【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 Yaoi 】 Lace of love #ภูมิแพ้ลูกไม้ /บท14.2 (จบแล้ว) 3.06.62  (อ่าน 73572 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้โหหห อยากลอยเข้าไปในเรื่องแล้วโปรยถุงยางไว้ ค่อยออกมานั่งดูค่ะ ชอบตอนเขานอนคุยกันแบบ dirty talk คือลุ้นมาก นอนหันหลังให้กันน  :haun4:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
รอค่าา :jul1:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1


3

   “ไหน.....เรื่องมันเป็นยังไง เล่าซิ”
   “โธ่ เรื่องมันไม่มีอะไรเลยครับ คุณภาสกรเขาก็แค่ไปส่งภัทรเฉย ๆ”
   “พี่ไม่เชื่ออะ เล่ามาเลยนะภัทร ถือว่าเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องของเรา” พี่นัทว่าต่อพร้อมกับจ้องภัทรอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ ทำเอาคนเป็นน้องเล็กในแผนกถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
   เชื่อแล้วว่าคุณภาสกรฮอตในหมู่พนักงานบริษัท ไม่ต้องบรรยายให้มากความ เพราะทันทีที่ภัทรก้าวเท้าเข้ามาถึงแผนก พี่ ๆ ก็เข้ามารุมถามกันใหญ่ หลัก ๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องการที่คุณภาสกร ผู้บริหารระดับสูงอาสาไปส่งเขาถึงที่บ้าน
   “จะให้ภัทรเล่าอะไรล่ะครับ พวกพี่ก็เห็น ๆ กันอยู่นี่นา คุณภาสกรเขาเห็นว่าภัทรกลับทางเดียวกับเขา เลยอาสาไปส่งก็แค่นั้นเอง” ภัทรว่า  เขายังคงเป็นผู้ร้ายปากแข็งไม่พูดความจริงออกไป เพราะรู้ว่ามันอาจเป็นผลร้ายมากกว่าดี ไม่ใช่ภาพพจน์ของคุณภาสกรแต่รวมไปถึงหน้าที่การงานของเขาด้วย ดังนั้นภัทรจะไม่มีทางหลุดปากบอกใครเด็ดขาดว่าเมื่อคืนนี้เราไปถึงขั้นไหนกันแล้ว
   “มีแค่นั้นแน่นะ” พี่นัทถามอีกครั้ง
   “แน่นอนครับ เขาก็ดูแลพนักงานทุกคนนั่นแหละครับ อีกอย่างผมไม่มีรถส่วนตัวด้วย เขาก็เลยไปส่งเฉย ๆ” ภัทรว่า รู้หรอกว่าตัวเองเป็นคนโกหกไม่เก่งจึงแสร้งจัดข้าวของเอกสารบนโต๊ะ แทนที่จะสบตากับคู่สนทนาอย่างที่ควรจะเป็น
   “โอเค พี่เชื่อก็ได้ เฮ้อ....แต่พี่เสียดาย ตอนอยู่ร้านคาราโอเกะภัทรน่าจะไลน์บอกพี่สักนิดก็ยังดีอะ พี่จะได้คีพลุกต่อหน้าคุณภาสกรสักนิดนึง”
   “ผมขอโทษครับ แต่เมื่อคืนคุณภาสกรเขานั่งข้างผมจริง ๆ ลำพังจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม เขายังจ้องเลย” ภัทรว่า เขาไม่ได้เติมแต่งแต่อย่างไร แต่คุณภาสกรแทบจะจ้องทุกการกระทำของภัทรจริง ๆ
   “ช่างมันเถอะ งั้นก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปแผนกอื่นก่อน”
   “ครับ” ดีที่พี่นัทไม่ได้ซักไซ้อะไรมากกว่านี้ ภัทรจึงไม่ต้องเดือดร้อนสร้างเรื่องโกหกเติมแต่งไปเรื่อย ๆ
   ตั้งแต่เมื่อคืน เขายังไม่ได้นอนเลยจนกระทั่งตอนนี้ แม้คุณภาสกรจะบอกว่าไม่ต้องลำบากไปส่งที่รถ ให้นอนพักผ่อนเอาแรงเสียเถอะ แต่คนที่เกือบจะได้เสียกัน ใครจะไปหลับลง แค่ภัทรหลับตา ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ผุดขึ้นมาในความคิดทันที
   แม้แต่ตอนนี้ภัทรยังอดโทษตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ยังคงกลัวว่าคุณภาสกรตีความหาว่าภัทรรังเกียจคุณเขาอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เถอะ ภัทรก็แค่เป็นห่วงความปลอยภัยของตัวเองเท่านั้น
   ธนภัทรพยายามสลัดความคิดอันฟุ้งซ่านของตัวเองออกจากหัว หลังจากนี้ไปใช่ว่าเขาจะเจอคุณภาสกรบ่อย ๆ เสียหน่อย หากคุณเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทบ่อยตามที่พี่นัทเคยบอกเอาไว้ นั่นก็หมายความว่าจะเข้าทีก็ต่อเมื่อมีการประชุมหรือไม่ก็มีเอกสารที่ต้องอนุมัติด้วยตัวเอง
   หลังจากนี้ไปเราอาจเจอกันด้วยความบังเอิญ ซึ่งอาจเป็นนาน ๆ ทีครั้งหรือไม่...เมื่อคืนอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันก็ได้ จากที่คำนวณแล้วคุณภาสกรคงเข้าบริษัทเดือนละไม่ถึงสิบห้าครั้ง
   ภัทรไม่ได้หวังสูงอยากสานต่อความสัมพันธ์กับคุณเขา เพียงเพราะเรื่องเมื่อคืนมันเกินกว่าหน้าที่ของพนักงานและเจ้านาย แต่พออะไรที่เกือบได้แล้วไม่ได้ มันย่อมค้างคาใจเป็นธรรมดา แม้อยากจะเลิกใส่ใจแล้ว แต่สมองก็ดันคิดอยู่เรื่อย ร่างกายวอนอยากจะเสียตัวให้คุณเขาให้มันจบ ๆ
   ภัทรกลับมาใส่ใจงานตรงหน้าอีกครั้ง ในขณะเดียวกันสมองของเขาก็คิดเรื่องอื่นไปด้วย หลัก ๆ ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องคุณเขาอีกอยู่ดี กลายเป็นว่าทั้งวันมานี้ แม้คุณภาสกรจะไม่มาให้เห็นหน้า แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถครอบครองพื้นที่ความคิดของภัทรได้อยู่ดี
   ภัทรทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองออกจากแผนกเป็นคนสุดท้าย เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพื่อพบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน ภัทรทำงานล่วงเวลามาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ปีนี้เขาสมควรได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นด้วยซ้ำ
   ดวงตาเรียวกวาดสายตารอบโต๊ะตัวเองเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าทำงานออกจากแผนกไปโดยไม่ลืมที่จะแวะปิดหลอดไฟเพื่อประหยัดพลังงานให้กับบริษัท
   ทำงานเพลิน ๆ ก็สามารถทำให้ภัทรรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวได้ เขายกมือข้างหนึ่งนวดหลังคอตัวเองเบา ๆ ขณะที่เดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์เตรียมจะลงชั้นข้างล่าง แทบทั้งชั้นเหมือนเหลือแค่ภัทรอยู่คนเดียว เขาก็เพิ่งรู้ว่าพนักงานที่นี่กลับบ้านตรงเวลากัน
   รอเพียงไม่นานลิฟต์ก็มาถึงชั้นของเขา แทนที่ภัทรจะเข้าไปทันทีที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างในนั้นและในเวลาเดียวกัน ภัทรก็ตระหนักได้ว่าตัวเองมาลิฟต์ผิดตัว เพราะลิฟต์นี้มีไว้ให้ผู้บริหารใช้เท่านั้น
   “ขอโทษครับ!” เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังใช้ลิฟต์ผิดตัว ธนภัทรก็รีบเอ่ยขอโทษขอโพยอีกฝ่ายในทันที ก่อนจะผงกหัวทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายแล้วตั้งท่าจะเดินหนี ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตาคุณเขา
   “เดี๋ยวสิ คุณภัทร!” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่าแต่ยังรั้งภัทรไว้ด้วยกันจับข้อมือ เพียงแค่ร่างกายเราสัมผัสกัน ภัทรก็รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
   “ค—ครับ?” ภัทรขานรับ ในจังหวะเดียวกันคุณภาสกรก็รีบผละออกจากข้อมือเขา
   “มาด้วยกันเถอะ....ไม่เป็นไรหรอก” เมื่อคุณภาสกรเมตตาให้เราใช้ลิฟต์ร่วมกัน ภัทรจึงผงกหัวและเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ตัวเดียวกันกับคุณภาสกร
   ความอึดอัดปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครชวนคุย เหมือนเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นแค่ความฝันเท่านั้น ซึ่งภัทรเองก็เข้าใจเหตุผลนั้นดี จะให้ทำท่าสนิทสนมกันเหมือนอย่างเมื่อคืนที่เกือบได้เสียกัน แต่ต้องมาพลาดท่าเพราะไม่มีตัวป้องกันก็คงไม่ใช่เรื่อง
   คุณภาสกรลงชั้นใต้ดิน ส่วนภัทรลงชั้นหนึ่ง อีกฝ่ายยืนอยู่ข้างหลัง เอาแผ่นหลังพิงลิฟต์ ส่วนภัทรยืนอยู่หน้าประตูมือข้างหนึ่งถือเสื้อสูทและมืออีกข้างก็กำสายกระเป๋าทำงานไว้แน่น ภัทรรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองตัวเลขที่ระบุชั้นลิฟต์ ภาวนาให้รีบถึงชั้นล่างเร็ว ๆ 
   “ทำไมถึงกลับบ้านช้ากว่าคนอื่นล่ะครับ ตามปกติคุณต้องเลิกบ่ายสามไม่ใช่เหรอ” ก่อนที่ลิฟต์จะนำพาเราไปถึงชั้นล่าง คุณภาสกรก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
   “พอดีผมเหลืองานที่ต้องสะสางอีกนิดหน่อยครับเลยอยู่ต่อทำจนเสร็จดีกว่า” ภัทรตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองคุณเขา
   “หัวหน้าแผนกที่รับผิดชอบคุณไม่ได้บอกเหรอครับ ทางบริษัทไม่มีนโยบายให้พนักงานล่วงเวลา” คุณภาสกรเอ่ยถามต่อ น้ำเสียงคล้ายจะดุภัทร
   “บอกครับ....แต่ผมลืม” ภัทรโกหก
   “ครับ....ทีหลังอย่าทำงานล่วงเวลาอีกนะครับ ไม่งั้นแผนกคุณอาจโดนหักคะแนนได้”
   “ครับ เข้าใจแล้วครับ” ภัทรขานรับอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมเราอีกครั้ง ตึกนี้มีทั้งหมดสิบหกชั้นตอนนี้เพิ่งมาถึงชั้นที่แปด เหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่งกว่าจะถึงชั้นล่าง
   “เมื่อคืน....คุณหลับสบายดีไหมครับ” ก่อนที่ลิฟต์จะนำพาเราทั้งคู่ไปถึงชั้นล่างด้วยกัน คุณภาสกรก็เอ่ยปากถามภัทรอีกครั้ง
   “ครับ หลับสบายดี”
   “แล้วคุณได้บอก.....”
   “ไม่ครับ ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟัง” ไม่ต้องรอให้คุณภาสกรพูดจบประโยคดี ภัทรสามารถตอบได้ทันที....มันเป็นเรื่องธรรมดา คนระดับนี้ต้องเป็นห่วงภาพลักษณ์ตัวเองอยู่แล้ว
   “ผมไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหรอกนะครับ แต่ผมเป็นห่วงความปลอดภัยคุณ” คุณเขาว่า บอกจุดประสงค์ของตัวเองให้พนักงานตัวเล็กได้รับรู้
   “ผมเข้าใจครับ” ภัทรตอบเสียงแผ่ว ในบริษัทมีคนหลายร้อยพ่อพันแม่ที่ต้องทำงานด้วยกัน ต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป และรวมไปถึงคนขี้อิจฉากลัวคนอื่นได้ดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องดี หากจะแสดงออกว่าสนิทสนมกับผู้บริหารเป็นการส่วนตัว
   จังหวะที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ภัทรแทบจะพุ่งออกจากลิฟต์ในทันที แต่คุณภาสกรก็ไม่ปล่อยให้เขากลับบ้านง่าย ๆ อีกนั่นแหละ
   “ เดี๋ยวสิ ภัทร!” คุณเขาตะโกนเรียกชื่อภัทรเสียงดัง นั่นทำให้เจ้าของชื่อต้องหยุดเดินครู่หนึ่ง
   “......”
   “วันนี้ให้ผมไปส่งคุณอีกนะครับ”
   เพราะคำขอของคุณภาสกรถึงทำให้ภัทรได้มานั่งข้างคนขับเช่นนี้ เหมือนเหตุการณ์ฉายวนอีกครั้ง แต่บรรยากาศกลับแตกต่างจากครั้งแรก ความอึดอัดระหว่างเราที่เคยก่อตัวขึ้นอยู่บ่อยครั้งวันนี้กลับไม่มี แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้ชวนกันพูดคุย ต่างฝ่ายต่างเงียบ คุณภาสกรทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปอย่างเงียบ ๆ ส่วนภัทรก็มองข้างทางไปเรื่อย
   “นี่ก็ค่ำแล้ว คุณกินข้าวเย็นหรือยังครับ” หลังพ้นช่วงรถติดมาได้ คุณภาสกรก็เอ่ยถามภัทรพร้อมกับชำเลืองมองกระจกข้าง ๆ ไปด้วย
   “ยังเลยครับ” ภัทรว่า อยากจะตอบต่อว่าอีกฝ่ายก็เพิ่งเห็นนี่ว่าภัทรเพิ่งเลิกงานเมื่อกี้เอง จะเอาเวลาที่ไหนกินข้าว แต่สุดท้ายธนภัทรก็เลือกที่จะเงียบและตอบไปแค่นั้น
   “งั้นเราแวะทานของอร่อย ๆ กินก่อนที่จะไปส่งคุณดีกว่า ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
   “ครับ?” คราวนี้ภัทรหันไปมองหน้าคุณเขาด้วยความงุนงง
   “ผมรู้จักร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง ย่านวงเวียนใหญ่ เป็นร้านอาหารโปรดของครอบครัวผม อร่อย ราคาไม่แพงด้วยอยากให้คุณลอง”
   แทนที่คุณภาสกรจะขยายความหรือพูดอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่กลับตีมึนแล้วเล่าเรื่องร้านอาหารแทน เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากคุณเขาจะไม่ถามความสมัครใจของภัทรเลยสักนิด ยังเปลี่ยนเลนรถอย่างถือวิสาสะอีกต่างหาก แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังทางกลับบ้านภัทร กลับพาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ มุ่งตรงไปย่านวงเวียนใหญ่อย่างที่คุณเขาว่าแทน
   “นี่เราจะไปกินข้าวกันเหรอครับ?”
   “ใช่ครับ ผมกำลังพาคุณภัทรไปทานข้าว” คุณภาสกรตอบเสียงซื่อ
   ในเวลาเพียงไม่นานเราก็เดินทางมาถึงวงเวียนใหญ่จนได้ แม้คุณภาสกรจะพูดเองเออเองสำหรับเรื่องการแวะกินข้าวครั้งนี้ แต่ภัทรไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาแต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่าการแสดงออกเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ารัก อีกทั้งนี่คือความต้องการของคุณเขา ใครจะกล้าขัดคำสั่ง
   เพราะนอกจากชื่อและตำแหน่งในบริษัท เราก็ไม่รู้จักเรื่องส่วนตัวของกันเลย ทำให้ภัทรอดทึ่งไม่ได้ที่คุณภาสกรพาแวะกินร้านข้างทางแทนที่จะเดินเข้าร้านหรูอย่างที่คิดไว้
   ภัทรไม่ได้รังเกียจอาหารข้างทางที่จอดขายตามริมริมฟุตบาธ มันเป็นร้านธรรมดาระดับชนชั้นอย่างเขา แต่ที่ภัทรอึ้งก็เพราะไม่คิดว่าระดับคุณภาสกรกินร้านตามริมฟุตบาธเช่นนี้ ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณเขามีเงินเป็นพันล้าน จะกินร้านหรูแค่ไหนก็ย่อมได้
   “ร้านนี้แหละครับ อาหารอร่อยมาก คุณภัทรนั่งก่อนสิ....เดี๋ยวผมเดินไปสั่งเมนูแป๊บหนึ่ง” คุณภาสกรว่าพร้อมกับพยักพเยิดให้ภัทรนั่งเก้าอี้เฝ้าโต๊ะที่ว่าง ๆ ไว้ก่อน แล้วคุณเขาก็เดินไปสั่งเมนูกับแม่ค้าที่กำลังปรุงอาหารอยู่หน้าเตาอย่างชำนาญการ
   “ไม่ยักจะรู้นะครับว่าคุณภาสกรจะกินร้านข้างทางด้วย” หลังจากที่คุณเขากลับมานั่งที่โต๊ะ ระหว่างรอให้อาหารมาเสิร์ฟ ภัทรก็ชวนคุณเขาคุย
   “ทำไมล่ะครับ”
    “ก็คุณรวย.....ระดับคุณกินร้านภัตตาคารหรู ๆ ได้สบาย ๆ” ธนภัทรว่าอย่างซื่อตรง
   “แต่คนรวยก็คนนะครับ”
   “.......”
   “ถ้าร้านทำสะอาดและอร่อยทำไมผมจะกินไม่ได้ล่ะ” คุณภาสกรชี้แจงด้วยเหตุผล
   “ก็ผมเคยเห็นในละคร คนรวย ๆ ต้องกินร้านหรู ๆ อาหารถูกปรุงโดยเชฟชื่อดัง...”
   “นั่นคือในละคร แต่ผมคือคนในชีวิตจริง”
   “....ขอโทษครับ” ภัทรเอ่ยขอโทษอย่างไม่ลังเล หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมองคุณเขาในทางที่ไม่ดี มองว่าคุณภาสกรเป็นพวกผู้ดีตีนแดง ทั้ง ๆ ที่คุณภาสกรติดดินขนาดนี้
   “จะขอโทษทำไมล่ะครับ ดีเสียอีก เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” คุณภาสกรว่า ใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณเขายังคงเปื้อนด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นเดิม ไม่ได้แสดงออกถึงความหงุดหงิดที่เห็นภัทรมองตัวเองในแง่ลบเลยแม้แต่นิด
   “แล้วคุณภาสกรมาทานที่นี่บ่อยหรือครับ” ภัทรเปลี่ยนเรื่องคุย
   “ไม่บ่อยหรอกครับ นาน ๆ ทีมาครั้ง ส่วนใหญ่จะวานให้แม่บ้านซื้อเข้าไปมากกว่า” เราพูดคุยกันอีกสองสามประโยค อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี
   ร้านที่คุณภาสกรพามากิน ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง แต่เป็นร้านที่ขายหลายเมนู เมนูที่ดูขึ้นชื่อของทางร้านมากที่สุด น่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น คุณเขาหายไปสั่งเมนูกับแม่ค้าแป๊บเดียว แต่อาหารมาเสิร์ฟแทบล้นโต๊ะ มีทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น หอยแมลงภู่อบใบโหระพา ต้มยำรวมทะเลและปูผัดผงกะหรี่
   “สั่งมาเยอะจังเลยครับ” ภัทรว่า หลังอาหารที่คุณเขาสั่งได้มาเสิร์ฟจนครบแล้ว มันเยอะจนเขาไม่แน่ใจว่าลำพังแค่เราสองคนจะกินกันหมดไหม
   “ก็อยากให้คุณได้ลองกินไงครับ อร่อยจริง ๆ นะ” คุณภาสกรไม่ว่าเปล่า แต่ยังใจดีตักกุ้งอบวุ้นเส้น อาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเอกของทางร้านให้ภัทรอีกด้วย
   “ขอบคุณครับ”
   ระหว่างทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน คุณภาสกรดูแลภัทรดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตักอาหารให้ชิมหรือรินน้ำใส่แก้วให้อยู่บ่อยครั้ง ทำเอาคนที่อาศัยติดรถกลับบ้านด้วย เกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว คุณภาสกรดูแลภัทรดีมากราวกับอีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารแห่งนี้ด้วยซ้ำ
   “ไม่เอาครับ ผมจ่ายเอง” ภัทรรีบคว้ากระเป๋าตังค์และปฏิเสธความหวังดีของคุณภาสกรในทันที หลังเห็นว่าคุณเขาทำท่าจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้
   “ผมเลี้ยงครับ”
   “ไม่ได้นะครับ แค่พามาทานข้าวผมก็เกรงใจแล้ว” ภัทรว่า ยังยืนกรานที่จะรับผิดชอบค่าอาหารร่วมกับคุณภาสกรให้ได้
   “งั้น....ถ้าคุณภัทรอยากจะรับผิดชอบค่าอาหารร่วมกัน ไว้เลี้ยงผมตอนทานของหวานก็ได้ครับ ข้ามฝั่งไปจะมีร้านทับทิมกรอบเจ้าดังอยู่” คุณภาสกรเสนอทางออกให้
   “ค่าทับทิมกรอบอย่างมากก็ไม่เกินห้าสิบบาทต่อถ้วย แต่มื้อนี้ขั้นต่ำน่าจะเป็นพันเลยนะครับ” ธนภัทรยังคงเถียง เพราะยังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบผู้เป็นเจ้านายอยู่ ของหวานอย่างมากสุดก็คงกินได้ไม่เกินสามถ้วยแน่ มูลค่าของหวานสามถ้วยยังไม่ได้ครึ่งของราคาอาหารมื้อนี้เลยด้วยซ้ำ
   “แต่ผมเป็นเจ้านายนะครับ จะให้คุณมาแชร์ค่าอาหารทั้ง ๆ ผมลากคุณมาด้วยก็คงไม่เหมาะเท่าไรเหมือนกัน” คุณภาสกรเองก็ไม่ยอม
   “......”
   “งั้นตกลงตามนี้นะ”
   สุดท้ายภัทรก็ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงของหวานแทน เพราะคุณภาสกรไม่สะดวกใจที่จะให้เขาช่วยออกค่าอาหารคาวจริง ๆ
   หลังจากออกจากร้านอาหารเสร็จ เราก็เดินข้ามสะพานลอย เดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงร้านที่คุณเขากล่าวถึง เราแวะเข้าร้านทับทิมกรอบเจ้าดังที่เปิดขายอยู่วงเวียนใหญ่
   ทั้งภัทรและคุณเขา เราใจตรงกัน สั่งรวมมิตรมาคนละถ้วย ในถ้วยที่สั่งไปจะมีทั้งทับทิมกรอบ แห้วสวรรค์และซ่าหริ่มรวมอยู่ในถ้วยเดียว เรากินไปคนละหนึ่งถ้วย เอาพอให้หอมปากหอมคอ ราคาต่อถ้วยประมาณสี่สิบบาท ถือว่าไม่ถูกและแพงจนเกินไป
   “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ร้านที่คุณพาไปอาหารอร่อยมาก วันหลังผมจะได้พาหลานไปกินอีก” ภัทรเอ่ยขอบคุณคุณภาสกร หลังรถหรูมาจอดสนิทที่หน้าบ้านของเขาแล้ว
   “ถ้าจะพาหลานไปก็บอกผมได้ เดี๋ยวผมพาไปเอง ไปเองเปลืองค่ารถเปล่า ๆ”
   “งั้นถ้ามีครั้งหน้า ผมต้องเป็นเจ้ามือนะครับ” ภัทรต่อรอง
   “ก็ได้ครับ ตามใจคุณ”
   “......”
   “คุณภัทรครับ....จะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้าผมจะขอเบอร์คุณเอาไว้” คุณภาสกรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก คล้ายว่ากลัวจะถูกปฏิเสธ
   “ได้สิครับ” เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ภัทรจึงให้เบอร์คุณเขาอย่างไม่ลังเล เราพิรี้พิไรอยู่ในรถนานสองนาน จริง ๆ ภัทรควรจะขอตัวเข้าบ้านได้แล้ว เพราะหลานอยู่บ้านคนเดียว แต่เขากลับไม่อยากรีบลง เพราะบรรยากาศบนนี้กำลังดีได้ที่
   “ภัทรครับ.....”
   “ครับ?” ภัทรขานรับในทันทีที่ได้ยินว่าคุณเขาขานชื่อ
   “จะเป็นอะไรไหม ถ้าผม.....ผมขอจูบคุณอีก” ตอนแรกเหมือนคุณภาสกรจะลังเล แต่สุดท้ายก็พูดอย่างตรงไปตรงมา คราวนี้ธนภัทรถึงกับเงียบ เดาใจคุณภาสกรไม่ถูก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คำขอของคุณเขา มันกำลังทำให้ใบหน้าภัทรร้อนฉ่าไปหมด
   “คุณภาสกรไม่คิดว่า มันเกินขอบเขตของเจ้านายลูกน้องไปหน่อยเหรอครับ” นานนับนาทีกว่าภัทรจะตอบ
   “นอกเวลางาน เราไม่ใช่เจ้านายลูกน้องกันหรอกนะครับ”
   “แต่ตอนที่อยู่ร้านอาหาร คุณเพิ่งอ้างเรื่องเจ้านาย ลูกน้องไปเองนะครับ” ภัทรแย้ง
   “.......”
   “อีกอย่าง....นอกเวลางานของคุณภาสกรนี่ รวมไปถึงเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่าครับ”
   “ใช่ครับ ไม่มีเจ้านายลูกน้องที่ไหนเขาจูบกันหรอก” เมื่อธนภัทรเอ่ยถามอย่างซื่อตรง คุณภาสกรก็ตอบตรง ๆ เช่นกัน แม้มันจะดูแรง หวือหวาไปเสียหน่อย เพราะเราเพิ่งรู้จักกันเพียงระยะเวลาเพียงสั้น ๆ แต่กลับถูกใจคนฟังอย่างภัทรหนักหนา เพราะจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง แต่เราคิดตรงกันต่างหาก
   เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของความสัมพันธ์นี้แล้ว ภัทรก็ไม่รีรอที่จะมอบในสิ่งที่คุณเขาขอมา เพราะภัทรเองก็อยากสัมผัสความรู้สึกแบบเมื่อคืนเช่นกัน เรื่องลีลาปล่อยให้เป็นกิริยาของนางเอกหลังข่าวเถอะ เพราะในชีวิตจริงถ้ามัวอ้อยอิ่งก็คงไม่ทันการ
   ภัทรเอียงหน้าเล็กน้อย เพื่อให้เราจูบกันได้ถนัดถนี่ขึ้น เราจูบกันเพียงไม่นาน เรียกว่าเอาปากแนบปากน่าจะใช่กว่า เพราะไม่มีการรุกล้ำอะไรที่มากกว่านั้น
   “จูบผมอีก....แล้วเรียกชื่อผมที” ผละออกจากกันได้ไม่ถึงนาที คุณภาสกรก็ร้องขอจูบอีกครั้ง อีกฝ่ายสั่งการพร้อมหลับตาพริ้มรอรับจูบหวาน ๆ จากธนภัทรอย่างเป็นเด็กดี
   “ภาสกร แปลว่า ดวงอาทิตย์ ชื่อเล่นผม....ชื่ออาทิตย์” คุณเขาว่า หวังจะได้ยินเสียงหวาน ๆ เรียกชื่อเล่นตัวเองให้ชื่นใจสักหน
   “คุณอาทิตย์” ภัทรไม่ได้ใสซื่อ เขากระซิบชื่อข้างใบหูผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับขบใบหูคุณเขาด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งไปประกบปากคุณเขาอีกครั้งอย่างไม่อิดออด
   แม้จะเป็นจูบที่บางเบาไม่ได้รุกล้ำดูเร่าร้อนพร้อมจะสานต่อเหมือนกับเมื่อคืน แต่แปลกที่ภัทรรู้สึกร้อนวูบวาบตรงบริเวณแก้มและใบหู เหมือนเราเพิ่งผ่านจูบแบบดูดดื่มมาหมาด ๆ มันทำให้เขาใจสั่น 
   “พอใจคุณอาทิตย์หรือยังครับ” ธนภัทรเอ่ยถาม หลังผละจากจูบรอบที่สอง
   “พอใจ....พอใจมากครับ”
   “.......”
   “นี่จะสามทุ่มแล้ว คุณเข้าบ้านเถอะ ฝันดีนะครับ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็รีบปล่อยตัวธนภัทรเข้าบ้านในทันที
   “ฝันดีเช่นกันครับ....คุณอาทิตย์”
   เมื่อภัทรได้ให้สิ่งที่คุณเขาขอไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะนั่งอยู่บนรถต่อ เขายิ่งรู้สึกดี เพราะเมื่อหันหลังแล้วมองกลับไป ก็ได้เห็นคุณอาทิตย์มองตามด้วยสายตาเว้าวอน เราส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายเลื่อนสายตาไปมองตู้ซองจดหมายที่ระบุบ้านเลขที่ของเขาเอาไว้

________________________________
#ภูมิแพ้ลูกไม้

ขอบคุณมากๆค่ะ ขอให้อ่านแล้วมีความสุขนะคะ,พาพา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 20:12:11 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อ้อยเก่งกันไปหมดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หืมมมมมมมมมมม  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โหหหห นี่แค่จูบเบาๆแถมยังไม่รุกล้ำนะเนี้ย นุตัยไพเรยยยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กุมใจแรงมาก รอเขาแชทกันนะ 55

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยยยย เห็นบ้านเลขที่แล้วแน่เลยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โอ้ยยยยยยยยยยยย ถ้าต่างคนต่างรู้ว่าคือคนในทวิตจะเป็นยังไงน้อ อ่านละวูบวาบไปหมด  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :o8:

ลุ้นนนนน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ต้องเนียมกันแล้วเดี๋ยวไม่ได้กิน

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
         



     “เอ้ย!”




            “รถใครอะ น้าภัทร”



            “โธ่....โอ๊ตมาแอบอยู่ข้างประตูทำไมเนี่ย น้าตกใจหมด” ธนภัทรเอามือลูบอกตัวเอง หลังตกใจเมื่อจู่ ๆ หลานชายตัวดีก็โผล่ออกมาจากหลังผ้าม่านข้างประตูยิ่งกว่าหนังระทึกขวัญ



                “น้าภัทรไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะฮะ ตอบคำถามผมมาก่อน”



                “ก็รถเจ้านายเขาน่ะสิ”



                “แล้วทำไมเขาถึงมาส่งน้าอะ” เจ้าโอ๊ตถามต่ออย่างกับเด็กขี้สงสัย ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ หลานชายตัวเล็กจ้องหน้าธนภัทรราวกับจะจับผิดกัน หลังเห็นว่าน้ามีท่าทีอึกอักแถมวันนี้ยังกลับบ้านช้าอีก ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลาน้าภัทรกลับบ้านช้าก็มักจะโทรมาบอกก่อนเสมอ



                “ก็อยู่บ้านละแวกเดียวกัน บังเอิญเจอกัน เขาเลยใจดีมาส่งน้าไง” ภัทรตอบส่ง ๆ



                “จริงอะ”



                “เอ๊ะ! เราเป็นแม่น้าหรือไงเจ้าโอ๊ต ถามเซ้าซี้จัง” ภัทรว่าต่อ แสร้งทำเป็นโมโห หลังหลานชายตัวดียังคงจับผิดอยู่นั่นแหละ



                “แน่ะ....มีโมโหกลบเกลื่อนอีกนะ” เจ้าโอ๊ตว่าอย่างรู้ทัน



                “โอ๊ต....” คราวนี้เขาเรียกชื่อหลานชายตัวดีด้วยโทนเสียงต่ำ เป็นสัญชาตญาณเตือนว่าหากอีกฝ่ายยังสงสัยไม่เลิก อาจถูกบิดหู ข้อหาถามเซ้าซี้เกินเหตุแน่



                “ก็ได้ฮะ ๆ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วนี่น้าภัทรซื้ออะไรมาเหรอฮะ” หลานชายตัวดีเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ



                “ขนมปังสังขยากับน้ำเต้าหู้ ตอนออกมาน้าซื้อมาฝาก ไปหาแก้ว หาจานมาเทใส่ไป” ภัทรว่า ก่อนจะยื่นถุงขนมปังสังขยาและน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องและน้ำตาลให้หลานชายไปจัดการต่อ



                “เออ โอ๊ตเดี๋ยวสิ!” จังหวะที่หลานชายจะเดินไปหยิบภาชนะในครัว ภัทรก็เรียกไว้เสียก่อน หลังเพิ่งนึกได้ว่าควรถามอะไรบางอย่างกับเจ้าโอ๊ต เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น



                “มีอะไรเหรอฮะ” เจ้าโอ๊ตหันมาถามน้าชายเสียงซื่อ



                “ตอนที่เจ้านายเขามาส่งน้า.....โอ๊ตเห็นอะไรไหม”



                “เห็น?”



                “ในรถน่ะ” ภัทรขยายความ



                “จะเห็นได้ไงล่ะฮะ รถติดฟิล์มดำขนาดนั้น”



                “......”



                “ว่าแต่น้าภัทรมีอะไรหรือเปล่าฮะ?” คราวนี้หลานชายตัวดีถามกลับบ้าง

                “เปล่าหรอก....น้าไม่มีอะไรจะถามแล้ว โอ๊ตกินเสร็จแล้วก็อย่าลืมเช็กบานประตูหน้าต่างก่อนขึ้นนอนนะ เดี๋ยวน้าจะขึ้นห้องก่อน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ”



                “ได้ฮะ



                ภัทรกลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้าบ้าน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ครั้งล่าสุดก็น่าจะตอนมัธยมปลายที่ภัทรรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีสีสัน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก



                ในขณะเดียวกันความคิดมากที่มีตลอดทั้งวัน พอถึงตอนนี้ก็หายไป เพราะเราได้คุยเพื่อทำความเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่กำลังทำมันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านายและลูกน้อง คุณอาทิตย์สนใจภัทร ภัทรเองก็สนใจคุณเขา



                ภัทรถูกดึงให้กลับเข้ามาในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง เมื่อเสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้เห็นว่าไลน์ของเขาถูกเพิ่มเพื่อนจากทางหมายเลขโทรศัพท์ ไม่ต้องเดาภัทรก็รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะกดเพิ่มเพื่อนกลับ แล้วกดดูรูปประจำตัวของคุณเขาอย่างขี้สงสัย



                ความหลงมันน่ากลัวยังไง ภัทรไม่เคยได้สัมผัสหรอก จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าความลุ่มหลงมันน่ากลัว ภัทรไม่รู้หรอกความลุ่มหลงที่กำลังก่อเกิดนี้ มันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เพียงแค่ได้เห็นรูปประจำตัวไลน์ของคุณเขา ภัทรก็ฉีกยิ้มกว้างแล้ว มิหนำซ้ำยังจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยม มองดูรูปเดิมนานนับนาที ก่อนจะตัดสินใจกดบันทึกไว้ในเครื่องตัวเอง



                ถึงจะมีไลน์กันและกันแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะทักกันก่อน ภัทรที่ยังอยู่ในชุดทำงานเฝ้ารออยู่หน้าจอโทรศัพท์มาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หลังจากที่มีการแจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์



                แต่ทว่าเขารอจนแล้วจนรอด คุณเขาก็ไม่ทักมาเสียที แต่ถึงอย่างนั้นภัทรก็ยังไม่หมดกำลังใจ ระหว่างรอให้คุณเขาทักมา เขาจึงเปิดเข้าทวิตเตอร์เช็กการแจ้งเตือนเพื่อฆ่าเวลาแทน



                การแจ้งเตือนส่วนมากจะเป็นเรื่องการรีทวิตและแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าพอบัญชีผู้ใช้ลูกไม้ป่ามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มักจะดึงคนประหลาดเข้ามา ทั้ง ๆ ก่อนจะกดรับใคร ภัทรมักจะเช็กก่อนทุกครั้ง แต่ก็หลุดรอดสายตามาอยู่ดี



                สุดท้ายภัทรก็เลือกที่จะมองข้ามการแจ้งเตือนไปอย่างเช่นทุกที เขาเลือกที่จะกดเข้าไปกล่องข้อความที่ถัดไปแทน เพื่อมีคนเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผ้าลูกไม้หรือร้านค้าที่ภัทรซื้อมา



                หนึ่งในบุคคลที่ภัทรจะไม่ละเลย ไม่ตอบไม่ได้นั่นก็คือคุณพี เมื่อเห็นว่าคุณพีทักค้างเอาไว้ ภัทรรีบกดเข้าอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาทันที



                แม้ในตอนนี้คุณภาสกรจะเป็นที่หนึ่งในใจของภัทร แต่คุณพีผู้ชายที่อยู่ในโลกออนไลน์ ภัทรก็ละเลยไม่ได้เช่นกัน  ไม่อยากจะเป็นคนนิสัยแย่ ๆ เมื่อมีอะไรที่น่าสนใจกว่าก็ปล่อยให้คนในโลกออนไลน์เหงาอยู่เพียงลำพัง เพราะก่อนที่ภัทรจะเจอกับคุณเขา ก็มีคุณพีนี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้



 
           “ผมอยากเห็นรูปคุณอีก”



“ครั้งก่อนผมเพิ่งถ่ายส่งไปให้ไม่ถึงสัปดาห์เองนะครับ”



                หลังเห็นว่าคุณพีทักมาด้วยเรื่องอะไร ภัทรก็ไม่รีรอที่จะตอบกลับไป เริ่มอิดออดไม่อยากส่งให้อีกฝ่าย เพราะตอนนี้ภัทรไม่มีรูปที่ถ่ายเก็บไว้แล้ว



            “แต่ผมดูทุกวันเลยนะ ผมดูจนเบื่อแล้วด้วย”



            “เถอะนะครับ....ที่รัก คุณอย่าใจร้ายกับผมเลย”



            ได้คืบจะเอาศอก เคยส่งให้ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สามจึงร่ำร้องตามมาติด ๆ เพราะไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้ส่งไปแล้วจะได้อะไร ภัทรจึงไม่อยากส่งรูปไปให้อีก อีกทั้งยังไม่ได้แกะของใหม่มาลองด้วยจึงไม่รู้จะส่งอะไรให้ ถ้าจะเอาในเวลานี้ก็คงมีแค่ชุดทำงานนี่แหละ



                พอภัทรมีเวลาได้คิด เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่เขาจะพอใจที่ร่างกายตัวเองถูกเยินยอด้วยคำชมก็เถอะ


“ถ้าผมถ่ายส่งไป....ผมจะได้อะไรเหรอครับ?”



            สุดท้ายภัทรก็ตัดสินใจถามกลับไป เริ่มอยากมีอะไรแลกเปลี่ยนขึ้นมา หากคุณพีตอบมาว่าไม่มี ก็อย่าหวังว่าวันนี้ภัทรจะส่งรูปอะไรให้อีก



                ภัทรอยากคุยกับคุณพีต่อ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่ตัวเองเอาแต่ส่งรูปหาคุณพีอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้



“ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเสียเปรียบหรอกนะครับ เพราะวันนี้ผมเองก็มีของมาแลกเหมือนกัน”



            พอคุณพีกลับมาเช่นนั้น เจ้าของบัญชีลูกไม้ป่าก็เริ่มรู้สึกมีแรงจูงใจขึ้นมาบ้าง ภัทรคิดว่าเขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะความอยากรู้ว่าของที่คุณพีจะมาแลกกันคืออะไรกันแน่ จึงทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นนั่งดี ๆ



                มือเรียวค่อย ๆ ปลดเปลื้องกระดุมเสื้อตัวเองออกจนถึงช่วงกลางอก เผยให้เห็นเนื้อตัวขาว ๆ ไร้เสื้อกล้ามปกปิด ก่อนจะนั่งอ้าขาทั้ง ๆ ที่ยังใส่กางเกงอยู่ จัดท่าทางให้พอเหมาะแล้ว วางกล้องในมุมเสย กดถ่ายรูปเรือนร่างตัวเองทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในชุดทำงานส่งไปให้คุณพีทันที



                หลังจากที่ภัทรส่งรูปไปให้ตามคำขอของอีกฝ่าย คุณพีก็หายไปครู่หนึ่ง นั่นทำเอาคนที่ส่งไปก่อนเริ่มใจเสีย ก่อนว่าตัวเองจะถูกโกง เกือบจะโวยวายไปแล้ว แต่คุณพีก็ชิ่งตอบกลับมาเป็นรูปภาพเสียก่อน



                รูปเรือนร่างท่อนบนไร้ซึ่งการปกปิด ทำเอาคนที่ได้รับถึงกับใจระส่ำ อยากจะเอานิ้วสัมผัสกล้ามเนื้อนั้นดู ท่อนบนของคุณพีอุดมไปด้วยมัดกล้าม บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมกล้องหรือการปรับแต่งกันแน่ แต่ภัทรคิดว่ากล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องของอีกฝ่ายดูงดงามจนไม่อยากมองผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมงี่เง่านี่ด้วยซ้ำ



“โอเคไหมครับ?”



            “โอเคครับ ดีมากเลย”

            “อยากลองจับดูจัง”

            “คุณพีคงออกกำลังกายบ่อยเลยใช่ไหมครับ”

“ช่วงนี้ทำงาน ไม่ค่อยได้ออกหรอกครับ”

"ว่าแต่คุณเถอะ ถ่ายรูปแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังในชุดทำงาน ไม่กลัวเจ้านายเขาจับได้เหรอครับ?”



                ช่วงประโยคสุดท้ายของคุณพีทำให้ภัทรได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะพบว่าภัทรได้พลาดแล้ว..... หากคิดจะมาทางนี้ พูดคุยเชิงเรื่องใต้สะดือกับคนในโลกออนไลน์ เขาไม่ควรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในชีวิตจริงของตัวเอง แม้กระทั่งชื่อเล่นก็ไม่ควร แต่ตอนนี้เขากลับเปิดเผยชื่อบริษัทตัวเองเสียดื้อ ๆ


“คุณจะแจ้งทางบริษัทผมเหรอครับ”

                ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป หากถามว่ากลัวว่าคุณพีจะแจ้งทางบริษัทไหม ภัทรขอตอบเลยว่าเขากลัวมากและยิ่งไปกว่านั้น เขากลัวว่าคุณภาสกรจะรู้และผิดหวังในตัวเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะหยุดความสัมพันธ์กันเสียตอนนี้ เพราะเราเพิ่งเริ่มต้นถึงได้ไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งภัทรไม่ต้องปรารถนาให้มันเป็นเช่นนั้น


            “เปล่าครับ ผมก็แค่เป็นห่วง”

            “อย่าแบบนี้ส่งให้ใครอีกนะครับ”


            “เพราะโชคดีไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป”





_____________________
#ภูมิแพ้ลูกไม้
ระวังนะภัทร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 20:17:37 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ภาสกร ? คุณพี? ถ้าใช่จริงๆคงจะโดนจับได้แล้วละ จำได้ว่ามีการส่งของให้ที่ยงที่อยู่ก็คงจะรู้แล้วเพราะมาส่งเอง ลูกไม้อีกล่ะ ไม่แน่ตัวที่เห็นอาจจะเป็นขอวที่คุณพีซื้อส่งมาให้ด้วย

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แหม่ มันก็ต้องใช่แล้วพ่ะะะะะ คุณพีคะ เขิลล

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น​้​องภัทรพลาดแล้วลูก​ คุณพีน่าจะรู้แล้วนะ
เผลอๆก็รู้ตั้งแต่ตอนมาส่งครั้งแรก

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :z1: เค้ารู้แล้วแน่เลยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีคำผิดค่ะ ไม่น่าใช่นาย น่าจะเป็น เขาก็เลยมาส่งน้าไง
คำเดียวเลยค่ะคุณอาทิตย์ร้ายกว่ามาก โอ้ยยย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณพีน่าจะแน่ใจตรงบ้านเลขที่ เลยมาขอรูปพิสูจน์อีกทีแน่เลย

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เสื้อบริษัทหรอ.. หรือจำสีเสื้อได้เฉยๆ
แต่จุดที่เดาได้น่าจะบ้านเลขที่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1


4



   ‘เพราะโชคดีไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป’
   แม้คุณพีบอกว่าจะไม่รายงานให้ทางบริษัทที่ภัทรทำงานอยู่ทราบ แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เหมือนตัวเองกำลังถูกกุมความลับเอาไว้ หน้าที่การงานของเขาอยู่ในกำมือของคุณพี ผู้ชายบนโลกออนไลน์ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าตากัน จะถูกเด้งหรือจะอยู่ต่อก็ขึ้นอยู่กับผู้ชายคนนั้น
   ภัทรไม่ชอบที่ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานะแบบนี้เลย แม้คุณพีจะบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล รู้ว่านี่คือเรื่องผิดพลาด แต่เขาก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะหน้าที่การงาน อนาคตของเขากำลังอยู่ในมือของคุณพี ภัทรไม่ได้ตั้งใจที่จะโชว์ตราปักบนเสื้อเชิ้ต ให้ใครได้รู้ว่าเขาทำงานกับบริษัทใหญ่ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมที่เกิดจากความไม่ระมัดระวังของตัวเอง
   พอมีความผิดติดตัว ภัทรก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ปกติยามเข้าบริษัท เขามักจะมาพร้อมกับจิตใจที่เบิกบานตามประสาบัณทิตที่เพิ่งจบและพร้อมจะโชว์ศักยภาพตัวเองให้ที่ทำงานได้เห็น แต่สองสามวันมานี้กลับไม่ใช่เลย…
    นอกจากจะวิตกกังวล จิตใจไม่เบิกบานเหมือนอย่างเคยแล้ว ในขณะเดียวกันภัทรก็ไม่ได้เข้าทวิตเตอร์อีกเลย นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือกับใครอีก แม้คน ๆ นั้นจะเป็นคุณพีก็ตาม
   ตอนแรกทุกอย่างดูเหมือนจะดีไปเสียหมด ทั้งในโลกออนไลน์และในโลกความจริง แต่พอข้ามคืนทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เพราะจนถึงวันนี้สามวันแล้วที่ภัทรไม่ได้ติดต่อกับคุณภาสกร แม้ตอนนี้เราจะมีช่องทางการติดต่อกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์ แต่เรากลับไม่ได้คุยกันเลย คุณเขาอาจจะยุ่งและตอนนี้ภัทรเองก็ไม่มีกระจิตกระใจจะคุยกับใครเท่าไรนัก
   “ภัทรเป็นอะไร ขอบตาคล้ำมาอีกแล้ว” พี่นัทเอ่ยถามภัทรด้วยน้ำเสียงกังวล หลังเห็นหน้าตาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องดูหมองพิกล มิหนำซ้ำยังขอบตาคล้ำมาอีก บ่งบอกว่าอีกฝ่ายนอนไม่เพียงพอ
   “พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” ภัทรว่าพลางทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน
    เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่ เพราะมีความผิดเป็นชนักติดหลัง ปรึกษาใครก็ไม่ได้ ทำให้ภัทรอึดอัดอยู่ทุกขณะ ขนาดจะกินข้าว สมองยังหวนให้นึกถึงความผิดที่เขาทำไว้อยู่ดี
   ความผิดที่มีคนรับรู้ตามหลอกหลานธนภัทรอยู่ทุกฝีก้าว สามวันมาแล้วที่ภัทรไม่สามารถยิ้มได้อย่างสบายใจและทุกครั้งที่เขาหลับตา เรื่องแย่ ๆ ที่พลั้งพลาดไปแล้วก็มักจะผุดขึ้นมาให้คิดมากส่งผลให้นอนไม่หลับเสมอ
   “มีอะไรปรึกษาพี่ได้เสมอนะ” พี่นัทว่าต่อด้วยความหวังดี ภัทรขอบคุณตัวเองเสมอที่เขาได้รู้จักกับพี่คนนี้ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้
   “ขอบคุณมากครับพี่”
   ถึงจะมีเรื่องส่วนตัวให้เครียดมากเพียงใด แต่พอถึงเวลางานภัทรก็พยายามทำงานเต็มที่อย่างเช่นทุกครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนเดิมก็คือจิตใจของเขา ภัทรกลัวเสมอยามที่หัวหน้าเดินเข้ามาหา แม้อีกฝ่ายจะเข้ามาหา เพราะชวนคุยเล่นเฉย ๆ แต่ภัทรก็กลัวอยู่ดี
   ภัทรกลัวว่าตัวเองจะถูกเรียกพบจากฝ่ายบุลคล เพื่อสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัทก็คงเถียงไม่ขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับบริษัทโดยตรง มีตราบริษัทเด่นหราอยู่ในภาพนั้นและท้ายที่สุดแล้ว มันก็คือการทำให้บริษัทและองค์กรเสียชื่อเสียง
   “ภัทร!”
   “ครับ!”
   “เป็นอะไร เหม่ออีกแล้วนะเรา” พี่ชาติผู้เป็นหัวหน้าแผนกเอ่ยท้วงภัทรเป็นรอบที่สองของวัน หลังเห็นลูกน้องในปกครองมองออกไปทางหน้าต่างเป็นเวลานาน
   “ขอโทษครับ พี่ชาติมีไรหรือเปล่า”
   “เอ้ย! พี่ไม่ได้ว่าเรานะ แค่เห็นว่าเราใจลอยเลยเรียกเฉย ๆ เป็นห่วง”
   “….”
   “เห็นมีอาการใจลอย ใต้ตาคล้ำมาได้สองสามวันแล้วพี่” พี่นัทที่นั่งทำงานถัดจากโต๊ะของภัทรพูดเสริม นั่นจึงทำให้พี่ชาติยิ่งมองภัทรราวกับจะจับผิดกัน
   “เป็นอะไร เครียดเรื่องงาน? มันหนักเหรอ” พี่ชาติเอ่ยถามภัทร
   “เปล่าครับ”
   “อ้าว แล้วเป็นอะไร”
   “ผม…เครียดเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” ภัทรตอบเสียงแผ่ว ไม่แม้แต่จะอธิบายว่าเรื่องทางเงิน ความรักหรืออะไร เขาตอบเพียงสั้น ๆ ว่าเครียดเรื่องส่วนตัว เป็นอันรู้กันว่าไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะก้าวก่าย
   “งั้นพี่จะไม่ยุ่งแล้วกัน แต่ถ้าไม่สบายใจก็ทักมาปรึกษาได้นะ”
   “ขอบคุณมากครับพี่”

   การทำงานวันนี้ไม่ได้เหนื่อยเหมือนอย่างทุกวัน เพราะภัทรได้เคลียร์ส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบไปหมดแล้วตั้งแต่วันก่อน แต่พอถึงเวลาเลิกงาน ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงที่ควรจะเหลือกลับบ้านหายไปไหนหมด ภัทรถอนหายใจออกมา หลังพาร่างพัง ๆ ของตัวเองมาถึงชั้นล่างของบริษัทแล้ว
   หลังออกจากบริษัทภัทรก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามเป๊ะ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงที่ภัทรจะแวะเข้าบ้านเพื่อเอากระเป๋าโน้ตบุ๊กและพวกเอกสารไปเก็บ เพราะวันนี้เขาต้องไปรับเจ้าโอ๊ตที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ปกติภัทรจะให้หลานชายใช้บริการรถรับส่ง จ่ายเงินเป็นรายเดือน แต่วันนี้คนขับขอหยุดไปทำธุระที่บ้าน ทำให้ภัทรต้องไปรับหลานชายเอง
   การเดินทางไปกลับระหว่างบ้านและบริษัทค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับภัทร มันเป็นวิถีชีวิตแบบเมืองกรุงที่แท้จริง ยกตัวอย่างขากลับที่ภัทรต้องทำซ้ำ ๆ ในทุก ๆ วัน คือภัทรจะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีอนุสาวรีย์และต่อด้วยรถเมล์อีกหกป้ายกว่าจะถึงบ้าน ดีหน่อยที่บริษัทอยู่ติดถนนใหญ่ การคมนาคมค่อนข้างสะดวก เขาสามารถลงสถานีที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินเท้าเข้าบริษัทได้ โดยไม่ต้องต่อรถอีกทอดหนึ่ง
   ตอนเลิกงานก็ว่าเหนื่อยแล้ว กว่าจะฝ่าการจราจรมาจนเห็นชายคาบ้านตัวเองก็ทำเอาธนภัทรถึงกับแทบเข่าทรุด ภัทรหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังของตัวเองเดินจากปากซอยมาจนถึงบ้าน ซึ่งใช้เวลาราว ๆ สิบนาที
   ขณะที่ภัทรกำลังรวบรวมเรี่ยวแรงเดินไปถึงบ้านให้ได้ สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นรถคันงามที่แสนคุ้นตากำลังจอดอยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน พอรู้ว่าเป็นรถของใคร ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ภัทรก็เกิดอาการฮึดขึ้นมา จนในที่สุดเขาเดินสับขามาถึงหน้าบ้านในเวลาอันสั้น ภัทรไม่ได้เดินเข้าบ้านก่อน แต่เขาเดินมาตรงมายังรถของคุณอาทิตย์เลย ซึ่งคุณเขาเองก็ลดกระจกรถรออยู่แล้ว
   “คุณอาทิตย์ สวัสดีครับ” ภัทรเอ่ยทักทายคุณเขาอย่างมีมารยาท พยายามจะยกมือไหว้ทั้ง ๆ ที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าวของที่เอามาจากที่ทำงาน แม้ในตอนนี้ภัทรจะอยู่ในสภาพอิดโรย แต่ก็ยังพยายามส่งรอยยิ้มสดใสให้กับคุณเขาอยู่ดี
   ดูเหมือนวันนี้คุณเขาจะไม่ได้เข้าบริษัท เพราะอยู่ในชุดไปรเวท ดูอ่อนวัยกว่าตอนอยู่ในชุดทำงานไปหลายปี และไม่ว่าคุณภาสกรจะอยู่ในชุดไหน คุณเขาก็ยังดูหล่อเสมอ สมกับที่ความหล่อของคุณเขาเป็นที่กล่าวขานของเหล่าพนักงาน
   “ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันเลยนะครับ” คุณอาทิตย์ผงกหัวรับไหว้แล้วชวนคุยต่อ
   “ครับ ว่าแต่ทำไมถึง……” ภัทรเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เขาเลิกคิ้วสูงมองหน้าคุณอาทิตย์เชิงถามว่าทำไมคุณเขาถึงได้มาจอดรถแช่ไว้หน้าบ้านตัวเองและดูเหมือนคุณอาทิตย์เองก็รู้ว่าภัทรต้องการสื่ออะไร
   “พอดีผมผ่านมาแถวนี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรเหมือนกัน แต่มาจอดอยู่หน้าบ้านคุณได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว”
   “อ๋อ…..”
   “แล้วนี่คุณภัทรจะเข้าบ้านเลยเหรอครับ”
   “ใช่ครับ เดี๋ยวผมเอาของไปไว้แล้วจะต้องออกไปรับหลานต่อ”
   “เหรอครับ ไม่ยักรู้ว่าปกติตอนเย็นคุณจะต้องไปรับหลานด้วย”
   “ปกติก็ใช้บริการรถรับส่งแหละครับ แต่วันนี้เขาขอหยุด”
   “งั้นเดี๋ยวผมพาไปรับ หลานคุณเลิกกี่โมง?”
   “ครับ? อ้อ ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมเกรงใจ” พอจับต้นชนปลายได้ว่าคุณเขาจะพาไปรับหลานที่โรงเรียน ภัทรก็รีบปฏิเสธความหวังดีนั้นทันที โรงเรียนเจ้าโอ๊ตใกล้แค่เท่านี้เขาไปรับเองได้
   
   “น้ำครับ”
   “ขอบคุณครับ” คุณภาสกรรับน้ำเย็น ๆ จากมือภัทร เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ทำให้ภัทรต้องเชื้อเชิญคุณเขาให้เข้าบ้านเสียก่อน พอถึงเวลาสี่โมงเย็น เราถึงจะไปรับหลานด้วยกัน
   จากตอนแรกภัทรยืนกรานว่าจะไปรับหลานเอง แต่พอถูกคุณเขาพูดนิดพูดหน่อย สุดท้ายภัทรก็ใจอ่อนยอมให้ไปด้วยกัน
   ธนภัทรเกรงใจในความหวังดีของคุณเขาเสมอ แต่พอคุณอาทิตย์ยืนยันว่าการพาไปรับหลานครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร อีกทั้งยังอยากไปด้วย ภัทรจึงไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีนั้นได้ จึงต้องเออออให้คุณเขาไปด้วยกัน
   เหตุการณ์การเสิร์ฟน้ำให้แขก ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังมองออกไปทางหน้าต่างเหมือนจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง มันชวนให้ภัทรนึกถึงคืนฝนตกวันนั้นอย่างอดไม่ได้ ต่างก็ตรงที่ว่าตอนนี้เป็นตอนกลางวัน ส่วนครั้งนั้นคือตอนกลางคืน
   “ช่วงนี้คุณพักผ่อนน้อยเหรอ” หลังจากคุณภาสกรดื่มน้ำเสร็จ คุณเขาก็หันมาถามภัทรด้วยเสียงนุ่มหูและเสียงของคุณภาสกรก็ทำให้ภัทรหลุดออกจากภวังค์
   “ครับ?”
   “วันนี้คุณดูอิดโรย มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คุณเขาไม่ว่าเปล่า ยังใช้มือข้างหนึ่งมาลูบแก้มภัทรด้วยความอ่อนโยน ทำเอาคนที่ยืนรับสัมผัสรู้สึกใจเต้นแรงและอ่อนระทวย
   “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ”
   “มีเรื่องให้คิด?”
   “ใช่ครับ”
   “……”
   “เอ่อ…จะว่าไปผมก็มีเรื่องอยากถามคุณนิดหน่อย” ภัทรพูด เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องอยากจะถามคุณอาทิตย์อยู่พอดี
   “มีเรื่องอยากถาม? เรื่องอะไรครับ”
   “เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะครับ แต่ผมก็แค่อยากรู้…” ภัทรเกริ่นถามออก พอเห็นว่าคุณเขากำลังจ้องเพื่อรอว่าภัทรจะถามอะไรกันแน่ ทำเอาคนถามรู้สึกประหม่า
   “ถ้าคนในบริษัททำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง คุณอาทิตย์จะทำยังไงเหรอครับ”
   “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายบุคคลจะต้องรับผิดชอบและผมเชื่อว่าฝ่ายบุคคลเขารู้ครับว่าควรจัดการยังไง เขาคงต้องประเมินก่อนว่ามันส่งผลต่อบริษัทมากแค่ไหน โทษหนักสุดก็คงไล่ออก”
   “แล้วถ้าพนักงานคนนั้นเป็นคนที่คุณรู้จักล่ะครับ”
   “คุณเหรอครับ?” คราวนี้ภัทรถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกคุณเขาถามกลับ ทำเอาคนที่มีชนักติดหลังอย่างภัทรใจร่วงไปถึงตาตุ่ม ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตาคุณเขาด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนภัทรชอบมองตาคุณเขาเหลือเกิน
   “เปล่าครับ….ไม่ใช่ผม” ภัทรปฏิเสธเสียงแผ่ว ยังคงไม่กล้าสู้หน้าอยู่ดี
   “……”
   “แต่ถ้าสมมติว่าเป็นผม…..”
   “ผมคงจะผิดหวังกับคุณมากครับ” เมื่อภัทรถามเช่นนั้น คุณภาสกรก็ตอบกลับมาทันที นั่นยิ่งทำให้คนมีความผิดรู้สึกว่าคุณเขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด
   ภัทรไม่อยากให้คุณภาสกรผิดหวังในตัวเขา
   “……เข้าใจแล้วครับ”
   “ถ้ารู้แล้วอย่าทำให้ผมผิดหวังนะ….ธนภัทร”

             









______________________________________

#ภูมิแพ้ลูกไม้

ช่วงนี้แบบเราไม่ค่อยฮึดเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน

คล้ายจะหมดไฟ อุแง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2018 12:43:12 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
พักผ่อนเยอะๆนะค่ะคนเขียน อย่าเหมือนยัยภัทรล่ะ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :fire: :fire: :fire: :fire: :m31: :m31: :m31: :m31:    เพิ่มไฟให้ผู้แต่ง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่าหมดไฟเลยนะคะ แง่ เรารักคนแต่งนะะะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สงสารน้องภัทร

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
คนแต่งอย่าหมดไฟนะค้า​ กำลังใจเร้กๆอยู่ตรงนี้ :mew1:
เราจะเปงกะลังใจให้เองงง​ ส่วนน้องภัทร​ ฮื่อ​ คุณเขาจะผิดหวังในตัวน้องได้ลงหรอ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ลุ้นทุกตอนเลย มาเติมไฟให้คนเขียนนะคะ สู้ๆ  :mew1:

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
อยากอ่านพารท์ 2.....
สงสัยคุณอาทิตย์ต้องรู้แล้วว่าเจ้าของแอคเคาท์นั้นเป็นภัทร........

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :fire: :fire:

มาเติมไปให้คนเขียน เราชอบตั้งแต่น้องจิ้งจอก น้องจิ้งจกด้วย
สู้ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด