เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]  (อ่าน 50495 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                           side story : Where are you? อยู่ไหนครับ…ที่รักของผม 2


มันเป็นอีกคืนที่ไอ้วามาท้าดวลหมากรุกกับผม

‘เบอร์โทรอื่นอาจได้ยินเสียงรอสายแบบ แบบ แบบ ว่าให้รออออออ’

‘หยุดร้องได้ป่ะ เสียสมาธิ’ ผมว่าขณะพิจารณาว่าจะเดินหมากตัวไหนต่อ

‘เฮ๊ะๆ ๆ ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากกกก หัวนมม’

‘หัวใจ!!’ ผมแก้

‘ตานี้กูมีเซนส์ว่าจะชนะแหละ’

‘พูดมาเป็นร้อยครั้งละไม่เห็นจะชนะสักที’ ผมหยิบสร้อยคอที่ห้อยเกียร์กับเฉลวที่ได้จากการชนะพนันครั้งก่อนมาเเกว่งๆ ต่อหน้าไอ้วาอย่างเยาะๆ

‘รุก’

‘แน่ใจหรอว่าจะเดินตัวนั้น’

‘อ้ากกก กูเดินผิดๆ ขอเดินใหม่ได้มั้ย น้าๆ ๆ ๆ ๆ ’

‘ไม่…รุกฆาต’





‘เพื่อนๆ!!’ เสียงไอ้วาดังขึ้นทันทีที่เปิดเข้ามาในห้อง

‘วันเสาร์นี้มีตักบาตรใหญ่ที่หอพระด้วย ไปกันมั้ย?’

‘ไปๆ ๆ ๆ ’ ไอ้ต้นตอบรับทันที

‘เราไปอยู่แล้ว’ ไอ้ไมค์มันอยู่ชมรมพุทธ

‘ปออ่ะ?’

‘กูไม่ชอบฟังพระเทศน์อ่ะ’

‘งั้นก็ใส่บาตรอย่างเดียวไม่ต้องอยู่ฟังก็ได้’

‘โอเคงั้นกูไปด้วย’

คืนนั้นพวกเราสี่คนนอนคุยกันถึงเรื่องที่จะซื้ออะไรไปร่วมถวายภัตตาหารเช้าพระเกือบร้อยรูปที่ทางมหาวิทยาลัยนิมนต์มาดี

‘กูตั้งงบไว้สองร้อย เมื่อกี้โทรถามลุงลุงร่วมด้วยอีกห้าสิบ เป็นสองร้อยห้าสิบ’

‘เราร้อยยี่สิบ’ ไมค์

‘กูร้อยนึงช่วงนี้แกลบ’ ผม

‘กูก็ร้อยนึง’ ไอ้ต้น

‘ตกลงมีตังค์ 570 อืมมม ซื้อไรดีวะ’

‘ต้มแซบที่โรงอาหารโต้รุ่งอร่อยดีนะ เอาป่ะ’

‘ตอนเช้าโต้รุ่งมันยังไม่เปิดนะเว้ย’

‘หรือไก่ย่างห้าดาวดีมั้ย’

‘หรือซื้ออะไรก็ได้ยกถาดจากโรงอาหารกลางมาเลยดี?’

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยสนทนากับเพื่อนเรื่องแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้เลยว่าแค่ช่วยกันคิดว่าจะซื้ออะไรไปถวายพระจะทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจขนาดนี้ แค่คิด…ก็มีความสุขแล้ว

ในที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจไปซื้ออาหารที่เขาทำเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ได้ตักขายจากโรงอาหารกลาง

ด้วยฝีปากช่างฉอเลาะของไอ้ต้นและไอ้วา แม่ค้าก็เลยยอมลดราคาไข่ตุ๋นถาดใหญ่ให้เพราะเห็นว่าเราจะเอาไปทำบุญ

‘เดี๋ยวเสร็จแล้วพวกผมเอาถาดมาคืนนะป้า’

‘เอาทัพพีไปด้วยไหมลูก’

‘ได้หรอครับ!? เย้! ป้าใจดีจังเลย’ ไอ้วาหน้าบาน

‘แต่อย่าลืมเอามาคืนล่ะ’

พอไปถึงหอพระพวกเราก็นำถาดที่ใช้ลิควิดเขียนชื่อร้านไว้ไปวางรวมกับถาดอาหารของคนอื่นๆ

หลังจากพระให้พรเสร็จ พวกเราก็เดินเตร่อยู่แถวนั้นเพื่อรอเอาถาดกลับไปคืนแม่ค้า

‘น้องๆ ว่างรึเปล่า มาช่วยแยกของใส่บาตรหน่อยได้มั้ย’

‘พี่ครับ น้ำแยกใส่ถุงนี้ใช่มั้ย’

‘ใช่ๆ ส่วนพวกข้าวสารใส่ถุงนี้นะ’

ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคนเพราะแยกของไปคุยไปด้วย ถึงได้รู้ว่าคนที่เรียกพวกเรามาช่วยเมื่อกี้เป็นประธานชมรมพุทธกรรมฐาน

แยกของเสร็จ พระก็ฉันเสร็จพอดี และกำลังเริ่มเทศน์

‘ปอ ไหนๆ ก็มาแล้ว เข้าไปฟังพระเทศน์หน่อยเหอะว่ะ’ ไอ้วาพยายามดึงแขนผมลากเข้าไปในตัวตึก

‘ไม่เอาง่วง อยากฟังก็ไปฟังเองดิ’ ในที่สุดเพื่อนๆ ก็ยอมแพ้ สามคนนั้นเดินเข้าไปฟังพระเทศน์ในตึก ส่วนผมไปช่วยพี่ๆ ชมรมพุทธล้างพวกถาดอาหาร

ขณะที่ผมล้างถาดเสียงเทศน์ก็ดังมาตามลำโพงที่อยู่เหนือหัวผม สุดท้ายก็เลยต้องล้างไปฟังไป โถ่เอ้ย นึกว่าหนีพ้นแล้วเชียว

พอพระเทศน์จบ สามคนนั้นก็มาช่วยผมล้างถาด

‘โห อนุโมทนาสาธุด้วยนะน้อง ล้างถาดกันมาเป็นชั่วโมงแล้วสุดยอดเลย’ พี่ประธานเดินมาเอ่ยชมพวกเรา

‘ป่าวคับ คือพอดีรอเอาถาดกับทัพพีไปคืนแม่ค้า แล้วมันหาไม่เจอเลยต้องมาล้างหาตรงนี้’ ไอ้วาตอบ

‘อ้าวหรอ เป็นงั้นไป ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ’ พี่แกหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินไปดูงานส่วนอื่น

‘เจอถาดยังน้อง’ หายไปพักใหญ่พี่แกก็กลับมาอีก

‘เจอทัพพีแล้วแต่ถาดยัง…อ๊ะ! นี่ไง’

‘ฮ่าๆ ๆ ๆ ถาดใบสุดท้ายพอดี ขอบใจที่มาช่วยล้างถาดนะน้อง หึๆ ๆ ’







‘ปอๆ ๆ มึงเห็นยัง เค้าย้ายตู้เย็นไปไว้หน้ากล้องวงจรปิดแล้วนะ’

‘เห็นแล้ว ดีเนอะ ต่อไปของจะได้ไม่หายอีก’





‘กบกระโดดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ข้ามรั้วๆ ๆ กบโดดกี่ครั้ง’

‘4’ ไอ้ต้นตอบ

‘เห้ย! ถูก’

‘จริงอ่ะ!! ถามอีกดิ้ๆ ’

‘กบกระโดดๆ ๆ ข้ามรั้วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กบกระโดดกี่ครั้ง’

ผมละสายตาจากหนังสือ หันไปมองไอ้ต้นที่ทำท่านับนิ้ว

‘….5 ป่ะ’

‘ถูก!!!’

‘กูเหมือนจะเริ่มจับอะไรได้แล้ว ถามอีกดิ้ ถามมาเรื่อยๆ เลย’

‘กบกระโดดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ข้ามรั้วๆ ….กี่ครั้ง?’

‘2 ป้ะ’

‘ปิ๊งป่องง!’

‘ไชโย! กูเข้าใจแล้ว ในที่สุดดดด’ ไอ้ต้นทำหน้าเหมือนได้ทองจากซองมาม่า

ผมวางหนังสือในมือลง

‘ยังไงวะ สอนกูหน่อยดิต้น’

‘เห้ยยย! ไม่ได้ๆ เกมแบบนี้มันต้องจับให้ได้ด้วยตัวเอง’ ไอ้วารีบขัดก่อนที่ไอ้ต้นจะเฉลยผม

‘กูเล่นมาสองอาทิตย์ละ ไอ้ไมค์ก็จับได้ ไอ้ต้นก็จับได้ เหลือแต่กูเนี่ย กูยอมแล้ว เฉลยสักทีเหอะว่ะ กูจะได้นอนตายตาหลับ-*-’

‘โอ้ยยย ไม่เห็นยากเลยปอ อ่ะฟังดีๆ นะ…กบกระโดดๆ ๆ ๆ ข้ามรั้วๆ ๆ ๆ กบ-โดด-กี่-ครั้ง’ ไอ้ต้นถาม

‘ไม่รู้ว่ะ…5 มั้ง’

‘4 ดิ เอาใหม่ๆ …กบกระโดดๆ ข้ามรั้วๆ กี่-ครั้ง’ ไอ้ต้นย้ำสองพยางค์สุดท้าย

‘4 ครั้งป่ะ’

‘2 ดิวะ โอ้ยยยย ใบ้ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีก’ ไอ้วาทำหน้าเหนื่อยใจ

เชื่อมั้ยว่าจนถึงปัจจุบันผมก็ยังไม่รู้ว่าเกมนี้มันมีทริคอย่างไร…





‘ปอ กูรู้มึงเก่งฟิสิกส์ มึงจะต้องตอบคำถามนี้ได้’ ไอ้วาทำหน้าจริงจัง

‘อะไร?’

‘จงบอกวิธีบรรจุช้างใส่เข้าไปในตู้เย็นหอ’

‘ฮะ!?’ คำถามบ้าอะไรของมันวะ

‘รู้ป่าวๆ ๆ’

‘นี่มันคำถามกวนโอ๊ยเปล่าวะ…ไม่รู้เว้ย แล่เนื้อยัดเข้าไปมั้งจะได้ยัดเข้าไปได้ทุกซอก’

‘ปอโหดอ่ะ …เฉลยยย คำตอบคือ เปิดตู้เย็น เอาช้างใส่เข้าไป ปิดตู้เย็น’

‘มันเกี่ยวกับฟิสิกส์ตรงไหนวะ!’

‘ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ’ ไอ้วาหัวเราะ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

‘งั้นให้แก้ตัวอีกรอบ คราวนี้จงบอกวิธีเอาจระเข้ใส่ตู้เย็น’

‘เปิดตู้เย็น เอาจระเข้ใส่เข้าไป ปิดตู้เย็น’

‘ผิดจ้า…เปิดตู้เย็น เอาช้างออก เอาจระเข้ใส่ ปิดตู้เย็น’

‘อย่ามายุ่งกับกูสักพักนะไอ้วา’





วันหนึ่งในสัปดาห์ที่ร้อนจัดเหมือนซ้อมตกนรก ผมเดินขึ้นชั้นสี่อย่างเหน็ดเหนื่อย ตรงไปยังตู้เย็นส่วนรวมที่แช่นมเปรี้ยวเย็นชื่นใจเอาไว้หนึ่งแพ็คตั้งแต่เมื่อคืน อ่า ถ้าได้ดื่มสักกล่องตอนนี้คงฟินไม่น้อย

แล้วผมก็พบว่า …นมเปรี้ยวแพ็คนั้นของผม หายไป!!!!

‘ปอเป็นไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น เกิดไรขึ้นหรอ’ ตอนนี้มีไอ้ต้นคนเดียวที่อยู่ในห้อง

แล้วผมก็เล่าเรื่องนมเปรี้ยวโดนขโมยให้ฟังอย่างโกรธแค้น จากนั้นผมกับไอ้ต้นก็ลงไปขอยามดูเทปบันทึกวงจรปิดตรงตู้เย็นเมื่อคืน ในที่สุดก็ได้รู้ตัวจริงของไอ้ผีตู้เย็นตัวนี้เสียที!

หัวขโมยคนนี้เป็นชายร่างอ้วนที่พักอยู่ห้อง423 ไอ้ต้นบอกว่ารู้สึกหมอนี่จะเรียนนิติเพราะเคยเห็นมันนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือรวม

ผมจัดการเขียนข้อความใส่กระดาษเอาไปแปะหน้าตู้เย็นทันที

‘ถึง ไอ้หัวขโมยที่โด้นมเปรี้ยวรสองุ่นของกูไปหนึ่งแพ็ค

ทำไมต้องมาขโมยของคนอื่นวะ ตัวเองก็เรียนกฎหมายไม่น่าทำตัวแบบนี้เลยนะ ไม่มีตังค์ซื้อมึงมาขอกูดีๆ ก็ได้ ไม่ใช่อยู่ๆ มาขโมยแบบนี้ บอกเลยว่ากูโกรธมาก! กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด! กูรู้แล้วว่ามึงเป็นใคร กูมีหลักฐานภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดเห็นหน้าชัดเจนมึงดิ้นไม่หลุดแน่ ภายในวันนี้มึงต้องมาขอโทษกูที่ห้อง411ตอนหนึ่งทุ่มตรง ถ้ามึงไม่มากูจะปริ้นรูปมึงแปะประจานให้ทั่วหอเลยคอยดู’

พอไอ้วากับไมค์กลับมา ผมก็เล่าเรื่องให้สองคนนี้ฟังอย่างเมามันปนสะใจ

‘โอ้ยยย! ไอ้ปอโหดสัสสส …มึงว่ามันจะใช่คนเดียวกับที่ขโมยไข่ต้มกับหนมไหว้พระจันทร์กูมั้ยวะ’

‘เดี๋ยวตอนทุ่มตรงมันมามึงก็ถามมันดูเองละกัน’

พวกเราสี่คนรอเวลาทุ่มตรงอย่างใจจดใจจ่อ

‘แล้วถ้ามันไม่มาล่ะปอ’ ไมค์ถาม

‘เราก็จะปริ้นรูปมันแปะประจานให้ทั่วหอไปเลย คอยดู’

‘เราว่า…’

ก๊อกๆ ๆ

ไอ้วารีบวิ่งไปเปิดประตูก่อนใคร แต่แทนที่จะได้เจอหน้าเจ้าหัวขโมย ที่หน้าห้องกลับมีแค่นมเปรี้ยวรสองุ่นสองแพ็ควางอยู่ตรงพื้นพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนคำว่า ‘ขอโทษ’ ด้วยลายมือเหมือนเอาตีนเขียน มองดูก็รู้เลยว่ามันไม่ได้มีเจตนาจะขอโทษแม้แต่น้อย แต่ทำเพราะกลัวจะโดนประจาน

ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าพวกผมจะแช่อะไรไว้ในตู้เย็นชั้น4 ของก็ไม่เคยหายอีกเลย







วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พอผมกับไอ้วาลืมตาตื่นก็ดวลหมากรุกกันแต่เช้าแล้วไอ้วาก็แพ้อีกแล้วตามระเบียบ

ขณะที่กำลังจะต่อเกมสองไอ้วาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เห็นว่าข้าศึกบุกประชิดประตูเมือง ต้องรีบไปปกป้องเอกราช อะไรของมันเนี่ยแหละ

ระหว่างนั้นพอไอ้ไมค์กับไอ้ต้นตื่น ผมก็ดวลหมากกับสองคนนี้ไปพลางๆ และแน่นอน ผมชนะ

‘มาแล้วๆ ๆ ’ ไอ้วากลับมานั่งตรงข้ามผม แล้วเริ่มเรียงหมากใหม่

‘วันนี้แหละ มึงจะต้องเสียของพนันให้กับกู’

ผมยิ้มมุมปาก คิดในใจว่าไม่มีทางหรอก

เราสี่คนนั่งมุงกระดานหมากรุก ไอ้วานั่งชันขาขึ้นมาข้างหนึ่งมือก็ขยับหมากเดินด้วยสีหน้าครุ่นคิดต่างจากปกติที่ชอบทำเสียงรบกวนสมาธิผม

‘รุกฆาต’

ผมมองหมากในกระดานอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผมแพ้? ผมคนนี้ที่อยู่ชมรมหมากรุกมาตั้งแต่สมัยมอต้นเนี่ยนะจะแพ้ไอ้วาที่เพิ่งมาฝึกเล่นตอนปีหนึ่ง!?

