unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10  (อ่าน 9516 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
https://www.youtube.com/watch?v=ALHKh-XxWEo
มีเพลงประกอบมาให้ฟังเพลินๆ

18
เรื่องราวของทั้งสองคนในระหว่างที่ไม่ได้เจอกัน อัครไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และพรีมก็ไม่ได้เล่าไปมากกว่านั้น เหมือนอยากจะเลี่ยงเรื่องของซุป และชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย จนอัครโดนตามตัวไปเข้าประชุม

หลังจากทำงานหนักมาเกือบสามอาทิตย์เต็มๆ ทั้งบินไปอเมริกาและยุโรป อัครก็ได้วันหยุดพักยาวๆ อีกสองอาทิตย์ เพื่อจะได้อยู่กับคนรักที่ห้องพักสุดหรู บนคอนโดเกรดพรีเมี่ยมใกล้สถานีรถไฟฟ้า ที่อัครผ่อนไปได้เกินครึ่งทางแล้ว และให้แน็กย้ายมาอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เพราะใกล้ที่ทำงาน โดยแน็กคอยดูแลทำความสะอาดห้องให้ระหว่างที่อัครต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ

พอกลับมาถึงห้องแสนสงบสุข และเจอหน้าแน็ก อัครก็โผเข้ากอดคนที่อ้าแขนรอรับ ทิ้งตัวลงให้แน็กอุ้มเหมือนเด็กเล็กๆ บดบี้ใบหน้ากับจมูกบนไหล่เล็กด้วยความคิดถึง

แน็กหัวเราะคิกคัก จั๊กจี้บนหัวไหล่พลางเอามือดันหน้าอัครออก “พอแล้วๆ ไปอาบน้ำ จะได้กินสเต๊ก”

“กินไปอาบไปได้มั้ย” เขาหอมแก้มแฟนแรงๆ ไปทีแล้วจูบปากรัวๆ แรกๆ ที่คบกัน อัครไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย จนเมื่อแน่ใจในความรู้สึกแล้วจึงค่อยๆ พัฒนามาทีละขั้น ตั้งแต่จับมือ นอนกอดกัน จูบแบบดูดดื่ม และเพิ่งกล้าทำเรื่องลามกกับแน็กเมื่อปีที่แล้วนี่เอง หลังจากนั้น ก็ตามปกติของผู้ชาย ไม่เจอหน้ากันนานๆ พอมาเจอที ก็อยากจะฟัดนานๆ

“มันจะทำได้ยังไงล่ะวะ” แน็กว่าหน้างอนิดๆ แก้มย้อมสีชมพูเข้มจัดน่าหยิก อัครอมยิ้มกับความน่ารักน่าชังนั้น หอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ แล้วอุ้มคนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันโดยไม่พูดไม่จา แน็กที่อึ้งตั้งแต่ถูกอุ้มพาดบ่า ได้สติอีกทีก็ตอนที่ถูกวางลงบนขอบอ่างล้างหน้า แต่พอจะอ้าปากท้วง ก็โดนประกบจูบเร่าร้อนจนหายใจหายคอไม่ทัน

แน็กยังจำจูบครั้งแรกของอัครได้ไม่มีวันลืม ตอนนั้นต่างคนก็ต่างไม่ประสีประสา แม้แน็กจะเคยจูบผู้หญิงมาบ้าง แต่ก็แค่ผิวเผิน ตอนที่อัครกล้าๆ กลัวๆ ลองสอดลิ้นเข้ามา แน็กสะดุ้ง ตัวเกร็งจนสั่น แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลซึมตอนที่อัครเริ่มรู้ทาง เลียไล้ไปทั่วโพรงปาก แถมยังดูดเสียงดังเหมือนจะกลืนกินกันเข้าไปให้ได้

ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ อัครจูบคล่องขึ้นผิดหูผิดตาจากตอนนั้นลิบลับ แถมมีเทคนิคและชั้นเชิงมากขึ้นหลายเท่า ไม่รู้ไปจำมาจากไหน ทั้งที่ก็จูบกับแน็กแค่คนเดียว

เอ๊ะ? หรือไม่ใช่

“อื้อ” ร่างเล็กร้องอู้อี้ในคอพลางขืนตัวออกจากอ้อมกอด เอามือทาบอกของอัครแล้วผลักออก ทำให้อัครต้องยอมละริมฝีปากทั้งที่ยังไม่เต็มอิ่ม เขามองหน้าแน็กอย่างไม่เข้าใจ ปลายลิ้นยังติดที่ปลายคางของร่างเล็ก พอสบตากัน แน็กก็ใจสั่นขึ้นมา

“เป็นอะไร?”

“เปล่า...” แน็กก้มหน้างุด หงุดหงิดนิดหน่อย เพราะในหัวดันคิดไปว่าอัครอาจจะจูบกับคนอื่นมาเยอะ ก็เป็นสจ๊วตมาตั้งสองปีแล้ว เจอทั้งแอร์ฯ สวยๆ ไหนจะพวกสจีหล่อๆ อีกล่ะ แน็กรู้ว่าอาจจะคิดมากไปเอง แต่พอคิดแล้วมันก็หมดอารมณ์เอาดื้อๆ อัครไปทำงานทีเป็นเดือนแบบนี้ ถึงจะพยายามวิดีโอคอลหาเกือบทุกวันก็เถอะ

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” อัครปล่อยมือพลางถอนหายใจ แน็กเหยียดเท้าลงมายืนที่พื้น เอาศอกดันร่างของอัครให้หลบแล้วเดินหนีออกจากห้องน้ำไป

เห็นท่าไม่ดีแบบนี้ อัครก็ไม่รู้จะทำยังไง ปล่อยไว้คงมีปัญหากันแน่ๆ เขาเลยเลือกที่จะเดินตามแน็กออกไป เห็นคนตัวเล็กยืนหันหลังให้อยู่ข้างโซฟา จึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังเพื่อเอาใจ

“เป็นอะไรครับ? โกรธอะไรเรารึเปล่า” เสียงหวานๆ ของอัครทำให้อารมณ์คุกรุ่น เพราะการคิดไปเองของแน็กค่อยๆ สงบลง แน็กเอี้ยวตัวไปมอง สีหน้าดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว ก่อนจะส่ายหน้ายิกๆ ให้อัครจับพลิกหันกลับไปแล้วก้มลงมาจูบเบาๆ คล้ายกับการคลึงริมฝีปาก

“ไปทำงานนานๆ อือ...อย่าเพิ่ง” แน็กกำลังจะพูดเรื่องที่ติดค้างในใจ แต่อัครดันจะดุนลิ้นเข้ามา เลยต้องผลักหน้าออกแล้วพูดต่อ “แอบมีกิ๊กรึเปล่าเนี่ย!? ทำไมถึงได้...”

อัครเลิกคิ้ว มองแก้มแดงระเรื่อของแน็ก “ได้? ได้อะไรครับ?” ถามไปก็เอาปลายจมูกถูไถกับแก้มแดงๆ ไป

“ก็...อัครดูเชี่ยวเรื่องพวกนี้มากกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนขี้อายจะตาย”

อ้อ อัครเลิกคิ้วอีกครั้งพร้อมเสียงหัวเราะในคอเบาๆ กอดรัดคนตัวเล็กจนจมอกด้วยความหมั่นเขี้ยว จนแน็กต้องร้องประท้วงเพราะอึดอัดหายใจไม่ออก

“ที่แท้ก็หึงเหรอ? คิดว่าเรามีคนอื่น ไปทำแบบนี้กับคนอื่นเหรอ?”

“ใครหึง มั่วแล้ว ปล่อยดิ อ๊า” จู่ๆ ก็โดนอุ้มตัวลอยอีกรอบ แน็กหวีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ อัครจับร่างเล็กวางลงบนโซฟาแล้วโถมตัวลงกดไว้ เมื่อก่อนตอนตัวเท่าๆ กัน ไม่เคยคิดว่าการที่อุ้มใครสักคนตัวลอย แล้วกอดรัดได้ทั้งตัวแบบนี้จะมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ลงได้เท่านี้เลยจริงๆ

ตอนตัวเล็ก มีแต่โดนพวกตัวโตๆ กว่าไล่ต้อนจนมุม อย่างตอนที่เจอซุปหรือพรีมเป็นต้น ความรู้สึกตอนนั้นมันกดดันแปลกๆ เขินก็จริง แต่อัครไม่ค่อยชอบเป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนสักเท่าไหร่

“หื่นกับแฟน ไม่เห็นแปลกเลย เราแค่ศึกษามาเยอะ เพราะอยากให้แน็กมีความสุขไง ไม่ชอบเหรอ” อัครถามพลางไซร้จมูกที่ซอกคอหอมๆ แน็กคงเพิ่งอาบน้ำตอนก่อนเขาจะมาถึงห้องพอดี

“ศึกษาจากอะไร” แน็กว่าหน้างอ อัครเลยหัวเราะเบาๆ แล้วฟัดแก้มแรงๆ ไปหลายที จนแน็กโวยวายให้หยุด เพราะจั๊กจี้และเจ็บแก้มไปหมดแล้ว

“ก็หลายๆ อย่าง” อัครยิ้มกริ่มพลางเลียริมฝีปาก ทำเอาแน็กแทบไม่กล้าสบตา ทั้งที่เคยถูกอัครกอดมาหลายครั้งแล้ว แต่ทำยังไงก็ไม่ชินกับบุคลิกนี้ของอัครเสียที ยิ่งคิดถึงสีหน้าของอัครตอนทำอย่างว่ายิ่งเขินจนตัวจะแตก

“แน็กคงไม่อยากรู้หรอกเนอะ”

แน็กไม่ตอบ แต่ขมวดคิ้วมองหน้าอัคร ทำไมจะไม่รู้ว่าอัครหมายถึงอะไร แต่ไม่คิดว่าคนที่เคยขี้อาย แถมเรียบร้อยมาดสุภาพบุรุษอย่างอัครจะดูอะไรพวกนั้น

“ไม่เอา ไม่หน้างอครับ เรามีแค่แน็กคนเดียว ขอฟัดให้หายคิดถึงหน่อยได้มั้ย”

“ไม่อาบน้ำกินข้าวแล้วรึไง”

“งั้นไปอาบด้วยกัน” พูดจบก็ทำท่าจะอุ้มร่างเล็กขึ้น จนแน็กต้องร้องบอกว่าจะเดินเอง มีบ่นนิดหน่อยว่าเพิ่งอาบไป แต่ก็ยอมตามใจคนรักอยู่ดี อัครเลยยิ้มหน้าบานไปยาวๆ จนกระทั่งกินมื้อเย็นเสร็จ

******

“ครับ น่าจะถึงสักสองสามทุ่ม ถ้ารถไม่ติดมาก แต่เย็นวันศุกร์น่ะนะ คงยากหน่อย” เคนเอียงคอหนีบสมาร์ทโฟนไว้ข้างหนึ่ง สองมือกำลังง่วนกับงานหน้าคอมฯ เพราะต้องคีย์ข้อมูลให้เสร็จภายในวันนี้ โอทีลากยาวมาสามวันติดแล้ว และพรุ่งนี้วันศุกร์แห่งชาติ ซึ่งเขารับปากไดซ์ไว้ว่าจะกลับกรุงเทพฯ

[ไม่เป็นไรค่ะ ขับรถระวังๆ ด้วย ไม่ต้องรีบนะ วันเสาร์อาทิตย์ค่อยออกมาเจอกันก็ได้] เสียงหญิงสาวดังอยู่ข้างหู และเคนก็อมยิ้มมีความสุขกับการได้ฟังเสียงหวานๆ ของเธอเป็นกำลังใจในยามทำงานหนัก

“งั้นผมจะไลน์ไปบอกอีกทีนะครับ โอเคครับไดซ์” เคนละมือมากดวางสาย ก่อนจะสนใจงานตรงหน้าต่อ สักพักก็มีเสียงไลน์เด้งมา เป็นไลน์กลุ่มของพวกอัคร ที่เอาไว้ติดต่อไปเที่ยวกันเวลาที่เคนกลับกรุงเทพฯ

รู้ว่าเขาจะกลับทีไร เป็นต้องไลน์มาชวนกันไปดื่มทุกที ทั้งที่แต่ก่อนอัครไม่ค่อยชอบดื่ม เดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ชอบไปนั่งชิวๆ กับเพื่อน จิบนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ แถมมีเมียไปคุมตลอด ก็จะใครอีกล่ะ แน็กนั่นแหละ ไปด้วยประจำ แถมดื่มเยอะกว่าอัครอีก ที่อัครต้องดื่มน้อย เพราะต้องคอยขับรถพาคนเมากลับห้องตลอด คิดแล้วเคนก็อดขำกับตัวเองไม่ได้ อัครเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ ดูมีมาดขึ้นเยอะ แถมดูแลแฟนดี๊ดี

คิดถึงสมัยเรียนที่เจอกันตอนไปหัวหิน อัครเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเรียบร้อย สุภาพมากจนหงุดหงิด เลยต้องบอกให้คุยกันแบบกันเอง จริงๆ คงเพราะไม่สนิท อัครถึงได้วางตัวแบบนั้น แต่พอสนิทกัน ก็คุยกันได้สะดวกคอขึ้นเยอะ ยกเว้นเวลาได้ยินอัครคุยกับแน็ก มันจั๊กจี้ใจแปลกๆ เหมือนกัน ดูๆ ไปสองคนนั้นก็น่ารักดี

ถ้าเรากับพรีมเป็นแบบนั้นก็คงดี

พลันที่คิดอย่างนั้น เคนก็ต้องขมวดคิ้ว เรื่องพวกนั้นมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เจอทั้งพรีมและซุปเลย แล้วตอนนี้เขาก็กำลังมีความรักครั้งใหม่กับผู้หญิงน่ารักๆ ที่พ่อกับแม่ก็ชอบ

แล้วทำไม...ใจมันยังต้องวนเวียนคิดถึงไอ้คนทรยศนั่น

เคนเกลียดพรีมมาก เกลียดจนไม่อยากมองหน้า เกลียดที่พรีมเห็นเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง

แต่ที่เกลียดมากที่สุดก็คือตัวเอง

เกลียดที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ก็ยังคิดถึงคนพรรค์นั้น

“บ้าเอ๊ย...” เคนสบถกับตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วพยายามเพ่งสมาธิที่งานตรงหน้าอีกครั้ง

******

เย็นวันศุกร์ อัครขับรถไปรับแน็กที่บริษัทตอนเลิกงาน เพื่อนร่วมงานของแน็กบางคนรู้เรื่องของพวกเขา เลยมีแซวกันบ้างนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ เพราะวันแรกที่อัครมารับแน็กที่นี่ เขามาทั้งชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าจนสาวกรี้ด แต่พอรู้ว่าเป็นแฟนของแน็ก ก็บ่นเสียดายกันเป็นแถว

“แหม มีสะมีมารับถึงหน้าตึกอีกแล้ว รอบนี้อยู่กี่วันล่ะยะคุณแน็กศรี”

“พี่ต้อยอ่ะ อย่าไปแซวน้องมันดิวะ อายหน้าแดงเป็นตูดลิงหมดแล้วน่ะ”

เสียงพี่ๆ ในแผนกแซวกันเบาๆ ในกลุ่มตอนออกจากตึกแล้วเห็นรถยนต์คันสีเงินคุ้นตาของอัครจอดรออยู่ แน็กโบกมือให้อัครที่รออยู่ในรถพลางหันไปตอบพวกพี่ๆ

“เห็นว่าหยุดสองอาทิตย์อ่ะพี่”

“แบบนี้ก็...ตรั่บๆ ฟินๆ กันไปยาวๆ เลยสิแก” พี่หัวหน้าแผนกที่เป็นสาวใหญ่มีลูกมีสามีแล้วแซวแรงจนเด็กหนุ่มหน้าใสอายหน้าม้าน ส่ายหน้ารัวๆ

“บ้าเหรอพี่ พูดอะไรเนี่ย”

“อย่ามาทอแรร์ให้ยาก เมื่อเช้าฉันเห็นนะยะ ขับรถมาส่งกัน แล้วต้องมีจุ๊บๆ ก่อนลงรถ แถมที่คอแกก็มีรอย ดูสิ!” หัวหน้าตัวดีวี้ดว้ายหันไปบอกพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นๆ เลยทำให้แน็กยิ่งโดนแซวหนักขึ้นอีก เลยต้องรีบบอกลาแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ

“โดนแซวอีกแล้วสิ แดงไปถึงคอเลย”

“ก็อัครนั่นแหละ มาทำรอยไว้ตอนไหน แล้วไม่บอกด้วยนะ พวกพี่ก็เห็นตั้งแต่เช้า ไม่มีใครบอกสักคน” แน็กร่ายยาวด้วยความหงุดหงิดบวกอาย มือก็มัวแต่ดึงคอเสื้อมาติดกระดุมเม็ดบนสุด จนอัครต้องโน้มตัวไปช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้พร้อมหอมแก้มเบาๆ เป็นการขอโทษ

“ไม่โมโหนะ เดี๋ยวเราพาไปกินของอร่อยๆ ก่อนไปเจอไอ้พวกนั้น” อัครขยิบตาให้ทีหนึ่ง ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยรอยยิ้ม “แล้วจะแต่งตัวแบบนั้นเหรอ ติดกระดุมถึงคอขนาดนั้น เอาเสื้อเราไปใส่ก่อนมั้ย อยู่เบาะหลัง”

แน็กหันไปมองที่เบาะหลังตามที่บอก ก็เห็นเสื้อแจ็คเกตสีเทาเข้มแบบปิดคอวางพาดอยู่ เลยนิ่วหน้าหันกลับไปมองคนที่กำลังขับรถ นึกอยากจะทุบสักที แต่ก็กลัวรถจะเสียหลักเปล่าๆ ก่อนจะคว้าเสื้อแจ็คเกตตัวใหญ่มาใส่คลุมแล้วรูดซิปปิดคอไป มันน่าหงุดหงิดตรงที่รู้ทั้งรู้ ก็ยังปล่อยให้เปิดคอโชว์มาทั้งวันเนี่ยแหละ

“แล้ววันนี้เคนมาด้วยใช่มั้ย”

“อืม เห็นมันบอกน่าจะถึงสองสามทุ่ม คงไปเจอที่ร้านพี่โอ๊ตเลย” อัครตอบพลางเลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดในห้างฯ ก่อนจะพากันลงจากรถและแวะหาข้าวเย็นกินกันก่อนไปดื่ม “คืนนี้อย่าดื่มเยอะล่ะ เราไม่ชอบทำกับคนเมา”

“พูดมากว่ะ ใจคอจะทำแบบนั้นกันทุกคืนรึไง” แน็กว่าหน้ามุ่ย

อัครหัวเราะเบาๆ แล้วโอบบ่าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ ตามด้วยประโยคที่ทำให้แน็กต้องกำมือไปทุบอกด้วยความหมั่นไส้ ส่วนคนพูดก็เอาแต่หัวเราะมีความสุขจนน่าทุบอีกหลายๆ ที

“นานๆ ได้อยู่ด้วยกันนี่ครับ ก็อยากกอดเยอะๆ ตุนไว้”

