แอบเข้ามาอ่าน อิๆ เห็นด่าสนกันใหญ่เลย 55555 สมน้ำหน้ามัน
ชักคันปากอยากบอกอะไรบางอย่างซะแล้ว อิๆ แต่อย่ารู้ตอนนี้เลยครับ ยังไม่ถึงเวลา------------------------------------------------------
ตอนที่ 24: จูบแรกต้นพาสนเดินเข้ามาในห้องพักเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนจะอึดอัดแต่ก็ยังไม่อึดอัดเสียทีเดียว สนเอาของไปวางให้ต้นไว้บนโต๊ะกลางห้อง ส่วนต้นก็เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้อง สักพักก็กลับออกมา
"กลับมาเหนื่อยๆ อาบน้ำก่อนก็ได้นะต้น เดี๋ยวเราว่าจะออกไปซื้อของแถวๆ นี้มาทำอาหารให้นายกิน นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวเราทำให้" สนพยายามยิ้มเพื่อที่จะแสดงให้ต้นเห็นว่าเขาก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ดูเหมือนต้นจะยังคงมีท่าทีระวังตัวและห่างเหินกับสนอยู่บ้าง "ก็...อะไรก็ได้" ต้นทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
สนได้แต่เสียดาย เขานึกว่าต้นจะยิ้มให้แต่ก็กลับทำหน้าเรียบๆ ตามเดิมเสียอย่างนั้น
"ไปเชียงรายสนุกไหม เหนื่อยหรือเปล่า รู้ไหมว่าเราน่ะ...เป็นห่วงนายนะ คิดถึงมากๆ ด้วย หายไปไม่ยอมบอกกันเลย โทรหาก็ไม่ติด เรา...น้อยใจนะ" สีหน้าของสนหม่นลง บ่งบอกว่าเขาน้อยใจจริงๆ
"คือ..." ต้นไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไรเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าสนคงจะพอรู้บ้างว่าทำไมเขาถึงต้องหายไปแบบนั้น
"เอาเถอะ...นายกลับมาก็ดีแล้ว" เหมือนสนจะรู้ว่าต้นลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้ก็เลยตัดบทไป "เดี๋ยวเราไปซื้อของข้างนอกก่อนนะ วันนี้...ถ้านายไม่เหนื่อยจนเกินไป เราจะมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ได้คุยด้วยหลายวัน เหงาปาก"
ต้นพยักหน้า แต่ก็คิดในใจว่าสนมีแฟนแล้วยังจะมาบอกว่าเหงาปากอีกหรือ สนยิ้มมุมปาก เขาโคลงศีรษะแล้วก็เดินออกไปจากห้อง
ไม่นานนักสนก็กลับเข้ามา ต้นอาบน้ำเสร็จพอดี เขาใส่กางเกงผ้ายืดขายาวสีเทาและเสื้อยืดสีขาว กำลังง่วนอยู่กับการเอารูปจากกล้องถ่ายรูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์ พอเห็นสนเข้ามา ต้นก็เพียงแต่ยิ้มให้ สนยิ้มตอบ ทำท่าเหมือนอยากจะคุยอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เดินเข้าครัวไป ต้นจึงหันกลับมาสนใจกับการเอารูปลงต่อ
พอสนทำอาหารเสร็จแล้วก็เดินมานั่งลงข้างๆ ต้นขณะที่เขากำลังดูรูปเพลินๆ อยู่ "รูปที่ถ่ายตอนไปเชียงรายเหรอ"
ต้นเงยหน้ามามองแล้วก็พยักหน้า
"เราดูด้วยได้ไหม"
ต้นพยักหน้าอีก สนเริ่มนิ่วหน้า
"ใจคอนายจะไม่คุยกับเราเลยเหรอต้น เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือเปล่า" สนถามด้วยอาการน้อยใจ
ต้นหลบตาลงต่ำ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอยู่ใกล้ๆ สนแล้วอึดอัด แล้วก็หันกลับมาสบตากับสนอีกครั้ง สนเห็นแววตาประหม่าของต้นแล้วก็ถอนหายใจ
"ไม่มีอะไรมากหรอกสน เราก็แค่...รู้สึกอะไรของเราไปบ้างนิดหน่อย แต่...เราเข้าใจนะ นายก็ยังเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิม แค่...ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย" ต้นไม่รู้ว่าเขาพูดรู้เรื่องหรือไม่เพราะพยายามที่จะเลี่ยงพูดถึงบางสิ่งบางอย่างจนประโยคไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ก็พยายามยิ้มให้เพื่อนเพื่อไม่ให้สนรู้สึกแปลกแยกจนเกินไป
"ให้เวลาเราหน่อยนะสน" ต้นพูดเมื่อเห็นสนยังคงมองเขาด้วยสีหน้ามีคำถาม สนพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ เป็นรอยยิ้มที่ต้นก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าสนกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่
"ดูรูปต่อเถอะ เปิดให้เราดูตั้งแต่ตอนแรกๆ เลยได้ไหม" สนรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มดูเศร้า เขายังไม่อยากเข้าไปค้นความรู้สึกบางอย่างของต้นในตอนนี้นัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขายังไม่พร้อมหรือกลัวอะไรบางอย่างกันแน่
ต้นพยักหน้า แล้วก็หันกลับมาสนใจกับการดูรูปต่อพร้อมกับคอยอธิบายว่าแต่ละรูปมีอะไรบ้าง พอได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ค่อยๆ ทำให้กำแพงที่ต้นสร้างขึ้นมากั้นไว้พังทลายลงไปทีละน้อยๆ สนเองก็ดูเหมือนจะพอใจที่เห็นต้นยิ้มมากขึ้น แต่พอดูรูปไปสักพักสนก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า
"พี่คนนี้เขาเป็นใครเหรอ" สนชี้ที่รูปเดี่ยวของพี่ทดแทนที่ต้นกำลังเปิดมาถึงพอดี สนสังเกตเห็นแล้วล่ะว่าต้นกับพี่ทดแทนดูเหมือนสนิทกันจากรูปถ่ายที่เห็นหลายๆ รูป
"อ๋อ...ชื่อพี่ทดแทน เพิ่งรู้จักกัน พี่เขาก็ชอบทำงานพวกอาสาสมัครเหมือนกัน พี่เขาอัธยาศัยดีนะ" ต้นบอกพลางยิ้ม
"อืม...ท่าทางนายจะชอบพี่เขานะ"
"อืม...พี่เขาก็นิสัยดี แล้วก็คอยมาดูแลเราตลอดเลย ถ้าไม่ได้พี่เขาก็แย่เหมือนกันเพราะเราก็ไม่เคยไปอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนั้น อ้อ...นายว่าชื่อพี่เขาแปลกไหม เราว่าแปลกดี พี่เขาบอกว่าพี่ชายเขาเสียตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่พี่เขาจะเกิด พ่อกับแม่ก็เลยตั้งชื่อพี่เขาว่าทดแทน เพราะจะได้มาทดแทนพี่ชายที่เสียไปไง" ต้นเล่าพลางยิ้ม ไม่ได้สังเกตหรอกว่าสนกำลังคิดอะไรอยู่
"รู้สึกนายจะจำรายละเอียดพี่เขาได้เยอะจัง" น้ำเสียงของสนฟังดูแปลกๆ เมื่อพูดประโยคนี้ จะว่าประชดก็ไม่ใช่ จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง แต่แล้วสนก็เงียบ ปล่อยให้ต้นพาดูรูปอื่นๆ ต่อไปจนหมด
"ต้น..." สนเรียกเบาๆ หลังจากดูรูปจนหมด ต้นปิดโปรแกรมที่ใช้ดูรูปแล้วก็หันมามอง
สนครุ่นคิด เหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร "นาย...เหนื่อยไหม" สนหยุดเพราะรู้สึกประหม่า แต่ต้นก็รอฟังอย่างตั้งใจ
"เหนื่อยหรือเปล่าที่นาย...รักเรามานาน แต่เราไม่ได้รักนายแบบนั้นตอบกลับไป"
ต้นเงียบงันไปกับคำถามนั้น คำถามที่ต้นไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสนจะถาม ส่วนสนนั้นก็ได้แต่สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเพิ่งมาถามคำถามนี้เอาตอนนี้ ที่ผ่านมาตั้งเนิ่นนานทำไมเขาไม่เคยถามหรือคุยเปิดใจกับต้นเรื่องนี้เลย
"บอกเรามาตรงๆ ได้ไหมต้น เราอยากฟังความรู้สึกที่แท้จริงของนาย"
ต้นหลบตาแล้วก็ถอนหายใจ "นายอย่ารู้เลย ไม่มีประโยชน์หรอก เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ล่ะดีแล้ว เราจะพยายามนะ...นายไม่ต้องห่วงหรอก เราจะไม่เรียกร้องอะไรจากนายมากกว่าที่เป็นอยู่ จะไม่ทำให้นายต้องลำบากใจ เพียงแต่ว่า...ตอนนี้...เราก็อาจจะรู้สึกอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไปตามประสาของเรา แต่เราเชื่อว่า...ไม่นานมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม" ต้นหันมายิ้ม แต่ก็ดูเศร้าเสียเหลือเกิน
"แต่เราอยากฟัง ขอให้เรารู้ได้ไหมว่านายคิดอะไร คิดยังไง เราอยากรู้จริงๆ นะต้น อย่างน้อย...ก็จะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของนายมากขึ้น เราอยากรู้...ทุกอย่างที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยถามนาย" สนยังยืนยันเจตนารมณ์เดิม
น้ำตาของต้นค่อยๆ ไหลลงมา ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างเป็นฉากบังไว้ดูเหมือนจะเริ่มสั่นไหวและเตรียมพร้อมที่จะพังลงอีกในไม่ช้าหากได้รับแรงกระทบกระเทือนอีกเพียงเล็กน้อย
"นายจะถามเราทำไมล่ะสน นายรู้จักเรามานานขนาดนี้ นายจะไม่รู้เลยเหรอว่าเรา...คิดอะไรกับนาย รู้สึกอะไรกับนาย และเรา...เจ็บมากแค่ไหน นายไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเคยเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรายังจะเป็นแค่เพื่อนกัน เราไม่อยากพูดถึงความรู้สึกพวกนี้ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร มันไม่ได้ทำให้เรา...เลิกรักนายได้ แล้วมันก็ไม่ทำให้นาย...รักเราแบบนั้นเหมือนกัน เราไม่อยากทำให้ความเป็นเพื่อนของเราต้องเสียไปเพราะเรื่องนี้ ปล่อยให้เรารู้สึกแบบนี้ไปคนเดียวเถอะ นายก็ใช้ชีวิตของนายไปตามอย่างที่นายต้องการ ส่วนเรา...ก็จะหาวิธีที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับนายต่อไป ไม่ให้นายต้องลำบากใจหรอก เราสัญญา..." ต้นพูดพลางสะอื้นให้ กำแพงที่กั้นไว้ตอนนี้พังทลายลงจนไม่เหลือสิ้น
"ต้น...พูดมาให้หมดได้ไหม" ดูเหมือนสนเองก็จะมีอาการไม่ต่างกัน น้ำตาของเขาก็เริ่มปริ่มที่ขอบตา
ต้นสบตากับเพื่อน เขาผูกพันกับผู้ชายคนนี้มานานเหลือเกิน ถึงจะทำให้เขาเจ็บแค่ไหนแต่ต้นก็ไม่เคยเลิกรักได้เลย "เรารักนายนะสน รักมาก...นายได้ยินใช่ไหม นายรู้ใช่ไหม" ต้นโผเข้ากอดเพื่อนแน่น แม้จะบอกว่าไม่อยากพูด แต่อารมณ์ของต้นตอนนี้ก็เริ่มหยุดไม่อยู่
"เรารู้..." สนกอดเพื่อนตอบ แล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
"แต่เรา...ก็ไม่รู้ว่าเรารักนายมานานเกินไปหรือเปล่า"
"นายหมายความว่าไงต้น..."
"ก็...เราคิดว่า...มันคงจะถึงเวลาที่เรา...ควรจะต้องตัดใจ ที่ผ่านมา...เราไม่เคยห้ามใจตัวเอง เรารัก...เพราะเราอยากรัก แต่ตอนนี้...เราไม่อยากให้ความรักของเราทำให้นายลำบากใจ เรา...เหนื่อยที่จะเจ็บกับเรื่องนี้"
"นายจะเลิกรักเราเหรอต้น" สนถามเสียงแหบพร่า ใจหายที่รู้ว่าต่อไปนี้ต้นจะไม่ได้รักเขาแบบนั้นแล้ว
"มันจะดีกว่าไหมล่ะสน ถ้าเรา...จะเหลือแค่ความเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันจริงๆ ที่ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ตอนนี้เราอยากให้มันเป็นแบบนั้น เรากับนาย...จะไม่ได้ต้องเป็นแบบนี้อีก เราจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเวลาที่นายมีคนอื่น ไม่ต้องคอยหลบหน้า นายเองก็จะได้ไม่ต้องห่วงเรา ถ้าเป็นไปได้...เราก็อาจจะมีใครสักคนที่เขาจะรักเราแบบนั้นได้"
ดูเหมือนสนจะตกตะลึงและนิ่งเงียบไปกับความคิดนั้นของต้น พอเอาเข้าจริงๆ สนก็รู้สึกหวงแหนความรู้สึกนั้นที่ต้นมีให้เขา เขาไม่ได้อยากให้มันเปลี่ยนเลย แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นเขาก็คงจะเห็นแก่ตัวมาก เขากักขังต้นมานานมากพอแล้ว เขาควรจะปล่อยต้นเป็นอิสระและมีโอกาสเสียที
"แล้วแต่นายละกันนะ...แต่เรา...ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่ว่านายจะรู้สึกกับเราแบบไหน แต่เราก็เข้าใจความทุกข์และความเจ็บปวดของนายนะ เราก็ไม่อยากให้นายเป็นแบบนี้" สนตอบ
ต้นค่อยๆ ผละตัวออกอย่างช้าๆ เขาหยุดสะอื้นแล้วแต่ก็ยังคงมีคราบน้ำตาอยู่เต็มใบหน้า
"สน..." ต้นเรียกเสียงเบา ดูเหมือนว่าคราวนี้ต้นจะคิดหนักกับสิ่งที่เขากำลังจะถามต่อไปนี้
"หือ"
"นาย..." ต้นอึกอัก หันหน้าหนีไปสักพัก จากนั้นก็หันกลับมามองสนตามเดิมด้วยแววตาประหม่า "นายรักเราแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เหรอ" ต้นตัดสินใจถามออกไป
แต่พอเห็นสนนิ่งอึ้งและเงียบไปต้นก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาอาจจะกดดันเพื่อนมากไปเสียแล้ว "ขอโทษ...ลืมมันไปเถอะ คิดเสียว่าเราไม่ได้ถามอะไรละกันนะ"
ต้นยังไม่ทันจะพูดจบด้วยซ้ำ สนก็ดึงเขามาจูบ ต้นตกใจและขัดขืนในตอนแรก แต่สัมผัสที่อบอุ่นแปลกใหม่นั้นก็ฉุดให้ต้นค่อยๆ ถลำเข้าไป เขาเริ่มตอบสนองต่อสัมผัสนั้นมากขึ้น ต้นกอดเพื่อนไว้แน่นเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง สักพักสนก็หยุด ทั้งต้นและสนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ทั้งคู่ดูสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทันและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ก็ทำให้สนตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่ารสจูบของเขากับต้นเป็นสิ่งที่หอมหวานอ่อนละมุนมากเพียง เป็นสัมผัสที่น่าหลงไหลที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
"กินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน" สนเริ่มพูดเป็นคนแรกหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน
ต้นก้มหน้า จะว่าเป็นเพราะเขินก็ไม่ใช่ จะว่าตกใจก็ไม่เชิง แถมยังมีอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ตีกันสับสนไปหมด ต้นจึงได้แต่พยักหน้า
ในขณะที่นั่งกินข้าว ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนสนจะคอยมองหน้าต้นอยู่เกือบตลอดเวลา จริงๆ แล้วสนรู้สึกมานานแล้วล่ะว่า ไม่ว่าต้นจะทำอะไรก็ดูน่ารัก กินข้าวก็น่ารัก ยิ้มก็น่ารัก แม้กระทั่งเศร้าก็ยังน่ารัก
"รู้เปล่าว่าตอนนี้เจ้านายเราน่ะ...จะขึ้นเงินเดือนให้เราอีกแล้วนะ เราก็เลยว่า...จะผ่อนรถสักคัน เผื่อเอาไว้พานายไปหาพ่อกับแม่" สนชวนคุยหลังจากที่เงียบกันมานาน
ต้นพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับสน สนก็เลยเดาเอาว่าต้นคงจะเขินนั่นเอง อย่าว่าแต่ต้นเลย เขาเองก็เขินเหมือนกัน
"นายไม่อยากมีรถสักคันมั่งเหรอต้น" สนพยายามชวนคุยเพื่อจะให้ต้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาให้ได้
"ยังหรอก...เราไม่ชอบขับรถ เรากลัวอุบัติเหตุ" ต้นตอบเสียงเบาๆ เหมือนพูดอยู่คนเดียว
"อะไรนะ เมื่อกี้นายพูดอะไร"
นั่นแหละจึงทำให้ต้นยอมเงยหน้าขึ้นมามองสน "เรากลัวอุบัติเหตุน่ะ ก็เลยไม่อยากขับ" ต้นพยายามสบตากับเพื่อนเพื่อให้ดูเหมือนปกติที่สุด
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขับให้ ถ้าเรามีรถแล้ว นายอยากไปไหนก็บอกนะ เราจะพานายไปทุกที่ที่นายอยากไป"
"แล้วแฟนนายล่ะ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ" ต้นถามไปตามประสา แต่ก็เล่นเอาคนถูกถามอึ้งไปเหมือนกัน
"แฟนก็ส่วนแฟนสิ ส่วนนาย...เป็น...เอ่อ..." สนชักเริ่มไม่มั่นใจว่าจะใช้คำว่าเพื่อนดีไหมเพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะใช้คำว่าเพื่อนเสียแล้ว แต่เขาก็คงจะพูดคำอื่นนอกจากนี้ไม่ได้ในตอนนี้ "นายเป็นเพื่อนเรา ทำไมเราจะพานายไปไหนไม่ได้ล่ะ เขาไม่ได้ห้ามซะหน่อยว่ามีแฟนแล้วห้ามไปกับเพื่อน" สนพูดเสียงเบาตอนท้าย
"กับข้าวอร่อยไหม" สนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย พอคุยมาถึงเรื่องแฟนแล้วสนกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดเรื่องนี้เวลาอยู่กับต้น
"อร่อยสิ อร่อยทุกอย่างเลย" ต้นยิ้ม ความประหม่าเขินอายเมื่อสักครู่นี้เริ่มหายไปบ้างแล้ว
"ไว้วันหลังเราจะทำแกงผักกาดจอให้นายกินนะ" สนบอกอย่างอารมณ์ดี ต้นก็ยิ้มอารมณ์ดีเช่นกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แม้ว่าเหตุการณ์ระหว่างเขากับสนตอนนี้จะดูเครียด แต่เวลาอยู่ด้วยกันแล้ว ต้นกับสนก็จะมีความสุขเสมอ พอได้คุยกันแล้ว พอได้ยิ้มให้กันแล้ว สุดท้ายเขาสองคนก็จะลงเอยด้วยความรู้สึกดีๆ และกลับมาดูแลกันเหมือนเดิม
ก่อนจะนอน สนก็ล้มตัวลงนอนบนตักของเพื่อนแล้วเหยียดขานอนอย่างสบายใจ พร้อมกับชวนคุยอย่างอารมณ์ดีว่า
"มีความสุขจังเลยได้กลับมานอนคุยกับนายเหมือนเดิมเสียที นายรู้ไหมว่า...นายเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุดในโลกเลย"
"ขนาดนั้นเลยเหรอ" ต้นทำสีหน้าไม่เชื่อ
"จริงสิ เราเคยโกหกนายเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ เห็นไหมว่าเราเป็นเพื่อนกันมาได้ตั้งนาน นายรู้ไหมว่าถ้าเป็นคนอื่นนะ ทะเลาะกันไม่กี่ครั้งก็เลิกคบกันแล้ว ไม่รู้สิ...เราอยู่กับนายแล้วสบายใจ อยากคุยอะไรก็ได้ อยากจะหัวเราะ อยากจะร้องไห้ อยากจะดีใจ เศร้าใจ เราก็ทำได้หมด"
'แล้วนายมีแฟนทำไมล่ะสน' ต้นได้แต่ถามในใจ แต่แล้วก็สรุปเอาเองว่าเป็นเพราะเพื่อนกับแฟนไม่เหมือนกัน ไม่สามารถทดแทนกันได้เพราะต่างก็มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน ปฏิบัติต่อกันต่างกัน เอ...แล้วมีเพื่อนกันที่ไหนบ้างไหมที่เขาจะ...จูบกันเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำนี้ สนทำให้ต้นต้องกลับมาสับสนและฟุ้งซ่านอีกแล้ว
-----------------------------------------------------------
ดูเหมือนว่าปั้นจั่นจะเป็นฟืนเป็นไฟทีเดียวที่พอคุยกันไปสักพักแล้วต้นก็บอกว่าสนมาหาเขาที่คอนโดและได้คุยกันแล้ว
"ไปยอมมันง่ายๆ แบบนั้นทำไมวะต้น" เสียงจากอีกปลายสายบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
"เฮ้ย สนเป็นเพื่อนกูนะเว้ย โกรธกันนานไม่ได้หรอก" ต้นแก้ตัว แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
"รู้...แต่มึงต้องสั่งสอนมันหน่อยสิวะ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ยอมมัน มันก็ได้ใจสิ ถึงได้ทำมึงเจ็บอยู่ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว" ปั้นจั่นเถียง
"สั่งสอนยังไงวะ สั่งสอนเรื่องอะไร" ต้นงง
"ก็ปล่อยให้มันคิดถึงมึงมากๆ ให้มันทุรนทุรายมากๆ ไง ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครสำคัญที่สุดสำหรับมัน"
"กูก็สำคัญสำหรับสนอยู่แล้วไง สนก็ให้ความสำคัญกับกูเหมือนเดิมนะ แต่กูก็เข้าใจว่ากูไม่ใช่แฟนสน แทนกันไม่ได้หรอก"
"เฮ้ยต้น...กูถามมึงจริงๆ เถอะ มึงไม่รู้สึกบ้างหรือไงวะว่าบางทีไอ้สนน่ะ มันก็คิดอะไรกับมึงเกินเพื่อน กูรู้สึกอย่างนั้นมาตลอดนะเว้ย"
"กูก็เคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้...มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าสนมีแฟนแล้ว มันก็น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างแล้วนะ พอเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย ยังไงกูกับสนก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันนั่นแหละ มึงอย่ามาทำให้กูเพ้อฝันอีกเลย กูไม่อยากเจ็บอีก"
"โห...ทำอย่างกับมึงตัดใจจากมันได้ง่ายๆ เลยนะไอ้ต้น มึงทำได้เหรอวะ"
ช่างเป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาและแทงใจดำเสียจริงๆ "คือ..."
"มึงทำไม่ได้หรอกไอ้ต้น มึงรักมันมากี่ปี ถ้าทำได้ก็คงทำได้ไปนานแล้วล่ะ" ปั้นจั่นพูดดักอย่างรู้ทันและอ่านได้ขาดทีเดียว "ที่กูกำลังจะบอกมึงก็คือ...หัดเล่นตัวซะบ้าง ให้ไอ้สนมันทรมานเหมือนมึง แล้วมันก็จะรู้เองล่ะว่า...มันรักใครกันแน่ ไม่รู้สิ...กูว่าที่มันมีแฟนคราวนี้ดูแปลกๆ นะเว้ย"
"แปลกยังไงวะ" ต้นขมวดคิ้ว เขาก็ไม่เห็นสนกับนาจะมีอะไรให้น่าสงสัยเลย
"ไม่รู้จริงๆ ว่ะ แต่กูว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ผ่านมามันคอยหวงก้างมึงมาตลอด อยู่ดีๆ พอจบออกมาก็ดันมีแฟนเป็นผู้หญิงซะนี่ กูก็นึกว่ามันจะเปิดเผยความในใจแล้วก็ขอคบมึงเป็นแฟนแล้วซะอีก"
"บ้าน่า...พอเถอะปั้นจั่น กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว หยุดเถอะ อย่าพากูฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เลย"
"ไม่เชื่อก็คอยดู แต่ว่ากูขออีกนิดละกัน"
"อะไรวะ"
"กูอยากให้มีงมีแฟนว่ะต้น กูว่านี่เป็นวิธีเดียวนะเว้ยที่จะทำให้ไอ้สนมันยอมรับความจริงว่ามันคิดอะไรกับมึงอยู่ มึงจำพี่ปิ๊กได้ไหม ตอนนั้นกูยังคิดเลยนะเว้ยว่าถ้าพี่ปิ๊กเขารุกต่อจนจีบมึงเป็นแฟนสำเร็จ มึงอาจจะได้รู้อะไรบางอย่างจากไอ้สนไปแล้วก็ได้ ตอนนี้มีใครมาชอบมึงบ้างไหมต้น"
ต้นเริ่มคิดตาม แต่เขาก็ยังกลัวๆ อยู่เหมือนกัน "ถ้าเกิดว่าสนไม่ได้คิดกับกูแบบนั้นล่ะ มันไม่จะสร้างปัญหาเพิ่มเหรอวะ ถ้าเกิดกูมีแฟนขึ้นมาจริงๆ คนอื่นๆ ก็ต้องมารับเคราะห์กรรมที่เขาไม่รู้เรื่อง ถ้าเกิดคนนั้นเขาเกิดชอบกูขึ้นมาจริงๆ ล่ะ กูจะต้องเป็นคนไปหักอกคนอื่นเพียงแค่ต้องการอยากจะพิสูจน์ใจสนเท่านั้นเหรอวะ กูว่าไม่ดีมั้ง"
สิ่งที่ต้นพูดก็น่าคิดทีเดียว ทำไมต้นถึงจะต้องไปดึงคนอื่นๆ เข้ามาเจ็บด้วย เจ็บแล้วก็คงไม่ได้ใจต้นไปหรอก
"เอางี้ละกัน มึงบอกกูมาก่อนว่า...ตอนนี้พอจะมีใครที่น่าจะมาชอบมึงบ้างไหม ถ้าไม่มีกูจะหามาให้ ไม่รู้ว่ะ ก็เห็นไอ้สนมันมีแฟนอย่างหน้าตาเฉยแล้วกูรับไม่ได้ว่ะ กูอยากจะเอาคืนจริงๆ" ปั้นจั่นพูดราวกับตัวเขาเป็นคนถูกสนทำร้ายจิตใจเสียเอง
"เฮ้ยพอเลย มึงไม่ต้องหาใครมาให้กูเลย เดือดร้อนคนอื่นเปล่าๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไร" ต้นรีบร้องห้าม
"เออๆ ตอบกูมาก่อนละกันว่าพอจะมีใครมาชอบมึงบ้างไหมตอนนี้ หญิงหรือชายก็ได้" ปั้นจั่นตัดบทเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ
"ยังไม่มีหรอก" ต้นบอก เขายังไม่ได้นึกด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วพี่ทดแทนก็เริ่มแสดงอาการแปลกๆ กับเขาเหมือนกัน "แต่ตอนนี้กูก็คิดเหมือนกันว่า...ถ้ามีใครสักคนที่เขาดีกับกู แล้วกูพอจะรักได้ กูก็อยากจะลองเปิดใจดู บางที...การที่กูกับสนเหลือแค่ความเป็นเพื่อนกันก็น่าจะดีกว่า มึงว่าไหม"
"เออ...ถ้ามันได้อย่างนั้นมันก็คงดีอยู่แล้วล่ะ แต่ปัญหาก็คือว่า...พวกมึงจะโกหกความรู้สึกของตัวเองไปได้นานแค่ไหนเท่านั้นแหละ ถ้าทำได้ก็ทำไป"
ปั้นจั่นชักเริ่มรำคาญ แต่ก็รู้ว่าสองคนนี้ไม่เคยโกรธกันนาน ปรับความเข้าใจนิดหน่อยก็กลับมาเหมือนเดิมได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็อยากให้ต้นสั่งสอนสนให้เข็ดจริงๆ เขาอยากแก้มือมาตั้งแต่คราวนั้น คราวนี้คงจะต้องทำอะไรสักอย่างบ้างให้ได้ ไม่งั้นชีวิตเขาคงจะเป็นสุขได้ยาก เขาต้องช่วยต้นให้ค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของสนให้ได้ อืม...แต่ว่า...สนมันสับสนจริงหรือเปล่านะ มันจะไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันรู้สึกยังไงกับต้นกันแน่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วมันยังสับสนอยู่อีกเหรอ สนกำลังทำอะไรของมันอยู่กันแน่นะ ปั้นจั่นชักสงสัย
------------------------------------------------------
"สวัสดีครับต้น จำเสียงพี่ได้ไหม"
เสียงตามสายที่ทักมาอย่างอารมณ์ดีนั้นทำให้ต้นยิ้มได้เลยทีเดียว
"จำได้ครับพี่แทน สบายดีนะครับพี่" ต้นพูดอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน ตั้งแต่กลับมาจากเชียงรายคราวนั้น ทดแทนก็หายไปเกือบเดือน ต้นนึกว่าเขาคงจะลืมต้นไปแล้วเสียอีก
"สบายดีครับ ต้นล่ะ"
"สบายดีครับ ช่วงนี้ก็งานยุ่งนิดหน่อยครับ สงสัยจะได้ออกไปไซต์ต่างจังหวัดอีกแล้ว"
"อ๋อ...เหรอครับ คงไม่ใช่ไปวันเสาร์นี้หรอกนะ"
"อ๋อ...ไม่เร็วขนาดนั้นครับพี่ ว่าแต่ว่า...วันเสาร์นี้มีอะไรหรือเปล่าครับ" ต้นลุกออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วก็เดินหลบออกไปข้างนอกเพื่อไม่ให้เสียงคุยกันรบกวนสมาธิเพื่อนร่วมงาน
"ก็...เห็นต้นบอกว่าถ้ามีงานอาสาสมัครอะไรก็ให้บอก พอดีนึกได้พี่ก็เลยโทรมาชวน พอดีวันเสาร์นี้จะไปช่วยขุดลอกคลองในวัดที่นครปฐม ต้นอยากไปร่วมด้วยไหม ตอนนี้พี่หาคนได้ประมาณ 5-6 คนแล้วล่ะ"
"ได้เลยพี่ ไปวัดไหน กี่โมงครับ"
ทดแทนบอกชื่อวัด วัน เวลา สถานที่นัดหมายกัน คุยกันสักพักจึงได้วางสายไป
แต่เรื่องที่ต้นจะไปทำงานอาสาสมัครก็รู้ถึงหูสนด้วย ต้นเป็นคนบอกเขาเอง ก็ดูเหมือนสนจะไม่ได้สนใจเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขากำลังง่วนอยู่กับการดูรถที่จะซื้ออยู่ พอบอกแล้วสนก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้
สนได้รถมาใหม่ก็เป็นวันเดียวกับที่ต้นไปทำงานอาสาสมัครพอดี สนขับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่นครปฐมแต่ไม่ได้พานามาด้วยเพราะเขายังไม่อยากเปิดตัวแฟนให้พ่อกับแม่รู้ตอนนี้ ขากลับ สนนึกได้ว่าต้นเองก็มาทำงานอาสาสมัครอยู่ที่วัดซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก จึงขับรถไปที่วัดนั้นเพื่อจะรับต้นกลับด้วย แต่ก็ไม่ได้โทรไปบอกต้นเพราะอยากให้ต้นประหลาดใจ
สนหาที่จอดรถในวัดได้แล้วสนก็ถามหากลุ่มอาสาสมัครที่มาทำงานกับคนแถวนั้น พอรู้แล้วสนก็รีบตามไปอย่างไม่รอช้า ไม่นานนักก็เดินมาเจอบริเวณที่อาสาสมัครกำลังทำงานขุดลอกคูคลองกันอยู่ เขาสอดส่ายสายตามองหาไม่นานก็เจอต้น ตอนนี้ต้นกับกลุ่มอาสาสมัครกำลังนั่งพักกันอยู่บนริมฝั่งคลอง เนื้อตัวแต่ละคนมอมแมมเล็กน้อย
สนไม่ได้เดินเข้าไปหาต้นทันที เขาเห็นต้นนั่งชันเข่าคุยกับผู้ชายคนนั้นที่เขาเห็นในรูปอยู่สองคน ห่างจากอาสาสมัครคนอื่นๆ พอสมควร สนจึงยืนสังเกตอยู่บนศาลาวัดอย่างเงียบๆ และครุ่นคิด ท่าทางต้นกับผู้ชายคนนั้นดูสนิทกันมากจริงๆ เสียด้วยสิ สนิทจนทำให้สนรู้สึกกลัว
สนยืนดูสักพักจึงเดินไปหาต้นเพื่อแสดงตัวให้เห็น ดูเหมือนต้นจะตกใจที่เห็นสนมา เขารีบลุกขึ้น ปัดแข้งปัดขาแล้วก็ขอตัวเดินมาหาสนทันทีด้วยอาการดีใจ
"สน...มาได้ไง"
"เราไปเยี่ยมพ่อกับแม่มา ไปหาพ่อกับแม่นายมาด้วยนะ ขากลับก็เลยแวะมารับนายด้วยซะเลย" สนพูดพลางชูกุญแจรถให้ต้นดู
"นายซื้อรถแล้วเหรอ"
สนพยักหน้า "ใกล้เสร็จหรือยัง"
"อืม...กำลังนั่งพักกันอยู่ ว่าจะกลับแล้วล่ะ ว่าแต่...ขากลับนายพาเราไปหาพ่อกับแม่หน่อยได้ไหม แป๊บเดียว...ไม่นานหรอก เราอยากไปหาพ่อกับแม่" ต้นถามอย่างเกรงใจ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนต้นก็ยังเกรงใจอยู่ดี
"เราบอกนายแล้วไง จะไปไหนให้บอกเรา เดี๋ยวเราพาไป ไม่มีปัญหาหรอก" สนบอกพลางยิ้ม
"ขอบใจนะ อ้อ...เดี๋ยวเราพานายไปรู้จักกับพี่แทนดีกว่า คนนี้แหละที่นายเห็นในรูป" ต้นบอกพลางหันไปมองคนที่เขาพูดถึงซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม สนหันไปมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ต้นพาสนเดินไปหาคนที่เขาเพิ่งพูดถึง ทดแทนเห็นสนเดินมากับต้นแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนพลางยิ้มให้ แต่สนกลับทำสีหน้าเรียบเฉย
"พี่แทนครับ นี่สนเพื่อนผมครับ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านผมกับสนก็อยู่ไม่ไกลจากนี่ครับ พวกเราเป็นเด็กนครปฐมนี่แหละ แต่ว่าสนเขาย้ายมาจากน่านครับ" ต้นแนะนำอย่างภูมิใจ
"สวัสดีครับ" สนยกมือไหว้เพราะเข้าใจว่าฝ่ายนั้นคงอายุมากกว่า
"หวัดดีครับ" ทดแทนรับไหว้ "เป็นคนเหนือเหรอครับ แม่ผมก็เป็นคนเหนือ อยู่พะเยา ผมก็เคยอยู่ที่นั่นตอนเด็กๆ ผมชื่อทดแทนนะครับ เรียกสั้นๆ ว่าแทนก็ได้ครับ" ทดแทนยิ้มอารมณ์ดี เพราะนี่เป็นบุคลิกที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของเขา
"อ๋อครับ..." แต่สนก็แอบคิดว่า จะบอกทำไม ไม่เห็นอยากรู้เลย
"พอดีผมมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่นครปฐมครับ ก็เลยแวะมารับต้นกลับกรุงเทพด้วยกัน" สนบอก "ไปต้น จะกลับหรือยัง" สนหันไปถามเพื่อนรัก
ต้นทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะรู้สึกเกรงใจคนอื่นๆ ที่จะต้องกลับก่อน "กลับตอนนี้เลยเหรอ"
"อืม...เดี๋ยวเราต้องพานายไปหาพ่อกับแม่ด้วย ถ้าไปช้าเดี๋ยวจะกลับกรุงเทพค่ำนะ" จริงๆ แล้วนั่นก็เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหลักจริงๆ คือพอสนเห็นต้นสนิทกับทดแทนแล้วเขาก็ไม่อยากให้ต้นอยู่กับผู้ชายคนนี้มากนัก
"ไปเถอะต้น กลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกเราก็จะกลับแล้วล่ะ ไม่ต้องเกรงใจ" ทดแทนรีบบอกเมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของต้น
"เอ่อ..." ดูเหมือนต้นจะยังลังเลอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากให้สนคอยนาน "ถ้างั้นผมลาเลยละกันนะครับพี่ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องกลับก่อน เอาไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะครับ สวัสดีครับพี่" ต้นยกมือสวัสดี แต่ทดแทนกลับอ้าแขนแล้วก็กอดต้นเสียอย่างนั้น เขาตบหลังต้นเบาๆ
"ขอบใจมากนะต้นที่มาช่วย ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้วล่ะ" ทดแทนบอกพลางหันไปสบตากับสนที่ยืนตกใจที่จู่ๆ ทดแทนก็มากอดต้นให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้
"ครับพี่" ต้นตอบอย่างงงๆ แต่ก็เข้าใจว่าผู้ชายทั่วไปที่ชอบพอถูกคอกันก็คงกอดกันเป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะมีอะไรอย่างอื่นแอบแฝง แต่ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนรักของเขากำลังรู้สึกไม่พอใจพี่ทดแทนอยู่ในตอนนี้