เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]  (อ่าน 50514 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
  จะรอตอนต่อไปหนา (ขอสารภาพว่าเกือบลืมไปแล้วอ้า :mew6:  :mew2:) กลับมาไวๆนะจ้าตัวเอง

 :pig4:  :L2:  :mew1:

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                                          ตอนพิเศษ  ควันหลงลอยกระทง


หากเอ่ยถึงงานลอยกระทงหลายๆ คนคงคิดถึงกระทงใบตองประดับประดาด้วยดอกไม้ต่างๆ นานาปักธูปปักเทียนไว้ตรงกลางส่องแสงสว่างไสวเรืองรองล่องลอยไปตามกระแสน้ำเกิดเป็นภาพวิจิตรงดงามตระการตา อาจจะคิดถึงการขอขมาพระแม่คงคาที่เราได้ล่วงเกินท่านด้วยการกระทำต่างๆ คิดถึงนางนพมาศสาวสวยบนเวทีประกวด …แต่สำหรับผมทุกครั้งที่พูดถึงงานลอยกระทง ผมมักจะนึกถึงเจ้าแฝดตัวอ้วนกลม ไอ้เด็กเปรตที่มักจะทำลายบรรยากาศดีๆ อยู่เรื่อยเลย





ลอยกระทงด้วยกันครั้งแรก : เด็กมากอ่ะ จำไม่ค่อยได้ ข้ามไปละกัน





ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่สอง : ผมป.2 ไอ้แฝด อ.3

หลังจากกล่าวคำขอขมาตามที่แม่สอนแล้วผมก็ค่อยๆ วางกระทงลงบนผิวน้ำ แม่และผมช่วยกันใช้มือพุ้ยน้ำส่งให้กระทงเคลื่อนออกไปจากท่า ถัดจากพวกเราไปคืออาแอ๋มกับอาสินธุ์ที่จับเด็กแฝดไว้คนละคนแล้วสอนให้กล่าวขอขมาตาม แต่ดูเหมือนเจ้าก้อนเนื้อสองก้อนนั่นจะไม่ได้สนใจฟังพ่อแม่ตัวเองเท่าไหร่นัก ปากกระจับนั่นพูดตามทุกคำ แต่ตามองไปที่กระทงที่ผมเพิ่งลอยกับแม่ไปตาไม่กะพริบ

ผมเดินตามกระทงตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างลุ้นว่ามันจะลอยไปถึงไหน โดยมีแม่และพ่อที่อุ้มทามอยู่เดินตามประกบอย่างใกล้ชิด สักพักก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นมาจากด้านหลังประสานเสียงกันมาเลย พอหันไปดูก็เห็นเจ้าก้อนเนื้อยืนเงยหน้าร้องไห้จ้า แม่รีบเดินกลับไปดู ทิ้งผมไว้กับพ่อและทาม ได้เรื่องว่ากระทงของครอบครัวนั้นอยู่ๆ ก็คว่ำ เจ้าแฝดก็เลยร้องไห้เสียอกเสียใจยกใหญ่ พอบอกว่าจะซื้อให้ใหม่ก็ไม่ยอม จะเอาแต่ไอ้อันที่มันคว่ำไปแล้วเท่านั้น

พ่อจูงมือผมเดินกลับไปหาเจ้าก้อนเนื้อคู่ที่ไม่หยุดร้องสักทีไม่ว่าอาแอ๋มกับอาสินธุ์จะทั้งขู่ทั้งปลอบแค่ไหน ผมมองหน้ากลมๆ ที่เปื้อนน้ำมูกน้ำตาเต็มไปหมดอย่างขยะแขยง หน้าตาก็น่าเกลียด เสียงร้องยังแสบแก้วหูอีก หมดกันบรรยากาศดีๆ เพราะเจ้าพวกนี้แท้ๆ เลย!

จำได้ว่าตอนนั้นผมพูดว่า ‘หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะเจ้าหมูตอน!’ ได้ผลชะงัดอย่างน่าทึ่ง มันสองคนหยุดร้องทันที แต่เปลี่ยนจากเสียใจมาเป็นโกรธผมแทน มันสองตัวสลัดหลุดจากแขนพวกผู้ใหญ่วิ่งดุ๊กๆ เข้าไปในพงหญ้าแล้วออกมาพร้อมกับก้อนอิฐหนอนแตกๆ คนละก้อน พวกเราพยายามวิ่งตามแต่สองคนนั้นวิ่งเร็วอย่างกับใช้กลิ้งเอา พอเห็นกระทงของผมที่ปักธงสีแดงไว้สองอันอย่างสะดุดตาพวกมันก็ปาอิฐหนอนใส่ทันที แม่นเหมือนจับวาง กระทงของผมเอียงกะเท่เร่ก่อนจะพลิกคว่ำไปในที่สุด

รู้สึกเหมือนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมวิ่งเข้าไปทุบพวกมันตุ้บตั้บอย่างโกรธแค้นจนพ่อแม่ต้องรีบมาแยกพวกเราออกจากกัน วันนั้นการลอยกระทงของพวกเราสองครอบครัวล่มไม่เป็นท่า กลับบ้านมายังโดนตีอีกด้วย เป็นวันลอยกระทงที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย…





ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 3 : ผม ป.3 ไอ้แฝด ป.1

ในมือของผมคือกระทงกระดาษที่ครูสอนพับในห้องเรียน เจ้าก้อนเนื้อร่างพัฒนาเป็นไส้กรอกอีสาน (คือไม่อ้วนแล้ว) มองสิ่งที่อยู่ในมือผมอย่างประหลาดใจ

‘พี่ที อย่างนี้โดนน้ำมันก็เปื่อยหมดน่ะสิ’

‘มันเป็นกระดาษแข็ง ไม่เปื่อยทันทีหรอก นี่เค้าเรียกกระทงลดโลกร้อนไม่รู้จักหรอ’

‘ไม่มีอันที่สวยกว่านี้แล้วหรอ’

‘พูดอย่างนี้หมายความว่าไง’

‘ก็ป่าว…เห็นมันดูเบี้ยวๆ เหมือนก้อนกะหล่ำมากกว่ากระทงอ่ะ’

‘อ๊ะ! จริงด้วย! ฮ่าๆ ๆ ๆ ใช้กระดาษสีเขียวยิ่งเหมือนกะหล่ำเข้าไปใหญ่เลย!’

‘พี่เฟิร์สๆ พี่ทีจะเอากะหล่ำไปลอยแทนกระทงล่ะ! มาดูสิๆ ๆ ’

หลังจากนั้นพี่เฟิร์สก็เดินมาจากหน้าบ้านตามเสียงเรียกของเจ้าแฝดก่อนจะมองสิ่งที่อยู่ในมือของผมอย่างพิจารณา

‘นี่อ่ะนะกะหล่ำ มองยังไงก็กระทงชัดๆ ’

‘เห็นมั้ย!! แฝดน่ะตาไม่ถึง สู้พี่เฟิร์สก็ไม่ได้’ ผมรีบเกทับทันทีเมื่อได้พี่เฟิร์สมาเป็นพวก เจ้าแฝดทำท่าฮึดฮัดหงุดหงิดที่พี่ชายตัวเองไม่เข้าข้าง ในที่สุดพวกมันก็สะบัดตูดหนีเข้าครัวไปหาของกิน

พี่เฟิร์สหันมายิ้มให้ผม บอกว่าอย่าไปถือสาเจ้าแฝด ผมยิ้มรับ รู้สึกนับถือพี่แกขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์

ระหว่างที่รอพวกพ่อแม่เตรียมตัวผมก็ขึ้นไปนอนรอบนห้อง เมื่อได้ยินเสียงกริ่งเรียกจึงเดินลงมาด้านล่าง ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนไป แต่พอกำลังจะเดินไปหลังบ้านก็ได้ยินเสียงพี่เฟิร์สดังมาแว่วๆ ผมจึงหยุดฟัง

‘ภู คราม ต่อไปห้ามพูดจาแบบนั้นอีกนะ ถึงมันจะเหมือนกะหล่ำมากกว่ากระทงจริงๆ ก็เถอะ แต่พี่ทีเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำ ห้ามไปล้อเลียนเขานะรู้ไหม’

‘เอ้า ก็มันเหมือนจริงๆ นี่ จะให้โกหกได้ไง’

‘บางครั้งก็ต้องรู้จักถนอมน้ำใจบ้างโว้ยยย เข้าใจรึเปล่า เอาใหม่ งั้นสมมติแม่ทำเค้กวันเกิดมาให้แล้วมันดันไม่อร่อยต้องพูดว่า?’

‘แหวะ!! /แหวะ!!’

‘อร่อยสิเห้ย! เจ้าพวกนี้หนิ’

‘โอ๊ย! เขกหัวภูทำไม/โอ๊ย! เขกหัวครามทำไม’

‘ก็สอนไม่รู้จักจำไง เอาใหม่…สมมติทีซื้อเสื้อมาใส่…’

‘หล่อจังเล้ย!! / หล่อจังเล้ย!!’

‘เออ มันต้องอย่างนั้น แหมหัวไวใช้ได้นะเรา เหมือนพี่มันไม่มีผิด’

ผมทนฟังความปัญญาอ่อนของสามคนนั้นไม่ไหวอีกต่อไป ไม่แปลกใจที่ไอ้แฝดมันจะดูขาดๆ เกินๆ ตรรกะบิดๆ เบี้ยวๆ … แบบอย่างมีให้เห็นไม่ไกลตัวเลย

ขอเอาเปอร์เซ็นต์ความเคารพคืนละกันนะพี่เฟิร์ส=_=’ ’





ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 4 : ผม ป.5 ไอ้แฝด ป.3

‘พี่ทีๆ ดูดิมีคนพายเรือด้วย ครามอยากพายมั่งอ่ะ’ ฟ้าครามเขย่าแขนผมพลางชี้ชวนให้หันไปมองในแม่น้ำที่มีเด็กสองสามคนนั่งอยู่บนแพพลาสติกคนละอัน บางคนก็มีเรือพลาสติก กำลังใช้ทั้งมือใช้ทั้งไม้ช่วยกันพายท่ามกลางกระทงที่อยู่ล้อมรอบตัว

‘เฮ้ย! นั่นกระทงบ้านภูนี่!’ ภูผาโวยวายเมื่อเห็นกระทงที่ตัวเองเสริมออฟชั่นด้วยตุ๊กตาไดโนเสาร์พลาสติกยืนล้อมธูปเทียนสี่ทิศทิศละตัวกำลังถูกหนึ่งในเด็กเหล่านั้นหยิบขึ้นมา จับคว่ำลงแล้วเขย่าๆ ๆ ดอกมงดอกไม้ ไดโนเสาร์ร่วงกราวลงมาหมด ภูผากับฟ้าครามร้องโวยวายตะโกนว่าจนคนหันมามองยกใหญ่แม่กับอาแอ๋มจึงต้องรีบเข้าไปกอบกู้สถานการณ์

‘พ่อครับพวกเค้าทำแบบนั้นทำไมหรอครับ?’ ผมหันไปกระตุกเสื้อถามพ่อที่ยืนคุยกับอาสินธุ์อยู่

‘อ๋อ หาเหรียญที่คนเค้าใส่ในกระทงน่ะลูก’

‘ต้องใส่ด้วยหรอครับ แล้วทำไมพวกเราไม่ใส่ล่ะ’ ผมถามอย่างงุนงง

‘ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ครับ ที่บางคนเค้าใส่เพราะเขาเชื่อว่าเป็นการทำบุญครับ’ พ่อตอบเสียงนุ่ม

‘ทำบุญให้เด็กพวกนั้นน่ะหรอครับ’ ผมชี้ไปยังพวกเด็กที่อยู่บนโฟม

‘ฮ่าๆ ๆ จะคิดอย่างนั้นก็ได้เหมือนกันนะ แต่พ่อว่าจริงๆ คนเขาคงใส่เพื่อทำบุญกับพระแม่คงคามากกว่า แต่ลูกไม่ต้องใส่หรอกนะ แค่ใช้น้ำอย่างประหยัดรู้คุณค่า ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำก็ถือว่าเป็นการทำบุญกับพระแม่คงคาแล้วล่ะ ใส่เหรียญไปก็จมลงน้ำ เพิ่มขยะ แถมยังเอาเงินไปทิ้งน้ำอีกลูกว่าจริงมั้ย’

ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะมองไปยังแม่กับอาแอ๋มที่พยายามปลอบใจเจ้าแฝดที่เหมือนจะเริ่มสงบลงแล้วด้วยไอศกรีม พอแม่ยื่นไอศกรีมให้สองคนนั้นปุ๊บ แทนที่มันสองตัวจะเอาเข้าปากกลับหันหลังไปทางแม่น้ำแล้วปาใส่พวกเด็กหาเหรียญแทน โดนเข้าจังๆ ไปเลยสองคน พวกผู้ใหญ่ตกใจอ้าปากค้าง ผมเองก็ด้วย คนรอบข้างหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว เจ้าแฝดยังไม่สะดุ้งสะเทือนมีการหันมาแปะมือกันแล้วหัวเราะสะอกสะใจอีก พี่เฟิร์สกลอกตามองบนก่อนจะจูงมือทามเดินไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้จัก

สุดท้ายอาแอ๋มก็ให้ค่าทำขวัญเด็กพวกนั้นไปคนละร้อยก่อนจะรีบลากเจ้าสองตัวนั่นขึ้นรถทันที ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าสองคนนั้นโดนเทศนาหูชาแค่ไหน แถมยังโดนอาสินธุ์ตีต่อหน้าพวกผมอีกต่างหาก แต่พอลับหลังอาสินธุ์มันสองตัวก็หันหน้ามาทางผมที่หนังเบาะหลังกับทามและพี่เฟิร์สก่อนจะยักคิ้วทำหน้าประมาณว่าไม่สะทกสะท้าน…เห็นแล้วหมั่นไส้เป็นบ้า อยากถ่ายรูปแล้วฟ้องอาสินธุ์จังว่ามันสองตัวไม่ได้สำนึกเลยสักนิด!





ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 5 : ผม ม.1 ไอ้แฝด ป.5

‘พ่อคร้าบบ ภูกับครามขอกระทงคนละอันได้มั้ยอ่ะ ไม่เอากระทงอันเดียวลอยทั้งบ้านละนะ ไม่มัน’ คุณสินธุ์มองลูกชายฝาแฝดอย่างงงๆ แม้จะสงสัยว่าลอยกระทงมันมีอะไรให้มันแต่ก็ยอมให้ทั้งสองเลือกกระทงไปคนละใบแต่โดยดี ทามเห็นแบบนั้นก็อยากเอาบ้าง พ่อเลยยอมให้ผมกับทามมีกระทงคนละอัน

พอไปถึงท่าน้ำผมนั่งลงยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากก่อนจะกล่าวคำขอขมาในใจ

‘ขอให้ได้เกรดสี่ทุกวิชา ขอให้พ่อซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดให้ ขอให้พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน ขอให้…’

‘ขอให้แม่เลิกบังคับให้กินถั่วลันเตา ขอให้ครามหล่อวันหล่อคืน ขอให้ปีนี้ได้ไปทัศนศึกษาที่สวนสนุก ขอให้…’

ภูผากับฟ้าครามมานั่งขนาบข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังพูดอธิษฐานออกเสียงซะดังอีก รู้สึกมันจะผิดวัตถุประสงค์ไปรึเปล่า เขาให้มาขอขมานะไม่ใช่มาขอนู่นขอนี่=.=

‘เฮ้ย อธิษฐานเบาๆ หน่อย ไม่อยากรู้’ ผมกระซิบบอกสองคนนั้น อันที่จริงผมอธิษฐานขอขมาเสร็จแล้วเตรียมจะลอยแล้วด้วย แต่พอมองภูผากับฟ้าครามที่นั่งขนาบข้างแล้วก็ต้องยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากอีกรอบ

‘พระแม่คงคาครับ นอกจากจะช่วยพัดพาทุกข์โศกโรคภัยของผมให้ไปกับน้ำแล้ว ช่วยพัดไอ้สองคนที่นั่งขนาบข้างผมอยู่นี่ออกไปไกลๆ จากชีวิตผมด้วยเถอะนะครับ’

หากพระแม่คงคาฟังอยู่ ท่านก็คงสับสนว่าจะให้พรอย่างไรดี เพราะคำอธิษฐานสุดท้ายที่ภูผาและฟ้าครามอธิษฐานในใจนั่นก็คือ

‘ขอให้ได้ลอยกระทงกับพี่ทีทุกๆ ปีและขอให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป’

‘พี่ทีๆ ’

‘อะไร’

‘เรามาพนันกันมั้ยว่ากระทงของใครจะลอยไปถึงหน้าวัดนั่นก่อนกัน’ ฟ้าครามชี้ไปยังวัดริมน้ำที่อยู่ห่างจากจุดที่พวกเขากำลังยืนไปประมาณ100เมตรได้

‘ไม่เอา ไม่เล่น บาปกรรม’

‘ขี้ขลาด’ ผมพยักหน้ารับ

‘ตาขาว’ ผมพยักหน้ารับอีก ก่อนจะเดินเรียกพ่อให้มาช่วยประคองตอนปล่อยกระทงเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกน้ำตามที่พ่อแม่สั่งไว้ว่าจะลอยเมื่อไหร่ให้เรียก

กระทงสองอีกสองใบที่ปล่อยตามลงมาติดๆ ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างตกใจที่เห็นแบงค์ร้อยมัดหนังยางติดกับก้านธูปไว้อย่างโดดเด่น โคตรจะล่อตาล่อใจเด็กเก็บเหรียญเลย พวกมันคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย!?

‘นั่นแบงก์ปลอมหรือแบงก์กาโม่? ‘ผมอดไม่ได้ที่จะถาม

‘ทายสิ ฮ่าๆ ๆ ‘ภูผากับฟ้าครามหัวเราะคิกคักด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

‘กาโม่แน่อยู่แล้ว’ ผมตอบอย่างมั่นใจ สองคนนี้คงกะหลอกให้พวกเด็กเก็บเหรียญมาเก็บแล้วก็ต้องผิดหวังที่โดนแบงก์กาโม่หลอกเอาสินะ สงสัยยังแค้นเรื่องเมื่อปีก่อนไม่หายแน่ๆ

‘ระดับภูกับครามไม่ใช้แบงก์ปลอมหรอก หึ!’ มันกอดอกเชิดหน้า เห็นแล้วหมั่นไส้เป็นบ้า

‘อย่างพวกเราเนี่ยนะจะกล้าใช้แบงก์จริง ไม่อยากจะเชื่อ’

‘ก็คอยดูละกัน’

‘มาแล้วๆ ’ พวกเราสามคนเงียบเสียงลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ภูผากับฟ้าครามทำเป็นคุยกันแต่ก็แอบเหลือบมองไปทางกระทงของตัวเอง ผมก็ทำเป็นชมนกชมไม้แต่ก็แอบมองไปด้วยตลอดอย่างลุ้นระทึก (เพื่อ?) ขณะที่เด็กคนนึงกำลังจะคว้ากระทงของฟ้าครามจู่ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องขยี้ตาเพราะนึกว่าตัวเองตาฝาดก็เกิดขึ้น!

กระทงลอยหนีมือเด็กคนนั้นครับ ไม่ใช่ลอยตามน้ำด้วยนะ ลอย-ทวน-น้ำ!

เฮ้ยยยยย!! กระทงอะไรของมันวะเนี่ย!!!

เหลือบไปเห็นกระทงอีกใบของภูผาก็กำลังจะโดนเก็บขึ้นมาเหมือนกัน แล้วกระทงใบนั้นก็ลอยหนีมือเหมือนกับรู้ว่าตัวเองจะโดนจับ

ภูผากับฟ้าครามเริ่มออกเดินกันไปคนละทิศคนละทาง กระทงที่อยู่ไกลออกไปก็ลอยไปตามทิศที่สองคนนั้นเดินไปด้วย พวกเด็กเก็บเหรียญก็เอามือพุ้ยน้ำพยายามไล่ตามกระทงอย่างเอาเป็นเอาตาย พอสองคนนั้นหยุดเดินกระทงก็ไม่เคลื่อนไหวเร็วๆ อีก เพียงแค่ไหลไปตามกระแสน้ำช้าๆ เด็กคนนึงพายมาจนถึงกระทงของภูผาก่อนจะเอื้อมมือคว้าอีกครั้ง ผมมองแล้วแอบลุ้นอยู่ในใจ จะคว้าได้มั้ยๆ ๆ!

กระทงลอยพ้นเงื้อมมือเด็กคนนั้นไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง ผมเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าที่นิ้วก้อยของภูผามีด้ายสีดำเส้นเล็กๆ ที่กลืนไปกับผิวน้ำยามค่ำคืนผูกอยู่ ทุกครั้งที่ภูผากระดิกนิ้ว กระตุกแขน หรือเดิน กระทงก็จะมีปฏิกิริยาไปด้วย

ชัดเลย! พวกมันผูกด้ายไว้กับกระทง!

หนอยยย แล้วมีหน้ามาท้าแข่งว่ากระทงใครลอยถึงหน้าวัดก่อนกัน ต่อให้ผมดวงดียังไงก็ไม่ชนะเส้นด้ายที่นิ้วพวกมันอยู่ดี เจ้าเล่ห์นักนะภูผาฟ้าคราม! ดีที่ผมไม่เล่นด้วย ไม่งั้นก็มีแต่จะแพ้เท่านั้นแหละ

พอเล่นจนชักจะเบื่อสองคนนั้นก็กลับมายืนข้างๆ ผมแล้วใช้มือสาวด้ายกลับ กระทงสองใบแหวกกระแสน้ำกลับมาที่ท่าอีกครั้งท่ามกลางสายตาของพวกเด็กเก็บเหรียญและคนอื่นๆ ที่มาลอยกระทง สองแฝดก้มลงยกกระทงขึ้นมา แกะแบงก์ออกจากก้านธูป สะบัดๆ ก่อนจะคลี่ออก



“ก็บอกแล้วว่าแบงค์จริง J”



ลอยกระทงด้วยกันครั้งที่ 6 : ผม ม.5 ไอ้แฝด ม.3

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาแฟนสาวมาแนะนำให้คนที่บ้านรู้จัก ผมหันไปมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อยแต่เมื่อผมเอื้อมไปกุมมือเธอ เธอก็เผยรอยยิ้มน่ารักให้กับผม

“ป่ะ เข้าบ้านกันครับเมลล์ ” ผมกระชับมือนุ่มๆ ในฝ่ามือแน่นขึ้นเป็นการให้กำลังใจก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

เมลล์แฟนสาวของผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพ่อกับแม่ที่ดูจะเห่อแฟนคนแรกของผมเอาซะมากๆ เมลล์เป็นรุ่นพี่ชมรมเดียวกับทามด้วยทำให้สองสาวคุยกันอย่างถูกคอ อาการเกร็งๆ ในตอนแรกของเมล์จึงค่อยๆ หายไป

“แล้วนี่ไปพาลูกสาวเขามา ได้ขอพ่อแม่หนูเมลล์เขาหรือยังเจ้าที” แม่หันมาถาม

“เรียบร้อยแล้วครับ ทีบอกว่าจะขอพาเมลล์มาลอยกระทงกับบ้านเราแล้วจะพาไปส่งบ้านก่อนทุ่มครึ่งพ่อแม่เมลล์ก็เลยอนุญาตครับ”

“โหยย พี่เมลล์ กระทงนี่พี่ทำเองหรอคะ สวยมากเลยอ่ะ!”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะน้องทาม พี่แค่มือสมัครเล่นเท่านั้นเอง”

“มือสมัครเล่นที่ชนะประกวดกระทงน่ะครับ …ขนาดมือสมัครเล่นนะเนี่ย” ผมแซวขำๆ เมลล์เขินหน้าแดงเอามือเล็กๆ ของเธอตีไหล่ผมเบาๆ แก้เขิน

“ทีอ่ะ…เราไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นจริงๆ นะ”

“จ้ะๆ ไม่เก่งก็ไม่เก่ง ฮะๆ ๆ ๆ ” แม่หัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วชื่นชมกระทงที่เมลล์เป็นคนทำไม่ขาดปากพลางเรียกให้พ่อมาดูด้วย บรรยากาศที่ทุกคนเข้ากับแฟนผมได้เป็นอย่างดีทำให้ผมเบาใจ แวบหนึ่งเราเผลอสบตากัน ผมยิ้มให้เธอ เธอก็ยิ้มตอบผมอย่างเขินอาย ผมมองออกว่าเธอดูโล่งใจและมีความสุขที่คนในบ้านผมให้การต้อนรับ





ติ๊งหน่องงงงง ติ๊งหน่องงงง





“เดี๋ยวทีไปเปิดให้” ผมขยับจะลุกขึ้น แต่พ่อดันให้ผมนั่งลงยิ้มๆ บอกให้นั่งเป็นเพื่อนเมลล์ พ่อจะเป็นคนไปเปิดให้เอง

ภูผาฟ้าครามพร้อมด้วยอาสินธุ์กับอาแอ๋มเดินเข้ามาในบ้าน วันนี้ขาดพี่เฟิร์สเพราะพี่แกไปลอยกระทงกับแฟนสองคน

“อาสินธุ์ อาแอ๋ม นี่เมลล์..แฟนทีครับ^^”

“ไหว้พระเถอะจ้ะหนู หน้าตาน่ารักจังเลย ไหว้ก็สวย คบกันมานานหรือยังจ๊ะ”

“สี่เดือนแล้วครับอาแอ๋ม” ผมตอบแทนเมลล์ที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆ

“อายุเท่าทีงั้นก็เป็นพี่เจ้าแฝดน่ะสิ…ภูผาฟ้าคราม สวัสดีพี่เมลล์หรือยังลูก เอ๊ะ! ตั้งแต่มาเรายังไม่ทักทายพี่ทีเลยนะ”

ผมหันไปมองภูผากับฟ้าครามที่วันนี้ดูแปลกกว่าปกติคือทำหน้านิ่งๆ ไม่พูดมากเหมือนเคย นี่ถ้าอาแอ๋มไม่พูดขึ้นมาผมคงไม่สังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของเจ้าพวกนั้น เพราะมัวแต่สนใจแฟนตัวเองอยู่ กลัวเธอจะทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับญาติๆ ของผม

“หวัดดีครับพี่เมลล์ / หวัดดีครับพี่เมลล์”

“นี่ภูผา ส่วนนี่ฟ้าคราม ลูกพี่ลูกน้องเราเอง” ผมแนะนำสองแฝดให้เมลล์รู้จัก เธอมองภูผาและฟ้าครามก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน

“หล่อทั้งคู่เลย หน้าตาเหมือนกันจนแยกไม่ออกเลยนะว่าคนไหนเป็นคนไหน”

“พี่ก็สวยมากครับ เหมาะกับพี่ทีมากๆ เลย” ฟ้าครามยิ้มกว้างท่าทางเป็นมิตรกับเมลล์มากขึ้น

ในขณะที่พวกผู้ใหญ่สนทนากันห่างออกไปอีกโต๊ะ ภูผาก็โน้มตัวมาทางผมกับเมลล์แล้วว่า

“เหมาะกันอย่างกับผีเน่ากับโลงผุเลยครับ^^” ภูผากลับไปนั่งข้างฟ้าครามอย่างเดิม ผม ทาม และเมลล์เบิกตากว้าง

“ไม่ใช่แล้วมึง ชอบพูดผิดประจำเลยนะ ต้องกิ่งทองใบหยกสิ โทษทีนะครับพี่เมลล์ ไอ้ภูมันตกภาษาไทยน่ะ ฮ่าๆ ๆ ไม่โกรธพวกเรานะครัช”

“จะ…จ้ะ^^; น้องทีนี่มีอารมณ์ขันดีเนอะ”

ผมมองหน้าภูผาฟ้าครามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้นี่ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ เล่นอะไรไม่รู้กาลเทศะ ถึงเมลล์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ผมก็ดูออกว่าเธอรู้สึกอึดอัดใจและเริ่มวิตกกังวล

ปีนี้ผมไม่ได้ใช้กระทงร่วมกับครอบครัวหรือมีกระทงเป็นของตัวเอง แต่ใช้กระทงร่วมกับเมลล์ แฟนสาวสุดเรียบร้อยน่ารักของผม เราเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อมาลอยกันสองคนท่ามกลางสายตาที่ฉายแววยิ้มๆ ของพวกผู้ใหญ่

“ทีอธิษฐานอะไรหรอ?” เมลล์เอียงคอถามผมยิ้มๆ ท่าเอียงคอพร้อมรอยยิ้มใสๆ ของเธอนั้นมันช่างบาดใจผมจริงๆ เลยครับ>///<

“เราขอให้ได้มาลอยกระทงกับเธอทุกๆ ปีต่อจากนี้ไป”

“ปากหวาน” เมลล์หน้าแดง

“ก็กับเมลล์คนเดียว^^”

“แหวะะะะะะ!! / แหวะะะะะ!! ” ผมกับเมลล์สะดุ้งโหยง หันไปมองด้านหลังก็เห็นภูผาฟ้าครามยืนถือกระทงกันคนละใบ ส่วนพวกพ่อแม่และทามยืนอยู่ไกลออกไป

“เป็นไรมากป่ะแฝด ทำไมวันนี้กวนโอ๊ยจังฮะ อิจฉาที่พี่มีแฟนก่อนเราล่ะสิ”

“ทำไมจะต้องอิจฉาด้วย? มีแฟนมันมีอะไรดีหรอถามหน่อยสิ”

“วันเกิดก็ต้องซื้อของให้ วันวาเลนไทน์ก็ต้องซื้อของให้ ลืมวันเกิดวันสำคัญก็โดนงอนใส่ ก่อนนอนก็ต้องโทรคุยกันทุกคืนให้มันเปลืองค่าโทรเล่นอีก”

“แล้วมันหนักหัวพวกเราหรือไง เงินก็เงินเก็บพี่ไม่ใช่เงินพวกนายสักหน่อย” ทำไมมันสองคนต้องมาพูดแบบนี้กับผมต่อหน้าเมลล์ด้วยนะ โคตรไม่มีมารยาทเลย!

ผมตัดสินใจจูงมือเมลล์เดินหนีสองคนนั้น หนึ่งคือไม่อยากทำให้เธอรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้ สองคือกลัวตัวเองจะคุมสติไม่ให้ชกหน้าไอ้สองตัวนั่นต่อหน้าเมลล์ไม่ไหว

“แก่แดดชะมัด มีแฟนตั้งแต่มอห้าน่าหมั่นไส้ ”

“กูว่าเดี๋ยวก็เลิกกันมึงคอยดูนะภู ”

“เออ เดี๋ยวก็เลิกกัน ”

ผมรู้ว่าสองคนนั้นจงใจพูดเสียงดังๆ ให้ผมกับเมลล์ได้ยิน ไม่ไหวแล้วนะ!! ทำไมต้องหาเรื่องกันด้วยวะ!? มึงเป็นบ้าอะไรกันขึ้นมาฮะไอ้แฝดนรก!!!!

ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไปจัดการสองคนนั้นก็ถูกมือของเมลล์ที่กุมมือผมอยู่ดึงเอาไว้

“…เมลล์” ผมครางชื่อเธอแผ่วเบา รู้สึกในอกมันวูบโหวงปั่นป่วนไปหมดเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอเบ้าของเธอ

“เราไม่คิดมากหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ ทีอย่าโกรธพวกน้องๆ เลยนะ เขาคงจะหวงพี่ชาย เราเข้าใจจ้ะ” เธอกะพริบตาถี่ๆ พยายามไล่น้ำตาออกไป ก่อนจะยิ้มกว้างให้ผมสบายใจว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ

“ที่จริงสองคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ เราคิดว่าพวกมันคงอิจฉาที่เรามีแฟนน่ารักๆ อย่างเธอก็เลยพูดออกมาแบบนั้น เดี๋ยวเราจะให้มันมาขอโทษเมลล์นะ”

“ภูไม่ขอโทษ / ครามไม่ขอโทษ” เสียงภูผากับฟ้าครามดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างตกใจว่ามันเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

“พี่เมลล์ พวกเราไม่ได้เกลียดพี่นะครับ พี่ออกจะสวยแล้วก็ใจดี พวกเราไม่มีทางไม่ชอบพี่หรอก…”

“…แต่แน่ใจแล้วหรอครับมาคบพี่ชายพวกเราน่ะ? มองยังไงก็ไม่เห็นจะเหมาะสมกันเลย พี่ออกจะดูเพอร์เฟ็คขนาดนี้ มาคบคนธรรมดาอย่างพี่ทีจะดีหรอ?”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดกลั้น ทั้งที่ตอนนี้ในใจผมนี่เดือดแบบสุดๆ แล้วแต่ที่ยังยั้งไว้ได้ก็เพราะไม่อยากจะโชว์ออฟต่อหน้าเมลล์เนี่ยแหละ

“ภูผาฟ้าคราม…ถ้ายังไม่หยุดพี่จะโกรธแล้วนะครับ” ผมพูดยิ้มๆ อย่างพยายามยับยั้งโทสะสุดความสามารถ

“หวาย จะโดนโกรธซะแล้ว ทำไงดีล่ะเนี่ย น่ากลัวจุงเบยย” พวกมันทำหน้าล้อเลียนไม่หยุด แถมยังหันไปหัวเราะคิกคักด้วยกันอีกต่างหาก

“ไปครับเมลล์ ไปหาพ่อกับแม่กัน อย่าอยู่ตรงนี้เลย” ผมตัดสินใจดึงมือเมลล์ลากกลับไปหาพ่อแม่อย่างสุดจะทน ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย! ขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นผมได้ต่อยไอ้แฝดชั่วนั่นต่อหน้าเมลล์แน่ๆ

หลังจากนั้นเมลล์ก็นั่งเงียบมาตลอดทางจนกระทั่งส่งเธอกลับถึงบ้าน ผมกอดอกหลับตาหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ตั้งแต่รู้จักกันมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมพูดได้เลยว่าโกรธพวกมันมากที่สุดในชีวิต พวกมันทำให้แฟนผมรู้สึกแย่ พวกมันฉีกหน้าผม ดูถูกผมต่อหน้าเมลล์ ผมโคตรจะโกรธ อยากจะต่อยหน้าพวกมันให้สมกับที่พวกมันทำกับผม อยากจะฟ้องอาแอ๋มกับอาสินธุ์ถึงพฤติกรรมของลูกชายพวกเขา แต่นี่มันในรถ พ่อแม่ผมก็อยู่ ทามก็อยู่ มีคนขับรถมาด้วยอีก มันจะดูน่าเกลียดรึเปล่าถ้าผมฟ้องอาสินธุ์ต่อหน้าทุกๆ คนแบบนี้ ผมไม่แคร์หรอกว่าไอ้แฝดจะรู้สึกยังไงเพราะผมก็อยากให้มันรู้สึกอย่างที่ผมโดนเหมือนกัน แต่อาสินธุ์กับอาแอ๋มจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าที่ผมเล่าวีรกรรมลูกๆ ของพวกเขาต่อหน้าคนอื่นๆ เหมือนประจาน

เจ็บใจ…แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เกลียดตัวเอง…ที่แคร์คนอื่นจนเลือกที่จะกักเก็บความโกรธไว้ในใจให้มันกัดกินตัวเองคนเดียว

เกลียดภูผากับฟ้าครามที่สุด ทำไมต้องมายุ่งกับกูด้วย ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมเคยไปทำอะไรให้พวกมันโกรธหรอถึงต้องพูดหักหน้ากันต่อหน้าแฟนผมแบบนั้น

หลังจากวันลอยกระทงปีนั้นผมก็ไม่คุยกับภูผาฟ้าครามอีกเลย ใจผมมันตัดความเป็นพี่เป็นน้องกับสองคนนั้นไปแล้ว แต่เหมือนโชคร้ายจะเข้าหาผมไม่จบไม่สิ้นเพราะผมมักจะถูกอาแอ๋มขอร้องให้ไปติวสอบสองคนนั้นอยู่เสมอๆ จะไม่ไปแม่ผมก็ถามว่าทำไมติวให้ทามได้แต่กลับไม่ยอมไปติวให้ไอ้แฝด ผมจึงได้แต่กัดฟันไปติวให้สองคนนั้นอย่างคับแค้นใจเป็นที่สุด

ตั้งแต่วันที่สองคนนั้นรู้ว่าผมกับเมลล์เป็นแฟนกัน ความร้ายกาจของสองคนนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ตอนแรกผมนึกว่าคงคิดไปเอง แต่นานวันเข้าผมก็รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนถึงมันสองคนจะซนจะดื้อยังไงแต่ถ้าผมดุพวกมันก็จะมีหงอมียอมลงให้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย ไม่หงอ ไม่ยอมลงให้ เถียงขาดใจจะต้องเอาชนะกันให้ได้ กวนประสาทแบบเกินทานทน ว่างเมื่อไหร่เป็นพูดจากระแนะกระแหนเรื่องแฟนของผม จนในที่สุดผมก็ต้องขอให้อาแอ๋มมานั่งคุมเวลาสอนเพื่อไม่ให้มันสองตัวแผลงฤทธิ์ใส่

ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีแฟนมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ภูไอ้ครามด้วยวะ ทำไมพวกมันสองคนต้องทำท่าเป็นปรปักษ์กับผมขนาดนั้น เหมือนกูทำอะไรผิดอ่ะ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย ขนาดพ่อแม่ผมยังไม่ว่าแล้วพวกมันเป็นใครมาเสือกอะไรด้วย?

อาการกระด้างกระเดื่องที่ภูผากับฟ้าครามมีต่อผมดำเนินไปตลอดสองปีที่ผมคบกับเมลล์ ถามว่าแคร์ไหม? บอกเลยว่าไม่! นอกจากนี้ผมยังพาเมลล์มาลอยกระทงด้วยอีกในปีถัดมาด้วย แต่คราวนี้ผมกับเมลล์เกาะกลุ่มกับพวกผู้ใหญ่ตลอดเวลาจนสองคนนั้นไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวมาพูดอะไรให้แฟนผมไม่สบายใจอีก

ผมยังจำสายตาที่สองคนนั้นมองมาที่ผมในวันนั้นได้ เป็นสายตาที่ผมอ่านไม่ออก แต่เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่น่าแปลกใจที่สายตาที่พวกมันมองเมลล์ไม่ใช่สายตาที่แสดงความเกลียดชัง มันเหมือนเป็นสายตาของคนที่ลอบพิจารณาอะไรสักอย่างมากกว่า

หลังจากเรียนจบม.6 ผมกับเมลล์ก็เลิกกัน…เราเลิกกันโดยตลอดเวลาที่คบกันมานั้น พวกเราไม่เคยทะเลาะหรือผิดใจกันแม้แต่ครั้งเดียว

แน่นอนว่าข่าวการเลิกกันของผมกับเมลล์ย่อมกลายเป็นหัวข้อสนทนาของแม่กับอาแอ๋ม ในไม่ใช่ไอ้แฝดก็รู้ว่าผมกับเมลล์เลิกกัน

“ครามบอกแล้วว่าเดี๋ยวก็เลิกกัน”

“เป็นไง คบกันไม่ยืดจริงๆ ด้วยเห็นมั้ยล่ะ”

“แต่พี่ทีไม่ต้องเสียใจนะ พี่ยังมีพวกเราอยู่ทั้งคน!”

พวกมันหัวเราะร่าเริงดูมีความสุข ที่เคยทำตัวเย็นชาใส่ผมมาตลอดสองปีก็หายเกลี้ยงเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ผมมองรอยยิ้มกว้างของสองคนนั้น

แปลก รู้สึกแปลก …ไม่เข้าใจ

รอยยิ้มสว่างไสวของสองคนนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีตะกอนบางอย่างปรากฏขึ้นมาในใจ

มันคืออะไรสักอย่าง ที่อธิบายไม่ถูก

แต่ในตอนนั้น ผมไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะเก็บมันมาใส่ใจ











-----------------------------------------------------------------------

- การลอยกระทง ควรลอยด้วยความสำรวม ไม่ถือเอาเป็นเรื่องเล่นสนุกสนานเหมือนภูผากับฟ้าครามนะคะ เพราะจุดประสงค์ของการลอยกระทงคือการขอขมาพระแม่คงคา เราจึงควรปฏิบัติตัวให้เหมาะสม เคารพต่อประเพณีอันดีงามนะคะ

-ในตอนนี้ภูผากับฟ้าครามก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมตัวเองต้องไม่พอใจด้วยเพราะทีพี่เฟิร์สมีแฟนพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้าถามเหตุผลพวกแฝดก็คงจะตอบว่าหมั่นไส้พี่ทีล่ะมั้งคะ ทั้งที่อันที่จริงพวกนางหึงค่ะแต่ไม่รู้ตัวเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง เด็กน้อยจริงๆ เลย

- น่าสงสารพี่ที ไม่เคยมีความทรงจำดีๆ ในวันลอยกระทงเลย55


ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่ทีบวชเถอะ จะได้สุขสงบเสียทีนะ ทุกข์ใจวันลอยกระทงมาทุกปีล่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาอัพต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
สงสารทีจัง
ต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวตั้งมากมาย

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แฝด ชอบทีมาตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม
แต่ที ไม่รู้เลย   :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รอวันทีดปิดใจรับน้อง

 :mew1:  :pig4:  :กอด1:

 :L1:  :L1:  :L1:  :L1:  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านเรื่องลอยกระทงแล้วสงสารพี่ที จริงๆค่ะ ขอแกมี ลอยกระทงดีดีกะเค้าสักครั้งเถิด

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

ตอนที่ 42   Choose me by your heart

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
                                                   ตอนที่ 42   Choose me by your heart


(บทป๊อก)

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นว่าใครโทรมาจึงเดินปลีกตัวออกมาจากห้องประชุม

“ว่าไงไอ้ที”

‘ว่างคุยป่ะป๊อก?’

“ประชุมดาวเดือนดินอยู่ว่ะ มีไรรีบพูดมาให้ว่องครับพี่แว่น”

‘… อ้าวหรอ งั้นเดี๋ยวกูค่อยโทรมาใหม่ก็ได้’

“อย่าทำให้กูอยากแล้วจากไปดิฟระ บอกมาาา”

‘เออ กูแค่จะถามว่าเมื่อคืนตอนกูเมาอ่ะ กูพูดอะไรไปมั่งวะ ได้ยินไอ้โซลบอกว่ามึงอัดไว้อ่อ’

“…กะ…ก็เหมือนเดิมป่ะวะ บ่นเรื่องเรียน เรื่องพ่อแม่พี่น้องญาติโกโหติกาของมึงอ่ะแหละ น่ารำคาญชิบ บ่นได้ทั้งคืน ใครจะไปอัดไว้วะเปลืองเมมตาย โดนไอ้โซลต้มแล้วล่ะมึง” ผมกลอกตามองท้องฟ้าพลางแอบไขว้นิ้วไว้ในใจ ไอ้โซลนะไอ้โซล ไปบอกไอ้ทีแบบนั้นเดี๋ยวอีกหน่อยแม่งก็ไม่ยอมมาสังสรรค์ด้วยอีกหรอก ไอ้ทียิ่งเป็นพวกชอบคิดมากอยู่ด้วย

‘… กูไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ออกไปใช่มั้ยวะ’

“พูด!”

‘…ว่า?’ เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของไอ้ทีทำให้ผมอดขำนิดๆ ไม่ได้

“มึงพูดว่ามึงแอบชอบกูมานานแล้ว ทุกครั้งที่เห็นตูดกูมึงต้องห้ามใจไม่ให้พุ่งเข้ามาดมทุกทีเลย กูไม่คิดมาก่อนเลยนะว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้ พี่ทีคลหื่ลลล”

‘ไอ้บ้า!! ไม่มีทางโว้ยย ต่อให้กูจะขาดสติแค่ไหนก็ไม่มีทางพูดอย่างที่มึงว่ามาแน่ๆ ’

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เออ มึงไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ หรอก ก็บ่นเรื่องน้องชายดื้ออะไรของมึงไปตามประสาอ่ะแหละ พวกกูก็เมาๆ ฟังมึงพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน ทำไม? กลัวจะหลุดความลับอะไรให้พวกกูรู้หรือไงวะ”

‘ก็ไม่เชิง…งั้นแค่นี้นะ ไม่กวนแล้ว มึงไปประชุมต่อเถอะ’

“อือฮึ บ๊ายบายน้องน้ำชา”

‘น้ำชาพ่อง!!’

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” พอวางสายปุ๊บผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนขนจมูกแทบหมดรู งานโกหกนี่ผมไม่ถนัดเลยให้ตายสิ นี่ถ้าไม่ได้คุยผ่านโทรศัพท์ไอ้ทีต้องจับได้แน่ๆ ว่าผมโกหก เรื่องที่ไอ้ทีมันเมาพูดออกมาเมื่อคืน พวกเราห้าคนตกลงกันไว้แล้วว่าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยได้ยินอะไรมาก่อน คลิปในเครื่องผมก็ลบไปแล้วเพียงแต่ไปอยู่ในเครื่องไอ้สกายแทน เห็นมันว่าอาการไอ้ทีน่าเป็นห่วงเกินไป มันเลยจะเอาคลิปเสียงไปลองปรึกษารุ่นพี่คณะแพทย์ที่มันรู้จักดูว่าไอ้ทีเนี่ยมันเสี่ยงจะเป็นโรคซึมเศร้ามั้ยจะได้รีบรักษาทัน แล้วพวกผมก็จะได้คอยดูแลมันเป็นพิเศษด้วย

แต่ไอ้โซลไปพูดอะไรกับไอ้ทีวะมันถึงได้โทรมาถามเสียงกังวลแบบนี้ คงไม่ได้ไปแบล็กเมล์ว่ารู้ความลับเรื่องรักต้องห้ามของมันใช่ไหม=_=;; ไอ้โซลนะไอ้โซล อุตส่าห์เตี๊ยมกันไว้แล้วก็ยังเล่นนอกบทอีก มันน่าเอาขนรักแร้พันคอให้ขาดอากาศตายนัก

เดี๋ยวจะฟ้องน้องเพย์ให้เทศน์มันให้เข็ดเลยคอยดู!

(จบบทป๊อก)





ผลการคัดเลือกดาวเดือนดินของคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายของคนในคณะนัก ภูผาจากสาขาเครื่องกลคว้าตำแหน่งเดือนคณะไปครอง ส่วนฟ้าครามที่ประกวดดินนั้นตกรอบไปอย่างน่าเสียดายเพราะถึงแม้จะหน้าตาหล่อเหมือนเดือนคณะก็จริงแต่การประกวดดินหน้าตาไม่ใช่สิ่งจำเป็น ทำให้คลิปมายากล ‘นิ้วสั้น’ ของฟ้าครามพ่ายแพ้ให้กับคลิป ‘ผู้ชายวิศวะทุกคนเป็นผัวกู’ ของดินจากสาขาเคมี

การประกวดดาวเดือนดินมหา’ ลัยจะมีขึ้นในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้าทำให้ตอนนี้ปีหนึ่งและปีสองต่างวิ่งวุ่นช่วยกันจัดเตรียมงานเป็นการใหญ่ ทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียนจะมีการทำฉาก ทำพร็อพ รวมถึงซ้อมการแสดงสำหรับคืนวันงานประกวดที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ในขณะที่ทุกคณะในมหาวิทยาลัยต่างกำลังคึกคักกับการจัดเตรียมการแสดงสำหรับวันประกวดดาวเดือนดิน ณ ห้องสภานิสิตสมาชิกสภาแต่ละคนก็กำลังหารือเรื่องการจัดงานกันอย่างคร่ำเคร่ง

“แบบชุดที่คณะนิเทศส่งมาผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่เพราะกระโปรงของดาวคณะสั้นเกินไป ส่วนแบบชุดของคณะสถาปัตย์ก็มีนัยเหยียดชาติพันธุ์ ทางฝ่ายกฎระเบียบคิดว่าไม่ควรอนุมัติให้ผ่านครับ” ทียืนขึ้นในที่ประชุม เบื้องหน้าร่างโปร่งคือแผ่นป้ายตั้งโต๊ะที่เขียนแสดงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกฎระเบียบไว้อย่างชัดเจน

“ถ้าคณะกรรมการฝ่ายคุณลงความเห็นว่าอย่างนั้นก็ดำเนินการตามขั้นตอนได้เลยครับ” ประธานสภานิสิตตอบรับเสียงนิ่ง

“แล้วเรื่องสถานที่ล่ะไปถึงไหนแล้ว”

“ฝ่ายผมทำเรื่องขอใช้สนามฟุตบอลส่งให้ทางมหา’ ลัยแล้วครับ เพิ่งได้รับจดหมายอนุมัติมาเมื่อวาน เรื่องเวทีก็ติดต่อเอาไว้เรียบร้อยแล้วอาทิตย์หน้าทางบริษัทจะเข้ามาดำเนินการติดตั้งให้ครับ”

“ฝากประชาสัมพันธ์เรื่องการทิ้งขยะเข้าไปด้วย เห็นว่าปีที่แล้วหลังจบงานสนามเละเทะขยะเกลื่อนไปหมด ปีนี้ตั้งถังขยะตามจุดต่างๆ เพิ่มด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”

ช่วงนี้ทีต้องเข้าประชุมกับสภานิสิตแทบทุกเย็นเพื่อพูดคุยหารือถึงความคืบหน้าในการจัดกิจกรรมดาวเดือนดิน ฝ่ายกฎระเบียบไม่ค่อยมีบทบาทในงานนี้นัก อย่างมากก็แค่ตรวจสอบแบบชุดที่ผู้เข้าประกวดจะใช้สวมในวันงานจริงว่าเหมาะสมหรือไม่ก็เท่านั้น ส่วนใหญ่ทีจึงแค่มานั่งฟังคนอื่นๆ ปรึกษากันในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎฯ ซะมากกว่า

กว่าจะประชุมเสร็จก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้ว ช่วงนี้ภูผากับฟ้าครามมีซ้อมดึกแทบทุกวันจึงไม่ได้กลับด้วยกัน มีแค่ตอนเช้าที่มาเรียนพร้อมกันเท่านั้น

“เฮ้ยย ทีๆ ” ผมหันไปตามเสียงเรียกของหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา อีกฝ่ายยื่นกระดาษชุดหนึ่งมาให้

“อันนี้เป็นตารางนัดถ่ายรูปโปรโมทของคณะวิศวะนะ แล้วก็มีพวกคิวขึ้นเวที คิวแสดง ฝากให้น้องเอิ้บปีสองหน่อยได้ไหม รู้จักใช่ป่ะ” ผมพยักหน้า รับเอกสารมาถือไว้

“ขอบใจมาก งั้นกูไปก่อนล่ะ ยังมีงานต้องไปเคลียร์อีก”

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”

“อ่าหะ แต๊งกิ้ว”

เฮ้อ วันนี้ว่าจะไม่กลับคณะแล้วนะ ต้องเดินกลับไปอีกจนได้

“นางเป็นคู่หมั้นของข้าเจ้าไม่มีสิทธิ์”

“คนที่ได้พบกับนางก่อนก็คือข้า ใครกันแน่ที่มาทีหลัง”

“เจ้า!!!”

ที่ลานใต้คณะพวกปีสองกับปีหนึ่งกลุ่มนึงกำลังซ้อมการแสดงกันอยู่ สองคนที่เป็นจุดเด่นอยู่กลางวงก็คือภูผากับฟ้าครามที่ยืนอยู่กันคนละด้าน ในมือถือกิ่งไม้ชี้ใส่กันและกัน

ภูผาพุ่งเข้าไปใช้กิ่งไม้ฟันก่อน แต่ฟ้าครามรับไว้ได้แล้วใช้กิ่งไม้ในมือเบี่ยงกิ่งไม้ของภูผาไปทางอื่นก่อนจะกระหน่ำฟาดฟันใส่ภูผาที่ตกเป็นฝ่ายตั้งรับไม่ยั้ง จนได้แต่ก้าวถอยหลังมาเรื่อยๆ ไม่นานก็พลิกเกมกลับมาเป็นฝ่ายบุกอีกครั้งก่อนที่ทั้งคู่ฟาดกิ่งไม้เข้าใส่กันจนหักทั้งคู่

ภูผากับฟ้าครามยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบแตะกัน แต่ดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง!

แล้วทำนองเพลงก็ค่อยๆ ดังขึ้น

“….เสียใจคนคนนี้ไม่ใช่ของเธอ *

ได้โปรดอย่ามาข้องแวะกันอีก

ฉันหวังว่าคงเข้าใจ ” ภูผาผละออกมาก่อนจะวาดมือทำท่าเหมือนยกมือห้าม

“เพราะมันคือสิทธิ์ของฉัน ที่จะเรียกร้อง

ขอให้เธอจงไปไกลไกล ไม่ต้องมาเจอ

อย่ามาใกล้เขาได้ไหม ” จากนั้นภูผาก็ผลักไหล่ฟ้าครามจนเซ แต่ฟ้าครามก็คว้าจับข้อมือภูผาเอาไว้ได้

“ฉันก็รักของฉัน เข้าใจบ้างไหม

ฉันมีสิทธิ์จะรักไม่ผิดใช่ไหม

เธอก็น่าจะรู้มันเจ็บเพียงใด

เหมือนโดนกรีดหัวใจถ้าเธอแย่งไปครอง ” ฟ้าครามสะบัดข้อมือภูผาทิ้งก่อนจะทำหน้าเจ็บปวดขยำเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

หลังจากหันหน้าร้องเพลงตอบโต้กันไปมาสุดท้ายทั้งภูผาและฟ้าครามก็ร้องท่อนสุดท้ายขึ้นมาพร้อมๆ กัน

“ไม่เธอกับฉันต้องมีสักคนเป็นคนไป อยู่ที่ว่าใครจะทนไม่ไหว ทนไม่ไหว...”

แล้วฟ้าครามก็กระโจนเข้าใส่ภูผาโดยชักมีดสั้นออกมาจากรองเท้าบู๊ทแล้วโจนจ้วงเข้าใส่ภูผาที่ไม่ทันตั้งตัว

ทียืนดูจนลืมไปเลยว่าต้องเอาเอกสารไปให้รุ่นน้อง มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่พวกสต๊าฟช่วยกันกางผ้าที่ใช้สมมติแทนม่านเวทีบดบังร่างของภูผากับฟ้าครามเอาไว้เบื้องหลัง

เสียงปรบมือดังกระหึ่มจากคนที่ยืนดูอยู่รอบๆ ทีเองก็อดที่จะปรบมือไปด้วยไม่ได้ ภูผากับฟ้าครามแสดงเก่งจนเขาทึ่ง ตั้งแต่ท่วงท่าการต่อสู้ที่สง่างามพลิ้วไหวไปจนถึงสีหน้าท่าทางที่สื่ออารมณ์จนทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วม ไหนจะน้ำเสียงก้องกังวานชัดเจนที่ร้องเสียงสูงได้ไม่มีหลงคีย์นั่นอีก มันยากที่จะละสายตาออกจากสองคนนั้นจริงๆ

ทีมองสิ่งที่อยู่ในมือก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องไปหารุ่นน้องจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาปีใหม่ ก่อนจะได้รู้ว่าตอนนี้เอิ้บอยู่ที่หอประชุมชั้นสองกำลังช่วยแก้ชุดให้น้องน้ำฟ้าดาวคณะอยู่

หลังจากนำเอกสารไปให้รุ่นน้องแล้ว ทีก็เดินไปยังโรงอาหารเพื่อซื้อน้ำกิน หลังจากลังเลใจอยู่เพียงครู่ก็ซื้อน้ำเปล่าเพิ่มมาอีกสองขวด

“น้องๆ ” ทีสะกิดน้องปีสองท่าทางเนิร์ดๆ คนหนึ่งที่พอคุ้นหน้าคุ้นตาแต่จำชื่อไม่ได้

“พี่รบกวนฝากน้ำสองขวดนี้ไปให้สองคนนั้นหน่อยได้มั้ย” ว่าพลางชี้ไปยังภูผากับฟ้าครามที่นั่งเหยียดขาอยู่บนพื้น ฟังพวกปีสองบรีฟการแสดง

“ได้ครับพี่”

“ขอบใจมาก บอกว่าสต๊าฟซื้อมาให้นะ” จัดการเสร็จเรียบร้อยทีก็เดินไปหน้าคณะเพื่อรอรถกลับบ้านทันที ส่วนรุ่นน้องที่ได้รับมอบหมายให้เอาน้ำไปให้สองแฝดก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม

“นายๆ อ่ะน้ำ”

“..ขอบใจ นายซื้อมาหรอ” ฟ้าครามรับขวดน้ำเย็นฉ่ำที่ยังมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะรอบๆ ขวดมาเปิดกระดกอย่างชื่นอกชื่นใจ อันที่จริงก็มีน้ำในกระติกที่พี่สวัสดิการเตรียมไว้ให้แต่ชักจะไม่ค่อยเย็นภูผากับฟ้าครามเลยไม่ค่อยอยาก

“เปล่า พี่สต๊าฟตัวสูงๆ ที่ใส่แว่นเค้าฝากมาให้”

“สต๊าฟสูงๆ ใส่แว่น? ไหน! คนไหน!?” ภูผามองไปรอบๆ ทันที

“พี่เค้าไปไหนแล้วก็ไม่รู้อ่ะ งั้นเราไปก่อนนะ”

“อ่าๆ แต๊งกิ้วนะ”



วันต่อมา

ผมมายืนแอบมองภูผากับฟ้าครามซ้อมเป็นวันที่สอง ก็ไม่ได้อยากดูอะไรหรอกนะ แต่มันเป็นงานของคณะใช่ไหมล่ะ ผมในฐานะที่ทำงานในสโมสรคณะก็สมควรที่จะมาช่วยตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยจริงมั้ย อ้อ แล้วในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎระเบียบผมก็มีหน้าที่สอดส่องดูแลไม่ให้รุ่นพี่ซ้อมการแสดงให้น้องหนักหรือให้ทำอะไรอันตรายเกินไปด้วย ใช่มันเป็นหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่!

พอได้เวลาพักของสองคนนั้นผมก็สะกิดรุ่นน้องที่เดินผ่านมาแล้วทำเหมือนเมื่อวาน

“น้องๆ พี่รบกวนฝากไปให้สองคนนั้นหน่อยสิ บอกว่าสต๊าฟฝากมานะ”

น้องคนนั้นพยักหน้ารับอย่างงงๆ ผมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะสะพายกระเป๋ากลับบ้านตามปกติ

ในตอนเช้าที่นั่งรถไปเรียนด้วยกันผมไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเจ้าแฝดมาก เพราะผมเลือกที่จะนั่งข้างคนขับ ปล่อยให้พวกมันนั่งหลังไป แต่ก็ยังมิวายที่พวกมันจะยื่นหน้าข้ามเบาะมาชวนคุยอยู่เป็นประจำจนบางครั้งผมต้องดุว่าอย่าทำให้คนขับรถเสียสมาธิสองคนนั้นถึงได้เพลาๆ ลงบ้าง

ลงจากรถเราสามคนก็จะเดินเข้าคณะพร้อมกันจากนั้นก็แยกย้ายกันตรงนั้น ผมขึ้นตึกเรียน ส่วนสองคนนั้นเดินไปตึกเรียนรวม ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่นั่งอยู่บนรถแล้วให้รถวนไปส่งที่ตึกรวม มาลงพร้อมผมทุกวันทำไม แต่ช่างเถอะ เรื่องของน้องมัน อยากเดินก็เดิน ขามันไม่ใช่ขาผมนี่

ตกเย็นหลังประชุมสรุปงานที่สภา ผมจะไปยืนมองการซ้อมการแสดงของภูผาฟ้าครามและน้องน้ำฟ้าเสมอ หลังเสาต้นที่สามฝั่งที่ติดกับสนามหญ้าเป็นที่ซ่อนประจำของผม พอเห็นว่าน้องพักเมื่อไหร่ผมก็จะสะกิดเด็กแถวนั้นฝากให้เอาน้ำไปให้ทุกครั้ง

เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปจนกระทั่งถึงวันงาน…



งานประกวดดาวเดือนดินของมหาวิทยาลัยแห่งนี้นับเป็นงานใหญ่ระดับที่มีรายการโทรทัศน์มาถ่ายทอดสดออกอากาศเลยทีเดียว นอกจากบูทแสดงสินค้า ร้านอาหาร ของทำมือต่างๆ ที่บุคคลภายนอกรวมถึงนักศึกษานำมาวางขายกันอย่างคับคั่งแล้วซุ้มที่คึกคักที่สุดก็เห็นจะเป็นซุ้มขายดอกกุหลาบของสภานิสิตนั่นเอง

“คุณเตอย่าเอาแต่แวะสิครับ ขืนไม่รีบเข้าไปจะไม่ทันการแสดงดาวเดือนคณะแรกนะครับ”

“พูดมากน่าโดม งั้นนายก็เข้าไปจองที่ให้ฉันก่อนเลย เดี๋ยวตามไป”

“ปีที่แล้วกว่าผมจะหาคุณเจอเหนื่อยแทบตายเลยนะครับ”

“เออๆ ๆ ไปๆ ๆ ขี้บ่นจังวะ” เตชินทร์ขยับแว่นกันแดดที่สวมอยู่ก่อนจะเดินนำเลขาที่ควบตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กเข้าไปจับจองที่นั่งหน้าเวที

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปจะเป็นการแสดงของผู้ประกวดดาวเดือนคณะทันตแพทยศาสตร์ ในชื่อการแสดงว่า ‘ขอฟันหน่อยครับ’ ขอเชิญรับชมได้เลยค่าาาาา”

“เห็นมั้ยครับ เพราะคุณมัวแต่ชักช้านั่นแหละเลยไม่ทันการแสดงของคณะแพทย์เลย”

“โอ๊ย! หยุด! เลิกบ่น หุบปากนั่งเงียบๆ แล้วดูไป”

เตชินทร์นั่งกอดอกชมการแสดงที่แต่ละคณะขนมาประชันอย่างไม่ยอมน้อยหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นกายกรรมของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ละครเพลงโอเปร่าคณะพยาบาล ละครใบ้ของคณะเภสัช เปาบุ้นจิ้นแดนซ์ของคณะนิติฯ จินตลีลาของคณะอักษร ฯลฯ สำหรับคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าแต่ละการแสดงทำได้ยอดเยี่ยมน่าประทับใจมาก แต่สำหรับคนที่คร่ำวอดอยู่ในวงการบันเทิงอย่างเขาแล้วพวกนี้ก็แค่การแสดงทั่วไปอยู่ในมาตรฐานปานกลางถึงดีเท่านั้น ผู้เข้าประกวดแต่ละคนถึงจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครโดดเด่นเข้าตาเขาสักคน

ปีนี้ก็มาเสียเที่ยวอีกแล้วสินะ

“คุณเตจะกลับแล้วหรอครับ ไม่รอดูการแสดงของคณะสุดท้ายก่อนล่ะครับไหนๆ ก็มาแล้ว”

“ไม่ล่ะ พอกันที น่าเบื่อจนจะทนไม่ไหวแล้ว”

“และแล้วก็มาถึงการแสดงของคณะสุดท้ายแล้วนะคะ คณะที่สาวๆ หลายๆ คนรอคอย คณะอะไรคะ รู้ไหมเอ่ย??” พิธีกรสาวหันไมค์ไปทางผู้ชม ได้ยินเสียงตะโกนดังกระหึ่มว่า ‘คณะวิศวะ!!’

“ใช่แล้วค่ะ คณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง ได้ข่าวว่าปีนี้การแสดงฉีกแนวจากปีก่อนๆ ด้วยนะคะพี่อิ๊บ”

“ใช่ครับ ในรอบสิบปีที่ผ่านมาคณะวิศวะไม่เคยส่งประกวดการแสดงแนวนี้มาก่อนเลย” พิธีกรหนุ่มตอบรับเสียงนุ่ม

“ชักอยากจะรู้แล้วสิคะว่าปีนี้วิศวะเค้ามีทีเด็ดอะไรมาโชว์ …ทุกๆ คนอยากรู้มั้ยคะ”

“โอ้โห! เสียงดังขนาดนี้ งั้นขอเชิญพบกับ ละครเวที ‘Choose me by your heart’ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้เลยครับ!!!”

“คุณเตครับคุณเต! เด็กคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ มั้ยครับ” เตชินทร์ชะงักก่อนจะมองกลับไปยังเวที เพ่งมองสักพักอย่างครุ่นคิด

“เฮ้ย! นั่นมันไอ้เด็กแฝดมารยาทแย่ที่เจอบนชายหาดตอนนั้นนี่หว่า!”



Choose me by your heart เป็นละครเวทีผสมละครเพลงแนวแฟนตาซี ดำเนินเรื่องโดยตัวแสดงนำสามคนคือภูผาในบทเจ้าชาย น้ำฟ้าในบทเจ้าหญิง และฟ้าครามในบทพ่อมดที่สวมชุดคลุมยาวและหน้ากากปกปิดใบหน้าตลอดเวลา เจ้าชายและเจ้าหญิงต่างถูกหมั้นหมายกันตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ แต่ขณะที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกันกลับถูกขัดขวางโดยพ่อมดร้ายที่โผล่มาทวงคำสัญญาที่เจ้าหญิงเคยให้ไว้ในวัยเด็กว่าจะแต่งงานด้วย เรื่องราวส่วนใหญ่ก็คือการต่อสู้ห้ำหั่นกันระหว่างเจ้าชายกับพ่อมด พล็อตเรื่องก็คล้ายๆ กับนิทานเจ้าหญิงเจ้าชายทั่วไป แต่ที่น่าประทับใจก็คือฉากต่างๆ ที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างอลังการและการใช้นักแสดงสมทบเป็นจำนวนมากในการเต้นประกอบแต่ละฉากทำให้ดูเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการดึงเพลงป๊อปในปัจจุบันมาร้องประกอบเพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมอีกด้วย

และแล้วการดวลกันระหว่างเจ้าชายกับพ่อมดครั้งสุดท้าย เจ้าชายก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะทั้งที่เสมอกันมาตลอด

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าหญิงจะรักเเกจริงๆ ” พ่อมดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะหายตัวไป

ในฉากสุดท้ายงานอภิเษกสมรสได้ถูกจัดขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหญิงเกาะแขนพระราชาเดินตรงไปหาเจ้าชายที่ยืนรออยู่หน้าปะรำพิธี

ทันใดนั้นเองประตูโบสถ์ก็ถูกเปิดออก เสียงกรี๊ดจากผู้ชมดังสนั่นหวั่นไหวจนมหาวิทยาลัยแทบพัง เพราะคนที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นหน้าตาเหมือนกับเจ้าชายราวกับเเกะ!





“ข้าขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้! เจ้านั่นเป็นเจ้าชายตัวปลอม!!”














*เพลง: ฉันก็รักของฉัน (เพลงประกอบละคร สามีตีตรา)

ศิลปิน: นิว จิ๋ว





ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :3129: :3129: ค้างมีแค่นี้เหรอจาอาววววอีก จาอาวววอีก  :katai5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แฝดจะรู้มั้ยนะว่าพี่ที ซื้อน้ำไปให้  :hao3:
ให้สงสัยแฝดจะรู้ความลับของพี่ทีได้ยังไง   :really2:
เต จะทำอะไรกับแฝดหรือเปล่า

แฝด ที   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อย่าบอกนะว่าอีกฝ่ายก็เป็นพ่อมดตัวปลอมเหมือนกัน  :laugh:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 เมื่อไหร่จะได้รักกัน

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
“ข้าขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้! เจ้านั่นเป็นเจ้าชายตัวปลอม!!”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!

เสียงกรี๊ดดังลั่นสนามจนปีใหม่ที่ยืนกอดอกยืนดูอยู่หน้าเวทีต้องยกมือขึ้นมาอุดหู แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์นักเมื่อต้นเสียงที่ดังกว่าใครนั้นมาจากคนข้างๆ เขานี่แหละ

“กรี๊ดดดด!! น้องภูน้องครามเท่ที่สุดดดด ใหม่ๆ ๆ น้องหล่อทั้งคู่เลยอะทำไงดี ถ้าเราเป็นเจ้าหญิงเราเลือกไม่ถูกเลยนะเนี่ย!” เอิ๊บกรี๊ดกร๊าดเอาป้ายไฟที่สั่งทำมาใหญ่เป็นพิเศษตีแขนเขาด้วยใบหน้าเขินอาย

“ก็ไม่ต้องเลือก =_=” ปีใหม่ทำหน้าเบื่อหน่าย พลางนึกรำคาญเสียงกรี๊ดรอบตัวที่ดังไม่หยุดเสียที ชิ! ก็แค่ผู้ชายสองคนหน้าตาเหมือนกันมีอะไรน่าตื่นเต้นนักหนา หน้าตาก็…งั้นๆ แหละ น้องรหัสเขาหล่อกว่าตั้งเยอะ! (ยังคงไม่ยอมรับว่าน้องรหัสตัวเองเป็นตุ๊ด)

“ใหม่อ่ะ!! เอาไปถือเลย! เราเมื่อยแขนแล้ว”

“อ้าว! ไหงงั้นอ่ะ” ปีใหม่ถูกแฟนสาวยัดเยียดป้ายที่สั่งทำมาแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบใส่มือมาอย่างเสียมิได้ พอมองถ้อยคำบนป้ายปีใหม่ก็ได้แต่เบ้ปากกลอกตามองบน





‘ภูผา FIGHTING! I LOVE U (รูปหัวใจสองดวง) ’





“ทำไมต้องทำหัวใจสองดวง? ดวงเดียวก็พอแล้วมั้งที่จริง” ปีใหม่ชี้รูปหัวใจสองดวงบนป้าย ไม่เข้าใจว่าจะทำให้มันเยอะทำไม ต้องเสียตังค์เพิ่มอีก

“อ๋อ นี่ใจเรา ส่วนนี่ใจใหม่ หมายความว่าเราสองคนเอาใจช่วยน้องเต็มที่ไง^^” เอิ๊บยิ้มน่ารัก ชี้หัวใจแต่ละดวงพร้อมอธิบายไปด้วย

ปีใหม่ได้แต่มองรอยยิ้มนางฟ้าของแฟนสาวแล้วกลืนคำที่จะพูดลงคอ

‘ใครเขาจะอยากส่งใจเชียร์สองคนนั้นกันฟระ!!!’

หลังจากเสียงกรี๊ดกร๊าดทั้งหลายเงียบลงการแสดงก็ดำเนินต่อไป บนเวทีคือฉากในท้องพระโรงที่แขกเหรื่อทุกคนต่างจ้องมองเจ้าชายสองคนตาค้าง

“มันคือพ่อมดที่แปลงกายเลียนแบบข้า ข้าต่างหากคือเจ้าชายตัวจริง …ข้าคนนี้ต่างหากเจ้าชายพระคู่หมั้นของท่าน คนที่ท่านรักมาโดยตลอด”

“ข้าต่างหากคือเจ้าชายตัวจริง … พ่อมดเอ๋ย การประลองครั้งก่อนก็ตัดสินผลแพ้ชนะไปแล้วมิใช่หรือ เจ้าควรยอมรับแล้วจากไปแต่โดยดีการบุกเข้ามาขัดขวางพระราชพิธีเช่นนี้สมควรแล้วรึ นี่เจ้าไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรืออย่างไรกัน” ร่างบนปะรำพิธีเอ่ยโต้อย่างเยือกเย็น

“นั่นสมควรเป็นคำพูดของข้า ไม่ใช่คำพูดของเจ้า”

“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!” เป็นเสียงของเจ้าหญิงที่ดังขึ้นหยุดบทสนทนาตอบโต้กันระหว่างเจ้าชายสองพระองค์

“เรารู้ว่าใครคือเจ้าชายตัวจริงและใครคือพ่อมดผู้โกหกหลอกลวง แม้ว่าพวกท่านจะหน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่สำหรับข้าพวกท่านช่างแตกต่างกันเหลือเกิน”

เจ้าชายทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรไปที่เจ้าหญิงอย่างตกตะลึงก่อนที่จะหันมาสบตากันเองราวกับจะวัดใจกันเป็นครั้งสุดท้าย เพียงอึดใจเจ้าชายผู้ประทับบนปะรำพิธีก็ตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยน

“ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขอให้เจ้าหญิงทรงเลือกด้วยองค์เองเถิด”

เจ้าหญิงทอดพระเนตรเจ้าชายทั้งสองพระองค์ชั่วครู่ ก่อนจะหลับพระเนตรลง…

ทั่วทั้งสนามที่ใช้จัดงานประกวดเงียบกริบ ผู้ชมต่างพากันลุ้นไปกับการเลือกของเจ้าหญิง

เจ้าหญิงลืมตาขึ้น ก้าวเดินไปยังปากประตูที่เจ้าชายองค์หนึ่งยืนรออยู่

เจ้าชายฉีกยิ้มกว้าง กางแขนโอบกอดเจ้าหญิงเอาไว้

“ท่านพ่อมด ข้าต้องขอโทษท่านด้วยที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่านในวัยเด็ก แต่ข้าไม่อาจรักใครนอกจากเจ้าชาย ได้อีกแล้วจริงๆ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด …ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะต้องได้พบกับคนที่คู่ควรกับท่านและรักท่านอย่างสุดหัวใจแน่นอน” เจ้าหญิงผละออก ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยให้กับคนที่ตนเรียกว่าพ่อมด เสียงฮือฮาและเสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อเรื่องกำลังพลิกล็อก เจ้าหญิงกลับหลังหันเดินไปยังปะรำพิธีแล้ววางพระหัตถ์ทั้งสองข้างลงบนพระหัตถ์ของเจ้าชายที่ยื่นมารออยู่แล้ว

ทั้งสองมองตากันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่เสียงทุ้มแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความตื้นตันจะเอ่ยถาม

“ท่านแน่ใจใช่ไหมว่าข้าคือตัวจริง ท่านแน่ใจแล้วใช่ไหมที่เลือกข้าคนนี้”

“แน่ใจสิเพคะ ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน …” เจ้าหญิงทาบมือลงบนอกซ้ายของตัวเองก่อนจะย้ายมือไปทาบที่อกซ้ายของชายตรงหน้า



“เพราะข้าเลือกท่านด้วยหัวใจ”







ม่านการแสดงปิดลงพร้อมกับไฟบนเวทีที่มืดสนิด ผู้ชมต่างโห่ร้องและปรบมือให้อย่างประทับใจ นับเป็นการปิดการแสดงที่เพอร์เฟ็ค…อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน

จู่ๆ แสงสปอตไลท์ก็ฉายลงไปที่จุดจุดเดียว เสียงปรบมือและเสียงชื่นชมเงียบลงในทันใดด้วยความงุนงงของผู้ชมที่คิดว่าการแสดงนั้นจบแล้ว

เจ้าชายตัวปลอมยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนเวทีก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

“ทำไมมมมมม!! ทำไมถึงไม่เลือกข้าาาาา เจ้าหญิงงงงงงงงง แงๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” เจ้าชายตัวปลอมลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นเวที เรียกเสียงฮาครืนจากผู้ชม

หลังจากร้องไห้ชักดิ้นชักงอสักพัก เจ้าชายตัวปลอมก็ลุกขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะค่อยๆ แกะกระดุมชุดทักซิโด้ทีละเม็ด ถอดเสื้อออกแล้วโยนทิ้งไปทีละชิ้นๆ

กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!! สาวๆ หลายคนรีบควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเป็นการใหญ่

แต่พอจะถอดชั้นสุดท้ายเจ้าตัวกลับหันหลังแล้วค่อยถอดซะนี่ เล่นเอาเก้งกวางบ่างชะนีถอดหายใจด้วยความเสียดายเป็นการใหญ่

ทันทีที่เสื้อกล้ามหลุดออกจากตัวก็ปรากฏเป็นปีกเล็กๆ เหมือนนกติดอยู่ที่แผ่นหลังขาวสะอาด พื้นหลังของเวทีเปลี่ยนเป็นรูปท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝูงนก …ชายหนุ่มกางแขนออกทำท่าโผบิน

ตัวอักษรค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฉากเป็นคำว่า…

I believe I can fly







“เชี่ยยยย! เจ๋งโคตร กูว่าเข้ารอบสามคนสุดท้ายแน่” แท็คออกความเห็นหลังการแสดงของภูผาจบลง

“เราเล่นเอาฝาแฝดมาแสดงทั้งคู่อย่างงี้ไม่ดูขี้โกงคณะอื่นหรอครับพี่ที” ซินเซียร์หันไปถามคนที่นั่งชมการแสดงเงียบๆ มาตลอด ร่างสูงในเสื้อช็อปเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์

“อะไรนะซินเซียร์พี่ไม่ทันฟัง”

ซินเซียร์ทวนคำถามอีกครั้งแต่คนที่ตอบกลับเป็นแท็ค

“หึ ไม่หรอก …ปีที่แล้วคณะแพทย์เล่นส่งแฝดสามขึ้นเวทีพร้อมกันเลยนะ”

“ฮะ! จริงอ่ะพี่ โหยสุดยอด อยากเห็นจัง!”

“อ้าว อยู่มาตั้งนานไม่รู้จักได้ยังไง สามคนนี้ดังจะตายนะซินเซียร์ เราไปอยู่ไหนมา” ก้อยว่าขำๆ ก่อนจะเขี่ยจอโทรศัพท์ครู่หนึ่งแล้วยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม

“นี่ไง …ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี คนที่ประกวดเดือนคือไม้โทคนตรงกลางน่ะ” ซินเซียร์มองรูปในมือถือ ก่อนจะชะงักทำหน้าทำตาแปลกๆ

“หล่อจนตะลึงเลยหรือไงหือ” ทีหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นหลานรหัสทำหน้าตาตลกๆ หลังส่งมือถือคืนให้ก้อย ซินเซียร์ยิ้มแหยๆ ส่ายหน้าน้อยๆ ดูมีพิรุธสุดๆ แต่เหล่ารุ่นพี่ก็ไม่คิดไล่ถามเอาความอะไร

ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้การประกวดดาวเดือนมีแค่สองรอบเท่านั้น รอบแรกคือการแสดงความสามารถพิเศษ สามคู่แรกที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากผู้เข้าชมก็จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย หลังจากนั้นดาวกับเดือนจะประกวดแยกกัน ในรอบนี้เดือนหรือดาวทั้งสามคนจะต้องจับสลากแล้วตอบคำถามที่ตัวเองได้จากนั้นกรรมการจะคัดเหลือสองคนสุดท้าย ซึ่งจะชิงตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยด้วยการตอบคำถามเดียวกัน

“โซลมึงว่าไอ้แฝดจะมีโอกาสได้มั้ย” แท็คหันไปถามคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาแชทมาตลอดตั้งแต่การแสดงของคณะวิศวะจบลงไป

“อาจจะผ่านเข้ารอบสอง แต่กูไม่คิดว่าเด็กนั่นจะชนะรอบตอบคำถาม ปีนี้ยังไงคณะแพทย์ก็ต้องเข้ารอบสุดท้ายด้วยแน่นอน”

“ทำไมล่ะครับพี่โซล?”

โซลปรายตามองคนช่างถามก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอมือถือไม่คิดจะตอบอะไรอีก

“เดือนคณะแพทย์ปีนี้…ไม้จัตวา เป็นลูกพี่ลูกน้องของแฝดสามเมื่อปีที่แล้วน่ะสิ คิดว่าน่าจะถูกเทรนด์วิธีตอบคำถามมาดีเลยล่ะ ปีที่แล้วคำตอบของไม้โททำเอากรรมการเทคะแนนเต็มให้เลยนะ พี่เองยังอึ้ง ไม่คิดว่าจะตอบได้ลึกซึ้งขนาดนั้น ไม่แปลกใจที่ปีก่อนคณะแพทย์คว้าตำแหน่งเดือนไปได้…เนอะที” ก้อยหันไปขอแรงสนับสนุน

“อืม …เป็นอย่างนั้นแหละ”

หลังคอนเสิร์ตคั่นเวลาจบลง พิธีกรทั้งสองก็ขึ้นมาบนเวทีพร้อมผู้เข้าประกวดดาวเดือนจากทุกคณะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมเข้าไปมอบดอกกุหลาบให้ผู้เข้าประกวดได้ ใครที่ได้รับดอกกุหลาบมากที่สุดก็จะได้รางวัล Popular vote ไปครอง

รางวัลนี้ทีรู้อยู่แก่ใจว่าก็แค่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการหาเงินเข้าสภานิสิตจากการขายดอกกุหลาบเท่านั้นแหละ พอเห็นผู้คนต่อแถวแย่งกันซื้อดอกไม้เพื่อนำไปมอบให้คนที่ตนเองเชียร์แล้วทีก็ได้แต่ถอนหายใจแทนพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้น เงินก็ยังหาเองไม่ได้ ยังจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีก เห็นบางคนซื้อแบบเป็นช่อใหญ่ช่อละพันทีก็ได้แต่ส่ายหัวในใจ ผิดกับหน้าของประธานสภาที่ยิ้มกว้างอย่างหาดูได้ยากมือนั่งนับเงินเป็นระวิง ทีได้แต่คิดในใจว่าตัวเองจะไม่ตกเป็นเหยื่อการตลาดของไอ้สนุกเด็ดขาด

เป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้จริงๆ สำหรับ คณะแพทย์ และวิศวะผ่านเข้ารอบกันทั้งคู่ ส่วนอีกคณะที่เข้ารอบมาก็คือสถาปัตย์ฯ

การประกวดตอบคำถามของผู้เข้าชิงตำแหน่งดาวเริ่มขึ้นก่อน หลังจากผู้เข้าประกวดต่างแสดงไหวพริบจากการตอบคำถามกันอยู่ครู่ใหญ่ ผลการตัดสินก็คือ ชิงชิงจากสถาปัตย์ฯ คว้าตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยไปครอง ส่วนน้ำฟ้าได้ตำแหน่งรองดาวมหาวิทยาลัย

และแล้วการประกวดตอบคำถามของทางฝั่งเดือนก็มาถึง ไม้จัตวาหนุ่มหล่อมาดนิ่งจากคณะแพทย์ ภูผาเจ้าชายรวยยิ้มขี้เล่นจากคณะวิศวะ และ ดีออนหนุ่มหัวเทามาดเซอร์ท่าทางสบายๆ จากคณะสถาปัตย์ฯ ยืนเรียงกันอยู่บนเวที เรียกเสียงกรี๊ดเสียดแก้วหูดังอยู่หลายนาที ดีออนล้วงมือลงไปในกล่องเป็นคนแรกแล้วส่งกระดาษคำถามให้พิธีกร

“สำหรับคำถามที่น้องดีออนจับได้นะครับ…หากคุณได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้ คุณจะใช้ตำแหน่งที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับสาธารณชนอย่างไรบ้างครับ” ถามจบพิธีกรหญิงอีกคนก็ส่งไมค์ให้ดีออนรับไปถือ

คำแรกที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบได้รูปนั่นคือ

“โอ๊ยยากจัง ไม่สิ รุ่นพี่สอนว่าต้องพูดว่าขอบคุณสำหรับคำถามนี่นา…งั้นก็ขอบคุณสำหรับคำถามครับ” ดีออนยิ้มรอเสียงหัวเราะจากด้านล่างเวทีซาลงในหัวพยายามเรียบเรียงคำตอบไปด้วย จำได้ว่าคำถามนี้มีทุกปี แล้วรุ่นพี่ก็เขียนโพยคำตอบให้เขาท่องไว้แล้วด้วย

แต่ชิบหาย…เขาท่องโพยเยอะเกินจนมันตีกันไปหมดแล้วอ่ะ

“ว่ายังไงคะ คำตอบของน้องดีออนคืออะไรเอ่ย”

“ขอแง้มโพยแปบนึงนะครับ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระดาษยับๆ ออกมาไล่สายตามองเร็วๆ แล้วรีบยัดใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“ถ้าผมได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้หรอครับ ... ผมจะทำประโยชน์ให้สาธารณชนโดยการเอาเงินรางวัลที่ได้จากการประกวดพาเพื่อนทั้งชั้นปีไปเลี้ยงหมูกระทะครับ J”

ทันทีที่ได้เห็นพฤติกรรมและคำตอบของเดือนสถาปัตย์ฯ หลายๆ คนก็เกิดความคิดต่างๆ กันไป

ไอ้ห่านี่หนักกว่าไอ้นิ้วสั้นนิ้วยาวคณะกูอีก ใครเลือกมันมาวะ ปีใหม่คิด

ใครเป็นคนเขียนโพยให้มันวะเนี่ย แน่ใจนะว่านี่โพย คำตอบโคตรติงต๊อง แท็คคิด

น้องมันพูดเชิงการใช้ความหมายแฝงหรือเปล่าวะ ต้องการสื่ออะไรกันแน่นะ คงไม่ได้หมายความตรงตัวจริงๆ ใช่ไหม ทีคิดจนหัวแทบแตก

อ๊ายยยย หนุ่มเซอร์มาดกวน น่าร๊ากกกกก ความคิดของสาวๆ ส่วนใหญ่

ตัดมันออกไปจากสารบบ! ความคิดของคณะกรรมการ



สำหรับคำถามที่ภูผาและไม้จัตวาได้รับก็เป็นคำถามทั่วไปที่มักจะวนถามอยู่แล้วทุกๆ ปี แม้คำตอบของภูผาจะค่อนข้างเป็นไดอะล็อกเดียวกันกับรุ่นพี่ปีก่อนๆ แต่เมื่อเทียบกับดีออนแล้วก็นับว่าดีกว่ามาก เจ้าตัวจึงผ่านเข้ารอบชิงสองคนสุดท้ายอย่างง่ายดาย

บนเวทีเหลือเพียงภูผาในชุดทักซิโด้สีขาวสะอาดตา กับ ไม้จัตวาในชุดสูทแฟชั่นลายทางสีกรมท่า ทั้งสองคนต่างก็ระบายยิ้มบนใบหน้าส่งให้แฟนคลับของตัวเองด้านล่างเวที

ภูผามองตรงไปยังทีที่นั่งอยู่แถวกลางๆ กับเพื่อนๆ และซินเซียร์ จังหวะที่ทีเงยหน้าสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกันพอดี ภูผายกมือโบกให้เบาๆ ทีมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่กก่อนจะทำเป็นเสมองไปด้านข้างแทน

พี่ทีคนซึนเอ๊ย!

ภูผาหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนจะจับไม้ที่อยู่ในมือพิธีกรหนุ่มพร้อมกันกับไม้จัตวา เมื่อพิธีกรแบมือออก ไม้ที่อยู่ในมือของไม้จัตวายาวกว่าไม้ของภูผา ดังนั้นไม้จัตวาจึงได้รับสิทธิ์ตอบคำถามก่อน

“เอาล่ะครับ และแล้วก็มาถึงคำถามสุดท้าย คำถามนี้ได้รับการอนุเคราะห์มาจากคุณเตชินทร์ สปอนเซอร์หลักของงานประกวดในครั้งนี้นะครับ ถามว่า…แตกนอก กับ แตกใน อย่างไหนจะอันตรายกว่ากัน”

นี่มันคำถามอะไรวะเนี่ยยย!! คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากวงการต่างๆ หน้าเหวอกันเป็นแถบ ปกติคำถามที่จะใช้ถามในการประกวดต้องผ่านการกลั่นกรองความเหมาะสมจากหลายๆ ฝ่ายเสียก่อนจึงจะนำมาใช้ถามได้ แต่ในกรณีนี้คำถามถูกส่งมาจากสปอนเซอร์ใหญ่โดยตรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ทางผู้จัดงานยากที่จะปฏิเสธคำขอของสปอนเซอร์รายนี้ได้

คำถามแบบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าไม้จัตวาที่เรียนมาทางสายวิทย์สุขภาพย่อมได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมไม้จัตวายังได้โอกาสตอบเป็นคนแรก หากเขาสามารถตอบได้ครบถ้วนไม่เหลือช่องโหว่ใดๆ ภูผาที่ได้ตอบหลังจากไม้จัตวาย่อมเสียเปรียบอย่างเต็มประตู

หรือว่าสปอนเซอร์รายนี้ต้องการล็อกผลให้ไม้จัตวาเป็นฝ่ายชนะกันนะ? ทีคิด พลันความรู้สึกไม่พอใจก็พวยพุ่งขึ้นมาในอก คำถามนี้มองยังไงก็เป็นคำถามปลายปิดที่เอื้อประโยชน์ให้ไม้จัตวาเต็มๆ ต่อให้ไม้จัตวาจะได้ตอบเป็นคนที่สองก็ย่อมต้องตอบได้ดีกว่าภูผาที่ไม่ได้เรียนมาทางวิทย์สุขภาพแน่อยู่แล้ว ปกติคำถามทุกอย่างในการประกวดจะต้องเป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้เข้าประกวดได้แสดงทัศนคติอย่างเต็มที่ ซึ่งคำถามจากสปอนเซอร์รายนี้ทีมองยังไงก็ไม่เห็นทางที่จะให้ตอบอะไรพลิกแพลงแสดงความคิดเห็นได้เลย นี่มันคำถามความรู้เชิงวิชาการชัดๆ!

ไม้จัตวารับไมค์มาไว้ในมือ ยิ้มมุมปากอย่างสุขุมเกินวัย

“ขอบคุณสำหรับคำถามครับ …สำหรับการมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่ว่าจะหลั่งนอกช่องคลอด หรือ หลั่งในช่องคลอด ก็ล้วนแต่มีความอันตรายพอๆ กันครับ อันตรายที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงแต่อาจก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย… หลายๆ คนอาจคิดว่าการหลั่งนอกช่องคลอดหรือที่พูดสั้นๆ ว่า ‘หลั่งนอก’ จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ นั่นไม่ใช่เรื่องจริงครับ เพราะขณะมีเพศสัมพันธ์น้ำอสุจิจะมีการไหลออกมาตลอดเวลาอสุจิบางส่วนจึงมีโอกาสที่จะเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก เสียเงินไม่กี่บาทซื้อถุงยางเถอะครับ อย่าให้ความมักง่ายของคุณทำลายอนาคตของผู้หญิงที่คุณรักเลยนะครับ ….ขอบคุณครับ ” ไม้จัตวาเลือกตอบด้วยภาษาพูดที่อธิบายให้เข้าใจง่าย ชัดเจน ตรงประเด็น และทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ผู้ฟังประทับใจ

เป็นคำตอบที่ชัดและครอบคลุม ไม่มีช่องโหว่ใดๆ เหลือให้ภูผาได้ยกขึ้นมาพูดเสริมทำคะแนนได้เลย…

การประกวดในครั้งนี้เริ่มรู้ผลแพ้ชนะรำไรตั้งแต่ภูผายังไม่อ้าปากตอบคำถามแล้ว…

“งั้นพี่จะขอทวนคำถามให้ฟังอีกรอบนะครับ น้องภูผาคิดว่าระหว่าง แตกนอก กับ แตกใน อย่างไหนจะอันตรายกว่ากันครับ ”

“ขอบคุณสำหรับคำถามครับ…”

ปีใหม่อยากจะปิดหูไม่อยากฟังคำตอบของภูผาอีกต่อไป ผลมันชัดเจนอยู่แล้วว่าตอบยังไงก็สู้ไม้จัตวาที่ตอบดักทุกทางไว้หมดไม่ได้ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสารรุ่นน้องขึ้นมา และคาดว่าคงไม่ใช่แค่ปีใหม่ แต่ชาววิศวะทุกคนก็คงคิดแบบเดียวกัน







“……ผมคิดว่าแตกนอก…” ”





#เกียร์คู่


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อย่างแรงงงงงงงงงงงงงงง  :ling1:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
คำตอบต้องวกไปหทีแน่ๆเราเชื่อใจนาย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลุ้นๆๆๆๆ............... :z3: :z3: :z3:
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง   :ling1: :ling1: :ling1:
ที สงสารภูผา ฮืออออ   :hao5:

แฝด ที   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พี่ทีใจดีมากนะ ถึงปากจะบ่นไปขนาดนั้น แต่การกระทำก็ใจดีกับน้องมาก
คนที่ใจร้ายจริงๆ เค้าไม่มานั่งโทษตัวเองว่าทำไม่ดีหรอก ไม่มามัวใส่ใจใครหรอก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ ต้องรู้อยู่แล้วว่าลูกเป็นคนยังไงนิสัยยังไง หลอกพ่อแม่มันยากนะที

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
แฝดคิดว่า ทำอย่างนี้พี่ทีจะหลงกลหลวมตัวให้ใช่มั้ย แต่เราว่า อย่างทีไม่น่าหลงกลแฝดง่ายๆแน่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด