ตอนพิเศษ : สกัดเดือนยั่ว (ไวท์xพายุ)
“มึงเป็นไรวะพายุ เมนส์ไม่มาเหรอ?”
ผมเหลือบมองหญิงใจกะเทยอย่างไอ้มิน มันมองมาที่ผมด้วยความสงสัย ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังโกยข้าวโพดคั่วใส่ปากเคี้ยวกรวมๆอย่างไร้จิตสำนึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ส่วนมืออีกข้างขยับต่อโดมิโน่กับไอ้ท็อป
“กูว่าไม่ใช่หรอก ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าผัวใกล้ทิ้งแล้ว”
ผลัวะ!
“โอ๊ยยยย”
คำอวยพรของไอ้หมาแรมได้รับการตอบแทนเป็นฝ่ามือน้อยๆที่นุ่มละมุนของผม บ้าบอที่สุด อย่างพี่ไวท์น่ะเหรอจะกล้าทิ้งผม
ตั้งแต่กลับมาคบกันอีกครั้ง พี่ไวท์ออกจะแสดงชัดเจนว่าทั้งรักทั้งหลงผม มากกกกกก มากเสียจนผมนึกระอากับความน่ารักของตัวเอง รู้สึกอยากขี้เหร่ชะมัดเลย
เอาเป็นว่าสาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิด แล้วมีสีหน้าเหมือนคนเดินเหยียบขี้หมาก็เพราะไอ้เพจ Cute Boy ประจำมหาลัยนั่นแหละ ที่บังอาจโพสต์รูปสามีของผม ถ้าแค่แอบถ่ายรูปแล้วโพสต์อวยว่าหล่อวัวตายควายล้มเหมือนที่ผ่านมา ผมไม่ว่า แต่ไอ้การโพสต์รูปสามีของผมกับคนอื่นนี่ต้องการอะไรจากสังคมวะ โดยเฉพาะแคปชั่นนี่โคตรเห้เลย
1 ชม.
หล่อ รวย เก่ง ใจดี มีใครให้มากกว่านี้มั้ยคะ แอดอยากได้ แอดอยากโดน อิจน้องโปรดมากๆพูดเลย พี่หมอไวท์จำเป็นต้องดูแลหลานรหัสดีขนาดนี้มั้ย ต้องชิดกันขนาดนี้เลยเหรอ พูด!!
ไวท์ แพทยศาสตร์ ปีสี่
โปรด แพทยศาสตร์ ปีสอง
#หมอหล่อบอกต่อด้วย #สามีแห่งชาติ #ลงเรือไวท์โปรด #เดือนจีบเดือน
ความคิดเห็น 582 รายการ แชร์ 937 ครั้ง
ภาพที่ถูกโพสต์ลงแฟนเพจเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเป็นภาพแอบถ่ายของพี่ไวท์ที่นั่งอยู่ในหอสมุดกลางกับใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก แต่ตอนนี้รู้จักแล้วว่าชื่อโปรด อยู่ปีสองเป็นหลานรหัสของพี่ไวท์ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆกำลังก้มหน้ามองหนังสือ ดูไปแล้วก็เหมือนพี่เขากำลังอธิบายเรื่องที่เรียนให้หลานรหัสฟัง แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือจำเป็นต้องนั่งชิดกันขนาดนี้เลยเหรอวะ ภาพที่ถ่ายออกมามันดูเหมือนคนเป็นแฟนนั่งติวให้กันเลยอ่ะ
“มึงดูเพจ Cute Boy ดิวะ กูเห็นแล้วแม่งหงุดหงิด”
สามสหายที่ใส่ใจเรื่องของผมเป็นพิเศษ รีบหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมากดเข้าเพจ Cute Boy
“โอ้โห้ แอดมินโพสต์แบบนี้ไม่เห็นหัวมึงเลยว่ะยุ”
ไอ้ท็อปหัวเราะกึกๆ
“เป็นการจุดชนวนคู่จิ้นคู่ใหม่ที่ทำให้แฟนตัวจริงอิจฉาตาร้อน”
ไอ้มินสำทับ
“ไม่ได้อิจฉาเว้ย ก็แค่ติวหนังสือกัน พี่ไวท์ทำให้กูมากกว่านี้อีก”
บอสไม่สึ ใครสึ : มึ๊งงงงงมาดูคู่นี้ เคมีเข้ากันแปลกๆอ้ะ กูจะไม่คิดนะจะไม่คิด โอ๊ยยยย ฟฟฟฟฟ @เฟยเฟย แฟนซึงรี
เฟยเฟย แฟนซึงรี : น่ารักอ่ะ มุมนี้แสงสวยมากกกก
ผมไล่อ่านคอมเม้นท์แล้วอยากมองบน คนที่เม้นท์ส่วนใหญ่ต่างบอกว่าภาพนี้สวยและทั้งคู่เหมาะสมกันมาก เหมาะสมกับผีสิ ผิดที่คนแอบถ่ายแม่งเสือกเลือกมุมเลือกแสงได้ดี ทำให้ความรู้สึกในภาพมันดูละมุนแปลกๆ โดยเฉพาะใบหน้าของพี่ไวท์ที่มีรอยยิ้มนิดๆตามปกติ
ตุ้มเล้ง ตำลึง : อ๊ายยย อิจฉาน้องโปรด หนูขอลงเรือคู่นี้ค่า จะแจวจ่ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกคิดถึงคนแจว
นิกกี้ มนต์ดำ : ชะนีตายอย่างสงบ ละมุมเหลือเกินค่ะหมอไวท์ขา
แพรวพันนาราว พลอยพราวไพลิน : เดี๋ยวนะ จำได้ว่าพี่ไวท์มีแฟนแล้ว อยู่ วิศวะ?
เมย ยะลา : พี่ไวท์มีแฟนแล้ว ยังจำคลิปที่พี่ไวท์ขอเป็นแฟนวันวาเลนไทน์ได้เลย แต่ชื่อไรนะ ลืมไปแล้ว
CAT แมว : เราชอบโปรดนะ นางน่ารัก ยิ่งอยู่กับพี่ไวท์ยิ่งดูน่ารัก แถมเป็นเดือนคณะด้วย เหมาะกับเดือนมหาลัยสุดๆอ่ะ คู่จริงคู่จิ้นไรไม่รู้นะ แต่ชงคู่นี้ #ไวท์โปรด
อ้าว! พวกสร้างความร้าวฉานนี่มีเยอะจริงๆว่ะ
“ใจเย็นน่ามึง ความคิดของคนอื่นมันกันห้ามไม่ได้”
ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคดีมีสาระที่นานๆครั้งจะออกจากปากไอ้แรม
“เออใช่ ใครอยากจิ้นก็ให้เขาจิ้นไป ยังไงความจริงพี่ไวท์สุดหล่อก็เป็นของมึงอยู่ดีแหละค่ะ”
ผมพยักหน้าด้วยความพอใจ พี่ไวท์เป็นของผม!
Trrrrrrrrrrrr
สมาร์ทโฟนในมือแผดเสียงร้อง หน้าจอสว่างวาบก่อนจะปรากฎสายเรียกเข้าจากสุดที่รัก ผมกดรับสายแล้วยกสมาร์ทโฟนแนบหูทันที
“ครับพี่ไวท์”
“เลิกเรียนหรือยังครับ”
เสียงนุ่มละมุนที่ดังมาจากปลายสายทำให้ผมขยับยิ้มกว้าง ความหงุดหงิดจากเพจ Cute Boy หายวับไปทันที นี่แหละครับที่เรียกว่า ยาดีรักษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคทางใจของพายุ ฮิ้วววววว
“เลิกแล้วครับ พี่อยู่ไหน”
ผมเหลือบไปเห็นเดอะแก๊งทำท่าอ้วกอากาศ มันช่วยไม่ได้จริงๆนะ ที่โทนเสียงของผมจะเปลี่ยนคีย์ทันทีเมื่อคนที่คุยด้วยคือพี่ไวท์ ยอมรับว่าตัวเองทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ทำไงได้ล่ะ ความสุขมันทะลักหัวใจ
“พี่ติวหนังสือให้รุ่นน้องอยู่หอสมุดกลาง คิดว่าอีกสักชั่วโมงก็เสร็จแล้ว พายุไปรอพี่ที่คอฟฟี่เนคก่อนนะครับ”
ผมเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย คำตอบของพี่ไวท์ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดาก็พอจะรู้แล้วว่ารุ่นน้องที่พูดถึงคือ ‘โปรด’
“ไม่เอา ผมอยากไปหาพี่ไวท์”
ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจพี่ไวท์ แต่ผมไม่เชื่อใจคนอื่น ผมอยากไปดูหนังหน้าหลานรหัสให้ชัดๆ อยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ถ้าเป็นเหลือบไรที่หาข้ออ้างบังหน้าเพื่อใกล้ชิดแฟนของผมเหมือนหลายรายที่ผ่านมา ผมจะได้รีบกำจัด แต่ถ้านายโปรดคนนั้นแค่ต้องการความรู้จากพี่ไวท์ ผมก็จะปล่อยให้ติวกันต่อไป ไม่ใช่ว่าผมใจกว้างนะ แต่ผมรู้ว่าเทวดาของผมเป็นคนดีมาก เป็นที่รักและชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ฉะนั้นผมจะไม่ขัดศรัทธาของพี่ไวท์
“เอางั้นเหรอ”
“อืม พี่อยู่ชั้นไหน ผมจะไปหา”
“ชั้นสามครับ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
ผมวางสายแล้วรีบเก็บสมุดกับชีทเรียนที่กองอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนใส่ กระเป๋าเป้
“จะกลับแล้วเหรอ” ไอ้ท็อปหันมาถาม
“เออ กูจะไปหาพี่ไวท์”
เดอะแก๊งโบกมือลา ผมหมุนตัวไปหน้าคณะเพื่อรอรถไฟฟ้า แต่ไม่วายยังได้ยินเสียงไอ้บ้ามินตะโกนแซวตามหลังมาให้ได้ยิน
“งานเฝ้าผัวก็มาว่ะ”
…ก็ยอมรับ
แอร์เย็นฉ่ำเกือบยี่สิบองศาพัดปะทะหน้าผมเต็มๆทันทีที่เปิดประตูหอสมุด กลาง สถานที่ขึ้นชื่อว่าเย็นที่สุดในมหาลัย บางครั้งผมสงสัยนโยบายประหยัดพลังงานโดยใช้โซล่าเซลล์ (Solar Cell) ผลิตไฟฟ้ากับการเปิดแอร์ต่ำกว่ายี่สิบห้าองศาโดยไร้ความความจำเป็น มันเป็นการช่วยลดค่าไฟให้กับมหาลัยได้จริงๆหรือ?
อา ช่างเถอะ ถึงผมจะรักโลก แต่ผมไม่ควรยุ่งกับแอร์ของส่วนกลาง
ผมก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่สาม ไม่กี่วินาทีถัดมา ลิฟต์ก็พาผมมาถึงจุดหมายซึ่งเป็นหมวดของหนังสือวิทยาศาสตร์
หอสมุดในช่วงสัปดาห์ที่สองของการเปิดเทอมค่อนข้างโล่ง นิสิตที่สิงสถิตอยู่ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่พวกหนอนหนังสือคงแก่เรียน ก็เป็นพวกนิสิตแพทย์ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ซึ่งพี่ไวท์ของผมเป็นประเภทหลัง
ผมใช้เวลาไม่นานก็มองเห็นพี่ไวท์นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ผมนึกสาปส่งคนถ่ายภาพซึ่งกำลังเป็นประเด็นในเพจ Cute Boy เมื่อพบว่าความจริงแล้วพี่ไวท์ไม่ได้อยู่กับโปรดแค่สองคน แต่ยังมีนิสิตแพทย์อีกสองคนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่ไวท์…คือถ้าถ่ายภาพพี่ไวท์ติวหนังสือให้เด็กสามคน มันคงไม่น่าสนใจเท่ากับพี่ไวท์ติวหนังสือให้อดีตเดือนคณะแพทย์สินะ
“พี่ไวท์”
ผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะเป้าหมายแล้วส่งเสียงเรียก พี่ไวท์ของผมเงยหน้าจากหนังสือมามอง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นผมก็ขยับยิ้มหวานส่งมาให้
“พายุ มานั่งนี่สิ”
พี่ไวท์หยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างๆมาวางไว้บนตัก แล้วตบมือลงบนเก้าอี้เบาๆเป็นเชิงเรียก แน่นอนว่าผมรีบพุ่งเข้าไปหาแล้วนั่งจุ้มปุ๊กทันที จริงๆอยากเอาหัวถูไถไหล่พี่ไวท์ ติดแต่ตรงนี้มีก้างขวางคอมากเกินไป เอาเป็นว่าผมจะเก็บไปทำที่คอนโดล่ะกัน
“นี่โปรด หลานรหัสพี่”
พี่ไวท์แนะนำโปรดซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง โปรดยื่นหน้าออกมามองผมแล้วยกมือขึ้นเป็นเชิงทักทาย ผมคิดว่าโปรดเป็นคนหน้าตาดี ออกแนวตี๋ๆน่ารัก เจ้าตัวมีรอยยิ้มเป็นมิตร รวมถึงท่าทางซื่อๆที่ทำให้ผมลดความระแวงในตัวเขาลงครึ่งหนึ่ง
“นี่เกิ้ลกับลาเต้รุ่นน้องพี่”
พี่ไวท์แนะนำรุ่นน้องสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
‘ลาเต้’ เป็นคนหน้าตาจืดๆเหมือนกาแฟที่ลืมใส่นมข้น เจ้าตัวขยับยิ้มให้ผมตามมารยาท ดูแล้วไร้พิษสงไม่ต่างจากโปรด ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน
‘เกิ้ล’ เป็นเกย์รับออกสาว ผมเดาว่าใช่นะ เพราะจากบุคลิกท่าทางที่ดูมีจริตเกินกว่าผู้ชายปกติ รวมถึงปากที่ทาลิปสีชมพูหวานแหววนั่นด้วย ถ้าใครสักคนจ้องจะงาบพี่ไวท์ล่ะก็…ผมว่าผมควรระวังหมอนี่มากกว่านายโปรด
“หวัดดี”
ผมทักทายตามมารยาท รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อต้องนั่งอยู่ในดงคนแปลกหน้า
“แฟนพี่ไวท์ใช่มั้ยครับ”
เกิ้ลถามยิ้มๆ
ให้ตายสิ ผมไม่ชอบรอยยิ้มของหมอนี่เลย มันดูมีลับลมคมในแปลกๆ
พี่ไวท์พยักหน้าแล้วแนะนำผมให้รุ่นน้องรู้จัก
“ชื่อพายุ”
“หล่อ”
เกิ้ลมองหน้าผมด้วยความพอใจ ซึ่งมันชวนให้ขนลุกชะมัด ถึงหมอนี่จะตาถึงชื่นชมผมว่าหล่อก็เถอะ แต่การชมผมต่อหน้าแฟนของผมมันออกจะไม่กลัวตายไปหน่อยนะ
“อะแฮ่ม”
เกิ้ลสะดุ้งเมื่อถูกลาเต้ใช้ข้อศอกกระแทกสีข้างแล้วกระแอมเป็นเชิงเตือน หมอนั่นหันไปมองหน้าพี่ไวท์ที่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ไอ้เรียบเฉยแบบนี้แหละที่ผมรู้ดีว่าเขาไม่พอใจ
“โทษครับ”
เกิ้ลยกมือไหว้พี่ไวท์ แล้วทำเป็นก้มหน้าก้มตามองสมุดโน้ต
“พี่ว่าเรารีบติวที่เหลือให้จบดีกว่า”
ผมเหลือบมองหน้าพี่ไวท์ เขาดูไม่สบอารมณ์ แต่ก็เริ่มต้นอธิบายเรื่องระบบประสาท พี่ไวท์ดูเคร่งขรึมและจริงจังมากในตอนที่สรุปความรู้หลายร้อยหน้ากระดาษเป็นหัวข้อสั้นๆที่ง่ายต่อการจดจำ ผมเผลอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาจนเพลิน ก่อนจะรู้สึกตัวว่าไม่ควรทำเรื่องหน้าอายต่อหน้าคนอื่น
…นี่แฟนมึง มึงจะมองเมื่อไรก็ได้ อย่าทำเหมือนไม่เคยมองสิวะพายุ…
ผมเปิดกระเป๋าเป้แล้วหยิบชีทเรียนวิชาภาษาอังกฤษเชิงวิชาการออกมาอ่านฆ่าเวลา ความหนาวเย็นจากแอร์หลายสิบตัวในหอสมุดทำให้ผมเริ่มสั่น ยกมือลูบแขนสองข้างแล้วนึกเสียใจที่วันนี้ไม่ได้หยิบเสื้อคลุมมาจากคอนโด
“เดี๋ยวก็จบแล้วครับ รออีกหน่อยนะ”
ผมพยักหน้าโดยไม่ได้ละสายตาไปจากชีทในมือ ก่อนจะรู้สึกถึงความอบอุ่น เมื่อพี่ไวท์ถอดเสื้อคลุมสีเขียวประจำคณะแพทย์มาคลุมลงบนไหล่ของผม
“ขอบคุณครับ”
ผมพึมพำ เหลือบมองรุ่นน้องของพี่ไวท์ ทุกคนจ้องมาทางผมเป็นตาเดียว ถึงผมจะหน้าหนา แต่เล่นมองกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะเว้ย
“วันนี้พอแค่นี้ครับ ใครมีอะไรสงสัยมั้ย”
ผมเงยหน้าจากชีทภาษาอังกฤษแล้วยิ้มกว้าง ไม่ได้หิวข้าวนะ แต่รู้สึกเครียด ไม่เคยอ่านหนังสือเงียบๆนานขนาดนี้มาก่อน ผมอยากออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกแล้ว ติดแต่เป็นคนเสนอหน้าขอมาเองเลยไม่อยากแสดงความเบื่อหน่ายให้พี่ไวท์ไม่สบายใจ
พี่ไวท์ปิดหนังสือเล่มหนาเท่าอิฐสองก้อนแล้วยัดใส่ในกระเป๋า ซึ่งทุกคนก็รีบเก็บข้าวของตาม ยกเว้นคนเดียว…
ทายซิใครเอ่ย!
“ผมสงสัยตรงนี้ครับ”
เกิ้ลยื่นสมุดบันทึกของตัวเองให้พี่ไวท์แล้วเริ่มถามคำถามด้วยภาษาต่างดาว ส่วนผมที่ไม่เข้าใจก็ไม่ได้สนใจจะฟัง แต่เริ่มเก็บชีทและปากกาไฮไลท์ใส่กระเป๋าเป้
“แล้วใยประสาทตรงนี้…”
ผมหยิบสมาร์ทโฟนมาไถเฟสบุ๊คเล่นอยู่เกือบสิบนาที แต่นายเกิ้ลก็ยังไม่หมดคำถาม
เอาน่า…เขาถามเรื่องเรียนไม่ได้ถามเรื่องไร้สาระ ผมควรใจกว้าง พยายามทำใจร่มๆ ไถ IG ต่ออีกสิบนาทีซึ่งนายเกิ้ลยังไม่หมดคำถามแล้วผมก็เริ่มหมดความอดทน…
“เกิ้ล”
นั่นไม่ใช่เสียงผม แต่ฟังดูคล้ายจะหมดความอดทนเหมือนกัน
“ตรงนั้นกูเข้าใจเดี๋ยวอธิบายให้ฟัง ตอนนี้รีบเก็บของเร็ว กูหิวข้าวแล้ว”
ผมอยากกราบขอบคุณโปรดที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ด้วยการขัดจังหวะคำถามร้อยแปด ผมไม่รู้ว่าเกิ้ลเจตนาถ่วงเวลาพี่ไวท์ หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ไวท์สอนจริงๆ เอาเป็นว่าผมขอมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน ผมคิดว่าเป็นอย่างแรก หมอนั่นอยากนั่งมองหน้าพี่ไวท์ของผมนานๆ
“เพิ่งห้าโมงเองนะ”
เกิ้ลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วเอ่ยเรียบๆ ราวกับว่าเวลาห้าโมงเย็นมันเร็วเกินไปที่จะกลับบ้าน แต่ขอโทษนะ สำหรับกูคือสี่โมงเย็นต้องออกประตูมอแล้วโว้ย
“ลุกเร็ว”
ลาเต้เร่ง แล้วรีบคว้าสมุดบันทึกของเกิ้ลมาเก็บใส่กระเป๋า
“ขอบคุณพี่ไวท์มากนะครับที่อุตส่าห์ติวให้ผมกับเพื่อน”
โปรดยกมือไหว้พี่ไวท์แล้วส่งยิ้มน่ารัก เออ ยอมรับก็ได้ว่าน่าเอ็นดู ไม่รู้ทำไมนึกอยากให้โปรดแสดงออกมาตรงๆว่าชอบพี่ไวท์ ผมจะได้เกลียดได้เต็มที่ แบบนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้อิจฉาเลยอ่ะ
“ขอบคุณครับพี่ไวท์”
เกิ้ลและลาเต้ยกมือไหว้พี่ไวท์เช่นกัน
“อืม พี่กลับแล้วนะ”
ผมกับพี่ไวท์เดินจากหอสมุดกลางไปที่ลานจอดรถคณะแพทย์ที่พี่ไวท์จอดรถเอาไว้เมื่อเช้า ระยะทางไม่ไกลมากอีกอย่างตอนนี้รถไฟฟ้าของมหาลัยหยุดวิ่งหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเดินเท้าเท่านั้น
“ทำไมพี่ไวท์ต้องติวให้โปรดด้วยล่ะครับ พี่รหัสเขาไปไหน”
ผมถาม สาบานว่าไม่ได้จับผิดพี่ไวท์ แค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้นเอ๊ง
“น้องรหัสพี่มันเป็นพวกเรียนๆเล่นๆ อ่านหนังสือก่อนสอบหนึ่งวันก็เอาตัวรอดได้ แต่ช่วยเหลือใครไม่ได้”
พี่ไวท์อธิบาย เขาหันมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีอาจารย์ พี่เขาก็โอบไหล่ผมไว้แน่น
“เรื่องในเพจ Cute Boy…พี่ไม่อยากให้คิดมาก”
“พี่เห็นแล้วเหรอครับ”
พี่ไวท์ไม่ใช่คนที่จะใส่ใจเรื่องราวที่เป็นกระแสในโลกโซเชียว พี่ไวท์เปิดเฟสบุ๊คไว้สำหรับรับข่าวสารเรื่องเรียนกับแชร์ความรู้ทั่วไปด้านสุขภาพให้แฟนๆที่ติดตามได้อ่านเป็นความรู้ ถ้าหวังจะมาสูบรูปเซลฟี (Selfie) ต้องใช้ความอดทนเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะหนึ่งปีจะมีสักหนึ่งถึงสองรูป ส่วนใหญ่จะเป็นรูปที่เพื่อนของพี่ไวท์ถ่ายแล้วแท็กมามากกว่า
“อืม”
“ครับ ผมจะไม่คิดมาก”
ผมรับปาก ถ้าพี่ไวท์ไม่ได้คิดอะไรกับโปรด ผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ผมกับพี่ไวท์เลือกอาหารญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าเป็นมื้อเย็น พวกเราสั่งเมนูง่ายๆอย่างเบ็นโตะมากินเพราะกำลังหิวจนหน้ามืด ระหว่างที่ผมกำลังจ้วงข้าวใส่ปาก สายตาที่กวาดมองไปเรื่อยๆผ่านกระจกใสของร้านก็สะดุดลงที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
แม่ง โคตรเซ็กซี่!
ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่มองตาค้าง แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หันมามองที่เธอเป็นตาเดียว เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวจัด ผมยาวดัดลอนย้อมด้วยสีน้ำตาลทอง บวกกับการแต่งกายที่ค่อนข้างวาบหวิว ทั้งเสื้อกล้ามสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นอวดเรียวขา ทำให้เธอดูโดดเด่นและขยี้ใจมาก ตอนนี้เธอกำลังยืนเล่น สมาร์ทโฟนอยู่คนเดียวตรงริมทางเดิน ไม่ได้สนใจสายตาของผู้ชายที่มองเธออย่างหยาดเยิ้มและผู้หญิงที่มองด้วยความอิจฉา
ผมไม่ได้มองผู้หญิงมานานแล้ว หรือจะเรียกให้ถูกคือน้อยครั้งที่จะมีผู้หญิงสักคนทำให้ผมสนใจได้ แต่เรื่องมองผู้ชาย ยอมรับว่าถ้าหล่อแตะตา ผมจะมองเหลียวหลังจนคอเคล็ดเลยล่ะ
แชะ!
เสียงกดชัตเตอร์ทำให้ผมละสายตาจากคนสวยมามองพี่ไวท์ที่กำลังเก็บสมาร์ทโฟนใส่ในกระเป๋ากางเกง
“เก็บอาการหน่อย น้ำลายไหลแล้ว”
ผมรีบยกหลังมือเช็ดปากแทบไม่ทัน แต่แม่ง หลอกกันนี่ ผมไม่ได้ทำตัวกากๆแบบนั้นซะหน่อย นอกจากตอนนอนหลับก็ไม่เคยทำน้ำลายเยิ้มเลยขอบอก!
ว่าแต่เมื่อกี้ผมโดนพี่ไวท์แอบถ่ายเหรอ คงจะไม่ได้ทำหน้าตลกๆหรอกนะ
“เราหมดสิทธิ์มองผู้หญิงแล้วนะ”
ผมขยับยิ้มเมื่อเห็นคนมีเหตุผลเริ่มออกอาการหึงหวง
“งั้นแปลว่าผมมีสิทธิ์มองผู้ชายคนอื่นใช่เปล่า”
พี่ไวท์ยิ้มหวานให้ผม แต่มันชวนขนลุกแปลกๆโดยเฉพาะประโยคบอกเล่าที่ไม่ต่างจากคำขู่
“พี่ใช้มีดเก่งนะ”
“โรคจิต”
ผมได้แต่บ่นอุบอิบ แล้วรีบก้มหน้าก้มตากินข้าว ปกติพี่ไวท์เป็นคนมีเหตุผล ไม่เคยหึงแบบไร้สาระ นอกจากคำว่าห่วง ผมก็ยังไม่เคยสัมผัสคำว่าหวงจากพี่ไวท์เลย แต่การมีแฟนแบบนี้ก็ทำให้ชีวิตรักของผมสงบราบรื่นมากนะครับ
ถึงบางครั้งผมจะลองคิดเล่นๆว่า อยากลองยั่วให้คนใจเย็นหึงหน่อยจะเป็นยังไงน้า แต่คิดอีกทีคนแบบพี่ไวท์ถ้าลองได้หึงขึ้นมาเกรงว่าจะหน้ามืดจนจับผมหักคอ เพราะฉะนั้นผมจะทำตัวดีๆอยู่ในกรอบของสามีต่อไป
อีกอย่างผมเชื่อว่าพี่ไวท์…ใช้มีดเก่งจริงๆครับ
“มีอะไรจะซื้ออีกมั้ยครับ”
พี่ไวท์ถามหลังจากที่ผมเดินออกมาจากร้านหนังสือ ในมือมีหนังสือการ์ตูนโคนันเล่มใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขายเมื่อไม่กี่วันก่อน จริงๆแล้วผมตั้งใจว่าจะซื้อกางเกงในตัวใหม่เพราะที่มีอยู่ขาดเกือบหมดแล้ว ไม่ได้ขาดตามระยะเวลานะ แต่ขาดเพราะพี่ไวท์นั่นแหละ มีเซ็กส์กันทีไร แทนที่จะค่อยๆถอดกางเกงในของผม กลับกระชากออกจากขาทุกครั้งเลย ถ้าไม่ขาดก็มีสภาพยับเยินเกินกว่าจะหยิบมาใส่ได้
“มี”
ผมตอบ รู้สึกกระดากใจที่จะต้องไปซื้อกางเกงในตัวใหม่กับพี่ไวท์ ถึงยังไงมันก็เป็นของใช้ส่วนตัว ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปคนเดียว
“พี่ไปรอร้านกาแฟก่อนดิ เดี๋ยวผมตามไป”
ผมบุ้ยปากไปทางร้านกาแฟใกล้ๆ แต่พี่ไวท์กลับแย้งด้วยความแปลกใจ
“จะซื้ออะไร ไปด้วยกันก็ได้”
“ไม่เอาอ่ะ จะซื้อของใช้ส่วนตัว”
ผมปฎิเสธ แต่พี่ไวท์ดูจะไม่ชอบคำว่า ‘ส่วนตัว’ ที่ผมใช้จึงย้อนถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ยังมีคำว่าส่วนตัวกับพี่อีกเหรอ”
“ผมจะซื้อกางเกงใน พี่จะไปเลือกด้วยป้ะละ”
ผมประเมินพี่ไวท์ผิดไปจริงๆ เพราะแทนที่พี่เขาจะปล่อยให้ผมไปซื้อคนเดียว กลับตอบรับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เอาสิ พี่อยากเลือกให้พายุ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ประท้วง พี่ไวท์ก็ลากข้อมือของผมเข้าไปในร้านขายกางเกงในแบรนด์คุณภาพที่เจ้าตัวใส่ประจำ
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”
ผมพยายามขืนตัวไว้ แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อพนักงานหญิงเดินเข้ามายกมือไหว้งามๆแล้วเริ่มแนะนำกางเกงในรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว
ให้ตายสิ ทำไมร้านขายกางเกงในผู้ชายใช้พนักงานหญิงขายของวะ พายุไม่เข้าใจ คนอื่นไม่อาย แต่กูอาย กูไม่สะดวกใจจะเลือก แล้วทำไมนางต้องตามติดแนะนำสินค้าทุกย่างก้าวด้วย ใครสั่งสอนให้พนักงานทำแบบนี้ ม่ายยยยย
“ชอบสีไหน”
พี่ไวท์ถาม แล้วหยิบกางเกงในตัวอย่างมาจับเนื้อผ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ผมหน้าร้อนแทบไหม้ แอบเหลือบมองพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอยังคงส่งยิ้มสุภาพเช่นเดิม
เอาวะ เธอคงคิดว่าพี่ชาย (?) พาน้องชาย (ตัวโตๆ) มาซื้อกางเกงใน
“ผมเลือกเองได้”
ผมว่าแล้วดึงกางเกงในตัวอย่างในมือพี่ไวท์มาจับ พลิกดูสองสามรอบคิดว่าน่าจะใส่สบาย จึงตัดสินใจว่าจะซื้อรุ่นนี้นี่แหละ ผมหยิบกางเกงในเบอร์แอลสีดำมาห้ากล่อง คิดว่าจะรีบไปจ่ายเงินแล้วออกจากร้านให้เร็วที่สุด ผมเขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วโว้ย
“พี่ชอบตอนพายุใส่กางเกงในสีขาว”
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินประโยคเรียบๆจากปากพี่ไวท์ ไอ้พี่บ้า กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพนักงานได้ยังไง จิตใจทำด้วยอาร๊ายยย ตอบ! แค่มาช่วยเลือกกางเกงใน ผมก็อายบัดซบแล้ว ไม่เห็นต้องเอ่ยประโยคสองแง่สองง่ามเลยโว้ยยยย
“ผมเป็นคนใส่ เกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย”
ผมกัดฟันถาม แต่แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึกกลับโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบข้างหู
“พี่ชอบตอนถอด สีขาวเร้าใจกว่า”
ผมอ้าปากค้าง รู้สึกว่าในช่องท้องเสียววูบวาบเหมือนมีผีเสื้อหลายสิบตัวกำลังตีปีกพึ่บพั่บ พร้อมกับภาพที่ไม่ได้รับเชิญปรากฎขึ้นมาในสมองแบบช่วยไม่ได้…เป็นวันที่ผมใส่กางเกงในสีขาวแล้วถูกพี่ไวท์ถอดมันออกมาด้วยปาก ส่วนวันที่ผมใส่กางเกงในสีอื่นๆ พี่ไวท์จะกระชากออกอย่างรวดเร็ว
“ฟัค”
ผมสบถด่าในความลามกของพี่ไวท์ ไม่เคยคิดเลยว่าแฟนตัวเองจะมีความคิดกามๆแบบนี้ ไอ้พี่บ้ามันหัวเราะเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าผมวางกล่องกางเกงในสีดำไว้ที่เดิม แล้วคว้ากางเกงในสีขาวมาห้ากล่อง ก่อนจะรีบเดินหนีไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน
ผมไม่ได้อยากให้พี่ไวท์ใช้ปากถอดกางเกงในให้จริงๆนะ…ผมแค่อยากเป็นแฟนที่เร้าอารมณ์เท่านั้นเอง
“สีขาวไซส์แอลห้าตัวนะคะ”
พนักงานหญิงทวนรายการสินค้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทำการรับชำระเงิน
“ตัวนี้ด้วยครับ”
พี่ไวท์ที่เดินตามมาทีหลังส่งกล่องกางเกงในสีขาวอีกรุ่นหนึ่งให้พนักงาน ผมเดาว่าเขาคงจะซื้อไปใส่เอง
“เพิ่มสีขาวไซส์แอลอีกหนึ่งนะคะ”
ผมขมวดคิ้ว งั้นตัวนี้น่าจะเป็นของผมแล้วล่ะ เพราะผมกับพี่ไวท์ใส่กางเกงในคนละไซส์กัน
“ทั้งหมดห้าพันสี่ร้อยยี่สิบห้าบาทค่ะ”
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินราคารวมของสินค้า เดี๋ยวๆ คิดผิดคิดใหม่ได้นะเจ๊ แค่กางเกงในหกตัวทำไมราคาเหยียบครึ่งหมื่นเลยล่ะ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปดูป้ายราคาจากชั้นที่หยิบมา พี่ไวท์ก็ทำตัวป๊ามากด้วยการยื่นบัตรวีซ่าอินฟินิทสีดำเรียบหรูให้พนักงาน ผมจำได้ว่าบัตรแบบนี้เหมือนของเฮียหมอก คงไม่ต้องบอกนะว่าการที่จะมีบัตรแบบนี้ไว้ในครอบครองต้องมีวงเงินในบัญชีเท่าไร เอาเป็นว่าค่ากางเกงในแค่ห้าพันให้พี่ไวท์จ่ายแหละดีแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการช็อปกางเกงในที่สิ้นเปลืองมากที่สุด ผมก็กลับมานั่งแกะกล่องกางเกงในตัวใหม่ในห้องน้ำที่คอนโด เมื่อลองใส่ก็พบความแตกต่างระหว่างกางเกงในไฮโซของพี่ไวท์กับกางเกงในตัวละร้อยของผม มันกระชับและนิ่มมากจริงๆ ผมชอบครับ แม้ว่าจะไม่ชอบราคาของมันก็ตาม เอาเป็นว่าหลังจากนี้ผมจะบอกให้พี่ไวท์ระวังและถนอมกางเกงในของผมสักหน่อย แม้ว่าคนจ่ายเงินจะเป็นพี่ไวท์ก็ตาม
ผมหยิบกล่องกางเกงในที่พี่ไวท์เป็นคนเลือกมาแกะดู ตอนแรกคิดว่าคงไม่ต่างจากที่ผมเลือกเท่าไร แต่ปรากฏว่าตอนที่ผมกางออกดูชัดๆกลับต้องตาค้างแล้วสบถด่าพี่ไวท์ยาวเหยียด
ห่าราก! ใครจะไปใส่วะ
กางเกงในปีศาจที่พี่ไวท์เลือกมาเป็นซีทรูสีขาวสำหรับผู้ชาย ที่มีลูกไม้ปิดแค่ส่วนหน้าเท่านั้น ส่วนด้านข้างและด้านหลังเป็นผ้าซีทรูไม่ปกปิดอะไรเลย…สาบานว่าผมไม่ใส่!
TBC. ตอนหน้าขอพื้นที่ให้คู่นี้อีกหนึ่งตอนเเล้วจะกลับไปอัพพอร์ชวินต่อนะคะ
ใครสนใจคู่พี่ไวท์กับน้องพายุ สามารถติดตามอ่านได้
ที่นี่https://www.facebook.com/Darin-Novel-1825342907788856/ที่มา : หนังสือเรื่อง บันทึกเปื้อนฝุ่น ลิขสิทธิ์ สนพ.ดาริน