เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]  (อ่าน 50940 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แฝดนรกเอย นาน ๆ จะได้ลำบากกับเขาเสียบ้าง จะได้จำเสียให้เข็ด  :hao3:

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

                                                                ตอนที่ 35  ไม่เดียงสา
 

เสียงร้องครางของไอ้ภูปลุกผมขึ้นมากลางดึก แล้วหลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ไม่ได้นอนอีกเลยจนกระทั่งสว่าง ไอ้ภูไข้ขึ้นสูงมากกว่าตอนหัวค่ำเสียอีกแม้ว่าจะกินยาลดไข้ไปแล้วก็ตาม มันดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง เหงื่อแตกซ่กบ่นว่าร้อนๆ ๆ ผมเลยดึงผ้าห่มมันออก ผ่านไปสักพักมันก็บ่นหนาวๆ ๆ แล้วลากผ้าขึ้นมาห่มใหม่ จนในที่สุดผมต้องปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างระเบียงรับลมแทน แต่ไอ้ภูก็ยังมีอาการร้อนๆ ๆ หนาวๆ ๆ ของมันอยู่ตลอดทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ผมเดินลงไปหาซื้อโจ๊กมาให้ไอ้ภู เพียงแค่ห่างกันแป๊บเดียว พอผมกลับขึ้นมาอีกทีก็เห็นไอ้ภูฟุบอยู่กับโถส้วม สภาพแทบไม่ได้สติ เรียกเท่าไหร่ก็แทบไม่ตอบสนอง ไอ้ภูปรือตามองหน้าผม ทำปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่หลับตาหายใจหอบถี่อยู่อย่างนั้น ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก คนแรกที่นึกถึงคือพ่อแม่ ถัดมาก็พี่ที .. ผมได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง (ทั้งที่มีลิฟต์=_=) เพื่อตามคนมาช่วย ไม่นานเจ้าของอพาร์ตเม้นก็พาคนงานขึ้นไปช่วยกันแบกไอ้ภูแล้วขับรถพามาส่งที่โรงพยาบาล ก่อนจะขอตัวกลับไปเมื่อเห็นว่าส่งคนไข้ถึงมือหมอแล้ว

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ช่วยกันอุ้มช่วยกันประคองไอ้ภูที่สภาพป้อแป้จนน่าใจหายขึ้นไปบนเตียง ผมวิ่งตามเข้าไปด้วยจิตใจร้อนรน ก่อนที่บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงไปที่ห้องรอตรวจที่มีคนไข้นอนเรียงรายอยู่นับสิบเตียง

“ขอทราบชื่อคนไข้หน่อยนะคะ” นางพยาบาลร่างท้วมเดินเข้ามาถามพร้อมแฟ้มบันทึกประวัติคนไข้

“จารุวัฒน์ วรกิจเดชสกุล” ผมตอบแทนภูผาที่เริ่มได้สติแต่ก็ไม่มีแรงจะพูด ได้แต่ทำปากพะงาบๆ เหมือนปลาขาดอากาศ

“คนไข้มีอาการยังไงบ้างคะ?” คราวนี้ไอ้ภูต้องตอบเอง

“ปวดหัว…หนักหัว…เป็นไข้…หายใจไม่ออก…ทรมานมากครับ” พูดแค่นี้ไอ้ภูก็หอบอ่อนๆ แล้ว

“มีประวัติการแพ้ยารึเปล่าคะ?”

“ไม่มีครับ” ผมตอบแทน

“นี่คุณเป็นพี่น้องกันใช่ไหมคะ” ถามอะไรโง่ๆ ก็เห็นอยู่ว่าหน้าเหมือนกันขนาดนี้

“ครับ ผมเป็นแฝดน้อง มีอะไรจะถามอีกมั้ยครับ ผมจะตอบแทนพี่ผมให้ แล้วเมื่อไหร่หมอจะมาสักที พี่ผมจะไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด จะถามอะไรนักหนา รีบๆ เอาหมอมาตรวจสักทีสิวะ ไอ้ภูสีหน้าย่ำแย่จะตายอยู่แล้วยังจะถามนู่นนี่นั่นอยู่ได้ ก็รู้ว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอ แต่ผมในเวลานี้อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ

“สักครู่นะคะ” เธอเดินออกไปโดยไม่สนใจน้ำเสียงแสดงความหงุดหงิดอย่างชัดเจนของผมเมื่อครู่ บางทีเธออาจจะชินแล้วก็ได้

ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไอ้ภู ริมฝีปากแฝดผมแห้งผาก ท่าทางดูอ่อนเพลียถึงขีดสุด ผมเลยเดินไปซื้อสไปรท์มาให้เผื่อภูมันจะรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง

“ภู ดื่มหน่อยนะ จะได้สดชื่น” ผมพยายามประคองหลังของพี่ชายฝาแฝดขึ้นมานั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพราะเตียงนี้ไม่มีที่สำหรับไขปรับระดับให้หัวเตียงยกสูงขึ้นได้ แต่ไอ้ภูก็ส่ายหน้าปฏิเสธไม่ให้ผมดันหลังให้มันนั่ง

“ไม่ไหว …หน้าจะมืด” ภูผาเลยต้องนอนตะแคงดูดน้ำแทน

หลังจากนั้นเราก็ต้องรอหมออีกนานมากกกกกกก ผมเดินไปขอผ้าห่มกับพี่พยาบาลเพราะเห็นไอ้ภูนอนขดตัวท่าทางหนาว ทั้งที่ถ้ามันสบายดีอย่างผมล่ะก็ มันจะต้องบ่นเละแน่นอนว่าโรงพยาบาลไม่จ่ายค่าแอร์หรอวะ ร้อนเป็นบ้า

ภูผาหลับไปแล้ว ใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายดูสงบ ผมเอามือแตะตามหน้าผาก คอ และแขนของอีกฝ่าย ไอ้ภูตัวร้อนราวกับไฟ ผมมองใบหน้าที่หลับอย่างอ่อนเพลียจากการที่แทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืนของมัน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

สักพักก็มีนางพยาบาลคนใหม่เดินมาเจาะเลือดไอ้ภู เสร็จแล้วก็ขอตัวเดินจากไป ส่วนไอ้ภูที่เมื่อกี้สะลึมสะลือเพราะโดนปลุกขึ้นมาเจาะเลือดก็ตื่นเต็มตาทันทีเพราะความเจ็บที่ได้รับ

นอนรออีกสักพักหมอก็เดินมาที่เตียงของพวกเรา

“คุณเป็นไข้เลือดออกนะครับ ค่าเกล็ดเลือดของคุณต่ำมากอยู่ที่สี่หมื่น คนปกติจะมีค่าเกล็ดเลือดอยู่ที่หนึ่งแสนขึ้นไป คุณต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ เพราะคนไข้อ่อนเพลียมาก”



เตียงถูกบุรุษพยาบาลเข็นขึ้นลิฟต์แล้วพาไปยังห้องผู้ป่วยหมายเลข 507 ซึ่งเป็นห้องเตียงคู่แต่ยังว่างอยู่ทั้งสองเตียง ผมเลือกให้ภูนอนเตียงฝั่งที่ไกลหน้าต่าง เพราะกลัวว่าตอนกลางวันไอแดดจะทำให้มันร้อน

นางพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมชุดคนไข้สีน้ำเงิน เธอยื่นชุดให้ไอ้ภูก่อนจะดึงม่านปิดรอบเตียงเพื่อให้ไอ้ภูเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง ผมรีบแหวกม่านเข้าไปช่วยมันเปลี่ยนเพราะมองดูแล้วไอ้ภูไม่น่าจะมีแรงลุกขึ้นมาเปลี่ยนเองไหว แล้วผมก็คิดถูก เพราะแค่จะลุกขึ้นมานั่งปลดกระดุมเองมันยังไม่มีปัญญาเลย

(จบบทคราม)











(บทภูผา)



ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเข็นรถเข็นมาหยุดที่หน้าห้อง พร้อมกับพยาบาลที่เปิดประตูเข็นรถเข้ามา

“เดี๋ยวขอเจาะสายน้ำเกลือหน่อยนะคะ” เธอพูดไปก็ทำหน้าแดงไปด้วย ผมควรจะภูมิใจดีไหมที่ขนาดป่วยๆ ก็ยังเนื้อหอม

เธอหยิบถุงน้ำเกลือมาห้อยที่เสาน้ำเกลือข้างเตียง ก่อนจะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทาที่หลังมือซ้ายของผมแล้วแทงเข็มเข้ามา ผมขมวดคิ้วแน่นขบกรามกรอด

นางพยาบาลเจาะเลือดผมไปอีกหลอดก่อนจะเข็นรถเข็นออกไป ผมได้แต่มองห้องที่เวิ้งว้าง เตียงข้างๆ ที่ไม่มีคนก็ทำเอาสยองเล่น ไม่รู้ว่าไม่มีคนหรือมี’ คน’ กันแน่ ไอ้ครามหายหัวไปไหน

สองชั่วโมงที่ผมนอนรอไอ้คราม มันไปไหน? ทำไมมันไม่อยู่ข้างกายผม? ตอนนี้จิตใจของผมทั้งอ่อนแอและหวาดกลัว ผมไม่เคยป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาก่อน การที่ต้องมานอนให้น้ำเกลืออยู่แบบนี้เป็นเรื่องไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น ผมรู้สึกหน้ามืดอยู่ตลอดเวลา มึนหัวมาก เบลอไปหมด หายใจก็ลำบาก รู้สึกแน่นหน้าอกราวกับมีของหนักมาทับเอาไว้ ผมรู้สึกเหงา คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงพี่เฟิร์ส คิดถึงพี่ที คิดถึงไอ้ขวด …ภาพบุคคลอันเป็นที่รักหลั่งไหลเข้ามาในสมองเหมือนน้ำหลาก ผมอ่อนแอเกินกว่าจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ไม่แคร์ใครอีกแล้ว

ไม่ไหวแล้ว …เหงา มันเหงามากๆ เลย อยากเจอ อยากเจอสุดๆ ไปเลย

พ่อ …แม่…พี่ที…อยากเจอ อยากเจอ

อยากกลับบ้านแล้วล่ะ…

น้ำตาร้อนๆ ไหลอาบแก้ม ผมนอนร้องไห้ ทั้งทรมานกายทั้งทรมานใจ ตลอดเจ็ดวันที่หลบหน้าไม่เจอใคร ตลอดเวลาสี่วันที่เดินทางไปที่นู่นที่นี่ได้ตามใจปรารถนาโดยไม่มีคนคอยห้ามปรามหรือบ่นให้รำคาญ ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมันช่างว่างเปล่าสิ้นดี ไม่ได้สนุกเลย บางทีฟ้าครามก็อาจจะรู้สึกเหมือนกันมานานแล้ว เพียงแค่ไม่ปริปากพูดออกมา มันยังคงอยู่เคียงข้างและตามใจผมจนถึงที่สุด

ถ้าผมหาย ผมตั้งใจแล้วว่าจะกลับบ้าน

….เพราะในเวลานี้ ผมต้องการอ้อมกอดของคนเหล่านั้นมากเหลือเกิน









พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็เห็นไอ้ครามนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาข้างๆ นั่นทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง

“ไปไหนมาวะ” ผมเอ่ยถาม

“อ้าว! ตื่นแล้วหรอ มาๆ ดื่มน้ำเกลือแร่ก่อน เมื่อกี้พยาบาลเค้าเอามาให้ บอกว่าถ้าดื่มบ่อยๆ จะหายเร็วขึ้น”

ผมรับแก้วที่มีน้ำสีส้มมาดื่มจนหมด ก่อนจะถามอีกครั้งว่า

“มึงหายไปไหนมาตอนกูหลับ”

“อ่อ …ก็ไปเช็กเอาท์ ออกจากอพาร์ทเม้นอ่ะดิ มึงเล่นนอนโรง’ บาล กูก็ต้องมานอนเฝ้าใช่มั้ยล่ะ ดูโน่น กูเอาสัมภาระของพวกเรามาครบแล้วนะ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะหลับตานอนอีกครั้งเมื่อความง่วงงุนเข้าครอบงำ ไม่นานผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้

วันที่หนึ่งในโรงพยาบาลผ่านไปอย่างยากลำบากในความคิดผม แทบทุกสองสามชั่วโมงจะมีนางพยาบาลมาเจาะเลือดไปตรวจ ผมอ่อนแรงและเพลียเกินกว่าจะลืมตามองหน้าคนเจาะด้วยซ้ำ

หมอสั่งห้ามไม่ให้ผมกินของที่มีสีดำกับสีแดง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร นอกจากนี้ยังสั่งห้ามไม่ให้ลงจากเตียง เวลาจะทำอะไรให้เรียกญาติหรือกดปุ่มเรียกพยาบาลทุกครั้ง

อาหารมื้อแรกในโรงพยาบาลนั้นเลวร้ายสำหรับผมมาก มันคืออาหารถาดหลุมที่มีข้าวต้มชืดๆ หมูหย็อง ปลาชุบแป้งทอดที่ไม่มีความกรอบเหลืออยู่เลย มีแครกเกอร์เป็นของกินเล่น เสิร์ฟพร้อมน้ำเขียวที่หวานแสบไส้ …ผมกินข้าวต้มไปได้สามคำก็อ้วกออกมาหมด กินไม่ลง ไม่ใช่เพราะมันไม่อร่อย แต่เหมือนร่างกายผมมันไม่อยากรับอะไรทั้งสิ้น

“เฮ้ยๆ ๆ จะอ้วกหรอ! เดี๋ยวนะๆ ” ครามกุลีกุจอหาถุงมาให้ผม

“แหวะ….แค่กๆ ๆ แหวะะะะ” ผมโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง และโคตรหมดแรง ไม่อยากกินอะไรเลย ผมอยากนอน

“ภู มึงต้องกินเข้าไปอีก กินแค่นั้นมึงจะหายมั้ยฮะ เอ้าอ้าปาก” ครามพูดขึ้นเมื่อเห็นผมเอนตัวลงนอน มันลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ตักข้าวต้มกับหมูหย็องมาจ่อที่ปาก ผมจึงต้องจำใจกินมันลงไป แต่แค่คำเดียวผมก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนเพลีย มันกินไม่ลงจริงๆ

“เฮ้อ…โอเคๆ งั้นกินแครกเกอร์กับน้ำหวานให้หมดแล้วกันจะได้ไม่เพลีย” ไอ้ครามบิแครกเกอร์เป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนผมสลับกับน้ำหวานไปครึ่งเดียว ผมก็รู้สึกพะอืดพะอมจนต้องหันหน้าหนีมือที่ป้อน

“จะอ้วกหรอ! ถุงๆ ๆ ๆ ”

ผมส่ายหน้า กลืนสิ่งที่ขึ้นมาถึงลำคอลงไปอย่างยากลำบาก

“ไม่เป็นไร…ขันเตียงลงที”

“ได้ๆ ๆ แปบนะ” ครามเดินไปปลายเตียงแล้วขันหัวเตียงให้เอนลง โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ใกล้อพาร์ทเม้นที่เราอยู่ที่สุด ซึ่งมันเป็นโรงพยาบาลรัฐ ทำให้หลากๆ สิ่งหลายๆ อย่างไม่ค่อยจะทันสมัยหรือสะดวกสบายนัก ถ้าเป็นพ่อกับแม่ล่ะก็ ไม่มีพาเขามานอนโรงพยาบาลรัฐแถมยังเป็นห้องเตียงคู่แบบนี้แน่นอน

(จบบทภูผา)







ฟ้าครามเฝ้ามองภูผาที่หลับไปอีกครั้งอย่างเป็นห่วง มือกำสมาร์ตโฟนที่ปิดเครื่องมาตลอดเจ็ดวันไว้แน่น เขาควรจะทำอย่างไรดี ภูผาป่วยหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนเขาที่เป็นคนดูแลถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะแทบไม่เคยมีประสบการณ์ดูแลคนป่วยมาก่อน

ภูผาในเวลานี้ดูอ่อนแอมาก มันเหมือนจะเปิดเผยทุกสิ่งอย่างที่มันคิดมันรู้สึกออกมาหมดในเวลาที่เจ็บป่วย มันเอาแต่ใจมากขึ้น กลัวการอยู่คนเดียวมากขึ้น ถ้าผมเปิดประตูหรือแค่ลุกจากโซฟา มันจะถามทันทีว่าไปไหน มันดูเหงา ดูอ่อนแอ ทั้งที่ปกติมันจะถือตัวว่าเป็นพี่ เลยไม่ค่อยจะอ้อนเอาแต่ใจมากเหมือนผม

ใจจริงผมไม่ได้อยากหนีออกจากบ้านเลย แม้จะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็ไม่คิดจะหนีห่างจากพี่ทีแม้แต่น้อย แต่ผมก็ทิ้งให้ไอ้ภูออกไปเผชิญโลกภายนอกตามลำพังไม่ได้ มันเป็นมากกว่าพี่น้อง มันเป็นเหมือนครึ่งชีวิตของผม เราอยู่ด้วยกันมาชั่วชีวิต ผมไม่สามารถทอดทิ้งมันได้ ถ้าหากห้ามปรามแล้วไม่ฟัง ผมก็พร้อมจะถลำลงไปกับมัน ไม่ว่ามันจะทำอะไรผมก็จะอยู่เคียงข้างมันจนถึงที่สุด

ผมนอนฟุบอยู่ข้างเตียงภูผา จับมือเย็นเฉียบของมันเอาไว้ ให้มันรู้ว่าผมไม่ได้ไปไหน ผมนอนมองหน้ามัน แล้วน้ำตาก็ไหล สงสารมัน .. มันคงเจ็บ มันคงทรมานมากแน่ๆ มันคงจะเหงา มันคงกำลังเสียใจที่ตัดสินใจหนีออกมาจนต้องมาเจ็บไข้ได้ป่วยแบบนี้

ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็กัดผ้าห่มกลั้นเสียงเอาไว้ ผมรู้สึกตัวเองอ่อนแอ ผมเองก็เหงา เหงามากๆ อยากกลับบ้าน อยากเจอหน้าพ่อแม่ คิดถึงพี่ชาย อยากเจอพี่ที ต่อให้จะถูกต่อว่า โดนตบหน้า โดนด่า หรืออะไรก็ไม่สนใจทั้งนั้น แค่อยากกลับไป อยากเจอเหลือเกิน ช่วยประคับประคองพวกเราที ตอนนี้รู้แล้วว่าเราสองคนยังเด็กเหลือเกินบางทีอาจจะเป็นอย่างที่พี่ทีบอก…



เราอาจจะยังเด็กเกินไปกว่าจะเข้าใจ คำว่า…





“รัก”







เขาว่ากันว่าฝาแฝดนั้นมีสายใยที่สื่อถึงกัน จริงหรือเปล่าคะ?

ต้องฟังเพลง ไม่เดียงสา – บิ๊กแอส เข้าถึงอารมณ์มากค่ะ 555

ถ้าจะฟัง แนะนำ ไม่เดียงสา - BIG ASS I Cover by ไอซ์ ธมลวรรณ https://www.youtube.com/watch?v=_4qD5uhJUT8

อันนี้ที่คนเขียนฟังไปเขียนไปTvT เศร้าเนอะ



ติดแท็ก#เกียร์คู่(@candleguard) รู้สึกยังไงกันบ้างทุกคนนนผ่านมา35ตอนเลี้ยว><




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สองแสบเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ประสบการณ์จะสอนเรา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แฝดนรกเอย ไม่ใช่เจอพี่ที แล้วโทษพี่เขาเหมือนเคยนะ :hao4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สู้ ๆ เด้อ เด็กแฝด

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
คำว่ารักที่สองแฝดเข้าใจในตอนแรก มันคงจะฉาบฉวย ไม่ได้เข้าใจถึงคำว่ารักอย่างถ่องแท้ แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ไป สองแฝดคงจะเข้าใจมากขึ้น

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สองแฝดแสบมากจริงๆ แต่เริ่มจะสำนึกได้ก็เอาใจช่วยแล้วกัน หวังว่าพี่ทีจะไม่ซ้ำเติมมากนักนะ

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

                                                         ตอนที่ 36  อยากกลับ


ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นคืนที่ทรมานที่สุดในชีวิต…

“คราม…หายใจไม่ออก…แฮ่ก….ปวด…ท้อง”

เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนในอกกับในท้องมันแน่น มันปวดไปหมดจนหายใจลำบาก ผมอดทนอยู่นาน จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจึงต้องปลุกฟ้าครามที่กำลังหลับอยู่บนโซฟาด้านข้าง

“หือ…” มันสะดุ้งตื่นทันทีที่ผมเรียก เหมือนมันหลับไม่ค่อยสนิทอยู่แล้ว

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น” มันรีบลุกขึ้นมาเกาะขอบเตียงผมทันที

ผมลองตีที่ท้องตัวเอง พบว่าท้องอืดมากๆ มีแต่เสียงลม คงเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ผมปวดท้องและหายใจไม่ค่อยออก ไม่รู้มันเกี่ยวกันมั้ย

เราตัดสินใจกดปุ่มเรียกพยาบาลเพื่อขอยาธาตุน้ำแดง

หลังจากกินยาแล้วนอนต่อ ผมก็รู้สึกร้อนท้องไปหมด ร้อนราวกับท้องจะไหม้ แต่ก็ยังรู้สึกแน่นๆ และหายใจไม่ออกอยู่ดี กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสอง

เกือบๆ ตีสามพยาบาลก็ปลุกผมขึ้นมาเจาะเลือดและวัดไข้อีก ผมรู้สึกหงุดหงิดที่โดนปลุกมาเจาะเข็มเจ็บๆ ทั้งที่เพิ่งจะผล็อยหลับไปได้แค่ครู่เดียว แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะชักสีหน้ารำคาญใจ ได้แต่ปล่อยให้เลือดไหลผ่านปลายเข็ม ไม่นานผมก็หลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้







(บทที)

ภูผากับฟ้าคราม…หายไปไหน

ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ยกมือกุมศีรษะ ปวดหัวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

จะทำยังไงดี จะไปตามหาสองคนนั้นที่ไหนดี ภูผากับฟ้าครามหายไปไหน พวกนายหายไปไหน

ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องทำร้ายตัวเอง ทำไมถึงทำร้ายจิตใจคนที่รักและเป็นห่วงพวกนายได้ลงคอ

หายไปตั้งอาทิตย์นึงแล้ว…อาทิตย์นึงเลยนะ ทำไมผมไม่เอะใจอะไรบ้างเลย

สองคนนั้นเคยไปที่ไหนไกลๆ กันเองสองคนที่ไหน ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง

ผมซบใบหน้าลงกับฝ่ามือ

…เหนื่อย…เหลือเกิน

เรื่องในคราวนี้มันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะจัดการด้วยตัวคนเดียวเเล้วจริงๆ

(จบบทที)





(บทภู)

ผมสะพายเป้เดินขึ้นรถไฟ ข้างกายเป็นไอ้ครามที่หน้าตาดูยิ้มแย้ม ตื่นเต้นดีใจที่จะได้กลับบ้านเต็มแก่หลังจากที่เราทั้งคู่ต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในรพ.เกือบเป็นอาทิตย์ ในที่สุดผมก็หายดี และวันนี้เราจะกลับบ้านกัน

