กิจกรรมตอนเย็นของการรับน้องกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าหลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้าย ชานนท์ที่กำลังปวดหัวกับอาการตัวติดกันของวรุฒจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เพราะไม่ว่าจะคาบไหน ห้องเรียนไหน หรือแม้แต่ในห้องน้ำ ชานนท์จะถูกวรุฒตามติดไปด้วยจนแทบหาความเป็นส่วนตัวไม่มี
ชานนท์เดินทอดน่องหอบหิ้วหนังสือจากคาบสุดท้ายมานั่งรอกิจกรรมที่ม้านั่งใต้อาคารเอนกประสงค์ใกล้ลานกิจกรรม เขาวางกองหนังสือกองหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างหมดแรงพร้อมผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง
“เป็นอะไรของแก?” เมย์ที่เดินตามมาสมทบถามขึ้นมา
“เมย์ แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้!” ชานนท์กระแทกก้นนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันว่ามันเป็นพัฒนาการที่ดีนะ!” เมย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามและมองไปทางวรุฒที่กำลังเดินตามมาพร้อมแก้วน้ำอัดลมจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้น
“แกว่างั้นเหรอ?”
“ก็เออนะสิ! ฉันว่ามันดีกว่าที่แกจะอยู่อย่างอึดอัดมากกว่านะ”
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าแบบไหนดีกว่ากันแล้วว่ะ”
“เออ! ฉันก็ว่าจะถามอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันแยกตัวออกมา มีอะไรกันหรือเปล่าวะ?” เมย์ยื่นหน้ามากระซิบ
“รู้ได้ไง?”
“แหมๆ ก็พ่อแกตามติดแกมากกว่าเดิมอีก แถมดูหงุดหงิดด้วย!! พี่เต๋านี่ก็มาตามจีบแกอีกคนเหรอวะ?”
“เฮ้อ......” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากถอนหายใจแล้วทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย ส่วนเมย์ก็เข้าใจได้ในทันที
“เร็วดิแก! พ่อแกจะเดินมาถึงแล้ว!!” เมย์มีท่าทีขยั้นขยอ
“ก็อยู่ๆ พี่เอกก็โผล่มาขอคุยด้วย” ชานนท์ให้คำตอบสั้นๆ ที่ทำให้หน้าตาของเมย์ตื่นเต้นถึงขีดสุด
“เชี้ยยยย....... โคตรพีค!! แล้วเป็นไง เกิดศึกชิง ‘นาย’ เลยไหม?” ท่าทางการพูดของเมย์เหมือนผู้ชายกำลังลุ้นกีฬาที่กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์
“นี่ก็พูดเกินไป! ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาแค่..... มาปรับความเข้าใจนิดหน่อย ไม่มีอะไร พี่น้องกัน แค่นั้น!” ชานนท์ผ่อนเสียงลงเรื่อยๆจนถึงท้ายประโยค
“อย่า.... อย่าบอกนะว่า พี่เอกมาสารภาพรักแล้วแกปฏิเสธ!!”
เรื่องแบบนี้เมย์หัวไวเป็นพิเศษ
“บ้าแล้ว... แค่มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แค่นั้น!” ชานนท์พยายามกลบเกลื่อนเรื่องที่เมย์มีเซนต์ในการเดาที่แม่นยำ แต่เขาไม่เก่งเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย ส่วนเมย์ก็เก่งเกินไป เมย์ไม่ตอบอะไรกลับมาแค่ยิ้ม และทำหน้าเหมือนจะพูดว่า ‘ต้องใช่แน่ๆ’ อยู่
“ร้ายไม่เบานะเรา เห็นเงียบๆแบบนี้” เมย์ตบไหล่ชานนท์เบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
“คุยอะไรกัน!?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมยื่นแก้วน้ำอัดลมมาวางไว้ตรงหน้า
“เรื่องซ้อมกับเรื่องวันงานน่ะ” เมย์ตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนเสแสร้ง
“อืม....” วรุฒไม่ได้ตอบอะไรมากมาย เขาพยักหน้าและมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่อย่างสงสัย
“ไปก่อนนะ” เมย์ลุกขึ้นโบกมือลาชานนท์และวรุฒ แต่ก่อนไปก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูชานนท์
“ดีนะที่นาย ตัดใจไม่ตามตื้อจีบฉันต่อ ไม่งั้นฉันคงมองหน้าบรรดาแฟนคลับนายไม่ติด!”
“เมย์!!” ชานนท์พูดขี้นอย่างหัวเสียแต่สาวห้าวก็เดินหัวเราะทิ้งระยะห่างไปไกลแล้ว
“จริงสิ! เหมือนนายเคยคิดจะจีบเมย์อยู่ใช่ไหม?” วรุฒนั่งลงข้างๆและกล่าวเสียงทุ้ม
“เฮ้อ.... ดูกันออกง่ายอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม.... นายมันคนซื่อๆ ปิดบังอะไรไม่เก่งนี่นา.... แล้วตอนนี้ล่ะ ยังชอบเธออยู่ไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ พอรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว เราก็คิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้น”
“จริงเรอะ ค่อยสบายใจหน่อย! ไม่อยากจะทำอะไรรุนแรงกับผู้หญิงเสียด้วย!” วรุฒพูดลอยๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“อะไรนะ?” ชานนท์ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร อ่ะ! ดื่มน้ำก่อนสิ!” วรุฒขยับแก้วนำ้มาใกล้ชานนท์มากขึ้น ชานนท์รับแก้วมาอย่างรู้สึกงงงวยกับสีหน้าลิงโลดของคนตัวสูงข้างๆ
..................
การซ้อมวันนี้หนักหน่วงกว่าทุกวัน อาจเพราะใกล้วันที่ต้องขึ้นเชียร์เสมือนจริง ท่ามกลางรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นคณะกรรมการด้วย ยิ่งทำให้ปีสองและปีสามที่ร่วมกันฝึกฝนน้องๆ เฟรชชี่ต่างส่งความกดดันลงมาที่น้องๆ เต็มที่เพราะการแสดงสดนั้นเป็นการวัดการสอนของพวกรุ่นพี่ด้วย พวกเขาจะถูกประเมินเหมือนน้องๆ หากทำได้ไม่ดีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของคณะฯ พวกรุ่นพี่ปีสองและสามก็เตรียมตัวซ่อมกันได้เลยทั้งคืน
ส่วนคนที่ต้องการเป็นดาวและเดือนคณะฯนั้นจะต้องทำให้ตัวเองโดเด่นที่สุด เพราะในแต่ละเพลงจะให้ทุกคนมีโอกาสได้เต้นนำคนอื่นเพื่อฉายแวว การเป็นดาวเกือนคณะฯนี้นอกจากหน้าตาจะต้องดีแล้ว ความสามารถก็ต้องมากด้วย เพื่อไปประกวดเป็นดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้มาจากการโหวตของผู้ที่มาเข้าชมทุกคน ทางเอกวิศวะคอมพิวเตอร์ได้สร้างโปรแกรมในการโหวตเพื่อการนี้โดยเฉพาะโดยคนที่ต้องการร่วมโหวตจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ และมาสแกนคิวอาร์โค้ดที่แสตนด์ที่นั่งรับชม และจะโหวตได้หลังจากเสร็จสิ้นการแสดง ผู้ชนะจะรู้ผลหลังจากระบบรวบข้อมูลในวันรุ่งขึ้นโดยจะประกาศผลทันทีหลังจบงาน และยังประกาศผ่านเพจของคณะฯ เป็นการจัดการสมกับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ
จากที่ชานนท์ฟังการอธิบายการคัดเลือกทั้งหมดจากพี่เอก ก็ทำให้ตนเองคิดว่าน่าจะไม่สามารถได้รับเลือกเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ามีฐานเสียงค่อนข้างน้อย ผิดกับวรุฒที่มีแฟนคลับตั้งแต่เดินเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
“โอ้ยยยยย” เมย์โวยวายลั่นหลังจากกระแทกตัวลงนั่งที่ลานสนามหญ้าใกล้อาคารเอนกประสงค์
“นี่ๆ เสียงดังไปไหมเนี่ย?” ชานนท์ดุใส่เมย์
“ก็มันเหนื่อยนี่นา เครียดด้วย ตอนฉันเป็นนักกีฬายังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย!!” เมย์ทิ้งตัวลงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า ทำให้ชานนท์แอบผ่อนลมหายใจกับกิริยากระโดกกระเดกของยัยม้าดีดกระโหลกเพื่อนเขาเอง
“เหนื่อยไหมวันนี้” พี่เอกเดินมาทักพร้อมยื่นขวนน้ำดื่มเย็นฉ่ำให้ชานนท์จนเกือบชนกับแก้มของเขา
“อ่ะ..... ขอบคุณครับ” ชานนท์มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะรับน้ำดื่มเย็นขวดนั้นมาไว้ในมือ
“โหยยยย....... พี่ดิว สปอนเซอร์หนู ดูแลหนูได้สักครึ่งของพี่เอกนี่หนูรักตายเลย!!” เมย์ลุกขึ้นมานั่งแซวและมองด้วยสายตาปนอิจฉา
“เอ้านี้! พี่หยิบมาเผื่อ” พี่เอกยื่นน้ำจากในถุงพลาสติกที่ประทับตราร้านสะดวกซื้อชื่อดังให้รุ่นน้องหญิงห้าวที่ค้อนเขาเสียจนเขารู้สึกผิด พี่เอกมักจะซื้อมาเผื่อเมย์เสมอเพราะเขามักจะโดนเมย์แซวและแซะอยู่เป็นประจำ
“ขอบคุณครับ!” ยัยเมย์ไหว้แบบลิงหลอกเจ้าและรีบคว้าน้ำดื่มจากมือพี่เอกไปดื่มอย่างว่องไว และเป็นเกือบทุกครั้งที่พี่เอกจะหัวเราะกิริยาของยัยเมย์จนตาเป็นเส้นเดียว ชานนท์จึงมักจะสงสัยว่าพี่เอกซื้อมาเผื่อเมย์เพราะสำนึกผิดหรืออยากจะรู้สึกขบขันกับยัยตลกรับประทานคนนี้
”เลิกซ้อมแล้วนะ จะกลับเลยก็ได้” พี่เอกพูดขึ้น
“อ้าว! เห็นเมื่อครู่บอกว่า พักสิบนาที”
“มันดึกแล้ว อาจารย์เดินมาเตือนแล้วนะ ก็เลยให้สปอนเซอร์แต่ละคนช่วยเดินมาบอกน้องๆ น่ะ” พี่เอกเสริม
“อ้าว ! แล้วพี่เห็นพี่ดิวหนูไหมเนี่ย?” ยัยเมย์โวยถามพี่เอก
“ไม่เห็นครับ แต่เราน่ะก็กลับได้เลยนะ”
“นั่นไง! แอบไปหลีสาวแล้วทิ้งน้องแน่นอน!!” ยัยเมย์โวยเสียงดัง ทำให้พี่เอกอมยิ้มไปกับกิริยาห้าวๆ ของรุ่นน้องตัวแสบคนนี้
“เราล่ะ จะกลับหรือจะซ้อมต่อกับพี่?” พี่เอกหันมายิ้มหวาน
“ไม่แล้วครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ” ชานนท์ส่ายหน้าที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” พี่เอกยื่นมือมาทางชานนท์เพื่อสื่อว่าจะช่วยดึงชานนท์ให้ลุกขึ้น
“อ่า.... ครับ!” ชานนท์ยิ้มรับแต่ก่อนจะยื่นมือออกไปหาพี่เอกเขาแอบชำเลืองมองไปทางทิศที่วรุฒอยู่ เขาเห็นวรุฒกำลังถูกพี่วิล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเคย พี่วิยังพยายามเรียกร้องความสนใจกับวรุฒจนเขาทำหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในระยะไกลขนาดนี้ พี่วิคงกำลังให้วรุฒอยู่ซ้อมต่อกับตนเองให้ได้เหมือนเช่นทุกวันก่อนหน้านี้ แม้ว่าวันนี้จะมีขายหนุ่มผิวเข้มกล้ามใหญ่มารอรับอยู่ก็ตาม
ชานนท์เห็นตามนั้นเลยตัดสินใจที่กลับไปที่หอพักก่อนเพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะอยู่ต่อแล้ว นอกจากนี้วันนี้เขายังต้องทบทวนเรื่องที่เรียนวันนี้ก่อนนอนด้วย
หลังจากเดินมากับพี่เอกจนออกห่างจากลานเอนกประสงค์ที่ซ้อมกิจกรรมรับน้องมาจนถึงลานจอดรถ พี่เอกยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งการชวนคุยเรื่องกิจกรรมที่จะจัด สอบถามเรื่องเรียน และหาเรื่องสนุกๆ มาคุยให้ชานนท์คลายเครียดระหว่างเดินมาด้วยกัน แต่ที่แปลกกว่าเดิมคือสายตาที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของพี่เอก ที่พยายามจ้องมาที่ดวงตาชานนท์อย่างหวานซึ้ง และมือไม้ที่พยายามสัมผัสชานนท์มากขึ้นอย่างจงใจ ทำให้ชานนท์ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดพอควร ชานนท์ไม่ได้รังเกียจที่พี่เอกเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ได้ถือสาเรื่องพวกนี้เขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่เอกในทำนองนั้น แต่ที่อึดอัดคือเขาไม่ต้องการให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่ทำตัวเป็นแฟนเขาอย่างวรุฒ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหัวร้อน ทั้งสองฝ่ายเกือบจะปะทะกันหลายครั้งแล้วด้วย เขาไม่อยากให้คนที่เขาห่วงใยทั้งสองคนต้องมีเรื่องกัน
ขณะที่ชานนท์คิดมาถึงจุดนี้ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะอยู่ๆ เขาก็คิดเป็นห่วงวรุฒขึ้นมามากกว่าปกติได้อย่างไรก็ไม่รู้
“เป็นอะไร หน้าแดงเชียว” พี่เอกขี่รถบิ้กไบค์คันงามของเขามาเทียบหน้าชานนท์ที่ยืนรออีกฝ่ายที่ด้านหน้าลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของอาคารเอนกประสงค์
“เอ่อ..... สงสัยคงเพราะอากาศร้อนน่ะครับ” ชานนท์ยื่นมือไปรับหมวกที่พี่เอกยื่นมาให้
“พี่ก็นึกว่าเราไม่สบายเสียอีก!” พี่เอกแสดงหน้าตาเป็นห่วง และใช้มือช่วยชานนท์ใส่สลักล็อกหมวกกันน็อค
“อ้าว!! น้องนนท์!! ให้พี่ตามหาเสียแทบแย่!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
“พี่..... พี่เต๋า!” ชานนท์หันไปทางต้นเสียง
“วันนี้เรามีนัดกันไงจำได้ไหม?” พี่เต๋าส่งเสียงดังระหว่างซอยเท้าเร็วขึ้น
“อืม...... เออ! จริงด้วย คล้ายจะเป็นแบบนั้น” ชานนท์ทำท่านึกและอุทานออกมาหลังจากนึกถึงคำพูดพี่เต๋าล่าสุดได้
“คล้ายๆ แบบนั้นอะไร? เราก็รู้ว่าพี่จริงจัง” พี่เต๋าทำสีหน้าขึงขังใส่คนตัวเล็กตรงหน้า
“อ่า..... ครับ งั้น.... พี่เอกครับ ขอบคุณนะครับที่จะไปส่ง แต่ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมลืมไปเลยว่ามีนัด” ชานนท์ถอดหมวกกันน็อกออกและยื่นคืนให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ก่อนไปพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” พี่เอกรับหมวกกันน็อกมาวางไว้ที่ตัวถังและตั้งขาตั้งเพื่อจอด เขายืดจับชานนท์โดยการใช้มือพาดไหล่และดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับผู้มาใหม่
“ส่วนมึง!! รออยู่นี่!! ไม่ต่องตามมา รุ่นพี่รุ่นน้องเขาจะคุยกัน!!” พี่เอกหันมาพูดกับพี่เต๋าตาขวาง ส่วนพี่เต๋าที่ทำท่าจะเดินตามมาด้วยถึงกับหยุดฝีเท้าทันที และยิ้มกลับมาแบบใจดีสู้เสือ
“มีอะไรครับพี่?” ชานนท์ถามพี่เอกในขณะที่เดินออกห่างจากจุดเดิมพอควร
“นนท์รู้จักไอ้เต๋าด้วย?”
“เอ่อ..... ครับ บังเอิญรู้จักกัน.... ตอน..... เอ่อ.... ไปทำธุระกับรุฒน่ะครับ เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเล่าเรื่องปกติจนทำให้พี่เอกแสดงอาการร้อนรน
“นี่นนท์รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นใคร? ไอ้วรุฒนี่มันมีแต่ส่งอิทธิพลแย่ให้คนอื่นจริงๆ!” พี่เอกมีท่าทีหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ..... พี่เอกรู้จักพี่เต๋า?”
“เออสิ!! รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จัก ใครไม่รู้จักบ้าง ความจริงคือรู้จักทั้งแก๊งเลยมากกว่า!!” พี่เอกเริ่มขึ้นเสียงจากเดิม
“..........” ชานนท์มีท่าทีแปลกใจกับอาการของพี่เอก
“ทำสีหน้าแบบนี้ก็แสดงว่านนท์รู้อยู่แล้ว! รู้แล้วยังไปกับมันอีก!!”
“ก็พอรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างจากวรุฒน่ะครับ แต่ผมว่าพี่เต๋าน่าจะเป็นคนดีกว่าทุกคนในกลุ่มนะครับ เท่าที่ผมสัมผัส”
“มันน่ะ! เลวร้ายกว่าทุกคนเลย เพราะมันไม่เคยเลือกเหยื่อเลย ใครที่เข้าทางมันมันก็เอาหมด ทุกเพศทุกวัย พอได้จนพอใจมันก็ทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย! มันทำให้คนเสียสูญเพราะไปหลงคารมหลงรักมันนักต่อนักแล้ว!!” พี่เอกดูฉุนเฉียวกว่าทุกที
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพี่เอกดูแปลกๆ” ชานนท์สัมผัสมือที่กำจนแน่นของพี่เอกและพยายามส่งสายตาปลอบประโลม
“มัน......เพราะมัน!! ทำให้.... ปอ.....” พี่เอกกัดฟันกรอด
“อะไรนะพี่?!?” ชานนท์ฟันถ้อยคำที่ลอดผ่านฟันที่บดเบียดกันไม่ถนัดเลยสอบถามอีกครั้ง เขาบีบมือพี่เอกแน่นขึ้นเมื่อเห็นอาการสั่นที่มือซึ่งกำจนแน่น
“อ่ะ.... ขอโทษที เพราะมันทำให้พี่นึกถึงอะไรเลยไปไกล...”
“ไม่เป็นไรแน่นะครับ?”
“อืม...... พี่ไม่อยากให้เราไปกับมันเลย แต่คงไม่ได้แล้วใช่ไหม?” พี่เอกรู้ว่าเด็กซื่อๆ ที่รักษาคำพูดอย่างชานนท์คงต้องไปเพราะรับปากไว้แล้ว
“ครับ”
“เฮ้อ..... ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน อย่าไปตกหลุมมันล่ะ!”
“ครับ... พอผ่านเรื่องคราวก่อนมา ผมก็เลยมีภูมิขึ้นมานิดหน่อยแล้วครับ รับรองคราวนี้ผมไม่ยอมเมาแน่นอน”
“หา!! อะไร!!?”
“เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ ผมว่าผมรีบไปดีกว่าเดี๋ยวจะดึกกว่านี้คงไม่ดีแน่!!” ชานนท์พูดจบก็เดินกึ่งวิ่งไปทางเต๋าที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ท่ามกลางสายตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของพี่เอก
..........................