Ai Adore You.
#ขอรักแค่คุณ
ตอนที่ 35
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ บอกผมบ้างได้มั้ย” อาคิราห์พึมพำขณะที่นั่งพิงอกกว้างเล่นอย่างสบาย รู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นจัดคลอเคลียอยู่แถวริมหูและซอกคอ “อย่างน้อยผมก็ควรจะต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันกำลังจะล่อตัวการของเรื่องนี้ออกมา” พิชช์ฌานพูด ไล้ปลายนิ้วลงบนหลังมือของเจ้าโอเมก้าเบาๆ “อีกไม่นานหรอก อาคิราห์ ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย”
“แล้วคุณจะแกล้งตายไปอีกนานแค่ไหน ผมเบื่อที่จะต้องคอยตีหน้าเศร้าแล้วนะ” อาคิราห์ย่นจมูก “ผมไม่อยากโกหกเลย”
“แหม แล้วเมื่อกี้ใครนะเล่นละครเสียใหญ่โต เอามีดแทงท้องแถมล้มลงไปกองกับพื้นอีก ยังดีนะไม่ชักแด่วๆแถมด้วย” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ พอมานึกย้อนถึงภาพเหตุการณ์คนเล่นใหญ่เมื่อครู่แล้วก็อดขำไม่ได้
“ก็คุณหลอกผมก่อน” อาคิราห์ว่า “ตอนแรกผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าควรจะดิ้นไปรอบๆห้องหน่อยมั้ย แต่ไม่เอาดีกว่า หมดแรงแล้ว...เหนื่อย”
“อย่าบอกว่าหิวอีกแล้วนะ” พิชช์ฌานรีบดักคอ อีกคนยิ้มแหยๆ
“ผมใช้พลังงานไปเยอะนะเมื่อกี้ อดกินน้ำด้วยเพราะต้องเก็บมาราดพุง” อาคิราห์พูด ชี้ไปที่เสื้อของตัวเองที่เปื้อนคราบสีแดงเป็นวงกว้าง “อุตส่าห์บอกป้านิ่มว่าอยากกิน”
“นี่ถ้าป้านิ่มรู้ว่าเอามาเททิ้งได้โกรธตายเลย” พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม คนฟังคิดตามแล้วก็หน้าจ๋อยเพราะไม่เคยทิ้งขว้างของกินมาก่อน “ป้านิ่มคงไม่ทำให้กินแล้วแน่ๆ” ชายหนุ่มแกล้งพูดต่อ กลั้นหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเครียดขึ้นทันที
“ป้านิ่มต้องไม่รู้เรื่องนี้” อาคิราห์พูด ดึงตัวลุกขึ้นอย่างแข็งขัน
“จะไปไหนน่ะ”
“ทำลายหลักฐาน” เจ้าโอเมก้าบอก คว้าทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดพื้นที่เปียกแฉะ จากนั้นก็ถอดเสื้อที่เปื้อนออก
ผิวสีน้ำผึ้งสว่างเนียนปรากฏแก่สายตาจนคนแอบมองตาพร่าไปชั่วขณะ หน้าท้องที่นูนเล็กน้อยกับเนื้อตัวอิ่มเอิบดูเต็มไม้เต็มมือขึ้นนั้นทำให้พิชช์ฌานกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ จับจ้องมองตามร่างของโอเมก้าตาไม่กะพริบ
เจ้าของร่างก็ดูจะไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าถูกจ้องมองอยู่ อาคิราห์ถือเสื้อเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ พยายามซักเอาคราบสีแดงเข้มออกจากเนื้อผ้าสีขาวพลางนึกบ่นอยู่ในใจว่าไม่น่าเลือกเสื้อขาวเลย
ใครบางคนเดินมาพิงประตูห้องน้ำเอาไว้ เอียงคอมองเสี้ยวหน้าเรียวหวานรับกับเส้นผมสลวยสีน้ำตาลเข้มนั้น ลำคอระหงกับรอยบุ๋มที่ไหปลาร้าทั้งสองข้างเรื่อยลงมายังแผ่นอกเรียบเนียนดึงดูดสายตาอย่างประหลาด โดยเฉพาะกับจุดสีเข้มสองจุดนั้น
“จะมาช่วยผมซักเหรอ” อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม มือก็ขยี้เสื้อไปด้วย “เสื้อคุณก็เปื้อนนะ ถอดมาซักสิ” เขาพยักพเยิดไปทางเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายที่มีคราบสีแดงติดอยู่ด้วย
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนที่พิชช์ฌานจะถอดเสื้อตัวนั้นออกจากตัวอย่างรวดเร็วตามด้วยกางเกงขายาวที่สวมอยู่ ร่างสูงใหญ่สมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามสวยงามมีเพียงกางเกงชั้นในปกปิดกลางลำตัวเอาไว้ อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองอ้าปากค้างอย่างตกใจ
“เห้ย คุณถอดทำไม”
“ก็บอกจะซักไม่ใช่เหรอ” อัลฟ่าหนุ่มตอบหน้าตาย ส่งเสื้อกับกางเกงของตนเองไปให้ เจ้าโอเมก้าเหลือบมองหน้าท้องที่มีไรขนอ่อนบางๆเรียงตัวหายไปในขอบชั้นในสีขาวนั้นแล้วก็หน้าร้อนผ่าว พูดโดยไม่มองหน้า
“คุณออกไปรอข้างนอกก่อน ผมจะจัดการให้”
“กางเกงของเธอก็เปื้อนนะ” พิชช์ฌานไม่ขยับตัวแถมยังพูดต่อลอยๆ เลิกคิ้วมองกางเกงที่อาคิราห์สวมอยู่แล้วยิ้มมุมปาก “ถอดมาซักเลยสิ”
“เดี๋ยวผมค่อยซักทีหลัง” อัยย์พูดอุบอิบ หันไปคว้าผ้าเช็ดผมผืนเล็กมาพาดคอเอาไว้เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสายตาคมวาวที่คอยแวะเวียนมองมาทางเขาผิดปกติ “คุณออกไปรอข้างนอกก่อน อยู่ในนี้เกะกะ”
“เดี๋ยวนี้ไล่ฉันออกจากห้องหรอเจ้าบู้บี้” เจ้าของบ้านตัวจริงพูดเสียงสูง นัยน์ตาคมกริบเป็นประกายระยิบระยับ “นี่มันบ้านของฉันนะ”
“งั้นคุณมาซักผ้า ผมจะไปรอข้างนอกเอง” อาคิราห์พูดหน้าตาย ส่งผ้าในมือให้อีกฝ่ายรับเอาไว้ พิชช์ฌานรับผ้ากองนั้นมาเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่สนใจแล้วคว้าข้อมือของคนที่จะหลบออกจากห้องน้ำเข้าหาตัว
อาคิราห์อุทาน เซเข้ามาปะทะแผ่นอกที่รอรับอยู่
“ปล่อยผม ผมไม่เล่นด้วย”
“ใครเขาเล่นกันเล่า เขาเอาจริง” พิชช์ฌานพึมพำ ก้มลงแตะริมฝีปากและจมูกไปตามผิวเนื้อนวลเนียนนั้น กลิ่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ยังทิ้งคราบอยู่บนเนื้อตัวของอีกฝ่ายผสมกับกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของโอเมก้าทำให้อารมณ์บางอย่างของอัลฟ่าตื่นตัวขึ้นทันควัน
“ไม่เอา..” อาคิราห์โวยวาย พยายามดิ้นหนีแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มที สัมผัสของฝ่ายนั้นกระตุ้นให้ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วเหมือนเปลวไฟกับน้ำมัน ปลายลิ้นอุ่นจัดไล้วนรอบสะดือบุ๋มและหน้าท้องราวกับจะลิ้มชิมรสชาติของน้ำหวานที่ยังเหลืออยู่บนผิว พิชช์ฌานดันตัวเขาไปจนถึงอ่างอาบน้ำแล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำเอาไว้
“อาบน้ำกันนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงพร่า เผลอนิดเดียวกางเกงที่อาคิราห์สวมอยู่ก็ถูกปลดออกจากตัวพร้อมกับชั้นใน พิชช์ฌานพาเขาเข้ามานั่งในอ่างอาบน้ำด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวและสะโพกเต็มตึงจนอาคิราห์รู้สึกเจ็บไปหมด จะไม่แปลกใจเลยถ้าพรุ่งนี้มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆเพราะแรงบีบเค้นเข้า
โดยเฉพาะยอดอกทั้งสองข้างที่ถูกสัมผัสดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็นของหวานถูกปาก บางครั้งฟันคมๆนั้นก็จะขบเม้มทำให้เขาสะดุ้งปนกับความวาบหวามจนต้องแอ่นตัวออก อยากหนีให้พ้นแต่ก็โหยหาอยู่ในที ไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ได้ถูก
“เมื่อกี้เธอแทงตรงนี้มิดด้ามเลยใช่มั้ย” พิชช์ฌานกระซิบ ก้มลงงับหน้าท้องนิ่มๆนั้นเล่นอย่างมันเขี้ยว
“อัยย์เปล่าแทงนะ” อาคิราห์พึมพำแทนชื่อตัวเองอย่างเผลอตัว ท่อนขาเรียวยาวพาดคาอยู่ที่เอวของอัลฟ่าราวกับไม่ตั้งใจ ทว่าอาการขยับตัวจนแนบชิดนั้นก็ทำให้พิชช์ฌานยิ้มกว้าง มองหน้าคนที่กำลังบิดตัวเร้ามองเขาตาปรอยด้วยแววตาเว้าวอนกันอยู่ในทีอย่างเอ็นดู ก่อนจะก้มลงไปหาตัวตนของโอเมก้าที่กำลังเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ลุกโชน
ความร้อนจัดและปลายลิ้นที่เต็มไปด้วยทักษะของอีกฝ่ายทำให้อาคิราห์หวีดร้องเสียงหลง ขยับตัวเข้าหาโดยไม่รู้ตัว มือจิกบนขอบอ่างอาบน้ำแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว
พิชช์ฌานเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าเรียวหวานที่เบะปากออกเหยเกเพราะความเสียวซ่านนั้น ผิวผ่องกลายเป็นสีแดงระเรื่อทั้งตัว อาคิราห์ร้องออกมาสุดเสียงแล้วโผเข้ากอดคอเขาเอาไว้แน่น ตัวสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยออกมา
อัลฟ่าหนุ่มเช็ดของเหลวออกจากริมฝีปากช้าๆ ก้มลงจุมพิตอีกฝ่ายยาวนานและดูดดื่ม ตักตวงเอาความหอมหวานที่เขาคิดถึงทุกครั้งยามที่หลับตาลง ดันร่างโปร่งบางให้เอนลงกับอ่างอาบน้ำอีกครั้ง เขาจับท่อนขาเรียวแยกออกจากกันเพื่อสำรวจดูบางสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า
อาคิราห์ตัวสั่นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ลูบไล้อยู่รอบช่วงล่าง เจ้าโอเมก้าพยายามหนีบขาเข้าหากันแต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเอาเสียเลยเพราะร่างสูงใหญ่แทรกอยู่ระหว่างกลาง พิชช์ฌานสอดนิ้วเข้ามาในตัวของเขาช้าๆ น้ำอุ่นๆที่รองรับรอบตัวช่วยให้ผ่อนคลายลงบ้างแต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น พอถึงจุดหนึ่งเขาก็ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นด้วยความเจ็บปวดอยู่ดี
“ฉันขอมิดด้ามบ้างได้มั้ย” คำพูดของพิชช์ฌานทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดตู้มอยู่ในหัว อาคิราห์อ้าปากค้าง ไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธด้วยซ้ำตอนที่อีกฝ่ายทำโดยไม่รอให้เขาอนุญาตก่อน อาคิราห์ทุบแผ่นหลังกว้างแรงๆข้อหาที่ทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออก ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้เลย ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาในตัวของเขาจนสุดตามที่พูดเอาไว้และเริ่มเคลื่อนไหวตามจังหวะที่รู้กันสองคน
...ไม่ยุติธรรมเลย... อาคิราห์คิดอยู่ในใจอย่างเลื่อนลอยขณะที่เนื้อตัวสั่นคลอนจนสายน้ำรอบตัวกระฉอกออก เขาโอบลำคอของพิชช์ฌานเข้ามาจูบบ้าง ยกสะโพกขึ้นรับความหนักแน่นนั้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นทุกที ...ให้ตายเถอะ นี่มันแผนการเอาคืนพิชช์ฌานของเขานะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ...
.....................................................................................
ร่างโปร่งบางผล็อยหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน พิชช์ฌานใช้ผ้าขนหนูบรรจงเช็ดเนื้อตัวที่เปียกปอนให้กับเจ้าโอเมก้าหลังจากทำความสะอาดให้จนเสร็จเรียบร้อย เขาก้มลงอุ้มอาคิราห์ออกมาจากห้องน้ำไปวางบนเตียงนอน ดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงอก
ริมฝีปากอิ่มเต็มบวมช้ำเพราะสัมผัสอย่างลืมตัวของเขา พิชช์ฌานก้มลงจูบอีกครั้งแผ่วเบา อดนึกถึงสีหน้าของอีกฝ่ายยามลืมตาตื่นขึ้นมาไม่ได้ ...คงจะทำหน้าบู้บี้โวยวายด้วยความโกรธที่ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแน่ๆ
ก็ใครใช้ให้ทำท่าแบบนั้นกันล่ะ ภาพบั้นท้ายกลมกลึงที่ยกลอยเด่นยังติดตา ไหนจะนัยน์ตากลมโตเยิ้มด้วยน้ำตาและแววแห่งความปรารถนานั่นด้วยอีก เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ จะได้ทนต่อความยั่วยวนโดยธรรมชาตินั้นได้
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของคนหลับเล่นแล้วเปลี่ยนเป็นบีบแก้มทั้งสองข้างไปมาอย่างมันเขี้ยว เจ้าโอเมก้าย่นจมูก ยกมือขึ้นปัดมือเขาออกแล้วหลับต่อ ดูท่าคงจะเพลียเต็มแก่
“ถ่านหมดแล้วเหรอ” พิชช์ฌานกระซิบ แนบมือเข้ากับหน้าท้องนิ่มๆของโอเมก้าครู่หนึ่ง เขาไม่รู้สึกถึงการสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ข้างในนั้นแต่กลับสัมผัสได้ว่ามีหัวใจอีกดวงเต้นอยู่ใต้ฝ่ามือของเขา ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนแปลก...
เหลือบมองดูนาฬิกาบอกเวลา ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว ยังมีภารกิจที่เขาจะต้องสะสางให้เสร็จก่อนที่จะกลับมาอย่างเต็มภาคภูมิ
อยากเขย่าตัวปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาแต่ก็เปลี่ยนใจ คงดีกว่าถ้าให้อาคิราห์นอนหลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะไม่สามารถเดินออกจากห้องนี้ได้อีก
แค่เฝ้ามองเจ้าตัวผ่านกล้องวงจรปิดที่ซ่อนเอาไว้ทั่วบ้านก็คงเพียงพอแล้วในตอนนี้ คิดมาถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพคนแทงพุงตัวเอง เขาเอื้อมมือไปบีบจมูกรั้นๆแล้วก้มลงจูบตามหลัง ...แสบขนาดนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงมากแล้วมั้ง...
พิชช์ฌานกลับออกมาจากห้องนอนของอาคิราห์ ชายหนุ่มก้มศีรษะให้นิ่มนวลที่อ้าปากค้างมองหน้าเขาเหมือนเห็นผีก่อนจะกรากเข้ามากอดแน่น ส่วนนิลลาโอเมก้าเพียงแต่ก้มหัวให้เขานิดๆเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ผมฝากอัยย์ด้วยนะป้านิ่ม แล้วก็....อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณแม่ ผมขอร้อง”
“โธ่ คุณฌาน ทำไมล่ะคะ คุณแม่ของคุณเสียใจมากเลยนะคะที่คุณเสียชีวิต” แม่บ้านอาวุโสท้วง ลูบแขนเจ้านายที่เลี้ยงมากับมือด้วยความยินดี “คุณส่งข่าวบอกคุณแม่เสียหน่อยเถอะค่ะ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ “ถือว่าผมขอป้านิ่ม ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยขออะไรป้านิ่มเลยนะ ผมขอแค่คราวนี้เอง”
“ก็ได้ค่ะ ป้าจะไม่บอกใคร” นิ่มนวลรับคำ “คุณฌานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ป้ากับนิลลาจะดูแลคุณอัยย์เป็นอย่างดีแน่นอน”
“เขาหลับอยู่ ตื่นมาคงหิว ผมฝากดูหน่อยนะครับ” พิชช์ฌานพูดเป็นประโยคสุดท้าย เงยหน้าขึ้นมองไปทางบันไดชั้นบนอีกครั้ง ร่ำลาคนที่นอนหลับอยู่ในใจก่อนจะตัดใจเดินกลับออกไปจากบ้านพัก
คนของเขาจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว พิชช์ฌานนั่งคิดมาตลอดทางถึงแผนการต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์ขึ้นติดต่อกับใครบางคนที่รอสัญญาณอยู่ นัดหมายให้ไปเจอกันยังสถานที่นัดพบ
โกดังร้างที่เพิ่งถูกระเบิดไปเมื่ออาทิตย์ก่อนว่างเปล่าไร้ผู้คน ร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านเชือกที่กั้นเอาไว้เป็นเขตห้ามเข้าอย่างไม่สนใจ ร่องรอยความเสียหายของแรงระเบิดยังเห็นได้ชัดแม้แต่คราบเลือดแห้งกรังที่กระจายอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและคราบเขม่า
เสียงฝีเท้าของเขาดังเป็นจังหวะในความเงียบของบรรยากาศ พิชช์ฌานก้าวเข้าไปในโกดังที่เคยมีหลังคาบังอยู่ ตรงที่เดิมที่เขาเคยให้เอาตู้เซฟมาเปิดออกมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่แทนที่ เขาคนนั้นกำลังก้มหน้าลงเพ่งพิศอะไรสักอย่างที่พื้นอย่างครุ่นคิด
“รอนานหรือเปล่า” พิชช์ฌานพูดขึ้น ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาแล้วก็เบือนหลบไปทางอื่น “นึกว่านายจะไม่ยอมมาเจอฉันอีกแล้ว”
“คุณอยากได้ของในตู้เซฟนั่นใช่ไหม”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ “ฉันมาเพราะอยากเจอหน้าน้องชาย”
คนฟังเงียบไปครู่ก่อนจะหัวเราะออกมาแค่นๆ
“คุณโกรธพ่อของคุณจะเป็นจะตายไม่ใช่หรือที่มีลูกนอกสมรสเอาไว้ มันเป็นความน่าอับอายของตระกูลอัศวลักษณ์ที่คุณภาคภูมิใจ” ชายหนุ่มผู้นั้นตอบกลับมา “ผมอยู่กับคุณมานานคุณพิชช์ฌาน นานจนรู้ว่าคุณจะรู้สึกหรือว่าคิดอะไรอยู่”
“งั้นเธอก็เป็นมือขวาที่ดีเจนภพ” พิชช์ฌานพูดเรียบๆ “ฉันโกรธพ่อของฉันก็จริง แต่ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกรธเธอเลย มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”
“คุณอย่าเอาวาทะนักการเมืองมาใช้กับผม ผมรู้ว่าคุณแค่ต้องการผลประโยชน์ หลังจากนั้นก็จะกำจัดผมทิ้งซะโทษฐานที่เป็นรอยด่างพร้อยของตระกูลคุณ” ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดด้วยเสียงเจ็บปวด “เหมือนที่พ่อของคุณส่งแม่ของผมออกไปนอกประเทศ”
“พ่อฉันตัดสินใจผิด” พิชช์ฌานว่า “การที่ฉันเป็นลูกของพ่อ ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเห็นด้วยกับพ่อ เธอทำงานกับฉันมานานย่อมรู้ว่าฉันคิดอย่างไร เธอก็พูดเองว่าเธอรู้ แล้วทำไมคราวนี้ถึงไม่รู้ไปได้ เจนภพ...วันนั้นเธอหนีออกมาจากบ้านของพ่อฉันโดยที่เรายังไม่ทันได้เคลียร์กันเลย”
“คุณอยากได้ของในเซฟใช่มั้ยครับ” เจนภพพูดประโยคเดิม มองหน้าพี่ชายต่างมารดาอย่างเจ็บปวด “นั่นแหละคือสิ่งที่คุณอยากจะพูด คุณพูดมาตรงๆก็ได้ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไรคุณพิชช์ฌาน”
พิชช์ฌานนิ่งไปครู่ใหญ่ ทอดสายตามองใบหน้าซูบของอดีตมือขวาคนสนิทเงียบๆ
“ก็ได้ ... ของในเซฟอยู่ที่ไหน”
เจนภพยิ้มมุมปาก
“คุณมีอะไรมาแลกกับผมล่ะ”
“เธออยากได้อะไรไม่ทราบ”
“ผมอยาก...เป็นอัศวลักษณ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายและทุกคนได้รับรู้”
พิชช์ฌานอึ้งไป คนฟังยิ้มทว่าแววตายอกแสยง
“คุณไม่กล้าใช่ไหมล่ะ เพราะมันจะกระทบชื่อเสียงของคุณกับคุณพ่อของคุณ พวกคุณคงไม่กล้ายอมรับความผิดพลาดที่น่าอับอายนี้” เจนภพพูด ไม่สามารถเก็บความสะเทือนใจเอาไว้ภายในสีหน้าได้ “จู่ ๆ นักการเมืองรุ่นใหญ่ที่มีแต่คนนับหน้าถือตาก็มีลูกนอกสมรสขึ้นมา แถมยังเป็นเสี้ยวเบต้าไม่ใช่สายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างที่ภาคภูมิใจอีกด้วย”
“ถึงตอนนี้ ฉันไม่สนใจเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์อะไรนั่นแล้ว เธอเองก็ควรจะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เช่นกัน สายเลือดและชนชั้นไม่มีความสำคัญอีกต่อไป การกระทำต่างหากล่ะที่เป็นตัวบ่งบอกถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของเธอ ฉันนึกว่าเธอจะคิดได้แล้วเสียอีกตั้งแต่ได้เจอโอเมก้าอย่างอาคิราห์”
“เพราะคุณหลงโอเมก้าหน้ามืดตามัวหรือเปล่าคุณพิชช์ฌาน” อดีตมือขวาพูด “ถึงอย่างไรคุณก็ต้องยอมรับว่าคนค่อนประเทศนี้ยังมีความคิดฝังหัวอยู่กับเรื่องชนชั้น โดยเฉพาะลูกเสี้ยวทั้งหลายที่มีสภาพไม่ต่างจากพวกโอเมก้าด้วยซ้ำ คุณรู้อยู่แล้วอย่าแกล้งพูดให้มันสวยหรูเลย” ชายหนุ่มพูดจบก็หันไปมองทางอื่น
“ฉันยอมรับว่าความรักทำให้ความคิดของฉันเปลี่ยนไปมาก” พิชช์ฌานว่า “แต่ฉันก็เชื่อว่าความคิดของทุกคนจะเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่พ่อของฉันก็ยังพูดความจริงเรื่องนี้ออกมาทั้งที่เก็บมาเป็นสิบยี่สิบปี”
“เขาพูดเพราะไม่มีทางเลือกมากกว่า” เจนภพพูดเสียงห้วน “ผมรู้ว่าเขาไม่เคยยอมรับผมหรือแม้แต่มองผมเป็นลูกเท่ากับคุณ ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วเพราะผมมันก็แค่ไอ้เจนภพ ลูกเสี้ยวเบต้าที่มีแม่เป็นเสมียนหน้าห้อง ไม่ใช่คุณนายอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ ผมก็เป็นได้แค่มือขวาของคุณจนวันตาย”
“เธออยากให้ฉันทำอย่างไรเจนภพ” พิชช์ฌานพูดขึ้นช้าๆ “ฉันคิดว่าคนที่เหยียดสายเลือดของเธอมากที่สุดตอนนี้ก็คือตัวเธอเอง ไม่ใช่ใครอื่น จริงอยู่ที่พ่อของฉันเก็บเรื่องของเธอเป็นความลับ เรื่องนี้ฉันไม่เห็นด้วย ฉันโกรธพ่อของฉัน ฉันเสียใจที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนสนิทที่ฉันไว้ใจที่สุดคือน้องชายของฉันเอง ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่จะทำยังไงได้เจนภพ ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว เราย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้ เหลือแค่ปัจจุบันกับอนาคตที่ขึ้นกับการตัดสินใจของเรา ซึ่งฉันในตอนนี้ได้ตายไปแล้วในสายตาทุกคนก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก”
“คุณโกหก” เจนภพสวน “คุณในตอนนี้สามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่างต่างหาก นี่คือเหตุผลที่คุณแกล้งทำเป็นตาย แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือ... ผมอยากเปิดเผยให้ทุกคนรู้ถึงความเหลวแหลกของตระกูลคุณ”
“เธอไม่ได้อยากทำอย่างนั้น” พิชช์ฌานพูดอย่างสงบ “เพราะถ้าเธออยากให้เป็นอย่างนั้นจริง แค่กระซิบบอกนักข่าวสักคนก็พอแล้ว แต่นี่เธอเลือกที่จะเก็บเงียบจนกระทั่งยอมมาพบฉัน เธอต้องการอะไรกันแน่เจนภพ ลองบอกมาสิ”
คนฟังผิวปาก
“ผมชอบการวิเคราะห์ของคุณนะคุณพิชช์ฌาน อืม อยากได้อะไรงั้นหรือ ยกตำแหน่งนายกฯสมัยหน้าให้ผมเป็นไง” ชายหนุ่มตอบกลับมาเยาะๆ “แลกกับของในเซฟ ตกลงหรือเปล่าล่ะ”
“แสดงว่าเธอมั่นใจมากว่าฉันจะชนะการเลือกตั้ง” พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก “ของในเซฟคงทำให้เธอคิดอย่างนั้น”
รอยยิ้มของคนอ่อนวัยกว่าจางลง เจนภพหุบยิ้ม
“ฉันตกลงเจนภพ เธอเอาตำแหน่งนายกฯไป แลกกับของในเซฟ”
“ผมขอคิดดูก่อน”
“เมื่อกี้เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เองนะ จะมาเปลี่ยนใจได้ยังไง ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าก่อนจะเสนออะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อน เพราะคำพูดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทวงคืนได้” พิชช์ฌานพูดเนิบๆ “ว่ายังไง”
“คุณคงวางแผนจะเก็บผมหลังเลือกตั้งใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่เอาน่า เห็นฉันเป็นคนยังไง ฉันไม่ใช่คนเหี้ยมโหดเสียหน่อย”
“ผมทำงานให้คุณมากี่ปี ผมรู้ดีว่าคุณทำอะไรบ้าง ถ้าผมออกมาแฉกับนักข่าว อนาคตทางการเมืองของคุณก็คงจบสิ้น”
“ก็เอาซิ ...แต่อย่าลืมนะว่าตอนนี้ฉันตายไปแล้ว” พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ “แล้วเธอที่เป็นมือขวาของฉันและเป็นคนลงมือทำทุกอย่างจะไม่กระทบเลยงั้นหรือ คิดดี ๆ นะ เอาคนตายมาแลกคนเป็นไม่คุ้มหรอก”
เจนภพนิ่งอั้น หันไปมองรอบ ๆ ตัวที่ถูกแรงระเบิดจนเละเทะ
“วันนั้นหลังจากเกิดเหตุ คุณไม่ติดต่อผมเลยเป็นเพราะคุณไม่ไว้ใจผมตั้งแต่ตอนนั้นงั้นหรือ”
“จริงๆแล้วก็ก่อนหน้านั้น” พิชช์ฌานพูดตามจริง “นายทำงานกับฉันมานาน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคนของฉันมีอะไรแปลกไป ฉันคงไม่ต้องลงรายละเอียดว่าฉันรู้มาได้อย่างไรแต่ว่า...ฉันก็รู้มากพอที่จะครุ่นคิดถึงแผนการนี้”
“เพื่อตบตาผม? ผมมีค่าถึงขั้นคุณพิชช์ฌานต้องลงทุนแกล้งตายเลยงั้นหรือ”
“สำหรับคนที่เป็นเหมือนอวัยวะที่สามสิบสามของฉัน แผนการแค่นี้ถือว่าน้อยมาก” พิชช์ฌานพูด “ฉันพร้อมทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าใครจงรักภักดีกับฉันอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดเลยก็คือว่า อวัยวะที่สามสิบสามของฉันจะถูกหล่อเลี้ยงด้วยสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง...” คนพูดถอนหายใจ “ที่เธอขอตำแหน่งนายกฯ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับน้องชายของพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์”
“คุณอย่าเล่นบทพี่ชายที่แสนดีเลย มันไม่เนียน”
“ฉันว่ามันเนียนอยู่นะ ไม่อย่างนั้นน้องชายของฉันคงเดินหนีออกไปนานแล้ว ไม่ยืนจ้องเฉยอยู่แบบนี้หรอก” พิชช์ฌานพูดหน้าตาย “เลิกวางท่าเสียทีเถอะเจนภพ ฉันเหนื่อยเต็มที เอาของในเซฟออกมาได้แล้ว”
“คุณคิดผิด ผมไม่ใช่เจนภพคนเดิมอีกแล้วคุณพิชช์ฌาน” อดีตมือขวาคนสนิทของเขาพูดเสียงเย็น
พิชช์ฌานกะพริบตา แวบเดียวรอบตัวก็ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์เกือบสิบคนล้อมรอบเขา ในมือของทุกคนมีอาวุธสีดำเมื่อมอยู่ ท่าทางและสายตาที่มองมาทำให้พิชช์ฌานเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง กวาดตามองหาทางหนีทีไล่
“ข้อเสนอใหม่ของคุณพิชช์ฌานก็คือ ...ของในเซฟแลกกับ...ความตายครับ”
...............................................................................
“คุณอัยย์หิวหรือยังคะ”
“ผมไม่หิว”
“ลุกขึ้นมาทานอะไรสักนิดก่อนนะ”
“ไม่”
“ไม่งั้นป้าจะโทรบอกคุณฌานนะคะ”
“ฮึ ไม่ต้องเอามาขู่ ไม่กลัว” คราวนี้คนที่นอนซุกอยู่บนเตียงมาครึ่งวันหันกลับมาย่นจมูกใส่แม่บ้านอาวุโสที่เข้ามาปะเหลาะ “ป่านนี้กลับไปที่ซ่อนแล้วมั้ง ความลับเยอะนัก” อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก นึกถึงสามีที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำ เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนคนเดียวราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน
แต่ร่องรอยแดงช้ำเป็นปื้นตามเนื้อตัวก็บอกชัดว่าไม่ใช่เรื่องฝันไป ผู้ชายคนนั้นกลับมาหาเขาเพื่อจะจากไปอีกครั้ง
“คอยดูนะ ผมจะ...”
“อดข้าวหรอคุณอาคิราห์” นิลลาก้าวเข้ามาในห้อง พูดดักคอนิ่มๆ “คุณทำไม่สำเร็จหรอก อย่าทรมานตัวเองเลย”
“เฮอะ” อาคิราห์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ พลิกตัวหนีไปอีกทางหนึ่ง ความปวดเมื่อยเนื้อตัวโดยเฉพาะบริเวณช่วงล่างทำให้ไม่อยากลุกไปไหน “ผมขออยู่เงียบๆคนเดียวก่อนสักพักนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณอัยย์หิวเมื่อไหร่ก็บอกป้านะคะ ป้าจะเอาถาดวางไว้ให้ข้างหน้าห้อง”
“ขอบคุณครับ”
นิ่มนวลถอยกลับออกมาจากห้องนอนพร้อมกับนิลลา พอลงบันไดมาถึงชั้นล่างก็ได้ยินเสียงประตูห้องนอนชั้นบนเปิดปิดอีกครั้ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงมีคนพ่ายแพ้ต่อความหิวโหยอีกตามเคย นิลลาหัวเราะออกมาเบาๆ
“เตรียมคิดเมนูมื้อเย็นต่อเลยนะป้านิ่ม”
“ไม่เอาเมนูที่มีสีแดงๆแล้วนะ แหม คุณอัยย์นี่ร้ายจริงๆ ป้าไม่นึกเลยว่าจะใช้แผนนี้ล่อคุณฌานออกมาจนได้ ไม่ต้องมายิ้มเลย เธอรู้เห็นเป็นใจกับเจ้านายด้วยล่ะสิ” นิ่มนวลจุ๊ปาก มองหน้าโอเมก้า
“ไม่รู้เสียหน่อย” นิลลาพูดด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้แล้วยิ้มออกมานิดหนึ่ง “ขอไปทำงานต่อก่อนนะ”