ก่อนกลับ พวกเราแวะตลาดกิมหยงเพื่อซื้อของฝากกลับไปมากมาย พ่อแม่คงจะโกรธพวกเรามาก ไม่รู้ว่าของฝากพวกนี้จะช่วยลดโทษได้บ้างไหม แต่ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็อยากจะซื้อไปฝากอยู่ดี

พ่อกับแม่ชอบกินอินทผาลัมตากแห้งมาก ส่วนพี่เฟิร์สชอบถั่วแมคคาเดเมีย บ้านพี่ทีชอบกินปลาหมึกแห้ง ทามชอบกินช็อกโกแลต ส่วนพี่ทีชอบกินชาที่ใส่อินทผาลัมลงไปแช่ จำได้ว่าเป็นเมนูที่พิลึกมาก แต่พอได้ลองชิมบ้างก็พบว่ามันอร่อยไม่เลว ชาขมๆ หอมๆ รสชาติตัดกับอินทผาลัมหวานๆ ทำให้กินแล้วไม่เลี่ยน คิดถึงทีไรก็อดยิ้มกับเครื่องดื่มสูตรแปลกของพี่ทีไม่ได้

วิวทิวทัศน์เคลื่อนผ่านสายตาไปเรื่อยๆ น่าแปลก ที่ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันวิ่งเข้าหาผมอีกแล้ว แต่เป็นผมที่วิ่งเข้าหามันต่างหากล่ะ

คิดถึงนะ อยากเจอมากๆ เลย

มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเต็มไปหมด

แล้วก็อยากจะขอโทษ

จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ต่อไปนี้จะเชื่อฟังพ่อแม่กับพวกพี่ๆ ให้มากขึ้น

จะตั้งใจเรียน

จะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนๆ

เป็นรุ่นน้องที่ดีของพี่ๆ

อยากจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่านี้ ตั้งแต่หายดีก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง เหมือนตาสว่าง รู้สึกเหมือนตัวเองมีความอดทน คิดอะไรได้รอบคอบมากขึ้น

พอก้าวขาลงจากรถไฟ ก็เห็นพ่อแม่ พี่เฟิร์ส ยืนรออยู่

เราวิ่งเข้าไปหา แต่พอไปถึงกลับถูกพ่อตบหน้าไปคนละฉาด

ผมกับฟ้าครามตกใจมาก เพราะพ่อไม่เคยตบหน้าพวกเรามาก่อนในชีวิต

พ่อมองเราด้วยสายตาสุดจะทน ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ ความผิดหวัง ส่วนแม่กับพี่เฟิร์สได้แต่ยืนนิ่ง

ผมรู้สึกเจ็บปวด เมื่อถูกทุกคนมองมาด้วยสายตาแบบนั้น

แต่แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมาจากดวงตาของพ่อ แล้วเราสองคนก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของครอบครัว

..เราได้รับการให้อภัย





แต่ไม่รู้ทำไม ผมก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ถูกเติมเต็ม

ในใจยังคงรู้สึกวูบโหวง คิดถึงใครอีกคน…

มองข้ามไหล่ทุกคนไปก็เห็นพี่ทียืนอยู่ข้างหลัง ระบายยิ้มอ่อนโยนมาให้

ผมเบิกตากว้าง ผละออกจากทุกคน ถลาเข้าสู่อ้อมกอดของคนที่ผมเฝ้าร้องขอความรักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

กอด กอดให้แน่น ให้เหมือนเราจะไม่มีวันแยกจากกันอีกตลอดกาล

พี่ทีกอดตอบ เรากอดกันแน่นมาก…แน่นจนปวดแขน แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยเลย

คิดถึงนะ คิดถึงที่สุดเลย…พี่ที







ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ความอบอุ่นที่ถูกกอดเมื่อสักครู่ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า …กวาดตามองไปรอบตัว ก็เห็นแค่ฟ้าครามที่นอนคู้ตัวอยู่บนโซฟาเก่าๆ สีเขียว

…ผมแค่ฝันไปหรอ…แต่เมื่อกี้รู้สึกเหมือนโดนกอดอยู่จริงๆ ยังรู้สึกอุ่นๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ

แค่ฝันจริงๆ น่ะหรอ…

ผมรู้สึกปวดใจจนน้ำตาแทบไหลที่มันไม่ใช่เรื่องจริง เป็นแค่เพียงความฝันของคนป่วยคนหนึ่ง ก็นั่นน่ะสิ เพราะในความจริง พี่ทีทิ้งพวกเราไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมายิ้มมากอดผมอีกแล้ว

ผมยังคงอ่อนเพลียแต่ก็แทบไม่มีไข้แล้ว หลังอาหารเช้าที่ผมกินไปได้แค่หนึ่งในสี่ ไม่นานหมอก็เข้ามาตรวจด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ตอนนี้มีอาการยังไงบ้างคะ” หมอหญิงสูงวัยท่าทางใจดีถามอย่างอ่อนโยน

“เมื่อคืนหายใจไม่ออกครับหมอ มันอึดอัดตรงนี้” แล้วผมก็วางมือลงไปบนตำแหน่งที่ปวดแน่นเมื่อคืน

“แล้วก็ท้องอืดด้วยครับ เมื่อวานตีดูเสียงลมเต็มไปหมด ก็เลยขอยาธาตุน้ำแดงจากพยาบาล” ฟ้าครามเสริม

หมอใช้มือกดลงบนตำแหน่งที่ผมชี้

“เป็นอาการข้างเคียงของไข้เลือดออกน่ะ มันทำให้ตับโตเบียดช่องอก ทำให้หายใจลำบาก แต่เดี๋ยวสักพักก็จะดีขึ้นเองแหละจ้ะ”

“แล้วโรคนี้มันมียารักษามั้ยครับ” ฟ้าครามถามอย่างข้องใจ เพราะตั้งแต่อยู่มาวันกว่าๆ ไม่เห็นว่าหมอจะจ่ายยาอะไรให้ผมเลยนอกจากยาลดไข้กับน้ำเกลือแร่

“ไม่มีจ้ะ รักษาตามอาการอย่างเดียว”

“รักษาตามอาการ?” ผมทวนคำถามอย่างสงสัย

“หมายถึง ปวดท้องก็ให้กินยาแก้ปวด เป็นไข้ก็ให้กินยาลดไข้ เป็นอะไรก็รักษาไปตามนั้นไงล่ะ”

หมอตรวจพร้อมกับอธิบายให้ฟังไปด้วย เสร็จแล้วก็ขอตัวออกไปตรวจห้องอื่นๆ ต่อ ใจจริงผมอยากจะรั้งตัวไว้ถามข้อสงสัยอีกนิดหน่อย แต่พอคิดว่ายังมีคนไข้อีกมากมายที่อาจจะกำลังทรมานกว่าผมและกำลังรอให้หมอไปตรวจ ผมก็ไม่ถามอะไรอีกต่อไป

วันนี้ห้องผมมีคนไข้อีกคนมานอนด้วยแล้วที่เตียงฝั่งติดหน้าต่าง แกเป็นลุงอายุ 40 ปลายๆ ที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด เท่าที่คุยกันแกบอกว่าแกความดันขึ้นทะลุสองร้อยกว่าจนวูบ เลยถูกพาตัวมาส่งโรงพยาบาล ลูกชายแกอายุมากกว่าพวกเราสามสี่ปีท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ มาถึงก็ด่าพ่อตัวเองเป็นชุดๆ ว่าทำไมไม่รักษาสุขภาพ ดูซิทำให้ต้องลางานมาหา สองพ่อลูกคุยกันเรื่องประกันสังคม เงินค่ารักษาพยาบาล อะไรเทือกๆ นี้ซึ่งพวกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ รู้แค่ว่าพวกเขาคงกังวลเรื่องเงินกับงานที่ต้องหยุดชั่วคราว

ตอนแรกผมกับไอ้ครามรู้สึกอึดอัดกับการต้องอยู่ร่วมห้องกับคนอื่นมากๆ ทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าคุยหรือเปิดทีวีเสียงดังเพราะเกรงใจคนป่วยอีกเตียง ไม่รู้ว่าควรจะเปิดหรือปิดไฟบนเพดานดีเวลาเขานอนแต่ผมยังไม่นอน ไม่แน่ใจว่าแกจะชอบดูทีวีช่องที่ผมเปิดไหม แล้วผมควรจะผลัดให้เขาครองรีโมตบ้างหรือเปล่า ด้วยความที่เราถูกตามใจมาจนเคยชิน บวกกับไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติเท่าใด ก็เลยไม่แน่ใจว่าควรวางตัวอย่างไรจึงจะถูกมารยาทในสถานการณ์แบบนี้

“ลุงดูมั้ยครับ” ไอ้ครามเดินไปยื่นรีโมตให้ลุงแก

“ไม่เป็นไร เอาเลย” ลุงเขาทำไม้ทำมือประมาณว่าเชิญพวกผมครองรีโมตให้เต็มที่ก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้พวกผม

งั้นก็ไม่เกรงใจล่ะนะ ผมกับไอ้ครามก็เลยครองทีวีเป็นการถาวร อยู่ไปเรื่อยๆ พวกเราก็ค่อยๆ คลายความอึดอัดลงเพราะลุงแกไม่ได้ก่อความเดือดร้อนอะไรให้พวกเราเลย ในขณะที่พวกเราก็พยายามที่จะไม่ทำอะไรรบกวนแกเช่นกัน มีเพียงเรื่องเดียวที่สร้างความหงุดหงิดให้ผมเล็กน้อยนั่นคือโรงพยาบาลจัดห้องยังไงวะ? จับคนเป็นไข้เลือดออกกับคนความดันสูงมาอยู่ด้วยกัน ไอ้เราเป็นไข้เลือดออกก็ร้อนๆ หนาวๆ กลัวอากาศเย็น ส่วนลุงแกเป็นความดันแกก็อยากเปิดแอร์แรงๆ เพราะแกมึนหัว บวกกับแกอยู่ใกล้หน้าต่างมันเลยร้อน เลยยิ่งต้องลดอุณหภูมิ อันที่จริงพวกเราจะเห็นแก่ตัวไม่ลดให้แกก็ได้เพราะรีโมตแอร์อยู่ผนังฝั่งพวกผม แต่พวกเราก็ทำไม่ลง…ไม่รู้สิ มองแผ่นหลังของลุงแกที่นอนห่อไหล่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก นอกจากวันแรกแล้วลูกชายแกก็ไม่โผล่หัวมาอีกเลย พวกผมก็รู้สึกว่าแกน่าสงสาร กลัวแกหายช้าต้องนอนโรง’ บาลนานแล้วจะกระทบกับงานของแก ก็เลยยอมลดอุณหภูมิให้แล้วไปขอผ้าห่มมาห่มเพิ่มแทน

อยู่ๆ ผมก็คิดถึงพี่ทีขึ้นมา พี่ทีเป็นภูมิแพ้อากาศเลยค่อนข้างจะเซนซิทีฟกับอากาศเย็นๆ ผมกับฟ้าครามชอบเปิดแอร์เบอร์เย็นสุดและเปิดพัดลมทุกเครื่องที่มีจ่อตัว พวกเราแทบไม่เคยรู้จักคำว่าหนาว มีแต่คำว่าเย็นสบายตัวกับร้อนเท่านั้นที่เรารู้จัก เราคิดว่าพี่ทีอ่ะเว่อร์ เปิดแอร์เปิดพัดลมแค่นี้จะไปหนาวอะไร กลัวเปลืองไฟมากกว่าล่ะสิ เพิ่งจะมารู้เอาวันนี้ว่าเวลาหนาวมันหนาวจริงๆ ยิ่งถ้าเป็นไข้แล้วต้องนอนในห้องหนาวๆ ยิ่งทรมานสุดๆ ไปเลย พี่ทีจะเคยต้องทรมานแบบนั้นตอนนอนกับพวกผมไหมนะ…



เช้าวันต่อมา ผมเรียกเท่าไหร่ฟ้าครามก็ไม่ตื่น จึงลุกจากเตียง เดินเซๆ ลากเสาน้ำเกลือเข้าไปเขย่าๆ ตัวมัน แล้วก็ต้องตกใจที่ผิวของฟ้าครามร้อนราวกับไฟ

แล้วในวันนี้ฟ้าครามก็ถูกแอดมิดเข้าโรงพยาบาลไปอีกคน เราสองคนไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ฟ้าครามถูกจัดให้เข้าพักในอีกสองห้องถัดจากห้องของผมไปทางด้านขวามือ

ผมเสียใจมากที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้ฟ้าครามต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ถ้าผมไม่คิดอยากหนีออกมา ฟ้าครามก็คงไม่ต้องตามมาด้วยจนเสียการเรียนแล้วก็มานอนป่วยด้วยกันแบบนี้

ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจจนรู้สึกย่ำแย่ไปหมด แล้วพอไม่มีฟ้าครามอยู่เป็นเพื่อน ผมก็ยิ่งรู้สึกเคว้งคว้าง จากที่รู้สึกอ่อนแออยู่แล้วก็ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก พอไม่มีฟ้าครามผมก็ยิ่งเหงา ยิ่งคิดถึงบ้าน คิดถึงทุกคนมากขึ้นทุกทีๆ

Rrrrr

เสียงรอสายดังขึ้นแค่ครั้งเดียว คนปลายสายก็กดรับอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหล ภูผาหรอลูก! พวกลูกหายไปอยู่ที่ไหน รู้มั้ยพ่อกับแม่เป็นห่วงมากเลยนะลูก!” เสียงสั่นเครือของแม่ดังมาตามสาย

พอได้ยินเสียงแม่ที่ไม่ได้ยินมาตลอดแปดเก้าวันที่นานเหมือนแปดเก้าปี ความอดทนของผมของพังทลาย

“ฮือๆ ๆ ๆ แม่ครับ …ภูขอโทษ! … ภูก็คิดถึงแม่มากๆ เลย! ฮือๆ ๆ ๆ ๆ … มาหาภูหน่อยนะครับแม่”



-------------------------------------------------------------------------------------

ยินดีที่ได้รู้จักนักอ่านชาวเล้าเป็ดทุกท่านอย่างเป็นทางการนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามมาอ่านมาเม้นท์ให้กัน เราอ่านครบทุกเม้นท์เเล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้นะคะ ชื่นใจจังเลยค่ะ^W^

ติดเเท็ก#เกียร์คู่ หรือจะเเอดเราเป็นเนื้อคู่ด้วยก็ไม่ว่ากัลล คริคริ @candleguard

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :katai4: :katai4: :katai4:มาต่อเลย

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เด็กน้อยเอ๊ยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
แม่ๆ แฝดอยู่ มอ.

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
แม่ๆ แฝดอยู่ มอ.

555 ยอมใจ ใช่เเล้วค่ะ โลเคชั่นนั้นเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อย่างที่คิดจริงๆ เป็นไข้เลือดออก กันจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ถ้าแฝดรีบเปิดโทรศัพท์ คงไม่เป็นอย่างนี้  :z3: :z3: :z3:

      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
อย่างที่คิดจริงๆ เป็นไข้เลือดออก กันจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ถ้าแฝดรีบเปิดโทรศัพท์ คงไม่เป็นอย่างนี้  :z3: :z3: :z3:

      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาเม้นท์ให้ตั้งเเต่ตอนเเรกจนกระทั่งตอนนี้ คนเขียนปลื้มใจจังเลยค่ะ โฮฮฮฮฮ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เด็กน้อยเอ๊ย ร้องหาแม่ใหญ่เลย เข็ดกันไปเลยมั้ยคราวนี้

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรานะ

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เจ้าแฝดดื้อเหลือเกินนนนน กลัไปตายรังที่บ้านเถอะ อย่างอแงเลยใจจะขาดแทน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะรีบโทรหาแม่ทำไม  นี่มันยังไม่ถึงครึ่งที่ทีโดนเลยนะ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เฮ้อออออ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือตั้งแต่อ่านมา อยากบอกว่ารำคาญแฝดมากกกกกก ไม่รู้ดิ ทีก็ดีเกินไป

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องแฝดรีบกลับบ้านได้แล้วลูก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กลับบ้านได้แล้วพี่ทีรออยู่

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

ตอนที่ 37   we're back!


ทันทีที่ผมรู้ว่าสองคนนั้นหายไปและมันเกินกว่าที่ผมจะจัดการได้ผมก็รีบโทรไปบอกอาแอ๋มทันที ครอบครัวเราทั้งสองวุ่นวายกันใหญ่เพราะไม่ว่าจะสอบถามใครหรือญาติๆ คนไหนต่างก็ไม่มีใครรู้เบาะแสอะไรเลย

ในที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจแจ้งความคนหาย ผมที่เป็นบุคคลสุดท้ายที่อยู่กับสองคนนั้นต้องเป็นคนให้การต่างๆ กับตำรวจ ซึ่งนั่นทำให้ผมลำบากใจมาก จะให้บอกตำรวจต่อหน้าทุกคนได้ไงว่าเพราะผมตอบปฏิเสธคำขอเป็นแฟนสองคนนั้นก็เลยน้อยใจหอบเสื้อหอบผ้าหนีออกจากบ้าน ผมได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ จนทุกๆ คนมองมาที่ผมด้วยความสงสัย แต่ในท้ายที่สุดตำรวจคงรำคาญเลยสรุปไปว่าเหตุเกิดเพราะทะเลาะกัน

ผมรู้สึกผิดกับอาแอ๋มและอาสินธุ์มากๆ เพราะผมเป็นสาเหตุให้สองคนนั้นหายตัวไป พอทั้งสองคนถามถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์อันซับซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างเราสามคนอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่อ้อมแอ้มตอบเบาๆ ว่ามีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อยผมจึงย้ายกลับมาอยู่บ้าน แต่ผมเลี่ยงที่จะไม่บอกว่าบาดหมางใจกันเรื่องอะไร ในที่สุดนายตำรวจที่รับเรื่องก็ถอนหายใจอย่างรำคาญ ก่อนจะปิดสมุดบันทึกแล้วบอกให้พวกเรากลับบ้าน หากมีความคืบหน้าอะไรจะโทรมาบอกอีกที

ทุกคนดูเหมือนเคลือบแคลงสงสัยอะไรบางอย่างในตัวผม อาสินธุ์กับอาแอ๋มทำท่าเหมือนอยากจะซักถามอะไรผมเพิ่มแต่ก็ไม่ได้ทำเมื่อเห็นผมมีท่าทางหมดอาลัยตายอยาก นั่งคอตก ไม่พูดไม่จากับใคร ก่อนจากกันอาสินธุ์เข้ามาตบบ่าผมเบาๆ

“อย่าเศร้าไปเลย มันไม่ใช่ความผิดของทีหรอกนะ”

“อาสินธุ์ ทีขอโทษจริงๆ ครับ เป็นความผิดของทีเอง” ผมยกมือไหว้ชายตรงหน้า แล้วเลยไปถึงอาแอ๋มที่นั่งตาแดงอยู่บนรถตู้

“พอแล้วๆ! เลิกปกป้องเจ้าลูกไม่รักดีของอาเสียที คนที่ไม่ผิดก็ขอโทษอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ไอ้ตัวปัญหามันจะสำนึกผิดได้สักครึ่งของเราไหม” ไม่นานรถตู้บ้านอาสินธุ์ก็แล่นจากไป

พ่อกับแม่ไม่ได้พูดหรือถามอะไรผมอีก เพียงแต่บอกให้ผมขึ้นไปพักผ่อนเพราะผมดูเหน็ดเหนื่อยก็เท่านั้น ตกเย็นทามกลับจากโรงเรียนถึงได้รู้ข่าวว่าภูผากับฟ้าครามหายตัวไป แต่แทนที่เจ้าตัวจะตกใจเหมือนคนอื่นๆ กลับทำท่าแปลกใจและดูตื่นเต้นแทน

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะยัยทาม” แม่เอ็ดทามที่เอาแต่ถามนู่นถามนี่ มองการหนีออกจากบ้านของไอ้แฝดเป็นเรื่องสนุกซะงั้น

“โถ่แม่! นี่เค้าเรียกการเดินทางค้นหาตัวตนของลูกผู้ชาย เดี๋ยวพี่ๆ เค้าอยากกลับก็กลับกันมาเองแหละ เป็นผู้ชายไม่อันตรายหรอก ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”

หลังจากนั้นผมก็ลุกหนีแม่กับน้องสาวที่นั่งเถียงกันอยู่บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมาบนห้อง ล็อกประตู เดินไปหยิบชีทเนื้อหาที่จะสอบมาเปิดๆ อย่างไร้กะจิตกะใจ ก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิม ผมอ่านจบแล้วทุกวิชา ในช่วงสัปดาห์ที่ไม่มีภูผากับฟ้าครามมาป้วนเปี้ยนรอบตัวนั่นแหละ ช่วงนี้ผมก็แค่ทวนทุกๆ วันเพื่อไม่ให้ลืมก็เท่านั้นเอง

ผมเป็นห่วงสองคนนั้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงจะเห็นด้วยบ้างกับสิ่งที่ทามพูด แต่ผมก็กังวลเรื่องอื่นอยู่ดี ทั้งเรื่องสอบของน้อง ทั้งเรื่องที่อาจจะถูกหลอกไปขาย ทั้งเรื่องกลัวพวกมันจะตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพ กลัวมันสองคนจะลำบาก เป็นห่วงไปต่างๆ นานาจนเจ็บจี๊ดที่หัวใจ

สองวันต่อมาผมก็ได้ข่าวของภูผาฟ้าครามจากพ่อกับแม่ พอได้ยินว่าสองคนนั้นปลอดภัยดี ความรู้สึกผิดในใจที่แบกรับมาตลอดหลายวันก็ดูเหมือนจะทุเลาลง แต่แล้วข่าวที่ว่าสองคนนั้นป่วยเป็นไข้เลือดออกต้องเข้าโรงพยาบาลพร้อมๆ กันก็ทำให้ผมเจ็บจี๊ดที่หน้าอกอีกครั้งจนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด รู้สึกรำคาญอาการบ้าๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายผมในช่วงนี้จริงๆ มันทำให้ผมกังวลว่าอาการนี้จะเป็นอาการเตือนของโรคอะไรหรือไม่

สัปดาห์แห่งการสอบผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ผมจะป่วยกระเสาะกระแสะไปตลอดอาทิตย์อันเนื่องมาจากความเครียดและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอของผมเอง ภูผากับฟ้าครามต้องอยู่รักษาตัวที่ภาคใต้จนกว่าจะหายถึงจะกลับมาที่นี่ได้ นั่นหมายความว่าสองคนนั้นจะไม่ได้เข้าสอบกลางภาคเลยสักวิชาเดียว! แต่เหมือนเป็นโชคดีในโชคร้าย การป่วยเป็นไข้เลือดออกของภูผากับฟ้าครามทำให้ทางมหาวิทยาลัยยอมอนุมัติให้สองคนนั้นขอสอบย้อนหลังได้เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากมีใบรับรองแพทย์ แม้จะโดนหักเปอร์เซ็นต์คะแนนไปบ้างแต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีสิทธิ์ได้สอบเลย

ได้ข่าวว่าอาสินธุ์กับอาแอ๋มลงโทษสองคนนั้นด้วยการใจแข็งไม่ลงไปเยี่ยมไข้ ไม่ว่าสองคนนั้นจะร้องห่มร้องไห้ขอโทษขอโพยแค่ไหนอาสินธุ์กับอาแอ๋มก็ไม่ใจอ่อน อาสินธุ์บอกว่าในเมื่อไปเองได้ ก็ต้องกลับมาเองได้ สองคนนั้นจึงได้แต่รักษาตัวอยู่ที่ภาคใต้ พอดีขึ้นก็จับรถไฟฟรีนั่งกลับมากันเองเพราะเงินหมดไม่มีพอจะซื้อตั๋วเครื่องบิน ฟังๆ ดูแล้วอนาถาดีแท้…

ผมได้มีโอกาสโทรถามสารทุกข์สุกดิบกับพี่เฟิร์สเป็นครั้งคราว (ช่วงนี้ไม่ค่อยกล้าคุยกับอาแอ๋ม ยังรู้สึกผิดอยู่..) พี่เฟิร์สเล่าว่า พอสองคนนั้นกลับมาบ้านก็โดนอาสินธุ์ตบหน้าไปคนละผลัวะ เห็นว่าตอนแรกอยากกระทืบด้วยซ้ำแต่สงสารเห็นว่าเพิ่งจะหายป่วยกันเลยแค่ตบหน้าพอให้เจ็บๆ คันๆ อาสินธุ์เทศนาสองคนนั้นยาวเหยียด ตบท้ายด้วยการหักค่าขนมสองคนนั้นจนกว่าจะขึ้นปีสอง และสั่งให้ย้ายกลับมานอนที่บ้าน แม้ว่าคอนโดจะยังไม่หมดสัญญาเช่าที่ทำไว้หนึ่งเทอมก็ตาม ส่วนอาแอ๋มตั้งแต่สองคนนั้นกลับมาก็ไม่ยอมปริปากพูดด้วยเลยสักคำเดียว แต่ยังดูแลภูผากับฟ้าครามเหมือนเดิมทุกอย่าง ทำอาหารบำรุงสุขภาพให้กิน เตรียมยาไว้ให้ แต่ไม่พูดด้วย ใช้ความเงียบเป็นการลงโทษ จนถึงตอนนี้แม่ลูกก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ท่าทางคราวนี้อาแอ๋มจะโกรธมากจริงๆ

น้ำเสียงพี่เฟิร์สฟังดูไม่เครียดเลยสักนิด ติดจะขำๆ ด้วยซ้ำ จนผมอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ สุดท้ายพี่แกเลยสารภาพว่าเคยหนีออกจากบ้านไปค้นหาตัวเองตอนอยู่ปีหนึ่งจะขึ้นปีสอง แต่พี่แกไปตอนปิดเทอมอย่างคนไตร่ตรองไว้ก่อน (มีหัวคิดกว่าไอ้แฝดที่หนีไปช่วงสอบเป็นกอง) แถมพี่แกยังเขียนจดหมายทิ้งไว้ คนที่บ้านเลยไม่เป็นห่วงเหมือนตอนไอ้แฝดหาย

บางทีผมว่าที่ภูผากับฟ้าครามทำแบบนี้ มันอาจจะเพราะมีแบบอย่างเป็นพี่เฟิร์สก็ได้นะ=_=

ก็ถึงว่า…อาสินธุ์ถึงบอกว่าไม่ใช่ความผิดผมๆ ก็นี่มันพฤติกรรมเลียนแบบพี่ชายตัวเองชัดๆ เลยนี่หว่า!

กูไม่น่าเป็นห่วงพวกมึงเลยจริงๆ!

ถึงอาแอ๋มจะโกรธสองคนนั้นแค่ไหน แต่ก็ไม่มีแม่คนไหนจะทนเห็นลูกสอบตกได้ลงคอหรอก วันต่อมาอาแอ๋มก็เลยโทรมาขอให้ผมไปติวให้สองคนนั้นอีกจนได้ ผมต้องต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนัก ใจนึงก็อยากไป อยากเห็นหน้าสองคนนั้น อยากจะไปเห็นให้ชัดๆ กับตาว่าภูผากับฟ้าครามหายดีแล้ว แต่อีกใจก็บอกว่าผมไม่ควรไปเจอหรือใจดีกับสองคนนั้นอีก ไม่งั้นจะดูเหมือนผมไปให้ความหวัง แล้วเรื่องมันก็จะวนกลับมาเป็นลูปเดิมๆ อีก

ในที่สุดผมก็ตัดใจตอบปฏิเสธอย่างหนักแน่นไป แต่ผมยังไงก็ยังเป็นผม ไม่สามารถจะทำใจจืดใจดำได้เด็ดขาดเหมือนอย่างไอ้โซล สุดท้ายจึงได้แต่โทรหาซินเซียร์ น้องรหัสปีหนึ่งของตัวเองที่บังเอิญเป็นเด็กทุนเรียนดีเหมือนผม (ยังจำเจ้าเด็กหลงที่โดนอาจารย์แกล้งอำได้ไหมครับ ไอ้นี่แหละ!) ให้ช่วยไปติวสองคนนั้นให้ที แลกกับการพาไปเลี้ยงบิงซูกับชาบูเจ้าที่เพิ่งเปิดใหม่ ก่อนจะฝากฝังให้ไอ้ไก่พามันไปบ้านไอ้แฝดด้วยโดยกำชับไม่ให้พวกมันบอกเด็ดขาดว่าผมเป็นคนขอให้ซินเซียร์มาสอนแทน

(จบบทที)







(บทฟ้าคราม)



แม้ว่าพวกเราจะได้สิทธิ์ให้ขอสอบย้อนหลังได้เนื่องจากอาการเจ็บป่วย แต่ทางมหาวิทยาลัยก็กำหนดวันเวลาสอบมาให้ในเวลากระชั้นชิดและสอบวันละหลายๆ วิชารวดเดียว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมกับไอ้ภูจะอ่านทั้งแปดวิชาที่จะสอบได้ทันในเวลาเท่านี้ แต่โชคดีที่ไอ้ขวดมันแอบมาบอกข้อสอบแถมยังมีไอ้ซินเซียร์เพื่อนไอ้ขวดที่มาจากสาขาโยธา (ปีหนึ่งทุกสาขายังเรียนวิชาเหมือนกันอยู่) ช่วยติวให้อีกแรงซึ่งที่จริงมันผิดกฎของมหา’ ลัย แต่อย่างพวกผมน่ะหรอจะแคร์ หึๆ เพื่อเอาตัวรอดพวกเราทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ

“ทำไมต้องติวอีกวะ แค่จำข้อสอบที่พวกมึงบอก พวกกูก็ทำได้เกินครึ่งแล้ว” ผมว่าอย่างเกียจคร้านเมื่อไอ้ขวดกับไอ้เซียร์บอกข้อสอบพวกผมจบ และไอ้เซียร์กำลังกางสมุดshort note ของมันเพื่อเริ่มสอนเนื้อหากลางภาคตั้งแต่ต้น

“พวกมึงสองคนอย่าเข้าใจผิดนะ ถึงพวกกูจะเอาข้อสอบมาบอก แต่อาจารย์เขาไม่ได้ให้พวกมึงทำข้อสอบชุดเดียวกับพวกกูหรอกนะ แนวมันอาจจะคล้ายๆ แต่ไม่มีทางเหมือนกันหมดแน่ ดีไม่ดีอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำ”

“เฮ้ย! จริงดิ! กูก็นึกว่าเขาจะให้สอบข้อสอบชุดเดียวกับมึง แต่แค่หักคะแนนออก” ไอ้ภูถามอย่างตกใจ

“ขืนให้ทำข้อสอบชุดเดียวกัน เกิดกูขี้เกียจอ่านหนังสือกูก็ไปเดินให้มอ’ ไซค์เฉี่ยวเล่น เอาแบบให้ต้องหยอดน้ำข้าวต้มสักหน่อยแล้วเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่นขอสอบย้อนหลัง รอเพื่อนที่สอบเสร็จเอาข้อสอบมาบอก มันก็ไม่แฟร์กับคนอื่นที่สอบไปก่อนสิวะ” ไอ้ขวดว่า ไอ้ซินเซียร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

“อาจารย์เค้าจะลงทุนออกข้อสอบใหม่เพื่อพวกกูเลยหรอวะ-*-” ผมถาม

“โง่อีก! พวกมึงคิดว่าอาจารย์เค้าจะใช้ข้อสอบชุดเดิมมาสอบเป็นสิบๆ ปีเลยหรือไง เขาต้องปรับเปลี่ยนข้อสอบทุกปีอยู่แล้ว เขาอาจจะดึงข้อสอบที่เคยใช้สอบเมื่อหลายปีก่อนมาให้พวกมึงทำก็ได้ มีตั้งเป็นสิบๆ พ.ศ.ให้เลือก ไม่ต้องมานั่งออกใหม่หรอก”

“โอ๊ยยยยยยยยยยยย! อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ยยยยย!” ผมกับไอ้ภูประสานเสียงโหยหวน ก่อนจะโดนม้วนกระดาษของไอ้ขวดฟาดหัว

“ทำตัวเอง สมน้ำหน้า” มันยักไหล่ใส่พวกผม มองมาอย่างสมน้ำหน้า ก่อนจะฝากให้ซินเซียร์ช่วยติวต่อเพราะไอ้ขวดมันบอกว่ามันไม่ถนัดอธิบายเท่าไหร่ ก่อนที่มันจะปีนขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงพวกผมแล้วหยิบการ์ตูนในตู้มานอนอ่านสบายใจเฉิบ









“ถูกอีกแล้ว ภูกับครามหัวไวมากเลย นี่แสดงว่าพื้นฐานดีอยู่แล้วนะเนี่ย” ซินเซียร์ชมเปาะ แย้มรอยยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจในผลการสอน

“เราฟังอาจารย์เข้าใจในห้องเลคเชอร์มาบ้างแล้วอ่ะ” ผมตอบ ซินเซียร์มันเป็นคนพูดจาสุภาพกับเพื่อนๆ ครับ ไม่ใช้สรรพนามกูมึงแต่จะใช้การเรียกชื่อแทน ทำให้ผมกับไอ้ภูรู้สึกเกรงใจไม่กล้าพูดคำหยาบกับมัน

แอ๊ดดดดดด

“ภูคราม แม่เรียกกินข้าว…อ้าว ได้ยินเสียงติว นึกว่าทีซะอีก เห็นเมื่อวานแม่โทรไปตื๊อ เพื่อนหรอกหรอ?” พี่เฟิร์สโผล่หน้าเข้ามาในชุดทำงาน ท่าทางจะเพิ่งกลับจากบริษัทแล้วโดนแม่ (ที่ยังไม่ยอมพูดกับพวกผม) ใช้มาตามไปกินข้าว

“พี่เฟิร์ส นี่ไอ้ขวด กับ ซินเซียร์ เพื่อนที่มหา’ ลัยครามเอง วันนี้เพื่อนครามมาช่วยติวให้ …. ส่วนนี่พี่เฟิร์ส พี่ชายพวกกูเอง” ภูผาแนะนำเพื่อนๆ กับพี่เฟิร์สให้รู้จักกัน หลังจากทักทายทำความรู้จักกันแล้ว พวกเราก็พากันลงไปทานข้าวที่ห้องอาหาร

แม่ท่าทางจะถูกใจไอ้ซินเซียร์มาก เพราะมันยิ้มเก่ง พูดจามีสัมมาคารวะ แถมยังหน้าตาดีปนน่ารักเหมือนพวกไอดอลญี่ปุ่น ที่สำคัญการที่มันกินเอาๆ ท่าทางเจริญอาหารพร้อมเอ่ยชมฝีมือแม่ไม่ขาดปากก็ทำให้แม่แทบจะถีบพวกเราตกกระป๋องแล้วแต่งตั้งมันขึ้นมาเป็นลูกแทนอยู่ซะเดี๋ยวนั้น

หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ไอ้ขวดกับไอ้เซียร์ก็ลากลับ แม่ห่อกับข้าวให้สองคนนั้นเอากลับไปบ้านคนละหลายถุง ขอบใจแล้วขอบใจอีก ก่อนจะให้รถตู้ไปส่งสองคนนั้นกลับบ้าน

ผมมองสมุดโน้ตที่มีกลิ่นอับและรอยเหลืองที่ขอบเล็กน้อย ซึ่งเป็นสมุดที่ไอ้ซินเซียร์หอบมา และพวกเราขอยืมไว้อ่านก่อน

ไอ้ขวดบอกว่ามันเห็นไอ้ซินเซียร์เรียนเก่ง ก็เลยขอให้มาช่วยติวให้อีกแรง ...น่าเชื่อตายชักกก ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่ยักเคยเห็นสองคนนั้นคุยกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เดินผ่านกันก็หลายครั้ง ไม่เคยทักกันสักครั้งเดียว แล้วอยู่ๆ มันดันไปรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนเก่ง แถมยังไปขอให้มาสอนได้อีก อะเมซิ่งไปมั้ยวะ?

แถมพอถามไปถามมา ปรากฏว่าเรียนคนละสาขาอีก แม้ว่าวิศวะปี1ทุกสาขาจะเรียนเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แต่ละสาขาจะเรียนกันคนละเซคชั่น โอกาสจะไปตีซี้สนิทสนมกับสาขาอื่นก็ยิ่งน้อย แถมมันยังตัวติดกับพวกผมมาตลอด แค่อาทิตย์เดียวที่พวกเราลงใต้ มันจะไปตีซี้เด็กโยธาได้ขนาดนี้เลยงั้นหรอ?

แล้วทำไมถึงต้องเป็นเด็กโยธา ทำไมไม่ชวนเพื่อนสาขาเครื่องกลที่เรียนเซคชั่นเดียวกันอาจารย์คนเดียวกันมาสอนล่ะ? ไปเอาเด็กโยธาที่เรียนกันคนละอาจารย์มาสอนทำไม?

นอกจากนี้บรรดาโน้ตสรุปต่างๆ ที่ซินเซียร์มันหอบมาให้พวกผมอ่าน ตอนแรกก็นึกว่ามันสรุปเอง แต่ที่ไหนได้ พอมองดูเต็มๆ ตาถึงได้เห็นว่าลายมือนี้มันโคตรรรรรรรคุ้นตา

ชัดเจนที่สุดคือตัว T เล็กๆ ที่เขียนด้วยปากกาสีเขียวมุมกระดาษ ที่แม้จะจางลงไปตามกาลเวลา แต่เมื่อสังเกตดีๆ ก็มองเห็น

“พี่ทียังไงก็ยังเป็นพี่ทีอยู่วันยังค่ำ…” ไอ้ภูอ่านชีทสรุปพลางยิ้มมุมปาก

“เล่นมาใจดีด้วยแบบนี้ แล้วจะให้ตัดใจลงได้ยังไง…” ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะหันไปสบตากับภูผาที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มให้กันด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์แสนกล

“เนอะ//เนอะ”



จากนี้ไป ผมกับภูเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าพี่ทีจะรับมือเราสองคนในรูปแบบนี้ได้อีกไหม!!



-----------------------------------------------------------------------

เผื่อใครยังไม่รู้ พี่ทีเรียนสาขาโยธา สองเเฝดเรียนสาขาเครื่องกลภาคพิเศษนะคะ^^

#เกียร์คู่ (@candleguard)


ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กลับมาแล้ว เป็นผู่ใหญ่ขึ้นบ้างใช่มั้ยนี่ พีทีใจแข็งเหมือนกันนะเนี่ยะไม่มาดูสองแฝดเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หัวคงจะคิดอะไรดีๆได้นะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตามต่อ รอตลอด  :mew1: :mew1: :mew1:

แม้ที ไม่มาติวให้แต่ปิดแฝดไม่ได้หรอก
เรื่องส่งตัวแทนมาติวให้
ยิ่งทำให้แฝดยิ่งรักที เพราะทีใจดีกับแฝดเสมอ
          :L1: :L1: :L1:
    :pig4: :pig4: :pig4: :pig4::

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สองคนนี้ไม่น่าใว้ใจอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด