...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]  (อ่าน 14875 ครั้ง)

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
...แค่คุณ... ตอนที่ 22 up [29/9/61]
« เมื่อ03-01-2018 18:11:11 »

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



สวัสดีจ้า  :katai2-1:


ก่อนอื่นคนเขียนขอแจ้งก่อนนะคะว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งขึ้นเอง มาจากความมโนและความคลั่งไคล้ส่วนตัวล้วนๆ5555555555

อาจจะมีผิดพลาดบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ เรื่องแรกอาจจะยังไม่ดีมากเท่าไหร่ แต่จะพยายามแต่งอกมาให้ดีที่สุดค่ะ ^^

ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันน้าาาอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันติชมได้เลยจ้า <3
 :L1: :mc4: :mew1:

ปล.เรื่องนี้แต่งจนจบแน่นอนค่ะรับประกันได้เลยจ้า

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2018 19:45:53 โดย earthearthx »

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ... intro
«ตอบ #1 เมื่อ03-01-2018 18:26:56 »



คนหนึ่งเย็นชากับทุกคนแต่ยอมให้แค่คนคนเดียว

 

อีกคนหนึ่งอ่อนโยนกับทุกคนแต่ไม่มีใครพิเศษเท่าคนคนนั้น

 

 

คิง x ควิน

 

 

"..."

" :) "

 

 

+++++++++++++++++++++

 

 

"พี่ควิน..."

"หืม?"

"พี่ควิน..."

"ครับคิง :)"

 

 

 

 

 
ถึงคิงจะพูดน้อย...แต่คิงน่ารัก


ถึงคิงจะเอาแต่ใจ...แต่คิงน่าเอ็นดู


ถึงคิงจะเย็นชา...แต่คิงน่าหลงใหล


ถึงคิงจะเป็นยังไง...พี่ก็ชอบคิง

 

พี่ควินใจดี...ใครๆก้ชอบ


พี่ควินอ่อนโยน...ใครๆก็หลง


พี่ควินชอบยิ้ม...ใครๆก็รัก


แต่พี่ควินเป็นของผม...คนเดียวเท่านั้น

 






ณ ร้านอาหารกึ่งบาร์ร้านหนึ่ง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำใส่คู่กับรองเท้าและกางเกงสีเดียวกันกำลังเดินเข้ามาในร้าน ด้วยส่วนสูงกว่า 185 เซนติเมตร ผิวขาวใบหน้าคมคาย คิ้วเข้ม ดวงตาคมดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากที่คล้ำเนื่องจากบุหรี่แต่รวมๆแล้วทำให้เป็นจุดเด่นได้ง่ายๆ ด้วยหน้าตาที่นิ่งสงบไร้อารมณ์ทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นยิ่งดูมีเสน่ห์เข้าไปอีก เพียงระยะทางสั้นๆที่ร่างสูงเดินจากทางเข้าไปยังโต๊ะที่นัดกับเพื่อนไว้ก็มีสายตาหลายสิบคู่ในร้านจดจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ อยากจะพุ่งเข้ามาทำความรู้จักเสียให้ได้

คนที่ถูกสนใจชินชากับการเป็นเป้าสายตา ไม่ว่าจะที่ไหนเขาก็มักจะเป็นจุดเด่นได้เสมอ ไม่ว่าจะที่มหาลัย ห้าง สนามฟุตบอลหรือไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่เขาไปมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แต่ช่างเถอะ เขาสนใจที่ไหนกันล่ะ

เดินฝ่าสายตานับสิบมาจนถึงโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที เพื่อนๆเขามาถึงครบกันแล้ว พอนั่งลงเพื่อนๆก็พากันบ่นเรื่องที่เขามาช้า ร่างสูงทำเพียงแค่ปรายตามองหน้าเพื่อนอย่างเบื่อหน่าย เขาก็มาช้าประจำไม่รู้พวกมันจะบ่นทำไม ร้านนี้เป็นร้านกึ่งบาร์นั่งฟังดนตรีชิลๆที่เขาและเพื่อนๆมากันบ่อยๆ ไม่ใช่เพื่อนๆเขาไม่ได้จะชอบมาที่ร้านนี้หรอกนะพวกมันชอบไปที่ผับ กินเหล้าเคล้านารีอะไรพวกนั้นมากกว่า แต่ที่มาที่ร้านบ่อยๆนั้นมันเป็นเพราะเขาต่างหาก

"เห้ยคิง มึงจะอยากมาที่นี่ทำไมนักหนาวะ กูอยากไปผับอ่ะ อยากไปหาหญิงโว้ยยยย"

"นั่นดิ กูเห็นมึงมาร้านนี้ทีไรก็เอาแต่นั่งกินเหล้าเฉยๆซะงั้น ถ้ามาแค่นี้จะมาทำไมวะ"

เสียงเพื่อนๆของเขาบ่นมาไม่หยุด คนที่ถูกถามทำเพียงแค่ส่งสายตาบอกให้เพื่อนของเขาหยุดพูดเท่านั้น ใครจะบอกกันล่ะ ว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่เพื่อฟังดนตรี...ที่คนๆนั้นเป็นคนร้อง


22:00

ยิ่งเริ่มดึกคนยิ่งเยอะขึ้นทุกที ร่างสูงโปร่งของคนๆนึงก้าวเดินขึ้นมาบนเวที ทันทีที่ก้าวขึ้นมาร่างโปร่งก็เป็นที่จับตามองทันที ทั้งๆที่เขาไม่ใช่นักร้องประจำ ไม่ใช่นักร้องคนดัง เป็นแค่ลูกของเพื่อนเจ้าของร้านที่นานๆทีจะขึ้นมาร้องเพลงแต่กลับเป็นที่รู้จักของลูกค้าหลายๆคน บางคนมาบอกเขาว่าเป็นแฟนคลับเลยก็มี

ร่างบางยืนอยู่กลางเวทีในชุดเสื้อยืดสกรีนลายกราฟฟิกกับกางเกงยีนส์ขาดๆแบบแฟชั่น ผิวขาวจัดจนออกซีด ส่วนสูง 180 เซนติเมตร ใบหน้าเรียว คิ้วเข้ม ดวงตากลมโต จมูกโด่งรูปหยดน้ำ ปากเรียวบางเป็นกระจับสีกุหลาบธรรมชาติ รูปร่างเพรียวบางทำให้เขาเป็นขวัญใจของที่นี่ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย หลายๆคนมาที่นี่เพียงหวังว่าจะได้สานต่อความสัมพันธ์กับร่างบางนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครที่สามารถครอบครองคนคนนี้ได้เสียที

ขณะที่ยืนอยู่บนเวทีดวงตากลมโตก็กวาดสายตาไปทั่วร้าน สำหรับคนอื่นอาจจะคิดว่าร่างบางนั้นกำลังมองสำรวจลูกค้าเฉยๆ แต่ความจริงนั้นคนบนเวทีกำลังมองหาใครบางคนที่เป็นเหตุผลให้เขาอยากมาร้องเพลงที่ร้านนี้ จนเมื่อหันไปมองมุมหนึ่งของร้าน ก็ได้สบตากับดวงตาคมดุคู่หนึ่งที่มองมาที่เขาก่อนแล้ว พอได้เห็นเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเบนสายตามองไปทางอื่นและเริ่มร้องเพลง

ตลอดเวลาที่คนบนเวทีร้องเพลงอยู่นั้นก็มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่แต่มีเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย






















#สวัสดีจ้า วันนี้เอาแค่อินโทรสั้นๆเปิดเรื่องมาลงให้ทุกคนได้อ่านดูน้า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่ง อาจจะไม่ดีมาก ติชมกันได้เลยนะคะ จะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด ฝากด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2018 02:42:49 โดย earthearthx »

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ.. {ตอนที่ 1}
«ตอบ #2 เมื่อ03-01-2018 18:29:29 »

ตอนที่ 1

พาร์ท ควิน

แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุกให้ผมที่ยังคงอยู่ในนิทรารู้สึกตัวตื่นขึ้น ผมนอนลืมตาทำสมาธิอยู่บนเตียงอยู่สองสามนาทีก่อนจะลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจช้าๆ ผมก้าวลงบนพื้นก่อนจะพาร่างเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ก่อนที่ผมจะออกจากห้องน้ำก็เหลือบไปมองกระจก ผมยืนมองมันอยู่สักพัก จริงๆแล้วผมก็ได้แต่สงสัยว่าสรุปแล้วหน้าแบบผมนี่มันยังไงกันแน่ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้ามาหานะครับ แต่เพราะมันมีน่ะสิ! ที่สำคัญมันไม่ได้มีแค่ผู้หญิงครับ มันมีผู้ชายด้วย! ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดึงดูดเพศเดียวกันให้เข้ามา ผมว่าผมก็สูงตั้ง 180 เซนแล้วนะ ถึงแม้ผมจะไม่ได้มีกล้ามหรือซิกแพ็คอะไรพวกนั้นแต่ผมว่าผมก็ไม่ได้ตัวบางร่างเล็กน่ารักสักหน่อย

ที่ผมพูดมาไม่ใช่ว่าผมแอนตี้อะไรพวกนี้หรอกนะครับ นี่มันสมัยไหนแล้ว เพื่อนผมเป็นเกย์ก็มีเยอะแยะแต่ผมแค่สงสัยว่ารูปร่างแบบนี้มันไปโดนต่อมใครเขาได้ยังไง

อ้อ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ผมชื่อ 'ควิน' ชื่อผมมีที่มานะครับ ตอนแม่ผมท้อง พ่อของผมเขาอยากได้ลูกสาว และพ่อก็มั่นใจมากว่าจะได้ลูกสาว พ่อเลยตั้งชื่อให้ลูกว่าควีน ควีนที่แปลว่าราชินีนั่นแหละครับ แม่เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ที่รู้ว่ามีผมเวลาพ่อคุยกับผมผ่านท้องแม่ก็มักจะเรียกผมว่าควีนมาตลอด ควีนลูกพ่องั้นงี้อ่ะครับ5555 พ่อผมน่ารักใช่มั้ย แม่บอกว่าแม่ไม่อยากอัลตราซาวน์ว่าลูกเป็นเพศไหน อยากลุ้นตอนคลอดมากกว่า เพราะแบบนั้นพ่อกับแม่จึงเรียกผมว่าควีนตลอดเวลาที่ตั้งท้อง แต่พอวันที่ผมคลอดจริงๆถึงได้รู้ว่าเป็นลูกชาย ผมแอบถามแม่นะว่าพ่อผิดหวังไหมที่ไม่ได้ลูกสาว แม่บอกว่าตอนแรกเห็นพ่อผมร้องไห้ แม่เองก็ใจเสียเลยนึกว่าพ่อผิดหวัง ที่ไหนได้พ่อเขาดีใจที่ผมและแม่ปลอดภัยน่ะครับ พ่อบอกว่าลูกจะเป็นเพศไหนไม่สำคัญหรอก แค่เกิดมาเป็นลูกของพวกท่านก็พอแล้ว แต่เพราะผมเป็นผู้ชายจะให้มาเรียกว่าควีนมันก็ไม่ใช่ แต่พ่อกับแม่เค้าติดปากไปแล้ว ตกลงกันไปมาสุดท้ายเลยได้ชื่อ 'ควิน' พ่อบอกว่าชื่อควินก็แมนและไม่ต่างจากชื่อเดิมมากเท่าไหร่

ผมเป็นนักศึกษาคณะบริหารของมหาวิทยาลัยรัฐอันดับต้นๆของประเทศ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 3 แล้วนะ ชีวิตของผมวันๆก็ไม่ได้มีอะไรมาก ตื่นขึ้นมา ไปเรียน เรียนเสร็จกลับคอนโด กลางคืนก็มีบ้างที่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือออกไปร้องเพลงที่ร้านอาทิม

ผมอาศัยอยู่ที่คอนโดคนเดียว จริงๆผมมีบ้านนะแต่ผมไม่ค่อยได้กลับไปหรอก เพราะที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว ใช่ครับ พ่อแม่ผมเสียไปแล้วด้วยอุบัติเหตุเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ตอนนั้นผมกินไม่ได้นอนไม่หลับร้องไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือดอยู่หลายเดือนเลยครับ ตอนนั้นผมอยู่ม.5 หลังจากพ่อแม่เสียผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ใช่ว่าผมไม่มีญาตินะครับ เพียงแต่เป็นญาติที่ตัดขาดกันไปนานแล้วและพ่อกับแม่ผมก็ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้เยอะจนผมใช้ชีวิตสบายๆได้ไปทั้งชีวิตเลยล่ะครับ คอนโดนี้พ่อกับแม่ก็ซื้อทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ้าจะให้เล่าว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงทิ้งสมบัติไว้ให้เยอะแยะ มันก็นะ เดิมทีคุณปู่ของผมเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ท่านเป็นผู้ดีเก่า หัวสูง มีลูก 5 คน พ่อผมเป็นลูกคนโต คุณปู่เลยค่อนข้างจะเอ็นดูพ่อผมมากกว่าลูกๆคนอื่น แล้วหวังให้พ่อผมสืบทอดกิจการต่อไป แต่บังเอิญพ่อได้ไปเจอกับแม่ซึ่งเป็นแค่พนักงานในบริษัท ทั้งสองคนรักกันแต่พี่น้องของพ่ออิจฉาที่ปู่เอ็นดูพ่อมากกว่า ก็เลยเอาเรื่องนี้มาโจมตีพ่อผม เพื่อบีบให้พ่อออกจากบริษัท จนเรื่องไปถึงหูคุณปู่นั่นแหละครับ แน่นอนว่าท่านกีดกันเพราะฐานะของแม่ผมไม่ดีพอ แต่พ่อผมท่านก็ยืนยันจะคบกับคุณแม่ของผมให้ได้ สุดท้ายคุณปู่ก็ตัดขาดคุณพ่อออกจากตระกูล แต่คุณพ่อของผมคงรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วก่อนหน้านั้นจึงได้ซื้อคอนโดและบ้านไว้เป็นชื่อของตัวเอง และเก็บแอบเก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง ชีวิตจึงไม่ลำบากอะไรมาก และหลังจากนั้นพ่อก็เอาเงินไปลงทุนซื้อหุ้นจากบริษัทของเพื่อน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพ่อเคยบริหารช่วยคุณปู่มาก่อนทำให้การลงทุนของพ่อประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบแทนคืนมามากมายจนมีทุกวันนี้แหละครับ

หลังจากที่ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปขึ้นรถเพื่อไปม.ที่หน้าคอนโด ผมมีรถนะแต่ผมขี้เกียจขับ ก็กรุงเทพน่ะรถติดอย่างกับอะไรถ้าขับไปเองกว่าจะถึงก็เมื่อยตาย ผมเป็นคนเรียบๆสบายๆไม่เรื่องมาก ถึงผมจะพอมีเงินให้ใช้เหลือๆแต่ผมก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยหรอก มีบ้างที่จะซื้อพวกรองเท้า นาฬิกา แต่พวกเสื้อผ้านี่ผมซื้อตลาดนัดนะครับ มีหลายแบบและถูกดี55555

พอรถมาผมก็ขึ้นนั่งไปจนถึงม. ผมก็เดินต่อไปจนถึงหน้าคณะ เห็นที่โต๊ะประจำของผมมีคนนั่งอยู่สองคนผมจึงเดินเข้าไปวางกระเป๋าทันที

"ไงควิน มาเวลาเดิมเป๊ะทุกวันเลยนะมึง" 'ซอง'เพื่อนผมเอ่ยทัก

"จะให้มาสายกว่านี้มั้ยล่ะ ถ้าพวกมึงจะรอก็ได้นะ"

"พอเลยมึง แค่ต้องรอไอ้ชาร์ปคนเดียวกูก็รอจนจะกลายเป็นซากฟอสซิลอยู่แล้วเนี่ย"

"กูเห็นมึงบ่นเรื่องมันมาสายแต่มึงก็รอวันทุกวันนี่" 'เต'พูดขึ้นแขวะไอ้ซองที่บ่นถึงอีกคนทุกวันแต่ก็ไม่เคยด่าอีกคนจริงๆจังสักที

"ก็ถ้าไม่รอมัน เดี๋ยวแม่งมาถึงก็งอนอีก"

"งอนแล้วไง? มึงแคร์?"

"กะ กูแค่รำคาญเว่ย!" แหมไอ้ซอง มึงตอบได้เนียนมาก

"หราาาาาาาาาาา" ผมกับเตพูดขึ้นพร้อมๆกัน

"เออ! พวกมึงแม่งง"

ผมกับไอ้เตมองหน้าแล้วพยักหน้าอย่างรู้กัน ดูก็รู้ครับว่าไอ้ซองมันชอบไอ้ชาร์ป แต่ไอ้ชาร์ปนี่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันรู้สึกยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกมันสองคน

กลุ่มผมมีกันอยู่ 4 คนครับ มีผม ไอ้ซอง ไอ้ชาร์ปและก็ไอ้เต ไอ้ซองมันเป็นลูกครึ่งครับ หน้ามันจะออกฝรั่งหน่อย ร่างกายงี้แน่นปึ้กสงสัยได้เชื้อทางนั้นมาเยอะ ถึงยังงั้นแต่มันค่อนข้างเป็นคนขี้อายนะยิ่งเป็นเรื่องของไอ้ชาร์ปแล้วด้วย แซวนิดแซวหน่อยมันก็เขินจนไปไม่เป็นแล้วครับ

ส่วนไอ้ชาร์ปมันเป็นคนเหนือ ตัวมันจะเตี้ยกว่าคนอื่นเค้าหน่อย จริงๆมันก็สูง 170 กว่านั่นแหละครับแต่พวกผมดันสูง 180 กว่ากันนั้นมันเลยดูเตี้ยไปเลย555555 มันใส่ใจคนรอบข้างเสมอ รักเพื่อนมากแบบเพื่อนข้าใครอย่าแตะเลยทีเดียว แต่มันมักจะเอาแต่ใจกับไอ้ซอง ไม่รู้ว่ามันแกล้งไอ้ซองหรือเพราะไอ้ซองตามใจมันจนเคยตัวก็ไม่รู้

คนสุดท้ายไอ้เตครับ มันเป็นคนที่หล่อแบบไทยแท้ๆเลยล่ะ ผิวสีแทนหล่อจนคว้าตำแหน่งเดือนคณะมาได้ มันเป็นคนตลก อารมณ์ดีและขี้แกล้งมาก ไอ้นี่มันเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลยแหละ ก็นะ มันหล่อจริงๆแหละผมยอมรับ

"เห้ย! โทษทีพวกมึง กูตื่นสายว่ะ" ไอ้ชาร์ปวิ่งหน้าตั้งมาหาพวกผม ผมยิ้มขำเล็กน้อยกับสภาพที่เหมือนโดนหมาไล่ตามมาของมัน

"ไม่เป็นไร มาก็ดีแล้ว กูว่าไปหาอะไรกินกันเหอะ" ผมพูดขึ้นมาเพราะตอนนี้ท้องผมเริ่มจะเรียกร้องอะไรมาใส่กระเพาะแล้ว



เหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงนึงก่อนเริ่มคาบ พวกผมเลยพากันมาหาอะไรกินที่โรงอาหารคณะ

"เห้ย พวกมึง นั่นใช่คิงป่ะวะ" ขณะที่พวกผมนั่งกินกันอยู่ อยู่ๆไอ้ซองมันก็มองไปที่ทางเข้าแล้วก็ถามพวกผมออกมา

"ไหนๆ เออว่ะ ใช่จริงด้วย มันมาทำอะไรที่นี่วะ?" ไอ้ชาร์ปมองตามแล้วพูดตอบ

"กูว่ามาหาสาวแน่ๆ" ไอ้เตเสนอความคิดเห็น

ผมเองก็มองตามไปจนเห็นผู้ชายร่างสูงคนนึงยืนอยู่ตรงร้านน้ำทำท่าเหมือนกำลังมองหาใครสักคน อยู่ดีๆร่างสูงนั้นก็หันหน้ามาทางผม วินาทีที่สบตากันทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนสะกดไว้ ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ผมบอกได้คำเดียวเลยว่า 'หล่อ' ผู้ชายคนนี้หล่อมาก แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากว่าเขาทำหน้าให้ดีกว่านี้นิดนึง ใบหน้าที่ลงตัวราวกับพระเจ้าปั้นขึ้นมานั่นนิ่งราวกับหุ่นยนต์นั่นทำให้เขารู้สึกไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ผู้ชายคนนั้นให้ความรู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมกริบคู่นั้นยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย

"คิง? ใช่คิงปี 2 วิศวะมั้ยวะ"ผมหันไปถามพวกมัน

"โอ้โหไอ้ควิน มึงไปอยู่ไหนมาเนี่ย มึงไม่รู้จักได้ไงวะ!"

"ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้จัก กูแค่ไม่เคยเห็นหน้าชัดๆเท่านั้นเอง" ผมได้ยินชื่อคิง วิศวะมานานมากแล้ว ตอนเข้าปี 1 น้องที่ชื่อคิงนี่ดังในมหาลัยมาก ใครต่อใครก็พูดกันว่าหล่อนักหนาแต่ว่าหยิ่งไปหน่อย หนำซ้ำยังมีวีรกรรมอีก ได้ยินมาว่ารุ่นพี่จะส่งเข้าประกวดเดือนมหาลัยแต่เจ้าตัวไม่ยอมจนรุ่นพี่โมโหจะเข้ามาต่อยแต่ดันกลายเป็นเจ้าตัวไปต่อยรุ่นพี่เขาก่อนแทน จนสุดท้ายรุ่นพี่ก็ยอมปล่อยไปด้วยเหตุผลที่ไม่อยากให้เรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จริงๆเรื่องของคิงดังมาเข้าหูเรื่อยๆแหละ ทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องความฮอตของเจ้าตัว แม้กระทั่งรถที่หมอนั่นขับยังมีมาเป็นประเด็นให้คนเอามาพูดถึง ก็งี้แหละ คนหล่อก็มักเป็นที่สนใจเป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ แต่เพราะว่าเจ้าตัวไม่เคยโผล่มาแถวนี้และผมเองก็ไม่เคยไปที่คณะวิศวะ อาจจะเพราะผมไม่ค่อยได้สนใจด้วยแหละ ทำให้นอกจากชื่อแล้วผมไม่เคยได้เห็นหน้ารุ่นน้องคนนี้เลย

"เออ งั้นมึงดูไว้เลย นี่แหละคิงที่คนพูดถึงกันทั้งม.อ่ะ"

"ว่าแต่แม่งมาทำอะไรที่นี่วะ หรือมาหาแฟน?"

"สัส น้องคิงเค้ามีแฟนที่ไหนกันล่ะ ตั้งแต่กูเห็นน้องเค้ามา ยังไม่เคยเห็นน้องเค้ามีแฟนเลยสักคน"

หือ? หน้ายังงี้อ่ะนะไม่มีแฟน เป็นไปได้ด้วยหรอ? งั้นเรื่องผู้หญิงที่พูดกันคงเป็นคู่นอนสินะ ผมนั่งเพื่อนๆพูดกันแล้วได้แต่คิดตาม ส่วนตัวผมเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วเลยได้แต่ฟังพวกมันพูดอย่างเดียว

ผมหันกลับไปมองอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นร่างสูงนั่นแล้ว กวาดตาไปรอบก็ไม่เห็นมี ไปไหนแล้วนะ? แล้วสรุปเขามาทำอะไรที่นี่?  หรือจริงๆแล้วเขามีแฟนแต่เพื่อนผมมันไม่รู้จริง? ผมรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่เขาไปแล้ว แต่เอ๊ะ? ผมจะเสียดายทำไมเนี่ย แล้วทำไมผมจะต้องมานั่งคิดเรื่องของคนๆนั้นด้วยล่ะ! เห้อออ ช่างเถอะ



หลังจากนั้นพวกผมก็พากันไปเรียน ตลอดทั้งวันที่เรียนผมพยายามจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อาจารย์สอน แต่ใบหน้าคมคายนิ่งสงบกลับแทรกเข้ามาในความคิดอยู่ตลอด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนทั้งมหาลัยถึงได้หลงใหลคนๆนั้น เพราะขนาดผมสบตากับเค้าเพียงไม่กี่วิก็ยังรู้สึกเหมือนโดนสาปให้นิ่งไปเสียอย่างนั้น เป็นคนที่อันตรายจริงๆ



หลังจากเลิกเรียนพวกผมพากันเดินลงจากตึก ตลอดทางมีคนทักพวกผมตลอดทาง ทั้งเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้อง ผมก็ยิ้มตอบกลับไปให้ทุกคน พวกผมก็ถือว่าเป็นที่รู้จักพอสมควร เพราะทุกคนในกลุ่มก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีพอสมควร

"ไอ้ควิน กูว่ามึงเลิกยิ้มเถอะว่ะ มึงยิ้มทีไรกูรู้สึกเหมือนทุกคนเขาเคลิ้มไปกับมึงเหลือเกิน" ไอ้ชาร์ปขมวดคิ้วพร้อมกับพูดบอกกับผมเหมือนทุกวัน

"กูก็ยิ้มของกูปกตินี่"

"จริงๆกูก็รำคาญเหมือนกันนะ ทุกคนมองเหมือนอยากเข้ามาสมสู่กับมึงทั้งนั้น" ไอ้เตว่าต่อ

"พวกมึงคิดมากไปแล้วน่า"

"ว้ายย! "ตุ้บ!

ผมหันไปตามเสียงก็พบว่ามีรุ่นน้องคนนึงสะดุดล้มกองอยู่ที่พื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปก่อนจะพยุงน้องเค้าขึ้นมา

"ไปห้องพยาบาลมั้ยครับ?" ผมถามน้อง

"มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ควิน" รู้จักชื่อผมด้วยแฮะ

"แต่หัวเข่าน้องมีเลือดออกนะครับ พี่ว่าไปห้องพยาบาลดีกว่า ไปไหวมั้ยเดี๋ยวพี่พาไป" ผมว่าน้องควรไปทำแผลก่อนที่ฝุ่นจะเข้านะ อาจจะมีเชื้อโรคเข้าไปในแผลก็ได้

"ไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่ พอดีหนูต้องรีบไปส่งงานก่อนจะหมดเวลา หนูรีบจริงๆค่ะพี่" น้องตอบรัวจนผมฟังแทบไม่ทัน

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งงานให้ เราไปทำแผลก่อนดีกว่า ปล่อยไว้เดี๋ยวเลือดจะออกมากกว่านี้นะ"

"เอ่อ คือ ไม่เป..."

"เดี๋ยวพี่ไปส่งให้เอง ไปทำแผลเถอะ" ผมพูดพร้อมกับดึงรายงานที่น้องถืออยู่มาถือไว้เอง

"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ"

"ไม่เป็นไรครับ" ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้น้องเค้าเพื่อยืนยันว่าผมเต็มใจช่วยจริงๆ

น้องเค้าเลยบอกสถานที่ส่งงานมาให้ ผมก็เดินไปส่งงานให้น้องเค้าจนเสร็จ

"มึงจะใจดีไปหน่อยป้ะวะควิน น้องเค้าแค่ล้มเองขาไม่ได้หักซะหน่อย" ไอ้ชาร์ปพูดกับผมขึ้นมา

"เอ้า! ไอ้นี่หนิ ไอ้ควินมันเป็นคนดีไง ไม่เหมือนมึง"

"ไอ้ซอง! นี่มึงด่ากูใช่ม้ะ?"

"เปล่ามั้ง กูคงชมมึงอ่ะ"

"ไอ้ซองงงงงงงงงง"

ผมกับไอ้เตยืนขำพวกมันสองคนที่วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆไปทั่ว คนเขาก็มองพวกมันขำๆกันทั้งนั้น แต่ก็เป็นภาพที่คนแถวนี้เห็นจนชินตาแล้วล่ะครับ พวกมันกัดกันทุกวัน ไม่รู้ว่าไอ้ซองมันมีทฤษฎีแบบไหนถึงได้เถียงคนที่แอบชอบทุกประโยคเลย แต่พวกมันก็ดูรักกันดีล่ะมั้ง



หลังจากแยกย้ายกัน ไอ้ซองกับไอ้ชาร์ปกลับทางเดียวกัน ส่วนผมกับไอ้เตกลับทางเดียวกัน ผมเลยมักจะติดรถไอ้เตเลยมาลงคอนโดประจำ

"ขอบใจมากมึง เจอกันวันจันทร์"

"เออๆ"

ผมให้ไอ้เตแวะส่งที่เซเว่นก่อนถึงคอนโด พอไอ้เตขับออกไปผมก็เข้าไปซื้อของเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับคอนโด ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วผมเดินไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนอะไร

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ผมหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ทันทีที่เหมือนกับจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

นั่นไง! ผมมองหาต้นเสียงก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันมาจากหลังพุ่มไม้ข้างทาง ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงพุ่มไม้นั้นมันเป็นพุ่มไม้รกๆขนาดใหญ่ที่ตอนแรกน่าจะปลูกไว้เพื่อกันไม่ให้คนเดินชิดกำแพงลวดหนามที่กั้นไว้ของร้านๆนึง

เนื่องจากตอนนี้ก็เริ่มมืดๆแล้วทำให้ผมมองอะไรไม่ค่อยชัดนัก เสียงพุ่มไม้ยังขยับต่อเนื่องก่อนที่อยู่ดีๆจะมีขาข้างนึงโผล่ออกมา!

"เฮ้ย!" ผมตกใจจนเกือบจะวิ่งถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ดีๆเจ้าของขาข้างนั้นก็ตะเกียกตะกายออกมาจากพุ่มไม้และมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของผม

หน้าแบบนี้... หุ่นแบบนี้... สูงขนาดนี้...

นี่มันคิงไม่ใช่หรอ?!

ผมมองสำรวจคนตรงหน้าดีๆอีกครั้งก่อนจะพบว่าในมือของร่างสูงมีลูกหมาตัวเล็ก สภาพสะบักสะบอมนอนขดตัวครางงี้ดง๊าดอยู่ในอุ้งมือนั้น

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขามองผมอยู่ก่อนด้วยใบหน้านิ่งสนิท เราสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเกือบสองนาที สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้

"เอ่อ คือ เข้าไปช่วยเจ้าตัวนี้หรอ?"ผมถามพร้อมกับชี้ไปที่ลูกหมาในมือของคิง

ร่างสูงตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้ากลับมา

"อ๋อ เฮ้ย! นั่นเลือดออกนี่!" ผมพึ่งสังเกตุว่าที่แขนของเขามีเลือดไหลออกมา มันเหมือนเป็นรอยบาดเป็นทางยาวประมาณห้าเซน มันดูไม่ลึกมากแต่ก็พอให้มีเลือดไหลออกมา

ร่างสูงก้มมองแขนตัวเองอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ากลับมาอีกที

พยักหน้า? คือไร?

"ไปโดนอะไรมา?"

คิงยืนนิ่งมองหน้าผม

"ว่าไง ไปโดนอะไรมาครับ?"

คิงยังไม่ตอบอะไรแต่หันหน้าไปมองทางพุ่มไม้เมื่อกี๊ ผมมองตามไปจนเห็นอะไรบางอย่าง เฮ้อ ทำไมวันนี้ผมถึงเจอแต่คนเจ็บตัวนะ

"ลวดหนามใช่มั้ย? ถ้างั้นต้องรีบไปล้างแผลเลยนะ ลวดหนามเป็นสนิมหรือเปล่าไม่รู้เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักหรอก"

คิงมองผมและพยักหน้าอีกที

น่าแปลกที่คิงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำแต่เรากลับคุยกันรู้เรื่อง น่าแปลกกว่านั้นคือผมไม่ได้หงุดหงิดที่ถามอะไรไปแล้วไม่ได้คำตอบกลับมา ผมมองดูแขนของคิงอีกครั้งก่อนจะพบว่าเลือดที่แผลยังคงซึมออกมาไม่หยุด

"ตามมาสิ เดี๋ยวทำแผลให้"

คิงยืนมองนิ่งๆไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกมา

"หรือเราจะไปทำแผลเอง" ผมถามขึ้นเพราะไม่เห็นว่าคิงจะตอบอะไรกลับมา

"งั้นไปนะ" ผมบอกลาคิงก่อนจะหันหน้าเดินมาทางคอนโด

ตึก ตึก ตึก

เสียงรองเท้าเดินตามหลังมา คงจะไปทางเดียวกันล่ะมั้ง จนเมื่อเดินมาถึงหน้าคอนโด แขนเสื้อของผมก็ถูกกระตุกโดยมือของใครบางคน

"ว่าไงครับ?" ผมหันกลับไปถามคิงที่กระตุกแขนเสื้อผมไว้

คิงมองหน้าผมก่อนจะเบนสายตาไปมองแผลที่แขนแล้วจึงกลับมามองหน้าผม ผมอมยิ้มเล็กๆกับท่าทางเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจของเค้า ผมส่งยิ้มไปให้พร้อมกับพูดบางอย่างกับคิง

"ตามมาสิ"

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ... {ตอนที่2}
«ตอบ #3 เมื่อ03-01-2018 18:30:57 »

ตอนที่ 2

พาร์ท ควิน

ทันทีที่ผมพูดจบผมก็เดินนำหน้าร่างสูงมาทางคอนโดระหว่างทางผมก็บอกร่างสูงว่าให้พาลูกหมาไปดูแลเองก่อนคืนนึงเพราะเท่าที่เห็นเจ้าตัวเล็กไม่ได้มีบาดแผลตามตัวสักเท่าไหร่ แค่ผอมและมอมแมมไปหน่อยก็แค่นั้นคืนนี้ให้ลองเอากลับไปหาอาหารและทำความสะอาดก่อน ถ้าเกิดพรุ่งนี้อาการไม่ค่อยดีค่อยพาไปที่โรงพยาบาลสัตว์ก็ได้ คิงทำเพียงพยักหน้าให้ผมเป็นอันรับรู้เท่านั้น ผมหยุดแวะที่หน้าป้อมยามก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่เดินตามมา

"รอแปบนะ" ผมบอกคิงก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าให้

ลุงชัยเป็นรปภ.ของคอนโดที่นี่ครับ แกก็แก่แล้วแหละแต่ยังต้องมาทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวแก ตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาที่นี่ก็เห็นแกเป็นรปภ.แล้ว ผมเข้าออกคอนโดทุกวันก็เจอหน้ากันทุกวันบางทีผมก็มักจะซื้อของมาฝากแกประจำแหละครับ ผมเคาะกระจกป้อมยามสองสามครั้ง เมื่อคนด้านในเปิดกระจกออกมาผมก็ยื่นของที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อกี๊ไปให้

"อ่ะลุง ผมซื้อน้ำกับขนมปังมาฝาก"

"โถ วันหลังไม่ต้องซื้อมาแล้วนะครับคุณควิน ลุงเกรงใจ" ลุงชัยตอบกลับมา จริงๆลุงแกตอบกลับมาแบบนี้ตั้งแต่ผมซื้อให้ลุงครั้งแรกแล้วนะ แต่ผมก็ยังซื้อมาให้แกอยู่ดี

"ไม่เป็นไรน่าลุง คนกันเองแล้วผมบอกหลายครั้งแล้วนะให้เรียกควินเฉยๆไม่ต้องมีคุณหรอก"

"ไม่ได้หรอกคุณควิน ลุงเป็นยามก็ต้องเรียกทุกคนแบบนี้แหละครับ"

"ก็ได้ครับลุง งั้นผมไปก่อน ตั้งใจทำงานนะลุง" ผมเหนื่อยจะเถียงกับลุงชัยเรื่องชื่อผมแล้วล่ะ บอกกี่รอบแกก็ยังเรียกคุณควินอยู่เหมือนเดิม

"ขอบคุณมากนะครับคุณควิน ขอให้เจริญๆนะครับ" ผมยิ้มให้กับลุงชัยก่อนจะหันไปหาคนที่ผมบอกให้รอ

"ไปกันเถอะครับ"

คอนโดผมเป็นคอนโดค่อนข้างหรูและราคาแพง จึงสามารถเลี้ยงสัตว์ในคอนโดได้ทำให้เจ้าตัวเล็กในมือของคิงเข้ามาได้ไม่เป็นปัญหา เข้ามาได้ตลอดทางที่เดินผ่านล็อบบี้ผมหันไปยิ้มให้พนักงานต้อนรับบริเวณนั้นจนมาถึงลิฟท์ ระหว่างที่รอลิฟท์ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเปิดกระเป๋าหาผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้แล้วยื่นไปให้คิงที่ยืนอยู่ข้างกัน

"ลืมเลย เอาไปเช็ดเลือดก่อน" คิงก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าในมือผมเล็กน้อยก่อนจะเหลือบขึ้นมามองหน้าผม

"ทำไมอ่ะ สะอาดนะ ยังไม่ได้ใช้เลย"

คิงถอนหายใจเล็กน้อยทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว ผมยังไม่ได้ใช้เลยจริงๆนะ ผมยืนงงจนสุดท้ายคิงยกมือขึ้นมาแทบจะถึงหน้าผม ผมผงะเล็กน้อยก่อนจะถึงบางอ้อในที่สุด



คิงอุ้มลูกหมาอยู่



"บอกดีๆก็ได้มั้ง" ผมแขวะคิงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่เปื้อนแขนของอีกคนให้ คิงก็ยืนนิ่งๆให้เช็ดแต่โดยดี เท่าที่ดูเลือดก็ไม่ได้ไหลแล้วแต่ยังซึมๆออกมา พอดีกับที่ลิฟท์มาพอดีผมกับคิงจึงได้ก้าวเข้าไป ภายในลิฟท์มีแค่ผมกับคิงแค่สองคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไร ระหว่างที่ตัวเลขในลิฟท์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆผมก็คิดเรื่องเกี่ยวกับคนที่ยืนข้างๆไปเรื่อย ว่าแต่ว่าตั้งแต่เจอกันยังไม่ได้ยินเสียงคิงสักคำ ไอ้ที่เค้าว่าหยิ่งนี่คงจะจริงสินะ แต่ว่าถ้าหยิ่งจริงจะตามเรามาง่ายๆได้ไง ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาทำผมแทบสะดุ้งหลุดจากความคิดทันที

"อยู่ที่นี่หรอ?" ไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็ไอ้เสียงที่ว่านั่นมันคือเสียงของคนที่ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบมาตลอดทางน่ะสิ!

"ว่ายังไงนะ?" ผมถามคิงอีกครั้งเพราะเมื่อกี๊มัวแต่งงจนไม่ได้ฟังว่าร่างสูงพูดว่าอะไร

"..." ถ้าไม่ได้คิดไปเองผมว่าหัวคิ้วของคนตรงหน้ามันกระตุกเล็กน้อย

"พอดีเมื่อกี๊คิดอะไรอยู่เลยไม่ทันได้ฟังน่ะ"

"อยู่ที่นี่หรอ?"

"อ๋อ อืมใช่"

"นานหรือยัง"

"ก็ประมาณ 2 ปีแล้วนะ" จริงๆตอนผมเรียนปี 1 ผมยังขับรถไปกลับบ้านเองอยู่เลยครับเพราะผมไม่อยากให้ปล่อยให้บ้านว่างไปเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่สุดท้ายก็สู้ความเหนื่อยกับการเดินทางไม่ไหวเลยย้ายมาอยู่คอนโดตอนขึ้นปี 2 เพราะใกล้กับมหาลัยมากกว่าและมีรถผ่านไปมหาลัยสะดวกดี ไม่ต้องขับรถเองด้วย

"ทำไม"

"ห้ะ พูดว่าอะไรนะ" ร่างสูงงึมงัมเบาๆจนผมฟังไม่รู้เรื่อง พอถามไปก็ได้รับความเงียบกลับมา ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ ถ้าอยากพูดก็คงพูดออกมาเองนั่นแหละ

ทันทีที่ลิฟท์เปิดผมก็เดินนำร่างสูงมายังห้องของผม ผมไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปเปิดไฟเปิดแอร์ทันที คิงเดินตามเข้ามาแล้วหยุดยืนอยู่ที่กลางห้อง

"ไปล้างแผลในห้องน้ำแล้วมานั่งรอที่โซฟาเลย เดี๋ยวหาอุปกรณ์ทำแผลก่อน" ผมหันไปบอกคิงแล้วหันมาหากล่องปฐมพยาบาลในห้อง ปกติผมไม่เคยมีแผลอะไรเลยไม่รู้ว่าเผลอเอาไปเก็บไว้ไหน ส่วนคิงก็เดินไปล้างแขนที่ห้องน้ำแถมยังอุ้มลูกหมาเข้าไปด้วย สักแปบก็ออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเอาลูกหมาวางไว้ที่ตัก

ภาพที่ผมเห็นคือร่างสูงหน้าตายนั่งลูบหัวลูกหมาตัวนั้นเบาๆราวกับกลัวว่ากลัวลูกหมาจะเจ็บ ถึงแม้ใบหน้าจะนิ่งแค่ไหนแต่ผมกลับคิดว่าในดวงตานั้นฉายแววอ่อนโยนเวลาที่มองเจ้าตัวที่อยู่บนตัก ไม่รู้ว่าทำไมคิงถึงได้เดินตามผมมาง่ายๆทั้งที่เราก็ไม่รู้จักกัน ผมได้แต่สงสัยแต่จะให้ถามออกไปก็ไม่รู้จะได้คำตอบมั้ย ผมละสายตาจากภาพตรงหน้ามาค้นตู้เก็บของเล็กๆข้างห้องครัวและก็เจอของที่ตามหาในที่สุด ผมคว้ากล่องเดินไปวางบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะเดินไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กออกมา 2 ผืนแล้วเดินออกมา

"เอาไปห่มตัวเล็กไว้" ผมยื่นผ้าขนหนูผืนนึงไปให้ร่างสูง ก่อนจะเอาอีกผืนมาพับแล้วปูไว้บนโซฟาอีกตัว

"แล้วก็เอาตัวเล็กมานอนตรงนี้ไว้ก่อนแล้วกัน" พูดจบผมก็หันไปอุ้มเจ้าตัวเล็กจากตักของร่างสูงมาวางไว้บนผ้าที่ปูไว้ แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่หือไม่อืออะไร ตอนนี้ผมกับคิงกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน เรานั่งมองหน้าไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ จนผมแบมือไปตรงหน้าคิง ร่างสูงมองมือของผมแล้วขมวดคิ้วเหมือนไม่รู้ว่าผมยื่นมือไปทำไม

"ขอมือหน่อย" ผมอมยิ้มกับท่าทีงงๆของคิง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะคนตรงหน้าเอามือมาวางแปะลงบนมือของเขาที่แบไว้ มันเหมือนกับหมาที่โดนเจ้าของขอมือยังไงยังงั้น หึๆ หมาตัวโตซะด้วยสิ คนตรงหน้าขมวดคิ้วคงสงสัยว่าผมหัวเราะอะไร ผมอมยิ้มแล้วพูดต่อ

"โทษที หมายถึงแขนน่ะ จะทำแผลให้ไง"

"อ่อ" แล้วก็ยื่นแขนมาให้

ผมเปิดกล่องแล้วเอาแอลกอฮอล์ออกมาเทใส่สำลี ผมแตะสำลีลงไปที่แผลเบาๆแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ว่าแขนที่จับอยู่กระตุกนิดหน่อย ผมอมยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคน

"จะทำเบาๆนะ ไม่เจ็บหรอก" ผมกลั้นยิ้มแทบจะไม่ไหวเมื่อพบว่าปฏิกิริยาหลังจากที่ผมพูดออกไปนั้นคือการที่ร่างสูงตรงหน้าหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ทิ้งหลักฐานคือใบหูที่แดงขึ้นมาเรื่อๆ มันช่างน่าเอ็นดูจริงๆ

ผมทำแผลต่อไปเรื่อย ตลอดเวลาที่ทำแผลคิงไม่มีอาการอะไรออกมาอีกเลย เอาแต่นั่งนิ่งๆจ้องมาที่แผลตัวเอง ผมก็ไม่ได้แซวอะไรออกไปอีก

"เสร็จแล้ว เจ็บมั้ย?" คิงส่ายหน้าตอบกลับมา

"บอกแล้วไง ว่าจะทำเบาๆ" ผมพูดยิ้มๆทำให้ร่างสูงตรงหน้าขมวดคิ้วทำตาดุมองมาที่ผม ถ้าเอาหน้าแบบนี้ไปมองคนอื่นผมว่าอาจจะมีคนกลัวเขาไปเลยก็ได้นะ แต่ทำไมตอนนี้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้กลับรู้สึกว่าเขาทำท่าเหมือนเด็กหงุดหงิดที่โดนขัดใจอย่างนั้นแหละ หึๆ ผมไม่แกล้งแล้วดีกว่าเดี๋ยวเกิดคนตรงหน้าโมโหจะโดนต่อยซะก่อน

"แล้วทำยังไงถึงได้ไปเจอเจ้านี่เข้าล่ะ" ผมหมายถึงลูกหมาน่ะครับ

"ได้ยินเสียงร้อง" เขาตอบผมด้วยล่ะ นึกว่าจะต้องคุยคนเดียวต่อไปแล้วนะเนี่ย

"ก็เลยมุดเข้าไป?"

"อืม"

"ซนเนอะ" ร่างสูงมองหน้าผมนิ่งเลยครับ

"หมายถึงลูกหมาอ่ะ ซนเนอะ" ยังนิ่งอยู่ ไม่แกล้งแล้วก็ได้

"แล้วนี่จะกลับยังไง กลับเองได้มั้ย?"

"ได้"

"บ้านอยู่ไหนล่ะ"

"อยู่นี่" ห้ะ? อยู่นี่?

"อยู่คอนโดนี้เหมือนกัน" อาจจะเพราะผมทำหน้างงจนเกินไป คิงเลยพูดขึ้นมาอีกทีเพื่อให้ผมเข้าใจ แต่เดี๋ยวนะ? คอนโดนี้หรอ?!

"จริงดิ! พี่ก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานทำไมพี่ไม่เคยเจอเราเลยล่ะ?" ผมถามเพราะสองปีที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอร่างสูงเลยสักครั้ง ถึงว่าสิ ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่ามาโผล่แถวนี้ได้ยังไง

"พี่?" คิงพูดพร้อมกับทำหน้าแปลกๆ ถ้าให้ผมถอดรหัสหน้าของคิงตอนนี้เป็นคำพูดคงจะหมายความว่า 'พี่อะไรของมึง'

"อาห้ะ ก็พี่ไง" ผมพูดพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง คิงทำหน้าเหมือนเป็นได้เจอเรื่องเหลือเชื่อยังงั้นแหละ ก็นะ มีคนเคยบอกว่าผมหน้าใสหน้าเด็กมากหลายคนเหมือนกัน

"พี่อยู่ปีสามแล้ว ชื่อควิน เราชื่อคิงอยู่ปีสองใช่มั้ยล่ะ"

"รู้จัก?" คงจะหมายถึงผมรู้จักเขาด้วยหรอ แหม ไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตัวเองดังขนาดไหนน่ะ

"ใครๆก็รู้จักนายทั้งนั้นแหละ แล้วนี่ยังไงอยู่คอนโดนี้แต่พี่ไม่เคยเจอเลยนะ พึ่งย้ายเข้ามาหรอ?"

"เปล่า อยู่ตั้งแต่ปี 1" งั้นก็สองปีเท่าผมน่ะสิ

"แปลกเนอะ อยู่มาพอๆกันแต่พึ่งเคยเจอกัน" คิงก็พยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วนี่จะกลับยัง?"

"..." เงียบ

"ว่าไงล่ะ" ไม่ตอบแถมยังมองผมนิ่งเลยครับ ทำไมอ่ะ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่านะ?

"...จะกลับแล้ว" พูดจบก็ลุกขึ้นไปอุ้มลูกหมาที่นอนอยู่ในผ้าขึ้นมาทั้งอย่างนั้น คว้ากระเป๋าแล้วหันหลังเดินออกไป

"เดี๋ยว"

ร่างสูงหยุดแล้วหันมาใบหน้าเฉยช้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกได้ว่าในแววตานั้นมันระยิบระยับไม่ได้นิ่งสงบเหมือนใบหน้านั่น



อย่าบอกนะว่า...



โอ้ยยยยยยยย ไอ้คนตรงหน้ามันเป็นคนเดียวกันกับคนที่ผมเห็นในโรงอาหารวันนี้จริงๆหรือเปล่านะ! ทำไมตอนนั้นผมถึงคิดไปได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอันตราย ทำไมใครๆก็พูดกันว่าคนๆนี้หยิ่งนักหนา ทำไมหลายๆคนถึงได้พูดถึงร่างสูงนี้เสียๆหายๆ แต่ที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้มันคือหมาตัวโตชัดๆ!

ไอ้ท่าทางที่เงียบใส่ตอนผมถามว่าจะกลับหรือยังนั่นคือคิดว่าผมไล่สินะ ส่วนสายตาเป็นประกายอยู่ตอนนี้มันเหมือนหมาที่รอให้เจ้าของเรียกไม่มีผิด น่ารักจังน้าน้องคิงงง

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ขอทดสอบอีกนิดนึงเพื่อความชัวร์

"จะไม่ขอบคุณหน่อยหรอ?"

"..." คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย ดวงตาคมดูดุขึ้นทันที



ชัดเจนครับพี่น้อง



"ขอบคุณ" คิงพูดจบก็หันหลังกลับเปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

พอประตูปิดลงผมก็หลุดหัวเราะออกมาทันที ก็แหม เมื่อกี๊ผมกลั้นยิ้มแทบตาย เท่าที่ดูคิงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆเค้าพูดกันนี่หว่า ออกจะแตกต่างจากที่คนอื่นพูดอย่างสิ้นเชิง ที่แน่ๆเรื่องหยิ่งนี่ตัดทิ้งได้เลย ถ้าเขาหยิ่งจริงคงไม่ตามผมมาต้อยๆแบบนี้หรอก

ผมยืนยิ้มมองประตูอยู่สักพักก่อนจะคิดได้ว่า...ผมมายืนยิ้มเพราะเรื่องของคิงทำไม? บ้าจริงๆเลยเรา เขาออกจากห้องไปตั้งนานแล้วยังจะมาคิดเรื่องของเขาอยู่ได้

พอคิดได้ผมก็เดินไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วเดินมาหาอะไรกินในครัว ผมเปิดตู้เย็นเพื่อเช็ควัตถุดิบว่ามีอะไรทำได้บ้าง ผมหยิบของออกมาสองสามอย่างเพื่อทำอะไรง่ายๆกิน ผมมักจะทำอะไรกินเองมากกว่าออกไปซื้อข้างนอก เพราะมันถูกปากมากกว่า อยากได้รสชาติแบบไหนก็ปรุงได้เอง อยากกินอะไรก็ทำได้เลยไม่ต้องไปตามหาให้ยุ่งยาก เมื่อก่อนผมก็ทำกับข้าวเองไม่เป็นหรอกครับ ปกติแม่จะเป็นคนทำให้ผมกับพ่อทานตลอด แต่พอแม่ไม่อยู่แล้วก็เลยลองทำกินเองบ้าง แรกๆก็ทำเพราะขี้เกียจออกไปซื้อ หลังๆก็เริ่มทำเพราะสนุกดี  อีกอย่างคงเพราะผมอยู่คนเดียวการทำอาหารก็ช่วยฆ่าเวลาไปได้เยอะอยู่ กลายเป็นว่าบางทีถ้ามีเวลาว่างๆในวันหยุดผมมักจะออกไปหาร้านอาหารหรือร้านขนมอร่อยๆทาน แล้วลองกลับมาทำเองดู

พอทานอาหารเสร็จผมก็ไปอาบน้ำเสร็จแล้วก็มาทิ้งตัวลงบนที่นอน ผมคว้าไอโฟนรุ่นล่าสุดที่พึ่งถอยออกมาหมาดๆมาปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าแอพสีน้ำเงินที่คนทั้งโลกรู้จัก

ผมเลื่อนเฟสไล่ดูโพสไปเรื่อยๆบางทีเลื่อนไปเจอรูปฮาๆก็กดเซฟไว้บ้าง กดแชร์ไปบ้าง เลื่อนไปสักพักก็เจอโพสของไอ้ซอง



Song eiei   17 min

เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวจวย

79 like 10 comment

Charp Charp  : หัวใจมั้ยล่ะสัส

TeTeTe  : หัวอะไรเอาให้ชัวร์

Song eiei  : หัวอะไรก็เหมือนกันแหละ

เบเบ้ เปย์ให้แต่ผู้  : หยาบคายมากไอ้ซอง เสียเพลงหมด

Song eiei  : การที่มึงเป็นตุ๊ดก็เสียสถาบันผู้ชายเหมือนกันอ่ะอีเบ้

เบเบ้ เปย์ให้แต่ผู้  : ร้ายกาจ



ผมยิ้มให้กับคอมเมนท์ที่พวกเพื่อนๆผมมันเมนท์กัน เบเบ้ที่มาเมนท์ไอ้ซองเป็นเพื่อนในคณะผมครับ มันเป็นตุ๊ดที่ค่อนข้างจะบึกบึนกว่าตุ๊ดทั่วไป ผมเคยเห็นมันไปเนียนแมนๆเตะบอลกับพวกผู้ชายคณะอื่นด้วย ตอนนั้นพวกผมฮากันเกือบตาย ก็มันเล่นยิงประตูไม่ยั้งเพื่อจะได้วิ่งไปกอดกับคนอื่น ยอมใจมันจริงๆ

ผมเลื่อนไปไลค์โพสให้เพื่อนไปเรื่อยจนมาหยุดที่โพสๆนึง



เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊    5 min

ตายแล้ววววววววววว!!! วันนี้คิงหนุ่มหล่อประจำมหาลัยของเรา มาหาสาวนิรนามถึงคณะบริหาร!!! ปกตินอกจากตึกวิศวะกับร้านหล้าก็แทบจะไม่มีใครได้พบเจอสุดหล่อคนนี้ แล้วนี่คือใครคะ คนนี้คือใคร! บอกเจ๊ที! อกเจ๊จะแตกตายแล้วจ้า ฮืออออ คิงของเจ๊ยังไม่มีใครใช่มั้ยพูดดดด!!!

3189 like 1502 comment

ผมชะงักกับโพสและรูปที่เพจดังของมหาลัยอัพ ในรูปคือผู้หญิงคนหนึ่งตัวเล็กน่ารักดีกรีดาวคณะบริหารกำลังยืนคุยกับผู้ชายคนเดียวกับที่พึ่งเดินออกไปจากห้องผมเมื่อไม่นานมานี้ ในรูปใบหน้าของคิงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเหมือนเดิม แต่สีหน้าของผู้หญิงนั้นช่างดูสดใสเหลือเกิน

เป็นอะไรกัน?

เพจที่อัพรูปนี้เป็นเพจที่โด่งดังของมหาลัยไม่รู้แอดมินคือใครแต่ทุกคนจะเรียกเค้าว่าเจ๊ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหน ขอแค่เกิดขึ้นในมหาลัย เจ๊จะอัพเดตให้รู้ในทันที แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่พ้นเรื่องของคนดังในมหาลัยหรอกครับ ยิ่งพวกดาวเดือนหรือคนดังในม.นี่นะครับ คบกับใคร เลิกกับใคร ควงคนไหน ขับรถอะไร ไปไหน ทำอะไรนี่เจ๊รู้หมด บางทีผมก็สงสัยว่าเจ๊นี่มีกี่ร่างทำไมถึงได้รู้การเคลื่อนไหวทุกซอกทุกมุมในมหาลัยได้

ผมกลับมาโฟกัสที่รูปภาพอีกครั้ง อาจจะเป็นแฟนก็ได้มั้ง แต่วันนี้ไอ้ชาร์ปบอกว่าคิงไม่มีแฟนนี่นา ผมลองกดเข้าไปอ่านคอมเมนท์



น้ำตาล หวานมาก  : พี่คิงมีแฟนแล้วหรอ ไม่นะ ฮืออออออ

น้องนก นกตามชื่อ  : ไม่น่าใช่นะ เราติดตามพี่คิงมานาน พี่เขาไม่มีแฟนแน่นอนค่ะ

ไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีอะไรเลย  : ไอ้คิงอีกแล้วหรอ นี่มันจะเหมาผู้หญิงหมดมหาลัยเลยไงวะ

ชะนี หมีตุง  : ขออย่าให้เป็นอะไรกันเลย ถ้าเป็นจริงๆ หมี่เหลือง!

แองจี้ มีไข่แต่ยังไม่มีใคร  : อีนั่นเป็นใคร!

ปั้บปั้บ ปาเยเย  : ไม่หล่อเท่าคิง แต่ซิงแน่นอน ลองได้นะครับ

ชื่อเวียร์ เลียยันหู  : ผมยังโสดนะครับ

หนูนา มาหาหอย  : เมนท์บนน่ากลัวมากค่ะ

คอมเมนท์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด มีคอมเมนท์อีกหลายร้อยที่แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อผู้หญิงในรูป ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงนะครับ ผมคาใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา สุดท้ายผมก็เลื่อนผ่านไป ผมเล่นต่อไปอีกสักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเลยชาตโทรศัพท์ไว้ ปิดไฟหัวเตียงแล้วก็หลับตานอน









กลางดึกผมรู้สึกเหมือนมีอะไรกวนอยู่รอบๆตัว

"อือออ" ทำไมรู้สึกหนักๆเหมือนมีอะไรทับอยู่

"อ่ะ อ่ะ" เหมือนมีอะไรเปียกชื้นวนอยู่แถวๆหน้าอก โอ้ยยย อะไรเนี่ย

ผมพยายามลืมตาขึ้นมาเพราะทนไม่ไหวกับอะไรบางอย่างที่รบกวนการนอนของผมอยู่

!!!!!

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ อย่างคนสุขภาพดี หน้าท้องที่ซิกแพ็คเรียงตัวกันแน่นจนกลายเป็นลอนสวย ใบหน้านิ่งสนิทที่ตอนนี้กำลังวนอยู่แถวๆหน้าอกของผม คนที่เป็นเจ้าของร่างที่คร่อมทับผมอยู่ก็คือคิง!

"เห้ย! ทำอะไรเนี่ย!" ผมทั้งผลักทั้งดันร่างสูงตรงหน้าออกไป แต่เหมือนมันไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าขยับเลยแม้แต่น้อย

"ตื่นแล้วหรอ" คิงเหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนจะละริมฝีปากออกจากอกของผมแล้วพูดออกมาเบาๆ คำพูดที่เหมือนคำถามนั่นทำให้ผมอึ้งเล็กน้อย

"นี่นายทำอะไรอยู่ แล้วเข้ามาในห้องได้ยังไง ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" คิงไม่ได้ทำตามที่ผมบอกเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะอ้าปากแล้วครอบลงไปที่เม็ดทับทิมสีชมพูของผม เรียวลิ้นของคนตรงหน้าตวัดเลียวนซ้ำๆทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ทั้งกลัวทั้งตกใจกับสิ่งที่คนตรงหน้าทำ

"อ่ะ" ผมรีบกัดปากตัวเองทันทีที่เผลอหลุดเสียงบางอย่างออกมา ร่างสูงเห็นยิ่งได้ใจ ขยับมือข้างนึงมาที่เม็ดทับทิมของผมข้างที่ไม่ได้ถูกคนตรงหน้าครอบครองอยู่แล้วขยี้มันทันที

"อื้ออออ" ผมเม้มปากแน่น พยายามเหลือเกินที่จะไม่ส่งเสียงออกไป แต่นิ้วและริมฝีปากของคนตรงหน้าก็ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน

"ร้องออกมา" คิงยกตัวขึ้นมาพูดกับผม ตอนนี้ใบหน้าเราแทบจะชิดติดกันอยู่แล้ว ผมส่ายหน้าให้กับคิงเป็นการบอกว่าผมไม่ยอมเด็ดขาด

"ทำแบบนี้ทำไม! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" ผมอาศัยจังหวะที่คิงเผลอ ทุบตีคนตรงหน้า ขาผมทั้งเตะทั้งถีบ ผมพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่เหมือนการกระทำนั่นทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คิงรวบมือทั้งสองข้างของผมแล้วกดไว้เหนือหัว ก่อนจะทิ้งน้ำหนักช่วงล่างลงมาทับผมไว้ ทำให้อะไรๆของเรามันเสียดสีกัน ผมตกตะลึงอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ว่ากลางกายของอีกคนนั้นกำลังตื่นตัวดุนดันอยู่ที่บริเวณขาของผม นั่นทำให้ผมตัดสินใจดิ้นรนอีกครั้งหนึ่ง

"ไม่ต้องกลัว จะไม่ทำแรง" คิงพูดชิดกับใบหูของผม ขบเม้มเล็กน้อย แปลกที่คำพูดไม่กี่คำของคิงทำให้ร่างกายของผมหยุดต่อต้านไปดื้อ ริมฝีปากของร่างสูงไล้มาตามโครงหน้าของผมก่อนจะมาหยุดชิดริมฝีปากบาง เราสบตากันอยู่เนิ่นนานก่อนคนด้านบนจะค่อยๆบดเบียดมอบจุมพิตแสนหวานมาให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงไม่ได้ขัดขืนจูบนี้ ซ้ำยังเผยอปากขึ้นเพื่อให้เรียวลิ้นของคนตรงหน้าแทรกเข้ามาอย่างง่ายดาย มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนล่างของอีกคนอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะจับส่วนไหนก็เนียนละเอียดไปหมดราวกับไม่ใช่ผิวของผู้ชาย ปากของทั้งคู่ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องไม่ได้ละจากกันสักวินาที จนผ่านไปเกือบนาทีคนด้านล่างเริ่มเบนหน้าหนีเพราะโดนจูบดูดวิญญาณจนแทบจะหมดลมหายใจ ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนได้หายใจไม่กี่วินาทีก่อนจะประกบปากจูบเรียกร้องต่ออย่างคนเอาแต่ใจ ทั้งสองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่หยุดจนร่างสูงถอนจูบออกแล้วยืดตัวขึ้น สายตาของร่างบางมองตามร่างตรงหน้าอย่างเหม่อลอย รู้สึกเสียดายที่ริมฝีปากนั้นถูกถอนห่างออกไป

คนตรงหน้าก้มลงมาหาคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะพูดบางอย่าง



"ขอนะ"











เฮือก!!!!!

ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที รู้สึกเหนื่อยจนหายใจหอบถี่ ผมตั้งสติอยู่เกือบห้านาที

.

.

.

.

นี่กูฝันเหี้ยอะไรวะเนี่ย!?!?

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
«ตอบ #4 เมื่อ03-01-2018 18:42:31 »

อ้าว ฝันเรอะ แสดงว่าใจลึกๆหวังอยู่ใบ่ไหมควิน--- 55555
ควินคนดียยย ดีแบบดีจริงๆแต่ทำอะไรก็ต้องระวังตัวบ้างนะ!
ระวังจะมีคนย่องมาหาเหมือนในฝัน(?)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
«ตอบ #5 เมื่อ03-01-2018 21:42:52 »

ติดตามจ้า

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
«ตอบ #6 เมื่อ03-01-2018 21:48:55 »

อูย
ลูกควิน

ลูกดูหน้าเขาในเฟสแล้วเก็บไปฝันเหรอจ้ะ  :hao6: แบบนี้เขาเรียกมีนัยยะนะเออบอกเลย  :hao3:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: ...แค่คุณ... {อัพแล้วจ้าตอนที่1-2}
«ตอบ #7 เมื่อ03-01-2018 22:21:28 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 3
«ตอบ #8 เมื่อ05-01-2018 18:36:48 »

ตอนที่ 3



พาร์ท ควิน



หลังจากวันที่ได้เจอกับคิงนี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับคิงอีกเลย ก็นะปกติเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้วนี่ ทุกคนสงสัยมั้ยครับว่าคืนนั้ันเป็นยังไงต่อ หึ คืนนั้นหลังจากที่ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันบ้าบอนั่นผมถึงกับต้องลุกขึ้นมาหาอะไรทำต่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพราะจะให้นอนต่อไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อีก พอหลับตาใบหน้าของคิงในความฝันก็โผล่เข้ามาในความคิดของผมทันที เล่นเอาผมหมดสภาพเพราะอดหลับอดนอนไปอีกวันเลยล่ะ

ทำไมผมถึงได้ฝันอะไรแบบนั้นนะ? ถึงผมจะสงสัยแค่ไหนแต่ผมไม่มีวันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาใครเด็ดขาด!!!

วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติทุกวันเสาร์ช่วงบ่ายผมมักจะออกไปหาอะไรทานข้างนอกมากกว่าจะนั่งๆนอนๆอยู่ที่ห้อง ผมตื่นขึ้นมาเกือบเก้าโมงแต่กว่าจะก้าวขาลงจากที่นอนได้ก็สิบโมงกว่าแล้วครับ ผมลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมอาบน้ำประมาณสิบห้านาทีแล้วออกมาแต่งตัว ผมเลือกใส่กางเกงยีนส์สีฟอกซีดกับเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินเรียบๆ ทาครีมเซตผมอยู่หน้ากระจกสักพัก ผมไม่ใช่ผู้ชายเจ้าสำอางค์หรอกนะ แต่แหม ถ้าไม่บำรุงดูแลผิวเลยหน้าผมคงไปก่อนอายุไกลเลยล่ะครับ เคยมีเพื่อนผู้หญิงทักผมเรื่องเรื่องที่ผมทาครีมด้วยนะ เธอหาว่าผมไม่แมน แต่ผมไม่ได้เถียงอะไรไปหรอก ปล่อยให้เจ้าตัวคิดไปตามที่สบายใจนั่นแหละ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้หญิงหรอก พวกเธอบอกว่าไม่ชอบผู้ชายสำอางค์ชอบแบบธรรมชาติอะไรพวกนี้ แต่พอมีผู้ชายตัวดำหน้าดำสิวเขรอะก็หันหน้าหนีกันไปทั้งนั้น พอเจอพวกผู้ชายขาวใสทาครีมก็กลับบอกว่าตุ๊ดซะงั้น บางทีผมว่าพวกเธอก็ดูย้อนแย้งในตัวเองนะครับ

โอเค ตอนนี้สภาพผมพร้อมออกไปเจอผู้คนแล้วครับ ผมปิดแอร์ปิดไฟในห้องเสร็จก็คว้าโทรศัพท์กับกระเป๋าตังยัดในกางเกง หยิบกุญแจรถออกมาจากลิ้นชัก ปกติผมใช้รถตัวเองก็เฉพาะวันหยุดซะส่วนใหญ่นอกจากนั้นก็เอาไว้ขับไปผับกลางคืนเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆน่ะ ผมเปิดตู้รองเท้าหยิบผ้าใบสีน้ำเงินออกมาใส่ รวมๆแล้ววันนี้ผมมาในธีมสีน้ำเงินสินะ

ผมลงจากคอนโดมาที่ลานจอดรถ กดปลดล็อคซีวิคลูกรักเปิดประตูยัดร่างเข้าไปสตาทรถและขับออกไปทันที วันนี้เป้าหมายของผมคือร้านขนมเปิดใหม่แถวมหาลัย เป็นร้านของพี่มิลค์ พี่มิลค์ป้ารหัสผมเองพี่เขาพึ่งจบไปเมื่อปีที่ผ่านมานี่แหละครับ ร้านนี่ได้ยินว่าพี่มิลค์หุ้นกับแฟนเปิดขึ้นมา พี่มิลค์โทรมาชวนผมไปตั้งแต่เปิดร้านวันแรกแล้วแต่พอดีช่วงนั้นผมติดทำงานกลุ่มเลยยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที พี่แกก็บ่นผมชุดใหญ่เลยหาว่าผมเป็นหลานรหัสอกตัญญู 55555555 วันนี้ผมเลยไม่โทรไปบอกพี่เขาว่าจะไปหากะจะไปเซอไพร์พี่มิลค์ที่ร้านเลย ผมใช้เวลาขับรถไม่นานนักก็มาถึงร้านของพี่มิลค์ หาที่จอดรถเสร็จก็เดินลงไป

' BIG MILK' หมายถึงร้านนี้เป็นร้านใหญ่อะไรประมาณนี้ใช่มั้ยครับบอกผมที ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้กับชื่อร้านของพี่แกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของขนมและกาแฟอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ร้านนี้ถือว่ามีกว้างพอควร มีีทั้งหมดสองชั้น ชั้นบนจะมีพื้นที่ประมาณครึ่งนึงของชั้นล่าง สามารถมองลงมาได้ โต๊ะที่จัดมีทั้งแบบเป็นชุดโซฟาค่อนข้างใหญ่เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม หรือแบบโต๊ะชุดเล็กสำหรับมาสองสามคน บริเวณริมกระจกฝั่งนึงทำเป็นแบบบาร์มีเก้าอี้เรียงไว้ให้สำหรับคนที่อาจจะมานั่งคนเดียวชิวๆ การแต่งร้านเป็นโทนสีขาวฟ้าพาสเทลทำให้ร้านดูสดใสน่ารักไปอีก

อ่า ผมชอบที่นี่จัง

"ยินดีต้อนรับค่า เชิญด้านในเลยนะคะ" พนักงานกล่าวต้อนรับทันทีที่ผมเสียงประตูดังขึ้น  ตอนนี้ยังไม่ที่ยงลูกค้านั่งอยู๋ในร้านประมาณสิบโต๊ะ ผมเดินตรงไปยังเคาเตอร์แล้วยิ้มให้พนักงานที่กำลังชงกาแฟอยู่ตรงนั้น

"ขอโทษนะครับ พี่มิลค์อยู่ที่ร้านมั้ยครับ?" พนักงานเงยหน้าจากแก้วขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะชะงักไป

"เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

"คะ? อ๋อ ค่ะ อยู่ค่ะ! ตอนนี้พี่มิลค์เข้าไปเอาขนมเพิ่มหลังร้าน เดี๋ยวโบว์ไปตามมาให้นะคะ" พนักงานที่เรียกแทนตัวเองว่าโบว์พูดตอบตะกุกตะกักโดยไม่มองตาผมเลย ที่แก้มของคนตรหน้าขึ้นริ้วแดงจางๆบ่งบอกถึงสาเหตุที่หลบตาผมได้ชัดเจน

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มและตอบกลับไป

"ค่ะ รอสักครู่นะคะ" แล้วโบก็วิ่งเข้าไปที่หลังร้านอย่างรวดเร็ว

เอาจริงๆนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนแสดงอาการว่าเขินผมหรอกนะ ผมยอมรับว่าตัวเองก็หน้าตาดีในระดับหนึ่ง อย่างที่ผมเคยบอกว่ามีคนเข้ามาหาผมเยอะพอสมควรทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผมก็ยังไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นหรอกนะครับ ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือเลือกมากอะไร เพียงแค่ผมยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆที่รู้สึกดีด้วยแบบนั้น แต่อย่าเข้าใจผิดว่าชีวิตผมจะไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะ มันก็มีบ้างนานๆทีตามประสาผู้ชาย ผมก็กินเหล้าเข้าผับเหมือนคนอื่นบางทีมีคนเข้ามาทำความรู้จักกัน สำหรับผมถ้าพวกเธอโอเคผมก็โอเค แต่ผมก็บอกกับพวกเธอชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์แค่คืนเดียวไม่มีการสานต่อใดๆทั้งสิ้น

ระหว่างที่ยืนรอผมสังเกตว่ามีหลายคนที่มองมาที่ผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่มองไม่ได้ทำให้เสียหายอะไรนี่ครับ สักพักก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆ

"สวัสดีครับ"ผมหันไปตามเสียงก็เจอเข้ากับผู้ชายคนนึง สูงพอๆกับผมแต่เอ่อ คือจะว่ายังไงดี เขาค่อนข้างจะบึกบึนกว่าคนปกตินะผมว่า กล้ามแขนนี่เป็นมัดๆตัวของเขาก็หนากว่าผมมากเกือบเท่านึงแหนะ นี่ถ้าสมมติว่าเขาเตะผมสักทีผมว่าผมคงกระเด็นติดผนังร้านแน่นอน

"ครับ มีอะไรกับผมหรอครับ"

"คุณมาคนเดียวหรือเปล่า"

"ครับ ผมมาคนเดียว"

"ผมเห็นคุณเดินเข้ามาสักพักแล้วแต่ยังยืนอยู่ที่เดิม คือถ้าคุณไม่มีเพื่อนไปนั่งโต๊ะเดียวกับผมได้นะครับ" เขาเอ่ยชวนผมพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ บอกตรงๆเลยว่าท่าทีของคนตรงหน้าทำเอาผมขนลุกทั้งตัว

"ฮิ้วววว"

"เฮ้ยไอ้วินสีหน้ามึงแสดงออกมากไปป่ะวะ"

"55555555555555555"

มีเสียงของคนกลุ่มตะโกนมา พอหันไปก็เจอกับผู้ชายห้าหกคนนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลจากที่ผมยืนอยู่มากเท่าไหร่ น่าจะเป็นกลุ่มเพื่ี่อนของคนที่ยืนคุยกับผมอยู่

"พวกมึงหุบปากไปเลย!" คนตรงหน้าที่ผมคิดว่าน่าจะชื่อวินตามที่เพื่อนเขาเรียกเมื่อกี๊ตอบกลับเพื่อนไป

"ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ พวกมันก็แซวไปงั้นแหละไม่มีอะไรหรอก"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ส่วยเรื่องที่ชวนไปนั่งด้วยก็ขอบคุณนะครับ แต่ไม่ดีกว่าพอดีผมรอคนอยู่น่ะครับ" ผมยิ้มและปฏิเสธเขาไป

"อ้าว คุณบอกว่ามาคนเดียวไม่ใช่หรอ? ถ้าเป็นเพราะที่เพื่อนผมพูดเมื่อกี๊คุณอย่าไปถือสาพวกมันเลย พวกมันก็ปากแบบนี้แหละ" คนชื่อวินบอกกลับมาสีหน้าเขาเหมือนคนทำอะไรผิดมายังงั้นแหละ

"คือผมรอเพื่อนอยู่จริงๆครับ"

"เฮ้อ โอเคครับ" พอพูดจบเขาก็หันหลังคอตกเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่เดินไปยังไม่ถึงสามก้าวเขาก็หันหลังเดินกลับมาอีกรอบ ผมได้แต่ยืนมองเขางงๆ

"ผมชื่อวินนะครับ ถ้าเจอกันที่อื่นก็ทักได้นะ" เขาแนะนำตัวกับผม?

"อ่อ ครับ"

"จะไม่บอกชื่อคุณหน่อยหรอ"

"ผมควิน"

"ชื่อน่ารักเนอะ" ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลยครับ

"งั้นผมไปก่อนนะควิน แล้วเจอกัน" ผมพยักหน้าตอบไปไม่ได้พูดอะไรอีก เขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

นี่คือการโดนเต๊าะหรือเปล่า? เฮ้ออออ นี่ผมโดนผู้ชายจีบอีกแล้วหรอ? ช่วงนี้มีมาบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก คิดแล้วก็ปวดหัว ผมเคยเข้าฟิตเนตกะจะฟิตหุ่นให้เฟิร์มกว่านี้ ผมเล่นสารพัดอย่างแต่ทำยังไงซิกแพ็คก็ไม่ขึ้นเป็นลอนอย่างคนอื่นเขา กลายเป็นได้หน้าท้องแบนราบอย่างคนสุขภาพดีมาแทน จนผมถึงกับปลงตก ช่างแม่งมันไปเลย

"แหมมมม มาถึงปุ๊บก็มีแมลงวันมาตอมปั๊บเลยน้าาาา" เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังของผม เสียงแบบนี้ใช่เลยครับ

"ไม่ใช่ขี้นะป้า" พี่มิลค์นั่นแหละครับที่แซวผม

"55555555 เสน่ห์แรงสมเป็นหลานรหัสชั้นจริงๆ" หลงตัวเองไปอีกป้าผม

"นี่เห็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"

"ก็ตั้งแต่แรกนั่นแหละ "

"โหห แล้วไม่คิดจะเข้ามาช่วยกันเลยนะป้า" ปล่อยให้ผมยืนคุยกับเขาอยู่ตั้งนาน

"ช่วยทำไม? ยืนดูเฉยๆสนุกจะตาย" ดูนะครับ คนเราก็งี้

"ไปๆไปนั่งก่อนมายืนอยู่ทำไมให้เมื่อยเนี่ย โง่จริง" เออนั่นสิ ทำไมผมไม่ไปนั่งตั้งแต่แรกวะ โง่จริง

พี่มิลค์ดึงผมมานั่งที่โต๊ะนึงก่อนจะสั่งนู้นสั่งนี่มาให้ผมลองเต็มไปหมด ผมก็นั่งกินไปคุยไป ผมกับพี่มิลค์เราสนิทกันครับ เพราะสมัยที่พี่มิลค์ยังเรียนอยู่พอพี่แกรู้ว่าได้ผมเป็นหลานรหัส พี่แกแกล้งผมสารพัดแต่สุดท้ายก็สนิทกันไปเฉย ผมคุยอยู่กับพี่มิลค์เกือบสองชั่วโมง ส่วนใหญ่ผมฟังพี่แกพูดมากกว่า5555555 สุดท้ายผมก็ขอตัวกลับก่อน พี่มิลค์ก็ทั้งกอดทั้งหอมผมจนแฟนพี่แกมาลากออกไปแถมผมยังได้สายตาพิฆาตจากแฟนพี่มิลค์แถมมาอีกหนึ่งดอก



ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดแต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

บนหน้าจอแสดงชื่อ 'อาทิม' ผมกดรับสายทันที

"ว่าไงครับอา"

'วันนี้แกจะเข้ามากี่โมง'

"ผมว่าจะไปประมาณหกโมงอ่ะ จะไปหาอะไรกินก่อน"

'เออมาไวๆ ลูกค้าอาถามถึงแกตั้งแต่อาทิตย์ก่อน อาขี้เกียจจะตอบคำถามแล้วนะ ถ้าวันนี้แกเบี้ยวอีกอาจะไปลากคอแกมาจากคอนโดเองเลย!'

"อะไรขนาดนั้นอ่ะอา ผมหยุดไปอาทิตย์เดียวเองอย่าบ่นมากน่าเดี๋ยวผมหงอกก็ขึ้นมากกว่าเดิมหรอกนะ"

'ปากเสียล้ะไอ้ห่า'

"555555555555"

'เออแค่นี้นะ รีบๆมา' อาทิมพูดจบสายก็ตัดไป

อาทิมเป็นเพื่อนของพ่อผมเอง บ้านของอาทิมกับบ้านของผมอยู่ติดกัน ตอนเด็กๆเวลาพ่อกับแม่ผมมีธุระก็มักจะเอาผมไปฝากให้อาทิมช่วยเลี้ยงแทน แกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก พอพ่อแม่ผมเสียแกก็คอยให้ความช่วยเหลือมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ปรึกษาแกได้หมด อาทิมเป็นเหมือนพ่ออีกคนของผมอีกคนเลยก็ว่าได้

ส่วนเรื่องที่คุยกับอาทิมเมื่อกี๊คือเรื่องร้องเพลงครับ อาทิมเปิดร้านอาหารกึ่งบาร์ มีดนตรีสดให้ฟังทุกวัน นักร้องก็เป็นคนที่แกหามานั่นแหละ เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะพอดีมีวันหนึ่งนักร้องแกลากระทันหันมันฉุกระหุกจนหานักร้องมาแทนไม่ทัน วันนั้นผมบังเอิญแวะไปที่ร้านอาทิมพอดีแกเลยวานให้ผมช่วยขึ้นไปร้องแทน ประเด็นมันคือหลังจากวันนั้นมีลูกค้ามาถามหาผมหลายคน อาทิมแกเลยกะจะจ้างให้ผมไปช่วยร้องเรียกลูกค้าให้แกหน่อย ไอ้ผมก็อยากจะปฏิเสธแกไปหรอกนะ แต่ถึงยังไงอาทิมก็คนกันเองอะไรช่วยได้ผมก็อยากช่วย สุดท้ายผมก็ยอมตกลงไป แต่มีข้อแม้คือผมจะไปร้องให้แค่วันเสาร์วันเดียว อาทิมก็โอเคครับ 

ผมดูนาฬิกาตอนนี้ประมาณบ่ายสามโมง เหลืออีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา นอนเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน คิดได้อย่างนั้นผมก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้และล้มตัวลงนอน ผมพลิกซ้ายก็แล้วขวาก็แล้วแต่มันก็ไม่หลับสักที เลยหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวีดู ผมเปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนมาหยุดที่ช่องหนังช่องหนึ่ีงที่กำลังฉาย eight bellow เป็นหนังเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจากพายุหิมะสุนัขกลุุ่มนึง

จะว่าไป...เจ้าลูกหมาที่อยู๋กับคิงจะเป็นยังไงบ้างนะ คนอย่างหมอนั่นจะดูแลลูกหมาตัวเล็กๆได้หรือเปล่า คนอะไรก็ไม่รู้พูดน้อยนับคำได้ถ้าพูดเยอะๆแล้วดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากหรือไง ไอ้หน้านิ่งๆนั่นก็อีก ทำสีหน้าแบบอื่นเป็นมั้ยน่ะ ถ้าตกใจจะทำหน้าแบบไหนออกมาให้เห็นกันนะ หน้าเหวอๆคงจะตลกไม่ใช่น้อย ตอนนั้นอีกที่จับแขนเสื้อเขาไว้แล้วเดินตามเขาต้อยๆดูเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด ไหนจะที่เขินแล้วหันหน้าหนีตอนที่เขาแกล้งแซวอีก

ดูๆไปแล้วก็...





น่ารักดี

ตอนนี้จะทำอะไรอยู่กันนะ...





เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปปิดก่อนจะดูเวลาบนหน้าจอ

'17:00'

ผมลุกคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำสักพักแล้วออกมาแต่งตัว ผมหมุนตัวเช็คตัวเองอยู่แปบนึงก็ออกจากคอนโดไปยังร้านอาทิมทันที

ผมจอดรถและเดินเข้าทางหลังร้าน พนักงานในร้านเมื่อเห็นผมก็ทักทายกันตลอดทาง ผมก็ทักทายตอบกลับไป ผมรู้จักพนักงานที่นี่ทุกคนเพราะเห็นกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

"พี่ควินนน คิดถึงจังเลยยยยยยย" ฟิควิ่งมากอดผมทันทีที่เจอ

"เว่อร์ไปมั้ยเราไม่เจอกันแค่แปบเดียวเอง"

'ฟิค'เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารของร้านเป็นรุ่นน้องผมสองปี น้องเป็นคนตัวเล็กแถมหน้าก็หวานอย่างกับผู้หญิง นิสัยก็ขี้อ้อนได้ใจ พูดเก่งเป็นที่หนึ่ง เป็นที่เอ็นดูของคนในร้านรวมถึงผมด้วย ผมเป็นลูกคนเดียวพอมาเจอฟิคเลยรู้สึกเหมือนมีน้องชายอะไรประมาณนี้

"แปบเดียวอะไรพี่ควินอาทิตย์ที่แล้วพี่ก็ไม่มา หนีเที่ยวใช่มั้ยสารภาพมา" น้องบ่นทำหน้าทำตาน่าหมั่นเขี้ยวใส่ผม น้องจะรู้มั้ยเนี่ยว่าตอนที่น้องทำหน้าแบบนี้มันดูน่ารักขนาดไหน

"เอาน่า พี่ก็มาแล้วนี่ไง" ผมขยี้หัวน้องให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วเดินออกมา ได้ยินเสียงน้องโวยวายตามหลังมาเบาๆ

ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องอาทิมก่อนจะเปิดประตูออกช้าๆ อาทิมนั่งอยู่บนเก้าอี้หลับตาแหงนหน้าขึ้นพิงเบาะ เห็นแบบนั้นผมก็ย่องเข้าไปใกล้ๆก่อนจะ

"ตำรวจมา!!!"

"เฮ้ย ผมเปล่า! ผมเปล่า!"

"55555555555555555555" ผมหัวเราะจนท้องแข็ง อาทิมสะดุ้งลุกขึ้นตะโกนโวยวาย หมดมาดเจ้าของบาร์เลยครับ

"ไอ้ควิน! นี่มึงแกล้งกูหรอ!" พออาทิมหันมาเจอผมหัวเราะแกอยู่ก็ทำหน้าดำหน้าแดง ไม่รู้ว่าแกโกรธหรืออายกันแน่ ไม่รอให้แกด่าผมก็รีบหนีออกจากห้องมาด้านนอกทันที

ผมออกมาหาที่นั่งแถวๆโต๊ะมุมของร้าน สั่งให้พนักงานเอาอะไรมาให้ทานระหว่างรอเวลา ผมขึ้นร้องประมาณสองสามทุ่มตอนนี้พึ่งจะทุ่มกว่าผมเลยกินอะไรไปเรื่อยเปื่อย สักพักผมก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากทางหลังร้านแล้วตรงมาที่โต๊ะผมแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว

"ไงมึง"

"ไงเหี้ยอะไรล่ะ มึงไปแกล้งอะไรพ่อกูอีก กูมาถึงเมื่อกี๊เฮียแกมาลงที่กูเฉย" ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะหยิบแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่ม

คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้คือ 'ไทค์' มันเป็นลูกของอาทิม ผมกับมันอายุเท่ากันครับเกิดห่างกันไม่กี่เดือน แถมบ้านติดกันผมกับมันเลยโตมาด้วยกัน มีความลับอะไรนี่ปิดกันไม่เคยได้จับทางได้กันทั้งคู่ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแต่ยังจำความไม่ได้ มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด เมื่อก่อนนี่เจอกันทุกวัน แต่พอขึ้นมหาลัยก็แยกกันไปอยู่คอนโดเลยได้ห่างกันไปบ้าง แต่ถึงยังไงก็ยังออกมาเจอกันแทบทุกอาทิตย์ เพราะบางทีมีเรื่องอะไรก็เรียกมันมาคุย เวลาไปเที่ยวกลางคืนก็ชวนมันไปด้วยและยังไงผมก็ต้องมาร้องเพลงที่ร้านมันประจำอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเราสองคนสนิทกันมากกว่าพี่น้องบางคนด้วยซ้ำ

ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันผมเห็นมีผู้หญิงหลายคนคอยส่งสายตาเชิญชวนมาให้ผมกับไอ้ไทค์ ไอ้ไทค์ก็ส่งยิ้มกลับไปบ้างส่วนผมก็นั่งเฉยๆไม่ได้อะไร ระหว่างที่นั่งคุยกับมันผมก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องผมอยู่สักพักแล้ว ผมหันไปมองรอบๆเพื่อหาว่าใครกันที่มองผมอยู่จนสุดท้ายผมก็เจอคนๆนั้น

สายตาคู่คมมองตรงมายังผม ทันทีที่ผมสบตาคู่นั่น ผมเหมือนโดนสะกดอีกครั้งเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกัน

ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?

"เป็นไรมึง" คงเพราะผมชะงักไปนานคนข้างๆเลยทักขึ้นมา เสียงของไทค์ทำให้ผมได้สติ ผมหันไปหามันก็จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นอะไร

"มึงมองใคร" ผมยกยิ้มให้กับคำถามแสนรู้ของมัน

"เสือกจังวะ"

"สัส เอาดีๆ" ผมเหลือบไปมองทางเมื่อกี๊ก็เห็นว่าคนๆนั้นยังมองผมอยู่เหมือนเดิม ไอ้ไทค์มองตามผมไปก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

"คนเสื้อดำอ่ะนะ"

"รู้ได้ไง" จะรู้มากไปแล้วมึง

"จ้องมึงขนาดนั้นถ้าไม่รู้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงล้ะ"

"เสือกเก่งจริงๆด้วย" ผมพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

"มันชื่อคิง"

"มึงรู้จักด้วยหรอ?"

"มันดังจะตายห่า แถมกูเจอมันตลอดอ่ะเวลาไปผับ" หืม? ไอ้ไทค์นี่เรียกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเสือผู้หญิง ไม่เคยอยู่ติดบ้านสักคืน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคิงก็ชอบเที่ยวกลางคืนหรอ? อืม ก็ไม่น่าแปลกใจอ่ะนะ

"มึงสนใจหรอควิน?" ไอ้ไทค์ถามพร้อมกับส่งสายตากดดันสุดๆมาให้ด้วย

ผมยิ้มตอบกลับไปเฉยๆไม่ได้พูดอะไรไป จะว่าสนใจหรอ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่นึกถึงบ้างบางครั้ง

"ไอ้ยิ้มแบบนี้น่ะหยุดเลยนะ! มึงสนใจจริงๆใช่มั้ยเนี่ย!" ผมยิ้มแบบไหนออกไปวะ?

"พอเลย กูขอสั่งให้มึงหยุดคิดอะไรๆกับมันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

"ทำไมวะ?"

"มึงไม่เคยได้ยินเรื่องมันเลยไงวะ มันแม่งโคตรเย็นชา เอาแต่ใจ ไม่สนห่าเหวอะไรทั้งนั้น นิสัยเสียสุดๆ มีคนเข้าหามันกี่คนๆสุดท้ายก็แห้วแดกไปตามๆกัน อีกอย่างกูเห็นมันตามผับประจำ ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังมันเต็มไปหมด แต่มันฟันแล้วทิ้งทั้งนั้น พวกเดียวกันดูออกเว้ย"

"มึงจะบอกว่ามึงเองก็เหี้ยใช่ม้ะ"

"มันใช่เวลาป้ะสัส กูไม่อยากให้มึงเสียใจหรอกถึงบอก จะชอบใครสักคนก็ช่วยชอบคนดีๆหน่อยเหอะ ยิ่งโง่ๆซื่อๆแบบมึงด้วยนะ หลอกมันส์เลยอ่ะ"

"มึงก็เว่อร์ไปอีก กูก็ไม่ได้โง่แบบนั้นมั้ยล่ะ" ผมว่าผมไม่ได้โง่หรือซื่อหลอกง่ายอย่างที่มันพูดหรอกนะครับ เพียงแต่ส่วนใหญ่ผมมักจะฟังเฉยๆโดยไม่ออกความคิดเห็นอะไร ผมไม่ชอบเถียงใครให้วุ่นวาย ใครว่ายังไงก็ตามนั้นก็แค่นั้นเอง

"เหอะ น้อยไปสิมึง แล้วนี่กูถามอะไรหน่อย กูเคยเห็นมึงเอาผู้หญิงบ้างแต่พึ่งเคยเห็นมึงสนใจผู้ชาย มึงจะเป็นเกย์?"

"ทำไมวันนี้มึงพูดมากจังวะไทค์"

"มึงตอบกูมาก่อนเลยไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง"

"กูก็ยังไม่ได้บอกเลยว่ากูคิดอะไรกับคิง มึงคิดไปเองทั้งนั้นอ่ะ กูอาจจะแค่มองเฉยๆก็ได้หนิ"

"เอออออออ ให้มันจริงเถอะ"

"เอาน่าไม่ต้องห่วง กูไม่เป็นอะไรหรอก"

"ใครห่วงมึง คิดไปเองอ่ะ"

"สัส"

ผมหันไปมองคิงอีกครั้งแต่ตอนนี้สายตาของร่างสูงไม่ได้มองมาที่ผมแล้ว ผมคิดตามคำที่ไอ้ไทค์มันพูดมาเมื่อกี๊แล้วนึกถึงวันที่ทำแผลให้คิงวันนั้น นิสัยของคิงดูไม่เหมือนกับที่ได้ยินมาเลย คิงเป็นคนยังไงกันแน่นะ เป็นแบบที่คนเขาพูดกัน หรือเป็นแบบที่ผมเห็นกันแน่...

ผมเผลอมองร่างสูงอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวจึงได้หันมาทางผม เราจ้องหน้ากันนิ่งๆไม่มีใครขยับเขยื้อนหรือพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย









อืม คงจะเป็นแบบที่ไอ้ไทค์พูดจริงๆนั่นแหละ









ผมสนใจคิงเข้าให้แล้ว...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2018 18:39:53 โดย earthearthx »

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แจ้งจากคนแต่งน้า นิยายเรื่องนี้จะพยายามมาลงตอนต่อไปไม่เกิน 4 วันน้า ถ้านานกว่านั้นต้องขอโทษด้วยนะคะ  :m15: คนเขียนแต่งลงตอนต่อตอนเลยอาจจะไม่ทันใจคนอ่าน ยังไงก็ขอฝากเรื่องแรกของเราไว้ด้วยน้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเมนท์ให้กำลังใจมากๆนะคะ  :heaven :heaven :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...แค่คุณ... { อัพตอนต่อไปแล้วจ้า}
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-01-2018 22:12:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ก้สนใจด้วยกันทั้งคู่แหละใช่ไหมมม... รึเปล่า 5555

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ช่วยลงตอน แล้ววันที่ลงให้ด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าอัพแล้ว

แต่ตัวเอกเรื่องนี้ทั้งคู่เหมือนคุยด้วยทางโทรจิตเลยน้า

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อนที่ 4


พาร์ท คิง


กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเวลา 8 โมงเช้าของวัน แต่ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ยินเสียงนั่นเลยสักนิด เสียงนาฬิกาดังเกือบหนึ่งนาทีกว่าจะปลุกคนขี้เซาให้รู้สึกตัวขึ้นได้ ร่างสูงเอื้อมมือไปหานาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะกดปิดเสียงนาฬิกาน่ารำคาญนั่นให้มันเงียบลงโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ

หายหนวกหูได้สักที

ร่างสูงพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วเข้าสู่นิทราอีกครึ้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลับไปอีกนานแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น คนที่พึ่งถูกปลุกเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีอะไรมากวนการนอนของเขา เขาควานมือสะเปะสะปะหาโทรศัพท์ไปทั่วเตียงจนเจอจึงคว้าโทรศัพท์มากดรับสายทันทีโดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

"..."

"รับช้าชิบหาย!" เป็นเพื่อนผมเองที่โทรเข้ามา

"มีอะไร"

"มีอะไรอะไรล่ะ กูจะโทรมาถามว่ามึงถึงไหนแล้ว" ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งตั้งสติดีๆ

อ่อ วันนี้เขามีเรียนตอนสิบโมงเช้าสินะ ผมหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียง

'09:35'

คงต้องไปสายอีกแล้วล่ะ

"ไอ้คิง! ยังอยู่มั้ยเนี่ย!?" มันยังอยู่อีกเหรอเนี่ย

"เออ กำลังจะออก"

"แต่เสียงมึงเหมือนเพิ่งตื่นนะสัส  ไม่ต้องมาเนียนมึงตื่นสายอีกแล้วใช่ม้ะ"

"เออ"

"ตลอดเลยมึง เออๆกูจะโทรมาบอกว่าวันนี้เจ๊เขียวนัดเรียนชดเชยคลาสที่แล้วที่ยกเลิกไปมาเป็นตอนสี่โมงเย็นวันนี้นะ เอาชีทเจ๊แกมาด้วย" เจ๊เขียวที่เพื่อนผมพูดถึงเป็นอาจารย์ในคณะผมเอง แต่แกชอบแต่งตัวด้วยสีเขียว เขียวตั้งแต่รองเท้ายันรองพื้นเลยโดนตั้งฉายานี้ไป 

"เออ" พูดจบผมก็ตัดสายไปทันที

ก่อนอื่นผมชื่อคิง เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง เรื่องส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก ผมหล่อ ผมรวยก็แค่นั้น ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบนาห้านาที หยิบของที่ต้องใช้ใส่กระเป๋าแล้วออกจากห้องลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถ ผมเดินไปยังที่จอดรถประจำกดปลดล็อคเปิดประตูแล้วสอดตัวเข้าไปโยนกระเป๋าไปที่เบาะด้านข้างแล้วมุ่งหน้าตรงไปมหาลัย

ระหว่างทางก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงหยิบขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอคือชื่อของคนเดียวกันกับคนที่โทรมาหาผมเมื่อเช้าผมกดเลื่อนหน้าจอรับสายแล้วเปิดลำโพงฟัง

"..."

'ไอ้คิง มึงมาถึงม.ยัง?'

"ใกล้ถึงล้ะ"

'มึงแวะไปเอาชีทสรุปที่พี่แอลให้กูหน่อยดิ กูเข้าห้องมาแล้วอ่ะ ขี้เกียจออกไป'

"แล้วกูจะเข้าเรียนทันมั้ยล่ะ"

'มึงแหกตาดูนาฬิกาบ้างนะไอ้สัส ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วโว้ยย" จริงอ่ะ? ผมเหลือบมองเวลาที่หน้าจอตอนนี้บอกเวลาสิบโมงกว่า 

"เออ ที่ไหน?"

'พี่แอลบอกให้ไปเอาที่โรงอาหารคณะบริหารอ่ะ' พี่แอลเป็นรุ่นพี่ปี 3 เป็นพี่รหัสของเพื่อนผมแล้วไปทำอะไรที่คณะบริหารวะ?

"ไกล ขี้เกียจ"

'สัส มึงก็แค่ขับรถเลยไปหน่อยป้ะวะ'

"..."

'เออคนเรา คำว่าเพื่อนไม่เพื่อนมันก็ดูกันตรงนี้ล่ะวะ!'

"..."

'ไอ้คิง'

"..."

'คิง'

"..."

'เค้กวานิลลาร้านเดิมสามชิ้นเลยอ่ะ'

"เออ" ทำไมอ่ะ ผมชอบกินนี่มันแปลกตรงไหน?

'เรื่องแดกนี่ไวเชียวนะมึง กับเพื่อนกับฝูงมึงก็ไม่...' มันบ่นมาแต่ผมไม่ฟังหรอกครับรำคาญเลยตัดสายมันทิ้งไป

ผมขับรถมาวนหาที่จอดแถวคณะบริหารอยู่แปบนึงก่อนจะเดินไป ผมเดินยังไม่ทันพ้นป้ายคณะก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาจับแขนผมไว้ 

"คิงคะ มาทำอะไรที่คณะของจีคะ?"

ผมหันไปมองหน้าเธอก่อนจะก้มลงมองมือเธอที่จับแขนผมไว้แล้วเงยหน้ากลับไปสบตากับเธอนิ่งๆ เหมือนเธอจะรู้ตัวเลยค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนผมแต่โดยดี พอเธอปล่อยผมก็เดินไปต่อทันทีแต่ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อผู้หญิงคนเมื่อกี๊เดินตามมาดักข้างหน้าผมไว้

"คิงจะรีบไปไหนคะ? คิงยังไม่ตอบจีเลยนะว่ามาทำอะไรที่นี่" ผู้หญิงตรงหน้ายืนพูดกับผมด้วยใบหน้าและท่าทางที่คล้ายกับว่ากำลังขัดใจอะไรบางอย่าง

"เธอเป็นใคร?" ผมถามออกไป

"คิง! นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ย? เราพึ่งเจอกันเมื่อคืนก่อนเองนะ!" เจอกันเมื่อคืนก่อน งั้นเธอก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ผมไปต่อด้วยสินะ แต่ถ้าจะให้บอกตรงๆผมจำผู้หญิงที่เคยนอนด้วยไม่ได้หรอก ส่วนใหญ่เจอกันในผับมันก็มองหน้ากันไม่ชัดอยู่แล้ว พอตกลงไปต่อก็พาไปเปิดห้องหลังจากมีอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นผมก็จะวางเงินไว้ให้แล้วก็กลับคอนโดทันที ผมไม่พาใครไปที่คอนโดและไม่เคยนอนค้างกับใครเลยสักครั้ง ทุกคนถูกขีดเส้นไว้แค่วันไนท์แสตนด์เท่านั้น เพราะแบบนั้นผมถึงไม่ได้ใส่ใจชื่อของคนที่นอนด้วยเลย 

"อืม"

"เอ่อ คือหลังจากคืนนั้นจีก็ไปที่ผับนั้นอีกแต่ก็ไม่เจอคิงเลย คิงหายไปไหนมาคะ" พอผมไม่ได้แสดงอาการอะไรคนตรงหน้าเปลี่ยนท่าทางเป็นออดอ้อน เอื้อมมือวางไว้ที่ไหล่ของผมก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

"ทำไมต้องเจอ?"

"ก็จีคิดถึงคิงนี่คะ"

"ถอยออกไป"

"คะ?"

"ถอยออกไปแล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก" 

"ทะ ทำไมคะคิง"

"อย่าให้ผมพูดซ้ำ" ผมบอกพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเรียบ จนคนตรงหน้าแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัดและหันหลังเดินกลับไปโดยดี

ทุกคนที่เข้ามาหาผมรู้ดีว่าผมไม่นอนกับใครซ้ำสองหรือสานต่อกับใคร เป็นความสัมพันธ์แบบคืนเดียวจบ แต่ก็จะมีบางคนที่หลังจากจบคืนนั้นไปแล้วยังเข้ามาทักทายทำตัวสนิทสนมหรือพยายามจะนอนกับผมอีกครั้ง บางคนมาดักรอผมทุกวันตามผับหรือสถานที่ที่ผมไป บางคนก็เข้ามาทำร้ายคนที่เข้ามาหาผม คนที่ทำแบบนั้นผมมักจะจัดการอย่างเด็ดขาดจนตอนนี้แทบไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าล้ำเส้นของผมมาอีกแล้ว

ผมเดินมาจนถึงโรงอาหารคณะในที่สุด ตอนนี้ผมยืนอยู่กลางโรงอาหารมองหาพี่แอล มีสายตาหลายสิบคู่กำลังมองมาที่ผม แต่ผมสนที่ไหนล่ะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะเจอสายตาแบบนี้ประจำน่ารำคาญชิบ ไม่เคยเห็นคนหรือไงกัน ผมมองหน้าพี่แอลไปเรื่อยก็ยังไม่เจอจนสายตาพลันไปสบกับสายตาอีกคู่หนึ่งพอดี

หน้าสวยจังวะ...

คำๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวผมทันที คนที่สบตากับผมเป็นผู้ชายแน่นอนแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเขาสวย ใบหน้านั่นจะว่าหล่อก็หล่อจะว่าสวยก็สวยแปลกๆ มันดึงดูดสายตาอย่างบอกไม่ถูก มองหน้ากันแปบเดียวเขาคนนั้นก็หันกลับไปแต่ผมยังไม่ได้ละสายตาไหนเลย

"คิง" ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังให้ความสนใจกับใบหน้าด้านข้างของคนเมื่อกี๊จนไม่รู้ตัวว่าพี่แอลมายืนอยู่ข้างหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

"มาเอาชีท" ผมบอกพี่แอลไป

"เออรู้ละ ไวน์มันโทรบอกพี่แล้วว่ามึงจะมาเอาให้มัน" 'ไวน์'คือชื่อเพื่อนผมคนเดียวกับที่บอกให้ผมมาเอาชีทให้นี่แหละ

"ครับ"

"แหมว่าแต่มึงอ่ะมาเอาให้มันทำไม วันหลังให้มันมาเอาเองอย่าไปยอมไอ้ไวน์มันมากเดี๋ยวมันเคยตัว" ผมผิดเฉย?

"ครับ"

"เออดี ว่าง่ายแบบนี้ถึงว่าไอ้ไวน์มันถึงดะ..."

"ไอ้แอล!!!" พี่แอลกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่อยู่ๆก็มีคนๆหนึ่งตะโกนขัดขึ้นมา

"มึงจะตะโกนทำเหี้ยอะไรเนี่ย!"

"ไอ้สัส มึงลืมเวลาส่งงานใช่มั้ยเนี่ย! อีกสิบนาทีมึงจะรีบได้ยัง!"

"ห้ะ เออกูลืม ไอ้คิงนี่ชีท กูไปละ" พี่แอลยัดชีทใส่มือผมแล้วก็วิ่งไปกับคนเมื่อกี๊ สรุปก่อนหน้านี้พี่แกจะพูดอะไรวะ 

ผมใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็มาถึงห้อง อาจารย์กำลังบรรยายอยู่หน้าห้องพอแกเห็นผมเดินเข้ามาหลังห้องก็แว้ดใส่ผมทันที

"จักรพรรดิ นี่มันกี่โมงแล้วคะ รู้ไหมคะว่ามันเกินเวลามาเท่าไหร่แล้ว" ตอนนี้นักศึกษาทั้งห้องต่างก็หันมามองที่ผมกันหมด อาจารย์ก็ยืนกอดอกขยับแว่นส่งสายตาดุๆมาทางผม

"ขอโทษครับอาจารย์ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ" ผมพูดพลางทำหน้าตาน่าสงสารใส่อาจารย์

"ตายแล้ว! เป็นอะไรมากหรือเปล่า โธ่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจริงๆไม่ต้องมาก็ได้นะฝากเพื่อนมาลาก็ได้" หน้ามือเป็นหลัง...

"ไม่เป็นไรครับ อาจารย์สอนต่อเถอะนะครับ" ผมบอกพร้อมส่งยิ้มจางให้อาจารย์

"อ่ะ ค่ะ เอ่อ แต่ถ้าเป็นอะไรบอกอาจารย์นะคะ" อาจารย์พูดติดๆขัดๆแล้วทำอมยิ้มใส่ผมอีก ขนลุกเลยครับ

ผมเดินมานั่งหลังห้องที่ประจำของกลุ่มผม ผมโยนชีทในมือไปให้ไอ้ไวน์แล้วก้มหน้าฟุบไปกับโต๊ะ ไหนๆก็เรียนไม่รู้เรื่องแล้วขอผมนอนต่อหน่อยแล้วกัน

"อะไรวะไอ้คิง นอกจากจะตอแหลอาจารย์แล้วยังเมินพวกกูอีก" พอเห็นผมทำท่าจะนอนไอ้'ปาร์ค'มันก็ด่าผม

"เออ เพื่อนฝูงนั่งเป็นตอเลยเนี่ยทักกันสักคำก็ไม่มี" พอไอ้ปาร์คมันพูดขึ้นไอ้'ตัง'ก็รีบทับถมซ้ำมาอีก

"พวกมึงก็ปล่อยให้มันนอนไปเหอะ จะบ่นห่าอะไรนักหนา" 

"มึงก็โอ๋มันจังเลยนะไอ้ไวน์ พวกกูนี่ด่านิดด่าหน่อยไม่ได้เลยยยยยยย" พอไอ้ไวน์มันพูดจบไอ้'ฟิน'ก็แขวะขึ้นมา

"โอ๋เหี้ยไร กูรำคาญ"

"ถุย ทีพวกกูคุยกันทั้งคาบมึงสนใจที่ไหน?"

"หนวกหู" ผมพูดขึ้นมาพวกมันเลยหุบปากกันได้สักที

กลุ่มผมมีกัน 5 คน มีผม ไอ้ไวน์ ไอ้ปาร์ค ไอ้ตังแล้วก็ไอ้ฟินครับ พวกผมมารวมกันตอนปี 1 ยกเว้นไอ้ไวน์ ผมกับมันอยู่ม.ปลายที่เดียวกันห้องเดียวกัน ผมเป็นคนพูดน้อยเลยไม่ค่อยมีเพื่อนไอ้ไวน์เลยกลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ผมมี ด้วยความที่ว่าไอ้ไวน์เป็นผู้ชายตัวเล็กผิดกับคนอื่นกลุ่มถ้ายืนเทียบกันมันสูงแค่ประมาณคางผมเอง หน้ามันก็หวานอย่างกับผู้หญิง และเพราะผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน อยู่ด้วยกันตลอดหลายๆคนเลยเข้าใจผิดว่ามันกับผมมีซัมติงกันบ้างแหละ เป็นคู่เกย์กันบ้างแหละ เหอะ ก็พูดกันไปคนเรา ขนาดไอ้พวกในกลุ่มผมยังแซวๆกันเลย แต่พวกมันก็แซวกันเอาฮาแหละครับ ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร อยากพูดอะไรก็พูดกันไปเถอะ

ทั้งวันผมใช้เวลาไปกับการนอนในคาบเสียส่วนใหญ่รู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาเรียนแล้ว พวกผมแยกย้ายกันไปผมก็กลับคอนโดตัวเอง ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าตังแล้วเดินลงไปหาอะไรกินแถวคอนโด ผมมานั่งกินร้าวร้านาหารตามสั่งทั่วไป พอกินเสร็จก็เดินกลับคอนโด ผมชอบอยู่คนเดียวเพราะไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ ชีวิตวันๆของผมน่าเบื่อไม่มีอะไรมากมาย ไปเรียน กลับมานอนบางวันก็ไปเที่ยวกลางคืน เจอใครสักคนก็พากันไปจบที่เตียงเสร็จแล้วก็แยกตัวกลับมาคอนโด ชีวิตวันๆก็มีเท่านี้

งี๊ดดดดดดด

เสียงอะไร?

งี๊ดดดดดดดดดด

เสียงแบบนี้มัน...ลูกหมา

ผมหันไปตามเสียงเป็นพุ่มหญ้าขนาดใหญ่มีรั้วลวดหนามกั้นอีกทีผมเดินเข้าไปใกล้รั้วและมองเข้าไปด้านในแล้วเห็นหญ้าด้านในขยับ พอเพ่งดูดีๆผมก็เห็นลูกหมาตัวหนึ่งนอนขดอยู่ส่งเสียงเล็กๆราวกับกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ ผมมองไปรอบๆเผื่อจะเจอแม่มันหรือลูกหมาตัวอื่นๆแต่ก็ไม่เจอ คงจะพลัดหลงมาสินะ ผมมองหาทางเข้าก็ไม่เจอ แล้วไอ้ตัวนั้นมันเข้าไปได้ไงวะ? ผมเกือบจะถอดใจปล่อยมันไปตามกรรมแล้วแต่ดันเหลือบไปเห็นด้านในพุ่มหญ้ามีช่องโหว่ขนาดใหญ่พอจะลอดเข้าไปพอก้มเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นเหมือนเป็นรอยตัดโดยอะไรสักอย่าง อาจจะมีใครเคยลอดเข้าไปทำอะไรข้างในก็ได้ ถือว่าเป็นโชคดีแล้วกัน

กว่าผมจะลอดเข้าไปค่อนข้างทุลักทุเลไม่ใช่น้อยทั้งโดนกิ่งเล็กๆของพุ่มไม้ข่วนและต่องคอยหลบลวดหนามพวกนี้อีก ในที่สุดผมก็เข้าไปถึงตัวของลูกหมาได้สักที มันดูอ่อนแรงและตัวเล็กมากทีเดียว

อืม พาไปหาหมอแล้วกัน

ผมพาตัวเองกลับออกมาด้านนอกผ่านทางเดิม คราวนี้ค่อนข้างจะลำบากกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะต้องอุ้มลูกหมาออกมาด้วยจนในที่สุดผมก็ออกมาได้ ผมลุกขึ้นยืนดีๆก่อนจะต้องตกใจเล็กน้อยเพราะดันมีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้ามองผมอย่างอึ้งๆ ผมพยายามทำหน้านิ่งที่สุดไม่แสดงอาการอะไรออกไป

เดี๋ยวนะ...หน้าแบบนี้นี่มัน

คนที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน!?

ผมยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรยืนมองผมอย่างงงๆ เรามองหน้ากันนิ่งแบบนั้นเป็นนาทีช่วงเวลานั้นผมมองสำรวจหน้าของเขาชัดๆอีกครั้ง ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย หน้าเนียนกว่าผู้หญิงบางคนที่ผมเคยเจอด้วยซ้ำ ผิวขาวจนเกือบจะซีดแต่มันยิ่งทำให้คนๆนี้ดูเด่นสะดุดตามากขึ้นไปอีก รูปร่างที่ดูจะสูงน้อยกว่าผมนิดหน่อยแต่กลับดูผอมบางกว่าผมพอสมควร แขนขาเรียวยาวไม่มีกล้ามเนื้อเลยสักนิดถึงจะสูงพอกันแต่ถ้าเกิดยืนใกล้กันผมคงบังร่างบางนั่นมิดแน่นอน เหมือนอีกคนจะสังเกตเห็นอะไรที่อยู่ในมือผมจึงพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

"เอ่อ คือ เข้าไปช่วยเจ้าตัวนี้หรอ?" ผมพยักหน้าตอบไป ปกติผมไม่ค่อยพูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนในกลุ่มเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาชวนคุยเลยติดจะเงียบกลับไปมากกว่า จากนั้นร่างบางก็เห็นว่าผมมีแผล ผมเองก็เพิ่งเห็นคงเพราะมุดหลวดหนามเมื่อกี๊ ร่างบางเขาก็ถามว่าผมไปโดนอะไรมาผมก็ทำเพียงหันไปมองต้นเหตุ พอเขาหันตามไปก็พยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยปากว่าจะทำแผลให้ผม แปลกที่ปกติผมมักจะเงียบจนคนอื่นมักจะเลิกชวนผมคุยเพราะไม่เข้าใจ แต่คนตรงหน้าเขากลับทำเหมือนเข้าใจทุกอย่าง ผมมัวแต่เผลอแปลกใจจนคนตรงหน้าคงเข้าใจว่าผมคงจะไม่ตามเขาไป ผมยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็เดินจากไปทันที

พอได้สติผมรีบเดินตามไปทันที พอเห็นแผ่นหลังของคนที่อยู่ตรงหน้าผมก็รีบเดินเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิม ร่างบางเอียงหน้ามาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันกลับมาแถมยังเดินต่อ ผมเองก็เดินตามไปเรื่อยๆ มันจะแปลกมั้ยถ้าผมจะบอกว่าอยากให้เขาหันมาหาผมอีกครั้ง ไม่ทันได้คิดอะไรมากรู้ตัวอีกทีมือของผมก็คว้าชายเสื้อของอีกคนไว้แล้ว 

"ว่าไงครับ?" ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมมันดันเอื้อมออกไปเอง ผมก้มหน้าคิดและดันไปเห็นแผลตัวเองพอดี เอ๊ะ เมื่อกี๊เขาบอกว่าจะทำแผลให้ใช่มั้ย? งั้นเอาอันนี้เป็นข้ออ้างแล้วกันแต่พอผมเงยหน้าไปไม่ทันจะพูดอะไรคนตรงหน้าก็ดันพูดขึ้นมาก่อน

"ตามมาสิ"

ตึก ตึก ตึก

​พอได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ผมก้มหน้าหลบสายของอีกคนทันทีรู้สึกจะหมดแรงเอาดื้อๆเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมา นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะ!?

ผมเดินตามอีกคนมาจนมาหยุดที่ทางเข้าคอนโดผม ร่างบางขอตัววิ่งไปหาลุงที่อยู่ในป้อมยาม ยื่นถุงจากร้านสะดวกซื้อไปให้ สองคนนั้นคุยอะไรกันไม่รู้แต่ดูจากท่าทางเกรงใจของลุงยามแล้วสาเหตุคงมาจากขนมที่อีกฝ่ายเอามาให้สินะ

ใจดี...


ร่างบางเดินนำผมมาในคอนโดของผม หืม? ทำไมอ่ะ? ผมได้แต่สงสัยจนเมื่อเห็นคนที่เดินมาด้วยกันยิ้มทักทายกับพนักงานเหมือนรู้จักกันพร้อมกับเดินตรงมาที่ลิฟท์  อย่าบอกนะว่าอยู่ที่นี่อ่ะ! พอดีกับที่อีกฝ่ายยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เช็ดเลือด แต่พอเห็นผมอุ้มลูกหมาอยู่เลยเอื้อมมือมาเช็ดให้ ผมเลยอาศัยจังหวะนี้ถามปัญหาที่คาใจอยู่ออกไป แต่อีกฝ่ายดันไม่ได้ยินผมเลยต้องถามออกไปอีกครั้ง คำตอบที่ได้คือ ใช่ครับ อีกคนอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว! ก็อยู่มานานพอๆกับผมเลยนี่ ทำไมถึงไม่เคยเจอวะ ผมบ่นกับตัวเองเบาๆจนอีกคนหันมาถามว่ามีอะไรแต่ผมก็ส่ายหน้าตอบกลับไป 

มาถึงห้องของอีกคนที่อยู่คนละชั้นกับผม ห้องผอมต้องขึ้นไปอีก พอเดินเข้ามาในห้องอีกคนบอกให้ผมไปล้างแผลและมานั่งรอ พอผมนั่งลงอีกฝ่ายก็จัดการหาผ้ามาให้เจ้าลูกหมาที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าอุ้มมันมาด้วยให้เรียบร้อย

"ขอมือหน่อย" ห้ะ มือ? ผมยื่นมือไปให้อีกคนตามที่บอกก่อนจะเกือบหยุดหายใจไปอีกครั้งเพราะคนตรงหน้าดันหัวเราะขึ้นมา

ยิ้มสวยจริงๆด้วย

"โทษที หมายถึงแขนน่ะ จะทำแผลให้ไง" อ่อ ผมเลยยื่นแขนไปให้ เดี๋ยวนะ แสดงว่าที่ขำเมื่อกี๊เพราะขอมือผมแล้วผมดันยื่นมือไปให้อ่ะนะ ให้ตายเถอะ ตั้งนานไม่เคยเจอกันสักทีแต่พอได้เจอทำไมผมจะต้องทำอะไรเอ๋อๆให้เขาเห็นนะ ตั้งแต่ที่คลานเข้าไปเก็บหมาข้างในพุ่มไม้ แถมยังท่าทางบ้าบอเมื่อกี๊อีก หมดกันภาพลักษณ์ที่ผมมี เขาจะคิดว่าผมเป็นยังไงวะเนี่ย โอ้ยยยยย ไอ้คิง ไอ้โง่!

เพราะมัวแต่คิดอะไรจึงไม่ได้รู้สึกตัวว่าอีกคนเริ่มทำแผลให้แล้ว พอแอลกอฮอล์แตะมาโดนแผลความแสบก็ทำเอาผมสะดุ้ง คนที่ทำแผลอยู่เงยหน้ามาแล้วอมยิ้มมาให้ผม

"จะทำเบาๆนะ ไม่เจ็บหรอก"

ให้ตายสิ...

จะทำเบาๆอะไร ไม่เจ็บอะไร นี่พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างมั้ย ไอ้ท่าทางอมยิ้ม พูดประโยคนั่นออกมาพร้อมกับช้อนตามองนั่นมันทำผมคิดไปถึงไหนรู้บ้างหรือเปล่า 

พอรู้สึกหน้ามันร้อนขึ้นมาผมรีบหันหน้าหนีอีกคนไปทางอื่น คำพูดสองแง่สองง่ามที่คนพูดคงไม่ได้คิดอะไรแต่ผมดันคิดอะไรทำนองนั้นออกมาซะได้ ผมพยายามปรับลมหายใจให้ช้าลงและพยายามให้ไอ้หัวใจที่มันค่อนข้างจะเต้นแรงจนจะทะลุออกมานี่กลับไปเต้นเป็นปกติให้ได้ จนอีกฝ่ายทำแผลให้จนเสร็จ 

"เจ็บมั้ย?" ผมส่ายหน้าตอบกลับไป ไม่เจ็บเลยสักนิด ผู้ชายเหมือนกันแต่อีกคนมือเบาจนน่าตกใจ

"บอกแล้วไงจะทำเบาๆ" เขาแซวผมขึ้นมา เดี๋ยว นี่คือเขาแกล้งผมใช่ป่ะวะ ผมมองหน้าอีกคนดุๆทันทีจนอีกคนยิ้มแล้วเปลี่ยนไปเป็นเรื่องลูกหมาแทน

"แล้วทำยังไงถึงได้ไปเจอเจ้านี่เข้าล่ะ"

"ได้ยินเสียงร้อง"

"ก็เลยมุดเข้าไป"

"อืม"

"ซนเนอะ" ชัดล้ะ แกล้งผมแน่ๆ ผมมองอีกคนนิ่งจนอีกคนเปลี่ยนเรื่องไปอีกที ผมคุยกับเขาไปจนไปสะดุดที่เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ พอถามออกไปก็เลยได้รู้ว่าอีกคนชื่อ 'ควิน' เป็นรุ่นพี่อยู่ปีสามแล้ว พี่เขาหน้าเด็กมากจนตอนแรกผมคิดว่าเป็นรุ่นน้องเฟรชชี่ด้วยซ้ำ แถมพี่เขายังรู้จักผมอีกด้วยแล้วนี่ผมไปอยู่ไหนมาวะถึงไม่เคยเจอพี่เขาวะ!!! ผมคุยกับพี่เขาอีกสองสามประโยคพี่เขาก็ถามบางอย่างที่ทำให้ผมชะงักไป

"แล้วนี่จะกลับยัง?"

ผิดมั้ยถ้าผมยังไม่อยากกลับ...

"ว่าไงล่ะ" 

หึ นี่ผมคงลืมนึกไปสินะว่านี่ผมมารบกวนพี่เขาอยู่ จริงๆพี่เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งทำแผลให้ด้วยซ้ำ นี่ผมจะยังหน้าด้านนั่งอยู่ทำไมวะ 

"จะกลับแล้ว" ผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าตังและหมาเดินออกมาเลย

"เดี๋ยว" ผมหยุดขาตัวเองแล้วหันไปทันที

"จะไม่ขอบคุณหน่อยหรอ?" เหอะ นี่กูหวังอะไรอยู่วะ

"ขอบคุณ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องเราแล้วขึ้นมาที่ห้องผมภายในเวลาไม่ถึงห้านาที 

ผมจัดการหานมในตู้ โชคดีที่มันยังมีเหลืออยู่สองกล่อง ผมดูขนาดของมันแล้วน่าจะยังไม่น่าอย่านมเลยด้วยซ้ำเหมือนพึ่งจะลืมตาไม่นานเพราะมันยังเหมือนจะเดินไม่แข็งเลยไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง พอจัดการเอาผ้ามาปูให้มันนอนด้านนอกเสร็จ ผมจัดการพาร่างเข้าห้องน้ำเติมน้ำให้เต็มอ่างแล้วก้าวขาเข้าไปลงแช่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าโดยเอาแขนพาดออกไปไม่ให้แขนที่ทำแผลมาต้องเปียก ผมหลับตาเงยหัวพิงขอบอ่างไว้นิ่งๆพลางคิดถึงเรื่องของใครอีกคนที่ผมเพิ่งพบเจอมา 


ควินงั้นหรอ ไม่สิ พี่ควินสินะ...



หลังจากวันที่ได้เจอพี่ควินผมพยายามพาตัวเองออกไปรอบๆคอนโดบ่อยๆเผื่อว่าจะเจอพี่เขา ขับวนไปคณะบริหารบ้างแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ สองสามวันแรกผมก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่ควินหลังจากนั้นผมรู้สึกว่าอยากเห็นหน้าพี่เขาอีก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร ผมเจอพี่เขารวมๆแล้วยังไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่พอนึกภาพที่พี่เขายิ้มมาให้ ภาพที่พี่เขาหัวเราะ ภาพที่เขาทำแผลให้ผมอยากเบามือ ภาพที่พี่เขาแกล้งให้ผมต้องอายผมก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมา ยอมรับเลยว่าพี่เขาเป็นคนมีเสน่ห์มาก ไม่เหมือนใครที่เคยเจอ รอยยิ้มพี่ควินอบอุ่น แค่ดูก็รู้ว่าพี่ควินใจดี อ่อนโยน

เฮ้อออ นี่ผมเป็นอะไรกัน...



ผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วผมก็ยังไม่เจอพี่ควินเลย วันนี้วันหยุดผมเลยได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องเพราะไม่มีอารมณ์จะทำอะไร

ตึ๊ง ตึ๊ง

​เสียงไลน์ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพบว่าเป็นไลน์กลุ่มของผมเอง

Parker : พวกมึง วันนี้ไปร้าน xxx กัน

Tangku : มีอะไรวะ?

Parker : กูจะไปดูไอดอลกูร้องเพลง เขามาร้องร้านนี้ แถมมาร้องแค่เฉพาะวันเสาร์

Finland : ใครวะ?

Y : เออใครวะ?

Parker : เอาน่า เดี๋ยวพวกมึงเห็นก็รู้ ถือว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้

Tungku : เออๆ กูก็เบื่อที่เดิมล้ะ

Y : กี่โมง

Parker : สองทุ่มต้องถึงแล้วนะเว้ยเดี๋ยวไม่ทันดูเขาร้อง

Finland : เค

Y : คิงอ่านอยู่ใช่ป้ะวะ

King : เออ

Tungku : จบแยก


พอตกลงกันเสร็จก็นอนดูทีวีเรื่อยเปื่อยรอเวลา ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ออกไปปลดปล่อยเลย ไปบ้างก็ดีเผื่อจะเลิกคิดเรื่องใครบางคนได้สักที อ้อ ลูกหมาผมเอาไปให้ที่บ้านดูแลต่อแล้วล่ะ เพราะผมต้องไปเรียนไม่ว่างมาดูแลมันหรอก 

พอใกล้เวลานัดผมก็อาบน้ำแต่งตัวคว้ากุญแจ BMW คู่ใจออกไปทันที จริงๆร้านที่ไอ้ปาร์คนัดมันก็ดังพอตัว ผมก็เคยได้ยินมาบ้างแต่ไม่เคยไป พอถึงที่หมายผมก็จอดรถเดินเข้าไปในร้านทันที ไอ้ฟินหันมาเห็นผมก็โบกมือเรียกผมก็เดินเข้าไป วันนี้ผมไม่ได้สายนะแต่ผมก็มาเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี

"ให้ตายเหอะฟ้าจะผ่ามั้ยเนี่ย ไอ้คิงมาตรงเวลา!" 

"มึงก็เว่อร์ไปไอ้ฟิน กูว่าแค่พายุเข้าก็พอ"

"สัส" ผมด่าพวกมันไปที

"55555555555555"

"ว่าแต่ไอดอลของมึงที่จะมาร้องเพลงนี่ใครวะ?" ไอ้ไวน์ถามขึ้นมา

"มึงรอดู เขานี่ไอดอลกูเลย กูโคตรชื่นชมเขาอ่ะ ใจดี สุภาพ หล่อ รวย อบอุ่น อ่อนโยน รักสัตว์ รักเด็ก เก่ง ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย และยัง..."

"พอๆ ไอ้สัส! คนหรือเทวดาห้ะไอ้ปาร์ค อะไรมันจะขนาดนั้นวะ" ไอ้ตังมันขัดขึ้นมา

"เออ มันมีคนแบบนี้โลกหรือไง"

"เออๆกูก็เพิ่มเติมไปนิดหน่อย แต่คือพี่เขาเป็นคนดีไม่เหี้ยแบบพวกมึงแล้วกัน"

"อ้าวววววว" ระหว่างที่พวกมันเถียงกันผมก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงมุมร้าน

นั่นมัน...พี่ควิน!? 

แล้วมากับใคร? ผู้ชายที่นั่งด้วยเป็นใคร ทำไมมากันแค่สองคน แล้วทำไมถึงได้ยิ้มแบบนั้น ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุพอได้เห็นภาพตรงหน้า ผมเอาแต่จ้องไปที่พี่ควินโดยไม่ละสายตาไปไหน จนสุดท้ายอีกคนคงรู้ตัวถึงได้หันหน้ามาทางผม พี่เขาทำหน้าอึ้งๆที่เห็นผม แต่มองหน้ากันได้แปบเดียวผู้ชายที่นั่งข้างๆพี่ควินก็ดึงความสนใจพี่ควินไป ทำให้ความหงุดหงิดที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจตอนนี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจ้องไปที่พี่ควินจนพี่ควินหันกลับมาสบตากับผมอีกครั้ง รอบนี้เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้นทั้งผมทั้งพี่ควินไม่มีใครคิดจะหันหนีไปทางอื่น สักพักความหงุดหงิดที่มีเมื่อกี๊เริ่มจางหายไป


เพราะพี่ควินส่งยิ้มมาให้...


ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว 


ทำไมล่ะ หรือว่านี่ผม...






ชอบพี่ควินงั้นหรอ...














________________________________________

โอ้ยยยยยย หายไปนานนิดนึงขอโทษน้า ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้นะคะ จะพยายามแต่งออกมาให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ ♡ ปล.อาจมรคำผิดบ้างขอโทษด้วยนะคะจะมาแก้อีกทีจ้า


ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่างฝ่ายต่างสนใจกันแบบนี้ ลุยโลดดดด  :-[

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
​ตอนที่ 5





​พาร์ท ควิน





"มึง ได้เวลาขึ้นไปร้องเพลงแล้ว" ไอ้ไทค์บอกผมหลังจากที่เรานั่งกันไปสักพัก

"เออ กูไปละ" ผมลุกขึ้นยืนพลางหันไปมองทางโต๊ะอีกฝั่งเล็กน้อยเห็นคิงยังนั่งอยู่ก็ดันคิดอะไรขึ้นมาได้ หึ ผมล้วงโทรศัพท์ออกมากดหาอะไรบางอย่างที่ต้องการแล้วเดินไปคุยกับนักดนตรีข้างๆเวทีเรื่องเพลงที่ผมจะร้องวันนี้

"พี่บอล พี่กาย พี่ดิว  สวัสดีครับ" พี่ๆพวกนี้เป็นนักดนตรีของร้านครับ พี่บอลเป็นมือกลอง พี่กายเป็นมือเบสส่วนพี่ดิวเป็นมือกีตาร์

"ไงควิน หายหน้าหายตาไปนาน"

"นานที่ไหนเนี่ย ถ้าเป็นเดือนก็ว่าไปอย่าง"

"โห นี่ถ้ามึงไปเป็นเดือนลูกค้าคงขาดใจตายกันเป็นแถบๆ มึงรู้มั้ยไอ้ควินว่าลูกค้านี่มาเค้นคอพวกกูถามหามึงทู๊กกกกกกกกกกกกวัน!"

"เออ นี่พวกกูยังสงสัยอยู่เลยว่าพวกกูหล่อสู้มึงไม่ได้ตรงไหน กูเล่นมาเป็นปียังมีแฟนคลับไม่เท่ามึงเลยไอ้ห่า"

"มึงก็ช่างกล้าเอาหนังหน้าไปเทียบกับน้องมันเนอะบอล"

"แหมมมมมม พ่อณเดช พ่อมาริโอ้ มึงหล่อตายล่ะไอ้กาย"

"มึงก็รู้หนิ"

"กินอะไรเล่าเธอถึงได้มั่นแสนมั่น มั่นหน้าเกินคน~"

"หมายเลขสาม คุณบอล เป็นนักร้องเสียงเพี้ยนนนนน"

"ไอ้สัสกาย"

"555555555555555555" ผมกับพี่ดิวยืนขำกันอย่างเดียว ถ้าให้ไปเถียงด้วยคงไม่ไหว พี่บอลกับพี่กายสนิทกันมากครับ พี่เขาเรียนมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันจบมาก็มาเล่นดนตรีที่นี่ด้วยกันอีกแต่กัดกันประจำ ถือว่าเป็นสีสันในชีวิตแล้วกัน

"พอๆ เอ้านี่ควิน นี่รายชื่อเพลงที่จะเล่นแต่ถ้าแขกขอมาค่อยว่าอีกที" พี่ดิวยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม

"โอเค แต่ผมขออะไรอย่างดิพี่"

"อะไรวะ"

"ผมมีเพลงๆนึงอยากร้องอ่ะ"

"เพลงไรว่ามา" ผมยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ตัวเองที่กดหาคอร์ดเพลงเมื่อกี๊ให้พี่ๆดู

"..."

"..."

"...."

เดดแอร์เลยครับพี่น้อง





"มีอะไรอยากเล่าเล่าให้พวกกูฟังก็ได้นะ"

"เออคนกันเอง พูดมาอย่าให้พวกกูต้องรู้สึกแบบนี้ต่อไป" หลังจากพวกพี่เงียบไปนานมากพี่บอลกับพี่กายเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจังมาก ส่วนพี่ดิวทำตาโตอ้าปากกว้างค้างไปแล้วครับ ผมส่ายหน้ายิ้มๆกับอาการบ้าบอของพวกพี่เขาก่อนจะตอบไป

"ผมก็แค่อยากร้องอ่ะ"

"ไม่ๆ ต้องไม่ใช่อ่ะ"

"เอาดีๆดิ๊!"

"จริงๆพี่"

"เอาจริงหรอวะควิน" พี่ดิวได้สติก็ถามขึ้นมา จริงๆผมเข้าใจที่พวกพี่เขาพยายามสื่อออกมานะครับ ปกติแล้วถึงผมจะเคยนอนกับผู้หญิงบ้างแต่ผมยังไม่เคยคุยกับใครจริงๆจังๆสักคน ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจใครด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมว่ามันไม่ใช่ ผมไม่เคยรู้สึกสนใจใครแบบนี้มาก่อนและนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมแสดงออกเลยก็ว่าได้ ผมรู้ว่านี่อาจจะเป็นแค่ความชอบหรือถูกใจก็แค่นั้น ที่สำคัญคืออีกฝ่ายอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วย แต่ผมก็ไม่อยากให้มันผ่านไปโดยที่ยังไม่ได้ลองทำอะไรเลย คิงเป็นคนแรกที่ผมสนใจขนาดนี้และก็ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยผ่านไปจะมีใครที่ถูกใจแบบนี้โผล่มาอีกหรือเปล่า โอกาสมาก็ต้องคว้าไว้ถูกไหมครับ แต่หากว่าสุดท้ายมันไม่โอเคก็จบดีกว่าต้องมานั่งนึกเสียใจทีหลังว่าทำไมวันนั้นถึงไม่ทำอะไรเลย



ก็นะ...ลองดูสักทีจะเป็นไร



"เอาน่าพี่ เล่นเป็นเพลงสุดท้ายแล้วกัน"

"โห่ไรวะ จะไม่เล่าหน่อยหรอ นิดนึงก็ได้อ่ะ!"

"เออกูอยากรู้จะตายละว่าใครที่เก่งกาจขนาดทำมึงร้องเพลงให้ได้!"

"สวยมั้ยวะ?"

"เอาไว้ก่อนเหอะพวกมึง ได้เวลาขึ้นไปร้องเพลงแล้ว ว่าแต่เพลงนี้มันนานมากเลยนะจะเอาเพลงนี้จริงหรอควิน"

"ครับ"

"เออๆ"

"จบงานนี้มีเคลียร์นะไอ้ควิน" ตกลงกันเสร็จพวกพี่บอลพี่กายยังไม่วายหันมาชี้หน้าคาดโทษผมอีก เอาไว้ให้ถ้ามันโอเคค่อยเล่าให้ฟังดีกว่าเพราะตอนนี้ก็บอกไม่ได้ว่าจะยังไงกันต่อไปอยู่ดี พอผมก้าวขึ้นมาบนเวทีเสียงตอบรับจากผู้ชมก็ปะทะเข้าหน้าเลยครับ

"น้องควินนนนนนนนนนน"

"น้องควินมาแล้ว โฮกกกกกก"

"หนูมารอพี่ควินที่ร้านทุกวันเลยนะคะ ฮืออออ"

"โอ๊ยย ตัวจริงงานดีเว่อร์!!!"

และอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงจากโต๊ะสาวแท้สาวเทียมหน้าเวทีที่มาฟังผมร้องประจำทั้งนั้น แฟนคลับผมเป็นผู้ชายก็มีนะครับ แต่พวกเขานั่งฟังและก็ร้องตามเงียบๆไม่ได้มากรี๊ดผมแบบนี้หรอก ถ้ามากรี๊ดสิแปลก

"สวัสดีนะครับทุกคน"

"ผัวขา เมียนั่งอยู่นี่น้าา!!"

"เสียงดีมาก! มาเอาทิปไปลูกกกกก"เดีี๋ยวนะ ผมยังไม่ทันร้องเลย55555555

"ไม่ได้เจอกันนาน ไม่รู้ว่า..." ผมพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วร้าน ก่อนจะหยุดที่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ส่งยิ้มจางไปให้ร่างสูงก่อนจะเอ่ยประโยคที่เว้นไว้ออกไป

"..."

"...จะมีใครคิดถึงกันบ้างมั้ยนะ?" พูดจบผมก็ละสายตามาให้ความสนใจคนดูที่กำลังคลั่งอยู่หน้าเวทีต่อต่อ

"โอ้ยยยยยยยย คิดถึงค่าาาา!!!"

"ผัววววววว!!!"

"ลัลลัยไปหมดแล้ว วรั้ย!!!"

"รอยยิ้มละมุนละไมเหลือเกินนน"

"เอาล่ะครับมาฟังเพลงกันดีกว่า ใครอยากขอเพลงอะไรขอมาได้เลยนะครับ" พูดจบดนตรีก็เริ่มขึ้นทันที

ผมร้องเพลงไปตามที่นัดกันมาไปบ้างร้องเพลงที่ลูกค้าขอเพลงมาบ้างสลับกันไป ส่วนมากก็เป็นเพลงที่ฆ่าคนอกหักทั้งนั้นแหละครับ เสียงลูกค้าร้องตามก็มีมาไม่ขาดสายตะโกนแซวขึ้นมาบ้าง ผมก็ยิ้มบ้างตอบกลับไปบ้างตามปกติ ตลอดเวลาที่ร้องผมแทบจะไม่ได้หันไปสนใจคิงอีกเลยจนมาถึงเพลงสุดท้ายของคืนนี้

"เอาล่ะครับ เรามาถึงเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับทุกคน" เสียงโห่ครวญครางของลูกคค้าในร้านส่งตรงมาถึงผมทันทีที่ผมพูดจบ

"ไว้อาทิตย์หน้ามาเจอกันใหม่นะครับ ตอนนี้มาฟังเพลงกันดีกว่า"

"ได้ค่าน้องควินนน"

"วู้วววว"

"เพลงที่ผมกำลังจะร้องต่อไปนี้เป็นเพลงที่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินมาเมื่อหลายปีที่แล้ว" ผมเดินไปหยิบกีตาร์อีกตัวที่ข้างเวทีกับโทรศัพท์แล้วกลับมาที่เดิม ได้รับสายตางุนงงจากคนทั้งร้าน รวมไปถึงพวกพี่ที่อยู่บนเวทีด้วย

"อยากเห็นหน้าคนคนนั้นจริงๆ" พี่ดิวพูดขึ้นแค่ให้ได้ยินกันสองคน ผมยิ้มให้พี่ดิวไม่ได้ตอบอะไรไป

น้อยคนที่จะรู้ว่าผมเล่นเครื่องดนตรีได้เพราะผมมักจะเล่นเฉพาะเวลาอยู่กับเพื่อนหรือพวกพี่ไม่เคยมาเล่นโชว์จริงจังเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยทำให้ลูกค้าหลายคนที่เป็นแฟนคลับถึงกับงง อย่าว่าแต่เขาเลยครับ ผมเองยังงงที่ตัวเองอยากทำถึงขนาดนี้

"เพลงนี้ผมเป็นคนเลือกเอง และผมขอมอบเพลงนี้ให้..." ผมมองไปรอบร้านสบตากับลูกค้าหลายคนที่เหมือนตอนนี้สติไม่อยู่กับร่องกับรอยก่อนจะลากสายตามาหาเจ้าของบทเพลงที่ผมกำลังจะร้อง

"..."

"ใครบางคนที่อยู่ที่นี่" เพราะว่าโต๊ะของคิงไม่ได้อยู่ใกล้กับเวทีและแสงในร้านก็น้อยนิดทำให้ผมไม่เห็นว่าสีหน้าของคิงตอนนี้เป็นแบบไหนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไร ผมก้มดูคอร์ดในโทรศัพท์อีกทีแล้วหันไปพยักหน้าให้สัญญาณกับพวกพี่ข้างหลัง พอเสียงดนตรีเริ่มจับจังหวะได้ผมก็ลงมือดีดกีตาร์เงยหน้ามองหน้าคิงอีกครั้งก่อนจะเริ่มร้องเพลงออกไป





คุณเก็บความลับได้ไหม

หากผมนั้นมีอะไรจะบอก

หากผมไว้ใจระบายมันออก

คุณเก็บความลับได้หรือไม่


ทันทีที่เนื้อเพลงท่อนแรกถูกร้องขึ้นเสียงผู้คนในร้านก็เงียบลงราวกับนัดกันมาไม่มีแม้แต่เสียงร้องตามหรือโห่แซวแทรกขึ้นมาเหมือนปกติ



ให้อยู่แค่คุณกับผม

อย่าให้ได้ยินถึงใครที่ไหน

ความลับนั้นที่เก็บไว้ในใจ

คือคำว่าผมรักคุณ


ระหว่างที่ร้องผมพยายามคิดถึงสิ่งที่ทำให้ผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ผมรู้สึกยังไงกันแน่  ผมทบทวนแล้วแต่ไม่ว่ายังไงก็หาเหตุผลของการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย...



ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า

สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ

ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้

ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ

ตั้งแต่วันทีเจอกับคิง มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...

คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา

เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย

มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้

จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม

ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป


เนื้อเพลงแต่ละท่อนที่ผ่านไปสามารถบอกแทนความรู้สึกของผมตอนนี้ได้ทั้งหมด ยิ่งร้องก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกบางอย่างเด่นชัดขึ้น



ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า

สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ

ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้

ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ


เพียงแค่เวลาสั้นๆ คำพูดไม่กี่คำ ใบหน้าเรียบนิ่งที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับท่าทางอ่อนโยนตอนอุ้มลูกหมาเลยสักนิด และทั้งๆที่มีผู้หญิงรายล้อมอยู่รอบตัวแต่กลับมาเขินอายกับคำพูดของเขา ทุกอย่างของคิงที่ได้เห็นวันนั้นมันทำให้ผมหวั่นไหว...



คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา

เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย

มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้

จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม

ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป


ผมรู้แค่ว่าตอนนี้...ผมไม่สามารถปล่อยให้คิงผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าหลังจากนี้เรื่องของผมกับคิงไม่สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้



ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ

ก็ช่วยเก็บเป็นความลับ



ก็ขอให้มันเป็นความลับต่อไป...



ว่าผมรักคุณ














"อร๊ายยยยยยยยยยยยย!!!"

"เพราะมากค่าาา"

"ความรักที่พี่ควินส่งมาให้หนู หนูว่าหนูได้รับแล้วนะคะ!"

"อีนั่นเป็นใคร อีนั่นเป็นคร๊ายยย!!!"

"แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย ฮืออออ"

"น้องควินร้องให้พี่ใช่ไหมคร้าบบบบบ"

เสียงผู้ชมด้านล่างตะโกนขึ้นมาจนฟังแทบไม่ออกแต่คนเดียวที่ผมสนใจกลับนั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆออกมาเลยสักนิด ก็ไม่ได้ต่างจากที่เขาคิดไว้เท่าไหร่หรอก ผมกล่าวลาลูกค้าเสร็จก็เดินลงมาจากเวทีแล้วรีบเดินมายังโต๊ะทันที ไม่อยากอยู่ตรงนั้นานครับ เดี๋ยวพวกพี่บอลมาเค้นคอผมอีก ระหว่างทางก็มีบางคนพยายามยื่นกระดาษมาให้ ทักทายผมบ้าง ผมก็ยิ้มและทักทายกลับไปเท่านั้น กว่าจะมาถึงโต๊ะก็เหนื่อยเลยล่ะครับ

"ไอ้ควิน" ตูดยังไม่ทันแตะเบาะดีไอ้ไทค์ก็ส่งเสียงเหี้ยมมาแล้ว

"เออน่า" ผมบอกพร้อมกับจ้องหน้ามันให้มันรู้ว่าครั้งนี้ผมเอาจริง

"..."

"..."

"เฮ้อออออ ตามใจมึง แล้วอย่าร้องไห้มาซบอกกูนะสัส"

"หึหึ"

ผมนั่งต่อไปอีกสักพักส่วนทางด้านของคิงก็ยังเห็นนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ถ้าไม่ได้คิดไปเองผมรู้สึกว่าอีกคนก็แอบมองมาทางเขาอยู่บ่อยๆ จนสักพักผมก็ว่าจะกลับไปพักเลยจะเข้าไปลาอาทิมไอ้ไทค์ก็เลยตามเข้ามาด้วย ผมโดนอาทิมด่านิดหน่อยเรื่องที่เข้ามาแกล้งแกวันนี้ ก็ฮากันไปครับ เพราะไม่เจอกันนานอาทิมเลยชวนคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเพลินไปหน่อยแปบเดียวเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงจนสุดท้ายผมก็ขอตัวกลับได้ในที่สุด


ผมเดินออกมาทางหน้าร้านเพื่อมองหาร่างสูงใหญ่ของบางคนแต่กลับไม่เห็นใครอยู่ที่โต๊ะนั้นสักคน สงสัยจะกลับไปกันหมดแล้ว ผมเลยเดินออกมาจากร้านตรงไปานจอดรถและตอนที่เดินอยู่ผมก็ดันเหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งพิงกำแพงอยู่ที่พื้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมมองไปรอบบริเวณนั้นแต่ก็ไม่เห็นมีใครอีก แล้วนี่ำไมถึงมานั่งคนเดียวในที่มืดๆแบบนี้ เมาหรือเปล่า?

"คุณ" ผมลองเรียกอีกฝ่ายดูพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

"นี่คุณ มานั่งทำอะไรตรงนี้" ผมลองเรียกอีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่งไม่ขยับ

เอ๊ะ? เลือด? พอเดินเข้ามาใกล้ผมก็เห็นว่ามือของเข้าเปื้อนเลือดอยู่ หรือว่าจะโดนทำร้าย!

"เฮ้ย! คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า! คุณ! คะ-"

"อืออ"

"คิง!?" คนที่นั่งหมดสภาพค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาให้ผมได้เห็นหน้าทำเอาผมแทบจะช็อกตาย คนตรงหน้าผมคือคิง! แถมใบหน้าของคิงตอนนี้มีรอยช้ำที่มุมปาก มีเลือดไหลแถวหางคิ้ว ตาข้างหนึ่งก็ดูบวมเล็กน้อย เอาเป็นว่ามันค่อนข้างจะแย่เลยล่ะ

"พี่ควิน?" คิงพูดทำหน้าเหมือนแปลกใจที่เจอผม แต่เอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายไปโดนอะไรมา

"อือพี่เอง แล้วนี่ทำไมสภาพเราเป็นแบบนี้ โดนใครทำอะไรมา หรือโดนดักปล้น! แล้วมันได้เอาอะไรไปบ้าง?"

"อ่า ไม่ใช่" ไม่ใช่คือไร คืไม่ได้โดนปล้นงี้หรอ

"แล้วโดนอะไรมา"

"มีเรื่อง"

"เฮ้อออ แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้มีเรื่องได้ล่ะ ดูจากสภาพเราแล้วอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียวใช่ไหมเนี่ย"

"อือ"

"แล้วมานั่งทำไมตรงนี้ เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาซ้ำอีกหรอก"

"เหนื่อย" ผมถึงกับกุมขมับกับแต่ละคำที่คิงพูดออกมา เหมือนต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีเลยครับ

"มา เดี๋ยวพี่ช่วย แล้วเรากลับคอนโดยังไง?" ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตลอดยื่นไปให้คิงเช็ดบาดแผลก่อนจะพยุงคิงขึ้นมาแต่อีกคนดูจะขยับตัวแปลกๆก่อนจะลุกขึ้นมาแต่โดยดี

"..."

"ว่าไงครับ"

"แท็กซี่" คิงจ้องหน้าผมนิ่งพร้อมกับตอบคำถามของผม ว่าแต่ว่าคนอย่างคิงมาแท็กซี่เนี่ยนะ? มันใช่หรอวะ ผมจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่งเพื่อจับพิรุจแต่อีกคนกลับสายตาไม่ยอมจ้องกันตรงๆ หืม? หรือว่า...

"แท็กซี่หรอ อืมม งั้น..." ผมแอบสังเกตอีกคิงไปด้วย พอผมพูดอีกคนก็เหลือบมามองก่อนจะหลบตาไปอีกที

"งั้นเดี๋ยวพี่เรียกให้เนาะ" โอ้ยยยย5555555 ไอ้ลูกหมาเอ๊ยยยย พอผมบอกจะเรียกแท็กซี่ให้ถึงกับขมวดคิ้วหันมามองเขม็งเลยอ่ะ

"ไม่ต้องก้ได้ เดี๋ยวเรียกเอง" คิงแกะมือผมที่พยุงออกหันหน้าหนีแล้วเดินไปเดี๋ยวนั้นเลย หึหึ

"หรือจะกลับกับพี่ก็ได้นะ" ผมคว้าแขนอีกคนแล้วยิ้มถาม

"..."

"ยังไงก็คอนโดเดียวกัน กลับด้วยกันดีกว่านะ" คิงหันตัวกลับมามองหน้าผมขมวดคิ้วเม้มปากแน่นก่อนจะถามบางอย่างออกมา

"แกล้งทำไม"

"อ้าว รู้แล้วหรอ"

"สนุกมากป่ะ" ผมยังคงยิ้มให้กับคนตรงหน้าถึงแม้อีกคนเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นทุกที

"สนุกมาก"

"..."  คิงเม้มปากแน่นขึ้นมองหน้าจนผมเริ่มใจอ่อน สงสารเด็กน้อย

"โอเคไม่แกล้งแล้ว"

"..."

"แต่เราต้องเลิกทำตัวน่ารักด้วยนะ"

"..."

"เพราะไม่อย่างนั้นพี่คงอดใจไม่ไหว"

"..." ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวเพราะยิ่งผมพูดร่างสูงก็เอาแต่หน้าแดงขึ้นทุกที
"น่ารัก"

"อือ น่ารักเหมือนกัน"



ให้ตายเถอะ...หัวใจผมจะทะลุออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว





เด็กบ้า...











"แล้วสรุปจะบอกพี่ได้ยังว่าไปทำยังไงถึงไปมีเรื่องได้" ตอนนี้ผมกับคิงกำลังนั่งอยู่ในรถของผม หลังจากเหตุการณ์ที่ลานจอดรถผมก็ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะหยุดยิ้มกับประโยคของคนที่นั่งเบาะข้างผมอยู่ตอนนี้

"มันเข้ามาหาเรื่องเอง"

"ทำไมพี่ต้องเจอเราทีไร เราจะต้องเจ็บตัวอยู่ทุกทีเลยนะ"

"คิง"

"ห้ะ?"

"คิง"

"คิง?"

"อือคิง ไม่ใช่เรา" โอ้ยยยย น่ารัก! ทำไมน่ารักขนาดนี้! วันนี้หัวใจผมจะทำงานหนักเกินไปไหมวะเนี่ย

หลังจากโดนแอทแทคอย่างรุนแรงผมก็ไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้อีกทำให้ตอนนี้ในรถเงียบมาก แต่ถึงแม้ไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดเลย อีกคนเอาแต่นั่งมองออกไปนอกกระจกส่วนผมก็แอบลอบสังเกตอีกคนบ้าง ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าคิงเป็นคนที่เพอร์เฟ็คมากไม่ว่าจะเป็นหน้าตาและสัดส่วน แต่พอคิดได้แบบนี้ผมเองก็เริ่มใจไม่ดี คนแบบนี้จะมาสนใจผมได้ยังไงกัน คิดแล้วก็ปวดหัว ผมขับรถจนมาถึงหน้าคอนโดแต่อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น



โครกกกกกกกกกกกกกกกก


​เอ่อ คือว่า...ไม่ใช่มั้ง



​ครากกกกกกกกกกกกกกกก



​​ชัดแล้วล่ะ ใช่แน่ ใช่เลย ผมหันออกนอกหน้าต่างแล้วพยายามกลั้นยิ้มให้ได้มากที่สุด อาจเพราะในรถเงียบมากเสียงท้องร้องของคนตัวใหญ่ข้างผมถึงได้ดังออกมาขนาดนี้ พอกลั้นยิ้มได้ผมก็หันไปหาอีกคน ภาพที่เห็นคือคิงเอามือกุมท้อง ก้มหน้าเม้มปากและคงจะเขินไม่ใช่น้อยเพราะหูของเจ้าตัวแดงขึ้นมาขนาดนั้น

"หิวหรอ"

"...อือ"

"เมื่อกี๊อยู่ที่ร้านไม่ได้กินอะไรเลยหรือไง"

"ลืม"

"ลืมกินข้าวเนี่ยนะ?"

"อือ"

"เฮ้อ เชื่อเขาเลย" ผมขับรถมาจอดเสร็จพอดี  ผมกับคิงเดินลงจากลงมาขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟท์ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งลิฟท์เปิดที่ชั้นของผม ผมเดินออกไปสองสามก้าวแล้วหันหลังมาหาอีกคนที่ยังอยู่ข้างใน

"ไม่มาหรอ?"

"ห้ะ"

"แผลไง จะทำเองหรอ?" พูดจบอีกคนก็เดินตามออกมาผมเลยเดินไปที่ห้องตัวเองแตะคีการ์ดเปิดประตูเข้าไป อีกคนตามเข้ามาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปสักพักก็ออกมาแล้วไปนั่งรอที่โซฟา ผมเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่ใช้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆอีกคน ผมลงมือทำแผลให้อีกคนอย่างเบามือ คนมีแผลก็นั่งมองหน้าให้ผมทำนิ่งๆ

"เจ้าตัวเล็กเป็นไงบ้าง"

"ตอนนี้อ้วนแล้ว"

"งั้นก็ดีแล้ว" ผมไม่ได้ถามอะไรอีกจนทำแผลที่หน้าเสร็จ

"ถอดเสื้อ" พอผมพูดจบคิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเหมืองหมางง เห็นแล้วมันน่าแกล้งนัก

"ถอดเถอะน่า ครั้งที่แล้วก็บอกแล้วไง...ว่าไม่เจ็บหรอก"

"พี่ควิน"

​ตึก ตึก ตึก​

นี่เป็นครั้งแรกที่คิงเรียกชื่อผม บ้าชิบ แค่อีกคนเรียกชื่อเขาก็ใจเต้นแรงซะแล้ว

"อ่ะ คือพี่หมายถึงแผลที่ตัวน่ะ มีใช่ไหม พี่เห็นตอนเราลุกดูเจ็บๆนะ"

"อ่อ"

ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้อีกคนถอดเสื้อ กล้ามเนื้อแน่นทุกสัดส่วนอย่างคนสุขภาพดีกำลังก่อกวนจิตใจผมอย่างแรง ผมถึงกับชะงักไปทันทีที่อีกคนถอดเสื้อออก และพออีกคนเห็นผมชะงักไปก็กระตุกมุมปากกระชากใจผมรอบนึงแล้วพูดขึ้น

"ทำสิ"

 

บู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม


ตัวผมระเบิดไปแล้วครับ ผมหลบสายตาของอีกคนมามองหาบาดแผลที่ต้องทายาแล้วก็ตกใจ ที่แขนและบริเวณไหล่ของคิงมีรอยแดงพาดเหมือนโดนท่อนอะไรฟาดมาแถมยังมีรอยช้ำอีกนิดหน่อยไม่เท่ารอยฟาดนั่น

"ขนาดนี้เลยหรอ" ผมป้ายยาที่รอยฟาดและพยายามทาให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ไม่รู้มันเอาอะไรมาตี"

"เจ็บมั้ยครับ" ผมละสายตามามองสบกันกับคิงแล้วถามออกไป

"...เจ็บครับพี่ควิน" ผมยิ้มให้คำตอบที่คล้ายจะติดอ้อนของอีกคนก่อนจะอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกคนจนได้

"ไมเป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายแล้วนะ"

"อือ"

"เอาล่ะพี่ทายาให้เสร็จหมดแล้วนะ อ้อ อย่าพึ่งกลับนะ รอแปบ" ไม่ทันได้ฟังว่าอีกคนตอบอะไรผมก็ลุกเดินเข้าไปในครัวทันที เปิดตู้เย็นหยิบของออกมาสองสามอย่างแล้วลงมือเปิดแก๊สจุดเตาโยนของที่หยิบออกมาลงกระทะให้หมดจนเสร็จ จัดใส่กล่องสวยงามแล้วเดินออกมา

"โทษทีที่ให้รอ อ่ะ เอาไป"

"..."

"หิวไม่ใช่ไง จะไปซื้อสภาพนี้คงไม่ไหวพี่เลยข้าวผัดมาให้ ไม่อร่อยหรอกแต่กินได้แน่นอน"

"ขอบคุณครับทั้งเรื่องข้าวและก็เรื่องแผล"

"ไม่เป็นไรหรอก แต่หวังว่าครั้งหน้าที่เจอกันจะไม่เอาแผลมาด้วยอีกนะ"

"ครับ"

แล้วเราก้ยืนเงียบกันอยู่เกือบนาทีจนสุดท้ายคิงก็ขอตัวกลับออกไป

"ไปนะ"

"ครับ"

ผมปิดประตูส่งคิงเสร็จก็มาทิ้งตัวลงที่โซฟาก่อนจะนึกถึงเรื่องในวันนี้ รอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าของผมตลอดเวลาที่คิดถึงเรื่องของคิง อีกฝ่ายมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมจริงๆ ผมสนใจคิงงั้ันหรอ ไม่สิ ตอนน้คงไม่ใช่แค่สนใจแล้วล่ะมั้ง





ว่าแต่...น่ารักจังเลยน้า













อีกด้านหนึ่ง

ชายหนุ่มเจ้าของบาดแผลมาถึงห้องในที่สุด เดินมานั่งลงที่โซฟากลางห้องแล้วนั่งมองกล่องข้างที่ร่างบางอุตส่าห์ทำมาให้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวนั่นแหละเป็นสาเหตุทีทำให้เขาสนใจจนลืมทานข้าว เขาเปิดกล่องข้าวออกมาแล้วยิ้มบาง อีกคนใส่ใจขนาดที่ใส่ช้อนมาให้เลยด้วยซ้ำ เขาลงมือทานข้าวกล่องพลางคิดถึงคนทำไปจนหมด ทั้งๆที่อีกคนบอกว่าคงจะไม่อร่อยแต่มันไม่ใช่เลย มันอร่อยมาก มากจนอยากรู้ว่าตคนทำจะอร่อยเหมือนข้าวกล่องนี้ไหม ยิ่งคิดรอยยิ้มก็ยิ่งปรากฎทั้งหมดก็เพราะเจ้าของข้าวกล่องนี่ทั้งนั้น



"...พี่ควิน"



































































_____________________________________________



ฮือออออออออ ขอโทษที่มาช้าค่ะ ลืมกันหรือยัง T^T ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้มาต่อ แต่ไม่เทแน่นอนนะคะ อย่าพึ่งลืมกันเน้อออ


ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พออยู่กับคนพี่นี่อย่างกับลูกหมาน้ิยๆอะน้ิองคิง พี่ควินเห็นอย่างนั้นก็แกล้งน้องใหญ่เลย เอ็นดู :-[

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุกค่า ติดตามๆ

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
​​ตอนที่ 6





พาร์ท ควิน





วันนี้วันอาทิตย์ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เก้าโมงลืมตากลิ้งไปมาบนที่นอนเช่นเคย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอจิ้มเข้าแอพสีน้ำเงิน ผมเลื่อนไปเรื่อยจนมาสะดุดโพสของเพจหนึ่ง




เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊   2 hour ago ​

ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ตื่นมาเจอรูปนี้คืออะไร? เมื่อคืนเจ๊พลาดเผือกอะไรไปใครก็ได้บอกเจ๊ที! นานๆทีถึงจะเห็นหลัวคิงออกมาเคลื่อนไหวในเฟสให้ชะนีกรีดร้อง แต่ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น! คือหลัวออกมาโพสรูปกล่องข้าวลายขิกคุแถมแคปชั่นว่า 'ขอบคุณ' เอาตอนตี 1 !!! เอาล่ะค่ะประเด็นตอนนี้คือกล่องข้าวปริศนานี่คือของใคร? แล้วทำไมถึงได้โพสตอนตี 1 คะ? คือเจอกันดึกๆดื่นๆหรอ?! ฮือออออออออ คืออาร๊ายยยยยยยยย ไหนใครคือเจ้าของกล่องข้าวนั้นคะถ้าออกมาสารภาพแต่โดยดีเจ๊จะอนุโลมลดโทษให้กึ่งนึง แต่ถ้านางไม่มาเจ๊ขอเชิญชะนีทุกคนออกล่าค่ะ! #สวมบทอินเนอร์แบบมิสซิสสร




รูปที่เพจแนบมาคือรูปที่แคปมาจากโพสเฟสของใครบางคน ในรูปเห็นแค่กล่องข้าวลายคุ้นตาที่วางอยู่บนโต๊ะเท่านั้น แคปชั่นสั้นๆได้ใจความ ผมกดค้นหาชื่อเฟสตามรูปที่เพจแคปมา อื้ือหือ มีคนติดตามเกือบแสน อะไรจะขนาดนั้นผมยังมีคนติดตามแค่สองสามหมื่อนคนเอง ผมเลื่อนหาโพสที่เพจว่าเลื่อนมาก็เจอเป็นโพสแรกเลยครับ ผมกดเปิดรูปแล้วบันทึกลงเครื่องทันที มองรูปอีกครั้งแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ




ก็เพราะว่าในกล่องข้าวนั้นไม่เหลืออะไรอยู่ข้างในเลยสักนิดเดียว...




ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาล้างหน้าอาบน้ำ วันหยุดอยู่ห้องทั้งทีผมก็ว่าจะจัดห้องใหม่อาทิตย์ที่ผ่านมผมเอาแต่ยุ่งอยู่กับรายงานห้องเลยรกขึ้นมาหน่อย ผมเก็บของที่ไม่ได้ใช้รวมใส่ถุงขยะปัดกวาดเช็ดถูทั่วทั้งห้อง จัดหนังสือทั้งบนชั้นทั้งบนโต๊ะ เสื้อผ้าที่กองไว้ก็จับใส่ตะกร้าเตรียมซักให้หมด กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสามชั่วโมงได้เล่นเอาเหนื่อยพอตัวเลยล่ะ เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะบ่ายแล้ว จะว่าไปนี่ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า ผมเข้าอาบน้ำอาบท่าอีกรอบแต่งตัวสบายๆด้วยกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำกับเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินเรียบ หยิบกระเป๋าตังค์ติดมือมา ผมขี้เกียจขับรถครับว่าจะลงไปซื้อข้าวแถวคอนโดกินเอา

"เฮ้ย!" พอเปิดประตูออกมาผมก็ต้องตกใจกับบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า​

"เอ่อ คือ"

"อ่า มาทำอะไรตรงนี้ครับคิง" ครับ ตรงหน้าของผมคือคิงตัวเป็นๆแถมยังทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆอีก

"เอานี่มาคืน" คิงยื่นกล่องข้าวที่ผมให้ไปเมื่อคืนมาให้ผม

"อ่อ จริงๆไม่ต้องรีบเอามาคืนขนาดนี้ก็ได้นะ" ผมรับมาแล้วตอบกลับไป

"อร่อย"

"ขอบคุณครับ ถ้าอร่อยไว้วันหลังอยากกินอีกก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวพี่ทำให้" เฮ้อ ทำไมเขาทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเลยนะ

"อือ ไปไหน"

"ห้ะ อ๋อ พี่น่ะหรอ? พอดีจะออกไปหาไรกินแถวนี้น่ะ"

"อ่อ"

"แล้ววว คิงกินข้าวหรือยังล่ะ?"

"...ยัง"

"งั้นไปกินด้วยกันป่ะ"

"ไป"

"งั้นพี่เอากล่องไปเก็บแปบนะ" อีกคนพยักหน้ารับรู้ผมเลยเข้าห้องมาในครัว ผมยืนข่มใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงมากไปกว่านี้อยู่เกือบนาที นี่จะไปกินข้าวด้วยกันครั้งแรกเลยนะ! ผมก็ตื่นเต้นบ้างอะไรบ้างสิครับ หลังจากเรียกสติเสร็จก็เดินออกมา

""ไปกันเลยเนอะ"

"อือ"

ผมกับคิงออกมากินเกี๋ยวเตี๋ยวร้านติดกับคอนโด พอเข้ามาหาที่นั่งสั่งเกี๋ยวเตี๋ยวเสร็จก็ใช้เวลารอนิดนึงเพราะคนค่อนข้างเยอะ ผมเลยใช้จังหวะนี้ชวนอีกคนคุย

"วันหยุดไม่ออกไปเที่ยวไหนหรอ"

"ไม่ชอบคนเยอะ พี่ล่ะทำไมไม่ไป"

"พี่ก็ไม่ชอบคนเยอะเหมือนกัน แล้วปกติเสาร์อาทิตย์ไม่ได้กลับบ้านไง"

"อาทิตย์ที่แล้วไปมาแล้ว"

"หืม บ้านไกลหรอถึงไม่ค่อยกลับอ่ะ"

"เปล่า ขี้เกียจ"

"หึ นิสัยไม่ดี"

"ทีพี่ยังไม่กลับเลย" พออีกคนตอบกลับมาแบบนี้ผมก็สตั๊นไปนิดนึงเหมือนกัน ผมไม่ได้โกรธน้องนะครับแต่พอคิดว่าเพราะอะไรถึงไม่ได้กลับบ้านมันก็หน่วงๆในใจนิดหน่อย

"พอดีที่บ้านพี่ไม่มีคนอยู่น่ะ นานๆทีเลยค่อยกลับไปดูบ้านก็ได้"

"ทำไมไม่มีใครอยู่ล่ะ" คิงขมวดคิ้วเอียงคอถามสีหน้าเหมือนเด็กช่างสงสัย ผมเห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ เพราะว่าโต๊ะเป็นโต๊ะเล็กผมเลยเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกฝ่ายให้หายหมั่นเขี้ยว

"หึ ช่างสงสัยนักนะ" คิงนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปัดมือออก ผมก็ลืมนึกไปว่าบางทีเขาอาจจะไม่โอเคที่ผมทำแบบนี้

"เอ่อ ขอโทษทีนะ พอดีพี่เผลอน่ะ" ผมละมือจากผมอีกคนแล้วกำลังจะดึงมือกลับแต่กลับถูกอีกคนจับไว้ก่อน

"..."

"เอ่อ พี่ขะ-"

"ไม่เป็นไร ทำอีกก็ได้" หึ้ยยยยย!!! ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ ผมอดจะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ

"ครับ ที่ถามเมื่อกี๊คือพ่อแม่พี่เสียหมดแล้ว ญาติก็ไม่มีที่บ้านก็เลยไม่มีคนอยู่น่ะ"

"ขอโทษครับ"

"เฮ้ย ไม่เป็นไรเรื่องมันนานแล้ว พี่โอเค"

"ครับ"

ก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้มาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ ผมตักเครื่องปรุงใส่ชามพลางเหลือบมองอีกคนก็เห็นว่าอีกคนจ้องชามของผมอยู่เลยถามออกไป

"มองชามพี่ทำไมเนี่ย อยากกินแบบนี้หรอ?"

"เปล่า" ผมพยักหน้าแล้วปรุงต่อ อีกคนก็เริ่มหยิบเครื่องปรุงปรุงบ้างแต่ท่าทางของอีกคนดูเงอะงะหยิบช้อนเครื่องปลุกใส่อย่างนิดอย่างละหน่อยจนผมต้องเอ่ยปากถามอีกรอบ

"มีอะไรหรือเปล่าคิง แปลกๆนะ"

"ปรุง..."

"อะไรนะ?" อีกคนพูดงึมงัมจนผมได้ยินไม่ค่อยชัด

"พี่ปรุงยังไง"

"ทะ ทำไมหรอ"

"...ข้าวเมื่อวานอร่อย"

"..." ตึก ตึก ตึก

"เลยคิดว่าถ้าปรุงแบบพี่ก็คงอร่อย" หึหึหึ คำตอบของอีกคนทำผมยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วครับ

"งั้น งั้น งั้นพี่"

"งั้น งั้น งั้น" เพราะผมไม่รู้ว่าจะต้องตอบกลับยังไงอีกคนเลยพูดตามล้อๆแต่หน้านิ่งสุด ผมเกือบจะไม่รู้ว่าคิงล้อผมถ้าเกิดเขาไม่ยักคิ้วให้หลังพูดจบ

"เดี๋ยวเถอะ"

"งั้นพี่ปรุงให้ทีสิ"

"เอาจริงอ่ะ"

"อือ"

"อ่า...ก็ได้ แต่ถ้าไม่อร่อยอย่ามาโทษพี่ล่ะ" ผมคว้าชามตรงหน้าาปรุงเพิ่มนิดหน่อยแล้วยื่นกลับคืนไปให้ คิงเริ่มลงมือกินโดยไม่พูดอะไรสักคำ หรืิอไม่อร่อยแต่ไม่กล้าบอกวะ? ผมก็ไม่ถามให้ช้ำใจดีกว่าลงมือกินของตัวเองบ้าง กินเสร็จผมเป็นคนจ่ายเพราะผมเป็นคนชวนน้องมาตอนแรกคิงก็แย้งจะจ่ายให้แต่เพระไม่ได้พกกระเป๋าตังค์มาเลยได้แต่ทำหน้าไม่พอใจอยู่คนเดียว จ่ายเสร็จผมก็ชวนน้องเดินกลับคอนโดผ่านป้อมยามเจอลุงชัยก็ทักทายแกไปจนเรามาถึงลิฟท์

"ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงพี่" อยู่ดีๆคิงก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"ไม่เป็นไรน่า แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวคิดอะไรมากห้ะ"

"ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงพี่" ผมยิ้มและส่ายหน้าให้กับความดื้อที่ไม่คิดว่าจะเจอของคิงแล้วไม่ได้ตอบอะไรอีกจนกระทั่งลิฟท์เปิดที่ชั้นของผม

"พี่ไปก่อนนะ" ผมบอกลาคิงแล้วเดินออกมา แต่เดินออกมาสามสี่ก้าวก็ต้องหันกลับไปอีกรอบ

"ตามพี่ออกมา มีอะไรหรือเปล่า"

"พี่...มีแฟนยัง"  อะ อะไรนะ ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ ให้ตายสิ! นี่มีใครมาเปิดเพลงอีดีเอ็มในหัวใจผมหรือเปล่า ทำไมมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ ผมเงียบไปนานมากเพราะสติผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ผ่านไปเกือบนาทีได้

 "ยัง ยังไม่มี"

"ไลน์" โทรศัพท์เครื่องหรูรุ่นล่าสุดถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมคำพูดขยายความสั้นๆ ผมอึ้งไปแปบนึงก่อนจะดึงสติกลับมาแล้วรับโทรศัพท์มากดแอดไลน์ตัวเอง บ้าชิบ ไอ้มือนี่ล่ะก็! อย่าสั่นดิวะ!  กดเสร็จผมก็ยื่นกลับไปให้คิงอีกคนก็รับไปแล้วยัดใส่กางเกง แล้วก็พูดว่า...

"ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก" วอท? อีกคนอาศัยจังหวะที่ผมคงจะยืนเหวอกับประโยคที่ไม่คิดว่าอีกคนจะเอามาพูดตอนนี้เดินกลับไปทรอลิฟท์

"อะ ฮ่ะ ฮ่ะ...5555555555555" ผมกลั้นขำไม่ได้แล้วครับ อยู่ดีๆมาบอกว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากหลังจากที่มาขอไลน์คนอื่นเขา ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย คนที่พึ่งเดินไปพอเห็นผมหัวเราะออกมาพอดีกับที่ลิฟท์มาพอดีก็รีบเดินเข้าไปในลิฟท์อย่างไว แต่ผมรีบเดินไปกดลิฟท์ให้เปิดก่อนที่มันจะปิดลง คนข้างในเบิกตาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ผมยปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดออกไป

"จริงๆวันนี้...ก๋วยเตี๋ยวของพี่ก็อร่อยกว่าทุกวันเหมือนกัน"

"..."

"น่าจะเพราะได้กินกับคิงล่ะมั้ง"

ผมถอยออกมาแล้วปล่อยให้ลิฟท์ปิดลง ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือหน้าแดงๆของคนด้านใน...



















เหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายทำผมอารมณ์ดีไปทั้งวัน ตอนนี้ผมยังนั่งยิ้มเป็นคนบ้าอยู่เลยครับ พอนึกถึงทีไรมันก็อยากจะกระโดดเข้าไปฟัดอีกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ สถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างเอนเอียงมาทางผมใช่ป่ะวะ เรื่องของผมกับคิงมีโอกาสเป็นไปได้สินะ แล้วที่อยู่ๆอีกคนมาถามผมว่ามีแฟนหรือยังแถมยังขอไลน์ผมอีกแสดงว่าคิงก็อาจจะ...สนใจผม

.

.

.

.

มันจะไปใช่ได้ยังไงล่ะ! แต่ถ้าไม่ใช่แล้วจะถามเรื่องแฟนทำไมอ่ะ งั้นมันก็ต้องใช่อ่ะดิ! แต่ว่าคิงไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อนนี่นาแถมรอบตัวเขาก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นแล้วเขาจะมาสนใจผู้ชายอย่างผมได้ยังไง เฮ้ออออออ

.

.

.

แต่คิงเขาขอไลน์ผมด้วยนะ! หรือว่าแค่รู้จักกันแบบพี่น้องเฉยๆเลยขอไว้เผื่อปรึกษาอะไรไม่ได้ขอไว้คุยหรอกสินะ นี่ผมมโนไปเองทั้งหมดเลยใช่ไหมเนี่ยยยยยยย ในหัวของผมตอนนี้มีแต่เรื่องของเด็กหน้าตายเต็มไปหมด พอ เลิกคิดได้แล้ว จะเป็นยังไงก็ปล่อยมัน ผมกระโดดขึ้นเตียงเลิกฟุ้งซ่านสักที  ผมหยิบโทรศัพท์มาตั้งนาฬิกาปลุกเสร็จแล้วก็ปิดไฟแล้วหลับตาลง

.

.

.

.

สรุปคิงจะชอบผมหรือเปล่าวะ! ผมพลิกตัวซ้ายก้แล้วพลิกขวาก็แล้วแต่ผมก็ยังนอนไม่หลับสักที มัวแต่คิดวนไปมาอยู่แต่เรื่องนี้นั่นแหละ


ติ๊ง ติ๊ง


​เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมเลยเอื้อมไปหยิบมาดูแต่พอเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอเท่านั้นผมก็เด้งลุกขึ้นมานั่งก่อนจะอ่านชื่อคนส่งอีกรอบเพื่อความชัวร์



King   : ​พี่ควิน




​ผมปลดล็อคหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป



Q : ครับ

King : นอนยัง

​Q : ยังๆ มีอะไรอ่อ



แต่พอผมตอบกลับไปอีกคนก็เงียบไปเลย หายไปไหนน่ะ ผมอยู่เกือบห้านาทีจนส่งข้อความไปอีก



Q : ยังอยู่ไหม

King : อยู่

Q : อ้าว เห็นเงียบไปเลย

Q : แล้วมีอะไรป่าว?

King : ฝันดีครับ



ฝันดี แค่นี้อ่ะนะ ผมถอนหายใจทิ้งความรู้สึกเสียดายเล็กๆไปแล้วแชทต่อ



Q : ฝันดีเหมือนกันครับ



อีกฝ่ายอ่านแล้วแต่ยังไม่ตอบกลับมา ผมรออีกคนตอบอีกแปบนึงแต่ก็เงียบกริบ ผมเลยตัดใจล็อคหน้าจอแล้ววางลงข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม เอาเถอะ แค่มาถึงตอนนี้ได้มันก็เกินกว่าที่เขาคาดไว้แล้ว


ติ๊ง ติ๊ง


​ผ่านไปอีกเกือบห้านาทีก็มีแจ้งเตือนเข้าอีก ผมรีบคว้าโทรศัพท์มาขึ้นดูจากนั้นถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้



King : ผมคุยกับพี่ได้มั้ย



หมายความว่าคุยกันแบบนั้นหรือเปล่าหรือแค่คุยกันธรรมดา นี่ถ้ามาให้ความหวังกันเล่นๆผมจะวิ่งขึ้นไปเคาะประตูเรียกออกมาต่อยเลยนะ



Q : คุยนี่คือยังไงอ่อ

.

.

.

.

.

King : จีบนะครับ



​จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ

จีบนะครับ



เหมือนผมโดนน็อคกลางอากาศโดยข้อความที่อีกคนส่งมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหนแต่ตอนนี้บอกเลยถ้าผมกรี๊ดเป็นผมกรี๊ดไปแล้วครับแต่เพราะทำไม่เป็นตอนนี้ผมเลยได้แค่คว้าหมอนมากอดแล้วซุกหน้าลงไปถูแรงๆ เดี๋ยว ใจเย็นไว้ควิน ใจเย็น เย็น เย็น...เย็นได้ก็บ้าแล้ว!!! ฮือออออออออออ โว้ยยยยยยยยยยย ไอ้ควิน ตั้งสติไว้ อย่าพึ่งโวยวาย สติมา สติมา สติ สติ สติไปไหนแล้ว!!! โอ้ย นี่ถ้าตอนนี้มีใครมาเจอผมเขาจะต้องหาว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ แต่จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับตอนนี้ ผมนั่งหายใจเข้าออกเรียกสมาธิหยิบโทรศัพท์ที่เมื่อกี๊เผลอโยนไปขึ้นมา กว่าจะกดพิมพ์แต่ละตัวได้แสนจะยากเย็นเพราะมือไม้ผมตอนนี้มันสั่นไปหมด พอผมกดส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีเหมือนอีกคนรอคำตอบอยู่ตลอดหลังจากนั้นอีกคนก็ไม่ส่งอะไรกลับมาอีกผมเองก็ไม่อยากให้คิงตอบอะไรกลับมาอีกแล้วเพราะแค่นี้ผมก็แทบจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วครับ คืนนี้ไม่รู้จะนอนหลับหรือเปล่า พรุ่งนี้ถ้าเจอคิงจะทำหน้ายังไงก็ไม่รู้ ผมยิ้มคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง หยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่านแชทซ้ำไปมาบทสนทนาที่คุยวันนี้ผมแคปไว้หมดแล้วครับ 5555555555 ข้อความแรกคือข้อความที่คิงทักมาส่วนข้อความสุดท้ายเป็นข้อความตอบกลับของผมเอง พอมาอ่านที่ตัวเองพิมพ์แล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาไม่รู้ว่าเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ตอบกลับไปแบบนี้ได้นะเรา



Q : จีบมาจีบกลับ พี่ไม่โกงนะครับ :)

















ตอนนี้ผมกำลังเดินมาที่ลานจอดรถด้วยสภาพอิดโรยอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด เพราะอะไรน่ะหรอครับ ไม่ต้องสงสัยเลยก็ลองมาเป็นผมดูสิใครจะข่มตาหลับลงได้ล่ะครับ เช้านี้ผมเลยมีสภาพเป็นซอมบี้แบบนี้แล้วถ้าจะให้ไปเบียดกับคนบนรถประจำทางก็ไม่ไหววันนี้เลยขอขับรถไปเองวันนึงแล้วกัน เดินอยู่ดีๆก็มีแรงปริศนามาดึงแขนผมด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งตัวเลยหันไปกระแทกเข้ากับใครบางคนเข้า

"โอ๊ย อะไรวะเนี่ย"

"ขอโทษครับ" เสียงคุ้นๆเหมือนว่าจะใช่และพอหันไปมองก็...ใช่จริงด้วย

"คิง เอ่อ ไม่เป็นไร" ผมพยายามทำหน้าให้ปกติไม่ยิ้มมากจนเกินงามแต่ทำไมมันยากจังงง

"พี่จะไปม.ใช่มั้ย"

"ครับ"

"ไปส่ง"

"คือจะไปส่งพี่อ่ะหรอ"

"..."คิงพยักหน้าตอบส่วนผมกำลังรวบรวมสติอยู่

"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ขับรถไปเองก็ได้" คิงไม่ฟังที่ผมพูดสักนิดจับข้อมือผมแล้วพาเดินไปอีกทาง

"เห้ย จะไปไหน"

"ไปส่ง"

"ก็บอกว่าไม่เป็นไร" เหมือนผมพูดกับลม คิงพาผมเดินมาถึงรถของตัวเองแล้วถึงจะยอมหันมาคุยกับผม

"เรานี่นะ พี่่บะ-"

"​​จีบ" ผมไม่สามารถหุบยิ้มได้อีกต่อไป จีบ คนอะไรจีบคนอื่นด้วยการบังคับไปส่ง หึ

"ไปสิ" เอาวะ จีบก็จีบ! อีกคนปลดล็อคให้ผมก้าวขึ้นมานั่งบนบีเอ็มคันหรู คิงก็ยังคงเงียบไปตลอดทางท่าทีไม่ได้เปลี่ยนตรงไหนไปสักนิดเดียว สรุปคือทุกอย่างเหมือนเดิมผมตื่นเต้นไปเองคนเดียวสินะ ผมนี่บ้าจัง

"กินอะไรยัง" ผมถามสารถีข้างๆ

"ยัง"

"รีบหรือเปล่า"

"ไม่"

"งั้นแวะกินอะไรกันก่อนมั้ย พี่หิวอ่ะ"

"พี่จะกินอะไร" คิงหันมาถามตอนที่รถติดไฟแดงพอดี

"เราอยากกินอะ-"

"บอกว่าคิงไง" คิงบอกพลางขมวดคิ้วขัดใจเหมือนเด็กเลยอ่ะ เอ็นดูวววววววว

"แล้วคิงอยากกินอะไรล่ะ" ผมยิ้มให้อีกคนแล้วถามกลับไป

"กินอะไรก็ได้ที่พี่อยากกิน" พอดีกับไฟเขียวคิงเลยหันกลับไปขับรถต่อแต่ผมนี่สิแข็งค้างเป็นหินไปแล้วครับ ฮือ

"งั้นคิงชอบกินอะไร"

"อะไรก็ได้ที่พี่ทำ" โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ควินจะไม่ทนกับคนแบบนี้!

"เด็กบ้า" อีกคนหันมากระตุกยิ้มกระชากใจให้ผมใจสั่นไปอีก

"งั้นกินร้านแถวม.ก็ได้"

"ร้านไหนอ่ะ"

"แล้วแต่คิงเลย"  คิงอมยิ้มโดยไม่ได้หันมาหาผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนคิงขับมาแวะร้านข้าวมันไก่แถวม. ผมกับคิงเดินลงจากรถไปก็เจอเข้ากับสายตานักศึกษาหลายสิบคู่ที่นั่งอยู่ในร้านที่มองมาที่เราทั้งคู่เป็นตาเดียว

ฟัค! นี่ผมลืมไปได้ยังไงว่าผมมากับใคร แค่ตัวผมก็มีคนรู้จักอยู่ไม่ใช่น้อยแล้ววันนี้ผมดันมากับผู้ชายที่คนแทบทั้งมหาลัยให้ความสนใจอย่างคิงแถมลงมาจากรถคันเดียวกันอีก คนอื่นจะคิดยังไงกันวะเนี่ยแต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คนอื่นคงมองเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องนั่นแหละครับ ผมว่านะ

"คิงกินอะไรเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ แล้วคิงก็ไปหาโต๊ะนั่งก่อนละกัน"

"เอาเหมือนพี่" พูดจบก็เดินไปเลยครับ นี่ถ้าคนไม่เยอะขนาดนี้ผมอยากจะตะโกนว่าน่ารักออกมาให้ลั่นร้าน ผมสั่งข้าวมันไก่ผสมพิเศษไปสองจาน ไม่รู้ว่าคิงชอบกินอะไรเลยสั่งผสมไปดีกว่า สั่งเสร็จก็ตักน้ำที่เขาให้บริการตัวเองมาสองแก้ว

"พี่ควินสวัสดีค่ะ"

"ครับ"

"หวัดดีครับพี่ควิน"

"ครับ" มีรุ่นน้องทักผมสองสามคนผมก็ยิ้มแล้วตอบกลับไปพอเดินมาถึงโต๊ะผมนั่งลงตรงข้ามกับคิง  โต๊ะที่เรานั่งอยู่ตรงกลางร้านพอดีเพราะโต๊ะรอบๆมีคนนั่งหมดแล้ว

"ใคร" คิงถาม

"ใคร? คือใคร"

"ที่ทักพี่เมื่อกี๊"

"อ๋อ รุ่นน้องในคณะพี่เอง รู้จักกัน"

"ผมก็มีรุ่นน้อง ไม่เห็นต้องมีใครทักแบบพี่เลย" คิงพูดหน้าตาติดจะดุขึ้นมาหน่อย โถ นี่อิจฉาที่ตัวเองไม่มีรุ่นน้องทักบ้างหรอเนี่ย

"อิจฉาพี่หรออ ก็นะ คนมันฮอตก็งี้"

"ใช่ที่ไหนกันล่ะ"

"หรอออออออจ๊ะ"

"ไม่ได้อิจฉาแค่ไม่อยากให้ใครทักพี่ไม่อยากให้พี่ยิ้มให้ใคร" ผมตายได้ไหมครับ

"หูยยย พูดยาวๆแบบนี้ก็ได้หรอเนี่ย" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องนี้ตรงนี้ เผื่อโต๊ะอื่นได้ยินเข้าจะเป็นประเด็นเอาได้

"ตลกละ"

"หึหึ เด็ก"

"ไม่เด็ก" หน้าของคนตรงหน้าดูดุขึ้นทุกทียิ่งบอกว่าเด็กยิ่งเหมือนอีกคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่กลับกันเพราะมันทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นไปอีก 5555555555 ทำไมผมนิสัยไม่ดีล่ะเนี่ย

"เด็ก"

"ไม่ เด็ก"

"เด็กน้อยยยยยยย"

"..." เงียบ

"เด็ก"

"..." เงียบจริงเลยแฮะ

"อะไรรรร แค่นี้เงียบใส่พี่เลยอ่อ"

"..." คิงละสายตาจากหน้าผมหันไปเอาโทรศัพท์มากดแทน

"อ้าว เมินเฉยเลย"

"..."

"คิง"

"..."

"อย่าบอกนะว่าาาา...งอนพี่"

"..." คิงขมวดคิ้วเหลือบตาขึ้นมามองผมเหมือนไปจี้ใจดำเขา

"งอนแน่เลย"

"เปล่า"

"จริงอ่ะ"

"อืม"

"งั้นมองหน้าพี่"

"..." โห สาบานว่านี่ไม่งอน แถวบ้านนี่ไม่ได้เรียกมองนะครับสายตาแบบนี้เรียบกอาฆาตเลยก็ว่าได้ ผมยิ้มหวานใส่อีกคนจนสีหน้าของคิงเริ่มเปลี่ยนเป็นปกติ อาแปะเอาข้าวมันไก่มาเสิร์ฟพอดีเราก็ลงมือกินกันไปเงียบๆ กินเสร็จคิงก็เดินไปจ่ายตังค์พอผมจะท้วงคิงก็เถียงกลับมาว่ารอบนี้จะจ่ายเอง ผมก็ไม่อยากจะขัดใจอะไรคิงเลยปล่อยไป เราเดินกลับมาขึ้นรถท่ามกลางสายตาของนักศึกษาทั้งร้านเหมือนเดิม

"ส่งพี่แถวๆคณะก็ได้ไม่ต้องเข้าไปถึงข้างในหรอก จะได้ไม่ต้องวนรถอกมาอีก"

"ไม่เป็นไร"

"เค ว่าแต่เด็กน้อยเลิกงอนพี่แล้วใช่ป่ะ"

"พี่ควิน"

"โอเค๊ ไม่แซวละ" อยู่ดีๆคิงก็เหยียบเบรกจนผมแทบจะพุ่งไปข้างหน้า

"เบรกทำไมเนี่ย " คิงไม่ตอบอะไรแต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมถอยตัวติดเบาะลงเรื่อยๆ

"อะ อะไร"

"อยากรู้มั้ยล่ะพี่ควิน...ว่าผมเด็กอย่างที่พี่ว่าหรือเปล่า"

คิงพูดทั้งที่ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ ใจของผมเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน พอเห็นผมเหวอไปอีกคนก็ยิ้มออกมา ยิ้มของคนตรงหน้าที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นชัดๆเป็นครั้งแรก รอยยิ้มของคิงทำให้คิงดูน่าหลงใหลมากไปกว่าเดิม ผมเหมือนถูกสาปให้มองภาพนี้โดยไม่ละสายตาไปไหน กว่าจะรู้ตัวใบหน้าของอีกคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ริมฝีปากของอีกคนทาบทับมาที่ริมฝีปากของผมโดยไม่ทันตั้งตัว คิงไม่ได้รุกล้ำอะไรเข้ามาอีกฝ่ายทำแค่กดจูบค้างไว้แบบนั้น จะผิดไหมถ้าผมเองก็ไม่ได้คิดจะผลักไสอีกคนออกไปเลยแม้แต่น้อยแล้วจะผิดไหมถ้าผมบอกว่าผมต้องการมากกว่านี้ คิงผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เราจ้องตากันและกันเหมือนมีอะไรดึงดูดไว้แบบนั้น

"จองไว้แล้วนะครับ" ผมพยักหน้าตอบเหมือนคนละเมอคิงส่งยิ้มมาให้อีกครั้งก่อนจะออกรถไปต่อ ตลอดทางผมตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองก่อนที่จะถูกคิงเรียกสติกลับมา

"ถึงแล้วครับพี่ควิน"

"ห้ะ! อ๋อ เอ่องั้นพี่ไปนะ" ผมลงมาจากรถเสร็จสับก็กำลังจะหันหลังเดินเข้าคณะแต่เดินยังไม่ทันถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนในรถเรียกไว้ ผมหันไปมองก็เห็นว่าคิงเปิดกระจกลงมาเลยเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายงงๆ

"อย่ายิ้มให้รุ่นน้องบ่อยนะพี่ควิน"

"..."

"คิงหวง"





ไม่รู้ว่าอีกคนขับรถไปตอนไหน ไม่รู้ว่าผมพาร่างตัวเองมายังโต๊ะที่เพื่อนรออยู่ได้ยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้ แต่ที่ผมรู้แน่ๆเลยตอนนี้...คือผมถอนตัวจากคิงไม่ได้อีกแล้ว





















































































































______________________________________________



ฮัลโหลลลลลลลลลลลล รอนานกันมั้ยคะทุกคน นี่เค้าพยายามปั่นสุดแล้วนะ5555555555555555555555

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย หวังว่าทุกคนจะสนุกน้าา แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ชอบที่เมนต์ที่ให้กำลังใจนะคะ รักทุกคนนน <3


ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ควินเอ๋ย นึกว่าจะแน่ แพ้คิงตั้งแต่ยกแรกแล้ว 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พี่ควินคือแพ้ทางน้องมากๆค่ะ
น่าร๊ากกกกก >\\\\\\<

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลย

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สนุกจัง มาต่ออีกนะคะ ชอบมากเลย :o8:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
มีความประหยัดคำพูดสั้นๆแต่เขิลได้ยาว น่ารักมากกกกกก :mew3: :mew3: :L2:

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
«ตอบ #24 เมื่อ04-02-2018 21:51:05 »

​ตอนที่ 7







พาร์ท ควิน







ผมเดินมาที่โต๊ะประจำแบบงงๆอีกคนทิ้งระเบิดไว้แล้วขับรถไปเฉยเลย ปล่อยให้ผมยืนเด๋ออยู่ตรงนั้นคนเดียว บ้าจริงเด็กนิสัยไม่ดี พอโยนกระเป๋าไปไว้บนโต๊ะเสร็จผมทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทันที

"ไงมึง" นั่งปุ๊บไอ้ซองก็ทักปั๊บ

"คนอื่นยังไม่มาหรอ" ผมถามไอ้ซองเพราะเห็นมันนั่งอยู่คนเดียว

"ไอ้ชาร์ปไปซื้อน้ำกับไอ้เต"

"อ่อ"

"เป็นอะไรของมึง ทำหน้าเหมือนวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง"

"เปล่า กูแค่ง่วงๆ"

"ดึื่ดไม่ยอมนอน ทำอะไรอยู่หรอออออออ"

"เรื่องของกูไง"

"เหมือนกูโดนด่ายังไงก็ไม่รู้ โอ้ย!"

"เออไง ไอ้ควินมันว่ามึงเสือก" ไอ้ชาร์ปเดินมาจากข้างหลังแล้วโบกหัวไอ้ซองไปทีนึงด้วยความรัก ส่วนไอ้เตยักคิ้วผมสองยึกแล้วนั่งลง

"แล้วมึงจะตบหัวกูทำไมวะ"

"หมั่นไส้ในความโง่"

"มันเป็นมุก"

"ต้องขำตอนไหนบอกกูด้วย"

"ไอ้สาสสส" ผมมองพวกมันเถียงกันแล้วก็สนุกดีครับ

"เออไอ้ควิน เมื่อกี๊ใครมาส่งมึงอ่ะ" เมื่อกี๊อ่ะหรอ...

"คิงหวง" ​

"ไอ้ควิน"

"ห้ะ อะไรนะ" เพราะไอ้ชาร์ปถาม ผมก็เลยดันนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊ขึ้นมา ผมเอามือเกาแก้มแก้เก้อรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นนิดหน่อยแถมไอ้มุมปากนี่มันก็อยากจะยกขึ้นซะเหลือเกิน

"กูถามว่าใครมาส่งมึงวะ รถแม่งอย่างหรู"

"รุ่นน้องน่ะ บังเอิญเจอ"

"อ่อ"

"ไอ้ควิน" อยู่ไอ้เตก็เรียกขึ้นมาอีก

"อะไร"

"รุ่นน้องมึงนี่ใคร ทำไมไม่ลงมาด้วยกัน" ไอ้เต! มึงจะสงสัยทำไมเนี่ยยยยย

"มันอยู่คณะอื่น ไม่ได้อยู่คณะเรา" ไม่ใช่ว่าผมจะโกหกหรือปิดบังเพื่อนเรื่องคิงนะครับ แต่คือเรื่องของผมกับคิงตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะเป็นยังไง ถ้าเกิดว่าอะไรลงตัวกว่านี้ผมค่อยเล่าให้ฟังทีเดียวดีกว่า

"แต่ปกติมึงไม่เคยยอมมากับคนอื่นนอกจากพวกกูเลยนะ"

""เออว่ะ ขนาดพี่เนทเคยขอไปรับมึง มึงยังไม่ยอมเลย" พอไอ้เตตั้งข้อสงสัยไอ้ซองก็รีบสมทบทันที และพี่ีเนทที่ไอ้ซองพูดถึงเป็นรุ่นพี่ในคณะที่เคยจะจีบผมเมื่อปีที่แล้วครับ

"ทำไมพวกมึงขี้สงสัยกันนักวะ เรื่องพี่เนทคือกูไม่อยากให้พี่เขาคิดไปไกลเว้ย ส่วนรุ่นน้องนี่บังเอิญเจอแถวคอนโดพอดีก็เลยติดรถมา คิดมากพวกมึงอ่ะ" พอผมพูดจบไอ้ซองก็พยักหน้ารับแต่ไอ้เตมันยังหรี่ตามองผมเหมือนจับพิรุธผมก็นั่งนิ่งไม่ได้แสดงสีหน้าออกไปจนไอ้เตมันยอมพยักหน้าเชื่อไป เฮ้ออออ เกือบไปแล้ว

"เดี๋ยวนะไอ้ควิน" อะไรของมึงอี๊กกก ไอ้ชาร์ปพูดขึ้นมาแต่สายตาของมันไม่ได้มองผมแต่กำลังจดจ้องไปที่โทรศัพท์เครื่องหรูที่อยู่ในมือมัน

"มีอะไรอีกมึง"

"รุ่นน้องมึงเนี่ย อยู่วิศวะใช่ป่ะ"

"อะ เออ"

"มีอะไรที่มึงไม่ได้บอกพวกกูหรือเปล่าควิน" ไอ้ชาร์ปละสายตาจากโทรศัพท์มามองหน้าผม มันกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนคนรู้อะไรบางอย่างและผมว่ามันต้องรู้แล้วแน่ๆว่าผมมากับใคร

"มีอะไรวะ" ไอ้ซองถามแทรกเข้ามาก่อนที่ผมจะตอบอะไรไป

"มึงเอาไปดู" ไอ้ชาร์ปยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้ซอง ไอ้เตก็ชะโงกหน้าไปดูด้วยส่วนผมยังนั่งมึนมองพวกมันสามคนที่มองหน้าผมสลับกับโทรศัพท์

"นี่มันอะไรวะเนี่ย"

"มึงมากับคิงหรอควิน"

"เล่ามาเลย ไปรู้จักกันตอนไหน" คำถามจากปากเพื่อนถูกยื่นมาพร้อมกับโทรศัพท์ ผมรับมาดูแล้วไม่แปลกใจเลยที่พวกนี้จะรู้เพราะดีไม่ดีป่านนี้อาจจะรู้กันทั้งมหาลัยแล้วก็ได้มั้งครับ







เรื่องผู้ชายไว้ใจเจ๊   5 min

เดี๋ยวนะคะ วันนี้มีประเด็นแซ่บเว่อร์ให้เจ๊ต้องติดตามอีกแล้วค่าทุกโคนนนนน!!! เรื่องคือเช้าวันนี้มีลูกเพจคนนึงส่งรูปจากร้านข้าวมันไก่หน้าม.มาให้เจ๊ เจ๊ก็จะไม่อะไรเลยนะคะถ้าคนที่อยู่ในรูปไม่ใช่พี่ควินขวัญใจชาวมหาลัยจากคณะบริหารที่มากินข้าวกับหลัวคิงสามีของคนทั้งม.อ่ะค่ะ! ทำม๊ายยยยยย ทำไมถึงมาด้วยกันได้คะ?! เค้าไปรู้จักกันตอนไหนทำไมเจ๊ไม่รู้ แล้วมาด้วยกันตั้งแต่เช้าได้เยี่ยงไร ที่พีคกว่านั้นคือในรูปจะยิ้มแย้มอะไรกันเบอร์นั้นคะ สายข่าวบอกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่สองคนนี่คืออะไร แค่พี่น้องใช่มั้ยคะ ตอบเจ๊มาอย่าให้ปล่อยให้เจ๊สงสัยมากไปกว่านี้ พลีสสสสสสสสส





เฮ้ออออออออ ผมว่าแล้วว่าเรื่องเมื่อเช้าต้องไม่รอดแน่แต่ไม่นึกว่าเร็วนาดนี้ นี่พึ่งจะผ่านมาไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ ถ้าอีกคนจะเห็นโพสนี้แล้วจะเป็นยังไงจะรำคาญจะหงุดหงิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อยากคิดเลย

"ว่าไงไอ้ควิน เล่ามาอย่าลีลา" อ้าว ผมลืมไอ้ชาร์ปไปเลยนะเนี่ย555555

"ก็อย่างที่เห็น พอดีเพิ่งรู้ว่าอยู่คอนโดเดียวกันกับคิง เมื่อเช้าเลยติดรถมาก็แค่นั้น"

"เห้ย! จริงดิ อยู่คอนโดเดียวกันจริงหรอวะ"

"เออ"

"แต่สนิทกันถึงขนาดติดรถมาได้เลยหรอ แถมอาทิตย์ก่อนนู้นกูจำได้ว่ามึงยังบอกไม่รู้จักคิงอยู่เลย"

"เออนั่นดิ แล้วได้ข่าวว่าคิงนี่มันหยิ่งไม่ใช่หรอวะ แล้วจะยอมให้มึงมาด้วยได้ยังไง"

"แถมไปนั่งกินข้าวด้วยกันอีก มันยังไงพูดมา"

"ก็ เอ่อ" ผมไม่รู้จะตอบพวกมันยังไง แต่ละคนรัวคำถามมาไม่ให้จังหวะผมได้คิดเลยสักนิด

"เอาดีๆนะมึงงงงงง"

"หึหึ"

"เออๆ ก็นั่นแหละรู้จักกันมาสักพักแล้ว" แล้วผมก็เล่าเรื่องวันที่เจอกับคิงให้พวกมันฟังแล้วก็วันที่เจอที่ร้านอาทิมให้พวกมันฟัง พวกมันก็ตั้งใจฟังกันเต็มที่เหมือนอยากรู้ใจจะขาดยังไงยังงั้นอ่ะครับ

"เหี้ย บังเอิญสัส"

"แล้วมึงจะยิ้มทำไมวะควิน" ไอ้เตทักขึ้นมาผมก็เลยพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองยิ้มอยู่ตอนที่คิดถึงบางคน ผมนี่อาการหนักแล้วนะเนี่ย ผมมองหน้าเพื่อนที่มองหน้าผมอย่างสงสัยแล้วก็ตัดสินใจได้ เอาวะ บอกก็บอก

"กูมีอะไรจะบอกพวกมึงว่ะ"

"ว่ามา"

"กูชอบคิงว่ะ"

"ห้ะ!!!!!" ไอ้สามตัวตรงหน้าแหกปากตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงจนโต๊ะข้างๆตกใจกันไปหมด

"ไอ้เหี้ย เบาๆ มึงจะแหกปากกันทำไมเนี่ย"

"มึงพูดใหม่ดิ้ควิน กูอาจจะฟังผิด"

"มึงล้อเล่นใช่ม้ะ"

ไอ้ซองไอ้ชาร์ปแย่งกันถามขึ้นมา ไอ้เตยังนั่งอึ้งตาโตเป็นไข่ห่านอยู่เลยครับ

"กูพูดจริง" ผมพูดแล้วยิ้มให้พวกมันไปที

"แล้วมึงจะทำไงต่อ"ไอ้เตได้สติก็ถามขึ้นทันที ผมเงียบไปแปบนึงถึงจะตอบมัน

"ก็ต้องจีบดิวะ"

"เหี้ย!!!!!" พวกมันแหกปากขึ้นมาอีกรอบ จนผมอดจะหัวเราะออกมาเบาๆกับไอ้อาการโอเวอร์แอคติ้งของพวกมันไม่ได้

"หึหึ ว่าแต่พวกมึง...ไม่รังเกียจที่กูเป็นแบบนี้ใช่มั้ย"

ป้าบ!

"ไอ้ห่าพวกกูดูเป็นคนยังไง เรื่องแค่นี้จะไปคิดมากอะไร"

ไอ้ซองข้ามฝั่งเอามือมาตีหน้าผากผมแล้วพูดออกมา ผมยิ้มขอบคุณพวกมันที่เข้าใจแล้วหลังจากนั้นพวกมันก็แย่งกันพูดขึ้นมาไม่หยุด ผมก็ตอบทุกคำถามที่พวกมันสงสัยไม่ได้ปิดบังอะไร ตอนแรกว่าจะรอให้ชัดเจนกว่านี้ค่อยบอกแต่คงปิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี บอกๆไปตั้งแต่ตอนนี้คงดีที่สุดแหละครับ หลังจากพวกมันซักผมจนแห้งก็ขึ้นไปเรียนกัน ระหว่างที่รออาจารย์มาสอนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาผม

"ควิน" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก้เห็นว่าเป็นเพื่อนในสาขาเลยตอบกลับไป

"อ้าวมินท์ มีอะไรกับเราหรอ"

"ควินรู้จักกับน้องคิงวิศวะใช่มั้ยอ่ะ" ข่าวไปไวจริงๆเนอะครับ ว่าไหม?

"อ่อ อือ ทำไมหรอ" มินท์หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลังแล้วหันกลับมาหาผม

"งั้นควินมีเบอร์คิงมั้ยอ่ะ มินท์ขอเบอร์คิงหน่อยสิ" โห คือเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาน่ากลัวนะครับ

"เราว่าไม่ดีมั้ง มินท์ไปขอเจ้าตัวเองดีกว่านะ"

"ไม่เอาน่าควิน แค่นี้เอง นะๆๆๆๆ"

"แหมมมม ถ้ามันแค่นี้เองแล้วทำไมไม่ไปขอเองล่ะคร้าบบ" ไอ้ชาร์ปที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมา คิดว่ามันคงนั่งฟังตั้งแต่แรกแล้วล่ะ

"เอ่อ คือมินท์แค่อยากติดต่ออะไรคิงนิดหน่อยเลยลองมาถามควินดูก่อนน่ะ"

"เราว่าถ้ามินท์มีอะไรจะคุยกับคิงก็ไม่หาคิงเองดีกว่า เราให้ไม่ได้หรอกขอโทษนะ" ผมรีบพูดไปก่อนที่ไอ้ชาร์ปมันจะหาเรื่องแซะมินท์มากไปกว่านี้ มินท์ก็ดูจะชักสีหน้าขัดใจเล็กน้อยหลังจากที่ผมพูดจบแต่พอผมยิ้มให้เธอไปเธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวานตอบกลับมา

"ไม่เป็นไรมินท์ไม่เอาแล้วก็ได้ งั้นมินท์ไปก่อนนะควิน" มินท์ส่งสายตาให้ผมขนลุกทีนึงแล้วก้เดินกลับไป

"เออดีเนอะคนเรา ตอนมาอยากได้คนนู้นแต่ตอนกลับอยากได้คนนี้"

"มึงก็พูดไปไอ้ชาร์ป เขาเป็นผู้หญิงพูดไปไม่ดีนะมึง"

"โอ้ยไอ้ควิน มึงก็เห็นเมื่อกี๊ถามหาคิงอยู่แท้ๆแต่มาส่งสายตาหยาดเยิ้มให้มึงซะงั้น"

"ช่างเขาเหอะน่า" ไอ้ชาร์มองผมด้วยสายตาจิกกัดเล้กน้อยแล้วก็สะบัดหน้าหันไปหาไอ้ซองแทน

"ว่าแต่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรอที่มีคนมาสนใจคิงอ่ะ" ไอเตกระซิบถามผมเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

"ก็ตอนนี้กูไม่ได้เป็นอะไรกับคิงนี่หว่า จะไปมีสิทธิ์ไม่พอใจอะไรได้ล่ะ"

"มึงเอาจริงหรอวะควิน" ผมรู้ว่าเพื่อนผมก็คงคิดไม่ถึงที่ผมจะชอบใครสักคนแล้วคนๆนั้นดันเป็นคิง

"กูรู้ตัวว่ากูทำอะไร มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยเอาความรู้สึกมาล้อเล่น"

"แต่คิงมันไม่ธรรมดานะเว้ย มันอาจจะไม่ได้อะไรกับมึงเลยก็ได้"

"ก็ถ้ามันไม่โอจริงๆกูจะถอยออกมาเอง"

"เฮ้อ แล้วแต่มึงแล้วกัน"

พออาจารย์เข้าสอนผมก็พยายามจะตั้งใจเรียนแต่เสียงอาจารย์ที่บรรยายมันชวนให้หลับจริงๆ กว่าสองชั่วโมงที่ผมต้องนั่งหลับๆตื่นๆแถมอาจารย์ยังปล่อยช้าอีก กว่าพวกผมจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็หิวกันจนตาลาย ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงมีเรียนต่ออีกทีตอนบ่ายสองไอ้ซองมันดันอยากกินเป็ดย่างขึ้นมาพวกเราเลยตกลงจะไป MK ที่ห้างแถวนี้ พวกเรานั่งรถไอ้เตกันมาคันเดียว หาที่จอดรถได้ก็รีบพุ่งตรงไปร้านทันที พนักงานก็พาเราไปนั่งที่โต๊ะจากนั้นผมกับไอ้เตแทบไม่ต้องขยับปากสั่งอะไรเองเลยเพราะไอ้ซองไอ้ชาร์ปมันจัดการสั่งไปหมดแล้วพนักงานนี่รับออเดอร์มือเป็นระวิง

"เดี๋ยวถ้าแดกไม่หมดนะกูจะเอามายีหัวพวกมึง"

"คร้าบ พ่อเตตตตตตต"

"กวนตีน"

"555555555"



ติ๊ง ติ๊ง



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเป็นไลน์ของคนที่มาส่งเมื่อเช้า



King : ข้างหลัง



ข้างหลัง? ผมรีบหันไปมองด้านหลังก็เจอนักศึกษากลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ถัดไปสองสามโต๊ะจากโต๊ะผม แล้วหนึ่งในนั้นคือคนเดียวกันกับที่ส่งไลน์มาหาผม ทโลกจะกลมไปถึงไหน เมื่อก่อนไม่เคยจะเจอกันเลยสักครั้งแล้วทำไมพอบทจะเจอก็เจอกันเช้ากลางวันเย็นแบบนี้นะ ผมสนใจแต่คนหน้านิ่งจนไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นหันมามองที่ผมกันหมด ผมส่งยิ้มจางไปให้อีกคนแล้วหันกลับมา

"แหมไอ้คิงงงง พอมึงจับโทรศัพท์ปุ๊บพี่เค้าก็หันมาปั๊บเลยน้าาา"

"มีส่งยงส่งยิ้มด้วยเอ้าะ ฮิ้ววว"

"พี่เค้ายิ้มหวานมาก กูจะละลายยยย"

เหมือนคนในโต๊ะนั้นน่าจะแซวคิงแต่เพราะว่าในร้านมีคนคนนั่งไม่กี่โต๊ะแล้วโตีะของพวกผมก็อยู่ด้านในเสียงนั้นมันก็เลยดังพอที่โต๊ะผมจะได้ยิน เพื่อนผมหันไปมองทางโต๊ะของคิงแล้วหันกลับมามองหน้ากัน

"นี่มันจะพรหมลิขิตชัดๆ" ไอ้ซองพูดขึ้นมาหลังจากที่รู้ว่าบังเอิญมาเจออีกคนที่นี่

"ดูเหมือนทางนั้นมันก็สนใจมึงไม่ใช่น้อยนะควิน"

"เออกูไม่งั้นเพื่อนมันไม่แซวขึ้นมาหรอก" ผมก็ยิ้มๆไป ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองมากไปขนาดนั้น



ติ๊ง ติ๊ง



King : มีเรียนต่อมั้ย

Q : มีตอนบ่ายสอง

King : เลิกกี่โมง

Q : บ่ายสาม

Q : ทำไมอ่อ

King : กลับด้วยกัน

​Q : ถ้าไม่กลับด้วยล่ะ

King : ทำไม



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยกับใครหรอออออออออ"

"มึงว่าใช่คนโต๊ะนู้นนนนหรือเปล่าวะซอง"

"กูก็ว่าใช่นะ ก้มหน้าก้มตากันทั้งคู่เลยเอ้าะ"

"เออก็ใช่ไง" ผมเงยหน้าขึ้นไปตอบเพื่อนขี้แซะทั้งคู่อย่างไม่สะทกสะท้าน

"หูยยยย ไม่มีเล่นตัวเลยเนอะ"

"นี่มันพี่ควินคนจริง"

"แดกๆไปเถอะพวกมึง"



ติ๊ง ติ๊ง



King : พี่ควิน

King : ทำไมไม่ไป



ผมยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อคนในแชทส่งข้อความซ้ำมาอีกครั้งหลังจากที่ผมไม่ตอบ



Q : พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ไปนะ

Q : แค่ถามเองครับ

Q : (สติ๊กเกอร์กระต่ายขำ)



พอผมตอบกลับไปแบบนั้นอีกคนก็เงียบไปเลยผมเลยละสายตาจากจอขึ้นมา เอ่อ สายตาทิ่มแทงมากเพื่อนผมแต่ละคน

"กูเริ่มหมั่นไส้นิดหน่อย"

"กูเองก็เช่นกัน"

"หึหึ"

ผมไม่รู็จะเถียงอะไรพวกมันเลยก้มหน้าก้มตากินดีกว่า ตลอดเวลาที่กินไอ้ซองก็คอยจะบังคับให้ไอ้ชาร์ปกินผักให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดพอไอ้ชาร์ปมันเบะปากทำท่าจะงอนไอ้ซองก็ยอมยกธงขาวยอมแพ้ไปในที่สุดผมก็กินไปเงียบๆฟังเสียงไอ้ซองไอ้ชาร์ปไป พอกินเสร็จพวกเราก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลทันที ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกมาก็หันไปมองโต๊ะด้านหลัง ผมสบตากับคิงแล้วยกมือถือขึ้นมาโชว์ให้อีกคนเข้าใจว่าให้คุยกันในไลน์อีกคนก็พยักหน้าสองสามที โอเค เป็นอันรับรู้ พอเพื่อนของคิงเห็นแบบนั้นก็หันมามองผมกันอีกรอบ

"พี่ควินสวัสดีคร้าบบบบ" แล้วเพื่อนของคิงพากันยกมือไหว้ทักทายผมกันยกใหญ่

"ครับ" ผมยิ้มตอบกลับไป

"โหยยย ยิ้มหวานแบบนี้ถึงว่าทำไมเพื่อนผมมันถึงได้เคลิ้มไป" ผู้ชายท่าทางกวนๆพูดขึ้นมาส่วนที่เหลือก็โห่รับกันไป

"ผมก็ยังโสดนะครับพี่ควิน ไม่เจ้าชู้เหมือนบางคนด้วยน้า"

"มึงจะแซวพี่เค้าหันไปดูหน้าเพื่อนมึงด้วยนะไอ้ปาร์ค" คนที่น่าจะชื่อปาร์คหันกลับไปมองคิงแล้วก็ขำออกมา ผมเองก็ยิ้มให้ทุกคนแล้วก็ขอตัวออกมา ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากโต๊ะผมเผลอไปสบตากับเพื่อนของคิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างคิง น้องคนนั้นจ้องหน้าผมนิ่งไม่ได้ยิ้มให้หรือทักทายเหมือนคนอื่น จากที่มองน้องคนนี้เป็นคนหน้าตาน่ารักและตัวเล็กกว่าคนอื่นในกลุ่มแต่สายตาที่มองมาดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ผมหันหลังเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนจนมาถึงประตูร้าน ผมหันไปมองที่โต๊ะของคิงอีกรอบก็พบกับสายตาสองคู่ที่มองมาที่ผม สายตาคู่หนึ่งเป็นของคนในแชทไลน์ ส่วนสายตาอีกคู่หนึ่งเป็นของน้องคนนั้นที่ผมรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรงและจากสายตาของน้องผมก็คิดว่าน้องเองก็คงไม่ได้ชอบผมสักเท่าไหร่แน่นอน...









หลังจากที่ออกจากร้านมาพวกเราก็ตรงมาลานจอดเพื่อขับกลับม.ทันที ระหว่างนั้นผมก็นึกไปถึงสายตาที่พบเจอเมื่อกี๊นี้ผมมั่นใจว่าเพิ่งเคยเจอกับเพื่อนของคิงคนนั้นครั้งแรกแน่นอนแต่ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้มองมาอย่างนั้นกันล่ะ

"ไอ้ควิน มึงรู้จักเพื่อนของคิงทุกคนมั้ย" พอพวกเรายัดร่างขึ้นรถได้ไอ้เตก็ถามขึ้นมา

"ก็ก็ไม่รู้จักใครสักคน วันนี้ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกพร้อมพวกมึงนี่แหละ" ผมตอบกลับไปไอ้เตก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย

"พวกมึงเห็นเหมือนกูใช่ป่ะ ที่น้องคนนั้นมองไอ้ควินอ่ะ" ไอ้เตหันไปถามไอ้ซองไอ้ชาร์ปทีนั่งอยู่ข้างหลัง ผมเองพอได้ยินคำถามนี้ก็เริ่มจับใจความได้

"เออ ตอนแรกกูไม่เห็นหรอกแต่ไอ้ชาร์ปมันสะกิดให้กูมองกูก็เลยมอง"

"เออ แม่งมองเหมือนจะแดกหัวไอ้ควิน"

"พวกมึงหมายถึงน้องตัวเล็กๆที่นั่งอยู่ข้างคิงใช่มั้ย?"

"มึงเห็น?"

"เออ กูก็นึกว่ากูคิดไปเอง"

"คิดไปเองหอกอะไร พวกกูก็เห็นเต็มตาพวกกูเลยเนี่ย" ผมสบตากับเพื่อนแล้วเงียบไป

"กูบอกตรงๆว่ากูไม่ชอบน้องคนนั้น"

"บางทีน้องเค้าอาจจะหน้าแบบนั้นเฉยๆก้ได้ พวกมึงคิดมากน่า" ผมพูดตัดบทขึ้นมาเพราะไม่อยากจะคิดอะไรมากไปมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

"เออ ก็ขอให้มันไม่มีอะไรแล้วกัน"

"กูไม่ชอบขี้หน้าเลยว่ะ"

"พอๆ ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก"

"เออๆ"




หลังจากนั้นผมก็กลับมาที่ม.ก็ได้เวลาขึ้นเรียนต่อพอดีก็เลยรีบวิ่งกันไปแทบไม่ทัน คิงก็ไลน์มาว่าเลิกสามโมงเหมือนกันจะวนมารับที่เดิมที่มาส่งเมื่อเช้า หลังจากเรียนเสร็จผมก็เลยบอกเพื่อนไปว่าคิงจะมารับพวกนั้นเลยทั้งแซวทั้งแขวะผมมากันยกใหญ่ ผมก็ยักคิ้วรับคำด่าไปให้พวกมันหมั่นไส้เล่น สนุกดี55555555 เดินลงมาจากตึกก็ยังไม่เห็นรถของคิงผมเลยให้พวกมันกลับไปก่อน ตอนแรกพวกมันจะรอเป็นเพื่อนผมแต่ผมก็บอกไปว่าอยู่คนเดียวได้พวกมันเลยยอมไปกัน ผมนั่งรอเกือบสิบนาทีก็เห็นรถคันเดิมที่นั่งมาเมื่อเช้าขับเข้าจอดหน้าคณะ ผมลุกแล้วเดินไปเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที

"ขอโทษครับ รอนานมั้ย" ผมเข้ามานั่งยังไม่ถึงสามวิคิงก็รีบขอโทษขอโพยผมที่มาช้า

"ไม่เป็นไรพี่ก็เพิ่งลงมาเหมือนกัน" 

"..." คิงพยักหน้าหงึกๆแล้วขับรถไปไม่ได้พูดอะไรอีก

"ปกติเลิกเร็วไม่ได้ไปไหนต่อหรอ?" ผมชวนอีกคนคุยขึ้นมาเพราะไม่อยากให้มันเงียบจนเกินไป

"ไม่"

"แล้วไม่อยากไปไหนเลยหรอ"

"ไม่"

"เสียดาย พี่ว่าจะชวนคิงไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อย อดเลยเนอะ"

"ไป"

คราวนี้อีกคนรีบตอบกลับมาอย่างไวเหมือนกลัวจะไม่ได้ไป น่ารักแบบนี้ผมอดใจจะไม่แกล้งไม่ได้จริงๆ

"ไม่เป็นไร คิงไม่อยากไปพี่ก็ไม่ฝืนใจหรอกเดี๋ยวจะไม่สนุกซะเปล่า"

"ไป"

"จะดีหรอ พี่ไม่อยากให้เราลำบากใจ ไม่ไปดีกว่าเนอะ"

"พี่ควิน"

"ครับคิง"

"..." ตอนนี้กำลังติดไฟแดงคิงก็หันมาจ้องมาผมอย่างเอาเรื่อง แล้วผมเป็นอะไรก็ไม่รู้พออีกคนทำหน้าแบบนี้ใส่ทีไรผมก็แกล้งต่อไม่ลงทุกที

"โอเค พี่ขอโทษนะครับ"

"อือ"

"งั้นคิงไปดูหนังกับพี่นะ"

"อือ"

"น่ารัก"

"แล้วรักมั้ย?"ถามออกมาแถมส่งสายตาเป็นลูกหมามาให้อีก ใจผมบางนะครับ

"ร..."

"..."

"รีบไปดีกว่า ไฟจะเขียวแล้วนะ"

"พี่ควิน!"

"5555555555555"

คิงพาผมมาที่ห้างที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่จริงๆผมก็มีหนังที่อยากดูอยู่แต่ก็ยังไม่ได้วางแผนมาดูจริงจัง วันนี้มีโอกาสได้อยู่กับร่างสูงเลยเอาเรื่องนี้มาใช้เป็นข้ออ้างที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันให้นานขึ้น โอ้ยย ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ เกิดมายังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นคนแบบนี้ ฮือ

หนังที่ดูวันนี้เป็นหนังที่ผมเลือก อีกคนบอกว่าดูอะไรก็ได้ผมเลยเลือกหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งที่พึ่งเข้าโรง เราแยกกันไปผมไปซื้อตั๋วส่วนคิงไปซื้อน้ำ พอดีว่ามันใกล้เวลาดูพอดีเราเลยเข้าไปรอได้เลย ระหว่างที่ดูหนังก็ไม่มีอะไรมากมาย เราคุยกันบ้างบางฉากที่ไม่ค่อยเข้าใจแต่แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากจนพูดออกมาไม่ถูก จนกระทั่งหนังจบผมก็ชวนอีกคนไปซื้อของใช้นิดหน่อยคิงเองก็ไม่ได้ขัดอะไรอาสาเข็นรถตามเงียบๆ ผมก้หยิบนู้นหยิบนี่ลงรถเข็น บางครั้งคิงก็บอกให้หยิบบางอย่างให้ผมก็หยิบจนมาถึงแผนกของสด ผมเดินเลือกของผักและหมูไปติดห้องนิดหน่อย​เผื่อไว้ทำกิน

"ข้าวผัด"

"ห้ะ"

"อยากกินข้าวผัด" ผมก้มหน้าลงเลือกเนื้อหมูใส่ถุงพลางอมยิ้มไปด้วย

"แล้วมาบอกพี่ทำไม"

"..."

"อ้าว จะไปไหนน่ะ" คิงเข็นรถหนีไปเลยพอได้ยินผมพูดแบบนั้น555555555

"จะไปซื้อข้าวผัด"

"แหมม พี่หยอกนิดหยอกหน่อยเอง"

"..."

"หึหึ โอ๋ๆ พี่แกล้งนิดเดียวไม่งอนเนอะ" ผมลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู อีกคนก็ก้มหน้าลงนิดหน่อยเหมือนให้ผมลูบให้ถนัดกว่าเดิม

"ข้าวผัด"

"ครับๆเดี๋ยวพี่กลับไปทำให้นะ" ผมลดมือลงแล้วแต่ถูกอีกคนคว้าไปจับไว้

"เอาไข่เจียวด้วยนะ"

"55555555555555555555 อ้าว เดี๋ยว รอพี่ก่อนนนนนนน"









 ไข่เจียวกับข้าวผัด นี่เป็นเด็กหรือไงนะ หึหึ






































__________________________________________________



เอาล่ะจ้า ตอนหน้าจะได้ไปกินกันในครัว? 5555555555555555555555555

ขอบคุณทุกคนที่คอมเมนท์และติดตามนะค้าา จะพยายามแต่งออกมาให้เร็วขึ้นน้าา

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
«ตอบ #25 เมื่อ05-02-2018 09:26:37 »

ติดตามค้าาา :mew2:

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
«ตอบ #26 เมื่อ05-02-2018 11:28:27 »

คนน้องก็ถูกคนพี่แกล้งซะ :m20:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 7 up [4/2/61]
«ตอบ #27 เมื่อ06-02-2018 09:14:00 »

คิงเหมือนจะน่าสงสารนิดๆเลยอ่ะ 555555555

ออฟไลน์ earthearthx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
«ตอบ #28 เมื่อ12-02-2018 00:57:34 »

​​ตอนที่ 8





พาร์ท ควิน





"เดี๋ยวคิงเข้าไปเปิดอะไรดูรอไปก่อนก็ได้นะ พี่ทำอาหารไม่นานหรอก"​ ผมเปิดประตูเข้าห้องมาถอดรองเท้าพลางบอกคนที่ตามมาให้เข้าไปรอด้านใน คิงเดินเอาของที่แย่งผมไปถือไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวข้างห้องครัว ผมเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแล้วเดินออกมาก็เห็นว่าอีกคนที่มาด้วยกันยืนรออยู่ที่เดิม "อ้าว ทำไมยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ไปเปิดทีวีดูได้เลยนะ"

"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?"

"ช่วย? นี่คิงทำอาหารเป็นด้วยหรอ?" นี่ผมลืมนึกไปเลยว่าอีกคนก็อาจจะทำอาหารเป็นก็ได้ ผมเด๋อไปเสนอหน้าทำให้เขากินหรือเปล่าวะเนี่ย

"ไม่เป็น"

"เอ้า!"

"อยากช่วยพี่"

"อ๋อ เมื่อกี๊พี่ก็นึกว่าคิงทำอาหารเป็นซะอีก" ผมถอนหายใจกับความคิดชั่ววูบของตัวเองก่อนจะชวนอีกคนให้ตามเข้ามาในครัวด้วยกันคว้าถุงเอาของสดออกมาพอจัดแจงอะไรเสร็จผมก็ยื่นถ้วยกับส้อมให้คิงที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก คิงทำอาหารไม่เป็นผมเลยว่าจะแค่ให้เขาทอดไข่ง่ายๆคงไหวแหละ "เราช่วยพี่ทำไข่เจียวแล้วกัน ไข่อยู่ในตู้เย็นนะ

"พี่ควิน...ไข่กี่ฟอง"

"พี่ว่าสองฟองก็น่าจะพอแล้วมั้ง"

"..." คิงพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบไข่ในตู้เย็นส่วนผมก็หันมาสนใจกับการทำข้าวผัดรงหน้าแทน


เผละ!


"มีอะไรหรือปะ...เจียวไข่ไม่เป็นใช่มั้ยครับ" พอได้ยินเสียงบางอย่างผมก็หันไปหาต้นเหตุของเสียงนั้นทันทีก่อนที่ภาพตรงหน้าจะบอกทุกอย่างกับผมได้ คิงยืนมองผมตาปริบๆในมือมีซากของเปลือกไข่ที่แตกคาอยู่ส่วนตัวไข่ข้างในนั่นนอนตายอย่างสงบนิ่งอยู่ที่พื้นแล้วเรียบร้อย อย่าว่าแต่เจียวไข่ไม่เป็นตอกไข่ยังไม่รอด นี่ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรอถึงจะพอดูออกว่าเป็นคุณชายแต่นี่มันเกินความคาดหมายไปหน่อยแล้ว

"...ขอโทษ"

เฮ้อออ ไอ้สายตาเหมือนหมาหงอยนี่ผมไม่เคยจะต้านทานมันไหวสักที สภาพยืนก้มหน้ามองเศษซากจากฝีมือตัวเองทำไมมันรู้สึกอยากดึงเข้ามาโอ๋จังวะ ใจผมจะบางไปถึงไหน

"ไม่เป็นไร เอาผ้าตรงนั้นมาเช็ดแล้วค่อยทำใหม่"

"ผมไปรอข้างนอกดีกว่า"

"ทำไมล่ะ"

"...ผมทำไม่เป็น" คำตอบของคิงน่าเอ็นดูจนผมต้องส่งยิ้มปลอบใจไปให้

"แต่พี่สอนเป็น เอาผ้ามาเช็ดก่อนเดี๋ยวพี่สอนให้นะ"

"มันจะทำให้พี่ลำบาก"

"ฝึกไว้ไม่ดีหรอ...วันหลังจะได้ทำให้พี่กินบ้างไง"

"อือ" คิงกระตุกยิ้มมุมปากครางรับในลำคอกลับมาหลังจากี่ผมพูดจบแล้วเดินไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นที่เลอะเทอะ ผมเดินไปหยิบไข่มาเพิ่มแทนใบที่แตกไปเมื่อกี๊ พอคิงเช็ดเสร็จผมก็ไปยืนด้านข้างแล้วเริ่มสอนตั้งแต่ตอกไข่กันไปเลย

"เมื่อกีี๊ที่มันแตกคงเพราะคิงเคาะแรงไป เคาะเบาๆสองสามครั้งแบบนี้ก็พอ" ผมตอกไข่ให้เด็กโข่งดูฟองนึงที่เหลือก็ให้เจ้าตัวลองทำเอง ถึงแม้จะดูเก้ๆกังๆแต่สีหน้าของคิงดูตั้งใจมาก ผมปรุงไข่นิดหน่อยแล้วสอนให้คิงตีไข่ไป ระหว่างนั้นผมก็หันมาทำข้าวผัดต่อให้เสร็จ "ตีเสร็จรอพี่แปบนึงนะ ทอดไข่อ่ะแปบเดียวเดี๋ยวค่อยทอดไข่ทีหลัง" คิงพยักหน้าแล้วตีไข่ต่อไป จริงๆมันก็ตีไข่แปบเดียวแต่ให้เขาตีต่อไปเถอะเนอะ5555555 ผมผัดข้าวจนเสร็จก็ตักใส่จานแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ กลับมาตั้งกระทะทอดไข่ต่อ "พอน้ำมันเดือดเราค่อยๆเทลงไปนะ"

"อือ"

"อ่ะเดือดแล้วเทลงไปเลย"


ฟู่!



"โอ๊ย!"

"เห้ย"

 บอกว่าค่อยๆเทแต่อีกคนกลับเทพรวดเดียวลงกระทะไปหมดเลยครับ ไม่พอดันไปเทซะสูงน้ำมันก็เลยกระเด็นไปหมด เสียงอีกคนร้องคิดว่าน่าจะโดนน้ำมันกระเด็นใส่ไป ผมตกใจแต่ก็ต้องรีบคว้าตะหลิวมาพลิกไข่แล้วต้องไล่อีกคนไปรอข้างนอกก่อน

"รีบล้างก่อนเลยเดี๋ยวเป็นแผล ตรงนี้พี่ทำต่อเอง ไปๆ" ใจผมนี่อยากไปดูแขนน้องมากแต่ก็ทิ้งตรงนี้เลยไม่ได้อีก ผมรีบพลิกไข่ไปมาทอดจนเสร็จแม้จะมีด้านหนึ่งค่อนข้างจะกรอบไปบ้างแต่ก็โอเค พอจัดใส่จานเสร็จผมก็เดินไปหาอีกคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวทันที

"ไหน โดนกระเด็นใส่ตรงไหนบ้าง"

"ที่แขนนิดเดียว"

"บอกแล้วว่าค่อยๆเทฟังพี่มั้ยห้ะเนี่ย แล้วนี่เจ็บตัวอีกแล้วทำไมถึงได้มีแต่เรื่องเจ็บตัวตลอด นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้วทำไมเป็นคนแบบนี้นะ ยังจะมายิ้มอีก สำนึกบ้างหรือเปล่าเนี่ย"

"ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ห่วง"

"ถ้ารู้ว่าพี่ห่วงทีหน้าทีหลังก็ดูแลตัวเอ..." นี่ผมเสียท่าเด็กโข่งเข้าแล้วใช่มั้ย? พอรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไปมันก็พูดต่อไม่ถูก ผมเลยเฉไฉไปคว้าแขนคนตรงหน้ามาดูว่ามีรอยตรงไหนบ้างเท่าที่เห็นก็มีรอยแดงเป็นจุดเล็กๆนิดเดียวคงจะไม่ได้โดนอะไรเยอะ คงไม่เป็นไรหรอก

"แสบนิดหน่อยไม่เท่าไหร่"

"ทายากันไว้หน่อยแล้วกัน แปบนะ อ๊ะ!"

ผมเตรียมจะเดินไปหายามาทาให้แต่ถูกบางคนคว้าเอวไว้แรงฉุดรั้งแรงพอที่ตัวผมจะเซไปทางที่ใครบางคนนั้นนั่งอยู่และถูกโอบเอาไว้อย่ารวดเร็ว ตอนนี้ตัวของผมถูกอ้อมแขนแกร่งกอดรัดเอาไว้ใบหน้าคมเข้มชวนหลงใหลแนบเข้ามาที่หน้าท้อง ผมตัวแข็งทื่อใจเต้นแรงเพราะทำอะไรไม่ถูกนี่เป็นครั้งที่สองที่ได้ใกล้ชิดกับอีกคนขนาดนี้ กลุ่มผมสีเข้มที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้ขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังหามุมที่เหมาะจะซุกหน้าเอาไว้ อาการแบบนี้ไม่ว่ายังไงก็คิดได้อยู่อย่างเดียวคือเด็กโข่งตรงหน้ากำลังอ้อนผมอย่างแน่นอน ผมลายความตื่นเต้นลงแล้วค่อยๆยกมือข้างหนึ่งไปวางไว้บนไหล่หนาของคิงส่วนมืออีกข้างวางลงไปบนกลุ่มผมที่ซุกอยู่ที่หน้าท้อง ผมของคิงเป็นอีกอย่างที่ผมชอบที่จะสัมผัสถึงจะเป็นผู้ชายแต่ผมสีดำสนิทที่ไม่ผ่านการทำสีมาทำให้ผมของคิงนุ่มลื่นกว่าผมของผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำยิ่งเวลาที่ลูบผมของอีกคนยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นทุกครั้งและก็เหมือนกับว่าอีกคนจะชอบมันไม่ใช่น้อยเพราะทันทีที่มือวางลงบนกลุ่มผมนิ่ม​ศีรษะที่ขยับยุกยิกก็หยุดลงทันที ผมระบายยิ้มออกมาเพราะไม่สามารถจะเก็บมันไว้ได้อีก ทุกการกระทำของคิงมีผลต่อจิตใจของผมมากกว่าที่ผมเคยคิดเอาไว้ ยิ่งรู้จักคนๆนี้มากเท่าไหร่ยิ่งไม่อยากให้ใครรู้จักเหมือนที่เขารู้จัก ยิ่งได้เห็นอะไรจากคนๆนี้ยิ่งอยากเก็บเอาไว้คนเดียว จากที่เคยคิดว่าถ้าหลังจากนี้จะเป็นยังไงก็จะยอมรับมันแต่พอมาตอนนี้กลับไม่อยากจะยกความน่ารักที่ผมได้ครอบครองอยู่ตอนนี้ให้ใครอีก...และอยากให้คนๆนี้คิดเหมือนกับที่ผมคิด

"ไหนอยากได้อะไรบอกพี่มาซิ"

"พี่ควิน"

"..."

"พี่ควิน"

​"ครับ"

"...เรื่องของเรา"

"เดี๋ยว" ผมพอจะนึกออกว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไรถึงต้องรีบหยุดอีกคนไว้ก่อนจะพูดจบ อีกคนผละตัวออกจากหน้าท้องของผมแล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิทแต่ถึงอย่างนั้นวงแขนแกร่งก็ยังคงโอบรอบเอวผมไว้

"ทำไม"

"คือฟังพี่นะ พี่รู้ว่าคิงกำลังจะพูดอะไร เรื่องระหว่างเราพี่รู้ว่าคิงเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างจากพี่สักเท่าไหร่แต่พี่อยากให้ความรู้สึกมันชัดเจนกว่านี้ เราพึ่งจะเจอกันได้ไม่กี่วัน เราได้คุยกันจริงๆไม่กี่คำ พี่แค่อยากให้คิงแน่ใจว่ามันจะไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบ อยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้อีกนิดถ้าเกิดว่าหลังจากนี้มันมีอะไรที่เราไม่โอเคอย่างน้อยเราก็จะยังถอนตัวกันทันแต่ถ้าหลังจากนี้คิงมั่นใจแล้วว่ามันโอเคพี่ก็จะไม่ห้ามเราอีก พี่ไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเร็ว...ต้องจบเร็วไปด้วย"

ผมกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจในตัวเองแต่เพราะว่าผมรู้ใจตัวเองดีว่าตัวผมคิดที่จะจริงจังกับคิงมากแค่ไหนผมถึงต้องรอ แม้ว่าผมจะชอบคิงมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่รู้ว่าคิงจะคิดเหมือนผมจริงไหม เอาจริงคือผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคิงเลย ไม่รู้ว่าคิงจะแค่เผลอตัวอยากลองหรือว่าจะจริงจังกันแน่

"ผมชอบพี่"

"คิง" หัวใจผมเต้นรัวเมื่อได้ฟังถ้อยคำหนักแน่นและได้เห็นแววตาจริงจังคู่นั้น ใจผมเกินครึ่งสั่งให้ผมคว้าโอกาสนี้ไว้แต่อีกส่วนที่เหลืออยู่น้อยนิดบอกให้หยุดยั้งตัวเองไว้ก่อน ผมจะทำยังไงดี

"และผมรู้ว่าพี่เองก็ชอบผม"

"แต่คิงแน่ใจแล้วงั้นหรอ"

"ผมรู้ว่าผมเป็นคนยังไง"

"..."

"พี่ควิน...พี่ไม่ต้องเชื่อผมตอนนี้ก็ได้"

"..."

"ให้เวลาพิสูจน์เรื่องนี้ ผมจะรอจนกว่าพี่จะมั่นใจ โอเคมั้ย?"

"อืม ขอบใจนะ" คิงพยักหน้าตอบรับและซุกตัวเข้าแนบที่เอวผมเหมือนเดิม

"ขออยู่แบบนี้สักพัก...แล้วก็นะพี่ควิน" คิงพูดโดยที่ยังซุกหน้าอยู่อย่างนั้น

"ครับ?"

"อย่าลืมว่าผมจองพี่ไว้แล้ว ห้ามไปคุยกับใครเด็ดขาด"

"หึหึ เด็กขี้หวง"

"มาก"

"คิง"

"หืม"

"เงยหน้ามา"

"ทำไม..." ทันทีที่คิงเงยหน้าขึ้นมาผมก็ก้มลงไปมือข้างที่เคยวางบนผมนุ่มของอีกคนตอนนี้กำลังจับคางของอีกคนประคองให้เงยขึ้นมาอย่างที่ผมต้องการ ผมแนบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกคนเบาๆแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว

"พี่ก็จองเราแล้วเหมือนกันเพราะงั้นห้ามไปคุยกับใครเด็ดขาด"

"...พี่ควิน"

"ครับ"

"พี่ควิน"

"เด็กน้อย"

คิงรั้งเอวผมเข้าไปกอกไว้แน่นกว่าเดิมซุกหน้าหนีไปไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้าผมสักนิด หูแดงๆนั่นเป็นเหตุผลของรอยยิ้มที่กว้างกว่าปกติของผมได้อย่างดี ตอนนี้ถึงผมจะเมื่อยแค่ไหนแต่ก็จะขอยืนต่อไปอีกสักพักก็แล้วกันครับ









"ครั้งหน้าจะลองใหม่"

"พี่ว่าอย่าดีกว่าเดี๋ยวก็ได้แผลอีก"

"ครั้งหน้าจะค่อยๆเท"

"ให้พี่ทำน่ะดีแล้ว"

"จะทำให้พี่กิน"

"งั้นพี่จะตั้งหน้าตั้งตารอชิมเลยเอ้า"

นี่ผมกำลังเถียงเรื่องทอดไข่กับคุณชายอยู่ครับ ยังไงคิงก็ยืนยันว่าจะทอดให้ได้แต่ผมกลัวว่าจะมีแผลอีกจนได้เลยไม่อยากให้ทำแต่ก็นั่นแหละสุดท้ายผมก็ต้องยอมอยู่ดี ผมล้างจานอยู่ตรงครัวส่วนคิงที่ตอนนี้นั่งเถียงผมอยู่ที่โซฟา ผมวางจานใบสุดท้ายลงแล้วเดินออกมาหาอีกคนพลางเหลือบมองนาฬิกา

"นี่สามทุ่มแล้ว คิงจะกลับตอนไหนอ่ะ"

"ง่วงแล้ว"

"ห้ะ เห้ย เดี๋ยว!" พูดจบปุ๊บอยู่ดีๆร่างสูงยาวของคิงก็ทิ้งตัวนอนราบไปกับโซฟาเสียอย่างนั้นแถมยังส่งสายตาหมาน้อยมาให้ผมปริบๆอีก มันน่ารักนักรู้ับ้างไหมเนี่ย

"ง่วง"

"ง่วงแล้วหรอ"

"อือ"

"งั้นก็คงต้องกลับเลยสิ เวลาก็ผ่านไปไว๊ไวเนอะ"

"..."

"ไปๆ ง่วงแย่แล้วพี่เป็นห่วงงงงงง"

"เมื่อไหร่จะเลิกแกล้ง"

"ใครแกล้ง ก็ไหนว่าง่วง"

"พี่ควิน!"

"ครับ"

"...กลับล่ะ"

"หืม" คิงผุดลุกขึ้นมาหน้าตาบึ้งตึง นี่คงจะเคืองผมไม่ใช่น้อยอีกแล้ว 55555555555

"จะกลับ"

"อืม บาย"

"จิ๊!"

"55555 ไม่หงุดหงิดน่า ก็รู้ว่าพี่แกล้งจะคิดมากทำไมห้ะ"

"กวนอ่ะ"

"ครับๆ คืนนี้จะนอนห้องพี่ก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก"

"พี่รู้ตัวมั้ยว่าพี่ใจดี"

"ก็ปกตินะ"

"คนอื่นเค้าจะชอบพี่"

"แล้วพี่ชอบคนอื่นหรอ"

"ชอบผม"

"จะกลับห้องตอนนี้ก็ทันนะ"

"ใครจะกลับ"

ผมเริ่มจะหมั่นไส้คนแถวนี้แล้วล่ะครับ ผมเลิกเถีบงแล้วเข้าห้องมาเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ไปให้คิงแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำคิงรับแล้วเข้าห้องน้ำไป ส่วนเสื้อผ้าผมกับคิงก็ตัวก็พอกันแค่อีกคนมีกล้ามเนื้อแน่นกว่าก็แค่นั้นเสื้อผ้าเลยไม่น่าจะเป็นปัญหามากเท่าไหร่ ผมนั่งรออาบน้ำต่อจากคิงก็เปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อยสักพักเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกเรียกสายตาของผมให้หันไป ภาพตรงหน้าทำหน้าผมร้อนไปหมด คิงเดินออกมาในสภาพพันผ้าขนหนูที่เอวไว้อย่างหมิ่นเหม่จนน่าหวาดเสียว หุ่นในฝันของผู้ชายเกือบทุกคนกำลังปรากฎต่อหน้าผม หยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามลำตัวยิ่งทำให้ยากจะละสายตาออกมาแม้จะเขินอายแค่ไหนก็ตาม แต่พอเงยไปสบตากับเจ้าของหุ่นนั่นที่มองมายิ้มๆผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวของตัวเองแล้ววิ่งผ่านอีกคนเข้าห้องน้ำไป

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ออกจากห้องน้ำมาในสภาพที่ไม่ต่างจากคิงเมื่อกี๊นี้เท่าไหร่ ตอนนี้คิงนั่งอยู่ปลายเตียงใส่ชุดที่ผมเตรียมไว้ให้ คิงท่ได้ยินเสียงประตูเปิดออกก็หันมามอง สายตาที่อีกคนมองมาก็คงไม่ต่างจากผมเมื่อสักครู่ อ่อ คนโดนจ้องมันรู้สึกแบบนี้สินะ ผมยิ้มบางไปให้คิงอย่างรู้ทันจนอีกคนหันหน้ากลับไปดูทีวีเหมือนเดิม ผมแต่งตัวเสร็จก็ออกไปตรวจดูข้างนอกว่าปิดอะไรหมดแล้วหรือยังเสร็จแล้วก็เข้าห้องมาปิดไฟแล้วทิ้งตัวลงที่เตียง คิงที่เห็นแบบนั้นก็ขยับขึ้นมานอนข้างๆกัน ตอนนี้แสงสว่างที่มีคือแสงจากโทรทัศน์เท่านั้นทำให้บรรยากาศมันค่อนข้างจะ เอ่อ ว่ายังไงดีล่ะ นั่นแหละ ทุกคนเข้าใจนะ55555

"พรุ่งนี้คิงมีเรียนกี่โมง"

"บ่าย"

"อืมพี่มีเรียนเช้า งั้นถ้าเกิดคิงตื่นทีหลังพี่เวลาออกจากห้องก็ฝากล้อคห้องด้วยนะ"

"อือ"

เรานั่งดูหนังต่ออีกแปบเดียวหนัังก็จบคิงเดินไปปิดทีวีแล้วกลับมานอนต่อ ตอนนี้ในห้องมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาแต่ผมรู้ว่าเรากำลังนอนหันหน้าเข้าหากันและรู้สึกได้ว่าเราอยู่ใกล้กันมากทีเดียว

"กอดได้มั้ย"

"พี่ห้ามตอนไหนล่ะ"

ตัวของผมถูกรั้งเข้าไปในอ้อมแขนของอีกคนแม้ว่าตัวของผมกับคิงจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่แต่ผมว่ามันไม่ได้เป็นอุปสรรคสักนิด สายตาที่เริ่มปรับเข้ากับความมืดได้ทำให้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของเราสองคนเกือบจะติดกัน เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราอีกครั้งลมหายใจขอคิงรินรดใบหน้าของผมและใกล้เข้ามาทุกที ผมหลับตารอรับสัมผัสที่อีกคนกำลังจะมอบให้อย่างเต็มใจและในที่สุดริมฝีปากเราก็เชื่อมต่อกัน เริ่มต้นด้วยความละมุนละไมจุมพิตที่คิงมอบให้มีแต่ความอ่อนโยนและถนุถนอมก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนเมื่ออีกคนอาศัยจังหวะที่เผลอสอดลิ้นเข้ามาแล้วเริ่มทำการสำรวจภายในของผม ไม่ว่าผมจะหลบหลีกไปทางไหนก็หนีอีกฝ่ายไม่พ้น ริมฝีปากที่บดเบียดเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ เรียวลิ้นของอีกคนที่เกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นผมไม่ยอมห่างแทบไม่มีจังหวะหายใจ

"อื้อออ" ผมครางออกมาเมื่อเริ่มจะปรับลมหายใจไม่ทันคิงละริมฝีปากออกไปแค่นิดเดียวให้ผมได้หายใจแต่แล้วก็ประกบเข้ามาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ร่างหนาของอีกคนพลิกตัวเองขึ้นไปคร่อมเหนือร่างของผมสองแขนท้าวลงกับที่นอนกักขังผมเอาไว้ภายใต้ร่างแกร่งโดยที่ริมฝีปากไม่ได้แยกจากกันเลยสักนิด คิงมอบจูบให้ผมซ้ำๆพอผมเริ่มจะหายใจไม่ออกอีกคนก็ผละออกแล้วจูบใหม่อยู่แบบนี้ จนผมเริ่มจะหยุดยั้งตัวเองยากขึ้นทุกที

"พอ พอได้แล้ว" ผมอาศัยจังหวะสั้นๆรวบรวมสติแล้วรีบหยุดยั้งคิงไว้ก่อนที่มันจะรั้งไม่อยู่มากไปกว่านี้ คิงถอนริมฝีปากที่เคล้าคลึงอยู่กับริมฝีปากผมออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะกดจูบย้ำลงมาอีกทีแล้วพลิกตัวเองลงนอนข้างๆเหมือนเดิมพร้อมรั้งตัวผมไปกอดไว้แน่นจนหน้าผมตอนนี้อยู่บริเวณลำคอของหนาของอีกคน จนกระทั่งตอนนี้ลมหายใจของเรายังไม่กลับมาเป็นปกติ ผมเหนื่อยยิ่งกว่าไปวิ่งรอบมหาลัยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าไปอดอยากมาจากไหนและผมนี่จะเคลิ้มอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้

"ถ้าพี่ห้ามช้ากว่านี้อีกนิดเดียวผมก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อกี๊จะหยุดได้มั้ย"

"พี่ว่าเรานอนเถอะนะ"

"อืม" คิงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักนิด ผมขยับตัวนิดหน่อยให้ได้มุมที่พอใจแล้วหลับตาลง "พี่เป็นคนแรกที่ทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้ นี่พี่ทำอะไรกับผมหรือเปล่าพี่ควิน"

คำพูดของคิงที่ผมไม่ได้ตอบออกไปเป็นคำพูดที่ทำให้คืนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะฝันดี ในคืนนี้จะเป็นคืนที่ดีที่สุดที่ผมเคยมี...







"ฝันดีนะคิง"



































________________________________________________

ฮัลโหล มีใครอยู่มั้ยยยยย? ขอโทษที่มาช้านี่รีบสุดแล้วจริงๆน้า ตอนนี้พี่จะให้คนอ่านได้เก็บเกี่ยวความฟินเอาไว้ จะหลอกให้คนอ่านตายใจ5555555555555555555555 ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอขอบคุณทุกเมนท์ทุกกำลังใจ ติดขัดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ พี่จะพยายามแต่งให้ดีขึ้นค่ะ รักทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ...แค่คุณ... ตอนที่ 8 up [12/2/61]
«ตอบ #29 เมื่อ12-02-2018 01:34:32 »

ขนาดนี้แล้ว เป็นแฟนกันเถอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด