ตอน 16
“ขอบคุณแล้วกันที่มาส่ง” ผมบอกกับรุ่นพี่โรงเรียนคู่อริก่อนจะกระโดดลงจากบิ๊กไบค์ของมันแทบจะทันทีที่จอดสนิทหน้าร้านพี่ต้น
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็น คำว่ารักได้ไหม” มันว่า โอ้ย อย่าเพิ่งทำให้ผมปวดหัวเพิ่มได้ไหมเนี่ย
“มึงก็กล้าเล่นนะ”
“กูเล่นที่ไหน นี่โคตรจะจริงเลยเถอะ คนอย่างพี่ป๋องไม่มีคำว่าเล่นๆนะครับ” มันว่าก่อนจะจอดรถแล้วลงมายืนข้างๆผม
ครับคุณพี่ป๋องผู้จริงจัง แต่ตอนนี้ความจริงจังของพี่กำลังทำให้ผมทำตัวไม่ถูกครับ
“กูขอล่ะ มึงก็รู้ว่ากูมีคนที่กูชอบแล้ว อย่าพูดแบบนี้อีก” ผมบอกมันเสียงเข้ม
“กูก็บอกมึงไปแล้วเหมือนว่า กูชอบมึง กูไม่ได้บังคับให้มึงมาชอบกูนิ กูแค่บอกมึงไว้ ให้มึงเปิดใจให้กูบ้าง ก็เท่านั้น” มันบอกด้วยท่าทีสบายๆแต่แววตาคมคู่นั้นกลับสะท้อนได้ดีว่ามันจริงจังในทุกคำที่พูด
“เฮ้อ กูไม่รู้จะพูดกับมึง ยังไงแล้ว ไปดีกว่า” ผมตัดบทก่อนจะหันหลังเตรียมก้าวเข้าไปในร้าน แต่มือหนากลับคว้าข้อมือผมไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“อะไรของมึงอีกวะ”
ฟอด
“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆไอ้พี่ป๋อง ก็หอมแก้มผมหน้าตาเฉย
“ทำอะไรวะ!!” ผมแหวลั่นก่อนจะผลักมันให้พ้นตัว
“ก็หอมแก้มไง มึงเห็นกูกินข้าวหรือไงล่ะ”
“เชี่ยเอ้ย!! ” ผมสบถลั่นก่อนจะสวนหมัดไปทันทีหวังจะเอาคืนมันบ้างแต่ มือหนากับคว้าหมัดผมไว้แน่นก่อนจะดึงผมเข้าหาตัว
พลางกระซิบที่หู
“หึ ดูท่าแฟนมึงคงจะหึงน่าดูเนาะ ยืนจ้องกูเหมือนจะฆ่าซะขนาดนั้น กูไปล่ะ ” มันบอกก่อนจะผละจากผมแล้วขับลูกรักของมันออกไปทันที ทิ้งให้ผมยืนงงกับ ประโยคเมื่อครู่ อยู่พักใหญ่
“อ้าว วันนี้อยู่คนเดียวเหรอครับ ผมนึกว่าพี่เล็กจะมาช่วยซะอีก” ผมถามเจ้าของร้านตัวโต ที่สาละวนอยู่กับแก้วกาแฟ
“เล็ก พาพีพี ไปหาหมอน่ะ เห็นว่าไม่สบาย” พี่ต้นตอบเสียงเรียบ และไม่พูดอะไรต่อ ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ปกติถ้าพี่เล็กไม่มาต้อง บ่น โน่นนี่ ให้ผมเจ็บใจเล่นแล้วแท้ๆแต่วันนี้ไม่มีอะไรเลย ร่างสูงทำราวกับว่าไอ้แก้วกาแฟพวกนั้นมันมากมายจนเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดทั้งๆที่มันมีไม่กี่ใบ
ดูท่าแฟนมึงคงจะหึงน่าดูเนาะ ยืนจ้องกูเหมือนจะฆ่าซะขนาดนั้น
ประโยคของไอ้พี่ป๋อง ลอยเข้ามาในความคิดแต่ผมก็รีบสลัดมันออกไปโดยเร็ว
หึง …… ไม่มีทาง พี่ต้น ไม่มีทาง เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
กรุ๊งกริ๊งๆๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองก่อนจะทักทายลูกค้าเหมือนที่เคยทำ
“แกลลอรี่ สวัสดีครับ”
“ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ กูไม่ถือ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมันคุ้นมาก มากเหมือนว่าได้ฟังไปเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้
“เฮ้ย!! ไอ้พี่ป๋อง” ผมอ้าปากค้างมองนักเรียนช่างในเสื้อช๊อปโรงเรียนคู่อริ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจไหนมันบอก
กลับไปแล้วไงวะ แล้วมาทำไม อีกเนี่ย
“บอกว่าอย่าทำหน้าแบบนี้ มันน่ารัก เดี๋ยวกูก็อดใจไม่ไหวหรอก” มันบอกก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ มึงจะมาไม้ไหนกับกูอีกครับ ไอ้พี่ป๋อง
“พาลูกค้าไปที่โต๊ะสิไม้” เจ้าของร้านบอกเสียงเข้ม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินนำไอ้พี่ป๋องที่โต๊ะ บอกไม่ถูกว่าอาการไหววูบในอก
ตอนนี้คืออะไร มันคล้ายว่าผมรอปฏิกิริยาอะไรบางอย่างจากพี่ต้นแต่สุดท้ายก็..ไม่มี
นั่นสิ เรื่องบ้าบอแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง ตื่นซะทีสิไอ้ไม้
“ กูว่ามึงเลิกเหอะ” ไอ้ป๋องมันบอกแทบจะทันทีที่พามาถึงโต๊ะ
“พูดอะไรเนี่ย” ผมเลิกคิ้วถาม
“นี่ กูว่าแฟนมึงมันไม่สนใจมึงเท่าไหร่หรอก ดูสิ ถ้าเป็นกูนะมีคนมาจีบต่อหน้าขาดนี้ ไอ้นั่น มันนอนจมกองเลือดตั้งแต่พูดประโยคแรกแล้ว”
นั่นสินะ.. เป็นครั้งแรกนะที่ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้พี่ป๋องมันพูด แต่มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่หรือไง
“อย่าพล่ามมากจะสั่งอะไรก็สั่งมาเร็วๆ”
“สั่งให้มึงมาชอบกูได้ป่ะล่ะ” ขออนุญาตใช้ภาษาวัยรุ่นนะครับ คือ จุดนี้ผม เงิบ มาก ผีห่าซาตานตัวไหนเข้าสิงมันครับ ผมจะเอา
น้ำมนต์สาดไล่ให้ ไอ้พี่ป๋องเวอร์ชั่น เสี่ยว แบบนี้ผมไม่ชินจริงๆ
“เพ้อเจ้อไปแล้วนะมึงน่ะ ”
“หึ กูก็แค่ล้อเล่นน๊า กูเอา โกโก้ร้อนแล้วกัน”
ผมพยักหน้ารับแม้ว่าจะแปลกใจกับเครื่องดื่มที่มันสั่งก็ตาม นึกว่าจะสั่งกาแฟซะอีก แต่ช่างเถอะรสนิยมการกินของมันไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย
วันนี้ทั้งบ่ายมันผ่านไปด้วยความอึดอัดชอบกล ทั้งไอ้พี่ป๋องที่จ้องผมไม่เลิก ทั้งพี่ต้นที่เอาแต่เงียบจะคุยกับผมแค่เวลาสั่งงานเท่านั้น ผมอึดอัดนะครับในสถานการณ์แบบนี้ ผมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง สรุปว่าพี่ต้น เป็นอะไร โกรธ หึง งอน น้อยใจ หรือว่า
เฉยๆ
“กูไปส่งไหม” ไอ้พี่ป๋องที่ยังหน้าด้านนั่งอยู่แม้ว่าผมจะเริ่มเก็บร้านแล้วถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวไม้กลับกับผมได้ ตอนนี้ร้านเราปิดแล้วรบกวน ลูกค้าเช็กบิล ด้วยครับ” เจ้าของร้านตัวโตที่เดินมาซ้น
หลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้บอกก่อนจะยื่นบิลให้ไอ้พี่ป๋อง
“ไม้ไปเก็บของในครัวไป เดี๋ยวทางนี้พี่ดูแลเอง”
“ครับ” ผมได้แต่ตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน แต่ก็ยังไม่วายต้องเหลือบมองสองคนที่อยู่หน้าร้านไปด้วย เห็นว่าไอ้พี่ป๋องพูดอะไรสักอย่างกับพี่ต้นก่อนจะออกไป
“เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะเสน่ห์แรงขึ้นนะ” เสียงทุ้มของเจ้าของร้านดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะยืนกอดอกมองผมอยู่
“พี่พูดถึงอะไรเหรอครับ”
“ไอ้คนนั้น มันจีบไม้ใช่ไหม”
“ทำไมพี่คิดอย่างนั้นล่ะครับ เขาอาจจะแค่คนรู้จักผมก็ได้”
“เดี๋ยวนี้คนรู้จักเขาหอมแก้มกันได้แล้วเหรอ พี่ไม่เห็นรู้เลย” พี่ต้นบอกเสียงเรียบ แต่แววตาคมกลับจ้องผมเหมือนกำลังหาเรื่อง
“ไม่รู้สิครับ” ผมตอบ ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร ถ้าจะพูดว่าไม่มีอะไรมันก็คงไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายจีบผมอยู่ หรือจะพูดว่าเขามาจีบ แล้วมันจะได้อะไร ทางที่ดีก็เงียบไว้ดีกว่า
“เหรอ” เขายังคงบอกเสียงเรียบแต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ส่งผ่านแววตาคมนั้น
ไม่พอใจ…แล้วเขาไม่พอใจอะไร
“พี่มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีผมเก็บของต่อนะครับ” ผมบอกก่อนจะหันหลังไปเก็บอุปกรณ์ต่อ
“ถ้าไม่มีอะไรพี่ไม่มีสิทธิ์คุยกับไม้หรือไง” เขายังคงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนที่ทำมาทั้งบ่าย ผมถอนหายใจก่อนจะหันไป
เผชิญหน้า ผมไม่ชอบ บรรยากาศแบบนี้มันอึดอัด ถ้าไม่พอใจพูดออกมาตรงๆยังจะดีกว่า
“พี่มีสิทธิ์เสมอนั่นแหล่ะครับ พี่ก็รู้ว่าผมให้สิทธิ์พี่เหนือคนอื่นมาตลอด” เขาเงียบไปก่อนที่แววตาคมคู่นั้นจะจ้องเข้ามาตาของผม
“ไม้ดู สนิทกับรุ่นพี่คนนั้นมากเลยนะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ รู้จักกันมา สามปีแล้วแต่เพิ่งจะคุยกันจริงๆจังๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน” ผมบอกแต่ก็ไม่ใช่ความจริงเสียทีเดียวเพราะที่บอกว่ารู้จักไอ้พี่ป๋องมาสามปีน่ะ รู้จักผ่าน หมัด และ ไม้หน้าสาม เสียส่วนใหญ่
“เหรอ”
“พี่จะทำอะไร” ผมถามเมื่อมือหนาเลื่อนมาโอบเอวผมไว้แน่น
“ทวงสิทธิ์ของพี่ไง” เขายังคงบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่ที่นี่มัน”
“ทำไมล่ะ ทุกทีไม่เห็นจะขัด” เขาว่าก่อนจะโน้มหน้าลงมาจนลมหายใจร้อนนั้นเป่ารดต้นคอผม ยอมรับว่าสัมผัสของพี่ต้นทำให้
ร่างกายผมตอบรับได้อย่างไม่ยาก
“แต่ว่าที่นี่ในร้านนะพี่”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย จะที่ร้านที่ห้อง ก็เหมือนๆกันนั่นแหล่ะ หรือว่ากลัวใครกลับมาเห็นกันล่ะ” เจ้าของร้านถามกดที่จมูกโด่งจะ
ซุกไซ้ไปทั่วซอกคอ มือหนาลากไล้ไปทั่วแผ่นหลัง
“พี่ต้น รอให้กลับห้องก่อนได้ไหม” ผมพยายามห้ามแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันจะสั่นเต็มที
“ไม่ล่ะ มันเสียเวลา” เขายังคงซุกไซ้ซอกคอผมไม่หาก ก่อนจะดูดอย่างแรงจนผมคิดว่าคงเป็นรอยชัดพอสมควร
“อ๊ะ พี่ต้น อื้อ” ผมครางลั่นเมื่อมือหนาลูบไล้ลงบนแก่นกาย แม้ว่ามันจะผ่านเนื้อผ้า แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ของผมได้เป็นอย่างดี
“เห็นไหม ไม้ก็รู้สึกดีนิ” ร่างสูงบอกก่อนจะกดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง รสจูบจาบจ้วงราวกะบกระหายนั้นทำให้ผมแทบหายใจ
ไม่ทัน มันผสม ปนเปทั้งความกระสันและความโกรธ ผมรับรู้ถึงกลิ่นคาวและรสชาติของเลือดได้เป็นอย่างดี แม้จะพยายามทุบหลังของอีกฝ่ายเพื่อเตือนสติแต่ดูเหมือนว่าร่างสูงไม่ยอมฟังเลย พี่ต้นยังบดเบียนริมฝีปากอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ อื้อ” ผมพยายามดิ้นหนีสัมผัสที่แสนร้ายกาจนั้น อย่างทุลักทุเล แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
“อื้อ” พี่ต้นกดจูบหนักๆก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ ทันทีที่ถูกปล่อยผมรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเต็มทีพลางมองคนตรงหน้า
อย่างไม่เข้าใจ
“พี่ ทะ อื้อ” แต่เหมือนพี่ต้นจะไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดมากนัก เพราะหลังจากที่ปล่อยได้ไม่กี่นาที ริมฝีปากหนานั้นก็บดเบียดลง
มาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้รุนแรง แต่กลับร้อนแรงจนผมจนมุม เรียวลิ้นช่ำชองเลาะเล็มไปตามแนวฟัน ล่อหลอก ให้ผมหลงมัวเมาในความกระสัน มือหนาที่รู้หน้าที่ดี ค่อยๆปลดซิปกางเกงของผมออกอย่างรวดเร็ว ไม่นานกางเกงของผมก็ถูกถอดลงไปที่ข้อเท้า อย่างไม่ไยดี ก่อนที่เสื้อจะถูกถอดออกเป็นชิ้นต่อมา
“ไม้ เป็นของพี่ และพี่ไม่อนุญาตให้ใครมาจีบทั้งนั้น” ประโยคนั้นบอกอย่างแผ่วเบา แต่ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้หัวใจของผมเบาหวิว ราวกับขนนก แม้มันไม่ใช่คำบอกรัก ไม่ใช่แม้แต่คำว่าชอบ แต่ผมกลับยินดีที่ได้ฟังมัน เพราะนั่นหมายความว่าผมยังคงอยู่ในสายตาของเขา
ริมฝีปากหนาเลาะเล็มไปตามซอกคอ พร้อมกับทิ้งรอยไว้ประปราย ทุกทีที่เขาสัมผัส ทุกที่ ที่เขาลบไล้ มันร้อนราวกับมีไฟแผดเผา จนอดที่จะระบายความความรู้สึกนั้นออกมาไม่ได้
“อะ อื๊อ อ๊า”
“ไม้เป็นของพี่” เสียงนั้นกระซิบบอกอีกครั้ง ก่อนที่โพรงปากจะหยอกล้อเข้ากับยอกอกที่กำลังชูชันเพราะความปรารถนา
“อื๊อ พี่ต้น” ผมครางลั่น เมื่อถูกเขาสัมผัส
มือหนายังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่แพ้กัน พอรู้ตัวอีกที แก่นกายก็ถูกสัมผัสและชักพาไปตามห้วงอารมณ์อย่างห้ามไม่อยู่
“อะ อะ อื๊อ อ๊า พี่ต้น อื๊อ” ผมครางไม่เป็นภาษาเมื่อจังหวะนั้นเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ ก่อนที่ความอัดอั้นจะทะลักออกมาเมื่อถึงขีดสุด
“อ๊า”
“เอ๊ะ พี่ต้น เดี๋ยวสิ” ผมร้องห้ามเมื่อเจ้าร้านตัวโตยกผมวางบนเคาน์เตอร์ครัว
“อื๊อ อ๊ะ” ผมไม่สามารถห้ามเสียงของตัวเองได้เมื่อนิ้วเรียวกำลังผลุบหายเข้าไปในตัว
“อะ อ๊า อื้อ” เจ้าสิ่งนั้นขยับเข้าออกเพื่อสร้างความคุ้นเคยได้ไม่นาน นิ้วที่สองและสามก็ตามมา ผมได้แต่จิกเล็บลงบนไหล่หนา
เพื่อระบายความเสียวกะสัน
“พี่เข้าไปแล้วนะ” เสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์กระซิบบอก ก่อนที่สิ่งแปลกปลอมในร่างกายจะหายไปแต่กลับถูกแทนที่
ด้วยอะไรที่ใหญ่กว่า
“อ๊ะ อ๊า เจ็บ ” ยามที่แก่นกายนั้นบดเบียนเข้ามาถึงจะรู้สึกเจ็บแต่มันกลับแฝงไปด้วยความเสียวซ่าน
“อย่าเกร็งสิ”
“อ๊า พี่เข้ามาเถอะ เร็วๆ” ผมบอก ก่อนที่ร่างสูงจะสอดเข้ามาจนหมด
“อ๊ะ อะ อื๊อ” เสียงครางกระเส่ากับเสียงเนื้อกระทบกันนั้นฟังดูหยาบโลนแต่กลับทำให้อารมณ์ดิบในกายนั้นพลุ่งพล่าน ยิ่งลึกยิ่งดื่มด่ำกับความสุขสมทางเพศรส
“อ๊า อื๊อ พี่ต้น ” ผมครางไม่เป็นภาษเมื่อจังหวะของการสอดแทรกนั้นเริ่มเร็วขึ้น จนต้องกอดคออีกคนไว้แน่น
“อ๊ะ ผมจะไม่ไหวแล้วนะ อื๊อ”
“อ๊า อย่าเพิ่งสิ พร้อมกันนะ” เสียงทุ้มนั้นบอกก่อนจะเร่งจังหวะจนผมต้องจิกเล็บลงบนไหล่หนาเพื่อระบายความเสียวซ่าน
“อะ อะ อ๊า อ๊า!!”
“อะ อ๊ะ ไม้ อื๊อ”
เราสองคนปลดปล่อยแทบจะพร้อมกันเมื่ออารมณ์นั้นถึงจุดสิ้นสุด พี่ต้นยังคงไม่ยอมถอนกายออกไปแต่กลับคลอเคลียผมไม่ห่าง
“พี่ต้น ออกไปได้แล้ว ผมอึดอัดนะ”
“หึ ก็ได้ๆ แต่ว่าวันนี้พี่ไปค้างด้วยนะ” เขาบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มผม
“อื้อ เคยปฎิเสธหรือไง แต่ว่าตอนนี้ปล่อยก่อน”
“ก็ได้ๆ” เขาบอกก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ
ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับคราบอะไรต่อมิอะไรที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างลวกๆก่อนจะเดินออกมาหาพี่ต้นที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไม้”พี่ต้นบอกเสียงแผ่วก่อนจะกอดผมจากด้านหลัง
“ครับ”
“มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ตอนนี้ พี่ไม่มีใครเลย อย่าเพิ่งทิ้งพี่ไปนะ อยู่กับพี่ก่อนได้ไหม” เสียงนั่นสั่นเครือราวกับไม่แน่ใจในคำถาม ผมยกยิ้มน้อยๆก่อนจะวางมือลงบนมือหนาที่กอดผมอยู่
“ครับ ผมจะอยู่กับพี่”
....................................TBC..............................
NC กากๆ ว๊ากกกกกก อายจัง
ไม่เคยมีความมั่นใจจริงๆกะฉากแนวนี้ #ใสใสก็งี้
ปอลอ เห็นไหมๆ ว่าพี่ต้นมันหึงแล้วนะ
พี่คุณพ่อขนุนหนัง
ให้เวลาเขาหน่อย เขาสับสนอยู่ หุหุหุ
Ps. เดือนหน้า ใกล้วันเกิดพิตล่ะ ไม่มีอะไรมาก ข้าพเจ้าจะแจก
เล่ห์ร้ายกลายรักสองเล่ม!! ค่ะ แถมลายเซ็นด้วยนะเอ๋า รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบ ภายหลัง
หรือ ติดตามได้ที่ แฟนเพจ Pinapong นะคะ