บทที่ 3
ตำนานรักสองราชวงศ์ : เวลาที่เหลือ... การสนทนา
“องค์ชายเพคะ ทรงคิดดีแล้วจริงๆหรือเพคะ ที่จะทรงเสด็จไปเป็นเครื่องราชบรรณาการเช่นนั้นน่ะเพคะ”เรลที่ตามเสด็จมาเอ่ยถามเจ้าชายของนางด้วยคำถามที่คนทั้งตำหนักขององค์ชายคาเซียอยากทราบ
“นั่นสิเพคะ องค์ชาย การไปเช่นนี้ก็มิต่างอะไรจากการไปเป็นเชลยเลยนะเพคะ”เนล นางกำนัลอีกนางขององค์ชายคาเซีย ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของเรลพูดขึ้นบ้าง
“เราคิดดีแล้วล่ะ เรล เนล... แต่ไปครั้งนี้เราคงมิได้เป็นเชลยหรอกกระมัง...”
“องค์ชายทรงหมายความว่า...”เรฟ หนึ่งในองครักษ์ของพระองค์โพรงขึ้นด้วยความตกใจ “เครื่องบรรณาการ... บาทบริจาริกา...”
“อาจจะแย่กว่านั้นก็ได้นะ เรฟ”รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงประดับบนพระพักตร์งามอย่างไม่ขาด แม้แววพระเนตรจะทรงฉายแววกังวลเพียงใดก็ตามที
“นางบำเรอ... งั้นรึพะยะค่ะ”เซท องครักษ์อีกคนของพระองค์ถามขึ้นเบาๆ ถ้าเรฟเปรียบดังมือขวาของพระองค์แล้วล่ะก็ เซทก็เปรียบได้ว่าเป็นมือซ้ายของพระองค์... องครักษ์ผู้มีสติปัญญาสูงกว่าใคร ต่างจากเรฟที่มีพละกำลังเหนือว่าคนอื่น
“คิดว่าเช่นนั้นล่ะ เซท”เสียงนุ่มขององค์ชายตอบกลับมาอย่างเศร้าๆ “แต่ก็ยังดีกว่าไปเป็นทาสล่ะนะ...”
“องค์ชาย สายนอกวังของเรารายงานมาว่า พระราชาแห่งเฟรนเซียนั้นมีพระชนมายุ 21 ชันษา ทรงมีพระสนมจำนวน 20 พระองค์ แต่ยังมิมีโอรสหรือพระธิดาแม้เพียงสักองค์พะยะค่ะ”เรฟทูลรายงานตามคำบอกเล่าของสายลับแห่งแสง... เหล่าผู้ภัคดีต่อองค์ชายคาเซีย
“องค์ราชาทริสเซย์แห่งเฟรนเซีย ทรงมีรูปโฉมหล่อเหลาราวเทพบุตร ทรงมีความสามารถเป็นเลิศในด้านการรบ การดนตรี การเมือง ทรงเป็นที่รักของปวงประชาแห่งเฟรนเซีย เหล่าสนมของพระองค์ก็ทรงมีรูปโฉมงามสะคราญ แต่ก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนในวังเพราะพวกนางมักจะชิงดีชิงเด่นกันแล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับข้าหลวง นางกำนัลในวังหลังพะยะค่ะ”เซทรับบทต่อจากเรฟ ทูลด้วยน้ำเสียงนิ่งๆตามนิสัยของเขา
“เหรอ...”คาเซียตอบรับเบาๆ “ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเราเลยนะ...”
“องค์ชายเพคะ โอสถที่พระนางเซฟีน่าทรงทิ้งเอาไว้ให้... จะทรงเสวยไหมเพคะ?”เนลเอ่ยถามร่างบอบบาง องค์ชายคาเซียเลิกพระขนงขึ้นน้อยๆ
“ยา... ยาอะไรหรือ?”
“ทูลองค์ชาย โอสถปรับสภาพร่างการให้สามารถตั้งครรภ์ได้ไงเพคะ โอสถประจำตระกูลของพระสนมน่ะเพคะ”เรลชิงเป็นผู้ตอบข้อสงสัยขององค์ชายแทนเนล
“อ่อ... เจ้าก็แอบใส่ในเครื่องเสวยให้เรากินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ... เรล”คาเซียพูดตอบอย่างรู้ทัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นสิ”
“อ่ะ... เอ่อ... องค์ชาย...”เรลเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ดวงตากลมโตของนางหลุบลงพื้น “คือว่า... คือ นั่นมัน อ่า... นั่นเป็นคำสั่งของพระสนมน่ะเพคะ”
“เสด็จแม่คงคาดเดาเรื่องเช่นนี้ล่วงหน้าเอาไว้แล้วสินะ”
“เพคะ”
“งั้นก็เอามาเถอะ... จะได้ไม่ต้องคอยแอบใส่ทีละนิดๆอีก”องค์ชายคาเซียยังไม่วายทรงตรัสเหน็บแหนบนางกำนัลคนสนิทของพระองค์
“เพคะ องค์ชาย”เรลรับคำพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ก็นางอยู่กับองค์ชายของนางมาตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าองค์ชายไม่พอใจกับสิ่งนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้ามิใช่ว่าเป็นคำสั่งของพระสนมล่ะก็... ไม่อยากจะคิดถึงมันเลย
ทั้งห้ากลับสู้ตำหนักอย่างเงียบเชียบ เมื่อมาถึงต่างคนต่างแยกย้ายไปอยู่ในที่ของตน... และแน่นอน... เรลก็ไปเอาโอสถมาต้มให้กับองค์ชายของนาง...
องค์ชายคาเซียทรงประทับนิ่งอยู่ในห้องรับแขกในตำหนักของพระองค์ พระเนตรเหม่อมองไปที่พระบัญชรกว้าง อันเป็นเอกลักษณ์ของตำหนักนี้
แม้พระองค์จะทรงตรัสออกไปว่ายอมสละ แต่ใครจะรู้ว่าพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไร เพื่อทรงมานั่งคิดว่า อีกไม่นอนพระองค์จะไม่ได้ประทับในตำหนักแห่งนี้ ไม่ได้ออกไปเดินเล่นในสวนที่คุ้นเลย ไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นเหล่าเชษฐาและอนุชาของพระองค์ทำราชกิจของตน ไม่ได้แอบออกไปเดินเที่ยวในตลาดอีกต่อไปแล้ว พระองค์ก็ทรงรู้สึกวูบโหวงในพระทัยยิ่งนัก
“องค์ชายเพคะ”เนลเข้ามากุมพระหัตถ์เย็นขององค์ชายอย่างปลอบโยน
“อีกหน่อยเราคงไม่ได้เห็นบรรยากาศเช่นนี้แล้วสินะ เนล ไม่ได้เห็นห้องธรรมดาๆแห่งนี้ ไม่ได้นอนบนเตียงที่เรานอนมาแต่เล็ก ไม่ได้ทอดมองต้นไม้ที่เรากับเสด็จแม่ช่วยกลับปลูก ไม่ได้ไปแอบมองเหล่าทหารฝึกซ้อม...”เสียงหวานเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา รอยยิ้มเศร้าหมองถูกส่งมาให้นางกำนัลเนลอีกครั้ง “เราอาจจะไม่ได้เห็นพวกเจ้าอีกก็เป็นได้...”
“จะไม่เป็นเช่นนั้นเพคะ องค์ชาย พวกหม่อมฉันก็จะขอติดตามองค์ชายไป ไม่ว่าองค์ชายจะเสด็จไปที่ไหน พวกหม่อมฉันจะขอตามไปปรนนิบัติองค์ชายตลอดไปเพคะ”เนลช้อนสายตามององค์ชายคาเซียแล้วพูดด้วยเสียงมุ่งมั่น
“ใช่พะยะค่ะ องค์ชาย พวกกระหม่อมจะขอตามไปอารักขาองค์ชาย ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนก็ตามพะยะค่ะ”เซทพูดขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาในห้อง
“ตามใจพวกเจ้าแล้วกัน”คาเซียยิ้มกว้างขึ้นจากปกติเล็กน้อย
“มาแล้วเพคะ องค์ชาย”เสียงของเรลดังขึ้น ก่อนที่ร่างของนางจะเดินเข้ามาพร้อมกับสำรับอาหาร
“อ่าว เรล เจ้าไม่ได้ไปต้มโอสถให้องค์ชายหรอกหรือ??”เนลหันไปมองอย่างงุนงงเมื่อเห็นน้องสาวยกเครื่องเสวยมาแทนโอสถ
“ก่อนที่องค์ชายจะเสวยโอสถ ควรจะเสวยอาหารก่อนสิ ท่านพี่”เรลหันไปพูดกับพี่สาวก่อนที่จะหันกลับมาหาองค์ชายของนาง “เสวยก่อนนะเพคะ องค์ชาย”
“อืม...”
เครื่องเสวยถูกวางลงบนโต๊ะ องค์ชายคาเซียทรงเสวยอาหารอย่างเงียบๆ องครักษ์ที่สองหายตัวออกไปข้างนอกเพื่อทำกิจของคน เรลก็ออกไปเอาโอสถ เหลือเนลที่อยู่รับใช้พระองค์
แต่ก็ยังไม่มีใครได้พูดอะไร เรลก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับโอสถถ้วยย่อม องค์ชายคาเซียทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมามอง แล้วทรงหยุดการเสวยอาหาร
“เอายามาเถอะ เรล เราอิ่มแล้ว”องค์ชายคาเซียตรัสกับนางกำนัลของพระองค์ “เราว่ามันดูถ้วยใหญ่หว่าปกติไปหน่อยนะ...”
“เพคะ องค์ชาย”เรลนำโอสถอุ่นๆมาถวายให้กับองค์ชายคาเซีย “ตามตำราเขียนเอาไว้น่ะเพคะ ว่าต้องเสวยขนาดนี้”
“อืมมมม”องค์ชายคาเซียรับถ้วยโอสถมาเสวยจนหมด พระพักตร์ยู่ลงเล็กน้อย “มันเฝื่อนคอมากเลย... ยาตำรับนี้”
“เพคะ”สองนางกำนัลตอบรับ พวกนางทั้งสองอมยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นสีพระพักตร์แหยๆขององค์ชายผู้อ่อนโยน ที่ปกติจะมีแต่รอยยิ้มเล็กๆส่งให้กับทุกคนอยู่เป็นนิจ
“พวกเจ้าว่าที่เฟรนเซียจะเป็นอาณาจักรอย่างไร จะงดงามเหมือนอาณาจักรของเราไหม??”องค์ชายคาเซียตรัสถามความคิดเห็น “เราเคยได้ยินว่าที่นั่นงดงาม มีผืนป่าสีเขียวขจี มีลำธารใสสะอาดไหลผ่านข้างพระราชวัง...”
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าที่ตำหนักที่บรรทมของพระราชาแห่งเฟรนเซียนั้น มีดอกทิวลิปและดอกลิลลี่ที่องค์ชายชอบปลูกอยู่รอบตำหนักเลยเพคะ”เรลทูลต่อองค์ชายด้วยเสียงแจ่มใส”
“หม่อมฉันทราบมาว่าตำหนักในราชวังของอาณาจักรเฟรนเซียตั้งเป็นชื่อของดอกไม้ชนิดต่างๆล่ะเพคะ”เนลทูลกับองค์ชายของนางบ้าง “อย่างตำหนักของพระราชา จะมีชื่อว่าตำหนักว่า โพรเทีย เพคะ”
“โพรเทีย... ราชาแห่งดอกไม้สินะ”
“เพคะ ส่วนตำหนักขององค์ราชินีคือออคลิทแต่ตอนนี้ไม่มีตำหนักของพระราชินีแล้ว อันเนื่องมาจากหลายรัชสมัยที่ผ่านนั้น มิมีพระราชาองค์ใดแต่งตั้งราชินีขึ้นมา จึงกลายเป็นตำหนักของพระสนมเอกเพคะ ตำหนักของผู้ที่พระราชารักจะชื่อว่าเรดโรสเพคะ”
“ผู้ที่สร้างคำหนักขึ้นมาคงจะชื่อชอบดอกไม้มากสินะ...”องค์ชายคาเซียตรัสกับนางกำนัล พระหัตถ์เรียวทรงกุมพระอุทรเอาไว้แน่น
“องค์ชาย ทรงเป็นอะไรเพคะ”นางกำนัลทั้งสองตะโกนลั่นตำหนัก ทำให้สององครักษ์รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายเพคะ”
“พา... พาเราไปที่ห้องบรรทม”สิ้นคำสั่ง องครักษ์เรฟก็ช้อนตัวองค์ชายวิ่งไปยังห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายทรงเป็นอะไรพะยะค่ะ”เซททูลถามองค์ชายอย่างเป็นห่วงทันทีเมื่อเรฟวางพระองค์ลงบนแท่นบรรทม
“ปวด... เราปวดท้อง”องค์ชายคาเซียทรงกุมพระอุทรไว้แน่น วรกายบางบิดไปมาอย่างทรมาน
“ผลข้างเคียงของยา...”เรลอุทานขึ้นเมื่อนางนึกขึ้นมาได้ “ขออภัยเพคะองค์ชาย หม่อมฉันน่าจะทูลพระองค์ก่อน หม่อมฉันสมควรตาย”
“ออกไป”สุรเสียงตรัสออกมาแผ่วเบา แต่ทุกคนก็ได้ยินกันอย่างทั่วถึง “ออกไปก่อน ถ้าเราไม่อนุญาต ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
“เพคะ/พะยะค่ะ องค์ชาย”
ทั้งสี่สลายตัวออกจากห้องบรรทมไปอย่างรวดเร็ว ตามดำรัสขององค์ชายที่พวกเขาเทิดทูล
++++++++++++++++++++++++
^^ บทที่สามค่ะ
ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหนต้องขอโทษด้วยนะคะ พยายามตรวจคำผิดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีหลุดรอดสายตาเราไปไหม
ขอบคุณค่ะ