ตอนที่ 14
พาร์ท ควิน
ผมเดินกลับมานั่งรอเพื่อนที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะตัวเดิม ไม่รู้จะโดนพวกมันด่าอะไรบ้างแต่มันก็ฉุกระหุกจริงๆนะตอนนั้น จะให้ทิ้งพี่เนย์ไปผมก็ทำไม่ลงสภาพแบบนั้นจะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง แต่ผมก็นึกไม่ถึงเลยนะว่าจะพี่เนย์จะโมโหร้ายได้ถึงขนาดนั้น ปกติถึงจะเถื่อนแต่ก็ใจดีจะตาย ช่างเถอะ คนเราก็ต้องมีช่วงฟิวส์ขาดบ้างแหละเนอะ
ผมกำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกชื่อผมจนคนแถวนี้หันมามองกันหมดแต่ก็แค่มองเฉยๆนะครับเพราะเป็นเป็นเรื่องปกติของเจ้าของเสียงนี้
“ควินจ๋าาาา”
ผมยิ้มให้กับเบเบ้ที่ตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา เบเบ้เป็นเพื่อนในคณะของผมเอง แต่เห็นชื่อเบเบ้นี่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักเอวบางร่างเล็กอะไรแบบนั้น เพราะเบเบ้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้ต่างจากนั้นลิบลับ ร่างกายสูงใหญ่ไหล่กว้างตรงหน้าของผมไม่มีอะไรใกล้เคียงกับผู้หญิงแม้แต่น้อย ใช่ครับ เบเบ้เป็นผู้ชายที่มีใจเป็นผู้หญิงนั่นเอง
“เสียงมาก่อนตลอดเลยนะ”
“ไม่อยากจะบอกเลยว่าใจมาถึงก่อนเสียงอีกนะจ๊ะ”
“ถึงว่าสิ นั่งอยู่ดีๆก็รู้สึกอยากเข้าวัดทำบุญเฉยเลย”
“แหมมม นี่เบเบ้เองจ้า นี่เพื่อนเองนะควินนะ ไม่ใช่ผีจ้า”
“ฮ่าๆ”
ผมนั่งขำเบเบ้ที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามพลางส่งสายตาจิกกัดมาให้ผม จริงๆแล้วผมกับเบเบ้สนิทกันครับเราเรียนด้วยกันมาตั้งสามปีแถมตอนรับน้องแรกๆเบเบ้มันก็เข้ามายุ่งกับกลุ่มพวกผมบ่อยๆโดยเฉพาะไอ้เต มันบอกเห็นหน้าแล้วมันใช่ทำเอาไอ้เตผวาไปพักนึงเลย แต่ก็แค่มาแซวตามประสานั่นแหละครับเบเบ้มันไม่ได้มาอะไรนักหรอก กลายเป็นว่าเป็นเรื่องฮาของพวกผมไปๆมาๆก็สนิทกันไปเอง
“ว่าแต่ว่าคนอื่นไปไหนหมด เดี๋ยว ไม่สิ กูต้องถามว่าทำไมมึงมานั่งตรงนี้คนเดียว ตอนนี้คนอื่นน่าจะเรียนอยู่ไม่ใช่หรอวะ”
“พอดีกูมีอะไรต้องทำนิดหน่อยเลยเข้าเรียนไม่ทัน แล้วมึงล่ะบอมทำไมพึ่งมา”
“บอมพ่องมึงสิสัส กูบอกให้เรียกเบเบ้!”
“อ้าว เออลืมๆ ฮ่าๆๆ”
คงไม่มีใครคิดหรอกนะครับว่ามันจะชื่อเบเบ้จริงๆ จริงๆแล้วชื่อที่พ่อแม่มันตั้งให้มาคือบอมหรือเต็มๆก็คือบอมเบย์ แต่เพราะว่าชื่อมันมาดแมนเกินไปเลยจัดการเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่จากบอมเบย์เป็นเบเบ้ มันบอกชื่อนี้แหละถึงจะเหมาะกับมัน ซึ่งค่อนข้างจะขัดกับรูปลักษณ์ของมันสุดๆไปเลยครับ รูปร่างมันทั้งสูงและไหล่ยังกว้างอีกทำให้มันดูตัวใหญ่เกินกว่าสาวสองปกติ แน่ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะมันตั้งใจหรอกมันบอกว่าเป็นกรรมพันธุ์ครอบครัวมันตัวใหญ่ทุกคน มันเลยดูเป็นคนที่บึกบึนนิดหน่อย ถ้ามันไม่ออกสาวขนาดนี้ให้ตายก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันไม่ใช่ผู้ชาย หน้าตามันก็จัดว่าดูดีในระดับหนึ่งเลยนะครับ ผมบอกตรงๆว่าแอบเสียดายเพราะถ้าเกิดว่ามันเป็นผู้ชายคงจะมีคนสนใจมันเพียบเลยล่ะ
“เออพูดแล้วโมโห จริงๆกูมาเรียนทันแหละแต่พอดีก่อนมากูแวะซื้อของแล้วพอซื้อของเสร็จก็ดั๊น! มียายคนนึงเป็นลมพัดตึ้งล้มลงไป ประเด็นคือผู้หญิงแถวนั้นเอาแต่กรี๊ดแล้วก็โวยวายส่วนผู้ชายก็ทำห่าอะไรไม่ถูก แล้วสรุปคืออะไรรู้ป่ะ คือกูไง กูนี่มีสติสุด วิ่งเข้าไปอุ้มยายขึ้นมาแล้วพาไปโรงบาล และก็มาเรียนไม่ทันนี่ล่ะจ้ะอีห่า”
“แมนมาก กูว่ามึงควรเลิกเป็นตุ๊ด”
“เออกูก็ว่าอยู่ งั้นเดี๋ยวกูขอถุยน้ำลายแปบนะเผื่อว่าตุ๊ดในตัวกูจะหลุดออกไปพร้อมกับเสลด แบบนี้มั้งอีสัส”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“เออมาเจอมึงแบบนี้ก็ดี กูมีอะไรจะถาม นี่กูคาใจมาหลายวันแล้วถ้าวันนี้ยังไม่ได้ถามมึงกูจะต้องอกแตกตายแน่ๆ”
“หืม? อะไรล่ะ”
“มึงต้องพูดความจริงห้ามโกหกกูนะ”
ผมเริ่มขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าเบเบ้อย่างสงสัย อะไรจากผมที่มันจะอยากรู้ขนาดนั้น แต่แล้วมันก็ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนานซึ่งคำถามที่มันถามออกมาก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่
“คือมึงกับน้องคิงอ่ะเป็นอะไรกันวะ?”
“ทำไมมึงถามแบบนั้น”
ผมยังไม่ตอบแต่เลือกถามมันกลับไป แม้ว่าผมจะพอเดาได้ว่าทำไมเบเบ้ถึงได้คิดแบบนี้แต่ก็อยากได้ยินเหตุผลจากคนอื่นชัดๆว่าเพราะอะไรที่ทำให้ใครต่อใครหันมาสนใจและผมก็ยังอยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกันกับเรื่องนี้กัน
“โอ้ยมึ้งงง กูนี่เรียนกับมึงทุกวันนะอย่าลืม เข้าเรียนก็เข้าพร้อมกัน ออกก็ออกพร้อมกัน มึงคิดว่ากูตาบอดหรอถึงจะมองไม่เห็นคนที่คอยมารับมาส่งมึงทุกวันน่ะห้ะ แล้วก็ถึงกูไม่เห็นแต่คนอื่นก็เห็น เค้าพูดกันทั้งมหาลัยแล้วว่ามึงกับคิงมีซัมติงกันอ่ะ เพจอะไรก็ลงกันโครมๆ นี่มึงรู้จักโลกโซเชี่ยลป่ะถามจริงไม่รู้เลยหรอว่าเรื่องนี้มันดังขนาดไหนอ่ะ!”
“ก็พอได้ยินมาบ้างแต่ไม่นึกว่าเรื่องของกูจะเป็นที่สนใจของคนมากขนาดนั้น”
“นี่มึงไม่ได้ด่ากูว่าเสือกใช่ป่ะวะ?”
“กูพูดแบบนั้นตรงไหน มึงคิดไปเองแล้วล่ะ”
“สัส กูไปคิดไปเองก็ควายแล้วโว้ย! แค่เดี๋ยว มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนประเด็น มึงตอบกูมาเลยว่ามึงกับคิงมีซัมติงกันจริงใช่ม้ะ!”
“มึงอยากให้กูตอบว่าอะไรล่ะ”
ผมยิ้มอย่างใจเย็นแล้วตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้านทำเอาเบเบ้ถึงกับทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามาเขย่าคอผมให้ตอบคำถามของมันให้ได้ ผมไม่ได้จะไม่ตอบมันนะ ผมแค่อยากรู้ความคิดของมันก่อนก็แค่นั้น
“อย่ามาลีลาไอ้ควิน! ตอบกูมาสักทีอย่าให้แม่ต้องมีน้ำโหนะคะ!”
“เออๆ ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่คุยกันอยู่ประมาณนั้น”
ผมเลือกบอกเบเบ้ไปว่าคุยกันอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกกับคนอื่นหรอกนะว่าคบกันอยู่กับคิงแต่ผมไม่รู้ว่าคิงจะคิดยังไงถ้าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้ ตัวผมถึงใครจะรู้หรือไม่รู้ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ห่วงแต่ว่าคิงจะรู้สึกยังไงมากกว่ายิ่งเจ้าตัวยิ่งมีแฟนคลับเยอะอยู่แล้วด้วย ยังไงก็ค่อยๆบอกไปจะดีกว่า
“กูว่าแล้วอีเหี้ย พอมาได้ยินกับหูแล้วกูอยากจะกรี๊ด! ทำไมต้องเป็นมึงแล้วทำไมต้องเป็นคิงด้วยล่ะ ฮือออ ถึงกูจะดีใจที่เผ่าพันธุ์กูจะมีประชากรมากขึ้นแต่ต้องไม่ใช่มึงสองคนสิ! ทำไมคนหล่อๆสองคนถึงต้องมาได้กันเอง! แล้วตุ๊ดแบบกูจะไปอยู่ตรงไหน! ทั้งมึงและคิงควรจะเป็นผัวคนอื่นหรือเป็นผัวกูสิ ทำม๊ายยยยยยยพวกมึงต้องได้กันเอง ฮืออออออออ กูเสียจายยยยย”
“หึหึหึ”
ผมนั่งมองเบเบ้ที่พอได้ฟังคำตอบก็เอาแต่โอดครวญออกมาไม่หยุดแล้วก็ได้แต่ขำอยู่คนเดียว ท่าทางเจ็บปวดแบบโอเวอร์แอคติ้งนั่นเรียกรอยยิ้มจากผมและคนรอบข้างที่ถึงจะไม่รู้เรื่องด้วยแต่ก็พากันยิ้มตามได้ง่าย แต่อยู่ดีๆเบเบ้ก็หยุดแสดงท่าทางประหลาดแล้วกลับมาเริ่มซักไซ้ผมต่อ
“มึงรู้ไหมควินว่ามึงทำให้คนอกหักทั้งมหาลัย”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“เออสิ! ครึ่งนึงของมหาลัยต้องอกหักจากคิง ส่วนอีกครึ่งนึงต้องอกหักจากมึงเนี่ย!”
“มึงก็เวอร์ไปบอมแล้วก็อย่าโวยวายนักเลย คนมองหมดแล้ว”
ผมถอนหายใจทิ้งไปทีนึงเพราะความเหนื่อยจากการคุยกับเบเบ้นี่ล่ะครับ ผมรู้หรอกว่าตัวผมเองก็มีคนชอบอยู่ไม่น้อยไปกว่าคิงนักหรอกแต่มันก็ไม่ได้มากมายอย่างที่เบเบ้มันพูดหรอกครับ อีกอย่างคนพวกนั้นผมว่าพวกเขาก็คงแค่ปลื้มพวกผมเท่านั้นแหละไม่ได้มารักมาชอบอะไรจริงจังหรอก ต่อให้ผมจะคบกับคิงหรือไม่คบยังไงก็ไม่น่าจะมีผลกระทบสักเท่าไหร่หรอกมั้ง
“เฮ้ออออ แต่ก็เอาเถอะคิดอีกทีก็คงจะดี”
“ดี? ดียังไง”
“ก็ดีกว่าปล่อยให้มึงกับคิงไปเป็นผัวคนอื่นน่ะสิ! เออว่ะ จะว่าไปพวกมึงมาได้กันเองก็โออยู่นะ ให้พวกมึงได้กันเองดีกว่าให้ใครได้ไป โฮะๆ”
ผมจะไม่เถียงคนเป็นไบโพลาร์แล้วกันนะครับ ตลอดเวลาที่รอให้พวกเพื่อนลงมาเบเบ้มันก็ถามนู้นถามนี่ผมไม่หยุด ผมก็เล่าให้ฟังไปคร่าวๆประมาณว่าอยู่คอนโดเดียวกัน เจอกันบ่อยๆเลยคุยกันไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมากมาย แต่ผมก็กำชับมันไม่ให้ไปบอกคนอื่นต่อนะ ให้คิดกันไปเองน่ะดีแล้วเพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคนไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ ตอนแรกเบเบ้มันก็ไม่ยอมบอกจะเล่าให้คนอื่นฟังประกาศให้รู้ไปเลยว่าผมและคิงมีเจ้าของแล้วแต่เพราะผมขอไว้มันเลยรับปากจนได้แต่ก็แขวะทิ้งท้ายมาว่าสุดท้ายยังไงคนเขาก็รู้กันหมดแล้วอยู่ดีจะพูดหรือไม่พูดก็มีค่าเท่ากัน ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้จะไม่บอกเพียงแค่ไม่เราไม่ต้องไปประกาศถ้าใครถามมาผมก็ตอบ ใครไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกก็เท่านั้นจนเบเบ้มันหมดปัญญาจะเถียงผมแล้วยอมแพ้ไปแต่โดยดี
รออีกสักพักก็เริ่มเห็นนักศึกษาเดินลงมาจากตึกเพียงไม่นานก็เห็นร่างคุ้นตาของเพื่อนผม ไอ้ชาร์ปหันมาเห็นผมนั่งอยู่ก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยมาที่โต๊ะด้วยความเร็วที่น่าจะทำลายสถิติโลกได้ ทันทีที่มันมาถึงโต๊ะก็แหกปากด่าผมทันที
“ไอ้ควิน! หายหัวไปไหนมา! พวกกูนึกว่าโดนฉุดไปนอกโลกแล้วรู้ไหมวะ!”
“โทษทีมึงพอดีมีเรื่องตอนไปห้องน้ำนิดหน่อยเลยขึ้นเรียนไม่ทันจริงๆ”
“มึงมีเรื่องอะไร แล้วมีเรื่องกับใครไอ้ควิน”
ไอ้บอลกับไอ้เตที่เดินตามมาพอได้ยินคำตอบของผมก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าตึงเครียดแม้แต่ไอ้ชาร์ปที่โวยวายเมื่อกี๊ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแล้วจ้องมาที่ผมแทน ก่อนที่เพื่อนผมจะยกพวกไปตีกับใครผมก็รีบอธิบายเรื่องที่ไปเจอมาที่ห้องน้ำให้พวกมันฟัง
“โถถถถถถถ พี่เนย์ของเบเบ้น่าสงสารเหลือเกิน ส่วนอีนั่นมันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง! จิตใจทำด้วยอะไร! มีตาหามีแววไม่!”
“มึงจะอินอะไรนักหนาอีเบ้ พวกกูนี่ควรจะพูดคำนั้นไหมไม่ใช่มึง”
หลังจากที่ผมเล่าเรื่องพี่เนย์ให้พวกมันฟัง เบเบ้ที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรกตามมาด้วยไอ้ซองที่นั่งข้างกัน ที่ผมเล่าให้พวกนี้ฟังเพราะว่าพวกนี้ก็สนิทกับพี่เนย์กันหมด ไอ้ซองเองก็เป็นน้องรหัสของเพื่อนในกลุ่มพี่เนย์เหมือนกัน ไอ้เตกับไอ้ชาร์ปหลังจากผมเล่าจบแล้วก็ยังไม่พูดอะไรขึ้นมา พวกผมมองหน้ากันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะถอนหายใจพร้อมๆกัน
“เฮ้อออ กูไม่รู้จะพูดยังไงเลยว่ะ พี่เนย์เนี่ยนะ? ขนาดฟังแล้วกูยังไม่อยากจะเชื่อ”
“กูก็คิดเหมือนไอ้ชาร์ปนะ ไอ้ที่พี่เนย์ตะคอกใส่หรือกระชากตัวเด็กคนนั้นกูไม่ได้แปลกใจเลยนะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพี่เนย์แม่งเถื่อนอยู่แล้ว แต่ที่กูนึกไม่ถึงเลยเนี่ยคือพี่เนย์จะชอบใครสักคนถึงขนาดต้องรั้งไว้หรือถึงขั้นร้องไห้ออกมาเนี่ยดิ แม่งนึกภาพยังไงกูก็นึกไม่ออก”
“เอาเหอะพวกมึง คนเรามันก็ต้องมีมุมอ่อนแอกันบ้าง พี่เนย์ก็คนมีความรู้สึกเสียใจเหมือนคนปกตินั่นแหละ”
ผมบอกไอ้ชาร์กับไอ้เตที่ดูจะคิดจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไป ตอนแรกผมเองก็ตกใจแต่เพราะเห็นมากับตาเลยพอเข้าใจความรู้สึกของพี่เนย์ตอนนั้นบ้าง ส่วนที่พวกเพื่อนผมมันคิดมากกันเพราะว่าไม่เคยได้เห็นมุมแบบนี้ของพี่เนย์ ส่วนใหญ่พวกมันจะเห็นพี่เนย์แบบที่ถึงจะพูดจากระโชกโฮกฮาก เล่นกับเพื่อนแรงๆ ด่ารุ่นน้องและหยาบคายยังไงแต่พี่เนย์ก็ไม่เคยเอาอารมณ์เป็นใหญ่หรือทำร้ายใครก่อนเลยสักครั้ง เพราะแบบนั้นพวกผมถึงได้เคารพพี่เขามาก พอพวกเพื่อนผมมาได้ยินเรื่องแบบนี้ความรู้สึกมันก็ประมาณว่าไอดอลที่ชื่นชอบโดนลอลทำร้ายล่ะมั้งครับ
“พอๆเลิกคิดเหอะ เรื่องของพี่เขาเราอย่าไปอะไรมากเลย ไปหาอะไรกินกันเหอะ”
“...เออ ไปก็ไป ว่าแต่วันนี้จะแดกอะไรอ่ะซอง”
“เปลี่ยนอารมณ์ไวจังเลยนะมึงแล้วมึงนั่นแหละอยากแดกอะไร”
“ข้าวขาหมู”
“อ้วน”
“แต่กูอยากกิน!”
“แล้วกูห้ามสักคำยัง...อ้วนก็ดีจะได้ไม่มีใครมอง”
“หลังๆมึงพูดว่าอะไรกูไม่ได้ยิน”
“ป่ะ เปล่าๆ กูกำลังนึกอยู่ว่ามีขาหมูร้านไหนอร่อยบ้าง”
“แล้วไป”
ไอ้ขาร์ปกับไอ้ซองที่เปลี่ยนโหมดไวปานกิ้งก่าเปลี่ยนสีพากันยืนเถียงกันอย่างมุ้งมิ้งโดยมีแบล็คกราวเป็นผมไอ้เตและเบเบ้สามคนยืนมองด้วยสายตาเอือมระอาเกินกว่าจะบรรยายได้
ทำไมมันไม่คบๆกันสักทีนะ...
“กูไปก่อนล่ะ อยู่แถวนี้แล้วเหม็นความรัก!”
“เออบาย”
ผมบอกลาเบเบ้ที่เหม็นความรักจนเดินจากไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองที่ยืนรออยู่ ส่วนผมกับไอ้เตสบตากันแปบนึงก่อนจะพยักหน้าให้กันคนละทีแล้วเดินตามไอ้สองคนข้างหน้าไป
“เตไปส่งกูก่อนนะ”
“เออ”
วันนี้อาจารย์ปล่อยไวกว่าปกติเพราะมีธุระด่วนผมเลยว่าจะไปนั่งรอเด็กโข่งเลิกเรียนที่คณะวิศวะ ผมวานให้ไอ้เตไปส่งผมส่วนไอ้ซองกับไอ้ชาร์ปก็แยกตัวกลับไปก่อนแล้ว ไอ้เตใช้เวลาไม่กี่นาทีก็วนรถมาจอดที่หน้าตึกวิศวะ ผมบอกลามันแล้วลงจากรถเดินไปนั่งรอคิงที่โต๊ะม้าหินแถวนั้น จริงๆผมจะกลับเองก็ได้แต่ปัญหาคือพอบอกอีกคนไปว่าจะกลับเองก็โดนเงียบใส่ไปครึ่งค่อนวัน สุดท้ายผมก็ยอมแพ้แล้วมารอไปกลับพร้อมกันแบบนี้ทุกวัน ถามว่ามันลำบากไหมเอาจริงๆก็ไม่นะ โชคดีที่เวลาเรียนผมกับคิงค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีแต่ไม่กี่วันที่คิงมีเรียนก่อนถ้าอย่างวันนั้นผมก็มาเองหรือไม่ไอ้เตก็ไปรับเลยไม่ลำบากอะไรนัก
ผมไลน์ไปบอกคิงว่ามานั่งรออยู่ตรงไหนแต่เจ้าตัวไม่เปิดอ่านคงเรียนอยู่ล่ะมั้ง ผมกดเข้าแอพสีน้ำเงินเลื่อนดูหน้าฟีดไปเรื่อยๆ อ่านไปกดไลค์ไปโพสของเพื่อนไป จนมาสะดุดที่โพสหนึ่งของเพจดังมหาลัย
เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊ 10 min
เจ๊มีอะไรจะบอกจ้าทุกคน! วันนี้สายข่าวของเจ๊รายงานมาว่าเรื่องที่เราสงสัยกันว่าพี่ควินของเจ๊กับหลัวคิงของเจ๊มีซัมติงกันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ! เอ้าตายล่ะ เจ๊เริ่มจะสับสนแล้วนะจ๊ะ สายของเจ๊รายงานมาว่าที่ชะนีทั้งหลายเห็นว่าพี่ควินกับน้องคิงขึ้นรถคันเดียวกันทุกเช้าเย็นเป็นเพราะว่าทั้งสองคนอยู่คอนโดเดียวกันก็เท่านั้น! มิได้มีเรื่องอะไรมากมายไปกว่านั้นเลย
ยังไม่พอเท่านี้นะคะ!!!
ยังบอกมาอีกว่าน้องคิงของเรามีตัวจริงอยู่แล้ว! แถมยังเป็นคนใกล้ตัวน้องคิงสุดๆอีกด้วย! ทางเจ๊และชาวแก๊งค์เลยรวบรวมสมองอันน้อยนิดและความสวยอันล้นเหลือที่มีคิดแล้วคิดอีกว่าใครคือคนนั้นหรือว่าคนคนนั้นคือน้องไวน์หนุ่มน้อยน่ารักขวัญใจชาววิศวะ เพื่อนสนิทในกลุ่มของน้องคิงนั่นเอง!
แต่เดี๋ยวก่อนถ้าทุกคนยังจำได้ปีที่แล้วเคยมีกระแสไวน์คิงอยู่สักพักแต่แล้วก็ค้นพบว่ากระแสนั้นเป็นเพียงข่าวลือเพราะทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ แล้วนี่คือยังไงคะ ยังไง เกิดมาเจ๊ยังไม่เคยโพสอะไรที่ยาวเป็นทางมอเตอร์เวย์ขนาดนี้มาก่อน เจ๊จะไม่ไหวแล้วนะคะ เจ๊เครียดค่ะเจ๊เครียด!!!
529 like 391 comments
ผมอ่านโพสนี้จบไม่รอช้ารีบกดอ่านความคิดเห็นด้านล่างต่อทันที ข้อความทีี่แสดงขึ้นมามากมายจนตาลายไปหมด ผมเริ่มกดเลื่อนอ่านความคิดเห็นไปช้าๆที่ละคน
Four phaka : น่าจะเป็นไวน์นั่นแหละเจ๊เห็นอยู่ด้วยกันตลอดเลย
Weir guson : เป็นเกย์หรอวะ เสียดายหน้าตาก็ดี
Bella rakee : เราเคยได้ยินคนอื่นแซวสองคนนี้ว่าผัวๆเมียๆอะไรประมาณนี้ด้วยนะ แล้วก็ไม่มีใครปฏิเสธด้วยอ่ะ จริงหรอเนี่ยยยย
Pope yedu : ถ้ารู้ว่าเป็นนะกูจีบไปนานแล้วจ้ะ!
Golf gaff : ถ้าคิงเป็นเกย์จริงก็ไม่อะไรนะ แต่ขอให้ตัวจริงไม่ใช่ไวน์ได้ไหมอ่ะ นี่ไม่ค่อยชอบนางอ่ะ
Metal wink : คิงไม่ใช่เกย์แน่นอนค่ะ พิสูจน์มาแล้ว
King fan : เค้าคบกันอยู่จริงๆค่ะเจ๊ เห็นมานานแล้วสนิทกันมากกว่าปกติ
Hina hani : เย้! เราเชียร์คู่นี้มานานมากกกก ฮือ ฝันเป็นจริงก็วันนี้ อยากร้องไห้เลยค่ะ
ความคิดเห็นมากมายมีทั้งคนที่เห็นด้วยเรื่องของไวน์กับคิงและคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ มีผู้หญิงบางคนบอกว่าคิงไม่ใช่เกย์แน่นอนและอีกหลายคนที่สงสัยว่าคิงเป็นเกย์จริงหรือเปล่า มีคนพูดถึงเรื่องผมกับคิงอยู่ไม่กี่คน แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเอนเอียงไปทางเดียวกันนั่นก็คือเชื่อว่าคิงกับไวน์คบกันอยู่จริงๆเหตุผลก็มาจาการที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าปกติและเคยเห็นรุ่นพี่หรือเพื่อนในคณะแซวบ่อยๆอะไรประมาณนี้
อ่านต่อได้อีกไม่เท่าไหร่ผมก็กดปิดหน้าจอให้ดับไปทันที ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะอ่านต่อไปได้ ยิ่งอ่านที่ใครต่อใครบอกว่าคิงกับไวน์สนิทกันมากแค่ไหนยิ่งทำให้ความอึดอัดในใจมันมากขึ้นทุกที ยิ่งผมรู้อยู่แก่ใจว่าเด็กคนนั้นคิดกับคนของผมแบบไหนมันก็ยิ่งทำให้ผมอดคิดมากไม่ได้
หยุดเลยนะควิน...อย่าใช้อารมณ์
ผมพยายามเตือนสติตัวเองให้ใจเย็น ผมหลับตาหายใจเข้าออกลึกๆสักพักก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มจะกลับมาคงที่ จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ที่คิดว่าตอนนี้คิงเป็นคนของผมและผมก็ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจหรือคิดว่าคิงเป็นคนอื่นถึงแม้ว่าคนอื่นคนนั้นจะมาก่อนผมก็ตาม
ตอนนี้พอใจเย็นลงแล้วผมก็คิดได้ว่าจะไม่ให้เรื่องของไวน์มาทำให้ผมหงุดหงิดอีก ผมไม่อยากจะหยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเหมือนครั้งก่อนที่เคยทะเลาะกับคิง เราเคยคุยกันเรื่องนี้และเข้าใจกันแล้วคิงบอกว่าเป็นแค่เพื่อนผมก็จะไม่คิดอะไร ใครจะพูดยังไงก็ปล่อยเขาแล้วกันยังไงตอนนี้คนที่เป็นแฟนตัวจริงของคิงก็คือผมนี่นา!
ผมกดปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และเลื่อนอ่านความคิดเห็นต่ออีกครั้งเผื่อว่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับไวน์และคิงมากขึ้นจะได้เตรียมรับมือถูกแต่ยังเลื่อนอ่านได้ไม่ทันไรก็มีบุคคลปริศนามาทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ที่เห็นตรงหน้าผู้หญิงผิวขาวผมตรงยาวสลวย หน้าตาจัดว่าสวยแต่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ทั่วทั้งใบหน้า มองลงมาหน่อยก็พบกับเสื้อนักศึกษาที่ค่อนข้างรัดจนผมรู้สึกอึดอัดแทน ยิ่งรัดจนเห็นขนาดหน้าอกหน้าใจที่เหมือนจะใหญ่จนเกินงามนั่นอีก ผมละสายตากลับไปมองหน้าเธออีกครั้งเห็นว่าเธอส่งยิ้มมาให้ผมผมเลยยิ้มตอบกลับไป
“สวัสดีค่ะพี่ควิน ขอนั่งด้วยคนนะคะ”
“ครับ ว่าแต่รู้จักพี่ด้วยหรอ”
“แหมใครบ้างจะไม่รู้จักพี่ควินล่ะคะ อ้อ ลืมแนะนำตัวเลยชื่อดรีมนะคะ เรียนนิเทศปีสองค่ะ”
“อ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับดรีม”
ผมยิ้มแล้วตอบกลับหญิงสาวตรงหน้าไปทั้งที่ในใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่ามาบอกผมทำไม ถ้าให้ผมทายเธอคงไม่เดินมาเพื่อแค่แนะนำตัวกับผมแน่ล่ะครับ
“พี่ควินมาทำอะไรที่นี่หรอคะ มารอคิงใช่หรือเปล่าคะ?”
“ครับ” นั่นไง ทายไว้ไม่มีผิด
“ดูพี่ควินสนิทกับคิงมากเลยนะคะ เอ่อ คือดรีมถามอะไรหน่อยได้ไหมอ่ะคะ”
“ครับ ถามได้”
“ใจดีอย่างที่เค้าพูดกันเลยนะคะพี่ควินเนี่ย คือดรีมเห็นในเพจเค้าบอกว่าพี่ควินอยู่คอนโดเดียวกับคิงนี่จริงใช่ไหมคะ?”
“ครับ” จริงๆแล้วผมว่านี่มันเรื่องส่วนตัวพอสมควรนะแต่ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องอะไรเลยตอบกลับไปแค่สั้นๆ
“ค่อยยังชั่วหน่อย พอดีช่วงนี้ได้ยินเรื่องของพี่กับคิงมาแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยไม่ค่อยสบายใจน่ะค่ะ”
ผมยิ้มให้คนตรงหน้าโดยไม่ตอบอะไรกลับไปแต่เหมือนมันกลับทำให้เธอเข้าใจว่าผมใจดีนักหนาถึงได้เริ่มถามคำถามต่อมาอีก
“ถ้างั้นพี่ควินน่าจะรู้ใช่ไหมคะว่าตอนนี้คิงคบกับใครอยู่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่ามีอะไรกับไวน์นี่ไม่จริงใช่ไหมคะ”
“ครับ เรื่องนั้นไม่จริงครับ” ผมก็ตอบความจริงไปคิงกับไวน์ไม่ได้มีอะไรอย่างที่คนเขาพูดกันจริงๆใช่ไหมล่ะครับ
“ดรีมว่าแล้วว่าข่าวลือ! ขอบคุณพี่ควินมากเลยนะคะ ถ้าไม่เจอพี่ดรีมคงจะไม่หายคาใจแน่เลยค่ะ”
“ครับ”
ผมคงจะคุยกับดรีมจนไม่ทันได้สังเกตว่าใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้จนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังพอหันไปดูถึงได้รู้ว่าเป็นคนเดียวกันกับคนที่ผมมานั่งรอ ผมเงยหน้าสบตากับคิงก่อนจะพบว่ามีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป สายตาเหมือนลูกหมาขี้อ้อนเวลาที่อยู่กับผมตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาเรียบนิ่งจนไม่สามารถคาดเดาความคิดอะไรของอีกคนได้เลย
“คุยอะไรกัน”
“คือว่ะ-“
“คิงงงงง”
ผมยังไม่ทันตอบคำถามของอีกคนก็มีเสียงของหญิงสาวคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้แทรกเข้ามา ชั่วพริบตาที่ผมหันมาสนใจคิงดรีมก็พาตัวเองมายืนอยู่ตรงด้านข้างของร่างสูงแล้ว ผมมองมือเรียวที่ถือวิสาสะจับแขนของคิงเอาไว้หนำซ้ำยังบดเบียดหน้าอกเข้ากับต้นแขนแกร่งอย่างยั่วเย้า ความไม่พอใจเริ่มตีตื้นกลับขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ต้องนิ่งเอาไว้เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่เหมือนว่าคนที่ถูกหญิงสาวเกาะแกะอยู่ก็จะหงุดหงิดไม่ต่างจากผม คิงสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมอย่างแรงจนร่างบางผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
ไม่ใช่แค่เพียงดรีมที่ตกใจการกระทำของคิงเพราะแม้แต่ผมเองยังคิดไม่ถึงว่าคิงจะสะบัดตัวแรงจนอีกคนกระเด็นไปแบบนั้น ผมยืนขึ้นเพื่อที่หันไปคุยกับคิงแต่พอหันมามองหน้าอีกคนผมกลับพูดอะไรไม่ออก
มันเรียบนิ่ง...ไร้ความรู้สึก
“ถามว่าคุยอะไรกัน”
“...ดรีมแค่จะมาหาคิงแต่พอดีเจอพี่ควินนั่งรอคองอยู่ก็เลยนั่งคุยเฉยๆเองนะคะ”
“แล้วมาทำไม”
“ก็คิงไม่ติดต่อมาหาดรีมเลยนี่คะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ดรีมได้ยินว่ามีคนพูดถึงคิงไม่ค่อยดี ดรีมเป็นห่วงเลยมาหาคิงน่ะค่ะ”
“มันเป็นเรื่องของเธอหรือไง”
“เอ่อ คิง ดรีมแค่...”
“กลับไปแล้วอย่ามายุ่งเรื่องของผมอีก”
“คิง! ทำมะ!”
“อย่าให้ผมพูดซ้ำ”
“.....ค่ะ!”
ผมยืนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าโดยไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด ตอนนี้ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อกี๊ไม่หลงเหลืออยู่เลยตั้งแต่เห็นสีหน้าและแววตาของคิงตอนที่มองดรีม มันบ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีค่าหรือความหมายอะไรต่อคิงเลย ไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนคนนี้ทั้งนั้น เหมือนเป็นเพียงอากาศเป็นแค่ฝุ่นละอองที่ไร้ค่า
สายตาที่ผมไม่เคยเห็นจากคิงเลยสักครั้ง...แม้แต่ครั้งแรกที่เจอกันคิงก็ไม่เคยมองผมแบบนั้น
สายตาที่คิงมองคนอื่นเป็นแบบนี้งั้นหรอ...ท่าทีที่แสดงต่อคนอื่นก็เป็นแบบนี้งั้นหรอ
ถึงผมจะรู้ว่าคิงเป็นคนที่นิ่งเงียบแต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเฉยชาแบบนั้นออกมาสักครั้ง...
เหมือนคิงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้กับคิงที่อยู่กับผมที่ผ่านมาเป็นคนละคนกัน ผมจะดูโรคจิตไหมครับถ้าจะบอกว่าตอนนี้ผมรู้สึก...ดีสุดๆไปเลย มีผมคนเดียวที่คิงแสดงท่าทีแบบนั้นด้วย บ้าจัง ผมรักคนคนนี้จะตายอยู่แล้ว
“พี่ควิน”
“ห้ะ ว่าไงนะคิง”
“ถามว่าเมื่อกี๊ผู้หญิงคนนั้นมาพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า”
“อ๋อ เปล่าหรอก ว่าแต่มีอะไรต้องทำอีกไหมจะได้กลับกัน”
“ไม่มี”
“โอเค แล้วหิวหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่เย็นเลยไปหาอะไรกินรองท้องก่อนไหม”
“อือ หิวแล้ว”
ผมยิ้มออกมาทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าหิวจากปากคิง ฟังยังไงมันก็รู้สึกว่ากำลังถูกอีกคนอ้อนอยู่ท่าทางเวลามองก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด นี่ผมต้องไปบำบัดจิตใจให้แข็งแรงกว่านี้ไหมครับ
“คิง มึงกับพี่ควินจะไปทางไหนอ่ะ กูขอติดรถไปด้วยดิ”
ที่คนเขาพูดกันว่าเวลาคนเรามีความสุขทีไรมักจะต้องมีมารผจญมาขัดจังหวะทุกทีนี่น่าจะจริง เพียงแค่ได้ยินเสียงผมก็จำได้โดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำว่าใคร ผมเบนหน้าไปมองคนที่ขอติดรถไปด้วยก่อนจะเบนหน้ากลับมาหาคิงเพื่อฟังคำตอบ
“เออ มึงจะไปไหนล่ะ”
“แล้วมึงจะไปไหนกันอ่ะ”
“หาไรกิน”
“เห้ยจริงอ่ะ กูไปด้วยกูหิวอ่ะ นะมึง นะ น้าาาาา”
ผมสบตากับคิงที่หันมาสบตากับผมอย่างกับนัดกันไว้ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันนิดหน่อยทำให้ผมรู้ว่าอีกคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เฮ้อ เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“ให้ไวน์ไปด้วยกันก็ดีนะพี่ว่า กินหลายคนก็คงสนุกดีเดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“เอาน่าพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงน้องไง”
“ใครน้อง นี่ไม่ใช่น้อง”
“น้อง”
“ไม่น้อง”
“น้องคิง”
“ไม่น้อง!”
“หึหึ”
“จะไปกันได้ยัง”
คนที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ด้วยถ้าหากว่าเขาไม่พูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“โอเคๆไปกันเถอะ”
ผมหันหลังเดินมุ่งหน้าไปทางที่รถของคิงจอดไว้ประจำโดยมีร่างสูงเจ้าของรถเดินขนาบอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้คนที่ไร้บทสนทนาเดินตามรั้งท้าย ชั่วครู่ที่ถูกแทรกจังหวะขึ้นมาผมไม่รู้ว่าคิงจะเห็นไหมแต่ผมเห็นมันชัดเจน สีหน้าที่แสดงถึงความเกลียดชังที่ส่งมาถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนไปอย่างแนบเนียนก็ตาม
มาแล้วจ้า พร้อมกับพนมมือขออภัยทุกคนที่มาลงช้า -/- สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามันยุ่งมากกกกกกก ยิ่งมารวมกับช่วงสงกรานต์ที่ต้องตระเวนไปหาญาติยิ่งแล้วใหญ่ กลับมาแล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดดันไม่สบายอีกจนแต่งนิยายไม่ไหว วันนี้ไม่ไหวแล้วมันต้องลงให้ได้สักทีเลยแต่งตั้งแต่เมื่อคืนจนเสร็จเอาตอนนี้ ต่อไปนี้จะมาลงตามปกติน้า อาทิตย์นึงจะลงให้ได้ 1-2 ตอนอย่าว่ากันน้าา ส่วนทุกคอมเมนท์เอิร์อ่านทุกเมนท์เลยนะคะ ปริ่มอกปริ่มใจมากที่ทุกคนชอบ น้ำตาจะไหล555555
ปล.อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างตอนนี้ เริ่มรู้สึกถึงอะไรกันบ้างหรือยัง5555555555555 ฝากแท็ก #คิงควิน #แค่คุณ ในทวิตด้วยน้า รักทุกคนนน
ืึ