‘เย้ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ วู้วๆ ๆ ๆ ๆ ชนะแล้วโว้ยยยย ชนะแล้ว ไชโย้!!’ ไอ้วากระโดดโลดเต้นทำท่าชักศอกเข้าใส่ตัวอย่างดีอกดีใจ ไอ้ต้น ไอ้ไมค์เองก็มองผมกับไอ้วาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าผลจะพลิกล็อก

‘เอาเกียร์มาๆ ๆ ’ ไอ้วายื่นมือมาตรงหน้าผม พลางกระดิกนิ้วดิ้กๆ เหมือนเจ้าหนี้ทวงตังค์

‘ไม่ให้…งั้นเอาเฉลวมึงคืนไป’ ผมถอดสร้อยคอแล้วรูดเฉลวดาวคืนให้ไอ้วา

‘ไม่เอา! จะเอาเกียร์ สัญญาต้องเป็นสัญญาดิ!’

ผมขี้เกียจเถียงกับมันก็เลยรับเฉลวคืนมาแล้วส่งเกียร์ให้มันไป เดี๋ยวคราวหน้าแข่งกันใหม่ผมจะพนันเอาเกียร์คืนมาให้ดู

‘เฮ้ยๆ ๆ ๆ! ทำไรวะไอ้วา’ ผมร้องเสียงหลงเมื่อเห็นไอ้วาเอามีดคัตเตอร์ลนไฟแช็กแล้วขูดขีดลงบนเกียร์ของผม

‘ก็ตอนนี้มันเป็นของกูแล้ว กูก็เขียนชื่อแสดงความเป็นเจ้าของไง’

‘ไอ้บ้าาาา นี่มันของกูนะเว้ย’

ไอ้วาหัวเราะ มองหน้าผมเหมือนรู้ทันความคิด

‘พูดอะไรน่ะ เกียร์อันนี้เป็นของกูต่างหาก ดูสิ CE 38 VA โหยย เท่เนอะ กูจะใส่ไปอวดสาวให้รอบมอเลย ฮ่าๆ ๆ ขอบใจนะเพื่อน’

แล้วผมก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะเอาเกียร์คืนในที่สุด







--------------------------------

อ้อ อยากรู้มั้ยครับว่าไอ้วามันทำยังไงถึงชนะผมได้ มันบอกว่าตอนมันขี้มันเอามือถือเข้าไปเสิร์ชหาเคล็ดลับการเล่นหมากรุกอ่านไปด้วย ผมฟังแล้วไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเลย-_- ‘’








ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เริ่มการไขปริศนาแล้ว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                            Where are you? อยู่ไหนครับ…ที่รักของผม 3





เมื่อวันก่อนร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นมาเปิดใหม่แถวหอพักของพวกเรา วันนี้เราสี่คนเลยไปประเดิมของใหม่กันสักหน่อย

‘โห! ไอติมชาโคลโคนละ20บาท กดเองได้ไม่อั้น’ ไอ้วายืนมองตู้กดไอศกรีมด้วยดวงตาเป็นประกาย

‘แพงว่ะ’ ผมว่า

‘กินมั้ยๆ ช่วงนี้มีโปรฉลองเปิดร้านเหลือโคนละ 15 เอง’ ไอ้ต้นว่า

ในที่สุดเราสี่คนก็ตัดสินใจซื้อกันคนละโคน ไอ้ไมค์กดก่อน ได้มาไม่สูงเท่าไหร่ ไอ้ต้นก็เหมือนกัน พอถึงคราวผมจะกดบ้างไอ้วาก็ชิงพูดขึ้น

‘เดี๋ยวกูกดให้เอาป่ะ’

‘จะใช้ของกูลองมือล่ะสิ เอาของตัวเองลองไปเลย’ ว่าจบผมก็หมุนคันโยก ไอศกรีมค่อยๆ ไหลลงมาในโคน ผมพยายามจะกดให้ได้สูงที่สุดแต่มันก็โย้ไปเย้มาทำท่าจะตกพื้นผมเลยต้องหยุด สุดท้ายก็กดได้ไม่สูงเท่าไหร่ เสียดายตังค์ชะมัด

ถึงคราวไอ้วา พอไอกรีมค่อยๆ ไหลลงมามันก็เอาโคนไปจ่อชิดกับปากเครื่องทำให้ไอกรีมถูกอัดแน่นลงไปในโคน มันค่อยๆ อัดลงไปทีละชั้นๆ อย่างใจเย็น คนที่ต่ออยู่ข้างหลังเริ่มมองหน้ามัน ผม ไอ้ต้น ไอ้ไมค์เริ่มเสียวๆ ไอ้วามันกดได้สูงมากครับ สูงจากปากโคนเกือบ8นิ้วได้ จะกดคุ้มไปไหนวะเนี่ย!

ตอนออกมา พนักงานถึงกับมองหน้ามันแล้วหันไปซุบซิบกัน

แทนที่จะอาย มันดันภูมิใจเสียอีก บังคับให้ผมช่วยถ่ายรูปให้มันส่งไปอวดพ่อแม่ว่ามันกดไอศกรีมเก่งแค่ไหน โอ๊ย! ปัญญาอ่อนกว่านี้มีอีกมั้ย

‘เป็นไงล่ะ ไม่ยอมให้กูกดให้ เช้ออออ’ มันเชิดหน้า เบะปากมองผมเหยียดๆ แล้วแลบลิ้นเลียไอศกรีมแผล็บๆ เหมือนหมา

‘ไม่ได้ตะกละแบบมึงนี่’ ผมตอบกลับนิ่งๆ เจ็บๆ

‘อิจฉาล่ะซี้! อ้อนวอนกูสิแล้วคราวหน้าจะกดให้’

‘ไม่มีทะ…’

‘วาาา คราวหน้าถ้ามากินอีก กดให้เรานะ’ ไอ้ต้นแหลมหน้าขึ้นมาทันที มันจับแขนไอ้วาเขย่าๆ เอาหัวถูไหล่ ไอ้วาหัวเราะชอบอกชอบใจลูบหัวไอ้ต้นชมว่า ‘เด็กดีๆ’

‘อร่อยมั้ยไมค์’ ผมถาม

‘ก็ดีนะ ปอล่ะ’

ผมมองไอ้วากับไอ้ต้นเล่นกันเหมือนเด็กๆ แล้วยิ้มมุมปากบางๆ

‘ก็ดี’





วันนี้เป็นวันศุกร์พอเลิกเรียนปุ๊บไอ้ต้นกับไอ้ไมค์ก็กลับบ้าน เหลือผมกับไอ้วาอยู่หอกันสองคน

‘กลับมาแล้วววว อ่ะ! ข้าวที่ฝากซื้อ 30 บาทนะ บวกค่าถืออีก 70เป็น100 บาท บวกภาษี7เปอร์เซ็นต์ก็เป็น 107 บาท จ่ายมาซะดีๆ ’

‘งั้นค่าติวแคลคูลัสคราวหน้าคิดชั่วโมงละพัน โอเคมั้ย’ ผมเงยหน้าจากโน้ตบุ๊คขึ้นมาตอบ

‘โอ๊ย! เก๊าย้อเย่นน่ะตัวเอง ย๊อเย่นๆ ไม่เอาน้า ไม่คิดตังค์เนอะๆ ๆ ’ มันเข้ามาบีบนวดไหล่ให้ผมอย่างเอาอกเอาใจจนน่าหมั่นไส้

‘แกะห่อข้าวซิ’ ผมสั่ง

‘เจ้าค่ะนายหญิง เอ๊ยยย! นายท่านนน’ มันกุลีกุจอแกะห่ออาหารให้ผม ท่าทีประจบสอพลอแบบออกนอกหน้าของมันทำให้ผมขำจนทนไม่ไหว สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มกว้าง หัวเราะจนปวดโหนกแก้มไปหมด

‘ดูไรอ่ะ’ มันมองจอโน๊ตบุ๊คที่ผมกดหยุดเล่นไว้

‘คนกวดผี’

‘เห้ยยย! ชอบๆ ๆ ดูด้วยๆ ๆ อยากดูแต่ไม่กล้าดูคนเดียว’

แล้วผมกับมันก็กินข้าวไปนั่งดูไปด้วยกันอย่างเงียบๆ

‘ทำไมพ่อเลี้ยงทำแบบนี้วะ หน้าตัวเมียที่สุด สู้พ่อกูก็ไม่ได้ เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบ แฟมิลี่แมนสุดๆ!’ ไอ้วาพูดอย่างโกรธแค้นเมื่อดูถึงตอนที่มีคนเล่าว่าถูกพ่อเลี้ยงตัวเองที่ชอบกินเหล้าเมายาข่มขืนมาตั้งแต่เด็ก

‘…’ ผมเคี้ยวข้าวเงียบๆ

พอรายการสัมภาษณ์ผู้ชายอีกคนที่รู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ที่ป่วยหนักในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแต่กลับเอาเวลาไปอยู่กับคนรักของตัวเอง ไอ้วาก็เม้มปาก กะพริบตาถี่ๆ

‘…’ ผมเหลือบมองมัน แล้วก็เคี้ยวข้าวเงียบๆ นั่งดูต่อ

พอกินข้าวเสร็จ ดูรายการจบไปหนึ่งเทป ไอ้วาก็เดินไปที่เตียง หยิบมือถือขึ้นมาโทรทันที

‘ฮัลโหลลลล หม่าม๊าหรอออ คิดถึงหม่าม๊าที่ฉุดเยยก๊าบบบบ….สบายดีก๊าบ หม่าม๊าล่ะก๊าบ…ไมค์กับต้นกลับบ้านก๊าบ เหลือปอกับวาสองคน…หม่าม๊า วันนี้วาดูรายการคนกวดผีกับปออ่ะ แล้วมีคนนึงเค้าเล่าว่าเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลตอนแม่กำลังจะตายอ่ะ วาดูแล้วตะเตือนไตมากเยย… หม่าม๊า วารักหม่าม๊าน้า วาบอกไว้ก่อนเดี๋ยวม๊าตายแล้ววาไม่ได้บอก…วาจะตั้งใจเรียน วาจะเป็นเด็กดี จะไม่ทำให้หม่าม๊ากับป่าป๊าผิดหวังน้า…รักหม่าม๊าที่สุดในโลกเยยยย จุ๊บๆ ๆ ’

เกลียดความเสียงสองและสำเนียงเหมือนคนปัญญาอ่อนของมันจังเลยครับ=_= ทุกครั้งที่ได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับแม่มัน ผมจะรู้สึกจั๊กกระเดียมทุกที หม่าม๊าป่าป๊า โอ๊ย! น้ำเสียงอ้อนตีนสุดๆ ฟังแล้วขนลุก เกิดมาไม่เคยเจอใครพูดโทรศัพท์กับพ่อแม่ได้น่ารักน่าถีบเท่ามันเลย

คิดถึงแล้วทำไมไม่ค่อยกลับบ้านวะ บ้านก็ไม่ได้ไกล นั่งรถสองสามชั่วโมงก็ถึงแท้ๆ แต่เสาร์อาทิตย์กลับเลือกอ่านหนังสืออยู่หอซะงั้น มันกลับบ้านเดือนละแค่ครั้งสองครั้งเอง

‘หม่าม๊าาาา ขอสายป่าป๊าหน่อย….ฮัลโหลลล ป๊าหรอก๊าบบบ กิ๊ดตึ๊งป่าปี๊ที่ฉุดในโยกเยยยยย วันนี้นะวาดูรายการ…’ แล้วมันก็รีเพลย์สิ่งที่มันเล่าไปเมื่อกี้ให้พ่อมันฟังอีกครั้งแต่เปลี่ยนเป็นเรื่องไอ้พ่อเลี้ยงชั่วนั่นแทน

‘…วาโชคดีที่สุดเลยที่มีป๊าเป็นพ่อ วารักป๊าน้าาาาา’

อยากเห็นหน้าพ่อแม่ไอ้วาจังเลยครับ อยากรู้ว่าเป็นคนแบบไหนถึงเลี้ยงลูกชายออกมาเป็นแบบนี้ได้ เท่าที่ดูบ้านมันก็มีอันจะกิน แต่ทำไมมันถึงเป็นคนขี้งกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ หรือมันงกจากสันดานของมันเอง?

ไอ้วามันชอบโทรคุยกับที่บ้านบ่อยๆ แต่เท่าที่สังเกต มันไม่ค่อยเล่าเรื่องทุกข์ใจอะไรให้คนที่บ้านฟังเท่าไหร่นัก จะมีบ่นบ้างก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ไอ้เรื่องป่วยเคยไปหาหมอเนี่ยไม่เคยปริปากเล่าเลย บางทีผมก็คิดนะว่าภายนอกของมันถึงจะดูปัญญาอ่อน ขี้เล่น กวนตีน ยิ้มหัวเราะแกล้งชาวบ้านไปวันๆ ทำตัวเหมือนไม่คิดอะไร แต่ภายในผมว่ามันเป็นคนแคร์คนอื่นและคิดอะไรมากกว่าที่เห็นพอดูเลยล่ะ

แล้วคืนนั้นเราก็ดูกันไปอีกห้าเทป

ใกล้เที่ยงคืน ผมเดินไปปิดไฟ ไอ้วาโวยวายทันที

‘คืนนี้อย่าปิดไฟได้มั้ยอ่ะ กูกลัวว’ ผมเปิดไฟ มองมันที่นอนอยู่เตียงล่างของเตียงคู่อีกฝั่ง ไอ้วานอนเอาหลังชิดกำแพง เห็นแล้วตลกชะมัด

‘กูนอนเตียงบน เปิดไฟมันแสบตานะ’

‘งั้นปิดไฟ แต่มึงต้องลงมานอนเป็นเพื่อนกูนะ’

‘ไม่เอา เบียด ร้อน’

‘งั้นกูขึ้นไปนอนเตียงบนกับมึงก็ได้’

‘เตียงบนเตียงล่างมันก็แคบเท่ากันแหละเฟ้ย!’

ผมเลิกสนใจไอ้วา ปิดไฟ แล้วปีนขึ้นเตียงตัวเอง

‘ปอ กูกลัวจริงๆ นะเว้ย’

‘กลัวอะไร?’

‘ผี’

‘เคยเห็นหรือไง?’

‘ไม่เคย’

‘แล้วจะกลัวไปเพื่อ?’

‘….’

‘มึงฟังนะ รายการพวกนี้น่ะ บางทีอาจจะไม่ได้เอาเรื่องจริงมานำเสนอก็ได้ มึงต้องมีวิจารณญาณในการรับชม เข้าใจ๊’

‘….’

‘….’

ท้ายที่สุดผมก็ทนรำคาญเสียงไอ้วาที่นอนร้องเพลงก่อกวนไม่ไหว จึงจำใจต้องยอมให้มันขึ้นมานอนด้วยในที่สุด





‘วา อ่านหนังสือหรอ’

‘อืม’

ผมยืนนิ่งมองดูเนื้อหาในหนังสือ ก่อนจะถือวิสาสะพลิกปกขึ้นมาดู

‘นี่มัน…ความถนัดแพทย์…มึงจะซิ่วหรอวา’

‘อืม ที่จริงกูอยากเป็นหมอ แต่สอบไม่ติดเลยต้องมาเรียนเภสัช กูรู้ว่าเภสัชมันก็ดี แต่กูอยากเป็นหมอมากกว่า ใจจริงๆ กูไม่อยากเรียนเภสัชเลยอ่ะปอ กูไม่ชอบเคมี’ มิน่า มันถึงไม่ได้ดูหวงแหนเฉลวที่ให้ผมมาเลย ออกแนวยัดเยียดให้ด้วยซ้ำ

‘พ่อแม่รู้ไหมเนี่ยว่าจะซิ่ว’

‘ไม่รู้ กูแอบอ่านเอง ที่บ้านไม่อยากให้กูซิ่ว’

‘…’

‘มึงว่ากูจะติดมั้ย กูไม่มั่นใจในตัวเองเลย’

‘ได้สิ ต้องได้แน่นอน สู้ๆ นะ กูจะคอยเป็นกำลังใจให้’ ผมยิ้มแล้ววางมือบนไหล่ไอ้วา

เพราะต้องแอบอ่านหนังสือนี่เอง ไอ้วาถึงไม่ค่อยกลับบ้านในวันเสาร์อาทิตย์ แต่ทุ่มเทเวลาทั้งวันเพื่อแอบคนที่บ้านอ่านหนังสือซิ่วที่หอแทน





สัปดาห์ต่อมาไอ้วาก็กลับบ้านไปในเย็นวันศุกร์ก่อนที่จะกลับมามหา’ ลัยในเย็นวันอาทิตย์โดยมีพ่อแม่และน้องชายขับรถมาส่ง มันโทรมาชวนพวกผมลงไปกินข้าวด้วยกัน ผม ไอ้ต้น ไอ้ไมค์ทนมันตื๊อไม่ไหวก็เลยต้องลงไปกินด้วย

แล้วผมก็พบว่า ครอบครัวของไอ้วาเป็นครอบครัวที่ฮามากกกกกเลย!

เริ่มที่คุณพ่อหน้าดุแต่ที่จริงเป็นคนฮา ชอบปล่อยมุกแป้กแล้วขำเองเสร็จสรรพ ต่อมาก็คุณแม่ที่สวยอย่างกับนางสาวไทย แถมยังใจดีชวนพวกผมคุยอย่างเป็นกันเอง ตักนู่นตักนี่ให้กินไม่หยุด คอยเป็นลูกคู่ตบมุกแป้กให้คุณพ่อตลอด น้องชายไอ้วาก็ใช่เล่น รายนี้กวนประสาทเหมือนพี่ชายมันไม่มีผิด ชอบตัดมุกพ่อและพี่ชายตัวเอง แต่โดยรวมก็ถือว่านิสัยดี ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมไอ้วาถึงเป็นคนที่ร่าเริงสดใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างนี้ ก็มันเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ยังไงล่ะ

ในสายตาผม สมาชิกครอบครัวของวาดูเจิดจ้ากันทุกคน โดยเฉพาะไอ้วาแค่มันยิ้มผมก็รู้สึกอยากจะยิ้มตามแล้ว มันเป็นคนที่ทำให้ผมได้รู้จักความสนุกของชีวิต ทำให้โลกที่น่ารังเกียจใบนี้กลายเป็นโลกที่สวยงามขึ้นในสายตาผม ทำให้ชีวิตในแต่ละวันของผมเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ไม่แปลกใจเลย…

วูบหนึ่ง ผมนึกอิจฉาไอ้วา







วันหนึ่ง ไอ้วาเดินหน้าบึ้งปึงปังกลับมาที่ห้อง เข้ามาก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดไปรเวทมาเปลี่ยนไม่พูดไม่จากับใคร

‘เป็นไรหรอวา’ ไอ้ไมค์ถามเพราะสังเกตความผิดปกติได้

‘บ้านฝั่งแม่นัดกินข้าวรวมญาติ กูไม่อยากไปแต่แม่บังคับอ่ะดิ’

‘อ้าว ทำไมล่ะ’ ไอ้ต้นถาม

‘ก็กู๋…ลุงเราอ่ะดิ จะพาเมียใหม่มาแนะนำในงานนี้ ตั่วอี๊เรา…หมายถึงพี่สาวของแม่อ่ะนะไม่พอใจใหญ่เลย กูก็ด้วย ไม่อยากจะไปเห็นหน้าเมียใหม่กู๋ กูคงกลืนข้าวไม่ลง’ ไอ้วาดูหงุดหงิดขณะติดกระดุมเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไปด้วย

‘ไม่อยากไปเพราะไม่อยากกินข้าวกับเมียใหม่กู๋? มันเกี่ยวอะไรกับมึงวะ เรื่องของเขามั้ยล่ะ มึงจะไปโมโหแทนลูกกู๋มึงหรอไง’

‘กูโกรธที่กู๋ทิ้งกิ๋ม (ป้าสะใภ้) กูไปมีคนอื่น จนทำให้กิ๋มกูเสียใจหนีออกจากบ้านไป กิ๋มกูเค้าเป็นคนดีมากนะ เค้าไม่ผิดเลย แต่ทำไมเธอจะต้องเป็นคนที่ออกไปจากบ้าน ทั้งๆ ที่คนผิดคือกู๋ต่างหากที่นอกใจ กิ๋มกูดูแลอากงอาม่าดีกว่าที่กู๋ทำซะอีก กูโกรธกู๋ขนาดหน้ายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ กูรู้สึกว่ากิ๋มกูไม่ได้รับความยุติธรรมอ่ะ กูไม่เข้าใจว่าทำไมคนดีๆ ต้องมีชะตากรรมน่าสงสารแบบนี้ด้วยวะ กู๋ทำกับคนที่ดูแลอาม่าจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตอย่างกิ๋มลงคอได้ยังไง กูไม่เข้าใจเลยจริงๆ ’

มันขมวดคิ้ว ใบหน้าดูเศร้าสร้อย อย่างที่พวกผมเห็นกันไม่บ่อยนัก สักพักโทรศัพท์ไอ้วาก็ดังขึ้น มันคุยอะไรสักพักใบหน้าที่เศร้าสร้อยก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มลึกลับที่มุมปาก ถอดเชิ้ตสีฟ้าออก เปลี่ยนเป็นเสื้อโปโลสีชมพูแทน

‘กูไปก่อนนะ ดึกๆ เจอกัน ที่บ้านแวะมารับแล้วว บายยย’

ตอนห้าทุ่ม ไอ้วาก็กลับมาพร้อมขนมเปี๊ยะกล่องใหญ่ หน้าตามันดูเหน็ดเหนื่อย ไม่สดใส

‘ทุกคนนน แม่กูฝากขนมเปี๊ยะมาให้ กินกันๆ ’

พวกเรามานั่งล้อมวงกันบนพื้นทันที

‘วันนี้ไปกินที่ไหนมาอ่ะวา’ ไอ้ต้นถามพลางหยิบขนมกินไปด้วย

‘ร้านPPPPน่ะ’

‘โห! ร้านนั้นอาหารทะเลขึ้นชื่อมากๆ เลยนะ อิจฉาว่ะ เป็นไงๆ อร่อยมั้ย’

‘เอาจริงๆ นะ แดกมาม่าที่หอกับพวกมึงยังอร่อยกว่าอ่ะ’

‘ทำไมล่ะ’ ไอ้ไมค์ถาม

‘ก็…’

ไอ้วาเล่าว่า ป้า (พี่สาวแม่) พยายามคัดค้านไม่ให้ลุงพาเมียใหม่มากินรวมญาติด้วย แต่ลุงไม่ยอม ป้าก็เลยแอบโทรไปบอกญาติทุกคนว่าให้ใส่สีชมพูเหมือนกันให้หมดยกเว้นลุงกับเมียใหม่ที่ไม่ได้บอก เพื่อที่สองคนนั้นจะได้ใส่สีไม่เหมือนชาวบ้าน เมียใหม่ของลุงจะได้รู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน ครอบครัวเขาไม่ได้ต้อนรับก็ยังมาอีก แต่ดูเหมือนเมียใหม่ของลุงนางจะมั่นหน้าเหลือเกิน ดูไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด แล้วไอ้วาดันซวยต้องไปนั่งตรงข้ามเธอพอดี มันเห็นเธออี๋อ๋ออ้อร้อกับลุงมันแล้วก็หงุดหงิด ในขณะที่การกินข้าวรวมญาติกันควรจะสนุกคราวนี้ก็กลับดูกร่อยๆ อากงเองถึงจะไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบเมียใหม่ลุง แต่ท่านก็ไม่ได้เห็นด้วยที่จะพาเธอเข้าบ้าน เพราะกลัวเธอจะเข้ามาฮุบสมบัติของหลานหลังจากท่านตายลง วันนี้ท่านจึงกินข้าวน้อยกว่าปกติและไม่ค่อยคุย กินไปไม่กี่คำก็ลุกออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ทิ้งให้บรรยากาศในโต๊ะเต็มไปด้วยความอึมครึม

‘คับที่อยู่ได้ คับใจแม่งอยู่ยากจริงว่ะ …ถึงจะได้กินอาหารดีๆ ฟรีๆ แต่ถ้าต้องอึดอัดแบบนี้ กินมาม่าอยู่ห้องกับพวกมึงยังจะมีความสุขกว่า’ ไอ้วาถอนหายใจ

คืนนั้นไอ้วาออกไปยืนคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงเป็นชั่วโมง น้ำเสียงของมันอ่อนโยนดูเอื้ออาทรต่อคนปลายสายมาก ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังมันคุยโทรศัพท์จึงจับใจความอะไรไม่ได้ ได้ยินเพียงประโยคสุดท้ายที่ชัดเจนที่สุด

‘วามีกิ๋มเป็นกิ๋มแค่คนเดียว จะไม่มีใครมาเป็นกิ๋มคนที่สองสำหรับวาแน่นอน ส่วนน้องเก้ากับน้องเกมส์กิ๋มไม่ต้องเป็นห่วงวาจะช่วยดูแลเอง รักษาสุขภาพด้วยนะครับ รักกิ๋มที่สุดเลย’





‘ปอๆ ๆ มาดูนี่ดิ บิ๊กมูนดวงเบ้อเร้อเลย’ วาชี้ชวนให้ผมเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า ดวงจันทร์ขนาดใหญ่กว่าปกติปรากฏต่อสายตา ใหญ่มาก…ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

‘ข่าวว่าวันนี้จะมีบิ๊กมูนนี่เนอะ’ ผมนึกขึ้นได้

เราสองคนยืนมองดวงจันทร์ขนาดยักษ์อยู่ตรงระเบียง น่าเสียดายที่วันนี้ไอ้ไมค์กับไอ้ต้นกลับบ้านอีกเช่นเคยเลยไม่ได้อยู่ดูพร้อมหน้ากัน

เราต่างคนต่างเงียบ ตกอยู่ในความคิดของตนเอง

‘กูเคยไปเที่ยวที่แห่งนึง จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน…’ ผมเล่า ไอ้วาหันมามองหน้าผม

‘….’

‘ที่นั่น มีป้ายจารึกหนึ่งเขียนไว้ว่า…’

ผมชี้ลงไปยังคูน้ำที่ล้อมรอบหอ ซึ่งเป็นคูน้ำเน่าที่กำลังจะมีโครงการบำบัดเร็วๆ นี้



‘ในน้ำเน่ายังมีเงาจันทร์ บุคคลผู้นั้นมีความดีบ้างไหม’



ผมมองตาวา แล้วยิ้มให้

‘มึงคิดเหมือนกูมั้ยว่าคำพูดประโยคนี้ความหมายของมันลึกซึ้งดีจริงๆ ’



--------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วเรื่องราวที่หักเหจะเกิดขึ้นเพื่อไหร่นะ  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิดเหมือนวา น่าโมโหลุงวา
ทิ้งเมียที่พยาบาลพ่อแม่ตัวเอง
ไปมีเมียใหม่   ทั้งที่มีลูกกันสองคนแล้วด้วย

ให้รู้สึกว่าเรื่องเซ็กซ์มันยิ่งใหญ่ที่สุด
เกินความดีของเมียเก่า  ในความคิดของผู้ชาย   :fire: :fire: :fire:
ที่ไม่ไหวไปซิ้อกินยังดีกว่ามีเป็นตัวเป็นตน
แถมพามาเชิดหน้าชูตาในหมู่ญาติ
จริงๆพวกญาติไม่น่าไปงานกันเลย ลุงจะได้รู้สึก เชอะ.....
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2018 18:17:33 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                                 ตอนที่ 39   เดือนของพี่ ดินของน้อง


“เอาล่ะๆ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะว่าหลังสอบมิดเทอมเราจะมีกิจกรรมประกวดดาว เดือน และดินกัน พวกคุณก็อยู่ด้วยกันมาสองเดือนกว่าแล้ว ก็น่าจะพอดูๆ ออกนะว่าเพื่อนคนไหนมีแววบ้าง เดี๋ยววันนี้ให้แต่ละสาขาคัดเลือกดาว เดือน ดิน ของตัวเองออกมานะ ให้เวลาครึ่งชั่วโมง ตกลงกันเอาเองว่าจะเลือกใคร …สำหรับสาขาเครื่องกล พวกพี่จะแจกกระดาษคนละสามใบ ที่หัวกระดาษแต่ละใบจะเขียนไว้ว่าดาว เดือน หรือดิน ให้น้องเขียนชื่อคนที่จะโหวตพร้อมรหัสไปหย่อนลงในแต่ละกล่องทางด้านนี้นะครับ”

วันนี้หลังเลิกเรียน พวกปีสองนัดหมายให้น้องปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกสาขามารวมตัวกันที่ลานเกียร์เพื่อแจ้งข่าวการคัดเลือกเหล่าดาว เดือน ดิน (ตำแหน่งขวัญใจชาวคณะ หรือ ดาวฮาประจำคณะ) และคัดเลือกตัวแทนดาวเดือนดินของแต่ละสาขาออกมาเพื่อแข่งขันกันอีกครั้งว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของคณะออกไปประกวดแข่งกับคณะอื่นเพื่อเฟ้นหาดาวเดือนและดินของมหาวิทยาลัยประจำปีการศึกษานี้

“มึงว่าสาขาเรา ใครจะได้เป็นเดือนวะ” ปีสองคนหนึ่งกระซิบถามปีใหม่ซึ่งยืนกอดอกมองน้องปีหนึ่งค่อยๆ หย่อนกระดาษโหวตลงในกล่องแต่ละใบ

“ไม่รู้สิ ปีนี้สาขาเรามีแววหลายคะ…”

“ไม่ภูผาก็ฟ้าครามเราฟันธง” เอิ้บยิ้มตาหยี อวยน้องรหัสตัวเองจนปีใหม่รู้สึกหมั่นไส้เจ้าแฝดนรกนั่นขึ้นมาติดหมัด

“เหอะ ไม่มีทาง เดือนดับไม่ก็เดือนมฤตยูล่ะสิไม่ว่า … เอิ้บดูโน่น ไอ้เจมส์น้องรหัสเราต่างหากที่เป็นตัวเต็ง หล่อกว่ามันสองตัวตั้งเยอะ!”

“น้องเจมส์เป็นตุ๊ดไม่ใช่หรอใหม่…ระดับขุ่นแม่เลยด้วย=_=”

“เออน่า…ตุ๊ดก็ประกวดเดือนได้!” ปีใหม่กลอกตามองบนก่อนจะเถียงข้างๆ คูๆ ให้คนเป็นแฟนอย่างเอิ้บได้แต่หัวเราะขำเบาๆ กับความไม่กินเส้นกันของปีใหม่และน้องรหัสเธอ





“เห้ย ไอ้แฝด มึงโหวตใครไปวะ” ยูโรหันไปมองเพื่อนสองคนที่สุมหัวกันหัวเราะคิกๆ คักๆ พลางเขียนกระดาษในมือไปด้วย

ภูผากับฟ้าครามหันมามอง ก่อนจะยิ้มร้ายแล้วชูกระดาษทั้งสามใบในมือให้ดู

ดาว ---> ยูโร11 เดือน ---> ยูโร11 ดิน --->ยูโร11

“เฮ้ยยยยย ไม่ต้องรักกูขนาดนั้นก็ได้โว้ยยย เปลี่ยนๆ ๆ เลยพวกมึง” ยูโรพยายามจะแย่งกระดาษในมือสองแฝด แต่สองคนนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังกล่องรับผลโหวตพลางหัวเราะอย่างขบขัน

“หน็อย จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ยยย ด้ายยยย”

ดาว ---> ภูผา108 เดือน ---> ฟ้าคราม109 ดิน ---> ฟ้าคราม109

แล้วตอนนับผลโหวตพวกเขาก็ได้รับเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ เมื่อรุ่นพี่อ่านชื่อยูโร และภูผาเป็นผู้ถูกเสนอตำแหน่งดาวสาขา

“ฮึ่ย! เล่นกันไม่เข้าเรื่องเลยเจ้าพวกนี้” ปีใหม่บ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะยืนมองเพื่อนขีดแต้มนับผลโหวตลงบนไวท์บอร์ด

ปีใหม่กวาดตามองเหล่าปีหนึ่งสาขาเครื่องกลก่อนสายตาจะไปหยุดที่ภูผากับฟ้าคราม ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเจ้าแฝดนรกนั่นถ้ามองอย่างไม่มีอคติก็ถือเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง หน้าใส ยิ้มทีสว่างไสวจนแสบตา ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน แต่งตัวก็เก่งใช้ได้ เสียอย่างเดียว ไม่น่าทำตัวมีปัญหาชอบปีนเกลียวรุ่นพี่กับกวนประสาทชาวบ้านเลยจริงๆ ไม่งั้นมันสองคนคงน่ารักขึ้นเป็นกองในสายตาเขา

หน้าเหมือนกันชะมัด เอ..คนไหนภูผา คนไหนฟ้าครามวะ

ปีใหม่ยืนมองสองแฝดฆ่าเวลา สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจากเฉยๆ เป็นครุ่นคิด คิ้วเรียวเข้มเริ่มขมวดลงเรื่อยๆ อย่างคิดหนัก พยายามมองหาจุดต่างของสองคนนั้นเท่าไหร่ก็ไม่พบ จู่ๆ หนึ่งในแฝดก็หันมองมาทางเขา แฝดอีกคนจึงหันตามมาด้วย ปีใหม่ถึงกับสะดุ้งเบาๆ ที่จู่ๆ ก็ถูกจับได้ว่าแอบมอง คิดในใจว่าเดี๋ยวสองคนนั้นต้องทำหน้าล้อเลียนประมาณว่าจับได้แล้วนะว่าแอบมอง หรือไม่ก็ทำหน้ายียวนกวนประสาทเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน แต่ปรากฏว่าสองคนนั้นกลับยกมือไหว้พร้อมยิ้มจนตาหยี ทำเอาปีใหม่ถึงกับตกใจนึกว่าตัวเองตาฝาด มองไปข้างๆ นึกว่ามันสองตัวไหว้ยัยเอิ้บ เอิ้บก็เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือเขายืนอยู่ข้างเสาคนเดียว เขาชี้ตัวเองอย่างงงๆ พอเห็นสองคนนั้นพยักหน้าให้ปีใหม่ถึงยกมือรับไหว้อย่างมึนๆ แล้วเดินเกาหัวไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ปีสองของตนเอง

“สำหรับผลโหวตก็ออกมาอย่างที่เห็นนะคะ ดาวสาขาเราปีนี้ได้แก่ น้องแก้ว รหัส 82 เดือนสาขาเราคือ น้องภูผา รหัส 108 และดินสาขา… น้องฟ้าคราม รหัส109 ค่ะ!”

เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดังขึ้น ก่อนที่ทั้งสามคนจะถูกรุ่นพี่เรียกตัวไปคุยด้านข้าง

“สำหรับการคัดเลือกตัวแทนดาวเดือนดินของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เราจะคัดเลือกโดยการให้ดาวเดือนดินของแต่ละสาขาอัดคลิปแสดงความสามารถอะไรก็ได้คนละคลิปไม่เกิน3นาทีแล้วโพสต์ลงในเพจคณะภายในวันที่14นี้ คนที่มีจำนวนยอดไลค์รวมกับยอดแชร์สูงสุดจะได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดต่อในรอบมหา’ ลัยโดยเราจะหยุดนับคะแนนในวันที่17เวลาเที่ยงคืน จำนวนยอดไลค์ยอดแชร์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากเที่ยงคืนวันที่17จะไม่นับเป็นคะแนนอีกต่อไป ใครมีอะไรสงสัยมั้ย? ….. โอเค ถ้าไม่มี งั้นพวกพี่จะปล่อยพวกเราแล้วนะคะ รักใครชอบใครก็เข้าไปไลค์ไปแชร์กันด้วยล่ะ สำหรับวันนี้พี่ก็มีเรื่องมาแจ้งแค่นี้ ขอบคุณค่ะ”

“กรี้ดด ใหม่! ดูสิใหม่! เห็นมั้ยยยย น้องเราเป็นทั้งเดือนเป็นทั้งดินเลยนะ ฟินจังเลย>///<” เอิ้บเขย่าแขนปีใหม่พลางส่งเสียงกรี้ดเบาๆ อย่างดีอกดีใจ ก่อนจะลากให้เดินไปหาภูผากับฟ้าครามที่กำลังปรึกษาหารือกับพวกรุ่นพี่ปีสองปีสาม

“เธอเป็นดาวสาขาปีที่แล้วนะเอิ้บ โน่น! เธอต้องไปให้คำปรึกษาน้องแก้วทางโน้นต่างหากล่ะ” พูดจบปีใหม่ก็จัดการดันหลังแฟนสาวให้เดินไปอีกทางทันที เอิ้บโวยวายเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะขบขัน แก้มขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อน่ามอง

“ใหม่นี่ขี้หึงจังเลยนะ อิอิ^^”



“พวกน้องได้คิดไว้บ้างยังว่าอยากแสดงอะไร อ๊ะ! เดี๋ยวนะ คนไหนเดือน คนไหนดินนะ?”

“ผมภูผาเป็นเดือน ส่วนนี่ฟ้าครามเป็นดินครับ”

“โอ๊ย! เหมือนกันชิบเป๋ง เพื่อนๆ พวกน้องนี่กวนใช่เล่นนะ เลือกมาทั้งคู่แบบนี้ ถ้าได้ไปรอบมหา’ ลัยกันทั้งคู่กูรับรองว่ามีงงกันทั้งงานอ่ะ ฮ่าๆ ๆ ”





“ไอ้ครามมานี่ ปีที่แล้วกูเป็นดินคณะ เดี๋ยวกูกะปีสามช่วยเทรนเอง” ยูโรลากฟ้าครามเดินไปอีกทาง ทิ้งภูผาไว้กับรุ่นพี่อีกกลุ่ม

“ถ้าน้องยังคิดไม่ออกงั้นดูคลิปของพี่ปีเก่าๆ ก่อนก็ได้ เผื่อจะปิ๊งไอเดีย” ปีสองอีกคนเสนอก่อนจะหันจอโน้ตบุ้คไปทางภูผา

หลังดูจบไปหลายคลิป มีทั้งพี่ที่แสดงร้องเพลง ดีดกีตาร์ ต่อยมวย สีไวโอลิน เต้นบีบอย แสดงละครใบ้ แต่ที่ภูผาชอบที่สุดก็คือคลิปพี่โซลขาโหดเพื่อนแก๊งเดียวกับพี่ทีที่เล่นเปียโนเพลง Death waltz

“พี่เขาได้เป็นถึงเดือนมหา’ ลัยเลยนะ แม่งโคตรเทพ จะดูการแสดงรอบมหา’ ลัยมั้ย”

ภูผาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะแทบลืมหายใจเมื่อได้ดูคลิปวันประกวดเดือนมหา’ ลัยที่พี่ปีสามคนนั้นเล่นเพลง Night of Nights

“โอ๊ย! โคตรโหดเลยอ่ะพี่! เหยดดด เล่นเก่งอ่ะ!”

“ในรอบสี่ปีนี้ คนจากคณะเราได้เป็นเดือนมหา’ ลัยแค่คนเดียวเอง ก็คือพี่คนนี้อ่ะแหละ น่าเสียดายที่พี่เขาไม่ได้เรียนสาขาเครื่องกล ปีนี้พี่หวังนะว่าสาขาเราจะได้เป็นเดือนคณะกับเค้ามั่ง ปล่อยให้โยธากับไฟฟ้าครองตำแหน่งมาห้าปีละ …เป็นไง ดูไปหลายคลิปแล้ว คิดออกบ้างยังว่าจะแสดงอะไร”

“คิดออกละพี่!”

“น้องจะแสดงอะไร?”

“ผมจะแสดงมายากล!”





“เป็นไง คิดไว้บ้างยังว่าจะแสดงอะไร ไม่ต้องเครียดนะน้อง ประกวดดินน้องจะแสดงอะไรก็ได้ เอาให้ฮาไว้ก่อนเป็นพอ ไม่ต้องคิดมาก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่างมัน เอาที่น้องรู้สึกสนุกก็พอ” พี่ปีสามชื่อแมนพูดยิ้มๆ ด้วยท่าทางสบายๆ ฟ้าครามจำได้ว่าเห็นหน้าบ่อยๆ ในค่าย พี่แกป๊อปปูล่าในหมู่เพื่อนๆ น่าดูเพราะเป็นคนดีมีอารมณ์ขัน บ่อยครั้งที่ฟ้าครามมักจะเห็นบุคคลรอบตัวพี่คนนี้หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งโดยมีพี่แกเป็นศูนย์กลางอยู่บ่อยๆ

“ปีพี่แมน แสดงอะไรอ่ะครับ?”

“อ๋อ ทำท่าประกอบเพลงคิโยมิอ่ะ พอดีคิดไม่ออกว่าจะอัดคลิปไรดี อุวะฮ่าๆ ๆ ”

แล้วพี่แกก็เปิดคลิปที่ตัวเองอัดไว้ให้ดู ฟ้าครามทั้งขำทั้งรู้สึกเสียสายตาในเวลาเดียวกัน หน้าไม่ให้แล้วยังจะทำแอ๊บแบ๊วอี๊กกก ไม่แปลกใจเลยที่พี่แกจะแพ้ดินสาขาเคมีที่อัดคลิปเลียนแบบรายการเทยเที่ยวทายที่ลงทุนขนาดออกไปถ่ายคลิปในสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจริงๆ

“โอ๊ยพี่แมน คืนนี้ผมต้องฝันร้ายแน่ๆ เลย!” ไอ้ยูโรบ่นก่อนจะทำหน้าสยองขวัญ พี่แมนเลยหัวเราะเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ

“อ่ะนี่ ล้างตาๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ” พี่แมนขำไปพิมพ์ไป ก่อนจะหันจอไอแพดมาทางฟ้าครามกับยูโร

เอ้า ออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่

ตื่นออกจากรัง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่

ของอร่อยที่สุดก็คือ เมล็ดทานตะวัน

.ได้เวลาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่

...ได้เวลาวิ่ง กลิ้งนะกลิ้งนะแฮมทาโร่

สนุกจริงๆ ที่กลิ้งไปกับแฮมทาโร่

ของอร่อยที่สุดก็คือ เมล็ดทานตะวันนนนนนน

“กร้ากกกก! ฮ่าๆ ๆ ๆ เฮ้ย! กูชอบว่ะ กูชอบ” ฟ้าครามตบไหล่ยูโรก่อนจะซบหน้าลงไปหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ก็จะไม่ให้หัวเราะได้ยังไงในเมื่อในคลิปคือไอ้ขวดที่ใส่ที่คาดผมเหมือนหูหนูร้องพร้อมกับเต้นประกอบเพลงแฮมทาโร่ด้วยหน้าตานิ่งๆ เบลอๆ เหมือนคนพี้กัญชา สมฉายาฮาหน้านิ่งที่เพื่อนตั้งให้จริงๆ

“คิดแล้วก็เจ็บใจ กูเกือบจะได้เป็นดินมหา’ ลัยอยู่แล้วเชียว แต่ดันไปแพ้ดินคณะแพทย์ที่ออกมาเต้นคาบาเร่ซะงั้น”

“คณะแพทย์เค้าเต้นคาบาเร่ แล้วมึงแสดงอะไรวะ?”

“กูเต้นเพลงอาราเล่”

“อ่อ กูเพิ่มเติมให้..ไอ้ไก่ เอ๊ย! ไอ้ยูโรมันขึ้นไปแสดงคนเดียว แต่ดินคณะแพทย์มันหอบแดนซ์เซอร์ขึ้นไปอีกตั้งยี่สิบกว่าคนแน่ะ” พี่แมนว่า

ฟ้าครามถึงกับกรอกตามองบน

ขืนมึงชนะก็บ้าแล้วโว้ยยย!!





(บทที)

วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ แก๊งของผมเลยนัดกันมาทำรายงานที่บ้านไอ้โซล หลังจากทำงานเสร็จพวกเราก็ล้อมวงดื่มกันอย่างเฮฮาหลังจากไม่ได้ดื่มกันมานานตั้งแต่สอบมิดเทอมเสร็จ

ด้วยความที่นั่งเมาในบ้านมันไม่สะใจ พวกเพื่อนๆ ผมมันเลยลากเสื่อออกมาปูกินเหล้ากันที่สนามหญ้าหน้าบ้านซะเลย

เสียงสรวลเสเฮฮาดังขึ้นรอบตัว ผมดื่มไปจนเริ่มมึนๆ จึงได้หยุดแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อ แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เกลื่อนไปด้วยหมู่ดาว

มองไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่เบื้องหลัง จะมองกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามันใหญ่โตเกินไปสำหรับไอ้โซลและน้องมันที่อยู่กันแค่สองคน ก่อนหน้าที่น้องเพย์จะมาอยู่ด้วย ไอ้โซลไม่ค่อยกลับมาที่นี่หรอก มันชอบอยู่คอนโดมากกว่า ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจมันนะ มันคงจะเหงาที่ต้องอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่ๆ เพียงคนเดียว พอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สุดท้ายเรื่องราวก็คลี่คลายไปในทางที่ดี

ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่พอตื่นมาผมก็มาอยู่บนห้องนอนแขกแล้ว เหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องเพิ่งจะหกโมงเช้า ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะสวมสลิปเปอร์เดินลงไปสูดอากาศยามเช้าข้างนอก

ผมเดินออกไปยืนริมสระว่ายน้ำ พับขากางเกงขึ้นเล็กน้อยแล้วจุ่มขาแช่ลงไปในน้ำเย็นเฉียบ

“ไม่คิดว่ามึงจะตื่นเช้านะ เมื่อวานก็ดื่มไปเยอะไม่ใช่หรอ” ผมสะดุ้งหันมองไปทางต้นเสียง ไอ้โซลเดินมายืนข้างตัวผมในชุดนอนสีดำสนิท

“นั่นควรเป็นคำพูดของกูมากกว่านะ หึๆ ” ผมหัวเราะในลำคอ เราสองคนต่างอยู่ในภวังค์ส่วนตัวของตัวเองกันพักใหญ่ ก่อนไอ้โซลจะเอ่ยปาก

“เทอมสองที่ต้องไปฝึกงาน กูอยากให้มึงเลือกไปที่ KK Group”

“ตามเงื่อนไขการรับทุน กูต้องไปฝึกงานที่ V Group ของมึงไม่ใช่หรอ” ผมเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ แม้ทุนที่ผมได้จะเป็นทุนให้เปล่า แต่ก็มีเงื่อนไขข้อเดียวคือจะต้องมาฝึกงานที่บริษัทผู้ให้ทุนตอนปีสามเทอมสอง

“นั่นเป็นความต้องการของย่ากูคนที่ให้ทุนมึง”

“ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสินะ” ผมพูดยิ้มๆ

“น่าจะเข้าใจใช่มั้ยว่ามึงต้องทำอะไรบ้าง”

“ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจอยู่ดี จริงมั้ย”

“ฉลาดย้อน”

ผมหัวเราะ รู้ตัวมานานแล้วว่าเพื่อนผมคนนี้หวังจะให้ผมมาเป็นมือเป็นเท้าให้เมื่อเรียนจบ แต่ผมก็ยังลังเลเพราะมีเส้นทางและข้อเสนอดีๆ อีกมากมายที่กำลังจะถูกหยิบยื่นมาให้เลือกในอนาคตอันไม่ไกลนี้แล้ว

“เมื่อคืนใครแบกกูขึ้นห้องวะ มึงหรอ?”

ไอ้โซลไม่ตอบ แต่กลับพูดเรื่องอื่นขึ้นมาแทน

“ช่วงนี้กูว่ามึงแปลกๆ นะ …อันที่จริงก็แปลกมาได้พักนึงแล้ว …”

“แปลก? ตรงไหนวะ” ผมถามอย่างงุนงง

“มึงมีอะไรอยากเล่ามั้ยล่ะ เกี่ยวกับเรื่องที่มึงปิดบังอยู่ในช่วงนี้”

“ปิดบังอะไรของมึง? วันๆ กูก็มีแต่เรียนๆ ๆ ไม่ได้ไปทำชั่วอะไรที่ไหน ปิดบังไรวะ งง” ผมครุ่นคิดว่าตัวเองเผลอไปทำเรื่องไม่ดีที่จะส่งผลกระทบต่อเพื่อนๆ ในกลุ่มบ้างหรือเปล่าในช่วงนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ

“เห็นวันๆ เอาแต่ยิ้มเอ๋อๆ ไม่คิดว่ามึงจะเด็ดขนาดนี้นะ กูต้องมองมึงใหม่แล้วว่ะ”

“นี่มึงพูดเรื่องเดียวกันกับกูอยู่รึเปล่าเนี่ย!?” โอ๊ย! เกิดมาไม่เคยคุยกับใครแล้วเพลียสมองต้องคิดหลายตลบเท่าคุยกับมันเลย

“เมื่อคืนมึงละเมอพูดยาวมากกกกกกก” ไอ้โซลยิ้มร้าย

“!!!!” เลือดในกายผมพลันเย็นเฉียบขึ้นมาในบัดดล ผมรู้ว่าถ้าตัวเองเมาจะพูดไม่หยุดเมื่อคืนเลยดื่มไปไม่มาก ยังคุมสติตัวเองอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะไปละเมอพูดอะไรให้เพื่อนฟังแทน

“กูพูดอะไรไปบ้างอ่ะ” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ที่แตกตื่น ตีสีหน้าเรียบๆ ติดรอยยิ้มบางๆ ถามกลับไปเหมือนไม่รู้สึกกังวลอะไรสักนิด ทั้งที่ในใจตอนนี้ร้อนราวกับโดนไฟลวกจนกลิ่นไหม้ขึ้น

“อืม …ภูผา ฟ้าคราม …รักไม่ได้…พ่อแม่…อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ กูก็เริ่มลืมๆ แล้วว่าเมื่อวานมึงพูดอะไรบ้าง ” ไอ้โซลยักไหล่

“ลืม?” ถึงตอนแรกผมจะตกใจในสิ่งที่มันพูดออกมา แต่พอมันบอกว่าจำไม่ค่อยได้ผมก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก









“แต่ไม่เป็นไร ไอ้ป๊อกอัดไว้ให้แล้ว J”




ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
555 ความลับรั่วแน่พี่ที

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อะจ๊ากกกกกกกก ทีเมาแล้วละเมอ  o22 o22 o22
โซลว่าจำไม่ได้ แต่ไอ้ที่พูดตอนแรกๆน่ะชัดเจนเลยนะ
ตบท้ายด้วยว่า  อัดที่ละเมอไว้หมดแล้ว  :serius2: :serius2: :serius2:

ให้แอบคิดว่าโซล แอบคิดไรๆกับทีหรือเปล่า  :hao3:     
นอกจากที่อยากให้ทีไปทำงานที่บริษัทตัวเอง

ที่มอ.ที นี่มีประกวดดินด้วย นอกจาก ดาว เดือน  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เปิดเลย ๆ ฟังด้วยคนดิ  :hao3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ประโยคตบท้ายนี่สุดยอดเลย 555

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                                               ตอนที่ 40  ความในใจ


“อ้าว ทีเมาหลับไปก่อนชาวบ้านอีกแล้วหรอ” สกายถามเสียงกลั้วหัวเราะ หลังจากออกเวรเขาก็รีบตามมาสมทบหลังจากที่ไม่ได้มาสังสรรค์กับเพื่อนๆ เสียนาน

“กระดกไปสามแก้วก็จอดแล้วรายนั้น มาๆ ๆ นั่งๆ ๆ โว้ยย ไม่เมาไม่เลิกคืนนี้” ป๊อกเข้าไปกอดคอลากสกายให้ทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อ ก้อยรู้งานรีบชงเหล้าเสิร์ฟให้เพื่อนทันที

“เบาหน่อยก้อย เราคออ่อนนะ ฮ่าๆ ๆ ” สกายหัวเราะเมื่อเห็นเพื่อนสาวเทเหล้าให้ตัวเองเกือบครึ่งแก้ว

“นานๆ มึงจะว่างมาเจอพวกกูสักที คืนนี้กูจะมอมมึงทำผัว”

“อร๊ายยยย!! พี่ก้อยอ่ะ บร๊าาาาๆ ๆ ” สกายทำท่าสะดีดสะดิ้ง คนที่เหลือต่างก็หัวเราะกับท่าทางของสกาย

“ดูพูดเข้า… เฮ้ออออ…เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีให้” แท็คผลักหัวเพื่อนสาวอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะส่ายหัวอย่างขำๆ

เสียงกีตาร์ดังคลอไปเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศของมิตรภาพ โซลดีดกีตาร์เป็นเพลงไปเรื่อยๆ ตามแต่ใครจะรีเควสเพลงอะไร ถึงเจ้าตัวจะทำหน้านิ่งๆ แต่เพื่อนๆ ก็รู้ว่าโซลในตอนนี้กำลังรู้สึกสนุกและผ่อนคลายกว่าทุกวัน

“ขอเพลงห้องนอนหน่อยโว้ยยย ไมค์ๆ ” ป๊อกคว้าไมค์ได้ก็แผดเสียงร้องบาดหูชาวบ้านชาวช่องจนสุดท้ายแท็คต้องเอื้อมมือไปปิดไมโครโฟนของเพื่อนอย่างทนฟังไม่ไหว

“เสียงอย่างกับควายออกลูกยังอยากจะร้องอีกนะมึง เอามานี่!” ก้อยแย่งไมค์มาร้องแทน ป๊อกพยายามแย่งไมค์คืนหลังจากนั้นการล้อมวงร้องเพลงพูดคุยก็กลายเป็นการวิ่งไล่จับแย่งไมโครโฟนกันของก้อยและป๊อก โดยมีเสียงหัวเราะของพวกที่เหลือดังคลอเป็นระยะ

โซลมองเพื่อนสองคนที่วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆ ก่อนจะเกากีตาร์เล่นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย

“คนอย่างเธอ…”

“ฮะ! อะไรนะที” แท็คหันไปมองเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ คิดว่าเพื่อนตื่นแล้วแต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายยังนอนหลับตานิ่งแต่คิ้วขมวดมุ่น เมื่อแท็คหันไปมองที โซลและสกายจึงหันมามองด้วยพลางเลิกคิ้วถามทำนองว่ามีอะไรหรือเปล่า

“คนอย่างเธอถึงทำอย่างไง

ไม่มีวันที่ฉันจะมองว่าดี

ไม่มีวันเปิดหัวใจรักเธอ”

ทั้งสามคนมองหน้ากัน

“กลับไปซะอย่ามาให้เจอกันเลย

เธอก็รู้ว่าฉันทุกครั้งไม่เคยใจอ่อน

กับการทุ่มเทของเธอ”

ป๊อกและก้อยที่วิ่งจับกันจนเหนื่อย กลับมานั่งหอบด้วยกันบนเสื่อ ก่อนจะเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไมแท็ค โซล และ สกายมองไปที่ทีกันเป็นตาเดียว

“แต่แล้วทำไม วันนี้มีเธอจนล้นในใจ

ก่อนนั้นก็ไม่เคย จะคิดอะไร

มันเกลียดไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ”

“เห้ยยย! ไอ้ทีเมาร้องเพลงหรอเนี่ย”

“แทบไม่เคยได้ยินมันร้องเพลงเลยนะเนี่ย หืม สีหน้าสีตานี่ได้ฟีลลิ่งมากอ่ะ”

“ชอบก็อัดคลิปไว้สิ” โซลเสนอเสียงเรียบ ป๊อกไม่รอให้เพื่อนยุต่อ รีบควักสมาร์ตโฟนขึ้นมาอัดคลิปทันทีอย่างนึกสนุก

“สิ่งที่ทำลงไป ไม่ควร ฉันเองก็รู้ห้ามอย่างไร

มันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม

กลับไปวันที่ไม่มีใครให้สบตา

ผิดที่เธอคนเดียว เธอทำให้ความรักเกิดเพื่ออะไร

เมื่อต่าง ต่างก็รู้กันอยู่

เราอยู่บนโลกที่ควรห่าง…กัน”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามแก้มของคนที่เมาหลับ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น น้ำตาหยดที่สองสามสี่และอีกนับไม่ถ้วนพรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย ทีนอนขดตัวมือกุมหน้าอกด้านซ้ายไว้ด้วยใบหน้าเจ็บปวด

“ทำไมต้องเข้ามาในชีวิตพี่ด้วย ”

ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปกติก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนคนนี้เวลาเมาจะพูดมากพูดไม่หยุด บางทีก็ร้องไห้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นทีร้องไห้ด้วยท่าทางเจ็บปวดทรมานแบบนี้ ทำให้เพื่อนๆ ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูกว่าจะเขย่าตัวเรียกเพื่อนหรือจะปล่อยให้ระบายออกมาเหมือนทุกๆ ครั้งดี

“ออกไป!! ออกไปให้พ้นจากชีวิตกู!! ฮือๆ ๆ ออกไป …ออกไป!!” ชายหนุ่มร้องตะโกนราวกับคนเสียสติ มือสองข้างขยับทึ้งเส้นผมตัวเองอย่างบ้าคลั่งจนก้อยตกใจรีบถลาเข้าไปจับมือเพื่อนเอาไว้ไม่ให้ขยุ้มหัวตัวเอง

“ทีๆ ๆ ตื่นๆ ๆ ” ก้อยยกศีรษะเพื่อนหนุนตักก่อนจะตบแก้มเรียกให้อีกฝ่ายได้สติ

“แม่…แม่…ทีขอโทษ ขอโทษนะครับ….ขอโทษ….ขอโทษ….ขอโทษ…แม่…ขอโทษ ฮึก…ขอโทษครับแม่….ขอโทษ…ทีขอโทษ…ขอโทษ…. ” ทีเอื้อมมือคว้าเอวเพื่อนไว้ ก่อนจะกอดแน่นแล้วซุกหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นพร่ำขอโทษไม่ได้หยุดปาก จนคนมองรู้สึกสงสารจับใจ

“เบื้องหลังรอยยิ้มไอ้ที ทำไมมีแต่น้ำตาทุกครั้งเลยวะ” ป๊อกถอนหายใจ หลายครั้งที่เวลาทีเมาพวกเขามักได้เห็นน้ำตาเพื่อน หรือไม่ก็เสียงพร่ำเล่าเรื่องราวอัดอั้นตันใจ ไม่มีใครเคยบอกทีเรื่องที่เจ้าตัวเมาแล้วเป็นแบบนี้เพราะกลัวทีจะรู้สึกไม่ดีแล้วจะไม่กล้ามาสังสรรค์ด้วยกันอีก ปกติพวกเขาไม่เคยอัดสิ่งที่ทีพูดออกมาตอนเมาเลยสักครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาอัดเพราะนึกแปลกใจที่เพื่อนไม่ได้เมาแล้วพูดแต่เมาแล้วร้องเพลง

“ที!! ตื่นโว้ย ตื่นๆ ไอ้ที!!” แท็คกับสกายช่วยกันเขย่าตัวเรียก แต่ทีก็ยังไม่รู้สึกตัว

“พี่จะรักพวกเราได้ยังไง มีกันตั้งสองคน.. กูไม่ใช่คนหลายใจนะเว้ย กูอ่ะเป็นคนรักเดียวใจเดียว รักใครก็รักคนเดียวนะเว้ย! แต่พวกมึงเล่นโผล่เข้ามาทีเดียวสองคนแบบนี้ จะให้เลือกคนใดคนหนึ่งกูก็ทำไม่ได้ กูก็อยากเลือกแค่คนเดียว แต่กูก็สงสารคนที่ไม่ถูกเลือกเข้าใจมั้ยวะ!”

ก้อยยกมือขึ้นปิดปาก ตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน

“เหยดเข้! ควบสอง! เพื่อนเรานี่ไม่ธรรมดาเลยว่ะ”

“อ้าว…ที่มาปรึกษาวันนั้นนึกว่าคนเดียวซะอีก” แท็คมีสีหน้าประหลาดใจ

“…..แล้วยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีก มาทำแบบนี้พี่ลำบากใจนะ” ทีปล่อยมือจากเอวก้อยก่อนจะเอามือก่ายหน้าผากเหมือนคนทุกข์หนัก

“เห้ยยย นี่มันรักต้องห้ามนี่หวะ…หว่า” สกายอุทานอย่างตกใจ แต่ก็ถูกโซลมองด้วยสายตาแผ่จิตสังหาร สกายถึงนึกขึ้นได้ว่าโซลเพื่อนเขาเองก็มีรักต้องห้ามเหมือนกัน

“ถึงจะคนละนามสกุลแต่ก็สายเลือดเดียวกันป่าววะ พี่น้องกันป่าววะ แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก ขืนกูคบด้วยก็คงกลายเป็นไอ้เกย์วิปริตจิตวิปโยค เป็นเกย์ไม่พอยังคบผู้ชายพร้อมกันสองคน แถมผู้ชายสองคนนั้นยังเป็นญาติใกล้ชิดอีก ต้องมั่นหน้าขั้นไหนวะถึงจะทำได้โดยที่ไม่รู้สึกอับอายสายตาคนรอบตัว”

“………………………..”

พูดถึงประโยคนี้ เพื่อนๆ ก็แดกจุดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สองคน!? ญาติสนิท!? ผู้ชาย!!!!???

ไอ้ที!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“กูเป็นลูกชายคนเดียวนะ มีเชื้อสายจีนด้วย มีหน้าที่ต้องสืบสกุล กูเรียนเก่ง กูเป็นคนดี เป็นลูกที่ดี เป็นพี่ชายที่ดี เป็นนักศึกษาที่ดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นลูกรักของอาจารย์ กูเพอร์เฟ็ค กูดีพร้อม กูคือความภาคภูมิใจของพ่อแม่ ของวงศ์ตระกูล กูเป็นลูกที่แม่เอาไปอวดแม่ค้าได้ทั้งตลาด อวดญาติได้ทั้งเหง้าตระกูล ใครๆ ก็อิจฉาพ่อแม่กูที่มีลูกอย่างกู น้องสาวก็มองกูเป็นแบบอย่าง มองกูเป็นไอดอล ใครๆ ก็บอกว่ากูสุขุมเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่ ใครๆ ก็อิจฉาอยากเป็นแบบกูกันทั้งนั้น”

“โอ้ยยยย! ไอ้ห่าทีนี่แม่งมั่นหน้าจริงโว้ยย หมั่นไส้”

“แต่ที่ทีพูดมามันก็ถูกหมดเลยนะ ฮ่าๆ ๆ ” สกายหัวเราะ

“รู้ป่ะ ว่ากูสะใจมากที่กูเป็นแบบนี้”

“สะใจอะไรของมันวะ?” ป๊อกเกาหัว

“อากงอาม่าอ่ะ เกลียดแม่ ที่แม่ขัดคำสั่งไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตัวเองอยากให้แต่ง แต่กลับมาแต่งงานกับพ่อที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ก็เป็นคนที่ดีถึงขนาดที่ทำให้แม่กูยอมหันหลังให้กับทุกอย่างเพื่อเลือกพ่อ”

“เอาว่ะๆ ประวิติครอบครัวก็มาละเว้ย”

“ตอนปอสี่ที่แม่พากูกลับไปเยี่ยมบ้านฝั่งแม่ กูจำได้ว่าอากงพูดว่า มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน แล้วก็มองไปที่แม่กับน้องสาวกูแบบเหยียดๆ …ตอนนั้นอ่ะ กูโกรธมากๆ เลยนะ ก็เลยสวนกลับไปว่า งั้นอากงก็เกิดมาจากส้วม แล้วก็มีเมียเป็นส้วมด้วยใช่ไหมครับ หน้าอากงตอนที่โดนเด็กปอสี่ย้อนตะเข็บกลับเข้าให้ในวันนั้นกูจำได้ไม่ลืมเลย กูไม่รู้สึกผิดสักนิด ถึงสุดท้ายกูจะโดนแม่ตีต่อหน้าอากงเลยก็เถอะ” ทีหลับตาเล่าไปเรื่อยๆ พร้อมรอยยิ้มประดับมุมปาก

“แล้วพอกูขึ้นปอหก กูได้เกียรติบัตรเรียนดีสามปีซ้อน แม่ก็เลยพากูไปบ้านนั้นอีกครั้งเพราะกูบอกว่าอยากเอาไปอวดอากงอาม่า กูได้ทองคำห้าสิบสตางค์เป็นรางวัลเลยนะกูจำได้ แล้วกูก็เอาเกียรติบัตรชนะเลิศประกวดมารยาทของทามไปด้วย แล้วก็บอกว่าต้องให้รางวัลน้องสาวผมด้วย อากงก็นิ่งๆ ไม่ได้ให้อะไร …ตอนนั้นกูรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้องกูเลย”

“………”

“กูถามอากงว่า อากงจำได้มั้ยที่เคยว่าน้องสาวกับแม่ของผมเหมือนส้วมหน้าบ้าน อากงก็ไม่ตอบ …กูก็เลยบอกเขาไปว่า แต่สำหรับผม น้องสาวกับแม่ถึงจะเป็นส้วม ก็เป็นส้วมทองคำ ต่อให้โชว์ไว้หน้าบ้านก็น่าภาคภูมิใจ….ตอนนั้นแม่ก็อยู่ด้วย แม่ร้องไห้ใหญ่เลย แล้วก็กอดกูจูบแก้มกูไม่หยุด”

“…ตั้งแต่วันที่อากงด่าแม่ กูก็รู้แล้วว่าตัวเองควรจะทำอะไร กูต้องปกป้องแม่ กูต้องทำให้แม่กูเป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉา เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีคนอย่างกูเป็นลูก กูจะทำทุกอย่างให้แม่กูสบาย กูจะทำทุกอย่างให้แม่กูมีความสุข”

“ไอ้ทททททททที ที่ว่ามึงไปเมื่อกี้กูขอถอนคำพูดดดดด!!”

“โอ๊ย! ใจหล่อไปอีก เพื่อนกู”

“น้ำตาจะไหล ทีT-T เอาใจเราไปเลย”

“กูเป็นเด็กดี กูตั้งใจเรียนก็เพื่อแม่ กูไม่อยากเห็นแม่ทำหน้าเศร้า ไม่อยากได้ยินใครว่าแม่ ไม่อยากให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแม่อีกแล้ว กูอยากให้แม่เชิดหน้าอวดใครต่อใครได้ว่าเธอมีลูกที่แสนวิเศษขนาดไหน กูมีความสุขทุกครั้งที่เห็นแม่กูยิ้มเวลาโทรศัพท์ไปอวดญาติๆ ว่ากูสอบได้เกรดสี่อีกแล้ว กูแข่งชนะมาอีกแล้ว กูได้เงินรางวัลมาเท่านี้ๆ แล้วเอามาให้แม่อีกแล้ว กูชอบเวลาที่เห็นผู้ปกครองคนอื่นมองแม่อย่างอิจฉาเวลาที่แม่มาประชุมผู้ปกครองแล้วครูเอ่ยชมกูต่อหน้าผู้ปกครองคนอื่นๆ ถึงพฤติกรรมของกูจะทำให้แม่กลายเป็นคนขี้อวด จะทำให้หลายๆ คนหมั่นไส้กู แต่กูก็มีความสุข”

“นอกจากแม่แล้ว อากงมีลูกชายอีกสามคนไม่เอาอ่าวสักคน แถมหลานที่มาจากลูกชายสามคนยังไม่มีใครได้เรื่องเท่ากูกับทาม วันๆ หลานฝั่งนั้นก็สร้างแต่เรื่องเพิ่มแต่ปัญหาให้กงกูปวดหัวปวดใจไม่เว้นแต่ละวัน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง หลานๆ ที่เกิดจากลูกชายก็เหลวแหลก สุดท้ายอากงก็ตายด้วยโรคหัวใจ น่าเสียดายที่กูไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเขาก่อนจะตาย ไม่อย่างนั้นกูอาจจะพูดจนเขาเจ็บใจจนกระอักเลือดตายก่อนเวลาก็ได้นะ”

“แต่กูไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องเสียน้ำตาให้คนแบบนั้น กูบอกแม่ว่ากูสะใจมาก ไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว ตายไปซะได้ก็ดี …วันนั้นเป็นวันแรกที่กูโดนแม่ตบหน้า …แม่บอกกูว่าแม่ไม่เคยสอนให้กูมีความคิดชั่วๆ แบบนี้ …นั่นเป็นครั้งแรก ที่กูเริ่มรู้สึกตัว …ว่าตัวกูแบ่งออกเป็นสองสีอย่างชัดเจน กูเริ่มกลัวตัวเอง อะไรที่คิดก็เริ่มไม่กล้าพูดออกไป กว่าจะเอ่ยปากแต่ละเรื่องกูจะคิดแล้วคิดอีกว่ามันสมควรหรือไม่ กูเริ่มไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงถึงจะเรียกว่าดี ท้ายที่สุดทุกสิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี กูก็ทำตามนั้น ทำแค่นั้น”

“…………..”

“กูไม่รู้จริงๆ …ว่าทีที่อยู่ตรงนี้ คือตัวตนของกูจริงๆ แล้วหรือยัง”

“กูรู้สึกว่าตัวเองเติมเต็มให้คนอื่น จนตัวเองจะไม่เหลืออะไรแล้ว”

“กูกลัวอนาคต กูกลัวที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต กูคิดว่าจะแต่งงานอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกันเมื่อถึงวัยอันควร มีภรรยา สร้างครอบครัว มีลูกสักคนสองคน อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต คอยดูแลกันยามป่วยยามชรา แก่ตัวไปก็เลี้ยงหลาน มีเด็กๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง ถึงกูจะไม่ได้ชอบเด็ก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวตอนที่พ่อแม่ตายหมดแล้ว และน้องสาวก็คงมีครอบครัวของตัวเอง”

“ถ้ากูเป็นเกย์ พ่อแม่จะรู้สึกยังไง ไหนจะคนรอบข้างอีกล่ะ สังคมอีกล่ะ จะมองแบบไหน สิ่งดีๆ ที่กูทำมาทั้งหมดคงถูกกลบด้วยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม กูจะไม่ใช่ความภาคภูมิใจของพ่อแม่อีกต่อไปแล้วแต่กูจะกลายเป็นความอับอายแทน ทุกสิ่งที่กูทำมามันจะหายไปหมด…”

พูดถึงตรงนี้ทีก็นิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง

“แต่กูก็รักไปแล้ว…รักทั้งคู่…รักทั้งภูผาและฟ้าคราม…”

“!!!”

“แล้วมาบอกว่าจะขอเป็นแค่น้องชายตอนที่กูรักไปแล้วแบบนี้…มันหมายความว่ายังไงวะ”

“……………………………..”

“ใครก็ได้มาเป็นกูแทนที กูขอลาออกจากการเป็นกู”







-----------------------------------------------------------------------------------------------

*เพลง ผิดที่เธอ

ศิลปิน ปนัดดา เรืองวุฒิ

เพลงประกอบละครเกาหลี แค้นเพื่อรัก (A Love to Kill)

พี่ทีร้องได้เพราะนั่งดูซีรี่ย์กับน้องสาวค่ะ555



ปล. พี่ทีเเกไม่มีสติ คำพูดคำจาก็จะสับสน มึนๆ เรียงลำดับถูกๆ ผิดๆ ไปบ้างนะคะ

ปล. พี่ทีเคยลองไปสอบหมอเเล้วติดรอบกสพท. เเต่ปิดไว้ไม่บอกพ่อเเม่ค่ะ บอกเเค่ว่าจะเรียนวิศวะนะ พ่อเเม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่พี่ทีไม่บอกว่าไปสอบมาเเล้วติดเพราะกลัวว่าจะโดนแม่ขอให้เรียนค่ะ ส่วนที่พี่ทีไม่อยากเรียนหมอเพราะพี่เเกกลัว ไม่กล้ารับผิดชอบชีวิตใคร

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หมดแล้วทั้งชีวิตและจิตใจ ตัวตน ความลับ ความรัก ของที
ที ระบายออกมาหมดสิ้น  :z3: :z3: :z3:

ที่ที ละเมอแล้วถูกเพื่อนอัดไว้
รู้สึกว่ามันจะต้องถูกเปิดให้คนอื่นรู้อีกแน่  :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เกิดเป็นพี้ทีนี่ไม่ง่ายเลย  :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความลับแตกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ผ่าม...พูดออกมาหมดเลยจ้าาาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทีปล่อยโป๊ะทามมาย~

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ถ้าน้องได้ฟังจะดราม่าขนาดไหนไม่อยากจะคิด

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โป๊ะแตกมากเลย  o22

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ทีเอ้ยย ฝังใจมาก เจ็บมาเยอะ
สงสารทีนะ เก็บไว้จนกดดัน
แล้วเมาที พูดยาวขนาดนี้ ชาวบ้านรู้หมด
ต้องบอกให้ฟ้าครามภูผามอมละถ้างั้น

ฟ้าครามภูผาเรียนรู้บ้างแล้ว
แต่เรื่องที ทำเหนืออีกละ ไม่รู้จะออกมาแนวไหน

โซลซ่อนอะไรไว้

ปอวาคือรักกันใช่ไหม หรือแค่ข้างเดียว
เดาว่าเกียร์เป็นของวา ก็แม่นแท้
แล้ววาหายไปไหนนะ ปอรออยู่




ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

                                                                   ตอนที่ 41 Sky



“แต่ไม่เป็นไร ไอ้ป๊อกอัดไว้ให้แล้ว”

“= [] =”

ผมมองหน้าไอ้โซลอย่างเงิบๆ มันก็มองกลับมานิ่งๆ ท้ายที่สุดมันก็กระตุกยิ้มมุมปาก

“….แต่ก็ลบไปแล้วแหละ”

“จริงน่ะ?” ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ

“ไม่เชื่อไปถามมันดูก็ได้ มึงก็รู้ว่ามันไม่เคยโกหก” ไอ้โซลหันหลังมองกลับไปยังห้องห้องหนึ่งบนตัวคฤหาสน์

“น่าจะได้เวลาตื่นแล้วมั้ง…” ไอ้โซลพึมพำเสียงเบาก่อนจะเดินจากไป ทิ้งผมนั่งร้อนรนอยู่ข้างสระน้ำคนเดียว

ผมนั่งมองเงาตัวเองในสระน้ำพลางแกว่งขาเบาๆ ไปเรื่อยๆ รู้สึกคุ้นเคยกับการทำแบบนี้อย่างประหลาดราวกับเคยทำจนเป็นนิสัย ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มาบ้านไอ้โซลบ่อยๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนการแกว่งขาทอดอารมณ์ริมน้ำเป็นสิ่งที่ผมทำมาจนชิน

หรือตอนเด็กๆ จะเคยไปเที่ยวที่ที่อยู่ริมน้ำแล้วติดใจหรือเปล่านะ

…จำไม่ได้เลยแฮะ

“ที”

ผมหันกลับไปมองข้างหลัง เป็นไอ้สกายที่เดินยิ้มสว่างไสวแข่งกับแสงอาทิตย์ยามเช้าเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ

“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? เมื่อคืนหรอ”

“อื้ม มาดึกๆ น่ะ พอเรามาถึงทีก็เมาหลับไปแล้ว เป็นไง ไม่เจอกันนานเลยนะ มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่าช่วงนี้” มันถามผมพร้อมรอยยิ้มสว่างไสวจนผมแสบตา

“ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ช่วงนี้กูสบายดี ก็เรื่อยๆ แหละนะ”

“งั้นหรอๆ อืมๆ ^^” มันพยักหน้าหงึกหงักยิ้มๆ มันแกว่งขาอยู่ข้างๆ ผมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา

“เรามีเรื่องจะเล่าให้ทีฟัง อาจไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ก็อยากให้ลองฟังดูนะ”

ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“กาลครั้งหนึ่ง จะว่านานก็ไม่นานมากหรอกมั้ง…มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีพ่อ มีแม่ มีลูก อยู่ด้วยกันสามคนอย่างมีความสุข”

“อะไรเนี่ย นิทานหรอ เห็นกูเป็นเด็กหรือไงไอ้กาย” ผมแซ็วยิ้มๆ มันโคลงหัวไปมาก่อนจะเล่าต่อ

“แต่แล้ววันหนึ่ง พ่อแม่ของเด็กคนนั้นก็ตายด้วยอุบัติเหตุ เด็กชายจึงถูกคนที่เรียกว่าปู่รับไปเลี้ยงทั้งๆ ที่เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีญาติด้วย”

“เด็กชายอาศัยอยู่กับคุณปู่ของเขาอย่างมีความสุข แต่แล้วปู่ของเด็กชายก็ค่อยๆ ล้มป่วยลงด้วยโรคประจำตัวและความชรา ….เด็กชายพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักเอาไว้ เขาไม่อาจทนรับการสูญเสียไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว”

“…..”

“ปู่ของเด็กชายก็พยายามฝืนสังขารตัวเองอย่างสุดชีวิต เพียงเพื่อที่จะได้อยู่กับเด็กชายให้นานขึ้นแม้เพียงวันเดียวก็ยังดี”

“จากเด็กชายกลายเป็นเด็กหนุ่ม ในตอนนั้นปู่ของเขาไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็มีความสุข ที่อย่างน้อยก็ยังได้มีกันและกัน…”

“เด็กหนุ่มไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ก็บอกกับปู่ของเขาว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย…เรียนพยาบาล แล้ววันหนึ่งจะกลับมาดูแลคุณปู่”

“แต่วันนั้นก็ไม่อาจมาถึง เพราะไม่นานหลังจากนั้น ปู่ของเด็กหนุ่มก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย”

“……”

“เด็กหนุ่มไม่เหลือสิ่งสำคัญในชีวิตอีกแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปนี้จะอยู่เพื่อใคร ทำเพื่อใคร ในเมื่อเหลือตัวคนเดียวแล้วในโลกใบนี้”

“…..”

“เด็กหนุ่มคนนั้น…คือเราเองแหละ”

“!!!”

“^^” ไอ้สกายมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์

“เราเข้าใจทีนะ…”

“…..”

“เพราะพวกเรามีรอยยิ้มที่เหมือนกันยังไงล่ะ”

รอยยิ้ม ที่ซ่อนทุกอย่างไว้..อย่างมิดชิด

“….” ผมนิ่งอึ้งมองคนตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด ผมไม่เคยรู้เลยว่าสกายมันจะมีภูมิหลังมาแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันตอนปีหนึ่งผมไม่เคยถามเรื่องเกี่ยวกับที่บ้านมันเลยสักครั้งแล้วมันก็ไม่เคยปริปากเล่าให้ฟังมาก่อนด้วย ผมคิดว่ามันเป็นคนร่าเริงสุดๆ ดูเป็นคนดี มองโลกในแง่ดีตลอดเวลา ผมยังเคยคิดขำๆ ว่าคนอย่างไอ้สกายมันเคยรู้จักความทุกข์รึเปล่าด้วยซ้ำ

“คนอื่นๆ รู้ไหม” ผมถาม ยังคงไม่หายอึ้ง

“รู้…เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เราอยู่มอปลายแล้ว…ขอโทษที่ไม่เคยเล่าให้ฟังนะ”

“เฮ้ย ขอโทษทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ จะมาเล่าให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว …กูเองก็ไม่เคยถามด้วย”

“อ่าฮะ^^” ไอ้สกายยิ้ม จากนั้นเราสองคนก็นั่งเตะน้ำอยู่ข้างกันเงียบๆ

“ที …ชีวิตคนเรามันสั้นนะ อยากทำอะไรก็รีบๆ ทำเข้าจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง …อย่าให้สิ่งที่มีค่าหลุดลอยออกไปจากมือ กอบโกยช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่เรารักแล้วก็คนที่รักเราเอาไว้ให้มากๆ เพราะเราไม่รู้หรอกนะว่าจะต้องจากกันวัน …”

ตู้มมมมมมมม!!!

พรวด!

“แค่กๆ ๆ!!” ผมกับสกายโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำหลังอยู่ดีๆ ก็ถูกใครบางคนถีบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ไอ้ป๊อก!! / ป๊อก!!!” ผมกับไอ้สกายแทบจะประสานเสียงเป็นเสียงเดียวกันเมื่อเห็นตัวการยืนกอดอกอยู่ริมสระ

“ว่าไงมายเฟรนด์ แหม เล่นน้ำกันแต่เช้าเลยนะพวก ไม่ชวนกันเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” ไม่พูดเปล่า มันก้มเอามือวักน้ำสาดใส่พวกผมอีก

“ไม่ต้องรอชวนก็ได้ เดี๋ยวกูช่วยสงเคราะห์เอง”

ตู้มมมมม!!!

พรวด!!

“ไอ้ห่าแท็ค!!” พอโผล่พ้นน้ำปุ๊บไอ้ป๊อกก็หันไปโวยวายใส่แท็คที่เดินมาพร้อมกับโซลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“มึงไม่น่าถีบไอ้ป๊อกลงไปเลยว่ะ สระกูเค็มหมด” ไอ้โซลบ่นหน้านิ่ง แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะครืนจากพวกเราทุกคนได้ เป็นที่รู้กันดีว่าคนที่ซกมกที่สุดในกลุ่มคือไอ้ป๊อก มันไว้หนวดเครายาว ถักเดดร็อก แถมยังไม่ชอบอาบน้ำอีกต่างหาก เสื้อนักศึกษามันก็ชอบใส่ซ้ำ คอเสื้อไม่เหลืองมันไม่เปลี่ยนตัวใหม่เด็ดขาด กางเกงนี่ใส่ซ้ำทั้งเดือนซักเดือนละครั้ง ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าไอ้ป๊อกมันมาเป็นเพื่อนกับไอ้โซลได้ยังไง จะมองมุมไหนก็หาจุดตัดไม่เจอ

“ย่าห์!!! พลังคลื่นเต่า!!” ไอ้ป๊อกชูแขนโชว์ขนรักแร้ดกดำก่อนจะฟาดลงบนผิวน้ำจะน้ำกระจายเข้าปากเข้าจมูกผมจนสำลักค่อกแค่ก

“ฮ่าๆ ๆ เป็นไงล่ะ รสชาติน้ำขี้เต่ากู”

“แค่กๆ ๆ หยี เล่นสกปรกว่ะไอ้ป๊อก แค่กๆ ” ผมหันหลังไปบ้วนน้ำทิ้งที่ตะแกรงขอบสระอย่างรับไม่ได้เมื่อคิดได้ว่าน้ำที่อยู่ในปากผมผ่านรักแร้มันมา

“นี่มันสงครามเชื้อโรคชัดๆ ” ไอ้สกายทำหน้าหวาดกลัวได้โคตรโอเวอร์แอ็คติ้ง ก่อนจะว่ายหนีไปยังขอบสระอีกด้าน

แท็คที่ยืนมองอยู่บนขอบสระกุมท้องหัวเราะจนตัวงอ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งหัวเราะกับพื้นเมื่อเห็นไอ้ป๊อกว่ายน้ำไล่ตามไอ้สกายที่ว่ายหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อไอ้ป๊อกอมน้ำพยายามบ้วนใส่มัน

“สงสัยต้องเปลี่ยนน้ำทั้งสระ” ไอ้โซลกลอกตามองบน ผมหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนก่อนจะยื่นมือไปทางไอ้โซล

“ฉุดหน่อย” ไอ้โซลละสายตาจากสระ มันมองมือที่ยื่นขึ้นไปก่อนจะสบตาผมแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“กูรู้ทันมึง”

“เฮ้อ…น่าเสียดาย…” ผมหดมือกลับ ถอนหายใจก่อนจะเบี่ยงตัวไปด้านข้าง และ…

ตู้มมมมม!!!

ไอ้แท็คที่ค่อยๆ แอบย่องไปด้านหลังก็ส่งไอ้โซลลงมาว่ายน้ำข้างๆ ตรงตำแหน่งที่ผมเพิ่งเบี่ยงตัวหลบเมื่อตะกี้ทันที

“Good job!” ผมกับไอ้แท็คแปะมือกัน ขณะที่แปะมือกันนั้นผมก็กระตุกข้อมือดึงไอ้แท็คตกน้ำลงมาด้วยอีกคน

“ไอ้ที! มึงทรยศกู!” ไอ้แท็คโวยวายเสยผมเปียกโชกไปด้านหลัง

“เวรกรรมมันตามทันเร็วไงมึง” ไอ้โซลกดหัวไอ้แท็คลงไปในน้ำ ไอ้แท็คก็พยายามขัดขืนด้วยการดึงแขนไอ้โซลแล้วลากลงไปใต้น้ำด้วยกัน

“ที!! ช่วยด้วย เราติดเชื้อขี้เต่าล้านปีของป๊อกแล้วแน่ๆ เลย อ๊ากกก!!”

“รับน้ำอัมฤทธิ์จากกูไปซะ ฮ่าๆ ๆ ๆ ” ไอ้ป๊อกยังคงพยายามไล่บ้วนน้ำใส่ไอ้สกายอย่างไม่ลดละ

“เชี่ย!!! หน้ากู!!” ไอ้แท็คดันโผล่หัวขึ้นมาตอนไอ้ป๊อกพ่นน้ำพอดี ก็เลยรับไปเต็มๆ แทนสกายที่ว่ายมาแอบหลังผม

“เฮ้ย! แค่ให้มาตามทีไปกินข้าว หายไปกันทั้งฝูงเลยนะพวกมึง กูกับน้องเพย์หิ้วท้องรอไส้จะขาดแล้วนะโว้ย!” พวกเราห้าคนหันไปมองผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก้อยเดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่พยายามจะบอกให้เธอใจเย็นๆ

ตอนปีหนึ่งที่เจอกันครั้งแรกผมคิดว่าก้อยเป็นผู้หญิงสวยธรรมดาๆ คนหนึ่งนั่นแหละครับ เพิ่งจะมารู้เอาตอนแข่งกีฬาเฟรชชี่ว่าเธอเคยเป็นแชมป์เทควันโดระดับประเทศ เคยไปสร้างผลงานในการแข่งเวทีระดับโลกหลายครั้ง เคยเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติด้วย นอกจากเทควันโดแล้วเธอยังเล่นยูโด ต่อยมวย ฟันดาบเป็นอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังยิงปืนแม่นมากกกก ผมเห็นมาแล้วกับตาตอนเหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อปีก่อน…เอาเป็นว่ายามปกติเธอคือผู้หญิงสวยธรรมดา แต่อย่าให้โกรธขึ้นมาเชียวนึกว่าองค์เจ้าแม่กาลีลง

ไอ้แท็คเล่าว่าเคยเกือบจะถูกจับหมั้นกับไอ้ก้อย แต่พอแม่มันมาเห็นวีรกรรมว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตกับตาเข้าก็รีบเก็บเรื่องหมั้นหมายเข้ากลีบเมฆไปเลย

แล้วสงครามในน้ำก็จบลง พวกเราแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วลงมาทานข้าวพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารยาวเฟื้อยสุดอลังการโดยมีไอ้โซลนั่งหัวโต๊ะในฐานะเจ้าบ้าน

หลังจากถูกถีบตกน้ำไปเมื่อเช้า เรื่องที่ผมคิดจะถามเพื่อนๆ โดยเฉพาะไอ้ป๊อกก็หลุดลอยไปจากสมองทันที มานึกขึ้นได้อีกทีก็ตอนที่กลับมาบ้านแล้ว

…คืนนั้นผมพูดอะไรออกไปบ้างนะ นอกจากไอ้สกายที่มาพูดจาแปลกๆ ด้วยแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นจะมีท่าทางผิดปกติไปจากเดิมเลยนี่นา บางทีผมอาจจะไม่ได้พูดอะไรที่เป็นความลับสำคัญมากออกไปก็ได้มั้ง ไม่งั้นตอนกินข้าวด้วยกันเมื่อเช้าพวกมันก็ต้องขุดขึ้นมาล้อหรือไม่ก็ถามผมแล้วสิ

โอ้ยยย! ปวดหัวโทรไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็แล้วกัน!





“ขายขี้หน้า ขายขี้หน้าเป็นบ้า!” ปีใหม่นั่งดูคลิปการแสดงมายากลที่ภูผาส่งให้ดูแล้วก็ถึงกับอยากเอาหัวกระแทกพื้นตายเมื่อได้ยินว่ามันจะแสดงกลอะไร

ตอนแรกได้ยินพวกเพื่อนๆ พูดให้ฟังว่าเดือนสาขาเครื่องกลปีนี้จะอัดคลิปแสดงมายากลประกวดชิงตำแหน่งเดือนคณะ ไอ้เขารึก็หลงทึ่งไม่คิดว่าหน้าอย่างไอ้แฝดจะแสดงมายากลเป็นด้วย จินตนาการไปต่างๆ นานาว่าไอ้เด็กนี่อาจจะเป็นพวกซ่อนความสามารถเอาไว้ก็ได้ ภาพในหัวของเขาจึงออกมาเป็นภาพไอ้แฝดใส่ชุดนักมายากลเหมือนเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์กำลังแสดงมายากลสุดทึ่งจนคนดูแทบลืมหายใจ ที่ไหนได้ดันเป็นมายากลสุดกากที่ขนาดเด็กอนุบาลยังจับไต๋ได้ซะอย่างนั้น!

‘สวัสดีครับ ผมชื่อภูผา ชื่อจริงชื่อนายจารุวัฒน์ วรกิจเดชสกุล เป็นเดือนสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วันนี้ผมจะมาโชว์ความสามารถพิเศษคือ….มายากลคร้าบบบบ!! (เสียงปรบมือและโห่ร้องจากฟ้าครามที่อยู่หลังกล้อง) เอาล่ะครับท่านผู้ชม เห็นมือสองข้างของผมมั้ยครับ มีกี่นิ้วเอ่ย ถูกต้องนะคร้าบบบ สิบนิ้วนั่นเอง! ฮ่าๆ ๆ ๆ ’ มีสิบนิ้วมันน่าขำตรงไหนวะเนี่ย!

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ตลกอ่ะใหม่ น้องภูน่ารักจังเลย ฮะๆ ๆ ๆ ” หันไปมองข้างๆ อย่างไม่เข้าใจว่าเอิ้บจะขำอะไรกันนักกันหนา เขาดูยังไงก็ไม่เห็นน่าขำเลยสักนิด

‘เอาล่ะครับ วันนี้ผมจะมาโชว์การแสดงที่ต้องเอาอวัยวะของตัวเองเป็นเดิมพันเลยทีเดียว! อวัยวะอะไรงั้นหรอ? ลองทายดูสิครับ! (เสียงฟ้าคราม: หัว) ม่ายช่ายย (ไหล่?) ม่ายช่ายยย (ตูด) ม่ายช่าย…โนวๆ หัว-ไหล่-ตูด โนวๆ หัว-ไหล่-ตูด โน๊วววโนววววโนววว’ ปีใหม่มองภูผาที่เต้นท่าหัวไหล่ตูดอยู่ในคลิปแล้วก็ได้แต่เม้มปากแน่น จะหลุดขำออกมาไม่ได้ ไม่ได้โว้ยย! เสียฟอร์มหมด

‘ว้าาาา ไม่มีใครตอบถูกเลย เฉลยก็ได้ครับ มันคือ (คือ!?) คืออออ…นิ้วนั่นเองครับ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ (กร๊ากๆ ๆ ๆ) ’ =_=มันจะขำอะไรนักหนากับนิ้วของมันเนี่ย! โว้ยยยยยยยย สองรอบแล้วนะมึ้ง! ปีใหม่กัดฟันกรอด

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โฮ๊ย! ใหม่! ฮ่าๆ ๆ ๆ เราขำอะ! ไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆ ๆ ฮะๆ ๆ ๆ” เอิ้บหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แทบจะกลิ้งตกเก้าอี้อยู่แล้วถ้าผมไม่จับเอาไว้

‘เอาล่ะครับ เข้าเรื่องกันสักที ’ กูรอคำนี้มานานละ

‘การแสดงในวันนี้ของผมมีชื่อว่า นิ้วโป้งยาวคร้าบบบ! ขอเชิญรับชม ณ บัดนี้!! (เย้ๆ ๆ วู้วๆ ๆ ฮิ้ววววๆ ๆ จุ๊กกรู้วๆ ๆ อะครี้ๆ ๆ) ’ เสียงหน้าม้านี่ดังกว่าเสียงนักมายากลอีกนะ=_=

จากนั้นสิ่งที่ปีใหม่เห็นในคลิปก็คือภูผาที่ยกมือซ้ายขึ้นมา

‘ดูนะครับ ผมจะทำให้นิ้วโป้งซ้ายนี้ยืดยาวเท่าปลายนิ้วก้อยเลย!’ จากนั้นภูผาก็ใช้มือขวาปิดทับนิ้วโป้งมือซ้าย จนเห็นแค่ปลายนิ้วโป้งยื่นออกมาซึ่งใครๆ ก็ดูรู้ว่ามันคือปลายนิ้วโป้งมือขวาต่างหาก!

‘เอาล่ะนะครับ!! นึงงง ส่องงงง ซั่มมมม อึ๊บบบบบบ! เห็นมั้ยครับนิ้วโป้งยาวแล้ว !!’ ภูผาเคลื่อนมือขวาไปทางปลายนิ้วของมือซ้ายทำให้ดูเหมือนว่าปลายนิ้วโป้งซ้าย (จริงๆ มันคือนิ้วโป้งขวา) ยืดยาวออกมา

‘ต่อไปผมจะเอามันกลับเข้าที่เดิมนะครับ เอ๊ะ! ทำไมไม่เข้าอ่ะ เฮ้ย! ทำไงดี ทำให้กลับมาสั้นเท่าเดิมไม่ได้แล้วอ่ะ เฮ้ยยยยยยย!!’ ภูผาเอามือขวาที่ปิดนิ้วโป้งซ้ายออก ปรากฏว่านิ้วโป้งซ้ายนั้นยืดยาวเท่าปลายนิ้วก้อยจริงๆ ปีใหม่ถึงกับมองอย่างตกตะลึง รีบกรอคลิปกลับไปดูอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนนิ้วโป้งซ้ายของจริงมากๆ ที่แปลกกว่าปกติคือมันยาวเท่าปลายนิ้วก้อยจริงๆ! เขาพยายามจับผิดว่ามันใช้การตัดต่อหรือเปล่า แต่มองยังไงก็ไม่เหมือนการตัดต่อเลยสักนิด สมจริงมากๆ!!

‘งั้นผมคงต้องขอจบการแสดงไว้แต่เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ จะรีบไปหาวิธีหดนิ้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน หวังว่าเราจะมีโอกาสพบกันใหม่บนเวทีประกวดเดือนมหา’ ลัยนะคร้าบ บ๊ายบายยย …ไอ้ครามม กูเอานิ้วกลับมาไม่ได้ ช่วยกูด้วยยย’

“น้องภูทำได้ไงเนี่ย สมจริงมากๆ เลยอ่ะ! เก่งเนอะใหม่ ตอนแรกเราคิดว่าเป็นกลนิ้วยาวธรรมดาเหมือนที่เคยเล่นตอนประถมซะอีก” เอิ้บเลื่อนกลับไปดูตอนที่ภูผาโชว์มือซ้ายที่นิ้วโป้งยืดยาวผิดปกตินั้นอีกครั้ง

“ไม่เหมือนภาพตัดต่อเลยอ่ะ ไม่รู้ใช้ทริคอะไรเนอะใหม่”

“อาจจะใช้นิ้วปลอมต่อเข้าไปก็ได้” ปีใหม่ออกความเห็น

“ถ้าเป็นอย่างนั้นน้องภูก็เก่งมากเลยนะ มองไม่ออกเลยว่าเอานิ้วปลอมมาสวมตอนไหน เสื้อก็ใส่แขนสั้นคงซ่อนในแขนเสื้อไม่ได้ คลิปก็ไม่ขาดตอนเลยด้วย อัดรวดเดียวจบแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสวมนิ้วปลอมแล้วถ่ายต่อ” เอิ้บวิเคราะห์ให้ปีใหม่คิดตาม

ปีใหม่อดที่จะรู้สึกทึ่งในตัวรุ่นน้องไม่ได้ ไม่คิดว่าเจ้าแฝดนั่นจะทำคลิปแสดงมายากลที่หักมุมเหนือความคาดหมายแบบนี้ เขาเชื่อว่าตอนแรกใครๆ ก็ต้องคิดว่าคงเป็นแค่มายากลกากๆ แสดงเอาฮาตามที่ผู้แสดงบิ้วอารมณ์มาตั้งแต่ต้นให้ตายใจ ใครจะไปคิดว่าตอนจบจะหักมุมแบบทำให้นิ้วยาวขึ้นมาได้จริงๆ

บางที…เขาอาจจะยังไม่รู้จักสองคนนี้ดีพอก็ได้

ปีใหม่ได้แต่คิดในใจว่า บางทีเขาอาจจะต้องมองสองคนนี้ใหม่เสียแล้ว

แต่เมื่อเปิดไปดูคลิปของฟ้าครามที่ส่งเข้าชิงตำแหน่งดินหรือดาวฮาประจำคณะ เขาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อการแสดงมันเหมือนของภูผาทุกอย่างราวกับก๊อปวาง เปลี่ยนแค่มายากล ‘นิ้วโป้งยาว’ เป็น ‘นิ้วโป้งสั้น’ แทนนอกนั้นเหมือนเดิมหมดแม้แต่คนแสดงก็หน้าเหมือนคลิปที่แล้วเป๊ะ (อ้าว ก็แฝดกัน)

มันจะเล่นง่ายไปมั้ยเนี่ย! เปลี่ยนแค่นี้เนี่ยนะ นี่ถ้าเป็นการสอบบรรยายอาจารย์คงให้พวกมันตกทั้งคู่แน่ข้อหาลอกกันซะเหมือนเปี๊ยบขนาดนี้

โอ๊ย! จะบ้าตาย สาขากูมีแต่ไอ้พวกนิ้วโป้งสั้นนิ้วโป้งยาวเป็นตัวแทนหรอวะเนี่ยยย อยากจะผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอกจริงๆ เลย!!





บอกไว้ก่อน สกายนี่ไม่ใช่คนธรรมดานะคะ แก๊งนี้ไม่มีใครธรรมดาค่ะ แม้แต่ก้อยและป๊อก (ป๊อกนี่พีคสุดด้วยนะ555) ก็ด้วย

แต่งจบตอนซะที ดีใจจังเล้ยTTT^TTT



คิดถึงคนอ่านมากๆ เลยค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยน้า

Love you every body! see ya again next chapter J




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำได้ไหนอ่ะ เฉลยหน่อย ภูฟ้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ SocialMovement

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ทีเมาแล้วหลุดความในใจมาหมดเลย :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด