พิมพ์หน้านี้ - ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: earthearthx ที่ 03-01-2018 18:11:11

หัวข้อ: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 03-01-2018 18:11:11
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



สวัสดีจ้า  :katai2-1:


ก่อนอื่นคนเขียนขอแจ้งก่อนนะคะว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งขึ้นเอง มาจากความมโนและความคลั่งไคล้ส่วนตัวล้วนๆ5555555555

อาจจะมีผิดพลาดบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เรื่องแรกอาจจะยังไม่ดีมากเท่าไหร่ แต่จะพยายามแต่งอกมาให้ดีที่สุดค่ะ ^^

ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันน้าาาอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันติชมได้เลยจ้า <3
 :L1: :mc4: :mew1:

ปล.เรื่องนี้แต่งจนจบแน่นอนค่ะรับประกันได้เลยจ้า

หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... intro
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 03-01-2018 18:26:56


คนหนึ่งเย็นชากับทุกคนแต่ยอมให้แค่คนคนเดียว

 

อีกคนหนึ่งอ่อนโยนกับทุกคนแต่ไม่มีใครพิเศษเท่าคนคนนั้น

 

 

คิง x ควิน

 

 

"..."

" :) "

 

 

+++++++++++++++++++++

 

 

"พี่ควิน..."

"หืม?"

"พี่ควิน..."

"ครับคิง :)"

 

 

 

 

 
ถึงคิงจะพูดน้อย...แต่คิงน่ารัก


ถึงคิงจะเอาแต่ใจ...แต่คิงน่าเอ็นดู


ถึงคิงจะเย็นชา...แต่คิงน่าหลงใหล


ถึงคิงจะเป็นยังไง...พี่ก็ชอบคิง

 

พี่ควินใจดี...ใครๆก้ชอบ


พี่ควินอ่อนโยน...ใครๆก็หลง


พี่ควินชอบยิ้ม...ใครๆก็รัก


แต่พี่ควินเป็นของผม...คนเดียวเท่านั้น

 






ณ ร้านอาหารกึ่งบาร์ร้านหนึ่ง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำใส่คู่กับรองเท้าและกางเกงสีเดียวกันกำลังเดินเข้ามาในร้าน ด้วยส่วนสูงกว่า 185 เซนติเมตร ผิวขาวใบหน้าคมคาย คิ้วเข้ม ดวงตาคมดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากที่คล้ำเนื่องจากบุหรี่แต่รวมๆแล้วทำให้เป็นจุดเด่นได้ง่ายๆ ด้วยหน้าตาที่นิ่งสงบไร้อารมณ์ทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นยิ่งดูมีเสน่ห์เข้าไปอีก เพียงระยะทางสั้นๆที่ร่างสูงเดินจากทางเข้าไปยังโต๊ะที่นัดกับเพื่อนไว้ก็มีสายตาหลายสิบคู่ในร้านจดจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ อยากจะพุ่งเข้ามาทำความรู้จักเสียให้ได้

คนที่ถูกสนใจชินชากับการเป็นเป้าสายตา ไม่ว่าจะที่ไหนเขาก็มักจะเป็นจุดเด่นได้เสมอ ไม่ว่าจะที่มหาลัย ห้าง สนามฟุตบอลหรือไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่เขาไปมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แต่ช่างเถอะ เขาสนใจที่ไหนกันล่ะ

เดินฝ่าสายตานับสิบมาจนถึงโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที เพื่อนๆเขามาถึงครบกันแล้ว พอนั่งลงเพื่อนๆก็พากันบ่นเรื่องที่เขามาช้า ร่างสูงทำเพียงแค่ปรายตามองหน้าเพื่อนอย่างเบื่อหน่าย เขาก็มาช้าประจำไม่รู้พวกมันจะบ่นทำไม ร้านนี้เป็นร้านกึ่งบาร์นั่งฟังดนตรีชิลๆที่เขาและเพื่อนๆมากันบ่อยๆ ไม่ใช่เพื่อนๆเขาไม่ได้จะชอบมาที่ร้านนี้หรอกนะพวกมันชอบไปที่ผับ กินเหล้าเคล้านารีอะไรพวกนั้นมากกว่า แต่ที่มาที่ร้านบ่อยๆนั้นมันเป็นเพราะเขาต่างหาก

"เห้ยคิง มึงจะอยากมาที่นี่ทำไมนักหนาวะ กูอยากไปผับอ่ะ อยากไปหาหญิงโว้ยยยย"

"นั่นดิ กูเห็นมึงมาร้านนี้ทีไรก็เอาแต่นั่งกินเหล้าเฉยๆซะงั้น ถ้ามาแค่นี้จะมาทำไมวะ"

เสียงเพื่อนๆของเขาบ่นมาไม่หยุด คนที่ถูกถามทำเพียงแค่ส่งสายตาบอกให้เพื่อนของเขาหยุดพูดเท่านั้น ใครจะบอกกันล่ะ ว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่เพื่อฟังดนตรี...ที่คนๆนั้นเป็นคนร้อง


22:00

ยิ่งเริ่มดึกคนยิ่งเยอะขึ้นทุกที ร่างสูงโปร่งของคนๆนึงก้าวเดินขึ้นมาบนเวที ทันทีที่ก้าวขึ้นมาร่างโปร่งก็เป็นที่จับตามองทันที ทั้งๆที่เขาไม่ใช่นักร้องประจำ ไม่ใช่นักร้องคนดัง เป็นแค่ลูกของเพื่อนเจ้าของร้านที่นานๆทีจะขึ้นมาร้องเพลงแต่กลับเป็นที่รู้จักของลูกค้าหลายๆคน บางคนมาบอกเขาว่าเป็นแฟนคลับเลยก็มี

ร่างบางยืนอยู่กลางเวทีในชุดเสื้อยืดสกรีนลายกราฟฟิกกับกางเกงยีนส์ขาดๆแบบแฟชั่น ผิวขาวจัดจนออกซีด ส่วนสูง 180 เซนติเมตร ใบหน้าเรียว คิ้วเข้ม ดวงตากลมโต จมูกโด่งรูปหยดน้ำ ปากเรียวบางเป็นกระจับสีกุหลาบธรรมชาติ รูปร่างเพรียวบางทำให้เขาเป็นขวัญใจของที่นี่ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย หลายๆคนมาที่นี่เพียงหวังว่าจะได้สานต่อความสัมพันธ์กับร่างบางนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครที่สามารถครอบครองคนคนนี้ได้เสียที

ขณะที่ยืนอยู่บนเวทีดวงตากลมโตก็กวาดสายตาไปทั่วร้าน สำหรับคนอื่นอาจจะคิดว่าร่างบางนั้นกำลังมองสำรวจลูกค้าเฉยๆ แต่ความจริงนั้นคนบนเวทีกำลังมองหาใครบางคนที่เป็นเหตุผลให้เขาอยากมาร้องเพลงที่ร้านนี้ จนเมื่อหันไปมองมุมหนึ่งของร้าน ก็ได้สบตากับดวงตาคมดุคู่หนึ่งที่มองมาที่เขาก่อนแล้ว พอได้เห็นเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเบนสายตามองไปทางอื่นและเริ่มร้องเพลง

ตลอดเวลาที่คนบนเวทีร้องเพลงอยู่นั้นก็มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่แต่มีเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย






















#สวัสดีจ้า วันนี้เอาแค่อินโทรสั้นๆเปิดเรื่องมาลงให้ทุกคนได้อ่านดูน้า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่ง อาจจะไม่ดีมาก ติชมกันได้เลยนะคะ จะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด ฝากด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ.. {ตอนที่ 1}
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 03-01-2018 18:29:29
ตอนที่ 1

พาร์ท ควิน

แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุกให้ผมที่ยังคงอยู่ในนิทรารู้สึกตัวตื่นขึ้น ผมนอนลืมตาทำสมาธิอยู่บนเตียงอยู่สองสามนาทีก่อนจะลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจช้าๆ ผมก้าวลงบนพื้นก่อนจะพาร่างเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ก่อนที่ผมจะออกจากห้องน้ำก็เหลือบไปมองกระจก ผมยืนมองมันอยู่สักพัก จริงๆแล้วผมก็ได้แต่สงสัยว่าสรุปแล้วหน้าแบบผมนี่มันยังไงกันแน่ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้ามาหานะครับ แต่เพราะมันมีน่ะสิ! ที่สำคัญมันไม่ได้มีแค่ผู้หญิงครับ มันมีผู้ชายด้วย! ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดึงดูดเพศเดียวกันให้เข้ามา ผมว่าผมก็สูงตั้ง 180 เซนแล้วนะ ถึงแม้ผมจะไม่ได้มีกล้ามหรือซิกแพ็คอะไรพวกนั้นแต่ผมว่าผมก็ไม่ได้ตัวบางร่างเล็กน่ารักสักหน่อย

ที่ผมพูดมาไม่ใช่ว่าผมแอนตี้อะไรพวกนี้หรอกนะครับ นี่มันสมัยไหนแล้ว เพื่อนผมเป็นเกย์ก็มีเยอะแยะแต่ผมแค่สงสัยว่ารูปร่างแบบนี้มันไปโดนต่อมใครเขาได้ยังไง

อ้อ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ผมชื่อ 'ควิน' ชื่อผมมีที่มานะครับ ตอนแม่ผมท้อง พ่อของผมเขาอยากได้ลูกสาว และพ่อก็มั่นใจมากว่าจะได้ลูกสาว พ่อเลยตั้งชื่อให้ลูกว่าควีน ควีนที่แปลว่าราชินีนั่นแหละครับ แม่เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ที่รู้ว่ามีผมเวลาพ่อคุยกับผมผ่านท้องแม่ก็มักจะเรียกผมว่าควีนมาตลอด ควีนลูกพ่องั้นงี้อ่ะครับ5555 พ่อผมน่ารักใช่มั้ย แม่บอกว่าแม่ไม่อยากอัลตราซาวน์ว่าลูกเป็นเพศไหน อยากลุ้นตอนคลอดมากกว่า เพราะแบบนั้นพ่อกับแม่จึงเรียกผมว่าควีนตลอดเวลาที่ตั้งท้อง แต่พอวันที่ผมคลอดจริงๆถึงได้รู้ว่าเป็นลูกชาย ผมแอบถามแม่นะว่าพ่อผิดหวังไหมที่ไม่ได้ลูกสาว แม่บอกว่าตอนแรกเห็นพ่อผมร้องไห้ แม่เองก็ใจเสียเลยนึกว่าพ่อผิดหวัง ที่ไหนได้พ่อเขาดีใจที่ผมและแม่ปลอดภัยน่ะครับ พ่อบอกว่าลูกจะเป็นเพศไหนไม่สำคัญหรอก แค่เกิดมาเป็นลูกของพวกท่านก็พอแล้ว แต่เพราะผมเป็นผู้ชายจะให้มาเรียกว่าควีนมันก็ไม่ใช่ แต่พ่อกับแม่เค้าติดปากไปแล้ว ตกลงกันไปมาสุดท้ายเลยได้ชื่อ 'ควิน' พ่อบอกว่าชื่อควินก็แมนและไม่ต่างจากชื่อเดิมมากเท่าไหร่

ผมเป็นนักศึกษาคณะบริหารของมหาวิทยาลัยรัฐอันดับต้นๆของประเทศ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 3 แล้วนะ ชีวิตของผมวันๆก็ไม่ได้มีอะไรมาก ตื่นขึ้นมา ไปเรียน เรียนเสร็จกลับคอนโด กลางคืนก็มีบ้างที่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือออกไปร้องเพลงที่ร้านอาทิม

ผมอาศัยอยู่ที่คอนโดคนเดียว จริงๆผมมีบ้านนะแต่ผมไม่ค่อยได้กลับไปหรอก เพราะที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว ใช่ครับ พ่อแม่ผมเสียไปแล้วด้วยอุบัติเหตุเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ตอนนั้นผมกินไม่ได้นอนไม่หลับร้องไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือดอยู่หลายเดือนเลยครับ ตอนนั้นผมอยู่ม.5 หลังจากพ่อแม่เสียผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ใช่ว่าผมไม่มีญาตินะครับ เพียงแต่เป็นญาติที่ตัดขาดกันไปนานแล้วและพ่อกับแม่ผมก็ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้เยอะจนผมใช้ชีวิตสบายๆได้ไปทั้งชีวิตเลยล่ะครับ คอนโดนี้พ่อกับแม่ก็ซื้อทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ้าจะให้เล่าว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงทิ้งสมบัติไว้ให้เยอะแยะ มันก็นะ เดิมทีคุณปู่ของผมเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ท่านเป็นผู้ดีเก่า หัวสูง มีลูก 5 คน พ่อผมเป็นลูกคนโต คุณปู่เลยค่อนข้างจะเอ็นดูพ่อผมมากกว่าลูกๆคนอื่น แล้วหวังให้พ่อผมสืบทอดกิจการต่อไป แต่บังเอิญพ่อได้ไปเจอกับแม่ซึ่งเป็นแค่พนักงานในบริษัท ทั้งสองคนรักกันแต่พี่น้องของพ่ออิจฉาที่ปู่เอ็นดูพ่อมากกว่า ก็เลยเอาเรื่องนี้มาโจมตีพ่อผม เพื่อบีบให้พ่อออกจากบริษัท จนเรื่องไปถึงหูคุณปู่นั่นแหละครับ แน่นอนว่าท่านกีดกันเพราะฐานะของแม่ผมไม่ดีพอ แต่พ่อผมท่านก็ยืนยันจะคบกับคุณแม่ของผมให้ได้ สุดท้ายคุณปู่ก็ตัดขาดคุณพ่อออกจากตระกูล แต่คุณพ่อของผมคงรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วก่อนหน้านั้นจึงได้ซื้อคอนโดและบ้านไว้เป็นชื่อของตัวเอง และเก็บแอบเก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง ชีวิตจึงไม่ลำบากอะไรมาก และหลังจากนั้นพ่อก็เอาเงินไปลงทุนซื้อหุ้นจากบริษัทของเพื่อน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพ่อเคยบริหารช่วยคุณปู่มาก่อนทำให้การลงทุนของพ่อประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบแทนคืนมามากมายจนมีทุกวันนี้แหละครับ

หลังจากที่ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปขึ้นรถเพื่อไปม.ที่หน้าคอนโด ผมมีรถนะแต่ผมขี้เกียจขับ ก็กรุงเทพน่ะรถติดอย่างกับอะไรถ้าขับไปเองกว่าจะถึงก็เมื่อยตาย ผมเป็นคนเรียบๆสบายๆไม่เรื่องมาก ถึงผมจะพอมีเงินให้ใช้เหลือๆแต่ผมก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยหรอก มีบ้างที่จะซื้อพวกรองเท้า นาฬิกา แต่พวกเสื้อผ้านี่ผมซื้อตลาดนัดนะครับ มีหลายแบบและถูกดี55555

พอรถมาผมก็ขึ้นนั่งไปจนถึงม. ผมก็เดินต่อไปจนถึงหน้าคณะ เห็นที่โต๊ะประจำของผมมีคนนั่งอยู่สองคนผมจึงเดินเข้าไปวางกระเป๋าทันที

"ไงควิน มาเวลาเดิมเป๊ะทุกวันเลยนะมึง" 'ซอง'เพื่อนผมเอ่ยทัก

"จะให้มาสายกว่านี้มั้ยล่ะ ถ้าพวกมึงจะรอก็ได้นะ"

"พอเลยมึง แค่ต้องรอไอ้ชาร์ปคนเดียวกูก็รอจนจะกลายเป็นซากฟอสซิลอยู่แล้วเนี่ย"

"กูเห็นมึงบ่นเรื่องมันมาสายแต่มึงก็รอวันทุกวันนี่" 'เต'พูดขึ้นแขวะไอ้ซองที่บ่นถึงอีกคนทุกวันแต่ก็ไม่เคยด่าอีกคนจริงๆจังสักที

"ก็ถ้าไม่รอมัน เดี๋ยวแม่งมาถึงก็งอนอีก"

"งอนแล้วไง? มึงแคร์?"

"กะ กูแค่รำคาญเว่ย!" แหมไอ้ซอง มึงตอบได้เนียนมาก

"หราาาาาาาาาาา" ผมกับเตพูดขึ้นพร้อมๆกัน

"เออ! พวกมึงแม่งง"

ผมกับไอ้เตมองหน้าแล้วพยักหน้าอย่างรู้กัน ดูก็รู้ครับว่าไอ้ซองมันชอบไอ้ชาร์ป แต่ไอ้ชาร์ปนี่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันรู้สึกยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกมันสองคน

กลุ่มผมมีกันอยู่ 4 คนครับ มีผม ไอ้ซอง ไอ้ชาร์ปและก็ไอ้เต ไอ้ซองมันเป็นลูกครึ่งครับ หน้ามันจะออกฝรั่งหน่อย ร่างกายงี้แน่นปึ้กสงสัยได้เชื้อทางนั้นมาเยอะ ถึงยังงั้นแต่มันค่อนข้างเป็นคนขี้อายนะยิ่งเป็นเรื่องของไอ้ชาร์ปแล้วด้วย แซวนิดแซวหน่อยมันก็เขินจนไปไม่เป็นแล้วครับ

ส่วนไอ้ชาร์ปมันเป็นคนเหนือ ตัวมันจะเตี้ยกว่าคนอื่นเค้าหน่อย จริงๆมันก็สูง 170 กว่านั่นแหละครับแต่พวกผมดันสูง 180 กว่ากันนั้นมันเลยดูเตี้ยไปเลย555555 มันใส่ใจคนรอบข้างเสมอ รักเพื่อนมากแบบเพื่อนข้าใครอย่าแตะเลยทีเดียว แต่มันมักจะเอาแต่ใจกับไอ้ซอง ไม่รู้ว่ามันแกล้งไอ้ซองหรือเพราะไอ้ซองตามใจมันจนเคยตัวก็ไม่รู้

คนสุดท้ายไอ้เตครับ มันเป็นคนที่หล่อแบบไทยแท้ๆเลยล่ะ ผิวสีแทนหล่อจนคว้าตำแหน่งเดือนคณะมาได้ มันเป็นคนตลก อารมณ์ดีและขี้แกล้งมาก ไอ้นี่มันเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลยแหละ ก็นะ มันหล่อจริงๆแหละผมยอมรับ

"เห้ย! โทษทีพวกมึง กูตื่นสายว่ะ" ไอ้ชาร์ปวิ่งหน้าตั้งมาหาพวกผม ผมยิ้มขำเล็กน้อยกับสภาพที่เหมือนโดนหมาไล่ตามมาของมัน

"ไม่เป็นไร มาก็ดีแล้ว กูว่าไปหาอะไรกินกันเหอะ" ผมพูดขึ้นมาเพราะตอนนี้ท้องผมเริ่มจะเรียกร้องอะไรมาใส่กระเพาะแล้ว



เหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงนึงก่อนเริ่มคาบ พวกผมเลยพากันมาหาอะไรกินที่โรงอาหารคณะ

"เห้ย พวกมึง นั่นใช่คิงป่ะวะ" ขณะที่พวกผมนั่งกินกันอยู่ อยู่ๆไอ้ซองมันก็มองไปที่ทางเข้าแล้วก็ถามพวกผมออกมา

"ไหนๆ เออว่ะ ใช่จริงด้วย มันมาทำอะไรที่นี่วะ?" ไอ้ชาร์ปมองตามแล้วพูดตอบ

"กูว่ามาหาสาวแน่ๆ" ไอ้เตเสนอความคิดเห็น

ผมเองก็มองตามไปจนเห็นผู้ชายร่างสูงคนนึงยืนอยู่ตรงร้านน้ำทำท่าเหมือนกำลังมองหาใครสักคน อยู่ดีๆร่างสูงนั้นก็หันหน้ามาทางผม วินาทีที่สบตากันทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนสะกดไว้ ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ผมบอกได้คำเดียวเลยว่า 'หล่อ' ผู้ชายคนนี้หล่อมาก แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากว่าเขาทำหน้าให้ดีกว่านี้นิดนึง ใบหน้าที่ลงตัวราวกับพระเจ้าปั้นขึ้นมานั่นนิ่งราวกับหุ่นยนต์นั่นทำให้เขารู้สึกไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ผู้ชายคนนั้นให้ความรู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมกริบคู่นั้นยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย

"คิง? ใช่คิงปี 2 วิศวะมั้ยวะ"ผมหันไปถามพวกมัน

"โอ้โหไอ้ควิน มึงไปอยู่ไหนมาเนี่ย มึงไม่รู้จักได้ไงวะ!"

"ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้จัก กูแค่ไม่เคยเห็นหน้าชัดๆเท่านั้นเอง" ผมได้ยินชื่อคิง วิศวะมานานมากแล้ว ตอนเข้าปี 1 น้องที่ชื่อคิงนี่ดังในมหาลัยมาก ใครต่อใครก็พูดกันว่าหล่อนักหนาแต่ว่าหยิ่งไปหน่อย หนำซ้ำยังมีวีรกรรมอีก ได้ยินมาว่ารุ่นพี่จะส่งเข้าประกวดเดือนมหาลัยแต่เจ้าตัวไม่ยอมจนรุ่นพี่โมโหจะเข้ามาต่อยแต่ดันกลายเป็นเจ้าตัวไปต่อยรุ่นพี่เขาก่อนแทน จนสุดท้ายรุ่นพี่ก็ยอมปล่อยไปด้วยเหตุผลที่ไม่อยากให้เรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จริงๆเรื่องของคิงดังมาเข้าหูเรื่อยๆแหละ ทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องความฮอตของเจ้าตัว แม้กระทั่งรถที่หมอนั่นขับยังมีมาเป็นประเด็นให้คนเอามาพูดถึง ก็งี้แหละ คนหล่อก็มักเป็นที่สนใจเป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ แต่เพราะว่าเจ้าตัวไม่เคยโผล่มาแถวนี้และผมเองก็ไม่เคยไปที่คณะวิศวะ อาจจะเพราะผมไม่ค่อยได้สนใจด้วยแหละ ทำให้นอกจากชื่อแล้วผมไม่เคยได้เห็นหน้ารุ่นน้องคนนี้เลย

"เออ งั้นมึงดูไว้เลย นี่แหละคิงที่คนพูดถึงกันทั้งม.อ่ะ"

"ว่าแต่แม่งมาทำอะไรที่นี่วะ หรือมาหาแฟน?"

"สัส น้องคิงเค้ามีแฟนที่ไหนกันล่ะ ตั้งแต่กูเห็นน้องเค้ามา ยังไม่เคยเห็นน้องเค้ามีแฟนเลยสักคน"

หือ? หน้ายังงี้อ่ะนะไม่มีแฟน เป็นไปได้ด้วยหรอ? งั้นเรื่องผู้หญิงที่พูดกันคงเป็นคู่นอนสินะ ผมนั่งเพื่อนๆพูดกันแล้วได้แต่คิดตาม ส่วนตัวผมเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วเลยได้แต่ฟังพวกมันพูดอย่างเดียว

ผมหันกลับไปมองอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นร่างสูงนั่นแล้ว กวาดตาไปรอบก็ไม่เห็นมี ไปไหนแล้วนะ? แล้วสรุปเขามาทำอะไรที่นี่?  หรือจริงๆแล้วเขามีแฟนแต่เพื่อนผมมันไม่รู้จริง? ผมรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่เขาไปแล้ว แต่เอ๊ะ? ผมจะเสียดายทำไมเนี่ย แล้วทำไมผมจะต้องมานั่งคิดเรื่องของคนๆนั้นด้วยล่ะ! เห้อออ ช่างเถอะ



หลังจากนั้นพวกผมก็พากันไปเรียน ตลอดทั้งวันที่เรียนผมพยายามจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อาจารย์สอน แต่ใบหน้าคมคายนิ่งสงบกลับแทรกเข้ามาในความคิดอยู่ตลอด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนทั้งมหาลัยถึงได้หลงใหลคนๆนั้น เพราะขนาดผมสบตากับเค้าเพียงไม่กี่วิก็ยังรู้สึกเหมือนโดนสาปให้นิ่งไปเสียอย่างนั้น เป็นคนที่อันตรายจริงๆ



หลังจากเลิกเรียนพวกผมพากันเดินลงจากตึก ตลอดทางมีคนทักพวกผมตลอดทาง ทั้งเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้อง ผมก็ยิ้มตอบกลับไปให้ทุกคน พวกผมก็ถือว่าเป็นที่รู้จักพอสมควร เพราะทุกคนในกลุ่มก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีพอสมควร

"ไอ้ควิน กูว่ามึงเลิกยิ้มเถอะว่ะ มึงยิ้มทีไรกูรู้สึกเหมือนทุกคนเขาเคลิ้มไปกับมึงเหลือเกิน" ไอ้ชาร์ปขมวดคิ้วพร้อมกับพูดบอกกับผมเหมือนทุกวัน

"กูก็ยิ้มของกูปกตินี่"

"จริงๆกูก็รำคาญเหมือนกันนะ ทุกคนมองเหมือนอยากเข้ามาสมสู่กับมึงทั้งนั้น" ไอ้เตว่าต่อ

"พวกมึงคิดมากไปแล้วน่า"

"ว้ายย! "ตุ้บ!

ผมหันไปตามเสียงก็พบว่ามีรุ่นน้องคนนึงสะดุดล้มกองอยู่ที่พื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปก่อนจะพยุงน้องเค้าขึ้นมา

"ไปห้องพยาบาลมั้ยครับ?" ผมถามน้อง

"มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ควิน" รู้จักชื่อผมด้วยแฮะ

"แต่หัวเข่าน้องมีเลือดออกนะครับ พี่ว่าไปห้องพยาบาลดีกว่า ไปไหวมั้ยเดี๋ยวพี่พาไป" ผมว่าน้องควรไปทำแผลก่อนที่ฝุ่นจะเข้านะ อาจจะมีเชื้อโรคเข้าไปในแผลก็ได้

"ไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่ พอดีหนูต้องรีบไปส่งงานก่อนจะหมดเวลา หนูรีบจริงๆค่ะพี่" น้องตอบรัวจนผมฟังแทบไม่ทัน

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งงานให้ เราไปทำแผลก่อนดีกว่า ปล่อยไว้เดี๋ยวเลือดจะออกมากกว่านี้นะ"

"เอ่อ คือ ไม่เป..."

"เดี๋ยวพี่ไปส่งให้เอง ไปทำแผลเถอะ" ผมพูดพร้อมกับดึงรายงานที่น้องถืออยู่มาถือไว้เอง

"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ"

"ไม่เป็นไรครับ" ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้น้องเค้าเพื่อยืนยันว่าผมเต็มใจช่วยจริงๆ

น้องเค้าเลยบอกสถานที่ส่งงานมาให้ ผมก็เดินไปส่งงานให้น้องเค้าจนเสร็จ

"มึงจะใจดีไปหน่อยป้ะวะควิน น้องเค้าแค่ล้มเองขาไม่ได้หักซะหน่อย" ไอ้ชาร์ปพูดกับผมขึ้นมา

"เอ้า! ไอ้นี่หนิ ไอ้ควินมันเป็นคนดีไง ไม่เหมือนมึง"

"ไอ้ซอง! นี่มึงด่ากูใช่ม้ะ?"

"เปล่ามั้ง กูคงชมมึงอ่ะ"

"ไอ้ซองงงงงงงงงง"

ผมกับไอ้เตยืนขำพวกมันสองคนที่วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆไปทั่ว คนเขาก็มองพวกมันขำๆกันทั้งนั้น แต่ก็เป็นภาพที่คนแถวนี้เห็นจนชินตาแล้วล่ะครับ พวกมันกัดกันทุกวัน ไม่รู้ว่าไอ้ซองมันมีทฤษฎีแบบไหนถึงได้เถียงคนที่แอบชอบทุกประโยคเลย แต่พวกมันก็ดูรักกันดีล่ะมั้ง



หลังจากแยกย้ายกัน ไอ้ซองกับไอ้ชาร์ปกลับทางเดียวกัน ส่วนผมกับไอ้เตกลับทางเดียวกัน ผมเลยมักจะติดรถไอ้เตเลยมาลงคอนโดประจำ

"ขอบใจมากมึง เจอกันวันจันทร์"

"เออๆ"

ผมให้ไอ้เตแวะส่งที่เซเว่นก่อนถึงคอนโด พอไอ้เตขับออกไปผมก็เข้าไปซื้อของเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับคอนโด ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วผมเดินไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนอะไร

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ผมหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ทันทีที่เหมือนกับจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

นั่นไง! ผมมองหาต้นเสียงก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันมาจากหลังพุ่มไม้ข้างทาง ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงพุ่มไม้นั้นมันเป็นพุ่มไม้รกๆขนาดใหญ่ที่ตอนแรกน่าจะปลูกไว้เพื่อกันไม่ให้คนเดินชิดกำแพงลวดหนามที่กั้นไว้ของร้านๆนึง

เนื่องจากตอนนี้ก็เริ่มมืดๆแล้วทำให้ผมมองอะไรไม่ค่อยชัดนัก เสียงพุ่มไม้ยังขยับต่อเนื่องก่อนที่อยู่ดีๆจะมีขาข้างนึงโผล่ออกมา!

"เฮ้ย!" ผมตกใจจนเกือบจะวิ่งถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ดีๆเจ้าของขาข้างนั้นก็ตะเกียกตะกายออกมาจากพุ่มไม้และมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของผม

หน้าแบบนี้... หุ่นแบบนี้... สูงขนาดนี้...

นี่มันคิงไม่ใช่หรอ?!

ผมมองสำรวจคนตรงหน้าดีๆอีกครั้งก่อนจะพบว่าในมือของร่างสูงมีลูกหมาตัวเล็ก สภาพสะบักสะบอมนอนขดตัวครางงี้ดง๊าดอยู่ในอุ้งมือนั้น

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขามองผมอยู่ก่อนด้วยใบหน้านิ่งสนิท เราสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเกือบสองนาที สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้

"เอ่อ คือ เข้าไปช่วยเจ้าตัวนี้หรอ?"ผมถามพร้อมกับชี้ไปที่ลูกหมาในมือของคิง

ร่างสูงตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้ากลับมา

"อ๋อ เฮ้ย! นั่นเลือดออกนี่!" ผมพึ่งสังเกตุว่าที่แขนของเขามีเลือดไหลออกมา มันเหมือนเป็นรอยบาดเป็นทางยาวประมาณห้าเซน มันดูไม่ลึกมากแต่ก็พอให้มีเลือดไหลออกมา

ร่างสูงก้มมองแขนตัวเองอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ากลับมาอีกที

พยักหน้า? คือไร?

"ไปโดนอะไรมา?"

คิงยืนนิ่งมองหน้าผม

"ว่าไง ไปโดนอะไรมาครับ?"

คิงยังไม่ตอบอะไรแต่หันหน้าไปมองทางพุ่มไม้เมื่อกี๊ ผมมองตามไปจนเห็นอะไรบางอย่าง เฮ้อ ทำไมวันนี้ผมถึงเจอแต่คนเจ็บตัวนะ

"ลวดหนามใช่มั้ย? ถ้างั้นต้องรีบไปล้างแผลเลยนะ ลวดหนามเป็นสนิมหรือเปล่าไม่รู้เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักหรอก"

คิงมองผมและพยักหน้าอีกที

น่าแปลกที่คิงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำแต่เรากลับคุยกันรู้เรื่อง น่าแปลกกว่านั้นคือผมไม่ได้หงุดหงิดที่ถามอะไรไปแล้วไม่ได้คำตอบกลับมา ผมมองดูแขนของคิงอีกครั้งก่อนจะพบว่าเลือดที่แผลยังคงซึมออกมาไม่หยุด

"ตามมาสิ เดี๋ยวทำแผลให้"

คิงยืนมองนิ่งๆไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกมา

"หรือเราจะไปทำแผลเอง" ผมถามขึ้นเพราะไม่เห็นว่าคิงจะตอบอะไรกลับมา

"งั้นไปนะ" ผมบอกลาคิงก่อนจะหันหน้าเดินมาทางคอนโด

ตึก ตึก ตึก

เสียงรองเท้าเดินตามหลังมา คงจะไปทางเดียวกันล่ะมั้ง จนเมื่อเดินมาถึงหน้าคอนโด แขนเสื้อของผมก็ถูกกระตุกโดยมือของใครบางคน

"ว่าไงครับ?" ผมหันกลับไปถามคิงที่กระตุกแขนเสื้อผมไว้

คิงมองหน้าผมก่อนจะเบนสายตาไปมองแผลที่แขนแล้วจึงกลับมามองหน้าผม ผมอมยิ้มเล็กๆกับท่าทางเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจของเค้า ผมส่งยิ้มไปให้พร้อมกับพูดบางอย่างกับคิง

"ตามมาสิ"
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... {ตอนที่2}
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 03-01-2018 18:30:57
ตอนที่ 2

พาร์ท ควิน

ทันทีที่ผมพูดจบผมก็เดินนำหน้าร่างสูงมาทางคอนโดระหว่างทางผมก็บอกร่างสูงว่าให้พาลูกหมาไปดูแลเองก่อนคืนนึงเพราะเท่าที่เห็นเจ้าตัวเล็กไม่ได้มีบาดแผลตามตัวสักเท่าไหร่ แค่ผอมและมอมแมมไปหน่อยก็แค่นั้นคืนนี้ให้ลองเอากลับไปหาอาหารและทำความสะอาดก่อน ถ้าเกิดพรุ่งนี้อาการไม่ค่อยดีค่อยพาไปที่โรงพยาบาลสัตว์ก็ได้ คิงทำเพียงพยักหน้าให้ผมเป็นอันรับรู้เท่านั้น ผมหยุดแวะที่หน้าป้อมยามก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่เดินตามมา

"รอแปบนะ" ผมบอกคิงก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าให้

ลุงชัยเป็นรปภ.ของคอนโดที่นี่ครับ แกก็แก่แล้วแหละแต่ยังต้องมาทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวแก ตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาที่นี่ก็เห็นแกเป็นรปภ.แล้ว ผมเข้าออกคอนโดทุกวันก็เจอหน้ากันทุกวันบางทีผมก็มักจะซื้อของมาฝากแกประจำแหละครับ ผมเคาะกระจกป้อมยามสองสามครั้ง เมื่อคนด้านในเปิดกระจกออกมาผมก็ยื่นของที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อกี๊ไปให้

"อ่ะลุง ผมซื้อน้ำกับขนมปังมาฝาก"

"โถ วันหลังไม่ต้องซื้อมาแล้วนะครับคุณควิน ลุงเกรงใจ" ลุงชัยตอบกลับมา จริงๆลุงแกตอบกลับมาแบบนี้ตั้งแต่ผมซื้อให้ลุงครั้งแรกแล้วนะ แต่ผมก็ยังซื้อมาให้แกอยู่ดี

"ไม่เป็นไรน่าลุง คนกันเองแล้วผมบอกหลายครั้งแล้วนะให้เรียกควินเฉยๆไม่ต้องมีคุณหรอก"

"ไม่ได้หรอกคุณควิน ลุงเป็นยามก็ต้องเรียกทุกคนแบบนี้แหละครับ"

"ก็ได้ครับลุง งั้นผมไปก่อน ตั้งใจทำงานนะลุง" ผมเหนื่อยจะเถียงกับลุงชัยเรื่องชื่อผมแล้วล่ะ บอกกี่รอบแกก็ยังเรียกคุณควินอยู่เหมือนเดิม

"ขอบคุณมากนะครับคุณควิน ขอให้เจริญๆนะครับ" ผมยิ้มให้กับลุงชัยก่อนจะหันไปหาคนที่ผมบอกให้รอ

"ไปกันเถอะครับ"

คอนโดผมเป็นคอนโดค่อนข้างหรูและราคาแพง จึงสามารถเลี้ยงสัตว์ในคอนโดได้ทำให้เจ้าตัวเล็กในมือของคิงเข้ามาได้ไม่เป็นปัญหา เข้ามาได้ตลอดทางที่เดินผ่านล็อบบี้ผมหันไปยิ้มให้พนักงานต้อนรับบริเวณนั้นจนมาถึงลิฟท์ ระหว่างที่รอลิฟท์ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเปิดกระเป๋าหาผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้แล้วยื่นไปให้คิงที่ยืนอยู่ข้างกัน

"ลืมเลย เอาไปเช็ดเลือดก่อน" คิงก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าในมือผมเล็กน้อยก่อนจะเหลือบขึ้นมามองหน้าผม

"ทำไมอ่ะ สะอาดนะ ยังไม่ได้ใช้เลย"

คิงถอนหายใจเล็กน้อยทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว ผมยังไม่ได้ใช้เลยจริงๆนะ ผมยืนงงจนสุดท้ายคิงยกมือขึ้นมาแทบจะถึงหน้าผม ผมผงะเล็กน้อยก่อนจะถึงบางอ้อในที่สุด



คิงอุ้มลูกหมาอยู่



"บอกดีๆก็ได้มั้ง" ผมแขวะคิงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่เปื้อนแขนของอีกคนให้ คิงก็ยืนนิ่งๆให้เช็ดแต่โดยดี เท่าที่ดูเลือดก็ไม่ได้ไหลแล้วแต่ยังซึมๆออกมา พอดีกับที่ลิฟท์มาพอดีผมกับคิงจึงได้ก้าวเข้าไป ภายในลิฟท์มีแค่ผมกับคิงแค่สองคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไร ระหว่างที่ตัวเลขในลิฟท์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆผมก็คิดเรื่องเกี่ยวกับคนที่ยืนข้างๆไปเรื่อย ว่าแต่ว่าตั้งแต่เจอกันยังไม่ได้ยินเสียงคิงสักคำ ไอ้ที่เค้าว่าหยิ่งนี่คงจะจริงสินะ แต่ว่าถ้าหยิ่งจริงจะตามเรามาง่ายๆได้ไง ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาทำผมแทบสะดุ้งหลุดจากความคิดทันที

"อยู่ที่นี่หรอ?" ไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็ไอ้เสียงที่ว่านั่นมันคือเสียงของคนที่ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบมาตลอดทางน่ะสิ!

"ว่ายังไงนะ?" ผมถามคิงอีกครั้งเพราะเมื่อกี๊มัวแต่งงจนไม่ได้ฟังว่าร่างสูงพูดว่าอะไร

"..." ถ้าไม่ได้คิดไปเองผมว่าหัวคิ้วของคนตรงหน้ามันกระตุกเล็กน้อย

"พอดีเมื่อกี๊คิดอะไรอยู่เลยไม่ทันได้ฟังน่ะ"

"อยู่ที่นี่หรอ?"

"อ๋อ อืมใช่"

"นานหรือยัง"

"ก็ประมาณ 2 ปีแล้วนะ" จริงๆตอนผมเรียนปี 1 ผมยังขับรถไปกลับบ้านเองอยู่เลยครับเพราะผมไม่อยากให้ปล่อยให้บ้านว่างไปเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่สุดท้ายก็สู้ความเหนื่อยกับการเดินทางไม่ไหวเลยย้ายมาอยู่คอนโดตอนขึ้นปี 2 เพราะใกล้กับมหาลัยมากกว่าและมีรถผ่านไปมหาลัยสะดวกดี ไม่ต้องขับรถเองด้วย

"ทำไม"

"ห้ะ พูดว่าอะไรนะ" ร่างสูงงึมงัมเบาๆจนผมฟังไม่รู้เรื่อง พอถามไปก็ได้รับความเงียบกลับมา ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ ถ้าอยากพูดก็คงพูดออกมาเองนั่นแหละ

ทันทีที่ลิฟท์เปิดผมก็เดินนำร่างสูงมายังห้องของผม ผมไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปเปิดไฟเปิดแอร์ทันที คิงเดินตามเข้ามาแล้วหยุดยืนอยู่ที่กลางห้อง

"ไปล้างแผลในห้องน้ำแล้วมานั่งรอที่โซฟาเลย เดี๋ยวหาอุปกรณ์ทำแผลก่อน" ผมหันไปบอกคิงแล้วหันมาหากล่องปฐมพยาบาลในห้อง ปกติผมไม่เคยมีแผลอะไรเลยไม่รู้ว่าเผลอเอาไปเก็บไว้ไหน ส่วนคิงก็เดินไปล้างแขนที่ห้องน้ำแถมยังอุ้มลูกหมาเข้าไปด้วย สักแปบก็ออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเอาลูกหมาวางไว้ที่ตัก

ภาพที่ผมเห็นคือร่างสูงหน้าตายนั่งลูบหัวลูกหมาตัวนั้นเบาๆราวกับกลัวว่ากลัวลูกหมาจะเจ็บ ถึงแม้ใบหน้าจะนิ่งแค่ไหนแต่ผมกลับคิดว่าในดวงตานั้นฉายแววอ่อนโยนเวลาที่มองเจ้าตัวที่อยู่บนตัก ไม่รู้ว่าทำไมคิงถึงได้เดินตามผมมาง่ายๆทั้งที่เราก็ไม่รู้จักกัน ผมได้แต่สงสัยแต่จะให้ถามออกไปก็ไม่รู้จะได้คำตอบมั้ย ผมละสายตาจากภาพตรงหน้ามาค้นตู้เก็บของเล็กๆข้างห้องครัวและก็เจอของที่ตามหาในที่สุด ผมคว้ากล่องเดินไปวางบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะเดินไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กออกมา 2 ผืนแล้วเดินออกมา

"เอาไปห่มตัวเล็กไว้" ผมยื่นผ้าขนหนูผืนนึงไปให้ร่างสูง ก่อนจะเอาอีกผืนมาพับแล้วปูไว้บนโซฟาอีกตัว

"แล้วก็เอาตัวเล็กมานอนตรงนี้ไว้ก่อนแล้วกัน" พูดจบผมก็หันไปอุ้มเจ้าตัวเล็กจากตักของร่างสูงมาวางไว้บนผ้าที่ปูไว้ แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่หือไม่อืออะไร ตอนนี้ผมกับคิงกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน เรานั่งมองหน้าไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ จนผมแบมือไปตรงหน้าคิง ร่างสูงมองมือของผมแล้วขมวดคิ้วเหมือนไม่รู้ว่าผมยื่นมือไปทำไม

"ขอมือหน่อย" ผมอมยิ้มกับท่าทีงงๆของคิง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะคนตรงหน้าเอามือมาวางแปะลงบนมือของเขาที่แบไว้ มันเหมือนกับหมาที่โดนเจ้าของขอมือยังไงยังงั้น หึๆ หมาตัวโตซะด้วยสิ คนตรงหน้าขมวดคิ้วคงสงสัยว่าผมหัวเราะอะไร ผมอมยิ้มแล้วพูดต่อ

"โทษที หมายถึงแขนน่ะ จะทำแผลให้ไง"

"อ่อ" แล้วก็ยื่นแขนมาให้

ผมเปิดกล่องแล้วเอาแอลกอฮอล์ออกมาเทใส่สำลี ผมแตะสำลีลงไปที่แผลเบาๆแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ว่าแขนที่จับอยู่กระตุกนิดหน่อย ผมอมยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคน

"จะทำเบาๆนะ ไม่เจ็บหรอก" ผมกลั้นยิ้มแทบจะไม่ไหวเมื่อพบว่าปฏิกิริยาหลังจากที่ผมพูดออกไปนั้นคือการที่ร่างสูงตรงหน้าหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ทิ้งหลักฐานคือใบหูที่แดงขึ้นมาเรื่อๆ มันช่างน่าเอ็นดูจริงๆ

ผมทำแผลต่อไปเรื่อย ตลอดเวลาที่ทำแผลคิงไม่มีอาการอะไรออกมาอีกเลย เอาแต่นั่งนิ่งๆจ้องมาที่แผลตัวเอง ผมก็ไม่ได้แซวอะไรออกไปอีก

"เสร็จแล้ว เจ็บมั้ย?" คิงส่ายหน้าตอบกลับมา

"บอกแล้วไง ว่าจะทำเบาๆ" ผมพูดยิ้มๆทำให้ร่างสูงตรงหน้าขมวดคิ้วทำตาดุมองมาที่ผม ถ้าเอาหน้าแบบนี้ไปมองคนอื่นผมว่าอาจจะมีคนกลัวเขาไปเลยก็ได้นะ แต่ทำไมตอนนี้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้กลับรู้สึกว่าเขาทำท่าเหมือนเด็กหงุดหงิดที่โดนขัดใจอย่างนั้นแหละ หึๆ ผมไม่แกล้งแล้วดีกว่าเดี๋ยวเกิดคนตรงหน้าโมโหจะโดนต่อยซะก่อน

"แล้วทำยังไงถึงได้ไปเจอเจ้านี่เข้าล่ะ" ผมหมายถึงลูกหมาน่ะครับ

"ได้ยินเสียงร้อง" เขาตอบผมด้วยล่ะ นึกว่าจะต้องคุยคนเดียวต่อไปแล้วนะเนี่ย

"ก็เลยมุดเข้าไป?"

"อืม"

"ซนเนอะ" ร่างสูงมองหน้าผมนิ่งเลยครับ

"หมายถึงลูกหมาอ่ะ ซนเนอะ" ยังนิ่งอยู่ ไม่แกล้งแล้วก็ได้

"แล้วนี่จะกลับยังไง กลับเองได้มั้ย?"

"ได้"

"บ้านอยู่ไหนล่ะ"

"อยู่นี่" ห้ะ? อยู่นี่?

"อยู่คอนโดนี้เหมือนกัน" อาจจะเพราะผมทำหน้างงจนเกินไป คิงเลยพูดขึ้นมาอีกทีเพื่อให้ผมเข้าใจ แต่เดี๋ยวนะ? คอนโดนี้หรอ?!

"จริงดิ! พี่ก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานทำไมพี่ไม่เคยเจอเราเลยล่ะ?" ผมถามเพราะสองปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอร่างสูงเลยสักครั้ง ถึงว่าสิ ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่ามาโผล่แถวนี้ได้ยังไง

"พี่?" คิงพูดพร้อมกับทำหน้าแปลกๆ ถ้าให้ผมถอดรหัสหน้าของคิงตอนนี้เป็นคำพูดคงจะหมายความว่า 'พี่อะไรของมึง'

"อาห้ะ ก็พี่ไง" ผมพูดพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง คิงทำหน้าเหมือนเป็นได้เจอเรื่องเหลือเชื่อยังงั้นแหละ ก็นะ มีคนเคยบอกว่าผมหน้าใสหน้าเด็กมากหลายคนเหมือนกัน

"พี่อยู่ปีสามแล้ว ชื่อควิน เราชื่อคิงอยู่ปีสองใช่มั้ยล่ะ"

"รู้จัก?" คงจะหมายถึงผมรู้จักเขาด้วยหรอ แหม ไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตัวเองดังขนาดไหนน่ะ

"ใครๆก็รู้จักนายทั้งนั้นแหละ แล้วนี่ยังไงอยู่คอนโดนี้แต่พี่ไม่เคยเจอเลยนะ พึ่งย้ายเข้ามาหรอ?"

"เปล่า อยู่ตั้งแต่ปี 1" งั้นก็สองปีเท่าผมน่ะสิ

"แปลกเนอะ อยู่มาพอๆกันแต่พึ่งเคยเจอกัน" คิงก็พยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วนี่จะกลับยัง?"

"..." เงียบ

"ว่าไงล่ะ" ไม่ตอบแถมยังมองผมนิ่งเลยครับ ทำไมอ่ะ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่านะ?

"...จะกลับแล้ว" พูดจบก็ลุกขึ้นไปอุ้มลูกหมาที่นอนอยู่ในผ้าขึ้นมาทั้งอย่างนั้น คว้ากระเป๋าแล้วหันหลังเดินออกไป

"เดี๋ยว"

ร่างสูงหยุดแล้วหันมาใบหน้าเฉยช้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกได้ว่าในแววตานั้นมันระยิบระยับไม่ได้นิ่งสงบเหมือนใบหน้านั่น



อย่าบอกนะว่า...



โอ้ยยยยยยยย ไอ้คนตรงหน้ามันเป็นคนเดียวกันกับคนที่ผมเห็นในโรงอาหารวันนี้จริงๆหรือเปล่านะ! ทำไมตอนนั้นผมถึงคิดไปได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอันตราย ทำไมใครๆก็พูดกันว่าคนๆนี้หยิ่งนักหนา ทำไมหลายๆคนถึงได้พูดถึงร่างสูงนี้เสียๆหายๆ แต่ที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้มันคือหมาตัวโตชัดๆ!

ไอ้ท่าทางที่เงียบใส่ตอนผมถามว่าจะกลับหรือยังนั่นคือคิดว่าผมไล่สินะ ส่วนสายตาเป็นประกายอยู่ตอนนี้มันเหมือนหมาที่รอให้เจ้าของเรียกไม่มีผิด น่ารักจังน้าน้องคิงงง

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ขอทดสอบอีกนิดนึงเพื่อความชัวร์

"จะไม่ขอบคุณหน่อยหรอ?"

"..." คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย ดวงตาคมดูดุขึ้นทันที



ชัดเจนครับพี่น้อง



"ขอบคุณ" คิงพูดจบก็หันหลังกลับเปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

พอประตูปิดลงผมก็หลุดหัวเราะออกมาทันที ก็แหม เมื่อกี๊ผมกลั้นยิ้มแทบตาย เท่าที่ดูคิงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆเค้าพูดกันนี่หว่า ออกจะแตกต่างจากที่คนอื่นพูดอย่างสิ้นเชิง ที่แน่ๆเรื่องหยิ่งนี่ตัดทิ้งได้เลย ถ้าเขาหยิ่งจริงคงไม่ตามผมมาต้อยๆแบบนี้หรอก

ผมยืนยิ้มมองประตูอยู่สักพักก่อนจะคิดได้ว่า...ผมมายืนยิ้มเพราะเรื่องของคิงทำไม? บ้าจริงๆเลยเรา เขาออกจากห้องไปตั้งนานแล้วยังจะมาคิดเรื่องของเขาอยู่ได้

พอคิดได้ผมก็เดินไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วเดินมาหาอะไรกินในครัว ผมเปิดตู้เย็นเพื่อเช็ควัตถุดิบว่ามีอะไรทำได้บ้าง ผมหยิบของออกมาสองสามอย่างเพื่อทำอะไรง่ายๆกิน ผมมักจะทำอะไรกินเองมากกว่าออกไปซื้อข้างนอก เพราะมันถูกปากมากกว่า อยากได้รสชาติแบบไหนก็ปรุงได้เอง อยากกินอะไรก็ทำได้เลยไม่ต้องไปตามหาให้ยุ่งยาก เมื่อก่อนผมก็ทำกับข้าวเองไม่เป็นหรอกครับ ปกติแม่จะเป็นคนทำให้ผมกับพ่อทานตลอด แต่พอแม่ไม่อยู่แล้วก็เลยลองทำกินเองบ้าง แรกๆก็ทำเพราะขี้เกียจออกไปซื้อ หลังๆก็เริ่มทำเพราะสนุกดี  อีกอย่างคงเพราะผมอยู่คนเดียวการทำอาหารก็ช่วยฆ่าเวลาไปได้เยอะอยู่ กลายเป็นว่าบางทีถ้ามีเวลาว่างๆในวันหยุดผมมักจะออกไปหาร้านอาหารหรือร้านขนมอร่อยๆทาน แล้วลองกลับมาทำเองดู

พอทานอาหารเสร็จผมก็ไปอาบน้ำเสร็จแล้วก็มาทิ้งตัวลงบนที่นอน ผมคว้าไอโฟนรุ่นล่าสุดที่พึ่งถอยออกมาหมาดๆมาปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าแอพสีน้ำเงินที่คนทั้งโลกรู้จัก

ผมเลื่อนเฟสไล่ดูโพสไปเรื่อยๆบางทีเลื่อนไปเจอรูปฮาๆก็กดเซฟไว้บ้าง กดแชร์ไปบ้าง เลื่อนไปสักพักก็เจอโพสของไอ้ซอง



Song eiei   17 min

เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวจวย

79 like 10 comment

Charp Charp  : หัวใจมั้ยล่ะสัส

TeTeTe  : หัวอะไรเอาให้ชัวร์

Song eiei  : หัวอะไรก็เหมือนกันแหละ

เบเบ้ เปย์ให้แต่ผู้  : หยาบคายมากไอ้ซอง เสียเพลงหมด

Song eiei  : การที่มึงเป็นตุ๊ดก็เสียสถาบันผู้ชายเหมือนกันอ่ะอีเบ้

เบเบ้ เปย์ให้แต่ผู้  : ร้ายกาจ



ผมยิ้มให้กับคอมเมนท์ที่พวกเพื่อนๆผมมันเมนท์กัน เบเบ้ที่มาเมนท์ไอ้ซองเป็นเพื่อนในคณะผมครับ มันเป็นตุ๊ดที่ค่อนข้างจะบึกบึนกว่าตุ๊ดทั่วไป ผมเคยเห็นมันไปเนียนแมนๆเตะบอลกับพวกผู้ชายคณะอื่นด้วย ตอนนั้นพวกผมฮากันเกือบตาย ก็มันเล่นยิงประตูไม่ยั้งเพื่อจะได้วิ่งไปกอดกับคนอื่น ยอมใจมันจริงๆ

ผมเลื่อนไปไลค์โพสให้เพื่อนไปเรื่อยจนมาหยุดที่โพสๆนึง



เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊    5 min

ตายแล้ววววววววววว!!! วันนี้คิงหนุ่มหล่อประจำมหาลัยของเรา มาหาสาวนิรนามถึงคณะบริหาร!!! ปกตินอกจากตึกวิศวะกับร้านหล้าก็แทบจะไม่มีใครได้พบเจอสุดหล่อคนนี้ แล้วนี่คือใครคะ คนนี้คือใคร! บอกเจ๊ที! อกเจ๊จะแตกตายแล้วจ้า ฮืออออ คิงของเจ๊ยังไม่มีใครใช่มั้ยพูดดดด!!!

3189 like 1502 comment

ผมชะงักกับโพสและรูปที่เพจดังของมหาลัยอัพ ในรูปคือผู้หญิงคนหนึ่งตัวเล็กน่ารักดีกรีดาวคณะบริหารกำลังยืนคุยกับผู้ชายคนเดียวกับที่พึ่งเดินออกไปจากห้องผมเมื่อไม่นานมานี้ ในรูปใบหน้าของคิงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเหมือนเดิม แต่สีหน้าของผู้หญิงนั้นช่างดูสดใสเหลือเกิน

เป็นอะไรกัน?

เพจที่อัพรูปนี้เป็นเพจที่โด่งดังของมหาลัยไม่รู้แอดมินคือใครแต่ทุกคนจะเรียกเค้าว่าเจ๊ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหน ขอแค่เกิดขึ้นในมหาลัย เจ๊จะอัพเดตให้รู้ในทันที แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่พ้นเรื่องของคนดังในมหาลัยหรอกครับ ยิ่งพวกดาวเดือนหรือคนดังในม.นี่นะครับ คบกับใคร เลิกกับใคร ควงคนไหน ขับรถอะไร ไปไหน ทำอะไรนี่เจ๊รู้หมด บางทีผมก็สงสัยว่าเจ๊นี่มีกี่ร่างทำไมถึงได้รู้การเคลื่อนไหวทุกซอกทุกมุมในมหาลัยได้

ผมกลับมาโฟกัสที่รูปภาพอีกครั้ง อาจจะเป็นแฟนก็ได้มั้ง แต่วันนี้ไอ้ชาร์ปบอกว่าคิงไม่มีแฟนนี่นา ผมลองกดเข้าไปอ่านคอมเมนท์



น้ำตาล หวานมาก  : พี่คิงมีแฟนแล้วหรอ ไม่นะ ฮืออออออ

น้องนก นกตามชื่อ  : ไม่น่าใช่นะ เราติดตามพี่คิงมานาน พี่เขาไม่มีแฟนแน่นอนค่ะ

ไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีอะไรเลย  : ไอ้คิงอีกแล้วหรอ นี่มันจะเหมาผู้หญิงหมดมหาลัยเลยไงวะ

ชะนี หมีตุง  : ขออย่าให้เป็นอะไรกันเลย ถ้าเป็นจริงๆ หมี่เหลือง!

แองจี้ มีไข่แต่ยังไม่มีใคร  : อีนั่นเป็นใคร!

ปั้บปั้บ ปาเยเย  : ไม่หล่อเท่าคิง แต่ซิงแน่นอน ลองได้นะครับ

ชื่อเวียร์ เลียยันหู  : ผมยังโสดนะครับ

หนูนา มาหาหอย  : เมนท์บนน่ากลัวมากค่ะ

คอมเมนท์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด มีคอมเมนท์อีกหลายร้อยที่แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อผู้หญิงในรูป ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงนะครับ ผมคาใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา สุดท้ายผมก็เลื่อนผ่านไป ผมเล่นต่อไปอีกสักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเลยชาตโทรศัพท์ไว้ ปิดไฟหัวเตียงแล้วก็หลับตานอน









กลางดึกผมรู้สึกเหมือนมีอะไรกวนอยู่รอบๆตัว

"อือออ" ทำไมรู้สึกหนักๆเหมือนมีอะไรทับอยู่

"อ่ะ อ่ะ" เหมือนมีอะไรเปียกชื้นวนอยู่แถวๆหน้าอก โอ้ยยย อะไรเนี่ย

ผมพยายามลืมตาขึ้นมาเพราะทนไม่ไหวกับอะไรบางอย่างที่รบกวนการนอนของผมอยู่

!!!!!

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ อย่างคนสุขภาพดี หน้าท้องที่ซิกแพ็คเรียงตัวกันแน่นจนกลายเป็นลอนสวย ใบหน้านิ่งสนิทที่ตอนนี้กำลังวนอยู่แถวๆหน้าอกของผม คนที่เป็นเจ้าของร่างที่คร่อมทับผมอยู่ก็คือคิง!

"เห้ย! ทำอะไรเนี่ย!" ผมทั้งผลักทั้งดันร่างสูงตรงหน้าออกไป แต่เหมือนมันไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าขยับเลยแม้แต่น้อย

"ตื่นแล้วหรอ" คิงเหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนจะละริมฝีปากออกจากอกของผมแล้วพูดออกมาเบาๆ คำพูดที่เหมือนคำถามนั่นทำให้ผมอึ้งเล็กน้อย

"นี่นายทำอะไรอยู่ แล้วเข้ามาในห้องได้ยังไง ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" คิงไม่ได้ทำตามที่ผมบอกเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะอ้าปากแล้วครอบลงไปที่เม็ดทับทิมสีชมพูของผม เรียวลิ้นของคนตรงหน้าตวัดเลียวนซ้ำๆทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ทั้งกลัวทั้งตกใจกับสิ่งที่คนตรงหน้าทำ

"อ่ะ" ผมรีบกัดปากตัวเองทันทีที่เผลอหลุดเสียงบางอย่างออกมา ร่างสูงเห็นยิ่งได้ใจ ขยับมือข้างนึงมาที่เม็ดทับทิมของผมข้างที่ไม่ได้ถูกคนตรงหน้าครอบครองอยู่แล้วขยี้มันทันที

"อื้ออออ" ผมเม้มปากแน่น พยายามเหลือเกินที่จะไม่ส่งเสียงออกไป แต่นิ้วและริมฝีปากของคนตรงหน้าก็ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน

"ร้องออกมา" คิงยกตัวขึ้นมาพูดกับผม ตอนนี้ใบหน้าเราแทบจะชิดติดกันอยู่แล้ว ผมส่ายหน้าให้กับคิงเป็นการบอกว่าผมไม่ยอมเด็ดขาด

"ทำแบบนี้ทำไม! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" ผมอาศัยจังหวะที่คิงเผลอ ทุบตีคนตรงหน้า ขาผมทั้งเตะทั้งถีบ ผมพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่เหมือนการกระทำนั่นทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คิงรวบมือทั้งสองข้างของผมแล้วกดไว้เหนือหัว ก่อนจะทิ้งน้ำหนักช่วงล่างลงมาทับผมไว้ ทำให้อะไรๆของเรามันเสียดสีกัน ผมตกตะลึงอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ว่ากลางกายของอีกคนนั้นกำลังตื่นตัวดุนดันอยู่ที่บริเวณขาของผม นั่นทำให้ผมตัดสินใจดิ้นรนอีกครั้งหนึ่ง

"ไม่ต้องกลัว จะไม่ทำแรง" คิงพูดชิดกับใบหูของผม ขบเม้มเล็กน้อย แปลกที่คำพูดไม่กี่คำของคิงทำให้ร่างกายของผมหยุดต่อต้านไปดื้อ ริมฝีปากของร่างสูงไล้มาตามโครงหน้าของผมก่อนจะมาหยุดชิดริมฝีปากบาง เราสบตากันอยู่เนิ่นนานก่อนคนด้านบนจะค่อยๆบดเบียดมอบจุมพิตแสนหวานมาให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงไม่ได้ขัดขืนจูบนี้ ซ้ำยังเผยอปากขึ้นเพื่อให้เรียวลิ้นของคนตรงหน้าแทรกเข้ามาอย่างง่ายดาย มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนล่างของอีกคนอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะจับส่วนไหนก็เนียนละเอียดไปหมดราวกับไม่ใช่ผิวของผู้ชาย ปากของทั้งคู่ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องไม่ได้ละจากกันสักวินาที จนผ่านไปเกือบนาทีคนด้านล่างเริ่มเบนหน้าหนีเพราะโดนจูบดูดวิญญาณจนแทบจะหมดลมหายใจ ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนได้หายใจไม่กี่วินาทีก่อนจะประกบปากจูบเรียกร้องต่ออย่างคนเอาแต่ใจ ทั้งสองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่หยุดจนร่างสูงถอนจูบออกแล้วยืดตัวขึ้น สายตาของร่างบางมองตามร่างตรงหน้าอย่างเหม่อลอย รู้สึกเสียดายที่ริมฝีปากนั้นถูกถอนห่างออกไป

คนตรงหน้าก้มลงมาหาคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะพูดบางอย่าง



"ขอนะ"











เฮือก!!!!!

ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที รู้สึกเหนื่อยจนหายใจหอบถี่ ผมตั้งสติอยู่เกือบห้านาที

.

.

.

.

นี่กูฝันเหี้ยอะไรวะเนี่ย!?!?
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-01-2018 18:42:31
อ้าว ฝันเรอะ แสดงว่าใจลึกๆหวังอยู่ใบ่ไหมควิน--- 55555
ควินคนดียยย ดีแบบดีจริงๆแต่ทำอะไรก็ต้องระวังตัวบ้างนะ!
ระวังจะมีคนย่องมาหาเหมือนในฝัน(?)
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-01-2018 21:42:52
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
เริ่มหัวข้อโดย: ImInDragon ที่ 03-01-2018 21:48:55
อูย
ลูกควิน

ลูกดูหน้าเขาในเฟสแล้วเก็บไปฝันเหรอจ้ะ  :hao6: แบบนี้เขาเรียกมีนัยยะนะเออบอกเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 03-01-2018 22:21:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 05-01-2018 18:36:48
ตอนที่ 3



พาร์ท ควิน



หลังจากวันที่ได้เจอกับคิงนี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับคิงอีกเลย ก็นะปกติเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้วนี่ ทุกคนสงสัยมั้ยครับว่าคืนนั้ันเป็นยังไงต่อ หึ คืนนั้นหลังจากที่ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันบ้าบอนั่นผมถึงกับต้องลุกขึ้นมาหาอะไรทำต่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพราะจะให้นอนต่อไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อีก พอหลับตาใบหน้าของคิงในความฝันก็โผล่เข้ามาในความคิดของผมทันที เล่นเอาผมหมดสภาพเพราะอดหลับอดนอนไปอีกวันเลยล่ะ

ทำไมผมถึงได้ฝันอะไรแบบนั้นนะ? ถึงผมจะสงสัยแค่ไหนแต่ผมไม่มีวันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาใครเด็ดขาด!!!

วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติทุกวันเสาร์ช่วงบ่ายผมมักจะออกไปหาอะไรทานข้างนอกมากกว่าจะนั่งๆนอนๆอยู่ที่ห้อง ผมตื่นขึ้นมาเกือบเก้าโมงแต่กว่าจะก้าวขาลงจากที่นอนได้ก็สิบโมงกว่าแล้วครับ ผมลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมอาบน้ำประมาณสิบห้านาทีแล้วออกมาแต่งตัว ผมเลือกใส่กางเกงยีนส์สีฟอกซีดกับเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินเรียบๆ ทาครีมเซตผมอยู่หน้ากระจกสักพัก ผมไม่ใช่ผู้ชายเจ้าสำอางค์หรอกนะ แต่แหม ถ้าไม่บำรุงดูแลผิวเลยหน้าผมคงไปก่อนอายุไกลเลยล่ะครับ เคยมีเพื่อนผู้หญิงทักผมเรื่องเรื่องที่ผมทาครีมด้วยนะ เธอหาว่าผมไม่แมน แต่ผมไม่ได้เถียงอะไรไปหรอก ปล่อยให้เจ้าตัวคิดไปตามที่สบายใจนั่นแหละ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้หญิงหรอก พวกเธอบอกว่าไม่ชอบผู้ชายสำอางค์ชอบแบบธรรมชาติอะไรพวกนี้ แต่พอมีผู้ชายตัวดำหน้าดำสิวเขรอะก็หันหน้าหนีกันไปทั้งนั้น พอเจอพวกผู้ชายขาวใสทาครีมก็กลับบอกว่าตุ๊ดซะงั้น บางทีผมว่าพวกเธอก็ดูย้อนแย้งในตัวเองนะครับ

โอเค ตอนนี้สภาพผมพร้อมออกไปเจอผู้คนแล้วครับ ผมปิดแอร์ปิดไฟในห้องเสร็จก็คว้าโทรศัพท์กับกระเป๋าตังยัดในกางเกง หยิบกุญแจรถออกมาจากลิ้นชัก ปกติผมใช้รถตัวเองก็เฉพาะวันหยุดซะส่วนใหญ่นอกจากนั้นก็เอาไว้ขับไปผับกลางคืนเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆน่ะ ผมเปิดตู้รองเท้าหยิบผ้าใบสีน้ำเงินออกมาใส่ รวมๆแล้ววันนี้ผมมาในธีมสีน้ำเงินสินะ

ผมลงจากคอนโดมาที่ลานจอดรถ กดปลดล็อคซีวิคลูกรักเปิดประตูยัดร่างเข้าไปสตาทรถและขับออกไปทันที วันนี้เป้าหมายของผมคือร้านขนมเปิดใหม่แถวมหาลัย เป็นร้านของพี่มิลค์ พี่มิลค์ป้ารหัสผมเองพี่เขาพึ่งจบไปเมื่อปีที่ผ่านมานี่แหละครับ ร้านนี่ได้ยินว่าพี่มิลค์หุ้นกับแฟนเปิดขึ้นมา พี่มิลค์โทรมาชวนผมไปตั้งแต่เปิดร้านวันแรกแล้วแต่พอดีช่วงนั้นผมติดทำงานกลุ่มเลยยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที พี่แกก็บ่นผมชุดใหญ่เลยหาว่าผมเป็นหลานรหัสอกตัญญู 55555555 วันนี้ผมเลยไม่โทรไปบอกพี่เขาว่าจะไปหากะจะไปเซอไพร์พี่มิลค์ที่ร้านเลย ผมใช้เวลาขับรถไม่นานนักก็มาถึงร้านของพี่มิลค์ หาที่จอดรถเสร็จก็เดินลงไป

' BIG MILK' หมายถึงร้านนี้เป็นร้านใหญ่อะไรประมาณนี้ใช่มั้ยครับบอกผมที ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้กับชื่อร้านของพี่แกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของขนมและกาแฟอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ร้านนี้ถือว่ามีกว้างพอควร มีีทั้งหมดสองชั้น ชั้นบนจะมีพื้นที่ประมาณครึ่งนึงของชั้นล่าง สามารถมองลงมาได้ โต๊ะที่จัดมีทั้งแบบเป็นชุดโซฟาค่อนข้างใหญ่เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม หรือแบบโต๊ะชุดเล็กสำหรับมาสองสามคน บริเวณริมกระจกฝั่งนึงทำเป็นแบบบาร์มีเก้าอี้เรียงไว้ให้สำหรับคนที่อาจจะมานั่งคนเดียวชิวๆ การแต่งร้านเป็นโทนสีขาวฟ้าพาสเทลทำให้ร้านดูสดใสน่ารักไปอีก

อ่า ผมชอบที่นี่จัง

"ยินดีต้อนรับค่า เชิญด้านในเลยนะคะ" พนักงานกล่าวต้อนรับทันทีที่ผมเสียงประตูดังขึ้น  ตอนนี้ยังไม่ที่ยงลูกค้านั่งอยู๋ในร้านประมาณสิบโต๊ะ ผมเดินตรงไปยังเคาเตอร์แล้วยิ้มให้พนักงานที่กำลังชงกาแฟอยู่ตรงนั้น

"ขอโทษนะครับ พี่มิลค์อยู่ที่ร้านมั้ยครับ?" พนักงานเงยหน้าจากแก้วขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะชะงักไป

"เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

"คะ? อ๋อ ค่ะ อยู่ค่ะ! ตอนนี้พี่มิลค์เข้าไปเอาขนมเพิ่มหลังร้าน เดี๋ยวโบว์ไปตามมาให้นะคะ" พนักงานที่เรียกแทนตัวเองว่าโบว์พูดตอบตะกุกตะกักโดยไม่มองตาผมเลย ที่แก้มของคนตรหน้าขึ้นริ้วแดงจางๆบ่งบอกถึงสาเหตุที่หลบตาผมได้ชัดเจน

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มและตอบกลับไป

"ค่ะ รอสักครู่นะคะ" แล้วโบก็วิ่งเข้าไปที่หลังร้านอย่างรวดเร็ว

เอาจริงๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนแสดงอาการว่าเขินผมหรอกนะ ผมยอมรับว่าตัวเองก็หน้าตาดีในระดับหนึ่ง อย่างที่ผมเคยบอกว่ามีคนเข้ามาหาผมเยอะพอสมควรทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผมก็ยังไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นหรอกนะครับ ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือเลือกมากอะไร เพียงแค่ผมยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆที่รู้สึกดีด้วยแบบนั้น แต่อย่าเข้าใจผิดว่าชีวิตผมจะไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะ มันก็มีบ้างนานๆทีตามประสาผู้ชาย ผมก็กินเหล้าเข้าผับเหมือนคนอื่นบางทีมีคนเข้ามาทำความรู้จักกัน สำหรับผมถ้าพวกเธอโอเคผมก็โอเค แต่ผมก็บอกกับพวกเธอชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์แค่คืนเดียวไม่มีการสานต่อใดๆทั้งสิ้น

ระหว่างที่ยืนรอผมสังเกตว่ามีหลายคนที่มองมาที่ผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่มองไม่ได้ทำให้เสียหายอะไรนี่ครับ สักพักก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆ

"สวัสดีครับ"ผมหันไปตามเสียงก็เจอเข้ากับผู้ชายคนนึง สูงพอๆกับผมแต่เอ่อ คือจะว่ายังไงดี เขาค่อนข้างจะบึกบึนกว่าคนปกตินะผมว่า กล้ามแขนนี่เป็นมัดๆตัวของเขาก็หนากว่าผมมากเกือบเท่านึงแหนะ นี่ถ้าสมมติว่าเขาเตะผมสักทีผมว่าผมคงกระเด็นติดผนังร้านแน่นอน

"ครับ มีอะไรกับผมหรอครับ"

"คุณมาคนเดียวหรือเปล่า"

"ครับ ผมมาคนเดียว"

"ผมเห็นคุณเดินเข้ามาสักพักแล้วแต่ยังยืนอยู่ที่เดิม คือถ้าคุณไม่มีเพื่อนไปนั่งโต๊ะเดียวกับผมได้นะครับ" เขาเอ่ยชวนผมพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ บอกตรงๆเลยว่าท่าทีของคนตรงหน้าทำเอาผมขนลุกทั้งตัว

"ฮิ้วววว"

"เฮ้ยไอ้วินสีหน้ามึงแสดงออกมากไปป่ะวะ"

"55555555555555555"

มีเสียงของคนกลุ่มตะโกนมา พอหันไปก็เจอกับผู้ชายห้าหกคนนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่มากเท่าไหร่ น่าจะเป็นกลุ่มเพื่ี่อนของคนที่ยืนคุยกับผมอยู่

"พวกมึงหุบปากไปเลย!" คนตรงหน้าที่ผมคิดว่าน่าจะชื่อวินตามที่เพื่อนเขาเรียกเมื่อกี๊ตอบกลับเพื่อนไป

"ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ พวกมันก็แซวไปงั้นแหละไม่มีอะไรหรอก"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ส่วยเรื่องที่ชวนไปนั่งด้วยก็ขอบคุณนะครับ แต่ไม่ดีกว่าพอดีผมรอคนอยู่น่ะครับ" ผมยิ้มและปฏิเสธเขาไป

"อ้าว คุณบอกว่ามาคนเดียวไม่ใช่หรอ? ถ้าเป็นเพราะที่เพื่อนผมพูดเมื่อกี๊คุณอย่าไปถือสาพวกมันเลย พวกมันก็ปากแบบนี้แหละ" คนชื่อวินบอกกลับมาสีหน้าเขาเหมือนคนทำอะไรผิดมายังงั้นแหละ

"คือผมรอเพื่อนอยู่จริงๆครับ"

"เฮ้อ โอเคครับ" พอพูดจบเขาก็หันหลังคอตกเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่เดินไปยังไม่ถึงสามก้าวเขาก็หันหลังเดินกลับมาอีกรอบ ผมได้แต่ยืนมองเขางงๆ

"ผมชื่อวินนะครับ ถ้าเจอกันที่อื่นก็ทักได้นะ" เขาแนะนำตัวกับผม?

"อ่อ ครับ"

"จะไม่บอกชื่อคุณหน่อยหรอ"

"ผมควิน"

"ชื่อน่ารักเนอะ" ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลยครับ

"งั้นผมไปก่อนนะควิน แล้วเจอกัน" ผมพยักหน้าตอบไปไม่ได้พูดอะไรอีก เขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

นี่คือการโดนเต๊าะหรือเปล่า? เฮ้ออออ นี่ผมโดนผู้ชายจีบอีกแล้วหรอ? ช่วงนี้มีมาบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก คิดแล้วก็ปวดหัว ผมเคยเข้าฟิตเนตกะจะฟิตหุ่นให้เฟิร์มกว่านี้ ผมเล่นสารพัดอย่างแต่ทำยังไงซิกแพ็คก็ไม่ขึ้นเป็นลอนอย่างคนอื่นเขา กลายเป็นได้หน้าท้องแบนราบอย่างคนสุขภาพดีมาแทน จนผมถึงกับปลงตก ช่างแม่งมันไปเลย

"แหมมมม มาถึงปุ๊บก็มีแมลงวันมาตอมปั๊บเลยน้าาาา" เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังของผม เสียงแบบนี้ใช่เลยครับ

"ไม่ใช่ขี้นะป้า" พี่มิลค์นั่นแหละครับที่แซวผม

"55555555 เสน่ห์แรงสมเป็นหลานรหัสชั้นจริงๆ" หลงตัวเองไปอีกป้าผม

"นี่เห็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"

"ก็ตั้งแต่แรกนั่นแหละ "

"โหห แล้วไม่คิดจะเข้ามาช่วยกันเลยนะป้า" ปล่อยให้ผมยืนคุยกับเขาอยู่ตั้งนาน

"ช่วยทำไม? ยืนดูเฉยๆสนุกจะตาย" ดูนะครับ คนเราก็งี้

"ไปๆไปนั่งก่อนมายืนอยู่ทำไมให้เมื่อยเนี่ย โง่จริง" เออนั่นสิ ทำไมผมไม่ไปนั่งตั้งแต่แรกวะ โง่จริง

พี่มิลค์ดึงผมมานั่งที่โต๊ะนึงก่อนจะสั่งนู้นสั่งนี่มาให้ผมลองเต็มไปหมด ผมก็นั่งกินไปคุยไป ผมกับพี่มิลค์เราสนิทกันครับ เพราะสมัยที่พี่มิลค์ยังเรียนอยู่พอพี่แกรู้ว่าได้ผมเป็นหลานรหัส พี่แกแกล้งผมสารพัดแต่สุดท้ายก็สนิทกันไปเฉย ผมคุยอยู่กับพี่มิลค์เกือบสองชั่วโมง ส่วนใหญ่ผมฟังพี่แกพูดมากกว่า5555555 สุดท้ายผมก็ขอตัวกลับก่อน พี่มิลค์ก็ทั้งกอดทั้งหอมผมจนแฟนพี่แกมาลากออกไปแถมผมยังได้สายตาพิฆาตจากแฟนพี่มิลค์แถมมาอีกหนึ่งดอก



ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดแต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

บนหน้าจอแสดงชื่อ 'อาทิม' ผมกดรับสายทันที

"ว่าไงครับอา"

'วันนี้แกจะเข้ามากี่โมง'

"ผมว่าจะไปประมาณหกโมงอ่ะ จะไปหาอะไรกินก่อน"

'เออมาไวๆ ลูกค้าอาถามถึงแกตั้งแต่อาทิตย์ก่อน อาขี้เกียจจะตอบคำถามแล้วนะ ถ้าวันนี้แกเบี้ยวอีกอาจะไปลากคอแกมาจากคอนโดเองเลย!'

"อะไรขนาดนั้นอ่ะอา ผมหยุดไปอาทิตย์เดียวเองอย่าบ่นมากน่าเดี๋ยวผมหงอกก็ขึ้นมากกว่าเดิมหรอกนะ"

'ปากเสียล้ะไอ้ห่า'

"555555555555"

'เออแค่นี้นะ รีบๆมา' อาทิมพูดจบสายก็ตัดไป

อาทิมเป็นเพื่อนของพ่อผมเอง บ้านของอาทิมกับบ้านของผมอยู่ติดกัน ตอนเด็กๆเวลาพ่อกับแม่ผมมีธุระก็มักจะเอาผมไปฝากให้อาทิมช่วยเลี้ยงแทน แกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก พอพ่อแม่ผมเสียแกก็คอยให้ความช่วยเหลือมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ปรึกษาแกได้หมด อาทิมเป็นเหมือนพ่ออีกคนของผมอีกคนเลยก็ว่าได้

ส่วนเรื่องที่คุยกับอาทิมเมื่อกี๊คือเรื่องร้องเพลงครับ อาทิมเปิดร้านอาหารกึ่งบาร์ มีดนตรีสดให้ฟังทุกวัน นักร้องก็เป็นคนที่แกหามานั่นแหละ เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะพอดีมีวันหนึ่งนักร้องแกลากระทันหันมันฉุกระหุกจนหานักร้องมาแทนไม่ทัน วันนั้นผมบังเอิญแวะไปที่ร้านอาทิมพอดีแกเลยวานให้ผมช่วยขึ้นไปร้องแทน ประเด็นมันคือหลังจากวันนั้นมีลูกค้ามาถามหาผมหลายคน อาทิมแกเลยกะจะจ้างให้ผมไปช่วยร้องเรียกลูกค้าให้แกหน่อย ไอ้ผมก็อยากจะปฏิเสธแกไปหรอกนะ แต่ถึงยังไงอาทิมก็คนกันเองอะไรช่วยได้ผมก็อยากช่วย สุดท้ายผมก็ยอมตกลงไป แต่มีข้อแม้คือผมจะไปร้องให้แค่วันเสาร์วันเดียว อาทิมก็โอเคครับ 

ผมดูนาฬิกาตอนนี้ประมาณบ่ายสามโมง เหลืออีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา นอนเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน คิดได้อย่างนั้นผมก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้และล้มตัวลงนอน ผมพลิกซ้ายก็แล้วขวาก็แล้วแต่มันก็ไม่หลับสักที เลยหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวีดู ผมเปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนมาหยุดที่ช่องหนังช่องหนึ่ีงที่กำลังฉาย eight bellow เป็นหนังเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจากพายุหิมะสุนัขกลุุ่มนึง

จะว่าไป...เจ้าลูกหมาที่อยู๋กับคิงจะเป็นยังไงบ้างนะ คนอย่างหมอนั่นจะดูแลลูกหมาตัวเล็กๆได้หรือเปล่า คนอะไรก็ไม่รู้พูดน้อยนับคำได้ถ้าพูดเยอะๆแล้วดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากหรือไง ไอ้หน้านิ่งๆนั่นก็อีก ทำสีหน้าแบบอื่นเป็นมั้ยน่ะ ถ้าตกใจจะทำหน้าแบบไหนออกมาให้เห็นกันนะ หน้าเหวอๆคงจะตลกไม่ใช่น้อย ตอนนั้นอีกที่จับแขนเสื้อเขาไว้แล้วเดินตามเขาต้อยๆดูเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด ไหนจะที่เขินแล้วหันหน้าหนีตอนที่เขาแกล้งแซวอีก

ดูๆไปแล้วก็...





น่ารักดี

ตอนนี้จะทำอะไรอยู่กันนะ...





เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปปิดก่อนจะดูเวลาบนหน้าจอ

'17:00'

ผมลุกคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำสักพักแล้วออกมาแต่งตัว ผมหมุนตัวเช็คตัวเองอยู่แปบนึงก็ออกจากคอนโดไปยังร้านอาทิมทันที

ผมจอดรถและเดินเข้าทางหลังร้าน พนักงานในร้านเมื่อเห็นผมก็ทักทายกันตลอดทาง ผมก็ทักทายตอบกลับไป ผมรู้จักพนักงานที่นี่ทุกคนเพราะเห็นกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

"พี่ควินนน คิดถึงจังเลยยยยยยย" ฟิควิ่งมากอดผมทันทีที่เจอ

"เว่อร์ไปมั้ยเราไม่เจอกันแค่แปบเดียวเอง"

'ฟิค'เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารของร้านเป็นรุ่นน้องผมสองปี น้องเป็นคนตัวเล็กแถมหน้าก็หวานอย่างกับผู้หญิง นิสัยก็ขี้อ้อนได้ใจ พูดเก่งเป็นที่หนึ่ง เป็นที่เอ็นดูของคนในร้านรวมถึงผมด้วย ผมเป็นลูกคนเดียวพอมาเจอฟิคเลยรู้สึกเหมือนมีน้องชายอะไรประมาณนี้

"แปบเดียวอะไรพี่ควินอาทิตย์ที่แล้วพี่ก็ไม่มา หนีเที่ยวใช่มั้ยสารภาพมา" น้องบ่นทำหน้าทำตาน่าหมั่นเขี้ยวใส่ผม น้องจะรู้มั้ยเนี่ยว่าตอนที่น้องทำหน้าแบบนี้มันดูน่ารักขนาดไหน

"เอาน่า พี่ก็มาแล้วนี่ไง" ผมขยี้หัวน้องให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วเดินออกมา ได้ยินเสียงน้องโวยวายตามหลังมาเบาๆ

ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องอาทิมก่อนจะเปิดประตูออกช้าๆ อาทิมนั่งอยู่บนเก้าอี้หลับตาแหงนหน้าขึ้นพิงเบาะ เห็นแบบนั้นผมก็ย่องเข้าไปใกล้ๆก่อนจะ

"ตำรวจมา!!!"

"เฮ้ย ผมเปล่า! ผมเปล่า!"

"55555555555555555555" ผมหัวเราะจนท้องแข็ง อาทิมสะดุ้งลุกขึ้นตะโกนโวยวาย หมดมาดเจ้าของบาร์เลยครับ

"ไอ้ควิน! นี่มึงแกล้งกูหรอ!" พออาทิมหันมาเจอผมหัวเราะแกอยู่ก็ทำหน้าดำหน้าแดง ไม่รู้ว่าแกโกรธหรืออายกันแน่ ไม่รอให้แกด่าผมก็รีบหนีออกจากห้องมาด้านนอกทันที

ผมออกมาหาที่นั่งแถวๆโต๊ะมุมของร้าน สั่งให้พนักงานเอาอะไรมาให้ทานระหว่างรอเวลา ผมขึ้นร้องประมาณสองสามทุ่มตอนนี้พึ่งจะทุ่มกว่าผมเลยกินอะไรไปเรื่อยเปื่อย สักพักผมก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากทางหลังร้านแล้วตรงมาที่โต๊ะผมแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว

"ไงมึง"

"ไงเหี้ยอะไรล่ะ มึงไปแกล้งอะไรพ่อกูอีก กูมาถึงเมื่อกี๊เฮียแกมาลงที่กูเฉย" ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะหยิบแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่ม

คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้คือ 'ไทค์' มันเป็นลูกของอาทิม ผมกับมันอายุเท่ากันครับเกิดห่างกันไม่กี่เดือน แถมบ้านติดกันผมกับมันเลยโตมาด้วยกัน มีความลับอะไรนี่ปิดกันไม่เคยได้จับทางได้กันทั้งคู่ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแต่ยังจำความไม่ได้ มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด เมื่อก่อนนี่เจอกันทุกวัน แต่พอขึ้นมหาลัยก็แยกกันไปอยู่คอนโดเลยได้ห่างกันไปบ้าง แต่ถึงยังไงก็ยังออกมาเจอกันแทบทุกอาทิตย์ เพราะบางทีมีเรื่องอะไรก็เรียกมันมาคุย เวลาไปเที่ยวกลางคืนก็ชวนมันไปด้วยและยังไงผมก็ต้องมาร้องเพลงที่ร้านมันประจำอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเราสองคนสนิทกันมากกว่าพี่น้องบางคนด้วยซ้ำ

ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันผมเห็นมีผู้หญิงหลายคนคอยส่งสายตาเชิญชวนมาให้ผมกับไอ้ไทค์ ไอ้ไทค์ก็ส่งยิ้มกลับไปบ้างส่วนผมก็นั่งเฉยๆไม่ได้อะไร ระหว่างที่นั่งคุยกับมันผมก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องผมอยู่สักพักแล้ว ผมหันไปมองรอบๆเพื่อหาว่าใครกันที่มองผมอยู่จนสุดท้ายผมก็เจอคนๆนั้น

สายตาคู่คมมองตรงมายังผม ทันทีที่ผมสบตาคู่นั่น ผมเหมือนโดนสะกดอีกครั้งเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกัน

ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?

"เป็นไรมึง" คงเพราะผมชะงักไปนานคนข้างๆเลยทักขึ้นมา เสียงของไทค์ทำให้ผมได้สติ ผมหันไปหามันก็จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นอะไร

"มึงมองใคร" ผมยกยิ้มให้กับคำถามแสนรู้ของมัน

"เสือกจังวะ"

"สัส เอาดีๆ" ผมเหลือบไปมองทางเมื่อกี๊ก็เห็นว่าคนๆนั้นยังมองผมอยู่เหมือนเดิม ไอ้ไทค์มองตามผมไปก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

"คนเสื้อดำอ่ะนะ"

"รู้ได้ไง" จะรู้มากไปแล้วมึง

"จ้องมึงขนาดนั้นถ้าไม่รู้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงล้ะ"

"เสือกเก่งจริงๆด้วย" ผมพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

"มันชื่อคิง"

"มึงรู้จักด้วยหรอ?"

"มันดังจะตายห่า แถมกูเจอมันตลอดอ่ะเวลาไปผับ" หืม? ไอ้ไทค์นี่เรียกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเสือผู้หญิง ไม่เคยอยู่ติดบ้านสักคืน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคิงก็ชอบเที่ยวกลางคืนหรอ? อืม ก็ไม่น่าแปลกใจอ่ะนะ

"มึงสนใจหรอควิน?" ไอ้ไทค์ถามพร้อมกับส่งสายตากดดันสุดๆมาให้ด้วย

ผมยิ้มตอบกลับไปเฉยๆไม่ได้พูดอะไรไป จะว่าสนใจหรอ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่นึกถึงบ้างบางครั้ง

"ไอ้ยิ้มแบบนี้น่ะหยุดเลยนะ! มึงสนใจจริงๆใช่มั้ยเนี่ย!" ผมยิ้มแบบไหนออกไปวะ?

"พอเลย กูขอสั่งให้มึงหยุดคิดอะไรๆกับมันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

"ทำไมวะ?"

"มึงไม่เคยได้ยินเรื่องมันเลยไงวะ มันแม่งโคตรเย็นชา เอาแต่ใจ ไม่สนห่าเหวอะไรทั้งนั้น นิสัยเสียสุดๆ มีคนเข้าหามันกี่คนๆสุดท้ายก็แห้วแดกไปตามๆกัน อีกอย่างกูเห็นมันตามผับประจำ ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังมันเต็มไปหมด แต่มันฟันแล้วทิ้งทั้งนั้น พวกเดียวกันดูออกเว้ย"

"มึงจะบอกว่ามึงเองก็เหี้ยใช่ม้ะ"

"มันใช่เวลาป้ะสัส กูไม่อยากให้มึงเสียใจหรอกถึงบอก จะชอบใครสักคนก็ช่วยชอบคนดีๆหน่อยเหอะ ยิ่งโง่ๆซื่อๆแบบมึงด้วยนะ หลอกมันส์เลยอ่ะ"

"มึงก็เว่อร์ไปอีก กูก็ไม่ได้โง่แบบนั้นมั้ยล่ะ" ผมว่าผมไม่ได้โง่หรือซื่อหลอกง่ายอย่างที่มันพูดหรอกนะครับ เพียงแต่ส่วนใหญ่ผมมักจะฟังเฉยๆโดยไม่ออกความคิดเห็นอะไร ผมไม่ชอบเถียงใครให้วุ่นวาย ใครว่ายังไงก็ตามนั้นก็แค่นั้นเอง

"เหอะ น้อยไปสิมึง แล้วนี่กูถามอะไรหน่อย กูเคยเห็นมึงเอาผู้หญิงบ้างแต่พึ่งเคยเห็นมึงสนใจผู้ชาย มึงจะเป็นเกย์?"

"ทำไมวันนี้มึงพูดมากจังวะไทค์"

"มึงตอบกูมาก่อนเลยไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง"

"กูก็ยังไม่ได้บอกเลยว่ากูคิดอะไรกับคิง มึงคิดไปเองทั้งนั้นอ่ะ กูอาจจะแค่มองเฉยๆก็ได้หนิ"

"เอออออออ ให้มันจริงเถอะ"

"เอาน่าไม่ต้องห่วง กูไม่เป็นอะไรหรอก"

"ใครห่วงมึง คิดไปเองอ่ะ"

"สัส"

ผมหันไปมองคิงอีกครั้งแต่ตอนนี้สายตาของร่างสูงไม่ได้มองมาที่ผมแล้ว ผมคิดตามคำที่ไอ้ไทค์มันพูดมาเมื่อกี๊แล้วนึกถึงวันที่ทำแผลให้คิงวันนั้น นิสัยของคิงดูไม่เหมือนกับที่ได้ยินมาเลย คิงเป็นคนยังไงกันแน่นะ เป็นแบบที่คนเขาพูดกัน หรือเป็นแบบที่ผมเห็นกันแน่...

ผมเผลอมองร่างสูงอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวจึงได้หันมาทางผม เราจ้องหน้ากันนิ่งๆไม่มีใครขยับเขยื้อนหรือพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย









อืม คงจะเป็นแบบที่ไอ้ไทค์พูดจริงๆนั่นแหละ









ผมสนใจคิงเข้าให้แล้ว...
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... { อัพตอนต่อไปแล้วจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 05-01-2018 22:12:41
แจ้งจากคนแต่งน้า นิยายเรื่องนี้จะพยายามมาลงตอนต่อไปไม่เกิน 4 วันน้า ถ้านานกว่านั้นต้องขอโทษด้วยนะคะ  :m15: คนเขียนแต่งลงตอนต่อตอนเลยอาจจะไม่ทันใจคนอ่าน ยังไงก็ขอฝากเรื่องแรกของเราไว้ด้วยน้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเมนท์ให้กำลังใจมากๆนะคะ  :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... { อัพตอนต่อไปแล้วจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 05-01-2018 23:05:16
ก้สนใจด้วยกันทั้งคู่แหละใช่ไหมมม... รึเปล่า 5555
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... { อัพตอนต่อไปแล้วจ้า}
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-01-2018 23:15:29
ช่วยลงตอน แล้ววันที่ลงให้ด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าอัพแล้ว

แต่ตัวเอกเรื่องนี้ทั้งคู่เหมือนคุยด้วยทางโทรจิตเลยน้า
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 4 อัพแล้วจ้า [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 12-01-2018 08:48:14
อนที่ 4


พาร์ท คิง


กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเวลา 8 โมงเช้าของวัน แต่ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ยินเสียงนั่นเลยสักนิด เสียงนาฬิกาดังเกือบหนึ่งนาทีกว่าจะปลุกคนขี้เซาให้รู้สึกตัวขึ้นได้ ร่างสูงเอื้อมมือไปหานาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะกดปิดเสียงนาฬิกาน่ารำคาญนั่นให้มันเงียบลงโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ

หายหนวกหูได้สักที

ร่างสูงพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วเข้าสู่นิทราอีกครึ้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลับไปอีกนานแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น คนที่พึ่งถูกปลุกเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีอะไรมากวนการนอนของเขา เขาควานมือสะเปะสะปะหาโทรศัพท์ไปทั่วเตียงจนเจอจึงคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทันทีโดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

"..."

"รับช้าชิบหาย!" เป็นเพื่อนผมเองที่โทรเข้ามา

"มีอะไร"

"มีอะไรอะไรล่ะ กูจะโทรมาถามว่ามึงถึงไหนแล้ว" ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งตั้งสติดีๆ

อ่อ วันนี้เขามีเรียนตอนสิบโมงเช้าสินะ ผมหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง

'09:35'

คงต้องไปสายอีกแล้วล่ะ

"ไอ้คิง! ยังอยู่มั้ยเนี่ย!?" มันยังอยู่อีกเหรอเนี่ย

"เออ กำลังจะออก"

"แต่เสียงมึงเหมือนเพิ่งตื่นนะสัส  ไม่ต้องมาเนียนมึงตื่นสายอีกแล้วใช่ม้ะ"

"เออ"

"ตลอดเลยมึง เออๆกูจะโทรมาบอกว่าวันนี้เจ๊เขียวนัดเรียนชดเชยคลาสที่แล้วที่ยกเลิกไปมาเป็นตอนสี่โมงเย็นวันนี้นะ เอาชีทเจ๊แกมาด้วย" เจ๊เขียวที่เพื่อนผมพูดถึงเป็นอาจารย์ในคณะผมเอง แต่แกชอบแต่งตัวด้วยสีเขียว เขียวตั้งแต่รองเท้ายันรองพื้นเลยโดนตั้งฉายานี้ไป 

"เออ" พูดจบผมก็ตัดสายไปทันที

ก่อนอื่นผมชื่อคิง เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง เรื่องส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก ผมหล่อ ผมรวยก็แค่นั้น ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบนาห้านาที หยิบของที่ต้องใช้ใส่กระเป๋าแล้วออกจากห้องลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถ ผมเดินไปยังที่จอดรถประจำกดปลดล็อคเปิดประตูแล้วสอดตัวเข้าไปโยนกระเป๋าไปที่เบาะด้านข้างแล้วมุ่งหน้าตรงไปมหาลัย

ระหว่างทางก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงหยิบขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอคือชื่อของคนเดียวกันกับคนที่โทรมาหาผมเมื่อเช้าผมกดเลื่อนหน้าจอรับสายแล้วเปิดลำโพงฟัง

"..."

'ไอ้คิง มึงมาถึงม.ยัง?'

"ใกล้ถึงล้ะ"

'มึงแวะไปเอาชีทสรุปที่พี่แอลให้กูหน่อยดิ กูเข้าห้องมาแล้วอ่ะ ขี้เกียจออกไป'

"แล้วกูจะเข้าเรียนทันมั้ยล่ะ"

'มึงแหกตาดูนาฬิกาบ้างนะไอ้สัส ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วโว้ยย" จริงอ่ะ? ผมเหลือบมองเวลาที่หน้าจอตอนนี้บอกเวลาสิบโมงกว่า 

"เออ ที่ไหน?"

'พี่แอลบอกให้ไปเอาที่โรงอาหารคณะบริหารอ่ะ' พี่แอลเป็นรุ่นพี่ปี 3 เป็นพี่รหัสของเพื่อนผมแล้วไปทำอะไรที่คณะบริหารวะ?

"ไกล ขี้เกียจ"

'สัส มึงก็แค่ขับรถเลยไปหน่อยป้ะวะ'

"..."

'เออคนเรา คำว่าเพื่อนไม่เพื่อนมันก็ดูกันตรงนี้ล่ะวะ!'

"..."

'ไอ้คิง'

"..."

'คิง'

"..."

'เค้กวานิลลาร้านเดิมสามชิ้นเลยอ่ะ'

"เออ" ทำไมอ่ะ ผมชอบกินนี่มันแปลกตรงไหน?

'เรื่องแดกนี่ไวเชียวนะมึง กับเพื่อนกับฝูงมึงก็ไม่...' มันบ่นมาแต่ผมไม่ฟังหรอกครับรำคาญเลยตัดสายมันทิ้งไป

ผมขับรถมาวนหาที่จอดแถวคณะบริหารอยู่แปบนึงก่อนจะเดินไป ผมเดินยังไม่ทันพ้นป้ายคณะก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาจับแขนผมไว้ 

"คิงคะ มาทำอะไรที่คณะของจีคะ?"

ผมหันไปมองหน้าเธอก่อนจะก้มลงมองมือเธอที่จับแขนผมไว้แล้วเงยหน้ากลับไปสบตากับเธอนิ่งๆ เหมือนเธอจะรู้ตัวเลยค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนผมแต่โดยดี พอเธอปล่อยผมก็เดินไปต่อทันทีแต่ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อผู้หญิงคนเมื่อกี๊เดินตามมาดักข้างหน้าผมไว้

"คิงจะรีบไปไหนคะ? คิงยังไม่ตอบจีเลยนะว่ามาทำอะไรที่นี่" ผู้หญิงตรงหน้ายืนพูดกับผมด้วยใบหน้าและท่าทางที่คล้ายกับว่ากำลังขัดใจอะไรบางอย่าง

"เธอเป็นใคร?" ผมถามออกไป

"คิง! นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ย? เราพึ่งเจอกันเมื่อคืนก่อนเองนะ!" เจอกันเมื่อคืนก่อน งั้นเธอก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ผมไปต่อด้วยสินะ แต่ถ้าจะให้บอกตรงๆผมจำผู้หญิงที่เคยนอนด้วยไม่ได้หรอก ส่วนใหญ่เจอกันในผับมันก็มองหน้ากันไม่ชัดอยู่แล้ว พอตกลงไปต่อก็พาไปเปิดห้องหลังจากมีอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นผมก็จะวางเงินไว้ให้แล้วก็กลับคอนโดทันที ผมไม่พาใครไปที่คอนโดและไม่เคยนอนค้างกับใครเลยสักครั้ง ทุกคนถูกขีดเส้นไว้แค่วันไนท์แสตนด์เท่านั้น เพราะแบบนั้นผมถึงไม่ได้ใส่ใจชื่อของคนที่นอนด้วยเลย 

"อืม"

"เอ่อ คือหลังจากคืนนั้นจีก็ไปที่ผับนั้นอีกแต่ก็ไม่เจอคิงเลย คิงหายไปไหนมาคะ" พอผมไม่ได้แสดงอาการอะไรคนตรงหน้าเปลี่ยนท่าทางเป็นออดอ้อน เอื้อมมือวางไว้ที่ไหล่ของผมก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

"ทำไมต้องเจอ?"

"ก็จีคิดถึงคิงนี่คะ"

"ถอยออกไป"

"คะ?"

"ถอยออกไปแล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก" 

"ทะ ทำไมคะคิง"

"อย่าให้ผมพูดซ้ำ" ผมบอกพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเรียบ จนคนตรงหน้าแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัดและหันหลังเดินกลับไปโดยดี

ทุกคนที่เข้ามาหาผมรู้ดีว่าผมไม่นอนกับใครซ้ำสองหรือสานต่อกับใคร เป็นความสัมพันธ์แบบคืนเดียวจบ แต่ก็จะมีบางคนที่หลังจากจบคืนนั้นไปแล้วยังเข้ามาทักทายทำตัวสนิทสนมหรือพยายามจะนอนกับผมอีกครั้ง บางคนมาดักรอผมทุกวันตามผับหรือสถานที่ที่ผมไป บางคนก็เข้ามาทำร้ายคนที่เข้ามาหาผม คนที่ทำแบบนั้นผมมักจะจัดการอย่างเด็ดขาดจนตอนนี้แทบไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าล้ำเส้นของผมมาอีกแล้ว

ผมเดินมาจนถึงโรงอาหารคณะในที่สุด ตอนนี้ผมยืนอยู่กลางโรงอาหารมองหาพี่แอล มีสายตาหลายสิบคู่กำลังมองมาที่ผม แต่ผมสนที่ไหนล่ะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะเจอสายตาแบบนี้ประจำน่ารำคาญชิบ ไม่เคยเห็นคนหรือไงกัน ผมมองหน้าพี่แอลไปเรื่อยก็ยังไม่เจอจนสายตาพลันไปสบกับสายตาอีกคู่หนึ่งพอดี

หน้าสวยจังวะ...

คำๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวผมทันที คนที่สบตากับผมเป็นผู้ชายแน่นอนแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเขาสวย ใบหน้านั่นจะว่าหล่อก็หล่อจะว่าสวยก็สวยแปลกๆ มันดึงดูดสายตาอย่างบอกไม่ถูก มองหน้ากันแปบเดียวเขาคนนั้นก็หันกลับไปแต่ผมยังไม่ได้ละสายตาไหนเลย

"คิง" ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังให้ความสนใจกับใบหน้าด้านข้างของคนเมื่อกี๊จนไม่รู้ตัวว่าพี่แอลมายืนอยู่ข้างหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

"มาเอาชีท" ผมบอกพี่แอลไป

"เออรู้ละ ไวน์มันโทรบอกพี่แล้วว่ามึงจะมาเอาให้มัน" 'ไวน์'คือชื่อเพื่อนผมคนเดียวกับที่บอกให้ผมมาเอาชีทให้นี่แหละ

"ครับ"

"แหมว่าแต่มึงอ่ะมาเอาให้มันทำไม วันหลังให้มันมาเอาเองอย่าไปยอมไอ้ไวน์มันมากเดี๋ยวมันเคยตัว" ผมผิดเฉย?

"ครับ"

"เออดี ว่าง่ายแบบนี้ถึงว่าไอ้ไวน์มันถึงดะ..."

"ไอ้แอล!!!" พี่แอลกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่อยู่ๆก็มีคนๆหนึ่งตะโกนขัดขึ้นมา

"มึงจะตะโกนทำเหี้ยอะไรเนี่ย!"

"ไอ้สัส มึงลืมเวลาส่งงานใช่มั้ยเนี่ย! อีกสิบนาทีมึงจะรีบได้ยัง!"

"ห้ะ เออกูลืม ไอ้คิงนี่ชีท กูไปละ" พี่แอลยัดชีทใส่มือผมแล้วก็วิ่งไปกับคนเมื่อกี๊ สรุปก่อนหน้านี้พี่แกจะพูดอะไรวะ 

ผมใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็มาถึงห้อง อาจารย์กำลังบรรยายอยู่หน้าห้องพอแกเห็นผมเดินเข้ามาหลังห้องก็แว้ดใส่ผมทันที

"จักรพรรดิ นี่มันกี่โมงแล้วคะ รู้ไหมคะว่ามันเกินเวลามาเท่าไหร่แล้ว" ตอนนี้นักศึกษาทั้งห้องต่างก็หันมามองที่ผมกันหมด อาจารย์ก็ยืนกอดอกขยับแว่นส่งสายตาดุๆมาทางผม

"ขอโทษครับอาจารย์ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ" ผมพูดพลางทำหน้าตาน่าสงสารใส่อาจารย์

"ตายแล้ว! เป็นอะไรมากหรือเปล่า โธ่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจริงๆไม่ต้องมาก็ได้นะฝากเพื่อนมาลาก็ได้" หน้ามือเป็นหลัง...

"ไม่เป็นไรครับ อาจารย์สอนต่อเถอะนะครับ" ผมบอกพร้อมส่งยิ้มจางให้อาจารย์

"อ่ะ ค่ะ เอ่อ แต่ถ้าเป็นอะไรบอกอาจารย์นะคะ" อาจารย์พูดติดๆขัดๆแล้วทำอมยิ้มใส่ผมอีก ขนลุกเลยครับ

ผมเดินมานั่งหลังห้องที่ประจำของกลุ่มผม ผมโยนชีทในมือไปให้ไอ้ไวน์แล้วก้มหน้าฟุบไปกับโต๊ะ ไหนๆก็เรียนไม่รู้เรื่องแล้วขอผมนอนต่อหน่อยแล้วกัน

"อะไรวะไอ้คิง นอกจากจะตอแหลอาจารย์แล้วยังเมินพวกกูอีก" พอเห็นผมทำท่าจะนอนไอ้'ปาร์ค'มันก็ด่าผม

"เออ เพื่อนฝูงนั่งเป็นตอเลยเนี่ยทักกันสักคำก็ไม่มี" พอไอ้ปาร์คมันพูดขึ้นไอ้'ตัง'ก็รีบทับถมซ้ำมาอีก

"พวกมึงก็ปล่อยให้มันนอนไปเหอะ จะบ่นห่าอะไรนักหนา" 

"มึงก็โอ๋มันจังเลยนะไอ้ไวน์ พวกกูนี่ด่านิดด่าหน่อยไม่ได้เลยยยยยยย" พอไอ้ไวน์มันพูดจบไอ้'ฟิน'ก็แขวะขึ้นมา

"โอ๋เหี้ยไร กูรำคาญ"

"ถุย ทีพวกกูคุยกันทั้งคาบมึงสนใจที่ไหน?"

"หนวกหู" ผมพูดขึ้นมาพวกมันเลยหุบปากกันได้สักที

กลุ่มผมมีกัน 5 คน มีผม ไอ้ไวน์ ไอ้ปาร์ค ไอ้ตังแล้วก็ไอ้ฟินครับ พวกผมมารวมกันตอนปี 1 ยกเว้นไอ้ไวน์ ผมกับมันอยู่ม.ปลายที่เดียวกันห้องเดียวกัน ผมเป็นคนพูดน้อยเลยไม่ค่อยมีเพื่อนไอ้ไวน์เลยกลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ผมมี ด้วยความที่ว่าไอ้ไวน์เป็นผู้ชายตัวเล็กผิดกับคนอื่นกลุ่มถ้ายืนเทียบกันมันสูงแค่ประมาณคางผมเอง หน้ามันก็หวานอย่างกับผู้หญิง และเพราะผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน อยู่ด้วยกันตลอดหลายๆคนเลยเข้าใจผิดว่ามันกับผมมีซัมติงกันบ้างแหละ เป็นคู่เกย์กันบ้างแหละ เหอะ ก็พูดกันไปคนเรา ขนาดไอ้พวกในกลุ่มผมยังแซวๆกันเลย แต่พวกมันก็แซวกันเอาฮาแหละครับ ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร อยากพูดอะไรก็พูดกันไปเถอะ

ทั้งวันผมใช้เวลาไปกับการนอนในคาบเสียส่วนใหญ่รู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาเรียนแล้ว พวกผมแยกย้ายกันไปผมก็กลับคอนโดตัวเอง ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าตังแล้วเดินลงไปหาอะไรกินแถวคอนโด ผมมานั่งกินร้าวร้านาหารตามสั่งทั่วไป พอกินเสร็จก็เดินกลับคอนโด ผมชอบอยู่คนเดียวเพราะไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ ชีวิตวันๆของผมน่าเบื่อไม่มีอะไรมากมาย ไปเรียน กลับมานอนบางวันก็ไปเที่ยวกลางคืน เจอใครสักคนก็พากันไปจบที่เตียงเสร็จแล้วก็แยกตัวกลับมาคอนโด ชีวิตวันๆก็มีเท่านี้

งี๊ดดดดดดด

เสียงอะไร?

งี๊ดดดดดดดดดด

เสียงแบบนี้มัน...ลูกหมา

ผมหันไปตามเสียงเป็นพุ่มหญ้าขนาดใหญ่มีรั้วลวดหนามกั้นอีกทีผมเดินเข้าไปใกล้รั้วและมองเข้าไปด้านในแล้วเห็นหญ้าด้านในขยับ พอเพ่งดูดีๆผมก็เห็นลูกหมาตัวหนึ่งนอนขดอยู่ส่งเสียงเล็กๆราวกับกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ ผมมองไปรอบๆเผื่อจะเจอแม่มันหรือลูกหมาตัวอื่นๆแต่ก็ไม่เจอ คงจะพลัดหลงมาสินะ ผมมองหาทางเข้าก็ไม่เจอ แล้วไอ้ตัวนั้นมันเข้าไปได้ไงวะ? ผมเกือบจะถอดใจปล่อยมันไปตามกรรมแล้วแต่ดันเหลือบไปเห็นด้านในพุ่มหญ้ามีช่องโหว่ขนาดใหญ่พอจะลอดเข้าไปพอก้มเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นเหมือนเป็นรอยตัดโดยอะไรสักอย่าง อาจจะมีใครเคยลอดเข้าไปทำอะไรข้างในก็ได้ ถือว่าเป็นโชคดีแล้วกัน

กว่าผมจะลอดเข้าไปค่อนข้างทุลักทุเลไม่ใช่น้อยทั้งโดนกิ่งเล็กๆของพุ่มไม้ข่วนและต่องคอยหลบลวดหนามพวกนี้อีก ในที่สุดผมก็เข้าไปถึงตัวของลูกหมาได้สักที มันดูอ่อนแรงและตัวเล็กมากทีเดียว

อืม พาไปหาหมอแล้วกัน

ผมพาตัวเองกลับออกมาด้านนอกผ่านทางเดิม คราวนี้ค่อนข้างจะลำบากกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะต้องอุ้มลูกหมาออกมาด้วยจนในที่สุดผมก็ออกมาได้ ผมลุกขึ้นยืนดีๆก่อนจะต้องตกใจเล็กน้อยเพราะดันมีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้ามองผมอย่างอึ้งๆ ผมพยายามทำหน้านิ่งที่สุดไม่แสดงอาการอะไรออกไป

เดี๋ยวนะ...หน้าแบบนี้นี่มัน

คนที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน!?

ผมยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรยืนมองผมอย่างงงๆ เรามองหน้ากันนิ่งแบบนั้นเป็นนาทีช่วงเวลานั้นผมมองสำรวจหน้าของเขาชัดๆอีกครั้ง ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย หน้าเนียนกว่าผู้หญิงบางคนที่ผมเคยเจอด้วยซ้ำ ผิวขาวจนเกือบจะซีดแต่มันยิ่งทำให้คนๆนี้ดูเด่นสะดุดตามากขึ้นไปอีก รูปร่างที่ดูจะสูงน้อยกว่าผมนิดหน่อยแต่กลับดูผอมบางกว่าผมพอสมควร แขนขาเรียวยาวไม่มีกล้ามเนื้อเลยสักนิดถึงจะสูงพอกันแต่ถ้าเกิดยืนใกล้กันผมคงบังร่างบางนั่นมิดแน่นอน เหมือนอีกคนจะสังเกตเห็นอะไรที่อยู่ในมือผมจึงพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

"เอ่อ คือ เข้าไปช่วยเจ้าตัวนี้หรอ?" ผมพยักหน้าตอบไป ปกติผมไม่ค่อยพูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนในกลุ่มเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาชวนคุยเลยติดจะเงียบกลับไปมากกว่า จากนั้นร่างบางก็เห็นว่าผมมีแผล ผมเองก็เพิ่งเห็นคงเพราะมุดหลวดหนามเมื่อกี๊ ร่างบางเขาก็ถามว่าผมไปโดนอะไรมาผมก็ทำเพียงหันไปมองต้นเหตุ พอเขาหันตามไปก็พยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยปากว่าจะทำแผลให้ผม แปลกที่ปกติผมมักจะเงียบจนคนอื่นมักจะเลิกชวนผมคุยเพราะไม่เข้าใจ แต่คนตรงหน้าเขากลับทำเหมือนเข้าใจทุกอย่าง ผมมัวแต่เผลอแปลกใจจนคนตรงหน้าคงเข้าใจว่าผมคงจะไม่ตามเขาไป ผมยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็เดินจากไปทันที

พอได้สติผมรีบเดินตามไปทันที พอเห็นแผ่นหลังของคนที่อยู่ตรงหน้าผมก็รีบเดินเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิม ร่างบางเอียงหน้ามาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันกลับมาแถมยังเดินต่อ ผมเองก็เดินตามไปเรื่อยๆ มันจะแปลกมั้ยถ้าผมจะบอกว่าอยากให้เขาหันมาหาผมอีกครั้ง ไม่ทันได้คิดอะไรมากรู้ตัวอีกทีมือของผมก็คว้าชายเสื้อของอีกคนไว้แล้ว 

"ว่าไงครับ?" ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมมันดันเอื้อมออกไปเอง ผมก้มหน้าคิดและดันไปเห็นแผลตัวเองพอดี เอ๊ะ เมื่อกี๊เขาบอกว่าจะทำแผลให้ใช่มั้ย? งั้นเอาอันนี้เป็นข้ออ้างแล้วกันแต่พอผมเงยหน้าไปไม่ทันจะพูดอะไรคนตรงหน้าก็ดันพูดขึ้นมาก่อน

"ตามมาสิ"

ตึก ตึก ตึก

​พอได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ผมก้มหน้าหลบสายของอีกคนทันทีรู้สึกจะหมดแรงเอาดื้อๆเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมา นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะ!?

ผมเดินตามอีกคนมาจนมาหยุดที่ทางเข้าคอนโดผม ร่างบางขอตัววิ่งไปหาลุงที่อยู่ในป้อมยาม ยื่นถุงจากร้านสะดวกซื้อไปให้ สองคนนั้นคุยอะไรกันไม่รู้แต่ดูจากท่าทางเกรงใจของลุงยามแล้วสาเหตุคงมาจากขนมที่อีกฝ่ายเอามาให้สินะ

ใจดี...


ร่างบางเดินนำผมมาในคอนโดของผม หืม? ทำไมอ่ะ? ผมได้แต่สงสัยจนเมื่อเห็นคนที่เดินมาด้วยกันยิ้มทักทายกับพนักงานเหมือนรู้จักกันพร้อมกับเดินตรงมาที่ลิฟท์  อย่าบอกนะว่าอยู่ที่นี่อ่ะ! พอดีกับที่อีกฝ่ายยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เช็ดเลือด แต่พอเห็นผมอุ้มลูกหมาอยู่เลยเอื้อมมือมาเช็ดให้ ผมเลยอาศัยจังหวะนี้ถามปัญหาที่คาใจอยู่ออกไป แต่อีกฝ่ายดันไม่ได้ยินผมเลยต้องถามออกไปอีกครั้ง คำตอบที่ได้คือ ใช่ครับ อีกคนอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว! ก็อยู่มานานพอๆกับผมเลยนี่ ทำไมถึงไม่เคยเจอวะ ผมบ่นกับตัวเองเบาๆจนอีกคนหันมาถามว่ามีอะไรแต่ผมก็ส่ายหน้าตอบกลับไป 

มาถึงห้องของอีกคนที่อยู่คนละชั้นกับผม ห้องผอมต้องขึ้นไปอีก พอเดินเข้ามาในห้องอีกคนบอกให้ผมไปล้างแผลและมานั่งรอ พอผมนั่งลงอีกฝ่ายก็จัดการหาผ้ามาให้เจ้าลูกหมาที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าอุ้มมันมาด้วยให้เรียบร้อย

"ขอมือหน่อย" ห้ะ มือ? ผมยื่นมือไปให้อีกคนตามที่บอกก่อนจะเกือบหยุดหายใจไปอีกครั้งเพราะคนตรงหน้าดันหัวเราะขึ้นมา

ยิ้มสวยจริงๆด้วย

"โทษที หมายถึงแขนน่ะ จะทำแผลให้ไง" อ่อ ผมเลยยื่นแขนไปให้ เดี๋ยวนะ แสดงว่าที่ขำเมื่อกี๊เพราะขอมือผมแล้วผมดันยื่นมือไปให้อ่ะนะ ให้ตายเถอะ ตั้งนานไม่เคยเจอกันสักทีแต่พอได้เจอทำไมผมจะต้องทำอะไรเอ๋อๆให้เขาเห็นนะ ตั้งแต่ที่คลานเข้าไปเก็บหมาข้างในพุ่มไม้ แถมยังท่าทางบ้าบอเมื่อกี๊อีก หมดกันภาพลักษณ์ที่ผมมี เขาจะคิดว่าผมเป็นยังไงวะเนี่ย โอ้ยยยยย ไอ้คิง ไอ้โง่!

เพราะมัวแต่คิดอะไรจึงไม่ได้รู้สึกตัวว่าอีกคนเริ่มทำแผลให้แล้ว พอแอลกอฮอล์แตะมาโดนแผลความแสบก็ทำเอาผมสะดุ้ง คนที่ทำแผลอยู่เงยหน้ามาแล้วอมยิ้มมาให้ผม

"จะทำเบาๆนะ ไม่เจ็บหรอก"

ให้ตายสิ...

จะทำเบาๆอะไร ไม่เจ็บอะไร นี่พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ย ไอ้ท่าทางอมยิ้ม พูดประโยคนั่นออกมาพร้อมกับช้อนตามองนั่นมันทำผมคิดไปถึงไหนรู้บ้างหรือเปล่า 

พอรู้สึกหน้ามันร้อนขึ้นมาผมรีบหันหน้าหนีอีกคนไปทางอื่น คำพูดสองแง่สองง่ามที่คนพูดคงไม่ได้คิดอะไรแต่ผมดันคิดอะไรทำนองนั้นออกมาซะได้ ผมพยายามปรับลมหายใจให้ช้าลงและพยายามให้ไอ้หัวใจที่มันค่อนข้างจะเต้นแรงจนจะทะลุออกมานี่กลับไปเต้นเป็นปกติให้ได้ จนอีกฝ่ายทำแผลให้จนเสร็จ 

"เจ็บมั้ย?" ผมส่ายหน้าตอบกลับไป ไม่เจ็บเลยสักนิด ผู้ชายเหมือนกันแต่อีกคนมือเบาจนน่าตกใจ

"บอกแล้วไงจะทำเบาๆ" เขาแซวผมขึ้นมา เดี๋ยว นี่คือเขาแกล้งผมใช่ป่ะวะ ผมมองหน้าอีกคนดุๆทันทีจนอีกคนยิ้มแล้วเปลี่ยนไปเป็นเรื่องลูกหมาแทน

"แล้วทำยังไงถึงได้ไปเจอเจ้านี่เข้าล่ะ"

"ได้ยินเสียงร้อง"

"ก็เลยมุดเข้าไป"

"อืม"

"ซนเนอะ" ชัดล้ะ แกล้งผมแน่ๆ ผมมองอีกคนนิ่งจนอีกคนเปลี่ยนเรื่องไปอีกที ผมคุยกับเขาไปจนไปสะดุดที่เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ พอถามออกไปก็เลยได้รู้ว่าอีกคนชื่อ 'ควิน' เป็นรุ่นพี่อยู่ปีสามแล้ว พี่เขาหน้าเด็กมากจนตอนแรกผมคิดว่าเป็นรุ่นน้องเฟรชชี่ด้วยซ้ำ แถมพี่เขายังรู้จักผมอีกด้วยแล้วนี่ผมไปอยู่ไหนมาวะถึงไม่เคยเจอพี่เขาวะ!!! ผมคุยกับพี่เขาอีกสองสามประโยคพี่เขาก็ถามบางอย่างที่ทำให้ผมชะงักไป

"แล้วนี่จะกลับยัง?"

ผิดมั้ยถ้าผมยังไม่อยากกลับ...

"ว่าไงล่ะ" 

หึ นี่ผมคงลืมนึกไปสินะว่านี่ผมมารบกวนพี่เขาอยู่ จริงๆพี่เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งทำแผลให้ด้วยซ้ำ นี่ผมจะยังหน้าด้านนั่งอยู่ทำไมวะ 

"จะกลับแล้ว" ผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าตังและหมาเดินออกมาเลย

"เดี๋ยว" ผมหยุดขาตัวเองแล้วหันไปทันที

"จะไม่ขอบคุณหน่อยหรอ?" เหอะ นี่กูหวังอะไรอยู่วะ

"ขอบคุณ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องเราแล้วขึ้นมาที่ห้องผมภายในเวลาไม่ถึงห้านาที 

ผมจัดการหานมในตู้ โชคดีที่มันยังมีเหลืออยู่สองกล่อง ผมดูขนาดของมันแล้วน่าจะยังไม่น่าอย่านมเลยด้วยซ้ำเหมือนพึ่งจะลืมตาไม่นานเพราะมันยังเหมือนจะเดินไม่แข็งเลยไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง พอจัดการเอาผ้ามาปูให้มันนอนด้านนอกเสร็จ ผมจัดการพาร่างเข้าห้องน้ำเติมน้ำให้เต็มอ่างแล้วก้าวขาเข้าไปลงแช่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าโดยเอาแขนพาดออกไปไม่ให้แขนที่ทำแผลมาต้องเปียก ผมหลับตาเงยหัวพิงขอบอ่างไว้นิ่งๆพลางคิดถึงเรื่องของใครอีกคนที่ผมเพิ่งพบเจอมา 


ควินงั้นหรอ ไม่สิ พี่ควินสินะ...



หลังจากวันที่ได้เจอพี่ควินผมพยายามพาตัวเองออกไปรอบๆคอนโดบ่อยๆเผื่อว่าจะเจอพี่เขา ขับวนไปคณะบริหารบ้างแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ สองสามวันแรกผมก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่ควินหลังจากนั้นผมรู้สึกว่าอยากเห็นหน้าพี่เขาอีก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร ผมเจอพี่เขารวมๆแล้วยังไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่พอนึกภาพที่พี่เขายิ้มมาให้ ภาพที่พี่เขาหัวเราะ ภาพที่เขาทำแผลให้ผมอยากเบามือ ภาพที่พี่เขาแกล้งให้ผมต้องอายผมก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมา ยอมรับเลยว่าพี่เขาเป็นคนมีเสน่ห์มาก ไม่เหมือนใครที่เคยเจอ รอยยิ้มพี่ควินอบอุ่น แค่ดูก็รู้ว่าพี่ควินใจดี อ่อนโยน

เฮ้อออ นี่ผมเป็นอะไรกัน...



ผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วผมก็ยังไม่เจอพี่ควินเลย วันนี้วันหยุดผมเลยได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องเพราะไม่มีอารมณ์จะทำอะไร

ตึ๊ง ตึ๊ง

​เสียงไลน์ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพบว่าเป็นไลน์กลุ่มของผมเอง

Parker : พวกมึง วันนี้ไปร้าน xxx กัน

Tangku : มีอะไรวะ?

Parker : กูจะไปดูไอดอลกูร้องเพลง เขามาร้องร้านนี้ แถมมาร้องแค่เฉพาะวันเสาร์

Finland : ใครวะ?

Y : เออใครวะ?

Parker : เอาน่า เดี๋ยวพวกมึงเห็นก็รู้ ถือว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้

Tungku : เออๆ กูก็เบื่อที่เดิมล้ะ

Y : กี่โมง

Parker : สองทุ่มต้องถึงแล้วนะเว้ยเดี๋ยวไม่ทันดูเขาร้อง

Finland : เค

Y : คิงอ่านอยู่ใช่ป้ะวะ

King : เออ

Tungku : จบแยก


พอตกลงกันเสร็จก็นอนดูทีวีเรื่อยเปื่อยรอเวลา ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ออกไปปลดปล่อยเลย ไปบ้างก็ดีเผื่อจะเลิกคิดเรื่องใครบางคนได้สักที อ้อ ลูกหมาผมเอาไปให้ที่บ้านดูแลต่อแล้วล่ะ เพราะผมต้องไปเรียนไม่ว่างมาดูแลมันหรอก 

พอใกล้เวลานัดผมก็อาบน้ำแต่งตัวคว้ากุญแจ BMW คู่ใจออกไปทันที จริงๆร้านที่ไอ้ปาร์คนัดมันก็ดังพอตัว ผมก็เคยได้ยินมาบ้างแต่ไม่เคยไป พอถึงที่หมายผมก็จอดรถเดินเข้าไปในร้านทันที ไอ้ฟินหันมาเห็นผมก็โบกมือเรียกผมก็เดินเข้าไป วันนี้ผมไม่ได้สายนะแต่ผมก็มาเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี

"ให้ตายเหอะฟ้าจะผ่ามั้ยเนี่ย ไอ้คิงมาตรงเวลา!" 

"มึงก็เว่อร์ไปไอ้ฟิน กูว่าแค่พายุเข้าก็พอ"

"สัส" ผมด่าพวกมันไปที

"55555555555555"

"ว่าแต่ไอดอลของมึงที่จะมาร้องเพลงนี่ใครวะ?" ไอ้ไวน์ถามขึ้นมา

"มึงรอดู เขานี่ไอดอลกูเลย กูโคตรชื่นชมเขาอ่ะ ใจดี สุภาพ หล่อ รวย อบอุ่น อ่อนโยน รักสัตว์ รักเด็ก เก่ง ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย และยัง..."

"พอๆ ไอ้สัส! คนหรือเทวดาห้ะไอ้ปาร์ค อะไรมันจะขนาดนั้นวะ" ไอ้ตังมันขัดขึ้นมา

"เออ มันมีคนแบบนี้โลกหรือไง"

"เออๆกูก็เพิ่มเติมไปนิดหน่อย แต่คือพี่เขาเป็นคนดีไม่เหี้ยแบบพวกมึงแล้วกัน"

"อ้าวววววว" ระหว่างที่พวกมันเถียงกันผมก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงมุมร้าน

นั่นมัน...พี่ควิน!? 

แล้วมากับใคร? ผู้ชายที่นั่งด้วยเป็นใคร ทำไมมากันแค่สองคน แล้วทำไมถึงได้ยิ้มแบบนั้น ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุพอได้เห็นภาพตรงหน้า ผมเอาแต่จ้องไปที่พี่ควินโดยไม่ละสายตาไปไหน จนสุดท้ายอีกคนคงรู้ตัวถึงได้หันหน้ามาทางผม พี่เขาทำหน้าอึ้งๆที่เห็นผม แต่มองหน้ากันได้แปบเดียวผู้ชายที่นั่งข้างๆพี่ควินก็ดึงความสนใจพี่ควินไป ทำให้ความหงุดหงิดที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจตอนนี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจ้องไปที่พี่ควินจนพี่ควินหันกลับมาสบตากับผมอีกครั้ง รอบนี้เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้นทั้งผมทั้งพี่ควินไม่มีใครคิดจะหันหนีไปทางอื่น สักพักความหงุดหงิดที่มีเมื่อกี๊เริ่มจางหายไป


เพราะพี่ควินส่งยิ้มมาให้...


ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว 


ทำไมล่ะ หรือว่านี่ผม...






ชอบพี่ควินงั้นหรอ...














________________________________________

โอ้ยยยยยย หายไปนานนิดนึงขอโทษน้า ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้นะคะ จะพยายามแต่งออกมาให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ ♡ ปล.อาจมรคำผิดบ้างขอโทษด้วยนะคะจะมาแก้อีกทีจ้า

หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 4 อัพแล้วจ้า [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 12-01-2018 13:19:39
ต่างฝ่ายต่างสนใจกันแบบนี้ ลุยโลดดดด  :-[
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 5 อัพแล้วจ้า [24/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 24-01-2018 00:21:32
​ตอนที่ 5





​พาร์ท ควิน





"มึง ได้เวลาขึ้นไปร้องเพลงแล้ว" ไอ้ไทค์บอกผมหลังจากที่เรานั่งกันไปสักพัก

"เออ กูไปละ" ผมลุกขึ้นยืนพลางหันไปมองทางโต๊ะอีกฝั่งเล็กน้อยเห็นคิงยังนั่งอยู่ก็ดันคิดอะไรขึ้นมาได้ หึ ผมล้วงโทรศัพท์ออกมากดหาอะไรบางอย่างที่ต้องการแล้วเดินไปคุยกับนักดนตรีข้างๆเวทีเรื่องเพลงที่ผมจะร้องวันนี้

"พี่บอล พี่กาย พี่ดิว  สวัสดีครับ" พี่ๆพวกนี้เป็นนักดนตรีของร้านครับ พี่บอลเป็นมือกลอง พี่กายเป็นมือเบสส่วนพี่ดิวเป็นมือกีตาร์

"ไงควิน หายหน้าหายตาไปนาน"

"นานที่ไหนเนี่ย ถ้าเป็นเดือนก็ว่าไปอย่าง"

"โห นี่ถ้ามึงไปเป็นเดือนลูกค้าคงขาดใจตายกันเป็นแถบๆ มึงรู้มั้ยไอ้ควินว่าลูกค้านี่มาเค้นคอพวกกูถามหามึงทู๊กกกกกกกกกกกกวัน!"

"เออ นี่พวกกูยังสงสัยอยู่เลยว่าพวกกูหล่อสู้มึงไม่ได้ตรงไหน กูเล่นมาเป็นปียังมีแฟนคลับไม่เท่ามึงเลยไอ้ห่า"

"มึงก็ช่างกล้าเอาหนังหน้าไปเทียบกับน้องมันเนอะบอล"

"แหมมมมมม พ่อณเดช พ่อมาริโอ้ มึงหล่อตายล่ะไอ้กาย"

"มึงก็รู้หนิ"

"กินอะไรเล่าเธอถึงได้มั่นแสนมั่น มั่นหน้าเกินคน~"

"หมายเลขสาม คุณบอล เป็นนักร้องเสียงเพี้ยนนนนน"

"ไอ้สัสกาย"

"555555555555555555" ผมกับพี่ดิวยืนขำกันอย่างเดียว ถ้าให้ไปเถียงด้วยคงไม่ไหว พี่บอลกับพี่กายสนิทกันมากครับ พี่เขาเรียนมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันจบมาก็มาเล่นดนตรีที่นี่ด้วยกันอีกแต่กัดกันประจำ ถือว่าเป็นสีสันในชีวิตแล้วกัน

"พอๆ เอ้านี่ควิน นี่รายชื่อเพลงที่จะเล่นแต่ถ้าแขกขอมาค่อยว่าอีกที" พี่ดิวยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม

"โอเค แต่ผมขออะไรอย่างดิพี่"

"อะไรวะ"

"ผมมีเพลงๆนึงอยากร้องอ่ะ"

"เพลงไรว่ามา" ผมยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ตัวเองที่กดหาคอร์ดเพลงเมื่อกี๊ให้พี่ๆดู

"..."

"..."

"...."

เดดแอร์เลยครับพี่น้อง





"มีอะไรอยากเล่าเล่าให้พวกกูฟังก็ได้นะ"

"เออคนกันเอง พูดมาอย่าให้พวกกูต้องรู้สึกแบบนี้ต่อไป" หลังจากพวกพี่เงียบไปนานมากพี่บอลกับพี่กายเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจังมาก ส่วนพี่ดิวทำตาโตอ้าปากกว้างค้างไปแล้วครับ ผมส่ายหน้ายิ้มๆกับอาการบ้าบอของพวกพี่เขาก่อนจะตอบไป

"ผมก็แค่อยากร้องอ่ะ"

"ไม่ๆ ต้องไม่ใช่อ่ะ"

"เอาดีๆดิ๊!"

"จริงๆพี่"

"เอาจริงหรอวะควิน" พี่ดิวได้สติก็ถามขึ้นมา จริงๆผมเข้าใจที่พวกพี่เขาพยายามสื่อออกมานะครับ ปกติแล้วถึงผมจะเคยนอนกับผู้หญิงบ้างแต่ผมยังไม่เคยคุยกับใครจริงๆจังๆสักคน ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจใครด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมว่ามันไม่ใช่ ผมไม่เคยรู้สึกสนใจใครแบบนี้มาก่อนและนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมแสดงออกเลยก็ว่าได้ ผมรู้ว่านี่อาจจะเป็นแค่ความชอบหรือถูกใจก็แค่นั้น ที่สำคัญคืออีกฝ่ายอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วย แต่ผมก็ไม่อยากให้มันผ่านไปโดยที่ยังไม่ได้ลองทำอะไรเลย คิงเป็นคนแรกที่ผมสนใจขนาดนี้และก็ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยผ่านไปจะมีใครที่ถูกใจแบบนี้โผล่มาอีกหรือเปล่า โอกาสมาก็ต้องคว้าไว้ถูกไหมครับ แต่หากว่าสุดท้ายมันไม่โอเคก็จบดีกว่าต้องมานั่งนึกเสียใจทีหลังว่าทำไมวันนั้นถึงไม่ทำอะไรเลย



ก็นะ...ลองดูสักทีจะเป็นไร



"เอาน่าพี่ เล่นเป็นเพลงสุดท้ายแล้วกัน"

"โห่ไรวะ จะไม่เล่าหน่อยหรอ นิดนึงก็ได้อ่ะ!"

"เออกูอยากรู้จะตายละว่าใครที่เก่งกาจขนาดทำมึงร้องเพลงให้ได้!"

"สวยมั้ยวะ?"

"เอาไว้ก่อนเหอะพวกมึง ได้เวลาขึ้นไปร้องเพลงแล้ว ว่าแต่เพลงนี้มันนานมากเลยนะจะเอาเพลงนี้จริงหรอควิน"

"ครับ"

"เออๆ"

"จบงานนี้มีเคลียร์นะไอ้ควิน" ตกลงกันเสร็จพวกพี่บอลพี่กายยังไม่วายหันมาชี้หน้าคาดโทษผมอีก เอาไว้ให้ถ้ามันโอเคค่อยเล่าให้ฟังดีกว่าเพราะตอนนี้ก็บอกไม่ได้ว่าจะยังไงกันต่อไปอยู่ดี พอผมก้าวขึ้นมาบนเวทีเสียงตอบรับจากผู้ชมก็ปะทะเข้าหน้าเลยครับ

"น้องควินนนนนนนนนนน"

"น้องควินมาแล้ว โฮกกกกกก"

"หนูมารอพี่ควินที่ร้านทุกวันเลยนะคะ ฮืออออ"

"โอ๊ยย ตัวจริงงานดีเว่อร์!!!"

และอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงจากโต๊ะสาวแท้สาวเทียมหน้าเวทีที่มาฟังผมร้องประจำทั้งนั้น แฟนคลับผมเป็นผู้ชายก็มีนะครับ แต่พวกเขานั่งฟังและก็ร้องตามเงียบๆไม่ได้มากรี๊ดผมแบบนี้หรอก ถ้ามากรี๊ดสิแปลก

"สวัสดีนะครับทุกคน"

"ผัวขา เมียนั่งอยู่นี่น้าา!!"

"เสียงดีมาก! มาเอาทิปไปลูกกกกก"เดีี๋ยวนะ ผมยังไม่ทันร้องเลย55555555

"ไม่ได้เจอกันนาน ไม่รู้ว่า..." ผมพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร้าน ก่อนจะหยุดที่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ส่งยิ้มจางไปให้ร่างสูงก่อนจะเอ่ยประโยคที่เว้นไว้ออกไป

"..."

"...จะมีใครคิดถึงกันบ้างมั้ยนะ?" พูดจบผมก็ละสายตามาให้ความสนใจคนดูที่กำลังคลั่งอยู่หน้าเวทีต่อต่อ

"โอ้ยยยยยยยย คิดถึงค่าาาา!!!"

"ผัววววววว!!!"

"ลัลลัยไปหมดแล้ว วรั้ย!!!"

"รอยยิ้มละมุนละไมเหลือเกินนน"

"เอาล่ะครับมาฟังเพลงกันดีกว่า ใครอยากขอเพลงอะไรขอมาได้เลยนะครับ" พูดจบดนตรีก็เริ่มขึ้นทันที

ผมร้องเพลงไปตามที่นัดกันมาไปบ้างร้องเพลงที่ลูกค้าขอเพลงมาบ้างสลับกันไป ส่วนมากก็เป็นเพลงที่ฆ่าคนอกหักทั้งนั้นแหละครับ เสียงลูกค้าร้องตามก็มีมาไม่ขาดสายตะโกนแซวขึ้นมาบ้าง ผมก็ยิ้มบ้างตอบกลับไปบ้างตามปกติ ตลอดเวลาที่ร้องผมแทบจะไม่ได้หันไปสนใจคิงอีกเลยจนมาถึงเพลงสุดท้ายของคืนนี้

"เอาล่ะครับ เรามาถึงเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับทุกคน" เสียงโห่ครวญครางของลูกคค้าในร้านส่งตรงมาถึงผมทันทีที่ผมพูดจบ

"ไว้อาทิตย์หน้ามาเจอกันใหม่นะครับ ตอนนี้มาฟังเพลงกันดีกว่า"

"ได้ค่าน้องควินนน"

"วู้วววว"

"เพลงที่ผมกำลังจะร้องต่อไปนี้เป็นเพลงที่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินมาเมื่อหลายปีที่แล้ว" ผมเดินไปหยิบกีตาร์อีกตัวที่ข้างเวทีกับโทรศัพท์แล้วกลับมาที่เดิม ได้รับสายตางุนงงจากคนทั้งร้าน รวมไปถึงพวกพี่ที่อยู่บนเวทีด้วย

"อยากเห็นหน้าคนคนนั้นจริงๆ" พี่ดิวพูดขึ้นแค่ให้ได้ยินกันสองคน ผมยิ้มให้พี่ดิวไม่ได้ตอบอะไรไป

น้อยคนที่จะรู้ว่าผมเล่นเครื่องดนตรีได้เพราะผมมักจะเล่นเฉพาะเวลาอยู่กับเพื่อนหรือพวกพี่ไม่เคยมาเล่นโชว์จริงจังเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยทำให้ลูกค้าหลายคนที่เป็นแฟนคลับถึงกับงง อย่าว่าแต่เขาเลยครับ ผมเองยังงงที่ตัวเองอยากทำถึงขนาดนี้

"เพลงนี้ผมเป็นคนเลือกเอง และผมขอมอบเพลงนี้ให้..." ผมมองไปรอบร้านสบตากับลูกค้าหลายคนที่เหมือนตอนนี้สติไม่อยู่กับร่องกับรอยก่อนจะลากสายตามาหาเจ้าของบทเพลงที่ผมกำลังจะร้อง

"..."

"ใครบางคนที่อยู่ที่นี่" เพราะว่าโต๊ะของคิงไม่ได้อยู่ใกล้กับเวทีและแสงในร้านก็น้อยนิดทำให้ผมไม่เห็นว่าสีหน้าของคิงตอนนี้เป็นแบบไหนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไร ผมก้มดูคอร์ดในโทรศัพท์อีกทีแล้วหันไปพยักหน้าให้สัญญาณกับพวกพี่ข้างหลัง พอเสียงดนตรีเริ่มจับจังหวะได้ผมก็ลงมือดีดกีตาร์เงยหน้ามองหน้าคิงอีกครั้งก่อนจะเริ่มร้องเพลงออกไป





คุณเก็บความลับได้ไหม

หากผมนั้นมีอะไรจะบอก

หากผมไว้ใจระบายมันออก

คุณเก็บความลับได้หรือไม่


ทันทีที่เนื้อเพลงท่อนแรกถูกร้องขึ้นเสียงผู้คนในร้านก็เงียบลงราวกับนัดกันมาไม่มีแม้แต่เสียงร้องตามหรือโห่แซวแทรกขึ้นมาเหมือนปกติ



ให้อยู่แค่คุณกับผม

อย่าให้ได้ยินถึงใครที่ไหน

ความลับนั้นที่เก็บไว้ในใจ

คือคำว่าผมรักคุณ


ระหว่างที่ร้องผมพยายามคิดถึงสิ่งที่ทำให้ผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ผมรู้สึกยังไงกันแน่  ผมทบทวนแล้วแต่ไม่ว่ายังไงก็หาเหตุผลของการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย...



ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า

สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ

ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้

ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ

ตั้งแต่วันทีเจอกับคิง มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...

คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา

เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย

มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้

จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม

ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป


เนื้อเพลงแต่ละท่อนที่ผ่านไปสามารถบอกแทนความรู้สึกของผมตอนนี้ได้ทั้งหมด ยิ่งร้องก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกบางอย่างเด่นชัดขึ้น



ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า

สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ

ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้

ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ


เพียงแค่เวลาสั้นๆ คำพูดไม่กี่คำ ใบหน้าเรียบนิ่งที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับท่าทางอ่อนโยนตอนอุ้มลูกหมาเลยสักนิด และทั้งๆที่มีผู้หญิงรายล้อมอยู่รอบตัวแต่กลับมาเขินอายกับคำพูดของเขา ทุกอย่างของคิงที่ได้เห็นวันนั้นมันทำให้ผมหวั่นไหว...



คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา

เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย

มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้

จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม

ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป


ผมรู้แค่ว่าตอนนี้...ผมไม่สามารถปล่อยให้คิงผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าหลังจากนี้เรื่องของผมกับคิงไม่สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้



ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับ



ก็ขอให้มันเป็นความลับต่อไป...



ว่าผมรักคุณ














"อร๊ายยยยยยยยยยยยย!!!"

"เพราะมากค่าาา"

"ความรักที่พี่ควินส่งมาให้หนู หนูว่าหนูได้รับแล้วนะคะ!"

"อีนั่นเป็นใคร อีนั่นเป็นคร๊ายยย!!!"

"แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย ฮืออออ"

"น้องควินร้องให้พี่ใช่ไหมคร้าบบบบบ"

เสียงผู้ชมด้านล่างตะโกนขึ้นมาจนฟังแทบไม่ออกแต่คนเดียวที่ผมสนใจกลับนั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆออกมาเลยสักนิด ก็ไม่ได้ต่างจากที่เขาคิดไว้เท่าไหร่หรอก ผมกล่าวลาลูกค้าเสร็จก็เดินลงมาจากเวทีแล้วรีบเดินมายังโต๊ะทันที ไม่อยากอยู่ตรงนั้นานครับ เดี๋ยวพวกพี่บอลมาเค้นคอผมอีก ระหว่างทางก็มีบางคนพยายามยื่นกระดาษมาให้ ทักทายผมบ้าง ผมก็ยิ้มและทักทายกลับไปเท่านั้น กว่าจะมาถึงโต๊ะก็เหนื่อยเลยล่ะครับ

"ไอ้ควิน" ตูดยังไม่ทันแตะเบาะดีไอ้ไทค์ก็ส่งเสียงเหี้ยมมาแล้ว

"เออน่า" ผมบอกพร้อมกับจ้องหน้ามันให้มันรู้ว่าครั้งนี้ผมเอาจริง

"..."

"..."

"เฮ้อออออ ตามใจมึง แล้วอย่าร้องไห้มาซบอกกูนะสัส"

"หึหึ"

ผมนั่งต่อไปอีกสักพักส่วนทางด้านของคิงก็ยังเห็นนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ถ้าไม่ได้คิดไปเองผมรู้สึกว่าอีกคนก็แอบมองมาทางเขาอยู่บ่อยๆ จนสักพักผมก็ว่าจะกลับไปพักเลยจะเข้าไปลาอาทิมไอ้ไทค์ก็เลยตามเข้ามาด้วย ผมโดนอาทิมด่านิดหน่อยเรื่องที่เข้ามาแกล้งแกวันนี้ ก็ฮากันไปครับ เพราะไม่เจอกันนานอาทิมเลยชวนคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเพลินไปหน่อยแปบเดียวเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงจนสุดท้ายผมก็ขอตัวกลับได้ในที่สุด


ผมเดินออกมาทางหน้าร้านเพื่อมองหาร่างสูงใหญ่ของบางคนแต่กลับไม่เห็นใครอยู่ที่โต๊ะนั้นสักคน สงสัยจะกลับไปกันหมดแล้ว ผมเลยเดินออกมาจากร้านตรงไปานจอดรถและตอนที่เดินอยู่ผมก็ดันเหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งพิงกำแพงอยู่ที่พื้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมมองไปรอบบริเวณนั้นแต่ก็ไม่เห็นมีใครอีก แล้วนี่ำไมถึงมานั่งคนเดียวในที่มืดๆแบบนี้ เมาหรือเปล่า?

"คุณ" ผมลองเรียกอีกฝ่ายดูพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

"นี่คุณ มานั่งทำอะไรตรงนี้" ผมลองเรียกอีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่งไม่ขยับ

เอ๊ะ? เลือด? พอเดินเข้ามาใกล้ผมก็เห็นว่ามือของเข้าเปื้อนเลือดอยู่ หรือว่าจะโดนทำร้าย!

"เฮ้ย! คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า! คุณ! คะ-"

"อืออ"

"คิง!?" คนที่นั่งหมดสภาพค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาให้ผมได้เห็นหน้าทำเอาผมแทบจะช็อกตาย คนตรงหน้าผมคือคิง! แถมใบหน้าของคิงตอนนี้มีรอยช้ำที่มุมปาก มีเลือดไหลแถวหางคิ้ว ตาข้างหนึ่งก็ดูบวมเล็กน้อย เอาเป็นว่ามันค่อนข้างจะแย่เลยล่ะ

"พี่ควิน?" คิงพูดทำหน้าเหมือนแปลกใจที่เจอผม แต่เอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายไปโดนอะไรมา

"อือพี่เอง แล้วนี่ทำไมสภาพเราเป็นแบบนี้ โดนใครทำอะไรมา หรือโดนดักปล้น! แล้วมันได้เอาอะไรไปบ้าง?"

"อ่า ไม่ใช่" ไม่ใช่คือไร คืไม่ได้โดนปล้นงี้หรอ

"แล้วโดนอะไรมา"

"มีเรื่อง"

"เฮ้อออ แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้มีเรื่องได้ล่ะ ดูจากสภาพเราแล้วอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียวใช่ไหมเนี่ย"

"อือ"

"แล้วมานั่งทำไมตรงนี้ เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาซ้ำอีกหรอก"

"เหนื่อย" ผมถึงกับกุมขมับกับแต่ละคำที่คิงพูดออกมา เหมือนต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีเลยครับ

"มา เดี๋ยวพี่ช่วย แล้วเรากลับคอนโดยังไง?" ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตลอดยื่นไปให้คิงเช็ดบาดแผลก่อนจะพยุงคิงขึ้นมาแต่อีกคนดูจะขยับตัวแปลกๆก่อนจะลุกขึ้นมาแต่โดยดี

"..."

"ว่าไงครับ"

"แท็กซี่" คิงจ้องหน้าผมนิ่งพร้อมกับตอบคำถามของผม ว่าแต่ว่าคนอย่างคิงมาแท็กซี่เนี่ยนะ? มันใช่หรอวะ ผมจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่งเพื่อจับพิรุจแต่อีกคนกลับสายตาไม่ยอมจ้องกันตรงๆ หืม? หรือว่า...

"แท็กซี่หรอ อืมม งั้น..." ผมแอบสังเกตอีกคิงไปด้วย พอผมพูดอีกคนก็เหลือบมามองก่อนจะหลบตาไปอีกที

"งั้นเดี๋ยวพี่เรียกให้เนาะ" โอ้ยยยย5555555 ไอ้ลูกหมาเอ๊ยยยย พอผมบอกจะเรียกแท็กซี่ให้ถึงกับขมวดคิ้วหันมามองเขม็งเลยอ่ะ

"ไม่ต้องก้ได้ เดี๋ยวเรียกเอง" คิงแกะมือผมที่พยุงออกหันหน้าหนีแล้วเดินไปเดี๋ยวนั้นเลย หึหึ

"หรือจะกลับกับพี่ก็ได้นะ" ผมคว้าแขนอีกคนแล้วยิ้มถาม

"..."

"ยังไงก็คอนโดเดียวกัน กลับด้วยกันดีกว่านะ" คิงหันตัวกลับมามองหน้าผมขมวดคิ้วเม้มปากแน่นก่อนจะถามบางอย่างออกมา

"แกล้งทำไม"

"อ้าว รู้แล้วหรอ"

"สนุกมากป่ะ" ผมยังคงยิ้มให้กับคนตรงหน้าถึงแม้อีกคนเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นทุกที

"สนุกมาก"

"..."  คิงเม้มปากแน่นขึ้นมองหน้าจนผมเริ่มใจอ่อน สงสารเด็กน้อย

"โอเคไม่แกล้งแล้ว"

"..."

"แต่เราต้องเลิกทำตัวน่ารักด้วยนะ"

"..."

"เพราะไม่อย่างนั้นพี่คงอดใจไม่ไหว"

"..." ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวเพราะยิ่งผมพูดร่างสูงก็เอาแต่หน้าแดงขึ้นทุกที
"น่ารัก"

"อือ น่ารักเหมือนกัน"



ให้ตายเถอะ...หัวใจผมจะทะลุออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว





เด็กบ้า...











"แล้วสรุปจะบอกพี่ได้ยังว่าไปทำยังไงถึงไปมีเรื่องได้" ตอนนี้ผมกับคิงกำลังนั่งอยู่ในรถของผม หลังจากเหตุการณ์ที่ลานจอดรถผมก็ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะหยุดยิ้มกับประโยคของคนที่นั่งเบาะข้างผมอยู่ตอนนี้

"มันเข้ามาหาเรื่องเอง"

"ทำไมพี่ต้องเจอเราทีไร เราจะต้องเจ็บตัวอยู่ทุกทีเลยนะ"

"คิง"

"ห้ะ?"

"คิง"

"คิง?"

"อือคิง ไม่ใช่เรา" โอ้ยยยย น่ารัก! ทำไมน่ารักขนาดนี้! วันนี้หัวใจผมจะทำงานหนักเกินไปไหมวะเนี่ย

หลังจากโดนแอทแทคอย่างรุนแรงผมก็ไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้อีกทำให้ตอนนี้ในรถเงียบมาก แต่ถึงแม้ไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดเลย อีกคนเอาแต่นั่งมองออกไปนอกกระจกส่วนผมก็แอบลอบสังเกตอีกคนบ้าง ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าคิงเป็นคนที่เพอร์เฟ็คมากไม่ว่าจะเป็นหน้าตาและสัดส่วน แต่พอคิดได้แบบนี้ผมเองก็เริ่มใจไม่ดี คนแบบนี้จะมาสนใจผมได้ยังไงกัน คิดแล้วก็ปวดหัว ผมขับรถจนมาถึงหน้าคอนโดแต่อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น



โครกกกกกกกกกกกกกกกก


​เอ่อ คือว่า...ไม่ใช่มั้ง



​ครากกกกกกกกกกกกกกกก



​​ชัดแล้วล่ะ ใช่แน่ ใช่เลย ผมหันออกนอกหน้าต่างแล้วพยายามกลั้นยิ้มให้ได้มากที่สุด อาจเพราะในรถเงียบมากเสียงท้องร้องของคนตัวใหญ่ข้างผมถึงได้ดังออกมาขนาดนี้ พอกลั้นยิ้มได้ผมก็หันไปหาอีกคน ภาพที่เห็นคือคิงเอามือกุมท้อง ก้มหน้าเม้มปากและคงจะเขินไม่ใช่น้อยเพราะหูของเจ้าตัวแดงขึ้นมาขนาดนั้น

"หิวหรอ"

"...อือ"

"เมื่อกี๊อยู่ที่ร้านไม่ได้กินอะไรเลยหรือไง"

"ลืม"

"ลืมกินข้าวเนี่ยนะ?"

"อือ"

"เฮ้อ เชื่อเขาเลย" ผมขับรถมาจอดเสร็จพอดี  ผมกับคิงเดินลงจากลงมาขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟท์ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งลิฟท์เปิดที่ชั้นของผม ผมเดินออกไปสองสามก้าวแล้วหันหลังมาหาอีกคนที่ยังอยู่ข้างใน

"ไม่มาหรอ?"

"ห้ะ"

"แผลไง จะทำเองหรอ?" พูดจบอีกคนก็เดินตามออกมาผมเลยเดินไปที่ห้องตัวเองแตะคีการ์ดเปิดประตูเข้าไป อีกคนตามเข้ามาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปสักพักก็ออกมาแล้วไปนั่งรอที่โซฟา ผมเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่ใช้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆอีกคน ผมลงมือทำแผลให้อีกคนอย่างเบามือ คนมีแผลก็นั่งมองหน้าให้ผมทำนิ่งๆ

"เจ้าตัวเล็กเป็นไงบ้าง"

"ตอนนี้อ้วนแล้ว"

"งั้นก็ดีแล้ว" ผมไม่ได้ถามอะไรอีกจนทำแผลที่หน้าเสร็จ

"ถอดเสื้อ" พอผมพูดจบคิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเหมืองหมางง เห็นแล้วมันน่าแกล้งนัก

"ถอดเถอะน่า ครั้งที่แล้วก็บอกแล้วไง...ว่าไม่เจ็บหรอก"

"พี่ควิน"

​ตึก ตึก ตึก​

นี่เป็นครั้งแรกที่คิงเรียกชื่อผม บ้าชิบ แค่อีกคนเรียกชื่อเขาก็ใจเต้นแรงซะแล้ว

"อ่ะ คือพี่หมายถึงแผลที่ตัวน่ะ มีใช่ไหม พี่เห็นตอนเราลุกดูเจ็บๆนะ"

"อ่อ"

ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้อีกคนถอดเสื้อ กล้ามเนื้อแน่นทุกสัดส่วนอย่างคนสุขภาพดีกำลังก่อกวนจิตใจผมอย่างแรง ผมถึงกับชะงักไปทันทีที่อีกคนถอดเสื้อออก และพออีกคนเห็นผมชะงักไปก็กระตุกมุมปากกระชากใจผมรอบนึงแล้วพูดขึ้น

"ทำสิ"

 

บู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม


ตัวผมระเบิดไปแล้วครับ ผมหลบสายตาของอีกคนมามองหาบาดแผลที่ต้องทายาแล้วก็ตกใจ ที่แขนและบริเวณไหล่ของคิงมีรอยแดงพาดเหมือนโดนท่อนอะไรฟาดมาแถมยังมีรอยช้ำอีกนิดหน่อยไม่เท่ารอยฟาดนั่น

"ขนาดนี้เลยหรอ" ผมป้ายยาที่รอยฟาดและพยายามทาให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ไม่รู้มันเอาอะไรมาตี"

"เจ็บมั้ยครับ" ผมละสายตามามองสบกันกับคิงแล้วถามออกไป

"...เจ็บครับพี่ควิน" ผมยิ้มให้คำตอบที่คล้ายจะติดอ้อนของอีกคนก่อนจะอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกคนจนได้

"ไมเป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายแล้วนะ"

"อือ"

"เอาล่ะพี่ทายาให้เสร็จหมดแล้วนะ อ้อ อย่าพึ่งกลับนะ รอแปบ" ไม่ทันได้ฟังว่าอีกคนตอบอะไรผมก็ลุกเดินเข้าไปในครัวทันที เปิดตู้เย็นหยิบของออกมาสองสามอย่างแล้วลงมือเปิดแก๊สจุดเตาโยนของที่หยิบออกมาลงกระทะให้หมดจนเสร็จ จัดใส่กล่องสวยงามแล้วเดินออกมา

"โทษทีที่ให้รอ อ่ะ เอาไป"

"..."

"หิวไม่ใช่ไง จะไปซื้อสภาพนี้คงไม่ไหวพี่เลยข้าวผัดมาให้ ไม่อร่อยหรอกแต่กินได้แน่นอน"

"ขอบคุณครับทั้งเรื่องข้าวและก็เรื่องแผล"

"ไม่เป็นไรหรอก แต่หวังว่าครั้งหน้าที่เจอกันจะไม่เอาแผลมาด้วยอีกนะ"

"ครับ"

แล้วเราก้ยืนเงียบกันอยู่เกือบนาทีจนสุดท้ายคิงก็ขอตัวกลับออกไป

"ไปนะ"

"ครับ"

ผมปิดประตูส่งคิงเสร็จก็มาทิ้งตัวลงที่โซฟาก่อนจะนึกถึงเรื่องในวันนี้ รอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าของผมตลอดเวลาที่คิดถึงเรื่องของคิง อีกฝ่ายมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมจริงๆ ผมสนใจคิงงั้ันหรอ ไม่สิ ตอนน้คงไม่ใช่แค่สนใจแล้วล่ะมั้ง





ว่าแต่...น่ารักจังเลยน้า













อีกด้านหนึ่ง

ชายหนุ่มเจ้าของบาดแผลมาถึงห้องในที่สุด เดินมานั่งลงที่โซฟากลางห้องแล้วนั่งมองกล่องข้างที่ร่างบางอุตส่าห์ทำมาให้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวนั่นแหละเป็นสาเหตุทีทำให้เขาสนใจจนลืมทานข้าว เขาเปิดกล่องข้าวออกมาแล้วยิ้มบาง อีกคนใส่ใจขนาดที่ใส่ช้อนมาให้เลยด้วยซ้ำ เขาลงมือทานข้าวกล่องพลางคิดถึงคนทำไปจนหมด ทั้งๆที่อีกคนบอกว่าคงจะไม่อร่อยแต่มันไม่ใช่เลย มันอร่อยมาก มากจนอยากรู้ว่าตคนทำจะอร่อยเหมือนข้าวกล่องนี้ไหม ยิ่งคิดรอยยิ้มก็ยิ่งปรากฎทั้งหมดก็เพราะเจ้าของข้าวกล่องนี่ทั้งนั้น



"...พี่ควิน"



































































_____________________________________________



ฮือออออออออ ขอโทษที่มาช้าค่ะ ลืมกันหรือยัง T^T ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้มาต่อ แต่ไม่เทแน่นอนนะคะ อย่าพึ่งลืมกันเน้อออ

หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 5 อัพแล้วจ้า [24/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 24-01-2018 07:37:33
พออยู่กับคนพี่นี่อย่างกับลูกหมาน้ิยๆอะน้ิองคิง พี่ควินเห็นอย่างนั้นก็แกล้งน้องใหญ่เลย เอ็นดู :-[
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 5 อัพแล้วจ้า [24/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-01-2018 13:08:03
สนุกค่า ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 30-01-2018 19:19:23
​​ตอนที่ 6





พาร์ท ควิน





วันนี้วันอาทิตย์ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เก้าโมงลืมตากลิ้งไปมาบนที่นอนเช่นเคย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอจิ้มเข้าแอพสีน้ำเงิน ผมเลื่อนไปเรื่อยจนมาสะดุดโพสของเพจหนึ่ง




เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊   2 hour ago ​

ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ตื่นมาเจอรูปนี้คืออะไร? เมื่อคืนเจ๊พลาดเผือกอะไรไปใครก็ได้บอกเจ๊ที! นานๆทีถึงจะเห็นหลัวคิงออกมาเคลื่อนไหวในเฟสให้ชะนีกรีดร้อง แต่ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น! คือหลัวออกมาโพสรูปกล่องข้าวลายขิกคุแถมแคปชั่นว่า 'ขอบคุณ' เอาตอนตี 1 !!! เอาล่ะค่ะประเด็นตอนนี้คือกล่องข้าวปริศนานี่คือของใคร? แล้วทำไมถึงได้โพสตอนตี 1 คะ? คือเจอกันดึกๆดื่นๆหรอ?! ฮือออออออออ คืออาร๊ายยยยยยยยย ไหนใครคือเจ้าของกล่องข้าวนั้นคะถ้าออกมาสารภาพแต่โดยดีเจ๊จะอนุโลมลดโทษให้กึ่งนึง แต่ถ้านางไม่มาเจ๊ขอเชิญชะนีทุกคนออกล่าค่ะ! #สวมบทอินเนอร์แบบมิสซิสสร




รูปที่เพจแนบมาคือรูปที่แคปมาจากโพสเฟสของใครบางคน ในรูปเห็นแค่กล่องข้าวลายคุ้นตาที่วางอยู่บนโต๊ะเท่านั้น แคปชั่นสั้นๆได้ใจความ ผมกดค้นหาชื่อเฟสตามรูปที่เพจแคปมา อื้ือหือ มีคนติดตามเกือบแสน อะไรจะขนาดนั้นผมยังมีคนติดตามแค่สองสามหมื่อนคนเอง ผมเลื่อนหาโพสที่เพจว่าเลื่อนมาก็เจอเป็นโพสแรกเลยครับ ผมกดเปิดรูปแล้วบันทึกลงเครื่องทันที มองรูปอีกครั้งแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ




ก็เพราะว่าในกล่องข้าวนั้นไม่เหลืออะไรอยู่ข้างในเลยสักนิดเดียว...




ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาล้างหน้าอาบน้ำ วันหยุดอยู่ห้องทั้งทีผมก็ว่าจะจัดห้องใหม่อาทิตย์ที่ผ่านมผมเอาแต่ยุ่งอยู่กับรายงานห้องเลยรกขึ้นมาหน่อย ผมเก็บของที่ไม่ได้ใช้รวมใส่ถุงขยะปัดกวาดเช็ดถูทั่วทั้งห้อง จัดหนังสือทั้งบนชั้นทั้งบนโต๊ะ เสื้อผ้าที่กองไว้ก็จับใส่ตะกร้าเตรียมซักให้หมด กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสามชั่วโมงได้เล่นเอาเหนื่อยพอตัวเลยล่ะ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะบ่ายแล้ว จะว่าไปนี่ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า ผมเข้าอาบน้ำอาบท่าอีกรอบแต่งตัวสบายๆด้วยกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำกับเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินเรียบ หยิบกระเป๋าตังค์ติดมือมา ผมขี้เกียจขับรถครับว่าจะลงไปซื้อข้าวแถวคอนโดกินเอา

"เฮ้ย!" พอเปิดประตูออกมาผมก็ต้องตกใจกับบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า​

"เอ่อ คือ"

"อ่า มาทำอะไรตรงนี้ครับคิง" ครับ ตรงหน้าของผมคือคิงตัวเป็นๆแถมยังทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆอีก

"เอานี่มาคืน" คิงยื่นกล่องข้าวที่ผมให้ไปเมื่อคืนมาให้ผม

"อ่อ จริงๆไม่ต้องรีบเอามาคืนขนาดนี้ก็ได้นะ" ผมรับมาแล้วตอบกลับไป

"อร่อย"

"ขอบคุณครับ ถ้าอร่อยไว้วันหลังอยากกินอีกก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวพี่ทำให้" เฮ้อ ทำไมเขาทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเลยนะ

"อือ ไปไหน"

"ห้ะ อ๋อ พี่น่ะหรอ? พอดีจะออกไปหาไรกินแถวนี้น่ะ"

"อ่อ"

"แล้ววว คิงกินข้าวหรือยังล่ะ?"

"...ยัง"

"งั้นไปกินด้วยกันป่ะ"

"ไป"

"งั้นพี่เอากล่องไปเก็บแปบนะ" อีกคนพยักหน้ารับรู้ผมเลยเข้าห้องมาในครัว ผมยืนข่มใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงมากไปกว่านี้อยู่เกือบนาที นี่จะไปกินข้าวด้วยกันครั้งแรกเลยนะ! ผมก็ตื่นเต้นบ้างอะไรบ้างสิครับ หลังจากเรียกสติเสร็จก็เดินออกมา

""ไปกันเลยเนอะ"

"อือ"

ผมกับคิงออกมากินเกี๋ยวเตี๋ยวร้านติดกับคอนโด พอเข้ามาหาที่นั่งสั่งเกี๋ยวเตี๋ยวเสร็จก็ใช้เวลารอนิดนึงเพราะคนค่อนข้างเยอะ ผมเลยใช้จังหวะนี้ชวนอีกคนคุย

"วันหยุดไม่ออกไปเที่ยวไหนหรอ"

"ไม่ชอบคนเยอะ พี่ล่ะทำไมไม่ไป"

"พี่ก็ไม่ชอบคนเยอะเหมือนกัน แล้วปกติเสาร์อาทิตย์ไม่ได้กลับบ้านไง"

"อาทิตย์ที่แล้วไปมาแล้ว"

"หืม บ้านไกลหรอถึงไม่ค่อยกลับอ่ะ"

"เปล่า ขี้เกียจ"

"หึ นิสัยไม่ดี"

"ทีพี่ยังไม่กลับเลย" พออีกคนตอบกลับมาแบบนี้ผมก็สตั๊นไปนิดนึงเหมือนกัน ผมไม่ได้โกรธน้องนะครับแต่พอคิดว่าเพราะอะไรถึงไม่ได้กลับบ้านมันก็หน่วงๆในใจนิดหน่อย

"พอดีที่บ้านพี่ไม่มีคนอยู่น่ะ นานๆทีเลยค่อยกลับไปดูบ้านก็ได้"

"ทำไมไม่มีใครอยู่ล่ะ" คิงขมวดคิ้วเอียงคอถามสีหน้าเหมือนเด็กช่างสงสัย ผมเห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ เพราะว่าโต๊ะเป็นโต๊ะเล็กผมเลยเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกฝ่ายให้หายหมั่นเขี้ยว

"หึ ช่างสงสัยนักนะ" คิงนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปัดมือออก ผมก็ลืมนึกไปว่าบางทีเขาอาจจะไม่โอเคที่ผมทำแบบนี้

"เอ่อ ขอโทษทีนะ พอดีพี่เผลอน่ะ" ผมละมือจากผมอีกคนแล้วกำลังจะดึงมือกลับแต่กลับถูกอีกคนจับไว้ก่อน

"..."

"เอ่อ พี่ขะ-"

"ไม่เป็นไร ทำอีกก็ได้" หึ้ยยยยย!!! ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ ผมอดจะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ

"ครับ ที่ถามเมื่อกี๊คือพ่อแม่พี่เสียหมดแล้ว ญาติก็ไม่มีที่บ้านก็เลยไม่มีคนอยู่น่ะ"

"ขอโทษครับ"

"เฮ้ย ไม่เป็นไรเรื่องมันนานแล้ว พี่โอเค"

"ครับ"

ก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้มาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ ผมตักเครื่องปรุงใส่ชามพลางเหลือบมองอีกคนก็เห็นว่าอีกคนจ้องชามของผมอยู่เลยถามออกไป

"มองชามพี่ทำไมเนี่ย อยากกินแบบนี้หรอ?"

"เปล่า" ผมพยักหน้าแล้วปรุงต่อ อีกคนก็เริ่มหยิบเครื่องปรุงปรุงบ้างแต่ท่าทางของอีกคนดูเงอะงะหยิบช้อนเครื่องปลุกใส่อย่างนิดอย่างละหน่อยจนผมต้องเอ่ยปากถามอีกรอบ

"มีอะไรหรือเปล่าคิง แปลกๆนะ"

"ปรุง..."

"อะไรนะ?" อีกคนพูดงึมงัมจนผมได้ยินไม่ค่อยชัด

"พี่ปรุงยังไง"

"ทะ ทำไมหรอ"

"...ข้าวเมื่อวานอร่อย"

"..." ตึก ตึก ตึก

"เลยคิดว่าถ้าปรุงแบบพี่ก็คงอร่อย" หึหึหึ คำตอบของอีกคนทำผมยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วครับ

"งั้น งั้น งั้นพี่"

"งั้น งั้น งั้น" เพราะผมไม่รู้ว่าจะต้องตอบกลับยังไงอีกคนเลยพูดตามล้อๆแต่หน้านิ่งสุด ผมเกือบจะไม่รู้ว่าคิงล้อผมถ้าเกิดเขาไม่ยักคิ้วให้หลังพูดจบ

"เดี๋ยวเถอะ"

"งั้นพี่ปรุงให้ทีสิ"

"เอาจริงอ่ะ"

"อือ"

"อ่า...ก็ได้ แต่ถ้าไม่อร่อยอย่ามาโทษพี่ล่ะ" ผมคว้าชามตรงหน้าาปรุงเพิ่มนิดหน่อยแล้วยื่นกลับคืนไปให้ คิงเริ่มลงมือกินโดยไม่พูดอะไรสักคำ หรืิอไม่อร่อยแต่ไม่กล้าบอกวะ? ผมก็ไม่ถามให้ช้ำใจดีกว่าลงมือกินของตัวเองบ้าง กินเสร็จผมเป็นคนจ่ายเพราะผมเป็นคนชวนน้องมาตอนแรกคิงก็แย้งจะจ่ายให้แต่เพระไม่ได้พกกระเป๋าตังค์มาเลยได้แต่ทำหน้าไม่พอใจอยู่คนเดียว จ่ายเสร็จผมก็ชวนน้องเดินกลับคอนโดผ่านป้อมยามเจอลุงชัยก็ทักทายแกไปจนเรามาถึงลิฟท์

"ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงพี่" อยู่ดีๆคิงก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"ไม่เป็นไรน่า แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวคิดอะไรมากห้ะ"

"ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงพี่" ผมยิ้มและส่ายหน้าให้กับความดื้อที่ไม่คิดว่าจะเจอของคิงแล้วไม่ได้ตอบอะไรอีกจนกระทั่งลิฟท์เปิดที่ชั้นของผม

"พี่ไปก่อนนะ" ผมบอกลาคิงแล้วเดินออกมา แต่เดินออกมาสามสี่ก้าวก็ต้องหันกลับไปอีกรอบ

"ตามพี่ออกมา มีอะไรหรือเปล่า"

"พี่...มีแฟนยัง"  อะ อะไรนะ ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ ให้ตายสิ! นี่มีใครมาเปิดเพลงอีดีเอ็มในหัวใจผมหรือเปล่า ทำไมมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ ผมเงียบไปนานมากเพราะสติผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ผ่านไปเกือบนาทีได้

 "ยัง ยังไม่มี"

"ไลน์" โทรศัพท์เครื่องหรูรุ่นล่าสุดถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมคำพูดขยายความสั้นๆ ผมอึ้งไปแปบนึงก่อนจะดึงสติกลับมาแล้วรับโทรศัพท์มากดแอดไลน์ตัวเอง บ้าชิบ ไอ้มือนี่ล่ะก็! อย่าสั่นดิวะ!  กดเสร็จผมก็ยื่นกลับไปให้คิงอีกคนก็รับไปแล้วยัดใส่กางเกง แล้วก็พูดว่า...

"ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก" วอท? อีกคนอาศัยจังหวะที่ผมคงจะยืนเหวอกับประโยคที่ไม่คิดว่าอีกคนจะเอามาพูดตอนนี้เดินกลับไปทรอลิฟท์

"อะ ฮ่ะ ฮ่ะ...5555555555555" ผมกลั้นขำไม่ได้แล้วครับ อยู่ดีๆมาบอกว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากหลังจากที่มาขอไลน์คนอื่นเขา ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย คนที่พึ่งเดินไปพอเห็นผมหัวเราะออกมาพอดีกับที่ลิฟท์มาพอดีก็รีบเดินเข้าไปในลิฟท์อย่างไว แต่ผมรีบเดินไปกดลิฟท์ให้เปิดก่อนที่มันจะปิดลง คนข้างในเบิกตาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ผมยปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดออกไป

"จริงๆวันนี้...ก๋วยเตี๋ยวของพี่ก็อร่อยกว่าทุกวันเหมือนกัน"

"..."

"น่าจะเพราะได้กินกับคิงล่ะมั้ง"

ผมถอยออกมาแล้วปล่อยให้ลิฟท์ปิดลง ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือหน้าแดงๆของคนด้านใน...



















เหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายทำผมอารมณ์ดีไปทั้งวัน ตอนนี้ผมยังนั่งยิ้มเป็นคนบ้าอยู่เลยครับ พอนึกถึงทีไรมันก็อยากจะกระโดดเข้าไปฟัดอีกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ สถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างเอนเอียงมาทางผมใช่ป่ะวะ เรื่องของผมกับคิงมีโอกาสเป็นไปได้สินะ แล้วที่อยู่ๆอีกคนมาถามผมว่ามีแฟนหรือยังแถมยังขอไลน์ผมอีกแสดงว่าคิงก็อาจจะ...สนใจผม

.

.

.

.

มันจะไปใช่ได้ยังไงล่ะ! แต่ถ้าไม่ใช่แล้วจะถามเรื่องแฟนทำไมอ่ะ งั้นมันก็ต้องใช่อ่ะดิ! แต่ว่าคิงไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อนนี่นาแถมรอบตัวเขาก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นแล้วเขาจะมาสนใจผู้ชายอย่างผมได้ยังไง เฮ้ออออออ

.

.

.

แต่คิงเขาขอไลน์ผมด้วยนะ! หรือว่าแค่รู้จักกันแบบพี่น้องเฉยๆเลยขอไว้เผื่อปรึกษาอะไรไม่ได้ขอไว้คุยหรอกสินะ นี่ผมมโนไปเองทั้งหมดเลยใช่ไหมเนี่ยยยยยยย ในหัวของผมตอนนี้มีแต่เรื่องของเด็กหน้าตายเต็มไปหมด พอ เลิกคิดได้แล้ว จะเป็นยังไงก็ปล่อยมัน ผมกระโดดขึ้นเตียงเลิกฟุ้งซ่านสักที  ผมหยิบโทรศัพท์มาตั้งนาฬิกาปลุกเสร็จแล้วก็ปิดไฟแล้วหลับตาลง

.

.

.

.

สรุปคิงจะชอบผมหรือเปล่าวะ! ผมพลิกตัวซ้ายก้แล้วพลิกขวาก็แล้วแต่ผมก็ยังนอนไม่หลับสักที มัวแต่คิดวนไปมาอยู่แต่เรื่องนี้นั่นแหละ


ติ๊ง ติ๊ง


​เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมเลยเอื้อมไปหยิบมาดูแต่พอเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอเท่านั้นผมก็เด้งลุกขึ้นมานั่งก่อนจะอ่านชื่อคนส่งอีกรอบเพื่อความชัวร์



King   : ​พี่ควิน




​ผมปลดล็อคหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป



Q : ครับ

King : นอนยัง

​Q : ยังๆ มีอะไรอ่อ



แต่พอผมตอบกลับไปอีกคนก็เงียบไปเลย หายไปไหนน่ะ ผมอยู่เกือบห้านาทีจนส่งข้อความไปอีก



Q : ยังอยู่ไหม

King : อยู่

Q : อ้าว เห็นเงียบไปเลย

Q : แล้วมีอะไรป่าว?

King : ฝันดีครับ



ฝันดี แค่นี้อ่ะนะ ผมถอนหายใจทิ้งความรู้สึกเสียดายเล็กๆไปแล้วแชทต่อ



Q : ฝันดีเหมือนกันครับ



อีกฝ่ายอ่านแล้วแต่ยังไม่ตอบกลับมา ผมรออีกคนตอบอีกแปบนึงแต่ก็เงียบกริบ ผมเลยตัดใจล็อคหน้าจอแล้ววางลงข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม เอาเถอะ แค่มาถึงตอนนี้ได้มันก็เกินกว่าที่เขาคาดไว้แล้ว


ติ๊ง ติ๊ง


​ผ่านไปอีกเกือบห้านาทีก็มีแจ้งเตือนเข้าอีก ผมรีบคว้าโทรศัพท์มาขึ้นดูจากนั้นถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้



King : ผมคุยกับพี่ได้มั้ย



หมายความว่าคุยกันแบบนั้นหรือเปล่าหรือแค่คุยกันธรรมดา นี่ถ้ามาให้ความหวังกันเล่นๆผมจะวิ่งขึ้นไปเคาะประตูเรียกออกมาต่อยเลยนะ



Q : คุยนี่คือยังไงอ่อ

.

.

.

.

.

King : จีบนะครับ



​จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ



เหมือนผมโดนน็อคกลางอากาศโดยข้อความที่อีกคนส่งมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหนแต่ตอนนี้บอกเลยถ้าผมกรี๊ดเป็นผมกรี๊ดไปแล้วครับแต่เพราะทำไม่เป็นตอนนี้ผมเลยได้แค่คว้าหมอนมากอดแล้วซุกหน้าลงไปถูแรงๆ เดี๋ยว ใจเย็นไว้ควิน ใจเย็น เย็น เย็น...เย็นได้ก็บ้าแล้ว!!! ฮือออออออออออ โว้ยยยยยยยยยยย ไอ้ควิน ตั้งสติไว้ อย่าพึ่งโวยวาย สติมา สติมา สติ สติ สติไปไหนแล้ว!!! โอ้ย นี่ถ้าตอนนี้มีใครมาเจอผมเขาจะต้องหาว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ แต่จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับตอนนี้ ผมนั่งหายใจเข้าออกเรียกสมาธิหยิบโทรศัพท์ที่เมื่อกี๊เผลอโยนไปขึ้นมา กว่าจะกดพิมพ์แต่ละตัวได้แสนจะยากเย็นเพราะมือไม้ผมตอนนี้มันสั่นไปหมด พอผมกดส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีเหมือนอีกคนรอคำตอบอยู่ตลอดหลังจากนั้นอีกคนก็ไม่ส่งอะไรกลับมาอีกผมเองก็ไม่อยากให้คิงตอบอะไรกลับมาอีกแล้วเพราะแค่นี้ผมก็แทบจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วครับ คืนนี้ไม่รู้จะนอนหลับหรือเปล่า พรุ่งนี้ถ้าเจอคิงจะทำหน้ายังไงก็ไม่รู้ ผมยิ้มคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง หยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่านแชทซ้ำไปมาบทสนทนาที่คุยวันนี้ผมแคปไว้หมดแล้วครับ 5555555555 ข้อความแรกคือข้อความที่คิงทักมาส่วนข้อความสุดท้ายเป็นข้อความตอบกลับของผมเอง พอมาอ่านที่ตัวเองพิมพ์แล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ตอบกลับไปแบบนี้ได้นะเรา



Q : จีบมาจีบกลับ พี่ไม่โกงนะครับ :)

















ตอนนี้ผมกำลังเดินมาที่ลานจอดรถด้วยสภาพอิดโรยอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด เพราะอะไรน่ะหรอครับ ไม่ต้องสงสัยเลยก็ลองมาเป็นผมดูสิใครจะข่มตาหลับลงได้ล่ะครับ เช้านี้ผมเลยมีสภาพเป็นซอมบี้แบบนี้แล้วถ้าจะให้ไปเบียดกับคนบนรถประจำทางก็ไม่ไหววันนี้เลยขอขับรถไปเองวันนึงแล้วกัน เดินอยู่ดีๆก็มีแรงปริศนามาดึงแขนผมด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งตัวเลยหันไปกระแทกเข้ากับใครบางคนเข้า

"โอ๊ย อะไรวะเนี่ย"

"ขอโทษครับ" เสียงคุ้นๆเหมือนว่าจะใช่และพอหันไปมองก็...ใช่จริงด้วย

"คิง เอ่อ ไม่เป็นไร" ผมพยายามทำหน้าให้ปกติไม่ยิ้มมากจนเกินงามแต่ทำไมมันยากจังงง

"พี่จะไปม.ใช่มั้ย"

"ครับ"

"ไปส่ง"

"คือจะไปส่งพี่อ่ะหรอ"

"..."คิงพยักหน้าตอบส่วนผมกำลังรวบรวมสติอยู่

"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ขับรถไปเองก็ได้" คิงไม่ฟังที่ผมพูดสักนิดจับข้อมือผมแล้วพาเดินไปอีกทาง

"เห้ย จะไปไหน"

"ไปส่ง"

"ก็บอกว่าไม่เป็นไร" เหมือนผมพูดกับลม คิงพาผมเดินมาถึงรถของตัวเองแล้วถึงจะยอมหันมาคุยกับผม

"เรานี่นะ พี่่บะ-"

"​​จีบ" ผมไม่สามารถหุบยิ้มได้อีกต่อไป จีบ คนอะไรจีบคนอื่นด้วยการบังคับไปส่ง หึ

"ไปสิ" เอาวะ จีบก็จีบ! อีกคนปลดล็อคให้ผมก้าวขึ้นมานั่งบนบีเอ็มคันหรู คิงก็ยังคงเงียบไปตลอดทางท่าทีไม่ได้เปลี่ยนตรงไหนไปสักนิดเดียว สรุปคือทุกอย่างเหมือนเดิมผมตื่นเต้นไปเองคนเดียวสินะ ผมนี่บ้าจัง

"กินอะไรยัง" ผมถามสารถีข้างๆ

"ยัง"

"รีบหรือเปล่า"

"ไม่"

"งั้นแวะกินอะไรกันก่อนมั้ย พี่หิวอ่ะ"

"พี่จะกินอะไร" คิงหันมาถามตอนที่รถติดไฟแดงพอดี

"เราอยากกินอะ-"

"บอกว่าคิงไง" คิงบอกพลางขมวดคิ้วขัดใจเหมือนเด็กเลยอ่ะ เอ็นดูวววววววว

"แล้วคิงอยากกินอะไรล่ะ" ผมยิ้มให้อีกคนแล้วถามกลับไป

"กินอะไรก็ได้ที่พี่อยากกิน" พอดีกับไฟเขียวคิงเลยหันกลับไปขับรถต่อแต่ผมนี่สิแข็งค้างเป็นหินไปแล้วครับ ฮือ

"งั้นคิงชอบกินอะไร"

"อะไรก็ได้ที่พี่ทำ" โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ควินจะไม่ทนกับคนแบบนี้!

"เด็กบ้า" อีกคนหันมากระตุกยิ้มกระชากใจให้ผมใจสั่นไปอีก

"งั้นกินร้านแถวม.ก็ได้"

"ร้านไหนอ่ะ"

"แล้วแต่คิงเลย"  คิงอมยิ้มโดยไม่ได้หันมาหาผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนคิงขับมาแวะร้านข้าวมันไก่แถวม. ผมกับคิงเดินลงจากรถไปก็เจอเข้ากับสายตานักศึกษาหลายสิบคู่ที่นั่งอยู่ในร้านที่มองมาที่เราทั้งคู่เป็นตาเดียว

ฟัค! นี่ผมลืมไปได้ยังไงว่าผมมากับใคร แค่ตัวผมก็มีคนรู้จักอยู่ไม่ใช่น้อยแล้ววันนี้ผมดันมากับผู้ชายที่คนแทบทั้งมหาลัยให้ความสนใจอย่างคิงแถมลงมาจากรถคันเดียวกันอีก คนอื่นจะคิดยังไงกันวะเนี่ยแต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คนอื่นคงมองเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องนั่นแหละครับ ผมว่านะ

"คิงกินอะไรเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ แล้วคิงก็ไปหาโต๊ะนั่งก่อนละกัน"

"เอาเหมือนพี่" พูดจบก็เดินไปเลยครับ นี่ถ้าคนไม่เยอะขนาดนี้ผมอยากจะตะโกนว่าน่ารักออกมาให้ลั่นร้าน ผมสั่งข้าวมันไก่ผสมพิเศษไปสองจาน ไม่รู้ว่าคิงชอบกินอะไรเลยสั่งผสมไปดีกว่า สั่งเสร็จก็ตักน้ำที่เขาให้บริการตัวเองมาสองแก้ว

"พี่ควินสวัสดีค่ะ"

"ครับ"

"หวัดดีครับพี่ควิน"

"ครับ" มีรุ่นน้องทักผมสองสามคนผมก็ยิ้มแล้วตอบกลับไปพอเดินมาถึงโต๊ะผมนั่งลงตรงข้ามกับคิง  โต๊ะที่เรานั่งอยู่ตรงกลางร้านพอดีเพราะโต๊ะรอบๆมีคนนั่งหมดแล้ว

"ใคร" คิงถาม

"ใคร? คือใคร"

"ที่ทักพี่เมื่อกี๊"

"อ๋อ รุ่นน้องในคณะพี่เอง รู้จักกัน"

"ผมก็มีรุ่นน้อง ไม่เห็นต้องมีใครทักแบบพี่เลย" คิงพูดหน้าตาติดจะดุขึ้นมาหน่อย โถ นี่อิจฉาที่ตัวเองไม่มีรุ่นน้องทักบ้างหรอเนี่ย

"อิจฉาพี่หรออ ก็นะ คนมันฮอตก็งี้"

"ใช่ที่ไหนกันล่ะ"

"หรอออออออจ๊ะ"

"ไม่ได้อิจฉาแค่ไม่อยากให้ใครทักพี่ไม่อยากให้พี่ยิ้มให้ใคร" ผมตายได้ไหมครับ

"หูยยย พูดยาวๆแบบนี้ก็ได้หรอเนี่ย" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องนี้ตรงนี้ เผื่อโต๊ะอื่นได้ยินเข้าจะเป็นประเด็นเอาได้

"ตลกละ"

"หึหึ เด็ก"

"ไม่เด็ก" หน้าของคนตรงหน้าดูดุขึ้นทุกทียิ่งบอกว่าเด็กยิ่งเหมือนอีกคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่กลับกันเพราะมันทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นไปอีก 5555555555 ทำไมผมนิสัยไม่ดีล่ะเนี่ย

"เด็ก"

"ไม่ เด็ก"

"เด็กน้อยยยยยยย"

"..." เงียบ

"เด็ก"

"..." เงียบจริงเลยแฮะ

"อะไรรรร แค่นี้เงียบใส่พี่เลยอ่อ"

"..." คิงละสายตาจากหน้าผมหันไปเอาโทรศัพท์มากดแทน

"อ้าว เมินเฉยเลย"

"..."

"คิง"

"..."

"อย่าบอกนะว่าาาา...งอนพี่"

"..." คิงขมวดคิ้วเหลือบตาขึ้นมามองผมเหมือนไปจี้ใจดำเขา

"งอนแน่เลย"

"เปล่า"

"จริงอ่ะ"

"อืม"

"งั้นมองหน้าพี่"

"..." โห สาบานว่านี่ไม่งอน แถวบ้านนี่ไม่ได้เรียกมองนะครับสายตาแบบนี้เรียบกอาฆาตเลยก็ว่าได้ ผมยิ้มหวานใส่อีกคนจนสีหน้าของคิงเริ่มเปลี่ยนเป็นปกติ อาแปะเอาข้าวมันไก่มาเสิร์ฟพอดีเราก็ลงมือกินกันไปเงียบๆ กินเสร็จคิงก็เดินไปจ่ายตังค์พอผมจะท้วงคิงก็เถียงกลับมาว่ารอบนี้จะจ่ายเอง ผมก็ไม่อยากจะขัดใจอะไรคิงเลยปล่อยไป เราเดินกลับมาขึ้นรถท่ามกลางสายตาของนักศึกษาทั้งร้านเหมือนเดิม

"ส่งพี่แถวๆคณะก็ได้ไม่ต้องเข้าไปถึงข้างในหรอก จะได้ไม่ต้องวนรถอกมาอีก"

"ไม่เป็นไร"

"เค ว่าแต่เด็กน้อยเลิกงอนพี่แล้วใช่ป่ะ"

"พี่ควิน"

"โอเค๊ ไม่แซวละ" อยู่ดีๆคิงก็เหยียบเบรกจนผมแทบจะพุ่งไปข้างหน้า

"เบรกทำไมเนี่ย " คิงไม่ตอบอะไรแต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมถอยตัวติดเบาะลงเรื่อยๆ

"อะ อะไร"

"อยากรู้มั้ยล่ะพี่ควิน...ว่าผมเด็กอย่างที่พี่ว่าหรือเปล่า"

คิงพูดทั้งที่ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ ใจของผมเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน พอเห็นผมเหวอไปอีกคนก็ยิ้มออกมา ยิ้มของคนตรงหน้าที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นชัดๆเป็นครั้งแรก รอยยิ้มของคิงทำให้คิงดูน่าหลงใหลมากไปกว่าเดิม ผมเหมือนถูกสาปให้มองภาพนี้โดยไม่ละสายตาไปไหน กว่าจะรู้ตัวใบหน้าของอีกคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ริมฝีปากของอีกคนทาบทับมาที่ริมฝีปากของผมโดยไม่ทันตั้งตัว คิงไม่ได้รุกล้ำอะไรเข้ามาอีกฝ่ายทำแค่กดจูบค้างไว้แบบนั้น จะผิดไหมถ้าผมเองก็ไม่ได้คิดจะผลักไสอีกคนออกไปเลยแม้แต่น้อยแล้วจะผิดไหมถ้าผมบอกว่าผมต้องการมากกว่านี้ คิงผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เราจ้องตากันและกันเหมือนมีอะไรดึงดูดไว้แบบนั้น

"จองไว้แล้วนะครับ" ผมพยักหน้าตอบเหมือนคนละเมอคิงส่งยิ้มมาให้อีกครั้งก่อนจะออกรถไปต่อ ตลอดทางผมตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองก่อนที่จะถูกคิงเรียกสติกลับมา

"ถึงแล้วครับพี่ควิน"

"ห้ะ! อ๋อ เอ่องั้นพี่ไปนะ" ผมลงมาจากรถเสร็จสับก็กำลังจะหันหลังเดินเข้าคณะแต่เดินยังไม่ทันถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนในรถเรียกไว้ ผมหันไปมองก็เห็นว่าคิงเปิดกระจกลงมาเลยเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายงงๆ

"อย่ายิ้มให้รุ่นน้องบ่อยนะพี่ควิน"

"..."

"คิงหวง"





ไม่รู้ว่าอีกคนขับรถไปตอนไหน ไม่รู้ว่าผมพาร่างตัวเองมายังโต๊ะที่เพื่อนรออยู่ได้ยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้ แต่ที่ผมรู้แน่ๆเลยตอนนี้...คือผมถอนตัวจากคิงไม่ได้อีกแล้ว





















































































































______________________________________________



ฮัลโหลลลลลลลลลลลล รอนานกันมั้ยคะทุกคน นี่เค้าพยายามปั่นสุดแล้วนะ5555555555555555555555

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย หวังว่าทุกคนจะสนุกน้าา แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ชอบที่เมนต์ที่ให้กำลังใจนะคะ รักทุกคนนน <3

หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-01-2018 20:02:44
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 30-01-2018 21:01:12
ควินเอ๋ย นึกว่าจะแน่ แพ้คิงตั้งแต่ยกแรกแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-01-2018 22:50:52
พี่ควินคือแพ้ทางน้องมากๆค่ะ
น่าร๊ากกกกก >\\\\\\<
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-02-2018 04:15:50
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลย
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 01-02-2018 07:13:39
สนุกจัง มาต่ออีกนะคะ ชอบมากเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 6 อัพแล้วจ้า [30/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 02-02-2018 08:01:45
มีความประหยัดคำพูดสั้นๆแต่เขิลได้ยาว น่ารักมากกกกกก :mew3: :mew3: :L2:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 04-02-2018 21:51:05
​ตอนที่ 7







พาร์ท ควิน







ผมเดินมาที่โต๊ะประจำแบบงงๆอีกคนทิ้งระเบิดไว้แล้วขับรถไปเฉยเลย ปล่อยให้ผมยืนเด๋ออยู่ตรงนั้นคนเดียว บ้าจริงเด็กนิสัยไม่ดี พอโยนกระเป๋าไปไว้บนโต๊ะเสร็จผมทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทันที

"ไงมึง" นั่งปุ๊บไอ้ซองก็ทักปั๊บ

"คนอื่นยังไม่มาหรอ" ผมถามไอ้ซองเพราะเห็นมันนั่งอยู่คนเดียว

"ไอ้ชาร์ปไปซื้อน้ำกับไอ้เต"

"อ่อ"

"เป็นอะไรของมึง ทำหน้าเหมือนวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง"

"เปล่า กูแค่ง่วงๆ"

"ดึื่ดไม่ยอมนอน ทำอะไรอยู่หรอออออออ"

"เรื่องของกูไง"

"เหมือนกูโดนด่ายังไงก็ไม่รู้ โอ้ย!"

"เออไง ไอ้ควินมันว่ามึงเสือก" ไอ้ชาร์ปเดินมาจากข้างหลังแล้วโบกหัวไอ้ซองไปทีนึงด้วยความรัก ส่วนไอ้เตยักคิ้วผมสองยึกแล้วนั่งลง

"แล้วมึงจะตบหัวกูทำไมวะ"

"หมั่นไส้ในความโง่"

"มันเป็นมุก"

"ต้องขำตอนไหนบอกกูด้วย"

"ไอ้สาสสส" ผมมองพวกมันเถียงกันแล้วก็สนุกดีครับ

"เออไอ้ควิน เมื่อกี๊ใครมาส่งมึงอ่ะ" เมื่อกี๊อ่ะหรอ...

"คิงหวง" ​

"ไอ้ควิน"

"ห้ะ อะไรนะ" เพราะไอ้ชาร์ปถาม ผมก็เลยดันนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊ขึ้นมา ผมเอามือเกาแก้มแก้เก้อรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นนิดหน่อยแถมไอ้มุมปากนี่มันก็อยากจะยกขึ้นซะเหลือเกิน

"กูถามว่าใครมาส่งมึงวะ รถแม่งอย่างหรู"

"รุ่นน้องน่ะ บังเอิญเจอ"

"อ่อ"

"ไอ้ควิน" อยู่ไอ้เตก็เรียกขึ้นมาอีก

"อะไร"

"รุ่นน้องมึงนี่ใคร ทำไมไม่ลงมาด้วยกัน" ไอ้เต! มึงจะสงสัยทำไมเนี่ยยยยย

"มันอยู่คณะอื่น ไม่ได้อยู่คณะเรา" ไม่ใช่ว่าผมจะโกหกหรือปิดบังเพื่อนเรื่องคิงนะครับ แต่คือเรื่องของผมกับคิงตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะเป็นยังไง ถ้าเกิดว่าอะไรลงตัวกว่านี้ผมค่อยเล่าให้ฟังทีเดียวดีกว่า

"แต่ปกติมึงไม่เคยยอมมากับคนอื่นนอกจากพวกกูเลยนะ"

""เออว่ะ ขนาดพี่เนทเคยขอไปรับมึง มึงยังไม่ยอมเลย" พอไอ้เตตั้งข้อสงสัยไอ้ซองก็รีบสมทบทันที และพี่ีเนทที่ไอ้ซองพูดถึงเป็นรุ่นพี่ในคณะที่เคยจะจีบผมเมื่อปีที่แล้วครับ

"ทำไมพวกมึงขี้สงสัยกันนักวะ เรื่องพี่เนทคือกูไม่อยากให้พี่เขาคิดไปไกลเว้ย ส่วนรุ่นน้องนี่บังเอิญเจอแถวคอนโดพอดีก็เลยติดรถมา คิดมากพวกมึงอ่ะ" พอผมพูดจบไอ้ซองก็พยักหน้ารับแต่ไอ้เตมันยังหรี่ตามองผมเหมือนจับพิรุธผมก็นั่งนิ่งไม่ได้แสดงสีหน้าออกไปจนไอ้เตมันยอมพยักหน้าเชื่อไป เฮ้ออออ เกือบไปแล้ว

"เดี๋ยวนะไอ้ควิน" อะไรของมึงอี๊กกก ไอ้ชาร์ปพูดขึ้นมาแต่สายตาของมันไม่ได้มองผมแต่กำลังจดจ้องไปที่โทรศัพท์เครื่องหรูที่อยู่ในมือมัน

"มีอะไรอีกมึง"

"รุ่นน้องมึงเนี่ย อยู่วิศวะใช่ป่ะ"

"อะ เออ"

"มีอะไรที่มึงไม่ได้บอกพวกกูหรือเปล่าควิน" ไอ้ชาร์ปละสายตาจากโทรศัพท์มามองหน้าผม มันกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนคนรู้อะไรบางอย่างและผมว่ามันต้องรู้แล้วแน่ๆว่าผมมากับใคร

"มีอะไรวะ" ไอ้ซองถามแทรกเข้ามาก่อนที่ผมจะตอบอะไรไป

"มึงเอาไปดู" ไอ้ชาร์ปยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้ซอง ไอ้เตก็ชะโงกหน้าไปดูด้วยส่วนผมยังนั่งมึนมองพวกมันสามคนที่มองหน้าผมสลับกับโทรศัพท์

"นี่มันอะไรวะเนี่ย"

"มึงมากับคิงหรอควิน"

"เล่ามาเลย ไปรู้จักกันตอนไหน" คำถามจากปากเพื่อนถูกยื่นมาพร้อมกับโทรศัพท์ ผมรับมาดูแล้วไม่แปลกใจเลยที่พวกนี้จะรู้เพราะดีไม่ดีป่านนี้อาจจะรู้กันทั้งมหาลัยแล้วก็ได้มั้งครับ







เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊   5 min

เดี๋ยวนะคะ วันนี้มีประเด็นแซ่บเว่อร์ให้เจ๊ต้องติดตามอีกแล้วค่าทุกโคนนนนน!!! เรื่องคือเช้าวันนี้มีลูกเพจคนนึงส่งรูปจากร้านข้าวมันไก่หน้าม.มาให้เจ๊ เจ๊ก็จะไม่อะไรเลยนะคะถ้าคนที่อยู่ในรูปไม่ใช่พี่ควินขวัญใจชาวมหาลัยจากคณะบริหารที่มากินข้าวกับหลัวคิงสามีของคนทั้งม.อ่ะค่ะ! ทำม๊ายยยยยย ทำไมถึงมาด้วยกันได้คะ?! เค้าไปรู้จักกันตอนไหนทำไมเจ๊ไม่รู้ แล้วมาด้วยกันตั้งแต่เช้าได้เยี่ยงไร ที่พีคกว่านั้นคือในรูปจะยิ้มแย้มอะไรกันเบอร์นั้นคะ สายข่าวบอกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่สองคนนี่คืออะไร แค่พี่น้องใช่มั้ยคะ ตอบเจ๊มาอย่าให้ปล่อยให้เจ๊สงสัยมากไปกว่านี้ พลีสสสสสสสสส





เฮ้ออออออออ ผมว่าแล้วว่าเรื่องเมื่อเช้าต้องไม่รอดแน่แต่ไม่นึกว่าเร็วนาดนี้ นี่พึ่งจะผ่านมาไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ ถ้าอีกคนจะเห็นโพสนี้แล้วจะเป็นยังไงจะรำคาญจะหงุดหงิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อยากคิดเลย

"ว่าไงไอ้ควิน เล่ามาอย่าลีลา" อ้าว ผมลืมไอ้ชาร์ปไปเลยนะเนี่ย555555

"ก็อย่างที่เห็น พอดีเพิ่งรู้ว่าอยู่คอนโดเดียวกันกับคิง เมื่อเช้าเลยติดรถมาก็แค่นั้น"

"เห้ย! จริงดิ อยู่คอนโดเดียวกันจริงหรอวะ"

"เออ"

"แต่สนิทกันถึงขนาดติดรถมาได้เลยหรอ แถมอาทิตย์ก่อนนู้นกูจำได้ว่ามึงยังบอกไม่รู้จักคิงอยู่เลย"

"เออนั่นดิ แล้วได้ข่าวว่าคิงนี่มันหยิ่งไม่ใช่หรอวะ แล้วจะยอมให้มึงมาด้วยได้ยังไง"

"แถมไปนั่งกินข้าวด้วยกันอีก มันยังไงพูดมา"

"ก็ เอ่อ" ผมไม่รู้จะตอบพวกมันยังไง แต่ละคนรัวคำถามมาไม่ให้จังหวะผมได้คิดเลยสักนิด

"เอาดีๆนะมึงงงงงง"

"หึหึ"

"เออๆ ก็นั่นแหละรู้จักกันมาสักพักแล้ว" แล้วผมก็เล่าเรื่องวันที่เจอกับคิงให้พวกมันฟังแล้วก็วันที่เจอที่ร้านอาทิมให้พวกมันฟัง พวกมันก็ตั้งใจฟังกันเต็มที่เหมือนอยากรู้ใจจะขาดยังไงยังงั้นอ่ะครับ

"เหี้ย บังเอิญสัส"

"แล้วมึงจะยิ้มทำไมวะควิน" ไอ้เตทักขึ้นมาผมก็เลยพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองยิ้มอยู่ตอนที่คิดถึงบางคน ผมนี่อาการหนักแล้วนะเนี่ย ผมมองหน้าเพื่อนที่มองหน้าผมอย่างสงสัยแล้วก็ตัดสินใจได้ เอาวะ บอกก็บอก

"กูมีอะไรจะบอกพวกมึงว่ะ"

"ว่ามา"

"กูชอบคิงว่ะ"

"ห้ะ!!!!!" ไอ้สามตัวตรงหน้าแหกปากตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงจนโต๊ะข้างๆตกใจกันไปหมด

"ไอ้เหี้ย เบาๆ มึงจะแหกปากกันทำไมเนี่ย"

"มึงพูดใหม่ดิ้ควิน กูอาจจะฟังผิด"

"มึงล้อเล่นใช่ม้ะ"

ไอ้ซองไอ้ชาร์ปแย่งกันถามขึ้นมา ไอ้เตยังนั่งอึ้งตาโตเป็นไข่ห่านอยู่เลยครับ

"กูพูดจริง" ผมพูดแล้วยิ้มให้พวกมันไปที

"แล้วมึงจะทำไงต่อ"ไอ้เตได้สติก็ถามขึ้นทันที ผมเงียบไปแปบนึงถึงจะตอบมัน

"ก็ต้องจีบดิวะ"

"เหี้ย!!!!!" พวกมันแหกปากขึ้นมาอีกรอบ จนผมอดจะหัวเราะออกมาเบาๆกับไอ้อาการโอเวอร์แอคติ้งของพวกมันไม่ได้

"หึหึ ว่าแต่พวกมึง...ไม่รังเกียจที่กูเป็นแบบนี้ใช่มั้ย"

ป้าบ!

"ไอ้ห่าพวกกูดูเป็นคนยังไง เรื่องแค่นี้จะไปคิดมากอะไร"

ไอ้ซองข้ามฝั่งเอามือมาตีหน้าผากผมแล้วพูดออกมา ผมยิ้มขอบคุณพวกมันที่เข้าใจแล้วหลังจากนั้นพวกมันก็แย่งกันพูดขึ้นมาไม่หยุด ผมก็ตอบทุกคำถามที่พวกมันสงสัยไม่ได้ปิดบังอะไร ตอนแรกว่าจะรอให้ชัดเจนกว่านี้ค่อยบอกแต่คงปิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี บอกๆไปตั้งแต่ตอนนี้คงดีที่สุดแหละครับ หลังจากพวกมันซักผมจนแห้งก็ขึ้นไปเรียนกัน ระหว่างที่รออาจารย์มาสอนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาผม

"ควิน" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก้เห็นว่าเป็นเพื่อนในสาขาเลยตอบกลับไป

"อ้าวมินท์ มีอะไรกับเราหรอ"

"ควินรู้จักกับน้องคิงวิศวะใช่มั้ยอ่ะ" ข่าวไปไวจริงๆเนอะครับ ว่าไหม?

"อ่อ อือ ทำไมหรอ" มินท์หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลังแล้วหันกลับมาหาผม

"งั้นควินมีเบอร์คิงมั้ยอ่ะ มินท์ขอเบอร์คิงหน่อยสิ" โห คือเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาน่ากลัวนะครับ

"เราว่าไม่ดีมั้ง มินท์ไปขอเจ้าตัวเองดีกว่านะ"

"ไม่เอาน่าควิน แค่นี้เอง นะๆๆๆๆ"

"แหมมมม ถ้ามันแค่นี้เองแล้วทำไมไม่ไปขอเองล่ะคร้าบบ" ไอ้ชาร์ปที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมา คิดว่ามันคงนั่งฟังตั้งแต่แรกแล้วล่ะ

"เอ่อ คือมินท์แค่อยากติดต่ออะไรคิงนิดหน่อยเลยลองมาถามควินดูก่อนน่ะ"

"เราว่าถ้ามินท์มีอะไรจะคุยกับคิงก็ไม่หาคิงเองดีกว่า เราให้ไม่ได้หรอกขอโทษนะ" ผมรีบพูดไปก่อนที่ไอ้ชาร์ปมันจะหาเรื่องแซะมินท์มากไปกว่านี้ มินท์ก็ดูจะชักสีหน้าขัดใจเล็กน้อยหลังจากที่ผมพูดจบแต่พอผมยิ้มให้เธอไปเธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวานตอบกลับมา

"ไม่เป็นไรมินท์ไม่เอาแล้วก็ได้ งั้นมินท์ไปก่อนนะควิน" มินท์ส่งสายตาให้ผมขนลุกทีนึงแล้วก้เดินกลับไป

"เออดีเนอะคนเรา ตอนมาอยากได้คนนู้นแต่ตอนกลับอยากได้คนนี้"

"มึงก็พูดไปไอ้ชาร์ป เขาเป็นผู้หญิงพูดไปไม่ดีนะมึง"

"โอ้ยไอ้ควิน มึงก็เห็นเมื่อกี๊ถามหาคิงอยู่แท้ๆแต่มาส่งสายตาหยาดเยิ้มให้มึงซะงั้น"

"ช่างเขาเหอะน่า" ไอ้ชาร์มองผมด้วยสายตาจิกกัดเล้กน้อยแล้วก็สะบัดหน้าหันไปหาไอ้ซองแทน

"ว่าแต่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรอที่มีคนมาสนใจคิงอ่ะ" ไอเตกระซิบถามผมเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

"ก็ตอนนี้กูไม่ได้เป็นอะไรกับคิงนี่หว่า จะไปมีสิทธิ์ไม่พอใจอะไรได้ล่ะ"

"มึงเอาจริงหรอวะควิน" ผมรู้ว่าเพื่อนผมก็คงคิดไม่ถึงที่ผมจะชอบใครสักคนแล้วคนๆนั้นดันเป็นคิง

"กูรู้ตัวว่ากูทำอะไร มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยเอาความรู้สึกมาล้อเล่น"

"แต่คิงมันไม่ธรรมดานะเว้ย มันอาจจะไม่ได้อะไรกับมึงเลยก็ได้"

"ก็ถ้ามันไม่โอจริงๆกูจะถอยออกมาเอง"

"เฮ้อ แล้วแต่มึงแล้วกัน"

พออาจารย์เข้าสอนผมก็พยายามจะตั้งใจเรียนแต่เสียงอาจารย์ที่บรรยายมันชวนให้หลับจริงๆ กว่าสองชั่วโมงที่ผมต้องนั่งหลับๆตื่นๆแถมอาจารย์ยังปล่อยช้าอีก กว่าพวกผมจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็หิวกันจนตาลาย ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงมีเรียนต่ออีกทีตอนบ่ายสองไอ้ซองมันดันอยากกินเป็ดย่างขึ้นมาพวกเราเลยตกลงจะไป MK ที่ห้างแถวนี้ พวกเรานั่งรถไอ้เตกันมาคันเดียว หาที่จอดรถได้ก็รีบพุ่งตรงไปร้านทันที พนักงานก็พาเราไปนั่งที่โต๊ะจากนั้นผมกับไอ้เตแทบไม่ต้องขยับปากสั่งอะไรเองเลยเพราะไอ้ซองไอ้ชาร์ปมันจัดการสั่งไปหมดแล้วพนักงานนี่รับออเดอร์มือเป็นระวิง

"เดี๋ยวถ้าแดกไม่หมดนะกูจะเอามายีหัวพวกมึง"

"คร้าบ พ่อเตตตตตตต"

"กวนตีน"

"555555555"



ติ๊ง ติ๊ง



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเป็นไลน์ของคนที่มาส่งเมื่อเช้า



King : ข้างหลัง



ข้างหลัง? ผมรีบหันไปมองด้านหลังก็เจอนักศึกษากลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ถัดไปสองสามโต๊ะจากโต๊ะผม แล้วหนึ่งในนั้นคือคนเดียวกันกับที่ส่งไลน์มาหาผม ทโลกจะกลมไปถึงไหน เมื่อก่อนไม่เคยจะเจอกันเลยสักครั้งแล้วทำไมพอบทจะเจอก็เจอกันเช้ากลางวันเย็นแบบนี้นะ ผมสนใจแต่คนหน้านิ่งจนไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นหันมามองที่ผมกันหมด ผมส่งยิ้มจางไปให้อีกคนแล้วหันกลับมา

"แหมไอ้คิงงงง พอมึงจับโทรศัพท์ปุ๊บพี่เค้าก็หันมาปั๊บเลยน้าาา"

"มีส่งยงส่งยิ้มด้วยเอ้าะ ฮิ้ววว"

"พี่เค้ายิ้มหวานมาก กูจะละลายยยย"

เหมือนคนในโต๊ะนั้นน่าจะแซวคิงแต่เพราะว่าในร้านมีคนคนนั่งไม่กี่โต๊ะแล้วโตีะของพวกผมก็อยู่ด้านในเสียงนั้นมันก็เลยดังพอที่โต๊ะผมจะได้ยิน เพื่อนผมหันไปมองทางโต๊ะของคิงแล้วหันกลับมามองหน้ากัน

"นี่มันจะพรหมลิขิตชัดๆ" ไอ้ซองพูดขึ้นมาหลังจากที่รู้ว่าบังเอิญมาเจออีกคนที่นี่

"ดูเหมือนทางนั้นมันก็สนใจมึงไม่ใช่น้อยนะควิน"

"เออกูไม่งั้นเพื่อนมันไม่แซวขึ้นมาหรอก" ผมก็ยิ้มๆไป ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองมากไปขนาดนั้น



ติ๊ง ติ๊ง



King : มีเรียนต่อมั้ย

Q : มีตอนบ่ายสอง

King : เลิกกี่โมง

Q : บ่ายสาม

Q : ทำไมอ่อ

King : กลับด้วยกัน

​Q : ถ้าไม่กลับด้วยล่ะ

King : ทำไม



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยกับใครหรอออออออออ"

"มึงว่าใช่คนโต๊ะนู้นนนนหรือเปล่าวะซอง"

"กูก็ว่าใช่นะ ก้มหน้าก้มตากันทั้งคู่เลยเอ้าะ"

"เออก็ใช่ไง" ผมเงยหน้าขึ้นไปตอบเพื่อนขี้แซะทั้งคู่อย่างไม่สะทกสะท้าน

"หูยยยย ไม่มีเล่นตัวเลยเนอะ"

"นี่มันพี่ควินคนจริง"

"แดกๆไปเถอะพวกมึง"



ติ๊ง ติ๊ง



King : พี่ควิน

King : ทำไมไม่ไป



ผมยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อคนในแชทส่งข้อความซ้ำมาอีกครั้งหลังจากที่ผมไม่ตอบ



Q : พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ไปนะ

Q : แค่ถามเองครับ

Q : (สติ๊กเกอร์กระต่ายขำ)



พอผมตอบกลับไปแบบนั้นอีกคนก็เงียบไปเลยผมเลยละสายตาจากจอขึ้นมา เอ่อ สายตาทิ่มแทงมากเพื่อนผมแต่ละคน

"กูเริ่มหมั่นไส้นิดหน่อย"

"กูเองก็เช่นกัน"

"หึหึ"

ผมไม่รู็จะเถียงอะไรพวกมันเลยก้มหน้าก้มตากินดีกว่า ตลอดเวลาที่กินไอ้ซองก็คอยจะบังคับให้ไอ้ชาร์ปกินผักให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดพอไอ้ชาร์ปมันเบะปากทำท่าจะงอนไอ้ซองก็ยอมยกธงขาวยอมแพ้ไปในที่สุดผมก็กินไปเงียบๆฟังเสียงไอ้ซองไอ้ชาร์ปไป พอกินเสร็จพวกเราก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลทันที ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกมาก็หันไปมองโต๊ะด้านหลัง ผมสบตากับคิงแล้วยกมือถือขึ้นมาโชว์ให้อีกคนเข้าใจว่าให้คุยกันในไลน์อีกคนก็พยักหน้าสองสามที โอเค เป็นอันรับรู้ พอเพื่อนของคิงเห็นแบบนั้นก็หันมามองผมกันอีกรอบ

"พี่ควินสวัสดีคร้าบบบบ" แล้วเพื่อนของคิงพากันยกมือไหว้ทักทายผมกันยกใหญ่

"ครับ" ผมยิ้มตอบกลับไป

"โหยยย ยิ้มหวานแบบนี้ถึงว่าทำไมเพื่อนผมมันถึงได้เคลิ้มไป" ผู้ชายท่าทางกวนๆพูดขึ้นมาส่วนที่เหลือก็โห่รับกันไป

"ผมก็ยังโสดนะครับพี่ควิน ไม่เจ้าชู้เหมือนบางคนด้วยน้า"

"มึงจะแซวพี่เค้าหันไปดูหน้าเพื่อนมึงด้วยนะไอ้ปาร์ค" คนที่น่าจะชื่อปาร์คหันกลับไปมองคิงแล้วก็ขำออกมา ผมเองก็ยิ้มให้ทุกคนแล้วก็ขอตัวออกมา ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากโต๊ะผมเผลอไปสบตากับเพื่อนของคิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างคิง น้องคนนั้นจ้องหน้าผมนิ่งไม่ได้ยิ้มให้หรือทักทายเหมือนคนอื่น จากที่มองน้องคนนี้เป็นคนหน้าตาน่ารักและตัวเล็กกว่าคนอื่นในกลุ่มแต่สายตาที่มองมาดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ผมหันหลังเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนจนมาถึงประตูร้าน ผมหันไปมองที่โต๊ะของคิงอีกรอบก็พบกับสายตาสองคู่ที่มองมาที่ผม สายตาคู่หนึ่งเป็นของคนในแชทไลน์ ส่วนสายตาอีกคู่หนึ่งเป็นของน้องคนนั้นที่ผมรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรงและจากสายตาของน้องผมก็คิดว่าน้องเองก็คงไม่ได้ชอบผมสักเท่าไหร่แน่นอน...









หลังจากที่ออกจากร้านมาพวกเราก็ตรงมาลานจอดเพื่อขับกลับม.ทันที ระหว่างนั้นผมก็นึกไปถึงสายตาที่พบเจอเมื่อกี๊นี้ผมมั่นใจว่าเพิ่งเคยเจอกับเพื่อนของคิงคนนั้นครั้งแรกแน่นอนแต่ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้มองมาอย่างนั้นกันล่ะ

"ไอ้ควิน มึงรู้จักเพื่อนของคิงทุกคนมั้ย" พอพวกเรายัดร่างขึ้นรถได้ไอ้เตก็ถามขึ้นมา

"ก็ก็ไม่รู้จักใครสักคน วันนี้ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกพร้อมพวกมึงนี่แหละ" ผมตอบกลับไปไอ้เตก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย

"พวกมึงเห็นเหมือนกูใช่ป่ะ ที่น้องคนนั้นมองไอ้ควินอ่ะ" ไอ้เตหันไปถามไอ้ซองไอ้ชาร์ปทีนั่งอยู่ข้างหลัง ผมเองพอได้ยินคำถามนี้ก็เริ่มจับใจความได้

"เออ ตอนแรกกูไม่เห็นหรอกแต่ไอ้ชาร์ปมันสะกิดให้กูมองกูก็เลยมอง"

"เออ แม่งมองเหมือนจะแดกหัวไอ้ควิน"

"พวกมึงหมายถึงน้องตัวเล็กๆที่นั่งอยู่ข้างคิงใช่มั้ย?"

"มึงเห็น?"

"เออ กูก็นึกว่ากูคิดไปเอง"

"คิดไปเองหอกอะไร พวกกูก็เห็นเต็มตาพวกกูเลยเนี่ย" ผมสบตากับเพื่อนแล้วเงียบไป

"กูบอกตรงๆว่ากูไม่ชอบน้องคนนั้น"

"บางทีน้องเค้าอาจจะหน้าแบบนั้นเฉยๆก้ได้ พวกมึงคิดมากน่า" ผมพูดตัดบทขึ้นมาเพราะไม่อยากจะคิดอะไรมากไปมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

"เออ ก็ขอให้มันไม่มีอะไรแล้วกัน"

"กูไม่ชอบขี้หน้าเลยว่ะ"

"พอๆ ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก"

"เออๆ"




หลังจากนั้นผมก็กลับมาที่ม.ก็ได้เวลาขึ้นเรียนต่อพอดีก็เลยรีบวิ่งกันไปแทบไม่ทัน คิงก็ไลน์มาว่าเลิกสามโมงเหมือนกันจะวนมารับที่เดิมที่มาส่งเมื่อเช้า หลังจากเรียนเสร็จผมก็เลยบอกเพื่อนไปว่าคิงจะมารับพวกนั้นเลยทั้งแซวทั้งแขวะผมมากันยกใหญ่ ผมก็ยักคิ้วรับคำด่าไปให้พวกมันหมั่นไส้เล่น สนุกดี55555555 เดินลงมาจากตึกก็ยังไม่เห็นรถของคิงผมเลยให้พวกมันกลับไปก่อน ตอนแรกพวกมันจะรอเป็นเพื่อนผมแต่ผมก็บอกไปว่าอยู่คนเดียวได้พวกมันเลยยอมไปกัน ผมนั่งรอเกือบสิบนาทีก็เห็นรถคันเดิมที่นั่งมาเมื่อเช้าขับเข้าจอดหน้าคณะ ผมลุกแล้วเดินไปเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที

"ขอโทษครับ รอนานมั้ย" ผมเข้ามานั่งยังไม่ถึงสามวิคิงก็รีบขอโทษขอโพยผมที่มาช้า

"ไม่เป็นไรพี่ก็เพิ่งลงมาเหมือนกัน" 

"..." คิงพยักหน้าหงึกๆแล้วขับรถไปไม่ได้พูดอะไรอีก

"ปกติเลิกเร็วไม่ได้ไปไหนต่อหรอ?" ผมชวนอีกคนคุยขึ้นมาเพราะไม่อยากให้มันเงียบจนเกินไป

"ไม่"

"แล้วไม่อยากไปไหนเลยหรอ"

"ไม่"

"เสียดาย พี่ว่าจะชวนคิงไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อย อดเลยเนอะ"

"ไป"

คราวนี้อีกคนรีบตอบกลับมาอย่างไวเหมือนกลัวจะไม่ได้ไป น่ารักแบบนี้ผมอดใจจะไม่แกล้งไม่ได้จริงๆ

"ไม่เป็นไร คิงไม่อยากไปพี่ก็ไม่ฝืนใจหรอกเดี๋ยวจะไม่สนุกซะเปล่า"

"ไป"

"จะดีหรอ พี่ไม่อยากให้เราลำบากใจ ไม่ไปดีกว่าเนอะ"

"พี่ควิน"

"ครับคิง"

"..." ตอนนี้กำลังติดไฟแดงคิงก็หันมาจ้องมาผมอย่างเอาเรื่อง แล้วผมเป็นอะไรก็ไม่รู้พออีกคนทำหน้าแบบนี้ใส่ทีไรผมก็แกล้งต่อไม่ลงทุกที

"โอเค พี่ขอโทษนะครับ"

"อือ"

"งั้นคิงไปดูหนังกับพี่นะ"

"อือ"

"น่ารัก"

"แล้วรักมั้ย?"ถามออกมาแถมส่งสายตาเป็นลูกหมามาให้อีก ใจผมบางนะครับ

"ร..."

"..."

"รีบไปดีกว่า ไฟจะเขียวแล้วนะ"

"พี่ควิน!"

"5555555555555"

คิงพาผมมาที่ห้างที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่จริงๆผมก็มีหนังที่อยากดูอยู่แต่ก็ยังไม่ได้วางแผนมาดูจริงจัง วันนี้มีโอกาสได้อยู่กับร่างสูงเลยเอาเรื่องนี้มาใช้เป็นข้ออ้างที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันให้นานขึ้น โอ้ยย ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ เกิดมายังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นคนแบบนี้ ฮือ

หนังที่ดูวันนี้เป็นหนังที่ผมเลือก อีกคนบอกว่าดูอะไรก็ได้ผมเลยเลือกหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งที่พึ่งเข้าโรง เราแยกกันไปผมไปซื้อตั๋วส่วนคิงไปซื้อน้ำ พอดีว่ามันใกล้เวลาดูพอดีเราเลยเข้าไปรอได้เลย ระหว่างที่ดูหนังก็ไม่มีอะไรมากมาย เราคุยกันบ้างบางฉากที่ไม่ค่อยเข้าใจแต่แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากจนพูดออกมาไม่ถูก จนกระทั่งหนังจบผมก็ชวนอีกคนไปซื้อของใช้นิดหน่อยคิงเองก็ไม่ได้ขัดอะไรอาสาเข็นรถตามเงียบๆ ผมก้หยิบนู้นหยิบนี่ลงรถเข็น บางครั้งคิงก็บอกให้หยิบบางอย่างให้ผมก็หยิบจนมาถึงแผนกของสด ผมเดินเลือกของผักและหมูไปติดห้องนิดหน่อย​เผื่อไว้ทำกิน

"ข้าวผัด"

"ห้ะ"

"อยากกินข้าวผัด" ผมก้มหน้าลงเลือกเนื้อหมูใส่ถุงพลางอมยิ้มไปด้วย

"แล้วมาบอกพี่ทำไม"

"..."

"อ้าว จะไปไหนน่ะ" คิงเข็นรถหนีไปเลยพอได้ยินผมพูดแบบนั้น555555555

"จะไปซื้อข้าวผัด"

"แหมม พี่หยอกนิดหยอกหน่อยเอง"

"..."

"หึหึ โอ๋ๆ พี่แกล้งนิดเดียวไม่งอนเนอะ" ผมลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู อีกคนก็ก้มหน้าลงนิดหน่อยเหมือนให้ผมลูบให้ถนัดกว่าเดิม

"ข้าวผัด"

"ครับๆเดี๋ยวพี่กลับไปทำให้นะ" ผมลดมือลงแล้วแต่ถูกอีกคนคว้าไปจับไว้

"เอาไข่เจียวด้วยนะ"

"55555555555555555555 อ้าว เดี๋ยว รอพี่ก่อนนนนนนน"









 ไข่เจียวกับข้าวผัด นี่เป็นเด็กหรือไงนะ หึหึ






































__________________________________________________



เอาล่ะจ้า ตอนหน้าจะได้ไปกินกันในครัว? 5555555555555555555555555

ขอบคุณทุกคนที่คอมเมนท์และติดตามนะค้าา จะพยายามแต่งออกมาให้เร็วขึ้นน้าา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-02-2018 09:26:37
ติดตามค้าาา :mew2:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 05-02-2018 11:28:27
คนน้องก็ถูกคนพี่แกล้งซะ :m20:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-02-2018 09:14:00
คิงเหมือนจะน่าสงสารนิดๆเลยอ่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 12-02-2018 00:57:34
​​ตอนที่ 8





พาร์ท ควิน





"เดี๋ยวคิงเข้าไปเปิดอะไรดูรอไปก่อนก็ได้นะ พี่ทำอาหารไม่นานหรอก"​ ผมเปิดประตูเข้าห้องมาถอดรองเท้าพลางบอกคนที่ตามมาให้เข้าไปรอด้านใน คิงเดินเอาของที่แย่งผมไปถือไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวข้างห้องครัว ผมเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแล้วเดินออกมาก็เห็นว่าอีกคนที่มาด้วยกันยืนรออยู่ที่เดิม "อ้าว ทำไมยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ไปเปิดทีวีดูได้เลยนะ"

"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?"

"ช่วย? นี่คิงทำอาหารเป็นด้วยหรอ?" นี่ผมลืมนึกไปเลยว่าอีกคนก็อาจจะทำอาหารเป็นก็ได้ ผมเด๋อไปเสนอหน้าทำให้เขากินหรือเปล่าวะเนี่ย

"ไม่เป็น"

"เอ้า!"

"อยากช่วยพี่"

"อ๋อ เมื่อกี๊พี่ก็นึกว่าคิงทำอาหารเป็นซะอีก" ผมถอนหายใจกับความคิดชั่ววูบของตัวเองก่อนจะชวนอีกคนให้ตามเข้ามาในครัวด้วยกันคว้าถุงเอาของสดออกมาพอจัดแจงอะไรเสร็จผมก็ยื่นถ้วยกับส้อมให้คิงที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก คิงทำอาหารไม่เป็นผมเลยว่าจะแค่ให้เขาทอดไข่ง่ายๆคงไหวแหละ "เราช่วยพี่ทำไข่เจียวแล้วกัน ไข่อยู่ในตู้เย็นนะ

"พี่ควิน...ไข่กี่ฟอง"

"พี่ว่าสองฟองก็น่าจะพอแล้วมั้ง"

"..." คิงพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบไข่ในตู้เย็นส่วนผมก็หันมาสนใจกับการทำข้าวผัดรงหน้าแทน


เผละ!


"มีอะไรหรือปะ...เจียวไข่ไม่เป็นใช่มั้ยครับ" พอได้ยินเสียงบางอย่างผมก็หันไปหาต้นเหตุของเสียงนั้นทันทีก่อนที่ภาพตรงหน้าจะบอกทุกอย่างกับผมได้ คิงยืนมองผมตาปริบๆในมือมีซากของเปลือกไข่ที่แตกคาอยู่ส่วนตัวไข่ข้างในนั่นนอนตายอย่างสงบนิ่งอยู่ที่พื้นแล้วเรียบร้อย อย่าว่าแต่เจียวไข่ไม่เป็นตอกไข่ยังไม่รอด นี่ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรอถึงจะพอดูออกว่าเป็นคุณชายแต่นี่มันเกินความคาดหมายไปหน่อยแล้ว

"...ขอโทษ"

เฮ้อออ ไอ้สายตาเหมือนหมาหงอยนี่ผมไม่เคยจะต้านทานมันไหวสักที สภาพยืนก้มหน้ามองเศษซากจากฝีมือตัวเองทำไมมันรู้สึกอยากดึงเข้ามาโอ๋จังวะ ใจผมจะบางไปถึงไหน

"ไม่เป็นไร เอาผ้าตรงนั้นมาเช็ดแล้วค่อยทำใหม่"

"ผมไปรอข้างนอกดีกว่า"

"ทำไมล่ะ"

"...ผมทำไม่เป็น" คำตอบของคิงน่าเอ็นดูจนผมต้องส่งยิ้มปลอบใจไปให้

"แต่พี่สอนเป็น เอาผ้ามาเช็ดก่อนเดี๋ยวพี่สอนให้นะ"

"มันจะทำให้พี่ลำบาก"

"ฝึกไว้ไม่ดีหรอ...วันหลังจะได้ทำให้พี่กินบ้างไง"

"อือ" คิงกระตุกยิ้มมุมปากครางรับในลำคอกลับมาหลังจากี่ผมพูดจบแล้วเดินไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นที่เลอะเทอะ ผมเดินไปหยิบไข่มาเพิ่มแทนใบที่แตกไปเมื่อกี๊ พอคิงเช็ดเสร็จผมก็ไปยืนด้านข้างแล้วเริ่มสอนตั้งแต่ตอกไข่กันไปเลย

"เมื่อกีี๊ที่มันแตกคงเพราะคิงเคาะแรงไป เคาะเบาๆสองสามครั้งแบบนี้ก็พอ" ผมตอกไข่ให้เด็กโข่งดูฟองนึงที่เหลือก็ให้เจ้าตัวลองทำเอง ถึงแม้จะดูเก้ๆกังๆแต่สีหน้าของคิงดูตั้งใจมาก ผมปรุงไข่นิดหน่อยแล้วสอนให้คิงตีไข่ไป ระหว่างนั้นผมก็หันมาทำข้าวผัดต่อให้เสร็จ "ตีเสร็จรอพี่แปบนึงนะ ทอดไข่อ่ะแปบเดียวเดี๋ยวค่อยทอดไข่ทีหลัง" คิงพยักหน้าแล้วตีไข่ต่อไป จริงๆมันก็ตีไข่แปบเดียวแต่ให้เขาตีต่อไปเถอะเนอะ5555555 ผมผัดข้าวจนเสร็จก็ตักใส่จานแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ กลับมาตั้งกระทะทอดไข่ต่อ "พอน้ำมันเดือดเราค่อยๆเทลงไปนะ"

"อือ"

"อ่ะเดือดแล้วเทลงไปเลย"


ฟู่!



"โอ๊ย!"

"เห้ย"

 บอกว่าค่อยๆเทแต่อีกคนกลับเทพรวดเดียวลงกระทะไปหมดเลยครับ ไม่พอดันไปเทซะสูงน้ำมันก็เลยกระเด็นไปหมด เสียงอีกคนร้องคิดว่าน่าจะโดนน้ำมันกระเด็นใส่ไป ผมตกใจแต่ก็ต้องรีบคว้าตะหลิวมาพลิกไข่แล้วต้องไล่อีกคนไปรอข้างนอกก่อน

"รีบล้างก่อนเลยเดี๋ยวเป็นแผล ตรงนี้พี่ทำต่อเอง ไปๆ" ใจผมนี่อยากไปดูแขนน้องมากแต่ก็ทิ้งตรงนี้เลยไม่ได้อีก ผมรีบพลิกไข่ไปมาทอดจนเสร็จแม้จะมีด้านหนึ่งค่อนข้างจะกรอบไปบ้างแต่ก็โอเค พอจัดใส่จานเสร็จผมก็เดินไปหาอีกคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวทันที

"ไหน โดนกระเด็นใส่ตรงไหนบ้าง"

"ที่แขนนิดเดียว"

"บอกแล้วว่าค่อยๆเทฟังพี่มั้ยห้ะเนี่ย แล้วนี่เจ็บตัวอีกแล้วทำไมถึงได้มีแต่เรื่องเจ็บตัวตลอด นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วทำไมเป็นคนแบบนี้นะ ยังจะมายิ้มอีก สำนึกบ้างหรือเปล่าเนี่ย"

"ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ห่วง"

"ถ้ารู้ว่าพี่ห่วงทีหน้าทีหลังก็ดูแลตัวเอ..." นี่ผมเสียท่าเด็กโข่งเข้าแล้วใช่มั้ย? พอรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไปมันก็พูดต่อไม่ถูก ผมเลยเฉไฉไปคว้าแขนคนตรงหน้ามาดูว่ามีรอยตรงไหนบ้างเท่าที่เห็นก็มีรอยแดงเป็นจุดเล็กๆนิดเดียวคงจะไม่ได้โดนอะไรเยอะ คงไม่เป็นไรหรอก

"แสบนิดหน่อยไม่เท่าไหร่"

"ทายากันไว้หน่อยแล้วกัน แปบนะ อ๊ะ!"

ผมเตรียมจะเดินไปหายามาทาให้แต่ถูกบางคนคว้าเอวไว้แรงฉุดรั้งแรงพอที่ตัวผมจะเซไปทางที่ใครบางคนนั้นนั่งอยู่และถูกโอบเอาไว้อย่ารวดเร็ว ตอนนี้ตัวของผมถูกอ้อมแขนแกร่งกอดรัดเอาไว้ใบหน้าคมเข้มชวนหลงใหลแนบเข้ามาที่หน้าท้อง ผมตัวแข็งทื่อใจเต้นแรงเพราะทำอะไรไม่ถูกนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้ใกล้ชิดกับอีกคนขนาดนี้ กลุ่มผมสีเข้มที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้ขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังหามุมที่เหมาะจะซุกหน้าเอาไว้ อาการแบบนี้ไม่ว่ายังไงก็คิดได้อยู่อย่างเดียวคือเด็กโข่งตรงหน้ากำลังอ้อนผมอย่างแน่นอน ผมลายความตื่นเต้นลงแล้วค่อยๆยกมือข้างหนึ่งไปวางไว้บนไหล่หนาของคิงส่วนมืออีกข้างวางลงไปบนกลุ่มผมที่ซุกอยู่ที่หน้าท้อง ผมของคิงเป็นอีกอย่างที่ผมชอบที่จะสัมผัสถึงจะเป็นผู้ชายแต่ผมสีดำสนิทที่ไม่ผ่านการทำสีมาทำให้ผมของคิงนุ่มลื่นกว่าผมของผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำยิ่งเวลาที่ลูบผมของอีกคนยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นทุกครั้งและก็เหมือนกับว่าอีกคนจะชอบมันไม่ใช่น้อยเพราะทันทีที่มือวางลงบนกลุ่มผมนิ่ม​ศีรษะที่ขยับยุกยิกก็หยุดลงทันที ผมระบายยิ้มออกมาเพราะไม่สามารถจะเก็บมันไว้ได้อีก ทุกการกระทำของคิงมีผลต่อจิตใจของผมมากกว่าที่ผมเคยคิดเอาไว้ ยิ่งรู้จักคนๆนี้มากเท่าไหร่ยิ่งไม่อยากให้ใครรู้จักเหมือนที่เขารู้จัก ยิ่งได้เห็นอะไรจากคนๆนี้ยิ่งอยากเก็บเอาไว้คนเดียว จากที่เคยคิดว่าถ้าหลังจากนี้จะเป็นยังไงก็จะยอมรับมันแต่พอมาตอนนี้กลับไม่อยากจะยกความน่ารักที่ผมได้ครอบครองอยู่ตอนนี้ให้ใครอีก...และอยากให้คนๆนี้คิดเหมือนกับที่ผมคิด

"ไหนอยากได้อะไรบอกพี่มาซิ"

"พี่ควิน"

"..."

"พี่ควิน"

​"ครับ"

"...เรื่องของเรา"

"เดี๋ยว" ผมพอจะนึกออกว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไรถึงต้องรีบหยุดอีกคนไว้ก่อนจะพูดจบ อีกคนผละตัวออกจากหน้าท้องของผมแล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิทแต่ถึงอย่างนั้นวงแขนแกร่งก็ยังคงโอบรอบเอวผมไว้

"ทำไม"

"คือฟังพี่นะ พี่รู้ว่าคิงกำลังจะพูดอะไร เรื่องระหว่างเราพี่รู้ว่าคิงเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างจากพี่สักเท่าไหร่แต่พี่อยากให้ความรู้สึกมันชัดเจนกว่านี้ เราพึ่งจะเจอกันได้ไม่กี่วัน เราได้คุยกันจริงๆไม่กี่คำ พี่แค่อยากให้คิงแน่ใจว่ามันจะไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบ อยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้อีกนิดถ้าเกิดว่าหลังจากนี้มันมีอะไรที่เราไม่โอเคอย่างน้อยเราก็จะยังถอนตัวกันทันแต่ถ้าหลังจากนี้คิงมั่นใจแล้วว่ามันโอเคพี่ก็จะไม่ห้ามเราอีก พี่ไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเร็ว...ต้องจบเร็วไปด้วย"

ผมกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจในตัวเองแต่เพราะว่าผมรู้ใจตัวเองดีว่าตัวผมคิดที่จะจริงจังกับคิงมากแค่ไหนผมถึงต้องรอ แม้ว่าผมจะชอบคิงมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่รู้ว่าคิงจะคิดเหมือนผมจริงไหม เอาจริงคือผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคิงเลย ไม่รู้ว่าคิงจะแค่เผลอตัวอยากลองหรือว่าจะจริงจังกันแน่

"ผมชอบพี่"

"คิง" หัวใจผมเต้นรัวเมื่อได้ฟังถ้อยคำหนักแน่นและได้เห็นแววตาจริงจังคู่นั้น ใจผมเกินครึ่งสั่งให้ผมคว้าโอกาสนี้ไว้แต่อีกส่วนที่เหลืออยู่น้อยนิดบอกให้หยุดยั้งตัวเองไว้ก่อน ผมจะทำยังไงดี

"และผมรู้ว่าพี่เองก็ชอบผม"

"แต่คิงแน่ใจแล้วงั้นหรอ"

"ผมรู้ว่าผมเป็นคนยังไง"

"..."

"พี่ควิน...พี่ไม่ต้องเชื่อผมตอนนี้ก็ได้"

"..."

"ให้เวลาพิสูจน์เรื่องนี้ ผมจะรอจนกว่าพี่จะมั่นใจ โอเคมั้ย?"

"อืม ขอบใจนะ" คิงพยักหน้าตอบรับและซุกตัวเข้าแนบที่เอวผมเหมือนเดิม

"ขออยู่แบบนี้สักพัก...แล้วก็นะพี่ควิน" คิงพูดโดยที่ยังซุกหน้าอยู่อย่างนั้น

"ครับ?"

"อย่าลืมว่าผมจองพี่ไว้แล้ว ห้ามไปคุยกับใครเด็ดขาด"

"หึหึ เด็กขี้หวง"

"มาก"

"คิง"

"หืม"

"เงยหน้ามา"

"ทำไม..." ทันทีที่คิงเงยหน้าขึ้นมาผมก็ก้มลงไปมือข้างที่เคยวางบนผมนุ่มของอีกคนตอนนี้กำลังจับคางของอีกคนประคองให้เงยขึ้นมาอย่างที่ผมต้องการ ผมแนบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกคนเบาๆแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว

"พี่ก็จองเราแล้วเหมือนกันเพราะงั้นห้ามไปคุยกับใครเด็ดขาด"

"...พี่ควิน"

"ครับ"

"พี่ควิน"

"เด็กน้อย"

คิงรั้งเอวผมเข้าไปกอกไว้แน่นกว่าเดิมซุกหน้าหนีไปไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้าผมสักนิด หูแดงๆนั่นเป็นเหตุผลของรอยยิ้มที่กว้างกว่าปกติของผมได้อย่างดี ตอนนี้ถึงผมจะเมื่อยแค่ไหนแต่ก็จะขอยืนต่อไปอีกสักพักก็แล้วกันครับ









"ครั้งหน้าจะลองใหม่"

"พี่ว่าอย่าดีกว่าเดี๋ยวก็ได้แผลอีก"

"ครั้งหน้าจะค่อยๆเท"

"ให้พี่ทำน่ะดีแล้ว"

"จะทำให้พี่กิน"

"งั้นพี่จะตั้งหน้าตั้งตารอชิมเลยเอ้า"

นี่ผมกำลังเถียงเรื่องทอดไข่กับคุณชายอยู่ครับ ยังไงคิงก็ยืนยันว่าจะทอดให้ได้แต่ผมกลัวว่าจะมีแผลอีกจนได้เลยไม่อยากให้ทำแต่ก็นั่นแหละสุดท้ายผมก็ต้องยอมอยู่ดี ผมล้างจานอยู่ตรงครัวส่วนคิงที่ตอนนี้นั่งเถียงผมอยู่ที่โซฟา ผมวางจานใบสุดท้ายลงแล้วเดินออกมาหาอีกคนพลางเหลือบมองนาฬิกา

"นี่สามทุ่มแล้ว คิงจะกลับตอนไหนอ่ะ"

"ง่วงแล้ว"

"ห้ะ เห้ย เดี๋ยว!" พูดจบปุ๊บอยู่ดีๆร่างสูงยาวของคิงก็ทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาเสียอย่างนั้นแถมยังส่งสายตาหมาน้อยมาให้ผมปริบๆอีก มันน่ารักนักรู้ับ้างไหมเนี่ย

"ง่วง"

"ง่วงแล้วหรอ"

"อือ"

"งั้นก็คงต้องกลับเลยสิ เวลาก็ผ่านไปไว๊ไวเนอะ"

"..."

"ไปๆ ง่วงแย่แล้วพี่เป็นห่วงงงงงง"

"เมื่อไหร่จะเลิกแกล้ง"

"ใครแกล้ง ก็ไหนว่าง่วง"

"พี่ควิน!"

"ครับ"

"...กลับล่ะ"

"หืม" คิงผุดลุกขึ้นมาหน้าตาบึ้งตึง นี่คงจะเคืองผมไม่ใช่น้อยอีกแล้ว 55555555555

"จะกลับ"

"อืม บาย"

"จิ๊!"

"55555 ไม่หงุดหงิดน่า ก็รู้ว่าพี่แกล้งจะคิดมากทำไมห้ะ"

"กวนอ่ะ"

"ครับๆ คืนนี้จะนอนห้องพี่ก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก"

"พี่รู้ตัวมั้ยว่าพี่ใจดี"

"ก็ปกตินะ"

"คนอื่นเค้าจะชอบพี่"

"แล้วพี่ชอบคนอื่นหรอ"

"ชอบผม"

"จะกลับห้องตอนนี้ก็ทันนะ"

"ใครจะกลับ"

ผมเริ่มจะหมั่นไส้คนแถวนี้แล้วล่ะครับ ผมเลิกเถีบงแล้วเข้าห้องมาเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ไปให้คิงแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำคิงรับแล้วเข้าห้องน้ำไป ส่วนเสื้อผ้าผมกับคิงก็ตัวก็พอกันแค่อีกคนมีกล้ามเนื้อแน่นกว่าก็แค่นั้นเสื้อผ้าเลยไม่น่าจะเป็นปัญหามากเท่าไหร่ ผมนั่งรออาบน้ำต่อจากคิงก็เปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อยสักพักเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเรียกสายตาของผมให้หันไป ภาพตรงหน้าทำหน้าผมร้อนไปหมด คิงเดินออกมาในสภาพพันผ้าขนหนูที่เอวไว้อย่างหมิ่นเหม่จนน่าหวาดเสียว หุ่นในฝันของผู้ชายเกือบทุกคนกำลังปรากฎต่อหน้าผม หยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามลำตัวยิ่งทำให้ยากจะละสายตาออกมาแม้จะเขินอายแค่ไหนก็ตาม แต่พอเงยไปสบตากับเจ้าของหุ่นนั่นที่มองมายิ้มๆผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวของตัวเองแล้ววิ่งผ่านอีกคนเข้าห้องน้ำไป

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ออกจากห้องน้ำมาในสภาพที่ไม่ต่างจากคิงเมื่อกี๊นี้เท่าไหร่ ตอนนี้คิงนั่งอยู่ปลายเตียงใส่ชุดที่ผมเตรียมไว้ให้ คิงท่ได้ยินเสียงประตูเปิดออกก็หันมามอง สายตาที่อีกคนมองมาก็คงไม่ต่างจากผมเมื่อสักครู่ อ่อ คนโดนจ้องมันรู้สึกแบบนี้สินะ ผมยิ้มบางไปให้คิงอย่างรู้ทันจนอีกคนหันหน้ากลับไปดูทีวีเหมือนเดิม ผมแต่งตัวเสร็จก็ออกไปตรวจดูข้างนอกว่าปิดอะไรหมดแล้วหรือยังเสร็จแล้วก็เข้าห้องมาปิดไฟแล้วทิ้งตัวลงที่เตียง คิงที่เห็นแบบนั้นก็ขยับขึ้นมานอนข้างๆกัน ตอนนี้แสงสว่างที่มีคือแสงจากโทรทัศน์เท่านั้นทำให้บรรยากาศมันค่อนข้างจะ เอ่อ ว่ายังไงดีล่ะ นั่นแหละ ทุกคนเข้าใจนะ55555

"พรุ่งนี้คิงมีเรียนกี่โมง"

"บ่าย"

"อืมพี่มีเรียนเช้า งั้นถ้าเกิดคิงตื่นทีหลังพี่เวลาออกจากห้องก็ฝากล้อคห้องด้วยนะ"

"อือ"

เรานั่งดูหนังต่ออีกแปบเดียวหนัังก็จบคิงเดินไปปิดทีวีแล้วกลับมานอนต่อ ตอนนี้ในห้องมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาแต่ผมรู้ว่าเรากำลังนอนหันหน้าเข้าหากันและรู้สึกได้ว่าเราอยู่ใกล้กันมากทีเดียว

"กอดได้มั้ย"

"พี่ห้ามตอนไหนล่ะ"

ตัวของผมถูกรั้งเข้าไปในอ้อมแขนของอีกคนแม้ว่าตัวของผมกับคิงจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่แต่ผมว่ามันไม่ได้เป็นอุปสรรคสักนิด สายตาที่เริ่มปรับเข้ากับความมืดได้ทำให้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนเกือบจะติดกัน เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราอีกครั้งลมหายใจขอคิงรินรดใบหน้าของผมและใกล้เข้ามาทุกที ผมหลับตารอรับสัมผัสที่อีกคนกำลังจะมอบให้อย่างเต็มใจและในที่สุดริมฝีปากเราก็เชื่อมต่อกัน เริ่มต้นด้วยความละมุนละไมจุมพิตที่คิงมอบให้มีแต่ความอ่อนโยนและถนุถนอมก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนเมื่ออีกคนอาศัยจังหวะที่เผลอสอดลิ้นเข้ามาแล้วเริ่มทำการสำรวจภายในของผม ไม่ว่าผมจะหลบหลีกไปทางไหนก็หนีอีกฝ่ายไม่พ้น ริมฝีปากที่บดเบียดเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ เรียวลิ้นของอีกคนที่เกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นผมไม่ยอมห่างแทบไม่มีจังหวะหายใจ

"อื้อออ" ผมครางออกมาเมื่อเริ่มจะปรับลมหายใจไม่ทันคิงละริมฝีปากออกไปแค่นิดเดียวให้ผมได้หายใจแต่แล้วก็ประกบเข้ามาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ร่างหนาของอีกคนพลิกตัวเองขึ้นไปคร่อมเหนือร่างของผมสองแขนท้าวลงกับที่นอนกักขังผมเอาไว้ภายใต้ร่างแกร่งโดยที่ริมฝีปากไม่ได้แยกจากกันเลยสักนิด คิงมอบจูบให้ผมซ้ำๆพอผมเริ่มจะหายใจไม่ออกอีกคนก็ผละออกแล้วจูบใหม่อยู่แบบนี้ จนผมเริ่มจะหยุดยั้งตัวเองยากขึ้นทุกที

"พอ พอได้แล้ว" ผมอาศัยจังหวะสั้นๆรวบรวมสติแล้วรีบหยุดยั้งคิงไว้ก่อนที่มันจะรั้งไม่อยู่มากไปกว่านี้ คิงถอนริมฝีปากที่เคล้าคลึงอยู่กับริมฝีปากผมออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะกดจูบย้ำลงมาอีกทีแล้วพลิกตัวเองลงนอนข้างๆเหมือนเดิมพร้อมรั้งตัวผมไปกอดไว้แน่นจนหน้าผมตอนนี้อยู่บริเวณลำคอของหนาของอีกคน จนกระทั่งตอนนี้ลมหายใจของเรายังไม่กลับมาเป็นปกติ ผมเหนื่อยยิ่งกว่าไปวิ่งรอบมหาลัยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าไปอดอยากมาจากไหนและผมนี่จะเคลิ้มอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้

"ถ้าพี่ห้ามช้ากว่านี้อีกนิดเดียวผมก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อกี๊จะหยุดได้มั้ย"

"พี่ว่าเรานอนเถอะนะ"

"อืม" คิงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักนิด ผมขยับตัวนิดหน่อยให้ได้มุมที่พอใจแล้วหลับตาลง "พี่เป็นคนแรกที่ทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้ นี่พี่ทำอะไรกับผมหรือเปล่าพี่ควิน"

คำพูดของคิงที่ผมไม่ได้ตอบออกไปเป็นคำพูดที่ทำให้คืนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะฝันดี ในคืนนี้จะเป็นคืนที่ดีที่สุดที่ผมเคยมี...







"ฝันดีนะคิง"



































________________________________________________

ฮัลโหล มีใครอยู่มั้ยยยยย? ขอโทษที่มาช้านี่รีบสุดแล้วจริงๆน้า ตอนนี้พี่จะให้คนอ่านได้เก็บเกี่ยวความฟินเอาไว้ จะหลอกให้คนอ่านตายใจ5555555555555555555555 ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอขอบคุณทุกเมนท์ทุกกำลังใจ ติดขัดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ พี่จะพยายามแต่งให้ดีขึ้นค่ะ รักทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2018 01:34:32
ขนาดนี้แล้ว เป็นแฟนกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-02-2018 21:56:56
ยังไม่ทันได้ตกลงเป็นแฟนกัน ก้อเกือบไปแล้วววววว
วั๊ยยยย วั๊ยยยย
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 15-02-2018 12:22:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 23-02-2018 00:36:04
ตอนที่ 9





พาร์ท ควิน





เช้านี้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอกับซอกคอของคนที่นอนกอดผมมาทั้งคืนทันที เรื่องเมื่อคืนเหมือนฝันไป เอ๊ะ หรือว่าผมฝันไปจริงๆแต่ร่างกายของอีกคนที่สัมผัสอยู่ตอนนี้คงตอบคำถามทั้งหมดได้อย่างดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ยังคงหลับใหลอยู่ในนิทรา นี่ขนาดหลับอยู่มองมุมเสยยังหล่อ คนอะไรวะ ผมเริ่มจะอิจฉาในความเพอร์เฟคของอีกคนแล้วนะ ผมเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เข็มสั้นบนหน้าปัดชี้ไปที่เลขแปดนั่นหมายความว่าผมมีเวลาอาบน้ำแต่งตัวไปมหาลัยแค่ชั่วโมงเดียว แม้จะอยากอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนต่อสักแค่ไหนแต่ก็ต้องตัดสินใจลุกขึ้นสักที ผมพยายามยกแขนของอีกคนที่พาดอยู่บนตัวผมออกช้าๆแต่คงไม่ช่วยอะไรเพราะเจ้าของร่างที่กอดเขาไว้ทั้งคืนเริ่มรู้สึกตัวแล้ว

"เช้าแล้วหรอ"

"แปดโมงแล้ว คิงนอนต่อไปอีกสักพักก็ได้"

"อือ"

คิงพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาและหลับไปทั้งอย่างนั้น ผมปล่อยให้อีกคนนอนต่อไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป สักพักพอผมออกมากลับเห็นคนที่ควรจะนอนหลับอยู่ตอนนีี้ดันมานั่งสัปหงกอยู่ปลายเตียงแทน ผมเดินเข้าไปสะกิดคิงสองสามครั้งเจ้าตัวก็สะลึมสะลือขึ้ยมามองพอเห็นว่าเป็นผมยืนอยู่ตรงหน้าก็เอาหัวมาพิงท้องผมแล้วนิ่งไปเฉย

"ง่วงก็ไปนอน ตื่นมาทำไมครับ"

"เดี๋ยวไปส่ง"

"ไปส่งพี่? ไม่เป็นไรพี่ไปเองได้"

แต่คนตรงหน้าใช่ว่าจะฟังส่ายหัวไปมาเป็นการบอกว่าไม่ยอมรับฟังสิ่งที่ผมพูดอย่างแน่นอน ผมเลยรับปากไปแต่ให้อีกคนนอนรอแล้วถ้าแต่งตัวเสร็จผมจะมาเรียกอีกคนเลยพยักหน้ารับรู้แล้วขึ้นไปหนุนหมอนนอนแต่โดยดี ผมส่ายหน้าและยิ้มให้กับอีกมุมหนึ่งของเด็กขี้เซาบนเตียงที่ผมเพิ่งเคยได้เห็น ปกติผมเป็นคนที่ติดจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนะแต่ว่าตั้งแต่มาเจอกับคิงผมว่าผมยิ้มมากขึ้นเข้าไปทุกที ถ้าอีกคนยังทำตัวน่ารักแบบนี้อีกหน่อยปากผมคงจะต้องฉีกไปถึงหูแน่ๆเลย

ผมปล่อยให้อีกคนนอนแล้วหันมาแต่งตัวให้เรียบร้อยจนกระทั่งแต่งตัวเสร็จก็เห็นว่าคนขี้เซายังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง พอเห็นว่าอีกคนหลับสบายผมก็ทำใจปลุกไม่ลงตัดสินใจเดินลงไปขึ้นรถไปมหาลัยเองในที่สุด ระหว่างที่อยู่บนรถผมก็ไลน์ไปบอกคนที่หลับอยู่ในห้องว่าผมออกไปก่อนแล้วนะ หวังว่างานนี้ผมคงจะไม่โดนคิงโกรธหรอกนะครับ

ผมมาถึงมหาลัยอย่างฉิวเฉียดพอเดินมาที่โต๊ะก็เห็นว่าแก๊งผมมากันครบหมดแล้ว ไม่ทันจะหย่อนตูดแตะเก้าอี้ไอ้ชาร์ปไอ้ซองก็ทำการสอบสวนผมทันที

"เป็นไงมั่งไอ้ควิน

"มีอะไรบ้างเล่ามาให้หมด"

"อะไรของพวกมึง ก็ปกติอ่ะ"

"มึงอย่ามาาา กลับด้วยกันเฉยๆหรอกูไม่เชื่อ"

"เออมึงอย่ามาหมกพวกกู นี่เพื่อนไงเล่ามาซะดีๆ"

"ก็มันไม่มีอะไรมึงจะให้กูเล่าอะไรวะ"

"โห่ไรวะ กากจริงมึง"

"เป็นกูนี่ไม่ปล่อยให้รอดไปหรอก"

ไอ้ซองไอ้ชาร์ปบ่นผมไปอีกยาว หาว่าผมชักช้างู้นงี้ไป ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เร้าใจพวกมันเลย เหตุการณ์ที่เร้าใจงั้นหรอ...เหมือนผมได้ยินเสียงหน้าตัวเองไหม้เพราะดันไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานก่อนนอนซะได้ ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนั้นได้วะ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แต่จริงๆเราก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าอีกคนคิดยังไงก็คุยกันเข้าใจแล้วเพราะงั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ...ทำไมมึงใจง่ายยังงี้วะไอ้ควิน! ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดอกุศลทิ้งไปพอดีกับที่ได้เวลาขึ้นไปเรียน ผมเดินตามไอ้คู่หูมหาประลัยไปพร้อมๆกับไอ้เต

"ควิน"

"ห้ะ"



"ถ้าไม่มีอะไรจริงมึงจะหน้​าแดงทำไม"



เหมือนตอนนี้มีไฟลุกอยู่บนหน้าผมผมหันไปมองหน้าไอ้เตมันก็กระตุกยิ้มยักคิ้วมาให้อย่างรู้ทัน ผมเลยส่งยิ้มให้มันอย่างรู้กันมันก็ไม่ตอบอะไรนมาพาเอาแขนมาพาดไหล่ผมแล้วพากันกอดคอกันไปเรียน ระหว่างที่เรียนอยู่คนที่ผมปล่อยให้นอนอยู่ก็ส่งไลน์มาว่าทำไมผมถึงไม่ปลุกยังงู้นยังงี้ ผมก็ตอบกลับไปว่าไม่อยากปลุกอยากให้นอนต่ออะไรประมาณนี้คิงก็ไม่ตอบอะไรเรื่องนี้อีกส่งมาแค่ว่าเย็นนี้ให้กลับด้วยกัน

ตกเย็นคิงมารับที่คณะแล้วก็เป็นอย่างที่ผมคาดไม่มีผิด ทันทีที่ขึ้นรถไปเด็กน้อยของผมก็เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรกับผมสักคำสุดท้ายผมก็เลยต้องง้อก้วยอาหารเย็นและเตียงนอนอีกหนึ่งคืนแถมยังโดนแทะเล็มอีกนิดหน่อย แต่ไม่รู้สิครับยอมรับเลยว่าผมเต็มใจที่จะง้ออีกคนสุดตัวไปเลยครับ

.

.

.

.

.

.

หรือผมจะแกล้งให้คิงงอนบ่อยๆดี?







ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาคิงมารับมาส่งผมทุกวันแถมยังมานอนที่ห้องผมตลอดอีกแม้ว่าวันไหนที่คิงไม่มีเรียนตอนเช้าแต่เจ้าตัวก็จะตื่นมาส่งผมถึงขนาดที่ว่าแม้จะง่วงแค่ไหนแต่ก็จะตื่นมานั่งรอผมแต่งตัวเพราะกลัวว่าผมจะแอบหนีไปเองอีก แเห็นแล้วสงสารก็สงสาร เอ็นดูก็เอ็นดู ทีสำคัญคือตอนนี้เหมือนคิงจะรู้แล้วว่าผมแพ้ทางเขาขนาดไหน ทีนี้พอคิงอยากได้อะไรก็จะเริ่มมางุ้งงิ้งมาอ้อนจนผมใจอ่อนจนได้ ผมก็ดันแพ้ไอ้ท่าทางน่ารักนั่นจนยอมไปหมด เบื่อตัวเองเหมือนกันครับ5555555 แล้วตอนนี้ก็มีหลายคนที่เริ่มสงสัยเรื่องของผมกับคิง บางคนก็แอบถ่ายรูปไปลงตามเพจไปหาสาเหตุที่ผมกับคิงเริ่มสนิทกันมากขึ้นไม่เว้นแม้แต่เพจดังของมหาลัยที่เอารูปที่ผมอยู่กับคิงไปลง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับเพราะถ้าเกิดว่าผมกับคิงคบกันขึ้นมาจริงๆทุกคนก็ต้องรู้อยู่ดี ตอนนี้ใครอยากจะคิดยังไงก็ให้เขาพูดไป ใครเข้ามาถามผมก็แค่ยิ้มตอบไปแค่นั้น

วันนี้เป็นวันเสาร์แต่เมื่อคืนคิงไม่ได้มานอนกับผมหรอกนะครับเพราะเห็นว่าต้องกลับไปนอนที่บ้าน วันนี้ทั้งวันก็เลยยังไม่ได้เจอกันแต่ก็คุยแชทกันตลอดทั้งวัน ผมใช้เวลาทั้งวันไปกับการจัดห้อง เอาผ้าไปซักที่ชั้นล่างและเก็บกวาดห้องที่รกเพราะมีอีกหนึ่งชีวิตมาสถิตอยู่เพิ่มจนเย็นผมเตรียมตัวออกไปร้านอาทิมตั้งแต่ห้าโมง ที่วันนี้ไปไวก็ว่าจะไปนั่งคุยกับไอ้ไทค์สักหน่อย พอบอกคิงว่าจะไปที่ร้านคิงก็ตอบมาว่าจะตามมาตอนค่ำแถมจะเอาเพื่อนมาด้วย พอพูดถึงเพื่อนของคิงผมก็นึกถึงคนตัวเล็กที่มองหน้าผมในร้านอาหารวันนั้น คนนี้คงจะมาด้วยสินะ อืมมม เขาอาจจะแค่มองเฉยๆแหละมั้ง ว่าแต่พอคิดว่าจะต้องมารู้จักกับเพื่อนของคิงผมก็เริ่มประหม่าขึ้นมาเหมือนกำลังจะเปิดตัวยังงั้นแหละ

.

.

.

.

เพ้อเจ้อชิบหาย แค่เจอเพื่อนเองผมก็คิดไปถึงไหนแล้วแต่ถ้าต้องไปเจอเพื่อนคิงคนเดียวมันก็เกร็งๆนิดหน่อย ผมตัดสินใจโทรหาเดอะแก๊งและนัดให้พวกมันไปด้วยกันพอพวกมันรู้ก็รับปากว่าจะต้องมาแน่นอน ผมว่านะ มันมาเสือกแน่นอน555555555 แต่ก็ยังดีกว่าไปคนเดียวแหละเนอะ









ผมมาถึงร้านเกือบหกโมงเลยตรงเข้าไปหาอาทิมในห้องก่อนเลยแต่พอเข้าไปอาทิมแกคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ไม่รู้ดูซีเรียสพอสมควรขนาดผมยกมือไหว้ลุงแกแค่พยักหน้ารับแล้วไปสนใจคนในสายต่อ ผมมองซ้ายมองขวาหาไอ้ไทค์ในห้องแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา เลยเดินออกไปด้านนอกพอดีว่าฟิคเดินเข้ามาทักผมเลยคุยกันนิดหน่อย ก่อนฟิคจะขอตัวไปทำงานต่อผมก็ถามหาไอ้ไทค์น้องมันเลยบอกมาว่านั่งอยู่ที่โต๊ะด้านนอกผมเลยสั่งให้น้องยกอะไรออกมาให้กินสองสามอย่างแล้วตรงไปหาไอ้ไทค์ทันที

"ไงมึง กูก็เดินหามึงไปทั้งร้านเลยเหอะ"

"ทำไมวันนี้มึงมาไวจังวะ"

"ก็ที่ห้องมันไม่มีอะไรให้ทำ"

"แดกไรยัง สั่งมากินดิ"

"สั่งมาแล้ว" ตอนนี้ที่โต๊ะมีแต่เบียร์ของไอ้ไทค์อย่างเดียว วันนี้ที่ผมตั้งใจมาไวก็เพราะส่วนนึงคืออยากจะมาคุยกับไอ้ไทค์ด้วย เรื่องที่จะคุยก็เรื่องของคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละครับ ก็อย่างที่รู้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไอ้ไทค์มันเตือนผมไว้ซะเยอะแต่วันนี้ผมดันนัดคิงมาที่ร้านซะแล้ว ยังไงวันนี้มันต้องเจอกันแน่นอนผมเลยจะมาเล่าเรื่องให้มันฟังไว้ก่อนดีกว่า ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะเริ่มบอกมัน "ไทค์ กูมีอะไรจะบอก"

"อะไรของมึง"

"คือ คือกู...คุย...กับคิงอยู่ว่ะ"

เอาจริงจากใจผมก็แอบหวั่นไอ้ไทค์ไม่ใช่น้อยเลยนะถึงแม้ว่ามันจะบอกว่าแล้วแต่ผมก็เถอะ แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วมันไม่อยากให้ผมคุยกับคิงจริงๆอย่างที่มันพูดหรอก ลองนึกดูคนที่ผมจะพามาแนะนำให้มันรู้จักคนแรกเป็นคนเดียวกับที่มันไม่อยากให้ผมเข้าใกล้และในชีวิตผมมีแค่ไอ้ไทค์กับอาทิมที่ผมถือว่าเป็นครอบครัวที่ผมเหลืออยู่ ถ้าเกิดว่าไอ้ไทค์มันไม่พอใจที่ผมคุยกับคิงจริงๆผมเองก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป...คนนึงก็เพื่อนที่โตมาด้วยกัน อีกคนก็คนแรกที่รู้สึกดีด้วย...

"มึงว่ายังไงนะควิน อีกทีดิ๊?"

อย่างที่คิดสีหน้าไอ้ไทค์เปลี่ยนไปหลังจากที่ผมพูดจบ หน้าตาดุดันที่ไม่ค่อยได้เห็นจากผู้ชายอารมณ์ดีขี้เล่นอย่างมันกำลังแสดงออกมาอยู่ตอนนี้ ผมหลุบตาหนีสายตาที่จ้องมา น้ำเสียงกดต่ำที่เอ่ยออกจากปากของมันเริ่มทำให้ใจผมไม่สู้ดีแต่ก็ต้องเงยหน้ามาคุยกับมันให้รู้เรื่องให้ได้

"มึงฟังถูกแล้ว...กูคุยกับคิงอยู่"

"..."

"มึงอย่าเพิ่งพูด ฟังกูก่อน"

"...ว่ามา"

พอไอ้ไทค์มันให้โอกาสผมก็รีบเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่วันที่เจอคิงวันแรกให้มันฟัง ไอ้ไทค์มันก็ฟังเงียบๆไม่ได้พูดอะไรแทรกเข้ามาสักคำแต่เท่าที่สังเกตสีหน้าของมันเริ่มเปลี่ยนไปเป็นบางช่วง บางครั้งก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ บางทีก็ขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจจนผมเล่าจบมันก็ยังเงียบอยู่แบบนั้น

"กูรู้ว่ามึงอาจจะไม่ค่อยชอบคิงแต่ว่ากูอยะ-"

"กูไม่ได้ไม่ชอบคิง"

"อ้าว แต่ว่าวันนั้นมึงบอกกูว่า..."

"กูแค่บอกว่ามันอันตราย แล้วมันก็ไม่เคยจริงจังกับใคร"

"เออนั่นแหละ กูเข้าใจว่ามึงห่วงนะเว้ยแต่กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครก่อน กูแค่อยากลองสักทีก็แค่นั้นเองถ้าไม่โอเคก็ถอยแค่นั้น"

"เฮ้ออออออ อาทิตย์ที่แล้วกูบอกว่าตามใจมึงแต่กูก็ไม่นึกว่ามึงจะเร็วขนาดนี้ แค่อาทิตย์เดียวมึงสามารถพามันมาเจอกูได้แล้ว กูล่ะยอมใจมึง"

"สรุปมึงโอเคใช่ป่ะ?"

"ไม่รู้ ขอดูมันก่อนแล้วกัน"

"ขอบใจมึง"

"เออๆ"

เหมือนยกภูเขาออกจากอกอย่างน้อยผมก็หมดห่วงเรื่องไอ้ไทค์ไปเปราะหนึ่งที่เหลือก็ได้แต่หวังให้ทั้งคู่ลงรอยกันเท่านั้น หลังจากที่คุยกันเรื่องคิงจบพวกผมก็นั่งทานอาหารที่สั่งไว้จนเกือบทุ่มแก๊งผมก็มาถึงกัน พอคนเริ่มเยอะแอลกอฮอล์ก็เริ่มเต็มโต๊ะ แก๊งผมรู้จักกับไอ้ไทค์ดีเพราะเจอกันหลายครั้งกินเหล้าด้วยกันก็บ่อยเลยสนิทกันไปเอง

"ไหนเด็กมึงวะไอ้ควิน เมื่อไหร่จะมากูรอจนจะเมาอยู่ล้ะ"

"เห้ยไอ้ชาร์ป! กูเผลอแปบเดียวมึงกินไปกี่แก้วเนี่ย พอเลยๆ"

"อะไรของมึงวะซอง กูจะแดกกกกกก"

"เออมึงก็ปล่อยมันกินไปเถอะน่า"

"ปล่อยแป๊ะมึงสิไอ้เต เดี๋ยวมันเมามันก็เรื้อนอีก"

"แหม กลัวมันจะได้ผัวเหมือนครั้งที่แล้วหรอไอ้ซองงง55555555555"

"ได้ผัวพ่องงง"

คือไอ้ชาร์ปมันเคยมีประเด็นครับเมื่อสามเดือนที่แล้วพวกผมไปกินเหล้าวันเกิดไอ้เตกันที่ผับแล้วไอ้ชาร์ปมันก็คออ่อนแต่ดันซดไปจนเมา เรื่องมันเกิดตอนที่มันไปเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่บอกใครพวกผมก็กรึ่มๆกันเลยไม่ทันได้สังเกต ปกติแล้วเวลากินเหล้าไอ้ซองมันจะคอยดูไอ้ชาร์ปตลอดแต่วันนั้นพอดีว่าไอ้ซองออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกไอ้ชาร์ปเลยไปห้องน้ำคนเดียวจนไอ้ซองกลับมาไม่เจอพวกผมถึงได้รู้ว่ามันหายไป สรุปว่าไปเจอตอนมันกำลังโดนผู้ชายคนนึงลากไปหลังร้านเพราะนึกว่ามันเป็นเด็กขาย ไอ้ซองสติแตกซัดคนนั้นไปไม่ยั้งจนการ์ดต้องเข้ามาห้ามส่วนไอ้คนที่ก่อเรื่องเมาหลับไปไม่รู้เรื่องรู้ราวห่าอะไรเลยหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็น ไอ้ชาร์ปแทบไม่ได้แตะเหล้าเลยเพราะดดนไอ้ซองเบรกตลอด

พวกผมนั่งกินไปคุยไปกันอีกสักพักจนเกือบสองทุ่มคิงก็ส่งไลน์มาบอกว่าจะถึงแล้วผมก็บอกตำแหน่งโต๊ะที่นั่งกันอยู่ไปให้อีกคนก็อ่านแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

"พวกมึง คิงจะมาถึงแล้วว่ะ"

"ฮั่นน้อวววว ตื่นเต้นหรอจ๊ะ"

"นี่คือต่างคนต่างมาเพื่อนมาแนะนำนี่คือยังไงอ่ะเพื่อนควิน"

"รู้อยู่อย่าพูดมากน่า"

พวกมันก็ช่างแซ็วเหลือเกิน ผมก็ว่าผมเปิดเผยขนาดนี้แล้วพวกมันก็ยังแซ็วไม่เลิกสักทีอีกนิดผมจะเขินแล้วนะครับ555555

"เดี๋ยวนะ ไอ้เด็กนั่นจะมาด้วยไหมอ่ะ? ที่มองหน้าไอ้ควินวันนั้นพวกมึงจำได้ป่ะ?"

"เออกูจำได้ พูดขึ้นมาแล้วกูนี่ยังรู้สึกไม่ถูกชะตาอยู่เลย"

"...กูว่าเราอาจจะคิดมากก็ได้ว่ะ ไม่มีอะไรหรอก"

"อะไรกันวะ"

"คืองี้ไอ้ไทค์วันก่อนพวกกูไปกินเอ็มเคกันแล้วบังเอิญเจอกับกลุ่มของคิง แล้วตอนจะกลับเพื่อนของคิงก็ทักไอ้ควินกันแต่มันแม่งมีคนนึงมองไอ้ควินเขม็งเลยอ่ะ ไม่รู้แม่งมองห่าอะไร"

"..."

"..."

"..."

พอไอ้ชาร์ปมันอธิบายให้ไอ้ไทค์ฟังเสร็จเดดแอร์ก็บังเกิด ไอ้ไทค์เริ่มขมวดคิ้วแล้วมองหน้าผม ผมก็ยักไหล่ให้มันไปเพราะผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของคิงคนนั้นคิดยังไงกับผมหรือพวกผมจะคิดไปเองจริงๆ

"เอางี้ ยังไงวันนี้ก็ต้องเจอกันค่อยสังเกตเอาแล้วกัน"

"เออเนอะ ทำไมมึงฉลาดวะเต"

"เพราะกูหล่อ"

"ถุย"

"55555555555"

"เห้ยดูนั่น พวกนั้นมากันละ"

คำพูดของไอ้ซองทำให้พวกผมทั้งหมดมองไปทางเดียวกัน กลุ่มที่เดินเข้ามาดูแล้วไม่ได้เป็นที่สนใจแค่เฉพาะโต๊ะผมแต่คงเป็นที่สนใจของคนทั้งร้าน ผู้ชายหน้าตาดีห้าคนกำลังมุ่งตรงมาที่โต๊ะผมโดยมีสายตาของคนทั้งร้านจับจ้องไว้เป็นตาเดียว คิงเป็นคนเดินนำมาที่โต๊ะตามด้วยเพื่อนของเขา คิงแต่งตัวด้วยโทนสีดำยิ่งทำให้ดูดีมากขึ้นกว่าเดิมอีก ผมรู้สึกได้ว่าจุดโฟกัสสายตาของคนที่เดินมาเป็นผมเหมือนกันกับจุดโฟกัสของผมคือคนที่กำลังเดินมา

"มองตาไม่กะพริบเลยนะไอ้ควิน"

"หึหึ"

ผมหันไปมองไอ้ไทค์ที่แซะผมขึ้นมาแล้วผลักไหล่มันไปที ก็จะให้ทำยังไงอ่ะ ไม่ได้อยากมองสักหน่อยตามันไปเองนี่ คิงเดินมาถึงที่โต๊ะพอดี โต๊ะที่นั่งกันอยู่ตอนนี้เป็นโซฟาชุดใหญ่ของร้านผมย้ายมานั่งนี่กันเพราะคิดว่าคนน่าจะเยอะ ผมเว้นที่ไว้ฝั่งหนึ่งให้คิงกับเพื่อนของเขาแต่พอเดินมาถึงเด็กโข่งของผมก็พาร่างตัวเองมาทิ้งตัวลงขางผมจนต้องเขยิบไปทางไอ้ไทค์เพื่อให้อีกคนได้นั่งสบายๆ ส่วนคนอื่นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามที่เว้นไว้ให้

"หิว"

"จะกินอะไรอ่ะ"

พอตูดติดเบาะคิงก็หันมาบ่นกับผมทันที เห็นน้องหิวผมก็เลยถามไปตามความเคยชินจนลืมไปเลยว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

"แหมไอ้คิง จิตใจมึงจะไม่แนะนำพวกกูหน่อยหรอ"

"เออนี่พวกกูยังมีตัวตนอยู่มั้ย"

"ช่างมัน สวัสดีครับพวกพี่ๆ ผมเป็นเพื่อนไอ้คิงนะครับ ชื่อปาร์ค ส่วนไอ้นี่ชื่อฟิน ไอ้นี่ตังค์ส่วนไอ้คนตัวเล็กสุดนี่ชื่อไวน์"

"เออๆพี่ชื่อชาร์ปนะ ส่วนนั่นซอง เตแล้วก็ไทค์"

"จะแดกอะไรก็สั่งมาเลยแล้วกัน วันนี้กูเลี้ยงเอง"

"เห้ยไอ้ไทค์!!! ทีพวกกูแดกมาตั้งนานทำไมมึงไม่เลี้ยงวะ?"

"เออไอ้ไทค์มันไม่เลี้ยงมึงหรอกแต่กูก็ไม่เห็นมึงจะจ่ายสักทีกูเห็นกูออกตลอดป่ะไอ้สัส"

"แค่นี้มึงบ่นหรอซอง?"

"กูพูดเฉยๆไหมล่ะ"

"ตอนแรกก็เหมือนจะเก่งนะเว้ย 5555555555"

"เมื่อกี๊ตอนแรกผมเกือบปลื้มพี่แล้วนะบอกตรงๆ"

"5555555555555"

พวกน้องเขาก็ดูจะเข้ากับเพื่อนผมได้ดีพอเห็นไอ้ซองไอ้ชาร์ปมันง้องแง้งกันพวกน้องมันก็ขำตาม ผมเหลือบไปมองเด็กที่มองหน้าผมวันนั้นที่ชื่อไวน์ก็เห็นน้องเขายิ้มๆก็ไม่มีอะไรนี่หว่า

"แล้วมึงอ่ะ ไม่คิดจะพูดอะไรกับพวกกูบ้างหรอ?"

ไอ้ไทค์หันไปถามคิงที่ยังไม่ได้พูดกับใครเลยตั้งแต่มาถึง ทุกคนที่ได้ยินไอ้ไทค์พูดก็เงียบกริบรวมทั้งผมด้วย ผมหันไปมองคิงก็เห็นว่าน้องกำลังสบตากับไอ้ไทค์นิ่งๆสีหน้าของไอ้ไทค์ก็เรียบสนิทไม่ต่างกัน เหมือนต่างคนต่างดูเชิงกันไปมาพวกผมที่นั่งอยู่ที่มองตาปาดเหงื่อกันเลิ่กลั่ก จะพูดแทรกก็ไม่กล้า บรรยากาศมาคุสุดๆ ไอ้ไทค์ทำผมใจคอไม่ดีอีกแล้วครับ

"เอ่อ..."

"คิงครับ"

"..."

"จีบเพื่อนพี่อยู่"





ให้ตายสิ...พูดอะไรออกมาเนี่ยเด็กบ้า...





"หึหึหึ โอเคตามนั้น"

"เชี่ยยย หล่อสัส"

"ฮิ้วววววว"

"เพื่อนโผมมมม"

"ส่วนเพื่อนกูแข็งไปแล้วครับ"

"อะไรแข็งครับพี่"

"ไม่ต้องถามครับน้อง5555555555555"

"55555555555555"

ผมได้แต่นั่งเงียบเพราะเขินจนพูดอะไรไม่ออกหันไปหาคนก่อเรื่องเจ้าตัวก็เอาแต่ยิ้มอย่างถูกใจกับอาการของผม ผมก็เลยก้มหน้าหยิบเบียร์มาจิบแก้เขินปล่อยให้พวกมันพูดกันไปเถอะ สักพักเพื่อนของผมกับน้องๆก็เหมือนสนิทกันมาเป็นปีสรรหาสารพัดเรื่องมาคุยกันอย่างเมามันส์ไม้เว้นแม้กระทั่งไอ้เตที่พูดน้อยก็ยังแข่งกันพูดกับพวกน้องเขาไปด้วย ส่วนคิงน่ะหรอครับ

"หิว"

"เออพี่ลืมเลยจะกินอะไรอ่ะเดี๋ยวสั่งให้"

"อะไรก็ได้"

"งั้นรอแปบ"

ผมกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์สั่งของมาสี่ห้าอย่างเผื่อน้องๆคนอื่นด้วย ผมกับคิงไม่ค่อยได้คุยอะไรกันส่วนมากจะนั่งฟังคนอื่นคุยกันมากกว่า คิงหันมาบอกว่าให้ฟินมารับเดี๋ยวขากลับจะรอกลับกับผมและดูท่าคงจะได้นอนห้องผมอีกตามเคย เรานั่งกันไปจนเกือบจะได้เวลาที่ผมต้องขึ้นไปร้องเพลงผมเลยลุกขึ้นกะจะไปเข้าห้องน้ำก่อนสักหน่อย

"ไปไหน"

"ไปห้องน้ำ"

"เร็วๆ"

"พี่ควินเขาไปแค่ห้องน้ำไหมล่ะไอ้คิง มึงกลัวส้วมจะสูบพี่เขาเข้าไปหรือไง"

"มึงก็พูดซะกูเห็นภาพเลยไอ้ตังค์"

"5555555555555"

"ผมไปด้วยสิ"

พอได้ยินว่าผมจะไปห้องน้ำไวน์ก็ขอไปด้วยผมก็พยักหน้าให้น้องตามมา เพื่อนผมก็มองมานิดหน่อยแต่ผมหันไปยิ้มให้พวกมันเลยไม่ได้อะไรหันไปคุยต่อ ระหว่างทางน้องก็ไม่ได้คุยอะไรกับผมสักคำผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยเงียบกันทั้งคู่ พอมาถึงห้องน้ำในห้องน้ำไม่มีใครเลยสักคนเราเลยแยกไปต่างคนต่างทำธุระของตัวเอง ใช้เวลาแปบเดียวพวกเราทั้งคู่ก็มาล้างมือกันที่หน้ากระจก

"พี่คงไม่ได้คิดว่าคิงจะจริงจังหรอกใช่ไหมครับ"

"ห้ะ"

อยู่ดีๆไวน์ก็พูดขึ้นโดยไม่ได้เงยหน้ามามองผมทั้งที่ยังล้างมืออยู่อย่างนั้น ผมเริ่ไม่แน่ใจว่าอีกคนอย่ากจะพูดอะไรกันแน่ ไวน์เหลือบตาขึ้นมาสบตากับผมผ่านกระจกตรงหน้าก่อนจะยืดตัวขึ้นมาแล้วหันมาหาผมเต็มตัวพลางยกยิ้มมุมปากแล้วพูดกับผม

"ผมบอกว่า...พี่คงไม่ได้คิดจริงใช่มั้ยครับว่าคิงจะจริงจังกับพี่"

"..."

"ผมเป็นเพื่อนกับคิงมาหลายปี ผมรู้จักเพื่อนผมดีว่ามันนิสัยยังไง"

"..."

"มีไม่รู้ตั้งกี่คนที่หวังจะจับคิงแต่คนที่คิดเข้าข้างตัวเองสุดท้ายก็โดนเขี่ยทิ้งไปทุกที"

"..."

"เห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร หวังสูงไปพอตกมาก็เจ็บกันทั้งนั้น"

"..."

"มันก็แค่เล่นๆไม่คิดจะคบกับใครจริงๆหรอก พี่เข้าใจใช่ป้ะ"







งั้นหรอ...


ถ้าจะเอาแบบนี้...ก็ได้







"พี่เข้าใจ"

"ก็ดี"

"...เข้าใจว่าการที่คิงยอมให้พี่ขนาดนี้พี่คงจะพิเศษมากกว่าใครจริงๆ​"

"..."

"เข้าใจว่าพี่คงจะพี่คงจะเป็นคนแรกที่คิงคิดจะจริงจังด้วยแบบนี้​"

"..."

"และก็เข้าใจว่าไวน์คงจะห่วงพี่...ไม่ใช่น้อยถึงได้มาเตือนกันแบบนี้"

"..."

"ขอบใจแล้วกันที่บอกตั้งแต่ตอนนี้ พี่จะได้รู้ไว้ว่าควรจับมือคิงไว้ให้แน่นกว่านี้"

"..."

"คิงจะได้ไม่ทิ้งพี่เหมือนคนอื่น แล้วคนอื่น...จะได้ไม่มาแย่งคิงไป"

"...

"ไวน์ว่าดีไหม?"

"..."

สายตาวาวโรจน์ที่เต็มไปด้วยความโกรธของคนตรงหน้าผมตอบคำถามของผมได้อย่างดี ถามเด็กสองขวบก็ยังรู้ว่าคนตรงหน้ามีเจตนาแบบไหน แล้วสาเหตุมาจากอะไรคงไม่ต้องมันสืบหาความจริงให้เสียเวลา เด็กโข่งของผมเสน่ห์แรงขนาดนี้เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือเปล่า

"กลับไปที่โต๊ะกันเถอะ มีคนรออยู่"



ปึก!



พอผมพูดจบไวน์ก็เดินกระแทกไหล่ผมออกไปจากห้องน้ำ ผมไม่อยากจะเก็บคำพูดของไวน์มาใส่ใจหรอกครับตั้งแต่เริ่มชอบคิงผมก็ทำใจไวแล้วว่าคงจะมีหลายคนที่ชอบคิงไม่ต่างจากผมเพียงแค่ผมไม่คิดว่าคนนั้นจะเป็นคนใกล้ตัวคิงขนาดนี้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับเรื่องที่คงจะต้องเจอในอนาคต เอาเถอะ ถึงผมจะเป็นคนเงียบๆแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมใคร ถ้าดีมาผมก็ดีตอบแต่ถ้าร้ายมา...



ก็เดี๋ยวได้รู้กัน...

































_________________________________________________________

ครบ 100% แล้วจ้า มาดึกตลอดไม่รู้เป็นห่าอะไร 5555555555555555555 มาละจ้า มันกำลังจะมาแล้วจ้า  หลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องแล้วน้าหลังจากที่เลยเถิดมุ้งมิ้งมานาน หุ้หุ้ ส่วนพี่ควินเราก็แซ่บอยู่นะว่าป้ะ555555 อาจจะมาช้าบ้างอย่าว่าพี่เอิร์ทเลยน้าา



ปล.ใครอยากคุยอะไรกับพี่เอิร์ทไปคุยกันได้ในทวิต @Earthybenben น้าา แต่ขอล่ะอย่าทักมาด่าอย่างเดียวพอ5555555555555555ร รักน้าา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-02-2018 16:46:01
น้องไวท์ประกาศสงครามโจ่งแจ้งมากๆๆๆๆ
พี่ควินก้อเลยจัดให้ซะเลย 5555555555
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 23-02-2018 18:37:17
 ประกาศสงครามกันแล้ว  ยกป้ายไฟกันเล้ย 
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-02-2018 22:06:32
มีเพื่อนแบบนี้มันน่า...  :z6:   :m16:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-02-2018 00:46:34
ยกป้ายไฟพี่ควินอีกคน แซ่บ!
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ygff0429 ที่ 25-02-2018 22:36:35
พี่คลินขี้แกล้งงงงงง :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-02-2018 23:04:32
จัดไปเลยควิน มาดนางพญามากๆอ่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 9 up [23/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-02-2018 20:37:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 10-03-2018 10:13:57
ตอนที่ ​10





พาร์ท ควิน





ผมเดินกลับออกมาที่โต๊ะก็เห็นคนที่เดินชนไหลผมออกมาก่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว พอไวน์หันมาเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ราวกับว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อกี๊ไม่ได้เกิดขึ้น เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มตอบกลับไปแล้วเดินกลับไปนั่งลงที่เดิม

"พี่ควินหายไปไหนมาหรอ เมื่อกี๊ก็ว่าเดินออกมาพร้อมกันแต่พอหันไปผมก็ไม่เห็นพี่แล้วเลยเดินกลับมาก่อน"

ทันทีที่ผมนั่งลงไวน์ก็หันมาถามผมด้วยสีหน้าเหมือนสงสัยนักหนา คำถามที่ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลยเรียกความสนใจจากคนทั้งโต๊ะได้ในตอนนี้ ผมมองหน้าไวน์ที่กลังส่งยิ้มมาให้อย่างน่ารักถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดกับผมก็คงไม่มีทางได้รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าท่าทางน่าเอ็นดูของอีกคนจะซ่อนความร้ายกาจไว้

"ไปไหนมา"

พอผมไม่ตอบสักทีคิงก็ถามผมขึ้นมาอีกครั้งใบหน้าหล่อเหลาของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ผมเลยต้องรีบตอบออกไปก่อนเด็โข่งของผมจะคิดมาก

"พี่แวะคุยกับน้องในร้านแปบนึง ไวน์คงไม่ทันได้สังเกตล่ะมั้ง เนอะ?"

ตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยเสร็จคนอื่นก็หันไปคุยกันต่อคิงก็พยักหน้ารับรู้ ผมเลยหันไปมองหน้ากับคนที่ตั้งคำถามขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก อีกคนก็มองหน้ากลับมานิ่งๆแล้วเบนสายตาไปทางอื่นในที่สุด ผมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก็เห็นว่าใกล้จะได้เวลาแล้วที่ต้องขึ้นไปร้องเพลงแล้วเลยหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆก่อน

"เดี๋ยวพี่ไปร้องเพลงแล้วนะ"

"อือ"

"ไอ้คะเวนนนนน ทีพวกกูนั่งกันเต็มโต๊ะนี่ไม่เห็นจะหันมาบอกบ้างเลยนะ"

"เออนี่ไม่ใช่หลักไม่ใช่ตอนะเห้ย"

"จำเป็น?"

"โอ้ย! หมั่นไส้!!!"

ผมขำที่พวกมันประสานเสียงด่าผมพร้อมกันอย่างกับนัดกันมาไม่เว้นแม้แต่คนยิ้มยากอย่างคิงยังหลุดยิ้มออกมา ผมขอตัวลุกออกมาหาพวกพี่ในวงข้างเวทียกมือไหว้สวัสดีพี่ทุกคน คุยกันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันนิดหน่อยเพราะพวกเราก็จะได้เจอได้คุยกันก็แค่วันที่ต้องมาร้องเพลงด้วยกันเท่านั้นนานๆทีถึงจะนัดเจอกันข้างนอกคุยกันเกือบสิบนาทีก็พากันขึ้นเวทีไป

เหมือนทุกครั้งที่ได้มายืนตรงนี้เสียงกรี๊ดและเสียงเรียกจากคนดูด้านล่างยังคงดังเหมือนเดิม ผมทักทายและพูดคุยกับทุกคนด้วยประโยคเดิมเหมือนทุกทีแต่ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักครั้งที่ได้ยินเสียงจากผู้ชม จะเรียกว่าเป็นความภูมิใจส่วนตัวก็ได้มั้งครับที่มีคนชื่นชอบเรามากขนาดนี้ดีใจทีมีคนชอบในตัวเราชอบฟังเสียงเรา ไม่รู้สิ มันรู้สึกดีจริงนะ 

ผมเริ่มร้องเพลงไปเรื่อยๆตามเพลงที่ตกลงกันไว้มีบ้างที่ร้องเพลงที่คนดูขอมา ระหว่างที่ร้องผมหันไปมองทางโต๊ะของตัวเองอยู่บ่อยครั้งแต่ทุกครั้งที่มองไปก็แทบจะไม่เห็นอะไรเพราะความสลัวของไฟในร้านแต่ผมแน่ใจแม้ว่าจะเห็นไม่ชัดว่ามีใครคนนึงที่มองมาที่ผมอยู่ตลอด คนคนเดียวกันกับที่ผมคอยจะมองหาเวลาที่มองไป วันนี้ผมว่าผมอาจจะร้องเพลงได้เพราะกว่าที่เคยร้องมาก็เป็นได้

เพราะอะไรอ่ะหรอ?

ก็เพราะได้ร้องให้คนที่ชอบฟังด้วยไงครับ~

"วันนี้ขอลาไปก่อนนะครับทุกคน เจอกันใหม่อาทิตย์หน้าไว้มากันใหม่นะคร้าบบบบ"

"พี่ควิ๊นนนนนนน"

"อย่าเพิ่งไปเลยพลีสสสส"

"กิ๊บจะมาใหม่นะค้าาาา"

ผมแจกยิ้มส่งท้ายให้ทุกคนก่อนลงจากเวทีบอกลาพี่เขาแล้วแยกตัวเดินออกมาทันที ระหว่างทางมีคนทักผมตลอดทางผมก็ตอบกลับสั้นๆบ้างยิ้มให้บ้างมาเรื่อยๆจนมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดยืนตรงหน้าผม

"พี่ควินถ่ายรูปกับเยลลี่หน่อยได้มั้ยคะ"

"อ่า ได้ครับ"

พอผมตอบรับคำขอน้องคนที่ชื่อเยลลี่ก็เข้ามายืนเบียดผมด้านข้างทันที เพื่อนของน้องเป็นคนถ่ายรูปให้พลางกรี๊ดกร๊าดกันไม่หยุด น้องเยลลี่เริ่มกอดแขนผมเอาไว้แทรกเข้ามาใกล้เข้าไปทุกที คนที่ถือโทรศัพท์ก็ไม่ยอมกดสักทีมัวแต่หันไปซุบซิบกับอีกคนที่คงจะเป็นเพื่อนกันอยู่นั่นแหละผมก็ยิ้มจนเหงือกเกือบแห้งกว่าจะเสร็จ พอจะขอตัวไปก็มีอีกคนเข้ามาขอถ่ายอีกผมเลยต้องยืนยิ้มต่อไปอีก คนที่แล้วว่าใกล้แล้วนะครับแต่น้องคนนี้แทบจะเอาหน้าอกนั่นมาหนีบผมไว้อยู่แล้ว ผมเขยิบตัวออกเล็กน้อยแต่น้องเขาก็ตามติดชิดมาไม่หยุด ถ่ายให้เสร็จสักทีเถอะผมเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูกแล้วครับ

"ขอโทษนะคะพี่ควิน"

"ครับ?"

ผมยังไม่ทันได้รู้ตัวน้องคนเขาก็เขย่งตัวขึ้นมาทำท่าะหอมแก้มผมแต่เพราะผมตกใจเลยหันหน้าเข้าหาน้องพอดีแทนที่ริมฝีปากน้องจะโดนแก้มผมกลับกลายมาเป็นแตะลงที่มุมปากผมแทน ผมสะดุ้งดีดตัวถอยออกมาจากน้องเขาแล้วหันไปมองทางโต๊ะของตัวเองที่มีคนที่ผมกลัวจะเห็นภาพเมื่อกี๊มากที่สุดนั่งอยู่ เสียงโห่แซ็วจากโต๊ะใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์แทบจะไม่ได้เข้าหูผมเลยเมื่อผมหันไปแล้วพบว่า



คิง...



มองมามาทางนี้...



ตอนนี้ผมรู้เลยว่าคิงจะต้องเห็นแน่ๆและไม่รู้ว่าคิงจะคิดยังไง ตอนนี้แค่กลืนน้ำลายผมยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยาก ผมหันมาหาน้องคนที่หอมแก้มผมก็เห็นว่าน้องกับเพื่อนก็กรี๊ดกันเบาๆแล้วพากันชะโงกหน้าดูรูปในโทรศัพท์ที่กดถ่ายไว้เมื่อกี๊ ผมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นมาท่ามกลางความงุนงงของน้องผู้หญิงทั้งกลุ่ม รูปในโทรศัพท์ถ่ายช็อตนั้นไว้ได้อย่างชัดเจนผมกดลบทิ้งแล้วยื่นคืนให้น้องเขา

"ขอโทษนะครับ แต่พี่คงให้เก็บรูปนี้ไว้ไม่ได้"

"ทะ ทำไมคะ"

"คนของพี่เขาคงไม่พอใจน่ะครับ"

"..."

"ขอตัวก่อนนะครับ"



ผมเดินตรงมายังโต๊ะโดยไม่ได้สนใจสีหน้าเหมือนเหวอของน้องกลุ่มเมื่อกี๊และไม่ได้สนใจว่าใครจะได้ยินที่ผมพูดบ้าง สองขาของผมตอนนี้ทำหน้าที่ได้ดียิ่งกว่าที่เคยใช้มาถ้าวิ่งไปได้ผมจะวิ่งไปแล้วถ้ามันทำให้ผมไปถึงตัวอีกคนได้ไวยิ่งขึ้น หวังว่าคิงคงจะเข้าใจว่าผมไม่ได้ตั้งใจ นี่เกิดมาผมยังไม่เคยลนลานขนาดนี้มาก่อนเลยนะและแล้วผมก็พาร่างตัวเองมาถึงที่โต๊ะจนได้

สายตาของคนทั้งโต๊ะทั้งเพื่อนผมและเพื่อนคิงมองมาที่ผมเป็นตาเดียวยกเว้นแค่คิงคนเดียที่ไม่ได้มองมา ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแต่ละคนทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแม้แต่เพื่อนของคิงยังทำสีหน้ากระอักกระอ่วน ทั้งโต๊ะเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ คิงก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองผมเลยด้วยซ้ำ ผมหันไปสบตาไอ้ไทค์มันก็ส่ายหน้าให้ผมรู้ว่าไม่โอเคอย่างถึงที่สุด ผมค่อยๆนั่งลงที่เดิมข้างคิงแต่ไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาซะก่อน

"แหมพี่ควินนี่แฟนคลับเยอะจังเลยนะครับ ผมล่ะอิจฉามีแต่สาวล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมดเลยอ่ะ"

"เอ่อ นะ นั่นสิเนอะ ไอ้ไวน์ก็พูดถูก อิจฉากันทั้งโต๊ะเลยเนี่ย ฮ่ะๆ"

"ใช่ๆ ไอ้ควินมันแฟนคลับเยอะ โดนแต๊ะอั๋งประจำเลย ใช่ม้ะไอ้ซองๆ"

"เออๆแต่ไอ้ควินมันไม่ได้คิดอะไรหรอก ผู้หญิงสมัยนี้แม่งน่ากลัวจู่โจมแบบไม่ค่อยตั้งตัว"

ประโยคแรกที่ถูกพูดออกมาจากปากของไวน์ทำเอาผมที่กำลังรู้สึกไม่ดีเกือบจะล้มโต๊ะให้ได้แต่ประโยคถัดมาเหมือนทุกคนจะพยายามช่วยพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้นแต่เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ผมส่ายหน้าให้ทุกคนหยุดพูดแล้วหันหน้ามาหาคนที่ยังไม่ยอมหันมาคุยกับผมสักทีแล้วลองเรียกเบาๆ

"...คิง"

"..."

ไม่มีข้อความตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกแต่อย่างใด ผมเหลือบไปมองคนอื่นก็แทบจะไม่มีใครขยับตัวรวมทั้งผมด้วย ผมเริ่มใจเสียแล้วนะที่ผ่านมาอีกคนไม่เคยจะไม่สนใจทำเมินกันแบบนี้เลย ผมเม้มปากในหัวคิดหาทางง้ออีกคนให้หายงอนให้ได้ดูแล้วคงจะยากตรงนี้คนเยอะด้วยสิ อืมมม

"คิง...กลับคอนโดกันไหม?"

ผมพูดจบคิงลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินดุ่มๆออกไปไม่บอกลาอะไรใครสักคำทำเอาทุกคนที่อยู่มองหน้ากันตาปริบๆ

"พี่ควิน ปกติไอ้คิงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ พวกผมยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ"

"จริงพี่ เคยเห็นแต่ตอนมันโกรธ น่ากลัวสุดๆอ่ะ"

"นั่งบื้ออยู่ได้ไอ้ควิน! ตามไปเร็วๆดิวะ!"

"ฮะ อะ เออๆ"

ผมมัวแต่นั่งงงทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น ยิ่งเพื่อนของคิงพูดมาอย่างนั้นผมยิ่งกลัวว่าจะโดนโกรธขึ้นมาจริงๆ กว่าผมจะดึงสติให้ลุกตามไปก็มองหาอีกคนไม่เจอแล้ว ผมรีบวิ่งออกไปตามทางที่เห็นคิงเดินไปจนมาถึงลานจอดรถมองซ้ายมองขวาก็ยังหาไม่เจอ จะกลับไปแล้วหรือเปล่านะ แต่เดี๋ยวก่อน...คิงบอกว่าจะกลับกับผมนี่หว่า ผมรีบวิ่งกลับไปที่รถของตัวเองทันที อาจจะดูหลงตัวเองแต่ผมมั่นใจว่าอีกคนจะไปรอที่รถแน่นอนแต่เพราะเมื่อกี๊ผมวิ่งอ้อมไปดูรอบร้านทำให้กว่าจะกลับมาถึงรถก็เหนื่อยจนต้องก้มชันเข่าเพื่อให้หายเหนื่อยอยู่เป็นนาที พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนที่วิ่งหายืนพิงรถแล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาว่างเปล่าแบบที่ผมไม่เคยได้รับจากอีกคนมาก่อน...



แต่ละก้าวที่เดินเข้าไปหาคิงรู้สึกมันยากเย็นเหลือเกินกว่าจะพาร่างเข้าไปอยู่ตรงหน้าอีกคนได้ก็แทบจะทรุดลงไปนั่งท่พื้นให้รู้แล้วรู้รอดซะให้ได้

"คิง...คือเมื่อกี๊พี่ไม่ดะ-"

"กุญแจรถ"

"เอ่อ คิงจะขับหรอ"

"อืม"

"...อ่ะนี่"

ผมยื่นกุญแจในมือไปให้ คิงรับไปแล้วเดินไปเปิดรถแล้วยัดร่างเข้าไปนั่งด้านคนขับผมรีบเปิดประตูข้างแล้วนั่งตามเข้าไป คิงสตาร์ทรถแล้วออกตัวทันทีผมหันไปมองสีหน้าคนขับแล้วยังไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลยสักคำ ดึกแบบนี้รถบนถนนเริ่มบางตาทำให้คันเร่งของรถถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่า ผมอยากให้บอกให้คนด้านข้างชะลอความเร็วลงแต่หน้าตาดุดันนั้นทำผมพูดไม่ออกได้แค่จับเบาะแล้วนึกถึงบทสวดทุกบทที่พอจะจำได้มาท่องไว้ในใจภาวนาให้กลับถึงคอนโดได้อย่างปลอดภัย ระยะทางจากร้านถึงคอนโดนที่ปกติใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงแต่ตอนนี้มาถึงด้วยเวลาไม่ถึงสิบห้านาที หัวใจผมเต้นถี่รัวเร็วจนกลัวว่ามันจะวายตายไปก่อนจะได้ง้ออีกคน ไม่ทันจะได้คิดอะไรอีกคนก็เปิดประตูลงไปแล้ว

"คิง!"

"ไปคุยกันบนห้อง"

คราวนี้ผมไม่ยอมให้อีกคนเดินหนีอีกแล้วรีบวิ่งตามลงไปคว้าแขนอีกคนให้หันหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่องสักทีแต่คิงบอกให้ขึ้นไปคุยกันข้างบนแล้วมือของอีกคนก็ดึงผมให้เดินตามไปที่ลิฟท์ ชั้นที่อีกคนกดไม่ใช่ชั้นที่ห้องผมอยู่แต่เป็นชั้นที่สูงกว่าชั้นของผมมากหรือว่าอาจจะเป็นชั้นที่เป็นห้องของ...คิง

ใจผมเต้นขึ้นมาพอคิดว่าจะได้ขึ้นไปที่ห้องที่ผมไม่เคยขึ้นมาแต่แล้วผมก็ต้องหยุดจินตนาการไว้เพราะถูกดึงความคิดให้มาสนใจความเจ็บบริเวณข้อมือของผมที่ถูกคนด้านข้างบีบไว้อย่างแรง พอหันไปมองอีกคนเหมือนไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าออกแรงบีบแขนของผมจนเจ็บใบหน้าคมมองตรงไปที่หมายเลขชั้นที่แสดงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลิฟท์เปิดออกตัวของผมเหมือนโดนกระชากให้เดินตามอีกคนออกไป ผมสอดสายตามองไปรอบๆก็เห็นว่าทั้งชั้นนี้มีประตูเพียงแค่สี่ประตูเท่านั้น คนตัวสูงกว่าหยุดที่ประตูแรกล้วงหาคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป

พอเข้าไปในห้องอีกคนปล่อยมือผมออกแล้วเดินไปเปิดประตูห้องหนึ่งแล้วเดินเข้าไป ผมรีบก้าวขาตามอีกคนไปก็พบว่าห้องที่คิงเดินเข้าไปเป็นห้องน้ำเพราะเจ้าตัวไม่ได้ปิดประตู ก๊อกน้ำถูกเปิดน้ำที่ไหลออกมาตอนนี้ถูกมือใหญ่วักสาดเข้าไปที่ใบหน้าของตัวเองที่ยืนอยู่หน้ากระจกจนพอใจ ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าขนหนูที่เห็นวางอยู่ที่ชั้นข้างกระจกมาถือไว้แล้วเดินไปจับตัวคนที่กำลังหงุดหงิดให้หันมาหากัน ผ้าขนหนูถูกใช้ซับน้ำบนใบหน้าคมอย่างใจเย็น

"ใจเย็นลงบ้างหรือยัง"

"..."

"ว่ายังไงครับคิง ทำไมไม่ตอบพี่"

"..."

"หรือเราไม่อยากคุยกับพี่อีกแล้ว พี่จะได้ไม่พูดอีก"

"พูดมา"

"งั้นฟังพี่ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เค้ากระโดดมาเองพี่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยนะจริงๆ"

"อือ"

"เชื่อพี่เถอะ ผู้หญิงคนนั้นพี่ก็ไม่รู้จัก"

"...ผมรู้"

"หืม? คือยังไง"

"เข้าใจ...ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ"

"แล้วทำไม..."

"แต่มันไม่ชอบ ไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนี้ เข้าใจแต่มันหงุดหงิด มันโมโห ไม่อยากเห็น ไม่รู้จะทำยังไง...มันต้องทำยังไงพี่ควิน..."

​คนที่ไม่รู้จะทำยังไงก้มหน้าลงวางซบลงที่ไหล่ผมแล้วพูดออกมา ประโยคที่ทั้งน่ารักและน่าสงสารของอีกคนทำให้ผมรู้สึกดีและไม่ดีไปพร้อมๆกัน ผมยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมที่ซุกอยู่บนไหล่อย่างปลอบประโลมความรู้สึกอีกคนให้หายดี ไม่ใช่แค่คิงทีไม่รู้จะทำยังไงแต่ตอนนี้ผมเองก็ถูกหลายความรู้สึกเข้าปะทะจิตใจผมอยู่ทั้งดีใจที่อีกคนหวง รู้สึกเสียใจที่ทำให้อีกคนรู้สึกแย่ รู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนอื่นมาทำอะไรแบบนั้นแต่ที่ชัดเจนที่สุดคือตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อคิงมันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว...

"พี่ขอโทษนะครับ"

"อย่าให้เห็นอีก"

"ไม่มีอีกแล้ว"

"ถ้ามีอีกจะไม่ทน"

"จะทำอะไรพี่หรอ"

หัวทุยที่ซบอยู่ที่ไหล่ค่อยๆยกขึ้นมาแต่ไม่ได้ถอยห่างไปไหนไกล ใบหน้าอยู่ใกล้กันเพียงคืบทำให้สายตาโฟกัสอย่างอื่นไม่ได้นอกจากสบตากันและกัน ฝ่ามือของคนตรงหน้าแนบลงมาที่ใบหน้าของผมนิ้วหัวแม่มือของอีกคนแตะลงที่ริมฝีปากของผมแล้วขยับไล้ช้าๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ประโยคคำตอบร้ายกาจจะถูกเอื้อนเอ่ยออกมา



"ผมจะลงโทษพี่...แบบที่พี่จะ...นึกไม่ถึงเลยล่ะ"





ไอ้เด็กบ้า...

ผมไม่สามารถแปลความหมายของคำว่าลงโทษที่อีกคนบอกให้เป็นเรื่องดีได้เลย ไอ้ควินมึงนี่มันใจบาปจริงๆ









"พี่เจ็บหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่เจ็บหรอก"

"แต่มันแดงไปหมดเลย"

"ก็เราบีบซะแรงเลยนี่"

"แสดงว่าเจ็บ"

"พี่บอกว่าไม่เจ็บก็ไม่เจ็บสิครับ"

"ขอโทษ"

"ครับ"

ตอนที่เดินออกมาข้างนอกพอดีว่าคิงดันเห็นข้อมือของผมที่ขึ้นรอยแดงจากที่อีกคนบีบตอนโมโหเลยเป็นเรื่องเถียงกันอยู่ตอนนี้ คนขี้หวงเอาแต่โทษตัวเองว่าทำให้ผมเจ็บแต่ถ้าถามว่าเจ็บไหมมันก็นิดหน่อยทีมันแดงขนาดนี้คงเป็นเพาะผมผิวขาวเวลาโดนอะไรนิดหน่อยเลยเป็นรอยขึ้นมา คนทำก็นั่งทำหน้าหมาซึมรู้สึกผิดอยู่ที่โซฟาตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำจนนี่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังเอาแต่ถามผมอยู่นั่นแหละว่าเจ็บไม่เจ็บ

"ขอโทษ"

"เฮ้อ เอางี้แล้วกัน"

ผมยื่นข้อมือไปที่หน้าคนที่รู้สึกผิดก่อนที่จะได้รับสีหน้าไม่เข้าใจอย่าแรงกลับมา

"อะไร"

"เอาไปทำยังไงก็ได้เลยที่คิดว่าพี่จะหายเจ็บ จะพันจะทาจะอะไรก็ทำเลยมา..."

ยังไม่ทันจะจบประโยคข้อมือของผมก็โดนดึงไปก่อนที่ริมฝีปากบางของคนรู้สึกผิดจะจรดลงมาที่รอยแดงแล้วค้างไว้แบบนั้น ผมแอบสะดุ้งจนต้องดึงแขนออกเมื่อสัมผัสเปียกชื้นจากบางอย่างแตะลงที่ข้อมือแต่เหมือนอีกคนจะรู้ทันถึงได้จับมือไว้ก็ไม่ปล่อยให้ดึงออกง่ายๆ หน้าผมร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อถูกคนตรงหน้าช้อนสายตาขึ้นมามองพร้อมกับอ้าปากและงับข้อมือเอาไว้ ลิ้นร้อนชื้นที่รู้สึกได้กำลังไล้เลียที่บริเวณรอยแดงเหมือนกำลังจะรักษาให้ สายตาไม่ได้ละจากกันสักวินาทียิ่งทำให้ความรู้สึกร้อนรุ่มเริ่มก่อตัวขึ้นก่อนอะไรจะมากไปกว่านี้ฟันคมที่งับข้อมือไว้ค่อยๆคลายออก แต่ข้อมือยังคงถูกจับเอาไว้ไม่ทันจะตั้งตัวใบหน้าอีกคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนที่ริมฝีปากผมจะถูกครอบครองในที่สุด รสจูบที่ผมเริ่มจะคุ้นชินถูกมอบมาให้อย่างยาวนานจนแทบจะหมดลมหายใจ เว้นจังหวะไม่กี่วินาทีก็ถูกปรนเปรอต่ออยู่อย่างนั้น ฝ่ามือของอีกคนเริ่มสอดเข้าไปปัดป่ายภายในเสื้อของผม ความรู้สึกเสียวซ่านโจมตีจนทนแทบไม่ไหวเมื่อยอดอกถูกนิ้วมือด้านในสัมผัสไปโดน

"อือ หยะ อื้ออ"

อีกคนไม่ปล่อยให้ผมได้พูดปิดปากผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระดุมเสื้อถูกปลดออกจนหมดแขนเสื้อข้างหนึ่งตกลงจากไหล่ คิงเริ่มจูบไปตามโครงหน้าของผมไล่ลงไปเรื่อยปลายจมูกที่ซุกไซร้และลมหายใจร้อนแถวลำคอทำเอาผมรู้สึกหมดแรงอย่างงายดาย ความรู้สึกเจ็บบริเวณไหปลาร้าทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าอีกคนจะต้องทิ้งรอยเอาไว้แน่ แต่สติตอนนี้ไม่มีเหลือพอที่จะห้ามได้มือไม้ของผมก็ไม่สามารถจะอยู่เฉยเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนให้หลุดออก มือใหญ่ของอีกคนเริ่มปลดกระดุมกางเกงของผม สติอันน้อยนิดสั่งให้ผมรีบคว้ามือของอีกคนไว้

"...พี่ควิน"

"แฮ่ก คิง"

"แค่ข้างนอก...นะ"

"อือออ"

สิ้นคำอ้อนวอนของอีกคนผมก็หมดแรงจะต้านทานมือใหญ่ปลดซิบกางเกงผมลงก่อนจะเริ่มล้วงเข้าไปทักทายน้องชายผมที่เริ่มจะตื่นตัวอยู่แล้วมือหนาเค้นคลึงแท่งร้อนของผมจนมันชูชันขึ้นมา สายตาของผมเองก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ดันเป้ากางเกงของอีกคนอยู่จึงได้เอื้อมมือไปปลดซิบกางเกงของอีกคนเช่นกัน

"อ่า พี่ควิน"

"อืม"

ทันทีที่สัมผัสโดนของอีกคนก็อดจะตกใจไม่ได้ ขนาดแก่นกายของผมเองก็ถือว่าน่าภูมิใจแล้วนะแต่ขนาดที่ใหญ่จนกำแทบจะไม่รอบที่ผมกำลังสัมผัสอยู่นี่มันจะเกินไปแล้วแต่ไม่มีเวลาให้อึ้งได้นานเมื่ออีกคนเริ่มขยับมือรูดรั้งความคิดของผมก็กระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ยิ่งความเปียกชื้นเข้าครอบครองยอดอกเรียวลิ้นที่ตวัดหยอกล้ออยู่ยิ่งทำให้ผมครางออกมาไม่เป็นภาษา

"พี่ควิน...ขยับที"

"อ่า"

"ฮึมมม"

ยิ่งได้ยินเสียงอีกคนยิ่งทำให้ผมได้ใจขยับมือช้าเร็วสลับกันไปจนอีกคนทนไม่ไหวขยับสะโพกตามมือที่ผมเป็นคนชักนำ จนเมื่อไกล้ถึงขีดสุดทั้งผมและคิงต่างเร่งมือจนคิงทนไม่ไหวดึงรั้งผมให้ขยับเข้าไปไกล้กว่าเดิมก่อนที่จะกอบกุมแก่นกายของเราทั้งคู่ไว้ด้วยมือเดียวแล้วรูดรั้งรัวเร็ว ริมฝีปากหน้าประกบจูบลงมาลิ้นร้อนกวาดต้อนเกี่ยวพันกันไปทั่วทั้งปากจนวินาทีสุดท้ายที่สิ้นสุดความอดทนปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมา

"อ่าาาาา พี่...ควิน"

"อ่ะ อ่ะ อื้อออ คิงง"

ผมก้มเอาหัวหน้าพิงอกแกร่งของคิงอย่างหมดแรง น้ำเสียงหอบหายใจจากผมและคิงยังดังออกมาไม่หยุด ลำตัวของผมและคิงเปรอะเปื้อนของเหลวข้นที่ถูกปล่อยออกมาเต็มไปหมด บอกตรงๆว่ามีอะไรกับใครมาก็ไม่ใช่น้อยแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะตื่นเต้นแบบนี้มาก่อน ผมตัวอ่อนเปลี้ยอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนเกือบสิบนาทีก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงแรงกดลงมาที่บริเวณกลุ่มผม ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าช้าๆจนอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

"พี่ควิน"

"ครับ"

"พี่ควิน"

"ว่าไง"

"พี่ควิน"

"หึหึ"

ผมเงยหน้ามองเด็กน้อยที่เรียกร้องหาผมไม่หยุด สายตาที่มองผมด้วยความหลงใหลแบบนี้ถึงได้ทำให้ผมเอ็นดูมาตลอด สายตาที่มองมาที่ผมแบบนี้ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้มากมายแบบวันนี้คิงก้มหน้าแนบริมฝีปากลงมา ผมหลับตารับจุมพิตอย่างเต็มใจ ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆทำเพียงแค่แนบค้างไว้แบบนั้นก่อนจะละออกไป

"พี่ควิน"

"ครับ"

"คบกับคิงเถอะนะ"

.

.

.

.

.

.

"​ครับ"







































สวัสดีจ้า มาแล้วเน้อออ หายไปนานอย่าพึ่งด่าพี่เลยพี่ไม่ว่างจริงจริ๊ง เอาเป็นว่าไถ่โทษที่มาช้าหวังว่าฉากนี้จะสามแก่ใจพวกเจ้ากันนะ5555555555555 ใครที่อ่านแล้วก็ติชมกันได้นะคะ พี่อ่านทุกคอมเมนท์ที่ทุกคนส่งมาเลยน้า ขอบคุณทุกกำลังที่ทำให้พี่อยากแต่งต่อไป ยังไงก็รักทุกคนนะคะ จุ้บจู้บบบ



พุดคุยกันได้ในทวิต @earthybenben #คิงควิน น้าาาาา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-03-2018 11:31:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-03-2018 14:14:01
เราต้องการอีกกกกกก อยากได้อีกสักตอน >\\\\\<
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-03-2018 14:47:04
 :pig4:k
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 10-03-2018 17:05:31
น้องไวน์ แผนหนูที่จะทำให้เค้าบาดหมางกันมันกลายเป็นช่วยให้เค้าไม่อยากรอที่จะเป็นเจ้าของกันและกันแทนแล้วลูก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 10 up [10/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 10-03-2018 17:26:27
So hot กันจริงๆ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 11 up [11/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 11-03-2018 21:47:35
ตอนที่ 11







พาร์ท ควิน







"เล่ามา"

"ทำไมพวกมึงต้องเสือกตลอดวะ"

"แล้วมึงไมมึงต้องเงียบทุกทีอ่ะ มึงไม่ยอมเล่าพวกกูก็ต้องถามเองป่ะ"

"กูผิด?"

"เออ!!!"

"ก็นะ วันนั้นคิงก็ไม่ได้โกรธอะไรมากอย่างที่คิดหรอก"

"อ้าววว"

"อะไรวะ ตอนนั้นหน้าแม่งเหมือนจะแปลงเป็นเดอะฮัคอยู่แล้วจะไม่โกรธยังไงวะ กูไม่เกท"

"เออ ขนาดกูยังนึกว่ามึงไม่น่ารอดเลยไอ้ควิน"

"ตอนแรกกูก็ว่างั้น เอาจริงกูก็ตกใจเหมือนกันที่คิงบอกกูว่าเข้าใจแต่ที่เห็นแบบนั้นเพราะว่ามันอดจะหงุดหงิดไม่ได้"

"โอ้ยยย คนอะไรหน้าตาดีแล้วจิตใจก็ช่างกว้างขวางยิ่งนัก"

"เหอะ หมั่นไส้"

"อิจฉาที่มึงหล่อสู้เขาไม่ได้ล่ะสิไอ้ซอง"

"อะไร กูหล่อกว่าเห็นๆ ควักลูกตาออกมาล้างบ้างนะชาร์ป"

"ถุย!"

"พอๆ เข้าเรื่องก่อน มีแค่นั้นหรอวะควิน"

"จริงๆหลังมันก็มีอะไรอีกนิดหน่อย"

"อะไรวะ"

"ก็...คิง...ขอกูคบ"

"อะไรของมึง พูดดังหน่อยดิ้"

"เออกูได้ยิงอะไรคิงๆขบๆเนี่ย"

"คิงเป็นเล็บขบ?"

"มึงใช้อะไรคิดวะชาร์ป เอาซะกูเหม็นเลย"

ผมยกมือขึ้นมากุมขมับหลังจากฟังไอ้พวกนี้มันเถียงกัน คือเรื่องมันมีอยู่ว่าทันทีีที่วันจันทร์มาถึงผมก็ถูกเพื่อนโทรตามให้มามหาลัยก่อนเวลาเรียนเกือบสองชั่วโมงบอกว่ามีงานด่วน ผมก็เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วบึ่งมมหาลัยด้วยความเร็วแสงแต่ที่ไหนได้ โดนพวกมันหลอกให้มาเพื่อจะได้เล่าเรื่องเมื่อวันก่อนให้พวกมันฟัง ผมก็เล่าให้ฟังตามที่พูดไปนั่นแหละครับแต่พอจะบอกพวกมันว่าคิงขอผมคบแล้ว...ใครก็ได้ช่วยผมทีผมอดจะนึกไม่ได้จริงๆ ใครสั่งใครสอนให้ขอคนอื่นคบในเหตุการณ์แบบนั้นล่ะ!!! มันก็เอ่อ ติดตาเลยครับบอกตรงๆ ทั้งน้ำเสียงครางทุ้มที่ดังอยู่ข้างหู ริมฝีปากที่ทาบทับลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไหนจะมือใหญ่ที่สัมผัสร่างกายของผมและมือของผมที่ลูบไล้...

"ไอ้ควิน!"

"ใหญ่ หะ อุ้บ!"

ไอ้เต! ใครให้มึงมาเรียกตอนนี้! ผมเผลอหลุดพูดถึงอะไรที่คิดอยู่ออกไปแล้วพอนึกได้ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน ไอ้ควิน! มึงมันคนบาป!

"มึงพูดว่าอะไรนะ?"

"เปล่าๆ แล้วมึงเรียกทำไม"

"เอ้า ก็มึงยังเล่าไม่จบเลยสัส"

"อ่อ เอ้อ"

"เอ้ออะไรล่ะ ว่ามา"

"คือกูบอกว่า...คิงขอกูคบแล้ว"

"ห้ะ!!!"

"จะแหกปากกันทำไม"

"ละ แล้วมึงว่าไง"

"...ก็ตกลง"

"ฮิ้วววววววว ไอ้ควินจะมีผัว!"

"ไอ้ชาร์ป เงียบๆ!

"ควิน"

ไอ้ชาร์ปไอ้ซองยังแหกปากไม่ทันถึงสามวิไอ้เตก็พูดแทรกทุกคนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบลงกะทันหัน ผมหันไปมองไอ้เตที่ตอนนี้สีหน้าของมันบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในโหมดจริงจังมากกว่าปกติ ผมรู้ว่ามันกำลังจะพูดอะไร แต่ผมก้เงียบและรอมันพูดออกมา

"มึงซีเรียสอะไรวะเต"

"พวกมึงไม่คิดกันบ้างเลยหรือไงว่ามันแปลก"

"แปลกยังไงวะ?"

"ควินมึงคิดดีแล้วหรอที่ตกลงคบกับคิงน่ะ พวกมึงพึ่งคุยกันได้ไม่นานคิดว่ารู้จักกันดีพอแล้วไง"

"กูเข้าใจที่มึงอยากจะบอก แต่กูคิดดีแล้ว"

"เฮ้อควิน ชื่อเสียงคิงก็ไม่ใช่ว่าจะดี มึงกับมันอาจจะแค่หลงกันอยู่ก็ได้ไม่ได้รักไม่ได้ชอบอะไรกันจริงๆหรอก"

"เต มึงเคยเห็นกูเป็นแบบนี้กับใครไหมวะ กูรู้ตัวเองดีว่ากูคิดยังไง"

"แล้วคิงล่ะ มันรู้ใจตัวเองจริงๆแบบมึงหรือเปล่าควิน"

"...ก็ลองดูไปก่อนแล้วกัน กูโอเคน่า"

"เออๆ ตามใจมึง"





ไม่เป็นไรหรอกมั้ง...ขอให้ผมกับคิงคบกันราบรื่นแล้วกัน....









ติ๊ง ติ๊ง



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากได้ยินเสียงไลน์เข้า พบว่าเจ้าของข้อความที่ส่งมาคือแฟนป้ายแดงของผมเองครับ



King : เลิกยัง

​Q : เลิกแล้ว กำลังลงไป

King : รอสักพัก อ.ปล่อยช้า

​Q : โอเค



ข้อความสุดท้ายขึ้นอ่านแล้วแต่อีกคนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมกับคิงตกลงกันว่าจะไปกลับด้วยกันถ้าหากว่ามีเวลาเรียนตรงกันผมไม่อยากให้คิงลำบากมารับมาส่งถ้าไม่จำเป็น เรื่องของเราหลังจากที่คบกันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป ผมก็ยังทำตัวเหมือนเดิม คิงก็ยังเป็นคิงคนเดิมพูดน้อยและเอาแต่ใจยังไงก็ยังงั้น เมื่อวานผมก็อยู่ที่ห้องของคิงแทบทั้งวันดูหนังหาอะไรกินกันไปทั้งวันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันพิเศษซะเหลือเกิน รู้สึกว่าแค่ได้ใช้เวลาด้วยกันกับคิงก็มีความสุขแล้วอ่ะ อีกเรื่องหนึ่งที่ยังติดอยู่ในใจแต่ไม่มีโอกาสถามออกไปสักทีก็คือเรื่องของไวน์ ผมอยากจะเคลียร์กับคิงให้รู้เรื่องว่าเจ้าตัวรู้หรือเปล่าว่าเพื่อนตัวเองคิดยังไงหรือรู้แล้วแต่ไม่ได้สนใจ แต่ที่มั่นใจคือไวน์พยายามให้ผมกับคิงแตกกันแน่นอน



เอ๊ะ!?



ถ้างั้นไวน์ก็ต้องอยู่กับคิงตลอดน่ะสิแล้ววันนั้นผมก็เหมือนแสดงตัวไปแล้วว่าเป็นศัตรู เพราะงั้นไวน์อาจจะพูดอะไรถึงผมไม่ดีก็ได้นี่ เอาไงดีล่ะ สงสัยต้องรีบคุยกับคิงเรื่องนี้แล้วล่ะว่าแต่ตอนนี้...เลิกช้างั้นหรอ อืม ไปดูลาดเลาสักหน่อยก็แล้วกัน ผมให้ไอ้เตขับรถไปส่งที่คณะวิศวะ ไอ้เตก็ถามนิดหน่อย ผมก็ยอมบอกไปตรงๆครับว่าจะไปหาคิงและก็จะมาหาข้อมูลของไวน์นิดหน่อย พอไอ้ชาร์ปไอ้ซองได้ยินเลยขอตามมาเสือกด้วยกลายเป็นว่าพวกผมมากันครบแก๊งเลยครับ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วระหว่างที่อยู่บนรถผมตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจอไวน์ในห้องน้ำให้พวกมันฟัง

"โอ้โห เด็กนี่มันร้ายนี่หว่า"

"ถ้ากูอยู่ตรงนั้นกูกระโดดเตะปากไอ้ห่านั่นไปแล้ว"

"เออ มึงก็ใจเย็นอยู่ได้ยังไงวะ"

"ก็ไม่เห็นจะมีอะไร แค่ไม่ไปเต้นตามก็พอให้มันหัวร้อนดิ้นตายไปเองนั่นแหละ"

"ร้ายกาจ"

"หึหึ"

พวกผมมาถึงหน้าคณะของคิงพอดีเราทั้งสี่คนก็เปิดประตูรถลงไป สายตาของคนแถวนั้นก็มองตรงมาที่พวกผมทันที ผมส่งยิ้มกลับไปให้ทุกคนที่มองมาหลายคนก็ส่งยิ้มกลับมาให้บางคนก็หลบตาไปมองอย่างอื่น ตอนนี้หน้าคณะมีคนอยู่มากพอสมควรพวกผมมุ่งหน้าไปหาโต๊ะที่ว่างอยู่แถวๆนั้นแล้วนั่งรอให้คิงลงมา ผมไม่ได้ไลน์ไปบอกว่าจะมารอที่นี่ถือว่าเซอไพรส์ไปครับ ตอนนี้ที่โต๊ะของผมค่อนข้างเป็นที่สนใจโดยเฉพาะไอ้ชาร์ปที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกสายตาของผู้ชายคณะนี้มองมาที่มันไม่ใช่น้อยสงสารแต่ไอ้ซองนั่งขู่เขาเป็นหมาเฝ้ากระดูกไปได้ ส่วนไอ้เตก็นั่งก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่คนเดียว รอไม่นานนักศึกษาก็เริ่มเดินลงมาจากตึก ผมชะเง้อหาคนที่มารอและเห็นร่างคุ้นตาเดินมาเป็นกลุ่มสุดท้าย คิ้วผมกระตุกนิดหน่อยเมื่อพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเกาะหลังคนของผมมาด้วย ท่าทางเพื่อนในกลุ่มคงจะกำลังหยอกล้อกับคนที่อยู่บนหลังของคิงตอนนี้ใบหน้าติดจะหวานที่เกยอยู่ที่ไหล่นั่นกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน

"ตัวอะไรขี่คอคิงมาวะน่ะ"

"กูว่ามึงพาน้องไปทำบุญบ้างก็ดีนะ"

"พวกมึงนี่นะ"

ผมหันไปปรามเพื่อนก่อนจะหันมามองภาพตรงหน้าอีกครั้ง ถ้าถามว่ารู้สึกยังไงที่เห็นแบบนี้ก็ตอบได้แค่ว่า...**เข้าใจแล้วว่าทำไมวันก่อนคิงถึงได้หงุดหงิด <span id="redactor-inline-breakpoint"></span>**​เหมือนว่าเพื่อนในกลุ่มของคิงจะเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ถึงได้สะกิดให้คิงหันมา ผมพยายามปัดความหงุดหงิดทิ้งไปเมื่อเห็นรอยยิ้มจางของคิงที่ส่งมา คนที่ขี่หลังอยู่ถูกปล่อยลงที่พื้นอย่างไม่ใยดีก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหาผมก้มหัวทักทายเพื่อนผมบนโต๊ะทุกคนพอเป็นพิธี

"มานานยัง"

"แปบเดียวเอง"

"ไอ้คิงงงง เห้นพี่เขาแล้วทิ้งพวกกูเลยนะ พวกพี่ๆหวัดดีคร้าบบบ"

"หวัดดีพี่"

"ดีคร้าบบ"

พวกน้องที่เดินตามมาก็ทักทายพวกผมเรียงตัวพวกผมก็ตอบกลับกันไป แวบหนึ่งผมหันไปมองหน้าไวน์แล้วได้รับสายตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างแรง ผมเมินสายตานั้นแล้วมาโฟกัสที่เด็กโข่งแทน

"กลับเลยป่ะ"

"อืม คิงมีอะไรอีกไหมล่ะ ไม่มีก็กลับเลยก็ได้"

"เจอแฟนแล้วไม่เห็นหัวพวกกูเลยนะเพื่อนควิน"

ไอ้ซองจีบปากจีบคอกระแนะกระแหนผมจนน่าหมั่นไส้ แต่พอจบประโยคนั้นของมันก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาทันที

"แฟน? แฟนอะไร แฟนใครกัน?"

เป็นไวน์ที่ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจพลางมองผมกับคิงสลับกัน แม้แตพวกเพื่อนของคิงคนอื่นก็ทำหน้างงตามกันไป ผมเงยหน้ามองคิงที่ยืนอยู่เป็นเชิงถาม ก่อนที่คิงจะหันไปหาเพื่อนตัวเองแล้วพูดออกมา

"โทษทีกูลืมบอกพวกมึง"

"คือยังไงวะคิง มึงคบกับพี่ควินแล้วหรอ!?"

"อืม"

"จะ จริงหรอ แต่ที่ ที่ผ่านมามึงไม่เคยคบใครจริงๆเลยนี่"

"พี่ควินเป็นคนแรก"

สีหน้าของไวน์ดูสับสนจนถึงขีดสุดแต่ชั่วพริบตาก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสส่งมาให้คิงกับผม ผมมองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของไวน์แล้วก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ที่บอกว่าเด็กคนนี้คงทำได้แค่พูดผมว่าคงไม่ใช่แล้ว ไวน์อันตรายกว่าที่ผมคิด...

"โหยยย ดีใจด้วยมึงง กูนี่นึกว่าชีวิตนี้จะไม่มีใครเอามึงแล้วนะ5555555555"

"ฟัคเหอะ"

ไวน์เข้ามาตบไหล่คิงงแล้วทำท่าทางหมือนดีใจโอเว่อร์จนเพื่อนพากันขำเบาๆก่อนที่จะเปลี่ยนมาทางผม มือสองข้างของผถูกรวบไปจับไว้แล้วเขย่าไปมาแต่ใครจะรู้นอกจากผมว่านี่ไม่ใช่แค่การจับมือธรรมดา แรงบีบที่มากกว่าปกติทำให้ผมต้อง้มมองมือของตัวเองแล้วเงยหน้ามามองตัวการที่เสแสร้งอยู่ตรงหน้า

"นี่พี่ควินดูแลเพื่อนผมดีๆนะ มันอาจจะเลวไปบ้างแต่ก็เนื้อหอมสุดๆ...อย่าให้ใครมาแย่งมันไปได้นะ"

เพราะว่าตอนนี้ผมนั่งหันหน้าให้กับคนอื่นไวน์ที่ยืนข้างหน้าจึงหันหลังให้กับทุกคน สีหน้าเหมือนอาฆาตแค้นผิดกับน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาถึงได้มีผมเห็นแค่คนเดียวผมกระตุกยิ้มส่งไปให้อีกคนอย่างแนบเนียนพอกันก่อนจะตอบกลับไป

"ไม่ต้องห่วง คนนี้ของพี่ พี่ดูแลได้แน่"

เสียงโห่แซวของเพื่อนและน้องรอบข้างไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเขินอายอะไร ไวน์บีบมือผมด้วยแรงสุดท้ายก่อนจะปล่อยแล้วถอยไปยืนกับเพื่อน ผมลุกขึ้นมาบอกลาทุกคนแล้วชวนคิงกลับทุกคนก็เตรียมจะแยกย้ายกันไป ผมส่งยิ้มทิ้งท้ายให้กับไวน์ก่อนจะเดินจากมาพร้อมกับอีกคน









"หิว"

"หิวหรอ งั้นแวะหาอะไรกินก่อนกลับคอนโดแล้วกันนะ"

พอยัดร่างเข้ามาในรถยังไม่ทันสตาร์ทคิงก็บ่นหิวขึ้นมาทันที ผมเริ่มสงสัยแล้วนะว่ากระเพาะนี่ทำด้วยอะไรเท่าที่สังเกตมาคิงเป็นคนหิวบ่อยและกินเยอะมาก ไม่รู้ว่ากินขนาดนี้แล้วซิกแพ็คที่หน้าท้องมันยังคงสภาพอยู่ได้ยังไง

"พี่อยากกินอะไร"

"เราน่ะแหละอยากกินอะไร พี่กินอะไรก็ได้"

"เดี๋ยวค่อยคิด"

รถเคลื่อนตัวออกจากมหาลัยขับมุ่งตรงไปทางห้างดังแห่งหนึ่ง ผมเอื้อมมือไปเปิดเพลงในรถฟังระหว่างทาง ผมและคิงไม่ใช่คนที่พูดมากกันทั้งคู่ภายในรถจึงมีแค่เสียงเพลงที่ผมเปิดไว้จนมาถึงเพลงเพลงหนึ่ง


หลับตาพริ้มหรี่แสงไฟในห้องนอน

ปล่อยเสียงเรไรเล่นกล่อมให้นอนหลับฝัน

ภายใต้ผ้าห่มมีเพียงสองเราในอ้อมกอด



กลิ่นหอมของเธอนั้นปลอบให้คลายและหาย

เราช่างโชคดีที่วันนี้มีเธอข้างกาย

เส้นผมของเธอนั้นคลายยาวสยาย

ยอมได้ทุกสิ่งหากต้องทิ้งไปทุกๆอย่าง

สิ่งของเงินทองนั้นต่างหมดความหมาย



​ผมร้องตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว สายตาจับจ้องไปที่คนข้างกาย


ถ้าหากเป็นเธอฉันจะยอม

ช้ำก็จะยอมทุกข์ก็จะยอม

ฉันจะไม่กลัวถ้าหากต้องเสียใจ

สักหนึ่งนาทีก็จะยอม

ช้ำก็จะยอมทุกข์ก็จะยอม

ฉันคงต้องยอมถ้าหากต้องเสียใจ

ถ้าหากฉันเสียใจ ถ้าหากต้องเสียใจ



หูของคนขับรถเริ่มแดงจจนผมอมยิ้มออกมาและร้องเพลงต่อไป



มีเพียงสองเราในอ้อมกอด

กลิ่นหอมของเธอนั้นปลอบให้คลายและหาย

ยอมแลกทุกสิ่งหากวันนี้ต้องเซย์กู๊ดบาย

ให้ฉันมีเธอข้างกายคนสุดท้าย


ผมหันหน้าออกมองนอกหน้าต่าง​ปากก็ยังขยับตามเนื้อเพลงไม่หยุด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รถติดอยู่ที่กลางสี่แยก ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่ถูกอีกคนจ้องมองมา



ถ้าหากเป็นเธอฉันจะยอม

ช้ำก็จะยอมทุกข์ก็จะยอม

ฉันจะไม่กลัวถ้าหากต้องเสียใจ

สักหนึ่งนาทีก็จะยอม

ช้ำก็จะยอมทุกข์ก็จะยอม

ฉันคงต้องยอมถ้าหากต้องเสียใจ



จนท่อนสุดท้ายที่เราต่างมองตาแล้วยิ้มให้กัน...









"เดี๋ยวพี่ยกจานออกไปเอง ไปรอที่โต๊ะเลย"

ตอนนี้เรากลับมาถึงคอนโดแล้วครับ สรุปว่าเราได้ไก่ทอดชื่อดังมากินพร้อมขนมเค้กอีกหลายชิ้น ขนมเค้กของใคร? แน่นอนว่าไม่ใช่ของผม ผมค่อนข้างจะนึกไม่ถึงว่าคิงจะชอบของหวานจนกระทั่งได้เห็นกับตา เดินออกมาพร้อมกันแต่หันกลับไม่เจอ พอเดินย้อนกลับไปก็เจอผู้ชายตัวใหญ่คนเดียวยืนเลือกเค้กท่ามกลางเด็กผู้หญิงสี่ห้าคน ผมทั้งขำทั้งเอ็นดูจนแอบถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์เป็นสิบ พอซื้อเสร็จผมก็ให้ดิ่งกลับมาที่คอนโดทันทีเพราะกลัวว่าน้องจะหิวมากไปกว่านี้ พอมาถึงผมก็โดนลากมาที่ห้องสุดหรูของอีกคนทันที ผมแทบจะไม่ได้กลับไปเหยียบห้องตัวเองเลยครับ ดูเหมือนว่าน้องจะชอบอยู่ห้องนี้มากกว่าแล้วพอผมจะกลับห้องอีกคนก็จะตามไปด้วย จนเมื่อวานผมต้องขึ้นมานอนที่ห้องนี้ด้วยกัน

"ล้างมือยัง"

"ยัง"

"ไปล้างเลย เร็วๆ"

ระหว่างที่น้องลุกไปล้างมือผมก็ฉีกซอสเทใส่ถ้วยรอไว้ พอเจ้าตัวเดินกลับมาก็นั่งลงตรงข้ามแล้วเราก็ลงมือกินกันทันที กินเสร็จคิงอาสาล้างจานเองผมก็ปล่อยให้ไปทำพาร่างมานั่งที่โซฟาตัวยาวกลางห้องพร้อมกับกดเปิดทีวีดู สักพักคนที่อาสาล้างจานก็เดินออกมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกันก่อนจะเอนหัวลงมาวางที่ตักผม ขาเหยียดยาวไปอีกด้านหนึ่ง

"อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร"

ผมยิ้มถามพลางลูบหัวของอีกคนอย่างที่ทำบ่อยๆ อีกคนพลิกหน้าเข้าซุกหน้าท้องผมแขนยาวพาดเอวผมไว้นิ่งๆแบบนั้น จนสักพักเสียงลมหายใจดังเล็ดลอดออกมาจนผมต้องก้มลงไปดู เปลือกตาปิดสนิทลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หลับไปแล้วสิ ผมปล่อยให้คิงงีบไปแปบนึงก็ปลุกขึ้นมา

"คิง ตื่นก่อนเร็ว จะมานอนทับตะวันแบบนี้ไม่ได้เดี๋ยวปวดหัวนะ"

"อือ"

"อือแล้วก็ลืมตาด้วย"

"อือ"

"หึหึ เร็ววว"

ผมดันจนน้องลุกขึ้นมานั่งหน้าตาบูดบึ้ง มองผมค้อนๆขนผมหมั่นไส้

"ง่วง"

"ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวก็หายง่วง"

"อาบให้หน่อย"

"ทะลึ่งละ"

"เขินอะไรล่ะ เห็นๆกันอยู่"

ไหนมันว่าง่วง? พอวนเข้าเรื่องแบบนี้สีหน้างัวเงียก็แปรเปลี่ยนเป็นยียวนขึ้นมาทันที กลายเป็นผมซะอีกที่ทำหน้าอายจนไม่ถูกพอได้ยินประโยคนี้ หยิบหมอนข้างๆปาใส่แม่ง

"ไปเลยไป"

"ไปด้วยกัน"

"จะบ้าหรอ พี่จะไปทำไม"

"โกนหนวดให้หน่อย"

"ทำเองไม่ได้ไหรอ"

"อยากให้ทำให้"

เฮ้อ ผมจะต้องกินอะไร เหล็กไหมใจถึงจะแข็งกว่านี้ได้สักที ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาสองผืนแล้วกวักมือเรียกให้คิงตามมา พอเข้ามาในห้องน้ำผมก็เอาผ้าเช็ดตัวทั้งสองผืนไปแขวนไว้ ถ้าถามว่าทำไมถึงหยิบมสองผทน บอกเลยว่าผมคงไม่รอดออกไปเฉยๆได้หรอกครับ อาบมันไปเลยนี่แหละ

"ขึ้นไปนั่งข้างบน"

"ครับ"

"ที่โกนหนวดอยู่ไหน"

"ขวามือพี่อ่ะ"

"หึหึหึหึ"

"ขำอะไร"

ผมปิดปากกลั้นขำจนไหล่สั่นเพราะว่าพอหันกลับไปเด็กน้อยที่ผมไล่ให้ขึ้นไปนั่งบนอ่างล้างหน้าที่เป็นแท่นหินอ่อนอย่างดี ภาพที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นของอีกคน ขายาวที่ลอยขึ้นจากพื้นแกว่งไปมามืิอเท้าขอบอ่างนั่งอมยิ้มมองตามผมอย่างน่ารักจนผมกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ผมส่ายหน้าตอบไปยิ้มๆเดินเข้าไปยืนระหว่างขาทั้งสองของคิงก่อนจะเริ่มทาครีมโกนหนวดให้น้อง

"จริงๆก็ขึ้นนิดเดียวยังไม่ต้องโกนก็ได้นี่"

"โกนไปเถอะ เดี๋ยยวพี่เจ็บ"

"หือ ทำไมพี่ต้องเจ็บล่ะ"

"เพราะแบบนี้"

"เห้ย! โหหห ทำพี่เปื้อนแล้วเนี่ย"

"55555555"

ผมกำลังจะโวยที่คิงเอาหน้าที่มีครีมโกนหนวดมาถูกับหน้าผมจนเปื้อนตามไปแต่พอได้เห็นว่าคิง...หัวเราะ ผมก็เหมือนต้องหยุดดูและจดจำภาพนี้เอาไว้ ครั้งแรกที่ผมได้เห็นคิงหัวเราะแบบนี้มันสวยงามจนไม่อยากให้ใครได้เห็นแบบที่ผมเห็นเลย ผมยิ้มตามอีกคนโดยไม่รู้ตัวเหมือนถูกร่ายมนตร์คาถาใส่ แต่แล้วเหมือนว่ายังไม่สาแก่ใจของคิง หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอกอีกครั้งเมื่ออีกคนหยุดหัวเราะและส่งยิ้มมาให้จนตาหยี



ไม่ไหวแล้ว...



ผมโถมตัวเข้าใส่อีกคนวาดวงแขนโอบรอบลำคอคนที่นั่งอยู่ ใบหน้ากดลงกับไหล่หนาก่อนจะถูกแขนแกร่งโอบรัดกลับมาที่รอบเอว



ชอบ...

ผมชอบคิงมากเหลือเกิน...



"พี่ควิน"

"อย่า"

"ห้ะ"

"อย่ายิ้มแบบนี้ให้ใครเห็นเด็ดขาด"

"...ครับ"







































ลืมพี่หรือยังงง มาแล้วนะพี่มาแล้ววว ช่วงนี้พี่มีสอบเกือบไม่ได้มาแต่งแล้ว แต่คนอ่านเรียกร้องพี่ยอมทิ้งการเรียนให้ค่ะ 555555555555555555

ปล.ตอนต่อไปอาจจะมาหลังสอบเสร็จน้าา อย่าพึ่งด่าพี่เลย แต่ถ้าเกิดว่าทุกคิดถึงพี่มาก แสดงว่าทุกคนคือแม่นาคนะคะ ผ่าม5555555555 มุกไม่ฮาพาคนอื่นเครียดไปอีกไหม

เอาดีๆถ้าคิดถึงพี่ไปคุยในทวิตพี่ได้น้า @earthbenben พี่ใจดีมากบอกเลย แล้วก็ฝากแท็ก #แค่คุณ #คิงควินทด้วยน้าาา จุ้บจู้บบบบบ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 11 up [11/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-03-2018 22:35:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 11 up [11/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2018 13:16:01
หวานไม่เกรงใจกันเลย
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 11 up [11/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-03-2018 09:19:07
หวานกันใหญ่เลยยยยยย~~~~~
แต่ว่าขุ่นน้องไวน์ก็ไม่ธรรมดาจิงๆ น่ากลัวๆ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... Dark side up [18/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 18-03-2018 12:38:00
​Dark side









ปึ่ก

“โอ๊ย!”

เสียงของบางสิ่งกระแทกเข้าศีรษะของเด็กชายอายุสิบสี่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เด็กชายก้มหาสิ่งของปริศนาสิ่งนั้นก่อนจะพบว่ามียางลบก้อนหนึ่งตกอยู่ข้างตัว เขาหยิบมันมากำไว้แน่นแล้วมองหาที่มาของของชิ้นนี้ซึ่งในความจริงไม่จำเป็นต้องตามหาเสียให้ยาก  ยางลบในมือถูกปาไปที่กลุ่มของเด็กชายวัยเดียวกันที่นั่งหัวเราะอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง กลุ่มของคนนิสัยไม่มีที่คอยเอาแต่จะกลั่นแกล้งเขาอยู่ทุกวัน

“เห้ย! มึงปายางลบใส่กูหรอวะ!?”

“มึงปามาใส่กูก่อนป่ะ!”

“อะไร ไหนหลักฐาน พวกมึงปาใส่มันป้ะวะ?”

หัวโจกของกลุ่มนั้นเดินมากระชากคอเสื้อของเขากล่าวหาต่อว่าราวกับว่าเขาเป็นคนต้นเรื่อง ประโยคหลังที่หันไปถามคนอื่นรอบตัวก็ไม่ได้รับการยอมรับแต่อย่างใด สุดท้ายก็ลงเอยเหมือนทุกครั้งร่างของเขาถูกผลักให้ล้มลงพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของคนอื่น รูปร่างผอมแห้งแขนขาเรียวเล็กอ่อนแอเกินกว่าจะสู้ใครไหวทำได้เพียงแค่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้ต่อไปเหมือนกับที่ผ่านมา...









‘ไวน์ วัทธิกร วงศ์ศักดิ์สิริกูล’ ทายาทคนเล็กของตระกูลเศรษฐีชื่อดัง เติมโตมาท่ามกลางการเอาอกเอาใจจากพ่อแม่พี่ชายไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านคนรับใช้เพราะเป็นลูกชายคนเล็กทำให้โดนตามใจมากกว่าปกติ แต่กรถูกปรนเปรอจากคนรอบข้างอาจจะไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งนานวันเขายิ่งกลายเป็นคนเอาแต่ใจอะไรที่อยากได้เขาต้องได้อะไรที่ต้องการทุกคนจะต้องหามาให้เขา การเลี้ยงดูอยู่บนกองเงินกองทองทำให้เขารู้สึกว่ายู่เหนือกว่าใคร แม้จะเป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าปีแต่นิสัยของเขาก็ยากต่อการแก้ไขเสียแล้ว

ชีวิตวัยเด็กของเขาไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนปกติพ่อแม่จ้างคุณครูมาสอนถึงที่บ้านเพราะว่าเขาไม่ชอบที่จะต้องตื่นเช้าเป็นอย่างนี้จนเมื่อเด็กชายอายุสิบสามปีเป็นช่วงที่จะต้องเข้าสู่ช่วงมัธยม จากหนังและละครที่เขาได้ดูทำให้เด็กชายอยากมีชีวิตเหมือนเด็กในนั้นและมื่อเอ่ยปากออกไปพ่อแม่ไม่สามารถห้ามได้เหมือนทุกครั้ง เขาได้เรียนในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแต่ว่ามันกลับไม่เหมือนที่เขาคิดไว้เลยสักนิด



"โอ๊ย! นี่เดินยังไงห้ะ ชนเราแล้วเห็นไหมเนี่ย!"

"เอ่อ เราขอโทษนะไวน์ เราไม่ได้ตั้งใจ"

"ไม่ได้ตั้งใจอะไร! เราจะฟ้องครู!"



"นายเป็นนักเรียนทุนหรอ"

"ใช่ ทำไมหรอ"

"ไม่มีตังค์แล้วยังอยากมาอยู่รวมกับคนรวยเขาอีกนะ ไม่เจียมตัวเอาซะเลย"



"นี่ ไปซื้อน้ำให้หน่อยสิ"

"ทะ ทำไมไวน์ไม่ไปเองล่ะ"

"เอ๊ะ! แค่ซื้อน้ำทำไมต้องไปเอง บอกให้ไปซื้อก็ไปซื้อสิ!"



ชีวิตในรั้วไม่เหมือนที่คิดไว้เพราะนิสัยที่เอาแต่ใจและเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่าทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจ สร้างศัตรูไว้รอบกายเต็มไปหมด ที่นี่ไม่มีใครมาคอยรับใช้เหมือนตอนที่อยู่บ้าน ที่นี่ทุกคนเอาแต่เล่นซนเลอะเทอะสกปรก แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงเรียนเอกชนแม้ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นลูกคุณหนูแต่หลายคนก็เรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยประถมใครที่ไม่เข้าพวกกันก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ก้าวก่ายกันจนเมื่อเขาเข้ามา สังคมเริ่มรังเกียจและไม่ต้อนรับเขาแต่เพราะอำนาจเงินถึงไม่มีใครทำอะไรเขาได้จนกระทั่ง...



"เห้ยนาย จะไปส่งงานครูใช่ป่ะ เราฝากส่งด้วยดิ"

"ทำไมต้องส่งให้ ไม่ใช่คนใช้"

"อะไรวะ แค่ฝากส่งเอง น่านะ"

"ก็บอกว่าไม่ไง! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ? โง่!"

"จะมากไปแล้วนะ! แค่ฝากส่งจะอะไรนักหนา"

"ไม่พอใจก็ร้องไห้ไปฟ้องแม่ซะนะ"

"อะโถ่อีตุ๊ด กูไม่ง้อมึงก็ได้วะ"

"มึงว่าใครตุ๊ด!"

ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาแบบนี้ ทันทีที่อีกฝ่ายกำลังจะเดินผ่านเขาไปด้วยความโมโหที่โดนหาว่าเป็นตุ๊ดเขาใช้กระเป๋าที่ถือไว้ฟาดไปที่หลังของเด็กคนนั้นเต็มแรงไม่มีเวลาให้ได้คิดอะไรอีกฝ่ายหันมามองเขาสายตาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยมีใครใช้สายตาแบบนี้กับเขามาก่อน ถึงจะทำใจสู้แต่ขากลับก้าวถอยหลังออกไปร่างกายที่สูงกว่าของอีกคนพุ่งเขามาหาเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

"นี่มึงจะเอาใช่ไหม?!"

ความเจ็บปวดกระแทกเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายความแรงของหมัดที่ส่งมาทำให้ร่างกายบอบบางของเขากระเด็นล้มไปอีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาซ้ำแต่มีเสียงแทรกของอาจารย์เข้ามาห้ามได้ทัน เกิดมาพ่อแม่ยังไม่เคยตีเขาสักครั้งความเจ็บที่ไม่เคยได้เจอทำเอาน้ำตารินไหลอาจารย์พากันเข้ามาปลอบใจเขาแต่คงไม่ช่วยอะไร วันต่อมากลายเป็นเรื่องใหญ่เมื่อเรื่องที่เขาโดนทำร้ายถึงหูครอบครัวทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าพ่อแม่เขาไม่ยอมแต่ครั้งนี้อำนาจเงินทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายที่เขามีเรื่องด้วยครอบครัวก็ใหญ่โตไม่แพ้กันหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เรื่องราวต้องจบลงแค่การขอโทษกันและกันถึงแม้เขาจะไม่อยากพูดแต่เพราะเป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ขอร้องให้เขาทำเขาจึงต้องจำยอม

แต่ใครว่าจะจบแค่นั้น หลังจากเกิดเรื่องชีวิตเขาก้พลิกกลับตาลปัตร อีกฝ่ายคอยแต่จะกลั่นแกล้งเขาสารพัดและไม่มีใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยมีแต่จะสะใจและสมน้ำหน้าเขา ตัวคนเดียวจะต่อสู้ก็ไม่ได้จะป้องกันยังลำบาก แม้จะอยากย้ายโรงเรียนแต่ก็ไม่อยากยอมแพ้แล้วโดนหาว่าหนีไป ได้แต่ทนก้มหน้าเรียนไปวันๆจนจบชันมัธยมต้น







เริ่มใหม่...

ไวน์ในวัยสิบหกปีตอนนี้ยืนอยู่ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ไม่ใช่ที่เก่าที่เขาเคยเรียนเพราะที่เดิมนั้นสิ้นสุดเพียงแค่มัธยมต้น เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทำตัวเหมือนเดิมอีกจะไม่ยอมให้ซ้ำรอยกับอดีตที่เขาเคยเจอมาช่วงเวลาสามปีที่ต้องทน หลายครั้งที่ต้องร้องไห้แต่ก็ไม่อยากแพ้เขาอดทนจนพ้นมาได้จะไม่มีวันลืมเด็ดขาดเพราะฉะนั้นเขาจะเป็นคนใหม่แล้วทิ้งไวน์คนเดิมไปแต่ถึงจะพูดแบบนี้ไปแต่ความเป็นจริงเขาแค่จะต้องกดนิสัยเดิมเอาไว้แล้วสร้างหน้ากากขึ้นมาใหม่ต่างหาก ถ้าจะให้เลิกนิสัยเดิมคงเป็นไปได้ยาก แต่โชคชะตาดูแล้วคงจะไม่ได้อยู่ข้างเขา มีนักเรียนที่นี่ไม่น้อยที่มาจากโรงเรียนเดียวกับเขาพกพาชื่อเสียของเขามาเล่าต่อให้คนที่นี่ได้รับรู้มีหลายคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆเขาเดินผ่านสายตาคนเหล่านั้นไปยังห้องเรียนของตัวเอง



ผมมาถึงห้องของตัวเองในไม่ช้าทันทีที่เดินก้าเข้าห้องไปก็กลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน 2-3 คนในห้องเค้าคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดีเพราะมาจากที่เดียวกัน ผมเลือกนั่งโต๊ะที่ติดหน้าต่างด้านหลังห้องที่ยังว่าอยู่แต่เมื่อเดินมาถึงกลับเห็นว่าที่นั้นโดนจองไปแล้วโดยใครก็ไม่รู้ที่ฟุบหลับอยู่พอมองไปรอบห้องก็แทบไม่มีทีเหลือแล้วเลยตัดสินใจนั่งลงที่โต๊ะคู่กันกับคนที่หลับอยู่ตรงนี้

"คนนั้นอ่ะหรอไวน์"

"คนนี้แหละที่เขาว่ากันว่านิสัยเสียสุดๆไปเลยอ่ะ"

"ไม่อยากให้อยู่ห้องเดียวกันเลยอ่ะ"

"อย่าไปมองสิเดี๋ยวก็โดนหรอก"

"ก็ดูไม่มีอะไรนี่หว่า ข่าวลือปะเนี่ย"

เสียงที่เหมือนจะเป็นการกระซิบกันในกลุ่มแต่เขากลับได้ยินทั้งหมด แม้ไม่อยากฟังแต่มันก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ต่อให้วันนี้เขาจะเปลี่ยนไปยังไงแต่ทุกคนก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนเดิม

ทำไม

ไม่อยากฟัง

ไม่อยากได้ยินเลย

เขากำลังเปลี่ยนตัวเองนะ

ทำไมไม่มีใครเข้าใจ

เขาจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ใครก็ได้...



"เงียบน่า"



เสียงหนึ่งดังขึ้นสั่งให้ทุกเสียงในห้องเงียบลงได้ในพริบตา ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นทุกคนมองมาทางผม ไม่สิ ด้านข้างของผมต่างหาก ผมมองตามสายตาของคนทั้งห้องก็พบกับ...



ใครน่ะ?

หล่อ...



ใบหน้าคมเข้ม งดงามเครื่องหน้าลงตัวอย่างกับจัดวาง ถึงแม้ว่าจะมีอาการงัวเงียติดอยู่บนหน้านั่นแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลงเลยสักนิด หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุแก้มร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้ คนๆนี้เป็นใครกัน

"นี่คิง นอนไม่พอหรือไงห้ะตื่นมาก็หงุดหงิดใส่คนอื่นเขาน่ะ"

"รำคาน เสียงดัง"

"มึงก็กลับไปนอนบ้านมึงเส้"

คิง? เขาคนนี้อ่ะหรอ ผมจ้องคนด้านข้างจนโดนจับได้ คิงหันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นงงๆ ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก กำลังคิดหาคำที่จะแนะนำตัวอยู่แต่ไม่ทันได้พูดคนตรงหน้าก็ฟุบหน้ากลับลงไปนอนอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าทำหน้ายังไงออกไปผู้หญิงที่นั่งด้านหน้าที่คุยกับคิงเมื่อกี๊ถึงได้หันมาพูดกับผม

"ไม่ต้องงง คิงมันเป็นแบบนี้แหละ"

"อ่อ"

"เด็กใหม่หรอ"

"อ่า"

"ชื่อไรอ่ะ"

"ไวน์"

"ไวน์? อ๋อ! เด็กที่เขาพูดถึงกันอ่ะนะ"

"...มั้ง"

"อย่าไปสนใจเลย ช่างมันๆ อ้อ เราเกลนะ"

ผมพยักหน้ารับคำของเกลสองสามที เกลเป็นคนที่แปลกมากเหมือนจะมีอะไรแต่ไม่มีอะไรพอเกลหันกลับไปผมมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่พบกับสายตาแปลกๆของใครอีกก็โล่งใจ หวังว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้ดีนะ







ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน ผมรีบหาโอกาสคุยกับคิงทันทีเพราะตลอดช่วงเช้าอาจารย์เอาแต่แนะนำนู้นนี่จนไม่ได้คุยสักที

"เอ่อ นายชื่อคิงใช่ไหม เราไวน์นะ"

"อือ"

"คิงจะไปกินข้าวหรือเปล่า เราไปด้วยสิพอดีเราเป็นเด็กใหม่อ่ะ"

"อือ"

คิงลุกขึ้นเดินนำไปผมรีบลุกตามอีกคนทันที ตลอดทางมีคนทักคิงเต็มไปหมดแต่อีกคนทำแค่พยักหน้าหรือรับคำสั้นๆแค่นั้น สงสัยไม่ชอบพูดแฮะ จนมาถึงโรงอาหารคิงบอกขั้นตอนซื้อข้าวสั้นๆแล้วเดินไปผมก็เดินตามไปซื้อข้าวร้านเดียวกับคิง จนซื้อเสร็จคิงก็เดินมานั่งที่โต๊ะริมสุดที่ว่างอยู่เพียงตัวเดียว เหมือนว่าอาจจะเป็นโต๊ะประจำก็ได้เพราะทั้งที่รอบๆแทบจะเบียดกันไปหมดแต่โต๊ะนี้กลับว่างเอาไว้ ผมนั่งตามและพยายามคิดหาเรื่องชวนอีกคนคุยมากกว่านี้

"ไม่มีเพื่อนคนอื่นหรอ"

"เดี๋ยวก็มาอยู่คนละห้อง"

"อ่อ"

ผมจนใจที่จะชวนอีกคนคุยจริงๆ พูดน้อยจนไปต่อไม่ถูกจนได้แต่เงียบรอให้มีเรื่องคุยต่อ สักพักผู้ชายสี่คนก็มานั่งที่โต๊ะเรา ผมตกใจนิดหน่อยแต่คงเป็นเพื่อนที่คิงบอกไว้ ทุกคนทักทายกับคิงอย่างสนิทสนมก่อนจะหันมาสนใจผมที่นั่งอยู่ตรงนี้

"ใครวะ"

"เด็กใหม่"

"ห้องเดียวกับมึงหรอ"

"อือ"

"ชื่อไรอ่ะ ว่าแต่หน้าโคตรหวานเลยอ่ะ"

"แถมขาวโคตร"

"เอ่อ ไวน์"

"เห้ยไวน์ที่เขาพูดถึงกันป้ะวะ?"

"ดูคุณหนูๆหน่อย...ใช่เลยอ่ะ"

"กูก็ว่าใช่"

มือผมที่อยู่ใต้โต๊ะจิกกันจนเจ็บผมเสียใจแต่มากว่านั้นมันเริ่มเป็นความโกรธ ทุกคนพูดถึงเรื่องผมไม่หยุดจนผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ทนไว้นะ ทนไว้ อย่าให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนนะไวน์ อย่า ทนไว้



"ช่างเถอะเลิกพูดสักที"

​อีกครั้งที่เสียงของอีกคนช่วยผมไว้ ผมมองหน้าคิงอยางอธิบายไม่ถูก สองครั้งแล้วที่คิงพูดเหมือนไม่สนใจเรื่องของผมที่ทุกคนพูดกัน ดีใจเหลือเกิน

"มึงน่ะ จะเป็นยังไงมากูไม่รู้แต่อยู่ที่นี่อย่าทำเหมือนเดิมอีก"

"อืม"

มีคนให้โอกาสผมแล้ว....

คิง...









หลังจากวันนั้นผมกดด้านมืดของตัวเองไว้ให้ลึกที่สุด คนรอบข้างเริ่มดีกับผมขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นว่าเรื่องของผมเริ่มเงียบและหายไปในที่สุด ตอนนี้ผมกลายเป็นไวน์ที่แสนดีถึงแม้มันจะอึดอัดไปบ้างแต่มันคุ้มแล้ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมตอนนี้คือคิง เราสนิทกันมากขึ้นจนกลายเป็นเพื่อนสนิท แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น





ผมชอบคิง





ผมรู้ตัวว่าชอบคิงตั้งแต่แรกที่เริ่มอยู่ด้วยกันคิงมีเสน่ที่ยากจะต้านทานไหว แต่ก็ทำได้แค่ชอบเพราะคิงไม่ชอบผู้ชาย... ผมรู้เพราะที่ผ่านมามีผู้หญิงรอบตัวคิงเต็มไปหมด ใครเสนอคิงก้สนองแต่ไม่มีสักครั้งที่คิงจะยุ่งกับเด็กผู้ชายผมได้แต่เก็บความในใจที่ไว้ให้ลึกที่สุดเพราะอย่างน้อยผมจะได้ไม่เสียคิงไป ผมใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดเวลาสามปีทั้งสุขที่ได้อยู่ใกล้คิง ทั้งเจ็บเวลาที่เห็นคิงไปกับใคร ทำได้แค่ดูและยิ้มไปทุกครั้ง เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไง



ทั้งที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้



แต่เหมือนมันไกลจนไม่มีวันไปถึง



หากตัดสินใจพูดมันออกไป



ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรตามมา



ผมอยู่ในมุมของผม ต่อให้ผมไม่ได้คิงไปแต่ขอแค่คิงไม่มีใคร ขอแค่ไม่มีใคร ก็พอ...







แต่มันไม่ใช่...วันนี้ผมกับคิงเป็นนักศึกษาปีสองของมหาลับรัฐอันดับต้นๆ มันยากมากสำหรับผม ผมไม่ใช่คนหัวดี แต่เพราะคิงบอกว่าจะสอบเข้าที่นี่ผมถึงต้องพยายามทั้งอดหลับอดนอนเพื่ออ่านหนังสือ เสาร์อาทิตย์หมดไปกับการเรียนพิเศษ แน่นอนว่ามันสำเร็จเพราะวันนี้ผมได้อยู่กับคิงอย่างที่หวังแต่เหมือนว่ามันได้อย่างเสียอย่าง ผมได้อยู่กับคิงเหมือนเดิมแต่กลับต้องทนเห็นผู้หญิงมากกว่าเดิมที่เข้ามายุ่งกับคิง ผมอยากจะทำรายพวกเธอให้เข็ดหลาบหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคิงของผมอีก ผมได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้เพียงเพราะว่ากลัวจะไม่ได้อยู่กับคิงอีก

หลายครั้งที่มีคนทักว่าผมกับคิงเป็นแฟนเป็นคู่จิ้นอะไรกัน ผมไม่เคยปฏิเสธและแอบยิ้มรับทุกคนที่พูดมา ส่วนหนึ่งเพียงเพื่อว่าให้ข่าวนี้กระจายออกไปใครต่อใครจะได้เข้าใจคิงผิด ส่วนหนึ่งคือหวังว่าคิงอาจจะหวั่นไหวบ้างแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีสักครั้งที่คิงจะมองผมมากกว่าเพื่อน



แต่แล้ว...คนคนนั้นก็เข้ามา

พี่ควิน...คนที่ผมเกลียดมากกว่าใครบนโลกนี้



ทั้งที่ผมรู้จักคิงดีกว่า

ทั้งที่ผมรู้หมดว่าคิงชอบอะไร

ทั้งที่ผมใส่ใจทุกอย่างที่เป็นคิง

ทั้งที่ผมพยายามทำเพื่อคิงมาตลอด

ทั้งที่ผมยอมทนเจ็บมาเพื่อที่ได้ยืนข้างคิง

ทั้งที่ผมทนเห็นใครต่อใครเข้าหาคิงเพราะว่ากลัวคิงจะหนีไป

ทั้งที่ผมอยู่ตรงนี้มาตลอด

ทั้งที่ผมคือคนที่เคียงข้างคิงมานานแสนนาน

แต่ทำไมทั้งที่ทำขนาดนี้กลับสู้คนคนนั้นไม่ได้

คนที่เข้ามาในชีวิตคิงเพียงไม่กี่วัน

คนที่ไม่รู้จักอะไรคิงเลย

คนที่ไม่รู้ว่าคิงชอบอะไรสักอย่าง

คนที่ดึงความสนใจจากคิงไปทั้งหมด

คนที่คิงยอมเผยด้านที่ไม่เคยให้ใครเห็น

คนที่คิงยอมทิ้งผู้หญิงทั้งหมดเพื่อไปหา

คนที่เป็นข้อยกเว้นทุกอย่างของคิง

คนที่ได้คิงไปโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย



ผมทนเพราะคิดว่าคิงไม่ชอบผู้ชาย

แต่พี่ควินเป็นผู้ชาย

ผมยอมทนเก็บความรู้สึกนี้มาห้าปี

แต่พี่ควินเข้ามาแค่ไม่กี่วัน



ผมจะ...ไม่ยอมเด็ดขาด

ไม่มีวัน...ให้มันได้ไป

ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร

ผมจะไม่มีทางให้ใครได้คิงไป



คิงเป็นของผม

คิงของผม

ของผม

ของไวน์คนเดียว...






































______________________________________________

มาจ้า เปิดตัวตัวร้ายอย่างเป็นทางการ ใครเชียร์ให้ไทค์จัดการคะ? ไม่ค่ะ งานนี้นางเอาถึงตาย555555555555555 ตอนนี้มาเป็นดาร์กไซด์สั้นๆเพื่อเพิ่มอรรถรส มีสอบก็มีแต่เห็นเม้นแล้วมันฮึกเหิม  ขอบคุณทุกเมนท์น้าา ฝาก #คิงควิน #แค่คุณด้วยน้าา คุยกันในทวิตได้เด้อ @earthybenben
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... Dark Side up [18/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 18-03-2018 13:23:49
เอาหละครับ ทีนี้เราก็จะมาลุ้นกันนะครับว่าพระเอกของเราจะตามเกมของตัวร้ายทันมั้ย อย่าหล่ออย่างเดียวแต่โง่นะคิง ไม่งั้นจะทำแคมเปญทวงพี่ควินคืน  :katai4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... Dark Side up [18/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-03-2018 13:45:36
ร้ายจริง ๆ

ร้ายตั้งแต่เด็ก ๆ

กาลเวลาไม่ทำให้สันดานเปลี่ยน  ทำได้แค่กดมันไว้  รอให้เผยออกมา  เมื่อถึง.....

น่าสงสาร ไม่สิ น่าสมเพช มากกว่า
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... Dark Side up [18/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-03-2018 16:35:09
โอ้โหหหห ใส่หน้ากากคนดีมานานขนาดนี้
ยอมใจที่ทนเก็บกดมา แต่ว่านิสัยคงแก้ยากจิงๆ =_=
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... Dark Side up [18/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-03-2018 18:26:40
ควินเอาให้หมอบเลยนะลูก  :fire:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 12 up [19/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 19-03-2018 21:59:42
​ตอนที่ 12







พาร์ท ควิน







"เสร็จแล้ว"

ผมจับคางคนตรงหน้าพลิกไปมาสองสามทีเพื่อดูว่าเรียบร้อยดีหรือยังเจ้าตัวก็หันหน้าตามอย่างว่าง่าย พอเช็คจนพอใจแล้วก็ปล่อยใบหน้าคมให้เป็นอิสระ ร่างสูงลงมายืนที่พื้นดีๆเปิดน้ำล้างหน้าล้างตัวเองระหว่างนั้นผมก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาถือไว้รอให้อีกคนหันมา คิงเงยหน้าขึ้นมาผมก็ยื่นผ้าขนหนูในมือไปให้อีกคนก็รับไปซับน้ำบนหน้าทันที ผมปลดกระดุมเสื้อที่เลอะเทอะนิดหน่อยตอนที่โกนหนวดให้คิงแล้วโยนใส่ตะกร้าตรงมุมห้องน้ำ สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้วยกันมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ

"มองอะไรครับ?"

"ใครให้มาถอดตรงนี้"

"ถอดตรงนี้ไม่ได้หรอ"

"ได้"

"งั้นพี่ก็ถอดได้นี่"

"ผมยืนอยู่"

"แล้วจะทำอะไรพี่ล่ะ"

"พี่ควิน"

ผมพูดพร้อมกับก้าวขาเข้าไปใกล้คิงมากกว่าเดิมยิ่งก้าวเข้าไปใกล้คิ้วอีกคนก็ขมวดเข้าหากันเรื่อยๆสีหน้ายุ่งยากใจเริ่มเผยออกมาให้เห็น เวลาได้เห็นสีหน้าแบบนี้ผมก็ไม่เคยจะอดใจไหวสักที ผมเข้าชิดตัวมาจนมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าอีกคนเพราะส่วนสูงของเราต่างกันไม่มากทำให้ใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกัน ผมกระตุกยิ้มแล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะติดกันสายตาของอีกคนจับจ้องมาที่ริมฝีปากของผมเช่นเดียวกับที่สายตาของผมจับจ้องที่ริมฝีปากของคิง ขณะเดียวกันผมเอื้อมมือไปที่อ้างล้างหน้าด้านหลังของคิงปิดน้ำที่ไหลออกมาไม่หยุด จังหวะที่ปากของเราแตะกันผมก็ถอยออกมา

"ทำหน้าแบบนั้นคิดว่าพี่จะทำอะไรหรอ เมื่อกี๊พี่แค่เอื้อมไปปิดน้ำให้เองนะ หึหึ"

พูดจบคิ้วเข้มก็ขมวดมากขึ้นไปมากว่าเดิมตาคมจ้องผมเขม็งใบหน้าเริ่มขึ้นสีจนผมกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว ไม่ทันให้ผมได้แกล้งอะไรต่อคิงเดินออกไปจากห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะเดินไปพิงประตูมองตามเด็กขี้งอนที่เดินไปนั่งเปิดทีวีดูอยู่ที่โซฟา ผมนี่ท่าจะโรคจิตทั้งที่รู้ว่าแกล้งแล้วต้องมาตามง้อทุกครั้งแต่ก็อดไม่ได้สักที ผมเดินมายืนอยู่ระหว่างเด็กน้อยกับทีวีจอยักษ์แต่เหมือนว่าคิงจะทำเหมือนผมเป็นอากาศมองทะลุผ่านไปได้ซะอย่างนั้น

"ไม่อาบน้ำก่อนหรอ"

"...ไม่"

"โอเค งั้นพี่อาบก่อนแล้วกัน"

"..."

ผมเดินมาทางห้องน้ำแล้วพูดขึ้นมาลอยๆแต่กลับมีเสียงจากคนที่พูดน้อยตอบกลับมาอย่างไว

"นึกว่าจะอาบด้วยกันซะอีก"

"อาบ!"

"ไม่ทันแล้วน้อง รออาบทีหลังไปเลย"

"พี่ควิน!"

พออีกคนตอบรับคำพูดผมแล้วลุกเดินมาทางนี้ผมก็อาศัยความเร็วดึงประตูปิดแล้วล็อคอย่างไว เรียกเสียงบ่นจากคนที่ยืนอีกฟากของประตูได้พอสมควร ดูแล้วเหมือนผมจะเพิ่งไปทำให้อีกคนงอนมากขึ้นกว่าเดิม เอาไว้ออกไปค่อยง้อแล้วกัน ผมเดินมาเปิดน้ำในอ่างขนาดที่สามารถนอนแผ่สองคนจริงๆในห้องนอนก็มีห้องน้ำอีกห้องนึงคิงอาจจะเข้าไปอาบห้องนั้นแทน ระหว่างที่รอน้ำเต็มอ่างผมก็สำรวจห้องน้ำไปด้วยคอนโดเดียวกันแท้ๆแต่ห้องน้ำผมดูยังไงก็ไงก็ไม่ได้ขนาดนี้ ไม่สิห้องผมกับห้องคิงแตกต่างกันลิบลับ ก็นะ ห้องก็ใหญ่ขนาดนี้คงจะแพงไม่ใช่น้อยจะหรูขนาดนี้ก็คงไม่แปลก ผมจัดการน้ำในอ่างตีฟองจนเต็มเตรียมจะถอดเสื้อผ้าที่เหลือติดตัวออกแต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงปิดประตูจากด้านที่น่าจะเป็นประตูห้อง

หืม? คิงไปไหน?

ผมตัดสินใจเปิดประตูออกไปดูด้านนอกแต่เหมือนว่าเป็นการตัดสินใจที่พลาดมาก ทันทีที่เปิดประตูออกไปคนที่รออยู่ก็แทรกตัวเข้ามาด้านใน ผมตกใจแต่พอเห็นมุมปากที่ยกขึ้นของคิงก็เข้าใจ เหอะ นี่ผมเสียท่าแล้วสิ

"อาบน้ำกัน"

"แผนสูงนักนะ"

ยอมใจแผนของคิงจริงๆ ผมปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงถอดทิ้งเหลือไว้แค่ Calvin Klein ตัวในแต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าคิงยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

"ไม่ถอดเสื้อผ้าล่ะ"

"นี่พี่ไม่ เอ่อ ไม่อายเลยหรอ"

"อาย? อายทำไม...ก็เห็นๆกันมาแล้วนี่ ไม่ใช่หรอ?"

"...คนอะไร"

ผมมองคนถามที่ใบหน้าซับเลือดเสียเองยิ้มๆ ถามว่าอายไหมผมก็ว่าไม่หรอกนะผู้ชายเหมือนกันมีอะไรๆเหมือนกันถึงมันจะ อ่า ไม่เท่ากันก็เถอะ ผมปล่อยคนขี้งอนที่กลายเป็นคนขี้เขินไว้แล้วหันไปเปิดน้ำล้างตัวก่อนที่เกือบจะหัวใจวายตายเพราะหันกลับมาเจอร่างกายเปลือยเปล่าไปทั้งตัวของอีกคน





ทั้งที่คิดว่าคงไม่เขินแล้วแท้ๆ ทำไมหน้ามันร้อนขึ้นมาได้วะ





ผมเบนสายตาหนีจากซิกแพ็คแน่นตรงหน้าพยายามไม่มองต่ำลงไปกว่านั้นแมเมื่อกี๊จะเผลอมองไปแล้วนิดนึงก็เถอะ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอดังขึ้นมาทำให้ผมต้องรีบเดินพาร่างตัวเองลงไปนั่งในอ่างก่อน คือถึงจะมีอะไรเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะ จะ จะถอดหมดนี่...

น้ำในอ่างถูกดันจนล้นเมื่อมีบางสิ่งเข้ามาแทนผมหลบสายตาจากคิงที่นั่งตรงข้ามกันอยู่ตอนนี้ หึ้ย ทำไมถอดหมดวะภาพติดตาเพิ่มมาอีกแล้ว ถึงจะเรียกว่าอาบน้ำด้วยกันแต่ผมก็ใส่กางเกงตัวในไว้นะ! นึกว่าคิงก็คงจะใส่ด้วยซะอีก

"ไหนว่าไม่อายไง"

"ก็พี่ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเห็นอะไรแบบนี้อ่ะ"

"ก็เห็นๆกันมาแล้วไม่ใช่หรอ"

​พอโดนย้อนคำพูดตัวเองกลับมาแบบนี้ผมก็เถียงไม่ได้สิครับ เห็นหน้าตาเหมือกำชัยชนะไว้แบบนั้นแล้วหมั่นไส้ขึ้นมาหน่อยๆแต่ก็วุดท้ายก็หลุดยิ้มตามจนได้พอเห็นรอยยิ้มของอีกคน

"สระผมไหม"

"อือ"

"หันหลังมาทางนี้สิ"

คิงทำตามที่บอกไม่มีขัดขืนหรือต่อต้านสักนิด ผมดันตัวเองขึ้นไปนั่งขอบอ่างโดยให้คิงพิงขาเอาไว้ ผมหยิบฝักบัวเปิดน้ำเริ่มล้างผมให้อีกคนอย่างเบามือก่อนจะชโลมยาสระผมลงบนกลุ่มผมเข้มไปจนทั่ว

"นี่คิง พี่ถามอะไรหน่อยสิ"

"ครับ"

"เพื่อนที่ชื่อไวน์อ่ะสนิทกันมากเลยหรอ"

"สนิท จบที่เดียวกัน"

"อ๋อ"

ระหว่างที่สระผมไปผมก็เลยใช้โอกาสนี้ชวนคิงคุยเรื่องที่ค้างคาใจผมมาหลายวัน ไวน์เป็นคนที่ไม่น่าวางใจเลยสักนิด เขาแสดงตัวชัดเจนว่าชอบคิงและไม่ต้องการให้ผมคบกับคิง แต่ที่ผมอยากรู้คือคิง...รู้เรื่องนี้หรือเปล่า

"ถามทำไม"

"ห้ะ อ๋อ พี่เห็นว่าวันนี้ดูเหมือนไวน์จะดีใจมากที่รู้ว่าคิงคบกับพี่"

"ไม่รู้สิ แต่ดีแล้วที่คนอื่นรู้ จะได้เลิกล้อสักที"

"ล้ออะไรอ่ะ"

"ในคณะเค้าชอบล้อกันว่าผมกับมันเป็นคู่จิ้นอะไรกันนี่แหละ "

คู่จิ้น...หนุ่มหล่อกับหนุ่มหน้าหวานสินะ

"ก็ไวน์น่ารักจะตาย พี่เห็นครั้งแรกยังรู้สึกว่าน่ารักมากกว่าผู้หญิงบางคนอีก"

"พี่ควิน...คงไม่ได้ชอบมันใช่ไหม"

"เห้ยเปล่า พี่แค่ถามดู"

"จริงนะ"

"ครับ"

"แล้วไป"

"แล้วโดนแซวมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าแอบหวั่นไหวกับเขาหรอกใช่ม้ะ"

"ไม่หวั่นไหวหรอก เพื่อนกัน"

"แล้วอีกคนนึงล่ะจะคิดว่าแค่เพื่อนกันเหมือนกันหรือเปล่า"



​สิ้นเสียงคำถามของผมความเงียบก็เข้ามาแทนที่ งั้นก็คงหมายความว่าคิงก็คงจะรู้ใช่ไหมว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้คิดแค่เพื่อนกัน...รู้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

จะบอกว่ายังไง หวั่นใจ หวาดกลัวหรือสับสนดี การที่คิงบอกว่าไม่หวั่นไหวแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรทั้งที่รู้ว่าไวน์คิดยังไงกับตัวเองก็หมายความว่าไม่ได้ไม่ชอบใช่หรือเปล่า ทั้งที่รู้แต่ก็ยังสนิทสนมยังเล่นยังเจอกันทุกวันแบบนี้คือก็ไม่ได้รังเกียจใช่ไหม หัวใจผมเริ่มปวดหนึบจากความคิดบ้าบอของผม ผมบอกไม่ได้ว่ากำลังรู้สึกยังไงแต่ที่แน่ๆคือความคิดของผมตอนนี้กำลังทำร้ายตัวผมเอง...

"เสร็จแล้วครับ"

"พี่ควิน"

"อาบน้ำกันเถอะ"

"พี่ควิน ฟัง"

"ก็พูดมาสิ"

เพราะความเงียบมันเริ่มทำให้อึดอัดผมเลยพยายามจะออกไปตั้งสติแต่ถูกรั้งไว้ด้วยสองมือใหญ่ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งแล้วสบตากับคิง เกือบนาทีที่ไม่มีใครขยับตัวคนที่บอกให้ผมหยุดฟังกลับไม่พูดอะไรสักคำ จนแล้วจนรอดผมก็ต้องกลายเป็นคนที่เปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง

"เอางี้ อาบน้ำกันก่อนเนอะแล้วค่อยไปคุยกันข้างนอก"

"อือ"

"โอเค"

พวกผมต่างคนต่างอาบน้ำโดยที่ไม่ได้คุยกัน พวกเราใช้เวลาอาบน้ำไวจนน่าตกใจ เฮ้อ เมื่อกี๊ยังอารมณ์ดีกันอยู่เลยไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้นะ ผมออกจากห้องน้ำก่อนเดินมาแต่งตัวในห้องจนเสร็จก็ยังไม่เห็นคิงตาเข้ามา ผมนั่งลงที่เตียงก่อนจะคิดเรื่องนี้อีกที ถ้าจะพูดคงจะต้องบอกว่าตอนแรกผมรู้สึกเฟลนิดหน่อยเพราะที่ไวน์พูดมาก็ดูจะมั่นใจในตัวเองมากพอสมควร แล้วยิ่งคิงเหมือนจะรู้ว่าไวน์คิดยังไงแต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือจัดการอะไร มันก็หมายควาว่าคิงไม่ได้ปฏิเสธไวน์นี่ถูกไหม แล้วเรียนจบมาจากที่เดียวกันแสดงว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้วผมล่ะเจอกันแค่กี่วัน ถ้าต้องเลือกคิงจะเลือกผมหรอ บอกว่าแค่เพื่อนแต่ก็เหมือนให้โอกาสส่วนผมที่เป็นแฟนแต่เรื่องของเรามันใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยวของคิงกับไวน์เลยด้วยซ้ำ

ผมแค่หวั่นใจ...ความมั่นใจของไวน์นั่นมันสั่นคลอนความรู้สึกผมได้มาก ตอนแรกผมคิดว่าไวน์อาจจะแอบชอบข้างเดียวแต่นี่มันไม่ใช่ คิงอาจจะเปิดโอกาสให้ไวน์ก็เป็นได้



ผมจะทำยังไงดี



ต้องคุยให้รู้เรื่องเท่านั้น ผมมองไปที่ประตูก็ไม่มีีท่าว่าลูกบิดจะถูกใช้งาน ผมตัดสินใจเดินออกไปหาคิงด้วยตัวเองประตูถูกเปิดออกด้วยมือของผมแต่มองไปทางไหนก็ไม่เจอคนที่มองหา เสียงเข้มแว่วมาจากทางระบียงจนต้องเดินไปดูแล้วก็พบว่าคนที่ผมหาอยู่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียง บานเลื่อนที่ปิดไม่สนิททำให้บทสนทนาเล็ดลอดมาให้ผมได้ยิน

"ผมจำคุณไม่ได้แล้วก็อย่าโทรมาอีก"

"ถ้าผมเคยเจอคุณแล้วผมก็น่าจะบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าล้ำเส้น"

"ผมจะเตือนแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น"

บทสนทนาและน้ำเสียงไร้เยื่อใยของคนพูดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปลายสายจะรู้สึกแย่มากแค่ไหน แม้แต่ผมที่ยืนตรงนี้ยังอดขนลุกตามไม่ได้เสียงประตูเลื่อนทำให้อีกคนหันมาสายตาที่ผมเห็นทำเอาใจผมกระตุก สายตาที่ผมไม่เคยเห็น มันว่างเปล่าเย็นชาและดุดัน สายตาแบบนี้น่ะหรอคือสายตาของคิงแบบที่คนอื่นเห็น เพียงแค่แวบเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาปกติแบบที่ผมเห็นทุกครั้ง เสียงเรียกจากร่างสูงทำให้สติที่กระเจิงไปกลับมาอีกครั้ง ผมก้าวไปยืนข้างกันกับคิงผมรู้สึกว่าผมถูกจ้องมองอยู่ตลอดแต่ความเงียบยังคงทำงาน ก้นกรองบุหรี่ในมืออีกคนทำให้ผมมองไปรอบด้านก่อนจะเจอซองบุหรี่ที่ถูกวางไว้บนโต๊ะเล็กๆข้างกระถางต้นไม้

"ขอบุหรี่ให้พี่หน่อยสิ"

เหมือนคิงจะไม่เข้าใจที่ผมพูดผมเลยเดินไปหยิบบุหรี่มาจุดเองแล้วกลับมายืนที่เดิม นิโคตินถูกอัดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะถูกปล่อยออกมทั้งหมดการกระทำของผมอยู่ในสายตาของอีกคนตลอดถึงแม้ไม่ได้หันไปมองแต่ผมก็รู้ตัว

"รู้ใช่ไหมว่าที่พี่ถามในห้องน้ำหมายความว่ายังไง"

"ผมรู้ว่าไวน์ชอบผม"

"อืม"

"แต่อย่างที่บอกไปผมไม่หวั่นไหวหรอกนะพี่ควิน ถ้าจะคิดอะไรจริงๆคงคิดไปตั้งนานแล้ว ผมรู้ว่าพี่คิดอะไรแต่เชื่อผมเถอะว่ามันไม่มีอะไร"

"..."

"ผมชอบพี่ แค่พี่คนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้"

"..."

"แต่ไวน์เป็นเพื่อนผมจะให้ไปบอกหรือไปห้ามอะไรก็คงไม่ได้เพราะถึงยังไงมันก็เป็นเพื่อนผม ขอแค่ให้พี่เชื่อผม มันไม่มีอะไรทั้งนั้น"

นั่นสิ ถ้าคิงจะมีอะไรคงไม่จำเป็นต้องรอมาจนถึงป่านนี้ ขอให้เชื่องั้นหรอ มันก็ต้องเชื่ออยู่แล้วไม่ใช่เพียงเพราะแค่คำพูดของอีกคนที่ทำให้ผมเชื่อแต่สายตาที่ผมเห็นตอนคุยโทรศัพท์นั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผมพิเศษกว่าคนอื่น เรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำผมนี่แหละคิดเยอะจนทำให้มันวุ่นวาย

"อืม ขอโทษทีนะพี่คงคิดมากไปหน่อย"

"ถ้ามันอึดอัดก็พูดออกมา"

งั้นหรอ ควรพูดออกไปใช่ไหม ผมสูบบุหรี่ครั้งสุดท้ายก่อนจะขยี้มันกับดินที่กระถางต้นไม้แล้วหันหน้าไปหาคิงก่อนจะพูดมันออกมา

"...เมื่อกี๊พี่คิดไปว่าบางทีเราอาจจะยังไม่รู้จักกันดีพอ"

"..."

"พี่คิดไปว่าคิงคงจะเลือกเพื่อนที่คบมาหลายปีมากกว่าพี่ที่คบกันได้ไม่กี่วัน"

"..."

"พี่คิดว่าความรู้สึกของเราทั้งคู่มันไม่มั่นคงเรายังเชื่อใจกันไม่มากพอ"

"..."

"พี่เคยบอกคิงใช่ไหมว่าอยากให้คิงแน่ใจในความรู้สึกจริงๆแล้วค่อยคบกัน แต่ตอนที่เราคบกันพี่ไม่ได้ถามคิงว่าแน่ใจแล้วจริงหรือเปล่า...เพราะงั้นตอนนี้ตอบพี่มาทีว่าคิง-"

"ผมรักพี่และผมมั่นใจว่าผมรู้ใจตัวเองดี"

​"...พี่ก็รักคิง"

​ผมเข้าไปกอดคิงเอาไว้ในอ้อมแขนร่างกายที่หนากว่าของอีกคนสำหรับผมมันดูน่าถนุถนอนมากกว่าสิ่งไหน คนๆนี้จะเย็นชาและโหดร้ายสำหรับใครบ้างผมไม่รู้แต่สำหรับผมคิงเป็นเด็กน้อยที่ผมเอ็นดูมากกว่าใคร สิ่งที่คนอื่นเห็นและพูดถึงกันคงไม่ใช่แบบที่ผมเห็นและผมก็ยินดีให้ทุกคนคิดแบบนั้นเพราะความน่ารักที่คิงมีผมไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นมันแบบที่ผมเห็น มือข้างหนึ่งของผมยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมที่ก้มซุกไปกับซอกคอของผมทุกส่วนของร่างกายเราแนบสนิทไปด้วยกัน อ้อมกอดนี่แทนทุกคำพูดระหว่างเราส่งผ่านทุกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เวลาไม่กี่นาทีที่เราต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองมันทำให้เจ็บปวดจนยากเกินบรรยาย การที่เราไม่รู้จักกันดีพอทำให้เราไม่แน่ใจในความรู้สึกของกันและกัน

"ต่อไปนี้เราจะคุยกันให้มากขึ้น รู้จักกันให้มากขึ้นมากกว่านี้นะ พี่ไม่อยากต้องมารู้สึกแบบนี้อีกแล้ว"

"พี่ควิน"

"เพราะความไม่ไว้ใจทำให้พี่สับสนในตัวคิงและเพราะว่าคิงเองก็ไม่มั่นใจถึงไม่ได้พูดออกมาตั้งแต่แรก"

"พี่ควิน"

"หลังจากนี้ถ้ามีอะไรต้องคุยกันให้รู้เรื่องทุกครั้งเข้าใจไหมอย่าเงียบแบบนี้อีกเพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น"

"ครับ"

"ดีมาก เอาเป็นว่าเคลียร์แล้วงั้นเราเข้าไปนอนกันดีกว่าเนอะ"

ผมดันร่างหนาให้ผละออกไปแต่ไร้ผลอ้อมแขนแกร่งกลับกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมไม่ยอมปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระ

"จะไม่ไปนอนหรือไง"

"ไป"

"ก็ปล่อยพี่สิ"

"ขออีกแปบนึง"

"ให้สองนาทีตรงนี้ลมแรงเดี๋ยวไม่สบาย อ๊ะ!"

อยู่ดีๆคิงก็ผละออกไปพร้อมกับจับมือพาเดินเข้าไปในห้องผมที่ไม่ทันได้ตั้งหลักเกือบจะเซหน้าทิ่มไปแล้ว เป็นอะไรขึ้นมาเนี่ย

"เดี๋ยวๆจะรีบไปไหนนน"

"ลมมันแรงเดี๋ยวพี่ไม่สบาย"



เห้อ ไอ้เด็กคนนี้ จะให้ผมหลงไปถึงไหนกันนะ หน้าผมนี่อีกหน่อยคงต้องไปฉีดโบท็อกแน่เลยดูแล้ววันนึงยิ้มไม่รู้กี่รอบยิ้มอยู่นั่นแหละยิ้มจนหน้าจะย่นหมดแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ ทำให้ยิ้มมากนักจะให้ออกค่าโบท็อกซะให้เข็ด



ส่วนเรื่องวันนี้ก็ถือซะว่าเปิดใจคุยกันมากขึ้นไปแล้วกัน...ส่วนไวน์ก็คงต้องขอโทษทีแล้วกันนะเพราะยังไงแล้วคนคนนี้ก็คงไม่มีวันที่จะยกให้ได้หรอก





เพราะว่าคิงรักผม...







คิงรักผม...







โอ้ย! จะหลับอยู่แล้วดันมาเขินอะไรตอนนี้วะ!





















______________________________________

สวัสดีจ้าา มาแล้วนะอย่าโกรธกันเลยย นี่พึ่งสอบเสร็จก็มาปั่นนิยายอย่างเร่งด่วนเลยนะไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนเลยสักนิดแต่เพื่อรีดเดอร์ทุกคน สู้ค่ะ! ตอนนี้เบาๆไปก่อนเนื้อเรื่องหลักกำลังจะเดินทางมานี่ขนาดตอนี้ไวน์มาแค่ชื่อยังเกือบสร้างความร้าวฉานให้พระนายของเราได้อ่ะค่ดเก่ง555555 นิยายเรื่องนี้กะเอาไว้ที่ 40 ตอน เรื่องยาวแน่นอนไม่ต้องห่วง ดราม่าไหมอันนี้ก็ต้องมีบ้างเนอะเป็นสีสัน แต่จบแฮปปี้ ปี้ ปี้ ปี้ ปี้แน่นวนน

ขอขอบคุณทุกเมนท์ท่ส่งมาเลยนะคะ กำลังใจคนแต่งมาจากคอมเมนท์ล้วนๆเลย T^T พอเห็นรีดเดอร์สนุกเราก็ฮึดค่ะ สุดท้ายขอฝากดันแท็กนิยายในทวิตเตอร์ #แค่คุณ #คิงควิน ด้วยน้า รักยู
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 12 up [19/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-03-2018 22:23:23
พี่ควินคนแมนที่แท้จริงอ่ะ
คุยกันตรงๆเลยจร้า คิงถึงกับไปไม่เปน 555555555
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 12 up [19/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2018 23:52:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 12 up [19/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-03-2018 00:40:57
ดีที่คุยกัน
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 13 up [27/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 27-03-2018 19:37:19
ตอนที่ 13







พาร์ท ควิน







"เออๆ กำลังลงไป"

ผมวางสายไอ้เตที่โทรมาตามพร้อมกับเปิดประตูออกจากห้องเพื่อไปที่ลิฟท์ วันนี้คิงมีเรียนเช้ากว่าผมเลยออกไปก่อนส่วนผมก็ตามให้ไอ้เตมารับไปด้วยกัน หลังจากเมื่อคืนที่ผมกับคิงไม่เข้าใจกันนิดหน่อยผมก็พยายามไม่คิดอะไรมาก ถึงแม้เรื่องของไวน์จะยังตกค้างอยู่ในใจผมบ้างแต่ถ้าคิงบอกว่ามั่นใจผมก็จะเชื่อใจเขา

ผมลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นรถไอ้เตจอดอยู่ที่หน้าคอนโดพอเดินถึงรถผมก้เปิดประตูเข้าไปนั่งทันที ผมหันไปกะว่าจะทักไอ้เตแต่ดันเห็นสีหน้าที่ดูไม่ปกติอย่างมากของไอ้เตเข้าเสียก่อน ถึงปกติไอ้เตเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์แต่ก็ยังจัดว่าส่วนใหญ่อยู่ในโหมดอารมณ์ดีซึ่งต่างจากตอนนี้ น้อยครั้งที่ไอ้เตจะแสดงออกว่าหงุดหงิดหรือโมโหอะไราผ่านทางสีหน้าแบบนี้ ดูแลคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

"มึงมีอะไรป่าววะ ดูมึงจะหงุดหงิดนะ"

"เห็นชัดขนาดนั้นเลยหรอวะ"

"นี่มึงได้ส่องกระจกก่อนออกจากห้องป้ะเนี่ย หน้าตาเสี่ยงตีนขนาดนี้ให้หมาดูมันยังรู้เลย"

"เออพอดีเมื่อคืนกูเมาตื่นมาเจออะไรจุกจิกเลยหงุดหงิดไปหน่อย"

"เมื่อคืนมึงไปกินเหล้ากับใครวะ กูไม่เห็นรู้เลย"

"เพื่อนเก่าอ่ะ บอกไปมึงก็ไม่รู้จักหรอก"

"อ่อ"

ระหว่างที่คุยไอ้เตก็ขับรถไปเรื่อยๆตอนนี้ก็สายมากแล้วบนถนนจึงโล่งไม่ต้องกลัวว่ารถจะติด เสียงไลน์จากโทรศัพท์ผมดังขึ้นสองสามครั้งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา คนในแชททักมาถามว่าถึงมหาลัยหรือยังผมก็ตอบกลับไปว่าใกล้ถึงแล้วหลังจากนั้นก้ได้รับข้อความที่อีกฝ่ายบ่นว่าง่วงอย่างงั้นอย่างงี้ หึ มันน่ารักไหมล่ะครับ

"ยิ้มเข้าไป กูเริ่มจะหมั่นไส้จริงๆละ"

"อิจฉาก็หาบ้างสิ"

"กูไม่หาบ่วงมาคล้องคอตัวเองหรอกว่ะ พวกผู้หญิงอ่ะงี่เง่าเอาใจก็ยาก"

"งั้นมึงไม่ลองหาผู้ชายดูล่ะ กูว่าก็ไม่แย่นะ"

"แหม เดี๋ยวนี้แนะนำเพื่อนเข้าสมาคมเดียวกันหรอ"

"สัส"

"ว่าแต่คบกับคิงเป็นไงบ้างวะ บอกตรงๆนะกูดูยังไงคิงมันก็ไม่เข้ากับมึงเลยว่ะ"

"ยังไงอ่ะ"

"มึงนึกดูนั่นคิงนะ คิงที่ไม่มีใครเข้าถึงคนนั้น ชื่อเสียงก็ขึ้นชื่อเรื่องควาามเย็นชาไม่เอาใครแต่ไหงดันมาเอามึงวะ"

"เอาพ่อง ยังไม่ได้อะไรกันสักหน่อย"

"ห้ะ! คิงปล่อยมึงไว้ได้ยังไงวะเนี่ย"

"เพราะกูเก่ง"

"ถุย"

"กูกับคิงจะว่าดีมันก็ดี แต่ก็มีไม่เข้าใจกันบ้างอย่างเมื่อคืนก็ จะว่าไงดี เรียกว่าทะเลาะกันมั้ง"

"จริงหรอวะ แต่กูว่าไม่แปลกหรอกพวกมึงรู้จักกับแป๊บๆก็คบกันแล้ว ยังไม่รู้จักนิสัยกันดีเลย กูถามมึงอีกครั้งนะควิน ถามเพราะเป็นเพื่อนมึง...มึงแน่ใจหรอวะว่าเป็นคิงนี่ดีแล้วจริงๆ มึงอาจจะแค่ชอบเฉยๆก้ได้ กูเป็นคนห่วงมึงหรอกนะเพราะอีกฝ่ายกูก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามันจะชอบมึงจริงๆ"

อีกครั้งที่มีคนบอกผมอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจว่าทุกคนที่พูดเพราะเป็นห่วงแต่ทำไมทุกคนถึงคิดว่ามันอาจะเป็นแค่ความชอบ เพราะพึ่งรู้จักกันไม่นานแค่นั้นก็ตัดสินว่าไม่ใช่ความรักได้แล้วหรอ ถ้างั้นต้องรู้จักกันนานแค่ไหนถึงจะบอกได้ว่านั่นคือความรัก มันขึ้นอยู่กับเวลาหรืออะไร ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ความรู้สึกของตัวเราหรือไง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตัดสิน ผมรู้แค่ว่าถ้าคิงมีความสุขผมก็จะมีความสุขไปกับคิงแต่ถ้าหากว่าคิงมีความทุกข์ผมก็พร้อมจะอยู่ข้างๆแล้วร้องไห้ไปพร้อมกัน




คิงเป็นความรักสำหรับผม




"มึงไม่ต้องมาเข้าใจกูหรอกเต กูเข้าใจตัวกูคนเดียวก็พอ"












ผมกับไอ้เตมาถึงมหาลัยก็เจอไอ้ชาร์ปนอนฟุบอยู่บนโต๊ะส่วนไอ้ชาร์ปก็นั่งมองอีกคนนอนอยู่อย่างนั้น  พอพวกผมเดินเข้าไปใกล้จนไอ้ซองหันมาเห็นมันก็ยักคิ้วทักทีนึงแล้วหันไปเขย่าตัวไอ้ชาร์ปที่คงจะหลับอยู่ พอโดนปลุกไอ้ชาร์ปก็เงยหน้าสะลึมสะลือขึ้นมาทันทีที่เห็นผมกับไอ้เตมันก็แหกปากขึ้นมา

"โอ้โหพวกมึง กูนึกว่าจะมากันอาทิตย์หน้าซะแล้ว ช้าชิบหาย!"

"ไม่ต้องมาโทษพวกกูเลย พวกมึงจะรีบมากันทำไมเล่า"

"ฮึ่ย!"

พอเถียงไม่ได้ไอ้ชาร์ปก็งอนสะบัดหน้าไปซบไหล่ไอ้ซอง ส่วนไอ้คนโดนซบก็ไม่สะบัดหนีแถมยังนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวแต่สุดท้ายก็ต้องดันหัวไอ้ชาร์ปออกเพราะหันมาเจอสายตารู้ทันของผมกับไอ้เตจนทำอะไรไม่ถูก ทำไมพวกมันไม่คุยกันไปให้รู้เรื่องสักทีนะผมไม่เข้าใจ ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าคิดยังไงกัน ปากแข็งกันทั้งคู่

"ควิน เห็นในเพจอีเจ๊ยัง เรื่องมึงอ่ะเหมือนจะเป็นประเด็นใหญ่แล้วนะ"

"ทำไมวะ"

"ก็เรื่องมึงกับคิงไง เอ้า  ไปดูเอาเอง"

ไอโฟนรุ่นล่าสุดของไอ้ซองถูกยื่นมาให้ผมรับและเลื่อนดูโพสที่ไอ้ซองบอกทันที

เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊  18 hour ago

โอ๊ยยยยยยย!!! อกอีเจ๊จะแตก สรุปเรื่องนี้มันยังไงกันแน่คะ!? หลังจากที่ช่วงนี้พี่ควินมีรถหรูคุ้นตามารับส่งทู๊กกกกกกวัน เราสืบจนรู้มาว่านั่นคือคนของหลัวคิง! นั่นก็น่าสงสัยมากพอแล้วแต่ล่าสุดมีคนเห็นพี่ควินแอนด์เดอะแก๊งของเขาไปนั่งรอใครไม่รู้ที่คณะวิศวะ คณะใครรู้ไหมคะ ใช่คะ คณะของหลัวคิง! แน่ใจได้เลยเพราะพอหลัวคิงของเราออกมาจากตึกก็วิ่งปรี่สี่คูณร้อยมหาพี่ควินทันที แถมท้ายคือพากันไปขึ้นรถขับออกไปเฉยซะงั้น ทิ้งความน่าสงสัยไว้ให้เราเหล่าทาสของหลัว ฮือออ บอกเจ๊ทีว่านี่มันอาร๊ายยยยยย อย่าให้เจ๊ชิปไปเอง ใจคอเจ๊ไม่ดี พี่ควินของเจ๊ หลัวคิงของเจ๊ ใครรู้อะไรมาจงบอกมาบัดเดี๋ยวนี้ หากเห็บไว้ไม่บอกแล้วเจ๊จับได้จักเฆี่ยนด้วยไม้หน้าสามนะจ๊ะ!

3042 like 572 comment




ผมยิ้มให้กับข้อความที่เจ๊โพสและผมไม่ได้อ่านคอมเมนท์เพราะส่วนใหญ่ก็คงถามคำถามเดียวกับเจ๊นั่นแหละ นอกจากกลุ่มผมกับกลุ่มของคิงผมก็ค่อนข้างแน่ใจว่ายังไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์นี้ ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้ซองแล้วยักไหล่ให้มันว่าไม่ได้สนใจอะไร พวกมันเห็นผมไม่ได้สนใจก็เลยไม่พูดถึง พวกเรานั่งคุยนู้นนี่ไปรอเวลาขึ้นเรียนจนสักพักผมก็ปวดฉี่ขึ้นมา

"พวกมึง กูไม่เข้าห้องน้ำแปบนะ"

"นี่จะได้เวลาเรียนแล้วนะควิน"

"งั้นพวกมึงขึ้นห้องไปก่อนเลยฝากของไปด้วยเดี๋ยวกูตามไป"

"เออๆ"

ผมเดินแยกตัวมาเข้าห้องน้ำข้างตึกแถวนี้ไม่ค่อยมีคนจึงค่อนข้างเงียบแต่เดินมาถึงห้องน้ำยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกันดังออกมาเสียก่อน ผมว่าจะกลับไปเข้าห้องน้ำอื่นแล้วแต่ต้องเปลี่ยนใจหยุดฟังเพราะได้ยินชื่อหนึ่งถูกเอ่ยขึ้นจากใครบางคนที่เถียงกันอยู่ในห้องน้ำ

"พี่เนย์ ทำไมพี่เข้าใจอะไรยากแบบนี้วะ"

พี่เนย์? จะใช่เนย์เดียวกับที่เขาคิดหรือเปล่านะ

"แล้วทำไมบาสทำแบบนี้กับพี่! ที่ผ่านมามันคืออะไรล่ะห้ะ!"

เสียงคุันหูที่ตอบกลับบางคนทำให้ผมมั่นใจว่าหนึ่งคนในนั้นคือพี่เนย์พี่รหัสของผมแน่นอน แต่ว่ามันคงไม่ดีที่ผมจะมายืนฟังแบบนี้ผมกำลังจะเดินกลับไปแต่คนที่อยู่ในห้องน้ำดันวิ่งออกมาก่อน ผู้ชายตัวเล็กหน้าตาจัดว่าดีวิ่งออกมาเขาชะงักไปนิดนึงที่เจอเขาอยู่ตรงนี้ไม่ทัที่จะมีใครได้ตั้งสติผู้ชายอีกคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีวิ่งตามออกมาจับแขนผู้ชายตรงหน้าผมไว้

"ปล่อย! พี่เนย์ผมบอกให้ปล่อย!"

"ไม่ปล่อย! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!"

"ผมพูดไม่ชัดตรงไหน? ก็บอกว่าผมมีแฟนแล้วเลิกยุ่งกับผมสักที!"

"แล้วเรื่องของเราล่ะ ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยหรือไง ทำแบบนี้ได้ไงวะ!"

พี่เนย์ออกแรงกระชากคนตัวเล็กกว่าขับไล่บางนั่นไว้แล้วอกแรงเขย่าเค้นให้อีกฝ่ายตอบคำถามจนสีหน้าของผู้ชายคนนั้นเริ่มบ่งบอกถึงความเจ็บปวดแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงไม่ยอมแพ้ออกแรงผลักอีกคนให้ออกไปแต่ดูขนาดตัวแล้วยังไงก็คงสะบัดพี่เนย์ออกไปไม่ได้ แรงยื้อฉุดกระชากเริ่มรุนแรงขึ้นพอเห็นท่าไม่ดีผมก็เข้าไปห้ามทั้งคู่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายและคนอื่นจะมาเห็นเอา

"พี่เนย์พอ! ปล่อยก่อน ปล่อย คุยกันดีๆก็ได้"

"อย่ามายุ่ง!"

ผมเข้าไปห้ามโดยการแกะมือพี่เนย์ออกจากไหล่ของอีกคนแต่กลับโดนพี่เนย์ผลักออกมาจนผมเสียหลักสะดุดอะไรบางอย่างล้มลง ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่เนย์ที่ตอนนี้เหมือนคนไม่มีสติเอาแต่กระชากตัวอีกคนแล้วตะโกนใส่ไม่หยุด ผมมองไปรอบๆเริ่มเห็นว่ามีนักศึกษาสามสี่คนเดินมาดูแล้วรีบดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเข้าไปห้ามพี่เนย์อีกครั้ง ผมรวบรวมแรงทั้งหมดกระชากพี่เนย์ออกมาจากผู้ชายคนนั้นผมผลักพี่เนย์ไปอีกทางก่อนจะคว้าแขนเล็กของอีกคนแล้วดึงให้มาหลบอยู่ด้านหลัง พี่เนย์ตั้งหลักได้ทำท่าจะเข้ามาคว้าตัวคนที่หลบอยู่ด้านหลังผมทันทีแต่ผมก็ผลักพี่เนย์ออกไปอีกครั้ง คราวนี้พี่เนย์หันมาส่งสายตาวาวโรวจ์เต็มไปด้วยความโกรธเคืองนั่นให้ผมแทน ผมเองก็สบตาไมได้หันหนีมือเรียวของคคนที่ผมไม่รู้จักจับชายเสื้อผมไว้ ผมรู้สึกถึงแรงสั่นเล็กน้อยจากร่างกายของคนด้านหลังก็ไม่น่าแปลกใจหรอกเพราะไม่ว่าใครถ้าได้มาเห็นพี่เนย์ตอนนี้ก็คงมีอาการไม่ต่างกัน

"พอได้ยังพี่เนย์"

"มึงหลบไปควิน"

"พี่นั่นแหละหยุด ไปตั้งสติให้ได้ก่อนไหมทำอะไรอยู่พี่รู้ตัวบ้างหรือเปล่า"

"หลบไป"

"พี่เนย์ ผมไม่รู้ว่าอะไรยังไงแต่ตอนนี้ที่นี่พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้"

คนที่หลบอยู่ด้านหลังของผมกำเสื้อผมแน่นกว่าเดิมราวกับว่าหวาดกลัวคนที่อยู่ตรงหน้ามากมาย พี่เนย์ยืนกำหมัดแน่นสายตาจับจ้องอยู่ที่บางคนด้านหลังผมนานนับนาทีจนสุดท้ายลมหายใจก็ถูกพ่นออกมาอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ของคนคุ้มคลั่ง

"มึงไปให้ไกลๆเลยนะ อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก"

พี่เนย์พูดทั้งที่ไม่มองมาทางนี้แต่ทันทีที่จบประโยคคนที่หลบอยู่ด้านหลังผมก็ออกตัววิ่งจากไป คนที่มองอยู่รอบๆก็สลายตัวตามกันไปจนหมด

"โธ่โว้ย!!!!!"

หมัดหนักของคนที่กำลังคุ้มคลั่งกระแทกเข้าไปที่กำแพงอย่างแรงเหมือนคนทำไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด พี่เนย์ง้างมือออกมาก่อนจะต่อยเขาไปที่เดิมอีกครั้ง ผมตกใจแต่ก็รีบเข้าไปยื้อแขนอีกคนไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้

"พี่เนย์ พอเถอะ ทำแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก"

"...ทำไมมันทำแบบนี้กับพี่วะควิน"

"ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆถึงพี่รักเขาแค่ไหนพี่ก็ต้องรักตัวเองด้วยนะ"

พี่เนย์หันมาสบตากับผมน้ำตาที่คลออยู่รอบดวงตาของอีกคนแสดงถึงความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ผมยิ้มให้พี่เนย์ก่อนจะตบไหล่ปลอบใจเบาๆเพียงเท่านั้นน้ำตาที่กักกันไว้ของอีกคนก็ไหลลงมา พี่เนย์ใช้มือปาดน้ำตาทิ้งไปเงยหน้าขึ้น ผมเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นเพราะไม่กล้าปล่อยพี่เนย์ไว้คนเดียว สักพักพี่เนย์ก็ก้มหน้าลงมามองผมอีกครั้ง น้ำตาเมื่อครู่ได้เหือดแห้งไปเหมือนมันไม่เคยมี

"ขอบใจนะ"

"อย่าทำแบบนี้อีกนะพี่ ผมตกใจแทบตาย"

"โทษทีเมื่อกี๊กูโมโหมากไปหน่อย"

"อ่ะนี่ เช็ดเลือดที่มือซะ เมื่อกี๊ผมว่าผมเห็นเลือดนะ"

ผมควักผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวตลอดให้พี่เนย์เพราะตอนที่พี่เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาผมสังเกตเห็นเลือดที่เปรอะอยู่ที่มือ ก็แน่ล่ะ ต่อยแรงซะขนาดนั้น ถ้าผมห้ามไว้ไม่ทันดีไม่ดีป่านนี้กระดูกคงแตกไปแล้ว

"...เช็ดเลือดตัวเองก่อนดีกว่าไหม"

"ห้ะ เลือดผม?"

"ที่มือมึงน่ะ"

ผมก้มดูมือตัวเองตามทีพี่เนย์บอกถึงได้รู้ตัวว่ามือตัวเองมีรอยถลอดและมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย สงสัยคงจะเป็นตอนที่ผมล้มแล้วเอามือยันพื้นล่ะมั้ง

"อ๋อ แค่นี้เองเดี๋ยวล้างเอาก็ได้ พี่เอาไปเช็ดเหอะ แผลพีเลือดออกเยอะกว่า"

"เพราะกูผลักใช่ไหม"

"อย่าคิดมากน่าพี่ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก"

"กูขอโทษ"

"ไม่เป็นไรๆ ผมว่าเราไปล้างมือกันดีกว่า เลือดพี่เริ่มออกเยอะแล้วนะ"

"อืม"

พวกผมเข้าไปล้างมือในห้องน้ำก่อนจะมานั่งโต๊ะมาหินแถวนั้น แผลของพี่เนย์พล้างเลือดออกแล้วแผลก็ไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดเป็นแค่รอยแตกเล็กๆแต่คงเพราะปล่อยไว้นานเลือดเลยออกมาเยอะแบบนั้น ผ้าเช็ดหน้าของผมถูกนำไปซับเลือดพี่เนย์จนมันเริ่มหยุด ผมนึกขึ้นได้ว่ามีพลาสเตอร์อยู่ในกระเป๋าตังค์เลยหยิบออกมา

"เอามือมาพี่ ผมมีพลาสเตอร์เดี๋ยวแปะให้"

"มึงพกพลาสเตอร์เนี่ยนะ"

"...เพราะมีบางคนชอบมีแผลมาให้ผมทำบ่อยๆเลยพกไว้น่ะ"

ผมยิ้มแล้วตอบพี่เนย์ไป จริงที่ผมเริ่มพกพลาสเตอร์ไม่นานมานี้ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าเพราะใคร หึหึ พูดแล้วคิดถึงเลยนะเนี่ย

"มึงไม่มีเรียนหรอ"

"มีดิพี่ แต่คงไม่ทันแล้วล่ะ"

"โทษท่ี"

"ช่างเถอะ ว่าแต่พี่อารมณ์กลับมาปกติยัง"

"อืมหายละ"

"ดีแล้วพี่ แค่คนคนเดียวอย่าให้เค้ามาทำให้ชีวิตเราแย่ลง"

"...อืม"

ผมรู้จักพี่เนย์ดี พี่เนย์เป็นพี่รหัสของผมเราสนิทกันพอสมควรแต่ผมไม่เคยเห็นพี่เนย์เป็นแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วพี่แกเป็นคนที่ค่อนข้างจะโหดๆเถื่อนๆออกไปทางหยาบคายเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกพี่เนย์ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่เพราะผมไม่ยอมประกวดเดือนคณะ พี่เนย์เคยเป็นเดือนคณะมาก่อนเลยอยากให้น้องรหัสสืบตำแหน่งต่อไปแต่ผมไม่ยอมเลยโดนพี่เนย์แกล้งสารพัดเลยตอนรับน้อง แถมผมเองก็เป็นคนไม่ค่อยชอบพูดและนิ่งๆไม่ค่อยสนใจอะไรพี่เนย์เลยยิ่งรำคาญผมมากขึ้นไปอีกเพระตรงข้ามกับพี่แกลิบลับ แต่ก็นั่นแหละ ยังไงสายรหัสมันก็ตัดกันไม่ได้ถึงพี่แกจะไม่ชอบผมตอนแรกแต่ก็คอยช่วยเหลือมาตลอดพอผ่านไปนานๆเข้าก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น ไปกินเลี้ยงสังสรรค์เลี้ยงสายรหัสก็เมาหัวทิ่มหัวตำทุกครั้งก็ผมนี่แหละที่หอบพี่แกไปส่ง สนิทกันไปสุดท้ายเราก็รักกันดีครับแต่พอดีว่าช่วงนี้พวกผมต่างก็เรียนหนักแถมพี่เนย์อยู่ปีสี่แล้วเลยต้องไปฝใึกงานทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่ พอมาเจอกันก็ดันอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้

"คนเมื่อกี๊น่ะอยู่ปี 1"

"..."

"กูเจอกับมันครั้งแรกในผับ คืนนั้นเราไปต่อด้วยกันจบลงตอนเช้าก็แยกกันไป"

"ผมไม่เคยรู้ว่าพี่ชอบผู้ชาย"

"ก็มันคนแรกนี่แหละ มึงจะฟังไหมเนี่ย"

"อ่ะเล่ามา"

"หลังจากนั้นโคตรบังเอิญ กูเจอมันอีกครั้งที่มหาลัยแล้วก็ได้รู้ว่ามันอยู่ปี ! ที่นี่ ยอมรับว่ากูก็ถูกใจมันอยู่เหมือนกันมันเองก็คงคิดแบบนี้ หลังจากวันนั้นพวกกูก็คุยกันตลอดไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน มึงรู้ไหมควินนี่เป็นครั้งแรกที่กูอยู่กับใครสักคนได้นานขนาดนี้"

"..."

"แต่แล้วอยู่ดีๆมันก็แปลกไป หายไปไม่รับโทรศัพท์ ไม่มาให้เจอ หลบหน้ากูตลอด พอวันนี้กูจับตัวมันได้มึงรู้ป่ะว่ามันบอกกูว่าอะไร มันบอกกูว่ามันมีแฟนแล้ว เหี้ยไหมล่ะ มันบอกที่ผ่านมากูกับมันไม่เคยเป็นแฟนกันแล้วจะเดือดร้อนอะไร ไอ้เหี้ยแล้วที่นอนเอากันทุกวันนี่ไม่ใช่แฟนแล้วเรียกว่าอะไรวะ"

"..."

"กูโคตรโมโห พอกูรู้สึกดีกับใครสักคนขึ้นมาแม่งมันกลับทำกับกูแบบนี้ ที่ผ่านมาแม่งหลอกกูชัดๆ ไอ้สัสเอ้ย!!!"

"เห้ยๆ ใจเย็นพี่ เล่าแค่นี้อย่าขึ้นดิวะ"

พอเล่ามาถึงตอนท้ายๆสีหน้าของพี่เนย์ก็ดูจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบจนผมต้องเบรกเอาไว้แต่เท่าที่ฟังมาก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย อยู่ด้วยกันมาตลอดแต่กลับมีเราที่คิดไปเองฝ่ายเดียว

"เออโทษที พูดแล้วมันหัวร้อน"

"ของพี่เล็กป่ะวะไม่ถึงใจเด็กมันงี้"

"เล็กพ่องเดี๋ยวกูก็ควักมาโชซ์แม่ง"

"ขอเตรียมแว่นขยายก่อนนะ"

"ไอ้ควินไอ้เด็กเวรรรร"

"5555555"

"หึหึ มึงนี่มันกวนตีนจริงๆ"

ผมชวนพี่เนย์คุยไปจนพี่เริ่มอารมณ์ดีขึ้น ผมก็เป็นห่วงพี่เขาไม่อยากให้เศร้าหรอกครับ พอพี่แกยิ้มได้ผมก็สบายใจขึ้นมา พี่เขายิ้มได้แบบนี้มันดีกว่าตอนที่พี่เชแกคลั่งเป็นไหนๆ รู้จักกันมาสามปีเพิ่งเคยเห็นด้านนั้นของพี่เนย์ก็วันนี้บอกตรงๆว่าพี่เขาดูเจ็บปวดจนผมรู้สึกแย่ตามไปด้วยเลย

"เอาน่าพี่ปล่อยมันไปเถอะคนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่"

"แต่มันแค้นอ่ะ"

"สักวันคนที่เป็นของพี่ก็จะมาหาพี่เอง"

"แล้วกูจะรู้ได้ไงว่าคนนั้นของมึงเป็นใคร"

คำถามของพี่เนย์ทำให้ผมคิดถึงคิง คนที่ผมต้องการให้เป็นคนคนนั้นของผม ผมพูดให้พี่เนย์ฟังพร้อมรอยยิ้ม

"คนคนนั้นเขาจะไม่ทำให้พี่เสียใจแบบนี้"

"..."

"เขาจะทำให้พี่ยิ้มได้ไม่ว่าตอนนั้นพี่จะเศร้าแค่ไหน"

"..."

"เขาจะอยู่ข้างๆเวลาที่พี่ไม่สบายใจ"

"..."

"เขาจะเป็นคนที่คิดถึงพี่เป็นคนแรกและจะเป็นคนแรกที่พี่คิดถึง"

"..."

"เขาคนนั้นจะเป็นความสุขของพี่"

"..."

"สักวันพี่จะได้เจอเขา"

".....กูอาจจะเจอแล้วก็ได้"

"พี่พูดว่าอะไรนะ ไม่ได้ยินอ่ะ"

"ห้ะ อ่อ กูบอกว่าชาตินี้จะได้เจอไหมคนแบบที่มึงว่าน่ะ"

"ถ้าไม่เจอก็ถือว่าบุญพี่ไม่มีแล้วกัน"

"สัส"

ผมก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าใกล้ได้เวลาหมดคราบแล้วเดี๋ยวพวกไอ้เตก็คงลงมา ผมพกมาแต่กระเป๋าตังค์ส่วนโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าไม่รู้ว่าเดี๋ยวพวกมันลงมาแล้วผมต้องไปนั่งฟังพวกมันบ่นอีกแค่ไหน

"เดี๋ยวผมต้องไปแล้วนะพี่ เพื่อนคงใกล้ลงมากันแล้ว"

"จะไปแล้วหรอ"

"หืม"

"เอ่อ"

พอผมบอกว่าต้องไปแล้วพี่เนย์แกก็รีบตอบกลับมาอย่างไวนผมตกใจพอหันไปมองหน้าพี่แกก็เห็นว่าทำหน้าตาเหวอเหมือนพลั้งปากพูดออกมา ผมยิ้มขำท่าทางแบบนั้นของพี่เนย์สงสัยคงเพราะกำลังเศร้าเลยไม่อยากอยู่คนเดียวล่ะมั้ง ผมแกล้งเอื้อมมือไปลูบหัวพี่เนย์เบาๆสองสามทีก่อนจะพูดล้อเลียนพี่แก

"หึหึ อ่ะโอ๋ๆ อยู่คนเดียวไม่ร้องนะพี่5555555"

"มึงรีบไปเลยไปแล้วหัวกูใช่ที่เล่นมึงไหมห้ะ!"

"เห้ยๆไปแล้วๆ บาย "

"ไปให้ไวๆเลยสัสก่อนรองเท้ากูจะบินไปหามึง"

"555555 ไว้เจอกันพี่"

ผมรีบวิ่งมานั่งรอเพื่อนที่โต๊ะตัวเดิมหน้าคณะ เฮ้อ หวังว่าพี่เนย์จะผ่านมันไปได้นะผมเอาใจช่วยแล้วกัน














อีกด้านหนึ่ง

ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิมพลางนึกถึงใบหน้าของรุ่นน้องที่พึ่งจากไป สัมผัสแผ่วเบาที่ยังคงอยู่บนกลุ่มผมจนต้องเอามือไปแตะซ้ำ รอยยิ้มที่ติดอยู่ตลอดเวลานั่นดึงดูดให้ต้องมองอยู่ตลอดเวลา เสียงหัวเราะที่หยอกล้อให้เขาอารมณ์ดีนั้นทำให้เขาอดจะยิ้มตามไม่ได้ ถ้อยคำปลอบโยนให้กำลังใจที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็ได้รับมาอย่างทันท่วงที

ทำไม...ทั้งที่เมื่อชั่วโมงก่อนเขายังจะเป็นจะตายอยู่แท้ๆ

ทำไม...ทั้งที่รุ่นน้องคนนี้ก็สนิทกันมาตั้งนานแต่กลับมาหวั่นไหวเอาก็วันนี้

ทำไม...ความทุกข์ใจที่พึ่งพบเจอกลับจางลงภายในเวลาไม่กี่นาที

ยิ่งคิดถึงคนที่ทำให้เขาสับสนตอนนี้ยิ่งทำให้ภาพในวันวานฉายชัดมากขึ้น ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมารุ่นน้องคนนี้กับเขาได้ใช้เวลาด้วยกันมามากเท่าไหร่ เหตุการณ์ใดที่เขาได้ทำร่วมกัน ยิ่งคิดยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงดังทะลุอกออกมาจนเจ้าตัวยังตกใจ เพราะรอยยิ้มเมื่อสักครู่หรอ หรือคำปลอบโยนที่อีกคนมอบให้ หรือเพราะอีกฝ่ายเข้ามาหยุดยั้งเตือนสติเขาเอาไว้ หรือเพราะตัวเขาเองกันแน่...



"อะไรของกูวะเนี่ย...."



ควิน...
































































________________________________________________

ฮัลโหลยังจำกันได้ม๊ายยยยยยยยยยยยย 5555555555 ขอโทษจริงๆที่มาอัพได้แค่อาทิตย์ละตอนสองตอน ฮือ พยายามแล้วแต่เวลาที่มีอันน้อยนิดมันทำให้มาได้แค่นี้จริงๆ ส่วนตอนนี้นี่เอ๊ะยังไง พระเอกเราไม่มีตัวตนเลยหรอ แล้วตัวละครใหม่อะไรยังไง งงไม่งง55555 หลายคนบอกขอมาม่าไม่มากนี่ก็บอกเลยว่ามาม่าไม่มาก เปิดเรื่องมาฟินซะขนาดนี้มันจะมาม่าเยอะได้เยี่ยงไรแถมจิตใจคนแต่งไม่แข็งแกร่งพอจะทำให้น้องคิงเสียใจได้ /รู้เลยนะคะว่าทีมใคร

ปล.ชอบไม่ชอบยังไงติชมกันได้เลยน้า ทุกเมนท์ที่ส่งมาพี่เอิร์ทอ่านหมดไม่มีข้ามไปสักติ่งนึงแน่นอน ฮึดได้เพราะกำลังใจจากทุกคนของคุณมากนะคะ

สุดท้ายนี้ขอฝาก #คิงควิน ในทวิตด้วยน้า พูดคุยกกับพี่เอิร์ทได้ที่ทวิต @earthybenben รักน้าา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 13 up [27/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-03-2018 20:50:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

้แฮชแท็ก  ยังคงคิงควิน  คงไม่เปลี่ยนไปเป็น   เนย์ควิน เนอะ   
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 13 up [27/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-03-2018 08:33:48
เปิดตัวศัตรูหัวใจฝั่งคิงล้าวววววววว
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 13 up [27/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-03-2018 12:31:21
เชียร์น้องคิง รักแท้มันก็ต้องมีบททดสอบกันบ้าง
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 13 up [27/3/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 06-04-2018 12:42:09
เอาแล้วๆ ต่างคนต่างมีคู่แข่ง
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 19-04-2018 22:21:19
ตอนที่ 14



พาร์ท ควิน



ผมเดินกลับมานั่งรอเพื่อนที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะตัวเดิม ไม่รู้จะโดนพวกมันด่าอะไรบ้างแต่มันก็ฉุกระหุกจริงๆนะตอนนั้น จะให้ทิ้งพี่เนย์ไปผมก็ทำไม่ลงสภาพแบบนั้นจะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง แต่ผมก็นึกไม่ถึงเลยนะว่าจะพี่เนย์จะโมโหร้ายได้ถึงขนาดนั้น ปกติถึงจะเถื่อนแต่ก็ใจดีจะตาย ช่างเถอะ คนเราก็ต้องมีช่วงฟิวส์ขาดบ้างแหละเนอะ
ผมกำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกชื่อผมจนคนแถวนี้หันมามองกันหมดแต่ก็แค่มองเฉยๆนะครับเพราะเป็นเป็นเรื่องปกติของเจ้าของเสียงนี้

“ควินจ๋าาาา”

ผมยิ้มให้กับเบเบ้ที่ตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา เบเบ้เป็นเพื่อนในคณะของผมเอง แต่เห็นชื่อเบเบ้นี่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กน่ารักเอวบางร่างเล็กอะไรแบบนั้น เพราะเบเบ้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้ต่างจากนั้นลิบลับ ร่างกายสูงใหญ่ไหล่กว้างตรงหน้าของผมไม่มีอะไรใกล้เคียงกับผู้หญิงแม้แต่น้อย ใช่ครับ เบเบ้เป็นผู้ชายที่มีใจเป็นผู้หญิงนั่นเอง

“เสียงมาก่อนตลอดเลยนะ”

“ไม่อยากจะบอกเลยว่าใจมาถึงก่อนเสียงอีกนะจ๊ะ”

“ถึงว่าสิ นั่งอยู่ดีๆก็รู้สึกอยากเข้าวัดทำบุญเฉยเลย”

“แหมมม นี่เบเบ้เองจ้า นี่เพื่อนเองนะควินนะ ไม่ใช่ผีจ้า”

“ฮ่าๆ”

ผมนั่งขำเบเบ้ที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามพลางส่งสายตาจิกกัดมาให้ผม จริงๆแล้วผมกับเบเบ้สนิทกันครับเราเรียนด้วยกันมาตั้งสามปีแถมตอนรับน้องแรกๆเบเบ้มันก็เข้ามายุ่งกับกลุ่มพวกผมบ่อยๆโดยเฉพาะไอ้เต มันบอกเห็นหน้าแล้วมันใช่ทำเอาไอ้เตผวาไปพักนึงเลย แต่ก็แค่มาแซวตามประสานั่นแหละครับเบเบ้มันไม่ได้มาอะไรนักหรอก กลายเป็นว่าเป็นเรื่องฮาของพวกผมไปๆมาๆก็สนิทกันไปเอง

“ว่าแต่ว่าคนอื่นไปไหนหมด เดี๋ยว ไม่สิ กูต้องถามว่าทำไมมึงมานั่งตรงนี้คนเดียว ตอนนี้คนอื่นน่าจะเรียนอยู่ไม่ใช่หรอวะ”

“พอดีกูมีอะไรต้องทำนิดหน่อยเลยเข้าเรียนไม่ทัน แล้วมึงล่ะบอมทำไมพึ่งมา”

“บอมพ่องมึงสิสัส กูบอกให้เรียกเบเบ้!”

“อ้าว เออลืมๆ ฮ่าๆๆ”

คงไม่มีใครคิดหรอกนะครับว่ามันจะชื่อเบเบ้จริงๆ จริงๆแล้วชื่อที่พ่อแม่มันตั้งให้มาคือบอมหรือเต็มๆก็คือบอมเบย์ แต่เพราะว่าชื่อมันมาดแมนเกินไปเลยจัดการเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่จากบอมเบย์เป็นเบเบ้ มันบอกชื่อนี้แหละถึงจะเหมาะกับมัน ซึ่งค่อนข้างจะขัดกับรูปลักษณ์ของมันสุดๆไปเลยครับ รูปร่างมันทั้งสูงและไหล่ยังกว้างอีกทำให้มันดูตัวใหญ่เกินกว่าสาวสองปกติ แน่ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะมันตั้งใจหรอกมันบอกว่าเป็นกรรมพันธุ์ครอบครัวมันตัวใหญ่ทุกคน มันเลยดูเป็นคนที่บึกบึนนิดหน่อย ถ้ามันไม่ออกสาวขนาดนี้ให้ตายก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันไม่ใช่ผู้ชาย หน้าตามันก็จัดว่าดูดีในระดับหนึ่งเลยนะครับ ผมบอกตรงๆว่าแอบเสียดายเพราะถ้าเกิดว่ามันเป็นผู้ชายคงจะมีคนสนใจมันเพียบเลยล่ะ

“เออพูดแล้วโมโห จริงๆกูมาเรียนทันแหละแต่พอดีก่อนมากูแวะซื้อของแล้วพอซื้อของเสร็จก็ดั๊น! มียายคนนึงเป็นลมพัดตึ้งล้มลงไป ประเด็นคือผู้หญิงแถวนั้นเอาแต่กรี๊ดแล้วก็โวยวายส่วนผู้ชายก็ทำห่าอะไรไม่ถูก แล้วสรุปคืออะไรรู้ป่ะ คือกูไง กูนี่มีสติสุด วิ่งเข้าไปอุ้มยายขึ้นมาแล้วพาไปโรงบาล และก็มาเรียนไม่ทันนี่ล่ะจ้ะอีห่า”

“แมนมาก กูว่ามึงควรเลิกเป็นตุ๊ด”

“เออกูก็ว่าอยู่ งั้นเดี๋ยวกูขอถุยน้ำลายแปบนะเผื่อว่าตุ๊ดในตัวกูจะหลุดออกไปพร้อมกับเสลด แบบนี้มั้งอีสัส”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“เออมาเจอมึงแบบนี้ก็ดี กูมีอะไรจะถาม นี่กูคาใจมาหลายวันแล้วถ้าวันนี้ยังไม่ได้ถามมึงกูจะต้องอกแตกตายแน่ๆ”

“หืม? อะไรล่ะ”

“มึงต้องพูดความจริงห้ามโกหกกูนะ”

ผมเริ่มขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าเบเบ้อย่างสงสัย อะไรจากผมที่มันจะอยากรู้ขนาดนั้น แต่แล้วมันก็ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนานซึ่งคำถามที่มันถามออกมาก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่

“คือมึงกับน้องคิงอ่ะเป็นอะไรกันวะ?”

“ทำไมมึงถามแบบนั้น”

ผมยังไม่ตอบแต่เลือกถามมันกลับไป แม้ว่าผมจะพอเดาได้ว่าทำไมเบเบ้ถึงได้คิดแบบนี้แต่ก็อยากได้ยินเหตุผลจากคนอื่นชัดๆว่าเพราะอะไรที่ทำให้ใครต่อใครหันมาสนใจและผมก็ยังอยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกันกับเรื่องนี้กัน

“โอ้ยมึ้งงง กูนี่เรียนกับมึงทุกวันนะอย่าลืม เข้าเรียนก็เข้าพร้อมกัน ออกก็ออกพร้อมกัน มึงคิดว่ากูตาบอดหรอถึงจะมองไม่เห็นคนที่คอยมารับมาส่งมึงทุกวันน่ะห้ะ แล้วก็ถึงกูไม่เห็นแต่คนอื่นก็เห็น เค้าพูดกันทั้งมหาลัยแล้วว่ามึงกับคิงมีซัมติงกันอ่ะ เพจอะไรก็ลงกันโครมๆ นี่มึงรู้จักโลกโซเชี่ยลป่ะถามจริงไม่รู้เลยหรอว่าเรื่องนี้มันดังขนาดไหนอ่ะ!”

“ก็พอได้ยินมาบ้างแต่ไม่นึกว่าเรื่องของกูจะเป็นที่สนใจของคนมากขนาดนั้น”

“นี่มึงไม่ได้ด่ากูว่าเสือกใช่ป่ะวะ?”

“กูพูดแบบนั้นตรงไหน มึงคิดไปเองแล้วล่ะ”

“สัส กูไปคิดไปเองก็ควายแล้วโว้ย! แค่เดี๋ยว มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนประเด็น มึงตอบกูมาเลยว่ามึงกับคิงมีซัมติงกันจริงใช่ม้ะ!”

“มึงอยากให้กูตอบว่าอะไรล่ะ”

ผมยิ้มอย่างใจเย็นแล้วตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้านทำเอาเบเบ้ถึงกับทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามาเขย่าคอผมให้ตอบคำถามของมันให้ได้ ผมไม่ได้จะไม่ตอบมันนะ ผมแค่อยากรู้ความคิดของมันก่อนก็แค่นั้น

“อย่ามาลีลาไอ้ควิน! ตอบกูมาสักทีอย่าให้แม่ต้องมีน้ำโหนะคะ!”

“เออๆ ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่คุยกันอยู่ประมาณนั้น”

ผมเลือกบอกเบเบ้ไปว่าคุยกันอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกกับคนอื่นหรอกนะว่าคบกันอยู่กับคิงแต่ผมไม่รู้ว่าคิงจะคิดยังไงถ้าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้ ตัวผมถึงใครจะรู้หรือไม่รู้ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ห่วงแต่ว่าคิงจะรู้สึกยังไงมากกว่ายิ่งเจ้าตัวยิ่งมีแฟนคลับเยอะอยู่แล้วด้วย ยังไงก็ค่อยๆบอกไปจะดีกว่า

“กูว่าแล้วอีเหี้ย พอมาได้ยินกับหูแล้วกูอยากจะกรี๊ด! ทำไมต้องเป็นมึงแล้วทำไมต้องเป็นคิงด้วยล่ะ ฮือออ ถึงกูจะดีใจที่เผ่าพันธุ์กูจะมีประชากรมากขึ้นแต่ต้องไม่ใช่มึงสองคนสิ! ทำไมคนหล่อๆสองคนถึงต้องมาได้กันเอง! แล้วตุ๊ดแบบกูจะไปอยู่ตรงไหน! ทั้งมึงและคิงควรจะเป็นผัวคนอื่นหรือเป็นผัวกูสิ ทำม๊ายยยยยยยพวกมึงต้องได้กันเอง ฮืออออออออ กูเสียจายยยยย”

“หึหึหึ”

ผมนั่งมองเบเบ้ที่พอได้ฟังคำตอบก็เอาแต่โอดครวญออกมาไม่หยุดแล้วก็ได้แต่ขำอยู่คนเดียว ท่าทางเจ็บปวดแบบโอเวอร์แอคติ้งนั่นเรียกรอยยิ้มจากผมและคนรอบข้างที่ถึงจะไม่รู้เรื่องด้วยแต่ก็พากันยิ้มตามได้ง่าย แต่อยู่ดีๆเบเบ้ก็หยุดแสดงท่าทางประหลาดแล้วกลับมาเริ่มซักไซ้ผมต่อ

“มึงรู้ไหมควินว่ามึงทำให้คนอกหักทั้งมหาลัย”

“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”

“เออสิ! ครึ่งนึงของมหาลัยต้องอกหักจากคิง ส่วนอีกครึ่งนึงต้องอกหักจากมึงเนี่ย!”

“มึงก็เวอร์ไปบอมแล้วก็อย่าโวยวายนักเลย คนมองหมดแล้ว”

ผมถอนหายใจทิ้งไปทีนึงเพราะความเหนื่อยจากการคุยกับเบเบ้นี่ล่ะครับ ผมรู้หรอกว่าตัวผมเองก็มีคนชอบอยู่ไม่น้อยไปกว่าคิงนักหรอกแต่มันก็ไม่ได้มากมายอย่างที่เบเบ้มันพูดหรอกครับ อีกอย่างคนพวกนั้นผมว่าพวกเขาก็คงแค่ปลื้มพวกผมเท่านั้นแหละไม่ได้มารักมาชอบอะไรจริงจังหรอก ต่อให้ผมจะคบกับคิงหรือไม่คบยังไงก็ไม่น่าจะมีผลกระทบสักเท่าไหร่หรอกมั้ง

“เฮ้ออออ แต่ก็เอาเถอะคิดอีกทีก็คงจะดี”

“ดี? ดียังไง”

“ก็ดีกว่าปล่อยให้มึงกับคิงไปเป็นผัวคนอื่นน่ะสิ! เออว่ะ จะว่าไปพวกมึงมาได้กันเองก็โออยู่นะ ให้พวกมึงได้กันเองดีกว่าให้ใครได้ไป โฮะๆ”

ผมจะไม่เถียงคนเป็นไบโพลาร์แล้วกันนะครับ ตลอดเวลาที่รอให้พวกเพื่อนลงมาเบเบ้มันก็ถามนู้นถามนี่ผมไม่หยุด ผมก็เล่าให้ฟังไปคร่าวๆประมาณว่าอยู่คอนโดเดียวกัน เจอกันบ่อยๆเลยคุยกันไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมากมาย แต่ผมก็กำชับมันไม่ให้ไปบอกคนอื่นต่อนะ ให้คิดกันไปเองน่ะดีแล้วเพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคนไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้ ตอนแรกเบเบ้มันก็ไม่ยอมบอกจะเล่าให้คนอื่นฟังประกาศให้รู้ไปเลยว่าผมและคิงมีเจ้าของแล้วแต่เพราะผมขอไว้มันเลยรับปากจนได้แต่ก็แขวะทิ้งท้ายมาว่าสุดท้ายยังไงคนเขาก็รู้กันหมดแล้วอยู่ดีจะพูดหรือไม่พูดก็มีค่าเท่ากัน ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้จะไม่บอกเพียงแค่ไม่เราไม่ต้องไปประกาศถ้าใครถามมาผมก็ตอบ ใครไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกก็เท่านั้นจนเบเบ้มันหมดปัญญาจะเถียงผมแล้วยอมแพ้ไปแต่โดยดี
รออีกสักพักก็เริ่มเห็นนักศึกษาเดินลงมาจากตึกเพียงไม่นานก็เห็นร่างคุ้นตาของเพื่อนผม ไอ้ชาร์ปหันมาเห็นผมนั่งอยู่ก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยมาที่โต๊ะด้วยความเร็วที่น่าจะทำลายสถิติโลกได้ ทันทีที่มันมาถึงโต๊ะก็แหกปากด่าผมทันที

“ไอ้ควิน! หายหัวไปไหนมา! พวกกูนึกว่าโดนฉุดไปนอกโลกแล้วรู้ไหมวะ!”

“โทษทีมึงพอดีมีเรื่องตอนไปห้องน้ำนิดหน่อยเลยขึ้นเรียนไม่ทันจริงๆ”

“มึงมีเรื่องอะไร แล้วมีเรื่องกับใครไอ้ควิน”

ไอ้บอลกับไอ้เตที่เดินตามมาพอได้ยินคำตอบของผมก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าตึงเครียดแม้แต่ไอ้ชาร์ปที่โวยวายเมื่อกี๊ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแล้วจ้องมาที่ผมแทน ก่อนที่เพื่อนผมจะยกพวกไปตีกับใครผมก็รีบอธิบายเรื่องที่ไปเจอมาที่ห้องน้ำให้พวกมันฟัง



“โถถถถถถถ พี่เนย์ของเบเบ้น่าสงสารเหลือเกิน ส่วนอีนั่นมันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง! จิตใจทำด้วยอะไร! มีตาหามีแววไม่!”

“มึงจะอินอะไรนักหนาอีเบ้ พวกกูนี่ควรจะพูดคำนั้นไหมไม่ใช่มึง”

หลังจากที่ผมเล่าเรื่องพี่เนย์ให้พวกมันฟัง เบเบ้ที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรกตามมาด้วยไอ้ซองที่นั่งข้างกัน ที่ผมเล่าให้พวกนี้ฟังเพราะว่าพวกนี้ก็สนิทกับพี่เนย์กันหมด ไอ้ซองเองก็เป็นน้องรหัสของเพื่อนในกลุ่มพี่เนย์เหมือนกัน ไอ้เตกับไอ้ชาร์ปหลังจากผมเล่าจบแล้วก็ยังไม่พูดอะไรขึ้นมา พวกผมมองหน้ากันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะถอนหายใจพร้อมๆกัน

“เฮ้อออ กูไม่รู้จะพูดยังไงเลยว่ะ พี่เนย์เนี่ยนะ? ขนาดฟังแล้วกูยังไม่อยากจะเชื่อ”

“กูก็คิดเหมือนไอ้ชาร์ปนะ ไอ้ที่พี่เนย์ตะคอกใส่หรือกระชากตัวเด็กคนนั้นกูไม่ได้แปลกใจเลยนะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพี่เนย์แม่งเถื่อนอยู่แล้ว แต่ที่กูนึกไม่ถึงเลยเนี่ยคือพี่เนย์จะชอบใครสักคนถึงขนาดต้องรั้งไว้หรือถึงขั้นร้องไห้ออกมาเนี่ยดิ แม่งนึกภาพยังไงกูก็นึกไม่ออก”

“เอาเหอะพวกมึง คนเรามันก็ต้องมีมุมอ่อนแอกันบ้าง พี่เนย์ก็คนมีความรู้สึกเสียใจเหมือนคนปกตินั่นแหละ”

ผมบอกไอ้ชาร์กับไอ้เตที่ดูจะคิดจริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไป ตอนแรกผมเองก็ตกใจแต่เพราะเห็นมากับตาเลยพอเข้าใจความรู้สึกของพี่เนย์ตอนนั้นบ้าง ส่วนที่พวกเพื่อนผมมันคิดมากกันเพราะว่าไม่เคยได้เห็นมุมแบบนี้ของพี่เนย์ ส่วนใหญ่พวกมันจะเห็นพี่เนย์แบบที่ถึงจะพูดจากระโชกโฮกฮาก เล่นกับเพื่อนแรงๆ ด่ารุ่นน้องและหยาบคายยังไงแต่พี่เนย์ก็ไม่เคยเอาอารมณ์เป็นใหญ่หรือทำร้ายใครก่อนเลยสักครั้ง เพราะแบบนั้นพวกผมถึงได้เคารพพี่เขามาก พอพวกเพื่อนผมมาได้ยินเรื่องแบบนี้ความรู้สึกมันก็ประมาณว่าไอดอลที่ชื่นชอบโดนลอลทำร้ายล่ะมั้งครับ

“พอๆเลิกคิดเหอะ เรื่องของพี่เขาเราอย่าไปอะไรมากเลย ไปหาอะไรกินกันเหอะ”

“...เออ ไปก็ไป ว่าแต่วันนี้จะแดกอะไรอ่ะซอง”

“เปลี่ยนอารมณ์ไวจังเลยนะมึงแล้วมึงนั่นแหละอยากแดกอะไร”

“ข้าวขาหมู”

“อ้วน”

“แต่กูอยากกิน!”

“แล้วกูห้ามสักคำยัง...อ้วนก็ดีจะได้ไม่มีใครมอง”

“หลังๆมึงพูดว่าอะไรกูไม่ได้ยิน”

“ป่ะ เปล่าๆ กูกำลังนึกอยู่ว่ามีขาหมูร้านไหนอร่อยบ้าง”

“แล้วไป”

ไอ้ขาร์ปกับไอ้ซองที่เปลี่ยนโหมดไวปานกิ้งก่าเปลี่ยนสีพากันยืนเถียงกันอย่างมุ้งมิ้งโดยมีแบล็คกราวเป็นผมไอ้เตและเบเบ้สามคนยืนมองด้วยสายตาเอือมระอาเกินกว่าจะบรรยายได้
ทำไมมันไม่คบๆกันสักทีนะ...

“กูไปก่อนล่ะ อยู่แถวนี้แล้วเหม็นความรัก!”

“เออบาย”

ผมบอกลาเบเบ้ที่เหม็นความรักจนเดินจากไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองที่ยืนรออยู่ ส่วนผมกับไอ้เตสบตากันแปบนึงก่อนจะพยักหน้าให้กันคนละทีแล้วเดินตามไอ้สองคนข้างหน้าไป







“เตไปส่งกูก่อนนะ”

“เออ”

วันนี้อาจารย์ปล่อยไวกว่าปกติเพราะมีธุระด่วนผมเลยว่าจะไปนั่งรอเด็กโข่งเลิกเรียนที่คณะวิศวะ ผมวานให้ไอ้เตไปส่งผมส่วนไอ้ซองกับไอ้ชาร์ปก็แยกตัวกลับไปก่อนแล้ว ไอ้เตใช้เวลาไม่กี่นาทีก็วนรถมาจอดที่หน้าตึกวิศวะ ผมบอกลามันแล้วลงจากรถเดินไปนั่งรอคิงที่โต๊ะม้าหินแถวนั้น จริงๆผมจะกลับเองก็ได้แต่ปัญหาคือพอบอกอีกคนไปว่าจะกลับเองก็โดนเงียบใส่ไปครึ่งค่อนวัน สุดท้ายผมก็ยอมแพ้แล้วมารอไปกลับพร้อมกันแบบนี้ทุกวัน ถามว่ามันลำบากไหมเอาจริงๆก็ไม่นะ โชคดีที่เวลาเรียนผมกับคิงค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีแต่ไม่กี่วันที่คิงมีเรียนก่อนถ้าอย่างวันนั้นผมก็มาเองหรือไม่ไอ้เตก็ไปรับเลยไม่ลำบากอะไรนัก
ผมไลน์ไปบอกคิงว่ามานั่งรออยู่ตรงไหนแต่เจ้าตัวไม่เปิดอ่านคงเรียนอยู่ล่ะมั้ง ผมกดเข้าแอพสีน้ำเงินเลื่อนดูหน้าฟีดไปเรื่อยๆ อ่านไปกดไลค์ไปโพสของเพื่อนไป จนมาสะดุดที่โพสหนึ่งของเพจดังมหาลัย


เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊   10 min

เจ๊มีอะไรจะบอกจ้าทุกคน! วันนี้สายข่าวของเจ๊รายงานมาว่าเรื่องที่เราสงสัยกันว่าพี่ควินของเจ๊กับหลัวคิงของเจ๊มีซัมติงกันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ! เอ้าตายล่ะ เจ๊เริ่มจะสับสนแล้วนะจ๊ะ สายของเจ๊รายงานมาว่าที่ชะนีทั้งหลายเห็นว่าพี่ควินกับน้องคิงขึ้นรถคันเดียวกันทุกเช้าเย็นเป็นเพราะว่าทั้งสองคนอยู่คอนโดเดียวกันก็เท่านั้น! มิได้มีเรื่องอะไรมากมายไปกว่านั้นเลย
ยังไม่พอเท่านี้นะคะ!!!

ยังบอกมาอีกว่าน้องคิงของเรามีตัวจริงอยู่แล้ว! แถมยังเป็นคนใกล้ตัวน้องคิงสุดๆอีกด้วย! ทางเจ๊และชาวแก๊งค์เลยรวบรวมสมองอันน้อยนิดและความสวยอันล้นเหลือที่มีคิดแล้วคิดอีกว่าใครคือคนนั้นหรือว่าคนคนนั้นคือน้องไวน์หนุ่มน้อยน่ารักขวัญใจชาววิศวะ เพื่อนสนิทในกลุ่มของน้องคิงนั่นเอง!
แต่เดี๋ยวก่อนถ้าทุกคนยังจำได้ปีที่แล้วเคยมีกระแสไวน์คิงอยู่สักพักแต่แล้วก็ค้นพบว่ากระแสนั้นเป็นเพียงข่าวลือเพราะทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ แล้วนี่คือยังไงคะ ยังไง เกิดมาเจ๊ยังไม่เคยโพสอะไรที่ยาวเป็นทางมอเตอร์เวย์ขนาดนี้มาก่อน เจ๊จะไม่ไหวแล้วนะคะ เจ๊เครียดค่ะเจ๊เครียด!!!


529 like 391 comments


ผมอ่านโพสนี้จบไม่รอช้ารีบกดอ่านความคิดเห็นด้านล่างต่อทันที ข้อความทีี่แสดงขึ้นมามากมายจนตาลายไปหมด ผมเริ่มกดเลื่อนอ่านความคิดเห็นไปช้าๆที่ละคน

Four phaka : น่าจะเป็นไวน์นั่นแหละเจ๊เห็นอยู่ด้วยกันตลอดเลย

Weir guson : เป็นเกย์หรอวะ เสียดายหน้าตาก็ดี

Bella rakee : เราเคยได้ยินคนอื่นแซวสองคนนี้ว่าผัวๆเมียๆอะไรประมาณนี้ด้วยนะ แล้วก็ไม่มีใครปฏิเสธด้วยอ่ะ จริงหรอเนี่ยยยย

Pope yedu : ถ้ารู้ว่าเป็นนะกูจีบไปนานแล้วจ้ะ!

Golf gaff : ถ้าคิงเป็นเกย์จริงก็ไม่อะไรนะ แต่ขอให้ตัวจริงไม่ใช่ไวน์ได้ไหมอ่ะ นี่ไม่ค่อยชอบนางอ่ะ

Metal wink : คิงไม่ใช่เกย์แน่นอนค่ะ พิสูจน์มาแล้ว

King fan : เค้าคบกันอยู่จริงๆค่ะเจ๊ เห็นมานานแล้วสนิทกันมากกว่าปกติ

Hina hani : เย้! เราเชียร์คู่นี้มานานมากกกก ฮือ ฝันเป็นจริงก็วันนี้ อยากร้องไห้เลยค่ะ

ความคิดเห็นมากมายมีทั้งคนที่เห็นด้วยเรื่องของไวน์กับคิงและคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ มีผู้หญิงบางคนบอกว่าคิงไม่ใช่เกย์แน่นอนและอีกหลายคนที่สงสัยว่าคิงเป็นเกย์จริงหรือเปล่า มีคนพูดถึงเรื่องผมกับคิงอยู่ไม่กี่คน แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเอนเอียงไปทางเดียวกันนั่นก็คือเชื่อว่าคิงกับไวน์คบกันอยู่จริงๆเหตุผลก็มาจาการที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าปกติและเคยเห็นรุ่นพี่หรือเพื่อนในคณะแซวบ่อยๆอะไรประมาณนี้
อ่านต่อได้อีกไม่เท่าไหร่ผมก็กดปิดหน้าจอให้ดับไปทันที ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะอ่านต่อไปได้ ยิ่งอ่านที่ใครต่อใครบอกว่าคิงกับไวน์สนิทกันมากแค่ไหนยิ่งทำให้ความอึดอัดในใจมันมากขึ้นทุกที ยิ่งผมรู้อยู่แก่ใจว่าเด็กคนนั้นคิดกับคนของผมแบบไหนมันก็ยิ่งทำให้ผมอดคิดมากไม่ได้


หยุดเลยนะควิน...อย่าใช้อารมณ์


ผมพยายามเตือนสติตัวเองให้ใจเย็น ผมหลับตาหายใจเข้าออกลึกๆสักพักก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มจะกลับมาคงที่ จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ที่คิดว่าตอนนี้คิงเป็นคนของผมและผมก็ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจหรือคิดว่าคิงเป็นคนอื่นถึงแม้ว่าคนอื่นคนนั้นจะมาก่อนผมก็ตาม
ตอนนี้พอใจเย็นลงแล้วผมก็คิดได้ว่าจะไม่ให้เรื่องของไวน์มาทำให้ผมหงุดหงิดอีก ผมไม่อยากจะหยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเหมือนครั้งก่อนที่เคยทะเลาะกับคิง เราเคยคุยกันเรื่องนี้และเข้าใจกันแล้วคิงบอกว่าเป็นแค่เพื่อนผมก็จะไม่คิดอะไร ใครจะพูดยังไงก็ปล่อยเขาแล้วกันยังไงตอนนี้คนที่เป็นแฟนตัวจริงของคิงก็คือผมนี่นา!
ผมกดปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และเลื่อนอ่านความคิดเห็นต่ออีกครั้งเผื่อว่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับไวน์และคิงมากขึ้นจะได้เตรียมรับมือถูกแต่ยังเลื่อนอ่านได้ไม่ทันไรก็มีบุคคลปริศนามาทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ที่เห็นตรงหน้าผู้หญิงผิวขาวผมตรงยาวสลวย หน้าตาจัดว่าสวยแต่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ทั่วทั้งใบหน้า มองลงมาหน่อยก็พบกับเสื้อนักศึกษาที่ค่อนข้างรัดจนผมรู้สึกอึดอัดแทน ยิ่งรัดจนเห็นขนาดหน้าอกหน้าใจที่เหมือนจะใหญ่จนเกินงามนั่นอีก ผมละสายตากลับไปมองหน้าเธออีกครั้งเห็นว่าเธอส่งยิ้มมาให้ผมผมเลยยิ้มตอบกลับไป

“สวัสดีค่ะพี่ควิน ขอนั่งด้วยคนนะคะ”

“ครับ ว่าแต่รู้จักพี่ด้วยหรอ”

“แหมใครบ้างจะไม่รู้จักพี่ควินล่ะคะ อ้อ ลืมแนะนำตัวเลยชื่อดรีมนะคะ เรียนนิเทศปีสองค่ะ”

“อ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับดรีม”

ผมยิ้มแล้วตอบกลับหญิงสาวตรงหน้าไปทั้งที่ในใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่ามาบอกผมทำไม ถ้าให้ผมทายเธอคงไม่เดินมาเพื่อแค่แนะนำตัวกับผมแน่ล่ะครับ

“พี่ควินมาทำอะไรที่นี่หรอคะ มารอคิงใช่หรือเปล่าคะ?”

“ครับ” นั่นไง ทายไว้ไม่มีผิด

“ดูพี่ควินสนิทกับคิงมากเลยนะคะ เอ่อ คือดรีมถามอะไรหน่อยได้ไหมอ่ะคะ”

“ครับ ถามได้”

“ใจดีอย่างที่เค้าพูดกันเลยนะคะพี่ควินเนี่ย คือดรีมเห็นในเพจเค้าบอกว่าพี่ควินอยู่คอนโดเดียวกับคิงนี่จริงใช่ไหมคะ?”

“ครับ” จริงๆแล้วผมว่านี่มันเรื่องส่วนตัวพอสมควรนะแต่ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องอะไรเลยตอบกลับไปแค่สั้นๆ

“ค่อยยังชั่วหน่อย พอดีช่วงนี้ได้ยินเรื่องของพี่กับคิงมาแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยไม่ค่อยสบายใจน่ะค่ะ”

ผมยิ้มให้คนตรงหน้าโดยไม่ตอบอะไรกลับไปแต่เหมือนมันกลับทำให้เธอเข้าใจว่าผมใจดีนักหนาถึงได้เริ่มถามคำถามต่อมาอีก

“ถ้างั้นพี่ควินน่าจะรู้ใช่ไหมคะว่าตอนนี้คิงคบกับใครอยู่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่ามีอะไรกับไวน์นี่ไม่จริงใช่ไหมคะ”

“ครับ เรื่องนั้นไม่จริงครับ” ผมก็ตอบความจริงไปคิงกับไวน์ไม่ได้มีอะไรอย่างที่คนเขาพูดกันจริงๆใช่ไหมล่ะครับ

“ดรีมว่าแล้วว่าข่าวลือ! ขอบคุณพี่ควินมากเลยนะคะ ถ้าไม่เจอพี่ดรีมคงจะไม่หายคาใจแน่เลยค่ะ”

“ครับ”

ผมคงจะคุยกับดรีมจนไม่ทันได้สังเกตว่าใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้จนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังพอหันไปดูถึงได้รู้ว่าเป็นคนเดียวกันกับคนที่ผมมานั่งรอ ผมเงยหน้าสบตากับคิงก่อนจะพบว่ามีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป สายตาเหมือนลูกหมาขี้อ้อนเวลาที่อยู่กับผมตอนนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาเรียบนิ่งจนไม่สามารถคาดเดาความคิดอะไรของอีกคนได้เลย

“คุยอะไรกัน”

“คือว่ะ-“

“คิงงงงง”

ผมยังไม่ทันตอบคำถามของอีกคนก็มีเสียงของหญิงสาวคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้แทรกเข้ามา ชั่วพริบตาที่ผมหันมาสนใจคิงดรีมก็พาตัวเองมายืนอยู่ตรงด้านข้างของร่างสูงแล้ว ผมมองมือเรียวที่ถือวิสาสะจับแขนของคิงเอาไว้หนำซ้ำยังบดเบียดหน้าอกเข้ากับต้นแขนแกร่งอย่างยั่วเย้า ความไม่พอใจเริ่มตีตื้นกลับขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ต้องนิ่งเอาไว้เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่เหมือนว่าคนที่ถูกหญิงสาวเกาะแกะอยู่ก็จะหงุดหงิดไม่ต่างจากผม คิงสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมอย่างแรงจนร่างบางผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
ไม่ใช่แค่เพียงดรีมที่ตกใจการกระทำของคิงเพราะแม้แต่ผมเองยังคิดไม่ถึงว่าคิงจะสะบัดตัวแรงจนอีกคนกระเด็นไปแบบนั้น ผมยืนขึ้นเพื่อที่หันไปคุยกับคิงแต่พอหันมามองหน้าอีกคนผมกลับพูดอะไรไม่ออก

มันเรียบนิ่ง...ไร้ความรู้สึก

“ถามว่าคุยอะไรกัน”

“...ดรีมแค่จะมาหาคิงแต่พอดีเจอพี่ควินนั่งรอคองอยู่ก็เลยนั่งคุยเฉยๆเองนะคะ”

“แล้วมาทำไม”

“ก็คิงไม่ติดต่อมาหาดรีมเลยนี่คะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ดรีมได้ยินว่ามีคนพูดถึงคิงไม่ค่อยดี ดรีมเป็นห่วงเลยมาหาคิงน่ะค่ะ”

“มันเป็นเรื่องของเธอหรือไง”

“เอ่อ คิง ดรีมแค่...”

“กลับไปแล้วอย่ามายุ่งเรื่องของผมอีก”

“คิง! ทำมะ!”

“อย่าให้ผมพูดซ้ำ”

“.....ค่ะ!”

ผมยืนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าโดยไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด ตอนนี้ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อกี๊ไม่หลงเหลืออยู่เลยตั้งแต่เห็นสีหน้าและแววตาของคิงตอนที่มองดรีม มันบ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีค่าหรือความหมายอะไรต่อคิงเลย ไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนคนนี้ทั้งนั้น เหมือนเป็นเพียงอากาศเป็นแค่ฝุ่นละอองที่ไร้ค่า

สายตาที่ผมไม่เคยเห็นจากคิงเลยสักครั้ง...แม้แต่ครั้งแรกที่เจอกันคิงก็ไม่เคยมองผมแบบนั้น

สายตาที่คิงมองคนอื่นเป็นแบบนี้งั้นหรอ...ท่าทีที่แสดงต่อคนอื่นก็เป็นแบบนี้งั้นหรอ

ถึงผมจะรู้ว่าคิงเป็นคนที่นิ่งเงียบแต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเฉยชาแบบนั้นออกมาสักครั้ง...

เหมือนคิงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้กับคิงที่อยู่กับผมที่ผ่านมาเป็นคนละคนกัน ผมจะดูโรคจิตไหมครับถ้าจะบอกว่าตอนนี้ผมรู้สึก...ดีสุดๆไปเลย มีผมคนเดียวที่คิงแสดงท่าทีแบบนั้นด้วย บ้าจัง ผมรักคนคนนี้จะตายอยู่แล้ว

“พี่ควิน”

“ห้ะ ว่าไงนะคิง”

“ถามว่าเมื่อกี๊ผู้หญิงคนนั้นมาพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า”

“อ๋อ เปล่าหรอก ว่าแต่มีอะไรต้องทำอีกไหมจะได้กลับกัน”

“ไม่มี”

“โอเค แล้วหิวหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่เย็นเลยไปหาอะไรกินรองท้องก่อนไหม”

“อือ หิวแล้ว”

ผมยิ้มออกมาทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าหิวจากปากคิง ฟังยังไงมันก็รู้สึกว่ากำลังถูกอีกคนอ้อนอยู่ท่าทางเวลามองก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด นี่ผมต้องไปบำบัดจิตใจให้แข็งแรงกว่านี้ไหมครับ

“คิง มึงกับพี่ควินจะไปทางไหนอ่ะ กูขอติดรถไปด้วยดิ”

ที่คนเขาพูดกันว่าเวลาคนเรามีความสุขทีไรมักจะต้องมีมารผจญมาขัดจังหวะทุกทีนี่น่าจะจริง เพียงแค่ได้ยินเสียงผมก็จำได้โดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำว่าใคร ผมเบนหน้าไปมองคนที่ขอติดรถไปด้วยก่อนจะเบนหน้ากลับมาหาคิงเพื่อฟังคำตอบ

“เออ มึงจะไปไหนล่ะ”

“แล้วมึงจะไปไหนกันอ่ะ”

“หาไรกิน”

“เห้ยจริงอ่ะ กูไปด้วยกูหิวอ่ะ นะมึง นะ น้าาาาา”

ผมสบตากับคิงที่หันมาสบตากับผมอย่างกับนัดกันไว้ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันนิดหน่อยทำให้ผมรู้ว่าอีกคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เฮ้อ เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“ให้ไวน์ไปด้วยกันก็ดีนะพี่ว่า กินหลายคนก็คงสนุกดีเดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”

“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“เอาน่าพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงน้องไง”

“ใครน้อง นี่ไม่ใช่น้อง”

“น้อง”

“ไม่น้อง”

“น้องคิง”

“ไม่น้อง!”

“หึหึ”

“จะไปกันได้ยัง”

คนที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ด้วยถ้าหากว่าเขาไม่พูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

“โอเคๆไปกันเถอะ”

ผมหันหลังเดินมุ่งหน้าไปทางที่รถของคิงจอดไว้ประจำโดยมีร่างสูงเจ้าของรถเดินขนาบอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้คนที่ไร้บทสนทนาเดินตามรั้งท้าย ชั่วครู่ที่ถูกแทรกจังหวะขึ้นมาผมไม่รู้ว่าคิงจะเห็นไหมแต่ผมเห็นมันชัดเจน สีหน้าที่แสดงถึงความเกลียดชังที่ส่งมาถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนไปอย่างแนบเนียนก็ตาม


























มาแล้วจ้า พร้อมกับพนมมือขออภัยทุกคนที่มาลงช้า -/- สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามันยุ่งมากกกกกกก ยิ่งมารวมกับช่วงสงกรานต์ที่ต้องตระเวนไปหาญาติยิ่งแล้วใหญ่ กลับมาแล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดดันไม่สบายอีกจนแต่งนิยายไม่ไหว วันนี้ไม่ไหวแล้วมันต้องลงให้ได้สักทีเลยแต่งตั้งแต่เมื่อคืนจนเสร็จเอาตอนนี้ ต่อไปนี้จะมาลงตามปกติน้า อาทิตย์นึงจะลงให้ได้ 1-2 ตอนอย่าว่ากันน้าา ส่วนทุกคอมเมนท์เอิร์อ่านทุกเมนท์เลยนะคะ ปริ่มอกปริ่มใจมากที่ทุกคนชอบ น้ำตาจะไหล555555
ปล.อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างตอนนี้ เริ่มรู้สึกถึงอะไรกันบ้างหรือยัง5555555555555 ฝากแท็ก #คิงควิน #แค่คุณ ในทวิตด้วยน้า รักทุกคนนน
ืึ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-04-2018 23:17:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตัวร้าย  นี่มันร้ายได้ใจนะ

ทำเป็นตีเนียน  อาศัยความเป็นเพื่อนสนิทแล้วคิดจะอัพเลเวล  ชิส์
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2018 13:29:49
อย่านึกว่าคนอื่นจะตามเธอไม่ทันนะย่ะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-04-2018 20:22:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ygff0429 ที่ 24-04-2018 20:24:56
รออออออออ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-04-2018 07:58:12
ทั้งหญิงทั้งชายวุ่นวายกับคิง  :serius2:
ผู้หญิงที่ชอบคิง เป็นไปได้ขนาดนี้

ไวน์ นี่ตลก ถ้าคิงจะชอบนาย ก็คงชอบไปนานแล้ว
ทำตัวเป็นก ข ค ควิน
และคงทำไปเรื่อยๆ หนักขึ้นๆ ดูแล้วนะ   o18

คิง ควิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-04-2018 11:21:32
ขอกระโดดถีบนังไวน์หน่อยเถอะ

 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 14 up [19/4/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2018 20:22:46
เอาให้อีไวน์กระอักเลือดไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 04-05-2018 23:33:13
ตอนที่ 15




พาร์ท ควิน



ภายในรถยนต์คันหรูที่กำลังขับเคลื่อนไปบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบ เงียบถึงขั้นที่รู้สึกว่าเสียงของเครื่องปรับอากาศของรถมันดังกว่าปกติทั้งที่มีถึสามชีวิตนั่งหายใจอยู่ในนี้ ตั้งแต่เข้ามานั่งในรถจนกระทั่งขับมาถึงตรงนี้ยังไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาสักคำ แม้แต่คนที่ติดรถมาด้วยก็ไม่ถามไถ่ถึงสถานที่ที่กำลังจะไปด้วยซ้ำ ผมเองก็ไม่รู้ว่าคิงจะไปไหนแต่เดาจากทางที่ขับมาก็เดาได้ไม่ยาก คงไม่พ้นห้างเดิมที่มาแวะกันบ่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้จนต้องหันไปหาเรื่องคุยกับอีกคนที่กำลังขับรถอยู่เพื่อทำลายความอึดอัดตอนนี้ทิ้งไป

“เรากำลังจะไปกินอะไร คิดไว้หรือยัง?”

“แล้วพี่อยากกินอะไร”

“พี่กินอะไรก็ได้ คิงเลือกมาแล้วกัน”

“กูอยากกินอาหารญี่ปุ่นอ่ะคิง”

ไวน์ที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมาในช่วงที่ผมกับคิงยังไม่ทันจะตกลงกันว่าจะกินอะไรพร้อมกับโผล่หน้ามาแทรกกลางระหว่างเบาะ ดูเหมือนว่าคงไม่ต้องเถียงกันแล้วล่ะครับว่าอะไรคือเมนูของมื้อนี้ ไม่รอให้ใครตอบรับไวน์ยิ้มให้ผมแล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง

“อาหารญี่ปุ่นก็ได้ใช่มั้ยครับพี่ควิน?”

“ได้สิ”

“ได้ยินมั้ยคิง พี่ควินโอเคแล้ว ไปเลยไวๆๆ”

“เออๆ”

พอได้ตามที่ต้องการแล้วไวน์ก็ถอยกลับไปนั่งพิงเบาะเหมือนเดิม หยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดแล้วเงียบไปเหมือนในตอนแรก ผมละสายตาเปลี่ยนความสนใจจากไวน์มาหาคิง สักพักคนที่ผมมองอยู่ก็เหมือนรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่ถึงได้เบนหน้ามามองผมก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมส่ายหน้าปฏิเสธไปว่าไม่มีอะไรแล้วเปลี่ยนความสนใจเป็นวิวด้านนอกกระจกแทน ภายในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง ส่วนตัวผมบอกเลยว่าเรื่องที่อยู่ในหัวตอนนี้คงเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจากเรื่องของไวน์ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คงต้องบอกว่าเสียดาย ผมว่าไวน์เป็นคนที่น่ารักมาก ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ทั้งหน้าตาท่าทางรูปร่างทุกอย่างมันดูน่าทะนุถนอมไปหมด ถ้าเกิดว่าไวน์ไม่ได้มาพูดหรือทำอะไรแย่ๆใส่ผมป่านนี้ผมเองก็คงจะรู้สึกเอ็นดูเขาเหมือนน้องเหมือนนุ่งไปแล้ว เฮ้อ นึกมาถึงตรงนี้ผมก็เสียดายจริงๆนั่นแหละครับ เอาเป็นว่าขอให้ไวน์ไม่ทำอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วกัน

ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีก็มาถึงที่หมายวนรถหาที่จอดไม่นานก็เจอเสร็จแล้วก็เดินไปด้านใน ตอนนี้เราสามคนเดินเรียงกันโดยที่คิงคั่นกลางระหว่างผมกับไวน์ ผมเห็นไวน์สะกิดคิงให้คุยด้วยแทบตลอดแต่ผมไม่ได้ยินหรอกว่าคุยอะไรกันเพราะว่าถึงจะเดินเรียงกันแต่เราสามคนก็ไม่ได้เดินชิดตัวติดกันขนาดที่จะได้ยินได้

“คิงๆ แวะซื้อเค้กกันก่อน”

เราเดินมาหยุดที่หน้าร้านเค้กชื่อดัง ไวน์พูดพร้อมกับลากคิงเข้าไปด้วยกัน คิงหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าให้ ผมเลยเดินตามเข้าไป ผมยิ้มให้พนักงานต้อนรับกล่าวต้อนรับสองสามคนที่ยืนอยู่ ผมเดินมายืนข้างคิงและไวน์ที่หน้าเคาน์เตอร์

“มึงเอาอะไรบ้างคิง เดี๋ยวกูสั่งให้”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูสั่งเอง”

“โอเค”

“พี่ควินเอาอะไร”

“คิงเลือกเลย พี่ไม่ค่อยกินหรอก”

คิงหันมาถามผมพอได้รับคำตอบแล้วก็พยักหน้ารับรู้ หันไปสั่งเค้กที่ตัวเองต้องการกับพนักงาน

“อ้าว พี่ควินไม่ชอบกินเค้กหรอ”

“ก็ไม่ได้ไม่ชอบนะ กินก็ได้ไม่กินก็ได้”

“โหยยย ยังงี้ก็แย่อ่ะดิพี่ พี่รู้ใช่มั้ยว่าคิงมันชอบกินเค้กจะตาย ผมนี่ต้องไปนั่งกินเป็นเพื่อนมันประจำ คนอื่นก็ไม่มีใครชอบกินแบบมัน มีแต่ผมเนี่ยแหละที่มันลากไปไหนมาไหนด้วยตลอด ถ้าพี่ไม่ชอบกินเค้กแบบนี้หวังว่ามึงคงไม่มาชวนกูไปนั่งกินเป็นเพื่อนบ่อยๆเหมือนเดิมหรอกนะไอ้คิง”

ผมฟังไวน์พูดออกมาจนจบรวมถึงท้ายประโยคที่ย้ายไปพูดกับคิงด้วยสีหน้าแบบไหนผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้เลยคือผมเริ่มจะเบื่อแล้วล่ะ ผมสบตากับคิงทันทีที่จบประโยคกินพื้นที่ของไวน์ สีหน้าของคิงก็เรียบนิ่งแต่คิ้วขมวดด้วยสาเหตุอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

“พูดมากไปแล้วมึง”

“ก็มันใช่อย่างที่กูพูดมั้ยล่ะ เดี๋ยวก็ต้องชวนกูมานั่งกินด้วยอยู่ดีอ่ะ”

สำคัญตัวเองมากไปแล้วมั้งคิดเองเป็นตุเป็นตะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผมขอเบรกความคิดของไวน์ก่อนที่จะต้องทนฟังมากไปกว่านี้ก่อนนะ

“พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้บอกนะว่ามากินด้วยไม่ได้น่ะ”

“.....”

“แล้วถ้ามันรบกวนไวน์แบบนั้น พี่ว่าวันหลังคิงซื้อไปกินที่ห้องก็ได้นะครับ”

“อือ ไว้มากินกับพี่”

“ครั้งหน้าจะกินก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่มากินด้วยเนอะ”

“อือ”

“เห้ยคิง มึงลืมสั่งวานิลาหรือเปล่า”

“ห้ะ เออว่ะ เอาวานิลาเพิ่มด้วยครับ”

ความสนใจของคิงถูกดึงจากผมไปที่ไวน์อีกครั้ง อีกคนคอยจะขัดคอผมตลอดตั้งแต่บนรถจนมาถึงตอนนี้ ผมพยายามทำใจเย็นแล้วถอยยืนพิงกำแพงร้านรอทั้งคู่อย่างสงบ พอได้เค้กครบแล้วคิงก็ส่งสายตามาให้ผมประมาณว่าเรียบร้อยแล้ว เราเดินออกมาจากร้านและกำลังจะมุ่งตรงไปเพื่อกินอาหาร แต่ระหว่างทางผมไม่มีโอกาสได้พูดอะไรกับคิงเลย คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างกันไม่รู้ว่าสรรหาอะไรมาพูดกับคิงนักหนา ผมเดินเงียบๆคนเดียวเหมือนไม่ได้มาด้วยกันยังไงยังงั้น ผมหันไปมองสองคนที่เดินคุยกระหนุงกระหนิงกันผมก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ แล้วนั่นอะไร ปากจะเข้าไปในหูแล้วนะเห้ย คนฟังก็ยืนฟังหน้าตายไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงว่าจะโดนดูดขี้หูอยู่แล้วน่ะ

ผมค่อยๆลดความเร็วของฝีเท้าให้ช้าลงจนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมเดินตามหลังทั้งสองคน สาบานได้เลยว่าผมมั่นใจว่าคิงไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตอนนี้ผมไม่ได้เดินอยู่ข้างเขาแล้วแต่ไม่ใช่กับอีกคน ไวน์หันหน้ามาคุยกับคิงตลอดเวลาแน่นอนว่าเขาก็ต้องหันมาเห็นผมด้วย ร่างเล็กชายตามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะแสยะรอยยิ้มที่ติดอยู่ที่ใบหน้าหวานคล้ายจะเยาะเย้ยผม ไม่เพียงเท่านั้นแขนเล็กยื่นมาเกาะเกี่ยวแขนของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกันแล้วเร่งให้อีกคนเดินเร็วขึ้นไปอีก ระยะห่างของผมกับคนด้านหน้าเริ่มห่างไปทุกที ผมตัดสินใจหยุดยืนกับที่หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงขึ้นมากดค้างที่ปุ่มล็อกหน้าจอสไลด์หน้าจอเพื่อปิดเครื่อง ออกเดินไปคนละทางกับที่คิงและไวน์เดินไปพร้อมกับยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา

“อืมม บ่ายสามกับอีกยี่สิบนาที”

เอาล่ะ อย่าหาว่าพี่ใจร้ายเลยนะคิง

ผมมองหาร้านอาหารแถวนี้ตัดสินใจเดินเค้าร้านสเต็กที่อยู่ใกล้สุดสั่งสเต็กแซลมอนให้ตัวเอง แล้วนั่งรออย่างสบายใจ โชคดีที่สาขานี้ร้านค่อนข้างใกล้ผมนั่งในมุมที่ไม่ค่อยสะดุดตามองเห็นได้ยากจากภายนอกแต่มองเห็นภายนอกได้ชัดเจน รอสักพักสเต็กแซลมอนที่สั่งไปก็มาอยู่ตรงหน้า ผมลงมือกินช้าๆอย่างไม่รีบร้อน สายตาของผมจับจ้องไปที่ด้านนอกร้าน ยังไม่ทันไรสิ่งที่ผมมองหาก็ผ่านมาให้ได้เห็น

“หึ”

ผมยกยิ้มกับตัวเองมือก็ทำหน้าที่ตัดแซลมอนเข้าปากไปด้วย คนที่ผมทิ้งไว้ตอนนี้กำลังหยุดยืนอยู่แถวหน้าร้านไม่ไกลเท่าไหร่ สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่แต่ดีต่อใจของผมเหลือเกิน ท่าทางลนลานมองซ้ายมองขวาเหมือนเด็กหาของเล่นทำให้มุมปากผมยกขึ้นมากกว่าเดิม ว่าแต่ทำไมคิงถึงอยู่คนเดียว สงสัยได้ไม่กี่วิร่างเล็กของอีกคนก็โผล่เข้ามาในสายตา ไวน์ก้มตัวเท้ามือกับเข่าของตัวเองท่าทางเหนื่อยหอบแล้วพูดอะไรสักอย่างกับคิง อืม ดูแล้วน่าจะกำลังหงุดหงิดเลยนะนั่น ผมก้มหน้าตักสลัดเข้าปากเงยหน้ามาอีกทีร่างสูงของคิงก็หายไปแล้ว เหลือแค่ไวน์ที่ยังอยู่ที่เดิมเพียงครู่เดียวก่อนจะออกตัววิ่งหายไป ผมยิ้มแล้วก้มหน้ากินสเต็กที่เหลือในจาน
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงที่หายไปก็วิ่งกลับมาหยุดแถวหน้าร้านอีกครั้ง มือหนาของคิงกดโทรศัพท์แล้วยกขึ้นแนบหูซ้ำๆหลายครั้ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าปลายสายคือใคร เหมือนภาพเก่าเล่าใหม่ไวน์ที่พึ่งตามมาทันพุ่งเข้าคว้าแขนของคิงไว้แล้วพูดอะไรบางอย่างแต่ครั้งนี้ต่างจากเดิมตรงที่คิงไม่ได้วิ่งต่อแต่หันกลับมาพูดอะไรสักอย่างกับไวน์ ไม่รู้ว่าเพราะสองคนนั้นเสียงดังหรือเพราะอะไรคนที่ยืนรอบๆถึงได้หันมามองทั้งสองคน ผมเห็นคิงสีหน้าเครียดจนย่ำแย่ทำเอาผมสงสาร

เฮ้อ พอเท่านี้แล้วกัน

ผมรอให้สองคนที่อยู่หน้าร้านไปทางอื่นสักพัก เสร็จแล้วก็เช็คบิลแล้วเดินออกมา ผมเดินด้วยความช้าเท่าเต่าขี่หอยทาก สอดส่ายสายตามองหาคนที่พึ่งหายไปแต่ว่ามองไปทางไหนก็ไม่เจอ ผมเดินไปเรื่อยๆตามทาง แล้วก็ไม่นานเหมือนที่คิด แรงกระชากจากด้านหลังทำเอาตัวผมสะบัด คนที่ทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่ผมรออยู่นี่ไง

“พี่หายไปไหนมา!”

“ใจเย็นๆก่อน”

“ไปไหนมา!”

ผมแอบตกใจที่คิงเสียงดังใส่ผมแบบนี้ คิงที่ไม่ได้คำตอบแบบที่ต้องการกำลังโมโหขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำแขนผมเริ่มบีบแน่นขึ้นทุกที ผมมองจ้องหน้าคิงนิ่งโดยไม่พูดอะไรแม้จะเริ่มเจ็บแขนแล้วก็ตาม ที่ผมเงียบเพราะตอนนี้คิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะรับฟัง ดีไม่ดีจะทะเลาะกันจริงๆก็ได้ พอเห็นผมเงียบไปคิงก็เงียบตาม จ้องหน้ากันสักพักคิงก็เหมือนเริ่มรู้สึกตัว แรงบีบที่แขนคลายลง ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามันจะต้องขึ้นรอยแน่นอนและยิ่งผิวซีดๆแบบผมอาจจะเป็นรอยช้ำเลยก็ได้

“ไปคุยกันที่รถดีกว่านะ”

ผมบอกกับคิงแล้วหมุนตัวเดินนำไปที่ลานจอดรถโดยไม่ได้หันไปสนใจคนที่เดินตามหลังมาเลย ผมรู้ว่าคิงเดินตามมาตลอดเพราะมีเสียงฝีเท้าอยู่ด้านหลังตลอดทาง

“เมื่อกี๊พอออกจากร้านเค้กมาพี่บังเอิญหยุดแวะดูสร้อยที่ร้านนึงพอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นคิงแล้ว จะโทรหาแบตก็ดันหมดพอดี พี่เดินหาอยู่แปบนึงก็ไม่เจอเลยคิดว่าคิงอาจจะกินข้าวกับไวน์แล้ว แล้วจะให้พี่ทำยังไง พี่จะทำอะไรได้ พอไม่รู้จะทำยังไงพี่เลยหาอะไรกินแล้วกะว่าจะมารอที่รถ แต่พอออกมาก็มาเจอคิงพอดี ไม่ทันได้พูดได้บอกอะไรคิงก็เป็นซะแบบนี้ แล้วไง ทีนี้จะใจเย็นลงได้ยัง?”

พอมาถึงลานจอดรถคนเริ่มบางตาผมก็เมคเรื่องขึ้นมาเพื่ออธิบายเรื่องที่หายไปให้คิงฟังทั้งที่ยังเดินนำหน้าอยู่แบบนั้น ผมใส่อารมณ์เข้าไปนิดหน่อยเพื่อให้คิงรู้สึกผิด แต่ผมไม่ได้หันไปพูดตรงๆเลยไม่รู้ว่าตอนนี้คนฟังทำหน้าแบบไหนแต่เสียงเท้าที่ใกล้กว่าเดิมจนมาหยุดตรงหน้าทำให้ผมก้าวต่อไปไม่ได้ ผมเบี่ยงตัวไปทางซ้ายอีกคนก็เข้ามาขวาง จะไปทางขวาอีกคนก็ตามมาอีก ผมเก๊กหน้าให้นิ่งแล้วจ้องมองหน้าคิงตรงๆ พอเห็นเหงื่อที่ยังผุดอยู่ตามไรผมและใบหน้าแล้วอยากจะเช็ดให้จริงๆแต่ต้องใจแข็งเอาไว้ ทั้งที่ตอนนี้คิงยืนขวางตรงหน้าผมแท้ๆแต่กลับก้มหน้ามองเท้าตัวเองหูลู่หางตกไปเรียบร้อย ผมกัดปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้ยิ้มรีบเบี่ยงตัวก้าวให้พ้นแต่อีกคนก็รู้ทันเข้ามาขวางเหมือนเดิม

“หลบไป”

ผมแข็งใจฮึดทำขรึมอีกรอบบอกให้อีกคนหลีกทางไปแต่ไม่เป็นผล ร่างสูงใหญ่ปักหลักตัวเองไว้นิ่งไม่มีขยับ สภาพแบบนี้อีกนิดนึงจะต้องครางงี๊ดง๊าดแล้วแน่ๆ

“คิง พี่บอกให้หลบไป”

ผมพูดอีกครั้งทีละคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทั้งที่ในใจไม่ใช่เลย เสียงของผมคงจะเข้มผิดปกติหมาน้อยตรงหน้าถึงได้กดมุมปากบางหยักลงเล็กน้อย ช้อนตาขึ้นมองนิดนึงก่อนจะหลุบตาลงไปใหม่ก่อนจะช้อนขึ้นมองสบตาผมอีกครั้งเหมือนไม่แน่ใจ

บ้าจริง น่ะ น่ารัก น่ารักเกินไปแล้ว!

“ขอโทษครับ”

“.....” ไม่ใช่อะไร ผมกัดปากตัวเองอยู่ อย่าพูดเชียวนะไอ้ควิน ถ้าอ้าปากออกไปต้องหลุดยิ้มแน่นอนไม่ต้องสงสัย อุตส่าห์เนียนมาขนาดนี้แล้วนะอย่าหลุดเชียววววววว

“ขอโทษครับพี่ควิน”

“.....” อย่ามาเรียกชื่อพี่ตอนนี้ ได้โปรด ขอร้อง

คิงขอโทษนะครับ


ตายครับ...


พอดีกับเสียงโทรศัพท์ของหมาตรงหน้าดังขึ้นมา ผมรีบอาศัยจังหวะนี้เดินผ่านอีกคนมาได้ในที่สุด โอยยย หัวใจผมเต้นเป็นจังหวะอีดีเอ็มแล้วเนี่ย ดาเมจรุนแรงเกินไป หายใจเข้าควิน ฮึบ ฮึบ

ผมมุ่งหน้ามาที่รถแล้วหลับตายืนพิงรถไว้เพื่อทำสมาธิ คิงเดินตามมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย ถ้าได้ยินไม่ผิดผมว่าปลายสายคงเป็นอีกคนที่ผมจงใจทิ้งไวในห้าง ผมปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบทำเมินมองไปทางอื่น คิงวางสายแล้วเดินเข้ามาหาผมอีกครั้ง มือใหญ่คว้ามือผมไปกอบกุมไว้ ก้มหน้ามองมือผมบีบเล่นไปมาพึมพัมคำว่าขอโทษครับเบาๆไม่หยุด ผมทนไม่ไหวหลุดยิ้มออกมาจนได้แต่ว่าคิงก้มหน้าเลยไม่ได้เห็น ผมเงียบอยู่แบบนั้นหลายครั้งที่คิงช้อนตาขึ้นมามองแล้วผมต้องทำเป็นโกรธ จนกระทั่งคนที่ผมรออยู่ปรากฏตัวในสายตาผมแต่ไกล

“พี่ควิน คิงขอโทษนะครับ”

“ที่ขอโทษนี่ขอโทษเรื่องอะไรบอกพี่หน่อย”

“ที่ปล่อยให้พี่อยู่คนเดียว”

“อาห้ะ”

“ขอโทษครับ”

“ครับ”

“ไม่โกรธแล้วนะ”

“ครับ”

“เหมือนพี่ยังโกรธอยู่”

“ไม่โกรธแล้ว”

“จริงหรอ”

“เฮ้อ มานี่มา”

พอสิ้นคำผมคิงก็เขยิบตัวเข้ามาชิดซบหน้าลงที่หัวไหล่ของผมถอนหายใจรดต้นคอจนผมขนลุก มือข้างนึงของผมตอนนี้วางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มของคิง ส่วนมืออีกข้างของผมยังถูกมือใหญ่กุมเอาไว้ ทั้งร่างกายตอนนี้เกือบทุกส่วนแนบไปกับลำตัวของคิง ยกเว้นเพียงสายตาของผม...ที่กำลังมองสบกันกับสายตาอีกคู่หนึ่งที่จ้องมาที่ผม ไวน์ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้จุดที่ผมอยู่เท่าไหร่นัก ในสายตาของไวน์เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึกทั้งเจ็บปวดและโกรธเคือง มันทั้งน่าสงสารและน่ารังเกียจ ผมยกยิ้มให้ไวน์เหมือนที่เขายิ้มให้ผม สีหน้าของไวน์เหยเกกว่าเดิมก่อนจะหันหลังแล้วรีบเดินจากไป ผมเคยเห็นใจที่ไวน์ไม่สมหวังกับความรักแต่ถ้าจะต้องช่วยเหลือด้วยการแบ่งปันคนรักให้ใช้ผมก็คงไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น

ที่ผมทำแบบนี้เหตุผลมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ผมแค่อยากให้ใครบางคนรู้ไว้ว่าใครสำคัญสำหรับคิง ไวน์อาจจะสะใจที่ดึงความสนใจจากคิงไปจากผมได้แต่ผมอยากจะบอกให้เค้าได้รู้ตัวว่ากำลังคิดผิดมากแค่ไหน ผมรู้ว่าถ้าผมหายไปคิงจะตามหาผมโดยไม่สนใจอะไรและก็เพื่อเตือน...ว่าไวน์ไม่มีทางมายืนแทนที่ผมได้


ส่วนคิงที่...ผมต้องทำเป็นโกรธและแอบหนีไปเหตุผลไม่ใช่ว่าแค่จะสั่งสอนไวน์หรอกนะครับ


แต่นี่คือการลงโทษ...ที่คิงไม่สนใจผม หลังจากนี้คิงจะได้จำเอาไว้ว่าถ้าสนใจคนอื่นมากกว่าผมอีกจะเป็นยังไง


หึหึ ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนดีอย่างที่ใครคิด ผมละมือจากผมของคิง ร่างสูงก็ผละออกจากไหล่ผมเช่นกัน

“กลับห้องเรากันเถอะ”

“เมื่อกี๊ไวน์บอกกำลังมา”

“แต่นานแล้วนะ ลองโทรไปตามอีกทีสิ” ถ้ามาก็แปลกแล้วล่ะ

“แป๊บนึง” หลังจากนั้นคิงก็กดโทรออกทันทีรอไม่นานปลายสายก็รับ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ไม่ถึงนาทีคิงก็วางสายไป

“มันบอกเจอคนแถวบ้านเลยติดรถเค้ากลับไปแล้ว”

“งั้นเรากลับกันเลยเนอะ”

ร่างสูงพยักหน้ากดปลดล็อกรถแล้วอ้อมไปนั่งด้านคนขับ ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งรออีกคนสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ขับออกจากห้างได้สักพักผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“เดี๋ยวนะคิง นี่กินอะไรหรือยัง?”

“ยัง”

“เอ้า แล้วเมื่อกี๊ก็ไม่บอกนี่จะถึงคอนโดแล้วด้วย”

“ที่ห้องมีอะไรให้กินมั้ย”

“ที่ห้องหรอ น่าจะมีกุ้งเหลืออยู่หน่อยนึงมั้ง”

“ไข่เจียวกุ้งสับ”

“คนอะไรทำไมถึงได้ชอบไข่เจียวนักนะ”

“ก็ชอบ”

“โอเคตามนั้น”

“ก็ชอบอ่ะ”

“รู้แล้ว”

“ชอบครับ”

“หมายถึงไข่เจียวใช่มั้ย”

“ชอบพี่ควิน”

“เด็กบ้า...แต่พี่ก็ชอบนะ”

“อือ”

“ยิ้มอะไร พี่หมายถึงไข่เจียว หึหึ”

“.....”

พอผมบอกว่าชอบไข่เจียวยิ้มบนหน้าหล่อก็หายไปในพริบตาเหมือนไม่เคยมี หันหน้าหนีแล้วไม่มองผมอีกเลย ผมขำแล้วเอานิ้วไปจิ้มแก้มคิงสองสามที

“พูดแค่นี้ทำเมินนน หยอกนิดหยอกหน่อยทำงอนนน”

“พึ่งรู้”

“ห้ะ?”

“พึ่งรู้ว่าพี่ชอบกินไข่”

“เออพี่ก็ไม่เคยบอกนี่เนอะ”

“เดี๋ยวไว้จะเอาไข่...ให้กินเยอะๆเลยนะครับ”

“อ่ะ ไอ้ เด็กบ้า”

“หึหึ เขิน?”

“เขินบ้าอะไร เปล๊า!”

“ก็ว่าอยู่ พูดถึงไข่เจียวจะเขินได้ไง”

“เด็กเวร”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“ชิ ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“รีบมาเอา...คืนไวๆนะครับ”

ไอ้เด็กนี่...เอา...ใหญ่...แล้วว่ามั้ยครับ


























________________________________________________
พนมมือขออภัยทุกคนด้วยน้ำตา ที่พี่มาช้าเพราะพี่เจอทางตัน5555555555555 ฮือ คือมันแต่งไม่ออกจริมๆ แบบนี่ตอนที่ 15 แล้วนะทำไมพี่ควินกับน้องคิงยังไม่ได้กัน! ห้ะ อะไรนะ ผิดประเด็น อ่อๆคือมันยากมากเด้อ จะแต่งแบบไหนกลัวเรื่องมันช้าไปมั้ยหรือไวไปหรือเปล่า แอบงงและเครียดเบาๆ แต่ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ยังรออ่านเสมอ ขอบคุณทุกคอมเมนท์ที่เมนท์มาเลย มีกำลังใจแต่งเพราะทุกคน พอท้อก็จะมาวนอ่านคอมเมนท์ซ้ำๆเพืื่อเรียกขวัญกำลังใจ ขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะ จะพยายามแต่งให้ออกมาดีกว่านี้นะคะ

ปล.ถ้ามีใครเล่นทวิต ฝาก #คิงควินด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-05-2018 23:54:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

สะใจอ่ะ  ไวน์เหรอจะมาสู้ควินได้

แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่า เคะราชินี  อิอิ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2018 00:48:36
พี่ควินร้ายมากกกก แค่ชอบจัง นายเอกสู้คนแบบนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-05-2018 10:08:46
พี่ควินคือร้ายมากเลยคร้าาาาาาาา #ชอบคนร้ายๆ >\\\\<
ไวท์จะได้เพลาลงบ้าง อะไรจะตั้งหน้าตั้งตามาวอร์ขนาดนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-05-2018 13:03:14
ตอนนี้ชอบพี่ควินมาก เอาคืนได้แบบแสบสันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 05-05-2018 14:43:33
ตอนนี้กำลังดีเลยครับ ถึงเนื้อเรื่องมันเหมือนจะไปช้า แต่ทุกตอนมีประเด็นหลักให้เล่ามาตลอด ทำให้เรารู้สึกว่าเห้ย ตอนนี้คิงควินจะเจออะไรบ้าง เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ อย่างที่ผ่านมาเราได้เห็นมุมมองของไวน์ ได้รู้นิสัยของพี่ควินมากขึ้น ได้เห็นด้านอ้อนของคิง ซึ่งผมมองว่าทุกอย่างมันมาในจังหวะที่พอดีแล้ว
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนครับ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 15 up [4/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-05-2018 20:01:00
สมน้ำหน้าคิงตอนนี้จริงๆ เดินคุยกับเพื่อนจนแฟนหายตั้งนานยังไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 14-05-2018 12:32:54
ตอนที่ 16



พาร์ท ควิน




พอมาถึงคอนโดแล้วผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรีบมาเข้าครัวทำอาหารให้อีกคนอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าคนที่ผมแกล้งจนอดข้าวนั้นจะหิวมากไปกว่านี้ ปกติแล้วตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาผมมักจะใส่ใจเรื่องการกินของคิงเสมอไม่เคยละเลยสักครั้ง พอมาตอนนี้เห็นคิงนั่งรอที่โต๊ะคอยชะเง้อมองผมที่ทำอาหารอยู่ก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมานิดนึง ผมรีบตีไข่ในถ้วยพร้อมให้สัญญากับตัวเองไว้เลยเอาว่าครั้งหน้าผมจะไม่แกล้งตอนน้องหิวอีกแล้วล่ะครับ
พอทำอาหารเสร็จคิงก็เข้ามาช่วยถือจานไปวางที่โต๊ะเหมือนที่ทำทุกครั้ง ผมจัดการตักข้าวตามไปให้แต่พอคิงเห็นว่ามีข้าวแค่ถ้วยเดียวก็มองผมด้วยความสงสัย

“คิงกินเถอะพี่กินมาแล้วไงเมื่อกี๊นี้น่ะ แล้วเดี๋ยวคิงกินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ พี่จะลงไปเอาของที่ห้องแปบนึง”

“ไปเอาอะไร”

“ไปเอาแฟลชไดร์ฟ มีงานในนั้นพี่จะเอามาทำต่อ”

“มาไวๆ”

“ครับ แปบเดียว”

ผมเดินออกมาจากห้องแล้วยืนรอลิฟต์สักพักเพื่อลงมาที่ห้องตัวเอง ผมแตะคีย์การ์ดเพื่อเข้าห้องพอกดสวิตช์ไฟให้ทำงานผมก็เข้าไปในห้องนอนเพื่อหาแฟลชไดร์ฟ ใช้เวลาไม่นานผมก็ได้ของที่ต้องการ ผมมองไปรอบๆห้องของตัวเองที่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้ใช้งานสักเท่าไหร่เพื่อดูความเรียบร้อย ตั้งแต่คิงลากผมให้ไปอยู่ด้วยผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาในห้องของตัวเองนอกจากจะมาหยิบของใช้ส่วนตัวบางอย่าง ตอนนี้ทั้งเสื้อผ้าโน๊ตบุ๊คและของใช้ประจำส่วนใหญ่ก็ไปอยู่ที่ห้องคิงซะหมด ผมเช็ครอบๆห้องอีกครั้งก่อนจะปิดไฟและขึ้นลิฟต์กลับไปที่ห้องของคิง

ผมเปิดประตูห้องมาเจอคิงนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา เจ้าตัวหันมาหาผมแล้วกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ตูดยังไม่ทันแตะโซฟาตัวผมก็โดนรวบไปกอดไว้ซะงั้น ผมไม่ได้ตกใจอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผมคิดว่าคิงน่ะน่าจะติดสัมผัสอะไรพวกนี้นะ พออยู่ด้วยกันทีไรคอยแต่จะมาจับมากอดมาซุกผมอยู่ตลอด ถ้าถามว่าผมทำยังไงล่ะก็

“จะเอาอะไรอีกว่ามา”

“คิดถึง”

ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วใครมันจะไปทนได้! ผมยกมือขยี้หัวคนช่างอ้อนอย่างหมั่นเขี้ยว เมื่อก่อนล่ะกว่าจะพูดได้สักคำผมนี่แทบจะรำขอพรทีเดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาพูดเอาแถมแต่ละคำที่พูดออกมาทำเอาแทบลืมหายใจตายกันไปเลย

“เวอร์จริงๆ แล้วทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีกเนี่ย”

“รอพี่”

“รอพี่ทำไม?”

“สระผมให้หน่อย”

“อ่อ งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบผ้าแล้วตามไป”

ผมดึงแขนที่เกี่ยวรอบตัวผมไว้ออกแล้วลุกขึ้นพยักหน้าให้คิงไปรอที่ห้องน้ำเจ้าตัวก็เดินไปรออย่างว่าง่าย ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วตามเข้าห้องน้ำพอดีกับที่คิงกำลังทิ้งตัวลงนั่งในอ่างทำให้เมื่อกี๊ผมได้เห็นอะไรวับๆแวมๆให้ใจสั่นเล่น เห็นเต็มๆมาก็บ่อยแต่ทำใจให้ชินไม่ได้เลยจริงๆ เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมน้ำเต็มอ่างเร็วจังวะ

“ทำไมน้ำเต็มอ่างเลยล่ะ”

“เปิดไว้รอพี่ตั้งนานแล้ว”

ผมพยักหน้ารับคำแล้วเดินเข้าไปทิ้งตังนั่งลงที่ขอบอ่างอีกคนก็หันหลังเอนหัวมาพิงขาไว้ทันที ผมเริ่มลงมือสระผมให้อีกคนเหมือนที่เคยทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ท่ามกลางความเงียบระหว่างเราไม่มีความอึดอัดทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันระหว่างเรา

“มีอะไรทำไมมองพี่แบบนั้น” ผมถามเพราะอยู่ดีๆคองก็แหงนหน้าขึ้นมามองผมแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“พี่ควิน”

“ว่าไง”

“พี่ยังคิดมากเรื่องไวน์อยู่มั้ย”

“แล้วอยากให้พี่คิดหรือเปล่า”

ผมสัมผัสได้ถึงความกังวลในแววตาของคิงจนอดจะยิ้มให้ไม่ได้ อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลยเพราะทุกอย่างมันก็เห็นอยู่ชัดๆแต่ก็ไม่อยากให้ได้ใจจนเกินไปผมเลยเลี่ยงที่จะตอบคำถามของคิงตรงๆ

“มันไม่มีอะไร” พอผมไม่ตอบแววตาของคิงก็สั่นไหว คำพูดที่ไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงคล้ายกำลังอ้อนวอน ผมยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรเปิดน้ำล้างฟองออกจากผมของอีกคนจนหมด คิ้วเข้มขมวดเข้าใกล้กันมากขึ้นเมื่อได้รับความเงียบจากผม ใบหน้าหล่อที่แหงนมองจนหัวมาวางอยู่ที่หน้าขาของผมจากที่ตอนแรกแค่พิงไว้ทำให้ผมหลุดขำ ผมก้มหน้าลงไปจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของคิงทีนึงแล้วเงยหน้ากลับขึ้นมา

“พี่รู้”

คอผมถูกแขนแกร่งเหนี่ยวรั้งให้ก้มลงไปอีกครั้งคราวนี้ริมฝีปากถูกบดเบียดรุนแรงกว่าครั้งก่อน ลิ้นร้อนของคนด้านล่างแลบเลียออกมาดุนดันให้ผมต้องอ้าปากเพื่อรับมันเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นของผม ผมใช้มือยันขอบอ่างเอาไว้แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ทันทีที่ผละริมฝีปากออกจากกันตัวของผมก็ถูกดึงรั้งจนลงมานั่งอยู่ในอ่างกับอีกคน ตัวของผมเปียกชุ่มทั้งตัวเพราะเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ถอดแต่ไม่มีเวลาจะโวยวายอะไร มือหน้าจับใบหน้าของผมให้หันไปหาแล้วมอบจุมพิตให้อีกครั้ง ความร้อนชื้นเข้ามาสำรวจโพรงปากผมครั้งแล้วครั้งเล่าตัวของผมถูกจับให้หันหน้าเข้าหาอีกคนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งทับบางอย่างที่กำลังตื่นตัวอยู่ใต้น้ำ

“อื้ออออ” ผมครางประท้วงในลำคอเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจทำให้คิงถอนริมฝีปากออกไป ผมหอบหายใจนิดหน่อย จูบจาบจ้วงของอีกคนแทบจะดูดวิญญาณของผมออกไปด้วย ผมสบตากับคิงที่มีหายใจหนักออกมาไม่แพ้กัน สายตาของคิงบ่งบอกความต้องการที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างชัดเจน ผมเข้าใจดีเพราะผมเองในตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน มือหนารั้งชายเสื้อของผมแล้วดึงขึ้นจนพ้นหัวก่อนจะเขวี้ยงทิ้งไปแถวๆนั้น เช่นเดียวกันกับกางเกงที่ผมใส่อยู่กำลังถูกอีกคนดึงทึ้งจนหลุดไป ทั้งหมดแล้วไม่ยากอย่างที่คิดเพราะได้รับความร่วมมือจากผมเป็นอย่างดี ร่างกายเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่ภายใต้น้ำ อะไรๆของเราที่เสียดสีกันไปมาจนเริ่มปวดหนึบ

“พี่ควิน” เสียงทุ้มแหบต่ำที่เอ่ยเรียกชื่อของผมออกมา สายตาเว้าวอนและมือหนาที่ปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังของผมเพื่อรู้ว่าอีกคนต้องการอะไร

“ว่าไงครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับวางมือลงบนแผ่นอกหนาของคิงก่อนจะลูบไล้ต่ำลงเรื่อยๆ

“อึก พี่ควิน” ผมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรหลังจากนี้แต่ว่าพอได้เห็นสีหน้าคล้ายกับกำลังอดกลั้นของคิงมันก็ทำให้ผมอดใจไม่อยู่ ผมลากมือลงต่ำจนไปถึงแกนกายกลางลำตัวของอีกคน

“หึหึ” ผมเลื่อนมือข้ามผ่านจุดสำคัญไปโดยไม่ได้แตะต้องแต่กลับวนเวียนอยู่แถวนั้นทำให้คนตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้วจ้องหน้าผมเขม็ง

“อย่าแกล้ง อึก กันแบบนี้นะพี่ควิน”

“พี่แกล้งอะไร หืม” ผมตอบกลับยิ้มๆคิงตอนนี้น่าแกล้งสุดๆจนผมหยุดตัวเองไม่อยู่แต่แล้วผมคงมาได้แค่นี้ ความอดทนของคิงน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว มือใหญ่กว่าคว้ามือของผมแล้วนำไปวางที่กลางลำตัวที่ผมปัดผ่านไปมาอยู่หลายครั้ง ผมแอบตกใจกับความใหญ่โตที่ผมกำแทบไม่รอบนี้ ผมนิ่งค้างไว้เพราะตกใจแต่คิงคงจะเข้าใจว่าผมแกล้งอีกเช่นเคยถึงได้ตัดพ้อออกมาอย่างน่าเอ็นดู

“คนนิสัยไม่ดี” เป็นคำต่อว่าที่น่ารักจนผมใจอ่อน ผมขยับมือตัวเองเพื่อรูดรั้งแกนกายของอีกคน มืออีกค้างรั้งใบหน้าหล่อให้เข้ามาใกล้แล้วประกบจูบแลกเปลี่ยนเอนไซม์กันอีกครั้ง ผมแทรกลิ้นเข้าไปกวาดต้อนในโพรงปากของอีกคนก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อมือใหญ่จับแกนกายของผมไปกอบกุมไว้เช่นกัน

“อืมม” ผมผละริมฝีปากออกซบหน้าลงที่ซอกคอหนา แกนกายของผมถูกมือใหญ่รูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกันกับผม เสียงครางต่ำเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นพักๆ จนเมื่อใกล้จะถึงปลายทางผมแทบจะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ มือใหญ่เลยรวบทั้งของผมและของตัวเองไว้ด้วยกัน

“จะ อึก จะออก อื้ออ”

“อืมม พี่ควิน”

“อ่ะๆ คิง เร็วๆ”

“อื้ม”

ผมกอดคอร่างสูงเอาไว้แน่นเมื่อจังหวะถูกเร่งให้เร็วขึ้น สติผมกระเจิดกระเจิงในสมองขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก รับรู้เพียงความเสียวซ่านที่ถูกอีกคนมอบให้ เสียงครางที่ดังอยู่ข้างหูยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งทะยานไปจนถึงขีดสุดจนวินาทีสุดท้ายที่ทุกอย่างทะลักทลายออกมา

“อ่ะ อ๊ะ อื๊อออ~”

“อ่าาาา”

ผมหอบเหนื่อยอย่างหมดแรง เซ็กส์ที่เคยมีมานับครั้งไม่ถ้วนยังเทียบอะไรกับตอนนี้ไม่ได้ ผมไม่อยากจะนึกไปถึงตอนที่จะต้องมีอะไรกับคิงจริงๆ ถ้าถึงตอนนั้นผมไม่ต้องตายคาอกไปเลยหรือไง ผมพักหายใจไม่กี่นาทีก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ที่หน้าขาผมอีกครั้ง

เอ่อ จะไม่ ไม่เหนื่อยเลยหรอ

ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องพบกับสายตาของอีกคนที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาของคิงยังคงเต็มไปด้วยความต้องการ อาจจะมากกว่าในตอนแรกด้วยซ้ำไปผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอก่อนจะเบนหน้าหนีเพราะทนสู้สายตาอีกคนไม่ไหว

“พี่ควิน” น้ำเสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงสิ่งที่ต้องการชัดเจน ผมกัดปากตัวเองแน่นแล้วค่อยๆเบนสายตากลับไป

“อือ”

“ไม่พอ”

“อือ”

“.....ได้มั้ยครับ”

ยังไงสักวันมันก็ต้องมาถึง ผมก้มหน้าจนคางชิดอกเพื่อซ่อนความเขินอายของตัวเอง

“.....อือ”

ฟึ่บ

สิ้นคำตอบของผมคิงพยุงตัวลุกยืนขึ้นผมนั่งคล่อมตักอยู่จึงต้องรีบเกี่ยวขาเข้าที่เอวสอบไว้ทันทีเพราะกลัวตก ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆออกมาน่าหมั่นไส้แตาผมก็ทำได้แค่ซุกหน้าตัวเองไว้ที่ไหล่เท่านั้น ร่างสูงก้าวขึ้นเตียงมาปล่อยผมลงบนที่นอนช้าๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรบดบังร่างกายของเราไว้แสงไฟกลางห้องยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจนแบบเอชดี ผมหวั่นใจเมื่อเห็นกลางกายของคิงที่กำลังแข็งขืนอย่างเต็มตา มันขยายใหญ่กว่าปกติจนผมกลัว มันจะต้องเอ่อ เจ็บมากแน่ๆ

“คิงจะไม่ทำให้พี่เจ็บ” สีหน้าของผมคงจะบอกทุกอย่าง คิงก้มลงมากระซิบที่ข้างหู ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่คำพูดนั้นทำให้ความกลัวผมหายไปเกินครึ่ง ผมมองตาคิงที่ตอนนี้มันมีความหนักแน่นอยู่ในนั้น ผมพยักหน้าให้คิงก่อนจะได้รับจุมพิตกลับมา ร่างสูงลุกขึ้นเดินโทงเทงแบบนั้นไปที่หน้ากระจกคว้ากระปุกวาสลีนที่วางอยู่มาแล้วเดินไปปิดไฟที่ข้างประตู

“ถ้าปิดไฟพี่อาจจะกลัวน้อยลง” ผมอยากจะร้องไห้ให้กับความใส่ใจนี้และมันก็จริงอย่างที่คิงบอก ถ้าหากว่าผมจะต้องเห็นตอน อ่า นั่นแหละ ผมอาจจะกลัวมากกว่านี้ แต่เพราะนี่เป็นช่วงเวลาหัวค่ำแสงที่ลอดผ่านม่านเข้ามาก็มากพอที่จะทำให้เห็นทุกอย่างได้ถึงแม้จะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ก็ตาม

ใจผมเต้นแรงเมื่อร่างสูงเข้ามาใกล้ร่างกายกำยำมีกล้ามหน้าท้องที่เรียงตัวสวยจนละสายตาไม่ได้ คิงขึ้นมาคล่อมตัวผมไว้บนเตียงก่อนจะเริ่มสานต่อภารกิจที่ค้างไว้ ริมฝีปากของผมถูกครอบครองอีกครั้งลิ้นร้อนชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากควานหาลิ้นของผมและเกี้่ยวต้อนไปมา นิ้วข้างนึงลูบไล้ตั้งแต่ลำคอลงไปหยุดที่เม็ดทับทิมบริเวณหน้าอก

“อึก” นิ้วยาวบดขยี้ตุ่มไตจนชูชัน ส่วนล่างที่แทรกมาอยู่ตรงหว่างขาทิ้งตัวลงมาบดเบียดกันจนเริ่มตื่นตัว ลิ้นร้อนละจากริมฝีปากลากเลียลงมาที่ลำคอ ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นแสดงว่าอีกคนคงจะทิ้งรอยไว้ให้ได้ดูต่างหน้าเป็นแน่ ผมกอดก่ายอีกคนเอาไว้เพื่อยึดเหนี่ยวเมื่อยอดอกถูกกลืนหายไปความเสียวซ่านเข้าปะทะจนกลั้นเสียงไว้ไม่ไหว คนที่ครอบครองเขาไว้หยอกล้อเข้าด้วยการละเลงลิ้นรัวเร็วที่เม็ดทับทิมของผม

“อ๊ะ อ๊ะ” ยิ่งผมครางออกมาอีกคนยิ่งหยอกล้อหนักหน่วงสลับข้างดูดดึงทิ้งยอดอกของผมจนมันบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเรียวยังคงบดขยี้ข้างที่ไม่ได้ครอบครองด้วยริมฝีปากอย่างต่อเนื่อง ช่วงล่างที่ขยับเคลื่อนเสียดสีไปมาไม่หยุดจนเริ่มปวดหนึบที่กลางกาย

“พี่สวย” คิงยืดตัวขึ้นตรงจับขาของผมให้แหวกออกกว้างแล้วพูดออกมาพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง หน้าของผมตอนนี้ร้อนจนแทบไหม้ ผมพยายามดันขาตัวเองให้หุบเข้าหากันแต่ยิ่งทำอีกคนก็ยิ่งจับให้กว้างมากกว่าเดิม

“อื้อ คิง” ผมเรียกชื่อคิงเพื่อขอร้องให้หยุดมองและทำท่าทางน่าอายแบบนี้ได้แล้ว คิงขยับเอวดันแกนกายของตัวเองให้ถูไถกับแกนกายของผมเบาๆแต่เพียงแค่นั้นความเสียวซ่านก็โจมตีเข้ามาเต็มๆ

“อืมม”

“อ่า พี่ควิน” ร่างสูงขยับตัวลงมาจับขาผมให้กว้างก่อนที่ใบหน้าของคิงจะเข้ามาใกล้กับสิ่งนั้น

“เห้ย! คิง จะทำอะ อ๊ะ อ๊า อื๊ออ”

ผมที่กำลังตกใจยังไม่ทันจะห้ามปรามอะไรคิงก็ครอบปากลงมาที่แท่งร้อนของผม การจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัวของคิงทำให้ผมคุมสติไม่ได้อีกต่อไป ภายในปากของคิงทั้งอุ่นและชื้นจนแทบจะแตก ใบหน้าหล่อที่ขยับขึ้นลงอยู่ที่หว่างขามันทำให้ผมเบลอไปหมด ผมได้แต่ร้องครางจะขาดใจ มือที่ดันหัวอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นขยุ้มผมอีกคนไว้เด้งเอวสวนไปตามจังหวะ

“ฮ่ะ ฮ่ะ  อ่ะ อ๊ะ คิง จะ อ่ะ ออก!”

พออีกคนรับรู้ว่าผมใกล้จะถึงกลับยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนลากเลียไปตามความยาวก่อนจะกลืนกินเข้าไป

“อื้อ คิง ออก ป่ะ ไป อ่ะ”

ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่คิงยิ่งรูดรั้งเร็วกว่าเดิม ยิ่งใกล้เห็นปลายทางผมเริ่มหน้ามืดตามัวเด้งเอวกระแทกแกนกายเข้าออกภายในปากของอีกคนโดยไม่สนใจ ไม่กี่นาทีต่อมาตัวผมกระตุกสองสามทีก่อนที่ของเหลวสีขุ่นจะพุ่งออกมา คิงดูดกลืนทุกหยาดหยดลงไปอย่างไม่นึกรังเกียจ ผมนอนหมดแรงอยู่แบบนั้นพอเหลือบมองอีกคนเห็นคิงกำลังยุ่งอยู่กับกระปุกที่หยิบมา

“คิง มานี่” ผมเรียกให้คิงเข้ามาใกล้ๆเจ้าตัวก็เขยิบตัวคล่อมทับผมไว้ ผมดึงอีกคนให้ทาบทับลงมาแล้วกอดเอาไว้แน่น ใบหน้าคมซบลงที่ไหล่บาง ฝลมหายใจรินรดอยู่บริเวณลำคอ

“พี่ควิน”

“พี่ขอโทษนะเมื่อกี๊นี้”

“ไม่เป็นไรครับ” คิงยันลำตัวขึ้นมาทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซน ผมยกมือขึ้นปาดคราบขาวขุ่นที่เปื้อนมุมปากคิงออก อีกฝ่ายมองตามมือผมแล้วอมยิ้ม

“ยิ้มอะไร ทีหลังอย่ากลืนเข้าไปนะรู้เปล่า”

“หวาน”

“มันจะไปหวะ อุ๊บ!”

ริมฝีปากของผมถูกปิดไม่ให้พูดต่อ ผมปรับองศาใบหน้ารับจูบของคนตรงหน้าก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความเย็นบริเวณช่องทางด้านหลัง คิงมอบจุมพิตให้ผมโดยไม่ปล่อยให้ผมได้มีโอกาสพูดใดๆทั้งสิ้น ความเย็นที่วนเวียนอยู่ที่ช่องทางด้านหลังทำให้ผมเกร็งโดยไม่รู้ตัว นิ้วของอีกคนกดไปรอบๆรอยจีบนั้นสักพักเพื่อคลายตัวค่อยๆกดแทรกนิ้วแรกเข้ามาช้าๆ

“อื้อ” เพียงแค่นิ้วแรกแค่ส่วนเดียวมันก็อึดอัดไปหมด

“คลายตัวหน่อยพี่ควิน อย่าเกร็งนะครับ”

แค่นิ้วแรกยังติดขนาดนี้แล้วไอ้นั่นมันจะเข้าไปได้ยังไง ผมลองพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกคลายความเกร็งที่ช่องทางนั้นไป อาจจะเพราะมีตัวช่วยทำให้นิ้วแรกเข้าไปได้สำเร็จ คิงขยับนิ้วเดียวนั้นเข้าออกสักพักเพื่อให้ผมคุ้นชิน

“อย่างเกร็งนะ”

นิ้วที่สองถูกสอดเข้ามาเพิ่ม ความอึดอัดที่มีก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก ผมพยายามผ่อนคลายทำให้นิ้วที่สองเข้ามาได้ง่ายกว่าตอนนิ้วแรก คิงค่อยๆขยับเข้าออกไปมา มันอึดอัดแต่ผมก็พยายามทนให้มากที่สุด จนเมื่อนิ้วที่สามเริ่มแทรกเข้ามา มันแน่นจนคิงต้องดึงออกแล้วใช้เจลเข้าช่วยอีกครั้ง นิ้วทั้งสามที่อยู่ภายในตัวผมเพื่อขยายช่องทางมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ผมก้มลงมองที่ช่องทางก่อนจะพบว่าคิงเองก็อดทนไม่ต่างกัน แกนกายแข็งขืนเครียดจนเส้นรอบๆนั้นผุดขึ้นมาจนน่ากลัว สีหน้าที่อดกลั้นทำให้ผมตัดสินใจได้

“เข้ามาเถอะ”

“แต่ว่ามัน”

“พี่ไหว”

ผมยิ้มให้คิงเพื่อยืนยันว่าผมไหวทั้งที่จริงๆในใจผมก็แอบหวั่นนิ้วทั้งสามถูกถอนออกไป ผมรู้สึกวูบโหวงเล็กน้อย คิงยืดตัวขึ้นจนสุดจับขาข้างนึงของผมให้กางออกก่อนจะจ่อแท่งร้อนของตัวเองที่ชโลมเจลๆว้แล้วที่ช่องทางของผม

“ถ้าไม่ไหวพี่บอกนะ”

“อือ อึก อื้อออ!!!”

เพียงแค่ส่วนหัวที่ดุนดันเข้ามาผมก็ผวาคว้าตัวของคิงมากอดไว้ มันเจ็บจนน้ำตาซึม เหมือนร่างกายจะฉีดขาดออกจากกัน ทั้งที่เตรียมตัวขนาดนี้แล้วแต่เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเพราะขนาดที่เตรียมไว้เทียบไม่ได้กับของจริงที่คาอยู่ตอนนี้

“ชู่ว ใจเย็น อ่า พี่ควิน อย่ารัดคิงแน่นแบบนี้”

“มัน อึก เจ็บ”

“ไม่ร้องนะครับ คิงขอโทษนะ ไม่เป็นไรไม่ทำแล้วครับ”

คิงใช้มือข้างนึงมาปาดน้ำตาของผมซึ่งผมไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าทรมานของคิงที่ผมเห็นทำให้น้ำตาผมไหลออกมามากกว่าเดิม

“ไม่เป็นไร เข้ามาเถอะ”

“พี่เจ็บ”

“ไม่เป็นไร พี่ไหว”

“แน่นะ”

“ครับ”

“ถ้าไม่ไหวจริงๆบอก”

ผมพยักหน้ารับรู้ แท่งร้อนเริ่มขยับเข้ามาอีกครั้ง ผมกอดก่ายคิงเอาไว้แน่น ความยาวที่เข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆจนผมทนไม่ไหว ไหล่หนาตรงหน้าถูกผมใช้ระบายอารมณ์เต็มที่ ผมกัดลงไปจนรู้สึกถึงรสเลือดในปาก คิงดันตัวเองฟันฝ่าความคับแน่นเข้ามาเรื่อยๆจนหยุดลงในที่สุด

“อ่าาา พี่ควิน เข้าไปหมดแล้วครับ”

“ฮื้ออ คนอะไรทำไมมันอะไรขนาดนั้นอ่ะ!”

“หึหึ โอ๋ๆ ขอโทษที่มันขนาดนั้นนะครับ”

ผมหมั่นไส้รอยยิ้มของอีกคนจนกัดลงที่ไหล่ตรงหน้าอีกรอบแต่เจ้าของไหล่เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ผมหายใจเข้าออกลึกๆสองสามทีคนด้านบนก็เริ่มขยับตัว สองแขนแกร่งยันเตียงเอาไว้โดยกักตัวผมไว้ด้านในก่อนที่ช่วงล่างจะเริ่มขยับเป็นจังหวะเนิบนาบ

“อืมม”

ผมครางในลำคอเพราะความรู้สึกเริ่มโจมตี เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิ้น เอวสอบก็เริ่มขยับเข้าออกด้วยจังหวะที่เร่งมากขึ้น แรงกระแทกกระทั้นที่เพิ่มขึ้นจนผมตัวสั่นตัวคลอนไม่หยุด หยาดเหงื่อของคนด้านบนตกกระทบลงมาบนตัวผม เสียงหอบครางต่ำยิ่งให้ทำอารมณ์พุ่งพล่าน คนด้านบนหยัดตัวขึ้นก่อนจะจับขาผมข้างนึงพาดบ่าแล้วจะสาวเอวเข้าออกต่อแบบไม่ให้เสียจังหวะ

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า” มือทั้งสองข้างของผมดึงทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่แทบจะขาดติดมือมา ช่องทางของผมที่ได้รับการเสียดสีมันร้อนจนเหมือนจะละลายให้ได้

“อ่าาา พี่ควิน แน่นโคตร” คิงครางออกมาและดันแก่นกายให้เข้ามาลึกจนสุด

ความเสียวปะทะเข้ามาไม่หยุด ผมทำได้แค่จิกเล็บกับที่นอนและครางออกมาเพื่อระบาย คิงจับสะโพกผมขยับไปมาตามจังหวะการเข้าออก ผมไม่ได้แตะต้องของตัวเองเลยแต่กลับรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก ความเจ็บปวดในคราแรกหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

“อื้อ คิง ช้า ช้าลง หน่ะ หน่อย”

“พี่ควิน พี่ควิน อืมม”

ไม่ใช่เพียงแต่ไม่ทำตามคำขอของผมแต่คิงกลับเร่งจังหวะให้รัวเร็วจนผมแทบจะหายใจไม่ทัน แรงกระแทกแรงจนเตียงขยับ แท่งร้อนที่ขยับเข้าออกโดนบางจุดที่ทำให้ผมต้องกรีดร้องออกมา

“อ่า คิง ตรงนั้น อ่ะ อ๊ะ!”

คิงปล่อยขาของผมลงแล้วจับตัวผมพลิกคว่ำจนหน้าแนบกับหมอนโดยที่ช่องทางนั้นยังเชื่อมต่อกัน ผมยันตัวขึ้นมาเอี้ยวมองไปด้านหลังก่อนที่ทาบทับลงมาแนบกัน พรมจูบทำรอยไปทั่วแผ่นหลังของผม แกนกายรัวเร็วเข้าออกกระแทกโดนจุดเดิมซ้ำๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง

“คิง อื้ออ”

“พี่ควิน อืมม ของคิง”

“คะ คิง จูบ จูบหน่อย”

ร่ายสูงจับหน้าผมให้รับจูบที่มอบมาให้ เรียวลิ้นทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดต้อนกันไปมา น้ำใสไหลลงตามมุมปาก จูบจ้วงขโมยลมหายใจของกันและกัน ก่อนที่ผมจะผละหน้าออกมาเมื่อใกล้จะทนต่อไปไม่ไหว

“อ๊าา คิง คิง”

“พร้อมกันนะพี่ควิน”

คิงกอดรัดตัวผมไว้แนบใบหน้าลงบริเวณไหล่ผมเอวสอบขยับเข้าออกรุกเร้ารุนแรงจนผมแทบจะพยุงตัวไว้ไม่ได้ ผมพึมพำชื่อคิงออกมาราวกับใจจะขาด เช่นเดียวกับที่อีดคนครางชื่อผมออกมาไม่หยุด แรงกระแทกรัวเร็วทิ้งท้ายก่อนที่ธารน้ำอุ่นจะพุ่งเข้ามาในตัวผม

“อ่ะ อ่ะ อือ อื๊ออออออ”

“อ่าาาา พี่ควินน”

ผมทิ้งตัวนอนราบไปกับที่นอนโดยที่มีอีกคนทาบทับตามลงมาไม่ห่าง กลิ่นคาวคละคลุ้งอบอวลไปทั่ว เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นของใคร ใช้เวลาหงายนาทีกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ผมค่อยๆพลิกตัวทำให้ส่วนนั้นหลุดจากการเชื่อมต่อส่งเสียงน่าอายออกมา
ถึงแม้จะพลิกตัวมานอนหงายแต่ก็ยังไม่พ้นร่างของอีกคนที่ตามมาทาบทับไว้ ผมยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มที่ซบอยู่ที่อกเบาๆ

“พี่ควิน”

“หืม”

“.....พี่ควิน”

“ครับ”

“ไม่พอ”

“ห้ะ”

ผมถึงกับต้องหก้มหน้ามามองหน้าของคนที่บอกว่าไม่พอ คิงที่นอนซบอกผมอยู่เงยหน้ามาส่งตาปริบๆให้ผม

“นะ”

“เหนื่อยอ่ะ”

“นะครับ”

“.....”

ร่างสูงพลิกตัวขึ้นมาทาบทับร่างผมไว้อีกครั้ง มองหน้าทำตาหมาหงอยและคำขอร้องแบบนี้ผมก็ไม่เคยจะชนะได้เลยสักครั้ง แกนกายที่เริ่มกหัวให้เห็นอีกครั้งทำให้ผมต้องก้มหน้ารับชะตาชีวิตต่อไป

“ขอคิงนะครับ”

ผมยิ้มให้เด็กมักมากตรงหน้าก่อนจะคว้าคอเจ้าตัวลงมาปิดปากซะ แล้วบทเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง

อีกครั้ง

อีกครั้ง

และอีกครั้ง




















XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
มาละจ้า ถือว่านี่คือตอนไถ่โทษ หวังว่าทุกคนอ่านแล้วจะไม่ถือโทษโกรธที่เอิร์ทมาลงช้านะคะ 55555555555555555555555555 สรุปตอนนี้ก็เรียบร้อยไปแล้วจ้า พี่ควิ๊นนนนน เอิร์ททถ่ทเทมากมายตอนนี้ ตีสี่แล้วเนี่ยยังไม่ได้นอน!!! 555555555555 ขอบคุณทุกคอมเมนท์ทุกรีวิวทุกคนที่เข้ามาอ่านเลยนะคะ ดีใจมากที่ทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้ ขอบคุณมากๆนะคะ รักทุกคนเลยน้าชุ้บๆ
ปล.ใครเล่นทวิตเอิร์ทฝาก #คิงควิน ด้วยนะค้าา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-05-2018 13:52:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปกี่รอบอ่ะ?   อิอิ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2018 15:48:11
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-05-2018 17:52:16
คิงกินพี่คลินไปหมดล้าววววววว -.,-
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-05-2018 18:14:55
แค่ควีน ..... แค่คิง    :hao5: :sad4: :heaven
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-05-2018 01:51:07
เรียบร้อยโรงเรียนคิงส์ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 15-05-2018 05:07:54
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 16 up [14/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-05-2018 18:58:55
มันส์อ่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 28-05-2018 00:21:04
ตอนที่ 17




พาร์ท ควิน



แสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาในยามสายทำให้ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวหลบหลีกแสงที่ตกกระทบใบหน้าแต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ปลุกให้ผมตื่นจากนิทรา เสียงโครมครามจากนอกห้องนอนต่างหากที่ทำให้ผมต้องตื่นขึ้น
“โอย” ผมโอดครวญเบาๆเมื่อจะลุกขึ้นนั่งความปวดจากส่วนนั้นแล่นริ้วขึ้นมาตามไขสันหลัง ผมนอนลงบนที่นอนตามก่อนจะปรับโฟกัสสายตาแล้วมองไปรอบห้อง มองจนทั่วก็ไม่เจออีกคนที่หลับไปพร้อมกันแต่ว่าคงไม่ต้องหาเพราะเจ้าตัวน่าจะเป็นเจ้าของเสียงที่ดังอยู่ข้างนอกนั่นแหละ ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆอีกครั้ง รู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ผมก้มลงสำรวจตัวเองตามร่างกายที่ถูกอีกคนชำระล้างทำความสะอาดให้แล้วเรียบร้อยเพราะผมจำได้ว่ารอบสุดท้ายนั้นถูกออดอ้อนในห้องน้ำตอนพาไปล้างตัว ภาพเมื่อคืนลอยวนเวียนอยู่ในหัวทีละฉากจนผมอดจะหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้
“ทำไปจนได้” ผมส่ายหน้าไล่ภาพลามกในหัวทิ้งไปแล้วลองพยุงตัวยืนขั้นช้าๆ เคยได้ยินว่าครั้งแรกมันเจ็บจนเดินแทบไม่ได้นี่ผมเชื่อแล้วครับว่าจริงแต่อาจจะเพราะว่าเมื่อคืนอีกคนอ่อนโยนกับผมขนาดนั้นร่างกายเลยไม่แย่อย่างที่คิดไว้ ผมเดินได้แต่ค่อนข้างรู้สึกเสียดนิดหน่อย ขาสั่นเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงขนาดเดินไม่ได้ ผมก้าวไปห้องน้ำอย่างทุลักทุเล หือ? นั่นผมหรอ! ผมยืนตะลึงอึ้งอยู่ที่หน้ากระจก ร่องรอยจากเมื่อคืนเต็มไปทั่วทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่หน้าท้อง จริงหรอวะ เมื่อคืนทำไมไม่เห็นจะรู้ตัวเลย อา แย่ล่ะ อย่าให้ใครเห็นสภาพนี้เด็ดขาดเลย....

ผมแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกมาด้านนอก ตามหาที่มาของเสียงที่ดังมาตลอดหลายนาที ผมกอดอกพิงประตูมองร่างสูงคุ้นตาที่ทำอะไรบางอย่างอยู่ที่ครัว ผมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางงกๆเงิ่นๆหันรีหันขวางใครดูก็รู้ว่าคิงคงไม่คุ้นชินกับการเข้าครัวเลยสักนิด ผมเดินไปใกล้ๆแต่เพราะอีกคนหันหลังอยู่เลยไม่สังเกตเห็นผมแถมผมยังเดินช้าเหมือนย่องมาเลยไม่มีแม้แต่เสียงเดินให้ได้ยิน

“ทำอะไรอยู่”

เคร้ง

พอได้ยินเสียงผมคิงก็สะดุ้งจนทำทัพพีในมือหล่น ทำเอาผมตกใจไปด้วย คิงหมุนตัวมามองผมเพียงครู่เดียวแล้วก็หลบตาหมุนตัวกลับไปเก็บทัพพีไปล้างต่อ ผมชะโงกหน้าดูหม้อที่คิงทำไว้แล้วก็ได้แต่สงสัย

“ต้มน้ำ? ต้มทำไมอ่ะกระติกน้ำร้อนก็มีหนิ”

“จะทำโจ๊ก”

“ห้ะ โจ๊ก?”

“อือ”

ทำโจ๊กเนี่ยนะ คิงทำโจ๊กเนี่ยนะ! ผมยังไม่หายสงสัยก็ว่าจะอ้าปากถามต่อแต่ใบหูแดงๆของคนหันหลังทำให้ผมชะงัก หรือว่าจะทำให้ผม?

“หึหึ ทำให้พี่หรอครับ” ผมเดินเข้าไปยืนซ้อนด้านหลังวางคางเกยบ่าอีกคนแล้วถามออกไป

“รู้แล้วยังจะถามอีก”

“ทำเป็นหรอเราน่ะ”

“ไม่เป็น”

“อ้าว”

ผมผละตัวออกจากอีกคนพร้อมกับที่คิงหันกลับมา น้องมองหน้าผมแต่แค่สบตาแปบเดียวก็เบนสายตาหนีไป ผมมองเลยไปด้านหลังเห็นหม้อสองสามใบวางกองไว้และผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นคนใช้หม้อนั่นแน่ๆ แล้วทำไมมากองอยู่นั่นได้ล่ะ

“แล้วนั่นหม้ออะไรเยอะแยะอ่ะ”

“ตอนแรกจะทำข้าวต้มให้พี่แต่มันทำไม่ได้”

โอ้ยยย ผมฟังคำตอบแล้วอยากจะตะโกนคำว่าเอ็นดูออกมาดังๆ คิงทำหน้าหงอยลงนิดหน่อยตอนที่บอกผมว่าทำไม่ได้ ผมเลยยิ้มแล้วลูบหัวปลอบใจไอ้ลูกหมาตรงหน้าไป

“แล้วงั้นจะทำโจ๊กได้หรอ”

“ซื้อมาสองซอง”

ผมมองตามสายตาของคิงไปที่โจ๊กสองซองที่บอก อ๋อ เพราะงี้ถึงได้ต้มน้ำสินะ เอ๊ะ แต่กดน้ำร้อนเฉยๆก็ได้นี่หว่า สงสัยคิงจะเห็นว่าผมมองหม้อที่ต้มน้ำสลับกับกระติกน้ำร้อนเลยชิงพูดออกมาก่อน

“กะจะใส่ไข่กับหมูให้ด้วย”

“อ๋อ แต่ทำได้หรอเดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้นะ”

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอ”

คำถามของคิงทำให้ภาพเมื่อคืนวิ่งเข้าสู่สายตาผมอีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวมากองรวมกันอยู่ที่ใบหน้าแต่เหมือนกับว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น คนตรงหน้าของผมก็หน้าแดงไม่ต่างกันจนผมแปลกใจ ผมต้องเป็นคนที่ต้องอายไม่ใช่หรอ แล้วน้องนี่จะเขินผมทำไม ยิ่งพอสบตากันกลายเป็นว่าอีกคนหลบตาผมก่อนตลอด พอเห็นแบบนี้แล้วความอายของผมก็หายไปเหลือไว้แต่ความอยากแกล้งคนขี้เขินตรงหน้าซะแล้วสิ

“อือ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ มันก็ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิด”

“จริงนะ”

“ครับ....ก็คิงดูแลพี่ดีขนาดนั้นนี่เนอะ” ผมขยับตัวเข้าไปพูดท้ายประโยคใกล้ใบหน้าของคิง ทำให้หน้าหล่อๆยิ่งแดงเข้าไปอีก ยิ่งเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งอารมณ์ดี

“พี่ควิน อย่าแกล้ง”

“ใครแกล้งกันล่ะ พี่พูดจริงนะ”

“พี่ควิน”

“ครับ”

ยิ่งผมพยายามสบตาคิงก็ยิ่งหลบตาไปเรื่อยๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแต่สีเลือดฝาดยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ผมยิ้มตามกว้างขึ้นทุกที ในใจตอนนี้มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด บอกตรงๆว่าผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคิงถึงได้เขินผมแบบนี้ ผมรู้ว่าคิงคงมีเซ็กส์มาไม่ใช่น้อยเพราะงั้นก็ไม่น่ามามีอาการแบบนี้ ส่วนตัวผมผ่านผู้หญิงมาบ้างแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมยอมให้ใครสักคน ไอ้อาการแบบนี้ผมมากกว่ามั้ยที่ควรเป็นน่ะ แต่เพราะความน่ารักทำให้ตอนนี้ผมอยากแกล้งมากกว่าจะมาหาคำตอบอ่ะนะ

“พี่ควิน หลบไป”

“ทำไมครับ พี่มะ อุ๊บ!”

ตัวผมถูกรั้งเอวเข้าไปก่อนริมฝีปากของอีกคนจะประกบเข้ามาเรียวลิ้นสอดแทรกเข้ามาตวัดไปทั่วโพรงปาก ผมหลับตารับจูบที่ได้รับมา มือใหญ่เอื้อมไปทำอะไรสักอย่างด้านหลังก่อนจะพลิกร่างดันผมไปจนติดเคาเตอร์ด้านหลังตัวของผมถูกแขนแกร่งยกขึ้นไปนั่งด้านบนก่อนร่างสูงจะแทรกเข้ามาอยู่กลางหว่างขา ใบหน้าผมปรับเปลี่ยนองศาไปมาตามที่อีกคนต้องการจนผมเกือบจะหมดลมหายใจจึงได้ผละออกจากกัน

“บอกแล้วว่าอย่าแกล้ง....เพราะแค่เห็นพี่ในสภาพนี้มันก็แทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว”

สายตาร้อนแรงของอีกคนมองสำรวจผมไปทั่วร่างกายทำให้ผมต้องมองตามสุดท้ายถึงจะเข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงได้หลบตาผมตั้งแต่ผมออกมา ผมพึ่งเกทตอนนี้แหละว่าสภาพผมมันก็ล่อแหลมพอสมควร เสื้อเชิ้ตสีดำตัวยาวคลุมบ็อกเซอร์ที่ใส่อยู่ติดกระดุมไม่กี่เม็ด เผยให้เห็นรอยรักที่อีกคนทิ้งไว้ทั่ว โอเค ถ้าผมเจอคนรักในสภาพนี้ผมก็คงไม่ต่างกัน

“งั้นถ้าพี่ไม่แกล้งแล้วล่ะ”

“...ไม่ทันแล้ว”

“อื้ออ”

ริมฝีปากโฉบลงมาอีกครั้งเกี่ยวกระหวัดต้อนลิ้นร้อนไปทั่วทั้งปากไล้เลียลงมาตามสันกรามดูดเม้มลำคอของผมจนคาดว่ามันจะต้องมีร่องรอยมากขึ้นแน่ๆ ก่อนจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ผมก็นึกขึ้นได้ว่ามีหม้อที่ต้มน้ำอยู่แต่พอเหลือบไปมองก็พบว่าแก๊สถูกปิดไปแล้ว คงจะเป็นตอนที่ถูกดันไปข้างหลังเมื่อกี๊สินะ ผมหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสซุกซนของอีกคน พยายามจะทักท้วงให้หยุดแต่เสียงกลับไม่ออกไปอย่างที่คิดมีแต่เสียงครางในลำคอที่เล็ดลอดออกไป

“อืม ไหนว่าจะทำโจ๊กให้พี่...ไง”

“ไว้ค่อยกินนะครับ”

“อือ”

ตอนนี้ให้คิงกินพี่ก่อน

ถามว่าผมได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรมั้ยก็ไม่ เพราะถูกปิดปากอีกครั้ง กระดุมเสื้อที่ติดไว้ถูกปลดทิ้งมือหนาลูบไล้ไปทั่วแผงอกบดขยี้ตุ่มไตที่ยังคงบวมช้ำมาจากเมื่อคืน ความเจ็บปนความเสียวทำเอาผมสับสนพล่าเบลอไปชั่วขณะ อยากจะขอให้อีกคนหยุดมือแต่ก็อยากเรียกร้องให้ทำมากขึ้น เป็นความย้อนแย้งที่ผมก็บอกไม่ถูก กว่าจะรู้ตัวกางเกงตัวบางที่ใส่อยู่ก็ถูกดึงไปกองที่ข้อเท้าแล้ว เวลาสายแบบนี้สว่างจนเห็นชัดไปเสียทุกอย่าง ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงคืบสะท้อนอารมณ์ออกมาทั้งหมด ความเซ็กซี่ตรงหน้าเกินกว่าจะบรรยายได้ ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆเมื่อรู้ว่าความต้องการของตัวเองก็หยุดไม่ได้แล้วเช่นกัน มือข้างหนึ่งของผมวางบนเคาน์เตอร์เพื่อพยุงตัวส่วนอีกข้างเกี่ยวรั้งลำคออีกคนไว้ ลึกๆในใจบอกตรงๆว่ากลัวนิดหน่อยเพราะตรงนั้นยังรู้สึกเสียดแต่อย่างที่รู้ๆว่าผู้ชายมันควบคุมอารมณ์ยากยังไงถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องเอาออกให้ได้นั่นล่ะครับ
คิงดูดเม้มลงต่ำเรื่อยๆก่อนจะครอบครองหน้าอกของผมไว้ด้วยปาก เม้มและดูดดึงเม็ดทับทิมของผมจนต้องสูดปากเพื่อคุมอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง เรียวลิ้นดุนกันหยอกล้อจนผมต้องร้องขอให้อีกคนเลิกแกล้งกัน มุมปากอีกคนกระตุกยิ้มก่อนจะยกตัวขึ้นมามอบจุมพิตให้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมขยุ้มกลุ่มผมดำสนิทแน่นเมืื่อมือหนาล้วงเข้าไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมไว้ในมือนิ้วเรียวลากลงต่ำไปกว่านั้นก่อนจะวนรอบช่องทางที่เมื่อคืนพึ่งถูกใช้งาน

“อึก...อา”

ผมหลุดครางออกมาเมื่ออีกฝ่ายกดนิ้วเข้าไป ช่องทางที่ยังคงคับแน่นบีบรัดนิ้วมือของคิงจนเสียงทุ้มต่ำสบถออกมา

“อา ให้ตายเถอะ เมื่อคืนทำไปขนาดนั้นแท้ๆ”

“อือ...เบา...หน่อย”

ผมบอกเมื่อคนตรงหน้าแทรกนิ้วเข้าออกรัวเร็วเพื่อเตรียมช่องทางให้พร้อม ผมผ่อนคลายมากกว่าเดิมเมื่อมันไม่ได้เจ็บเหมือนครั้งแรกเพียงแต่อึดอัดและรู้สึกเสียดตึงก็เท่านั้น ความสนใจของผมถูกดึงกลับมาเมื่อนิ้วเรียวถูกถอนไปปรากฏแกนกายตื่นตัวของอีกคนมาแทนตรงหน้า ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อต้องมาเห็นชัดๆกลางความสว่างว่ามันเกินกว่าที่คิดไว้ ในความเลือนลางของเมื่อคืนผมก็คิดว่ามันใหญ่โตแล้วพอต้องมาเห็นกับตาแบบนี้ผมถึงกับหน้าเสีย

“ชู่วว ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ”

“คิง พะ พี่ว่ามันจะ เอ่อ”

“ผ่อนคลายนะ”

“อ๊ะ เดี๋ยว! คิง เดี๋ยว อ๊ะ!”

ผมผวาเข้ากอดอีกคนไว้เมื่ออีกคนจ่อแกนกายที่ช่องทางแล้วกดเข้ามา ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนใบหน้าอีกครั้งเพราะความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมา ทำไมล่ะ เมื่อกี๊มันยังไม่เห็นเจ็บเลยนี่! แขนแกร่งโอบรอบตัวผมไว้ตลอดเวลา ผมพยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด รู้สึกถึงความร้อนที่เคลื่อนเข้ามาในตัวของผม ใช้เวลาเพียงแปบเดียวแกนกายร้อนผ่าวก็ฝากฝังเข้ามาในร่างผมจนสุดความยาว

“อาา”

“อึก...อย่าพึ่งขยับ”

“หึหึ”

ไม่รู้ว่าคิงได้ฟังที่ผมพูดบ้างมั้ยเพราะทันทีที่สิ้นเสียงผมเอวสอบก็ขยับทันที ความยาวที่เคลื่อนออกจนแทบสุดก่อนจะกระแทกกลับเข้ามาอย่างแรงจนผมแทบหวีดร้อง ผมช้อนตามองหน้าอีกคนที่จงใจแกล้งอย่างไม่พอใจแทนที่จะขอโทษผมกลับได้รับรอยยิ้มกลับมาแทน คิงดูจะพอใจกับการได้แกล้งผมมากจนหมั่นไส้ ผมทุบอกแกร่งไปทีนั่นแหละถึงได้ขอโทษขอโพยออกมา

“ไม่แกล้งแล้วครับ หึหึ”

“เดี๋ยวเหอะ”

“ต่อไปนี้เอาจริงแล้วนะ”

“สักที อึก!”

ผมเท้ามือสองข้างไปด้านหลังเมื่อข้อพับขาทั้งสองข้างถูกช้อนขึ้นมาด้วยมือของอีกคนแล้วจับอ้าค้างไว้ก่อนที่เอวหนาของคิงจะเริ่มขยับเป็นจังหวะ

“อื้อ...อือ...คิง”

“พี่...ควิน”

จังหวะถูกเร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมครางออกมาไม่เป็นภาษา เสียงเนื้อกระทบกันดังออกมาจนตัวผมที่ได้ยินยังรู้สึกอาย ยิ่งใบหน้าที่บ่งบอกถึงความต้องการของคิงในยามนี้ทำให้ร่างกายผมร้อนขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ไม่เคยนึกเลยว่าจะต้องมามีอะไรกันในที่สว่างขนาดนี้ ตัวผมถูกจับให้ลงมายืนด้านล่างก่อนจะถูกพลิกให้หันหน้าเข้ากับเคาน์เตอร์ แกนกายใหญ่โตของอีกคนสอดเข้ามาอีกครั้งเอวสอบกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุดจนผมตัวสั่นตัวคลอน

“อา...อ๊ะ..อือ..อออ”

“อาา...แน่นจริง”

“อย่า...อึก...พูดนะ”

ผมรีบห้ามปราบอีกคนที่เริ่มจะบรรยายความรู้สึกออกมาให้ผมได้อายขึ้นไปอีก เอวสอบขยับเข้าออกโดนจุดซ้ำแล้วซ้ำเล่าผมได้แต่อ้าปากครางรับจนเสียงแหบเสียงแห้ง ขาข้างหนึ่งของผมถูกยกขึ้นทำให้แท่งร้อนของอีกคนเข้ามาได้ลึกยิ่งกว่าเดิม ผมเอื้อมมือข้างนึงไปด้านหลังเพื่อยันหน้าท้องของอีกคนไว้แต่เหมือนมันไร้ค่าเพราะมือข้างนั้นถูกมือใหญ่คว้าไปกอบกุมไว้เสียอย่างนั้น กลางกายของผมที่ไม่ได้แตะต้องขยับไปมาตามแรงกระแทก คิงปล่อยมือจากขาข้างนั้นของผมแล้วเปลี่ยนมากอบกุมแล้วรูดรั้งที่กลางกายของผมแทน ร่างหนาทาบทับลงมาจนแนบติดกัน เอวหนาขยับพลิ้วไม่มีสะดุด แรงกระแทกถี่เร็วจากด้านหลังและมือที่ขยับอยู่ด้านหน้าทำให้ความอดทนของผมมาถึงขีดสุด

“อื้ออ...จะออก...อา”

“รอก่อน...อึก”

นิ้วโป้งของอีกคนกดปิดปลายแกนกายของผมเอาไว้ไม่ให้ได้เสร็จสมอย่างที่ต้องการ ผมถึงกับต้องหันไปหาเพื่อขอให้คิงปลดปล่อยผม แต่อีกคนกลับปิดปากผมด้วยริมฝีปากของตัวเองก่อนที่ผมจะได้ร้องขออะไร ความทรมานจากการอดกลั้นทำให้ดวงตาผมร้อนผ่าวน้ำตารื้นแต่ถึงกระนั้นแรงขยับโยกจากด้านหลังกลับรุนแรงขึ้นจนเสียงดังลั่น

พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ

“ฮื้ออ...คิง...ปล่อยพี่...นะ”

“อาา...จะ...เสร็จแล้ว”

“อ่ะ...อ่ะ...อือออ”

“อาาาา”

คิงขยับปล่อยให้ผมได้ปลดปล่อยออกมาในที่สุดพร้อมกับความอุ่นร้อนที่ไหลเข้ามาเติมเต็มในร่างกายของผม ร่างสูงขยับเอวต่ออีกสามสี่ครั้งเพื่อรีดทุกหยาดหยดออกมา แกนกายที่กระตุกอยู่ภายในตัวผมจนรู้สึกได้ ทันทีที่แกนกายถูกถอนออกไปผมก็หมดแรงไหลลงไปกองอยู่ที่พื้นคิงที่ตกใจรีบทรุดลงตามมาทันที

“พี่ควิน เป็นอะไรมั้ย”

“ไม่ ไม่เป็นไร”

ตัวผมถูกรวบไปพิงอกแกร่งด้านหลังไว้ รู้สึกถึงแรงกดย้ำลงมาที่กลุ่มผมซ้ำๆจนผมเอียงหน้าไปมอง คิงยิ้มให้ผมก่อนจะกดริมฝีปากมาทาบทับกับริมฝีปากของผมไว้โดยไม่ล่วงล้ำเข้ามา ทำซ้ำๆหลายครั้งจนผมหลุดหัวเราะออกมาและคิงก็หัวเราะตามมา เป็นบรรยากาศที่ดีจนผมอยากจะหยุดไว้แบบนี้ ความสุขมันจุกอกจนจะล้นให้ได้ผมยิ้มให้คิงและคิงก็ยิ้มให้ผม

“ลุกไหวมั้ย”

“ไหวๆ”

คิงค่อยๆพยุงผมให้ลุกขึ้นมา ผมก้มลงมองที่ขาตัวเองเพราะรู้สึกได้ว่าบางอย่างกำลังไหลลงมาตามเรียวขา น้ำขุ่นขาวที่ถูกปล่อยไว้ด้านในค่อยๆไหลออกมา หน้าผมร้อนจนคิดว่าอีกนิดไฟคงจะลุกเป็นโกสท์ไรเดอร์เลยก็ว่าได้ จนกระทั่งผมเงยหน้ามาเจอสายตาที่จดจ้องไปที่เรียวขาผม คิงมองตาไม่กระพริบก่อนจะเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมขนลุกทั้งตัว

“พี่ควิน”

“หยุดคิดเลยนะ”

“หึหึ”

ผมรีบชี้หน้าคิงหยุดความหืื่นที่ทะลุสีหน้าและน้ำเสียงออกมาไว้ก่อนเลย ถ้าขืนอยู่ตรงนี้ต่อผมว่าคงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ผมรีบถอยห่างออกมาเพื่อจะไปห้องน้ำ แต่พอยิ่งขยับขาก้าวเท้าออกมาเหมือนว่าสิ่งที่คั่งค้างอยู่ด้านในดันไหลออกมามากกว่าเดิม

“พี่ควิน”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ”

คิงแลบลิ้นเลียปากตัวเองอย่างเย้ายวนใจเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมได้แต่ก้าวถอยออกไปแต่ว่าสุดท้ายก็ไม่พ้น คิงเข้ามาประชิดตัวก่อนจะขว้าแขนผมไว้

“เดี๋ยวคิงเอาออกให้”

“ไม่เป็นไรนะพี่ว่าพี่เอาออกเองก็ด้ายย”

“เถอะน่า คิงอยากช่วย”

“ไม่เป็นไรหรอกก”

“หึหึ”

“คิง เดี๋ยว เดี๊ยววว”

แล้วผมก็โดนลากเข้าห้องน้ำไป เฮ้อ ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็เลยตามเลยแล้วกันเนอะครับ



















กราบคนอ่านแบบเบญจางคประดิษฐ์ ขอโทษที่มาช้าจริงๆค่ะ รู้สึกผิดมหันต์แล้วจ้า โปรดอย่าโกรธกันเลย55555555 ที่มาช้าคือตอนนี้เอิร์ทค่อนข้างพิมพ์นิยายได้ลำบากขึ้นนิดหน่อย เพราะว่าสายตาย่ำแย่ลงจนจ้องจอนานๆไม่ได้เลยมันปวด พอมองนานๆมันก็เริ่มซ้อนๆกัน นี่คือกำลังจะสายตาสั้นใช่มั้ย ฮืออออ บอกตรงๆว่าอยากแต่งมาก แต่งมาหลายวันแต่มันแต่งนิดหน่อยก็ต้องหยุดเพราะปวดตาจนแต่งต่อไม่ได้ ฮือออ ขอโทษจริงๆนะคะ แต่นี่อ่านทุกคอมเมนท์แล้วมันเลยฮึด แบบต้องแต่งอ่ะเพราะคนรออ่านเยอะ ขอบคุณทุกคนที่รอตลอดนะคะ อย่างนึงที่เอิร์ทดีใจมากๆคือทุกคนไม่มีใครว่าหรือด่าเอิร์ทเลยที่มาต่อช้า ทุกคนมีแต่ให้กำลังใจแล้วก็รอทั้งนั้น มันปริ่มในใจมากจนไม่ว่ายังไงก็ต้องมาอ่ะ เดี๋ยวจะรีบไปตัดแว่นแล้วมาต่อปกตินะคะ ยังไงอ่านแล้วเป็นอะไรยังไงกันบ้างบอกกันด้วยน้า ขอบคุณทุกคนเลยน้า รักส์
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-05-2018 00:30:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร่างพังมั้ย พี่ควิน  หุหุ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2018 02:32:50
อ่าา ไม่ได้กินละโจ๊ก ได้โจ๊ะกันแทน อิอิ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2018 03:10:30
ข้าวคงไม่ได้กินแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-05-2018 05:47:53
โจ๊ก ยังไม่ทันได้กิน พี่ควินถูกกินแทนซะแล้ว  :hao5: :sad4:  :heaven
คิง หื่น   :m20:

คิง  ควิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-05-2018 10:22:44
โจ๊กอะไรก้ออดไปก่อนะคะพี่ควิน -.,-
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 17 up [28/5/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-05-2018 18:16:56
ไม่ได้กินข้าวเช้าเอ๊ะหรือข้าวเที่ยงกันพอดี :katai3:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 04-06-2018 02:39:29
ตอนที่ 18





พาร์ท ควิน




หลังจากที่ผมโดนอีกคนกระทำจนสาแก่ใจแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้นอนเป็นผักต้มอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงเป็นที่เรียบร้อย จากตอนแรกที่ร่างกายไม่เป็นอะไรมากแต่ตอนนี้ผมกลับลุกแทบไม่ไหวช่วงล่างระบมไปหมดจากการใช้งานอย่างหนักหน่วงเมื่อชั่วโมงก่อน ส่วนต้นเหตุตอนนี้กำลังออกไปซื้อข้าวข้างนอก ตอนแรกเจ้าตัวจะไปทำโจ๊กต่อแต่ผมให้น้องออกไปซื้อข้าวมากินเลยดีกว่าเพราะตัวน้องเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน


ระหว่างที่รอผมคว้าโทรศัพท์จากหัวเตียงมาเปิดดู ที่หน้าจอแสดงเวลาเที่ยงตรงซึ่งหมายความว่าผมไปเรียนไม่ทันแล้วแต่ถึงทันก็คงไปไม่ไหวอยู่ดี ดีไม่ดีพรุ่งนี้ก็คงต้องหยุดต่ออีก ขาผมตอนนี้ยังหุบแทบไม่ลงขืนไปเรียนมีหวังโดนไอ้พวกนั้นถามยับแน่นอน นึกแล้วก็สงสัยไม่รู้ว่าคนทำมันไปตายอดตายอยากมาจากไหนมีเท่าไหร่ใส่มาไม่ยั้งเลยสักนิด อะไรนะ ทำไมผมไม่ห้ามน่ะหรอ เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะ พอได้ยินเสียงอีกคนเรียกชื่อแล้วมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการผมก็ปฏิเสธไม่ลง เฮ้อ บอกแล้วว่าผมแพ้คิงทุกอย่างจริงๆ


คุณมี 3 สายที่ไม่ได้รับ


พอเปิดหน้าจอมาข้อความแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมารัวๆทั้งไลน์ทั้งเบอร์ แต่คงไม่พ้นกลุ่มผมที่โทรมาตามนั่นแหละครับ เห็นแบบนี้แต่ผมค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้นถึงจะมีเบอร์กับไลน์ของผมได้ นอกจากนั้นก็จะมีเฟสบุ๊คกับไอจีที่ผมจะเปิดไว้เป็นสาธารณะ ผมกดเข้าเช็คตามแจ้งเตือนก่อนที่จะพบกับความประหลาดใจ เบอร์ที่โทรเข้ามา 2 สายมาจากไอ้เตแต่อีกสายนั้นมาจากคนที่ผมไม่คิดว่าจะโทรมาเพราะเราแทบจะไม่เคยคุยกันทางโทรศัพท์เลย ผมกดโทรกลับไปด้วยความสงสัยรอสายไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ


“ฮัลโหล”



“ฮัลโหลพี่เนย์ โทษทีนะพี่พอดีผมตื่นสายเลยพึ่งเห็นว่าพี่โทรมา”


“มึงพึ่งตื่นเนี่ยนะ!”


“มันก็มีบ้างแหละพี่ ว่าแต่อยู่ๆโทรมาหาผมมีอะไรหรือเปล่า?”


“อ้อ เออ คือกู คือเรื่องเมื่อวานน่ะกู กู...”


“อะไรนะพี่พูดดังๆหน่อยไม่ค่อยได้ยินเลยอ่ะ”


“เออ! เรื่องเมื่อวานอ่ะ ขอบใจมึงมาก!”


“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกพี่ ว่าแต่พี่โทรมาแค่นี้อ่ะนะ”


ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง ปกติเวลามีเรื่องอะไรพี่แกจะเดินมาหาอะไรแบบนั้นเลยนี่หว่า ผมว่าที่โทรมานี่ถือว่าแปลกมากเลยนะ


“เปล่าๆกูว่าจะเลี้ยงเหล้าขอบใจมึงด้วย แต่วันนี้ไปหาแล้วไม่เจอมึงกูเลยลองโทรไป...นึกว่ามึงเป็นอะไรซะอีกเห็นปกติมึงไม่ค่อยหยุดเรียน”


“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งพี่ มันก็ไม่ได้อะไรมากซะหน่อย”


“กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือจะเลี้ยงดิวะ! คืนนี้มึงว่างมั้ยล่ะ?”


“โอเคๆพี่แต่ว่าคืนนี้หรอ อ่า ก็ได้ แล้วใครไปมั่งอ่ะพี่”


ผมเงียบไปแปบนึงเพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะไปไหวมั้ย แต่นานๆทีพี่เนย์จะมาเลี้ยงผมก็เกรงใจไม่อยากให้ต้องเลื่อนเพราะผม ผมขยับตัวเช็คสภาพร่างกายตัวเองแล้วก็น่าจะพอไปนั่งเฉยๆได้อยู่เลยตอบตกลงไป


“ก็พวกกูเหมือนเดิมมึงก็เอาเพื่อนมาปกตินั่นแหละ ร้านเดิมสี่ทุ่มนะมึง มาเร็วๆล่ะ”


“ครับๆ”


พอตกลงกันเสร็จแล้วสายก็ถูกตัดไป ผมเลื่อนหน้าจอแล้วกดเข้าไลน์ข้อความจากแชทกลุ่มหลายสิบข้อความเด้งจึ้นมาอยู่บนสุด ผมกดเข้าไปอ่านก็เจอแต่ข้อความที่ถามถึงผมจนถึงเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน ผมแชทบอกไปว่าวันนี้ตื่นสายเลยไปเรียนไม่ทันและทิ้งข้อความนัดเวลาไปกินเหล้ากับพี่เนย์ไว้ในกลุ่ม ยังไงพวกมันก็ไม่พลาดแน่อยู่แล้วพอดีกับเสียงประตูห้องดังขึ้น ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วพุ่งความสนใจไปหาคนที่เปิดประตูเข้ามา


“ซื้อข้าวมาแล้ว พี่จะกินตรงไหน” คิงเดินเข้ามาถามแล้วทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างเตียง ผมเลยพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาคิง


“โอยย” เพราะพลิกตัวแรงไปหน่อยความเจ็บจากช่วงล่างก็แล่นแปล๊บขึ้นมาจนผมหลุดเสียงร้องออกไปจนทำให้น้องที่นั่งอยู่ทำสีหน้าเคร่งเครียดเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวผมออกแล้วใช้สายตาสำรวจตามร่างกายของผมอย่างถี่ถ้วน แค่นั้นไม่พอคิงทำท่าจะเลิกเสื้อที่ผมใส่อยู่ออกอีกผมเลยต้องรีบคว้าแขนอีกคนไว้ “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พี่ขยับตัวแรงไปหน่อยเอง คิงช่วยยกมาให้พี่กินในห้องนี้หน่อยนะ” ผมไม่อยากขยับตัวไปไหนเลยสักนิด กระดิกนิดเดียวก็เหมือนร้าวไปทั้งตัว เลยบอกให้อีกคนไปเอาข้าวมากินในห้องน่าจะดีกว่า


“หึ เดินไม่ไหวแล้วสิ” น้องพูดขึ้นยิ้มๆส่งสายตาล้อเลียนชัดเจน ใช่สิ เป็นคนทำมันไม่เจ็บนี่!


“เพราะใครล่ะ”


“แล้วทำไมไม่ห้ามล่ะ”


โดนจุดสำคัญเลยครับ...


“.....ไปเอาข้าวมาเลยไป” ผมไล่ไอ้คนที่นั่งยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ให้ออกไปจากห้อง คิงลุกขึ้นตามที่บอกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ผมมองตามหลังร่างสูงออกไปแล้วได้แต่นึกสงสัยว่าไอ้ลูกหมาขี้อ้อนคนเก่ามันหายไปไหน! ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูเป็นหมาป่าแบบนี้ได้เล่า! เอ๊ะ หรือว่าผมจะเอาใจมากไปจนเหลิงเดี๋ยวนี้ถึงได้ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมา อืม สงสัยต้องเข้าโหมดจริงจังบ้างแล้วมั้งไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ใจไปกว่านี้ ถกเถียงกับตัวเองในใจได้ไม่เท่าไหร่ประตูก็ถูกเปิดกลับเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมจากอาหารทำเอาท้องไส้ส่งเสียงเรียกร้องผมยันตัวลุกขึ้นนั่งทันที ชามข้าวถูกวางลงบนเตียงตรงหน้า หือ ในชามคือข้าวต้มทรงเครื่องที่ผมไม่คิดว่าจะได้กินตอนเที่ยงๆแบบนี้


“ไปซื้อข้าวต้มที่ไหนมา”


คิงยังไม่ได้ตอบคำถามผมแต่กลับเดินไปเปิดทีวีแล้วย้อนกลับมานั่งลงบนเตียงอีกฝั่งพร้อมกับจานข้าวของเจ้าตัว


“อาหารตามสั่ง”


“มันมีข้าวต้มด้วยหรอ”


“สั่งทำ”


เออว่ะ! มันก็สั่งทำได้นี่หว่า ผมพยักหน้าสองสามทีแล้วลงมือกินข้าวต้มของตัวเอง ระหว่างการกินมีเพียงเสียงพูดคุยจากทีวีเท่านั้น ต่างคนต่างกินข้าวไปเงียบๆจนเสร็จคิงก็หยิบถ้วยไปล้างในครัว ผมดูนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้พึ่งจะเที่ยงกว่าคิงน่าจะยังไปเรียนช่วงบ่ายทันอยู่นะ พอน้องเดินกลับเข้ามาผมก็เลยถามขึ้น


“คิง”


“ห้ะ”


“จะไปเรียนมั้ย”


“ไม่ไป” ตอบไวเหมือนไม่ได้คิด และเจ้าตัวยังยืนยันคำตอบตัวเองด้วยการทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเอนหลังพิงกึ่งนั่งกึ่งนอนกดรีโมทเปลี่ยนช่องสบายใจ


“ไปตอนนี้ก็ทันเรียนตอนบ่ายหนิ ไปเหอะ” ผมหันบอกให้คิงไปเพราะน้องเรียนวิศวะผมรู้ว่ามันยากและผมก็ไม่อยากให้น้องหยุดเรียนโดยเปล่าประโยชน์


“ไม่เอา” เสียงยืนยันหนักแน่นว่ายังไงก็ไม่มีทางไปแน่นอน เฮ้อ

.

.

.

.

.

เดี๋ยวนะ....นี่คือเวลาที่เราต้องเข้าโหมดจริงจังแล้วป่ะวะ


“คิง” ผมเรียกน้องอีกครั้งพยายามทำสีหน้าให้นิ่งที่สุด ผมตามใจมาบ่อยล้ะแต่เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด คิงหันมาสบตากับผมโดยไม่พูดอะไรหมายความว่าน้องยังคงดื้อดึงที่จะไม่ไป ผ่านไปหลายวินาทีผมยังคงสบตากับน้องอยู่แบบนั้นจนสุดท้ายน้องก็สไลด์ตัวเอาหัวมาเกยตักผมไว้กลายร่างเป็นลูกหมาขี้อ้อนตัวเดิม


โอ้ย! ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้! ใจพี่บางหมดแล้ว!


ผมก้มลงมองกลุ่มผมที่ซุกอยู่ที่หน้าขาแล้วอยากจะยกมือไปลูบเล่นแต่ก็ต้องหักใจตัวเองทำตัวนิ่งไว้ตามเดิม อย่านะควิน อย่าตามใจน้องนะเว้ย!


“คิง” ผมลองเรียกน้องอีกครั้งและกดเสียงลงต่ำกว่าเดิม ให้น้องรู้ว่าครั้งนี้ผมเอาจร...


“อยากอยู่กับพี่”




ครับ ยอมแล้วครับ



เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมต้องแพ้ให้กับคนคนนี้ คำพูดไม่กี่คำทำผมใจอ่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยกมือวางลงบนหัวทุยแล้วเกี่ยวพันนิ้วเข้ากับเส้นผมของอีกคน ลูกหมาของผมน่ารักขนาดนี้ผมจะทำใจแข็งลงได้ยังไงนะ ผมถอนหายใจก่อนจะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงแล้วตัดสินใจบอกน้องอีกครั้ง


“เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วนี่ วิศวะน่ะเรียนหนักพี่ไม่อยากให้ขาดเรียนหรอกนะ มหาลัยน่ะไม่ใช่จะเรียนเล่นๆได้ เป็นห่วงหรอกถึงได้บอกเนี่ย”


“อือ”


ได้ยินเสียงตอบรับแต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว คิดว่ายังไงก็คงปล่อยไปตามนี้นั่นแหละแต่อยู่ดีๆคิงก็ผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วลุกไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชุดนักศึกษาถูกหยิบออกมาจากตู้ ใช้เวลาไม่นานร่างสูงหล่อของคิงก็อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย สายตาคมเหลือบมองผมเพียงครู่เดียวก่อนเดินออกจากห้องไปโดยไม่ร่ำลาสักคำ


คืออะไร?


โกรธ? ไม่พอใจ? พอนึกได้แบบนี้แล้วผมเองก็เริ่มจะหงุดหงิด คือผมแค่บอกให้ไปเรียนจะเอาเรื่องแค่นี้มาโกรธกันงั้นหรอ มันไม่มีเหตุผลเลย ผมบอกเพราะห่วงแท้ๆไม่คิดว่ามันจะทำให้.....


แกร๊ก


เสียงประตูถูกเปิดจากคนที่ผมนึกว่าไปแล้ว ร่างสูงของคิงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งในมือถือน้ำไว้แก้วนึง ผมได้แต่นั่งงงจนกระทั่งอีกคนเดินเข้ามาถึงพร้อมกับยื่นของบางอย่างมาให้


“กินยาด้วย”


เม็ดยาสองสามเม็ดถูกยื่นมาให้ผมพร้อมกับน้ำแก้วนั้น ผมมองเม็ดยาสลับกับใบหน้าของคิงแล้วอยากจะร้องไห้ โถไอ้ควิน มึงนี่มันโง่นัก! น้องอุตส่าห์ไปเอายามาให้ดันไปคิดว่าน้องโกรธ ผมแอบรู้สึกผิดในใจจนอยากจะตะโกนขอโทษออกมาดังๆแต่ความจริงทำได้เพียงรับน้ำและยามาแล้วกลืนลงท้องไป


“ไปแปบเดี๋ยว เดี๋ยวมา”


ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้แล้วมองอีกคนเดินออกไปแล้วก่นด่าความคิดโง่เง่าของตัวเองในใจ แต่ว่านี่ก็ถือว่าโชคดีนะที่ผมแค่คิด ถ้าพูดออกไปล่ะเป็นเรื่องแน่









หลังจากที่คิงออกไปผมก็นอนหลับต่อจนถึงสี่โมงเย็นพอลุกขึ้นมาก็รู้สึกว่าพอได้กินยาและนอนพักร่างกายก็โอเคขึ้นกว่าเดิมเยอะ ยังขัดๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เจอข้อความในกลุ่มที่พวกไอ้ชาร์ปตอบกลับมา



Charp Charp : ไปจ้าาาาา


Song : ไอ้ชาร์ปไปกูก็ไป


TeTeTe : ตามนั้น



ผมบอกแล้วว่าพวกมันไม่พลาดผมไลน์หาไอ้เตบอกให้มันมารับด้วยเพราะว่าคงขับรถไปเองไม่ไหว.....เหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างนะ.....


อ๋อ! ผมลืมบอกคิงไปเลยว่าคืนนี้ผมต้องไปข้างนอก พอนึกได้ยังไม่ทันที่ผมจะกดหาแชทไลน์ก็พบว่าแชทที่กำลังจะหาเด้งขึ้นมาอยู่ด้านบนสุดเพราะข้อความของอีกคนที่ส่งมาพอดี


King : พี่ควิน ต้องไปทำงานต่อที่บ้านเพื่อน กลับช้านะ


เออดี วันนี้คิงก็กลับช้าเหมือนกัน พออ่านจนผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป


Q : กลับช้ามากมั้ย คืนนี้พี่จะไปข้างนอกเหมือนกัน


ทันทีที่กดส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีเหมือนว่าอีกคนเปิดหน้าแชทค้างไว้ รอต่ออีกไม่กี่วินาทีก็มีข้อความตอบกลับมา


King : ไปไหน


Q : รุ่นพี่นัดกินเลี้ยงกันอ่ะ


King : ที่ไหน



Q : ที่ xxxxxpub


King : ไม่ให้ไป


พอคิงตอบกลับมาว่าไม่ให้ไปผมถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เพราะอะไรผมถึงไปไม่ได้ล่ะ


Q : ทำไมล่ะ


King : ยังไม่หายดีแล้วจะไปกินเหล้า?



Q : แต่พี่รับปากรุ่นพี่ไปแล้ว


ข้อความสุดท้ายที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้วแต่รอนานนับนาทีก็ไม่เห็นว่าคิงจะตอบกลับมา ผมกดออกจากแชทแล้วกดเข้าเช็คเฟสบุ๊คตัวเองระหว่างรอ แจ้งเตือนมากมายจากทั้งคนรู้จักและคนไม่รู้จัก แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือแจ้งเตือนที่ขึ้นมาว่าไอ้ลูกหมาของผมอัพรูปในเฟสบุ๊คครั้งแรกในรอบเดือนเมื่อแปดชั่วโมงก่อน เอ่อ ประมาณแปดโมงเช้าสินะ ผมรีบกดเข้าไปดูทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ร้อยวันพันปีเฟสบุ๊คของคิงแทบไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย การที่อยู่ๆมาอัพรูปได้นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ใจได้เลย


“รูปอะไร...หือ...เห้ย!!!!”


ทันทีที่เห็นรูปที่ถูกอัพลงไปผมเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความตกใจ หัวใจเต้นแรงดังจนก้องในหัวไปหมด ผมจ้องภาพที่ค้างอยู่หน้าจอด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่ชัดเจนที่สุดคือความรู้สึกเต็มตื้นอยู่ในอก ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตอนนี้ผมคงจะเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่แล้ว


“เอาจริงดิ”


ทั้งที่ภาพนี้แทบจะไม่มีอะไรอยู่ในรูปนั้นเลยไม่เห็นแม้แต่หน้าของคนที่อัพลงแต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่สามารถหุบยิ้มลง


จะว่ายังไงดีล่ะ....มันเป็นแค่ภาพสีน้ำเงิน....สีน้ำเงินของผ้าห่มผืนเดียวกับที่ผมใช้อยู่ตอนนี้....และเท้าสองคู่ที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา....


ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าเท้าใคร....


ภาพแค่นี้แต่แน่นอนล่ะถมันต้องไม่ใช่เรื่องแค่นี้แน่นอน การที่ลงรูปนี้ไปมันบอกอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง คนสองคนบนเตียงเดียวกัน....มันเหมือนการประกาศว่าเจ้าของรูปมีแฟนแล้วอะไรประมาณนั้นเลย ผมไม่รอช้ารีบกดอ่านคอมเมนท์ของรูปนี้ทันที ซึ่งทุกเมนท์มันก็จะประมาณว่า...



แพรว คณิตศาสตร์ : ใคร!!!

ปู ไปหาหมอ : ไม่จริงใช่มั้ยคะคิง ฮือออ

มินท์ ชาอู่หลง : ไม่ต้องตกใจ ตีนเราเองค่ะ /มโนวนไป

วิว วันอังคาร : ใช่ผู้หญิงมั้ย ตีนดูใหญ่ๆอ่ะ

สาย ปั่น : เออผู้หญิงที่ไหนจะเท้าใหญ่ขนาดนี้

คิม เบอเร่อ : ไม่ใช่ตีนชะนีแน่นอน! ใครคือลูกสาวแม่ ตอบ!!!

นุ่น วันละนิด : อะไรเนี่ย ล้อกันเล่นใช่มั้ย



ทุกคอมเมนท์ล้วนแต่ถามถึงคนในรูปและหลายคนที่จับผิดว่ามันไม่ใช่เท้าผู้หญิง ก็แน่ล่ะ ผมก็ผู้ชายนะจะให้มาเท้าเล็กบอบบางได้ยังไง ผมเลื่อนอ่านไปเรื่อยๆ บางเมนท์ก็ดูจริงจังจนน่าทึ่งแต่ก็มีบางเมนท์ที่เรียกรอยยิ้มจากผมได้เหมือนกัน ผมลองเช็คดูที่เพจดังของมหาลัยก็พบว่ารูปนี้ถูกเอาไปสานต่อแล้วเรียบร้อย ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องนี้แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะถูกถ่ายรูปไปลงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมเลื่อนดูเกี่ยวกับโพสนี้แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามาในห้อง


“ทำไมกลับมาล่ะ ไหนว่าจะไปทำงานต่อ” ผมถามคิงที่อยู่ดีๆก็มาโผล่อยู่ตรงนี้ ถึงว่าทำไมถึงไม่ตอบแชทผม คงจะขับรถกลับมาเดี๋ยวนั้นเลยสินะ


“พี่จะไปกินเหล้าได้ยังไง พี่ยังไม่หายดี” คิงไม่ได้ตอบคำถามของผมแต่พูดถึงเรื่องที่ผมจะไปข้างนอกคืนนี้แทน คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะรวมกันเป็นเส้นเดียวบ่งบอกว่าร่างสูงกำลังไม่พอใจอย่างมาก


“พี่ไม่กินก็ได้แต่ครั้งนี้พี่รหัสเป็นคนนัดมา ยังไงพี่ก็ต้องไป” ผมเข้าใจที่น้องไม่อยากให้ไปแต่ผมก็รับปากพี่เนย์ไปแล้วและที่นัดคืนนี้มันก็เพราะผมด้วยนี่


“ไม่ให้ไป” เหมือนที่ผมพูดเมื่อกี๊เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปเฉยๆ คิงยืนมองผมอยู่ปลายเตียงและยืนยันว่าไม่อยากให้ผมไป ผมลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปหาอีกคนใกล้ๆ


“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ต้องไป ก็แค่แปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ”


“.....”


“คิง”


“.....”


“เข้าใจมั้ยเนี่ย”


“....”


คิงไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมเลยปล่อยคิงให้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเดินมาเข้าห้องน้ำแทน เพราะถ้าเกิดว่าคุยต่อตอนนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรกลับมาถ้าเกิดว่าคิงยังเป็นแบบนี้อยู่ ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกมา คิงย้ายร่างตัวเองไปนั่งลงอยู่ตรงปลายเตียง ผมเดินผ่านมาที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจอะไร ตอนนี้พึ่งจะห้าโมงแต่ผมว่าจะไปอยู่กับไอ้เตก่อน เพราะบอกตรงๆว่าตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ในห้องนี้สักเท่าไหร่


“จะไปให้ได้เลยใช่มั้ยพี่ควิน” ประโยคแรกหลังจากที่เงียบไปนาน ฟังยังไงก็รู้ว่าคนพูดกำลังแดกดันกันอยู่


“พี่ต้องไป” ผมตอบพร้อมกับแต่งตัวไปด้วยโดยไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้ผมเองก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้วแต่พยายามทำใจเย็นเอาไว้เพราะไม่อยากให้มันต้องถึงขั้นทะเลาะกัน


“แล้วถ้าผมไม่ให้พี่ไปล่ะ”


“พี่ว่าพี่บอกไปแล้วนะว่าต้องไป”


“งั้นผมไปด้วย”


“อะไรนะ”


“ผมจะไปด้วย”


“คิงจะไปทำไม ไม่ต้องไปหรอก” ผมหันมาถามคิงเพราะไม่เข้าใจว่าน้องจะตามไปทำไม แค่จะออกไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ทำไมมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ ตอนนี้ผมไม่เข้าใจร่างสูงตรงหน้าเลยสักนิด ตอนแรกบอกไม่ให้ไปเพราะผมยังไม่หายดีอันนั้นผมเข้าใจ แต่ผมก็บอกเหตุผลไปหมดแล้วแล้วทำไมถึงยังไม่ยอมให้ไป แถมขอตามไปด้วยผมก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักไปอีก


“แล้วที่นั่นมันมีอะไร ทำไมถึงไปด้วยไม่ได้”


ผมไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไรหลังจากได้ยินประโยคนี้ สมองประมวลผลทั้งหมดอย่างรวดเร็วก่อนจะตีความได้เป็นความหมายเดียว


ไม่ยอมให้ผมไปกินเหล้า....


พอผมจะไปให้ได้เลยขอตามไปด้วย....


พอผมไม่ให้ไปก็เลยถามว่ามีอะไรที่ทำให้ไปด้วยไม่ได้....


ไม่ไว้ใจ...


ความหมายเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้คือไม่ไว้ใจเท่านั้น มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้วนอกจากนี้ มันจะมีเหตุผลอะไรอีกที่คิงพยายามห้ามผมไม่ให้ไป มันจะเป็นอะไรได้อีก


“แล้วคิงคิดว่ามันมีอะไรงั้นหรอ?”


“.....”


“ตอบพี่สิว่าคิงคิดว่ามันจะมีอะไร?” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มใส่อารมณ์กับน้อง ที่ผ่านมาผมยอมอ่อนให้ทุกอย่าง...แต่มันคงยังไม่พอที่จะทำให้อีกคนเชื่อใจกันได้


“...ไม่รู้”


“ไม่รู้ ไม่รู้แค่นี้อ่ะหรอ.....ตอนนี้พี่เองก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคิงกำลังคิดอะไรอยู่แต่คิงจะมาห้ามไม่ให้พี่ไปไหนไม่ได้หรอกนะ พี่เองก็มีสังคมของพี่ พี่เองก็มีเพื่อน”


“.....”


“คิงคิดว่าพี่จะไปทำอะไรลับหลังงั้นหรอ? พี่เองก็บอกทุกอย่างไปหมดแล้วแต่แค่คำพูดพี่มันไม่พอต้องไปเห็นเองกับตาแบบนั้นเลยใช่มั้ย?” ยิ่งอีกคนเอาแต่เงียบผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ แต่ละคำที่พูดไปเชือดเฉือนใจตัวเองทั้งนั้น


“ไม่ใช่!”


“ไม่ใช่อะไร! ก็ชัดเจนแล้วนี่ว่าคิงไม่ได้ไว้ใจพี่เลย” ผมไม่อยากฟังอะไรต่ออีกแล้วพูดจบผมก็เดินหนีไปที่ประตูห้องทันที มือยังไม่ทันจะเอื้อมถึงลูกบิดก็ถูกคนด้านหลังกระชากกลับเข้าไปหา ผมเซไปนิดหน่อยแต่พอตั้งหลักได้ก็ผลักอีกคนออกไปได้ อย่าลืมว่าตัวผมกับคิงก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่มันเลยไม่ยากนักที่ผมจะพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น หันหลังเดินต่อได้อีกไม่กี่ก้าวก็ถูกกระชากกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวผมจมลงไปในอ้อมกอด วงแขนแกร่งโอบรัดตัวผมไว้แน่นจนเจ็บ


“ไม่ใช่นะพี่ควิน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ” พอคว้าตัวผมไว้ได้น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ละล่ำละลักพูดออกมาจนฟังแทบไม่ทัน


“ปล่อยพี่” ผมดันร่างหนาให้ออกไปแต่เพราะวงแขนที่รัดแน่นทำให้ผมขยับแทบไม่ได้ ยิ่งผมดันทุรังผลักอีกคนออกแค่ไหนแรงกอดรัดก็ยิ่งแน่นขึ้นเท่านั้น


“ไม่ใช่นะพี่...ฟังก่อนฟังคิงก่อนนะ” น้ำเสียงที่อ้อนวอนอยู่ข้างหูทำใจผมอ่อนยวบแต่ความรู้สึกแย่มันก็ยังคงอยู่ คำพูดแทนตัวเองด้วยชื่อที่น้อยครั้งจะได้ยินก็ทำให้อีกใจผมอยากจะดึงตัวอีกคนมากอดไว้แต่ก็ทำไม่ได้สุดท้ายผมก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น


“ปล่อย”


“หวง”


“.....”


“หวงมาก”


“.....”


“หวงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ควิน”


“.....”


“ไม่อยากให้พี่ไปที่แบบนั้น”


“.....”


“ถ้ามีคนเข้ามายุ่งกับพี่คิงจะทำยังไง”




หวงงั้นหรอ....


เพราะแบบนั้นเองงั้นหรอ....




ผมค่อยๆยกมือของตัวเองที่กำลังสั่นข้างนึงเกี่ยวรัดเอวหนาพร้อมกับค่อยๆวางมืออีกข้างทาบทับลงแผ่นหลังของคนตรงหน้าแล้วลูบไปมาเบาๆ


“ขอโทษ”


ผมพูดพร้อมกับเอียงหน้าไปหาใบหน้าหล่อที่ซบอยู่ตรงไหล่ผมก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนขมับซ้ำๆอยู่แบบนั้นเพื่อไถ่โทษ เรื่องนี้เหตุผลจริงๆมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยหนำซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ดีจนผมรู้สึกผิดที่คิดกับน้องไปแบบนั้น ถ้าจะมีใครสักคนที่แย่มันก็คือผมเองนี่แหละ ผมเองที่แย่ ผมเกือบทำให้ทุกอย่างมันพังด้วยมือของผมเอง


“ขอโทษนะคิง พี่ขอโทษจริงๆ”


“อือ” หัวทุยขยับขึ้นลงและตอบรับในลำคอแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาแต่แค่นี้ก็พอแล้ว แค่น้องให้อภัยก็พอแล้ว


เรายืนกอดกันแบบนั้นโดยไม่มีใครคิดจะคลายอ้อมกอดออกสักนิด


โชคดีของผมแค่ไหนแล้ว...ที่วันนี้ผมไม่เสียน้องไป....
























มีใครสัมผัสได้ถึงความไบโพล่าห์มั้ยคะ เอิร์ทว่าเอิร์ทสัมผัสได้ค่ะ -..- ตอนนี้เนื้อเรื่องก็มาถึงครึ่งทางได้แล้วนะคะ เพราะงั้นเราน่าจะได้เข้าเรื่องหลักจริงๆแล้วหลังจากที่ออกทะเลมานาน -/- ยังไงก็ตามแต่เอิร์ทขอขอบคุณทุกไลค์ ทุกคอมเมนท์ ทุกรีวิวที่ส่งมาเลยนะค เอิร์ทอ่านทุกบรรทัดของทุกคนและมันก็เป็นกำลังใจที่มากแบบผัวแม่นาคเลยอ่ะ ผ่าม! 555555555

ก่อนจากไปเอิร์ทมีคำถามมาถามทุกคนหน่อยน้า คือมีคนที่ถามถึงเรื่องเล่มนิยายเรื่องนี้มาบ้าง ซึ่งเอิร์ทบอกแล้วว่านี่คือเรื่องแรกของเอิร์ท นั่นหมายความว่าเอิร์ทยังไม่เคยทำเล่มของตัวเองมาก่อน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเอิร์ทได้ลองไปศึกษามาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ประเด็นมาละ คือถ้าจะต้องพิมพ์เล่มจริงๆเอิร์ทคงจะต้องเปิดพรีออเดอร์ ซึ่งด้วยงบประมาณที่คำนวณมาแล้ว จำนวนหนังสือขั้นต่ำที่ต้องการน่าจะประมาณ 50 เล่ม คำถามคือจะมีคนซื้อถึง 50 เล่มมั้ยคะ555555555 ฮือออออออ ส่วนตัวเอิร์ทไม่มั่นใจเลยว่าจะมีคนซื้อเพราะโนเนมมากมาย ยังไงก็รบกวนทุกคนหน่อยเน้ออ ฝาก#คิงควินด้วยน้า จู้บ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2018 03:17:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2018 06:19:38
 :oni2:  ดีต่อใจเจงๆ   :pig3: :pig3: :pig3:
มีอะไรก็คุยกัน ปัญหาก็จบ  :mew1:

คิง  ควีน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2018 09:07:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิน้องนี่จะน่ารักเกินไปล้าว
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-06-2018 19:46:34
หันหน้าคุยกันดีที่สุด #คิงควิน
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2018 22:10:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-06-2018 01:56:49
เราว่าควินไม่มีเหตุผลเลยอะ เอาจริง :katai1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 18 up [4/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-06-2018 15:21:23
ใจร่มๆ เดี๋ยวก็ดีเอง
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 11-06-2018 02:33:00
ตอนที่ 19




พาร์ท คิง




แสงแดดในตอนเช้าลอดผ่านม่านทึบเข้ามาสาดส่องความสว่างไปทั่วทั้งห้องนอนที่มีร่างของคนสองคนกกกอดกันอยู่บนเตียง คนหนึ่งยังคงตกอยู่ในห้วงนิทราส่วนอีกคนนั้นตื่นเต็มตาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ตื่นอยู่ตอนนี้ก็ไม่สามารถพาตัวเองให้ลุกออกไปจากเตียงได้ ร่างหนาคล้ายถูกตรึงไว้ด้วยใบหน้ายามหลับใหลของคนในอ้อมแขน แต่ละนาทีหมดไปกับการจดจ้องและสำรวจใบหน้านี้ สายตาคมที่ทอดมองเต็มไปด้วยความรัก ยิ่งหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาได้ครอบครองและเป็นเจ้าของร่างบางอย่างสมบูรณ์แล้วยิ่งทำให้เขาลุ่มหลงในทุกสิ่งทุกอย่างของคนคนนี้แบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ทั้งชีวิตที่ผ่านมาด้วยหน้าตาและฐานะทำให้มีคนเข้าหาไม่ซ้ำหน้า พบเจอใครมาก็หลายต่อหลายคนแต่ไม่มีสักคนที่จะทำให้เขารู้สึกอะไรมากมายได้แบบคนในอ้อมกอดตอนนี้
 
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่ไม่เคยสนใจใครแบบเขาจะเปลี่ยนไปได้ในเวลาสั้นๆ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันก็เป็นเขาที่เดินตามร่างบางไป เขาจำได้ดีในวันนั้นในหัวไม่ได้คิดเลยว่ากำลังมุ่งตรงกลับไปที่คอนโดของตัวเองในใจคิดเพียงแค่อยากเดินตามคนนี้ไป หลังจากนั้นเมื่อได้รับรอยยิ้มจากอีกฝ่ายใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยามที่เขาถูกมือบางลูบหัวก็อบอุ่นในใจทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะยอมให้ใครมาแตะส่วนนี้เล่นได้สักครั้ง บางครั้งก็รู้ว่ากำลังถูกอีกคนกลั่นแกล้งแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้แสดงกิริยาตอบกลับไม่ได้ ความอ่อนโยนที่ได้รับมันมามันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอและสิ่งที่จะมาปลอบโยนก็คืออ้อมกอดอบอุ่นจากอีกคนเท่านั้น คนขี้รำคาญแบบเขาไม่ชอบที่จะยุ่งเกี่ยวกับใครกลับไม่เคยมีสักครั้งที่จะรำคาญเวลาที่อยู่กับคนคนนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสบายใจกับการใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง โลกส่วนตัวที่แม้แต่เพื่อนที่สนิทกันยังถูกขีดเส้นเอาไว้ไม่ให้เข้ามาก้าวก่ายแต่พออีกฝ่ายเป็นพี่ควินเขากลับอยากใช้ทุกนาทีอยู่ด้วยกันไม่อยากให้ห่างสายตาไปไหน

หลายครั้งที่คิดทบทวนความรู้สึกซ้ำไปซ้ำมาว่านี่อาจจะเป็นแค่ความหลงใหลไม่ใช่ความรัก แต่พอคิดว่าวันนึงจะต้องเสียคนนี้ไปก็ปวดใจแทบจะคลั่ง เพียงแค่เห็นว่ามีใครเข้าใกล้ก็หงุดหงิดจนทนแทบไม่ไหวหวงแหนอีกฝ่ายจนไม่รู้จะทำยังไงอยากกักขังเก็บเอาไว้ให้เขาได้เห็นแค่คนเดียว ความรู้สึกทั้งหมดนั่นมันมากเกินกว่าที่จะเป็นแค่ความหลงใหลในที่สุดคำตอบเดียวที่ได้ก็คือความรัก
แม้ว่าเวลาที่เราเจอกันมันจะสั้นจนไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะรักใครสักคนด้วยเวลาเพียงเท่านี้ไม่ได้ แต่มันก็ไม่แน่....เขาอาจจะหลงรักอีกคนไปตั้งแต่ที่สบตากันครั้งแรกเลยก็ได้....




08:00

ผมละสายตาจากใบหน้าหวานเพื่อดูเวลาบนหน้าปัด ปกติถ้าเป็นเวลานี้ผมคงยังไม่ตื่นแต่เพราะเป็นห่วงบางคนผมถึงได้ตื่นอยู่แบบนี้ จะว่าไปตั้งแต่เมื่อคืนผมก็หลับๆตื่นๆอยู่ตลอด เคยได้ยินมาว่าครั้งแรกของผู้ชายมักจะไม่สบายตัวจนไข้ขึ้น ผมเลยคอยตื่นมาเช็คดูอยู่ตลอดว่าอีกคนเป็นยังไง แต่พอเห็นว่าไม่มีอาการอะไรก็เลยมานอนมองหน้าพี่ควินอยู่แบบนี้ ผมยกมือวางทาบทับใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยผมที่ปรกหน้าทิ้งไป ความรู้สึกมากมายแทบจะล้นทะลักออกมาในยามนี้ ผมเป็นลูกคนเดียวจึงติดนิสัยหวงของเล่น ก่อนหน้านี้เวลาที่มีใครมายุ่งกับพี่ควินผมก็หวงอยู่แล้วพอมาตอนนี้ผมยิ่งหวงมากกว่าเดิมแม้แต่รอยยิ้มก็ไม่อยากให้ใครได้เห็น อยากจะตีตราเอาไว้ให้ทุกคนได้รู้จริงๆ....ให้ทุกคนได้รู้งั้นหรอ

พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดเปิดกล้องและ....ถ้าทำแบบนั้นพี่ควินจะโอเคหรือเปล่าวะ....พอคิดว่าพี่ควินอาจจะรู้สึกไม่ดีถ้าเกิดมีรูปแปลกๆออกไปผมเลยล้มเลิกความคิดทิ้งไป....แต่ว่าถ้าไม่เห็นหน้าก็ไม่เป็นไรมั้ง เพราะไม่อยากปล่อยให้ช่วงเวลานี้มันผ่านไปเฉยๆ ผมดึงผ้าห่มขึ้นให้เห็นปลายเท้าของเราทั้งสองคนแล้วกดถ่ายรูปในมุมที่เห็นแค่นั้นแล้วจัดการโพสลงในเฟสส่วนตัวแล้วยิ้มให้กับตัวเอง เอาเถอะ ถึงจะประกาศว่าพี่ควินเป็นของผมแล้วไม่ได้แต่ก็ประกาศให้ทุกคนรู้ได้ว่าผมมีเจ้าของแล้ว

ผมเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วกลับมาสนใจร่างบางต่อสายตาผมกวาดมองไปตามร่างกายส่วนที่โผล่พ้นผ้าห่มมาเผยให้เห็นรอยรักที่ผมฝากไว้ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ทั้งเสียงครางหวานหู ใบหน้าสวยยามเสียวซ่าน ช่องทางที่บีบรัดมากกว่าที่เคยพบเจอ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะอ่อนโยนให้มากที่สุดในครั้งแรกแต่พอได้เห็นทั้งสีหน้าและท่าทางทุกอย่างของพี่ควินเชิญชวนจนไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองไว้ได้ ผมยอมรับว่าเมื่อคืนนี้ผมจะเอาแต่ใจมากจนพี่ควินแทบจะสลบไปแต่พี่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต่อว่าผมสักคำยอมให้ผมเรียกร้องทั้งคืน สุดท้ายเป็นผมเองที่ต้องหยุดเพราะกลัวว่าพี่ควินจะเป็นอะไร

“อึก” ภาพพี่ควินเมื่อคืนทำให้กลางกายที่สงบอยู่ใต้ผ้าห่มเริ่มตื่นตัว ผมมองพี่ควินที่หลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ข้างๆ ไล่สายตาไปตามใบหน้า ลำคอ ลาดไหล่ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อคนที่หลับขยับตัวจนผ้าที่ห่มอยู่ขยับล่นไปเผยให้จุกเล็กสีชมพูบนหน้าอกออกมาบ่อหน้าล่อตาอยู่แบบนี้ ผมตัดสินใจค่อยๆคลายอ้อมกอดจัดท่าทางอีกคนให้นอนสบายเพื่อพาตัวเองไปที่ห้องน้ำและจัดการลูกชายที่ปวดหนึบ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนคนบนเตียงโดนไปหนักล่ะก็ผมจะปลุกให้มารับผิดชอบที่ทำให้ลูกชายผมตื่นขึ้นแต่เช้าแน่นอน!

ตลอดเวลาที่ผมปลอบใจลูกชายอยู่ในห้องน้ำในหัวก็มีแต่ภาพพี่ควินตอนที่โดนผมรังแกในอิริยาบถต่างๆ

“อาา....ชิบ!” จนเมื่อถึงปลายทางน้ำรักของผมกระเด็นเปรอะเปื้อนไปตามพื้นห้องน้ำ ผมนั่งพักปรับลมหายใจให้เข้าที่ก่อนจะก้มมองมือตัวเอง หึ ใครจะไปนึก คนอย่างไอ้คิงต้องมานั่งนึกภาพคนรักเพื่อช่วยตัวเองจนเสร็จ

ผมใช้เวลาอาบน้ำต่อไม่นานก็ออกมาแต่งตัวที่ด้านนอกกะว่าจะไปเตรียมอะไรไว้ให้พี่ควินกินตอนตื่น ก่อนจะออกจากห้องผมเดินไปหาคนที่ยังหลับอยู่บนที่นอนจัดท่าทางและผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงที่ข้างแก้มสูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวอย่างแผ่วเบา คนหลับขยับหน้าหนีเล็กน้อยเหมือนรำคาญ ผมเลยปล่อยให้เจ้าตัวได้นอนต่อและลุกขึ้นออกมานอกห้องแทน

ไม่รู้ว่าตื่นมาแล้วพี่ควินจะเป็นยังไง ผมกังวลว่าอาจจะไม่สบายหลังจากนี้เลยตั้งใจว่าควรจะหาอะไรอ่อนๆไว้ให้พี่ควินกิน อืม ข้าวต้มแล้วกัน

ยังไม่ทันจะออกไปข้างนอกผมก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดว่าพี่ควินเกิดตื่นขึ้นมาตอนที่ผมไม่อยู่ล่ะ? ไม่รู้ว่าผมคิดมากเกินไปหรือเปล่า เอาจริงผมก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน เคยได้ยินแต่ว่ามันเจ็บมาก มีไข้ ไม่สบาย เดินไม่ไหว ผมเลยกังวลว่าพี่ควินอาจจะเป็นแบบนั้น....ผมหันไปมองห้องครัวสลับกับประตูแล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจได้....ก็แค่ข้าวต้ม....ไม่ยากหรอกมั้ง

สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า....ผมค้นหาอาหารสำเร็จรูปแล้วก็เจอโจ๊กซองที่เคยซื้อไว้กินเวลาไม่สบาย เลยคิดว่าจะทำโจ๊กให้แทน ระหว่างนั้นผมไม่เลยรู้ว่ามีคนมาอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่พอได้ยินเสียงอีกคนผมก็สะดุ้งจนทัพพีในมือหล่น แต่พอผมหันไปกลับต้องพบกับภาพที่ทำให้ผมหน้าร้อน

พี่ควินในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำติดกระดุมหมิ่นเหม่เผยให้เห็นร่องรอยเต็มตัวใส่กางเกงขาสั้น ผมที่ยุ่งเหยิงหลังจากตื่นนอนยิ่งทำให้ร่างบางดูเย้ายวน ผมละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วหันมาให้ความสนใจหม้อ หมู ชาม ผัก ทัพพีอะไรก็แล้วแต่แทน แค่เมื่อเช้าขนาดตอนหลับยังทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมาได้แล้วถ้ายังจ้องตอนที่อีกคนมีสภาพแบบนี้ผมคงทนไม่ไหวแน่ แต่มันก็เท่านั้นเมื่อพี่ควินขยับเข้ามาแนบชิดด้านหลังเพื่อแกล้งแหย่เรื่องที่ผมเข้าครัวทำอาหาร พอถูกบดเบียดด้วยไออุ่นสุดท้ายฟางเส้นสุดท้ายของผมก็ขาดผึง

ผมจัดการพี่ควินในครัวแล้วไปจบในห้องน้ำ ครั้งนี้ทำให้ร่างกายพี่ควินระบมหนักกว่าเดิมจนเดินไม่ไหว หลังจากนั้นผมก็โดนสั่งให้ไปซื้อข้าวที่ด้านล่างและขึ้นมากินด้วยกัน จนกระทั่งหลังจากกินเสร็จพี่ควินก็อยากให้ผมไปมหาลัย ผมอยากจะดื้อดึงเพื่อใช้เวลาอยู่กับอีกคนไปทั้งวันแต่สุดท้ายผมก็แพ้เพราะคำว่าห่วงจากปากบางอยู่ดี

ผมมาถึงมหาลัยก็ตรงไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงที่ประจำ ระหว่างที่เดินก็มีสายตามองมาที่ผมแต่ก็ไม่ได้สนใจจนมาถึงที่โต๊ะ ผมโดนพวกในกลุ่มแหกปากแซวเรื่องรูปที่ลงไปจนคนแถวนั้นหันมามองกันทั่ว บางคนนี่แทบจะยื่นหูมาถึงโต๊ะผมอยู่แล้ว แต่เพื่อนผมมันก็รู้งานเลยไม่ได้พูดชื่อพี่ควินออกมา ผมก็ยิ้มรับเฉยๆไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะภาพมันก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว มีแวบนึงที่ผมหันไปสบตากับไวน์ แววตาตัดพ้อแสดงให้เห็นไม่กี่วิก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไร

ผมรู้ดีว่าไวน์คิดอะไรกับผมเพราะที่ผ่านมาการกระทำของไวน์ค่อนข้างจะสังเกตได้ง่าย ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ผมก็ไม่เคยพูดออกไปตรงๆว่าผมรู้ ตัวมันเองก็ไม่ได้พูดออกมาเหมือนกัน ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร ถ้าตัดเรื่องนั้นไปไวน์มันเป็นเพื่อนที่ดีของผมมาหลายปี ถ้าเกิดว่าพูดไปอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมาเปล่าๆ มันเองก็คงรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงสักวันพอมันได้เจอคนดีๆเองนั่นแหละ

หลังจากเรียนเสร็จผมก็เตรียมจะกลับไปคอนโดทันทีแต่กลับถูกไอ้ปาร์คเรียกตัวเอาไว้

“ไอ้คิงมึงอย่าเพิ่งกลับ มึงลืมมั้ยว่าเรามีโครงงานต้องทำอ่ะ” ผมใช้เวลานึกย้อนกลับไปสักพักก็นึกออกว่ามีโครงงานที่ต้องทำส่ง

“เออ”

“สัส ลืมก็บอกมาดีๆ ว่าแต่เราจะไปทำที่ไหนดีวะวันนี้ห้องกูไม่ว่างว่ะ”

“อ้าวทำไมไม่ว่างวะ”

“พอดีเมื่อสองวันก่อนพี่กูมาขออยู่ด้วยสักอาทิตย์นึงกูลืมบอก” ปกติถ้าเกิดว่ามีอะไรที่ต้องรวมตัวกันห้องไอ้ปาร์คมักจะเป็นสถานที่ที่พวกผมเลือกใช้ เพราะว่ามันอยู่คอนโดคนเดียวเหมือนกับผม ไอ้ฟินก็อยู่หอกับเพื่อนมันอีกคน มีไอ้ตังกับไอ้ไวน์ที่เป็นคนแถวนี้บ้านพวกมันก็เลยอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่เลยขับรถมาเรียนกันเอง

“บ้านกูก็ได้นะ พ่อแม่กูกลับดึกอยู่แล้ว”

“เออดี งั้นไปรวมกันบ้านไอ้ไวน์เลยนะ ของทั้งหมดอยู่ในรถกูเตรียมมาครบล้ะ”

ระหว่างที่ตกลงกันอยู่ของผมก็ส่งไลน์ไปบอกพี่ควินว่าจะต้องไปทำโครงงานต่อ แต่พอได้อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งกลับมาหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจเพื่อนที่พูดอยู่เลยสักนิด

“พวกมึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”

“แล้วมึงจะไปไหนคิง เห้ย คิง!”

พอพูดจบผมก็หันหลังเดินมาที่รถทันทีไม่ได้หยุดตอบคำถามที่ไอ้ไวน์ตะโกนไล่หลังมาด้วยซ้ำ ผมรีบขึ่งรถกลับไปหาพี่ควินที่คอนโดเพื่อที่จะคุยเรื่องที่บอกว่าจะออกไปข้างนอกนั่น ตอนกลางวันแค่จะออกมากินข้าวยังเดินไม่ไหวแล้วจะออกไปกินเหล้ากับรุ่นพี่อะไรนั่นได้ยังไง ถ้าเกิดว่าไม่กลับมาคุยให้รู้เรื่องพี่ควินอาจจะไปตอนที่ผมยังไม่กลับก็ได้

ใช้เวลาไม่นานผมก็กลับมาถึงห้อง คนยังไม่หายดียังนอนอยู่บนเตียงพี่ควินดูแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมอยู่ตรงนี้

“ทำไมกลับมาล่ะ ไหนว่าจะไปทำงานต่อ”

“พี่จะไปกินเหล้าได้ยังไง พี่ยังไม่หายดี” ผมไม่ได้ตอบคำถามของพี่ควินแต่เปิดประเด็นเรื่องที่ทำให้ผมต้องับมาแทน

“พี่ไม่กินก็ได้แต่ครั้งนี้พี่รหัสเป็นคนนัดมา ยังไงพี่ก็ต้องไป” จะบอกไม่กินมันทำได้ที่ไหนกันล่ะ ถ้ารุ่นพี่พาไปเลี้ยงที่ผับแบบนั้นมีหรอจะเลี่ยงได้น่ะ ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดีถ้าเกิดกินเหล้าซ้ำเข้าไปต้องเป็นหนักแน่ ผมเลยไม่ยอมให้พี่ควินไป แต่เพราะพี่ควินยังยืนยันที่จะไปผมเลยใช้ความเงียบของตัวเองเข้าสู้ให้พี่ควินรู้ว่าผมไม่โอเคแล้วตอนนี้ พอเห็นว่าผมเงียบพี่ควินก็เดินเข้ามาหา ท่าทางตอนเดินก็ยังไม่เป็นปกติเป็นแบบนี้แต่ยังจะออกไปอีก เห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งเริ่มไม่พอใจ ผมได้ยินทุกคำพูดของพี่ควินแต่ผมก็นังไม่ตอบอะไรกลับไป

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง....พี่ควินปล่อยมือจากตัวผมแล้วเดินผ่านเข้าห้องน้ำไปโดยทิ้งผมยืนอยู่แบบนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเลยที่พี่ควินจะไม่สนใจผมแบบนี้ ตอนที่พี่ควินหายไปในห้างตอนนั้นพี่ควินยังไม่เมินผมเลยทั้งที่ผมโมโหใส่ ครั้งนี้แค่รุ่นพี่จะนัดเลี้ยงแค่นี้ต้องไปให้ได้เชียวหรอ ขนาดผมขอว่าไม่ให้ไปแล้วก็ยังต้องไปให้ได้ ก็แค่รุ่นพี่มันมีอะไรสำคัญขนาดนั้น ผมมานั่งรอพี่ควินที่ปลายเตียงช่วงเวลาไม่กี่นาทีผมกลับคิดฟุ้งซ่านไปได้ตั้งมากมาย สักพักนึงพอพี่ควินออกมาผมนิ่งเงียบเพื่อรอว่าพี่ควินจะพูดอะไรแต่พี่ควินกลับเดินผ่านผมไปเฉยๆ ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่อยู่ในห้องแน่ๆออกมา

“ยังไงก็จะไปให้ได้ใช่มั้ยพี่ควิน” เป็นผมที่ทนไม่ไหวและต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน พี่ควินยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไปเพราะรับปากรุ่นพี่ไว้แล้ว บอกเลยว่าผมอยากจะเห็นหน้ารุ่นพี่คนนี้จริงๆ

ผมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อระงับความหงุดหงิดของตัวเองลง ในใจผมเริ่มโอนอ่อนให้กับความแน่วแน่ของพี่ควินเพราะดูท่าแล้วก็คงจะห้ามไว้ไม่อยู่จริงๆแต่ก็ต้องมาชะงักอีกครั้งเมื่ออีกคนแต่งตัวเสร็จ เสื้อผ้าสีเข้มขับสีผิวขาวซีดให้สว่าง เสื้อธรรมดาแต่ที่ไม่ธรรมดาคือรอยดูดช้ำจางๆของผมที่แถวต้นคอและลาดไหล่ที่ทำให้ร่างบางตรงหน้าดูมีอะไรมากขึ้นไปอีก ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าไม่ได้ทำให้ดูโทรมแต่กลับชวนให้ย่ำยีเหลือเกินในสายตาผม
ผมกัดฟันและถามออกไปอีกครั้ง คำตอบที่ได้รับก็ยังเหมือนเดิม ในเมื่อห้ามไว้ไม่ได้ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ไปคนเดียวในสภาพนี้หรอกนะ เกิดไปคนเดียวจะต้องถูกคนเข้าหาไม่ต้องสงสัย แล้วไอ้รุ่นพี่อะไรนี่มันก็คงไม่ได้มาช่วยอะไรอยู่แล้ว พอคิดไปแบบนั้นผมก็เลยเอ่ยปากร้องขอไปด้วยแต่ก็ต้องเสียศูนย์เมื่อถูกปฏิเสธกลับมา

ห้ามไม่ให้ไปก็ดื้อจะไป

ผมร้องขอให้อยู่ก็บอกว่ารับปากรุ่นพี่ไปแล้ว

พอผมขอตามไปด้วยก็ไม่ยอมให้ไป

ทำไมกันล่ะ....

แล้วที่นั่นมันมีอะไร ทำไมถึงไปด้วยไม่ได้” เพราะไม่ทันได้คิดจึงหลุดปากไปแบบนั้น แต่แล้วเหมือนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเป็นอีกอย่าง พี่ควินเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงเป็นแบบที่ผมไม่เคยเห็น ในแววตาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจนผมเริ่มสับสน ก่อนที่คำว่าไม่ไว้ใจจะหลุดออกมาจากปากของพี่ควิน ผมตกใจที่พี่ควินตีความหมายคำพูดของผมไปเป็นแบบนั้น ใจผมหล่นวูบเมื่ออีกคนหมุนตัวไปที่ประตู ไม่มีเวลาให้ได้อธิบายอะไรผมลนลานรีบตามไปคว้าตัวพี่ควินเอาไว้เมื่อร่างบางทำท่าจะหนีผมไป

ที่ผ่านมาผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยพูด หลายครั้งที่คนอื่นมักจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการบอกแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมอยากจะโทษที่ตัวเองพูดน้อยเท่าวินาทีนี้ อาจจะเพราะว่าผมไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไปให้ชัดเจนทำให้พี่ควินเข้าใจผิด ตอนนี้ผมพร่ำบอกขอร้องให้พี่ควินฟังผมก่อนซ้ำๆ จนเมื่อคนในอ้อมกอดหยุดนิ่งทุกสิ่งที่อยู่ในใจถึงได้บอกออกไป ไม่นานใจที่เสียไปของผมก็เหมือนได้รับการฟื้นฟูจากฝ่ามือที่ลูบไปมาอยู่ที่แผ่นหลังพร้อมคำขอโทษทีกระซิบอยู่ที่ข้างหู

ผมอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าพี่ไม่ได้ผิดอะไรเลยไม่จำเป็นต้องขอโทษสักนิด ผมเองที่ไม่ยอมพูดอะไรให้ชัดเจนจนเกือบจะต้องเสียสิ่งสำคัญไป ผมซบหน้ากอดรั้งเกี่ยวอีกคนไว้ในอ้อมแขนอยู่แบบนั้น คำปลอบโยนที่ได้ยินทำให้ใจที่เต้นแรงค่อยๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ใช้เวลากอดกันอยู่แบบนั้นสักพักเก็บเกี่ยวไออุ่นเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยๆปล่อยมือจากเอวบาง รอยยิ้มที่อีกคนมอบให้เพื่อไถ่โทษถูกผมจู่โจมดูดกลืนหายไป ผมละเลียดไล่เรียวลิ้นไปทั่วทั้งโพรงปาก แลกเปลี่ยนช่วงชิงลมหายใจของกันและกันนานนับนาที เสียงหอบหายใจดังขึ้นให้ได้ยินเมื่อเราทั้งคู่ผละออกจากกัน เรื่องครั้งนี้ผมจะจำให้ขึ้นใจจะไม่ยอมพลาดเพียงเพราะแค่คำพูดแบบนี้อีกแล้ว ไม่อีกแล้ว....



หลังจากนั้นผมก็ตกลงกับพี่ควินอีกครั้ง คำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิมว่าจำเป็นต้องไปเพราะรุ่นพี่ตั้งใจจะเลี้ยงพี่ควินเรื่องที่ไปช่วยอะไรไว้สักอย่าง ผมเลยได้แต่จำยอมให้เป็นไปตามนั้นแต่มีข้อแม้ว่าผมจะไปส่งและขากลับผมจะรอไปรับกลับมาเองและห้ามกินเหล้าเด็ดขาดเพราะยังไม่หายดี พี่ควินก็โอเคตกลงกันตามนี้

พอตกลงกันเสร็จผมก็จะต้องกลับไปทำโครงงานต่อและพอเป็นแบบนั้นพี่ควินเลยจะไม่ยอมให้ผมไปส่งแต่เพราะครั้งนี้ผมไม่ยอมบ้างจริงๆพี่ควินเลยตกลง ซึ่งตอนนี้ก็พึ่งจะประมาณห้าโมงเย็นแต่ผมต้องไปทำงานต่อผมเลยตัดสินใจลากพี่ควินให้ไปด้วยกันจนกว่าจะถึงเวลานัด

“ตอนแรกคิงบอกว่าจะไปทำงานบ้านเพื่อนใช่มั้ย แล้วบ้านใครหรอ”

“บ้านไวน์น่ะ”

“อ่อ”

“พี่ไม่ได้คิดอะไรใช่มั้ย” ผมลืมไปสนิทว่าต้องไปบ้านไอ้ไวน์ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ก็ตอนที่ถูกถามนี่แหละ มานึกได้ตอนนี้ก็รีบหันไปถามพี่ควินก่อนเลย

“ไม่คิดหรอกเราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วไง คิดมากอะไรหื้ม” พี่ควินตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

“คิดแต่เรื่องพี่ทั้งนั้นแหละ” พี่ควินยกยิ้มกว้างขึ้นพอได้ยินคำตอบของผมและรอยยิ้มนั้นก็เรียกร้องให้ผมต้องยิ้มตามเสมอ....













___________________________________________
มาไม่ดึกก็ไม่ใช่เอิร์ทค่ะ ถ้าถามว่าง่วงมั้ยจะตอบไปว่าง่วงมวั้ก! 55555555 เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ก็พามาเปิดมุมมองของน้องคิงกันเนอะ เพราะหลังจากนี้คิงอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้เรียกคะแนนสงสารอีกแล้วก็เป็นได้ หึหึ
ปล.ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจและคอยติดตามคิงควินนะคะ ได้กำลังใจมากมายจากตรงนี้เลย เอิร์ทอ่านเมนท์วนไปทุกวันนี่คือเรื่องจริง5555555 รักน้าา
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 05:29:55
ไวน์ คงไม่ใช้ลูกไม้ วางยาคิงนะ   :z3: :z3: :z3:

คิง  ควีน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-06-2018 07:07:55



อ่านความในใจของคิง. รักเขาแต่เก็กท่าวางฟอร์มอ่ะ

แต่ตอนนี้เปิดใจกันแล้ว. ต่อไปจะมีอะไรเข้ามาก้อคุยกันเยอะนะ

คุยไม่เยอะ ก้อใช้ใจคุยกัน เชื่อใจกัน

น้องคิงคนขี้หวง น้องควีนคนสายอ่อย


……

 :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:



.
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-06-2018 09:51:51
เหมือนได้กลิ่นมาม่าลอยมาจากการที่คิงไปบ้านไวน์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-06-2018 13:37:39
น้ำต้มมาม่ากำลังจะเดือดเลยจร้าาาาาาา
คิงจะไปบ้านไงน์แบบนี้ ToT
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 19 up [10/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-06-2018 22:36:21
น้องคิงน่ารักน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 22-06-2018 12:27:32
ตอนที่ 20





พาร์ท ควิน






ตอนนี้ผมยังคงอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้าไปบ้านของใครบางคนที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ หลังจากที่ทะเลาะกันผมก็จับพลัดจับผลูโดนอีกคนลากให้มาด้วยกันและยังทำข้อตกลงว่าถ้าหากผมจะไปจะต้องยอมให้น้องไปรับไปส่งเท่านั้น ผมที่ยังรู้สึกผิดกับน้องก็ยอมทุกอย่างแหละครับตอนนี้ เอาจริงพอได้มานั่งบนรถเงียบๆแล้วคิดย้อนไปผมว่าผมมันงี่เง่าเอง พอนึกดีๆก็ไม่เห็นว่ามันน่าจะมีอะไรให้ทะเลาะกันได้ ที่ผมทำแบบนั้นอาจจะเพราะความปวดเมื่อยความไม่สบายตัวของร่างกายทำให้ผมเหนื่อยและหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ เฮ้อ คิดแล้วยังอดด่าตัวเองไม่ได้เลย

“พี่จะไปสี่ทุ่มเลยหรอ”

“ก็ประมาณนั้นอ่ะที่นัดไว้” ระหว่างที่นั่งบ่นในใจอยู่ดีๆคิงก็เอ่ยปากถามเรื่องเวลาขึ้นมา

“แล้วกว่าจะกลับ ดึกไปมั้ง”

“เดี๋ยวพี่ว่าจะไปก่อนสักพักแหละ ยังไงเพื่อนพี่ก็ไปก่อนอยู่แล้ว”

หน้าหล่อขยับขึ้นลงเบาๆแล้วเงียบไปตามเดิม ผมหันไปมองเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยไม่เคยผ่านมาแถวนี้เลยด้วย ตลอดสองข้างทางเป็นที่กว้างมีบ้านอยู่ห่างจากกันและจากที่เห็นแต่ละหลังก็เหมือนจะอลังการเกินกว่าจะเรียกว่าบ้านได้ สักพักร่างสูงก็ชะลอรถก่อนจะจอดลงที่หน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ ไม่กี่วิประตูรั้วก็เลื่อนเปิดให้คิงขับเข้าไปข้างใน ผมเห็นยามที่หน้ารั้วออกมายืนยิ้มให้ สงสัยว่าคนข้างๆผมคงจะมาบ่อยไม่ใช่น้อยยามที่ประตูถึงได้จำได้แม่น คิงขับรถเข้ามาจอดในที่ที่น่าจะทำไว้เพื่อจอดรถเพราะมีหลังคากันแดดและช่องแบ่งเอาไว้มีรถจอดอยู่สองสามคัน

“ไปกัน”

คิงหันมาบอกก่อนจะลงรถนำไปผมเลยรีบลงตาม ระหว่างที่เดินตามร่างสูงผมก็สำรวจรอบๆไปด้วย สวนหน้าบ้านกว้างจนสงสารคนตัดหญ้า บ้านหลังใหญ่แบบที่มักจะเห็นได้ในละครหลังข่าว อื้อหือ นี่มันบ้านเศรษฐีชัดๆ

“ไวน์นี่รวยเนอะ” ผมพูดขึ้นมาขณะที่กำลังเดินเข้าบ้าน อีกคนที่ได้ยินก็เลยหันมาคุยกับผม

“พ่อแม่มันเป็นนักธุรกิจทั้งคู่”

“อ่อ ถึงว่าบ้านยังกะคฤหาสน์” เหอะๆ ถึงว่าทำไมถึงได้ดูเป็นคุณหนูเอาแต่ใจนิสัยเสียแบบนั้น คงได้ทุกอย่างดั่งใจมาตั้งแต่เด็กเลยสินะ

“มาทางนี้” คงเพราะผมมัวแต่ดูนู้นดูนี่ตั้งแต่เข้าประตูบ้านมาเลยเดินไม่ทันใจคนข้างหน้า มือหน้าคว้ามือผมกุมไว้ชักจูงไปตามทางให้ผมได้แต่เดินตาม ผมเริ่มได้ยินเสียงพูดคุยของผู้ชายสองสามคนและได้ยินชัดขึ้นเรื่อยๆเพราะมันมาจากทางที่ผมและคิงกำลังเดินไป
คิงหยุดเดินเมื่อมาถึงห้องห้องหนึ่ง ผมเห็นผู้ชายสี่คนที่น่าจะเป็นเพื่อนของคิงกำลังนั่งเถียงกันอยู่ที่พื้นที่มีของเกลื่อนอยู่เต็มไปหมด

“อ้าวไอ้คิง! กว่าจะมานะ...มึง” ผู้ชายคนนึงที่หันหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่ตะโกนขึ้นมาทันทีที่เห็นคิงแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ชะงักไปเมื่อสังเกตเห็นผม

“คิง! มาล้ะหรอ ไปหนะ...!” พอมีคนนึงทักขึ้นคนที่เหลือก็หันมามองตาม ผมเห็นคนตัวเล็กที่สุดในนั้นหันมาพูดแล้วก็ชะงักไปอีกคน สถานการณ์ตอนนี้คือผมกำลังถูกสายตาสี่คู่จับจ้องตาไม่กะพริบ ผมส่งยิ้มจางๆให้ทุกคน ไม่ถึงสามวินาทีมือของผมก็ถูกจับจูงอีกครั้งให้เดินไปหาทุกคนที่นั่งอยู่

“พี่นั่งรอบนโซฟานะ” คิงพาผมมานั่งลงบนโซฟาขนาดใหญ่แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นกับคนอื่ ถ้าเดาไม่ผิดผมว่านี่คือห้องนั่งเล่นแหละ เพราะตรงข้ามกับโซฟาคือจอทีวีขนาดยักษ์ ส่วนพื้นที่ที่เพื่อนคิงนั่งอยู่คือพื้นระหว่างโซฟากับทีวี

“หวัดดีครับพี่คร้าบบบ” น้องผู้ชายคนนึงพูดขึ้นส่วนคนที่เหลือก็พูดตามยกเว้นคนเดียว

“ครับ” ผมตอบรับและยิ้มให้ทุกคนอีกครั้งหลังจากนั้นความสนใจกลับไปอยู่ที่คนหน้านิ่งที่ไม่พูดอะไรสักคำ

“กูก็นึกว่ารีบไปไหนที่แท้ไปหาพี่เค้า โถถถถ คนหลงแฟนที่แท้ทรู”

“กิ๊วกิ๊ว 555555555”

“เออ”

“แหมม ไม่มีปฏิเสธสักคำ”

“พวกมึง นี่ใช่คิงเพื่อนเราป่ะ กูว่าไม่ใช่”

“มึงแดกเพื่อนกูเข้าไปใช่มั้ย คายมันออกมา คายไอ้คิงออกม๊าาา!”

“สัส!”

ผมนั่งมองเด็กโข่งของผมที่โดนเพื่อนนั่งล้อไปทำงานไปอย่างขำๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาสลับกับการเฝ้ามองน้องๆทำงานไปด้วย หลายครั้งที่ผมรู้สึกได้ว่าถูกจับจ้องพร้อมส่งสายตามาให้อย่างไม่เป็นมิตรแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการมองกลับเฉยๆ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นเช่นกันนอกจากมองมาเป็นระยะๆ แต่มีบ้างที่ชอบขยับไปใกล้ทำเป็นถามนู้นถามนี่กับคิงให้ผมหงุดหงิดเล่น แต่ก็นะ เขาทำได้แค่นั้นก็ปล่อยให้เขาทำไปแหละเนอะ

เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงเสียงพูดคุยเฮฮามีให้ได้ยินตลอดเวลาโดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงของคนสี่คนดังสลับกันไป ผมเคยเจอเพื่อนคิงมาก็หลายครั้งแต่ทุกครั้งก็เจอแบบผ่านๆเวลาไปหาคิงที่คณะแทบไม่เคยได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ ถึงภายนอกทุกคนจะดูเฟรนลี่แต่ผมคิดว่าตัวจริงอาจจะนิ่งกว่านี้หน่อยแต่กลายเป็นตัวจริงบ้าๆบอๆหนักกว่าเดิมซะงั้น ขอสงสัยนิดนึงได้มั้ยครับว่าเด็กผมมันหลงมาอยู่ในกลุ่มนี้ได้ยังไงตั้งแต่ฟังมาผมนับคำที่ออกจากปากคิงได้เลยแต่ถึงพูดน้อยอย่างนั้นก็ต้องยอมรับแหละว่าคิงเข้ากับเพื่อนทุกคนได้เป็นอย่างดี ถึงไม่พูดเท่าไหร่แต่ก็ฟังและยิ้มตามเพื่อนอยู่ตลอด เฮ้อ น่ารักจริงๆเลย!

นอกจากนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมแปลกใจนั่นก็คือไวน์ เวลาที่ไวน์อยู่กับเพื่อนดูแตกต่างไปจากปกติ เดี๋ยวนะ หรือว่าแบบนี้คือปกติ? ไวน์ก็เหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วไป สนิทสนมหยอกเล่นกับทุกๆคน ไม่ได้ดูร้ายกาจเหมือนกับที่ทำกับผม ขนาดมองผ่านๆตอนนี้ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าไวน์ชอบคิงก็คงดูไม่ออกเหมือนกัน ท่าทางที่เขยิบเข้ามาใกล้มือที่จับไหล่หรือวางที่ขามันก็แนบเนียนจนดูไม่ออกว่ามีเจตนาแอบแฝง เพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันเป็นแบบนี้สินะคิงถึงได้บอกผมว่าไวน์คือเพื่อนจริงๆ

ผ่านไปสักพักผมนั่งพิงโซฟาแล้วเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เสียงพูดคุยเริ่มเงียบลงจนผมต้องละสายตามาดู เหมือนว่าทุกคนจะดูจริงจังกับงานตรงหน้ามากขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่างานที่กำลังทำอยู่คืออะไร แต่มันคงจะยากน่าดูเพราะสีหน้าแต่ละคนเริ่มดูเคร่งเครียดผิดจากตอนแรก ผมกดดูเวลาที่หน้าจอก็เห็นว่านี่ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว โห นี่นั่งอยู่แบบนี้มาสามสี่ชั่วโมงแล้วหรอ

“คิง พี่ว่าพักกันหน่อยมั้ย” ผมสะกิดเรียกคิงที่นั่งก้มหน้าก้มตากับกระดาษและหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้เงยหน้าขึ้นมาหาก่อนจะบอกให้พักก่อน พอผมพูดจบประโยคคนแรกที่ลุกขึ้นกลับเป็นเพื่อนของคิงที่ฟิน แล้วคนที่เหลือก็ค่อยๆละมืออกจากงานตรงหน้าบ้าง

“ไอ้ตัง! มึงจะนอนก็เอาตีนไปทางอื่นดิวะแม่งจะทิ่มหน้ากูอยู่แล้วเนี่ย!”

“มึงเสือกเอาหน้ามาใกล้ตีนกูทำไมล่ะ”

“กูไปห้องน้ำนะ อั้นมาตั้งนานไม่กล้าลุก เกรงใจพวกมึง”

“เดี๋ยวกูไปเอาอะไรมาให้กินแล้วกัน”

ต่างคนต่างก็ต่างพักไปตามใจตนเอง ส่วนเด็กโข่งก็เลื้อยตัวมาหาผมหันตัวมาทางนี้แล้วเอาคางมาเกยเข่าผมไว้อย่างน่ารัก ผมยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพนี้ไว้ทันทีโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เพราะเปลือกตาปิดสนิทไว้เหมือนต้องการจะพัก

“อีกสักพักพี่จะไปแล้วนะ คิงไม่ต้องไปส่งกหรอกเดี๋ยวพี่โทรตามไอ้เตมารับก็ได้”

พอได้ยินที่ผมพูดคนที่กำลังพักสายตาก็ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมเขม็ง สายตาดุๆนั่นทำเอาเสียวหลังวาบจนต้องยกมือยอมแพ้

“โอเคๆ ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ถามเฉยๆเองงงงง”

มุมปากบนหน้าหล่อกระตุกยิ้มอย่างพอใจแล้วหลับตาลงเหมือนเดิมแต่ไม่ถึงสิบวิก็ลืมตาขึ้นมามองอีกครั้งตามด้วยแบมือมาตรงหน้าผม ผมได้แต่เลิกคิ้วให้แบบงงๆไม่รู้ว่ามือที่แบอยู่ตรงหน้าต้องการอะไร

“จะเอาอะไรครับ” ผมพูดถามออกไปพลางเอานิ้วไปจิ้มที่มือน้อง แต่แล้วผมต้องยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อมือหนาจับนิ้วของผมไว้ ค่อยๆเลื่อนมาเป็นจับเอาไว้ทั้งมือแล้วยกมือของผมไปวางไว้บนหัวของตัวเองแล้วหลับตาลง

“ลูบหัวหน่อย”

น้องพูดมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่แต่แค่นั้นก็ทำผมใจบางยิ่งกว่ากระดาษซับมัน น่ารักเกินไปแล้ว ถ้าอ้อนมาแบบนี้จะเอาอะไรพี่ให้ได้ทั้งนั้นพี่บอกเลย!!!

“กูว่านั่นไม่ใช่เพื่อนเราว่ะมึง”

“กูก็ว่าไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ”

เกือบลืมไปแล้วว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคนมือผมที่กำลังขยับลูบหัวคิงชะงักไปนิดนึง เสียงปาร์คกับตังที่แซวขึ้นมาทำให้ผมละสายตาจากหน้าคิงไปหาทั้งคู่แล้วได้แต่ยิ้มขำกับสีหน้าเหมือนเจอผีของน้องๆ ส่วนคนที่โดนกล่าวถึงทำแค่ยกนิ้วกลางไปให้ คนที่ได้รับกลับไม่สะเทือนเปลี่ยนความสนใจหันมาหาผมแทน

“พี่ควินไปทำยังไงให้มันเชื่องได้ขนาดนี้อ่ะถามจริง”

“เออนั่นดิพี่ขนาดกับพวกผมมันยังนิ่งเป็นรูปปั้น เวลาคุยกับมันเหมือนพูดเข้าหูซ้ายทะลุออกหูควายอ่ะพี่”

“จริง อยู่กับมันมาสองปีทุกวันนี้เดินด้วยกันยังเหมือนไม่ได้มาด้วยกันเลย”

“แล้วดูเวลามันอยู่กับพี่ดิ จะซุกอะไรขนาดนั้นอ่ะ ทีกับพวกกูล่ะเดินใกล้มึงยังเบี่ยงตัวหนี”

“คิงสองมาตรฐานชัดๆ! ตังไม่ยอม!”

“ปาร์คก็ไม่ยอม! คิงใจรว้ายยยยย”

ผมมองเพื่อนคิงทั้งสองคนแย่งกันพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ประโยคแรกเหมือนจะตั้งคำถามกับผมหรือเปล่าไม่รู้แต่เหมือนว่าทั้งคู่กำลังเล่าให้ผมฟังและบ่นอีกคนไปพร้อมๆกันถึงแม้ว่าคนที่เป็นต้นเหตุจะไม่แม้แต่จะลืมตามามองด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นอีกสองคนที่หายไปก็กลับเข้ามาพอดี

“พวกมึงโวยวายอะไรกัน” เสียงฟินดังขึ้นตรงประตูทำให้พวกผมหันไปมอง ผมเห็นฟินถือขนมเดินเข้ามาตามด้วยไวน์ที่นิ่งไปตอนที่มองมาทางผม สายตาไวน์จับจ้องอยู่ที่มือของผมที่กำลังลูบหัวให้คิง เพียงครู่เดียวที่แววตานั้นเผยความเจ็บปวดก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์เมื่อมองหน้าผม

“มึงจะไปยืนอยู่ทำไมตรงนั้นไอ้ไวน์ ไม่มานั่งวะ” เสียงเพื่อนเรียกทำให้ไวน์เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง เออ ยอมใจ เปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีอีกครับ

“คิง มากินอะไรรองท้องก่อนเร็ว เดี๋ยวต้องทำงานอีกนาน” พอไวน์ทิ้งตัวลงนั่งก็หันมาเรียกคิงทันที มือบางจับไหล่ร่างสูงแล้วออกแรงเขย่าเล็กน้อยแต่สายตากลับมองสบอยู่กับผมแสดงออกถึงความไม่พอใจในตัวผม ตอนนี้ถ้าเกิดว่าสามคนที่นั่งกินขนมดูทีวีอยู่ข้างหลังไวน์หันมามองทางนี้คงจะได้เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยปกติของเพื่อนตัวเองบ้างแหละ แต่แล้วสีหน้าของไวน์ถูกเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อคนที่ถูกเรียกขยับตัว คิงเงยหน้าขึ้นนมากะพริบตาปริบๆ

“แหม พักแปบเดียวมึงก็ยังจะนอนอีกนะ” ไวน์พูดเหมือนเอือมระอาแต่ผมว่ามันน่าจะพูดด้วยอารมณ์มากกว่า

“จะไปตอนไหน” คิงไม่ได้ตอบอะไรไวน์แต่กลับถามผมขึ้นมาแทน ผมแอบเห็นไวน์หน้าเสียไปนิดนึงที่คิงไม่สนใจเลย

“ไปเลยก็ได้ นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วแต่เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำแปบนึง” ผมตอบน้องแล้วลุกขึ้นยืน คิงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นตาม

“อ้าวจะไปไหนกันอ่ะ” ตังที่นั่งอยู่ถามขึ้นเมื่อเห็นผมกับคิงทำท่าจะออกไปข้างนอก

“พี่ต้องไปแล้วล่ะพอดีพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”

“โหหห พี่ไปแล้วผมจะเอากำลังใจที่ไหนทำงานต่อล่ะ พี่ควินนนน โอ๊ย!”

“อย่าเยอะ” คิงเดินไปตบหัวปาร์คโอดครวญขึ้นมาทันที่ที่รู้ว่าผมจะไปแล้ว

“แค่นี้มึงต้องลงไม่ลงมือกับเพื่อนกับฝูงเลยหรอวะ คนใจร้ายยยยย”

“ไปเหอะ” คิงส่ายหน้าใส่ปาร์คสองสามทีอย่างเหนื่อยหน่าย

“พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวขอตัวคิงไปส่งพี่แป๊บนึงแอบโยนงานไว้ให้คิงเยอะๆเลยก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ถ่วงเวลาให้” พอผมบอกน้องไปแบบนั้นเพื่อนของคิงก็ตอบกลับมากันอย่างเฮฮาแต่เหมือนจะมีคนนึงที่เฮฮาเกินไปจนเกือบจะได้ฝ่ามือจากคิงอีกทีนึง

“พี่นี่น่ารักจริงๆ ทำยังไงดีพวกมึง กูอยากมีพี่ควินเป็นของตัวเองสักคน เห้ย! ล้อเล่นน่ะล้อเล่น! ไอ้ห่าคิงใช้กำลังตลอด”

ผมดึงแขนคิงให้ออกมาจากห้องพลางหันไปก้มหน้ารับไหว้น้องๆด้านหลัง พออกมาผมถามทางไปห้องน้ำแล้วบอกให้คิงไปรอที่รถ ผมเดินหาห้องน้ำจนเจอเข้าไปทำธุระไม่กี่นาทีก็ออกมาแต่กลับพบใครบางคนพิงกำแพงดักรออยู่ซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร

“ไวน์มีอะไรจะพูดกับพี่หรือเปล่า?”

“แกใช่มั้ยคือคนในรูปของคิง” อืม ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ โผล่มาก็เข้าประเด็นเลยแบบนี้ก็ดีนะ

“ไม่เรียกพี่ควินแล้วหรอ ปีนเกลียวจังนะ”

“ตอบมา! คนในรูปคือแกใช่มั้ย!” แววตาโกรธแค้นดุดันที่มองมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัวสักนิด กลับกันมันดูน่าสมเพชเหลือเกินในสายตาผม ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนที่ดูน่าจะเพรียบพร้อมอย่างไวน์มายึดติดกับคิงจนกลายเป็นแบบนี้ได้ น่าเสียดายจริงๆ

“แล้วคิดว่าใช่มั้ยล่ะ” ผมกระตุกยิ้มมุมปากกลับไปด้วยท่าทีสบายๆผิดกับอีกคนที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ  ยิ่งผมยียวนไม่ยอมตอบก็ยิ่งดูเหมือนว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจมากยิ่งขึ้นสีหน้าฉายชัดถึงความเกลียดชัง จริงๆไม่ต้องมาถามไวน์คงจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าคนในรูปยังไงก็ต้องเป็นผมอยู่แล้ว

“เป็นแกก็ดี....เพราะของที่ได้ง่ายๆมันก็จะเบื่อได้ง่ายๆเหมือนกัน” ไวน์ยกยิ้มพูดจาเย้ยหยันใส่ผมอย่างสะใจ ยกมือขึ้นกอดอกเชิดหน้าเหยียบย่ำผมด้วยคำดูถูก

“ก็นะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงอย่างน้อยพี่ก็เคยได้เหมือนกัน”

“เหอะ พูดได้เต็มปากเต็มคำ”

“เอาเถอะ มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยพี่จะได้ไปสักที”

“แก...”

“แต่ก่อนไปพี่ขอบอกอะไรไว้หน่อย” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กช้าๆ ตาสบตาไม่มีใครหันหนี ผมเดินเข้าไปจนชิดตัวอีกคน ยกมือทั้งสองข้างทาบไว้ที่กำแพงกักขังคนตัวเล็กเอาไว้ คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันแต่ก็ยังเชิดหน้าทำเก่งแม้ว่าในแววตาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย

“อะไร” ไวน์เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่หนักแน่นเหมือนตอนแรก ผมก้มหน้าลงให้สายตาของเราอยู่ระดับเดียวกันแล้วพูดออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนที่ผ่านมา

“คิงเป็นแฟนพี่”

“......”

“ส่วนไวน์เป็นคนนอก....อย่ามายุ่งให้มากนัก”

ผมผละตัวออกแล้วหันหลังเดินออกจากมาทันทีที่พูดจบ ยอมรับเลยว่าคำพูดของไวน์เมื่อกี๊ทำให้ผมมีน้ำโหขึ้นมาแต่ผมก็ต้องทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไรเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายปั่นหัวได้ ที่ผมพูดออกไปก่อนจะออกมานั่นจะเรียกว่าคำเตือนก็ได้เพราะผมไม่รู้ว่าจะอดทนกับท่าทางอวดดีนั่นได้อีกสักกี่ครั้ง แต่ถ้าไวน์ยังไม่หยุดแล้วราวีไม่เลิกถึงตอนนั้นผมคงต้องเล่นบทโหดบ้างแล้วล่ะ





“อย่าดึกมากนะ จะกลับก็โทรมา ห้ามเมาเหล้านี่ไม่ต้องกินเลยก็ได้ อย่าให้ใครมายุ่ง แล้วก็-”

จุ๊บ

ผมมองปากบางที่ขยับมากเกินกว่าปกติอย่างหมั่นเขี้ยว สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องชะโงกข้ามเลาะไปจัดการจนได้ เรื่องก็คือตั้งแต่มาถึงที่ร้านคนพูดน้อยก็พูดออกมาไม่หยุดเหมือนคนไม่เคยได้พูดทั้งที่ตลอดทางที่ขับรถมาน้องก็บอกผมแบบนี้ซ้ำไปมาจนผมจะท่องได้อยู่แล้ว พอมาจอดที่ร้านก็ไม่ยอมให้ผมลงแล้วย้ำข้อตกลงเป็นครั้งที่ร้อย ผมนั่งฟังแบบทั้งขำทั้งเอ็นดู น้องน่ารักใส่จนผมต้องทำแบบนี้จนได้

“พูดจนจำขึ้นใจแล้วครับพ่อ” ผมละริมฝีปากออกมาพูดล้อเลียนคิงโดยที่ใบหน้าของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซน ถึงแสงไฟที่สาดส่องเข้ามาจะไม่ได้สว่างเหมือนตอนกลางวันแต่ใกล้กันขนาดนี้ก็ทำให้ผมเห็นแก้มที่ขึ้นสีของน้องได้ชัดเจน นี่น้องเขายั่วผมอยู่ใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ก็บอกเลยว่าทำสำเร็จแล้ว ผมขยับไปงับริมฝีปากตรงหน้าซ้ำๆอย่างหยอกล้อจนได้ยินเสียงหัวเราะทุ่มต่ำในลำคอด้วยความชอบใจจากเจ้าตัวก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยการแลบลิ้นมาไล่เลียริมฝีปากของผมแล้วแปรเปลี่ยนเป็นแนบสนิทลงมาปลายลิ้นร้อนเย้าแหย่เข้ามาสำรวจไปทั่วโพรงปาก มือหนายกขึ้นกดรั้งท้ายทอยของผมไว้ไม่ให้ถอยหนี นานนับนาทีกว่าผมจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระน้ำใสที่ไหลจากมุมปากถูกลิ้นอุ่นชื้นจัดการทำความสะอาดให้ก่อนจะค่อยๆลากต่ำไปจนหยุดอยู่ที่ลำคอขาว ฟันคมขบกัดดูดเม้มจนผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเล็กน้อย จนเมื่อเจ้าตัวพอใจจึงได้ผละออกไป ผมขยับกลับมานั่งลงตามเดิมพลางลูบคอตัวเองที่น่าจะขึ้นรอยชัดเจนแล้วได้แต่ถอนหายใจ นี่ผมพลาดไปเองหรือเปล่า ส่วนคนทำก็นั่งยิ้มมองผลงานของตัวเองอย่าพออกพอใจ

“อยากพาพี่กลับห้องมันเดี๋ยวนี้เลย”

“หึหึ พี่ว่าพี่ไปก่อนดีกว่า ไว้จะโทรหาอีกที” ผมรีบบอกแล้วเปิดประตูลงจากรถก่อนที่จะไม่ได้ลง สายตาน้องบอกว่าถ้าผมโอเคน้องคงพาผมกลับคอนโดจริงๆ เห็นแบบนี้ผมก็รักตัวกลัวตายเหมือนกันนะครับ ถึงจะโอเคขึ้นแต่ช่วงล่างยังปวดอยู่ดี โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยได้เดินเท่าไหร่เลยพอทนไป

ผมปิดประตูรถแล้วโบกมือให้คนด้านในกะจะรอให้น้องไปก่อนแต่ดูจากรถที่ไม่ขยับแล้วผมคงจะต้องเป็นฝ่ายไปก่อนสินะ ผมหันหลังเดินไปที่ทางเข้าแต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะใครบางคนที่โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“ควิน!”

“โอ๊ยย!” ซ้ำยังกระโดดกอดคอจนผมเซเล่นเอาผมต้องร้องเพราะช่วงล่างถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง

“เห้ย เป็นไร กูชนแรงขนาดนั้นเลยหรอวะ” เสียงคุ้นหูทำให้ผมหันหน้าไปดู

“โห่พี่เนย์ เล่นอะไรเนี่ย” พี่เนย์ทำหน้างงๆก่อนจะขอโทษขอโพยเลิ่กลั่ก ผมยืนนิ่งคลายความปวดลงแปบแล้วพยักหน้าให้พี่แกว่าโอเค หน้าผมอาจจะดูไม่สู้ดีพี่แกเลยเกาะแข้งเกาะขาหาว่าผมโกรธ ผมมองสำรวจพี่เนย์ที่ตอนนี้ไม่เหลือคราบของพี่เนย์ที่เจอวันก่อนเลยสักนิดท่าทางบ้าบอเป็นปกติของพี่แกทำให้ผมหลุดยิ้มจนได้ เห็นพี่เขาโอเคผมก็โอเค ก่อนที่จะเข้าไปผมหันกลับมามองด้านหลังก็ยังเห็นว่ารถของคิงยังไม่ขยับไปไหน ผมเลยหันหน้ากลับมาหาพี่เนย์แล้วชวนพี่เขาเข้าไปข้างใน “เข้าข้างในกันพี่”

“คอมึง....”

“ห้ะ อะไรนะ” พี่เนย์พูดอะไรบางอย่างแต่ผมได้ยินไม่ชัด พอถามกลับไปพี่แกก็ส่ายหน้ากลับมา ผมไม่ได้สนใจอะไรเดินตรงเข้าไปที่ผับแต่ก็ต้องหยุดเดินอีกครั้งเมื่อพี่เนย์ไม่ได้เดินตามมา ผมเรียกพี่เนย์อีกครั้งพี่แกถึงจะได้สติแล้วเดินตามผมมา อะไรของพี่แกวะ ผมมองพี่แกอย่างสงสัยเพียงแต่แปบเดียวพี่เนย์ก็กลับมาเป็นปกติยกมือมาขยี้หัวผมจนผมเสียทรง พอเห็นผมทำหน้าหงุดหงิดก็หัวเราะสะใจจนผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา เห้อ เหนื่อยใจกับพี่รหัสคนนี้จริงๆ





ท่าทางสนิทสนมของคนสองคนอยู่ในสายตาของคนในรถทุกอิริยาบถ ช่วงที่ร่างบางเดินนำไปผู้ชายคนนั้นหันกลับมามองทางนี้ เห็นหน้าแค่ไม่กี่วินาทีเขาก็รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ครู่เดียวก็ถูกคนของเขาเรียกกลับไป มือใหญ่ของผู้ชายคนนั้นที่ขยี้ผมของอีกคนทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน นี่ยังไม่ทันพ้นสายตาก็มีแมลงมาเกาะแกะแล้ว แม้จะไม่ค่อยชอบใจแต่ครั้งนี้ยังไงก็คงต้องยอม.....สงสัยครั้งหน้าคงจะต้องจัดการให้ไปไหนไม่ได้ซะแล้วมั้ง
















________________________________________
มาแล้ววววว อย่าพึ่งรุมทำร้ายเอิร์ทเลย ไถ่โทษที่มาช้าเดี๋ยวเอาอีกตอนมาลงให้ติดๆ -..-
ตอนนี้ส่วนตัวเอิร์ทนี่แต่งไปหลงไป หลงทั้งคิงหลงทั้งพี่ควินหลงไปหมด55555555555555555555555 อาจจะมีคำผิดบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะเอิร์ทพยายามตรวจแล้วแต่มันก็เล็ดลอดไปได้ทุกที
ขอบคุณทุกคอมเมนท์ทุกรีวิวนะคะ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยสำหรับเอิร์ท ตอนนี้อ่านแล้วก็ช่วยคอมเมนท์บอกกันด้วยน้า ใครที่เล่นทวิตเอิร์ทฝาก #คิงควิน ไว้ไปคุยกันได้น้า รักส์
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-06-2018 13:45:41
ลุ้นว่าจะเกิดเรื่องไหมทั้งทางคิงและพี่ควิน
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-06-2018 21:17:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 21:39:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องให้ได้อย่างนี้สิ  หมดยุคนาย(นาง)เอกใส ๆ ไม่สู้คนแล้ว  ต้องแบบนี้นาย(นาง)เอกไสย ๆ ร้ายมาร้ายกลับไม่โกง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-06-2018 03:28:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-06-2018 14:18:53
น้องคิงอย่ารุนแรงกับพี่ควินมากนะคะเดี๋ยวพี่ช้ำหมด
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 20 up [22/6/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-08-2018 23:30:17
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 18-09-2018 03:45:30
ตอนที่ 21





พาร์ท ควิน






เสียงเพลงจังหวะหนักดังกระแทกเข้ามากลบเสียงรอบข้างไปจนหมด และตั้งแต่ที่เดินเข้ามาด้านในก็รู้สึกว่ามีหลายคนกำลังมองมาทางผมแต่ไม่แน่ใจว่ามองผมหรือคนข้างๆผมกันแน่

“โต๊ะไหนพี่เนย์” ผมยื่นหน้าไปถามพี่เนย์ใกล้ๆเพราะกลัวว่าพี่เขาจะไม่ได้ยิน

“ตรงนั้นไง” ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองเมื่อกี๊เหมือนพี่เนย์จะชะงักไปนิดนึงรึป่าวนะ? ไม่ใช่หรอกมั้ง... ผมเดินไปทางโต๊ะที่พี่เนย์บอกก็เจอกับกลุ่มของเพื่อนพี่เนย์สองสามคนนั่งอยู่ มองไปรอบๆก็ยังไม่เห็นเงากลุ่มผมมาสักคน แต่เอาจริงก็คือผมมาไวไปเองนั่นแหละเพราะถ้าเกิดมาช้ากว่านี้เด็กโข่งของผมอาจจะงอแงให้ผมหมั่นเขี้ยวอีกแน่

“พี่โด พี่จีน พี่พลัม หวัดดีพี่” ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆที่นั่งอยู่แล้วนั่งลงตรงที่ว่างตรงข้ามกัน พี่เนย์ก็เดินมานั่งลงฝั่งเดียวกันกับผมพร้อมกับหยิบแก้วชงเหล้าแล้วยื่นมาให้ผมเสร็จ ผมยกขึ้นจิบกินแค่นิดหน่อย ตอนแรกนี่กะว่าวันนี้จะไม่กินด้วยซ้ำเพราะร่างกายผมยังไม่หายดีเท่าไหร่แต่ไหนๆก็มาแล้วมันก็ต้องมีบ้างแหละเนอะ
ระหว่างที่รอเพื่อนมาผมก็เอาแต่นั่งฟังพวกพี่เขาคุยกันซะส่วนใหญ่ พวกพี่เนย์เป็นคนเฮฮาเรื่องที่คุยก็จะเป็นเรื่องตลกๆทั้งนั้น ผมก็ยิ้มตามหัวเราะตามความบ้าบอของพวกพี่เขาไป ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยจะมีแค่หันมาถามความเห็นบ้าง หันมาหาพวกบ้างก็เท่านั้น สักพักนึงพวกไอ้เตก็ไลน์มาบอกว่ามาถึงร้านแล้ว ผมพิมพ์บอกตำแหน่งของโต๊ะไป รออีกไม่ถึงอึดใจร่างของเพื่อนๆก็มาโผล่ที่โต๊ะแล้ว

“พี่ๆหวัดดีค้าบบบบ”

“หวัดดีพี่”

เสียงไอ้ชาร์ปดังมาก่อนที่ตัวพวกมันจะมาถึงโต๊ะซะอีก ไอ้ซองก็ทักตามไป ปิดท้ายด้วยไอ้เตที่ยกมือไหว้พวกพี่เค้าเงียบๆแล้วนั่งลง เบาะข้างซ้ายผมยุบโดยมีเจ้าของน้ำหนักเป็นไอ้เต ผมยังไม่ทันจะอ้าปากทักพวกมันไอ้เตก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“ไงมึง กูไม่คิดเลยนะว่ามึงจะมาได้”

“อะไรของมึง” ผมมองไอ้เตที่ทำหน้าตากรุ้มกริ่มเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

“จะให้กูพูดตรงๆหรอควิน มึงจะไม่เขินหรอ” จบประโยคด้วยการยกยิ้มกวนตีนใส่ผมมาทีนึง พอได้ฟังที่มันพูดผมเองก็พอจะเดาได้ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันรู้ได้ไงก็เถอะ

“พูดมาเถอะ แต่กูว่ากูคงไม่เขินหรอกนะ” ผมตอบพร้อมกับยกยิ้มกลับให้มันไป

“ไม่เขินแล้วไม่เจ็บด้วยมั้ยจ๊ะ ตรงนั้นน่ะ” ไอ้เตถามยิ้มๆมือข้างนึงของมันที่พาดอยู่บนเบาะเลื่อนลงมาแตะบริเวณขอบกางเกงของผมลากลงต่ำอย่างล้อเลียนก่อนจะเอากลับไปพาดไว้ตามเดิม

“รู้มากจังเลยนะไอ้สัส” ผมด่ามันแบบไม่จริงจัง ยกแก้วในมือขึ้นจิบแล้วมองไปรอบๆโต๊ะ เหมือนว่าจะไม่ได้มีใครสนใจผมกับไอ้เตอยู่สักนิดแต่ต่อให้สนใจก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี “มึงรู้ได้ไง” ผมหันไปถามไอ้เตอีกครั้งด้วยความสงสัย

“แล้วมึงว่าจะมีใครที่จะนอนอยู่กับเด็กมึงตอนเช้าได้อีก” อ่าห้ะ รูปที่คิงลงนั่นเอง ผมพยักหน้าช้าๆก่อนจะหันไปหามันอีกที

“นั่นอาจจะไม่ใช่กูก็ได้ไม่ใช่หรอวะ?”

“ถ้าไม่ใช่มึงแล้วมึงจะถ่อไปอยู่มันไอ้เด็กนั่นตอนเย็นได้ไง อีกอย่างมึงไม่ได้ไปมหาลัยในรอบปีได้มั้ง”

“ฉลาดอย่างกับแดกเพดดีกรีเป็นอาหารหลักเลยนะมึง”

“มึงเก็บไว้แดกเองเหอะสัส ว่าแต่ถึงกับขาดเรียนนี่ไอ้เด็กนั่นคงจัดเต็มเลยมั้ง” ไอ้เตยื่นหน้ามาถามใกล้ๆ ผมล่ะเกลียดสายตาที่มันส่งมาชะมัด ได้แต่ส่ายหน้าให้คำถามมัน ก่อนจะดันหน้ากวนตีนของมันไปไกลๆ

“หึ เสือก” 

“เอาเถอะว่าแต่ยอมเขาแบบนี่นี่มึงจริงจังจริงๆใช่มั้ยควิน” ไอ้เตปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดจาจริงจังขึ้นมาโดยไม่ได้สบตากับผมแต่กลับมองไปรอบๆร้านแทนเหมือนไม่อยากกดดัน

“ก็คงงั้น ถ้ามันดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็จบ แต่กูก็หวังไว้ว่ามันจะดีแหละนะ” สิ้นสุดคำตอบผมไอ้เตก็ไม่ชวนคุยถึงเรื่องนี้อีก พอดีกับที่ไอ้ชาร์ปก็โวยวายขึ้นมาที่ผมไม่สนใจมัน หันไปอ้อนพวกพี่เนย์จนไอ้ซองต้องรีบดึงกลับมาทันทีเรียกเสียงโห่เสียงแซวจากพวกพี่ๆจนไอ้ชาร์ปไอ้ซองนั่งหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกกันทั้งคู่เลยครับ555555

ตลอดเวลาที่นั่งกินเหล้าพวกผมกับพวกพี่ๆก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย มีแค่พี่โดกับพี่พลัมที่ลุกไปเต้นไปๆมาๆ ตัวผมอย่างที่รู้ว่าแค่เดินได้ก็มหัศจรรย์แล้วถ้าจะให้ลุกไปไหนคงไม่ไหวจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังสังเกตได้ว่ามีบางคนมองมาที่ผม แต่ก็เท่านั้นเพราะผมไม่ได้มองหรือยิ้มตอบกลับใครไป ส่วนไอ้ชาร์ปก็พ่อไม่อนุญาตให้เข้าใกล้ใครหรือใครเข้าใกล้เลยได้แต่นั่งอยู่ในโอวาท ที่เหลือก็ขอนั่งกินชิวๆอย่างเดียวก็พอ ผมหันไปมองพี่เนย์ที่เหมือนจะเงียบกว่าปกติด้วยความสงสัย ทั้งที่บอกว่าวันนี้พามาเลี้ยงเหล้าก็นึกว่าพี่แกคงหายเศร้าจากเรื่องเมื่อวันก่อนแล้วแต่นี่ดูเหมือนชวนมากินย้อมใจมากกว่า

“พี่เนย์ โอเคมั้ยเนี่ย” ผมเอื้อมไปจับแขนพี่เนย์แล้วถาม

“...โอคงโอเคอะไรของมึง นี่กูใคร ระดับนี้ไม่มีไม่โอเคเว้ย! มึงนั่นแหละแดกๆเข้า พามาเลี้ยงทั้งทีแดกอย่างกับดม เสียดายเงินกูชิบหาย” ไม่น่าไปห่วงพี่เขาเลยนะครับ ถามดีๆโดนกลับมาเป็นชุด

“ผมไม่ค่อยสบายอ่ะพี่ ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่”

“ไม่สบาย? เป็นไรวะ? แล้วถ้าไม่สบายมึงจะมาทำไม”

“นิดหน่อยเองพี่ไม่ได้เป็นหนักอะไรขนาดนั้น อย่าเว่อร์น่า” หน้าพี่เนย์ดุขึ้นมาหนึ่งระดับได้พอรู้ว่าผมไม่สบาย จนผมต้องรีบอธิบายให้พี่แกเข้าใจว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

“แน่ใจนะมึง ถ้างั้นก็แล้วไป” หลังจากนั้นก็นั่งคุยไปนั่งกินไปอีกสักพักโทรศัพท์ของผมบนโต๊ะก็สว่างขึ้นแสดงข้อความไลน์ที่ใครบางคนส่งมา ผมหยิบขึ้นมาปลดล็อกอย่างไวแล้วรีบกดดูข้อความนั่นทันที

King : ยังไม่กลับอีกหรอ

ผมมองเวลาบนหน้าจอที่บอกเวลาว่าผ่านเข้าวันใหม่เรียบร้อย นี่ผมนั่งคุยแบบนี่มาจะสามชั่วโมงแล้วหรอเหมือนพึ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียวยังไงยังงั้น

Q : จะกลับแล้ว
Q : ไม่ต้องมารับก็ได้นะเดี๋ยวให้ไอ้เตไปส่ง

K : จะไปรับ


ผมยิ้มให้กับข้อความที่ตอบกลับมา เห้อ เอาแต่ใจจริงๆเลยนะเนี่ย

“ไม่ทราบว่าที่ยิ้มเล็กยิ้มน้อยยิ้มนิดยิ้มหน่อยกับโทรศัพท์นี่คุยกับใครอยู่ครับเพื่อนควิน” คือวันนี้เพื่อนเตจะไม่ยุ่งสักเรื่องไม่ได้เลยใช่มั้ย

“วันนี้เพื่อนเตขี้เสือกจังเลยนะครับ”

“Kเหอะ” ผมเหนื่อยจะเถียงกับไอ้เตเลยชูนิ้วกลางให้ไปเป็นอันจบการสนทนาเรื่องนี้ ผมไลน์บอกน้องไปว่ามารับเลยก็ได้ถ้าถึงแล้วก็โทรมา แต่สิ่งที่น้องตอบกลับมาทำให้ผมต้องรีบบอกลาทุกคนบนโต๊ะทันที

“เห้ยพวกมึงกูกลับแล้วนะ พี่ๆผมกลับก่อนนะครับ” ผมลุกขึ้นบอกทุกคนอย่างเร่งรีบ ทุกคนบนโต๊ะต่างมองมาที่ผมงงๆอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อะไรของมึงวะไอ้ควิน อยู่ๆก็จะลุกไปแบบนี้เฉยๆได้ไงล่ะโว้ยยย” ไอ้ชาร์ปแหกปากขึ้นมาก่อนใครส่วนคนที่เหลือก็รอฟังคำตอบกันตาปริบๆ

“เออกูไปก่อนน่า กูรีบ” ผมตอบมันกลับแล้วกำลังจะลุกขึ้นแต่เสียงไอ้เตก็มาขัดไว้อีก

“แล้วมึงจะกลับยังไง”

“ก็เหมือนตอนมา” ผมยักไหล่ตอบมันแบบไม่ปิดบัง มุมปากหยักของมันก็ยกขึ้นเหมือนเข้าใจคำตอบของผมในทันที พวกไอ้ชาร์ปไอ้ซองที่พอจะเดาได้จากที่คุยไลน์กันตอนเย็นก็หันไปมองหน้ายักคิ้วแบบรู้กัน พวกพี่ๆที่นั่งอยู่ก็มองหน้าพากันงงหนักกว่าเดิม

“อะไรกันวะพวกมึง บอกพวกกูบ้างดิ๊ไอ้ห่า”

“ไม่มีอะไรหรอกพี่พลัม แค่ไอ้ควินต้องรีบกลับไปหาน้องที่บ้านก็แค่นั้น” ไอ้เตชิงตอบพี่พลัมก่อนที่ผมจะได้อ้าปากซะอีก พี่พลัมที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วก็โบกมือไล่ผมกลับไป ผมยกมือไหว้พี่ๆก่อนจะก้าวออกมาจากแต่ยังไม่ทันพ้นขอบโต๊ะ มือผมก็ถูกคว้าไว้โดยบางคนที่นั่งอยู่ ผมหันไปมองมือที่คว้าไปก่อนจะเลื่อนไปมองหน้าเจ้าของมือนั้นต่อ

“มึงมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่วะควิน?” พี่เนย์ถามออกโดยที่ยังไม่ปล่อยมือจากมือผม แสงไฟน้อยนิดทำให้ผมเห็นสีหน้าของพี่เนย์ไม่ชัดแต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นฟังดูเรียบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก แต่เพราะว่าผมกำลังรีบเลยตัดสินใจบอกความจริงทุกคนไปดีกว่า ยังไงก็เป็นพี่ๆน้องๆกันอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่าผมไม่เคยคิดจะปิดบัง ถ้าใครไม่ถามก็ไม่จำเป็นต้องบอกแต่ถ้าใครถามผมก็ตอบตามตรง

“ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่น้องหรอกพี่”

“แต่เมื่อกี๊เตมันบอก....”

“แฟนผมเอง”

“.....”

“ผมไปก่อนนะ”


ผมดึงมือออกจากการจับกุมของพี่เนย์ หันไปยกมือลาทุกคนก่อนจะพบสีหน้าล้อเลียนขั้นสุดของเพื่อนในกลุ่มและสีหน้าตกใจของพวกพี่คนอื่นๆ ผมส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะรีบเดินออกมา มุ่งตัวตรงไปที่ลานจอดรถที่เด็กโข่งของผมจอดรออยู่ ครับ อ่านถูกแล้ว คิงจอดรอผมอยู่ที่นั่น พูดง่ายๆก็คือน้องมาถึงตั้งแต่ที่ไลน์มาหาผมแล้ว ไม่ว่ายังไงตอนนี้ผมก็ต้องกลับอยู่ดี

ทันที่ที่เดินออกมารถคุ้นตาก็จอดอยู่ไม่ไกล ผมรีบเดินเข้าไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วพาร่างเข้าไปด้านใน คนในรถมองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้วทำให้ผมได้เห็นสีหน้ายุ่งๆนั่นได้ชัดเจน

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น พี่ทำอะไรให้หงุดหงิดหรือเปล่า” ผมถามพลางยื่นมือไปกดคลึงระหว่างคิ้วเข้มที่ขมวดปมไว้ของอีกคนให้คลายออก มือหนายกขึ้นจับมือของผมไว้ให้เลิกเล่นส่งสายตาดุๆเหมือนไม่ชอบใจมาให้แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“เป็นอะไรครับ” ผมพลิกมือที่ถูกจับเข้าหามืออีกฝ่าย ยิ้มให้และเกลี่ยนิ้วโป้งวนบนหลังมือน้องอย่างเอาใจ เพียงไม่กี่วิเหตุผลที่อีกคนไม่พอใจก็ถูกเอ่ยออกมา

“ไม่ชอบกลิ่นนี้เลย” หือ กลิ่น? “กลิ่นที่ติดตัวพี่มา” อ่อ ผมยกแขนขึ้นมาดมกลิ่นที่ติดมาก็เลยเข้าใจ เป็นธรรมดาที่จะมีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือกลิ่นน้ำหอมของคนอื่นติดมา แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นประเด็นที่ทำให้เด็กโข่งของผมดูหงุดหงิดได้แบบนี้ สงสัยกลับถึงห้องต้องรีบไปอาบน้ำใหม่ซะแล้ว

“งั้นรีบกลับกันเถอะ พี่จะได้ไปอาบน้ำ”

“ดี เดี๋ยวจะขัดให้ไม่เหลือเลย”

“อะไรนะ” เหมือนน้องจะงึมงำอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่ค่อยชัด แต่พอถามน้องก็ส่ายหน้าให้ว่าไม่มีอะไรแต่สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี๊นี้แล้ว อะไรของเขา เดี๋ยวก็หงุดหงิดเดี๋ยวก็อารมณ์ดี บางทีผมก็งง ยิ่งพออีกฝ่ายเห็นว่าผมมองสักพักก็หันมายิ้มให้เฉย เห้อ แล้วนี่ผมจะไปยิ้มตามทำไม อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน






ใช้เวลาสักพักก็มาถึงคอนโด ระหว่างทางผมถามถึงเรื่องงานของน้อง เจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่าเกือบเสร็จแล้วที่เหลือเดี๋ยวคนอื่นทำต่อเอง ผมเลยไม่ถามอะไรต่อ ผมเดินเข้าไปในห้องนอนถอดเสื้อผ้าออกพันผ้าเช็ดตัวแล้วมุ่งไปยังห้องน้ำ แต่ไม่ทันจะปิดประตูใครบางคนก็อาศัยจังหวะนั้นแทรกตัวตามเข้ามาด้วย ผมหันไปมองก็เจอน้องยืนยกยิ้มมาให้ แขนแกร่งดันประตูให้ปิดลงเท่ากับว่าในห้องน้ำตอนนี้มีผู้ชายตัวโตสองคนกำลังยืนจ้องหน้ากัน

“ให้พี่อาบก่อนไม่ได้หรอ”

“อาบพร้อมกันทีเดียวก็ได้”

“ตามใจ” ผมได้แต่ปล่อยไปตามที่น้องต้องการ เพราะถึงจะห้ามไปแต่ตัวเข้ามาอยู่ในนี้ขนาดนี้แล้วก็เปล่าประโยชน์ “จะลงอ่างป่ะ” ผมหันไปถามเพราะเห็นว่าน้องเข้ามาอาบด้วย ปกติถ้าไม่เหนื่อยมากอะไรผมก็ไม่ค่อยจะลงอ่างแช่น้ำสักเท่าไหร่ พอน้องพยักหน้าตอบผมจึงหันมาเปิดน้ำเทโฟมลงไปตีจนฟองฟูขึ้นมา พอดีกับที่อีกคนถอดเสื้อผ้าจนหมดแล้วก้าวลงอ่างไปก่อน ผมปลดผ้าเช็ดตัวแขวนแล้วก้าวไปนั่งตรงข้ามกัน สายตาที่มองตามทุกการกระทำทำผมเขินนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยแหละครับ เพราะผมอายจนเลิกอายไปแล้วตอนนี้ อ่างใหญ่โตสมกับราคาห้องทำให้เราสองคนแช่กันได้สบายๆ

“พี่ควินมานี่” เพียงแค่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาเชิญชวน ร่างกายผมก็เขยิบตัวไปตามที่อีกคนเรียกอัตโนมัติ ผมคลานเข้าไปจนมาอยู่ที่หว่างขาของคนเรียก ไม่มีคำพูดใดให้มากความ ใบหน้าของผมถูกมือใหญ่เชยคางให้เอียงรับจุมพิตหอมหวานที่เจ้าตัวมอบให้ ผมยังคงอยู่ในท่าคลานเข้าหาอีกฝ่ายมือสองข้างของผมยันไว้ที่ต้นขาแกร่งใต้น้ำ ผมปรับองศาใบหน้าไปตามที่อีกคนชักพา นานนับนาทีที่ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกกลืนกิน ในที่สุดผมก็ต้องเป็นฝ่ายละริมฝีปากออกมาก่อน สีหน้าน้องบ่งบอกว่ายังต้องการอีกมากแค่ไหน แต่ผมก็คงไม่สามารถตามใจน้องได้ในเรื่องนี้

“หึ ถึงจะอยากเหมือนกันแต่พี่ยังไม่ไหวหรอกนะ” เพราะร่างกายที่ถูกรุกรานเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ยังไม่คืนสภาพเป็นปกติ ความเจ็บปวดที่พึ่งเคยได้สัมผัสยังไม่ยอมหายไปง่ายๆ ทำให้ผมเองต้องหักห้ามใจเอาไว้ไม่ให้คล้อยตามไปตอนนี้

“พี่ควิน” เสียงแหบทุ้มเรียกชื่อผมแผ่วเบาอย่างน่าสงสาร สายตาน้องเหมือนเข้าใจแต่ร่างกายก็ต้องการ ในที่สุดตัวผมก็ถูกดันให้ออกห่าง ผมแอบดีใจที่น้องเลือกจะฟังคำขอของผมไม่บังคับให้ผมรองรับอารมณ์ในตอนนี้ แต่พอได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ต้องอดกลั้นก็ทำให้ผมอดจะเอ็นดูไม่ได้

“เดี๋ยวพี่ช่วยนะครับ” ผมขยับเข้าไปหาร่างสูงอีกครั้งก่อนกระซิบบอกที่ข้างหูอีกฝ่ายแล้วตบท้ายด้วยการขบเม้มเบาๆ ผมขยับมือข้างนึงทาบลงที่หน้าท้องของน้อง รู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่หดเกร็งจนขึ้นเป็นลอน ผมไล้มือลูบวนที่หน้าท้องก่อนจะค่อยๆไล่ต่ำลงไปที่โคนขา หยอกล้อด้วยการหลีกเลี่ยงจุดสำคัญปัดผ่านเฉียดไปมาจนได้ยินเสียงฮึดฮัดดังออกมาจากลำคอของคนโดนแกล้ง

“หึหึ อ้าปากให้พี่หน่อย” ทันทีที่บอกน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผมส่งลิ้นเข้าไปฉกชิงน้ำหวานในโพรงปากน้อง มืออีกข้างของผมยกขึ้นมาดันท้ายทอยของน้องให้แนบแน่นยิ่งขึ้น มืออีกข้างก็เลิกหยอกล้อกอบกุมแกนกายที่แข็งขืนตื่นตัวของอีกคนไว้ในกำมือ

“อืมม” เสียงของน้องเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเมื่อผมเริ่มขยับมือรูดรั้งแกนกายให้ช้าๆ สะกิดส่วนปลายอย่างยั่วเย้า นิ้วมือผมคลายออกจากส่วนนั้นแล้วเคลื่อนย้ายมาเล่นกับพวงลูกบอลกลมกลึงแทน การกระทำของผมเรียกเสียงครางของน้องได้เป็นอย่างดี ผมละริมฝีปากไล่ลงมาตามสันกรามได้รูปลากลงต่ำไปเรื่อยๆ ผมขบเม้มบริเวณลำคอแกร่งอย่างมันเขี้ยว ยิ่งได้ยินเสียงที่แสดงออกถึงความพอใจผมก็ยิ่งได้ใจ ผมขบไปตามลาดไหล่หนา ฝากฝังรอยรักไว้ตามไหปลาร้าราวกับจะตีตราจองเอาไว้ ก่อนจะหยุดริมฝีปากไว้ที่หน้าอกที่โผล่พ้นน้ำ หัวนมที่ตั้งแข็งของน้องดึงดูดสายตาอย่างบอกไม่ถูก ผมอ้าปากฝังคมเขี้ยวลงไปที่ฐานอกน้องจนขึ้นรอยฟันรอบ

“อื้อออ.....พี่ควิน” แต่เหมือนเจ้าตัวกลับชอบแทนที่จะเจ็บ น่ารักแบบนี้จะไม่ให้แกล้งได้ยังไงไหว ผมลงลิ้นดูดดึงเม็ดเล็กบนหน้าอกนั่นพลางขยับมือรูดรั้งแกนกายให้น้องหนักเบาช้าเร็วสลับกันไป มาถึงตรงนี้กลางลำตัวของผมก็ตื่นตัวขึ้นมาไม่แพ้กันแต่ว่าทั้งที่ไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นเลยสักนิด เพียงแค่ได้สัมผัสร่างกายน้องผมก็รู้สึกเหมือนจะไปถึงปลายทางได้ไม่ยาก ผมเงยหน้าขึ้นไปประกบริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะช่วงชิงลมหายใจในช่วงสุดท้ายของกันและกัน ผมเร่งมือให้น้องพร้อมกับกอบกุมของตัวเองไว้ด้วยมืออีกข้างของตัวเองแล้วขยับเป็นจังหวะเดียวกัน

“พี่ควิน อึก เร็ว...อีก” ตามที่น้องขอผมรูดรั้งแกนกายจนสุดอย่างรัวเร็วทั้งของน้องและของผม ในวินาทีสุดท้ายที่ทุกอย่างจะจบลง เสียงของคนที่ใบหน้าห่างกันไม่กี่เซนก็เอ่ยเรียกชื่อผมอีกครั้ง

“พี่ควิน รัก นะ อ่ะ อ่าาาา”

“อึก อื้ออออออ” คำบอกรักที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมปลดปล่อยออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ผมรู้สึกเหมือนเลือดมากองรวมกันอยู่ตรงหน้าเมื่อรับรู้ว่าผมเสร็จเพียงเพราะแค่คำพูดสั้นๆของอีกคน ยังไม่ทันจะหายเหนื่อยร่างของผมก็ถูกรั้งเข้าไปกอดไว้แน่น แต่ด้วยท่าทางของเราทั้งคู่ทำให้ใบหน้าของน้องจมหายไปในอกผม รอยยิ้มเล็กๆที่มองเห็นได้จากมุมสูงทำให้ผมต้องยิ้มตามอีกครั้ง

“คิง” ทันทีที่คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมา ผมก็ก้มลงแนบริมฝีปากลงไปที่กลางหน้าผากของน้อง ค้างไว้ไม่กี่วินาทีก่อนจะผละออกมาสบตากับคนที่ยังมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้จะเห็นบ่อยนัก สุดท้ายกดใจไม่ไว้ต้องกดหน้าลงไปกดจูบซ้ำๆจนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของอีกคน

“พี่ก็รักคิงนะ” สิ้นเสียงของผมริ้วแดงจางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ พอผมยิ้มให้คนตรงหน้านั่นก็ซุกกลับเข้าไปที่อกผมอีกครั้งอย่างน่ารัก จนผมได้แต่ขำในความน่าเอ็นดูของเด็กโข่งคนนี้ และนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมสีเข้มตรงหน้า สูดดมความหอมจากอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือสองข้างของกอดประคองน้องไว้ในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หวงแหน

ต่อจากนี้ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่มีทางปล่อยคนๆนี้ไปเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“พี่รักคิงนะครับ”

“อือ คิงก็รักพี่”



















สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน ไม่เจอกันนานเลยคราวนี้อย่าพึ่งด่าเอิร์ทเลย แงงงงง
ขอสารภาพเลยว่าเอิร์ทเกือบจะไม่ได้มาต่อเรื่องนี้แล้วเพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้โน้ตบุ๊คของเออร์ทได้จากโลกนี้ไปพร้อมกับต้นฉบับที่แต่งไว้ทั้งหมด ในฐานะที่เป็นคนแต่งกว่าจะเขียนได้แต่ละคำแต่ละวรรคแต่บะบรรทัดมันยากมากๆ กว่าจะเข้าถึงอารมณ์ของช่วงนั้นๆ เวลาแต่งออกมาก็ได้แต่คิดว่าแบบนี้คนอ่านจะชอบมั้ยมันจะโอมั้ย กว่าจะคิดได้มันยากมากนะสำหรับเอิร์ท แล้วอยู่ๆมันก็หายไปทั้งหมดนั่นมันทำให้เอิร์ทเฟลมากๆ มากถึงมากที่สุด ตอนนั้นท้อแท้แล้วว่ามันเหนื่อย เหนื่อยมาก คือท้อมากๆแล้ว คือตอนนั้นจะแต่งใหม่ถึงจะรู้พล็อตแต่มันก็ไม่เหมือนเดิมเป๊ะๆได้หรอก
แต่คือทุกวันที่ไม่ได้ลงนิยายก็จะมีรีดเดอร์มาคอยเมนท์มา มารอ มาให้กำลังใจอยู่แทบทุกวัน บางคนก็ตามไปให้กำลังใจในแท็กในทวิต คือมันเป็นอะไรที่ทำให้เอิร์ทรู้สึกว่าแบบต้องลงให้ได้ ต้องแต่งใหม่ให้ได้ ทุกคนรออยู่
มาถึงตรงนี้เอิร์ทต้องขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนมากๆเลยจริงๆ ขอให้ทุกคนรู้ไว้เลยว่าที่แต่งต่อไปได้ตอนนี้มันมาจากทุกคนทุกเมนท์ทุกกำลังใจจริงๆ ถ้าไม่มีกำลังใจหรือคำว่ารอจากทุกคนเอิร์ทอาจจะไม่ได้มาลงตอนใหม่อีกแล้วก็ได้
ยังไงหลังจากนี้เอิร์ทจะไม่ท้อแล้วนะ ขอโทษที่ครั้งนึงเคยคิดจะทิ้งทุกคนไปแต่เมื่อทุกคนไม่ทิ้งเอิร์ท เอิร์ทก็จะไม่ทิ้งทุกคนเหมือนกัน รักนะคะทุกคนเลย ตอนนี้เป็นยังไงก็มาเมนท์มาคุยกันได้น้า ใครอยากคุยตามไปคุยได้ในทวิตเอิร์ทนะคะ ฝาก#คิงควินด้วยน้าาา รัก<3

ปล.ไหนๆก็คัมแบ็คแล้ว เอิร์ทก็จะมีของขวัญเล็กๆน้อยๆมาฝาก..... หึหึ เอ้า! ใครยังไงว่ามา เอิร์ทรอฟัง5555555555555


หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheBig ที่ 18-09-2018 11:35:32
ดีใจที่เห็นเรื่องนี้กลับมา สู้ๆนะคะ รออ่านค่าาาาา 
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2018 21:35:07
 :L1: :L1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-09-2018 22:45:21
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-09-2018 12:12:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-09-2018 15:16:30
ไวนต้องเข้ารับการรักษาจิตบำบัด ฟื้นฟูอาการอิจฉาริษยาให้จางหาย
หรือไม่งั้นก็ต้องให้ฝูงผู้ชาย พาไปรุมโทรมให้หายคันหายอยากเสียที
อยาก-เหลือ-เกิน  เมิ๊งงงงงงงงงง

พระเอก+นายเอก ยังมั่นคงกันอยู่ เหนียวแน่น จริงๆคู่นี้
รู้แระ..ตอกย้ำความเป็นคู่คุณ แค่คุณ ของคิงและควิน
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 21-09-2018 20:19:55
หวังว่านังไวย์จะไม่ทำอะไรรุนแรงนะถ้าเล่นแบบจิตวิทยาไม่ค่อยจะห่วงควินเท่าไหร่นางทันอยู่แล้วกลัวอย่างเดียวเล่นไม่ซื่อ รอบกัด เอาคนมาทำร้ายควินแต่คิงคงไม่บ่อยไว้เนาะ ดราม่าชามใหญ่จะมีไหม?
สนุกค่ะอย่าลืมมาต่อนะรออยู่จ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 21 up [18/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-09-2018 14:32:44
รู้เรื่องนะพี่เนย์
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: earthearthx ที่ 29-09-2018 19:48:09
ตอนที่ 22













พาร์ท คิง









เสียงพูดคุยโหวกเหวกโวยวายของเหล่าหมู่มวลมนุษย์ชาววิศวะที่หน้าตึกคณะในช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน เป็นอะไรที่รบกวนจิตใจของใครบางคนที่ฟุบหน้าหลับตาอยู่บนโต๊ะในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น แม้ในใจจะรู้สึกรำคาญเสียงรบกวนรอบข้างแต่ความง่วงงุนและความขี้เกียจที่เข้าครอบงำทำให้ร่างสูงเลือกที่จะก้มหน้านอนอยู่ตรงนี้แทนที่จะเดินเข้าไปนอนรอในห้องก่อนเงียบๆ



“มึงไปอดหลับอดนอนมาจากไหนนักหนาวะคิง ตั้งแต่มาถึงนี่มึงก็เอาแต่นอนไม่พูดไม่จา”



“ปล่อยมันนอนไปเหอะ มันตื่นมาก็ไม่คุยกับมึงอยู่ดี”



“เออ จริงของมึงว่ะไวน์”



ผมได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะเงยหน้าขึ้นไปมอง สองสามวันที่ผ่านมาผมนอนดึกและไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่ สาเหตุก็มาจากอีกคนที่อยู่ด้วยกันช่วงนี้ทำแต่งานจนดึกดื่น พี่ควินบอกว่าปี3 มีงานเยอะมากจนทำแทบไม่ทัน พอเห็นว่าคนตัวบางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็พาให้ผมเป็นห่วงจนอดหลับอดนอนอยู่เป็นเพื่อนไปด้วย ถึงแม้ว่าทุกคืนผมจะถูกไล่ให้ไปนอนก่อนแต่พอไม่มีอีกคนให้กอดมันก็นอนไม่หลับอยู่ดี สรุปผมเลยได้แต่สะลึมสะลือมาเรียนทุกวันแบบนี้ไงครับ



“ไอ้ไวน์ไอ้คิง! โอ้ยยย กูหาพวกมึงเจอสักที!” เสียงใครไม่รู้ตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับเสียงคนวิ่งเข้ามาใกล้



“มึงจะแหกปากทำไมวะไอ้นัท มีเรื่องอะไรค่อยมาพูดใกล้ๆไม่ได้หรือไง” อันนี้น่าจะเป็นเสียงของไอ้ปาร์คพูดขึ้นมา



“เออโทษทีว่ะ”



“ว่าแต่เมื่อกี๊มึงเรียกกูกับคิงใช่ป่ะวะ?”



“ใช่ๆพอดีกูมีเรื่องจะคุยกับพวกมึงหน่อย แล้วไอ้ที่นอนอยู่นั่นไอ้คิงใช่มั้ยน่ะ”



“เออ มีอะไรพูดเลย” จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปคุยกับพวกมันแม้ว่าจะได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในการสนทนานี้ก็ตาม คนที่วิ่งมาหาพวกผมคือนัท มันเป็นเพื่อนในสาขาเดียวกันนี่แหละครับ สนิทกับกลุ่มพวกผมอยู่พอตัวแต่ถึงอย่างนั้นปกติผมก็ไม่ใช่คนที่คุยกับคนอื่นสักเท่าไหร่กับนัทก็เช่นกัน ตอนนี้ผมเลยนึกไม่ออกว่ามีเรื่องอะไรที่ไอ้นัทจะพูดแล้วจะเกี่ยวกับผมได้



“คือ...เอ่อ...คือกูจะมาขอร้องมึงกับคิงให้ช่วยไปถ่ายรูปโปรโมทคณะให้หน่อย...ได้มั้ยวะ”



“ถ่ายรูปอะระ-”’



“ไม่” ผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับคำตอบโดยที่ไม่จำเป็นต้องฟังรายละเอียดเพิ่มเติมอะไรอีก ได้ยินแค่นี้ก็รู้แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อ



“เดี๋ยวคิงๆ มึงจะฟังไอ้นัทมันอธิบายอะไรก่อนหรอวะ” ไอ้ไวน์หันมาพูดกับผม หันไปหันมาระหว่างผมกับนัท



“เอ้าไอ้คิง! มึงก็ไม่ได้หลับนี่หว่า ทีพวกกูคุยด้วยไม่คุยทีมีเรื่องงี้ละเด้งขึ้นมาเป็นสปริงเชียวไอ้สัส”



“เงียบไปปาร์ค” ผมหันไปบอกไอ้ปาร์คแล้วหันมามองหน้านัทที่ทำท่าทางเลิ่กลั่กตรงหน้า เสียงไอ้ปาร์คงุ้งงิ้งใส่ผมจนต้องหันไปปรายตามองอีกรอบมันถึงจะยอมหยุดพูดแล้วสะบัดมือไล่ผมให้กลับไปคุยกับนัทต่อ



“คือมึง...แบบว่าอันนี้มันงานคณะเรานะเว้ย แค่ถ่ายรูปนิดหน่อยเองนะมึง” นัทพยายามพูดให้ผมฟังด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังลำบากใจ



“ฟังมันสักนิดก่อนดิวะมึง...แล้วคือถ่ายไปทำไม ถ่ายเพื่ออะไรยังไงวะนัท แล้วทำไมต้องเป็นกูกับคิงด้วยล่ะ” ไวน์หันมาบอกให้ผมฟังก่อนจะหันไปคุยกับนัทต่อ



“คืองี้ๆ มันก็ใกล้ช่วงต้องโปรโมทคณะแล้ว พวกกูคิดกันว่าคณะเรามีอะไรดีจะได้เอาไปโชว์บ้าง แล้วทีนี้พวกผู้หญิงมันก็คิดว่าช่วงนี้พวกกระแสคู่จิ้นอะไรนี่แหละมาแรงมาก พวกกูเลยว่าจะลองถ่ายรูปโปรโมทคณะแนวคู่จิ้นดูบ้าง คนเค้าน่าจะชอบกัน”



“แล้วเกี่ยวอะไรกับกู” ผมถามขึ้นทันทีหลังจากที่นัทพูดจบ



“ไอ้คิง! มึงก็พูดไม่รักษาน้ำใจมันเลยไอ้ห่า ไอ้นัทมันหน้าเสียเป็นแกงค้างคืนแล้วมึงเห็นมั้ยน่ะ”



“เอออย่างที่ไอ้ฟินพูด นัทมันแค่มาขอให้ช่วยมึงอย่าไปดุมันแบบนั้นดิ” ผมถอนหายใจเมื่อถูกไอ้ฟินไอ้ไวน์ว่ากลับมา พอเห็นว่าผมเงียบนัทก็เริ่มพูดต่อ



“คือพวกกูลองคิดดูว่ามีใครพอจะเหมาะกับงานนี้บ้าง หลายๆคนก็แนะนำว่าพวกมึงสองคนอยู่ด้วยกันตลอด แถมหน้าตาก็ดีทั้งคู่ ไอ้ไวน์ก็ตัวเล็กน่ารัก ไอ้คิงก็หล่อแมนแฮนซั่มบอยขนาดนี้ ดูแล้วยังไงก็น่าจะโอสุด พวกผู้หญิงหลายคนก็แอบกรี๊ดพวกมึงอยู่นะเว้ย แล้วพอหลายๆคนพูดแบบนั้นกูเลยมาขอร้องพวกมึงนี่ไง แค่ถ่ายรูปโปรโมทเอง พวกมึงสนิทกันอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องมาอึดอัดอะไรด้วย นะพวกมึง ถือว่าช่วยคณะ นะนะ”



“คือกูไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ว่า...” ไอ้ไวน์บอกกับนัทก่อนจะเหลือบมามองผมเล็กน้อยแล้วเงียบไป



“ไม่” ผมยังยืนยันคำตอบเดิมแล้วฟุบหน้าลงนอน



“เดี๋ยวพวกกูคุยกันอีกทีนะมึง” เสียงไอ้ไวน์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินออกไป



“คิง มึงเงยหน้ามาคุยกันก่อน” ตัวผมถูกเขย่าด้วยมือเล็กๆของไอ้ไวน์จนผมนอนไม่ได้



“ก็บอกว่าไม่ไง” ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา ทั้งง่่วงทั้งถูกเซ้าซี้จนไม่เป็นอันจะนอน พอหันมามองหน้ามันก็ถูกคะยั้นคะยอต่ออีก



“แค่ถ่ายรูปเอง น่าสนุกออก ได้ช่วยคณะด้วยนะมึง ทำเหอะนะ” ไอ้ไวน์พูดพลางเขย่าแขนผมงอแงเป็นเด็กๆ



“มึงอ้อนให้ตายมันก็ไม่ทำหรอก กูพนันที่ยี่สิบ”



“ถุย เก็บไว้ซื้อลูกชิ้นเถอะยี่สิบของมึงน่ะไอ้สัส”



“สี่สิบไปเลยเป็นไง”



“กูให้ร้อยนึง ยังไงไอ้คิงก็ไม่ทำ”



“แทนที่พวกมึงจะช่วยกูพูด เสือกมาพนันส้นตีนอะไรก็ไม่รู้ โว้ะ!” ผมปล่อยให้ไอ้ไวน์กับคนอื่นๆในกลุ่มเถียงกันแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดไลน์หาบางคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะตื่นหรือยัง พอดีวันนี้ผมมีเรียนเช้าส่วนพี่ควินมีเรียนบ่าย ผมเลยต้องมาก่อนแล้วปล่อยให้อีกคนนอนต่อไป แต่จนถึงเวลาขึ้นเรียนก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับมาสงสัยคงยังไม่ตื่น



ผมขึ้นเรียนโดยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตลอดเวลา ไม่รู้สิ ผมว่าผมคงจะติดพี่ควินมากเข้าไปทุกที ทั้งที่เจอกันอยู่ทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเหมือนไม่พอ อยากแตะต้องร่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพี่ควินไม่เคยห้ามไม่เคยขัดใจ ความรู้สึกของผมก็ยิ่งถลำลึกจมลงในบ่วงของพี่ควินมากเข้าไปทุกที









หมดคาบลงพวกผมก็พากันออกมาหาอะไรกินที่โรงอาหาร โดยมีผมกับไอ้ไวน์นั่งเฝ้าโต๊ะและคนอื่นๆไปซื้อข้าว ระหว่างรอไอ้ไวน์ยังคงพูดให้ผมเปลี่ยนใจไปถ่ายรูปอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ปฏิเสธทุกทีจนกระทั่งใครบางคนดันผ่านมาได้ยินเข้า



“ไอ้น้องรักกกก” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับวางมือพาดลงบนไหล่ของผม



“หวัดดีพี่” ผมหันไปทักทายคนที่มายืนอยู่ข้างๆพร้อมกับไอ้ไวน์



“พี่ไวท์ หวัดดีครับ”



“เออดี” พี่ไวท์มองไอ้ไวน์ด้วยหางตา ตอบรับไปส่งๆแบบไม่ใยดี แล้วหันหน้าหนีมายิ้มให้ผมแทน



“มาทำไรอ่ะพี่” ไอ้ไวน์ถามขึ้น



“กูก็มาหาน้องรหัสที่รักของกูน่ะสิ ว่าแต่ไม่เห็นหน้ามึงหลายวันเลยนะน้องรัก มีเวลาไปคุยกับพี่สักหน่อยมั้ยจ๊ะ” ประโยคแรกเป็นของไอ้ไวน์ ส่วนประโยคหลังเป็นของผม และพี่ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด



“คุยตรงนี้ก็ได้นี่พี่”



“กูจะคุยกับน้องกู ตรงไหนก็เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยวป่ะ?”



“พอได้แล้ว เดี๋ยวกูมาแล้วกัน” ผมหยุดทั้งคู่ไว้ก่อนจะทะเลาะกันแล้วหันไปบอกไอ้ไวน์ที่สีหน้าเริ่มจะไม่ปกติ มองหน้าพี่ไวท์ไม่ละสายตา ส่วนอีกคนก็ยืนทำหน้ายั่วโมโหอย่างไม่สะทกสะท้านจนผมต้องจับแยก



“ไปกันเถอะ ไปหาที่เงียบๆคุยกันนนนนน” พอผมลุกขึ้นจากโต๊ะ พี่ไวท์ก็พุ่งเข้ามากอดแขนผมแล้วลากผมออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว ทิ้งไอ้ไวน์ให้นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว



พี่ไวท์ลากผมเดินออกมาที่ซุ้มไม้ข้างๆตึกที่ว่างอยู่ ปล่อยมือออกจากแขนผมกระโดดเข้าไปนั่งด้านในแล้วกระดิกเท้าเรียกผมยิกๆ



คนตรงหน้าผมตอนนี้คือพี่รหัสของผมเอง พี่ไวท์เป็นผู้ชายตัวเล็ก หน้าตาถือว่าน่ารัก ผิวสองสีไม่ขาวไม่ดำ รวมๆจัดว่าเป็นคนน่ารักผิดกับนิสัยที่ค่อนข้างหยาบคายผิดกับหน้าตาลิบลับ



“มานั่งเร็วๆดิ้มึง ลีลาอะไรอยู่ได้”



“มีอะไร”



“ไว้ก่อน เมื่อกี๊มึงเห็นหน้าเพื่อนมึงป่ะ? เหมือนจะแดกกูอ่ะ สะใจชิบหาย” ดูจากรอยยิ้มบนหน้านั่นก็คงจะสะใจจริงๆแหละ



“ก็ไปยั่วโมโหมัน” ผมตอบสั้นๆ ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่แก ต้องขอบอกว่าพี่ไวท์กับไอ้ไวน์ไม่ถูกกันตั้งแต่ปี1 สาเหตุคงจะมาจากตัวผมเอง ตอนที่ไอ้ไวน์รู้ว่าผมได้พี่รหัสเป็นผู้ชายน่ารักคนนึงมันก็เหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ ถึงแม้มันจะพยายามเก็บไว้ไม่แสดงออกแต่ผมกับพี่ไวท์ก็รู้สึกได้ พี่ไวท์ที่ไม่แน่ใจเลยตัดสินใจถามว่าผมกับไอ้ไวน์เป็นอะไรกัน ซึ่งผมก็ตอบไปว่าเป็นแค่เพื่อนไม่ได้จะเป็นอะไรมากกว่านั้น และผมขอไว้ว่าไม่ให้พี่ไวท์พูดอะไรไปเพราะไม่อยากจะมีปัญหา พี่ไวท์ก็รับปากว่าจะไม่พูดไป ตอนแรกๆพี่ไวท์มีบ้างที่เข้ามาหาผมก็กะจะแกล้งมันเล่นๆแต่ไม่รู้ว่ายังไงมีอยู่วันนึงที่ผมไม่ได้ไปมหาลัย วันถัดมาก็มีคนมาบอกว่าพี่ไวท์เกือบจะเข้าไปต่อยไอ้ไวน์ ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอถามไปก็ไม่มีใครพูดผมเลยปล่อยไป แล้วหลังจากนั้นเวลาเจอกันท่าทีของพี่ไวท์ที่มีต่อมันก็เปลี่ยนไป



“เออเห็นหน้ามันละอดไม่ได้แม่งสักที ยังไงกูก็เกลียดขี้หน้ามันว่ะ แล้วแม่งมันดันมาชื่อคล้ายกูอีกอันนี้กูยังรับไม่ได้ด้วยบอกตรงๆ”



“ก็เปลี่ยนชื่อไปสิ”



“อ้าววว เรื่องอะไรที่กูจะต้องเป็นคนเปลี่ยน มันสิต้องเปลี่ยน”



“งั้นก็เลิกพูดเรื่องชื่อสักที พูดทุกครั้งไม่เบื่อหรือไง”



“เออแม่งพูดนิดพูดหน่อยไม่ได้”



“เอาดีๆ มีอะไร”



“เออๆ กูจะมาคุยเรื่องโปรโมทคณะ”



“ไม่” ผมตอบทันทีที่ได้ยิน



“มึงหยุดเลย มึงต้องทำ ถึงแม้ว่ากูจะเกลียดขี้หน้าเพื่อนมึงขนาดไหนแต่งานนี้เพื่อคณะ กูจะเว้นให้สักครั้ง”



“ถ้าพี่อยากทำนักก็ทำเอง” ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ทำไมจะต้องมาบังคับอะไรผมกันนักหนา



“เหอะ เพราะกูก็ต้องทำนี่ไงถึงได้มาบอกให้มึงไปทำด้วย!”



“หมายความว่าพี่ก็ต้องถ่ายด้วย?”



“เออ กูก็โดนขอร้องมาเหมือนกัน”



“แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหน ทำไมผมต้องทำ”



“ก็กูสั่งนี่ไงละโว้ย!!! มึงช่วยงัดหน้าหล่อๆมาโชว์ให้เป็นบุญของคณะเราที่มีคนแบบมึงทีเหอะ กูไหว้ล่ะ”



“แล้วถ้าไม่ทำ?”



“คำสั่งรุ่นพี่”



“แล้วไง”



“เฮ้ออออ มึงนี่นะ เคารพกูหน่อยเถอะ เอาเป็นว่ากูขอร้องแล้วกัน เพื่อคณะเรา ถ่ายให้มันจบๆไป”



“.......”



“กูขอ”



“.....แค่ครั้งนี้เท่านั้น”



“เออ”



















‘ฮัลโหล’


“พี่อยู่ไหน” หลังจากเลิกเรียนผมรีบตรงมารับพี่ควินที่คณะเหมือนทุกวัน เพียงแต่วันนี้รอจนเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววของร่างบางจะออกมาจากตึกเลยสักนิด สุดท้ายเลยตัดสินใจโทรไปหา ทันทีที่ปลายสายตอบรับผมก็ถามออกไปทันที



‘อยู่ห้องสมุดไงทำมะ.....เอ้า! ถึงเวลาแล้วหรอ ขอโทษๆพี่มัวแต่ทำงานจนลืมดูเวลาเลย แปบนึงๆพี่เก็บของก่อน’


“ไม่เป็นไร อย่ารีบ” ผมบอกเพราะได้ยินเสียงเหมือนว่าอีกคนกำลังรีบร้อนทำอะไรสักอย่างอยู่



‘เสร็จแล้วๆ....ไปก่อนนะพี่เนย์’ ปลายสายพูดกับผมก่อนที่จะพูดประโยคหลังกับใครสักคน พี่เนย์? ใคร? เหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย



‘อะไรวะบทจะรีบจะไปก็ไปเฉยเลยมึง รอกูก่อนกูจะออกไปด้วย / โอเคงั้นเร็วเลยพี่ / มึงจะรีบไปตามควายที่ไหนวะ! / เอาน่า มาๆผมช่วย’ เสียงไม่คุ้นหูของใครสักคนที่กำลังคุยอยู่กับพี่ควินเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินจากโทรศัพท์แล้วหลังจากนั้นสายก็ถูกตัดไป ผมรออีกไม่กี่นาทีพี่ควินก็เดินออกมาจากมุมหนึ่งของตึกพร้อมกับบางคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงในสายเมื่อกี๊นี้



ถ้าผมจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้คือคนๆเดียวกับคนที่ผมเห็นที่ลานจอดรถของผับเมื่อวันก่อน ผมสังเกตว่าข้างๆของพี่ควินไม่มีเพื่อนเดินตามออกมาอีก แสดงว่าเมื่อกี๊อยู่กับคนนี้แค่สองคน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งก่อนหรือเปล่า ผมถึงได้รู้สึกแปลกๆที่เห็นพี่ควินอยู่กับคนๆนี้ ผมมองตามระหว่างที่พี่ควินเดินมา จากท่าทางของทั้งสองคนดูแล้วคงจะสนิทกันมากพอตัวอีกคนถึงได้พาดแขนไว้บนไหล่บางนั่นได้ จนมาถึงทางที่ต้องแยกกันพี่ควินหันไปโบกไม้โบกมือลาแล้ววิ่งตรงมาที่รถผมที่จอดรออยู่ ส่วนอีกคนที่แยกกันยังยืนอยู่ที่เดิมแต่สายตามองตามพี่ควินไม่หยุดจนคิ้วผมเริ่มจะขยับเข้าหากันอีกครั้ง



“ขอโทษนะคิง รอพี่นาน ฮึก เลย แฮ่กๆ” เสียงพี่ควินที่พูดขึ้นพร้อมๆกับเปิดประตูรถเข้ามานั่งไปด้วยเรียกให้ผมต้องหันมาสนใจ ใบหน้าขาวขึ้นสีเลือดจางเล็กน้อยจากความเหนื่อย



“เมื่อกี๊ก็บอกว่าอย่ารีบ” ผมว่าดุๆแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อตามขอบหน้าสวยให้



“ก็คิงรอนาน”



“รอได้”



“โอเคๆไม่เถียงแล้ว” ผมเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋าตามเดิมหลังจากที่ใช้งานมันเสร็จ แล้วเตรียมตัวออกรถแต่ก่อนไปผมมองไปทางทิศที่พี่ควินมา.....ผู้ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับและมองมาทางนี้อย่างกับจะมองให้ทะลุฟิล์มมาข้างใน



“คนนั้นใคร” พี่ควินมองไปตามทางที่ผมถามแล้วก็ตอบออกมา



“อ๋อพี่เนย์ พี่รหัสพี่เอง มีอะไรเปล่า?”



“เปล่า แค่เห็นว่ามองตามพี่มาเลยถามดู”



“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”



“อือ” ผมค่อยๆขับรถออกจากตรงนั้น แล้วเหลือบมองกระจกข้างที่สะท้อนร่างของชายคนหนึ่งที่นึงมองตามมาจนลับสายตา



ผมรู้ดีว่าพี่ควินมีสเน่ห์แค่ไหน ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ถูกดึงดูดเข้ามาหาได้ทั้งนั้น แม้แต่ผู้ชายคนนั้นเองก็คงจะหลงสเน่ห์พี่ควินเข้าแล้วเหมือนกัน อืม แต่แย่หน่อยที่คนนั้นคงจะได้แต่มองต่อไป....ไม่มีวันได้ครอบครอง









“ทำงานอีกแล้วหรอ” หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำผมก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ควินคว้าเอาหนังสือและชีทหลายปึกมาวางที่โต๊ะกลางห้องแล้วนั่งกับพื้นซึ่งเป็นที่ประจำเวลาพี่ควินทำงาน พอเห็นแบบนั้นผมเดินตามมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ



“อืม อันเก่ายังไม่เสร็จดีเลยมีอันใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว แถมพรุ่งนี้มีสอบ ชีทพี่ก็ยังอ่านไม่ทันเลยด้วย” คนหน้าสวยตอบผมด้วยสีหน้าอ่อนล้าน่าสงสาร



“มีอะไรที่ให้ช่วยได้บ้างมั้ย” ผมถามเพราะอยากช่วยจริงๆ เวลาเห็นพี่ควินทำงานจนสีหน้าไม่สู้ดีผมเองก็รู้สึกแย่ที่ได้แต่มองแล้วช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่พอถามออกไปก็ได้รับรอยยิ้มกลับมา



“ช่วยไปนอนเผื่อพี่ได้มั้ยครับ” มือเรียวยกขึ้นมาลูบผมของผมเบาๆแบบที่ผมชอบให้ทำ ปกติผมไม่เคยให้ใครมายุ่งกับหัวแต่กับพี่ควินต่อให้เขาจับหัวผมฟาดขอบโต๊ะผมยังแอบคิดว่าอาจจะยอมเลยด้วยซ้ำ



“ไม่เอา จะนอนพร้อมพี่” ทุกวันพี่ควินจะไล่ให้ผมไปนอนก่อนแต่ก็อย่างที่บอกว่าผมนอนไม่ลงหรอกครับ



“ดื้อจริงๆ วันหลังพี่จะลงไปทำที่ห้องพี่แล้วนะถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้”



“ถ้าพี่ไปคิงจะไปรอหน้าห้องพี่” ผมพูดจริง ถ้าพี่ควินหนีไปผมก็จะตามไปให้ดู



“โอเค พี่เชื่อว่าคิงทำแน่ งั้นก็นั่งรอไปก่อน พี่จะรีบทำแล้วเราค่อยไปนอนกันเนอะ”



“อือ”



หลังจากนั้นผมก็นั่งเล่นเกมรอพี่ควินทำงานไปสักพัก ไปหยิบน้ำหยิบขนมมากินกับพี่ควินบ้าง จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแบตโทรศัพท์ผมก็หมด แต่พี่ควินก็ยังคงทำงานอยู่อย่างนั้น ผมเดินเอาโทรศัพท์ไปชาตไว้แล้วมานั่งมองพี่ควินเงียบๆ



หน้าตาที่จัดว่าทั้งหล่อทั้งสวยที่กำลังเคร่งเครียดกับกองงานตรงหน้าดูน่าหลงใหลไม่แพ้กับใบหน้ายามยิ้มสดใส ทุกอากัปกิริยาของคนตรงหน้าชวนให้ลุ่มหลงไปซะหมด แค่มองนานๆยังทำเอาใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ระหว่างที่กำลังพิจารณาคนตรงหน้าผมก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ยังไม่ได้เล่าให้ฟัง



“พี่”



“หืม?”



“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าคิงต้องไปถ่ายรูปโปรโมทคณะด้วยล่ะ” พอผมพูดจบพี่ควินก็เงยหน้าจากกองชีทมามองหน้าผมแทน



“โปรโมทคณะหรอ อืม พี่ไม่คิดว่าคิงจะไปทำอะไรแบบนี้ด้วยนะเนี่ยแต่ก็ดีแล้วล่ะ” พี่ควินยิ้มให้ก่อนจะก้มลงไปมองกองชีทตามเดิม



“แต่ว่าคิงต้องถ่ายกับไวน์” มือที่จับปากกาอยู่ชะงักลง และเป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองผม



“ถ่ายคู่หรอ” พี่ควินถาม



“อือ รุ่นพี่เค้าขอมาไม่ทำก็ไม่ได้”



“อ่อ โอเค พี่เข้าใจน่า” ผมสบตาพี่ควินเพื่อความแน่ใจ ผมกลัวว่าพี่ควินจะคิดมากเรื่องผมกับไวน์อีก แต่สายตาที่สบกันอยู่ตอนนี้ไม่มีร่อยรอยของความกังวลหรืออะไรที่ผมคิดเอาไว้สักนิด สายของพี่ควินแน่วแน่ว่าเชื่อใจผม เท่านั้นก็ทำให้ผมเผยรอยยิ้มออกไปได้



ผ่านมาสักผมผมก็นั่งมองพี่ควินทำงานอยู่แบบนั้นจนกระทั่งคนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน



“ฮัลโหลพี่เนย์....ว่างป่าว.....โอเคคือพี่ช่วยดูรูปที่ส่งไปในไลน์หน่อยดิ คือผมอ่านชีทพี่ไม่ออกตรงนั้นอ่ะ....สำคัญด้วยดิ....ดูให้หน่อยๆ.....โอเคขอบคุณพี่”



พี่เนย์อีกแล้ว ทำไมชื่อนี้ผ่านมาให้ได้ยินบ่อยขนาดนี้นะ....

















“คิง คิง ตื่นก่อน”



“......” ผมลืมตาช้าๆเพราะได้ยินเสียงเรียกจากพี่ควิน



“พี่บอกแล้วว่าง่วงก็ไปนอนไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่หรอก ลุกไปนอนดีๆเร็วนอนแบบนี้เดี๋ยวปวดหลังปวดคอหรอก” สิ่งแรกที่เห็นคือหน้าของคนรักที่ปลุกผมอยู่ใกล้ นี่ผมเผลอนั่งหลับกับโต๊ะงั้นหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่



“.....ตอนนี้กี่ทุ่ม” ผมหรี่ตาถามเมือตื่นมาเจอกับแสงไฟที่ยังสว่างทั่วทั้งห้อง



“เที่ยงคืนกว่าน่ะ คิงหลับไปยังไม่ถึงชั่วโมงเลยแต่ยังไงก็ลุกไปนอนดีๆ”



“ยังไม่เสร็จอีกหรอ” กองชีทบนโต๊ะยังระเกะระกะอยู่เต็มไปหมดส่วนเจ้าของกองชีทนั่นก็ยังคงถือปากกาไว้ในมือ



“อืม เหลืออีกนิดหน่อย แปลเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ คิงไปนอนรอพี่ในห้องก็ได้นะ”



“ไม่เอา”



“หึหึ ตาจะลืมไม่ขึ้นแล้วยังจะมาเถียงพี่อีก” แค่ได้ยินเสียงก็นึกออกเลยว่าคนพูดกำลังยิ้มแบบไหนอยู่ แต่ก็อย่างที่พี่ควินพูด ตอนนี้ผมง่วงจนจะลืมตาไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากจะทิ้งพี่ควินไปแล้วไปนอนคนเดียวนี่



“จะรอ...เร็ว” ผมแนบหน้าลงกับโต๊ะแล้วพยายามลืมตาคุยกับพี่ควิน



“เฮ้อ บอกไม่ฟังจริงๆ” พี่ควินส่ายหน้าใส่แล้วขยับตัวหันมาทางนี้ ตบหน้าขาของตัวเองเบาๆแล้วเรียกผมไป “มานอนนี่มา” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รีบขยับตัวไปใกล้ นอนคว่ำวางหัวลงบนตักของพี่ควินเหยียดขาออกส่วนมือก็โอบกอดเอวบางเอาไว้แล้วหลับลง



ผมนอนอยู่แบบนั้นอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตลอดเวลาก็รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่วนเวียนอยู่ที่ผม มือเรียวไกล่เกลี่ยเส้นผมของผมเล่นเหมือนกับจะกล่อมให้ผมหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกปลุกให้ไปนอนในห้องด้วยกัน พอล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ผมก็คว้าอีกคนเข้ามากอดให้สาแก่ใจ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตอนที่ผมซุกไซ้สูดดมความหอมจากซอกคอบาง ไม่รู้ไปไงมาไงแต่ว่าสุดท้ายในคืนนี้.....ผมกลายเป็นคนที่ถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน...และสัมผัสสุดท้ายที่ได้รับในคืนนี้คือจุมพิตบางเบาแทนคำบอกฝันดีจากคนที่ผมรักหมดใจ.....พี่ควิน















มาแล้วจ้า ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแต่ตอนหน้าก็ไม่แน่ 5555555555 ขอบคุณคอมเมนท์ของทุกคนที่ส่งมาน้า ตอนที่แล้วเมนท์ถล่มทลายจนตกใจ แต่เอิร์ทนั่งอ่านทุกตัวอักษรเลยน้าา รักทุกคนมากกกกกกกก 55555555

ปล.ไปพูดคุยกันใน #คิงควิน ในทวิตได้น้า รัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-09-2018 20:00:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-09-2018 06:11:01
 o12 เบื่ออิไวน์

คิงอ้อนพี่ได้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-09-2018 10:00:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

จับคู่ให้อิไวน์ไปซะ เอาพี่เนย์หรือพี่ไวท์ก็ได้ มาม่าจะได้หมดไป
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-10-2018 16:36:51
พี่เนย์ก็เหมือนยังดูมีความหวังมั้ย
หัวข้อ: Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-10-2018 20:16:09
คิงควินหายไปไหนคิดถึงแล้วกลับมาเถอะนะ :ling2: