่หายไปหรือเปล่าก็เท่านั้น
   ในตอนนี้ภัทรเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะความลับแตกและคุณเขายังให้โอกาส แต่ร่างกายมันไม่ได้ดีขึ้นตาม หลังจากเคลียร์กับคุณเขาเสร็จ ภัทรคงต้องนอนหลายชั่วโมงเพื่อชดเชยการนอนที่หายไป เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงจะเลิกงานแล้ว ภัทรเริ่มเร่งมือจัดการงานที่กำลังคั่งค้างในส่วนของตัวเอง เพื่อที่จะได้เผื่อเวลาไปรอคุณภาสกรที่รถ
   ระหว่างเคลียร์งาน ภัทรก็เดาไปด้วยว่าคุณภาสกรต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่  เอาเข้าจริง ถึงเราจะรู้จักกันได้สักระยะแล้ว ภัทรกลับไม่เคยเดาความคิดของคุณภาสกรออกเลยสักครั้ง อาจเพราะคุณเขาโตกว่า ความคิดซับซ้อนกว่าและดูนิ่งกว่าก็ได้
   ภัทรไม่แน่ใจว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านช้าแค่ไหน จึงต้องโทรบอกหลานชายก่อน เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอ แล้วรีบกำชับหน้าที่ว่ากลับถึงบ้านแล้วอย่าลืมทำการบ้าน กินอาหารเย็นแล้วเข้านอน
   “ภัทรรรร พี่กลับก่อนนะลูก”
   “ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
   “จ้า วันนี้อย่าลืมรีบเข้านอนด้วยนะ อย่าให้พรุ่งนี้ยังเห็นใต้ตาคล้ำมาอีก พี่เป็นห่วงสุขภาพเรา” พี่นัทว่า
   “ครับ กลับบ้านไปจะรีบเข้านอนแต่หัววันเลยครับ”
   “จ้า พี่ไปล่ะ” ภัทรโบกมือลาพี่สาวเพื่อนร่วมงานพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินแยกลงลิฟต์เพื่อไปยังชั้นใต้ดิน ไปรอที่รถของคุณภาสกรตามคำสั่งของคุณเขา
   ในหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นห้างหรือบริษัท หากเป็นคนที่มีตำแหน่งก็มักจะมีที่จอดส่วนตัวเตรียมไว้ให้อยู่เสมอ โดยจะระบุแผ่นป้ายทะเบียนไว้ในที่จอดนั้น ที่บริษัทภัทรเองก็เช่นกัน มีที่จอดไว้สำหรับเหล่าผู้บริหารและพนักงานตำแหน่งสูง จึงไม่ใช่เรื่องยากในการหาที่จอดรถของคุณภาสกร เพราะนอกจากสีรถแล้ว อย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือภัทรจำทะเบียนรถคุณเขาได้
   ไม่ใช่แค่เหล่าพนักงานที่ต้องทำตามกฎที่ทางบริษัทตั้งไว้ แต่ผู้บริหารก็ต้องทำตามกฎเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับลูกน้องเช่นเดียวกัน
   ในบริษัทของภัทรแต่ละแผนกจะเข้างานและเลิกงานไม่พร้อมกัน เพื่อป้องกันการมายืนรอตอกบัตรหรือการจราจรที่หนาแน่นในช่วงเลิกงาน
   แผนกของภัทรจะเข้าตอนแปดโมง เลิกบ่ายสาม ฝ่ายงบประมาณ อาจเข้าตอนเก้าโมงเลิกบ่ายสี่โมงของวัน ตามนโยบายของรัฐบาลที่ออกกฎหมายว่าลูกจ้างห้ามทำงานเกินแปดชั่วโมง
   ภัทรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ครั้งตอนที่เจอกันในลิฟต์ เราก็เจอกันด้วยความบังเอิญ เขาไม่รู้ว่าคุณภาสกรเลิกงานตอนไหน ทางฝ่ายบริหารมีเวลาเข้าและออกงานเหมือนแผนกอื่นไหม แต่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามยี่สิบนาทีแล้ว ภัทรจึงส่งข้อความทางไลน์ไปแจ้งคุณเขาว่ามาถึงแล้ว
“ผมรอที่รถแล้วนะครับ”
    “ผมกำลังลงไปครับ”
   คุณเขาเปิดอ่านและตอบภัทรในทันทีและก่อนที่ภัทรจะเก็บโทรศัพท์ เขาก็จัดการกดลบรูปภาพที่คุณภาสกรส่งมาก่อนหน้านี้ ภัทรรู้ดีว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แต่เขาไม่อยากเห็นมันอีก
   รอเพียงไม่นานคุณภาสกรก็มาถึงที่จอดรถ เราไม่ได้พูดคุยกันให้มากความ ต่างฝ่ายต่างขึ้นรถฝั่งของตัวเอง ภัทรรู้ว่าเราคงไม่ได้เคลียร์กัน เขาจึงขึ้นไปนั่งข้างคนขับโดยไม่ต้องรอให้คุณเขาออกปาก ทันทีที่ต่างฝ่ายต่างคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว คุณภาสกรก็ออกรถในทันที
   “เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ” เกือบสิบนาทีที่เราติดอยู่บนท้องถนน ภัทรจึงอดใจถามไม่ได้
   “คอนโดผม”
   “….” คราวนี้ภัทรเงียบ ไม่ได้ถามอะไรอีก ตัวเลือกที่จะไปคอนโดมีอยู่ไม่กี่ตัวเลือกและภัทรเองก็ไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าคุณภาสกรพาภัทรไปคอนโดด้วยจุดประสงค์อะไร
   “กลัวหรือเปล่า ไม่ปฏิเสธก็ได้นะ” คุณภาสกรเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
   “ไม่ครับ ไม่กลัว” ภัทรตอบคุณเขาอย่างเด็ดเดี่ยว
   เราใช้เวลาติดอยู่บนท้องถนนถึงยี่สิบนาทีเต็ม ก่อนจะเลี้ยวเข้าคอนโดหรูตามที่คุณภาสกรบอก โดยมียามรักษาความปลอดภัยคอยตรวจเช็กคนเข้าออกเพื่อความปลอดภัยของคนในคอนโด
   ภัทรได้แต่เดินตามคุณเขาต้อย ๆ จนกระทั่งเข้ามาถึงในคอนโดหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุณภาสกรถึงได้พูดกับภัทรอีกครั้ง เขาบอกให้ภัทรทำตัวตามสบาย หากกระหาย….น้ำเปล่าก็อยู่ในตู้เย็น
   “ไม่หิวน้ำเหรอ” คุณเขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าภัทรยังยืนนิ่ง
   “ไม่ครับ”
   “ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา…..”
   “…...”
   “งั้นคุณเดินตามผมมาเลย” คุณภาสกรออกคำสั่ง ก่อนจะเดินนำไปยังหน้าห้องหนึ่งซึ่งเหมือนจะเป็นห้องเก็บของ คุณเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกด้วยว่าข้างในห้องคืออะไร แต่ไขกุญแจแล้วให้ภัทรเดินนำเข้าไปก่อน
   “เข้าไปสิ”
   คุณภัทรเดินนำเข้าไปก่อนตามคำสั่งขอคุณภาสกร ก่อนที่เขาจะตกใจเมื่อเห็นชั้นวางและตู้โชว์แบบกระจกใสเต็มไปด้วย เสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับต่าง ๆ ที่มีผ้าลูกไม้เป็นส่วนประกอบหนึ่งในงาน ภัทรเกิดอาการตาลายขึ้นมากะทันหัน
   ไม่ต้องรอให้คุณภาสกรสั่งการ เขาก็เดินสำรวจเหล่าเสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้าลายลูกไม้ของแบรนด์ต่าง ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจทันที เมื่อเห็นทุกอย่างที่จัดเรียงในตู้โชว์ ก็เกิดอาการหูอื้อ ตาลาย ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองง่วงมากแค่ไหน เพราะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ของบางอย่างมีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นบนโลกด้วยซ้ำ แต่คุณภาสกรเจ้านายของเขากลับได้มันมาครอบครอง
   “นี่มัน….” นี่มันสวรรค์ ภัทรพูดกับตัวเองในใจ มันคือสวรรค์ของเขาชัด ๆ
   “คุณสะสมของพวกนี้เองทั้งหมดเลยเหรอครับ” ธนภัทรหันไปถามผู้เป็นเจ้านายเสียงสั่น
   “ใช่ครับ”
   “……”
   “ต่อจากนี้ไปคุณต้องเป็นหุ่นจำลอง ลองใส่ชุดพวกนี้ให้กับผม เพื่อแลกกับสิ่งที่คุณทำผิด มันจะเป็นความลับตลอดไป….”
   “ครับ?”
   “เสื้อผ้า….ผมอยากเห็นตอนมันอยู่ในบนร่างของมนุษย์ มากกว่าหุ่นโชว์”
   “อ้าว ในตอนแรกผมนึกว่า….” ภัทรละสายตาจากสิ่งสวยงาม หันไปมองหน้าคุณเขาอยู่ครู่หนึ่ง
   ภัทรเว้นวรรคไป ไม่กล้าตอบเต็มประโยคว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ ภัทรคิดว่าคุณเขาต้องการเรื่องอย่างว่า ถึงได้พามาที่คอนโดเพื่อที่เราจะได้จัดการอะไรกันง่าย ๆ
   “คิดว่าอะไร”
   “ป—เปล่าครับ แต่คุณภาสกร ผมขอสัมผัสหน้ากากชิ้นนี้ได้ไหมครับ” ภัทรเปลี่ยนเรื่องเป็นขอลองจับหน้ากากที่ถูกแขวนไว้ในตู้โชว์ ซึ่งคุณภาสกรก็ใจดีที่จะหยิบมันออกมาให้ภัทรได้เชยชม คุณเขาไม่ได้ให้แค่ภัทรลองสัมผัสอย่างเดียวแต่ยังใจดีให้ภัทรลองสวมใส่หน้ากากลายลูกไม้ดูอีกด้วย
   “ทำมาจาก…..”
   “Angel Lite Lace” ไม่ต้องรอให้คุณเขาบอกชื่อ เพียงแค่ลองสัมผัสและพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ภัทรก็รับรู้แล้วว่ามันทำมาจากเส้นใยอะไรและความรอบรู้ของภัทร ทำให้คนที่ชอบในสิ่งเดียวกันถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
   “ประกอบด้วย Baby Alpaca 70% Silk 20% Cashmere 10% ใช่ไหมครับ” ภัทรพูดต่อ
   “ใช่ครับ”
   “สวยจัง แต่คุณภาสกรครับ….” ธนภัทรเรียกชื่อเจ้านายอีกครั้ง ความสงสัยของเขาเหมือนจะเจอทางออกแล้ว หลังสมองเริ่มปะติดปะต่อความชอบของคุณภาสกรและคุณพี
   “……”
   “คุณ….ก็คือคุณพีใช่ไหมครับ” ภัทรถาม เขาลืมคิดไปได้ยังไง! คุณพี P Passkon คราวนี้คุณภาสกรยกยิ้มมุมปากราวกับตัวร้ายและภัทรเป็นตัวเอกที่เพิ่งตาสว่าง หลังจากงมอยู่ในความมืดมาตั้งนาน
   “เพิ่งรู้เหรอครับ?”

         


______________________________________

#ภูมิแพ้ลูกไม้

สรุปจะทำมือนะคะ สั่งวาดปกไปแล้ว แต่ถ้าเขียนไม่จบ

ก็อ่านในเว็บเอานะคะ 555555555 มีแบบอีบุ๊กให้ค่ะ แต่วางขายร้านไหมต้องดูก่อน

เพราะเขาคิดค่าวาง40%ของราคาปกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Rhapsody-PT ที่ 12-11-2018 20:00:16
มาบ่อยๆนะ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-11-2018 20:18:51
ร้ายนะคะหัวหน้าเนี่ย
แต่รวยและเป็นคนเดียวที่ได้เห็นเนื้อหนังน้อง ให้อภัยก็ได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2018 20:40:43
โปะเชะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-11-2018 21:00:43
น้องน่าจะลาออกไปเลย อย่าไปหลงกลคนชั่ว ร้ายกาจจจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 12-11-2018 21:01:47
คุณพีร้ายกาจจจจจ​จ​ จริงๆก็อ้างว่าจะฟ​้​อ​งHR จริงๆก็คืออยากมาอะไรๆกับภัทรใช่มะ :hao3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 13-11-2018 09:35:56
โอยยยย......แล้วไงต่อ......เค้าจะได้กันมั้ย.......
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-11-2018 11:54:13
คุณพี
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 13-11-2018 20:24:38
โรคจิตนิดๆ นะนี่ ทั้งคุณพี ทั้งภัทร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท4 (2/2) 12.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 14-11-2018 00:04:40
ncต้องมาแล้วพ่ะ กรี๊ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 15-11-2018 22:50:05



5
“เพิ่งรู้เหรอครับ?”
   คำพูดของคุณภาสกร คุณอาทิตย์หรือคุณพีที่เป็นคนเดียวกัน ทำเอาภัทรถึงกับชะงักไป ตอนแรกก็ลองถามไปเฉย ๆ เพราะความสงสัย แต่ภัทรไม่ได้เตรียมใจที่จะรู้ว่าคุณเขาคือคนเดียวกันแบบนั้น หลังความจริงปรากฏ ภัทรก็ถึงกับเดินถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตั้งสติ ในตอนนี้เรื่องผ้าลูกไม้ทั้งหลายเอาไว้ก่อน เพราะความจริงต้องหน้าสำคัญกว่า
   “หมายความว่า ตั้งแต่ต้น…..” ภัทรนึกไปถึงบทสนทนาระหว่างเขาและคุณพีที่เคยคุยกันมา
    จริง ๆ ตอนแรกก็ไม่มีเรื่องน่าอายหรอก เราก็แค่แชร์ความชอบ ข้อมูลผ้าลายลูกไม้ที่รู้มาก็เท่านั้นและเพราะเราไม่ค่อยมุ่งเน้นไปเรื่องเพศ ทำให้ภัทรได้คุยกับคุณพีมากกว่าใคร แต่เขาจะมาอายก็ตอนบทสนทนาช่วงหลัง ๆ นี่แหละ ที่เราเริ่มสนทนามุ่งเน้นไปทางเรื่องเพศมากขึ้น หนักสุดก็คือการพูดแบบ Dirty talk และส่งรูปเรือนร่างของตัวเองให้กันดู “ครับ ตามที่คุณเข้าใจนั่นแหละ” คุณภาสกรว่า
   “งั้น….ก็แปลว่าคุณรู้ตั้งแต่แรกใช่ไหมครับ ว่าผมเป็นเจ้าของแอคลูกไม้ป่า” ภัทรถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
   “ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกครับว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น….ตอนนั้นผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณชื่ออะไร ทำงานที่แผนกไหนเฉย ๆ ก็เลยให้คุณเลขาเอาข้อมูลที่คุณกรอกไว้ให้กับทางบริษัทมาดู” คุณภาสกรเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง สังเกตปฏิกิริยาคนฟัง หลังกำลังจะเฉลยความจริง
   “….กระทั่งตอนที่มาส่งบ้าน ผมยังไม่แน่ใจว่าใช่คุณไหม แค่สงสัยเฉย ๆ ว่ามันเป็นความบังเอิญหรืออะไรกันเลยเริ่มหาความจริงมาเรื่อย ๆ”
   “……”
   “คุณเองเล่นทิ้งไว้หลักฐานไว้ซะเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่อยู่ ข้อมูลส่วนตัว มุมห้องนอนเวลาคุณถ่ายรูปผ้าลูกไม้ที่เพิ่งได้มาใหม่หรือล่าสุดรูปอะไรพรรคนั้นที่มีตราของบริษัทเด่นหราบนภาพ ผมเลยหาหลักฐานมัดตัวคุณได้ไม่ยาก”
   “……”
   “โชคดีนะครับว่าคนที่คุณส่งรูปให้เป็นผม ไม่งั้นคุณอาจได้หมดตัวเพราะเขาเรียกร้องค่าปิดปากแน่”
   ภัทรไม่รู้ว่าควรจะเสียใจหรือดีใจดีที่คุณพีคือคุณภาสกรเจ้านายของตัวเอง แต่ตอนนี้มีเหตุการณ์นั้นที่เพิ่งนึกได้ว่าถ้าหากคุณพีคือคุณภาสกร งั้นก็แปลว่าคืนที่คุณเขามาค้างบ้านภัทร เราคุย Dirty talk ทั้ง ๆ ที่กำลังนอนเอาหลังชนกัน….
   “ผม….” ภัทรถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้เขาอยากร้องไห้กับความจริงที่เพิ่งรู้ให้รู้แล้วรู้รอด
   “มองผมไม่เหมือนเดิม?”
   “……”
   “ผมไม่โกรธหรอกนะ ถ้าคุณจะมองผมไม่เหมือนเดิม เพราะผมเองก็มองคุณไม่เหมือนเดิมตั้งแต่รู้ความจริงว่าคุณคือเจ้าของแอคลูกไม้ป่าแล้ว” คุณภาสกรว่าพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อยตามสไตล์ของคุณเขาแหละ
   “ผม…ผมควรทำยังไงต่อ”
   “ก็ไม่ต้องทำยังไง…..เรื่องนี้จะเป็นความลับ”
   “……”
   “ระหว่างเรา”
   
   “สิ่งที่คุณต้องการคืออยากให้ผมเป็นหุ่นลองชุดพวกนี้ให้ใช่ไหมครับ” ภัทรเอ่ยถาม หลังจากที่เขาเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะทำตัวปกติ ปฏิบัติกับคุณภาสกรเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่เพิ่งรู้ความจริงไปไม่ถึงวันดี ภัทรคิดว่าเรื่องนี้ เขาต้องขอเวลาสักพักเพื่อทำใจว่าคุณพีคือคุณภาสกรไม่ใช่แค่คนในโลกออนไลน์อีกแล้ว
   “ใช่ครับ ตอนแรกคุณคิดว่าผมจะให้คุณทำอะไร? พอดีผมเห็นคุณทำหน้าตกใจปนผิดหวังนิดหน่อย ตอนที่ผมบอกในสิ่งที่ต้องการจากคุณ” คุณภาสกรถาม
   “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ผิดหวังด้วย” ภัทรพูดปด
   “พูดความจริงสิครับ”
   “ผม…..ผมคิดว่าตัวเองจะต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกปิดความลับของตัวเอง”
   “ละครมากครับ”
   “แต่นี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไรไม่ใช่เหรอครับ เพราะปกติผ้าลูกไม้มันบางจนแทบไม่ปกปิดอะไรอยู่แล้ว!” ภัทรแย้ง
   “ก็มันยังดีกว่าไม่ใส่อะไรไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างผมก็คิดว่างานพวกนี้คุณถนัด เพราะก่อนหน้านี้คุณก็ทำมันเป็นประจำอยู่แล้วนี่” คุณเขาแย้งกลับ
   “……”
   “ที่ผมเลือกให้คุณมาลอง เพราะคุณรู้ว่าจะทำยังไงให้มันดูดีตอนอยู่บนร่างคุณ”
   “แล้วคุณภาสกรไม่คิดว่าผมจะอายบ้างเหรอครับ”
   “แต่ก่อนคุณใส่แล้วถ่ายมันลงบนโลกโซเชียล ใครต่อใครก็เห็นเรือนร่างคุณทั้งนั้น ผมก็เห็น…แต่แค่ตอนนี้ผมอยากเห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนเลยนะครับ” สิ่งที่คุณภาสกรว่าเป็นสิ่งที่ภัทรแย้งไม่ได้ เขาอยากจะเถียง แต่ไม่รู้จะเอาเหตุผลไหนเข้าสู้ดี
   “ถ้างั้นผมเลือกได้ไหมครับว่าจะใส่ชุดไหน ชุดบางชุด....ถึงมันจะเป็นผ้าลูกไม้ทั้งชุดก็ใช่ว่าจะเหมาะกับผม” สุดท้ายภัทรจึงเลือกที่จะต่อรองแทน
   “ก็ได้ครับ”
   “......”
   “งั้นสรุปว่าเราดีลกันแล้วนะ”
   “ครับ งั้นผมต้องลองตอนนี้เลยหรือเปล่า” ภัทรถามต่อ
   เขาไม่ได้ถามถึงระยะเวลาว่ามันจะสิ้นสุดตอนไหน เพราะลึก ๆ แล้วภัทรเองก็พอใจที่คุณเขาจะให้ได้ลองชุดพวกนี้ ต้องยอมรับว่าคุณภาสกรมีทุนทรัพย์มาก เพราะของบางชิ้น ภัทรไม่มีปัญญาแตะต้องด้วยซ้ำ มูลค่าของมันเกินเอื้อมที่จะมีไว้ครอบครอง ดีไม่ดีนี่อาจเรียกว่าเป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คุณภาสกรได้เห็นชุดพวกนั้นอยู่บนเรือนร่างของเขา ส่วนภัทรเองก็ได้ลองชุดสวย ๆ
   “วันนี้อย่าเพิ่งครับ ผมอยากให้คุณพักผ่อนก่อน รู้หรือว่าตอนนี้ใต้ตาคุณคล้ำมาก” คุณภาสกรว่า ก่อนจะเดินเอาหน้ากากผ้าลูกไม้ที่ภัทรขอดูในตอนแรกไปเก็บในที่ ๆ เคยอยู่
   “ที่ผมเป็นแบบนี้ ก็เพราะคุณนั่นแหละครับ”
   “เพราะผม?”
   “ใช่ เพราะคุณทำให้ผมคิดมาก” ภัทรว่า ที่เขานอนไม่หลับมาหลายคืนติดก็เพราะคุณภาสกรหรือคุณพีนั้นแหละ ภัทรเครียดมากจนผมร่วงด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยแม้แต่นิด
   “ครับ...แต่ผมไม่รู้สึกผิดหรอกนะ นั่นถือว่าเป็นบทเรียนที่คุณไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอง” คุณภาสกรหันมาพูดกับภัทร พร้อมกับระบายรอยยิ้มจาง ๆ และทุก ๆ ครั้งที่คุณเขาระบายยิ้มอ่อน ๆ เช่นนั้น ภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงเสมอ อาจเพราะถูกอกถูกใจคุณเขาตั้งแต่เห็นในวันที่ประชุมก็ได้ พออีกฝ่ายทำอะไรก็มักจะดูดีในสายตาภัทร
   “......”
   “แต่วันนี้คุณค้างที่นี่ได้ไหม ผมอยากให้คุณนอนค้างที่นี่สักคืน” หลังจากเก็บของเข้าที่เสร็จ คุณเขาก็หันมาถามภัทรต่อ
   “ไม่ได้หรอกครับ หลานผมอยู่บ้านคนเดียว”
   “.......”
   “ขอโทษนะครับ แต่ผมต้องกลับบ้าน” ภัทรเอ่ยปฏิเสธเสียงอ่อน เขาไม่สามารถปล่อยให้หลานชายนอนอยู่บ้านคนเดียวได้ เพราะความเป็นห่วงตามประสาน้าที่มีหลานเพียงคนเดียว ยิ่งช่วงนี้ที่ภัทรกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ บ่อย เขาก็ยิ่งไม่อยากไปนอนค้างที่ไหนให้หลานเป็นห่วง
   “งั้นก็ได้ครับ ตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็น....ยังพอมีเวลางีบสองสามชั่วโมง ผมอยากเห็นคุณหลับ”
   “.......”
   “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะไปส่งเอง” คุณภาสกรว่าต่อ หลังเห็นว่าภัทรยังคงเงียบ ฝั่งภัทรเองที่เงียบไปก็เพราะคิดว่าควรงีบที่นี่สักสองสามชั่วโมงหรือกลับไปพักที่บ้านดี ต้องยอมรับว่าตอนนี้ร่างกายของเขาต้องการพักผ่อน ขณะที่ภัทรกำลังลังเลอยู่นั้น พอเห็นคุณภาสกรทำหน้าตาคล้ายจะคาดหวังในคำตอบ เขาจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก
   “เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”
   ภัทรตัดสินใจนอนงีบที่คอนโดตามข้อเสนอของคุณเขา ในตอนแรกภัทรจะของีบตรงโซฟา แต่คุณภาสกรกลับให้เขาเข้าไปงีบในห้องนอนของเจ้าตัวแทน
   “คุณภาสกรครับ ผมคิดว่ามันไม่เหมาะเท่าไรนะ”
   “เรียกชื่อเล่นผม”
   “......” ขณะที่ภัทรแย้งว่ามันไม่เหมาะสม คุณภาสกรกลับสนใจสิ่งอื่นมากกว่า นั่นก็คือการเรียกชื่อเล่น
   ภัทรอยากจะเรียกเหมือนอย่างเคยอยู่หรอก แต่เขากลัวว่าคุณภาสกรจะตอกกลับมาว่า อย่ามาถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นของคุณเขา
   ตอนที่คุณเขาว่าเช่นนั้นในห้องทำงาน คนฟังอย่างภัทรก็รู้สึกหน้าชาอยู่ไม่น้อย มันเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นั่นจึงทำให้เขาพยายามเลี่ยง ๆ เสมอ กลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยอีกครั้ง
   “ครับ....คุณอาทิตย์ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมอะไร”
   “แล้วอะไรที่เรียกว่าไม่เหมาะ” คุณเขาถามกลับบ้าง
   “ก็....การที่ให้ผมใช้เตียงของคุณไงครับ”
   “คอนโดนี้เป็นของผม อันที่ผมคิดว่าผมพอใจก็แปลว่ามันเหมาะสม”
   “......”
   “เข้าไปนอนในห้องดี ๆ เถอะครับ คืนที่ฝนตกเรายังนอนเตียงเดียวกันเลย จำไม่ได้แล้วเหรอครับ”
    จำได้สิ....ทำไมภัทรจะจำไม่ได้ เขาแย้งในใจ เหมือนคุณภาสกรไม่ได้ตั้งใจจะสื่อเรื่องที่เรานอนเตียงเดียวกันด้วยซ้ำ แต่คุณเขาอยากจะสื่อถึงเรื่องอื่นมากกว่า ภัทรสังเกตได้จากสายตาแพรวพราวของคุณเขา ติดตรงแค่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กล่าวถึงอย่างชัดเจนก็เท่านั้น
   “งั้นถ้าคุณอาทิตย์คิดว่ามันเหมาะสมแล้ว เอาตามนั้นก็ได้ครับ” ภัทรเลือกที่จะตัดบท ก่อนที่แก้มของเขาจะร้อนผ่าวไปมากกว่านี้ เขาเดินผ่านหน้าคุณภาสกรไปยังห้องนอนที่คุณเขาบอก รีบเดินเข้าห้องนอนหนีอีกฝ่ายไปเสียดื้อ ๆ
   เพราะเตียงนอนของคุณภาสกรมันนุ่มมาก ไหนจะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของก้านไม้หอมที่ตลบอบอวลไปทั่วห้องอีก ทำให้คนที่พักผ่อนน้อยมาหลายวันติดต่อกันอย่างภัทร หัวถึงหมอนนุ่มไม่ถึงสิบนาทีก็หลับสนิทได้ไม่ยาก มารู้สึกตัวก็ตอนที่รู้สึกว่าถูกรบกวนตรงบริเวณแถวซอกคอ
   “คุณภัทร....ธนภัทร ได้เวลากลับบ้านคุณแล้ว”
   “อือ….” ภัทรขานรับในลำคอ ทั้ง ๆ ที่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ ตอนนี้เขารับรู้ทุกอย่าง แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมตา
   ภัทรรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่นที่กำลังรดต้นคอและข้างแก้มของตัวเอง คุณภาสกรกำลังยุ่มย่ามกับร่างกายภัทร เพราะเขาสัมผัสได้ถึงจมูกและริมฝีปากของอีกฝ่ายที่กำลังสัมผัสแถวซอกคอของภัทรเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขึ้นมาอยู่บนเตียงเดียวกันตั้งแต่ตอนไหน แต่การกระทำของคุณเขา กำลังทำให้ภัทรเริ่มหอบหายใจกระชั้นถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
   “อือ....คุณอาทิตย์”
   “ถ้าไม่ตื่นผมไม่เลิกนะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้หลานอยู่คนเดียวไง”
   “ผม....ผมง่วง ปวดหัวด้วย”
   “ตอนนี้ตัวคุณร้อนรุม ๆ ไม่สบายจนได้สินะ”
   “คุณอาทิตย์เอาหน้าออกไปก่อน เดี๋ยวผม....” ในที่สุดภัทรก็ลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้ หลังคุณเขายุ่มย่ามบนร่างกายภัทรไม่เลิกจนอารมณ์บางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ภัทรกำลังไม่สบาย
   “เดี๋ยวผมอะไรครับ?”
   “เดี๋ยวผมจะมีอารมณ์ไง” ภัทรว่าอย่างตรงไปตรงมาพลางดันหน้าหล่อ ๆ ของคุณเขา แต่คุณภาสกรก็ดื้อ ไม่ยอมรามือง่าย ๆ มิหนำซ้ำยังจะจูบฝ่ามือภัทรอีก
   “แต่ตอนนี้ผมมีอารมณ์แล้วนะ”
   “ล—แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมไม่สบายอยู่นะครับ” ภัทรว่า เพราะถ้าเราทำเรื่องอย่างว่ากันตอนนี้ ภัทรจะต้องทั้งปวดหัว ทั้งปวดตัวเป็นแน่
   “งั้นก็ขอเวลาอยู่แบบนี้สักพัก” คุณภาสกรพูดแค่เพียงสั้น ๆ
   อยู่แบบนี้สักพักของคุณเขา หมายความว่าเอาจมูกโด่งมาถูไถตามแก้ม ตามซอกคอภัทรไม่หยุดนั่นแหละ สบายคุณเขา แต่ภัทรน่ะสิจะแย่เอา ไม่คิดว่าการที่ตัวเองทำอย่างนั้น จะทำให้ภัทรมีอารมณ์บ้างหรือไง
   “อะ....คุณอาทิตย์”
   “....หอม”
   “ผ—ผม อ๊ะ” ภัทรพยายามควบคุมตัวเองแล้ว แต่สุดท้ายก็หลุดเสียงครางออกมาอยู่ดี ใบหน้าของเขาห่างจากคุณอาทิตย์หน้าคืบเท่านั้น ดวงตาคมจ้องสบตาภัทรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองลงที่ริมฝีปากของภัทรแทน
   “ตรงนี้ใช่ไหมที่ส่งเสียง” คุณเขาถามเสียงพร่า
   “......” ภัทรไม่ได้ตอบอะไร แต่หลับตาลงเมื่อคุณภาสกรจูบลงมา คุณเขาทำให้ภัทรใจเต้นแรงอีกแล้วคราวนี้มันเต้นแรงกว่าทุกครั้งราวกับจะหลุดออกมาจากทรวงอก
   ภัทรปล่อยให้คุณภาสกรย้ำจูบลงมาซ้ำ ๆ เพราะริมฝีปากของคุณเขานุ่มก็เลยอยากให้สัมผัสกันบ่อย ๆ ริมฝีปากของคุณภาสกรอมชมพู ไหนจะลมหายใจที่ไม่มีกลิ่นควันบุหรี่เจือปน บ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้สูบบุหรี่เหมือนผู้ชายทั่วไป เราผลัดกันจูบเย้าแหย่กันนานอยู่หลายนาที จนในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวเสียก่อนและคนนั้นก็คือคุณภาสกร
   “ผมขอเวลาอีกสิบนาที ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองต้องเข้าห้องน้ำ” คุณเขาบอกภัทรอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะลุกขึ้นลงจากเตียง เตรียมไปทำธุระส่วนตัวของตนเองต่อ แต่ทว่าภัทรกลับเรียกชื่อคุณเขาไว้ทันพอดี
   “คุณอาทิตย์ครับ!!”
   “......” คุณเขาหันกลับมาภัทร เลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไรถึงมาเรียกเอาตอนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
   “ให้ผมช่วย....นะครับ” ในที่สุดภัทรก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดมันออกมา
    เขาไม่ว่าเปล่า แต่รีบลงจากเตียงเดินไปหาคุณภาสกรจนเรายืนประจันหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลดตัวลง นั่งคุกเข่าลงกับพื้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากจะช่วยเหลือคุณเขาในเรื่องนี้เหลือเกิน
   เมื่อเห็นว่าคุณภาสกรไม่ได้ว่าอะไรแล้ว ภัทรก็ไม่รีรอที่จะค่อย ๆ ยื่นมือไปจับที่หัวเข็มขัดของคุณเขา ภัทรรู้สึกตื่นเต้นจนสังเกตได้ มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ในขณะที่กำลังปลดเข็มขัดหัวมนออกให้พ้นทาง
   ภัทรรูดซิปกางเกงของคุณเขาลง มีแค่เสียงซิปและเสียงลมหายใจของเราทั้งคู่เท่านั้น เพราะเราต่างคนต่างเงียบ ในเวลานี้คุณภาสกรนิ่งมาก เขายืนมองการกระทำของภัทรโดยไม่พูดจาด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้ภัทรรู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม
   ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องให้มีคนคอยบอก ภัทรก็รู้ดีว่าควรจะทำยังไงต่อ เขาสัมผัสส่วนนั้นของคุณภาสกรด้วยสายตาใคร่รัก แม้เราจะเพิ่งพบเห็นกันเป็นครั้งแรก มือสวยรูดรั้งให้มันตื่นตัวมากกว่าเดิม ทำเอาคนที่เป็นเจ้าของมันถึงกับหายใจผิดจังหวะ
   “อา....” คุณเขาส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ หลังภัทรพยายามครอบครองส่วนนั้นไว้ให้ได้มากที่สุด อาจเพราะตอนนี้ภัทรมีอาการคล้ายจะเป็นไข้ ทำให้โพรงปากของเขาอุ่นมากกว่าปกติ
   ภัทรพยายามแสดงฝีมือให้คุณเขาเห็นอย่างเต็มความสามารถ อยากให้คุณภาสกรได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไป ภัทรทำด้วยความเต็มใจทั้งนั้น ไม่ใช่แค่อยากจะเอาใจคุณเขาเท่านั้น ภัทรแตะลิ้นระรัวที่ส่วนปลายของสิ่งนั้น เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันจึงรู้ว่าต้องทำอย่างไร ผู้ชายถึงจะชอบ
   กลีบปากบางพยายามรูดรั้งอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่ละเลยที่จะลงลิ้นระรัวที่ปลายหัวให้ หลังจากเล็มเลียส่วนหน้าจนพอใจแล้ว ภัทรก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจส่วนอื่นของคุณเขาด้วย
   ทุกอย่างดำเนินไปในอย่างที่มันควรจะเป็น คุณภาสกรหลับตา เขาส่งเสียงบ้างในบางครั้ง นั่นทำให้ภัทรรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกต้องแล้ว ความเสียวกระสันคงกำลังเล่นงานคุณเขาอยู่เป็นแน่
    ฝั่งของภาสกร..... ขณะที่ความกระสันอยากกำลังเล่นงานจนทำให้เผลอเกร็งหน้าท้องอยู่บ่อยครั้ง ฝ่ามือร้อนที่กำลังจะเอื้อมไปลูบกลุ่มผมนุ่มของธนภัทรตามแรงอารมณ์หยุดชะงักไป เมื่อคิดได้ว่าการกระทำเช่นนั้น อาจเป็นการฝืนบังคับธนภัทร
   เพียงแค่อีกคนพยายามเอาอกเอาใจทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่สบายก็ดีมากโขแล้ว  สุดท้ายจึงทำได้แค่ยืนนิ่งปล่อยให้อีกคนได้ทำ ในขณะเดียวกัน คนนั่งตรงหว่างขาก็พยายามเล้าโลมไม่เลิก
   ภาสกรหลับตาลงและในบางครั้งเขาก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ หลุบตามองต่ำ มองภาพสวยงามเป็นระยะ ๆ และลีลาของภัทร ทำเอานักธุรกิจหนุ่มถึงกับต้องขมวดคิ้วอยู่หลายครั้งหลายครา มันเป็นเรื่องยาก หากจะต้องยืนนิ่ง ๆ โดยไม่หลุดเสียงและไม่หาที่ระบายความรู้สึกเสียวซ่านออกมา
   ตัดกลับมาที่ฝั่งภัทรเองก็รู้สึกว่าคุณภาสกรกำลังอึดอัด เขารู้ว่าเวลานี้คุณภาสกรต้องการอะไรกันแน่ สังเกตได้จากมือหนาที่เหมือนจะมาจับกลุ่มผมเขา แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ ภัทรจึงรีบผละออกจากสิ่งนั้นชั่วคราว แล้วคว้ามือคุณเขามาวางไว้บนกลุ่มผมตัวเองราวกับยินดีจะให้คุณภาสกรกระทำทุกอย่างที่ต้องการ
   “คุณภัทร.....”
   “เวลานี้ ผมไม่ต้องการความอ่อนโยน” ภัทรว่าเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากันคุณเขา เขาชอบคนอ่อนโยนก็จริง แต่ต้องไม่ใช่ในเวลานี้ อยากเห็นคุณเขาแสดงออกถึงความต้องการของตัวเองออกมา ไม่ใช่มาอ่อนโยนแบบนี้จนตัวเองไม่มีความสุข ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ภัทรอยากให้คุณเขามีความสุขมากที่สุด
   คราวนี้การใช้ปากของภัทรเป็นไปเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันมือของคุณภาสกรก็วางอยู่บนศีรษะของภัทร คอยลูบหัวราวกับให้รางวัลของเด็กดีและเผลอกดศีรษะบ้างในบางครั้ง ยามที่รู้สึกว่าภัทรยังทำให้ลึกได้ไม่พอ
   “ภ—ภัทร ผมใกล้เสร็จแล้ว”
   “ครับ...ปล่อยออกมาเลย” ภัทรพูดงึมงำ ตั้งหน้าตั้งตาทำให้คุณเขาอย่างสุดกำลัง
   ตอนนี้ความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน คุณเขาไม่อยากให้ภัทรเปื้อน ส่วนภัทรเองกลับเต็มใจที่จะเปื้อน จังหวะที่ใกล้จะถึงโค้งสุดท้ายแล้ว คุณภาสกรก็รีบดึงมันออกในทันที  แต่เหมือนผู้บริหารหนุ่มจะคาดคะเนเวลาผิดไปเล็กน้อย มันจึงกลายเป็นว่าเปื้อนตรงขอบริมฝีปากของภัทรแทน
   “ให้ตายเถอะ....” คุณภาสกรสบถเบา ๆ หลังจากเห็นว่าภัทรกำลังตัวเปื้อนเพราะตัวเอง ชายหนุ่มรีบรูดซิปให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะวิ่งหาทิชชู หวังจะมาความสะอาดให้ภัทร แต่จังหวะที่หันไปคว้าทิชชูและกำลังจะมาเช็ดให้ภัทร ผู้บริหารหนุ่มก็รู้ทันที ตัวเองได้เจอกับตัวแสบเข้าให้แล้ว
   “ไม่เห็นจะต้องวิ่งหาทิชชูเลยครับ.....” ภัทรไม่ว่าเปล่า แต่ยังเล็มเลียนิ้วตัวเองที่มีน้ำของเขาอยู่ โชว์ลีลาการทำความสะอาดตัวเองให้คุณเขาดู
   “นี่ไงสะอาดแล้ว” เขาโชว์มือของตัวเองให้คุณเขาดูพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
   “เพราะเห็นว่าคุณกำลังไม่สบายเฉย ๆ หรอก ผมเลยไม่อยากให้คุณปวดตัวเพิ่มอีก แต่ครั้งหน้า....คุณไม่รอดแน่” คุณเขากดเสียงเข้ม ธนภัทรนี่ยั่วเก่งไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ
   “งั้นก็ช่วยเร็ว ๆ หน่อยนะครับ ผมอยากโดนแล้ว....”

               





สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ขอแจกทวิตเตอร์หน่อยนะคะ คนอ่านจะได้ตามข่าวสารในการทำเล่ม งานอาร์ตประกอบเล่ม ของแถมและฉากอื่นๆในเรื่องนี้ค่ะ

ทวิตเตอร์@apaphaty หรือจะทาง fanpage พาพา ก็ไม่ขัดอะไรนะคะ

อิอิอิอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 15-11-2018 23:02:02
 :hao7: :hao7: :hao7: อยากเห็นภัทรโดนพร้อมใส่ถุงน่องลายลูกไม้ด้วย........
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-11-2018 23:21:56
น้องคะ!
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2018 23:46:18
นัดวันมาได้เลยค่ะ อยากเห็นจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 16-11-2018 01:27:47
พี่คะ น้องจะทนไม่ไหวแร้วววว
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 16-11-2018 16:40:12
จะเปงลมค่าาา แค่คิดว่าน้องจะใส่ชุดลายลูกไม้ ฮืดฮาดมาก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-11-2018 20:44:19
รู้สึกไม่อยากให้คุณพีเห็นขาอ่อนน้องง่ายๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 16-11-2018 22:06:53
ตอนต่อไปมาเลยค่ะ น้องบอกอยากโดน เราก็อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 17-11-2018 01:20:39
น้องงงงงงง  :hao6:
น้องดูเซ็กซี่มากอะ พอร์นเหลือเกิน หนูลูกกกกก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 17-11-2018 01:29:44
น้องอย่าไปท้าทายพี่เขาสิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 17-11-2018 01:41:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (1/2) 15.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 17-11-2018 02:49:10
เพิ่งจะได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมาก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 17-11-2018 17:25:19

เช้าแห่งการทำงานเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม อาการกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัวพร้อมรับในทุกสถานการณ์ตามประสาพนักงานน้องใหม่ไฟแรงก็กลับมาอีกครั้ง หลังได้หลุดพ้นจากความกังวลที่ส่งผลเขานอนไม่หลับมาหลายคืนเป็นเวลาติด ๆ กันเสียที
    ภัทรกอดแฟ้มเอกสารที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองเอาไว้แน่น ขณะที่กำลังใช้ลิฟต์ร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังชั้นที่เขาประจำอยู่
   อาการตัวร้อนรุม ๆ คล้ายจะเป็นไข้ในตอนแรกได้หายไปแล้ว เมื่อคืนหลังจากที่คุณเขามาส่ง ภัทรก็รีบกินยาทันที ทำให้อาการป่วยที่มีท่าทีว่ารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถูกยับยั้งไว้ได้ทันเสียก่อน วันนี้เขาจึงสามารถมาทำงานได้ตามปกติ
   “อรุณสวัสดิ์จ้ะ ภัทร”
   “อรุณสวัสดิ์ครับ พี่นัท” ภัทรเอ่ยทักทายรุ่นพี่ประจำแผนกและทำงานอยู่โต๊ะติดกันอย่างเช่นทุกวัน เขาโค้งหัวให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงแล้วเอาแฟ้มที่เพิ่งถือมาออกมากาง ดูข้อมูลที่สรุปไว้ในช่วงปีที่แล้ว
   “เป็นไง วันนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังจ๊ะ”
   “ครับ? อ๋อ….ดีขึ้นแล้วครับ” ภัทรตอบ
   “เออ ดีแล้วล่ะ พี่ก็นึกว่าวันนี้เราจะเป็นซอมบี้มาทำงานอีก พักผ่อนให้เยอะ ๆ นะ ถ้าร่างกายได้ป่วย ระวังจะป่วยยาวจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลเลยนะ”
   “ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ภัทรว่าพร้อมทั้งส่งยิ้มตาหยีให้พี่นัท เราถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ภัทรตั้งหน้าตั้งตาบันทึกข้อมูลใหม่ในปีนี้ลงในแฟ้มเดิม ส่วนพี่นัทก็ออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอก
   การทำงานของภัทรดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีความระแวงอะไรอีกต่อไป ทำให้ตลอดทั้งวันมานี้เขาแทบไม่ได้เช็กโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ เพราะถือว่ายังอยู่ในช่วงเวลางานจึงไม่อยากให้ใครเขาว่าได้
   ในช่วงบ่ายของวัน เข็มสั้นของนาฬิกาเวียนมาถึงเลขสามอีกครั้ง ได้เวลาที่ภัทรต้องเลิกงานแล้ว เขาเก็บข้าวของลงกระเป๋าทำงานของตัวเอง ก่อนจะตอกบัตรออกตรงเวลาตามนโยบายของบริษัท
   เพราะแผนกของภัทรเลิกงานตอนบ่ายสาม ทำให้เพื่อนหลายคนที่เรียนคณะเดียวกัน ต่างพากันอิจฉาที่แผนกของภัทรเลิกงานเร็วกว่าบริษัททั่วไป ภัทรเองไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมเพื่อนถึงต้องอิจฉา ทั้ง ๆ ชั่วโมงการทำงานเราก็เท่ากันแท้ ๆ  ภัทรเข้างานเช้าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะออกเร็ว
   ตลอดทั้งวันมานี้ ภัทรไม่ได้เดินเฉียดกับคุณภาสกรเลยด้วยซ้ำ อันที่จริงก็นับเป็นเรื่องที่ยากที่เราจะบังเอิญเจอกันอีกครั้ง เพราะลิฟต์ในบริษัทถูกแบ่งเป็นสองตัว สำหรับผู้บริหารและสำหรับเหล่าพนักงาน
   ไม่ใช่แค่เราไม่บังเอิญเจอหน้ากัน วันนี้เรายังไม่ได้แช็ตหากันอีกด้วย คุณเขาไม่ได้ทักมา ภัทรเองก็ไม่ได้ทักไปหาเช่นกัน ในเวลางานต่างคนก็ต่างรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง คุณภาสกรเป็นเจ้านายถึงจะอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ก็มีหน้าที่ในแบบของเขา ส่วนภัทรเป็นพนักงานก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน

   “กินเยอะ ๆ นะ โอ๊ตจะเอาเพิ่มอีกถ้วยเปล่า”
   “ไม่เอาแล้วฮะ”
   “โอเค” ภัทรพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ หลังเขาพาหลานชายออกมาทานก๋วยจั๊บเครื่องในที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนัก
   ชีวิตของภัทรไม่มีอะไรมาก โดยปกติแล้วหลังจากเขาเลิกงานเสร็จ ภัทรก็มักจะกลับบ้านเลย ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเพื่อนร่วมงานเท่าไรนัก มีสังสรรค์บ้างตามประสาซึ่งนาน ๆ ทีมีหน เขามักจะทำอาหารง่าย ๆ ประเภทเมนูไข่หรือพวกเมนูผัดน้ำมันหอยต่าง ๆ ไว้รอหลานกลับมากินเสมอ เตรียมอาหารไว้รอหลานเสร็จ เขาก็ทำงานบ้านอีกนิดหน่อย ตกค่ำมา ภัทรก็เริ่มตาปรือแล้ว วันไหนที่ยังพอมีแรงเหลือ ถึงค่อยมาอัปเดตพวกผ้าลูกไม้ สิ่งที่เขาหลงใหลลงในทวิตเตอร์ที่ดูแลอยู่
   ในขณะที่ภัทรกำลังนั่งกินข้าวกับหลานชายอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกเข้าและสายที่โทรเข้ามาก็คือคุณภาสกร ภัทรจึงไม่รีรอที่จะกดรับสาย
   “สวัสดีครับ”
   [ตอนนี้คุณอยู่บ้านหรือเปล่าครับ?] คุณภาสกรถาม ภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงอีกฝ่ายดูแปลกไปดูเหมือนคนกำลังไม่สบาย แต่เขาก็ตอบอยู่ดี
   “ไม่ครับ ผมพาหลานออกมากินข้าวข้างนอก มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
   [อยู่ร้านไหนเหรอ]
   “ร้านสมโภชโภชนาครับ ถัดจากซอยบ้านผมมาอีกนิดหนึ่งอยู่ติดถนนใหญ่เลย”
   [โอเค เดี๋ยวผมไปหา]
   “ครับ? คุณอาทิตย์” ไม่ทันที่ภัทรจะได้ถามอะไรต่อ คุณเขาก็ดันตัดสายไปเสียก่อน จากตอนแรกที่ตั้งใจว่ารอให้หลานชายกินเสร็จแล้วกลับบ้านเลย ก็กลายเป็นว่าภัทรต้องนั่งรออีกสักพัก เพราะคุณภาสกรจะมาหาที่นี่
   “ไม่สบายเหรอครับ” ธนภัทรเอ่ยถาม หลังเห็นคุณอาทิตย์หันไปสั่งเมนูกับเหล่าพนักงานและเดินตรงมายังโต๊ะที่เขาและหลานชายกำลังนั่งอยู่ วันนี้คุณอาทิตย์แตกต่างไปจากทุกวัน เพราะคุณเขาสวมใส่หน้ากากอนามัยมาด้วย
   “ใช่ครับ…”
   “อา….”
   “ผมคิดว่าตัวเองติดมาจากคุณ” ไม่ทันที่ภัทรจะได้เอ่ยถามว่าไปทำอะไร ถึงปล่อยให้ตัวเองป่วย คุณเขาก็ชิ่งโบ้ยให้เป็นความผิดให้กับเขาเสียดื้อ ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งลงข้าง ๆ กัน
   “เพราะเมื่อคืนเราจูบกันไง” คุณเขากระซิบบอกให้เราได้ยินกันแค่สองคน
   ภัทรอยากจะเถียง แต่เขาก็เถียงไม่ได้ เพราะมันอาจเป็นจริงอย่างที่คุณเขาว่า เพราะเราจูบกัน คุณเขาเลยป่วยแบบไม่ทันตั้งตัว ภัทรกลับบ้านเขาก็กินยาป้องกันไม่ให้อาการมันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่คุณอาทิตย์คงนึกไม่ถึงว่าเมื่อคืนจะติดไข้จากเขาถึงได้ป่วยเอา
   “สวัสดีเจ้าโอ๊ต เจอกันอีกแล้วนะ” หลังจากที่คุณอาทิตย์เย้าแหย่ภัทรได้สำเร็จ คุณเขาก็หันไปทักทายหลานชายวัยกระเตาะของภัทรต่อ อีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ผู้เป็นน้านั่งอยู่หน้าชามก๋วยจั๊บด้วยอาการหน้าแดง
   “สวัสดีฮะ เจ้านายน้าภัทร” เจ้าโอ๊ตเอ่ยทักทายกลับพร้อมกับส่งยิ้มแฉ่งให้อย่างเป็นมิตร จำได้แม่นว่าเจ้านายของน้าภัทรเป็นคนซื้อขนมให้ถุงใหญ่จนถึงตอนนี้ยังกินไม่หมดเลย
   “ทำไมเรียกห่างเหินจัง น้าภัทรสอนให้เรียกแบบนี้เหรอ”
   “เปล่าฮะ แต่โอ๊ตไม่รู้จะเรียกเจ้านายน้าภัทรว่าอะไรนี่ครับ” เด็กชายตอบกลับเสียงซื่อ
   “งั้นเรียกน้าอาทิตย์สิ เหมือนที่เราเรียกน้าภัทรไง ไม่ต้องเรียกว่าเจ้านายหรอก ฟังแล้วดูเป็นทางการยังไงไม่รู้” คุณอาทิตย์เสนอ เขาแสดงความกันเองออกมาเพื่อหวังที่จะลดช่องว่างกับหลานชายตัวน้อยของภัทร
   “ไปสอนให้หลานเรียกอะไรแบบนั้นครับ” เป็นภัทรที่ฝ่ายแย้ง ไม่เห็นด้วยที่คุณเขาบอกให้หลานเรียกเช่นนั้น
   “ก็ถูกแล้วไงครับ คนกันเองจะเรียกให้ห่างเหินไปทำไม อีกอย่างผมก็ไม่อยากให้หลานคุณจดจำว่าผมเป็นแค่เจ้านายของคุณด้วย แต่อยากให้เขารู้สึกว่าตอนนี้ได้น้าเพิ่มมาอีกคน เพราะยังไงหลังจากนี้ผมกับโอ๊ต เราคงต้องเจอกันบ่อย ๆ อยู่แล้วจริงไหม?”
   เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าคุณอาทิตย์อย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะมีหลานนั่งอยู่ด้วย แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี เราจึงคุยหัวข้ออื่นแทน โดยหลัก ๆ แล้วคุณอาทิตย์มักจะเป็นฝ่ายชวนเจ้าโอ๊ตคุย หลานชายของภัทรเองก็ให้ความร่วมมือกับคุณเขาเป็นอย่างดี ส่วนภัทรเองมีหน้าที่นั่งฟังหลานชายและคนที่แต่งตั้งตัวเองว่าเป็นน้าหมาด ๆ สนทนากัน
   จากเท่าที่ภัทรสังเกตมา เขาคิดว่าคุณอาทิตย์ไม่ได้เก่งแค่การบริหารอย่างเดียว แต่อีกฝ่ายรู้จักใช้วาทศิลป์ รู้ว่าต้องทำยังไงเพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน อีกฝ่ายชวนเจ้าโอ๊ตคุยอยู่หลายหัวข้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นของเล่นสะสมตามประสาเด็กผู้ชาย ไม่ก็พวกการ์ตูนที่ชอบหรือพวกฮีโร่ที่เด็กผู้ชายเขาชอบกัน
   “น้าเคยตามเก็บพวกของที่ระลึกพวกนี้อยู่ช่วงหนึ่งนะ มีเป็นเซ็ตใหญ่เลย”
   “จริงเหรอฮะ! โอ๊ตก็เคยอยากเก็บสะสมเหมือนกันนะฮะ พวกพวงกุญแจหรือโมเดลอะไรแบบนี้ แต่ของแต่ละชิ้นราคามันแรงมากเลย”
   “ถ้าเราชอบ งั้นวันหลังน้าจะเอามาให้ดูดีไหม”
   “จริงนะฮะ! สัญญากันแล้วนะ”
   “แน่นอนสิ น้าเป็นผู้ใหญ่ไม่ผิดสัญญาอยู่แล้ว”
   ภัทรมองไปตามข้างทาง ในขณะเดียวกันหูเขาก็คอยฟังบทสนทนาระหว่างหลานชายกับคุณภาสกรอยู่เสมอ สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยิ่งมาชอบฮีโร่ตัวเดียวกันยิ่งคุยกันถูกคอเข้าไปใหญ่ จริง ๆ ภัทรว่าคุณเขาได้ใจเจ้าโอ๊ตไปตั้งแต่ครั้งก่อนที่ลงทุนซื้อขนมถุงใหญ่มาให้แล้ว พอวันนี้มาคุยเรื่องฮีโร่ที่ชอบหรือพวกของสะสมอีก ยิ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหากทั้งสองจะสนิทกันเร็ว
   ในที่สุดบทสนทนาเกี่ยวกับฮีโร่ในจักรวาลก็สิ้นสุดลง เมื่อรถคันหรูมาหยุดที่หน้าบ้านภัทรอีกครั้ง เขาปล่อยให้เจ้าโอ๊ตเข้าบ้านไปก่อน จึงเหลือเพียงแค่ภัทรและคุณภาสกรอยู่บนรถเพียงลำพัง ภัทรจึงเอ่ยขอบคุณคุณเขาอย่างในทุกครั้งที่อีกฝ่ายอุตส่าห์เป็นธุระมาส่งให้ 
   “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”
   “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้ครับ เดี๋ยวผมติดไข้จากคุณ” ภัทรตอบทั้งหน้ายิ้ม ระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น คุณเขาปลดผ้ากากอนามัยลงเพื่อที่เราจะได้คุยกันได้สะดวก ๆ ทำให้ภัทรได้มีโอกาสเห็นจมูกแดง ๆ ตามประสาคนไม่สบาย มองแล้วดูน่ารักแปลกตาไปอีกแบบ เพราะปกติคุณเขาหล่ออย่างเดียว
   “ผมก็ติดมาจากคุณนั่นแหละ รังเกียจกันเหรอครับ” คุณภาสกรถาม
   “ไม่ได้รังเกียจครับ แต่ถ้าพรุ่งนี้ผมป่วย ผมอาจไปทำงานไม่ไหวนะ” ภัทรว่าพร้อมกับเอาหลังมือแนบหน้าผากคุณเขาเพื่อเช็กอุณหภูมิของคนป่วย
   “จริง ๆ คุณป่วยน่าจะกินยาแล้วนอนพักที่บ้านนะครับ ไม่เห็นจะต้องมาหากันเลย” หลังรับรู้ว่าตัวคุณเขายังคงร้อน ๆ รุม ๆ ภัทรก็ว่าต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
   “ก็ผมอยากเจอหน้าคุณ”
   “เมื่อวานเราก็เจอหน้ากันแล้วไงครับ” ภัทรตอบกลับทันที
   ยอมรับว่าทุกคำพูดของคุณเขามีอิทธิพลกับภัทรเสมอและประโยคเมื่อกี้ก็กำลังทำให้คนฟังรู้สึกใจเต้นแรงด้วย เราสบตากันอย่างเงียบ ๆ ภัทรชอบมองตาคุณเขา เพราะรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ มองแล้วรู้สึกว่ากำลังถูกดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก และก็มักจะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายหลบสายตาเสียก่อน เนื่องจากต้านทานแรงดึงดูดนั้นไม่ไหว
   “ภัทรครับ….”
   “ครับ?”
   “ผมอยากจูบคุณอีกแล้ว” คุณภาสกรพูดความต้องการออกมาโดยไม่แม้แต่จะสนใจว่านั่นจะทำให้ภัทรใจเต้นแรงแค่ไหน ความประหม่าที่เคยมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้มันเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณเขาพูดออกมาว่าอยากจูบภัทร ภัทรรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรงมากราวกับว่ามันจะหลุดออกมา
   “ผม….”
   “จุ๊บกันเบา ๆ ก็ได้ครับ…นะครับ” คุณเขาพูดดักทางไว้ทันที หลังกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ ฝั่งภัทรเองก็นิ่งเพื่อคิดไปเกือบนาที ก่อนจะตัดสินใจโน้มหน้าไปจุ๊บริมฝีปากคนป่วยเบา ๆ และไม่มีการรุกล้ำมากกว่านั้น
   “เพราะคุณป่วยผมเลยให้ได้แค่เท่านี้ ไว้คุณหายแล้วเรา…ค่อยว่ากันใหม่นะครับ”
   หลังจากที่ภัทรได้ให้ในสิ่งที่คุณภาสกรต้องการ ก็ได้เวลาที่เราต้องแยกย้ายกันเสียที ภัทรต้องรีบเข้าบ้านเพราะมีพวกงานบ้านที่รอให้เขาไปสะสางอยู่ ส่วนคุณเขาเองก็ควรรีบกลับไปนอนพักผ่อนจะได้หายป่วยเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ต้องร่ำลากัน ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ภัทรไม่รู้สึกใจหาย
   ภัทรใจหายทุกครั้งที่ต้องยืนมองรถของคุณภาสกรเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เขายังยืนมองอยู่ที่เดิม.…ดวงตาเรียวมองตามรถของผู้เป็นเจ้านายด้วยความคิดที่หลากหลาย เพราะเขามีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก ๆ จึงกลัวว่าอนาคตหลังจากนี้ของเรา มันอาจไม่มีความสุขเหมือนตอนเริ่มต้น หลายครั้งที่ภัทรนึกถึงปลายทางความสัมพันธ์ที่เป็นความลับของเขาและเจ้านาย
   มันจะจบลงแบบไหนกันนะ?

________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ไม่อยากจะออกมาพูดเลยในนี้ ฮืออ

พาขอความกรุณาไม่ให้รูปอิมเมจศิลปิน ดารา นักร้องและติดแท็กนิยายทุกกรณีนะคะ เพื่อรักษาบรรยากาศส่วนรวมค่ะ พาทวิตลงเพื่อขอความร่วมมือทุกวัน แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเท่าที่ควร รบกวนให้ความร่วมมือด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-11-2018 18:15:07
ความรู้สึกของคู่นี้เขาพัฒนามานานแล้วเนอะ เพียงแค่เปลี่ยนจากหลบๆเป็นแบบเปิดๆ มีน้าสองคนเขาจีบกันอยู่ค่ะ ความลับเยอะด้วยนะโอ๊ต มัวแต่หลงกลสนใจแต่โมเดล555
ตอนนี้อิมเมจไม่มีเลยค่ะ ว่างเปล่า ชอบนะคะ รอตอนลองชุดอย่างใจจดใจจ่อค่ะ มโนแรงมาก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 17-11-2018 19:49:02
คุณพีเจ้าเล่ห์เหลือเกินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-11-2018 22:00:01
หมันไส้คุณอาทิตย์ขึ้นทุกตอนนนน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 17-11-2018 22:26:15
โอย......อ่านแล้วใจละลาย........มีการมาหาตอนตัวเองป่วย......
ไม่อยากให้มีดราม่ามากอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 18-11-2018 02:59:23
ดีจังงง จะร้องหั้ยแร้วว
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 18-11-2018 10:18:53
งุ้ยๆ น่ารักมากเว่อ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 18-11-2018 14:19:49
มาดูคนจีบกัน หวานๆ รอให้คุณเจ้านายหายดี แล้วมาลองชุดกัน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-11-2018 19:12:36
คนป่วยอ้อนจัง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท5 (2/2) 17.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-11-2018 21:44:00
หวั่นไหวทั้งคู่
ดูสิว่าจะแตกต่างจากความสัมพันธ์บนCyber มากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 19-11-2018 17:40:15
6


                ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ และแน่นอน…ทุกอย่างยังคงเป็นความลับ ในเวลางานภัทรไม่ได้แสดงออกถึงความสนิทสนมกับผู้เป็นเจ้านาย ไม่ได้เล่าเรื่องคุณเขาให้ใครเขาฟัง อีกทั้งคุณภาสกรเองก็ไม่ได้แสดงออกถึงความสนิทสนมกับภัทรเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด จึงทำให้ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของเรา



                ในเวลางานเราปฏิบัติตัวเสมือนไม่รู้จักกัน แสร้งรู้จักกันเพียงผิวเผินว่าคุณภาสกรคือเจ้านายและภัทรคือลูกน้อง แต่หลังพ้นเวลางานไป เราลอบพบกันเสมอ….



            สิ่งใด ๆ ที่เป็นความลับ มันช่างหอมหวานเสมอ….



                ความสัมพันธ์ที่เป็นความลับหอมหวานในความคิดภัทร มันความสัมพันธ์ที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้นละความสัมพันธ์แบบนี้ มันทำให้ลุ้นระทึกไปอีกแบบ นับวันรอว่าจะมีใครจับได้เรื่องของเราหรือเปล่า



                หลายครั้งที่ภัทรเกิดความสงสัยทำไมเจ้านายและลูกน้องถึงรักกันไม่ได้? ในเมื่อเราไม่ได้ทำผิดศีลอะไร ต่างฝ่ายต่างไม่มีใคร ทำไมใคร ๆ ถึงต่างค้านในความสัมพันธ์แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ภัทรเคยสงสัยมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะเปิดเผยว่าตัวเองกำลังสานสัมพันธ์กับคุณภาสกร เจ้านายที่ใคร ๆ ในบริษัทที่ยังโสดหมายตาอยู่



                เขาคิดว่าหากมีใครรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรา ชีวิตของภัทรคงไม่สงบเหมือนอย่างเดิมซึ่งภัทรไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น



             “นี่มันอะไรกันครับ?” ธนภัทรเอ่ยถามคุณเขาด้วยความฉงน หลังเห็นว่าเบาะหลังของคุณภาสกรมากระเป๋าเสื้อผ้าติดมาด้วยหนึ่งใบ วันนี้เป็นอีกครั้งที่วันนี้คุณเขามาหาภัทรถึงที่บ้าน มาหาทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ทันได้ร้องขออะไร แต่คุณภาสกรเขามาเอง



                “ก็ในเมื่อคุณไปนอนกับผมไม่ได้ ผมก็จะมานอนกับคุณไงครับ” คุณภาสกรตอบด้วยน้ำเสียงปกติและคำตอบของคุณเขาทำตัวภัทรถึงกับทำตัวไม่ถูก ได้แต่หลุดหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยากนอนด้วยกัน จนถึงขั้นอดทนไม่ไหว ต้องหอบเสื้อผ้ามานอนค้างกับภัทรเอง เพียงเพราะภัทรไปนอนค้างไม่ได้ เนื่องจากมีหลานที่ต้องดูแล



                “แล้วถ้าผมไม่อนุญาตล่ะครับ”



                 พอเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของคุณภาสกร ภัทรก็อดลองใจ อยากเย้าแหย่ไม่ได้ คุณภาสกรคงมั่นใจมากว่าภัทรจะให้นอนค้าง ถึงได้หอบเสื้อผ้าลงกระเป๋ามาหาโดยไม่บอกกล่าว ทำเอาผู้เป็นเจ้าของบ้าน อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้



                “อย่ามาลองใจกันเลยภัทร ผมรู้ว่าคุณไม่กล้าปฏิเสธผมหรอก”



                “คุณรู้จักผมดีแล้วเหรอครับ ถึงมั่นใจขนาดนั้น” ภัทรถามคุณเขา ดวงตาของภัทรจับจ้องแค่ใบหน้าของคุณภาสกรแต่เพียงผู้เดียว



                “นิสัยอาจยังไม่รู้จักดีพอหรอกครับ แต่ผมรู้จักร่างกายของคุณดี”



                “เคยลองแล้วเหรอครับ” ภัทรถาม



                “เคยแค่ได้มองครับ แต่ไม่นานคงได้ลอง….”



                “น่าเสียดายจังครับ ผมคิดว่าคุณอาทิตย์น่าจะคาดการณ์อะไรคาดเคลื่อนไปเสียหน่อย….เพราะบางทีมันอาจไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ก็ได้” ยิ่งได้ยินคุณเขาพูดคาดการณ์เช่นนั้น ภัทรก็ยิ่งรู้สึกสนุกมาอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเกิดในเร็ว ๆ นี้ตามที่คุณเขาคาดการณ์เอาไว้หรือเปล่า



                แต่สิ่งหนึ่งที่ภัทรคิดว่าคุณภาสกรไม่ได้คาดการณ์ผิดอะไร ก็น่าจะเป็นการให้นอนค้างบ้าน เพราะเห็นคุณเขาหอบเสื้อผ้ามาแล้ว ครั้นจะให้ไล่กลับบ้าน ก็ดูจะใจร้ายกับอีกคนไปเสียหน่อย



                อีกทั้งในตอนนี้คุณภาสกรและเจ้าโอ๊ตหลานชายของภัทรก็สนิทกันแล้ว สองคนนี้สนิทกันเร็วตามอย่างที่ภัทรคิดไว้จริง ๆ มันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณภาสกร หากอีกฝ่ายคิดจะตีสนิทกับเด็กผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง นั่นจึงทำให้การที่คุณเขามานอนค้างบ้านภัทร ไม่มีปัญหาอะไร มิหนำซ้ำเจ้าโอ๊ตเองก็ดูเหมือนจะดีใจที่น้าชายป้ายแดงมานอนค้างบ้านกัน



                พอเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น จึงไม่จำเป็นที่จะใส่หน้ากากเข้าหากันหรือกังวลว่าจะไม่ดูดีในสายตาอีกฝ่าย เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีสามชีวิตกำลังนั่งทานโต๊ะในบ้านขนาดอบอุ่นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คุณภาสกรเป็นแขกคนล่าสุดถัดจากพี่สาวของภัทรที่เมื่อหลายปีก่อน เธอแวะมาเยี่ยมลูกชายให้คลายความคิดถึงกัน



                เราไม่ได้ออกไปทานอาหารข้างนอกเหมือนอย่างตอนแรก ๆ ที่เริ่มทำความรู้จักกัน ภัทรเลือกที่จะชวนคุณเขาทำอาหารกินกันง่าย ๆ ในบ้านมากกว่า ไม่จำเป็นต้องมื้อพิเศษในทุก ๆ วันก็ได้ เพราะตัวภัทรเองก็ฐานะปานกลาง เขาจึงไม่ต้องการความเลิศหรูอะไรให้มากความ



                อาหารที่ภัทรทำให้อีกสองชีวิตทานเป็นมื้อเย็น ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายหรือต่างจากทุกวัน มีแค่เพียงจำนวนของเมนูอาหารเข้ามาอีกสองอย่าง ตามจำนวนคนกินที่มากขึ้น เขาเลือกที่จะทำอาหารง่าย ๆ ตามขอบเขตความสามารถของตัวเอง ภัทรทำต้มยำน้ำข้น ไข่เจียวหอมสด ผัดยอดคะน้าน้ำมันหอยและกุนเชียงทอด



                “กินเยอะ ๆ นะโอ๊ต จะได้โตเร็ว ๆ” ว่าจบภัทรก็ตักกุนเชียงทอดให้หลานชาย เจ้าโอ๊ตกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตต้องกินเยอะ ๆ หน่อย จะได้สูงทันเพื่อน



                “ขอบคุณฮะ น้าภัทร”



                “ปีนี้โอ๊ตอายุเท่าไรแล้ว” คุณภาสกรถามหลานชายภัทร



                “สิบสองย่างเข้าสิบสามฮะ”



                “จะเป็นหนุ่มแล้วสิ มีแฟนยังเรา”



                “แฟนเหรอฮะ? ยังไม่มีหรอกครับ แต่มีผู้หญิงที่ชอบแล้ว” เจ้าโอ๊ตยอมรับอย่างอาย ๆ และภัทรก็สังเกตว่าใบหูของหลานชายตัวดีกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ



                “ผู้หญิงที่ชอบ? ใครกันไม่เห็นเล่าให้น้าฟังเลย”



                “ก็โอ๊ตเพิ่งรู้สึกว่าชอบเขาไม่นานมานี้เองฮะ”



                “แล้วจะจีบเขาไหม?” ภัทรถามต่อ ซึ่งเจ้าโอ๊ตก็ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน



                “แค่แอบชอบแบบนี้ดีกว่าฮะ เดี๋ยวเพื่อนจะล้อแล้วผิงผิงจะอายเอา”



                “คนที่โอ๊ตชอบชื่อผิงผิงเหรอ น้าเคยเห็นหน้าหรือเปล่า?”



                “คิดว่ายังนะฮะ เธอเพิ่งย้ายเข้ามาได้เมื่อสองปีก่อนนี่เอง”



                ภัทรฟังคำตอบของหลานชายแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เอาเข้าจริง ๆ เขาเองก็รู้สึกใจหายไม่น้อย หลานชายเขาโตขึ้น ถึงขนาดเริ่มมีความรักตั้งแต่เมื่อไรกัน ในสายตาภัทร เขายังเห็นว่าเจ้าโอ๊ตเป็นเด็กอยู่เสมอ จนบางครั้งก็ลืมนึกไปว่าอีกฝ่ายอายุสิบสองย่างเข้าสิบสามแล้ว



                “ตามใจแล้วกัน งั้นก็ดูดี ๆ นะ มีอะไรก็ปรึกษาน้าได้” ภัทรว่าอย่างปลง ๆ ไม่คิดจะห้ามให้หลานชายมีความรักหรืออะไร ถ้าจะมีก็คงแค่มีความรู้สึกใจหายว่าเจ้าโอ๊ตโตได้ถึงขนาดนี้ก็เท่านั้น



                อาหารมื้อเย็นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม หลังจากทานข้าวเสร็จ ภัทรก็มีหน้าที่เคลียร์โต๊ะ ล้างจานอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งวันนี้คุณภาสกรขันอาสาล้างจานช่วย ภัทรปฏิเสธความหวังดีของคุณเขาในทันที แต่คุณภาสกรก็ยังยืนยัน ดื้อรั้นว่าจะช่วยอยู่ดี ภัทรจึงต้องว่าตามนั้น



                ภัทรได้ปล่อยให้เจ้าโอ๊ตขึ้นบ้านก่อน เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เอาเวลาไปทำการบ้าน ทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองและรีบเข้านอน



                หลังจากที่ภัทรและคุณเขาช่วยกันเคลียร์โต๊ะอาหาร ล้างจานและเช็กประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็ขึ้นห้องพร้อมกัน วันนี้คุณภาสกรนอนที่ห้องภัทรเหมือนเดิม ความประหม่าที่เคยมีในตอนแรกที่คุณเขามาค้างบ้าน เริ่มจางหายไปเมื่อเราสองคนสนิทสนมกันมากขึ้น



                “ปกติเป็นแบบนี้กันเหรอครับ”



                “ครับ?”



                “เลิกงานมา ทำมื้อเย็นทาน พูดคุยกันนิดหน่อยแล้วแยกย้ายขึ้นห้องนอน”



                “ใช่ครับ นาน ๆ ครั้งถึงมีเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปกินข้าวข้างนอกกัน เพราะผมกว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงจะไปไหนต่อ” ภัทรตอบคุณเขาอย่างซื่อตรง



                 อายุอานามเขาไม่เรียกว่าแก่หรืออะไร แต่ภัทรเป็นคนเหนื่อยง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สมัยเรียนกลับมาถึงบ้านทีเหงื่อซก หัวถึงหมอนมีอันต้องสลบ แต่เพราะภัทรเป็นคนขยัน พยายามที่จะเป็นคนเก่งอยู่เสมอ จนถึงได้อยู่รอดมาจนถึงขนาดนี้



                “บริษัทผมใช้งานคุณหนักเหรอหรือหัวหน้าแบ่งงานให้คุณมากเกินไป?”



                “เปล่านะครับ! ไม่ได้ใช้งานผมหนักหรือแบ่งงานให้ผมมากกว่าใครเลย แต่ผมแค่เหนื่อยง่ายเฉย ๆ” ภัทรรีบปฏิเสธทันที กลัวคุณเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าพี่ชาติแบ่งงานให้ไม่เท่ากัน



                “ถ้าเหนื่อยง่าย งั้นควรหาเวลาว่างออกกำลังกายดีไหมครับ ร่างกายจะได้อึดขึ้น” คุณภาสกรเสนอความคิด



                “ผมก็เคยคิดอยู่นะครับ แต่ยังไม่ได้ฤกษ์ออกกำลังกายเสียที”



                หลังจากพูดจบประโยค เราก็เข้ามาถึงห้องนอนพอดี ภัทรเป็นคนเปิดประตูเพื่อให้คุณภาสกรเข้ามา เพราะไม่มีอะไรความลับอะไรที่ต้องปกปิดแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นที่ต้องเก็บหลักฐานอะไรให้พ้นสายตาคุณเขา คุณภาสกรใช้สายตาสำรวจห้องนอนของภัทรอย่างเช่นทุกที ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงภัทร



                “เดี๋ยวนี้คุณยังเล่นแอคเคานต์ลูกไม้ป่าหรือเปล่าครับ” คุณภาสกรเอ่ยถามภัทร



                “ไม่ได้เข้าไปอัปเดตหรือเล่นอะไรตั้งนานแล้วครับ นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง” ภัทรว่า หากให้พูดกันตามตรงเขาก็ยอมรับว่ารู้สึกเข็ดขยาด ไม่กล้าที่จะโพสต์อะไรลงด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าตัวเองจะพลาดซ้ำสอง



                “ก็ดีแล้วครับ ผมว่าจะบอกคุณให้เลิกเล่นแอคนั้นไปเลย”



                “ครับ?”



                “ผมไม่อยากให้คุณเล่นมันอีก ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์รูปผ้าลูกไม้ลงหรือแม้แต่การคุยแบบdirty talkกับใครก็ไม่รู้”



                “ทำไมล่ะครับ? ถ้าคุณภาสกรกลัวว่าผมจะคุยdirty talkกับใครอีก ไม่ต้องกลัวก็ได้นะครับ เพราะผมเพิ่งเคยคุยแบบนั้นกับคุณเป็นคนแรก”



                “ถ้าจุดประสงค์ที่คุณเปิดแอคเคานต์นั้นขึ้นมา เพียงเพราะอยากแชร์ความชอบเรื่องผ้าลูกไม้ ก็ปิดไปเถอะครับ แชร์กับผมคนเดียวก็ได้ ผมเองก็คิดว่าตัวเองมีความรู้กับเรื่องพวกนี้พอที่คุณจะไม่ต้องไปแชร์เรื่องผ้าลูกไม้กับใครอีก”



                “….อีกอย่างผมห่วงและหวงคุณด้วย” คุณภาสกรว่าต่อและ ช่วงประโยคสุดท้ายของคุณเขา ภัทรรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก



                “……”



                “ปิดเถอะนะครับภัทร ถือว่าผมขอนะ”




                “ถ—ถ้าคุณอาทิตย์ต้องการอย่างนั้น ก็ได้ครับ…..ผมจะปิดมัน” ภัทรว่า เขาตัดสินใจดีแล้ว หากว่านี่คือสิ่งที่คุณเขาต้องการ





__________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

อิอิ นี่ยิ้มรอกับการอัปครั้งต่อไปแล้วค่า

ขอกำลังใจเยอะๆนะคะ สกรีมแท็ก คอมเมนต์ด้วยน้า เราจะได้ฮึดๆรีบมาอัพฮ้าบบบ รักและเคารพนักอ่านเสมอ,พาพา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-11-2018 18:44:48
ขอเขาคบรึยังอะจะมาทำเป็นหวง จะมาทำเป็นขอนอนด้วย หมั่นไส้บอส
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 19-11-2018 19:17:06
หวงก้างอ่ะะะะะ คุณภาสกร
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-11-2018 19:38:16
คุณอาทิตย์ขี้หวง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-11-2018 20:10:39
เป็นไรกันอ่ะคะ มาห้ามนู่นนี่น้อง น้องอย่าใจอ่อนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-11-2018 20:20:57
 :L2: :pig4:

มีสิทธิ์อะไรไปหวงเขาฮึ อยากรู้จริงเชียว
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (1/2) 19.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 20-11-2018 03:04:05
คุณอาทิตย์ทำเหมือนจะขอคบภัทรยังไงหยั่งงั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 22-11-2018 15:52:50
     

 
“ผมก็นึกว่าคุณก็แค่จะมาค้างบ้านผมเฉย ๆ”



                “ก็ใช่ไงครับ”



                “แล้วชุดพวกนี้....”



                “ก็ตามที่เราคุยกันไว้ในตอนแรกไงครับ” เมื่อได้ยินคุณภาสกรว่าเช่นนั้น ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา เขามองชุดที่ถูกวางไว้บนเตียงอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูให้ชัด ๆ



                ภัทรว่าแล้วเชียว คุณภาสกรไม่มีทางมานอนค้างบ้านเขาอย่างเดียวแน่นอน มันต้องมีความไม่ชอบมาพากลบางอย่างและมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ ด้วย



                หลังจากที่เราเข้ามาในห้องนอนแล้ว คุณเขาก็ไม่รีรอที่จะเปิดกระเป๋าสัมภาระ เอาเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวออกมาวางไว้และควักชุดผ้าลูกไม้เนื้อบางซึ่งคงเตรียมการมาตั้งแต่คอนโด มาวางไว้บนเตียงรอให้ภัทรลองสวมใส่



                ภัทรหยิบชุดลายลูกไม้ขึ้นมาดู พลิกหน้าพลิกหลังราวกับหาอะไรบางอย่าง หากแต่ไม่พบความผิดปกติอะไรนอกจากเนื้อผ้าที่บางเฉียบทั้งส่วนหน้าและหลัง เรียกได้ว่าแทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ถูกปกปิดเลยด้วยซ้ำ ยกเว้นส่วนข้างหน้าที่พอให้ได้หายใจหายคอ



                ท่าทางอึ้ง ๆ ของภัทร ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญ ชำนาญเรื่องการรีวิวชุดลูกไม้และเครื่องประดับมาโชกโชน ทำเอาคนที่เตรียมชุดมาจากคอนโดถึงกับหลุดหัวเราะออกมา



                “หัวเราะอะไรกันครับ” ภัทรถามหน้ายุ่ง



                “ผมจริงจังอยู่นะ ไม่ทันได้เตรียมใจด้วยว่าจะต้องมาลองชุดให้คุณวันนี้” เขาว่าต่อ หลังเห็นรายละเอียดของชุดที่คุณเขาเตรียมไว้ให้แล้ว ภัทรก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่อะไรหรอก เขาก็แค่กลัวว่าใส่ออกมาแล้ว ความงดงามของชุดจะถูกลดทอนลง



                ชุดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ชายสวมใส่โดยเฉพาะ สังเกตได้จากส่วนล่างของชุดที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชาย ชุดที่คุณภาสกรเตรียมมาให้เป็นวันพีชลูกไม้สีดำทึบทั้งตัว ด้านบนถูกออกแบบให้เป็นสายเดี่ยว ด้านหน้าของชุดเป็นผ้าลูกไม้ทั้งหมด มีโชว์ความเซ็กซี่ด้วยการเปิดเผยตั้งแต่ช่วงหน้าท้องต่ำลงไปจนถึงช่วงล่าง ด้านหลังมีลูกไม้เป็นส่วนประกอบแค่ขอบล่างของชุด ส่วนตรงหน้าหลังก็เป็นแค่ผ้าเนื้อบาง คล้ายตาข่ายสีดำซึ่งไม่ได้ปกปิดอะไรเลย



                “ผมไม่มั่นใจเลยครับ” ในที่สุดภัทรก็พูดมันออกไป



                “จะกลัวอะไร ผมบอกแล้วไงว่าร่างกายคุณสวย”



                “ก็คุณไม่ได้ใส่นี่ พูดกันตรง ๆ ตอนนี้ผมไม่มีความมั่นใจเลยนะครับ ผมอายคุณ” เขาสารภาพมันออกไป



                ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นงานง่าย ๆ นั่นแหละเลยตกปากรับคำแบบไม่ทันได้คิดให้ดี แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ภัทรกลับรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำมันได้ มันยากเกินไปและดีไม่ดีอาจทำให้คุณภาสกรผิดหวังในตัวเขาได้



                “อายทำไมกัน ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ แต่อีกหน่อยคุณก็ชิน....” คุณภาสกรว่า อีกฝ่ายถือวิสาสะลูบแก้มภัทรเบา ๆ พร้อมกับระบายรอยยิ้มจาง ๆ  คุณภาสกรไม่ใช่ภัทร อีกฝ่ายจะไปกังวลอะไร ภัทรมองหน้าคุณเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกอะไรได้



                “ก็ได้ครับ ผมจะใส่มันให้คุณดู.....” คำตอบของภัทร ทำเอาคนฟังถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ....แต่นั่นก็แค่ครู่หนึ่งเท่านั้น



                “แต่เราต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกัน” ผู้เป็นเจ้าของบ้านว่าต่อ ภัทรจะไม่มีทางยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวแน่ เดี๋ยวคุณภาสกรจะได้ใจเกินไป แค่การยอมหยุดเล่นแอคเคานต์ลูกไม้ป่าตามคำขอร้องของคุณเขา ภัทรก็ว่าตัวเองยอมมากพอแล้ว



                “ทำไมต้องแลกเปลี่ยนกันครับ? คุณอย่าลืมสิว่าสาเหตุที่คุณทำให้ต้องลองชุดให้ผมเพราะอะไร” คุณภาสกรว่า เขาขมวดคิ้วมองภัทรอย่างไม่เข้าใจ



                “ครับ...ผมเข้าใจดีว่าทำไมผมต้องลองชุดนี้ ผมก็จะทำตามที่เราตกลงกันแล้วไงครับ” ภัทรตอบคุณภาสกร ยิ่งเห็นคุณภาสกรคิ้วขมวดเพราะยังไม่เข้าใจ ภัทรก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่



                เป็นคนยอมถูกเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว มันจะไปสนุกอะไรจริงไหม?



                “งั้นข้อแลกเปลี่ยนของคุณคืออะไร”



                “ระหว่างที่ผมลองชุดของคุณ....คุณห้ามปล้ำผม คือแม้กระทั่งเหวี่ยงผมลงเตียง คุณอาทิตย์ทำได้หรือเปล่าครับ?” ช่วงท้ายประโยค ธนภัทรยกยิ้มเล็กน้อย ยิ่งเห็นว่าคุณเขามีสีหน้าที่ไม่พอใจ ภัทรก็ยิ่งสะใจอย่างบอกไม่ถูก อย่าคิดว่าเขาจะไม่รู้ทันอีกฝ่ายเชียว



                “......”



                “....ว่าไงครับ ตกลงทำได้หรือเปล่า ขนาดผมยังทำตามข้อตกลงของคุณเลยนะ”



                “โธ่....ภัทร เล่นแบบนี้เลยเหรอ คุณไม่คิดว่านั่นจะเป็นการใจร้ายกับผมไปเหรอครับ?” คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อกึ่งเว้าวอน แต่น่าเสียดายที่ภัทรไม่ได้รู้สึกใจอ่อนหรือมีท่าทีคล้อยตามแต่อย่างใด



                “ไม่ครับ....นี่ไม่เรียกว่าใจร้ายเลย ระหว่างที่ผมอยู่ในข้อตกลงของคุณ ผมก็ต้องมีสิทธิ์ปกป้องตัวเองสิ เรียกว่าใจร้ายตรงไหนกัน” ภัทรตอบ เขาแสร้งทำหน้างง



                “.......”



                “ถ้ารู้ว่าทำตามข้อตกลงแล้ว ตัวเองยังเสียเปรียบคุณอยู่ คุณคิดว่าผมควรทำต่อไหมครับ? เพราะในเมื่อทำไป ยังไงผมก็ยังเสียเปรียบคุณอยู่ดี” ภัทรเอาเหตุผลมากล่าวอ้าง



                “ก็ได้....ก็ได้ภัทร ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ผมยอมคุณแล้ว”



                “งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ขอผมอาบน้ำก่อนแล้วจะใส่ออกมาให้คุณดู” ภัทรว่า คราวนี้เขาสามารถเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวโดยไม่ลืมหยิบชุดลูกไม้ของคุณเขาเข้าไปด้วย



                ภัทรใช้เวลาอาบน้ำจัดการตัวเองราว ๆ ยี่สิบนาที หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็มาคลี่ดูชุดลูกไม้ของคุณภาสกรอีกครั้ง ถึงจะต่อรองกับคุณเขาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นยามสวมใส่ชุดนี้ ภัทรก็ยังแอบกังวลอยู่ดี



                นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ภัทรจะได้ใส่เสื้อผ้าแนวนี้ให้คนอื่นได้ดู เขาใส่แนวชุดลูกไม้ ถุงน่องลูกไม้หรือเครื่องแต่งกายที่ประกอบด้วยผ้าลูกไม้บ่อยก็จริง แต่ทุกครั้งที่ภัทรใส่ มีแค่กล้องตัวเดียวเท่านั้นที่จับภาพเขา จึงไม่ต้องมารู้สึกเขินอายอะไร ภัทรสามารถควบคุมให้ใครเห็นอะไร ไม่เห็นอะไรได้ ไม่เหมือนตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกมีคนมาตั้งหน้ารอดูและเพราะว่ามันคือครั้งแรก ภัทรจึงอดประหม่าไม่ได้



                เขาใช้เวลามองตัวเองในกระจกอยู่หลายนาที ยังทำใจที่จะออกไปเจอคุณภาสกรพร้อมกับเจ้าชุดลูกไม้นี่ไม่ได้ ภัทรกังวลว่ามันจะไม่ดูดีพอในสายตาของคุณเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะพร่ำพูดว่าร่างกายเขาสวย....แต่เจ้าของร่างกายกลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย กังวลไปหมด ดีที่คุณภาสกรไม่ได้เร่งอะไร ไม่งั้นภัทรอาจมีสติแตกแน่



                “เอาว่ะ!” ภัทรพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนเมื่อครู่มาพันช่วงล่างไว้พอหลวม ๆ เพราะว่ามันเป็นวันพีชด้วยนี่แหละ เขาจึงไม่มั่นใจ รู้สึกหวิว ๆ เย็น ๆ ตรงแถวช่วงล่างอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากคุณเขาบอกให้ถอดมันออก ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน



                ภัทรค่อย ๆ เปิดประตูห้องน้ำและแง้มมันออกอย่างเบาเสียง เขามองไปรอบ ๆ ห้องนอน หาตัวการที่ทำให้เขาต้องอยู่ในชุดนี้ ก่อนจะเห็นคุณภาสกรกำลังนอนหลับตา เอามือรองหัวอยู่บนเตียง



                ฝั่งภัทรเอง เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เริ่มมีความกล้าขึ้นมาบ้างนิดหน่อย หลังในตอนแรกภัทรคิดว่าคุณเขาจะนั่งรออยู่ปลายเตียง จ้องประตูห้องน้ำ รออย่างใจจดจ่อ แต่ดูเหมือนภัทรจะสำคัญตัวผิดไป



                ภัทรเดินอย่างเบาเสียงจนคล้ายเขากำลังย่องอยู่ทั้ง ๆ ที่มันเป็นบ้านของเขา...ตลกดีเหมือนกัน ภัทรยืนอยู่ปลายเตียงครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะปลุกคุณเขาขึ้นมาดีไหม แต่สุดท้าย....เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ ถ้าคุณภาสกรแค่หลับตารอเฉย ๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าหลับไปแล้วจริง ๆ ภัทรมีโกรธแน่ กว่าเขาจะทำใจออกมาจากห้องน้ำ มันง่ายนักหรือไง?



                ภัทรไม่แน่ใจว่าคุณภาสกรหลับไปแล้วจริง ๆ หรืออีกฝ่ายก็แค่หลับตาเฉย ๆ เขาจึงพิสูจน์ความจริงโดยการขึ้นเตียงแล้วนั่งคร่อมกลางลำตัวของคุณเขาเอาไว้อย่างมาดมั่น




                “คุณอาทิตย์ครับ....” ภัทรกระซิบข้างใบหูเรียกชื่อเล่นคุณภาสกรเสียงแผ่วพลางขยับช่วงล่างของตัวเองเบา ๆ







          ภัทรไม่แน่ใจว่าคุณภาสกรหลับจริงหรือหลับหลอก แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้คุณเขานอนนิ่งมาก แม้ว่าจะถูกภัทรนั่งทับกลางลำตัวแล้วก็ตาม เมื่อยังเห็นว่าคุณเขายังนิ่งอยู่ ภัทรก็ไม่รีรอที่จะลองขยับตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เขาขยับด้วยจังหวะเนิบนาบกว่าเดิมแล้วโน้มตัวลงกระซิบเรียกชื่อคุณเขาอีกรอบ



                ไม่ต้องให้มีหนที่สาม คุณภาสกรก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อน อีกฝ่ายคว้าหมับเข้าที่เอวภัทรทันควัน ทำเอาคนที่นั่งทับกลางลำตัวถึงกับตกใจแล้วหลุดหัวเราะในเวลาต่อมา



                คุณภาสกรพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ตอนแรกภัทรจะลุกออกแล้วเพื่อที่คุณเขาจะขยับตัวได้ถนัดขึ้น แต่คุณภาสกรกลับไม่ยอมปล่อยมือจากเอวเขา จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ภัทรกำลังนั่งตักคุณเขาโดยหันหน้าเข้าหา



                “คุณมันแสบมาก ตั้งใจยั่วขนาดนี้ แต่กลับห้ามไม่ให้ผมปล้ำคุณ”



                “แสบอะไรกันครับ ผมก็นึกว่าคุณอาทิตย์หลับก็เลยปลุกเฉย ๆ” ภัทรเถียงตาใส ในเวลานี้ร่างกายของเราสองคนแนบชิดกันมากและความใกล้ชิด ท่าทางที่ล่อแหลมนี้ก็ทำให้ภัทรใจเต้นแรง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงปากเก่ง โต้ตอบคุณเขาอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ดี



                “....ระวังจะเกมพลิกนะครับ”



                “ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ” ภัทรว่าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง



                “ไหน มาให้ดูซิ ใส่ชุดแล้วเป็นยังไง” คุณภาสกรเอ่ยถาม หลังเห็นว่าภัทรอยู่ในชุดที่เตรียมมาให้ลองแล้ว ฝั่งภัทรเองพอคุณเขาวกกลับมาพูดเรื่องนี้ ความประหม่าที่หายไปอยู่ครู่หนึ่งก็กลับมาเยือนอีกครั้ง ตอนนี้ภัทรเปิดเผยแค่ชุดส่วนบนให้คุณภาสกรได้เห็น แต่ส่วนล่างเขายังพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้อยู่



                “ทำไมถึงพันผ้าเช็ดตัวไว้ล่ะครับ” คุณภาสกรถามพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย



                “ก็แอร์ในห้องมันเย็นครับ ผมหนาวเลยหาผ้ามาพันไว้ก่อน”



                “นึกว่าจะอายเสียอีก” คุณเขาว่าพลางยิ้มเล็กน้อยคล้ายจะล้อเลียน



                “ก็มีส่วนครับ” ภัทรยอมรับอย่างซื่อตรง



                พอได้ลองใส่แล้วภัทรก็รู้สึกชอบชุดนี้นะ มันมีความเซ็กซี่และนำเสนอความเป็นลูกไม้ได้ดี เรียกได้ว่าผ้าลูกไม้เป็นตัวเอกของชุดเลยด้วยซ้ำ เพราะมีการนำมาผ้าลูกไม้เป็นส่วนประกอบของชุด สามารถใส่ดีเทลต่าง ๆ ได้โดยไม่ทำให้รู้สึกว่ายัดเยียดมากเกินไป ดูแล้วไม่อึดอัดสายตา แม้มันจะวาบหวิวไปหน่อยก็ตาม



                “เอาล่ะ ยืนขึ้นให้ผมดูหน่อยครับ” หลังจากพูดหยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องจริงจังกันเสียที คุณภาสกรผละวงแขนออกจากเอวภัทร เป็นสัญญาณที่ให้อีกคนลุกขึ้นไปยืนอยู่ปลายเตียงดี ๆ หันหน้ามาทางนี้ เพื่อที่จะได้เห็นภัทรอยู่ในชุดวันพีชลายลูกไม้อย่างเต็ม ๆ ตาเสียที



                ฝั่งภัทรเองก็มีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด อาการปากเก่งที่มีในตอนแรก พอถึงเวลาที่คุณเขาเอาจริงกลับไม่กล้าแสดงออกอย่างที่ควรจะทำ แม้ว่าคุณภาสกรจะผละวงแขนที่โอบกอดกันเอาไว้ออกแล้ว ภัทรกลับยังนิ่ง นั่งหันหน้าเข้าหาคุณเขาเช่นเดิม แล้วเอาหน้าซุกกับแผ่นอกของคุณภาสกรคล้ายกับจะอ้อน ทำเอาคนที่ถูกอ้อนถึงกับตาพร่าไปครู่หนึ่ง



                “คุณอาทิตย์ครับ...ผมอายจริง ๆนะ” ภัทรว่าเสียงแผ่ว



                “......”



                “ไม่ออกไปยืนไม่ได้เหรอ”



                “แล้วจะให้ผมมองยังไง”



                “ก็มองกันบนเตียงไงครับ....”



                “......”



                “ถ้ามองกันบนเตียง....คุณก็เห็นชุดได้เหมือนกันนี่”



                “ตกลงจะไม่ลุกขึ้นไป?”



                “......”



                “ก็ได้....ถ้าให้มองกันบนเตียง จะหาว่าผมรังแกทีหลังไม่ได้นะครับ เพราะสถานที่มันได้” คุณภาสกรว่า



                “แต่เราตกลงกันแล้วว่าคุณจะไม่ปล้ำผม”



                “คุณเองก็ไม่ได้ทำตามสัญญาอะไรขนาดนั้นนี่ ....ยอมลองชุดให้ก็จริงแต่กลับไม่ไปยืนให้ผมดูดี ๆ” คุณภาสกรเถียง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ และกอดภัทรไว้อย่างหลวม ๆ เช่นเดิมพลางเอาคางวางไว้บนศีรษะของภัทร



                “จะอายอะไรกันครับ หืม?”



                “ผมอายเพราะสายตาคุณนั่นแหละ....โคตรไม่น่าไว้วางใจเลย”



                “โธ่....ไม่ไว้ใจอะไรกัน คุณอย่าลืมสิว่าผมเป็นคุณที่คุย Dirty talk กับคุณทั้ง ๆ ที่เรานอนหันหลังให้กันนะ” คุณภาสกรว่าต่อพร้อมกับกลั้วหัวเราะเล็กน้อย โยนตัวคนที่อยู่ในโอบแขนไปมาเบา ๆ ส่วนภัทรเอง พอได้ยินคุณเขาพูดถึง ก็คิดถึงคืนนั้นขึ้นมาเช่นกัน เพราะมีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นภายในคืนเดียว เป็นคืนที่ภัทรจำตราตรึงมาถึงทุกวันนี้



                “แต่คืนนั้นเราก็เกือบได้กันไม่ใช่เหรอครับ แต่มาติดตรงที่ว่า....”



                “ถุงยางผมอยู่บนรถ”



                “.......”



                “แต่วันนี้ผมพกใส่กระเป๋าตังค์มาด้วยนะ”



                “คุณอาทิตย์.....”



                “ก็ไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินไงครับ” คุณภาสกรว่า สายตาดูวิบวับทำเอาผู้เป็นเจ้าของบ้านรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ภัทรรู้หรอกว่าคุณเขาคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ภัทรไม่แน่ใจว่าคุณเขาจะได้อย่างที่หวังหรือเปล่า



                เพราะบางที....คืนนี้มันอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้



                “สรุปไม่ลุกออกไปแน่นะ”



                “แล้วผมทำอย่างนั้นได้หรือเปล่าล่ะครับ”



                “ได้ครับ ถ้าคุณไม่อยากออกไปเพราะอาย ผมก็จะไม่บังคับคุณ”  เมื่อได้ยินคุณภาสกรว่าเช่นนั้น ภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักผู้ชายแบบนี้อีกครั้ง แขนเล็กตวัดโอบรอบคอคุณภาสกร ก่อนจะจูบที่ปลายคางอีกฝ่ายเบา ๆ เพื่อให้รางวัลในความน่ารัก



                “ขอบคุณมาก ๆ ครับ น่ารักมาก” ธนภัทรว่า



                “ผมน่ารักได้กว่ามากกว่านี้อีก” คุณภาสกรไม่ปฏิเสธ มิหนำซ้ำยังเขยิบตาให้ภัทรหนึ่งทีด้วย ทำเอาคนที่เอ่ยชมถึงกับฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกหลงคุณเขามากกว่าเดิมอีก



                ในเมื่อภัทรเลือกที่จะไม่ไปยืนดี ๆ ตามคำขอของคุณภาสกร เขาจึงต้องนอนเพื่อให้คุณเขาได้สังเกตแทน ภัทรคิดว่าแค่คุณเขาเห็นท่อนบนก็น่าจะพอแล้ว แต่นั่นยังไม่เป็นที่พอใจของคุณเขา คนที่อยู่ในวันพีชลายลูกไม้ผ่อนลมหายใจของตัวเองเล็กน้อย เพื่อเพราะหวังว่าจะมันช่วยลดความประหม่าลง



                ดวงตาเรียวจับจ้องแค่ใบหน้าของคุณภาสกร หลังถูกอีกฝ่ายผลักให้นอนลงเตียง ภัทรไม่เคยคิดเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ที่นอนอยู่บนเตียงปล่อยให้คนอื่นมาใช้สายตาสำรวจร่างกายเขาที่กำลังอยู่ในชุดลูกไม้ ภัทรไม่คิดเลย...แต่ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว



                คุณภาสกรไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามหรือแสดงความหื่นกระหายออกมาอย่างที่ภัทรกลัวในตอนแรก นั่นทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ อีกฝ่ายก็แค่ใช้สายตาไล่มองตั้งแต่ส่วนบนจนถึงกลางลำตัวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มีเพียงแค่ภัทรเท่านั้นที่ตื่นเต้นเป็นบ้าเป็นหลังเช่นนี้



                “ผมขอปลดผ้าเช็ดตัวคุณนะ” คุณภาสกรเอ่ยขอ หลังรู้สึกทุกอย่างมันดีหมดแล้ว แต่มาติดแค่ผ้าเช็ดตัวที่พันส่วนล่างของภัทรไว้นี่แหละ มันจึงดูสวยไม่สุด



                “ค—ครับ” นานนับนาทีที่ภัทรจะตัดสินใจ เขาพยักหน้ายินยอมแล้วปล่อยให้คุณเขาใช้มือคลายผ้าเช็ดตัวของตนเองออกอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกันนั้น ภัทรเองก็มองมือของคุณเขาที่กำลังปลดเปลื้องผ้าเช็ดตัวให้ด้วยอาการใจระส่ำ



                “สวย” หลังไม่มีผ้าเช็ดตัวเป็นอุปสรรคแล้ว คุณภาสกรก็เอ่ยชมภัทรด้วยคำสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ทำเอาคนที่เป็นหุ่นให้ถึงกับหน้าร้อนผ่าวอีกครั้งในรอบวัน ไม่ว่าจะถูกชมกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คำชมของคุณภาสกรก็มีอิทธิพลต่อความรู้สึกภัทรเสมอ มันคล้ายกับอาการโบยบิน หลังจากได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น



                “ไม่น่าเกลียดใช่ไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามอย่างอาย ๆ ก่อนจะยกมือปิดหน้า ไม่อยากรับรู้ว่าคุณภาสกรกำลังมองส่วนไหนของตัวเองอยู่



                “ไม่ครับ....ไม่เลย” คุณเขายืนยัน



                “.......”



                “ร่างกายคุณสวยที่สุดแล้วรู้ไหม ธนภัทร”













__________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2018 16:19:30
 :haun4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-11-2018 20:05:14
 :haun4:  ในใจไปไกลกว่าการลองชุดแล้วค่ะ ถอดสิถอด
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 22-11-2018 20:10:50
คุณอาทิตย์มันร้ายยยย​ ยัยน้องก็อ้อยเก่ง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-11-2018 22:11:47
น้องห้ามใจอ่อนนะคะลูก ให้คุณอาทิตย์ดูเท่านั้น ห้ามจับบบบบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท6 (2/2) 22.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 23-11-2018 03:03:06
แล้วเค้าก็ยังไม่ได้กัน....... :mew2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (1/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 24-11-2018 19:23:48


7


   หลังเวลาผ่านไป....ความเขินอายที่มีในตอนแรกค่อย ๆ ลดหลั่นลงตามลำดับ จากที่เกร็งตัว พยายามเอามือปิดบังส่วนนั้นส่วนนี้ของตัวเอง เพราะความไม่มั่นใจ ภัทรก็เริ่มปล่อยให้คุณเขาสำรวจได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะด้วยสายตาหรือการสัมผัส
   เพราะเราทำข้อตกลงกันไว้ก่อนที่ภัทรจะยอมลองชุดให้คุณเขา จึงไม่มีการปลุกปล้ำกันเกิดขึ้นและยิ่งคุณภาสกรไม่ทำ ภัทรก็ยิ่งรู้สึกประทับใจผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยอีกฝ่ายก็รักษาสัญญา แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ค่อยทำตามข้อตกลงก็ตาม
   หลังจากปล่อยให้คุณภาสกรได้มองชุดจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาที่ภัทรจะเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดนอนตัวเองเสียที เขาจะไม่มีทางใส่ชุดนี้นอนเด็ดขาด แม้ว่าจะถูกคุณภาสกรรบเร้าก็ตาม
   “ไม่มีทางครับ”
   “คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชอบชุดนี้เหมือนกัน”
   “ใช่ครับ...ผมชอบเหมือนกัน แต่นี่มันไม่ใช่ชุดนอนสักหน่อย” ภัทรเถียงคุณเขา เมื่อถูกคว้าแขนเอาไว้ หลังเขาจะลุกเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเป็นชุดนอน
   “......”
   “คุณอาทิตย์ครับ” คราวนี้ภัทรเรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายเสียงเข้มไม่เหมือนอย่างเคย ภัทรนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณเขาจะมีมุมดื้อ ไร้เหตุผลเหมือนคนอื่นด้วย อาการดื้อรั้นนี่มันกันทุกเพศทุกวัยจริง ๆ
   “ก็ได้ครับ” สุดท้ายคุณภาสกรก็ต้องยอมปล่อยแขนภัทร แม้จะอยากให้ภัทรสวมชุดนี้ตลอดทั้งคืนแค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่มองตามอีกคนเดินเข้าห้องน้ำตาละห้อยอยู่ดี ภัทรใช้เวลาเปลี่ยนชุดเพียงไม่นาน เขาออกมาในชุดพร้อมนอนนั่นก็คือชุดบอลปกติ
   “เดี๋ยวชุดนี้ผมซักคืนให้นะครับ” ภัทรว่าพร้อมกับชูชุดวันพีชขึ้นเพื่อให้คุณภาสกรดู
   “ตามใจครับ”
   หลังภัทรเปลี่ยนเป็นชุดนอนเสร็จ ก็ได้เวลาที่คุณภาสกรจะไปอาบน้ำเสียที ระหว่างที่เสียงน้ำจากฝักบัวไหล ภัทรก็นอนนั่งโทรศัพท์รอคุณเขา
   เขาดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดเข้าไปในไลน์ โชคดีที่กลุ่มไลน์แผนกที่ทำงานภัทร ไม่ค่อยได้พูดเรื่องงานนอกเวลา ยกเว้นที่เป็นเรื่องด่วนจริง ๆ ทำให้ภัทรไม่รู้สึกเครียดยามที่กดเข้าไปอ่านแช็ตกลุ่ม
   “คุยกับใครอยู่ หืม”
   “อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไรครับ”
   “เมื่อกี้....ว่าไงคุยกับใครอยู่ครับ” คุณภาสกรที่อยู่ในชุดพร้อมนอนแล้ว เอ่ยถามภัทรอีกครั้ง ก่อนจะล้มตัวนอนข้าง ๆ กันอย่างเป็นธรรมชาติ
   ครั้งแรกเรามีความเคอะเขินและวางตัวไม่ถูกยามอยู่ในห้องนอนเพียงสองคน ต่างฝ่ายต่างไปคนละทาง แต่ตอนนี้คุณเขากล้าที่คว้าเอวภัทรไปกอดไว้พอหลวม ๆ แล้วยังเอาหน้าซุกลาดไหล่ภัทรไว้อีกต่างหาก
   “ไม่ได้คุยกับใครครับ เช็กไลน์ของแผนก” ภัทรตอบตามตรง
   “คุยกันเรื่องงานเหรอครับ”
   “เปล่าครับ พี่ชาติกำลังโม้เรื่องลูกอยู่” ภัทรตอบ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้างกาย หลังคุณภาสกรเริ่มซุกซนมืออยู่ไม่สุข จับนั่น จับนี่ตามร่างกายภัทรไปเรื่อย พอถูกเขาตาขว้างก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่มีหรอกคำว่ากลัวกันน่ะ
   “เก็บมือไปเลยนะครับ ถ้ายื่นมาอีกที ผมตีมือหักแน่” ภัทรขู่
   “ตัวก็เล็กแค่นี้ ทำไมโหดจังครับ”
   “ก็โหดแค่กับคนลามกเท่านั้นแหละครับ”
   “ผมไม่ได้ลามก....แต่ร่างกายคุณต่างหากที่เรียกร้องให้ผมจับ”
   “ถ้าร่างกายผมเรียกร้องให้คุณอาทิตย์จับ ตอนนี้มันก็กำลังเรียกร้องให้ตีมือที่มาจับเหมือนกันครับ” ภัทรว่าพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
   ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของภัทร จับจ้องแค่ใบหน้าของคุณภาสกรที่อยู่ห่างกันเพียงคืบเศษ ๆ ภัทรชอบคุณเขาในตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก
   เขารู้สึกชอบยามที่ศีรษะคุณเขาปราศจากเจลตกแต่งผม ชอบที่ใบหน้าคุณภาสกรปราศจากเครื่องสำอาง ชอบเวลาที่คุณเขาไม่ได้อยู่ในชุดสูท มันดูเด็กลงมาก ๆ ถ้าเราไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วมีใครมาบอกว่านี่คือเด็กวัยมหา’ลัย ภัทรก็เชื่อและไม่เพียงแค่เท่านั้น พอคุณภาสกรที่อยู่ชุดปกติ มันทำให้ภัทรรู้สึกว่านี่ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร รู้สึกว่าจับต้องได้อย่างบอกไม่ถูก
   “จ้องอะไรครับ ตกหลุมรักผมแล้วเหรอ?”
   “......”
   “ไม่ตอบด้วยแหะ”
   “ผมก็ว่าตกหลุมรักมาตั้งนานแล้วนะครับ” คราวนี้ภัทรตอบคุณเขา ก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ หลังเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกมา ภัทรอยากรีเพลย์และเปลี่ยนคำตอบใหม่อีกรอบแต่เหมือนว่ามันจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะตอนนี้คุณภาสกรกำลังฉีกยิ้มกว้าง
   “น่ารัก...ภัทรน่ารัก” คุณเขาพูด ก่อนจะโน้มหน้ามาจุ๊บปากภัทรเบา ๆ ทำเอาคนถูกจุ๊บเผลอจิกผ้าห่มแน่น ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะเป็นสัมผัสที่หนักแน่นหรือคล้ายสายลมที่พัดผ่านไป ภัทรก็ใจเต้นแรงได้เสมอ
   “คุณน่ารัก” ว่าจบคุณภาสกรก็จุ๊บปากภัทรอีกที คราวนี้คนที่ได้รับสัมผัสอันบางเบาถึงกับหน้าเห่อร้อน ไปต่อไม่เป็นจนต้องหันไปทางอื่น เพราะไม่อยากหลุดยิ้มให้คุณเขาเห็น
   “หันไปกลั้นยิ้มเหรอครับ” หลังจากภัทรหันหน้ากลับมา คุณภาสกรก็เอ่ยถามราวกับรู้ทันกัน
   “เปล่าสักหน่อย” ภัทรปฏิเสธ
   “ให้มันจริงเถอะ”
   “......”
   “ภัทรครับรู้ไหมว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากเลยนะ”
   บทจะทำให้เขินก็เล่นเอาไม่ให้หายใจหายคอกัน ความเขินครั้งก่อนยังไม่จางไปไหน คุณภาสกรก็สามารถทำให้ภัทรรู้สึกเขินได้อีกแล้ว คำพูดของคุณภาสกรปกติก็มีอิทธิพลกับภัทรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คราวนี้อีกฝ่ายทั้งพูดและจ้องตาในเวลาเดียวกัน ยิ่งทำให้ภัทรใจเต้นแรงจนเขาเริ่มกลัวว่าร่างกายผิดปกติอะไรหรือเปล่า
   “ผมก็มีความสุขเหมือนกันครับ” ภัทรว่าเสียงแผ่ว เรานอนสบตากันท่ามกลางความเงียบงันของช่วงเวลากลางคืน แต่กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนกับช่วงที่เริ่มทำความรู้จักกันใหม่ ๆ
    ภัทรลากสายตามองมือของตัวเองที่บัดนี้กำลังถูกคุณภาสกรดึงไปจูบเบา ๆ ที่ฝ่ามือ ก่อนจะถูกวางไว้บนแก้มของคุณเขาคล้ายกับว่าตอนนี้ภัทรกำลังโอบหน้าคุณภาสกรไว้ข้างหนึ่ง
   คุณภาสกรทำให้ภัทรอึ้งได้เสมอราวกับทั้งชีวิตนี้ ภัทรยังต้องทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ไปอีกนาน เขาไม่คิดว่าคุณภาสกรจะเป็นผู้ชายอ่อนโยนขนาดนี้
   แม้ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าว่าเรารู้จักกันแค่ผิวเผิน รู้แค่ความชอบของกันและกัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ความคิดของภัทรได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ต่างจากคนที่ภัทรเคยคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ยกตัวเองเช่น ภัทรคิดว่าคุณเขาเป็นพวกประเภทอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่คุณภาสกรตัวจริงกลับไม่ใช่เลย อีกฝ่ายตามใจภัทรและไม่มีการบังคับ หากว่าภัทรไม่เต็มใจทำ
   “ผมถามจริงเถอะ มีคนมาจีบคุณบ้างไหม” คุณภาสกรเอ่ยถามภัทร
   “ถ้าจีบแบบโต้ง ๆ ไม่มีครับ แต่ถ้ามีเข้ามาคุยผ่านคนรู้จักก็มีบ้าง”
   “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
   “มีทั้งคู่ครับ”
   “แล้วตอนนี้ยังคุยอยู่ไหม”
   “ห่าง ๆ กันไปแล้วครับ” ภัทรตอบคุณภาสกรไปตามตรง แต่เขาไม่ได้บอกเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมถึงห่างกันไป แต่เหตุผลจริง ๆ ที่ห่างกันก็เพราะคุณภาสกรทั้งนั้น
   หากว่ากันตามจริงภัทรเองก็ไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร พอเจอคนที่น่าสนใจ รู้สึกอยากทำความรู้จักมากกว่านี้ คนที่เคยคุยกันมาตลอดก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาทันที
   “แล้วผมล่ะครับ” คุณภาสกร
   “ครับ?”
   “แล้วเข้ามาแบบผมเรียกว่าอะไร”
   “อืม.....” ภัทรนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “เรียกว่าแรงดึงดูดระหว่างกันมั้งครับ”
   “น่ารัก....คำตอบคุณน่ารักอีกแล้ว” หนนี้ไม่มีการโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บ แต่คุณภาสกรเปลี่ยนเป็นหันไปจุ๊บฝ่ามือภัทรแทน นั่นทำให้คุณที่รับสัมผัสรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ชอบดี
   “นี่คุณอาทิตย์กำลังอ้อนผมเหรอครับ” ภัทรเอ่ยถามคุณเขา หลังคุณภาสกรเขยิบเข้ามาใกล้กันอีกครั้ง จนตอนนี้เรียกได้ว่าเราแทบจะนอนก่ายกันอยู่แล้ว
   จมูก ๆ โด่งของอีกฝ่ายกำลังคลอเคลียบริเวณข้างซอกคอภัทร ทำเอาคนที่กำลังถูกอ้อนรู้สึกขนลุกซู่จนต้องย่นคอหนี มือที่เคยถูกดึงกุมแก้มเอาไว้ในตอนนี้ บัดนี้ก็ถูกเปลี่ยนไปโอบกอดเอวคุณภาสกรไว้อย่างหลวม ๆ แทน
   “ผมไม่ได้อ้อน ผมแค่ต้องการความอบอุ่น”
   “……”
   “ข้างในตัวคุณคงอุ่นน่าดู…..ผมขอเข้าไปได้ไหม”
   “เฮ้อ.....ดีได้ไม่เท่าไร ก็มาตกม้าตายแล้วนะครับ” ภัทรดุคุณเขาทั้งรอยยิ้ม อุตส่าห์ชื่นชมในใจมาตั้งหลายครั้ง มาตกม้าตายกันก็วันนี้แหละ คุณภาสกรนี่ดีได้ไม่สุดจริง ๆ สงสัยจะอยากได้มาก
   “ไม่ปฏิเสธกันแบบนี้ แสดงว่าให้แล้วใช่ไหมครับ?”
   “ทะลึ่ง!”
   
   ถึงแม้เมื่อคืนเราจะนอนด้วยกัน แต่เวลามาบริษัทก็ใช่ว่าจะมาพร้อมกัน เพราะไม่อยากให้ทั้งตัวเองและคุณภาสกรตกเป็นขี้ปากของใคร ภัทรตัดสินใจขอตัวมาก่อน อีกทั้งเขาต้องเข้างานเช้าด้วย ซึ่งคุณภาสกรจะเข้าบริษัทในช่วงสายของวัน
   ในตอนแรกคุณเขาก็อิดออดอย่างจะมาส่งภัทรให้ได้ แต่พอเราคุยกันด้วยเหตุผล สุดท้ายคุณภาสกรก็ต้องตามใจภัทรอีกเช่นเคย นั่นก็คือปล่อยให้ภัทรต่อรถไปบริษัทเอง แทนที่จะให้คุณภาสกรไปส่งและเมื่อเราตกลงกันได้แล้ว ภัทรก็ไม่รีรอที่จะรีบเข้าบริษัท ก่อที่จราจรบนท้องถนนจะติดขัดจนเขาเข้างานไม่ทัน
   ภัทรมาถึงบริษัททันเวลาพอดี เขาได้ตอกบัตรอย่างเฉียดฉิว เมื่อเข้ามาในแผนก ภัทรกลับมาสวมบทเป็นพนักงานปกติอีกครั้ง มีหน้าที่อะไรที่ต้องรับผิดชอบก็ทำตามสมควร เดี๋ยวนี้เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้แล้ว บรรยากาศในแผนกจึงเริ่มดีขึ้น ไม่อึดอัดเหมือนอย่างเคย ภัทรเริ่มมีการชวนพี่ที่ทำงานคุย บางครั้งเราก็ออกไปทานข้าวพร้อมกัน
   วันนี้ตลอดทั้งวันเราไม่ได้แช็ตกันในเวลางานเลย อันที่จริงภัทรเองก็ไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ จนเพิ่งมารู้ตอนเลิกงานว่าคืนนี้คุณภาสกรจะไม่ได้มานอนค้างด้วย จากที่ในตอนแรกอีกฝ่ายบอกว่าจะขอค้างที่บ้านภัทรสักสองสามคืน แต่วันนี้คุณภาสกรจะต้องไปออกงานสังคมกับทางครอบครัวจึงไม่สามารถมาค้างได้ ซึ่งภัทรเองก็เข้าใจ
   “กลับบ้านดี ๆ นะน้องภัทร”
   “ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” ภัทรว่าพร้อมกับโบกมือลาหนึ่งในพี่ประจำแผนก ก่อนที่เขาจะแยกย้ายเดินไปอีกทางหนึ่ง
   วันนี้ภัทรตั้งใจว่าจะแวะไปห้างสรรพสินค้า เพื่อไปซื้อของสดของใช้เข้าบ้าน หลังบางส่วนเริ่มหมดไป นอกเวลางานเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นบุคคลที่เฮฮาตลอดเวลา ออกจะค่อนไปทางเงียบด้วยซ้ำ
   นอกจากการเป็นเจ้าของแอคเคานต์ลูกไม้ป่า ชีวิตของภัทรก็ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นความหวือหวาเลย เขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ไม่ชอบเสียงดังหรือบรรยายกาศนั่งชิลในร้านเหล้า ทำให้ภัทรออกไปสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียนน้อยจนนับครั้งได้
   ภัทรเคยคิดอยู่หลายครั้งว่าอะไรในตัวเขาที่ดึงดูดคุณภาสกร คนระดับนั้นให้เข้าหาได้ แต่จนถึงวันนี้ ภัทรยังหาเหตุผลนั้นไม่เจอ จะมาบอกว่าชอบนิสัยใจคอกันก็คงไม่ใช่ เพราะคุณเขาเข้าหาภัทรตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันในฐานะเจ้านาย ลูกน้องด้วยซ้ำ
   เพราะยังหาเหตุผลไม่เจอ ภัทรจึงสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปก่อนชั่วคราว เดี๋ยวจะไม่ได้เลือกซื้อของกันพอดี หลังจัดการความคิดตัวเองได้แล้ว ภัทรก็คว้าเนื้อสัตว์ลงตะกร้าแล้วเอื้อมหยิบอาหารแปรรูปที่วางอยู่ข้างกันด้วย
   ภัทรใช้เวลาจ่ายตลาดในห้างสรรพสินค้าราว ๆ หนึ่งชั่วโมง เนื่องด้วยมีสัมภาระเต็มทั้งสองมือ เขาจึงตัดสินใจ เดินทางต่อด้วยรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน
   เมื่อกลับมาถึงบ้าน ภัทรก็จัดการนำของที่ซื้อมาวันนี้เก็บเข้าตามชั้น ตามตู้เย็นแล้วเลือกหยิบวัตถุดิบบางส่วนออกมาทำอาหารเย็น เตรียมรอให้เจ้าโอ๊ตที่กลับมาจะได้กินเลย ไม่ต้องมานั่งรอเขาทำอาหารอีก
   วันนี้ภัทรเลือกทำอาหารเย็นง่าย ๆ นั่นก็คือข้าวผัดและแกงจืดเต้าหู้หมูสับ เมื่อคิดเมนูได้แล้วว่าจะทำอะไร เขาก็ไม่รีรอที่จะหั่นวัตถุดิบ เตรียมเครื่องปรุง ก่อนจะเริ่มทำอาหาร
   “กินให้เยอะ ๆ นะเจ้าโอ๊ต”
   “ค้าบบบบบบ” หลานชายตัวดีของภัทรขานรับเสียงยาน เรียกรอยยิ้มจากน้าชายได้เป็นอย่างดี ภัทรนั่งเท้าคางมองหลานที่กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม เจ้าโอ๊ตอยู่ในช่วงวัยกำลังโต พอเห็นอาการกระตือรือร้นที่จะกินข้าว คนที่เตรียมอาหารไว้รออย่างภัทรก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
   “วันนี้น้าอาทิตย์ไม่มาค้างบ้านเราเหรอฮะ” กินข้าวจนเกือบจะหมดจานแล้ว หลานชายตัวดีก็เพิ่งถึงได้ว่าวันนี้ไร้เงาของน้าชายอีกคน
   “ทำไม?”
   “เปล่าหรอกฮะ ก็เห็นน้าอาทิตย์เขาบอกว่าจะมาค้างบ้านเราสองสามวัน นี่เพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวเอง”
   “คุณอาทิตย์เขาติดธุระที่บ้าน ไม่ได้มาค้างด้วยหรอก”
   “อ๋อ โอเคฮะ”
   “เจ้าโอ๊ต” จู่ ๆ ภัทรก็เรียกชื่อหลานชาย ทำให้ผู้เป็นเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองน้าอย่างงุนงง
   “ว่าไงฮะ?”
   “โอ๊ต...คิดว่าคุณอาทิตย์เขาเป็นไงบ้าง” ภัทรถามความคิดเห็นหลานชาย เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าโอ๊ตจะเป็นที่ปรึกษาหรือให้คำแนะนำอะไรหรอก เขาก็แค่อยากรู้ว่าคุณอาทิตย์ในสายตาของเจ้าโอ๊ตเป็นยังไงก็เท่านั้น
   “ก็ใจดีนะฮะ เขามีความพยายามที่จะผูกมิตรกับผมดีนะฮะ รวยด้วย เก็บของสะสมชิ้นแพง ๆ ได้ตั้งหลายคอลเลคชั่น”
   “......”
   “แล้วน้าภัทรถามแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าฮะ”
   “เปล่าหรอก น้าอยากรู้ว่าโอ๊ตชอบคุณอาทิตย์ไหม เราจะโอเคหรือเปล่า ถ้าสมมติในอนาคต....คุณอาทิตย์เขาจะมาค้างบ้านเราบ่อย ๆ”
   “ก็โอเคนะฮะ โอ๊ตยินดีต้อนรับ”
   สองน้าหลานพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย ไหนจะเรื่องที่เจ้าโอ๊ตบอกว่าสัปดาห์หน้าไม่อยู่บ้านอีก จะต้องไปเข้าค่ายวิชาการของโรงเรียนซึ่งภัทรก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่กำชับหลานว่าอย่าลืมของและรีบเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ พอใกล้ถึงวันเดินทางจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก
   เราคุยเรื่องอื่นกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ภัทรจะเหลือบมองนาฬิกาที่ติดอยู่ฝาผนังบ้าน ตอนนี้จวนจะสามทุ่มแล้ว เขาจึงบอกให้เจ้าโอ๊ตรีบขึ้นบ้าน อาบน้ำอาบท่าและเข้านอนเสีย ส่วนพวกถ้วยจานที่เพิ่งใช้เสร็จ เขาจะจัดการต่อเอง
   ภัทรขึ้นห้องนอนเกือบสี่ทุ่ม เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนแล้ว เขาก็คว้าเช็ดตัวทันที เพื่อจะไปอาบน้ำ ตั้งใจว่าคืนนี้จะรีบเข้านอนเร็ว ๆ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาค่อนข้างพักผ่อนน้อย เพราะไหนจะต้องลองชุดให้คุณเขา ไหนจะเสียเวลาทำนั่นทำนี่ คุยกับคุณอาทิตย์ไปเรื่อย กว่าจะได้เผลอจริง ๆ ก็เล่นเอาเกือบตีสามสี่แล้ว
   หลังจากอาบน้ำอยู่ในชุดพร้อมนอนเสร็จ ภัทรก็มาเล่นโทรศัพท์อีกพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มหาว เปลือกตาจวนจะปิดอยู่รอมร่อ เขาจึงไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป ภัทรวางโทรศัพท์ไว้ข้างกายโดยไม่ลืมที่จะชาร์จแบตเอาไว้ด้วย แล้วหันไปคว้าหมอนข้างคู่ใจ เอามากกกอดไว้แล้วผล็อยหลับไป
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 24-11-2018 19:24:44






   หลังภัทรหลับไปได้พักใหญ่ ก็มีอันต้องขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ได้ถึงการรบกวนที่เป็นเสียงโทรศัพท์ เขาพลิกตัวไปมาอย่างรำคาญ พยายามปิดหูไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ตามประสาคนที่หลับได้ที่ แต่สุดท้ายเสียงเรียกเข้าที่ดังลั่นห้อง ก็ทำให้ภัทรทนไม่ไหว จนต้องยื่นมือคว้าสะเปะสะปะตามที่นอนเพื่อไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา
   พอรู้สึกตัวภัทรก็เพิ่งรู้ว่าข้างนอกกำลังฝนตก แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนัก ภัทรหรี่ตาเล็กน้อยเพราะสายตาสู้แสงจ้ากะทันหัน เมื่อรวบรวมสติได้แล้ว เขาก็เพ่งเล็งหน้าจอมองว่าเป็นเบอร์ใครอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นิ้วเรียวก็สัมผัสหน้าจอเพื่อกดรับทันที
   “ว...ว่าไงครับ” ทันทีที่กดรับได้ ภัทรก็เอ่ยถามปลายสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ยังตื่นได้ไม่เต็มตานักและอยากจะนอนต่อเต็มที
   [หลับไปแล้วเหรอครับ]
   “ได้สักพักแล้ว คุณอาทิตย์มีอะไรหรือเปล่าครับ”
   [อ๋อ...ผมอยู่หน้าบ้านคุณแล้ว]
   “ครับ?” ภัทรขานรคับอย่างงุนงง เริ่มมีสติมากขึ้น “ไหนคุณว่าคืนนี้จะไม่ค้างไง”
   [ผมนอนไม่หลับ อยากนอนกอดคุณอีก....]
   “......”
   [แต่คุณพักผ่อนต่อ พรุ่งนี้เราค่อยนอนกันก็ได้ ฝันดีครับ]
   “เดี๋ยวสิครับ!” ภัทรรีบพูดดักไว้เสียก่อน
   [......]
   “รอผมอยู่ที่หน้าบ้านก่อน....ผมขอเวลาสองนาที จะรีบลงไปรับ ห้ามกลับก่อนนะครับ!” ภัทรว่า ก่อนจะรีบตัดสายคุณเขาแล้วลุกจากเตียงทันที
   ภัทรเช็กตัวเองในกระจกเพื่อตรวจความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบลงไปชั้นล่างของบ้าน เพราะไม่อยากให้คุณภาสกรรอนานมากกว่านี้ เพราะข้างนอกกำลังฝนตก เขาสูดลมหายใจตั้งสติครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นเพื่อปลดกลอนประตูและเปิดรับให้คุณเขาเข้ามาในบ้าน
   “เข้ามาข้างในก่อนครับ ฝนกำลังตก” ภัทรว่าเสียงแผ่ว เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนเข้ามา แม้มือของคุณเขามีถือร่มคันใหญ่ แต่เสื้อผ้าบางส่วนก็ยังเปียกอยู่ดี ในตอนนี้คุณภาสกรยังอยู่ในชุดสูท ไม่มีผูกเนคไทและปลดกระดุมด้านบนไว้สามเม็ด ซึ่งน่าจะปลดออกหลังจออกจากงานสังคมตามที่คุณเขาบอกเล่า
   “ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณนอนไปแล้ว” เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ววางร่มเรียบร้อยแล้ว คุณภาสกรก็เอ่ยกับภัทร
   “ไม่เป็นไรครับ ไหน ๆ คุณมาถึงหน้าบ้านแล้ว จะไล่กลับไปก็คงไม่ใช่เรื่อง” ภัทรว่าพลางรับเสื้อสูทตัวนอกมาจากมือคุณเขา หาไม้แขวนเสื้อมาตากมันไว้
   “คุณเพิ่งเสร็จจากงานสังคมเหรอครับ”
   “ใช่ครับ ก่อนหน้านี้สักชั่วโมงได้”
   “อ๋อ....งั้นขึ้นห้องเราดีกว่าครับ เสร็จจากงานสังคมคุณคงเหนื่อยน่าดู” ภัทรว่า แม้จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ มาจากตัวคุณเขา แต่ภัทรก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไร
   เมื่อเข้ามาในห้องภัทรก็ล้มตัวนอนบนเตียงทันที หวังว่าจะได้หลับต่อจากเมื่อกี้ เขาปล่อยให้คุณภาสกรจัดการตัวเอง อีกฝ่ายจะอาบน้ำก่อนนอนหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแต่เลย
   “อือ....คุณอาทิตย์” ภัทรเรียกชื่อคุณภาสกรทั้ง ๆ ที่เปลือกตายัปิดสนิท หลังร่างของเขาถูกอีกฝ่ายรวบเข้าไปกอดไว้จากด้านหลังแล้วจูบหลังคอภัทรอย่างแผ่วเบา ทำเอาคนที่ได้รับสัมผัสถึงกับขนลุกชันทั่วร่าง
   “ขอกอดได้ไหมครับ” คุณเขาถามภัทร ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสวมกอดไว้หลวม ๆ แล้วทำจมูดฟุดฟิดดมผมภัทรที่เพิ่งผ่านการสระมาเมื่อช่วงหัวค่ำแทน
   ภัทรปล่อยให้คุณเขากอดร่างตัวเองตามอำเภอใจ เปลือกตาเขายังคงปิดสนิทอยู่ ก่อนที่คนใกล้จะหลับเต็มทีอย่างภัทร จะพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคุณภาสกร จับแขนข้างหนึ่งของคุณเขามาวางไว้ที่เอวของตัวเอง
    ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ เราสบตากันอย่างเงียบ ๆ มีเพียงแค่แสงจากข้างนอก ทำให้พอเห็นบ้างลาง ๆ ว่าอะไรเป็นอะไร วินาทีนั้นเองภัทรถึงได้สังเกตว่าดวงตาคู่สวยของคุณภาสกรดูเยิ้มผิดปกติ ไหนจะใบหูที่เป็นสีชมพูระเรื่อนั่นอีก
   “คุณอาทิตย์ดื่มมาใช่ไหมครับ”
   “ใช่ครับ ทำไมรู้?”
   “ผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวคุณ ตาคุณเยิ้ม หูแดงด้วย” ภัทรไม่ว่าเปล่า แต่ยังเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คุณภาสกร ทำจมูกฟุดฟิดแถวแผ่นอกอุ่นของอีกฝ่าย เพื่อยืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่าไม่ได้จมูกพังอะไร แต่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์มาจากตัวของคุณเขาจริง ๆ
   “เหม็นเหรอครับ?” คุณภาสกรถามพร้อมกับระบายยิ้มเล็กน้อย
   “ไม่ครับ มันมีกลิ่นน้ำหอมคุณปนอยู่ด้วย รู้สึกเซ็กซี่ดี” ภัทรว่า
   เขาเขยิบตัวเข้าไปใกล้คุณภาสกรอีกนิด เพื่อยืนยันว่าไม่ได้รังเกียจอะไรอีกฝ่ายเลย ตอนนี้ใบหน้าของภัทรแนบไปกับแผ่นอกของคุณเขา สูดดมกลิ่นหอมอ่อนที่ติดเสื้อของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันมือของคุณภาสกรก็สอดเข้ามาใต้เสื้อนอนของภัทร เปลี่ยนจากการโอบเอวแบบมีเสื้อผ้ากั้นเป็นมือแนบเอวแทน
   “ยั่วเหรอครับ” คุณเขาถามภัทรพร้อมกับกลั้วหัวเราะเล็กน้อย ๆ เมื่อภัทรเอาแก้มถูไถแผ่นอกอย่างคนช่างอ้อน
   “แล้วได้ผลไหมครับ” ภัทรย้อนถามกลับ
   “ผมมีอารมณ์ตั้งแต่เห็นหน้าคุณแล้ว”
   “จูบผม....จูบผมที” ภัทรสบตาคุณเขา เอ่ยขอสิ่งที่ต้องการจากอีกฝ่ายอย่างไม่อาย ซึ่งตอนนี้เขาอยากให้คุณภาสกรจูบเขา
   .....จูบย้ำ ๆ ที่กลีบปากของเขาจนหายใจไม่ทัน
   เมื่อภัทรว่าเช่นนั้น คุณภาสกรก็ยิ้มเล็กน้อย เราสบตากันอีกครั้ง จู่ ๆ คุณเขาจับภัทรพลิกตัว ให้หันขึ้นมานอนดี ๆ ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างภัทร โน้มหน้าประกบริมฝีปากอย่างไม่ลังเล
   ภัทรเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เขาให้ความร่วมมือกับจูบครั้งนี้อย่างเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้คุณเขารุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก สำรวจด้านในด้วยท่อนลิ้น ตวัดเกี่ยวกันบ้างในบางครั้ง ไม่ว่าคุณเขาจะทำอะไร ภัทรก็ให้ความร่วมมือทั้งนั้น
   เราจูบกันจริงจังกว่าทุกครั้ง ภัทรบิดเร้าบ้างในบางครั้ง ยามที่ถูกฝ่ามือร้อนคุณเขาสัมผัสร่างกาย พอเราผละจูบกันได้ คุณภาสกรก็พรมจูบตามปลายคาง ตามข้างแก้มของภัทร มีงับใบหูภัทรบ้าง พอให้คนรับสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
    คุณเขาจูบย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นแล้วเลื่อนมาจูบที่ปากของภัทร ทำการสำรวจโพรงปากด้วยเรียวลิ้นอีกครั้งแล้วผละไปจูบเครื่องหน้าส่วนอื่นของภัทร ไม่ว่าจะเป็นเปลือกตา สันจมูกหรือมุมปาก
   ภัทรใจสั่นเล็กน้อย มองใบหน้าคุณภาสกรด้วยสายตาหลงใหลอย่างในทุกที เหมือนคราวนี้มันจะเลยเถิดกว่าทุกครั้ง ภัทรรู้สึกเช่นนั้น.....ไม่ว่าตอนนี้คุณเขาจะแค่กรึ่ม ๆ หรือว่าเมาไปแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ภัทรกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ก่อนหน้านี้ เขาเคยหักห้ามใจตัวเองได้เสมอ ถึงได้รอดพ้นเงื้อมือของคุณภาสกรมาหลายครั้งหลายครา.....แต่อาจไม่ใช่ครั้งนี้
   เพราะภัทรอยากให้คุณเขาทำมากกว่าจูบแล้วจบไป....
   “สัมผัสผม....สัมผัสผมมากกว่านี้ ได้โปรด” ภัทรร้องขออีกครั้ง เขามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเว้าวอน เมื่ออีกคนได้ยินเช่นนั้นก็ถึงฉีกยิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกที่เราความคิดเห็นตรงกัน หลังจากไม่ตรงกันมาหลายครั้งหลายครา ข้างนอกฝนยังคงตกอยู่ ยิ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศและหวนให้คิดถึงคืนนั้นของเราอย่างอดไม่ได้
   แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะความคิดเห็นตรงกันแล้ว แต่คนที่ถูกร้องขอก็ยังคงนิ่ง รอมองปฏิกิริยาแห่งความต้องการของอีกคน
   ฝั่งภัทรเองที่ยังเห็นคุณภาสกรยังนิ่งอยู่ ไม่ทำอะไรสักทีก็เริ่มร้อนใจ เขาจึงตัดสินใจคว่ำตัวลงกับที่นอน โก้งบั้นท้ายขึ้นเล็กน้อย ให้สะโพกของตัวเองถูไถกับส่วนนั้นใต้ร่มผ้าของคุณเขา ในเวลานี้มีเพียงแค่เสียงเนื้อผ้าเสียดสีดังขึ้น ทว่าพอได้ฟังแล้ว กลับรู้สึกว่ามันหยาบโลนสิ้นดี
   “อา...ภัทร” คุณเขาเรียกชื่อ
   “ค—คุณ อะ.....อา” ภัทรเองก็ส่งเสียงครางกระเส่า เขาหันกลับไปมองใบหน้าคุณภาสกรด้วยสายตาช่างยั่ว
    ใช้เวลาเพียงไม่นาน ภัทรก็รู้สึกว่าบางส่วนของร่มผ้าของคุณภาสกรเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มสู้สะโพกภัทร เขาได้ยินเสียงคุณภาสกรผ่อนลมหายใจเสียงดังราวกับกำลังควบคุมตัวเอง ซึ่งเวลานี้มันคงยากน่าดู เพราะคุณเขาขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน มองภัทรราวกับจะคาดโทษเป็นพิเศษ
   คุณภาสกรปล่อยให้ภัทรบดสะโพกยั่วยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออกแล้วฟาดเข้าที่บั้นท้ายภัทรหนหนึ่งแล้วลงจากเตียงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนที่กำลังยั่วยวนถึงกับชะงักค้าง นึกว่าคุณเขาจะไม่ทำกันเสียแล้ว
    ก่อนที่ภัทรจะได้ยินเสียงคุณเขารูดซิป เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง เหมือนค้นหาอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับมาที่เตียง ภัทรถึงกับยิ้มกริ่มเมื่อเห็นคุณเขาไปหยิบอะไรมา
   “นึกว่าจะไม่ทำกันแล้วเสียอีก” ภัทรว่า
   “จะมีอะไรกันทั้งที ก็ต้องพิเศษหน่อยจริงไหม?”
   “เอาล่ะ เด็กดี....ยกสะโพกขึ้นหน่อยเร็ว” คุณภาสกรว่าเสียงพร่า คุณเขาไม่ว่าเปล่าแต่ยังใช้นิ้วชี้เกี่ยวหัวกางเกงนอนภัทร เตรียมรั้นลงอีกด้วย ซึ่งภัทรเองก็ไม่ปฏิเสธ เขายกสะโพกขึ้นอีกครั้งตามคำร้องขอของอีกคน ปล่อยให้คุณเขาถอดกางเกงนอนตัวเองออกแต่โดยดี คุณภาสกรไม่เพียงแค่ถอดมันออก แต่เขายังเอากางเกงชั้นในผ้าบาง ลายลูกไม้สีดำสวมกลับเข้ามาให้ด้วย
   “มีอารมณ์กับผ้าลูกไม้มากเป็นพิเศษเหรอครับ?”
   “อือ....” คุณเขายอมรับอย่างไม่ปิดบัง “อะไรที่ผมชอบ ผมก็อยากให้มันอยู่บนร่างกายคุณ”
   หลังคุณภาสกรสวมกางเกงชั้นในลายลูกไม้กลับคืนให้ภัทรแล้ว คุณเขาก็เริ่มจัดการตัวเองบ้างนั่นคือการปลดเปลื้องเสื้อผ้าบางส่วนออก เพื่อที่จะได้จัดการอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น คุณภาสกรปลดกระดุมเสื้ออย่างใจเย็น ขณะที่ภัทรนอนมองบนเตียง แต่คุณภาสกรทำทุกอย่างช้าเกินไป ภัทรจึงเร่งคุณเขาโดยการอ้าขาตัวเองอย่างช้า ๆ
   “เร็วครับ” ภัทรเรียก
   “เรียกแบบนี้เลยเหรอ” คุณเขาว่า เร่งถอดเสื้อผ้าตัวเองเร็วมากขึ้น
   “แล้วได้ผลไหมล่ะครับ” ภัทรย้อนถามยกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ การกระทำขี้ยั่วนั้น ทำเอาคนที่กำลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง อยากตีสะโพกอีกฝ่ายสักป้าป ข้อหาขี้ยั่ว
   หลังคุณภาสกรจัดการอะไร ๆ ได้แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มจริงจังกันเสียที หลังคุณเขาปล่อยให้ภัทรรอเก้ออยู่นานสองนาน เราโถมตัวเข้าหากันอีกครั้ง จูบกันซ้ำ ๆ จนเกิดเสียงดัง อื้ออึงไปทั่วห้องนอน ไฟที่ถูกจุดขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากหากมันจะมอดดับ ราตรีนี้ของเราอยู่ยาวนานกว่าทุกคืน
   ภัทรเผยอปากเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทัน มือของคุณภาสกรปัดป่ายไปทั่วร่างกายของเขา ในขณะเดียวกันแขนทั้งสองข้างของภัทรก็คล้องคอคุณภาสกรเอาไว้ ร่างกายของเราแนบชิดกัน ยากที่จะให้อากาศวิ่งผ่าน
   “ถอดเสื้อออกเร็ว” คุณเขาสั่งการ ซึ่งภัทรเองก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น ปล่อยให้คุณภาสกรรื้อเสื้อเขาขึ้นและถอดมันออกในเวลาต่อมา
   ตอนนี้ร่างกายของภัทรเปลือยเปล่าสู้กับความเย็นของแอร์ เสื้อผ้าของคุณภาสกรเองก็หลุดลุ่ยไม่แพ้กัน เมื่อไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคแล้ว คุณเขาก็ทาบร่างลงมา ตรึงแขนทั้งสองข้างของภัทรไว้เหนือศีรษะ สอดตัวเข้ามาระหว่างหว่างขาของภัทร เราจูบกันอีกครั้งระลอก ก่อนที่คุณเขาจะเริ่มซุกไซ้ตามซอกคอภัทร
   “ไม่ทำรอยนะครับ” ภัทรท้วง
   “ครับ....” คุณภาสกรขานรับอย่างว่าง่าย จมูกของคุณเขาซุกไซ้ตามซอกคอสลับกับพรมจูบไปมาซ้ำ ๆ
   ภัทรแอ่นอกขึ้นกลางอากาศเล็กน้อย หอบหายใจรัว เมื่อถูกคุณเขาจู่โจมยอดอกด้วยเรียวลิ้นอุ่น ทำเอาคนที่ได้รับสัมผัสรู้สึกมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก ทุกสัมผัสของคุณภาสกร สามารถเรียกความสนใจของภัทรได้หมด อย่างเช่นในเวลานี้ที่ตัวของคุณเขากำลังเสียดสีตรงหว่างขาของภัทรราวกับตั้งใจจะเอาคืนกัน
   “อะ...อา ดีจัง” ภัทรว่าเสียงสั่น หอบหายใจเล็กน้อย รู้สึกสั่นสะท้านไปหมด ดูเหมือนภัทรจะตกบ่วงคุณเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
   คุณภาสกรพรมจูบตามเนื้อตัวภัทรไปทั่ว จูบตามใบหู ซอกคอ แผ่นอก ใต้ซี่โครงหรือหน้าท้อง ภัทรเกร็งตัวเล็กน้อย เมื่อคุณเขาเคลื่อนตัวต่ำลงไปจนถึงช่วงล่าง ตรงบริเวณตรงหว่างขา จับเรียวขาของภัทรอ้าออกอย่างไม่ลังเล พอถึงตอนนี้ภัทรรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกคุณเขาจูบตรงขอบกางเกงใน บริเวณแถวท้องน้อยเบา ๆ
   พอถึงจุดนี้คุณภาสกรเองก็คงรับรู้ว่าภัทรกำลังใจเต้นแรง คุณเขาช้อนตามองภัทรอยู่ครู่หนึ่ง ยกยิ้มมุมปากราวกับเป็นผู้ชายร้ายกาจ ก่อนจะใช้นิ้วชี้แหวกผ้าเนื้อบางออกใช้ลิ้นสัมผัสเนื้อส่วนนั้นของภัทร
   “อ๊ะ....อ๊า” ภัทรส่งเสียงครางอีกครั้ง คราวนี้เขาหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย เมื่อเรียวลิ้นของคุณเขากำลังสัมผัสตรงแถวปลายทาง มือที่ว่าง ๆ อีกข้างก็คลึงอวัยวะส่วนหน้าให้ ปลุกเร้าทั้งสองทาง ทำเอาคนที่ได้รับสัมผัสแทบคลั่ง หลังคุณเขาเล่นกับทั้งข้างล่างและหลังจนพอใจเขา คุณเขาก็เริ่มสอดนิ้วเข้ามาเบิกทาง
   ความรู้สึกแรกที่มาเยือนภัทรคือความเจ็บ โชคดีที่คุณเขาใจเย็นไม่รีบร้อน ทำให้ภัทรได้มีเวลาปรับตัว ก่อนจะสอดนิ้วที่สองและสามตามมา เพื่อเตรียมรองรับตามขนาดจริง
   “ค—คุณอาทิตย์ครับ....เข้ามาเถอะ” เป็นอีกครั้งที่ภัทรร้องขออีกฝ่าย เขาคิดว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองพร้อมแล้ว หลังความเจ็บที่มีในตอนแรก เริ่มลดน้อยลงจนเขาว่าตัวเองทนไหวและรับอะไรได้มากกว่านี้แล้ว
   เมื่อทุกอย่างพร้อม ถุงยางที่ถูกเก็บไว้ก็ได้เวลาใช้งานจริงเสียที คุณภาสกรผละออกจากร่างภัทร รีบฉีกซอยฟอยล์ออก สวมใส่มันอย่างชำนาญ เพราะไม่อยากให้ภัทรเจ็บมากกว่าที่เป็น จึงยอมเสียเวลา เดินไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้าอีกครั้ง เพื่อหาเจลหล่อลื่นมาใช้ ลูบไล้ส่วนนั้นของตัวเองที่ใส่ถุงยางไว้รอแล้ว ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง
   เมื่อกลับมาถึงสนามรัก ฝ่ามือร้อนของคุณภาสกรจับขาข้างหนึ่งของภัทรเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ยัดส่วนนั้นเข้าไปอย่างใจเย็น ทันทีที่มีบางอย่างเข้ามาในร่าง ภัทรก็ขมวดคิ้ว ขบกรามแน่น แต่ไม่ถึงขั้นส่งเสียงร้องออกมาเหมือนในทีแรก
   “ทนหน่อยนะ” คุณภาสกรว่า คงเพราะรู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับภัทร
   หลังถูกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง คุณภาสกรก็เริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้าในตอนแรกและเร่งความเร็วมากขึ้น ข้างในของภัทรมันดีกว่าที่จินตนาการเอาไว้ มันอุ่นกว่าที่คิด ตอดรัดจนแทบขยับไม่ได้ ปั่นป่วนจนคนที่เป็นฝ่ายรุกล้ำ เกร็งหน้าท้องไปตาม ๆ กัน
   ฝั่งภัทรเองที่มีความเจ็บมาเยือนในตอนแรก ก็ถูกความเสียวกระสันเล่นงานแทน เขาอ้าออกเล็กน้อย เพียงเพราะหวังว่าคุณภาสกรจะเข้ามาได้ล้ำลึกกว่าดี มันไม่น่ากลัวอย่างที่ภัทรคิดในตอนแรก ถึงจะเจ็บในตอนแรกก็จริง แต่เขาก็มีความสุขกับมัน และเมื่ออะไร ๆ เข้าที่เข้าทางแล้ว ตามที่ควรจะเป็นแล้ว ทั้งภัทรและคุณภาสกรก็เริ่มมีความสุข ดื่มด่ำร่างกายของกันและกัน
   เราทำกันซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่กางเกงชั้นในผ้าลายลูกไม้ยังอยู่บนร่างภัทร คุณภาสกรแหวกมันออกแล้วกระแทกเข้ามาในตัวภัทรแรง ๆ ซ้ำ ๆ ทำเอาคนที่สวมใส่ ครางออกมาแทบไม่เป็นภาษา
   “พอเห็นมันอยู่บนร่างคุณแล้ว อยากเอาซ้ำ ๆ” คำพูดตรงไปตรงมาของคุณภาสกร ทำเอาคนฟังรู้สึกหน้าเห่อร้อนและมีอารมณ์ไปพร้อม ๆ กัน เหมือนห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนานี้จะไม่สิ้นสุดลงเสียที เพราะถูกคำพูดยั่วยุให้มีอารมณ์อยู่เสมอ
   หลังปล่อยให้คุณภาสกรโชว์ฝีมือไปสักพักใหญ่แล้ว ก็ได้เวลาที่ภัทรจะโชว์ของบ้าง เขาขยับตัว บดเบียดสะโพกให้หน้าขาของคุณเขาจนเกิดเสียงเป็นระยะ ๆ ในขณะเดียวกันปากของภัทรก็ดูดดุนนิ้วชี้ของคุณเขา ราวกับว่ามันคือส่วนนั้น แต่ติดตรงว่าส่วนนั้นมันกำลังผจญภัยในตัวตนของภัทร ยากทีถอดถอนออกมา
   “เคยแล้วเหรอครับ อา...ภัทร” คุณเขาเอ่ยถาม ในขณะเดียวกันก็เรียกชื่อภัทรไปด้วย หลุบตามองส่วนนั้นของตัวเองที่กำลังถูกกลืนกินย้ำ ๆ
   “ทำไมครับ” ภัทรถาม
   “ดูมีประสบการณ์....”
   “ไม่เห็นต้องมีประสบการณ์ก่อนเลยครับ หนังผู้ใหญ่ก็มีให้ดูถมไป” ภัทรว่า จงใจบดเบียดสะโพกให้ชิดส่วนนั้นยิ่งกว่าเดิม ให้ส่วนนั้นของคุณเขาเข้ามาลึก ๆ จนทำให้คุณภาสกรเผลอย่นคิ้วอยู่หลายครั้ง
   “......”
   “แล้วแบบนี้ คุณอาทิตย์ชอบไหมครับ?” ภัทรถามบ้าง
   “ชอบครับ อะ...อา ภัทร”
   “ผมทำดีแล้วใช่ไหมครับ?”
   “ใช่ครับ เด็กดี...เด็กดีของผม คุณดีที่สุดเลยรู้ไหม?”
   “อะ...อา คุณอาทิตย์ ผ—ผม ผมจะเสร็จแล้ว อ๊า!”
   .....พายุแห่งความปรารถนาผ่านพ้นไปแล้ว ความเหนื่อยก็มาเยือนในทันที ต่างฝ่ายต่างเหนื่อย หอบหายใจแข่งกัน ภัทรแทบจะสลบหลังทุกอย่างเสร็จสิ้น ตามกรอบหน้าและแผ่นอกของเขายังคงชื้นไปด้วยเหงื่อจากกีฬาในร่มผ้าเมื่อครู่นี้
   “คุณอาทิตย์....ผมเหนื่อย” ภัทรว่า หลังถูกคว้าร่างไปอีกครั้ง นึกว่าคุณเขาจะสานต่อเรื่องอย่างว่ากันอีกรอบ ภัทรอยากร่วมด้วย แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน
   “ครับ ผมแค่อยากนอนกอดคุณเฉย ๆ” คุณภาสกรว่า
   “ครับ....ฝันดีครับ ผมรักคุณนะครับ” เมื่อคุณเขาว่าเช่นนั้น ภัทรก็ยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นตุ๊กตาให้คุณเขาสวมกอดอีกครั้ง
   “ผมก็รักคุณ” คุณภาสกรพูดเสียงอู้อี้ ใบหน้าของคุณเขายังคลอเคลียอยู่แถวซอกคอภัทรซึ่งผู้เป็นเจ้าของห้องก็ไม่ได้ผลักไสออกไปให้พ้นตัว แต่กลับปล่อยให้คุณเขากกกอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ ปบ่อยลมหายใจร้อนกรุ่น ๆ ของคุณเขารดต้นคอตัวเองตลอดทั้งคืน

หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-11-2018 19:56:45
 :jul1:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-11-2018 20:15:15
ร้อนแรงกันจริงๆเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-11-2018 20:19:41
 :jul1:  จมกองเลือดจ้าาาา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-11-2018 20:22:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 24-11-2018 22:13:28
ภัทรรรรร :m25:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 25-11-2018 01:21:24
 o13 o13 o13
จุกดพลุฉลอง.....นึกว่าภัทรยังจะยั่วคุณอาทิตย์ต่ออีก.......
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 25-11-2018 07:06:04
คู่นี้เค้าเหมาะสมกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 25-11-2018 22:01:37
กิ่งทองใบหยกมาก น่ารักยั่วเก่งคือภัทร ชอบความเร่าร้อนและน่ารักในเวลาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-11-2018 22:37:38
แบบนี้น้องก็ใส่กางเกงในลูกไม้นอน  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 26-11-2018 03:29:07
 :oo1: :-[ :-[ยั่วเก่งงง หวังว่าจะไม่มีดราม่าหนักๆนะคั
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 26-11-2018 11:08:12
ภัทรก็ยั่วเก่ง แต่ภาสกรก็ใช่ย่อยร้ายตอดเล็กตอดน้อยมาตั้งแต่แรก ไม่อยากจะคิดเดี๋ยวโอ๊ตไปเข้าค่ายหลายวันนี่ภัทรจะช้ำขนาดไหน :give2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 26-11-2018 11:36:25
โอ้ยยย คุณเขาสองคนเหมาะกัยจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 26-11-2018 14:25:30
น้องภัทร คนอะรายยยยยยั่วเก่งอ้อยเก่ง คนพี่ก็อ้อนเก่งเหลือเกิน  :hao6: :hao6: ทำไมเค้าเคมีเข้ากันแบบนี้ล่ะแม่ ไม่ไหวแล้ววววว อยากขยำเธอจังภัทร  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 26-11-2018 16:27:36
ตามมาอ่านทันแล้ว ผ้าลูกไม้สื่อรักมากๆเลยคู่นี้
ชอบภัทรอะ ยั่วๆแซ่บๆ คุณอาทิตย์จะทนไหวเร้อ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 26-11-2018 19:36:29
ยั่วๆ บดๆ โอ้ยใจไม่ไหวแล้วค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-11-2018 21:36:23
nc แซ่บขาดใจเลยยยย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท7 (2/2) 24.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-11-2018 00:39:10
เลือดหมดตัวแล้วโอ่ยยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 27-11-2018 21:44:51


8

ถ้ารู้ว่ามันดีขนาดนี้ เขาทำไปตั้งนานแล้ว



                เป็นไปตามคาด….วันนี้ภัทรตื่นขึ้นมาพร้อมกับปวดเนื้อปวดตัว ตัวร้อนรุม ๆ คล้ายจะเป็นไข้ หลังเมื่อคืนเขาเพิ่งรบราเรื่องบนเตียงกับคุณภาสกรไป ในตอนนี้ภัทรอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงชั้นในตัวบางเท่านั้นที่ปกปิดช่วงล่างเอาไว้



                ภัทรค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมกับคลึงข้างขมับที่กำลังปวดตึบ ๆ ไปด้วย ก่อนที่จะยกแขนของคุณภาสกรที่กำลังวางพาดอยู่กลางลำตัวออกแล้วลุกขึ้นไปปลุกนาฬิกาอย่างทุลักทุเล



                “ภัทร….คุณควรจะนอนพักสักวัน” หลังรู้สึกว่าคนข้างกายเขยิบตัว คุณภาสกรก็เรียกหาภัทร พลางเอามือคลำข้างตัวสะเปะสะปะไปตามพื้นที่ว่างที่ภัทรฝากความอุ่นไว้ตลอดทั้งคืน



                “ไม่เป็นไรครับ ผมไปทำงานไหว” ภัทรว่าอย่างดื้อรื้น เขาไม่พูดเปล่า แต่ภัทรยังลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัว หมายจะเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวันอย่างเช่นในทุกวัน



                เป็นครั้งแรกที่ภัทรรู้สึกว่าการเดินเหินเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเขา เพราะท่าเดินที่ดูผิดแปลกไป ทำให้ภัทรก้มมองขาและสภาพส่วนล่างของตัวเอง ทันทีที่เห็นเขาทั้งตลกและสงสารตัวเองไปในเวลาเดียวกัน สงสัยเมื่อคืนเราเล่นกันเยอะไปแล้ว ตื่นมาภัทรถึงได้เดินขากางเช่นนี้ แต่ถึงท่าทางในตอนนี้มันจะตลกเพียงไร ภัทรก็ต้องยอมรับว่ายังแอบเจ็บอยู่ไม่น้อยและรู้สึกวูบอยู่ตลอดเวลา



                “ภัทร….”



                ก่อนที่ภัทรจะก้าวเท้าเข้าห้องน้ำ คุณภาสกรก็เรียกชื่อภัทรอีกครั้ง ทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองคนเรียกที่นั่งอยู่บนเตียง ภัทรมองหน้าคุณอาทิตย์พลางเลิกคิ้วสูงเชิงถามว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อทำไม แต่คุณเขากลับมองหน้าภัทรนิ่ง ๆ



                สภาพของคุณภาสกรในตอนนี้ อีกฝ่ายก็ดูไม่จืดเหมือนอย่างภัทร สภาพเราต่างฝ่ายต่างเหมือนเพิ่งผ่านสมรรบมา ผมเผ้าชี้ฟู หน้าตามองปราดเดียวก็รู้ว่าพักผ่อนน้อย แต่ถึงอย่างนั้นคุณเขาก็ยังดูดีในสายตาภัทรเสมอ



                ผมเผ้ายุ่ง ๆ บวกกับหน้าตาหล่อ รวมถึงท่อนบนที่เปลือยเปล่า อุดมไปด้วยมัดกล้ามบ่งบอกถึงความมีสุขภาพดี มีเพียงแค่ผ้าห่มผืนหนาที่ปกปิดร่างกายท่อนล่างของคุณเขาเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังถ่ายแบบคอนเซ็ปต์ตื่นขึ้นมาก็หล่อเลยอะไรเถือกนั้น สงสัยนี่ต้องเป็นความภาคภูมิใจของภัทรแล้วที่ได้ครอบครองผู้ชายหล่อ ๆ ไว้ตลอดทั้งคืน



                “มีอะไรครับ” เมื่อเห็นว่าคุณเขายังเงียบ สุดท้ายภัทรก็ต้องเปิดฝ่ายเปิดปากถามก่อน



                “วันนี้คุณต้องลา” คุณภาสกรว่าเสียงเข้มคล้ายจะยื่นคำขาดให้กัน “ส่วนเรื่องใบลา เดี๋ยวผมจะให้เลขาจัดการให้”



                “ไม่เอาครับคุณอาทิตย์ ผมไปทำงานได้” ภัทรยังยืนยันคำเดิม ก่อนจะยิ้มออกมารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หลังคุณเขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อกัน



                “ทำไมคุณดื้อ”



                “ไม่ได้ดื้อนะครับ แต่ผมรู้ว่าตัวเองไหวเลยอยากไปทำงาน เก็บโควตาไว้ลาพักร้อนช่วงปลายปีดีกว่า” ภัทรว่า เขาเดินออกไปหาคุณภาสกรที่เตียง ก่อนจะจุ๊บริมฝีปากของคุณเขาด้วยความเอ็นดู



                “…..”



                “….เถอะนะครับ เอางี้แล้วกัน ถ้าผมรู้ว่าตัวเองไม่ไหว ผมจะรีบโทรคุณโอเคไหมครับ?” ภัทรยื่นข้อตกลง นั่นทำให้คุณภาสกรมีท่าทีน้อยลงเล็กน้อย



                “คุณพูดแล้วนะ เฮ้อ….ผมไม่ได้อยากเว่อร์หรอก แต่เมื่อคืนเราหนักกันทั้งคู่ผมเป็นห่วงคุณนะ รู้ใช่ไหม?” คุณภาสกรว่า ก่อนจะดึงภัทรเข้าไปหอมแก้มและซุกไซ้ซอกคอสูดดมกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ยังติดผิวอยู่



                “ผมรู้ครับ…ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม ถ้าผมไม่โอเค ผมจะรีบโทรหาคุณทันทีนะครับ” ภัทรพูดเสียงอู้อี้ ปล่อยให้คุณเขาคลอเคลียซุกไซ้ตามซอกคอตัวเองตามอำเภอใจ เขารู้สึกชอบอะไรแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนภัทรไม่ได้ถูกทิ้งขว้าง หลังให้สิ่งที่คุณเขาปรารถนามาโดยตลอด เขารู้สึกดีกว่าการหลังจากเสร็จกิจแล้วแยกย้ายกันไป



                “ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย” ภัทรว่าเสียงสั่นพร้อมกับดันหนน้าคุณภาสกรเอาไว้ หลังรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะเถิดเลยอีกครั้ง หากเขาไม่คิดจะหยุดยั้งการกระทำของคุณเขาในตอนนี้ ยิ่งเราอยู่ในสภาพเกือบจะเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ความรู้สึกมันยิ่งไวมากกว่าปกติ



                “ภัทร…..” จังหวะที่ภัทรจะเข้าห้องน้ำเป็นหนที่สอง คุณภาสกรก็รั้งเขาไว้ด้วยชื่ออีกครั้ง



                “ครับ?”



                “วันนี้ให้ผมไปส่งคุณ…..”



                “……”



                “สักสามร้อยเมตรก่อนถึงบริษัทก็ได้….นะครับ” คุณภาสกรว่าต่อ คงกลัวว่าภัทรจะปฏิเสธอีกเช่น ถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเชิงอ้อนกันเท่านั้นยังไม่พอ คุณเขายังสบตาภัทรอย่างเว้าวอนอีก ทำเอาเขาถึงกับฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกดียิ่งกว่าเดิม



                “ตามใจคุณครับ” ภัทรว่า เขยิบตาให้คุณเขาหนึ่งทีก่อนปิดประตูห้องน้ำ



                หลังมาถึงบริษัทภัทรก็เดินมาประจำแผนกตัวเองด้วยหน้ายิ้มระรื่น เพราะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ เขาจึงเดินผิวปากระหว่างเดินมาถึงแผนกด้วย ท่าเดินแปลก ๆ ของภัทรยังคงเป็นอยู่ มันดีขึ้นกว่าตอนที่เขาเพิ่งตื่น แต่ก็ยังดูผิดแปลกอยู่ดี ภาวนาว่าอย่าให้ใครสังเกตมันก็พอ



                ความอารมณ์ดีอย่างไม่มีที่มาที่ไปของภัทร ต่างสร้างความแปลกใจให้กับเหล่าพี่พนักงานในแผนกเดียว อดใจอยากรู้ไม่ไหว แต่พอถามถึงสาเหตุอะไรที่ทำให้เจ้าตัวยิ้มหน้าบานเช่นนี้ น้องเล็กประจำแผนกก็กลับอุบอิบไม่ยอมบอกเหตุผล



                “นี่ทุกคน! วันนี้คุณภาสกรกับเลขาเข้าจะมาเดินตรวจแผนกนะ เตรียมแฟ้มงานไว้ให้เจ้านายตรวจด้วย เผื่อคุณภาสกรเขาอยากตรวจสอบ”



                ในช่วงสองชั่วโมงก่อนพักเที่ยง จู่ ๆ พี่ชาติผู้เป็นหัวหน้าแผนกก็เรียกประชุมด่วน หลังได้รับสารจากเลขาของผู้เป็นเจ้านายว่าวันนี้จะมีการเดินตรวจเยี่ยมพนักงานตามแผนกต่าง ๆ



                “ครับ?” ภัทรอุทานมายังงุนงง ทำไมไม่เห็นเคยแจ้งมาก่อนเลย ไม่มีใครเคยพูดถึงด้วย เขาเพิ่งรู้ว่ามีตรวจเยี่ยมแผนกด้วย



                “อะไรภัทร? มันกะทันหันใช่ไหมล่ะ เนี่ย….พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เลขาคุณภาสกรเขาเพิ่งแจ้งมาครึ่งชั่วโมงก่อนนี่เอง” พี่ชาติว่าพร้อมกับถอนหายใจออกมา



                “สงสัยคุณภาสกรคงไม่อยากแจ้งตั้งแต่แรกนั่นแหละ ประกาศวันที่จะตรวจนี่แหละ ป้องกันพวกผักชีโรยหน้า” พี่นัทออกความเห็น



                “คงงั้นมั้ง เอาล่ะทุกคนอย่าลืมแฟ้มงานไว้ให้คุณภาสกรล่ะ”



                “ครับ/ค่า”



                หลังพี่ ๆ ในแผนกทยอยสลายตัว เดินกลับไปยังโต๊ะที่ทำงานของตัวเองแล้ว ภัทรจึงแอบเอาโทรศพท์ยังมาส่งข้อความหาคุณภาสกรในทันที


“วันนี้จะมาเดินตรวจแผนก ทำไมไม่เห็นบอกกันเลยล่ะครับ?”



“สุ่มวันเอาครับ วันนี้ว่างเลยตัดสินใจวันนี้เลย”



“น่าจะบอกผมสักนิด”

“ถ้าบอกก่อน จะตื่นเต้นได้ไง คุณทำงานไม่เสร็จเหรอ?”

“บอกก่อนนะ เรื่องงานผมไม่ใจดีเหมือนกับเรื่องบนเตียงหรอกนะครับ”


“ไม่มีงานค้างครับ มาตรวจตอนนี้ได้เลย”



                ภัทรท้าทายคุณเขา ก่อนจะพิมพ์ตอบประโยคถัดมาอย่างรวดเร็ว หลังจากส่งไปและคุณเขาเปิดอ่านทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวทั้ง ๆ ที่นี่ไม่ใช่ฤดูร้อน


“คุณอาทิตย์อย่ามาพูดเลยครับ เรื่องบนเตียงคุณก็ไม่ใจดีกับผมเหมือนกันแหละน่า”


“:D”



                เพราะความสัมพันธ์ของเรายังคงเป็นความลับ ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีหากคิดจะเปิดเผยตอนนี้ ทำให้ทุกคนที่เราสนทนากัน ภัทรต้องระวังข้างหลังเสมอ หากว่านี่เรียกว่าการระแวงก็คงไม่ผิดอะไร เนื่องด้วยภัทรไม่มีงานค้างและคุณภาสกรก็ว่าง เตรียมจะลงมาตรวจพนักงานอย่างเดียว ทำให้เรามีเวลามากพอที่จะแช็ตกัน



                จากตอนแรกที่คุยกันเรื่องงาน คุณภาสกรถามไถ่ถึงร่างกายว่าภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นบทสนทนาอีกแทน ซึ่งมาจบกันที่การคุยแบบ Dirty talk อีกครั้ง….




                ภัทรตื่นเต้นปนลุ้นระทึกที่มาคุยเรื่องใต้สะดือในที่ทำงานเช่นนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันสนุกดี ใครจะคิดเล่าว่าคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท จะมาคุยเรื่องทำนองนี้กับพนักงานน้องใหม่ประจำแผนกอย่างภัทร



                เพราะเราไม่มีอะไรที่เรียกว่าความลับต่อกันแล้ว ต่างคนต่างรู้จักมุมมืดส่วนหนึ่งของตัวเอง เราต่างเปิดเผยตัวจริงกันทั้งคู่ ทำให้การพูดคุยเชิงทำนองนี้ มันไม่เหมือนกับตอนที่ภัทรคุยกับคุณภาสกรในนามของคุณพี



                ภัทรเลียริมฝีปาก ดวงตาของเขาจดจ้องอยู่แค่ช่องแช็ตของคุณภาสกรอย่างลุ้นระทึกว่าคุณเขาจะตอบกลับมาด้วยประโยครูปแบบไหนกันแน่ หลังภัทรนึกสนุก เพิ่งส่งรูปถ่ายท่านั่งมุมต่ำไปให้คุณเขาดู



                หากว่ากันตามจริงผู้ชายนั่งทำงาน มันไม่ใช่ท่านั่งพิเศษชวนให้คิดอย่างว่าหรอก แต่สำหรับภัทรถ่ายส่งแบบนั้นไปให้คุณเขา มันธรรมดาเกินไป ภัทรจึงจัดการท่าทางใหม่นั่งอ้าขาเล็กน้อย ตั้งกล้องถ่ายรูปจากใต้โต๊ะ ใช้เวลาจับภาพในระยะเวลาอันสั้น เพื่อป้องกันมีคนจับได้



                คุณภาสกรเงียบหายไปเกือบสิบนาที ก่อนจะตอบกลับมาที่ทำให้ภัทรถึงกับยิ้มกริ่ม แม้เมื่อคืนมันจะค่อนข้างหนัก แต่ภัทรไม่เข็ดหรอก เพราะยังอยากได้อีกซ้ำ ๆ




 “มาเจอผมที่ห้องน้ำชาย ชั้นสิบห้า”







            จากคำอธิบายของพี่ชาติ ภัทรจึงคำนวณเวลาว่าเขายังพอมีเวลาว่างประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายจากคุณภาสกรเสร็จ ภัทรก็รีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ทำทีจะไปเข้าห้องน้ำตามปกติ แต่หนนี้เขาไปเข้าห้องน้ำไกลกว่าทุกครั้ง



                ถึงจะทำงานที่นี่มาได้พักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ภัทรยังไม่ค่อยคุ้นชินอยู่ดี บางชั้นเขาก็ไม่เคยขึ้นมา อย่างเช่นชั้นสิบห้า ภัทรเคยมาที่นี่ครั้งแรกและครั้งล่าสุดก็ตอนที่คุณภาสกรเรียกพบเขา คุยเรื่องรูปหลุดที่เคยทำพิษให้ภัทรกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายคืน



                ครั้งนั้นเขาเครียดมากจนไม่ทันได้สังเกตอะไร คราวนี้มีโอกาสได้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคุณภาสกรเรียกหาและนัดเจอกันที่ห้องน้ำชาย ภัทรจึงถือโอกาสสำรวจมอง ๆ รอบชั้นทำงานของคณะผู้บริหาร สิ่งแรกที่ภัทรสังเกตเห็นความแตกต่างก็คือที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนชั้นที่มีเหล่าพนักงานตามแผนกต่าง ๆ คอยเดินประสานงานกันตลอดทั้งวัน



                ภัทรเลิกสนใจสิ่งรอบตัว หลังตระหนักได้ว่าหายังชักช้า อะไรที่น่าจะทันก็อาจไม่ทัน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเดินลัดเลาะไปตามทางที่มีป้ายแจ้งว่าห้องน้ำไปทางไหนเป็นระยะ ๆ และเมื่อเห็นทางเข้าห้องน้ำชายแล้ว ภัทรจึงไม่รีรอ เขาจัดเนคไท ขยับปกเสื้ออยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบเดินเข้าไป



                 ในตอนแรกภัทรคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายต้องรอคุณภาสกรที่ห้องน้ำ แต่พอเขาเดินเข้าไปแล้ว ภัทรก็เห็นคุณเขากำลังทำท่าล้างมืออยู่ที่ซิงค์ จังหวะเดียวกันนั้นคุณภาสกรก็เงยขึ้นมามองภัทร เราสบตากันผ่านกระจก วินาทีนั้น...ภัทรก็เกิดอาการเงอะงะทำตัวไม่ถูก เขายิ้มเล็กน้อยอย่างไม่สามารถเก็บอาการได้



                 เพราะรู้ ๆ กันว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ ก่อนที่ภัทรจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องน้ำขนาดย่อย ที่มีไว้สำหรับถ่ายหนักและคุณภาสกรก็เดินตามเข้ามาติด ๆ พร้อมกับลงกลอนประตูเสร็จสรรพ



                เพียะ!



                “อ๊ะ! คุณอาทิตย์....”



                “จะฆ่าผมให้ได้หรือไงภัทร”



                “ผมทำอะไรผิดกัน” ภัทรเอ่ยถามคุณภาสกรเสียงอ่อน พลางใช้มือถูสะโพกตัวเองไปด้วย เพราะทันทีที่เข้ามาถูกคุณเขาตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งเจ็บทั้งตกใจ



                “ถ่ายรูปแบบนั้นส่งมาให้ผมคิดอะไรอยู่” คุณภาสกรว่า



                “ทำไมครับ?”



                “.......”



                “ผมถ่ายไปแล้วคุณอาทิตย์เห็นแล้วเกิดอารมณ์ใช่ไหมครับ คุณเลยหงุดหงิด” พอเดาสาเหตุคร่าว ๆ ได้ว่าทำไมคุณภาสกรถึงตีสะโพก ภัทรก็เกิดความกล้าย้อนถามกลับ เขาอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อคุณภาสกรยังคงนิ่ง สงสัยข้อสันนิษฐานของภัทรคงเป็นความจริง



                “ผมจะลงโทษคุณ”



                “ได้ไงครับ คุณอาทิตย์อ่านแช็ตเลยนะ ใครกันแน่ที่เริ่มก่อน” ภัทรว่า หลังคุณภาสกรปิดฝาโถส้วม นั่งลงแล้ว ภัทรก็ทิ้งตัวลงนั่งตักคุณเขาโดยหันหน้าเข้าหากัน พร้อมคล้องคอแกร่งอย่างรู้หน้าที่



                พออยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์ลับ ๆ ในสถานที่ลับ ๆ อะไรก็ดูน่าตื่นเต้นไปเสียหมด แม้กระทั่งการจูบ เราจูบกันหลายครั้งหลายครา ถึงเนื้อถึงตัวกันก็บ่อย แต่ครั้งนี้ภัทรกลับรู้สึกใจเต้นแรงลุ้นระทึกยิ่งกว่าทุกครั้ง



                พอถึงตอนนี้ภัทรก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณเขาถึงเรียกให้เขามาที่นี่ ห้องน้ำชั้นอื่นอาจมีพนักงานจะแวะเวียนเข้ามาห้องน้ำบ่อย แต่ชั้นสิบห้ากลับไม่ใช่เช่นนั้น มันเงียบสงบมาก....จนทำให้เรากล้าที่ทำอะไรที่คนอื่นไม่กล้าทำ



                “คุณอาทิตย์ครับ...ตอนบ่ายผมยังต้องทำงานต่อ”



                “......”



            “อย่าทำให้เสื้อผ้าผมยับนะ”





           

            เพราะครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มันดีมาก พอกลับมาถึงแผนกภัทรจึงไม่สามารถหุบยิ้มได้ เขาพยายามเก็บอาการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าทำไมการไปห้องน้ำของภัทรครั้งนี้ ถึงได้รับรอยยิ้มกลับมา ภัทรพยายามแล้วจริง ๆ แต่ก็มิวายยังมีคนจับได้อยู่ดีและคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน



                “วันนี้ยิ้มตั้งแต่เช้าเลย ไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ยังยิ้มอีก ไปเข้าห้องน้ำจริงใช่ไหมเนี่ย” พี่นัทเอ่ยถามพร้อมกับหรี่ตาทำท่าจะจับผิด แต่ภัทรรู้ว่าอีกฝ่ายก็แค่ทำท่าแซวเล่นเท่านั้น ตอนแรกเกือบจะเก็บอาการได้แล้วเชียว แต่พอถูกแซว ภัทรก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เสียงครางต่ำของคุณเขาที่คอยเคลียอยู่ข้างหู ยังตราตรึงอยู่ในความจำภัทรจนถึงตอนนี้



                “ไปเข้าจริงสิครับ จะโกหกทำไม” ภัทรว่า



                 ภัทรไม่ได้โกหก เขาไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ เพียงแค่ว่าไม่ได้ไปถ่ายหนัก ถ่ายเบาหรือไปล้างมืออย่างที่คนทั่วไปทำ แต่แวะไปออกกำลังกายนิดหน่อย ๆ ตามประสาคนเริ่มอยากดูแลสุขภาพบ้างเป็นบ้างครั้ง



                “แต่เหงื่อออกเยอะเชียว ห้องน้ำมันร้อนเหรอจ๊ะ” ทันทีที่ถูกท้วงเช่นนั้น ภัทรรีบแตะตามกรอบหน้าทันที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเผลอทิ้งหลักฐานเอาไว้ พอตระหนักได้ว่าตามกรอบหน้าตัวเองเต็มไปด้วยเหงื่อ ภัทรก็รีบคว้าทิชชูมาซับมันออก เพื่อทำลายหลักฐานทันที



                “ใช่ครับ” คราวนี้ภัทรตอบเสียงแผ่ว ดูไม่มั่นใจเหมือนอย่างทุกที



                หากว่ากันตามจริงในห้องน้ำชั้นสิบหน้าไม่ค่อยร้อนเท่าไร อากาศค่อนข้างปลอดโปร่ง แต่ที่ภัทรเหงื่อออกเช่นนี้ ก็เพราะว่า มีช่วงหนึ่งที่มีคนเข้าห้องน้ำพอดีและจังหวะนั้นพวกเขาก็กำลังถึงพริกถึงขิง เร่งเดินหน้าสุดกำลัง แต่พอมีคนเข้ามา ทุกอย่างก็ถูกหยุดไปครู่หนึ่ง มันค้าง ๆ คา ๆ ไม่เสร็จสักที กว่าผู้ใช้ห้องน้ำรายนั้นจะออกไปให้ เราสองคนก็เกือบแย่



                “ไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ นะครับ“



                “แหม่...จ้ะ ๆ เข้าห้องน้ำก็เข้าห้องน้ำ ว่าแต่เราแฟ้มเตรียมเสร็จแล้วเหรอ”



                “เรียบร้อยหมดแล้วครับ พร้อมให้ตรวจแล้ว” ภัทรลอบถอนหายใจเล็กน้อย หลังรุ่นพี่ประจำแผนกเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นหัวข้ออื่น



                “เร็วมากกก ไม่ได้การล่ะพี่ต้องเร่งมือ เดี๋ยวไม่ทัน” พี่นัทอยู่คุยกับภัทรได้ไม่นาน เธอก็ทำท่าวี๊ดว้าย หมุนเก้าอี้กลับไปรับผิดชอบงานในส่วนของตัวเองต่อ



                การเดินตรวจเยี่ยมแผนกครัง้นี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อพบปะกับผู้บริหารแล้วจบไป แต่มันมีผลต่อเงินเดือนและการพิจารณาการเลื่อนตำแหน่งด้วย ทำให้เหล่าพนักงงาน มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการความก้าวหน้า ไม่สามารถมองผ่านไปได้



                เพราะบรรยากาศรอบตัวค่อนข้างกดดัน ภัทรที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้ จึงแอบกดดันไปด้วย ภัทรเจอแต่คุณเขาแค่ตอนนอกเวลางานเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าคุณภาสกรในโหมดเจ้านายจะดุแค่ไหน ลึก ๆ ก็ยังแอบกังวล กลัวว่าคุณภาสกรจะแกล้งถามเขาต่อหน้าพี่ ๆ ในแผนกด้วย



                “ยืนหน้าเครียดเชียว ไม่ต้องเครียดนะ คุณภาสกรเขาก็แค่ถามแหละ ถ้าเขาอยากจะถาม” พี่นัทที่เห็นว่าภัทรยิ้มไม่ออกอีกต่อไป รีบเอ่ยปลอบใหญ่พร้อมกับตบบ่าภัทรปุ ๆ เพื่อให้กำลังใจ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่คุณภาสกรจะเวียนมาตรวจเยี่ยมแผนกที่ภัทรประจำอยู่แล้ว



                “คุณภาสกรเขาไม่ดุใช่ไหมครับ” ภัทรถามรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนด้วยน้ำเสียงกังวล อาการต่างจากหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ลิบลับ



                “ไม่เลยจ้ะ เราเคยคุณภาสกรตอนอยู่ในห้องประชุมแล้วนี่ เขาเป็นแบบนั้นแหละ”



                พี่นัทโกหก!



                .ใครว่าคุณภาสกรในโหมดทำงานไม่ดุ ภัทรจะโกรธให้เลย เพราะเขาเห็นคุณภาสกรหน้าบึ้งมาตั้งแต่ไกล ใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณเขาไม่มีรอยยิ้มประดับบนหน้าเลยสักนิด ดูไม่เหมือนคนขี้เล่นตอนที่อยู่กับภัทรบนเตียงเลยด้วยซ้ำ ทำเอาคนที่เคยว่าคุณภาสกรใจดีแค่ไหนแอบใจเสียเบา ๆ



            ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่การแสร้งทำเหมือนไม่รู้จักกัน เป็นเรื่องท้าทายสำหรับเรา...



                เพราะเราอยู่ต่อหน้าทุกคนจึงเก็บอาการ มีหลายสายตาจับจ้องเราทั้งคู่เอาไว้ ภัทรจึงห้ามแสดงออกนอกหน้านอกตาว่ารู้จักกันเด็ดขาด



                แม้คุณภาสกรจะไม่ได้เอ่ยปากหรือพูดถึงเรื่องนี้ ภัทรก็รู้หน้าที่นี้ดี อีกอย่างหนึ่งเขาไม่ปรารถนาที่จะให้คุณภาสกรมีเป็นหัวข้อให้พูดถึง นินทาหรืออะไรก็ตามที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัวด้วย ภัทรไม่อยากให้คุณเขาตกเป็นขี้ปากของใคร



                “......” ภัทรเม้มปากเล็กน้อย เมื่อคุณภาสกรใกล้เดินมาถึงที่โต๊ะที่ภัทรประจำอยู่ทุกขณะ เขาเลือกที่จะมองพื้นเพื่อเลี่ยงที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับคุณเขา เพราะกลัวว่าตัวเองจะเก็บอาการไม่อยู่



                ไม่รู้คนอื่นจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า แต่ภัทรคิดว่าระหว่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรกับเจ้านายและคนที่มีเบื้องหลังกับเจ้านาย คนจะสามารถแยกมันได้ เพียงแค่อาศัยการมองและใช้ความสัญชาตญาณ ภัทรคิดว่ามันน่าจะมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมารอบตัวให้คนอื่นสามารถจับสังเกตได้



                คุณภาสกรไม่ได้เอ่ยถามหรือหยิบแฟ้มงานของภัทรขึ้นไปดูอย่างที่เขากังวล อีกฝ่ายแค่เดินผ่านไปเท่านั้น ภัทรคิดว่าคุณภาสกรเองก็แสดงละครได้ดี เป็นนักแสดงที่สมบทบาท เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติตัวให้ดูน่าสงสัยเลยแม้แต่นิด แต่จังหวะที่คุณเขาใกล้พ้นบริเวณโต๊ะทำงานภัทรไปแล้ว จู่ ๆ คุณภาสกรก็หยุดเดินแล้วหันมามองเขา



                “นายน่ะ ชื่ออะไรนะ?” คุณเขาถามชื่อภัทร



                “ช—ชื่อธนภัทรครับ” ภัทรที่ไม่คิดว่าคุณภาสกรจะหันมาถามชื่อตัวเอง จึงตอบไปด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก



                “ที่ฉันไปส่งนายตอนไปฉลองหลังประชุมเสร็จหรือเปล่า?” คุณเขาว่า แสดงท่าทางเหมือนคุ้น ๆ หน้าภัทร



                “....ใช่ครับ”




                “อ๋อ....จำได้แล้ว” คุณเขาขานรับคำตอบแล้วเดินผ่านไปตรวจแผนกอื่น











___________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

เนียนกว่าแป้งตลับ ก็ต้องคุณภาสกรเด้อค่า

เก็บตังด้วยน้า ใกล้จบแล้ว (ทั้งเรื่องมีประมาณ10-14บท)

น่าจะจบภายใน1-2อาทิตย์นี้แหละ เร่งมือนิดนึง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 27-11-2018 21:59:17
เนียนแบบนี้เอาสุพรรณหงษ์ไปเลยค่ะพี่ 555555555
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-11-2018 22:15:25
ยอมใจความพอๆกันของคู่นี้ คู่สร้างคู่สม
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-11-2018 22:48:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-11-2018 00:01:05
เกลียดความเนียน บนเตียงให้มันได้อย่างนี้นะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-11-2018 20:39:28
รองพื้นเบอร์ใดในโลก ก็ไม่เนียนกริบเท่าคุณภาสกรเด้อค่าาา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-11-2018 21:44:50
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 28-11-2018 23:42:03
แหม ภัทรว่าเนียนแล้ว คุณภาสกรนี่ไปเล่นละครได้เลยนะ555
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-11-2018 07:37:58
เนียนมากกก เนียนทำไม่รู้จัก ถถถถ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 29-11-2018 15:22:31
เนียนจริงๆค่ะคุณอาทิตย์.........
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-11-2018 07:38:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 30-11-2018 12:35:41
คุณอาทิตย์นี่เนียนจริงๆ หมันไส้ 55555555555
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-12-2018 11:38:17
=v= ชอบจุงเบยยย...
 :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์รีบมากน้าาาา..  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 03-12-2018 13:32:06
ขออนุญาติ งุ้ยๆ ค่ะ ฮือเขินๆ แล้วก็ตื่นเต้นไปกับความลับของทั้งคู่ ลุ้นตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 04-12-2018 01:36:05
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:ความลับนี่มันคิ้กค้ากกกกกกจริงงงๅๅ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 04-12-2018 07:21:52
พี่อาทิตย์ อย่างเนียนเลย555555555
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 05-12-2018 12:14:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-12-2018 10:31:21
แงงงง คิดถึงจังค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: enas290843 ที่ 09-12-2018 18:17:47
หมั้นไส้คุณอาทิตย์จังค่ะ5555555
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 12-12-2018 22:48:26
ขอแพ้ลูกไม้ด้วยคน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 20-12-2018 13:27:06
มาต่อได้แล้วคร่าาาา
ยาพ่น ยาทา ยากิน แก้แพ้เราพร้อมแล้ว555
รอตอนต่อไป :hao7: :-[
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: ✪PATTY✪ ที่ 04-01-2019 00:09:31
จริงๆที่แพ้ลูกไม้คือคนอ่านเองค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-01-2019 09:01:25
เนียนจริงๆคุณภาสกร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 09-01-2019 00:52:45
รอๆมาต่อค่า  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: BEARx ที่ 09-01-2019 13:53:29
แงงงงง ทำไมเพิ่งมาเห็นเรื่องเนนนนนนน้ คือมันดีมากกกกกกกกก อยากให้ไรท์มาต่อแล้วงะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-01-2019 23:24:35
อย่าหายไปนานแบบนี้สิไรท์  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 09-01-2019 23:32:26
แสดงเก่งงงงงง
จะ3เดือนแล้วน้าาาไรท์
เรามารอไรท์ทุกวันเลยย
 :ling1: :ling1: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: niza59 ที่ 30-01-2019 13:02:10
เนียนจริงๆคุณภาสกร
 o13
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-01-2019 23:23:55
หมู่เฮารออยู่เน้ออออ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (1/2) 27.11.61
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-02-2019 02:04:05
กลับมาอ่านอีกครั้ง  ยังรออยู่นะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 24-02-2019 21:00:48
   “แอบตกหลุมรัก คุณภาสกรแล้วล่ะสิ”
   “ครับ?”
   “พี่เห็นนะว่าตอนที่เขาเดินผ่านน่ะ เราแอบยิ้ม แอบมองอยู่”
   “......” ภัทรถึงกับไปไม่เป็นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อถูกรุ่นพี่ในแผนกจับได้ว่าเขาแอบยิ้ม แอบมองให้คุณภาสกร ในขณะที่คุณเขาเดินผ่านหลังจากทักถามชื่อภัทรไปแล้ว
   รุ่นพี่ในแผนกเธอเอ่ยแซวพร้อมกับจ้องตาอย่างรู้ทัน เขาอยากจะปฏิเสธอยู่หรอก แต่ดูจากท่าทางและสายตาของเธอแล้ว คงยากที่จะปฏิเสธว่าไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้แอบมองคุณเขา
   “ไม่ได้ตกหลุมรักหรอกครับ แต่บุคลิกเขาดีเลยอดมองไม่ได้” ภัทรว่า มิวายแอบแก้ต่างให้ตัวเองนิดนึง
    ภัทรชอบวิธีการเดินของคุณภาสกรอย่างบอกไม่ถูก ดูแล้วเพลินตา เนื่องด้วยลักษณะการเดินของคุณเขา มันดูแฝงไปด้วยอำนาจและความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น ยิ่งคุณภาสกรหน้าตาดีเป็นทุนเดิมด้วยแล้ว การเดินตรวจเยี่ยมพนักงานตามแผนกครั้งนี้ ก็ไม่ต่างจากนายแบบรูปหล่อที่เปลี่ยนจากการเดินบนแคตวอล์ก มาเดินแบบแถวแผนกภัทรแทน
   ระหว่างรอลงลิฟต์เพื่อไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารด้านนอกบริษัท ภัทรและพี่ในแผนกพูดคุยเรื่องอื่นกันอีกนิดหน่อย หลัก ๆ ก็ไม่พ้นเรื่องหัวข้องาน
   พอผ่านช่วงการตรวจเยี่ยมพนักงานไปแล้ว ภัทรก็รู้สึกคล้ายความกังวลลง เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงอย่างงั้น ถึงเขาจะรู้จักคุณภาสกรเป็นการส่วนตัวก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะใจดีด้วย เพราะคุณเขาเอ่ยปากเองว่าเรื่องงาน ไม่ใจดี แต่ถึงอย่างนั้นภัทรยังแอบขอบคุณคุณภาสกรอยู่ไม่น้อย เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรอย่างที่เขากังวล นอกจากทำเป็นจำชื่อกันไม่ได้
   ซึ่งคุณภาสกรก็เล่นเนียนจนภัทรเกือบหลงเชื่อ....
   พอเริ่มสนิทกับรุ่นพี่ในแผนกแล้ว ภัทรก็เริ่มกล้าที่จะคุยเล่นคุยหยอก การมากินข้าวกลางวันด้วยกันก็ไม่ต่างจากการกระชับมิตรทางอ้อม แต่พี่ ๆ บางคนก็อายุห่างกับภัทรเกือบสิบปี เวลาจะเล่นมุกอะไรหรือออกความคิดเห็นอะไร ภัทรจึงต้องตระหนัก เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นเด็กไม่มีมารยาท
   “พอพูดถึงคุณภาสกรแล้ว หนูขอถามหน่อยเถอะ พี่ว่าเขาจะมีแฟนยังพี่”
   ระหว่างการพักกลางวันร่วมกันอยู่นั้น จู่ ๆ พี่นัทที่นั่งกินข้าวข้างภัทรก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้น นั่นทำให้พี่ ๆ ในแผนกที่จับกลุ่มกินข้าวกันสี่ห้าคนรวมถึงตัวภัทรด้วย เงยมองคนพูดทันที
   “แหม่....นัทก็สงสัยไปได้ คุณภาสกรหล่อ รวยระดับนั้น ถ้าไม่มีแฟนก็คงเป็นคนคุยแหละมั้ง เขาไม่ได้อายุน้อยนะ สามสิบกว่าแล้ว” พี่จ๋า พี่ที่อาวุโสที่สุดบนโต๊ะอาหารแสดงความคิดเห็นก่อนใคร
   “โห งั้นแปลว่าหนูต้องอกหักแล้วเหรอเนี่ย”
   “ยังกล้าหวังอยู่เหรอยัยนัท! อย่าวันงั้นว่างี้เลย หาโอกาสเจอหน้าเขาบ่อย ๆ ให้ได้ก่อน ขนาดตอนนี้ยังนับครั้งได้เลย แล้วเราจะไปเอาเวลาไหนไปทำให้เขาตกหลุมรักล่ะหืม?”
   “เฮ้อ...ก็จริงอย่างที่พี่ว่าแหละ นาน ๆ ทีเจอหน ตอนแรกหนูก็คิดว่าจะชินกับหน้าหล่อ ๆ ของเขาแล้วนะพี่ แต่พอวันนี้เจอเขาอีก ก็กรี๊ดกร๊าดอีกอยู่ดี”
   “ก็จริงอย่างที่นัทว่าแหละ”
   ภัทรที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารได้แต่นั่งกินข้าวและฟังบทสนทนาเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบที่คุณภาสกรถูกพูดถึงลับหลัง แต่ภัทรก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี จะขัดขึ้นก็คงไม่ใช่เรื่อง เดี๋ยวถูกสงสัยว่าทำไมต้องปกป้องเจ้านาย อีกทั้งพี่ในแผนกก็ดูท่าอยากพูดถึงเจ้านายเสียขนาดนี้
   ถึงการพูดถึงเจ้านายลับหลังจะไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ใช่ว่ามันจะเปล่าประโยชน์ไปเสียทั้งหมด เพราะบางประโยคที่รุ่นพี่ในแผนกกำลังพูดคุยอย่างออกรสก็ทำให้ภัทรได้ฉุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
   นั่นสิ...ก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกันและอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ คุณภาสกรจะไม่มีใครมาก่อนเลยเหรอ?
   ภัทรเลือกที่เก็บความสงสัยไว้ในใจ เดิมทีเขาสงสัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าคุณภาสกรต้องตาต้องใจอะไรภัทรกันแน่ พอมีเรื่องนี้เข้ามาอีก ภัทรก็ยิ่งอยากได้คำตอบจากคุณเขามากขึ้นเท่านั้น ทุกอย่างเลยตั้งแต่ก่อนที่เราจะเจอกันว่าคุณภาสกรได้คบหากับใครหรือเปล่าแล้วยังเคลียร์กันไม่เสร็จหรือเปล่า เพื่อภัทรจะได้มั่นใจว่าที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ลักกิน ขโมยกินของใคร
   “ภัทร ภัทรคิดว่าอย่างนั้นไหม”
   “ครับ?” ภัทรหลุดออกจากภวังค์ เมื่อถูกคนเป็นรุ่นพี่สะกิดแขน
   “ก็เรื่องที่คุณภาสกรอาจแอบคบใครน่ะ”
   “ผม...ไม่รู้หรอกครับ” เขาตอบกลับเสียงแผ่ว “มันเรื่องส่วนตัวของคุณเขานี่นา ผมไม่กล้ายุ่งหรอก”
   “เหมือนพี่โดนด่าว่าส.ใส่เกือกเรื่องเจ้านายเลยว่ะ”
   “ผมไม่ได้จะว่าพี่นัทนะครับ!” ภัทรโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันควัน หลังพี่คนสนิทตีความหมายเขาผิดเพี้ยนไป
   “แต่ว่า....คุณภาสกรอาจจะโสดก็ได้นะครับ คนหล่อไม่จำเป็นต้องมีแฟนกันทุกคนเสียหน่อย บางทีเขาอาจจะรักที่ตัวเองเป็นอิสระก็ได้นะครับ” ภัทรพูดในสิ่งที่แตกต่าง เขาน่าจะเป็นคนเดียวที่คิดต่างในโต๊ะนี้
   ภัทรอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เขาอยากรู้เรื่องส่วนตัวตื้น ลึก หนา บางของคุณภาสกรก่อนหน้าที่เราจะพบกันก็จริง  แต่ไม่อยากให้ใครสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณภาสกรทั้งนั้น แม้ว่าการที่ทุกคนสงสัย อาจจะทำให้ภัทรได้ประโยชน์คือการรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของคุณเขา อดีตก่อนหน้านี้โดยที่ภัทรไม่ต้องไปถามเจ้าตัวให้เสียเวลา
   “เหตุผลของภัทรก็น่าคิดแหะ” พี่นัทว่าเสียงแผ่ว คล้ายจะคล้อยตามกัน
   “เฮ้อ....พี่ว่านะเลิกพูดเรื่องคุณภาสกรเถอะ ถ้าเขามี เดี๋ยวก็คงเปิดตัวเองแหละ คนระดับนั้นปิดไม่มิดหรอก”

   เรื่องตอนกลางวันภัทรเลิกสนใจไปชั่วคราว เมื่อเราอยู่ในเพียงลำพัง หลังภัทรเพิ่งส่งหลานชายขึ้นรถโรงเรียน หลังอีกฝ่ายต้องไปเข้าค่ายวิชาการที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เพราะในตอนนี้ไม่มีหลานชายสุดที่รักอยู่บ้านแล้ว คนที่นั่งอยู่ข้างกายจึงสำคัญที่สุด ภัทรไม่คิดจะถามเรื่องความรักในอดีตหรือคนก่อนหน้าของคุณภาสกรด้วย.....อย่างน้อยก็ในตอนนี้
   เพราะภัทรยังไม่รู้ความรักในอดีตของคุณภาสกรว่าเป็นอย่างไร จากกันด้วยดีเหมือนในหนังหรือจบไม่ดีเหมือนอในชีวิตจริง ทำให้ภัทรยังไม่กล้าถาม เพราะกลัวจะไปสะกิดแผลใจของคุณเขาเข้า บางทีมันอาจจะยังเป็นแผลสดอยู่ก็ได้ เพียงแค่ภัทรไม่รู้และคุณภาสกรเองก็ไม่เคยพูดถึง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากถาม ส่วนหนึ่งก็กลัวว่ามันอาจส่งผลถึงความสัมพันธ์ของเรา
   ตอนนี้เรียกว่าอะไร....ภัทรยังไม่รู้เลย




#ภูมิแพ้ลูกไม้

หายไปนานเลย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 24-02-2019 22:04:53
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 25-02-2019 02:59:24
เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้าา อย่าหายไปนานๆอีกนะ
เราลืมตอนเก่าต้องไปอ่านใหม่อีก :laugh: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-02-2019 05:09:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-02-2019 11:20:00
ถ้าถามได้ก็ถามเขาก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-02-2019 13:30:50
ความร้าย

ความเนียน

กินกันไม่ลงเลย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 25-02-2019 22:03:59
กรี๊ดดดดด  มาส่องทุกวันไรท์ไม่อัพ พอเมื่อวานไม่ได้เข้ามาไรท์อัพเฉยเลย  :ling1: คิดถึงงงงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-02-2019 23:53:40
เซ็กซี่มากก น้องภัทรก็ยั่วเ..มากกก เผ็ชช
รอติดตามอยู่นะคะ คนเขียนอย่าทิ้งเราไว้กลางทางเลยนะคะ  :impress:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-02-2019 02:30:09
มาอัพแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 26-02-2019 22:24:27
คิดถึงไรท์นะคะะ รอติดตามต่อไป


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 26-02-2019 22:39:34
สั้นจังใจน้องจะขาดดดดดด
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 27-02-2019 00:01:45
ภัทรสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ มีอะไรสงสัยถามไปเลยยยลู้กกก :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท8 (2/2) 24.02.62
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 03-03-2019 02:42:26
คุณอาทิตย์ต้องทำให้ลูกเราเชื่อใจสิ ถ้าเราเป็นภัทรเราก็ไม่แน่ใจอะ เหมือนมาหยอกๆหยอดๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 05-03-2019 22:22:10


9


   ยามอยู่ที่ทำงาน....ยามคุณเขาเดินผ่าน ภัทรต้องก้มหน้าเสมอ เพราะคุณเขาเป็นถึงเจ้านาย แต่พอตกเย็น...เจ้านายที่ใคร ๆ ต่างเคารพรัก กลับพรมจูบตามข้อเท้าของภัทรราวกับทาสผู้แสนซื่อสัตย์ เพียงเพราะภัทรให้ทุกอย่างที่คุณเขาปรารถนาได้
    “ชอบมากใช่ไหมครับ....ชอบที่เห็นมันอยู่บนตัวผมมากใช่ไหม” ภัทรเอ่ยถามคุณภาสกร
   คุณภาสกรไม่เคยปล่อยให้โอกาสเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เจ้าตัวคงรู้ดีว่าตัวเองยังมีสิทธิ์เรียกร้องให้ภัทรสวมใส่ชุดลายลูกไม้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายและภัทรก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
   “รักเลยล่ะ” คุณภาสกรตอบและคำตอบของเจ้าตัวก็ทำให้คนฟังรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก
   “.......”
   “ถ้าคุณรู้ว่าผมหลงรักตอนที่มันอยู่บนตัวคุณแล้ว คุณจะยอมใส่มันให้ผมได้ไหม?”
   “ทำไมถึงถามแบบนี้ครับ.....”
   “.......”
   “คุณก็รู้นี่ว่ายังไงผมก็ต้องยอมคุณอยู่แล้ว”
   ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง....ไม่รวมกับตอนคืนแรกของเราที่ภัทรยอมใส่อะไรก็ตามที่คุณภาสกรหามาให้ใส่ จะเรียกว่าเป็นการบังคับก็คงไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะภัทรไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น แต่จะเรียกว่าชอบก็ยังไม่ใช่ เพราะของบางชิ้นภัทรก็ไม่ได้รู้สึกชอบมากจนอยากลองสวมใส่ แต่ถ้าคุณภาสกรอยากให้ลองใส่ ภัทรก็ต้องยอม
    โดยปกติแล้วภัทรมักจะเลือกใส่เสื้อผ้าหรือรีวิวของต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบเป็นผ้าลายลูกไม้ ตามความชอบของตัวเอง ถึงเขาจะชอบผ้าลายลูกไม้มากจนขนาดเก็บสะสมเป็นกิจจะลักษณะและเป็นเจ้าของแอคเคานต์ลูกไม้ป่าผู้โด่งดัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าของบางชิ้น แม้จะต้องตาต้องใจมากเพียงไร แต่มันก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา
   โชคดีที่ครั้งนี้คุณภาสกรไม่ได้หาชุดประหลาด ๆ พิสดารจนทำให้ภัทรหนักใจมาให้เขาสวมใส่ อีกฝ่ายเลือกเอาของเบสิกอย่างถุงน่องมาให้ภัทรลอง
   จริง ๆ พวกถุงน่อง ถุงมือหรือหน้ากากาลายลูกไม้ ภัทรมักจะอัปโหลดลงทวิตเตอร์อยู่แล้วและก่อนจะอัปโหลดลงให้เหล่าผู้ติดตามได้ชื่นชม ภัทรก็มักจะส่งไปให้คุณพีได้เห็นก่อนเสมอ เพราะอีกฝ่ายพิเศษกว่าใคร พอภัทรเห็นคุณเขาเอามาให้ลองสวมใส่อีก จึงอดแย้งไม่ได้
   ตั้งแต่สมัยเรายังไม่เปิดเผยตัวตนกันและกัน ภัทรก็ส่งไปให้คุณเขาดูนับครั้งไม่ถ้วน นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ แต่คุณภาสกรกลับใส่เหตุผลสั้น ๆ ว่าอยากเห็นมองด้วยตาตัวเองมากกว่าจ้องรูปภาพ ภัทรจึงยอมถือมันเดินเข้าไปเปลี่ยนใส่ห้องน้ำ
    โชคดีที่เจ้าโอ๊ตไปเข้าค่ายวิชาการประมาณสองคืน สามวัน ทำให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังและมีเวลามากพอที่ได้เล่นอะไร ๆ ที่ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน ภัทรไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง หากรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านาย ลูกน้องที่เป็นแบบนี้ แต่เขาไม่อยากรีบร้อนให้หลานชายรับรู้ว่าความสัมพันธ์ของน้าและเจ้านายว่าอยู่รูปแบบไหน
   หลายครั้งภัทรจึงไม่ค่อยเป็นธรรมชาติยามที่เราเล่นกันต่อหน้าหลาน แม้จะเป็นแค่ลูบแก้มหรือหยอกล้อด้วยวาจาก็ตาม
   หลังเข้ามาในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็จัดการถอดกางเกงออกด้วยความชำนาญ เขาเลือกที่จะเปลี่ยนไปใส่กางเกงชั้นในลายลูกไม้ด้วยเพื่อที่มันจะได้เข้ากับถุงน่อง
   ภัทรผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย เพียงเพราะหวังว่ามันจะช่วยลดความประหม่าของเขาลง แม้ภัทรจะเคยลองสวมใส่แบบชุดลายลูกไม้แบบเต็มตัวให้คุณเขาได้เชยชมไปแล้ว แม้ความสัมพันธ์ของเราจะเลยเถิดไปหลายโค้ง แต่ภัทรก็ยังมีอาการเขินอายอยู่ดี มันแก้ไม่หาย
   แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา นอกจากมองกันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าภายใต้สายตาเรียบนิ่งเหล่านั้นเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ภัทรก็ยังอาย เขาก็หวังว่าสักวันหนึ่งอาการเหล่านี้ของเขาจะหายไป
    ดวงตาเรียวจับจ้องสภาพตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่อีกครั้ง เพื่อเช็กว่าแต่งตัวเรียบร้อยหรือยังมีอะไรที่ต้องจัดการอีกไหม
   ภัทรเลือกที่จะไม่ถอดเสื้อออก ฉะนั้นด้านบนของเขาจึงเป็นสีเชิ้ตแขนยาวที่อ่อนที่ใส่ไปทำงานเมื่อเช้าอยู่ เขาถอดแค่กางเกงสแล็คออกเท่านั้น แล้วเปลี่ยนจากกางเกงชั้นในแบบของผู้ชายปกติเป็นชั้นในผ้าลูกไม้แทน โดยการใส่ถุงน่องครั้งนี้ ภัทรไม่ลืมที่จะใช้สายรัดถุงน่องเหนี่ยวรั้งมันไว้ ป้องกันถุงน่องหลุดระหว่างขยับตัว
   ภัทรยกมือขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่ม ฉะนั้นยังมีเวลามากพอที่เราจะได้เล่นกัน ได้ปล่อยคุณเขาเชยชมถุงน่องลายลูกไม้บนเรือนร่างของภัทร ก่อนที่เราจะไปกินอาหารมื้อเย็นกัน
   “น่ารัก....ภัทรน่ารัก” นั่นคือคำชมสั้น ๆ จากปากของคุณภาสกร เมื่อภัทรรวบรวมความกล้าออกมาจากห้องน้ำ หลังยอมสวมใส่อะไร ๆ ที่คุณเขาอยากเห็นให้ดู
   ภัทรจ้องใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณภาสกรในระยะใกล้ แขนทั้งสองข้างโอบลำคอแกร่งไว้เพียงหลวม ๆ หลังภัทรถูกคุณเขาดึงขึ้นไปให้นั่งตัก โดยภัทรหันเข้าหาคุณภาสกร เหมือนตอนที่เราออกกำลังกายกันที่ห้องน้ำชั้นสิบห้า ในตอนนี้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก เขาใจสั่นทุกครั้งยามที่มองใบหน้าของคุณภาสกรและในขณะเดียวกันคุณเขาก็กำลังมองร่างกายภัทร
   “เหมือนในรูปไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามเสียงแผ่ว ดวงตาเรียวจับจ้องที่ริมฝีปากของคุณภาสกรอย่างใจจดจ่อ
   ต่อให้คำชื่นชมนั้นเป็นเพียงคำสั้น ๆ แต่พอมันออกมาจากปากของคุณภาสกร มันก็มีผลต่อความรู้สึกภัทรเสมอ เพราะทุกครั้งที่ได้ฟัง มันทำให้ภัทรรู้สึกมั่นใจมากขึ้น รู้สึกดี รู้เป็นคนสำคัญ หลังรู้ว่าตัวเองสามารถทำให้คุณภาสกรพอใจได้
   “ดีกว่าตั้งเยอะ.....ต่อให้เคยเห็นเป็นร้อยรูปก็ไม่ดีเท่าเห็นด้วยตาเปล่าเพียงครั้งเดียว” คุณภาสกรว่า อีกฝ่ายระบายยิ้มจาง ๆ ก่อนที่ภัทรจะหลุบตามองมือของคุณเขา หลังรู้สึกว่ามันกำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าขาของเขา สัมผัสขาอ่อนของภัทรผ่านผ้าลายลูกไม้เนื้อบาง
   “เห็นพูดจาดี จะให้รางวัลแล้วกันนะครับ” ว่าจบภัทรก็จุ๊บคุณภาสกรเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา หลังคุณเขางอแงขอใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อกี้ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่น่าเสียดายรางวัลของภัทรไม่มีการให้พร่ำเพรื่อ เดี๋ยวครั้งต่อไปมันจะไม่ตื่นเต้น
   ภัทรปล่อยให้คุณภาสกรเชยชมถุงน่องที่อยู่บนร่างกายของเขาอย่างตามใจชอบ อีกราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมาอยู่ในชุดลำลอง เตรียมออกไปกินข้าวข้างนอกกับคุณเขา เพราะเมื่อตอนกลางวัน....เราคิดว่ามันเพียงพอแล้ว จึงไม่มีอะไรเลยเถิดอย่างที่ควรจะเป็น
   “คุณอยากกินอะไร”
   “ไม่รู้เหมือนกันครับ” ภัทรตอบคุณเขาพร้อมกับข้างทางไปด้วย เผื่อจะได้ไอเดียว่าวันนี้จะกินอะไรดี วันนี้เขาไม่ได้ทำอาหารเย็นกินกันที่บ้านเหมือนอย่างทุกวัน เนื่องด้วยภัทรเหนื่อยจึงตัดสินใจออกมากินข้าวข้างออก เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและรสชาติอาหารน่าจะดีกว่า
   “งั้นไปกินข้าวที่ห้างดีไหม เพื่อจะคิดอะไรออก” คุณภาสกรเสนอความคิด
   “แต่คนพลุกพล่านนะครับ”
   “ครับ?”
   “ถ้าเกิดมีคนในบริษัทเห็นเราขึ้นมา.....”
   “คุณกลัวว่าจะถูกจับได้ใช่ไหม?” คุณภาสกรถามภัทรพร้อมหันมาสบตา ระหว่างรอให้ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
   “ก็ต้องกลัวสิครับ ในเมื่อตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ถูกเปิดเผย” ภัทรตอบตามตรง
   ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเรียกได้ว่าเป็นความลับก็จริง แต่ก็ไม่ได้ปิดไปเสียหมดและในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เปิดเผยออย่างโจ่งแจ้ง อยู่ในบริษัทเราทำทีเหมือนไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่พออยู่ข้างนอกเรากลับออกไปกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง จะเรียกว่าย้อนแย้งในความสัมพันธ์ก็ไม่เชิง
   เวลาเราออกไปข้างนอก เราไม่ได้หลบซ่อนจนถึงขั้นปลอมตัว ปิดบังใบหน้า ถ้าเลี่ยงสถานที่คนเยอะ ๆ ได้ ภัทรก็พยายามเลี่ยง เพราะถ้ามีใครบังเอิญเจอเราข้างนอก เขาก็อาจถูกถามได้ว่าเป็นอะไรกับเจ้านาย ทำไมถึงไปด้วยกันสองคนและอย่างที่บอก สายงานเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ภัทรไม่ได้อยู่ในระดับหัวหน้า ระดับผู้จัดการที่คอยคุยกับผู้บริหารจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมาคุยเรื่องงานนอกเวลา
   การที่ไปห้างสรรพสินค้าตอนช่วงค่ำ ช่วงที่คนกำลังพลุกพล่านก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หากยังอยากให้ความสัมพันธ์นี้เป็นความลับต่อไป
   ภัทรไม่รู้ว่าคุณภาสกรอยากจะปิดไหม อยากจะเปิดเผยมันหรือเปล่า เพราะคุณเขาไม่เคยพูดถึงเลย แต่ภัทรกลัว.....เขากลัวว่าถ้ามีคนรู้ถึงความสัมพันธ์เจ้านาย ลูกน้อง จะมีปัญหาตามมาภายหลัง ในอนาคตหากตำแหน่งหน้าที่ภัทรขยับขยาย คงมิวายถูกนินทาว่าใช้เส้นสายความพิศวาสของเจ้านายให้ตัวเองก้าวหน้า
    ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าจะมีคนในบริษัทเจอเราตอนที่อยู่ห้าง แน่นอน...ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักภัทร เขาเป็นพนักงานหน้าใหม่ในแผนกหนึ่งของบริษัท แต่กับคุณภาสกรยังไงเสีย....ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ถึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน ก็ต้องมีจำได้บ้าง อาจเห็นหน้าค่าตาจากบอร์ดของผู้บริหารก็ได้
   “แล้วคุณอยากเปิดมันหรือเปล่า?” คุณภาสกรถาม
   “ครับ?”
   “เรื่องความสัมพันธ์ของเรา” คุณเขาขยายความ
   “.......”
   คราวนี้ภัทรทำได้แค่สบตาคุณเขาอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าการที่คุณภาสกรถามเช่นนี้ อีกฝ่ายจริงจังแค่ไหน แต่ภัทรไม่ตลกเลย....ภัทรไม่อยากจะหมกหมุ่นเรื่องสถานะของเรา เพราะมันกำลังทำให้เขาไม่มีความสุข แต่ก็ยอมรับว่าลึก ๆ แล้ว เขาก็อยากได้ความชัดเจนเช่นกัน คุณเขาจะจริงจังสัมพันธ์นี้แค่ไหนหรือให้ภัทรเป็นแค่คนชั่วคราว เรามีความสุขแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็พอ พอถึงจุดหนึ่งก็แยกย้ายไปตามทางใครทางมัน
   คุณภาสกรต้องการให้ภัทรเป็นแบบไหนกันแน่?
   “แล้วถ้าเปิดเผยความสัมพันธ์....เราจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกันครับ?”




#ภูมิแพ้ลูกไม้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-03-2019 22:56:47
มาแล้ว ดีใจ อีตาเจ้านายหื่นคงเส้นคงวา
เห็นดราม่าอยู่รำไร ไม่อยากน้องภัทรเจ็บ
จะลงเอยกันยังไง ดูเป็นไปได้ยากทุกทาง
แล้วอีตาเจ้านายแอบซุกใครไว้มั้ยก็ไม่รู้ แกจัดน้องไว้ในฐานะไหนละ อีตาคุณภาสนี่ไม่น่าไว้ใจมากๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-03-2019 00:19:59
ฉากน้องภัทรสวมถุงน่องลูกไม้ นึกถึงพวกการ์ตูนญี่ปุ่นเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 06-03-2019 01:32:57
ตอบดีๆนะะะะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-03-2019 03:59:19
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 06-03-2019 09:31:55
ภัทรอยากได้ความชัดเจนแล้วว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-03-2019 11:07:00
อยากเปิดก็ต้องมีคำตอบจริงๆน่ะแหละ  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 06-03-2019 14:16:23
จะตอบว่ายังไงเนี่ยลุ้นๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 06-03-2019 17:11:30
รอๆ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 06-03-2019 18:20:00
อยากรู้คำตอบเหมือนกัน จะเอายังไงกับภัทรกันแน่ว่ามาเลยคุณอาทิตย์ แต่บอกก่อนถ้าจะมาเล่นๆกับลูกเรา เราไม่ยอมนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 07-03-2019 13:19:02
อยากเห็นน้องใส่ชุดลูกไม้แบบนั้นใกล้ๆบ้าง :hao6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: BEARx ที่ 29-03-2019 10:25:19
ทำไมรู้สึกอยากเป็นคุณภาสกร :ruready
ภัทรรรรรรร ยัยหนูลู้กกกกกกกก :man1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 29-03-2019 15:00:24
หืมมมม..  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-03-2019 22:58:25
เหมือนว่ามาม่าจะมานะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-03-2019 00:24:23
รออยู่เน้อ~
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (1/2) 5.03.62
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 31-03-2019 08:54:28
 :sad4: :a5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 01-04-2019 16:53:06
               “กำลังศึกษากันอยู่ ดีไหม?” คุณภาสกรหันมาตอบภัทรด้วยน้ำเสียงปกติ คุณเขาไม่มีการชะงักเพื่อคิดคำตอบและไม่มีท่าทีตะกุกตะกักเลยด้วยวซ้ำ หลังถูกภัทรถามเช่นนั้น ราวกับอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าไม่วันใดวันหนึ่ง ภัทรก็ต้องถามเรื่องนี้



                “……”



                “ภัทรล่ะ อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่า” เมื่อหักเลี้ยวพวงมาลัยรถมาจอดรถหยุดสนิทที่ลานจอดของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแล้ว ก็ถึงคราวที่คุณภาสกรถามภัทรกลับบ้าง อีกฝ่ายไม่ว่าเปล่า แต่ยังยื่นมือมากุมมือไว้หลวม ๆ ด้วย



                “ผม…..ผมไม่รู้” ภัทรตอบเสียงแผ่ว เรื่องนี้เขาจะตามใจตัวเองอย่างเดียวไม่ได้ เพราะถ้าเราเปิดเผยความสัมพันธ์ ผลกระทบจะไม่ได้ตกแค่ภัทรอยู่ฝ่ายเดียว แต่รวมถึงคุณภาสกรด้วย อีกฝ่ายมีตำแหน่งใหญ่โต มีหน้าตาทางสังคม ถ้าภัทรเจอผลกระทบ คุณภาสกรก็คงไม่รอด



                 ฉะนั้นหากคิดจะเปิดความสัมพันธ์ให้คนในบริษัทรับรู้ ต้องคิดให้ดี…..



            “ผมคิดว่าตอนนี้คงไม่ใช่เวลาของเรา” ภัทรให้คำตอบคุณเขาอีกครั้ง หลังผ่านการคิดอย่างถี่ถ้วนและมั่นใจแล้วว่ามันคือทางเลือกที่ดีที่สุด



                ไม่ใช่ว่าไม่อยากพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แน่นอน….ภัทรอยากเป็นมากกว่านั้น แต่มันยังไม่ใช่เวลาของเรา



                ภัทรกลัวว่าหากเปิดตัวตั้งแต่ตอนนี้ ทุกอย่างที่คาดหวัง มันจะพังลงเพราะความใจร้อนของเขาและจุดประสงค์ในตอนแรกถามคุณภาสกรเกี่ยวกับเรื่องของเรา ก็ไม่ได้อยากให้คุณเขาเปิดตัวเรื่องความสัมพันธ์ของเราด้วย ภัทรก็แค่อยากรู้ว่าสถานะของเราเรียกว่าอะไรและตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าสถานะของเราตอนนี้คือกำลังศึกษาดูใจกันอยู่ ไม่ใช่คนชั่วคราวอย่างที่ภัทรกลัว 



            “ก็ได้ครับ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว” คุณภาสกรว่าต่อ เมื่อภัทรให้คำตอบเช่นนั้น



                “แต่คุณอาทิตย์ครับ….ผมขอถามอะไรอีกอย่างได้ไหม” ภัทรว่าต่อ ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ถามอีกเรื่องที่ยังค้างคาในใจให้จบๆ ไปเลย



                “ครับ”



                “ก่อนหน้าที่เราจะเจอกัน คุณโสดตั้งแต่แรกไหมครับ” ภัทรถามอย่างไม่อ้อมค้อม เขาอยากมั่นใจว่าตอนนี้ไม่ได้ทำผิดศีลข้อไหนอยู่ ไม่ได้ยืมแฟนของใครมาใช้



                “……” แต่ทว่าคราวนี้คุณภาสกรกลับไม่ได้ตอบกลับทันทีเหมือนอย่างเคย คุณเขากลับจ้องหน้าภัทรนิ่ง ๆ ทำเอาคนถามเริ่มใจไม่ดีขึ้นมา กลัวสิ่งที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง



                “ผมโสด” นานนับนาทีที่คุณภาสกรจะตอบกลับมา อีกฝ่ายสบตาภัทรด้วยสายตาแน่วแน่ ไม่มีท่าทีเลิ่กลั่กเหมือนที่ภัทรชอบทำเวลาโกหก แต่เพราะนานนับนาทีกว่าที่คุณภาสกรจะให้คำตอบ ภัทรก็เริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณเขาพูดคือเรื่องจริงหรือโกหกหน้าตายกันแน่



                “แน่ใจนะครับ” ภัทรถามย้ำให้แน่ใจ พร้อมสบตาคุณเขาอย่างจริงจัง



                “….ครับ”



                บทสนทนาที่ตึงเครียดของเราถูกหยุดไปชั่วคราว เมื่อเราต้องไปกินมื้อเย็นก่อนที่ร้านในห้างจะปิด หลังจากหยุดคุยเรื่องเครียด ๆ ภัทรก็ลอบถอนหายใจออกมาอยู่หลายครั้ง คำตอบของคุณภาสกรมันก็น่าพึงพอใจแล้ว แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกโล่งอกอย่างที่ควรจะเป็น



                เมื่อเข้ามาถึงตัวห้างเรียบร้อย ภัทรและคุณภาสกรก็ตัดสินใจร่วมกันว่าเราจะกินอาหารง่าย ๆ ที่ร้านแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ตอนนี้เราไม่ได้โกรธหรืองอนกัน แต่ทำไมภัทรกลับรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเรากำลังตึง ๆ จนชวนให้น่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก



                “ภัทรอยากเพิ่มอะไรหรือเปล่า” คุณเขาหันมาถามภัทรเรื่องอาหารอีกครั้ง หลังเราเข้ามาในร้านอาหารและสั่งข้าวแกงกะหรี่ไปคนละจานแล้ว



                “ขอเพิ่มกุ้งเทมปุระแล้วกันครับ” ภัทรตอบ เขาพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด พยายามแสดงออกว่าเลิกคิดเรื่องนั้นแล้ว ทั้ง ๆ ที่จิตใจยังคงพะว้าพะวังกับเรื่องที่เราคุยกัน ณ ลานจอดรถอยู่



                ระหว่างรออาหารเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมายอย่างที่ควรจะเป็น ทั้ง ๆ ที่ปกติเราไม่เคยปล่อยให้เวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่….ภัทรไม่มีอะไรจะเล่าให้คุณภาสกรฟัง ส่วนคุณเขาก็ไม่มีอะไรจะคุยเช่นกัน ต่างฝ่ายจึงต่างเงียบไปโดยปริยาย



                เรียกว่าบรรยากาศกร่อยก็คงไม่ผิดเพี้ยนอะไร ช่วยไม่ได้….เพราะเราเลือกที่จะคุยเรื่องซีเรียสก่อนกินข้าวเอง บางทีความผิดนี้อาจเป็นของภัทรแต่เพียงผู้เดียว เพราะเขาเป็นคนเปิดประเด็นเอง



                การที่คุยเรื่องซีเรียสกันก่อนกินข้าวและการที่ภัทรยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ส่งผลให้เขากินข้าวได้น้อยลงเกือบครึ่ง ไม่ใช่แค่เท่านั้น ภัทรยังรู้สึกด้วยว่าบรรยากาศระหว่างเรามันกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ และคุณภาสกรก็คงรับรู้มันเช่นกัน



                “ไปดูหนังรอบดึกกันไหมครับ?” หลังทานอาหารและออกมาจากร้านแล้ว เราก็ผ่านโซนดูหนังของห้างสรรพสินค้า คุณภาสกรจึงหันถามความคิดเห็นภัทร เมื่อเห็นโปสเตอร์หนังฟอร์มยักษ์กำลังโชว์อยู่บนหน้าจอโปรโมต



                “ตามใจคุณครับ ผมยังไงก็ได้” ภัทรว่า วันนี้ไม่มีหลานชายอยู่บ้านให้เป็นห่วง เขาจึงไม่มีปัญหาในการกลับบ้านช้าหรือเร็ว



                “งั้นดูแล้วกัน” ในที่สุดคุณภาสกรเป็นคนตัดสินใจ อีกฝ่ายให้ภัทรนั่งรออยู่ข้างหน้า ส่วนเจ้าตัวก็เดินไปจัดการเรื่องตั๋วหนังรอบดึก



                ระหว่างที่รอคุณภาสกรไปจัดการเรื่องตั๋วหนัง ภัทรก็ถอนหายใจออกมา เขาหยุดเรื่องนั้นไม่ได้ ตอนนี้ในหัวของภัทรกำลังตั้งคำถาม ถ้าคุณภาสกรโสดจริง ทำไมอีกฝ่ายจึงตอบช้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ถ้าไม่มีอะไรทำไมต้องคิดนาน



                ภัทรอยากจะจี้ถามหรือซักไซ้ให้มากกว่านี้เหมือนกัน แต่เขาไม่มีความกล้าพอ ไหนกลัวว่าคุณเขาจะรำคาญอีก สุดท้ายก็ต้องเก็บความคิดมากไว้ในใจ จะหาความจริงด้วยตัวเองหรือรอให้เจ้าตัวเป็นคนพูดถึงอีกครั้ง ก็คงต้องรอดูอีกสักพัก เพราะคุณภาสกรเองก็คงรู้ว่าภัทรก็ไม่ได้พอใจกับคำตอบของคุณเขาเท่าไรนัก



                “คุณอาทิตย์ซื้อมาเยอะจังเลยครับ” ภัทรว่า หลังจากรับป็อปคอรน์ถังยักษ์มาจากมือของคุณภาสกรแล้ว หลังอีกฝ่ายซื้อมาพร้อมกับน้ำอัดลมสองแก้วใหญ่ ทั้ง ๆ เรากินกันแค่สองคน



                “ไม่รู้สิ พนักงานเขาแนะนำมา” คุณภาสกรว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างภัทร เพื่อรอเวลาให้ถึงรอบฉายหนังตัวเอง ในตอนนี้บรรยากาศระหว่างเราดีขึ้นกว่าก่อนอยู่ร้านอาหารนิดหนึ่ง เมื่อคุณเขาก็จับมือภัทรไว้อย่างหลวม ๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือถูวนที่มือภัทรอย่างแผ่วเบา



                “เป็นอะไร” คุณภาสกรเอ่ยถามภัทรด้วยน้ำเสียงนุ่มหู ทำเอาคนฟังรู้สึกอ่อนระทวยอย่างบอกไม่ถูก



                “ไม่ได้เป็นไรครับ”



                “แต่คุณดูแปลก ๆ ไปนะ” คุณภาสกรว่าต่อ ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มหูเช่นเดิม



                “สังเกตเห็นด้วยเหรอครับ”



                “ก็ตั้งแต่อยู่ที่ลานจอดรถแล้ว”



                “……”



                “คุณเป็นอะไร บอกผมได้ไหม”



                ภัทรแพ้….เขาแพ้คุณภาสกรในรูปแบบนี้ มันเหนือความคาดหมายเกินไป ในตอนแรกภัทรคิดว่าเขาจะไม่สนใจไถ่ถามกันด้วยซ้ำ แต่พอถูกคุณภาสกรถามเสียงนุ่ม ไหนจะจับมือภัทรไว้อย่างหลวม ๆ อีก ภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นเด็กขี้แงอย่างบอกไม่ถูก



                “ผม….ผมกลัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังใช้ของคนอื่นอยู่” ในเมื่อคุณภาสกรอุตส่าห์ถามให้ความสนใจกันแล้ว ภัทรจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์และในที่สุดภัทรตอบคุณเขาเสียงแผ่ว อยากลองคุยเรื่องนี้อีกครั้ง เผื่อมันจะกระจ่างแจ้งกว่าที่เป็นอยู่



                ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งภัทรจะต้องมาใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องในบริษัทมันคือความสนุก แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป เมื่อใครคนหนึ่งเริ่มอยากจริงจังกับความสัมพันธ์นี้ ไหนจะบทสนทนาเมื่อตอนกลางวันกับพี่ ๆ พนักงานในแผนกเดียวกัน มันจึงทำให้ภัทรอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณภาสกรโสดจริงหรือเปล่า ซึ่งที่เรากำลังเป็นอยู่ ไม่ได้ผิดศีลธรรมข้อไหนใช่ไหม



                “ของคนอื่นที่ว่าคือผมเหรอครับ” คุณภาสกรถามต่อ



                “ใช่ครับ”



                “แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมไม่โสด”





                “ก็เพราะเป็นคุณไงครับ…..ไหนจะตอนที่ผมถามครั้งแรกอีก คุณอาทิตย์มีท่าทีอึกอัก” ภัทรพูดตรง ๆ อยากรู้เหมือนกันว่าคุณภาสกรจะตอบเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้งยังไง



                “……”



                “ได้โปรดพูดตรง ๆ นะครับคุณอาทิตย์ มีอะไรก็บอกกันตรง ๆ ผมพร้อมจะเชื่อใจคุณนะ” ภัทรว่าต่อ เขาสบตากับคุณภาสกร อยากจะค้นหาความจริงในนั้น



                “ถ้าผมพูดความจริงไปแล้ว คุณจะทิ้งผมหรือเปล่า”



            “…..”



            “จะโกรธผมไหม ถ้าเมื่อกี้มันคือคำโกหก”



            “……”



                “เห็นไหมเท่านี้คุณยังให้คำตอบผมไม่ได้เลย” คุณภาสกรเอ่ย หลังเห็นว่าภัทรเงียบไป



                ใบหน้าหล่อเหลาของคุณเขายังคงมีรอยยิ้มอ่อน ๆ ประดับอยู่ แต่ดวงตาของคุณภาสกรกลับดูเศร้าจนภัทรรู้สึกผิดขึ้นมาและในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มอยากรู้ว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ ทำไมคุณภาสกรถึงกลัวว่าภัทรจะทิ้ง



                “แล้วความจริงที่ว่ามันคืออะไรเหรอครับ”



                “…..”



                “คุณอาทิตย์ครับ ได้โปรดบอกผมตรง ๆ…..” ภัทรถามย้ำอีกครั้ง



                “จริง ๆ ผมมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับคู่ไว้ให้ตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว”









            “.....!!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่เร่งเร้าขอความจริงจากปากอีกฝ่ายก็ถึงกับชะงักไป ทั้งฝ่ายคนถามและคนตอบต่างเงียบกันทั้งคู่



                ภัทรรู้สึกว่าตัวเองหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง สมองของเขาว่างโพลนในพริบตา หลังรู้ความจริงจากปากคุณภาสกร ไม่ต้องให้คุณเขาพูดซ้ำ เขาก็เข้าใจแล้ว เพียงเท่านั้นเขาก็เกิดอาการลำคอแห้งผาก มือไม้อ่อนแรงขึ้นมากะทันหัน แต่ไม่ถึงขั้นปล่อยป็อปคอร์นถังยักษ์ร่วงลงสู่พื้น



                “....คู่หมั้นเหรอครับ” นานนับนาทีกว่าภัทรจะรวบรวมสติได้ เขากะพริบตาถี่ ๆ เพื่อตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคุณภาสกรด้วยเสียวแผ่วเบาราวกับกระซิบ เพราะยังคงอึ้งอยู่



                ภัทรเตรียมใจมานานแล้ว ความสัมพันธ์นี้มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น อันที่จริง...เขามองเห็นเค้าลางของปัญหา ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของเราอยู่ในรูปแบบของเจ้านายและลูกน้องแล้ว แต่ภัทรคิดไม่ถึงว่านอกจากนี้ ยังมีก้างชิ้นใหญ่ที่เป็นอุปสรรคยากที่จะมองข้าม อย่างผู้หญิงที่พ่อแม่คุณภาสกรหมายตาด้วย นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่เขาจะสามารถมองข้ามไปได้ด้วยซ้ำ



                “ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ผู้ใหญ่จับคู่ให้ผมกับไพลิน ตั้งแต่น้องอยู่ม.ต้น ผมอยู่ปีสอง” คุณภาสกรว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะถอนหายใจออกมา คงหนักใจไม่แพ้กันที่ต้องพูดความจริงออกมา



                “.....”



                “ผู้ใหญ่เขาวางแพลนไว้ว่าอาจมีงานมงคล หลังจากน้องเรียนจบ” ราวกับถูกหมัดฮุคจนน็อก หลังคุณภาสกรพูดจบประโยคและคราวนี้ภัทรถึงกับไปไม่เป็น สิ่งแรกที่เขาตั้งคำถามในใจก็คือตอนนี้ไพลินอายุเท่าไรแล้ว เธอใกล้จะเรียนจบหรือยัง



                “แล้วคุณอยาก....”



                “ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับไพลิน ผมแค่รักเธอ...ในฐานะน้องสาวมาโดยตลอด” ไม่ทันที่ภัทรจะพูดจบประโยคดี คุณภาสกรก็ให้คำตอบมาก่อน ดวงตาคู่สวยของคุณเขาดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาคนมองอย่างภัทรอดสงสารไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนี้เขาต่างหากทึ่น่าสงสารที่สุด



                “แล้วเธอล่ะครับ อยากแต่งงานกับคุณหรือเปล่า” ภัทรถามต่อ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อยากแต่งงานแล้วจบไป นี่มันคือการคลุมถุงชน ประเพณีที่ภัทรเคยคิดว่ามีแค่ในละคร แต่มันคือชีวิตจริง



                และเขากำลังเผชิญมันอยู่ในตอนนี้....



                “......”



                “คุณ...น่าจะบอกผมให้เร็วกว่านี้....สักนิดก็ยังดี” หลังคุณเภาสกรเงียบ ภัทรก็พูดต่อเสียงแผ่ว



                ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกบางทีความสัมพันธ์ของเรา อาจไม่ถลำลึกเท่าตอนนี้ก็ได้ ถึงภัทรจะต้องตาต้องใจคุณภาสกรตั้งแต่แรกเห็น แต่ความรู้ผิดชอบชั่วดีของเขายังมีมากพอที่จะไม่คิดยุ่งกับคนมีเจ้าของหรือถูกหมั้นหมายไว้ตั้งแต่แรก ถ้าภัทรรู้....ภัทรคงจะหักห้ามใจตัวเองได้เร็วกว่านี้



                เขาคงหักห้ามใจได้ทัน ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองตกหลุมรักคุณภาสกร.... 



            “ผมขอโทษ ผมกลัว..กลัวว่าเรา”



                “แน่นอนครับ ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรก....ผมคงตัดโอกาสพัฒนาตั้งแต่เนิ่น ๆ” คราวนี้เป็นฝั่งภัทรบ้างที่ตอบคุณเขาตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี



                กับเรื่องนี้ภัทรไม่รู้จะโกรธใครดี เขาจึงเลือกที่จะโกรธตัวเองแทน และตอนนี้ภัทรก็รู้สึกอยากจะร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก นึกโมโหว่าทำไมเพิ่งมารู้เรื่องนี้เอาตอนป่านนี้และไม่ว่าเรื่องนี้จะลงเอยแบบไหน ภัทรก็คือคนเจ็บ เขาก็เป็นผู้ร้ายอยู่ดี เพราะมาทีหลังและยังมายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วอีก



                “.......”



                “ต่อให้คุณรักไพลินแบบน้องสาว แต่หากว่ากันตามจริง พ่อแม่จับคู่ให้ขนาดนั้น เตรียมจัดงานแต่งให้หลังไพลินเรียนจบ บ้านผมไม่เรียกว่าโสดหรอกนะครับ”



                “ถ้ารู้แบบนี้แล้ว คุณจะทิ้งผมเหรอครับ” คุณภาสกรถามต่อ อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตาภัทรคล้ายจะเว้าวอนกันผ่านสายตา เราต่างฝ่ายต่างเงียบ ภัทรรู้ดีว่าคุณภาสกรเองก็คาดหวังในคำตอบของเขา คนที่ถูกถามอย่างภัทรก็ถึงกับนิ่งไป เขาเม้มปากแน่น ไม่รู้จะทำยังไงดี เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก



                ภัทรไม่อยากยุ่งกับคนมีเจ้าของ เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะได้มายุ่งกับคนมีเจ้าของทั้ง ๆ ที่เคยสัญญากับตัวเองไว้แล้วแท้ ๆ และในตอนนี้ความสัมพันธ์ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณภาสกร มันหยั่งรากลึก....เกินกว่าจะเดินหันหลังให้กันง่าย ๆ โดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว



                “ผมอยู่ข้างคุณ....” นานอยู่หลายนาที กว่าภัทรจะมีคำตอบให้คุณเขา



                “......”



                “ผมจะอยู่ข้างคุณ จนกว่าคุณจะเลือกได้ว่าจะเอายังไง จะเลือกผมหรือผู้หญิงคนนั้น”



                “ยังไงผมก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้ว”



                “งั้นคุณก็ต้องเคลียร์กับผู้ใหญ่ เคลียร์กับไพลินให้รู้เรื่อง” ภัทรยื่นคำขาด



                เขาไม่อยากกดดันคุณภาสกร แต่เมื่อถึงจุดใดจุดหนึ่ง ยังไงเสียก็ต้องเลือกและยิ่งเรื่องนี้ด้วย ถ้าไพลินเรียนจบแล้ว ผู้ใหญ่ของคุณเขาและผู้หญิงคนนั้นเห็นดีเห็นงามได้ฤกษ์งานแต่งขึ้นมา วันนั้นคุณภาสกรจะไม่มีสิทธิ์เลือกเลยว่าจะให้ภัทรอยู่ข้างคุณเขาเหมือนเดิมหรือให้เดินจากไป เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนนั้นเข้ามาดูแลแทน



                “ถ้าคุณภาสกรเลือกผม คุณก็ต้องเคลียร์กับพวกเขา ต้องเคลียร์กันแล้วจบลงด้วยดีนะครับ คุณเองก็รู้ใช่ไหมว่าความรักไม่ได้มีแค่เรา แต่รวมไปถึงคนรอบข้างด้วย” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงพร้อมกับบีบมือคุณภาสกร เพื่อให้กำลังใจกัน



                “......”



                “ในเมื่อไหน ๆ คุณก็ยอมพูดความจริงออกมาแล้ว ผมก็จะไม่ทิ้งคุณ เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกว่าการพูดความจริงเป็นสื่งที่ไม่น่าทำ....ดีแล้วล่ะครับ ผมจะรู้ตัวและตั้งรับมันให้ทัน” ภัทรว่าต่อ เขาพยายามมองโลกในแง่บวกอย่างเต็มที่ ภัทรไม่ว่าเปล่า แต่ยังบีบมือให้กำลังใจคุณเขาและตัวเองด้วย ก่อนจะระบายยิ้มออกมาจาง ๆ เพื่อให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลาย



                “อีกเกือบยี่สิบนาที....งั้นคุณอาทิตย์รอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”



                “ครับ งั้นผมรออยู่ตรงนี้นะ” ภัทรพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ก่อนจะฝากถังป็อปคอร์นไว้กับคุณภาสกรและเดินไปห้องน้ำชาย ซึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เรานั่งอยู่เท่าไรนัก



                ทันทีที่เข้ามาถึงห้องน้ำ ภัทรก็เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ลึกที่สุด เขาจัดการปิดฝาโถส้วมและนั่งลง เขาเอามือปิดหน้าตัวเอง ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ตลอดการคุยกันเมื่อกี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาในเวลาต่อมา เขาพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ภัทรเลือกที่จะร้องไห้ออกมาอย่างเงียบ ๆ....











_____________________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-04-2019 22:36:52
ซะงั้น หวานกันดีๆแท้ๆ แป้บเดียวน้ำตามา แต่ว่านะบอกกันตรงๆก็ดีถ้าไปรุ้อทีหลังเจ็บกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-04-2019 00:34:52
จะเคลียร์ตัวเองได้มั้ย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 02-04-2019 00:50:45
ตกเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัววมันเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนหลอกซะอีกก ถ้าภัทรไม่ถามก็ไม่คิดจะบอกความจริงกันเลยใช่มั้ย!  :katai1: :katai1: :z3: :angry2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 02-04-2019 01:05:57
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สงสารภัทร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2019 02:19:07
ตัวเองยังมีภาระยังกล้ามาวอแวอีกเนอะคนเรา
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-04-2019 02:37:38
เงิบเลยจ้ะ!!!!
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2019 02:49:04
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-04-2019 22:26:57
คือคุณภาสต้องเคลียร์ให้จบนะคะ ใครจะอยากอยู่แบบสถานะคลุมเครือแบบนี้ไปตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 04-04-2019 06:29:14
แง จริงๆอยากให้น้องถ่มยออกมามากกว่า แล้วให้พี่เขาไปิคลียร์เรื่องทั้งหมดแล้วค่อยกลับมาหาน้องอย่างบริสุทธิ์ใจ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท9 (2/2) 1.04.62
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 17-04-2019 22:53:52
สงสารคุณภัทรเลยย
โอ๋ๆนะคะ คุณอาทิตย์ก็น้ออออ :z3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 (1/2) 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 29-05-2019 13:41:00


10

                เพราะความจริงมันกระทบจิตใจมากเกินไป ภัทรจึงแอบมาร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวอย่างเงียบ ๆ เพราะแค่ต้องการระบายความรู้สึกอัดอั้นของตัวเองออกมาเท่านั้น



                ที่ต้องมาหลบมุมร้องไห้คนเดียวเช่นนี้ เนื่องจากภัทรไม่อยากให้คุณภาสกรกรเห็น เขาไม่ได้ต้องการเรียกคะแนนสงสารจากอีกฝ่าย ไม่อยากให้ทุกอย่างดูแย่ไปกว่าเดิม การร้องไห้เพื่อระบายความรู้สึกจึงออกมาในรูปแบบนี้



                ในตอนแรกภัทรตั้งใจว่าจะรีบร้องไห้ให้พอแล้วรีบออกไปเสีย ก่อนที่คุณภาสกรจะสงสัยว่าทำไมการเข้าห้องน้ำของเขาครั้งนี้ถึงได้ช้านัก แต่กว่าจะเช็ดน้ำตา จัดการทำลายหลักฐานการระบายความรู้สึก ไหนจะต้องรวบรวมสติ ตั้งหลักอีกครั้ง เพื่อที่จะไม่ให้ไปปล่อยโฮต่อหน้าคุณเขาอีก ภัทรก็ต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร กว่าจะมั่นใจว่าจะไม่มีการร้องไห้ต่อหน้าคุณเขา



                ภัทรสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นหันไปกดชักโครกลงพอเป็นพิธีและเปิดประตูห้องน้ำออกไปเผชิญกับโลกความจริงอีกครั้ง แต่ทว่าพอเขาเปิดประตูออกไป เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคุณภาสกรกำลังยืนพิงอ่างล้างมือรออยู่



                ดวงตาคู่สวยที่ภัทรเคยชอบมองอยู่เสมอ บัดนี้....ดูหม่นยิ่งกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ภัทรสัมผัสได้ถึงความเสียใจผ่านแววตาของคุณเขาและดูเหมือนการแอบมาร้องไห้ของภัทรจะไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อยังไง คุณเขารู้ก็อยู่ดี



                “ร้องไห้เหรอครับ”



                “ครับ แต่ผมไม่เป็นไรแล้ว” ภัทรยอมรับแต่โดยดี มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะโกหก ในเมื่อหลักฐานมีให้เห็นอยู่ทนโท่ แม้จะไม่มีน้ำตาให้เห็น แต่ดวงตาที่ยังแดงก่ำคงเป็นหลักฐานชิ้นดีว่าตอนที่ภัทรอยู่ในห้องน้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่



                “......” ภัทรพยายามที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเขาไม่เป็นไรจริง ๆ แต่ในสถานการณ์นี้มันกลับไม่เหมือนเคย แค่ยกยิ้มมุมปากให้เหมือนคนยิ้มอย่างคนที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับความจริงที่เพิ่งรู้ เขายังทำไม่ได้เลย



                ภัทรฝืนยิ้มให้คุณภาสกรเหมือนอย่างเคยไม่ได้....



            “ยิ้มไม่ได้ก็อย่าฝืน” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า อีกฝ่ายเดินตรงดิ่งเข้ามาหาภัทร แล้วคว้าร่างเขาเข้าไปกอดเอาไว้ เพียงแค่นั้นภัทรก็ร้องไห้ออกมาทันที



                ครั้งนี้มันหนักกว่าตอนแอบร้องไห้เสียอีก ภัทรร้องไห้อย่างไม่อาย เขาร้องไห้จนสะอึก ความเสียใจกลับมาเล่นงานภัทรอีกครั้ง เขาได้แต่ตัดพ้อว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ มีความรักทั้งทีขอดี ๆ ไม่ได้หรือไง สุดท้ายภัทรก็ได้แต่ถามตัวเองในใจซ้ำ ๆ ว่าเขาผิดอะไรและควรจะยืนอยู่ตรงจุดไหนดี



                ควรเดินออกมาและทิ้งคุณภาสกรไว้กับผู้หญิงคนนั้นดีไหม....



            “กลับบ้านดีไหม ไม่ต้องดูหนังแล้ว” คุณภากรถามภัทร ขณะที่พยายามลูบหัว ลูบหลังปลอบโยนเขา ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน แต่คุณเขาไม่ร้องไห้เหมือนอย่างภัทรก็เท่านั้น



                “ได้ยังไงครับ ตั๋วหนังก็ซื้อมาแล้ว ไหนจะน้ำ ป็อปคอร์นที่ซื้อมาแล้วอีก” ภัทรแย้งคุณภาสกร แล้วแย่งตั๋วหนังจากมือคุณเขามาดูอีกครั้ง



                “หนังที่คุณซื้อตั๋วมา มันเป็นหนังคอมเมดี้”



                “.......”



                “บางที....เสียงหัวเราะอาจจะทำให้ความรู้สึกของผมดีขึ้นกว่าตอนนี้ก็ได้”



                เป็นคุณภาสกรที่ยอมภัทรเสมอและครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อภัทรต้องการที่จะดูหนังต่อ แม้สิบนาทีก่อนหน้านี้เพิ่งร้องไห้มาหมาด ๆ ก็คงต้องว่าตามนั้น



                ภัทรและคุณภาสกรเดินเข้ามาโรงหนังด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า จริง ๆ เรียกได้ว่าตอนนี้เราสองคนแทบไม่มีอารมณ์จะมาดูหนังด้วยซ้ำ แต่เพราะทั้งภัทรเสียดายเงิน แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เป็นคนจ่าย ไหนจะคิดว่าวิธีนี้อาจจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของเรา ภัทรจึงตัดสินใจเช่นนี้แทนที่จะกลับบ้านอย่างที่ควรจะทำ



                เราไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกหลังจากนั้น....บรรยากาศระหว่างเราเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อภัทรร้องไห้ระบายความรู้สึกของตัวเองและคุณภาสกรคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง



                หนังเริ่มฉายแล้ว เราต่างฝ่ายต่างจดจ่อกับหน้าจอขนาดยักษ์พร้อม ๆ กับมือของเราที่สอดประสานกันไว้....อย่างแนบแน่น ก่อนในเวลาต่อมา ภัทรจะค่อย ๆ ขยับเข้าหาคุณเขา เอียงเอนศีรษะพิงไหล่หนาของอีกฝ่ายเอาไว้ คุณภาสกรไม่ได้ขยับตัวหนีแต่อย่างใด แต่ใช้มือข้างที่ว่างมายีผมภัทรด้วยความเอ็นดูแทน



                “ผมจะรีบเคลียร์เรื่องไพลิน รอผมหน่อยนะ” คุณเขากระซิบบอก



                “ครับ....ผมจะรอ”



            เราออกมาจากโรงหนังเกือบเที่ยงคืน อารมณ์ภัทรสงบลงแล้ว อันที่จริงเขารู้สึกดีขึ้นตั้งแต่คุณภาสกรเป็นฝ่ายเอ่ยเองว่าจะรีบเคลียร์เรื่องไพลินให้เร็วที่สุด มันทำให้เห็นว่าอย่างน้อยคุณภาสกรไม่ได้อยู่เฉย อย่างเดียวคุณเขาก็ยังห่วงความรู้สึกภัทรอยู่ เราเดินจับมือกันมาที่ลานจอดรถ ไม่มีการพูดถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้ระคายหูอีก



                “น้องโอ๊ตจะกลับจากค่ายตอนไหนเหรอครับ”



                “ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมะรืนนี้นะครับ ทำไมเหรอครับ” ภัทรเอ่ยถามต่อ



                “เปล่าครับ ผมแค่ถามเฉย ๆ”เพราะคำพูดของคุณภาสกรดูน่าสงสัย ภัทรจึงหรี่ตามองอย่างจับผิดขณะที่เราเดินมาหยุดที่รถแล้วและการกระทำของภัทร ทำเอาคนถูกจ้องถึงกับหลุดหัวเราะออกมา



                “หน้าผมมีอะไรเหรอ” คุณภาสกรถาม



                “เปล่าครับ แต่คุณอาทิตย์ดูน่าสงสัย”



                “ยังไงครับ?” คุณเขาถามต่อ



                “ก็คุณถามวันที่เจ้าโอ๊ตกลับจากค่ายวิชาการ....”



                “ผมก็แค่อยากรู้ครับ ไม่มีอะไร....ขึ้นรถเร็ว” คุณภาสกรว่าต่อ แม้ภัทรจะยังไม่เชื่อใจคำพูดคุณเขาเท่าไรนัก เพราะทั้งน้ำเสียงและสายตาของอีกฝ่าย มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ คาดคั้นไปก็ใช้ว่าคุณภาสกรจะยอมบอกดี ๆ สุดท้ายภัทรจึงตัดสินใจไม่ถามและขึ้นรถอย่างว่าง่าย



                พอไม่มีหลานให้คอยเป็นห่วง การกลับบ้านดึกก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป คุณภาสกรขับรถกลับบ้านภัทรอย่างไม่รีบร้อน เราอารมณ์เย็นลงทั้งคู่ ภัทรคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ยังตัดสินใจจะดูหนังคอมเมดี้ต่อ มันช่วยเยียวยาความรู้สึกของเราได้จริง ๆ มันช่วยให้ภัทรหยุดคิดเรื่องผู้หญิงคนนั้น



                เราใช้เวลาเพียงไม่นาน รถคันงามของคุณภาสกรก็มาจอดสนิทที่หน้าบ้านภัทรอีกครั้ง ผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ภัทรก็ปลดสายเบลท์เตรียมจะลงจากรถ แต่ถูกคุณภาสกรเรียกชื่อเสียก่อน



                “ภัทรครับ”



                “ครับ?”



                พรุ่งนี้ผมไม่ได้มาค้างด้วยนะ”



                “.......”



                “เพิ่งนึกได้ว่าต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”



                “อ๋อ....อยู่ได้สิครับ ผมโตแล้วนะ” พอรู้เหตุผลของคุณเขา ภัทรก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขาระบายยิ้มเล็กน้อย หลังเห็นสีหน้าของคุณภาสกรเหมือนจะยังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง ภัทรอายุยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ใช่เด็กสิบขวบ ดังนั้นการอยู่บ้านเพียงลำพังจึงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา



                “ผมโตแล้วนะ” ภัทรย้ำอีกครั้งพร้อมเอามือกุมข้างแก้มของคุณภาสกรไว้ด้วยความเอ็นดู คุณเขาน่ารักได้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ติดแค่ตรงไม่ยอมพูดความจริงเรื่องไพลินนี่แหละ ความน่ารักของคุณภาสกรจึงถูกหักคะแนนลงนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาภัทร....คุณเขาก็ยังเป็นที่หนึ่งเสมอ



                “ปกติก็จะไม่ห่วงหรอก แต่หลานชายคุณก็ยังไม่กลับจากค่ายด้วย กลัวเหงา”



                “ก็แค่คืนเดียวเองครับ ดูหนังฆ่าเวลาสักเรื่องผมก็หลับแล้ว” ภัทรว่าต่อ ใบหน้าของเขายังประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม ก่อนที่ในเวลาต่อมา ภัทรจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อคุณเขาจุ๊บที่ฝ่ามือภัทรเบา ๆ ทำเอาคนที่รับสัมผัสรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก



                “ภัทรครับ...”



                “ครับ” เจ้าของชื่อขานรับคุณเขาอีกครั้ง



                “......คุณยังคิดเรื่องไพลินอยู่ไหม” คราวนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังคุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น



                “ตอนแรกก็คิดมากนะครับ....แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ” ภัทรตอบตามตรง



                เมื่อภัทรมีเวลาตั้งหลัก สติของเขาก็เริ่มมา จากร้องไห้ฟูมฟาย หวาดกลัวและตัดพ้อว่าทำไมความรักต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก็กลายเป็นความรู้สึกกล้าหาญ ภัทรไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้คำว่ากล้าหาญได้ไหม แต่ต่อจากนี้ไปอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ภัทรจะยืนข้างคุณภาสกร ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่เลือก



                เพราะหากไม่เป็นไปตามที่หวัง คุณภาสกรเคลียร์ไม่ได้และเลือกผู้หญิงคนนั้น ยอมรับว่าถ้าถึงวันนั้นภัทรเองก็คงเจ็บน่าดู แต่พอมาคิดอีกแง่....อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ภัทรยังมีเวลาอีกเยอะ เขาเพิ่งยี่สิบต้น ๆ ยังเหลือเวลาอีกมากที่จะได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง



                บางทีโชคชะตาอาจลิขิตให้คุณภาสกรคือบททดสอบหนึ่งในชีวิตของเขาก็ได้ ใครจะรู้



                “ที่ผมไม่คิดมากเพราะอะไร คุณอาทิตย์รู้ไหมครับ?”



                “.......”



                “เพราะผมเชื่อใจคุณยังไงล่ะ คุณบอกเองนี่ว่าจะรีบเคลียร์เรื่องผู้หญิงคนนั้น”



                “.......”



                “และผมยืนอยู่ข้างคุณจนกว่าคุณจะเคลียร์ได้ว่าจะเลือกใคร....ผมหรือไพลิน มันคงไม่มีเวลามากเท่าไรหรอกใช่ไหมครับ ให้เดา ๆ เธอคงอายุราว ๆผม ไม่ช้าก็เร็วยังไงคุณก็ต้องเลือกสักทาง ก่อนที่เธอจะเรียนจบ”




หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 (2/2) 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 29-05-2019 13:41:44





                เช้าวันต่อมาภัทรยังคงทำงานตามปกติ ทั้งรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองและเป็นเด็กคอยเดินเอกสารระหว่างแผนกบ้างเป็นบางครั้ง ตลอดทั้งวันมานี้ เขาไม่ได้คุยกับคุณภาสกรเลย ไม่มีส่งข้อความหากัน ไม่มีการเจอหน้ากันด้วยความบังเอิญและเมื่อเช้าอีกฝ่ายก็กลับไปก่อนที่ภัทรจะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ



                พอผ่านเข้าสู่วันใหม่มา จิตใจของภัทรก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ เขาพยายามมองทุกอย่างให้เป็นเหตุและผลที่สัมพันธ์กัน ภัทรพยายามตระหนักกับตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าทำตัวงี่เง่า เพียงเท่านี้คุณภาสกรก็คงหนักใจมากแล้ว



                การคุยเรื่องนี้กับครอบครัวมันคงไม่ง่ายสำหรับอีกฝ่าย ภัทรไม่แน่ใจว่าการจับแต่งครั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเป็นเพียงเพราะความชอบพอของสองครอบครัวกันแน่ เพราะถ้าคุณภาสกรคิดกับไพลินแค่พี่น้อง คุณเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ ปัญหาที่ว่ามันคงไม่คาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้ มันต้องมีเหตุผลมาเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง



                ตลอดทั้งวันมานี้จะเรียกว่าเป็นความเบื่อก็ไม่เชิง เพราะตลอดทั้งวันภัทรทำแต่งาน ใบหน้าของเขาจึงแทบปราศจากรอยยิ้ม วันนี้การทำงานของภัทรไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกอีกต่อไป ทุกอย่างมันดูเบื่อไปหมดจนภัทรลอบถอนหายใจอยู่บ่อยครั้ง คอยมองนาฬิกาเสมอ รอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน



                ความเบื่อหน่ายของภัทรไม่ได้สิ้นสุดลง แม้ตอนนี้ถึงเวลาเลิกงานแล้วก็ตาม ภัทรเอ่ยร่ำลารุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานในแผนกพอเป็นพิธี ก่อนที่เราจะแยกย้ายกลับบ้านกลับช่องกัน เพราะ



                วันนี้ภัทรไม่ต้องรีบร้อนกลับบ้าน เพื่อไปเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้รอเจ้าโอ๊ตเหมือนอย่างทุกที เพราะหลานชายตัวดียังไม่กลับจากค่าย เขาแวะเดินดูของในตลาดนัดที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัท ภัทรหาซื้อแกงถุงและผลไม้ไว้กินเป็นมื้อเย็น แทนที่จะทำกับข้าวกินในบ้านเหมือนอย่างทุกที



                เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ภัทรก็จัดการวางพวกข้าวของ อาหาร ผลไม้ที่ซื้อมาจากตลาดนัดข้างบริษัทไว้บนโต๊ะในห้องครัว ก่อนจะเดินมานั่งพักให้หายเหนื่อยบนโซฟาในโซนรับแขก



                พอวันนี้ไม่มีทั้งความวุ่นวายจากเจ้าโอ๊ตและเอาแต่ใจของคุณภาสกร ภัทรรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขาในตอนนี้มันเงียบมากจนคนอยู่บ้านเพียงลำพังได้ยินเสียงหายใจตัวเอง ภัทรอมยิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อย หลังเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เขาไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ชอบความเงียบเช่นกัน วุ่นวายมากไปภัทรก็ไม่ชอบ เงียบมากไปเขาก็เหงา 



                ภัทรนั่งพักหายใจหายคออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกได้ว่าลืมอะไร เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ก ดูการแจ้งเตือนทันที เผื่อมีใครแจ้งอะไรด่วนแล้วเขายังไม่รู้ เมื่อเคลียร์การแจ้งเตือนของแต่ละแอปพลิเคชันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็ดูนั่น ดูนี่ต่อเพื่อฆ่าเวลา ตั้งใจว่าพอหายเหนื่อยแล้ว จะค่อยไปอาบน้ำและทานมื้อเย็น



                ภัทรมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นแอปพลิเคชันสีฟ้า ๆ ที่เขาเคยเข้าเกือบทุกวัน หลังหมดเวลางาน แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้เขามันมาสองอาทิตย์แล้ว



                พอมาถึงวันนี้....ภัทรเองก็แอบตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เขาสามารถบังคับตัวเองไม่ให้เข้าแอปพลิเคชันนี้ได้นานถึงสองอาทิตย์เชียวหรือ แต่ก่อนภัทรเคยติดการท่องโลกในแอปพลิเคชันทวิตเตอร์มาก ๆ จนเรียกว่าเสพติดด้วยซ้ำ เขาเคยคิดว่าชีวิตนี้คงเลิกเล่นมันไม่ได้แล้ว แต่เพียงแค่คุณเขาเอ่ยปากขอ เขากลับหยุดเล่นมันได้อย่างง่ายดาย



                 ภัทรจ้องหน้าแอปพลิเคชันชื่อดังอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แอบอยากรู้เหมือนกันว่าการที่เขาหายไปนานถึงสองสัปดาห์ จะมีเหล่าผู้ติดตามถามหามากน้อยเพียงใด ภัทรกัดริมฝีปากอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจกดเข้าแอปพลิเคชัน เข้าสู่โลกทวิตเตอร์อีกครั้ง



                ภัทรไม่ได้ลบแอคเคานต์ลูกไม้ป่าแต่อย่างใด บอกตามตรงว่าเขาไม่กล้าปิดมัน ภัทรทำใจไม่ได้และเสียดายด้วย เขาเป็นเจ้าของแอคเคานต์ลูกไม้ป่ามานานพอสมควร ลงข้อมูล ดีเทลหรือความรู้สึกที่มีผ้าลูกไม้แต่ละชนิด ความรู้สึกแรกพบของเขาและผ้าลูกไม้ในรูปแบบต่าง ๆ ไว้ก็เยอะ เขาจึงอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ นึกถึงก็กลับมาดูอีกครั้ง 



                ภัทรไม่สามารถตอบได้ว่าวันไหนความหลงใหลของเขาที่มีต่อผ้าลูกไม้จะสิ้นสุดลง แต่ตอนนี้....ภัทรยังหลงใหลมันอยู่ คลั่งไคล้ทุกอย่างที่มีผ้าลูกไม้เป็นส่วนประกอบเหมือนเดิม แต่เพียงแค่ว่าตอนนี้ชีวิตจริงเขา มีเรื่องอื่นให้ต้องคิดมากมาย เกินกว่าจะมาหมกหมุ่นแต่เรื่องผ้าลูกไม้เหมือนอย่างทุกครั้ง



                ภัทรรู้สึกว่าตัวเองลุ้นเล็กน้อย ระหว่างรอให้หน้าจอโทรศัพท์โหลดหน้าบัญชีผู้ใช้ของตัวเอง เขาไมได้ปิดบัญชีผู้ใช้แต่แค่ไม่ได้อัปเดตอะไรเพิ่มเติมเฉย ๆ นับตั้งแต่วันที่คุณภาสกรเอ่ยปากขอ พอเขาหายไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ติดตามจะส่งข้อความและถามหาผู้ดูแลแอคเคานต์นี้ว่าหายไปไหน ทำไมไม่มาอัปเดตลงรูปภาพเหมือนอย่างที่ทำประจำ



                เขาอมยิ้มเล็กน้อย เพราะทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์ต่างมีผู้ติดตาม เข้ามาถามหาเจ้าของแอคเคานต์เป็นจำนวนมาก บ้างก็ถามเรื่องสุขภาพ บ้างก็เสนอตัวมาเป็นที่คำปรึกษาปัญหาชีวิตให้ เผื่อเจ้าของแอคเคานต์มีเรื่องเครียด จนไม่สามารถมาอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลูกไม้ได้ตามปกติ



                ภัทรใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อ่านทุกข้อความจากทุกคน แต่ไม่ได้ตอบใครทุกคน เพราะเขาแค่แวะมาดูความเคลื่อนไหวเท่านั้นไม่ได้จะกลับมาเล่นเหมือนเดิม พอดูทุกอย่างจนพอใจแล้ว เขาก็กดออกจากแอปพลิเคชันทวิตเตอร์อย่างไม่มีความลังเล



                .....ภัทรเลือกแล้วว่าคนในชีวิตจริงสำคัญกว่า เขาเป็นคนเลือกแล้วว่าจะหันหลังให้กับมัน แชร์ความชอบเกี่ยวกับผ้าลูกไม้กับคุณภาสกรแค่คนเดียวก็พอแล้ว



            หลังดูนั่นดูนี่ในโทรศัพท์จนพอใจแล้ว ภัทรก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ กินอาหารมื้อเย็นตามที่วางแผนเอาไว้ เขาตั้งใจว่าก่อนเข้านอนจะอ่านหนังสือสักเล่ม อาจเป็นวรรณกรรมเยาวชนเรื่องโปรดอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ซึ่งอาจหยิบยกภาคใดภาคหนึ่งในชุดสะสมมาอ่านประมาณสิบหน้ากระดาษ ก็คงทำให้เขาง่วงได้



                พอไม่มีใครชวนคุย ภัทรจึงเข้านอนเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำ โทรศัพท์ของเขาปราศจากการแจ้งเตือนของคุณภาสกรตั้งแต่เช้า อีกฝ่ายคงวุ่นวายเกี่ยวกับการไปดูงานต่างจังหวัดน่าดู ถึงไม่มีเวลาส่งข้อความหากัน ภัทรไม่ได้รู้สึกงอแงหรืออยากเรียกร้องอะไรก็แค่คิดถึงเฉย ๆ ห่างกันสักวันคงดี ให้ความคิดถึงมันได้ทำงานบ้าง



                ภัทรอ่านวรรณกรรมเล่มโปรดได้นานกว่าที่คิด พอเริ่มมีสมาธิ ไหนเนื้อเรื่องที่กำลังเข้มข้น สุดท้ายก็วางไม่ได้ แม้จะรู้ว่าจุดจบของเรื่องนี้เป็นยังไง ฉากอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขาก็ยังสนุกทุกครั้งที่ได้อ่าน มารู้ตัวอีกทีเวลาก็พ้นเที่ยงคืนแล้ว



                เหมือนเหตุการณ์จะลูบวนอีกครั้ง จังหวะที่ภัทรวางหนังสือเพราะเริ่มง่วง จู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าพอดีและคนที่โทรมาไม่ใช่คนอื่นคนใกล้ เป็นคนที่ภัทรเพิ่งคิดถึงไปหยก ๆ นั่นก็คือคุณภาสกร เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ภัทรก็รีบกดรับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา หลังสิ่งที่เดาไว้ในใจมันถูกต้อง



                คุณภาสกรอยู่ยืนหน้าบ้านภัทรตอนเที่ยงคืนอีกแล้ว....



             หลังวางสายคุณภาสกรแล้ว ภัทรก็รีบวางโทรศัพท์และลงไปชั้นล่าง เพื่อเปิดประตูให้คุณเขาทันที เขาโถมเข้ากอดร่างสูงทันทีที่เปิดประตูบ้านแล้วเจอหน้าหล่อ ๆ ของคุณภาสกรที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม



                “ระวังครับ” คุณเขาเอ็ดเบา ๆ แต่ก็ยังกอดตอบภัทรอยู่ดี



                “ไหนว่าวันนี้ไม่ได้มานอนค้างด้วยไงครับ” หลังจากกอดคุณภาสกรพร้อมกับสูดกลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว ภัทรก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นแล้วเอ่ยถาม



                “เป็นห่วงครับ ไม่อยากให้คุณนอนคนเดียว” คุณภาสกรว่า พร้อมลูบหัวภัทรขณะพูดด้วยสายตาคล้ายจะเอ็นดูกัน ทำเอาคนที่รับสัมผัสรู้สึกอบอุ่น ใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก



                “แค่นั้นเองเหรอ” ภัทรถามต่อ



                “เปล่าครับ....ผมคิดถึงคุณด้วย”



                “.......”



                “ขึ้นห้องนอนกันเถอะครับ ผมอยากนอนกอดคุณแทบแย่แล้ว” คำพูดของคุณภาสกรมีอิทธิพลกับความรู้สึกภัทรเสมอ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาถึงกับฉีกยิ้มกว้าง หน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ภัทรไม่ได้พูดอะไร นอกจากหลุบตามองพื้นเพื่อตั้งสติอยู่หนึ่ง ก่อนคุณภาสกรจะเป็นฝ่ายจับมือภัทรแล้วเราเดินขึ้นห้องนอนพร้อมกัน

               



                “วันนี้ไปดูงานที่ต่างจังหวัดเป็นไงบ้างครับ”



                “.....ก็ดีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”



                หลังจากปล่อยให้คุณภาสกรจัดการอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนมาอยู่ในชุดนอนแล้ว ภัทรก็เอ่ยถามคุณเขาเสียงใส อาการง่วงนอนที่มีในตอนแรกหายไปในพริบตาเพียงแค่คุณภาสกรมานอนด้วย เพราะเราไม่ได้คุยกันเลยตลอดทั้งวัน ทำให้ภัทรมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะถามและอยากเล่าเต็มไปหมด



                “แล้ววันนี้คุณอาทิตย์ไปดูงานที่ไหนเหรอครับ” ภัทรเอ่ยถามต่อ ในขณะที่คุณภาสกรกำลังขึ้นเตียงมานอนด้วย หลังเพิ่งเป่าผมเสร็จ



                “สระบุรี ทำไมเหรอ?”



                “เปล่าครับ ผมก็นึกว่าไกลอย่างที่โคราชอะไรแบบนี้ ถ้าขับรถไปกลับแบบนี้ มันอันตราย” ภัทรตอบ ที่ถามเช่นนั้นก็เพราะเป็นห่วง หลังคุณภาสกรขึ้นมานอนข้างกันดี ๆ แล้ว ภัทรขยับตัวเข้าใกล้คุณภาสกรเล็กน้อย ก่อนจะตวัดแขนโอบเอวคุณเขาไว้พอหลวม ๆ



                “น่ารัก” คุณภาสกรพูดเพียงสั้น ๆ แล้วกอดร่างพนักงานตัวเล็กกลับเช่นกัน ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มนุ่มอย่างเพลินมือ ในขณะเดียวกันภัทรเองก็นอนรับสัมผัสจากคุณเขาอย่างชอบใจ รู้สึกชอบสัมผัสจากคุณภาสกรอย่างบอกไม่ถูก



                “แล้ววันนี้ที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง”



                “ก็ดีครับ แต่ผมก็แอบเบื่อเหมือนกัน” คราวนี้ภัทรเป็นฝ่ายตอบคุณเขาบ้าง



                “ยังไง?”



                “ก็น่าเบื่อนะครับ วันนี้ทำแต่งาน ผมมองนาฬิกาบ่อยมาก อยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็ว ๆ” ภัทรตอบอย่างซื่อตรง



                 ปกติพนักงานคนอื่นคงจะทำตัวขยันต่อหน้าเจ้านาย ภัทรเองก็ควรทำอย่างนั้นเช่นกัน แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ เพราะยังไงเสียคุณภาสกรก็คงรู้ว่าภัทรกำลังโกหก เมื่อคุณภาสกรได้ยินภัทรตอบเช่นนั้น อีกฝ่ายก็ถึงกับหลุดหัวเราะราวกับคำตอบของภัทรเป็นมุก



                “ฮ่า ๆ ไปบริษัทก็ต้องทำงานสิครับ จะให้ทำอะไร หืม?” คุณเขาถามต่อ



                “.......”



                “อา...พูดแล้วก็นึกถึงตอนห้องน้ำชั้นสิบห้าจัง ต้องทำแบบนั้นระหว่างทำงานใช่ไหมครับ ภัทรถึงจะได้ไม่เบื่อ”



                “บ้า....” ภัทรพูดออกมาคำเดียว เมื่อได้ยินคุณภาสกรว่าเช่นนั้น เขาซุกหน้าลง ฝังกับแผ่นอกอุ่นของคุณเขา เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเอง เพียงแค่คุณภาสกรพูดถึงมัน ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ไหลเข้ามาในความคิดภัทรเป็นฉาก ๆ



                พอลองย้อนกลับไป ภัทรก็แอบกลัวตัวเองเหมือนกันที่กล้าทำแบบนั้นในบริษัท แม้เราทั้งคู่ต่างรู้ว่ามันไม่ควร แต่กลับไม่มีใครคิดจะคัดค้านใคร ต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจ เห็นดีเห็นงามกันไปหมด ภัทรคิดว่าต่อจากนี้ไปอาจต้องตระหนักให้มากกว่านี้ เพราะถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า มันคงไม่ส่งผลดีต่อเขาและภาพลักษณ์ของคุณภาสกร



                “ไม่เอาอีกแล้วนะครับ นอกสถานที่น่ะ” ภัทรบอกคุณเขา



                “.......”



                “.....ต่อจากนี้ไป ผมก็จะคอยเตือนตัวเองเหมือนกัน ถ้าเราจะทำกัน.....” ภัทรเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง พอเห็นสายตาวิบวับของคุณภาสกรแล้วมันทำให้เขาลืมสิ่งที่ต้องการจะสื่อไปชั่วขณะ



                “ถ—ถ้าเราจะทำกัน ค่อยมาทำกันที่บ้าน เดี๋ยวคนจับได้แล้วจะแย่เอา” แต่สุดท้ายภัทรก็พูดจบประโยคอยู่ดี



                เขาอยากให้เราต่างระมัดระวังให้มากกว่านี้ ยิ่งตอนนี้ภัทรเพิ่งรู้เรื่องไพลิน หากมีคนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องของพวกเขาเข้า ทุกอย่างมันคงแย่กว่านี้



                อย่างที่คุณภาสกรเคยบอกไว้.....โชคดี ไม่ได้เป็นของเราเสมอไป จริงอยู่ที่ครั้งนี้อาจไม่ถูกจับได้ แต่ครั้งหน้าอาจไม่รอด



                “ดูพูดเข้า”



                “ผมจริงจังนะครับ!” ภัทรว่า กลัวคุณเขาจะตีความว่าสิ่งที่เขาพูดไป เป็นเพียงแค่เรื่องตลกซึ่งภัทรจริงจังกับเรื่องนี้มาก ตอนนี้ลำพังแค่เรื่องไพลินก็เกินพอแล้ว



                “ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ครั้งที่แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับ ผมอดใจไม่ไหวจนลืมคิดเรื่องนั้นไป” คุณภาสกรเอ่ยขอโทษ ขณะเดียวกันนั้นนิ้วหัวแม่มือของเจ้าตัวก็กำลังเกลี่ยแก้มนุ่มของภัทรไปด้วย



                “ภัทรครับ”



                “ครับ?” ผู้เป็นเจ้าของชื่อขานรับในทันที



                “หลับตาลงหน่อย”



                “......”



                “ผมมีของจะให้ แต่ไม่กล้าให้ต่อหน้าคุณ” คุณภาสกรขยายความ หลังภัทรยังคงทำหน้างงและไม่ยอมหลับตาลงตามคำร้องขอนั้น



                “....นะครับ”



                ฝั่งภัทรเองก็นิ่งไปครู่หนึ่ง พอรู้ว่าคุณเขามีของจะให้กันก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ยิ่งภัทรสังเกตเห็นใบหูที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อของคุณภาสกร เขาก็ยิ่งอยากรู้เข้าใหญ่ว่าคุณภาสกรจะให้อะไรกันแน่ แต่เพราะคุณเขาอายไม่กล้าให้ตอนที่ภัทรลืมตาอยู่ เขาจึงต้องหลับตาลงตามคำขอของอีกคน



                ถึงตาจะปิด แต่หูยังคงทำงานอยู่ ทำให้ภัทรรู้ว่าคุณภาสกรนิ่งไปสักนาที เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายขยับตัว มันเงียบมากเสียจนภัทรถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะตรงนิ้วนางข้างซ้าย



                “ลืมตาได้แล้วครับ” ตั้งแต่สัมผัสแรก....ภัทรก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าคืออะไร แต่เขาก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นมือข้างซ้ายของตัวเองมีแหวนที่ทำจากโลหะขนาดพอดีนิ้วอยู่



                “.......”ภัทรไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่ได้มองหน้าคุณภาสกรด้วยอาการตกใจอะไรทั้งนั้น เขาทำได้แค่ฉีกยิ้มกว้างเท่าที่สุดเท่าที่เคยทำ ขณะที่สายตาจับจ้องนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองไปด้วย



                “ไม่คับไปใช่ไหม?”



                “ไม่ครับ ขนาดพอดีเลย คุณอาทิตย์รู้ไซซ์ผมได้ยังไง”



                “เพราะจับมือคุณบ่อยไงครับ แล้วก็กะ ๆ เอา” คุณภาสกรว่า ใบหูของอีกฝ่ายยังคงเป็นสีชมพูระเรื่ออยู่ ทำเอาคนที่เห็นอดเอ็นดูไม่ได้



                “คุณชอบมันหรือเปล่า มัน.....อาจเรียบง่ายเกินหน่อย แต่ผมอยากให้คุณนะครับ” คุณเขาว่าเสียงแผ่ว สงสัยคงกลัวว่าภัทรจะไม่ชอบมัน เพราะมันถูกออกแบบมา ค่อนข้างเรียบง่ายแต่ก็ดูมีอะไรให้ได้มองในเวลาเดียวกัน บนตัวบนมีการสลักตัวพีเพียงตัวเดียวไว้อีกด้วย ซึ่งตีสามารถความหมายได้ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชื่อเล่นของภัทรหรือชื่อจริงของคุณเขาหรืออาจจะไม่ใช่ทั้งคู่



                ถึงมันจะดูเรียบ ๆ อย่างที่คุณเขาว่าและตามที่ภัทรรู้สึก เมื่อได้เห็นเพียงครั้งแรก แต่เขากลับคิดว่าแหวนวงนี้มันสามารถใส่ได้ทุกโอกาสและเวลาคนเห็นจะได้ไม่ต้องสงสัยด้วยว่ามันคือแหวนอะไร อาจจะมองว่าเป็นแค่แหวนประดับธรรมดา ๆ ไม่มีความหมาย ไม่มีราคาก็ได้ ไม่ได้มองเป็นแค่แหวนแทนใจอย่างเดียว ซึ่งนั่นก็แล้วแต่คนจะมอง



                “ชอบครับ ผมชอบมาก” ภัทรตอบคุณภาสกรเรียกความมั่นใจของอีกฝ่ายกลับคืนมา เขาใช้มืออีกข้างสัมผัสลายสลักบนแหวนอย่างแผ่วเบา



                “.......”



                “ขอบคุณมากนะครับ”



                เรานอนกอดกันเกือบทุกวันก็จริง แต่เมื่อคืนนี้....มันเป็นคืนที่ดีมากสำหรับภัทร ไม่ต้องมีถอดเสื้อผ้าหรือมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเราดูน่าสนุก ตื่นเต้นหรือเร้าใจอยู่ตลอดเวลาก็สามารถทำให้ภัทรมีความสุขได้ เขารู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก แม้เมื่อคืนนี้เป็นแค่การนอนกอด นอนจับมือปกติตาม



                เพราะเมื่อคืนมันเป็นคืนที่ภัทรรู้สึกดีมาก เหมือนได้เพิ่มพลังบวกให้กับตัวเอง ทำให้เช้าแห่งวันทำงาน เขาเข้าบริษัทมาด้วยความอารมณ์ดี....มันดีกว่าเมื่อวานนี้อยู่หลายเท่าตัว เพราะเมื่อวานภัทรทำงานไปด้วยความเบื่อหน่าย อยากถึงเวลางานเร็ว ๆ



                ในวันนี้ภัทรอยู่ในชุดทำงานตามปกติของตัวเอง แต่วันนี้มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในพร็อบแต่งตัวของเขานั่นก็คือแหวน เขาหลุดยิ้มออกมาทุกครั้งที่สายตาเหลือบไปเห็นมันเข้า เพราะเพียงแค่เห็นภาบใบหูแดง ๆ ของคุณเขาก็ฉายเข้ามาในความคิดทันที



                แปลกใจเหมือนกัน....คุณภาสกรชอบพูดจาหวาน ๆ ให้ภัทรใจเต้นแรงก็บ่อยครั้ง แต่เวลาอีกฝ่ายทำซึ้ง อะไรที่ควรกล้าแสดงออกมากกว่านี้ กลับขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกซะอย่างนั้น ถึงจะขัดใจอยู่นิดหน่อยก็เถอะ แต่ภัทรก็ยังมองว่ามันน่ารักอยู่ดี



                “อรุณสวัสดิ์ครับพี่นัท” เมื่อเดินเข้ามาถึงแผนกแล้ว ภัทรก็เป็นฝ่ายทักทายรุ่นพี่คนสนิทก่อน เขาส่งยิ้มให้กับเธอตามมารยาท หลังเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งอ่านเอกสารประจำอยู่ที่โต๊ะแล้ว



                “สวัสดีจ้า น้องภัทรรรรร วันนี้อารมณ์ดีมาเชียวน้า”



                 หากบริษัทมีจัดการแข่งขันพนักงานช่างสังเกต พี่นัทคงติดหนึ่งในสามคนสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ช่างสังเกตความเปลี่ยนแปลงของภัทรในแต่ละวัน เพราะความสามารถพิเศษของเธอที่เป็นแบบนี้นี่แหละ ทำให้บางครั้งภัทรก็แอบกลัวจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้เธอสงสัย



                “เมื่อคืนนอนเต็มอิ่มครับเลยอารมณ์ดี” ภัทรว่าพร้อมกับยิ้มตาหยีให้เธอ



                “จ้า รีบมาประจำโต๊ะเร็ว วันนี้งานเยอะมากกกก” พี่นัทลากเสียงยาว สาธยายงานในวันนี้ของเราให้ภัทรฟัง เราพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหันกลับไปทำงานในส่วนของตัวเอง



                ในวันนี้งานเยอะอย่างที่พี่นัทว่าไว้ไม่ผิดเพี้ยน เพราะแค่ครึ่งวันแรกของการทำงาน ภัทรก็นวดคลึงต้นคอตัวเองให้คลายปวดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง การทำงานแลกเงินเดือนในแต่ละวันนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ



                ภัทรลงกินข้าวกลางวันกับแก็งค์เดิมในแผนก เขายังคงเป็นคนที่พูดที่สุดเหมือนเดิม คอยฟังเหล่าพี่ ๆ พูดคุยกัน มีออกความคิดเห็นบ้างในบ้างครั้ง



                “นี่! ยัยนัทพี่มีข่าวเด็ดมา รูปเด็ดมาให้ดูด้วย แต่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าหล่อนห้ามเสียงดังเด็ดขาด” หนึ่งในพี่ประจำแผนกพูดขึ้นพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาอะไรบางอย่าง เธอผ่อนเสียงลงให้เราได้ยินกันแค่ในโต๊ะอาหารเท่านั้น ราวกับเรื่องนี้มันความลับขั้นสุดยอด



                “แล้วอะไรล่ะพี่” พี่นัทถามอย่างสงสัย



                “เออน่า! เด็ดแน่นอน สัญญาก่อนว่าจะไม่เสียงดัง ภัทรก็ด้วยนะ”



                “ครับ?” พอถูกเอี่ยวชื่อไปด้วย ภัทรก็ถึงกับขานรับทั้งงง ๆ



                “โอเค ๆ นัทไม่เสียงดังแน่นอนจ้า แต่ถ้าไม่เด็ดอย่างที่พี่โฆษณานะ หนูมีเคืองนะ บอกไว้ก่อน”



                “เด็ดแน่นอน ถ้าหล่อนเห็นหล่อนอาจช็อคเลยก็ได้”



                “อะ ๆ ไหน ๆ หนูขอดูหน่อย ไอ้ข่าวเด็ดของพี่เนี่ย” พี่นัทว่าด้วยน้ำเสียงรำคาญแล้วแบมือขอโทรศัพท์จากพี่ในแผนก จริง ๆ ภัทรไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรด้วย แต่เธอเอียงโทรศัพท์มาทางภัทร หมายจะให้เราดูรูปด้วยกัน ทำให้ภัทรต้องมองตามมารยาท



                “พี่.....”



                “เนี่ย ฉันบังเอิ๊ญบังเอิญเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับแม่ของฝั่งผู้หญิง เพราะเขาเคยมาติดต่องานบริษัทเรา เลยไปเห็นเข้าพอดี ฉันว่ารูปนี้น่าจะไม่นานเท่าไรนะ” พี่เปิดรูปให้ดูอธิบายประกอบไปด้วย ขณะเดียวกันนั้นภัทรก็หูอื้อตาลายไปหมดแล้ว



                “ฉันว่าคนนี้แหละแฟนตัวจริงของคุณภาสกร ดีไม่ดีอาจคุยเรื่องงานแต่งด้วยซ้ำ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสองครอบครัวแบบนี้”



                ฝั่งภัทร....เมื่อได้เห็นภาพเขาถึงกับตัวชาอยู่ครู่หนึ่ง จับชุดที่คุณภาสกรใส่เมื่อวานได้แม่น มันคือชุดเดียวกันคนในรูป ภัทรถือวิสาสะดึงโทรศัพท์มาจากมือของพี่นัท เพื่อมาดูรูปอย่างใกล้ ๆ ตอกย้ำกับตัวเองว่าไม่ได้ตาฝาดแต่อย่างใด นี่คือคุณภาสกรจริง ๆ และข้างกายของคุณเขามีผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อไพลิน....ไม่ผิดเพี้ยนแน่



            โกหกว่าไปดูงานที่สระบุรี แต่กลับไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาสองครอบครัว ยืนยิ้มให้กล้องอย่างคนมีความสุข



            ตกดึกมาแล้วยังมาให้แหวนแทนใจภัทร แสดงออกว่ารักใคร่ เขาที่คนที่พิเศษที่สุดสำหรับอีกฝ่าย

            ไม่คิดจะบอกกันและ.....ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


                คนหลอกลวง....




_______________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

ผ่างงงงงง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-05-2019 13:47:09
อุ๊ย อย่าหักมุมสิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 29-05-2019 14:01:15
อุ๊ย อย่าหักมุมสิ

รักนักอ่านท่านนี้จังค่ะ พาหายไปนาน มาๆติดๆแต่ยังอยู่เหมือนเดิม เลิฟ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-05-2019 15:23:52
ชั้นว่าแล้วว่าไม่ได้ไปทำงาน  :fire: :fire: :fire: :fire:
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-05-2019 21:52:19
ว่าละต้องโกหกแต่ความแตกไวเหลือเกิน จะได้แก้ตัวมั้ยภาสกร
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 29-05-2019 21:56:46
 :3125: :3125: คุณอาทิตตตตตต
ทำภัทรเสียใจอีกแล้วนะ!! :angry2: :m16:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท10 29.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 29-05-2019 23:29:49
ว่าแล้วววววววว ไม่ได้ไปทำงาน กลัวภัทรถูกหลอกจังเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 (1/2) 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 30-05-2019 14:37:33




11



                ภัทรกลับมาถึงบ้านด้วยอาการชาหนึบตรงบริเวณหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เขาทิ้งตัวลงโซฟาอย่างคนหมดแรง ในตอนนี้สติของเขาไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเองเท่าไรนัก เนื่องด้วยเหตุการณ์เมื่อช่วงพักเที่ยงและความจริงที่ทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหักหลังอย่างบอกไม่ถูก ภาพนั้น....แม้จะเห็นเพียงไม่กี่วินาที มันก็ยังติดตาเขามาจนถึงตอนนี้



                อีกไม่ถึงชั่วโมงหลานชายก็คงโทรบอกให้ไปรับแล้ว มันคงไม่ดีเท่าไรแน่ หากภัทรคิดจะมาร้องไห้เอาตอนนี้ แม้ในความจริงเขาจะเริ่มขอบตาร้อนผ่าวแล้วก็ตาม



                ตั้งแต่ที่เห็นรูปนั้นประกอบกับคำบอกเล่าของพี่ในแผนกที่บอกว่าอาจมีงานมงคลเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ คนฟังอย่างภัทรก็รู้สึกจิตใจร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก อยากแสดงออกถึงความไม่พอใจ อยากจะรีบโทรหาคุณเขาเพื่อซักถามข้อเท็จจริง   ก็ไม่สามารถทำมันได้ในทันที เนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่ยังคงปิดเป็นความลับอยู่



                เพราะคุณภาสกรยืนยิ้มข้างไพลิน.....



                เพราะยังไม่ได้รับความกระจ่างแจ้ง.....



                เพราะยังไม่เข้าใจว่าทำไมคุณภาสกรต้องโกหกกัน.... ทำให้การทำงานตลอดทั้งบ่ายของภัทร เป็นไม่ได้ไม่ค่อยดีนัก หลง ๆ ลืม ๆ เนื่องด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว บ่อยครั้งที่ภัทรถูกเอ็ดว่าชอบเหม่อ ไม่ได้ยินเสียงเวลาหัวหน้าสั่งงาน



                หลังกลับมานั่งพักหายใจหายคอที่บ้านและรวบรวมสติได้สักระยะ ภัทรจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาเกิดความลังเลเล็กน้อย เมื่อเห็นชื่อของคุณภาสกรปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แจ้งเตือนว่าเป็นสายที่ไม่ได้รับ ถ้าเป็นปกติภัทรคงโทรกลับไม่ก็ส่งข้อความไปหา พอเห็นรูปนั้น....ทุกอย่างก็ดูผิดแปลกไปหมด อะไรที่เคยทำเป็นปกติก็มีการชะงักและฉุดคิดอยู่เสมอ



                .....ภัทรกลัวว่าตัวเองจะอดใจถามเรื่องนั้นกับคุณเขาไม่ไหว ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ภัทรต้องการ



                ภัทรไม่อยากเป็นฝ่ายถามก่อน เขาอยากให้คุณภาสกรเป็นคนเล่าความจริงเอง ภัทรไม่เข้าใจว่าทำไมคุณภาสกรถึงไม่บอกกันดี ๆ ตั้งแต่แรก ทำไมต้องโกหกว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัด....เขาไม่เข้าใจอีกฝ่าย



                ทำไมคุณภาสกรไม่พูดความจริงกันตั้งแต่แรก ไหน ๆ เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเป็นความลับด้วยซ้ำ ภัทรถึงกับแค่นหัวเราะกับตัวเอง เมื่อเขาตระหนักได้ว่าตอนนี้เขากำลังพยายามหาเหตุผลเพื่อมาปกป้องคุณภาสกรออกจากความคิดแย่ ๆ ของตัวเอง



                ในที่สุดภัทรตัดสินใจ....เขาจะไม่เป็นฝ่ายถามก่อน ภัทรจะไม่แสดงออกว่าเห็นรู้เห็นเรื่องนี้แล้ว เขาจะปฏิบัติตัวเหมือนอย่างปกติ เพราะก็อยากรู้เหมือนกัน หากเขาทำเฉย คุณภาสกรจะเป็นฝ่ายบอกเรื่องนี้เองไหม



                ภัทรจะแสร้งไม่รู้ต่อไป แม้ว่าในความจริงเขาจะร้อนใจและกลัวอยู่ไม่น้อยว่าคุณภาสกรจะเลือกไพลิน....ไม่ใช่เขา



            ภัทรนั่งนิ่งจัดการความรู้สึกแย่ ๆ ของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้น ไปถอดถุงเท้าและเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะเพื่อที่จะไปรอรับหลานที่โรงเรียนต่อ เพราะอีกไม่นานเจ้าโอ๊ตก็คงมาถึง



 







                “เจ้าโอ๊ต วันนี้จะกินอะไรดี”



                “ไม่อยากกกินอะไรเลยฮะ อยากนอนอย่างเดียว”



                “ไม่หิวหรือไง”       



                “ไม่หิวฮะ”



                “โอเค งั้นน้าไม่ทำอาหารเผื่อนะ”



                “ฮะ”



                ภัทรพยักหน้ารับคำตอบของหลานชาย ขณะที่เขากำลังเดินกอดไหล่หลานชายตัวกะเปี๊ยก ไปข้างหน้าโรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่ เตรียมกลับบ้านกัน ในเวลานี้ความเครียดของภัทรถูกชะงักไปชั่วคราว เพราะภัทรคิดถึงหลานมาก เมื่อได้เจอหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาจึงเทความสนใจให้กับเจ้าโอ๊ตเพียงคนเดียว



                ยอมรับว่าบางครั้งภัทรก็รำคาญหลานชายตัวเอง เพราะตั้งแต่พี่สาวฝากลูกชายให้เลี้ยงตั้งแต่เจ้าโอ๊ตยังแบเบาะ  ชีวิตภัทรก็ไม่มีคำว่าอิสระอีกต่อไป เขาไม่สามารถไปนอนค้างคืนที่ไหนหลาย ๆ วันได้ ไม่สามารถไปสังสรรค์ ท่องราตรี กินเหล้ากับเพื่อนได้อย่างที่ใจต้องการ เหมือนถูกกักความอิสระไว้ เพียงเพราะถูกพี่สาวโยนลูกชายมาให้เลี้ยงดื้อ ๆ



                ตอนแรกก็โมโหอยู่ไม่น้อย เวรกรรมอะไรทำไมเขาจึงต้องมาเลี้ยงเด็ก ลูกตัวเองก็ไม่ใช่ แต่พอนึก ๆ ดูอีกทีแล้ว ถ้าเขาไม่เลี้ยงเจ้าโอ๊ตแล้วใครจะเลี้ยง



                พ่อแม่ก็เลิกกันตั้งแต่เจ้าโอ๊ตยังไม่ทันลืมตาด้วยซ้ำและด้วยความสงสารเจ้าโอ๊ตและพี่สาวที่จะต้องหาเงินและเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ไหนจะสถานะน้าชายที่ค้ำคออยู่ ทำให้สุดท้ายภัทรจึงเลี้ยงเจ้าโอ๊ตอย่างไม่เกี่ยงงอน ถือเสียว่าอย่างน้อยเจ้าโอ๊ตก็เป็นหลานชายคนหนึ่งของเขา เรามีสายเลือดเกี่ยวข้องกันอยู่ จะไม่เลี้ยงก็ดูใจร้ายเกินไป จึงกัดฟันสู้จนเจ้าโอ๊ตโตมาได้ถึงขนาดนี้



                วัยรุ่นที่ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน ไม่มีกูรูคอยบอกสอน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ช่วงแรก ๆ ตอนตัดสินใจรับเจ้าโอ๊ตมาเลี้ยง ภัทรเองก็ปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะตอนเด็กเจ้าโอ๊ตขี้แงเป็นที่หนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ พอโอ๋เสร็จ เขาจึงพยายามถามหาเหตุผลจากหลานชายตัวเล็กว่าทำไมถึงร้องไห้ เจ้าโอ๊ตก็ตอบมาสั้น ๆ ว่าหิวข้าว นั่นทำให้ภัทรถึงกับมึนงงไปอยู่ครู่หนึ่ง



                เป็นเด็กนี่อะไรก็ดูยากเย็นไปหมด บางครั้งภัทรก็สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มีลูก เลี้ยงแค่เจ้าโอ๊ตคนเดียวเขาก็รู้ซึ้งถึงคำว่าพ่อแม่แล้ว



                ไม่ใช่แค่เหตุการณ์นั้น....บางครั้งเจ้าโอ๊ตหิวข้าวก็ไม่พูดออกมาดี ๆ ว่าหิว ร้องไห้ลั่นบ้าน ถามว่าเป็นอะไรก็ส่ายหน้าลูกเดียว ของเล่นก็ไม่เอา ขนมก็ไม่กิน พอวางจานข้าวไว้ข้างหน้าถึงหยุดร้อง ชี้สั่งชี้นี่สั่งการให้ตักข้าวป้อนปากเล็ก ๆ กว่าจะผ่านพ้นกับการเลี้ยงเด็กในแต่ละวันได้ ทำเอาภัทรลอบคลึงข้างขมับตัวเองอยู่หลายหน



                พอไปเข้าโรงเรียนได้ ภัทรถึงสบายขึ้นมาหน่อย เขาเริ่มมีเวลาไปทำนั่นทำนี่ หาทำงานพิเศษหรือไปติวหนังสือกับเพื่อน แต่ก็ยังต้องดูแลอาหารการกิน ดูแลทุกอย่างในชีวิตของเด็กชายโอ๊ตอยู่ดี จนแทบจะเป็นพ่อคนที่สองด้วยซ้ำ



                ถึงจะชอบบอกเพื่อนว่ารำคาญไอ้ตัวเปี๊ยก เพราะอิสระที่เคยมีมาตลอดมันหายไป อยากไปไหนกับเพื่อนก็ไม่ได้ไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ภัทรขาดเจ้าโอ๊ตไม่ได้ เราสองน้าหลานตัวติดกันมาหลายปี แทบเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว จนตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้ภัทรรู้สึกมีความสุขเท่ากับเห็นหลานชายตัวเองกินอิ่ม นอนหลับ



                “ไป ๆ ง่วงนักก็ไปนอน”



                เมื่อมาถึงบ้านแล้ว ภัทรก็โบกมือไล่หลานชายให้ขึ้นไปนอน หลังเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพสุดจะทน ตาจะปิดทั้ง ๆ ที่กำลังเดินอยู่ ตอนอยู่บนแท็กซี่ ระยะทางนิดเดียวเจ้าโอ๊ตก็ยังหลับ พอเห็นแล้วภัทรก็รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก อยากคุย อยากถามว่าไปค่ายได้อะไรมาบ้างก็คงต้องยกยอดไปถามพรุ่งนี้แทน



                “อยากเหมือนกันฮะ แต่วันนี้โอ๊ตมีนัดกับแม่ แม่บอกว่าจะโทรมาหา” เจ้าโอ๊ตตอบเสียงยาน พร้อมกับทิ้งตัวลงโซฟา



                “แล้วแม่เขาไม่รู้เหรอว่าวันนี้โอ๊ตเพิ่งกลับบ้าน”



                “รู้ฮะ แต่แม่บอกขอคุยด้วยแป๊บเดียว แม่คิดถึง”



                “เฮ้อ....ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้ ไปนอนไป เดี๋ยวน้าคุยให้เอง แม่เขาเข้าใจอยู่หรอก” ภัทรว่าต่อพร้อมกับตบไหล่หลานชายเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายรีบขึ้นไปนอน



                 ในตอนแรกเจ้าโอ๊ตก็ยังอิดออด ไม่ยอมขึ้นไปนอนตามคำสั่งของภัทร แต่สุดท้ายจิตใจก็แพ้ร่างกายอยู่ดี เดินทางมาเหนื่อย ๆ ร่างกายคงอยากพักผ่อนเต็มที สุดท้ายจึงต้องไหว้วานน้าชายคุยกับแม่แทนหน่อย เพราะตาจะปิดแล้ว



                หลังเจ้าโอ๊ตขึ้นบ้านไปได้ไม่นาน ก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์หลานชายที่วางไว้ให้พอดี ภัทรก็กำลังนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาจึงหยิบมารับอย่างไม่ลังเล



                “ฮัลโหล....”



                [อ้าว โอ๊ตไปไหน ทำไมภัทรได้มารับสายแทน]



                “มันขึ้นไปนอนแล้ว มันเพิ่งกลับมาถึงบ้านเนี่ย”



                [เหรอ นี่ว่าจะคุยกับเจ้าโอ๊ตสักหน่อยก็ไม่ได้ นัดแนะกันไว้แล้ว ไม่ได้คุยกับลูกนานละคิดถึง]



                “โห พี่พลอยมาคิดถึงมันอะไรวันนี้ ค่อยคุยกับเจ้าโอ๊ตพรุ่งนี้เอานะพี่ มันง่วงจนหลับบนแท็กซี่แล้ว ภัทรเลยไล่ขึ้นไปนอนเมื่อกี้”



                [เออ ๆ ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้ งั้นไม่เป็นไร ว่าแต่แกเถอะ ไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว ช่วงเป็นไงบ้าง?]



                “ก็ดีมั้ง เรื่อย ๆ แหละ”



                [แน่เหรอ....]



                “ตกลงจะถามอะไรล่ะพี่” คราวนี้ภัทรถามกลับบ้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย



                เขาไม่ได้คุยกับพี่สาวตัวเองนานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ตอนนั้นที่คุยกันเรื่องค่าเทอมของเจ้าโอ๊ต พอจะมาคุยเรื่องอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับหลานชาย เขาจึงรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก



                [ฉันอยากรู้เรื่องความรักแก มีใครบ้างหรือยัง?]



                “......”



                [แล้วอย่ามาบอกว่าไม่มีนะ ฉันเชื่อว่าน้องชายตัวเองขายออกแน่นอน]



                “รู้ดี”



                [นี่ฉันเป็นพี่แกนะ ไอ้ภัทร!]



                “พี่พลอยอะ รีบมารับเจ้าโอ๊ตไปได้แล้ว รำคาญมันเหลือทน จะไปไหนก็ไม่ได้ไปเพราะติดหลานเนี่ย เขาเข้าใจว่าเป็นลูกภัทรหมดแล้ว”



                [ถามจริง ถ้าฉันให้เจ้าโอ๊ตย้ายมาเทอมหน้าเลย แกจะยอมเหรอ ตอนนี้ทางนี้พร้อมหมดแล้วนะ]



                “พี่จะเอาไอ้โอ๊ตไปเรียนที่นั่นจริงเหรอ อย่าเพิ่งดิ ภัทรยังไม่พร้อม”



                [ปากก็บอกว่ารำคาญโอ๊ต แต่สุดท้ายก็ไม่อยากให้มันย้ายมาเรียนที่นี่ มันยังไงกันแน่วะ]



                “ก็มีแค่โอ๊ตเนี่ยที่เป็นเพื่อนคลายเหงา ถ้าพี่เอากลับไปเลี้ยงแล้วภัทรจะคุยกับใคร”



                [เออ....แกพูดมาได้ละ เรื่องความรักเนี่ย อย่ามาเฉไฉชวนเปลี่ยนเรื่องอีก]



                “อะไรเล่า!”



                [มีใครหรือยัง?] 



                พอถูกถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่เหมือนการพูดทีเล่นทีจริงในตอนแรก ภัทรก็ถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของคุณภาสกรผุดขึ้นมาในความคิดเป็นคนแรก ช่วงหลัง ๆ มานี้มาภัทรคุยกับคุณเขาแค่คนเดียว จากที่เคยมีตัวเลือกมากมาย ภัทรกลับจริงจังแค่กับคุณภาสกรเท่านั้น แต่ในเวลานี้....เขากลับไม่มั่นใจว่าคนนี้ควรเปิดตัวหรือแนะนำให้พี่สาวได้รู้จักดีไหม



                “ยังไม่มี แต่คนคุยอะมีแล้ว” ภัทรตอบ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดคุยกับพี่พลอยด้วยน้ำเสียงปกติ



                พูดตามตรง ภัทรไม่อยากให้พี่พลอยรู้จักคุณภาสกรเท่าไรนัก ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงเล่าเรื่องคุณภาสกรให้เธอฟังอย่างไม่ลังเล แต่พอมีเรื่องไพลินเข้ามา ไหนจะเรื่องราวคาราคาซังที่ชวนให้ปวดหัวอีกหลาย ๆ เรื่องอีก ภัทรจึงไม่ค่อยอยากแนะนำคุณเขาให้คนในบ้านรู้จักเท่าไรนัก อยากให้ทุกอย่างชัวร์กว่านี้ก่อน ค่อยแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ ถึงเวลานั้นก็คงไม่สายเกินไป



                แน่นอน....ในตอนนี้คุณภาสกรยังไม่ใช่คนนั้นสำหรับภัทร จนกว่าคุณเขาจะเคลียร์เรื่องไพลินเสร็จ



                [ใคร? ผู้ชายหรือผู้หญิง?]



                “เรื่องส่วนตัวอะเนอะ”



                [แหม.....เรื่องส่วนตัว ที่ฉันถามก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ ฉันเป็นห่วงแกเฉย ๆ เผื่อให้คำปรึกษาเรื่องพวกนี้ได้ ถึงแม้เรื่องชีวิตคู่ฉันจะล้มเหลวก็เถอะ] พี่พลอยว่าพร้อมกับหัวเราะออกมาช่วงท้ายประโยค แต่ภัทรกลับรับรู้ได้ถึงความเศร้าสร้อยผ่านเสียงหัวเราะนั้นอย่างบอกไม่ถูก



                “เฮ้อ....ก็ได้ ๆ คนนั้นน่ะผู้ชาย คุยกันมาเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพิ่งจะมามีปัญหาช่วงหลังนี่แหละ” สุดท้ายภัทรก็ตัดสินใจเล่าเรื่องนั้นให้พี่สาวตัวเองฟัง ความกลัดกลุ้มที่หายไปในตอนแรกกลับมาเยือนเขาอีกครั้ง



                [......]



                “คุยกันมาได้สักพัก เขาเพิ่งมาบอกว่าตัวเองไม่ได้โสด”



                [ยังไง? ฝั่งนั้นเขามีครอบครัวแล้วมาคุยกับแกเหรอ]



                “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ครอบครัวเขามีคนที่หมายปองอยากให้คู่กันไว้อยู่แล้ว”



                [แล้วคนของแกเขาว่าไง เห็นดีเห็นงามอยากแต่งกับคนที่พ่อแม่หามาให้ไหมล่ะ]



                “เขาบอกว่าคิดกับผู้หญิงคนนั้นแค่น้องสาว....เธอชื่อไพลิน”



                [แล้วฝั่งผู้หญิงล่ะ?]



                “เคยถามเขาแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเขาอยากแต่งด้วยไหม ถ้าไม่อยากแต่งงานกันทั้งสองฝั่ง อะไร ๆ ก็คงง่ายขึ้น แต่เขาก็เงียบ” ภัทรว่า



                พอมาพูดถึงตอนนี้เขาอยากร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก อยากยืนอยู่ข้างคุณภาสกรเหมือนที่เคยให้คำสัญญาไว้เหมือนกัน แต่ตั้งแต่เห็นรูปนั้น.....เขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำมันถูกไหม คุณภาสกรได้สู้เพื่อเราหรือยัง หรือเห็นดีเห็นงามกับทางผู้ใหญ่ไปแล้ว แต่ยังไม่กล้าบอกภัทร



                [แกบอกว่าครอบครัวเขามีคนที่หมายปองกันไว้แล้ว.....เขาเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ]



                “ก็ไม่เท่าไร....เป็นผู้บริหารของบริษัทภัทรนี่แหละ”



                [ไม่เท่าไรบ้าอะไรเนี่ย แกทำงานบริษัทใหญ่ไม่ใช่หรือไง ไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปรู้จักกัน]



                “พี่พลอย อย่าเพิ่งซักไซ้เรื่องนั้นได้ไหม น้องชายกำลังเครียดอยู่เนี่ย”



                [เออ ๆ ก็ได้ ๆ แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาคิดกับคนนั้นแค่น้องสาว]



                “ก็เขาบอกผม”



                [ไม่ใช่เขาพูดเพื่อให้แกสบายใจเฉย ๆ เหรอ หลอกให้เชื่อใจแล้วก็ไปแต่งกับคนอื่น]



                “สรุปพี่จะทำให้ผมเครียดกว่าเดิมใช่ไหม”



                [ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันก็แค่คิดไปอีกทาง....นอกจากคำพูด เขาแสดงออกเป็นกระทำให้แกเห็นหรือยังว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ]



                “.......”



                [เขาแสดงให้เห็นหรือยังว่ากำลังสู้เพื่อแก ไม่ใช่หลอกให้แกตายใจพอให้พ้นไปวัน ๆ ?] ภัทรเงียบอีกครั้ง เขาจะอยากเถียง อยากปกป้องคุณภาสกร แต่ไม่มีอะไรจะเถียงเหมือนกัน เพราะตอนนี้นอกจากคำพูดของคุณเขา ก็ไม่มีอะไรยืนยันเลยว่าอีกฝ่ายกำลังสู้เพื่อเราอยู่



                “......”



                [มองบวกมันก็ดีแหละภัทร....ดีแล้วที่แกไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่คิดเผื่อไว้ด้วย ถ้าแกยืนข้างเขา แต่สุดท้ายเขาไปยืนข้างคนอื่น แกนะที่เสียใจคนเดียว ส่วนเขาน่ะเหรอ หนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนอื่น เขายังมีคนที่รอ แต่แกไม่มีใครเลยนะ]



                “หรือผมควรเลิกคุยกับเขาตั้งแต่ตอนนี้ดี”



                [แล้วถ้าทำอย่างนั้น แกเจ็บจะไหมล่ะ?]



                “.......”



                [ขอร้อง....ทำไม่ได้ก็อย่าพูด จริง ๆ คนของแก ไม่ควรคุยหรือศึกษาใครตั้งแต่เขาไม่โสดสนิทแล้วนะ มันไม่ผิดกฎหมายหรอก แต่จิตสำนึกควรมีตั้งแต่แรก]



                “......”



                [แล้วจะเอายังไงต่อไป เนี่ยตอนนี้ฉันหัวร้อนแทนแกแล้ว]



                “พี่พลอย ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”



                [อะไรล่ะ?]



                “ตอนนั้น พี่ตัดสินใจเลิกกับพ่อของโอ๊ตเพราะอะไรเหรอ พี่เป็นคนบอกเลิกเองแล้วพี่ก็มาเสียใจเอง ตอนที่ผู้ชายคนนั้นแต่งงานใหม่”



                [……ว่าจะไม่พูดถึงแล้วนะ]



                “.......”



                [ก็ได้ ๆ ตอนนั้นฉันรู้ว่าเขาอยู่กับฉัน แค่เพราะฉันท้อง มามีลูกด้วยกัน ช่วงที่เขาหมดรักกันพอดี....]



                “.......”



                [เขาก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก ไม่เคยปัดความผิดชอบด้วย แต่เราไม่มีความสุขเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่ เพราะมีลูกด้วยกันเฉย ๆ ฉันก็ไม่ต้องการหรอก ยอมเลี้ยงลูกคนเดียวดีกว่า ดีกว่าให้ลูกโตมาแล้วรู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะความรัก....อีกอย่างสังคมสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ได้เสียหายอะไร]

     

         

                    “......”

       

                  [แต่ก็แอบเสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้เลี้ยงโอ๊ตด้วยตัวเอง กลับต้องให้น้ามาเลี้ยงแทน เพราะฉันต้องไปหาเงินมาใช้จ่าย]



                “เออ....เข้าใจ จริง ไ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องมาเลี้ยงหลาน ลูกก็ไม่ใช่”



                [แต่สุดท้ายแกก็รักโอ๊ตใช่ไหมล่ะ]



                “รักดิ เลี้ยงมากับมือ”



                [ฮ่า ๆ นั่นแหละ ฉันไม่อยากรั้งผู้ชายคนนั้นไว้ ถ้าอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่ก็อย่าเลย อยากผิดชอบเจ้าโอ๊ตในฐานะพ่อของลูก ก็ส่งเสียตามหน้าที่ก็พอแล้ว]



                “นางเอกจัง”



                [อ้าว ไอ้นี่!]



                “เออ ๆ เข้าใจแล้ว”



                [แล้วสรุปจะเอายังไง เรื่องผู้ชายคนนั้นอะ]



                “ก็ไม่ยังไงอะ....ตอนนี้อยากรอดูอะไรบางอย่างก่อน ถ้าไม่ออกตัวว่ารู้อะไรบางอย่างมา อยากรู้ว่าเขาจะพูดความจริงไหม แล้วถ้ามันไม่โอเคก็คงต้องเป็นฝ่ายพูดเองแหละ ชิ่งขอเลิกก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายทิ้งผมเอง”



                [เด็ดเดี่ยวว่ะ]




                “พี่พลอยผมยังไม่ถึงสามสิบเลยนะ บางทีเนื้อคู่อาจไม่ใช่คนนี้ก็ได้ครับ”





หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 (2/2) 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 30-05-2019 14:39:05


               การพูดคุยกับพี่พลอยในวันนี้ ทำให้ภัทรได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง แม้บทสนทนาสองพี่น้องจะเป็นไปอย่างซีเรียส เกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของภัทร แต่มันเป็นเรื่องดี เพราะหลังได้ปรึกษาเธอ เขาก็มองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น



                เสี้ยวหนึ่งในความคิดก็เตือนให้เขาเตรียมใจ เผื่อใจไว้ให้อนาคตด้วย บางทีความรักครั้งนี้....อาจเป็นแค่บทเรียนบทหนึ่งในชีวิต คุณภาสกรอาจเป็นแค่หนึ่งในบททดสอบของเขา เขาอาจจะเจ็บอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายมันก็จะผ่านไป



                ทุกอย่างก็จะกลายเป็นแค่อดีต.



                หลังตัดสินใจพูดคุยกับพี่สาวแบบเปิดอกอย่างตรงไปตรงมา ภัทรก็รู้สึกโล่งมากขึ้น เหมือนความอึดอัดที่เก็บไว้เพียงลำพัง ไม่กล้าปรึกษาใครในตอนแรกเจือจางลง เมื่อปิดบ้านปิดหน้าต่างชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็กลับขึ้นมาชั้นบนเตรียมเข้านอน ก่อนจะเข้าห้องตัวเอง เขาก็ไม่ลืมแวะเข้าห้องหลานชายเพื่อเอาโทรศัพท์ของเจ้าตัวชาร์จแบตไว้ให้



                เมื่อกลับมาถึงห้องก็มีสายเข้าของคุณภาสกรทันที ภัทรมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียงนิ่งและรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับสายอีกฝ่ายและเป็นฝ่ายพูดก่อนด้วยน้ำเสียงปกติ



                “สวัสดีครับ”



                [ก่อนหน้านี้ผมโทรไปทำไมไม่รับ]



                “กำลังกลับบ้านน่ะครับเลยไม่ได้ยินเสียง ว่าแต่คุณอาทิตย์เถอะ....นึกว่าจะไม่โทรมาแล้วเสียอีก” ภัทรว่าพร้อมจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง



                [ต้องโทรมาสิ ไม่ได้เจอหน้า แต่ได้ฟังเสียงคุณก็ยังดี]



                โกหก....หลอกลวง.... จู่ ๆ สองคำนี้เก็ผุดขึ้นมาในความคิดภัทร หลังได้ยินคุณเขาพูดจบประโยค ภัทรเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะต่อบทสนทนาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



                “ยุ่งมากเลยเหรอครับ”



                [ใช่ครับ วันนี้ประชุมตลอดทั้งวัน ล้าไปหมดแล้ว] คุณภาสกรว่า อีกฝ่ายพ๔ดด้วยน้ำเสียงคล้ายจะอ้อนกัน แต่ในเวลานี้ภัทรก็ไม่มีอารมณ์อยากปลอบ อยากโอ๋ใครทั้งนั้น



                “เหรอครับ คุณอาทิตย์....”



                [ครับ?]



                “วันนี้มีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังไหมครับ”



                ในตอนแรกภัทรไม่อยากจะเกริ่นอะไรด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องกระตุ้นอะไรบางอย่าง เผื่อคุณภาสกรอาจลืมเล่าเรื่องนั้น บางทีอีกฝ่ายอาจไม่ได้มีเจตนาอยากปกปิดเรื่องนั้นกับเขาก็ได้ อีกฝ่ายอาจลืมเล่าเฉย ๆ .....จนกระทั่งตอนนี้ภัทรยังอยากยืนข้าง ๆ คุณเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



                [……]



                “ไม่มีใช่ไหมครับ”



                [ภัทร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า]



                “วันนี้ผมอยากอยู่กับหลาน....แค่สองคน”



                พอคุณภาสกรไม่มีอะไรจะเล่าจริง ๆ อย่างที่ภัทรคาดหวัง เขาก็แอบเสียใจอยู่ไม่น้อย สิ่งที่พี่สาวคาดการณ์เอาไว้ มันอยากไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่มันคือความจริง



                ภัทรหวังให้คุณภาสกรบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องไพลินสักนิดให้เขาฟัง แต่อีกฝ่ายกลับทำเฉย ไม่มีแม้แต่ท่าทีว่าจะพูดมันออกมาด้วยซ้ำ ก็ถึงเวลาที่ภัทรต้องรู้ตัวเสียทีว่าต้องทำอะไรต่อจากนี้



                ภัทรพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างที่เคยทำมาตลอด ไม่อยากโมโหร้ายใส่คุณเขา แต่มันเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน เขาโมโห....เขาโกรธอีกฝ่าย.....แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ออกมาอย่างเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ยังถือสายคุณภาสกรไว้อยู่ ภัทรร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียง รู้สึกโมโหตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เป็นแบบนี้



                [โอเค งั้นผมจะไม่ค้าง แต่ขอเข้าไปหา....]



                “ไม่ต้องมาหา! เพราะผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” สุดท้ายภัทรก็ตะคอกใส่ปลายสายอย่างสุดจะทน เรื่องความอดทน....ภัทรคิดว่าตัวเองอดทนเก่ง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองจะไม่ทนแล้ว เพราะเขาไม่มีความสุข ภัทรมองไม่เห็นจุดจบของเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เขาเห็นเพียงแค่ว่าในอนาคต...คุณภาสกรจะแต่งงานกับไพลิน



            คุณภาสกรไม่ได้เลือกภัทรตั้งแต่แรก....อีกฝ่ายก็แค่ประวิงเวลาให้ภัทรอยู่ข้างคุณเขา จนถึงวันที่ได้ลงเอยกับไพลินก็แค่นั้น



            [ภัทร.....]



                “ผมขอเวลาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ.....”



                [......]



                “นะครับ...ถ้าผมมีทางออกที่ดีระหว่างเราแล้ว ผมจะรีบติดต่อกลับหาคุณให้เร็วที่สุด”



                [ทางออกอะไรเหรอครับ? ภัทร.....ผมกำลังหาทางออกเพื่อเรานะ ผมกำลังพยายามอยู่] คนในสายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่ภัทรก็ถือสายฟังอย่างเงียบ ๆ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น นานนับนาทีกว่าภัทรจะได้ต่อบทสนทนากับคุณเขา



                “ผมก็กำลังหาทางออกให้เราเหมือนกันครับ ผม.....ไม่อยากให้คุณเหนื่อยอีกแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว



                ยิ่งวันและเวลาผ่านไปนานเท่าไร ภัทรก็ยิ่งเห็นปลายทางความสัมพันธ์ของเราชัดเจนขึ้นเท่านั้น ภัทรพยายามมองหลาย ๆ ด้าน เขาไม่อยากโทษคุณภาสกร เพราะภัทรไม่ใช่อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังต่อสู้กับอะไรบ้าง แต่ขณะเดียวกันในมุมมองของภัทรเอง เขาก็ไม่เห็นว่าคุณภาสกรจะแสดงออกหรือต่อสู้อะไรเพื่อเราอย่างที่คุณเขาว่าเลย



                นอกจากคำพูดก็ไม่มีอะไรเป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณภาสกรกำลังสู้เพื่อเราเลยด้วยซ้ำ....



                […..เราจะไม่เลิกกันนะภัทร]



                “เราเคยคบกันด้วยเหรอครับ?”



            […..]



            “เรื่องระหว่างเรา....มันก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก”



                สุดท้ายคุณภาสกรยอมวางสายตามความต้องการของภัทร หลังจากวางสายคุณเขาได้ เขาก็ปล่อยโฮออกมาทันที ภัทรซุกหน้าและปล่อยน้ำตาให้เปรอะหมอน เขาร้องไห้หนักกว่าทุกครั้ง ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่กำลังตกตะกอนอยู่ในใจ



                 ภัทรกำมือแน่นขณะที่ร้องไห้ไปด้วย ก่อนจะทุบข้างตัวอย่างเจ็บใจ รู้สึกเกลียดในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก มันไม่สมกับความเป็นเขาเลยสักนิด ภัทรเคยคิดว่าการร้องไห้ของเขาก่อนหน้านี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องความรัก แต่มันไม่ใช่….



                เพราะสุดท้ายเขาก็เสียน้ำตาให้เรื่องเดิมอีกครั้งอยู่ดี....



                ความเข้มแข็งที่ภัทรเคยคิดว่าตัวเองมีอยู่มากมาย ตอนนี้มันหายไปหมด.....เหลือไว้แค่ธนภัทรผู้ชายอ่อนแอและกำลังจะยอมแพ้กับทุกอย่าง



                ภัทรปล่อยให้ตัวเองเสียใจอยู่ราว ๆ สิบนาทีและกว่าน้ำตาจะเหือดแห้งไป กระบอกตาของเขาเหมือนจะล้าไปหมดจนภัทรเริ่มปวดหัวเล็กน้อย



                หลังน้ำตาหยดสุดท้ายแห้งเหือดไป ภัทรก็นอนนิ่ง เขามองเหม่อเพดานห้องอย่างใช้ความคิด พยายามทางออกให้กับเรื่องของเราเหมือนเคยทำ ภัทรพยายามลองคิดหาวิธีอื่น มองหลาย ๆ ด้านเพื่อที่จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราจบลงหรือทางออกที่เราทั้งคู่เจ็บน้อยที่สุด แต่มันไม่มีทางไหนเลย...



                วูบหนึ่งภัทรมีความคิดว่าหรือเราควรจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่พร้อมกัน ในเมื่อคุณภาสกรเองก็ไม่ได้แต่งงานกับไพลินตั้งแต่แรก แต่พอลองคิดอยู่ดี ๆ ความคิดนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกทันที เพราะมันเป็นไม่ได้ ต่อให้คุณภาสกรจะบอกกับเขาว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับไพลิน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฝั่งเจ้าสาวจะไม่ได้อยากแต่งด้วยนี่



                .....ขนาดคุณเขาเองก็ยังให้คำตอบกับภัทรไม่ได้เลยว่าไพลินอยากแต่งงานด้วยหรือเปล่าและต่อให้เราจะเข้าไปบอกว่าเราสองคนรักกัน ก็ใช่ว่าผู้ใหญ่จะยอมหลีกทางให้ง่าย ๆ



                หากว่ากันตามความเป็นจริง ทั้งสองตระกูลอยากเกี่ยวดองกันมาตั้งแต่ก่อนที่ภัทรจะได้เจอกับคุณภาสกรด้วยซ้ำ การที่คุณภาสกรแสดงออกว่าไม่อยากแต่งงาน ไม่ได้แปลว่าผู้ใหญ่จะเห็นใจหรือยอมยกเลิกให้และถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภัทรและคุณภาสกร เขาก็ไม่ต่างจากอุปสรรคในสายตาผู้ใหญ่



                ไม่มีทางที่จะผู้ใหญ่จะปลื้มภัทรแน่ เขาอาจล่มงานแต่งได้ แต่ผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม ชีวิตหลังจากนี้มันจะมีความสุขได้ยังไง



                ขณะที่ภัทรกำลังคิดและหาทางออกอยู่นั้น เสียงการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ในตอนแรกภัทรคิดว่าเป็นของคุณภาสกร เพราะอีกฝ่ายชอบส่งมาในเวลานี้ แต่วันนี้กลับไม่ใช่....แต่เป็นพี่นัทที่ทักส่วนตัวมาแทน ด้วยความที่อีกฝ่ายไม่เคยทักไลน์ส่วนตัวมานอกเวลางานสักครั้ง จึงทำให้ภัทรแปลกใจอยู่ไม่น้อย เขาจึงไม่ลีลารีบเปิดเข้าไปดูทันที



                “....!!”



                พี่นัทส่งรูปมาก่อนแล้วส่งคำถามตามมาติด ๆ ทันทีที่ภัทรได้เห็นรูปแรก เขาก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออก สมองอือไปชั่วขณะ คล้ายจะเป็นลมทันที



 “ภัทรคบกับคุณภาสกรเหรอ?”



            อาการตัวชาเป็นอย่างไร ภัทรก็เพิ่งเข้าใจความหมายก็ตอนนี้ มันไม่ใช่แค่รูปเดียวเท่านั้นที่ถูกส่งมา เพราะหลังจากคำถามนั้น ก็ยังมีอีกหลาย ๆ รูปที่ส่งเข้ามา ทำเอาภัทรถึงกับตั้งสติไม่ทัน เพราะแต่ละรูปก็ไม่ซ้ำกันเลยสักวัน ราวกับต้องการให้เขาจำนนต่อหลักฐานว่านี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเจ้านายและลูกน้องแบบธรรมดา



                ภัทรกะพริบตาถี่เพื่อเรียกสติให้ตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ในหัวของเขามีแต่คำว่า‘ฉิบหาย’ เขาไม่ได้ตอบพี่นัทเลยทันที  ภัทรใช้เวลาคิดคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง พอหาคำตอบที่คิดว่าดีเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้แล้ว เขาถึงพิมพ์ตอบกลับไปด้วยอาการมือสั่นเทา



“ไม่ใช่ครับ ไม่ได้คบกัน”

                “ไปกันใหญ่แล้ว ฮ่า ๆ”

“พอดีเจอกันด้วยความบังเอิญบ่อย ๆ

คุณภาสกรเลยใจดีให้ติดรถไปด้วย บ้านอยู่ละแวกเดียวกันพอดีครับ”

“พี่นัทเอารูปมาจากไหนเหรอ?”



                ภัทรต้องรู้ต้นทางก่อน คุณภาสกรคงจัดการเรื่องนี้ได้ ดูจากรูปแล้ว คนถ่ายคงสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องของพวกเขามาได้สักระยะแน่ เราระวังตัวน้อยกันเกินไป



                นี่ไม่ใช่การเดินผ่านกันโดยบังเอิญแล้วถ่ายรูปส่งให้กันดู แต่มันคือการจับผิด สังเกตความผิดปกติระหว่างเขาและคุณภาสกรในแต่ละวันต่างหาก มันไม่ต่างจากการหาหลักฐานมัดตัวภัทรและคุณภาสกรด้วยซ้ำ



                 ตอบคำถามดูน่าเชื่อถือ สัมพันธ์กับรูปภาพที่หลุดออกมาก็คงรอดไป แต่คนปล่อยหลักฐานมีไม้เด็ดมากกว่ารูปนั่งรถหรือกินข้าวด้วย ความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้ก็คงแดงขึ้นและสุดท้ายทุกอย่างก็ยิ่งยุ่งยากไปมากกว่านี้



                ภัทรกัดริมฝีปากด้วยอาการคิดมาก เขาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ เพราะไม่รู้ว่ารูปนี้ส่งต่อไปมากน้อยแค่ไหนกว่าที่เขาจะรู้เรื่องนี้



                หลังจากที่ภัทรส่งคำถามกลับไป พี่นัทก็เปิดอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับมา นั่นยิ่งทำให้ภัทรร้อนใจยิ่งกว่าเดิม จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะโทรหาเจ้าตัว เพื่อที่จะได้หาคนปล่อยหลักฐาน เขาต้องรู้ต้นตอนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะรู้กันทั้งบริษัท เพราะยิ่งคนรู้เยอะเท่าไร ยิ่งควบคุมและจัดการอะไร ๆ ได้ยากขึ้น



                เรื่องนี้ภัทรจัดการคนเดียวไม่ได้ คุณภาสกรต้องรับรู้ด้วยเช่นกัน เขาจึงไม่รอช้ารีบส่งรูปต่าง ๆ ไปให้คุณเขาทันที ก่อนจะรีบโทรหารุ่นพี่ร่วมแผนก




            “มีคนรู้เรื่องของเราแล้วนะครับ”





[/b]











สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้

เหลือ 3 ตอนก็จะจบแล้ว มาทายบทสุดท้ายของเรื่องนี้กันค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-05-2019 14:58:15
เข้มแข็งไว้นะภัทร ฮึ้บบบบบบ
แสดงว่าฝั่งนู้นก็รู้เรื่องเหรอ บีบ?หรือยังไง
 :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2019 19:45:14
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 30-05-2019 21:20:55
ทำไมเราคิดว่าคุณอาทิตย์ปล่อยรูปออกมาเอง  :katai1:

ตอนนี้แบบ... สงสารภัทรที่สุดเลย เข้าใจว่าความไม่ชัดเจนมันทำร้ายภัทร

แล้วคุณอาทิตย์ก็ไม่ได้แสดงความเชื่อมั่นอะไรให้ คนในเงาอย่างภัทรก็คิดมากเป็นธรรมดา

// จะจบแล้วหรอคะ งืออ  :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-05-2019 21:53:43
ปัญหามันมักจะมารัวๆๆอย่างนี้แหล่ะนะ สงสารภัทร ภาสกรเองก็ไม่ชัดเจนไม่ไหวอ่ะ ถ้าภัทรไม่ทนก็จะไม่ว่าเลย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-05-2019 23:37:47
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-05-2019 00:12:57
เป็นเรา เราก็ช็อค
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 31-05-2019 00:52:36
ภัทรเจอแต่ปัญหาติดๆกันเลยเห้ออ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท11 30.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 31-05-2019 02:16:07
ความลับไม่เป็นความลับแล้วว ภัทรจะเป็นยังไงล่ะทีนี้  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 (1/2) 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 31-05-2019 21:28:45


12


                ‘ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก’ นั่นคือสถานการณ์ที่ภัทรกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ เครียดเรื่องคุณภาสกรและไพลินไม่พอ ยังต้องมาเครียดเรื่องความสัมพันธ์เจ้านายและลูกน้องที่ไม่เป็นความลับอีกต่อไปนั่นอีก



                หลังจากที่ภัทรส่งหลักฐานที่มัดตัวเราสองคนให้คุณภาสเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบต่อสายหาพี่นัทด้วยความร้อนใจ ในตอนแรกภัทรคิดว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อคำพูดของเขา โกรธที่เขาปกปิดความสัมพันธ์จึงได้อ่านแล้วไม่ตอบกัน แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อยกลัวว่าโทรไปแล้วพี่นัทจะไม่รับสาย แต่สุดท้ายเธอก็รับอยู่ดี



                เหตุผลที่พี่นัทอ่านแล้วไม่ตอบ ภัทรได้คำตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังแคปข้อมูลส่งกลับมาให้อยู่ ไม่ได้ตั้งใจจะเพิกเฉยต่อข้อความแต่อย่างใด ยังไม่ทันได้ส่งกลับมาให้ ภัทรก็ใจร้อนโทรมาหาเสียก่อน



                มีคนรู้หนึ่งคนก็ว่าแย่แล้ว พอรู้ว่าหลักฐานที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้มัดตัวความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องที่เกิดขึ้นในบริษัท เป็นการแชร์ต่อ ๆ กันคล้ายจดหมายลูกโซ่ ถามต้นทางที่ส่งมาให้ว่าได้มาจากไหน ต้นทางก็บอกว่าได้รับมาอีกที ส่งต่อกันเรื่อย ๆ บ้างก็ส่งต่อให้เพื่อนหนึ่งคน บ้างก็ส่งให้กลุ่มยิบย่อยแต่ละแผนก แล้วแต่ความสนุกสนานของคนในบริษัทที่ไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องนี้เหมือนอย่างเขา



                ความเดือดร้อนนี้มันรุนแรงกว่าตอนที่ถูกคุณภาสกรจับได้ว่าเขาเป็นเจ้าของแอคเคานต์ลูกไม้ป่าหลายเท่าตัว มันทำให้คนที่มีความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างภัทร อยากหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเสียดื้อ ๆ เขาคิดว่าจะสาวตัวหาผู้ไม่หวังดีได้ทันก่อนจะรู้กันทั้งบริษัท แต่พอเจอแบบนี้เข้า มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก



                หลังจากไหว้วานผู้เป็นดั่งพี่สาวอีกคนอย่างพี่นัท ให้ช่วยหาต้นตอคนปล่อยภาพพวกนี้อีกทางเสร็จ ก็มีสายแทรกเข้ามาพอดี นั่นก็คือคุณภาสกร ภัทรจึงต้องวางสายพี่นัทเพื่อคุยกับคุณเขาก่อน



                “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ใครเป็นคนปล่อยรูปพวกนี้…” หลังรับสายคุณภาสกรได้ ภัทรก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน ในเวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองจะสติหลุดออกไปนิดหนึ่ง เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี จะหาตัวการคนปล่อยพวกนี้ได้หรือเปล่า ภัทรยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ



                ตัวภัทรน่ะ ไม่เท่าไรหรอก…เขาไม่เป็นไร แต่ที่ภัทรเป็นห่วงก็คือคุณภาสกร เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายมาเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย ถึงในเวลานี้ภัทรจะโกรธคุณภาสกรมากแค่ไหน เกลียดที่คุณเขาไม่ยอมพูดความจริงออกมา แต่สิ่งหนึ่งที่ภัทรมีให้อีกฝ่ายเสมอ แม้มุมมองและความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือความหวังดี



                “ผมขอโทษคุณอาทิตย์…ผมขอโทษ” ภัทรพร่ำขอโทษปลายสาย กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง



                [ภัทร ใจเย็นนะ….เรื่องนี้คุณไม่ได้ผิดอะไร คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด]



                “แต่คุณกำลังเสียหายเพราะเรื่องนี้ คุณได้รับผลกระทบ”



                ถ้าจะต้องมีใครเสียหาย ถ้าจะต้องมีใครพังสักคน ภัทรยอมพังฝ่ายเดียวยังดีกว่าจะให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กันทั้งคู่



                คุณภาสกรเป็นเจ้านาย ต้องปกครองพนักงานอีกกี่ร้อยกี่พันชีวิต ถ้ารูปพวกนี้แพร่งพรายออกไป เหล่าพนักงานที่อยู่ภายใต้การปกครองของคุณภาสกร จะมองอีกฝ่ายยังไง ความน่านับถือในตัวอีกฝ่ายคงลดลง



                [คุณเองก็เสียหายกับเรื่องนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ… ห่วงตัวเองด้วยซีครับ อย่าห่วงแต่ผมเลย]



                “ผม…ผมควรทำยังไงดีครับ” ภัทรถามปลายสายเสียงแผ่ว



                [เอาล่ะ คุณต้องตั้งสตินะ ฟังสิ่งที่ผมถามและตอบผมก็พอ ส่วนเรื่องการคนปล่อยภาพพวกนี้ ผมจะจัดการเอง มันคงไม่ยากเกินความสามารถผมหรอก]



                “……”



                [วันนั้นที่ห้องน้ำชั้นสิบห้า…..คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคนที่เข้าห้องน้ำตอนนั้นคือคุณเสก]



                “ถ้าให้ระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ ผมให้เก้าสิบเลยครับ ผมจำเสียงเขาได้”



                [……]



                “คุณอาทิตย์คิดว่าเป็นเขาเหรอครับ? แต่เขาออกจากห้องน้ำก่อนหน้าเราเกือบยี่สิบนาทีเลยนะครับ ต่อให้เขารู้ว่ามีคนกำลังทำธุระด่วนอยู่ในห้องน้ำ ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ดี เพราะทั้งผมและคุณต่างไม่มีใครส่งเสียง”



                [ก็ไม่แน่หรอก….]



                “……”



                [แล้วคุณคิดว่ามีใครที่น่าสงสัยอีกไหม?]



                “ไม่ครับ…อันที่จริงผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีคนจับตาอยุ่ความเคลื่อนไหวของเราอยู่ จากรูปที่ถูกส่งต่อกันมา คนนั้นคงจับตามองเรามาได้สักระยะแล้ว ผม….ผมน่าจะระวังตัวกว่านี้”ภัทรว่า เขายังคงตำหนิตัวเองในใจอยู่ดี



                [ทำงานในบริษัทใหญ่ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละครับ ต่อให้เราระวังตัวมากกว่า แต่พนักงานก็มีเยอะ คอยจับตามองยิ่งกว่าตาสัปปะรดอย่างนี้ ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องถูกจับได้อยู่ดี ระวังตัวดีก็อาจช่วยยืดเวลาออกไปนิดหน่อยก็เท่านั้น]



                “คุณอาทิตย์หมายความว่าต่อให้ระมัดระวังตัว ก็มีค่าเท่าเดิมเหรอครับ”



                [จริง ๆ ภัทรควรเตรียมใจเจอกับปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ….มันเป็นปัญหาเบสิกที่เราต้องเจอ]



                “รวมถึงเรื่องว่าที่ภรรยาในอนาคตด้วยหรือเปล่าครับ? ที่เป็นปัญหาเบสิก” ภัทรย้อนถาม รู้สึกคุกรุ่นกับคำพูดของคุณภาสกรอย่างบอกไม่ถูก



                [……]



                “ฟังนะครับ คุณภาสกร” ภัทรเอ่ยชื่อจริงของอีกฝ่าย ก่อนที่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งสติ เพื่อเตรียมจะพูดสิ่งต่อไป



                “ผมเตรียมใจมาตั้งแต่ตอนเลือกสานความสัมพันธ์แบบนี้แล้ว เรื่องรูปพวกนั้น ผมไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกออกหรือถูกนินทาด้วยซ้ำ เพราะผมเลือกแล้ว เพราะผมทำตัวเอง ผมก็คงต้องรับผลตามมา แต่ที่ผมกังวลจนเอาแต่พร่ำขอโทษคุณ โทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่ไม่รอบคอบให้มากกว่านี้ เพราะเป็นห่วงคุณ ห่วงผลกระทบที่คุณต้องเจอต่างหาก”



                ครั้งหนึ่งภัทรเคยกลัวว่าตัวเองจะถูกไล่ออก เครียดจนนอนไม่หลับไปหลายคืน เมื่อแอคลูกไม้ป่าไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แต่ตอนนี้พอเวลาเปลี่ยน ความคิดของเขาก็เปลี่ยนตาม



                มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว….และจะไม่เหมือนเดิมอีกตลอดไป



                 จากที่เคยกลัวว่าจะถูกไล่ออกก็แปรเปลี่ยนเป็นความไม่กลัวและตอนนี้ภัทรก็มีความคิดอยากจะลาออกด้วยซ้ำ….เนื่องด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวภัทรอยู่บ่อยครั้ง แต่เขากลับสลัดมันทิ้ง เพียงเพราะอยากยืนข้างคุณภาสกรอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อวันวาน จนกระทั่งวันนี้….



                ภัทรต้องเอาความคิดนี้กลับมาคิดทบทวน ดูผลดีผลเสียอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มตัดสินใจอะไร ก็ดันเกิดเรื่องเสียก่อน ถ้าภัทรชิ่งลาออกก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่เรื่องความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้จะแดงขึ้นมา เขาคงไม่ต้องมากหนักใจเช่นนี้



                และดูเหมือนภัทรจะหนักใจคนเดียวเสียด้วย….



            [ที่คุณตึงใส่ผมวันนี้ เพราะเรื่องไพลินใช่หรือเปล่า? รุ่นพี่ในแผนกคนไหนไปพูดอะไรให้คุณฟัง]



                 ผ่านไปได้สักพักใหญ่ ๆ คุณภาสกรถึงเพิ่งฉลาด แต่ในเวลานี้คนรอฟังเหตุผลและให้โอกาสได้เล่าเรื่องวันนี้ตั้งหลายครั้ง หลายคราอย่างภัทรกลับไม่มีอารมณ์อยากฟังแล้ว



                ถ้าจะคุยเรื่องไพลินอีกครั้ง เราควรคุยกันพรุ่งนี้ ภัทรขอเวลาให้ตัวเองได้นอนหลับพักผ่อน หลังจากคิดมากมาตลอดทั้งวันเสียก่อน ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี มีแต่เรื่องเครียด ๆ ให้ตลอดเวลา มันคงไม่ดีแน่ หากคุณภาสกรจะพูดเรื่องไพลินให้ฟังตอนนี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องคลายเครียด



                “ไม่มีใครเล่าอะไรให้ผมฟังทั้งนั้นครับ แต่ใช่ครับ ที่ผมอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากเจอหน้าคุณ เพราะเรื่องไพลิน….”ภัทรยอมรับ เขาไม่คิดที่จะปฏิเสธอะไรทั้งนั้น



                “มันก็จริงอย่างที่คำคุณพูด ระมัดระวังตัวไปก็เท่านั้น พนักงานในบริษัทเยอะเป็นตาสัปปะรดแบบนี้ ต่อให้ไปกินข้าวแบบส่วนตัวพร้อมหน้าพร้อมตากันสองครอบครัว ไม่ช้าเร็ว ก็ต้องมีข่าวแพร่งพรายออกมา ตามประสาสองตระกูลใหญ่กำลังจะมีข่าวดี”



                [โอเค งั้นผมไม่ถามก็ได้ว่าคุณรู้ได้ยังไง แต่วันนี้ที่ไปกินข้าวกัน ผมไปคุยไพลินเพื่อเรานะ]



                “แล้วคุณโกหกผมทำไมครับ ไม่ยอมพูดความจริงไม่พอ ยังโกหกผมว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัดอีก จนถึงตอนนี้ผมเชื่อใจอะไรคุณได้บ้าง ผมไม่เข้าใจในเมื่อผมรู้เรื่องไพลินแล้ว ทำไมไม่บอกความจริงว่าไปกินข้าวกับครอบครัวเธอ โกหกผมทำไม ได้อะไรจากเรื่องนี้เหรอครับ” ภัทรถามประโยคยาวเหยียด



                [ผมขอโทษภัทร ผมคิดน้อยเกินไปจริง ๆ ผมก็แค่อยากให้คุณสบายใจ]



                “แล้วผมก็มารู้ทีหลัง ออกความจริงตั้งแต่แรก กับการรู้ความจริงทีหลังจากปากคนอื่น คุณอาทิตย์คิดว่าอันไหนมันแย่กว่ากันครับ”



                [..….]



                “แล้วอีกอย่างถ้าผมไม่บอกว่ารู้เรื่องวันนี้แล้ว คุณอาทิตย์จะยอมพูดถึงมันไหมครับ จะยอมพูดเรื่องไปกินข้าวกับครอบครัวไพลินหรือเปล่า”



                [ภัทร ฟังผมนะ….ผมอยากเล่าให้คุณฟัง แต่อะไร ๆ ก็ยังไม่เรียบร้อย เพราะมันยังไม่ชัดเจน ผมเลยอยากจะไม่เล่า เพราะกลัวว่านั่นจะเป็นการให้ความหวังคุณ]



                “ได้โปรดเถอะ ช่วยแสดงออกเป็นการกระทำมากกว่าคำพูด ให้ผมได้เห็นสักนิดว่าคุณไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาจริง ๆ และกำลังสู้เพื่อเรา ผมพร้อมสู้กับคุณนะ ผมไม่ได้นั่งอยู่เฉยแล้วรอให้คุณจัดการทุกอย่างเอง ผมกำลังคิดหาทางเพื่อเราเหมือนกัน ใจจริงผมอยากไปกับคุณ เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ แต่มันทำไม่ได้”



                “ตอนนี้ผมยอมยืนอยู่ข้างคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความหวังด้วยซ้ำ เพราะคุณขอเอาไว้และความไว้ใจกัน เป็นสิ่งเดียวที่เรามี แต่คุณก็ทำมันพังทั้งหมด ผมควรทำยังไงดีครับ ในเมื่อสุดท้ายทุกอย่างก็พังอยู่ดี”



                [……]



                “บางที…..ตอนนี้เราอาจกำลังต่อสู้ในทางที่ผิดอยู่ก็ได้”



                [ไม่นะภัทร…]




                “มาหยุดความสัมพันธ์ของเรากันเถอะครับ ก่อนที่จะมองหน้ากันไม่ติด”











 
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 (2/2) 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 31-05-2019 21:30:20

 

            หลังจากที่ภัทรพูดประโยคนั้นจบ เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เพราะคุณภาสกรก็ตัดสายทิ้งเสียก่อน สิ่งที่ภัทรพูดออกไป นั่นไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ แต่เขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว ‘หยุด’ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้น่าจะดีกว่า  อย่างน้อยถ้าเรื่องนี้ถึงหูครอบครัวคุณภาสกร ถึงหูครอบครัวไพลิน คุณเขาก็คงโต้แย้งได้ว่านั่นก็เป็นแค่เรื่องโกหก ไม่มีมูลความจริง เรื่องความสัมพันธ์เจ้านายและลูกน้องเกิดขึ้นในบริษัททั้งนั้นเป็นแค่เรื่องเหลวไหล



                 เช้าแห่งการไปทำงานที่ภัทรไม่อยากให้เวียนมาถึง ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้รู้สึกอย่างใด อารมณ์ดีหรือเปล่า ภัทรก็แสดงออกมาผ่านสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง



                จริง ๆ ภัทรเตรียมใจมาตั้งแต่บ้านแล้วกับสถานการณ์ในบริษัทที่เขาต้องเผชิญในวันนี้ มันคงไม่เหมือนอย่างทุกวันแน่ ไม่รู้ว่ารูปพวกนั้นถูกแชร์ต่อไปมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ตั้งแต่ที่ภัทรก้าวเท้าเข้ามาในบริษัท เขาก็ถูกมองจากเหล่าพนักงานในบริษัททั้งแผนกเดียวกันและต่างแผนกจนเขาวางตัวไม่ถูก



                ภัทรทำเป็นไม่สนใจ…ทั้ง ๆ ที่ในความจริงแล้วเขากำลังรู้สึกแย่กับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่รู้ว่าข่าวและรูปพวกนั้นจะเลิกถูกให้ความสนใจตอนไหน ระหว่างนี้ภัทรคงต้องอาศัยความอดทนและรับผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเองเพียงอย่างเดียว มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้ว



            บางที….เหล่าพนักงานอาจเลิกให้ความสนใจ หลังจากที่ภัทรร่อนจดหมายของลาออกก็ได้



            ภัทรเดินเข้ามาในแผนกด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่างและแน่นอนมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเท่าไรนัก ทันทีที่เขาก้าวเท้าเดินมายังโต๊ะที่ประจำของตัวเอง ภัทรก็เห็นว่าพี่นัท คนที่สนิทที่สุดและเป็นคนบอกภัทรเรื่องรูปพวกนั้น ได้มาทำงานก่อนหน้าเขาแล้ว หลังภัทรเดินไปถึง เธอก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้าเล็กน้อย



                ความอึดอัดเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่นัทสบตาภัทรด้วยสายตาเรียบนิ่ง เธอไม่ได้เอ่ยทักทายภัทรด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนอย่างทุกที ทำเอาคนที่เคยเห็นความสดใสของเธอมาตลอดอย่างภัทรถึงกับวางตัวไม่ถูก สายตาของพี่นัทเหมือนมีคำถามมากมายที่อยากจะถามภัทร แต่ไม่พูดมันออกมา



                “พี่นัท สวัสดีครับ” เพราะทนความอึดอัดไม่ไหวและไม่อยากให้บรรยากาศเรามาคุไปมากกว่านี้ ภัทรจึงเอ่ยทักทายเธอก่อน



                “สวัสดีจ้ะ…”



                “……” ภัทรไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาทำได้แค่วางกระเป๋าทำงานของตัวเองพิงพนักเก้าอี้เอาไว้ ก่อนจะนั่งลงที่ประจำของตัวเอง เตรียมเคลียร์พวกแฟ้มทั้งหลายแหล่ที่ถูกวางทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนภัทรจะเดินทางมาถึง



                “พี่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ใครพูดความจริง ใครกันแน่ที่โกหก แต่ยังไงก็สู้ ๆ นะ” ไม่มีคำอธิบายมากกว่านั้น นอกจากการบีบไหล่เพื่อให้กำลังใจกัน แต่นั่นกลับทำให้ภัทรถึงกับน้ำตาร่วงเปราะ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  อย่างน้อยเขาก็ยังมีพี่นัทที่ยังคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ อีกฝ่ายยังยืนข้างกันเหมือนเดิม ไม่เหมือนคนอื่นที่มองภัทรด้วยสายตาแปลก ๆ หรือทำท่าจะเดินเข้ามาซักไซ้ถามหาความจริงเรื่องรูปพวกนั้น



                “ขอบคุณพี่นัทมาก ๆ นะครับ ขอบคุณจริง ๆ” ภัทรว่าเสียงสั้น เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริง



                “ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” เธอว่าต่อพร้อมกับลูบหลังพร้อมภัทร



                “ขอบคุณครับ”



                ในช่วงเที่ยงของวันภัทรยังคงไปกินข้าวกับพี่นัทเหมือนเดิม ในตอนแรกเขาเองก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะอยากกินข้าวกับเขาไหม เพราะในเวลานี้ทุกคนต่างมองภัทรราวกับตัวประหลาด อาจไม่ได้แสดงออกอย่างโจ้งแจ้ง แต่ทุกครั้งที่ภัทรเดินผ่านแล้วหันหลังมองกลับไป มิวายจับกลุ่มนินทาเขา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครออกมาพูดว่าความจริงเป็นอย่างไร มีแค่การแชร์รูปต่อ ๆ กันไปเพียงเท่านั้น



                มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไปในบริษัทใหญ่ บางคนก็ปฏิบัติกับภัทร ร่วมงานกันเหมือนเดิมอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่คิดจะซักไซ้ถามหาความจริงจากรูปที่เขาแชร์ ๆ กันด้วยซ้ำ บ้างก็มีแซว เพราะไม่อยากให้ภัทรเครียดจนเกินเหตุ บ้างก็ปฏิบัติกับภัทรไม่เหมือน ซึ่งภัทรก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเข้าใจเหตุผลนั้นดี



                สรุปว่าวันนี้ก็คงแล้วแต่ดวงของเขาว่าตลอดทั้งวัน ภัทรจะต้องเจอคนประเภทไหนบ้าง ก่อนจะถึงเวลาเลิกงานโชคดีที่กลางวันภัทรไม่ได้นั่งกินข้าวคนเดียว พี่นัทเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาก่อนด้วยซ้ำ อีกฝ่ายคงรู้ว่าในเวลานี้ภัทรไม่กล้าชวนไปกินข้าวเหมือนอย่างจากทุกที เนื่องจากกลัวการถูกปฏิเสธ



                “ไม่ต้องทำหน้าอมทุกข์ตลอดทั้งวันก็ได้ มีหัวข้อใหม่ ๆ มา เดี๋ยวคนเขาก็ลืมกันแล้ว” พี่นัทยังคงเป็นพี่ที่ดีเสมอ คอยปลอบโยนภัทรจนถึงตอนนี้



                “อยากจะยิ้มเหมือนกันครับ แต่อารมณ์ตอนนี้มันคงสวนทางกัน”



                “…..”



                “เอ่อ….พี่นัทครับ บริษัทเรานี่ต้องแจ้งเรื่องลาออกล่วงหน้ากี่เดือนเหรอ”



                “หนึ่งเดือนตามกฎหมายเลยจ้ะ แต่คิดดีแล้วเหรอที่จะลาออก?” พอภัทรพูดถึงเรื่องลาออก เธอก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “……” ภัทรไม่ได้ตอบพี่นัทในทันที แต่กลับถอนหายใจออกมาแล้วหลุบตามองจานอาหารของตัวเองแทน



                “ใจเย็น ๆ นะภัทร เราต้องผ่านมันไปให้ได้”



                “มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกครับ จริง ๆ ภัทรคิดเรื่องนี้ก่อนจะเกิดเรื่องด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว”



                “พี่อยากให้เรากลับไปนอนคิดอีกสักคืนก่อน เพราะถ้าตัดสินใจแล้ว มันเริ่มใหม่ไม่ได้นะ”



                หลังจากต่างฝ่ายต่างกินข้าวกันเสร็จ เราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก ภัทรแยกกับพี่นัทที่หน้าร้านอาหาร เพราะอีกฝ่ายต้องไปคุยกับลูกค้าข้างนอกต่อ เขาจึงกลับแผนกมาเพียงลำพัง



                ตลอดทั้งบ่ายยังคงมีพนักงานอยู่จำนวนไม่น้อยที่จ้องภัทรจนเขารู้สึกได้ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้สายตาพวกนั้น มีบ้างที่หันกลับไปมองแสร้งสงสัย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ในใจว่าคนพวกนั้นจ้องหน้าเขาทำไม บางคนก็หลบสายตายามที่ภัทรหันกลับไปมอง บางคนก็ยังแช่สายตาไว้อย่างนั้น



                เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงาน ภัทรก็พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว เพื่อที่จะได้เริ่มทำงานต่อ ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น ภัทรต้องรอคุณภาสกรออกมาพูดก่อน อีกฝ่ายจะเอายังไงกับเรื่องนี้กันแน่ อีกฝ่ายจะออกมาปฏิเสธข่าวลือพวกนี้ไหมหรือจะปล่อยเฉย ปล่อยให้เป็นขี้ปากเหล่าพนักงานภายใต้บังคับบัญชาไปอีกสักพัก ระหว่างรอให้หัวข้อใหม่มาแทนที่



                หลังจัดการอารมณ์และความรู้สึกตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว ภัทรจึงเริ่มทำงานต่อ ตั้งใจจะรีบเคลียร์ที่คั่งค้างในวันนี้ให้เสร็จ เพราะช่วงเลิกงานของวันนี้ เขาจะได้แวะไปคุยฝ่ายบุคคลต่อ เพื่อสอบถามเรื่องการลาออกว่าต้องดำเนินเรื่องอะไร ยังไง ไม่ต้องกลับไปนอนคิดอีกสักคืน ตามคำแนะนำของพี่นัท ภัทรก็รู้ว่าคำตอบเขาในวันพรุ่งนี้ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี



                เพราะเสียงจากเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น ภัทรจึงล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ในขณะที่สายตาของเขายังคงอ่านเอกสารตรงหน้าอยู่ แต่พอเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร เขาก็หยุดการกระทำทุกอย่างของตัวเองชั่วคราวแล้วให้ความสนใจแค่หน้าจอโทรศัพท์เท่านั้น



                ภัทรนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดอ่านข้อความจากคุณภาสกร เผื่ออีกฝ่ายมีเรื่องด่วนอยากจะคุยกับเขาในตอนนี้ ยกตัวอย่างเช่นต้องการแก้ข่าวลือของเรา



“วันนี้ไพลินจะเข้ามาหาที่บริษัท”

“มันไม่มีอะไรนะครับ แม่บังคับมา”



                หลังจากอ่านข้อความสองบรรทัดจากคุณเขาเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็แช่สายตา จ้องหน้าจอโทรศัพท์อ่านข้อความเดิมซ้ำ ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าคุณภาสกรมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้ส่งมาบอกกันเช่นนี้



                บางทีคุณภาสกรอาจกลัวว่าภัทรจะน้อยใจหรือโมโห หลังรู้ว่าว่าที่คู่หมั้นของอีกฝ่ายอย่างไพลินจะมาหาถึงที่บริษัท ไม่ก็ต้องการแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีอะไรในก่อไผ่จริง ๆ เพื่อเรียกความเชื่อใจและน่าเชื่อถือของตัวเองกลับมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เพราะภัทรหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ให้เราได้แล้ว



“ครับ”



                ภัทรส่งข้อความกลับไปหาอีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกถึงความยินดียินร้ายกับการที่คุณภาสกรทักมาบอกเรื่องนี้ สำหรับภัทรเขาไม่คิดจะเปลี่ยนใจอีกแล้ว เขายอมถอยเพื่อให้คุณเขาได้ไปจัดการเรื่องคาราคาซังของตัวเองดีกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้อยากแต่งงานกับไพลินจริง ๆ



                หลังจากส่งข้อความกลับไปหาคุณภาสกรเสร็จ ภัทรก็ต้องมานั่งสลัดอาการฟุ้งซ่านของตัวเองอีกครั้ง ยอมรับว่าตลอดทั้งวันมานี้เขาทำงานได้ไม่เต็มที่นัก แม้คุณภาสกรจะแสดงออกว่าเจ้าตัวไม่ได้เครียดเรื่องมีคนไม่หวังดีปล่อยรูปของเราก็ตาม แต่ภัทรก็ยังกังวลอยู่ดี ไหนจะบทสนทนาระหว่างเราเมื่อคืนที่ฉายวนอยู่ในความคิดภัทรซ้ำ ๆ อีก



                ภัทรเป็นฝ่ายขอจบความสัมพันธ์นี้เอง เขาเป็นคนพูด แต่ใช่ว่าเขาไม่เจ็บ เขายังเป็นคนและยังมีความรู้สึก มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้ว ภัทรยอมเจ็บตอนนี้ดีกว่าต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ในระยะยาว ถ้าคุณเขาตัดไพลินไม่ขาด ยกเลิกงานแต่งงานไม่ได้ ภัทรจะทำยังไง



                เขาทนไม่ได้หรอก หากต้องยืนมองคุณภาสกรแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น…..



                พอคุณภาสกรพูดว่าวันนี้ไพลินจะเข้ามาหาที่บริษัท ภัทรก็อดใจอยากเห็นตัวจริงของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขาเคยเห็นหน้าเธอครั้งหนึ่งแล้ว ตอนรูปที่คุณภาสกรโกหกว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัด แต่กลับไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสองครอบครัวและภัทรยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นตัวจริงเสียที



                เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้นภัทรจึงไม่รอช้า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอีกครั้ง ก่อนจะส่งข้อความกลับไปหาคุณภาสกร



“เธอจะเข้ามาหาคุณตอนไหนเหรอครับ”



“ประมาณบ่ายสองครับ”

“มีอะไรหรือเปล่า”



“เปล่าครับ”



                เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น ภัทรก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งแล้ว เขามีเวลาไม่มากนัก ถ้าอยากเจอหน้าไพลินตัวจริง เขาต้องรีบลงไปชั้นล่างตอนนี้ นั่นเป็นทางเดียวที่เขาจะได้เจอเธอ



                “พี่ชาติครับ ภัทรจะลงไปซื้อกาแฟชั้นล่าง จะเอาอะไรหรือเปล่า”



                ภัทรหันไปถามหัวหน้าประจำแผนกคนเก่ง ทำทีมีน้ำใจจะซื้อน้ำขึ้นมาเผื่อด้วย เพราะตั้งใจจะลงไปร้านกาแฟชั้นล่างของบริษัทเพื่อรอเจอไพลินและที่เขาถามพี่ชาติไปแบบนั้น ก็เพื่อเป็นการบอกให้ทุกคนรับรู้ด้วยว่าเขาหายไปไหน จะได้ไม่ต้องสงสัยกัน



                “พอดีเลย พี่อยากกินชาเขียวพอดี ฝากสิหน่อยแก้วหนึ่ง” พี่ชาติที่กำลังเซ็นรับรองพวกเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานบอกภัทรอย่างไม่คิดอะไร



                “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวภัทรขึ้นมานะ”



                “อืม รีบ ๆ  มาแล้วกัน”



                “ครับ ๆ” ภัทรรับคำ



                เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ภัทรจึงไม่รอช้า เขารีบพาตัวเองไปยังลิฟต์เพื่อเตรียมลงไปชั้นล่างทันที ภัทรไม่รู้หรอกว่าเห็นไพลินตัวจริงแล้วได้ประโยชน์อะไร แต่เขาก็อยากเห็นเท่านั้น ในรูปไพลินดูดีมากเรียกได้ว่าดูเหมาะสมกับคุณภาสกรด้วยซ้ำ ไม่ได้ดูด้อยกว่าแต่อย่างใด แต่ภัทรอยากเจอตัวจริง เขาอยากรู้ว่าตัวเองพอจะสู้เธอได้ไหม



                หลังมาถึงชั้นล่างแล้ว ภัทรก็ก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เรื่องนี้เขาต้องอาศัยดวง มีสองทางที่เขาต้องลุ้น ถ้าไพลินไม่เข้ามาข้างหน้า เธอก็คงขึ้นมาจากชั้นลานจอดรถ ภัทรต้องมาลุ้นกันว่าไพลินจะขึ้นไปชั้นบนจากชั้นใต้ดินเลยหรือเข้าประตูหน้าบริษัทกันแน่



                เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทำไมภัทรจึงหายไปซื้อกาแฟนนาน เขาจึงเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟระหว่างรอให้เธอมาถึง



                พอรู้ว่าตัวเองอาจได้เจอหน้าว่าที่คู่หมั้นของคุณภาสกรในอีกไม่ช้านี้ ภัทรก็อดตื่นเต้นไม่ได้ มันส่งให้มือเขาเย็นเฉียบ ในเวลานี้ภัทรต้องแยกประสาทตัวเองเสียก่อน หูของเขาก็รอฟังเสียงพนักงานเรียกคิวรับเครื่องดื่ม ส่วนสายตาก็จับจ้องไปที่หน้าบริษัทอย่างลุ้น ๆ ว่าจะมีรถมาจอดเทียบไหม



                “คิวที่ห้าสิบเจ็ดเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วค่า” เสียงพนักงานเรียกคิวของภัทร ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ภัทรจึงผละสายตาจากหน้าบริษัทก่อนเพื่อไปรับเครื่องดื่ม



                เครื่องดื่มเสร็จก่อนที่ไพลินจะมาถึงด้วยซ้ำ หลังรับเครื่องดื่มสองแก้วมาแล้ว ภัทรจึงดูเวลาอีกครั้ง ตั้งใจจะรอเธออีกสักสิบนาที ภัทรไม่สามารถรอนานกว่านี้ได้ เพราะทุกคนจะสงสัยเอาและนี่ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสองแล้ว ถ้าไพลินยังไม่ปรากฏตัวที่หน้าบริษัท ก็แสดงว่าอีกฝ่ายขึ้นลิฟต์จากชั้นลานจอดรถมาแล้วและแปลว่าเขาอดเจอเธอ



                แต่ละนาทีที่ผ่านพ้นไป ภัทรรอที่จะพบไพลินอย่างใจจดจ่อ จนถึงนาทีที่เก้า เขาเริ่มถอดใจ คิดว่าครั้งนี้คงชวดไป จึงออกจากร้านกาแฟ เตรียมเดินไปยังลิฟต์สำหรับเหล่าพนักงาน เพื่อกลับแผนกตัวเอง แต่จู่ ๆ ก็มีรถคันหรูมาจอดเทียบหน้าบริษัทพอดี นั่นจึงทำให้ภัทรหยุดมอง ภาวนาให้รถคันนี้เป็นของไพลิน



                ….ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ รถหรูที่เขาภาวนาให้เป็นของไพลินก็ใช่ของเธอจริง ๆ! ภัทรใจสั่นเล็กน้อยระหว่างรอว่าที่คู่หมั้นของคุณภาสกรลงจากรถ เขาถือแก้วกาแฟไว้ทั้งสองมือ หยุดมองเธออย่างเจาะจง



                ไม่อยากมองคนอย่างอคติ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นใคร ถือไพ่เหนือกว่า เป็นตัวเองแปรของเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ภัทรก็อดตั้งแง่กับเธอไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว



                เขารู้จักเธอ แต่เธอไม่รู้จักเขา….



                ทันทีที่เห็นตัวจริงของไพลิน ภัทรก็ต้องชะงัก เพราะพอเห็นตัวจริงแล้ว ข้อกังขา ความสงสัยที่เคยมีอยู่มากมายก็หายไป ราวกับตัวจริงของไพลินคือคำตอบทุกอย่างที่อยู่ในใจภัทร ตัวจริงของเธอเป็นคำตอบชั้นดีว่าทำไมครอบครัวของคุณภาสกรถึงอยากจับคู่ให้สองคนนี้นัก



                เธอสวย….ตั้งแต่แวบแรกที่มองด้วยซ้ำ ดูมีรังมีอย่างบอกไม่ถูก ขนาดที่ภัทรที่ตั้งแง่ อคติกับเธอ เพราะมองว่าไพลินเป็นปัญหาใหญ่ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เห็นแล้วยังอดตาค้างไม่ได้ เขาไม่ติดใจอะไรเลย ถ้าสุดท้ายแล้วคุณภาสกรจะเลือกเธอคนนี้ให้เป็นคู่ชีวิต



                ไพลินเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งและเนื่องด้วยเธอมีสีผมเป็นสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกดัดลอนเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เครื่องหน้าของเธอก็ไม่ได้ดูขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ทำให้ความรู้สึกว่าเธอคือนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในมือของไพลินถือปิ่นโตขนาดใหญ่ไว้ด้วย ถ้าให้เดา อีกฝ่ายคงตั้งใจเอามาฝากคุณภาสกร



                หลังจากได้เห็นตัวจริงของไพลิน ภัทรก็กลับขึ้นมาแผนกด้วยอาการเหม่อลอย หลังวางแก้วชาเขียวให้พี่ชาติเสร็จ ภัทรก็เดินกลับโต๊ะตัวเอง เขาใจลอยชนิดที่ว่าลืมเอาแม้กระทั่งเอาเงินค่าน้ำ จนหัวหน้าต้องร้องเรียกให้กลับไปเอาอีกครั้ง



                “เป็นอะไรหรือเปล่าภัทร?” พี่นัทที่กลับมาถึงแผนกแล้วเอ่ยถามภัทรด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าจะเกิดเรื่องระหว่างที่เธอออกไปทำธุระข้างนอกบริษัท



                ยิ่งวันนี้ไม่ใช่วันของภัทรอยู่ด้วย จึงรู้สึกเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ กลัวอีกฝ่ายจะถูกกระทำจากเหล่าพนักงานที่อาจตั้งแง่และพูดจากระทบจิตใจรุ่นน้องในแผนกเข้า ซึ่งภัทรก็ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมบอกเสียงแผ่วว่าไม่มีอะไร



                “ภัทร คุณธารณีเรียกพบ” ไม่ทันที่ได้จะซักไซ้ถามอะไรกันมากกว่านี้ พี่ชาติก็ตะโกนเรียกชื่อภัทรด้วยน้ำเสียงซีเรียส



                “ครับ?” ภัทรหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันทีเมื่อถูกเรียกชื่อ เขาถึงขมวดคิ้ว ประมวลผลในหัวทันที เพราะไม่คุ้นชื่อเธอว ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ในแผนกไหนแล้วมีธุระอะไรกับเขากันแน่




                “เธอเป็นแม่ของคุณภาสกรน่ะ”  พี่นัทเป็นคนเฉลย










หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 (3) 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 31-05-2019 21:30:46

                พอรู้ว่าคนที่อยากเจอคือใคร เกี่ยวข้องยังไงกับคุณภาสกร ภัทรก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันทีและที่เธอเรียกพบเขาในครั้งนี้ก็คงมีไม่กี่เรื่องที่อยากจะพูดคุย



                วันนี้เป็นอีกวันที่ภัทรจัดว่าแย่ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว นับตั้งแต่วันที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตั้งแต่ช่วงเช้าเขาก็ถูกเหล่าพนักงานเพ่งเล็ง จับจ้องราวกับเป็นตัวประหลาด ภัทรคิดว่ามันจะสิ้นสุดเพียงแค่เท่านั้น เพราะใกล้จะถึงเวลาเลิกงานเต็มที แต่วันที่เลวร้ายของเขากลับไม่สิ้นสุด เมื่อถูกเรียกพบจากคนที่มีศักดิ์เป็นแม่ของผู้บริหาร



                การถูกเรียกพบจากคนที่มีตำแหน่งใหญ่ ๆ มันไม่ใช่สัญญาณที่ดี ถ้าไม่เรียกไปคุยเรื่องงานก็คงเรียกไปคุยพวกการกระทำความผิดร้ายแรงและภัทรคิดว่าการเรียกพบครั้งนี้ คงเป็นอย่างหลังโดยไม่ต้องสงสัย



                 ครั้งนี้ภัทรไม่ต้องเดินไปหาที่ห้องเอง แต่มีพนักงานพาไปยังห้องรับรองเพื่อพบกับคุณธารณี หลังมาถึงหน้าห้อง พนักงานดังกล่าวก็เคาะประตูพอเป็นพิธี ก่อนจะใจดีอาสาเป็นฝ่ายเปิดประตูให้ภัทร ไม่ให้โอกาสแม้แต่จะให้เขาเตรียมใจด้วยซ้ำ



                เพราะภัทรมีเวลาเตรียมใจไม่มากนัก ทำให้เขาทำได้แค่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ทันทีที่เข้าไปในห้องรับรอง เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นเฉียบ แตกต่างจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง มันกดดันและชวนน่าอึดอัด ตรงหน้าของภัทรก็มีคุณธารณีกำลังนั่งจิบกาแฟรอเขาอยู่…..



                เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ภัทรจะทำความเคารพ โดยการยกมือไหว้คุณธารดีตามมารยาทที่พึงมี ในตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่รับไหว้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเชิงรับไหว้ภัทรอยู่ดี นั่นจึงทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย



                “นั่งลงก่อนสิ” คุณธารณีว่าพร้อมกับลากสายตา มองโซฟาให้ตัวว่าง ๆ อยู่เชิงบอกให้ภัทรรีบมานั่งคุยกันดี ๆ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ให้เสียเวลา



                คุณแม่ของคุณภาสกรไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างภัทรคิดไว้ในตอนแรก ดูจากบุคลิกภายนอกแล้ว อีกฝ่ายน่าจะเป็นคนใจดี แต่ในขณะเดียวกันก็ดูมีความสุขุมอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้ภัทรรู้สึกยำเกรงหรือไม่ก็เพราะว่าเขามีความผิดติดตัวอยู่แล้วก็ได้ ถึงรู้สึกกลัวเธอเช่นนี้



                “รู้หรือเปล่าว่าเรียกมาหาทำไม” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คุณธารดีเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน



                “รู้ครับ” ภัทรพยักหน้ารับพร้อมกับตอบอีกฝ่ายเสียงอ่อน เขาหลุบตามองพื้น ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสู้หน้าเธอด้วยซ้ำ



                ในตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองใจสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอจะจัดการกับเขายังไง จะเหมือนอย่างในละครไหม แต่ภัทรเดา ๆ ว่าคุณธารณีเองก็คงมีสายคอยรายงานความเคลื่อนไหวในบริษัทอยู่เหมือนกัน ถึงได้รู้ข่าวเร็วเช่นนี้



                “เฮ้อ….ฉันไม่คิดเลยว่าจะต้องทำมาเหมือนในละคร ฉันไม่ได้อยากใจร้ายกับใครเลยนะ แต่ต้องเรียกเธอมาคุยด้วย เพราะจะเป็นปัญหาทีหลัง”



                “ครับ”



                “แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าอาทิตย์เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นไพลิน”



                “รู้ครับ….ผมเพิ่งรู้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี่เองครับ”



                “อาทิตย์ไม่ได้บอกเธอตั้งแต่แรกหรือไง”



                “ไม่ครับ ไม่ได้บอก” ภัทรพูดตามความจริง อีกฝ่ายจะถามอะไร เขาก็ตอบตามความจริงหมด หากให้พูดกันตามตรง ภัทรไม่อยากโกหกคุณธารณี

     

           “โอเค เรื่องนี้ฉันจะไปจัดการคนของฉันต่อ แล้วเธอรู้ไหมว่าวันนี้ว่าไพลินมาหาอาทิตย์ที่บริษัท”



                “รู้ครับ”



                “รู้สึกยังไง?”



                “……”



                “มันอาจดูเป็นคำถามโง่ ๆ นะ ที่ฉันถามไปแบบนั้น แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าถ้าเธอยังไม่เลิกกับอาทิตย์ ไม่ยอมตัดความสัมพันธ์กับลูกชายฉัน เธอก็จะเจ็บปวดแบบในวันนี้ซ้ำ ๆ เขาจะไม่มีทางจะเลิกกับไพลินเพื่อมารักกับเธอ ผู้ใหญ่เขารอให้สองตระกูลเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันมามากี่ปีแล้ว ทุกอย่างจะมาพังเพราะเธอไม่ได้”



                 ภัทรฟังคำพูดของเธอทุกประโยคและเขาก็เจ็บปวดกับมันทุกประโยค แม่ของคุณภาสกรไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด… ภัทรจะต้องเจ็บปวดแบบวันนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาไม่ยอมเป็นฝ่ายจบความสัมพันธ์น้ำเน่านี้เองหรือคุณภาสกรไม่ยอมจบความสัมพันธ์กับไพลิน ไปพูดกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องรู้ราวว่าไม่อยากแต่งงานกับว่าที่คู่หมั้นอย่างที่คุณเขาเคยว่าเอาไว้



                “ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเธอและอาทิตย์คุยกันยังไง หลังจากที่รู้ว่าเขามีไพลินเป็นว่าที่เจ้าสาวอยู่แล้ว แต่ภัทร…..” คุณธารณีเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมากุมมือภัทรเอาไว้ราวกับจะขอความเห็นใจกัน



                 “บางทีเธออาจจะไม่รู้ แต่ความรักไม่ใช่แค่การครอบครองอย่างเดียวนะ มันหมายถึงความหวังดีต่อคน ๆ หนึ่งด้วย ถ้าเธอรักอาทิตย์ เธอไม่อยากให้เขามีความสุข มีคู่ชีวิตที่ดีหรือไง”



                “……”



                “หรือว่าที่เธอไม่ยอมเลิก เพราะอยากได้เงินทอง ได้เลื่อนตำแหน่ง?”



                “ไม่ครับ ผมไม่เคยคิดอยากได้อะไรจากความสัมพันธ์นี้ ผมไม่เคยคิดจะเอาเงินทองของคุณอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ แม้แต่บาทเดียวก็ไม่เคยคิดจะขอ” ภัทรว่า



                “แล้วทำไมหยุดความสัมพันธ์นี้ ไม่รู้เหรอว่ามันไม่ควร….ต่อให้ไม่มีเรื่องไพลิน ความสัมพันธ์แบบเจ้านาย ลูกน้องมันไม่ควรจะเกิดขึ้นในบริษัทด้วยซ้ำ”



                 “อาทิตย์เขาต้องดูแล บริหารพนักงานอีกตั้งมากมาย เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มิหนำซ้ำยังมีรูปหลุดออกมาให้พนักงานดูต่างหน้าอีก ลูกน้องเขาจะมองเจ้านายยังไง เธอไม่คิดถึงจุดนี้เหรอ”



                “ครับ ผมคิดน้อยไป…” ภัทรก้มหน้ารับผิดอย่างเดียว



                “ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เสียใจที่ความสัมพันธ์ของผมกับคุณอาทิตย์กลายเป็นปัญหาของพวกคุณ ผมไม่ได้มีเจตนาจะแย่งตั้งแต่แรก ถ้ารู้ว่าคุณอาทิตย์มีไพลินอยู่แล้ว ผมคงไม่คิดจะสานความสัมพันธ์นี้ต่ออยู่แล้ว”



                “ใจจริงผมอยากจะถอยตั้งแต่วันที่รู้ความจริงด้วยซ้ำ แต่คุณอาทิตย์เขาขอผมเอาไว้ เขาเป็นคนบอกผมเองว่าไม่อยากแต่งงานกับไพลิน เขาบอกว่าขอเวลาให้เขาได้เคลียร์เรื่องไพลิน”



                “เพื่อที่จะได้มารักกันกับเธอ? เธอคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหรอ”



                “……”



                “มันเป็นไปไม่ได้ เธอไม่รู้หรือไง”



                “.….”



                “ต่อให้อาทิตย์เขาจะไม่อยากแต่งงานกับไพลินก็ตาม ภัทร….เธอเป็นฝ่ายจบความสัมพันธ์นี้เองได้ไหม ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปตามเวลาของมัน ปีนี้ไพลินก็เรียนจบแล้ว ถ้าเธอรักอาทิตย์ ช่วยปล่อยเขาเถอะ อยากได้เงินเท่าไร สักล้านพอไหม?”



                “ผมไม่ต้องการ” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการเงินทองพวกนี้จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เงินเดือน ค่าเหนื่อยที่เขาควรจะได้ ภัทรไม่ขอรับไว้ดีกว่า



                “…..แต่ต่อให้คุณธารณีไม่เรียกผมมาหาในวันนี้ ผมก็ตั้งใจจะลาออกอยู่แล้วครับ ผมไม่อยากให้ชีวิตของคุณอาทิตย์ต้องมาสะดุดเพราะตัวเองเหมือนกัน ผมอยากให้คุณธารณีรู้ไว้ว่าผมไม่ได้อยากเป็นตัวถ่วงชีวิตคนที่ผมรักด้วยซ้ำ”



                “แล้วเธออยากได้อะไรไหม ฉันยินดีให้เงินสักก้อนเพื่อให้เธอเอาไปตั้งหลัก ระหว่างหางานใหม่ได้นะ”



                “ไม่ครับ ผมไม่ต้องการอะไร จ่ายเงินให้ผมเท่าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ก็พอครับ”



                “.......”



                “เพราะผมไม่ต้องการอะไรจากเขาตั้งแต่แรก”



                “.......”




                “ขอบคุณมาก ๆ ครับ ผมเข้าใจคุณ”











__________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้


สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 31-05-2019 23:30:16
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:สงสารน้องงงงงง :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 31-05-2019 23:34:08
แง้ช่วยน้องด้วยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2019 23:56:16
 :serius2: พระเอกจะมีปัญญา​ทำอะไร​ได้​ไหม​
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-06-2019 00:05:28
เศร้าไปอีก สารพัดเรื่องมารัวๆ ภัทรไหวมั้ย ย้ายไปยุ่กับพี่สาวเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 01-06-2019 00:11:33
 :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 01-06-2019 01:19:34
อาทิตย์พยายามทำอะไรบ้างไหมกับความสัมพันนี้
สงสารภัทรเจอแต่ปัญญาเข้ามาเต็มๆที่เดียว
น้องเข้มแข็งมากๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-06-2019 02:24:26
ชัดเจนดีค่ะคุณผู้หญิง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2019 02:44:00
เข้าใจคุณหญิงแม่นะ ในจุดนี้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท12 31.05.62
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-06-2019 07:43:09
ถึงเวลาทำอะไรให้ชัดเจนแล้วเนอะ  :katai2-1:
ต้องเลือกแล้วไหมคะคุณเจ้านาย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 (1/2) 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 01-06-2019 18:23:46

13



เวลาเปลี่ยน….ทุกอย่างก็เปลี่ยนตาม

                บางคนก็ทำได้แค่ถนอมไว้ในใจ ต่อให้เวลาจะผ่านไปกี่ปี เขาคนนั้นก็ยังอยู่ในใจภัทร…..ตรงที่เดิม

 



                [มาให้ได้นะภัทร เราก็เป็นคนสำคัญของพี่เหมือนกันนะ]



                “พี่นัทพูดถึงขนาดนี้แล้ว ภัทรจะใจร้ายไม่ไปได้ไงล่ะครับ”



                [โอเค ถือว่าเราตกลงนะ แต่มาถึงก่อนวันงานก็ดี พี่อยากนัดไปกินข้าว เมาธ์มอยกันกรุบ ๆ คิดถึงงงงง]



                “ฮ่า ๆ โอเคครับ ได้วันแน่นอนเดี๋ยวภัทรทักไปบอกนะครับ”



                [โอเคจ้ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะ]



                “ครับ พี่นัทก็เช่นกันนะครับ”



                หลังจากวางสายพี่นัทอดีตเพื่อนร่วมงานเสร็จ ภัทรก็หมุนเก้าอี้ไปคว้าปฏิทินตั้งโต๊ะกากบาทวันสำคัญเอาไว้ ไหน ๆ ว่าที่เจ้าสาวก็อุตส่าห์โทรทางไกลมาบอกวันมงคลทั้งที ครั้นจะไม่ไปก็เกรงว่าจะเสียมารยาท อีกอย่างพี่นัทเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล สมัยที่เขาทำงานอยู่บริษัทใหญ่ อีกฝ่ายก็มีบุญคุณ คอยช่วยเหลือภัทรอยู่หลายครั้งหลายหน



                 นับตั้งแต่วันที่ภัทรตัดสินใจลาออกจนถึงปัจจุบัน ทุกอย่างล่วงเลยมาเป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้ว รอบตัวภัทรมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าโอ๊ตก็กลายมาเป็นเด็กนอก หลังจบชั้นประถมที่ไทย ก็ได้ย้ายมาเรียนที่ต่างประเทศ ตามความประสงค์ของเป็นแม่ ส่วนพี่นัท คนที่บ่นแทบทุกวันว่าไม่มีรักแท้เสียที ตอนนี้เธอก็กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าสาว



                ทุกคนกำลังก้าวไปข้างหน้า มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา เหลือแค่ภัทรที่ยังยืนอยู่ที่เดิม…..



                ความรักของพี่นัท ภัทรรู้เรื่องราวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาตัดสินใจมาที่ต่างประเทศ เพื่อเที่ยวและฟื้นฟูจิตใจตัวเอง ทำให้เขายังไม่เคยเห็นว่าที่เจ้าบ่าวตัวจริงเลยสักครั้ง ภัทรก็ได้แต่หวังว่าว่าที่เจ้าบ่าวของพี่นัทจะเป็นคนดีและรักษารอยยิ้มของผู้หญิงนิสัยดี ๆ ของเธอเอาไว้นาน ๆ



                ภัทรใช้เวลาเที่ยวกับเจ้าโอ๊ตและพี่สาวตามเมืองต่าง ๆ ราว ๆ สองสัปดาห์ พอคิดว่าตัวเองจิตใจแข็งแรงมากพอ จนสามารถกลับไปใช้ชีวิตเพียงลำพังได้โดยไม่ฟุ้งซ่านได้แล้ว เขาจึงตัดสินใจลงเรียนภาษาอังกฤษต่อ เพื่อไปต่อยอดในการทำงานที่บริษัทใหม่



                จริง ๆ ภัทรสามารถเสียแค่เงินค่าเรียนภาษาและพักอยู่บ้านพี่สาวได้ แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ไหนอารมณ์ติสท์ อยากท่องโลกกว้าง ใช้ชีวิตเพียงลำพังของตัวเองอีก ทำให้เขาย้ายมาเรียนที่ประเทศอังกฤษแทน



                ชีวิตที่ปราศจากผู้ชายคนนั้น มันไม่ง่ายสำหรับภัทร…. ต่อให้เขาพยายามเข้าใจเหตุผลของทุกคน พยายามเข้าใจโลกแล้ว แต่ภัทรก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี



                ช่วงแรก ๆ หลังตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะลาออก สำหรับภัทรมันไม่ง่ายเลย ทุกอย่างดูปุบปับและกระชั้นชิดไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลาออกจากงานหรือการตัดสินใจไปฟื้นฟูจิตใจที่ต่างประเทศ



                ปกติตามสัญญาของบริษัท ภัทรจะต้องแจ้งลาออกล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน เพื่อที่บริษัทจะได้หาคนมารับช่วงต่องานได้ทัน แต่เพราะสาเหตุการลาออกของภัทรในครั้งนี้ ไม่ใช่เหตุผลทั่ว ไป แถมยังมีคนตำแหน่งใหญ่โต ยังมีหุ้นอยู่ในบริษัท คอยเห็นดีเห็นงามเรื่องการลาออกครั้งนี้ด้วย ทำให้ภัทรไม่ต้องลาออกล่วงหน้าเหมือนอย่างปกติ เขาสามารถลาออกได้เลย ขอแค่เคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จเรียบร้อยก็พอ ส่วนค่าตอบแทนจะได้เหมือนเดิม ตามสัญญาการว่าจ้างที่ตกลงกันเอาไว้ 



                ความฟุ้งซ่านเล่นงานภัทรทันที ทุกครั้งที่เขาอยู่เพียงลำพัง มันเจ็บปวดมากแค่ไหน สำหรับคนอื่นภัทรไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่เห็นสายเรียกเข้าเป็นเบอร์คุณภาสกร ภัทรก็ร้องไห้ทุกครั้ง เขาแทบเสียสติทุกครั้งที่เห็นคุณเขากระหน่ำโทรเข้ามา ไม่ก็พยายามส่งข้อความมาหา แต่ภัทรเลือกที่จะใจแข็งไม่รับสายและไม่ตอบกลับไป



                ภัทรกลัวใจตัวเอง….กลัวว่าถ้าได้คุยกับคุณภาสกร ได้ยินเสียงพูด เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย เขาจะเจ็บปวด ทุกอย่างจะยืดเยื้อ ภัทรจะเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นและเขาก็จะตัดใจไม่ได้เสียที



                โชคดีที่คุณภาสกรไม่ได้บุกมาหาถึงที่บ้านอย่างที่ภัทรกังวลในตอนแรก ไม่รู้ว่าฝั่งแม่ของคุณเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไงบ้าง แต่คิดว่าระดับจากคุณธารณีคงจัดการลูกชายตัวเองได้



                ช่วงสองสามวันแรกที่ภัทรตัดสินใจงดติดต่อกับคุณภาสกรทุกช่องทาง อีกฝ่ายโทรหาภัทรหลายสิบสายในหนึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นภัทรก็เริ่มเตรียมพาหลานชายไปหาพี่สาวที่ต่างประเทศ ไหนจะวุ่นเรื่องเอกสารประจำตัวของหลานชายอีก ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาว่าง มานั่งเฝ้าโทรศัพท์เท่าไรนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเวลาจับมันเลย



                ทุกครั้งที่ภัทรว่างและกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเห็นสายเรียกเข้าของคุณเขา เขาก็มีน้ำตาซึมทุกครั้ง ความคิดถึงทำงานอย่างหนัก ต่อให้คิดถึงน้ำเสียงของคุณภาสกรแค่ไหน ภัทรก็ต้องใจแข็ง เตือนตัวเองว่าห้ามรับสายเด็ดขาด ไม่งั้นแผนที่วางเอาไว้ในตอนแรกได้พังแน่



                บางทีเราอาจเป็นบททดสอบของกันและกัน…..ถ้ามันใช่ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ในอนาคตเราอาจได้พบกันอีก แต่อยู่ในรูปแบบไหน ไม่มีใครรู้



                ….หรือไม่ เราก็อาจกลับไปเป็นคนที่ไม่รู้จักกันอีกครั้ง



                ภัทรปล่อยให้คุณภาสกรพยายามติดต่อเขาจนพอใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหายไปอย่างถาวร เมื่อภัทรตัดสินใจบล็อกทุกช่องทางการติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ เบอร์โทร หรือช่องทางอื่น ๆ แต่มีช่องทางเดียวที่เขาตัดสินใจไม่บล็อกนั่นก็คือทวิตเตอร์



                หลังพาเอาเจ้าโอ๊ตมาส่งพี่สาวเรียบร้อยแล้วและภัทรก็มาเรียนภาษาต่อที่อังกฤษ เขาก็ตัดสินใจกลับไปเล่นแอคเคานต์ลูกไม้ป่าอีกครั้ง เมื่อความเหงาและอาการฟุ้งซ่านเริ่มกลับมาเล่นงาน



                ทันทีที่เขามีการเคลื่อนไหวผ่านแอคเคานต์ลูกไม้ป่าโดยทวีตข้อความสั้น ๆ ว่ากลับมาแล้ว ก็มีเหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้วยกันมานานหรือผู้ติดตามที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ต่างเข้ามาทักทาย ให้กำลังใจซึ่งภัทรไม่ได้ตอบกลับไปใครสักคน แต่เขาอ่านหมดทุกข้อความ รวมไปถึงแอคเคานต์ที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตากันมานานอย่างคุณพี อีกฝ่ายเองก็ไม่พลาดที่จะกลับมาทักทายภัทรเช่นกัน แต่ข้อความกลับแตกต่างจากแอคเคานต์อื่น นั่นก็คืออ้อนวอน ขอให้ภัทรเลิกเล่น



                เพราะมันเป็นช่องทางเดียวที่ภัทรไม่ได้บล็อกอีกฝ่าย ทำให้เขาเห็นทุกข้อความที่คุณพีหรือในโลกแห่งความจริงคือคุณภาสกรส่งมาหา ภัทรอ่านทุกข้อความที่อีกฝ่าย แต่ไม่ได้ตอบกลับไปสักประโยค



                ตอนนี้คุณภาสกรจะเป็นยังไง มีข่าวดีกับไพลินหรือยัง? คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวภัทรอยู่บ่อยครั้งยามที่เขาอยู่เพียงลำพัง เขาอยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของคุณภาสกร อยากรู้ว่าคุณเขามีความสุขหรือเปล่า แต่ก็ความคิดเล็ก ๆ แย้งขึ้นมาว่าอย่ารู้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด



                ภัทรยังคงเจ็บเสมอเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต ต่อให้ผ่านมาเกินหนึ่งปีแล้วก็ตาม เรื่องราวในอดีตก็ยังเป็นอาวุธร้ายที่ภัทรใช้ก็ทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่นึกถึง



                ภัทรสลัดความคิดเดิม ๆ ออกจากหัว หลังเขากำลังดำดิ่งกับเรื่องราวในอดีตและเริ่มรู้สึกว่ากำลังจมกับความเศร้าอีกครั้ง เพื่อให้เลิกคิดถึงเขา ภัทรจึงหาอะไรทำ อย่างเช่นลุกขึ้นไปชงโกโก้ร้อนดื่มคลายหนาว ก่อนดูหนังสักเรื่อง พอให้หนึ่งวัน ณ ประเทศอังกฤษ ผ่านพ้นไป



                ช่วงนี้อากาศที่อังกฤษเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันก็ฝนตก บางวันก็มีพายุหิมะ มันทำให้การเดินทางของเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก ส่วนใหญ่ภัทรจึงตัดปัญหานอนอุดอู้อยู่ในห้องพัก



                ภัทรชอบกลิ่นไอฝน ชอบกลิ่นดินเวลามันโดนน้ำ มันทำให้เขาคิดถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก แต่ในขณะเดียวกัน เขาไม่ชอบความเฉอะแฉะและความยากลำบากในการเดินทาง จึงไม่ค่อยชอบออกไปไหน ยามที่อากาศไม่ค่อยปกติเช่นนี้ นอกจากออกไปเรียนและแวะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อเสบียงไว้ทำกินในห้องพัก ภัทรก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย             



                นอกจากจะกลับไทยเร็ว ๆ นี้เพื่อไปร่วมงานแต่งของพี่นัท ภัทรคิดว่าอีกไม่นาน เขาคงจะได้กลับไทยอีกครั้งและอยู่ยาว ถึงเวลาที่ภัทรต้องกลับไปทำงานหาเงินเสียที ต่อให้จิตใจข้างในจะยังคงเจ็บอยู่ แต่ภัทรจะลีลา หลบเลียแผลใจที่ต่างประเทศ ไม่ยอมกลับไปทำงานนานกว่านี้ไม่ได้ เขาต้องรีบกลับไปทำงานเพื่อหาเงิน ก่อนที่เงินเก็บก้อนสุดท้ายในธนาคารจะไม่เหลือ



                ให้พูดกันตามตรง ค่าใช้จ่ายในประเทศอังกฤษ เทียบเป็นเงินไทย เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันถูกเลยสักครั้ง ค่าเรียนภาษา ค่าที่พัก ค่าครองชีพ ไหนจะจิปาถะต่าง ๆ มันเป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะ เกินกว่าจะมองข้ามไปได้ โชคดีที่มีพี่สาวคอยช่วยซัพพอร์ตส่วนหนึ่ง ภัทรจึงไม่ต้องจ่ายทั้งหมด ไม่งั้นเขาคงอยู่ที่นี่ได้ไม่จบครอสแน่



                ภัทรมองเหม่อไปทางหน้าต่าง ดูเหมือนวันนี้ความคิดถึงจะทำงานได้มากกว่าปกติ อาจเพราะพี่นัทโทรมาหา เขาจึงอดคิดเรื่องในอดีตไม่ได้ เรื่องราวยังคงจบอย่างเดิม อดีต มันเกินขึ้นไปแล้วและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ภัทรที่นำกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง คงเพราะเขาจินตนาการว่าถ้าเขาในตอนนั้น ไม่ทำแบบนั้นหรือทำแบบนี้ เรื่องราวจะจบลงแบบเดิมหรือเปล่า



                ภัทรแค่คิดว่าหากวันนั้น….เขาควบคุมตัวเอง ไม่ให้หวั่นไหว ไม่ปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลไปกับความน่าหลงใหลของคุณภาสกร ทุกอย่างจะเป็นยังไง ในปัจจุบันเราจะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์และล้มเหลวเหมือนอย่างในตอนนี้ไหมหรือเราจะอยู่ในบทบาทเจ้านาย ลูกน้องที่ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกันเหมือนเดิม



                นั่นก็เป็นแค่ความคิด….เพราะภัทรปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลไปกับคุณเขา ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ต่างก็เตือนสติแล้วว่าคนอย่างคุณภาสกร เราก็ทำได้แค่มอง แต่ภัทรก็ยังดึงดันจะถลำลึกไปกับความสัมพันธ์นี้อยู่ดี



                เขาระบายยิ้มจาง ๆ เมื่อตระหนักได้ว่าการอกหักครั้งนี้ของเขา มันช่างมีมูลค่าเหลือเกิน การฝึกฝนภาษาอังกฤษของเขา นี่ก็เป็นแค่ผลพลอยได้ เพราะภัทรไม่ได้ตั้งใจจะมาเรียนภาษามาตั้งแต่แรก แต่เขารู้ดี ว่าที่เขามาที่นี่เพื่อต้องการหนีปัญหา ไม่อยากจะสู้อะไรกับคุณภาสกรอีกแล้วต่างหาก



                จริง ๆ ภัทรไม่ควรเจ็บปวดด้วยซ้ำ หากคุณภาสกรจะเปลี่ยนใจเริ่มต้นใหม่กับไพลิน เพราะเขาเลือกทางให้อีกฝ่ายเอง ภัทรควรจะไม่เจ็บปวด ในเมื่อตัดสินใจแล้ว



                แต่เขากลับทำไม่ได้…..



                ภัทรก็ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นทางออกที่ดี ในเมื่อเลือกแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ การหลบมาอยู่ต่างประเทศครั้งนี้ เขาไม่หวังอะไรเลย นอกจจากจะขอแค่หากโชคชะตาเล่นตลกให้เราได้เจอกันอีกครั้ง เขาก็ขอให้ตัวเองไม่ร้องไห้ต่อหน้าคุณเขาก็พอ



                เท่านั้นก็พอ….









หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 (2/2) 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 01-06-2019 18:25:50


                การกลับมาประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ต่างจากการได้กลับบ้านหลังเดิมอีกครั้ง เมื่อเท้าสัมผัสพื้นในเขตประเทศไทย  ภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองได้ความปลอดภัยกลับคืนมา    เขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ในตอนแรกภัทรเองก็ไม่ได้คิดถึงเมืองไทยเท่าไรนัก มีบ้างที่คิดถึงอะไร ๆ ที่ต่างประเทศไม่มีขาย แต่ประเทศไทยมี



                 ภัทรรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดถึงเมืองไทยมาก จนถึงขั้นกากบาทนับถอยหลังรอวันกลับบ้านเกิด เขาคิดเช่นนั้น แต่พอเท้าแตะพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ ความคิดถึงก็ทำงานทันที รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเดิม ๆ อย่างอาหารอีสานก็เป็นสิ่งแรก ๆ ที่ภัทรนึกถึงและอยากกิน



                ภัทรมาถึงประเทศไทยตอนเช้าตรู่ เขามีเวลาพักผ่อน นอนเอาแรงประมาณหกชั่วโมง เพราะช่วงเย็นมีนัดทานข้าวกับพี่นัทตามประสาคนคุ้นเคย และการกลับไทยครั้งนี้ ภัทรก็บินกลับมาเพื่องานแต่งของเธอโดยเฉพาะ



                ก่อนที่ภัทรจะกลับมาถึง เขาได้โทรบอกแม่บ้านรับจ้างเข้ามาทำความสะอาดล่วงหน้าก่อน ทำให้เมื่อกลับมา ภัทรจึงสามารถขึ้นห้องนอนพักผ่อนได้เลย ไม่ต้องมาเหนื่อย ทำความสะอาดบ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ราว ๆ หนึ่งปีกว่าอีกครั้ง



                เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังเดิม หลังเปิดประตู ภัทรก็กวาดสายตามองรอบ ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะครั้งนี้ไม่มีเจ้าโอ๊ตกลับมาด้วย ทำให้เขารู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ถึงภัทรและหลานชายจะมีช่วงวัยที่ห่างกัน แต่ก็ยังพอได้พูดคุยแก้เหงาได้ แต่ตอนี้คงจะเหลือเพียงแค่ภัทรเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้เพียงลำพัง

 







                “ภัทร ผอมลงปะเนี่ย”



                “จริงเหรอครับ อยู่ที่อังกฤษภัทรกินแต่พวกแป้ง พวกชีสนะ”



                “ผอมลงจริง ๆ ดูซิ แก้มตอบเชียว”



                ”……”



                “ช่างเถอะ  นั่งลง ๆ พี่ล่ะคิดถึงเราม้ากกมาก จะปรึกษาอะไรก็ไม่สะดวกเลย ไหนอะไรเป็นยังไง ทำไมถึงได้หนีไปเรียนภาษานานเป็นปีขนาดนี้” ทันทีที่เราต่างนั่งลง พี่นัทก็ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของภัทรทันที ทำเอาคนถูกถามถึงกับหลุดหัวเราะออกมา



                เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารไทย ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านภัทร บทสนทนาหลังไม่ได้พบกันประมาณเกือบปีกว่า ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากต่างฝ่ายต่างแชร์เรื่องราวตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ มีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง ว่าที่เจ้าสาวอย่างพี่นัทไปเจอเจ้าบ่าวที่ไหน ทำไมถึงตัดสินใจแต่งงาน ทำไมภัทรถึงไม่ยอมกลับไทยเสียที แล้วคิดอะไรไปถึงได้ลงเรียนภาษาระยะยาว



                พี่นัทเล่าเรื่องราวของเธอให้ภัทรฟังว่า เธอยังคงทำงานอยู่ที่เดิม อีกฝ่ายเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้และเล่าเรื่องราวเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่ไม่ค่อยลงรอยให้ฟัง ภัทรแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่และปลอบใจเธอเรื่องเพื่อนร่วมงานที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากไม่มีการปรับตัวเข้าหากัน ไม่ต่างคนต่างอยู่ ก็คงต้องมีใครคนหนึ่งลาออก ปัญหานี้ถึงจะหมดไป



                  ภัทรให้คำปรึกษาพี่นัทในอีกหลาย ๆ เรื่อง ตามประสาอดีตรุ่นน้องงร่วมแผนก ในขณะเดียวกันเขาเองก็รับรู้ถึงความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบริษัทผ่านการเล่าเรื่องราวของเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้กล่าวถึงและภัทรก็ไม่มีความกล้าพอที่จะถาม นั่นก็คือความเป็นไปของคุณภาสกร



                ภัทรยังอยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของคุณภาสกร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากหาเรื่อง ทำให้ตัวเองเจ็บปวดอีกครั้ง ในเมื่อพี่นัทไม่ได้เล่าเรื่องราวของเจ้านายให้ภัทรฟัง เขาจึงตัดสินใจไม่เอ่ยถามเช่นกัน ภัทรได้แต่หวังว่าในอนาคต  ตัวเขาจะเลิกใส่ใจเรื่องของคุณภาสกรเสียที



                “เออภัทร พี่ก็ลืมบอก งานแต่งพี่คุมโทนสีแดง ชมพู ขาวนะ”



                “จริงเหรอครับ ภัทรจะแต่งตัวยังไงเนี่ย”



                “เหลือเวลาอีกตั้งสองวัน ไปคิดมา ๆ ขอน่ารัก ๆ”



                “ฮ่า ๆ จะพยายามแล้วกันครับ”



                เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีธุระอะไร หลังจากทานข้าวเสร็จ เราจึงเดินห้างต่ออย่างไม่รีบร้อน รายละเอียดส่วนต่าง ๆ ในงานแต่งของพี่นัท ว่าที่เจ้าสาวก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว จึงไม่มีให้ต้องห่วง รอแค่ให้ถึงวันงานแต่งก็พอ

                 ตอนนี้หน้าที่หลัก ๆ ที่พี่นัทต้องทำก็คือต้องช่วยภัทรหาซื้อชุดใหม่ ให้เข้ากับโทนสีงานแต่งของเจ้าตัว ภัทรจำได้ว่าเขาเองก็ไม่ค่อยมีชุดออกงานเป็นโทนพวกนี้เท่าไรนัก ไหน ๆ ก็ได้มาห้างสรรพสินค้าแล้ว จึงตัดปัญหาโดยการซื้อใหม่ดีกว่า เผื่อสองวันข้างหน้า อาจติดธุระแล้วไม่ได้แวะมาซื้อ แถมจะสั่งตัดตอนนี้ก็คงไม่ทันการ

 

              ภัทรใช้เวลาในการเลือกซื้อเสื้อผ้าไม่ต่างนานนัก ด้วยความที่ไม่ใช่คนเรื่องมากและครั้งนี้ยังมีคนคอยออกความคิดเห็นช่วยอีก ทำให้เขาเลือกซื้อชุดได้เร็ว แต่ถึงจะได้ชุดแล้ว กว่าเราจะออกจากตัวห้างกันจริง ๆ ก็เกือบถึงเวลาห้างปิดพอดี



                 เมื่อถึงเวลาที่จะต้องแยกย้าย พี่นัทจึงอาสามาส่งภัทรที่บ้านต่อ เขาเกรงใจอดีตรุ่นพี่ร่วมแผนกแทบแย่ จึงรีบปฏิเสธความมีน้ำใจนั้นอย่างไม่ต้องคิด เพราะอาหารเย็นมื้อนี้ เธอก็เป็นเจ้ามืออาสาจ่ายค่าอาหารทั้งหมดเอง ถ้าจะให้ไปส่งกันอีก ภัทรคงรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก ขนาดในตอนนี้เขายังรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบเธอเลย



                “ไม่ให้พี่ไปส่งแน่นะ” พี่นัทถามภัทรให้แน่ใจอีกครั้ง หลังถึงเวลาที่เราต้องแยกย้ายกันจริง ๆ



                “ครับ ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ แค่พี่นัทเลี้ยงอาหารมื้อเย็นนี้ ภัทรก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”



                “เฮ้อ….ตามใจเราก็แล้วกัน อีกสองวันถึงงานพี่แล้วนะ ห้ามลืมเด็ดขาด”



                “จะลืมได้ยังไงล่ะครับ กลับไทยเพื่อมางานแต่งพี่นัทโดยเฉพาะเลยนะ”



                “พี่รู้สึกเป็นเกียรติมาก อ้อ! สถานที่ เวลาพิธีการต่าง ๆ ระบุอยู่บนการ์ดแล้วนะ มีอะไรสงสัยก็ไลน์หาพี่ได้เสมอ” 



                “โอเคครับ เจอกันวันงานนะครับ” ภัทรว่า



                “จ้ะ…พี่ไปล่ะ กลับบ้านดี ๆ บ๊ายบาย” เราโบกมือลากันพอเป็นพิธี ภัทรมองแผ่นหลังของพี่นัทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะเดินแยกไปอีกทาง เพื่อเตรียมกลับบ้านตัวเอง

 









                ในที่สุดก็มาถึงวันแต่งงานของพี่นัท ภัทรที่อยู่ในชุดสูทสีแดงตามธีมของงานแต่ง มองตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้ง เพื่อเรียกความมั่นใจ ในเวลานี้เขารู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย รู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นผิดจังหวะ เพราะนี่ไม่ใช่แค่วันสำคัญของพี่นัทเพียงอย่างเดียว แต่เขายังจะได้พบเจออดีตเพื่อนร่วมงาน ร่วมบริษัทในรอบหนึ่งปี นับตั้งแต่วันที่ภัทรตัดสินใจลาออกอีกด้วย



                เมื่อเข้ามาถึงในงาน ภัทรก็รีบเข้าไปทักทายพี่นัท ผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าที่คู่ชีวิตของเธอ ภัทรได้มีเวลาทำความรู้จักกับพี่ไก่เจ้าบ่าวของพี่นัทเพียงผิวเผินเท่านั้น เนื่องด้วยทุกอย่างกำลังวุ่นวาย



                ภัทรปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านั้น เขารีบอวยพรให้คู่บ่าวสาวด้วยความยินดีและดีใจที่สองคนนี้ได้พบกัน พร้อมกับปิดท้ายเป็นประโยคสั้น ๆ ว่าขอให้ทั้งสองมีเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จากนั้นเราก็ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี เก็บไว้เป็นระลึก ไว้ดูตอนแก่ ก่อนที่ภัทรจึงปล่อยให้พี่นัทและพี่ไก่ดูแลแขกเหรื่อท่านอื่นต่อไป



                 หลังจากนั้น ภัทรจึงพาตัวเองไปยืนหลบมุมชิมเครื่องดื่มอย่างเงียบ ๆ ในตอนแรกเขาตั้งใจจะแวะมาหาเจ้าบ่าว เจ้าสาว อวยพรให้ทั้งคู่มีความสุขในชีวิตคู่ ถ่ายรูปและกลับบ้าน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอยู่ต่อในงาน เพราะอยากร่วมยินดีกับพี่นัทจริง ๆ อีกทั้งเขาก็อุตส่าห์กลับเมืองไทย เพื่อมางานแต่งพี่นัทอยู่แล้ว จะให้กลับเลยก็ดูไม่คุ้มค่าเหนื่อย



                ภัทรยืนอยู่คนเดียวในงานก็จริง แต่เขาไม่ได้รู้สึกเหงาแต่อย่างใด บรรยากาศที่เป็นอยู่ มันไม่ได้แย่อย่างที่ภัทรคิดเอาไว้  เพราะอย่างน้อยตลอดเวลาที่เขายืนอยู่เพียงลำพัง ก็มีคนแวะมาทักทายอยู่เรื่อย ๆ



                ส่วนใหญ่ก็มีแต่อดีตเพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้น ซึ่งทุกคนก็เข้ามาทักทายและเอ่ยถามความเป็นไปของภัทร หลังจากเขาตัดสินใจลาออกไป คนส่วนใหญ่จะถามแค่ว่าตอนนี้ภัทรกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน เราทักทายและพูดคุยกันพอเป็นพิธี ก่อนจะแยกย้ายไปทักทายคนอื่นในงานต่อ



                การเฉลิมฉลองงานแต่งของพี่นัทดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความชื่นมื่น ตลบอบอวลไปด้วยความรักของคู่บ่าวสาว พี่นัทเป็นมิตรกับทุกคน เธอเป็นผู้หญิงนิสัยดีคนหนึ่ง คอยช่วยเหลือไม่ว่าเรื่องอะไร มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ ก็ต่างยินดีและอิ่มเอมไปกับเธอรวมถึงตัวภัทรด้วย



                พิธีการดำเนินมาจนถึงพิธีตัดเค้กของคู่บ่าวสาว ภัทรที่กำลังยืนมองพี่นัทจับมือพี่ไก่และกำลังตัดเค้กร่วมกัน ถึงกับเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาจ้องภาพของคนสองคนที่กำลังจะเป็นคู่ชีวิตกัน ในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้นานนับนาที ก่อนที่ภัทรจะมองทะลุไปอีกฝั่งที่มีแขกเหรื่อจำนวนหนึ่งกำลังยืนอยูเช่นกัน หลังเขารู้สึกว่ากำลังถูกใครสักคนจับจ้องอยู่



                 “……”



                เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ภัทรก็ถึงกับนิ่งไปราวกับกำลังถูกสาปให้เป็นหิน ภัทรไม่ได้รู้สึกไปเอง แต่มีคนกำลังมองมาทางเขาจริง ๆ



                ภัทรถึงหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง เวลารอบตัวหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อสายตาของเขาสบประสานเข้ากับดวงตาคู่สวยที่เฝ้าคิดถึงมาโดยตลอด อยากรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายแทบขาดใจอย่างคุณภาสกร



            ….ผู้ชายที่ภัทรผลักไสให้อีกฝ่ายออกจากชีวิตตัวเองและคิดถึงอีกฝ่ายในทุก ๆ วัน

 







                แม้จะมีผู้คนรายล้อมรอบ ๆ ตัวคุณภาสกร แต่ภัทรก็จะเห็นอีกฝ่ายเป็นคนแรกเสมอ….



            ในขณะที่ทุกคนกำลังร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ภัทรเองก็สบตากับคุณเขา เราสบตากันนานนับนาที มันมากพอที่ภัทรจะได้รู้ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย นอกจากการโกหกตัวเองไปวัน ๆ ว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นก็เท่านั้น



                แต่ในความจริงความรู้สึกวันนี้และวันนั้น มันไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่นิด….



                ภัทรสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง คุณภาสกรยังคงจ้องหน้าภัทรตาไม่กะพริบ ภัทรจึงอาศัยจังหวะนั้นสังเกตอีกฝ่ายวาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณภาสกรเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน



                คุณภาสกรไม่ได้แตกต่างจากไปเดิมมากนัก นอกจากโครงหน้าที่ดูชัดเจนขึ้น ดูเหมือนคุณเขาจะผอมลง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังมีเสน่ห์ ตรึงสายตาภัทรได้อย่างอยู่หมัดอยู่ดี




                ภัทรอยากเดินเข้าไปทักทายคุณภาสกร แต่ในเวลานี้และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็ไม่แน่ใจว่าคุณภาสกรเองจะอยากคุยด้วยหรือเปล่า สุดท้าย…..ภัทรจึงทำได้แค่ส่งยิ้มไปทักทายแทน นานนับนาทีกว่าที่อีกฝ่ายทักทายกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณเขาจะหมุนตัวกลับไป เดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย จนภัทรไม่สามารถมองตามได้อีกแล้ว














หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 (3) 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 01-06-2019 18:26:51

















                การที่ได้กลับมาพบคุณภาสกรด้วยความบังเอิญในงานแต่งงานของพี่นัท ทำให้ภัทรได้รู้หัวใจตัวเอง หัวใจเขายังเต้นแรงกับคน ๆ เดิม ดูเหมือนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เวลาก็แค่ช่วยให้ภัทรโกหกตัวเองว่าเข้มแข็งขึ้นแล้วก็เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย….



                ภัทรยังเจ็บปวดกับเรื่องเดิม  คิดถึงคนเดิมและหัวใจเต้นแรงกับคนเดิม….



                บางทีนี่อาจคือปลายทางความสัมพันธ์ของเราก็ได้ เราอาจกำลังกลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันเหมือนในวันแรก ต่างก็ตรงที่ว่าเราไม่สามารถเข้าไปทำความรู้จักกันเหมือนในตอนนั้นได้อีกแล้ว



                ภัทรถอนหายใจออกมา เมื่อสายตาของเขาไม่สามารถมองตามแผ่นหลังกว้างของคุณภาสกรก็ได้อีกแล้ว หลังจากจัดการเครื่องดื่มในมือหมด ภัทรจึงตัดสินใจออกมาสูดอากาศข้างนอกเพื่อตั้งสติ เขาไม่แน่ใจว่าเสร็จจากนี้ จะกลับเข้าไปในงานอีกหรือเปล่า แต่ภัทรคิดว่าถ้าไม่มีอะไรนอกจากปาร์ตี้ส่งท้ายงานแต่ง เขาก็อาจจะกลับบ้านเลย



                 การพบกับคุณภาสกรด้วยความบังเอิญครั้งนี้ มันเป็นเรื่องที่ดี ภัทรคิดเช่นนั้น อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังสบายดี แต่ไม่รู้ทำไมวินาทีที่คุณเขาหันหลังให้กันและเดินจากไปนั้น ภัทรรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกขมปร่าในลำคอ หลังตระหนักได้ว่าตัวเองทำได้แค่ยืนมองให้อีกฝ่ายเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ….ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเดินเข้าไปหา



                ภัทรปล่อยให้ความคิดตัวเองล่องลอยไปกับสายลม หลังเขาขึ้นมาสูดอากาศบนชั้นดาดฟ้าที่โรงแรมเปิดไว้ให้บริการลูกค้าที่ต้องการจะสูบบุหรี่ แต่ในเวลานี้มีแค่เขาเท่านั้นกำลังใช้พื้นที่แห่งนี้



                ดวงตาของภัทรจับจ้องทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครฯอย่างเหม่อลอย ตั้งแต่ได้พบคุณภาสกรอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน ยังดีที่ไม่ได้ร้องไห้อย่างที่หวั่นในตอนแรก ไม่งั้นทุกอย่างคงดูแย่กว่านี้



                แค่วันนี้คุณภาสกรหันหลังให้ มันก็แย่เกินพอแล้ว….



                บรรยากาศในตอนนี้เหมาะกับการสูบบุหรี่สักมวนและปล่อยให้สมองคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่น่าเสียดายที่ภัทรไม่มีมัน เขาจึงทำให้ได้แค่ปล่อยความคิดของตัวเองไปพร้อม ๆ สายลมที่ปะทะเข้าหน้าเป็นระยะ ๆ



                ความคิดของภัทรในตอนนี้ หลัก ๆ ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องของคุณภาสกรอยู่ดี รองลงมาก็เป็นเรื่องอนาคตว่าหลังจากจบครอสภาษา ภัทรจะทำอะไรต่อไป



                จนกระทั่งตอนนี้คุณภาสกรยังคงยึดครองพื้นที่ความคิดภัทรอยู่ อีกฝ่ายยึดครองมันมานานเหลือเกิน ทั้งช่วงเวลาที่เรายังมีความสุขและตอนที่ภัทรกำลังเจ็บปวด



                ภัทรตั้งใจไว้ว่าหลังจากเสร็จงานแต่งพี่นัท เขาจะกลับอังกฤษในอีกสองวันข้างหน้าเพื่อไปเรียนภาษาต่อ ซึ่งภัทรก็ได้จองเที่ยวบินกลับไว้แล้ว เพราะเหลืออีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะจบหลักสูตร แล้วหลังจากนั้นภัทรถึงจะได้กลับมาไทยเพื่อเตรียมเอกสารและสมัครที่บริษัทใหม่อีกครั้ง



                ภัทรถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ขณะที่มองทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครฯในค่ำคืนนี้ แสงไฟตามตึกต่าง ๆ พอมารวมกันเยอะ ๆ แล้วด้วยดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก คล้ายหมู่ดาวแต่ไม่ใช่ ทิวทัศน์ยามค่ำคืนเช่นนี้ มันทำให้ความคิดของเขาลื่นไหลอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดดเดี่ยว



                ดาดฟ้าไม่ใช่ที่ส่วนตัวของภัทรอีกต่อไป เมื่อในเวลาต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาทางนี้ นั่นจึงทำให้ภัทรหันไปมองอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเห็นว่าเป็นใครที่ต้องการจะแชร์สถานที่นี้ด้วยกัน ภัทรก็เกิดอาการหนักใจอย่างบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงด้วยว่าความบังเอิญจะทำให้เราได้มาเจอกันอีกครั้งบนชั้นดาดฟ้า



                 นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราต่างกระอักกระอ่วนกันอย่างไม่บอกไม่ถูก จังหวะที่เห็นคุณภาสกร ภัทรก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเขาเองกำลังหายใจผิดจังหวะ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เราสบตากันท่ามกลางความเงียบงันและสายลมที่พัดผ่านหน้าไป ก่อนที่ภัทรจะเป็นฝ่ายผละสายตาหันไปก่อน



                “ขอโทษที…ผมไม่คิดว่าจะมีคนอยู่” เพราะการกระทำก่อนหน้านี้ ทำให้ภัทรไม่คิดด้วยซ้ำว่าคุณภาสกรจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนและนั่นมันก็เป็นเรื่องยากที่ภัทรจะเมินเฉยประโยคของคุณเขา



                “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่มาสูดอากาศเฉย ๆ คุณอาทิตย์จะใช้สถานที่นี้ด้วยกันก็ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวผมก็จะลงไปแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว



                นี่คือบทสนทนาของคนเคยสนิทและกลับมาพบกันอีกครั้ง ในเวลาหนึ่งปีถัดมา คุณภาสกรไม่ได้ว่าอะไรต่อ แต่กลับสบตาภัทรนิ่ง ๆ เท่านั้น ภัทรทำได้แค่ส่งยิ้มให้คุณเขาเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองพื้นแทน นับว่าเป็นอีกครั้งที่ภัทรผละสายตาออกก่อน อาจเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะสบตาดวงตาคู่สวยให้นานกว่านี้



                “……” ในตอนแรกคุณภาสกรเหมือนจะเดินถอยหลังและหันกลับไป ทว่าอีกฝ่ายก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งและสุดท้ายคุณเขาก็เลือกที่จะแชร์สถานที่นี้กับภัทร



                เมื่อคุณภาสกรตัดสินใจแล้วว่าจะแชร์สถานที่นี้ร่วมกับภัทร อีกฝ่ายจึงเดินเข้ามา คุณเขาไม่ได้เดินมายืนข้างภัทร แต่เดินไปใช้พื้นที่อีกฝั่งแทนและความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ก่อนในเวลาต่อมาภัทรถึงรู้สึกว่าได้กลิ่นควันบุหรี่ เขาจึงหันไปมองอีกฝ่าย เพื่อที่จะได้เห็นว่าคุณภาสกรกำลังคีบบุหรี่ไว้ในมือหนึ่งมวน



                ภัทรอยากจะต่างคนต่างอยู่เหมือนกัน แต่พอคุณภาสกรยืนอยูไม่ห่างจากตัวเขามากนัก ความคิดมากมายที่เคยปล่อยล่องลอยไปตามสายลมก็หยุดชะงักไป เพราะไม่มีสมาธิ แม้คุณเขาจะไม่ได้ส่งเสียงรบกวนก็ตาม…..แม้จะคิดอะไรไม่ออกแล้วก็ตามแต่ถึงอย่างนั้นภัทรก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่คิดจะออกไปจากที่นี่แต่อย่างใด



                คุณภาสกรก็สูบบุหรี่ของตัวเองไป ภัทรก็ยืนอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง เรามองทิวทัศน์ยามค่ำคืนในสถานที่เดียวกัน แต่ไม่ได้ยืนข้างกัน มันเป็นเรื่องที่น่าตลกอยู่ไม่น้อยที่เรากำลังทำตัวห่างเหินเช่นนี้



                ภัทรเคยคิดเหมือนกันว่าหากเรากลับมาห่างเหินกันอีกครั้ง มันจะเป็นอย่างไรและภัทรคิดว่าตอนนี้เขารู้แล้ว มันไม่ดีเลยในความคิดเขา ความอึดอัดเป็นสิ่งที่ภัทรไม่ชอบ แต่เขากำลังเผชิญมันอย่างไม่มีทางเลือกและจะเรียกร้องอะไรก็คงไม่ได้ ในเมื่อภัทรเลือกแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้



                มันอาจเป็นจุดจบที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วจริง ๆ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้เกลียดจนมองหน้ากันไม่ติด….หรือเปล่า?



            พอมาคิดข้อนี้ดี ๆ ภัทรก็เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา แน่นอน…..เขาไม่ได้เกลียดคุณภาสกร แต่ภัทรก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุณเขาจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า



                “จะหายออกไปจากชีวิตกัน ไม่คิดจะบอกผมเลยเหรอครับ”



            “……” ตอนแรกก็คิดว่าคุณภาสกรต้องการให้เราต่างคนต่างอยู่จริง ๆ แต่พอถึงจังหวะที่ภัทรเตรียมจะเดินหนีจากความอึดอัดนี้ จู่ ๆ คุณเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับเป็นฝ่ายพูดก่อนด้วยประโยคเด็ดที่ทำเอาภัทรถึงกับชะงัก



                “ผมขอโทษครับ” ภัทรเอ่ยเสียงแผ่ว



                “ผมอยากโกรธคุณนะ….แต่ไม่ว่ายังไงก็โกรธคุณไม่ลงหรอก เพราะผมก็มีส่วนผิดเหมือนกัน” คุณภาสกรว่าพร้อมกับยิ้มอย่างไม่คิดอะไร ในมือของคุณเขาก็ยังคีบบุหรี่มวนเดิมเอาไว้



                “นึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว ปีหนึ่งที่ผ่านมาหายไปไหนเหรอครับ บ้านก็เห็นปิดเงียบ….จะถามใครก็ไม่มีใครรู้อีก”



                “ไปส่งเจ้าโอ๊ตไว้กับพี่สาวครับ หลานชายย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศ ไปอยู่กับแม่เขา เราเที่ยวนิดหน่อยและผมก็มาเรียนภาษาต่อที่อังกฤษ”



                “ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณสบายดีใช่ไหม” คุณภาสกรเอ่ยถามต่อ



                “ครับ ก็มีลำบากบ้าง แต่ก็อยู่ได้”



                “ทำไมไม่เหมือนผมเลยนะ”



                “……”



                “ช่วงคุณหายไปแรก ๆ ผมแทบบ้าเลยรู้ไหม ตอนนั้นแม่ก็คอยจับผิดอีก ตามหาคุณได้ไม่สะดวกเลย ทางเดียวที่จะทำได้ในตอนนั้นคือเพียรพยายามติดต่อคุณ แต่คุณก็ไม่เคยรับสายผมเลยสักครั้ง”



                “คุณอาทิตย์ครับ….ผมขอโทษ ผมเสียใจที่ทำให้คุณเป็นแบบนั้น….แต่ผมคิดว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว”



                “แล้วไม่คิดจะถามผมเลยเหรอครับว่าผมต้องการแบบนี้หรือเปล่า”



                “……”



                “คุณคิดอะไร คุณไม่เคยบอกผม….ในวันที่ผมทำสำเร็จแล้ว คุณก็หายไป ใจร้ายจังเลยนะ” คราวนี้คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ แม้ริมฝีปากของคุณเขาจะเหมือนคนกำลังคลี่ยิ้มตลอดเวลา แต่นัยน์ตาของเจ้าตัวกลับดูเศร้าหมองเสียจนคนมองรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก



                “ตอนนั้น….มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดในความคิดผมแล้วครับ ผมเสียใจที่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับคุณไม่ได้ แต่ต่อให้เราทำสำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้องอยู่ดี ผู้ใหญ่เขาวางแผนมาตั้งนาน ผมมาทีหลัง จะไปทำทุกอย่างพัง ยังไงเขาก็คงไม่เห็นด้วย หวังว่าคุณเองก็คงเข้าใจ”



                “ตอนนั้นแม่มาคุยกับคุณด้วยหรือเปล่า”



                “.…..”



                “ผมเพิ่งมารู้ หลังจากวันนั้นหนึ่งวัน”



                “ใช่ครับ…แต่เธอไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกหรือหายไปจากชีวิตคุณหรอกนะครับ คุณธารณีเธอก็แค่มาคุยด้วยว่าผมต้องการอะไรกันแน่  แต่ไม่ได้บีบบังคับให้ผมออกจากงาน” ภัทรพูดตามความจริง



                “งั้นแสดงว่าคุณคิดจะไปอยู่แล้ว”



                “ประมาณนั้นครับ”



                “ทำไมเหรอครับ…..ผมขอถามเหตุผลได้หรือเปล่า” คุณภาสกรเอ่ยต่อ



                “เพราะคุณไม่ชัดเจนไงครับ…. ตอนนั้นคุณไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง ไม่เคยแสดงออกว่ากำลังสู้เพื่อเราอยู่ คุณบอกผมว่าคุณกำลังจะจัดการเรื่องไพลิน แต่ไม่เคยมีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเลย” ภัทรตอบ



                ในเมื่อคุณเขากล้าถาม ภัทรก็กล้าพูดความจริง พูดในสิ่งที่ตัวเองเคยคิดเมื่อหนึ่งปีที่แล้วให้อีกฝ่ายฟัง เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้แสดงออกถึงความโกรธและโมโหแต่อย่างใด เพราะไหน ๆ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว



                “ไหนจะเรื่องที่คุณโกหกนั่นอีก แม้ตอนนั้นคุณจะให้เหตุผลว่า มันยังไม่แน่นอนเลยไม่อยากเล่าให้ฟัง แต่ความเชื่อใจที่ผมมีต่อคุณ มันไม่เหลืออีกแล้ว เอาเข้าจริง….ตอนที่คุณบอกเหตุผล ผมยังไม่มั่นใจเลยว่านั่นคือคำโกหกอีกหรือเปล่า” หลังพูดจบประโยค ภัทรก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะมองทิวทัศน์ตรงหน้าอีกครั้ง



                พอมองย้อนกลับไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ภัทรก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี….แต่ไม่ได้ทุรนทุรายเหมือนในตอนแรกแล้ว อาจเพราะตอนนั้นเขากำลังรู้สึกดีกับคุณภาสกรมาก ๆ ทุ่มเทความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยให้ใครก่อน พอทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังเอาไว้ ภัทรก็เลยเจ็บและจำจนถึงวันนี้



                แต่ถึงอย่างนั้น….ภัทรก็ยังดีใจที่โชคชะตาทำให้เขาได้เจอกับคุณภาสกร เพราะตอนนั้นเขามีความสุขจริง ๆ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม



                “ช่างเรื่องอดีตเถอะนะครับ ไหน ๆ มันก็ผ่านมาแล้ว เราคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้และต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็จะทำแบบเดิม” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พยายามยิ้มออกมาอย่างไม่คิดอะไร ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนนั้น เขาก็ยังคงคิดว่านั่นคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับเรื่องของเรา



                เพราะบรรยากาศที่กำลังแย่ลง ภัทรจึงเลือกที่จะเปลี่ยนข้อหัวเรื่อง ไหน ๆ เราก็ได้กลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง เขาก็ไม่อยากจะชวนทะเลาะหรือหาสาเหตุว่าแท้ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ใครเป็นคนผิดกันแน่



                “……”   



                “ถามแต่เรื่องของผม ว่าแต่คุณเถอะกับไพลินเป็นยังไงบ้างครับ เข้ากันได้ดีใช่ไหม….วันที่เธอมาหาคุณ ผมได้เจอเธอด้วยนะ ไพลินสวยมากจนผมต้องหยุดมองเลย พอได้เจอตัวจริง สิ่งทีสงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมคุณธารณีถึงอยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้ก็กระจ่างเลยล่ะ” ภัทรว่าพยายามจะหัวเราะออกมา เผื่อบรรยากาศมันจะดีขึ้น แต่คุณภาสกรกลับไม่คิดเช่นนั้น



                “ผู้ใหญ่ยกเลิกเรื่องจับคู่ผมกับไพลินแล้ว ตอนนี้เธอกำลังไปเรียนต่อที่เมืองนอกครับ” นานเกือบนาทีกว่าคุณภาสกรจะพูดอะไรออกมา



                “…….”



                “จริง ๆ ผู้ใหญ่เขายกเลิกการจับคู่ หลังจากที่คุณหายไปจากชีวิตผมได้สี่ห้าวัน ผมก็เพิ่งรู้ว่าไพลินเองก็แอบมีคนที่คุย ๆ ไว้เหมือนกัน เธอเพิ่งมาเล่าให้ฟังตอนที่เข้ามาหาที่บริษัท ตอนนั้นเธอก็ถูกบังคับให้มาหา…..” คุณภาสกรเว้นวรรคไปครู่



                “หลังจากที่เราตกลงกันได้ เราเลยตัดสินใจเข้าไปคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ยอมกันหรอกครับ แต่สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะทั้งผมและไพลินต่างไม่มีใครมีความสุขกับการจับคู่ครั้งนี้เลยและทุกครั้งที่เราต้องมาเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวหรือออกงานสังคม ก็ทำเพราะถูกบังคับทั้งนั้น เอาเข้าจริง….ผมก็เพิ่งรู้จากปากไพลินเหมือนกันว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากออกงานสังคมกับผม”



                “……”



                “แต่พอตอนนี้เราต่างคนต่างโตแล้ว ไพลินเป็นผู้ใหญ่มากพอ มีความคิดเป็นของตัวเองรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำให้เราเลยกล้าพูดในสิ่งที่ต้องการมาโดยตลอดออกมา แต่ตอนที่จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ผมกลับมาไร้พันธะอีกครั้ง ตอนนั้นมันคงสายเกินไป เพราะคุณไม่รอฟังมันอีกแล้ว ผมไม่สามารถติดต่อคุณได้ ขนาดถามคุณนัทคนที่คุณน่าจะสนิทที่สุด ตอนนั้นเธอก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณหายไปไหน”



                พอคุณภาสกรพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหมดแล้ว ภัทรก็ไม่รู้จะต่อบทสนทนานี้อย่างไรดี ดังนั้นเขาจึงทำให้ได้เงียบ ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเราอีกครั้ง ก่อนที่ภัทรจะมองตามมือของคุณภาสกร หลังเห็นคุณเขากำลังหยิบบุหรี่อีกมวนออกมา



                บุหรี่มวนแรกหมดไปและคุณเขาก็หยิบมวนที่สองขึ้นมาจุดต่อ….     



                 “เท่าที่ผมจำได้ แต่ก่อนคุณบอกว่าตัวเองไม่สูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอครับ”เป็นอีกครั้งที่ภัทรเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ เขายิ้มเล็กออกมาเล็กน้อยพลางหลุบตามองตัวการกำเนิดควัน



                “ก็เพิ่งมาสูบครับ ผมชอบสูบมัน….”



                “…..”



                “ตอนที่แวะไปบ้านคุณ….แต่ไม่เจอคุณ”



                “งั้นผมขอสูบมันด้วยได้ไหมครับ” ภัทรเอ่ยพร้อมกับแบมือขอบุหรี่อีกมวนจากคุณเขา



                “คุณสูบเป็นเหรอ”



                “ครับ สูบเป็น เคยลองตอนสมัยเรียน แต่นาน ๆ ทีถึงจะสูบ จะสูบเฉพาะเวลาที่เครียดจริง ๆ ”



                “งั้นอย่าสูบเลยครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”



                “แต่คุณสูบมัน”



                “.......”



                “ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากขอให้คุณดับบุหรี่มวนนี้ได้ไหมครับ ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นคุณสูบสองมวนติด ๆ กันแบบนี้”



                “ในฐานะอะไรเหรอครับ”



                “ครับ?”



                “มาเป็นห่วงผมในฐานะอะไร”



                “ฐานะอะไรก็ได้ครับ ที่คุณต้องการอยากให้ผมเป็นในตอนนี้” หลังภัทรพูดจบประโยค คุณภาสกรก็ยอมดับบุหรี่มวนที่สองลง



                “ภัทรรู้ไหม….ตอนแรกผมจะไม่มางานแต่งของคุณนัทหรอกนะ แต่เพราะผมรู้ว่ายังไงคุณต้องมางานนี้แน่ ผมเลยยอมมา เพียงเพราะอยากจะได้เจอคุณอีกครั้ง….ก็ได้เจอจริง ๆ”



                “แน่สิครับ ผมต้องมาอยู่แล้ว พี่นัทเธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา เธอคอยเคียงข้างและช่วยเหลือผมทุกเรื่องเลยล่ะ บริษัทคุณโชคดีนะที่ได้เธอมาทำงานด้วย”



                “……”



                “ไม่ใช่แค่คุณหรอกครับที่หวังให้เราได้เจอกันอีกครั้ง ลึก ๆ เองผมก็หวังเหมือนกัน” ในเมื่อคุณภาสกรสารภาพออกมา ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ภัทรจะต้องปกปิด



                “ผมเองก็หวังว่าจะได้เจอคุณอีกครั้งเหมือนกัน ผมอยากรู้ว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณสบายดีหรือเปล่า แค่ผมเห็นว่าคุณสบายดีผมก็สบายใจแล้วครับ แต่คุณดูผอมลงจากเมื่อก่อนนะ”



                “คุณเองก็เหมือนกัน”



                “ผมกินอะไรไม่ค่อยลง” ภัทรว่า



                “ผมเองก็เหมือนกัน”



                “……”



                “ภัทรครับ….”



                “ครับ?”





                “ผม…..คิดถึงคุณ ผมยังรักคุณอยู่นะ”



                “……”



                “คุณยังรู้สึกเหมือนเดิมไหม” เมื่อได้ยินคุณภาสกรว่าเช่นนั้น ภัทรก็ถึงกับสบตาอีกฝ่าย เขามองเห็นความคาดหวังเล็ก ๆ ในดวงตาคู่สวยที่ชอบมองมาโดยตลอด



                ……แต่ภัทรไม่แน่ใจว่าเขาควรยอมเปิดโอกาสให้คุณภาสกรอีกครั้งดีไหม



                “ผมว่าผมง่วงแล้ว ขอกลับก่อนนะครับ” เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่จบลงแบบเดิม ภัทรจึงเลือกที่จะตัดบทสนทนา



                แค่รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงสบายดีอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้วจริง ๆ แต่จังหวะที่เขากำลังจะหันหลัง เตรียมเดินหนีจากคุณภาสกร อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาสวมกอดภัทรไว้จากด้านหลัง มันแน่นมากพอที่จะดึงร่างภัทรไว้อย่างอยู่หมัด



                “ถ้าคุณยังรักผมอยู่ ยังคิดถึงผมอยู่เหมือนกันแล้วถ้าเรายังรักกัน….เรามาลืมเรื่องในอดีตแล้วกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมครับ”



                “…….”



                “ผมทำใจเห็นคุณเดินจากไปอีกครั้งไม่ได้จริง ๆ” สิ้นเสียงของคุณภาสกร ภัทรก็ถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ อ้อมกอดที่เขาโหยหามาตลอดหนึ่งปี ตลอดการใช้ชีวิตเพียงลำพังที่เมืองนอก ตอนนี้เขากำลังได้รับมันอีกครั้ง



                “ไม่กลัวมันจะจบลงแบบเดิมเหรอครับ” ภัทรหยั่งเชิงถาม เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือไปมากกว่านี้



                “ไม่ครับ….ผมจะไม่ยอมให้มันจบลงแบบเดิม”



                “…….”



                “ขอแค่คุณบอกว่าคุณยังรักผมอยู่ ผมจัดการทุกอย่างเองนะ ขอผมพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งได้ไหมครับ…..”



                “……”



                “ต่อให้ต้องจีบคุณใหม่ก็ได้ ถ้าคุณต้องการหรือไม่ก็ให้ผมทำอะไรก็ได้ ขอให้คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง….ได้โปรดพูดออกมาว่ายังรักผมอยู่เหมือนกัน”



                “……”



                “….เถอะนะครับ”




                “ครับ….ผมยังรักคุณอยู่ แต่ครั้งนี้ช่วยพิสูจน์ตัวเองให้ผมได้เห็นด้วยนะครับ”










________________________

สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้



หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 01-06-2019 20:37:29
กรี๊ดดดด เหมือนเล่นรถไฟเหาะเลย

ทั้งทิ้งดิ่ง ทิ้งพุ่งทะยาน

ดีมาก ๆ ดีใจที่เค้าได้พูดเรื่องที่ค้างคาของกันและกันซักที

เวลาหนึ่งปีที่ห่างกันไม่ได้เสียไปเปล่าๆเลย มันฟูมฟักความรัก ความคิดถึงของสองคนไว้

รอวันที่ความรักของทั้งสองคนจะเติบโตอีกครั้งนะคะ
 :m1: :m1: :m3: :m3:
ป.ล. อยากรู้ความเคลื่อนไหวแอคลูกไม้ป่าตอนที่ห่างกันจุมม ต้องดีงามแน่ๆ ลูกไม้อังกฤษ  :L2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-06-2019 21:21:28
น้ำตาซึมกันไปเลย แต่ก็ดีใจนะเปิดใจคุยกัน 
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-06-2019 21:59:44
เข้มแข็งไว้น้า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2019 22:41:32
เอาใจช่วยนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-06-2019 22:45:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-06-2019 03:37:06
มาเริ่มกันใหม่  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท13 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2019 10:08:49
หน่วงมาก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 (1/2) 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 02-06-2019 21:10:42



14
            การที่ภัทรให้โอกาสคุณภาสกรอีกครั้ง ไม่ได้หมายความว่าเรากลับมาคืนดีกันแล้ว แต่เป็นการยอมเปิดใจเพื่อให้อีกฝ่ายพิสูจน์ตัวเองต่างหาก ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา…..ต่อให้เราเคยคุยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอกลับมาคุยกันอีก เราก็ต้องมาศึกษากันใหม่อยู่ดี เพราะตลอดหนึ่งปีที่เราห่างหายกันไป ต่างฝ่ายก็ต่างเติบโตขึ้น แต่ก่อนเคยโปรดปรานสิ่งหนึ่งมาก ตอนนี้กลับไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว



                “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกลับมาไทย”



                “ก็ตอนนั้น….ไม่รู้อะไรดลใจ จู่ ๆ ผมอยากแวะไปบ้านคุณ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไปก็คงไม่เจอคุณอยู่ดี แต่วันนั้นผมกลับเห็นแสงไฟจากในบ้านเลยเดา ๆ ว่าคุณกลับมาแล้ว แล้วคุณก็กลับมาจริง ๆ”



                “แวะไปบ้านผมบ่อยเหรอครับ”



                “ก็ทุกครั้งที่นึกถึง” หลังได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ภัทรก็หันมองหน้าเจ้าของคำตอบเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก  ความเงียบจึงโอบกอดเราทั้งคู่เอาไว้ ขณะที่อยู่บนรถคันเดียวกัน หลังจากงานแต่งของพี่นัท คุณภาสกรเป็นฝ่ายอาสาขอไปส่งภัทรที่บ้าน



                “แล้วหลังจากนี้ คุณจะกลับมาอยู่ที่ไทยเลยไหม” คุณภาสกรเอ่ยถาม



                “คิดว่าอย่างนั้นครับ แต่ผมต้องกลับไปอังกฤษก่อน เพราะยังเรียนไม่จบหลักสูตร”



                “อีกนานไหมกว่าจะเรียนจบหลักสูตร”



                “ไม่นานครับ เหลือเก็บอีกไม่กี่ชั่วโมง” ภัทรตอบ “เสร็จธุระจากนั่นแล้ว ผมก็จะกลับมาสมัครงานที่ไทยต่อ”



                “…..”



                “แต่ไม่ใช่ที่เดิม” คุณภาสกรเหลือบมองภัทรเล็กน้อย เมื่อเขาว่าเช่นนั้น จังหวะเดียวกันรถของคุณเขาก็มาจอดสนิทที่หน้าบ้านภัทรพอดี เขาจึงหันไปปลดสายเบลท์ เตรียมจะเอ่ยคำขอบคุณและลงจากรถ แต่ก็ถูกคุณภาสกรคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน ทำให้ภัทรต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับเลิกคิ้วสูง



                “ขอโทษ….”



                “ครับ? ขอโทษเรื่องอะไร” ภัทรทำหน้างง



                “ขอโทษที่ตอนนั้นปกป้องคุณไม่ได้” คุณภาสกรพูดประโยคด้วยสีหน้าเจือนจนทำให้ภัทรรู้สึกผิด เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตอบคุณเขา



                “ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นครับ เรื่องนั้นผมตัดสินใจเองทั้งหมด นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่เพราะคุณปกป้องผมไม่ได้ แต่เพราะผมเลือกเอง” ภัทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับสบตาคุณเขา



                “…..”



                “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมเข้าบ้านก่อนนะครับ”



                “แล้วคุณจะกลับมาไทยวันไหน ผมจะได้ไปรับ”



                “ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนคุณเปล่า ๆ กลับมาไทยอีกทีตอนไหน ผมจะบอกอีกทีนะครับ” ภัทรว่า ก่อนจะส่งยิ้มให้คุณภาสกรเล็กน้อยและเดินลงจากรถ



                ดวงตาเรียวมองตามรถหรูของคุณภาสกรจนลับสายตาไป เมื่ออีกฝ่ายขับออกไปไกลมากแล้ว ภัทรจึงกลับเข้าบ้านตัวเอง



                หลังกลับเข้ามาในบ้านภัทรก็ถอนหายใจเล็กน้อย เขาได้แต่หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องอีกครั้ง  จริง ๆ ภัทรจะไม่หนักใจอะไรเลย แต่มาคิดหนักก็ตรงคุณแม่ของคุณเขานี่แหละ คุณภาสกรต้องเคลียร์เรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเราจะจบลงแบบเดิม



                เมื่อภัทรกลับเข้ามาในห้อง เขาก็ทิ้งตัวลงเตียงอย่างคนหมดแรง ขนาดไม่ได้ทำงาน มีแต่ไปร่วมงานแต่งเมื่อช่วงเย็น เขายังรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไหนพรุ่งนี้ภัทรจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาจัดกระเป๋าเตรียมกลับไปอังกฤษอีกครั้งอีก



                หลังจากนอนพักบนเตียงจนรู้สึกว่าหายเหนื่อยแล้ว ภัทรจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู พอเห็นแบตเตอรี่ใกล้จะหมดเต็มที เขาจึงโน้มตัวไปชาร์จแบตแทน ก่อนจะเหลือบไปเห็นแหวนวงหนึ่งที่ถูกวางเอาไว้จนฝุ่นเกาะ ภัทรนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วคว้าแหวนวงนั้นขึ้นมาดู มันคือแหวนที่คุณภาสกรเคยให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งตัวภัทรเองได้ถอนมันออก ก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศ



                ตอนแรกภัทรเคยคิดว่าจะทิ้งแหวนวงนี้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทิ้งมันไม่ลงอยู่ดี สุดท้ายมันจึงถูกวางทิ้งไว้นานนับปี ถึงเจ้าแหวนวงนี้จะถูกให้ในจังหวะที่ไม่เหมาะสมนัก แต่ทุกครั้งที่ภัทรเห็น มันก็ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ภัทรเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามแหวนครู่หนึ่ง ก่อนจะสวมมันลงบนนิ้วเดิม



                ชีวิตภัทรเหมือนจะมีสีสันขึ้น เมื่อคุณภาสกรกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง อย่างน้อยภัทรก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องของคุณเขาเหมือนอย่างเคยและดูเหมือนความเหงาจะทำงานน้อยลงด้วย



                สองวันต่อมาก็ถึงเวลาที่ภัทรต้องเดินทางไปอังกฤษอีกครั้งเพื่อไปเรียนภาษาต่อให้จบ ในตอนแรกเขาก็ปฏิเสธ ไม่ยอมให้คุณเขามารับมาส่งลูกเดียว แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน ยอมให้คุณภาสกรมาส่งที่สนามบินอยู่ดี เพราะกว่าเราจะได้เจอหน้ากันอีกทีก็อีกสองสัปดาห์หน้า



                “ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม” คุณภาสกรถาม



                “คิดว่าไม่แล้วครับ ถึงลืมก็คงไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว” ภัทรว่า



                “งั้นดูแลตัวเองดี ๆ ผมเช็กสภาพอากาศมา ที่นั่นกำลังหนาว อย่าลืมใส่ผ้าพันคอ เสื้อกันหนาวก็ห้ามลืมใส่” คุณภาสกรกำชับ นั่นทำให้ภัทรรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หลังกำลังถูกใครสักคนเป็นห่วง



                “แน่นอนครับ ผมก็ไม่ได้อยากให้ตัวเองป่วยนะ” ภัทรตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย



                “งั้นก็ดีแล้ว….เจอกันในอีกสองสัปดาห์หน้า ผมจะรอคุณ”



                 เราร่ำลากันพอเป็นพิธี เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ใช้เวลาอะไรมากมายนัก ภัทรก็แค่บินไปจัดการธุระตัวเองนิดหน่อย สุดท้ายแล้วเขาก็บินมาใช้ชีวิตเมืองไทยอยู่ดี จังหวะที่จะเดินเข้าเกท เขาก็หันไปมองคุณภาสกรเล็กน้อย โบกมือลาอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มหวาน ๆ ให้หนึ่งทีซึ่งคุณภาสกรก็โบกมือกลับเช่นเดิม เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ภัทรจะหันกลับมาแล้วเดินเข้าเกท โดยไม่หันกลับไปมองอีก



                ตอนแรกภัทรตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบหลักสูตรแล้ว เขาจะบินกลับเลย จะได้เริ่มเตรียมพอร์ตฯ ไว้สมัครงาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอยู่เที่ยวในอังกฤษต่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพราะไหน ๆ ก็ได้มาที่นี่แล้ว ไม่รู้จะได้มาอีกทีตอนไหน อีกอย่างภัทรก็ยังเก็บที่เที่ยวไม่ครบ เขาก็อยากเก็บที่เที่ยวให้มันครบ ๆ เลย จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดายอะไร อุตส่าห์มาเรียนถึงอังกฤษสักที



                หลังจากตัดสินใจเช่นนั้น ภัทรก็ส่งข้อความไปบอกคุณภาสกร อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องนับวันรอเขากลับไทย ภัทรไม่ได้รู้สึกเดือนร้อนอะไร เพราะคุณภาสกรได้เดือดร้อนแทนแล้ว



                อังกฤษและเมืองไทยเวลาห่างกันราว ๆ เจ็ดโมง ตีสองของอังกฤษ เก้าโมงเช้าที่ประเทศไทย หลังภัทรเรียนเสร็จ เขาก็กลับเข้าห้องพัก คุณภาสกรเองก็กำลังว่าง เราจึงวิดีโอคอลกัน ทันทีที่เปิดกล้องคุณภาสกรก็บ่นภัทรทันที หลัก ๆ ที่คือเรื่องที่เขาเปลี่ยนแผนกะทันหัน ทำเอาภัทรอดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ไม่คิดว่าคุณเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนขนาดนี้



                “อย่าบ่นเยอะครับ แก่มากกว่านี้ไม่รู้ด้วยนะ” ภัทรว่าพลางกลั้วหัวเราะ ดวงตาของเขายังจับจ้องใบหน้าของคุณภาสกรผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม ภัทรที่คุณเขาโวยวายไม่ใช่ภัทรหนีเที่ยวคนเดียวหรอก แต่อีกฝ่ายอยากจะมาเที่ยวด้วยต่างหาก แต่ติดที่ว่าลางานไม่ได้ แถมจะทิ้งงานให้พนักงานนินทาเล่นก็คงไม่ใช่เรื่อง



                [ผมดูแก่แล้วเหรอ] คุณภาสกรที่ยังอยู่ในห้องทำงานของบริษัทเอ่ยถามภัทรด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาคนแซวถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ดูเหมือนช่วงนี้คุณภาสกรจะเริ่มใส่ใจเรื่องความแก่ของตัวเองบ้างแล้ว สังเกตได้จากสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัว ทำเอาภัทรอดเย้าแหย่ต่อไม่ได้ อยากจะเห็นปฏิกิริยาของคนโดนแกล้งมากกว่านี้



                “ก็เริ่มส่งสัญญาณชาติแล้วนี่ไงครับ คุณอาทิตย์รู้หรือเปล่าว่าคุณกำลังกลายเป็นตาแก่ขี้บ่น”



                [บ้าน่า….] คุณภาสกรว่าเสียงแผ่ว แต่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงใส่ใจกับคำพูดภัทรทุกคำ ทุกประโยค เผลอ ๆ หลังจากวางสายกัน อีกฝ่ายอาจจะไปนั่งหาผมหงอกตัวเองก็ได้



                “ผมล้อเล่นครับ ตอนนี้คุณอาทิตย์ยังดูหนุ่มอยู่ สบายใจได้แต่อย่าบ่นบ่อย ๆ ก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะได้แก่จริงของจริง” สุดท้ายภัทรก็เลิกเย้าแหย่ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียความมั่นใจในตัวเอง



                [เฮ้อ….สรุปตอนนี้ผมต้องรอคุณไปอีกอาทิตย์หนึ่งใช่ไหม]



                “ประมาณนั้นครับ ผมยังมีร้านอาหารชื่อดัง ไหนจะคาเฟ่ที่ต้องเก็บอยู่หลายที่ ขนาดพิพิธภัณฑ์แถวที่พักก็ยังไม่ได้ไปเลย ในเวลาหนึ่งสัปดาห์น่าจะเก็บครบทุกที่”



                [ทำไมไม่รอไปกับผมอีกรอบครับ ผมออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ก็ได้นะ  อยากไปเที่ยวกับคุณ เราไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย] คุณภาสกรเสนอ



                “ไม่เอาครับ ผมอยากเที่ยวด้วยเงินตัวเองมากกว่า”



                [……]



                “ไว้มีโอกาส เราค่อยไปเที่ยวกันก็ได้นี่ครับ ใกล้ ๆ กรุงเทพก็ได้ แล้วถ้ารู้สึกว่าหนึ่งสัปดาห์มันนานเกินไป ก็คิดว่าอีกแค่เจ็ดวันดูครับ แป๊บเดียว” ภัทรว่าพร้อมส่งยิ้มแฉ่งให้กับคุณเขา เผื่อจะทำให้คุณภาสกรรู้สึกดีขึ้น



                มันก็จริงอย่างที่คุณเขาว่า ตอนนั้นเราไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย เนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่ยังหลบซ่อน กลัวตกเป็นขี้ปากของเหล่าพนักงานในบริษัท



                [โธ่….ภัทรมันไม่ได้รู้สึกต่างกันเลยนะ ระยะเวลาเท่า ๆ กันเลย ปกติก็คิดถึงอยู่แล้ว รออีกตั้งอาทิตย์หนึ่ง กลัวคิดถึงมากกว่านี้จังครับ] คราวนี้คุณเขาเล่นลูกอ้อน ทำอาคนฟังและจ้องจอโทรศัพท์ตลอดเวลา รู้สึกใบหน้าร้อนผ่านอย่างบอกไม่ถูก จนต้องหลุบตามองผ้าปูเตียงแทน



                “ไม่เจอกันตั้งปีหนึ่งยังทนได้เลย” ภัทรว่าเสียงแผ่ว



                [ตอนนั้นทนไม่ได้ ก็ต้องทนครับ….ว่าแต่คุณเถอะ อยู่ที่นั่นคนเดียวไม่คิดถึงผมเหรอ] คุณภาสกรเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภัทรเริ่มรู้สึกผิดอีกครั้ง เขาเองก็ไม่ได้ผิดน้อยไปกว่ากันเลย บอกว่าจะอยู่ข้าง ๆ สุดท้ายก็หนีมารักษาแผลใจถึงเมืองนอก



                “…….”



                [ภัทรครับ….]





                “คิดถึงเหมือนกันครับ” ในที่สุดภัทรก็ตอบกลับไปเสียงแผ่ว



                [ดีใจจังที่ได้ยินแบบนี้ นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ยินเสียงคุณบอกคิดถึงกัน] คุณเขาว่าพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ กลับมา



                “คุณอาทิตย์ครับ”



                [ครับ?]



                “อย่าแสนดีไปมากกว่านี้เลยนะครับ ผมกลัวว่าถ้าครั้งนี้มันไม่เป็นไปอย่างที่เราหวังอีก ผมและคุณจะเจ็บมากกว่าครั้งแรก” ในที่สุดภัทรก็ตัดสินใจพูดมันออกไปตามตรง



                จริง ๆ ตัวภัทรเองไม่ได้อยากคาดหวังในความสัมพันธ์ครั้งที่สองของเราเท่าไรนัก เพราะกลัวตัวเองเจ็บ แต่พอเริ่มรู้สึกดีกับคุณเขาอีกครั้ง ความคาดหวังที่พยายามไม่ตั้งไว้ มันก็มาของมันเอง



                [มันจะไม่จบลงแบบเดิมครับ]



                “……”



                [จริง ๆ ตั้งใจจะบอกคุณตอนกลับมา แต่ไหน ๆ เราก็พูดเรื่องนี้กันแล้ว ผมบอกเลยก็ได้ว่าพ่อแม่อยากเจอคุณ เขาอยากให้ผมพาคุณไปกินข้าวที่บ้าน ไปทำความรู้จักกันใหม่]



                “อะไรนะครับ” จริง ๆ ภัทรได้ยินชัดทุกถ้อยคำ แต่ที่เขาถามเช่นนั้น เพราะไม่เชื่อหูตัวเองต่างหาก “พ่อแม่คุณรู้ได้ไง”



                [ผมบอกเองครับ แต่ถึงไม่บอก ยังไงพวกท่านก็ต้องรู้อยู่ดี ในงานแต่งของคุณนัทต้องมีคนจับตามองเราอยู่แล้ว แถมในบริษัทก็มีพนักงานจำนวนไม่น้อยเลยที่เป็นคนของพวกท่าน บางคนก็ได้รับทุนส่งเสียเรียนจนจบแล้วมาทำงานในบริษัท ยังไงก็ต้องมีคนไปรายงานเหมือนกับตอนปล่อยรูปพวกนั้น]



                “……” คราวนี้ภัทรถึงกับขมวดคิ้วแล้วฟังคุณภาสกรพูดอย่างเงียบ ๆ



                [ไม่รู้ว่าคุณรู้หรือยังว่าคนที่ปล่อยรูปพวกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนของคุณแม่เอง]



                “แล้วทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ” ภัทรถามต่อ พอได้รู้ความจริงเขาก็ถึงช็อค จากที่ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้คงต้องปล่อยไป เพราะจับมือใครดมไม่ได้ แต่ใครจะนึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือคุณแม่ของคุณภาสกร



                [ท่านอยากให้รู้ครับ เมื่อสิ่งที่กำลังทำอยู่ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มันมีผลกระทบ] คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “ผม…ควรรู้สึกยังไงดี แล้วนี่อยากให้กินข้าวที่บ้าน ไม่ใช่เพราะอยากเล่นงานผมอีกรอบเหรอครับ” ภัทรถาม



                [แม่เป็นคนบอกผมเองว่าอยากปรับความเข้าใจและขอโทษคุณด้วย]



                “……”



                [แต่ถ้าคุณไม่โอเค ผมบอกให้ได้นะว่าคุณไม่ว่าง] เมื่อเห็นว่าภัทรนิ่ง คุณภาสกรก็รีบเอ่ยต่อ



                “ไม่เป็นไรครับ งั้นก็ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ของคุณด้วยว่าเจอกันอาทิตย์หน้า”















หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 (2/2) 1.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 02-06-2019 21:12:04


 

                พอรู้ว่าการกลับมาไทยครั้งนี้จะต้องเจอกับอะไร ใครรอพบเขาอยู่ ภัทรก็อดกังวลใจไม่ได้และความกังวลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ทำให้คืนก่อนวันเดินทางกลับประเทศเขาถึงกับนอนไม่หลับ ในหัวคิดแต่เรื่องของคุณภาสกร นึกภาพการร่วมโต๊ะกับครอบครัวคุณเขาไม่ออก มันจะผ่านไปได้ด้วยดีไหม ภัทรก็ยังไม่แน่ใจ



                การกลับไทยครั้งนี้ แน่นอนคุณภาสกรเป็นคนมารับภัทรที่สนามบิน ความจริงเขาบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าสามารถกลับที่พักเองได้ แต่คุณเขาก็ยังยืนยันว่าจะมารับอยู่ดี



                คุณภาสกรให้เหตุผลว่าเจ้าตัวไม่อยากทำหน้าที่ของตัวเองตกบกพร่อง คนพิเศษกลับไทยมาเหนื่อย ๆ ใครจะให้กลับบ้านคนเดียวและในเมื่อคุณภาสกรอยากจะมารับนัก ภัทรก็เลยตามใจ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ไม่ยอม คุณเขาก็จะตื๊อจนสำเร็จนั่นแหละ



                “คิดถึงจัง” นั่นเป็นประโยคแรกที่คุณภาสกรเอ่ยทักทาย ทำเอาคนฟังอย่างภัทรถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ



                “ห่างกันไม่กี่วันเอง คิดถึงกันอีกแล้วเหรอครับ” ภัทรถาม



                “แคไม่เจอหน้าคุณวันเดียวผมก็คิดถึงแล้ว”



                “ปากหวาน”



                “แค่กับคุณ” คุณภาสกรว่าพร้อมขยิบตาให้ภัทรหนึ่งที ก่อนจะถือวิสาสะดึงเสื้อคลุมของภัทรไปถือไว้ให้



                เราเดินจับมือกันไปยังที่รถ เนื่องจากภัทรใช้บริการขนย้ายกระเป๋าจากสนามบินไปยังที่พักเลย ทำให้พวกเขาไม่ต้องมาเหนื่อยแบกสัมภาระอะไรให้ยุ่งยากอีก



                “แล้วนี่ผมจะต้องไปทานข้าวที่บ้านคุณวันไหนเหรอครับ” ขณะที่รถกำลังมุ่งหน้าออกจากสนามบินไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภัทรก็เอ่ยถามคุณเขาอย่างนึกขึ้นได้



                “ก็วันที่คุณพร้อมครับ” คุณภาสกรตอบ “ทำไม? คุณพร้อมแล้วหรือไง”



                “ต่อให้ไม่พร้อม ผมก็ต้องไปอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ” ภัทรเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ผู้ใหญ่อุตส่าห์เอ่ยปากชวนมา จะให้ไม่ไปก็คงจะเสียมารยาทนะครับ”



                ถึงริมฝีปากจะคลี่ยิ้มเหมือนคนไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจกลับไม่เป็นอย่างนั้น ในตอนนี้ภัทรทั้งรู้สึกกังวลและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ตราบใดที่ยังไม่ได้เจอพ่อแม่ของคุณภาสกร เรื่องนี้ก็คงค้างคาอยู่ภายในใจเขาไปเรื่อย ๆ



                “แล้วคุณอยากจะเข้าไปวันไหน”



                “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ”



                “เอางั้นเลยเหรอ”



                “ครับ อยากรีบไปรีบเสร็จ ผมจะได้เลิกคิดมากสักที” ภัทรว่า เพราะไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี สู้ไปหาตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยน่าจะดีกว่า ไอ้ความหนักอกหนักใจนี่จะได้หายไปเสียที เขาคิดเท่านั้นจริง ๆ 



                ถึงคุณภาสกรจะออกปากเองว่าแม่ของเจ้าตัวอยากทำความรู้จักภัทรใหม่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ภัทรคลายความกังวลลงเลยแม้แต่นิด ตอนที่เขาได้ยินเช่นนั้น ในหัวก็เอาแต่คิดว่าแม่ของคุณภาสกรจะมาไม้กันแน่ ถ้าถึงขั้นยอมให้คนปล่อยรูปหลุดลูกชายตัวเองตอนไปไหนมาไหนกับภัทร เพื่อจะสั่งสอนให้เขารู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหนและคุณภาสกรเป็นใคร นี่มันก็ไม่ใช่เล่น ๆ แล้ว



                “ว่าแต่ว่าแม่ของคุณ เธออยากปรับความเข้าใจกับผมแน่ใช่ไหมครับ”



                “คุณแม่บอกผมอย่างนั้น ไม่เอาน่าภัทร….แม่ไม่ได้เป็นคนใจร้ายขนาดนั้น”



                “เธอใจดีแค่กับคุณครับ” ภัทรรีบสวนทันควัน ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของคุณภาสกร “เธอใจดีแค่กับคุณ คุณที่เป็นลูกชายของเธอ แต่กับคนอื่นไม่ใช่”



                “……”



                “พูดตรง ๆ เลยนะครับ ผมคิดว่าคุณธารณีอาจจะอยากเล่นงานผม เพราะผมกลับเข้ามาในชีวิตลูกชายเธออีกรอบ” ภัทรพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ความทรงจำครั้งล่าสุดระหว่างเขาและแม่คุณภาสกรไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไรนัก เราไม่ได้มีเรื่องบาดหมาง แต่การเจอกันครั้งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร



                ไม่รู้คุณธารณีจะเล่นแง่อะไรอีก แต่ที่แน่ ๆ ภัทรยอมถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว คุณภาสกรเองก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป แล้วจะทำอย่างไรในเมื่อคนมันรักกัน



                “……”



                “เธอเคยขัดขวางความรักของเรามาแล้วครั้งหนึ่ง คุณอาทิตย์คิดว่าเธอจะยอมรามือจากเรื่องนี้ง่าย ๆ เหรอครับ” ภัทรพูด พอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุดของเขาและคุณธารณี ภัทรก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ



                ความรักระหว่างเขาและคุณภาสกร มันไม่ง่ายเลยสักนิด คนอื่นอาจคิดว่าภัทรจะได้สุข สบาย ร่ำรวยทางลัด เพราะได้รักกับลูกชายเจ้าของบริษัท แต่มันไม่ใช่เลย



                “ก็ตอนนั้นผมยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับไพลินไง”



                “……”



                “แต่ตอนนี้ผมไม่มีพันธะกับใครแล้วนะ ผมตัวเปล่า ผมแสดงออกให้พวกท่านได้เห็นแล้วว่าผมไม่มีความสุขกับการจับคู่แบบนี้”



                “การที่พวกท่านจับคู่ให้คุณ เป็นเพราะพวกท่านหวังดี คุณทำแบบนี้ก็ไม่เท่ากับว่าปฏิเสธความหวังดีของพ่อแม่เหรอครับ” ภัทรพูด เขาอยากรู้ว่าคุณภาสกรจะว่ายังไงต่อ



                “หากความหวังดีของพ่อแม่จะทำให้ต้องเสียคุณไปอีก ผมก็ขอปฏิเสธความหวังดีนั้นดีกว่าครับ” คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



                “……”



                “ตลอดทั้งชีวิต….ผมได้รับความหวังดีจากพ่อแม่มามากพอแล้ว เรื่องความรักมันเป็นเรื่องเดียวที่ผมอยากตัดสินใจด้วยตัวเอง” ว่าจบคุณภาสกรก็ยื่นมือข้างซ้ายมากุมมือภัทรเอาไว้



            “ผมอยากเป็นคนเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเอง…..แล้วผมก็เลือกแล้วว่าคน ๆ นั้นคือคุณ”



                “……”



            “ซึ่งแปลว่าผมเสียคุณไปอีกครั้งไม่ได้”



                เราหยุดพูดเรื่องนี้เมื่อรถมาจอดสนิท ณ ลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง เราต่างเห็นพ้องตรงกันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ระหว่างการทานอาหารกลางวัน เพราะมันจะทำให้เสียบรรยากาศ



                เมื่อทานอาหารเสร็จก็ได้เวลาที่คุณภาสกรจะไปส่งภัทรที่บ้านเสียที ถึงเราจะอยากไปนั่นมานี่ด้วยกันต่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ภัทรใช้ชีวิตอยู่บนเครื่องบินเป็นเวลานาน ๆ มันส่งผลให้เขาเพลียจนต้องไม่อยากไปทำอะไรอีกแล้ว



                “เขาส่งกระเป๋ามาที่นี่หรือยัง?” คุณภาสกรถามถึงสัมภาระ หลังรถมาจอดสนิทที่หน้าบ้านของภัทรแล้ว



                บ้านที่ไม่มีเจ้าโอ๊ตรอคอยอยู่ มันเงียบกว่าทุกครั้ง คนที่อยู่บ้านหลังนี้มานาน พอเห็นแล้วก็รู้สึกใจหายแปลก ๆ ปกติภัทรใช้ชีวิตตัวติดกันกับหลานตลอด เขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะชินกับการใช้ชีวิตโดยปราศจากหลานชาย



                “เรียบร้อยหมดแล้วครับ บริษัทเขาส่งรูปมารายงานแล้ว” ภัทรตอบ เมื่อไม่มีเรื่อวให้ต้องคุยกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องแยกย้ายกันเสียที



                “ยังไงวันนี้ขอบคุณมากนะครับ อุตส่าห์เป็นธุระขับรถไปรับที่สนามบิน ทั้ง ๆ ที่ระยะทางระหว่างคอนโดคุณกับสนามบินมันไม่ได้ใกล้กันเลย” ภัทรเอ่ยขอบคุณ มันเป็นความเคยชินไปแล้วที่เขาจะเอ่ยขอบคุณคุณภาสกรทุกครั้ง ยามที่อีกฝ่ายทำอะไรให้ แม้เรื่องนั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่เขาก็จะขอบคุณอีกฝ่ายเสมอ



                “ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นหน้าที่ผม”



                “ขอบคุณจริง ๆ ครับ” เขาพูดอีกครั้ง คราวนี้ลงเสียงเน้นหนักเพื่อยืนยันว่าต้องการจะขอบคุณอีกฝ่ายจริง ๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้”



                “เดี๋ยวก่อนสิภัทร!”



                “ครับ?” จังหวะที่เตรียมจะเปิดประตูรถ ภัทรก็ถูกเรียกชื่อเสียงไว้เสียก่อน เขาจึงหันกลับไปมองคนเรียกด้วยความฉงน คุณภาสกรไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับยืดตัวไปหยิบอะไรบางอย่างจากเบาะด้านหลังมาแทน



                “อะไรกันครับ” ภัทรถามอย่างไม่เข้าใจ “เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ?”



                “ของขวัญต้อนรับการกลับมา” คุณภาสกรพูดพร้อมหยิบมันออกมาจากถุงใส่



                ของขวัญที่อีกฝ่ายจะให้ ดูเหมือนจะเป็นกำไลข้อมือที่ทำมาจากโลหะดูเรียบง่ายใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ทันที่ภัทรจะได้เอ่ยปากปฏิเสธ คุณภาสกรก็ถือวิสาสะจับข้อมือข้างขวาของเขาไปวางไว้บนตักตัวเองเพื่อที่จะสวมใส่มันให้



                “กลับมาแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องให้ของขวัญเลยครับ”เขารีบปฏิเสธทันที ตั้งท่าจะยกมือหลบแต่คุณภาสกรก็คว้าไว้ทันอยู่ดี



                “ผมอยากให้”



                “แต่ผมเกรงใจ…”



                “รับมันไปเถอะนะ ผมอยากให้คุณจริง ๆ” คุณภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน นั่นทำให้ภัทรรู้ว่าตัวเองต้องยอมอีกแล้ว



                เขาแพ้เวลาที่อีกฝ่ายทำหน้าอ้อนจริง ๆ



                “แล้วนี่ซื้อมาเท่าไรกันครับ” เมื่อปล่อยให้คุณเขาสวมใส่กำไลได้สำเร็จ ภัทรก็ถามถึงราคาทันที เนื่องจากเขาไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับพวกของแบรนด์เนมเท่าไรนัก จึงสามารถคาดคะเนราคาคร่าว ๆ แต่ดูจากกล่องและถุงที่ให้มา มันคงมีมูลค่าน่าดู



                “ไม่ขอตอบแล้วกันครับ เอาเป็นว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจ”



                “เฮ้อ….ซื้อของแพงให้ผมอีกแล้ว”



                “จะถูกจะแพงมันไม่สำคัญหรอกครับ ถ้าอยากให้ก็คืออยากให้”



                “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี….งั้นคุณอยากเข้ามาในบ้านก่อนไหม มาดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้วแล้วค่อยกลับ”ภัทรเสนอ



                จากที่ตั้งใจจะให้คุณเขาเข้ามานั่งพัก ดื่มน้ำเย็น ๆ ให้หายเหนื่อยแล้วค่อยกลับ ก็กลายเป็นว่าคุณภาสกรจะค้างที่บ้านภัทรหนึ่งคืนแทน ดังนั้นแผนการจึงถูกเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปคอนโด ให้คุณเขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงเข้าบ้านใหญ่ พาภัทรไปทำความรู้จักกับครอบครัว ไปทานข้าวกันตามที่วางแผนเอาไว้



                “ให้ผมช่วยนะ” เมื่อขึ้นมาบนห้อง ภัทรที่เหลือบไปเห็นว่าคุณภาสกรกำลังง่วนอยู่กับการถอดเน็กไท ก็รีบขันอาสาจะปลดมันออกให้อย่างไม่คิดอะไร



                มือเรียวค่อย ๆ ปลดเน็กไทและรูดมันออกจากคอเสื้ออย่างเบามือ ภายในห้องนอนมีเพียงแค่เสียงผ้าเสียดสีและเสียงลมหายใจของเราสองคนเท่านั้น



                จังหวะที่กำลังรูดรั้งเน็กไทออก สายตาของภัทรก็ดันไปเจอะกับลูกกระเดือกของคุณภาสกรเข้าพอดี มันเป็นส่วนที่เขาก็มีเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม….พอมันเป็นของอีกฝ่าย มันกลับน่ามอง น่าสัมผัสอย่างบอกไม่ถูก มิหนำซ้ำมันยังทำให้ภัทรใจเต้นแรงแปลก ๆ อีกด้วย



                ทำอย่างที่ใจคิด หลังจากถอดเน็กไทให้คุณเขาได้ ภัทรก็เผลอใช้นิ้วลูบตามรอยนูนเว้าของมัน ลูกกระเดือกของผู้ชาย มีกันทุกคน แต่ไม่ได้ขึ้นชัดเจนเหมือนกันทุกคน ส่วนของคุณภาสกรมันเด่นชัดมาก บ่งบอกความเป็นเพศชายได้เป็นอย่างดี ทันทีที่ได้สัมผัสมันอย่างที่ใจนึก ภัทรก็เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะรีบผละออกเมื่อได้สติ



                “ขอโทษครับ….” ภัทรว่าเสียงแผ่ว รีบหลุบตามองพื้น ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนฉ่า หลังรู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไป



                “……”



                ”คุณอาทิตย์!” ภัทรเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงหลง หลังเขาถูกคุณภาสกรอุ้มจนตัวลอยพื้น คุณเขาอุ้มร่างภัทรตรงไปยังเตียงและวางภัทรลงบนตักของตัวเอง ทำให้ตอนนี้เราอยู่ใกล้ชิดกันจนสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกันได้



                “ร้ายนักนะ เมื่อกี้ยั่วกันเหรอ” คุณภาสกรว่าพร้อมยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม



                “ผมเปล่า” และเมื่อภัทรปฏิเสธ คุณภาสกรก็เลิกคิ้วสูง ทำทีไม่เชื่อในคำตอบของเขา นั่นทำให้ภัทรต้องขยายความ ก่อนที่คุณเขาจะเข้าใจผิด คิดว่าเขายั่วจริง ๆ



                “เมื่อกี้ผมก็แค่อยากลองจับดูเฉย ๆ พอดีเห็นลูกกระเดือกคุณชัดดี”





                “เหรอครับ….งั้นผมขอลองของคุณบ้างจะได้ไหม” คุณภาสกรไม่เปล่า แต่ยังทำท่าจะจับอีกด้วย ทว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกกระเดือกของภัทร แต่เป็นการลูบไล้บริเวณต้นขาของเขาต่างหาก ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนตักหนีบขาหนีแทบไม่ทัน



                “คุณอาทิตย์….”



                “ฮ่า ๆ ที่รักผมก็แค่แกล้งเล่นน่า” คุณเขาหัวเราะร่วน ถูกใจนักที่แกล้งภัทรได้



                ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคนอีกครั้ง เมื่อภัทรถูกคุณภาสกรดึงมือข้างหนึ่งไปแนบข้างแก้มเจ้าตัวเอาไว้ อีกฝ่ายก็จูบที่ฝ่ามือภัทรอย่างแผ่วเบา ท่าทีอ่อนโยนของคุณเขาทำเอาคนรับสัมผัสรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกและมันก็มาพร้อมกับอารมณ์บางอย่างที่ห่างหายไปนาน



                “คิดถึงเหรอครับ” ภัทรถาม



                “ใครไม่คิดถึงกัน”



                “…...”



            “เมียทั้งคน” เพราะคำพูดคำจานั้น….ทำให้คนที่เป็น‘เมีย’ถึงกับเผลอยิ้มออกมา



                ภัทรปล่อยให้มือตัวเองแนบแก้มคุณภาสกรนานนับนาที ก่อนที่เขาจะขยับตำแหน่งนิ้วหัวแม่มือไปสัมผัสที่ริมฝีปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา ภัทรใช้นิ้วถูวนบนริมฝีปากของคุณเขาซ้ำ ๆ จนกระทั่งนิ้วหัวแม่มือนั้นถูกขบด้วยเรียวฟันโดยคุณภาสกร



                แค่มองตาก็รู้ใจ เพียงแค่เราสบตากัน เพียงแค่ภัทรได้เห็นสายตาของคุณภาสกรในตอนนี้ เขาก็รู้แล้วว่าเราต่างคนต่างมีความต้องการเหมือนกัน เท่านั้นความอดทนของภัทรก็สิ้นสุดลงและเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายผลักคุณภาสกรลงเตียง



                “เริ่มเองเลยเหรอครับ” คุณภาสกรถามพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างกับตัวร้ายในละคร



                “ก็คุณน่ะลีลา ไม่ยอมทำอะไรสักที”



                “……”



            “ผมรู้นะว่าคุณเองก็อยากเอาผมเหมือนกัน”




หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 03-06-2019 11:49:05
 :o8: :o8: กรี๊ดดดดดด!!

น้องภัทรเริ่มก่อนเลยหรอ น่ารัดมากกก

ไปเจอคุณแม่ก็สู้ๆ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี

แต่มีลางว่าครั้งนี้จะราบรื่นนะคะ
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2019 13:35:09
โอ้โห
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2019 17:01:34
ภัทร คนใหม่5555  แซ่บบบ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.1 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2019 19:13:32
ความแซ่บไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (1/2) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 03-06-2019 19:23:03



            คำพูดที่แสนตรงไปตรงมาของภัทร ทำเอาอีกคนถึงกับหลุดหัวเราะ ภัทรที่ตอนนี้กำลังนั่งคร่อมกลางตัวคุณภาสกร ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เขารีบปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายอย่างใจร้อนและท่าทีที่เร่งรีบของภัทรก็ดูเหมือนจะถูกใจอีกคนนักหนา



                “ไม่คิดจะช่วยกันเหรอครับ” ภัทรเอ่ยถามคนใต้ร่าง หลังเห็นว่าอีกคนยังนิ่ง



                “ผมรู้ว่าคุณเก่ง เรื่องแค่เท่านี้คุณคงจัดการเองได้”



                “ถ้าจะให้ผมทำคนเดียว….งั้นผมไม่ทำแล้ว” ไม่ใช่แค่ดีแต่พูด แต่ภัทรยังชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของคุณเขาอีกด้วย



                เราสบตาหยั่งเชิงกันอยู่ครู่หนึ่ง ดูว่าใครกันแน่ที่จะเป็นคนจริง ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน เรื่องนี้ภัทรไม่ได้พูดเล่น เขาพร้อมจะหยุดทุกอย่าง ถ้าคุณภาสกรจะให้ภัทรจัดการเรื่องนี้เพียงลำพัง



                “ถ้าจะให้ทำคนเดียว ผมว่าผมควรนอนเก็บแรงไว้เจอคุณแม่คุณพรุ่งนี้ดีกว่า” ภัทรว่าพร้อมระบายยิ้มออกมาจาง ๆ



                เรื่องอารมณ์ความต้องการน่ะ มันไม่ได้เป็นปัญหากับเขาเท่าไรหรอก ปลุกขึ้นมาได้ มันก็สงบเองได้ ภัทรรู้วิธีจัดการตัวเอง เขาห่วงแต่คุณภาสกรนั่นแหละ ไม่รู้อีกฝ่ายจะทนไหวหรือเปล่า



                หากนับเวลาดูดี ๆ เราห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่ามาได้ปีกว่าแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น ความวุ่นวายและปัญหาต่าง ๆ ที่โถมเข้ามา ทำให้เราห่างกันไปในที่สุด กว่าจะได้มีโอกาสกลับมาปรับความเข้าใจกัน ได้คุยกันอย่างทุกวันนี้ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร



                “งั้นผมไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” เมื่อยังเห็นว่าคุณเขายังนิ่งอยู่ ภัทรก็เตรียมจะลุกขึ้น ปัดตูดหนีเข้าห้องนอนเตรียมเข้านอน แต่ทว่าไม่ทันจะได้ลุก เขาก็ถูกคุณภาสกรจับเหวี่ยงลงบนเตียงเสียก่อน ก่อนที่คุณเขาจะเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมร่างภัทรเสียเองจนกลายเป็นว่าตอนนี้ภัทรอยู่ใต้ร่างคุณภาสกรแทน



                “คืนนี้ผมจะจัดการคุณเอง ส่วนคุณ…..ก็เก็บแรงไว้เจอคุณแม่ผมก็แล้วกัน” ถึงคุณภาสกรจะพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่การกระทำของเจ้าตัวกลับไม่เป็นเช่นนั้น



                ไม่ทันจะได้เอ่ยเจรจาว่าความกัน ภัทรก็ถูกอีกฝ่ายประกบปากเสียก่อน  เพียงแค่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน เราก็รับรู้ได้ทันทีว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงสัมผัสของกันและกันมากแค่ไหน



                ภัทรซึมซับจูบของคุณภาสกรด้วยความคิดถึง เขาเอียงหน้าจูบตอบคุณเขาอย่างไม่สงวนท่าที ตวัดแขนโอบรอบคอหนาเอาไว้เพื่อให้รสจูบของเราลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะจูบกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภัทรก็ใจเต้นแรงเพราะรสจูบของคุณเขาเสมอ



                แต่ก่อนเราคงกระโจนเข้าหากันด้วยไฟราคะและแรงดึงดูด แต่ตอนนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ใช่ความต้องการเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีความคิดถึงแทรกซึมอยู่ในรสจูบนั้นอีกด้วย บอกคิดถึงกันคำพูดเท่าไรก็คงไม่พอ ต้องแสดงออกด้วยภาษากาย น่าจะพรรณนาความคิดถึงที่มีต่อกันได้มากกว่า



                “ค—คุณอาทิตย์” เสียงครางผะแผ่วหลุดออกมา เมื่อถูกเม้มบริเวณยอดอก ภัทรแอ่นตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ ร่างของเขาบิดเร้าไปมายามถูกสัมผัสจากอีกคน



                ความรุ่มร้อนของคุณภาสกรกำลังทำให้ภัทรละลาย มือเรียวปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังกว้างและข่วนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ใช้เวลาเพียงไม่นาน ร่างกายของสองเราก็เปลือยเปล่าอย่างไม่มีใครเสียเปรียบใคร เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามไรผมภัทร แอร์ที่ว่าเย็นฉ่ำก็ยังไม่สามารถดับความร้อนระอุในร่างกายของเราได้



                หากให้เปรียบเทียบ….สายตาของคุณภาสกรก็เป็นดั่งคลื่นแม่เหล็ก คอยดึงดูดให้ภัทรตกหลุมรักซ้ำ ๆ



                ภัทรชอบสายตาของคุณภาสกรมาก ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เขารู้สึกว่าสายตาของอีกฝ่ายมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทุกครั้งที่ได้มอง ภัทรไม่เคยละสายตาออกได้เลย ได้สบตากันทีก็อยากจะสบตากันนาน ๆ



                ยามปกติสายตาของคุณภาสกรก็น่ามองอยู่แล้ว พออยู่บนเตียงภัทรยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เพราะเขาได้เห็นไฟปรารถนา ความต้องการส่วนลึกที่อยู่ในสายตาของคุณเขา



                “คุณเป็นของผม” คุณภาสกรกระซิบบอกภัทร แม้ไม่ใช่ประโยคบอกรักก็ยังสามารถทำให้ภัทรใจสั่นได้ ลมหายใจร้อนกรุ่น

ของคุณเขารดรินบริเวณซอกคอ ทำเอาคนรับสัมผัสถึงกับขนลุกซู่



                “คุณก็เป็นของผม” ภัทรว่า ก่อนจะตวัดแขนโอบกอดรอบคอหนา รั้งคอคุณเขาลงมาเพื่อให้เราได้จูบกันอีกครั้ง



                แค่จูบและบอกรักกันคงยังไม่พอ เราสองคนต่างรู้ดีว่าเราต้องการมากกว่านั้น หลังจากถอนจุมพิตออก คุณภาสกรก็จับร่างภัทรให้พลิกตัวนอนคว่ำหน้า ก่อนจะทำการจูบพรมไปทั่วหลังคอและแผ่นหลังของภัทร ในเวลาเดียวกันนั้นฝ่ามือของคุณเขาก็ขย้ำบั้นท้ายอย่างไม่เว้นจังหวะ



                ภัทรได้แต่หลับตา ส่งเสียงครางงึมงำในลำคอแล้วโก้งโค้งสะโพกขึ้น ใช้บั้นท้ายของตัวเองถูไถตรงส่วนนั้นของคุณภาสกรอย่างยั่วยวน



                “ร้ายนักนะ” คุณภาสกรว่าเสียงพร่าพร้อมขย้ำบั้นท้ายภัทรอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว



                “ก็อยากโดนแล้ว”



                “ได้โดนแน่ ไม่ต้องห่วง” คุณภาสกรไม่ได้ดีแต่ขู่ หลังจากสิ้นเสียงอีกฝ่ายก็ทำอย่างที่ว่าจริง ๆ ฝ่ามือหนาจับขาภัทรให้กางออกยิ่งกว่าเดิมเพื่อให้ได้ฐานที่มั่นคง นวดคลึงบั้นท้ายเขาราวกับส่งสัญญาณให้เตรียมรับศึกหนัก ก่อนจะค่อย ๆ รั้งรูดแล้วกดส่วนนั้นแทรกเข้ามาในร่างภัทรอย่างช้า ๆ



                ความคับแน่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าเราห่างหายจากเรื่องนี้มานาน ไหนจะไม่ได้เตรียมพร้อมร่างกายให้ดีอีก เมื่อคุณเขาได้เคลื่อนตัวเข้ามา ภัทรก็ถึงกับขบกรามแน่น มันเจ็บ…แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้



                ดูเหมือนคุณภาสกรจะรับรู้ปัญหานั้น อีกฝ่ายเลยช่วยโดยการสะกิดยอดอกและรูดรั้งส่วนด้านหน้าของภัทร สร้างอารมณ์เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้ราบรื่นขึ้น ด้านบนโดนสะกิด ด้านหน้าถูกปรนเปรอ ส่วนด้านหลังก็ถูกรุกราน สัมผัสที่แสนร้ายกาจนั้น ทำเอาถึงกับภัทรหายใจไม่ทั่วท้อง ความเสียวกระสันที่ถูกปลุกปั่นโดยคุณภาสกร ทำเอาเขาแทบเสียสติ



            “เด็กดี….คุณเก่งที่สุดเลยรู้ไหม” คุณภาสกรออกปากชมพร้อมกับจูบหลังหูภัทรเพื่อให้รางวัล ในที่สุดอีกฝ่ายก็เข้ามาในตัวภัทรได้สำเร็จ คุณภาสกรแช่อยู่ข้างในตัวภัทรเกือบนาที ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวจังหวะรักอย่างใจเย็น



                เสียงครางทุ่มต่ำของผู้ชายสองคนดังสลับกันไปมา ในเวลานี้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าหลานชายจะตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว



                เกมรักเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวล ความอ่อนโยนของคุณเขาถูกแสดงออกมาผ่านการจูบข้างขมับและกระซิบบอกรักภัทรเป็นระยะ ๆ



                เมื่อภัทรพลิกตัวขึ้นมาได้ คุณภาสกรก็ยังคอยจูบหน้าผากและข้างแก้มของเขาอย่างไม่ว่างเว้น สองมือของเราสอดประสานกันอย่างแนบแน่น ทุกครั้งที่คุณเขาเข้ามาแรง ๆ ก็จะกำชับมือภัทรไปด้วย 



                “เอาผม….เอาผมแรง ๆ” ภัทรพูด เขาไม่อายที่จะบอกความต้องการของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากจับมืออีกคนไปกำผ้าปูที่นอนไว้แทบ อารมณ์ที่ใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มทีกำลังทำให้ภัทรหายใจไม่สะดวก



                “ใกล้แล้วเหรอ หืม?” คุณเขาเอ่ยถามพร้อมกระแทกเข้ามาเต็มแรง



                “อา…..” ภัทรหลุดเสียงคราง รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

                เมื่อเริ่มต้นก็ต้องมีจบ ความสนุกสนานมาถึงโค้งสุดท้าย เมื่อคุณเขาเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วมากขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นระยะ ๆ สลับกับเสียงครางและหอบหายใจของผู้ชายสองคน



                ในที่สุดสงครามรักบนเตียงก็ได้สิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับการกระตุกตัวของภัทรและคุณภาสกรก็ได้มอบบางอย่างเข้ามาในตัวเขา เพื่อให้เป็นตัวแทนแห่งความคิดถึง



                “ให้ตายเถอะภัทร….ผมรักคุณจริง ๆ” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ภัทรได้ยิน ก่อนที่เขาจะเผลอหลับไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า









                ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะคุณภาสกรบอกครอบครัวไว้แล้วว่าวันนี้ภัทรจะเข้าไปทานอาหารด้วย ต่อให้ลุกไม่ไหวเพียงใดก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้  ร่างอยู่บนรถแต่ใจยังอยู่ที่เตียง นั่นเป็นสิ่งที่ภัทรกำลังเป็นอยู่ขณะนี้



                ภัทรถูกปลุกขึ้นมาด้วยฝีมือของคุณภาสกร เขาไม่เคยรู้สึกง่วงเท่านี้มาก่อน แม้ในวันนี้เราจะตื่นกันเกือบบ่ายก็เถอะ แต่ภัทรก็ยังง่วงอยู่ดี ขนาดอาบน้ำเสร็จแล้วก็ยังง่วงเหมือนเดิม ต่างจากอีกคนที่สดชื่นเหมือนเมื่อวานเราไม่ได้ผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยกัน



                “ไหน….มาให้คุณหมอวัดไข้ซิ ป่วยหรือเปล่า” เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถเตรียมมุ่งหน้าไปคอนโดต่อ คุณภาสกรก็ได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของภัทรเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายให้



                “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา แต่เพลียมากสินะ” คุณเขาพึมพำ



                “……”



                “หรือวันนี้เราจะยกเลิกนัดไปก่อนดี”



                “ไม่ได้ครับ บอกผู้ใหญ่ไปแล้วก็ต้องรักษาคำพูดสิ” ภัทรว่าทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่ เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดคุณภาสกร เราอุตส่าห์นัดผู้ใหญ่ไว้เสียดิบดี จะมาเสียเพราะเหตุผลนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่อง



                “แต่ตอนนี้คุณเหมือนไม่ไหวนะ” คุณภาสกรว่าเสียงเป็นห่วงเป็นใย



                “ไหวครับ ผมไหวแน่” ภัทรพูดอย่างหนักแน่น พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้น เพื่อยืนยันคำพูด “แต่ตอนนี้ผมขอแค่งีบบนรถแป๊บเดียวเท่านั้น เดี๋ยวก็หายง่วงแล้วครับ”



                “แน่นะ”



                “ครับ แน่นอน”



                “โอเค ตามใจคุณแล้วกัน”



                ภัทรรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้หลับต่อ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มีค่าสำหรับเขา มาเมื่อถึงคอนโดของคุณภาสกร ภัทรก็เข้าครอบครองเตียงนอนของคุณเขาในทันที ก่อนถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง หลังเจ้าของห้องอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว



                “ใกล้จะถึงบ้านผมแล้วนะ” คุณภาสกรบอกภัทร ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่พอคุณภาสกรบอกเช่นนั้น ภัทรก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อ ๆ



                “นั่งนิ่งเชียว เครียดเหรอครับ” คุณภาสกรถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ



                “ใครจะไม่เครียดกันล่ะครับ ไปพบพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการครั้งแรกเลยนะ”



                “ไม่ต้องเครียดหรอก พ่อแม่ผมไม่ดุ”



                “ไม่ดุแค่กับคุณนั่นแหละ”



                นี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรได้มาบ้านใหญ่ของคุณภาสกร บ้านของอีกฝ่ายไม่ได้ใหญ่โตอย่างกับวังในละคร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เล็กจนน่าอึดอัด เมื่อเข้ามาด้านใน สังเกตจากการตกแต่งและของประดับบ้านต่าง ๆ ต่อให้ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของบริษัท ก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าบ้านนี้มีอันจะกิน



                เราเดินจับมือกันเข้ามาในบ้าน เมื่อเข้ามาถึงก็มีแค่ความเงียบมาทักทาย ภาพภายในหัวของภัทรและความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งมีสาวใช้เดินผ่านมาคุณภาสกรถึงได้เอ่ยถาม



                “คุณพ่อ คุณแม่ล่ะครับ”



                “คุณผู้ชายอยู่บนห้องทำงานค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงอยู่ในครัว”



                “อ๋อ ขอบคุณมากครับ”



                “คุณอาทิตย์คะ คุณผู้ชายบอกว่าถ้ามาถึงแล้วให้ขึ้นไปหาท่านที่ห้องทำงานด้วยนะคะ”



                “ครับ เดี๋ยวผมขึ้นไป”



                “ไปหาคุณพ่อเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้” ภัทรบอกคุณเขา หลังสาวใช้เดินจากไปแล้ว



                ภัทรมองว่าการที่คุณพ่อเรียกลูกชายไปพบทันทีที่มาถึง แสดงว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยด้วย หากขึ้นไปช้าคงเสียมารยาท



                “ได้แน่นะ” คุณภาสกรถามด้วยน้ำเสียงลำบากใจ



                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะนั่งรออยู่โซฟา คุณคุยธุระกับคุณพ่อเสร็จก็รีบลงมาแล้วกันครับ”



                “โอเค งั้นคุณนั่งรอผมก่อนนะ คุยธุระกับพ่อเสร็จ ผมจะรีบลงมา”



                 เมื่อตกลงกันได้ ภัทรก็ได้นั่งรอคุณภาสกรอยู่ที่โซฟา เขานั่งสังเกตมองนั่นมองนี่ภายในบ้านไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกกำลังอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างที่กำลังสังเกตสิ่งของรอบ ๆ ตัวอยู่นั้น ภัทรก็ได้ยินเสียงของคุณธารณีดังแว่วมาแต่ไกล



                เพียงแค่ได้ยินเสียง….ภัทรก็เกร็งตัว นั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ จะบอกว่ากลัวก็คงไม่ผิดเท่าไรนัก ภัทรรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ



                ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังทำอาหารอยู่ในครัว….ภัทรนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าควรลุกไปหาเธอดีไหม แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามเสียงนั้นไป



                ไม่รู้ว่าภัทรเดินเงียบเกินไปหรือทุกคนในครัวจะขะมักเขม้นกับการทำอาหารมากกันแน่ เพราะไม่มีใครแม้แต่จะเงยหน้ามองภัทรที่ยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าประตูครัวเลยด้วยซ้ำ



                ภายในครัวคุณธารณีเป็นหัวหน้าและแม่บ้านอีกสองคนจะเป็นลูกมือในการทำอาหาร ภัทรมองการกระทำของทั้งสามชีวิตอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะเอายังไงต่อดี แต่จะให้เขานั่งรอให้เจ้าของบ้านทำให้อาหารให้กินก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม สุดท้ายภัทรก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  เพื่อลดความประหม่า ก่อนจะเอ่ยปากทักคนในครัว



            “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” ทันทีที่เขาเอ่ยออกไปเช่นนั้น การกระทำของคนในครัวก็หยุดชะงักลง ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมามองภัทรราวกับเขาเป็นจุดรวมสายตา



                “….อาหารหลาย ๆ อย่างยังไม่เสร็จ ถ้าอยากจะช่วยกันก็เข้ามาสิ” เป็นคุณธารณีที่พูดกับภัทร เธอยังคงปฏิบัติกับภัทรเหมือนเดิม ไม่ได้ตั้งท่าไม่ชอบหน้า ในขณะเดียวก็ไม่ได้เหมือนจะเป็นมิตรด้วย เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เป็นฝ่ายภัทรที่หลบสายตาเธอก่อนและเมื่ออีกฝ่ายว่าเช่นนั้น เขาจึงก้าวเท้าเข้ามาในครัว



                “มาช่วยแม่บ้านหั่นอันนี้แล้วกัน เขาจะได้ไปทำอย่างนั้นอื่นต่อ” คุณธารณีว่าพลางพยักพเยิดหน้าให้ภัทรเดินไปยืนข้าง ๆ แม่บ้านที่กำลังเตรียมมีดและเขียงเพื่อจะหั่นอะไรบางอย่างอยู่



                เมื่อเขาเดินไปยืนข้างแม่บ้าน คุณธารณีที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา ปรุงรสแกงในหม้อก็ผละออกจากตรงนั้นแล้วเดินตรงมาหาภัทร เมื่อเธอเข้ามาใกล้ ภัทรก็เผลอเกร็งตัวทันที บรรยากาศภายในห้องครัวเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูกและคงมีแค่เขาที่รู้สึกเช่นนั้น



                “เห็ดนี้จะเอาไว้ผัดน้ำหอย เมนูโปรดของอาทิตย์ ต้องหั่นแบบนี้ ถึงจะกินอร่อย” คุณธารณีว่าขณะที่มือของเธอก็สาธิตให้เขาดูว่าควรจะหั่นเจ้าเห็นนี้อย่างไรดี



                “ทำได้ใช่ไหม”



                “ด—ได้ครับ” ภัทรตอบ ก่อนจะจับมีดและเห็ดจากตะกร้ามาหั่นโชว์ให้เธอดู เมื่อคุณธารณีตรวจสอบแล้วว่าภัทรหั่นเห็ดได้อย่างถูกต้อง เธอก็ผละออกจากเขา กลับไปควบคุมการทำแกงที่หน้าเตาต่อ



                บรรยายกาศในห้องครัวไม่ได้ดีและก็ไม่ได้แย่ ตลอดเวลาการจัดเตรียมอาหารมื้อเย็น เราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ ไม่มีใครชวนใครคุยเรื่องสัพเพเหระ มีแต่เสียงสั่งให้ภัทรทำอย่างนั้น หั่นอย่างนี้ แต่โดยรวมก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนอย่างตอนแรก



                หากจะให้ภัทรเปรียบเทียบ….คุณธารณีก็คงจะเหมือนเพื่อนร่วมงานที่ไม่สนิท เราร่วมงานกันได้ แต่ถ้าให้เลือกก็อย่าร่วมงานกันดีกว่า เพราะทำงานด้วยกันไปก็อึดอัดใจเปล่า ๆ



                สรุปแล้วมื้อเย็นของเรามีอาหารรวม ๆ ประมาณสี่อย่าง มีผัดเห็ดน้ำมันหอย แกงมะระใส่กระดูกหมู พะแนงเนื้อและผัดผักรวมใส่กุ้ง เป็นจำนวนอาหารที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปและคุณธารณีก็ยังใจดี ทำเผื่อพวกแม่บ้านด้วย



                “ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่าล่ะ” จู่ ๆ คุณธารณีก็พูดขึ้น หลังเราทำอาหารเสร็จเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแค่แกงมะระเท่านั้นที่ยังไม่ได้ที่ ต้องตุ๋นในหม้ออีกสักพักถึงจะเปื่อยพร้อมทาน การชวนคุยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอ ทำให้ภัทรเผลอชะงักไปครู่หนึ่ง



                “ครับ? อ๋อ….ก็พอได้ครับ อาหารง่าย ๆ อย่างพวกไข่เจียว แกงจืดเต้าหู้” ภัทรว่า พอพูดถึงเรื่องนี้ก็อดคิดถึงเจ้าโอ๊ตไม่ได้ รายนั้นน่ะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาเลย ไม่ใช่เพราะภัทรทำอาหารอร่อยเหาะ แต่ตัวเลือกมีให้น้อยมากกว่า



                “ดีแล้วล่ะ ทำอาหารได้สักอย่างสองอย่างก็ยังดี” ภัทรรู้สึกดีขึ้น เมื่อคุณธารณีเป็นฝ่ายชวนเขาคุยก่อน อาการเกร็งที่เคยมีอยู่มากมาย เริ่มลดหลั่นลงไปเมื่อเธอเริ่มสอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำอาหาร



                “แกงมะระนี่ ต้องใช้ไฟอ่อน ๆ ปล่อยให้มันเปื่อย ระหว่างตุ๋นก็อย่าไปคนมันมาก เดี๋ยวจะขม”



                “อ๋อครับ” ภัทรชะโงกหน้ามองหม้อที่เต็มไปด้วยมะระยัดไส้และกระดูกหมู กลิ่นของมันหอมจนเขาเผลอกลืนน้ำลายและไม่นานนักท้องของภัทรก็เริ่มส่งเสียงร้อง มันส่งเสียงดังมากเสียจนคุณธารณีได้ยินมัน



                “นี่ไม่ได้กินข้าวมาเหรอ”



                “ครับ….” เขาตอบเสียงอ่อน วันนี้พวกเขาตื่นมาก็บ่ายกว่าแล้ว กว่าภัทรจะอาบน้ำเสร็จ กว่าจะไปถึงคอนโดคุณภาสกร พอทำธุระนั่นนี่เสร็จ พวกเขาก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปกินข้าว



                “รวมถึงอาทิตย์ด้วยใช่ไหม”



                “ช—ใช่ครับ” ภัทรยอมรับ



                “อะไรกัน! ตลอดทั้งวันพากันทำอะไรอยู่ วันนี้อาทิตย์เขาก็ไม่ได้เข้าบริษัทนี่”



                “เอ่อ…คือว่า” ภัทรอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ใจจริงก็อยากตอบความจริงไปอยู่หรอกว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่ได้กินข้าวกัน แต่เขากลัวว่าเธอจะช็อคไปก่อนนี่สิ



                “คุณผู้หญิงคะ ข้างนอกตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” ขณะที่ภัทรกำลังจนมุม คิดคำตอบไม่ทัน ทันใดนั้นก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้



                ภัทรลอบถอนหายใจออกมาเมื่อคุณธารณีไม่ยืนรั้งรอคำตอบจากเขาอีกต่อไป หลังแม่บ้านเดินมาบอกเช่นนั้น เธอก็หัดไปตักแกงมะระที่ทำเสร็จทันที



                “เดี๋ยวผมช่วยครับ” ภัทรว่าพร้อมกุลีกุจอเข้าไปช่วยยกถ้วยแกงมะระร้อน ๆ หลังเห็นว่าคุณธารณีทำท่าจะยกมันขึ้น ส่วนอาหารจานอื่น ๆ แม่บ้านก็ยกไปวางไว้ให้แล้ว



                “งั้นก็ตามมาแล้วกัน” คุณธารณีปล่อยให้ภัทรยกถ้วยแกงมะระแทน เธอบอกเขาเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินนำออกไป

 





หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (2/2) 3/6/19
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 03-06-2019 19:25:52



                “ทำไมถึงได้เข้าไปทำอาหารกับคุณแม่” คุณภาสกรกระซิบถาม หลังเราเดินออกมาหาเจอกันพอดี ดูเหมือนอีกฝ่ายและคุณพ่อของเจ้าตัวก็เพิ่งลงข้างล่างเช่นกัน



                “แม่คุณกำลังอาหารอยู่ในครัว คุณจะให้ผมนั่งรอกินหรือไง ขืนทำแบบนั้นเขาคงเอ็นดูผมอยู่หรอก หลีกด้วยครับ แกงมะระมันร้อน” ภัทรว่า อยากจะคุยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้อยู่หรอก แต่เขาไม่สามารถยืนคุยนาน ๆ ได้ เพราะแกงมะระที่อยู่ในมือมันร้อนมาก



                “มา ๆ เดี๋ยวผมช่วย” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยังแย่งถ้วยมะระออกจากมือภัทร เดินนำเอาไปวางไว้บนโต๊ะอาหารให้



                “โอ้โห….วันนี้อาหารโปรดผมทั้งนั้นเลย”



                “ลูกกลับมากินข้าวที่บ้านทั้งที ก็ต้องเอาใจหน่อยสิ จะกลับมากินด้วยกันบ่อย ๆ” ทันทีที่คุณธารณีว่าเช่นนั้น คุณภาสกรก็รีบเดินไปสวมกอดอ้อนผู้เป็นแม่ทันที



                “โธ่…แม่ครับ แม่ก็น่าจะรู้นี่ว่างานที่บริษัทยุ่งแค่ไหน”



                “มันยุ่งมากหรือแบ่งเวลาไปให้คนอื่นกันแน่”



                “แม่อย่าน้อยใจไปเลยนะครับ เดี๋ยวหลังนี้ผมจะกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อย ๆ ดีไหม?”



                “ให้มันจริงเถอะ แม่จะคอยดู”



                การทานข้าวร่วมกับครอบครัวคุณภาสกรครั้งนี้ แน่นอนหัวโต๊ะคือคุณพ่อผู้เป็นประมุขของบ้าน คุณภาสกรและภัทรนั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนคุณธารณีนั่งฝั่งตรงข้ามลูกชายของบ้าน



                เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรได้การร่วมโต๊ะกับครอบครัวคนอื่น ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก เก้ ๆ กัง ๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติ ภัทรลอบมองคุณภาสกรเป็นระยะ ๆ จนอีกฝ่ายต้องคอยบีบมืออยู่ใต้โต๊ะเพื่อเป็นกำลังใจให้กันอยู่



                แม้บนโต๊ะอาหารคุณภาสกรจะเป็นตัวสร้างบรรยากาศไม่ให้โต๊ะเงียบเกินไป พยายามทำให้ทุกคนผ่อนคลาย แต่ตัวภัทรก็ยังอดประหม่าไม่ได้อยู่ดี เขาก็ได้ภาวนาขอให้วันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอให้การพบกันอย่างเป็นทางการครั้งนี้ พ่อแม่ของคุณภาสกรประทับใจในตัวเขา



                “สวัสดีครับ” ภัทรเอ่ยสวัสดีและยกมือไหว้คุณพ่อของคุณภาสกรอย่างนอบน้อม นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน พอได้เห็นใบหน้าของคนพ่อ ภัทรก็รู้แล้วว่าคุณภาสกรจมูกโด่งได้ใคร



                “อืม…สวัสดีลูก ชื่อภัทรใช่ไหมล่ะเรา” คุณพ่อท่านถามพร้อมกับส่งยิ้มให้ภัทรเล็กน้อย



                “……”



                “อาทิตย์เขาเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังบ้างแล้ว”



                “อ๋อ…ใช่ครับ ผมชื่อภัทร ธนภัทร” ภัทรเอ่ยแนะนำตัว



                คุณพ่อของคุณภาสกรไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ออกจะเป็นมิตรกว่าคุณธารณีด้วยซ้ำ ภัทรรู้สึกเช่นนั้นและคำถามส่วนใหญ่ก็ออกแนวถามเรื่องทั่วไปเพื่อทำความรู้จักกันขั้นพื้นฐานเสียมากกว่า



                “อ้อ แล้วเราเป็นคนที่ไหนล่ะ” คุณพ่อของคุณภาสกรเอ่ยถามอีกครั้ง หลังเรากำลังนั่งทานของหวานปิดท้ายมื้ออาหารเย็นของวันนี้



                “ผมเป็นกรุงเทพครับ”



                “อ๋อ…แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ”



                “ครับ แต่ก่อนก็อยู่กับหลานชาย แต่ตอนนี้หลานไปอยู่กับแม่เขาแล้ว”



                “แล้วพ่อแม่เธอ?”



                “พวกท่านเสียแล้วครับ เสียไปได้หลายปีแล้ว” ภัทรตอบ เขาไม่ได้รู้สึกเศร้าที่ต้องพูดถึงพ่อแม่อีกครั้ง ในอดีตภัทรอาจเคยเจ็บปวดกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเช่นนั้นแล้ว เขาก้าวผ่านความเจ็บปวดจากการสูญเสียนั้นมาได้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เพียงความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกท่านเท่านั้น



                “ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ”



                “ครับ ขอบคุณครับ”



                พ่อของคุณภาสกรดูใจดี ในแต่ขณะเดียวกันน้ำเสียงของท่านก็แฝงไปด้วยอำนาจ ฟังแล้วรู้สึกเฉียบขาดอย่างบอกไม่ถูก ดูน่ายำเกรงอยู่ในที



                ในที่สุดการทานข้าวมื้อเย็นร่วมกับครอบครัวของคุณภาสกรก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ภัทรแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขารู้สึกว่าจะมีการแยกย้ายกันเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้



                ภาพในความคิดตอนแรก เขาคิดว่าการร่วมโต๊ะครั้งนี้จะต้องเกร็งและอึดอัดจนเขากินข้าวได้น้อยแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงบรรยากาศมันดีกว่าที่เขาคิดไว้มากโข



                “อาทิตย์….ก่อนแกจะกลับขึ้นมาเอาหนังสือกับพ่อด้วยนะ พ่อมีหนังสือบางเล่มอยากจะให้แกอ่าน”



                “ได้ครับพ่อ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอา”



                หลังจากที่ประมุขของบ้านพูดจบ ท่านก็เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ทำให้ตอนนี้ข้างล่างจะเหลือเพียงแค่ภัทร คุณภาสกรและคุณธารณีเท่านั้น ภัทรรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาก็ต้องสู้ ภัทรลอบมองคุณภาสกรอยู่หนึ่ง ทันทีที่เราสบตากัน เขารีบพยักหน้าส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายขึ้นไปเอาหนังสือจากผู้เป็นพ่อ ให้ข้างล่างนี้เหลือเพียงแค่เขาและคุณธารณีก็พอ



                “วันนี้เราไม่ได้ค้างคืนนี่ งั้นลูกขึ้นไปเอาหนังสือกับพ่อเขาเถอะ” ไม่ใช่แค่ภัทรที่คิดเช่นนั้น แต่คุณธารณีก็คิดเช่นเดียวกัน



                “ขึ้นไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไร” ภัทรยืนยัน หลังเห็นว่าคุณภาสกรอิดออด ทำทีไม่อยากขึ้นไป สงสัยคงไม่อยากจะปล่อยให้ภัทรอยู่กับแม่เจ้าตัวเพียงลำพัง



                “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมลงมา” หลังจากคุณภาสกรขึ้นไปชั้นสองแล้ว ภัทรก็หันกลับมามองคุณธารณี เธอจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา



                “ตามมานี่หน่อยสิ” เพียงแค่ได้ยินเช่นนั้น ภัทรก็ถึงกับเย็นสันหลังวาบ



                จริง ๆ ก็เตรียมมาแล้วว่าวันนี้ก็คงไม่จบแค่การร่วมโต๊ะอาหาร ซักถามประวัติคร่าว ๆ หรอก แต่ถึงจะเตรียมใจแล้ว พอเจอสถานการณ์จริงก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าการพบกันครั้งนี้ คุณธารณีจะว่ายังไง จะเปลี่ยนความคิดจากหนึ่งปีก่อนไหม ภัทรก็ไม่อาจทราบได้



                การพูดคุยของเราไม่ได้คุยกันบนโต๊ะอาหาร แต่คุณธารณีเดินนำภัทรออกไปคุยที่สวนหลังบ้าน ซึ่งเขาเองก็เพิ่งทราบว่าบ้านหลังนี้มีสวนไว้ให้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจด้วย



                “มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ภัทรเอ่ยถาม หลังคุณธารณีลีลาไม่ยอมพูดอะไรสักที



            “จริง ๆ ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ เรื่องเธอกับอาทิตย์” เพียงแค่ประโยคแรกที่เธอเอ่ยขึ้นก็ทำเอาภัทรถึงกับนิ่ง



                “……”



                “แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา หนึ่งปีที่พวกเธอสองคนห่างกัน ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าการปล่อยให้ลูกได้เลือกทางชีวิตตัวเองคือสิ่งดีที่สุดแล้ว…..”



                “อาทิตย์เขาแบกรับความหวังของพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาพยายามพัฒนาตัวเองให้ได้อย่างที่ต้องการ คอยรับความหวังดีของพวกฉันมาตลอด” คุณธารณีว่า เธอพูดถึงลูกชายของเธอด้วยสายตาและน้ำเสียงที่ต่างออกไป หากไม่คิดไปเองหรือตีความผิดไป ภัทรคิดว่าเธอกำลังรู้สึกผิดต่อคุณภาสกร



                “เขา….ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ ฉันอยากให้ไปเรียนต่ออันนั้น เสริมอันนี้ เขาก็ยอมมาโดยตลอด เพราะเขารู้ว่านั่นจะทำให้เขาเก่งเหมือนพ่อตัวเอง โตขึ้นเขาจะได้ดูแลบริษัทแทนพ่อเขาได้ ตั้งแต่ที่ฉันเลี้ยงดูเขามา เขาไม่เคยบอกว่าไม่อยากทำในแบบที่ฉันต้องการเลยสักครั้ง”



                “…..”



                “จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเข้ามาในชีวิตเขา แน่นอนฉันไม่เห็นด้วย เพราะฉันวางแผนชีวิตให้อาทิตย์แล้วว่าเขาต้องแต่งงานกับใคร ในที่สุดเธอก็ออกไปจากชีวิตเขาแบบที่ฉันต้องการ”



                “ทุกอย่างมันควรจะดีขึ้นใช่ไหม? ในตอนนั้นฉันก็แค่คิดว่าอาทิตย์เขาหลงเธอ เขาเลือกทางเดินที่ผิด จนกระทั่งเขาเข้ามาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน เขาขอชีวิตตัวเองคืน” ว่าจบหยดน้ำตาของคุณธารณีก็หยด



                “เขา….ขอได้ลองเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองดูสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาตามใจฉันทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้เขาขออย่างเดียว ขอมีนายอยู่ในชีวิตตัวเอง”



                “……”



                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมอาทิตย์ถึงได้รักนายมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าถึงขั้นมาขอแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน นี่ก็ไม่ใช่เล่น ๆแล้ว”



                “ฉันคิดเรื่องนี้มาหลายคืน ถ้านายคือความสุขเดียวของอาทิตย์ ฉันก็คงต้องหลีกทางให้ เขาโตแล้ว ส่วนฉันก็แก่ลงในทุก ๆ วัน ถ้าจะให้ใครสักคนมาเป็นมาดูแลเขา ฉันก็อยากให้อาทิตย์มีความสุขด้วย”



                “……”



                 “ยังไงก็ฝากนายช่วยยืนอยู่ข้าง ๆ อาทิตย์ ในวันที่เขาไม่เหลือใครแล้วก็แล้วกันนะ” คุณธารณีไม่ว่าเปล่า แต่ยังเอื้อมมาบีบที่มือภัทรราวกับจะฝากฝั่งลูกชายของเธอไว้กับเขา นั่นทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับมอบหมายหน้าที่อันยิ่งใหญ่เอาไว้



                “ครับ ต่อจากนี้ผมจะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีกแล้ว” ภัทรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น



                มันไม่ใช่ประโยคที่เอ่ยอย่างขอไปที ภัทรไม่ได้พูด เพราะอยากให้ใครประทับใจ แต่มันคือคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับตัวเองต่างหาก หนึ่งปีที่ห่างกันไป เวลาได้สอนให้ภัทรได้เรียนรู้และพบว่าเขาเองก็อยู่โดยปราศจากคุณภาสกรไม่ได้เหมือนกัน



                ไม่ใช่แค่ภัทรเป็นความสุขของคุณภาสกร แต่อีกฝ่ายก็เป็นความสุขของเขาเหมือนกัน เราต่างเป็นความสุขของกันและกัน













 

                “ภัทร…..เป็นยังไงบ้าง” หลังจากภัทรคุยกับคุณธารณีเสร็จ ในเวลาเดียวกันคุณภาสกรก็เดินลงมาพอดี อีกฝ่ายเดินมาหาภัทรด้วยสีหน้าเป็นกังวล คงกลัวว่าการพูดคุยระหว่างเขากับแม่ของเจ้าตัวในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง



                “ขอกอดหน่อยครับ” ภัทรไม่ตอบคำถามนั้น แต่โผเข้ากอดคุณเขาแทน



                เขาโอบกอดคุณภาสกรแน่นมากราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะหายไป เพียงแค่ภัทรนึกย้อนกลับไปว่าเราต้องฝ่าฝันอะไรด้วยกันมาบ้าง เขาก็น้ำตารื้นแล้ว ภัทรได้แต่ขอบคุณคุณภาสกรในใจซ้ำ ๆ ที่ยังรอกันอยู่ตรงที่เดิม รอจนกระทั่งเราได้เจอกันอีกครั้ง



                “โดนคุณแม่ดุเหรอ เอางี้ไหมเดี๋ยวผมจะลองไปคุยกับท่านอีกครั้ง….บางทีท่านอาจจะเข้าใจคุณผิด”

                “ไม่ต้องครับ ท่านไม่ได้ดุอะไรผม” ภัทรส่ายหน้า ยังโอบกอดคุณเขาไว้อย่างนั้น



                “แล้วทำไมคุณถึงร้องไห้ครับ?” คุณภาสกรถาม หลังจากที่ผละตัวออก อีกฝ่ายก็เช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มให้ภัทรอย่างอ่อนโยน



                “ผมก็อยากขอบคุณคุณเฉย ๆ”



                แค่นึกภาพที่คุณภาสกรเข้าไปคุกเข่าขอแม่ ขอให้มีภัทรอยู่ในชีวิตของเจ้าตัว เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม นึกโทษตัวเองว่าทำไมถึงได้โง่เขลา ทิ้งคุณเขาไว้ที่นี่แล้วหนีไปหลบเลียแผลใจถึงต่างประเทศ สนใจแค่บาดแผลของตัวเอง ไม่นึกถึงจิตใจของคนที่อยู่นี่เลยสักนิด



                “ผมรักคุณ ผมรักคุณจังเลยคุณอาทิตย์” ภัทรบอกรักคุณเขาพร้อมกับโถมตัวเข้ากอดอีกครั้ง กอดผู้ชายที่ดีที่สุดของภัทร



                “……”



                “ให้ตายเถอะ ผมจะตอบแทนคุณยังไงดี” เขาพูด รู้สึกจนปัญญาไม่รู้จะตอบแทนความรักนี้อย่างไรดี



                “ไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น อยู่ข้าง ๆ ผมก็พอครับ” คุณภาสกรว่าพร้อมตวัดแขนโอบกอดภัทรเอาไว้เช่นกัน



                “อื้อ ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนแล้ว”



                “สัญญากันแล้วนะ”



                “ครับ สัญญา”



                “ขอบคุณนะ….ธนภัทร”



                หลังจากวันนั้นภัทรก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่คอนโดกับคุณภาสกร เนื่องจากคุณเขาเอ่ยปากขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่นั่น พอเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร พ่อแม่ของคุณเขาก็รับรู้เรื่องนี้แล้วด้วย ภัทรจึงตัดสินใจยอมย้ายมาที่นี่



                 ตลอดเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่แรกเริ่มวันที่เราพบกันครั้งแรก ภัทรไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์อันฉาบฉวยและมองว่าเป็นเรื่องที่น่าท้าทายในตอนนั้น จะกลายเป็นความมั่นคงในวันนี้ มารู้ตัวอีกทีเขาก็ได้ผู้ชายที่ดีมานอนกอดทุกคืน….



            “ผมรักคุณ”…..และบอกรักกันทุกเช้าเสียแล้ว



                “ผมก็รักคุณครับ”



 

THE END



 




________________________
สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้
ในที่สุดเรื่องก็เดินทางมาถึงตอนจบ รู้สึกใจหายเล็กน้อยเพราะอยู่กับน้องมานานจริง ๆ ;_;
เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ พาใช้กระเป๋าผ้าลายลูกไม้ ตอนกำลังนั่งรถเมล์อยู่ ก็มองกระเป๋าตัวเองแล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อย
พารู้สึกว่าผ้าลายลูกไม้มันมีความเซ็กซี่แปลก ๆ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ผ้า แต่กลับมันดูพิเศษอย่างบอกไม่ถูก
จนในที่สุดเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น

พาอยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยส่งฟีดแบ็กและลองอ่านงานเขียนของพานะคะ ขอบคุณจริง ๆ ตลอดการเขียนเรื่องนี้ พาได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง

หากมีข้อผิดพลาดอะไร ไม่ถูกใจ ไม่พอใจสิ่งไหนขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
แล้วเราไปเจอกันเรื่องหน้านะคะ ร่วมเดินทางไปด้วยกันอีกสักเรื่อง :D
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Sky ที่ 03-06-2019 23:04:23
แฟนคลับลายลูกไม้ค่าาาา
สนุกมากอยากให้มีตอนพิเศษใส่ชุดลูกไม้จังเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2019 23:56:37
จบไวเหลือเกิน    :mew1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 04-06-2019 01:10:19
จบแน้วว เคลียร์กันได้ในที่สุดดด
ตอนพิเศษชุดลูกไม้ต้องมาแร้วค่าา  :hao6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 04-06-2019 12:32:44
ยัยภัทรยังคงแซ่บเสมอ ความ dirty talk นั้น ทำเราเขินอาย  :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-06-2019 04:57:05
แล้วจากเหตุการณ์นี้ ทำให้สองคนนี้เลิกชอบลูกไม้
หรือยังไงอ่ะ  อยากให้มีตอนพิเศษนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-06-2019 23:43:03
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-06-2019 00:52:39
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 06-06-2019 23:33:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2019 16:23:50
อยากได้แบบนี้มั่งงงงงง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 15-06-2019 22:41:47
้คุณภัทรทั้งยั่วๆบดๆ น้ำตาก็มาเป็นหยดเช่นกัน แงง
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากนะค้า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 16-06-2019 21:36:56
สนุกมากๆๆเลย คุณภาสดีมากก น้องภัทรก็ดี งืออ  :o8: :-[ 
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 17-06-2019 01:37:07
เข้าใจทั้งฝั่งครอบครัวเลยนะแบบชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบที่คิดเลย แต่ดีสุดท้ายทั้งคู่ยังได้กลับมาเจอกันรักกันอยู่ด้วยกันน้อยมากนะคนที่ห่างหายกันไปขนาดนี้แล้วยังแบบต่างฝ่ายต่างนักกันอยู่แบบนี้ไม่มีใครไปมีคนอื่น และทีีสำคัญภัทรลูกกกหนูยังแซ่บนะจ๊ะ  :-[
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-06-2019 00:24:56
 o13
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 21:13:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 21-06-2019 22:47:19
มันดีมากเลย

+1 เลยจ้า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: JJAY.K ที่ 04-07-2019 21:58:53
เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยาวมาก  เดินเรื่องได้เร็ว  แต่ก็มีหลากอารมณ์  สนุกดีครับ  ขอบคุณนักเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 06-07-2019 07:16:04
 :pig4:จะติดตาเรื่่องอื่นๆต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 09-07-2019 07:01:02
คุณอาทิตย์ไม่ชัดเจนเลย ดีแล้วที่น้องเดินออกมา ให้พระเอกเคลียร์ตัวเองไป
อยากให้น้องยืนข้างๆ ตัวเองก็ต้องชัดเจนก่อนนะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 10-07-2019 15:41:48
ในส่วนของดราม่านั้นเข้าใจทั้ง2ฝ่ายนะ แต่ในส่วนอื่นของเนื้อเรื่องคือฟินคือดีมาก อ่อยเก่งทั้งคู่ แต่อยากรู้ว่าตอนจบลูกสาวทำงานที่ไหนอ่าาาาาาาาาาา :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 14-07-2019 00:24:33
ขอตอนพิเศษเถอะนะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-07-2019 21:42:20
 o13
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 28-07-2019 12:27:12
แม่ยังไงก็คือแม่ เพื่อความสุขของลูก แม้จะขัดใจแต่ก็ต้องยอมเพื่อลูก  ภัทรก็เข้าใจถึงยอมจากไปทั้งที่ยังรัก แต่ที่สุดแล้วก็happy  :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 05-08-2019 13:39:55
ฮืออออ ดีมาากกกก ขอบคุณมากค่ะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 05-08-2019 21:13:06
 o13 o13
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 10-08-2019 13:23:53
เรื่องนี้ ซึ้งใจมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจมากกก :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 06-09-2019 12:02:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-09-2019 11:15:47
 :hao5: ช่วงท้ายน้ำตาไหล แบบว่าปลื้มปริ่มมาก
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 07-09-2019 17:46:44
น้องภัทรทำถูกต้องแล้วค่ะ ผู้ชายไม่ชัดเจน ก็เฟดตัวเองออกมาดีกว่า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 09-09-2019 23:37:41
ดีจัง เรื่องนี้ดีจริงๆ ภัทรคือเด็ดเดี่ยวมากๆ
อาทิตย์ก็อดทน และดีจริงๆที่รักกันได้
ชอบสุดไปเลย อยากอ่านต่อ ของตอนพิเศษอีกกกก
ชอบเวลาเค้าอยู่ด้วยกันจังเลย เลิ้บบบมากกกก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 17-09-2019 02:52:42
เป็นอะไรที่ คือสมจริงมาก เหตุการณ์คำพูด บางครั้งรู้สึกเหมือนอ่านเรื่องจริง ไม่รุ้สึกเหมือนนิยายเท่าไหร่ นิสัยตัวละคร รวมถึงอะไรหลายๆอย่าง แปลกใหม่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 26-09-2019 07:40:20
ขอบคุณค่ะ   :pig4: :really2: :กอด1
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 24-12-2019 20:31:23
ชอบมากเลยอ่ะ พล็อตเรื่องน่าติดตาม
การใช้ภาษาและ การดำเนินเรื่องดี
แต่ถ้าเรื่องยาวอีกนิด เรื่องน่าจะตื่นเต้น เร้าใจ และฟรุ้งฟริ้ง ฟินๆไปอีก
แต่โดยรวมดีจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 27-12-2019 14:58:33
สนุกดีค่ะ ชอบๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-12-2019 20:39:04
 :pig4: :pig4: :pig4: นิยายสนุกมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 29-12-2019 08:46:55
สนุกมากเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวจนจบเลย
ขอบคุณนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 30-12-2019 10:27:50
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-12-2019 18:24:16
 :pig4: :pig4: :pig4:   o13 o13 o13 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-12-2019 13:20:53
อ่านจบแล้ว
ของเค้าดีจริง
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: gimini ที่ 01-02-2020 23:05:41
ชอบโทนของเรื่องมากๆเลยค่า ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆมากให้อ่านกันนะคะ รอติดตามผลงานเรื่อยๆจ้า
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 21-03-2020 21:06:55
 :z13: แป๊ะไว้
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 23-03-2020 00:43:16
แฮปปี้ครับ ชอบจัง
อยากรุ้เรื่องราวหลังจากนี้อีกสักตอนครับ

ในวันที่กลับไปในบริษัท ในนามของแฟนท่านประธาน
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:45:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
เริ่มหัวข้อโดย: Ben33 ที่ 24-09-2020 18:05:23
 :pig4: