Chapter 42: งานเลี้ยงวันเกิด
แน่นอน ธีรเชษฐ์ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ
หลังจากยกที่สี่ที่มีนาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอพักหายใจในที่สุด เขาก็ยอมให้เด็กหนุ่มที่โดนสูบเรี่ยวแรงจนตัวอ่อนปวกเปียกได้นอนหลับพักผ่อน เขาเป็นสุภาพบุรุษถึงขนาดยอมขยับถอนกายออกจากช่องทางที่ตอดรัดจนเขาไม่อยากผละออกไป แต่คนตัวเล็กกลับขอให้เขากอดตัวเองไว้อย่างนั้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่นับวันเจ้าตัวชักจะมีทักษะเก่งกล้าสามารถขึ้นมาทุกที
เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่ธีเชษฐ์จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาโดยที่ความอ่อนนุ่มของช่องทางอุ่นยังคงโอบรัดเขาไว้อยู่อย่างนั้น
“อือ...” เพียงเท่านั้นยังไม่พอ เจ้าเด็กตัวแสบในอ้อมกอดของเขายังขยับเข้ามาแนบชิด บดเบียดสะโพกมนกับตัวตนของชายหนุ่มทั้งที่ยังหลับสนิท
“...”โดนลูบคมขนาดนี้ ไม่ให้เอาคืนก็อย่าเรียกเขาว่าธีรเชษฐ์เลย
“งืม…อะ…คะ…คุณเชษฐ์…”
มีนางัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเสียววาบในท้องน้อยจากอะไรบางอย่างที่ขยับเสียดสีจุดอ่อนไหวภายในที่โดนทรมานมาทั้งคืนจนไวสัมผัสไปเสียหมด ของเหลวที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในทำให้เกิดเสียงหยาบโลนที่ทำให้ร่างเล็กแดงก่ำไปหมดทั้งตัว
“อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก”
ไรหนวดสากคลอเคลียหลังใบหูทำให้มีนาต้องย่นคอหนีความรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆนั้นตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อถูกตามมาคลอเคลียที่ผิวบางบริเวณซอกคอขาวไม่หยุดหย่อน คนตัวเล็กก็ทำได้เพียงขยุ้มผ้าปูเตียงระบายความรู้สึก ครางเสียงหวานเป็นรางวัลให้กับชายหนุ่ม
Rrrrrr
ธีรเชษฐ์คำรามในลำคออย่างหงุดหงิดใจที่ถูกขัดจังหวะ แต่จากเสียงเรียกเข้า เขารู้ดีว่าหากไม่รับสาย คนที่อยู่ปลายสายคงจะหาวิธีถีบประตูห้องเขาเข้ามาได้แม้ว่าธีรเชษฐ์จะแอบซ่อนรังลับของตัวเองไว้อย่างดีก็ตาม
ถึงกระนั้น กระต่ายน้อยของเขาที่กำลังโอนอ่อนตามสัมผัสทำให้ธีรเชษฐ์ตัดใจหยุดการกระทำไม่ลง ชายหนุ่มปิดริมฝีปากรูปกระจับนั้นไว้ ผ่อนจังหวะการขยับลงแล้วกดรับสาย
“ว่าไง?”
ธีรเชษฐ์พยายามปรับเสียงให้ดูไม่ผิดปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้การตอดรัดของร่างข้างใต้จะทำให้เขาแทบเห็นดาว ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่จังหวะที่เขากะผ่อนปรนลงกลับถูกเร่งเร้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้ว่าคนที่ถูกเขาปิดปากจะไม่ได้สงเสียงสักแอะก็ตาม
เร่งไม่เร่ง หากฟังเสียงขาเตียงคุณภาพดีที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดจนเขารู้ว่าไม่มีทางหลุดจากหูผีของเลขาที่เคารพของเขาก็คงจะบอกได้ไม่ยาก
“งานจะเริ่มแล้วนะครับ” เสียงเย็นเอ่ยขึ้นจากปลายสาย ธีรเชษฐ์เกือบหลุดสบถออกไปดังๆ เลือดที่ไหลไปเลี้ยงส่วนอื่นของร่างกายจนหมดทำให้ในตอนนี้สมองของเขาไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร
“สิบนาที...” เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟัน แม้จะอยากขอเวลาอีกสักหนึ่งชั่วโมง แต่ข้าวใหม่ปลามันแบบนี้เขายังไม่อยากให้กระต่ายน้อยของเขาเป็นหม้ายหรอกนะ
“เสียงผมเหมือนคุณมีสิทธิ์ต่อรองเหรอครับ?” มธุวันตวัดเสียงห้วนสั้น ก่อนจะกดตัดสายโดยไม่รอให้ธีรเชษฐ์ได้ตอบอะไร
คราวนี้ธีรเชษฐ์ได้สบถออกมาสมใจอยาก หากเขาไม่เร่งรีบ อีกไม่ถึงสิบนาทีประตูห้องของเขาจะต้องถูกถีบหลุดจากบานเป็นแน่
“ขอโทษนะมีน...”
“อะไรครั...อ๊ะ!!!”
ร่างที่ถูกช้อนให้นั่งบนตักแกร่งร้องออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ องศาที่ลึกเกินกว่าครั้งไหนและแรงกระแทกกระทั้นที่จงใจจะให้ทุกสัมผัสตราตรึงไปถึงส่วนลึกของจิตใจทำให้ร่างเล็กแทบละลายลงไปกองกับเตียงนุ่ม ลิ้นร้อนเลียวนตามใบหูขาวแล้วสอดเข้ามาในหูอย่างหยอกเย้า เด็กหนุ่มสั่นสะท้านกับการปลดปล่อยครั้งที่เท่าไหร่ของตนก็ไม่รู้ ทิ้งตัวลงซบแผ่นอกกว้างอย่างหมดแรง
เร็ว...เร็วมาก....
“วันหลังฉันจะใช้คืน....เอาให้เธอร้องไห้ขอให้ฉันทำเร็วๆเลยล่ะ” ชายหนุ่มหอมแก้มชื้นเหงื่อฟอดใหญ่ และนั่นทำให้ร่างเล็กรู้ว่าตัวเองเผลอพึมพำความคิดนั้นออกมา มีนาอยากจะทักท้วงเหลือเกินว่าตนไม่ได้ขอ แต่ก็รู้ว่าป่วยการจะพูดกับคน
เอาแต่ใจ
ธีรเชษฐ์ช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม สังเกตว่าร่างเล็กแม้จะยังคงผอมบางจนน่าตกใจ แต่เริ่มมีน้ำมีนวลให้เขาได้หยิบจับติดไม้ติดมือมาบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ใกล้เคียงกับความพึงพอใจของธีรเชษฐ์สักนิด
ดูท่าคงต้องขุนกันอีกยาว
คำว่าเส้นยาแดงผ่าแปดคืออะไรธีรเชษฐ์รู้ซึ้งแก่ใจก็วันนี้
สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือโบกมือให้มธุวันที่อยู่อ่ำฟากของสนามบ้านเป็นหลักฐานยืนยันที่อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเลขาของเขาไม่ได้ประทับใจความสามารถในการมาตรงเวลาของเจ้านายเลยสักนิด
ชายหนุ่มที่ถือว่าตัวเองมาปรากฏตัวในงานแล้วไม่สนใจจะทักทายแขกเหรื่อที่เริ่มทยอยกันเข้ามาในสนามหน้าบ้านที่ถูกเนรมิตเป็นงานเลี้ยงกลางแจ้ง เปิดประตูให้กับคนรักที่ยังคงหมดเรี่ยวหมดแรงแม้จะมีสีหน้าดูดีขึ้นมาก แล้วประคองมีนาเข้าไปในในตัวบ้าน
เด็กหนุ่มที่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงตั้งแต่เห็นสนามหญ้ายันตัวคฤหาสน์แหงนหน้ามองเพดานสูงแขวนโคมระย้าของบ้านจนคอแทบหัก ช่องว่างทางสังคมของเขากับธีรเชษฐ์ดูกว้างขึ้นทุกฝีก้าว แค่โซฟาของคฤหาสน์ทรัพย์ดำรงก็ใหญ่พอจะจุบ้านสังกะสีผุพังของมีนาได้ทั้งหลังแล้ว
“เปิดตัวซะเอิกเกริก กลัวคนอื่นเขาจะไม่รู้เหรอว่ามึงกินเด็ก”
มีนาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากภายในตัวบ้าน คเชนทร์ที่อยู่ในชุดทำงานเต็มยศก้าวออกมาจากห้องห้องหนึ่งพร้อมกับแก้วกาแฟแก้วใหญ่ ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นปรือปรอย ทว่าน้ำเสียงจิกกัดของอาจารย์ที่ปรึกษาของเขายังคงแจ่มชัดเหมือนคนตื่นเต็มตา
“ก็ดีกว่าคนไม่มีใครให้เปิดตัวป่ะวะ?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว คเชนทร์ไหวไหล่อย่างไม่ได้สะทกสะท้าน เหลือบมองมีนาที่พยายาม
ทำตัวลีบเล็กให้เป็นที่สังเกตน้อยที่สุดแต่ดูจะไม่เป็นผล
“สบายดีมั้ยมีน?”
“คะ…ครับ” มีนาพยักหน้า สีหน้าของคเชนทร์ดูผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินดังนั้น
“ดีแล้วล่ะ ครูขอยืมตัวไอ้เชษฐ์หน่อยนะ มีเรื่องคุยกับมันนิดหน่อย”
มีนาพยักหน้าอย่างว่าง่าย นั่งปุลงบนโซฟาตัวยาวมองคเชนทร์ที่แทบจะขยุ้มคอเสื้อของธีรเชษฐ์ลากขึ้นไปชั้นบน มองสำรวจทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างตื่นตาตื่นใจ
แม้การตกแต่งจะยิ้งใหญ่หรูหราตระการตา แต่ในความรู้สึกของมีนา ที่นี่เหมือนพิพิธภัณฑ์มากกว่าบ้านเสียอีก
เด็กหนุ่มก้มมองชุดสูทสีขาวพอดีตัวที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของมธุวันที่ทำให้ดูพอดิบพอดีราวกับได้เข้าไปลองชุดเองจริงๆแบบนี้
ส่วนของธีรเชษฐ์นั้น ด้วยความปรารถนาดีต่อเด็กหนุ่มที่ทำให้ร่างสูงไม่ยอมให้เลขาวัดตัวให้ทำให้มธุวันต้องเสียเวลาเอาชุดกลับไปแก้อีกครั้ง ปัจจุบันธีรเชษฐ์อยู่ในเสื้อคอเต่าสีเลือดหมูที่ทำให้คนมองแทบเลือดพุ่งออกจากรูจมูก แต่ชุดสูทของร่างสูงนั้นมีนาก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน
“มีน!”
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นธัชนนท์ที่มากับวีรภัทรกำลังยิ้มกว้างให้เขา รู้สึกโล่งใจที่เจอหน้าคนคุ้นเคย
“สวัสดีครับคุณวี พี่เทสต์”
“ไอ้เชษฐ์มันหายหัวไปไหนแล้วล่ะ”วีรภัทรเลิกคิ้ว ประหลาดใจที่ธีรเชษฐ์ทิ้งเด็กของตัวเองไว้คนเดียว
“คุยกับคุณหมอคเชนทร์อยู่ในห้องทำงานน่ะครับ”เด็กหนุ่มตอบ นึกสงสัยแล้วเหมือนกันว่าทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่ตั้งนานสองนาน
ธัชนนท์นั่งลงข้างมีนา ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาสองปีให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายที่มีนาไม่เคยมีมาก่อน
“ดูดีขึ้นเยอะนะเรา คุยกันแล้วเหรอ?”
“ก็…”เด็กหนุ่มก้มหน้าเอียงอาย “จริงๆ... เมื่อวานวันเกิดผม เลยได้คุยกันนิดหน่อย...”
แม้จะรู้สึกว่าคำว่า ‘คุยกันนิดหน่อย’ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ แต่เขาไม่คิดว่าการบรรยายฉากอัศจรรย์ให้ธัชนนนท์ฟังในที่โล่งกว้างที่เพื่อนสนิทของธีรเชษฐ์ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นจะเป็นความคิดที่ดีนัก
“สิบแปดแล้วสินะ” ร่างโปร่งลูบศีรษะของมีนาอย่างเอ็นดู ร่างเล็กก้มหน้าอย่างเขินอาย ที่หางตา เขาเห็นวีรภัทรหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน
“อ้าว มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย”
เสียงของธีรเชษฐ์ทำให้คนทั้งสามหันไปมอง ร่างสูงเดินลงมาจากบันไดโดยมีคเชนทร์ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยจนมีนาอ่านไม่ออกเดินตามลงมา เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าคนทั้งสองคุยอะไรกัน แต่คงยากที่จะไม่มีเรื่องของเขาอยู่ในหัวข้อสนทนา
“พี่คราม สวัสดีครับ”
วีรภัทรกล่าวทักทายคนที่ยืนข้างเจ้าของวันเกิด หมอคเชนทร์พึมพำสวัสดีตอบกลับมา เหลือบมองธัชนนท์อย่างสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เด็กไอ้วีมัน มึงยังไม่เคยเจอเหรอ?”ธีรเชษฐ์หันไปถามเพื่อนที่อายุเท่ากัน คเชนทร์ส่ายหน้า
“เด็กเชี่ยไรล่ะ พูดอะไรให้เกียรติน้องนิดนึงครับไอ้ผู้ใหญ่เวร”วีรภัทรกอดอกอย่างไม่พอใจ
“โอ้โห น้องเหรอ นี่หลานแล้วมั้งไอ้กระบือแก่”เจ้าของวันเกิดหัวเราะ
“มึงนี่ก็กล้าล้อคนอื่นนะ” คเชนทร์เหลือบมองมีนาที่สะดุ้งเฮือกอยู่บนโซฟา เด็กหนุุ่มนึกอยากให้ตัวเองตัวเล็กพอที่จะมุดไป
ด้านหลังของธัชนนท์แล้วขดตัวเป็นก้อนกลมไม่ให้คนอื่นเห็น “พรุ่งนี้มีนัดพบอาจารย์ที่ปรึกษาช่วงเช้า แต่ถ้ามาไม่ไหว...”ดวงตาเรียวคมตวัดมองธีรเชษฐ์ที่มีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เดี๋ยวครูมาคุยที่นี่ก็ได้”
แม้จะรู้ว่าสายตาของคเชนทร์ไม่มีทางพลาดร่องรอยของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่มีนายังคงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนเห่อขึ้นมาอย่างอับอายอยู่ดี
“ไม่..ไม่เป็นไรครับอาจารย์ ผมไปได้” เด็กหนุ่มรีบบอกอาจารย์ที่ปรึกษาของตนอย่างเกรงใจ แค่นี้เขาก็อายมากพออยู่แล้ว
“อ่า…ถ้างั้นของขวัญกูมึงค่อยเปิดวันหลังนะ”วีรภัทรยิ้มแห้ง ส่งกล่องของขวัญให้เพื่อนสนิทอายุมากกว่าที่รับมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมีนานั้นได้แต่เหลือบมองธัชนนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขอคำตอบ แต่ชายหนุ่มรุ่นพี่ปฏิเสธที่จะหันมาสบตาเขา
“ไปนะ เดี๋ยวมีเคสผ่าตัดต่อ” คเชนทร์เอ่ยขอตัว ธัชนนท์มองตามคนที่เขาไม่เคยเห็นก่อนจะหันมาหาคนรัก
“คุณหมอนี่ อายุมากกว่าคุณเชษฐ์เหรอครับ?”
“ไม่นะ พี่ครามเกิดหลังไอ้เชษฐ์สองสามเดือน ทำไมเหรอ?” วีรภัทรเลิกคิ้ว
“แล้วทำไมถึงเรียกคุณหมอว่าพี่...แล้วคุณเชษฐ์....”
ธัชนนท์เอ่ยถามสิ่งที่มีนาก็นึกสงสัยอยู่เช่นกัน ร่างสูงหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่บึ้งตึงลงของธีรเชษฐ์ ลูบศีรษะของคนช่างสงสัยอย่างเอ็นดู
“คนเราจะแก่ แก่ที่วุฒิภาวะ ไม่ใช่อายุ จำไว้นะเทสต์”
“สาธุ ขอให้มึงโดนเด็กถอนหงอก”ร่างสูงแช่งเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ วีรภัทรยิ้มเยาะ
“มึงแช่งกูมากี่รอบละ ระวังจะเข้าตัวเหอะ”
ธัชนนท์ส่ายหัวกับพฤติกรรมเด็กๆของคนทั้งคู่ ส่วนมีนาเพียงแค่นั่งฟังชายหนุ่มอายุสี่สิบกว่าสองคนทะเลาะกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาไม่เคยเห็นธีรเชษฐ์ดูผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองแบบนี้บ่อยนัก
ดูไปดูมา...ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“เทสต์ เป็นอะไรรึเปล่า?” จนกระทั่งวีรภัทรหันกลับมาทักคนรักด้วยแววตาเป็นกังวลนั่นแหละที่มีนาละสายตาไปมองธัชนนท์ ใบหน้าของร่างโปร่งดูซีดขาวลงเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดมุ่น
“เอ่อ...ปวดหัวนิดหน่อย คงนอนน้อยน่ะครับ”ธัชนนท์ตอบ
“เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันดีกว่า”
ทั้งสองคนจากไปไวพอๆกับขามา มีนาแอบรู้สึกใจหายเบาๆที่กำลังจะต้องอยู่ท่ามกลางคนมากมายที่เขาไม่รู้จักอีกครั้ง ธีร
เชษฐ์นั่งลงข้างเด็กหนุ่ม มือให้วางลงบนศีรษะของมีนาเบาๆ
“พร้อมมั้ย?”
คำถามของธีรเชษฐ์ไม่เพียงสื่อถึงงานเลี้ยงในวันนี้ แต่ยังสื่อถึงการป่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คนภายนอกได้รับรู้
ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือทินกร
แม้ธีรเชษฐ์จะไม่ได้รับรู้ความกังวลที่แท้จริงของมีนา แต่ชายหนุ่มยังคงพอจะรู้ว่างานในวันนี้เด็กหนุ่มจะต้องพบเจอกับลูกชายคนโตและคนเล็กของเขาอย่างเป็นทางการ ระดับความเครียดของมีนาในตอนนี้ย่อมไม่ธรรมดา
มีนาพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจนัก
“ฉันต้องเปลี่ยนชุดก่อน จะขึ้นไปด้วยกันมั้ย?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วถาม
มีนาพยักหน้า หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าตนกำลังจะก้าวลึกเข้าไปในโลกอีกใบของร่างสูงที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน
เด็กหนุ่มก้าวตามอีกฝ่ายขึ้นบันไดไปเงียบๆ มือเรียวเล็กเอื้อมไปจับชายเสื้อของร่างสูงเป็นที่ยึดเกาะอย่างลืมตัว เป็นพฤติกรรมใหม่ที่มีนาเริ่มจะทำเป็นนิสัยติดตัว และเป็นสิ่งที่ธีรเชษฐ์ไม่นึกอยากให้อีกฝ่ายปรับเปลี่ยน
”นั่นห้องเมฆ นั่นห้องซัน นั่นห้องธาร…”
ธีรเชษฐ์แนะนำอย่างขอไปที เปิดประตูห้องที่อยู่สุดริมทางเดินที่มีนาคิดว่าเป็นห้องนอนของร่างสูง แต่เมื่อมองเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มพบเพียงห้องทำงานเรียบๆห้องหนึ่งที่มีแต่กองเอกสารวางกองระเกะระกะเต็มไปหมด ชุดสูทสั่งตัดสีดำสนิทถูก
แขวนไว้หน้าตู้เอกสารติดผนัง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าหากธีรเชษฐ์ใส่แล้วคงจะดูราวกับหลุดออกมาจากเซ็ทถ่ายแบบ
“ทำไมชุดถึงมาอยู่ห้องนี้ล่ะครับ” มีนาอดถามไม่ได้ เขาไม่เชื่อหรอกนะว่าคนที่ได้รับสิทธิ์ในทุกพื้นที่ของชีวิตธีรเชษฐ์อย่างมธุวันจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของร่างสูง
‘จะนอนห้องฉัน? จริงๆก็ได้อยู่นะ แต่มันนอนไม่ค่อยสบายนะ หืม? เอางั้นเหรอ? ก็ได้ อยากนอนที่ไหนในบ้านนั้นก็นอนเถอะ ถ้าเป็นเธอฉันไม่ว่าอะไรหรอก’
คำพูดของธีรเชษฐ์ในวันนั้นเขายังจำได้ดี
“หมอกเอามาไว้ให้น่ะ เมื่อเช้าพี่แต้วเผลอเอาไปแขวนไว้ในห้องนอน ทำไม อยากเข้าห้องนอนฉันเหรอ?” ร่างสูงยักคิ้วยียวน มีนารีบส่ายหน้าอย่างร้อนตัว เรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี “จะให้พาไปดูก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อนว่าตั้งแต่เกศเสียไป ฉันก็ไม่เคยเข้าไปในห้องนั้นอีก”
ชื่อภรรยาเก่าของชายหนุ่มทำให้มีนาเงียบไปอย่างรู้สึกผิด ธีรเชษฐ์ลูบศีรษะเขาเบาๆ แล้วหันไปสนใจชุดออกงานของตน ร่างสูงถอดเสื้อออกโดยไม่ให้สัญญานเตือนล่วงหน้า แม้มีนาจะเห็นจนไม่มีอะไรให้เห็นแล้ว แต่ใบหน้าของเขากลับยิ่งจะบาง
ลงทุกวันที่ได้เห็น
ถึงอย่างนั้น ดวงตากลมโตก็ยังคงไม่ละไปจากภาพตรงหน้า
เด็กหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงใช้เข็มขัดที่เขาซื้อให้ไม่ว่าจะใส่ไปทำงานหรือออกงานแบบนี้ มีนาช่วยจัดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายให้เข้าที่ ปัดเศษผงเล็กๆที่เกาะอยู่บนไหล่เสื้อของอีกฝ่ายเบาๆแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนรักของตน
“เรียบร้อยครับ”
“อารมณ์ดีกว่าที่คิดนะ” ธีรเชษฐ์บีบจมูกเล็กเบาๆอย่างมันเขี้ยว แม้ว่าแววตาจะยังคงเก็บซ่อนความเป็นห่วงไว้ไม่มิด “ใครจะคิดอะไร…ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องเก็บมาใส่ใจ จำไว้นะมีนา”
“ครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ แม้การปฏิบัติจริงจะเป็นเรื่องยาก แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะยืนเคยข้างคนคนนี้ อย่างน้อยที่สุด เขาต้อง
พยายาม
“ไปกันเถอะ” มือใหญ่ดึงมือของมีนาเข้าไปในการเกาะกุม
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง มือเรียวเล็กบีบมือของอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด…
--------------------