“ของแบบนี้มันตุนกันได้รึไงวะ”

tbc
ดูเปลี่ยนไปเยอะมากอ่ะน้องอัครของเรา เพิ่มความแมนและเลเวลความหลัวรัวๆ

ก็ผ่านมาตั้งหลายปี มันก็ต้องโตกันบ้างไรบ้างอ่ะน้า



เราเป็นพวกชอบแต่งแบบเรื่อยๆ ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ชอบให้มันหยุดแค่อายุเท่านี้ รักกันไม่กี่วันจบเลยไรงี้

เรื่องมันก็เลยจะเรื่อยเปื่อยหน่อย ถ้าไม่เบื่อกันซะก่อนอ่ะน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2018 08:25:03 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #61 เมื่อ05-09-2018 08:42:35 »

อยากให้อัครคู่กะซุป ไม่รู้ทำไมนะ แต่ความรู้สึกคือซุปคือคนที่ตอบจดหมายอัคร มีความพยายามหาเฟสจนเจอ คอยให้กำลังใจมาตลอด แอบปลอมเปนพรีมเพื่อจีบคนที่ตัวเองชอบ ในขณะที่พรีมคือลืมเลือนกันไปไม่ได้ทำไรเลย อย่างว่าแหละแล้วแต่คนเขียน แต่ก็เปนเรื่องที่น่าติดตาม
ซุปอ่ะชอบอัคร แต่เพราะอัครชอบพรีมก็เลยยอมถอย แถมเรียนคนละจังหวัดอีก สุดท้ายพรีมที่คบกับซุปมานานกว่าก็เลยได้ไป (นังพรีมมันรุกหนักมากกก) แต่ก็นะ...อะไรๆ ก็ไม่แน่นอนหรอก อิๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #62 เมื่อ05-09-2018 08:43:59 »

เท่าที่อ่านผ่าน ๆ มาถึงตอนนี้ แบบรวดเดียว
บอกตรง ๆ "มึน" ดูหลากหลายคนหลายคู่
วังวนแบบวนเวียน
ยิ่งคนเขียนบอกว่า มีดราม่าด้วยแล้ว ...
คนอ่านคนนี้น่าจะรับอาการปวดหัวจากความ "เรื่องค้าง" ไม่ไหว

งั้นค่อยเจอกันตอน END เลยนะคะ :bye2:
จริงๆ ไม่กะจะดราม่ามากมาย เป็นแค่ชีวิตทั่วๆไป แต่ก็นะ วนไปวนมาหลายคู่เลย จะให้มีคนมาเพิ่มกลัวจะงง
กว่าจะจบ อีกนานเบยยยย

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #63 เมื่อ05-09-2018 08:44:37 »

หรือจะคู่เคนจริงๆอะ มันจะวนเป็นวงจนแปลกๆเลยนะ5555ถ้าเป็นพระเอกจริงๆขอนายเอกที่ไม่เกี่ยวกับสามหน่อนี้ก็พอแล้ว งื้ออออออ
เรื่องมันมาเป็นลูปไปแว้ววว

ออฟไลน์ Ampaiem33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่รู้ว่าจะใช่แบบที่เราเดาไว้รึเปล่า ต้องลุ้นต่อไป

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
19
ที่ร้านเหล้าเจ้าประจำของพวกอัคร เป็นร้านแบบสองชั้นคล้ายผับ แต่มีเทอร์เรสด้านบนไว้รับลมกลางคืน ส่วนด้านในเป็นบาร์ ชั้นล่างเหมือนร้านอาหารทั่วไป ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านเป็นวัยทำงาน จึงไม่ค่อยมีเรื่องวุ่นวาย นอกจากคนเมาตีกันเป็นพักๆ ซึ่งไม่ร้ายแรงมาก

“เอ้า มาได้สักทีไอ้อัคร ไอ้แน็ก นึกว่ามัวแต่แดกตับกันไม่ยอมมาแล้ว” เสียงเชษดังลั่นมาแต่ไกลเมื่อเห็นทั้งสองคนในร้าน ทำเอาแน็กอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยปิดปากเพื่อนตัวดีมันเดี๋ยวนั้น

“ไอ้สัสเชษ ปากหมานะมึง”

“อ๊ะๆ หยาบคายนะน้องแน็ก ทีกับพี่อัครล่ะ แน็กอย่างนั้นแน็กอย่างนี้ ถุ้ยยย”

“อยากโดนตีนใช่มั้ยมึง”

“เอาน่าแน็ก เชษมันก็แบบนี้ทุกที” อัครรีบดึงแขนเล็กเป็นการห้ามปราม ไม่อย่างนั้นคงมีวางมวยกันกลางร้านพี่โอ๊ต ลูกพี่ลูกน้องของพอล ทุกคนมากันครบแล้ว ยกเว้นเคนที่น่าจะถึงช้าสุด เพราะคงไปรถติดอยู่ชานเมือง

“ไอ้เคนบอกว่าอีกสิบห้านาทีถึงว่ะ” เชษก้มมองไลน์กลุ่มที่มีข้อความเข้ามาใหม่เมื่อกี้ วันนี้เป็นอันว่าขาดแค่พอลคนเดียวที่มาไม่ได้ เพราะติดธุระกับที่บ้าน “แล้วพวกมึงแดกไรมายัง แน่ะๆๆ อิ่มมาแล้วสิ”

“เออ แดกแล้ว” แน็กเป็นคนตอบ ก่อนจะดึงขวดเหล้าจากมือของเชษมารินใส่แก้วตัวเอง

พออัครเห็นเลยรีบเบรกก่อน “อย่าเพิ่งเยอะนะ เดี๋ยวก็เมาก่อนเคนมาพอดี”

“เออน่า” แน็กทำแก้มพองใส่ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากไปก่อนหนึ่งแก้ว เนื่องจากมีเรื่องให้ต้องอับอายและหงุดหงิดมาตลอดทาง ตั้งแต่โดนแซวที่หน้าบริษัท เลยขอย้อมใจสักเล็กน้อย

“แล้วอะไรของมึงวะแน็ก แฟชั่นใหม่ แจ็คเกตกับกางเกงสแลคงี้?”

“มึงก็อย่าแซวมันสิวะ” อัครรีบห้าม เพราะแน็กหันมาถลึงตาใส่ ไม่ได้โกรธเชษ แต่จะมาพาลเขาแทนแล้ว

“อ่ะๆๆ ไม่แซวๆ รักกันเอากันก็มันดี”

“ไอ้เหี้ยเชษ” แล้วแน็กกับเชษก็ตีกันอีกรอบ อัครเลยได้แต่กุมขมับ รอจนเคนมาก็ครบทีม เคนโทรหาไดซ์เพื่อบอกว่ามาเจอพวกอัครแล้ว เข้าเมืองอย่างปลอดภัย จากนั้นก็ถึงเวลาสังสรรค์ของเพื่อนฝูง

เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง เชษเริ่มหาสาวๆ มานั่งคุย ส่วนแน็กเมาพับตัวอ่อนกองอยู่บนโซฟา อัครเลยชวนเคนคุยเรื่องที่ไปเจอพรีมมาเมื่อวันก่อน

“เออ เคน” 

“ว่า?” เคนเลิกคิ้วพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ เพราะขับรถมาเลยไม่อยากดื่มเยอะ

“กูเจอไอ้พรีมว่ะ เมื่อสองวันก่อนตอนกลับจากอังกฤษ มันบินเที่ยวเดียวกับกูพอดี แต่มาเจอในสนามบินแล้ว”

“เหรอ”

อัครลอบมองแววตาของเคนที่บางครั้งจะฉายแววเศร้าสร้อยออกมา ดวงตาคู่สวยที่มักจะสะท้อนภาพของพรีมในวันวาน และเต็มไปด้วยความเงียบเหงา

อัครไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี ดันเริ่มเรื่องของพรีมไปแล้ว เขาเลยยื่นมือไปแตะมือของเคนคล้ายจะปลอบใจ เคนเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าเนือยๆ ไร้อารมณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ

“กูไหว”

ทั้งที่ไม่ได้ถาม แต่เคนก็รู้ว่าอัครเป็นห่วง พอบอกไปอย่างนั้น อัครก็พยักหน้าเข้าใจ และปล่อยมือ

“มีอะไรก็บอกกูได้นะ” อาจจะเพราะอัครเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องของพรีมและเคน เขาจึงรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยไว้ อย่างน้อยก็อยากให้เคนสบายใจกว่านี้ จนกว่าจะพร้อมเผชิญหน้ากับเพื่อนเก่าอย่างพรีม

“มันสบายดีใช่มั้ยวะ” ในที่สุดเคนก็เอ่ยปากถามด้วยเสียงที่สั่นนิดๆ

“สบายดีอยู่ ทางกายอ่ะนะ”

“ยังไง?” เคนขมวดคิ้วมองหน้าอัครที่มีทีท่ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย คล้ายกับเผลอพลั้งปากอะไรไป

“เอ่อ...ก็...”

ยิ่งอึกอัก เคนก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ อัครเลยสูดลมหายใจแล้วค่อยบอกออกมา

“คือ...มันเลิกกับซุปแล้วว่ะ”

......
...
เคนน่าจะดีใจและลิงโลดกับข่าวที่อัครบอก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เคนนิ่งเงียบ เงียบไปนานมาก จนถึงเวลาที่ควรจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะร้านใกล้จะปิดแล้ว

“มึงโอเคมั้ยวะ” อัครแตะมือลงบนบ่าของเคน คนที่เหม่อลอยมาเป็นชั่วโมงถึงได้สะดุ้งน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา “กลับด้วยกันมั้ย”

“ไม่เป็นไร” เคนส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “ไอ้เชษ?”

“ไปกับสาวที่ไหนแล้วไม่รู้ กูบอกมันแล้วล่ะว่าพวกเราจะกลับแล้ว” อัครว่าพลางพยุงแน็กที่ตื่นแล้ว แต่ยังมึนๆ เมาๆ

“คนที่จะไม่ไหวมันไอ้แน็กมากกว่ากูว่า” เคนหัวเราะก่อนจะช่วยอัครพยุงร่างเล็กอีกแรง พากันเดินออกไปที่ลานจอดรถหน้าร้าน อัครฝากแน็กไว้กับเคนและเปิดประตูรถให้ เคนจับแน็กให้นั่งดีๆ บนเบาะ คาดเข็มขัดให้เสร็จสรรพ คนตัวอ่อนก็เอ่ยขอบใจเสียงงัวเงียเหมือนเด็กน้อย เห็นแล้วก็เอ็นดู

“กูเข้าใจเลย ว่าทำไมมึงถึงได้หลงมันนัก”

อัครไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่ยิ้มให้แล้วเอ่ยขอบใจที่ช่วยพาแน็กมาส่งที่รถ ก่อนจะแยกย้ายกัน แน็กหลับสนิทหลังจากเปิดแอร์ให้สักพัก อัครมองคนข้างตัวยิ้มๆ แล้วขับรถต่อ

คงจริงอย่างที่เคนว่า เขาค่อนข้างหลงแน็กมากเลยล่ะ

นึกถึงสมัยเรียน ตอนม.ปลายที่ยังไม่สนิทกัน แน็กมักจะมองมาบ่อยๆ พออัครหันไปมองแล้วยิ้มให้ ก็จะรีบหลบตา ทำเหมือนไม่ได้มองอยู่แต่แรกแล้ว ตอนหลังมาเนียนอยู่ในกลุ่มด้วย อัครก็ไม่ได้ว่าอะไร ติดใจแค่เรื่องเดียว คือเวลาที่ถามอะไรแล้วชอบตอบกวนๆ กลับมา กว่าจะสนิทกันก็ใช้เวลาพอสมควร พอสนิท แน็กก็ถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น ชอบเอามือมาลูบหัวเกาคาง

สมัยมหาลัย แน็กก็ไปรับส่งที่หอตลอด ถึงจะบอกว่าเป็นทางผ่านก็เถอะ ทั้งที่มีแฟนแล้ว ก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเสมอ จนแน็กเลิกกับแฟนและขอมาอยู่หอด้วย ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเลย อยู่ด้วยกันทุกวัน อัครเลยรู้ว่าจริงๆ แล้วแน็กเป็นคนเรียบร้อยมาก ที่ทำตัวห้าวๆ มาตลอด เหมือนพยายามจะกลบเกลื่อนบางอย่างไว้ ซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนวันที่แน็กมาบอกว่าชอบนั่นแหละ

เพราะว่าชอบ แน็กถึงได้พยายามเข้าหาเขา ทั้งปรึกษากับเชษ เพื่อนสนิทของเขา จนได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน พยายามทำทุกอย่างให้ แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นมันเลย

เสื้อผ้าของเขาทุกตัว แน็กจะคอยรีดและแขวนชุดที่จะต้องใช้ในวันถัดไปให้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเสมอ ข้าวของที่เขาวางระเกะระกะก็จะคอยเก็บให้ ไม่เคยบ่นเลยสักคำเวลาที่เขาทำรก ทำความสะอาดห้องทุกอาทิตย์อย่างกับแม่บ้าน อาหารการกินก็คอยซื้อหามาเผื่อ จำได้ทุกอย่างที่เขาชอบและไม่ชอบ

ในวันที่แน็กมาสารภาพความในใจ ในสมองของอัครประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเคยมองข้ามมันไป และนั่นคือคำตอบของเขา

แม้แรกเริ่มไม่ได้รัก แต่ตอนนี้อัครมั่นใจมากว่ามันคือ “ความรัก”

จนกระทั่งวันที่ได้เจอกับพรีมอีกครั้ง...

อัครยังชอบพรีมอยู่ เขารู้ตัวดี แม้พยายามแล้วที่จะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ลึกๆ แล้วในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกโหยหาและต้องการในตัวพรีม

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและขับรถไปเรื่อยๆ จู่ๆ ที่ปลายหางตา ก็เหมือนเห็นใครบางคนที่ข้างทาง มีผู้ชายอีกสองสามคน ท่าทางกร่างๆ ยืนรุมล้อม เสียงเอะอะโวยวายดังจนอยู่ในรถก็ยังได้ยิน อัครรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าไปในซอยแถวนั้น แน็กก็ยังหลับอยู่ แต่เขาไม่อยากปลุกให้มาเจอเรื่อง เลยรีบวิ่งลงไปพร้อมกับล็อครถไว้

“มึงคิดว่าเป็นใครวะ ไอ้เหี้ย!”

“ก็แค่คนเมาน่า พอเหอะเชน”

“แม่งกวนตีนกูก่อนป่ะวะ”

เสียงคนพวกนั้นดังแว่วมา อัครเร่งฝีเท้าจนถึงที่หมาย ก่อนจะพุ่งไปขวางเด็กหนุ่มสามคนนั้น ตอนแรกนึกว่าพวกนักเลงหัวไม้ที่ไหน แต่ปรากฏว่าเป็นแค่เด็กมัธยมธรรมดา หนึ่งในนั้นยังหัวเกรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ

“ดึกดื่นป่านนี้ กลับบ้านกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไปโรงพัก” อัครใช้น้ำเสียงกึ่งขู่อย่างสุภาพ

“แล้วมึงเป็นใครอีกเนี่ย!?” เด็กหัวเกรียนตะคอกถาม แต่อัครไม่กลัวเด็กน้อยพวกนี้ เขาจ้องหน้าพวกมันด้วยหน้านิ่งๆ

“พี่ว่าพวกน้องคงไม่อยากโดนจับให้เสียประวัติ คนนี้เป็นเพื่อนพี่ เลิกแล้วต่อกันนะครับ”

“เฮอะ”

“เอาไงดีวะเชน”

“กลับสิวะไอ้เหี้ย!”

อัครถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเด็กทั้งสามยอมถอย เพราะตัวหัวเกรียนที่น่าจะเป็นหัวโจกยอมถอยแต่โดยดี พอเด็กพวกนั้นไปแล้ว อัครก็พยุงร่างของคนเมาที่เหมือนจะไม่ได้สติสักเท่าไหร่ขึ้นมา

“พรีม พรีม...ไหวมั้ยเนี่ย” กลิ่นเหล้าลอยหึ่งจนอัครถึงกับเบ้หน้า นอกจากเมาแอ๋แล้ว พรีมยังโดนต่อยจนแก้มบวม คงไม่มีแรงจะพูดแล้ว “ยืนดีๆ ไปกับกูนะพรีม”

“อือ” เสียงครางนั้นดังแผ่วๆ ในคอ อัครกระชับแขนที่พยุงร่างของเพื่อนรักแล้วพาไปที่รถ ให้พรีมนอนที่เบาะหลัง เขามองแน็กที่ยังหลับสนิท แล้วรีบขับรถกลับคอนโด

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
20
เมื่อสามปีก่อน หลังจากเรียนจบได้ประมาณครึ่งปี

“ตกลงมึงจะไปอังกฤษใช่มั้ย”

“ทำไมวะ?” พรีมเอียงหน้าน้อยๆ มองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ซุปขมวดคิ้ว จ้องตาเขานิ่งๆ

“ถ้าจะไป ก็เลิกกัน”

“งี่เง่า”

“เออ กูงี่เง่า จบป่ะ” พอพรีมสบถออกมาแบบนั้น ซุปก็ยิ่งเสียงดังใส่ พรีมลุกขึ้นจะคว้ามือ แต่ซุปสะบัดหนีแล้วถอยหลัง แต่พรีมก็ยังตามไปคว้าไว้จนได้

“อย่าอย่างนี้ดิวะ พูดกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่ไง”

“กูไม่ทน! ถ้ามึงไป มึงก็ต้องมีคนอื่น กูไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ สันดานมึงกูรู้ดี” ซุปโวยวายพลางสะบัดแขนออก

“แล้วปีกว่าที่คบกันมา กูเคยนอกใจสักครั้งมั้ย”

คำพูดของพรีมทำให้ซุปเงียบไป เขาจึงถือโอกาสที่อีกฝ่ายสงบลงแล้ว รั้งร่างสูงเข้ามากอดไว้แน่น จูบเบาๆ ที่แก้มซ้ายขวา

“รอกูกลับมา โอเคนะ?”

......
...
แต่ซุปก็ไม่รอเขา

“เลิกกันเถอะพรีม...กูไม่อยากรอมึงแล้ว”

มันคงเป็นเวรกรรม พรีมคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรื่องนั้น สิ่งที่เคยทำไว้กับเคน กับอัคร เหมือนย้อนเข้าหาตัวเขาจนแทบล้มทั้งยืน ไร้เรี่ยวแรงจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด ทรุดตัวลงบนพื้นถนนกลางเมืองลอนดอน บนหิมะเย็นยะเยียบในบ่ายวันหนึ่งของเดือนธันวาคม เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งที่ตั้งใจว่าปีใหม่จะกลับไปหา พร้อมของฝากมากมายและของขวัญชิ้นใหญ่ กะจะเซอร์ไพรส์ขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ เพราะเขาได้งานทำที่นั่นแล้ว เป็นบริษัทออกแบบสิ่งก่อสร้างชื่อดังระดับโลก เงินเดือนคิดเป็นเงินไทยก็เกือบเจ็ดหลัก อยากจะให้ซุปเลิกทำงานแล้วไปเป็นพ่อบ้านเต็มตัว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น รับเด็กมาเลี้ยงสักคนสองคน วาดฝันถึงวันที่จะได้นอนจับมือกันอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าระเบียงบ้าน แก่เฒ่าไปด้วยกัน

พรีมรู้ว่าคนอย่างเขาฝันไกลเกินตัวมากไป เขาทำร้ายคนอื่นมามาก แต่กับซุป คนที่ตั้งใจรักจริง ความรักของเขามันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

“อัคร พรีมตื่นแล้ว” ทันทีที่ลืมตา ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของใครสักคน พรีมพยายามโฟกัสสายตามองตามหลังคนที่ยืนเกาะขอบประตูห้องอยู่ไม่ไกล ความนุ่มที่แผ่นหลัง ทำให้รู้ว่ากำลังนอนอยู่บนเตียง แต่สภาพห้องมันไม่คุ้นตาเอาเสียเลย กระทั่งได้ยินเสียงคุ้นหู

“เป็นไงมั่ง” คนแรกที่สะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาก็คือ ใบหน้าของอัคร เพื่อนสมัยเด็กที่จะสนิทก็ไม่สนิท กับผู้ชายตัวเล็กๆ คุ้นๆ หน้า แต่จำไม่ได้ว่าใครที่ยืนอยู่ข้างๆ อัคร

อัครช่วยประคองพรีมให้ลุกขึ้นนั่ง เขาเลยกวาดสายตามองรอบห้อง และหยุดนิ่งที่กรอบรูปเล็กๆ บนโต๊ะข้างเตียง รูปถ่ายในชุดรับปริญญาของอัครกับอีกคนและครอบครัว

“อัคร...กู...”

“มึงเกือบโดนเด็กเกรียนพวกนั้นมันรุมยำตีนเอาแล้ว ดีที่กูไปเจอก่อน” อัครว่าพลางรับแก้วน้ำที่แน็กไปเอามา ยื่นให้พรีม “กินน้ำก่อน ถ้าปวดหัวหรือไม่สบายตัวตรงไหนบอกนะเว้ย เดี๋ยวกูพาไปหาหมอ”

พรีมดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วส่ายหน้า “แค่มึนๆ ว่ะ คงเมาค้างเฉยๆ”

“หน้าบวม” แน็กชี้ๆ ไปที่แก้มบวมช้ำของพรีม เขาเลยยกมือขึ้นแตะมัน

“เออว่ะ เจ็บอยู่”

“เดี๋ยวกูทายาให้แล้วกัน แน็กครับ ช่วยหยิบกล่องยาให้ที” อัครหันไปบอกแน็ก คนตัวเล็กก็ขานรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปหยิบกล่องยามาให้ แล้วขอไปทำอาหารเช้าต่อ

“มียาแก้แฮงค์นะ เอาหน่อยมั้ย” อัครหยิบซองยายื่นให้ พรีมก็รับมากินอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้อัครช่วยทายาที่แก้มให้

“นึกถึงตอนนั้นเลยว่ะ”

“ตอนไหนของมึง” อัครขยับตัวเล็กน้อย มือค่อยๆ นวดคลึงเนื้อยาให้ซึมลงบนผิวแดงช้ำเกือบม่วง

“ตอนที่ไปหัวหินกันไง อูยยย เบาดิวะ” พรีมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เพราะอัครเผลอกดแรงมากไป เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน

“นานขนาดนั้น กูลืมหมดแล้ว” อัครว่ายิ้มๆ เก็บยาลงกล่องแล้วลุกขึ้นยืน ยักคิ้วให้พรีม “มึงเองก็ควรจะลืมให้หมดเหมือนกัน”

อัครเดินออกไปจากห้องแล้ว พรีมไถลตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากรูปร่างส่วนสูงที่เปลี่ยนไปมากแล้ว นิสัยของอัครก็เหมือนจะเปลี่ยนไปรึเปล่า? เขาไม่ค่อยแน่ใจ แต่...มันดูเท่ขึ้นเยอะ

แน็กทำอาหารเสร็จ ก็เข้ามาเรียกไปกินด้วยกัน พรีมพอจะจำได้แล้วตอนที่อัครเรียกชื่อแน็ก เขาเดินออกไปนั่งรอข้าวต้มร้อนๆ จากคนตัวเล็ก แน็กใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนลายหมีน้อย ดูเข้ากันดีจนประหลาดใจ

“ให้กูเดานะ ไอ้ผ้ากันเปื้อนนี่ มึงซื้อ?” พรีมยิ้มมุมปาก ชี้ปลายช้อนไปที่อัคร แน็กอึ้งนิดๆ ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง ส่วนอัครก็พยักหน้ารับ “โตขึ้นแค่ไหน รสนิยมมึงก็เหมือนเดิมจริงๆ”

“ไม่เหมือนนะ เปลี่ยนนิดหน่อย” อัครแทรกขึ้น ทำให้ทั้งพรีมและแน็กต่างหันไปมองหน้า และอัครก็คลี่ยิ้มนิดๆ ก่อนจะทำให้แน็กอายจนหน้าแดงก่ำ ส่วนพรีมระเบิดหัวเราะลั่น

“เปลี่ยนมาชอบคนตัวเล็กๆ”

......
...
เนื่องจากเป็นวันเสาร์ และอัครกับแน็กไม่ได้จะออกไปไหน ก็เลยชวนพรีมอยู่ด้วยกันทั้งวัน ให้อาการเมาค้างดีขึ้นแล้วค่อยกลับบ้าน แน็กนอกจากจะเป็นคนเจ้าระเบียบแล้ว ยังขยันมากด้วย วันหยุดก็ยังทำงานบ้านตลอด อย่างตอนนี้ก็กำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงห้อง

“พรุ่งนี้จะพาแน็กไปครับ แม่จะเอาอะไรมั้ย โอเคครับ เจอกัน” อัครวางสายจากแม่ที่โทรมาชวนกลับบ้านยิกๆ เพราะรู้ว่าลูกชายได้หยุดงานสองอาทิตย์ ทั้งยังไม่ลืมบอกให้พาแฟนไปบ้านด้วย พอคุยเสร็จ อัครก็กลับมาวาดรูปต่อ งานอดิเรกของเขาคือการวาดการ์ตูนในคอมฯ รับงานเวลาว่างก็ได้เงินพิเศษเพิ่มมาบ้าง

“มึงยังวาดพวกนี้อยู่เหรอวะ โห เจ๋งอ่ะ วาดในคอมฯ ได้ขนาดนี้เลย” พรีมเกาะขอบเก้าอี้ยืนดูอัครทำงาน เพราะงานสจ๊วตไม่ต้องหอบมาทำที่บ้านเหมือนงานในบริษัทบางอย่าง ถึงเวลาก็แค่ไปบิน แล้วก็กลับมาพักที่บ้านสบายๆ ได้หลายวัน อัครเลยมีเวลาฝึกปรือฝีมือเรื่อยๆ

“ก็ทำเรื่อยๆ เป็นงานอดิเรกที่ได้เงินด้วย” อัครตอบท่าทางชิวๆ พลางขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วลากเม้าส์ปากกาบนแพดต่อ งานรอบบนี้เป็นการออกแบบตัวมาสคอตของสินค้าแบรนด์เนมเจ้าหนึ่ง เกี่ยวกับของเล่นเด็ก ใช้เวลาสองอาทิตย์ที่หยุดมาทำก็น่าจะเสร็จพอดี

พรีมก้มตัวลงจนคางเกยไหล่ของอัครแล้วจ้องหน้าจอด้วยแววตาเป็นประกายแสดงความสนอกสนใจ คอยถามนู่นถามนี่ข้างหู อัครมีสมาธิกับการทำงาน เลยไม่ได้คิดอะไร ปล่อยให้พรีมเกาะไหล่เกยคางอยู่อย่างนั้น

แน็กตากผ้าเสร็จ ตอนที่กำลังจะเลื่อนเปิดประตูกระจกเข้ามาในห้อง พลันต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นอัครที่กำลังยิ้มคุยกับพรีม และพรีมที่ทำท่าเหมือนอ้อนอัคร เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังลอดออกมาเป็นพักๆ แน็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยเปิดประตูเข้าไป ปั้นหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

“กลางวันกินอะไรกันดี”

“อ้าว? ตากผ้าเสร็จแล้วเหรอ นั่งพักก่อนเถอะ” อัครเงยหน้า พร้อมกับพรีมที่ถอยไปยืนข้างๆ

แน็กพยักหน้า แล้วเดินไปหาอัครใกล้ๆ สองมือไพล่ไว้ที่ด้านหลัง บีบกันเบาๆ เพื่อรักษาระดับอารมณ์ให้คงที่ “ถามไว้ก่อน พรีมอยู่กินด้วยกันนะ เย็นๆ ค่อยกลับ”

“ครับ” พรีมเผลอตอบอย่างสุภาพ เพราะรอยยิ้มหวานของแน็ก แว้บหนึ่งที่รู้สึกเหมือนแน็กจ้องตาไม่กะพริบ แต่คงคิดไปเอง

มื้อกลางวัน อัครบอกว่าอยากกินข้าวผัดกุ้ง แต่ไม่มีกุ้งในตู้เย็น อัครก็ยังทำงานอยู่ พรีมเลยอาสาเป็นคนขับรถพาแน็กไปซื้อวัตถุดิบที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ คอนโด ไหนๆ ก็มารบกวนฝากท้องบ้านเขาแล้ว ต้องช่วยเหลืออะไรบ้าง แม้ตอนแรกแน็กจะบอกว่าไปคนเดียวได้ก็เถอะ

“เดี๋ยวผมเข็นรถให้” พรีมอาสาทันทีที่เห็นแน็กเตรียมจะคว้ารถเข็น เขารีบแย่งมาแล้วเข็นถอยลงตามหลังแน็ก ที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี ก็เลยได้แต่ผงกหัวเป็นการขอบคุณเบาๆ

“พรีมชอบหรือไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ย” แน็กถามพลางกวาดสายตามองผักต่างๆ ในกะบะ อัครชอบกินมะเขือเทศกับมันฝรั่ง ก็เลยต้องซื้อเผื่อไว้เยอะหน่อย

“ผมกินได้ทุกอย่าง แต่ชอบมะเขือเทศสด”

“กินเหมือนอัครเลย” แน็กหัวเราะเบาๆ หยิบมะเขือเทศไปเพิ่มอีก “ชอบแบบผัดเละๆ ใช่มั้ย”

“ใช่เลย รู้ได้ไงเนี่ย” พรีมเลิกคิ้ว ทำท่าชูนิ้วใส่ จนแน็กยิ่งหัวเราะ

“อัครก็ชอบเหมือนกัน”

มาถึงตรงนี้ พรีมชักฉุกคิด อัครชอบอะไรเหมือนพรีมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วรึเปล่า? เขานิ่งคิด เข็นรถตามแน็กไปเรื่อยๆ สมัยนั้นจำได้ว่าคุยกับอัครถูกคอเพราะชอบเหมือนกันหลายอย่างมาก

เรื่องของซุป...ก็เป็นหนึ่งในนั้น

อัครเองก็ชอบซุป เขาดูออก แต่เพราะเขาขอไว้ อัครถึงได้ยอมถอยให้ และอีกอย่างคือ อัครเหมือนจะชอบเขาด้วย

แล้วตอนนี้ อัครชอบอะไรบ้างนะ?

“...ม พรีม!”

“อ๊ะ ครับๆ?” พรีมสะดุ้งโหยง รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคนตัวเล็กยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้ว พอเขาตอบรับ แน็กก็ผละออกไป เลือกซื้อของต่อ

“ถามตั้งนาน ว่าจะเอาขนมหรือน้ำอะไรมั้ย ที่ห้องไม่มีขนมเลย แต่มีเบียร์กับไวน์นะ อัครชอบซื้อมาไว้”

“เอ่อ อะไรก็ได้ ผมกินง่าย อยู่ง่าย” พรีมละล่ำละลักตอบ ดันเผลอคิดอะไรแปลกๆ ตอนมองแน็กจากข้างหลังเสียได้ นี่มันแฟนเพื่อนนะเว้ย แฟนเพื่อน เขาข่มใจและย้ำกับตัวเอง

“งั้นผมทำขนมด้วยดีกว่า พรีมไม่รีบไปไหนใช่มั้ยครับวันนี้” แน็กหันหลังไปมองเขาที่เหมือนคนพิลึกเข้าไปทุกที พรีมเอามือเกาหัวตัวเองแล้วพยักหน้ารับ

หลังจากเลือกซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรีมก็ช่วยเข็นรถไปให้เหมือนเดิม เขาช่วยแน็กยกของเก็บใส่ท้ายรถบางส่วน พวกผักผลไม้เอามาไว้ที่เบาะหลัง

“ซื้อเยอะจัง”

“อัครกินเก่งจะตาย แป้ปๆ ก็หมดเกลี้ยง เห็นบอกว่าเพิ่มน้ำหนักเพราะต้องเล่นเวท” แน็กว่าพลางคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนพรีมก็สตาร์ทรถ

“เมื่อก่อนมันตัวนิดเดียว”

“ตัวเท่าผมนี่แหละ แต่จู่ๆ ก็กินเอาๆ แล้วไปออกกำลัง ตัวก็เลยยืด ทั้งสูงและตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย”

“แน็กชอบแบบล่ำๆ เหรอครับ”

“ห๊ะ?” เพราะคำถามแปลกๆ นั่น ทำให้แน็กหันไปมองหน้าของพรีม และเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าพลั้งปากอะไรออกไป เลยรีบกลบเกลื่อนไปว่า นึกว่าอัครทำเพื่อแน็ก อะไรแบบนั้น แน็กเลยหัวเราะแล้วบอกว่าไม่ใช่

“ผมชอบเขาตั้งแต่ตอนตัวเล็กๆ แล้ว อัครอ่ะนิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษด้วย ทุกวันนี้ นิสัยก็ยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่...” ประโยคหลังแผ่วปลายเล็กน้อย เพราะดันนึกถึงหน้าเซ็กซี่ของอัครตอนมาอ้อนขอมีอะไรด้วย นี่คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อัครดูเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือมากที่สุด

“ไม่เท่าไหร่ แสดงว่าก็เปลี่ยนบ้างสินะ”

“ก็...บางเรื่องมั้ง” แน็กตอบอ้อมแอ้ม ก้มหน้าซ่อนความเขินอายที่มันแดงระเรื่อออกมาบนใบหน้า ส่วนพรีมก็อมยิ้มนิดๆ อย่างนึกเอ็นดู

ตลอดทั้งวันวันนั้น พรีมคอยสังเกตแน็กกับอัครเรื่อยๆ ไม่สิ ต้องบอกว่ามองแน็กมากกว่าอัครอีก ทุกอย่างที่แน็กทำให้อัครช่างน่ารักและแสนดี ดีจนเขาอยากจะมีคนแบบนี้ไว้ข้างตัวบ้าง อัครช่างโชคดีเหลือเกิน

น่าอิจฉา

“งั้นกูกลับล่ะ ไว้วันหลังมาเที่ยวใหม่” ราวๆ สองทุ่ม พรีมก็ขอตัวกลับ อัครออกไปส่งที่หน้าคอนโด ตอนแรกจะไปส่งที่บ้าน แต่พรีมบอกว่าเรียกแกร๊บได้ ขอกลับเองดีกว่า “วันนี้สนุกมาก ขอบใจนะที่มึงพากูมา”

“ก็เพื่อนกันป่ะวะ มึงอยากมาตอนไหนก็ได้นะ กูหยุดอีกสองอาทิตย์” อัครยิ้มกว้าง ต่างกอดกันเพื่อล่ำลาเมื่อรถที่เรียกไว้มาจอดรอ พรีมโบกมือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นรถไป

ระหว่างทางกลับบ้าน พรีมคิดหลายๆ เรื่อง ไม่คิดว่าโชคชะตาจะพาให้ต้องกลับมาพบกับอัครอีกครั้ง ราวกับสลัดกันไม่พ้น ไม่ว่าจะนานอีกกี่ปี หรือต่อให้ห่างหายกันอีกสักกี่ครั้ง สุดท้าย คนที่เขามักจะได้เจอเวลาที่กำลังมีเรื่องทุกข์ใจอะไรสักอย่าง ก็ไม่พ้นอัคร แต่ตอนนี้ชีวิตของอัครดีอยู่แล้ว และเขาไม่ควรจะเข้าไปทำลายมัน

พรีมหลับตาลง หูแว่วบทเพลงรักเศร้าๆ จากที่ไหนสักแห่ง จนนึกอยากหยิบกีต้าร์ตัวเก่าขึ้นมาดีดและร้องเพลงคลอไปกับมัน

******

แตร๊งงง แต่งงง

“เพี้ยนอีกแล้ว กูบอกให้มึงจำโน้ตก่อนไม่เชื่อ”

“โอ๊ย แม่งยากว่ะ ไม่ดีดแล้ว”

“กาก”

“สัส”

แล้วทั้งคู่ก็ต่างระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันราวกับไม่เคยขำมาก่อนในชีวิต หัวเราะจนปวดท้อง ก็ยังไม่ยอมหยุด

“เรื่องวาดรูป มึงกากกว่ากูเยอะ”

“นอกจากวาดรูป มึงกากกว่ากูทุกเรื่องอ่ะ”

“ไอ้เหี้ย”

“เถียงไม่ได้ก็ด่าว่ะ กากสัส”

“ไอ้สัสพรีมมมม”

เสียงด่าทอโวยวายและเสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองคนในวันวาน กำลังถูกกลบเกลื่อนด้วยความเป็นจริงในปัจจุบัน

อัครนั่งกอดเข่าเหม่อมองไปในความมืดสลัว เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศดังจนรู้สึกว่าหนวกหู แต่อีกคนกลับนอนหลับสบายอยู่ข้างๆ

เขาก้มมองร่างเล็กในผืนผ้าห่มหนา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิท ริมฝีปากเล็กอ้าเผยอนิดๆ ดูน่าจูบ

อัครค่อยๆ โน้มใบหน้าลง แตะริมฝีปากของตัวเองกับแก้มนุ่มและปากบางสีส้มอ่อนๆ แผ่วเบา ด้วยความรัก

เขาก้าวเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปหาสิ่งเก่าๆ ในวันวาน

ภาพของพรีมต่างออกไปจากเมื่อตอนนั้นจนราวกับเป็นคนละคนไปแล้ว และมันจะไม่มีวันเหมือนเดิม

ต่อให้ตอนนี้อัครไม่มีใคร แต่กับพรีม มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

เสียงกีต้าร์โปร่งของเด็กผู้ชายคนนั้น กับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่มีให้เวลาที่วาดรูปได้ถูกใจ

ไม่มีอีกแล้ว...


ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
21
“ซุปครับ พี่ขอไฟล์ของ NCU ทีได้มั้ย”

ซุปเงยหน้าจากคอมฯ ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสีทองเหลือบขึ้นมองคนที่โผล่หน้ามาจากหลังแผ่นกั้นระหว่างโต๊ะ แอร์ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานที่นี่มาก่อนเขา อายุมากกว่า 5 ปี จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันและสาขาเดียวกันด้วย

“ผมส่งไปในเมล์แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ” แอร์ยิ้มหวาน “แล้วเย็นนี้ มีนัดที่ไหนรึเปล่าครับ”

“ไม่มีครับ ว่าง” คนตอบกระตุกยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ตามองหน้าจอและนิ้วก็จิ้มแป้นคีย์บอร์ดรัวๆ ส่วนคนถามก็หัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจในคำตอบ

“งั้นไปกินข้าวกับพี่นะ อยากคุยเรื่องงานออกแบบอาคาร C”

“แหม อ้างเรื่องงาน อยากจะชวนน้องมันเดทก็บอกมาตรงๆ กากว่ะไอ้แอร์”

“เสือก!” หันไปด่าเพื่อนร่วมงานที่อายุเท่าๆ กันแล้วก็หันมายิ้มหวานให้ซุปต่อ “วันนี้วันศุกร์พอดี อยู่ดึกได้ใช่มั้ยครับ”

“ได้ครับ แต่ผมไม่ดื่มเหล้านะ พอดีคออ่อน”

“นี่ก็อ้อยเก่งไปอีก ที่บอกคออ่อนนี่กะให้ไอ้แอร์มันมอมล่ะซี้ ร้ายนะเรา”

“มึงนี่ขี้เสือกว่ะ ไอ้ป๋อม” แอร์หันไปถลึงตาใส่เพื่อนอีกที ตีกันเหมือนเด็กๆ ทั้งที่อายุก็ใช่น้อยๆ ซุปก็ได้แต่หัวเราะ เห็นพวกพี่เขาตีกันได้ทุกวัน เพราะทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว เลยสนิทกันดี

นอกจากพรีม ซุปไม่เคยคบกับใครแบบแฟนมาก่อนเลย คนที่อยากจีบก็พอมีบ้าง สาวๆ ที่เข้าหาก่อนก็พอมี แต่มันก็ตั้งแต่สมัยม.ปลายนู่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากพรีม มาตามจีบ แถมพี่แอร์ก็เป็นชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานสมเป็นสถาปนิกหลักของแผนก ดิวงานเก่ง จนได้เป็นรองหัวหน้าแผนกตั้งแต่อายุแค่ 25 เท่าซุปตอนนี้เลย

ด้วยความที่แอร์เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก อายุก็เข้าเลข 3 แล้ว จึงมีชั้นเชิงในการรุกจีบแบบผู้ใหญ่ ไม่ทำให้ซุปรู้สึกว่ามันรุนแรงและน่ากลัว ไม่กี่เดือนหลังจากแอร์บอกขอจีบ ซุปก็ค่อยๆ มีใจให้ทีละน้อย ซึ่งตอนนั้นยังคบกับพรีมอยู่ ซุปไม่แน่ใจว่าที่คบกับพรีมใช่ความรักจริงๆ รึเปล่าอยู่แล้ว จึงตัดสินใจบอกเลิกและมาลองคบกับแอร์ต่อทันที ซึ่งผ่านมาเกือบปีแล้วสำหรับการคบหากัน และเขาก็โอเคมากกับแอร์

ชายหนุ่มเทคแคร์ดูแลดีทุกอย่าง เวลาที่ต้องตัดสินใจก็เด็ดขาด มีความเป็นผู้นำ อยู่ด้วยกันสองคนก็มีอ้อนเขาบ้างพอประมาณ ไม่มากไม่น้อยจนรู้สึกเลี่ยนหรือน่ารำคาญ และซุปคิดว่าคนนี้แหละที่น่าจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ

แต่เขาไม่เคยบอกพรีมเรื่องนี้หรอก

ไม่ใช่ว่าตอนคบกัน พรีมจะไม่เทคแคร์ แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน มีอะไรก็โพล่งกันตรงๆ จนบางครั้งตรงเกินไป กลายเป็นทำร้ายจิตใจกันเอง จริงๆ ซุปก็ไม่ชินกับการที่มีใครมาคอยดูแล แต่เพราะพรีม ทำให้เขาติดนิสัยเสียเหล่านี้ไปแล้ว

ซุปเคยนึกถึงอัครในบางครั้งที่เหงาๆ อยากจะโทรไป แต่ก็ไม่กล้า รู้ตัวอีกทีก็เรียนจบแล้ว พอได้งานทำ แถมมีเรื่องที่พรีมไปเรียนต่อกับพี่แอร์ที่เข้ามาจีบซึ่งหน้าอีก ก็เลยลืมๆ ไป

แต่ดูเหมือนว่า กงล้อแห่งชะตากรรมของพวกเขา จะยังไม่หยุดหมุนง่ายๆ

“ร้านนี้เขาว่าอร่อยมากนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นไปนั่งบาร์ชั้นบนได้ด้วย บรรยากาศดีมาก” แอร์ว่าพลางหั่นเนื้อสเต๊กเข้าปากเต็มคำ เคี้ยวๆ กลืนแล้วก็ชวนคุยต่อด้วยดวงตาเปล่งประกาย เลื่อนมือซ้ายไปทาบบนมือขวาของซุป “คืนนี้ค้างห้องพี่นะครับ”

แก้มของซุปขึ้นสีระเรื่อนิดๆ กับพรีมยังไม่เคยเขินเลยสักครั้ง ตอนเป็นฝ่ายจีบคนอื่นก็ไม่เคยเขินอายขนาดนี้ ยอมรับว่ารู้สึกดีมากจริงๆ กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้

“วันนี้เราน่าจะมาเป็นคู่แรก”

“ก็จะมากินข้าวร้านนี้อยู่แล้วนี่ จริงๆ ก็น่าจะชวนไอ้เชษด้วย”

“แล้วถ้าชวนพรีม เคนจะว่าอะไรมั้ยอ่ะ”

เสียงพูดคุยนั้นไม่ได้เป็นที่น่าสนใจสำหรับซุปเท่าไหร่ หากแต่ชื่อสองชื่อนั้น มันทำให้เขาต้องหันไปมองคนพูด พลันต้องตกใจจนช้อนเกือบหลุดจากมือ แอร์ที่มองอยู่ก็ทำหน้างง

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีหรือเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน เขาก็มั่นใจว่าจำคนคนนี้ได้เสมอ

“อัคร...”

เสียงเรียกนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ในร้านที่ไม่ค่อยมีคน และเงียบสงบ ทำให้อัครเหมือนได้ยินแว่วๆ เลยหันไปมองบ้าง แน็กเองก็เช่นกัน สองคนนิ่งไปเมื่อเห็นคนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แน็กจำซุปได้ เพราะเป็นคนที่ขึ้นแสดงบนเวทีตอนนั้น และเป็นคนที่อัครดั้นด้นไปหาถึงเชียงใหม่

“ซุป?” อัครเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้ม

วันเวลาไม่อาจย้อนคืน แต่โชคชะตายังคงไหลกลับ เวียนวนให้พวกเขาต้องพานพบ

ซุปลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปหาอัคร มองหน้าอัครที่อยู่ระดับเดียวกับสายตาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากจะโอบกอด แต่ไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม

“คุณ...เปลี่ยนไปมาก”

“ซุปก็เหมือนกัน” อัครยังยิ้มให้ ในขณะที่ซุปได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองไป “นี่แฟนเรา ซุปก็เคยเจอที่เชียงใหม่ไง”

ซุปชะงัก นิ่วหน้านิดๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วยิ้มให้แน็ก “พอจะจำได้รางๆ”

“แต่ผมจำซุปได้นะ หวัดดีครับ” แน็กทักกลับ ก่อนหน้านี้ก็พรีม นี่ยังมีซุปอีก มีแต่คนที่อัครเคยชอบโผล่มาทั้งนั้น แน็กจะฝืนยิ้มก็ไม่ค่อยไหวแล้ว และเมื่อแน็กทักทายมา ซุปเลยต้องทักกลับไป

“หวัดดีครับ” เขายิ้มนิดๆ ก่อนจะเบนสายตาไปที่โต๊ะด้านหลัง “เอ่อ นั่นก็แฟนผม เป็นรุ่นพี่”

“อ้อ” อัครผงกหัวให้ผู้ชายแปลกหน้าที่โต๊ะ คนนั้นก็ยิ้มให้ “งั้นเราไม่กวนแล้ว เดทกับแฟนเถอะ ไว้เจอกันใหม่ครับ”

“อ่ะ เอ่อ...”

“เรายังใช้เบอร์เดิม โทรมาได้” อัครทำท่ายกหูโทรศัพท์ ก่อนจะถูกแน็กกระชากแขนให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง

******

แน็กดึงแขนอัครให้เดินตามไปแบบไม่รอให้คุยกับซุปจนจบ จะว่าหึงจนหน้ามืดแล้วก็ได้ ร่างเล็กกอดแขนของอัครแน่นราวกับกลัวว่าจะหายไป

“เป็นอะไร? ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”

“สั่งมาข้างบนก็ได้” แน็กตอบเสียงห้วน ก่อนจะหามุมนั่งด้านนอก พอนั่งลงปุ๊บก็เปิดประเด็นปั๊บ “ทำไมต้องทำเหมือนหว่านเสน่ห์ใส่ซุปด้วย”

“หา? เราเนี่ยนะ?” อัครถึงกับเหวอ

“ก็ให้โทรมาอะไรเล่า เขาก็มีแฟนแล้วป่ะ อัครยังชอบเขาอีกเหรอ” คนตัวเล็กหน้างอแล้วงออีก จนอัครต้องยื่นมือไปนวดหว่างคิ้วให้

“ไม่เอาน่า คิดมาก เราแค่เห็นเขาเป็นเพื่อนเก่า ก็เหมือนพรีมเหมือนเคนไง”

“บอกตรงๆ นะ ถ้าเคนไม่ได้เป็นแฟนไดซ์ แน็กก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันแหละ สามคนนั้นมันไม่น่ายุ่งด้วยเลยบอกตรงๆ แต่ตอนนี้แน็กยกเว้นเคนให้คนนึง เพราะหมอนั่นนิสัยดีสุด”

“แล้วพรีมกับซุปไม่ดียังไงล่ะ” อัครสงสัยจริงจัง แต่แน็กยังไม่ตอบ จนสั่งอาหารเสร็จ แน็กไม่เข้าใจว่าอัครแกล้งไม่รู้หรืออะไร แม้ตนจะไม่เคยพูดหรือถามเรื่องที่อัครชอบพรีมกับซุปมาก่อนก็ตาม แต่ในใจนั้นย่อมรู้ดี

“พรีมเลิกกับซุป ก็เท่ากับว่าตอนนี้โสดแล้ว ส่วนซุป ก็เคยจีบอัครมาก่อนไง”

“แค่นั้นน่ะ? พรีมไม่เคยคิดอะไรกับเราเลย ส่วนซุป เขาก็มีแฟนแล้วอย่างที่เห็นไง” อัครเลิกคิ้ว

“แต่แน็กไม่ไว้ใจนี่!” แน็กเผลอเสียงดังใส่ พอรู้ตัวก็ทำหน้าเจื่อนๆ อยู่กันมาตั้งหลายปี ไม่เคยทำตัวแบบนี้กับอัครเลยสักครั้ง

เสียงถอนหายใจของอัครทำให้แน็กถึงกับสะดุ้ง “ไม่ไว้ใจใคร? แน็กไม่ไว้ใจผมใช่มั้ย? ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เชื่อกันเลยสักนิดใช่มั้ยครับ?”

“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น” แน็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แค่อัครเสยผมขึ้นแล้วจ้องหน้าก็ตัวแข็งทื่อแล้ว ท่าทางแบบนี้เหมือนตอนที่อัครโกรธไอ้เชษจนเกือบต่อยกันเมื่อตอนปี 3 เลย อัครไม่เคยแสดงความโกรธออกมา ถ้าไม่สุดๆ แล้วจริงๆ และที่แทนตัวเองว่า “ผม” นั่น ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

คนนิ่งๆ เงียบๆ เวลาโกรธขึ้นมา มันน่ากลัวยิ่งกว่าพวกที่ชอบเห่าไปวันๆ เสียอีก

“โอเค แน็กไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ กินข้าวเสร็จแล้วกลับห้องเลย ผมหมดอารมณ์จะเจอหน้าใครแล้ว”

สิ้นประโยคนั้น อัครก็นั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีกเลย

เขาไลน์ไปบอกในกลุ่มว่าไม่สบาย ขอกลับห้องก่อน พอลบ่นเสียดาย เพราะวันนี้อุตส่าห์มาได้ เหลือแค่สามหน่อ คือ เคน พอลและเชษ แน็กต้องกลับกับอัคร แม้อัครจะบอกว่า ถ้าอยากอยู่ต่อก็ไม่ว่าอะไร จะทิ้งรถไว้ให้ แต่แน็กขอตามอัครไปด้วยดีกว่า

ในรถนั้นเงียบกริบ อัครแค่ขับรถไปเรื่อยๆ ตาก็มองแต่ข้างหน้า เงียบจนแน็กตัวเกร็งไปหมด แต่จะไม่ให้คิดมากได้ยังไง เล่นมีคนที่เคยพัวพันกับอัครโผล่มาถี่ๆ แบบนี้ สายตาของอัครเวลามองเคนก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก

รู้ว่างี่เง่า ไร้สาระมาก อัครก็มองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทุกคนแหละ แต่แน็กไม่ชอบใจ ไม่อยากให้อัครใช้สายตาแบบนั้นกับใคร มันหวง มันหึง ถ้าตอนที่ยังไม่คบกัน อัครจะมองใครก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เป็นของแน็กแล้ว ก็ห้ามมองคนอื่น

พอคิดแบบนั้น ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาอีก แน็กเลยพยายามกำๆ คลายๆ มือตัวเองอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ไม่อยากทะเลาะกัน คบกันมาสามปี เคยทะเลาะกันแรงๆ ก็แค่สองครั้งเท่านั้น แต่ไม่มีครั้งไหนที่อัครโกรธเหมือนครั้งนี้ หรือแน็กจะผิดที่คิดมากเกินไป? แต่เป็นแฟนกัน ก็ต้องมีสิทธิหวงสิ แน็กคิดอย่างไม่เข้าใจ

กลับถึงห้อง อัครถอดเสื้อยืดโยนใส่ตะกร้าหวายหน้าห้องน้ำแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ท่าทางยังไม่หายโกรธดี และแน็กก็ไม่เคยเป็นฝ่ายง้อเสียด้วย ร่างเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตาคลอเบ้า นั่งรอบนโซฟาจนอัครเดินออกมาพร้อมกลิ่นสบู่หอมฟุ้ง ร่างสูงโปร่งที่ดูมีกล้ามเนื้อสมส่วนต่างจากเมื่อก่อนอย่างมากมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันไว้ที่เอว

“ร้องไห้ทำไม”

แน็กสะดุ้งโหยงเมื่อร่างสูงทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้า ไม่ทันได้เช็ดน้ำตาออกจนหมด อัครเลยยื่นมือไปช่วยเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ

“เราขอโทษที่หงุดหงิดใส่แน็ก เราผิดเองที่ทำให้กังวล” เสียงนุ่มๆ ของอัครคนเดิมกลับมาแล้ว น้ำตาที่ถูกเช็ดออกเลยเหมือนจะรื้นขึ้นมาอีกระลอก จนอัครต้องรีบหยิกแก้มนุ่มเพื่อหยอกล้อให้หายเศร้า “ไม่งอนนะครับ หน้างอไม่น่ารักแล้ว”

ก็เพราะอัครทำตัวน่ารักอย่างนี้ ง้อทีไร แน็กก็ใจอ่อนยวบทุกที

“ขอโทษที่เสียงดังใส่” แน็กก้มหน้าน้ำตาคลอ พอมันหยดลงบนหลังมือ อัครก็ช่วยเช็ดให้ แล้วยืดตัวขึ้นจูบเบาๆ ที่แก้มแดงๆ

“เอาเป็นว่า เราจะระวังไม่ทำตัวสนิทกับพวกนั้นมากเกินจนแน็กหึงอีก โอเคมั้ย?”

แน็กมองหน้าอัครอย่างเก้อเขิน “ใครบอกว่าหึงวะ”

“ไม่หึงก็ได้ แต่อย่าคิดมากอีกล่ะ” อัครคลี่ยิ้ม หยิกแก้มแดงๆ อีกทีแล้วช้อนร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักอย่างรวดเร็ว จนแน็กตั้งตัวไม่ทัน มือเย็นๆ ของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อ มันเย็นจัดจนถึงกับสะดุ้ง

“มือเย็นอ่ะ อ๊ะ...” แน็กกัดปากเมื่อปลายนิ้วซนๆ กำลังคลึงที่ยอดอกเบาๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขยี้จนต้องร้องครางออกมาอย่างน่าอาย “นะ แน็กยัง...ไม่ได้อาบ...”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เลอะ อาบทีเดียวเลย”

แน็กเขินจนหน้าแดง ตัวแดงไปหมด เอามือฟาดแขนคนทะลึ่งไปที อัครส่งเสียงหัวเราะหึหึในคอ มือสองข้างบดขยี้ยอดอกใต้เสื้อโปโลที่แน็กใส่ไปทำงานวันนี้อย่างมันมือ ปลายจมูกก็ซุกไซร้แถวคอและกกหู ลิ้นสากค่อยๆ เลียตั้งแต่ใบหูเล็กลงมาที่ปลายคอ คนตัวเล็กสะดุ้งอีกรอบเมื่อสัมผัสกับความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่ดุนดันสะโพกผ่านผ้าขนหนูผืนบาง ใบหน้าน่ารักแดงก่ำด้วยความเสียวซ่านเมื่ออัครค่อยๆ ขยับเอวและกดสะโพกเล็กลงให้ถูไถกับมัน ปลายนิ้วเลื่อนลงดึงเข็มขัดออกจากกางเกงสแลคสีกรม ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวขอบกางเกงทั้งนอกและใน รั้งมันให้พ้นจากเรียวขา โดยที่แน็กก็ให้ความร่วมมือเต็มที่

“อ่ะ อ๊ะ อัคร เข้ามา...”

อัครเลียริมฝีปาก ดูเหมือนคนตัวเล็กของเขาจะพร้อมมากแล้ว แน็กกำลังนั่งฉีกขาอ้ากว้างบนตัก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลูกกระเดือนสั่นน้อยๆ ก่อนจะปัดผ้าขนหนูออกจากตัว และยกร่างเล็กขึ้น จัดท่าดีๆ ก่อนจะกดสะโพกนั้นลงรับตัวตนแข็งแกร่งที่เต้นตุ้บๆ รออยู่

“นุ่มมาก ช่วยตัวเองบ่อยเหรอ”

“อย่าถาม อ๊า” ไม่นานแก่นกายร้อนผะผ่าวนั้นก็สวนแทงเข้าไปจนมิดด้าม แน็กแทบกรีดร้อง สองมือบีบแขนของร่างสูงอย่างแรงด้วยความตกใจ อัครยังไม่ขยับตัว เขากอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก จับคางให้หันหน้าไปประกบปากอย่างดูดดื่มจนน้ำลายไหลย้อยมาตามมุมปาก แล้วค่อยๆ เด้งเอวทีละนิด แน็กสะบัดหน้าหนีจูบของเขาเพราะทนแรงสะเทือนเบื้องล่างไม่ไหว เสียงครางดังคลอไปกับเสียงผิวเนื้อกระทบกระทั่งกันพั่บๆ อัครกดร่างเล็กให้อยู่ในท่านอนคว่ำหน้าบนโซฟา จับยกสะโพกขึ้นมาแล้วควงเอวคว้านลึกให้ถูกจุดเสียว พลันกระทั้นกายใส่จุดนั้นรัวๆ ก่อนจะโน้มตัวไปกอดไว้โดยที่ยังขยับต่อเนื่อง เสียงครางหวานๆ ของแน็กกระตุ้นให้เขาหยุดไม่ได้จนกว่าจะถึงฝั่ง แม้รู้ว่าไม่ควรรุนแรงเกินไป

“ชอบมั้ยครับ” เสียงทุ้มๆ ดังอยู่บนตัว แต่แน็กไม่มีแรงจะอ้าปากตอบแล้ว ในหัวมันขาวโพลนไปหมด เพราะเสร็จนำไปสองรอบ แต่อัครยังไม่ปลดปล่อยสักครั้ง

“อ่ะ อื้อ” แน็กครางในคอ ขณะถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอยหวือ อัครกระชับวงแขนที่โอบรั้งบั้นท้ายนุ่มพลางขยับกระแทกตัวเข้าออกแรงๆ อีกหลายครั้งกว่าจะปล่อยอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลใส่ก้นเล็กๆ ที่ขมิบตอดรัดเป็นระยะ เขายังไม่ถอนมันออกในทันที แต่แช่ค้างไว้แล้วจูบซับเหงื่อที่ขมับของร่างในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ แน็กรู้สึกอึดอัดเหนอะหนะ เลยขยับตัวและเผลอไปรัดมันเข้าอีก

“เดี๋ยวก็ตื่นอีกหรอก”

“กะ ก็เอาออก...สิ”

อัครหัวเราะในคอ แต่แน็กอยากจะทุบเขาให้ช้ำ ติดแค่ไม่มีแรงเหลือแล้ว สิ่งนั้นที่อยู่ภายในขยายใหญ่ขึ้นและแข็งตัวอีกครั้ง จนร่างเล็กสั่นสะท้าน เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู ทำเอาอยากจะเป็นลมมันเสียเดี๋ยวนั้น

“ขออีกรอบ”

......
...
ซุปโทรมาตอนตี 3

อัครทั้งง่วงและมึน ตอนที่ต้องตื่นมารับโทรศัพท์เพราะดันลืมปิดเสียงไว้ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีที่มัวแต่กินของหวานหลังอาหารจนลืมปิดเสียงมือถือ เขาขยี้ตาอยู่หลายทีกับชื่อคนโทรเข้า จนแน็กตื่นตาม เพราะหนวกหู

“อือออ”

“โทษทีครับ เดี๋ยวผมมานอนต่อ หลับไปก่อนนะ” อัครรีบก้มลงจูบหน้าผากร่างเล็กในขณะที่กดรับสาย เสียงของเขาดังเข้าไปในสาย แต่อัครไม่ได้สนใจว่าซุปจะได้ยินหรือไม่ เพราะกังวลว่าแน็กจะนอนไม่หลับมากกว่า

อัครกล่อมแน็กจนหลับไปอีกรอบ แล้วจึงเอาสมาร์ทโฟนแนบหู ลุกเดินออกไปนอกระเบียงพลางกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

“ครับ?”

[ผมโทรไปกวนอัครรึเปล่า]

ถ้าเป็นเพื่อนในกลุ่ม เขาคงด่าไปแล้วว่า เรื่องแค่นี้ยังต้องถามเหรอวะ แต่อัครก็เก๊กหน้านิ่งทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็น ก่อนจะตอบไปว่า ไม่

[ผมอยากเจออัคร]

การเข้าประเด็นทันทีแบบนี้ เป็นนิสัยที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดของซุป อัครอมยิ้ม “อยากเจอผมด้วยเรื่องอะไรครับ”

[ไม่มีเรื่องอะไรเจอไม่ได้เหรอ]

“คุณมีแฟนแล้ว และผมก็มีแฟนแล้ว ถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่ควรเจอกันสองต่อสองรึเปล่า”

[ห่างเหินมากกกก] ซุปลากเสียงยาว [ก็เป็นเพื่อนกันไง เจอกันไม่ได้เหรอ]

อัครแอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้ดังเข้าไปในสาย เรื่องเมื่อก่อนผุดเข้ามาในหัว นึกถึงที่ซุปปลอมเป็นพรีมมาเนียนจีบ ซุปมักจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอ แถมยังตรงไปตรงมาด้วย แต่ซุปคนนั้นอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

“ได้ครับ ถ้าแฟนผมอนุญาต”

[ใจร้ายสุดๆ เลย อัครเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ งั้นมาเจอกันหลายๆ คนก็ได้ ผมแค่อยากเจอเฉยๆ คิดถึง]

อัครเกือบจะดีใจแล้ว แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ต่างก็มีคนอื่นในใจ

และเรื่องระหว่างเรา มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว

“โอเคครับ นัดมาเลย”

tbc
วันนี้น่าจะมาอีกตอนสองตอน ถ้าเป็นไปได้นะ

ตัวละครครบแล้ว มั้ง ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บอกได้คำเดียว อิลุงตุงนัง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
22
คนที่อัครพามาด้วย ไม่ใช่แน็ก

“ไม่เจอกันนานนะ” เคนเลิกคิ้ว มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์เหมือนไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนดี วันนี้เป็นยามบ่ายวันอาทิตย์ การนัดในห้างสรรพสินค้าเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะคนเยอะ ร้านอาหารแน่นขนัดเกือบทุกร้าน ดีที่อัครโทรจองร้านประจำล่วงหน้าไว้ เป็นร้านอาหารอิสานแบบประยุกต์ ของขึ้นชื่อคือ ส้มตำทอด แน็กชอบร้านนี้มาก เพราะบรรยากาศดีและอาหารอร่อย

“คุณบอกจะชวนเพื่อนมา ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้” ซุปว่ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปหาเคนที่กำลังเกาต้นคอตัวเองแก้เขิน “หายโกรธกูแล้วรึไง”

“กูก็ไม่ได้โกรธอะไรมึงนี่” เคนเลื่อนเก้าอี้แทบจะพร้อมกับซุป ต่างคนต่างนั่งลงประจำที่ อัครนั่งข้างๆ เคน

“สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ซุปมองสองคนสลับกัน

“เกินครึ่งปีแล้วป่ะวะ” เคนหันไปมองหน้าอัครที่พยักหน้าพลางรับเมนูจากเด็กเสิร์ฟมาแจกจ่ายให้ สั่งอาหารกันเสร็จก็คุยต่อตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนาน

เรื่องที่คุยกันก็ทั่วๆ ไป ถามเรื่องสุขภาพ การงาน ชีวิตช่วงนี้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง แต่เคนรู้สึกเลยว่าซุปมองอัครตลอดเวลา มองจนอัครก็เหมือนจะรู้ตัว แต่ทำเฉย

“ตอนเจออัครเมื่อวันศุกร์ ผมนี่โครตตกใจอ่ะ อัครตัวสูงขึ้นเยอะเลย จากคนน่ารัก กลายเป็นหนุ่มหล่อมาดเท่ไปแล้วเนอะ”

“อัครเป็นสจ๊วตด้วยเหรอครับ อยากเห็นตอนใส่ชุดทำงานจัง ต้องหล่อมากแน่ๆ ต้องหาโอกาสไปใช้บริการหน่อยแล้ว”

“อัครเล่นยิมด้วยเหรอ ที่ไหนอ่ะ ให้ผมไปด้วยคนสิ ผมยังออกกำลังประจำนะ”

บทสนทนาส่วนใหญ่จะเบนไปทางเรื่องของอัคร เคนคอยเหลือบมองอัครเป็นระยะว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรมากกว่านี้หรือไม่ แต่สุดท้ายอัครก็ยังคงยิ้มและตอบทุกคำถามของซุปอย่างใจเย็น

“กูว่ามึงเยอะไปละ อย่าทำให้มันอึดอัดสิวะ” เคนลากแขนซุปเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากกินข้าวกลางวันและเดินเล่นย่อยอาหาร เคนก็ขอตัวมาเข้าห้องน้ำกับซุป ให้อัครซื้อของไปก่อน

“เยอะอะไร? กูคิดถึงของกูอ่ะ ไม่เจอตั้งหลายปี” ซุปขมวดคิ้ว

เคนเบะปากนิดๆ “แล้วมึงไม่คิดถึงเพื่อนมึงคนนี้มั่งรึไงวะ คุยแต่กับไอ้อัคร มันไม่ว่าอะไร แต่เมียมันจะมาแดกหัวมึงเอา”

“อัครกลัวเมียเหรอ? ดูไม่เห็นเป็นงั้นเลย” ซุปยักไหล่อย่างโนสนโนแคร์ เอาจริงๆ ตอนนั้นถ้าไม่ติดที่พรีมคอยพันแข้งพันขา ก็คงได้รุกคืบอัครรัวๆ ป่านนี้อาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้

ก็แค่จะทวงของที่น่าจะเป็นของตัวเองคืน ผิดตรงไหน?

“ไอ้พรีมมันทำให้มึงสันดานเสียใช่มั้ยเนี่ย เมื่อก่อนมึงไม่ได้แรดแบบนี้” เคนจ้องหน้าเพื่อน ระหว่างที่ไม่เจอกัน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ซุปเปลี่ยนไปมากจริงๆ

“คนเรามันก็ต้องเปลี่ยนกันบ้างว่ะ อัครยังแมนขึ้นได้เลย ถ้าตอนนั้นกูได้อัครเป็นแฟน ก็กะจะขุนให้โตอยู่เหมือนกัน เพราะกูชอบโดนกอด”

เคนถึงกับทำหน้าไม่ถูก กลอกตาไปมาอย่างระอาใจ “แต่อัครมีแฟนแล้ว มึงต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน”

ซุปเอียงคอ ยืนกอดอกพิงขอบอ่างล้างหน้า มีคนเข้ามาใช้บริการในห้องน้ำของห้างฯ แค่คนสองคน เลยไม่ได้สนใจ เขาว่า “ไม่อ่ะ กูไม่เข้าใจ” แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เคน

“กูเคยเป็นคนที่มีความอดทนมาก มากจนเสียแม่งทุกอย่าง ถ้าไอ้เหี้ยพรีมไม่ขู่กูเรื่องอัคร กูก็คงไม่ปล่อยให้หลุดมือแบบนี้ จนมีคนมาแทนที่กูอย่างที่มึงเห็น กูพยายามจะลืมแล้วเว้ย แต่มันทำไม่ได้ พอกูเจอเขา กูก็ลืมไม่ลง กูจะทำให้อัครเปลี่ยนใจมาหากู และคราวนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางทางกูไม่ได้แล้ว”

เคนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เพื่อนพล่ามออกมา ถ้าให้เลือกระหว่าง อดทนจนต้องเสียทุกอย่างกับแย่งชิงมันกลับมา......เคนก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน

แต่เคนก็เคยสูญเสียทั้งเพื่อนและคนที่รักไปพร้อมๆ กัน เพราะไม่คิดจะแย่ง

“เอาที่มึงสบายใจ กูไม่ยุ่งแล้วกัน” เคนว่าพลางตบบ่าเพื่อน แล้วเดินออกไปก่อน อัครซื้อของเสร็จพอดี เลยมายืนรออยู่แถวๆ นั้นแล้ว

“ซื้ออะไรเยอะแยะเลยครับ” ซุปมองถุงซูเปอร์ที่อัครถือในมือข้างหนึ่งอย่างสนอกสนใจ ดวงตาพราวระยับแสดงออกชัดเจนว่าต้องการอะไร แต่อัครก็ยังคงยิ้มแย้มกลับไปอย่างสงบนิ่ง

“พอดีแฟนผมฝากมาน่ะครับ เขาชอบทำอาหาร”

ซุปทำตาลุกวาว ยิ้มกว้างพลางเขยิบเข้าไปใกล้ๆ จนไหล่เบียดกัน ถ้าอัครยังตัวเท่าเดิม การจะเดินเคียงข้างกันแบบนี้คงยากอยู่ “ผมก็ทำอาหารเก่งนะ ลองกินมั้ย”

“ไว้...คราวหลังแล้วกันครับ”

“อย่าลืมชวนกูด้วยล่ะ เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทั้งที กูไม่เคยกินอาหารฝีมือมึงเลยอ่ะซุป” เคนแทรกขึ้นทันทีพร้อมกับโผไปเกาะไหล่เพื่อนทั้งสองคนละข้าง สลับส่งยิ้มให้ทั้งคู่ไปมา อัครยิ้มตอบ แต่ซุปเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

......
...
ทั้งสามคนเดินเล่นกันไม่นาน อัครก็ซื้อของเรียบร้อยแล้ว เลยจะแยกกันกลับ เคนต้องขับรถกลับระยอง อยู่เย็นมากไม่ได้ และซุปไม่ได้เอารถมา อัครเลยอาสาไปส่งให้อย่างเสียไม่ได้

ต้องอยู่ด้วยกันสองคนจนได้

อัครคิดขณะเดินนำซุปไปที่รถ ปลดล็อคให้ซุปขึ้นไปนั่งรอก่อน ส่วนอัครเก็บของใส่ท้ายรถก่อนจะมานั่งประจำที่คนขับ

“รถคุณกลิ่นหอมจัง” ซุปสูดจมูกนิดๆ กับกลิ่นน้ำหอมในรถที่ไม่น่าจะใช่น้ำหอมปรับอากาศ กลิ่นหอมเย็นๆ ดมแล้วสดชื่นดี ก่อนที่ปลายจมูกจะเบนไปยังข้างแก้มของเจ้าของรถ

อัครสะดุ้งนิดๆ เอียงคอหลบน้อยๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียดมาก ก่อนจะสตาร์ทรถ ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกเย็นๆ ตรงแก้มทำเอาอัครใจแกว่งไปหน่อย เขาตอบยิ้มๆ “คงเป็นกลิ่นน้ำหอมผมมากกว่า”

“จริงด้วยครับ หอมสดชื่นมาก” ซุปยกยิ้มมุมปาก ขยับตัวมานั่งพิงหลังกับเบาะสบายๆ แล้วค่อยคาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อตัวรถเคลื่อนพ้นลานจอดรถ

“ของ Bvlgari น่ะครับ พอดีแฟนผมชอบ ปกติเขาเป็นคนซื้อมาให้”

“อัครดูรักแน็กจังเลยนะครับ พูดถึงตลอด” ซุปเลิกคิ้วนิดๆ เสมองไปข้างทางคล้ายกับชวนคุยทั่วไปแบบไม่จริงจัง แต่ในใจค่อนข้างรุ่มร้อนพอสมควร

ถ้าเป็นตัวเราที่ได้อยู่ข้างๆ อัคร ตอนนี้จะเป็นยังไงนะ?

อัครจะรัก จะหลงเราขนาดนี้มั้ย

“น่าอิจฉา”

“หืม?” เพราะคำนั้นซุปแค่พูดเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง อัครที่มัวตั้งอกตั้งใจขับรถเลยไม่ทันฟัง บ้านของซุปอยู่ไม่ไกลจากห้างฯ ที่นัดกัน ตามกูเกิ้ลแมพที่ซุปส่งพิกัดให้ “ใช่ซอยนี้มั้ยครับซุป”

“ครับ ตรงไป หลังที่สี่ หลังคาสีเทาๆ”

“โอเค” อัครหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้าไปในซอย แค่ไม่ถึงห้านาที ก็มาถึงหน้าบ้านเดี่ยวขนาดกลาง หลังคาสีเทาอ่อน รูปทรงแบบโมเดิร์นสมเป็นบ้านของสถาปนิก “หลังนี้ใช่มั้ย”

“ครับ” ซุปพนักหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่ยังไม่ลงจากรถในทันที “แวะก่อนมั้ย ผมอยากขอบคุณที่มาส่ง”

“แต่...”

“นะครับ”

อัครสบตาเป็นประกายนั้น ก่อนเหลือบลงมองมือที่จับต้นแขนไว้ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เลยพยักหน้าตกลงและขับรถเข้าไปจอดในรั้ว และเดินตามซุปเข้าไปในตัวบ้าน

“เงียบจัง ไม่มีใครอยู่เหรอครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน พื้นหินอ่อนเย็นสบายเท้าดีมาก อัครมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครสักคน

“ผมอยู่คนเดียวน่ะ แยกมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว พ่อช่วยดาวน์บ้านนี้ให้ แล้วก็อยู่กับครอบครัวของเขาไป” ซุปว่าพลางหาน้ำมาให้อัครดื่ม “เราไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้กันเลยเนอะ พ่อผมหย่ากับแม่ตั้งแต่ตอนผมอยู่ม.ต้นแล้ว ต่างก็มีครอบครัวใหม่ ตอนแรกผมก็อยู่กับพ่อ แต่มันอึดอัด ตอนมหาลัยเลยเลือกเรียนไกลๆ จะได้ไปอยู่หอ เรื่องนี้พวกไอ้พรีมก็ไม่เคยรู้”

อัครพยักหน้าขอบคุณที่ซุปหาน้ำมาให้ เขานั่งลงบนโซฟาสีดำสนิทตัดกับความขาวของตัวบ้าน บ้านหลังนี้นอกจากหลังคาสีเทาแล้ว ก็มีแค่สีขาวเป็นธีมหลัก กับเฟอร์นิเจอร์สีดำเป็นส่วนใหญ่

ซุปทิ้งตัวลงข้างๆ อัคร ส่งยิ้มหวานเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน อัครกะพริบตาเล็กน้อยพลางเขยิบหนีแบบเนียนๆ เพราะซุปเข้ามาใกล้มากเกิน “ถ้าไม่ใช่เพราะพรีมคอยขวางไว้ ตอนนั้นผมคงได้คุยกับคุณอีกหลายๆ เรื่องเลย”

อัครไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี เลยเลือกที่จะเงียบ พลันต้องสะดุ้งเมื่อมืออุ่นๆ แตะลงบนหลังมือที่ถือแก้วน้ำอยู่ เขากลืนน้ำลายดังอึก เห็นแต่ริมฝีปากสีอ่อนกับปลายคางของอีกฝ่ายตรงหน้า ไม่รู้ทำไม หน้ามันร้อนๆ แปลกๆ ขึ้นมา

“อัครลืมผมแล้วจริงๆ เหรอครับ”

เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของซุปก็เหมือนเดิมกับเมื่อตอนนั้น ท่าทีคุกคามแบบนี้ก็เหมือนเดิมเลย อัครรู้สึกว่าแผ่นหลังเปียกชื้น เขาเลื่อนมือออกจากมือของซุป เพื่อวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ ทว่า ยังไม่ทันจะปล่อยแก้วใบนั้นลง ก็ถูกคว้าคางให้หันหน้ากลับไป แก้วน้ำหลุดมือตกลงกลิ้งอยู่บนโต๊ะสีดำ ดวงตาของอัครเบิกโพลงด้วยความตกใจ

อาจจะด้วยวัยและประสบการณ์หลายๆ อย่างที่สั่งสมมา ซุปถึงได้รุกรวดเร็วแบบไม่ให้ตั้งตัว ไม่มีรีรอหรือลังเลแม้แต่น้อย

ริมฝีปากสีอ่อนที่เพิ่งจ้องมองไปเมื่อครู่กำลังบดเบียดลงมาราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเลือด ลิ้นร้อนๆ สอดแทรกชื้นแฉะ สองมือของซุปประคองใบหน้าของเขาแน่นหนาไม่ให้หลบหลีก ชันเข่าคร่อมหน้าตัก แล้วกดตัวนั่งทับลงตรงกลางกาย แอ่นตัวแนบหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อให้เสียดสีกันภายใต้เสื้อผ้า

เสียงลมหายใจไหลรวมกันปะปนมากับเสียงครางแผ่วๆ ซุปเอียงหน้าปรับองศาให้พอเหมาะ ตะโบมจูบเร่าร้อนเข้าใส่ อัครเลื่อนมือขึ้นขยำบั้นท้ายหนั่นแน่นอย่างเผลอไผล ไม่นานก็กลายเป็นคนคุมเกม รุกจูบอีกฝ่ายกลับอย่างรุนแรง ทั้งปากและลิ้นดูดเลียจนฉ่ำน้ำลาย ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...

......
...
“ทำไมกลับช้าวะ ไหนบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อนแป้ปเดียวไง ของที่ฝากซื้อล่ะ ไม่เน่าหมดแล้วเหรอเนี่ย” ทันทีที่เปิดประตูห้อง เสียงบ่นของแน็กก็ดังลอยมา อัครถอดรองเท้าเก็บเข้าที่พลางถอนหายใจเบาๆ

“โทษที คุยกันเพลินไปหน่อย” เขายื่นถุงของที่ฝากซื้อไปให้ “ทำไรอยู่”

แน็กรับถุงไปพลางตอบ “รอทำกับข้าวเนี่ย กินมาแต่ข้าวกลางวันใช่มั้ย”

“ครับ”

“งั้นรอแป้ป แน็กจะรีบทำข้าวเย็นให้ ขอบคุณที่ซื้อของให้นะ” คนตัวเล็กเขย่งเท้าหอมแก้มเขาทีหนึ่งอย่างเอาใจแล้วรีบวิ่งเข้าครัว เตรียมทำอาหารเย็น

อัครมองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไปด้วยดวงตาเหม่อลอย ก่อนจะหรุบตาลงอย่างรู้สึกผิด เดินไปหาที่นั่งพักสมองและสายตา

เราทำอะไรลงไป? อัครถามตัวเองซ้ำๆ มาตลอดทาง

รู้ว่าซุปอยากสานสัมพันธ์ที่ขาดหายไป แต่ตอนนี้ต่างก็มีคนอื่นในชีวิตแล้ว สิ่งที่กำลังทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ไม่ควรให้มันเกิดขึ้น แม้จะแค่...จูบ...ก็ตามที

ครั้งนี้แค่จูบ ถ้าครั้งหน้าเจอกันอีกล่ะ? จะไม่แย่ยิ่งกว่านี้หรือ?

อัครพาดแขนก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ เขาต้องตัดให้ขาด ต้องเลิกยุ่งกับซุป ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ เขามั่นใจว่าห้ามตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็รุกเร็วปานสายฟ้า แถมยั่วกันขนาดนั้น

ยอมรับตรงนี้เลยว่า จูบของซุปทำเอาใจสั่น หวั่นไหวไปเกินครึ่งแล้ว ถ้าเขาไม่ตั้งสติแล้วรีบขอตัวกลับ คงได้...

อัครคิดพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สัมผัสของซุปยังคงติดตรึงอยู่บนริมฝีปากและแถวท้องน้อย ตอนที่มืออุ่นๆ กำลังไล้ต่ำลงไปใต้ขอบกางเกง เขาพยายามสะบัดหัวไล่ความรู้สึกวาบหวามพวกนั้นออกไปให้พ้นอย่างหงุดหงิด

“โธ่เว้ยยยย”

tbc
ตอนนี้แต่งเรื่องใหม่แบบไม่เน้นดราม่าอยู่ ถ้ามีคนอ่านก็จะเอามาลงเรื่อยๆ น้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 22 [7/9/18] PART2.7
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-09-2018 11:05:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
นี่คิดว่าพรีมต้องได้กับแน็ก มั้งนะ..

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
นึกขึ้นได้ว่าลืมอัพในนี้...ยังมีคนอ่านมั้ยนี่ ลืมกันไปหมดแล้วววววฮ่าๆ ติดธุระทางบ้านมากมาย ไม่ค่อยได้แต่งต่อเลย
มีแค่ฟิคที่ปิดไปเรื่องนึง เฮ้ออออ แต่งไม่ออก เครียดทั้งงานทั้งบ้าน เอาชีวิตตัวเองมาแต่งซะเลยดีมั้ยเนี่ย

ส่วนตอนนี้ก็...ยังไม่มีอะไรคืบหน้าตามเคย แต่ยืนพื้นที่คู่อัครแน็กแน่นวล



23
“เออ เดี๋ยวกูเข้าไปพรุ่งนี้แล้วกัน” พรีมเดินออกจากผับพลางคุยโทรศัพท์กับอัคร ที่โทรมาชวนไปกินข้าวเย็นที่ห้อง เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยแบบส่วนตัว ไม่อยากคุยผ่านมือถือ น้ำเสียงของอัครดูร้อนรนแปลกๆ เหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจ เขาเลยไม่อยากปฏิเสธ ทั้งที่จริงก็อึดอัดนิดหน่อยกับสายตาของแน็ก

“เค เจอกัน ฝากความคิดถึงถึงน้องแน็กแฟนมึงด้วยนะ ฮ่าๆ ไอ้เหี้ย กูล้อเล่น ไอ้อัคร! เหวออออ”

เพราะมัวแต่ตกใจที่อัครตะโกนบอกคิดถึงแน็กให้จริงๆ เลยไม่ทันระวังทางข้างหน้า พรีมสะดุดเกือบล้มหน้าคะมำ โชคดีที่มีคนเดินอยู่ข้างหน้า เลยหัวกระแทกกับหัวคนข้างหน้าแทน เจ็บไม่มากเท่าล้มหน้ากระแทกพื้นแน่นอน

“ขอโทษ...ครับ?” พรีมตั้งใจจะขอโทษขอโพย แต่คนที่หันหน้ากลับมา พอเห็นหน้าเขาก็ถลึงตาใส่ ทำหน้าเหมือนจะฆ่าแกงกันด้วยเรื่องแค่นี้

“มึงอีกแล้วเหรอวะ!? เป็นเหี้ยไรนักหนา ถึงได้ชอบชนกูนัก”

“อะไรวะเชน?” เพื่อนของเด็กหัวเกรียนข้างหน้าพรีมหันมามองเขากันเป็นแถบ

1 2 3 4…ทั้งหมด 5 คน แม้จะเป็นเด็กหัวเกรียน หน้าตาเหมือนยังไม่หย่านมแม่ แต่ก็หลายตีนอยู่ พรีมเลยเลือกที่จะถอย แม้จะไม่รู้ว่าเด็กพวกนี้เคยรู้จักมักจี่กันตอนไหนก็ตาม

“เอ่อ พี่ไม่ได้ตั้งใจครับ ขอตัว...”

หมับ!

คอเสื้อถูกกระชากอย่างแรงจากเด็กคนที่โดนเขาชนเมื่อกี้ พรีมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ คิ้วขมวดเข้าหากันทันที หูแว่วเสียงของอัครดังมาจากในมือถือ เหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่มีเวลาตอบ

“เรื่องคราวก่อนกูยังไม่ได้เอาเลือดหัวมึงออกเลยนะไอ้สัตว์”

“เดี๋ยวๆ เรื่องอะไร? พี่ไม่รู้เรื่อง...ปล่อยก่อน” พรีมพยายามร้องขอลนลาน ถึงจะเป็นเสือผู้หญิงสิงผู้ชาย แต่เรื่องต่อยตีไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อายุขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กกะโปกชอบหาเรื่องเสียด้วย เลยต้องงัดไม้อ่อนสุดๆ มาใช้
“ขอโทษจริงๆ ถ้าทำให้น้องไม่พอใจ เลิกแล้วต่อกันนะครับ”

“ไอ้เหี้ย!” แรงกระชากที่คอมาพร้อมคำสบถด่าดังลั่นจนหน้าชา พรีมกลืนน้ำลายดังอึก

“พี่จำไม่ได้ว่าเคยเจอกัน ถ้าเคยทำอะไรไว้ ขอขมากันตรงนี้เลยนะ ขอเถอะ พี่ไม่ชอบมีเรื่องกับเด็ก”

คำว่า “เด็ก” เหมือนทำให้เส้นสติของเด็กหนุ่มหัวเกรียนขาดผึง มือกำแน่นง้างขึ้นจะต่อยหน้าเขา แต่พรีมดึงตัวเองออกมาจากมือที่รั้งคอเสื้อได้แล้วรีบถอยหลบ ก่อนจะออกวิ่งสุดชีวิต

“มันหนีแล้ว มึงก็พอเหอะเชน”

เสียงเพื่อนๆ ไอ้เด็กนั่นช่วยชีวิตของพรีมไว้จริงๆ ทีแรกพรีมนึกว่าจะโดนรุมเละ แต่เหมือนเพื่อนของน้องเขาจะไม่เอาเรื่องด้วย พรีมวิ่งมาไกล เหลียวหลังไปไม่มีคนตามก็พรูลมหายใจแรงๆ ก่อนจะหาที่นั่งพักกับพื้นร้อนๆ ริมถนน อัครตัดสายไปแล้ว แต่สักพักก็โทรกลับมาใหม่

[เกิดไรขึ้นวะ! มึงมีเรื่องเหรอ เป็นอะไรรึเปล่า?]

ความห่วงใยจากเพื่อนเก่าเพียงคนเดียวของเขา ทำให้พรีมอมยิ้มกับตัวเอง

ทำไม...ตอนนั้นถึงไม่เคยเห็นความดีของเพื่อนคนนี้

ทำไมถึงได้คิดจะทำร้ายเพื่อนตัวเอง

ทำไมถึงหน้ามืดตามัวไปกับคนคนนั้นจนทำร้ายใครต่อใครตั้ง

ทั้งอัคร...ทั้งเคน...

พรีมหลับตาลงช้าๆ ถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบ “ไม่เป็นไร...กูวิ่งหนีมาได้แล้ว เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อน”

[รีบกลับเลยมึง มาไทยก็เอาแต่เที่ยวที่แบบนั้น วันนี้ไม่เมาใช่มั้ยวะ] อัครทำเสียงเข้มใส่เหมือนพ่อดุลูกจนพรีมนึกขำ แล้วก็เผลอหัวเราะออกมาจริงๆ [ขำมากไอ้สัส กลับเดี๋ยวนี้เลย]

“เออๆ รู้แล้วครับพ่อ”

[เหี้ย กวนตีนนะมึง กูวางนะ กลับดีๆ]

“อือ” พรีมก้มมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้ามืดๆ ไร้แสงดาวในเมืองใหญ่ เขาลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นจากกางเกงแล้วมองหาแท็กซี่ที่จะเรียกกลับบ้านในคืนนี้

******

อัครวางสายจากพรีมเมื่อแน่ใจว่าเพื่อนกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ก่อนจะกอดร่างเล็กที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ

“อ้อนเอาไรเนี่ย” แน็กหันไปมองหน้าอัครอย่างรู้ทัน อัครจูบแก้มนุ่มแรงๆ ทีหนึ่งแล้วซบหน้าลงบนบ่าของคนรัก

“พรุ่งนี้แน็กต้องไปทำงาน เราไม่ทำอะไรหรอก”

“วันๆ คิดอยู่เรื่องเดียวเลยนะเดี๋ยวนี้” แน็กทำเสียงประชด แต่แอบขำนิดๆ เมื่อเห็นอัครหน้ามุ่ยใส่

“อีกไม่กี่วันต้องไปทำงานแล้วนี่ เราก็อยากจะกอดจะหอมแฟนเราเยอะๆ สิ รอบนี้ไปนานเกือบเดือนเลยนะ”

“รู้หรอกน่า” แน็กวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วหันไปกอดอัครบ้าง หอมแก้มแล้วก็จูบปากเบาๆ “นอนยัง? เริ่มง่วงแล้วอ่ะ”

อัครคลี่ยิ้ม “ครับผม”

......
...
เช้าวันต่อมา อัครไปส่งแน็กที่บริษัทเหมือนเคย ก่อนจะขับรถต่อไปซื้อของเข้าบ้าน เพราะวันนี้พรีมจะมากินข้าวเย็นด้วย ระหว่างที่เดินเลือกซื้อผักและของสดในซูเปอร์ ก็คิดไปด้วยว่าจะปรึกษาเรื่องของซุปกับพรีมยังไงดี เรื่องนี้เคนก็รู้แล้ว แต่จะเรียกมาทีเดียวสองคนคงไม่ดีแน่ เพราะเคนคงยังไม่อยากเจอหน้าพรีม

“อ้าว? อัคร”

“เอ๊ะ? ไดซ์?” อัครแปลกใจนิดหน่อยที่เจอไดซ์แถวนี้

“มาซื้อกับข้าวเหรอ เยอะเชียว” ไดซ์ชี้ไปที่รถเข็นของเขา อัครยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้ารับ

“ไว้ให้แน็กทำข้าวเย็นน่ะ ไดซ์มาทำไรแถวนี้”

“อ้อ วันนี้เคนมาประชุมที่สาขาใหญ่น่ะ เลยจะค้างด้วย เราเลยมาหาของทำกับข้าวเหมือนกัน” ไดซ์ว่าพลางหยิบของใส่ตะกร้า คุยกันเล็กน้อย แล้วอัครก็นึกอยากถามบางเรื่องขึ้นมา

“เอ่อ เราถามได้มั้ย เรื่องเคน”

“เรื่อง?” ไดซ์มองหน้าเขาแล้วยิ้มให้ คล้ายจะอนุญาตให้ถามได้ อัครจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยถาม

“...กับเคน ไปกันได้ดีมั้ย คือเราแค่อยากรู้”

เพราะอัครถามแล้วก็ทำท่าลำบากใจเอง ไดซ์เลยหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ถามได้ๆ เคนเล่าให้ฟังแล้วล่ะ เรื่องเมื่อก่อน”

“เอ๊ะ? จริงดิ?” เขาไม่คิดว่าเคนจะกล้าเล่าเรื่องแบบนั้น อัครทำหน้าตระหนกตกใจจนไดซ์ขำหนักกว่าเดิม

“จริงๆ มันผ่านมานานแล้ว เราโอเคนะ ตอนแรกก็สับสน กลัวเหมือนกันว่าเคนจะชอบเราได้จริงๆ เหรอ แต่เขาก็บอกว่า ตอนนี้เขา เอ่อ รักเราแค่คนเดียวน่ะ” สีหน้าของเธอเอียงอายนิดๆ แก้มก็แดงปลั่ง

ไดซ์คงจะรักเคนมากจริงๆ

“อืม...งั้นก็ดีแล้วล่ะ” อัครพยักหน้ากับตัวเอง

ถ้าไดซ์กับเคนรักกันดี มีความสุข ในฐานะเพื่อน เขาก็ย่อมยินดี

ดังนั้น...ไม่จำเป็นจะต้องให้เคนมารับรู้เรื่องของซุปกับพรีมอีกแล้ว

อัครคิดว่าดีแล้วที่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้เคนฟังมากกว่านี้ แต่กับพรีม คงต้องเล่า เพราะอย่างน้อย พรีมอาจจะช่วยดึงซุปออกไปจากตนได้

ทว่า

“กูไม่อยากเจอมันอีกแล้วว่ะ”

คำตอบของพรีมในวันนี้ ทำให้อัครเสียใจนิดหน่อยที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้พรีมฟัง เขาไม่น่าทำให้พรีมต้องนึกถึงมัน ไม่น่าทำให้พรีมต้องรับรู้เรื่องของซุปเลย

“โทษทีว่ะ กูนึกว่ามึง...จะยัง...”

“กูยัง...ยังคิดถึงมัน แค่นั้น” พรีมว่าพลางจิบไวน์แดงในแก้ว หลังจากจบมื้ออาหารค่ำกันไปแล้ว แน็กเข้าไปอ่านหนังสือในห้อง ปล่อยให้พวกเขาสองคนได้คุยกันประสาเพื่อนเก่า

การที่อัครนัดพรีมมาคุยที่ห้อง แสดงว่าต้องการคำปรึกษาจริงจัง ไม่ได้คิดจะหวนรำลึกความหลังอะไรทั้งสิ้น และแน็กก็เข้าใจในจุดนั้น เลยไม่คิดมากอีกแล้ว อย่างน้อยอัครก็ไม่ไปนัดเจอพรีมข้างนอกสองคน และมันคือความจริงใจที่อัครมีให้

“กูคิดถึงมันทุกครั้งที่เห็นไม้กลองกับกีต้าร์เก่าๆ ในห้องนอน ตอนมองของขวัญชิ้นแรกที่มันให้กู”

“มึงโรแมนติกกว่าที่คิดนะเนี่ย” อัครแกล้วแซวติดตลก ทำพรีมเบ้ปากนิดๆ

“ไม่โรแมนติกหรอก กูไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับมันเลย ถึงคบกันก็ไม่ต่างจากตอนเป็นเพื่อน อย่างเดียวที่ได้เพิ่มมาคือ...เซ็กส์”

ถึงตรงนี้ อัครสูดลมหายใจเบาๆ ยืดหลังตรงเล็กน้อยแล้วฟังต่อเงียบๆ

“กูเคยรักมันมากนะอัคร รักจนต้องเสียเพื่อนคนนึงไป และตอนนี้กูก็เหลือแค่มึง” พรีมก้มหน้ามองแก้วไวน์ในมือที่เหลือน้ำสีแดงเข้มอยู่เล็กน้อย “ถ้าต้องเจอมันอีก กูคงใจไม่แข็งพอว่ะ ขอโทษที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ” อัครเอนหลังพิงเบาะ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อัครชอบดื่มไวน์ และบางครั้งก็ดื่มเหล้ารสเข้มที่ซื้อติดมือมาจากต่างประเทศเวลาไปทำงาน

เวลาที่ดื่มพวกมัน อัครรู้สึกเหมือนความทรงจำที่เคยมีมันจะค่อยๆ ถูกลบเลือนไปได้ ทีละน้อย

ทีละเล็กละน้อย

การปรึกษากับพรีมก็ไม่ได้แย่ เหมือนต่างคนต่างระบายเรื่องเก่าๆ ในใจออกมาจนหมดเปลือก ยิ่งดื่มกันจนเมามายด้วยแล้ว ยิ่งกล้าเปิดเผยความรู้สึกกันมากขึ้น

อัครไม่ได้ชอบพรีมแล้วจริงๆ เขามองพรีมเป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งได้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทันรู้ตัวเหมือนกัน

ส่วนพรีมก็ไม่เคยคิดอะไรอยู่แล้ว

......
...
“เดี๋ยวผมกลับก่อนแล้วกัน” พรีมบอกแน็กที่ลุกมาช่วยพยุงอัครไปนอนต่อบนเตียง ปกติอัครไม่ได้คออ่อนหรือดื่มเยอะจนเมา แต่ช่วงนี้คงเครียดๆ บางอย่าง เลยดื่มจัด ทั้งเหล้า ไวน์ หมดไปหลายขวด

“ค้างก็ได้นะ มันดึกแล้ว แถมพรีมก็เมาอยู่ใช่มั้ย?” แน็กมองตามด้วยสายตาห่วงใยนิดๆ ยังไงพรีมก็เป็นเพื่อนของอัคร เพื่อนเก่าที่อัครรักมาก

“ไม่ดีกว่า ผมกลับแท็กซี่ได้” ในเมื่อพรีมว่าอย่างนั้น แน็กก็ไม่อยากตื้อ พาอัครไปนอนดีๆ แล้ว แน็กก็หาเสื้อคลุมมาใส่ วิ่งตามพรีมไป เพื่อจะไปส่งขึ้นรถที่หน้าคอนโด ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ แค่นี้เอง” พรีมยิ้มบางๆ ให้แน็กที่ตามเข้ามาในลิฟท์ ทั้งที่ใส่ชุดนอนบางๆ สวมทับด้วยเสื้อคลุมที่ไม่ได้หนาไปกว่ากันนัก

แน็กตัวเล็กเท่าเดิมไม่เปลี่ยนไปจากครั้งนั้นที่เคยเจอเลยสักนิด ไหล่เล็กๆ บางๆ นั่น แค่แตะเบาๆ พรีมยังไม่กล้า

ก็ของรักของหวงของอัครนี่นะ

“เพื่อนของอัครก็เหมือนเพื่อนผม ต้องดูแลให้ดี” แน็กเองก็ยิ้มให้เช่นกัน ลิฟท์เลื่อนลงไปจนถึงชั้นล่างสุด รถที่พรีมเรียกไว้มาจอดรอหน้าตึกพอดี

พรีมเหมือนจะลังเลนิดหน่อยว่าจะบอกลาแฟนของเพื่อนยังไงดี เลยแค่ยกมือขึ้นข้างตัวในระดับใบหู โบกเบาๆ สองสามครั้ง แน็กก็โบกมือตอบ

“ผมไปก่อนนะครับแน็ก”

“ไว้เจอกันใหม่นะพรีม”

รอยยิ้มของแน็กงดงามและสดใส

พรีมเปิดประตู ก้าวขึ้นไปนั่งด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจ

“ผมกินได้ทุกอย่าง แต่ชอบมะเขือเทศสด”
 ...“ชอบแบบผัดเละๆ ใช่มั้ย”
“ใช่เลย รู้ได้ไงเนี่ย”


“อัครก็ชอบเหมือนกัน”

 
tbc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2018 19:43:32 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
24
เวลาที่คิดอะไรเพลินๆ พรีมมักจะชอบใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยริมฝีปากตัวเองเล่น และตอนนี้เขาก็กำลังทำแบบนั้น

แน็กกำลังหันหลังทำอาหารอยู่ในครัว คนตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งที่น่าจะเป็นเสื้อของอัครกับกางเกงยีนส์ขาสั้นแค่เข่า ทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนลายน้องหมีผืนเดิมที่อัครเป็นคนซื้ออีกเช่นกัน สะโพกและบั้นท้ายบางๆ ขยับเคลื่อนไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว และมันก็ดูน่ามองเอามากๆ สำหรับพรีม

สมัยม.ปลาย พรีมก็เคยควงแต่สาวๆ รูปร่างคล้ายๆ แบบนี้ ถ้าแน็กมีหน้าอกสักหน่อยก็ใช่เลย ผู้ชายเพียงสองคนที่พรีมได้ลิ้มลองก็มีแค่เคนกับซูป ซึ่งไม่ได้มีความน่ารักบอบบางเลยสักนิด และชีวิตนี้ก็ไม่คิดว่าจะสนใจผู้ชายคนไหนอีกแล้ว โดยเฉพาะพวกที่ดูอ่อนแออ้อนแอ้น

แต่แน็กก็ไม่ได้ออกสาว ไม่ได้อ้อนแอ้นสะดีดสะดิ้งอะไร เป็นผู้ชายตัวเล็ก แต่ไม่ได้เหมือนผู้หญิงตรงไหน แน็กจัดว่าหน้าตาดีแบบผู้ชายทั่วไป ไม่ได้ออกสวยหวานจนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงได้

“พรีม!”

“ห๊ะ?” คนที่มัวแต่มองเพลินแถมยังแอบคิดไม่ดีกับแฟนเพื่อนถึงกับสะดุ้งโหยง เหมือนแน็กจะเรียกอยู่นานแล้ว คนตัวเล็กยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้า ในมือข้างหนึ่งมีที่ตักซุป

“เหม่ออะไรน่ะ มาช่วยชิมหน่อยสิ” แน็กพยักหน้าเรียก แล้วหันหลังกลับที่เดิม ก่อนจะตักซุปในหม้อใส่ช้อนคันเล็กส่งมาให้ชิม

พรีมรับช้อนมาอย่างขัดๆ เขินๆ เป่าให้หายร้อนแล้วลองแตะปลายลิ้นดู “อืม...” เขาครางในคอก่อนจะซดซุปเนื้อวัวเข้าปากจนหมดช้อน “อร่อยแล้วครับ”

“โอเค งั้นก็ตักข้าวได้เลย” พ่อบ้านคนเก่งบอกอย่างอารมณ์ดี ให้พรีมตักข้าวใส่จานมาวางบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็ตักซุปใส่ชาม ตามด้วยปลาทับทิมทอดกรอบราดน้ำซอสเผ็ดๆ อีกจานมาวางด้วยกัน

แน็กนั่งลงตรงข้ามกับพรีม ต่างคนเตรียมช้อนส้อมพร้อมลุย กับมื้ออาหารเย็นที่ช่วงนี้พรีมมาขอฝากท้องด้วย ปกติถ้าอัครไม่อยู่ แน็กไม่ค่อยทำอาหารกินเองเท่าไหร่ แต่เสาร์อาทิตย์ก็ทำบ้าง เพื่อจะได้ประหยัดเงิน แต่จะทำกินคนเดียวก็เหลือทิ้งหรือไม่ก็เน่าเสีย เลยนึกออกว่าควรจะชวนพรีมมากินด้วย ไหนๆ ช่วงนี้พรีมก็มาที่ห้องบ่อยๆ อยู่แล้ว พอบอกอัครไปแบบนั้น อัครก็เลยบอกพรีมให้อีกต่อ

“อัครกลับวันไหน”

“ศุกร์หน้าน่ะ” แน็กตอบพลางตักข้าวเข้าปาก แรกๆ ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพรีม แต่พอกินข้าวด้วยกันผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ก็ค่อยๆ สนิทใจที่จะคุยมากขึ้น พรีมเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยเกร็งใส่กัน

“งั้นอาทิตย์หน้า ผมก็อดกินข้าวกับแน็กแล้วสิ” พรีมถือช้อนตักซุปค้างไว้แล้วมองแน็กด้วยแววตาละห้อย ซึ่งแน็กที่คิดว่าพรีมแกล้งทำ ก็เหลือบมองแล้วหัวเราะ

“หน้าตลกอ่ะ”

“ผมจริงจังอยู่นะ” พรีมขดปลายคิ้วเข้าหากันจนมันเป็นปม ยิ่งดูตลกกว่าเดิม และแน็กก็ยิ่งขำหนัก

“อย่าทำคิ้วแบบนี้ดิ” คนตัวเล็กกว่าเอื้อมมือไปนวดหว่างคิ้วของพรีมให้คลายออก “ถึงอัครอยู่ก็มาได้ กับข้าวเยอะแยะ”

“ไหนบอกว่าทำกินเองจะได้ประหยัดไง ถ้าผมมาเพิ่ม ก็เปลืองอ่ะดิ นี่แค่มากินแทนไอ้อัครมัน”

“ก็บอกว่าอย่าขมวดคิ้ว ดูดิ หน้าผากย่นเป็นหมาปั๊กเลย” แน็กหัวเราะเสียงใส เพราะไม่ว่าจะทำยังไง พรีมก็ไม่ยอมเลิกขมวดคิ้ว

“เลี้ยงผมแทนหมาก็ได้นะ ผมเลี้ยงง่าย เชื่องมากด้วย” พรีมว่าพลางงอมือสองข้างตรงอก แลบลิ้นส่งเสียงแฮ่กๆ เหมือนหมาตัวโตๆ แน็กก็เลยยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่

“พออัครกลับมา พรีมก็ต้องบินกลับอังกฤษไม่ใช่รึไง” แน็กนึกขึ้นได้ ว่าพรีมอยู่ไทยแค่สองเดือนเท่านั้น ซึ่งเลยกำหนดมาสักพักแล้ว เพราะเจ้าตัวบอกอยากอยู่เป็นเพื่อนแน็ก จนกว่าอัครจะกลับมา

“พอไอ้อัครมาปุ๊ป ก็จะไล่ผมกลับเลยเหรอ?” ทั้งแววตาและน้ำเสียงตัดพ้อเล็กๆ นั้น ทำให้แน็กไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าพรีมอีก

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพรีมคิดอะไรอยู่ ระหว่างที่อัครไม่อยู่ พรีมมาหาที่ห้องทุกอาทิตย์ เย็นก็ไปรับที่ทำงาน จนเพื่อนๆ พี่ๆ บางคนเข้าใจผิดด้วยซ้ำว่าแน็กมีแฟนใหม่ พรีมไม่ได้แสดงท่าทีอย่างโจ่งแจ้งก็จริง แต่นัยน์ตาคู่นั้นมันบอกมากพอแล้ว

แน็กรู้เรื่องที่พรีมแย่งซุปไปจากอัครแบบหน้าตาเฉย แต่นั่นก็เพราะพรีมชอบซุปมาก่อนอัคร แล้วสองคนก็ยังไม่ได้เป็นแฟนหรือคบหากันแบบลึกซึ้ง และครั้งนี้พรีมไม่ได้คิดจะแย่ง แค่อยากอยู่ใกล้ๆ อยากเป็นตัวแทนของอัครในช่วงที่แน็กต้องอยู่คนเดียว แม้บางครั้งแน็กจะอึดอัดกับสายตาและคำพูดของพรีม แต่การมีพรีมอยู่ด้วยก็ทำให้หายเหงาจริงๆ

“ผมกะว่ากลับไปคราวนี้ จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”

แน็กเงยหน้าทันที พรีมหันหน้ามองไปทางระเบียง ถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับเหนื่อยเต็มที “จริงๆ ไม่อยากกลับมาเลยด้วยซ้ำ ที่ที่มีไอ้ซุปอยู่ ผมทำใจไม่ได้”

ใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากครั้งแรกที่เคยเจอกัน หันกลับมามองหน้าแน็กอีกครั้ง คนตัวเล็กสะดุ้งนิดหน่อย เพราะสีหน้าอ่อนโยนนั้น

“แต่ผมดีใจที่ได้กลับมาเจอแน็กกับอัครนะ”

ความเอาใจใส่ของอัครและความน่ารักสดใสของแน็ก ช่วยให้พรีมไม่รู้สึกเหงาและคิดถึงคนที่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แน่นอนว่ามันเหมือนเป็นเวรกรรมที่เขาเคยทำไว้กับคนอื่น พรีมรู้ข้อนั้นดี และจะไม่ทำให้ใครต้องเจ็บอีกแล้ว

“จะไม่กลับมาอีกจริงๆ เหรอ”

คงเพราะแน็กถามแบบนั้นด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ พรีมเลยเงียบไปอึดใจ เขากำลังตัดสินใจ

แน็กเงยหน้ามองมือที่วางแปะลงบนหัวแล้วมองหน้าพรีมที่กำลังยิ้มกว้าง คำตอบที่ได้รับ ทำให้สีหน้าของคนตัวเล็กสดชื่นขึ้น

“มีเพื่อนดีๆ รออยู่ที่นี่ตั้งสองคน ไม่กลับไม่ได้หรอก เนอะ”

******

“ลงเครื่องแล้วครับ เดี๋ยวรีบกลับนะ ไปรอที่ห้องก่อนเลย” อัครคุยกับคนรักผ่านโทรศัพท์ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน มือหนึ่งเข็นกระเป๋าเดินทาง อีกมือก็จับสมาร์ทโฟนไว้ มีเพื่อนๆ ที่ทำงานรอบเดียวกันเดินนำหน้าออกจากเกท

“อัคร เดี๋ยวเจอกันที่ห้องเดิมตอนสี่โมงเย็นนะคะ” เสียงหัวหน้าลูกเรือตะโกนบอก ก่อนจะพาคนอื่นๆ ทยอยไปห้องพักกันก่อน ส่วนอัครขอคุยกับแน็กให้เสร็จแล้วค่อยตามไป เขาพยักหน้าให้หัวหน้า คุยต่ออีกสักพักแล้ววางสาย

เพื่อนร่วมงานน่าจะกำลังพักผ่อนกันในเล้าจ์ของพนักงาน อัครมองนาฬิกาข้อมือ อีกสามสิบนาทีจะถึงเวลาประชุมสรุปไฟลท์นี้ มีเวลาพอให้พักดื่มน้ำและกินขนมรองท้อง ก่อนจะได้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เขาก้าวขาเดินต่อ อีกไม่กี่สิบเมตรจะถึงเล้าจ์พยักงานแล้ว

“อัคร!” เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง ทำให้อัครชะงักขาไว้แล้วหันไปมอง เสียงนั้นมันคุ้นมากและเขาก็รู้สึกไม่อยากให้ลางสังหรณ์วันนี้เป็นจริงอย่างบอกไม่ถูก

“...ซุป?”

ซุปวิ่งเข้ามาหาหน้าตาท่าทางดีอกดีใจที่ได้เจอ ส่วนอัครนั้นได้แต่ยืนนิ่ง รอจนซุปเข้ามาใกล้ๆ เขาได้สติตอนที่แขนซ้ายซึ่งไม่ได้จับกระเป๋าถูกคว้าไปกอดไว้

“นึกว่าจะหาไม่เจอซะแล้ว ผมมารอตั้งแต่เที่ยงเลยนะ” ซุปว่าหน้างอนๆ นิดหน่อย ซึ่งมันทำให้อัครต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่ได้นัดกันไว้

“รู้ได้ไงว่าผมกลับวันนี้?”

“เรื่องของอัครผมรู้ทั้งนั้นแหละ” ซุปคลี่ยิ้ม กอดแขนอัครแน่นขึ้นอีก “กลับบ้านเลยมั้ย หรือต้องทำงานต่อ?”

“ผมมีประชุมตอนสี่โมง แต่คงไม่นาน” อัครตอบ พยายามจะขยับแขนออกแบบเนียนๆ

“อัครแต่งตัวแบบนี้โครตหล่อเลยอ่ะ เท่สุดๆ เลยนะ”

“เมื่อก่อนคุณชอบชมว่าผมน่ารัก”

ซุปเอียงคอนิดๆ มองหน้าอัคร ที่พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็เหมือนจะเขินนิดหน่อย อัครส่งเสียงกระแอมไอเบาๆ ในคอ เสมองไปอีกทาง พลันสายตาก็เหลือบเห็นอีกคน ซึ่งเป็นคนที่นัดไว้ให้มารับ ซุปมองตามปลายสายตาของอัครไป และหยุดชะงัก

“พรีม...”

“ไง ซุป”

......
...
ระหว่างที่รออัครประชุม พรีมกับซุปก็นั่งในร้านอาหารแถวๆ นั้น เป็นร้านที่ขายทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม อัครสั่งลาเต้เย็นเพิ่มวิปครีมไว้ให้พรีมอย่างรู้ใจ เพราะชอบกินแบบเดียวกัน ส่วนของซุปเป็นเค้กส้มกับเอสเพรสโซ่ปั่น

“...”

“......”

ต่างคนก็ต่างเงียบ ทั้งที่บรรยากาศในร้านค่อนข้างครึกครื้น เนื่องจากมีกลุ่มครอบครัวพาเด็กๆ ไปเที่ยวมานั่งกินขนมกันในร้านหลายกลุ่ม ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเพิ่มสีสันให้บรรยากาศ แต่มุมหนึ่งของร้านที่สองคนนี้นั่งอยู่กลับดูอึมครึมและเงียบงันจนแทบไม่มีใครกล้าเดินผ่าน

พรีมนั่งกอดอก มองแก้วลาเต้กับวิปครีมที่เริ่มละลายเป็นเนื้อเดียวกันบนโต๊ะตรงหน้า คิ้วของเขาขมวดปมเล็กน้อย เสียงถอนหายใจดังแล้วดังอีกอยู่ข้างในอก ส่วนซุปก็นั่งตักเค้กกินเงียบๆ มองไปนอกร้านที่มีผู้คนทั้งที่เตรียมตัวเดินทางและกลับมาเดินผ่านกันไปมาขวักไขว่ ซุปเอนหลังพิงเบาะ เลียครีมส้มที่ติดส้อมพลางมองไปเรื่อยเปื่อย

“นี่มึงจะไม่พูดอะไรเลยเหรอวะ”

“แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ”

พรีมถามและซุปก็ตอบทันทีราวกับรอให้พรีมเป็นฝ่ายพูดก่อนแล้วจะรีบตอบกลับ พอคุยกันแค่สองประโยคนั้นก็เงียบอีก มันอึดอัดจนพรีมถอนหายใจออกมาจริงๆ แถมเสียงดังมากด้วย

“...มึงกลับมาเมื่อไหร่” คราวนี้ซุปถามบ้าง และพรีมก็คลายแขนที่กอดอกไว้ออก ก่อนจะตอบ

“เมื่อสองเดือนที่แล้ว อาทิตย์หน้าก็จะกลับไปแล้ว” พรีมเลือกที่จะไม่บอกว่าหลังเคลียร์งานกับทางนั้นแล้วจะกลับมาทำงานที่ไทย หรือจะอยู่ที่ไหนยังไง เพราะคิดว่าซุปคงไม่จำเป็นต้องรู้ แต่มีเรื่องที่พรีมติดใจสงสัยอยู่

“มึงมาหาอัครทำไม”

ซุปไม่ตอบ เพียงแค่อมยิ้มแล้วเงยหน้ามองเพดาน จนพรีมต้องถามย้ำอีกครั้ง

“อัครมันมีแฟนแล้ว กับมึงมันจบไปตั้งนานแล้วนะ”

ซุปกดคอลงมาที่เดิมทันทีแล้วจ้องหน้าพรีมอย่างขุ่นเคือง สีหน้าของซุปทำให้พรีมถึงกับสะอึก “คนที่ทำให้จบก็คือมึงไงไอ้พรีม”

ความเงียบเข้ามาเยือนอีกครั้ง และคราวนี้นานจนซุปอยากจะลุกไปจากตรงนี้ ทว่า...เสียงของพรีมได้ฉุดรั้งเอาไว้ก่อน

พรีมมองหน้าซุปอย่างจริงจัง ก่อนจะเอ่ยคำคำนั้นออกมา

คำที่ทำให้ซุปนึกอยากจะหัวเราะ แต่ดันขำไม่ออก

“กูขอโทษ”

“...ส สายไปป่ะวะ พอเหอะ เรื่องเก่าๆ กูไปหาอัครดีกว่า น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

หมับ!

พรีมคว้ามือของซุปไว้แน่น ก่อนที่จะลุกออกจากร้านไป ซุปก้มมองพรีมอย่างไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจ

“กูขอล่ะ อย่ายุ่งกับพวกมันเลย นะซุป”

“มึงขอ? แล้วกูต้องให้เหรอวะ? พรีม มึงเปลี่ยนไปนะ ความใจกล้าหน้าด้านกับนิสัยชอบแย่งของมึงหายไปไหนหมดแล้วล่ะ! มึงน่าจะดีใจที่สอนให้กูเป็นอย่างมึงได้สิ”

“ซุป...”

“แฟนอัครกูเคยเจอแล้ว กูจำได้ด้วยว่ามันเคยไปเชียงใหม่กับอัครตอนนั้น อัครชอบมันจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะแค่ผิดหวังจากกูเลยเอาใครก็ได้ เพราะงั้น กูจะทวงของที่ต้องเป็นของของกูคืน ก็แค่นั้น”

ดูท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ซุปเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนคนที่เคยมีเหตุผลและมีความอดทนสูง รักในความถูกต้องอย่างเมื่อก่อน ไม่เหลือเค้าความเป็นซุปคนเดิมของพรีมอยู่เลย

แต่มันก็เพราะพรีมนั่นแหละ ที่ทำให้เป็นแบบนี้

พรีมยอมปล่อยมือ ด้วยจนปัญญาจะหาทางรั้งไว้ได้อีก ซุปสะบัดข้อมือเล็กน้อย ก่อนไปก็ทิ้งท้ายคำที่ทำให้พรีมแทบน้ำตาร่วง

“ส่วนกับมึง ขอลาขาดนะพรีม”

tbc

ซุปกลับมาเป็นตัวร้ายซะงั้นอ่ะ ฮ่าๆๆ
เรื่องนี้มันก็สไตล์เดิมๆ ของเราแหละ ไม่มีใครดีใครร้ายได้สุด ก็แค่คนธรรมดาๆ ที่มีหลายๆ ด้าน แต่อัครนี่ยังพ่อพระอยู่

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิรุงตุงนังไปหมด กลัวใจทุกคนเลย  :katai1:
พรีมทั้งรู้ว่าแฟนเพื่อนแต่ก็รุกทำคะแนนอยู่นั่น แน็กก็ดูไม่มั่นใจในตัวอัคร อัครก็เครื่องติดกับซุปง่ายๆ ซุปก็รุกแรงไม่สนอินทร์สนพรหม จะไปจบที่ไหนเนี่ย

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
รุงรังมากกก สงสารแน็กอ่ะ หากซุปรุกแรงแล้วอัครใจไม่แข็งพอแล้วทิ้งแน็กไป คนที่น่าสงสารที่สุดคือแน็กอ่ะ แต่ดูจากพล็อตแล้วไม่น่ารอด อาจจะอัครซุป แล้วพรีมแน็กเหรอ ไม่เอาน้าาาาา

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
25
แก้วกาแฟลายนกเป็ดน้ำสองใบที่วางอยู่คู่กันมาตลอด ในวันนี้มีใบหนึ่งที่หายไป

“แก้วมึงหายไปไหนใบนึงวะซุป”

เขาหันไปตามเสียงเพื่อนร่วมงานที่ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติจะต้องเห็นแก้วลายเดียวกันวางคู่กันบนโต๊ะของซุป เห็นแบบนั้นมาเป็นปีจนชินตากันแล้วด้วย พอหายไปก็เป็นที่สังเกตทันที

“หือ? ก็นี่ไง แก้วผม?” ซุปชี้ไปที่แก้วอย่างงุนงง เงยหน้ามองคนถามที่เป็นรุ่นพี่ เพื่อนของพี่แอร์

“อ้าว แล้วอีกแก้วล่ะ? ที่มันวางคู่กัน”

“แตกไปแล้วครับ”

คนถามกะพริบตาปริบๆ มองคนตอบที่พูดด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ไม่มีวี่แววของความเสียดายอาลัยอาวรณ์ทั้งในแววตาและน้ำเสียง ซุปหันกลับไปเล่นคอมฯ ต่อ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพักกลางวัน ส่วนเพื่อนรุ่นพี่ที่ได้คำตอบแล้วก็ยักไหล่เดินจากไป

ตั้งแต่เจออัคร ซุปก็หมายมั่นว่าจะต้องทำให้อัครชอบตนอีกครั้งให้ได้ ไม่ว่าคราวนี้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เพราะเคยยอมมามากพอแล้ว ถอยมาจนอายุขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่เจอก็คงลืมไปได้แล้วแท้ๆ

แต่ก็ยังกลับมาเจอกัน

ไม่ว่ามันจะเป็นความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม

แต่ครั้งนี้ ซุปจะไม่ปล่อยอัครไปอีกแล้ว

ส่วนกับแอร์ ที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ซุปรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ตอบตกลงกับแอร์ไปก่อนจะเจออัคร แล้วพอเจอคนที่เคยชอบ และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ก็ต้องบอกเลิกแบบกะทันหัน ทำเอาคนคนนั้นเสียศูนย์หายหน้าหายตาไปสองสามวัน วันนี้เหมือนจะกลับมาทำงานได้แล้ว แต่ก็ไม่แวะเวียนมาเฉียดแถวนี้เลย

แต่ก็ช่างมันเถอะ

******

อาทิตย์นี้อัครว่างยาว เพราะทำงานมาร่วมเดือนเศษๆ แล้ว พรีมกลับอังกฤษหลังเขากลับมาได้สองวัน ทั้งอัครและแน็กต่างไปส่งที่สนามบิน ตอนที่เห็นแน็กดูสนิทสนมกับพรีมมากกว่าช่วงแรก อัครก็นึกแปลกใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากความ เขาคิดว่าควรจะเชื่อใจแน็กและพรีม แม้ว่าแผลในใจที่พรีมเคยทำไว้จะยังตกสะเก็ดอยู่ข้างในยากที่จะลบเลือนหายไปก็ตาม

“เย็นนี้กินอะไรดี” พ่อบ้านคนเก่งของอัครเดินเข้ามากอดเอวเขาจากด้านหลัง อัครกำลังตากผ้าอยู่ที่ริมระเบียง ส่วนแน็กเหมือนจะเพิ่งทำความสะอาดห้องเสร็จ

“แล้วแต่แน็กเลย” อัครยิ้มตอบ สะบัดเสื้อเชิ้ตแล้วใส่ไม้แขวน ตากบนราวให้เรียบร้อย แน็กเห็นก็เลยอยากช่วย “ไม่เป็นไร เราทำได้ ใกล้เสร็จแล้วด้วย แน็กไปรอขางในก่อนก็ได้ ข้างนอกมันร้อนแดด”

แน็กอมยิ้ม เขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มคนรักฟอดหนึ่งแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในตามที่บอก อัครไม่เคยปล่อยให้แน็กต้องทำงานบ้านคนเดียว เพราะต่างคนต่างก็ทำงานข้างนอก แน็กรับหน้าที่ทำอาหารเป็นหลัก งานบ้านก็ทำอาทิตย์ละครั้ง ส่วนอัครถ้าว่างจากงานเสริมวาดการ์ตูนในคอมฯ ก็จะคอยช่วยตลอด เพราะแน็กต้องทำงานจันทร์-ศุกร์ อัครเลยอยากให้ได้พักผ่อนบ้าง

กลับเข้าไปในห้อง แน็กก็นั่งบนโซฟา เปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย ใน Netflix มีซีรี่ส์ฝรั่งน่าสนใจหลายเรื่อง แน็กเลือกเรื่อง The Haunting of Hill House เรื่องผีที่มากับความดราม่าสุดอึมครึมของครอบครัวหนึ่งซึ่งคนในตระกูลทางฝั่งแม่มีพลังพิเศษหรือพลังจิต เป็นสัมผัสที่หกต่างๆ กันไป ดีที่เปิดดูตอนกลางวัน เลยไม่น่ากลัวมาก นั่งดูคนเดียวชิลๆ พอไหว แต่ฉากแรกๆ ที่มีจัมป์สแกร์ก็ทำเอาแน็กเกือบร้องกรี้ดเหมือนกัน

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นตอนที่อยู่กับพรีม คงได้โดนแกล้งทำผีหลอกหรือเข้ามาทำให้ตกใจจากด้านหลังไปแล้ว

แต่เพราะเป็นอัคร เลยไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

อัครมักจะให้เกียรติแน็กเสมอ ปฏิบัติราวกับเป็นเทวดาตัวน้อยๆ ที่ต้องถนุถนอม แม้บางอารมณ์อัครจะโมโหร้ายจนแน็กได้แต่ยืนตัวสั่น แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยมากที่เคยเกิดขึ้น อย่างคราวก่อนที่แน็กพูดเหมือนไม่เชื่อใจ แล้วทำให้อัครโกรธ นั่นคือเบาที่สุดเท่าที่อัครจะระงับความโกรธไว้ได้แล้ว อาจเพราะอยู่นอกบ้านด้วย เลยแสดงออกมากไม่ได้ กว่าจะกลับมาถึงห้อง อัครก็ใจเย็นลงมากแล้ว เลยไม่ทะเลาะกันใหญ่โต

แต่แน็กก็ไม่ชอบเวลาอัครโมโหอยู่ดี เลยพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้ทะเลาะกันมาตลอด ยกเว้นตอนที่ซุปโผล่มากะทันหัน ตอนนั้นแน็กใจคอไม่ดีเอามากๆ เพราะซุปเป็นคนที่เคยจีบอัครมาก่อน และอัครก็เหมือนจะชอบ ขนาดกับพรีมก็ยังไม่เห็นทำตาหวานใส่กันขนาดนั้น เป็นใครเห็นก็คงทนเฉยไม่ได้หรอก

พอคิดถึงเรื่องของซุปขึ้นมา แน็กก็เริ่มเครียดอีก ไม่อยากทำให้อัครไม่สบายใจไปด้วย แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆ อัครไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย ไม่พูดถึงซุปเวลาอยู่ด้วยกัน ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่อัครเหมือนจะเห็นแก่แน็ก ถึงไม่เอ่ยชื่อนั้นออกมา แต่อีกใจก็ยังกังวล

กลัว...สายตาของซุปในวันนั้น

ซุปมองอัครด้วยสายตาบ่งบอกชัดเจนถึงความต้องการ และยังมองแน็กเหมือนเป็นศัตรู แม้เพียงชั่วครู่ แต่แน็กรู้สึกได้ มันไม่ใช่ลางสังหรณ์หรือการคิดไปเอง เพราะอย่างนั้นแน็กถึงได้หงุดหงิดแล้วพาลลงกับอัครวันนั้น

“คิดอะไรอยู่ครับ ไม่ดูหนังแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มๆ กับลมหายใจอุ่นๆ ที่ต้นคอทำให้แน็กสะดุ้งและได้สติกลับมา ร่างเล็กหันไปมองหน้าคนที่ก้มลงมากอดคอจากด้านหลังโซฟาพลางถอนหายใจ

“ดูอยู่ เสร็จแล้วเหรอ?”

“อือ เมื่อยแขนขาจังเลย ขอนอนพักที” จากเสียงทุ้มต่ำกลายเป็นเสียงออดอ้อนที่สูงขึ้นนิดหน่อย ก่อนร่างสูงจะปีนข้ามเบาะแล้วทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคนรัก

แน็กเอามือลูบเส้นผมชื้นเหงื่อตรงหน้าผากของอัครด้วยความเอ็นดู บางครั้งอัครก็ทำตัวน่ารักเหมือนเด็กๆ น่ารักจนไม่คิดอยากปล่อยมือจากคนคนนี้เลย ต่อให้เจอคนที่ดีกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า แน็กก็ไม่คิดจะเลิกรักอัครแน่นอน

คนตัวเล็กยิ้มให้ตัวเองที่คิดได้แบบนั้น “เหนื่อยมากเลยเหรอครับ แน็กทำน้ำหวานเย็นๆ ให้ดื่มมั้ย”

“ไว้ก่อน อยากนอนตักมากกว่า ลูบหัวอีกสิ เราชอบ” บทจะอ้อนก็เต็มที่ แน็กไม่รู้ตัวเลยว่าหลงชอบคนขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะคบกัน ก็เห็นอัครเป็นผู้ชายที่ซื่อตรงและมีน้ำใจกับเพื่อนๆ คนหนึ่งเท่านั้น

สายลมอ่อนๆ พัดผ่านมาในตอนสายของวัน เข้าหน้าหนาวแล้ว ลมเย็นขึ้นนิดหน่อย แต่ไอแดดก็ยังร้อนระอุอยู่ดี

******

การที่ต้องเจอกับคนที่เคยรัก ซึ่งมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ช่างแสนเจ็บปวด จะหลีกเลี่ยงยังไงก็ไม่ได้ เพราะต้องทำงานที่เดียวกัน แอร์พยายามมองหน้าซุปให้น้อยที่สุด แม้อีกฝ่ายจะยังยิ้มให้เวลาเดินสวนกันก็ตาม

ตอนแรกจีบเล่นๆ แต่พอเริ่มจะจริงจังและได้คบกัน ซุปกลับบอกว่าขอกลับมาเป็นพี่น้องเหมือนเดิม

ไอ้คำว่า “พี่น้อง” นั่นมันจะมีอยู่จริงเหรอ แอร์คิดแล้วคิดอีกในระหว่างที่ลางานพักใจ

คนที่เคยได้จับมือ ได้กอด ได้จูบกัน แม้ซุปจะยังไม่ยอมให้ถึงขั้นมีอะไรกัน แต่คนเคยรัก เคยได้สัมผัสในแบบคนรัก มันจะเปลี่ยนมายืนคุยกันด้วยรอยยิ้มปกติธรรมดา กอดคอกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิมได้เหรอ

“อย่าคิดมากน่ามึง น้องมันก็คงแค่สับสน อยากคิดอะไรคนเดียวก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ มึงก็หาอะไรทำให้มันลืมๆ ไป”

เพื่อนๆ ต่างก็พูดแบบนั้น ใช่สิ ก็ไม่ได้เป็นคนโดนทิ้ง ไม่ได้ถูกบอกเลิกเองนี่

เขารู้ดีว่าเพื่อนหวังดี หวังดีมากๆ อยากให้ลืมเรื่องร้ายๆ อยากให้เริ่มต้นใหม่ อายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ทั้งที่อยากได้ใครสักคนที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าได้ เพื่อนน่ะมีอยู่แล้ว แต่อยากได้อะไรที่มากกว่านั้น คนที่อยู่ด้วยกัน กอดกัน รักกัน ทำให้โลกสีหม่นๆ ใบนี้มันสดใสน่าอยู่กว่าที่เป็น จะได้มีกำลังใจอยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

โลกของเกย์ ของเพศที่สามอย่างพวกเขา มันไม่ได้ง่ายหรือสวยหรูอย่างที่ใครคิด ไม่ได้หารักแท้ได้ง่ายดายขนาดนั้น

แน่นอนว่ามันมีอยู่

แต่แอร์ไม่เคยพบเจอก็แค่นั้นเอง

“เย็นนี้ผมไปหาอีกได้มั้ย ไม่ต้องที่ห้องก็ได้ ออกมากินข้าวกัน นะครับ นะอัครนะ ผมอยากเจอ”

เสียงออดอ้อนของซุปที่ดังแว่วมาพาให้แอร์ใจสั่น ขาที่กำลังจะก้าวเดินผ่านขั้นบันไดทางหนีไฟหยุดชะงัก เขาทรุดตัวลงนั่งเกาะราวบันไดไว้แล้วเงี่ยหูฟัง ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าซุปกำลังคุยกับใคร ยังไงก็ไม่รู้จักอยู่ดี แต่แค่ได้ยินเสียงมันก็เหมือนได้รับพลังกลับคืนมาบ้าง

“ห้างฯ แถวนั้นก็ได้ ให้อัครเลือกร้านนะครับ ไม่ดึก ไม่แอลกอฮอล์ แค่กินข้าวนะครับ อัครน่ารักที่สุดเลย ใจดีเหมือนเดิม เจอกันนะครับ”

พลันที่ซุปกดวางสาย สายตาก็เหลือบมองเห็นปลายเท้าของใครบางคนเข้าพอดี

รูปทรงของรองเท้าและยี่ห้อกับสีของมัน ทำไมจะไม่รู้ว่าใคร

“พี่แอร์ แอบฟังผมเหรอ”

“!” แอร์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังไม่ส่งเสียงตอบในทันที เขาเพียงแค่ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นที่กางเกง “โทษที พี่จะเดินลงไปเอาเอกสารที่ฝ่ายบัญชี แต่ก็มาทันแค่ประโยคหลังอ่ะนะ” เขาโกหกออกไป

“เรื่องงบของ TXX เหรอครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้ก็ได้ พี่แอร์ขึ้นไปรอที่โต๊ะก่อนเลย”

“ไม่เป็นไร พี่จะไปคุยกับพี่ต้อมพอดี” แอร์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเดินผ่านซุปลงบันไดไป

ซุปไม่ได้พูดอะไร แค่มองตามแผ่นหลังของแอร์ไปแล้วก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปชั้นบน

บางครั้ง คนเราก็คงต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด

******

[จะกลับมาทำงานที่นี่จริงดิ?]

น้ำเสียงปลายสายทั้งตกใจระคนดีใจและแปลกใจ หลากหลายอารมณ์ที่ส่งผ่านมานั้นทำให้พรีมอมยิ้ม

“นี่ดีใจใช่มั้ยที่กูจะกลับไป”

[ไม่ดีใจได้ไงวะ กูนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอมึงอีกแล้ว อุตส่าห์กลับมาเจอทั้งที มึงก็บอกอยากอยู่นู่นยาวๆ กูมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือมึงนะพรีม]

พรีมหัวเราะเบาๆ หน้าตาของอัครในสไกป์มันดูจริงจังจนตลกไปหมด “นี่ยกกูเข้าทำเนียบเพื่อนสนิทเลยเหรอวะ”

[ถึงตอนเด็กๆ จะไม่ได้สนิทมาก แต่ตอนนี้กูโครตรักมึงเลย]

การที่อัครกล้าพูดคำว่า “รัก” ในแบบเพื่อน ทำให้พรีมรู้ว่า อัครไม่ได้คิดอะไรกับตนอย่างตอนเด็กๆ อีกแล้ว คนที่อัครรักตอนนี้มีแค่แน็ก และเขา...ไม่ควรทำลายมัน

ทำไมกูกับมึงถึงต้องชอบคนคนเดียวกันตลอดเลยวะ มันเป็นเรื่องห่าเหวอะไร ที่มึงแอบชอบกูตอนม.ต้น แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ต้องผูกติดกันด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้ตลอด

พรีมพ่นลมหายใจอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อัครได้ยิน ทั้งยังคงสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ได้วันแน่นอนแล้วจะบอกอีกที นอนรอกับน้องแน็กของมึงไปก่อนนะอัคร”

กูจะกลับไปหาพวกมึงแน่นอน ในฐานะ “เพื่อนสนิท” คนหนึ่ง

tbc

ยังมีความอึมครึมในความสัมพันธ์ของบางคู่อยู่ กว่าจะมีความสุขได้ อาจจะต้องผ่านอะไรหลายๆ อย่าง

และไอ้อะไรหลายๆ อย่างสำหรับเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องแย่ๆ เลวร้าย หรือแบบดราม่าจัด

ก็แค่ชีวิตของคนหลายๆ คนในอีกมุมหนึ่งแค่นั้นเอ๊งงงง

ขอบคุณที่ยังมีคนอ่านและเม้นท์นะคร้าบบบบ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด