“ปิดตาเนี่ยนะ” ไอ้ซันทวนคำด้วยความแปลกใจ “ปิดทำไมวะ”
“เอาเหอะน่า เดี่ยวมึงก็รู้เองแหละ กูแค่อยากเล่นอะไรให้มึงแปลกใจนิดหน่อย” ผมดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ผูกมันเข้าที่ตาของไอ้ซัน ผมพามันเดินออกจากห้อง ประคองมันเดินลงบันได และเมื่อผมพามันมาถึงที่โต๊ะกินข้าวแล้ว ผมก็บอกให้มันเปิดผ้าออกได้
“เฮ้ยยยย เนื่องในโอกาสอะไรวะเนี่ย” ไอ้ซันร้องอุทานออกมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า “แค่คืนนี้มึงจะได้เสียตัวอีกครั้งนี่มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”
ผมหัวเราะ “มึงลืมไปแล้วจริงๆด้วยว่าวันนี้วันอะไร”
ไอ้ซันขมวดคิ้วและทำท่าใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะร้องออกมา พร้อมกับรีบเดินตรงเข้ามาคว้ามือของผมเอาไว้
“กูขอโทษ เมฆ กูลืมไปสนิทเลย วันนี้เป็นวันที่เราคบกันครบรอบหนึ่งปี วันแรกที่เราตกลงคบกันเป็นแฟน........” ไอ้ซันหน้าเสียลงทันที “กูขอโทษจริงๆเมฆ ช่วงหลังๆมานี้กูมัวยุ่งกับงานที่มหาลัยจนลืมไปเลย กูไม่เคยลืมวันที่หรอกนะ เพียงแต่ช่วงนี้กูมึนๆไปหน่อยจนลืมนับไปเท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก กูเข้าใจ.......” ผมยิ้มแล้วก็ชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันเบาๆ “เอ้า นั่งเถอะ เดี่ยวอาหารจะเย็นซะก่อน วันนี้ปล่อยให้กูบริการมึงเอง”
ไอ้ซันนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นผมก็เดินไปยกอาหารจากในครัวออกมาเสิร์ฟ
“อื้อหือออ นี่มึงทำเองทั้งหมดนี่เลยเหรอวะ”
“เปล่า ริต้าทำน่ะ” ผมหัวเราะ “จริงๆกูก็อยากจะทำให้มึงกินด้วยตัวเองนะ แต่กูไม่มีเวลาว่ะ ทั้งวุ่นวายเรื่องที่พ่อแม่แล้วก็พีจะออกไปนอกบ้าน ทั้งกลัวว่าทำยังไงมึงถึงจะไม่รู้ว่ากูเตรียมของพวกนี้เอาไว้ และถ้ากูมัวแต่มาทำอาหารให้มึงเองล่ะก็ สถานการณ์มันก็คงไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้หรอก” ผมอธิบายขณะที่รินแชมเปญใส่แก้วของมัน
“นี่แปลว่าทุกคนรู้เรื่องนี้หมดเลยเหรอวะ แล้วที่เค้าบอกจะไปนอนค้างที่บ้านของไคล์นี่ก็เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยเหรอเนี่ย”
“ใช่” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง จากนั้นก็ยกแก้วแชมเปญขึ้นมา “อ่ะ มาเร็ว ดื่มเพื่อฉลองครบรอบหนึ่งปีแรกที่น่าจะมีมานานแล้วของเรา”
ไอ้ซันยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยกแก้วขึ้นมาชนกับผม อาหารเย็นมื้อนั้นเป็นมื้อที่อร่อยและทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมาในบ้านหลังนี้เลยทีเดียว เราพูดคุยและหัวเราะกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องในอดีตที่เราต่างก็ช่วยกันรื้อฟื้นความเป็นมาของกันและกันจนกว่าที่เราจะมามีวันนี้ได้ ความทรงจำที่ทั้งสวยงามและขมขื่นต่างก็ถูกยกขึ้นมาเล่าให้ฟังกันและกันอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ ความทรงจำในอดีตทั้งหลายเหล่านั้นที่ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุข มันก็กลับกลายเป็นความทรงจำที่อบอุ่นและสามารถเรียกเสียงหัวเราะออกมาจากเบื้องลึกในใจของเราทั้งสองคนได้ทุกเรื่องจริงๆ
เมื่ออาหารบนโต๊ะรวมทั้งของหวานที่เป็นพายบลูเบอร์รี่ที่ผมซื้อมาจากร้านที่ไอ้ซันชอบหมดลง เราสองคนก็นั่งสบตาและจิบแชมเปญกันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเลย........ แต่ทว่าผมยังไม่ยอมให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นมันหมดลงไปง่ายๆแค่นี้หรอก
“มึงจำได้มั๊ยซัน ตอนที่กูเคยบอกมึงว่า เวลาที่กูมองดูท้องฟ้าน่ะ กูจะรู้สึกโหยหาและรู้สึกเหมือนไขว่คว้าหาบางสิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่กูก็ไม่รู้ว่าสิ่งๆนั้นมันคืออะไร”
“อืมม จำได้ๆ แล้วตอนนี้มึงรู้คำตอบนั้นรึยัง”
“กูคิดว่ากูรู้แล้วล่ะ..........” ผมยิ้ม “และกูก็พาคำตอบของกูมาด้วย”
“มึงพาคำตอบของมึงมาด้วยงั้นเหรอ” ไอ้ซันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ กูมีเซอร์ไพรส์ให้มึงอีกอย่างนึงนะ”
“อะไรอีก นี่มึงยังทำอะไรไว้อีกล่ะเนี่ย”
“มึงหลับตาก่อนสิ”
“อีกแล้วเหรอ” ไอ้ซันทำเสียงโอดครวญ
“หลับตา” ผมเปลี่ยนเป็นออกคำสั่ง และคราวนี้มันก็ยอมทำตามแต่โดยดี ผมล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำนั้นออกมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของมัน “เอ้า ลืมตาได้แล้ว”
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย” ไอ้ซันพูดขึ้นเมื่อมันลืมตาขึ้นมาเห็นของที่วางอยู่ตรงหน้า
“เปิดดูสิ” ผมพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ไอ้ซันหยิบกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา และเมื่อมันเปิดฝากล่องออก มันก็รีบเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับผมทันที
“มึงชอบมั๊ย” ผมถาม
“เมฆ..... นี่มัน..... นี่มัน.........” ไอ้ซันอ้าปากค้าง
“หยิบมันออกมาดูสิ แล้วบอกกูทีว่ามึงคิดยังไง”
“คิดยังไงงั้นเหรอ มึงจะบ้ารึไง” ไอ้ซันร้องออกมาก่อนจะวางกล่องนั้นลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “นี่มันเกินไปแล้วนะเว้ย นี่มันเกินไปจริงๆ”
“มึง...... มึงไม่ชอบเหรอ งั้น....... งั้นกูขอโทษ กูคงเร่งรัดมึงเกินไป......” ผมรู้สึกใจเสียมาก ผมเอื้อมมือออกไปจะคว้ากล่องนั้นกลับคืนมา แต่ไอ้ซันก็จับข้อมือของผมห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไมใช่แบบนั้นเมฆ กูขอโทษ กูแค่ช็อคมากไปหน่อยน่ะ นี่มันสุดยอดเลย นี่มันสวยมากจริงๆ กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทำให้กูถึงขนาดนี้ นี่มึงไปซื้อเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่มันน่าจะแพงมากเลยไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้ซันปล่อยมือของผมออกแล้วก็หยิบแหวนขึ้นมามองดูใกล้ๆหนึ่งวง
“กูไม่ได้ซื้อหรอก.......” ผมยิ้มออกได้ในที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ว่ามันไม่ต้องการแหวนของผม “แต่มันเป็นของๆพ่อกับแม่กูเอง”
ไอ้ซันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับอ้าปากค้าง “มึง...... มึงว่าไงนะ แล้วมึงเอาของสำคัญแบบนี้มาให้กูได้ยังไง”
ผมลุกขึ้นเดินแล้วไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าของมัน “ก็เพราะมันเป็นของสำคัญไง กูกับพ่อถึงอยากจะให้มึงเก็บมันเอาไว้ และแม่ของกูก็ต้องดีใจมากด้วยเช่นกัน ถ้าเขารู้ว่ากูกำลังจะมอบความรักในแบบที่เขาเคยมีให้กับพ่อให้แก่คนที่กูรักมากที่สุดน่ะ.......... ซัน มึงจะใส่มันได้มั๊ย”
“กู........ กูไม่รู้จริงๆว่ากูทำอะไรให้มึงถึงได้คู่ควรกับของสำคัญแบบนี้นะเมฆ ขนาดวันนี้กูยังลืมเลย แถมกูยังไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้มึงอีกด้วยซ้ำ” ไอ้ซันพูดตะกุกตะกัก
“ความรักที่มึงมีให้กูนั่นแหละ ซัน ที่ทำให้มึงคู่ควรกับทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่กูจะมอบให้แก่มึงได้ แค่มีมึงนั่งอยู่กับกูตรงนี้ อะไรๆก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...... และนี่ไง คือคำตอบของสิ่งที่กูบอกมึง คำตอบของความหมายของการที่กูเฝ้าแหงนหน้ามองท้องฟ้าและก้อนเมฆที่ลอยอยู่เคียงคู่กันตลอดเวลา......... และตลอดกาล” ผมดึงมือซ้ายของมันออกมากุมเอาไว้ แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมัน “ตอนนี้กูมีท้องฟ้าเป็นของๆกูเองแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่มึงยังเป็นท้องฟ้าที่นำพาความรักมาให้แก่กูด้วย มึงเป็นคนที่สอนให้กูได้รู้จักความรัก และที่สำคัญ มึงยังเป็นคนที่พากูให้มาได้รู้จักกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ถ้าไม่มีมึง กูก็คงไม่มีวันได้มีแม่เหมือนคนอื่นๆในโลกแบบทุกวันนี้ มึงเข้ามาในชีวิตของกูพร้อมๆกับความรัก ครอบครัว และสถานที่ที่เป็นของกูและกูควรจะอยู่........ นั่นแหละ คือคำตอบของสิ่งที่กูเฝ้าแหงนมองดูมาทั้งชีวิตนี้” ผมคลี่มือของมันออกแล้วหยิบแหวนวงนั้นออกมา ผมจำมันได้ทันทีว่ามันคือแหวนของแม่ของผม “คราวนี้กูขอถามอีกครั้งนะ ฟ้าคราม......... ด้วยแหวนวงนี้ แทนสัญญาและเป็นตัวแทนความรักที่กูจะมอบให้แก่มึงตลอดไป มึงยินดีที่จะรับมันเอาไว้มั๊ย”
เมื่อผมพูดจบผมก็เห็นน้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของมัน ไอ้ซันยิ้มให้กับผมทั้งๆที่มีน้ำตาอาบแก้มจากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูรับ เมฆ........ กูยินดีรับจริงๆ”
ผมค่อยๆสอดแหวนเข้าไปในนิ้วนางของมันช้าๆ และเมื่อแหวนของแม่ผมเข้าไปอยู่ในนิ้วของมันเรียบร้อยแล้ว ผมก็จูบลงบนแหวนเบาๆ เมื่อผมทำแบบนั้นเสร็จ ไอ้ซันก็ดึงให้ผมเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งอยู่บนเก้าอี้แทนมัน คุกเข่าลงตรงหน้าของผม แล้วก็คว้ามือซ้ายของผมไปกุมเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“เมฆ มึงคือคนเดียวที่มองเห็นทะลุไปถึงเบื้องใต้หน้ากากของกู และมึงยังเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับในสิ่งที่กูเป็นด้วย มึงทำให้กูรู้จักตัวเอง ทำให้กูก้าวข้ามเส้นกั้นที่กูสร้างมันเอาไว้มาทั้งชีวิต มึงสอนให้กูรู้จักรัก รู้จักเจ็บ และที่สำคัญ มึงสอนให้กูรู้จักกับความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด นั่นก็คือความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน กูอาจจะทำแบบนั้นให้แก่มึงหรือคนอื่นๆไม่ได้ แต่ว่ามึงก็แสดงมันออกมาให้กูได้เห็นและทำเพื่อกูมาตลอดระยะเวลาสามปีตอนมอปลาย และตอนนี้กูก็รู้แล้วว่า สิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดน่ะ ไม่ใช่ความรักของมึงหรอก....... แต่เป็นจิตใจและตัวตนของมึงต่างหาก” ไอ้ซันละสายตาไปจากใบหน้าของผมแล้วหันไปหยิบแหวนอีกวงบนโต๊ะลงมาถือเอาไว้ในมือ “ศิลา....... ด้วยแหวนวงนี้ แทนสัญญาและเป็นตัวแทนความรักที่กูจะมอบให้แก่มึงตลอดไป มึงยินดีที่จะรับมันเอาไว้มั๊ย”
น้ำตาของผมมันเริ่มจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ด้วยเช่นกัน ผมไม่เคยรู้สึกปลื้มใจและมีความสุขจนตัวเองต้องหลั่งน้ำตามากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“รับครับ........ ด้วยความยินดีอย่างที่สุดเลย” ผมตอบออกไปอย่างยากลำบากเพราะเสียงสะอื้นของตัวเอง ไอ้ซันค่อยๆสอดแหวนเข้ามาในนิ้วนางของผมอย่างช้าๆและทะนุถนอม จากนั้นมันก็จูบลงบนแหวนแบบเดียวกับที่ผมทำ
เมื่อพิธีเล็กๆของเราสองคนเสร็จสิ้นลง เราทั้งคู่ต่างก็สวมกอดกันแล้วก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆมาบรรยายความรู้สึกของเราสองคนได้อีก ในที่สุด ความรัก ความฝัน และความปรารถนาทั้งหมดของผมก็เป็นจริงขึ้นได้แล้วในคืนนี้ ผมรักมันมากเหลือเกิน และผมก็รู้ด้วยว่ามันเองก็รักผมมากเช่นกัน ต่อจากนี้ไปเราคงยังต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกมาก เราอาจต้องเจ็บช้ำ เราคงต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ตราบใดที่เรามีกันและกันและยึดมั่นในความรักของเรานี้ ผมเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะมาทำลายสายใยแห่งความผูกพันของเราสองลงได้อย่างแน่นอน
ความผูกพันของท้องฟ้ากับก้อนเมฆ และความรักที่จะไม่มีวันตายจากไปพร้อมกับกาลเวลา................
--------------------------------------------------------------------------------
ตะวันเอย ขอจงสดใสเรื่อยไป เรื่อยๆไป
ทั้งเธอ และฉันตราบแม้สักวัน เราต้องจากกัน
หากถึงวันนั้น อย่าลืมสายใยผูกพัน - - ระหว่างเรา
by ระจัน