พิมพ์หน้านี้ - [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:22:45

หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:22:45
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 


ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายเรื่องใหม่

เป็นโลกของโอเมก้าเวิร์สนะคะ

ในประเทศสมมตที่มีนายกฯมาจากการเลือกตั้ง555555

ใครเคยอ่านแฟนหมอแมนมาแล้ว  บอกเลยว่ามันแตกต่าง!!

ส่วนจากแตกต่างอย่างไร้สติหรือมีสไตล์นั้นก็ต้องลองกดอ่านดูนะคะ

ขอบพระคุณที่ติดตาม

Melenalike

#ขอรักแค่คุณ
[/size][/size]

สารบัญ

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3932719#msg3932719)
ตอนที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3932721#msg3932721)
ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3932724#msg3932724)
ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3932726#msg3932726)
ตอนที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3932728#msg3932728)
ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3934122#msg3934122)
ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3935522#msg3935522)
ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3938915#msg3938915)
ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3940837#msg3940837)
ตอนที่9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3941979#msg3941979)
ตอนที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3943662#msg3943662)
ตอนที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3945092#msg3945092)
ตอนที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3946424#msg3946424)
ตอนที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3947853#msg3947853)
ตอนที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3949367#msg3949367)
ตอนที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3950033#msg3950033)
ตอนที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3952060#msg3952060)
ตอนที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3953146#msg3953146)
ตอนที่18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3955136#msg3955136)
ตอนที่19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3956974#msg3956974)
ตอนที่20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3958441#msg3958441)
ตอนที่21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3959756#msg3959756)
ตอนที่22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3961012#msg3961012)
ตอนที่23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3963072#msg3963072)
ตอนที่24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3964222#msg3964222)
ตอนที่25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3965159#msg3965159)
ตอนที่26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3966079#msg3966079)
ตอนที่27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3967652#msg3967652)
ตอนที่28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3968792#msg3968792)
ตอนที่29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3970797#msg3970797)
ตอนที่30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3973654#msg3973654)
ตอนที่31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3975445#msg3975445)
ตอนที่32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3977550#msg3977550)
ตอนที่33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3978466#msg3978466)
ตอนที่34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3981657#msg3981657)
ตอนที่35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3982660#msg3982660)
ตอนที่36 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3983502#msg3983502)
ตอนที่37 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3984671#msg3984671)
ตอนที่38 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3985682#msg3985682)
ตอนที่39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3987955#msg3987955)
ตอนที่40 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3989824#msg3989824)
ตอนที่41 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3988998#msg3988998)
ตอนที่42 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3990593#msg3990593)
ตอนที่43 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3991530#msg3991530)
ตอนที่44 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3992874#msg3992874)
ตอนที่45 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3996012#msg3996012)
ตอนที่46 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3997948#msg3997948)
ตอนที่47 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg3999306#msg3999306)
ตอนที่48 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg4001077#msg4001077)
ตอนที่49 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg4003023#msg4003023)
ตอนที่50 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69376.msg4005164#msg4005164)
สั่งหนังสือคลิกเลยจ้า (http://www.bookishhouse.com/)

เปิดพรีออเดอร์ 25 มีนาคม - 30 เมษายน 2563

(https://pbs.twimg.com/media/ETepcVhU8AA8zLq?format=jpg&name=900x900)

 :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:23:40
Ai Adore you.

#ขอรักแค่คุณ

บทนำ



 

 

 

 

 

ในประเทศนี้นายกรัฐมนตรีไตรคุณ  อลันไตร  คิดว่าครอบครัวของตัวเองเพอร์เฟคทีเดียว เขามีภรรยาแสนสวยสมตำแหน่งคุณหญิง และลูกๆชายหญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่มีใครทำให้พ่ออย่างเขาเสียหน้า ตั้งแต่ไตรภพลูกชายคนโตที่เดินตามรอยเท้าพ่อสู่เส้นทางการเมือง

อริศราลูกสาวคนกลางก็เพิ่งแต่งงานไปกับนักธุรกิจแสนล้านเมื่อปลายปีก่อนและเป็นเหมือนกระเป๋าเงินให้พรรคของเขาอย่างดี ส่วนลูกชายคนเล็ก อคินทร์ เลือกทำงานในสายบันเทิง เขาไปได้ดีเพราะรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง  สมกับสายเลือดแอลฟ่าชั้นสูง อคินทร์มีแฟนคลับมากมายและช่วยเพิ่มความนิยมในคนเป็นพ่ออย่างเขาได้อีกทาง

แต่ในความเพอร์เฟคนั้นก็มีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งที่เขาเพียรเฝ้าเก็บเป็นความลับไม่ให้ใครรู้โดยเฉพาะคู่แข่งทางการเมืองฝั่งตรงข้าม

ความน่าอับอายในครอบครัวแอลฟ่าที่สูงส่งของเขาก็คือ อคินทร์ไม่ใช่ลูกชายคนเล็กของครอบครัวอย่างที่เขาแสร้งทำมาตลอด

อคินทร์มีฝาแฝด

และให้ตายเหอะ เขาควรจะภูมิใจในตัวลูกชายอีกคนถ้า อคิราห์ ไม่ได้เกิดมาเป็นโอเมก้า

มันเกิดวิบัติอาเพศอะไรขึ้นในครอบครัวสายเลือดแอลฟ่าบริสุทธิ์ของเขากัน ไตรคุณคงคิดว่าอคิราห์ไม่ใช่ลูกชายของเขาไปแล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้หน้าตาเหมือนอคินทร์ราวกับแกะ

ก็แค่หน้าตาเท่านั้น...

ทั้งที่หน้าตาเหมือนกัน ทว่ากลับมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ขณะที่อคินทร์ร้อนแรงดั่งเปลวไฟ อคิราห์กลับเหมือนลมเย็นๆในต้นฤดูหนาว  คนเป็นพ่อคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเป็นโอเมก้าที่มิวเตด(mutation)มาได้ยังไงก็ไม่รู้

แน่นอนว่าเขาเก็บเรื่องลูกชายคนเล็กเป็นความลับเท่าชีวิต

กลับมาที่อีกฝั่งหนึ่ง ขั้วตรงข้ามของพรรครัฐบาลก็คือพรรคฝ่ายค้าน นำโดยพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์  มีคนบอกว่าเขาเพิ่งอายุไม่เท่าไหร่เลยตอนที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคแทนบิดา  แต่เพราะความสามารถของเขา ก็ทำให้ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีความหวังว่าจะได้เป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งสมัยหน้า

การจะขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ พิชช์ฌานยอมรับว่าเส้นทางการเมืองของตัวเองไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่บอกประชาชนเท่าไหร่ ก็คงพอๆกับพรรครัฐบาลที่นำโดยงูเห่าสารพิษอย่างนายไตรคุณนั่นแหละ

ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ เขาคิดว่าตัวเองจะต้องหาทางต่อรองเพื่อเพิ่มแต้มต่อ

เมื่อหลายวันที่ผ่านมาพรรครัฐบาลเพิ่งจะสนับสนุนนโยบายเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าบางประเภทอย่างเช่น  รถยนต์และเครื่องจักรบางชนิด  มันจะไม่เป็นปัญหากับเขาเลยถ้าหากว่ากระเป๋าเงินของพรรคเขาจะไม่ได้ทำธุรกิจด้านนี้ ‘โดยตรง’  นโยบายของไตรคุณเท่ากับจงใจตัดท่อน้ำเลี้ยงของพรรคฝ่ายค้านก่อนการเลือกตั้งชัดๆ

เขาพยายามหาทางเจรจาเพื่อประนีประนอมอยู่หลายครั้ง  ทั้งนัดคุยนอกรอบก็แล้ว  แอบส่งของไปกำนัลทั้งทางตรงทางอ้อม  ไตรคุณก็ยังไม่มีท่าทางจะโอนอ่อน

คนในพรรคก็เร่งเร้าให้เขาหาทางจัดการก่อนจะถึงเวลารับสมัครเลือกตั้ง

....................................................................

"แผนของคุณคืออะไรกันแน่ครับคุณณาน อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันบ้าง  ผมจะได้เตรียมตัวถูก"  เจนภพมือขวาของเขาที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มแรกถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยแข่งกับเสียงตะโกนกรี้ดรอบตัว  เขาไม่เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้านายมาที่ ‘คอนเสิร์ต’ แห่งนี้ทำไม  คนอย่างพิชช์ฌานไม่ใช่คนที่จะมีเวลาว่างขนาดนั้น

“ชู่ว”  พิชช์ฌานแตะนิ้วที่ริมฝีปาก  ทอดสายตามองไปบนเวทีตาไม่กระพริบ

ใครคนหนึ่งกำลังเต้นอยู่บนเวทีอย่างร้อนแรงจนเสตจแทบลุกเป็นไฟ เสียงกรี้ดของบรรดาแฟนคลับดังกระหึ่มไปทั้งฮอลล์ราวกับคนๆนั้นเป็นเทพเจ้าที่มีเหล่าสาวกร้องบูชา

ชายหนุ่มพิศดูรูปร่างของอคินทร์อย่างพอใจ  กล้ามเนื้อสวยได้สัดส่วนราวกับหุ่นปั้นนั้นดึงดูดสายตาของเขาได้ดี  แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับดวงตาคมกริบมีเสน่ห์คู่นั้นที่ทำให้พิชช์ฌานแทบไม่กระพริบตา

เขายิ้มมุมปาก...ได้ข่าวว่าผู้ชายคนนี้คือลูกชายสุดรักสุดหวงของท่านนายกรัฐมนตรีสินะ     

"พาอคินทร์มาให้ฉัน" เขาพูดเรียบๆ

ในเมื่อคุยกันดีๆไม่ได้  เขาก็จำเป็นจะต้องใช้ไม้แข็งขึ้นในการต่อรองกับไตรคุณ  แผนการของเขาช่างเรียบง่าย และถ้าคาดการณ์ไม่ผิด  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของไตรคุณก็จะเป็นแต้มต่อของเขาในการต่อรองกับคนเจ้าเล่ห์อย่างมัน  ที่การเลือกตั้งคราวที่แล้วใช้พี่สาวของเขาเป็นเหยื่อล่อ

เจนภพรับคำ ตามแผนการของคนที่เป็นเจ้านายได้ทัน เหลือบมองศิลปินเจ้าเสน่ห์บนเวทีอีกครั้ง ช่วยไม่ได้เลยที่เขาไม่อาจละสายตาจากผู้ชายคนนั้นได้สักวินาทีเดียว

การแสดงจบลงแล้ว อคินทร์กลับไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าคนที่อยู่ในนั้นกลับทำให้เขาประหลาดใจ

"อัยย์ นายมาได้ยังไง"

อคินทร์รีบปิดประตูห้องแล้วหันมามองน้องชายฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนเขาเลยนอกจากหน้าตา  อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เขาเหมือนจะขอโทษ

"ฉันแค่อยากมาดูนายแสดงสดบ้าง มันเยี่ยมมากเลยนะ  คิน  ฉันอยากเต้นบนเวทีอย่างนายบ้างจัง" อคิราห์พูดหงอยๆ คนฟังดีใจที่ถูกอีกฝ่ายชม  ปกติน้องชายไม่ค่อยจะชมเขาเท่าไหร่นักหรอก  เขาเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของน้องเบาๆปลอบใจ

            "เอาน่า สักวันจะมีวันของนาย...อัยย์"

            เห็นน้องชายยังจ๋อยไม่เลิก อคินทร์เลยเสนอไอเดียที่คิดว่าจะช่วยให้อีกฝ่ายมีความสุขขึ้น และตัวเขาเองก็สนุกด้วย

"มาสลับตัวกันสักวันไหมล่ะ วันนี้นายเป็นอคินทร์  ส่วนฉันจะเป็นอคิราห์เอง"

คนฟังเงียบไปครู่หนึ่ง  มองหน้าคนเป็นพี่นิ่งๆ

"ไม่เอาล่ะ ฉันเป็นฉันก็ดีอยู่แล้ว" อคิราห์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วลุกขึ้นยืน  "กลับก่อนนะ เดี๋ยวพ่อรู้ว่าฉันแอบมาดู"

อคินทร์มองตามหลังร่างโปร่งได้ส่วนสัดที่บางกว่าเขาเล็กน้อยนั้นไป ไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่แสนเรียบง่ายของน้องชายเขา

เจนภพแอบซุ่มอยู่แล้วที่มุมหนึ่ง ออกจะแปลกใจไม่น้อยที่อคินทร์ที่เห็นในตอนนี้ช่างแตกต่างกับอคินทร์บนเวทีราวกับเป็นคนละคน  คนๆนั้นอยู่ในชุดลำลองแต่ก็ดูออกว่าล้วนเป็นของดีราคาแพง  ใบหน้าเรียวหวานสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้เหลือแต่ตากลมโตที่มีแว่นกลมๆบดบังเอาไว้อีกที  เจ้าตัวดูคล้ายเฟรชชี่มหาลัยมากกว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสามปี  ท่าเดินสบายๆก้มหน้าลงพลางโยกศีรษะไปมา  เดาว่าคงโยกตามจังหวะเพลงที่กำลังฟังอยู่

แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือ  อคินทร์เดินออกมาคนเดียว  ไม่มีผู้คุ้มกันสักคน  ไม่มีแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวหรือทีมงานที่มักจะตามกันมาขึ้นรถตู้

จะประมาทกันเกินไปแล้ว...

ชายหนุ่มขับรถตามรถตู้คันนั้นไป ส่งสัญญาณให้ลูกน้องรู้เมื่อใกล้จะถึงจุดที่ลงมือ

นับถอยหลังในใจจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทางเปลี่ยว  ตอนนั้นเองที่รถตู้คันหน้าจู่ๆก็ยางระเบิดพร้อมกันสองข้างจนรถหมุนติ้ว

 

อคิราห์สะดุ้งตื่น กลิ้งตกลงมาจากที่นั่งเพราะแรงเหวี่ยงและเสียงดังปัง  ศีรษะกระแทกเข้ากับตัวถังของรถจนมึนไปหมด เขาตกใจมาก

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ" ชายหนุ่มตะเกียกตะกายลุกขึ้น ประตูรถตู้ถูกกระชากเปิดออกพร้อมกับชายแปลกหน้าหลายคนที่เอื้อมมือมาดึงตัวเขาลงจากรถ

"ปล่อยนะ จะทำอะไร" ถึงอคิราห์จะถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ทว่าเขาก็เรียนศิลปะการป้องกันตัวมาเหมือนกันเพราะพ่อกลัวว่าเขาจะโดนรังแกในฐานะโอเมก้า  ชายหนุ่มเลยสู้สุดใจไม่ยอมให้คนพวกนั้นลากเขาออกไปโดยง่าย  แต่จำนวนคนที่รุมเยอะกว่าทำให้เสียเปรียบ ไม่นานอคิราห์ก็ถูกล็อคแขนพาไปขึ้นรถตู้อีกคันที่จอดรออยู่

เจนภพยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดมุมปาก อคินทร์มีพิษสงมากกว่าที่คิดเอาไว้  เห็นตัวนิดเดียวไม่คิดว่าจะมีแรงเตะต่อยพอตัว  ทำให้เขาและลูกน้องเลือดตกยางออกได้  แถมเจ้าตัวก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์  พยายามดิ้นจนสุดแรงจนเขาต้องใช้ไม้แข็ง  โปะยาสลบใส่ที่ใบหน้าทำให้อีกฝ่ายตัวอ่อนปวกเปียก  พอได้โอกาสก็รีบมัดมือและข้อเท้าที่บอบบางกว่าที่คิดเอาไว้แน่นหนา  แล้วก็โทรหาเจ้านายที่รอฟังข่าวดีอยู่

"ได้ตัวแล้วครับ"

"พามาที่เซฟเฮ้าส์"

            .......................................................

อคิราห์ลืมตาขึ้น แสงแดดลอดผ้าม่านส่องเข้ามาแยงตาเขาจนต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง ที่นอนนุ่มๆที่รองรับตัวเขาอยู่และบรรยากาศรอบตัวดูไม่เหมือนห้องนอนที่บ้านเอาเสียเลย ชายหนุ่มรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง รอยแดงที่ข้อมือและข้อเท้าบอกชัดว่าเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำไม่ใช่ความฝัน

เขาโดนลักพาตัว แต่จะจากใครและเพื่ออะไรนั้น ชายหนุ่มไม่รู้เลย

อคิราห์ยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อวาน เขาลุกขึ้นเดินสำรวจรอบห้องสี่เหลี่ยมที่เหมือนห้องนอนของใครสักคน  เครื่องเรือนสีเข้มดูน่าเกรงขาม  แหวกผ้าม่านดูข้างนอกก็เห็นแต่ทุ่งนาโล่งๆราวกับนี่เป็นบ้านหลังเดียวในระยะสิบกิโลเมตรงั้นแหละ  แสงแดดแรงกล้าทำให้เขาเดาเอาว่าคงจะใกล้เที่ยงเต็มที ภายในห้องนี้ไม่มีนาฬิกาบอกเวลาสักเรือน

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์บ่อยโดยเฉพาะช่วงหาเสียงปรากฏตัวขึ้น ท่าทางนิ่งขรึมทว่าคุกคามกันอยู่ในทีนั้นทำให้อคิราห์ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ

"คุณ.." ฌานหรือเปล่า ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด

"คุณอคินทร์" เสียงห้าวแปลกหูเรียกชื่อเขา

 

 

อคิราห์ขมวดคิ้ว ขยับจะท้วงว่าเขาไม่ใช่อคินทร์  แต่ว่าก็เปลี่ยนใจไม่เคยมีใครรู้จักชื่ออคิราห์มาก่อน พ่อเก็บเรื่องของเขาเป็นความลับยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก

ชายหนุ่มพยายามรักษาอาการเอาไว้ ไม่ให้ปล่อยความกลัวออกมาจนอีกฝ่ายจับได้

ทว่าพิชช์ฌานก็จับได้อยู่ดี ผู้ชายตรงหน้าเขาดูราวกับคนละคนบนเวที

แววตาตื่นตระหนกในดวงตาที่ทั้งคมทั้งหวานคู่นั้นเกือบทำให้คนมองหัวเราะออกมา เขาดูเหมือนเสือกำลังจะขย้ำเหยื่อหรืออย่างไร

คนอย่างเขาไม่เคยคิดจะใช้ความรุนแรงหรอก

            ...ถ้าไม่จำเป็น..

ฌานหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชูให้ดู

"คิดถึงพ่อของคุณไหม ลองคุยกับท่านสักนิดดีไหม"

อคิราห์เม้มปากแน่น

พ่อคงโกรธมากที่เขาไม่ระวังจนโดนลักพามา เกิดมาเป็นโอเมก้าที่ไม่ได้เรื่องแล้วยังจะสร้างปัญหาให้กับพ่ออีก  ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าคงคิดจะใช้เขาเพื่อต่อรองอะไรบางอย่างกับพ่อ

ไม่มีทาง เขายอมตายก่อนดีกว่าเป็นตัวถ่วงให้ครอบครัวแบบนี้

คิดได้อย่างนั้น ชายหนุ่มก็เชิดหน้าขึ้น

"นี่บ้านของคุณหรอครับ"

คนฟังงงไปเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ

"ใช่ ทำไมหรือ"

"คุณเป็นเจ้าบ้านที่ไม่มีมารยาทเลย ผมอยู่ที่นี่ก็เท่ากับเป็นแขกของคุณ แต่คุณกลับปล่อยให้ผมหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว" อคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  "ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นถ้าผมยังไม่อิ่ม ไม่งั้นก็ปล่อยให้ผมอดตายไปก่อนเลย รู้ไว้ด้วย"

"ว่าไงนะ" นักการเมืองหนุ่มอุทาน มองหน้าเรียวอย่างงุนงง "เธอหิวงั้นเหรอ กล้ามาก ไม่กลัวฉันจะทำอะไรเธอหรือไง"

อีกคนยักไหล่ทั้งที่มือเย็นเฉียบ

 

"คุณไม่กล้าทำร้ายผมหรอก เพราะผมคือตัวประกันอนาคตของคุณ ถ้าผมเป็นอะไรไป ศพผมจะมีประโยชน์อะไรในการต่อรองกับพ่อ"

พิชช์ฌานหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด

"พูดได้ดี ก็ได้ ...ฉันจะให้เธอได้กินจนอิ่มแทบอ้วกไปเลยดีไหม" เขาพูดเสียงเข้ม

ฝ่ายนั้นเลิกคิ้ว

"ดีเลยครับ ถ้างั้น..ไหนล่ะ อาหารเช้าของผม" ชายหนุ่มทำท่าจะอาศัยทีเผลอผลุบออกจากห้อง แต่อีกคนรู้ทัน ขยับเข้ามาบังประตูจนมิด

"ฉันคงไม่ปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติอย่างเธอต้องเดินลงไปเองหรอก" เจ้าของบ้านประชด ยกมือขึ้นชี้นิ้วสั่งให้อีกฝ่ายถอยกลับไปนั่งที่เตียง

"รออยู่ในนี้ ฉันจะให้คนยกขึ้นมาให้"

พิชช์ฌานปิดประตูห้องดังปัง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม อคินทร์คนนี้ดูแปลกประหลาดไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลยสักนิด  เห็นท่าทางนึกว่าจะเป็นคนนิ่งๆหยิ่งๆเสียอีก  ที่ไหนได้...


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:24:20





       "เป็นไงบ้าง เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ"  เจนภพที่ยืนรออยู่ข้างนอกก้าวเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางสนใจ มองหน้าคมเข้มของเจ้านายที่เคร่งเครียดกว่าปกติก็พอจะเดาคำตอบออก

"เขาไม่ยอมหรอครับ ผมก็คิดว่าเขาคงไม่ยอมง่ายๆ ขนาดตอนจับยังซัดผมกับลูกน้องหน้าหงาย"

"ไปหาข้าวมา หรืออะไรก็ได้ที่กินได้"  พิชช์ฌานพูดเสียงห้วน

"เจ้านายหิวหรอครับ" คนฟังงง "เดี๋ยวผมจะให้แม่บ้านเตรียมให้..”

"ฉันไม่ได้หิว แต่นายอคินทร์ของนายน่ะ บอกว่าหิวจะเป็นลมแล้วก็จะไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น มันบ้าหรือเปล่า" เจ้านายคำรามอย่างหัวเสีย "ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร  ไม่กลัวตายบ้างเลย"

เจนภพมองหน้าเจ้านายแล้วหลุดขำออกมา

"ผมว่าคนที่บ้ากว่าคือคนที่ออกมาสั่งให้ผมไปหาข้าวนะครับ"

            "........." เจ้านายหมดคำพูด โบกมือไล่ให้มือขวาไปรีบๆไปจัดการตามคำขอของคนที่ถูกลักพาตัวเร็วๆ

ไม่ถึงสิบนาทีชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับแม่บ้านที่ประคองถาดอาหารมาเต็มเพียบ

"เอาเข้าไปเร็วๆ" ชายหนุ่มเริ่มเครียดขึ้นมาจริงๆแล้ว  เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ  นี่มันเลยเวลานัดที่จะส่งข้อความไปถึงพ่อของเด็กนั่นนานแล้ว

ทว่าพอไขกุญแจห้องเปิดออก  ภายในห้องกลับว่างเปล่า เห็นเพียงหน้าต่างที่เปิดอ้าทิ้งไว้ เจนภพอ้าปากค้าง ขณะที่เจ้านายถลาพรวดเข้าไปเกาะขอบหน้าต่าง

"โธ่เว้ย หายไปแล้ว กระโดดจากชั้นสองได้ไง ทำไมแกไม่ล็อคหน้าต้างไว้ฮึ  เจนภพ"  นักการเมืองหนุ่มตวาด

"ผมล็อคแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปตามเดี๋ยวนี้"  มือขวาพูดปากคอสั่น รีบเดินแกมวิ่งออกไปจากห้อง

พิชช์ฌานทุบขอบหน้าต่างด้วยท่าทางหัวเสีย หันไปไล่แม่บ้านออกจากห้องอีกคน  จากนั้นก็ก้าวยาวๆตามหลังไป

อคิราห์อมยิ้มสมใจ แอบเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วชะโงกออกมาดู

"ไม่เห็นฉลาดเท่าไหร่"  อัยย์ประทับใจกับแผนเด็กๆของตัวเอง

"นั่นสิ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้เสียอีก" เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างหลัง

อคิราห์สะดุ้ง หันกลับไปมองก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนเท้าเอวพิงประตูห้องน้ำอยู่ก่อนแล้ว

โอเมก้าหนุ่มยักไหล่ เก็บความรู้สึกจนตรอกเอาไว้ใต้ท่าทางสงบนิ่ง

"ผมก็กะอยู่แล้วว่าคุณไม่น่าจะหลงกลหลอกเด็ก"

พิชช์ฌานมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง

"หึๆ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะครับทีนี้ คุณอคินทร์"

            "เอาข้าวมาให้ผม เผื่อผมกินอิ่มแล้วอาจจะคิดออก" คนถูกลักพาตัวพูดหน้าตาย เดินไปนั่งบนเตียงแล้วดึงถาดข้าวเข้ามาหาตัว

เจ้าของบ้านกระพริบตา มองคนตรงหน้าตักข้าวเข้าปากเคี้ยวด้วยท่าทางจริงจังอย่างมึนงง

...ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เจอกับเด็กนี่ เขารู้สึกเหมือนวิ่งชนกำแพงมากี่ครั้งแล้ว  เห็นเขาเป็นตัวอะไร

อคิราห์กินไปก็ครุ่นคิดไปว่าเขาจะหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง เหลือบมองผู้ชายตัวใหญ่หน้าเข้มเหมือนยักษ์ที่นั่งจ้องเขาไม่คลาดสายตานั้นอย่างหนักใจ

นายฌานๆอะไรนี่น่ากลัวกว่าที่คิดแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งในพรรคได้รวดเร็วขนาดนี้  หรือว่าเขาควรจะเล่นตามน้ำไปก่อน  แล้วสบโอกาสเมื่อไหร่ก็ค่อยเผ่น

            "อิ่มหรือยัง" คนแก่กว่ารีบถามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายรวบช้อน ถึงจะกำลังตึงเครียดอยู่ แต่ก็อดนึกชมมารยาทในการรับประทานอาหารของอีกคนขึ้นมาไม่ได้  อย่างว่า..ลูกท่านนายกฯก็ต้องถูกฝึกมาอย่างดีอยู่แล้ว

"ขอเข้าห้องน้ำก่อน"  อัยย์รีบพูด

           

 

"ในห้องน้ำไม่มีหน้าต่างหรอกนะ แล้วฉันก็มีกุญแจด้วย ไม่ต้องคิดล็อคประตู" เจ้าของบ้านพูดเนิบๆ รู้สึกชนะขึ้นมาเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายหน้าหงิก ตวัดสายตามองเขาเร็วๆราวกับจะค้อน

ร่างโปร่งบางหมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆตามหลังมาแว่วๆ ก็ยิ่งเซ็ง  เขาไม่น่าแอบออกมาดูอคินทร์แสดงเลย ไม่งั้นตอนนี้ก็คงได้นอนอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว

คิดถึงเจ้าเมี่ยงที่บ้านด้วย

"เสร็จหรือยัง เข้าไปหลับหรือไงไม่ทราบ" เสียงเคาะประตูหนักๆดังขึ้นหน้าห้องน้ำ คนข้างในถอนหายใจเฮือก ผู้ชายคนนี้ช่างไร้มารยาทเสียจริงๆ

"ไม่มีใครเคยบอกหรอครับว่าไม่ควรเคาะเร่งคนในห้องน้ำน่ะ" ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาประจันหน้ากับเจ้าของบ้าน  หยดน้ำยังค้างอยู่บนผิวแก้มเนียนใสสีน้ำผึ้งรับกับแพขนตายาวหนา พิชช์ฌานพิศดูเพียงชั่วครู่ก็มองไปทางอื่น

หน้าตาแบบนี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่...

"ขอโทษ แต่ฉันรีบ นี่ฉันก็ยอมให้เธอกินจนอิ่มแล้วไงล่ะ อย่าลีลา..มานั่งตรงนี้" มือใหญ่ลากข้อมือบางกว่ามานั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้ต่อต้าน

"สวัสดีครับคุณไตรคุณและครอบครัว ดูสิว่าวันนี้ผมมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คุณ ดูเหมือนหลังจากที่เราคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อนคุณไม่ค่อยอ่อนโยนกับพรรคของผมเลยนะครับ ผมเลยมีคนพิเศษมาด้วย เผื่อจะทำให้คุณใจอ่อน เมตตาพวกผมบ้าง" ฌานพูดแบบไม่ให้เห็นหน้า จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าอคิราห์

"พูดอะไรหน่อยสิ"

"พ่อครับ ผมสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่นี่มีน้ำไฟพร้อม  อาหารก็อร่อย  ผมคงอยู่ได้สบายแน่ๆ เดี๋ยวเขา 'พิชช์ฌาน’  ก็พาผมกลับไปส่งที่บ้านเอง ผมรู้.."

คนชื่อพิชช์ฌานดึงโทรศัพท์กลับมาอย่างหัวเสีย

"ใครบอกให้พูดชื่อฉันชัดขนาดนั้นห้ะ" 

อัยย์กระพริบตา

"ทำไมล่ะ ก็ผมประทับใจบ้านของคุณนี่"         

"ห้ามพูดชื่อฉัน”  ฌานกระแทกเสียง  “บอกไปว่าเขาจะทำร้ายผม ไม่งั้นฉันจะลงมือกับเธอจริงๆนะ อย่าหาว่าไม่เตือน"

อีกฝ่ายหุบยิ้ม หน้าซีดลงเล็กน้อยจนคนขู่ชักรู้สึกผิด

 

"เอาเหอะ อยากพูดอะไรก็พูดเลย ให้อีกห้าสิบวิ" เขายื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าอคิราห์อีกครั้ง

คราวนี้ไม่รู้น้ำหูน้ำตามาจากไหน  อคิราห์ปล่อยโฮออกมา

            "พ่อครับ ฮึก ไม่ต้องสนใจเขานะ ไม่ต้องเป็นห่วงผมด้วย ผมไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ฮึก พ่อไม่ต้องทำตามที่เขาบอกนะ ไม่ต้องทำตามเขา ..."

น้ำตาร้อนๆไหลลงอาบแก้ม  อคิราห์พูดแกมสะอื้นพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ขณะที่นักการเมืองหนุ่มโกรธจัด กดหยุดอัดคลิปทันที

"เป็นบ้าอะไรของเธอ หยุดร้องเดี่ยวนี้เลยนะ ฉันบอกให้หยุดไง"

"ผมจะร้อง คุณจะทำไม จับผมมาผมยังไม่ว่าอะไรเลย  ฮึก  แค่ผมร้องไห้ทำไมต้องมาว่าผม บอกให้พูดผมก็พูดแล้วไง จะเอาอะไรอีก" อีกฝ่ายโวยวายออกมาทั้งน้ำตา

พิชช์ฌานชะงัก  นัยน์ตากลมสีน้ำตาใสคู่นั้นเป็นประกายวาววับด้วยหยาดน้ำตาที่คลออยู่ในตา  เขาเกือบจะเอื้อมมือไปแตะที่แก้มนวลเนียนนั้นแต่ก็ยั้งไว้ หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องอย่างหงุดหงิดที่สุด

"เจนภพอยู่ที่ไหน"

"ครับผม" มือขวาคนสนิทก้าวออกมาจากมุมเสา พอเห็นหน้าเจ้านายก็ตกใจ "เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมเหงื่อแตกซกขนาดนั้น"  เขามองหน้าคมเข้มของเจ้านายที่มีเหงื่อเม็ดเป้งๆผุดขึ้นเต็มหน้าอย่างตกใจ

"เข้าไปจัดการข้างในที ฉันปวดหัว" พิชช์ฌานพูดเสียงห้วน "เป็นบ้าอะไรไปแล้วไม่รู้ จู่ๆก็ร้องไห้ใส่ฉัน"

"คุณคินน่าจะเครียดมากนะครับ"  ลูกน้องเข้าใจทันที 

คุณพิชช์ฌานเป็นโรคแพ้น้ำตา

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว  แต่หลังๆเริ่มจะทนน้ำตาของใครต่อใครได้แล้วนี่นะ  เพราะพอก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้แล้วก็มีคนวิ่งมาบีบน้ำตาใส่มากมาย

ไม่นึกว่าโรคจะกำเริบขึ้นมาอีก

มาเข้าใจเหตุผลก็ตอนที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนแล้วเจอร่างโปร่งบางนั้นนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่บนเตียง  เสียงร้องฮือๆ ดังออกมาจากข้างใต้เส้นผมสลวยนั้นเบาๆ

“คุณคินครับ...ผมขออนุญาตเรียกเป็นชื่อเล่นของคุณแล้วกันนะ ..”  เจนภพพูด  “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

            อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองเขา  หยดน้ำตายังค้างอยู่ที่ขอบตาและพวงแก้มที่เจนภพเผลอพิศดูโดยไม่รู้ตัว  ประกายตาใสบริสุทธิ์นั้นทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนยวบ  ไม่แปลกใจที่คนเป็นนายจะเหงื่อแตกพลั่กขนาดนั้น

            “ผม..ไม่เป็นไร”  อาคิราห์พูด  ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าด้วยท่าทางง่ายๆเหมือนเด็กๆ  หากจับตาคนมองไม่น้อย  เจนภพรู้สึกว่าอคินทร์บนเวทีดูมีเสน่ห์มากก็จริงทว่าอคินทร์แบบธรรมดานั้นกลับดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าเสียอีก

            น่าฉงน...

            “คุณนอนพักดีไหมครับ  อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย”

            “เขา...อยากต่อรองอะไรกับพ่อของผม”  อคิราห์พยักพเยิดไปทางด้านนอกประตู  เจนภพยิ้มบางๆ

            “เอาไว้ให้คุณฌานบอกคุณเองดีกว่าครับ...ตอนนี้คุณควรจะนอนพักก่อน”

            “คุณชื่ออะไรหรือ”  อคิราห์ถามเรียบๆ

            “ผมชื่อเจนภพครับ  เรียกภพเฉยๆก็ได้”  คนฟังพยักหน้ารับแล้วเอนตัวลงนอน  เจนภพถอนหายใจยาว  นับหนึ่งยังไม่ถึงสิบคนบนเตียงก็ดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้วจากเสียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้น

            ..ยังเด็กอยู่เลย ...เด็กกว่าที่คิด...

            น่าสงสารจริงๆที่ต้องมาพัวพันในเกมการเมืองของคนเป็นพ่อแบบนี้

            คนข้างนอกเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด  มือขวาของเขาหายเงียบเข้าไปในห้องของเด็กนั้นนานแล้ว ฌานคิด เขาเดินจนเริ่มเวียนหัวเลยต้องนั่งลงพักโบกลมให้ตัวเอง     

            จนนาฬิกาบอกเวลาครบสิบห้านาทีพอดี  นายเจนภพก็ยังไม่กลับออกมาจากห้อง  พิชช์ฌานหมดความอดทน  ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นก้าวยาวไปตรงไปเคาะที่หน้าประตูแล้วเปิดพรวดเขาไปโดยไม่รอให้คนข้างในอนุญาต

ภาพตรงหน้าทำให้เขาชะงัก

            ร่างโปร่งบางของเด็กคนนั้นนอนหลับตาอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมให้เรียบร้อย ส่วนมือขวาของเขายืนอยู่ใกล้ๆนั้นราวกับองครักษ์ที่เฝ้าพิทักษ์เจ้าหญิง  เจนภพหันมามองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง

"เรียบร้อยครับ หลับไปแล้ว"

เจ้านายมองดูคนหลับอีกรอบแล้วพยักหน้า

"ออกมาได้แล้วนายภพ" เขาพูดเรียบๆ "เรายังมีงานต้องทำอีก ปล่อยให้...นอนไปก่อน"  ชายหนุ่มตวัดสายตามองคนบนเตียงอีกครั้งอย่างหมั่นไส้

กินง่ายหลับง่ายนักนะ ....

ชายหนุ่มล็อคประตูห้องเอาไว้จนมั่นใจว่าแน่นหนาแล้วก็เดินนำคนสนิทกลับไปที่ห้องทำงาน ถึงแม้คลิปของอคินทร์จะไม่ได้ดั่งใจเขา แต่ก็พอใช้ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ต้องมีคนชักดิ้นชักงออยู่แน่ๆ

ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ไปให้มือขวาจัดการตัดต่อแล้วส่งไปให้คนๆนั้น

...ยังไงเสีย  ตำแหน่งในรัฐบาลสมัยหน้าก็จะต้องมีชื่อของนายพิชช์ฌานอยู่ด้วยแน่นอน...

....................................................................................

 

 

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:25:12
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 1



 

 

 

 

 

 

            ภาพลูกชายคนเล็กร้องไห้น้ำตาคลอเบ้าทำให้คนเป็นพ่อเม้มปากแน่น สะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ถึงแม้จะมีเพียงภาพ ไม่มีเสียง แต่ไตรคุณก็รู้ว่าลูกคงกำลังหวาดกลัวมากเพียงใด

"ไอ้.." เขาสบถด่าไอ้คนสารเลวนั้นออกมาหลายคำ โบกมือให้เลขาฯปิดคลิปเสีย  เสียงเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีดังกระหึ่ม

"เราจะทำตามที่พวกเค้าเสนอไหมครับ"  เลขาฯคนสนิทถามขึ้น

"ถ้ายอมทำตามก็เท่ากับยกเก้าอี้นายกฯสมัยหน้าให้มันไปเลยสิ ฉันไม่ยอมหรอก" เขาคำรามในคอ คราวนี้ไอ้หนุ่มรุ่นลูกมันเล่นเขาไว้เจ็บแสบนัก

"ต้องหาทางแก้เกม ระหว่างนี้ก็ให้คนไปสืบหาที่อยู่ของอัยย์ไปด้วย"

"ได้ครับท่าน"

"แต่เดี๋ยวก่อนนะ กรอคลิปตอนสุดท้ายอีกที...”  ไตรคุณขมวดคิ้ว  นิ่งฟังคำพูดเยาะหยันของคนในคลิปเงียบๆอีกรอบ “...จริงด้วยสินะ  มันเรียกอัยย์ว่าอคินทร์"

คนที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมามากมายหรี่ตาลง ยกมือขึ้นลูบคาง

"แสดงว่ามันยังไม่รู้ว่าที่มันจับไปไม่ใช่เจ้าคินแต่เป็นอัยย์สินะ"

"แบบนี้ถ้าพวกนั้นรู้ความลับเรื่องคุณอัยย์ เราจะเสียเปรียบนะครับ"

คนฟังเงียบไปนาน สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเบาๆ

"ไม่แน่...อาจจะได้เปรียบก็ได้"

เลขาฯอย่างแทนไทพยักหน้ารับ เขาพอรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักบุตรชายคนเล็กที่เป็นโอเมก้ามากนัก ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำถึงได้ไม่ยอมให้ออกงาน

 

บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่กระทบอะไรเลยก็ได้

"ออกไปก่อน ฉันขอใช้ความคิดสักพัก" ท่านนายกฯไล่เลขาฯออกมาจากห้อง

คนเป็นพ่อเปิดคลิปขึ้นมาอีกครั้งแล้วใช้ปลายนิ้วไล้ที่กรอบหน้าของบุตรชายในคลิปแผ่วเบา เม้มปากแน่นด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวด คราวนี้ฝั่งนั้นเล่นตรงจุดอย่างคาดไม่ถึง

เจ้าอัยย์ของพ่อ...อดทนก่อนนะ  เป็นลูกพ่อต้องอดทน เหมือนที่เคยย้ำเสมอตั้งแต่รู้ว่าลูกเป็นโอเมก้า

พ่อจะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง อดทนเอาไว้นะลูก...

............................................................................

อคิราห์สะดุ้งตื่น น้ำตายังไหลค้างเป็นทางที่หางตา เขาฝันเห็นพ่อร้องไห้ ...ชายหนุ่มยิ้มขื่น แน่ล่ะ มันเป็นความฝันก็ถูกแล้ว พ่อไม่มีทางร้องไห้เพราะเขาโดนจับตัวมาหรอก ถ้าเป็นอคินทร์ก็ว่าไปอย่าง

เขาไม่ใช่ลูกรักของพ่ออยู่แล้ว...

            อาจจะไม่ใช่  แม้แต่ลูกชายของพ่อ

            พ่อถึงได้อับอายที่มีเขาเป็นลูก  ไม่กล้าแม้แต่จะยอมให้เขาออกไปพบปะเจอกับผู้คนข้างนอกเพราะกลัวว่าคนอื่นจะพากับซุบซิบนินทาว่าตระกูลอลันไตรไม่ได้เป็นแอลฟ่าบริสุทธิ์อย่างที่แสดงออกว่าเป็นมาตลอด

            เขาคือจุดด่างพร้อยของบ้าน  ทำให้สายเลือดของตระกูลต้องแปดเปื้อน

ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง  ปัดความคิดน้อยอกน้อยใจพวกนั้นทิ้งไปเหมือนทุกครั้งที่เผลอนึกขึ้นมา  ชายหนุ่มเหลียวมองรอบตัว ห้องมืดมีแค่เเสงสลัวๆจากผ้าม่านลอดเข้ามารางๆ...นี่เขานอนหลับไปนานเท่าไหร่กัน

อคิราห์ลุกขึ้นพุ่งตรงไปยังประตูห้องเป็นอันดับแรก มันล็อคตามที่คาดไว้  เขาเลยเดินกลับไปที่หน้าต่างบานเดิม  แต่กระแทกยังไงก็เปิดไม่ออก ทางเดียวคงต้องหาอะไรทุบให้กระจกแตกก่อน แต่มันก็จะเสียงดังแน่ๆ

ก็คงต้องยอม...เหลือบมองดูพื้นหญ้าข้างล่าง  หวังว่าตอนที่กระโดดลงไปมันจะช่วยรองรับเขาเอาไว้ได้นะ

ตากลมโตมองรอบตัวแล้วยกเก้าอี้ขึ้นมาเตรียมจะทุ่มใส่หน้าต่างกระจก  เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน  ทำเอาชายหนุ่มรีบวางเก้าอี้แทบไม่ทัน เสียงกุกกักหน้าประตูแล้วเปิดออก คนที่เป็นมือขวาของพิชช์ฌานส่งยิ้มให้เขาเหมือนรู้ทัน

"อย่าทุ่มเลยครับ ผมขี้เกียจซ่อม เมื่อบ่ายผมก็เพิ่งปีนไปติดกลอนหน้าต่างข้างนอกมาเองด้วย"  เจนภพพูดยิ้มๆ

"ผมไม่ได้จะทำอะไร" อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ "แค่จะนั่ง”  เขาพูดหน้าตาย

คนมองอมยิ้ม พยักพเยิดไปทางมุมหนึ่งเหนือศีรษะ แสงสีแดงกระพริบให้เห็น อัยย์เม้มปาก มีกล้องวงจรปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อตอนบ่ายเขาหลับหรือซ้อมตายกันแน่

"คุณฌานเพิ่งให้ติดตั้ง" อีกฝ่ายบอก "จอมอนิเตอร์อยู่ในห้องของเขา  เขามองเห็นคุณได้ตลอดเวลา"

คนฟังเลยหันขวับไปทางกล้องแล้วชูนิ้วกลางให้พร้อมกับแลบลิ้นใส่

เจนภพเกือบจะหัวเราะออกมากับท่าทางของคนตรงหน้า...ดูท่าจะไม่เบาเลย

"คุณฌานต้องเห็นแน่นอนครับ  เขานั่งดูอยู่ตอนที่บอกให้ผมมาห้ามคุณพังหน้าต่าง"

"พาผมไปพบเขาได้มั้ย" อคิราห์พูดเสียงห้วน ยิ่งรู้สึกแย่เมื่อรู้ว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลาแบบนี้

ไม่มีมารยาท  ตัวโตซะเปล่า

"ผมคงต้องไปถามคุณฌานก่อนว่าจะอนุญาตให้..."

"อยากคุยกับฉันงั้นเหรอ" เสียงห้าวๆขัดขึ้นก่อนที่คนสนิทจะพูดจบ เจนภพยิ้มนิดๆ เบี่ยงตัวให้เจ้านายเดินเข้าไปในห้อง  ...กะแล้วเชียวว่าจะต้องมา

อคิราห์มองหน้าคนที่เข้ามาใหม่แล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

"คุณมาก็ดีแล้ว คุณเข้าฌาน ผมมีข้อเสนอให้คุณ"

“ผมชื่อพิชช์ฌาน  ไม่ใช่เข้าฌาน”  พิชช์ฌานพูดอย่างฉุนนิดๆที่ถูกคนเด็กกว่าปีนเกลียว  "แล้วมีอะไรอยากคุยกับผมก็ว่ามาสิ" ชายหนุ่มเดินไปนั่งไขว่ห้างมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ  อัยย์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

"พ่อผมทราบเรื่องแล้วใช่มั้ยล่ะ แล้วท่านว่ายังไงบ้าง"

"ก็ไม่เห็นว่ายังไง...เงียบจนฉันเริ่มสงสัยตงิดๆว่าฉันจับตัวเธอมามีประโยชน์หรือเปล่า หรือจริงๆแล้วฉันควรจะจัดการพี่ต๋อยไตรภพของเธอไปเลยน่าจะได้ผลกว่า"

"อย่าทำอะไรพี่ติณนะ"  อัยย์พูดเร็วปรื๋อ

"ถ้าพ่อเธอยังไม่ตอบอะไรกลับมาก็ไม่แน่" อีกฝ่ายพูดเนิบๆ

"ให้ผมไปคุยกับพ่อ ผมจะเกลี้ยกล่อมพ่อเองตามที่คุณต้องการ"  อคิราห์ว่า "ผมมีวิธีที่จะทำให้พ่อตามใจผม คุณก็รู้ว่าผมเป็นลูกชายคนเล็กที่พ่อรักที่สุด"  คนพูดแอบไขว้นิ้วเอาไว้ด้านหลัง

"นั่นสิ ตอนแรกฉันก็คิดงั้น ถึงจับเธอมา   แต่ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิคุณอคินทร์"  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้าไปหาร่างโปร่งได้ส่วนสัดที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างนั้น "หรือว่าแค่คลิปมันไม่พอ อาจจะต้องเป็นเลือดของเธอใส่ขวดไปหรือเปล่า พ่อเธอถึงจะตื่นตัว" ชายหนุ่มชะโงกเข้ามากระซิบ

"...ไม่" อัยย์ตกใจ  พยายามถดตัวหนี โชคร้ายที่ด้านหลังของเขาเป็นหน้าต่างที่เปิดไม่ออก ส่วนด้านหน้าและด้านข้างก็ถูกร่างกายสูงใหญ่เหมือนกำแพงบังรอบไว้หมดแล้ว

พิชช์ฌานรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักจะเริ่มกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ หึ...เล่นกับใครไม่เล่น มาล้อเล่นกับนายพิชช์ฌาน ...ไม่รู้หรือไงว่าเขาเพิ่งเปลี่ยนชื่อตามที่หมอดูชื่อดังดูดวงมาให้เลยนะ  เสียเงินไปโขอยู่  ยังกล้ามาล้อชื่อเขาอีกเหรอ  ไหนจะนิ้วกลางเมื่อกี้นี้อีก

เขาควรจะตัดลิ้นหรือว่าตัดนิ้วก่อนดีนะ

อคิราห์ขนลุกซู่ด้วยความกลัวและตกใจ

"เมื่อกี้เธอยกนิ้วกลางข้างไหนให้ฉันงั้นเหรอ" พิชช์ฌานพูดเสียงเหี้ยม คว้ามือของอีกฝ่ายขึ้นมา กำข้อมือเล็กเอาไว้แน่นไม่ยอมให้สะบัดออก

อัยย์กลัวจับใจ ใช้ทั้งมือทั้งเข่าเข้าใส่คนตรงหน้า ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

"ปล่อยผม"

"ฉันตัดนิ้วส่งไปให้พ่อเธอดีไหม อคินทร์"

"อย่านะ ไม่เอา" อคิราห์ร้องเสียงหลง เพราะมัวแต่กลัวเลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มขันๆในดวงตาคมเข้มคู่นั้น

ฌานกลั้นยิ้มในหน้า  ได้ที รีบขู่สำทับไปอีก

"ฉันพูดจริงทำจริง บอกว่าตัดก็คือตัด" เห็นคนเด็กกว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็รู้สึกสนุกไม่น้อย "ให้คนไปเอามีดมา" เขาลากอีกคนมาที่ประตู

"หยุดนะ ไอ้บ้า เป็นองคุลิมาลหรือไงวะ”  อัยย์ร้องลั่น  ดูท่าทางของอีกฝ่ายแล้วเขาเชื่อหมดใจว่าพิชช์ฌานจะตัดนิ้วของเขาจริงๆ

คนตัวสูงเลิกคิ้ว

"ไอเดียดีนี่ ฉันตัดนิ้วเธอแล้วให้เธอคล้องคอเอาไว้ดีมั้ย พ่อเธอจะได้เห็นชัดๆ"

อีกคนทั้งโกรธทั้งกลัวจนสติแตกไปแล้ว ชายหนุ่มสะบัดตัวอย่างแรงแล้วใช้ศีรษะเสยที่ปลายคางของอีกฝ่ายจนฌานหน้าหงาย อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายคลายมือรีบพุ่งตัวไปที่ประตูห้อง  พิชช์ฌานคำราม พุ่งตัวเข้าไปรวบเอวอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทันจนหน้าคว่ำล้มลงกับพื้นทั้งคู่ เขารวบแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ในอุ้งมือแล้วใช้ลำตัวของตัวเองกดอีกฝ่ายเอาไว้

"หยุดความคิดที่จะหนีเถอะ มันไม่สำเร็จหรอกอคินทร์"  นักการเมืองหนุ่มพูด จ้องมองดวงตากลมสีน้ำตาลใสนั้นด้วยความรู้สึกเหนือกว่า

อัยย์เม้มปากแน่น น้ำตาคลอเพราะเจ็บใจและเจ็บตัวด้วย อีกฝ่ายตัวหนักเหมือนเสาหินแต่ทับเขาลงมาทั้งตัว

 

"ผมหายใจไม่ออก คุณลุกขึ้นได้มั้ย" เขาพูดหอบๆ ไอตัวอุ่นจัดที่แนบชิดทำให้เขาอึดอัด ไหนจะกลิ่นแปลกๆที่อบอวลอยู่เต็มสองจมูกนี่อีก มันทำให้เขาเวียนหัว

พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  เริ่มได้กลิ่นแปลกๆขึ้นมาบ้าง มันหอมๆอวลๆเหมือนอะไรสักอย่างที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้น

คล้ายๆขนมหวานหรืออะไรทำนองนั้น

"คุณไม่แปรงฟันใช่มั้ย เหม็นปากมากเลย" เป็นอคิราห์ที่โพล่งขึ้นมาก่อน  คนฟังอ้าปากค้าง เรื่องกลิ่นปากเป็นเรื่องที่พิชช์ฌานให้ความสำคัญอันดับต้นๆเลยนะ

"ไม่ใช่กลิ่นผม"  ชายหนุ่มผละลุกขึ้นยืนอย่างงงงัน  คนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นบ้าง ตอนนั้นเองที่ฌานเริ่มคิดว่ากลิ่นแปลกๆที่ว่ามาจากตัวของลูกชายนายกรัฐมนตรี

"คุณยังไม่ได้อาบน้ำสินะ" พิชช์ฌานได้ข้อสรุปกับตัวเอง  กวาดตามองเสื้อผ้าชุดเดิมที่อีกฝ่ายสวมอยู่  "รีบไปอาบน้ำซะ ของใช้มีพร้อมอยู่แล้วในห้อง" เขาพูดห้วนๆ แล้วหันหลังเดินจ้ำออกมาจากตรงนั้น

อคิราห์มองตามอย่างมึนงงไม่แพ้กัน  ยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาดมๆ  ไม่เห็นจะมีกลิ่นอะไรเลยสักนิด

แต่เขาได้กลิ่นแปลกๆมาจากตัวของนายพิษฌานจริงๆนะ  (อคิราห์คิดว่าชื่อของอีกฝ่ายน่าจะสะกดแบบนี้มากกว่า)  เดาว่ามาจากปากที่อมสุนัขตายทั้งตัวเอาไว้แน่ๆ  แหม  แค่บอกว่าปากเหม็น...ทำเป็นยอมรับความจริงไม่ได้

อันที่จริงเขาก็พูดเกินจริงไปหน่อย...กลิ่นที่ว่ามันห่างไกลคำว่าเหม็นมากนัก

พิชช์ฌานเดินลงบันไดพร้อมกับทดสอบกลิ่นปากของตัวเองมาตลอดทาง...แต่พอเดินผละจากมา กลิ่นประหลาดๆที่เขาคิดว่ามาจากคนไม่ได้อาบน้ำนั้นก็เริ่มจางลงไปด้วย นักการเมืองหนุ่มขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นจับที่หน้าอกของตัวเอง  รู้สึกถึงก้อนเนื้อใต้แผ่นอกที่เต้นรัวแรงจนสัมผัสได้

หรือเป็นเพราะเขาออกแรงเมื่อกี้ ...เห็นทีต้องหาเวลาไปฟิตเนสหน่อยแล้ว ออกแรงนิดหน่อยก็หัวใจเต้นเร็วซะ

...................................................................................

 

"สามวันแล้ว ทางนั้นยังไม่ติดต่ออะไรกลับมาเลยนะ เอายังไงต่อดีล่ะครับ" เจนภพพูดอย่างกังวล เหลือบมองหน้าเจ้านาย  ขณะที่เขาพยายามสืบข่าวความเคลื่อนไหวของพรรครัฐบาลอย่างเอาเป็นเอาตาย  ฝั่งนั้นกลับเงียบสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พิชช์ฌานสีหน้าแทบไม่เปลี่ยน

"เราอาจจะต้องส่งอะไรไปกระตุ้นพวกนั้นสักหน่อย"

"จะตัดนิ้วเค้าจริงๆเหรอครับ" มือขวาตกใจ

 

เจ้านายเลิกคิ้ว

"ทำไมเหรอเจนภพ ...เป็นห่วงเด็กคนนั้นงั้นหรือ"  น้ำเสียงของคนพูดเปลี่ยนไป

"ครับ เขาไม่สมควรถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ" มือขวาคนสนิทตอบกลับไปเรียบๆ เขาทำงานกับอีกฝ่ายมานานพอที่จะโต้แย้งได้  และพิชช์ฌานก็ชอบคนที่โต้แย้งเขาด้วย

ฌานถอนหายใจยาว

"แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปสืบ..."



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:25:43






          เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น  คนพูดชะงัก พนักหน้าให้ลูกน้องเดินไปเปิดประตู  แม่บ้านถือถาดกาแฟและของว่างเข้ามาให้แล้วกลับออกไปอย่างรวดเร็ว คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่หยิบช้อนขึ้นมาคนกาแฟในถ้วยช้าๆ

"เสียงภายในเริ่มแตกกันแล้วครับเพราะข้อเสนอของคุณเมื่ออาทิตย์ก่อน ติดตรงที่ว่าคุณไตรคุณยังไม่ยอม..." เจนภพเล่าให้เจ้านายฟังยืดยาว

ชายหนุ่มเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานอย่างครุ่นคิด  กลิ่นหอมอ่อนๆของอะไรอย่างหนึ่งลอยเข้าจมูก นักการเมืองหนุ่มขมวดคิ้ว เลื่อนจานขนมเข้ามาใกล้

คุกกี้รสนมหลายชิ้นจัดเอาไว้สวยงาม เขาหยิบขึ้นมาแตะจมูก

"ใช่แล้ว กลิ่นนี้เอง" จู่ๆชายหนุ่มก็โพล่งออกมาจนลูกน้องตกใจ

"ครับ?"

"กลิ่นคุกกี้ เด็กนั่นมีกลิ่นเหมือนคุกกี้"

กลิ่นหวานๆหอมๆแบบนี้

"ยังไงนะครับ"  เจนภพยังตามไม่ทัน

พิชช์ฌานเพิ่งรู้สึกตัว

"ช่างเถอะ ไม่มีอะไร" ชายหนุ่มวางคุกกี้ลงในจานตามเดิม

"เอ่อ..ผมมีเรื่องนึงที่รู้สึกว่ามันแปลกๆครับ" เจนภพพูด "หลังจากที่เราจับคุณคินมา ตารางงานของเขาก็ถูกยกเลิกจนหมดแต่ว่า...เมื่อคืนมีคนถ่ายรูปนี้มาได้ครับ  บอกว่าเจออคินทร์"

"รูปเก่าหรือเปล่า จะเป็นไปได้ยังไง" พิชช์ฌานหรี่ตาลง พิศดูเสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นหน้ากากอนามัยของคนในรูป  สันจมูกโด่งและหางตายาวรวมถึงผิวเนียนสีน้ำผึ้งนั้น...ไม่ผิดแน่  น่าจะเป็นศิลปินดังคนนั้นจริงๆ  ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองเหมือนกำลังจะไปเที่ยวหรืออะไรสักอย่าง

 

"ผมก็ไม่แน่ใจครับ กำลังเช็คให้อยู่ เพราะคนถ่ายบอกว่าเจอที่หมู่เกาะทางใต้"

"ช่วยสืบเรื่องนี้ให้ทีนะเจนภพ ตอนบ่ายฉันมีประชุมพรรคคงต้องฝาก....ไว้ก่อน"  พิชช์ฌานเว้นที่ว่างเอาให้มือขวาเติมเอาเอง  เจนภพพยักหน้ารับ รู้โดยไม่ต้องเอ่ยปากว่าคงหมายถึงคนที่โดนกักบริเวณอยู่บนห้องนั่นแหละ

พิชช์ฌานออกจากเซฟเฮ้าส์ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเวลาสามวันมันนานเกินไป

อีกฝ่ายกำลังซุ่มจะทำอะไรกันแน่

ไหนจะภาพถ่ายของคนที่หน้าคล้ายอคินทร์อีก

........................................................................

อคิราห์รู้สึกเบื่อมากๆ ถึงเขาจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านมาตลอดเท่าที่จำความได้ ทว่าบ้านของเขาไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้   ตอนที่อยู่บ้าน เขามีอะไรให้ทำทั้งวัน ตั้งแต่อ่านหนังสือ เต้นรำ ทำอาหาร จัดบ้าน ทำสวน ปลูกต้นไม้ จัดดอกไม้ เล่นกับหมา เลี้ยงปลา ว่ายน้ำ ตีเทนนิสฯลฯ

อ้อ แล้วก็กินๆ

แต่ตอนนี้เขาได้แต่นั่งจ๋อย เอาคางเกยขอบหน้าต่างที่เปิดไม่ได้เล่น ในมือก็ถือหนังสือสวดมนต์ที่ค้นเจอในลิ้นชักหัวเตียงเอาไว้

เขาอ่านจบไปเกือบสิบรอบแล้ว

เบื่อโว้ย

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน  เพราะยืนเร็วไปเลยทำให้เขารู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย

อคิราห์ยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผาก เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดซึมเต็มหน้าผากและซอกคอ  ร่างกายของเขาอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับวันแรกที่ถูกพาตัวมาที่นี่  เขาสัมผัสได้ว่าตัวเองเวียนหัวบ่อยขึ้น แถมสมองยังตื้อๆคิดอะไรไม่ค่อยออก

จริงๆแล้วความคิดของเขาเอาแต่วนเวียนอยู่กับกลิ่นแปลกๆของผู้ชายตัวสูงคนนั้น

อัยย์คิดว่าเขารู้แล้วว่ามันคือกลิ่นอะไร

กลิ่นของกระดาษจากหนังสือเล่มโปรด

ให้ตายเหอะ

เขาชักจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว โอเมก้าหนุ่มถอนหายใจเฮือก เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเพื่อจะเทน้ำ แต่มือของเขาสั่นจนทำให้แก้วใบนั้นร่วงตกแตกเป็นเสี่ยง

 

"อูย" เท้าของเขาเหยียบไปบนเศษแก้วเต็มๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมา เจ็บจนน้ำตาคลอ ชายหนุ่มกัดฟันดึงเศษแก้วออกจากเท้า

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ให้ผมเข้าไปช่วยนะ" เจนภพนั่นเอง

อคิราห์ใจหายวาบ รีบปฏิเสธ

"ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณครับ"

สามวันที่เขาไม่ได้กินยาระงับ ถึงไม่อยากยอมรับแต่เขารู้ตัวดีว่าฮอร์โมนในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างบังคับไม่ได้  เขาหงุดหงิดฉุนเฉียวมากขึ้น  เหม่อลอยมากขึ้น  แล้วก็อ่อนแอกว่าปกติ

เจนภพขมวดคิ้ว กลิ่นบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างใต้ประตู มันหอมหวานเย้ายวน ดึงดูดเขาอย่างรุนแรงจนใจเต้น

กลิ่นอะไรกัน...

"คุณคิน คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ" เขาถามย้ำ ร่ำๆจะไขกุญแจเข้าไปดูข้างใน

"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ คุณไม่ต้องเขามาหรอก ผม...ผมท้องเสียอยู่ด้วย เหม็นมากๆเลย" อคิราห์ตอบ

กลิ่นนั้นตรงข้ามกับคำว่าเหม็นอย่างสิ้นเชิง เจนภพรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เขาอยากเข้าไปในห้องนั้น

ชายหนุ่มล้วงมือหากุญแจขึ้นมาเตรียมเปิด

"นายครับ มีคนบุกรุกเข้ามาในเขตเรา" เสียงลูกน้องตะโกนใส่อินเอียร์ของเขาพร้อมๆกับเสียงระเบิดดังบึ้มที่หน้าบ้าน สะเทือนไปทั้งหลัง  เจนภพใจหายวาบ เกิดเรื่องขึ้นจนได้

“กระจายกำลังคุ้มกัน  จับไอ้พวกนั้นมาให้ได้”  เขาตะโกน  รีบไขกุญแจห้องไปด้วยพร้อมกับกดโทรหาเจ้านาย  ...ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ  พาคนที่อยู่ข้างในห้องนี้หนีออกไปก่อนเท่านั้น

..........................................................................

พิชช์ฌานกำลังประชุมอย่างเคร่งเครียด ลูกพรรคไม่รักดีชักจะเริ่มจับกลุ่มแข็งข้อกับเขาเข้าแล้ว  เขาต้องหาทางจัดการอะไรสักอย่างเพื่อชิงตัดไฟเสียแต่ต้นลม  คนพวกนี้เดิมเป็นลูกน้องของบิดาเขาก่อนที่บิดาจะถอนตัวจากการเมืองแล้วให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งแทน  เพราะอายุที่น้อยกว่าทำให้ไม่เกิดความเคารพยำเกรง

สงสัยจะลืมกันหมดแล้วว่าอะไรทำให้คนอายุน้อยอย่างเขาได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนหัวหน้าพรรคคนเดิม  บางทีเขาคงจะต้องเตือนความจำใครบางคนเสียบ้าง

ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปทางนายจักรกฤตหัวโจกที่กำลังพูดโน้มน้าวให้คนในพรรคเริ่มเห็นต่างกับเขานั้น  ...นายคนนี้เคยมีปัญหาเรื่องเปิดบ่อนผิดกฎหมายมาก่อน  ขนาดโดนแฉจนขึ้นเคยหน้าหนึ่งมาแล้ว  แต่ด้วยอำนาจเงินและบุญบารมีของพ่อเขาในตอนนั้นเลยทำให้เรื่องเงียบได้

คงต้องย้ำเตือนบุญคุณกันบ้าง  ถ้าไม่ยอมหยุดดีๆเขาอาจจะต้องจัดการให้บ่อนที่เพิ่งกลับมาเปิดใหม่นั้นถึงหูนักข่าวเสียหน่อยแล้ว

เบนสายตาไปยังคนอื่นๆที่นั่งพยักหน้าตามกันอยู่นั้น ...แต่ละคนต่างก็มีเรื่องคาวๆฉาวโฉ่ซ่อนเอาไว้เบื้องหลังกันทั้งนั้น  หึ...

โทรศัพท์มือถือของเขาสั่น  พิชช์ฌานเหลือบมองชื่อของคนโทรมา...เกิดอะไรขึ้นที่บ้านงั้นหรือ

ชายหนุ่มกดรับด้วยท่าทางปกติที่สุด  คำบอกเล่าของมือขวาทำให้คนฟังใจหายวาบ หากนักการเมืองหนุ่มยังรักษาสีหน้าเรียบเฉยและท่าทางนิ่งสงบเอาไว้ได้

คงแย่แน่ถ้าคนในพรรครู้ว่าแผนของเขากำลังจะล่ม

ชายหนุ่มอดทนประชุมจนเสร็จแล้วก็รีบผละออกมาขึ้นรถส่วนตัวที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว  พอประตูรถปิดสนิทพ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของนักข่าวและใครต่อใคร  พิชช์ฌานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนสนิททันที

"เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง" เขากรอกเสียงใส่โทรศัพท์เสียงเข้ม "ตายหรือยัง"       

เจนภพเงียบไปจนเขาชักร้อนใจ

"ตกลงยังไง ตายแล้วเหรอ”

"ยังครับ..แต่ว่า" ปลายสายอึกอัก "คือ...มันแปลกมากๆครับ ผมอธิบายไม่ถูก มันแบบ...อ่า..." เสียงลมหายใจหอบๆของลูกน้องทำให้เจ้านายตกใจ

"นั่นนายบาดเจ็บเหรอนายภพ"

"ผม....คุณฌานรีบมาเถอะครับ ผมพาเค้ามาที่...."  อีกฝ่ายพูดก่อนจะตัดสายไป

“ฮัลโหล  เดี๋ยวก่อนสิ  ภพ  นายภพ”  พิชช์ฌานตะโกนอย่างหัวเสีย  อยากจะไล่คนขับรถออกแล้วลงไปขับเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด ชายหนุ่มนั่งกำมือแน่น คิดหาทางหนีทีไล่เอาไว้ทุกทางเท่าที่จะทำได้

ไม่นึกเลยว่าตาแก่นั่นจะใช้ความรุนแรงเข้าสู้แบบนี้ ปกติไตรคุณไม่เคยเล่นแรงถึงขั้นระเบิดบ้านใครมาก่อน

หึ...แสดงว่าอคินทร์คงเป็นหัวใจของมันจริงๆสินะ

พิชช์ฌานนั่งครุ่นคิดไปตลอดทาง  ถ้าเด็กคนนั้นสำคัญกับพ่อของมันขนาดนี้ล่ะก็  ไม่แน่ว่าข้อเสนอของเขาอาจจะสำเร็จก็เป็นได้  ขออย่างเดียวแค่นั้น...เด็กนั่นต้องยังมีชีวิตอยู่

.......................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:30:15
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 2

 



 

 

 

 

"ว่าไงนะ หาคนไม่เจองั้นเหรอ" ท่านไตรคุณตวาดเสียงลั่นอย่างโกรธจัด  กำมือแน่นกับโต๊ะทำงานจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน  "จนบุกเข้าไปแล้วจะไม่เจอได้ยังไง ก็สายบอกว่าเค้าอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงๆ"

"ใจเย็นๆก่อนครับพ่อ" อคินทร์รีบจับมือบิดาเอาไว้

"จะเย็นยังไงไหว น้องแกทั้งคนนะคิน"

"ผมก็เป็นห่วงน้องครับ แต่เราต้องใจเย็นๆก่อน"  ศิลปินหนุ่มพูดนิ่งๆ

นายกรัฐมนตรีสูดลมหายใจลึกๆยาวๆ แล้วสะกดเสียงพูดตอบกลับไปในโทรศัพท์ราบเรียบ ...เขาต้องไม่เปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป..  "ค้นหาตัวให้เจอ ภายในคืนนี้"  เขากดวางสาย

"อัยย์เป็นคนฉลาด น้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ"  แฝดพี่พูด

"แต่น้องแกเป็นโอเมก้า ฉลาดแค่ไหนก็แพ้ด้านร่างกายอยู่ดี" คนเป็นพ่อพูดอย่างปวดใจ "ถ้าคืนนี้หาไม่เจอ ฉันคงต้องยอม..."

"พ่อจะยอมสละตำแหน่งสมัยหน้าหรอครับ"

"............." คนเป็นพ่อเงียบไปนาน  "กว่าจะขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ ฉันสูญเสียอะไรไปมากมาย เพื่อให้พวกเราได้กินอิ่มนอนหลับ" เขาพูดช้าๆ  "บางที...อาจจะถึงเวลาแล้วจริงๆก็ได้ที่..."

"ทำไมเราไม่ลองคิดมุมกลับ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสล่ะครับ" ลูกชายพูดเรียบๆ สบตาบิดา  ไตรคุณยกมือขึ้นเบรกลูก

"ฉันรู้ว่าแกคิดอะไร ไตรภพก็คิดแบบนั้น เขาบอกฉันตั้งแต่วันแรกที่อัยย์โดนจับไปด้วยซ้ำแต่ว่า...ฉันยังทำใจไม่ได้ เห็นใจฉันหน่อยเถอะ ไอ้ฌานนั่นมันก็เหมือนพ่อมันนั่นแหละ"

"ผมว่าคุณพิชช์ฌานดูมีคุณธรรมมากกว่าพ่อเขานะครับ"

 

"มีคุณธรรมมากเลยนะ จับลูกฉันไปน่ะ" บิดาพูดอย่างโกรธๆ

....................................................................

 

พิชช์ฌานก้าวลงจากรถ  อากาศรอบตัวเย็นจัดเพราะพระอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปและอยู่ในหุบเขา  ชายหนุ่มเดินห่อตัวก้าวขึ้นบันไดหน้าบ้านพักตากอากาศลับๆของตัวเองที่แอบมาซื้อเอาไว้นานแล้ว  นักการเมืองอย่างเขาจำเป็นจะต้องมี ‘ที่หลบภัย’ เอาไว้เผื่อยามฉุกเฉินหลายๆแห่งอยู่แล้ว

บ้านเงียบสงัด  ได้ยินแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรรอบตัวจากต้นไม้สูงใหญ่รอบๆที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว   กลิ่นหอมอวลรุนแรงเตะจมูกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในบ้าน

"นี่มันอะไรกัน" นักการเมืองหนุ่มอุทาน มองหน้าคนสนิทที่ก้าวเข้ามาหา  เจนภพใส่หน้ากากปิดทั้งปากและจมูกเอาไว้มิดชิด

"ขอโทษครับ" คนสนิทก้มหน้าลง

"ฉันถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น" เจ้านายพูดเสียงเข้ม ตวัดสายตาไปที่ชั้นสองซึ่งน่าจะเป็นที่มาของกลิ่นประหลาดนี้

"คุณอัยย์อยู่ข้างบนครับ...เอ้อ  ผมแนะนำให้ใส่หน้ากาก" อีกฝ่ายส่งหน้ากากมาให้เขา

"เขาเป็นอะไร" พิชช์ฌานขมวดคิ้ว รับหน้ากากมาถือเอาไว้  "คิดจะปล่อยแก๊สพิษรมควันพวกเราแล้วหนีไปหรือไง"  ชายหนุ่มถามอย่างหงุดหงิดแม้จะรู้สึกโล่งใจในส่วนลึกที่รู้ว่าคนสนิทและตัวประกันของเขาปลอดภัยดี

"เอ้อ  ขึ้นไปดูเองก็รู้ครับ" มือขวาตอบด้วยท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ  "ผมกันคนอื่นๆเอาไว้ข้างนอกหมดแล้ว  จะได้ไม่มีปัญหา"

พิชช์ฌานงงกว่าเดิมกับท่าทางแปลกประหลาดของคนสนิท  เขาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยที่ไม่ได้ใส่หน้ากาก กลิ่นหอมหวานเหมือนคุกกี้ที่เพิ่งอบใหม่ๆนั้นรุนแรงขึ้นทุกทีจนหัวใจเริ่มเต้นตึกๆ

มันอวลออกมาจากข้างหลังประตูไม้บานนั้น

ลำคอของเขาแห้งผากกะทันหัน  ความอยากรู้พุ่งสูงพร้อมๆกับอารมณ์อะไรอย่างหนึ่งที่จู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว  พิชช์ฌานเอื้อมมือที่สั่นน้อยๆไปจับลูกบิดกระชากเปิดออก

ร่างของใครคนหนึ่งนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง มีผ้านวมห่อเอาไว้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า โผล่ออกมาเพียงแต่ลูกตากลมๆสีน้ำตาลจัดคู่นั้น

"อย่าเข้ามานะ" เสียงอู้อี้ร้องบอก

ชายหนุ่มมองดูดักแด้บนเตียงอย่างประหลาดใจ

"เธอทำอะไร.." เขาได้คำตอบก่อนที่เจ้าตัวจะตอบเสียอีก

 

กลิ่นหอมหวานชวนให้ใจเต้น  ...ท่าทางแปลกๆ รูปร่างที่โปร่งบางกว่าแอลฟ่าชายทั่วไป ...ท่าทางเลิกลั่กของลูกน้องของเขากับเหงื่อที่ซึมออกมาจากมือของเขาเอง

แอลฟ่าอย่างพิชช์ฌานเบิกตากว้าง

ผู้ชายตรงหน้าเป็นโอเมก้า

ชายหนุ่มนิ่งงันไป เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอคินทร์จะเป็นโอเมก้า ก็นายไตรคุณภูมิอกภูมิใจหนักหนาในสายเลือดแอลฟ่าบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือไง

"บอกให้ออกไปไง" คนบนเตียงตวาดเสียงหลงเมื่อร่างสูงใหญ่ย่างเท้าเข้ามาในห้องนอน

ถ้าวันแรกที่โดนลักพาตัวมาเรียกว่าความกลัว ในตอนนี้ความรู้สึกของเขาก็เลยทะลุขีดความกลัวไปแล้ว อัยย์รู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา รู้ด้วยว่าผู้ชายที่ยืนจ้องเขาตาไม่กระพริบนั้นเป็นแอลฟ่า

            เหงื่อแตกพลั่กๆจนเปียกชุ่มผ้านวมไปหมด

ตอนที่เจนภพพาวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกมาจากบ้านหลังนั้นก็ทีหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าน่ากลัวใส่เขา แต่โชคดีที่เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเกินกว่าที่จะเกิดอะไรขึ้น

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

ให้อีกฝ่ายจ้องเขาราวกับจะจับเขาฉีกเป็นชิ้นๆยังดีกว่าจ้องด้วยแววตาประหลาดแบบนี้

อคิราห์ห่อตัวลง สิ่งที่พ่อเคยขู่เขาเอาไว้กลับเข้ามาในหัวเหมือนกรอเทป ...อยู่ให้ห่างจากแอลฟ่า  กินยาสม่ำเสมอ  เขาทำไม่สำเร็จทั้งสองข้อ

พิชช์ฌานก้าวเข้ามาหาเขาราวกับมีแรงดึงดูด  มือใหญ่เอื้อมมาจับปลายผ้านวมที่อัยย์กำเอาไว้แน่น

"อย่านะ ออกไป"  เขาตะโกน พยายามจะกลิ้งตัวหนี  ทว่าอีกฝ่ายใช้แขนกันเอาไว้ไม่ให้เขาหนีไปไหน ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเป็นประกายวาบราวกับมีไฟลุกโพลงอยู่ข้างใน  จับจ้องเขาทุกการเคลื่อนไหวตาไม่กระพริบเหมือนหมาป่าที่ออกล่าเหยื่อ

ลมหายใจร้อนผ่าวปะทะที่หน้าผากและผิวแก้ม กลิ่นหอมเฉพาะตัวของพิชช์ฌานเองก็รุนแรงจนอคิราห์ตาลาย   ...กลิ่นของแอลฟ่าปลุกอะไรบางอย่างในตัวเขาเช่นกัน  มันรุนแรงกว่ากลิ่นของแอลฟ่าคนอื่นอย่างเจนภพชนิดเทียบกันไม่ได้

อคิราห์ขนลุกทั้งตัว  พยายามจะหันหน้าหนีทว่ากลับถูกดวงตาคมเข้มสีดำสนิทคู่นั้นดึงดูดจนไม่อาจละสายตาไปได้

"เธอเป็นโอเมก้า" เสียงห้าวๆฟังคล้ายเสียงคำรามข้างหู

อาคิราห์ร้องกรีดตอนที่อีกฝ่ายกระชากผ้านวมออกไปจากตัวของเขา  แผ่นอกเปลือยเปล่าปรากฏแก่สายตา ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนจากลำคอลงไปหาแอ่งสะดือและกางเกงขาสั้นเหนือเข่า  เจ้าของร่างโปร่งบางยกมือขึ้นกอดอกทันควัน ใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ดันแขนอีกคนออกแล้วพุ่งจากเตียง ทว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนทรุดฮวบกับพื้น

พิชช์ฌานก้าวเข้าไปหาร่างสีน้ำผึ้งที่นั่งตัวสั่นอยู่ที่พื้น  ความหวาดกลัวปรากฏอยู่ทุกตารางนิ้วบนใบหน้ารวมถึงดวงตาคู่นั้น

สัญชาตญาณดิบที่แม้จะเพียรกดเอาไว้เพียงใดกลับผุดพรายขึ้นมาราวกับฟองน้ำเดือดจนแอลฟ่าหนุ่มกำมือแน่น  ยิ่งรับรู้ถึงความหวาดกลัวเขากลับยิ่งตื่นเต้น  ยิ่งอยากพุ่งเข้าไปหาแล้วขย้ำร่างบอบบางตรงหน้าให้สมใจอยาก  ต้องการได้ยินเสียงหอบครวญครางอยู่ใต้ร่าง  ได้ฝังตัวตนของเขาลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้...

            เหงื่อเม็ดเป้งๆผุดขึ้น  พิชช์ฌานกำมือแน่นจนปลายเล็บจิกลงไปในฝ่ามือ  กัดริมฝีปากด้านในของตัวเองจนได้กลิ่นรสคาวเลือด

ตลอดชีวิตของเขา ไม่เคยข้องเกี่ยวกับโอเมก้า...

"อย่าทำผมเลย ผมกลัวแล้ว จริงๆนะ" อคิราห์พูดละล่ำละลัก ผู้ชายตรงหน้าดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ "อย่าทำผม"  ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ถึงปากจะบอกว่าอย่า ทว่าหัวใจของอัยย์กลับเต้นแรงขึ้นทุกทีที่ร่างสูงใหญ่ย่างเท้าเข้ามา กางเกงของเขาเริ่มเปียกชื้น  กลิ่นหอมๆเหมือนกระดาษใหม่ๆที่เขาหลงใหลรุนแรงขึ้นทุกทีจนกลางกายปวดหนึบ  อาคิราห์พยายามห่อตัวหุบขาซ่อนเอาไว้แน่นหนา  คงน่าอับอายมากถ้าอีกคนจะสังเกตเห็น

นักการเมืองหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็วราวกับหมดความอดทน

พิชช์ฌานโยนเสื้อคลุมตัวนั้นใส่ร่างที่สั่นเทาแล้วสบถเสียงดังก่อนจะหันหลังกลับออกมาจากห้อง  ไม่ลืมกระแทกประตูปิดดังปัง

โอเมก้ากำเสื้อโค้ทตัวนั้นเอาไว้แน่น โล่งใจแต่ก็ปนกับความรู้สึกอื่นที่อธิบายไม่ถูก

เจ้าของบ้านกระทืบเท้าลงบันไดมาชั้นล่างด้วยใบหน้าเครียดจัดเหมือนพร้อมจะฆ่าใครก็ตามที่โผล่เข้ามา  เขายกมือขึ้นห้ามเมื่อลูกน้องคนสนิทที่รออยู่ขยับเข้ามาหา

"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" พูดแค่นั้นนักการเมืองหนุ่มก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่  ก่อนจะกลับออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นมาก

"ตามหมอมา เอายาระงับหรืออะไรพวกนั้นมาด้วย ฉันไม่ต้องการเห็นโอเมก้าฮีทที่นี่"  เขาตวัดสายตาขึ้นไปบนชั้นสองอย่างดุดันแกมรังเกียจลึกๆ  “อ้อ  ให้ทำแผลที่เท้าด้วย  คราบเลือดเปื้อนไปหมด”

พิชช์ฌานกลับออกมาสงบสติอารมณ์ข้างนอกบ้าน  ลมเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้าช่วยให้อะไรต่อมิอะไรที่ยังไม่สงบดีนั้นราบเรียบลงในที่สุด   ตวัดสายตาขึ้นไปมองห้องบนชั้นสองที่ปิดไฟมืดนั้นอีกรอบ  เหอะ...โอเมก้างั้นหรือ

ครอบครัวของพิชช์ฌานเป็นแอลฟ่าบริสุทธิ์มาตลอด เหมือนๆกับหลายๆครอบครัวที่มีอำนาจในประเทศนี้  ถึงแม้ตอนหาเสียงเขาจะบอกว่าทุกชนชั้นไม่ว่าแอลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้าจะเท่าเทียมกัน ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ในจิตใต้สำนึกของเขาก็ยังมองว่าโอเมก้าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยอ่อนแอ

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่น มันเป็นนิทานปรัมปราไว้หลอกแอลฟ่าโลกสวยที่ดันตาบอดไปหลงรักโอเมก้านั่นแหละ  คนอย่างเขา...ไม่เคยนึกจะเกลือกกลั้วกับโอเมก้าแบบนั้น แค่คิดก็ขนลุก...โชคดีที่เมื่อกี้เขายับยั้งใจเอาไว้ได้ ไม่ปล่อยตัวไปตามสัญชาตญาณดิบ

ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกลูกน้องดูแคลน ขนาดเจนภพยังยั้งใจไว้ได้ ถ้าเขาทำไม่ได้ก็ไม่ควรจะชื่อนายพิชช์ฌาน

            มือขวาเดินออกมาหยุดยืนด้านหลังเขาเงียบๆ  พิชช์ฌานเหลียวไปมอง

"ไปเอาโทรศัพท์มา ฉันจะโทรหาท่านนายกฯ" เขาพูดเรียบๆ   ..อย่างน้อยความลับที่อคินทร์เป็นโอเมก้าก็คงจะสามารถทำให้ใครบางคนดิ้นเป็นหมาถูกน้ำร้อนได้แน่ๆ..หึ มิน่าล่ะ

ถึงขั้นระเบิดบ้านกันเลยนี่...ความลับสุดขอบฟ้าแบบนี้นี่เอง

            .........................................................

"...ท่านคงไม่อยากให้ความลับนี้เปิดเผยไปหรอกนะครับ ท่านนายกฯ เพราะมันคงกระทบต่อความเชื่อมั่นของท่านและความนิยมของคุณอคินทร์มากพอสมควร" เสียงเยาะหยันของชายหนุ่มรุ่นลูกทำให้ไตรคุณกำโทรศัพท์แน่น

...มันรู้แล้วว่าอัยย์เป็นโอเมก้า

"แกทำอะไรลูกฉัน"

"โอ๊ะโอ ...คิดว่าผมทำอะไรล่ะ"  อีกฝ่ายย้อนกลับมา “โอเมก้าแสนสวยกับแอลฟ่าที่ยังหนุ่มแน่น”  พิชช์ฌานพูดเยาะๆ  แทบจะเดาออกว่าคนฟังจะต้องกระอักเลือดแน่ๆ   "อืม..ตกลงยังไงดีครับท่าน ผมค่อนข้างความอดทนต่ำนะครับ เด็กๆก็ใจร้อนอย่างที่ท่านเคยบอกผมนั่นแหละครับ"  ชายหนุ่มว่า หัวเราะเบาๆ "ให้เวลาถึงสิบโมงเช้าวันพรุ่งนี้ดีไหมครับ แต่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีนะ เพราะโอเมก้าร่างกายไม่แข็งแรง  ไม่ค่อยทนไม้ทนมือเอาเสียเลย ว่าไหมครับ"

"ไอ้พิชช์ฌาน!!" เขาอุทาน

หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านกดวางสาย ยิ้มอย่างพอใจ

“คุณไม่กลัวท่านนายกฯจะแจ้งตำรวจหรอครับ”  เจนภพถามขึ้นเบาๆ  อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ให้ตายเขาก็ไม่มีทางแจ้งตำรวจหรอก  เพราะกลัวความลับเรื่องโอเมก้ารั่วไหลยังไงล่ะ”  พิชช์ฌานดีดนิ้วอย่างพอใจ   "ปล่อยข่าวว่าอดินทร์เป็นโอเมก้า" เขาหันไปบอกเจนภพสั้นๆ "ทำให้ท่านนายกฯตัดสินใจง่ายขึ้นหน่อย"

            คนสนิทรับคำ

"แล้วหมอมาหรือยัง"

"กำลังขึ้นไปดูคุณคินอยู่ครับ"

"ดีมาก" พิชช์ฌานเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ  ตอนนี้ท่านไตรคุณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเขาแล้ว  จะบีบก็ตาย  จะคลายก็รอด...ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนเห็นขนลุกทั้งตัว



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:30:49






          ข่าวลือเรื่องศิลปินดังอย่างอคินทร์  อลันไตรเป็นโอเมก้าแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง บรรดาแฟนคลับถล่มถามหาความจริงจากปากเขาทุกทางเท่าที่ทำได้  บ้างก็บอกว่ารับได้บ้างก็รับไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร บุรุษผู้งดงามจับตาราวกับตกลงมาจากสวรรค์คนนั้นจะเป็นชนชั้นต่ำที่สุดในสังคมที่ทุกคนยังตั้งแง่รังเกียจอยู่ลึกๆ

"สถานการณ์เริ่มบานปลายแล้วนะครับท่าน" เลขาฯท่านนายกฯพูดอย่างกังวล  “แฟนคลับบางส่วนเริ่มมีการชุมนุมกันด้วย  บอกว่าจะบุกมาถามหาความจริง”

"ฉันรู้แล้ว" ท่านไตรคุณพูด หันไปมองลูกชายฝาแฝดที่นั่งขรึมอยู่ "พร้อมหรือยัง คิน..."

"ครับพ่อ  แค่นี้สบายมาก...แต่ว่ามันจะดีกับน้องจริงๆเหรอครับ" ลูกชายถามกลับ

"มันดีที่สุดแล้ว" คนเป็นพ่อตอบ ดึงลูกชายเข้ามากอดแน่น "ระวังตัวด้วยนะลูก"

"ไม่ต้องห่วงผมครับ" ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ

ภาพศิลปินดังที่กำลังเป็นข่าวคึกโครมที่สุดในตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะแถลงข่าวเรียกเสียงฮือฮากับทุกคนที่มารอฟัง  รวมถึงคนทางบ้านที่รอดูถ่ายทอดสดอีกด้วย  อคินทร์รักษาท่าทางสงบนิ่งเอาไว้  เขาเริ่มพูดถึงเรื่องข่าวลือที่มีคนลือกันผิดๆว่าเขาเป็นโอเมก้า

"...ผมจึงขอยืนยันด้วยผลตรวจเลือดของผม ว่าผมเป็นแอลฟ่าแต่กำเนิด ..." ชายหนุ่มพูด ชูผลตรวจเลือดให้กับตากล้องนักข่าวที่รัวชัตเตอร์

"แล้วคุณอคินทร์คิดอย่างไรกับกระแสเหยียดโอเมก้าที่กำลังดุเดือดคะ การที่คุณรีบออกมาบอกว่าเป็นแอลฟ่าเพื่อปกป้องตัวเองหรือมีนัยยะอื่นหรือเปล่า"  นักข่าวสำนักหนึ่งถาม

ชายหนุ่มยิ้มเย็น

"ผมออกมาบอกเพื่อแสดงความจริงใจครับ ส่วนเรื่องกระแสเหยียดโอเมก้า ผมและครอบครัวของผมไม่เคยเห็นด้วยเลยกับเรื่องนั้น เพราะผม...มีน้องชายเป็นโอเมก้าครับ"

คำตอบของอคินทร์เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนได้กระหึ่ม

"ผมมีน้องชายฝาแฝดและเป็นโอเมก้า ครอบครัวเราไม่เคยเปิดเผยเพราะรักและเป็นห่วงเขามาก   ..พวกคุณคงรู้ว่าโอเมก้ามีความน่ารักและเข้มแข็งอยู่ในตัวอย่างไรบ้าง ผมรู้เพราะผมดูแลน้องชายผมมาตลอด ครอบครัวเราทุกคนรักและถนอมเขาเหมือนไข่ในหิน คุณคงนึกออกนะครับ เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อของผมถึงไม่เคยพูดถึงน้องชายคนเล็กของเราเลย"

 

"ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงเปิดเผยเรื่องนี้ละคะ"

"เพราะ...."  นักร้องหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง น้ำตาคลอในดวงตาคู่สวย  เขาหันไปมองกล้องนิ่งๆ  "หัวใจของครอบครัวเราเพิ่งถูกลักพาตัวไปครับ" เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ  "เมื่อสี่วันที่แล้ว"

เสียงอุทานอย่างงุนงงแกมตกใจดังขึ้นทั่วบริเวณ

"...ท่านนายกฯ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคุณพ่อของผมเจ็บปวดใจอย่างมาก ท่านพยายามจะเก็บเป็นความลับแล้วตามสืบหาตัวน้องชายของผมเงียบๆ แต่ว่า...ไร้ประโยชน์ คนบางคนใช้น้องชายของผมมาเป็นเครื่องต่อรองบางอย่างกับคุณพ่อ...คุณลองคิดดู ความใจร้ายที่เอาลูกของเขามาเป็นเครื่องมือ"

"ใครคะ พอจะบอกได้ไหมคะ"

"แจ้งตำรวจให้จัดการดีกว่าครับ บ้านเมืองมีกฏหมาย จะมาลักพาตัวกันแบบนี้ได้ยังไง"

อคินทร์ถอนหายใจยาวด้วยท่าทางเศร้าใจ  เหลือบมองไปทางด้านข้างตามที่เตรียมแผนเอาไว้ ท่านไตรคุณบิดาของเขาเดินออกมาเอง เป็นที่ฮือฮาของนักข่าวอย่างคาดไม่ถึงยิ่งกว่าเดิม

นายกรัฐมนตรีของประเทศอยู่ในชุดสีดำสนิท  ใบหน้าคล้ำโทรมแสดงถึงความทุกข์ตรมราวกับแก่ลงไปสักยี่สิบปี  ไตรคุณหยุดยืนเคียงข้างลูกชายของเขา

"ผมมาวันนี้เพราะมาให้กำลังใจลูกชายของผมอคินทร์และอยากฝากถึงคนที่ฟังอยู่ ...อคิราห์เป็นลูกชายของผม ถึงเขาจะเป็นโอเมก้าแต่ผมก็รักไม่ต่างจากลูกคนอื่น.."  เขาหยุดไปนิดหนึ่งเหมือนสะเทือนใจ  “ผมคิดอยู่นานว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายความเป็นห่วงก็ทำให้ผมต้องยอมออกมาขอร้อง...ผมขอใช้คำว่าขอร้อง โปรดเห็นแก่พ่อและทุกคนในครอบครัวที่เป็นห่วงเขา ...ช่วยคืนเขากลับมาเถอะครับ อย่ารังแกเขาเลย ...พิชช์ฌาน"

ประโยคหลังไตรคุณไม่ได้พูดออกเสียง แต่ใครๆก็อ่านปากออก

คนชื่อพิชช์ฌานทุบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด มองหน้าจอโทรทัศน์ตาแทบถลน  ไม่นึกเลยว่างานไอ้แก่ไตรคุณจะแก้เกมเขาได้เจ็บแสบถึงเพียงนี้

ทีนี้ทุกคนก็จะจับตามองมาที่เขาและคิดว่าเขาเป็นพวกเหยียดชนชั้น อย่างที่ไอ้แก่บอกและก็ชิงออกตัวว่ามีลูกเป็นโอเมก้าไปแล้วน่ะสิ

"โธ่เว้ย"

"เราจะทำยังไงดีครับ คืนตัวคุณ...เอ่อ น้องชายอคินทร์ไปดีไหมครับ" เจนภพพูด งุนงงจับต้นชนปลายไม่ติด   

แค่เปิดทีวีเห็นอคินทร์ยืนอยู่ตรงหน้าก็ว่าช็อคแล้ว จู่ๆฝ่ายนั้นก็ออกมาบอกอีกว่าตัวเองมีฝาแฝดเป็นโอเมก้าหน้าตาเฉย แสดงว่าคนที่นอนอยู่ข้างบนห้องตอนนี้ก็คือน้องชายที่ว่าสินะ

 

บ้าเอ๊ย ก็ว่าทำไมถึงดูแปลกๆไปหมด

พิชช์ฌานกัดฟันกรอด ถ้าเขาคืนตัวเด็กคนนั้นกลับไปเรื่องก็คงจบหรอก แต่เขาคงไม่เหลือหน้าเอาไว้เลือกตั้งสมัยหน้าแล้ว

ไม่ต้องนับความอับอายที่จะตามหลังมาอีก  เพราะไอ้เด็กบ้านั่นไม่ยอมบอกว่าตัวเองไม่ใช่อคินทร์ตั้งแต่แรก แผนเขาถึงได้พังพินาศขนาดนี้

ฮึ่ม....ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

"ออกไปก่อน ฉันขอตั้งหลักหน่อย คนอย่างนายพิชช์ฌานไม่ยอมจนมุมด้วยเล่ห์เหลี่ยมของคนอื่นหรอก" ชายหนุ่มพูดอย่างโกรธเกรี้ยว   

เลขาฯอย่างเขาเลยต้องถอยออกมา ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเจ้านายดังลั่น เห็นทีวันนี้คงสายไหม้เป็นแน่  ...ไม่รู้เหมือนกันว่าพิชช์ฌานจะแก้เกมนี้อย่างไร แต่เขามั่นใจในมันสมองของคนๆนี้

.....................................................................

 

อคิราห์ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังบานปลายไปถึงไหนแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่คุณหมอมาฉีดยาให้เขาและให้ยาระงับกระปุกใหญ่เอาไว้

เช้าวันนี้ทั้งบ้านเงียบสงัดเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่อัยย์ก็รู้ว่ามีคนคอยเฝ้าจับตาดูเขาอยู่เงียบๆ ตามมุมต่างๆ  ไม่เชื่อก็ลองทำท่าออกวิ่ง  หรือทำอะไรลับๆล่อๆดูสิ

"คุณจะไปไหนครับ"  บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่เขาเริ่มคุ้นหน้าถามขึ้นทันทีที่ก้าวเท้าออกจากห้อง  อคิราห์ถอนหายใจเฮือก...เห็นไหมล่ะ

"ให้ผมได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างได้ไหมครับ ..แค่ในครัวก็ยังดี  ผมไม่ได้คิดจะหนีไปไหนหรอก" สีหน้าของหงอยๆของคนพูดทำให้คนฟังรู้สึกสงสาร     

อัยย์ก็เลยได้ลงมาสำรวจชั้นล่างบ้างอย่างที่ต้องการ  เดาว่านายพิษฌานกับมือขวาคนนั้นคงไม่อยู่บ้านสินะ ไม่งั้นคงไม่มีใครยอมให้เขาออกมาเดินเล่นข้างนอกแบบนี้แน่  ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นสูดอากาศเย็นสดชื่นเคล้ากับแสงแดดนั้นอย่างพอใจ  บ้านหลังนี้อยู่ในหุบเขาที่ไหนสักแห่งที่เขาก็เดาไม่ออกเหมือนกัน  สายหมอกเริ่มจางหายไปแล้ว  อัยย์เดินเล่นจนไปถึงข้างหลังบ้าน  เขาเบิกตาโตอย่างดีใจ

ดอกไม้สีสันสดใสผลิดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมด คงจะขึ้นเองตามธรรมชาติกระมัง...ชายหนุ่มย่อตัวลงแตะที่กลีบดอกไม้บอบบางนั้นแผ่วเบาแล้วยิ้มให้  อย่างน้อยในวันที่เซ็งที่สุดก็ยังพอมีสิ่งสวยงามเจริญหูเจริญตาบ้าง  เขาแตะจมูกแล้วสูดกลิ่นหอมจางๆเข้าปอดตามด้วยอ้าปากกว้างเพื่อวัดขนาดของกลีบดอกเล่น

เคยได้ยินว่าดอกไม้บางชนิดเอาไปทอดกินได้...

"ดอกไม้พวกนั้นกินไม่ได้หรอกนะ"

อคิราห์ชะงัก หันขวับไปมองต้นเสียงที่ยืนกอดอกอยู่บนระเบียงหลังบ้าน

"ใครเค้ากินดอกไม้กัน"  อคิราห์ตอบกลับไป ทำใจดีสู้เสือ...อย่างน้อยวันนี้ดวงตาคมเข้มคู่นั้นก็ไม่ลุกวาบน่ากลัวเหมือนวันก่อนอีกแล้ว

หากแต่มีแววอะไรอย่างหนึ่งเพิ่มเข้ามาแทน...คล้ายๆจะ ..สมเพช?

"กลับขึ้นมาบนบ้านได้แล้ว"

อีกฝ่ายหน้าจ๋อยลงเหมือนดอกไม้ที่ถูกแสงแดดเผา พิชช์ฌานมองตามร่างที่เดินขึ้นบันไดมาเงียบๆ  วันนี้กลิ่นคุกกี้รสนมไม่รุนแรงเหมือนวันนั้น  เป็นแค่กลิ่นอ่อนๆที่เขาพอยอมรับได้

"ไปแต่งตัวเสีย  ฉันเตรียมชุดเอาไว้ให้แล้ว"

"คุณจะพาผมไปไหน...หรือว่า จะพากลับบ้าน" คนฟังดีใจ 

อีกฝ่ายพยักหน้า

นักการเมืองหนุ่มมองตามหลังคนที่เดินแกมวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริงนั้นพลางถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด  ความคิดเดิมๆย้อนกลับมาในสมอง... เขาคิดถูกหรือเปล่า  หรือว่าไม่ควร...

เจนภพขยับเข้ามาถามเขาเสียงเบา

"จะดีหรอครับ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย"

"ถ้าฉันอยากเล่นการเมืองต่อ มันก็จำเป็นต้องทำ" คนเป็นนายตอบเสียงหนัก  ยกมือขึ้นนวบที่หัวคิ้วเบาๆ  หลังจากนั่งคิดหาทางหัวแทบแตก เขาก็คิดวิธีออก  มันอาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ทำไงได้...พ่อของเด็กคนนั้นเป็นคนบังคับเขาเอง ทำให้เขาไม่มีทางเลือก

ถ้าเขายังอยากเล่นการเมืองต่อ  มันก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง....

"เสร็จแล้วครับ"

อคิราห์เดินกลับออกมาหาเขา  ร่างโปร่งบางได้ส่วนสัดอยู่ในชุดสูทสีขาวอย่างดีของแบรนด์ชื่อดังระดับโลกพอดีตัวเปี๊ยบ  พิชช์ฌานมองอย่างพอใจกับการกะขนาดด้วยสายตาของตัวเอง   เอาเถอะ...อย่างน้อยรูปร่างหน้าตาที่เหมือนแฝดพี่ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ขัดหูขัดตาเท่าที่ควร

อัยย์ตื่นเต้นมาก เขานั่งมือเย็นเฉียบมาในรถตลอดทาง  พิษฌานบังคับให้เขาผูกผ้าปิดตาเอาไว้เหมือนขามา  คงกลัวว่าเขาจะจำทางได้ล่ะมั้ง  คดเคี้ยววกวนขนาดนี้  ชายหนุ่มนึกในใจ  ...เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปไม่ถึงบ้านมากกว่า  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น...

"จอดรถ" พิชช์ฌานบอกคนขับเรียบๆ

อคิราห์ใจหาย  รีบดึงผ้าผูกตาออกพลางเหลียวไปมองรอบตัว  รถจอดอยู่ริมทะเลสาบไร้ผู้คน

หรือว่าเราจะไม่ได้กลับบ้านจริงๆ

เขานั่งในรถนิ่ง ตั้งใจว่ายังไงก็จะไม่ลงจากรถเด็ดขาด ต่อให้ลากลงไปก็เถอะ คิดจะยิงเขาแล้วโยนลงทะเลสาบใช่มั้ยล่ะ  รู้หรอกนะ  ดูออก

ไม่มีทาง...

"ไม่.."

"ไม่อะไรของเธอ นั่งอยู่ในนี้นิ่งๆล่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา"  นายพิษฌานพูด ท่าทางหัวเสีย  อัยย์ย่นจมูกใส่ มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินข้ามถนนไปยังร้านฝั่งตรงข้ามอย่างเคืองๆ

ผ่านไปครู่ใหญ่ พิชช์ฌานก็เดินกลับมาที่รถ  อัยย์สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนชุดมาอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตาเหมือนกันกับเขาไม่มีผิด  ใบหน้าคมเข้มโกนหนวดเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ดูผิดไปจากลุคปกติมากทีเดียว

"เป็นไง ตะลึงเลยเหรอ" พิชช์ฌานเลิกคิ้ว ค่อนข้างพอใจกับสีหน้าของอีกฝ่าย

"ผมตกใจ คุณผีเข้าหรอ"

คนแก่กว่าหน้าหงิก อยากยกมือขึ้นมาเขกหัวเด็กตรงหน้าสักป้าบ ถลึงตาใส่คนพูด

"พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากกลับบ้านใช่มั้ย"

"เปล่าๆ ผมหมายถึง...คุณดูดีมาก" อัยย์รีบแก้  "แล้วทำไมเราต้องใส่สีขาว หรือว่าใกล้กินเจแล้ว...จริงด้วย คุณจะแวะโรงเจหรอ"

คนฟังเกือบสำลัก

"อย่าพูดมาก นั่งเงียบๆไปซะ"

พิชช์ฌานได้ยินเสียงหัวเราะฮึๆดังมาจากคนข้างๆ เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าลูกชายคนเล็กของนายไตรคุณเป็นคนกวนประสาทอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว

ขำที่คนเป็นพ่อออกมาบอกว่าลูกบอบบางอ่อนแออย่างงั้นอย่างงี้ เหอะ...ไม่มั้ง

 

รถขับมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของครอบครัวตระกูลอลันไตร

อัยย์ดีใจขึ้นมาจริงๆที่เห็นบ้าน

.....................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:31:25
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 3



 

 

 

 

            อคิราห์เปิดประตูลงมาจากรถโดยไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดให้ ชายหนุ่มเกือบจะวิ่งตรงเข้าบ้านแล้วถ้าไม่ติดว่ามีกล้องเฉียดร้อยตัวดักอยู่ตั้งแต่ทางเข้ายาวไปจนถึงหน้าตึก

"อัยย์ลูก" เสียงคุ้นหูดังขึ้นมา ลูกชายรีบชะเง้อคอมอง ร่างผอมสูงของคนเป็นพ่อเดินลงบันไดหินอ่อนหน้าบ้านตรงมาหาเขา

"พ่อ" พอเห็นหน้าบิดาตามหลังด้วยมารดาและพี่ชายฝาแฝด  อคิราห์ก็บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ

พ่อตรงเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น ลูกชายก็กอดตอบแน่นไม่แพ้กัน

"ไม่เป็นอะไรนะ" พ่อถามเสียงหนัก

"ผมสบายดีครับ" คนเป็นลูกสูดน้ำมูก พ่อดันตัวเขาออก ให้แม่กับพี่ชายเข้ามากอดบ้าง

อคิราห์เพิ่งได้ยินเสียงชัตเตอร์รัวกระหน่ำรอบตัว ชายหนุ่มทำท่าจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเหมือนที่เคย ทว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เดินมาหยุดยืนข้างตัวเมื่อไหร่ไม่รู้กลับยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เสียก่อน

"เช็ดขี้มูกหน่อย เหมือนลอดช่องน่าเกลียด" นายสารพัดพิษฌานชะโงกลงมากระซิบที่ข้างหูของเขา

พิชช์ฌานเกือบหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนที่รับผ้าเช็ดหน้าเขาไปซับน้ำตานั้นถลึงตาใส่เขา  ชายหนุ่มกระแอมแล้วหันกลับมาหาท่านนากยรัฐมนตรี จากนั้นก็ก้มลงไหว้อย่างสวยงามถูกขนบธรรมเนียม

"ผม นายพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์ ขอแสดงความเสียใจและขอโทษที่ได้ล่วงเกิน ..พาลูกชายของท่านไป ทำให้ท่านต้องกังวลใจครับ" เขาพูดเสียงดัง  "..สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากความผิดของผมคนเดียวครับ  เป็นเพราะผม พิชช์ฌานรักนายอคิราห์มากเกินไปจึงเกิดเรื่องเข้าใจผิดนี้ขึ้น.."

ท่านไตรคุณยืนนิ่ง เขาเองก็เดาออกอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงจะแก้เกมด้วยการบอกว่ารักลูกชายเขาแน่ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดคาดเท่าไหร่

ชายหนุ่มอมยิ้มในหน้าแล้วพูดต่อเนิบๆ

"...ดังนั้น ผมขอรับผิดชอบด้วยการแต่งงานครับ"

อคิราห์เบิกตากว้าง ตกใจตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องความรักมาอ้างแล้ว มาช็อคซ้ำสองอีกทีตอนที่เขาบอกว่าจะแต่งงาน

"เห้ย..จะบ้าหรอ" ชายหนุ่มโวยขึ้นมาทันที ทว่าบิดาของเขากลับขัดขึ้นพร้อมกับตวัดสายตาดุๆมองมา

"เป็นคนที่รับผิดชอบดีนี่ คุณพิชช์ฌาน  ช่างน่าประทับใจ"

ไตรคุณคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะเล่นใหญ่ถึงขนาดขอแต่งงานกับลูกชายของเขา  เรียกว่าใจถึงไม่ใช่เล่น

"รักกันชอบกันผมไม่ว่า  ถ้าเข้าตามตรอกออกตามประตู แต่ว่า... จะแต่งงานกับลูกชายผม มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆหรอกนะคุณพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์"

"ผมก็คิดว่าอย่างนั้น" อีกฝ่ายรับคำพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่จางหายไปจนท่านไตรคุณชักอยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ

ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าลูกชายของเขาที่ยืนอึ้งกิมกี่อยู่

"วันนี้  ผมเตรียมแหวนมาแล้ว ผมหลงรักคุณตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า  แต่งงานกับผมนะครับ"  พิชช์ฌานล้วงกล่องสีน้ำเงินสดขึ้นมาเปิด ภายในเป็นแหวนเพชรเม็ดใหญ่สะท้อนแสงวิบวับ

อคิราห์เพิ่งได้สติ เขาเหลือบมองหน้าบิดาก็เห็นฝ่ายนั้นทำท่าคล้ายจะพยักหน้านิดๆ ส่วนมารดากับพี่ชายวางหน้านิ่งไม่ยินดียินร้าย  ชายหนุ่มกลับมามองหน้าคนที่กำลังขอแต่งงานอีกครั้ง นัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นมีแววคาดคั้นแกมบังคับให้รีบๆตอบรับเร็วๆ

"ไม่!! ผมไม่แต่งหรอก" อัยย์พูดทั้งน้ำตา  ความน้อยใจพุ่งสูงจนทนยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว อคิราห์ปัดมือของพิชชฌานออกแล้วออกวิ่งเต็มฝีเท้าตรงเข้าไปในบ้าน ...ที่หลบภัยเดียวของเขา

..ทุกคนเห็นเขาเป็นอะไร เครื่องมือไปสู่ความสำเร็จงั้นหรือ เขาไม่ใช่หุ่นยนต์ไร้สมองไร้ความรู้สึกนะ  หึ...กะแล้วเชียว ชุดสูทขาวเต็มยศนี่ก็เพื่อการนี้สินะ

"อคิราห์ เดี๋ยวก่อนสิที่รัก โกรธอะไรผมน่ะ ผิดหวังที่แหวนวงเล็กไปเหรอ" พิชช์ฌานตะโกนตามหลัง

เสียงชัตเตอร์รัวดังกว่าเก่า ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก  เขานึกว่าพออีกฝ่ายมาเจอนักข่าวเยอะๆ กับบิดาตัวเองแล้วจะตกใจจนยอมเลยตามเลยเสียอีก  อย่างน้อยก็อาจจะอึกอักอ้ำอึ้งไปไม่เป็นสักพัก  เขาจะได้จัดการรวบรัดทุกอย่างต่อหน้านักข่าวเสียเลย

หัวแข็งกว่าที่คิดแฮะ ....แต่เขาก็ผิดเองที่ประมาทเกินไป

"จะทำยังไงต่อล่ะพ่อหนุ่ม"  ท่านไตรคุณถามขึ้นเนิบๆ  ผู้ชายตรงหน้าชักน่าสนใจกว่าที่คิด แผนแก้เกมคราวนี้ทำให้เขาอึ้งทีเดียว  คงต้องยอมนับถือลูกบ้าของมันในคราวนี้  เสียแต่ว่า...ลูกชายของเขาไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆหรอก

อัยย์เป็นคนดื้อค่อนไปทางรั้นเลยล่ะ

"ผมขอเข้าไปง้อเขาได้ไหมครับคุณพ่อ" พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อน

ไตรคุณเลิกคิ้ว

"ฉันไม่ใช่พ่อเธอหรอก คุณพิชช์ฌาน"

"ให้โอกาสผมเถอะนะครับ ท่านนายกฯ" พิชช์ฌานโค้งให้เขาจนต่ำ

คนอาวุโสกว่าคิดหนัก ...ถ้าไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปหาลูกชาย ก็เท่ากับเรื่องทุกอย่างจบ นายพิชช์ฌานได้ขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้วโดยมีอัยย์ช่วยกลบ และเขาก็จะเป็นคนวางช่อดอกไม้ประดับหน้าหลุมศพ

อนาคตทางการเมืองของชายหนุ่มคงจะไม่สดใสเท่าเดิมหรือจะเรียกว่าดับก็คงได้

แต่ถ้าไม่...ท่านไตรคุณยิ้มมุมปาก อย่างน้อยเขาก็จะได้หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมาเป็นลูกเขย

ไม่ว่าทางไหนเขาก็เป็นต่อ แต่ว่าทางไหนล่ะที่จะคุ้มค่าที่สุด

พิชช์ฌานยังหนุ่มเลยมุทะลุมากไป ไม่รอบคอบเท่ากับคนที่ผ่านประสบการณ์มามากกว่า แต่ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน ก็นับว่าใจเด็ดและมีลูกบ้าที่น่าสนใจ

ถึงขนาดยอมทุ่มหมดหน้าตักขนาดนี้ ...หึๆ

"ก็ได้ ฉันจะให้โอกาสนั้นกับคุณพิชช์ฌาน  แต่ว่า...จงจดจำโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ดี และใช้ให้คุ้มค่า" ไตรคุณพูดเนิบๆ

พิชช์ฌานสูดลมหายใจลึก

"ผมจะจำไว้ครับ"

ชายหนุ่มหมุนตัวก้าวยาวๆตามอคิราห์เข้าไปในบ้านท่ามกลางสายตานับร้อยที่มองตามหลังด้วยความคิดแตกต่างกัน

"จะไม่เป็นไรหรอครับพ่อ" คินถาม

"พูดเหมือนไม่รู้จักน้องชายแก" คนเป็นพ่อตอบเนิบๆ  "ถ้าเขาทำให้น้องแกยอมแต่งได้ ฉันก็จะให้พวกเค้าแต่งงานกัน" เขาพูด ยิ้มมุมปากออกมานิดหนึ่ง

..............................................................................

อคิราห์กำลังเดินกลับไปกลับมาในห้องนอนของตัวเองอย่างวุ่นวายใจ  เขาทั้งตกใจและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อกี้นี้

ขอแต่งงานงั้นหรือ ....บ้าหรือเปล่า

ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นพวกสารพัดพิษตัวจริงเสียงจริง

เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นหลายที

"อคิราห์ที่รัก ออกมาคุยกันหน่อยเถอะ ฉันเอง พิชช์ฌาน”  คนฟังเบ้ปาก

“ดูละครมากไปหรอครับ คุณกลับไปเถอะ เลิกพูดอะไรเลี่ยนๆที ผมฟังแล้วจะอ้วก" อคิราห์ตะโกนกลับไป

เสียงไขกุญแจก๊อกแก๊กดังขึ้น จากนั้นพิชช์ฌานก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง  ภาพเจ้าของห้องยืนกอดตุ๊กตาหมีมองเขาตาค้างอย่างตกใจนั้นน่าขัน แต่ก็น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย

"พ่อเธอให้กุญแจฉันมา"

ชายหนุ่มพูดเรียบๆ อีกฝ่ายถอยกรูดไปยืนติดหัวเตียงอย่างระแวดระวัง

"ออกไปนะ จะทำอะไร"

"ฉันขอแต่งงานดีๆไม่ยอมแต่ง สงสัยจะต้องทำให้เธอเป็นของฉันก่อนถึงจะยอมแต่งใช่มั้ย" พิชช์ฌานแกล้งพูดเสียงเข้ม แม้จะกำลังเคร่งเครียดอยู่ที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมด แต่พอเห็นอีกฝ่ายตาเหลือกเขาก็รู้สึกขำขึ้นมา 

"ไอ้บ้า อย่านะ ผมเตะปากแตกนะบอกไว้ก่อน ไม่เหมือนวันนั้นหรอกนะ" อัยย์รีบขู่ ยกมือขึ้นมาตั้งหมัด

"จะต่อยกันทั้งที วางตุ๊กตาลงก่อนดีมั้ย" อีกฝ่ายทัก อคิราห์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหนีบคุณหมีเอาไว้ข้างเอว ก็เลยรีบวางคุณหมีเพื่อนรักเอาไว้บนเตียงตามเดิม

พิชช์ฌานมองท่าทางที่วางตุ๊กตานั้นอย่างทะนุถนอมแล้วกลั้นหัวเราะในใจ สงสัยจะเป็นตุ๊กตาตัวโปรด  เด็กเอ๊ย ..มาทำเล่นกับเขา เดี๋ยวดุใส่ก็ร้องไห้แงๆเสียเท่านั้น

"เอาอย่างนี้นะอคิราห์  ฟังฉันก่อน ฉันมีข้อเสนอมาให้เธอเลือก" เขาเปลี่ยนแผนใช้ไม้อ่อนหลอกเด็กแทน  "เธออยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหนเลยใช่มั้ยล่ะ ไม่เบื่อเหรอ"

คนฟังจับตามองคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ

"ทำไม"

"ไม่อยากไปท่องโลกกว้างบ้างเหรอ เธอจะได้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ อยากเล่นอะไรก็ได้ที่อยากเล่น อยากกินอะไรก็ได้ที่อยากกิน"  พิชช์ฌานสังเกตเห็นแววสนใจในดวงตากลมโตคู่นั้น  เขายิ้มในใจ "ฉันพาเธอเที่ยวรอบโลกได้นะ กินได้ทุกร้านที่เธอต้องการ"

อคิราห์เกือบจะคล้อยตาม เที่ยวรอบโลกเป็นความฝันของเขาเหมือนกัน ตระเวนกินให้ครบทุกร้านมิชลินสามดาวก็เป็นหนึ่งในความฝันของเขา

"ไม่ต้องทนอยู่ที่บ้านนี้อีกต่อไป ฉันจะพาเธอไปเอง" คนแก่กว่าพูดเสียงนุ่ม "เธออยากทำอะไรทำเลย ไม่ต้องกลัวเรื่องโอเมก้าหรืออะไร เพราะฉันจะปกป้องเธอเอง"

 

พอมาถึงประโยคนี้ คนฟังก็ขมวดคิ้วฉับ

"แต่ผมไม่อยากแต่งงานกับคุณ ผมจะแต่งกับคนที่เพิ่งรู้จักชื่อผมได้ยังไง"

"เธอเชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตาไหม" นาทีนี้นายพิชช์ฌานยอมกัดลิ้นตัวเอง "ฉันคิดว่าเราสองคน.."

"ไม่มีทาง" อคิราห์รีบขัดขึ้นเสียงแข็ง "เรื่องคู่อะไรนั่นเป็นแค่นิทานก่อนนอน อย่าเอามาหลอกผมให้ยาก"

พิชช์ฌานเกือบจะยิ้มออกมาด้วยความถูกใจที่อีกฝ่ายคิดเหมือนกันกับเขา

"โอเค ถ้าเราไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่นก็ยิ่งดีไงล่ะ เมื่อไหร่ที่เธอเบื่อ..สักปีสองปี เราก็หย่ากัน แล้วฉันสัญญาจะแบ่งค่าเลี้ยงดูให้แน่นอน"  นักการเมืองหนุ่มรีบพูด "เธอไม่เสียอะไรเลย ฉันรับรองว่าจะไม่ล่วงเกินเธอ เราจะเป็นเพื่อนกันดีไหม"

อคิราห์เริ่มจะคล้อยตามขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าในส่วนลึกจะยังไม่เห็นด้วยนักก็ตาม

แต่ที่อีกฝ่ายพูดก็ถูก  ถ้าเขายังอยู่ที่บ้านนี้ ก็เท่ากับยอมสละอิสรภาพไปน่ะสิ  อย่าหวังว่าพ่อจะปล่อยให้เขาได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน  โอกาสมาถึงมือแล้วไม่ใช่หรือไง รีบคว้าไว้สิ อิสระที่รอคอยมานานแสนนาน

พิชช์ฌานซ่อนยิ้มสมใจ อีกฝ่ายมีท่าทางลังเลขึ้นมาจนเห็นได้ชัด คิดแล้วก็ได้แต่สงสัย  ชักอยากรู้ว่าคนตรงหน้าโตขึ้นมาแบบไหนกัน พ่อเลี้ยงแบบไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอย่างที่เขาลือกันจริงเหรอ

"ตกลงมั้ย อคิราห์"

"ผมขอเวลาคิดก่อน" อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบไว้เชิง "ไว้ผมจะบอกคุณอีกที"

"คืนนี้เลยได้ไหม" ไม่อย่างนั้นอำนาจเขาในพรรคคงหายไปในพริบตาแน่นอน รวมถึงอนาคตของเขาด้วย "ผมจะมารับ"

อคิราห์ส่ายหน้า

"ผมอยากกินข้าวที่บ้าน ไม่อยากไปไหน คุณมากินที่บ้านผมสิ กับข้าวอร่อยนะ" ฝ่ายนั้นพูดเสียงซื่อตาใส แต่พิชช์ฌานชักดูออกเสียแล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ซื่อมากขนาดนั้น

"เก็บเอาข้อเสนอของฉันไปคิดแล้วกัน แล้วฉันจะมาดินเนอร์ด้วยเย็นนี้" เขาก้มศีรษะให้นิดหนึ่งแล้วเดินออกมา

นักข่าวยังหลงเหลืออยู่ที่หน้าบ้าน กำลังสัมภาษณ์ท่านไตรคุณอยู่ ฝ่ายนั้นหันมามองหน้าเขาแล้วหัวเราะเบาๆ

"เป็นไง สำเร็จไหม"

"อคิราห์ขอเวลาคิดก่อนครับ ก็แบบนี้แหละครับ คงงอนที่ผมไม่บอกก่อนว่าจะขอแต่งงาน บ่นว่าหน้าตาไม่พร้อมออกกล้อง" ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับนักข่าวยิ้มๆ  "ไว้ตอนเย็นผมขอมาดินเนอร์ด้วยนะครับ จะได้ทำคะแนนเพิ่ม...ขอบคุณมากนะครับท่าน" พิชช์ฌานหันไปทำความเคารพพ่อของอคิราห์  ไม่มากไปไม่น้อยไปจนน่าเกลียด

 

"ฉันจะรอ ...ค่ำนี้" ไตรคุณพูดแกมหัวเราะ

พิชช์ฌานกลับออกมาอย่างหัวเสีย เขารับโทรศัพท์เป็นสิบสายเพื่อจะยืนยันว่าเขาจะแต่งงานกับลูกชายของนายกฯแน่นอน  คนในพรรคต่างไม่พอใจกันหมดเพราะเท่ากับแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามดื้อๆ  ชายหนุ่มพยายามอธิบายอย่างใจเย็นว่ามันเป็นแผนดึงอำนาจกลับมาที่พรรคฝ่ายค้านต่างหาก

"ไม่กลัวสายเลือดแอลฟ่าบริสุทธิ์ของตระกูลอัศวลักษณ์จะแปดเปื้อนแล้วหรือไงครับ"  เจนภพถามขึ้น ขณะที่เจ้านายกำลังหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก พิชช์ฌานเลิกคิ้ว

"คิดว่าฉันจะแต่งงานกับเด็กคนนั้นจริงๆหรือไง" ชายหนุ่มบรรจงจัดแต่งทรงผมช้าๆ  "มันก็แค่เกมทางการเมืองเท่านั้น"

"ผมว่าคุณอคิราห์อาจจะไม่ยอมแต่ง" มือขวายังกังวล

"ฉันเป็นใคร...ไม่มีอะไรที่พิชช์ฌานทำไม่ได้หรอก ถ้าเขาตั้งใจจะทำ" คนเป็นนายยิ้มมุมปาก "ดอกไม้ที่ให้สั่งมาส่งหรือยัง"

"เรียบร้อยครับ"

ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ ขนาดนักการเมืองเก๋าเกมทั้งหลายยังเคยถูกเขาหลอกใช้จนหัวหมุน  นับประสาอะไรกับเด็กหนึ่งที่ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น ...ต่อให้ดูฉลาดแค่ไหนก็ไม่มีวันทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาหรอก

"แล้วเรื่องที่พรรค”

"ปล่อยไปก่อน โอกาสนี้แหละที่เราจะได้รู้ว่าใครจริงใจกับเราบ้าง และถ้าฉันได้แต่งงานกับลูกชายของไตรคุณเมื่อไหร่ ฉันจะตอบแทนพวกเค้าอย่างสาสม"

................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:31:59









         อคิราห์นั่งอ่านหนังสืออยู่ตอนที่พ่อของเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของลูกชาย จริงๆแล้วเขาแสร้งทำเป็นอ่าน เพราะตัวอักษรที่เรียงรายอยู่เต็มพรืดนั้นไม่ได้ผ่านสมองเขาเลย

"อัยย์ อ่านอะไรอยู่"

"นิทานครับ" ลูกชายตอบโดยไม่มองหน้า "พ่อจะมาพูดให้ผมยอมแต่งงานใช่มั้ย"

คนเป็นพ่อถอนหายใจยาว

"แล้วลูกคิดว่าอย่างไรล่ะ"

"ผมคิดว่า...ถ้าพ่อจะให้ผมแต่ง ผมก็จะแต่งกับเค้า" คำตอบของลูกชายทำเอาพ่อนิ่งงันไปเพราะผิดคาด

".............."

"ผมรู้ว่าตัวเองทำให้พ่อไม่สบายใจตั้งแต่เกิดมาแล้ว ผมเป็นโอเมก้าที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากอยู่บ้านไปวันๆ จะออกไปทำงานแบบพี่ๆเขาก็ทำอะไรไม่ได้"  คนพูดไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ หากกลับพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาเหมือนเป็นความจริงที่รู้อยู่แล้วแก่ใจ

แต่ก็ทำใหัคนฟังสะอึก

"...ผมยอมรับว่าตัวเองไม่อยากจะเป็นภาระของครอบครัวไปตลอด ทำให้พ่อต้องคอยกังวลกับตัวผม ผมไม่อยากให้พ่อต้องไม่สบายใจเพราะผมอีกแล้ว"

"แล้วคิดหรือว่าการแต่งงานไปกับพิชช์ฌานจะทำให้พ่อหมดความกังวลต่อลูก" ท่านไตรคุณโพล่งออกมาหลังจากเงียบไปนาน

อคิราห์เม้มปาก

"พ่อก็รู้เหมือนที่ผมรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ผมรู้ครับว่าตำแหน่งนายกฯมันสำคัญมากจริงๆ ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องกังวลหรอกครับ"

คนฟังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกประชด ทว่าสีหน้าเรียบเฉยของบุตรชายก็ทำให้เขาไม่แน่ใจนัก  อัยย์อาจจะคิดแบบนั้นจริงก็ได้     

เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมนิ่มสลวยของลูกเบาๆ

"สำหรับพ่อ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของลูกหรอกนะ ไม่อย่างนั้นพ่อจะเป็นนายกฯไปเพื่ออะไร ถ้าคนในบ้านไม่มีความสุข”

อคิราห์ยิ้มออกมานิดหนึ่ง  เป็นรอยยิ้มที่บอกถึงการตัดสินใจเด็ดขาดจนคนเป็นพ่อหวั่นใจ

"ผมโตพอที่จะออกจากอ้อมอกของพ่อแล้วครับ"

ไตรคุณกลับออกมาจากห้องนอนของบุตรชายด้วยความรู้สึกหนักใจยิ่งกว่าตอนก่อนเข้าไป สิ่งที่ลูกชายพูดเหมือนแทงใจดำเขา ราวกับมองเขาออกทะลุปรุโปร่ง

ที่ร้ายก็คือลูกยอมเดินไปตามทางนั้นโดยไม่ปฏิเสธหรือแม้แต่อ้อนวอนขอร้อง

เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของคนเป็นพ่อไปมาก  ไตรคุณบอกไม่ถูกว่าตัวเองควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่ลูกชายคิดได้แบบนั้น

แม่บ้านเข้ามาบอกว่าหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านคนนั้นมาถึงแล้ว  เร็วกว่าเวลานัดหมายเสียอีก  ชายหนุ่มคงจะร้อนใจเต็มที ได้ยินมาว่าคนในพรรคต่างรับไม่ได้กับข่าวนี้บีบจะให้เขาลาออกจากตำแหน่งนี่นะ

"มาแล้วเหรอ" เขาทัก ชายหนุ่มรุ่นลูกอยู่ในชุดทักซิโด้หล่อเหลาเอาการ สมกับที่ได้รับการโหวตว่าเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆสามปีซ้อน         

"ครับท่าน ผมเอาไวน์มาฝากด้วย คิดว่าท่านน่าจะชอบ" พิชช์ฌานส่งไวน์อย่างดีราคาแพงลิบมาให้เขา "บำรุงหัวใจด้วยนะครับ"

"อย่างฉันคงยังไม่ตายง่ายๆหรอก"

คนให้ยิ้มเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็เก็บอาการได้ดี ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

"ท่านแข็งแรงแบบนี้คงอยู่ดำรงตำแหน่งได้อีกสมัย"

"เธอไม่ได้อยากเป็นนายกฯสมัยหน้าหรอกเหรอ" ท่านไตรคุณย้อนถามตรงเผงจนคนฟังเกือบสะดุ้ง

พิชช์ฌานอมยิ้มในหน้า

"นักการเมืองทุกคนก็ใฝ่ฝันตำแหน่งนี้กันทั้งนั้นนี่ครับ" ชายหนุ่มเลี่ยง

"ฉันหมายถึงเธอ คุณพิชช์ฌาน" ไตรคุณพูด มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง "ฉันช่วยได้นะ แต่เธอคงรู้ว่าอุดมการณ์ของพรรคเรามันต่างกัน"

"ผมอยากทำทุกอย่างเพื่อประชาชนครับ  นั่นคืออุดมการณ์ของผม" ชายหนุ่มตอบ

คนฟังหัวเราะลั่น ยกมือขึ้นตบที่ไหล่กว้างแรงๆ

"เธอนี่เป็นนักการเมืองในสายเลือดจริงๆเลยนะ ฉันแค่ล้อเธอเล่นเฉยๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเธอโชคดีได้แต่งกับลูกชายฉัน ฉันก็ไม่บังคับให้ลูกเขยต้องย้ายมาอยู่พรรคเดียวกันหรอกนะ  ...การเมืองขึ้นกับอุดมการณ์  ฉันรู้" ไตรคุณพูดยิ้มๆ

คนหนุ่มกว่าลอบระบายลมหายใจยาว

"ไปตามอัยย์ลงมาสิ น่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วนะ" เจ้าของบ้านหันไปบอกแม่บ้าน แล้วก็หันมาพูดกับแขกเนิบๆ "วันนี้ฉันติดงานเลี้ยงของคนในพรรค เชิญตามสบายนะ"

คำอนุญาตของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจมาก

"..อย่าให้อคิราห์กินเยอะไปล่ะ เขาชอบกินมากไปจนท้องอืด ฝากดูให้ด้วย" คนเป็นพ่อพูดทิ้งท้าย

อคิราห์ไม่ได้ตื่นเต้นมากนักกับนัดดินเนอร์ครั้งนี้  เขาพอจะเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาตกลงใจด้วย  เพราะลองมาคิดดูดีๆแล้ว  นายพิษฌานก็กำลังจนตรอกอยู่เช่นกัน

เขาเลยแทบไม่แปลกใจที่เห็นดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่เต็มอ้อมแขนของอีกฝ่าย

"ไม่ร้องอู้หูว หรือทำท่าตื่นเต้นดีใจหน่อยเหรอ"  คนให้ทักขึ้นเบาๆเพราะสีหน้าเรียบเฉยไร้ความตื่นเต้นใดๆของคนรับ

"อู้วหูว ไม่เคยเห็นดอกไม้ที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลย" อคิราห์แกล้งเบิกตาโต

พิชช์ฌานอยากจะเอาดอกไม้ในมือเคาะหัวกลมๆนั้นสักที

"พอแล้ว ช่างเหอะ ...เป็นลูกของท่านไตรคุณคงเคยได้รับช่อดอกไม้สวยกว่านี้มาแล้วสินะ" ชายหนุ่มว่า

อีกคนส่ายหน้าแล้วรับดอกไม้ช่อนั้นมากอดเอาไว้แนบอกพร้อมกับก้มลงดมกลิ่น

"ไม่เคย...จริงๆแล้ว  นี่เป็นช่อดอกไม้ช่อแรกที่มีคนให้ผม" อคิราห์ตอบแล้วเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เขา

คนมองชะงักไปนิดหนึ่งแล้วกระแอมออกมา

"หึ...ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น เด็กหน้าตาบู้บี้อย่างเธอไม่น่าจะเคยได้ช่อดอกไม้หรอก"

คนฟังขมวดคิ้ว

"นี่คุณอยากแต่งกับผมจริงๆหรือเปล่าเนี่ย.."

"ฉันก็ไม่อยากเท่าไหร่" พิชช์ฌานว่า  อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

"งั้นผมไปล่ะ ไว้เจอกันในงานแซยิดของคุณนะ" อคิราห์ทำท่าจะเดินหนีจริงๆ

คนฟังเกือบสำลักน้ำลาย 

“เดี๋ยวสิเธอ โธ่...ฉันพูดเล่น .. ไม่หิวหรอ เนี่ยได้เวลากินแล้วนะ" พิชช์ฌานรีบยกเรื่องกินมาอ้าง เพราะดูท่าจะได้ผลที่สุด

อีกฝ่ายหยุดเดิน

"...เธอไม่เบื่ออาหารที่บ้านบ้างเหรอ มื้อนี้ให้ฉันพาเธอออกไปลองอาหารใหม่ไปบ้างดีไหม...พ่อของเธออนุญาตแล้ว"  คนแก่กว่ารีบเสริม

"ผมจะไปหยิบโค้ทก่อน" เป็นคำตอบของอคิราห์

พิชช์ฌานขับรถสปอร์ตสีแดงสดที่มีเพียงสองคนในประเทศมาเพื่อความเด่นเตะตานักข่าว  เขาเหลือบมองคนนั่งที่มองซ้ายมองขวาล่อกแล่กแบบคนตื่นเต้นแต่พยายามเก็บอาการไว้นั้นอย่างขันๆ

"เอาประทุนลงได้มั้ย" อคิราห์หันมาถาม "ผมอยากทำเหมือนในหนัง"

"ได้สิ"  เจ้าของรถไม่ขัด เปิดหลังคารถสปอร์ตสองที่นั่งให้ลมเย็นฉ่ำพัดเข้ามาปะทะใบหน้าสมใจ  ...ก็ดี นักข่าวจะได้ถ่ายรูปได้เยอะๆ  ชายหนุ่มยิ้มนิดๆในหน้า  ....อย่างน้อยรูปหน้าหนึ่งพรุ่งนี้เขาจะต้องหล่อดูดีสมเป็นนายพิชช์ฌาน

 

ส่วนคนที่นั่งข้างเขากำลังให้ความร่วมมือด้วยการชูมือขึ้นสูงแล้วลุกขึ้นเกาะขอบกระจกเอาไว้

"วู้วๆ สุดยอดเลย เยี่ยมมากๆๆ" เด็กคนนั้นร้องตะโกน

โชคดีที่ถนนโล่ง ไม่งั้นคงมีคนมองแปลกๆ

พิชช์ฌานหลุดหัวเราะขำท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นแล้วจามออกมาสองครั้งติด  ดูเหมือนอากาศคืนนี้จะเย็นกว่าปกติ

อคิราห์นั่งลงตามเดิมแล้วให้เอาประทุนขึ้น

"อ้าว ไม่สนุกแล้วเหรอ"

"สนุก แต่ผมหิว...หมดแรงแล้ว"  คนที่เด็กกว่าตอบหน้าตายจนคนถามจุ๊ปาก

"ทำตัวเป็นเด็ก"

"เป็นเด็กมีความสุขนะคุณ วันๆคิดแค่ว่าวันนี้จะกินอะไร จะเล่นไร

พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก

"เธอคงรักเด็ก"

"รักสิ คุณล่ะ"

"ฉันรักเด็ก สตรีมีครรภ์และคนชราอยู่แล้ว" นักการเมืองหนุ่มตอบแบบไม่ต้องคิด "ฉันมีนโยบายเพื่อพวกเขามากมายอย่างเช่น...”

"คุณหยุดหาเสียงสักสองนาทีได้มั้ย" อคิราห์ขัด "ผมไม่ได้มานั่งฟังนโยบายคุณหรอกนะ"

ตาคมกริบตวัดมองคนพูดเคืองๆที่โดนขัดคอ

"โอเค ขอโทษ"

"คุณมีลูกกี่คนแล้ว ...หมายถึงลูกลับๆด้วยนะ" คำถามต่อมาของคนนั่งข้างๆทำเอาคนขับเกือบเหยียบเบรกหัวทิ่ม

"อะไรนะ...ลูก?"

"ใช่  คุณเล่นการเมืองมาหลายปี ถึงยังไม่แต่งงานแต่ก็มีลูกลับๆไม่ใช่หรือไง"

"ไปเอามาจากไหน" พิชช์ฌานถามเสียงเข้ม

"ผมก็มีแหล่งข่าวเหมือนกันน่า" อคิราห์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเล่น

"ถ้าแหล่งข่าวที่เธอว่าหมายถึงพวกสำนักข่าวที่นั่งเทียนไปวันๆล่ะก็ ลืมไปซะเถอะ"

 

"แสดงว่าคุณยังไม่มีลูก" อคิราห์เลิกคิ้ว

อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามนั้น

"ถึงร้านแล้ว ลงมาเถอะ" ชายหนุ่มจอดรถที่โซนวีไอพีหน้าร้านอาหารดังที่อคิราห์เคยได้ยินแฝดพี่เล่าให้ฟังหลายครั้ง  เขาเปิดประตูลงจากรถก่อนโดยไม่รอให้คนขับเดินอ้อมไปเปิดให้แบบสุภาพบุรุษ

"หูย ร้านนี้ดีแน่ๆ ผมรู้"

พูดจบก็เดินนำเข้าไปก่อนลิ่วๆ พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปสิบปีโดยไม่ทันตั้งตัว

นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่

..................................................................

 

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:32:35
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 4



 

 

 

 

            พิชช์ฌานเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในร้านอาหารสุดหรูที่จัดเอาไว้เป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัวของแขก  อาคิราห์เลือกที่นั่งก่อนแล้วเป็นโต๊ะริมสระน้ำที่อยู่โซนด้านนอก

"เดี๋ยวหนาวแย่"  คนแก่กว่าว่า "เข้าไปนั่งข้างในดีกว่า"

"ผมอยากดูปลาไปด้วย" อีกฝ่ายพูด ชะโงกไปดูฝูงปลาในสระ

คนพามาไม่ได้ว่าอะไรอีก ...ช่างเหอะ เดี๋ยวหนาวเมื่อไหร่ก็อยากเข้าไปข้างในเองแหละ

อาคิราห์ทอดสายตาดูอาหารตรงหน้าอย่างพอใจ มันดีกว่าที่เขาคาดเอาไว้ นอกจากจะจัดจานได้สวยงามมีศิลป์แล้ว  รสชาติก็ดีไม่มีที่ติ  แถมยังมีน้องปลาแหวกว่ายสะบัดหางให้ดูอย่างเพลิดเพลินระหว่างกินข้าวอีกด้วย  เขาจัดการกวาดทุกอย่างลงท้องเรียบวุธ  จานชามสะอาดเกลี้ยงเกลาทีเดียว

"พ่อเธอบอกว่าถ้ากินเยอะไประวังท้องอืด" พิชช์ฌานพูดขึ้น  ออกจะแปลกใจกับความจุกระเพาะอาหารของอีกฝ่ายไม่น้อย  ตัวก็นิดเดียวเอาไว้เก็บไว้ที่ไหนหมด...หรือว่าอมเอาไว้ในแก้มสองข้างกันแน่

"ไม่อืดหรอก  อืม"  อีกฝ่ายงึมงำ แล้วยิ้มพยักพเยิดให้ปลาในสระราวกับกำลังพูดกับปลา

นักการเมืองหนุ่มชักจะหงุดหงิด  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสนใจเจ้าปลาพวกนั้นมากกว่าเขาที่เป็นคนพามาเลี้ยงเสียอีก

"อยากเต้นรำไหม" เขาเปลี่ยนเรื่อง  พยายามดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง  ฟลอร์เต้นรำคนเยอะออกอย่างนั้นจะต้องมีใครสังเกตเห็นเขาและถ่ายรูปไปลงข่าวอย่างแน่นอน   

"ดูสิๆ ตัวนั้นใหญ่ที่สุดในสระเลยนะ สีทองทั้งตัวด้วย" อัยย์ชี้นิ้ว เกือบหลุดขำออกมาเมื่อเห็นอีกคนหน้าหงิก ...ดูไปดูมา หน้าตาของพิษฌานก็คล้ายๆปลาเหมือนกันนะ ตาโตๆ ชอบอ้าปากพองๆพูดขู่อย่างงั้นอย่างงี้  แล้วก็หูกางๆเหมือนครีบปลา

อัยย์หลุดหัวเราะออกมาจริงๆเพราะกลั้นไม่อยู่

"คุณขำอะไร"  พิชช์ฌานถามเสียงขุ่น

"ผมว่าคุณหน้าเหมือนปลาตัวนั้นเลย"  อีกฝ่ายพูดแกมหัวเราะ

คนฟังทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาควรจะดีใจที่หน้าเหมือนปลาบู่หรือว่าเสียใจดี  พิชช์ฌานโบกมือเรียกบริกร

"ผมจะซื้อปลาตัวนั้น ช่วยห่อให้หน่อย" บริกรทำหน้าพิกลจนชายหนุ่มย้ำถึงได้เดินออกไป

"คุณจะซื้อมันไปเลี้ยงเหรอ" อัยย์ตาโต

"เปล่า ฉันจะซื้อมันไปทอดน้ำปลา" อีกฝ่ายตอบห้วนๆ คนฟังหน้าเสีย

"ผมขอโทษที่ล้อคุณเล่น แต่คุณอย่าฆ่ามันเลยนะ ปล่อยมันไปเถอะ"

"ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ อคิราห์ ฉันอายุมากกว่าเธอจนเป็นพ่อของเธอได้ด้วยซ้ำ"

คนเด็กกว่าพยักหน้าหงึกๆ

"ผมรู้ครับ ผมพอดูออก คุณอายุมากแล้วจริงๆ" ชายหนุ่มเหลือบตามองหน้าผากกว้างของพิชช์ฌานแล้วหรี่ตาลงราวกับกำลังคาดคะเน

"ฉันดูผมบางเพราะผมเส้นเล็ก และไม่ได้หัวล้านอย่างที่ข่าวสังคมชอบลงซุบซิบด้วย"

นักการเมืองหนุ่มรีบปกป้องตัวเองจากสายตาของเด็กเมื่อวานซืน  อัยย์พยักหน้าอีกแบบตั้งใจกวนประสาทกันไม่หยุดยั้ง

"ครับ ผมเชื่อ เห็นด้วยตาก็รู้แล้วว่าคุณผมหนาจนน่าจะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมได้" ชายหนุ่มพูดเสียงซื่อ 

"บริกรอยู่ไหน มาเก็บเงินได้แล้ว เอาปลานั่นมาด้วยนะ" พิชช์ฌานพูดอย่างหัวเสีย

สุดท้ายพวกเขาก็กลับมานั่งในรถตามเดิมพร้อมกับถังใส่ปลาเป็นๆที่วางอยู่หลังรถ  คนขับเหลือบมองคนนั่งข้างๆที่ผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดีนั้นอย่างฉุนๆ เห็นอีกฝ่ายนั่งเอนหลังตบพุงปุๆบ่นว่าอิ่มมากๆก็ยิ่งหมั่นไส้

ขอให้อาหารไม่ย่อย...

"แช่งคนอื่นไม่ดีนะครับ" เจ้าของดวงตากลมโตพูดเนิบๆ

"ใครแช่ง"

"ตาคุณมันบอกว่าคุณแช่งผม"  อัยย์ว่า

"งั้นไหนลองบอกสิว่าฉันคิดว่าอะไรอีก" พิชช์ฌานยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนตาสองคู่สบกัน   อัยย์ขมวดคิ้ว

"คิดว่า...คุณน่าจะไปส่งผมที่บ้านได้แล้วน่ะสิ"

คนฟังหัวเราะ

"เพิ่งหัวค่ำเอง รีบกลับไปดื่มนมเข้านอนหรือไงคุณอคิราห์"

"ผมนอนสี่ทุ่ม"

"นอนดึกสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง" ชายหนุ่มว่า ขับรถออกมาตามถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง  อคิราห์ไม่ได้ท้วงอะไรอีก  ชายหนุ่มนั่งเท้ากระจกมองข้างทางอย่างสนใจ  จนกระทั่งรถคันนั้นมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ข้างๆกันนั้นเป็นร้านขนมหวานเล็กๆ

อคิราห์แปลกใจเป็นครั้งแรกของวัน นึกว่านายพิษฌานจะพาไปผับเสียอีก  เห็นพยายามหาจังหวะให้นักข่าวถ่ายรูปซะขนาดนั้น  เหอะ ..เสียดายอยู่หน่อยๆแฮะ  เขาอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง

แต่ดันพามากินขนมแทน

"ลงมาสิ"

"ผมกินไม่ไหวแล้ว อิ่มเหมือนท้องจะแตก" เขาบอก 

"ไม่ได้จะพาไปกิน  ก็เมื่อกี้เธอถามว่าฉันมีลูกกี่คนไม่ใช่หรือไง ลงมาดูสิ" พิชช์ฌานพูดเรียบๆ

"นั่นไง ผมว่าแล้วเชียวว่าข่าวจริง" คนฟังอุทาน ก้าวลงมาจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงใหญ่เข้าไป  พิชช์ฌานพาเขาเดินทะลุเข้าซอยที่อยู่ข้างร้านขนมหวานแล้วเดินลัดไปอีกนิดหนึ่งก็ถึงหน้าบ้านเดี่ยวหลังงาม  แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องให้เห็นสนามหญ้าเล็กๆหน้าบ้าน

ว้าว...มีบ้านลับๆตามข่าวจริงๆด้วยสินะ  อัยย์คิด  นึกอยากรู้ขึ้นมาติดหมัดว่าลูกๆและภรรยาลับๆของนายพิษฌานจะหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง  ...จะหน้าเหมือนปลาบู่หรือเปล่า

พิชช์ฌานล้วงกุญแจออกมาไขเปิดออก  ยังไม่ทันก้าวเข้าไป อคิราห์ก็ยึดแขนอีกฝ่ายเอาไว้

"เดี๋ยวนะคุณ ผมเข้าไปแบบนี้จะดีเหรอ ...แม่ของลูกคุณจะโอเคหรือไง"

พิชช์ฌานเลิกคิ้ว

"ไม่เห็นต้องสนใจ"

"ต้องสนใจสิครับ ถึงเขาจะไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของคุณ แต่เขาเป็นแม่ของลูกคุณ  คุณควรจะให้เกียรติเขานะ" อคิราห์พูดอย่างจริงจัง

"เขาเข้าใจฉันอยู่แล้ว"  พิชช์ฌานตอบ

อคิราห์เห็นความมั่นใจนั้นแล้วก็ชักอยากเห็นหน้าแม่ของลูกฝ่ายนั้นขึ้นมาจริงๆ ชายหนุ่มเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน มีเสียงพูดคุยนิดหนึ่งแล้วประตูบ้านก็เปิดออก

"ถอยออกไปก่อน"  พิษฌานดันตัวเขาไปอยู่ข้างหลัง

เสียงคำรามในคอฟังดูน่ากลัวจนอัยย์ตกใจ  ทว่าสิ่งมีชีวิตสองตัวที่พุ่งออกมาจากบ้านเข้าหาพิษฌานนั้นกลับตรงข้ามกับที่เขาคิดเอาไว้ มันเป็นสุนัขตัวเล็กๆยาวๆขาสั้นตัวหนึ่งกับตัวที่ขนฟูฟ่องสีขาวจนเหมือนหุ้มด้วยฟองสบู่อีกตัวหนึ่ง

"ว่าไง แฮร์รี่ ...แฮกริด" เจ้าของก้มลงฟัดกับพวกมันอย่างหมั่นเขี้ยว  "คิดถึงฉันล่ะสิ คิดถึงไหม

อัยย์หัวเราะออกมา  ไม่รู้ว่าจะขำชื่อของพวกมันหรือว่าท่าทางทั้งเห่าทั้งขู่เขาอย่างเอาจริงเอาจังนั้นก่อนดี  ...หูย  น่ากลัวมากเลยลูก  ตัวกะเปี๊ยกเดียว  เตะทีเดียวคอหัก       

"ดุจังเลย  ลูกๆคุณตั้งชื่อให้พวกมันเหรอ"

"ฉันตั้งเอง"  พิชช์ฌานพูด  ยิ้มกว้างออกมา ค่อยๆอุ้มให้พวกมันทำความรู้จักกับอคิราห์ทีละตัว "ตัวนี้แฮร์รี่ เห็นมั้ยว่ามันตาสีออกเขียวๆ"

"ผมว่ามันสีดำนะ" อัยย์ท้วง ยื่นมือให้แฮร์รี่ดมกลิ่น

"มันขึ้นกับแสง บอกว่าเขียวก็เขียวซิ"

"โอเค เขียวก็ได้"   ....เขียวปิ๋ดปี๋เลย  อัยย์นึกค่อนในใจ

"แล้วตัวนี้เหมือนแฮกริดยังไง มันตัวเล็กนิดเดียวไม่เห็นเหมือนยักษ์เลย"

"ดูขนมันสิ ฟูๆเหมือนหนวดของแฮกริด" ท่าทางมั่นใจของพิษฌานทำให้คนมองยกเลิกความคิดที่จะเถียงว่าขนของมันเป็นสีขาว ไม่ใช่สีน้ำตาลเหมือนหนวดแฮกริดสักหน่อย

"ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นติ่งแฮร์รี่พอตเตอร์"

"อย่างผมนี่น่าจะชอบอะไร"  พิษฌานเลิกคิ้ว

"อืม..บัวขาว”  อคิราห์ตอบเสียงซื่อ

เสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหลังพวกเขา อัยย์หันกลับไปมอง ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน  เธออยู่ในชุดอยู่บ้านแต่ก็เรียบร้อยสวยงาม

"ฉันเห็นด้วยกับเธอนะ หน้าตาเขาไม่เหมาะจะติ่งแฮร์รี่เลย มันไม่เข้ากับเขา"

พิชช์ฌานย่นหน้า

"โธ่ ..อย่าสิครับ"

อคิราห์ตกใจไม่น้อย  เขาเกือบจะอ้าปากค้างเพราะไม่นึกว่าภรรยาของนายพิษฌานจะมีอายุมากกว่าที่คิดขนาดนี้

"บ้าหรือไง นี่แม่ผมเอง  แล้วสองตัวนี้ก็ลูกๆผมไงล่ะ"  พิชช์ฌานอ่านสีหน้าของอีกคนออกเลยรีบบอก   อยากยกมือขึ้นเขกหัวทุยๆนั้นดูสักทีเผื่อจะเลิกคิดอะไรแปลกพิสดารบ้าง

อัยย์ตกใจรอบสอง  รีบทำความเคารพอีกฝ่าย

"ยินดีที่ได้เจอนะ ไม่เห็นบอกว่าจะมา" ประโยคหลังเธอหันไปคุยกับลูกชาย "แม่จะได้เตรียมอะไรไว้ให้"

พิชช์ฌานเดินตามหลังคนเป็นแม่เข้าไปด้านในบ้าน  อัยย์เดินตามหลังไปเงียบๆ  เขาคิดว่าตัวเองเคยเห็นภาพคุณหญิงอัศวลักษณ์มาก่อนนะ  แม่ของนายพิษฌานไม่เห็นเหมือน  ในหนังสือพิมพ์เลย หรือว่าคนที่ออกงานคู่กับพ่อของเขาคือแม่ใหม่?

"นั่งก่อนสิ"

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่มารดาของอีกฝ่ายพูดกับเขา อัยย์เริ่มจับความผิดปกตินี้ได้ทันที แม่ของพิษฌานยิ้มแย้ม พูดเสียงอ่อนก็จริง แต่กลับไม่คุยกับเขาเลย เหมือนตัดออกจากการสนทนากลายๆ  เขาได้แต่นั่งฟังและลอบสำรวจเธอเงียบๆ  ...เธอสวยสง่าเหมือนเหล่าแอลฟ่าชั้นสูงทั่วไป แม้จะอยู่ในชุดอยู่บ้านธรรมดา หน้าตาที่ยังมีเค้าความงามสมัยยังสาวอยู่มากนั้นมีความคล้ายคลึงกับลูกชายไม่น้อย

"ผมขอเข้าห้องน้ำได้ไหมครับ"  อัยย์ลุกขึ้น

"อยู่ซ้ายมือ"  พิชช์ฌานบอก  "ไปถูกไหม"

"ผมไปได้ครับ" อคิราห์ตอบ  ดีดนิ้วเล่นกับสุนัขที่เชื่องกับเขาแล้วอย่างรวดเร็ว  ลุกขึ้นเดินหายไปทางห้องน้ำ

"แล้วที่บ้านนั้นรับได้งั้นหรือ ฌาน" แม่ของเขาถามขึ้นเบาๆหลังจากคนที่สามลับสายตา  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงพ่อกับแม่เลี้ยงของเขา

"ถึงรับไม่ได้ เขาก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธอะไรอยู่แล้วนี่ครับ" ลูกชายตอบเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย

"แล้วแม่มีสิทธิจะปฏิเสธลูกสะใภ้โอเมก้าคนนี้ไหม" แม่ของเขาพูดเนิบๆ "ตระกูลของเรา ทั้งฝั่งพ่อและแม่สืบสายเลือดมาจากไหนลูกก็รู้ เราไม่เคยมีธรรมเนียมแต่งกับโอเมก้ามาก่อน"

"ผมรู้ครับ" ลูกชายพูด เอื้อมมือมากุมมือของมารดาเอาไว้ "ผมเลยอยากบอกแม่ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นเพียงในนามเท่านั้น เพื่ออนาคตทางการเมืองของผม ผมต้องทำ แต่ผมไม่ทางยอมให้เขาเป็นแม่ของลูกผมหรอกครับ สบายใจได้"

คนฟังถอนหายใจยาว

"แล้วลูกจะหย่าเมื่อไหร่"

"เร็วที่สุดหลังจากผมได้ตำแหน่งที่มั่นคงแล้ว"

"แอลฟ่ากับโอเมก้า ...ต้นตระกูลของเราเคยถูกทำนานว่าถ้าลูกหลานแอลฟ่าได้กับโอเมก้าจะมีแต่ความหายนะ อย่าลืมเรื่องนี้นะลูก"

 

"เรื่องความเชื่ออะไรนั่น ผมไม่เชื่อหรอกครับ แต่ผมเชื่อตัวเองว่าไม่มีทางหลงผิดไปรักเขาแน่ๆ คุณแม่ไม่ต้องห่วง"  พิชช์ฌานพูดอย่างมั่นใจ

อคิราห์เดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยท่าทางนิ่งเฉย

"เป็นไง สบายท้องแล้วสิ" ลูกชายของเธอหันไปถาม ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ

คนเป็นแม่ถอนหายใจยาว พิศดูสีหน้าแววตาของลูกชายอย่างหนักอก  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ฌานไม่เคยพาใครมาเจอเธอเลยสักครั้ง นี่เป็นคนแรก

ดูเหมือนว่าคนเป็นลูกจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองมองเด็กคนนั้นด้วยแววตาเอ็นดูขนาดไหน   ..แต่เด็กตรงหน้าก็น่าเอ็นดูจริงๆ ถ้าเจอกันข้างนอกเธอก็คงไม่คิดว่าเขาเป็นโอเมก้า เพราะหน้าตาน่ารักและรอยยิ้มสดใสนั้น

อย่างไรก็ตาม โอเมก้าก็คือโอเมก้า

ไม่ใช่แอลฟ่า

"ผมคงต้องกลับแล้ว" ลูกชายพูดขึ้น  เธอไม่ได้รั้งอะไรไว้

พิชช์ฌานเหลือบมองคนที่นั่งรถมาเงียบๆผิดปกตินั้นหลายครั้ง  เห็นเพียงสันจมูกโด่งรั้นที่บอกนิสัยเป็นอย่างดีกับริมฝีปากอิ่มเต็มที่เม้มสนิท   แพจนตายาวทาบลงบนผิวแก้มเนียนละเอียดบดบังแววตาของเจ้าของ

“เป็นอะไรไป  หรือว่าง่วง?”

“ผมง่วง”  อัยย์ตอบสั้นๆ  เบือนหน้าออกไปมองกระจกด้านนอกแทน

“กินอิ่ม  เล่นซนแล้วก็นอน  ...ชีวิตมีอะไรอีกมั้ยเธอน่ะ”  พิชช์ฌานพูดขำๆอย่างอ่อนใจ  “อย่าเพิ่งหลับล่ะ  โปรแกรมวันนี้ยังไม่จบหรอกนะ  เหลืออีกอย่างนึง”  ชายหนุ่มว่า

“อะไรอีก  ผมเหนื่อยมากแล้ว”  อคิราห์พึมพำ  “พาผมกลับบ้านเถอะ”

“เธอลืมหรือเปล่าว่าเธอติดค้างคำตอบอะไรฉันอยู่”  คนขับพูดเนิบๆ  เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  “เรื่องแต่งงาน  ตกลงเธอคิดว่ายังไง  ตกลงไหม...”

คนฟังเงียบกริบ  ยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากแล้วลูบไปมา

“ชีวิตใหม่ของเธอกับอนาคตทางการเมืองของฉัน  คิดว่าคุ้มค่าไหม  ฉันว่าคุ้มนะ  ถ้าฉันเป็นต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างเธอ  ฉันก็จะรีบตกลงโดยไม่ลังเลเลยล่ะ  หรือว่าเธอกังวลเรื่องที่เราไม่ได้รักกัน?”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  อีกฝ่ายส่ายหน้านิดเดียว  “งั้นก็จบ  เราดีลกันด้วยผลประโยชน์ล้วนๆ  ไม่รักกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ  เธอเองก็เป็นโอเมก้ายังไงก็ต้องมีคนปกป้องอยู่แล้ว  ระหว่างที่เธอยังหาคู่แท้ปาฏิหาริย์ของเธอไม่เจอ  ก็ให้ฉันเป็นโล่กันเธอจากแอลฟ่าหื่นกระหายคนอื่นไปก่อนไม่ดีเหรอ  ...เธอมั่นใจได้อยู่แล้วว่าฉันไม่นิสัยแบบนั้น  ฉันเคยพิสูจน์กับเธอแล้วว่าฉันห้ามใจได้แม้แต่ตอนที่เธอฮีท”

อคิราห์ถอนหายใจยาว

“ลองคิดดูให้ดีสิ  เธอจะกลับไปติดแหงกอยู่ที่บ้านได้ลงงั้นหรือ  อยู่ที่นั่นตั้งแต่เล็กจนโตไม่เบื่อหรือไงกัน  เป็นฉันฉันไม่กลับไปหรอก”

“ที่คุณพูดมามันก็มีเหตุผล...แต่ว่า  ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร”  อคิราห์พูดขึ้นบ้าง  พยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้สั่น  “ไม่ว่าจะพ่อ  หรือว่าคุณ...ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือใครทั้งนั้น  ผมเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกันกับคุณไม่ใช่หรือไง  มีสมองมีหัวใจสองมือสองเท้าเท่ากัน  แค่เพราะว่าผมเป็นโอเมก้า  ไม่ใช่แอลฟ่าสูงส่งอย่างพวกคุณ”

หางเสียงของคนพูดสั่นเครือจนคนที่นั่งหลังพวกมาลัยจับได้  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  เพ่งมองสีหน้าของคนพูดที่ซ่อนอยู่ในเงามืดครึ่งหนึ่งนั้น

“เราเลิกแบ่งชนชั้นแอลฟ่า เบ้ต้า โอเมก้าอะไรนั่นมานานแล้ว  ตั้งแต่สมัยจอมพลเมื่อร้อยกว่าปีก่อน  ทำไมถึงยังพูดถึงเรื่องนี้อยู่อีก”  พิชช์ฌานว่า

“คุณรู้แก่ใจดีว่าความจริงแล้วชนชั้นพวกนั้นก็ยังอยู่”  โอเมก้าพูดด้วยความรู้สึกเจ็บปวด  “ผมที่อยู่ในบ้านมาทั้งชีวิต  ไม่เคยได้พบปะผู้คนอื่นเลยนอกจากคนในครอบครัวไงล่ะคือคำตอบ”  อัยย์กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก  “แค่นี้ชัดพอไหม  หรือว่าผมต้องยกเรื่องตระกูลแอลฟ่าบริสุทธิ์ทั้งหลายที่บูชาสายเลือดของตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมาอีก  คุณถึงจะเข้าใจ”

อคิราห์พูดแค่นั้นก็ปลดล็อคประตูฝั่งที่ตัวเองนั่งแล้วเปิดประตูก้าวลงไปจากรถด้วยความรู้สึกอัดแน่นในอก  ...เขาได้ยินสิ่งที่มารดาของพิษฌานพูดหมดแล้ว  ฝ่ายนั้นพูดราวกับจงใจให้เขาได้ยินงั้นแหละ  ...สายเลือดบริสุทธิ์ที่ต้องแปดเปื้อน ความหายนะจะมาเยือนงั้นหรือ  น่าขำสิ้นดี

ทุกวันนี้ยังมีใครหลงงมงายกับเรื่องพวกนี้อยู่หรือไง  ตลกน่า...มันขำไม่ออกตรงที่เรื่องตลกพวกนั้นดันเป็นเรื่องจริงนี่ไง



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-01-2019 14:33:25









         “อคิราห์”  คนขับเปิดประตูก้าวตามหลังมาบ้าง  ช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้ตามมาจนทันกัน  พิชช์ฌานคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้  “เดี๋ยวสิ  ฟังกันก่อน”

“ให้ผมฟังอะไรอีกครับ  คำโฆษณาของคุณงั้นหรือ  โอเคมันน่าสนใจมาก  ผมอยากเที่ยวรอบโลก  อยากกินอาหารอร่อยๆ  อยากไปดูหนัง  อยากทำอะไรก็ตามที่คนทั่วไปคนอื่นเขาทำกันแต่ว่าผมทำไม่ได้เพราะผมเป็นโอเมก้า  แถมยังเป็นโอเมก้าที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ  แม้แต่พ่อก็ไม่เคยยอมรับว่ามีผมอยู่บนโลกนี้  ถึงตอนหลังเขาจะยอมรับแต่มันก็เป็นเพราะเกมการเมืองที่คุณบีบบังคับเขา  แล้วคุณก็ยังจะมาบังคับผมอีก  ผมบอกเลยนะว่าไม่มีทาง  แค่ผมเป็นโอเมก้าก็มากเกินพอแล้ว  ผมไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว”

“ใจเย็นๆสิอคิราห์  คิดดีๆก่อน”  พิชช์ฌานชักตกใจ  ท่าทางของคนตรงหน้าดูต่อต้านกว่าที่คิดเอาไว้มากจริงๆ  เขาเหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง  “ฉันไม่ได้บีบบังคับเธอเลยนะ  ฉันแค่อยากขอร้อง....ช่วยฉันหน่อย”

“ผมจะช่วยคุณทำไมในเมื่อคุณเป็นศัตรูกับพ่อของผม”

“ฉันช่วยพ่อของเธอได้  ฉันเป็นกำลังให้พ่อของเธอได้  ขอแค่เธอให้โอกาสฉัน”  พิชช์ฌานพูด  “การที่ฉันแต่งงานกับลูกของเขาเท่ากับเขาได้เสียงจากพรรคฝ่ายค้านไปด้วยไงล่ะ  พ่อเธอได้ประโยชน์หลายต่อเพียงแต่เขาไม่ได้บอกเธอ”  ชายหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็น  “เธอคิดหรือว่าถ้าเธอไม่แต่งงานกับฉัน  พ่อของเธอจะไม่จัดการให้เธอแต่งงานกับคนอื่นไปเพื่อขยายฐานอำนาจอีกหรือไง  ยิ่งเขาเปิดตัวว่ามีเธอแล้ว  เขาจะยิ่งใช้เธอเป็นหมากทางการเมืองเต็มตัว  เชื่อฉันนะอคิราห์  ถ้าไม่อยากเป็นหมากให้พ่อเธอใช้ล่ะก็  ฉันเสนอทางออกให้เธอได้นะ”

“โดยการที่ผมกลายเป็นหมากให้คุณแทนงั้นหรือ”  อคิราห์พูดเสียงเย็น  สะบัดข้อมือออกแล้วหมุนตัวเดินต่อ  นักการเมืองหนุ่มก้าวตามอย่างไม่ลดละ  เอื้อมมือไปรั้งเอาไว้อีก

“อคิราห์  ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่  แต่ฉันสัญญาว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว  ฉันจะไม่ใช้เธอเป็นหมากเด็ดขาด”  ชายหนุ่มพูดเสียงหนัก  “แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว  จะเรียกว่าอ้อนวอนก็ได้  อนาคตของฉันฝากเอาไว้ในมือของเธอนะ  ถ้าเธอไม่ตกลงก็เท่ากับว่าปล่อยให้ฉันตาย”

“ตาย?  หึๆ”  อคิราห์หัวเราะออกมา

“ฉันพูดจริงๆ”  พิชช์ฌานย้ำ  “เธอก็รู้ว่าการเมืองเล่นกันแรงแค่ไหน  ไม่อย่างนั้นจะมีคนระเบิดบ้านฉันได้เหรอ  ตอนนี้พรรคของฉันก็มีคนไม่พอใจอยู่  เขาคงไม่ปล่อยฉันเอาไว้หรอกถ้าฉันหมดประโยชน์แล้ว”  ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางจริงจัง  “เธอจะปล่อยให้ฉันตายไปต่อหน้าต่อตาจริงๆเหรอ”

อคิราห์กระพริบตา

“น่าจะได้นะ”

“โธ่”  พิชช์ฌานโอดครวญ  “ขนาดปลาบู่ในสระเธอยังกลัวฉันเอาไปทอดน้ำปลา  แล้วกับตัวฉันเองที่อุตส่าห์พาเธอมากินอาหารดีๆ  ดูแลเธออย่างดีราวกับเป็นเทวดา  เธอจะใจร้ายให้ฉันตายได้ลงคอหรอ  มันบาปนะ   คิดดูว่าถ้าฉันตาย  ฉันก็จะจดจำความผิดหวังนี้เอาไว้แล้วมาตามหลอกหลอนเธอทุกชาติ”  พิชช์ฌานว่า

“คุณมีข้อเสนออื่นที่น่าสนใจมากกว่านี้ไหมล่ะ”  คนเด็กกว่าเริ่มจะไขว้เขวตามที่อีกฝ่ายหลอกล่อ  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มในใจ  กะแล้วเชียวว่าเจ้าเด็กนี่น่าจะใจอ่อนเรื่องความเป็นความตาย

“อย่างเช่น...เธอลองเสนอมาสิ”

“ผมอยากมีห้องสมุดของตัวเอง”

“ง่ายมาก”  พิชช์ฌานดีดนิ้ว  “เนรมิตให้พรุ่งนี้เลยยังได้”

“เที่ยวรอบโลก  ทุกประเทศที่ผมอยากไป”

“ถ้าอยากไปสำรวจดวงอาทิตย์เมื่อไหร่ก็บอกได้เลยเอ้า”  คนแก่กว่าพูดอย่างใจป้ำ  “อยากได้เดือนได้ดาวก็บอก  จะสอยมาให้”

“ไม่มีการล่วงเกินอะไรกันทั้งสิ้น  เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะเป็นคนขอหย่า”  อคิราห์พูดเนิบๆ  “คุณต้องยอมหย่าให้ผมพร้อมกับค่าเลี้ยงดูตามที่ผมจะร้องขอ”

“ตามนั้น  ฉันจะยอมให้เธอเป็นคนเลือกวันเวลาเองเลย”  ชายหนุ่มพูด  ชักเริ่มยิ้มออกที่เห็นอีกคนชักจะใจอ่อน  “ค่าเลี้ยงดูไม่อั้นเท่าที่ฉันจะมีจ่าย  ส่วนเรื่องล่วงเกินอะไรนั้นคงไม่เป็นปัญหามั้ง  ฉันทนดูเธอฮีทได้สบายๆ เพราะคนอย่างฉันมันเก่งด้านการควบคุมความรู้สึก  สัญชาติญานสัตว์ป่าอย่างที่เขาว่ากันไม่มีผลสำหรับฉัน”  เขายักไหล่  “ไม่งั้นเธอเสร็จฉันไปแล้ว  ถูกมั้ยล่ะ”

อคิราห์พยักหน้าเนิบๆ

“คุณจะไม่ทำร้ายผมทั้งทางจิตใจและร่างกาย  ไม่ทำให้ผมเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงหรืออับอายใคร  คุณจะปกป้องดูแลผม  ไม่ใช้ผมเป็นเครื่องมือทางการเมือง  ถ้าไม่เป็นไปตามสัญญาหรือผมรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อไหร่  ผมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคุณเป็นจำนวนเงินคูณยี่สิบเท่าของรายได้ต่อเดือนของคุณ”

“โห  ...ไม่งกไปหน่อยหรือไง”  พิชช์ฌานท้วง  “กะจะตั้งตัวกันเลยเรอะ”

อาคิราห์ยักไหล่

“ถ้าคุณไม่ตกลงก็ตามใจ”

“..ตกลงสิ  ตกลงอยู่แล้ว  ตามนั้นเลยครับที่รัก”   อคิราห์ทำเป็นไม่ได้ยินคำเรียกนั้น

“คุณชื่ออะไรนะ”

“ห้ะ?”  คนฟังงง  อีกฝ่ายเลยถามย้ำ  “พิชช์ฌาน อัศวลักษณ์”

“ส่วนผมอคิราห์  อลันไตร ลงวันที่ 11 มกราคม 25XX เวลา 23.20 น.ที่ลานจอดรถหน้าห้างปาร์ควัน”  อคิราห์พูดเสียงดังแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดหยุดอัดคลิปเสียง  ชายหนุ่มเปิดฟังแล้วกดส่งอีเมล์ให้ตัวเอง “เรียบร้อย  คุณพูดออกมาเองนะ  เดี๋ยวผมจะทำเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ให้คุณเซ็นด้วย”

พิชช์ฌานอ้าปากค้าง

“เธออัดเสียงฉันไว้งั้นหรือ”

“นักการเมืองอย่างคุณมันกลับกลอก  เชื่อถือไม่ได้ วันนี้พูดอย่าง มะรืนนี้พูดอย่าง  ผมก็ต้องมีหลักฐานเอาไว้สิ”  อคิราห์พูดเนิบๆ  ยิ้มมุมปาก

“เธอแกล้งดราม่าใส่ฉันเมื่อกี้เรอะ”  คนแก่กว่าเริ่มตามทันขึ้นมา  “เธอลงจากรถเพราะจะได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียง”

“อืม  ก็ไม่เชิง  แต่ผมผิดหวังนิดหน่อยที่สถานที่ๆคุณใช้อ้อนวอนผมกลับเป็นลานจอดรถธรรมดาแทนที่จะเป็นที่ไหนสักแห่งที่ดูดีกว่านี้”

พิชช์ฌานหน้าหงิก  จ้องมองคนที่ยืนเท้าสะเอวพูดฉอดๆนั้นแล้วรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเหมือนกัดน้ำแข็งเข้าไปก้อนใหญ่

“ให้ตายเถอะ  เธอนี่มัน...เกินคาด”

“ผมอยากกลับแล้ว  คุณเองก็มีนัดไม่ใช่หรือไง”  อคิราห์ว่า

“นัด?”

“ผมเห็นคุณดูนาฬิกาประมาณห้ารอบได้มั้ง”  ชายหนุ่มตอบ  อีกคนหัวเราะเบาๆ  ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเอง

“เธอมันเป็นพวก...ตัวทำลายแผนการ”  พิชช์ฌานพูดด้วยท่าทางฉุนๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาอีก  “ห้า  สี่  สาม  สอง...”  เสียงห้าวๆนับถอยหลัง  อคิราห์เหลียวมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง

“คุณจะระเบิดรถเหรอ”  ชายหนุ่มถามเสียงหลงพร้อมกับเสียงดังปังใหญ่รัวราวกับปืนกล

อคิราห์ย่อตัวลงทันที  ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง  หางตาเห็นอะไรพุ่งขึ้นมาแวบๆจากทางด้านหลังอาคารของห้างสรรพสินค้านั้น

ปัง ปัง

ไม่ใช่เสียงปืนหรือระเบิดอย่างที่คิด  หากแต่เป็นพลุสีสวยดอกใหญ่ที่แตกออกเป็นประกายระยิบระยับจับตา  พิชช์ฌานก้มลงจับต้นแขนของเขาเอาไว้แน่นแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากัน

แสงจากพลุวูบวาบสะท้อนเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นที่มองนิ่งมายังเขาแพรวพราวคล้ายกำลังกลั้นหัวเราะอยู่  อคิราห์ขมวดคิ้ว  ถลึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วเงยหน้าขึ้นมองพลุที่ยังพุ่งขึ้นฟ้าไม่ขาดสายนั้น

“.....................”  ผู้ชายตรงหน้าขยับริมฝีปากเหมือนพูดอะไรสักอย่างแต่ว่าอคิราห์ไม่ได้ยินเพราะเสียงพลุดังกลบและเจ้าตัวยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างอยู่

คิ้วเรียวขมวดมุ่น  พยายามอ่านปากของคนตรงหน้า

“อะไรนะ”  อคิราห์ถาม  เสียงพลุยังดังอยู่ตอนที่มือใหญ่เอื้อมมาจับมือของเขาแล้วดึงออกจากหูทั้งสองข้างพร้อมกับเอาไปกุมเอาไว้  นายพิษฌานก้มหน้าลงมาใกล้เขาจนเกือบชิด  กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“โรแมนติกพอหรือยัง”

“ประสาท  ตกใจแทบแย่”  อคิราห์ตอบกลับไป  ทั้งฉุนทั้งขัน ...ที่ขับมาจอดที่ลานจอดรถก็เพราะแบบนี้สินะ

“หายตกใจหรือยัง”  เสียงห้าวๆถามต่อ  ลมหายใจอุ่นจัดรดอยู่ข้างแก้ม  กลิ่นหอมๆของกระดาษใหม่ๆทำให้เขาเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“ดีขึ้นนิดนึง”  อคิราห์ตอบ

พิชช์ฌานยิ้ม  มองหน้าเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ก้มลงมากระซิบข้างหูของอคิราห์อีกครั้ง

“งั้นแต่งงานกับผมนะ”  ชายหนุ่มพูด  ทอดเสียงอ่อนรื่นหูกว่าที่เคยได้ยินมา  “นะครับ...อัยย์”

หัวใจของใครบางคนเต้นแรงขึ้นฉับพลัน

.............................................................................

โอเค  ถึงตอนปัจจุบันแล้ว  เย่ๆ

ใครเล่นทวิต  ใช้แทค #ขอรักแค่คุณ  นะคะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

โอเมก้าเวิร์สเรื่องแรกของชั้นนน

มันก็จะแตกต่างกับแฟนหมอแมนหน่อยนะคะ5555


Melenalike
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 11-01-2019 14:35:13
จะรอนุ้งอัยย์ อยู่ที่ท่าน้ำทู้กกกกกวันเลยยย

Sent from my BLL-L22 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 11-01-2019 15:09:40
งุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  โอเมก้าเวิร์สมาแล้ววววววววววววววววววววววว

ดีใจมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-01-2019 19:36:46
งูยยยยยยย สนุกเวร่ออออ ชอบค่ะ  :katai2-1:  น้องอัยย์มีความน่าร้ากก ฉลาด แอบกัดจิก มันต้องแบบนี้สิ ถึงจะเอาคุณพิษฌานอยู่ / ชอบใจเวลาคุณนักการเมืองหน้าหงิก ตอนโดนเด็กแกล้งหน้าซื่อๆ  55555  ชอบค่ะชอบ เกาะขอบจอเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 11-01-2019 20:39:17
อ่านจบก็ตกใจคนแต่งคนเดียวกับหมอแมนและเรื่องแอบยักษ์(?)
ว่าแต่คนแต่งแอบแต่งฟิคเอกโซใช่มั้ยคะ---  :z1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 11-01-2019 21:25:28
คู่นี้เขาดูสมน้ำสมเนื้อกันดีนะคะ
เดาว่าหลังจากแต่งงาน ป่วนแน่ๆ
รอดูวันที่นายพิชช์ฌานหลงน้องเลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-01-2019 00:01:28
รอดูว่าจะทนไม่รักหนูอัยย์ได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2019 00:03:47
จะรอดูว่าจะทนความน่ารักของหนูอัยย์ได้นานแค่ไหน สงสารน้องที่ต้องตกเป็นเครื่องมือแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 12-01-2019 00:38:35
โอ๊ยยยยงานดีมากค่ะ  :katai2-1:

รอติดตามเลย

ปล.แอบมีพิมพ์ชื่อตัวละครผิดด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-01-2019 01:26:44
ยังมีชื่อเกาหลีหลุดมาให้เห็น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-01-2019 01:34:13
เรื่องน่าสนใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทนำ-ตอนที่ 4 11/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-01-2019 18:02:12
งุ้ยๆๆๆๆ ชอบ อยากอ่านต่ออีกเยอะๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-01-2019 00:14:15
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 5



 

 

 

 

 

 

            “ตกลงธีมของงานจะเป็นสีขาวกับสีฟ้านะคะ  ส่วนดอกไม้ที่ใช้ในงานจะเน้นเป็นดอกกุหลาบเป็นหลัก ...”  เจ้าของบริษัทพรีเวดดิ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพูดทวนรายละเอียดกับลูกค้าวีวีไอพีอีกครั้งยิ้มๆ  ผู้ชายสองคนที่เพิ่งขอแต่งงานจนเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมลงในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่ออาทิตย์ก่อนหันไปมองหน้ากัน

            “โอเคไหม  ฟ้าขาว”  พิชช์ฌานถามขึ้น

            “ผมชอบสีแดง”  อคิราห์พูดลอยๆ

            “ก็บอกว่าสีแดงมันเป็นกาลกิณีกับฉัน  อีกอย่างเราไม่ได้จัดงานแบบจีนเสียหน่อยจะได้แดงฉานไปทั้งงาน”  คนแก่กว่าว่า

            “งั้นก็แล้วแต่  ....จะมาถามผมทำไม”  อัยย์ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปคว้ากระเป๋ามาถือเอาไว้  “ผมไปก่อนนะ”  ชายหนุ่มเดินฉับๆลงบันไดไปยังชั้นล่างทันที  พิชช์ฌานอ้าปากค้างแล้วก็กระแอมออกมาเพราะหันไปเห็นสีหน้าตกใจแกมประหลาดใจของหญิงสาว

            “เอ้อ...แบบนี้ประจำครับ  ชอบเอาแต่ใจ”

            “หรือคุณพิชช์ฌานจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก็ได้นะคะ”  เธอพูดยิ้มๆ  “คุณอคิราห์จะได้ดีใจ”

            นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจเฮือก

            “ผมตามใจเขามามากแล้วครับ  ตามใจมากไปคงไม่ดี...เสียการปกครองหมด”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  ตกลงรายละเอียดงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นอาทิตย์หน้าต่อจนเสร็จถึงได้ลุกขึ้น  กลับออกมาจากบริษัท

            รถยนต์ของเขาจอดอยู่ที่ด้านหน้าร้านพรีเวดดิ้งแล้ว  ชุดสูทสีขาวสองชุดสำหรับพิธีการและสีน้ำเงินเข้มสองชุดสำหรับงานเลี้ยงวางพาดอยู่ที่เบาะหลังเรียบร้อย  แต่ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาก็คือว่าที่เจ้าบ่าวของเขานั่นเอง....โอเมก้าเจ้าปัญหาคนนั้นหายไปไหนแล้ว

            กวาดตามองหาที่ร้านขนมเป็นอันดับแรก  ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนด้อมๆมองๆอยู่หน้าร้านจนคนข้างในเริ่มหันมาสนใจเขา  พอไม่เห็นเงาของอคิราห์แน่แล้วฌานก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นร้านขายไอศกรีมใกล้ๆแทน

            “ไปไหนของเค้า”  พึมพำอย่างหงุดหงิด  สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านหนังสือที่แทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในเมืองแล้ว  ชายหนุ่มก้าวยาวๆข้ามถนนตรงไปยังร้านสองคูหาเก่าๆที่มีแผงหนังสือวางเรียงรายแน่นร้าน  มองเข้าไปก็เห็นร่างโปร่งบางกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่อย่างเพลิดเพลิน

            “ไง...กำลังคิดว่าจะกินเล่มไหนดีหรือไง”

            อคิราห์ไม่สะดุ้ง  เพราะเขาเห็นร่างสูงใหญ่ตั้งแต่หน้าร้านแล้ว  ตัวอย่างกับยักษ์ปักหลั่นดันแกล้งทำเป็นย่องเหมือนตัวเองตัวเล็กมากงั้นแหละ  ไม่เห็นก็ตาถั่วเต็มที..

            “กินหนังสือก็ดีกว่ากินบ้านกินเมือง”  อัยย์พูดลอยๆ  แล้วเอื้อมมือขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มที่ตัวเองต้องการมาพลิกอ่านข้างหลัง

            “เธอว่านักการเมืองงั้นหรือ”

            “ผมว่าปลวก ...ก็คุณพูดถึงปลวกอยู่ไม่ใช่หรอครับ”  ชายหนุ่มหันไปตอบเสียงซื่อ  “หลบทางให้หน่อย  ผมจะไปจ่ายเงิน”

            พิชช์ฌานเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเดินไปที่แคชเชียร์  เขายืนรอจนอีกฝ่ายรับเงินทอนมาเก็บใส่กระเป๋าสตางค์แล้วถึงได้คว้าถุงหนังสือมาถือเอาไว้เอง

            “คุณไม่ต้องแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าชาวบ้านหรอกครับ”  อัยย์ว่า  ดึงถุงกลับมาถือเอาไว้เสียเอง  “แถวนี้ไม่มีกล้องนักข่าวหรอก”

            “ฉันไม่ได้จะถือให้เธอ  ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอซื้อหนังสืออะไรเฉยๆ”  พิชช์ฌานตอบกลับมา  กลั้นหัวเราะในใจที่เห็นคนเด็กกว่าย่นจมูกใส่เขาอย่างหงุดหงิด  “...เสียฟอร์มล่ะสิ”

            “ไม่มีมารยาท  อยากรู้ก็ถามดีๆสิ  มาดึงไปได้ไง”

            “แวะกินข้าวก่อนดีกว่า  ฉันว่ามีคนแถวนี้เริ่มโมโหหิว”  นายพิษฌานพูดหน้าตาเฉยแล้วลากข้อมือของเขาเข้าไปในร้านข้าวแกงแห่งหนึ่งที่อัยย์ไม่เคยคิดว่าหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอย่างเค้าจะแวะ

            แต่อัยย์ก็มาเข้าใจเหตุผลตอนหลัง  หลังจากที่มีชาวบ้านมากมายแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนที่โต๊ะของเขาพร้อมกับชื่นชมที่นักการเมืองหนุ่มรุ่นใหม่อย่างพิชช์ฌานไม่ถือตัวแถมยังทำตัวธรรมดาเป็นผู้ชายเดินดินกินข้าวแกงอีก

            เขามองท่าทางพูดคุยอย่างเป็นกันเองของผู้ชายคนนั้นแล้วต้องแอบเบ้ปาก...เรื่องแอคติ้งขอให้บอกจริงๆ นี่ถ้าลุกไปตักแกงใส่ถุงได้คงทำไปแล้ว

            อัยย์เกือบอ้าปากค้างตอนที่ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นแล้วเดินไปจับทัพพีจริงๆ

            ชักนับถือหัวใจพวกนักการเมืองขึ้นมาแล้วแฮะ....ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าคาง  อยากจะเหลือบตามองเพดานสักร้อยรอบแต่ก็ติดตรงที่ว่ามีสายตาของใครต่อใครจับจ้องมาที่เขาอย่างสนใจอยู่ไม่น้อย

            “คุณนายอิ่มแล้วเหรอคะ  เดี๋ยวป้าตักข้าวเพิ่มให้ดีไหมคะ”  หญิงวัยกลางคนก้มลงถามเขายิ้มๆ  อัยย์รีบปฏิเสธอย่างเกรงใจ 

            “ไม่เป็นไรครับ  ผมอิ่มแล้ว....ผมไม่ใช่คุณนายหรอกครับ”

            “จะไม่ใช่ได้อย่างไร  ป้าเพิ่งดูในข่าวมาเมื่อเช้าเอง  ตัวจริงคุณน่ารักน่าเอ็นดูกว่าในทีวีเสียอีกนะคะ  ตัวนิดเดียว...ป้ากับเจ้าพวกนี้ล่ะนับถือความรักของพวกคุณสองคนจริงๆ  คงจะมีอุปสรรคเยอะเลยสินะคะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้  ป้าดีใจด้วยนะ”

            “อ้อ...ขอบคุณครับ”  อคิราห์ยกมือขึ้นเกาจมูก  เริ่มทำตัวไม่ถูกกับข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้  มันถูกบิดเบือนจนแทบไม่เหลือความจริง  กลายเป็นว่าเขากับนายพิษฌานแอบรักกันมานานแต่ว่าเพราะเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็เลยกลายเป็นรักต้องห้ามที่ต้องหลบซ่อน  จนสุดท้ายนายพิษฌานพระเอกของเรื่องนี้ก็ตัดสินใจเข้าไปเผชิญหน้ากับพ่อของเขาแบบลูกผู้ชาย  ยืนยันว่ารักเขาจริงๆและต้องการจะแต่งงานด้วย

            สุดท้ายท่านไตรคุณบิดาของเขาเห็นในความรักของเราทั้งสองก็เลยใจอ่อนยอมให้แต่งงานกัน  กลายเป็นเรื่องราวความรักแสนโรแมนติกยิ่งกว่าโรมิโอกับจูเลียต

            “เติมข้าวหน่อยสิอัยย์  คุณตัวนิดเดียวเหมือนที่คุณป้าบอกจริงๆ”  เสียงห้าวๆดังขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับมือใหญ่ที่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขา   “แล้วแบบนี้จะเป็นแม่ของลูกผมได้ยังไง”

            เสียงฮือฮาดังขึ้นในภายในร้าน  อคิราห์ตาเหลือกรีบดึงข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

            “แม่ของลูกอะไรของคุณ”  เขากระซิบ  ถลึงตาใส่คนพูดไม่คิดทว่านายพิษฌานกลับยิ้มกว้าง เอื้อมมือมาโอบไหล่ของเขาเข้าหาตัวอย่างถือวิสาสะ

            “ก็ลูกของเราไงครับที่รัก  ทำเป็นอายไปได้”  ชายหนุ่มพูด  แอบยักคิ้วให้คนตัวเล็กกว่าทีนึงแล้วหันไปยิ้มให้บรรดาลูกค้าของร้านข้าวแกงแห่งนั้น  “เขาขี้อายครับ  ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

            “วู้ย  ไม่หรอกค่ะ  พวกคุณน่ะน่ารักมากๆ  สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”  ป้าเจ้าของร้านพูดอย่างปลาบปลื้ม  “ขอให้รักกันนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะคะ  มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะ”

            คนฟังเกือบสำลักแต่ก็ส่งยิ้มตอบขอบคุณกลับไปอย่างอ่อนหวานพอกัน  กว่าจะกลับออกมาจากร้านได้ก็อัยย์ต้องยืนยิ้มจนเหงือกแห้งอยู่ข้างๆผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่คอยหาจังหวะพูดหาเสียงไม่หยุดปากพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย  พิชช์ฌานเหมาอาหารในร้านวันนั้นให้ทุกคนกินฟรี

            “ลงทุนจังนะ”  อคิราห์ค่อนแคะหลังจากกลับออกมาจากร้านอาหารได้  อีกฝ่ายยักไหล่

            “ผมต้องการพื้นที่สื่อให้มากที่สุด”  พูดจบก็คว้ามือของเขาไปจูง  พอเจ้าของมือจะดึงออกพิชช์ฌานก็จุ๊ปาก  “อยู่นิ่งๆเถอะน่า  ยิ้มกว้างๆด้วย ฉันไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งกับตัวบู้บี้”

            “ตัวบู้บี้คือตัวอะไร”  คนฟังงง  แต่ก็ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเกือบครบสามสิบสองซี่  “มันต้องหน้าตาน่ารักแหงๆ”

            พิชช์ฌานเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายแล้วเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นนั้นเอาไว้  สั่นไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว

            “ตัวบู้บี้ก็คือตัวบู้บี้”  เขาพูด  อีกฝ่ายยกมือร้อง  ยกมือขึ้นปัดมือของเขาออก

            “ไอ้พิษฌาน  ปล่อยนะ  เจ็บจมูก”  เจ้าของจมูกยกมือขึ้นคลำจมูกตัวเองป้อยๆ  ตวัดสายตามองอย่างโกรธๆ  อีกฝ่ายหัวเราะ

            “เรียกใครไอ้...เรียกไอ้ก็เดินกลับบ้านเอาเองนะ”

            “คุณกล้าปล่อยให้คู่หมั้นอย่างผมเดินกลับบ้านเองก็เอาซิ”  อัยย์เลิกคิ้วอย่างเป็นต่อ  อีกคนชะงัก  มองหน้าเขาแล้วหัวเราะห้าวๆ

            “เธอนี่มัน....ขึ้นรถ”

            ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจดังขึ้นข้างตัว  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  เข้าเกียร์อย่างฉุนๆแกมหมั่นไส้  ขับรถพาอีกฝ่ายไปส่งที่คฤหาสน์หลังงามของท่านนายกฯไตรคุณ  มองตามหลังร่างโปร่งบางที่เดินแกมวิ่งพร้อมกับหิ้วชุดแต่งงานขึ้นบันไดไปด้วยจนลับตา

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่เขาขับรถเลี้ยวออกมาจากคฤหาสน์

            “ว่าไง  เจนภพ...มันเป็นใคร”  พิชช์ฌานถามเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย   มือขวาคนสนิทตอบกลับมา

            “มันยังไม่สารภาพครับ  แต่คิดว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกับที่กำลังจับกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้า”  เจนภพตอบเรียบๆ “โชคดีที่คุณฌานตาไว  ขนาดผมกับคนอื่นคอยจับตามองอยู่รอบๆแล้วแท้ๆ”

            “ฉันเห็นมันด้อมๆมองๆตอนจะออกมาจากร้านหนังสือน่ะ  แล้วมันตั้งใจจะทำอะไรอคิราห์”

            “คิดว่าน่าจะปาไข่ครับ  ในมือของมันถือถุงใส่ไข่ไก่เอาไว้เพียบเลย” เจนภพว่า  “ถ้าคุณฌานไม่พาคุณอัยย์หลบเข้าร้านอาหารคงแย่เหมือนกันครับ  มีพวกมันอีกอย่างน้อยสี่คนที่เดินตามพวกคุณไป  แต่ว่ามันหนีไปได้หมด”

            “ฉันเห็นแล้ว  เลยต้องถ่วงเวลาเอาไว้ในร้านเสียนาน  พูดจนคอแห้ง  เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย  จะวิ่งออกจากร้านท่าเดียว”  พิชช์ฌานพูดอย่างหงุดหงิด

            “ทำไมคุณไม่บอกคุณอัยย์ล่ะครับ”

            “เดี๋ยวบอกก็หน้าตื่นอีก  เบื่อพวกกระต่ายตื่นตูม”

            “คุณเป็นห่วง  กลัวว่าคุณอัยย์จะตกใจหรอครับ”  เจนภพถาม

            “หึ...แล้วเรื่องที่ให้ไปตามถึงไหนแล้ว  ฝั่งนั้นว่าอย่างไรบ้าง”

            “สายของเราในพรรครัฐบาลบอกว่าคนในพรรคไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ครับ  เพราะข่าวความรักของคุณกับคุณอัยย์ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเราดูดีขึ้นมาก  โดยเฉพาะของคุณกลายเป็นพระเอกไปแล้ว  ส่วนของท่านไตรคุณกลายเป็นพ่อตาแก่ๆที่หวงลูกแทนครับ”

คนฟังยิ้มกว้างอย่างสมใจ

“ดีมาก  งานนี้ฉันจะเอานโยบายสนับสนุนโอเมก้าเนี่ยแหละขึ้นชูประเด็น  ความเท่าเทียมกันจะทำให้ประเทศอื่นยอมรับประเทศของเราเสียทีด้วย”

“แล้วกลุ่มอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงล่ะครับ”

“ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นพวกของรัฐบาลซะ  ไม่ว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม”   พิชช์ฌานพูดเสียงเนิบๆ  “พ่อของอคิราห์ปกปิดตัวตนของลูกชายตัวเองมาตั้งยี่สิบกว่าปี  ถึงปากจะบอกว่าเพราะเป็นห่วงลูกแต่ว่า...ความจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ  ทำให้ประชาชนสนใจประเด็นนี้ซะเจนภพ  ฉันไม่เชื่อหรอกว่าท่านนายกฯจะรักลูกชายโอเมก้าคนนี้จริงๆ”

“ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะครับ”

“ไม่งั้นพ่อที่ไหนจะยอมให้ลูกชายแต่งงานกับศัตรูเล่า”  นักการเมืองหนุ่มหัวเราะเบาๆ  “แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่ารักมากแค่ไหน ...คิดว่าเจ้าตัวก็คงรู้อยู่เหมือนกัน  ถึงได้ยอมแต่งงานกับฉันเพื่อประชดพ่อของตัวเอง”

สั่งงานปลายสายจนพอใจแล้วพิชช์ฌานก็กดวางสายแต่ว่าลูกน้องกลับรีบท้วงเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวครับคุณฌาน  ผมมีอีกเรื่องหนึ่งจะรายงาน”

“อะไร”

“คุณรินรดาโทรมาถามตารางงานกับผมครับเมื่อเช้าครับ  เธอว่าเธอกำลังจะบินกลับมาเร็วๆนี้”  ชื่อของหญิงสาวที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วยระยะหนึ่งก่อนที่ฝ่ายนั้นจะไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้พิชช์ฌานย่นคิ้ว

“ได้บอกไปหรือเปล่า”

“ไม่ได้บอกครับ”

“ดีมาก  อย่าให้เธอเข้ามาวุ่นวายจนเสียแผนล่ะ  ตอนนี้ฉันจะต้องเป็นคนที่รักคู่หมั้นโอเมก้ามากที่สุดในประเทศนี้”  พิชช์ฌานย้ำอีกครั้งก่อนจะวางสายพลางถอนหายใจยาว

ชายหนุ่มใช้เวลาช่วงเย็นไปกับงานเลี้ยงสปอนเซอร์พรรค พวกคนในพรรคเริ่มสงบลงแล้วหลังจากเห็นว่าเขาสามารถดึงกระแสความนิยมมวลชนเอาไว้ได้แม้จะต้องแต่งงานกับลูกชายของพรรคฝั่งนั้นก็ตาม   พิชช์ฌานยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์พรรคเด็ดขาด  งานเลี้ยงเลิกรา  หลายคนไปต่อกันแต่ว่าเขาขอกลับก่อน   พอขับรถกลับมาที่บ้านถึงได้สังเกตเห็นว่าอคิราห์ลืมถุงใส่หนังสือของตัวเองเอาไว้บนเบาะนั่ง

พิชช์ฌานจุ๊ปาก  หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาพลิกดู  สภาพของมันเหมือนหนังสือมือสอง  ปกข้างในบอบบางแทบจะหลุดติดมือออกมาตอนเปิด  หน้าปกเป็นชื่อหนังสือนิยายภาษาอังกฤษแนวสืบสวนสอบสวนของนักเขียนชื่อดังระดับโลก  ..โอ้โห  ผิดคาดแฮะ   นึกว่าจะอ่านพวกนิทานก่อนนอนเด็กๆเสียอีก

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก  รอสายครู่เดียวก็กดวาง...ลืมไปว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กอนามัยเข้านอนสี่ทุ่ม  ป่านนี้คงกรนคร่อกหลับฝันไปสี่เรื่องแล้วมั้ง  เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยแวะไปคืนหนังสือก็ได้

            พิชช์ฌานหยิบหนังสือเล่มนั้นติดมือมาด้วย  ชายหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะหยิบมาทำไมในเมื่อในห้องหนังสือของเขามีหนังสือนิยายของนักเขียนท่านนี้ครบชุด  และเขาก็อ่านไปไม่รู้กี่รอบจนจำบทสนทนาได้

            เหอะ...ให้เจ้าเด็กนั่นมาเห็นห้องหนังสือของเขาเสียก่อนเถอะ  จะต้องกรี้ดสลบแน่ๆ

..................................................................

อคินทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของน้องชายฝาแฝด  เจ้าของห้องยังไม่นอนแต่กำลังพิมพ์อะไรก๊อกแก๊กกับโน๊ตบุ๊คอยู่  ศิลปินหนุ่มที่เวลานี้เอาผมหน้าม้าลงเลยแทบไม่ต่างกับน้องชายนั้นเดินตรงไหเกาะเก้าอี้ด้านหลังแล้วก้มลงดูสิ่งที่อคิราห์กำลังเขียน

“คุณพิชช์ฌานเขาจะยอมเซ็นสัญญานี้จริงๆน่ะเหรออัยย์”  อคินทร์ถาม  กวาดตาอ่านตัวอักษรที่เรียงรายอยู่อย่างประหลาดใจ  “มัน...ประหลาดมากๆเลยนะ”

“เขาต้องยอมสิ  ก็เขาพูดแล้วนี่”  อคิราห์พูดเนิบๆ  กดสั่งปริ้นท์ออกมาสามชุดแล้วส่งให้ฝาแฝดรับไปดู  “ฉันแกะออกมาจากคำพูดของเขาเลย  เป๊ะๆ”  อคินทร์มองหน้าคนเป็นน้องแล้วลอบถอนหายใจ

“อะไรที่น่ากลัวที่สุดในสัญญาแผ่นนี้รู้ไหมอัยย์”

“นายพิษฌานไม่ยอมทำตามสัญญา”

“เปล่า...”  อคินทร์ส่ายหน้า  “เขายอมทำตามสัญญา  ...แต่ว่าอัยย์เองต่างหากที่ไม่อยากทำตามสัญญาแล้ว”

คนฟังหัวเราะ

“มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะคิน  สัญญานี้ฉันเป็นคนเขียนเอง  ฉันคิดมาดีแล้วว่าต้องการอะไรบ้าง”  อคิราห์ยิ้มกว้าง  “เซ็นชื่อเป็นพยานให้หน่อยสิ  เดี๋ยวจะได้เอาไปให้พิษฌานเซ็นพรุ่งนี้”

“เห็นภาพพวกนายในร้านอาหารวันนี้ว่อนเต็มเน็ตไปหมด”  อคินทร์ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง  คว้าตุ๊กตาหมีบนเตียงน้องชายมากอดเอาไว้  “คุณพิชช์ฌานเขาดูแผนสูงไม่ใช่เล่นเลยนะ”

“ยังไงงานนี้เราก็ได้เปรียบ”  อคิราห์พูด  ทว่าคนฟังรู้ทัน

“ได้เปรียบตรงที่นายจะได้บินออกจากกรงทองเสียทีใช่ไหมล่ะ”  คนเป็นพี่ยิ้มบางๆ  “ฉันรู้ว่าการแต่งงานคราวนี้มันไม่ถูกต้องเลย  สังหรณ์ว่านายอาจจะเจ็บหนักแต่ว่า...ฉันก็ดีใจที่นายจะได้ออกจากบ้าน ‘จริงๆ’ เสียทีนะ  อัยย์...”

อคิราห์ยิ้มรับ

“ฉันเฝ้ารอมานานแล้วตั้งแต่จำความได้  ถ้ามันจะจบไม่สวยฉันก็ยินดี”

ชายหนุ่มยิ้มให้กับตนเองตอนที่เห็นนายพิษฌานจรดปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษสามแผ่น  เขารับไปพิศดูอย่างพออกพอใจ...นี่ยังไงล่ะ  เสรีภาพที่แท้จริงของเขาอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมแล้ว  ถึงจะต้องยอมยิ้มจนปวดแก้ม  สร้างภาพ ‘คู่รัก’ บ้างเป็นครั้งคราว  แต่ก็นับว่าคุ้มแสนคุ้ม

“เมื่อไหร่จะถึงวันแต่งงานนะ  ผมอยากไปเที่ยวรอบโลกจะแย่แล้ว”  อคิราห์พูด

“เลือกประเทศได้แล้วเหรอ”

“ผมอยากไปสวิตเซอร์แลนด์”   ชายหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด  “แล้วก็ทัวร์ให้ทั่วยุโรปก่อน  ผมอยากไปยุโรปมานานแล้ว”

“แล้วยังไงต่อ”  พิชช์ฌานพึมพำ

“จริงๆฝั่งแอฟริกาผมก็อยากลองไปเที่ยวดูนะ  อเมริกาก็อยากไป  ...ทำไงดีล่ะ  ผมอยากไปหลายที่เลย”  แค่คิดก็รู้สึกเนื้อเต้น  เขาเตรียมหาข้อมูลประเทศต่างๆเอาไว้หมดแล้ว  กะว่าแต่งงานเมื่อไหร่ก็บินเมื่อนั้นเลย  “คุณว่าผมไปอเมริกาก่อนหรือวกกลับมาทางเอเชียก่อนดีล่ะ....คุณ...คุณพิษฌาน  เป็นอะไรไป  ทำไมวันนี้ดูคุณไม่ค่อยมีสมาธิเลย”   อคิราห์ทัก  ท่าทางของอีกฝ่ายดูเคร่งขรึมและใจลอยกว่าปกติจนเขาแปลกใจและสังเกตเห็นได้

คิ้วเข้มเลิกขึ้น

“ฉัน...สงสัยจะติดโรคหิวแล้วคิดไม่ออกมาจากเธอล่ะมั้ง”  พิชช์ฌานว่า สูดกลิ่นหอมๆเหมือนคุกกี้รสนมจางๆเข้าปอด  รู้สึกว่าอะไรหนักๆในสมองค่อยๆคลายลงอย่างน่าประหลาด

“คุณโกหก  ถ้าคุณยังจัดการเรื่องงานไม่เสร็จล่ะก็ กลับไปทำงานต่อให้เสร็จสิครับ...”  อัยย์พูดเนิบๆ  ทำท่าจะปลดล็อคประตูรถแล้วก้าวออกไปทว่าอีกฝ่ายจับข้อมือของเขาเอาไว้

“นั่งเป็นเพื่อนกันก่อน”

คนตัวใหญ่ยกมือขึ้นขยับเนคไทคลายออกแล้วปรับเบาะคนขับเอนลง  ใบหน้าคมเข้มดูโทรมกว่าทุกทีหรือจะเป็นเพราะแสงไฟจากรั้วข้างนอกก็ไม่รู้เหมือนกัน  อัยย์เม้มปาก  ปลดมือของอีกคนออกจากข้อมือของตัวเองแต่ก็ไม่ได้เปิดประตูรถลงไป

            นั่งเงียบๆอยู่ที่เดิมจนได้ยินเสียงกรนเบาๆดังออกมาจากคนที่นอนเอนๆอยู่อย่างไม่น่าสบายนั้น  อคิราห์หันไปมองอย่างฉุนๆ

            “หลับจริงดิ”  เอื้อมมือไปโบกข้างหน้า  เปลือกตาคู่นั้นก็ยังปิดสนิท  เห็นขนตายาวหนาทาบบนผิวแก้ม  ไรเขียวตรึ้มที่ข้างแก้มกับปลายคางทำให้ใบหน้าของพิษฌานดูเข้มคมขึ้นไปอีก

            ...อะไรของเค้า  เมื่อกี้บ่นหิว  ตอนนี้หลับเฉยเลย...


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-01-2019 00:15:18






           พิชช์ฌานสะดุ้งตื่นขึ้นเองในอีกสิบนาทีต่อมา  ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นมากหลังจากได้พักงีบอย่างแท้จริงชั่วครู่  ช่วงนี้เขาโหมงานหนักหลายอย่างทั้งงานในพรรคและงานแต่งงานก็เลยแทบไม่ได้พักผ่อน  นึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นเจ้าเด็กนั่นยังนั่งหน้าบู้อยู่ข้างๆแทนที่จะเปิดประตูรถเดินเข้าบ้านไป

            “ไม่เข้าบ้านหรือไง”  เขาถาม  อีกคนหันขวับมามอง

            “กลัวมีคนนอนตายในรถ”  อคิราห์พูดเนิบๆ

            “ก็เขย่าตัวปลุกสิ”

            “เห็นหลับเหมือนซ้อมตายเลยขี้เกียจปลุก”  อัยย์เอื้อมมือไปปลดล็อคประตูรถฝั่งตัวเองแล้วเปิดประตูออก  “หาเวลานอนบ้างนะ  อย่ามัวแต่สร้างภาพ  ถ้าคุณตายก่อนก็ไม่ได้เป็นหรอกนะ...นายกฯน่ะ”

            ทิ้งคำพูดเอาไว้พอให้แสบๆคันๆ  พิชช์ฌานมองตามหลังอีกฝ่ายไปแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ  ....ปากหนอปาก  นี่ถ้าไม่ติดว่าจะต้องแต่งงานกันล่ะก็นะ....อดทนไว้ฌาน  พอพ้นเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ทางใครทางมันแล้ว  ติดตรงที่ก่อนงานแต่งนี่ล่ะ

            ชายหนุ่มหยิบสัญญาแผ่นนั้นที่อีกฝ่ายให้เขาเก็บเอาไว้ขึ้นมาอ่านทวนในใจ  ใจเย็นๆก่อน  ทุกอย่างมีทางแก้ไข  เด็กเมื่อวานซืนจะมาฉลาดกว่าผู้ใหญ่อย่างเขาได้ยังไง  คิดแล้วก็รู้สึกเครียดขึ้นมาอีก  พิชช์ฌานยกมือขึ้นบีบสันจมูกของตัวเอง  ขับรถออกมาจากหน้าคฤหาสน์ของท่านนายกฯแล้วตรงไปยังที่ว่าการพรรคของตัวเอง

            ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนักและเขายังพักไม่ได้

            ..........................................................................

ในที่สุดก็มาถึงวันแต่งงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีจนได้  ท่ามกลางความดีใจและโล่งใจของใครหลายๆคนรวมถึงอคิราห์ด้วย  วันแต่งงานที่เขาเฝ้านับถอยหลังอย่างใจจดใจจ่อ  ตั๋วเครื่องบินและที่พักถูกจองเอาไว้แล้วเรียบร้อยพร้อมที่จะออกเดินทางทันทีหลังจากจบพิธีรีตองพวกนี้

กล้องนับร้อยตัวรัวชัตเตอร์เก็บภาพบรรยากาศภายในงานแต่งงานที่เรียกว่าเป็นงานช้าง  แน่ล่ะ  ฝั่งหนึ่งเป็นลูกชายนายกฯรัฐมนตรีของประเทศ  ส่วนอีกฝั่งเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่กำลังมาแรงที่สุด  ความสนุกมันเริ่มตั้งแต่แขกในงานที่ต่างมาจากคนละพรรคกันแล้ว  ทุกคนสวมหน้ากากยิ้มแย้มให้กันเต็มที่ราวกับยินดีปรีดา  แท้จริงแล้วใครจะมีใครที่นึกยินดีกับเรื่องนี้จริงๆบ้าง

คงไม่มี...พิชช์ฌานคิดในใจขณะสบตาบิดาของอคิราห์

ร่างโปร่งบางปรากฎขึ้นในชุดสูทสีขาวสำหรับพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นในโบสถ์  เขาถือช่อดอกไม้สีขาวสะอาดเอาไว้ในมือ  ใบหน้าเรียวค่อนไปทางหวานนั้นก้มน้อยๆเห็นปลายจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากอิ่มเต็ม  ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนช่วยขับให้ดูงามจับตา

พิชช์ฌานกระพริบตาเมื่ออคิราห์เดินมาจนถึงตัวแล้ว  ทั้งคู่หันเข้าหาบาทหลวงพร้อมกัน

คำพูดของบาทหลวงผ่านหูของเขาไปโดยไม่ได้จับใจความ  พูดยอมรับอีกฝ่ายเป็นคู่ชีวิตไปแบบส่งๆ  อัยย์มือเย็นเฉียบตอนที่อีกฝ่ายจับมือของเขาเอาไว้แล้วหยิบแหวนเพชรวงที่ขอแต่งงานขึ้นมาสวมให้ที่นิ้วนาง  เขาเกือบลืมว่าจะต้องสวมแหวนกลับคืนให้อีกฝ่ายด้วย

ปลายนิ้วเรียวสั่นจนเห็นได้ชัด  แม้จะพยายามระงับความตื่นเต้นเอาไว้เพียงใดก็ตาม  อคิราห์ก็ยังเด็กอยู่นั่นเอง...พิชช์ฌานคิดในใจ  พิศดูผิวแก้มเนียนที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อนั้นอย่างขันๆ

แค่สวมแหวนยังเขินหน้าดำหน้าแดง  แล้วถ้าถึงตอนจูบกันไม่อายตายเลยหรือไง...

เขาได้ข้อสรุปว่าอคิราห์ไม่ตาย  ทว่าใบหน้าเรียวนั้นซับสีเลือดแดงจัดลงมาถึงลำคอตอนที่เขารวบเอวบางเข้าหาตัวแล้วก้มหน้าลงไปหา

“ไม่จูบได้มั้ย...นะๆ”  คนในอ้อมแขนกระซิบด้วยหน้าตาเหยเกราวกับจะร้องไห้

พิชช์ฌานแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากอิ่มเต็มคู่นั้นแทนคำตอบ  เขาไม่ได้ส่งลิ้นเข้าไปทำความรู้จักกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าเด็กจะเป็นลมไปเสียก่อน  ชายหนุ่มเพียงแค่แตะริมฝีปากไว้ครู่เดียวพอให้ถ่ายรูปได้แล้วก็ผละออก

กลั้นหัวเราะเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าร่างโปร่งบางที่แนบชิดอยู่นั้นเสียการทรงตัวไปนิดๆ  สองแก้มแดงจัดจนแทบจะรู้สึกถึงความร้อนที่ส่งออกมาใบหน้านั้น  ริมฝีปากสีสดที่เขารู้แล้วว่านิ่มเหมือนเจลลี่เม้มเข้าหากันแน่น  อคิราห์ไม่ยอมหันหน้ามาสบตาเขาเลยจนกระทั้งพิธีเสร็จสิ้น

ขนาดจับมือกันถ่ายรูปหน้างาน  คนเด็กกว่าก็ยังไม่ยอมมองหน้าเขา  ผ่านไปครึ่งวันจนพิชช์ฌานเริ่มไม่สบายใจแต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติในงานและกองทัพนักข่าวเต็มไปหมด  จนกระทั่งชายหนุ่มได้โอกาสหลบเข้าไปหาอคิราห์ในห้องแต่งตัวก่อนงานเลี้ยงฉลองสมรสจะเริ่มขึ้น

“คินหรอ ...นายว่าฉันหนีไปตอนนี้เลยดีไหม”  คนพูดก้มๆเงยๆอยู่ข้างหน้ากระเป๋าเสื้อผ้าที่เปิดแผ่หราเอาไว้บนเตียง  “ฉันไม่อยากเห็นหน้านายพิษฌานแล้ว”

“ไม่ดีหรอก  อยู่กินงานเลี้ยงก่อน  เชื่อฉัน”  เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างหลัง  อคิราห์หันไปมองอย่างตกใจ

“คุณเข้ามาได้ยังไง  แล้วคินล่ะ”

“คุณอคินทร์เป็นคนให้ผมเข้ามา”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “จะรีบไปไหนล่ะครับคุณอคิราห์  ไม่เห็นเก่งเหมือนที่คุยเอาไว้เลยนี่”

“ผมจองตั๋วไฟล์ทคืนนี้เอาไว้  กลัวไม่ทัน”

“ผมมีเครื่องบินส่วนตัว  คุณอยากไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้บนโลกใบนี้”  อีกฝ่ายตอบพลางยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้  “ยิ่งถ้าสวิตเซอร์แลนด์ล่ะก็  ผมมีบ้านพักที่นั่น”

คนฟังตาโต  รีบถามอย่างลืมตัว

“ทำไมคุณไม่บอกก่อน  ผมอุตส่าห์หาที่พักตั้งนาน”

“ก็คุณไม่ชวนผม  ผมก็เลยขี้เกียจบอก”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาย  “คิดจะไปเที่ยวคนเดียว  ผมก็น้อยใจเป็นนะ”

“คุณติดภารกิจหาเสียงไม่ใช่หรือไง”  อคิราห์แย้ง  “ถ้าไปเที่ยวก็เสียเวลาทำมาหากินของคุณน่ะสิ”

“แต่คงดูประหลาดมากถ้าคุณทิ้งผมไปต่างประเทศคนเดียวทั้งที่เราควรจะไปฮันนีมูนด้วยกัน”  ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น  “บ้านพักของผมติดทะเลสาบด้วยนะคุณ  ไม่อยากจะอวดว่าวิวดีแค่ไหน”

คนฟังเบ้ปาก

“อย่ามาหลอกผมให้ยาก  ผมไม่หลงกลคุณหรอก  สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา...เออใช่  คุณผิดสัญญากับผมเมื่อกี้นี้”  อคิราห์เพิ่งนึกขึ้นได้  พอนึกถึงสัมผัสที่ริมฝีปากเมื่อครู่ก็พาลรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด

“ผมผิดสัญญาอะไรคุณไม่ทราบ”

“คุณ...ล่วงเกินผม”

“ผมทำอะไรคุณตอนไหน  ผมว่าไม่นะ”  พิชช์ฌานกลั้นหัวเราะ

“ก็คุณจูบผมเมื่อกี้ไม่เรียกว่าล่วงเกินหรือไง”  อัยย์หน้าง้ำ  ยกมือขึ้นเท้าเอว  “ผมบอกคุณแล้วว่าไม่  คุณก็ยังทำ  ตามสัญญาคุณต้องชดใช้ให้ผมตามที่ผมจะเรียกร้อง”

“จูบ?”  พิชช์ฌานเลิกคิ้วสูง  “ผมว่าผมยังไม่ได้จูบคุณเลยนะคุณอคิราห์  เมื่อกี้ผมแค่บังเอิญปากชนหน้าคุณเฉยๆ”

“ปากคุณชนกับปากผม  ไม่ใช่จูบแล้วเรียกว่าอะไร”  อัยย์เถียง  “ผมขอค่าชดใช้เป็นเครื่องบินส่วนตัวของคุณกับกุญแจบ้านพักที่สวิต”

“อะไรกันคุณ  แค่ปากชนปากแค่นี้เรียกจูบ  ขอเครื่องบินกับบ้านผมนี่มันหน้าเลือดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”  พิชช์ฌานเท้าสะเอวบ้างแล้วย่างเท้าเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าที่เริ่มมองซ้ายขวาล่อกแล่ก

“จะทำอะไรน่ะ  ถอยออกไป  ชิ่วๆ”  อัยย์ยกมือขึ้นไล่  แต่ร่างสูงใหญ่เหมือนกำแพงนั้นกลับตรงเข้ามาหาเขาไม่หยุดจนกระทั่งเหลือที่ว่างไม่ถึงคืบ  ข้างหลังของเขาเป็นเตียงนุ่มๆที่อัยย์สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางยอมหงายหลังล้มลงไปหรืออะไรทำนองนั้นเด็ดขาด  “ถอยออกไปนะคุณพิษฌาน”

แผ่นอกกว้างใต้สูทสีน้ำเงินเข้มนั้นอยู่ใกล้มากชนิดที่เฉียดปลายจมูก  อคิราห์เพิ่งสังเกตเห็นดอกกุหลาบสีแดงสดที่เสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก่อนที่มือใหญ่จะเชยคางของเขาขึ้นแล้วก้มลงมาหาโดยไม่บอกกล่าว

สัมผัสของอีกฝ่ายราวกับจะสูบเอาลมหายใจของเขาออกไปจากปอดจนหมด  ปลายลิ้นร้ายกาจนั่นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเขา  ทักทายหยอกเย้าและไล่ต้อนกันโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง  ได้แต่ยึดเส้นผมหยักศกกับไหล่แข็งแรงนั้นเอาไว้แน่นเพื่อพยุงตัว  หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก

จริงของพิษฌาน....อัยย์คิดอย่างล่องลอย  เมื่อกี้นี้มันไม่เรียกจูบเลยสักนิด

................................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า  ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            ขอบคุณที่ติดตามกันนะ

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 15-01-2019 00:52:51
ไม่นะะะะะะะะ น้องจะโดนปลาบู่กินแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-01-2019 08:08:41
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-01-2019 21:21:10
เขินก็เขิน แต่อีกใจก็หน่วงๆเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-01-2019 00:41:57
แงงง สงสารน้องง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-01-2019 10:07:02
เดี๋ยวจะดูน้ำหน้าคนที่บอกจะแต่งงานในนามดิ :hao3: แค่เริ่มยังหาเศษหาเลยกับน้องเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-01-2019 10:08:22
 :L1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 16-01-2019 11:16:36
 :L2:
แสดงความยินดีกับคู่แต่งงานใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 16-01-2019 14:28:31
ยังเปลี่ยนชื่อไม่หมดนะคะ มีชื่อเซฮุนโผล่มาด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-01-2019 22:04:44
โห พลอตยอดมากค่ะ โอเมกาแล้วมีการเมืองอีก
 
เห็นชื่อคนแต่งก็กดเข้ามาเลยค่ะ :mew1: สู้ๆนะคะ รอดูว่าฝ่ายไหนจะผิดสัญญาก่อน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 17-01-2019 00:32:58
ติดตามๆ สนุกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-01-2019 12:03:22
เห็นชัดว่าฝั่งนายพิษจะต้องผิดสัญญาก่อนแน่นอนเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-01-2019 15:19:38
"ปลายลิ้นร้ายกาจนั่นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเขา"  แบบนี้ มันจูบชัดๆ มัน....ล่วงเกินชัดๆ เห็นๆเลยนะ  แบบนี้คุณฌาณต้องถูกปรับด้วยเครื่องบินส่วนตัวและบ้านพักสวิสฯตามน้องอัยย์ขอแล้วนะ แล้วต้องแถมด้วยพอกเก็ตมันนี่ด้วยเอ๊า!! เอาให้หนัก อย่าไปย๊อมมมม หึยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่5 15/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 18-01-2019 21:40:23
สนุกมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-01-2019 22:16:19
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 6

 



 

 

 

 

 

            “เอื้อมมือมาจับที่ด้ามมีดสิ”  เสียงห้าวๆพูดอยู่ข้างๆ  อคิราห์เม้มปากเอื้อมมือไปแตะที่ด้ามมีดตัดเค้กนั้นนิดนึงพอเป็นพิธี  “ขยับเข้ามาหน่อย เธอยืนตรงนั้นห่างไปถ่ายรูปไม่สวย”  พิชช์ฌานกระซิบต่อมาอีก  ซ่อนยิ้มในใจที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงตอนที่ขยับเข้ามาใกล้เขาอย่างจำใจ

            เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องแต่งตัวเมื่อสองชั่วโมงก่อนยังแจ่มชัดในความรู้สึก  สัมผัสนุ่มหวานลึกล้ำนั้นยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น  ท่าทางเงอะงะแบบคนไม่เคยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าคนอื่นๆที่เคยผ่านมาเสียอีก  ทั้งที่เขาทำลงไปเป็นเพียงแค่จูบเท่านั้นเอง  ไม่ได้ล่วงเกินอะไรมากมายไปกว่านั้น 

            ผิวแก้มเนียนละเอียดสีน้ำผึ้งกระจ่างอยู่ห่างจากปลายจมูกของเขาเพียงนิดเดียว  พิชช์ฌานสูดกลิ่นหอมนวลเหมือนขนมหวานนั้นเข้าปอด  ...ถ้าอคิราห์เป็นคุกกี้  เขาก็พอจะรู้แล้วว่ารสชาติหวานหอมชวนติดใจแค่ไหน

            ติดใจ...เดี๋ยวก่อนนะนายฌาน ....ทำไมจู่ๆถึงได้มีคำๆนี้โผล่ขึ้นมาในสมองอัลฟ่าอย่างนายขึ้นมาได้  นักการเมืองหนุ่มขยับตัว  เผลอขมวดคิ้วให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเอง

อคิราห์สังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปฉับพลันนั้น  เมื่อกี้นายพิษฌานยังทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มอยู่เลย  จู่ๆก็เปลี่ยนไปกลายเป็นขมึงทึงแทนซะงั้น  มือใหญ่กุมทับมือของเขาแล้วยกขึ้นตัดเค้กสูงหลายชั้นที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามด้วยดอกไม้สีสดใสสวยงามรวดเดียวถึงเค้กชั้นล่างจากนั้นก็ปล่อยมือของเขาออกคล้ายจับของร้อน อคิราห์ตวัดสายตาผ่านหน้าคมเข้มนั้นอย่างหงุดหงิด คนที่ควรสะบัดมือออกควรจะเป็นเขามากกว่า

หรือไม่ก็สะบัดใส่หน้านายพิษฌานไปเลยสักฉาด จะได้สาสมกับที่บังอาจมาจูบเขา….ฮึ ยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง  ฝ่ายนั้นจงใจแกล้งเขาชัดๆ ปลายลิ้นร้ายกาจนั่น …ให้ตายเหอะ

อัยย์มัวแต่ครุ่นคิดเรื่องนั้นเลยไม่ทันฟังว่าพิธีกรเชิญให้ออกไปพูด ชายหนุ่มฉีกยิ้มเฝื่อนๆ พูดขอบคุณแขกได้สองสามคำก็นิ่งเงียบ  ร้อนถึงเจ้าบ่าวต้องแก้สถานการณ์  พิชช์ฌานแซวยิ้มๆว่าคงตื่นเต้นมากไป จากนั้นก็อาศัยอารมณ์ขันพาลื่นไหลไปจนได้ อคิราห์เพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น  เขาแทบไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย  จนกระทั่งบิดาของเขาที่เป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดของงานนี้ขึ้นมากล่าวอวยพรเป็นคนแรก

            “อัยย์ลูกพ่อ...ยี่สิบสามปีที่พ่อเลี้ยงดูลูกมาอย่างดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำได้  ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง  วันที่ลูกจะได้มีใครสักคนคอยปกป้องคุ้มครอง  ดูแลลูกต่อไปในอนาคตข้างหน้า....”  ท่านไตรคุณหยุดนิดหนึ่ง  หยดน้ำตาคลอในดวงตาที่ยังคมแม้จะมากด้วยวัย  “...คุณพิชช์ฌาน...สัญญาต่อหน้าผมและทุกคนในงานนี้เป็นพยานได้ไหมว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  คุณจะไม่ทอดทิ้งลูกชายของผม  จะไม่ทำให้เขาเสียใจ  คุณจะดูแล..พิทักข์เขา  เป็นเพื่อน  เป็นพี่  เป็นสามี  เป็นครอบครัวของอัยย์  คุณสัญญากับผมได้ไหม  เอ็นดูเขา  รักเขาเหมือนที่ผมรัก”

            อคิราห์เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจตรงข้ามกับคนข้างตัวที่สีหน้าแทบไม่เปลี่ยนราวกับเดาไว้อยู่แล้ว  พิษฌานยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเขาเอาไว้

            “ผม...นายพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์  ขอให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าจะรักและดูแลอคิราห์เหมือนเป็นชีวิตของผมเอง”  ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

            ท่านไตรคุณยิ้มมุมปาก  ลดเสียงลงให้ได้ยินเพียงสองคน

            “คุณรู้ใช่ไหมว่าคำสัญญาระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน”

            ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ

            “ผมรู้ครับ”

            หลังจากนั้นก็เป็นคิวของบิดาและมารดาของพิชช์ฌานบ้าง  พ่อของพิษฌานเป็นผู้ชายตัวใหญ่  ส่วนแม่ของเขาเดาว่าน่าจะเป็นภรรยาใหม่ของพ่อเพราะไม่ใช่คนเดียวกับที่อีกฝ่ายพาไปเจอเมื่อวันนั้น

            พ่อของพิชช์ฌานอวยพรเรียบๆเหมือนขอไปที  ส่วนแม่เลี้ยงของเขาไม่ได้พูดอะไรเลย  คงจริงอย่างที่ข่าวลือบอกว่าครอบครัวของชายหนุ่มรับไม่ได้กับสะใภ้โอเมก้าอย่างเขา

            แต่อัยย์ก็ไม่ได้สนใจ

            อคิราห์ขยับตัวออกห่างจากร่างสูงใหญ่เมื่อได้โอกาส  เขาเห็นพิษฌานกำลังยืนอยู่กลางวงล้อมของบรรดานักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในประเทศ  โอเมก้าหนุ่มแอบเดินสำรวจรอบๆงานที่จัดเอาไว้อย่างสวยงามด้วยดอกไม้สีขาวสะอาดและสีฟ้าอ่อน  มันก็สวยอยู่หรอก  หยุดดูภาพพรีเวดดิ้งของตัวเองที่ดูตลกผิดที่ผิดทางนั้นก่อนจะแวะไปสำรวจที่ซุ้มอาหารที่จัดเอาไว้แบบค็อกเทลปาร์ตี้  ก้มๆเงยๆหยิบอาหารที่จัดแต่งเป็นชิ้นพอดีคำใส่ปากชิม  ไม่นานก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นจนหยิบกินต่ออย่างเพลิดเพลิน

            “คุณอัยย์หลบมาอยู่ตรงนี้เอง...”  เสียงแปลกหูดังขึ้นใกล้ตัว  อคิราห์หันไปมองคนทักอย่างงงๆ

            “ครับ?”

            “ผมชื่อจักรกฤตครับ  เป็นเพื่อนสนิทของนายฌาน”  ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนนั้นพูดยิ้มๆ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีทีเดียว  เสียแต่ว่าบุคลิกล่อกแล่กไปหน่อยในความคิดของอัยย์  “เครื่องดื่มหน่อยมั้ยครับ”

            “ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณ”  อัยย์ตอบเนิบๆ

            “คุณอัยย์รู้จักกับนายฌานตอนไหนหรอครับ  มันปิดเรื่องคุณเงียบเชียว  พวกผมตกใจแทบตายตอนที่รู้เรื่องคุณ  แหม...มีคนรักน่ารักขนาดนี้ทำไมไม่บอกเพื่อนฝูงกันบ้าง  จะได้ทำความรู้จักกันยังไงล่ะครับ”  จักรกฤตว่า  ส่งแก้วเครื่องดื่มสีสวยมาให้เขา  อัยย์รับไว้อย่างเสียไม่ได้  “ไม่ผสมแอลกอฮอล์หรอกครับ  เด็กดีอย่างคุณดื่มได้อยู่แล้ว”  ชายหนุ่มเสริม

            “ผมชอบดื่มน้ำเปล่า  ขอบคุณมากครับ”  อัยย์พูด  วางแก้วลงบนถาดของบริกรที่เดินผ่านมา  คนตรงข้ามเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเบาๆ

            “คุณเป็นคนตรงๆดีนะครับ  หรือว่านี่จะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้หนุ่มเนื้อหอมอย่างพิชช์ฌานหลงเสน่ห์ได้ถึงขั้นยอมแต่งงานด้วย  คุณรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นพวกหวงความโสดจะตายไป  เล่นการเมืองมาขนาดนี้ใครๆก็รู้ว่าควรจะแต่งงานมีลูกมีเต้าได้แล้ว  แต่ว่ามันก็ยังครองความโสดได้ถึงจะไม่สดก็เถอะนะฮะ   หึๆ  อ้อ...คุณรู้ไหมว่ามันยังไม่เคยควงโอเมก้าเลยสักครั้งเดียว”

            “ครับ”  อัยย์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

            คนพูดซ่อนยิ้ม  ถึงจะพยายามเก็บอาการเอาไว้แค่ไหนแต่ว่าอีกฝ่ายยังเด็กนัก  แววอยากรู้อยากเห็นในดวงตากลมสวยคู่นั้นบอกเขาว่าเจ้าตัวอยากรู้เรื่องต่อ

            “ฌานเขามีพาร์ทเนอร์ลับๆหลายคนครับ  ...พวกผมรู้กันดี  ส่วนใหญ่ควงกันไม่นานก็เลิก  มีอยู่คนเดียวที่คบกันนานหลายปีจนกระทั่งเธอไปต่างประเทศ”  จักรกฤตว่า  “เป็นลูกสาวสปอนเซอร์ใหญ่ของพรรคเราครับ  ไม่แน่ว่าที่ฌานคั่วอยู่นานอาจเป็นเพราะหวังเงินของพ่อเธอก็ได้”

            “ฉันจะหวังอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับนายหรอก  จริงไหม”  เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับท่อนแขนหนักๆที่พาดลงมาที่ไหล่ของอคิราห์  “อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องในอดีต  ไม่ควรเอามาปนกับปัจจุบัน”

            “มันก็ไม่แน่หรอกมั้งฌาน  ได้ข่าวว่ารินรดาจะกลับมาไม่ใช่หรือ”  จักรกฤตพูดยิ้มๆ  “ฉันก็แค่เป็นห่วง  กลัวว่าคุณนายของแกจะตกใจเลยมาเตือนเอาไว้ก่อน   ฉันหวังดีนะ”

            “เก็บความหวังดีของนายกลับไปเถอะ  ไม่อยากนั้นฉันจะแสดงความหวังดีต่อกิจการของนายบ้าง  ดีไหม”  พิชช์ฌานพูดเสียงเย็น  อีกฝ่ายเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเบาๆ

            “โอ๊ะโอ  ดูเหมือนว่าจะแตะไม่ได้เลยแฮะ  คนของนายคนนี้”  ชายหนุ่มผิวปากยาวแล้วก้มศีรษะให้อคิราห์เล็กน้อย  “ไว้คุยกันอีกนะครับ  คุณอัยย์”

            คนในพรรคเดินจากไปแล้ว  พิชช์ฌานหันขวับมาถามคนข้างๆเสียงเข้ม

            “ไปคุยกับมันทำไม  ไอ้หมอนี่มันเลวจะตาย”

            “ผมจะไปรู้หรือไงว่าใครคุยได้หรือไม่ได้  ขนาดคุณผมยังคุยเลย”  คนเด็กกว่าย้อน

            “นี่...ถึงฉันจะเลว  แต่ก็ไม่เท่ากับนายจักรหรอก  นั่นน่ะมันเกือบจะเข้าขั้นโจรแล้ว”

            “แต่คุณก็เลี้ยงเอาไว้ในพรรคไม่ใช่หรือ” 

            พิชช์ฌานนิ่งไป

            “มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์”  ชายหนุ่มพูด

            “คุณเคยคบใครโดยที่ไม่หวังผลอะไรบ้างมั้ย”  จู่ๆคนตัวเล็กกว่าก็ถามขึ้นมาขณะที่เอื้อมมือไปหยิบขนมเค้กชิ้นเล็กๆขึ้นมาจิ้มใส่ปาก  “หรือว่าไม่เคยเลย”

            สีหน้าของคนฟังทำให้อัยย์ประหลาดใจ

            “ไม่เคยเลยจริงๆหรอ  คุณไม่มีเพื่อน...แบบเพื่อนธรรมดาบ้างหรือ”

            พิชช์ฌานเลิกคิ้ว

            “เพื่อนธรรมดาคือยังไง”

            “ก็แบบ...เพื่อนที่เค้า...คบกันด้วยใจล้วนๆ  ด้วยความปรารถนาดีต่อกัน  หวังดีต่อกันจริงๆน่ะ  คุณมีบ้างไหม”  อคิราห์อึกอักเล็กน้อยจนคนฟังสังเกตเห็น  พิชช์ฌานดักคอยิ้มๆ

            “เธอเองก็ไม่มีเหมือนกันใช่ไหม  เพื่อนที่ว่า”

            โอเมก้าหนุ่มนิ่งไปครู่แล้วก็พยักหน้า

            “ใช่  ผมก็ไม่มีหรอกเพื่อนในฝันแบบนั้น ....ผมมีแค่เมี่ยงคำที่บ้าน  แค่นั้นแหละ”

            “เมี่ยงคำคืออะไร  เธอมีเพื่อนเป็นอาหารหรออัยย์”  พิชช์ฌานประหลาดใจกว่าเดิม  อีกฝ่ายยักไหล่ไม่ได้อธิบายต่อ

            แขกในงานทยอยกันเข้ามาทักทายและอวยพรพวกเขาต่อหลังจากนั้น  พิชช์ฌานแอบกระซิบแนะนำแขกบางคนให้อัยย์ฟังบ้าง  บางทีก็เล่าเบื้องลึกเบื้องหลังสั้นๆให้ฟังและลงท้ายด้วยโค้ดสีที่เข้าใจกันเอง

            “คนนี้ชื่อพร้อมเทพ  เป็นลูกเสี่ยเจ้าของตึก.... ทำธุรกิจสีเทาเข้ม”  สีเทาเข้มที่หมายถึงธุรกิจที่เข้มกว่าสีเทาแต่ยังไม่ถึงขั้นดำมืดสินะ  อัยย์พยักหน้ารับ  “ทางขวาที่มาคู่กันชื่อเทวา  เป็นเชื้อเจ้านี่แหละแต่ที่พ่อแม่ติดพนันเลยตกสวรรค์  ตอนนี้สีเทาจางๆ ติดหนี้ฉันอยู่ยี่สิบล้าน”

            คนฟังเกือบหัวเราะออกมาแต่กลั้นเอาไว้ทันกับน้ำเสียงแค้นเคืองนั้น

            “ทำไมคุณไม่ทวงเขาล่ะ”

            “มันจะยกลูกสาวให้ฉันแลกหนี้  ฉันเลยไม่อยากทวงอีกเลย”  พิชช์ฌานกระซิบ

            “ทำไมล่ะ  ดีออกไม่ใช่เหรอ”  อัยย์เลิกคิ้ว

            “จะดีกว่านี้ถ้าลูกสาวคนนั้นไม่ได้มีผัวมาแล้วสองลูกติดอีกสี่”

            อัยย์หลุดหัวเราะคิกออกมา  ขำเสียงขุ่นๆของคนพูดจนเก็บอาการไม่ทัน  พอเขายิ้มเสียงชัตเตอร์ก็รัวราวกับรอจังหวะอยู่  พิชช์ฌานหัวเราะออกมาบ้าง  เอื้อมมือมาโอบไหล่บางเข้าหาตัว

            “คิดค่าโอบไหล่ได้ไหม”  อคิราห์พูด สบตาคมเข้มแวบหนึ่ง  “มันหนักนะคุณ  แขนคุณยังกะงูเหลือม”

            “รู้หรือเปล่าว่างูเหลือมรัดแรงแค่ไหน”  พิษฌานอมยิ้ม “อยากลองหรือเปล่า..หืม?”

            “ไม่ๆ”  อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ  ไม่บ่นเรื่องถูกใช้เป็นที่วางแขนอีกต่อไป

            อัยย์ยืนฟังคนข้างตัวพูดขอบคุณแขกเหรื่อในงานต่อเงียบๆ  น้ำเสียงของนายพิษฌานรื่นหูน่าฟังไม่เหมือนเวลาที่คุยกับเขาเอาเสียเลย  กลิ่นหอมๆที่ระเหยออกมาจากเนื้อตัวหนาๆอุ่นๆก็หอมอวลทำให้จิตใจของเขาสงบลงอย่างประหลาดจนถึงขั้นหนังตาเริ่มหนัก

            “อ้าว...คุณหนูอัยย์ตาจะปิดแล้ว  สงสัยจะฟังพวกเราจนง่วง”  เสียงนักการเมืองคนหนึ่งพูดขึ้นยิ้มๆ  พิชช์ฌานก้มลงมองผู้ชายตัวเล็กที่ยืนพิงเขาเอาไว้เต็มที่นั้น  ศีรษะทุยสวยเอียงซบกับไหล่ของเขาเอาไว้  ตากลมโตหรี่ปรือจนน่าขัน

            “คุณ...ยังไม่สี่ทุ่มเลย  จะหลับแล้ว...สงสัยวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันน่ะครับ”  ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับแขกยิ้มๆ  แอบเอานิ้วจิ้มที่เอวบางนั้นไปสองทีจนคนหลับในสะดุ้งเฮือก  ตาเบิกโตหันขวับมาหาเขาอย่างตกใจ  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ   “ใครให้แอบงีบ ฮึ...ปล่อยเราพูดอยู่คนเดียว”

            “ใครงีบ  ไม่มี๊”  อคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วขอตัวจากแขกเดินออกมาอีกทาง   ปล่อยให้นายพิษฌานร่ำลาแขกต่อก็แล้วกัน

          “อัยย์  ไปไหนน่ะ”  ฝาแฝดของเขาดักรออยู่ก่อนแล้วรีบคว้าแขนของอัยย์เอาไว้  โอเมก้าหนุ่มเบิกตากว้าง

            “มาอยู่นี่เองคิน  นายใช่ไหมที่ปล่อยให้นายพิษฌานเข้าไปในห้องแต่งตัวฉันน่ะ”  คนฟังยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้า

            “ฉันไม่ได้ปล่อยให้เขาเข้าไปนะ  เขาเข้าไปเองต่างหาก”  พี่ชายหัวเราะเบาๆ ยื่นหน้าลงมาใกล้เขา  “แล้วเป็นยังไงบ้าง  คุยอะไรกัน”

            “ก็...ไม่ได้คุยอะไร”  คนพูดหลบตาทันที  เสมองไปอีกทางหนึ่ง  “คนแบบนั้นคุยรู้เรื่องที่ไหน”

            อคินทร์สังเกตเห็นสองแก้มของคนพูดแดงซ่านก็ชักสงสัย

            “แล้วเข้าไปทำอะไรตั้งนานสองนาน”

            “เปล่า...ก็ทะเลาะกัน  เรื่องไร้สาระน่ะ”  อัยย์เปลี่ยนเรื่อง “แล้วนายยังไม่กลับเหรอ  ไหนว่ามีคิวถ่ายละครต่อไงล่ะ”

            “ฉันรอบอกลานายน่ะ  ดูแลตัวเองด้วยนะอัยย์”  พี่ชายฝาแฝดพูดสั้นๆแค่นั้นแล้วก็ดึงตัวเขาเข้าไปกอด  อัยย์กอดตอบแน่น  ความรู้สึกห่วงกังวลส่งผ่านสัมผัสได้โดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด  คนเป็นน้องตบที่ไหล่ของพี่ชายเบาๆแทนคำปลอบใจ

            “ฉันดูแลตัวเองได้น่า  ไว้เจอกันนะคิน  คอนเสิร์ตหน้าของนายฉันสัญญาว่าจะไปดูแถวหน้าเลยล่ะ”

            อคินทร์มองหน้าเขาแล้วยิ้ม

            “นายเป็นคนเข้มแข็งเสมออัยย์”  แฝดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะกลับออกไปจากงาน  อคิราห์มองตามหลังพลางถอนหายใจ  เขากับอคินทร์ถึงจะไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลาแต่เมื่อใดที่อีกฝ่ายกลับบ้านก็จะได้พบเจอพูดคุยกันอยู่เสมอ  หลังจากนี้เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกพักใหญ่

            ชายหนุ่มเดินย้อนไปอีกทาง

            “อัยย์...”  เสียงนุ่มๆของมารดาดังขึ้น  คุณหญิงอารยาจับมือของเขาเอาไว้  “แม่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

            “คุณแม่มีอะไรหรือครับ” อัยย์ถามเรียบๆ  แม่ของเขาเป็นอัลฟ่าที่สวยสง่าสมตำแหน่งนางงามก่อนที่จะพบรักกับบิดาของเขา  เธอมาจากตระกูลดี  การศึกษาดี  นิสัยก็ดีพร้อม  ครอบครัวของพ่อเขายินดีต้อนรับเธอเข้ามาเป็นสะใภ้จนกระทั่งเธอคลอดโอเมก้าอย่างเขาออกมา  ทุกคนคิดว่าเธออาจจะมีส่วนที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น  เธอเลยถูกปฏิบัติอย่างเมินเฉยจากครอบครัวของฝ่ายชาย  แต่ก็ยังดีที่ไตรคุณรักเธอมากเลยไม่ทอดทิ้งเธอไปไหน

            อัยย์รู้ดีว่าแม่เสียใจและเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกชายอย่างเขา  แต่ว่าแม่ก็แสนดีพอจะไม่แสดงออกให้ลูกเสียใจ  เธอทำเป็นไม่ยินดียินร้ายและหลีกเลี่ยงที่พูดกับเขาแทน

            “เหนื่อยไหมลูก”  เธอพูดเสียงเบาหลังจากมองหน้าเขาอยู่นาน  อัยย์ส่ายหน้า  ตอบโดยไม่สบตาอีกฝ่าย

            “ไม่ครับ”

            “...ดูแลตัวเองด้วยนะ”  คุณหญิงอารยาพูดแล้วนิ่งไปเล็กน้อย  “ถ้ามีเรื่องอะไร...ก็กลับบ้าน  แม่จะรออยู่”  เธอพูดแค่นั้นแล้วก็หมุนตัวเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง  อคิราห์มองตามร่างสูงระหงนั้นไปด้วยความรู้สึกแน่นในอกอย่างประหลาด 

            เมื่อกี้นี้มัน...

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-01-2019 22:17:50









            “มาแอบยืนหลับอยู่ตรงนี้หรือไง”  เสียงของพิษฌานดังเข้าหู  อัยย์ไม่ได้หันกลับไปมองต้นเสียง  ชายหนุ่มยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกจากหางตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว

            “พูดจบหรือยัง  ผมอยากกลับบ้านแล้ว”

            กลิ่นเฉพาะตัวของพิษฌานรุนแรงขึ้นเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามายืนซ้อนข้างหลังเขา

            “ก็กลับสิ...เดี๋ยวให้รถไปส่งที่บ้านของฉัน  เธอเก็บของๆเธอเสร็จแล้วใช่ไหมจะได้ให้คนไปขนเลย”  อัยย์พยักหน้ารับ  “โอเค   งั้นไปกันเถอะ”

            งานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเขาจบลงง่ายๆแบบนั้นเอง  พอนักข่าวเริ่มทยอยกลับ  ครอบครัวของอัยย์ก็เข้ามาบอกลาสั้นๆแล้วก็แยกย้ายกันขึ้นรถไป  บรรยากาศในงานผ่านไปด้วยความอิหลักอิเหลื่อ  แขกในงาน99.99%เป็นอัลฟ่าที่แสนจะภูมิใจในสายเลือดบริสุทธิ์ของตนและพยายามจะรักษามารยาทต่อหน้าเขา

            ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่างานแต่งงานครั้งนี้มันจอมปลอมแค่ไหน  ในใจก็ยังอดวูบโหวงไม่ได้   

            ไม่มีใครแล้ว...อคิราห์ยืนมองไฟท้ายสีแดงสดของรถยนต์ประจำตำแหน่งของบิดาตัวเองไปจนลับตา  รู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปจะได้ไม่มีงานแต่งงานนี้เกิดขึ้น  ตอนนี้เขาจะได้กลับไปอาบน้ำที่บ้านแล้วซุกตัวลงในผ้านวมอุ่นๆบนเตียง  ไม่ใช่ยืนนิ่งๆโง่ๆอยู่แบบนี้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไปดี

            “ขึ้นรถกันเถอะ”   มือหนักๆกดบนไหล่ของเขาแล้วเปลี่ยนเป็นโอบไหล่พาให้เดิน  อคิราห์ไม่ได้ขืนตัวเอาไว้  ชายหนุ่มเดินไปขึ้นรถของพิชช์ฌานที่จอดรออยู่แต่โดยดีจนคนที่ลอบสังเกตเห็นสีหน้าจ๋อยๆนั้นแปลกใจ  “จะหลับก่อนก็ได้นะ  ไว้ถึงบ้านฉันแล้วจะปลุก”

            “ขอบคุณครับ”  อคิราห์รับคำด้วยท่าทางหงอยๆ

            “แล้วจะไปเมื่อไหร่...สวิตเซอร์แลนด์น่ะ  ไหนว่าจองตั๋วไว้แล้วไม่ใช่หรือ”  พิชช์ฌานถามขึ้น  ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาแล้วถอนหายใจ

            “วันนี้ผมเหนื่อยมาก  เลื่อนไปก่อนแล้วกัน”  คนพูดวางคางลงกับขอบหน้าต่างรถ  “เอาไว้ค่อยไป”

            “ทำไมไม่เห็นคึกเหมือนตอนก่อนหน้านี้เลย”  พิชช์ฌานพึมพำ  มองหัวกลมๆที่เอียงพิงหน้าต่างรถอยู่นั้น  “ถ่านหมดแล้วเหรอ  อคิราห์”

            “อือ  ถ่านหมดแล้ว”  พูดจบคนพูดก็หลับตาลงแล้วก็แทบจะหลับไปทันทีจนคนมองชักทึ่ง  ศีรษะทุยนั้นเอียงโยกเยกไปตามแรงที่รถเหวี่ยงจนพิชช์ฌานต้องจับตัวให้เอนลงนอนพาดศีรษะกับตักของเขาแทน  ริมฝีปากอิ่มสวยนั้นเผยอขึ้นนิดๆ  ส่งเสียงกรนเบาๆออกมา

            “ถ่านหมดจริงแฮะ”  พิชช์ฌานอุทาน  หรือว่ามันจะเป็นธรรมชาติของร่างกายโอเมก้าที่ไม่ได้แข็งแรงเหมือนอัลฟ่ากันแน่  ชายหนุ่มคิด  ใช้นิ้วพันเส้นผมนุ่มสลวยนั้นเล่นขณะที่ใช้ความคิดเรื่องอื่น

            รถยนต์คันนั้นขับตรงกลับไปที่บ้านของพิชช์ฌาน  เจนภพมือขวาคนสนิทที่รออยู่ที่หน้าบ้านก่อนแล้วนั้นมองภาพเจ้านายของตัวเองอุ้มเจ้าสาวหมาดๆที่หลับปุ๋ยขึ้นพาดบ่าด้วยสีหน้าแปลกพิกล

            “ห้ามใครถ่ายรูป  ใครถ่ายฉันเอาตาย”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  ก่อนจะอุ้มร่างโปร่งบางพาขึ้นบันไดเข้าไปในบ้านหลังงาม  เจนภพหันมาสำทับลูกน้องอีกทีไม่ให้ใครถ่ายรูป ทั้งที่ๆตัวเขาเองอยากจะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเต็มแก่

            โธ่  ภาพบุญตาแบบนี้ใช่จะเห็นกันได้ง่ายๆ ความจริงเจนภพอยากจะถามเจ้านายเหมือนกันว่าทำไมไม่ปลุกคุณอัยย์ขึ้นมา  น่าจะง่ายกว่าเยอะ...

            พิชช์ฌานวางเจ้าโอเมก้าลงบนเก้าอี้นอนตัวยาว  ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นจนกระดูกลั่นกรอบ...เห็นตัวเล็กๆบางๆแต่ก็หนักไม่ใช่เล่น  เพราะกินเยอะเหมือนกลัวอดข้าวมื้อหน้าแน่ๆ  ไหนดูซิ...พุงแน่นหรือเปล่า  เขาแอบวางมือลงบนหน้าท้องของอคิราห์  ...นิ่มแฮะ  งั้นก็ไขมันล้วนๆเลยสิ

            เงาสะท้อนในกระจกของผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ทำหน้าตาตลกๆ ก้มๆเงยๆอยู่กับร่างเล็กๆนั้นทำให้พิชช์ฌานชะงัก  ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วกระแอมออกมา  ชายหนุ่มยกแขนขึ้นสองข้างบิดตัวไล่ความเมื่อยขบแล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆกันนั้น

            “น้ำชาค่ะ”  แม่บ้านยกน้ำชามาเสิร์ฟอย่างรู้ใจก่อนจะหันไปเห็นร่างโปร่งบางที่นอนคออ่อนคอพับอยู่ใกล้ๆ  “ต๊าย  หน้าตาน่าเอ็นดูจังค่ะ  คุณฌานไปเก็บเด็กที่ไหนมาคะนั่น”  นิ่มอุทาน

            “ก็เจ้าสาวของผมไงล่ะป้านิ่ม”  พิชช์ฌานพูด  เงยหน้าขึ้นพิงพนัก  “ฝากหิ้วขึ้นห้องให้ด้วย  ผมปวดหลังจะแย่แล้ว”

            “ก็ทำไมไม่ให้คนอื่นช่วยพาคุณหนูขึ้นไปล่ะคะ  คุณเจนภพ...”

            “ไม่ได้”  เจ้าของบ้านขัดแล้วก็พูดต่อด้วยเสียงอ่อนลง  “ผมไม่อยากให้วุ่นวาย  ไม่เป็นไรเดี๋ยวป้าช่วยผมพาเขาขึ้นไปแล้วกัน”

            “คุณฌานจะให้คุณหนูอยู่ห้องน้ำเงินหรอคะ  ทำไมไม่ให้อยู่ห้องเดียวกับคุณไปเลย”  นิ่มนวลถามต่อเนิบๆ  เหลือบมองหน้าชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกนั้นอย่างจับสังเกต  “ห้องน้ำเงินไม่ค่อยได้เปิดใช้  กลิ่นอับๆไม่ค่อยน่านอนเท่าไหร่  หรือจะเป็นห้องฟ้าดีคะ  ติดกับห้องของคุณ”

            “ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ห้องน้ำเงินครับ”  พิชช์ฌานย้ำ  อีกฝ่ายเลยไม่เซ้าซี้อีก

            “งั้นป้าจะเอาของของคุณหนูขึ้นไปจัดไว้ให้ก่อนนะคะ”

            พิชช์ฌานหลับตาลง  วันนี้ในงานแต่งงานมีคนในพรรคแวะเวียนกันมากระซิบบอกข่าวกับเขาอยู่เรื่อยๆว่าทางพรรครัฐบาลเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกแล้ว  แววตาของท่านไตรคุณพ่อตาของเขาก็ดูเคร่งเครียดกว่าปกติเล็กน้อย  แม้จะพยายามเก็บเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มก็ตาม 

            สายบอกว่าน่าจะเกี่ยวกับข่าวเรื่องต่อต้านโอเมก้าที่เริ่มรุนแรงขึ้น  ยังมีอัลฟ่ากลุ่มใหญ่ที่รับไม่ได้กับความเท่าเทียมของทั้งสามชนชั้น  ความแบ่งแยกมันฝังรากลึกลงไปใต้จิตสำนึกของทุกคนโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าโรงเรียน  ไม่มีห้องไหนที่หัวหน้าห้องไม่ใช่อัลฟ่าและเหรัญญิกเป็นเบต้า  ส่วนโอเมก้าน่ะเหรอ...ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้ออกจากบ้านมาโรงเรียนด้วยซ้ำ  ไม่ใช่ครอบครัวของอคิราห์ครอบครัวเดียวหรอกที่เก็บเรื่องลูกโอเมก้าเอาไว้เป็นความลับ

            นานๆครั้งจะมีโอเมก้าที่เก่งกาจในเรื่องอะไรสักอย่างโผล่ขึ้นมาสักคน  เขาจะกลายเป็นที่พูดถึงอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งถึงวัยที่ฮอร์โมนเริ่มทำงาน   ภาวะฮีทของโอเมก้าเป็นที่ปวดหัวของนายจ้างแม้จะมียากินระงับแล้วก็ตาม  นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีโอเมก้าคนไหนที่ยังเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานอยู่ได้หลังจากที่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว  พวกเขาจะจบลงด้วยการถูกกัดคอและตั้งท้อง  ร่างกายที่อ่อนแอทำได้แค่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านเท่านั้น

            การที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับโอเมก้าเท่ากับยอมรับว่าตัวเองเห็นด้วยกับนโยบายเรื่องความเท่าเทียมกันทุกชาติพันธุ์ที่หลายรัฐบาลพยายามดำเนินการมาเนิ่นนานแล้ว  แต่มันไม่เคยสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง...คิดแล้วก็น่าขำ  มันจะสำเร็จได้อย่างไรในเมื่อคนที่ช่วยกันร่างกฎหมายนั้นไม่มีโอเมก้าอยู่ด้วยเลยสักคน  อัลฟ่ากับเบต้าช่วยกันเขียนกฎหมายขึ้นมาเพื่อจะยอมรับโอเมก้า  ทั้งที่ไม่มีอัลฟ่าในสภาคนไหนยอมแต่งงานกับโอเมก้าด้วยซ้ำ

            แม้กระทั่งไตรคุณที่ออกตัวว่าสนับสนุนความเท่าเทียมกัน  ทว่าตัวเองกลับเก็บลูกชายโอเมก้าเอาไว้หลังบ้าน  ถึงแม้ตอนหลังจะออกมาบอกว่าทำไปเพราะเป็นห่วง  มันก็สายเกินไปแล้ว...เขาได้ใช้จุดอ่อนข้อนี้พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในเกมนี้  คะแนนนิยมของนายไตรคุณลดฮวบลงทันตาเห็น  ไหนจะกลุ่มอนุรักษ์นิยมต่อต้านโอเมก้าที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้พอดิบพอดีอีก

            แผนของเขากำลังไปได้สวยจริงๆ  หึ..คิดจะเล่นกับคนอย่างนายพิชช์ฌาน

            “ฮัดชิ้ว!”  เสียงจามดังขึ้นจากคนที่นอนหลับอยู่นั้น  พิชช์ฌานสะดุ้งหันไปเห็นร่างโปร่งบางนั้นดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย  “...อยู่ไหนน่ะ”

            “ฉันจับเธอมาเรียกค่าไถ่แล้ว”  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยืนค้ำศีรษะอีกฝ่าย  อัยย์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาจนคอตั้งบ่า

            “ค่าไถ่?”  คนเพิ่งตื่นยังตามไม่ทัน

            “ใช่....ลุกขึ้นเร็วๆ  ขึ้นไปนอนบนห้องนู่น  มาเที่ยวนอนเกะกะในบ้านคนอื่นเขาได้ยังไง”

            “ผมจะไปสวิตฯ”  อคิราห์พูดเป็นประโยคแรกหลังจากที่รวบรวมสติกลับมาได้  เขาเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้  สงสัยจะเหนื่อยมากเกินไปมั้ง  “ผมจะไปเที่ยวแล้ว”  พูดจบก็ลุกขึ้นยืน  ยังไม่ทันได้ไปไหนมือใหญ่ก็รั้งคอเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน

            “จะไปยังไงตอนนี้  ไปนอนก่อนหนึ่งตื่นค่อยไปพรุ่งนี้”

            “ไม่ได้  เนี่ยจองตั๋วไปแล้ว  เดี๋ยวตกเครื่อง”  อัยย์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

            “ฉันยกเลิกตั๋วเธอไปแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ

            “อ้าว”  คนฟังอ้าปากค้างแล้วก็กลับโกรธขึ้นฉับพลัน  “อะไรอ่ะ  สัญญากันแล้วว่าจะให้ผมไป  ทำไมไม่ให้ไป  โกหกกันเหรอ  ผมไม่ยอมหรอกนะ  ปล่อยผมผมจะไป”

            “ไม่ได้จะไม่ให้ไป  เดี๋ยวสิฟังกันก่อน  แต่คืนนี้เธอเหนื่อยมากไม่ใช่หรือไง  ไปส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองซะบ้าง  ขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังขนาดนี้จะไปเที่ยวไหนอีก  ขึ้นไปอาบน้ำนอนซะ  พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน  เข้าใจมั้ย”  พิชช์ฌานพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าปกติจนคนมองเงียบกริบ  เขาเลยถือโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังอึ้งพาลากขึ้นมาชั้นบนเสียเลย  “ห้องนี้ของเธอ  ข้าวของเขาจัดให้หมดแล้ว  ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่บ้านเอานะ”

            อคิราห์กวาดตามองไปรอบห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินทั้งหมดนั้น  กลิ่นเหม็นอับลอยเข้าจมูกของเขาทันทีจนนิ่วหน้า

            “มันเหม็น  ผมอยู่ไม่ไหวหรอก  ห้องนอนหรือห้องเก็บของ  ทำไมมันอับขนาดนี้”

            “เธออย่าเรื่องมากได้ไหม  นี่ห้องนอนเก่าของพี่สาวฉัน”  พิชช์ฌานว่า   “เปิดหน้าต่างนิดหน่อยก็หายอับแล้ว”

            “ผมนอนไม่ไหวจริงๆ  บ้านคุณออกใหญ่โต  มีห้องแค่นี้เหรอ”

            “ฉันให้เธออยู่ห้องนี้”

            “งั้นผมลงไปนอนโซฟาข้างล่างก็ได้”

            เจ้าของบ้านจุ๊ปาก กำลังจะโต้ตอบอย่างหัวเสีย  เสียงนุ่มๆของแม่บ้านก็ดังขึ้นข้างหลังเหมือนเป็นการห้ามทัพ

            “คุณฌานคะ  ห้องนี้นอนไม่ได้หรอกค่ะ  แอร์เสีย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  เกือบจะอ้าปากค้าน  ป้านิ่มก็พูดต่อมาอีกยิ้มๆ  “ห้องฟ้าดีกว่าค่ะ  เพิ่งปรับปรุงใหม่สวยงาม เหมาะกับคุณหนูมาก”   เธอพูดเสียงอ่อน

            “เอ่อ...อย่าเรียกผมว่าคุณหนูเลยครับ  ผมชื่ออัยย์”  อคิราห์พูดเก้อๆ รู้สึกแพ้ทางแม่บ้านคนนี้อย่างไรชอบกล  “ห้องฟ้าหรือครับ”

            “ใช่ค่ะ  ห้องเก่าของคุณฌานนั่นแหละ”  เธอจับมือของเขาแล้วพาเดินตรงไปยังอีกฟากของบ้านที่เชื่อมกันด้วยระเบียงยาวๆ  โดยมีเจ้าของบ้านเดินตามหลังมาอย่างด้วยอย่างงุ่นง่าน

            “เรื่องมาก  รำคาญ”  เสียงห้าวๆพึมพำอยู่ข้างหลัง

            ห้องฟ้าตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าตามที่เรียก  สภาพข้างในดีกว่าห้องสีน้ำเงินมาก  แต่ที่อัยย์ถูกใจมากที่สุดไม่ใช่สภาพห้องหากเป็นกลิ่นหอมๆที่ทำให้ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกนั่นต่างหาก

            “ผมชอบห้องนี้”  โอเมก้าหนุ่มพูดทันที

            เจ้าของบ้านหน้าหงิกจนแม่บ้านต้องตีเข้าให้หนึ่งที  ชายหนุ่มถึงได้พยักหน้าอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนัก

            “ก็ได้  เธอนอนห้องนี้ก็ได้”  ชายหนุ่มพูดอย่างเสียไม่ได้แล้วก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องโดยมีแม่บ้านเดินตามมาด้วยติดๆ  “ป้านิ่มไม่ต้องพูดหรอก  ผมก็ยอมให้เขาอยู่ห้องนอนเก่าของผมแล้วนี่ไง”

            “โธ่  คุณหนูอัยย์น่าสงสารออกนะคะ  ในทีวีบอกพ่อเธอขังให้อยู่แต่ในบ้าน  พอแต่งงานมาป้าก็อยากให้คุณตามใจเธอบ้างนะคะ”

            “ป้านิ่ม”  ชายหนุ่มลากเสียง  “พ่อเขาน่ะขังให้อยู่ในบ้านก็จริง  แต่ว่าบ้านเขาน่ะเป็นคฤหาสน์เลยนะครับ  ไม่ใช่ห้องรูหนูอะไรเสียหน่อย  คุณหนูอัยย์ของป้าน่ะมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่าคนที่ไปโรงเรียนอีก  พ่อเขาหาครูมาสอนให้ถึงบ้าน  อยากทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง”

            “ถ้าอย่างนั้นยิ่งแล้วใหญ่  เธออยู่บ้านของเธอสบายๆจะมาลำบากได้ยังไงล่ะคะ  คุณนี่ก็เหลือเกิน  ห้องใหม่ๆชั้นบนมีอีกตั้งเยอะแยะก็ไม่ให้ไปอยู่”

            “ป้าก็เลยให้มาอยู่ที่ห้องผมเลยใช่ไหมล่ะ”  ชายหนุ่มพูดอย่างรู้ทัน  “เอาเถอะ  ตามใจป้าเลยแล้วกัน  เด็กคนนี้ผมยกให้ป้านิ่มดูแล  อยากทำอะไรก็ทำ  อ้อ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเขาคงงอแงอยากไปเที่ยวอีก  ป้าก็ปลอบใจเขาไปก่อนนะครับ”

            “คุณอัยย์จะไปเที่ยวที่ไหนคะ”

            “เขาอยากไปสวิตฯ”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “แต่คงยังไปตอนนี้ไม่ได้หรอก  เพราะผมติดงานอยู่  จะปล่อยไปคนเดียวก็เดี๋ยวจะไปไม่ได้กลับ  ยิ่งป้ำๆเป๋อๆไปหลงอยู่นู่นก็แย่  การเมืองตอนนี้ก็กำลังระอุเลย  เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเดี๋ยวผมจัดการไม่ทัน”

            “อ้าว แบบนี้คุณอัยย์ก็เสียใจแย่เลยสิคะ  โดนคุณหลอก”

            “ผมไม่ได้หลอกนะป้า  โอเค  ผมอาจจะพูดไม่หมดว่าไม่ได้จะให้ไปตอนนี้”  ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  “แต่ถ้าผมบอกเค้า  เค้าก็ไม่ยอมแต่งกับผมน่ะสิ  ป้านิ่มช่วยผมหน่อยนะ  หาอะไรให้เขาทำเพลินๆไปก่อนก็ได้”

            “คุณอัยย์จะยอมเหรอคะ  ป้าว่าไม่น่าจะง่ายหรอกนะ”  ดูจากหูตาก็รู้ว่าสู้คนอยู่พอดู  ไม่ใช่หงอๆหรอก  นิ่มนวลคิดในใจ  “ทำไมไม่ให้ใครสักคนตามคุณอัยย์ไปเป็นเพื่อนล่ะคะ  จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”

            “ผมไม่ไว้ใจ....เขายังเด็ก  ยังตัดสินใจอะไรได้ไม่เต็มที่  ผมไม่อยากมีปัญหา”

            “อ้อ”  หญิงวัยกลางคนอุทาน  มองหน้าเจ้านายหนุ่ม  “ก็จริงของคุณค่ะ  แต่ถ้าคุณทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับพ่อของคุณอัยย์เลยนะคะ  หรืออาจจะแย่กว่าเพราะคุณไม่ได้รักคุณอัยย์เหมือนพ่อของเขา”

            พิชช์ฌานชะงัก

            “ป้าอย่ามาไซโคผมเลยครับ  เดี๋ยวไว้ป้าเห็นฤทธิ์ของเขาเสียก่อนก็จะเข้าใจเอง”

            พิชช์ฌานเดินแยกออกมาจากแม่บ้านกลับเข้าไปในห้องนอนใหญ่ที่อยู่ติดกับห้องนอนเดิมของตัวเองที่ยกให้อีกคนไปแล้ว  ชายหนุ่มยืนมองประตูเชื่อมระหว่างห้องอย่างครุ่นคิดแล้วเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูบานนั้นเปิดออก  ร่างโปร่งบางที่กำลังยืนหมุนตัวอยู่กลางห้องหันขวับมามองหน้าเขาอย่างตกใจ

            “เห้ย!”

            “นี่เธอ..”

            ต่างคนต่างตกใจไม่แพ้กัน  พิชช์ฌานรีบดึงประตูปิดดังปังส่วนเจ้าของร่างสีน้ำผึ้งเนียนนั้นก็กระโจนพรวดเข้าไปในห้องน้ำ  อคิราห์ยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าว  เพราะความเคยชินก็เลยถอดเสื้อผ้าออกหมดก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ   อุตส่าห์เช็คกลอนที่ประตูหน้าห้องซ้ำแล้วจนมั่นใจว่าคงไม่มีใครเปิดเข้ามา  ไม่ทันสังเกตเลยว่ามีประตูอีกบานอยู่ตรงนั้น

            แล้วคนบ้าที่ไหนจะเปิดประตูพั๊วะเข้ามาโดยไม่เคาะก่อนล่ะ  คนบ้าไร้มารยาทอย่างนายพิษฌานไงคือคำตอบ

            คนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของประตูบานนั้นก็กำลังถามตัวเองอยู่ด้วยคำถามเดียวกัน

            คนประสาทดีๆที่ไหนจะยืนแก้ผ้ากลางห้องวะ  หรือจะเป็นพวกชอบโชว์เรือนร่าง...ก็ไม่น่าใช่  ภาพร่างเนียนตาสีน้ำผึ้งใสสว่างไปทั้งตัวนั้นยังติดตา  ไหล่ลาดได้รูปกับจุดสีเข้มสองจุดกลางอกสะดุดตาเขาเป็นอย่างแรกตามด้วยเอวคอดบางผายออกเป็นสะโพกกลมกลึงและช่วงขาเรียวยาว  ส่วนกลางลำตัวที่เจ้าตัวปกปิดไว้ได้ทันนั้นทำให้เขานึกอยากรู้....

            เดี๋ยวก่อนสิพิชช์ฌาน  นายอยากรู้อะไรงั้นหรือ  ร่างกายของโอเมก้ามีอะไรน่าสนใจนักหรือไงกัน  ไม่มีมัดกล้ามเนื้อสวยงามสมชายอย่างเขาด้วยซ้ำ  หรือแม้แต่ส่วนนั้นก็คงฝ่อไปไม่เจริญเต็มที่เหมือนอย่าง...

            ชายหนุ่มส่ายหน้าแรงๆแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่า  บางทีการได้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัดอาจจะช่วยลบภาพติดตานั่นได้

            ............................................................................................

            มาอัพต่อนะคะ กำลังติดลม ชั้นชอบเรื่องนี้55555555

เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ เย่ๆๆ  ความรักของทั้งสองคนจะช้าๆหน่อยนะคุณ  ใจเย็นๆ555  #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-01-2019 23:15:22
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-01-2019 23:32:00
ปากบอกไม่ชอบ แต่หวงเหลือเกิน
ตอนแรกๆ ยังมีหลุดชื่อเกาหลีอยู่นะคะ
ชื่อพระเอก กับอีกชื่อ น่าจะเป็นชื่อคนขับรถ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-01-2019 09:00:46
เราก็ชอบ เอ้กๆ

นายพิษใจร้ายจัง จะขังน้องเหมือนพ่ออีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 19-01-2019 09:26:12
ฮืออออออออออออ กว่าจะรักกัน กว่านุ้งจะอุ้มท้องง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-01-2019 13:57:02
 ปากไม่ตรงกับใจเลยนะคะ เป็นห่วงน้องขนาดนี้ก็ดูแลน้องดีๆหน่อย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-01-2019 17:42:32
อ้าวนายพิษ

ไม่ทำตามสัญญา

คนไม่รักษาสัญญา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-01-2019 17:43:28
เกลียดคนผิดสัญญาอ่ะถ้าทำไม่ได้ก็น่าจะบอกหรืออธิบายให้น้องฟังแต่แรกเราว่าน้องมีเหตุผลพอ
ทำแบบนี้น้องคงเสียใจแย่ที่โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-01-2019 19:28:53
ติดตามเรื่องใหม่ด้วยคนค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-01-2019 19:55:37
 :เฮ้อ: สงสารอัยย์ล่วงหน้าเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 19-01-2019 22:09:29
หนูอัยย ลูก อดไปเที่ยวเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-01-2019 22:36:00
น้องอัยย์ ไปสวิตเลยลูก หนีไปปปป คุณสามีเขาจะไม่ยอมตามใจเราแบบนี้ไม่ด๊ายยยย ต้องหนีให้เข็ด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 19-01-2019 23:03:17
งี้ละนะนิสัยพวก.... ค่อกแค่กๆ พิมเยอะไม่ได้เดี๋ยวโดนลาก ถถถ พิษนี่พิษสมชื่อจริงๆน้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 20-01-2019 11:35:13
 :mew1: :mew1:
ชอบมากค่ะ
ตามทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-01-2019 12:05:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-01-2019 16:39:26
พิษฌาณปากแข็งนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-01-2019 21:26:15
อัยย์น่าเอ็นดูอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-01-2019 19:55:11
สงสารอัยย์นะ พ่อแม่รักแต่ไม่แสดงออก จนดูเหมือนไม่รัก
เลยทำให้อัยย์เข้าใจว่าพ่อแม่ไม่รัก เสียใจแทนเลย
แต่ยังดีที่คินไม่ทิ้งอัยย์ ยังอยู่เคียงข้าง ถึงจะไม่มาก

ตอนมองท้ายรถ เหมือนทุกอย่างจบสิ้นเลยเนาะ
ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น ต้องห่างบ้าน ห่างครอบครัว เอาใจช่วย

ฌาณคือคนร้ายที่หวั่นไหวกับความเด๋อของอัยย์มาก
อย่าเผลอบ่อยล่ะ แล้วที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้อีก หวงล่ะสิ

รอดู อัยย์จะแผลงฤทธิ์อะไรไหม 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 21-01-2019 21:52:18
น่ารักกกก รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-01-2019 22:48:04
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 21-01-2019 22:52:27
หนูอัยย์โดนคุณพิษหลอกกกก
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-01-2019 23:58:42
จะรักกันยังไง  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่6 18/1/62 p2
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 22-01-2019 01:06:56
สงสารน้องอัยย์ นายพิษชานใช่จะจริงใจ

ขอให้น้องรู้ทันนายพิษชานมาก ๆ อย่าหน่อมแน้มเกินไป

สู้ ๆ นะลูก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-01-2019 01:12:06
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 7



 

 

 

 

 

            "ผมขออีกชามได้มั้ยครับ" เสียงพูดเก้อๆของคนที่นั่งครองโต๊ะกินข้าวมาตั้งแต่เช้าทำให้เจ้าของบ้านที่เพิ่งเดินลงมาหัวเราะเบาๆ

"ข้าวหมดหม้อหรือยังน่ะป้านิ่ม เหลือพอให้ผมบ้างไหม" พิชช์ฌานพูด

อัยย์หันขวับไปมองคนพูดแล้วก็รีบหันหน้ากลับมาโดยเร็วสายตาคมๆที่จ้องร่างของเขาเมื่อคืนยังติดตา พาให้ชักรู้สึกร้อนๆหนาวๆ นึกอยากเอาหัวเขกโต๊ะให้กับความสะเพร่าของตัวเองที่ไม่ได้เช็คประตูให้ดีก่อน 

นักการเมืองหนุ่มเห็นหน้าคนเด็กกว่าแดงจัดขึ้นทันตาเห็นก็นึกขำอยู่ในใจ คงอายละมั้ง เปลือยซะขนาดนั้น ...ตลกดีแฮะ อายเป็นด้วยเหรอเจ้าเด็กบู้บี้

เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทิ้งตัวลงนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ ชะโงกเข้าไปดูกับข้าวที่พร่องไปเกินครึ่งด้วยฝีมือของเจ้าโอเมก้า อีกฝ่ายหลบตาเขาวูบ ทำเป็นก้มหน้าก้มตากินด้วยท่าทางจริงจังกว่าปกติ

"เป็นไง กับข้าวบ้านฉันอร่อยไหม"

"อืม..พอกินได้"

"นี่ขนาดแค่พอกินได้นะ ถ้ากินได้มากจะขนาดไหน" ชายหนุ่มหัวเราะ  ดวงตากลมโตตวัดขึ้นมองหน้าเขาแวบหนึ่งคล้ายค้อน พิชช์ฌานหัวเราะออกมาอีกครั้ง

"จะกินเท่าไหร่ก็กิน อยากกินอะไรก็บอก ป้านิ่มทำได้ทุกอย่าง"

"ผมคงกินมื้อเช้าที่บ้านคุณมื้อนี้มื้อสุดท้าย เพราะเดี๋ยวผมก็จะไปเที่ยวแล้ว" อัยย์พูดงึมงำ

คนฟังสีหน้าแทบไม่เปลี่ยน

"เธอเตรียมตัวดีแล้วเหรอ"

"ผมเก็บของ จองตั๋วใหม่ จองที่พักหมดแล้ว" อัยย์เน้นเสียงคำว่าจองใหม่อย่างเคืองๆ "ผมกินอิ่มเมื่อไหร่ก็จะไปทันที"

"แล้วจะไปสนามบินยังไง คนรถฉันไม่ว่างหรอกนะวันนี้" พิชช์ฌานพูดเนิบๆ

"ผมจะโทรเรียกรถเอง ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกครับ"

คนฟังเลิกคิ้ว

"ฉันจะปล่อยให้เจ้าสาวของฉันไปสนามบินเองได้ยังไงกัน เสียชื่อฉันหมด เธอรออยู่นี่ก่อน เครื่องออกกี่โมงนะ"

"บ่ายสาม" อัยย์ตอบ

"เดี๋ยวฉันจะไปส่ง รออยู่ที่บ้านนี่ล่ะ อาหารเที่ยงบ้านฉันอร่อยนะ "

"แต่ผมอยากไปกินข้างนอกบ้าน"

"ป้านิ่มเตรียมมื้อเที่ยงให้เธอไปแล้ว ไม่สงสารป้านิ่มหน่อยหรอ ใช่ไหมครับป้านิ่ม"

"คะ..อ๋อ ใช่ค่ะคุณอัยย์อยู่กินข้าวฝีมือป้าก่อนนะคะ ป้าเตรียมสุดฝีมือเลย ถ้าคุณอัยย์ไม่กินป้าคงเสียใจ" แม่บ้านพูดเสียงอ่อน

สีหน้าอคิราห์มีแววลังเล พิชช์ฌานลอบยิ้มสมใจ แอบยกนิ้วโป้งให้แม่บ้าน

"นั่งรถไปสบายๆมีคนช่วยยกกระเป๋าสบายกว่าตั้งเยอะนะ" พิชช์ฌานสำทับ

"ก็ได้ ผมจะรอไปกับคุณ" อัยย์ตกลงหลังจากนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง

ปกติพิชช์ฌานดื่มกาแฟแก้วเดียวตอนเช้า เพราะเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง  เลยไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งละเลียดอาหารเช้าได้  แต่วันนี้เขายอมสละเวลาอันมีค่ามานั่งตักข้าวต้มเข้าปากเพื่อหาทางเกลี้ยกล่อมให้เจ้าโอเมก้าอยู่ต่อ

            "เธอชอบอ่านหนังสือใช่ไหม ฉันบอกเธอหรือยังว่าบ้านฉันมีห้องสมุดด้วยนะ"

"จริงเหรอครับ" คนฟังชักตาโต "อยู่ที่ไหนหรอ"

"ไว้กินเสร็จแล้วจะพาไปดู รับรองว่าเธอจะต้องอึ้ง ใหญ่กว่าที่บ้านเธอแน่ๆ"

"บ้านผมเปิดให้เช่าที่เป็นห้องสมุดแห่งชาติเลยนะ" อัยย์พูดแกมหัวเราะ

พิชช์ฌานหน้าหงิก

"เออน่ะ จะดูไม่ดู"

"ผมล้อเล่น ดูซิครับ" อัยย์ยิ้มออกมาได้

รอจนจบมื้อเช้า พิชช์ฌานก็พาอีกฝ่ายไปชมห้องสมุด เห็นท่าทางตื่นเต้น แววตาเป็นประกายของเจ้าโอเมก้าแล้วก็อดยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจไม่ได้

"เป็นไง เจ๋งไหม มีเรื่องที่เธอไปซื้อเมื่อวันนั้นด้วยนะ ฉันลืมบอกเธอไปว่าฉันมีครบทุกเล่ม" พิชช์ฌานตบที่ชั้นหนังสือเบาๆ คนมองย่นจมูก

"คนอะไรขี้อวดจัง" อัยย์พูด

"มีของดีก็ต้องอวด" คนฟังยักไหล่ "กว่าฉันจะหามาได้ครบทุกเล่มขนาดนี้ ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ  นี่ๆมาดูเล่มนี่สิ เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่น มีลายเซ็นนักเขียนด้วย ฉันบินไปขอเขาเองกับมือ" พิชช์ฌานยืดตัวขึ้นเล็กน้อย

"เล่มนี้ผมมีแล้ว" เสียงหัวเราะคิกๆในคอทำให้เจ้าของบ้านอยากยกมือเขกศีรษะกลมๆนั่นสักทีสองที

อัยย์เห็นคนแก่กว่าหน้าหงิกก็รีบพูดเอาใจ

"แต่ผมไม่มีลายเซ็นคุณนักเขียนเขาหรอก ของคุณน่ะลิมิเต็ดอิดิชั่นสุดยอดจริงๆ ผมอยากขอยืมไปอ่านอีกสักรอบได้มั้ยครับ"

สีหน้าคนฟังดีขึ้นจนอัยย์นึกขัน

"อื้ม...เอาไปสิ"

"ขอบคุณครับ แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอ ผมเห็นลูกน้องคุณมาด้อมๆมองๆหลายรอบแล้ว"

นักการเมืองหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้  หันไปเจอหน้าเจนภพแอบอยู่ข้างประตูก็พยักหน้าให้           

"ฉันต้องไปทำงานแล้ว งั้นเธออ่านหนังสือเล่นในนี้ไปก่อนนะ ตอนบ่ายฉันจะมารับ"

"ไม่ต้องห่วง" อัยย์โบกมือ “คุณรีบไปทำงานเถอะ"  รอจนร่างสูงใหญ่ลับสายตาไปแล้วอัยย์ก็ผิวปากยาว  เขากลับออกมาจากห้องสมุดแล้วพุ่งตรงไปยังห้องพักที่ชั้นบน เปิดประตูเข้าไปคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้พร้อมตั้งแต่เมื่อคืน เช็คของจนมั่นใจว่าครบถ้วนก็กดโทรศัพท์หารถไปส่งสนามบิน

ขืนมัวรอให้นายพิษฌานไปส่งก็คงไม่ได้แหงๆ

"คุณอัยย์ไปไหนคะ อยู่กินข้าวฝีมือป้าก่อนสิคะ" ป้านิ่มทักเขาเข้ารางกับแอบเฝ้าอยู่ อัยย์ชะงัก หันไปยิ้ม

"ผมตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยวน่ะครับ เลยซ้อมหิ้วกระเป๋าดูว่าถือไหวมั้ย"  ดูท่าคนฟังไม่เชื่อเท่าไหร่ อัยย์เลยรีบพูดต่อ "คุณป้ามีอะไรกินอีกไหมครับ อัยย์หิวอีกแล้ว"

ป้านิ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูท่าทางเหมือนเด็กๆนั้น เธอบอกให้เขานั่งรอก่อนที่โต๊ะกินข้าวแล้วกระวีกระวาดกลับเข้าไปในครัว

อัยย์ขอโทษป้านิ่มอยู่ในใจที่ต้องโกหก แล้วก็รีบลากกระเป๋าตรงออกไปหน้าบ้าน ผู้ชายสองคนที่คงเป็นบอดี้การ์ดโผล่พรวดมาดักตรงหน้าทันที

"ไปไหนครับคุณอัยย์"

"คุณพิชช์ฌานให้เอากระเป๋าไปใส่ที่รถก่อน" อัยย์พูดนิ่งๆ "รถอยู่ที่ไหน"

"เดี๋ยวผมเอาไปใส่รถให้ครับ"

"ไม่เป็นไร ผมจะลากไปเอง" ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก "ผมฝากคนนึงรอรับของจากป้านิ่มได้ไหมครับ ผมจะได้เดินเลยไปก่อน"

เขากำจัดได้หนึ่งคน เหลืออีกคนหนึ่งที่เดินตามติดมาเหมือนเงา  โอเมก้าหนุ่มลากกระเป๋าเดินออกมาจากบ้าน โรงรถอยู่อีกฟากหนึ่งของสวนที่จัดเอาไว้เสียสวย ดอกไม้ดอกเล็กๆบอบบางแข่งกันผลิบานน่ามอง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายอย่างพิษฌานจะปลูกดอกไม้แบบนี้ในสวนของเขา

คนอย่างนั้นน่าจะปลูกพวกบอระเพ็ดหรืออะไรที่มันมันขมๆมีหนามแหลมๆมากกว่า

"ผมขอแวะชมสวนก่อนได้ไหมครับ"

"ได้ครับ งั้นผมเอากระเป๋าไปเก็บให้ก่อน"

"ได้ครับ เอ้อ..ผมขอหาหมวกมาใส่ก่อน" อัยย์วางกระเป๋าเดินทางลงกับพื้นแล้วเปิดออก "อยู่ตรงไหนนะ..เอ คุณมีหมวกให้ผมยืมไหม ขอถุงพลาสติกด้วยสักใบกับกรรไกรด้วยก็ได้ ผมจะเก็บดอกไม้ไปฝากคุณพิชช์ฌาน"

"ได้ครับ รอสักครู่"

เยส..เจ้ายามคนที่สองเดินออกไปแล้ว อัยย์ปิดกระเป๋าด้วยความเร็วสูงเขาผ่านด่านสุดท้ายที่ป้อมยามหน้าบ้าน ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงเรียบๆว่าเจ้าของบ้านให้เขาไปรอที่สนามบินก่อน ยามมองหน้าเขางงๆแต่ก็ยอมให้เขาเปิดประตูออกไป รถมารออยู่ก่อนเเล้ว

อัยย์เปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างตื่นเต้น  หัวใจเต้นตึกๆๆ มือเย็นเฉียบ นึกว่าจะต้องใช้กำลังเสียแล้ว

"ไปสนามบิน"

รถขับออกไปตามถนนที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามสมกับเป็นบ้านของคนใหญ่คนโต อัยย์เกาะขอบหน้าต่างนึกคำนวนเวลาและเส้นทางในใจ  เขาทำเวลาได้ดี  คงไปถึงสนามบินเร็วและมีเวลาได้เดินเล่นสำรวจนิดหน่อยก่อนขึ้นเครื่อง

พิชช์ฌานแทบไม่แปลกใจตอนที่ลูกน้องโทรมารายงานว่าเจ้าโอเมก้าโทรเรียกรถให้ไปรับที่บ้านก่อนเวลา  ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก พูดเรียบๆ

"พาขับวนเล่นในเมืองไปก่อน รอฉันประชุมเสร็จ  แล้วเรื่องวีซ่าเรียบร้อยหรือยัง" พิชช์ฌานหันไปถามมือขวาคนสนิท "ถ้าจัดการเรื่องวีซ่าได้ทีนี่ก็จะได้หมดปัญหาเรื่องหนีไปเที่ยวเสียที"

"คนของเราขอเวลาหน่อยครับ อาจจะได้แค่ระงับชั่วคราว"

"ก็ยังดี ตอนนี้ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว" หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านว่า เสียงโทรศัพท์ของเจนภพดังขึ้น  เจ้าตัวกดรับ สีหน้าเครียดขึ้นหลังจากที่ฟังจนจบ           เขารีบเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งอ่านอะไรในโทรศัพท์เคร่งเครียด

"คุณพิชช์ฌานครับ"

"ฉันรู้แล้ว" ชายหนุ่มคำรามในคอ ผุดลุกขึ้นยืน ก้าวยาวๆออกมาจากห้องทำงานของพรรค

"แล้วเรื่องประชุม"

"เลื่อนไปก่อน เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว บอกรถให้รีบพากลับบ้านเดี๋ยวนี้  สถานการณ์ไม่ปลอดภัยแล้ว”  ชายหนุ่มพูดเร็วปรื๋อ  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนในพรรคเพื่อนัดแนะกัน

...............................................................

“เลี้ยวไปไหนน่ะคุณ มันเลี้ยวซ้ายแยกหน้าไม่ใช่เหรอครับ" อัยย์ถามงงๆ มองถนนตรงหน้าเทียบกับเส้นทางในกูเกิ้ลแมป

"ทางซ้ายเข้าปิดซ่อมถนนครับคุณ ผมจะพาไปอีกทาง"

"อ่อ" อัยย์พยักหน้ารับ กูเกิ้ลแมปคงจะไม่อัพเดทสินะ "โอเคครับ"

เสียงโทรศัพท์ของคนขับรถดังขึ้นอัยย์ได้ยินแต่เสียงรับคำครับๆของคนขับกับสีหน้าที่เคร่งขึ้น สงสัยภรรยาที่บ้านอาจจะโทรมาล่ะมั้ง เขาคิด

"เราต้องเปลี่ยนเส้นทางหน่อยนะครับ ข้างหน้ามีปัญหาคงไปไม่ได้ครับ"

"มีปัญหาอะไรนะครับ?" อัยย์งง

"มีระเบิดที่ตึกกลางเมืองครับคุณ ผมต้องพาคุณกลับก่อน"

"ระเบิด? เดี๋ยว จะพาผมกลับ?  ...กลับไปไหนครับ ผมจะไปสนามบิน พาผมไปสนามบินสิ" อัยย์ร้อง มองไปข้างหน้าเริ่มเห็นกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า คนเริ่มเดินแกมวิ่งย้อนกลับมาตามสองข้างทาง

"ผมจะพาไปครับ" คนขับรถตอบเรียบๆ เลี้ยวรถพาเขาย้อนกลับ อัยย์เกาะประตูแน่น ถามเสียงแข็ง

"คุณจะพาผมไปไหน ผมจะไปสนามบิน"

คนขับรถไม่ตอบ แต่กลับเลี้ยวเข้าสู่ถนนทางที่จะกลับไปยังบ้านของพิษฌาน อัยย์เพิ่งจะตามทัน ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจแกมโกรธเคือง

"นี่คุณเป็นคนของนายพิษฌานใช่มั้ย"

"ครับ เจ้านายให้พาคุณกลับด่วน ตอนนี้ข้างนอกอันตรายมาก"

"ผมไม่เชื่อ อย่ามาหลอกผมให้ยาก ดูสิข่าวบอกว่าแค่แก๊สระเบิด จอดรถ!”  อัยย์โชว์หน้าข่าวด่วนในโทรศัพท์ให้ดู

"จอดไม่ได้ครับ ผมขอโทษด้วยจริงๆแต่ว่าผมขัดคำสั่งเจ้านายไม่ได้"

อาคิราห์ทุบเบาะรถอย่างโกรธจัด ทำไมรถรับจ้างที่เขาโทรเรียกถึงกลายเป็นคนของนายพิษฌานไปได้ มิน่าล่ะเขาถึงได้ออกจากบ้านมาได้อย่างง่ายดายเกินคาด ยังจะมีหน้ามาหลอกกันว่ามีระเบิดอีกเหรอ เขาไม่ใช่เด็กสามขวบนะ

"จอดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะเปิดประตูลงไปเองนะ" ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม นัยน์ตากลมโตลุกวาบ คนขับรถได้แต่ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ

"ไม่ได้จริงๆครับ คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง ไว้คุณกลับถึงบ้านแล้วค่อยคุยกับเจ้านายก็ได้นะครับ"

"ไม่ต้องคุยอะไรแล้ว ผมกะแล้วเชียวว่าเจ้านายของคุณจะต้องไม่ยอมให้ผมไป  ....จะจอดไม่จอด ผมจะกระโดดลงไปแล้วนะ หนึ่ง สอง .." ท่าทางคนพูดไม่ได้พูดเล่น คนขับรถถอนหายใจเฮือก ชะลอรถเข้าจอดข้างทางอย่างจำใจ

"มันอันตรายนะครับคุณ เขาว่ามันกำลังเกิดจราจลในเมืองจากกลุ่มต่อต้านโอเมก้า คุณอย่าออกไปเลยครับ"

"เลิกเอาข่าวเก่ามาขู่ผมได้แล้ว ผมไม่กลัว กลับไปบอกพิษฌานนะว่าอย่าลูกเล่นกับผมอีก ผมไม่ใช่เด็กหน่อมแน้มให้หลอกไปหลอกมานะ" อัยย์กระแทกเสียง เปิดประตูรถก้าวลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง "ผมไปละ ขอบคุณมากที่มาส่ง"

โอเมก้าหนุ่มลากกระเป๋าข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่งแล้วโบกเรียกรถแท็กซี่คันใหม่

คนขับรถได้แต่ขับตามรถแท็กซี่คันนั้นไปก่อนด้วยความพะว้าพะวัง

................................................................

"ข่าวยืนยันแล้วครับว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมต่อต้านโอเมก้าวางระเบิดบริษัทจัดหางานสำหรับโอเมก้าจริง แถมยังออกมาขู่ว่าจะไล่ทำลายทุกบริษัทที่จ้างงานโอเมก้าด้วย" เจนภพพูดอย่างเคร่งเครียด

"ไม่นึกเลยว่าจู่ๆมันจะเหิมเกริมขนาดนี้ มีใครหนุนหลังอยู่หรือเปล่า ลองไปสืบมา" พิชช์ฌานขมวดคิ้ว "แล้วอาคิราห์ถึงบ้านหรือยัง"

"ยังไม่ส่งข่าวมาเลยครับ แต่คิดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้ว...อ้อ โทรมาพอดี" เจนภพรับสาย "ว่าไงนะ แล้วนายก็ปล่อยให้คุณอัยย์ลงจากรถเรอะ"

พิชช์ฌานหันขวับมาฟัง

"คุณอัยย์ขู่จะโดดลงจากรถเลยต้องยอม โธ่ มันใช่เหตุผลมั้ย ตอนนี้คุณอัยย์อยู่ที่ไหน"

คำตอบของคนขับรถทำให้เจนภพหน้าถอดสี  รีบหันไปบอกเจ้านาย

“คุณอัยย์จะไปสนามบินให้ได้ครับ  ตอนนี้รถกำลังวิ่งตรงไปทางพลาซ่า”

“บ้าชิบ”  พิชช์ฌานอุทานอย่างโกรธจัด  “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน  ดึงโทรศัพท์กลับมากดโทรออก  รอสายอยู่ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็กดรับ  “เธออยู่ที่ไหนแล้วอาคิราห์”  เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่ได้ยินเสียงฝ่ายนั้น

“ผมก็กำลังจะไปสนามบินน่ะสิ  คุณไม่ต้องมาพูดเลยนะคุณพิษฌาน  คุณหลอกผม  จะขังผมเอาไว้ในบ้านเหมือนพ่อผมใช่ไหมล่ะ  ฝันไปเถอะ  เสียใจด้วยนะที่ไม่สำเร็จ”

“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ  รู้บ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นอันตรายแค่ไหนสำหรับโอเมก้าอย่างเธอ  ถ้ายังไม่อยากตายหรือโดนจับไปทรมานล่ะก็  รีบกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้”  พิชช์ฌานพูดเสียงห้วนจัด  “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำนะอัยย์”

“ผมไม่กลับ  คุณอย่ามาขู่ผมเสียให้ยาก  เมื่อกี้ลูกน้องคุณก็ขู่ผมไปทีนึงแล้วเรื่องแก๊สระเบิดอะไรนั่น  ข่าวก็ออกอยู่โต้งๆว่ามันแค่แก๊สระเบิด  ไม่มีอะไรเสียหน่อย”

“เพราะรัฐบาลปิดข่าวเอาไว้ก่อนที่ตลาดหุ้นจะดิ่งไงเล่า  เจ้าเด็กโง่  กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”  คนพูดเหมือนจะเลยขีดความโกรธไปแล้ว  ชายหนุ่มพูดเสียงดัง “เธอกำลังตรงไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมนะ  รู้หรือเปล่า”

            “กลุ่มผู้ชุมนุมอะไร”  ปลายสายถามงงๆ  “...เอ๊ะ  นั่นอะไรน่ะ  เขาวิ่งหนีอะไรกัน...”  เสียงใสๆนั้นพึมพำเข้ามาในโทรศัพท์ก่อนที่เสียงจะขาดหายไปกลายเป็นเสียงกุกกักๆตามด้วยเสียงร้องตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์  จับใจความไม่ได้  พิชช์ฌานใจหายวาบ  “อัยย์  ..ได้ยินหรือเปล่า  ตอบมานะ  อยู่ที่ไหนแล้ว  เป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้น”

            ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกนอกจากเสียงคนตะโกนโห่ร้องชุลมุนวุ่นวาย  เจนภพเองก็ติดต่อคนขับรถที่ขับตามหลังรถของอาคิราห์ไม่ได้เช่นกัน

            “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นอีก”  พิชช์ฌานอุทาน  เดินแกมวิ่งตรงไปยังรถส่วนตัวที่จอดเอาไว้โดยมีลูกน้องวิ่งตามมาด้วย

            “คุณพิชช์ฌานจะไปไหนครับ”

            “ฉันจะไปลากคอไอ้เด็กดื้อกลับบ้านน่ะสิ”  เจ้านายหันมาบอก

            “แล้วเรื่องที่พรรค”

            “เดี๋ยวค่อยมาจัดการ  ตอนนี้นายรวบรวมข่าวมาให้ได้มากที่สุด  ฉันจะแถลงจุดยืนของพรรคตอนสองทุ่ม  ลอบบี้พวกที่คุยไว้ตอนเช้าให้ด้วย”  นักการเมืองหนุ่มว่า  กระชากประตูรถเปิดออก  “ไม่ต้องตามมา  ฉันจัดการเรื่องนี้เอง”

            เจนภพได้แต่มองตามหลังรถของพิชช์ฌานด้วยความกังวลใจ


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-01-2019 02:31:19
กรี๊ดดดดด นายพิษ! จะทำอะไรน้องอัยย์น่ะ!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-01-2019 02:51:19
โอ๊ยยยย เรื่องวุ่นวายไปอีก
อัยย์ไม่ระวังตัวเองเลย ว่าอยู่ในอันตราย
โลกข้างนอกไม่สวยงามนะ ทำไมชะล่าใจ

ฌาณจะทนไม่ไหวก็เพราะฮอร์โมนฟุ้งนี่แหละ
แล้วคนขับรถพามานี่ยังไง หนอนหรอ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 28-01-2019 07:40:57
เจนนนนนภพพพพพ มาช่วยเร็ววว นุ้งจะโดนกินแล้วววววววววว

คิดตอนนุ้งท้องแล้วนายพิษฌานน่าจะปวดหัวยิ่งกว่านี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 28-01-2019 08:14:58
 :o8: กรี๊ดดก อดทนไว้นายพิษ หาทางออกก๊อนนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-01-2019 10:24:52
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-01-2019 12:53:29
เจอดีจนได้นะอัยย์เด็กดื้อ

ท่านพิษบาดเจ็บด้วย แย่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-01-2019 12:54:56
กรี๊ดดดดด มาฮีทอะไรตอนนี้ คุณพิษษษษษ หน้าสิ่วหน้าขวาน บ้าๆๆๆๆ ตีเลยเชียว หนูอัยย์เป็นไงลูก ซนจนได้เรื่อง พี่เขาก็เตือนก็ห้ามแล้วนะ / ได้ข่าวโพสที่แล้วอยู่ทีมอัยย์ ด่าคุณพิษฌาณว่าเจ้าเล่ห์ไม่ยอมให้น้องไปเมืองนอกอยู่เลย 5555

ตื่นเต้นมาก เดินเรื่องได้อย่างน่าสนใจและลุ้นไปด้วยตลอดเลย ชอบมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-01-2019 13:28:27
ดื้อจนได้เรื่องเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-01-2019 13:43:19
กรี๊ดดดดดดด นายพิษนายจะทำอะไรน้องฉานนนนนนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-01-2019 21:30:16
ตั้งสติไว้ อย่าเพิ่งทำอะไรน้องนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-01-2019 21:43:15
อัยย์ไม่ฟังอะไรเลย ดื้อจะออกมาแถมไม่กินยาอีก อันตรายทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 28-01-2019 22:00:31
เอ้าดอร์ไปอี้กกก เฝ้ารอฉากต่อไป  :ling1: :ling3: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-01-2019 00:37:09
ดื้อจนได้เรื่องเลย จะโดนนายพิษจับกินมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-01-2019 14:12:38
 :mew2:  ทำไงดีน้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-01-2019 16:01:41
ยัยน้องดื้อมาก แต่คนพี่ช่วยอดทนก่อนได้มั้ย กี๊ดดดดดดดดด  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-01-2019 23:39:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่7 28/1/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 31-01-2019 15:24:01
มาต่อเร็วๆนะคะ รอค่าา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-02-2019 20:27:59
พิชช์ฌานเท่มาก พระเอกสุดๆ
ว่าแต่ทำยังไงให้น้องสงบลงคะ?
น้องอัยย์ตื่นขึ้นมา จะว่ายังไงบ้างนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-02-2019 20:56:17
นายพิษแกทนไหวจริงเหรอ แล้วแกใช้วิธีไหนจัดการฮีทของน้องว่ะ ข้าคิดได้อย่างเดียวคือแกจับเขาทำเมียแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 02-02-2019 21:16:11
พิษฌานนนนนนนนนนนนนน  ฉันว่าฉันรูนะว่าหล่อนทำอะไรน่ะพิษฌานนนนนนนนนนนนนนนน   รีบมาต่อนะคะะะ ค้างมากมายยยย :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-02-2019 21:36:05
นายพิษ แกทำอะไรน้องเนี่ย :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-02-2019 23:08:42
เดี๋ยว!!! คุณพิษษษษ คุณจัดการโอเมก้าฮีทแบบน้องอัยย์ยังไงให้นอนหลับปุ๋ย กลับมาเล่าให้ฟังก๊อนนน กลับมาาา อย่าทิ้งฉันให้ค้างแบบนี้~~  :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-02-2019 23:39:29
ดีนะที่ไม่ทิ้งอัยย์ไว้กับแม่ ไม่งั้นฮีทแบบนี้อาจจะให้ไปจับคู่กับคนอื่นแน่เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 03-02-2019 00:11:01
จัดการน้องยังไงล่ะเนี่ย ค้างเลยค่ะ  :ling1:
รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่อ ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 03-02-2019 01:05:28
จัดการไปแล้วหรอ
จะเป็นยังไงต่อไปนะ
สู้ๆนะ
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-02-2019 01:57:42
เข้มข้นมากๆ ว่าแต่ ขอแอบดูตอนจัดการหน่อยได้ไหมคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-02-2019 02:00:59
นายเอกของเราน่าสงสารมาก  :mew5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-02-2019 02:46:29
ืทำอะไรน้องเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-02-2019 12:40:00
เธอจะข้ามขั้นตอนแก้ฮีทจริงๆหรอ
กลับมาก๊อนนน นังพิษ ฉันอยากรู้ 55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-02-2019 14:34:48
นายพิษ ทำอะไรน้องอัยย์อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-02-2019 18:15:13
นายพิษทำอะไรน้อง!! :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-02-2019 19:46:30
 :mew2: :mew2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-02-2019 20:09:19
ไหวไหมมมมม :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 05-02-2019 21:11:54
ยากไปหมดเล๊ยยย นังพิษ น้องอัยย์

เดาว่าคงจับคู่ไม่ก็ช่วยจนหมดฮีทล่ะนะ  :katai1: :katai1:

สงสารน้องอัยย์ที่สุด เหมือนจะเป็นที่รัก

แต่ด้วยชั้นโอเมก้าทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า

ว่าแต่พวกอัลฟ่ามันเป็นอะไรกันนักหนานะ โดยเฉพาะเหล่าแม่ๆเนี่ย

ควรเอาไปเก็บให้หมด !!  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2019 22:00:20
จ๊ะ สายเลือดต้องไม่แปดเปื้อน ฮึ่มมม

ดีที่พิชญ์ฌาณไม่ยอมปล่อยอัยย์ไว้ที่บ้านแม่
สงสารอัยย์มากเลย แต่อัยย์ก็พลาด ไม่ดูแลตัวเอง

ที่ว่าจัดการแล้ว คือจัดการยังไง นอนหลับสนิทไปอีก
พิชญ์ฌาณคงต้องลุยหนักแล้วแหละ พ่อตาไม่ปล่อยให้ดิ้นบ้างเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 06-02-2019 00:48:40
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 9



 

 

 

 

 

 

 

            อาคิราห์ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง  อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจู่โจมเขาจนต้องหลับตาลงไปใหม่  เนื้อตัวปวดร้าวหนักอึ้งราวกับมีตุ้มเหล็กถ่วงเอาไว้ทั้งตัว  โอเมก้าหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆยาวๆหลายครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่

            เขากำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย  วอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีอ่อนจางคนละแบบกับห้องนอนของเขา  เครื่องเรือนสีเข้มเข้าชุดกันดูเคร่งขรึมแฝงความโบราณราวกับเป็นห้องนอนของหญิงชราวัยเจ็ดสิบปี  ชายหนุ่มดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็นิ่วหน้าอุทานออกมา

            “โอย”  ความปวดตึงตั้งแต่เอวลงไปข้างล่างทำให้เขาแทบขยับตัวไม่ไหว  เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีเทาเอาไว้  ปมเชือกที่ถูกผูกเอาไว้ลวกๆที่เอวคลายออกอย่างง่ายดายเผยให้เห็นร่องรอยบางอย่างที่ทำให้เจ้าของร่างอ้าปากค้าง

            ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก  เสียงครางแหบพร่ายังดังอยู่ริมหูพอๆกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ทำให้รู้สึกวาบหวิวเหมือนจะเป็นลม  ...แต่นั่นมันเกิดขึ้นในห้องชั้นบนของร้านอาหารที่เขากับนายพิษฌานโดนขังไม่ใช่หรือไงกัน

            แล้วเขามานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...

            เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ อาคิราห์ยกมือขึ้นกุมศีรษะ...ความทรงจำของเขามันขาดหายไปตรงนั้นเหมือนกับภาพตัด  ภาพสุดท้ายที่เขาจำได้ก็คือริมฝีปากสีสดของคนๆนั้นก้มลงมาเขา

            ก๊อกๆ

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง  โอเมก้าหันขวับไปมองอย่างระแวง

            “คุณอัยย์ตื่นหรือยังคะ  ป้านิ่มเองนะคะ”  เสียงแม่บ้านของพิษฌานดังขึ้นทำให้คนฟังใจชื้น  อาคิราห์รีบตะโกนกลับไป  ทว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอของเขากลับแหบสนิทแทบไม่เป็นคำ

            “ป้านิ่ม  ผมตื่นแล้วครับ”

            “ป้าเข้าไปนะคะ”  หญิงวัยกลางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง  เธอกวาดตามองรอบห้องแล้วเดินมาหยุดที่ข้างเตียง  ในมือของเธอถือถาดบรรจุชามข้าวต้มหอมกรุ่นมาด้วย  “ทานอะไรหน่อยดีไหมคะ”

            ท้องร้องโครกขึ้นมาทันที  อัยย์หันหานาฬิกา

            “เกือบบ่ายสามแล้วค่ะ  คุณอัยย์หลับไปนานเลย”  เธอตอบอย่างรู้ใจ  “มาค่ะ  ป้าช่วยนะคะ”  พูดจบเธอก็เข้ามาช่วยเขาขยับลุกขึ้นนั่ง  อัยย์ยกมือขึ้นจับบั้นเอว  เขารู้สึกเหมือนตัวจะขาดออกจากกัน   “เป็นยังไงบ้างคะ  ไหวไหม  ให้ป้าตามหมอไหมคะ”

            “ผม...ปวดตัวมากเลยครับ”  น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาใสเหมือนตากวาง  อาคิราห์สูดน้ำมูกแรงๆ กลั้นน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเอาไว้  “สงสัยจะไม่สบายเอา  ว่าแต่...ผมกลับมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ  จำได้ว่าหลังสุดคือผมโดนขังเอาไว้ในร้านอาหารแล้วคุณพิษฌานก็มา”  ชายหนุ่มหน้าร้อนซู่  ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้  ไม่เล่ารายละเอียดให้อีกฝ่ายฟัง

            “เอ่อ....คุณพิชช์ฌานช่วยคุณอัยย์เอาไว้แล้วก็พามาที่นี่ค่ะ  แล้วก็....”  คนสูงวัยกว่าอึกอัก  มองหน้าคนเด็กกว่าแล้วก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี  “คุณอัยย์ทานข้าวต้มก่อนดีกว่านะคะ  เผื่อจะคิดออก”  ใช้อาหารมาหลอกล่อเบี่ยงเบนความสนใจได้สำเร็จแล้ว  นิ่มนวลก็รีบถอยออกมาจากห้องนอนใหญ่ของบ้านเพื่อมากดโทรหาเจ้าของบ้านทันที

            แหม  เล่นปล่อยให้เธอรับหน้าคุณอัยย์อยู่คนเดียวเลยนะ...ยังดีที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังตามเรื่องทั้งหมดไม่ทัน  อาจจะคิดไม่ถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง  ขืนนึกออกเมื่อไหร่มีหวังคงบ้านแตกแน่ๆ  คุณฌานนะคุณฌาน...

            อาคิราห์ตักข้าวต้มขึ้นใส่ปากเคี้ยวกลืน  ความร้อนทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างแม้จะรู้สึกแสบเพราะปากเป็นแผลบวมเจ่อ  ก้มลงดูแขนขาของตัวเองที่มีแต่รอยแดงๆเขียวๆเป็นจ้ำๆแล้วก็ชักสงสัยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่  หรือว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นจนเขาสลบไป...ต่อสู้ตอนไหนล่ะ  จำได้แค่นายพิษฌานก้มลงมาจูบเขาเหมือนคนตายอดตายอยาก  จากนั้นก็...

            ว่างเปล่า... จำอะไรไม่ได้อีกเลย

            แต่ปวดไปทั้งตัวขนาดนี้  ถ้าต่อสู้กันเขาคงจะโดนลูกหลงมากพอดู  อาคิราห์คิดในใจ  จัดการข้าวต้มตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงในพริบตา  ป้านิ่มนวลกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับยาแก้ปวดลดไข้

            “ทานยาก่อนนะคะคุณอัยย์”

            “คุณพิษฌานอยู่ไหนหรอครับ  ผมอยากคุยกับเขา”  อาคิราห์ถามหลังจากกินยาไปแล้ว

            “คุณฌานยังไม่กลับมาเลยค่ะ  คุณอัยย์อยากคุยเรื่องอะไรล่ะคะ”  ป้านิ่มถามเสียงอ่อน  พิศดูใบหน้างงๆเหมือนเด็กหลงทางของอีกฝ่ายอย่างสงสารแกมเอ็นดู

            “ผมอยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ป้านิ่มเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ”

            “เท่าที่ป้ารู้นะคะ  เมื่อคืนเกิดจลาจลขึ้นในเมืองจากพวกผู้ชุมนุมอะไรเนี่ยแหละค่ะ  แล้วก็มีระเบิดอะไรกันวุ่นวายเลย  ตำรวจทหารออกมาเดินกันให้ควั่ก  คุณฌานพาคุณอัยย์กลับมาตอนเกือบสามทุ่มได้มั้งคะ  คุณอัยย์ไม่สบายมากก็เลยตามหมอมา”

            “ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย  หรือว่าผมจะโดนกระทบกระเทือนทางสมอง”  ประโยคหลังเจ้าตัวปรารภกับตัวเองอย่างครุ่นคิด

            “อาจจะเป็นไปได้นะคะ  เห็นคุณฌานบอกว่าพาหนีพวกชุมนุมหัวซุนเลย  ตัวคุณฌานเองก็โชกเลือดทีเดียว  น่าจะมีการปะทะกันอยู่ค่ะ”

            “น่ากลัวจังครับ  โชคดีจริงๆที่รอดมาได้”

            “ต้องขอบคุณคุณฌานนะคะที่ช่วยคุณอัยย์เอาไว้”  ป้านิ่มรีบเสริม  ไขว้นิ้วเอาไว้ข้างหลัง  นึกบ่นเจ้านายของตัวเองอยู่ในใจที่ทำให้เธอต้องผิดศีลพลอยโกหกไปด้วย  “คุณอัยย์คงสลบไปล่ะมั้ง”

            โอเมก้าหนุ่มถอนหายใจ

            “เสียดายที่มีเรื่องเสียก่อน  ไม่อย่างนั้นผมคงอยู่สวิตฯไปแล้ว  ไม่เป็นไร  ไว้ผมค่อยไปก็ได้”

            “คงไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้หรอกนะคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลรีบพูด  “บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย  คุณเองก็ไม่สบาย  อย่าเพิ่งเดินทางไปไหนเลยค่ะ  ป้าเป็นห่วง”

            “ผมคงต้องเลื่อนไปก่อนน่ะครับ  ระบมไปทั้งตัวขนาดนี้  นี่ผมโดนฟาดด้วยไม้หน้าสามหรือเปล่า”  ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ  “ต้องกินน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในไหมครับ”

            “ถ้าคุณอัยย์อยากกิน  ป้าจะทำให้ค่ะ”  นิ่มนวลรีบบอก  “คุณอยากกินอะไรบอกป้าได้เลยนะคะ”

            “ตอนนี้ผมอยากกินอะไรที่มันคล่องๆคอน่ะครับ  เจ็บคอไปหมดเลย”  อัยย์พูด   “แล้วก็อยากลุกไปอาบน้ำด้วย  ป้านิ่มช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ”

            “ได้เลยค่ะ”  เธอกุลีกุจอเข้ามาช่วยเขาลุกขึ้นยืน  ท่อนขาสองข้างสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนอาคิราห์ตกใจ  เขารู้สึกขาไม่มีแรงเอาเลยทีเดียว  ยึดจับมือของแม่บ้านเอาไว้แน่น  อาคิราห์ค่อยๆก้าวไปยังห้องน้ำ

            พอออกเดินเท่านั้นแหละ  ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  ความเจ็บปวดที่แยกต่างหากออกมาจากบั้นเอว  มันร้าวขึ้นมาจากช่วงล่างของเขาโดยเฉพาะข้างหลัง  ปวดแปลบๆทุกการก้าวเดิน

            กัดฟันเดินมาจนถึงห้องน้ำ  ชายหนุ่มปิดประตูห้องลงกลอนเสร็จก็ปลดเสื้อคลุมออกหน้ากระจกเงาบานใหญ่  รอยแดงช้ำบนผิวสีน้ำผึ้งทั่วตัวทำให้ตกใจ  บางแห่งก็ดูน่ากลัวโดยเฉพาะแถวหน้าอกและต้นขาด้านในลามเลยไปยังข้างหลังที่เขาเอี้ยวตัวมองอย่างยากลำบาก

            หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกที  อาคิราห์กัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่นไม่ให้ร้องกรีดออกมา  ขยับเข้าไปใกล้กระจกมากขึ้นและหันหลังมองต้นคอระหงที่เคยเนียนเรียบ

            รอยฟันของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นแก่สายตา

            ลมหายใจของเขาขาดห้วงไป...ถึงจะไม่เคยเห็นของจริงกับตาตัวเองแต่ว่าอาคิราห์ก็เคยอ่านหนังสือมามากพอที่จะนึกรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

            ไม่นะ...

            ต้องไม่ใช่สิ...

            .........................................................

            “คุณพิชช์ฌานจะกลับเลยหรือว่าอยู่ร่วมงานเลี้ยงหลังแถลงข่าวก่อนครับ”  เจนภพขยับเข้ามากระซิบถามข้างหูเขาหลังจากที่งานแถลงข่าวจุดยืนของพรรคจบลงไปด้วยดี  พิชช์ฌานก็ยังเป็นคนเดิมที่มีวาทศิลป์ดีเยี่ยม  ชายหนุ่มยืนยันความบริสุทธิ์ของพรรคและถามหาความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้กลับไปยังรัฐบาลแทน 

            “ฉันว่าจะกลับก่อน”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ แล้วพูดเสียงดังขึ้นให้ได้ยินทั่วกัน  “ฉันต้องกลับไปดูแลภรรยาโอเมก้าที่บ้าน”

            “สงสัยจะมีข่าวดีเร็วๆนี้กระมังครับ”  จักรกฤตที่โกรธแค้นและผิดหวังที่พิชช์ฌานสามารถพลิกสถานการณ์ได้ทันท่วงทีพูดขึ้นเยาะๆ  “อยากได้ลูกจากโอเมก้าเป็นชายหรือหญิงล่ะครับคุณพิชช์ฌาน”

            “จะเพศไหนฉันก็รักหมดนั่นแหละ”  หัวหน้าพรรคตอบเนิบๆ  “ไม่มีผลอะไรกับฉัน”

            “แหม  สนับสนุนความเท่าเทียมกันทั้งต่อหน้าและลับหลังนักข่าวเลยนะครับ”  อีกฝ่ายเคาะ

            “ฉันเป็นคนจริงใจ  รักก็บอกว่ารัก  เกลียดก็บอกว่าเกลียด  ไม่เคยบอกรักแต่แอบแทงข้างหลังใครหรอก อย่างนายอาจจะไม่เข้าใจล่ะมั้ง...ให้ยกตัวอย่างไหมล่ะ  คนที่ต่อหน้าบอกสนับสนุนเราแต่ลับหลังแอบวิ่งเต้นลอบบี้จะไล่เราออกจากตำแหน่ง  แต่เสียดายที่เบี้ยน้อยหอยน้อยไปหน่อยก็เลยไม่มีใครเอาด้วย  คุ้นๆไหมเรื่องนี้”  คนพูดยิ้มมุมปาก  “ครั้งแรกยังให้อภัย  แต่ครั้งที่สองนี่เกินรับไหวนะ”

            “แล้วจะทำไมเหรอ”  จักรกฤตถาม  เลิกคิ้วขึ้นสูง  “คนอย่างคุณพิชช์ฌานจะจัดการคนแบบนั้นยังไงหรอครับ”

            “นั่นสิ...ผมก็กำลังคิดอยู่  แต่ผมคงไม่เตือนเขาอีกเป็นครั้งที่สามหรอก”  พิชช์ฌานพูดเสียงเย็นจนคนฟังหน้าเสีย

            ชายหนุ่มเดินออกมาจากที่ว่าการพรรคไปขึ้นรถประจำตัวโดยมีเลขาฯและผู้ติดตามอีกเกือบสิบคนตามหลังมาด้วย  นักข่าวดักรอถ่ายภาพอยู่ก่อนแล้วเต็มไปหมด  พิชช์ฌานหยุดให้สัมภาษณ์อีกครั้งด้วยใบหน้าเป็นกังวล

            “อย่างที่ผมได้แถลงข่าวไปนะครับ  ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจลาจลครั้งนี้เลย  และถ้าผมเป็นรัฐบาลก็คงไม่เสียเวลามานั่งกล่าวหาลอยๆกันแบบนี้หรอกครับ  ลองคิดดูว่าผมจะทำลงไปเพื่ออะไรในเมื่อภรรยาของผมก็เป็นโอเมก้า  ผมกล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจโอเมก้าได้ดีที่สุดครับและจุดยืนของผมอยู่คนละฝั่งกับกลุ่มผู้ชุมนุมอนุรักษ์นิยมต่อต้านโอเมก้าอย่างแน่นอน”

            “แสดงว่าคุณพิชช์ฌานสนับสนุนการที่จะให้โอเมก้าออกมาทำงานในตำแหน่งงานเทียบเท่ากับอัลฟ่าหรอคะ”  นักข่าวคนหนึ่งถาม

            “ก็ต้องแล้วแต่ความสามารถของเขาครับ  คุณลองดูประเทศอื่นสิครับ  เขาเปิดกว้างเรื่องนี้แค่ไหนแล้ว  ถ้าโอเมก้าคนไหนมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอ  ออกมาเลยครับ  ผมพร้อมสนับสนุน”

            “แสดงว่าโอเมก้าสามารถสมัครงานที่พรรคของคุณได้ใช่ไหมคะ  ได้ข่าวว่าพรรคของคุณเองก็ไม่มีโอเมก้าทำงานเลยสักคนเดียว”

            “ผมยืนยันว่าพรรคของผมไม่ได้ปิดกั้นครับ  ถ้าคุณมีคุณสมบัติมากพอที่จะทำงานได้ ผมยินดีรับ”

            “คุณคิดยังไงกับโอเมก้าฮีทครับ  มันจะมีผลต่อการทำงานหรือเปล่า”

            “ผมมีแผนที่จะรองรับเรื่องนี้ครับ  ตอนนี้กำลังร่างแผนอยู่  ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมจะมีนโยบายยังไงก็เลือกพรรคผมเข้าไปเป็นรัฐบาลสมัยหน้าสิครับ”

            “คุณพิชช์ฌานไม่กลัวกระแสต่อต้านโอเมก้าของสังคมตอนนี้หรอครับ”

            “ไม่กลัวครับ”  ชายหนุ่มตอบหนักแน่น  “ผมคิดว่าสิ่งที่ผมพยายามจะทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  เราทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน  แตกต่างกันที่เพศสภาพเท่านั้น  ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาแบ่งแยกหรือกดเหยียดกัน  มันโบราณมากแล้วครับ  ทุกคนมีสิทธิที่จะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง  ผมเชื่อว่าประเทศของเรามีคนรุ่นใหม่ที่เห็นด้วยกับความคิดนี้อยู่มากเพียงแต่ว่าเขาไม่ได้แสดงออกมาด้วยการเดินประท้วงหรือทำลายข้าวของเท่านั้นเองครับ”

            “คุณคิดว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมต่อต้านโอเมก้ามีใครหนุนหลังอยู่ไหมคะ”

            “ผมไม่ทราบครับ  คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่สืบหาของคุณตำรวจและรัฐบาลที่จะต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศนะครับ  ผมเป็นแค่ฝ่ายค้านตัวเล็กๆที่อยากจะประณามการกระทำรุนแรงนี้เท่านั้น  รวมถึงคนที่ริดรอนสิทธิของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วย  ....เอาไว้ผมจะมาให้สัมภาษณ์ใหม่  ตอนนี้ผมต้องรีบกลับบ้านแล้วครับ  ภรรยาของผมรอทานข้าวเย็นด้วยกันอยู่”

            “คุณพิชช์ฌานคะ  คุณพิชช์ฌานอีกคำถามค่ะ”         

            นักข่าวเดินตามเขามาจนถึงรถ  ชายหนุ่มโบกมือลานักข่าวแล้วก้าวขึ้นรถมุ่งหน้าตรงกลับบ้าน

            “จริงๆน่าจะให้ใครมาสัมภาษณ์อาคิราห์เสียหน่อยนะ”  พิชช์ฌานพูดลอยๆ  “เผื่อจะมีคนอยากรู้ว่าตอนอยู่ที่บ้านตัวเอง  คุณพ่อผู้แสนดีเลี้ยงดูเขายังไงบ้าง  ฉันว่าน่าจะมีคนสนใจ”           

            “คุณฌานจะให้ผมติดต่อหนังสือพิมพ์หรือว่านิตยสารดีครับ”  เจนภพถาม

            “อืม...ทั้งสองอย่างเลยดีไหม  ขอคนที่ภาพลักษณ์ดีๆ หน่อยนะ  ...ไม่แน่งานนี้เกมอาจจะพลิกมาอยู่ในมือของเราจริงๆก็ได้”  ชายหนุ่มพึมพำอย่างพอใจ  “ฝากจัดการเรื่องจักรกฤตด้วย  เอาแค่เบาะๆพอหอมปากหอมคอแล้วกัน”  มือขวารับคำ   “แล้วเรื่องคนขับรถกับตาแก่เจ้าของร้านคนนั้นเจอตัวหรือยัง”         

            “มีข่าวว่าหนีลงใต้ครับ  คนของเรากำลังตามหาอยู่”

            “ดีมาก  คราวนี้อย่าให้พลาดล่ะ”  พิชช์ฌานถอนหายใจ  “กลัวจะโดนเก็บเสียก่อน”

            “น่ากลัวอยู่ครับ  ทางรัฐบาลคราวนี้ผมว่าเล่นแรงกว่าทุกครั้ง  อาจเป็นเพราะกระแสโอเมก้าที่คุณปลุกขึ้นมาแรงด้วย”

            “ป่านนี้ท่านไตรคุณคงดิ้นพล่านแล้ว  ฉันโยนเผือกร้อนให้ทั้งกองเลย  หึๆ”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  “ช่วยไม่ได้จริงๆ  ทำกันก่อนนี่นะ”

            “แล้วเรื่องคุณอัยย์”  ลูกน้องยังเป็นห่วงไม่เลิก

            คนฟังเลิกคิ้ว

            “ก็ไม่มีอะไรนี่”

            พิชช์ฌานคิดว่าตัวเองคิดถูก  เพราะตอนที่เขากลับมาถึงบ้านก็พบว่าไม่มีเสียงกรีดร้องหรือร้องห่มร้องไห้อย่างที่กลัว  ป้านิ่มเล่าให้เขาฟังว่าพอเจ้าโอเมก้าตื่นนอนก็กินข้าว  แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ  เสร็จแล้วก็กลับมานอนหลับปุ๋ยเหมือนเดิม

            “ดูท่าคุณอัยย์จะเข้าใจว่าตัวเองโดนลูกหลงไปด้วยตอนคุณพาหนีน่ะค่ะ”

            “หืม?”  คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน  “เขาคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

            “น่าจะจริงนะคะ  ตอนที่กลับออกมาจากห้องน้ำมานอนก็เห็นเฉยๆ  ไม่เห็นว่าอะไร  ถ้ารู้เรื่องนั้นแล้วป้าว่าไม่น่าจะอยู่เงียบๆได้นะคะ”

            “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ปีนหนีออกมาจากห้องนอนแล้วนะป้า”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  เดินขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องนอนของตัวเอง  ยกมือขึ้นจะเคาะแล้วก็เปลี่ยนใจบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปภายใน


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 06-02-2019 00:49:28








            ร่างโปร่งบางนอนหลับนิ่งอยู่เตียงตอนที่เขาจรดฝีเท้าเดินเข้าไปจนชิด  เปลือกตาสีอ่อนกับขนตายาวเป็นแพน่ากรีดเล่นทาบอยู่บนผิวแก้มเนียนละเอียด  จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากอิ่มเต็มสีสดทำให้หัวใจของคนมองเต้นเร็วขึ้นชั่วขณะ

            ดวงตาคมเข้มเหลือบมองไล่เลยลงมายังซอกคอและไหปลาร้าที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา  ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  รอยแดงๆยังเห็นอยู่บนผิวที่เขารู้ดีว่านุ่มลื่นมือแค่ไหนนั้น

            จู่ๆเปลือกตาที่ปิดสนิทก็ลืมตาโพลงขึ้นฉับพลันจนคนมองตกใจ

            “ย้าก!!”  เสียงร้องตะโกนมาพร้อมกับอะไรสักอย่างในมือเล็กที่จ้วงแทงใส่เขาไม่ยั้ง  พิชช์ฌานเห็นแวบเดียวว่ามันสะท้อนแสงไฟเป็นมันปลาบ  ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบไปมา  พอได้จังหวะก็จับยึดข้อมือเล็กๆนั้นเอาไว้  เขาเพิ่งสังเกตว่าอาวุธที่อีกฝ่ายใช้ก็คือส้อม  และเจ้าโอเมก้าแทบไม่ได้ขยับตัวลงมาจากเตียงเลย

            ริมฝีปากอิ่มเบะออกตามด้วยน้ำตาเอ่อคลอในหน่วยตากลมโต  พริบตาเดียวก็ไหลอาบแก้มลงมาเหมือนเขื่อนแตก  อาคิราห์ปล่อยโฮออกมาเสียงดังเหมือนเด็กๆจนอีกคนทำตัวไม่ถูก

            “เดี๋ยวสิเธอ  ร้องทำไม  หยุดก่อน...คุยกันดีๆ”

            “ไม่  ออกไปนะ  ออกไปให้พ้นเลย  ไอ้พิษฌาน”  เจ้าโอเมก้าเขวี้ยงหมอนใส่เขาเต็มแรงแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดเลยสักนิด  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ยึดข้อมือได้ทั้งสองข้างอีกฝ่ายก็ก้มลงงับที่มือของเขาเต็มแรง

            “โอ๊ย!  ปล่อยฉันนะอัยย์  เจ็บนะ”  เขาสะบัดมือออก  รอยฟันเรียงอยู่ที่ข้อมือเลือดซิบทีเดียว  “กัดมาได้ยังไง  ฉันเจ็บนะ”

            “คุณนั่นแหละ  กัดมาได้ยังไง  ไอ้บ้าพิษฌาน  บ้าที่สุดเลย  ฉวยโอกาส”  อาคิราห์ด่าไม่ยั้ง  ยกมือที่เป็นอิสระขึ้นทุบร่างสูงใหญ่แรงๆ

            “ฉันไม่ได้กัด  จะบ้าเหรอ  หยุดนะ”

            “ไม่กัดแล้วนี่รอยอะไร”  อัยย์แว้ด  หันคอให้อีกฝ่ายดู

            “เอ่อ...ยุงกัดล่ะมั้ง  แล้วเธอเกา”  พิชช์ฌานตอบออกไปแล้วก็แทบกัดลิ้นตัวเอง  นี่เขาเป็นบ้าจริงๆตามที่อีกคนบอกหรือเปล่า  แค่เห็นน้ำตานิดหน่อยก็คิดอะไรไม่ออกเสียแล้ว  ดีนะที่ในห้องนี้ไม่มีนักข่าว

            “คิดจะหลอกกันอีกเหรอ  กลับมานี่เลยนะจะหนีไปไหน”  คนบนเตียงร้องเพราะคนตัวสูงกว่าเล่นกระโดดถอยไปเสียไกล

            “แน่จริงก็ลุกมาสิ  ลุกไม่ไหวล่ะซิ”  เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนที่นั่งหน้าเบ้เปื้อนขี้มูกขี้ตาบนเตียงนั้นได้แต่ทุบกำปั้นลงกับเตียงไปมา  “เมื่อคืนเธอก็ทุบฉันไม่ยั้งเหมือนกันน่ะแหละ  ก็เจ๊ากันไง”

            “คุณมันแย่มาก  คุณกัดผม!!”

            “ฉันไม่ได้ตั้งใจ...โอเค  ฉันตั้งใจ  แต่ฉันทำลงไปเพราะช่วยเธอนะอาคิราห์  คิดว่าฉันอยากกัดเธอนักหรือไง  ขี้ไคลเต็มคอขนาดนั้น  พูดแล้วขมคอเลยเนี่ย”

            “ไอ้...”  อัยย์โกรธจนเลยขีดจำกัดไปแล้ว  เขาโกรธจัดจนพูดไม่ออก

            “หยุดด่าฉันได้แล้ว  เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนสถานการณ์มันน่ากลัวแค่ไหน  ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามลืมกินยาแล้วเธอก็ลืม ถามจริงจำอะไรได้บ้างไหม”

            “คุณรังแกผม”

            “เธอต่างหากล่ะที่รังแกฉัน  กลิ่นคุกกี้ของเธอน่ะทำฉันเวียนหัวไปหมด  ไหนจะต้องพาเธอหนีอีก  รู้ไหมว่าฉันแบกเธอวิ่งเป็นกิโลๆเลยนะ  ตัวหนักก็หนัก  ฉันปวดหลังไปหมดยังไม่หายปวดเลย”

            “แล้วทำไมต้องกัดผม!!!”  อัยย์ตะโกนเสียงดังกว่าเดิม  ยกมือขึ้นทุบเตียงแรงๆระบายความอัดอั้นตันใจ  “คุณล่วงเกินผม  ฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่รู้ตัว  คุณมันเลวที่สุดเลย  คุณกัดผมแล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงต่อล่ะ”

            “ก็ไม่ยังไง...ก็อยู่ที่บ้านฉันนี่ไง”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาย  “เพียงแต่ถ้าเธอฮีทคราวหน้า  ก็คงมีแต่ฉันนี่ล่ะที่ช่วยเธอได้”

            “โธ่เว้ย  ผมไม่อยู่ฮีทกับคุณหรอกไอ้พิษฌาน  ผมจะกลับบ้าน”  พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็เซแซดๆไปเกาะโต๊ะกลมข้างๆ  พิชช์ฌานมองดูความพยายามนั้นอย่างขันๆ  ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ  จนกระทั่งเจ้าโอเมก้านั่งแปะลงไปกับพื้นแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาไปมา  บ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์นั่นแหละ  เขาถึงได้ก้าวเข้าไปนั่งยองๆตรงหน้า

            “อัยย์...ฟังฉันก่อนสิ”

            “ไม่  ไปให้พ้นหน้าเลย”

            “ก็นี่ห้องฉัน  จะให้ฉันไปไหนล่ะ”

            “งั้นผมจะไปเอง”

            “ไปไหวก็ไปสิ”

            “ฮึ”  อาคิราห์พ่นลมหายใจออกมาแรงแล้วย่นจมูก  ผลักมือของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาออกไป  “คุณมันเลวไอ้พิษฌาน”

            “นี่ถ้าเรียกว่าไอ้อีกคำเดียวล่ะก็  ได้เห็นดีแน่”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้มขึ้น  “หยุดร้องไห้แล้วพูดกันดีๆได้แล้ว”

            “ไอ้-พิษ-ฌาน”  ยังไม่ทันขาดคำ  อาคิราห์ก็เรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงเน้นหนักทีละคำให้ชัดๆไปเลย  “ไอ้ ไอ้ ไอ้ ไอ้พิษฌาน”

            “ห้าครั้งใช่ไหม  ได้”  พูดจบมือใหญ่ก็รั้งท้ายทอยของคนปากดีเข้ามาจูบแรงๆที่ริมฝีปาก  อีกฝ่ายดิ้นหนีพยายามจะดันหน้าออกแต่ก็ไม่สำเร็จ  พิชช์ฌานไม่เปิดโอกาสให้เจ้าโอเมก้าได้หายใจจนกระทั่งประทับริมฝีปากลงมาครบห้าครั้ง  เนิ่นนานจนเหมือนห้าปีในความรู้สึกของอัยย์

            “จะเรียกอีกไหม”  อัลฟ่าหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากที่เริ่มแดงช้ำนั้นเบาๆ  เจ้าของดวงตากลมโตใสแจ๋วคู่นั้นเบิกโพลงเหลียวล่อกแล่ก  ส่ายหน้าปฏิเสธจนผมนุ่มสลวยปัดไปมา

            “ปล่อยผม”

            “จะหนีอีกหรือเปล่า”

            “ลุกไหวเสียก็ดี”  คนเด็กกว่ากระแทกเสียง  ยกมือขึ้นทุบเขาอั้กใหญ่  พิชช์ฌานรีบล็อคข้อมือเอาไว้

            “ทุบมาทุบกลับนะ  แรงด้วย”

            “ไอ้บ้า”

            “มีคำว่าไอ้อีกแล้วเหรอ”  เขาเลิกคิ้ว

            คนฟังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ

            “แย่ที่สุดเลย  แย่มากๆ  รังแกคนที่อ่อนแอกว่า  พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง  หรือว่าสอนแล้วแต่ไม่จำ”

            “น่าจะเป็นอันหลังนะ”  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่รู้สึกอารมณ์ดีได้ขนาดนี้  “ว่าฉันจนพอใจหรือยังเจ้าบู้บี้  ทีนี้จะได้ฟังฉันบ้าง”

            “........”  อีกฝ่ายหันหน้าหนี 

            “อัยย์  เมื่อคืนเธอฮีทรุนแรงมากเลยนะรู้หรือเปล่า  ฉันตามหมอมาฉีดยาระงับให้เธอก็ยังไม่ได้ผลเลย  เธอมีอาการประสาทหลอนด้วย  ฉันก็เลยต้องหาทางอื่นเพื่อช่วยเธอ”

            “มันไม่มีทางอื่นเลยเหรอ”

            คนฟังอึ้งไปครู่  ...จะว่าไปมันก็น่าจะมีทางอื่น  แต่ว่าเป็นเขาเองที่ไม่ได้ค้นหาทางเลือกพวกนั้น  ดูเหมือนว่าคืนที่ผ่านมาเขาจะคิดออกอยู่เพียงทางเดียว

            “ไม่มี  นี่เป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้  ตอนนั้นเธออาการหนักมากเลยนะ”  ชายหนุ่มไขว้นิ้วอยู่ในใจ  “ถ้าฉันไม่ช่วยเธอ  เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้”

            “จริงเหรอ”  เสียงอู้อี้เริ่มลังเล  “แล้วใครให้...ทำแบบนี้”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้า  “ถ้าเกิดว่า  ...เกิดผม...ท้องขึ้นมา จะทำยังไง”

            “ไม่ท้องหรอก”

            “จริงเหรอ”  มือเล็กลดลงมานิดหนึ่งพอให้เห็นตากลมๆ

            “จริงสิ  ครั้งแรกน่ะไม่ท้องหรอก  หมอบอกฉัน”  พิชช์ฌานพูดด้วยเสียงหนักแน่นน่าเชื่อถือทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่มั่นใจเลยสักนิด

            พูดให้ถูกก็คือ  เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยต่างหาก  บอกเลยว่าเมื่อคืนไม่ใช่แค่อาคิราห์หรอกที่ลืมตัว

            เขา...พิชช์ฌานคนนี้ก็ยอมให้สัญชาตญาณดิบที่เพียรเก็บซ่อนเอาไว้ภายในครอบงำตัวเองเต็มที่เหมือนกัน  พยายามยับยั้งแล้วแต่มันเกินต้านทานจริงๆ  เขาลืมหมดทุกอย่างแม้แต่ความรังเกียจในใจที่เคยมีอยู่ ...แม่ของเขาพูดถูก  ไม่มีอัลฟ่าคนไหนทนโอเมก้าฮีทได้

            ความรู้สึกที่ได้ฝังตัวตนลงไปให้ลึกที่สุดนั้นยังติดตรึงอยู่ในใจ  ความอบอุ่นที่โอบล้อมร่างกายของเขาและบีบรัดนั้นให้ความรู้สึกดีแทบบ้า  เสียงหอบหายใจเป็นจังหวะผสมกับกลิ่นหอมหวานเหมือนเป็นยากระตุ้นชั้นเลิศให้เขามัวเมายากจะถอนตัวกลับมาได้  รู้ตัวอีกทีก็ฝังคมเขี้ยวลงไปที่หลังคอของอีกฝ่ายเสียแล้ว  ไม่ต้องถามถึงการป้องกันใดๆ  เพราะเขาโอบกอดร่างในวงแขนนี้เอาไว้แน่นตอนที่ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้นและติดต่อกันยาวนานกว่าร่างกายของเราจะแยกจากกัน

            “ไม่ท้องหรอกน่า”  เขาย้ำอีกครั้งเหมือนย้ำกับตัวเองไปด้วย  เขาไม่มีทางปล่อยให้เจ้าโอเมก้าตั้งท้องเด็ดขาด  “ฉันจะไปหายาคุมฉุกเฉินมาให้เธอกินกันเอาไว้อีกที”

            คนฟังเริ่มลังเล  อันที่จริงตลอดชีวิตที่ผ่านมาอัยย์เคยอ่านเรื่องการสร้างพันธะสัมพันธ์ระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าเพียงแค่ในหนังสือเท่านั้น  ขนาดพวกคลิปวีดีโอต่างๆเขายังไม่เคยนึกอยากดู  โอเมก้าที่ตั้งท้องจริงๆก็ยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆเลยด้วย  ก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันจะท้องได้เหมือนที่อ่านหรือเปล่า

            “แต่คุณทำผิดสัญญาที่ล่วงเกินผม”

            “ก็จริง”  พิชช์ฌานยอมรับ  “ฉันจะจ่ายค่าปรับให้เธอ  ตอนที่เราหย่ากัน”

            “คุณกัดคอผมทำไมเนี่ย”  พอหมดเรื่องท้อง  อาคิราห์ก็วนกลับมากังวลเรื่องเดิมอีก

            “เรื่องที่ฉันกัดคอเธอก็สบายใจได้  มันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอกนะ  เป็นความเชื่อน่ะ  เราเคยคุยกันแล้วนี่เรื่องคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่น  มันก็น่าขันพอๆกับเรื่องกัดคอนั่นแหละ  ทำเป็นพวกหัวเก่าไปได้  เลิกร้องไห้ได้แล้ว  เอาไว้เราหย่ากันเมื่อไหร่  ก็ต่างคนต่างไป  มีโอเมก้าเยอะแยะที่เคยโดนกัดคอแต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติได้แบบไม่มีคู่  อย่าจริงจังเลยน่า  หรือว่าเธอเชื่อเรื่องทฤษฎีพันธะที่โมเลกุลจากน้ำลายฉันจะวิ่งไปตามกระแสเลือดของเธอแล้วทำปฏิกิริยาห่วงโซ่กับเซลล์อะไรสักอย่างในร่างกายเธอจนเธอกลายเป็นของฉันคนเดียวงี้  ก็โรแมนติกดีอยู่หรอกนะ  แต่ว่าแบบ...”

            “พอเหอะ”  อัยย์ยกมือขึ้นห้าม  “โอเค  ผมเข้าใจแล้ว  เรื่องกัดคออะไรนั่นผมเองก็ไม่เชื่อเท่าไหร่  แต่ผมไม่ชอบ...มันขนลุก  หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกนะ”

“มันก็ขึ้นกับว่าเธอกินยาครบหรือเปล่านั่นแหละ”

คนฟังยกมือยอมแพ้

“ก็ได้ คราวนี้ผมยอมรับว่าตัวเองก็ผิด...ส่วนนึง”

“หัดยอมรับผิดเสียบ้างก็ค่อยน่ารักหน่อยนะ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ

“แต่เรื่องที่คุณทำกับผมมันก็ผิดมากกว่าผมเยอะ  ไหนจะเรื่องที่คุณไม่ยอมให้ผมไปเที่ยวอีก  คอยดูนะคราวนี้ถ้าผมหายดีเมื่อไหร่  ผมจะไปเที่ยวรอบโลกจริงๆด้วย  แล้วพอกลับมาเราก็ต่างคนต่างอยู่เสียทีเถอะ”  อัยย์เข่นเขี้ยว

            “ตามนั้น”  ชายหนุ่มพูด 

            “ผมจะไม่ยอมให้อะไรก็ตามมาขวางอีกแล้ว”

            “รับทราบ”

            “รู้ก็ดี  ตอนนี้ก็พาผมขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย  นั่งที่พื้นมันเจ็บรู้มั้ย”  อัยย์พูดเสียงห้วนแบบไม่มองหน้า  ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆดังมาจากลำคอของคนที่ขยับเข้ามาช้อนอุ้มเขาลอยขึ้นทั้งตัว   “เห้ย  แค่พยุงก็พอแล้ว”

            “บริการดีเป็นการไถ่โทษไงล่ะ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ

            “ผมไม่หายโกรธง่ายๆหรอกนะ”

            “ฉันง้อเก่งนะ”  เสียงห้าวๆที่พูดจนชิดนั้นพาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะไปนิดหนึ่ง  อาคิราห์เม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

            “คราวนี้ผมฝากไว้ก่อน  ไว้ผมจะเอาคืน”

            “รับฝากตลอดชีวิตเลยยังได้”  นักการเมืองหนุ่มพูดออกไปแล้วก็กระแอมออกมา  “ฉันพูดเล่นนะ”

            “ผมก็ไม่คิดจะฝากอะไรไว้กับคุณตลอดชีวิตหรอกครับ”  อาคิราห์เบ้ปาก 

            “เย็นนี้อยากกินอะไร”  อีกคนเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ

            “จะกินอะไรก็เรื่องของผม”  เจ้าโอเมก้ายังรวนไม่เลิก

            “แปลว่าไม่กินสินะ  ฉันจะได้ไปบอกป้านิ่มว่าเธอจะอดข้าว”  คนฟังหันขวับมาอ้าปากทันควัน  “ด่าไอ้อีกไหม  ด่าเลย  ด่าสิ”  พิชช์ฌานเกือบหัวเราะออกมา  “สรุปอยากกินอะไร”

            “ไม่อยากกินแล้ว”

            “ไม่กินก็ไม่กิน  ดีไม่เปลือง”

            “.........”  อัยย์ขยับปากด่าแบบไม่มีเสียง

            “อะไรนะ  เรียกฉันว่าไอ้อีกแล้วเหรอ”  คนตัวใหญ่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับมือไม้ยุ่มย่าม

            “เปล่าเสียหน่อย  อย่ามามั่ว”  อัยย์ร้อง  ผลักมืออีกฝ่ายออกเป็นพัลวัน  “ถอยออกไปอยู่ห่างๆเลย”

            “งั้นฉันไปดีกว่า”  คนพูดทำท่าจะหันหลังออกจากห้อง  ทว่าคนบนเตียงกลับเรียกเอาไว้เสียก่อน

            “เดี๋ยวสิ  จะไปไหนน่ะ”

            “ลงไปข้างล่าง  ทำไมหรือ?”  พิชช์ฌานงง  ใบหน้าของอีกฝ่ายแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  อัยย์อึกอักมองหน้าเขาแวบเดียวแล้วก็ส่ายหน้าแรงๆ

            “ไม่มีอะไร  จะไปไหนก็ไปเลย”

            กลิ่นหอมอวลๆที่ทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาดนั้นจางหายไปแล้วพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่กลับออกไปจากห้อง  อาคิราห์ซุกใบหน้าลงกับหมอน  สูดกลิ่นของเจ้าของเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่เข้าปอด

            ...................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า  ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            เขียนแล้วมีความสุขจริงๆ555555 เตือนไว้ก่อนว่ามันเป็นโอเมก้าเวิร์สในแบบของเราอ่านะ  ไม่มีถูกมีผิดเนอะ5555555

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-02-2019 01:02:17
 :mew5: เล่นตัว เล่นแง่กันทั้งคุ่อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-02-2019 01:32:24
ติดกลิ่นล่ะสิ เจ้าตัวน่ารักกกกก ถ้านุ้งท้องคงหัวหทุนกันทั้งบ้านแน่ๆ ขนาดไม่ท้องยังแสบซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-02-2019 02:35:20
 ดีไม่ดีก็ท้องตั้งแต่ครั้งแรกนี่แหละจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 06-02-2019 06:58:22
โอ๊ยแต่ละคน
รู้สึกถึงความยุ่งยากเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-02-2019 07:27:38
ลูกอัยย์ หนูควรโฟกัสที่ช่วงล่างที่มันปวดมาจากด้านหลัง มากกว่ารอยกัด นะคะลูกกก โอ๊ยย ปวีณาเขาจะรับช่วยไหม โดนล่อลวงแบบงงๆ แบบนี้ 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-02-2019 08:28:02
แล้วตกลงใครเป็นตัวการณ์เรื่องก่อจราจล ถ้สเป็นพ่อของอัยย์จริงๆนะสงสัยไม่คิดว่าลูกตัวเองจะออกมาเจอ แล้วถ้าอัยย์ท้องขึ้นมานะจะดูหน้าตาพิษฌาณดิจะทำงัย o18
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-02-2019 09:36:26
อัยย์เป็นคนตลกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่8 2/2/62 p3
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 06-02-2019 15:59:06
ตาพิษจับคู่แล้วก็ช่วยน้องปลดปล่อยใช่ไหม ว่าแต่ว่านะ

ด่านคุณนายอัลฟ่านี่คงจะผ่านไปได้ยากน่าดู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-02-2019 16:32:30
ทำไมน่ารักอ่ะ แอแงงงงงงงงงง
ส้อมมันหาได้ง่ายที่สุดแล้วใช่มั้ย 55555555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 06-02-2019 16:47:51
กรี๊ดดด ปลดปล่อยแบบนี้เหรอ เรานึกว่าภายนอก เราไม่ยอม!

จะประท้วง!  :seng2ped:  แง้ ประท้วง ๆ (ไม่ค่อยเลย)

ใครบอกไม่ท้องจ๊ะนายพิษ ไม่แน่อาจท้องนะจ๊ะ รอตอนอัยย์

พาลูกหนีไปเที่ยวรอบโลกเลย ชิ!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-02-2019 18:04:52
หนูอัยย์

หนูช่างน่ารักจริมๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-02-2019 19:13:30
 ทำเป็นพูดดีไปแล้วจะปล่อยน้องได้จริงดังที่พูดหรือเปล่าหรอก และอีกอย่างนะมีครั้งที่หนึ่งย่อมมีครั้งต่อ ๆ ไป และที่สำคัญไอ้คุณพิษจะบอกแม่ยังไงถ้าน้องท้องขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-02-2019 19:42:51
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 06-02-2019 21:25:29
หนูอัยย์ต้องมีน้องแน่ๆเลย คราวนี้แหละชุลมุนยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-02-2019 00:13:24
ปากดีไปเถอะคุณพิษ ระวังเมียหนีอีกละ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 07-02-2019 00:18:38
ท้องแน่ ท้องแน่ ท้องแน่!!!  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Mypumpkinboy ที่ 08-02-2019 06:39:48
ชอบการเขียนของไรท์มากกกกกก  ติดตามทุกเรื่องเลยค่าาาาา  เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1: :mew1:  (แแอบเสียดานบางเรื่องที่แต่งไม่จบบบบ...........)
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 08-02-2019 16:16:14
อยากให้หนูอัยย์ท้องเร็วๆ ดูซิว่าคุณพิษจะยังปากแข็งไม่อยากมีลูกกับโอเมก้าอยู่มั้ย ฮึ่ยยยย~  :hao7: :m31:
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-02-2019 21:41:47
อัยย์เป็นคนดื้อที่งอแงทั้งน่ารักและน่าตีค่ะ
อยากอยู่ใกล้เค้าแล้วล่ะสิ แล้วทำไมเชื่อคนง่ายแบบนี้

ฌาณหลงอัยย์แล้ว แต่ไม่ยอมรับตัวเอง ระวังนะ

บางทีก็สงสารอัยย์ เป็นหมากเดินเกมส์ของคนนั้นคนนี้
อยากให้อัยย์ไปเที่ยวรอบโลกได้สักทีจะได้ไม่ต้องเจอแต่เรื่อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-02-2019 12:46:29
หู้ยยยย.. ชอบบบบ   :katai2-1:
ไรท์ รีบมาค่าาาา...    :katai4: :katai4: :katai4: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 09-02-2019 21:47:17
งื้อออ เรื่องนี้มุ้งมิ้งกิงก่องแก้วมากค่ะ แต่คนเขียนจะหลอกให้เราตายใจรึป่าวน้าา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่9 6/2/62 p4
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 10-02-2019 00:23:33
ลุ้นให้น้องท้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 10-02-2019 16:42:25
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 10



 

 

 

 

 

 

 

            เสียงกุกกักตามด้วยเสียงน้ำไหลดังซู่ทำให้อาคิราห์ลืมตาตื่นขึ้น  เขาเผลอหลับไปอีกครั้งหลังจากกินโจ๊กที่ป้านิ่มยกขึ้นมาให้เป็นอาหารเย็นจนหมดเกลี้ยง  หันไปดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  การพักผ่อนเต็มที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากแม้ว่าจะยังปวดเมื่อยตามตัวอยู่ก็ตาม

            เสียงคนในห้องน้ำทำให้อาคิราห์เริ่มอยากย้ายกลับไปห้องนอนเดิมที่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน  นึกเดาได้เลยว่าคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ในนั้นคงไม่ใช่ป้านิ่มแน่ๆ

            ดันตัวลุกขึ้นมานั่งเหลียวซ้ายมองขวาได้พักเดียวประตูห้องน้ำก็เปิดออก  ร่างสูงใหญ่คาดทับด้วยผ้าเช็ดตัวที่เอวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดผมของตัวเองไปด้วย  อัยย์หันไปมองอย่างตระหนก  สายตาปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างที่มีหยดน้ำเกาะพราวนั้นโดยไม่ตั้งใจ

            “อ้อ  ตื่นแล้วเหรอ  นึกว่าจะนอนยาวไปถึงพรุ่งนี้เสียอีก”  เจ้าของห้องพูดขึ้น  เดินผ่านหน้าเขาไปยังตู้เสื้อผ้า  กระจกเงาสะท้อนให้เห็นนัยน์ตากลมแป๋วที่มองจ้องเขาอยู่จากด้านหลัง  พิชช์ฌานสบตาคนในกระจกแล้วพูดเสียงเรียบ  “แอบมองอะไร  อิจฉาซิกแพ็คฉันหรือไง”

            อัยย์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ

            “เหอะ...แค่นี้ไม่เห็นน่าอิจฉาตรงไหน”

            “หืม?”  คนตัวสูงหันขวับมามองแล้วเดินตรงมาหา  อาคิราห์ยกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอกอย่างระแวง  รีบถามออกไป

            “จะทำอะไร  ถอยออกไปนะ”

            “วันแพ็คของเธอจะมาสู้ซิกแพ็คของฉันได้ยังไงฮึ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  นึกฉุนที่อีกฝ่ายเมินรูปร่างที่เขาแสนจะภาคภูมิใจ   “เปิดเสื้อมาสู้กันตัวต่อตัวเลยดีไหม”

            ลอนหน้าท้องสวยงามด้วยมัดกล้ามนั้นขยับเข้ามาจนเกือบชิด  อัยย์เบ้ปาก  ออกแรงดันหน้าท้องแข็งๆนั้นออกไปห่างๆ

            “อย่ามาใกล้ผม   ไม่งั้นผมดึงผ้าหลุดจริงๆด้วย”  โอเมก้ารีบขู่  รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยให้ตายสิ

            “ดึงเลย”  อีกฝ่ายนอกจากไม่กลัวแล้วยังท้าทายเสียด้วย  อัยย์ย่นจมูก  หันหน้าหนีไปทางอื่น

            “ไม่เอาหรอก  เดี๋ยวฝันร้าย ...ผมกลัวไส้เดือน”

            “พูดแบบนี้นี่วอนเสียแล้วนะ”  คนแก่กว่าจุ๊ปาก  เอื้อมมือมาดีดที่หน้าผากเนียนนั้นทีนึงจนอีกคนหดคอหนี  “นี่แน่ะ  เดี๋ยวก็จับพิสูจน์อีกสักรอบหรอก”  พิชช์ฌานพูด

            “ไอ้บ้า  ไปแต่งตัวเลยนะ  เป็นโรคจิตชอบโชว์หรือไง”

“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้แก้ผ้าเต้นกลางห้องก็แล้วกันน่ะ”

“ผมไม่ได้เต้น  แล้วผมก็ล็อคประตูห้องแล้วด้วย  คุณนั่นแหละไม่มีมารยาท  เปิดประตูเข้ามาพรวดพราดแบบนั้นได้ยังไง”  อาคิราห์ชักโมโห  พอนึกถึงเหตุการณ์พวกนั้นก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีก   “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็พาผมกลับห้องเดิมซักที  ผมไม่อยากนอนห้องนี้แล้ว”  ชายหนุ่มกระแทกเสียง

พิชช์ฌานหัวเราะหึๆ  หันกลับไปสวมชุดนอนเรียบร้อย  จากนั้นชายหนุ่มก็อ้อมเตียงนอนขนาดใหญ่ขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆคนที่นั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนั้น

“พาผมกลับห้อง...ด่วน”  อาคิราห์พูดซ้ำ

            “อยากกลับก็กลับเองสิ”

            “ห้องผมอยู่ไหนล่ะ  ใช่ห้องข้างๆนี้หรือเปล่า”  โอเมก้าเหลียวไปมองประตูห้องที่เขาเดาเอาว่าน่าจะเชื่อมห้องนี้เอาไว้กับห้องของเขา  เหมือนตอนที่พิษฌานเปิดประตูพรวดเข้ามา

            “ไม่ใช่  นี่คนล่ะตึกกัน  เธอต้องเดินลงบันไดไปสามชั้นนะแล้วข้ามสนามหญ้าไปจะเจอสนามเทนนิส  เดินเลาะไปต่อจะเจออีกตึกนึง  ขึ้นบันไดไปสองชั้นห้องเธออยู่ริมสุดระเบียง”  คนฟังขมวดคิ้วแล้วนึกตาม   สีหน้าเครียดๆนั้นทำให้คนพูดแอบกลั้นหัวเราะอยู่ในใจ  พิชช์ฌานวางหน้าขรึมจริงจัง  สำทับมาอีก  “นี่เที่ยงคืนแล้ว  ข้างนอกมืดมาก  ถ้าจะไปก็หาไฟฉายติดไปด้วยก็แล้วกันนะ  ฉันจะนอนล่ะ”  พูดจบก็ขยับตัวลงนอน  นับหนึ่ง สอง สามในใจ

            มือเล็กเอื้อมมาเขย่าแขนเขาแรงๆ

            “เดี๋ยวสิคุณ  อย่าเพิ่งนอน”

            “อะไรอีก”  พิชช์ฌานลืมตาขึ้น  “รีบไปสิ  ฝากล็อคประตูห้องฉันด้วยนะ”

            “ผม...เดินไม่ไหว”  อาคิราห์บอกเสียงอ่อย  “คุณพาผมไปไม่ได้เหรอ”

            “ฉันปวดหลัง”  อัลฟ่าหนุ่มพูด  “คิดว่าเธอปวดตัวอยู่คนเดียวหรือไง  ฉันก็ปวดไปทั้งตัวเหมือนกันนะ”

            “ฮึ  คุณเป็นคนรังแกผมแท้ๆทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”  คนฟังโกรธ  ทุบกำปั้นลงกับต้นแขนล่ำสันนั้น  พิชช์ฌานสะดุ้ง  รีบคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน

            “เดี๋ยวสิ  คุยกันดีๆ  เอะอะลงไม้ลงมือแบบนี้ไม่ถูกต้องเลยนะ”  ชายหนุ่มพลิกตัวเลิกเสื้อนอนขึ้นให้ดูแผ่นหลังกว้างของตัวเอง  “เห็นรอยอารยธรรมพวกนี้มั้ย  ฝีมือเธอล้วนๆเลย”

            อัยย์ขมวดคิ้ว  ก้มลงดูรอยถลอกยาวๆที่เหมือนรอยข่วนเต็มหลังของพิษฌานอย่างประหลาดใจ  อีกฝ่ายดึงคอเสื้อลงให้ดูรอยเขี้ยวที่ไหล่หนาด้วย

            “ไม่จริงอ่ะ  ไม่ใช่ฝีมือผม”  โอเมก้าไม่ยอมรับ  “คุณไปฟัดกับแมวที่ไหนมาแล้วมาโทษผมแน่ๆ”

            “ไม่ใช่แมว  แต่เป็นตัวบู้บี้  งับฉันเต็มคำแล้วมาทำไม่รู้เรื่องอีก  ทีฉันกัดเธอยังยอมรับผิดเลย”  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาบีบจมูกเขาสั่นไปมา   “หรือต้องให้เปิดคลิปยืนยันฮึ”

            “คุณมีคลิปเหรอ”  เจ้าของจมูกโด่งรั้นตาโต  ปัดมืออีกฝ่ายออกไป  “คุณอัดคลิปผมเรอะ”

            อีกคนไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มเจ้าเล่ห์  อาคิราห์ชักโกรธขึ้นมาจริงๆ

            “คุณลบคลิปเลยนะ  คุณมันเลว  สมชื่อพิษฌานจริงๆ”  ชายหนุ่มด่าออกมาอีกหลายคำจนพิชช์ฌานต้องรีบเบรก

            “เดี๋ยวๆ ฉันล้อเล่น  ใครจะไปมีเวลาอัดคลิปเอาไว้ได้ล่ะ  ตอนนั้นฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ  เชื่อคนง่ายไปหน่อยมั้งเธอน่ะ  แล้วอีกอย่างนะ  ชื่อฉันมันยังไงไม่ทราบ  ฉันอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อใหม่เสริมดวงยังมาว่าชื่อฉันอีก”

            “ผมไม่ได้ว่าชื่อคุณ  ผมแค่บอกว่าชื่อคุณมันสมตัวแล้วไง  คุณพิษฌาน”  อาคิราห์ยิ้มสะใจที่เห็นอีกฝ่ายตามไม่ทัน  เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ฝ่ายนั้นจะคิดออก  “ตกลงคุณจะไม่พาผมกลับไปที่ห้องจริงหรอ”

            “ใช่   ฉันง่วงแล้ว  เธออยากไปก็ไปเอง”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้นก็พลิกตัวหนีแล้วหลับตาลง

            รู้สึกได้ว่าเตียงยวบยาบจากการขยับตัวของคนข้างๆ  ชายหนุ่มแอบหรี่ตามองข้ามไหล่ไปเห็นร่างโปร่งบางนั้นกำลังดันตัวลุกขึ้นยืนโอนเอน

            พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย  เขานอนมองร่างเล็กนั้นเดินลากผ้าห่มทีละก้าวตรงไปยังประตูอย่างยากลำบาก  ใบหน้าเรียวนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับตัว

            “นั่นมันประตูห้องน้ำ”   อัลฟ่าหนุ่มพูดขึ้น  “เดินลากขนาดนี้  คืนนี้จะไปถึงห้องนอนไหม”

            อาคิราห์หันมาทำปากขมุบขมิบเหมือนด่าเขาแล้วเปิดประตูห้องน้ำออก

            “ผมปวดฉี่”  เจ้าตัวพูดก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดแก้เก้อนั้น   ยกแขนขึ้นรองศีรษะเอาไว้แล้วหลับตาลง  ฟังเสียงกุกกักตามด้วยเสียงเปิดน้ำของคนที่อยู่ในห้องน้ำนั้น  เดาเอาว่าคงล้างมืออยู่กระมัง

            โครม!

            เจ้าของห้องลืมตาโพลง  ลุกจากที่นอนก้าวพรวดเดียวไปถึงประตูห้องน้ำอย่างตกใจ  เสียงอะไรสักอย่างดังโครมใหญ่ตามด้วยเสียงร้องโอยจากคนข้างในทำให้เขาทุบประตูห้องน้ำแรงๆ

            “เกิดอะไรขึ้นอัยย์  เป็นอะไร”

            “ผม..ลื่น”  เสียงโอเมก้าตอบกลับมา

            “เปิดประตูสิ  เป็นอะไรมั้ย”

            “ผมลุกไม่ไหว”  คนข้างในพูดเสียงสั่นเครือ  “มันจุก”

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นขยี้เส้นผมของตัวเองแรงๆ แล้วหมุนตัวก้าวยาวๆไปค้นหากุญแจห้องน้ำในลิ้นชักมาไขเปิดออก  คนข้างในห้องน้ำร้องลั่น  รีบพูดเสียงดัง

            “อย่าเพิ่งเปิดเข้ามา...ผมโป๊”

            สายไปแล้ว  เพราะพิชช์ฌานเปิดประตูเข้าไปในทันที  ภาพร่างโปร่งบางนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นโดยไม่สวมกางเกงนั้นทำให้พิชช์ฌานจุ๊ปาก  กรากเข้ามาพยุงจับไหล่ทั้งสองข้างให้ลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาสวมให้

            อาคิราห์หน้าร้อนจัด  ใช้มือปิดกลางตัวเอาไว้แน่นพลางเอี้ยวตัวหนี

            “อายอะไรเล่า  เห็นมาแล้วทั้งตัว”  เจ้าของบ้านพูดเสียงดุ  “อยู่เฉยๆสิ  จะผูกเชือกที่เอวให้”

            “ผมผูกเองได้  ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ” อัยย์ขู่ฟ่อ  ยึดเชือกมาผูกรอบเอวเอาไว้เองอย่างแน่นหนา  “ถอยออกไป”

            “เดี๋ยวก็ล้มอีกหรอก”

            “เมื่อกี้ผมสะดุดชายผ้าห่มเฉยๆ”  เขาชี้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ลากมาด้วย  “ผมเดินเองได้”

            “ฉัน – ง่วง – นอน – แล้ว”  พิชช์ฌานไม่พูดพล่ามทำเพลง  ก้มลงอุ้มเจ้าโอเมก้าขึ้นทั้งตัวแล้วพามาปล่อยที่เตียงทว่ามือเล็กกลับไม่ยอมปล่อยจากลำคอของเขา  “ปล่อยมือสิ  อะไรอีก”

            “คุณอุ้มผมได้นี่ ไหนว่าปวดหลังไง  งั้นพาผมไปส่งที่ห้อง...นะๆๆ”  อาคิราห์พูด  รัดมือรอบลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

            “จะปล่อยไม่ปล่อย”  เสียงเข้มพูดอยู่ข้างหู

            “ไม่”

          “งั้นฉันกอดคืนบ้างอย่ามาร้องไห้งอแงนะ”  พิชช์ฌานพูดจบก็รวบเอวบางมากอดเอาไว้

            เจ้าโอเมก้าตกใจรีบปล่อยมือจากลำคอของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

            “ปล่อยแล้วๆ  ปล่อยผมเถอะ”

            “จะนอนไม่นอนเนี่ย  ฉันมีงานพรุ่งนี้ตอนเช้านะ”  พิชช์ฌานพึมพำกับซอกคอหอมกรุ่นนั้น  ถึงแม้จะผ่านช่วงฮีทไปแล้ว  เหตุใดกลิ่นหอมหวานของอาคิราห์ถึงยังอบอวลอยู่เลย  “เธอได้กินยาฉุกเฉินที่ฉันให้มาหรือเปล่า”

            “ผมกินแล้ว  โธ่  ผมก็ไม่อยากท้องนะ”  อัยย์ใช้มือดันแผ่นอกกว้างออกไป  “ถอยออกไปได้แล้ว  ผมปล่อยคอคุณแล้วทำไมคุณไม่ปล่อยผม”

            นักการเมืองหนุ่มเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังกอดร่างสมส่วนนั้นเอาไว้แน่น  พิชช์ฌานปล่อยมือออกแล้วเดินหน้านิ่งอ้อมกลับไปที่อีกฟากของเตียง

            “โตแล้ว  พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย  ถ้าอยากย้ายห้องก็เอาไว้ย้ายพรุ่งนี้  คืนนี้ดึกมากแล้วนอนซะ  ...เลิกทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจเสียที  คิดว่าฉันอยากนอนห้องเดียวกับเธอมากหรือไงเจ้าโอเมก้า”  เสียงห้วนดุกับท่าทางที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเจ้าของห้องทำให้คนฟังตามอารมณ์ไม่ทัน     

            อาคิราห์เบ้ปากใส่แผ่นหลังพิษฌานแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนบ้าง  ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาจากร่างสูงใหญ่ที่หลับไปแล้ว  ส่วนตัวเองได้แต่ข่มตาให้หลับแต่กลับนอนไม่หลับเลย  สมองเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไปกลับมา  ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด  ตอนนี้เขาควรจะเสวยสุขกับอิสรภาพใหม่ในต่างแดนไม่ใช่มานอนหงิกอยู่ในห้องนี้กับคนที่เกลียดโอเมก้าเข้าไส้อย่างนายพิษฌานไม่ใช่หรือไง

            ถ้าตอนนี้อยู่ที่บ้าน...จะดีกว่าตอนนี้ไหม  แค่คิดก็น้ำตาคลอ  นี่เขาตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่เลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้

            พิชช์ฌานตื่นขึ้นเองตอนเช้ามืดโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก  เขาฝึกตัวเองให้ตื่นเช้ามาตั้งแต่สมัยเรียน  แม่เคยสอนให้รีบลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อเช้าวันใหม่ที่สดใส  ชายหนุ่มทำแบบนั้นมาตลอดชีวิตจนกระทั่งเช้าวันนี้ที่มีอะไรบางอย่างแปลกไป

            เขาพบว่าตัวเองกลายเป็นหมอนข้างให้เจ้าโอเมก้ากอดก่ายเสียอย่างนั้น

            ขาเรียวพาดอยู่บนเอวของเขา  ส่วนมือก็วางแปะบนอก  เสียงกรนครืดคราดดังมาจากริมฝีปากอิ่มเต็มที่อ้าออกกว้างเหมือนปลาฮุบออกซิเจน  นี่ถ้ามีน้ำหลายไหลยืดออกมาเปื้อนเสื้อนอนของเขา พิชช์ฌานก็จะไม่แปลกใจ

            ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางดันหน้าผากของคนที่เอาศีรษะเกยไหล่ของเขาอยู่ออก  อีกฝ่ายนอกจากไม่ยอมปล่อยแล้วยังกลับฝังจมูกลงกับซอกไหล่ของเขาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่เหมือนลูกหมาสูดกลิ่น  จากนั้นก็ถอนหายใจยาวซุกตัวเข้ามาแนบชิดราวกับสบายเสียเต็มประดา

            “นี่เธอ...ตื่นๆ”  พิชช์ฌานขยับจะจิ้มนิ้วที่หน้าผากอีกฝ่ายแรงๆแต่แล้วเปลี่ยนใจ  แตะปลายนิ้วลงที่แก้มเนียนใสนั้นแทน  จากแตะด้วยปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ  เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่น  “ขี้เซาชะมัด”

            อยากผลักออกไปแรงๆเหมือนกันแต่เดี๋ยวก็มานั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆอีก  น่ารำคาญ...พิชช์ฌานคิดในใจขณะที่ค่อยๆจับแขนอีกฝ่ายดึงออกจากตัวตามด้วยท่อนขา  คนหลับพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงไปกับหมอนของเขาจนชายหนุ่มชักกลัวว่าจะขาดอากาศหายใจตาย

            พิชช์ฌานจุ๊ปาก  จับตัวอีกฝ่ายพลิกหงาย  ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ลวกๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นจับคลุมให้ถึงคางเรียบร้อย  ถอยมายืนดูอยู่ครู่หนึ่ง  ชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาดึงผ้าห่มออกคลุมให้ใหม่แบบลวกๆอีกรอบ  นึกอยากเขกหัวตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรหรือเปล่า

            ทำไมนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลอย่างเขาต้องมาเสียเวลาทำอะไรงี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ด้วย ...สายตาเหลือบไปเห็นปลายเท้าที่โผล่พ้นชายผ้าห่มออกมา  พิชช์ฌานสั่งตัวเองอย่างเฉียบขาดให้หยุดคิดที่จะดึงผ้าห่มผืนนั้นมาคลุมให้เท้าให้ใหม่

            เลิกประสาทได้แล้ว  เจ้าโอเมก้าน่ารังเกียจกำลังจะทำให้เขาประสาทกิน  ชายหนุ่มคิดในใจอย่างฉุนเฉียวตอนที่เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้อีกรอบ

            ..............................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 10-02-2019 16:43:16









           “อร่อยไหมคะคุณอัยย์  เติมอีกจานไหม”  นิ่มนวลถามอย่างเอ็นดูที่เห็นอาคิราห์ตักข้าวเข้าปากจนหมดจาน  “เดี๋ยวป้าเตรียมยาหลังอาหารให้นะคะ  เห็นคุณอัยย์ลุกเดินไหวแล้วป้าก็ดีใจ”  ชายหนุ่มออกจากห้องลงมากินข้าวข้างล่างได้เป็นวันแรกหลังจากนอนซมอยู่สามสี่วัน

            “ดีขึ้นมากแล้วครับ”  คนตอบยิ้มกว้าง  “ขอบคุณคุณป้ามากครับ”  เขายกมือขึ้นไหว้แบบเด็กมืออ่อน

            “วุ้ย  ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ  เป็นหน้าที่ของป้าอยู่แล้ว  คุณฌานเขาฝากคุณอัยย์เอาไว้ให้ป้าดูแล”  ชื่อของเจ้าของบ้านทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังคลายลง

            “ป้าครับ  ผมอยากให้ป้าช่วยพาผมกลับห้องเดิมได้ไหมครับ”  อาคิราห์พูดเสียงเครียด

            “อ้าว  ทำไมล่ะคะ  นอนห้องคุณฌานไม่สบายเหรอคะ”

            “ผมไม่อยากรบกวนเขาน่ะครับ  แล้วผมก็หายดีแล้วด้วย” 

            “จะดีเหรอคะ  ป้าว่าคุณอัยย์นอนห้องนั้นก็ดีแล้วนะ”  นิ่มนวลท้วง

            “ไม่ดีหรอกครับ  เจ้าของห้องเองเขาก็ไม่อยากนอนห้องเดียวกับผม”

            “คุณฌานไม่เห็นว่าอะไรเลยนะคะ  ป้าว่าคุณอัยย์เข้าใจผิดมากกว่าค่ะ”  คนฟังส่ายหน้า  ดวงตาใสแจ๋วมีรอยน้อยใจที่เจ้าตัวพยายามซ่อนเอาไว้ทว่าคนอาวุโสกว่าก็มองออกอยู่ดี   “เอาไว้ค่อยคุณกับคุณฌานเย็นนี้ดีไหมคะ”

            “ไม่ดีครับ  ผมอยากย้ายกลับห้องแล้ว  ตอนนี้ผมก็เดินคล่องขึ้นแล้วด้วย  ...ห้องผมอยู่อีกตึกนึงใช่ไหมครับ  สนามเทนนิสอยู่ตรงไหนผมไม่ทันสังเกต”

            “ตึกอะไรเหรอคะ   บ้านนี้ไม่มีสนามเทนนิสหรอกค่ะ”  ป้านิ่มงง  “มีแต่สระว่ายน้ำกับสวนข้างหลังเอง  คุณอัยย์อยากตีเทนนิสหรอคะ”

            “ไม่ใช่ครับ  ผมหมายถึงห้องนอนเดิมของผมที่ป้าเรียกห้องฟ้าน่ะครับ  คุณพิษฌานบอกว่าอยู่อีกตึกนึง  มันตึกไหนหรอ  ผมดูที่หน้าต่างแล้วไม่แน่ใจว่ามีตึกอื่นอีกหรือเปล่า”

            คนฟังมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมา

            “โธ่  คุณอัยย์  บ้านนี้กว้างก็จริงแต่ว่ามีตึกเดียวค่ะ  ห้องฟ้าก็ห้องที่อยู่ติดกับห้องที่คุณนอนนั่นแหละ  คุณฌานคงหลอกคุณเล่นกระมัง”

            “อ้าว”  อาคิราห์อ้าปากค้าง  “ผมก็นึกว่าจะมีหลายตึกเหมือนที่บ้าน”  พอตามเรื่องทันชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวที่ถูกอีกคนหลอกเข้าเต็มๆ ก็ว่าตอนออกมาจากห้องมันก็ดูคุ้นๆ

            “คุณฌานคงอยากให้คุณนอนด้วยกันนั่นแหละค่ะ  อย่าคิดมากเลยนะคะ”  นิ่มนวลรีบปลอบ

            “ผมว่าเขาคงรู้สึกผิดมากกว่าที่ผิดสัญญากับผม”  อาคิราห์ว่า  “ไม่รู้ล่ะ  ยังไงผมก็จะขอย้ายกลับห้องเดิม  ป้านิ่มช่วยผมด้วยนะครับ”

            นิ่มนวลถอนหายใจเฮือก

            ...........................................................................

            “ไอ้พิชช์ฌาน  มึงทำแบบนี้ได้ยังไงวะ”  เสียงตะโกนโหวกเหวกดังออกมาจากข้างในห้องทำงานของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน   เจนภพรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเพื่อดูแลผู้เป็นนายทันที  เขาพบว่าร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานยังนั่งสงบนิ่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตามเดิม  ขณะที่ผู้บุกรุกยืนค้ำตบโต๊ะดังปัง  “ทำแบบนี้ต้องการหาเรื่องกันนี่หว่า”   

            “ฉันทำอะไรหรือ?”  พิชช์ฌานถาม  เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

            “ก็ที่มึงให้ตำรวจไปรื้อบ่อนกูเมื่อคืนไง  คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าใครบอกตำรวจ”

            คนฟังหัวเราะเบาๆ

            “เรื่องบ่อนของนายมีใครไม่รู้บ้าง  ใครๆเขาก็รู้จักบ่อนนายจักรกฤตกันทั้งนั้น  เรื่องอะไรถึงมาบอกว่าเป็นฝีมือฉันล่ะ”

            “เพราะว่ามึงแก้แค้นเรื่องม็อบอนุรักษ์ไง”

            “แสดงว่ายอมรับแล้วสิว่าล็อบบี้คนในพรรคของฉัน”  พิชช์ฌานสวน  คนพูดชะงักไปนิด

            “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง  มึงหักหลังคนในพรรค  ระวังเอาไว้เถอะจะไม่ตายดี”  จักรกฤตพูดอย่างโกรธแค้น  “คิดว่าธุรกิจของมึงขาวสะอาดนักหรือไง  อย่าให้กูต้องแฉบ้างนะ  กูจะเอาให้จมดินเลย”

            “ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “แต่ทางที่ดี  อย่าลอง...จะดีกว่า  เพราะคราวหน้าอาจจะไม่มีโอกาสได้มาชี้หน้าฉันอยู่แบบนี้ก็ได้นะ”

            “มึง....คิดว่ามีนายทุนหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ”  เจนภพขยับเข้ามาล็อคตัวคนพูดเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่เจ้าตัวจะกระโจนเข้าใส่พิชช์ฌาน  “คอยดูเหอะ  มึงจะต้องล่มจม  ไอ้พิชช์ฌาน  ไอ้โอเมก้าเมียของมึงก็เหมือนกัน...”  จักรกฤตร้องโวยวายด่าทอออกมาตลอดทางแม้จะถูกลากตัวออกไปแล้วก็ตาม

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดสันจมูกของตัวเองเบาๆ

            “ผมขอโทษครับ  ผมไม่นึกว่าตำรวจจะทลายบ่อนของมันเลย  ผมตั้งใจแค่จะให้ปิดชั่วคราวเท่านั้น”  เจนภพพูดอย่างรู้สึกผิด  “คุณเลยผิดแผนไปเลย”

            “ไม่เป็นไร”  พิชช์ฌานพูด  “ช่างเถอะ  ก็ดีเหมือนกันที่ล้มมันออกจากกระดานเสียจะได้ไม่รกหูรกตา  ถึงอย่างไรมันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้วตอนนี้”  ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะแบบที่คนสนิทรู้ดีว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ 

            “แล้วเราจะไปหาทุนสนับสนุนเพิ่มจากไหนดีล่ะครับ”

            “รินลดาติดต่อฉันมาว่ายังไงนะ”  จู่ๆชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง  มือขวาคนสนิทรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็ค

            “เธออยากเจอคุณครับ  แต่ผมบอกปัดไปว่าคุณไม่ว่าง”  เจนภพตอบ

            “ฉันว่างคืนนี้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ ทอดสายตามองกองเอกสารตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ  “ลองถามเลขาฯคุณชาติชายดูหน่อยซิว่าเขาว่างหรือเปล่า  ถ้าว่างตรงกันก็จะดีมาก”

            เจนภพเริ่มตามความคิดของคนเป็นนายได้ทัน  ชาติชายเป็นนายทุนของพรรคมาตั้งแต่ยุคดั้งเดิมคือรุ่นพ่อของพิชช์ฌาน  และก็มีส่วนสนับสนุนให้ชายหนุ่มได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วยหนึ่งในเหตุผลหลักก็คือชายหนุ่มเป็นคนรักของรินลดาลูกสาวของเขาในตอนนั้น  แต่ว่าสุดท้ายรินลดาก็ไปต่างประเทศเสียเฉยๆ  ไม่มีใครรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพิชช์ฌานกับหญิงสาวผู้นั้นจบลงอย่างไรกันแน่

            ชาติชายเองก็ห่างเหินกับพิชช์ฌานมากขึ้น  โดยเฉพาะหลังจากชายหนุ่มแต่งงาน  ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มาร่วมงานแต่งงาน แถมยังมีทีท่าจะถอนทุนสนับสนุนพรรคสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย

            บางที...ถ้าหากว่าพิชช์ฌานสามารถสานสัมพันธ์กับรินลดาได้อีกครั้งล่ะก็

            พิชช์ฌานเดินเข้าไปภายในบ้านหลังงามของเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถยนต์อันดับหนึ่งของประเทศ  ไม่นับธุรกิจอื่นๆอีกมากมาทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย  เป็นที่มาของแหล่งเงินทุนหลายพันหลายหมื่นล้าน  นายชาติชายรอเขาอยู่ก่อนแล้วที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกสาว

            รินลดาลุกขึ้นเดินมาหาเขา  ท่าทางเนิบนาบทว่าสง่าดุจนางพญาของเธอยังคงจับตาเขาเหมือนเคย  ความเป็นอัลฟ่าชั้นสูงแผ่ออกมาจนสัมผัสได้ผ่านสีหน้าแววตาสวยสดดุจกุหลาบสีแดงเข้ม  ทรวดทรงสมบูรณ์ด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งได้รูปที่เจ้าตัวเข้าใจซ่อนเอาไว้ในชุดสีม่วงอย่างมีศิลป์นั้นขยับเยื้องกรายเข้ามายืนตรงหน้า

            “พิชช์ฌาน  ...แล้วคุณก็มาหาฉันจนได้”  เธอพูดยิ้มๆ

            “ยังไงผมก็ต้องมาหาคุณอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มตอบ   รินลดาเข้ามากอดเขา  กลิ่นน้ำหอมอย่างดีราคาแพงลอยเข้าจมูก  มันเคยเป็นกลิ่นโปรดของเขามาก่อน

            น่าแปลกที่จู่ๆชายหนุ่มกลับรู้สึกคิดถึงกลิ่นคุกกี้นมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

            “คุณผอมลง  แต่ว่าหล่อขึ้น”  หญิงสาวว่า

            “ส่วนคุณก็สวยไม่เปลี่ยน”

            เธอยิ้มอย่างพอใจ  พาเขาไปหาบิดาของเธอที่นั่งมองมาที่พวกเขาอย่างเพ่งพิศ  นายชาติชายทักทายเขาเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ยังหมางเมินกันอยู่ในที  พิชช์ฌานยิ้มอย่างใจเย็น  เขาค่อยๆหาวิธีตะล่อมชวนอีกฝ่ายคุยจนในที่สุดฝ่ายนั้นก็เริ่มกลับมาพูดคุยได้เหมือนเดิม   

            “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย  ช่วงนี้ที่พรรคกำลังยุ่งวุ่นวายทีเดียว”

            “ฉันรู้แล้ว  ดูจากข่าวก็รู้  เมียของคุณเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”  ชาติชายถาม  “ผมไม่นึกเลยนะว่าคุณจะถึงขั้นแต่งงานกับพวกโอเมก้าได้”

            “มันเป็นแค่เกมการเมืองเท่านั้นครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “ผมหวังจะได้คะแนนเสียงจากชนชั้นกลางในสมัยหน้าเพื่อเป็นนายกฯ  เด็กๆรุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องความเท่าเทียมกันมากครับ  การที่ผมแต่งงานกับโอเมก้าคราวนี้ทำให้คะแนนนิยมของผมเพิ่มขึ้น  ส่วนเรื่องโอเมก้านั้น...เอาไว้หลังเลือกตั้งค่อยว่ากันใหม่ครับ”

            “เห็นไหมคะคุณพ่อ   รินบอกแล้วว่ามันเป็นแค่เกมการเมือง”  รินลดาพูดยิ้มๆ   “ทำไมรินจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

            “แล้วคุณจะหย่ากับโอเมก้านั่นเมื่อไหร่”  ชาติชายถาม

            “ผมยังตอบไม่ได้ครับ”  พิชช์ฌานเลี่ยง  “ต้องรอดูก่อนว่าการเลือกตั้งสำเร็จด้วยดีไหม  และดีแค่ไหนด้วย...ยังไงตอนนี้ผมก็ต้องเล่นเกมนี้ไปก่อน  แต่ถึงอย่างไร ...โอเมก้าก็ไม่ใช่อัลฟ่า”

            ชาติชายยิ้มอย่างพอใจ  แล้วก็ถามถึงแนวทางหาเสียงครั้งหน้าอย่างละเอียด  พิชช์ฌานตอบอย่างระมัดระวังไม่ให้ผูกมัดตัวเองมากเกินไปแต่ในขณะเดียวกันก็เอาใจอีกฝ่ายไปด้วย 

            เขาอยู่รับประทานอาหารเย็นกับเจ้าของบ้านต่อก่อนจะกลับออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกสำเร็จในใจ  ชาติชายดูโอนอ่อนผ่อนตามอย่างเห็นได้ชัด แถมยังชวนเขาไปตีกอล์ฟด้วยกันอาทิตย์หน้าอีก  เห็นทีความหวังเรื่องขอเงินทุนพรรคเพิ่มจะเป็นไปได้แน่ๆ

            “คุณพ่อหายโกรธคุณแล้ว”  หญิงสาวเปรยขึ้นยิ้มๆ ตอนที่เดินมาส่งเขาที่รถหน้าบ้าน  “จริงๆท่านโกรธคุณมากเลยนะที่จู่ๆคุณก็แต่งงาน”

            “แล้วคุณโกรธผมไหม”  พิชช์ฌานหันมาถามหญิงสาว  แสงจากไฟสนามก่อให้เกิดเงาคมฉาบบนใบหน้าของชายหนุ่ม

            “คุณคิดว่ายังไงคะ”  เธอเงยหน้าขึ้นถาม  พิชช์ฌานรวบเอวของหญิงสาวมากอดเอาไว้ 

            “ผมคิดว่า..คุณไม่มีทางโกรธผมแน่ๆ  เพราะผมยังไม่เคยโกรธคุณเลยที่คุณทิ้งผมไปเรียนเมืองนอก”  ชายหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากอวบอิ่มนั้น

            “หึ...คุณพูดเก่งเหมือนเดิมเลยนะคะ”

            “เรื่องอื่นก็ ‘เก่ง’ เหมือนเดิมนะ”

            หญิงสาวหัวเราะ เบียดร่างเต็มตึงเข้าหาร่างสูงใหญ่

            “คุณเองต่างหากล่ะที่เป็นคนทำให้ฉันต้องไปเมืองนอก”  หญิงสาวพูดเบาๆ  เขย่งขึ้นจูบที่ริมฝีปากสีสดของชายหนุ่ม  “เพราะคุณไม่เคยรักฉัน”

            “คุณเข้าใจผิดไปเอง”  พิชช์ฌานพึมพำ

            “ฉันอาจจะพูดผิดไป ...คุณไม่เคยรักใครต่างหากล่ะฌาน”  หญิงสาวดันตัวออกจากวงแขนของพิชช์ฌานและอีกฝ่ายก็ไม่ได้รั้งเอาไว้

            “ถ้าผมรัก...คุณจะเป็นคนแรก”

            “ขอให้มันจริงเถอะค่ะ”  หญิงสาวตอบเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน

            พิชช์ฌานขับรถกลับออกมา  เขาไม่ได้กลับบ้านในทันทีแต่ว่าแวะไปที่คลับแห่งหนึ่งที่คนในพรรคมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย  เจนภพกับคนอื่นๆรอเขาอยู่ก่อนแล้วพร้อมหน้าพร้อมตา  ชายหนุ่มเล่าข่าวดีให้ฟังและเริ่มวางแผนการต่ออีกครั้ง

            พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านตอนเกือบตีสอง  ไฟชั้นล่างดับมืดไปแล้วเหลือแค่ไฟตรงบันไดเท่านั้น  ชายหนุ่มเดินลากขาขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างเหนื่อยอ่อน  พักนี้เขาทำงานหนักมากไปจนรู้สึกร่างกายชักจะไม่ไหว  คงต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างแล้วอย่างที่มิตรสหายเตือนกระมัง

            ประตูห้องนอนปิดเงียบ  คนในนั้นคงจะนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกคืน  ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป ...ห้องเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศ  พิชช์ฌานกดเปิดไฟกลางห้องแล้วก็ใจหายวาบ  ...ไม่มีร่างของใครนอนอยู่บนเตียงอย่างทุกวัน

            ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ  ...ว่างเปล่า  ..แม้แต่สบู่ก้อนและยาสระผมของเจ้าเด็กนั่นก็หายไปด้วย  หัวใจเต้นแรงอยู่พักหนึ่งก็นึกขึ้นมาได้  พิชช์ฌานเดินตรงไปเปิดประตูห้องที่เชื่อมต่อถึงกันนั้น

            “ล็อคเป็นแล้วเหรอ”

            เขาเดินออกมาจากห้องของตัวเองแล้วมาหยุดยืนที่หน้าห้องข้างๆ  แนบหูเข้ากับประตูก็ได้ยินเสียงกรนแผ่วๆออกมาจากด้านใน  เกือบจะยกมือขึ้นมาเคาะประตูแล้วแต่ว่านาฬิกาบอกเวลาข้างฝาทำให้เปลี่ยนใจ

            ....ช่างเถอะ  อยากไปนอนที่ไหนก็ตามใจ

            ชายหนุ่มกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง  จัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง  ศีรษะกระทบเข้ากับฟูกโล่งๆทำให้ชายหนุ่มเด้งตัวลุกขึ้นมามองอย่างงงๆ

            “หมอนหายไปไหนวะ”  ไม่ใช่แค่ใบเดียวแต่เป็นสองใบ  แถมผ้าห่มก็หายไปด้วย  “หรือว่าป้านิ่มเอาไปซัก”  เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้หาหมอนสักใบแต่ก็ไม่มี  “ใจคอจะให้นอนกับเตียงเปล่าๆงี้เลยเรอะ”  พิชช์ฌานอุทานอย่างฉุนๆ  ค้นหาหมอนกับผ้าห่มอยู่พักใหญ่

            สุดท้ายก็เลยต้องไปเอาหมอนอิงในห้องนั่งเล่นมาหนุนนอนไปก่อน  ส่วนผ้าห่มก็ใช้ผ้าขนหนูแทน  นอนขดพลางบ่นอย่างหงุดหงิดในใจ  เห็นทีพรุ่งนี้เขาจะไปต้องไปคุยกับป้าแม่บ้านหน่อยแล้ว

            ชายหนุ่มนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืนจนกระทั่งเช้า

            .......................................................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครคิดถึงนายพิษฌานกับน้องอัยย์กันบ้างคะ

            เจอกันตอนหน้านะ

            #ขอรักแค่คุณ

 

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 10-02-2019 20:51:14
เจ้าบู้บี้ เจ้าตัวแสบ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-02-2019 21:12:53
 :mew3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 10-02-2019 21:42:11
เหอะ หมั่นไส้พระเอกมากกกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 10-02-2019 21:44:58
สงสารอัยย์ต้องเป็นหมากในเกมการเมืองให้พ่อกับพิษชาน


ทุกคนเห็นแก่ตัวทำเพื่ออำนาจเชื่อเสียงของตัวเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-02-2019 22:59:08
เจ้าบู้บี้ตลกอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 10-02-2019 23:00:35
ขัดใจ นายพิษฌานเห็นแก่ตัวววววว โดนน้องอัยย์เอาคืนแน่ๆ ฮึ่ยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 10-02-2019 23:08:44
อี๋  :mew5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-02-2019 00:56:22
อย่ามาทำแบบนี้กับบู้บี้นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-02-2019 03:22:29
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารน้องอัยย์มากขึ้น นายพิษคนเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-02-2019 14:48:21
น้องอัยย์เอาหมอนเอาผ้าห่มพี่ไป เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนอนไม่หลับ แบบนั้นใช่ไหม? คริ  :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 11-02-2019 16:03:18
รอนะคะ..  :katai2-1: :katai2-1:
รีบมาๆ...  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-02-2019 17:32:19
นิสัยแบบนี้สมควรโดนเมียและลูกทิ้งไปซัก 4 -5 ปี เอาให้เน่าตายไปคนเดียวเลย
สงสารน้องโดนกัดแบบนั้นจะไปคู่กับคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 11-02-2019 19:48:40
อย่ารังแก บู้บี้นักเลยยย สงสาร

นักการเมืองก็แบบนี้ หึ!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 11-02-2019 21:18:27
ยังไงซิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 11-02-2019 22:39:07
สงสารอัยย์อ่ะะะ เหมือนอยู่ในเกมที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-02-2019 12:19:17
สงสารอัยย์ อิสระไม่มีจริง แถมถูกผูกติดแล้วด้วย

ร้ายเกินไปแล้วนะคะคุณฌาณ อย่ามารักกันทีหลังล่ะ

ที่ผ้าห่ม หมอนหาย คือถูกแกล้ง หรือนอนไม่หลับเลยโดนคนขโมยไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-02-2019 15:52:07
เจ้าบู้บี้

เจ้าคนขโมยหมอน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่10 10/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 13-02-2019 20:18:56
บู้บี้ขนไปให้หมดบ้านเลย ยึดบ้านมันไปเลยก็ได้ลูก
หลอกให้หลง แล้วไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้าน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-02-2019 22:31:51
Ai Adore you.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 11



 

 

 

 

 

 

            “คุณฌานลงมาแล้วแน่ะ  เมื่อคืนกลับดึกเหรอคะ  ป้าไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย”  นิ่มนวลถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินลงบันไดมายังห้องรับประทานอาหาร พิชช์ฌานบิดคอดังกรอบแล้วตอบด้วยเสียงขุ่นนิดๆ

            “ดึกนิดหน่อยครับ  ป้านิ่มเอาหมอนกับผ้าห่มห้องผมไปซักเหรอ  เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย  ต้องเอาหมอนห้องรับแขกมาใช้”

            “อ้าว  ...เปล่านี่คะ  ป้ายังไม่ได้เอาไปซักเลยนะ  ใครเอาไปไหนหรือเปล่า...เอ  เดี๋ยวป้าไปถามพวกเด็กๆให้นะคะ  ขอโทษด้วยค่ะคุณฌาน”

            “ไม่เป็นไรครับ  ช่างเหอะ  เดี๋ยวผมเข้าสภาก่อน วันนี้มีนัดประชุม  ตอนค่ำก็มีงานเลี้ยงอีก”  นักการเมืองหนุ่มพูดขรึมๆ  เหลือบมองคนที่นั่งกินข้าวอยู่ประจำที่เงียบๆนั้น  “อยากไปด้วยหรือเปล่า”  เขาถามลอยๆ

            แปลกใจเต็มทีที่อีกคนส่ายหน้า

            “ไม่อยากไปเปิดหูเปิดตาหรอคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลพูดขึ้นบ้าง

            “เชิญคุณตามสบายเลยครับ  ผมอยากอยู่บ้าน”  อาคิราห์ตอบสั้นๆแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  เดินหายขึ้นบันไดไปชั้นบน  พิชช์ฌานมองตาม  หันมาถามแม่บ้านคนสนิทอย่างงงๆ

            “เขาเป็นอะไรน่ะป้า  หรือว่าจะวางแผนหนีอีก”  ปกติอยากออกจากบ้านจะตายไป  ถ้าบินได้ก็คงบินหนีไปแล้ว  คราวนี้มาแปลก  ชวนออกจากบ้านดันไม่อยากไป

            “ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณ  เดี๋ยวป้าลองถามให้นะคะ”

            “ฝากดูหน่อยนะครับ ถ้างั้นผมไปทำงานก่อน  มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”  ชายหนุ่มย้ำก่อนจะออกจากบ้าน

            นิ่มนวลมองตามหลังไปอย่างกังวล

            เธอจัดการงานข้างล่างเรียบร้อยก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน  ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องของอาคิราห์ก็เลยเปิดประตูเข้าไปดู  คนในนั้นสะดุ้งหันขวับมามองเธอตาโต

            “คุณป้า”

            “ทำอะไรอยู่คะคุณอัยย์  ให้ป้านิ่มช่วยดีไหมคะ”

            “ไม่เป็นไรครับ  คือผม...จัดห้องนิดหน่อย”  อาคิราห์พูดเร็วปรื๋อ  พยายามยัดอะไรบางอย่างใส่ตู้เสื้อผ้าแล้วปิดเอาไว้อย่างรวดเร็ว  “ป้านิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ป้ากลัวคุณอัยย์เบื่อเลยมาหาน่ะค่ะ  แวะไปห้องสมุดได้เลยนะคะ คุณฌานอนุญาตแล้ว”

            “ได้ครับ  ไม่ต้องห่วงผม  ปกติผมก็อยู่บ้านจนชินแล้ว  ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรหรอกครับ”

            “งั้นเดี๋ยวถึงเวลาอาหารเมื่อไหร่ ป้านิ่มจะมาเรียกนะคะ  อยากให้ช่วยอะไรก็บอกนะคุณอัยย์  ขออย่างเดียว..อย่าเพิ่งหนีกันไปก่อนนะคะ”

            ชายหนุ่มรุ่นลูกหัวเราะ  ไม่รับปากหรือปฏิเสธ

            พอแม่บ้านลับสายตาไปแล้ว  เจ้าโอเมก้าก็ถอนหายใจเฮือก  เปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ออกแล้วก็มุดเข้าไปนั่งบนกองผ้าห่มที่ปูทบเอาไว้อย่างดี  คว้าหมอนนิ่มๆขึ้นมากอดแล้วฝังจมูกลงไปสูดกลิ่นเจ้าของเดิมเข้าเต็มปอด  นึกถึงสีหน้าของนายพิษฌานเมื่อเช้านี้แล้วก็ตลกดีเหมือนกัน  คงงงเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆเครื่องนอนหาย  ช่วยไม่ได้จริงๆ  เขาก็ไม่ได้อยากเอามาหรอกนะ  มันแค่บังเอิญติดมือมาเฉยๆ

            ยังดีที่อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าสงสัยในตัวเขา  แถมป้านิ่มก็ไม่รู้ด้วย  เห็นทีเขาคงต้องรีบเอาของพวกนี้ไปคืนเร็วๆนี้ก่อนที่จะโดนจับได้...แต่ว่า

            โอย....ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดจากของพวกนี้ได้เลย  หรือจะเป็นเพราะว่าหมอนกับผ้าห่มพวกนี้เป็นของดีราคาแพงมันก็เลยหนุนสบายกว่าปกติ...คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เหลือบดูป้ายยี่ห้อที่เย็บติดเอาไว้   

            ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปซื้อเอาใหม่  แต่ว่าตอนนี้เธอต้องเอาของพวกนี้ไปคืนเจ้าของแล้วนะอาคิราห์  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย

            โอเมก้าหนุ่มบังคับตัวเองเต็มที่ให้ลุกขึ้นจากกองที่นอน  กอดหมอนใบใหญ่เอาไว้พร้อมกับลากผ้าห่มของนายพิษฌานมาด้วย  เดินมาจนถึงประตูห้องที่เชื่อมต่อถึงกันแล้วก็เปิดออก  เตียงใหญ่กลางห้องมีหมอนใบเล็กๆวางเอาไว้กับผ้าขนหนูที่ขมวดเป็นก้อน

            อาคิราห์เดินมาจนถึงเตียงแล้วหยิบหมอนใบเล็กขึ้นมาพิศดู  ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการเอาไปกอดเล่นมาก  ไหนดูผ้าขนหนูซิ...อืม  วางคลุมข้างๆก็คงนิ่มดี

            ลองเอาไปปูดูก่อนดีกว่า  คิดได้ดังนั้นอาคิราห์ก็พาเจ้าหมอนใบเล็กกับผ้าขนหนูกลับไปที่ห้องพร้อมกับหมอนใบเดิมและผ้าห่มผืนใหญ่

            พอลองปูทับกันดูแล้วก็นุ่มสบายตัวน่าดู  นี่ถ้ามีหมอนข้างด้วยคงจะดีมาก

            น่าจะมีหมอนข้างด้วยนะ 

            อาคิราห์เดินกลับมาที่ห้องของพิษฌานแล้วเริ่มสำรวจไปรอบห้อง  สุดท้ายก็มาจบลงที่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง  เสื้อผ้าลำลองและเสื้อผ้าทำงานของพิษฌานแน่นขนัด  ดูท่าคงเป็นพวกแฟชั่นอยู่พอตัว  เขาเลือกเสื้อคลุมบางตัวมาลองสวมเล่นหน้ากระจกคู่กับผ้าพันคอและหมวกไหมพรมก็ดูเข้ากันไม่น้อย

            หยิบนู่นเปลี่ยนนี่อย่างเพลิดเพลิน  รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงป้านิ่มมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องของตัวเอง  โอเมก้ารีบปิดตู้เสื้อผ้าของพิษฌานแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างว่องไว

            “ครับป้านิ่ม  กำลังจะออกไปครับ”

            “ป้ารอข้างล่างนะคะ”

            อาคิราห์ถอดเสื้อคลุมและข้าวของอื่นๆของพิษฌานทิ้งเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าของตัวเองก่อนเหมือนเดิม  มองของที่เผลอหยิบติดมาอย่างหนักใจ  เดี๋ยวต้องเอาไปคืนเจ้าของแล้วนะอัยย์

            ไม่เป็นไร  ไปกินข้าวก่อน  ตอนนี้หิวมากๆ  ไม่มีกะจิตกะใจจะเอาของไปคืนใครทั้งนั้น

            พิชช์ฌานกดโทรหาแม่บ้านหลังจากพักการประชุมชั่วคราว  รอสายอยู่พักหนึ่งกว่านิ่มนวลจะรับสาย  เธอดูไม่แปลกใจที่เขาโทรไปหา

            “คุณอัยย์ยังอยู่ดีค่ะ  ไม่ได้หายไปไหน”  แม่บ้านบอกมาเป็นประโยคแรก

            “ผมไม่ได้จะถามถึงเค้าเสียหน่อย”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  “ผมจะถามว่าเมื่อกลางวันทำอะไรกินกัน”

            เสียงแม่บ้านหัวเราะมาตามสาย

            “แหม  คุณฌานจะกลับมาทานด้วยเหรอคะ”

            ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ

            “แล้วเขาอยู่ที่ไหนตอนนี้”

            “อยู่ห้องหนังสือค่ะ  นั่งอ่านหนังสืออยู่”  นิ่มนวลว่า  “คุณฌานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

            “งานเลี้ยงคืนนี้ผมอยากให้เขาไปด้วย  ป้าช่วยกล่อมเขาได้ไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  เหลือบมองไปทางพรรครัฐบาลก็เห็นท่านนายกฯกำลังมองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว

            “คุณลองคุยกับคุณอัยย์ดูเองดีกว่าค่ะ”   นิ่มนวลบอก  “เดี๋ยวป้าส่งโทรศัพท์ให้คุณอัยย์นะคะ  คุณอัยย์...คุณฌานอยากคุยด้วยค่ะ”

            นักการเมืองหนุ่มกระแอมในคอ  คิดหาคำพูดเร็วรี่

            “ไง  ข้าวเที่ยงบ้านฉันอร่อยไหม”   

            “อืม  ก็ดี”  เสียงใสๆตอบลากๆมาตามสาย  “แต่ผมเริ่มเบื่อแล้ว  อยากไปทะ..”  อัยย์ยังไม่ทันพูดว่าไปเที่ยว  เสียงห้าวๆก็พูดสวนกลับมาก่อน

            “อยากไปเที่ยวใช่ไหม  มางานเลี้ยงกับฉันคืนนี้สิ  ของกินเพียบ  มีการแสดงด้วยนะ...จะได้เปิดหูเปิดตาไง”  พิชช์ฌานพูดรัวเร็ว  “พ่อของเธอก็มาด้วยนะ”

            “ผมไม่ไป”  อาคิราห์พูดทันที

            “ใครๆเขาก็ไปกันทั้งนั้น  เธอเป็นภรรยาของฉันก็ต้องไปสิ”  ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มขึ้น  “อย่างน้อยก็ทำให้พ่อของเธอรู้ว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด”

            “ผมไม่อยากไป”

            “อาคิราห์”  อีกฝ่ายเรียกอย่างอ่อนใจ  “อย่าดื้อสิ  ฉันไม่รู้จะอ้อนวอนเธอยังไงแล้วนะ”

            “คุณแค่อยากเอาผมไปเพิ่มคะแนนนิยมของคุณ”

            “โธ่  อย่าคิดแบบนั้น”

            “แล้วมันจริงไหมล่ะครับ”

            “ก็ส่วนนึง...แต่ว่า  ฉันอยากให้เธอมาเปิดหูเปิดตาจริงๆนะ  งานเลี้ยงราตรีสโมสรไม่ได้จัดกันบ่อยๆ  เธออยู่แต่กับบ้านคงไม่เคยมาอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

            “ผมเคยเห็นในทีวี  ไม่เห็นมีอะไร”

            “ดูในภาพกับดูของจริงมันจะไปเหมือนกันได้ยังไงเล่า”

            “ถ้าผมไป  แล้วพรุ่งนี้ผมขอไปต่างประเทศเลย  คุณจะให้ผมไหมล่ะ”

            “ก็ได้  ฉันตกลง”

            “งั้นผมก็ตกลง”  อาคิราห์พูด  ก่อนจะกดวางสาย

            ไม่นานก็มีคนเอากล่องใบใหญ่มาส่งให้เขาถึงบ้าน  ข้างในเป็นชุดสูทสำหรับงานราตรีคืนนี้ของอาคิราห์  ชายหนุ่มลองสวมดูแล้วก็พบว่าพอดีตัวราวกับจับวัด 

            “หล่อมากๆค่ะคุณ”  นิ่มนวลเข้ามาช่วยเขาจัดโบว์ไทด์ให้เข้าที่  ถอยไปดูอย่างพอใจ

            “ไปงานเลี้ยงแค่นี้คงไม่ต้องเอาพาสปอร์ตไปมั้งคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลดักคอเขาตอนที่ชายหนุ่มเก็บของใส่กระเป๋าสะพายเต็มเพียบ

            “มันติดมือน่ะครับ”  อาคิราห์ตอบหน้าตาย  พออีกฝ่ายเผลอก็หยิบพาสปอร์ตใส่กระเป๋าตามเดิม

            รถมารับถึงหน้าบ้าน  พิชช์ฌานนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มมองกระเป๋าสะพายของโอเมก้าแล้วหัวเราะหึๆในลำคอ

            “หัวเราะอะไร”

            “ไปงานเลี้ยงหรือไปออกค่าย  เอากระเป๋าไปทำไมเยอะแยะ”

            “ผมเอามาใส่ยา  ...ก็ผมยังไม่หายดี  คุณก็บังคับให้ผมมางานอีก”

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

            “ฉันบังคับเธอตอนไหน  เราแลกเปลี่ยนกันไม่ใช่หรือไงเจ้าโอเมก้า   วางกระเป๋าใบนั้นลงเหอะ  ไม่ต้องเสียเวลาหนีคืนนี้เสียให้ยากเพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเธอที่สนามบินเอง”

            “ผมไม่ได้จะหนีคืนนี้”  อาคิราห์ตอบเสียงซื่อ  “ผมเอามาใส่ยา  ไม่เชื่อคุณก็เปิดดูสิ”

            “ฉันไม่เปิดดูหรอก  แต่ถ้าคิดหนีแล้วเกิดปัญหาแบบคราวก่อนล่ะก็  ฉันจะไม่เข้าไปช่วยอีกแล้ว”

            คนฟังยักไหล่ด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้จนคนมองต้องยกมือขึ้นเคาะที่ศีรษะกลมๆนั้นไปทีนึง

            “โอ๊ย!  คุณเขกหัวผมทำไม”

            “ฉันไม่ได้เขก  ฉันช่วยจัดทรงผมให้เธอต่างหาก”  พิชช์ฌานตอบ  “ทำหน้าตาให้มันดูดีเข้ากับสูทหน่อยได้มั้ย  ขี้มูกขี้ตาก็เช็ดเสียบ้าง”

            อาคิราห์เผลอยกมือขึ้นเช็ดหน้าตามแล้วก็ถลึงตาใส่คนพูด

            “ไม่มีเสียหน่อย  คุณมันชอบแกล้งผม”

            “ห้ามไปหลับในงานนะ  ฉันขายหน้าแย่”

            “ไม่ไปแล้วโว้ย  จอดรถเลยนะ”

            “พูดเล่นแค่นี้  ทำโวยวายไปได้”  มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเขากึ่งบังคับให้หยุดนิ่ง  รถจอดที่หน้างานพอดี  ประตูรถเปิดออกกว้าง  อาคิราห์ก้าวออกมายืนเคียงข้างนายพิษฌานอย่างเสียไม่ได้

            เสียงแฟลชถ่ายรูปรัวจากทุกทิศทุกทางจนชายหนุ่มตาพร่า  มืออุ่นจัดเลื่อนมากุมมือเขาเอาไว้แล้วพาออกเดินเข้าไปด้านในงานเลี้ยงที่ตกแต่งเอาไว้หรูหราสมเป็นงานใหญ่ประจำปีที่รวมเหล่านักการเมืองและผู้ทรงอิทธิพลมากหน้าหลายตาเอาไว้   พิชช์ฌานพาหยุดแวะทักทายคนนู้นทีคนนี้ทีกว่าจะเข้ามาในงานได้ก็เล่นเอาเหนื่อย

            “คุณพ่อ”  อัยย์อุทาน  ท่านไตรคุณเหลียวมาหาเขาแล้วอ้าแขนออกกว้างรับลูกชายคนเล็กเข้าไปกอด  ลูกเขยเดินตามมาด้วยยกมือขึ้นทักทายเขาอย่างนอบน้อมแต่ก็ไว้ตัวอยู่ในที   

            “อัยย์  เป็นไงบ้างลูก  เงียบหายไปเลยจนพ่อเป็นห่วง  สบายดีไหม”

            “ผมสบายดีครับ”  อาคิราห์ตอบ  ยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกของวัน

            “อยู่คุยกับคุณพ่อไปก่อนนะ”  พิชช์ฌานกระซิบข้างหูเขาแล้วก็เดินเลี่ยงหายไปอีกทาง  อาคิราห์มองตามไม่ได้ท้วงอะไรอีก

            “เขาดูแลอัยย์ดีไหมลูก”  ท่านไตรคุณถามเบาๆ

            “ก็ดีครับ”

            “พ่อเพิ่งรู้ข่าวเรื่องผู้ชุมนุม  วันนั้นอัยย์ออกมาข้างนอกทำไม  ทำไมไม่อยู่ในบ้านล่ะ  มันอันตรายมากเลยรู้มั้ย  ตอนพ่อรู้ข่าวว่าอัยย์เกือบโดนจับตัวไปพ่อตกใจแทบแย่” ไตรคุณเอื้อมมือไปปัดปอยผมของบุตรชาย  ได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์ของนักข่าวมาจากที่ไกลๆ  “พิชช์ฌานเขาปล่อยให้อัยย์ไปเหรอ”

            “เปล่าครับ  ผมออกมาเอง”  อาคิราห์พูดเรียบๆ

            “เขาทำร้ายอัยย์ใช่ไหมลูก  อัยย์บอกกับพ่อมาเลยนะ  ไม่ต้องกลัว”

            “เขา..”  อัยย์คิดถึงรอยฟันที่ยังค้างอยู่ที่หลังคอของเขาแล้วลอบถอนหายใจยาว

            “ไม่กล้าพูดตรงนี้ก็ไม่เป็นไร  อดทนเอาไว้ก่อนนะ  แล้วพ่อจะช่วยอัยย์ออกมาจากนายพิชช์ฌานเอง  พ่อคิดแผนได้แล้ว”  รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของท่านนายกฯ  “เลือกตั้งคราวนี้ล่ะ”

            “พ่อจะทำอะไรครับ”

            “พ่อจะเปิดโปงคนสองหน้าไงล่ะ”

            อาคิราห์ไม่ทันซักถามเพิ่มก็มีคนอื่นเข้ามาคุยกับพ่อของเขาเต็มไปหมด  ชายหนุ่มเลยถอยออกมาอยู่ห่างๆที่ริมสนามหญ้าซึ่งจัดโต๊ะเอาไว้เป็นแบบงานค็อกเทล

            “พ่อเธอว่ายังไงบ้าง”  เสียงห้าวดังขึ้นข้างตัว  อัยย์ไม่ได้หันไปมอง  เขาเอื้อมมือไปหยิบขนมชิ้นเล็กๆมาใส่จาน

            “ทำไมไม่เข้าไปคุยเอง”

            “โรคกลัวพ่อตามั้ง  แค่เห็นหน้าก็เสียวไส้”  พิษฌานตอบแกมหัวเราะ  “กินแค่นั้นอิ่มเหรอ  หรือว่ารักษาภาพลักษณ์อยู่”  ชายหนุ่มมองจานในมือของอาคิราห์  “ไม่เป็นไรหรอก  ฉันไม่โกรธถ้าจะมีใครมาบอกว่าเมียกินจุ”

            คิ้วเรียวขมวดฉับ  อาคิราห์เบ้ปากใส่เขาแล้วเดินหนี  อีกฝ่านก้าวตามมาไม่ลดละ

            “อย่าเดินเร็วนักสิ  เดี๋ยวสะดุดล้มหน้าคว่ำขึ้นมาลงข่าวหน้าหนึ่งอายเขาตาย”

            “คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ  ไม่ต้องมาตามผม”

            “ฉันไม่ได้ตามเสียหน่อย ชักหลงตัวเองมากไปแล้วมั้งเจ้าโอเมก้า”  พิชช์ฌานกระซิบ  แล้วแตะที่หลังเขาเบาๆให้เดินไปอีกทาง  “มาทางนี้ดีกว่า  ฝั่งนั้นมีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรด”

            “ผมว่าไม่มีใครน่ากลัวกว่าคุณแล้วมั้ง”  อาคิราห์ว่า  “จะไปไหนอีก  ผมจะหาที่นั่งกิน”

            “มานั่งตรงนี้มา  นั่งตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวฉันมา”  นายพิษฌานกดที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาให้นั่งบนเก้าอี้ยาวใกล้กับสวนด้านหลัง  คนไม่พลุกพล่านแต่ก็ไม่เปลี่ยวจนเกินไป  อาคิราห์นั่งลงอย่างงงๆ  มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินไปอีกทาง

            “ช่างเหอะ  หิวจะตายอยู่แล้ว”

            นั่งกินได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า  ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา  ใบหน้าคมคายดูมีเสน่ห์น่ามองยามที่ส่งยิ้มกว้างออกมาแบบนี้  ...ผู้ชายคนนี้ยิ้มจริงใจดี

            อัยย์คิดในใจแล้วยิ้มตอบกลับไป

            “สวัสดีครับ  คุณ..อาคิราห์ใช่ไหม”

            “ครับ”

            “ผมชื่อ  ปัทมะครับ  เป็นนักเขียน”  พูดแค่นั้นคนฟังก็ตาโต


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-02-2019 22:33:01









            “ผมรู้จักคุณ  ผมเคยอ่านหนังสือของคุณด้วยครับ”  อาคิราห์พูดอย่างดีใจ  ผายมือออกให้อีกฝ่ายนั่งข้างๆ  ฝ่ายนั้นก็นั่งลงโดยไม่อิดออด

            “ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะครับ”  ปัทมะพูดยิ้มๆ  “วันนี้ผมตั้งใจมาเจอคุณเลยล่ะคุณอาคิราห์  กะแล้วว่าคุณต้องมากับคุณพิชช์ฌาน”

            “มาเจอผมเหรอครับ”

            “ใช่ครับ  คุณน่ะเป็นคนดังแค่ไหนรู้ตัวหรือเปล่า  มีคนอยากเจอคุณกันเยอะแยะ”

            อัยย์หัวเราะ

            “จริงๆนะครับ  ผมเองก็อยากเจอคุณเพราะอยากจะพูดคุยกับคุณ  เผื่อคุณจะสนใจอยากให้สัมภาษณ์กับหนังสือของผม  ...ผมเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสาร....ด้วยครับ”  เขาเอ่ยชื่อนิตยสารชื่อดังขึ้นมา  “คอลัมน์สัมภาษณ์คนดังนี่ล่ะ”

            “คุณอยากสัมภาษณ์ผมเนี่ยนะ?”  อัยย์อุทาน  “จะสัมภาษณ์ผมเรื่องอะไรกัน”

            “ก็เรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับคุณ”

            “ผมไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยนะครับ”

            “ใครบอกล่ะครับ  เรื่องของคุณน่ะน่าสนใจสุดๆเลยล่ะ  คุณเป็นโอเมก้าคนเดียวในงานเลี้ยงคืนนี้เลยก็ว่าได้นะครับ  ยังคิดว่าไม่น่าสนใจอีกเหรอ  คุณกำลังทำให้ประวัติศาสตร์ของเราเปลี่ยนโฉมหน้านะ”  ปัทมะพูดหนักแน่น   “คุณเป็นโอเมก้าที่น่ายกย่องครับ”

            “ผมไม่เคยทำอะไรที่น่ายกย่องเลยนะครับ”  อาคิราห์งงจัด  “ผมแค่แต่งงานกับพิษฌาน  ก็แค่นั้น”

            “แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วครับ  ตระกูลของคุณพิชช์ฌานเคร่งเรื่องสายเลือดแค่ไหนใครๆก็รู้กันดี  แต่ว่าคุณกลับเอาชนะใจของเขาได้จนเขาแต่งงานกับคุณ  มันยังไม่น่ายกย่องอีกเหรอครับ”

            “คุณยกย่องผมเพราะผมแต่งงานกับอัลฟ่าได้เนี่ยนะ”  คนฟังเริ่มโกรธ  “อ๋อใช่  มันเป็นประวัติศาสตร์เลยล่ะสิที่โอเมก้าก้นครัวสามารถแต่งงานกับอัลฟ่าชั้นสูงได้   เจ้าโอเมก้านี่ต้องมีอะไรพิเศษแน่  ไม่ใช่โอเมก้ากระจอกงอกง่อยทั่วไป  แบบนี้ใช่หรือเปล่าที่คุณคิดน่ะ”

            “เดี๋ยวสิคุณ  ใจเย็นๆ  ผมไม่ได้จะดูถูกคุณนะ”  ปัทมะรีบพูด  “ผมพูดในแง่ของความรัก  ยุคสมัยของเราไม่มีใครสนใจเรื่องความรักระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้ามานานมากแล้ว  คู่แห่งโชคชะตากลายเป็นเรื่องตลก  อัลฟ่าเลือกจับคู่กับอัลฟ่าเดียวกัน  ส่วนโอเมก้ากลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่ไว้บำเรอความใคร่แล้วเก็บเอาไว้หลังบ้าน  แต่ว่าคุณ...กำลังจะเปลี่ยนมันนะครับ  คุณกำลังทำให้คนมองเห็นโอเมก้ามากกว่าที่เคยเป็น”

            “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”  อาคิราห์ย้ำ

            “คุณกำลังทำ”  ปัทมะยืนยัน  “การที่คุณมาออกงานกับคุณพิชช์ฌานคืนนี้ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของโอเมก้าแล้ว  คุณคงทราบว่ากระแสผู้ชุมนุมต่อต้านโอเมก้ารุนแรงมาก  เพราะอะไร...เพราะมีโอเมก้าจำนวนไม่น้อยที่เห็นคุณในโทรทัศน์แล้วมีความหวังไงล่ะครับ  คุณเป็นความหวังที่จะทำให้โอเมก้าเท่าเทียมกับอัลฟ่าและเบต้านะครับ”

            “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้”

            “มันเป็นไปแล้วครับ”  ปัทมะพูดเรียบๆ  “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดครับที่คุณจะออกมาพูด  ลองเล่าเรื่องสมัยที่คุณอยู่ที่บ้านสิครับ  ครอบครัวของคุณดูแลคุณดีแค่ไหน  ทำไมพ่อของคุณถึงไม่เคยบอกใครเลยว่าเขามีลูกชายอีกคน”

            “ผมอยู่ที่บ้านก็มีความสุขดีครับ  พ่อของผมดูแลผมเหมือนลูกคนอื่นๆ”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน

            “งั้นก็ยิ่งดีเลยสิครับ  นี่แหละที่ผมและทุกคนอยากรู้  แค่คุณเล่าออกมาให้ฟัง  อยู่ที่บ้านคุณทำอะไรบ้าง  ช่วยเปิดโลกของโอเมก้าให้เราได้รู้จักมากขึ้น”

            “................”

            “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้มีโอเมก้าที่ถูกทารุณอยู่ที่บ้านมากแค่ไหน  กี่คนที่ถูกอัลฟ่ากัดคอแล้วทิ้งๆขว้างๆ  ไม่สามารถออกมาทำงานข้างนอกได้  ไปสมัครงานที่ไหนนายจ้างก็ไม่รับ  ต้องอดทนอยู่ที่บ้านถูกโขกสับราวกับไม่ใช่คน  บ้างก็เลี้ยงลูกไปจนตาย  คุณคิดว่ามันถูกต้องแล้วเหรอที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป  ในฐานะที่คุณเป็นโอเมก้าที่เรียกได้ว่าโชคดีกว่าคนอื่นมาก  คุณจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้หรอครับ”

            “คุณปัทมะ  ผมเองก็เป็นโอเมก้าไม่ต่างจากคนอื่น  ที่คุณพูดมา...ผมไม่เห็นว่าผมจะทำอะไรได้เลย  ขอโทษด้วยครับ”  อาคิราห์พูดเรียบๆหลังจากยืนนิ่งอยู่นาน  “ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์มาคุยกับผมนะ”

            “คุณอาคิราห์”  อีกฝ่ายเรียกเอาไว้  หยิบนามบัตรขึ้นมาส่งให้  “ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่  กรุณาโทรหาผมนะครับ”

            อาคิราห์รับมาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ  ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  ชายหนุ่มเดินเลี่ยงกลับออกมาทางเดิม  มองหาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิท   พิษฌานยืนอยู่กลางวงล้อมของนักการเมืองคนอื่นๆในงานเลี้ยง  รูปร่างหน้าตาและบุคลิกทำให้ชายหนุ่มดูโดดเด่นสะดุดตา เขาขยับจะเดินเข้าไปหาทว่าหญิงสาวอีกคนหนึ่งในชุดสีดำระยิบระยับกลับเดินเข้ามาคล้องแขนพิษฌานเอาไว้เสียก่อน

            อัยย์ชะงัก  ถอยกลับเข้าไปยืนชิดมุมเพื่อสังเกตการณ์  เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน  ท่าทางเธอเนิบนาบมีเสนห์อย่างประหลาด  ทรวดทรงที่ซ่อนอยู่ในชุดดำนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย  เลื่อนสายตาขึ้นไปพิษดูใบหน้าที่ตกแต่งเอาไว้สวยสด  อาคิราห์กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิด

            สองคนนั้นพูดอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจนภพ  เลขาฯคนสนิทของพิษฌานจะเข้ามากระซิบข้างหูเจ้านาย  เขาเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าแล้วก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาวอีกที  เธอผู้นั้นอมยิ้มแล้วเดินออกไปอีกทาง

            ร่างสูงใหญ่ของพิษฌานรีรออยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกเดินบ้าง  อาคิราห์แทบไม่เสียเวลาคิดเลยตอนที่ออกตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในสวน  มั่นใจได้ว่าสองคนนั้นจะต้องลอบพบปะกันในที่ลับตาคนอย่างแน่นอน

            ดีล่ะ...คราวนี้เขาจะได้แอบถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานต่อรองกับนายพิษฌานเสียเลย  ทำตัวลับๆล่อๆดีนัก

            เขาสะกดรอยมาจนถึงกลางสวน  เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆจนอาคิราห์ชักแปลกใจ  พอเลี้ยวผ่านมุมอับสายตาก็พบว่าเขากำลังยืนอยู่เกือบหน้าเวทีที่จัดแสดงดนตรีสดเอาไว้  นักดนตรีกำลังเล่นดนตรีอย่างสนุกสนานครึกครื้นพอๆกับคนข้างล่างที่จับคู่กันเต้นรำ

            เขากวาดตามองหาร่างอวบอัดในชุดดำกับนายพิษฌาน  แต่ชะเง้อมองเท่าไหร่ก็ไม่ยักเจอ  ...หรือว่าเขาเลี้ยวผิดเมื่อกี้วะ  นายพิษฌานอาจจะเลี้ยวเข้าบ้านหลังใดหลังหนึ่งระหว่างทางไปแล้วหรือเปล่า

            อะไรหนักๆวางหมับที่ไหล่ข้างซ้าย  อาคิราห์สะดุ้งหันไปมองก็เจอคนที่เขากำลังมองหายืนอยู่ก่อนแล้ว  รอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้เขาหน้าร้อนผ่าว

            “ไงบู้บี้  แอบตามฉันมาหรอ  แต่งกันไม่เท่าไหร่ ชักทำตัวเป็นเมียขี้หึงเสียแล้ว”

            “ปล่อย  ผมไม่ได้ตามคุณมานะ”  อาคิราห์รีบปฏิเสธ  ปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่เหมือนปัดแมลงวัน  “อยากกลับแล้ว  จะกลับหรือยัง”

            “กลับอะไรล่ะ  เพิ่งกี่โมงเอง  พ่อเธอยังไม่กล่าวปิดงานเลยนะ”  พิชช์ฌานพูดยิ้มๆ  “หน้าบูดขนาดนี้  อาหารไม่อร่อยล่ะสิ”

            “ใช่  เห็นหน้าคุณแล้วกินไม่ลง  บอกให้นั่งรอแล้วก็หายหัวไปเลย”

            “เอาไงแน่  สรุปเห็นหน้าฉันหรือไม่เห็นหน้ากันแน่  ที่กินไม่ลงเนี่ย”  นัยน์ตาคมเข้มเป็นประกายวิบวับ  ยิ่งเห็นคนเด็กกว่าหงุดหงิดมากเท่าไหร่  เขาก็เหมือนจะยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น  “ขอโทษ  ฉันคุยติดพันไปหน่อย”

            “กับสาวชุดดำน่ะเหรอ”  อัยย์หลุดปาก...พอพูดออกไปแล้วก็หน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม

            พิชช์ฌานยิ้มกว้างมากขึ้นจนมองเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม  มันทำให้ชายหนุ่มดูเด็กลงไปกว่าอายุจริงสักสิบปี  อาคิราห์คิดในใจ  ถ้าไม่นับความแววตาเจ้าเล่ห์แสนกลของอีกฝ่าย  ก็ต้องยอมรับว่าพิษฌานเป็นคนหน้าตาดี...ดีมาก

            “แน่ะ  ลงรายละเอียดซะด้วย  ...หึงฉันจริงๆหรอเนี่ย”

            “ผมไม่ได้หึง”  ถ้ากระทืบเท้าได้อาคิราห์คงกระทืบเท้าไปแล้ว  ดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน  “ผมไม่คุยด้วยแล้ว  จะกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

            “เดี๋ยวสิเธอ  หยอกเล่นนิดหน่อยทำเป็นโกรธไปได้  คนนั้นเขาเป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อน  “ไม่มีอะไรเสียหน่อย  เอาล่ะ...เพลงนี้เพราะนะ  เต้นรำเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”

            “ไม่”

            “นิดนึง”

            “ไม่เอา  จะกลับบ้าน”

            “อ๋อ  ฉันรู้ล่ะ  เธอคงเต้นรำไม่เป็นล่ะสิ  งั้นไม่เป็นไร...กลับก็กลับ”

            “ใครบอกผมเต้นไม่เป็น  ถึงผมจะไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ผมก็มีครูมาสอนนะ  ไม่ได้นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ”  อาคิราห์กระแทกเสียง  แทบจะลากอีกฝ่ายออกไปกลางฟลอร์

            พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  ยกมือขึ้นโอบรอบเอวบางดึงเข้ามาหาตัว  อีกมือก็กุมเอาไว้หลวมๆ พาก้าวเดินไปตามจังหวะวอลซ์เนิบๆ  เส้นผมอ่อนสลวยที่เคลียอยู่แถวปลายคางส่งกลิ่นหอมหวาน  พิชช์ฌานลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว  ความเคร่งเครียดที่มีมาตลอดทั้งวันผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

            เขารัดร่างโปร่งบางเข้ามาแนบชิดกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว  แม้แต่อาคิราห์เองก็ไม่รู้เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตานับก้าวอยู่ในใจอย่างขะมักเขม้น  ยังไงงานนี้เขาจะเผลอเหยียบเท้าหรือสะดุดโชว์ไม่ได้เด็ดขาด

            ไรหนวดสากๆลากผ่านหน้าผากของเขาจนเริ่มรู้สึกว่าโดนแกล้ง  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วใส่คนที่เต้นนำเขาอยู่แล้วก็รีบก้มหน้าลงแทบไม่ทันเพราะแววตาคมกริบคู่นั้น

            มันทำให้เขาใจสั่นเป็นกลองเลย...

            นี่มันแกล้งกันชัดๆ

            “เป็นอะไรไป”  พิษฌานกระซิบถามข้างหูเขากลั้วหัวเราะราวกับรู้เหตุผล  อาคิราห์เม้มปากยกเท้าขึ้นเหยียบรองเท้าเป็นมันปลาบของอีกฝ่ายอย่างจงใจแล้วดันตัวออกจากวงแขน  พูดโดยไม่มองหน้า

            “ผมหิว  ขอตัวก่อนนะ”

            พิชช์ฌานอุทานแล้วมองตามหลัง  อดยิ้มกว้างออกมาอีกไม่ได้  ชายหนุ่มเดินตามไปจนทันกันแล้วคว้ามือของเจ้าโอเมก้ามากุมเอาไว้

            “เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน”

            อาคิราห์สะบัดมือออกจากการเกาะกุมแต่ก็ยอมเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ออกมา  พิษฌานพาเขาออกมาทางด้านหลังที่ทะลุออกถนนใหญ่  ฝ่ายนั้นโทรหาคนสนิทนัดแนะกันเรียบร้อยแล้วก็พาเขาออกเดินต่อ

            “จะไปไหนน่ะ”

            “จะพาไปกินมาม่าหม้อไฟ”   เห็นหน้าคนฟังพิชช์ฌานก็หัวเราะเบาๆ  “งงล่ะสิ  ไม่เคยกินก็งี้”

            “อยู่ตรงไหน”

            “ข้ามทางรถไฟตรงนี้ไปก็ถึงแล้ว”  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาจูงมืออีกฝ่ายพาข้ามถนนมายังอีกฟากที่เปิดเป็นร้านอาหารสองคูหาที่เปิดไฟสว่างจ้า  คนรอกันแน่นร้านต่อคิวออกมายาวเหยียด

            พอชายหนุ่มปรากฏตัวก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย  มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยกันตลอดจนกระทั่งถึงคิวของเขากับอัยย์

            อัยย์นั่งเท้าคางมองรอบตัวอย่างสนใจ  เขาปล่อยให้พิษฌานเป็นคนสั่งอาหารให้

            “อึดอัดหรือเปล่า”  จู่ๆคนที่กำลังยิ้มแย้มให้กับผู้คนรอบตัวก็หันมาถามเขา  อัยย์เลิกคิ้วขึ้น

            “?”

            “ที่คนเอาแต่ถ่ายรูปแบบนี้  อึดอัดไหม”  พิษฌานถาม

            คนฟังส่ายหน้า

            “ถ้าอึดอัดเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

            “ผมไม่อึดอัดหรอก  ผมเข้าใจว่ามันเป็นเทคนิคหาเสียงของคุณ  แต่ว่าก็อย่าถึงขั้นลุกไปเข้าครัวเองเลยนะ  ผมทำตัวไม่ถูก  ไม่รู้ว่าจะต้องไปช่วยคุณสับหมูไหม”  อาคิราห์พูด  เท้าความถึงคราวก่อนที่อีกฝ่ายลุกไปตักข้าวแกงใส่ถุงด้วยตัวเอง

            อีกฝ่ายหัวเราะห้าวๆ

            “ก็ดูน่าสนใจดีนะ”

            “อย่าแม้แต่จะคิด”  อาคิราห์รีบบอก  “คงดูไม่จืดหรอกถ้าคุณจะใส่สูทผูกโบว์เต็มยศไปอยู่หน้าเตาน่ะ  ผมว่ามันดูตลกๆ”

            “เปล่า  ฉันว่าจะส่งเธอไปสับหมูต่างหาก  น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ฉันดูดีนะ  มีเมียทำกับข้าวเก่ง”

            “ถ้าคุณพูดคำว่าเมียอีกทีนึงนะ  ผมจะยกหม้อไฟคว่ำใส่หน้าคุณเลย”

            “เดี๋ยวลองกินดูก่อน  จะเสียดายยกคว่ำไม่ลง” พิชช์ฌานตอบกลับ  อีกคนย่นจมูกใส่

            อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ  กลิ่นหอมของเครื่องกับรสชาติจัดจ้านทำให้อาคิราห์สูดปากด้วยความอร่อย  ก้มหน้าก้มตากินจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องหยุดมองด้วยความขบขันในใจ  ใบหน้าเรียวหวานนั้นขึ้นสีแดงจัดเพราะความร้อนและความเผ็ด  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผากและปลายจมูกนั้น

            “อร่อยมั้ย”

            “อร่อยมาก”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ  ลืมเรื่องที่เคยโกรธกันไปพักหนึ่ง

            “เอาอีกไหม”

            “ไม่ไหวแล้ว  กินไม่หมด  เผ็ดจนไฟลุก”  คนพูดแลบลิ้นแดงๆออกมาแล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่ม  เพิ่งจะได้เงยหน้าขึ้นมองคนพามาที่หน้าแดงไม่แพ้กัน  “หน้าคุณเหมือนโจโฉเลย”

            “เดี๋ยวนะ  หมายถึงหน้าแดง?”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ไม่ใช่กวนอูหรอกเหรอที่หน้าแดง  เคยอ่านสามก๊กหรือเปล่าเนี่ย”

            “ผมรู้  แต่ว่าอย่างคุณเป็นกวนอูไม่ได้หรอก  เป็นโจโฉถูกแล้ว....ผมหมายถึงว่าคุณฉลาด  เจ้าแผนการไรงี้  นี่ผมชมนะ”

            คนฟังหน้าหงิก

            “ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าโดนชมเลย”

            “คุณไม่เก็ทมั้ง”  อาคิราห์พูดหน้าตาย

            พิชช์ฌานเรียกเก็บเงินแล้วเดินออกมาจากร้านด้วยกัน  อาคิราห์กอดเสื้อสูทที่ถอดตั้งแต่เข้าไปในร้านเอาไว้  ส่วนคนข้างๆก็พาดเอาไว้บนบ่าลวกๆ

            “แล้วจะกลับกันยังไงล่ะ  เดินกลับอีกเหรอ”  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองรอบตัว  “คุณนัดคุณเจนภพเอาไว้หรือเปล่า  เขาจะเอารถมารับหรอครับ”

            “เดินกลับ”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “เอาไขมันจากพุงของเธอมาใช้เสียบ้าง”

            “ผมไม่มีพุงเสียหน่อย”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเอง

            “อีกนิดก็นึกว่าท้องแล้ว”

            “อย่าพูดเรื่องท้องนะ”  โอเมก้าหันไปขู่ฟ่อ  “ไม่ท้อง  ไม่ท้องเด็ดขาด”

            พิชช์ฌานขยับจะตอบ  รถของเขาก็เข้ามาจอดเทียบพอดี  อาคิราห์เปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งบนรถก่อนคนแรก  พอศีรษะถึงพนักพิงก็หลับไปแทบจะทันทีด้วยความเพลีย

            เจ้าของรถส่ายหน้าอย่างระอา  เบื่อเด็กที่เอาแต่กินกับนอนจริงๆให้ตายสิ  เขาบอกให้เจนภพออกรถ  ขับตรงกลับบ้าน   พอถึงบ้านยังไม่ทันเอื้อมมือไปปลุก  เจ้าโอเมก้าก็ตื่นขึ้นมาเอง  เดินงัวเงียเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรกับเขาซักคำ

            “หลับตาเดินเดี๋ยวก็ชนเสาพอดีหรอก”  พิชช์ฌานตะโกนตามหลัง  เห็นอีกฝ่ายโคลงหัวไปมาแล้วหายลับขึ้นบันไดไปชั้นบน  นักการเมืองหนุ่มหันไปหาคนสนิทที่ยืนมองอยู่เงียบๆแล้วพูดเสียงขรึม  “ท่านนายกฯว่ายังไงบ้าง”

            “ผมเตรียมเอาไว้ในห้องทำงานแล้วครับ”

            “แล้วทางนายปัทมะล่ะ”

            “คุณอัยย์ยังไม่ยอมครับ”

            .........................................................................

 

            มาอัพกันต่อนะคะ  ฉลองวันวาเลนไทน์555555555

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2019 22:51:15
อัยย์ลืมคืนของที่ไปหยิบมานะลูก 555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-02-2019 22:52:26
แหม่ะ! หยอกน้องพลางหาเสียงพลาง แบบนี้เมื่อไหร่น้องจะเชื่อใจ อิตาพิษษษ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 14-02-2019 23:05:50
น้องทำรังรึเปล่า น้องต้องท้องแล้วแน่เลยยยย

อร๊ายยยยยยยยย


Happy vday ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-02-2019 00:31:50
น้องทำรังแล้วอ่ะ แต่น้องยังไม่รู้เลยว่านั่นคือการทำรังอ่ะ
อันนี้ทำรังเพราะฮีทหรือเพราะท้องกันนะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 15-02-2019 01:31:30
ท้องแล้วแน่เลยยย
 ท้องเถอะอย่าให้เราหน้าแตก55555
แต่นายพิษเจ้าเลห์เพทุบาย พ่อก็ด้วยยย เห้ออมีใครจริงใจมั้งไหมเนี่ย :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2019 02:08:01
เอ็นดูน้องที่แอบไปจิ๊กของนังพิษมาทำรัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-02-2019 08:05:05
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-02-2019 10:59:07
ว่าแล้วว่าเป็นแผนของพิษที่จะหลอกใช้อัยย์ทำร้ายนายก เอาเถอะหลอกอัยย์ให้มาก ๆ เข้า เอาให้อัยย์ไม่อยากอยู่ด้วยยิ่งดี
เพราะตอนเอาคืนคงสนุกพิลึก ได้แต่หวังว่าอัยย์จะไม่หวั่นไหวและใจอ่อนง่าย ๆ ให้อภัยตอนมาขอคืนดีล่ะกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 15-02-2019 11:26:53
รีบมานะคะ.. มารอทุกวันนนน..  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 15-02-2019 11:50:52
ร้ายกาจอย่าทำร้ายไอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 15-02-2019 23:30:12
น้อนนนนนนนนนอัยยยยยยน่ารักจังค๊าบบบบบง :impress2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 16-02-2019 00:55:02
น้องมีความน่ารัก

พึ่งเคยอ่านแนวนี้ครั้งแรก ชอบมากครับ  :z13:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-02-2019 03:18:18
โถลูก เอ็นดูน้องง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-02-2019 19:30:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 16-02-2019 21:44:19
อยากให้น้องได้เที่ยวจังค่ะ น้องอย่าเพิ่งท้องเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-02-2019 06:06:39
นั่นไง หยิบติดมือมาเนาะอัยย์ คืนนี้ก็คงไปมุดในตู้อีกแน่
แล้วฌาณก็จะงมหาหมอนผ้าห่มต่อไป 5555

สงสารอัยย์นะ ทำไมต้องมาเป็นตัวหลอกให้ฌาณทำแบบนี้
อัยย์ฉลาด แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมีพลาดได้บ้าง

ฌาณร้ายเกินไปละนะ แล้วถ้าอัยย์หนีไปได้ แย่แน่ตอนนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-02-2019 22:24:38
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 12



 

 

 

 

 

            “อ้าว  หายอีกแล้วเรอะ”  พิชช์ฌานอุทานอย่างหัวเสีย  หมุนตัวไปมาอยู่กลางห้องนอนของตัวเอง  ยกมือขึ้นขยี้ผมที่ยังเปียกชุ่มเพราะเพิ่งสระเสร็จหมาดๆไปมา  ขมวดคิ้วหรี่ตามองเตียงโล่งๆว่างเปล่าอีกรอบ  “ป้านิ่มนี่ยังไง” ร่างสูงใหญ่รวบชายเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าหากัน  ก้าวยาวๆไปที่เปิดประตูออก

            สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้างผนังบอกเวลาเกือบตีสอง  ความคิดที่จะไปปลุกแม่บ้านอาวุโสก็หายไป  ชายหนุ่มถอยกลับมานั่งเช็ดผมที่เตียง  กวาดสายตามองหาอะไรสักอย่างมาใช้หนุนนอนแทนหมอนคืนนี้

            ผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มตกอยู่ที่พื้นห้องหน้าประตูเชื่อมระหว่างเขากับเจ้าโอเมก้า  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน  ก้าวเข้าไปเก็บขึ้นมาดู  เป็นผ้าพันคอของเขาจริงๆ  มันควรจะอยู่ในตู้เสื้อผ้าไม่ใช่หรือไง?

          เดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูอีกครั้ง กวาดสายตามองเสื้อผ้าที่แน่นขนัดเรียงรายไล่สี  ...มีอะไรบางอย่างผิดปกติไปจริงๆ  เสื้อโค้ทสีครีมของเขาหายไป  เสื้อผ้าที่แขวนก็มีความสลับสีไม่เหมือนเดิมอีกด้วย  ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนมารื้อตู้เสื้อผ้าของเขาเสียแล้ว

            ใจหายวาบ  ชายหนุ่มรีบก้มลงเปิดลิ้นชักล่างสุด  แหวกกองผ้าพันคอสีสวยเข้าไปข้างในสุดที่มีกล่องโลหะวางแอบอยู่  ปืนพกด้านในยังอยู่ที่เดิม  เขารีบย้ายที่กล่องปืนไปไว้ในตู้เซฟหัวเตียงแทน

            สำรวจตู้เสื้อผ้าอีกรอบ  นึกไม่ออกว่าอะไรหายไปอีกบ้างนอกจากเสื้อโค้ทตัวโปรด  พิชช์ฌานปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินไปเคาะที่ประตูเชื่อมระหว่างห้องแรงๆหลายครั้ง  ไม่สนใจว่ามันจะดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหน  ถ้าเจ้าโอเมก้าคิดจะแกล้งให้เขานอนบนฟูกเปล่าๆล่ะก็  เราจะต้องได้เห็นดีกัน

            อีกฟากของประตูเงียบกริบ  ไม่มีเสียงตอบรับ

            พิชช์ฌานเปลี่ยนใจเลิกเคาะประตูแต่ว่าเดินไปค้นหากุญแจมาเปิดประตูห้องแทน

            “อาคิราห์  ถ้าไม่ยอมเปิดเอง  ฉันจะเปิดประตูเข้าไปแล้วนะ”  เขาพูดเสียงดัง

            ยังไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในห้อง  พิชช์ฌานเปิดประตูออกกว้าง

            เตียงนอนว่างเปล่ากระทบสายตาเป็นอย่างแรก  ชายหนุ่มตกใจก้าวเข้าไปในห้องนอนของอาคิราห์อย่างตระหนก  ทว่าพอหันกลับมาเจอตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่เปิดประตูตู้ทิ้งเอาไว้ฟากนึงแล้ว  เขาก็ถอนหายใจยาว  ทั้งแปลกใจทั้งขบขัน

            ท่อนขาเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากตู้  ถุงเท้าถอดคาเอาไว้ครึ่งๆยังไม่พ้นเท้าดีนัก  คล้ายกับว่าเจ้าตัวเผลอหลับไปเสียก่อนที่จะจัดการจนเสร็จ

            เจ้าของบ้านย่อตัวลง  ค่อยๆชะโงกมองเข้าไปดูในตู้  ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มเกือบหัวเราะออกมา  เจ้าโอเมก้านอนขดตัวอยู่ในตู้  ในมือกอดหมอนอิงที่เขาเพิ่งใช้หนุนนอนเมื่อคืนเอาไว้  ใบหน้าเรียวซุกอยู่กับกองผ้าห่มยับยู่แถมบนศีรษะกลมๆยังมีผ้าขนหนูคลุมเอาไว้อีกที

            “เล่นอะไรเนี่ย”

            เจ้าตัวยังอยู่ในชุดราตรีสโมสรเหมือนเดิม  แสดงว่าพอกลับมาปุ๊บก็มาฟุบหลับในตู้นี้เลย

            หรือว่าจะเป็นนิสัยแปลกๆของโอเมก้าที่ถูกขังอยู่บ้านมาตลอดชีวิตกัน  พิชช์ฌานส่ายหน้า  เตียงนอนดีๆมีไม่ชอบ  ดันชอบนอนในตู้  พิลึกคนล่ะ

            ก็ดีเหมือนกัน  อยากนอนในตู้ก็เชิญ  ชายหนุ่มคิด  แล้วที่เอาเครื่องนอนเขามาเนี่ยจงใจแกล้งกันใช่มั้ย  เขาค่อยๆเอื้อมมือไปดึงหมอนของตัวเองคืน  ทว่าอีกฝ่ายกลับกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  พิชช์ฌานเลยเปลี่ยนมาหยิบผ้าห่มแทน

            “โอ้โห  นี่ไงเสื้อฉัน  ตัวนี้ก็ใช่  เอามาขายหรือไงฮึบู้บี้”  แอบเอามือบีบจมูกมู่ทู่ของคนหลับไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว  เจ้าโอเมก้าครางอืออา ขยับตัวด้วยท่าทางไม่สบายตัว  “นอนไม่สบายก็ตื่นสิ  ฉันจะไม่อุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียงหรอกนะ”

            อาคิราห์ไม่ตอบ  พิชช์ฌานเลยเขย่าตัวแรงๆ

            “อัยย์  ตื่น  ขึ้นไปนอนบนเตียงสิ”

            “อือ”

            “อือก็ตื่นสิ  อย่าเอาแต่อือ”  ชายหนุ่มบอก  จิ้มหน้าผากเนียนไปหลายทีกว่านัยน์ตากลมใสจะปรือตาขึ้นมองหน้าเขางงๆ  “ยังมามองอีก  ลุกไปนอนบนเตียงนู่น  นอนขดในนี้ก็ปวดหลังตาย  มาลุกสิ”  มือใหญ่จับที่ต้นแขนทั้งสองข้างแล้วดึงให้ลุกขึ้นนั่ง  อาคิราห์สูดน้ำมูกฟึดฟัดแล้วหันไปฟุบหน้ากับหมอนใบใหญ่อีก

            นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจเฮือก  ตีสองแล้วทำไมเขาถึงต้องมานั่งยองๆปลุกเด็กขี้เซาด้วย  ไม่ใช่เรื่องเลย...ชายหนุ่มดึงแขนอีกฝ่ายเข้าหาตัวแล้วอุ้มลอยพาไปนอนแผ่บนเตียง  เพิ่งสังเกตว่าเจ้าโอเมก้าหยิบหมอนอิงติดมือมาด้วย

            “นี่หมอนฉัน  หมอนเธออันนี้ไง”  พิชช์ฌานจะดึงหมอนตัวเองคืนแล้วส่งหมอนใบใหม่บนเตียงของอาคิราห์ไปให้  มือเล็กกำปลอกหมอนอิงเอาไว้แน่นจนชายหนุ่มแปลกใจ  “เออ  เอาไปเลย  ทำไมฉันต้องมาแย่งหมอนกับเด็กด้วยวะ  เดี๋ยวก็เอาผ้าขนหนูอุดจมูกเสียเลยนี่”  เขายีผ้าขนหนูที่คลุมหัวอีกฝ่ายอยู่อย่างแรง  “นอนไปนะ  น้ำท่าไม่อาบ  นอกจากหน้าตาไม่ได้เรื่องแล้วยังซกมกอีก”

            ถุงเท้าที่คาอยู่ครึ่งกลางๆ จะถอดก็ไม่ถอด จะสวมก็ไม่สวมช่างขัดตาจริงๆ  พิชช์ฌานดึงถุงเท้าทั้งสองข้างออกจากปลายเท้าของคนหลับแล้วก็คว้าหมอนใบใหญ่ที่ควรจะเป็นของอาคิราห์กลับไปที่ห้องอย่างงุ่นง่าน

            เอาไว้พรุ่งนี้ต้องเคลียร์กันหน่อยแล้ว

            ................................................................       

            อาคิราห์หยุดยืนตรงบันได  แอบชะโงกออกไปมองทางห้องอาหารว่ามีเงาของร่างสูงใหญ่อยู่หรือเปล่า  เขาจงใจลงมาจากห้องสายๆกะให้อีกฝ่ายไปทำงานเสียก่อน  จะได้ไม่ต้องเจอหน้าเช้านี้

            ด้อมๆมองๆจนมั่นใจว่าไม่มีนายพิษฌานอยู่ที่โต๊ะอาหาร  อัยย์เดินเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเอง  ยิ้มทักทายป้านิ่มเหมือนปกติ

            “คุณอัยย์มาแล้ว  วันนี้มีข้าวต้มกุ้งค่ะ”  เธอตักข้าวต้มให้เขา

            “คุณพิษฌานไปทำงานแล้วเหรอครับ”

            “ยังค่ะ  ดื่มกาแฟอยู่ในห้องทำงาน”

            “อ้อ”  อาคิราห์พยักหน้าเนิบๆ  จัดการอาหารเช้าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว 

            “คุณฌานบอกว่าถ้าทานอาหารเสร็จแล้วให้ตามไปที่ห้องทำงานค่ะ  คุณฌานมีอะไรจะคุยด้วย”  นิ่มนวลพูดขึ้นเบาๆ  หลังจากที่โอเมก้าหนุ่มกินอาหารเสร็จ  อาคิราห์เลิกคิ้ว

            “เรื่องอะไรครับ  หรือว่าเป็นเรื่องที่จะพาผมไปสนามบิน”

            “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”  แม่บ้านบอก  “คุณอัยย์อิ่มแล้วใช่ไหมคะ  ป้าจะได้ไปบอกคุณฌาน”

            “ครับ”  อาคิราห์ลุกขึ้นยืน  เดินตามหลังป้าแม่บ้านไปอีกด้านฟากหนึ่งของบ้าน  หยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของพิชช์ฌานที่ปิดประตูเงียบ  นิ่มนวลยกมือขึ้นเคาะเป็นสัญญาณที่ประตูห้อง  เสียงตอบรับข้างในให้ก้าวเข้าไป

            อาคิราห์เดินเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย  เป็นห้องทำงานที่ดูเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการมากทีเดียว  เฟอร์นิเจอร์สีไม้เข้มรับกับของที่ตกแต่งเอาไว้รอบห้องดูสวยเรียบแต่ก็น่าเกรงขามอยู่ในที  ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ไม่เข้าพวกเห็นจะเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มุมห้องมากที่สุด

            “นั่นมันปลาบู่ตัวนั้นใช่มั้ยครับ  ผมนึกว่ามันตายแล้วเสียอีก”  อาคิราห์จำปลาที่หน้าเหมือนพิษฌานได้ทันที  เขาซื้อมาจากร้านอาหาร

            “ใช่”  เจ้าของห้องนั่งไขว่ห้างอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่  มองตามสายตาของอีกฝ่ายไป

            “มันตัวใหญ่ขึ้นแฮะ”

            “เพราะวันๆมันเอาแต่กินกับนอนไงล่ะ”  พิษฌานตอบแกมหัวเราะ  “อ้อ  แล้วก็ทำหน้าบู้บี้ไปวันๆด้วย”

            “คุณว่าใคร”  คนฟังหันขวับมามอง  คนพูดยักไหล่

            “ก็ว่าไอ้ตัวบู้บี้ไง”  พิชช์ฌานชี้นิ้วไปที่ปลาบู่ตัวนั้นทว่าตามองหน้าเจ้าโอเมก้าเขม็ง  “แต่ก็ยังดีที่มันไม่ถึงขั้นขโมยที่นอนหมอนมุ้งของฉันไป  ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องแย่งเอาที่นอนของมันคืนมาบ้าง”

            “ขโมยอะไร”  ดวงตากลมโตเหลือบมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก  “มีขโมยเหรอ”  อัยย์ครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง  จริงอยู่ว่าเมื่อคืนเขาง่วงมากเสียจนหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที  มาตื่นอีกทีตอนเช้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำ  แต่ว่าข้าวของของนายพิษฌานก็ยังอยู่ในตู้เสื้อผ้านี่  หรือว่าเค้าจะเปิดเจอแล้ว

            ไม่มีทาง ...ถ้าพิษฌานเข้ามาในห้อง  เขาก็ต้องรู้สึกตัวสิ

            “ฉันก็กำลังหาตัวอยู่  โจรขโมยผ้าห่มกับหมอน  เจอตัวเมื่อไหร่จะจัดการให้เข็ด”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “เรื่องลักเล็กขโมยน้อยพวกนี้ฉันไม่ชอบ”  คนฟังหน้าเสียจนเริ่มใจอ่อน  พิชช์ฌานเลยพูดเสียงอ่อนลง  “แต่ว่าคราวนี้ฉันจะละเว้นโทษให้ก่อน  เผื่อว่าโจรจะกลับใจ  เอาของไปคืนฉันเมื่อไหร่ฉันก็จะยกโทษให้”

            “คุณก็ลองประกาศบอกโจรแล้วกัน”

            โจรพูดเนิบๆ พยายามเก็บอาการจ๋อยเอาไว้ในสีหน้า  ทำท่าจะหมุนตัวออกจากห้อง  พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  ถามขึ้นเบาๆ

            “แล้ว...ไม่ไปเที่ยวแล้วหรือไง”

            อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้  เบิกตากว้าง

            “ไปสิครับ  ไปกันเลยไหม”

            “เก็บของพร้อมแล้วเหรอ”

            “พร้อมตั้งนานแล้ว”

            “งั้นก็ไปกัน  ฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ”  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน  เดินตามหลังร่างโปร่งบางออกมาจากห้องทำงานขึ้นบันไดมายังชั้นบน  อาคิราห์เหลือบมองอย่างระแวง  รีบถามเสียงดัง

            “คุณจะไปไหน  คิดจะเข้าห้องผมเหรอ”

            “ฉันจะเข้าไปช่วยเธอเก็บของไง”

            “ไม่ต้อง  ผมเก็บเองได้ครับ” พูดจบเจ้าตัวก็รีบหลบแวบเข้าไปในห้อง  ไม่ยอมให้เจ้าของบ้านได้มองผ่านเข้าไปในห้องนอนด้วยซ้ำ

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  ...กลัวว่าเขาจะเจอหลักฐานคาหนังคาเขาหรือไง  เจ้าโจรขโมยผ้าห่ม  หนอยแน่ะแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  ไม่ยอมรับผิดเสียนี่

            เขากลับลงมาข้างล่าง  เจอป้าแม่บ้านที่รออยู่ก่อนแล้ว  เธอรีบปรี่เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

            “เป็นยังไงบ้างคะคุณ  คุณอัยย์ว่ายังไงบ้าง”

            “ไม่ยอมรับอยู่แล้ว  คุณอัยย์ของป้าน่ะดื้อตาใสจะตายไป”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  “ป่านนี้หอบของไปคืนห้องผมอยู่แน่ๆ”

            “คุณฌานว่ามันไม่แปลกหรอคะที่คุณอัยย์เอาเครื่องนอนของคุณมา  แถมเอาเสื้อผ้ามาด้วย”

            “ก็แปลกดีนะ  ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดปกติอะไรของโอเมก้าหรือเปล่า  เออ  ผมลืมเล่าว่าเขานอนในตู้ด้วยนะ  ตู้เสื้อผ้า”

            “ว่าแล้วเชียวค่ะ  ตอนป้าไปทำความสะอาดห้อง  เตียงคุณอัยย์เรียบกริบไม่มีรอยนอนเลย  ...ตอนแรกป้ายังนึกว่าคุณอัยย์ไปนอนห้องคุณฌาน”

            “ห้องผม?”  ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ  “ไม่มีทาง  ต่างคนต่างนอนถูกแล้ว”

            แม่บ้านวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่ง  มองหน้าเจ้านายด้วยความครุ่นคิด

            “คุณฌานเคยได้ยินเรื่องโอเมก้าทำรังไหมคะ”

            “อะไรนะ  ทำรัง?  รังอะไร  เหมือนรังนกงี้เหรอ”  คนฟังงง  “ผมไม่เคยได้ยินเลย”

            “ป้าเคยได้ยินเขาเล่ากันสมัยเด็กๆน่ะค่ะ  แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ”  นิ่มนวลพูดเนิบๆ  “เขาว่าโอเมก้าจะทำรังต่อเมื่อกลุ้มใจ  ไม่สบายใจ อะไรทำนองนี้  ป้าก็จำไม่ค่อยได้เสียแล้ว”

            “รังที่ว่านี่คือเอาของผมไปยัดในตู้น่ะหรอครับ”

            “เขาว่าโอเมก้าจะใช้ของที่มีกลิ่นของคู่ตัวเองค่ะ  เพราะมันจะทำให้สบายใจขึ้นหรือไงนี่แหละ”

            “ฮ่าๆ”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “ไม่น่าใช่แล้วนะป้า  ผมว่าเขาน่าจะอยากแกล้งผมมากกว่า  ทำรังอะไรกันไม่เคยได้ยิน  รังฟักไข่หรอ”  ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ  “ไว้ผมจะลองถามอาคิราห์เขาดูนะว่าเขาทำรังหรือเปล่า”

            “คุณฌานก็...แล้วนี่คุณจะให้คุณอัยย์ไปเที่ยวจริงๆหรอคะ”

            “จริงสิ  เที่ยวรอบเมืองไง”  เจ้าของบ้านตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

            อาคิราห์ลากประเป๋าลงมาพอดี  นิ่มนวลเข้าไปช่วยถือกระเป๋าออกไปใส่ที่ท้ายรถด้านนอก  เจ้าตัวอยู่ในชุดพร้อมเที่ยวเต็มที่จนคนพาไปชักกลัวว่าจะโดนอาละวาดหนักแน่ๆถ้ารู้ว่าไม่ได้ไป

            ....เอาน่ะ  เล่นให้เนียนเข้าไว้พิชช์ฌาน

            รถขับออกมาจากบ้าน  อาคิราห์นั่งเกาะกระจกมองวิวด้านนอกอย่างตื่นเต้น  พาสปอร์ตและข้าวของอื่นๆเตรียมมาแล้วพร้อมอยู่ในกระเป๋าสะพาย  ตั๋วเครื่องบินนายพิษฌานก็จัดการให้แล้วชั่วข้ามคืน  เหลือแค่พาตัวเองไปขึ้นเครื่องแค่นี้  เขาก็จะได้บินออกไปใช้ชีวิตของตัวเองสมใจ

            เหล่มองคนข้างๆก็เห็นนั่งนิ่งๆไม่ได้พูดอะไรสักคำ  เอาเถอะ...อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังรักษาสัญญาที่ให้เขาไปต่างประเทศหลังจากไปออกงานเลี้ยง

            “ขอบคุณนะครับ”  อัยย์พูดขึ้น  มองเสี้ยวหน้าคมเข้มที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

            “ไม่ต้องขอบคุณหรอก”  พิชช์ฌานว่า

            “ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะทำตามสัญญา”

            “ใจคอเห็นฉันเป็นคนยังไงไม่ทราบ”

            “ก็...” อาคิราห์ยักไหล่  ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น

            “ถ้าไปถึงสวิสฯแล้วก็รออยู่ที่สนามบินนะ  ฉันจะให้คนไปรับไปพักที่บ้านฉัน”  พิชช์ฌานส่งกระดาษเล็กๆที่มีชื่อและตัวเลขมาให้  “อย่าไปเองคนเดียวล่ะ  โดนจับไปขายฉันไม่รับผิดชอบ”

            “ผมโตแล้วนะคุณพิษฌาน”  อาคิราห์พูดอย่างไม่จริงจังนัก  “แต่ก็ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือผมเต็มที่ ....ตามสัญญา”  เขาเน้นคำว่าสัญญาที่ได้เซ็นเอาไว้ก่อนแต่งงาน

            รถมาถึงสนามบิน  อาคิราห์เดินลากกระเป๋ามาด้วยความรู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าดี๊ด๊า  คนในสนามบินพลุกพล่านพอสมควร  พิชช์ฌานให้เจนภพไปจัดการเดินเรื่องให้ทว่ามือขวาคนสนิทกลับมาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ

            “เกิดอะไรขึ้น”

            “วีซ่ามีปัญหาครับ”  เจนภพตอบเสียงเครียด  “ผมกำลังให้คนช่วยเช็คให้อยู่  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

            “อ้าว”  อาคิราห์อ้าปากค้าง  ร่ำๆจะลุกไปจัดการเองแต่ว่าคนข้างๆดึงแขนเอาไว้  พิชช์ฌานพูดเสียงเรียบ

            “จัดการให้เรียบร้อย  เขาอยากได้เท่าไหร่ก็ให้ไป  ถ้ามีปัญหาให้มาคุยกับฉัน”

            “ครับคุณฌาน”

            เจนภพหายไปพักใหญ่จนคนรอร้อนใจ  อาคิราห์เริ่มลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมา  ส่วนพิชช์ฌานก็นั่งอ่านหนังสือรอฆ่าเวลาจนกระทั่งในที่สุดมือขวาคนสนิทก็กลับมา

            “เป็นไงบ้าง”

            “ไม่ได้ครับคุณอัยย์  เหมือนจะมีคำสั่งลงมาจากข้างบนให้ระงับวีซ่าของโอเมก้าทุกคนเอาไว้ก่อน  รู้สึกจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์”

            “อะไรนะ”  อาคิราห์ร้องอย่างตกใจ  “ค้ามนุษย์อะไรล่ะ  อย่ามาหลอกกันนะ  พวกคุณรวมหัวกันหลอกผมใช่ไหม  ไม่อยากให้ผมไปใช่หรือเปล่า”

            “อะไรกันอาคิราห์  ฉันก็เพิ่งรู้พร้อมเธอเนี่ยล่ะ”  พิชช์ฌานพูด  แล้วลุกขึ้นยืน  “เดี๋ยวฉันจะไปคุยเอง  เธอก็มาด้วยกันสิ”

            อาคิราห์เม้มปากแน่น  ก้าวยาวๆตามหลังร่างสูงใหญ่ตรงไปยังสำนักงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้  อาคิราห์หูอื้อตาลายฟังเหตุผลด้วยความผิดหวัง  อยากจะทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้ที่พื้นมันเสียเลยแต่ก็ทำไม่ได้  สุดท้ายเลยได้แต่ยืนกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น น้ำตาคลอ

            “ผมไม่ได้จะไปค้ามนุษย์อะไรเลย  ผมจะไปเที่ยว  นี่ผมมีแผนการเดินทางเรียบร้อย  จองที่พักพร้อมวันกลับเอาไว้แล้วด้วย  ทำไมคุณไม่ยอมให้ผมไป”

            “วีซ่าโดนระงับค่ะคุณลูกค้า  ทางเราเช็คกับที่นู่นแล้ว  ไม่ได้จริงๆค่ะ  ต้องยื่นเรื่องใหม่”

            “แล้วทำไมไม่แจ้งผมก่อน  เพิ่งมาบอกตอนนี้คืออะไรผมไม่เข้าใจ”

            “เค้าน่าจะติดต่อไปตามที่อยู่และอีเมล์ของคุณแล้วนะคะ”  เจ้าหน้าที่สาวว่า

            พิชช์ฌานเข้ามาช่วยพูดให้อีกทีหนึ่ง  บารมีของชายหนุ่มทำให้ทุกคนยำเกรงก็จริง  แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้วีซ่าผ่านได้

            อาคิราห์เดินกลับมาที่รถด้วยความรู้สึกตรงข้ามกับขามา  หัวใจห่อเหี่ยวเสียจนอยากร้องไห้ออกมาดังๆ  เดินขึ้นไปนั่งบนรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ  เจนภพมองหน้าเจ้านาย  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจเฮือก

            “อาคิราห์” เขาเรียก  เจ้าโอเมก้าไม่ได้หันมามอง  ยังคงนั่งเท้ากระจกมองภาพข้างนอกอยู่อย่างนั้น  “อัยย์...หันมาคุยกันก่อน  วันนี้ไม่ผ่าน วันหน้าก็ผ่านได้นี่นะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อน  “อย่าเพิ่งเสียใจเลย”

            “จะไม่เสียใจได้ไง  ผมดีใจไปแล้ว  ใจผมไปอยู่นู่นแล้ว  ผมนึกว่าจะได้ไปจริงๆ”  อาคิราห์หันขวับมาพูดทั้งน้ำตา  “คุณไม่เข้าใจผมหรอก  ผมอยากไปให้พ้นๆที่นี่”

            “ฉันเข้าใจ  ฉันถึงได้พาเธอมานี่ไง”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เช็ดน้ำตาเสียก่อน  อดไปวันนี้ไม่ใช่จะอดตลอดไปเสียหน่อย”

            “แล้วคราวหน้าผมจะได้มีโอกาสไปอีกมั้ย”  คนพูดเบะปากออกตามด้วยเสียงฮือที่กลั้นเอาไว้ไม่ไหว

            “ได้ไปสิอัยย์  ฉันรับรองว่าจะพาเธอไปทันทีที่วีซ่าผ่าน”  นักการเมืองหนุ่มพูดเสียงหนักแน่น  “เธอเชื่อฉันนะ”

            “จริงหรือเปล่า”

            “จริงสิ  ฉันจะหลอกเธอทำไม”  นายพิษฌานหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาส่งให้เขา  “เช็ดหน้าซะนะ”

            “คุณมีล้านเหตุผลที่จะหลอกผม”

            “งั้นเธอก็มีเหตุผลเดียวที่จะเชื่อฉัน”  พิชช์ฌานพูดนิ่มๆ  “เพราะฉันหวังดีต่อเธอ  จากใจจริง”

            “เหอะ”  อาคิราห์เชิดใบหน้าขึ้น  “ผมไม่ใช่เด็กสามขวบนะครับ  อย่ามาหลอกผมด้วยคำพูดเพราะๆเลย  มันไม่ได้ผลหรอก”  เจ้าตัวยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ  “ผมจะเช็คทุกวันจนกว่าวีซ่าจะผ่าน  แล้วผมก็จะไปทันที”

            “ฉันไม่ได้ห้ามอะไรเธออยู่แล้ว”  อีกฝ่ายตอบ



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-02-2019 22:25:25






            ขากลับพิชช์ฌานไม่ได้พาเขากลับบ้านแต่ว่าพาไปแวะที่ศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อไม่นานมานี้  อาคิราห์เห็นข้าวของแปลกใหม่กับผู้คนเยอะแยะพักเดียวก็เริ่มลืมความเสียใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  พิชช์ฌานเลยได้ทีพาเข้าร้านขนมหวานเสียเลย

            ...หลอกง่ายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  ชายหนุ่มคิดขณะที่ตักเกล็ดน้ำแข็งใสหวานเย็นเข้าปาก  อาคิราห์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  เขาเลยให้เจนภพไปเป็นเพื่อน

            เจ้าโอเมก้าบ่นว่าปวดท้องแล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำที่มีชักโครก  เจนภพรายงานเจ้านายทันที  อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

            “ไม่เป็นไร  ปล่อยตามสบาย  คงกำลังเช็ควีซ่าของตัวเองนั่นแหละ  ให้เช็คไปเถอะ ยังไงก็ไม่ผ่านอยู่ดี”

            “สงสารคุณอัยย์นะครับ  คงผิดหวังมาก”

            “ไว้หลังเลือกตั้งเสร็จฉันจะพาเขาไปเอง  ไม่ต้องห่วง”  พิชช์ฌานตอบ  ละเลียดไอศกรีมเข้าปากอย่างสบายอารมณ์

            อาคิราห์กลับออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าท่าทางหงอยกว่าเดิม 

            “อยากกินอะไรอีก”  คนแก่กว่าถามอย่างเอาใจ  “อยากกินอะไรก็บอก  ได้หมดทุกอย่างเลย”

            “ไม่อยากกินแล้ว”  อีกฝ่ายตอบ

            “เห็นว่าเจนภพจองร้านมิชลินสตาร์เอาไว้นี่ เย็นนี้  ไม่กินเหรอ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “งั้นฉันไปคนเดียวแล้วกัน”

            “จองไว้แล้วเหรอครับ”  อาคิราห์หันไปถามเจนภพ  อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ  “งั้นผมไปด้วยก็ได้  ...จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

            “ครับคุณอัยย์”  เจนภพสบตาเจ้านายที่พยักหน้าอย่างพอใจ

            “แวะซื้อของก่อนได้ไหมครับ”  จู่ๆอาคิราห์ก็พูดขึ้น  “ผมอยากซื้อของหน่อย”

            “ได้สิ  อยากซื้ออะไรล่ะ”

            พิชช์ฌานเดินตามหลังร่างโปร่งบางเข้ามาในโซนเครื่องนอนอย่างงงๆ  แล้วก็มานึกเหตุผลออกตอนหลัง  ชายหนุ่มยืนมองอีกฝ่ายเลือกหมอนอย่างขันๆ

            “โจรกลับใจแล้วหรือไง”

            “โจรอะไร”  อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับ  “หมอนผมมันสูงไปหน่อยนอนไม่สบายเลยอยากซื้อใหม่”

            “อ้อ”  คนฟังแกล้งลากเสียงยาว  “ก็ยังดีที่คิดได้ว่าควรซื้อใหม่”

            “มีผ้าห่มขายด้วยไหมครับ  แบบผ้านวมนุ่มๆ ผืนประมาณนี้”  อาคิราห์ทำเป็นหูทวนลม  หันไปถามพนักงานขายแทน  โอเมก้าหนุ่มเลือกซื้อของอย่างระมัดระวัง  อ่านป้ายจนแน่ใจว่ายี่ห้อเดียวกับของพิษฌานแน่ๆ ก็ตกลงซื้อ

            ได้ทั้งหมอนใบโตและผ้าห่มนุ่มๆถูกใจกลับบ้าน  จะได้เอาไปใช้แทนของเดิมที่เอาไปคืนที่ห้องพิษฌานแล้วอย่างจำใจ   ขี้เกียจโดนตราหน้าว่าเป็นโจรขโมยผ้าห่ม  เหอะ...ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานซึ่งๆหน้า  เขาจะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด

            “จะเอาไปทำรังเหรอ”  จู่ๆคนที่เดินข้างๆก็พูดขึ้น  อาคิราห์หันหน้าไปมองงงๆ

            “ทำรังอะไรครับ”

            “ก็...พวกที่นอนนี่ไง”

            “หมายความว่ายังไงครับ”  หน้าตามึนงงของโอเมก้าทำให้อัลฟ่าเอะใจ

            “รู้จักโอเมก้าทำรังไหม”

            “คืออะไรครับ”  อาคิราห์งงไปพักหนึ่ง

            “เธอเป็นโอเมก้าจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่รู้จัก”  คิ้วเรียวขมวดมุ่น

 “รู้แล้ว  คุณหมายถึงทำรังใช่ไหม”

            “ใช่ๆ  ทำทำไมเหรอ”

            “ผมไม่รู้เหมือนกัน  ผมไม่เคยทำ”  อัยย์ส่ายหน้า  “คุณพูดถึงรังแบบ...เอาต้นไม้ใบหญ้ามาสาน  อะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ  คุณถามทำไมน่ะ”

            “ฉัน...ก็สงสัย  บังเอิญได้ยินมาเหมือนกัน”  พิชช์ฌานอึกอัก  จะถามตรงๆว่าเอาของๆเขาเข้าไปนอนในตู้ทำไมก็กลัวจะโดนด่าว่าบุกรุกห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก   “เราไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า”  ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง

            อาคิราห์ลืมเรื่องที่คุยกันไปเสียสนิท  เขาเพลิดเพลินกับมิชลินสตาร์จนพลอยลืมๆเรื่องที่อดไปเที่ยวได้  ตอนหลังพิชช์ฌานพาเขาเข้าไปดูเชฟทำอาหารในครัวด้วย

            “สุดยอด”  อัยย์ยกนิ้วโป้งให้สองข้าง

            “เห็นมั้ย  ฉันบอกแล้วว่าเด็ดจริงร้านนี้”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเอง  “อิ่มจนแน่นเลย  อยากกลับบ้านหรือยัง”

            “ถ้ายังล่ะครับ”

            “ไปเดินย่อยอาหารกัน”

            พิชช์ฌานพาเขาเดินออกมาจากร้านอาหารนั้นไปตามทางที่ร้านรวงเปิดอยู่สองข้างทาง  ลมเย็นสบายพัดมาจนผมปลิว  พิชช์ฌานพาเขาแวะซื้อขนมริมทาง  หยุดนั่งเล่นในสวนสาธารณะ  พาไปดูตลาดคนเดินตอนกลางคืนที่แสนคึกคัก...แบบที่อาคิราห์เคยได้แต่นึกฝันเอาไว้เวลาดูโทรทัศน์ที่บ้าน

            “ชอบไหม”  นักการเมืองหนุ่มหันมาถาม  ตอนนี้เจ้าตัวสวมหมวกแก๊ปกับหน้ากากปิดบังหน้าตา ส่วนอาคิราห์มีหมอกกับแว่นตาแฟชั่นกรอบใหญ่สวมอยู่ป้องกันไม่ให้คนกรูกันเข้ามาทักทาย  “ลองกินน้ำปั่นดูไหม”

            “ไหนคุณว่าอิ่มจนแน่นไง  พากินทุกร้านเลย”  อัยย์บ่นอุบอิบ แต่ก็รับน้ำปั่นสีสวยมาดูด  “ทำไมมันออกขมๆด้วยล่ะ  ผสมเหล้าเหรอ”

            “ไม่หรอก  น่าจะขมเสาวรสมั้ง”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาย

            “เสาวรสบ้านคุณสิขม”  อัยย์ย่นหน้าใส่ 

            “ก็นึกว่าเชื่อ”

            “ไม่ได้เชื่อคนง่ายขนาดนั้น”  คนพูดหน้าหงิก  “มาหลอกผมพาเดินเล่นเพราะอยากหาเสียงก็บอก”

            “ถ้าอยากหาเสียง ฉันจะใส่เจ้าพวกนี้ทำไม” พิชช์โบกมือใส่หน้ากากอนามัยและหมวก

            “แหม  อย่างกับว่าคนจะจำคุณไม่ได้งั้นแหละ  ตัวใหญ่เป็นยักษ์ขนาดนี้”  อาคิราห์ค่อน  เหลือบมองรอบตัวที่เห็นคนเดินตลาดบางคนแอบยกทาศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขากับพิษฌาน

            “ไม่ติดใจหน้าหนึ่งบ้างเหรอ  เท่ดีออกนะ”  พิชช์ฌานพูดยิ้มๆ  ถึงข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเช้าวันนี้ที่มีรูปเขากับอาคิราห์ยืนจับมือกัน   “แต่ลงหน้าข้างในก็ดีนะ  เธอได้ดูหรือเปล่า  มีรูปเราสองคนเต้นรำด้วย  รูปที่หน้าร้านมาม่าก็โอเค เสียแต่มืดไปหน่อย”

            “งั้นคุณก็ถอดหน้ากากเสียเลยสิ  แล้วก็เปิดปราศรัยมันตรงนี้”  อาคิราห์ประชด

            “ไม่ต้องหรอก  วันนี้ฉันมาหาเสียงกับคนๆเดียวเท่านั้น”  พิชช์ฌานอมยิ้ม

            “ใคร?”  คนฟังขมวดคิ้ว  อีกฝ่ายไม่ตอบ  พาเขาเดินลัดเลาะเข้าไปในด้านในแทน  ผู้คนขวักไขว่จนอาคิราห์ต้องเดินตัวลีบติดร่างสูงใหญ่เอาไว้เพราะกลัวโดนชน  สุดท้ายพิษฌานเลยคว้ามือเขาไปจูงเดินเสียเลย

            “ไม่ต้องจูงหรอกน่า  แถวนี้ไม่มีกล้องนักข่าวหรอก”

            “รู้ได้ยังไง  กล้องอยู่โน่น”  พิษฌานกระซิบตอบ

             อัยย์หันไปมองก็ไม่รู้ว่าโน่นที่ว่าคือตรงไหน  ซื้อของกระจุกกระจิกติดมือมาได้นิดหน่อย  อีกฝ่ายก็พาเดินกลับออกมา  เจนภพรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับรถยนต์ที่จอดรออยู่

            “กลับบ้านนะ”

            “ครับ”  อัยย์รับคำไม่อิดออด

            เจ้าของรถซ่อนยิ้มในความมืด  มองคนนั่งข้างๆที่นั่งกอดหมอนใบใหม่เอาไว้แน่น  อย่างน้อยวันนี้เขาก็ทำให้อีกฝ่ายอยู่ที่บ้านได้ต่อสำเร็จ  ทีนี้ก็เหลือแค่หาทางเกลี้ยกล่อมให้เจ้าตัวทำตามที่เขาต้องการเท่านั้น

            ...ท่านนายกฯคิดจะใช้ลูกชายของตัวเองจัดการเขา  เขาก็จะใช้ไม้เดียวกันจัดการกลับไป  เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อได้ไหม...

            “นอนได้แล้ว  ฉันจะไปทำงานต่อ” พิชช์ฌานพูดขรึมๆ  เจ้าโอเมก้าพยักหน้า  โบกมือให้เขานิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วก็เดินกลับขึ้นบันไดไป

            พิชช์ฌานกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง  คืนนี้เขายังมีงานต้องสะสางต่ออีกยาว  ส่วนคนที่ขึ้นไปบนห้องนอนได้แล้วนั้นก็แกะหมอนใบใหม่ออกมาจากห่อด้วยความเห่อจัด

            “นุ่มมาก”  ฝังใบหน้าลงกับหมอนเรียบร้อย  กลิ่นที่อัยย์เรียกว่าเป็นกลิ่นของใหม่ปะทะเต็มจมูกจนต้องเด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง  “สงสัยยังไม่ชิน  ต้องเอาไปซักก่อนมั้ง”  แกะผ้าห่มออกมาดมๆดูด้วย  เห็นทีคงต้องส่งไปซักก่อนจริงๆแฮะ

            โอเมก้าลุกขึ้นเดินวนรอบห้องด้วยความรู้สึกกระวนกระวายอย่างประหลาด  สุดท้ายก็ไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ว่างเปล่าออกดู  อัยย์ถอนหายใจเฮือก  ลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าออก  คว้าเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่พับไว้บนสุดขึ้นมาสูดกลิ่นหอมๆเต็มปอด

            อาคิราห์วางเสื้อตัวนั้นลง  เหลือบมองไปทางประตูห้องที่เชื่อมกันอย่างระแวง  กลัวว่าจะมีใครโผล่พรวดพราดเข้ามาเจอหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่เขาแอบเก็บเอาไว้

            จะเรียกว่าแอบก็ไม่ถูก  เขาไม่ได้ตั้งใจเลยนะ  รู้ตัวอีกทีก็พับใส่กระเป๋าติดไปสวิสฯด้วยเสียแล้ว

            แหม  เสื้อตัวเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

            เสื้อของพิษฌาน....คิดมาถึงตรงนี้ อาคิราห์ก็ชะงัก  หันไปมองที่ตู้เสื้อผ้า  ตามด้วยหมอนกับผ้าห่มผืนใหม่  และจบลงที่เสื้อโค้ทอีกที 

            จริงสิ  ...นี่เขาทำอะไรอยู่เนี่ย  นั่งสูดกลิ่นของนายพิษฌานเหมือนคนบ้าเลย  อัยย์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ  มองเสื้อโค้ทในมือของตัวเองอย่างงุนงง  เขาไม่ทันคิดเรื่องนี้มาก่อน  เกิดอะไรขึ้นกัน...

            อาคิราห์คิดอย่างหมกมุ่นแกมตื่นตระหนก  เขายกเสื้อโค้ทขึ้นมาปิดที่จมูกของตัวเองแล้วเดินกลับไปกลับมารอบห้อง  บางที...นายพิษฌานอาจจะเล่นตลกกับเขา  หรือว่ามันแผนสูงกว่านั้น

            เคยได้ยินเหมือนกันว่ามสารเสพติดบางประเภทที่ใช้สูดดมแล้วทำให้ติด  ทำให้รู้สึกดี ....หรือว่านายพิษฌานจะเล่นเกมเหนือเมฆกับเขา

            ใจเย็นก่อนอัยย์  เขาอาจจะดูหนังมากเกินไป นี่มันชีวิตจริงนะ  ไม่น่าใช่

            แล้วทำไมเขาถึงรู้สึก ‘ติด’ กลิ่นนี้ล่ะ

            อาคิราห์กลั้นใจเข้าไปอาบน้ำแล้วก็กลับมานอนเบิกตาโพลงอยู่บนเตียง  หัวใจเต้นตุบๆถี่เร็วด้วยความตื่นกลัว  กลิ่นของใหม่รอบตัวก็ไม่สามารถช่วยให้เขาสงบจิตสงบใจนอนหลับได้

            สุดท้ายก็ลุกขึ้นมานั่งจ้องเสื้อโค้ทที่วางพาดเอาไว้ที่เก้าอี้เขม็ง

            นายพิษฌานต้องเล่นสกปรกกับเขาแน่ๆ

            คิดได้ดังนั้น  อาคิราห์ก็คว้าเสื้อโค้ทมาดมนิดนึงแล้วถือพามาเคาะประตูที่เชื่อมติดกันแรงๆ  ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน  โอเมก้าหนุ่มเปลี่ยนใจถือเสื้อโค้ทตัวนั้นเดินลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน  ตรงไปยังห้องทำงานของพิษฌาน

            ชายหนุ่มเจ้าของห้องลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูให้ด้วยความงุนงง  มองใบหน้าเรียวเล็กที่ขึ้นสีแดงก่ำสองข้างแก้มอย่างงงงัน  ริมฝีปากอิ่มเต็มเม้มแน่น  มือหนึ่งกำแน่น ส่วนอีกมือถือเสื้อของเขามาด้วย

            “มีอะไรทำไมไม่นอน”

            “คุณวางยาผม!!”   

            ...................................................................................................

           

             

            มาอัพกันต่อนาจา  มีใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 18-02-2019 22:56:38
โอ๊ยตาหนู ชอบกลิ่นนี้ไปแล้วนะซิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-02-2019 23:02:09
อัยย์ไม่ได้หลอก แต่อัยย์ไม่เคยรู้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-02-2019 23:05:43
น้อนนนนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-02-2019 23:11:19
โถ่น้องอัยย์ หนูแค่ติดกลิ่นทำรัง ไม่ได้โดนพี่เค้าวางยาจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-02-2019 23:16:30
น่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-02-2019 23:21:48
สงสารน้องจังโดนหลอกแล้วหลอกอีกแบบนี้ แถมยังโดนหลอกล่อเปลี่ยนเรื่องหรือลืมง่ายอีกแบบนี้จะตามนายพิษทันได้ไงกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 18-02-2019 23:38:35
พระเอกใจร้ายจัง หลอกใช้น้องตลอดเลย น้องน่าสงสาร เห็นแววดราม่าในอนาคตเลย :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-02-2019 23:59:17
ไม่ว่าทางไหนก็หลอกใช้ประโยชน์จากน้อง น่าสงสาร อึดอัดแทนเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 19-02-2019 01:36:32
เอ็นดูแล้วก็สงสารไปพร้อมๆกัน
เมื่อไหร่น้องจะไม่โดนหลอกเนี่ยย  :ling1: :ling1:
ตัวเองทำรังแล้วยังไม่รู้ตัวเลย ฮื่อออ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 19-02-2019 01:39:21
พระเอกอย่าใจร้ายกับน้องมาก ดูสิ น่าเอ็นดูไปหมด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 19-02-2019 01:40:35
สงสารอัยย์ถูกใช้เป็นเครืองมือทางการเมือง มีใครนึงถึงจิตใจของอัยย์บ้างเนี้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-02-2019 02:18:28
โอ๊ยไปกันใหญ่แล้วลูก 55555555
แต่จะไม่มีใครคิดถึงใจอัยย์จริงๆน่ะเหรอ TT
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 19-02-2019 07:46:40
เป็นโอเมก้าที่น่ารักที่สุดที่เคยอ่านมาเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-02-2019 08:26:34
น่าร้ากกกก อยากหยิกแก้มบู้บี้ คุณพิษก็ร้าย วางยาน้องเหรอที่ขมๆอ่ะ แต่ไม่ใช่ที่ต้องดมเสื้อ ดมหมอนพี่เขานะน้อลลล  :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-02-2019 11:25:47
โอ้ยย ลูกกกก..
หนูอัยย์..
ิ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-02-2019 12:10:37
โถ๋อัยย์ลูกกกก

หนูโดนทุกคนหลอกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 19-02-2019 22:18:23
ถึงทีอัยเอาคืนทุกคนให้เจ็บแสบเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-02-2019 22:28:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 19-02-2019 22:35:19
สงสารน้อง ใจไปอยุ่สวิสแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไป งือออ แล้วติดกลิ่นเค้าไปแล้วอีก หนูจะทำยังไงลูก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2019 00:50:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่11 14/2/62 p5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-02-2019 03:31:03
อัยย์ลูกกก นั่นเขาเรียกทำรังนะลูกนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-02-2019 03:39:34
โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สงสารน้อง ฮืออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่12 18/2/62 p6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-02-2019 05:42:49
อัยย์ทั้งน่าเอ็นดู ทั้งน่าสงสาร ทำไมฌาณถึงใจร้ายกับน้องแบบนี้
เห็นพ่ออัยย์ทำได้ เลยจะทำบ้าง ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกน้องเลย
สรุปอัยย์ก็ไม่รู้เรื่องทำรัง เพราะคงไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง

ฌาณ ถ้าจะร้ายก็ไปให้สุดนะ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-02-2019 22:34:26
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 13



 

 

 

 

 

 

 

            “วางยา?”  พิชช์ฌานทวนคำอย่างประหลาดใจ  “วางยาอะไร”         

            “ก็นี่ไงหลักฐาน  เนี่ยเสื้อโค้ทตัวนี้”  อัยย์โบกเสื้อโค้ทตัวยาวในมือไปมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปดมให้ดูอีกรอบ  “คุณวางยาผมใส่เสื้อตัวนี้”  โอเมก้าพูดย้ำอย่างโกรธจัดที่อีกฝ่ายทำหน้างุนงง  “ไม่ต้องมาทำไก๋เลย  ยอบรับผิดมาซะ”

            “เดี๋ยวนะ...นั่นเสื้อฉันถูกไหม”

            “ใช่”

            “แล้วเธอไปเอามาจากไหน”

            “ก็จากตู้เสื้อผ้าคุณไง  ไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะว่าไม่ใช่เสื้อคุณ  หลักฐานมันคาหนังคาเขา”  อาคิราห์กระแทกเสียง

            “ใช่เลย  หลักฐานมันคาหนังคาเขา  เธอเป็นคนขโมยเสื้อฉันกับเครื่องนอนไปใช่ไหมเจ้าบู้บี้”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นเท้าเอว คิ้วเข้มขมวดฉับ  “สารภาพมาซิ”

            อาคิราห์อ้าปากค้างแล้วก็รีบเม้มปากแน่น  ส่ายหน้าหวือ

            “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง  เรื่องของเรื่องก็คือ...คุณ – วาง – ยา – ผม”

            “เรื่องของเรื่องคือเสื้อฉันที่อยู่ในมือของเธอมากกว่า”  นักการเมืองหนุ่มเน้นเสียงบ้าง  ซ่อนยิ้มอยู่ในใจที่เห็นอีกฝ่ายเริ่มเลิ่กลั่ก  มองหน้าเขาสลับกับเสื้อโค้ทในมือตัวเองอย่างงุนงง  “ว่ายังไง  ตกลงใครผิด  แล้วฉันไปวางยาเธอตอนไหน  มีหลักฐานอะไรมั้ยมาปรักปรำกันเนี่ย”

            “ก็นี่ไงหลักฐาน”  คนพูดเริ่มเสียงอ่อย ยื่นเสื้อมาให้ตรงหน้า  “คุณลองดมดูสิ”

            พิชช์ฌานจุ๊ปาก  รับเสื้อของตัวเองมาดมๆดู

            “แล้วไง  ก็ไม่เห็นมีอะไร  มีแต่กลิ่นคุกกี้ขึ้นราของเธอเต็มไปหมด”

            “คุกกี้ขึ้นรา?”  ถึงคราวอีกคนงงบ้าง  อาคิราห์ทวนคำแล้วดึงเสื้อตัวนั้นกลับมาสูดกลิ่นหอมอวลๆนั้นเข้าปอด  “คุณหมายถึงอะไร  ก็นี่ไงกลิ่นนี้อ่ะ  เต็มเสื้อไปหมดเลย   คุณวางยาใส่เสื้อก็ยอมรับมาเถอะ  ไม่ต้องมาเฉไฉ”

            “ใครกันแน่เนี่ยที่เฉไฉฮึ  โดนจับได้คามือเลยยังมาเถียงฉันอีก”  พิชช์ฌานทำเสียงหงุดหงิดทั้งที่ความเป็นจริงแล้วรู้สึกตรงข้ามกับคำว่าหงุดหงิดมากพอดู  “วางยงวางยาอะไร พูดจาเลอะเทอะ”

            “ก็คุณวางยาผมจริงๆนี่”  คราวนี้นัยน์ตากลมโตเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ  อาคิราห์ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้เลยให้ตายสิ  แต่ว่าเสียงเข้มๆหนักๆของอีกฝ่ายมันกดดันกันเกินไป  ตัวเองเป็นคนผิดดันมาเปลี่ยนเรื่องว่าเขาเป็นขโมย  จะเถียงกลับก็ไม่ยอมฟัง  เจ็บใจชะมัด  “เนี่ยผมนอนไม่หลับเลยต้องดมแต่เสื้อคุณ  ยังไม่เรียกวางยาอีกเหรอ”

            “อะไรนะ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  มองหน้าเด็กที่ชักตาแดงๆอย่างงุนงงระคนขบขัน

            “ไม่ต้องมาหัวเราะ  คุณใส่อะไรลงไปในเสื้อ  หมอนกับผ้าห่มของคุณก็ด้วย  โอเคผมยอมรับว่าผมเป็นคนเอาของคุณไปเอง  แต่ก็เป็นเพราะคุณไม่ใช่หรือไง  เป็นแผนของคุณแน่ๆที่ทำให้ผมติดไอ้กลิ่นบ้าๆเนี่ย”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  โบกเสื้อโค้ทในมืออีกครั้งเหมือนธงประจำตัว

            คนฟังอึ้งไปนาน  ตาคมกวาดมองสภาพคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดนอนลายลูกหมี  หัวหูยุ่งเหยิงดูไม่ได้พอๆกับหน้าตาเหยเก  อยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็กลัวว่า ‘เด็ก’ ตรงหน้าจะปล่อยโฮออกมาอีก

            แค่ทำตาแดงๆเขาก็ชักจะหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

            “สรุป  เธอติดกลิ่นจากเสื้อผ้าที่นอนฉันน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานพูดช้าๆ  “นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเอาของๆฉันไปใช่ไหม”

            “ใช่”  อาคิราห์พยักหน้า

            “ถ้าไม่ได้กลิ่น ...เธอจะนอนไม่หลับเหรอ”

            “ก็ใช่น่ะสิ  ผมนอนไม่หลับถึงต้องเดินลงมานี่ไง”

            “แต่วันนี้ซื้อหมอนใหม่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ก็มันไม่ได้ผลไงเล่า  ผมถึงบอกไงล่ะว่าคุณน่ะวางยาผมแน่ๆ”  อาคิราห์เชิดจมูกขึ้นพลางสูดน้ำมูดดังฟืด  จ้องดวงตาคมกริบคู่นั้นที่จู่ๆก็ปรากฏแววยิ้มหัวไล่ลามลงมายังริมฝีปากสีสด  กลายเป็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลึกข้างแก้มและรอยตีนกาที่หางตา  “คุณยิ้มเยาะผมเหรอ”

            “เปล่า”  คนพูดส่ายหน้าแต่กลับยิ้มกว้างขึ้นอีกจนกระทั่งเปล่งเสียงหัวเราะห้าวๆออกมาดังก้อง

            “...........”  อาคิราห์หน้างอ  ยกมือขึ้นผลักอกคนที่เอาแต่ขำใส่เขาอย่างแรง  ร่างสูงใหญ่ไม่กระเทือนด้วยซ้ำ  นายพิษฌานยกมือขึ้นยึดมือของเขาเอาไว้  “ปล่อย”

            “จะไปไหน”  คนพูดมองหน้าเขาตรงๆ

            “จะไปนอน”  อาคิราห์ตอบกลับแบบไม่มองหน้า  รู้สึกสองแก้มร้อนจัดลามลงมายังลำคอ  “คุณไม่ยอมรับก็เรื่องของคุณ  คุณมันนิสัยไม่ดีอยู่แล้วคุณพิษฌาน”

            “ใครว่าฉันไม่ยอมรับ  ฉันเป็นลูกผู้ชายพอนะ  กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ”  พิชช์ฌานหัวเราะหึๆ  อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ ดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดเอาไว้แนบอก   “ไหนลองพิสูจน์หลักฐานซิ  ใช่กลิ่นนี้หรือเปล่า”

            ลมหายใจอุ่นจัดรินรดอยู่ที่ซอกหู  อาคิราห์ย่นคอหนีทว่าปลายจมูกโด่งนั้นกลับตามติดมาไม่ลดละราวกับเป็นคนพิสูจน์ ‘กลิ่น’ เสียเอง  สุดท้ายเจ้าโอเมก้าก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดโดยการหันหน้าหนีไปซุกเข้ากับซอกไหล่ของอีกฝ่ายแทน

            กลิ่นหอมอบอวลแบบเดียวกับผ้าห่มและหมอนลอยเข้าจมูกแต่หัวใจกลับเต้นเร็วแรง  ไม่ยักสงบเหมือนตอนที่ได้กอดหมอนใบใหญ่นั้น

            “เป็นไง  ทำจมูกบานแล้วได้กลิ่นชัดไหม”  เสียงห้าวๆพึมพำกลั้วหัวเราะ  อัยย์ชะงัก  ย่นจมูกใส่แล้วดันตัวออกจากวงแขนแข็งแรง  “แน่ะ...ไม่ยอมตอบ  ตกลงยังไง  ใช่กลิ่นนี้หรือเปล่า”

            “อืม”  คนตอบตอบอุบอิบในลำคอ  พิชช์ฌานยังโอบรอบเอวนั้นเอาไว้หลวมๆ

            “ว่าไงนะ”

            “อือ  ก็บอกว่าใช่ไง”

            “ตกลงติดกลิ่นฉันเหรอ”

            “เปล่า”

            “เปล่าก็เอาจมูกออกจากเสื้อฉันสิ”

            อัยย์ดึงหน้าขึ้นจากอกเสื้อของอีกฝ่ายทันที  ...นี่เขาเผลอไปซบอีกตอนไหน  อุตส่าห์ดันตัวออกแล้วเชียว...

            “ก็เอามือออกจากเอวผมเสียทีสิ”

            “ฉันจับเอวเธอตอนไหน  ฉันจับมือตัวเอง”  นายพิษฌานยกแขนให้ดู  จริงที่ว่ามือใหญ่ทั้งสองข้างไม่ได้สัมผัสโดนเอวของเขาเลยแต่ว่าการที่โอบล้อมเขาเอาไว้เหมือนรั้วมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

            อาคิราห์จุ๊ปาก  หันหลังไปจับมือของพิษฌานเอาไว้แล้วพยายามดึงออกจากกัน  พอไม่สำเร็จก็เปลี่ยนแผนเป็นย่อตัวลงเพื่อลอดออกมาแทน  คนตัวสูงรู้ทันเลยรีบรั้งร่างในวงแขนเข้ามาหาแผ่นอกเสียก่อน  วางคางลงกับศีรษะทุยนั้นแทนการล็อคตัวกลายๆ

            “ยังคุยกันไม่จบเลย  จะรีบไปไหน  ไม่หาหลักฐานเพิ่มแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานก้มลงกระซิบกับหลังคอนวลเนียนนั้น  รอยฟันของเขายังปรากฏให้เห็นชัดราวกับเพิ่งกัดไปเมื่อวานแม้สะเก็ดจะหลุดออกไปแล้ว  “ว่าจะสารภาพแล้วเชียว”

            “ไม่เอาแล้ว”  อัยย์ตะเบ็งเสียง  “ผมจะไปนอน  ปล่อยผม”

            “ตกลงจะบอกว่าฉันวางยาอีกไหม”

            “ฮึ”  โอเมก้าไม่ยอมตอบแถมยังหันหน้าหนีอีก  พิชช์ฌานก็เลยยิ่งแกล้งรัดวงแขนให้แน่นเข้าจนเนื้อตัวของอีกฝ่ายแทบจะจมอก

            “ว่าไง  ไม่ตอบก็ไม่ต้องนอนล่ะ”  เขาก้มลงแตะปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มเนียนละเอียดเบาๆ ลามเลยไปยังซอกคอหอมกรุ่นด้วยกลิ่นหวานๆของคุกกี้รสนม

            ไม่ใช่แค่อาคิราห์หรอกที่คิดว่าถูกวางยา....

            “ไม่ได้วางยา”  อาคิราห์ตอบอ้ำอึ้ง  จะปฏิเสธก็ไม่สามารถจะโกหกได้  ในเมื่อหลักฐานก็เห็นอยู่โต้งๆว่าที่เขา ‘ติด’ คือกลิ่นหอมอบอุ่นเหมือนอยู่ท่ามกลางกองหนังสือเล่มโปรดของนายพิษฌาน  ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออะไรทั้งนั้น

            รู้สึกหน้าแตกนิดหน่อย  แต่เราจะโยนความผิดให้นายพิษฌานแทน...คิดได้ดังนั้น  อาคิราห์ก็พูดเสียงแข็งขึ้น

            “หรือมันอาจจะเป็นกลิ่นน้ำหอมของคุณก็ได้”

            “เธอลองดมหมดทุกขวดแล้วไม่ใช่เหรอ”  เจ้าของน้ำหอมเกือบสิบขวดบนห้องนอนแกล้งหลอกถาม

            “ก็ใช่”  อีกคนก็พาซื่อ  พยักหน้ารับเฉย  พอนึกขึ้นได้ก็ทำหน้าหงิกกว่าเดิม  “ไม่ต้องมาหลอกผม  คุณอาจจะซ่อนน้ำหอมขวดนั้นเอาไว้”

            คิ้วเข้มเลิกสูง  แววอะไรบางอย่างผ่านแวบเข้าไปในดวงตาคมกริบแล้วผ่านออกไปอย่างรวดเร็วจนอัยย์แปลความหมายไม่ทัน

            “ฉันมีน้ำหอมเท่าที่เธอเห็นนั่นแหละ  ใครเขาจะเอาไปซ่อนกัน  ซ่อนไว้หัวเตียงงี้เหรอ  ตลกน่า” 

            แววครุ่นคิดปรากฏขึ้นในดวงตากลมใสทันที

            “คงไม่ได้คิดจะไปรื้อเตียงฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานรีบดักคอ  อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา

            “ผมไม่เหนื่อยทำงั้นหรอก  กลิ่นแค่นี้ไม่เห็นสำคัญ”  พูดจบอาคิราห์ก็กระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของคนตัวใหญ่จนอีกฝ่ายร้องอุทานคลายวงแขนออก   หลุดจากปราการเหล็กมาได้เจ้าโอเมก้าก็คว้าเสื้อโค้ทที่ตกอยู่ที่พื้นแล้ววิ่งปรูดหายขึ้นบันไดไป

            พิชช์ฌานมองตามแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง  โคลงหัวไปมาพลางหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทำงาน  เสียงมือขวาคนสนิทเรียกชื่อเขาโหวกเหวกอยู่ผ่านลำโพง  ชายหนุ่มเดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่  หันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดวีดีคอลกับคนในพรรคตามเดิม

            “เกิดอะไรขึ้นครับคุณฌาน  พวกผมตกใจหมดเลย”

            “ไม่มีอะไร  เจ้าบู้บี้อาละวาดนิดหน่อย”

            “ใครหรอครับท่าน  เจ้าบู้บี้”  คนในพรรคถามขึ้น

            หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยิ้มกว้างแต่ตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ

            “บู้บี้น่ะ  ปลาในตู้ของฉันเอง”   

            คืนนั้นกว่าพิชช์ฌานจะกลับขึ้นมานอนบนห้องก็เกือบค่อนคืน  แผนการทุกอย่างถูกปรับปรุงแล้ววางใหม่อย่างรอบคอบ  ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับศึกการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้  คงต้องงัดทุกกลเม็ดขึ้นมาฟาดฟันศัตรูให้ตายไปเสียข้างหนึ่ง

            พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนอัลฟ่าหนุ่มก็เกือบหัวเราะออกมา  ร่างโปร่งบางนอนคว่ำขวางอยู่กลางเตียงใหญ่ที่เละเทะยุ่งเหยิง  ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มกระจุยกระจายส่วนหมอนใบโตถูกเจ้าโอเมก้ากอดเอาไว้แน่น   รู้สึกเหมือนฟูกจะเคลื่อนออกมาด้วย  เห็นทีคงมีคนคิดการใหญ่รื้อเตียงของเขาเข้าจริงๆ

            รื้อเสร็จก็หมดแรงไปเสียก่อน  ชิงหลับเสียดื้อๆเนี่ยนะ

            มันน่า...นักนะ

            เจ้าของห้องยกมือขึ้นเตรียมฟาดลงไปบนก้นของคนที่นอนหลับไปแล้วสักตุ้บสองตุ้บ  แต่ก็ยั้งมือไว้  พิชช์ฌานก้มลงดึงผ้าปูที่นอนให้เรียบกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้  เดินไปเก็บผ้าห่มขึ้นมาพับใหม่  ได้แต่คิดในใจอย่างฉุนๆว่าทำไมตัวเองจะต้องมาวุ่นวายกับที่หลับที่นอนทุกคืน

            ไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าคนที่ชิงหลับไปก่อนแล้วเรอะ...  แล้วดูนอนเข้าซิ  นอนขวางเป็นจระเข้ขวางคลองแล้วคนอื่นเขาจะนอนยังไง   ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ

            ชายหนุ่มล็อคต้นแขนของอาคิราห์แล้วดึงขึ้นไปนอนหนุนหมอนดีๆ  คนหลับปรือตาขึ้นมองเขาแล้วก็พึมพำอะไรสักอย่างฟังไม่รู้เรื่องก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วหลับไปอีก  พิชช์ฌานอยากจะเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆซักที  อยากรู้จริงๆว่ากลิ่นของเขามันหอมมากเลยเหรอ

            หอมขนาดที่ว่าขาดไม่ได้  ไม่งั้นนอนไม่หลับเลยหรือไง

            ก็แน่ล่ะ  นี่กลิ่นของใครล่ะ...กลิ่นของนายพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์  นักการเมืองที่หล่อที่สุดในศักราชนี้เลยนะ  ชายหนุ่มคิด  เหลือบมองเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องกระแอมออกมาเบาๆ

            ทำไมเราจะต้องมานั่งภูมิใจในกลิ่นตัวของตัวเองด้วยวะ

            ชายหนุ่มห่มผ้าให้คนบนเตียงลวกๆแล้วก็เดินผละไปอาบน้ำ  จัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับมาซุกตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกันอีกครั้ง  หลายคืนแล้วที่อีกฝ่ายแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง

            พิชช์ฌานขยับตัวเข้าไปหาคนที่นอนซุกกับหมอน  แอบดมหมอนของตัวเองที่อีกฝ่ายหนุนนอนอย่างสบายนั้นนิดหนึ่งด้วยความสงสัยว่ามันหอมอะไรนักหนา

            กลิ่นอับๆแบบหมอนที่ไม่ค่อยได้เอาไปตากแดดผสมกับกลิ่นน้ำมันใส่ผมปะทะเข้าจมูกเป็นอันดับแรกตามด้วยกลิ่นตัวที่คุ้นเคย  พิชช์ฌานไม่เห็นว่ามันจะหอมน่าดมตรงไหน

            สู้กลิ่นคุกกี้ใหม่ๆเพิ่งอบจากเตาไม่ได้

            ทั้งหอมทั้งหวานถูกใจ  รสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นนัก

            หรือว่าอาคิราห์จะใส่น้ำหอม...แวบหนึ่งที่เขานึกสงสัยขึ้นมาบ้างและโอบกอดร่างนั้นเข้ามาแนบชิดเพื่อจะได้พิสูจน์กลิ่นจนกว่าจะพอใจ

            พิชช์ฌานหลับไปพร้อมกับความคิดมากมายในสมอง

            .....................................................................

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-02-2019 22:35:24











            “คุณอัยย์ทำอะไรอยู่คะ  ป้านิ่มเตรียมของว่างมาให้ค่ะ”  นิ่มนวลเดินมาเรียกชายหนุ่มที่แทบจะสิงอยู่ในห้องหนังสือนั้นตลอดทั้งวันถ้าไม่มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำ “หิวหรือยังคะ”

            “ป้านิ่ม...วันนี้มีอะไรทานครับ”  อัยย์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรื่องใหม่ที่กำลังอ่านอยู่อย่างติดพัน  ลุกขึ้นก้าวยาวๆออกไปหาป้าแม่บ้านที่ดูแลเขาอย่างดีทุกวัน

            “วันนี้มีบัวลอยไข่หวานค่ะ”

            “ของโปรดผมเลย”

            “เห็นโปรดทุกอย่างเลยนะ  มีอะไรไม่โปรดบ้าง”  เสียงห้าวๆดังขึ้นที่ประตู  อัยย์หันขวับไปมองแล้วย่นหน้าใส่

            “ป้านิ่มทำอะไรก็อร่อย  จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”  หันกลับมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับป้าแม่บ้านที่ยิ้มแก้มปริ  นิ่มนวลขอตัวกลับออกมาจากห้องสมุด  ทิ้งให้เจ้านายทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง

            “ปากหวานจังนะ  กลัวอดขนมหรอบู้บี้”

            “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกผมว่าบู้บี้เสียที”

            “ไม่ชอบเหรอ”  คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

            “ก็ใช่น่ะสิ”

            “แต่ฉันชอบ”  อีกฝ่ายตอบหน้าตาเฉย  เดินเข้ามานั่งบนโซฟาข้างๆร่างโปร่งบางที่รีบหดขาเข้าหาตัวราวกับกลัวเชื้อโรค  “แหม ทีอย่างนี้ล่ะเขยิบตัวหนี  พอตอนนอนทำไมกอดเอาๆ”

            “ผมกอดคุณตอนไหน” อาคิราห์หน้าแดง  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายพูดความจริงเพราะตื่นมาทีไรก็เจอว่าเขากอดนายพิษฌานเอาไว้ทุกที  แต่จะให้ยอมรับเองล่ะก็  ไม่มีทาง  “คุณนั่นแหละกอดผม”

            “งั้นก็ย้ายกลับไปนอนห้องเดิมเลยสิ”  พิชช์ฌานท้า

            “คืนนี้ผมย้ายแน่”

            “เห็นขู่มาหลายรอบแล้ว”

            “คืนนี้ย้ายแน่ๆ”

            “ห้ามเดินมาเคาะประตูนะ”

            “ไม่มีทาง”

            “ห้ามขนเอาที่นอนหมอนมุ้งของฉันไปด้วย”

            “เฮอะ...”

            “ไม่ต้องมาเฮอะ  รับปากมาสิ  ห้ามเอาเสื้อฉันไปด้วย”

            “ผมไม่ง้อหรอก”

            “งั้นฉันจะล็อคห้องเอาไว้เลยนะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “อย่ามากลับคำล่ะ”

            เขาซ่อนยิ้ม  หน้าหงิกๆบูดบึ้งของเจ้าโอเมก้าทำให้อารมณ์หงุดหงิดเคร่งเครียดจากที่ทำงานคลายลงเหมือนทุกครั้ง  พิชช์ฌานปลดเน็คไทออกตามด้วยกระดุมสามเม็ด

            “ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ”  อัยย์เหลือบตามองแผงอกที่เม็ดเหงื่อเกาะพราวแล้วหลุดปากออกมา

            อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมองแล้วหัวเราะหึๆ

            “อาบด้วยกันไหม”

            “ประสาท”

            “คนที่แอบดมผ้าเช็ดตัวคนอื่นประสาทกว่าหรือเปล่า”  พิชช์ฌานแหย่ยิ้มๆ  “เห็นนะเมื่อเช้า”

            “ผมจะไปช่วยป้านิ่มทำงาน”    อาคิราห์รีบเปลี่ยนเรื่อง  ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องหนังสือนั้น

            อันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านของพิษฌาน  เขาก็ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไหร่  ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเบื่อตาย  แต่ว่าสำหรับคนที่เคยชินกับการอยู่บ้านมาตลอดชีวิตอย่างเขาก็สามารถปรับตัวจนหาอะไรทำแก้เบื่อได้เอง

            งานหนึ่งที่เขาชอบก็คือการให้อาหารเจ้าปลาบู่ในตู้ของนายพิษฌาน   ค่อยๆโปรยอาหารเม็ดแล้วนั่งดูมันแหวกว่ายมาฮุบอาหารทีละคำก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน  บางครั้งนายพิษฌานก็จะนั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย  อาคิราห์ก็จะนั่งดูปลาเงียบๆแบบต่างคนต่างอยู่

            “บู้บี้”

            “........”

            “บู้บี้”

            “หยุดเรียกผมด้วยชื่อนี้เสียทีเถอะ”  คนที่วางอุเบิกขาอยู่นานหันขวับไปพูดเสียงห้วน  อีกฝ่ายเบิกตาโต

            “ฉันเรียกเจ้าปลาบู่  ฉันเพิ่งตั้งชื่อมันว่าบู้บี้”

            อัยย์หน้างอ

            “ทำไมต้องตั้งชื่อปลาบู่เหมือนผมด้วย”

            คนฟังหัวเราะ

            “งั้นเธอเป็นบู้บี้ที่หนึ่ง  แล้วให้มันเป็นบู้บี้ที่สองดีไหม”

            สีหน้าอีกฝ่ายดีขึ้น  แล้วก็กลับหงิกลงใหม่เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

            “อย่ามาเรียกผมว่าบู้บี้นะ  จะที่หนึ่งหรือที่สองก็ไม่ได้ทั้งนั้น”  พูดจบก็ลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากห้องทำงาน

            พิชช์ฌานหัวเราะตามหลังจนกระทั่งนิ่มนวลเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับถ้วยกาแฟและขนมเคียง  เธอส่งยิ้มให้เจ้านายหนุ่มรุ่นลูกอย่างเอ็นดู

            “แหย่อะไรคุณอัยย์อีกคะ  เห็นเดินงอนไปหลังบ้านนู่นแล้ว”

            “คุณอัยย์ของป้าน่ะขี้โมโหจะตายไป  นิดหน่อยก็โกรธแล้ว  ดีตรงที่หายโกรธไวนี่ล่ะ”

            “ระวังเถอะค่ะ  ไปแหย่มากๆระวังสักวันเธอโกรธเข้าจริงๆแล้วจะง้อไม่ไหวนะคะ”  นิ่มนวลเตือน

            “อาทิตย์นี้คุณอัยย์ของป้าเป็นยังไงบ้าง  ผมงานยุ่งมากเลยแทบไม่มีเวลาได้กินได้นอน”  พิชช์ฌานถามเสียงเรียบเรื่อย  “ยังร่ำร้องจะไปเที่ยวอยู่อีกไหม”

            “มีบ้างบางครั้งค่ะ  แต่ป้าก็ชวนไปว่ายน้ำ  ทำนู่นทำนี่แทนให้พอลืมๆ  เธอเหมือนเด็กๆน่ะค่ะ  พอมีอะไรมาให้สนใจแล้วก็ลืมเรื่องทุกข์  แต่ว่าเธอพูดถึงที่บ้านบ่อยนะคะ  น่าจะคิดถึงบ้านอยู่เหมือนกัน”

            “บ้านที่ไม่เคยได้ออกไปไหนน่ะหรอ”

            “ที่นี่ก็ไม่ต่างกันหรือเปล่าคะ”  นิ่มนวลย้อน  “คุณฌาน.. ป้าพูดตรงๆเลยนะว่าป้าสงสารคุณอัยย์  ป้าไม่รู้ว่ามันเป็นเกมการเมืองหรืออะไรนะคะ  แต่ป้าเห็นเธอหงอยๆแล้วมันก็ไม่สบายใจเลย”

            “ผมรู้ครับป้า  ผมก็ไม่ได้จะขังเขาเอาไว้ที่บ้านเสียหน่อย  ขอแค่ผ่านเลือกตั้งไปก่อน  เขาอยากไปไหนผมก็จะให้ไป”

            “แล้วระหว่างนี้ล่ะคะ  คุณจะปล่อยเขาทิ้งๆขว้างๆอยู่ที่บ้านแบบนี้หรอ  คุณอัยย์เธอเป็นคนนะคะ  ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์  ไม่ใช่ปลาในตู้ของคุณด้วยที่แค่มีตู้กับน้ำคอยให้อาหารก็จบ”

            “ป้าไม่เคยพูดกับผมแบบนี้มาก่อนเลยนะ”  ชายหนุ่มติง  มองหน้าอดีตพี่เลี้ยงอย่างแปลกใจ   “คุณอัยย์ของป้าทำคุณไสยใส่หรือไง”

            “คุณอัยย์ไม่ต้องทำคุณไสยใส่ป้าหรอกค่ะ  แค่เธอหน้าจ๋อยป้าก็ใจเสียแล้ว  ป้าไม่ได้ใจร้ายเหมือนคุณฌานนี่คะ  จะได้มองไม่เห็นว่าเธอเฉาจะตายอยู่แล้ว  พาเธอไปเปิดหูเปิดตาบ้าง  เธอแต่งงานออกจากบ้านมาแล้วก็ไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีก  มีแค่คุณนะคะที่จะดูแลเธอได้ดีที่สุด  ป้าเองก็ได้แค่ทำอาหาร  พูดคุยชวนแก้เหงาได้บ้างเท่านั้น”

            “ผมรู้แล้วครับป้า  ไว้พรุ่งนี้ผมจะพาเขาไปข้างนอกบ้าง”

            “คุณพูดมาสามรอบแล้ว  หวังว่าคราวนี้จะไม่ติดธุระอีกนะคะ  รู้หรือเปล่าว่ามีคนเขาแต่งตัวคอยเก้อมาสามหนแล้วนะ”   ป้านิ่มพูดเสียงเข้มก่อนจะกลับออกไปจากห้อง

            พิชช์ฌานถอนหายใจยาวเหยียด  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทอดสายตามองเจ้าปลาบู่ในตู้อย่างหนักใจ  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอาคิราห์รู้สึกอย่างไร  แต่จะให้มานั่งอธิบายว่าทำไมถึงพาไปไหนมาไหนไม่ได้ก็คงเหนื่อยที่จะพูด  แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งอธิบายกับใครด้วย

            เจนภพโทรเข้ามา  ชายหนุ่มกดรับ

            “ว่าไงบ้าง  ตกลงใช่ไหม”

            “ใช่ครับ  พวกกลุ่มอนุรักษ์มันกลับมาเคลื่อนไหวอีกแล้ว  คราวนี้น่าจะมีแบ็คใหญ่กว่าเดิม  ทุนหนาเลยครับดูจากที่สายเราสืบมา....”  เจนภพรายงานมาอีกยืดยาว  คนฟังเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะทำงานเบาๆ  “...น่าจะมีคนจงใจให้ออกมาเคลื่อนไหวแน่ๆครับ”  มือขวาคนสนิทปิดท้าย

            “แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำไปทำไม  อยากขัดขาพรรคของเราแค่นั้นเหรอ  แต่นโยบายแบบนี้ก็มีมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว  จะว่าเพราะฉันแต่งงานกับอัยย์...มันก็แปลก  หรือต้องการสร้างความวุ่นวายเฉยๆ”  พิชช์ฌานพูดช้าๆ “อยากให้มีรัฐประหารเหรอ  แต่ทหารประเทศเราไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองมานานมากแล้วคงไม่ใช่  ฉันคิดว่าคนในพรรครัฐบาลอยู่เบื้องหลังแน่ๆ  อาจจะเป็นคนๆด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่า...ทำไมถึงใจร้ายกับลูกชายตัวเองจัง  หรือความจริงแล้ว...อาจจะมีจุดประสงค์อื่น  ยิ่งคิดก็ยิ่งเหตุผลค้านกัน”

            “นั่นสิครับ  แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อครับคุณฌาน”

            “ฉันว่าเราคงต้องลองพิสูจน์หน่อยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันคืออะไรกันแน่....พรุ่งนี้ฉันจะพาอาคิราห์ไปปรากฎตัวข้างนอก”

            “แต่ว่า...มันไม่ปลอดภัยนะครับ” เจนภพค้านทันที

            “ไม่เป็นไรหรอก”

            “คราวก่อนคุณยังไม่ยอม  แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้..”

            “ไม่ลองก็ไม่รู้  ฉันอยากรู้ว่าเป้าหมายคืออะไร  หมดเวลาเล่นขายของแล้วเจนภพ  พรุ่งนี้เตรียมตัวด้วย”  พิชช์ฌานพูดด้วยเสียงเฉียบขาด  สั่งการสั้นๆอีกสองสามประโยคก็วางสาย 

            นั่งทำงานต่อจนเมื่อยขบ  พิชช์ฌานลุกขึ้นบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ  วันนี้ตามตารางเขาจะต้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสด้วย  เหลือบดูนาฬิกาก็ใกล้จะถึงเวลานัดเทรนเนอร์แล้ว  พิชช์ฌานออกจากห้องทำงานตรงขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

            ทอดสายตามองกองผ้าห่มกับหมอนที่เจ้าโอเมก้าขยันลากมากองรวมกันได้ทุกวี่ทุกวันอย่างฉุนแกมขัน  ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบเอาของไปกองรวมกันนัก  ตอนแรกลากไปใส่ในซอกตู้  พอโดนดุก็เปลี่ยนมาไว้ที่พื้นข้างเตียง  ทั้งปลอบทั้งขู่อยู่นานถึงได้ย้ายมากองมันบนเตียงเสียเลย  พอไปช่วยจัดวางให้เป็นระเบียบด้วยความหวังดีก็โกรธอีก  ทำหน้าตึงไม่พูดไม่จาจนน่ารำคาญ  เขาเลยต้องปล่อยเลยตามเลย  อยากทำรกแค่ไหนก็เชิญ

            เหลือที่ว่างๆให้เขาได้นอนบ้างก็พอแล้ว

            พิชช์ฌานเปิดตู้เสื้อผ้าออก  หยิบชุดออกกำลังกายมาเตรียมเปลี่ยน  นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยเดินไปแหวกผ้าม่านริมหน้าต่างออกดู  สระว่ายน้ำหลังบ้านที่ตอนนี้มีร่างของใครคนหนึ่งกำลังว่ายกลับไปกลับมาอย่างแข็งขัน

            ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ  เปิดลิ้นชักหยิบกางเกงว่ายน้ำออกมาสวมแทน

            อาคิราห์กำลังว่ายน้ำอยู่  เขาชอบว่ายน้ำพอๆกับตีเทนนิสหรือกอล์ฟ  ที่บ้านมีสระว่ายน้ำใหญ่เบ้อเริ่มให้เขาได้ฝึกว่ายตั้งแต่ยังตัวนิดเดียวจนตอนนี้สามารถว่ายได้อย่างคล่องแคล่วทุกท่า

            เสียงตูมใหญ่ทำให้โอเมก้าหนุ่มชะงัก  เงยหน้าขึ้นจากผิวน้ำ  ร่างสูงใหญ่สวมกางเกงว่ายน้ำเอาไว้ตัวเดียวกำลังว่ายตรงมาทางเขาเหมือนปลาฉลาม...

            พูดผิด  น่าจะเป็นเหาฉลามมากกว่า  เพราะนายพิษฌานดำลงไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ผุดขึ้นมากระแอมกระไอสำลักน้ำเสียแล้ว

            “ว่ายน้ำไม่แข็งยังคิดจะโชว์อีก”  อัยย์พูดลอยๆ  เหลือบมองอีกฝ่าย

            พิชช์ฌานไอจนแสบจมูก  ไม่อยากตอบกลับไปว่าเพราะเห็นอะไรใต้น้ำกันแน่ถึงได้สำลักน้ำจนน้ำพุ่งออกมาทั้งปากทั้งจมูก

            “ไหวไหมคุณ  ไม่ไหวก็ขึ้นไปพักก่อน”  อัยย์พูดต่อ   ฝ่ายนั้นโบกมือ

            “แค่นี้สบายมาก”  พิชช์ฌานพึมพำ  ลอยตัวเข้ามาใกล้กับร่างโปร่งบาง  พิศดูผิวสีน้ำผึ้งกระจ่างใสนั้นชัดๆใกล้ๆ สังเกตว่าเริ่มมีรอยแดงคล้ำแดดบ้างแล้ว  “ทำไมเธอไม่ทากันแดด”

            “ผมขี้เกียจทา”

            “นี่ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงคิดว่า ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้ฉันทาให้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “แต่พอเป็นเธอพูด  ฉันก็เข้าใจว่าเธอขี้เกียจจริงๆ”

            “อันนี้ชมหรือด่านะ”  อัยย์เอียงคอ  “ฟังดูแปลกๆชอบกล”

            “ชมสิ  ฉันชมว่าเธอพูดตรงกับใจ”

            “ตรงข้ามกับคุณใช่ไหม”

            “ใช่”  พิชช์ฌานรับหน้าตาย

            “คุณเป็นนักการเมืองนี่นะ”   อัยย์พึมพำ  ลอยตัวขึ้นนอนหงายบนผิวน้ำใสสีฟ้าจัด  “ผมไม่คาดหวังจะได้ความจริงจากปากคุณอยู่แล้ว”

            “นับว่าเธอฉลาดใช้ได้”  พิชช์ฌานดันตัวขึ้นลอยตัวบ้าง

            “ฉลาดยังไง  ผมก็ยังแคบอยู่นั่นเอง”  อัยย์พูดต่อ  “ประสบการณ์ผมแทบไม่มีเลย  ไม่แปลกถ้าจะโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก”

            คนข้างๆขยับตัว

            “หมายถึงอะไร”

            คนพูดยักไหล่  ไม่มีคำตอบ

            “ถ้าเธอหมายถึงเรื่องที่ฉัน...”  พิชช์ฌานอ้าปากพูด

            “ว่ายน้ำแข่งกันไหมครับ”  อาคิราห์กลับเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน  “ใครแพ้โดนลงโทษ”

            “ลงโทษยังไง”

            “แล้วแต่คนชนะ”

            “ก็ได้”  พิชช์ฌานตอบตกลง

            อาคิราห์ดำน้ำลงไปทันที  เป้าหมายคืออีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล  พิชช์ฌานยิ้มกว้างว่ายตามไปบ้าง  เขาเร่งความเร็วเพื่อตีตื้นพอสูสีจากนั้นก็ยอมให้โอเมก้าว่ายแซงเข้าไปแตะที่ขอบสระก่อน

            “เมื่อกี้ฉันแค่อุ่นเครื่องเอง  ขอฉันแข่งอีกรอบ”  พิชช์ฌานรีบพูด  อีกฝ่ายหรี่ตามองแล้วก็พยักหน้า

            “ก็ได้ครับ  แต่คราวนี้เอาจริงแล้วนะ”

            “แน่นอน”

            “ผมหมายถึงคุณ  ว่ายแบบ ‘เอาจริง’ ด้วย”

            “ฉันก็ว่ายจริงจังแล้วนะ  เห็นฉันว่ายเหลาะแหละหรือไง  เมื่อกี้ก็เกือบชนะ”

            รอยยิ้มของอาคิราห์ทำให้รอบนี้พิชช์ฌานตั้งใจว่ายมากกว่าเดิม  เขาพบว่าอาคิราห์เป็นคนว่ายน้ำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียว  เล่นเอาแชมป์มหาลัยอย่างเขาหอบแฮกอยู่เหมือนกันกว่าจะเร่งเครื่องเข้าไปแตะขอบสระพร้อมกันจนได้

            “เสมอกัน”

            “ทำยังไงดีล่ะ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ผลัดกันลงโทษดีไหม  แฟร์ๆ”

            “ไม่เอา  ยกเลิกกันไป”

            “เรื่องอะไรล่ะ  หรือเธอกลัวบทลงโทษของฉัน”

            “ผมไม่กลัวหรอก”  อาคิราห์ตีน้ำใส่หน้าของเขา  “จะลงโทษอะไรก็ว่ามาเลย”

            “งั้น...พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับฉันนะ”

            “หืม?”  คนฟังกระพริบตา  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ยกมือขึ้นกรีดแผงขนตายาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่นั้นเล่นจนเจ้าของรีบยกมือขึ้นปัด

            “ไปเที่ยวกับฉันนะ”

            “ล้อเล่นอีกหรือเปล่า  คุณมีเวลาแล้วเหรอ”  อาคิราห์หลบตาลงมองหน้าท้องเป็นลอนด้วยมัดกล้ามใต้น้ำใสแจ๋วนั้นแทน  ไรขนอ่อนจากสะดือเรียงเป็นแนวหายลับไปในกางเกงว่ายน้ำรัดพอดีตัว  เจ้าโอเมก้ารีบดึงสายตาขึ้นมาแทบไม่ทัน

            “นี่คือบทลงโทษของฉัน  เธอต้องทำตาม”  พิชช์ฌานมองตามสายตาของอีกฝ่ายแล้วยิ้มขำ  พูดขึ้นเบาๆ “ไม่งั้นก็ผิดสัญญาสิ  นอกจากชอบขโมยของแล้วยังชอบเบี้ยวอีกนะ”

            “ใครกันแน่ที่ชอบเบี้ยว”

            “โกรธที่คราวก่อนฉันยกเลิกหรอ  ฉันติดงานด่วนจริงๆ”

            “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

            “ก็ว่าอยู่เมื่อกี้แหม่บๆ  มาบอกไม่ได้ว่าอีก  ไอ้ตัวบู้บี้เอ๊ย”  คนพูดบีบจมูกโด่งรั้นของอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว  “จะไปไม่ไป  ไม่ไปจะอดแล้วนะ”

            “ไปสิ  ไป...โอ๊ย  ปล่อยได้แล้ว”  อัยย์ดึงมือของอีกฝ่ายออกอย่างหงุดหงิด  หันหลังว่ายน้ำไปอีกฝั่งหนึ่งแทน  รู้สึกว่าเจ้าของสระว่ายตามมาติดๆก็เร่งเครื่องขึ้นอีกนิด

            เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดบทลงโทษนายพิษฌานเลยแฮะ  ไม่เป็นไร  ค่อยๆคิด ...จะเอาให้คุ้มเลยเชียว

            ......................................................................................

            มาอัพแล้วจ้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-02-2019 23:06:39
จะพาน้องออกไปเที่ยวเดี๋ยวก็เจอแบบเดิมอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 22-02-2019 23:16:48
อ่านไปก็ยังรู้สึกสงสารน้องอยู่ดี แต่น้องน่ารักกกกกกก อยากหยิกแก้มมาก 555  :z1: :o8:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-02-2019 23:19:46
อัยย์น่ารัก ทำให้คนรักได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 22-02-2019 23:39:10
แง อยากบอกคุณคนเขียนว่าเจ้าบู้บี้น่ารักร้อยรอบ
ตอนหน้า นายพิษฌาณพากันออกไปข้างนอกดีๆ นะ อย่าทำเจ้าอัยย์ตกใจ แม่ยกเป็นห่วงค่า
รอเรื่องนี้อยู่จริงๆ อยากอ่านวันละสองตอน ฮือออ

เป็นกำลังใจให้นะค้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 23-02-2019 01:36:27
ไรท์ต้องรีบมาต่อน้าาาา..  :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-02-2019 02:08:02
เถียงกันตลกมากแต่อยากจะให้หนังสืออ่านคนละเล่มมากเล้ย
โอ๊ยยยยยยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 23-02-2019 02:13:19
ทำดีเจ้าบู้บี้ วันนี้ยึดเตียงศัตรูได้แล้ว 555555
อยากขอบีบเจ้าบู้บี้สักที มันเขี้ยว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 23-02-2019 02:34:13
อาการอัยย์เริ่มน่าสงสัยแล้วว
ทำไมยังไม่มีใครสังเกตซักที
ขอย้ำหลายๆครั้งเลยว่า
หมั่น ไส้ ตา พิษ ฌาน มาก!!  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-02-2019 03:53:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 23-02-2019 06:31:35
น้องอัยย์มาซบอกเจ้มาลูกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-02-2019 11:20:39
บู้บี้ที่1 น่าร้ากกกก เอ็นดูนางขนหมอนขนผ้าห่มทำรัง คุณพิษก็ใจดีเนอะ ดูเข้าใจน้อง 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-02-2019 11:29:24
ตั้งใจพาออกไปงวดนี้ เราว่าน้องต้องได้รับอันตรายแน่ ๆ เพราะเป็นความตั้งใจของนายพิษที่จะให้น้องเป็นเป้า
น้องน่าสงสารจริง ๆ อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นใครจะจริงจังและจริงใจกับน้องเลยมีแต่จะหลอกใช้
และถึงน้องจะรู้ตัวแต่ก็ไม่เคยทันเกมพวกเขาเลยซักครั้ง อยากให้ทุกคนที่หลอกน้องโดยเฉพาะนายพิษ
ได้รับกรรมจากผลที่ทำกับน้องเร็ว ๆ จัง ทำไมยิ่งอ่านยิ่งเกลียดนายพิษจังเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-02-2019 18:26:38
นายพิษ นิสัยไม่ดี วางแผนหลอกน้องตลอด


บู้บี้น้อยฉลาด แต่ก็ไร้เดียงสา


ตามเกมส์นายพิษกับตาพ่อไม่ใหวหรอก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-02-2019 19:37:00
 :pig4: เริ่มหลงน้องบ้างรึยังนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-02-2019 19:46:11
 สงสารน้องมากเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-02-2019 22:06:08
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2019 07:42:15
อยู่ดีๆ ก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย คิดผิดแล้วที่มาอยู่กับฌาณ
สงสารอัยย์ไม่เว้นเวลาเลยค่ะ อยู่ในบ้านคนเดียวสบายใจกว่านะ
อัยย์รู้ตัวว่าโดนหลอกซ้ำๆ แต่บางทีก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น

อัยย์ไปสารภาพแบบนั้นเฉย 55555 เอ็นดู
แต่ตอนนี้ไม่ต้องหอบไปมาแล้วเนาะ
มานอนด้วยซะเลย ง่ายดี จบ จะดมจะหอมตอนไหน ได้หมด

ฌาณ ถ้ายังคิดจะทำแบบนี้ ได้เจอความเสียใจแน่
แล้วถ้าตอนนี้อัยย์ท้องจริง ได้เศร้ากันบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-02-2019 13:59:08
……


แค่ฉากว่ายน้ำด้วยกันก็รู้สึกฟินนิดๆละนะ.


 :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่13 22/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 24-02-2019 18:18:52
อยากให้เค้าได้กันอีกรอบจัง อยากอ่าน NCละมุนๆคึคี :call:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-02-2019 01:26:45
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 14

 



 

 

 

 

            “ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก”  พิชช์ฌานถามคนที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนด้วยชุดอยู่บ้าน  “ไม่อยากไปเที่ยวเหรอ”

            อาคิราห์ละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้ว

            “ก็นึกว่าไม่ไปแล้ว  ผมขี้เกียจเปลี่ยนชุดกลับไปกลับมา”  โอเมก้าหนุ่มตอบแล้วก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อ  คนฟังขมวดคิ้ว  ก้าวยาวๆเข้ามายืนชิดเตียง

            “ใครบอกว่าไม่ไป  ฉันชวนเธอไปแล้วก็ต้องไปด้วยกันสิ”

            “ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่ต้องไปหรอกครับ  ผมอยู่บ้านจนชินแล้ว”

            พิชช์ฌานมองหน้าคนพูดแล้วลอบถอนหายใจยาว  แค่เขาเลื่อนเวลาออกเดินทางไปสองชั่วโมงเพราะยังกำลังคุยติดพันกับสปอนเซอร์พรรครายใหม่  เจ้าโอเมก้าก็ดูท่าจะโกรธเอาเสียแล้ว

            “อัยย์”

            “.....”

            “อัยย์ครับ”

“.....”

“ไม่อยากไปเที่ยวแน่นะ”  ชายหนุ่มพูดลอยๆ “ว่าจะพาไปทะเลเสียด้วย  เสียดายจัง”

แอบเห็นนัยน์ตากลมโตเหลือบมองมาแวบหนึ่งแล้วก็เมินกลับไปทำเหมือนไม่สนใจ  ทว่าพิชช์ฌานรู้ดีว่าอีกคนกำลังตั้งใจฟังอย่างหูผึ่งทีเดียว

“.....”

“มีสวนสนุกด้วยนะ  เขาว่าเครื่องเล่นที่นั่นเจ๋งที่สุดในประเทศเลยล่ะ  อาหารทะเลสดๆก็ดีมากเพราะเพิ่งจับขึ้นมาจากทะเล  แค่คิดฉันก็น้ำลายไหลแล้ว  เธอไม่ไปแน่นะ”  นักการเมืองหนุ่มถามย้ำอีกรอบ  “เปลี่ยนใจทีหลังไม่ทันนะ  ฉันไม่แวะกลับมารับด้วย”

พิชช์ฌานพูดแค่นั้นก็ทำท่าจะกลับออกมาจากห้อง

“เฮอะ”  มีเสียงลมพ่นออกมาจากจมูกแรงๆจากคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง  จากนั้นเจ้าตัวก็วางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืนก้าวฉับๆผ่านหน้าเขาไปหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาเปิดกางออกพลางคว้าเสื้อยืดสีสันสดใสกับกางเกงขาสั้นพอดีตัวเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

พิชช์ฌานกลั้นหัวเราะ  ยกมือขึ้นเคาะประตูหน้าห้องน้ำเบาๆ

“รออยู่ที่รถนะ  ใครช้าอดไป”

ไม่ถึงสิบนาที่ร่างโปร่งบางก็มายืนหน้างออยู่ข้างรถ  เจ้าตัวอยู่ในชุดพร้อมเที่ยวทะเลเรียบร้อยแถมสวมหมวกสานเอาไว้อีกต่างหาก  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มรับกระเป๋าเป้ของอาคิราห์มาส่งให้เจนภพเอาไปใส่ท้ายรถ  ป้านิ่มนวลแอบกระซิบบอกเขาเมื่อกี้แล้วว่าเจ้าโอเมก้าลุกขึ้นมาจัดของเตรียมตัวไปเที่ยวตั้งแต่เช้า

“เดินทางปลอดภัยนะคะ  ระวังตัวด้วยนะ  ...เที่ยวให้สนุกนะคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลพูดกับคุณนายของบ้านยิ้มๆ อาคิราห์ยิ้มตอบ

“แล้วผมจะซื้อของฝากมาฝากป้านิ่มนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ  คุณอัยย์มีความสุข ป้าก็ดีใจแล้ว”  นิ่มนวลตอบ

“เอ้า...ใครจะไปเที่ยว ขึ้นรถเร็ว  ฉันขับเองเจนภพ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเสียงดัง

อาคิราห์เปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งกอดอกเป็นคนแรก  ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังมาจากเจ้าของรถที่ขึ้นมานั่งคู่กันฝั่งคนขับ  นิ่มนวลย่อตัวลงกระซิบกับอะไรสักอย่างกับเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง  พิชช์ฌานหัวเราะอีกอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ในความคิดของอัยย์

รถสปอร์ตเปิดประทุนคันนั้นขับออกมาจากบ้านหลังงามโดยมีรถตู้และรถเก๋งขับตามมาห่างๆอีกสองคัน  อาคิราห์เหลือบมองรถสองคันนั้นผ่านกระจกมองหลัง

“ไปเที่ยวแค่นี้ต้องเอาคนตามไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”  เขาถามขึ้น  คนขับเลิกคิ้ว

“เผื่อมีเด็กเป็นลมจะได้หามไปส่งโรงพยาบาลทันไง”  นายพิษฌานตอบกลั้วหัวเราะ  “แหม  ไม่ใช่เธอคนเดียวเสียหน่อยที่อยากไปเที่ยว  ใครๆก็อยากไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้างทั้งนั้น”

อาคิราห์พยักหน้าเนิบๆหมดความสงสัย  เอนตัวลงพิงเบาะหนังอย่างสบาย  ไม่นานแอร์เย็นๆเป่าหน้าก็ทำให้หนังตาชักเริ่มหนักอย่างช่วยไม่ได้

“ห้ามหลับ”  คนขับรีบพูดดักคอ  “ใครหลับแวะทิ้งข้างทางเลย”

“ก็ดี  ผมอยากโดนทิ้งข้างทาง”  อาคิราห์ตอบงัวเงีย เปลือกตาหรี่ปรือเหมือนมีอะไรมาถ่วงเอาไว้  พิชช์ฌานจุ๊ปาก

“เอาใหม่  ใครหลับอดกินข้าวมื้อเที่ยง”

ได้ผลแฮะ...นักการเมืองหนุ่มคิดในใจแกมขันเพราะคนที่ทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่นั้นรีบลืมตาโพลง  ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแน่ว

“ไม่ได้เห็นแก่กินนะ  แต่ผมกลัวคุณหลับในเฉยๆ”  เจ้าตัวพูดแก้เก้อเมื่อหันมาเจอแววขบขันในดวงตาคมเข้ม

“ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”  พิชช์ฌานยักไหล่  ขับรถไปได้ไม่นานก็เห็นคนนั่งลืมตาโพลงเมื่อกี้เริ่มโงนเงน  หนังตาเริ่มหรี่ปรือลงอีกจนน่าจะหลับไปในไม่ช้า

พิชช์ฌานขับแซงรถอีกคันเสร็จก็เหลือบดูคนนั่งข้างๆอีกรอบ  เขาพบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แหวกหนังตาของตัวเองค้างเอาไว้

“ทำอะไรน่ะ”  เขาหัวเราะออกมา

“ฮึ”  คนข้างๆไม่ตอบแต่นั่งโอนเอนเหมือนต้นไผ่ลู่ลม  ไม่นานมือที่ฝืนต้านทานหนังตาอยู่ก็สู้ความง่วงไม่ไหว  พิชช์ฌานได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามด้วยเสียงกรนคร่อกดังมาจากคนที่แหงนหน้าขึ้นพิงพนักหลับไปเสียอย่างนั้น

“หลับจนได้”  ชายหนุ่มอุทาน  ไม่คิดจะเอื้อมมือไปปลุกขึ้นมาอีกเพราะรู้ว่าเมื่อคืนเจ้าตัวยุ่งนอนไม่หลับทั้งคืน  ไม่รู้เป็นเพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวหรือเปล่า  แต่เขาคิดเข้าข้างตัวเองเอาว่าน่าจะใช่  อาคิราห์อยากไปเที่ยวจนนอนพลิกตัวกลับไปกลับมาจนเช้า

เด็กหนอเด็ก...พอได้ไปเที่ยวแล้วก็ดันมาง่วงเสียนี่

พิชช์ฌานเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังคลอเบาๆไประหว่างขับรถตรงไปยังเมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดชายทะเล  โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือช่วงสิ้นเดือน  รถก็เลยไม่ติดมากอย่างที่ควรจะเป็น  ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงสถานที่ๆต้องการ

แสงแดดจัดจ้าส่องแรงสมกับเป็นเวลาเที่ยงวัน พิชช์ฌานหาที่จอดรถได้ก็เอื้อมมือไปเขย่าตัวคนหลับอยู่แรงๆ  อาคิราห์สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตาโต  วิวชายหาดกับทะเลที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง

“ถึงแล้ว ทะเลๆ”  เขาพูด เอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ว่าติดล็อค

“ใจเย็นๆสิ  ล็อครถก่อน”  เจ้าของรถพูดเนิบๆ

“ผมขอลงไปก่อนได้มั้ย”

“รอไปด้วยกัน”

อาคิราห์เดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่เข้าไปภายในร้านอาหารบรรยากาศดีที่อยู่ติดริมทะเลนั้น   อดแปลกใจไม่ได้ที่ร้านใหญ่โตออกอย่างนี้กลับว่างเปล่าไม่มีแขกเลยสักคนเดียวนอกจากพวกเขาสองคน  เจ้าของร้านเดินมาแนะนำเมนูแต่ละอย่างที่ฟังแล้วน้ำลายสอ   เขาสั่งอาหารทะเลสดๆไม่อั้นมาเต็มโต๊ะโดยที่พิชช์ฌานไม่เอ่ยปากค้านเลยสักคำเดียว  ลมทะเลพัดแรงจนเส้นผมปลิวเปะปะ  อาคิราห์หันไปมองทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตานั้นอย่างอารมณ์ดี

“ผมขอลงไปเดินเล่นได้มั้ย”   แค่นั่งถอดรองเท้า  ซุกเท้าเปล่าเปลือยลงในทรายอุ่นๆก็รู้สึกดีแล้ว  มันคงจะดีกว่านี้อีกถ้าได้ออกไปเดินย่ำชายหาด  ลุยน้ำทะเลสักหน่อย

“ได้  แต่กินให้เสร็จก่อน”  คนที่นั่งตรงข้ามตอบเนิบๆ  ร่างสูงใหญ่เอนตัวลงนั่งไขว่ห้างอย่างสบาย  อาคิราห์เพิ่งสังเกตว่าวันนี้นายพิษฌานเองก็แต่งตัวลำลองกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น  เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ทำให้อีกฝ่ายดูเด็กลงไปเกือบสิบปี

ต้องยอมรับว่านายพิษฌานเป็นคนดูแลตัวเองดีมาก  หุ่นก็ยังเฟิร์มอยู่ไม่เผละเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆที่เคยเห็น

นัยน์ตาคมกริบหันมาเจอเขาเข้า  คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

“แอบดูอะไร”

“เปล่า”

            “ตอบแบบนี้แสดงว่าแอบด่าฉันอยู่ในใจล่ะสิ”  อีกฝ่ายดักคอ

            “คุณทำอะไรไว้ล่ะ  ผมถึงจะต้องด่า”  อาคิราห์ย้อน

            “ก็...เยอะอยู่เหมือนกัน”  คราวนี้ฝ่ายนั้นมาแปลกดันยอมรับเอาดื้อๆ  พิชช์ฌานมองหน้าเขาแล้วกระแอมออกมาเบาๆ  “เมื่อกี้ใครหลับในรถอดกินไม่ใช่เหรอ”

            “ผมไม่ได้หลับ  ...แค่พักสายตา”  เจ้าโอเมก้ารีบพูดหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายหัวเราะอย่างฉุนแกมขัน

            “พักนานไปหน่อยนะ  ตั้งแต่ออกจากบ้านมาถึงนี่เลย”

            “ผมลืมตาเป็นระยะ  แต่คุณไม่เห็นเองต่างหาก”

            “เป็นระยะที่สั้นมากแบบชั่วพริบตาเลยสินะ”  พิชช์ฌานค่อน

            อาคิราห์หัวเราะออกมา  รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ทำให้คนมองเผลอยิ้มตาม  รู้สึกแดดร้อนๆเมื่อกี้กลับเย็นลงฉับพลันพอๆกับท้องฟ้าที่สดใสขึ้นอย่างประหลาด  พิชช์ฌานหยุดมองรอยยิ้มนั้นครู่เดียวก็มองไปทางอื่น

            “แล้วคุณเจนภพกับคนอื่นเขาไม่มากินข้าวกันเหรอ”  อาคิราห์ถามขึ้นบ้าง  มองไปรอบตัวที่โล่งๆว่างๆชอบกล

            “เขาก็แยกย้ายไปเที่ยวของเขาสิ  วันพักของเขานี่นะ”  พิชช์ฌานตอบ  เลื่อนน้ำผลไม้ไปให้อีกฝ่าย

            “อ้อ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  “ทำไมร้านนี้ไม่เห็นมีคนเลย  แถมจัดร้านแปลกๆด้วยๆ  แบบ...มันโล่งๆ”  ชายหนุ่มกวาดตามองรอบตัวที่แทบไม่มีจุดอับสายตาเลย  เหมือนคนนั่งอยู่กลางแจ้งงั้นแหละ

            “เศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็แบบนี้ล่ะ  คนไม่มีเงินมาเที่ยวหรอก”

            “คุณจะบอกว่าต้องเลือกพรรคคุณสินะ”

            “ผมเชื่อมือตัวเองมากกว่า...ใคร.. ก็แล้วกัน”  คนตอบสะดุดเล็กน้อยเพราะนึกขึ้นได้ว่ากำลังคุยอยู่กับลูกชายของศัตรูทางการเมือง 

“หมายถึงพ่อผมใช่ไหม”  อาคิราห์ถามอย่างรู้ทัน  อีกฝ่ายไม่ตอบ

            อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะทำให้อาคิราห์ลืมเรื่องที่จะถามต่อ  ชายหนุ่มตักอาหารใส่จานอย่างเพลิดเพลิน  อาหารทะเลที่นี่สดจริงๆตามที่อีกฝ่ายคุยโวเอาไว้  เขาจิ้มปลาหมึกชิ้นหนาแทรกด้วยไข่มันๆจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดเข้าปากเคี้ยวกลืนคำแล้วคำเล่า

            “เคี้ยวให้ละเอียดนะ  เดี๋ยวไม่ย่อยหรอก”  พิชช์ฌานพูดเตือน  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเท่าไหร่  อาคิราห์หันไปซัดอาหารจานอื่นต่อ  ซากเปลือกปูเปลือกหอยวางกองพะเนินจนคนพามาชักทึ่ง  “นี่เธอมีสี่กระเพาะหรือเปล่า  กินเยอะขนาดนี้เดี๋ยวก็ปวดท้องแน่ๆ”

            “ผมไม่เป็นไรหรอกน่า”  คนพูดกลืนเนื้อปลานิ่มๆลงคอไปคำใหญ่  “คุณก็กินเยอะๆสิ  ไม่ต้องเกรงใจ”

            “ใครเป็นคนจ่ายกันแน่ฮึบู้บี้”  พิชช์ฌานอุทาน  อีกคนหัวเราะ   “ยังมาหัวเราะอีก  กินเข้าไปเถอะ  ฉันเพิ่งโดนหมอว่ามาเรื่องไขมันสูง”  ชายหนุ่มพูดอุบอิบ

            “ผมเข้าใจ”  อาคิราห์พยักหน้าด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ  “พ่อผมก็เป็นโรคไขมันเนี่ย  เป็นความดันสูงด้วยนะ  คุณล่ะ...อายุปูนนี้แล้วดูแลสุขภาพบ้างก็ดี”

            “นี่ฉันยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ”  คนฟังหน้าหงิก  “ว่าแก่บ่อยๆ  เดี๋ยวเถอะ...”

            “จะทำไมเหรอ”  คิ้วเรียวเลิกขึ้น  รอยยิ้มพราวมีแววท้าทายนิดๆอยู่ในดวงตากลมใสแจ๋วคู่นั้น  พิชช์ฌานขยับจะตอบแล้วก็เปลี่ยนใจพูดเรื่องอื่นแทน

            “สั่งของหวานไหม  กินไหวหรือเปล่า”

            อีกฝ่ายพยักหน้า  ดูท่าเจ้าโอเมก้าจะมีสี่กระเพาะจริงๆตามที่พิชช์ฌานว่าเอาไว้  อาคิราห์นั่งละเลียดกินไอศกรีมมะพร้าวคนเดียวจนหมดแก้วแล้วก็ขอเดินลงไปยืดเส้นยืดสายที่ชาดหาดข้างล่างต่อ 

            “รอฉันเข้าห้องน้ำก่อนค่อยไป”  พิชช์ฌานพูด

            “ทำไมต้องรอด้วย  กระเพาะฉี่คุณไม่ได้ติดกับผมเสียหน่อย”

            “จะรอไม่รอ  ถ้าไม่รอก็กลับเลย”  คนแก่กว่าพูดเสียงเข้มขึ้น  อาคิราห์เบ้ปากแต่ก็ยอมยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าห้องน้ำโดยดี

            พิชช์ฌานไม่ได้พาเขาลงไปเดินเล่นที่ชายหาดหน้าร้านอาหารแห่งนั้นแต่กลับพาขึ้นรถขับอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของหาดที่ดูเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก  อาคิราห์กวาดตามองรอบด้านที่ไม่เห็นเงาของคนเลยสักคนเดียว  มีแค่เขากับผู้ชายตัวสูงข้างๆแค่นั้น

            “ทำไมมันโล่งขนาดนี้ล่ะ”

            “ไม่ดีหรือไง  ได้ไม่ต้องแย่งเบียดกับคนอื่น”  พิชช์ฌานว่า

            “ก็ดีอยู่หรอก  แต่มันแบบ...โล่งๆไงไม่รู้  ทะเลมันต้องคนเยอะๆสนุกๆสิ”

            “แล้วแบบนี้ไม่สนุกเหรอ”  ชายหนุ่มถาม  มองดูคนตัวเล็กกว่าที่ย่อตัวลงรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ที่พกมาด้วยออกพลางหยิบของข้างในนั้นออกมาวางเรียง 

            “ก็สนุก  แต่มัน...” อาคิราห์ยักไหล่  ก้มลงหยิบผ้าสีสวยขึ้นมาปูบนชายหาดใต้ร่มไม้  “ขึ้นมานั่งสิ”

            “นี่เธอขนของอะไรมาบ้างเนี่ย”

            “มาทะเลก็ต้องมาอาบแดด  เล่นน้ำทะเลไง”  คนพูดสะบัดผ้าอีกผืนลงบนชายหาดแต่ว่ามือใหญ่คว้ามือเอาไว้เสียก่อน

            “ขืนอาบแดดตอนนี้ได้สุกเป็นกุ้งเผาแน่  แดดร้อนตายชัก”

            “คุณก็นั่งหลบแดดไปสิ”

            “อาคิราห์  แดดมันแรงไป  ไม่เห็นเหรอ”

            “ก็เดี๋ยวคุณจะกลับแล้ว”

            “ฉันยังไม่กลับหรอกน่า  เราจะค้างที่นี่คืนนึงก็ได้  ฉันมีบ้านพักตากอากาศที่นี่”  พิชช์ฌานพูด  อีกฝ่ายเบิกตาโตถามเสียงดัง

            “จริงเหรอครับ  จะค้างจริงเหรอ”

            “ถ้าเธอทำตัวเป็นเด็กดี  ว่านอนสอนง่ายนะ”

            “พูดเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบ”

            “แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนขนกระป๋องทรายมาด้วยเล่า”  พิชช์ฌานพูดขำๆ  กวาดตามอง ‘อุปกรณ์’ เล่นทรายต่างๆที่เจ้าโอเมก้าขนมาด้วย

            “ผมเอามาใส่ของ  ไม่ได้จะเอามาเล่นทราย”  อาคิราห์แก้ตัว  หันไปรวบรวมของต่างๆมาแอบเอาไว้มุมหนึ่ง

            “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ จะใส่ของใส่น้ำทะเลกลับบ้านก็ยังได้”

            “นั่นมันเด็กประถมแล้วคุณ  เอาน้ำทะเลกลับบ้านน่ะ”

            “แสดงว่าเคยทำ”

            “ก็มันเด็กประถมไง  อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคย”

            “ก็เคยน่ะสิถึงได้รู้”  พิชช์ฌานพูดหน้าตายแล้วหัวเราะออกมา  “จะเล่นอะไรก็เล่นไปเถอะ  แต่อย่าออกไปไกลเกินโขดหินตรงนั้นนะ  ฉันจะงีบเสียหน่อย  ขับรถมาเหนื่อย”  พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ลงนอนเหยียดยาว  ยกมือขึ้นหนุนศีรษะทั้งสองข้าง

            อาคิราห์หันไปสนใจชายหาดกับคลื่นลมทะเลตรงหน้าแทน  ชายหนุ่มเหลือบมองคนหลับแวบหนึ่งก่อนจะแกะกระดุมถอดเสื้อฮาวายออกเหลือเอาไว้แค่กางเกงขาสั้น  คว้าแว่นกันแดดมาสวมตามด้วยหมวกใบโต  หันไปค้นหยิบครีมกันแดดขึ้นมาบีบทาตามแขนขา

            พยายามเอื้อมมือไปทาที่แผ่นหลังของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  คนที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่แต่ความจริงนอนลืมตามองผ่านแว่นกันแดดมาตลอดซ่อนยิ้ม  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งซ้อนข้างหลังแล้วเอื้อมมือไปช่วยทาครีมบริเวณหลังให้

            อาคิราห์สะดุ้ง  หันกลับมามองอย่างตกใจ  มือใหญ่ลูบไล้เนื้อครีมไปบนผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนนั้นอย่างเบามือและสุภาพอยู่ในทีจนเจ้าของแผ่นหลังไม่ได้ต่อต้านอีก  ยอมนั่งดีๆให้อีกฝ่ายชโลมครีมกันแดดให้

            “ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”  อัยย์หันไปถามเพราะรู้สึกว่าฝ่ามือนั้นนวดคลึงที่บริเวณเอวนานแล้ว

            “อยากผิวไหม้หรือไง”  เสียงห้าวดุตอบกลับมาพร้อมกับฝ่ามือที่ไล่ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง

            “ผมว่าตรงนั้นทาไปแล้ว”

            “มันต้องทาหลายๆรอบ  แค่นี้ก็ไม่รู้ยังคิดจะอาบแดดอีก”  พิชช์ฌานตอบเสียงเข้ม  “เป็นมะเร็งผิวหนังขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ  เอ้า...เสร็จแล้ว”

            “ขอบคุณครับ”

            “เดี๋ยวก่อน  ....อย่าเลยโขดหินนู้นไปนะ”

            “ทำไมล่ะครับ”

            “มันเกินเขตบ้านฉันน่ะสิ  ชายหาดของฉันสิ้นสุดแค่ตรงนั้น”

            “อ้อ”  อาคิราห์พยักหน้ารับคำแล้วก็หันไปคว้ากระป๋องพลาสติกเล็กๆขึ้นมาถือเอาไว้

            “เดี๋ยว  อย่าลงไปน้ำลึกด้วย  เดี๋ยวจมน้ำขึ้นมา”

            “ผมว่ายน้ำเป็นน่า”

            “ว่ายน้ำเป็นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จมน้ำนะ  อย่าเล่นน้ำนานด้วย  ถ้าเป็นหวัดฉันไม่พาไปโรงพยาบาลหรอก”  พิชช์ฌานพูด

            “โอย คุณบ่นเป็นคนแก่ไปได้  ผมโตแล้วนะ  ผมเดินเล่นอยู่แถวนี้ล่ะ  หรือไม่คุณก็ลงมาเล่นน้ำทะเลด้วยกันสิ”

            “ฉันไม่เล่น  เธออย่าไปไกลแล้วกัน”  อีกฝ่ายไม่วายสั่งอีกรอบ

            อาคิราห์จุ๊ปาก  หมุนตัวเดินหนีออกมาจากใต้ร่มไม้นั้น  แดดจัดจริงอย่างที่พิชช์ฌานว่าแต่ลมทะเลพัดแรงก็ทำให้อากาศกลับเย็นสบาย  ชายหนุ่มแตะปลายเท้าลงกับน้ำทะเลใสแจ๋วเพื่อวัดอุณหภูมิ  มันอุ่นพอดีเหมือนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำที่บ้าน


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-02-2019 01:27:44









            พิชช์ฌานนอนมองร่างโปร่งบางเดินกลับไปกลับมาอยู่ริมทะเลเงียบๆ  เจ้าโอเมก้าเดินลงไปในทะเล  ว่ายน้ำลอยตัวเล่น  สลับกับขึ้นมานั่งก่อกองทรายง่วนอยู่ริมหาดคนเดียว  จากนั้นก็เดินก้มหน้าก้มตาเก็บเปลือกหอยใส่กระป๋องที่หิ้วติดมืออยู่ตลอดเวลา

            “ทำไมเจ้านายไม่ลงไปเล่นน้ำกับคุณอัยย์ล่ะครับ”  เสียงมือขวาคนสนิทดังขึ้นจากไมโครโฟนขนาดเล็กที่สวมติดที่หู  พิชช์ฌานเหลือบมองไปทางด้านหนึ่งของโขดหินสูงชันที่น่าจะเป็นที่อยู่ของเจนภพตอนนี้

            “ถ้าฉันไปแล้วใครจะเฝ้าอยู่ที่หาดล่ะ”

            “พวกผมไงครับ  ดักรอบหาดขนาดนี้  ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นหรอก”  เจนภพพูด  “ขนาดมดสักตัวยังลอดเข้ามาไม่ได้เลย”

            “ฉันไม่อยากลงทะเลตอนนี้”  เจ้านายตอบเรียบๆ  “แล้วเป็นไง  มีความเคลื่อนไหวบ้างไหม”

            “ยังไม่เห็นอะไรเลยครับ”  เจนภพว่า  “หรือว่าเป้าหมายของมันจะไม่ใช่คุณอัยย์อย่างที่เข้าใจ”

            “รอดูไปก่อน  ยังบอกอะไรไม่ได้หรอก”

            “ตกลงคุณจะค้างที่บ้านพักหรอครับ”

            “น่าจะค้างนะ”  พิชช์ฌานตอบ  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่นั่งกอดเข่าขุดทรายอยู่ริมทะเลเงียบๆ  “ฉันขี้เกียจขับรถกลับคืนนี้”

            “ผมขับให้ก็ได้นะครับ”

            “บอกว่าค้างก็ค้างเถอะน่ะ” เจ้านายจุ๊ปาก  “หาดข้างๆกันนี่คนเยอะไหมเจนภพ”

            “ก็เยอะอยู่ครับ  มีทัวร์ต่างชาติมาลงเมื่อกี้  กำลังวุ่นวายเลย  คุณฌานจะพาคุณอัยย์ไปหรอครับ”  คนสนิทพูดขึ้นราวกับรู้ใจ  “ผมเกรงว่าเราจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง  แล้วคุณอัยย์จะเป็นอันตรายนะครับ”

            “เขาบ่นเหงา”  พิชช์ฌานหลุดปากออกไป  คำว่า ‘เหงา’ เป็นคำแรกที่เขานึกออกหลังจากที่นั่งมองเด็กคนนั้นอยู่นาน

            “คุณก็ลงไปเล่นน้ำเป็นเพื่อนคุณอัยย์สิครับ  ไม่ต้องห่วง  พวกผมจะระวังให้อย่างดีเอง”  เจนภพยืนยัน

            “ฉันไม่ไว้ใจสถานการณ์”  พิชช์ฌานตอบพลางถอนหายใจระบายความเครียดจัดที่เก็บซ่อนมาทั้งวัน

            “ถ้าคุณกลัวคุณอัยย์เป็นอันตรายขนาดนี้แล้วจะพาออกมาทำไมล่ะครับ  ...อย่าบอกว่าเป็นเพราะจะรอดูพวกกลุ่มอนุรักษ์ฯนะ  ผมรู้ว่าคุณฌานมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะที่จะหาเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมัน  แต่ว่าคุณก็เลือกพาคุณอัยย์ออกมา”

            “เพราะป้านิ่มนั่นแหละ  บังคับให้ฉันต้องพาเขาออกมาเที่ยว”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน  ทำเป็นลืมๆภาพร่างโปร่งบางนั่งเท้าคางจ๋อยอยู่ในห้องสมุดไปเสีย

            “ไม่มีใครบังคับคุณได้หรอกครับคุณฌาน  นอกจาก...”

            “อย่ามาทำเป็นรู้ดี”  พิชช์ฌานพูดขัด  “ไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ  ฉันจะพาอัยย์ไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วพาไปดินเนอร์ต่อ  เคลียร์ร้านให้ด้วย  ตอนเที่ยงยังมีคนขายของเดินเข้ามาได้อยู่เลย”

            “ผมพลาดเอง ขอโทษด้วยครับ”  เจนภพพูด  “ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอนครับ”

            “ดีมาก”

            พิชช์ฌานลุกขึ้นเดินไปหาคนที่นั่งมองพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่เงียบๆนั้น   เขาทิ้งตัวลงนั่งยองๆข้างๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืนแทน

            “ฉันปวดเข่า”  คำตอบของคนแก่กว่าทำให้คนฟังหัวเราะ

            “ผมเข้าใจ  มันเสื่อมตามวัยน่ะคุณ”

            พิชช์ฌานยื่นมือมาหา  อาคิราห์ชั่งใจแวบเดียวก็ยอมวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่นั้น  อีกฝ่ายกระชับมือของเขาเอาไว้แน่นครู่หนึ่งก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นยืน   

            ลมทะเลพัดมาวูบ  คนตัวเปียกยกมือขึ้นกอดอกเพราะเริ่มหนาว  พิชช์ฌานยกแขนขึ้นโอบรอบตัวแล้วดึงเข้ามาชิดอก  อัยย์ไม่ได้ขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น  บางทีอาจเป็นเพราะภาพดวงอาทิตย์สีส้มกำลังจะลับขอบฟ้าให้เห็นตรงหน้าก็เป็นได้

            มันสวยจนแทบหยุดหายใจ  เสียงหัวใจเต้นตึกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอใต้แผ่นอกกว้างดังเข้าหู  อาคิราห์นิ่งฟังเสียงนั้นตอนที่แสงสีส้มจัดหายลับไปจากท้องฟ้า  กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเหมือนกำมะหยี่  เขากับพิชช์ฌานไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว

            เสียงสูดน้ำมูกฟึดฟัดของคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาทำให้พิชช์ฌานก้มลงมอง  อัยย์จามออกมาเสียงดังพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำมูกใสๆออกลวกๆ

            “บอกแล้วอย่าเล่นน้ำนาน  ไม่เชื่อ”  ผู้ใหญ่ได้ทีรีบพูดสำทับ  “เป็นหวัดแล้วล่ะซิ”

            “แค่จามเฉยๆ  จะเรียกเป็นหวัดได้ไง”  อาคิราห์ว่า  สูดน้ำมูกอีกฟึดใหญ่

            “แล้วที่ตัวสั่นนี่อะไร  จะจับไข้แล้วมั้งเธอน่ะ”  พิชช์ฌานยกหลังมือขึ้นมาแนบที่หน้าผากเนียน  “ตัวรุมๆแล้ว”

            “คุณมือเย็นต่างหาก  ผมไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”  อาคิราห์เถียง  ดันตัวออกจากวงแขนล่ำสัน  “ผมอยากอาบน้ำ”

            “ไปอาบที่บ้านฉัน”

            พิชช์ฌานคว้ามือของเขามากุมเอาไว้แล้วพาเดินกลับขึ้นไปบนชายหาด  ตอนแรกอัยย์ก็อยากดึงมือกลับอยู่หรอกแต่ว่าอาการปวดหัวตุบๆเริ่มจะรังควาน  ทำให้เขาเปลี่ยนใจยอมเดินตามอีกฝ่ายไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านพักตากอากาศที่อีกฝ่ายชี้ให้ดูเมื่อตอนบ่าย

            ข้างในบ้านจัดเอาไว้อย่างเรียบง่ายกว่าที่คิด  อาคิราห์ผลุบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ  จัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จถึงได้กลับออกมา   ชักรู้สึกว่าจะจับไข้จริงๆตามที่อีกฝ่ายบอกเสียแล้ว  เจ้าโอเมก้าแอบเปิดกระเป๋าหยิบยาแก้ปวดลดไข้ขึ้นมากิน

            “พร้อมหรือยัง  ฉันจะพาไปกินข้าวเย็นต่อ”

            “ตอนแรกคุณว่ามีโปรแกรมสวนสนุกด้วยไม่ใช่หรือไง”

            “อยากไปจริงๆหรือ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว

            “อยาก”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ  “แต่ตอนนี้คงปิดไปหมดแล้วล่ะ”

            “เธอมากับใคร...ฉันคือพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์นะ”  นักการเมืองหนุ่มยืดตัวขึ้นเล็กน้อย  “เรื่องนี้เล็กน้อยมาก  ฉันจะซื้อสวนสนุกวันนี้เลยก็ยังได้”

            “เอาเลย  แล้วผมจะส่งจดหมายไปให้เขาตรวจสอบทรัพย์สินของคุณเสียหน่อย”  อาคิราห์ว่า  “รู้สึกจะรวยผิดปกติ”

            “ถ้าจะตรวจสอบล่ะก็  พ่อเธอน่ะควรโดนคนแรกเลย”

            “พ่อผมทำงานซื่อสัตย์สุจริต  ไม่มีกินนอกกินในหรอก”  อาคิราห์เชิดหน้าขึ้น  “ไม่งั้นจะได้เป็นนายกฯต่อกันสองสมัยได้ยังไง  พ่อผมเป็นนักการเมืองมือสะอาดที่สุดในวงการแล้วมั้ง”

            คนฟังขยับจะพูดสวนแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

            “แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน  ถ้างั้นฉันจะพาเธอไปกินข้าวในสวนสนุกดีไหม”

            “ไม่เอา  ผมอยากกินอาหารในร้านดีๆ  แล้วค่อยไปเล่นในสวนสนุก”

            “ตามนั้น”

            คนที่หมายมั่นปั้นมือจะมาจัดการอาหารมื้อใหญ่ตอนเย็นกลับกินอะไรไม่ค่อยลงจนคนพามาชักสงสัย  พิชช์ฌานหรี่ตาลงมองคนนั่งตรงข้ามตักอาหารเข้าปากเคี้ยวกลืนช้าๆเหมือนเคี้ยวเอื้องแล้วก็ยิ่งแปลกใจ  ปกติซัดเอาๆเหมือนพายุ  ทำไมวันนี้ถึงได้กินเหมือนดม

เป็นเพราะอาคิราห์เริ่มเจ็บคอแถมขมลิ้นขมปากเลยกินอะไรก็ไม่อร่อย  เจ้าโอเมก้านั่งกระพริบตาปริบๆ มองอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้าด้วยความเซ็ง  กินเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มท้องอืดๆ กินไม่ลง  ได้แต่นั่งมองนายพิษฌานหั่นเนื้อล็อบสเตอร์เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ามื้อเย็นจะมาร้านดีขนาดนี้  มื้อเที่ยงเขาจะได้ยั้งๆไว้บ้าง...

“ไม่อร่อยเหรอ”

“ผมอิ่มแล้ว”

            “ฝนตกหนักแน่ๆวันนี้”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “มีวันที่เธออิ่มก่อนฉันด้วยเหรอ”

            คนฟังย่นหน้า

            “เห็นผมเป็นคนยังไง  ผมไม่ได้ตะกละขนาดนั้นเสียหน่อย”

            “แต่มากกว่านั้นใช่ไหมล่ะ”  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  “เล่นมื้อเที่ยงไปซะเยอะมันก็จุกล่ะซิ”  อีกฝ่ายหน้างอ  พิชช์ฌานแกล้งกินยั่วน้ำลายเด็กต่ออีกหลายจานจนตัวเขาเองก็ชักอิ่มเกินไปถึงได้หยุด   

            ช่วยกันจัดการของหวานตบท้ายเสร็จแล้ว  พิชช์ฌานก็พาอาคิราห์เดินกลับออกมาจากร้านอาหารชื่อดัง  เงาของใครคนหนึ่งยืนรออยู่ที่รถของชายหนุ่ม  พิชช์ฌานชะงักยกแขนขึ้นกันคนที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังมา

            “ผมเองครับ  เจนภพ”

            “มีอะไร  ทำไมมาเงียบๆ”

            อาคิราห์ยืนมองดูทั้งสองคนซุบซิบกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่พิชช์ฌานจะหันมาหาเขาแล้วพูดเรียบๆ

            “เราคงต้องกลับบ้านกันก่อนแล้วล่ะ  สวนสนุกของเธอขอเลื่อนไปก่อนแล้วกัน”

            “ทำไมล่ะครับ”  อัยย์ถามทันที

            “มีคนเขาจองไปแล้วคืนนี้  ไว้เราค่อยไปเล่นวันหลังแล้วกันนะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ  มองหน้าเขาอย่างกังวล  “กลับบ้านก่อน  อย่าเพิ่งงอแงนะอัยย์”

            “โธ่  ผมไม่ใช่เด็กๆนะคุณที่พอไม่ได้ดั่งใจแล้วจะได้ร้องไห้งอแงน่ะ”  อาคิราห์พูดพลางย่นจมูกใส่  “ผมเข้าใจเหตุผลอยู่แล้ว  กลับบ้านกันเถอะ”

            พิชช์ฌานถอนหายใจโล่งอก  นึกว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาที่อดไปเสียอีก  น่าแปลกที่อาคิราห์กลับว่าง่ายขึ้นมาเกินคาด  เขาพาอาคิราห์เดินไปขึ้นรถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่อีกด้าน

            “ทำไมถึงขึ้นคันนี้  ...อ้าว”  อาคิราห์ยังถามไม่จบ  เงาของคนอีกเกือบสิบคนก็ปรากฏรอบตัว  ความกลัวเข้าครอบงำทันที  เขาหันขวับไปหาพิชช์ฌานที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “คนของฉันเอง  เรามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนรถนิดหน่อย คันเดิมน้ำมันหมดน่ะ”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาย  ไม่อยากบอกว่าเพราะคันนู้นกันกระสุนรอบคันร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เหมือนคันนี้  “ไปกันเถอะ”

            อาคิราห์เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  เขาขึ้นไปนั่งข้างหลังรถยนต์คันใหญ่สีดำปรอดทั้งคัน  นายพิษฌานก้าวตามขึ้นมานั่งด้วยข้างๆ  ส่วนเจนภพก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับที่เป็นผู้ชายอีกคนที่อัยย์ไม่รู้จัก

            ภายในรถเงียบกริบ  อาคิราห์ทิ้งศีรษะลงกับพนักพิงอย่างหมดแรงฝืน  ปวดหัวเหมือนจะระเบิด  สองตาร้อนผ่าวเหมือนมีไอร้อนระเหยออกมาได้  ภาพรถเคลื่อนไหวข้างนอกทำให้รู้สึกคลื่นไส้

            “คืนนี้คงต้องกลับไปที่บ้านเราก่อน  ไม่ได้ค้างที่นี่แล้ว  เธอคงไม่โกรธฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเรียบๆ  เข้าใจว่าที่อีกฝ่ายเงียบเป็นเพราะโกรธเขาอยู่ที่พากลับก่อน  “มันมีเรื่องจำเป็นจริงๆ  หวังว่าเธอคงเข้าใจ  เหตุผลฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน”

            “.......”  เงียบกริบ  ร่างโปร่งบางนั่งห่อตัวเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆผ่านแสงไฟนอกรถที่ส่องเข้ามารางๆ

            “เอาไว้ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง  เธอ...อย่าเพิ่งโกรธฉันเลยนะ”  มีแววร้อนใจนิดๆแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นแทบสังเกตไม่ได้  “ตอบกันบ้างสิ”

            “อือ”  อัยย์ตอบออกมาคำเดียวเพราะกำลังกลั้นอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนสุดพลัง

            “อือนี่แปลว่าอะไร  โกรธหรือไม่โกรธ”  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปแตะที่แขนของอีกฝ่าย  ความร้อนที่สัมผัสได้ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  “เอ๊ะ  ทำไมตัวร้อนนัก”

            “ผม..อ้วก”  พูดได้แค่นั้น  อาคิราห์ก็ยกมือขึ้นปิดปากแต่ก็กลั้นคลื่นอาเจียนที่พุ่งขึ้นมาจากคอหอยไม่ได้  เศษอาหารปนกับน้ำย่อยพุ่งใส่เสื้อของพิชช์ฌานเต็มๆ  ชายหนุ่มดึงตัวหนีอย่างตกใจ

            “เห้ย  อัยย์....ไม่สบายหรือเนี่ย”

            อาคิราห์ไม่ตอบแต่อาเจียนออกมาอีกระลอกใหญ่  กลิ่นเหม็นๆชวนคลื่นเหียนทำให้พิชช์ฌานปวดหัวขึ้นมาบ้าง

            “เปิดกระจกไหมครับท่าน”

            “ยังไม่ได้  เดี๋ยวโดนยิงเข้ามาทำไง” พิชช์ฌานตวาด  แม้จะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายเพราะกลิ่นอ้วกของอีกฝ่ายก่อนก็เป็นได้  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปแตะๆลูบๆที่หลังของคนที่กำลังอ้วกออกมาอีกอย่างหมดไส้หมดพุงเบาๆ  “บอกแล้วอย่ายัดเข้าไปเยอะ  เป็นไงล่ะ  เสียของจริงๆ  ยังไม่ย่อยเลยเนี่ย  เบาะรถฉันพังหมดแล้ว”

            “ผม..ขอโทษ”  อัยย์เงยหน้าขึ้นพูดหอบๆ  รับทิชชูไปเช็ดใบหน้าและคราบอาเจียนของตัวเอง

            “ไม่ต้องพูด  เดี๋ยวอ้วกออกมาอีก  ฉันจะตายแล้วนะ”  พิชช์ฌานรีบห้าม  ใช้ทิชชูเช็ดอาเจียนทิ้งใส่ถุงขยะเท่าที่จะทำได้  อาคิราห์รู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ  พยายามจะช่วยเช็ดแต่ก็ชักเวียนหัวคลื่นไส้ทำท่าจะโก่งคอขึ้นมาอีก  สุดท้ายพิชช์ฌานเลยรีบบอกให้นั่งหลับตานิ่งๆไปซะ

            “ผมจอดปั้มข้างหน้าดีไหมครับท่าน”  คนขับถาม  “คุณนายจะได้ลงไปล้างตัวด้วย”

            “ดีเหมือนกัน  บอกคนของเราให้เข้าไปเคลียร์สถานที่ด้วย”               

            เจนภพประสานงานเสร็จก็ให้เลี้ยวเข้าไปจอดภายในปั้มแห่งหนึ่ง  พิชช์ฌานหิ้วปีกพาคนป่วยลงมาจากรถตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา  พอเข้าไปในห้องน้ำได้อาคิราห์ก็พุ่งเข้าไปหาโถส้วมแล้วอาเจียนออกมาอีกรอบ  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกใหญ่   วักน้ำมาล้างเสื้อตัวเองแล้วก็ล้างหน้าอีกฝ่ายไปด้วย 

            “ดีขึ้นไหม  ดีหรือยัง”  ช่วยเช็ดน้ำมูกน้ำลายให้จนเกลี้ยง  ใบหน้าเรียวหวานเหยเก  ริมฝีปากเบะออกเหมือนคนจะร้องไห้ดูน่าขันและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน  เขาอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ถ้าไม่ติดว่ากำลังเคร่งเครียดอยู่ล่ะก็  พิชช์ฌานบีบจมูกโด่งรั้นแรงๆ  “บอกแล้วอย่ากินเยอะ  ไม่ยอมฟัง”

“อือ”  อีกคนได้แต่ร้องอย่างหมดฤทธิ์หมดเดช

“หมดแรงแล้วสิ”   จู่ๆอาคิราห์ก็งอตัวลง

            “ผมปวดท้อง..”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นบอกเขาแล้วก็ดันตัวผุดลุกขึ้นยืนปลดกางเกงออกมือไม้สั่น  “คุณออกไปก่อน”

            ร่างสูงใหญ่ถูกผลักออกมารอข้างนอก  ได้ยินโอดโอยสลับกับเสียงลมปู้ดป้าดอยู่พักหนึ่งกว่าจะเจ้าโอเมก้าจะเดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำ

            “เป็นไงบ้าง  ไหวไหม  ดื่มน้ำเกลือแร่ก่อน”  นายพิษฌานส่งน้ำเกลือแร่ขวดใหญ่มาให้  พออาคิราห์รับมาดื่มปุ้บก็พุ่งเข้าไปอาเจียนอีกทันที   “ฉันว่าน่าจะอาหารเป็นพิษแล้วล่ะ  ต้องไปโรงพยาบาล”

            “แต่ว่าถ้าคุณอัยย์ไปโรงพยาบาลล่ะก็  น่าจะเกิดอันตรายได้ครับ”  เจนภพเสนอความเห็น  “พวกมันน่าจะกำลังรอจังหวะอยู่  อาจจะมีสายข่าวด้วยถึงได้ไปดักรอที่สวนสนุกได้”

            “ใครไปดักรอที่สวนสนุกหรอ”  อัยย์เกาะประตูห้องน้ำถามหอบๆ  พิชช์ฌานส่ายหน้า

            “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะแล้วค่อยมาถามเรื่องคนอื่น  ...งั้นตามหมอฉัตรินมาที่บ้านแล้วกัน”  ชายหนุ่มตัดสินใจ  เข้าไปพยุงคนตัวเล็กกว่าให้เดินกลับไปที่รถ  “อย่าเพิ่งอ้วกใส่ฉันนะ”  เขารีบบอก   ก้มดูคราบเศษอาหารที่เปื้อนเละเทะบนเสื้อผ้าของตัวเอง  แต่นั่นยังไม่เท่ากับรอยคราบด่างดวงบนเบาะหนังอย่างดีในรถสุดรักสุดหวง  กลิ่นเหม็นเหียนลอยฟุ้งเต็มรถแม้ว่าพิชช์ฌานจะพยายามฉีดน้ำหอมกลบแล้วก็ตาม           

            “อย่าไปมองมัน  ทำเป็นไม่เห็น  ไม่เป็นไร  คิดเสียว่าไม่ใช่รถเรา”  ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองไปตลอดทางจนถึงบ้าน   ยกมือขึ้นซับเหงื่อให้คนที่นั่งพิงอกเขาอยู่  อาคิราห์ตัวร้อนจี๋เหมือนไฟแถมยังนั่งสั่นเป็นลูกนกอีก

            “ใกล้ถึงบ้านแล้ว”

            “ฮือ”  อาคิราห์หนาวจนฟันกระทบกัน   ห่อตัวซุกในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเขาเอาไว้แน่น  กลิ่นของพิษฌานช่วยให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้นบ้างเล็กน้อย  ปากขมไปหมดเพราะอาเจียนจนเหลือแต่น้ำดีขมๆ  ท้องไส้ก็ยังปั่นป่วนไม่หยุดเหมือนมีพายุไต้ฝุ่นอยู่ในท้อง  เห็นทีคราวนี้คงจะเข็ดอาหารทะเลไปอีกนาน

          ไม่น่าตะกละเลยอัยย์

            .......................................................................................

            มาอัพตอนใหม่ค่า

            วันนี้มาดึกเนอะ

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            ล้างมือรักษาความสะอาด  กินร้อนช้อนกลางกันด้วยนะคะ อิอิ

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 27-02-2019 03:09:52
โถวววว ของอร่อยเป็นพิษ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 27-02-2019 03:30:10
ภเจ้าบู้บี้ ห้ามดื้ออีกนะคราวหลัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-02-2019 03:35:33
 :katai1: หนูอัยย์  :katai1: เป็นไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-02-2019 06:07:04
โธ่ ของอร่อยทำพิษซะงั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-02-2019 07:42:44
โธ่ น้องอัยย์ อุตส่าห์ได้ไปเที่ยว


ดันป่วยซะได้


น่ามสานมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-02-2019 08:57:10
อัยย์อย่ากินเยอะสิ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 27-02-2019 11:18:25
น้องอัยย์เหมือนเด็กสามขวบจริงๆนะลูกกก
เถียงเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่น่ารักมากก
อ่านแล้วอารมณ์ดีทันที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-02-2019 12:14:13
อาหารเป็นพิษเลยลูกกก โถ่ สงสาร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 27-02-2019 12:21:07
รอนะคะ..  :katai2-1:
รีบมาน้าาาา..   :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 27-02-2019 21:15:56
น้องงง น่าร้ากกก  :impress2: :impress2:

เด็กน้อยอัยย์ ป่วยซะแล้วว

รอๆ มาต่อเร็วๆนะค้าา  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-02-2019 21:44:46
คุณแม่ว่า ลูกอันย์แพ้ท้องแน่ๆ ไม่ใช่แพ้อาหาร คุณแม่รู้ คุณแม่เป็นโอเมก้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-02-2019 22:09:09
เอ็นดู เอาอุปกรณ์ก่อทรายไปด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-02-2019 22:22:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-02-2019 22:45:31
ลุงแก่กับเด็กบู้บี้จริงๆ คู่นี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-02-2019 23:08:12
โธ่ น้องอัยย์อุตส่าห์ได้ไปเที่ยวก็ยังป่วยอาหารเป็นพิษอีก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-02-2019 02:53:26
 บู้บี้น่าสงสารอีกแล้ว  หายป่วยไวๆนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 28-02-2019 08:05:40
อัยย์ตัวแสบบบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่14 27/2/62 p7
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 28-02-2019 16:09:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 01-03-2019 00:32:48
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 15



 

 

 

 

 

 

 

            “เป็นยังไงบ้างครับพี่  อาหารเป็นพิษใช่มั้ย”  พิชช์ฌานขยับเข้าไปถามหมอทันทีที่นายแพทย์ฉัตรินตรวจคนไข้เสร็จ  คนบนเตียงนอนหน้าซีดหน้าเซียวยกมือขึ้นกุมท้องเอาไว้แน่น

            “น่าจะใช่  ทั้งอ้วกทั้งถ่ายขนาดนี้  แถมมาไข้ขึ้นอีก  เดี๋ยวฉันจะให้ยาฆ่าเชื้อกับน้ำเกลือก่อนนะ”  ฉัตรินตอบเรียบๆ  “ขอมือหน่อยนะครับคุณอัยย์  ผมจะแทงน้ำเกลือให้”

            อัยย์หน้าจ๋อยเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ปลายเตียงแวบหนึ่ง

            “ไม่เจ็บหรอก  เข็มเล็กนิดเดียว”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ  “ไม่งั้นก็ไม่หายนะ”

            “ให้นายฌานจับมือไว้อีกข้างไว้ก็ได้เอ้า”  หมอพูดเนิบๆ

            พิชช์ฌานขยับเข้ามานั่งบนเตียงข้างตัว  กุมมืออีกข้างของอาคิราห์เอาไว้  เจ้าของมือไม่ได้ดึงมือออกแต่กลับบีบตอบแน่น  ใบหน้าเรียวหวานหันหนีไปซุกใต้ผ้าห่มจะได้ไม่ต้องเห็นปลายเข็มที่แทงเข้าไปที่หลังมือ

            “ใกล้เสร็จแล้ว  อย่าดึงมือออกนะครับเดี๋ยวเลือดออก”  คุณหมอพูดเสียงนุ่มเหมือนปลอบเด็ก  จัดการต่อสายน้ำเกลือและยาให้เรียบร้อยแล้วก็ลุกถอยออกมาจากห้อง

            ปอยผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงโผล่พ้นผ้าห่มออกมาตามด้วยดวงตากลมโตเหล่มองหลังมือของตัวเองที่มีสายน้ำเกลือต่ออยู่

            “เสร็จแล้ว  นอนให้น้ำเกลือนิ่งๆ  อย่าดึงเข็มออกเองล่ะ”  เจ้าของห้องที่ยังนั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้น

            “ผมไม่ดึงหรอกน่า  ปล่อยมือผมได้แล้ว”  อาคิราห์ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุม  นายพิษฌานไม่ได้ว่าอะไรอีก  ขยับลุกขึ้นจากเตียง

            “ฉันจะออกไปส่งคุณหมอ  เธอนอนพักไปก่อนนะ”

            “รีบกลับมานะ”   เสียงงึมงำเบาๆแทบไม่ได้ยินดังมาจากคนที่นอนหน้ายู่บนเตียง

            “ว่าไงนะ”  คิ้วเข้มเลิกสูง  รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาคม  “คิดถึงฉันหรือไง”

            “เปล่า  ผมปวดท้อง  จะได้มาพาเข้าห้องน้ำ”  อาคิราห์ตอบแบบไม่มองหน้า

            “อะไรกัน  เห็นฉันมีค่าแค่คนพาเข้าส้วมเองหรอ”  พิชช์ฌานพูดพลางโคลงศีรษะ  ก้าวยาวๆออกไปจากห้องนอนของตัวเอง  คุณหมอฉัตรินเพื่อนรุ่นพี่ของเขายืนรออยู่ก่อนแล้วข้างนอกห้อง

            “ผมรู้ว่าพี่จะพูดอะไร  แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้  ผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยตอนที่กัดเค้า”

            “ฉันแค่แปลกใจ  นึกว่าคืนนั้นนายจะแค่ช่วยเค้าปลดปล่อยจากฮีทเฉยๆเท่านั้น”  ฉัตรินตอบเนิบๆ  มองหน้ารุ่นน้องอย่างพินิจพิจารณา  “แล้วพ่อแม่นายไม่ว่าเหรอ  คำทำนายอะไรนั่น”  เขาสนิทกับครอบครัวของอีกฝ่ายมากพอที่จะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่พอสมควร

            “แม่โกรธ  แต่พ่อน่าจะยังไม่รู้”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “พี่อย่าเพิ่งบอกใครนะ”

            “ฉันจะบอกทำไม  พวกนายแต่งงานกันจะจับคู่สร้างพันธะกันก็ไม่แปลก  เพียงแต่ฉันแค่แปลกใจว่าคนอย่างนายพิชช์ฌานเนี่ยนะยอมสร้างสัมพันธ์กับโอเมก้า  นี่ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ”  นายแพทย์พูด  “แต่คุณอัยย์ก็น่ารักจริงๆ”

            “น่าปวดหัวมากกว่า  พี่ไม่รู้อะไร  ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ขโมยหมอนผ้าห่มของผมไปซุกในตู้  เล่นเอาหัวหมุนไปเลย ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำอะไรบ๊องๆนัก  ผมล่ะเบื่อจริงๆวุ่นวาย”  คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตรงข้ามกับคำว่าเบื่อโดยสิ้นเชิง

            “จริงเหรอ”  ฉัตรินหัวเราะ  “น่ารักดีออกนะ  เขาทำไปทำไมล่ะ  แกล้งนายงั้นเหรอ”

            “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่เขาบอกว่าติดกลิ่นผมน่ะ  ไม่ได้กลิ่นแล้วนอนไม่หลับ”  พิชช์ฌานยืดตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก  รู้แต่ว่าเขากำลังยิ้มกว้างอยู่แน่ๆ  “ผมก็รำคาญ  ชอบเอาหมอนผมไปกอด  เสื้อผ้าผมก็เอามาม้วนกองเอาไว้เลอะเทอะเต็มเตียงไปหมด  ตอนที่พี่มานี่ผมให้เคลียร์ไปครึ่งแล้วนะ  ไม่งั้นไม่มีที่นอน”

            “ขนาดนั้นเชียว  เป็นเอาหนักแฮะ”

“ใช่มั้ยครับ”

“หมายถึงนายนั่นแหละ”

“หืม?  อ๋อใช่...ผมรำคาญจะตายถึงได้บ่นให้ฟัง”  พิชช์ฌานกระแอม คุณหมอหัวเราะเบาๆ

“สงสัยจะมีลุ้นแล้วมั้ง”

            “ลุ้นอะไรครับ”

            “ก็ลุ้นลูกไง  ลงสร้างรังขนาดนี้แล้วล่ะก็”

            “สร้างรัง?”  พิชช์ฌานเลิกคิ้วแล้วก็ตามทันอย่างรวดเร็ว  “พี่หมายถึงกองผ้าห่มของบู้บี้น่ะเหรอครับ”  เขาหลุดชื่อเรียกของอีกคนออกมาเพราะความตกใจ

            “ใช่”  คนฟังยิ้มขำ  “บู้บี้...ชื่อตลกดี  ทำไมไปเรียกเขาอย่างนั้นล่ะ”

            “เรียกตามหน้าตาน่ะครับ  บู้บี้น่าเกลียดออก”

            “ถ้าอย่างนั้นเรียกน่าเกลียด  ก็คงไม่มีใครน่ารักอีกแล้วในประเทศนี้”  ฉัตรินหัวเราะหึๆ  “เตรียมตัวเป็นพ่อคนได้แล้วมั้ง”

            “อัยย์ท้องเหรอครับ” คนฟังตาเหลือก

            “จะไปรู้เหรอ  ยังไม่ได้ตรวจฉี่เลย  แค่สงสัยเฉยๆเห็นสร้างรัง  แต่ปกติโอเมก้าก็สร้างรังได้จากหลายสาเหตุอยู่แล้ว  แค่ไม่สบายใจนิดหน่อยก็สร้างรังแล้วไม่จำเป็นต้องท้องเสมอไป  เพียงแต่ว่าถ้าท้องก็จะต้องสร้างรังแน่ๆ”

            “เค้าจะท้องได้ยังไงครับในเมื่อกินยาคุมไปแล้ว”  คนพูดเริ่มร้อนใจขึ้นมาเพราะโดนหมอทัก

            “ไม่ได้ป้องกันสินะ”

            พิชช์ฌานหน้าซีดลงเล็กน้อย 

            “ฮีทครั้งแรกจะไม่ท้องไม่ใช่เหรอครับ”

            “เค้าฮีทครั้งแรกหรือเปล่าล่ะ”  คนเป็นหมอเลิกคิ้ว  “ไม่มีอะไรตายตัวในทางการแพทย์อยู่แล้ว”

            คนฟังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด  ...ไม่ใช่  อาคิราห์เคยฮีทมาก่อนแล้ว  แต่บ้าน่า...ไม่น่าใช่

            “หมอช่วยตรวจได้ไหมครับว่าเค้าท้องหรือเปล่า”  นักการเมืองหนุ่มพูด  “แต่วันนั้นผมคิดว่าไม่น่าท้อง”

            “มีการ Knotting มั้ย”  หมอถามตรงจนคนฟังหน้าแดง  แต่ชายหนุ่มก็รับโดยไม่ปิดบัง

            “มีครับ”

          “งั้นก็มีโอกาสที่จะท้องอยู่แล้ว”  หมอพูดเนิบๆ  “ลองนับอายุครรภ์ดู  อยากตรวจก็ได้  แต่วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมที่ตรวจครรภ์มาด้วยหรอกนะ”

            “ถ้าอย่างนั้น...ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อมาให้  รอสักครู่นะครับ”  พิชช์ฌานยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหามือขวาคนสนิท  เจนภพประหลาดใจไม่น้อยที่จู่ๆเจ้านายก็ให้วิ่งไปหาซื้อชุดตรวจครรภ์มาให้

            “คุณอัยย์ท้องเหรอครับ”

            “ฉันก็ยังไม่รู้”  เจ้านายตอบด้วยเสียงเครียดจัด  รับชุดตรวจครรภ์เดินดุ่มๆหายเข้าไปในห้องนอน  นายแพทย์หนุ่มโคลงศีรษะ  เดินตามหลังเข้าไปในห้องนอนด้วย  เขาพบว่าพิชช์ฌานกำลังยืนหน้านิ่งอยู่ปลายเตียง  จ้องคนป่วยที่หลับสนิทไปแล้ว

            “หลับไปแล้ว”  พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องนอน  ฉัตรินตามออกมาด้วยงงๆ

            “ก็ปลุกขึ้นมาสิ”  คุณหมอแนะยิ้มๆ  “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน  เผื่อยังไงจะได้ให้ไปฝากครรภ์เสียเลย  ท้องอ่อนๆต้องระวัง  รีบกินวิตามินบำรุงเสียเนิ่นๆ”

            “ให้นอนพักไปก่อน  เพลียมากเดี๋ยวงอแงคุยกันไม่รู้เรื่อง”  พิชช์ฌานว่า  “แล้วถ้าสมมตว่าเค้าท้องขึ้นมาจริงๆ  ที่เค้าป่วยคราวนี้จะมีผลอะไรไหมครับ”

            “นายหมายถึงแบบแท้งหรืออะไรแบบนี้ใช่ไหม  ตอบไม่ได้หรอกต้องรอดูไปก่อน  แต่ได้ยาฆ่าเชื้อไปแล้วน่าจะดีขึ้นนะ”  คนฟังมีสีหน้ากังวล  “นี่ถ้ากังวลมากก็เข้าไปปลุกขึ้นมาตรวจให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสิ  เผื่อฉันจะได้นัดไปอัลตราซาวน์ด้วยเลย”

            “พี่กลับไปก่อนก็ได้ครับ  ไว้ได้ผลยังไงผมจะบอกไปอีกที”  จู่ๆ พิชช์ฌานก็ไล่หมอกลับดื้อๆ

            ฉัตรินจุ๊ปากไม่พอใจเล็กน้อย  แต่ก็ยอมกลับไปก่อนโดยดี  ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินกลับไปกลับมาข้างหน้าห้องนอนอย่างเคร่งเครียดคนเดียว

            ถ้าหมอไม่ทักขึ้นเขาก็คงจะไม่เอะใจแน่ๆ  นี่ก็ผ่านมาเกินครึ่งเดือนแล้ว  ถ้าท้องก็คงจะตรวจเจอ  แต่ว่า...คำทำนายทายทักที่เคยได้คนในตระกูลเตือนมาจากรุ่นสู่รุ่นว่าห้ามข้องเกี่ยวกับโอเมก้าเพราะจะนำความหายนะมาให้นั้นทำให้ชายหนุ่มกังวลในส่วนลึก

            ไหนจะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาที่ยังไม่คืนดีกันอีก  ถ้าแม่รู้ว่ากำลังจะได้หลานจากโอเมก้า... คงอกแตกตายแน่   สายเลือดของโอเมก้าคู่ควรกับอัศวลักษณ์แล้วเหรอ

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเอง

            ใจเย็นๆก่อน  เขาไม่ควรตื่นตูมไปเอง  บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้  ก็แค่อาคิราห์ไม่สบายที่ต้องจากบ้านมาก็เลยทำรัง  ก็แค่นั้น....

            ชายหนุ่มกลับเข้าไปในห้องนอน  จัดการธุระส่วนตัวด้วยความเงียบกว่าปกติเพราะกลัวคนหลับจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน  พิชช์ฌานเปลี่ยนชุดนอนแล้วก็สอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับอาคิราห์  เขาดึงเจ้าโอเมก้าเข้าหาตัวเหมือนทุกคืน 

            อาคิราห์ขยับตัวยุกยิกแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของเขา  นักการเมืองหนุ่มลอบถอนหายใจยาวแอบยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบใต้เสื้อนอนของคนหลับเบาๆ  มันนุ่มนิ่มเหมือนเดิมไม่มีทีท่าว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรข้างในนั้น

            บางทีเขาคงจะคิดมากไป

            ไม่น่าใช่....ขอให้ไม่ใช่ด้วยเถอะ

            พิชช์ฌานนอนหลับสนิทไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ  เขามาสะดุ้งตื่นเพราะถูกใครบางคนเขย่าตัวปลุกอย่างแรง  ชายหนุ่มลืมตาขึ้น  เห็นคนป่วยลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่น

            “เป็นอะไรไป”  เขาถาม

            “พาผมไปห้องน้ำหน่อย...ข้าศึกบุกแล้ว”  อัยย์พูดเร็วปรื๋อ  คว้าแขนเขาเอาไว้แน่น

“ทำไมล่ะ  ก็ไปสิ”

“ผมหยิบขวดน้ำเกลือไม่ถึง”

พิชช์ฌานแกล้งถอนหายใจแรงๆแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินมาจับขวดน้ำเกลือที่แขวนกับราวผ้าม่านมาถือไว้ให้ 

            เจ้าโอเมก้าเดินตรงดิ่งไปหาห้องน้ำ

            “คุณรอข้างนอก”  อาคิราห์หันมาเบรกผู้ชายที่จะเดินตามเข้ามาในห้องน้ำด้วย  นายพิษฌานเลิกคิ้ว

            “อ้าว  แล้วจะแขวนน้ำเกลือยังไง”

            “เดี๋ยวผมถือเอาไว้”

            “ถือต่ำๆเลือดมันก็ไหลย้อนเอาสิ”

            “ผมจะชูขึ้นเหนือหัวเลย”  อัยย์พูด  บิดตัวไปมาเพราะปวดมวนในท้อง

            “ไม่เอา   ลองหาที่แขวนดู..”  พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  พิศดูสีหน้าบิดเบ้เพราะปวดท้องแต่พยายามกลั้นเอาไว้สุดชีวิตของเจ้าโอเมก้าอย่างสนุกสนาน

            “โอย  ช่างมันเถอะ  ผมไม่ไหวแล้ว”

            อัยย์หมดความอดทน  หันขวับพุ่งตัวเข้าไปที่ชักโครกอย่างรวดเร็วจนพิชช์ฌานก้าวตามแทบไม่ทัน  เจ้าตัวถอดกางเกงพรืดนั่งลงบนโถแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นบีบจมูกตัวเองเงยหน้าขึ้นมองหาที่แขวนขวดน้ำเกลือ  ทว่าราวตากผ้าในห้องน้ำก็อยู่ไกลเกินกว่าสายน้ำเกลือจะยาวถึง  ครั้นจะให้เจ้าของถือเองอีกฝ่ายก็นั่งคู้ตัวปิดหน้าปิดตาไม่ยอมรับรู้เสียแล้ว           

            “อัยย์  ฉันรู้สึกเหมือนโดนรมแก๊สพิษ”  นักการเมืองหนุ่มพูดขึ้นเสียงอู้อี้เพราะบีบจมูกตัวเองอยู่  “ใกล้หมดหรือยัง”

            “คุณออกไปก่อนเลย  ทิ้งผมไว้ในนี้แหละ”  เสียงงึมงำดังลอดฝ่ามือที่ปิดหน้าตัวเองเอาไว้  “บอกแล้วว่าอย่าเข้ามาไม่เชื่อ”

            พิชช์ฌานก้มลงมองเสี้ยวหน้าแดงก่ำของคนที่เอื้อมมือไปกดชักโครกแล้วกลับมาปิดหน้าตัวเองใหม่นั้นอย่างขันๆ  เขารู้ว่าอาคิราห์อายมากๆที่ต้องมาเข้าห้องน้ำต่อหน้าเขาแบบนี้  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  จะลุกหนีออกจากห้องน้ำก็ไม่ได้  ทำได้แค่ยกมือปิดหน้าเอาไว้เท่านั้น

            “อื้อหือ คราวนี้ปลาหมึกแน่ๆ”

            “คุณหยุดพูดเสียทีเถอะน่า”  อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวจนแทบจะรู้สึกถึงไอร้อนที่ระเหยออกมาจากสองข้างแก้ม  นึกหงุดหงิดนายพิษฌานขึ้นมาเต็มที  บอกให้รอข้างนอกก็ไม่ยอมรอ  โยกโย้แกล้งกันอยู่นั่น  ดูซิสุดท้ายเขาเลยทนไม่ไหว เกือบราดหน้าห้องน้ำแล้วไหมล่ะ

            ยังจะมาพูดอะไรบ้าๆบอๆน่าอับอายอีก  ต้องมานั่งชักโครกให้คนอื่นดูก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

            “แล้วจะล้างก้นยังไงล่ะทีนี้  มือเธอมีเข็มน้ำเกลืออยู่นี่”  นายสารพัดพิษฌานถามมาอีกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

            อาคิราห์อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

            “ผมจัดการเองได้”  เขาพูดเสียงห้วน

            “ถ้าไม่เกลี้ยงฉันไม่ยอมให้นอนเตียงฉันนะ”  พิชช์ฌานยังแหย่ต่อไม่เลิก  ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากๆแต่เขาก็ยังอยากก้าวก่ายอยู่ดี

            “คุณจะล้างให้ผมหรือไงเล่า”  อาคิราห์กระแทกเสียง  เงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่อย่างโกรธๆ

            “ฉันก็เคยล้างให้เธอมาแล้วนี่”  คำตอบของพิษฌานทำให้คนฟังหลบสายตา  ยกมือขึ้นปิดหน้าตามเดิมแทบไม่ทัน

            “คุณออกไปเลยนะ  ไม่ต้องมายุ่งกับผม”

            ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาอีก   ร่างสูงใหญ่ไม่ขยับเขยื้อนออกห่างจากที่เขานั่งอยู่เลยสักนิด  อาคิราห์แอบมองผ่านร่องนิ้วที่ยกขึ้นปิดหน้าเอาไว้ก็เห็นอีกฝ่ายยืนถือขวดน้ำเกลือเอาไว้นิ่งๆเงยหน้าขึ้นมองเพดานเฉย รอจนกระทั่งเขาเสร็จธุระ

            คนบ้าอะไรยืนเฝ้าคนเข้าส้วม  ประสาทที่สุด

            “หมดไส้หมดพุงแล้วเหรอ”  เสียงห้าวๆถามหลังจากได้ยินเสียงกดชักโครกรอบสุดท้าย

            “ไม่ต้องถาม”  เจ้าโอเมก้าตวาดแว้ด  เอื้อมมือไปจับสายชำระมาทำความสะอาดตัวเองด้วยมือข้างเดียวอย่างทุลักทุเล  พอมือใหญ่ขยับจะเข้ามาช่วยก็แทบจะขู่ฟ่อใส่ทั้งที่หมดเรี่ยวหมดแรงเต็มที

            พิชช์ฌานเลยต้องถอยมายืนที่เดิม  อดทนรอจนเจ้าตัวจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยในที่สุด  อาคิราห์แทบไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำตอนที่ล้างมือจนสะอาดเอี่ยมแล้วเดินตุปัดตุเป๋กลับไปที่เตียง

            “ไม่ต้องมาแตะตัวผม”

            “ถ้าหน้าทิ่มลงไป  ฉันขี้เกียจทำพรมใหม่”  นายพิษฌานตอบหน้าตาย  เอื้อมมือไป ‘หิ้วปีก’ คนป่วยพากลับเตียง

            พอหัวถึงหมอนปุ๊บ  อาคิราห์ก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลียจัด  พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างระอาเอื้อมมือไปจับเชือกกางเกงที่เอวของอีกฝ่ายมาผูกให้ใหม่

            แค่นี้ก็น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว  อย่าท้องเลยนะ  ได้โปรด

            .............................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 01-03-2019 00:33:44








            อาคิราห์ลืมตาขึ้นมองรอบตัว  แสงแดดส่องลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้เจ้าโอเมก้าดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงง  หลังมือของเขามีพลาสเตอร์ปิดแผลเอาไว้  เข็มน้ำเกลือหายไปแล้วคงมีคนเข้ามาถอดออกไปตอนไหนก็ไม่ทราบ

            อาการหนาวสั่นหายเป็นปลิดทิ้งเช่นเดียวกับอาการคลื่นไส้ปวดท้อง  ยังรู้สึกเพลียๆนิดหน่อยแต่ก็ดีขึ้นมาก  อาคิราห์ลุกขึ้นยืนสะบัดหัวไปมา  เสียงกุกกักดังขึ้นในห้องน้ำก่อนที่เจ้าของห้องจะก้าวออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนทุกครั้งตามประสาพวกชอบโชว์อย่างที่อัยย์เคยค่อน

            “ตื่นแล้วเหรอ  เป็นไงบ้าง  เมื่อคืนเธอหลับยาวเลย”  พิชช์ฌานว่า  เดินมาที่เปิดตู้เสื้อผ้าออก  “หายหรือยัง”

            “ดีขึ้นแล้วครับ”  อาคิราห์ตอบ  เบือนหน้าหนีร่างกายที่อุดมด้วยมัดกล้ามสวยงามนั้น

            “ยาของหมอดีเหมือนกันเนอะ....อ้อ  หมอให้เธอเก็บปัสสาวะให้หน่อยน่ะ  บอกว่าจะเอาไปตรวจหาเชื้อ  จะได้ให้ยากินต่อ  เมื่อวานเธออาหารเป็นพิษนะ  หมอกลัวว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย”

            “โห  ขนาดนั้นเชียว”  อัยย์ตาโต  “แต่ตอนนี้ผมหายแล้วนี่”

            “ต้องกินยาฆ่าเชื้อต่อให้ครบสิ  เดี๋ยวอีกหน่อยเชื้อดื้อยาขึ้นมาทำไง  เธอไปเก็บฉี่ใส่กระป๋องนั่นแหละ  แล้ววางทิ้งไว้ในห้องน้ำก็ได้ เดี๋ยวฉันให้คนเอาไปส่งให้หมออีกที”

            อาคิราห์เดินไปหยิบกระป๋องใบเล็กนั้นมาถือเอาไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่ายราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อคืน   พิชช์ฌานแต่งตัวไปก็เหลือบมองประตูห้องน้ำไปอย่างเครียดจัดปนตื่นเต้น  ชายหนุ่มนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะความกังวล  ครุ่นคิดหาว่าวิธีที่จะหลอกล่อให้อีกคนยอมตรวจโดยไม่เอะใจเสียก่อนได้ยังไง

            อัยย์กลับออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสดชื่นขึ้น  เดินมาซุกหน้าเปียกๆกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่แขวนเอาไว้บนราวไปมา

            “นั่นมันผ้าฉัน  ของเธอผืนนู้น  ชอบใช้ผิดอยู่เรื่อย”  พิชช์ฌานว่า  ไล่อีกคนไปเช็ดหน้ากับผ้าของตัวเองแล้วดึงผ้าขนหนูมาผึ่งเอาไว้ใหม่  “ถามจริงๆเถอะ...เธออยู่ที่นี่  มีความสุขดีไหม”

            “ไม่น่าถาม”  อาคิราห์ตอบเสียงอู้อี้

            “มีความสุขดี?”

            “อยากหนีไปเที่ยวจะแย่อยู่แล้ว”  คนพูดย่นจมูก  “ถ้าได้วีซ่าคืนเมื่อไหร่นะ  ผมจะไม่อยู่รบกวนคุณหรอกคุณพิษฌาน”

            คนฟังลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก  ...เห็นมั้ย  ที่อีกฝ่ายสร้างรังก็เป็นเพราะอยากไปเที่ยวแน่ๆ  ไม่เกี่ยวอะไรกับท้องเสียหน่อย  เห็นทีเขาคงจะตื่นตูมไปเสียแล้ว

            “แล้วเธอ..มีคลื่นไส้อาเจียนอะไรอีกไหม”

            “ไม่แล้วนะ  ผมรู้สึกปกติดี  หิวข้าวหน่อยๆแล้วด้วย”  อาคิราห์ลูบท้องตัวเองที่เริ่มร้องดังโครกคราก  “คุณจะเสร็จหรือยัง  ผมจะลงไปกินข้าวก่อน”

            “ฉันต้องเตรียมเอกสารต่อนิดหน่อย  เธอลงไปก่อนเลยเดี๋ยวตามไป”  พิชช์ฌานรีบพูด  มองตามหลังร่างโปร่งบางที่เดินออกไปจากห้องนอนแล้ว

            นักการเมืองหนุ่มรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็ว  กระปุกใบเล็กมีของเหลวสีเหลืองใสบรรจุอยู่เกือบเต็ม  เขาเปิดมันออกแล้วหยิบชุดตรวจการตั้งครรภ์ขึ้นมาถือเอาไว้  เทปัสสาวะของโอเมก้าลงไปในแถบการตรวจอย่างตื่นเต้นแกมลุ้นระทึก

            เส้นขีดสีแดงเส้นแรกปรากฏขึ้นทันที  พิชช์ฌานแทบกลั้นหายใจ  เพ่งสายตาจับจ้องไปที่แถบที่สอง

            ใจหล่นวาบไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ตอนที่แถบสีแดงค่อยๆปรากฏขึ้นมาจางๆก่อนจะเข้มขึ้นจนเกือบเท่าเส้นแรก

            ชายหนุ่มขาอ่อนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำเอาดื้อๆ  มือกำแถบตรวจการตั้งครรภ์เอาไว้แน่น   เพ่งมองอีกรอบอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

            บ้าที่สุด....นี่มันบ้าชัดๆ

            ความหายนะได้บังเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาแล้วจริงๆตามคำทำนายแล้วหรือยัง  โอย...ทำไมต้องเป็นก่อนเลือกตั้งด้วย  เขายังไม่ทันได้ลิ้มรสชาติของผู้ชนะการเลือกตั้งเลยนะ

            เจ้าโอเมก้าตั้งท้อง...เจ้าเด็กหน้าตามู่ทู่ถ้าคลอดลูกออกมา  ลูกของเขาจะออกมาบู้บี้ขนาดไหน

            ใจเย็นๆก่อนพิชช์ฌาน  ไม่แน่ว่าเจ้าอุปกรณ์นี่อาจจะตรวจผิดก็เป็นได้  เขาไม่ควรเชื่ออะไรเร็วเกินไป...คิดได้ดังนั้นอัลฟ่าหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนหลังจากตั้งสติอยู่พักใหญ่  ก้าวยาวๆออกมาจากห้องน้ำ  เขาเก็บที่ตรวจการตั้งครรภ์นั้นเอาไว้ลิ้นชักส่วนตัว

            คงต้องไปซื้อชุดตรวจแบบอื่นมาตรวจเพิ่ม  หรือถ้าให้ชัวร์ก็คงต้องให้หมอมาตรวจเสียเลย  แล้วถ้าท้องจริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที...

            อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ้านที่เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกวัน  นัยน์ตาคมคู่นั้นตวัดมองหน้าเขาก่อนเป็นอันดับแรกก่อนจะแลเลยไปยังอาหารที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ 

            “คุณฌานมาแล้ว  วันนี้เป็นข้าวต้มทรงเครื่องค่ะ  อาหารอ่อนๆหน่อย  คุณอัยย์เพิ่งหายไข้จะได้ทานง่ายคล่องคอ”  นิ่มนวลพูดขึ้นยิ้มๆ  ยกชามกระเบื้องมาเสิร์ฟให้เจ้านาย   “ทานเยอะๆนะคะ  คุณอัยย์เติมอีกชามไหมคะ”

            “เอ้อ...ก็ดีเหมือนกันครับ”  อาคิราห์พูดเก้อๆ

            “กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วกอีกหรอก”  พิชช์ฌานอดไม่ได้  พูดขัดคอขึ้นมา  “เคี้ยวบ้างไหม  หรือกลืนเลยทั้งคำ”

            “ผมหายแล้ว  แถมเคี้ยวแบบละเอียดยิบเลยด้วย”  อัยย์ย่นจมูกใส่  ตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวให้ดู  “เมื่อคืนผมเสียพลังงานไปเยอะ  ต้องกินเข้าไปทดแทนครับป้านิ่ม”  เขาหันไปยิ้มกว้างให้ป้าแม่บ้าน

            “เดี๋ยววันนี้ป้านิ่มจะจัดอาหารให้คุณอัยย์สุดฝีมือเลย  เรียกพลังงานทดแทนกลับมาดีไหมคะ” 

            “จะกินอะไรก็ระวังหน่อย  เดี๋ยวท้อง...เสียขึ้นมาก็วุ่นวายอีก”  พอพูดถึงคำว่าท้อง  พิชช์ฌานก็หน้าแดงพูดตะกุกตะกักขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ  เจ้าตัวก้มลงตักข้าวต้มร้อนๆเข้าปากแล้วก็สำลักกระอักกระไอ

            “เป่าก่อนค่ะคุณฌาน  มันร้อนนะคะ”  ป้านิ่มรีบพูด

            ชายหนุ่มคว้าแก้วน้ำดื่มมาดื่มหลายอึกแล้วก็ลุกขึ้นยืน

            “ผมไปทำงานก่อนนะครับ  ...ส่วนเธอวันนี้ก็นอนพักผ่อนไปก่อนนะ  อย่าเพิ่งไปออกกำลังรุนแรงล่ะ ...เดี๋ยวไข้จะกลับเอา  เข้าใจหรือเปล่า”  พิชช์ฌานพูดย้ำกับเจ้าโอเมก้าอีกสองรอบก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าทำงาน

            “เดี๋ยวสิคะ  คุณฌานแทบไม่กินเลย  ไม่อร่อยหรอคะ  ของโปรดคุณฌานแท้ๆ  ป้าตั้งใจทำให้”  นิ่มนวลนิ่วหน้า

            “อร่อยมากครับป้านิ่ม  แต่ว่าวันนี้ผมรีบเข้าพรรคจริงๆ”  พิชช์ฌานหันมาพูดเสียงอ่อน  เขารู้สึกเครียดเรื่องเจ้าโอเมก้าจนไม่รู้สึกหิวเลยด้วยซ้ำ  “ป้าช่วยดูด้วยนะครับ  ถ้าเค้าเล่นซนเมื่อไหร่ก็โทรหาผมเลย”

            “ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ  จะไปไหนก็ไปได้แล้ว”  อัยย์เงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มพูดเสียงอู้อี้เพราะเคี้ยวอยู่เต็มปาก  “ถ้าพูดสั่งอีกรอบผมจะหนีออกจากบ้านแล้วนะ”

            พิชช์ฌานอ้าปากค้างแล้วก็หุบ  แล้วก็อ้าปากใหม่เหมือนปลาสำลักน้ำ  ใบหน้าคมเข้มแดงจัดลงมาถึงลำคอ  ชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่แล้วก็สะบัดหน้า  เดินฉับๆออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางหัวเสีย

            “คุณอัยย์อย่าไปเถียงคุณฌานมากเลยค่ะ  วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีจริงๆ”  นิ่มนวลพูดเสียงเบา  มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินออกไปชนโต๊ะข้างนอกดังปัง  “ว้าย  ดูท่าจะเจ็บอยู่นะคะนั่น”

            อาคิราห์ชะเง้อมองตามบ้าง  เห็นเจ้าของบ้านยกมือขึ้นนวดต้นขาของตัวเองที่คงเพิ่งกระแทกโต๊ะไปหมาดๆ  พิชช์ฌานพูดอะไรล้งเล้งเอะอะแล้วก็เดินหัวหมุนออกไปจากบ้านในที่สุด

            .....................................................................................

            พิชช์ฌานก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรกันแน่  ความคิดที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ในพุงของเจ้าโอเมก้าทำให้เขารู้สึกสูญเสียการควบคุม   

            ชายหนุ่มเข้าร่วมประชุมวาระของพรรคอย่างใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  นั่งฟังคนนั้นคนนู้นพูดแต่ว่ากลับจับใจความไม่ได้เลยสักนิด  ร้อนถึงเจนภพมือขวาคนสนิทต้องคอยสะกิดเตือนเป็นระยะ

            “คุณฌานครับ  ไม่สบายหรือเปล่าครับ”  เจนภพแอบกระซิบถามขณะพักกลางวัน   เจ้านายหนุ่มเอาแต่นั่งจ้องจานอาหารตรงหน้าโดยไม่แตะเลยสักคำ “หรือว่าอยากทานอย่างอื่น  ผมจะไปหามาให้”

            “ไม่เป็นไร  ฉันแค่...ไม่หิวน่ะ”  พิชช์ฌานพึมพำ  โบกมือให้คนสนิท  ฝืนใจตักข้าวใส่ปากได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อน  รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาคงเป็นเพราะเครียดเกินไปเลยทำให้โรคเดิมกำเริบ  “ขอยาโรคกระเพาะของฉันหน่อย”  เขาหันไปบอกเลขาฯ   “ต่อโทรศัพท์กลับบ้านให้ด้วย”

            รอสายอยู่พักหนึ่งก็มีคนรับ

            “คุณอัยย์ของป้าทำอะไรอยู่ครับ”  พิชช์ฌานถามออกไปเป็นประโยคแรก  ไม่ทันฟังเสียงจากปลายสายด้วยซ้ำ

            “ทำอะไรอยู่มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณ”  เสียงลากๆตอบกลับมาตามด้วยเสียงพ่นลมหายใจใส่แรงๆ  “ไปทำงานยังจะโทรกลับมาสอดแนมอีกเหรอ”

            “สอดแนมอะไรเจ้าบู้บี้   บ้านฉันฉันก็ต้องรับรู้ความเป็นไปของคนในบ้านไม่ใช่หรือไง”  พิชช์ฌานจำเสียงอีกฝ่ายได้ทันที   “แล้วกินอะไรหรือยัง”

            “กินแล้ว  อิ่มจนท้องจะแตก”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  “ป้านิ่มงอนคุณแล้ว  เมื่อเช้าไม่ยอมกินให้หมด  คุณทำป้านิ่มเสียใจ  ได้อดข้าวแน่ๆคุณพิษฌาน”  เสียงหัวเราะคิกคักสมใจดังมาจากปลายสาย

            ความกังวลบางอย่างในใจของคนฟังคลายลงอย่างประหลาด  พิชช์ฌานยิ้มออกมาได้พลางโคลงหัว

            “ฉันอดข้าวก็ไม่เป็นไรหรอก  ไม่ได้เห็นแก่กินเหมือนใครบางคน”

            “คุณว่าใคร”

            “ไอ้ตัวบู้บี้ในห้องฉัน”

            “อ๋อ...เจ้าบู้บี้ที่สองใช่มั้ย”  ปลายสายพึมพำ  “ว่าแล้วเชียว  อาหารเม็ดหมดถุงประจำ”

            “ตัวบู้บี้ที่ตดปู้ดป้าดทั้งคืนน่ะ”

            “ไอ้คุณพิษฌาน”  ฝ่ายนั้นโวยวายกลับมา

            คนฟังหัวเราะขยับจะพูดต่อแต่ว่าลูกน้องทำสัญญาณให้เข้าประชุมต่อเสียก่อน  นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจยาว  พูดไปตามสาย

            “ฉันต้องไปทำงานแล้ว  เจอกันตอนเย็นนะ  อย่าไปเล่นอะไรเสี่ยงๆล่ะ”  เขากำชับ  อีกฝ่ายบ่นอะไรงุ้งงิ้งฟังไม่ได้ศัพท์ก็ต้องกดวางสาย

            พิชช์ฌานพยายามรวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่กับการประชุมจนกระทั่งสิ้นสุด  ชายหนุ่มไม่ได้อยู่พูดคุยกับคนในพรรคต่อเหมือนทุกที  แอบบอกให้คนสนิทไปหาซื้อชุดตรวจครรภ์มาทุกยี่ห้อตั้งแต่ตอนเที่ยง  พอเลิกงานก็พุ่งตรงกลับไปที่บ้านเลยทันที

            “คุณอัยย์อยู่ไหน”  ลงจากรถก็ถามบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่รอบบ้านเป็นประโยคแรก  พอได้คำตอบว่าเดินเล่นอยู่หลังบ้านก็รีบเดินไปหา

            สวนข้างหลังบ้านของเขามีทั้งแปลงดอกไม้สวยงามและต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น  พิชช์ฌานเดินไปชะเง้อดูตรงสระว่ายน้ำก็ไม่เห็นเงาของร่างโปร่งบาง

            “อาคิราห์  อยู่ที่ไหนน่ะ”  เขาตะโกนเรียกสองสามครั้งก็ไม่มีเสียงตอบ  “อัยย์  ออกมานี่เร็ว  ฉันมีอะไรจะให้ดูแน่ะ”

            เงียบ...

            พิชช์ฌานหมุนตัวกลับไปกลับมาอยู่ในสวนพักหนึ่งก็ไม่เจอเจ้าโอเมก้า  ชายหนุ่มเริ่มร้อนใจขึ้นมาจริงๆ

            “อัยย์อยู่แถวนี้หรือเปล่า  อย่ามาแกล้งเงียบนะ  ฉันมีของอร่อยมาด้วย  ถ้าไม่ตอบอดกิน..อุ้ย!”  อะไรบางอย่างลอยตุบมากระแทกที่ศีรษะของเขา  พิชช์ฌานหันขวับไปมองทางต้นทิศก็เห็นขาเรียวห้อยลงมาจากต้นไม้ใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกล  “เล่นอะไร  ลงมานะอาคิราห์”

            “ไหนของกิน”  เสียงใสๆตอบกลับมา

            “อยู่ในบ้าน”  พิชช์ฌานตอบ  เดินไปหยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่างโปร่งระหงนั่งห้อยขาอยู่ข้างบนอย่างสบายใจ  “ลงมาเถอะ  ใครให้ปีนขึ้นไป”  ชายหนุ่มคำนวณระยะความสูงแล้วก็ปวดหัวจี้ดขึ้นมาฉับพลัน  “เกิดพลัดตกลงมาจะทำยังไง  ...แข้งขาหักฉันไม่พาไปโรงพยาบาลนะ”

            “ผมก็ไม่ไปโรงพยาบาลหรอก”

            “ลงมาดีๆ หรือจะให้ฉันปีนขึ้นไป”

            “คุณปีนไม่ไหวหรอกน่า”

            “งั้นก็ลงมาสิ”

            “ลงไม่ได้”

            “ทำไม”

            “ขาสั่น”  เจ้าโอเมก้าตอบกลับมาห้วนๆ

            “อ้าว  แล้วขึ้นไปทำไม”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างฉุนๆ

            “ผมขึ้นมาดูรังนก”

            “เธอเก็บลูกนกได้เหรอ”  พิชช์ฌานชะงัก  ชะเง้อขึ้นมองก็เห็นว่ามีรังนกอยู่ตรงใกล้ๆกิ่งไม้ที่อาคิราห์นั่งอยู่จริงๆ  “มันตายหรือเปล่า”

            “เปล่า...ผมแค่อยากรู้ว่ามีไข่นกไหม”  อาคิราห์ตอบเนิบๆแล้วเปลี่ยนเรื่องก่อนที่อีกคนจะถามมาอีก  “คุณถอยไปก่อน  ผมจะกระโดดลงไป”

            “ไม่ได้  สูงจะตายจะโดดลงมาได้ยังไง”  พิชช์ฌานห้ามเร็วปรื๋อ  “เธอขึ้นมาทางไหนก็ลงทางนั้นสิ”

            “กิ่งนั้นผมเหยียบหักไปแล้ว”  อัยย์ชี้นิ้วไปที่ซากกิ่งไม้บนพื้น  “ผมว่าผมน่าจะโดดลงไปได้นะ”

            “หยุด...เดี๋ยวฉันไปหาบันไดมาก่อน  นั่งอยู่บนนั้นแหละ”

            “ผมปวดฉี่”

            “อย่าเพิ่งฉี่  อดทนเอาไว้ก่อน  ฉันจะไปหาบันได”  พอได้ยินว่าอีกฝ่ายปวดปัสสาวะอยู่พอดีก็ยิ่งเข้าทาง  พิชช์ฌานสั่งเสียงเข้มให้เจ้าโอเมก้านั่งรออยู่ที่เดิมก่อน  จากนั้นตัวเองก็รีบเดินแกมวิ่งไปตามลูกน้องที่หน้าบ้านให้มาช่วย

            เดินกลับมาพร้อมกับบันไดและลูกน้องอีกสองคน  เสียงดังตุ้บใหญ่ตามด้วยเสียงร้องก็ดังขึ้น

            “อูย”

            “อัยย์เป็นอะไร”   พิชช์ฌานรีบก้าวเข้าไปหาคนที่นั่งหงายหลังแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นหญ้า  ใบหน้าเรียวหวานเหยเกพลางยกมือขึ้นคลำช่วงเอวของตัวเอง  “เจ็บตรงไหน  ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าโดดลงมาทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”  ประโยคหลังเสียงแข็งขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างไม่ทันตั้งตัว  พิชช์ฌานช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นแล้วอุ้มเดินฉับๆเข้าไปในบ้าน

            อาคิราห์โอบรอบลำคอของพิชช์ฌานเอาไว้เพราะกลัวตก  เขาจุกจนพูดไม่ออก  เป็นเพราะโดดลงมาผิดท่าไปหน่อยแท้ๆเชียว  เหลือบตามองใบหน้าคมเข้มที่บึ้งตึงกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นก็ไม่กล้าโต้แย้งออกมาอีก

            พิษฌานดูโกรธจัดจนน่ากลัว

            “โทรตามคุณหมอฉัตรินมา  คนอื่นออกไปรอข้างนอก”  ชายหนุ่มพูดเสียงดังเกือบจะเป็นตวาด  ตวัดสายตากลับไปมองคนที่นั่งกระพริบตาปริบๆบนเตียงอย่างหงุดหงิด  ดูทำหน้าเข้า...ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างเลย  ดีแต่ดื้อ  คอยดูนะ   นี่ถ้าแท้งออกมาล่ะก็....

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นทึ้งเส้นผมของตัวเองอย่างงุ่นง่าน

            นี่ถ้าแท้งขึ้นมา...

            จริงด้วยสิ...จู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจนตกใจตัวเอง  ถ้าแท้งขึ้นมา  ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือไงนายพิชช์ฌาน  ตระกูลของเขาก็จะรอดพ้นหายนะตามคำทำนาย 

            ชายหนุ่มมองฝ่ามือของตัวเองสลับกับนัยน์ตากลมใสแจ๋วของคนบนเตียง

            แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกยินดีกับความคิดนี้เลยให้ตายสิ

            ..........................................................

           

            มาอัพต่อนะคะ

            คนที่ติดนิยายเรื่องนี้มากที่สุดน่าจะเป็นชั้นเองแหละ55555 เพลียใจ

            #ขอรักแค่คุณ

               

                 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 01-03-2019 01:18:57
ขอติดเรื่องนี้ด้วยคนครับ อ่านซ้ำหลายรอบแล้ว 555 อัพบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 01-03-2019 02:38:57
ขอติดเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ พอเห็นอัพตอนใหม่ก็รีบเข้ามาอ่านเลย บู้บี้กำลังจะมีเบบี๋แล้ว แต่น้องซนมากเลยลูก  :katai1: นายพิษดูแลดีๆด้วยนะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2019 02:50:44
ผีเข้า​ผีออก​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-03-2019 03:17:58
 :katai1: นายพิษณาน คิดอะไรบ้าๆ น่าตีจริง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-03-2019 06:08:40
ถ้าแท้งก็ไม่สิ เจ้าพิษฌาน คำทำนายก็แค่ทำนายอย่าจริงจังมาก เข้าใจมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-03-2019 07:34:20
ติดด้วยเหมือนกันค่ะ รีเฟรชทุกวัน

ทำไมอัยย์น่าเอ็นดูแบบนี้ล่ะ
อัยย์ไม่มีอะไรให้อายมากกว่านี้แล้ว เอ็นดู

อยากพาไปเที่ยวก็อยาก อยากพาไปเป็นกระแสก็อยาก
เลือกสักอย่างเหอะฌาณ จะทำอะไรตอนนี้ก็รีบทำ
ก่อนจะตัดสินใจยากกว่านี้ แต่ดูอาการแล้ว
เสียใจแน่นอน ถ้าอัยย์เป็นอะไรไป หรือต้องเลิกกัน

โอ๊ยยยย ท้องจริงให้หมอคอนเฟิร์มอีกทีเหอะ จะยิ้มแก้มแตกให้เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 01-03-2019 07:49:13
เจ้าบู้บี้นี่ดื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 01-03-2019 08:25:39
น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 01-03-2019 08:38:16
เจ้าอัยย์ก็ไม่ได้รุ้เรื่องอะไร
มีแต่ฌานงุ่นง่านอยู่คนเดียว
ดูท่าจะดีใจนะ เป็นห่วงซะขนาดนั้น
แต่คงยอมรับตัวเองไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
หลอกตัวเองอยู่แท้ๆน่าคุณฌาน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-03-2019 09:12:34
วันนี้สงสารคุณพิษเขานะคะ ว้าวุ่นไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-03-2019 09:16:31
ท้องงงงงงงงงวง น้องท้องรึ :mc4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 01-03-2019 09:20:49
กำลังมีเจ้าตัวเล็กแล้ววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 01-03-2019 09:39:29
อยากอ่านต่อแล้วคร่าาาาา  :hao5:
ไรท์รีบมาาาาาา  :katai2-1:
แบบด่วนๆๆๆๆ  :katai2-1:
พรีสสสสสส  :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-03-2019 10:07:52
ถ้าแท้ง ก็เอาซิถ้าตัวนายพิษเองจะใจร้าย ใจดำและกล้าพอ ก็เอาเลยทำเลย

แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน(รู้ว่าไม่กล้าหรอกแต่มันก็ไม่แน่เสมอไปไง)
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-03-2019 10:16:24
รอจ้าา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 01-03-2019 10:29:23
ว้ายย ตาพิษ ตกบ่วงน้องอัยย์และลูกเข้าแล้ววว
 :hao7: :hao7: :hao7:
มาต่อเร็วๆนะคะ อยากเห็นอาการคนเป็นบ้าเพราะเมียท้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-03-2019 10:50:34
ทำไมดื้อเก่ง

เจ้าบู้บี้เด็กดื้อ


นายพิษเขาห้ามทำไมไม่ฟัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-03-2019 13:19:20
หายนะบังเกิดแน่ถ้าปล่อยให้น้องแท้ง ที่ปากบอกว่ารำคาญๆนี่เป็นเพราะว่าห่วงน้องมากล่ะสิ และถ้าน้องท้องจริงๆ ท่าทางจะมีคนแพ้ท้องแทนเมีย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Bambooyamy ที่ 01-03-2019 15:38:50
 :katai2-1: นุ้งอัยย์น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2019 16:04:31
ตบตีกับตัวเองเก่งมากนายพิษฌาน
เข้าใจว่าเครียด ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 01-03-2019 18:22:53
คุนพิษ คิดจะให้น้องแท้งโดยที่น้องไม่รู้ว่าท้องเลยหรอ


น้องท้องจริงไหมลูกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-03-2019 20:19:24
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 01-03-2019 21:08:38
ตามทันแล้ววววววว สนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ เอ็นดูตอนที่น้องทำรังมาก ชอบมากเลย น้องแบบหนูรู้กกกกกกกก น่ารักอะ ฮือ อยากโอ๋ อยากหอมหัวน้องสุด ;_______; รอติดตามนะคะ สนุกมากจริงๆ เป็นกำลังใจให้น้าา♡♡♡♡♡
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-03-2019 21:13:28
พิษฌาณเหมือนวัยทองอ่ะ อารมณ์แปรปรวนเกิน5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-03-2019 21:39:17
ถ้านายพิษมีลูก ก็จะเท่ากับ มีลูก 2 คน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Bambooyamy ที่ 01-03-2019 21:56:29
นุ้ง ทำไมน่าเอ็นดูแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-03-2019 22:43:18
เราก็ติดหนักมากไม่แพ้คนเขียนนะบอกเลยยยยย   “ผมก็รำคาญ  ชอบเอาหมอนผมไปกอด“  แหมมมมม อิคุณพิษษ หงุดหงิดแต่ทำไมหน้าบานเท่าจานดาวเทียมไทยคมขนาดนั้นคะท่านนน เกลียดความขิงของนางมากอ่ะบอกเลย  o18 555555

ในที่สุดลูกอัยย์ของแม่ก็ท้องงงง คุณพิษน้ำยาดีจริงๆ  ตอนนี้รอนะ...รอเห็นซีนคุณพิษแพ้ท้องแทนเมียอย่างหนัก ฉันอยากเห็นนนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-03-2019 23:17:52
ห่วงขนาดนี้ ไม่ได้คิดอะไรเล้ยยยยยยยยยย เน๊าะคุณชานเน๊าะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-03-2019 01:21:48
………


โอ้ยยยย เราก็ติดนิยายเรื่องนี้เหมือนกันนะ. 

น้องอัยย์น่ารัก ซื่อๆ สดใส จะมีน้องแล้วหรือนี่

พิษฌานจะแพ้ท้องแทนน้องอัยย์ไหมนะ


 :katai4:  :katai5:  :katai4:  :katai5:  :katai4: :katai5: :katai4:  :katai5:



………
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 02-03-2019 11:54:35
โอ้ย ไม่แท้งนะคะบู้บี้ของแม่  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 02-03-2019 11:57:02
บู้บี้น้อยคงออกมาดื้อไม้แพ้แม่แน่ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่15 1/3/62 p8
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-03-2019 13:28:26
ทำไมน้องอัยย์น่ารักอย่างนี้ คุณพิษมีใจให้น้องแล้วอย่ามาปากแข็งใจแข็งอะโด่ รอบู้บี้น้อยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 07-03-2019 01:11:59
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 16

 



 

 

 

 

            “ปวดท้องไหมครับ”  คุณหมอถามเนิบๆ  คนบนเตียงส่ายหน้าไปมา

            “ไม่ปวดครับ  แต่ปวดหลังนิดหน่อย”  อัยย์พลิกตัวชี้นิ้วตรงช่วงบั้นเอวให้คุณหมอดู

            พิชช์ฌานยืนกอดอกจับตามองนายแพทย์ฉัตรินตรวจร่างกายของอีกฝ่ายอย่างละเอียด  จากนั้นชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณบอกหมอให้ออกไปคุยข้างนอกแทน

            “ตาคุณเป็นอะไรน่ะ  ทำไมต้องทำตาขยิบยิกๆด้วย”  อาคิราห์ทัก

            “เมื่อกี้ตอนช่วยเธอคงแมลงเข้าตาน่ะสิ  คันมากเลย”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาย  “หมอตรวจเขาเสร็จแล้วก็ช่วยมาตรวจตาผมต่อด้วยนะ”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆเพื่อความสมจริง

            “คุณอัยย์นอนพักก่อนนะครับ  เดี๋ยวผมจะไปจัดพวกยาแก้ปวดอะไรมาให้”

            “ขอบคุณครับ  ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก  แค่เคล็ดขัดยอกนิดหน่อยเอายานวดๆเดี๋ยวก็หายแล้ว  ความจริงไม่เห็นจะต้องตามหมอให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”  อาคิราห์ว่า  ปรายตามองเจ้าของห้องที่ยืนหน้าเคร่งอยู่ไม่ห่าง

            “เอ้า...ฉันเห็นเธอตกต้นไม้ลงมานั่งหน้าเขียวก็ตกใจน่ะซิ  ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว  หมอบอกให้นอนพักก็นอนลงไปซะ  อย่าลุกขึ้นมา”

            “ผมปวดฉี่”  อาคิราห์พูด  ดันตัวลุกขึ้นยืน

            “พอดีเลย...หมอจะให้อาคิราห์เก็บปัสสาวะใช่ไหมครับ”  พิชช์ฌานได้ทีรีบพูดขึ้น  หันขวับไปจ้องหน้าหมออย่างกดดันกันในที  “ที่หมอบอกว่าจะเอาไปเพาะเชื้ออะไรนั่นไง  ใช่ไหมครับ”

            “ผมเก็บให้แล้วเมื่อเช้านี่ครับ”  อาคิราห์ท้วง

            “มันไม่พอ  ปนเปื้อนด้วยเลยต้องเก็บใหม่...ใช่ไหมหมอ”

            “ใช่ครับคุณอัยย์  รบกวนช่วยเก็บปัสสาวะให้ผมหน่อยนะครับ”  ฉัตรินพูดออกมาในที่สุดด้วยน้ำเสียงจริงจังน่าเชื่อถือ  เจ้าโอเมก้าพยักหน้าเชื่อตามที่หมอพูด  ได้กระป๋องใบเล็กก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

            “คิดจะทำอะไรนายฌาน...จะตรวจว่าคุณอัยย์ท้องงั้นเหรอ”  นายแพทย์หนุ่มเปรยขึ้นเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน  “ทำไมถึงไม่บอกคุณอัยย์ตามตรงล่ะ”

            “ถ้าบอกแล้วเขาจะยอมตรวจดีๆหรอครับ”  พิชช์ฌานตอบกลับมา  จับตาดูประตูห้องน้ำเขม็ง  “ผมขี้เกียจอธิบายแล้ว  รำคาญคนงอแง”

            “แล้วถ้าท้องขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง  จะไม่บอกเจ้าตัวหรือ”

            “ผมยังคิดไม่ออก”  นักการเมืองหนุ่มยอมรับตามตรง  “จริงๆแล้ว...เมื่อเช้าผมลองตรวจดูแล้ว  เขาตั้งท้อง”  พิชช์ฌานพึมพำ  ทอดสายตาลงมองพรมเช็ดเท้าที่หน้าห้องน้ำแทน   “แต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่อ”

            คนฟังตกใจปนโกรธ

            “แล้วนายก็ยังไม่ได้บอกคุณอัยย์เนี่ยนะ”

            “ก็ผมไม่มั่นใจ  เลยอยากตรวจซ้ำอีกทีก่อน”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ  “ผมยังไม่พร้อมจะให้ใครรู้ตอนนี้  แต่ผมบอกพี่เพราะพี่เป็นหมอ”

            “แม้แต่คุณอัยย์ก็จะไม่ให้รู้น่ะเรอะ  จะบ้าหรือเปล่า  ...เขาเป็นคนอุ้มท้องนะฌาน  จะไม่ให้เขารู้ได้ยังไง”

            “ผมก็ไม่ได้จะปิดตลอดไปนี่  ผมจะบอกเค้า..แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้  ตอนที่มันยัง...”  เสียงของคนพูดขาดหายไปเพราะประตูห้องน้ำเปิดออกมาเสียก่อน  ร่างโปร่งบางเดินกลับมานอนที่เตียงตามเดิม  อาคิราห์เหลียวไปมองผู้ชายสองคนในห้องที่ยืนเงียบไปอย่างผิดสังเกต

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ไม่มีอะไร  ฉันจะให้หมอตรวจตาให้เฉยๆ  เธอนอนพักในห้องนี้ไปก่อนนะ  เดี๋ยวฉันจะกลับมา”  พิชช์ฌานบอกเนิบๆ  เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบกระป๋องบรรจุปัสสาวะของอีกฝ่ายมาด้วยโดยไม่รังเกียจ   ฉัตรินหันไปบอกคนเจ็บให้พักผ่อนก่อนจะกลับออกมาจากห้องนอน

            พิชช์ฌานตามออกมาพร้อมกับเรียกหาชุดตรวจครรภ์ที่ซื้อมาครบทุกยี่ห้อเป็นอันดับแรก  ชายหนุ่มถืออุปกรณ์ทั้งหมดหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่  นานจนนายแพทย์หนุ่มต้องเดินไปเคาะประตูเรียก

            “นายฌาน  เป็นยังไงบ้าง  ทำไมเงียบไปเลย”

            คนข้างในห้องน้ำเปิดประตูออก  ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  พิชช์ฌานผายมือไปที่ชุดตรวจครรภ์หลายอันวางเรียงอยู่บนเคาท์เตอร์หินอ่อน   ทุกอันขึ้นสองขีดตรงกันหมดไม่มีผิด

            “ท้อง...เค้าท้องจริงๆด้วย”  ชายหนุ่มพูดในลำคอ  เอื้อมมือมาจับแขนของนายแพทย์เอาไว้แน่น  “ท้องจริงๆ”

            “ฉันรู้แล้ว  เลิกบีบแขนสักทีมันเจ็บ”  ฉัตรินดึงแขนออก  “ยินดีด้วยนะ  จะเป็นพ่อคนแล้วนี่”

            คนฟังเงยหน้าขึ้น  ดวงตาคมเต็มไปด้วยความสับสน

            “ผม...ไม่อยากเป็น”  พิชช์ฌานพูด  “มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย  หรือว่าชุดตรวจพวกนี้หมดอายุหรือเปล่า  แต่ก็คงไม่...อาคิราห์ท้องจริงๆ  ถ้าอย่างนั้น...ความหายนะจะมาสู่ตระกูลของผม  หมอ...ผมควรทำอย่างไรดี  เอาออกดีมั้ย”

            “เห้ย  พูดอะไรออกมาน่ะฌาน  ใจเย็นๆตั้งสติก่อน”  ฉัตรินเตือน  จับแขนของรุ่นน้องลากออกมาจากห้องน้ำ พาเดินตรงไปที่ห้องทำงาน  “นายดูสติแตกมากนะ  ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อน  นั่งลงก่อนเถอะ”

            “ผมคิดไม่ออก”  พิชช์ฌานพึมพำ  ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องทำงาน  “ข้างในหัวผมมันตีกันไปหมดแล้ว  ให้ตายเหอะทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผมด้วย”

            “เสียเวลาที่นายจะมานั่งคร่ำครวญแบบนี้นะ  ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว  คุณอัยย์ก็ท้องไปแล้ว”

            “ทางเดียวที่จะจัดการให้เรื่องทุกอย่างเข้าที่ก็คือ...เอาเด็กออกซะ”

            “ถ้านายคิดอย่างนั้นล่ะก็  ฉันอยากขอให้นายค่อยๆคิดดูใหม่อีกที”  ฉัตรินพูดเสียงเข้มขึ้น  ยกมือขึ้นกอดอก  “ถ้านายอยากเอาออกเพราะแค่คำทำนายนั่นล่ะก็  ฉันไม่เห็นด้วย”

            “ถ้าไม่ใช่แค่คำทำนายล่ะ”  เสียงห้าวๆพูดแย้งทันควัน  “ผมกับเค้า...เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก  เค้าแต่งกับผมเพราะจำยอม  ผมก็แต่งกับเค้าเพราะเกมการเมือง  เพราะอยากเอาชนะพ่อของเค้าก็แค่นั้น  การตั้งท้องนี่มันเป็นความผิดพลาด  ก็เหมือนกับคืนนั้นที่ผมดันพลาดกัดคอเค้านั่นแหละ”

            เกิดความเงียบขึ้นในห้อง

            ฉัตรินทอดสายตามองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งกุมศีรษะตัวเองด้วยความเคร่งเครียดนั้นอย่างกังวลใจ  เขารู้ดีว่าพิชช์ฌานเป็นคนแบบไหน  ชายหนุ่ม ‘เหี้ยม’ พอที่จะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย  ลงถ้าเจ้าตัวคิดจะกำจัดเด็กในท้องของอาคิราห์ล่ะก็  ...มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น

            “...ถ้าผมปล่อยให้ท้อง  คนที่ทุกข์มากที่สุดก็น่าจะเป็นเค้านะครับ  คิดดูว่าจะต้องมานั่งอุ้มท้องลูกคนที่ไม่ได้รักกัน  แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว  ไหนยังจะความฝันของเค้าที่อยากไปเที่ยวรอบโลกอะไรนั่นอีก  ขืนมีลูกขึ้นมาก็คงไม่ได้ไปเที่ยวเร็วๆนี้แน่  ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าการปล่อยให้เค้าตั้งท้องต่อไปมันจะมีข้อดีตรงไหน”  พิชช์ฌานพูดต่อยืดยาว

            “มันก็จริงของนาย  ถ้าฟังอย่างนี้  คุณอัยย์เค้าก็คงไม่อยากเก็บเด็กเอาไว้หรอก”  ฉัตรินพยักหน้าเนิบๆ

            “ใช่ไหมล่ะ  เค้าก็จะต้องเห็นด้วยกับผมถ้าเราจะเอาเด็กออก  ส่วนผมก็จะได้ไม่ต้องมาผูกมัดอะไรกับเค้าด้วย  ตอนหย่าจะได้ต่างคนต่างไปได้ง่ายๆ”  ประโยคหลังคนพูดลดเสียงลงเหมือนพูดกับตัวเอง

            “งั้นนายก็ไปบอกคุณอัยย์เขาสิ”  คุณหมอเสนอ  “รีบไปบอกเลย”

            อีกฝ่ายชะงัก

            “เขาไม่อยากเก็บเด็กเอาไว้หรอก  ผมรู้...เค้าเองก็อยากไปจากบ้านนี้จะตายไป”   พิชช์ฌานพึมพำ  เหลือบมองเจ้าปลาบู่ที่ว่ายน้ำไปมาอยู่ในตู้มุมห้อง  “เค้าจะต้องเป็นคนแรกที่อยากเอาเด็กออกแน่ๆ”

            “ก็ยิ่งดีไง  นายก็ไปบอกเค้าสิ  จะได้ตกลงกันให้เรียบร้อย”

            “ทำไมหมอไม่ห้ามผมแล้วล่ะ  เมื่อกี้หมอยังห้ามไม่ให้ผมเอาเด็กออกอยู่เลยไม่ใช่หรือไง”  นักการเมืองหนุ่มเงยหน้าขึ้นท้วง  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  “ทำไมกลับคำเสียล่ะ”

            “อ้าว  ก็ฉันฟังเหตุผลของนายแล้วมันก็จริงตามที่นายพูด  พวกนายไม่ได้รักกัน  ถ้าปล่อยให้ท้องต่อไปก็เท่ากับทรมานกันเปล่าๆ”

            “พูดไม่สมเป็นหมอเลยนะ  หมอที่ไหนทำไมถึงเชียร์ให้แท้ง”  ชายหนุ่มจุ๊ปาก

            “ไอ้นี่นี่ยังไง  พอบอกให้คิดดูใหม่ก็ไม่ชอบ  บอกให้ทำเลยก็โกรธอีก  จะเอายังไงกันแน่  ฉันงงไปหมดแล้วนะนายฌาน”  ฉัตรินถอนหายใจเฮือก  “ก็พูดเองว่าอยากเอาออกไม่ใช่หรอ  ในฐานะที่ฉันเป็นหมอฉันก็ต้องเคารพสิทธิของคนไข้  ถ้านายกับคุณอัยย์เห็นตรงกัน..ฉันจะไปทำอะไรได้”

            “แล้วไม่กลัวว่าเค้าจะเป็นอันตรายหรือไงถ้าเอาเด็กออก”  พิชช์ฌานถามเสียงเข้ม  “ทำแท้งมันอันตรายไม่ใช่หรือ”

            “ก็ใช่...แต่จะทำไงได้”  คุณหมอยักไหล่  “รีบไปบอกคุณอัยย์สิ  จะได้ตัดสินใจร่วมกัน  จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ  ตอนนี้ตัวอ่อนน่าจะยังเล็กอยู่  ยิ่งเล็กก็ยิ่งเอาออกง่าย”

            “นี่พี่เป็นหมอภาษาอะไรเนี่ย”  เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด  “พูดออกมาได้ไง ยิ่งเล็กยิ่งเอาออกง่าย  ยังมีจรรยาบรรณอยู่หรือเปล่า”

            “แล้วนายโกรธอะไรเนี่ยนายฌาน  นายควรจะดีใจไม่ใช่หรือไงที่รู้ว่ามันยังเอาออกได้  จะมาโกรธทำไมฉันไม่เข้าใจ”

            คนฟังอึ้ง   คุณหมอเลยพูดต่อ

            “นายจะเอายังไงกันแน่  จะเก็บไว้ก็ไม่เอา  กลัวคำทำนายบ้าๆบอๆอะไรนั่นบ้างล่ะ  บอกว่าไม่รักกันบ้างล่ะ  ฉันก็โอเคงั้นเอาออกสิ  ยังเอาออกทัน  นายก็มาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟว่าทำไมจะให้เอาออก  ฉันบอกให้ไปคุยกับคุณอัยย์นายก็ยังไม่ยอมไปเลย  ตกลงนายต้องการอะไรกันแน่นายฌาน”

            พิชช์ฌานทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมอย่างหมดแรง  เงยหน้าขึ้นมองโคมไฟบนเพดานนิ่ง

            “ผมก็ไม่รู้”  ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา  “ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด  ผมตั้งตัวไม่ทัน...มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย”

            “ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนนะฌาน  นายคนเดิมที่พร้อมจะเปลี่ยนแผนไปได้ตลอดทุกสถานการณ์หายไปไหนแล้ว  ทำไมฉันเห็นแต่นายคนที่เอาแต่นั่งบื้อคิดวนกลับไปกลับมาเรื่องเดิมอยู่นั่นแหละ  เกิดอะไรขึ้นกับนาย”

            “ผมรู้สึก..เหมือนคนวิ่งชนกำแพง”  พิชช์ฌานพูด  “มันมึนๆตื้อไปหมดทุกอย่างตั้งแต่เจอเขาเข้า  ผมไม่เคยได้ทำตามแผนของตัวเองเลยสักวัน”

            “แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ”

            “ก็ไม่ดีน่ะสิ  ผมไม่ชอบแบบนี้เลย  เหมือนผมเสียศูนย์...จะทำอะไรก็ต้องมานั่งเผื่อว่าเค้าจะเป็นยังไง  ผมเบื่อมากกับการที่ต้องเปลี่ยนแผนนู่นนี่นั่นทุกวันเพราะเขา”

            “ฟังดูแล้ว...เหมือนคุณอัยย์จะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของนายมากพอดูนะ”  คุณหมอทักขึ้น  อีกฝ่ายขยับตัวทันที

            “ไม่ใช่แบบที่พี่คิดแน่”  พิชช์ฌานรีบพูด  “แต่ถ้าจะหมายถึงความรู้สึกรำคาญ  โมโหหงุดหงิดตลอดเวลาล่ะก็ใช่...เขาทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาได้”

            ฉัตรินลอบถอนหายใจยาว  มองหน้านักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลที่นั่งหน้าเคร่งอยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนใจ  เขาพอจะจับความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ลางๆแล้ว   นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมผู้ชายที่ฉลาดเฉลียวและเต็มไปด้วยไหวพริบเล่ห์กลอย่างพิชช์ฌานถึงได้มาตกม้าตายเอาง่ายๆกับเรื่องแค่นี้

            หึ...บอกไม่ดีใจที่กำลังจะเป็นพ่อคน  แต่หน้าตากลับเป็นตรงกันข้าม  บางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าตัวถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออก

            หรือเป็นเพราะวิ่งชนกำแพงมาจริงๆ ถึงได้มึนตึ้บขนาดนี้...

            “เอาอย่างนี้นะ  ตอนนี้นายกำลังสับสนอยู่ ค่อยๆไปนั่งคิดเรียบเรียงดีๆก่อน  หรือถ้าคิดไม่ออกก็บอกคุณอัยย์เขา  จะได้ช่วยกันคิด  ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว”

            “บอกไม่ได้  ขืนบอกก็คงเผ่นออกจากบ้านแน่ๆรายนั้น  ไม่ฟังกันหรอก”

            “ขนาดนั้นเลยเหรอ  ฉันว่าคุณอัยย์เขาน่าจะมีเหตุผลมากกว่านั้นนะ”

            “ผมไม่ไว้ใจ”  ชายหนุ่มตอบทันที  “เขาชอบคิดอะไรแปลกๆ  ไม่เป็นไปตามตระกะ  แถมลูกบ้าเยอะด้วย  ดีไม่ดีหาวิธีเองอีก”

            “ฉันว่าคุณอัยย์ก็คงคิดเหมือนนายนั่นแหละ....อยากเอาออก”  ฉัตรินแกล้งพูด  “เก็บไว้ก็เป็นภาระ  ยังไงก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้ว”

            “ถ้าเกิดว่าผมจะเอาออกโดยที่ไม่ให้เจ้าตัวรู้  จะเป็นไปได้ไหมครับ”  พิชช์ฌานถาม

            “นายกำลังละเมิดสิทธิพื้นฐานของบุคคลอยู่นะ”  คุณหมอพูดเรียบๆ   “ตอบตามจรรยาบรรณก็คือ...เป็นไปไม่ได้”

            “แต่ก็เพื่อตัวของเขาเองนะครับ”

            “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงไม่บอกคุณอัยย์เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว  ..ฉันจะไม่คุยกับนายแล้ว  นายไปคิดดูให้ดีก็แล้วกัน  อย่าทำอะไรที่จะต้องเสียใจทีหลัง  อย่าให้อะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคำทำนายอะไรไม่รู้หรือทิฐิของนายมาทำให้นายต้องเสียใจไปตลอดชีวิต  โอกาสของคนเราไม่ได้มาบ่อยๆหรอกนายฌาน  บางครั้งมันก็มีแค่ครั้งเดียว”  ฉัตรินก้มศีรษะให้นิดหนึ่งแทนคำอำลาแล้วก็หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องทำงาน

            ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งมองเพดานอยู่คนเดียวอย่างนั้น

            ............................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 07-03-2019 01:12:54












           “คุณฌานครับ”  มือขวาคนสนิทเรียกขึ้นเบาๆอย่างเกรงใจหลังจากที่เข้ามาในห้องทำงานเพื่อสรุปรายงานเหมือนทุกวันทว่าเจ้านายกลับเอาแต่นั่งนิ่งมองตู้ปลาเฉยเสียอย่างนั้น

            “..............”

            “คุณฌานครับ  ดึกแล้วนะครับ  ถ้าคุณฌานเหนื่อย...”  เจนภพเกริ่น  อีกฝ่ายกระพริบตาแล้วขยับตัว

            “อ้อ  เจนภพ  มาแล้วเหรอ  ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย... เข้ามานั่งตรงนี้สิ  เรื่องที่ฉันให้ไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้าง  กลุ่มทุนที่หนุนหลังพวกอนุรักษ์ฯใช่กลุ่มเดียวกับที่หนุนรัฐบาลไหม”  นักการเมืองหนุ่มเข้าเรื่องทันทีไม่เสียเวลา  มือขวาส่งแฟ้มหนาปึกมาให้เขารับเอาไว้

            ข้างในมีรายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเรียงรายเป็นพรืด  บางแห่งก็มีปากกาขีดเน้นข้อความเอาไว้ให้

            “ที่ขีดเส้นคือมีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องจริงครับ  ส่วนที่วงกลมคือสงสัยแต่ยังหาหลักฐานไม่ได้”

            พิชช์ฌานนั่งไล่อ่านดูอย่างละเอียดจนกระทั่งมาถึงชื่อของนายชาติชาย บิดาของรินลดา  ชายหนุ่มก็ชะงัก  ตวัดสายตาขึ้นมองเลขาฯที่รออยู่ก่อนแล้ว

            “ผมยังไม่แน่ใจครับ  แต่มีวงในบอกมาว่าคุณชาติชายลอบไปพบปะกับคนในกลุ่มรัฐบาลจริง”

            “คิดจะจับปลาสองมืองั้นหรือ  สมเป็นนักธุรกิจหัวหมอจริงๆแฮะ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “แสดงว่าเค้าคงไม่มั่นใจว่าฉันจะชนะการเลือกตั้งสมัยหน้าสินะ”

            “มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณชิตชายอาจจะแปรพักตร์ครับ  ซึ่งนั่นจะกระทบกับเงินทุนของพรรคมากทีเดียว  ผมแนบบัญชีเอาไว้ข้างหลังครับ”  เจนภพพูดอย่างรู้ใจ

            พิชช์ฌานใช้เวลาอ่านข้อมูลที่ลูกน้องหามาให้อย่างละเอียดครู่ใหญ่

            “ดูเหมือนตัวแปรสำคัญอาจจะเป็นรินลดาก็ได้นะ”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  เหลือบตามองคนสนิทที่ยืนสงบนิ่งอยู่  “นายคิดแบบนั้นถึงได้รีบมาบอกฉันล่ะสิ”

            “ผมไม่อยากให้คุณคิดแบบนั้นต่างหากล่ะครับ”  เจนภพพูดขึ้นบ้าง  “มันคงไม่ดีต่อจิตใจคนท้องแน่ๆ”

            คิ้วเข้มเลิกสูง  เจนภพรีบก้มหน้าลง

            “ขอโทษครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่าย  แต่ว่าผมสงสารคุณอัยย์  เธอไม่ควรจะต้องมาเจอเรื่องเครียดๆอะไรแบบนี้เลย”

            “รู้สึกนายจะเป็นห่วงอาคิราห์จังนะ”  เจ้านายเคาะ

            “คุณอัยย์ก็เท่ากับเป็นเจ้านายของผมด้วยอีกคน  ลูกน้องเป็นห่วงเจ้านายก็ไม่แปลกนี่ครับ”  เจนภพพูดเนิบๆ  มองคนฟังด้วยสายตารู้ทัน  “แต่ก็เป็นห่วงในฐานะเจ้านาย-ลูกน้องแค่นั้น”

            พิชช์ฌานเม้มปาก

            “ช่างเถอะ  เรื่องนายชาติชายฉันจะจัดการเอง   ส่วนอาคิราห์...ขอบใจมากที่เป็นห่วงภรรยาของฉัน  จะเป็นไปตามหน้าที่หรืออะไรก็แล้วแต่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว”

            “คุณจะบอกคุณอัยย์ไหมครับ”

            “เจนภพ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเรียบ  “ฉันจะจัดการเองเรื่องนั้น”

            “ครับคุณฌาน”  อีกฝ่ายรับคำ

            “คืนนี้พอแค่นี้ก่อน  ฉันขอเวลาคิดสักนิด”

            “คุณฌานครับ”  เจนภพอึกอัก  “มีอีกเรื่องหนึ่ง  ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอะไรหรือเปล่าแต่ว่า  วีซ่าของคุณอัยย์ที่ถูกระงับไปไม่ใช่ฝีมือคนของเราครับ”

            “ว่าไงนะ”  คิ้วเข้มขมวดฉับ  “แล้วใครเป็นคนทำ”

            “เป็นคำสั่งจากกระทรวงครับ  แล้วก็ไม่ได้ระงับแค่ของคุณอัยย์ด้วย  แต่ว่าระงับของโอเมก้าทุกคนด้วยเหตุผลว่ามีคนลักลอบพาโอเมก้าไปขายจริงๆครับ”

            “จับตัวได้งั้นเหรอ”

            “เห็นว่ากำลังสอบสวนครับ  แต่ว่ายังสาวถึงใครไม่ได้เลย”

            “แล้ววีซ่าจะใช้ได้เมื่อไหร่”

            “ยังไม่มีกำหนดครับ”

            “แปลกนะ  น่าแปลก...ยิ่งออกคำสั่งห้ามออกมาแบบนี้ไม่ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงเหรอ  คนจะออกยังไงก็ต้องหาทางออกไปจนได้”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด  “ไปห้ามไม่ให้ออกไปอย่างถูกกฎหมาย  ก็เท่ากับสนับสนุนให้ออกไปแบบผิดกฎหมายไม่ใช่หรือไง”

            “ผมก็รู้สึกว่าแปลกมากครับ  แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำแบบนี้ทำไม”

            “มันจะเกี่ยวพันอะไรกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มอนุรักษ์ฯหรือเปล่า”  พิชช์ฌานเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะเบาๆ  “ทำไมรู้สึกแหม่งๆยังไงชอบกล  ลองไปตามเรื่องนี้หน่อยนะ  พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าไปคุยกับพวกโรงงานใช่ไหม  นายไม่ต้องไป...อยู่เฝ้าบ้านแล้วกัน”

            “อ้าว”  ลูกน้องอ้าปากค้าง  “ทำไมล่ะครับ”

            “เลือกเอาว่าจะไปประชุมแทนฉันหรือว่าจะเฝ้าบ้าน”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาเฉย

            “โธ่  ผมจะไปประชุมแทนคุณฌานยังไงล่ะครับ”  เจนภพว่า  “แต่ผมก็อยากไปกับคุณด้วย  หรือเราจะพาคุณอัยย์ไปด้วยกันดีไหมครับ”

            “ไม่ได้”  เจ้านายปฏิเสธเสียงแข็ง  “แถวนั้นมีแต่โรงงาน  คนงาน   ให้เขาไปก็วุ่นวาย  ให้อยู่ที่บ้านนี่ล่ะดีแล้ว”

            “คุณฌานจะค้างสองคืนเหมือนเดิมไหมครับ”

            “ก็ตามนั้น  เหมือนทุกทีนั่นล่ะ”  ชายหนุ่มตอบ  โบกมือให้คนสนิทกลับออกไปจากห้องได้

            นั่งทำงานต่ออยู่อีกพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้น  พิชช์ฌานวางปากกาลง  ลุกขึ้นเดินไปส่องตาแมวก็เห็นร่างโปร่งบางในชุดนอนตัวโคร่งยืนขยี้ตาอยู่หน้าประตู  ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  ดึงประตูเปิดออก

            “ดึกแล้วลงมาทำไม”  เขาถามเป็นประโยคแรก

            อีกฝ่ายมองหน้าเขาแล้วอ้ำอึ้ง

            “ว่ายังไง  ทำไมไม่นอนอีก  ปวดหลังไม่ใช่หรือไง”

            “คือ...” อัยย์อึกอัก  อันที่จริงก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้เดินลงมาถึงหน้าห้องทำงานของนายพิชช์ฌานได้  แค่นอนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่นานแล้วไม่หลับเสียทีก็เลยอยากรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ก็แค่นั้น  “ผม...ลืมให้อาหารปลา”  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเข้าไปเห็นเจ้าปลาบู่ตัวโตที่ว่ายน้ำอยู่ในตู้เข้าเลยรีบพูด  “เดี๋ยวมันหิวแย่”

            พิชช์ฌานมองหน้าคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อ  แต่ก็สุดท้ายก็ยอมเบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องทำงาน

            อาคิราห์เดินโหย่งตัวบนพรมหนานุ่มตรงไปที่ตู้ปลาแล้วก็ก้มลงหยิบกระปุกอาหารปลามาเปิดออก  หางตาเห็นเจ้าของห้องเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารและหนังสือ  แสงจากจอคอมพิวเตอร์ส่องให้เห็นแววเคร่งเครียดในดวงตาคมกริบคู่นั้น

            “ใจคอจะขุนมันให้อ้วนจะได้จับมาทอดกินอิ่มๆทีหลังใช่มั้ย”  จู่ๆคนที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ก็พูดขึ้นราวกับมีตาทิพย์  อัยย์สะดุ้งหันกลับมาดูตู้ปลาก็พบว่าเผลอโรยอาหารเม็ดลงไปกำใหญ่  “ขืนมันกินหมดนั่นคงท้องแตกตายคืนนี้แน่”  พิชช์ฌานพูด

            อัยย์เม้มปาก  หันไปหยิบสวิงอันเล็กๆขึ้นมาช้อนอาหารเม็ดส่วนเกินออกจากตู้  เจ้าปลาบู่ก็กินเร็วใช่เล่น  สงสัยจะหิวอยู่เหมือนกันถึงได้อ้าปากฮุบเอาๆ

            พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็พบว่าคนที่ไล่ตักอาหารเม็ดอย่างขะมักเขม้นอยู่เมื่อครู่นี้เปลี่ยนมานั่งกอดเข่ามองปลาในตู้ตาแป๋วเสียอย่างนั้น   นั่งไปได้สักพักร่างโปร่งบางก็เริ่มโงนเงน

            “ง่วงก็ขึ้นไปนอนสิ  จะมานั่งตรงนี้ทำไม”  พิชช์ฌานพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายสัปหงกเป็นรอบที่สาม  อาคิราห์สะดุ้งตื่นนั่งตัวตรง

            “ผมกลัวมันท้องแตกตายคืนนี้”  อาคิราห์ตอบกลับมาเรียบๆ  “เลยต้องเฝ้าเอาไว้ก่อน”

            “มันกินจุจะตาย  ไม่ท้องแตกตายง่ายๆหรอกน่า  กินเก่งอย่างกับชูชก”  พิชช์ฌานกระแทกเสียง  มองหน้าอีกฝ่าย

            “คุณหมายถึงปลาใช่มั้ย”

            “ก็ใช่น่ะสิ  จะหมายถึงอะไรได้ล่ะ”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  “ถ้ายังไม่ง่วงก็มานี่  มาทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย”  พิชช์ฌานชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานที่มีกองเอกสารตั้งใหญ่วางเอียงกระเท่เร่อยู่

            “ใช่สิ  ผมมันตัวไม่มีประโยชน์ใช่มั้ยล่ะ”  จู่ๆคนที่นั่งกอดเข่าก็ผุดลุกขึ้นยืน  น้ำตาคลอเบ้า  “ดีแต่กินกับนอนไปวันๆ”

            “เดี๋ยวสิเธอ  เป็นอะไรของเธอเนี่ย”  คนฟังถึงกับงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนฉับพลันของอีกฝ่าย  “ร้องไห้ทำไม”

            “ไม่ได้ร้อง  ผมมันไม่มีประโยชน์  เหมือนที่คุณบอกว่าดีแต่บู้บี้ไปวันๆ  ใช่สิ  ก็ผมมีดีแค่นี้  อยู่บ้านก็ไม่มีประโยชน์  อยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างโกรธๆแกมมึนงงกับอารมณ์พุ่งพล่านที่อยู่ดีๆก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเข้า

            “อาคิราห์   มานั่งตรงนี้”

            “ไม่ไป  ผมจะนั่งอย่างไร้ประโยชน์อยู่ตรงนี้”  พูดจบเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิม

            พิชช์ฌานปวดหัวจี้ดขึ้นมากะทันหัน

            “นี่อย่าทิ้งตัวนั่งแรงๆได้มั้ย  ทำอะไรให้มันค่อยๆบ้าง  เอาแต่กระโชกโฮกฮาก  พูดอะไรไม่เคยฟัง  เมื่อตอนบ่ายที่โดดลงมาจากต้นไม้ฉันยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ  โดดลงมาได้ไงต้นไม้ออกสูง  ดีนะไม่เป็นอะไรมาก”  คนพูดลุกขึ้นยืน  ก้าวยาวๆเข้าไปยืนข้างหลังคนที่นั่งกอดเข่าอยู่  “อัยย์  หันหน้ามาคุยกันซิ  ทำตัวให้เหมือนคนที่โตแล้วหน่อย”

            “............”  เจ้าตัวไม่ขยับ

            “ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง  พ่อเธอก็คงเบื่อกับความดื้อรั้นไม่เข้าท่าของเธอเต็มที  เขาอาจจะดีใจก็ได้มั้งที่เธอออกจากบ้านมาได้น่ะ”  พิชช์ฌานหลุดปากพูดออกไปด้วยความปากไว  แผ่นหลังบอบบางนั้นเริ่มสั่นให้เห็น  “อัยย์  ฉันไม่ได้ตั้งใจ  หันกลับมาคุยกันก่อน”  เขาพูดเสียงอ่อนลง

            คราวนี้เจ้าโอเมก้ายอมหันกลับมา  คิ้วเรียวขมวดมุ่นริมฝีปากอิ่มเบะออกแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้เต็มที่จนใบหน้ายู่ยี่ดูน่าขันแต่ก็น่าสมเพชในคราวเดียวกัน   น้ำตาคลอในหน่วยตากว้างกลมโตปลายจมูกแดงก่ำสูดน้ำมูกฟืดฟาด

...นี่น่ะเหรอ  คนที่จะอุ้มท้องลูกของเขา  ...เหอะ  ไม่มีทาง...  พิชช์ฌานคิดในใจ

“จะคุยอะไรอีก  คุณก็พูดถูกแล้วนี่”  อาคิราห์พูดด้วยเสียงอู้อี้  “ขนาดไอ้บู้บี้ที่สองยังมีประโยชน์มากกว่าผมเลย  อย่างน้อยมันก็กินได้”

พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่ทราบได้

เขาเอื้อมมือไปประคองใบหน้าเรียวเอาไว้แล้วใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มเนียนแรงๆ

“เป็นอะไรน่ะเรา  อยู่ดีๆก็น้อยอกน้อยใจอะไร  โกรธที่ฉันพูดเหรอ...จะมาถือสาอะไรคนอย่างฉัน  ฉันปากเสียเธอก็รู้อยู่แล้วนี่”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  สบตากลมใสคลอด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้น  “ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเอง  ต่อให้เทียบระหว่างเธอกับปลาบู่  ยังไงฉันก็ต้องเลือก...ปลาบู่อยู่แล้ว”  เขายิ้มใส่ตาของคนฟังที่เบิกโตขึ้นอย่างรอคอยโดยไม่รู้ตัว

อัยย์ทุบบึ้กเข้าที่ไหล่กว้างอย่างแรง  น้ำตาร่วงแหมะลงต้องผิวแก้ม  พิชช์ฌานแทบไม่ได้หยุดคิดเลยด้วยซ้ำตอนที่ชะโงกเข้าไปแตะริมฝีปาก ‘ชิม’ รสชาติของน้ำตาหยดนั้น  มันขมปร่าแต่ก็ติดหวานนิดๆที่ปลายลิ้น

อาคิราห์นั่งนิ่งขึงเหมือนถูกสาป  มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ

นักการเมืองหนุ่มชะงัก  ปล่อยมือออกจากดวงหน้าเรียวหวาน

“ดึกมากแล้ว  เธอควรไปนอน”  เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่คล้ายจะได้ยินเสียงหัวใจของใครสักคนเต้นรัวแรง  “เลิกน้อยใจปลาบู่ด้วย  มัน..เทียบกัน ..ไม่ได้หรอก”  ประโยคหลังเขาพูดติดขัดเพราะอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ  ลอบพิศดูผิวแก้มนวลเนียนสีน้ำผึ้งที่ตอนนี้อมชมพูด้วยเลือดฝาดนั้นอีกครั้ง  คราบน้ำตายังทิ้งอยู่เป็นทาง

“แล้วเมื่อไหร่...คุณจะขึ้นไปนอน”  คำพูดประโยคนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากแดงจัดด้วยเสียงเบาที่สุดแทบไม่ได้ยิน

คนพูดก้มหน้าลงต่ำจนเห็นแค่แพขนตายาวบดบังแววตา

พิชช์ฌานรู้สึกลมหายใจขาดไปห้วงหนึ่ง  เหมือนเขาลืมหายใจไปชั่วขณะ  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะที่ปลายคางของอาคิราห์

“เธอนอนไม่หลับเหรอ”

อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกขึ้นได้

“เปล่า  ผมหิว”  อัยย์โกหก  เขาไม่ได้รู้สึกหิวเลยสักนิด  แต่ว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยที่จะตอบตามตรงเหมือนทุกที  ดวงตาคมกริบที่มองมานิ่งนั้นทำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนจะจับไข้  ยิ่งพอเขาตอบปัดๆส่งๆออกไป  แววยิ้มหัวก็ดูจะเพิ่มมากขึ้นจนเขาไม่กล้าสบตาคู่นั้นอีก

มันเหมือนกับ..กำลังโดนสัมผัสด้วยสายตาหรืออะไรทำนองนั้น

“เข้าใจล่ะ  วางแผนจะจับปลาของฉันมาทอดกินนี่เอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงนุ่มกว่าปกติ  “ทำเป็นมาให้อาหาร  มิน่า...ก็ว่าพูดถึงปลาบ่อยจัง”

“ไม่ใช่เสียหน่อย”  อัยย์ตอบงึมงำ  รีบลุกขึ้นยืน  “ใครจะไปอยากกินปลากัน”

“จะไปไหนน่ะ”

“ก็จะไปนอนไง”

“รอเดี๋ยว  ..ฉันไปด้วย”  พิชช์ฌานบอก  ลุกขึ้นเดินไปปิดคอมพิวเตอร์แล้วไฟกลางห้องจนเรียบร้อย  อาคิราห์ยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานจนกระทั่งร่างสูงใหญ่ตามออกมา   “ไป...ขึ้นนอนได้แล้ว”  คนแก่กว่าพูดเนิบๆ  เอื้อมมือมาวางพาดเอาไว้บนไหล่บางอย่างถือวิสาสะ  อัยย์จุ๊ปากดันตัวออกไม่ยอมให้วางแขน

“นิ่งๆเหอะน่า  ตกบันไดลงไปทำไง”

“แขนคุณมันหนักเหมือนท่อนซุงเลย  ไม่รู้เหรอ”

“ขาเธอก็หนักพอกันนั่นแหละ  ชอบพาดเอวฉันตอนนอน”  พิชช์ฌานว่า  วาดแขนโอบรอบไหล่ของอีกฝ่ายเข้าหาตัวอีก  “ฉันไม่ใช่หมอนข้างนะ”

“ผมหลับอยู่”   อัยย์พูด  พยายามดันแขนอีกฝ่ายออกอีกรอบ  พิชช์ฌานเลยแกล้งล็อคคอเอาไว้เสียเลย  “โอ๊ย  ปล่อยผม”

“เล่นมุขหลับตลอด  คืนก่อนเอาศอกมากระทุ้งที่ท้องฉันด้วย”

“ก็คุณน่ะ....”  คนพูดร้องได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไปเพราะไม่กล้าพูดต่อ  พิชช์ฌานอมยิ้มในความมืด  ยื่นหน้าเข้าไปถามจนชิด

“ฉันทำไม”

“คุณ...”  อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวแล้วก็ตัดสินใจว่าจะไม่รื้อฟื้นเหตุการณ์ขึ้นมาอีก  เขารีบเปลี่ยนเรื่อง  “หมอเอาฉี่ผมไปตรวจแล้วได้ผลว่ายังไงบ้าง  ยังต้องกินยาอีกไหม”

คนตัวสูงเงียบไปครู่ใหญ่

“ยังต้องกินยาอยู่  เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอายามาให้”  พิชช์ฌานพูดเสียงเรียบ

“ติดเชื้อเยอะเลยเหรอ”  อัยย์ถามต่อ  คนถูกถามนิ่งไปนิด

“อืม...เยอะเลย”

พิชช์ฌานเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง  มองตามหลังร่างโปร่งบางที่เดินต้วมเตี้ยมขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อย  พอหัวถึงหมอน  เปลือกตาของเจ้าโอเมก้าก็ชักจะหรี่ปรือ

“ไม่อยากกินยาแล้ว”  คนใกล้หลับพึมพำ

“มันจำเป็น”  พิชช์ฌานตอบกลับ

อัลฟ่าหนุ่มช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมร่างให้จนถึงคอ  อาคิราห์ขยับตัวจนได้ที่สบายแล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายๆ  เจ้าของห้องลุกขึ้นเดินวนเวียนอยู่นาน  สุดท้ายก็ไปยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจกห้องน้ำ

ครุ่นคิดกลับไปกลับมาถึงอนาคตที่ยังไม่มาถึง

........................................................................................

 

 

            มาอัพแล้วค่า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            เรื่องนี้เราจะดำเนินเรื่องอย่างช้ามากเว่อ  แบบว่าไม่รีบ (แค่ท้องแล้วแค่นั้นเอ๊ง)5555555

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-03-2019 01:32:55
...


เอาไง เอาไง. พิชช์ฌานจะเอาไง

ถ้าอัยย์รู้แล้วจากไป พิษฌานจะทำอย่างไร

.………


 o22  o22  o22  o22  o22  o22  o22  o22


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 07-03-2019 01:46:28
เข้ามารอทุกวันครับ


เมื่อไหร่พระเอกของเรื่องจะออกมาครับ


 ทำไมยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบคุณญาน (ขอโทษนะครับ) แต่อ่านแล้วมันแบบ............... :angry2:
ยิ่งน้องน่าสงสารเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ชอบคุณญานมากขึ้นไปอีก

แต่ก็รอตอนต่อไปนะครับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Yui_Panitakarn ที่ 07-03-2019 01:50:56
สงสารอัยย์ เมื่อไหร่คุณญานจะบอกน้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: fdcjsy ที่ 07-03-2019 01:51:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
รออออออออทุกวันเลยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 07-03-2019 02:06:18
รอตอนต่อไปเลยฮะ สงสารน้องมากแงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2019 02:56:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-03-2019 03:28:48
สงสารน้องมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-03-2019 06:58:56
คุณพิษคิดดี ๆ นะจะทำอะไรน่ะ ชีวิตแม่และเด็กเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-03-2019 07:13:42
ม่าย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 07-03-2019 07:28:27
อ้อม​ปวดกับคำทำนายบ้าบอ นายเป็นคนรุ่นใหม่นะนายฌาน อย่าไปยึดติดกัคำทำนายสิเห้ยยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-03-2019 08:34:29
ฮอร์โมนเจ้าบู้บี้กำลังแปรปรวน

แถมอิยาพิษยังวัยทองกำเริบอีก

ผีเข้าผีออกตลอด

รีบๆบอกเรื่องท้องให้น้องรู้ซะที

น้องจะได้ระวังตัวเว๊ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-03-2019 08:56:41
รอตอนต่อไปค่าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 07-03-2019 09:36:45
ท้องก็ไม่ใช่ท้องตัวเอง ยังไปคิดแทนเขา ว่าจะเก็บหรือจะเอาออก ยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกเลยมั้ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-03-2019 10:05:38
ปากทั้งไวแล้วก็เสียอีกแล้วนะนายคนนี้
แล้วนี่ยังจะไม่บอกเรื่องลูกอีก ร่างกายของเขาไม่มีสิทธิรับรู้เลยเหรอ
อัยย์ไม่ใช่ลูกน้องนะที่จะสั่งจะทำยังไงก็ได้  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-03-2019 10:23:49
ฉันยังรออออ รอดูคนแพ้ท้องแทนเมีย หึหึหึ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 07-03-2019 10:24:38
พิษฌานแกจะเอายังไงยะ ชอบตอนที่หมอทำเป็นยุให้ทำแท้งแล้วโมโหใส่หมอเฉ๊ย
คนเราบางทีจะบื้อก็บื้อเอาดื้อๆ บอกน้องไปซักที เดี๋ยวน้องก็ทำโผดผานจนได้แท้งขึ้นมาจริงๆหรอก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 07-03-2019 12:03:55
อะไรกันละพ่อคู๊ณ ถามใจตัวเองก่อนมั้ย แล้วคนอุ้มท้องก็ไม่ใช่ตัวเองจะมาปิดคนท้องไม่ให้เค้ารู้ไปอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 07-03-2019 13:03:58
น้องน่าสงสารที่สุดดดด :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 07-03-2019 13:40:52
จะสมน้ำหน้านายฌานถ้าวันนึงน้องอัยย์หนีไปไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-03-2019 13:43:02
ถ้าบอกว่าให้น้องแท้งเพราะแผนการณ์ใดแผนการณ์หนึ่งที่นายพิษมีส่วนรวมด้วยจะได้ไหม
จะได้รู้สึกตัวซักทีว่ารู้สึกยังไงกับน้องกันเอง เอาแบบไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจะดีมากเลย
แต่แบบนั้นก็สงสารน้องอีก แต่มันอาจจะดีสำหรับน้องก็ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 07-03-2019 20:58:17
สงสารอัยย์
ไม่แน่คนเหี้ย(ม)แบบพิษฌานอาจจะทำอะไรโดยที่ไม่บอกน้องเลยก็ได้
:serius2: :serius2:
เรื่องการเมืองโอเมก้าก็เครียด โอ๊ยย
 :ling3: :ling3:

สู้ๆนะบู้บี้ คนอ่านรอบู้บี้อินสวิตเซอร์แลนด์อยู่ ไปหาสามีใหม่ที่นั่นไปเลยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-03-2019 22:10:59
อัยย์น่ารักจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-03-2019 22:38:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-03-2019 00:17:31
เอาไงละนายพิษชานนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 08-03-2019 02:14:26
มาอ่านกี่ที ก็มีแต่น้องอัยย์น่ารักๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-03-2019 11:47:24
เมื่อไหร่พิษฌาณจะเลิกปากแข็ง ไม่อยากให้อัยย์เสียใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 08-03-2019 12:05:41
อยากอ่านต่อแล้ววววว ไรท์รีบมานะคะ... :katai2-1: :katai2-1: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-03-2019 18:55:30
ขนาดหมอยังสงสัยเลยว่าทำไมฌาณแปลกไป
แล้วแบบนี้ยังบอกว่าไม่ชอบ ไม่ได้คิดอะไร
ทุกอย่างทำไป ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
พอจะให้เอาออกก็ไม่ยอม มีความย้อนแย้ง

สงสารอัยย์มากเลยค่ะ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ชีวิตอยู่กับการตัดสินใจของคนอื่น
ถ้าอัยย์รู้จะรู้สึกแหย่ขนาดไหน
และก็เอ็นดูอัยย์มากค่ะ ไม่คิดมาก และขี้อ้อน
ทำเป็นเนียนมาให้อาหารปลาหรอ นอนไม่หลับล่ะสิ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2019 05:43:18
อินายพิษ!  :z6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่16 7/3/62 p9
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-03-2019 20:36:26
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้สนุกมากๆๆน้องอัยย์ท้องแล้วแล้วฌานจะบอกน้องมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 09-03-2019 23:54:36
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 17

 

 



 

 

 

            “เดี๋ยวป้าเอากระเป๋าไปใส่รถให้นะคะคุณฌาน”  นิ่มนวลพูดยิ้มๆ ก้มลงหิ้วกระเป๋าเดินทางของเจ้าของบ้านออกไปข้างนอก  อาคิราห์มองตามแล้วหันกลับมาหาคนที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอยู่

            “คุณไปค้างข้างนอกหรอครับ”

            “ใช่  ฉันไปธุระ...เจนภพจะอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่  อย่าคิดทำอะไรแผลงๆล่ะ”  พิชช์ฌานรีบดักคอ

            “ไปกี่วันหรอครับ”

            “สองหรือสาม”  ชายหนุ่มตอบเรียบๆ พลางเลิกคิ้ว  “ทำหน้าแบบนี้แปลว่าดีใจหรือเสียใจที่ฉันไม่อยู่?”

            อาคิราห์ส่ายหน้า  ก้มลงตักอาหารเช้าเข้าปากต่อ

            นักการเมืองหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก  เขาฝืนกินข้าวได้ไม่กี่คำก็อิ่ม  ยกกาแฟขึ้นมาดื่มแทน  รสขมจัดของกาแฟดำช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน

            “อยู่บ้านก็อย่าทำอะไรโลดโผนล่ะ  หมอบอกว่าเธอยังไม่หายดี  ส่วนยาฉันจะให้คนเอามาให้เย็นนี้”

            “ผมรู้แล้ว  คุณพูดย้ำรอบที่สิบแล้วมั้ง”

            “ก็เธอทำหน้าเหมือนไม่รับรู้นี่”  พิชช์ฌานพูด  เห็นคนฟังทำหน้าเบื่อหน่ายก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม  “อย่าออกไปข้างนอกคนเดียวล่ะ  จะไปไหนก็บอกเจนภพรู้ไหม”

            “ผมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคุณ  จะไปทำงานก็ไปเถอะ”  อัยย์เบ้ปากอย่างเซ็งๆ  ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินฉับๆออกไปจากห้องทานข้าว  พิชช์ฌานมองตามอย่างกังวล

            “ทำไมไม่บอกคุณอัยย์ไปตามตรงเลยล่ะครับ”  เสียงนุ่มๆของเจนภพดังขึ้นข้างตัว 

            “ไว้ฉันจะบอกเองหลังจากกลับมาแล้ว”  เจ้านายพูดเรียบๆ  “ระหว่างนี้นายก็คอยจับตาดูอย่าให้เขาทำอะไรที่เสี่ยงๆก็แล้วกัน  ฉันไม่อยากปวดหัวตอนที่ตกลงเรื่องธุรกิจอยู่”

            “ครับคุณฌาน”

            “ดีมาก ทำตามแผนที่คุยกันน่ะล่ะ”  พิชช์ฌานพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป  มือขวาคนสนิทมองตามอย่างเป็นห่วงในส่วนลึก

            รถยนต์สีดำสนิทคันนั้นแล่นออกไปจากบ้านแล้วตอนที่อาคิราห์แง้มม่านชะเง้อดูจากข้างบนห้องนอน  เจ้าโอเมก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่  มองตามจนลับสายตา  ..รู้สึกแปลกๆเมื่อรู้ว่าคืนนี้อีกคนจะไม่ได้กลับมานอนด้วยกันเหมือนทุกวัน

            พอคิดมาถึงตรงนี้   อาคิราห์ก็ส่ายหัวแรงๆ  ถอยกลับไปนั่งกอดเข่าบนเตียงตามเดิม  รอบตัวเต็มไปด้วยผ้าห่มและเสื้อคลุมตัวใหญ่ๆของพิชช์ฌานที่เขาคัดสรรมาแล้วว่ามี ‘กลิ่น’  ที่หอมอวลกำลังดี  ชายหนุ่มดึงหมอนใบใหญ่ของอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไป

            ...ทำไมนายพิษฌานถึงไม่บอกกันก่อนว่าจะไม่อยู่บ้านอีกหลายวัน  อยู่ดีๆเพิ่งจะมาบอก  ใครมันจะไปเตรียมตัวเตรียมใจทัน...คิดแล้วก็งงเอง  เขาจะต้องเตรียมตัวอะไรเหรอ  เอ้า  ก็เตรียมตัวเผ่นออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้านไงล่ะ  ลืมไปแล้วหรือไงอัยย์  แผนการดั้งเดิมของเขาตอนที่ตกลงแต่งงานกับเค้าก็คือออกจากกรงทองไงเล่า

            คิดได้ดังนั้น อาคิราห์ก็สปริงตัวลุกขึ้นมาจากเตียง  เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหากระเป๋าเป้คู่ใจที่เก็บของเตรียม ‘เผ่น’ เอาไว้พร้อม  คว้าหยิบมาได้แล้วก็เปิดลิ้นชักเก็บของใช้ส่วนตัวกระจุกกระจิกใส่กระเป๋าตามด้วยขนมเอาไว้กินระหว่างทาง

            “กระเป๋าสตางค์อยู่ไหนนะ”  มัวแต่เลือกขนมเลยเกือบลืมของสำคัญไปเสียสนิท  ถึงจะยังออกนอกประเทศไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  แค่ออกไปเดินเที่ยวเล่นใกล้ๆนี่ก็คงจะไม่เป็นอะไร...ภาพเหตุการณ์จลาจลเมื่อครั้งก่อนผุดขึ้นในความคิด  อาคิราห์ชะงัก  วางกระเป๋าสะพายลงบนเตียงแล้วเปลี่ยนไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคนแทน

            “ฮัลโหล  คินหรอ  ฉันเอง”  เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย  เสียงเครื่องดนตรีดังลั่นมาจากปลายสายเดาว่าเจ้าตัวคงกำลังซ้อมเพลงอยู่แน่ๆ  “ทำอะไรอยู่”

            “อัยย์เหรอ  ฉันกำลังซ้อมเต้น  แต่ว่างคุยได้  เป็นยังไงบ้าง  สบายดีหรือเปล่า  คราวก่อนขอโทษนะที่ไม่ได้โทรกลับ  ฉันเพิ่งกลับจากทัวร์ที่ต่างประเทศมา เหนื่อยมากๆเลย”   ฝาแฝดตอบกลับมาด้วยเสียงหอบๆ เหมือนเพิ่งออกกำลังมา

            “ฉันเห็นในข่าวแล้วล่ะ  น่าสนุกมากเลยนะคอนเสิร์ตของนาย  ฉันอยากไปดูอีกจัง”

            “มาสิ  คืนนี้ก็ได้นะถ้านายสนใจ  แต่ว่าไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่นะ  เป็นโชว์เล็กๆในงานวันเกิดเพื่อนน่ะ”  อคินทร์ตอบกลับมา  คนฟังเบิกตาโตขึ้นด้วยความตื่นเต้น

            “เพื่อนคนไหนหรอ  ฉันไปด้วยได้ไหม  อยากไปค้างกับนายด้วย”

            “ได้สิ  นายจำเพื่อนที่ชื่อวิฑูรย์ได้ไหม  เขาเป็นลูกคุณอาน้อมจิตเพื่อนของแม่  นึกออกหรือเปล่า  เขาเคยทักนายผิดคิดว่าเป็นฉันไง   ..ยังนึกไม่ออกล่ะสิ  ไม่เป็นไรเดี๋ยวมาแนะนำตัวกันใหม่  นายมาเถอะ...ฉันเองก็คิดถึงนายมากๆเลยนะอัยย์  อยากเจอนายมากด้วย  เราไม่ได้เจอกันเลยนะ”

            “อืม”  วูบหนึ่งที่อาคิราห์ลังเล

            “หรือว่าคุณพิชช์ฌานเขาจะไม่ยอมให้นายมา”

            “ไม่หรอกๆ  เขาให้ฉันไปแน่ๆ”  อาคิราห์รีบตอบ  “งานจัดที่ไหนหรอคิน”

            ฝ่ายนั้นบอกชื่อโรงแรมห้าดาวมาให้พร้อมเวลาและธีมแต่งตัวเสร็จสรรพ  พูดคุยกันได้อีกนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ถูกตามไปซ้อมต่อ  อาคิราห์วางสายลงอย่างหงอยๆ  อดอิจฉาชีวิตของคนที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะไม่ได้

            ทำไมชีวิตของเขาถึงได้แตกต่างจากฝาแฝดที่เกิดห่างกันไม่กี่นาทีได้ถึงเพียงนี้  ขณะที่เขาต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านไปวันๆ  อคินทร์กลับมีชีวิตที่สดใส เต็มไปด้วยสีสันมากมาย  เขายังจำวันที่ตัวเองได้ไปดูคอนเสิร์ตของอีกฝ่ายได้ติดตา  ภาพคนจำนวนมหาศาลที่ชื่นชมในตัวของอคินทร์ช่างทรงพลังเหลือเกิน  หันกลับมาดูที่ตัวเขา...ต้องสวมทั้งแว่นทั้งหน้ากากเพื่อปกปิดใบหน้าเอาไว้  อยากนั่งหน้าสุดเพื่อจะได้เห็นหน้าแฝดชัดๆก็ทำไม่ได้  ได้แค่แอบดูผ่านมุมมืดๆข้างๆที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น

            เพียงเพราะว่าเขาเป็น..โอเมก้า

            ชนชั้นต่ำสุดในห่วงโซ่อาหารของสังคมแห่งนี้เท่านั้นเองหรือ...ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  ยกมือขึ้นเคาะบีบจมูกของตัวเองแรงๆ บังคับให้หยุดคิดเรื่องเปรียบเทียบอะไรพวกนี้เสียที  คิดไปก็เท่านั้น  ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาในชีวิตของเขา

            อาคิราห์ลุกขึ้นเดินหากระเป๋าสตางค์ต่อ  จำได้ว่าคราวที่แล้วเขาเอาติดไปเที่ยวทะเลด้วยแล้วหลังจากนั้นยังไงต่อ...กลับมาไม่สบายก็เลยลืมไปเลย

            ไล่เปิดลิ้นชักจากตู้เสื้อผ้าไล่มายังหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง  หาดูทุกซอกทุกมุมแล้วก็ย้อนกลับไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองขึ้นมาหาใหม่อีกรอบก็ยังไม่เจอ  ...หรือว่านายพิษฌานแอบเอาเงินของเขาไปแล้ว

            รวยจะตายชักยังจะต้องมาแอบจิ๊กเงินคนอื่นอีกหรอ  ไม่น่านะ...อาคิราห์ลุกขึ้นเดินหาตามใต้หมอนใต้ผ้าห่มเผื่อว่าจะไปตกหล่นที่ตรงไหน  ก้มลงหาใต้เตียงก็ไม่มี  เหลือที่เดียวคือโต๊ะทำงานของนายพิษฌานที่ตั้งอยู่มุมห้องนั่นแหละ

            ปกติเจ้าตัวไม่ค่อยจะมานั่งทำงานบนนี้เพราะมีห้องทำงานส่วนตัวข้างล่าง  ยกเว้นบางคืนที่จะมานั่งอ่านอะไรเงียบๆก่อนนอนบางครั้งเท่านั้น

            อาคิราห์เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานไม้สีเข้มขรึม  เงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องให้แน่ใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่  จากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดลิ้นชักออกดู

            ข้างในลิ้นชักอันแรกเต็มไปด้วยนามบัตรของใครต่อใครไม่รู้เป็นตั้งๆ ถ้านับดูก็คงหลายร้อยใบอัดแน่นอยู่แทบไม่มีที่ว่าง  อาคิราห์ปิดลิ้นชักแรกกลับไป  เขาเปิดลิ้นชักที่สองออกดู  เป็นกล่องนาฬิกาและสมุดบัญชีวางเรียงอยู่เป็นระเบียบ  เขาปิดลิ้นชักกลับไปแล้วเปิดลิ้นชักล่างสุด   ข้างในเป็นแฟ้มเรียงเป็นตับมีวันที่บอกวันเดือนปีด้านข้าง

            ไม่มีวี่แววของกระเป๋าสตางค์ของเขาเลย  อาคิราห์ปิดลิ้นชักเข้าที่เดิมอย่างผิดหวัง  สายตาเหลือบไปเห็นลิ้นชักตรงกลางที่เขายังไม่ได้สำรวจ  ชายหนุ่มดึงเปิดออก

            กุญแจพวงใหญ่กระทบสายตาเข้าก่อนเป็นอันดับแรก  เขาหยิบขึ้นมาสำรวจดูก็เห็นว่ามีป้ายแปะเอาไว้บนกุญแจแต่ละดอกไว้บอกห้องที่ใช้เปิดเอาไว้ด้วย  พลิกดูเล่นๆจนเจอดอกที่เขียนบอกว่าห้องนอนใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นห้องนี้แล้วก็หยิบแยกออกมา  เผื่อไว้เอาไปปั้มกุญแจเพิ่มเอง

            ของอย่างอื่นในลิ้นชักมีแต่ของจุกจิกอย่างพวกปากกา  กล่องแว่นตา  เครื่องคิดเลข  ลำโพงตัวเล็กๆ ไปจนถึง  ...เอ่อ  อาคิราห์หยิบแถบพลาสติกสีขาวๆยาวๆขึ้นมาดูใกล้ๆ  มันเหมือนพวกชุดตรวจครรภ์ที่เคยเห็นในโทรทัศน์

            ขีดสีแดงสองขีดปรากฏบนแถบสีขาวที่โอเมก้ายกขึ้นมาเพ่งดูใกล้ๆ

            “ท้องเหรอ?”  ชายหนุ่มพึมพำแล้วขมวดคิ้ว  ใจหายวาบเมื่อเกือบคิดว่าเป็นของตนเอง  แต่ว่าเขาก็กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้ว  แถมไม่เคยตรวจไอ้ชุดตรวจครรภ์พวกนี้เลยด้วย  ถ้าเป็นของเขาจริงๆนายพิษฌานก็ต้องโวยวายแล้วสิ  ไม่มีทางเก็บเงียบใส่ลิ้นชักแบบนี้แน่

“งั้นของใครน่ะ”  เขาวางชุดตรวจอันนั้นเอาไว้ที่เดิม แวบหนึ่งที่ภาพหญิงสาวในชุดรัดรูปสีดำระยิบระยับคืนนั้นปรากฏขึ้นในความคิด  ท่าทางสนิทสนมกับพิษฌานและคำพูดของจักรกฤตที่เคยบอกว่าอีกฝ่ายมีสาวๆไว้ควงมากมาย   บางที...อาจจะเป็นของหนึ่งในนั้นกระมัง

อาคิราห์เหลือบมองชุดตรวจครรภ์อันนั้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ  เขาปิดลิ้นชักอันนั้นแล้วกลับไปค้นหากระเป๋าสตางค์ของตัวเองต่อจนเจอ  มันอยู่ในลิ้นชักแรกของตู้เสื้อผ้าเขานั่นแหละ

เจ้าโอเมก้าคว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงบันไดลงมาชั้นล่าง  ร่างสูงโปร่งของนายเจนภพมือขวาของพิชช์ฌานปรากฏตัวขึ้นทันทีราวกับเล่นกล  ชายหนุ่มมองกระเป๋าเป้บนไหล่ของเขาแล้วก็กลับมาจ้องหน้าเขาอีกที

“จะไปไหนหรอครับคุณอัยย์”

“ฉันว่าจะไปเยี่ยมอคินทร์เสียหน่อย”  อาคิราห์ตอบตามตรง  “แล้วก็อยากจะแวะกลับไปค้างที่บ้านด้วย”

“คุณพิชช์ฌานอยากให้คุณอัยย์อยู่ที่บ้านก่อนครับ”  เจนภพตอบกลับมาเรียบๆ  “ถ้าคุณอัยย์อยากไปกลับไปเยี่ยมที่บ้าน  ลองถามคุณฌานดูสิครับหลังจากที่คุณฌานกลับมาแล้ว”

“คิดว่าคุณฌานของคุณจะให้ผมไปไหม”  อาคิราห์ย้อนถาม  “ขนาดผมโทรหาพ่อ  เขายังแอบฟังเลย  เค้าคงไม่ไว้ใจผมมากเลยสินะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ  คุณฌานเกรงว่าคุณจะเป็นอันตราย”

“จะอันตรายยังไงในเมื่อเป็นบ้านของผมเอง  อคินทร์ก็พี่ชายฝาแฝดของผม  ผมว่าคุณพิษฌานของคุณยังน่ากลัวกว่าเลยนะ  หรือไม่จริง?”

เจนภพขยับตัวอย่างอึดอัด

“แต่ว่าคุณฌานบอกเอาไว้  ผมคงให้คุณออกไปไหนในช่วงนี้ไม่ได้หรอกครับ  กรุณาพักผ่อนอยู่ในบ้านดีกว่า  หรือคุณอัยย์อยากจะไปว่ายน้ำหรือเดินเล่นในสวนก็ได้นะครับ  ผมจะไปเป็นเพื่อน” เขาอาสา อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ตอนนั้นผมอยากไปเที่ยวต่างประเทศ  คุณฌานของคุณไม่ยอมให้ผมไป  ผมก็อยากจะไปให้ได้  สุดท้ายวีซ่าใช้ไม่ได้ผมก็เลยยอม  ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าที่วีซ่าโดนระงับนี่เพราะอะไรกันแน่  แล้วคุณฌานของคุณก็บอกผมว่าไม่เป็นไรจะพาไปเที่ยวทีหลัง  หลอกให้ผมรอเก้อตั้งหลายรอบกว่าจะได้ไปจริงๆ  พอไปถึงก็เอาแต่นั่งเฝ้า  พวกคุณเองก็เฝ้าผมตลอดเวลาเพราะกลัวผมหนีใช่ไหมล่ะ  ผมรู้หรอกนะไม่ใช่ไม่รู้  ไม่งั้นชายหาดจะโล่งขนาดนั้นได้ยังไง”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “เฝ้าผมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกระดิกกระเดี้ยไปไหนไม่ได้  ขนาดนักโทษในคุกเขายังไม่ถูกกักบริเวณขนาดนี้เลยมั้ง”

“คุณอัยย์ใจเย็นๆก่อนครับ  ที่คุณฌานทำลงไปทั้งหมดเพราะเป็นห่วงคุณนะครับ”

“เขาเป็นห่วงผมหรือเป็นห่วงอำนาจทางการเมืองของตัวเองกันแน่”  คนพูดฉีกยิ้ม  “ผมรู้ว่าเขาจะใช้ผมต่อรองกับพ่อ  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าวิธีไหน  แต่ก็คงไม่ผิดไปจากนี้หรอก  คุณเองก็ต้องรู้อยู่แล้วคุณเจนภพว่าเจ้านายของคุณคิดจะทำอะไร”

เจนภพนิ่งเงียบ  คนตรงหน้าเขาตอนนี้ดูไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิมที่เคยเห็น  แววตาอ่อนใสคู่นั้นมีประกายอะไรอย่างหนึ่งซ่อนอยู่บางๆแทบมองไม่เห็นหากไม่ได้สังเกต  หรือว่าตัวจริงของอาคิราห์นั้นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาหรือพิชช์ฌานคิด

“คุณอัยย์  ชักจะไปกันใหญ่แล้ว  ผมว่าคุณอาจจะเครียดเกินไป  ให้ผมพาไปสปาไหมครับ  แช่น้ำร้อน นวดหน้านวดตัวอบไอน้ำเสียหน่อย  น่าจะสบายใจขึ้น”

“คุณแค่พาผมกลับไปที่บ้านก็พอแล้วครับ”  เสียงของอาคิราห์อ่อนลงเช่นเดียวกับแววตาที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจนเจนภพคิดว่าเมื่อครู่ตัวเองคงตาฝาด  “ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเอาความลับอะไรไปบอกพ่อหรอก  เพราะที่ผมรู้ก็มีแค่นายพิษฌานนอนดิ้นแล้วก็กรนเสียงดังแค่นั้นแหละ”

“โธ่ คุณอัยย์”  เจนภพอุทาน

“นะครับ  นึกว่าเห็นแก่เด็กหลงทางผู้ยากไร้”  อาคิราห์พูดแกมหัวเราะ  เงยหน้าขึ้นมองเลขาฯคนสนิทของพิชช์ฌาน  “ช่วยผมสักครั้ง  ไม่ต้องบอกคุณพิษฌานก็ได้  ผมจะกลับบ้านวันนี้  ค้างที่นั่นหนึ่งคืน  แล้วพรุ่งนี้คุณก็มารับผมกลับไงครับ”

“แต่ว่าคุณฌานสั่งเอาไว้”  เจนภพลังเล  พยายามไม่สบตากลมโตคู่นั้น   “ผมผิดคำสั่งคุณฌานไม่ได้ครับ”

“ไม่ได้ก็ไม่ได้ครับ”  คราวนี้อาคิราห์กลับยอมรับเสียง่ายๆจนน่าแปลกใจ  เจนภพมองตามหลังร่างโปร่งบางที่สะพายกระเป๋าเดินขึ้นบันไดกลับไปอย่างหงอยๆด้วยความไม่สบายใจกว่าเดิม

“คุณอัยย์ครับ”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมเข้าใจ”  อาคิราห์หยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับมา  ใบหน้าเรียวแดงก่ำ  หน่วยตากว้างคลอด้วยหยาดน้ำตา  “คุณต้องทำตามคำสั่งคุณฌาน  ผมรู้  ไม่เป็นไรหรอก”

“โธ่ คุณอัยย์ครับ  อย่าทำแบบนี้สิครับ”  เจนภพว่า  บีบมือตัวเองไปมาอย่างกลุ้มใจ  “แต่ว่าไม่ได้จริงๆครับ”

“ผมเข้าใจแล้ว  คนที่นี่ก็ใจร้ายกันหมดนั่นล่ะ”

อาคิราห์พึมพำเสียงแหบเครือก่อนจะเดินหายลับขึ้นไปชั้นบน  เจนภพรีบเดินตามหลังไป  กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีลูกเล่นอะไรมาหลอกให้ตายใจหรือเปล่า  ส่งสัญญาณบอกลูกน้องที่เดินเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆรอบบ้านให้เพิ่มความระมัดระวังและจับตามองห้องคุณอัยย์เป็นพิเศษ  เผื่อจะมีใครเล่นตุกติกแอบหนีออกมาตอนเผลอ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปตอนบ่าย  นิ่มนวลก็เดินเข้ามากระซิบบอกว่าคุณอัยย์ไม่ยอมกินอะไรเลย  อุตส่าห์ทำของโปรดยกเข้าไปให้ถึงในห้องนอนก็พบว่าเจ้าตัวเอาแต่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่หือไม่อือ  ถามอะไรก็ไม่ตอบ

“ทำยังไงดีคะคุณ  คุณอัยย์ไม่เคยอดข้าวเลยสักมื้อนะคะ  ขนาดตอนนั้นโกรธคุณฌานแทบแย่ยังยอมลุกมากินเลย  คราวนี้คุณอัยย์คงเสียใจจริงๆแน่เลยค่ะ”

“แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะครับป้า  โทรไปเมื่อกี้คุณฌานไม่รับ  สงสัยกำลังประชุมเครียดอยู่แน่ๆ”  มือขวาพูดอย่างกังวล เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา “เกือบบ่ายสองแล้ว  เดี๋ยวผมจะขึ้นไปคุยกับคุณอัยย์อีกที  ป้าก็ขึ้นมาด้วยกันเถอะ”

เจนภพกับนิ่มนวลเดินขึ้นบันไดไปเคาะเรียกหน้าประตูห้องนอนใหญ่เบาๆ  ไม่มีเสียงตอบกลับมา  เขาเลยถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปข้างใน

กองผ้ายุ่งเหยิงรุงรังบนเตียงนอนขนาดใหญ่ทำให้ตอนแรกเขามองไม่เห็นร่างโปร่งบางที่นอนขดอยู่ตรงกลางนั้น  ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาแวบเดียวแล้วก็เมินมองไปทางอื่น

“คุณกลับออกไปเถอะครับ  ผมก็ไม่ได้ไปไหนแล้วนี่ไง”  อาคิราห์พูด 

“แล้วคุณอัยย์ไม่หิวหรอครับ  นี่ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานแล้วนะ  วันนี้มีของโปรดของคุณด้วยนะครับ  ป้านิ่มทำสุดฝีมือให้คุณเลย  คุณจะไม่กินจริงๆเหรอ”

“ผมไม่หิว  คุณออกไปเถอะ”  คนตอบเม้มปากแน่น  ซุกหน้าลงกับหมอน

“คุณอัยย์จะอดข้าวจริงๆหรอคะ  โธ่  จะทรมานตัวเองทำไม  หรือว่ากับข้าวของป้ามันไม่ถูกปากคุณอัยย์แล้วก็บอกมาเถอะค่ะ  ป้าจะได้เอาไปปรับปรุง  อย่าเมินกันแบบนี้เลยนะคะ  ป้าเสียใจ”  คำพูดของนิ่มนวลทำให้เจ้าโอเมก้าขยับตัวเล็กน้อย  “คุณอัยย์โกรธป้าหรอคะ”

“ผมไม่ได้โกรธป้านะครับ”  สุดท้ายอาคิราห์ก็จำต้องลุกขึ้นมานั่งเพราะเกรงใจแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด  “แต่ว่าผมไม่หิวจริงๆ”

“คุณอัยย์จะอดข้าวประท้วงที่ผมไม่ยอมให้ไปข้างนอกใช่ไหมครับ”  เจนภพพูดขึ้น  “ต่อให้คุณอัยย์อดข้าวจนหิวท้องกิ่ว  ผมก็ขัดคำสั่งคุณฌานไม่ได้ครับ”

“ก็เรื่องของคุณ  ส่วนผมจะอดข้าวหรือหิวตายยังไงก็เรื่องของผม”  อาคิราห์ตอบกลับแล้วลุกขึ้นเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ

สองคนที่เหลือมองหน้ากันอย่างกลุ้มๆ  นิ่มนวลพูดอีกสองสามประโยคเห็นว่าไม่ได้ผลก็เลยถอยกลับออกมาจากห้อง  เจนภพเดินมากดโทรศัพท์หาเจ้านายอีกรอบ

 รอสายอยู่พักใหญ่  สุดท้ายพิชช์ฌานก็กดรับ

“ว่าไงเจนภพ  เพิ่งเห็นว่าปิดเสียงไว้  ขอโทษทีฉันเพิ่งเสร็จประชุม เรื่องโครงการที่จะขยายรอบหน้าผ่านแล้วนะ  เหลือแค่ไปดีลกับพวกนั้น”  เจ้านายกรอกเสียงมาตามสายอย่างอารมณ์ดี  “กว่าจะได้ก็พูดจนเสียงแห้ง  แล้วที่บ้านเป็นยังไงบ้าง  สงบดีไหม”

“คุณฌานครับ”  พูดไปแค่นั้น  เจ้านายก็จับความผิดปกติได้ทันที

“มีอะไร  อาคิราห์เป็นอะไร”  พิชช์ฌานถามรัวเร็ว

“คุณอัยย์อยากกลับไปค้างที่บ้านครับ  คืนนี้”  เจนภพตอบอย่างหวาดๆ “ผมพยายามเกลี้ยกล่อมแล้วครับ  คุณอัยย์ก็ประท้วงด้วยการอดข้าว”

“อดข้าว?  คนอย่างอาคิราห์เนี่ยนะ”  อีกฝ่ายถามอย่างแปลกใจ

“ครับท่าน  ผมกับคุณป้านิ่มอ้อนวอนก็แล้ว ปลอบใจก็แล้ว  ไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ”

“ก็ให้เขาอดข้าวไปซิ  อดได้ไม่นานหรอก”  เจ้านายหัวเราะหึๆ  “เดี๋ยวก็ลุกมากินเอง”

“ไม่ได้สิครับ  ถ้าแม่อดข้าว ลูกในท้องก็จะพลอยอดไปด้วยนะครับ”  เจนภพท้วง  ลดเสียงลงเป็นกระซิบ  “คุณฌานไม่เป็นห่วงเหรอ”

“เหอะ...”  ปลายสายพ่นลมใส่ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย  “ไว้แค่นี้ก่อนนะ  ฉันต้องไปดูโรงงานต่อ  คอยเฝ้าไม่ให้เขาหนีออกจากบ้านก็พอ”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้นแล้วก็วางสายไป

เจนภพถอนหายใจยาว  ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเอาเสียเลย...



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 10-03-2019 00:09:24








เสียงโทรศัพท์ของอาคิราห์ดังขึ้น  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู  พอเห็นชื่อตรงหน้าก็เบ้ปากใส่ก่อนจะกดรับ

“ฮัลโหล”

“ทำไมไม่กินข้าว”  ปลายสายถามกลับมาทันที  “คิดจะอดข้าวประท้วงหรือเจ้าบู้บี้”

“ใช่ แล้วจะทำไม”

“ไม่หิวหรือไง”

“ไม่”

“รู้นะว่าท้องร้องอยู่”

“ไม่จริง”

            “ก็ได้ยินอยู่เนี่ย  โครกครากดังเข้าโทรศัพท์เลย”

            อาคิราห์เบิกตากว้าง  ยกมือขึ้นจับท้องแล้วก็ย่นจมูก

            “โม้  ไม่มีทาง”  เหลือบมองเศษห่อขนมที่วางอยู่บนเตียงข้างตัวด้วยหางตา  เขาซัดขนมเข้าไปหมดห่อแล้วจะมาหิวอะไรเล่า  ถึงจะไม่ค่อยอยู่ท้องเหมือนกินข้าวก็เถอะ

            “ต่อให้กินขนมก็ประทังอยู่ได้ไม่นานหรอก  สองมื้อก็หมดแล้ว”  ปลายสายพูดต่อมาอีกราวกับมีตาทิพย์  อาคิราห์อ้าปากค้างแล้วก็โกยห่อขนมพวกนั้นไปไว้ข้างเตียง  “อย่าให้เศษขนมหกเลอะเทอะนะ  เดี๋ยวมดขึ้นเตียง”

            “นี่คุณแอบสอดแนมผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย  ติดกล้องตรงไหนบอกมานะ”  เจ้าโอเมก้าร้อง  กวาดตามองรอบห้องอย่างระแวง  “รู้ได้ไง”

            “หึๆ  ทำไมจะไม่รู้  เธอทำอะไรอยู่ฉันก็รู้หมดนั่นล่ะ”

            “คุณเดาแน่ๆ  คุณเคยบอกเองว่าห้องนอนของคุณไม่มีกล้อง”

            “อาจจะเป็นอย่างนั้น”

            “งั้นคุณก็รอดูผมหนีออกจากห้องคุณคืนนี้ก็แล้วกันนะ”

            “เธอหนีออกไปไม่ได้ง่ายๆหรอกอาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดอย่างมั่นใจ

            “อ๋อ  ผมทำได้แน่”  อาคิราห์ตอบกลับ  “คุณรอดูได้เลย  ที่ผ่านมาผมแค่ยังไม่เอาจริงแค่นั้น”

            “ระวังจะโดนแท็กซี่หลอกอีกล่ะ”  พิษฌานหมายถึงคราวก่อนที่เขาเรียกรถรับจ้างแล้วคนขับดันเป็นคนของพิษฌานซะงั้น  “ฉันมีเพื่อนเป็นแท็กซี่เยอะนะ”  เจ้าตัวหัวเราะหึๆ

            ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง

            “คุณมันใจร้ายใจดำจริงๆเลย  ทีตัวเองไปค้างที่อื่นทำไมทำได้  แล้วผมแค่อยากไปค้างที่บ้านบ้างทำไมทำไม่ได้”  คราวนี้คนพูดเสียงสั่นเครือจนปลายสายตกใจ  “ผมก็อยากเจอพี่น้องผมบ้าง  ไม่ได้หรือไง”

            “นั่นเธอร้องไห้หรือ”  พิชช์ฌานถามเสียงต่ำ  “เธออยากกลับบ้านฉันก็ไม่ห้าม  แต่รอให้ฉันกลับไปก่อนไม่ได้หรือไงฮึ  ฉันก็อยากไปไหว้พ่อตาบ้างเหมือนกัน”

            “ผมอยากไปดูคินโชว์คืนนี้ด้วย”   อาคิราห์หลุดปากออกไป

            “โชว์อะไร”

            “คือ....อคินทร์ ฝาแฝดของผมเค้าจะโชว์เล็กๆที่งานวันเกิดเพื่อนคืนนี้  ผมแค่อยากไปดู  อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”   อาคิราห์พูดเสียงอ่อนเครือ  “ผมไม่ได้จะหนีไปไหนเลยนะ  ให้คุณเจนภพมาด้วยกันก็ได้”

            เสียงลมหายใจดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์

            “แล้วถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นล่ะ  อย่างที่เธอเจอพวกจลาจลคืนนั้นจะทำยังไง”

            “แต่นี่มันจัดในโรงแรมห้าดาวนะครับ  คนดูแลรักษาความปลอดภัยเพียบ  อีกอย่างข่าวกลุ่มอนุรักษ์ฯอะไรนั่นก็ซาลงไปแล้วด้วย  ไม่น่ามีอะไร”

            “แล้วเธอรู้จักคนในงานเหรอ  ใครก็ไม่รู้  ไม่กลัวหรือไง”

            “ทีตอนงานเลี้ยงสโมสรคนเยอะกว่านี้ผมยังไปได้เลย”

            “ก็ตอนนั้นฉันไปด้วยไง”  อีกฝ่ายแย้ง

            “คราวนี้ผมก็มีคุณเจนภพไปด้วย  มือขวาคุณนะ”

            “ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าตัวเอง”  นายพิษฌานตอบกลับมาห้วนๆแล้วก็อ่อนลง  “คิดถึงอคินทร์มากเหรอ”

            “คิดถึงมาก  คิดถึงบ้านด้วย”  อาคิราห์สูดน้ำมูกดังฟืด  ไม่สนใจว่ามันจะดังเข้าโทรศัพท์ยังไง “ช่างเถอะ  คุณไม่ให้ผมไปไหนใช่ไหมล่ะ  ให้ผมติดคุกอยู่ที่นี่คนเดียว  ผมรู้อยู่แล้ว”

            “เช็ดน้ำมูกซะ  อย่าให้มันไหลย้อยเข้าปาก”

            “จะบ้าเหรอคุณ  ใครมันจะไปปล่อยให้เลอะเทอะแบบนั้นกัน” อาคิราห์โวย  รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าตัวเองลวกๆ

            “หึ...ถ้างั้นฉันจะให้คนไปรับอคินทร์มาหาเธอดีไหม”  จู่ๆ พิชช์ฌานก็เสนอขึ้นมาหลังจากเงียบไปครู่  “โอเคหรือเปล่า”

            “แต่ว่า..”

            “อัยย์  ฉันคงยอมให้เธอไปงานเลี้ยงวันเกิดของคนที่ฉันไม่รู้จักไม่ได้หรอกนะ  ต่อให้ในงานนั้นมีพี่ชายของเธออยู่ด้วยก็ตาม”  นักการเมืองหนุ่มกรอกเสียงมาตามสาย  “ที่ฉันห้ามเพราะฉันเป็นห่วงเธอนะ  ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นเลย”

            “แล้วถ้าผมไปค้างที่บ้าน”  อาคิราห์พึมพำ  กำผ้าห่มเอาไว้แน่น

            “เธออย่าให้ฉันทำงานอย่างไม่มีความสุขเลยนะ”  อีกฝ่ายพูดเหมือนปรารภกับตัวเอง  “แค่นี้ฉันก็ไม่เป็นอันทำงานแล้ว  คอยคิดแต่เรื่องเธอ...  ถือว่าเห็นแก่ฉันเถอะนะ  ช่วยอยู่ที่บ้านจนกว่าฉันจะกลับ...ได้หรือเปล่า”

            คนฟังใจอ่อนยวบโดยไม่ทันตั้งตัว  อาคิราห์กัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น

            “ถ้าเธอยังดื้อไม่ฟังกันล่ะก็  เห็นทีฉันคงต้องกลับคืนนี้”

            “คุณ...คุณพูดอะไรออกมาน่ะ”   โอเมก้าพูดตะกุกตะกัก

            “นั่นสิ  ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าฉันพูดอะไรออกไป”  ปลายสายตอบกลับมาเบาๆ  “ฉันไม่อยากบังคับเธอหรอกนะอัยย์  แต่ว่า...ฉันอยากขอร้อง  มีเรื่องบางอย่างที่ฉันกำลังตัดสินใจแล้วมันก็สำคัญมากสำหรับเรา  ช่วยรอฉันอยู่ที่บ้านก่อนนะ  อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนเลย  ถ้าเธอไม่เห็นแก่ฉัน  ก็ช่วยเห็นแก่เจ้าบู้บี้ที่สองที่จะอดข้าวก็ได้”

            “คุณมันประสาท  คุณพิษฌาน”  อาคิราห์พูดก่อนจะกดวางสาย

            โอเมก้าหนุ่มยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกตัวเอง  คำพูดของพิษฌานฟังดูประหลาดแต่นั่นยังไม่เท่ากับน้ำเสียงที่มีแววออดอ้อนนิดๆอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน  เล่นเอาขนลุกเกรียวเลยทีเดียว  แถมยังใจเต้นตึกๆอีกด้วย

            พูดออกมาได้ว่าให้เห็นแก่ปลาบู่  ...เหอะ

            อาคิราห์ลุกขึ้นเดินไปหยิบถาดอาหารที่ปลายเตียงยกไปนั่งกินบนโต๊ะอย่างหิวโหย  จากนั้นก็เดินลงไปที่ห้องทำงานของเจ้าของบ้าน   ยืนให้อาหารปลาไปก็คิดในใจอย่างหงุดหงิดว่าเห็นแก่ไอ้บู้บี้ที่สองจะหิวตายหรอกนะ  ไม่งั้นเขาคงเก็บกระเป๋าเผ่นแน่บไปแล้ว

            คืนนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตู  ตามด้วยร่างสูงสมส่วนของศิลปินชื่อดังที่มาเคาะประตูหน้าบ้านเขา  อาคิราห์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวอย่างเหงาๆถึงกับเบิกตากว้างอย่างดีใจ  ไม่คิดว่าพิษฌานจะพูดจริง

            “อคินทร์  นายมาจริงๆด้วย”

            “มาจริงๆสิ  หลังจากนายโทรมาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว  คนของคุณพิชช์ฌานก็ติดต่อมาผ่านผู้จัดการของฉันให้ฉันมาหานายคืนนี้ล่ะ”  ชายหนุ่มตอบ  ผายมือไปที่ชุดสวยงามที่สวมอยู่  “เขาซื้อโชว์ของฉันคืนนี้ให้มาแสดงให้นายดูโดยเฉพาะ”

            “จริงเหรอ”  อาคิราห์อุทาน  แค่ฝาแฝดแวะมาหาก็ดีใจแล้ว  ไม่นึกว่าจะมาแสดงให้ดูอีกด้วย

            “จริงสิ  นี่ฉันยังไม่ได้โชว์ที่งานวันเกิดเลยนะ  โดนซื้อคิวโชว์มาก่อน  แฟนนายใจป้ำมากๆ”  อคินทร์ขยิบตาให้อย่างล้อเลียน

            “โธ่”  อาคิราห์ยิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้ม  กุลีกุจอพาพี่ชายเข้ามาในบ้าน  อคินทร์โอบไหล่น้องที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่  นั่งถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันที่ห้องนั่งเล่น  ป้านิ่มนวลยกของว่างมาเสิร์ฟให้  เธอถึงกับทึ่งที่เห็นอคินทร์ตัวเป็นๆ

            “ทำไมหน้าเหมือนกันขนาดนี้คะคุณ  นี่ถ้าป้าไปเจอข้างนอกคงตกใจมากแน่ๆ”  นิ่มนวลว่า  “คุณดูดีกว่าบนเวทีอีกค่ะ”

            “ขอบคุณมากครับ”  อคินทร์ตอบพลางยิ้มกว้าง  มองตามหลังแม่บ้านที่เดินกลับเข้าไปข้างใน  “ฉันชอบป้าเค้านะ  ดูใจดี”

            “เนอะ  ฉันก็ว่าเขาใจดี”

            “แต่ฉันไม่ชอบตาคนที่บอกว่าเป็นคนสนิทแฟนนายเลย  คนที่ตัวสูงๆน่ะ”  อคินทร์ขยายความ  “เขาดูน่ากลัว”

            “คุณเจนภพน่ะเหรอ”  อาคิราห์เลิกคิ้ว  “ทำไมล่ะ  ฉันว่าเขาก็ใจดีนะ”

            “เขาดูแปลกๆนะ  ไม่รู้สิ  ฉันอาจจะคิดมากไปเอง  ถ้าเขาดีกับนายฉันก็โอเคแล้ว”  อคินทร์เอนตัวนั่งอย่างสบาย  “บ้านน่าอยู่นี่  ถึงจะไม่เหมือนที่บ้านก็เถอะ”

            “อืม”

            “นายโอเคหรือเปล่าอัยย์  อยู่ที่นี่?  ฉันนึกว่านายจะไปต่างประเทศแล้วเสียอีก”

            “วีซ่าฉันโดนระงับน่ะ”  อาคิราห์ตอบ  เล่าให้อีกคนฟังสั้นๆ  “ก็เลยต้องอยู่ที่นี่ต่อ”

            “ฉันแปลกใจมากที่นายไม่หนีออกจากที่นี่ทันทีที่มีโอกาส หรือว่าเขาเฝ้านายเข้มมาก  ตอนแรกที่ฉันเข้ามา  ฉันนึกว่าจะโดนค้นตัวด้วยเสียอีก  โชคดีที่ชุดของฉันมันซีทรูเลยไม่เป็นไร”  อคินทร์ว่าเนิบๆ  “นายอึดอัดหรือเปล่า  อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม  ท่าทางนายแปลกไปนะ  ไม่เหมือนเดิม”

            “เหรอ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเองอย่างเผลอตัว  “ฉัน...ก็เบื่อที่นี่จริงๆนั่นล่ะ  อยากหนีไปที่อื่นแต่ก็ไม่รู้จะไปไหน  งานก็ไม่มี  อาชีพก็ไม่มี  ออกไปก็คงอดตาย  จะอยู่ต่อก็ทำอะไรไม่ได้”

            “ก็มาอยู่กับฉันสิ  กลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้”

            “ฉันพึ่งคนอื่นตลอดไปไม่ได้หรอก”

            “นายพูดถูก  อัยย์”  อคินทร์ทอดสายตามองน้องชายนิ่งๆ  “นายต้องพึ่งตัวเองให้ได้  นั่นแหละคือหนทางที่จะไปสู่อิสระอย่างแท้จริง”

            “แต่ฉันก็ทำอะไรไม่เป็นเลย   นอกจากทำงานก๊อกแก๊ก”

            “มีอะไรที่นายทำไม่เป็นบ้างดีกว่าอัยย์  นายร้องเพลงได้  เต้นได้...อันที่จริงเต้นได้ดีกว่าฉันเสียอีก  นายพูดได้หลายภาษา  เขียนหนังสือก็ได้  ว่ายน้ำก็เก่ง  ตีเทนนิสตีกอล์ฟอะไรก็ได้หมดเลย  หรือจะทำอาหารนายก็ทำเป็น   ลิ้นของนายก็รับรสได้ดีเยี่ยม  พ่อยังเคยบอกว่านายเป็นยอดนักชิมเลยนะอัยย์  เห็นมั้ยล่ะว่านายทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ”

            “ความสามารถพวกนั้นมันจะไปหาเงินได้ยังไงล่ะ  ฉันไม่มีใบปริญญาหรือใบประกาศอะไรเลยนะ  จะไปสมัครงานอะไรได้”

            “ความสามารถที่คนอื่นไม่มีนี่ล่ะ  ที่จะทำให้เราแตกต่าง”  อคินทร์พูดขรึมๆ  “นายยังไม่ได้ลองเลยนะ  ใบประกาศนียบัตรหรือใบอะไรพวกนั้นมันเรื่องเล็ก  ฉันเชื่อว่าระดับคุณพิชช์ฌาน เสกให้นายพรุ่งนี้ยังได้”

            “โธ่ คิน  เพิ่งพูดอยู่หยกๆว่าไม่อยากพึ่งคนอื่น  ยังไม่ทันไรต้องพึ่งเขาอีกแล้ว”

            “ก็ก้าวแรกมันยาก  เราก็ต้องอาศัยพึ่งคนอื่นไปก่อน  นายก็รู้ว่าโอเมก้าจะไปเข้าเรียนอะไรสักอย่างมันก็ยากกว่าปกติ  นายจะไปทนเรียนจนจบได้ใบประกาศได้ยังไง  นอกจากหางานอื่น  พวกงานอิสระที่ไม่ต้องใช้ใบรับรองคุณวุฒินั่นล่ะ”

            “เห้อ”  อัยย์ถอนหายใจยาว   “วนกลับมาทางตัน  ฉันละสงสัยจริงๆว่าพวกโอเมก้าคนอื่นเขาทำงานอะไรกันบ้าง”

            คนฟังเงียบไปครู่

            “นายอยากรู้จริงๆเหรอ  ...โลกความจริงมันไม่สวยงามหรอกนะอัยย์”  อคินทร์พูดเรียบๆ  “จะหาโอเมก้าสักคนที่ได้ทำงานออฟฟิศดีๆก็คงแทบไม่มีเลย”

            “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น”

            “มันเป็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นมานานแล้ว  แล้วก็จะอยู่ตลอดไป”  อีกฝ่ายพูดช้าๆ  “อย่าไปคิดมากเลยอัยย์  ฉันว่าคุณพิชช์ฌานก็ไม่ใช่คนเลวร้าย  ยกเว้นแค่...”   ฝาแฝดเงียบไปแล้วเปลี่ยนเรือง  “ฉันอยากไปดูห้องนอนของนายจัง  พาไปดูบ้างสิ  ฉันจะได้กลับไปบอกพ่อว่าเขาเลี้ยงดูนายดีแค่ไหน”

            อาคิราห์เลยพาอีกฝ่ายเดินขึ้นไปสำรวจห้องนอนชั้นบน  อคินทร์ค่อนข้างพอใจมากทีเดียวกับห้องของเขา  ชายหนุ่มชมไม่ขาดปากถึงการตกแต่งห้อง  แม้ว่าจะขัดใจกับกองผ้าห่มบนเตียงมากก็ตาม

            “แม่บ้านเขาไม่ทำเตียงให้หรออัยย์  ทำไมมันรกงี้ล่ะ”

            “ฉันทำเองแหละ”  คนทำสารภาพเสียงอ่อย  “เวลานอนแล้วสบายดี”

            “เดี๋ยวนะ แล้วนอนตรงไหนล่ะ”

            “ฉันก็นอนบนนี้  ส่วนนายพิษฌานก็นอนตรงนู้น”  อาคิราห์ชี้ไปที่ว่างเล็กๆสุดริมเตียงที่เหลือพอให้คนๆหนึ่งนอนนิ่งๆได้  เขาข้ามไปไม่อธิบายให้แฝดฟังว่าส่วนใหญ่แล้วนายพิษฌานก็จะนอนตรงนั้นเฉพาะตอนก่อนนอนเท่านั้นแหละ  พอตื่นมาก็คนละเรื่อง

            “โห  เขาตัวใหญ่นะ  นอนพอหรอ”  อคินทร์อุทาน  “แล้วเขากลับมานอนที่บ้านบ่อยไหม”

            “ก็ตลอดนะ  ทำไมหรอ”

            “เปล่าหรอก  ถามดูเฉยๆ  เขาก็ดูเป็นคนติดบ้านนะ  ไม่น่า...”

            “ไม่น่าอะไร”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม  “มีอะไรหรือเปล่าคิน”

            “ไม่มีอะไรหรอก”  อคินทร์รีบปฏิเสธ  “ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรอ  ฉันขอเข้าหน่อยได้ไหม  ก่อนที่จะมาโชว์ร้องเต้นให้นายดู”

            อาคิราห์หัวเราะ

            “นายจะโชว์ให้ฉันดูจริงเหรอ”

            “จริงสิ  ก็คุณพิชช์ฌานจ้างฉันมาแล้วนี่  จ่ายค่าตัวสามเท่าด้วย”  อคินทร์พูดเสียงขึงขัง  “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

            อาคิราห์ยิ้มกว้าง  ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นที่คุ้นเคย  ถึงจะรู้สึกโหวงๆนิดหน่อยแต่การที่ฝาแฝดมาพักอยู่ด้วยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก  พวกเขานั่งร้องเพลงด้วยกันจนดึกเหมือนวันเก่าๆสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันที่บ้าน

            อคินทร์เต้นเพลงใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนให้เขาดูเป็นคนแรก  อาคิราห์หัวเราะจนเหนื่อย  ตบมือจนเจ็บมือไปหมด  สุดท้ายก็มาทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันอย่างหมดแรง

            “สนุกมากเลย”  อาคิราห์พึมพำ  “นายอยู่ที่นี่ต่อเลยได้ไหม”

            คนฟังหัวเราะ

            “นายอยากลองเต้นเพลงนี้บ้างมั้ย  พนันได้เลยว่าคุณพิชช์ฌานจะต้องชอบ”  อคินทร์ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  ลูบมือไปบนแผ่นอกของตัวเองที่มีชุดซีทรูแนบเนื้ออยู่  “ฉันยกชุดนี้ให้เลย  รับรองว่าเขาจะต้องถูกใจมากแน่”

            “บ้าน่ะคิน  ฉันไม่เอาหรอก”  อาคิราห์มองตามชุดนั้นแล้วหน้าแดง  “นายใส่สวยมากคิน  แต่ถ้าฉันใส่คงตลกตายเลย”

            “จะตลกได้ยังไงอัยย์ในเมื่อเราหน้าเหมือนกัน   แถมหุ่นนายยังบางกว่าฉันด้วย  ถ้านายใส่จะต้องสวยมากแน่ๆ  ทีมงานยังบอกเลยว่าฉันดูมีกล้ามมากไปสำหรับชุดนี้เลยยังไม่เข้าเท่าไหร่   เอาไหม ฉันยกให้  เผื่อจะไว้มัดใจ...”

            “โอย”  อาคิราห์นึกภาพตามแล้วส่ายหน้า  “มัดใจอะไร  ฉันว่าเขาจะขำกลิ้งน่ะสิ  ทุกวันนี้เขาก็หาว่าฉันหน้าเหมือนบู้บี้ทุกวันแล้ว”

            “บู้บี้?  คืออะไร”

            “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่น่าจะตลกน่าเกลียด”

            “ฉันว่ามันฟังดูน่าเอ็นดูมากๆเลยนะ”  อคินทร์ออกความเห็น  “เขาว่านายงั้นเหรอ”

            “ใช่  เขาชอบหาว่าฉันน่าเกลียด  เขาว่าฉันเหมือนฉันเป็นเด็กสามขวบเลย”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ฟุบหน้าลงกับหมอน  “ฉันเบื่อเค้า  เขาชอบนอนดึกด้วย”

            “นอนดึกเกี่ยวอะไรด้วยน่ะ”  คนฟังงง  “เขากลับบ้านดึกเหรอ”

            “เปล่า  เขากลับเร็ว  แต่เขาทำงานดึกน่ะ  ไม่ยอมขึ้นมานอนเสียที  ฉันก็รำคาญ”  คนพูดพลิกตัวนอนหงาย  “ช่างเถอะ  ฉันก็บ่นเรื่อยเปื่อย  นายดูนาฬิการอบที่สามแล้ว  จะกลับแล้วเหรอ”

            “อืม....ฉันคงค้างที่นี่คืนนี้ไม่ได้น่ะ  ขอโทษด้วยนะอัยย์”  ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน  ก้มลงเก็บของ  อาคิราห์เลยลุกขึ้นยืนตามบ้าง

            “ไม่เป็นไร  แค่นายมาหาฉันก็ดีใจมากๆแล้ว  ขอบคุณมากนะ”  เขาเดินตามลงมาส่งฝาแฝดที่หน้าประตูบ้าน  “เอาไว้ว่างๆแวะมาอีกสิ”

            “ได้เลย  ฉันจะหาเวลาแวะมานะอัยย์”  อคินทร์พูดยิ้มๆ  ก้มลงกอดน้องชายแน่นก่อนจะกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น

            อาคิราห์มองตามหลังพี่ชายร่วมสายเลือดที่กลับออกไปขึ้นรถ  บ้านหลังใหญ่กลับมาเงียบเหงาตามเดิม  เจ้าโอเมก้าเดินลากเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบน  เข้าไปนอนซุกตัวบนเตียงใหญ่ที่เขาครอบครองคนเดียวในคืนนี้

            นอนมองเพดานอยู่นาน  อาคิราห์ผุดลุกขึ้นมานั่งขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด  หันรีหันขวางแล้วก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก  ...เวลานี้นายพิษฌานคงยังไม่หลับหรอกมั้ง

            น่าจะกำลังทำงานหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่แน่ๆ

            รอสายอยู่ครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายก็กดรับ  เขากรอกเสียงลงไปทันที

            “คุณนอนหรือยัง...เมื่อกี้อคินทร์เพิ่งกลับไปล่ะ”

            “อ้อ...ขอสายคุณฌานหรอคะ  คุณฌานอยู่ในห้องน้ำค่ะ...”  เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมา

            ...................................................................................................

            มาต่อแล้วจร้า

            มีใครรอเรื่องนี้บ้างคะ   ขอเติมความเข้มข้นหน่อยนะ  เกียมตัวเกียมใจวรั้ยย (ขู่เล่นๆ)

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

           

           

           

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 10-03-2019 00:51:08
ใครรับสาย!!!!!!!! หนีไปเลยเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 10-03-2019 02:03:35
ค้างเลย ต่อเลยได้ไหมอย่าปล่อยให้น้องอัยย์งงนานว่าผญคนไหนรับสาย :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-03-2019 02:10:28
แงงงง เดวน้องงอแงนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-03-2019 02:38:15
ทำไมฉันกลัวว่าอคินทร์​จะติดกล้องแอบฟัว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-03-2019 02:44:43
แอบไม่ไว้ใจแฝดแต่คงคิดมากไปเอง 555555555
ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ โอยยยย พ่อคุณณณณณณณณ  :m16:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-03-2019 06:29:08
จ๊ะ ทำร้ายกันให้สมใจ ไม่ต้องแคร์ว่าอัยย์จะรู้สึกยังไง

อัยย์น่าสงสารมากเลย อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองยังยาก
อคินทร์คงไม่ได้มาทำอะไรไว้หรอกนะ แต่ถ้ามาดี เราก็ยินดี

ฌาณใจร้ายน่าดูค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ปล่อยน้องไปเหอะ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-03-2019 06:54:56
อ้าว นังพิษ

ให้ชะนีที่ใหน

มารับโทรศัพห์

นู๋อัยย์อย่าเพิ่ง

คิดอะไรแผลงๆนะลูก

มันอาจไม่มีอะไรก็ได้



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 10-03-2019 08:44:53
เสียงใคร  :angry2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-03-2019 09:06:46
จะกี่ตอนน้องอัยย์ก็ยังน่าสงสารตลอด เหมือนอยู่ในคุกดี ๆ นี่เอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 10-03-2019 09:45:39
อยากให้น้องเข้าใจผิดแล้วก็หนีไปไกลๆ แล้วก็ก็ไปเจอพระเอกจริงๆสักที
555 โกรธ  :angry2: :fire:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-03-2019 10:39:50
งาน เข้า :hao3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-03-2019 10:52:03
สงสารอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 10-03-2019 11:05:25
 :m15: สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 10-03-2019 11:11:37
ง่าาาา... ไรท์จะมาให้ค้างคา อย่างนี้ แล้วหายไปม่ายด้ายยยยย...  :katai1: :katai1: :katai1:
รีบมาาาาา ด่วนนนนน..  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 10-03-2019 11:20:56
ถึงจุดเปลี่ยนแปลงซะทีรอมานานแล้ว
ได้เวลาสะใจไอ้คุณพิษเสียที
อยากเห็นน้องอัยย์บทโหดใจแข็งบ้าง เบื่อไอ้คุณพิษเต็มทนแล้ววว :fire:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 10-03-2019 11:49:41
อ้าวๆๆ งานจะเข้ามั้ยคุณพิษ ส่วนคินทำตัวลับๆ ล่อจิงด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-03-2019 13:11:12
อ้าวนายมีพิษทำไมทำงี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-03-2019 17:34:59
อีกละ อิคุณพิษ หาเรื่องให้บู้บี้คิดมากได้ทุกวัน / คิน มาสอดแนมอะไรหรือเปล่า? จะทำให้บู้บี้ลำบากอีกไหมอ่ะ สงสารนุ้งอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-03-2019 19:08:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 10-03-2019 19:49:54
เราจะทำอย่างไร ให้ไรท์มาอัพต่อเร็วๆ..
ฮือออ..
คิดถึงน้อนอัยย์ แย้วววว..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 10-03-2019 21:19:58
หนีไปอัยย์ เจ้าคนนี้มันน่ากลัว ไว้ใจไม่ได้

 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 10-03-2019 22:08:58
คนเขียนอย่าเพิ่งป๊ายยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 10-03-2019 22:27:07
เดี๋ยวบี้บู้ชั้นคิดมากอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Fonjae333 ที่ 11-03-2019 15:23:28
อย่าทำร้ายจิตใจน้องนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 11-03-2019 21:49:32
อคินดูมีพิรุจแปลกๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 12-03-2019 08:48:46
 :katai3: :katai1: :katai1:
โอ๊ยยยย​ยยยย... สงสารน้อง...

อย่าเพิ่งเสียใจไปก่อนเน้อ....
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่17 10/3/62 p10
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-03-2019 21:54:05
 สงสารน้องอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-03-2019 02:05:53
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 18



 

 

 

 

 

 

            “เธอทำอะไรน่ะ”  พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องน้ำ จ้องเขม็งไปที่แขกไม่ได้รับเชิญซึ่งยังไม่กลับออกไปจากห้องพักของเขา  “ฉันบอกให้ออกไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

            หญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงสดหน้าเสีย  ซ่อนมือไว้ด้านหลังเพื่อแอบวางโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มคืนที่เดิมทว่ามือสั่นจนโทรศัพท์เครื่องนั้นตกลงบนพื้น  เจ้าของโทรศัพท์ขมวดคิ้วฉับ  ก้าวพรวดเดียวมาประชิดตัว

            “เธอคิดจะทำอะไร”  นักการเมืองหนุ่มถามเสียงแข็ง  มือใหญ่จับที่ข้อมือของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนเธอนิ่วหน้า

            “โทรศัพท์ของคุณดังตอนที่ฉันกำลังจะกลับออกไป  ฉันก็เลยจะรับให้...ปล่อยนะคะ  ฉันเจ็บ”

            “คิดจะสอดแนมฉันเหรอ  เธอเป็นคนของพรรคไหน  บอกมานะ ...จะบอกดีๆหรือจะต้องให้ใช้กำลัง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเย็นเยียบพอๆกับแววตาคมฉาบ  คนมองตัวสั่นหน้าซีดเผือด  “..ไม่บอกงั้นหรือ?”

            “ฉันไม่ได้จะสอดแนมนะคะ  มีคนโทรเข้ามาฉันก็เลยหวังดีจะรับสายให้เท่านั้นเอง”  เธอพูดตะกุกตะกัก  “ให้ฉันกลับออกไปเถอะค่ะ”

            “คิดว่าคนที่ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวของฉันจะได้กลับออกไปง่ายๆหรือ”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสเธอกลับออกไปแล้วแท้ๆ  บอกมานะว่าเมื่อกี้เธอจะทำอะไร”  เขาบีบข้อมือของอีกฝ่ายแรงขึ้น

            “มีคนโทรเข้ามาจริงๆนะคะ  ฉันแค่กดรับสาย”

            พิชช์ฌานละสายตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ  มีสายโทรเข้ามาจริงๆ ...รายชื่อที่ปรากฏบนจอทำให้ความโกรธเกรี้ยวพุ่งสูงกว่าเดิมฉับพลัน

            “เธอกดรับสายงั้นเหรอ”  เขาถามเสียงต่ำในลำคอ

            “ชะ..ใช่ค่ะ  ฉันแค่รับสาย”

            “แล้วเธอบอกว่าอะไร”  เสียงของเขาแทบจะกลายเป็นเสียงคำราม  หญิงสาวร้องโอดโอยพยายามจะดึงข้อมือออกจากการบีบเค้น

            “ฉันไม่ได้บอกอะไร  แค่บอกว่าคุณ..โอ๊ย..คุณอยู่ในห้องน้ำ”

ชายหนุ่มลากข้อมืออีกฝ่ายมาที่ประตูแล้วเปิดออก  ส่งเธอให้ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก  “เธอยุ่งกับโทรศัพท์ของฉัน  ฝากจัดการด้วย”  เขาพูดเสียงเหี้ยม

            “เดี๋ยวนะคะ  ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”  หญิงสาวที่ประธานบริษัทจัดมา ‘สมนาคุณ’ ให้เขาคืนนี้ร้องโวยวาย  พิชช์ฌานปรายตามองด้วยหางตา  “ฉันบอกเจ้านายของเธอไปแล้วว่าฉันไม่ต้องการใคร  แต่เขาก็ยังไม่ฟังกัน  ที่ผ่านมาฉันคงใจดีมากเกินไป  ปล่อยให้พวกเขาถลุงเงินของฉันไปกับอะไรพวกนี้....จัดการซะ”  ประโยคหลังเขาบอกลูกน้องที่ก้มศีรษะรับคำแล้วก็ลากหญิงสาวลงไปจากชั้นสูงสุดของโรงแรม

            เสียงกรี้ดยังดังติดหูแต่พิชช์ฌานไม่ได้สนใจ  ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพัก  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกเบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามาเมื่อกี้นี้

            เดินกลับไปกลับมารอสายอยู่พักใหญ่  ฝ่ายนั้นก็ไม่รับจนกระทั่งขึ้นสัญญาณให้ฝากข้อความ  ชายหนุ่มวางสายแล้วกดโทรออกใหม่อีกรอบ  ผ่านไปเจ็ดรอบเขาก็ถอนหายใจเฮือก  อีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว

            ...ให้มันได้อย่างนี้   เขาคิดในใจอย่างหงุดหงิด  เปลี่ยนเป็นกดโทรหามือขวาคนสนิทแทน

            เจนภพกดรับสายแทบจะทันที

            “ครับคุณฌาน”

            “คุณอัยย์อยู่ไหน  นอนหรือยัง”  เขากรอกเสียงลงไป

            “น่าจะนอนแล้วนะครับ  ผมเห็นเข้าห้องนอนเงียบไปแล้วตั้งแต่เมื่อกี้  คุณอคินทร์ก็กลับไปแล้วด้วยครับ”

            “ไปเคาะเรียกเขามาคุยกับฉัน”  พิชช์ฌานสั่งห้วนๆ  “เดี๋ยวนี้เจนภพ”

            “นี่ก็ดึกแล้ว..”

            “ไปตามเขามา”  พิชช์ฌานพูดเสียงเฉียบขาดอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก

            ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดตามด้วยเสียงเคาะประตูเรียกจากปลายสายอยู่หลายครั้ง  ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาให้ได้ยินเลย

            “คุณอัยย์น่าจะหลับไปแล้วนะครับ  ไม่เห็นตอบเลย  ล็อคห้องด้วย”

            “พังประตูเข้าไป”

            “อะไรนะครับ  พังเข้าไปเลยเหรอครับ”  เจนภพตกใจ  “ให้ผมไปหากุญแจ...”

            “กุญแจที่เหลืออยู่ที่ฉัน”  พิชช์ฌานพูดอย่างหงุดหงิด  “บอกให้พังเข้าไปไงเจนภพ  ต้องให้พูดซ้ำเหรอ”

            “ครับท่าน”  เจนภพไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก  กระแทกประตูเสียงดังปังใหญ่  พิชช์ฌานยืนถือสายรออยู่ครู่หนึ่งกว่าประตูห้องจะเปิดออกตามด้วยเสียงโครมและเสียงร้องโอย  “โอย...คุณอัยย์เป็นอะไรไหมครับ”  เสียงเจนภพพูด

            “เกิดอะไรขึ้น  อัยย์เป็นอะไร”  พิชช์ฌานหูผึ่ง

            “คุณอัยย์มาเปิดประตูพอดีครับ  ผมเลยหน้าทิ่มเข้าไปในห้อง”  เจนภพพูดหอบๆ  “คุณอัยย์ไม่เป็นอะไรครับ....คุณฌานถือสายอยู่  คุยกับคุณฌานหน่อยนะครับ”  เสียงมือขวาพูดแว่วๆ  พิชช์ฌานพยักหน้าอย่างพอใจ

            “อัยย์  ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน”  เขาพูดเสียงดัง

            “คุณอัยย์ครับ  คุณฌานจะคุยด้วยครับ  คุณอัยย์”  เจนภพร้องเรียก  “คุณฌานครับ  คุณอัยย์เดินหนีไปนอนแล้วครับ”

            พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

            “เปิดกล้องซิเจนภพ  แล้วเอาไปให้เขา  ถ้าเขาไม่รับก็วางบนผ้าห่มหรือหมอนเขาไปเลย”

            “แต่ว่า...”  เจนภพอ้ำอึ้งอย่างเกรงใจ  พอเจ้านายขมวดคิ้วสั่งมาอีก  เขาถึงได้ย่องเข้าไปใกล้ร่างโปร่งบางที่นอนตะแคงหันหลังให้อยู่นั้น  “คุณอัยย์ครับ  ผมขอโทษนะครับ”  ชายหนุ่มพึมพำ  วางโทรศัพท์ของตัวเองลงบนหมอนใกล้ๆกับที่ศีรษะกลมหนุนอยู่  “คุยกับคุณฌานหน่อยนะครับ”

            “จับโทรศัพท์ตั้งขึ้นซิเจนภพ  ให้มันหันไปทางเขาหน่อย  ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเพดานห้อง”  เสียงพิชช์ฌานโวยวายมาตามสายอีก  เจนภพลอบถอนหายใจ  เอื้อมมือไปจัดโทรศัพท์ใหม่ให้ตั้งขึ้นพิงกับหัวเตียง   

            “ขอโทษนะครับคุณอัยย์  คุณฌานเขาบังคับผม..”

            “นายออกไปจากห้องนอนฉันได้แล้วเจนภพ  ไว้ฉันจะเรียกอีกที”  คนปลายสายไล่เขาออกจากห้องดื้อๆ  เจนภพเลยจำต้องถอยออกมาจากห้องนอนนั้น  ทิ้งโทรศัพท์มือถือของตนเองเอาไว้ตรงหัวเตียงพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายที่กำลังจ้องไปที่ด้านหลังศีรษะของคนที่นอนอยู่เขม็ง

            ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่  แต่เดาเอาจากท่าทางของคุณอัยย์กับท่าทางร้อนรนกว่าปกติของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านแล้วก็คงไม่แคล้วทะเลาะกันอีก  ทะเลาะกันอยู่ได้ไม่เบื่อบ้างหรือไง บางทีเจนภพก็อยากจะถามเจ้านายเหมือนกัน...

            “อัยย์  หันมาคุยกันก่อนสิ  ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่หลับ”  พิชช์ฌานพูดกับศีรษะทุยที่เห็นในหน้าจอโทรศัพท์  “อาคิราห์  เมื่อกี้เธอโทรมาหาฉันใช่ไหม”

            “...........”  เงียบกริบ  คนที่นอนอยู่ก็ยังนอนอยู่อย่างเดิม

            “คนที่รับสายเขาคุยกับเธอว่าอะไร”  พิชช์ฌานถามต่อมาอย่างไม่ย่อท้อ  “พอดีตอนนั้นฉันอยู่ในห้องน้ำเลยไม่ได้ออกมารับสาย  ไม่นึกด้วยว่าจะมีคนรับแทน  ฉันให้เขาออกไปจากห้องตั้งนานแล้วนะ”   ชายหนุ่มพูดกับเส้นผมสลวยที่เห็นผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ

            “................”

            “หันมาฟังกันก่อนสิ  ฉันรู้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดใช่ไหมล่ะ  เขาแค่จะเข้ามาบริการฉัน...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ  แบบว่า...มาทำความสะอาดน่ะ  เขาเป็นแม่บ้านของโรงแรม”  ชายหนุ่มขยับตัวแล้วพูดเร็วขึ้น  ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากโกหกเท่าไหร่  แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นถูกส่งมาปรนนิบัติเขาโดยเฉพาะ  เกรงว่าพูดออกไปแล้วจะยิ่งไปกันใหญ่  ทั้งๆที่เขาไล่หล่อนออกไปจากห้องตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ  “อัยย์  เธอโกรธฉันเหรอ  ถ้าเธอไม่หันมาแสดงว่าเธอโกรธฉันนะ”

            อาคิราห์ไม่หันมา

            “โอเค  เธอโกรธฉัน  ฉันรู้ว่ามันก็ชวนเข้าใจผิด  แต่เธอต้องเชื่อฉันนะว่ามันไม่มีอะไรเลย  ไม่เชื่อเธอหันมาดูสิ  ในห้องฉันไม่มีใครเลย  ฉันอยู่คนเดียว”  พิชช์ฌานถือโทรศัพท์ไปรอบๆห้อง  “เห็นไหม  เธอไม่ยอมหันมาดูก็ไม่เห็นหรอกนะ”

            คราวนี้อีกฝ่ายขยับตัว  เจ้าโอเมก้าดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว

            “อัยย์  เธออย่าเพิ่งคลุมโปงสิ  ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรจริงๆนะ  ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อเนี่ย”  พิชช์ฌานอุทานอย่างงุ่นง่าน

            อาคิราห์สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  เอื้อมมือลอดผ้าห่มออกไปจับโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นคว่ำลงกับที่นอน  เสียงโวยวายของนายพิษฌานดังลอดออกมาอู้อี้

            “เธอเปิดกล้องนะอัยย์  เธอปิดกล้องเหรอ  เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ  อาคิราห์”  ฝ่ายนั้นพูดอะไรต่อมายาวเหยียดฟังไม่ได้ศัพท์จนสุดท้ายก็วางสายไปเอง  อาคิราห์ดึงผ้าห่มลงพลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมากดปิดเครื่องแล้วลุกขึ้นเอาไปวางเอาไว้ข้างนอกประตูห้อง

            เจนภพยืนสงบนิ่งเฝ้ารออยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มถามขึ้นทันที

            “คุณอัยย์คุยกับคุณฌานเสร็จแล้วหรือครับ”

            “ใช่  โทรศัพท์ของคุณแบตหมดน่ะ”  อาคิราห์บอกเรียบๆ  “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ  ขอบคุณมากนะ”  เจนภพรับโทรศัพท์คืนกลับไปแล้วก้มหัวให้

            อาคิราห์กลับมานอนสงบจิตสงบใจบนเตียงต่อ  เจ้าโอเมก้ากำผ้านวมผืนโปรดเอาไว้แน่น  ฝืนหลับตานับแกะตัวที่หนึ่งถึงตัวที่แปดร้อยอะไรสักอย่างไปได้สามรอบก็หมดความอดทน  ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปข้างนอกห้องนอน

            .......................................................................................

            พิชช์ฌานรู้สึกหงุดหงิดจนแทบจะทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกมาจากหนังศีรษะอยู่ร่อมร่อ  เวลาตีสองกว่าไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะเดินทางกลับเลยให้ตายสิ  ตอนนี้เขาควรจะนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์  ไม่ก็ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มรสเลิศให้สมกับการเจรจาทางธุรกิจที่สำเร็จลงด้วยดีไม่ใช่หรือ

            ชายหนุ่มกดโทรหามือขวาคนสนิทอีกรอบ  รอสายอยู่ครู่หนึ่งเจนภพก็กดรับ

            “ครับคุณฌาน”

            “นายปิดเครื่องทำไม  ฉันโทรไปตั้งหลายรอบทำไมไม่รับ  แล้วนี่คุณอัยย์ยังนอนอยู่หรือเปล่า”

            “อ้าว  ผมนึกว่าพวกคุณคุยกันแล้ว”  ลูกน้องอุทานงงๆ  “เมื่อกี้แบตโทรศัพท์ผมหมดน่ะครับ  เพิ่งเอามาชาร์จ  คุณอัยย์เข้านอนไปนานแล้วครับ”

            “ไปดูอีกทีซิ”

            “นั่นคุณฌานอยู่ที่ไหนครับ  ทำไมเสียงคนเยอะจัง”

            “ฉันอยู่สนามบิน”   พิชช์ฌานตอบกลับมาเสียงห้วน  “อีกชั่วโมงให้ใครส่งรถไปรับที่สนามบินด้วย”

            “คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”  มือขวาอ้าปากค้าง  “นั่งเครื่องกลับมางั้นหรือ”

            “ใช่  ไม่ต้องถามมาก  ขึ้นไปดูคุณอัยย์ซิว่ายังอยู่หรือเปล่า”

            “ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น  คุณมีประชุมพรุ่งนี้ต่ออีกวันไม่ใช่หรือครับ”  เจนภพท้วงอย่างงุนงง  ปกติพิชช์ฌานไม่ใช่คนที่จะทิ้งการประชุมสำคัญมาได้  โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องเงินทุนสนับสนุนพรรคด้วยแล้วล่ะก็

            “เลื่อนไปก่อน  ฉันติดธุระสำคัญ”

            “มีอะไรสำคัญกว่างบประมาณพรรคอีกเหรอครับ”   เจนภพแกล้งถาม  พอจะปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ลางๆ

            “อย่าถามเซ้าซี้   รีบขึ้นไปดูซิว่าคุณอัยย์ยังนอนอยู่มั้ย  ถ้ายังอยู่ก็เฝ้าเอาไว้ด้วย  จะนอนหน้าห้องไปเลยก็ได้  อย่าให้เขาไปไหนจนกว่าฉันจะกลับถึงบ้านเข้าใจมั้ย  เดี๋ยวฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว  เร็วๆ”  อีกฝ่ายเร่งมา

            เจนภพเดินขึ้นบันไดไปจนถึงหน้าห้องนอนใหญ่  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเคาะประตูหน้าห้องเบาๆ  ไม่มีเสียงตอบกลับมาเหมือนเดิม  เขาเลยถือวิสาสะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก  อาคิราห์ไม่ได้ล็อคห้องเอาไว้เหมือนครั้งแรก

            ภายในห้องนอนว่างเปล่า  เตียงที่เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าพันม้วนนั้นไม่มีเงาของร่างโปร่งบางนอนขดตัวอยู่  เจนภพใจหายวาบ  รีบโทรกลับไปหาเจ้านาย

            “คุณฌานครับ  คุณอัยย์ไม่ได้อยู่ในห้องครับ”

            พิชช์ฌานเบิกตากว้าง  หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความตกใจตามด้วยอารมณ์โกรธจัด  เขาด่าลูกน้องไปหลายคำจนเจนภพหัวหดรีบกลับลงมาข้างล่างเพื่อตามหาเจ้าโอเมก้าที่หายไป

            “...ไปดูกล้องวงจรปิดซะ  ถ้าฉันกลับไปถึงแล้วไม่เจออาคิราห์ล่ะก็  พวกนายเตรียมตัวตกงานได้เลย...”   เสียงเจ้านายดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างกราดเกรี้ยวตามด้วยเสียงสบถหลายคำอย่างที่เจนภพไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก  ดูเหมือนฝั่งพิชช์ฌานจะต้องวางสายแล้วเพราะเครื่องบินกำลังจะขึ้น  นักการเมืองหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้ว่าให้รีบหาตัวอาคิราห์ให้เร็วที่สุดก่อนจะตัดสายไป

            เจนปวดขมับทั้งสองข้างเหมือนมีมือมาบีบแรงๆ  ชายหนุ่มหัวหมุนวิ่งวุ่นเข้าไปดูวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ทั่วบ้านยกเว้นห้องนอนกับห้องทำงานส่วนตัวของคุณพิชช์ฌาน   นั่งเพ่งจอมองหาร่างโปร่งบางเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย   จะสนามหญ้าข้างนอกหรือสระว่ายน้ำก็เห็นแต่เงาคนของเขาที่ออกเดินตามหากันให้วุ่น

            “เหลือที่เดียวแล้ว  ฉันจะเข้าไปดูในห้องทำงานของคุณพิชช์ฌาน”  เจนภพพูดเรียบๆ  หมุนตัวเดินออกมาจากห้องนั้นตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเจ้านาย  เปิดประตูเข้าไปดูข้างในห้องนั้นมืดสนิท  พอเปิดไฟก็สว่างโล่งไร้เงาของใคร

            “หายไปไหนของเค้าเนี่ย”  ชายหนุ่มอุทานอย่างร้อนใจ

            คนที่นั่งกำมือแน่นมาตลอดทางบนเครื่องบินก็กำลังคิดอยู่ในใจด้วยคำถามเดียวกัน  พิชช์ฌานรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการเดินทางโดยเครื่องบินมันช่างชักช้าไม่ทันใจเอาเสียเลย  เขานั่งเคาะนิ้วกับที่นั่ง  ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

            อย่างแรกคือเขาจะต้องจับตัวเจ้าบู้บี้มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน  อุตส่าห์โทรไปหาดันวางสายใส่แบบนี้ใช้ไม่ได้เลย  เกิดมายังไม่เคยมีใครวางหูใส่พิชช์ฌานคนนี้เลยด้วยซ้ำ   ...ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น  เจ้าตัวจะเชื่อเขาไหมนะ  หรือว่าจะนั่งร้องไห้โวยวายเพราะหึงหวงเขากัน  ...พอคิดมาถึงตรงนี้  เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ..หึงหวงงั้นหรือ  เจ้าบู้บี้หึงเขาสินะ

            หึๆ  ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่  ใครต่อใครที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาล้วนแต่มีความรู้สึกหึงหวงเกิดขึ้นทุกครั้ง  เป็นเพราะพิชช์ฌานเป็นบุคคลที่มีค่า สมควรแก่การหวงเอาไว้ในครอบครองเพียงผู้เดียว  เรื่องนี้เขาก็พาจะเข้าใจได้อยู่หรอก  เพียงแต่ไม่นึกว่าเจ้าโอเมก้าจะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาเข้าเสียแล้วนี่สิ  น่ารำคาญชะมัด 

          อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่พวกที่ชอบอธิบายแก้ไขความเข้าใจผิดของใครเสียด้วย  แต่คราวนี้เห็นว่ามันเกินไปจริงๆ  คนอย่างอาคิราห์คงไม่ยอมฟังใครง่ายๆแน่  ป่านนี้คงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งคิดว่าเขามีคนอื่นไปแล้วมั้ง   ครั้นจะปล่อยให้เข้าใจไปอย่างนั้นก็ไม่ได้อีก

            ขี้เกียจมานั่งฟังคนฟูมฟาย  เผลอๆเดี๋ยวอดข้าวประท้วงจนเศษขนมเกลื่อนห้องยิ่งแล้วใหญ่  แถมตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดจริงตามที่อีกคนเข้าใจผิดด้วย

            จะว่าไปก็ประสาท...แค่ผู้หญิงรับสายเอง  ทำไมต้องทำถึงขั้นปิดเครื่องไม่ยอมคุยกับเขาด้วยฮึ  ดีนะที่เขามีเครื่องบินส่วนตัวถึงได้สามารถบินกลับมาเคลียร์ได้ทันทีแบบนี้

            “ใกล้ถึงแล้วครับคุณฌาน”  ลูกน้องกระซิบบอก  พิชช์ฌานพยักหน้ารับ  กำที่วางแขนเอาไว้แน่นพลางสวดมนต์ในใจ   เขาไม่เคยชอบตอนที่เครื่องบินกำลังลดระดับเลย  พูดให้ถูกก็คือ...เขาไม่เคยชอบตอนเครื่องบินขึ้นลง  จะเรียกว่าเกลียดก็ได้

            ถ้าเป็นไปได้  พิชช์ฌานจะยอมนั่งรถเป็นสิบๆชั่วโมงยังดีกว่านั่งเครื่องบิน  ต่อให้เป็นเครื่องบินเจ็ทสุดหรูอย่างนี้ก็เถอะ ...แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้  เพราะเขาเก็บอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนทุกครั้งที่เครื่องขึ้นลงเอาไว้มิดชิด


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-03-2019 02:06:56






             เจนภพส่งคนมารับที่สนามบินแล้วเรียบร้อย  ข่าวแรกที่พิชช์ฌานได้รับก็คือฝ่ายนั้นยังหาตัวอาคิราห์ไม่เจอ  นักการเมืองหนุ่มกัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้น 

            “พาฉันกลับบ้านให้เร็วที่สุด  เจนภพคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาคิราห์หายไป”  ชายหนุ่มพูดเสียงต่ำในลำคอ

            ถ้าเขาสามารถหายตัวได้แบบผู้วิเศษในเทพนิยายก็คงจะดีไม่น้อย  พิชช์ฌานคิดในใจ  ถ้าจะให้ดีก็ควรมีตาทิพย์ด้วยเสียเลย  จะได้สามารถมองเห็นได้ว่าตอนนี้อาคิราห์ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว

            ชายหนุ่มก้าวพรวดออกมาจากรถทันทีที่จอดเทียบหน้าบ้าน  รีบเดินจ้ำเข้าไปข้างใน  มือขวาคนสนิทยืนรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

            “เจอหรือเปล่า”

            “ไม่เจอเลยครับ  กล้องวงจรปิดก็เห็นแค่เดินลงบันไดมาชั้นล่าง  หลังจากนั้นไม่เห็น”

            “บ้านหลังแค่นี้จะไปไหนได้”  พิชช์ฌานพูด  เดินขึ้นบันไดที่ละสามขั้นไปยังชั้นบน  เปิดเข้าไปสำรวจในห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก  เตียงว่างเปล่าไร้เงาคน  ห้องน้ำก็โล่ง  ตู้เสื้อผ้าที่ประจำก็ไม่มีใครแอบอยู่ในนั้น

            เปิดดูห้องต่างๆก็ไม่เจอ  พิชช์ฌานเริ่มจะร้อนใจขึ้นมาจริงๆ  ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดสันจมูกไปมา

            “เดี๋ยวผมจะไปดูแถวโรงรถอีกทีนะครับ  ไม่แน่คุณอัยย์อาจจะพยายามหารถออกไป”

            “อาคิราห์ไม่ขับรถ”  ชายหนุ่มว่า  “เธอไปดูในครัวหรือยัง  เขาอาจจะลงไปหาอะไรกิน”

            “ไปดูแล้วครับ  ไม่เจอเลย  คนครัวก็บอกว่าคุณอัยย์ไม่ได้ลงมา”

            “ป้านิ่มล่ะ  ป้านิ่มเห็นอัยย์ไหม”

            “คุณป้านิ่มนวลนอนหลับไปแล้วครับ  ผมไม่ได้ปลุก”  เจนภพพูด  คนฟังเบิกตาโพลงดีดนิ้วเปาะ

            “ไปห้องป้านิ่มกัน  ฉันว่าเขาอยู่ที่นั่น”  พิชช์ฌานเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ้านที่เป็นห้องส่วนตัวของป้าแม่บ้านเก่าแก่โดยเฉพาะ  ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องพักนึง  นิ่มนวลก็เดินออกมาเปิดรับ

            “ป้านิ่ม  ผมขอโทษที่ต้องรบกวนกลางดึกนะครับ”  พิชช์ฌานรีบออกตัวเพราะความเกรงใจแม่บ้านอาวุโส  “แต่ว่าผมมีเรื่องอยากถาม  ป้าเห็นคุณอัยย์บ้างไหมครับ”

            “คุณอัยย์หรอคะ  ป้าไม่เห็นเลยค่ะ”  นิ่มนวลปฏิเสธทันควัน  พิชช์ฌานคงจะเชื่อถ้าไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูใจเย็นมากไปจนผิดสังเกต  ทุกทีถ้าเป็นเรื่องของอาคิราห์  อีกฝ่ายจะต้องตื่นตระหนกมากกว่านี้

            “ป้าไม่เห็นแน่นะครับ”  ชายหนุ่มถามย้ำ

            “ไม่เห็นเลยค่ะ  ป้าไปนอนก่อนนะคะ”  หญิงวัยกลางคนตัดบท  ทำท่าจะดึงประตูปิดทว่าเจ้านายหนุ่มกลับรั้งเอาไว้

            “ป้านิ่มไม่เห็นเขาแน่นะครับ”  ดวงตาคมหรี่ลง  อีกฝ่ายอึกอักหลบตาเขาทันที  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มเอื้อมมือไปจับต้นแขนของเธอเอาไว้  “ป้าไม่เห็นเลยเหรอ  ผมตามหาเขาจนทั่วบ้านแล้ว  หรือว่าจะแอบหนีออกไปข้างนอก”

            “อาจจะหนีไปข้างนอกแล้วมั้งคะ  คุณฌานลองไปดูในสวนสิ”

            “ในสวนงั้นหรอครับ”  ชายหนุ่มถาม  “ป้ามาช่วยผมหาได้ไหม  เผื่อจะได้เจอ”

            “วุ้ย...ดึกแล้วค่ะ  ป้าแก่แล้วขอนอนพักผ่อนก่อนเถอะ”  นิ่มนวลทำท่าจะกลับเข้าไปในห้องอีกรอบ  พิชช์ฌานรีบพูดต่อ

            “ก็ได้ครับ  ขอโทษที่รบกวนป้านะ  เดี๋ยวผมไปลองหาเขาในสวนแล้วกัน”  ชายหนุ่มพูดเสียงดังแล้วก้มลงกระซิบข้างหูแม่บ้านของตน  “ผมรู้นะว่าเขาอยู่ข้างใน”

            คนฟังรีบส่ายหน้าหวือ

            “คุณอัยย์ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”  เธอพูด  “ไม่มีจริงๆ”

            “ป้าเป็นแม่บ้านของผมหรือเปล่าเนี่ย”  ชายหนุ่มโอดครวญ  “ทำไมถึงช่วยเขามากกว่าผมล่ะ”

            “ป้าช่วยคนที่น่าช่วยค่ะ”  นิ่มนวลกระแทกเสียงเล็กน้อย

            “เป็นพวกคุณอัยย์เต็มตัวเลยสินะ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกเคาะอย่างหมั่นไส้  “ใช่สิ  ผมมันไม่น่าเอ็นดูอย่างเขานี่”

            “แสดงว่าคุณเองก็รู้ว่าคุณอัยย์น่าเอ็นดูนี่คะ  แล้วทำไมถึงทำให้เธอเสียใจล่ะ”  นิ่มนวลพูดเนิบๆ  “ถึงจะเพิ่งเจอได้ไม่นาน  แต่ป้าก็รักคุณอัยย์เหมือนลูกนะคะ  จะมาทำให้ลูกป้าเสียใจ  ป้าไม่ยอมหรอกนะ”

            “โธ่  ให้ผมได้อธิบายกับเขาก่อนเถอะครับ  มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลย”

            “จะเป็นแบบไหนป้าก็ไม่สนหรอกค่ะ  รู้แต่ว่าคุณน่ะใจร้ายมากคุณฌาน”  นิ่มนวลเน้นเสียง  “ถ้าป้าไม่เคยเลี้ยงคุณมาตั้งแต่เล็กๆป่านนี้ป้าคงไล่ตีคุณไปแล้ว”

            “ป้านิ่ม...ให้ผมได้คุยกับเค้าหน่อย  นะครับ...ช่วยผมนะ”  พิชช์ฌานทอดเสียงอ่อน  ยกมือของผู้อาวุโสกว่าขึ้นมาแนบแก้มของตัวเองเหมือนสมัยเด็กๆที่เคยทำเวลาอ้อนขออะไรจากพี่เลี้ยง  “ขอแค่ครั้งเดียว”

            “ปล่อยเถอะค่ะ  ป้าเห็นว่าพวกคุณควรจะเคลียร์กันให้เรียบร้อยนะคะถึงได้ช่วย  แต่ถ้าคุณทำให้คุณอัยย์ร้องไห้อีกล่ะก็...”  เธอเว้นที่ว่างเอาไว้ให้เติมเอาเอง  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

            “เขา...ร้องไห้หนักหรอครับ”

            “เข้าไปดูเอาเองเถอะค่ะ”  นิ่มนวลเบี่ยงตัวหลบให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง  พิชช์ฌานกวาดตามองรอบห้องสี่เหลี่ยมที่กั้นเอาไว้เป็นส่วนๆด้วยฉากไม้ฉลุสวยงาม  ทุกมุมตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสะอาดไร้ฝุ่นสมกับเป็นห้องพักของแม่บ้านมือทอง

            มุมลึกสุดของห้องกั้นด้วยฉากไม้น่าจะเป็นเตียงนอน  ชายหนุ่มจรดปลายเท้าเข้าไปจนถึงฉากกั้น  ชะเง้อมองผ่านเข้าไปข้างในก็เห็นร่างโปร่งบางของคนที่ตามหาอยู่นอนคว่ำอยู่บนเตียง  มีหมอนใบใหญ่ทับอยู่บนท้ายทอย

            “เค้ากลับไปแล้วใช่ไหมครับ”  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากใต้หมอนที่พิชช์ฌานจำได้ว่าเป็นหมอนของเขา  ชายหนุ่มไม่ตอบ  ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง

            อาคิราห์เอะใจทันที  รีบดึงหมอนออกหันขวับกลับมามองหน้าคนมาใหม่  เป็นเวลาเดียวกับที่พิชช์ฌานคว้าข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แล้วล็อคหมับ

            “เห้ย  คุณทำอะไร  ปล่อยผมนะ  โอ๊ย...อย่า  มันจั๊กจี้”   เจ้าโอเมก้าร้องลั่นเพราะอีกฝ่ายเล่นเกาฝ่าเท้าของเขาแบบไม่เปิดโอกาสให้ดิ้นหนีไปไหน  “ปล่อยผมนะ  ไอ้พิษฌานบอกให้ปล่อยไง”

            “บอกให้คุยกันดีๆไม่ชอบก็ต้องโดนแบบนี้ล่ะ”  พิชช์ฌานจับข้อเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว  ส่วนอีกข้างก็จี้เส้นจนร่างโปร่งบางทิ้งพลิกตัวดิ้นไปมา  “จะคุยกันได้หรือยัง  หรือว่ายังไม่ยอมฟังอีก”

            “ปล่อยผม โอย  ฮ่าๆ  ปล่อยผมเถอะ”  อาคิราห์น้ำตาคลอด้วยความจั๊กจี้   ออกแรงยกหมอนใบใหญ่ขึ้นทุ่มใส่อีกคนเต็มแรง  พิษฌานร้องอุทานปล่อยมือจากเท้าของเขาโดยปริยาย  อัยย์รีบดึงตัวลุกขึ้นยืนเตรียมเผ่นออกมาจากห้องนอนเล็กๆแคบๆนั้น

              อีกฝ่ายรู้ทันคว้าเอวเอาไว้ได้  ดึงทีเดียวร่างโปร่งบางก็เซแซ่ดลงมานั่งบนตักของนักการเมืองหนุ่ม  อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวพยายามแกะมือที่ล็อครอบเอวของเขาออก

            “ปล่อยผม”   ทั้งหยิกทั้งตีลงบนหลังมือใหญ่นั้นไม่ยั้ง  แต่อีกคนก็ดูจะไม่สะดุ้งสะเทือนเอาเลย  “ไอ้พิษฌานจะทำอะไรอีก”

            “สรุปพูดไอ้ไปกี่คำแล้วนะ  จำที่เราเคยตกลงกันได้หรือเปล่า”

            “จำไม่ได้”  อาคิราห์ดิ้นเต็มแรงทว่าคนข้างหลังกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวจนแทบจะหมดทางหลุดรอดออกจากตัก  ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารดอยู่ที่หลังคอและพวงแก้มชวนขนลุก

            “ให้ฉันทวนความจำไหม”  พิชช์ฌานกระซิบกับผิวเนื้อนวลเนียน  ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เกิดเรื่องค่อยคลายไปเมื่อสัมผัสร่างที่อยู่ในอ้อมแขน  “แอบด่าในใจฉันก็นับนะ”

            “หยุดพูดแบบนี้ได้แล้ว  ปล่อยผมด้วย  คุณกลับมาทำไมไม่ทราบ  ทำไมไม่อยู่ที่นั่นกับ ‘เค้า’ ต่อล่ะ”  อัยย์เน้นเสียงโดยไม่รู้ตัว

            “ถ้าเธอหมายถึง ‘เค้า’ ที่รับโทรศัพท์แทนฉันล่ะก็  ฉันไล่ออกไปตั้งนานแล้ว  ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยสักนิด”   พิชช์ฌานพูดเสียงจริงจัง  “ฉันไม่ได้มีอะไรกับเค้านะอัยย์  เห็นฉันเป็นคนยังไง”

            “เป็นคนเลว”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ

            “โธ่  ทำไมเธอคิดงั้นล่ะ  ฉันไม่ใช่คนสำส่อนนะ  ไม่เชื่อลองดมดูก็ได้  ตัวฉันไม่มีกลิ่นแปลกปลอมแน่นอน  มีแต่กลิ่นหอมๆที่เธอชอบ”

            “ผมไม่ใช่หมา”  โอเมก้าตอบเสียงห้วน

            “โอเคไม่ใช่หมา  แต่เป็นตัวบู้บี้ไง”

            คนฟังเม้มปากแน่น

            “ในสายตาของคุณ ผมคงโง่มากสินะ  คิดจะหลอกยังไงก็ได้  ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมจะรู้สึกยังไง  ขอแค่คุณสมหวังที่ต้องการก็พอแล้ว...แบบนี้ใช่หรือเปล่า”

          พิชช์ฌานชะงัก  ท่าทางของอีกฝ่ายแปลกไป  อันที่จริงแล้วอาคิราห์ไม่ได้ร้องโวยวายเท่าที่ควรด้วยซ้ำ

            “เธอไม่ใช่คนโง่หรอกอาคิราห์”

            “ถ้าผมฉลาดจริงก็คงไม่แต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก”  อาคิราห์พูดเสียงเบา

            “แต่เธอก็แต่งแล้วนี่ จะมาคิดอะไรอีกล่ะ  อยู่กับฉันไม่สบายตรงไหน  อยากเจอพี่ชายฝาแฝดฉันก็จัดให้ได้สบายๆ  อยากทำอะไรก็แค่บอก  ถ้าเนรมิตได้ฉันก็ทำให้อยู่แล้ว”

            “คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่”  อัยย์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

            “เรื่องอะไร”  ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้พิชช์ฌานกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก

            “ที่ตรวจครรภ์อันนั้น”

            “เธอรู้แล้วงั้นหรือ”  นักการเมืองหนุ่มใจหายวูบ 

            “คุณไม่เคยคิดจะบอกผมสินะ”

            “ฉันแค่รอโอกาสเหมาะ”

            “โอกาสที่ว่าคือเรื่องสำคัญมากที่คุณบอกจะคุยกับผมใช่ไหม”   อาคิราห์ถามเสียงสั่น  “คุณจะบอกผมเรื่องนี้”

            “......”  พิชช์ฌานนิ่งเงียบ  ครุ่นคิดอย่างว้าวุ่น  ที่จริงเขายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวเลย  เขายังคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดี  แค่หวังว่าจะใช้เวลาสองสามวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคิดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง  แต่ก็ดันเกิดเหตุให้ต้องกลับมาตอบคำถามนี้เสียก่อน

            ไม่นึกว่าอาคิราห์จะรู้ความจริงแล้ว

            “อย่าปิดอีกเลยครับ  ผมรู้แล้ว”  อาคิราห์พูดต่อเรียบๆ  “เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่า...คุณต้องการจะทำยังไงต่อ  คือ...ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคนนั้นเป็นใคร  ใช่คนที่อยู่กับคุณเมื่อคืนนี้มั้ย”

            คิ้วเข้มขมวดมุ่น

            “เธอหมายถึงใคร”

            “เจ้าของที่ตรวจครรภ์อันนั้น”  อาคิราห์พูด  “ถ้าคุณกับเค้าจะมีลูกด้วยกัน  ผมก็พร้อมจะหลีกทางให้  ดังนั้น ...ช่วยหย่ากับผมเถอะครับ”

            ทั้งห้องเงียบกริบ  ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจหนักๆของผู้ชายที่กอดเอวเขาเอาไว้  อาคิราห์สบตาคมกริบคู่นั้นแวบเดียวแล้วก็เสมองไปทางอื่น   โอเมก้าสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกกำลังใจ

            “ผมลองมาคิดดูแล้ว  ผมไม่ชอบชีวิตแบบนี้เลย  ผมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆสักที  คุณเองก็กำลังจะมีลูก  คุณควรให้เกียรติภรรยาของคุณด้วย  เขาไม่ควรอยู่อย่างหลบซ่อน  ลูกของคุณก็เช่นกัน  ....ผมเองก็โตขึ้นมาแบบนั้น  มัน...ไม่มีความสุข  ผมรู้”  อาคิราห์ขอบตาร้อนผ่าว  พูดได้แค่นั้นก็รู้สึกริมฝีปากสั่นจนต้องกัดเอาไว้   เพียรกดภาพความทรงจำวัยเด็กที่ผุดแทรกขึ้นมาเป็นพักๆลงไป

            พิชช์ฌานมองหน้าคนพูดราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน  คำพูดของอาคิราห์เหมือนน้ำเย็นจัดที่สาดโครมใส่หน้าเขาเข้าเต็มๆโดยไม่ทันตั้งตัว  ขับไล่ความมืดมัวสับสนในใจทิ้งฉับพลันจนชายหนุ่มเองก็ตกใจกับความรู้สึกของตัวเองที่ปรากฏขึ้นชัดเจนราวกับว่ามันอยู่ตรงนั้นมาก่อนแล้ว

            หรือบางที...มันอาจจะอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก  เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยยอมรับ  ทำเป็นมองไม่เห็นความจริงที่ตั้งเด่นอยู่ทนโท่  ปกปิดความรู้สึกเหล่านั้นด้วยทิฐิและความเชื่อบ้าบอ  ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนอย่างเขาก็ไม่เคยเชื่อคำทำนายอะไรงมงายมาก่อน

            เพราะคำว่าอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์สูงส่งกับโอเมก้าที่ต่ำต้อยน่าอับอายทำให้เขามองข้ามอะไรบางอย่างไป  จนกระทั่งได้ยินคำพูดที่ออกมาจากหัวใจของคนที่เขาเคยเหยียดหยันว่าไม่คู่ควรแม้แต่จะอุ้มท้องลูกของเขา

            “เธอคงอยากไปจากที่นี่”

            “ใช่”

            “ฉันไม่ยอมให้เอาหมอนผ้าห่มหรือข้าวของของฉันติดตัวไปด้วยหรอกนะ”

            “ผมจะขอไปแค่ตามที่สัญญาระบุไว้”  คนพูดก้มหน้าลงต่ำ

            พิชช์ฌานลอบถอนหายใจยาว  อยากยกมือขึ้นเขกหัวใครสักคนไม่เขาก็อีกฝ่ายหนึ่งแรงๆสักที

            “ฉันไม่ได้รีบกลับมาคุยเรื่องหย่ากับเธอนะ”

            “ยังไงก็ต้องคุยเรื่องนี้  จะอีกหนึ่งปีหรือตอนนี้มันก็ค่าเท่ากัน”

            “เธออยากหย่ากับฉันเพราะเป็นห่วงเด็กที่ยังไม่เกิดคนนั้นงั้นหรือ”

            “ความจริงแล้วผมเป็นห่วงตัวเองมากกว่านิดหน่อย”  อาคิราห์ตอบตามจริง

            คนแก่กว่าหัวเราะเบาๆ  เสียงหัวเราะทุ้มๆสะเทือนผ่านมาถึงเขาที่นั่งพิงอกอีกฝ่ายอยู่  อาคิราห์ขยับตัว...ใจหนึ่งก็อยากดันตัวออกจากวงแขนที่โอบล้อมอยู่  แต่อีกใจก็อยากซุกตัวลงไปในอ้อมอกกว้าง  ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวแนบแน่นแบบนี้  ทดแทนความรู้สึกว่างเปล่าที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันโดยไม่ทราบสาเหตุ

            “ถ้าฉันจะให้เขาเอาเด็กออกล่ะ  เธอคิดว่ายังไง”

            “ไม่ได้นะ”  อัยย์รีบค้าน  “ถ้าคุณทำแบบนั้น  บาปจะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต  คุณจะใจร้ายทำลายชีวิตบริสุทธิ์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอเหรอ”

            “แต่ถ้าท้องไม่พร้อม..”

            “จะไม่พร้อมอะไรเล่า  คุณเองก็มีเงินตั้งเยอะแยะ  เลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้หรือไง  ผมก็จะหย่าแล้ว  คุณก็แต่งงานใหม่กับแม่ของลูกคุณซะแล้วก็รับเขาเป็นลูก  ไม่เห็นจะยากตรงไหน”

            “เธอคิดแบบนั้นแต่ก็ยืนยันจะหย่ากับฉันเหรอ”

            พิชช์ฌานถาม  วางคางลงกับกระหม่อมของอีกฝ่าย  ขยับมือที่โอบอยู่รอบเอวนั้นเข้าไปในชายเสื้อของอาคิราห์  ลูบลงบนหน้าท้องแบนราบนั้นเบาๆ

            “ใจคอเธอจะพรากลูกพรากพ่อเขาหรือไง”

            “ผมก็ไม่อยากพรากไง  ก็เลยคิดว่า....”   อัยย์หันกลับมาเถียงแล้วก็ชะงักกึก  มองหน้าคมเข้มนิ่งค้างเหมือนเห็นผี  ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

            “คิดว่า?”  คิ้วเข้มเลิกสูงพร้อมกับแววตาคมกริบที่มีรอยยิ้มขันๆ

            คนเด็กกว่าอ้าปากค้าง  ความคิดหนึ่งแล่นวาบขึ้นมาฉับพลัน  มันคือความคิดเดียวกับตอนที่เห็นชุดตรวจครรภ์อันนั้นครั้งแรก

            “ไม่จริง”  อาคิราห์กระซิบ  “ผมกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว”  ชายหนุ่มพึมพำซ้ำๆเหมือนสวดมนต์  “ครั้งแรกไม่ท้องไง  ครั้งแรกไม่ท้อง...ไม่ท้องๆ”

            “สงสัยเพราะน้ำยาดี”  พิชช์ฌานพูด  พยายามบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างยากลำบากไม่ให้ยิ้มกว้างมากเกินไป

            “ไหนคุณว่าไม่ท้องไง”  อาคิราห์ร้องออกมา  ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก  ที่แน่ๆคือไม่ใช่ความดีใจแน่ๆ  “คุณแกล้งหลอกอะไรผม  ผมไม่เชื่อหรอกนะ  ถ้าท้องผมต้องรู้สิ  ก็ผมเป็นเจ้าของร่างกายนี่”

            “นั่นสิ...แล้วรู้ยังล่ะ”  พิชช์ฌานรับหน้าตาเฉย

            “..............”  อาคิราห์พูดไม่ออก  เขาไม่ได้เตรียมตัวมารับฟังเรื่องนี้  ไม่เข้าใจด้วยว่าจากเรื่องผู้หญิงรับสายทำไมถึงกลายเป็นว่าเขาท้องได้  “นี่มันบ้าชัดๆ”

            “เธอคิดเหมือนฉันเปี๊ยบเลย  ตอนที่ฉันรู้ก็คิดแบบนี้แหละ”   นายพิษฌานพยักพเยิด

            “ผมจะเอาออก”

            “เมื่อกี้ใครพูดว่าไงนะ  บาปกรรมอะไรแว่วๆ”  อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ  อาคิราห์เพิ่งรู้ว่าหลงกลอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ  เขาทั้งตกใจและตื่นกลัวขึ้นมาจนน้ำตาคลอ

            “ไม่จริงใช่มั้ย  ผมไม่อยากอุ้มท้อง”  โอเมก้าพูดเสียงเครือ  ยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองแน่น  “ผมไม่เอา  ผมไม่พร้อม”

            “ใจเย็นๆก่อน  เธอก็พูดเองนี่ว่าฉันพร้อมจะเลี้ยงลูก”

            “คุณพร้อมก็เรื่องของคุณแต่ผม-ไม่-พร้อม”  อาคิราห์ดันแขนของอีกฝ่ายออกแล้วลุกขึ้นยืนตาขวาง  “ไม่งั้นคุณก็มาอุ้มท้องเองเลย”

            “ทำได้ก็ดีสิเจ้าบู้บี้   ตั้งสติหน่อย”

            “ผมจะไปห้องน้ำ”

            “นี่...ลูกเธอไม่ได้เอาออกง่ายๆแค่นั่งชักโครกหรอกนะ”   พิชช์ฌานรีบดักคอ

            “ผมรู้หรอกน่า  ผมจะไปล้างหน้า  เผื่อว่าผมฝันอยู่จะได้รีบๆตื่นซักที”  อาคิราห์กระแทกเสียง  “คุณก็ปล่อยมือผะ...”

            พูดไม่ทันจบ  ริมฝีปากสีสดตรงหน้าก็วูบเข้ามาสัมผัสกับริมฝีปากของเขา  อาคิราห์ผงะหนีได้นิดเดียว  เรียวปากนั้นก็ตามมาแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันอีก  พอจะอ้าปากหายใจ   ปลายลิ้นของอีกฝ่ายก็ส่งเข้ามาสำรวจโพรงปากของเขาแบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ           

            พิชช์ฌานดูดดึงริมฝีปากอิ่มเต็มคู่นั้นจนเริ่มบวมนิดๆ  เจ้าของริมฝีปากตอนนี้ยืนโงนเงนเงยหน้าหลับตาปี๋  ผิวแก้มเนียนนุ่มยามสัมผัสขึ้นสีระเรื่อน่าเอ็นดู  ปากแก้มคิ้วคางรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ถึงเขาจะชอบบอกว่าเจ้าตัวหน้าตาบุบบิบบู้บี้  แต่ความจริงแล้วนั้นกลับเป็นตรงข้าม

ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆแผ่กระจายผ่านเนื้อหัวใจราวกับสายน้ำเย็นฉ่ำรินไหล  ซึมลึกลงไปข้างในจนเขาเองก็ตกใจ

            เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

            บางที  มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องยอมรับ

            ....................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ขอบคุณทุกคนที่เปิดใจลองอ่านเรื่องนี้นะ  อิอิ

          #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Yui_Panitakarn ที่ 15-03-2019 02:29:09
นายพิชช์ฌาน นายไม่ค่อยหลงตัวเองเท่าไรเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2019 02:49:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-03-2019 03:14:42
 :hao3: หนูอัย โดนเค้าย้อนทุกประโยคเลยนะ

พร้อม-ไม่พร้อม เด็กก็มาแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 15-03-2019 07:33:39
โถ่ คุณชานขนาดบินกลับทิ้งประชุมได้ง่ายๆ ขนาดนี้แล้วนะคะ แต่เหมือนตอนท้ายจะคิดได้แล้วสินะ
ตลกตอนพาร์ทนั่งอยู่บนเครื่องแล้วจินตนาการว่าบู้บี้หึงตัวเอง หลงตัวเองจริงๆ สนุกมากกก รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-03-2019 08:28:26
 :o8:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 15-03-2019 08:38:44
เข้ามารอทุกวันครับ  :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-03-2019 09:42:51
โอ๊ยยยยย ดิฉันหมั่นใส้ความมั่นหน้าของคุณพิษฌาณมากค่ะคุณขา เดี๋ยวก็บอกรำคาญ เดี๋ยวก็บอกเบื่อ แต่หน้านี่ ขอโทษเถอะบานยิ่งกว่ากระด้งตากพริกหลังบ้านดิฉันอีก ดีใจที่คิดว่าเขาหึงก็พูดดด ดีใจที่คิดว่าเขางอนก็พูดดดด  นี่มาทำเป็นฟอร์ม เหม็นความเก๊กของท่านหัวหน้าพรรคมากค่ะ  55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 15-03-2019 09:44:44
ไรท์รีบมานะคะ..
ชอบมาเรื่องนี้..
อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่เข้าดูทุกวัน วันละหลายรอบ
อ่านวนไป..
รักนุ้นอัยย์...  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-03-2019 10:09:34
เอ็นดูก็เอ็นดู สงสารก็มากอยู่ อัยย์เอ้ยย
ทั้งหึงทั้งหวง ทั้งห่วง มีครบไปหมด แล้วยังคิดถึงด้วย
ถึงหับยอมโทรหาก่อน หวังได้ยินเสียง เป็นไงล่ะ
มานอนเน่า จมน้ำตาเฉยเลย

ฌาณถึงกับรีบกลับมาเลยนะ ทนไม่ไหวแล้วล่ะสิ
ความรู้สึกก็ชัดเจนมากด้วย ยอมรับสักทีนะ
แต่จะยอมทำอะไรไหม รอดูค่ะ

ตอนนี้คุณแม่สติแตกหนักแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-03-2019 11:58:05
ชั้นยอมความหลงตัวเองของนายพิษฌานจริงๆ แบบ โอ๊ยพ่อ 55555555555555555
ในที่สุดก็รู้ความจริงซักทีนะ อยากรู้ว่าทำไมถึงอยากเอาออกไม่น่าใช่เพราะจะไปเที่ยวรอบโลกหรอก
T_______________________T น่าจะเพราะสถานการณ์ตอนนี้แหละมั้ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-03-2019 13:56:46
อิพิษหลงรักเจ้าบู้บี้แล้วล่ะซิ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Fonjae333 ที่ 15-03-2019 15:12:21
กรี๊ดดดดดด :oo1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-03-2019 16:01:39
ทำดีแล้วนายมีพิษ ต้องอ่อนโยนกับคนท้องให้มากขึ้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 15-03-2019 18:11:00
เอ็นดูน้องขั้นสุด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 15-03-2019 19:16:04
หลงตัวเองขั้นสุด  :m20:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 15-03-2019 19:17:42
โอ๊ยยยยน้องงงงง :hao7:
จะยังไงต่อเนี่ย อยากอ่านตอนหน้าแล้วค่าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-03-2019 19:51:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2019 20:05:41
อัยรู้แล้ว ดีๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 15-03-2019 20:29:54
ดูแลน้องดีๆนะต่อไปนี้อะ  น้องคงต้องเครียดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-03-2019 00:01:49
ตาพิษฌานมั่นหน้า

ทำเค้าเสียใจมากๆระวังบู้บี้หอบลูกหนี  :jul3: :jul3:

ส่วนน้องอัยย์ หนูไม่ได้ฝันไปลูกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 16-03-2019 07:09:02
เจ้าบู้บี้น่ารักมากๆเลยย :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-03-2019 10:28:25
รำคาญที่น้องหึง หรือดีใจที่น้องหึงกันแน่จ๊ะพ่อคนหลงตัวเอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-03-2019 12:33:35
บู้บี้น่ารัก รอเจอเจ้าตัวเล็กจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 16-03-2019 19:51:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-03-2019 20:22:43
อิตาพิษนี่หลงตัวเองเป็นบ้า.......
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-03-2019 20:50:45
ยอมรับซักทีเถอะพ่อคุ๊ณณณณณณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 17-03-2019 18:06:37
เย้ๆๆๆๆได้กันได้กัน :hao6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 17-03-2019 18:44:59
เราจะเข้ามาอ่านทุกวัน วนไป ไม่ได้
ไรท์ต้องรีบมา.. ฮือออ..
อยากอ่านตอนต่อไปแร้ววว...
คิดถึงบู้บี้ แย้ววววว...  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-03-2019 16:10:13
งืออออ มันดีมากเลยค่ะ

น่ารักมากเลยอะ

บู้บี้น่ารักมาก

พระเอกเราปากแข็งแต่จริงๆอ่อนโยน

คือดีอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 20-03-2019 00:48:07
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 19



 

 

 

 

 

 

 

            “คุณอัยย์ลงมาหรือยังเจนภพ”  พิชช์ฌานถามมือขวาคนสนิททันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน  เจนภพส่ายหน้าไปมา

            “ยังเลยครับ  ผมไปเคาะเรียกแล้วยังไม่ยอมเปิดประตูเลย”

            “ปวดหัวจริงๆ”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้มือขวารับไว้  “ถ้าคุณธีรดลโทรมาให้บอกว่าฉันติดประชุมด่วนอยู่  ไว้จะโทรกลับ”

            “ได้ครับ  แต่ว่าคุณฌานจะเลื่อนประชุมอีกคงไม่ได้แล้วนะครับ   คราวก่อนทางโน้นน่าจะไม่ค่อยพอใจ”  เจนภพอ้อมแอ้ม  มองหน้าเจ้านายอย่างเกรงใจ  “ผมกลัวจะกระทบฐานเสียง”

            “ฉันรู้แล้วน่า  ฉันก็กำลังหาทางอยู่นี่ไง”  ชายหนุ่มตอบ  ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน

            คนฟังมองตามหลังพลางแย้งอยู่ในใจว่าหลายวันมานี้ไม่เห็นเจ้านายจะหาทางทำอะไรนอกจากล่อคุณอัยย์ให้เลิกร้องไห้แล้วก็ยอมกินข้าวแค่นั้น

            เจ้าของบ้านจรดฝีเท้าขึ้นมาหยุดยืนหน้าห้องนอนของตัวเองที่จู่ๆก็โดนยึดครองไปดื้อๆ ด้วยฝีมือโจรหน้าซื่อตาใสที่เอากุญแจห้องไปเก็บเอาไว้คนเดียว

            “อาคิราห์ ...เปิดประตูนะ  เธอล็อคห้องอีกแล้วเหรอ  แล้วฉันจะเข้าไปยังไงล่ะ”  ชายหนุ่มเคาะเรียกหน้าประตูหลายครั้ง  “ฉันต้องเอาของสำคัญในห้องนะ  มาเปิดประตูก่อน”  พิชช์ฌานเคาะเรียกอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

            “คุณฌาน  คุณอัยย์ล็อคห้องหรอคะ”  เสียงของนิ่มนวลดังขึ้นข้างหลัง  พิชช์ฌานหันไปมอง  เห็นแม่บ้านอาวุโสถือถาดอาหารมาเต็มมือ  คงจะเอามาให้คนที่ดื้อแพ่งไม่ยอมออกมาจากห้องแน่ๆ

            “เที่ยงแล้วสินะ  พอดีเลย...อาคิราห์  กับข้าววันนี้น่าอร่อยมาก  ถ้าไม่เปิดประตูฉันจะกินคนเดียวให้หมดไปเลยนะ  ไหนดูซิ...ขนมจีนน้ำยา  หมูสะเต๊ะ  นี่อะไร...หมี่กรอบ”   ชายหนุ่มบรรยายความน่ารับประทานของอาหารตรงหน้าราวกับเป็นเชฟเสียเอง

            นับหนึ่งถึงห้าในใจ  สุดท้ายก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูห้องดังกริ๊ก

            พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก  รับถาดอาหารมาถือเอาไว้แล้วพยักพเยิดให้ป้านิ่มลงไปข้างล่าง  เขาเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนที่เปิดม่านเอาไว้โล่งสว่าง  คนบนเตียงกำลังนอนคว่ำเหยียดยาว  มีผ้าห่มผืนโปรดคลุมเอาไว้ทั้งตัว

            “วางไว้ตรงนั้นแหละ”  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากใต้หมอน

            “หายใจออกเหรอท่านั่นน่ะ”  พิชช์ฌานพูด  วางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างเตียง  ทอดสายตามองเตียงใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้ล้มตัวนอนเพราะเต็มไปด้วยเสื้อผ้าข้าวของของเขาวางล้อมเต็มไปหมด  “นี่เธอขยายอาณาเขตหรือไงบู้บี้  เปิดโครงการเฟสสองหรอ  ...แล้วฉันจะนอนตรงไหนล่ะคืนนี้”

            “นอนข้างนอก”

            “เรื่องอะไร  นี่ห้องฉัน”  พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ  ขยับไปยืนใกล้ๆคนที่นอนอยู่  “จะลุกมาคุยกันดีๆมั้ย  ไม่งั้นฉันจะลงมือแล้วนะ”

            “ไม่”  คำตอบห้วนสั้น  คนฟังเม้มปากแล้วยกมือขึ้นตบลงไปบนก้นของคนที่นอนคว่ำอยู่อย่างไม่ออมมือนัก

            เจ้าของบั้นท้ายงอนสะดุ้งเฮือก  รีบลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าคนตีเขม็งตาแทบถลน

            “คุณตีผม!  คิดจะใช้กำลังกันเหรอ”

            “ก็อาจจะ...ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องล่ะก็”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาเฉย  “ยอมลุกมานั่งแล้วสินะ  ทีนี้ก็กินก่อน  หิวแล้วเธอคิดอะไรไม่ค่อยออกไม่ใช่หรือ”  เขาพูดแกมหัวเราะ  นึกถึงวันแรกที่ลักพาตัวอีกฝ่ายขึ้นมาได้  “นับถึงสาม  ถ้าไม่กินฉันจะกินเอง”

            “ของผม”  อาคิราห์ตวัดเสียง  เอื้อมมือไปดึงถาดอาหารมาวางตรงหน้าแล้วลงมือตักเข้าปากอย่างรวดเร็ว  จริงๆก็นอนท้องร้องมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว  แต่ก็ตั้งใจมั่นว่าคราวนี้จะไม่ใจอ่อนลุกมากินเด็ดขาด  ยังไงก็จะต้องประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองให้ได้

แล้วทำไมเขาถึงมานั่งจ้วงขนมจีนเอาแบบนี้เล่า  โธ่ ...อัยย์  ไม่เข้มแข็งเอาเสียเลย  เจ้าโอเมก้าคิดในใจอย่างเซ็งๆ  พอจะอดข้าวประท้วงทีไร ไม่เคยสำเร็จซักที  พลังอาหารของป้านิ่มช่างทำลายล้างสูงจริงๆ  แม้แต่ความตั้งใจอันแน่วแน่ของเขา

“อิ่มหรือยัง”  พิชช์ฌานถามเนิบๆ  ส่งแก้วน้ำไปให้กับกระดาษเช็ดปากไปให้  “หิวมากซิท่า  ได้เคี้ยวหรือเปล่าถามจริง  เห็นตักเอาตักเอา  ถ้าท้องอืดขึ้นมานะ...”

“ผมเคี้ยวทุกคำอยู่แล้วน่า  บ่นจังเลย”  คิ้วเรียวขมวดฉับ  “คุณออกไปจากห้องผมได้แล้ว”

“ห้องผม?  มันจะมากไปแล้วเจ้าบู้บี้  ยึดเตียงฉันยังไม่พอ  ยึดห้องฉันเลยเรอะ”  พิชช์ฌานยกมือเท้าเอว  “จะหันไปไหน  หันหน้ามาคุยกันก่อน”  คนบนเตียงหันหน้ามองเขาแล้วก็ตวัดสายตาไปทางอื่นราวกับค้อน  “จะไปไหน”

“ก็มันห้องคุณไม่ใช่หรอ  ผมก็จะกลับบ้านผมสิ”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูกโดยไม่ตั้งใจ  พลิกตัวผ่านกองผ้านุ่มๆที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมๆแล้วก็ชักลุกไม่ขึ้น

พิชช์ฌานมองคนที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงของเขาอย่างฉุนแกมขัน  ดูทำท่าเข้า...เหมือนจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ไม่ลุกเสียที  ทิ้งตัวลงนอนกลิ้งตามเดิม

“ถ้ากลับบ้านไป  ฉันไม่ยอมให้เอาของฉันไปหรอกนะ”

“ผมไม่เห็นอยากได้”

“งั้นก็ลุกขึ้นมาเลย  ฉันจะไปส่งที่บ้านเอง”  พิชช์ฌานแกล้งพูดขึงขัง  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองอย่างตกใจแวบหนึ่งแล้วก็เริ่มมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก

“ไม่...คือผมยังไม่ได้เก็บของ  ผมต้องเก็บของก่อน”  อาคิราห์ตอบ

“ฉันช่วยเก็บเอ้า”

“อะไรอ่ะ  เมื่อกี้คุณยังไม่ยอมให้ผมไปไหนอยู่เลย”  คนพูดหน้างอ  “ทำไมกลับไปกลับมา  คนอย่างคุณนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ”

“ใครกันแน่ที่กลับไปกลับมาฮึ  ไม่ใช่เราหรือไง”  พิชช์ฌานคีบจมูกเชิดรั้นนั้นสั่นไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว  เจ้าตัวร้องลั่นรีบปัดมือของเขาออก

“โอ๊ย.. ดั้งจะหักแล้วมั้ง  มือหนักชะมัด  เมื่อกี้ก็ทีนึงแล้วนะตีผม”  อาคิราห์ร้อง กุมจมูกของตัวเองเอาไว้  พิชช์ฌานหัวเราะหมุนตัวหันหลังให้

“จะตีคืนก็ได้นะฉันไม่ว่า  แต่ระวังเจ็บมือหน่อยแล้วกัน”  คนฟังเบ้ปาก

“ผมไม่ตีให้เสียมือหรอก”  อาคิราห์พูดอุบอิบในคอ

“ตกลงจะคุยดีๆได้หรือยัง  เบื่อมุขอดข้าวประท้วงแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเสียงจริงจังขึ้น  “ฉันรอดูทุกวันว่าวันไหนเธอจะอดข้าวสำเร็จ  ก็ไม่เห็นจะได้เรื่องสักวัน”

“ก็ใครให้มายืนพูดเมนูหน้าห้องล่ะ”  อาคิราห์พูดเสียงดัง  “ถ้าผมไม่รู้เมนูผมก็ไม่หิวหรอก  แล้วผมก็เกรงใจป้านิ่มด้วย  ถ้าไม่กินจริงๆเดี๋ยวป้านิ่มเสียใจ”

“หรอ”  คนแก่กว่าลากเสียง  “แต่ก็ดี...ไม่งั้นลูกฉันอดข้าวขึ้นมาคงแย่”

คนฟังตาเบิกโพลง  ยกมือขึ้นปิดหูทันควัน

“ลูกอะไร  ผมไม่อยากได้ยินคำนี้”  อาคิราห์หน้าซีด  ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับที่นอนอีกรอบ  “ผมไม่อยากมีลูก  ผมจะเอาออก  คอยดูนะ  ถ้าไม่ยอมให้ผมเอาออก  ผมจะ....”  พูดแล้วก็อึกอัก  จริงๆก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี  นั่งคิดนอนคิดมาสี่วันเต็มแล้วก็ยังคิดไม่ตก

“จะอะไร  จะอดข้าวหรือไง”

“โธ่เว้ย!”  เจ้าโอเมก้าทุบกำปั้นลงกับที่นอนรัวๆ  จินตนาการเสียว่ามันเป็นใบหน้ายียวนของนายพิษฌานแทน

“นี่อัยย์...หันมาคุยกันแบบผู้ใหญ่หน่อยซิ  ไหนเธอว่าตัวเองโตแล้วไม่ใช่หรือ  ก็กลับมาคุยกันด้วยเหตุผลสิ  อย่าเอาแต่โวยวายเหมือนเด็กๆได้มั้ย”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ  ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง  “ฉันพร้อมรับฟังเหตุผลของเธอนะ  ถ้าเหตุผลของเธอดีกว่า  ฉันก็จะยอมรับ”

อาคิราห์ถอนหายใจเฮือก  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าอีกฝ่าย

“คุณคิดว่าการที่ผมท้องมันมีข้อดีอะไรเหรอ  ผมยังมองไม่เห็นข้อดีอะไรเลยสักอย่าง  เราไม่ได้แต่งงานกันจริงๆนะเผื่อคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้ว  เราเซ็นสัญญากันว่าจะหย่าด้วย  แล้วถ้าผมมีลูก  แล้วเราจะแบ่งลูกกันยังไงล่ะ...ยังไม่นับตอนท้อง..”

            “ก็ไม่ต้องหย่า”  พิชช์ฌานพูดขัดก่อนที่อีกคนจะพูดจบ  “ยกเลิกสัญญาทิ้งไป”

            “คุณคิดจะหลอกผมอีกล่ะสิ  ผมรู้ทันหรอกน่ะ”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นกอดอก  สบตาคมเข้มคู่นั้นแวบหนึ่งแล้วก็เมินหลบไปมองทางอื่น  ไม่รู้ทำไมเขาถึงเริ่มรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา  “ผมก็เป็นแค่หมากในเกมการเมืองของคุณกับพ่อแล้วก็คนอื่นๆ  แม้แต่เรื่องที่ผมท้อง ...ก็อาจจะเป็นแผนของคุณด้วยใช่มั้ย”

            “ไปกันใหญ่แล้วอาคิราห์  ฉันชอบวางแผนก็จริง  แต่เรื่องที่เธอท้องนี่อยู่นอกแผนมากที่สุดตั้งแต่ฉันเคยคิดมาเลย”  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจ

            “นั่นไง  คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้ท้องใช่ไหมล่ะ  แล้วเราจะเก็บเอาไว้ทำไม”  พูดถึงตรงนี้  น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นขอบตา   อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดแรงๆ  “มันไม่ทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นหรอก  เชื่อผม...คุณอยากมีลูกกับโอเมก้าเหรอ”  เขาพูดเสียงสั่นเครือ

            “โอเมก้าแล้วทำไมล่ะ”  พิชช์ฌานหลุดปากพูดออกแล้วก็ขมวดคิ้วเสียเอง  ถ้าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนเขาคงแทบไม่เชื่อหูตัวเองและคงคิดว่าตนเองบ้าไปแล้วแน่ๆ  “ทำไมฉันจะมีลูกกับเธอไม่ได้”

            “เพราะ...ผมไม่อยากเป็นหมากของคุณ”  อาคิราห์ตอบ  “รวมถึงลูกที่จะเกิดมา”

            “อาคิราห์  ไม่มีใครเอาเธอไปเป็นหมากอะไรทั้งนั้นล่ะ  เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว  ตอนนี้เธอก็แค่ทำตัวทำใจให้สบาย  กินอิ่มนอนหลับ  แค่นั้นก็พอ  เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมาก”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นจับต้นแขนทั้งสองข้างบีบเบาๆ  “ฉันจะจัดการที่เหลือเอง  เอ้า...พูดแค่นี้ก็ร้องอีก  อัยย์  ถือว่าฉันขอร้อง  ใจคอเธอจะทำร้ายเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอหรอ  เธอก็พูดเองว่ามันบาปกรรม”  ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนให้  “การตั้งท้องมันไม่ได้ยากลำบากอะไรเลยนะ  ฉันรู้จักหมอที่เชี่ยวชาญอยู่  เขาจะดูแลเธออย่างดี”

            “ผม..ผมไม่พร้อม  พูดให้ถูกก็คือเราทั้งคู่ไม่พร้อม  การที่เด็กคนนึงจะโตขึ้นมาได้  แค่มีเงินมันไม่พอหรอกนะครับ  เขาต้องการอะไรมากกว่านั้น  คุณลองถามใจตัวคุณเองดูสิว่าคุณพร้อมจะเป็นพ่อคนหรอ”  อาคิราห์พูด  เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายนิ่ง  “สำหรับผม  ผมยังไม่พร้อมจะให้กำเนิดหรือดูแลใครทั้งนั้น  แค่ดูแลตัวเองผมยังไม่รอดเลยจะไปดูแลใครได้”

            คนฟังอึ้ง  ชายหนุ่มเลยพูดต่อด้วยเสียงแหบเครือ

            “ผมไม่รู้นะว่าที่คุณอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้จะเพื่ออะไร  จะกลัวบาปบุญคุณโทษจริงๆตามที่คุณอ้างหรือว่ามีเกมการเมืองอะไรซ่อนอยู่ข้างหลัง  ผมก็ไม่รู้หรอก...เพราะผมไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น  ผมตามคุณไม่ทันหรอกครับ  แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือ  ผมไม่ได้รักคุณและคุณก็ไม่ได้รักผม  เราจะปล่อยให้เด็กเกิดมาโดยปราศจากความรักได้ยังไง  ผมยังนึกภาพไม่ออก...”

            พิชช์ฌานมองลึกเข้าไปในดวงตากลมวาวที่คลอด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้น  มันเต็มไปด้วยความสับสนและหวั่นเกรงต่ออนาคตข้างหน้า

            “อาคิราห์...ถ้าฉันบอกว่าเธอพูดผิดล่ะ”  นักการเมืองหนุ่มพูดขึ้นช้าๆ  ประคองใบหน้าเรียวหวานเอาไว้ในอุ้งมือ  “ถ้าฉันบอกว่าฉันรัก...”  พูดยังไม่ทันจบ  คนฟังก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่น  ปัดมือของเขาออกจากใบหน้าของตัวเอง

            “ฮ่าๆ  คุณจะบอกว่าคุณรักผมหรอคุณพิษฌาน  เหมือนที่คุณบอกประชาชนกว่าคุณรักพวกเขา  หรือเหมือนกับที่คุณบอกพวกโอเมก้าว่าเราจะเท่าเทียมกันทั้งๆที่ตัวคุณเองยังมองเห็นโอเมก้าเป็นชนชั้นสองที่ไร้ความสามารถอยู่เลย  โอเคผมยอมรับว่าผมก็เป็นโอเมก้าง่อยๆที่ทำไรไม่เป็นนอกจากตั้งท้องตามที่คุณคิดนั่นแหละ  ฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องมาเสียเวลากล่อมผมหรอก  เพราะยังไงผมก็ไม่มีปัญญาเอาเด็กในท้องออก”

            “ฟังก่อนสิอาคิราห์”     

            “ผมฟังคุณมาสี่วันเต็มแล้วครับ  ผมเบื่อคำปราศรัยของคุณเต็มที  เพราะสุดท้ายแล้วโอเมก้าอย่างผมก็ไม่มีทางเลือกอื่น  นอกจากทำตามที่อัลฟ่าขีดเส้นเอาไว้”  คราวนี้ทั้งน้ำมูกน้ำตามารวมกันแน่นไปหมด  อาคิราห์เผลอพูดออกไปตามที่คิดจนหมด  “ผมควรจะชินแล้ว  ผมเจอมาตั้งแต่เด็กจนโตแล้วนี่  นึกว่าแต่งงานกับคุณแล้วจะหนีออกมาจากวงจรชีวิตเดิมๆ  ที่ไหนได้...ผมแค่ย้ายมาอยู่อีกวงจรนึงที่ผมไม่สามารถเลือกอะไรได้เองอยู่ดี”

            “ฉันไม่เคยบังคับเธอเลยนะ  ฉันตามใจเธอทุกอย่าง”  พิชช์ฌานค้าน  “ฉันไม่เหมือนพ่อของเธอแน่”

            “ถ้าคุณตามใจผมจริงๆ  ก็ยอมให้ผมเลือกทางเดินของผมเองสิครับ”

            “หมายถึงเอาเด็กออกน่ะเหรอ ...ฉัน..ไม่”  คนพูดอึกอัก  กำมือแน่น   “ทำยังไงเธอถึงจะเชื่อฉัน”  ประโยคหลังคนพูดลดเสียงลงต่ำ

            คนฟังยิ้มมุมปากทั้งที่น้ำตานองหน้า

            “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าต้องทำยังไง”  อาคิราห์ผลักอีกฝ่ายให้ถอยออกห่างแล้วล้มตัวลงนอนตามเดิม  ซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ที่ไม่ยอมให้ใครเอาปลอกหมอนไปซัก

            พิชช์ฌานถอยออกมายืนกุมขมับอยู่ข้างนอกห้อง  เจนภพเดินมาบอกว่าว่าที่นายทุนพรรคคนใหม่ล่าสุดโทรกลับมาแล้ว  ชายหนุ่มเลยจำต้องวางเรื่องปวดสมองเอาไว้ก่อนเพื่อไปจัดการเรื่องที่หนักสมองพอๆกัน 

            ใช้เวลาพูดคุยตกลงนัดหมายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้  พิชช์ฌานก็กลับมาเครียดเรื่องเดิมต่อ  เขาซดกาแฟดำเป็นแก้วที่ห้าของวัน  แม้ว่าป้านิ่มจะท้วงแล้วว่าชายหนุ่มอาจจะตาค้างนอนไม่หลับคืนนี้แต่พิชช์ฌานก็ไม่สน 

            เรื่องที่อาคิราห์พูดมาค่อนข้างกระทบใจของเขาอยู่เหมือนกัน  เจ้าโอเมก้าคงถูกบีบบังคับมาตั้งแต่เด็ก  ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่บิดาสร้างเอาไว้  แม้แต่เรื่องแต่งงานครั้งนี้  พิชช์ฌานก็รู้ว่ามันเป็นเกมการเมืองล้วนๆ  นายไตรคุณไม่ได้คิดถึงจิตใจของลูกชายเท่าไหร่หรอก

            ก็เหมือนกับเขาเอง...

            ความคิดที่จะกำจัดเด็กในท้องของอาคิราห์หายไปไม่เหลือซาก  พิชช์ฌานยอมรับกับตัวเองว่าเขาก็ดีใจที่รู้ว่าอาคิราห์ท้อง  อาจจะไม่ได้ดีใจมาก...แต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจ

            ที่อีกฝ่ายถามว่าเขาพร้อมเป็นพ่อคนแล้วหรือ...เรื่องนี้พิชช์ฌานคิดว่าตัวเองพร้อม  เขามีเงินทองมากพอจะส่งให้ลูกเรียนจนจบสูงเท่าไหร่ก็ได้ที่ลูกต้องการ  มีบ้านหลังใหญ่โอ่อ่า  มีสนามเด็กเล่นพร้อมสระว่ายน้ำ  เรื่องเลี้ยงเด็กไม่เป็นปัญหาเพราะเขามีนิ่มนวลซึ่งเคยเลี้ยงเขามาแล้ว   มันจะไปยากอะไร

            ตัวเขาเองก็เป็นบิดาที่เพอร์เฟ็คได้แน่ๆ  เขาเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองของรุ่น  ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์  ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ทำสำเร็จหมด  เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง  เอาเป็นว่าถ้าลูกเกิดมาหน้าเหมือนเขาก็คงไปเป็นพระเอกได้สบาย

            เขาพร้อมจะอบรมสั่งสอนลูกของเขาให้เจริญรอยตามเขา  ไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น  ลูกจะต้องภูมิใจสุดๆที่มีเขาเป็นพ่อ  ขอแค่เจ้าตัวเล็กมีโอกาสได้ออกมาดูโลกเท่านั้น

            ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว  มองผ่านอาหารมื้อเที่ยงไปอย่างไม่ไยดี  จมอยู่กับตารางตัวเลขทางสถิติที่ลูกน้องรวบรวมมาให้  คิดคำนวณหาทางออกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง

            เขาเป็นหัวหน้าพรรคที่ดี  เหมือนกับที่เป็นสามีและว่าที่คุณพ่อที่ดี....ชายหนุ่มกดกริ่งเรียกแม่บ้านมาเติมกาแฟอีกแก้ว

            ...............................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 20-03-2019 00:49:07










           “รับของหวานเพิ่มไหมคะคุณอัยย์  ป้าทำเอาไว้เยอะเลยนะ”  นิ่มนวลถามขึ้นเบาๆ  ช่วยรินน้ำส่งให้เจ้าโอเมก้าที่นั่งกินมื้อเย็นอย่างหงอยๆคนเดียว  เห็นเปลือกตาสองข้างบวมฉึ่งก็ยิ่งเอ็นดูแกมสงสาร  ดูท่าคงจะร้องไห้มาหนักแต่ก็ยังดีที่ยอมลงมากินข้าวเองโดยไม่ต้องให้ใครขึ้นไปคะยั้นคะยอแกมบังคับอีก

            “ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมาก”  อาคิราห์พึมพำ  หลังจากระบายความอัดอั้นออกตันใจมาเขาก็หลับยาวจนสะดุ้งตื่นเองตอนเย็น

            “ป่านนี้คุณฌานยังไม่ทานข้าวเลยค่ะ”  นิ่มนวลพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  “มื้อเที่ยงก็ไม่ทาน  ไม่รู้จะโหมงานอะไรนักหนา  วันๆดื่มแต่กาแฟ”

            “ผมขอไปห้องหนังสือก่อนนะครับ”  อาคิราห์พูดเนิบๆราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเมื่อกี้  นิ่มนวลลอบถอนหายใจยาว  เดินเข้ามาเก็บโต๊ะอาหารเงียบๆ

            พิชช์ฌานไม่รู้สึกหิว  อันที่จริงแล้วชายหนุ่มรู้สึกปวดมวนท้องตลอดเวลาเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างมาบิดขี้เกียจอยู่ในนั้น  มันทำให้เขาแน่นท้องไปหมด  บางครั้งก็คลื่นไส้จนต้องจัดการด้วยอะไรขมๆอย่างกาแฟเข้มจัดที่เขาดื่มติดต่อกันทั้งวันจนตอนนี้เริ่มจะใจสั่นตึกๆเพราะฤทธิ์คาเฟอีน  แถมยังจุกแน่นลิ้นปี่หนักกว่าเดิมเสียอีก

            “คุณฌานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  ...หรือเราจะพักก่อนตรงนี้”  ลูกพรรคคนหนึ่งทักขึ้นขณะที่พวกเขากำลังนั่งปรึกษากันถึงผู้สมัครที่จะลงในเขตเลือกตั้งต่างๆ  “สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

            “ไม่เป็นไร  ผมขอไปห้องน้ำก่อน  พวกคุณลองตกลงกันก่อนแล้วกันว่าจะเอาใครกันแน่”  เจ้าของบ้านพูด  ลุกขึ้นยืนพลางเหลือบมองนาฬิกา ...เกือบเที่ยงคืนแล้ว  “เหลืออีกเยอะไหมศักดา”

            “เยอะเหมือนกันครับ  หรือเราจะคุยกันต่อพรุ่งนี้”

            “พรุ่งนี้คุณฌานติดประชุมทั้งวันครับ”  เจนภพแทรกขึ้น  มองเจ้านายอย่างกังวล  “คุณทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้ว  ให้ผมช่วยดูให้แทนไปก่อนไหมครับ  แล้วคุณฌานไปพัก...”

            “ยังไงฉันก็ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี  ไม่เป็นไรแค่นี้ฉันไหวอยู่แล้ว...ขอตัวไปล้างหน้าเสียหน่อย”

            “คุณฌานจะพักทานอะไรหน่อยไหมครับ”

            “ฉันไม่หิว”  ชายหนุ่มโบกมือปฏิเสธ  ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องทำงาน  ความอืดแน่นในท้องเพิ่มขึ้นอีกจนหายใจไม่อิ่ม  มันดันขึ้นมาที่กลางอกของเขาล้นขึ้นมาที่คอหอย  พิชช์ฌานทันแค่หันหน้าไปทางชักโครกเท่านั้นตอนที่คลื่นอาเจียนพุ่งออกมาจากปาก

            ชายหนุ่มย่อตัวลงเกาะชักโครกเอาไว้  ก้มลงคายน้ำย่อยสีเข้มๆเพราะมีแต่เครื่องดื่มกับขนมปังตอนเช้าออกมาจนหมดท้อง  ข้างในปั่นป่วนเหมือนมีมรสุมดันลมออกมาอีกจนไม่เหลืออะไรให้ออกนอกจากน้ำลายเหนียวๆขมปากขมคอ

            คราบอาเจียนเปื้อนทั้งเสื้อและกางเกงของเขา  เหงื่อแตกซิกเปียกชุ่มทั้งแผ่นหลัง  หัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บหน้าอก  โรคกระเพาะเพื่อนเก่ากลับมาหาเขาเต็มตัวเสียแล้วกระมัง

            “คุณฌานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  คุณฌานครับ”  เสียงเจนภพดังขึ้นหน้าห้องน้ำ  พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน

            “ฉันไม่เป็นอะไร  นายไปเอาเสื้อกับกางเกงใหม่ให้ฉันที”

            “ได้ครับ”

            ได้ยินเสียงเจนภพเดินห่างออกไป  พิชช์ฌานหันไปล้างมือล้างปากตัวเองจนสะอาด  สักพักเจนภพก็เดินมาเคาะประตูเรียกอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ

            “คุณฌาน...คุณโอเคไหม  หน้าคุณซีดมาก”

            “โรคเก่าฉันกำเริบน่ะ  ฝากโทรหาหมอฉัตรที  ให้เขามาหาหลังจากที่ฉันคุยงานเสร็จแล้ว  ไม่ต้องทำหน้างั้นเจนภพ  ฉันยังไม่ตาย”  เจ้านายพูดเสียงห้วนจัด  รับเสื้อจากมือเข้าไปเปลี่ยนข้างในห้องน้ำแล้วก็กลับออกมาด้วยสีหน้าที่อิดโรย

            “ถ้าคุณฌานไม่สบาย งานจะยิ่งชะงักนะครับ”

            “แค่นี้ก็ช้ากว่ากำหนดการไปเยอะแล้ว  แค่โรคกระเพาะฉันไม่เป็นไรหรอกน่า  ไม่งั้นให้ใครไปทำข้าวต้มมาที  เพราะฉันไม่กินข้าวเลยอาการกำเริบ  ฉันต้องรีบกินก่อนที่หมอจะว่าเอา”  พิชช์ฌานพูด  ก้าวยาวๆกลับไปยังห้องทำงาน

            พิชช์ฌานฝืนกลับไปนั่งคุยงานกับคนในพรรคต่ออีกพักใหญ่จนได้ข้อสรุปถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน  พอคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานไป  ชายหนุ่มก็งอตัวลงกดท้องตัวเองเอาไว้แน่น

            “เป็นยังไงบ้างครับคุณฌาน  ไปโรงพยาบาลไหมครับ”

            “หมอมาหรือยัง”

            “กำลังเดินทางมาครับ”  เจนภพละเอาไว้ไม่เล่าว่ากว่าเขาจะติดต่อฉัตรินได้ก็เกือบชั่วโมง  แถมนายแพทย์คนนั้นยังโวยมาตามสายอีกว่าตามกันตอนดึกดื่นเที่ยงคืนอีกแล้วเหรอ  ทำไมไม่รู้จักไปโรงพยาบาล

            จะว่าไป...ตั้งแต่เขามาทำงานกับพิชช์ฌาน  ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลเลยสักครั้ง        ยกเว้นตอนที่ไปหาเสียงหรือหาทุนให้พรรคเท่านั้น

            “ทานข้าวต้มไหวไหมครับ”

            “เลื่อนมาสิ  ฉันว่ากินแล้วน่าจะดีขึ้น”  พิชช์ฌานดึงตัวลุกขึ้นมานั่ง

            กลิ่นพริกไทยและตั้งฉ่ายลอยขึ้นจากชามข้าวต้มร้อนๆควันฉุย  ชายหนุ่มย่นคิ้วหันหน้าหนีทันที 

            “อะไรเนี่ยเจนภพ  ทำไมกลิ่นมันเป็นแบบนี้”

            “ครับ?”  มือขวาก้มลงมาดมเล็กน้อย  “กลิ่นก็ปกตินี่ครับ  หรือคุณฌานอยากเติมพริกน้ำปลา”

            “ก็ดีเหมือนกัน  จะได้เพิ่มรสชาติ  ตอนนี้ฉันขมปากไปหมดแล้ว”

            เจนภพเดินออกไปแล้วก็กลับเข้ามาพร้อมถ้วยใบเล็กบรรจุพริกสีแดงสดลอยในน้ำปลาอย่างดี  พอพิชช์ฌานรับมาถือเอาไว้เท่านั้น  กลิ่นน้ำปลาก็ทำให้คลื่นไส้ขึ้นมาทันทีจนต้องรีบวางถ้วยเอาไว้

            “ถุงๆ  ขอถุงหน่อย”  พูดไม่ทันขาดคำ  ชายหนุ่มก็อาเจียนออกมาอีกใส่ในชามข้าวต้มนั่นเอง  มือขวาคนสนิทเข้ามาแตะที่แผ่นหลังของเขาอย่างเก้ๆกังๆ  ไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรกันแน่ระหว่างที่เจ้านายกำลังอาเจียนอยู่อย่างหน้าดำหน้าแดง

            “เสียงรถ...หมอฉัตรคงมาแล้ว”  เจนภพพูดอย่างโล่งใจ  ค้นหายาดมมาส่งให้เจ้านายถือเอาไว้แล้วก็รีบเดินแกมวิ่งออกไปรับคุณหมอที่หน้าบ้าน

            ฉัตรินเข้ามาเห็นสภาพของรุ่นน้องแล้วก็อุทานออกมา

            “นายฌาน  เป็นอะไรเนี่ย  ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลอีก”

            “พี่มาแล้วเหรอ  โรคเดิมนั่นล่ะ”  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเหมือนน้ำดี  รับทิชชูจากเจนภพมาเช็ดปาก  “วันนี้ผมดันไม่กินข้าวก็เลยแย่เลย”

            “คุณฌานไม่กินข้าวมาหลายวันแล้วครับ  กินแต่กาแฟกับขนมปังนิดหน่อยเอง”  เจนภพได้ทีรีบฟ้องหมอ  “ผมเตือนแล้วก็ไม่ฟัง”

            “แต่ผมกินยาของหมอนะ  ยาลดกรดอะไรน่ะ  ผมกินประจำ”

            “กินยาแต่ไม่กินข้าวคงหายหรอกนะฌาน  นอนลงฉันจะวัดความดันให้”  ฉัตรินพูดแกมบังคับให้รุ่นน้องนอนลงตามเดิม  เขาจับชีพจรแล้วก็วัดความดันโลหิตให้อย่างคล่องแคล่ว  “ตายล่ะ  ซัดกาแฟไปกี่แก้ว  ทำไมใจเต้นเร็วขนาดนี้  ความดันสูงด้วยนะ”

            “ผมไม่ได้นับ”

            นายแพทย์ถอนหายใจยาว

            “นอนพักก่อน  ฉันจะฉีดยาให้  แล้วเดี๋ยวค่อยวัดความดันอีกที”

            “ไม่ฉีดได้ไหมหมอ  ผมขอเป็นยากินเหมือนเดิม”  พิชช์ฌานพูดทันที  “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”

            “ไม่เป็นอะไรมากงั้นก็ลุกขึ้นมาพูดกันสิ  นอนหน้าซีดหน้าเซียวทำไม”  ฉัตรินพูดกลั้วหัวเราะ   แต่คนป่วยก็ยืนยันว่าจะยังไม่ฉีดยาอยู่นั่นเอง  นายแพทย์เลยชักฉุน  “นี่ตกลงจะให้รักษาไหม  ถ้าไม่ยอมรักษาก็ไปโรงพยาบาล”  เขาขู่ด้วยอะไรที่อีกฝ่ายกลัวมากกว่า

            “โธ่...ผมต้องถึงขั้นฉีดยาเลยเหรอหมอ”

            “ไม่งั้นก็นอนคลื่นไส้ต่อไปแล้วกันนะ  ฉันกลับล่ะ”

            “เดี๋ยวสิหมอ  โอเค  ก็ได้  ยาอะไรก็ฉีดมาเลยรวมกันเข็มเดียวนะ”

            ฉัตรินอยากจะถ่ายคลิปเอาไว้จริงๆ  ภาพหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่แสนเก่งกล้านอนหลับตาปี๋ไม่ยอมมองปลายเข็มตอนฉีดยาคงดูน่าแปลกใจดีพิลึก

            “เจนภพ  ...เอาถ้วยน้ำปลาออกไปที  ฉันเวียนหัวจะตายแล้ว”  พิชช์ฌานพูดขึ้นขณะที่นอนหลับตานิ่ง

            “นอนพักไปก่อน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”  ฉัตรินพูดเนิบๆ  “แล้วเมียแกเป็นยังไงบ้าง  ตกลงกันได้หรือยัง”

            “เขาไม่อยากเก็บเอาไว้”  คนที่นอนหลับตาอยู่พูดลอยๆ

            “งั้นหรือ”  คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นสูง  “ความเห็นตรงกันแล้วนี่  รีบหาคลินิกซะสิ  ถ้าไปโรงพยาบาลคงกลายเป็นข่าวดังแน่  ฉันพอจะรู้จักคลินิกทำแท้งดีๆอยู่บ้าง”

            “พี่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย  ผมคลื่นไส้”

            “นายคงเครียด”  ฉัตรินว่า  “ฉันเข้าใจ  แต่คุณอัยย์คงเครียดมากกว่านาย”

            “ผมรู้...ผมเพิ่งคุยกับเขามา  เขาดึงดันยังไงก็จะเอาออกให้ได้  พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง  พอขัดใจก็จะอดข้าวบ้างล่ะ  ร้องไห้บ้างล่ะ  จะให้ผมทำยังไง  ผมเครียดจะตายอยู่แล้ว”  ประโยคหลังคนพูดหลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ

            “เดี๋ยวนะ  ฉันเข้าใจผิดหรือเปล่า  นายพูดเหมือนตัวเองอยากเก็บเด็กเอาไว้?”

            อีกฝ่ายอึ้งไปครู่แล้วก็ยอมรับ

            “ใช่  ผมอยากได้เด็กคนนี้”

            “แล้วคำทำนายอะไรนั่นล่ะ”

            “พี่รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าผมไม่เคยแคร์คำทำนายอะไรนั่น  ทำไมถึงไม่ท้วงตั้งแต่แรก”

            “ฉันจะไปรู้นายเหรอ  วันดีคืนดีอาจจะอยากลุกขึ้นมางมงายกับคำทำนายร้อยปีก็ได้นี่”  ฉัตรินหัวเราะหึๆ  ไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้รู้เท่าไหร่  เขาเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าคงจะออกมาในรูปนี้  แค่ประหลาดใจตรงที่เจ้าโอเมก้ากลับเป็นฝ่ายไม่ยอมเข้าจริงๆแค่นั้น  “ฉันว่ายังไงคุณอัยย์ก็ต้องยอมนายอยู่แล้ว  นายกัดเค้าไปแล้วนี่นะ”

            “ตอนแรกผมก็คิดว่าแบบนั้น”  พิชช์ฌานพึมพำ  “แต่พอเห็นเขาร้องไห้แล้วมันแบบ...พี่ก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนชอบบังคับ  ผมรำคาญที่เห็นเขาเอาแต่ร้องไห้ฮือๆทั้งวัน”

            “อืม”

            “อืม?  พี่ไม่มีความเห็นหน่อยเหรอ”

            “จะให้ฉันว่ายังไง  ฉันเป็นคนนอกนี่นะ  ก็ต้องแล้วแต่พวกนายสองคนอยู่แล้ว  แต่จะทำอะไรก็...กระซิบบอกแม่นายหน่อยก็ดีนะ”

            “พี่ยังไม่ได้บอกแม่ใช่ไหม”

            “ยังหรอก  แต่เผลอๆอาจจะรู้เรื่องแล้ว  นายก็รู้ว่าในบ้านนี้มีสายสืบของเธออยู่”

            “หมายถึงป้านิ่มน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานลืมตาโพลง  “จริงด้วยสิ  ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย  ป่านนี้แม่ต้องรู้เรื่องแล้วแน่”  คิดแล้วก็เริ่มร้อนใจ  “แม่ต้องเห็นด้วยเรื่องเอาเด็กออกชัวร์  ผมต้องหาทางจัดการเรื่องนี้ก่อนที่แม่จะโผล่มาที่บ้าน  พรุ่งนี้ผมต้องบินไปประชุมอีก  หมอมียาที่ฉีดให้เจ้าบู้บี้หลับป๊อกไปเลยไหมครับ  ผมจะได้แพ็คใส่กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องไปเลย”

            “โธ่”  คุณหมอหัวเราะ  “ทำไมนายต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย  ก็บอกเขาให้ไปด้วยกันดีๆไม่ได้เหรอ”

            “จริงๆผมก็ไม่ค่อยอยากให้ไปด้วย  ผมประชุมทั้งวันกลัวว่าถ้าทิ้งเขาอยู่ที่โรงแรมจะเกิดเรื่องวุ่นวาย  เขายิ่งหาทางหนีผมอยู่ได้ทุกวัน”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

            “ก็ไหนว่าเขาติดกลิ่นนายไง”

            “ติด..แต่เขาก็ไล่ผมออกมาจากห้องนะครับ”  พิชช์ฌานตอบเสียงอ่อย  “ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะได้ผล”

            “สรุปว่านายรักคุณอัยย์?”  ฉัตรินพูดตรงเป้าเสียจนคนฟังเงียบไปพักใหญ่

            “ก็ไม่ได้เกลียด”  พิชช์ฌานพูดขึ้นช้าๆ

            “นายตอบไม่ตรงคำถามฉัน”

            “จะให้ผมพูดว่ารักเขาอีกเหรอ  ผมเพิ่งถูกเขาหัวเราะเยาะมาเองนะ”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนขึ้น  “ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่ความรัก  อีกสามเดือนผมอาจจะหมดความสนใจในตัวเขา  ตอนนี้ผมก็แค่เห่อของใหม่  เหมือนเวลาได้ของเล่นใหม่ที่เราจะต้องเห่อใช่ไหมครับ”

            “นายเลิกเล่นของเล่นมาตั้งนานแล้วนี่ฌาน”  คุณหมอพูดขึ้น  หยิบที่วัดความดันโลหิตมาพันรอบแขนของชายหนุ่มอีกครั้ง  “นายจะพูดยังไงกับฉันก็ได้  เพราะฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาย  แต่นายควรจะต้องพูดกับคุณอัยย์ตรงๆ”

            “เขาไม่เชื่อผมหรอก”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เขาคิดว่าผมเห็นเขาเป็นแค่หมากบนกระดาน”

            “แล้วมันจริงไหมล่ะ”

            “......”   ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  “มันแยกกันไม่ออก  ชีวิตคนเราก็เหมือนหมากบนกระดานไม่ใช่หรือไง”

            “ฉันว่านายต้องใช้เวลาทบทวนเรื่องนี้อีกทีนะ  คนเล่นหมากกับตัวหมากเองไม่เหมือนกันนายคงรู้  ลองไปคิดดีๆว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของนาย  บางทีอาจจะไม่ใช่ตำแหน่งนายกฯที่นายฝันนักฝันหนาก็ได้”

            “พี่ไม่เข้าใจหรอก  ผมพยายามเพื่อมันมาทั้งชีวิต..”

            “ความดันนายยังค่อนสูงอยู่นะ  พักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ระวังเรื่องอาหารการกินด้วย   ความเครียดก็มีส่วนสำคัญ  ไว้ฉันจะมาตรวจใหม่  รักษาสุขภาพบ้าง”  ฉัตรินเปลี่ยนเรื่อง  ลุกขึ้นยืนเก็บของต่างๆลงในกระเป๋า  “นายคงเริ่มดีขึ้นแล้ว  นอนพักซะ  ไม่ต้องไปส่งหรอก”

            “ขอบคุณมากครับ”

            ฉัตรินหิ้วกระเป๋าเดินกลับออกมาจากห้องทำงาน  คุณหมอชะงักเล็กน้อยที่เจอร่างโปร่งบางยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย  อดนึกเอะใจไม่ได้ว่าเมื่อครู่นี้อีกฝ่ายได้ยินเรื่องที่เขาสนทนาไปบ้างหรือเปล่า

            “คุณอัยย์  สวัสดีครับ”

            “สวัสดีครับคุณหมอ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นไหว้

            “สบายดีหรือเปล่าครับ”  คุณหมอหนุ่มพูดทักทายได้ครู่เดียวก็รีบขอตัวกลับเพราะเกรงว่าจะเผลอหลุดปากอะไรออกไป  เห็นสายตาของฝ่ายนั้นตวัดมองเข้าไปทางประตูห้องทำงานก็ได้แต่หวังว่านายพิชช์ฌานจะเอาตัวรอดไปได้

            พิชช์ฌานรู้สึกถึงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง  เขาจำฝีเท้านั้นได้ทันทีเพราะมันเบากว่าเจนภพมาก  ฝีเท้านั้นเดินๆหยุดๆเหมือนเจ้าของเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเดินเข้ามาใกล้กว่านี้หรือว่าถอยออกไปดี

            “ยังไม่นอนอีกเหรอ”  พิชช์ฌานลืมตาขึ้นมองคนที่ก้าวมาหยุดที่ปลายเท้าของเขา  คนมาใหม่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย  ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงมา  นัยน์ตากลมโตหรี่ปรือมองหน้าเขานิ่ง

            “ยัง...ได้ข่าวว่าคุณไม่สบาย”

            คนฟังรู้สึกดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

            “เป็นห่วงฉันเหรอ”

            “เปล่า”

            “แล้วลงมาทำไม”

            “ผม..”

            “..มาให้อาหารปลาหรอ”  พิชช์ฌานพูดแทรก  “ไม่เอาน่า  มุขซ้ำแล้ว”

            “ผมอยากคุยกับคุณ”  อาคิราห์พูดเสียงเรียบสนิท

            “ทำไมทำเสียงจริงจัง  ฉันไม่ชินเลยนะบู้บี้”  พิชช์ฌานฝืนหัวเราะออกมาทั้งที่ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม  “อยากคุยอะไร”

            “เรื่องลูกในท้องของผม”  คนฟังแทบจะกลั้นหายใจ  “ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเอาไว้...”  คนพูดเก็บคำว่า ‘ชั่วคราว’ เอาไว้ในใจ

            สีหน้าคนฟังดูน่าขัน  ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  พิชช์ฌานลุกขึ้นจากโซฟาก้าวพรวดเดียวเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง...ถ้าอีกฝ่ายเล่นละครอยู่  ก็คงจะได้รางวัลตุ๊กตาทอง  สมกับเป็นนักการเมืองพันหน้าเสียจริง   

            “ฉันดีใจที่เธอตัดสินใจอย่างนั้นอาคิราห์”  มือใหญ่คว้ามือของเขาไปกุมเอาไว้แน่น   “เธอคิดถูกแล้ว  ฉันรับรองว่าจะดูแลเธอกับลูกอย่างดี”  พิชช์ฌานพูดอย่างโล่งใจ  ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้  อาคิราห์ขืนตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยอมซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง   “เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลอะไรเลย”

            “พรุ่งนี้คุณจะไปประชุมเหรอ”  อาคิราห์ถามเสียงอู้อี้

            “ใช่”  คนฟังใจแป้วไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่ก็กัดฟันถามต่อ

            “ผมขอไปด้วยได้มั้ย”  เจ้าโอเมก้าเงยหน้าขึ้นถาม  ดวงตากลมใสแจ๋วทำเอาคนมองชะงักไปครู่  พิชช์ฌานกระแอมออกมาหลายที

            “เธออยากไปหรือ”

            “อยาก...ผมอยากไปกับคุณ”

            “แต่ฉันประชุมทั้งวัน  เธอคงต้องรออยู่ที่โรงแรมก่อนนะ  จนฉันเลิกงานเราถึงจะไปเที่ยวกันต่อได้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  กลิ่นคุกกี้รสนมที่คุ้นเคยช่วยให้ความคลื่นเหียนจางลงแทบจะเป็นปลิดทิ้ง   ชายหนุ่มถูปลายคางบนหน้าผากเนียนเล่น  “รอได้หรือเปล่า”

            “ผมรอได้”  อาคิราห์ตอบ

            “ฉันบอกอะไรก็ต้องทำตามนะ  ห้ามดื้อ..รู้ไหม”

            “ผมจะทำตามที่คุณบอก”

            “งั้นก็ตกลง”  พิชช์ฌานมัวโล่งใจเสียจนไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของคนในวงแขน

            ภาพจากผู้หวังดีรายหนึ่งยังค้างอยู่ในโทรศัพท์ของอาคิราห์  มันถูกส่งมาจากเบอร์แปลกที่เขาไม่รู้จัก  เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอยู่อย่างถึงพริกถึงขิง  แม้ไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชายทว่าเขาก็จำรูปร่างของอีกฝ่ายได้พอๆกับเสี้ยวหน้าสวยสดของฝ่ายหญิงที่เป็นคนเดียวกับสาวชุดดำคืนนั้น

            ‘พวกเขาจะนัดพบกันพรุ่งนี้’  ข้อความที่ถูกส่งมาให้เมื่อสามสิบนาทีก่อนบอกเอาไว้

            ตอนแรกอาคิราห์ก็บอกตัวเองให้ลบเรื่องไร้สาระพวกนี้ออกไปจากสมองซะ  มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีรูปพวกนี้ส่งมาแต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาเก็บเอามาคิดซ้ำ

            คงดีถ้าเขาเอารูปพวกนี้ลงไปถามอีกฝ่ายให้เคลียร์

            อาคิราห์เดินลงมาจากชั้นบนแล้วก็เจอเจนภพเป็นคนแรก  ฝ่ายนั้นบอกว่านายพิษฌานไม่สบาย  อาเจียนยกใหญ่ก็เลยยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้า  อยากเข้ามาเยาะเย้ยสักนิดจะได้รู้ซึ้งบ้างว่าตอนที่เขาทั้งท้องเสียทั้งอ้วกนั้นเป็นอย่างไร

            ไม่นึกเลยว่าจะดันมาได้ยินประโยคเด็ดเข้าอีก  ก็ดีเหมือนกัน  จะได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าซาบซึ้งราวกับดีใจเสียเต็มประดาตอนนี้  แท้จริงแล้วเพียงแค่เห่อของเล่นใหม่เท่านั้น

            รู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นหมากในกระดานของเขา  แต่พอมาได้ยินกับหูเข้าจริงๆก็อดเสียใจไม่ได้  ชีวิตของอาคิราห์มีค่าแค่นี้เองจริงหรือ

            ...................................................................

            มาอัพต่อแล้วจ้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ปรับโหมดแทบไม่ทัน5555555

            อะไรยังไง เจอกันตอนหน้าเนอะ

            #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-03-2019 01:03:55
อัยย์เตรียมหนี หรือไปจับผิดกันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-03-2019 01:16:27
 :a5:  หรือจะแพ้ท้องแทนเมีย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-03-2019 01:24:47
นายพิษน่าจะแพ้ท้องแทนเมียแน่ๆ ตอนนี้น้องอัยย์คิดไปไกลแล้ว ไม่รู้ว่าคิดจะหนีด้วยรึป่าว แล้วใครเป็นคนส่งรูปมาให้น้องล่ะ เป็นห่วงใจน้องมาก กลัวน้องจะเป็นอันตรายด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Koduck ที่ 20-03-2019 01:26:52
ค้างมากกกกกกกกก รีบมาต่อนะครับ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 20-03-2019 01:42:48
พิษฌานเจอจังหวะนรกของเจ้าบู้บี้อีกแล้วว อมก. แล้วใครเป็นคนส่งรูปให้เจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-03-2019 02:16:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-03-2019 04:06:26
สับสนวกวนกับคำพูดกันเอง แบบนี้ยิ่งพากันเสียใจ

สงสารอัยย์ อัดอั้นมาก อยากหนีไป แต่ก็อยากอยู่ด้วย
แล้วที่จะไปด้วยคือไปตามส่องก็พอนะ อย่าถึงขั้นหนีเลย
กลัวอัยย์เจอคนไม่ดี เจอคนมาหลอก
แล้วมาได้ยินอะไรตอนที่ไม่สำคัญล่ะ ตอนสำคัญทำไมไม่ได้ยิน

ฌาณพลาดมากจ้า เจอหลักฐานมัดตัวซะแล้ว
เคลียร์ใจ เคลียร์ทุกอย่างให้จบก่อนนะ ไม่งั้นจะเสียใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 20-03-2019 04:29:07
นายพิษทำตัวดีเถอะนะ น้องน่าสงสาร
อย่าทำให้ต้องผิดหวังซิ :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่18 15/3/62 p11
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-03-2019 04:59:28
อิหยังของนายพิษเนี่ย  o12
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-03-2019 05:08:26
.........  :z3: กลายเป็นว่าค้างมากเลยค่ะ  แง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-03-2019 07:14:12
สงสารน้องจังเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 20-03-2019 08:36:52
ตามไปจับกิ๊กหรือเปล่าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-03-2019 08:57:03
จะม่าแล้วหรอ ยังไม่พร้อมกินนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 20-03-2019 09:43:32
ตอนนี้ ค่อนข้างปวดใจ.. ฮือออ...  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-03-2019 10:49:43
โหยยยยย น้องบู้บี้โหมดจริงจัง คุณแม่อ่านแล้วใจบางเลยลูก ถถถถถถ อิพิษษษษษ ฉลาดเรื่องน้องให้ได้อย่างเรื่องบริหารพรรคหน่อยสิ รู้ว่าน้อง sensitive ก็หัดพูดอะไรให้น้องเชื่อใจบ้าง นี่น้องคิดว่าโกหกไปทุกเรื่องแล้วววววว

ชอบความหวานแบบ ความดึงดูดกันแบบไม่รู้ตัวของทั้งคู่ น่าร้ากกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 20-03-2019 12:00:49
เดาใจน้องไม่ถูกเลย แต่นายพิษนี่แพ้ท้องแทนน้องใช่มั้ยคะ สม 55555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-03-2019 15:12:52
ไปกันใหญ่แล้ว :z3: :z3:
แต่ใครส่งข้อความพวกนั้นให้เจ้าบู้บี้ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 20-03-2019 15:58:50
ชูป้ายเชียร์บู้บี้
สู้ๆ นะรูกก  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-03-2019 16:47:23
งานเข้า

งานเข้า

งานเข้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 20-03-2019 16:49:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 20-03-2019 20:28:03
ปากเสียอีกแล้วนังพิษ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 20-03-2019 21:45:40
อัยย์ไว้ใจใครไม่ได้เลยนะเนี่ย :hao4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-03-2019 22:11:02
ใครช่างมายุแยงให้ผัวเมียเขาหมางใจกัน กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-03-2019 22:53:01
ใครส่งรูปมาให้เจ้าบู้บี้นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-03-2019 23:19:31
ทำไมต้องมาได้ยินประโยคนี้ด้วย :katai1: พูดตั้งเยอะแยะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 22-03-2019 14:40:28
ไปด้วยกันก็ดีไปดูให้เห็นกับตาเลยบู้บี้ แล้วหนีไปอยู่กับพี่ชายซะ555 แต่ไม่ว่ายังไงบู้บี้ต้องเก็บลูกไว้นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่19 20/3/62 p12
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 23-03-2019 01:06:26
สนุกมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-03-2019 13:02:56
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 20

 



 

 

 

 

            เขาทอดสายตามองร่างกลมป้อมของฝาแฝดที่อยู่ในชุดเอี๊ยมลายลูกหมีเขม็ง  อคินทร์มีท่าทางตื่นเต้นร่าเริงเมื่อรู้ว่าจะได้ออกไปเที่ยวสวนสนุกกับพี่ๆคนอื่น

            “เดี๋ยวคินจะเอาโป่งมาฝาก เยอะๆเลย”  แฝดพี่หันมาบอกเขา  อ้ามือออกกว้าง  “หนมด้วย”

            “อัยย์อยากไป”   เขาเงยหน้าขึ้นบอกพี่เลี้ยงที่กุมข้อมือของเขาเอาไว้แน่น  “ขออัยย์ไปด้วย”

            “คุณอัยย์อยู่บ้านกับพี่ออมดีกว่าค่ะ  เดี๋ยวพี่ออมพาไปเล่นในสวน  ดีไหมคะ  พาพี่ใบหม่อนไปวิ่งเล่นด้วยกันไง”  พี่เลี้ยงย่อตัวลงพูดเสียงอ่อน  อาคิราห์เบะปากออก  ขอบตาร้อนผ่าว

            “ทำไมคินไปได้แล้วอัยย์ไปไม่ได้”  เขาตวาดเสียงแหลม  “อัยย์อยากไปเที่ยว  อยากไปด้วย  อัยย์จะไปด้วย”  เขากระทืบเท้าลงกับพื้นแรงๆหลายที  ทำท่าจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นประท้วง  ทว่าเสียงดุๆของบิดาดังขึ้นข้างหลังเสียก่อน

            “งอแงอะไรอาคิราห์  ลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้  พื้นเปื้อน”  พ่อของเขาเดินมาหยุดตรงกลางระหว่างเขากับแฝดพี่  อัยย์กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ทันทีที่สบตาคมดุคู่นั้นของพ่อ  “เคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ  ออม...พาคุณอัยย์กลับเข้าไป”

            พี่เลี้ยงรับคำ  ออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงพาคุณหนูของเธอกลับเข้าไปในบ้าน

            “อัยย์อยากไปด้วย  อัยย์อยากไปเที่ยว  อัยย์อยากไป”  อาคิราห์กรีดเสียง  พยายามดิ้นหนีมือพี่เลี้ยงที่ล็อคตัวของเขาเอาไว้แน่นหนา  มองภาพบิดาจูงมือฝาแฝดคนพี่เดินไปขึ้นรถผ่านม่านน้ำตาพร่ามัว  “ปล่อยอัยย์นะ  อัยย์อยากไป  พ่อไม่รักอัยย์  ไม่มีใครรักอัยย์  ฮือ”

            เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นสะท้อนก้องดังเข้าหูจนอาคิราห์ตกใจตื่น  คราบน้ำตาของค้างอยู่บนหมอนและหางตา  ชายหนุ่มดึงตัวลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนผิวแก้ม

            ห้องนอนมืดสนิทและเงียบเชียบ  ไม่มีเสียงกรนเบาๆอย่างเคย  อาคิราห์เอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงให้สว่างขึ้น  ไม่มีเงาของร่างสูงใหญ่

            ใจหาบไปวูบหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงของตกในห้องน้ำ  อัยย์เหลียวไปมองถึงได้เห็นแสงสว่างรางๆลอดออกมาจากช่องว่างใต้ประตูห้องน้ำ  ตามด้วยเสียงเปิดฝักบัว  นายพิษฌานคงตื่นมาอาบน้ำ...ตั้งแต่ตีสี่เนี่ยนะ   เขาอุทานในใจหลังจากหันไปมองนาฬิกา

            สักพักร่างสูงใหญ่ก็กลับออกมาจากห้องน้ำ  พิชช์ฌานมองคนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงแล้วเลิกคิ้ว

            “ทำไมรีบตื่น  ฉันทำเสียงดังเหรอ”

            อีกฝ่ายส่ายหน้า  ย้อนถามกลับมา

            “คุณนอนตรงไหนน่ะ”

            “ก็เธอไม่ให้ฉันนอนบนเตียง  ฉันก็เลยนอนโซฟานั่นแหละ”  นักการเมืองหนุ่มตอบเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่เดือดร้อนเท่าไหร่  เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วลงมือแต่งตัว  “นอนไม่หลับ  กินกาแฟไปเยอะเลยตาค้าง  ขี้เกียจนอนต่อเลยลุกมาอาบน้ำ  ถ้าเธอยังง่วงอยู่ก็นอนต่อไปก่อนเถอะ  อีกสองชั่วโมงฉันจะปลุก”

            อาคิราห์ถอนหายใจยาว  ลุกขึ้นจากเตียง

            “ไม่เป็นไร  ผมนอนพอแล้ว”

            “อย่าลืมจัดกระเป๋านะ  เจ็ดโมงออกเดินทาง”  พิชช์ฌานพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอน  อาคิราห์มองตามหลังด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวบ้างแล้วก็มายืนปวดหัวกับบรรดาข้าวของที่กองอยู่บนเตียง

            กระเป๋าเดินทางก็ใบนิดเดียว  จะเอาใบใหญ่ไปก็คงจะดูเอิกเกริกเกินไปหน่อย  ไปค้างแค่คืนเดียว  แต่พอเอาใบเล็กไปก็ยัดเสื้อคลุมตัวโปรดกับผ้าห่มพวกนั้นลงไปไม่ได้

            เจ้าโอเมก้ายืนคิดอย่างเคร่งเครียด  ลองพับผ้าวางเรียงทีละชิ้นอย่างบรรจงแล้วก็ยังไม่สำเร็จ  กระเป๋าอ้วนตุ๊จนปิดกระเป๋าไม่ได้  สุดท้ายเขาก็เลยจำต้องคัดของบางชิ้นออกไปอย่างจำใจ

            กว่าจะเสร็จก็เกือบหกโมงเช้าพอดี  นิ่มนวลขึ้นมาเคาะประตูเรียกเขาลงไปกินข้าว  พิชช์ฌานนั่งประจำที่อยู่ก่อนแล้วในชุดพร้อมเดินทาง

            “เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม  เดี๋ยวให้เจนภพยกไปใส่รถ  รีบกินเร็ว...จะได้ไปกัน”  อีกฝ่ายเร่ง

            ยังเหลือเวลาอีกตั้งมากแต่พิชช์ฌานกลับเร่งเขา  คงอยากไปเจอใครบางคนที่นั่นเต็มที ...อาคิราห์คิดในใจขณะที่ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวอย่างฝืดคอ  ไม่รู้วันนี้ป้านิ่มฝีมือตกหรือเปล่าถึงไม่อร่อยถูกปากเหมือนเคย

            คนที่นั่งหัวโต๊ะเองก็ตักข้าวต้มเข้าปากได้เพียงสองสามคำแล้วก็ต้องหันไปพึ่งกาแฟดำที่นิ่มนวลชงเอาไว้ให้อย่างรู้ใจขึ้นดื่มแทน  ความจริงเมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอน  โดนไล่มานอนโซฟาแข็งๆแทนเตียงใครมันจะไปนอนหลับลงได้  เห็นว่าดึกมากแล้วเลยขี้เกียจเถียงกับอีกฝ่าย  ยอมให้ยึดเตียงเลยตามเลย  อดทนนอนได้ไม่นานก็ทั้งปวดหัวทั้งคลื่นไส้จนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำตั้งแต่ก่อนไก่โห่

ตอนนี้อาการปวดหัวก็ยังคุกคามอยู่แม้จะนั่งรถออกจากบ้านมาแล้วก็ตาม  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเองเบาๆ  เริ่มเวียนหัวเพราะรถโคลงเคลงเลยหันออกไปมองวิวข้างนอกไกลๆเผื่อจะดีขึ้นบ้าง

อาคิราห์แอบมองคนนั่งข้างๆด้วยหางตา  ผู้ชายคนนั้นนั่งเงียบกริบมาตลอดทางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  แทบไม่ยอมหันมาสบตาเขาเลยสักครั้ง  เป็นอาการที่แปลกไปจนเห็นได้ชัด  แต่ก่อนถึงแม้จะไม่ได้คุยกันมากแต่เวลานั่งรถด้วยกันอีกฝ่ายก็ไม่เคยปล่อยให้รถเงียบขนาดนี้

มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ

รถมาถึงที่สนามบิน  เจนภพพาพวกเขาเดินมาอีกทางหนึ่งโดยแทบไม่ผ่านฝูงชน  อาคิราห์เดินตามหลังร่างสูงใหญ่ไปเงียบๆ  เขาเห็นผู้ชายอีกหลายคนเข้ามาทักทายพิชช์ฌานและพูดคุยกัน  เจนภพพาเขาแยกออกมานั่งรอข้างนอกไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไร

เขาละสายตาจากพวกอัลฟ่าแล้วหันมานั่งมองเครื่องบินขึ้นลงอย่างตื่นเต้นแทน  เป็นครั้งแรกที่จะได้นั่งเครื่องบินแม้จะเป็นระยะทางใกล้ๆภายในประเทศก็เถอะ  อดนึกถึงเมื่อคราวก่อนที่มาสนามบินไม่ได้  ตอนนั้นเขามัวแต่เครียดว่าจะได้ไปหรือไม่มากกว่าจะเครียดเรื่องขึ้นเครื่องคนเดียวเสียอีก  ความคิดเรื่องไปเที่ยวรอบโลกคนเดียวนั้นพอมาลองคิดดูอีกรอบแล้วก็ค่อนข้างจะบ้าบิ่นไม่น้อย

แต่ถามว่าอยากทำไหม   คำตอบก็คือ...อยาก..อยู่นั่นเอง

“ได้เวลาแล้วครับคุณอัยย์  เชิญทางนี้”  เจนภพเดินออกมาตามเขา  อาคิราห์เดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆจนมาถึงรถบัสคันใหญ่ที่มีเพียงแค่พวกเขาไม่กี่คน  รถขับไปจอดเทียบใกล้ๆเครื่องบินลำหนึ่งที่เล็กกว่าเครื่องบินขนส่งพาณิชย์ทั่วไป

นายพิษฌานมีเครื่องบินของตัวเองจริงๆด้วยแฮะ...

“เธอขึ้นไปก่อนเลย  เดี๋ยวฉันตามขึ้นไป”  พิษฌานบอกกับเขา  อาคิราห์ไม่ได้ถามอะไร  เขาเดินขึ้นบันไดตามหลังเจนภพขึ้นไปข้างในห้องโดยสารที่จัดเอาไว้หรูหราเกินคาด

“คุณอัยย์นั่งตรงนี้ได้เลยครับ”  เจนภพผายมือไปที่เก้าอี้บุนวมอย่างดีตัวหนึ่งที่ตั้งข้างๆกับอีกตัวที่เดาว่าเป็นของพิษฌาน  “อยากทานอะไรก็บอกได้เลยครับ”

“ผมยังอิ่มๆอยู่  ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ทิ้งตัวลงนั่ง  “กระเป๋าเสื้อผ้าของผมอยู่ที่ไหนแล้ว”

“ผมให้คนโหลดขึ้นเครื่องมาแล้วครับไม่ต้องห่วง”

“ผมอยากจะขอผ้าพันคอเสียหน่อย”  อัยย์พึมพำ  “แต่ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมาก”

“เอาผืนนี้ไปก่อนแล้วกันนะ”  เสียงห้าวๆดังขึ้นตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่พอเดินเข้ามาก็ทำให้รู้สึกว่าห้องโดยสารแคบไปในทันที  พิชช์ฌานโปะผ้าพันคอไหมพรมลงบนศีรษะกลมๆของโอเมก้า  “ยังไงผืนที่เธออยากได้ก็เป็นของฉันเหมือนกันนี่นะ”

“ของผม!”

“เดี๋ยวเถอะ  โมเมว่าเป็นของตัวเองอีกแล้ว  ของในกระเป๋าเธอน่ะมีแต่ชุดฉัน  ฉันเห็นอยู่”

“คุณแอบดูกระเป๋าผมเหรอ”  คนฟังตาโต  อีกฝ่ายยักไหล่

“มันก็ต้องเช็คเพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว”  นายพิษฌานตอบเนิบๆ  “แต่ถ้าเธออยากได้ผ้าพันคอ ‘ของเธอ’ ล่ะก็  ฉันเอามาด้วย  อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าฉัน” 

อาคิราห์เม้มปาก  หันหน้าหนีคนที่เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเขา  ร่างสูงใหญ่ยกขาขึ้นไขว่ห้างรับแก้วเครื่องดื่มมาจากเจนภพ

“ชอบเครื่องบินของฉันไหม  มันพาเธอบินไปซูริคได้นะ”

“แล้วเมื่อไหร่จะพาผมไปล่ะ”

“ฉันพาเธอไปแน่”  พิษฌานพูดยกแก้วขึ้นดื่ม  ใบหน้าคมเข้มกลับมีแววกังวลอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกัปตันบอกให้รัดเข็มขัด

อัยย์ใจเต้นตึกๆตอนที่เครื่องบินเริ่มออกตัว  เจนภพถอยไปนั่งข้างหลังพร้อมกับผู้ติดตามอีกไม่กี่คน  เสียงเครื่องยนต์ทำงานเต็มที่ก่อนที่เครื่องจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว  ภาพวิวตรงกระจกผ่านไปไวแทบมองไม่ทัน  อาคิราห์มือเย็นเฉียบ  รู้สึกหวิวๆตรงท้องน้อยตอนที่เครื่องลอยขึ้นจากพื้น

“อ้วก...โอย  เจนภพ  ถุง”  เสียงใครอาเจียนดังอยู่ข้างๆ  อาคิราห์หันขวับไปมองแล้วก็พบว่าคนที่นั่งไขว่ห้างวางมาดอยู่เมื่อครู่กำลังโก่งคออาเจียนใส่ถุงพลาสติกเต็มที่  ใบหน้าคมคร้ามซีดเผือดมีเหงื่อผุดขึ้นเต็ม

“คุณฌาน  ไหวไหมครับ  เป็นอะไรไหม”  เจนภพถามอย่างตกใจ  เก้กังๆไม่กล้ายกมือขึ้นลูบหลังเจ้านายได้แต่เงยหน้าขึ้นมองอาคิราห์

“ฉัน...ไม่เป็นไร...ไม่ทันตั้งตัวน่ะ”  พิชช์ฌานพูดหอบๆ  เงยหน้าขึ้นจากถุง  เหลียวมาหน้าคนข้างๆที่ยกมือขึ้นแตะๆที่หลังเขาอยู่  “ปกติฉันไม่เป็นแบบนี้นะ”  ชายหนุ่มรีบพูด  รับแก้วน้ำจากเจนภพมาล้างปาก

“ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่   ใครๆก็เมาเครื่องกันได้”  อาคิราห์พูดอย่างเป็นการเป็นงาน  รู้สึกประทับใจตัวเองไม่น้อยที่ไม่อ้วกออกมาให้ขายหน้า  “เรื่องปกติ”  ยักไหล่แถมให้อีกหน่อย  นานๆทีจะเห็นคนอย่างนายพิษฌานหน้าเขียว  ปกติเห็นเก่งกล้าสามารถชอบโอ้อวดทุกเรื่อง  “ผมเคยเห็นคนแก่เมารถเมาเรือบ่อยออก”  ได้ทีต้องรีบข่ม  โบราณบอกคนล้มให้รีบนั่งทับไปเลย

“อย่าให้ถึงตาเธอบ้างนะ เจ้าบู้บี้”  ฝ่ายนั้นพูดอุบอิบในคอ  รับยาดมมาจ่อจมูกอย่างหมดท่า  พิชช์ฌานได้แต่นั่งหลับตาเงียบไปตลอดทาง

อาคิราห์นั่งมองก้อนเมฆข้างนอกไปเรื่อยๆ  จินตนาการว่ามันเป็นรูปหน้าคนบ้าง  รูปสัตว์ต่างๆบ้าง  จนในที่สุดเครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงเพื่อจอดที่สนามบิน

พิชช์ฌานใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะลุกจากที่นั่งเดินออกมาได้   ว่าที่หุ้นส่วนคนใหม่ของพรรคอย่างคุณธีรดลมารอรับอยู่แล้วถึงสนามบิน  พิชช์ฌานพยายามกล้ำกลืนอาการคลื่นเหียนลงไปให้ได้มากที่สุด  แค่อ้วกต่อหน้าอาคิราห์และลูกน้องตัวเองก็ขายขี้หน้ามากพอแล้ว  ขืนมาอาเจียนต่อหน้าว่าที่นายทุนพรรคอีกคงหมดกัน  ความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมา

“เดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ  เรียบร้อยดีไหม  ยินดีที่ได้พบครับคุณพิชช์ฌาน”  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทเรียบกริบพูดทักทายนักการเมืองคนสำคัญและคู่สมรสของเขา  “นี่คงเป็นคุณอาคิราห์  ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผมชื่อธีรดลครับ”

“สวัสดีครับ”  อาคิราห์ยิ้มรับบางๆ  รู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้  รอยยิ้มของเขาดูเป็นมิตรและจริงใจ

ธีรดลพาพวกเขาขึ้นรถและขับมายังรีสอร์ตขนาดใหญ่ติดริมทะเล  ทำเอาคนอยากไปทะเลถึงกับตาลุกวาว  สูดกลิ่นเค็มๆของทะเลเข้าปอด  ลมทะเลพัดแรงจนเส้นผมปลิว  มองลงไปที่ชายหาดเห็นต้นมะพร้าวเป็นทิวแถว

“ผมเตรียมที่พักเอาไว้ให้แล้ว  เชิญครับ” ธีรดลพูดยิ้มๆ  สังเกตเห็นแววพอใจจากนัยน์ตาของอาคิราห์ได้  “คุณพิชช์ฌานกับคุณอาคิราห์เดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญพักผ่อนก่อน  แล้วเราค่อยมารับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันพร้อมกับคุยกันไปด้วย  ดีไหมครับ”

ตอนแรกพิชช์ฌานจะปฏิเสธ  เขาใจร้อนเกินกว่าจะมานั่งกินลมชมวิวได้  อยากจะคุยตกลงกันให้เสร็จๆแล้วจะได้รีบกลับ  ขี้เกียจค้างแล้ว  แต่ว่าอาการของตัวเองยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่  กลัวว่าไปตกลงธุรกิจตอนนี้จะพาลเสียเปรียบเอาได้ก็เลยยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่าย  ไม่เกี่ยวกับแววตื่นเต้นในดวงตากลมโตของใครเลยด้วย

“เก็บอาการหน่อย  นี่ฉันมาคุยธุรกิจนะ  ไม่ได้มาพักผ่อน”  พิชช์ฌานกระซิบบอกคนตัวเล็กข้างๆที่เหลือบมองซ้ายขวาไปมา

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”  อาคิราห์เถียง

“เหรอ...เห็นมองทะเลตาถลนเมื่อกี้”

“คุณไม่เห็นบอกผมก่อนเลยว่ามาทะเล”  อาคิราห์พูด  เงยหน้าขึ้นมองเขา  “คราวที่แล้วผมยังไม่ได้ขึ้นเรือเลยนะ”

“กำลังท้องกำลังไส้อย่าคึกมากนักเลย”  พิชช์ฌานกระซิบตอบเสียงเข้ม ขมวดคิ้วให้อีกทีหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มรับธีรดลตามเดิม

อาคิราห์จุ๊ปากอย่างหงุดหงิด  อุตส่าห์ได้มาเที่ยวแล้วแท้ๆ ดันมาห้ามนู่นห้ามนี่อีก  น่าเบื่อ...เห็นเราเป็นของเล่นแล้วยังจะมาวุ่นวายอีกเหรอ  กลัวของเล่นเจ๊งงี้เหรอ

ห้องพักสวีทวิวดีที่สุดของรีสอร์ตทำให้อาคิราห์ตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม   ธีรดลบอกว่าตอนเช้าจะสามารถมองพระอาทิตย์ขึ้นผ่านหน้าต่างบานนี้ได้ด้วย  เจ้าโอเมก้าเลยตั้งใจเอาไว้ว่าจะรีบตื่นแต่ไก่โห่มารอดูภาพสวยสุดใจที่เจ้าของโรงแรมโฆษณาเอาไว้ให้ได้

นายพิชช์ฌานฝืนนั่งดูร่างโปร่งบางสาละวนเลือกของในกระเป๋ามากองบนเตียง  พึมพำบ่นเขาอยู่คนเดียวว่าไม่บอกก่อนเลยไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมาด้วย   ฟังเสียงงึมงำได้ไม่เท่าไหร่ก็ชักง่วง  ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนหลับสนิทจนได้ยินเสียงกรนเบาๆออกมา  ร่างสูงใหญ่นอนทับผ้าห่มผืนโปรดของอาคิราห์ที่หอบหิ้วมาเอาไว้ทั้งตัว

“ตัวก็หนักมาทับของเราอีก”  อัยย์บ่น  ใช้มือดันตัวอีกฝ่ายให้พลิกไปอีกทางแต่ไม่สำเร็จ  ดูเหมือนว่าพิชช์ฌานจะหลับลึกมากเสียจนไม่ขยับเขยื้อน  สุดท้ายเขาก็เผลอหลับไปบ้างด้วยความเหนื่อยอ่อน

พิชช์ฌานสะดุ้งตื่นจากความฝันว่ามีหินก้อนใหญ่หล่นจากภูเขาลงมาทับท้องเขาเอาไว้  ชายหนุ่มลืมตาโพลงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหนักอึ้งอยู่บนหน้าท้องจริงๆ  พอผงกหัวขึ้นดูก็เจอเจ้าโอเมก้านอนคว่ำเอาหน้าเกยอยู่บนพุงของเขาหลับอย่างสบายใจ

“อาคิราห์  ตื่นก่อน ฉันต้องคุยงานต่อนะ”  พิชช์ฌานใช้ปลายนิ้วจิ้มเข้าที่พวงแก้มนิ่มๆของคนหลับ  เจ้าของแก้มส่งเสียงอืออาแล้วลืมตาขึ้น  “เอาหัวของเธอออกไปจากท้องฉันได้แล้ว”

อัยย์กระพริบตางงๆ แล้วก็รีบดึงตัวลุกขึ้นนั่งโงนเงน   คนเห็นจุ๊ปากดีดนิ้วใส่หน้าผากเนียนไปแรงๆทีนึงจนอาคิราห์สะดุ้ง

“เจ็บนะ”

“จะได้ตื่น”

“คุณมันชอบใช้กำลัง”  คนพูดยกมือขึ้นคลำหน้าผากป้อย  “คิดจะทำอะไรกับผมก็ได้งั้นเหรอ”  พูดแล้วเสียงชักเครือ  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกหันกลับมามองหน้าเขาแล้วถามเสียงอ่อนลง

“อยากเล่นทะเลไม่ใช่เหรอ  ถ้าอยาก...ก็รีบลงไปกินข้าวสิ”

คนฟังตื่นเต็มตา  ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ  รอยยิ้มจนตาหยีเหมือนเด็กๆนั้นทำเอาคนมองชะงักไปครู่ใหญ่  ประกายตาสดใสในดวงตากลมโตทำให้พิชช์ฌานพลอยรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย

ร่างโปร่งบางก้าวออกจากลิฟต์นำหน้าเขาไปยังห้องอาหารพลางมองหาร้านขายชุดว่ายน้ำไปตลอดทาง  ทีมของคุณธีรดลรอเขาอยู่ก่อนแล้ว  พวกเขาพาไปที่ห้องอาหารของโรงแรมที่จัดโต๊ะเตรียมเอาไว้แล้ว

“คุณพิชช์ฌาน  เชิญตามสบายเลยครับ  หวังว่าอาหารมื้อนี้จะถูกปาก”

“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้วครับ”  พิชช์ฌานตอบเนิบๆ ดูเชิงอยู่ในที  “โรงแรมของคุณสวยมาก  วิวที่ห้องก็ดีมากเลย  อาคิราห์ชอบใจใหญ่”

“วิวสวยมากครับ”  อาคิราห์เสริมยิ้มๆ  “แขกคงมาพักเต็มประจำ”

“ช่วงนี้ไฮซีซั่นก็จะแขกเยอะหน่อยครับ”  ธีรดลพูด  “ส่วนใหญ่แขกที่นี่จะเป็นชาวต่างชาติมากกว่า ...”  ชายหนุ่มขยายความเรื่องรีสอร์ตของตัวเองให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ  พิชช์ฌานนั่งฟังเงียบๆ จับตามองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง

ธีรดลเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เพิ่งขึ้นมาดูแลกิจการแทนบิดาที่เสียชีวิตไปไม่นาน  ทว่าความสามารถของชายหนุ่มก็น่าจับตามองไม่น้อย  มากพอที่คนในพรรคของเขาจะเสนอชื่อมาว่าอยากได้มาร่วมทุน  แต่จากประสบการณ์ของพิชช์ฌานแล้ว  เขายังไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก

“คุณอาคิราห์ชอบทานหอยนางรมไหมครับ  ที่นี่เราขึ้นชื่อเรื่องหอยนางรมมาก...”  ธีรดลตักอาหารใส่จานของอาคิราห์อย่างคล่องแคล่ว  ปากก็พูดยิ้มแย้มอย่างคนอัธยาศัยดี  แม้แต่เจ้าบู้บี้ที่วันๆชอบทำหน้าบูดใส่เขาก็ยังยิ้มตอบอีกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“เรียกผมว่าอัยย์ก็ได้ครับ  ผมชื่อเล่นว่าอัยย์”

“ได้ครับคุณอัยย์  งั้นคุณอัยย์เรียกผมว่าดลก็ได้นะ  น่าจะง่ายกว่าธีรดล”

พิชช์ฌานกระแอม

“แล้วคู่หมั้นของคุณธีรดลไม่มาด้วยหรอครับ  ผมเคยเห็นแวบๆในหน้าหนังสือพิมพ์”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆหน้าตาเฉย

“ผมเพิ่งถอนหมั้นครับ  ...คุณพิชช์ฌานคงไม่ทราบ”  ธีรดลตอบ

“อ้าว  งั้นเหรอครับ”  พิชช์ฌานรู้สึกไม่สบายใจกว่าเดิม  ชายหนุ่มหันไปยกกาแฟขึ้นดื่มหลายอึก  รสขมจัดช่วยให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย  “อาคิราห์  เธออยากไปเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ  ให้เจนภพพาไปสิ”

“ผมยังไม่ได้กินของหวาน”  อาคิราห์หันมาตอบห้วนๆ

“ผมอยากให้คุณอัยย์ลองขนมหวานที่นี่ก่อน  รับรองว่าคุณจะต้องชอบ”  ธีรดลพูดยิ้มๆ  “คุณอัยย์อยากไปเล่นน้ำหรอครับ”

“ครับ  แต่ผมยังไม่มีชุดว่ายน้ำเลย ...พอดีไม่ทราบว่าจะมาทะเล”  ประโยคหลังเขาปรายตามองไปทางคนข้างๆที่ขยับตัว

“ฉันบอกแล้ว แต่เธอหลับก่อนเอง”  พิชช์ฌานกระซิบมุมปาก  “เดี๋ยวให้เจนภพไปหาชุดว่ายน้ำมาให้ก็ได้  ไม่ต้องรบกวนคุณธีรดลเขาหรอก วุ่นวาย”

“ไม่วุ่นวายเลยครับ  เรื่องธรรมดามาก  ไม่ใช่ทุกคนจะเตรียมชุดว่ายน้ำมานี่ครับ  ที่ข้างๆโรงแรมของเรามีร้านค้าอยู่เยอะเลย  คุณอัยย์ลองเดินเลือกซื้อดูก็ได้ครับ  แบบสวยๆเพียบ  หรือถ้ายังไม่เจอที่ถูกใจให้คนขับรถพาเข้าไปซื้อในเมืองก็ได้ครับ  มีห้างสรรพสินค้า”

“ไม่ต้องวุ่นวายหรอกครับ  ผมเกรงใจ”  พิชช์ฌานรีบขัด

“ขอบคุณมากครับคุณดล  เดี๋ยวผมจะลองเดินดูใกล้ๆแถวนี้ดูก่อนครับ”  อาคิราห์ตอบยิ้มๆ

คนข้างตัวส่งเสียงหึในลำคออย่างหมั่นไส้  ไม่เคยเห็นเจ้าโอเมก้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่บ่อยขนาดนี้มาก่อน  หรือว่านายธีรดลอะไรนี่จะถูกใจมากถึงได้ขยันส่งยิ้มให้เสียเหลือเกิน

“เธอผักติดฟัน”  พิชช์ฌานเอียงตัวเข้าไปกระซิบข้างหู  “เลิกยิ้มแยกเขี้ยวเสียทีเถอะ  เขียวอื๋อเลยฉันอาย”

อาคิราห์หุบยิ้มทันควัน  หันขวับมาถลึงตาใส่เขา

“แล้วทำไมไม่บอก  คุณนี่มันแย่จริงๆ”  พูดจบก็หันไปดื่มน้ำหลายอึกหวังจะให้อะไรก็ตามที่ติดฟันอยู่หลุดออกไป  ใช่ลิ้นดุนๆดูก็ไม่เห็นจะเจอเลย  แต่ว่านายพิษฌานเอาแต่บอกว่ายังเหลืออยู่ตลอดจนอัยย์ไม่กล้ายิ้มกว้างต่ออีก



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-03-2019 13:03:47









            ธีรดลเริ่มสนทนาเข้าเรื่องธุรกิจกับพิชช์ฌานอย่างจริงจังขึ้น  อาคิราห์ทานของหวานเสร็จแล้วเลยรีบขอตัวออกมาจากโต๊ะอาหารโดยมีเจนภพมือขวาของพิชช์ฌานตามมาติดๆ

            “คุณอัยย์จะหาชุดว่ายน้ำใช่ไหมครับ”

            “ใช่แล้ว  คุณเห็นบ้างหรือเปล่า”

            “ผมเห็นมีร้านขายของอยู่ข้างๆนี่เอง  ออกไปดูไหมครับ”  เจนภพเสนอ  อาคิราห์เห็นด้วยก็เลยเดินตามกันออกไปสำรวจร้านค้าข้างๆโรงแรมที่เป็นตึกแถวยาวๆขนานไปกับแนวชายหาด  นักท่องเที่ยวแน่นขนัดสมกับที่เจ้าของโรงแรมว่าเอาไว้

            “ร้านนี้ของเยอะดี  ลองเข้าไปดูไหมครับ”  เจนภพชี้ให้ดู

            ใช้เวลาเลือกของไม่นาน  อาคิราห์ก็ได้ชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวมาชุดหนึ่ง  เขาบอกให้เจนภพเลือกบ้างจะได้มาเล่นน้ำเป็นเพื่อนกัน   ตอนแรกเจนภพก็ปฏิเสธแต่พอบอกว่าเขาจะดำน้ำหนีเท่านั้นแหละ  คนสนิทของนายพิษฌานก็เปลี่ยนใจหันไปเลือกชุดแทบไม่ทัน

            เห็นเจนภพเพลิดเพลินกับการเลือกชุดก็เลยแอบถอยออกมาจากร้าน  ชะเง้อมองร้านอื่นๆข้างๆหาอะไรที่น่าสนใจ  ข้างร้านขายชุดว่ายน้ำเป็นร้านขายอุปกรณ์สำหรับตกปลา  อาคิราห์ก้าวเข้าไปหาไม่รอช้า  ด้อมๆมองๆอยู่พักหนึ่งก็ได้คันเบ็ดอย่างดีมาหนึ่งอัน

            “คุณอัยย์  อยู่ที่นี่เอง  ไปไหนทำไมไม่บอกผมก่อน  ผมตกใจหมด”  เจนภพบ่นพึม  เดินเข้ามาหาเขาในร้าน

            “มาพอดีเลย  ผมอยากได้คันเบ็ดอันนี้  จ่ายเงินให้หน่อยสิ”

            “คันเบ็ด? คุณอัยย์จะเอาไปทำอะไรครับ”

            “ถามแปลก  ก็เอาไปตกปลาสิ”

            “คุณจะตกปลาในทะเลหรอครับ”

            “คุณลุงคนขายเขาบอกว่าที่นี่มีบึงให้ตกปลา  หรือจะตกในทะเลก็ไม่เห็นแปลกนี่”  อาคิราห์ส่งคันเบ็ดให้เขาแล้วบอกเรียบๆ  “จ่ายเงินให้ด้วย  ไม่งั้นผมจะถือออกไปเลย”

            “โธ่  คุณอัยย์”  เจนภพจำต้องล้วงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาอีกครั้ง  คุณพิชช์ฌานให้เงินเอาไว้ก็จริงแต่ไม่มากพอที่จะจ่ายค่าคันเบ็ดหรอก  ชายหนุ่มล้วงหาเหรียญให้วุ่นขณะที่เจ้านายเดินลอยชายออกไปยืนรอข้างหน้าร้านพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ

            รู้อยู่หรอกว่าคุณอัยย์คงอยากเอาคืนเล็กๆน้อยๆที่ไปขังเธอเอาไว้ที่บ้าน  นี่ถ้าเขาเป็นคุณพิชช์ฌานก็คงพาไปเที่ยวรอบโลกเสียนานแล้ว  ไม่ปล่อยให้นอนร้องไห้ตาปูดทุกวันหรอก

            สงสารตายเลย...ตัวแค่นี้เอง  ไหนจะมาตั้งท้องอีก

            แต่ดูเหมือนว่าคุณพิชช์ฌานเองก็น่าจะเริ่มตระหนักอะไรได้บ้างแล้ว  ดูจากสายตาตอนที่มองคุณอัยย์คุยกับคุณธีรดลอะไรนั่น  เขาทำงานกับอีกฝ่ายมานานทำไมจะดูไม่ออกว่าภายใต้รอยยิ้มฉาบหน้าของพิชช์ฌานนั้น  เจ้าตัวกำลังหงุดหงิดแค่ไหน  ไม่งั้นคงไม่รีบไล่คุณอัยย์ออกมาหรอก

            อาคิราห์แวะซื้อไอศกรีมรถเข็นข้างหน้าร้านมาสองแท่งระหว่างรอเจนภพจ่ายเงิน  นัยน์ตากลมใสเหลือบมองรอบด้านอย่างสนใจ  สุดท้ายก็ไปสะดุดตาเข้ากับแผ่นป้ายอันหนึ่งหน้าประตูกระจกของร้านที่ดูเหมือนสำนักงานถัดออกไปเพียงสองร้านเท่านั้น

            ‘บริษัทรับจัดหางานโอเมก้า’

          สองเท้าก้าวเข้าไปหาเร็วกว่าความคิด  ใบปลิวเสียบอยู่แล้วที่หน้าร้านเหมือนเชิญชวนให้คนมาหยิบได้ฟรี  อาคิราห์หยิบใบปลิวขึ้นมาอ่านคร่าวๆ แล้วพับเก็บเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง

            มันเกี่ยวกับการออกนอกประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่าของโอเมก้าด้วย...รายละเอียดยืดยาวเก็บเอาไว้อ่านทีหลัง  หัวใจของอาคิราห์เต้นแรงอย่างตื่นเต้น  ลอบมองเข้าไปในสำนักงานนั้นก็ดูสะอาดสะอ้านน่าเชื่อถือ  เห็นผู้ชายสองคนผลักประตูเข้าไปข้างใน

            “คุณอัยย์  ดูอะไรอยู่ครับ”  เจนภพเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับคันเบ็ดอันใหญ่และถุงใส่ชุดว่ายน้ำในมือ  “เสร็จแล้วครับ”

            “ผมซื้อไอติมมาให้คุณ”  อาคิราห์พูด  ส่งไอศกรีมแท่งไปให้แล้วรับถุงเสื้อผ้ามาถือเอาไว้เอง  “ไม่เป็นไร  ให้ผมช่วยถือเถอะ  ไม่อย่างนั้นคุณจะกินยังไง”  เขารีบพาเจนภพเดินหนีออกมาห่างจากสำนักงานแห่งนั้น

            “ขอบคุณครับคุณอัยย์”  เจนภพยิ้มแห้งๆ  ตั้งใจว่าจะเก็บไอศกรีมเอาไว้เป็นความลับไปก่อน  ไม่อย่างนั้นคงต้องหูชาเพราะใครบางคนเก็บมาค่อนขอดไม่เลิกแน่  ...คนขี้อิจฉาแบบนั้น

            เจนภพพาอาคิราห์ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำแล้วก็ลงไปเล่นน้ำในทะเลข้างหน้าโรงแรมนี่เอง  ชายหนุ่มตามประกบเจ้าโอเมก้าไม่ห่างเพราะกลัวเกิดเรื่องอะไรขึ้น  มีลูกน้องคอยควบคุมสถานการณ์อยู่บนชายหาดอีกทีหนึ่ง  ใจจริงก็อยากจะปิดหาดมันเสียเลยเหมือนคราวก่อน  ติดตรงที่ว่าเจ้านายของเขายังไม่ได้ซื้อหาดนี้เสียด้วย

            ไม่แน่ว่าถ้าคุณธีรดลยังขยันยิ้มกว้างให้คุณอัยย์ไม่เลิก  คุณพิชช์ฌานอาจจะเปลี่ยนใจซื้อโรงแรมแถมหาดไปเลยก็เป็นได้  ไม่ต้องหามันแล้วเงินทุนพรรค  เจนภพหัวเราะออกมากับความคิดไร้สาระที่เขาคิดว่าอาจเป็นจริงได้นั้น

            “คุณหัวเราะอะไรน่ะ”  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  มองทรายใต้น้ำอย่างสงสัย  “มีอะไรหรอ”

            “หืม?  เปล่าครับคุณอัยย์  พอดีผมหัวเราะเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่ได้เล่นน้ำทะเลนานแล้ว  สนุกดีนะครับ”

            “คุณพิษฌานเขาไม่ไปเที่ยวทะเลบ้างเหรอ”

            “คุณฌานไม่เที่ยวทะเลหรอกครับ”  มือขวาคนสนิทหัวเราะเบาๆ

            “ทำไมล่ะ  เขาก็มีบ้านพักตากอากาศไม่ใช่เหรอ”

            “นั่นสินะครับ  ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

            “ผมอยากถามมานานแล้ว  คุณฌานของคุณน่ะ  ทำธุรกิจอะไรบ้างกันแน่  อย่าบอกผมว่าแค่เล่นการเมืองนะ  ผมไม่เชื่อหรอก  ถ้าแค่เล่นการเมืองจะรวยขนาดนี้ได้ยังไง”

            “ทางบ้านของคุณฌานมีฐานะอยู่แล้วครับ”  เจนภพตอบเรียบๆ แล้วเลี่ยงไป  “ถึงเวลาต้องขึ้นจากน้ำแล้วครับคุณอัยย์  คุณฌานเรียกแล้ว”

            “อยากเล่นต่ออีกหน่อย”

            “แค่ผมพาคุณอัยย์ลงมาลึกขนาดนี้ก็โดนคุณฌานตำหนิแล้วครับ”  เจนภพพูดเสียงอ่อน

            “โอเค  ขึ้นก็ได้”

            อาคิราห์เดินลุยน้ำกลับมายังชายฝั่ง  เจนภพเดินตามไม่ห่าง  สายตาคมไวตวัดมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง  ถึงแม้จะมั่นใจว่าไม่มีกลุ่มอนุรักษ์หัวรุนแรงอยู่แถวนี้ก็ตาม

            เดินห่อตัวในชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาจนถึงโรงแรม  นายพิษฌานไม่ได้อยู่ในห้องพัก  อาคิราห์เลยอาบน้ำอย่างสบายใจ  กลับมาเปลี่ยนชุดใหม่ที่แห้งสนิทสบายตัว  กะว่าจะแอบงีบสักหน่อย  เจนภพก็มาเคาะประตูเรียกเสียก่อน

            “คุณฌานเชิญคุณอัยย์ขึ้นไปบนดาดฟ้าครับ”

            “ขึ้นไปทำอะไรเหรอ”

            “ผมก็ไม่ทราบ  ..นั่งคนเดียวอาจจะเหงามั้งครับ”  ประโยคหลังคนพูดลดเสียงลงพูดกับตัวเอง

            อาคิราห์เดินนำหน้าเข้าไปในลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม  ดาดฟ้าด้านบนไม่ได้คลาคล่ำด้วยผู้คนอย่างชายหาดข้างล่างแต่กลับโล่งๆว่างเปล่าจนน่าแปลกใจ

            ผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่  ไม่ได้หันกลับมามองแม้ว่าอาคิราห์จะเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆแล้วก็ตาม  ราวกับกำลังดื่มด่ำกับภาพผืนน้ำเวิ้งว้างตรงหน้า  แสงแดดสะท้อนกับคลื่นเป็นประกายระยิบระยับจับตา  อาคิราห์เท้าแขนเข้ากับราวเหล็กแล้วมองดูเงียบๆ

            “หิวหรือยัง”  เสียงห้าวถามขึ้นทำลายความเงียบนั้น  อาคิราห์อุทาน  นึกว่าตัวเองหูฝาด

            “อะไรนะ”

            “ฉันถามว่าหิวหรือยัง”

            “ทำไมเราต้องคุยกันเรื่องหิวไม่หิวทุกที”  เจ้าโอเมก้าทิ้งมือลงข้างตัว  “เห็นผมตะกละมากนักหรือไง”

            “ก็..เอาเรื่องอยู่”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นเกาจมูกของตัวเอง  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเก้อๆอย่างไรชอบกลเมื่อสบตากลมโตคู่นั้น  ริมฝีปากอิ่มสีสดขยับขึ้นลงเห็นไรฟันขาวเรียงสวยเหมือนไข่มุก  เขายืนอยู่ใกล้กับอาคิราห์จนเห็นแม้กระทั่งปลายขนตาที่ไหวระริกยามต้องลม

            ...ถ้าไม่ถามเรื่องกิน  ก็ไม่รู้จะเปิดประเด็นเรื่องอะไรแล้ว...มันง่ายสุดไม่ใช่หรือไงกัน  นักการเมืองหนุ่มคิดอย่างว้าวุ่น  ไม่อย่างนั้นจะให้เขาชวนคุยเรื่องเลือกตั้งเหรอ  หรือว่าเรื่องมองหานายทุนจากกลุ่มไหนดีหรือไง  ก็คุยไม่ได้อยู่แล้วมั้ย  เกิดวันดีคืนดีเจ้าโอเมก้าเผลอเล่าให้ใครในครอบครัวตัวเองฟังเขาก็จบเห่น่ะสิ

            “เอ้อ ...เล่นน้ำสนุกมั้ย  วันนี้แดดแรงหน่อยนะ”  ชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศนี่ล่ะ  ปลอดภัยสุด

            “ก็สนุกดี  คุณเจนภพว่ายน้ำเก่ง”

            “เหรอ  ...ฉันเล่าหรือยังว่าสมัยเรียนฉันว่ายน้ำได้ที่หนึ่งนะ  เจนภพได้ที่สอง”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  พูดเนิบๆทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ถาม  แต่เขาก็อดไม่ได้

            “มีเรื่องอะไรที่คุณไม่ได้ที่หนึ่งบ้างมั้ย”  คนฟังชักหมั่นไส้  คนอะไรจะเก่งไปซะทุกอย่างขนาดนั้น

            “มีสิ  เลือกตั้งสมัยที่แล้วไง”  พิชช์ฌานตอบทันควัน

            “คราวนี้คุณเลยจะแก้มืองั้นสิ”

            “ประมาณนั้น...แต่จริงๆแล้วฉันทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่มากกว่า”  ชายหนุ่มตอบ  ขยับคอเสื้อแล้วปลดกระดุมเม็ดบนออก

            “แถวนี้ไม่มีไมโครโฟนหรือนักข่าวหรอกนะ  คุณลองพูดแบบไม่ต้องหาเสียงสักพักได้มั้ย”  อาคิราห์พูดตรงๆ

            “ฉันพูดออกมาจากใจนะ  ไม่ได้หาเสียง”

            แสงแดดสะท้อนเข้ากับเส้นผมสลวยสีน้ำตาลเข้มของโอเมก้าเป็นประกายสีเหลือบทองสวยแปลกตา  พิชช์ฌานพิศดูอย่างใกล้ชิดเงียบๆ  เก็บรายละเอียดเอาไว้ในใจ  เขาเอื้อมมือไปแตะที่ไรผมตรงหน้าผากเนียนแล้วปัดออกอย่างเบามือ

            “อย่างเช่นตอนนี้  ถ้าฉันบอกว่าเธอสวยมาก  ฉันก็พูดจริงๆนะ”

            อาคิราห์ย่นจมูก  เอียงหน้าหลบมือใหญ่

            “คุณว่าผมหน้าตาบู้บี้มาตลอด  จู่ๆมาบอกว่าผมสวยมาก  คิดว่าผมจะเชื่อไหมล่ะ”

            พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  ทิ้งมือลงข้างตัว

            “คงต้องใช้เวลาพิสูจน์สินะ”  นักการเมืองหนุ่มพูดเรียบๆคล้ายปรารภกับตัวเอง  ทอดสายตามองออกไปไกล  “เส้นทางของฉันไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว”

            “ถึงอย่างไร  เส้นทางของคุณก็ยังเป็นเส้นทางที่คุณเลือกเองได้ไม่ใช่หรือ”  อาคิราห์พูดขึ้นบ้าง  “ไม่เหมือนกับผมที่ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งสิ้น”

            “เธอมีทางเลือกอาคิราห์”  ชายหนุ่มหันกลับมา

            “แต่คุณไม่ยอมให้ผมเลือก”  โอเมก้าสวนกลับไป  “อย่างว่า...กับอะไรที่เป็นแค่...ของเล่น  คงไม่มีค่าขนาดนั้น”

            คิ้วเข้มขมวดฉับ  พิชช์ฌานคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวเดินหนี

            “ของเล่นอะไร  เธอพูดถึงเรื่องอะไร”

            “ผมก็พูดทั่วๆไป  ไม่มีอะไร”  อัยย์พยายามสะบัดมือออก  แต่ว่าแรงของเขาไม่เคยสู้อีกฝ่ายได้อยู่แล้ว  สุดท้ายก็ถูกนายพิษฌานกอดเอาไว้ทั้งตัว  “ปล่อยผมเถอะ  ผมจะไปกินข้าว  ตรงเวลาสามมื้ออย่างที่คุณต้องการไงล่ะ”  หางเสียงแตกพร่าด้วยแรงอารมณ์ที่เพียรกดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  อาคิราห์ดิ้นอย่างแรง

            “อัยย์...ฟังฉันก่อน  ไม่ว่าเธอจะไปได้ยินอะไรมา  มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะ”

            “แม้ว่ามันจะออกมาจากปากของคุณเองงั้นหรือ”

            “เธอได้ยินที่ฉันคุยกับหมอฉัตรใช่มั้ย งั้นเธอก็ต้องรู้สิว่าฉันคิดยังไงกับเธอ”

            “อ๋อ  ...ผมรู้แล้ว  คุณเห็นผมเป็นของเล่นไงล่ะ  แค่เห่อของใหม่  คุณพูดเองกับปาก  ส่วนผมก็ได้ยินเองกับหู”  อาคิราห์ก้มลงงับเข้าที่ข้อมือใหญ่เต็มคำ  พิชช์ฌานอุทานลั่น ปล่อยมือออกจากเอวบาง

            “โอ๊ย!  อัยย์  ฟังก่อนสิ  เธอได้ยินฉันพูดแค่นี้เรอะ  ฉันพูดตั้งยาว  พูดยาวกว่านั้นเยอะแยะเธอไม่ได้ยินเลยหรือไง”  พิชช์ฌานพูดเสียงดังอย่างโกรธจัด  “จริงอยู่ว่าฉันพูดว่าเห่อของเล่นใหม่  แต่ฉันพูดประชด  เข้าใจคำว่าพูดประชดมั้ย”

            “ไม่เข้าใจ  คุณจะอ้างว่าพูดประชดใช่ไหม  ผมมันคนโง่อยู่แล้วก็หลับหูหลับตาเชื่อเข้าไปสิ  พูดกล่อมไม่กี่คำก็ยอมเก็บลูกเอาไว้  พูดอีกนิดหน่อยก็เดินตามต้อยๆ  แบบนี้ใช่หรือเปล่าที่คุณคิด  เลี้ยงเอาไว้ในบ้านให้อาหารสามมื้อจะได้โตไวๆ  ถึงเวลาก็เอามันออกไปเร่หาเสียงว่าโอเมก้าเท่าเทียมกัน  ผมพูดถูกหรือเปล่า”

            พิชช์ฌานอึ้ง

            “..คุณลองถามตัวเองก่อนเถอะว่าที่ผมพูดมามันจริงไหม  ถ้ามันจริง...คุณก็อย่ามาหวังว่าผมจะเชื่ออะไรคุณอีกคุณพิษฌาน”

            “อาคิราห์...แต่ความรู้สึกของฉันมันเป็นของจริงนะ”  พิชช์ฌานพูด  ก้าวยาวๆตามหลังร่างโปร่งบางของโอเมก้าที่หมุนตัวเดินจ้ำกลับเข้าไปข้างใน

            รถเข็นบรรจุแจกันประดับด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่เข็นสวนขึ้นมาพอดี  อาคิราห์ตวัดสายตามองแวบเดียวก็รู้ว่ามันคงเตรียมเอาไว้เพื่อประดับโต๊ะดินเนอร์หรูๆของแขกสักคน  เสียงของพิชช์ฌานตามหลังมาติดๆ  อาคิราห์เลยหลบแวบเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดประตู

            ลงลิฟต์มายังชั้นล่างของโรงแรม  อาคิราห์เดินก้มหน้าก้มตาออกมาแทบไม่ได้ดูทาง  ขอบตาร้อนผ่าวแต่ต้องกลั้นเอาไว้ไม่ให้ปล่อยโฮออกมาตอนนี้  เขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปเรียกรถกลับบ้านเสียเลย

            “คุณอัยย์  เกิดอะไรขึ้นครับ”  เสียงทุ้มๆดังขึ้นเหนือศีรษะ  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ พบว่ากำลังยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตอยู่  ธีรดลเลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ  “มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

            “คุณดล...ไม่มีอะไรครับ”  ชายหนุ่มบอกปัด  ทำท่าจะเลี่ยงไปอีกทางแต่ว่าอีกคนกลับเดินตามมาไม่เลิก

            “จะไม่มีอะไรได้ยังไง  ก็คุณอัยย์เดินร้องไห้ออกมา  เกิดอะไรขึ้นครับ  ทะเลาะกับคุณฌานเหรอ  ...ผมเห็นคุณฌานจองดาดฟ้าดินเนอร์กับคุณคืนนี้ไม่ใช่หรือครับ”

            “คุณไม่ต้องมาสนใจผมหรอกครับ  ไม่มีอะไรเลย  ผมไม่ได้เป็นอะไร”  อาคิราห์สูดน้ำมูก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ  เพิ่งรู้ตัวว่าเดินลิ่วออกมาอยู่ริมถนนแล้ว  “ผมมันงี่เง่าเอง  ไม่ต้องสนใจหรอกครับ”

            “ไม่มีใครงี่เง่าหรอกครับ”  ธีรดลพูดเสียงอ่อน  “ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้น”

            “ผมมันคนไม่มีเหตุผลครับ  ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย  คุณดลไม่ต้องสนใจผมหรอกครับ  ผมไม่มีทางไป ฮึก  เดี๋ยวผมหายแล้วก็กลับเข้าไปเองนั่นแหละ”  คนพูดพูดไปก็สะอึกไปด้วยเพราะพยายามกลั้นสะอื้น  ธีรดลทั้งสงสารทั้งเอ็นดูขึ้นมาในส่วนลึก   ดวงตากลมโตแดงก่ำพอๆกับปลายจมูกโด่งรั้น  ใช้ฟันกัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นรอดออกมาสลับกับพูดตัดพ้อที่ดูน่าขันแล้วก็น่าสมเพชในเวลาเดียวกัน...ถ้าเขาเป็นพิชช์ฌานคงไม่ยอมปล่อยให้วิ่งหัวฟูออกมาคนเดียวแบบนี้แน่

            “เอาอย่างนี้  เราไปนั่งคุยกันดีๆดีไหมครับ  ผมพอรู้จักร้านคาเฟ่ดีๆแถวนี้อยู่บ้าง  เผื่อจะได้สบายใจขึ้น”

            “ไม่เป็นไรครับ  ผมอยู่คนเดียวได้”

            “งั้นคุณอัยย์จะไปไหน  ...ผมขอเดินตามไปด้วยห่างๆ  คิดเสียว่าผมเป็นคนแปลกหน้าก็ได้เอ้า”

            “ไม่เอาครับ  พ่อผมบอกไม่ให้เดินกับคนแปลกหน้า”  อีกฝ่ายตอบกลับมาอีก  ธีรดลเริ่มอยากยกมือขึ้นเกาหัวแรงๆ  พอจะรู้อยู่หรอกว่าโดนรวนเข้าแล้ว  ชักเห็นใจพิชช์ฌานขึ้นมานิดๆ

            “ไม่อย่างนั้นผมจะโทรบอกคุณพิชช์ฌานแล้วนะว่าคุณอัยย์อยู่ที่นี่”

            “ไม่ได้นะ”  ได้ผล  คราวนี้เจ้าตัวหันขวับมาห้ามแล้วยอมเดินตามเขาไปหาที่นั่งคุยกันโดยดี  ธีรดลไม่ได้พาอีกฝ่ายไปไหนไกล  เขาพาไปนั่งสงบสติอารมณ์ในร้านอาหารข้างๆโรงแรมนั่นเอง  เจ้าของร้านรู้จักเขาดีอยู่แล้วเลยพาเข้าไปนั่งข้างในโซนมิดชิดเป็นส่วนตัว

            “โกโก้ร้อนแก้วนึง  เย็นแก้วนึงครับ”  ธีรดลหันไปสั่งเครื่องดื่มให้โอเมก้าที่นั่งนิ่วหน้าอยู่  “ทานอะไรอีกไหม  ที่นี่ขนมเค้กเขาอร่อยนะ”  เลื่อนเมนูให้ตรงหน้า  เห็นอีกฝ่ายชักสนใจเหลือบมองก็ซ่อนยิ้มในใจ  “ผมขอเค้กช็อกโกแลตครับ  แล้วก็เค้กมะพร้าวอีกที่”

            “ผมขอเค้กใบเตย”  คนร้องไห้เมื่อครู่เงยหน้าขึ้นสั่งบ้าง

            บริกรถอยออกไปทิ้งให้พวกเขานั่งคุยกันตามลำพัง  ธีรดลค่อยๆตะล่อมถามทีละนิดจนได้ความว่าทะเลาะกับพิชช์ฌานจริงๆนั่นล่ะ  ส่วนเรื่องอะไรนั้นเจ้าตัวปิดเงียบไม่ยอมบอก  แม้ว่าจะหลอกถามอย่างไรก็ตาม

            เห็นหน้าอ่อนๆก็ไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิดเท่าไหร่  ไม่รู้ว่าไปเสียอกเสียใจเรื่องอะไรนักหนาถึงได้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร   แต่ทั้งที่ร้องไห้อยู่ก็ยังไม่วายใช้ช้อนตักเค้กเนื้อนุ่มเข้าปากเคี้ยวไม่หยุด  ต่อมน้ำตากับต่อมรับรสอยู่คนละส่วนไม่เกี่ยวกันสินะ

            “กินส่วนของผมไปก็ได้นะ  ผมอิ่มแล้ว”  ธีรดลพูดยิ้มๆ  เลื่อนจานของตัวเองไปให้  ใช้เวลาไม่กี่นาทีเค้กสามชิ้นกับเครื่องดื่มก็หมดเกลี้ยง  “จริงๆแล้วโมโหหิวหรือเปล่าครับเนี่ย  ทานเกลี้ยงเลย”  เขาแซว

            “ถ้าผมกินน้อยเดี๋ยวก็มีคนมาว่าผมอีก”  อาคิราห์พูดอย่างขุ่นเคือง  “แต่อีกหน่อยเขาก็จะว่าผมไม่ได้แล้ว  เพราะผมจะไม่อยู่ให้เขาว่า  ผมจะไปเลย”

            “คุณอัยย์จะไปไหนครับ”

            “ที่ๆไกลมากๆ”  คนพูดยกช้อนขึ้นชี้ประกอบแล้วก็ลดลงวางที่จานตามเดิมเมื่อนึกได้ว่าไม่ได้อยู่ที่บ้าน  เหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาก็ลุกขึ้นยืน  “ผมจะกลับแล้ว  ขอตัวก่อนนะครับ”

            คนนั่งตรงข้ามอ้าปากค้าง  เรียกบริกรมาเก็บเงินแล้วเดินตามออกมางงๆ  พอออกมาข้างนอกร้านก็พบร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทางเคร่งขรึม  ดวงตาคมจ้องมาที่เขาเขม็งจนธีรดลไม่สบายใจ

            “ผมเจอคุณอัยย์เดินออกมาเลยชวนมาทานขนมครับ”   ธีรดลรีบพูด  เหลือบมองคนต้นเรื่องที่ยืนหน้างออยู่ข้างๆพิชช์ฌาน

            “ขอบคุณครับ  ค่าขนมเดี๋ยวผมให้เจนภพจัดการให้”

            “ไม่เป็นไรครับ  ผมอยากเลี้ยงคุณอัยย์จริงๆ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็..ขอบคุณมาก  ผมกับภรรยาขอตัวก่อน”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  จับข้อมือเล็กบางเอาไว้แน่นจนเจ้าของนิ่วหน้า  อะไรบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากเนื้อตัวของนักการเมืองหนุ่มจนคนรอบข้างรู้สึกเสียวสันหลัง  แม้แต่อาคิราห์เองก็ไม่กล้าสะบัดมือออกอีก  จำต้องเดินตามไปเงียบๆ พร้อมกับลูกน้องผู้ติดตามของนายพิษฌานที่ล้อมเอาไว้เหมือนกำแพง

            ธีรดลยกมือขึ้นนวดสันจมูกของตัวเอง  เคยมีคนเตือนเอาไว้แล้วว่าอยู่ห่างๆผู้ชายคนนี้จะดีกว่า  แต่ว่าผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจมันช่างหอมหวนเกินจะห้ามใจจริงๆ  คนอย่างพิชช์ฌานหน้าฉากเป็นใคร  หลังฉากเป็นใคร  คนในวงการต่างรู้กันดี

            จะทำยังไงได้  ขึ้นหลังเสือแล้วจะลงก็คงยาก  คงต้องไปให้สุดทางเสียเท่านั้น

            .....................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ  ไม่ทอล์คเยอะแล้วเจ็บคอ

            วันนี้ใครยังไม่ไปเลือกตั้ง  รีบไปใช้สิทธิใช้เสียงกันนะคะ  อย่านอนหลับทับสิทธินะ  ใครใช้สิทธิใช้เสียงตัวเองแล้วมานอนรอนับคะแนนพร้อมกับอ่านนิยายไปพลางๆค่ะ  วันนี้เราก็จะเขียนไปเรื่อยๆเหมือนกัน อิอิ

            เจอกันตอนหน้า

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 24-03-2019 13:59:53
จงหวงคู่ๆๆๆๆๆๆ  เป่าหูนายฌาน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-03-2019 15:34:57
ชีวิตวัยเด็กของน้องน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-03-2019 16:34:03
 :laugh: ทั้งหึง ทั้งแพ้ท้องแทนเมีย
บอกเค้าไปเถอะว่ารัก ชีวิตน้องน่าสงสารนะ ให้น้องได้ชื่นใจบ้าง :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 24-03-2019 16:42:43
ตลค.ใหม่ มีประเด็นแน่ๆ
ว่าแต่บ.จัดหางานโอเมก้าก็เป็นบ.เก๊หรือป่าว
น่าสงสัยย  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 24-03-2019 17:18:18
ชักอยากรุแล้วสิว่าหลังฉากคุณพิษเค้าเป็นใคร ส่วนน้องอัยย์ขอเจ้ น่าเอ็นดูสุดๆ มีความสวิงเบาๆ 555555 แม้จะเสียใจแต่เราจะอิ่มท้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-03-2019 18:03:07
หนูอัยย์จะหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนอีกแล้ว

จะหนีไปใหนก็รอคลอดก่อนนะ

ช่วงท้องก็แอบโย้กย้ายเงินในบัญชี

ให้ปลอดภัยในที่ลับๆนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 24-03-2019 19:23:42
เย้ มาอัฟอีกแล้ว รออีกๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 24-03-2019 19:49:36
ชอบมุกผักติดฟัน ไม่ให้นุ้งอัยย์ยิ้มห้หนุ่มๆ อ่ะ..
55+ คุณพิชฌาณ ชั่งคิดอ่ะ..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-03-2019 20:06:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 24-03-2019 20:23:17
เรื่องปากท้องสำคัญเสมอ  :laugh:  จะไปไหนก็แอบแง้มๆบอกใครไว้สักคนนะน้องอัยย์  อันตรายยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 24-03-2019 20:44:53
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 24-03-2019 20:59:12
ดลจะเป็นตัวแปรอะไรไหมหนอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 24-03-2019 22:30:54
น้องอัยย์จะไปไหนนนนน  รอตอนนหน้าเลยๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-03-2019 22:48:15
จะยังไงเนี่ย
จะโดนดลหลอกไหมอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-03-2019 23:01:24
ขู่ฟ่อๆเลย อิพิษษษษ / วันนี้เด็กชายพิษฌาณ อายุ 3 ขวบ ได้ขิงอวดความว่ายน้ำเก่งของตัวเองไปอีก 1 เรื่อง 55555 เอ็นดูท่านหัวหน้าพรรค
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-03-2019 23:58:07
สงสารคนแพ้ท้องแทนเมีย
ส่วนคุณดลอะไรนี่จะมาดีหรือมาร้ายกันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 25-03-2019 00:04:15
บ.จัดหางานนี่กลัวว่าจะหลอกอ่ะ อย่าไปสมัครสุ่มสี่สุ่มห้านะน้องอัยย์ ถ้าจะหนีตาพิษอยากให้ไปหาอคินทร์มากว่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-03-2019 01:18:40
ปากแข็ง คดีเก่าก็ยังไม่เคลียร์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-03-2019 14:16:04
จะทำอะไรต่อเนี่ยอัยย์ TT
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 26-03-2019 18:14:50
คุณพิษเริ่มยอมรับใจตัวเองแล้ว แต่น้องอัยย์นี่สิ จะเริ่มหันมารักคุณพิษได้ไหมหนอออ~  :katai1: :katai2-1: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 26-03-2019 21:09:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-03-2019 21:13:12
ฌาณแพ้ท้องหรือเปล่าน้า ดูอาการไม่ปกติ
คงรักอัยย์มากอะเนาะ ถึงมีอาการแทนแบบนี้
แหมมม หวงล่ะสิ มาทำเข้มทำขู่เค้าน่ะ

อัยย์น่าเอ็นดูมากเลยน้า แค่ดูแลใส่ใจน้องบ้าง
ไม่ได้เรียกร้องไรมากเลย มีของกิน พาเที่ยว
แค่นี้เจ้าบู้บี้ แม่เด็กน้อยก็พอใจแล้ว

แล้วดูสิ เข้าใจผิด ฟังเพี้ยน จนเคืองและงอแงเลย
สงสารน้อง ต้องมาเจอเรื่องเดิมๆ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-03-2019 12:03:18
จัดการแบบไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-03-2019 22:09:45
ขอให้ท้องๆๆ ^^
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-03-2019 13:36:47
รักกันไม่รู้ตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-03-2019 19:48:44
อัยย์ตามมาจับผิดสามีเหรอคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่20 24/3/62 p13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-03-2019 20:09:02
พิชช์ฌาณหึงอัยย์ใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-03-2019 01:58:52
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 21



 

 

 

 

          อาคิราห์เหลือบมองผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ  พิษฌานไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำตั้งแต่พาเขามาจากร้านคาเฟ่แห่งนั้น  อีกฝ่ายกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น  และเขาก็ไม่กล้าสะบัดออก

            ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร...บางทีอาจจะเป็นเพราะแววตาคมกริบนิ่งสนิทคู่นั้นที่บอกชัดว่าเจ้าตัว ‘เอาจริง’ ก็ได้กระมัง  ขืนทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะโดนเตะไส้แตกก็ได้...ความรู้สึกประมาณนั้น

            เขาเลยไม่กล้าขัดขืนนอกจากเดินตามอีกฝ่ายกลับไปที่โรงแรมและเข้ามายืนจ้องตัวเลขบอกชั้นในลิฟต์...มาถึงชั้นบนสุดจนได้  อัยย์เกือบจะถอนหายใจออกมาเลย

            อึดอัดชะมัด..

            ดาดฟ้าโล่งๆก่อนหน้านี้ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยดอกกุหลาบสีแดงสดอย่างมีศิลป์  โต๊ะอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้สวยงามพร้อมกับเทียนกลางโต๊ะ  ดูเหมือนจะมีใครบางคนลงทุนกับอาหารมื้อนี้พอสมควร

            “...............”  พิษฌานไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่พาเขามาที่โต๊ะแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้  อาคิราห์เม้มปาก ทรุดตัวลงนั่งเงียบๆ อีกฝ่ายเดินอ้อมไปนั่งยังฝั่งตรงข้าม

            แสงเทียนสีส้มสะท้อนเข้ากับเสี้ยวหน้าคมกริบเพียงครึ่งเดียวแต่ก็มากพอที่จะมองเห็นความเครียดขรึมปนดุดันในดวงตาคมคู่นั้น  เจ้าโอเมก้าขยับตัวบนเก้าอี้  นึกเจ็บใจที่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆที่เพิ่งกระทำความผิดมา  ทั้งๆที่คนผิดมันคือฝ่ายนั้นไม่ใช่หรือไง

            เขาควรจะลุกหนี  ใช่...คิดได้ดังนั้นอาคิราห์ก็ขยับตัว  บริกรเข้ามาเสิร์ฟอาหารพอดี  กลิ่นหอมๆของเครื่องเทศกับอาหารทะเลสดๆทำให้ไขว้เขวได้ทันที  ถึงจะจัดการเค้กมาแล้วแต่ว่าพอเห็นอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้าก็พาให้รู้สึกหวั่นไหว  อัยย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ต่อ

            พิชช์ฌานกำลังเครียดจัด  ชายหนุ่มบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าอย่าใส่ใจกับความหงุดหงิดนี้ แต่ว่าทันทีที่ลูกน้องรายงานมาว่าอาคิราห์หายไปพร้อมกับนายธีรดลนั่น  หัวใจของเขาก็ร้อนรนยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า  ไม่ๆ..เขาใจเย็นพอที่จะอดทนยืนรออยู่หน้าร้านคาเฟ่แห่งนั้นอย่างสงบแทนที่จะบุกเข้าไปถล่มร้านให้พังพินาศแล้วลากตัวไอ้นักธุรกิจหน้าหยกนั่นออกมาจัดการให้สาแก่ใจ

            ชายหนุ่มสั่นหัว  ไล่ความคิดเมื่อกี้ออกไป  ธีรดลกำลังจะเป็นนายทุนคนสำคัญของพรรคเขา  ไม่ควรทำอะไรรุนแรงแบบนั้น  แต่จับมัดโยนลงทะเลไปเลยก็น่าจะดี ...พิชช์ฌานหั่นมีดลงกับเนื้อในจานแรงๆ ระบายอารมณ์  กลิ่นเนื้อกับเครื่องเทศและอะไรต่อมิอะไรตรงหน้าทำให้เขาคลื่นเหียน  นั่นทำให้อารมณ์ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม   ไหนจะเจ้าโอเมก้าที่นั่งตาปูดเพราะร้องไห้นั่นอีก  ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยหรือไง  อยากจะตะคอกแรงๆดังๆว่าจะทำอะไรหัดคิดบ้าง  หน้าอย่างไอ้ธีรดลมันน่าไว้ใจนักเหรอถึงได้กล้าเดินไปกับมันได้   ถึงมันจะรูปหล่อบ้านรวยดูนิสัยดีก็ตาม   โธ่เว้ย..มันไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างเขาจะต้องมานั่งกังวลเลยด้วยซ้ำ

            นายธีรดลไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย  ใช่...ใจเย็นไว้นายฌาน  อย่าเพิ่งแตกตื่น  ก็แค่อาคิราห์ไปนั่งกินขนมกับเจ้าคนนั้น  คงนั่งพูดคำหัวเราะคำเหมือนเมื่อตอนกลางวัน  ยิ้มกว้างเห็นฟันสามสิบสองซี่  เหอะ...ทีกับมันละหน้าเป็น  ทีกับเขาหน้าบูดหน้าบึ้ง

            เสียงแกร๊กๆของมีดที่กระทบกับจานดังๆทำให้อาคิราห์ละสายตาจากจานอาหารของตัวเองขึ้นมองคนตรงข้ามที่กำลังหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆอย่างเมามัน  เนื้อชิ้นใหญ่ถูกหั่นย่อยลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากผู้ชายตัวโต

            “เอ่อ..”  อาคิราห์มองเนื้อในจานอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว   ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าอีกคนคงเคี้ยวไม่ออก  เนื้ออาจจะเหนียวเกินไปเลยต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ  ..แก่แล้วก็แบบนี้

            พิชช์ฌานเห็นสีหน้าของเจ้าโอเมก้าแล้วก็เพิ่งรู้สึกตัว  วางมีดลงกับจานหันไปคว้าแก้วไวน์มาดื่มแทน  เหลือบมองในจานของอาคิราห์ก็เห็นเจ้าตัวแบ่งอาหารในจานออกเป็นสองส่วน  ใจหนึ่งก็อยากถามเหมือนกันว่าทำแบบนั้นทำไม  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากพูดด้วย  ...อุตส่าห์จองดาดฟ้าทั้งชั้นเอาไว้ให้ดินเนอร์กันสองคน  เลือกดอกกุหลาบสีแดงสดเพราะจำได้ว่าอีกคนเคยบอกว่าชอบ  แต่สุดท้ายดันต้องมาทะเลาะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอะไรก็ไม่รู้

            มันน่าโกรธไหมล่ะ  ฮึ...เขาต่างหากที่ต้องเป็นคนโกรธ ไม่ใช่อีกฝ่ายเสียหน่อย  เล่นฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด  คืนนั้นพูดไปตั้งเยอะดันไม่ได้ยิน  มาได้ยินเอาตอนที่บอกว่าเป็นของเล่น  แถมยังตีความผิดอีก  มันน่าไหมล่ะ 

            แล้วยังจะออกไปกับ ‘คนอื่น’ อีก  พิชช์ฌานคิดวนกลับไปกลับมา

            นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเขาจดๆจ้องๆ  ริมฝีปากอิ่มเป็นมันเพราะซัดเข้าไปครึ่งจานแล้วขยับเคี้ยวไม่หยุดปาก  มือก็จิ้มอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่องหน้าตาเฉยจนพิชช์ฌานหงุดหงิด  ใจคอจะไม่พูดอะไรก่อนบ้างเลยเหรอ

            “คุณ.....”  อาคิราห์อ้าปาก  นักการเมืองหนุ่มก็รีบสวนกลับมาทันที

            “ไม่ต้องมาอธิบายอะไรฉัน  ฉันไม่อยากรู้”

            “...ช่วยหยิบซอสให้หน่อยครับ”  อัยย์พูดจนจบ

            พิชช์ฌานเม้มปาก  รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย  เอื้อมมือไปหยิบขวดซอสมายื่นส่งให้ไม่พูดไม่จา

            อาคิราห์รับมาเทใส่ข้างจานเงียบๆ  เขาเริ่มจะดูออกแล้ว...ท่าทีบางอย่างของนายพิษฌาน  ตอนแรกก็ดูน่ากลัวทว่าตอนนี้  พอสังเกตดีๆแล้วมันก็น่าขันเกินกว่าที่จะเชื่อว่านักการเมืองคนดังอย่างเค้าจะเป็นคนแบบนั้น 

            อัยย์ก้มลงกินต่อ  ทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่เริ่มงุ่นง่านหันรีหันขวางขึ้นทุกที  ตักสลัดเข้าปากเคี้ยวได้สองสามคำก็ใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นโตของตัวเองที่แบ่งเอาไว้ใส่ในจานของพิษฌาน

            เจ้าของจานชะงัก  เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว  เห็นคนให้ทำหน้าเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ขมวดคิ้ว

            “..นี่”  เสียงห้าวๆเรียก  อาคิราห์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  “นี่เธอ...อาคิราห์”

            “เรียกผมเหรอครับ  ผมนึกว่าเรียกบริกร”

            “เธอนี่มัน...เหลือเกิน”  ถ้อยคำมารออยู่ที่ริมฝีปากแต่ว่าพิชช์ฌานไม่ได้พูดออกไปเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ควรทำให้อีกฝ่ายวิ่งหน้าตั้งออกไปอีก  ขี้เกียจลงไปตามแล้ว  มันเหนื่อย  เขาต้องตั้งสติให้ดีก่อนที่จะปล่อยคำพูดออกไป

            ให้ตายสิ  ขนาดตอนปราศรัยใหญ่เขายังไม่รู้สึกเครียดขนาดนี้

            “หมายความว่ายังไงครับ”  คิ้วเรียวเลิกขึ้น  ท่าจิ้มกุ้งตัวใหญ่เข้าปากช่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินในความคิดของพิชช์ฌาน  อยากจะเอาส้อมในมือจิ้มแก้มป่องๆนั้นสักทีแล้วก็งับปากอวบอิ่มที่ขยับขึ้นลงไม่หยุดนั้นด้วย

            “เรามาคุยกันด้วยเหตุผลดีไหม  เหมือนที่คนโตๆกันแล้วเขาทำ”  ชายหนุ่มสะกดอารมณ์พุ่งพล่านของตัวเองลงให้ราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

            “คุณก็พูดมาสิครับ”  อาคิราห์ตอบเมินๆ

            “เธอ...ออกไปกับธีรดลทำไม”  พิชช์ฌานอยากจะกัดลิ้นตัวเอง  เขามีคำถามหลายข้อที่อยากถามแต่ดันถามข้อที่ฟังดูน่าขัน  ช่วยไม่ได้เลยที่เขาไม่สามารถจัดการกับความอยากรู้ของตัวเองได้  ถ้าไม่ได้คำตอบก็คงจะนอนไม่หลับ

            “ผมเจอเค้าข้างหน้าลิฟต์”

            “เจอหน้าลิฟต์แล้วก็ไปด้วยกันเลยเนี่ยนะ  มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง  เธอไม่กลัวบ้างเหรอ  หรือว่าเห็นแก่กินจนไม่สนใจอะไร  มันเลี้ยงอะไรเธอ...ขนม?”

            “ใช่  ผมมันคนเห็นแก่กิน  ใครเลี้ยงอะไรผมผมก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  “จะพูดแค่นี้ใช่ไหมครับ  ผมจะได้กินต่อ”

            “อาคิราห์”  อีกฝ่ายเสียงอ่อนลง  “เธออยากกินอะไรเธอก็บอกฉันสิ  ฉันเหมาร้านขนมในเมืองนี้ให้เธอหมดเลยก็ได้”

            “.......”  คนฟังไม่ตอบ

            “แต่ฉันไม่ชอบให้เธอไปกับคนอื่น  ไม่รู้หรือไงว่าเธอ...สำคัญ”  ประโยคหลังพิชช์ฌานพูดตะกุกตะกัก  รู้สึกแปลกๆอย่างไรชอบกล

            “ถ้าผมเป็นอะไรไป  คุณคงแย่เลยนะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นบ้าง  “แต้มต่อสำคัญของคุณนี่นะ”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น”  พิชช์ฌานปฏิเสธทันควัน

            “อ้อ ครับ...ผมลืมไปว่าเป็นแค่ของเล่น  ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”  พูดไปก็น้ำตาคลอ  อัยย์สูดน้ำมูกดังฟืด

            “อาคิราห์...ถ้าเธอยังประชดฉันอยู่แบบนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง”  นักการเมืองหนุ่มพูดเสียงแข็งขึ้น  “ฉันพูดเรื่องของเล่นนั่นจริง  แต่ลองไปถามหมอฉัตรดูก็ได้ว่าฉันพูดเต็มๆว่าอย่างไรบ้าง  มันคนละเรื่องกับที่เธอคิดแน่ๆ”

            “ผมจะคิดยังไง  เข้าใจว่ายังไงก็ช่างผมเถอะครับ  ไม่ต้องสนใจหรอก”

            “ต้องสนใจสิ  ฉันไม่อยากลงไปตามหาเธอข้างล่างแล้วนะ  รู้หรือเปล่าว่ามื้อนี้ฉันยอมจ่ายแพงมากเพื่อแลกกับวิวสวยที่สุดบนนี้”  คนพูดหยุดไปนิดหนึ่ง  “ฉันทำเพื่ออะไร  เธอไม่รู้เหรอ..”  เขาทอดเสียงอ่อน  มองหน้าคนฟังอย่างมีความหมาย

            อาคิราห์สบตาคมเข้มคู่นั้นแวบหนึ่ง  เขาไม่ชอบแววตาของพิษฌานในตอนนี้เลย  มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ...มากๆ  เหมือนมีอะไรบางอย่างคอยกวนใจกันตลอดเวลา

            แต่ว่าเขาก็ปัดมันทิ้งไปเสียอย่างไม่ไยดี

            “คุณเป็นนักการเมืองคุณพิษฌาน  คุณมีวาทศิลป์  คุณจะพูดยังไงก็ได้เพื่อให้คนคล้อยตาม”  อาคิราห์พูด  ตักซุปเข้าปาก   เช็ดน้ำตาลวกๆ  “ผมเองก็รู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าถ้านั่งฟังคุณพูดต่อก็คงหลงเชื่อเหมือนเดิม  แต่รู้ไหมว่าทำไมผมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้  ไม่ลุกไปเสียตั้งแต่แรก”

            จู่ๆ พิชช์ฌานก็ใจเต้นขึ้นมา  เหลือบมองหน้าคนพูดอย่างมีความหวัง

            “...เพราะว่าผมรอกินของหวาน”  เจ้าโอเมก้าพูดหน้าตายทั้งที่คราบน้ำตายังค้างอยู่บนผิวแก้ม

            พิชช์ฌานเกือบสบถออกมาแรงๆ  แต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ทัน  เขาต้องอดทนเอาไว้ก่อน  ต้องใช้เวลา...เวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้  พิศดูแววตาของอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีขึ้นแล้ว  ไม่ได้โกรธขึ้งหรือจ๋อยเหมือนก่อนที่จะวิ่งออกไป

            “เธอคิดถูก  ของหวานที่นี่อร่อยมาก”  ชายหนุ่มพูด  เก็บอาการเอาไว้

            “สมกับเป็นโรงแรมของคุณธีรดล”

            “ฉันจะซื้อโรงแรมนี่พรุ่งนี้”

            “คุณซื้อไม่ไหวหรอกมั้งคุณพิษฌาน  คุณธีรดลบอกผมว่าโรงแรมของเขามูลค่าหลายร้อยล้าน”

            คนฟังจุ๊ปากอย่างฉุนเฉียวแต่พอสบตากลมโตคู่นั้นแล้วก็ฝืนหัวเราะออกมาเบาๆ

            “เธอจะแกล้งให้ฉันหมดตัวหรือไง”

            “จริงๆคุณก็ดูรวยออกนะ  เรื่องแค่นี้อาจจะเล็กมากสำหรับคุณก็ได้”  อาคิราห์พูดเนิบๆ  “เจนภพบอกว่าคุณมีธุรกิจ”  หางเสียงของโอเมก้าทำให้คนฟังจับความผิดปกติได้ทัน   พิชช์ฌานเก็บความสงสัยเอาไว้ในส่วนลึก  ตอบกลับไปเรียบๆเหมือนเวลาตอบนักข่าว

            “ฉันทำงานกินเงินเดือนรัฐ  ที่เห็นเหมือนร่ำรวยก็ของตระกูลครอบครัวพ่อแม่ฉันทั้งนั้น  ไม่ใช่ของฉัน”

            “นั่นสิ  ผมก็ว่า....งั้นคุณก็รวยสู้คุณธีรดลไม่ได้  โรงแรมนี้คงเกินความสามารถของคุณจริงๆ  ...ขี้โม้จังนะคุณพิษฌาน”

            “ฉัน...”  คนแก่กว่าตาลุก  อยากจะเถียงออกไปใจแทบขาดว่าแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก  แต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกดักคอเอาไว้ตอนแรก  ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนใจเรื่องความร่ำรวยของเขาเป็นพิเศษ  “เออ  ฉันซื้อไม่ได้หรอก  ก็พูดไปอย่างนั้นเอง”  พิชช์ฌานกระแทกเสียง  รู้สึกแพ้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

            อาคิราห์ไอออกมาหลายครั้ง  มันฟังคล้ายเสียงหัวเราะอย่างประหลาด

            “ฉันว่าคนที่ดูร่ำรวยผิดปกติน่าจะเป็นท่านไตรคุณพ่อของเธอมากกว่านะ”

            “พ่อผมเป็นนักการเมืองมือสะอาด  ใครๆก็รู้ว่าพ่อไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับใครเลย  เงินที่พ่อมีเป็นมรดกสืบทอดมาจากตระกูลอลันไตร”

            พิชช์ฌานขยับจะแย้งแต่ก็เปลี่ยนใจพูดเนิบๆ

            “ตระกูลอัลฟ่าเก่าแก่ก็ล้วนมีมรดกทั้งนั้น  เธอไม่ควรจะมาสงสัยหรือจับผิดอะไรฉัน”

            “ผมก็พูดไปงั้นเอง  เกิดเงินที่จ่ายค่าอาหารมื้อนี้เป็นเงินสกปรกขึ้นมาจะได้รู้ตัวไว้”

            “ถ้าใช่...เธอจะทำยังไง  คายออกมาเหรอ”  พิชช์ฌานถามรวนๆ

            “ไม่หรอก  กลืนลงท้องไปแล้วผมเสียดาย  แค่จะได้รู้ว่ามื้อหน้าจะไม่มีโอกาสมานั่งกินแบบนี้แล้ว  แต่ต้องไปกินในคุกแทน”

            “ติดคุกมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

            “ก็คงไม่ยากหรอกมั้ง”

            “พูดแบบนี้อยู่ล้างจานแล้วกัน”  พิชช์ฌานว่า  ก้มลงมองในจานของตัวเองที่มีส่วนของเขาหั่นเละกินไม่ได้กับเนื้ออีกส่วนที่อาคิราห์แบ่งให้มา   “ครึ่งนี้เอามาใส่จานฉันทำไม  กินไม่หมดเหรอ”

            “ผม...”  อาคิราห์อึกอัก  หน้าแดงขึ้นจนคนมองชะงัก

            “อิ่มแล้ว?”

            “เปล่า ...ช่างมันเถอะ  ถ้าคุณไม่กินก็เอากลับมา”

            พิชช์ฌานเงียบไปครู่  มองหน้าเรียวหวานอย่างครุ่นคิด

            “ไม่หรอก  ฉันจะกินเอง  ...อุตส่าห์ส่งมาง้อฉันทั้งที”  ชายหนุ่มพูด  ก้มลงหั่นเนื้อเป็นชิ้นขนาดพอดีคำแล้วก็จิ้มเข้าปาก  “ไม่ลงทุนเลยนะเจ้าบู้บี้”  เขาพูดทั้งที่เคี้ยวเต็มปาก  รสชาติของเนื้อชั้นดีที่เคยเป็นของโปรดของเขาแผ่ซ่านพาให้คลื่นไส้อยากอาเจียนออกมา  แต่ว่าพิชช์ฌานก็ฝืนกินเข้าไปจนหมดทั้งชิ้นตามด้วยไวน์รสดีล้างปาก

            มื้อนั้นชายหนุ่มกินเข้าไปเพียงนิดเดียวเมื่อเทียบกับเจ้าโอเมก้าที่ซัดเรียบทุกจานไม่เหลือแม้แต่ซอส  พิชช์ฌานสั่งกาแฟดำขมจัดมาดื่มต่อ  ขณะที่อีกฝ่ายสั่งน้ำผลไม้มา

            “คืนนี้...คุณว่างหรือเปล่า”  จู่ๆ อาคิราห์ก็ถามขึ้นทำลายความเงียบ  คนฟังเลิกคิ้ว

            “ทำไมหรือ”

            “ผมถามดูเฉยๆ  เผื่อว่าคุณนัดใครไว้”  ชายหนุ่มพูดเร็วปรื๋อ  พยายามเก็บพิรุธเต็มที่  ในใจนึกถึงภาพหญิงสาวในคลิปขึ้นมาได้  ข้อความนั้นบอกว่าพวกเขานัดกันวันนี้  แต่เขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย...หรือว่าข่าวนั้นจะเป็นข่าวลวงแกล้งปั่นเขาเล่น

            “เธอหมายถึงใคร...คุณธีรดลหรอ”  พิชช์ฌานนึกปราดไปถึงนักธุรกิจหนุ่มคนนั้น  เขาหงุดหงิดขึ้นมาอีก  “อยากเจออีกหรือไง”

            “ทำไมคุณต้องหาเรื่องผมด้วย”  อัยย์ถามตรงๆ  “แล้วถ้าผมอยากเจอคุณธีรดลจริงๆ  มันเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ”

            “อย่าลืมว่าเธอแต่งงานกับฉันแล้ว  ตั้งท้องลูกของฉันอีกต่างหาก”  พิชช์ฌานพูดเสียงห้วน  “จะทำอะไรก็เกรงใจกันบ้าง  ฉันไม่อยากให้ใครเขาว่าเอาได้ว่าโดนสวมเขา”

            “มันจะเกินไปหน่อยมั้งคุณพิษฌาน  ผมว่าคนที่ควรพูดประโยคนี้น่าจะเป็นผมมากกว่าคุณนะ”  อาคิราห์สวนกลับแล้วก็ยักไหล่  “แต่ผมก็จะไม่พูดหรอก  เพราะผมไม่ได้สนใจ”

            “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

            “ผมก็ไม่”  อาคิราห์ย้อนเสียงเขียวโดยไม่รู้ตัว  “แต่ถึงคุณทำ  ผมก็ไม่สนใจ...นั่นแหละที่ผมจะสื่อ”

            “เธอพูดอะไร  ฉันไม่เข้าใจ”  คนฟังเริ่มงง   “นี่พูดเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่า”

            “เฮอะ”  อีกฝ่ายพ่นลมออกมาแรงๆ  “ผมไม่สนใจก็จริง  แต่ก็อย่าให้ผมจับได้แล้วกัน  รับรองว่าชื่อเสียงคุณพิษฌานย่อยยับแน่”

            พิชช์ฌานขมวดคิ้วจนคิ้วแทบชนกัน  คิดตามที่ฝ่ายนั้นพูดอยู่อึดใจก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่  ฟังดูเหมือนเจ้าตัวขู่เขากลายๆ  หรือว่าอาคิราห์จะรู้เรื่องอะไรเข้า

            “เธอจะทำยังไงเหรอ”  เขาแกล้งถามตามน้ำไปก่อน

            “นักการเมืองแต่งงานแล้วแต่กลับมีข่าวคบชู้คงไม่น่าดูหรอก  ว่าไหมครับ  คะแนนนิยมคงตกมากๆ”  อัยย์พูดแล้วเปลี่ยนเรื่อง  “ผมอยากไปตกปลา  คุณพาผมไปได้ไหม  ผมเพิ่งซื้อเบ็ดตกปลามาใหม่”

            “อะไรนะ”  คนแก่กว่าตามไม่ทัน  “ตกปลามาเกี่ยวอะไรด้วย”

            “ไม่เกี่ยว  ผมแค่บอกว่าอยากตกปลา”

            “ตกมากินน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานถาม  “ยังไม่อิ่มอีกหรือไง”

            “นี่คุณเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย  เห็นแก่กินมากเลยใช่มั้ย”  คนฟังชักฉุน  ยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองที่อิ่มจนอืด

            “ก็ไม่น้อยล่ะ  ขนาดโกรธฉันจะตายยังยอมกลับมานั่งกินข้าวเย็นต่อจนหมดได้  ฉันก็ว่าน่าจะเอาเรื่องแล้ว”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “แต่ฉันก็ดีใจนะที่เธออุตส่าห์เสียสละเนื้อในจานมาง้อฉัน”

            “ผมไม่ได้ง้อ”  อาคิราห์กระแทกเสียงหน้างอ  “ผมแค่ขี้เกียจเคี้ยวเลยยกให้คุณ”

            พิชช์ฌานมองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง  เอื้อมมือมาเช็ดคราบที่ปากให้

            “กินเลอะเทอะจริง  ลุกขึ้นได้แล้ว  นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ได้”

            “จะไปไหน”  อาคิราห์งง

            “เอ้า...ก็บอกอยากตกปลาไม่ใช่เหรอ  ฉันจะพาไปตกปลาไง” พิชช์ฌานตอบ  ลุกขึ้นเดินนำเขามาที่ลิฟต์  เจนภพมือขวายืนแอบรออยู่ก่อนแล้ว  ขยับเข้ามาหาคนเป็นนายทันที   “หาเรือให้ฉันลำนึงเจนภพ”

            “คุณฌานจะล่องเรือคืนนี้เหรอครับ”  เจนภพกระซิบถาม

            “ใช่”

            “แต่ว่ามันดึกแล้วนะครับ  น่าจะอันตรายด้วย  กลางทะเลผมไม่มั่นใจความปลอดภัย”

            เจ้านายเลิกคิ้ว  ลูกน้องเลยถอนหายใจเฮือก  กระซิบตอบตามตรงอย่างเกรงใจ

            “ผมเป็นห่วงว่าคุณฌานจะไปอาเจียนกลางทะเลน่ะครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  แอบมองอาคิราห์ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ไม่ไกล  “ตอนที่นั่งเครื่องมาก็ทีนึงแล้ว  ผมเป็นห่วงภาพลักษณ์ของคุณครับ”

            คนฟังคิ้วกระตุก  ถึงจะเห็นด้วยกับที่มือขวาพูดแต่ก็รู้สึกเสียหน้าเกินกว่าจะยอมรับ  พิชช์ฌานกระแอมในคอ  พูดเสียงเข้ม

            “ขอบใจมากที่เป็นห่วง  ฉันไม่ได้กลัวเรื่องจะไปอ้วกอะไรหรอกนะ  แต่เห็นด้วยเรื่องความปลอดภัย  ถ้าอย่างนั้นล้มเลิกแผนนี้ไปก่อน   ฉันจะพาอาคิราห์ไปนอน...”

            “เอ่อ..”    เจนภพอึกอักขึ้นมาอีก  “มีคนรอพบคุณฌานอยู่ครับ”

            “ใคร”

            “คุณรินลดา”  ชื่อของหญิงสาวทำให้พิชช์ฌานสีหน้าเปลี่ยนไป  ดวงตาคมตวัดมองเจ้าโอเมก้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟต์แวบหนึ่ง

            “ฉันไม่ว่าง”

            “เธอว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับพ่อของเธอครับ”  เจนภพพูดต่อ  “คิดว่าคงมีข่าวจากคุณชาติชาย”   ชื่อของนายทุนพรรครายใหญ่ทำให้พิชช์ฌานเปลี่ยนใจ

            “บอกให้เธอรอก่อน  ฉันจะตามไปพบทีหลัง”

            “ครับคุณฌาน”  เจนภพก้มศีรษะรับคำ  มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่ก้าวตามคู่สมรสเข้าไปในลิฟต์อย่างครุ่นคิด

            พิชช์ฌานมองหน้าอาคิราห์อย่างอึดอัดใจ  หลังจากที่เขาบอกว่าไปตกปลาคืนนี้ไม่ได้แล้ว  รอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายก็จางหายไปเหมือนดอกไม้เฉาแดด

            “เรือไม่มี  คนก็ไม่พร้อม  ไว้โอกาสหน้านะอาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อน  เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องพักสุดหรูของโรงแรม

            “ถ้าคุณทำไม่ได้...ก็อย่าพูดไปก่อนสิครับ”  อาคิราห์หยุดยืนกลางห้อง  หันกลับมาพูดเสียงเรียบ  “แต่ก็ช่างเถอะ  ผมชินแล้วล่ะกับการดีใจเก้อน่ะ”

            ร่างเล็กบางเดินไปที่ระเบียงแล้วเปิดประตูกระจกออก  ลมข้างนอกพัดเข้ามาแรงจนผ้าม่านปลิวไสวเช่นเดียวกับเส้นผมและชายเสื้อของเขา

            “ถ้าคุณจะอาบน้ำก่อน  ก็เชิญเลยครับ  ผมจะนั่งเล่นอยู่ตรงระเบียง”  อาคิราห์พูดต่อมาอีก

            “ฉันจะไปคุยงานต่ออีกหน่อย  เธอพักผ่อนตามสบาย  มีอะไรก็เรียกข้างหน้าได้  ฉันให้คนอยู่เป็นเพื่อนเธอ”  เสียงห้าวๆพูดก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูห้องตามหลัง

            อาคิราห์โน้มตัวลงเท้าศอกกับราวอลูมิเนียม  ชะโงกมองออกไปข้างล่างที่เป็นสวนจัดเอาไว้สวยงาม  ถัดไปเป็นที่จอดรถและร้านค้าต่างๆที่ยังเปิดไฟอยู่บ้างบางร้าน  เลยออกไปอีกเป็นแนวต้นมะพร้าวกับชายหาดยาวๆต่อกับทะเลที่ตอนนี้เป็นสีเข้มจัด

            นึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งวันโดยเฉพาะที่โต๊ะอาหารเมื่อครู่นี้  เขายอมรับว่าตัวเองสับสนกับความรู้สึกที่พิษฌานแสดงออก  ถ้าไม่เคยได้ยินเรื่องเห่อของเล่นใหม่อะไรนั่น  เขาก็คงจะคิดว่าพิษฌานพูดจริง  แล้วก็เริ่มหวั่นไหวกับนัยน์ตาคมคู่นั้นขึ้นมาแน่ๆ

            ประเด็นก็คือ  คนอย่างพิชช์ฌานเชื่อได้แค่ไหน  นักการเมืองชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำทุกอย่างเพื่อเกมการเมือง  ดูอย่างพ่อของเขาเป็นต้น  ถึงกับขังลูกตัวเองเอาไว้ในบ้านเพียงแค่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองมีลูกเป็นโอเมก้า  ฉะนั้นถ้าพิชช์ฌานจะทำบ้างก็คงไม่แปลก  ทำเป็นเหมือนว่ามีใจให้เขาจริงๆเพื่อจะได้รั้งเขาเอาไว้  หลอกล่อให้เก็บลูกในท้อง  จากนั้นก็ค่อยเอาไปใช้ประโยชน์ทีหลัง 

            อย่างน้อยตัวเขาเองก็ยังใช้ประโยชน์ได้  เหมือนที่ตอนแรกอีกฝ่ายลักพาตัวเขามาเพื่อจะต่อรองกับบิดาไงล่ะ  คราวนี้ข้อต่อรองคงสูงขึ้นอีกเพราะมีหลานในท้องของเขาอยู่ด้วยอีกคน  พิชช์ฌานคงลืมไปหรือว่าอาจจะไม่รู้ว่ามันจะไม่มีทางได้ผล  ...พ่อไม่ได้รักเขา  และก็คงไม่มีทางรักหลานจากโอเมก้าแน่

            เกมนี้สุดท้ายแล้วคนที่เสียใจที่สุดก็น่าจะเป็นเขาเองไม่ว่ามองมุมไหน  ทางเดียวที่ทำได้ก็คือก่อกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองเอาไว้จากความร้ายกาจของพิษฌานเท่านั้น  เขาจะไม่ยอมเป็นตัวหมากบนกระดานของอีกฝ่ายเด็ดขาด

            อัยย์เดินกลับเข้าไปค้นหาใบปลิวแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน  รายละเอียดบอกว่าเป็นบริษัทรับจัดหางานให้โอเมก้าทั้งในและต่างประเทศ  แถมยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้โดยไม่ต้องใช่วีซ่าอีกด้วย  มันเป็นไปได้งั้นหรือ...เขาสงสัยในใจ  เหลือบมองเบอร์โทรติดต่อที่อยู่แนบท้ายพร้อมกับที่อยู่

            เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปตามหมายเลขนั้น  รอสายครู่เดียวปลายสายก็รับ

            “สวัสดีค่ะ  บริษัทรับจัดหางานโอเมก้าค่ะ”  เสียงผู้หญิงพูดขึ้น  อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอ

            “สวัสดีครับ  คือผม...อยากจะสอบถามเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ  มีรายละเอียดยังไงบ้างครับ”

            .................................................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 29-03-2019 02:00:35








           “นึกว่าคุณจะไม่ยอมพบฉันเสียแล้ว”  หญิงสาวพูดขึ้น  ยิ้มอย่างพอใจที่เห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในโซนสระว่ายน้ำของโรงแรม   “ว่ายน้ำด้วยกันไหมคะ”  เสียงแหบนิดๆของเธอเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับหุ่นอวบอัดในชุดว่ายน้ำรัดรูปสีทองรับกับผิวเปล่งปลั่ง  พิชช์ฌานทอดสายตามองแล้วส่ายหน้า

            “ผมไม่ค่อยสบาย  คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมก็พูดมาได้เลย”

            “ใจร้อนจังนะคะ  รีบไปไหนหรอ  หรือว่าจะไปกล่อมภรรยาเข้านอน”  รินลดาพูดเนิบๆ  ปรายตามองชายหนุ่ม  “ไหนว่าแค่เกมการเมือง  สงสัยจะไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง”

            “ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณหรอก  ตกลงคุณพ่อของคุณมีอะไรจะบอกผมงั้นหรือ”  พิชช์ฌานถามซ้ำอย่างอดทน

            หญิงสาวดึงตัวขึ้นจากน้ำ  หยดน้ำที่เกาะพราวตามผิวหยดลงพื้นทุกก้าวที่เธอเดินเข้ามาหาเขา  รินลดายกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาเอาไว้   กลิ่นน้ำหอมทำให้เขาเวียนหัวกว่าปกติ  ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบทันควัน  เหลือบมองรอบๆอย่างระวังตัว

            “ผมแต่งงานแล้ว”

            “แล้วไงคะ”

            “คงไม่สวยแน่ถ้ามีภาพเราหลุดออกไป”  พูดแล้วก็นึกถึงคำพูดของอาคิราห์ขึ้นมาได้  พิชช์ฌานเกิดเฉลียวใจขึ้นมาแวบหนึ่ง  หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้  “คุณไปสวมแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า   ไม่อย่างนั้นเราค่อยคุยกันทีหลัง”

            “อะไรกันคะฌาน  แต่งงานไม่เท่าไหร่คุณก็เปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ”  รินลดาพูดเสียงแหลมแล้วก็เปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนลง “ขอโทษค่ะ  ฉันเอาแต่ใจไปหน่อย”  เธอถอยออกไปแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม  ชายหนุ่มมีท่าทางอ่อนลงบ้างเมื่อเห็นว่าเธอทำตามเหตุผลของเขา  รินลดาซ่อนยิ้ม  ไม่มีใครรู้จักพิชช์ฌานดีเท่ากับเธออีกแล้ว

            เขาไม่ชอบคนเซ้าซี้  เกลียดคนงี่เง่าไร้เหตุผลที่สุด  เธอรู้เรื่องนี้ดีถึงได้มีความสัมพันธ์กันได้ยาวนานยิ่งกว่าใครอื่น  พิชช์ฌานเป็นผู้ชายขี้รำคาญ  เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนัก  และก็ชอบคนที่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขา  ยอมให้เขาเป็นผู้นำ

            “นั่งคุยกันดีกว่าค่ะ  อยากได้เครื่องดื่มอะไรไหมคะ”  เธอถามอย่างเอาใจ  เรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มให้ชายหนุ่มด้วย  พิชช์ฌานยอมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวใกล้ๆ  “คุณพ่อฝากมาบอกเรื่องโครงการรถสาธารณะน่ะค่ะ  เห็นว่าพรรคของคุณจะชูนโยบายเรื่องนี้”

            “ข่าวเร็วจริงๆนะ”  ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ  “ชักสงสัยแล้วสิว่าใครในพรรคผมเป็นสายให้คุณหรือเปล่า”  เขาพูดทีเล่นทีจริง

            หญิงสาวหัวเราะจนเห็นฟันขาวตัดกับริมฝีปากสีแดงสด

            “แหม  ก็พรรคของคุณเป็นที่จับตามองนี่คะ  ขยับตัวทำอะไรทีคนเขาก็ให้ความสนใจกันทั้งนั้น  คุณพ่อได้ยินแว่วๆเรื่องนี้มาเลยอยากถามว่าจะเปิดประมูลสัมปทานหรือเปล่า”

            “จะจองตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ  ไม่เร็วไปหน่อยหรอครับ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “ผมอาจจะไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐบาลก็ได้นะ”

            “ถ้าคุณตกลงเรื่องสัมปทาน  คุณพ่อรับปากว่าจะสนับสนุนคุณเต็มที่ค่ะ”  รินลดายิ้มหวาน  “ตกลงนะคะฌาน  ฉันรู้ว่าคุณตกลงแน่”

            “ผมต้องคุยกับกรรมการพรรคดูก่อน  โครงการนี้มันเป็นโครงการใหญ่  เกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน  จะมายกให้เลยคงยังไม่ได้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ

            “โธ่  คุณก็รับปากคุณพ่อไปเถอะค่ะ  ไม่อย่างนั้นคุณพ่ออาจจะเปลี่ยนใจลองถามอีกฝั่งนึงดูก็ได้นะคะ”  หญิงสาวว่า  “ฉันก็ไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณผิดใจกันหรอกนะ  คราวก่อนที่คุณชิงไปแต่งงานกับโอเมก้า  ท่านก็เพิ่งหายเคืองไป”

            “ผมอยากรับปากคุณนะ  แต่ว่าผมจะมีอะไรเป็นหลักประกันล่ะว่าคุณพ่อของคุณจะสนับสนุนผม...คนเดียว”  พิชช์ฌานเน้นเสียง  “นักธุรกิจอย่างพ่อของคุณคงไม่มีทางฝากไข่ในตะกร้าใบเดียวอยู่แล้ว  ผมพูดถูกไหม”

            “คุณก็ทำให้ท่านมั่นใจสิคะ  ว่าคุณจะไม่มีทางทิ้งท่านหลังจากได้ตำแหน่งแล้ว”  รินลดายิ้มมุมปาก

            “อย่างเช่น?”

            “ดูแลลูกสาวของท่านอย่างดีคืนนี้”  เธอขยิบตาให้อย่างขี้เล่นแต่ก็ท้าทายในที  ปลายนิ้วเอื้อมมาแตะที่หลังมือของชายหนุ่มอย่างจงใจ  “คุณคิดว่ายังไงคะ”

            “งั้นให้ผมเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้ว”  พิชช์ฌานตอบ  ดึงมือกลับมากอดอกเอาไว้  หญิงสาวจุ๊ปาก

            “คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการการ ‘ดูแล’  จากคุณอย่างไร  ไม่ใช่แค่เหล้าแก้วเดียวแน่”

            “ภรรยาของผมนอนอยู่ข้างบน”

            “อย่าบอกว่าคุณเกรงใจโอเมก้าขึ้นมานะคะ”  รินลดาหัวเราะ  “ไม่เอาน่า  ถ้าคิดจะอ้างก็ช่วยหาเหตุผลดีๆกว่านี้หน่อยเถอะค่ะ”

            “ผมเกรงใจเค้า”  ชายหนุ่มพูดซ้ำ

            “โอเค  ฉันจะทำเป็นเชื่อคุณก็แล้วกันนะคะ”  รินลดายักไหล่พลางลุกขึ้นยืน  ปรายตามองชายหนุ่มด้วยหางตา  “คุณเป็นคนขี้ขลาดมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้”

            “ผมเป็นคนขี้ขลาด  คุณเข้าใจถูกแล้ว”  พิชช์ฌานก้มศีรษะรับ  “ผมกลัวว่าจะเสียเค้าไป  ดังนั้น...คืนนี้เราแยกกันตรงนี้ดีกว่าครับ”

            “ฉันเข้าใจล่ะ” อัลฟ่าสาวสวยพยักหน้า  “คุณกลัวจะเสียแผนสินะ  โอเค  ฉันเข้าใจแล้ว  ถ้ามีคนมาเห็นฉันกับคุณเข้าจะเสียคะแนนหมด  คุณอุตส่าห์คีพลุคเป็นสามีอัลฟ่าดีเด่นรักเมียโอเมก้ายิ่งชีพมาแล้วนี่นะ”

            “คุณเข้าใจก็ดี”

            “แต่ว่า....คุณคงรู้อยู่แล้วว่าฉันกลับมาที่ประเทศนี้ทำไม”  รินลดาพูดเสียงแหบ  สบตาเขานิ่ง  “ฉันกลับมาหาคุณ...ชาร์ล  และฉันจะรอคุณเสมอ”  ประโยคหลังเธอพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส

            สีหน้าของคนฟังแทบไม่เปลี่ยน  ยกเว้นแววตาที่สั่นไหวเล็กน้อย  รินลดาอมยิ้ม  ก้มศีรษะให้เขานิดหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินลับหายไปทางห้องแต่งตัว  พิชช์ฌานเดินย้อนกลับมาตามทางเดิม  เจนภพยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาสงสัย

            “นายชาติชายอยากได้ข้อเสนอดีๆเพิ่มอีก”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนจัด  “คิดว่าตัวเองเป็นต่อเลยได้คืบเอาศอก  คนโลภไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ”

          “แล้วเราจะให้ตามข้อเสนอของเขาไหมครับ”

            “ต้องกลับไปคำนวณดูก่อน  ถ้าเขาอยากได้ส่วนแบ่งเพิ่มก็ต้องจ่ายให้เราคุ้มค่าที่สุด”  พิชช์ฌานพูดเสียงเหี้ยม  “หรือไม่อย่างนั้น  ...ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย”  เจนภพเหลือบตามองเจ้านาย  ถ้าเขาเป็นชาติชายคงไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากแน่

            “คุณฌานจะกลับห้องไหมครับ”  คนสนิทถามขึ้นอีก  “หรือว่า...จะให้เปิดห้องใหม่”

            “รินลดาพักอยู่ห้องไหน”  ชายหนุ่มถามกลับมา  มือขวารีบท้วง

            “คุณอัยย์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ  ผมว่าคงไม่เหมาะ”

            “จะทำไมเจนภพ  จะสั่งฉันเหรอ”

            “ไม่ใช่ครับ  แต่ว่าผมกลัวจะมีภาพหลุดออกไป  ขึ้นหน้าหนึ่งพรุ่งนี้คงแย่”  มือขวาพูดอย่างกังวล     

            “สรุปรู้ไหมว่ารินลดาอยู่ห้องไหน”   เจนภพถอนหายใจเฮือก

            “ทราบครับ”  เขาบอกเลขห้องกับชั้นให้กับอีกฝ่าย  พิชช์ฌานพยักหน้า

            “ให้คนส่งดอกไม้ไปให้พรุ่งนี้เช้า  แนบการ์ดสวยๆไปด้วยสักใบ ...แค่นั้นล่ะ  ฉันจะไปนอนแล้ว”  นักการเมืองหนุ่มก้าวเข้าไปในลิฟต์  “แล้วถ้าเป็นไปได้ล่ะก็  อย่าให้อัยย์เจอกับรินลดาเด็ดขาด”

            “ครับคุณฌาน”

            พิชช์ฌานเปิดประตูเข้าไปในห้องพักที่มืดสนิท  ชายหนุ่มเปิดไฟแล้วชะโงกเข้าไปมองหาร่างโปร่งบางบนเตียงด้วยความเคยชิน  ทว่าบนนั้นกลับว่างเปล่า   

            ชายหนุ่มใจหายวูบ  ก้าวพรวดเดียวเข้าไปยืนกลางห้องพัก  หัวใจเต้นรัว  ถลันเข้าไปดูในห้องน้ำก็ไม่เจอเงาของเจ้าโอเมก้า   กระเป๋าเสื้อผ้าก็เปิดอ้าซ่าทิ้งเอาไว้ปลายเตียงทั้งของเขาและของเจ้าตัว  เสื้อผ้าในนั้นหายไปเกือบหมดโดยเฉพาะของเขา

            พิชช์ฌานเดินออกไปที่ระเบียงอย่างลนลาน   มองหาคนที่ควรจะอยู่แต่ไม่อยู่  ระเบียงห้องว่างเปล่าน่าตกใจ  ชายหนุ่มชะโงกลงไปดูข้างล่าง  มันสูงเกินกว่าที่ใครจะโดดลงไป  เขาหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง  ร่างของใครคนหนึ่งหยุดยืนอยู่ข้างหลังเขาเงียบๆจนชายหนุ่มเกือบผงะถอยหลัง

            “เห้ย...”

            ร่างโปร่งบางอยู่ในชุดนอนที่ใหญ่โคร่งซึ่งเป็นชุดของเขา  แถมเจ้าตัวยังพันผ้าพันคอเอาไว้รอบศีรษะลงมาปิดหน้าไปครึ่งหนึ่งเหมือนไอ้โม่งเห็นเพียงแค่ตากลมๆใสแจ๋ว  มือกอดหมอนเอาไว้แน่น

            “กลับมาแล้วเหรอ”  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากกองผ้าพันคอ

            “ทำอะไรเนี่ย  ทำไมไม่นอน”

            “นอนไม่หลับ”

            “อ้าว...แล้วเมื่อกี้ไปอยู่ที่ไหนมา  ทำไมไม่เห็น”

            อีกฝ่ายพยักพเยิดไปยังตู้เสื้อผ้าที่เปิดประตูค้างเอาไว้  เมื่อกี้พิชช์ฌานก็ไม่ทันได้สังเกตเสียด้วย

            “ไปหลบในตู้อีกแล้วเหรอ”

            “นอนไม่หลับ”  เจ้าโอเมก้าพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้  “นอนไม่หลับเลย”  พูดจบก็เอื้อมมือมากอดแขนเขาเอาไว้แน่นเหมือนลูกลิง

            พิชช์ฌานทำอะไรไม่ถูก  เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

            ...............................................................................................

            มาอัพกันต่อจ้า  ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            เจอกันตอนหน้านะคะ  ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้ค่ะ อิอิ

            #ขอรักแค่คุณ

           

 

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-03-2019 03:24:46
 :z3: พอเค้าเริ่มเปิดเผยความรู้สึก หนูอัยก็ดันเข้าใจผิด ไม่เชื่อซะงั่น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 29-03-2019 03:47:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2019 04:37:17
หวัง​ว่า​จะ​ไม่​เกิด​อะไร​ร้ายแรง​นะ​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-03-2019 07:37:27
เจ้าบู้บี้ น่าเอ็นดูสุดก็ตอนกินกับตอนทำรังก่อนนอนนี่แหละ ลูกเอ้ยยย อิพิษไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วว / หนีอีกแล้ว! คราวนี้หนักแน่อิพิษษษ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-03-2019 09:35:21
เอาแล้วไง เพราะนายพิษสร้างความไม่เชื่อใจก่อนบูบี้ของเราเลยเชื่อยากยังไงล่ะ
งานหนักตกที่นายแล้วนะนายพิษว่าต้องทำยังไงถึงจะสร้างความเชื่อใจให้บูบี้ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-03-2019 09:39:22
งานหยาบมากพิษฌาน
ชั้นเหนื่อยแทนเจ้าบู้บี้ ไหนจะพรรคนายไหนจะผู้หญิงของนาย
อิรุงตุงนังเหลือเกินพ่อ  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-03-2019 10:44:55
เอ็นดูอัยย์ สงสารด้วย ตอนรู้ว่ารัก ก็ไม่อยากเชื่อ
แถมตอนนี้ใจก็รักเค้าไปแล้ว แต่ไม่รู้ตัว
จะเตรียมหนีไปอีก อัยย์ต้องคิดให้เยอะนะ

โอ๊ยยย มีความอ้อน นอนไม่หลับ

ฌาณเลี่ยงได้ดี และกลัวอัยย์เคืองจริงแน่นอน
มีเตรียมเซอร์ไพรส์ให้ด้วย คุณพ่อจัดหนักมาก
แต่ก็แพ้ทางคุณแม่มากเหมือนกัน 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 29-03-2019 11:10:01
เหนื่อยแทน

เหนื่อยใจแทนอัยย์

เหนื่อยใจแทนพิชธาน

เหนื่อยใจแทนเจนภพผู้เหมือนจะรู้ใจเจ้านายแต่ไม่รู้

เหนื่อยใจแทนตัวเองเหมือนจะมองเหตุการณ์ต่างๆออกแต่ก็ไม่ออก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 29-03-2019 11:47:06
รอไรท์มาอัพทู๊กกกวัน..
งื้ออออ...
อัพบ่อยๆได้มั้ยยย..
คิดถุงนุ้งอัยยย์์..
ไรท์
พรีสสส
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-03-2019 12:49:45
เมียอ้อนขนาดนี้จะไปไหนรอดล่ะคุณพิษ ^^
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-03-2019 13:23:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 29-03-2019 17:27:18
บอกตรงๆกังวลน้องมากก ส่วนตาพิษชาณไปเก็บก่อนน
ตอนนี้คนอ่านอยากดูแลน้องอัยย์แทนแล้ว :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-03-2019 19:46:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-03-2019 22:21:51
อัยย์น่าเอ็นดู ว่าไหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 29-03-2019 23:31:34
นี่ถ้าตามกิ๊กเก่าไปนะนายพิษฮึ่ย!!!! บู้บี้นี่ตั้งแต่ท้องคือขี้อ้อนมากๆๆๆๆๆ น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-03-2019 20:43:42
เห้อม  ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันผิด เอ้อ ปากแข็งไปหมด เห้อม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 31-03-2019 22:46:10
ดูท่าเรื่องยุ่งยังมีอีกเพียบ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่21 29/3/62 p14
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-04-2019 01:51:02
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 22

 

 

 

 

 

 

            พิชช์ฌานสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้ามืด  ภายในห้องพักมืดสลัวเห็นแค่เงารางๆ  แขนข้างซ้ายของเขาหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินถ่วงเอาไว้  ปลายนิ้วชาแทบไม่รู้สึก

            ‘ก้อนหิน’ ยังคงนอนหลับทับแขนของเขาในท่าเดิมตั้งแต่เมื่อคืน  แล้วเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะดันตัวอีกฝ่ายออก  ปล่อยเลยตามจนกระทั่งเหน็บกินไปหมดทั้งซีก  ศีรษะกลมทุยซบอยู่ที่ไหล่  รู้สึกได้ว่าหัวไหล่เปียกไปหมดแล้วเพราะใครบางคนนอนน้ำลายยืดแน่ๆ

            เหอะ...นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาได้  เจ้าโอเมก้าทำตัวเหมือนไอ้โม่งมากอดแขนเขาเอาไว้พร้อมกับทำตาปริบๆ เห็นแล้วน่าเขกหัวให้สักที  ปากก็บ่นอะไรไม่รู้ฟังไม่ได้ศัพท์  กว่าจะตะล่อมให้ยอมไปนอนก่อนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยใจ   คนยังไม่ได้อาบน้ำเลยจะให้เข้านอนได้ยังไง  เกาะติดเป็นตังเม  แหม...อีกนิดก็คงจะมานั่งเฝ้าเขาอาบน้ำแล้วมั้ง

            น่ารำคาญจริงๆ  ทำตัวเหมือนเด็กไม่ยอมโต  นี่ถ้าไม่ติดว่าดึกแล้วนะ  จะแกล้งให้นั่งหงิกอยู่ในตู้เสื้อผ้าทั้งคืนเลย  เด็กบ้า...เอาเสื้อผ้าเขาไปใส่เองหมดจนเขาไม่มีชุดนอนใส่  จะขอคืนก็ไม่ยอมถอดออก  ชุดนอนของตัวเองมีก็ไม่ใส่  พอเขาจะเอาของตัวไปใส่บ้างก็โวยวายกลัวชุดขาดอีก

            “อาคิราห์”  พิชช์ฌานขยับตัว  ใช้มือขวาจิ้มที่หน้าผากเนียนแล้วดันออกจากไหล่ของเขา  อีกฝ่ายครางอืออาไม่ยอมลืมตา  “ตื่นเร็ว  ใครบอกอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ใช่หรอ”  แอบเขี่ยปลายจมูกรั้นๆนั้นเล่น  เจ้าของย่นจมูกหันหน้าหนีแต่ไม่ยอมปล่อยแขนของเขาอยู่ดี  “อัยย์ นับถึงสาม”

            “อือ”  เปลือกตาขยับหยุกหยิก พอนับถึงสาม เจ้าตัวก็ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ดันตัวเจ้าโอเมก้าออก  “เช้าแล้วเหรอ”

            “เช้าจนจะเที่ยงแล้ว  ตื่นช้าก็ไม่ต้องกินแล้วนะบุฟเฟ่ต์ตอนเช้าน่ะ  ไม่ต้องไปตกปลาด้วย”

            คราวนี้คนง่วงลืมตาโพลง  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งทันที  กระวีกระวาดลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำอย่างขมีขมัน  กลับออกมาในสภาพที่ใบหน้าเปียกชุ่ม  ท่าทางสดใสขึ้นกว่าเดิมมาก  อาคิราห์เดินกลับมาขมวดคิ้วเท้าสะเอวจ้องดูนาฬิกาพรายน้ำที่บอกเวลาตีห้าครึ่ง

            “ไหนคุณว่ามันเช้าจนเกือบเที่ยงแล้วไง  ยังไม่หกโมงเลย”  อัยย์ร้อง

            “เอ้า...ใครจะไปนึกว่าจะเชื่อล่ะ  ก็เห็นอยู่ว่ายังมืดอยู่เลย”  คนบนเตียงตอบกลับมากลั้วหัวเราะ  ขยับลงจากเตียงบ้าง

            “ผมนึกว่าคุณปิดผ้าม่าน”  อาคิราห์เม้มปาก  “แล้วก็ช่วยเอาผ้าห่มหรืออะไรห่อตัวด้วย  คนอะไรชอบโชว์เรือนร่าง”  เขายกมือขึ้นปิดตาเบือนหน้าหนีจากร่างสูงใหญ่ที่สวมเพียงอันเดอร์แวร์เอาไว้ตัวเดียว

            “เอาชุดฉันไปใส่เองอย่ามาบ่น  ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้  ทีเมื่อคืนยังนอนกอดได้ทั้งคืน”  พิชช์ฌานลดเสียงลงแล้วหัวเราะในลำคอ

            คนฟังตวัดสายตามองตาเขียวแล้วก็รีบเดินออกไปยังระเบียงข้างนอกแทน  ท้องฟ้าเริ่มมีแสงของดวงอาทิตย์ปรากฏที่ขอบฟ้า  อาคิราห์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สาน  ทอดสายตามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างรอคอย

            พิชช์ฌานกลับออกมาสมทบในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเรียบร้อย  ชายหนุ่มส่งแก้วนมสดไปให้เจ้าโอเมก้ารับเอาไว้  ส่วนตัวเองเป็นกาแฟดำรสเข้มแก้อาการเวียนหัวตั้งแต่เช้า  แสงสีส้มอ่อนเริ่มแผดแรงกล้าขึ้นทีละน้อยตามเวลาที่ผ่านไป  พระอาทิตย์ดวงโตลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ

            “คุ้มค่าที่ตื่นเช้าไหม”

            “อืม...ดีมาก”  อาคิราห์พึมพำ  จิบนมสดเย็นๆจนหมดแก้ว  รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากกว่าทุกวัน  อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เขามีแผนการมากมายรออยู่  “เราจะไปตกปลากันกี่โมง”  เขาหันไปถามนักการเมืองหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟนิ่งอยู่            “เคลียร์ธุระเสร็จก็ไป”

            “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ”

            “เธอเก็บของเสร็จหรือยัง”

            “เก็บไม่นานก็เสร็จ”  อาคิราห์ลุกขึ้นกลับเข้าไปเก็บข้าวของที่เมื่อวานรื้อค้นออกมากองกระจุยกระจายกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม  พิชช์ฌานเดินตามเข้ามาบ้าง  ชายหนุ่มหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับมาแต่งตัวอย่างใจเย็น

            จัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย  เจ้าโอเมก้าก็มานั่งลูบคลำเบ็ดตกปลาอันใหม่ของตัวเองระหว่างรอให้พิชช์ฌานคุยโทรศัพท์เสร็จ

            “ลงไปทานข้าวกัน  ฉันให้คนหาเรือไว้ให้แล้ว  มื้อเที่ยงเราจะกินข้าวบนเรือ..ดีไหม”

            “สุดยอด”  อัยย์ยิ้มกว้าง  ยกนิ้วโป้งขึ้นชูสองข้าง  แววตาสดใสของเจ้าตัวทำให้คนมองยิ้มตามบ้าง   ถึงจะรู้ว่าตัวเองสุดยอดก็จริง  แต่การได้ยินอีกคนชมดื้อๆแบบนี้ก็รู้สึกดีไม่ใช่เล่น  พิชช์ฌานเดินผิวปากนำหน้าลงมายังห้องอาหาร

            ธีรดลรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับคนในทีม   พูดคุยทักทายกันแล้วก็เริ่มรับประทานอาหารเช้า  ตลอดเวลาอาคิราห์แทบไม่ได้ร่วมการสนทนาเลย  เจ้าตัวก้มหน้าก้มตากินลูกเดียว

            “อาหารอร่อยไหมครับคุณอัยย์”   ช่วงหนึ่งที่ธีรดลหันมาถามยิ้มๆ  อาคิราห์พยักหน้ารับ  หันไปสบตากับสามีที่นั่งอยู่ข้างๆแวบหนึ่ง

            ดูท่าคงจะคืนดีกันได้แล้วกระมัง  ธีรดลคิดในใจ  แต่ก็แปลกตรงที่เขาทราบข่าวมาว่าคุณรินลดาลูกสาวของคุณชาติชาย  มาพักอยู่ด้วยที่รีสอร์ตเมื่อคืน  จำได้ว่ารินลดากับพิชช์ฌานเคยควงกันออกหน้าออกตาอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลิกรากันไป  คราวนี้จะเป็นความบังเอิญหรือว่าอย่างไรกันแน่

            ชาติชายก็เป็นนายทุนใหญ่ของพรรคอยู่แล้วเดิม  หรือว่าจะมีข่าวใหม่อะไรที่เขายังไม่ทราบ...

            “ผมเตรียมเรือเอาไว้ให้แล้วครับ”  ชายหนุ่มพูด  “คุณอัยย์คงชอบตกปลา”

            “ครับ”  อาคิราห์รับคำสั้นๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย

            พิชช์ฌานเหลือบมองอย่างพอใจ  วันนี้อาคิราห์ไม่ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนเมื่อวาน  ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย  เขานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนจะไปยิ้มให้คนอื่นได้ยังไง

            เรือลำที่ธรดลเตรียมเอาไว้ให้เป็นเรือยอร์ชสีขาวขนาดกำลังกะทัดรัดน่าเอ็นดู  อาคิราห์ตาโตรีบเดินขึ้นไปบนเรือพร้อมกับถือคันเบ็ดไปด้วยโดยมีเจนภพเดินตามประกบไปข้างหลังไม่ห่างเพราะกลัวเจ้านายกลิ้งตกเรือเสียก่อน

            “ค่อยๆเดิน  นี่ถ้าตกน้ำฉันไม่งมนะบอกก่อน”  พิชช์ฌานตะโกนบอกตามหลัง  ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆดังขึ้นข้างๆจากเจ้าของเรือตัวจริง

            “คุณอัยย์คงตื่นเต้นมากนะครับ”  ธีรดลปรารภยิ้มๆ

            “เขาก็แบบนี้ล่ะ  ทำตัวเป็นเด็กๆไม่ยอมโต”

            “คุณพิชช์ฌานคงจะเหนื่อย”

            “ไม่หรอกครับ  เห็นเขายิ้มผมก็หายเหนื่อยแล้ว”  นักการเมืองหนุ่มตอบเนิบๆ  เหลือบตามองนายทุนของพรรคคนใหม่  “คุณธีรดลก็รีบหาบ้างสิครับ”

            “ผมก็กำลังมองๆอยู่  ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ผมจะรีบส่งข่าวไปบอกคุณพิชช์ฌานคนแรก”  ธีรดลพูดขรึมๆ  แล้วยิ้มออกมานิดหนึ่ง   “คุณคงรู้จัก..คุณรินลดา”

            สีหน้าของคนฟังแทบไม่เปลี่ยน

            “รู้จักสิครับ  ลูกสาวของคุณชาติชาย...ได้ข่าวว่าเธอมาพักที่นี่ด้วย”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  วางหน้าเฉยซ่อนความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้ได้มิดเม้น  ทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด  “ผมก็เจอเธอเมื่อคืน”

            “อ้อ  เหรอครับ”  ธีรดลผิดคาดไปเล็กน้อย  เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะพูดออกมาตรงๆ  “มาได้จังหวะพอดีเลยนะครับ”

            “ช่วงไฮซีซั่นนี่นะ”  พิชช์ฌานพูด  “เห็นว่าเธอมาพักผ่อนเหมือนกัน  โรงแรมของคุณชื่อเสียงโด่งดัง ใครๆก็ย่อมอยากมาพัก”  ชายหนุ่มปรายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตาคมกริบ

            ธีรดลขยับตัว               

            “ผมแค่อยากถามถึงคุณพ่อของเธอ  คุณชาติชาย...ผมไม่ได้พบท่านนานแล้ว”

            “ถ้าอย่างนั้นคุณลองถามเธอดูดีกว่าครับ  เธอเป็นแขกของโรงแรมคุณ...ผมขอตัวไปลงเรือก่อน  ไว้เจอกันนะครับ”  พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก  เดินตามหลังอาคิราห์และลูกน้องไปที่เรือบ้าง  มือขวาคนสนิทเดินเข้ามาหาอย่างรู้ใจ

            “จับตามองธีรดลกับรินลดาให้ที  ถ้าฉันเดาไม่ผิด  นายธีรดลนี่คงอยากได้ข้อเสนออะไรเพิ่มอีกแน่ๆ”  พิชช์ฌานพูดเสียงต่ำ                       

            “แต่ที่คุณฌานเสนอให้ก็คุ้มค่ามากแล้วนะครับ”  เจนภพแย้ง

            “ความโลภของคนไม่รู้จักพอ”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่กำลังยืนเก้ๆกังๆหิ้วถังน้ำอยู่หัวเรือ  “นั่นอาคิราห์กำลังทำอะไรน่ะ  เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่าไปหรอก”  พูดจบก็ก้าวยาวๆตามออกไป  ทิ้งให้มือดียืนถอนหายใจคนเดียวด้วยความกังวล

            เรือแล่นปราดออกไปกลางทะเล  คลื่นลมแรงและแสงแดดจัดจ้าทำให้อาคิราห์อารมณ์ดีมากกว่าปกติ  ชายหนุ่มหิ้วถังน้ำพร้อมอุปกรณ์ตกปลาครบครันเดินไปรอบๆเพื่อมองหาทำเลเหมาะๆ  ตัวโคลงเคลงไปมาเพราะคลื่นที่ปะทะใต้ท้องเรือไม่หยุดหย่อน

            “อาคิราห์  ระวังลื่นตกน้ำหรอก  ตกลงไปฉลามกินไม่รู้ด้วยนะ”

            “แถวนี้ไม่มีฉลามหรอกน่า  อย่ามาหลอกผมให้ยาก”  เจ้าโอเมก้าตอบกลับมาด้วยเสียงยานคาง  ยกมือขึ้นป้องแดดมองย้อนกลับไปทางด้านหลังชายฝั่งที่จากมา  “เรายังออกมาไม่เท่าไหร่เลย”

            “รู้ได้ยังไงว่าไม่มี  ที่ไหนมีปลามีอาหารก็มีฉลามได้ทั้งนั้นนั่นแหละ  กลับไปทาครีมกันแดดซะ  ตัวแดงเป็นกุ้งแล้ว”  พิชช์ฌานเดินมาถึงตัวก็คว้าต้นแขนอีกฝ่ายเอาไว้  พาลากกลับเข้ามาในร่ม  “เอาไว้เขาจอดเรือก่อนค่อยออกไป  เธอไปตกตอนนี้จ้างให้ก็ตกไม่ได้  ถามจริง..ตกปลาเป็นหรือเปล่า”

            “ผมเคยตกปลาหรอกน่ะ  ที่บ้านผมมีทะเลสาบ”  อัยย์พูด  ดึงแขนออกจากการเกาะกุม

            “ฉันว่าฉันเคยไปบ้านเธอนะ  บ้านเธอไม่มีทะเลสาบ”

            “บอกว่ามีก็มีสิ  อยู่หลังบ้าน...คุณไม่เห็นเองมากกว่า”   อาคิราห์พูดอุบอิบ  “แต่มันไม่ใหญ่มาก”

            “เหรอ  แล้วมันเป็นยังไง  เล่าให้ฉันฟังซิ”  พิชช์ฌานว่า  มือก็เทครีมกันแดดลงบนฝ่ามือแล้วจัดการชโลมใส่หลังไหล่ของเจ้าโอเมก้าให้อย่างคล่องแคล่ว

            “มันมีปลาเยอะเลย  ผมกับคินชอบแอบไปตกเล่นกัน  คินเป็นคนสอนผมตกปลาล่ะ”  อาคิราห์ยื่นแขนให้อีกคนทาครีมกันแดดให้แต่โดยดี  “แต่วันดีคืนดีก็โดนจับได้  พ่อโกรธใหญ่เลยเพราะมันเป็นปลาที่เขาเลี้ยงเอาไว้”

            “อ้าว...เธอไปตกปลาในบ่อปลาน่ะรึ  ก็สมควรโดนดุแล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะ

            “ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นบ่อปลาล่ะ  คินบอกผมว่ามันเป็นที่สาธารณะ  ใครจะมาตกเล่นก็ได้  เหมือนทะเลสาบพ่อชอบพาคินไปตกปลาตอนว่างๆ”  อาคิราห์เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  ยกขาตัวเองออกจากตักของนายพิษฌาน  “คุณตกปลาเป็นหรือเปล่า”

            “เรื่องเล็ก  ฉัน...”

            “ฉันเป็นแชมป์ตกปลาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย..”  พิชช์ฌานอ้าปากค้าง  เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกอีกคนพูดดักคอขึ้นมาเสียก่อน  อัยย์หัวเราะกิ๊ก  “ผมพูดถูกไหม”

            ตาคมตวัดมองเขาเร็วๆคล้ายค้อน

            “เกือบถูก  จริงๆคือฉันเป็นแชมป์สมัยเรียนประถมต่างหาก”

            อาคิราห์ยิ้มกว้างออกมาอีก

            เรือลดความเร็วลงแล้วปล่อยให้ไหลเอื่อยๆไปตามกระแสน้ำ  อาคิราห์ลากถังเดินออกไปปักหลักที่มุมเหมาะๆ  กวัดแกว่งคันเบ็ดไปมาให้ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญเสียหน่อย  พอได้จังหวะก็เหวี่ยงเบ็ดไปข้างหน้าเต็มแรง

            “โอ๊ย!”  เสียงลูกน้องของพิชช์ฌานที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหลังอุทาน  ยกมือขึ้นกุมหูเอาไว้แน่น  คนตกปลาสะดุ้งหน้าเสียรีบเดินเข้าไปหาอย่างตกใจ

            “เป็นอะไรไปครับ  ผมเหวี่ยงโดนเหรอ”  อัยย์ชะเง้อมองอย่างกังวล  เห็นลูกน้องของพิษฌานค่อยๆแง้มมือออกมาให้เห็นติ่งหูที่มีเลือดออกซึมๆ  “ตายล่ะ...ผมขอโทษนะ  คุณคงโดนตะขอเบ็ดเกี่ยวเอา”  เห็นเลือดออกก็ชักร้อนใจ  เสียงฝีเท้าหนักๆของเจ้านายอีกฝ่ายเดินเข้ามาร่วมวงพอดี

            “เกิดอะไรขึ้นอาคิราห์  โวยวายอะไร”

            “คือ...เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”  คนพูดหน้าจ๋อยด้วยความรู้สึกผิด  “ผมเหวี่ยงเบ็ดไม่ระวังเลยเกี่ยวหูเค้าเอา”

            “ไม่ใช่ความผิดของคุณอาคิราห์หรอกครับ  ผมไม่ทันระวังตัวเอง”  ลูกน้องตอบอย่างสำรวม  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ไล่ให้ลูกน้องเข้าไปทำแผลข้างใน  จากนั้นก็หันมาเท้าเอวใส่เจ้าโอเมก้าที่ยืนหงอยอยู่

            “ไหนว่าตกปลาเป็นไงล่ะ”

            “ก็เป็น...”  อาคิราห์ก้มหน้าลง  ไม่อยากสารภาพออกไปว่าความจริงแล้วเคยแต่คอยดึงเบ็ดขึ้นตอนมีปลามาตอดๆเท่านั้น  ส่วนใหญ่อคินทร์แฝดคนพี่จะเป็นคนจัดการให้มากกว่า

            พิชช์ฌานเอียงคอมองอยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวเดินกลับไปหยิบคันเบ็ดที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาใหม่  ลงมือทำให้ดูเงียบๆโดยมีเจ้าโอเมก้ายืนดูอย่างสนใจ  มือใหญ่ส่งคันเบ็ดกลับมาให้เขารับเอาไว้

            “ตวัดข้อมือนิดนึง  อย่าใจร้อน”  คนพูดยืนซ้อนอยู่ข้างหลังอาคิราห์แนบชิด  มือก็กุมทับหลังมือเล็กบางอยู่อีกที  คนอยากตกปลาแทบไม่ได้ฟังเสียงห้าวๆที่พูดสอนอยู่ข้างหูเลยสักคำ  รู้สึกสติแตกกระเจิงไปตั้งแต่ถูกโอบเอวตอนแรกแล้ว

            พิชช์ฌานซ่อนยิ้มขันเอาไว้ในใจ  เจ้าโอเมก้ายืนนิ่งขึงอยู่ในวงแขนของเขาพลางทำตามที่เขาบอกเหมือนหุ่นยนต์  ผิวแก้มนวลสีน้ำผึ้งแต้มสีแดงเรื่อน่าพิศ   เห็นทีจะมีคน ‘เขิน’ เขาขึ้นมาบ้างเสียแล้ว

            แบบนี้ต้องรุกอีก...เอาคืนที่เมื่อคืนทำเขาไปไม่เป็นจนเกือบเสียอาการ

            นักการเมืองหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นเข้าอีก  มือที่ซ้อนทับกับมือที่จับคันเบ็ดของอาคิราห์อุ่นจัด  กลิ่นเค็มๆของทะเลปนมากับกลิ่นหอมหวานเหมือนคุกกี้ที่แสนเคยชิน  ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก

            “เมื่อไหร่ปลาจะติดเบ็ด”  คนโดนกอดอย่างจำยอมชักสงสัย  เริ่มขยับตัวยุกยิก

            “รักจะตกปลาต้องอย่าใจร้อน  ไม่รู้หรือไง”  พิชช์ฌานตอบกลับไป  “หรือว่าแค่นี้ก็ไม่มีความอดทนพอ”

            “ผมอดทนรอได้แต่ว่า...คุณถอยไปหน่อยได้มั้ย”

            “ไม่ได้  เดี๋ยวเบ็ดกระตุกแล้วปลาจะตกใจ”

            “จริงหรอ”  อาคิราห์เงียบไปครู่  “คุณโม้แล้ว  อย่ามาหลอกผมเสียให้ยาก”

            พิชช์ฌานหัวเราะ  ยอมปล่อยมือจากเอวของอีกฝ่ายแล้วยืนเป็นเพื่อนครู่นึง  เจนภพเข้ามาหาเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

            ชายหนุ่มปล่อยให้อาคิราห์นั่งเฝ้าคันเบ็ดต่อไป  ส่วนตัวเองถอยกลับมาคุยเรื่องพรรคกับมือขวาต่ออย่างเคร่งเครียด   ฝ่ายรัฐบาลเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกแล้ว

            “ฝ่ายนั้นมีนัดพบกันลับๆที่บ้านของท่านไตรคุณอาทิตย์หน้าครับ  สายของเราบอกมาว่ามีชื่อของนายชาติชายอยู่ด้วย  เห็นทีคงจะแปรพักตร์ล่ะมั้งครับ”

            “เขาคิดจะเอาเรื่องสัมปทานมาบีบฉัน”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นลูบปลายคาง  “ทำไมชอบคิดตื้นกันจังนะ  ไม่เข็ดกันบ้างหรือไง”

            “คุณฌานจะให้ผมทำอะไรครับ”

            “ฉันเคยได้ยินมาว่าสมัยรุ่นพ่อของฉัน  นายชาติชายเคยขอให้พ่อช่วยปกปิดความผิดเรื่องเลี่ยงภาษีให้  เรื่องใหญ่โตพอดู  ถ้าขุดขึ้นมาตอนนี้คงจะเสียมากกว่าเดิมหลายเท่า”

            “แต่ว่าพรรคของเราจะดูไม่ดีนะครับ”

            “พ่อของฉันไม่ได้อยู่ในพรรคแล้วนี่”  ชายหนุ่มยักไหล่  “ดีเสียอีก  จะได้โชว์ให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเราโปร่งใสกันแค่ไหน  ใครทำอะไรผิดก็ต้องได้รับโทษ”

            “แต่คุณพ่อของคุณจะโดนหางเลขไปด้วย”

            “พ่อเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว  ฉันรู้...เผลอๆพ่อก็รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่”  หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านพึมพำ

            “แล้วเรื่องนัดพบที่บ้านท่านนายกฯ”

            “ฉันคิดว่าอาคิราห์น่าจะอยากกลับไปค้างที่บ้านอาทิตย์หน้านะ”  ชายหนุ่มยิ้ม

            ตอนนั้นเองที่พิชช์ฌานเริ่มรู้สึกถึงความโคลงเคลงโยนไปโยนมาของเรือ  เขาสะบัดศีรษะ  หันไปมองที่ไกลๆ  ความคลื่นไส้วิงเวียนเมื่อเช้าที่อุตส่าห์ดับลงไปด้วยกาแฟขมจัดเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง  แถมหนักกว่าเดิมเสียอีก

            คนของธีรดลมาทำหน้าที่เป็นไกด์เข้ามาบอกว่าตรงนี้สามารถลงดำน้ำได้  อาคิราห์ที่เริ่มหมดความอดทนกับการตกปลารีบลุกขึ้นยืนทันที  ตรงดิ่งไปรับเสื้อชูชีพมาสวม  ปากก็ถามเรื่องนู้นเรื่องนี้จากคนดูแลไม่หยุด

            “คุณฌาน  เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  เจนภพถามขึ้นเพราะเห็นเจ้านายยืนโงนเงน  ใบหน้าคมเข้มซีดเผือดหันมามองหน้ามือขวา  ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  เจนภพพุ่งตัวไปคว้าถุงพลาสติกมาส่งให้เจ้านายทันเวลาพอดี

            “ไปดูอัยย์ก่อน เดี๋ยวโดนฉลามกิน”  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นจากถุง  ร้องสั่งลูกน้องให้ลงไปดูเจ้าโอเมก้า  เจนภพพะว้าพะวัง  “ให้ใครเอายาดมมาที”

            “ผมจะไปตามคุณอัยย์กลับมา”

            “ไม่ต้อง  ให้เขาเล่นไป  แล้วห้ามบอกว่าฉันอ้วกล่ะ”  อาเจียนจนหน้าเหลืองแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมาสั่งเสียงแหบแห้ง  “นอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดี ...รีบไปดูอาคิราห์  อย่าให้เขาโลดโผนมากนัก  กำลังท้องกำลังไส้  อย่าให้ไปไกลคนเดียวอันตราย  คอยตามติดเอาไว้”

            “ครับคุณฌาน  คุณนอนลงก่อนดีกว่าครับ”  เจนภพกุลีกุจอพาเจ้านายลงนอนพักบนเปล  จากนั้นก็กลับออกมาชะเง้อมองหาคุณอาคิราห์ที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำทะเลใสแจ๋ว  “คุณอัยย์ครับ  เป็นยังไงบ้างครับ”

            “ดีมากเลย  คุณก็ลงมาด้วยกันสิครับ  แล้วคุณพิษฌานล่ะ”

            “คุณฌานยังไม่อยากลงน้ำครับ”

            “อ้าว  ทำไมล่ะครับ” 

            “ผมก็ไม่ทราบ”  เจนภพอึกอัก  คนฟังจับความผิดปกติได้ทันที  อาคิราห์ว่ายกลับมาที่เรือ   “คุณอัยย์ไม่ว่ายน้ำแล้วเหรอครับ”

            อาคิราห์ส่ายหน้า  เดินเข้าไปในห้องโดยสารที่มีร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่  หยุดยืนคิดอยู่ข้างๆครู่หนึ่งแล้วก็เอื้อมมือไปแตะที่ต้นแขนล่ำสันเบาๆ

            “เป็นอะไรไปครับ  ไม่เล่นน้ำเหรอ”

            “เธอเล่นก่อนเลย  ฉันอยากพักสายตาสักครู่”  คนฟังกัดริมฝีปาก

            “ผม...คุณกลัวฉลามล่ะสิ  ถึงไม่ยอมลงน้ำ”   

            คราวนี้นัยน์ตาคมลืมตาขึ้นมองหน้าเขา

            “ใช่  ฉันกลัวฉลาม”  พิชช์ฌานหลับตาลงอีก  โบกมือไล่  “เธอจะไปเล่นน้ำตกปลาอะไรก็ไปเถอะ  ตามสบาย”

            “คุณโกหก”  อาคิราห์พูด  “คุณไม่ได้กลัวฉลามหรอก  แต่คุณไม่อยากเล่นกับผม”  คนฟังลืมตาขึ้นมาใหม่  เห็นดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังมองมาทางเขาด้วยแววตัดพ้อ  “เพราะเป็นโอเมก้าใช่ไหมล่ะ”

            “เกี่ยวอะไรกับโอเมก้าด้วย  ไม่ใช่เสียหน่อย”  พิชช์ฌานงง

            “ถ้าไม่เกี่ยว  ก็ลุกขึ้นมาสิครับ”  อาคิราห์เปลี่ยนท่าที  แววตัดพ้อหายไปราวกับปลิดทิ้งจนคนมองนึกว่าตาฝาด “เอ...แต่หน้าคุณซีดๆนะผมว่า”

            “เป็นห่วงฉันเหรอเจ้าบู้บี้”   

            “เปล่า”  อาคิราห์ลากเสียง  เอื้อมมือมาแตะที่ซอกคอของพิชช์ฌาน  “ตัวเย็นจัง  เสื้อเปียกด้วย”       

            “ฉันไม่ได้เป็นอะไร  มันร้อนก็เลยเหงื่อแตก  เธอจะไปเล่นก็ไปเถอะ  เดี๋ยวถึงเวลากลับแล้วมาโวยวายไม่ได้นะ  อยู่ใกล้ๆเจนภพเอาไว้ ห้ามลอยตัวไปไกลๆล่ะ”  ชายหนุ่มสั่งเป็นชุด

            “คุณไม่ไปด้วยกันจริงๆเหรอ”

            “ฉันบอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปไง  อย่าเซ้าซี้”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก   ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆดังมาจากใกล้ๆตัว ตามด้วยเสียงฝีเท้าเดินผละไปทางประตู  ชายหนุ่มดึงตัวลุกขึ้นนั่ง   

            “อาคิราห์”

            “คุณนอนพักเถอะ  ผมเล่นน้ำคนเดียวได้   แล้วผมก็จะโดนฉลามกินคนเดียวเอง”  อาคิราห์พูด “แล้วฉลามก็จะไม่อิ่มแล้วก็มาถล่มเรือพังเลย”

            “เธอดูหนังมากไปหรือเปล่าอาคิราห์”  พิชช์ฌานปวดหัวจี้ดขึ้นมากับเหตุผลของเจ้าโอเมก้า  ดูมาทำหน้าจ๋อยๆใส่อีก  “ยังไงก็จะลากฉันลงไปโดนกินด้วยงั้นสิใช่ไหม  เอ้า ...ไปก็ไป  ฉันขอเปลี่ยนชุดก่อน”  ชายหนุ่มกลั้นใจลุกขึ้นยืน  เข้าไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำออกมาบ้าง

            “คุณฌานครับ”  เจนภพรีบท้วง   “คุณไม่สบายอยู่นะครับ  ผมเกรงว่าจะอันตราย”

            “ไม่สบายอะไร  ฉันแข็งแรงดี”  พิชช์ฌานพูด  แค่อ้วกบนเครื่องบินก็ขายหน้าเจ้าโอเมก้าเกินพอแล้ว  ยอมให้เจ้าตัวรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาเมาเรือต่ออีก  หมดกันภาพลักษณ์ที่สร้างมา  “เจอน้ำเย็นๆน่าจะดีกว่านั่งหัวโยกบนเรือนี้”

            “แต่ว่านั่นมันทะเลนะครับ”


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 02-04-2019 01:51:59







           เจ้านายไม่ฟัง  ร่างสูงใหญ่ในชุดว่ายน้ำรัดรูปสวมชูชีพเสร็จก็กระโดดจากเรือลงไปลอยคอในน้ำทะเลอุ่นจัดเพราะแสงแดดร้อนแรง  ได้ยินเสียงหัวเราะคิกดังมาจากคนข้างๆที่ว่ายเข้ามาใกล้ๆ  อาคิราห์เข้ามาเกาะเขาเอาไว้ราวกับเขาเป็นทุ่นหรืออะไรสักอย่างกลางทะเล

            “เธอจะดำน้ำก็ไปดำสิ  ฉันจะลอยตัวอยู่แถวๆนี้”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ขยับตัวอย่างระมัดระวังใต้น้ำพร้อมกับกวาดตามองอย่างหวาดระแวง  อาการคลื่นไส้เปลี่ยนเป็นปวดมวนในท้องแทนที่  “อย่าลงไปลึกนะ  ท้องอยู่ท่องไว้”  สายตาคมไวมองสำรวจรอบๆอาคิราห์ด้วย  เขาเครียดกว่าอยู่ข้างบนเรืออีกให้ตาย  ไหนจะต้องคอยระวังตัวเองแล้วยังต้องคอยระวังให้เจ้าเด็กนี่อีกคน   

            “คุณเกร็งจัง”  อาคิราห์พึมพำ  จับกล้ามเนื้อแถวหลังคอของพิษฌานบีบนวดเล่นจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโอบรอบลำคอเอาไว้หลวมๆ

            พิชช์ฌานรู้สึกเกร็งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก  สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ข้างๆกับท่อนแขนเรียวบางที่โอบรัดคอเอาไว้   รู้สึกเหมือนโดนเอาคืนจากเมื่อกี้นี้เลย 

            “ทำแบบนี้  เดี๋ยวจมน้ำเอานะ”   นักการเมืองหนุ่มพูด  พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ 

            “คุณเป็นแชมป์ว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ”  คนพูดพึมพำข้างหู  ใกล้เสียจนพิชช์ฌานรู้สึกถึงแก้มนิ่มๆที่แนบอยู่ชิดกับซีกแก้มของเขา  หัวใจเต้นแรงจนลืมความคลื่นเหียนทั้งหมดไปราวกับปลิดทิ้ง

            “กอดแล้วอย่าปล่อยนะถ้างั้น”  พิชช์ฌานพูดขึ้นบ้าง  อาคิราห์หัวเราะ  พวกเขาลอยตัวเล่นในน้ำพักหนึ่ง  พิชช์ฌานก็พูดขึ้นมาเรียบๆ  “ฉันไม่ได้ลงทะเลนานแล้ว  ตั้งแต่เจ็ดขวบได้มั้ง”

            “จริงเหรอครับ  ทำไมล่ะ” 

            “เพราะฉันเคยเกือบจมน้ำตายในทะเล  วันนั้นคลื่นมันแรงมากเหมือนพายุจะเข้า  แม่เตือนแล้วแต่ว่าฉันก็ดื้อแอบออกไปเล่นน้ำคนเดียว  ตอนนั้นฉันว่ายน้ำไม่แข็งเท่าไหร่แล้วคลื่นก็แรงมากจริงๆ มันน่ากลัวมาก  ทำยังไงก็ขึ้นจากน้ำไม่ได้เลย   แม่บอกว่าโชคดีที่มีคนผ่านมาช่วยฉันเอาไว้  ไม่งั้นฉันคงจะตายไปแล้ว”

            “หลังจากนั้นคุณก็ไม่มาทะเลเลยเนี่ยนะ”

            “ไม่หรอก  ฉันก็ต้องมา...อย่างน้อยเขตพื้นที่ริมทะเลก็เป็นฐานเสียงพรรคฉัน  เพียงแต่ว่าฉันไม่ได้ลงเล่นน้ำเท่านั้นเอง  นี่ฉันไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรอกนะ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าจัด  “ฉันเล่าเรื่องของฉันแล้ว  เธอล่ะ...ไม่มีอะไรอยากเล่าบ้างเหรอ”

            “หมายถึงเรื่องอะไรครับ”  อาคิราห์ขยับตัวทันที  ใจหายวูบนึกว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องบริษัทจัดหางานโอเมก้าแล้ว

            “เรื่องเกี่ยวกับทะเล..อะไรก็ได้”  พิชช์ฌานตอบกลับมา  คนที่เผลอเกร็งตัวอย่างมีพิรุธลอบถอนหายใจยาว  ยักไหล่

            “ผมไม่มีเรื่องทะเลมาเล่าหรอก  ผมไม่เคยไปไหนเลยนี่นะ”  อาคิราห์พูด  “แต่อคินทร์เคยเอาน้ำทะเลกับเปลือกหอยมาฝากผม  ตอนที่ทุกคนไปทะเลกัน”

            “แล้วเธออยู่กับใครล่ะตอนนั้น”

            “ผมก็อยู่กับพี่เลี้ยงที่บ้าน  กับหมาแมวอะไรไป  ...ผมมีเพื่อนเยอะแยะ  อยู่บ้านก็สนุกเหมือนได้ไปเที่ยวทุกวันนั่นแหละ  แค่ไปเที่ยวที่เดิมวิวเดิม”  เสียงคนพูดหงอยลงจนคนฟังจับได้  พิชช์ฌานหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากัน  อาคิราห์ปล่อยมือที่โอบรอบคอของอีกฝ่ายออกอย่างตกใจ  มือใหญ่เลยเป็นฝ่ายรั้งเอวบางเข้ามากอดไว้แทน

            “เอาไว้เลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจะพาเธอไปเที่ยวเอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงหนักแน่นกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน  รวมถึงแววตาคู่นั้นด้วย  คนฟังคิดในใจ  “ฉันจะไปกับเธอด้วย...เราจะไปด้วยกัน”

            “คุณเคยบอกผมแล้ว”

            “แต่เธอไม่เชื่อฉันไม่ใช่หรือ”

            อาคิราห์หลบตาลง  ริมฝีปากอิ่มเต็มเม้มนิดๆ พิชช์ฌานเอื้อมมือไปเชยคางอีกฝ่ายขึ้น  กึ่งบังคับให้สบตากันในที  ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วเหมือนกระจกปรากฏรอยสั่นไหวจนคนมองยิ้มนิดๆ

            “ฉันสัญญาจะพาเธอไปเอง  ...ดังนั้น  อย่าหนีไปไหนเลยนะอาคิราห์”

            คนฟังสะดุ้งในส่วนลึกแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้เต็มที่  ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องแผนการของเข้าหรือว่าเป็นเพียงแค่ความบังเอิญถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา  ขอให้มันเป็นอย่างหลัง..

            “เธอไม่เคยออกไปเจอโลกข้างนอกมาก่อน  คงเดาไม่ออกหรอกว่ามันอันตรายแค่ไหน  โดยเฉพาะโอเมก้าอย่างเธอ  โลกโหดร้ายกว่าที่เธอคิดเอาไว้....ฉันคงปล่อยให้เธอไปคนเดียวไม่ได้”  พิชช์ฌานหยุดนิดหนึ่ง  “ฉันสัญญา...สาบานตรงนี้ว่าจะพาเธอไปแน่ๆ  ถ้าผิดคำพูดขอให้ฉันไม่ตายดี”

            ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ

            พิชช์ฌานยิ้มใส่ตาคู่นั้น  ใช้ปลายนิ้วโป้งแตะที่ริมฝีปากของตัวเองก่อนจะเอามาไล้ที่ริมฝีปากนิ่มๆอวบอิ่มเบาๆแทนการประทับตรา

            อาคิราห์นิ่งค้างไป  ถ้าไม่มีเสื้อชูชีพเขาก็คงจมดิ่งลงก้นสมุทรไปแล้ว  หัวใจเต้นเร็วแรงพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาฉับพลัน  เขาแทบไม่กล้าสบตาคมเข้มอีก  ได้แต่ก้มหน้างุดคางแทบจรดอก

            “ขึ้นกันดีกว่า  เธอคงเริ่มหิวแล้ว”

            พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  ลอยตัวพาอีกคนที่นิ่งเหมือนติดสตั๊นท์ไปแล้วนั้นกลับขึ้นไปบนเรือ  อาคิราห์คว้าผ้าเช็ดตัวหายแวบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

            เจ้าโอเมก้ากำลังตกใจและสับสนอย่างหนัก  คำพูดและท่าทางของพิษฌานเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนมดกัดที่หัวใจ  มันเจ็บๆปวดๆแสบๆคันๆอย่างไรบอกไม่ถูก  อยากเอามือล้วงลงไปเกาก็ไม่ได้

            ไม่น่าเลยอาคิราห์...แผนการทำตัวเป็นเด็กดีนี่มันอันตรายกว่าที่คิด  แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องทำให้อีกคนตายใจให้ได้ว่าเขาเชื่อทุกสิ่งที่พิษฌานบอก  พร้อมจะยอมทำตามเหมือนโอเมก้าโง่ๆเชื่องๆสักคน

            เสียงเล็กๆในใจค้านขึ้นมาเบาๆ  นายพิษฌานอาจจะไม่ได้ ‘หลอกใช้’ เขาก็ได้  แววตาหนักแน่นตอนที่พูดคำสาบานออกมาก็ดูน่าเชื่อถือกว่าทุกที  แถมเรื่องนัดหมายกับหญิงสาวชุดดำคนนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องลวงจากผู้ไม่หวังดีสักคนส่งมาให้เขาด้วย  ไม่แน่ว่าพิษฌานอาจจะ...รู้สึก...กับเขาจริงๆ .. อัยย์รีบหยุดคิด  ความดีใจเมื่อครู่นี้มันคืออะไรกัน  เขาไม่ควรคิดแบบนั้น

            ถ้าไม่อยากเสียใจอีก  ก็อย่าคาดหวังความรักจากใครอีกเลย ...นั่นเป็นบทเรียนที่เขาจดจำมาตั้งแต่สมัยเริ่มจำความได้  เพราะมันถูกสอนซ้ำๆผ่านการกระทำจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีของเขาเอง

            ทางเดียวที่จะเป็นอิสระ  คือต้องพึ่งตัวเอง...คำพูดของแฝดพี่ดังขึ้นในหู  อาคิราห์ถอนหายใจยาวเก็บความหวาดวิตกเอาไว้ภายในและเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ

            พิชช์ฌานชวนเขารับประทานมื้อเที่ยงบนเรือก่อนจะกลับเข้าฝั่ง  อาคิราห์แทบจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะความตื่นเต้นกับแผนการของตัวเอง  พอเรือเทียบท่าพิชช์ฌานก็บอกยิ้มๆว่าเราจะค้างที่นี่อีกคืน  ทำเอาอาคิราห์ตกใจ

            “อ้าว...ทำไมล่ะครับ”  แผนเดิมคือเดินทางขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มไม่ใช่หรือไง  แล้วเขาจะได้หาโอกาสเหมาะหลบหนีท่ามกลางเหล่านักท่องเที่ยวมากมายไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  กว่านายพิษฌานจะรู้ตัว..เขาก็คงหาที่ซ่อนตัวได้แล้ว  พอวันรุ่งขึ้นเขาก็จะได้เดินทางไปเปิดโลกใหม่เสียทีโดยใช้บริษัทรับจัดหางานโอเมก้าอะไรนั่นเป็นตัวช่วย

            มันช่างง่ายดายนัก  ไปหางานทำต่อที่ต่างประเทศ   ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีอย่างที่โอเมก้าคนอื่นเขาทำกัน

            “ฉันว่าจะพาไปเที่ยวเกาะ  ไม่อยากไปหรือ”  นักการเมืองหนุ่มถามขึ้น  อาคิราห์พยักหน้า  ตื่นเต้นขึ้นมานิดหนึ่งแล้วก็นึกขึ้นได้  รีบเปลี่ยนเป็นส่ายหน้าแทน  “ทำไมล่ะ”  คนถามแปลกใจ

            “ผมเหนื่อยๆเพลียๆยังไงไม่รู้”  เจ้าโอเมก้าพูดเสียงอ่อน  อยากยกมือขึ้นกุมขมับแต่ก็เกรงว่าจะดูเกินจริงไป  “อยากจะกลับไปพักแล้ว”

            “เธอนอนพักคืนนี้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็สดชื่นเอง  ฉันอยากให้เธอไปเที่ยวที่เกาะนี้  รับรองว่าเธอต้องชอบ  น้ำใสแจ๋วเหมือนมรกตเลยล่ะ”  พิชช์ฌานบรรยายความสวยงามมาอีกราวกับเป็นไกด์นำเที่ยว  ถ้าเป็นปกติอาคิราห์ก็คงจะตาโตอยากไปมากแน่ๆ  ทว่าตอนนี้เขามัวแต่เครียดเรื่องวางแผนหลบหนีก็เลยไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าที่ควร

            พิชช์ฌานจับความผิดปกตินั้นได้ทันที  จะว่าไปเขาก็สังเกตได้ตั้งแต่แรกว่าอีกฝ่ายมีความกังวลบางอย่างซ่อนอยู่ตลอดเวลา  มันมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับเวลาที่ผ่านไป  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอยู่อึดใจ

            “คุณไม่มีงานพรุ่งนี้หรอครับ  แบบประชุมอะไรน่ะ”

            “ฉันเลื่อนไปก่อนก็ได้  ไม่เห็นเป็นอะไร...มาเที่ยวกับภรรยานี่นะ”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาเฉย  “มีอะไรขัดข้องใจงั้นหรือบู้บี้”

            “เปล่าครับ  ไม่มีอะไร”  อัยย์รีบตอบ  “งั้นก็เอาตามที่คุณว่า”

            “โอเคตามนั้น”  พิชช์ฌานดูพอใจ  “เธอขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนข้างบนก่อนก็ได้  เพลียไม่ใช่เหรอ  นอนพักเสียหน่อยน่าจะดี  เอาไว้ฉันจะตามขึ้นไปทีหลัง”

            “ครับ”  อาคิราห์รับคำแล้วกลับยืนนิ่ง  จ้องหน้าคนตัวสูงกว่าไม่ขยับ  คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นอย่างฉงนแกมสงสัย  พิชช์ฌานหันกลับไปจ้องตอบ  แววลังเลปรากฏอยู่ในแก้วตากลมใส

            “มีอะไรหรือเปล่า...อาคิราห์”

            “คือ...”  อัยย์อึกอัก  พอเห็นหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างประหลาด  กลายเป็นความลังเลที่สั่นคลอนความตั้งใจเดิมไปเสียหมด  ...ถ้าเขาหนีจากอีกคนไปจริงๆ  แล้วจะไปหากลิ่นหอมๆแบบนี้มาจากไหนอีกล่ะ

            ถ้านอนไม่หลับขึ้นมาอีกจะทำยังไง... แค่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายที่หอบมาจะเพียงพอหรือเปล่า  ขนาดเมื่อคืนเอามาห่อทั้งตัวก็ยังไม่พอเลย

            “หรือว่าหิวอีกแล้ว?”

            “ไม่”  อาคิราห์ส่ายหน้าแรงๆ  ไล่ความคิดวกวนออกไปจากสมอง  งานนี้เขาตัดสินใจมาจากบ้านแล้วจะมาเปลี่ยนใจได้ยังไง  แต่ว่า...หรือเขาควรจะไปคิดดูก่อนอีกที  อันที่จริงแล้วไอ้บริษัทจัดหางานอะไรนั่นก็ไม่รู้ว่าจะหางานให้เขาได้จริงๆหรือเปล่า  เกิดไปอดตายที่เมืองนอกขึ้นมาจะทำยังไง  ....อัยย์ลอบถอนหายใจ  “ผมลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไรกับคุณ...งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

            ร่างโปร่งบางหมุนตัวเดินผละจากไป  พิชช์ฌานมองตามอย่างเคร่งคิด  เขาดีดนิ้วเรียกมือขวาคนสนิทเข้ามาหาแล้วกระซิบบางอย่าง

            อาคิราห์เดินมาหยุดรอลิฟต์พร้อมกับลูกน้องของพิชช์ฌานอีกสองคนที่เริ่มจะคุ้นชินกันดี  ประตูลิฟต์เปิดออกตามด้วยแขกจำนวนหนึ่งก้าวออกมาจากข้างใน  เจ้าโอเมก้าเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางหนึ่งให้คนข้างในออกมาจนหมดก่อน  กลิ่นน้ำหอมที่ยั่วยวนเตะจมูกกลิ่นหนึ่งทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง

            ร่างอวบอัดในชุดสีม่วงเข้มก้าวผ่านหน้าเขาไปในระยะประชิด  ดูเหมือนเธอจะไม่ทันเห็นเขา  อาคิราห์เกือบอ้าปากค้าง  ทั้งตกใจและแปลกใจที่เจอเธอคนนั้นเขาจริงๆ

            ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาแทนที่ความตกใจอย่างรวดเร็ว  มันมาพร้อมกับความคิดที่ว่าคนสองคนนั้นคงนัดมาพบปะกันที่นี่จริงๆ ตามที่ข้อความบอกเอาไว้  สมองเชื่อมปราดไปยังเหตุการณ์เมื่อคืนที่พิชช์ฌานกลับมาที่ห้องช้า  แถมพอเขากอดแขนก็ยังได้กลิ่นแปลกๆติดมาจางๆอีกต่างหาก  ...กลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นน้ำหอมของเธอคนนั้นไม่มีผิด

            อาคิราห์กัดริมฝีปากด้านในเอาไว้แน่น  เงยหน้าขึ้นทำทีเป็นมองตัวเลขบอกชั้นในลิฟต์แทนเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมาจากขอบตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาฉับพลัน  ความน้อยใจและเสียใจผสมปะดังปะเดขึ้นมาเหมือนถูกคลื่นสึนามิถล่มเข้าฝั่งโดยไม่ทันตั้งตัว

            ฝืนเก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมาต่อหน้าลูกน้องของพิชช์ฌาน  อาคิราห์ก้าวยาวๆไปหยุดยืนหน้าห้องพักแล้วเปิดเข้าไปภายในโดยเร็ว  พอประตูห้องปิดลงได้ก้อนสะอื้นที่กลั้นเอาไว้ก็พุ่งขึ้นมาทันที  น้ำตาร้อนๆเอ่อล้นทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก

            นึกสมเพชตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนขึ้นมาเต็มทน  เกือบหลงกลเขาเข้าเสียได้  เขาแกล้งทำเป็นดีด้วยหน่อยก็คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลว่าอีกฝ่ายคงมีความจริงใจให้จริงๆ  ที่ไหนได้....โอเมก้าก็ยังเป็นเพียงของเล่นของอัลฟ่าอยู่วันยันค่ำ  แม้แต่ลูกชายนายกฯอย่างเขา  ก็เป็นได้เพียงของเล่นชั้นดีรอวันที่เจ้าของเขวี้ยงทิ้งเพราะหมดประโยชน์

            ก้มหน้าก้มตาเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว  มองผ่านม่านน้ำตาพร่ามัวแล้วก็หยิบของทุกอย่างที่คว้าได้ใส่ลงในกระเป๋าเป้  ไม่ต้องเสียเวลาหยุดคิดซ้ำสองอีกแล้ว  เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว  ไม่อยากเป็นหมากในเกมของใครอีก  พอกันที

            อาคิราห์หิ้วกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายบ่า  มีเสียงเคาะประตูห้องข้างหน้า  อาคิราห์เดินไปส่องตาแมวเห็นเป็นพนักงานของโรงแรมกับรถเข็นที่มีฝาครอบเอาไว้ข้างบนเหมือนจานอาหาร  ลูกน้องของพิชช์ฌานกำลังสอบถามอยู่แล้วก็เปิดฝาออกดู

            เจ้าโอเมก้ารีบวางกระเป๋าเป้ลงข้างๆแล้วเช็ดน้ำตาจนแห้งสนิท  เปิดประตูออกไปถามเสียงเรียบ

            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “คุณพิชช์ฌานสั่งอาหารขึ้นมาให้คุณอาคิราห์ครับ”  พนักงานโรงแรมพูดยิ้มๆ  ลูกน้องของพิชช์ฌานทั้งสองคนตรวจสอบดูความปลอดภัยแล้วก็พยักหน้าให้เข้าไปได้

            “อ้อ...เชิญเข้ามา”  อาคิราห์เบี่ยงตัวหลบให้รถเข็นเข้ามาในห้อง  พนักงานถอยกลับออกไปหมดแล้ว  เจ้าโอเมก้าเปิดฝาครอบออกดู  มันเป็นขนมเค้กหลายชิ้นประดับด้วยผลไม้หน้าตาน่ากิน   

            อัยย์หยิบส้อมขึ้นมา...เขาต้องใช้พลังงานในการหนีนี่นะ

            ..................................................................................

            พิชช์ฌานเลิกคิ้วเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดม่วงเข้มสีโปรดของเธอเดินเข้ามาหา  เธอส่งยิ้มให้เขาบางๆ  เจนภพขยับเข้ามายืนจนใกล้แทนที่จะถอยออกไปเหมือนทุกครั้ง

            “แหม  ลูกน้องของคุณนี่ก็ช่างทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกินนะคะ”  รินลดาพูดเนิบๆ  ตวัดสายตามองมือขวาคนสนิทแวบหนึ่ง  “กลัวว่าจะโดนถ่ายภาพเอาไปลงข่าวหน้าหนึ่งหรอ”

            เจนภพมองตอบเธอด้วยสีหน้านิ่งสนิทไม่บอกความรู้สึก  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ

            “เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา  แล้วคุณล่ะ...ทำไมยังไม่กลับอีก”

            “เจอหน้าก็ไล่กันเลยเหรอคะฌาน  แหม...ไปล่องเรือมามีความสุขดีไหมคะ”  หญิงสาวพูดแกมเยาะ  ใบหน้าสวยเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ

            “คุณเมาหรือเปล่ารินลดา  ถ้าเมาก็ควรไปพักก่อน”  ชายหนุ่มพูดเสียงแข็ง  เดินเลี่ยงมาอีกทางหนึ่ง  หญิงสาวเดินตามมาด้วย  เจนภพเลยหันไปจับที่ต้นแขนของเธอ

            “หยุด  อย่าสะเออะมาจับตัวฉัน  ถอยออกไปไอ้ลูกเสี้ยวเบต้า”  เจนภพชะงัก  ปล่อยแขนของเธอเป็นอิสระทันที  พิชช์ฌานหยุดเดินบ้าง

            “ไปเอามาจากไหน  ...เจนภพเป็นอัลฟ่าบริสุทธิ์  หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”

            “ความลับไม่มีในโลกหรอก  ฉันรู้มากกว่านั้นอีกนะ...รู้แม้กระทั่งว่าใครฆ่าพ่อของเธอ”  รินลดาหันไปพูดกับมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌานแล้วหัวเราะเบาๆ  กลับมายืนตรงอีกครั้งด้วยท่าทางปกติราวกับเมื่อครู่นี้เป็นภาพลวงตา  “โอเค  มาคุยกันดีๆก็ได้  คุณพ่อของฉันท่านอยากได้คำตอบเต็มทีแล้วนะ”

            “คุณจะมาเร่งรัดผมได้ยังไง  ผมต้องกลับไปคุยกับคนในพรรคก่อนคุณก็รู้”

            “ฉันรู้...รู้ด้วยว่าอำนาจสิทธิขาดในการตัดสินใจของพรรคอยู่ที่คุณนั่นแหละฌาน  ไม่ต้องมาเลี่ยงไปเลี่ยงมาหรอก  คุณคิดจะเก็บผลประโยชน์นี้เอาไว้ให้ใครเหรอ  คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง”

            “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”

            “อย่าคิดว่าตัวเองมีสายสืบคนเดียวนะ  ไอ้วิธีแบล็คเมล์แบบเก่าๆน่ะ  ระวังมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองสักวันฌาน  ฉันขอเตือน...ด้วยความหวังดี”  รินลดาพูดเสียงห้วน  “อ้อ  แล้วเผื่อคุณลืมไปแล้ว  ...ฉันไม่เคยชอบดอกกุหลาบ  โดยเฉพาะกุหลาบสีแดง”

            “..................”  ชายหนุ่มนิ่ง  สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไป  เธอยิ้มมุมปาก

            “ฉันก็กะเอาไว้แล้วเชียว  ช่อดอกไม้นั่น...คุณไม่ได้เลือกเองสินะ  การ์ดก็ด้วยล่ะสิ  เหมือนสมัยที่เราคบกัน  คุณไม่เคยซื้อดอกไม้ให้ฉันด้วยตัวเองเลยสักครั้ง”

            “รินลดา  คุณต้องการจะพูดเรื่องอะไรกันแน่  ถ้าคุณพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน”

            “จะรีบขึ้นไปหาโอเมก้าของคุณน่ะเหรอ”  รอยยิ้มของเธอทำให้คนมองรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมาทันที  พิชช์ฌานเกือบจะเอื้อมมือไปคว้าต้นแขนทั้งสองข้างมาเขย่าแล้วแต่ว่าห้ามตัวเองได้ทัน  ชายหนุ่มกดเสียงลงต่ำเพื่อไม่ให้หลุดตวาดเธอออกมาแรงๆ

            “คุณทำอะไร”

            “เปล่านี่...ฉันไม่ได้ทำอะไร”  หญิงสาวยักไหล่  เดินผ่านหน้าเขาออกไป  “เอาไว้เจอกันนะคะ  หวังว่าจะรีบตัดสินใจได้เร็วๆก่อนที่จะมีใครหมดความอดทน”

            “เธอหมายความว่าอะไร”  พิชช์ฌานรีบพูดตามหลัง   รินลดาโบกมือให้แล้วก้าวฉับๆหายไปอีกทาง   “ไปพาเธอกลับมาคุยกันก่อน  เจนภพ”

            “ครับคุณฌาน”

            มือขวาขยับตัว  ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงบึ้มดังสนั่นหวั่นไหวจนอาคารสั่นสะเทือน  ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงอย่างตกใจ  เศษฝุ่นหล่นร่วงลงมาจากเพดานด้านบนพร้อมกับเสียงกริ่งสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นกังวานก้องไปทั่วบริเวณ  ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันที  แขกเหรื่อวิ่งกันชุลมุนเพื่อหนีออกจากอาคารที่พัก

            พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนหัวใจโดนบีบลงเหลือเล็กนิดเดียว  ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาด  และมันกำลังร้องเตือนเขาให้รีบตามหาเจ้าโอเมก้าให้เร็วที่สุด

            อย่านะอัยย์...ได้โปรด  อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อนเลยนะ

            ............................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            เอาแล้วไง

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ  เขียนไปเขียนมาคนอ่านน้อยลง55555 ร้องห้ายแน้วว  สงสัยเขียนสนุกมากไปหน่อย  ฮ่าๆ  เจอกันตอนหน้านะคะ  ขอบคุณสำหรับกดโหวตและคอมเม้นท์นะคะ  น่ารักมากๆ

            #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2019 02:14:03
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 02-04-2019 02:44:59
แก๊!!!!!!!!!!  :fire: ทำอะไรลูกชั้น แกต้องเจอดีแน่ๆ นีงรินลดา ชะนีเป็นหูด  :angry2: ฉันจะตามไปเผาบ้านแก  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-04-2019 02:47:20
 :katai1: อย่าปล่อยให้ค้างคานานนะคะ
 เราเป็นห่วงบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-04-2019 07:42:47
บ้าบอมากเลยค่ะ ระเบิดเลยหรอ อัยย์จะเป็นไรไหม
หรือโดนวางยาจากขนมเค้กนั่นก็ไม่รู้

กำลังพากันสวีทมา ให้บรรยากาศหวานมาบ้าง
ดันมีนางมารมาสร้างเหตุให้อีกแล้ว
เหมือนผู้หญิงคนนั้นว่าไหม บางทีฌาณก็ไม่รู้ทุกเรื่อง

เจนภพคงไม่ตลบหลัง และคงไม่หลงเชื่อคำใครง่ายๆ นะ


ผู้หญิงคนนี้ร้ายมาก และรู้เยอะดีจังเลย
มีหนอนแล้วหรือเปล่าฌาณ

อย่าน้อยใจเลยค่ะ สำหรับเรา นิยายสนุกจริงค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-04-2019 08:26:23
สนุกดีจ้า รออ่านตลอดเลย ถึงแม้จะแอบขัดใจว่า เมื่อไหร่เขาจะเข้าใจกันสักที 555
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ รีบๆ มาจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-04-2019 09:43:33
ลูกชั้น!!!!!!!!!!!!!!!!!!  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-04-2019 09:56:17
เราเข้ามารอไรท์ทุกวัน..บอกเบยยย..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 02-04-2019 10:34:38
แบบว่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-04-2019 10:36:44
กะลังหวานกันอยู่เชียว ยัยผู้หญิงนี่มาก่อเรื่องอะไรอี๊ก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-04-2019 10:46:02
กรี๊ดดด เดี๋ยวๆๆๆๆๆ นี่เล่นระเบิดกันเลยเหรอ บู้บี้อยู่ไหนลูก? หนูแบกเป้หนีออกมาก่อนแล้วใช่ไหม? ความมุ้งมิ้ง ความหมั่นใส้ดช.พิษฌาณ คนขิง(อวดเมีย) หายแว้บไปเลย กลับมาได้ตื่นเต้นอีกละ อ่านเรื่องนี้เหมือนนั่งรถไฟตีลังกาเลยอ่ะ แต่ละตอนมีมันครบทุกโมเม้นท์เลย 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-04-2019 11:51:35
อ้าววววว เฮ้ย!!! เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-04-2019 12:59:38
ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ บู้บี้ออกมาทันใช่มั้ยลูกกกกกก :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 02-04-2019 18:16:40
ฮืออออออออ อย่าเป็นไรนะบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-04-2019 19:04:30
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-04-2019 19:55:17
ผู้หญิงร้ายได้ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างรินลดา หวังว่า อัยย์จะปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 02-04-2019 22:23:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 02-04-2019 22:57:30
โอ้ยยย เคียด ค้างมาก
อย่าเป็นอะไรนะน้องอัยย์
ถ้าน้องอัยเป็นอะไรชั้นจะฉาบคนทำทุกคน แก!!
 :m31: :m31: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-04-2019 00:34:00
เค้ากำลังจะดีดีกันแล้วแท้ๆ ทำอะไรของเทออีกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 03-04-2019 00:41:59
มีเรื่องน่าสงสัยหนึ่งอย่าง เจนภพ ใคนฆ่าใครอะไรยังไง :z3:
น้องงงง อย่าหนีไปเลยนะ หวังว่าน้องคงไม่เป็นอะไร :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-04-2019 17:17:39
บู้บี้อยู่ไหนลูก เป็นห่วงมากเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 04-04-2019 21:16:15
หนูอัยย์หนีไปเลยลูก  :m16:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 04-04-2019 21:35:27
ยัยรินลดา!!!! ถ้าทำอะไรน้องอัยย์แกเจอดีแน่!! :angry2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-04-2019 22:51:56
ใครจะรับเป็นมือตบ

จัดการนังรินรดาป้าจ่ายไม่อั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 06-04-2019 19:41:14
ปกติไม่ชอบเรื่องนางเอกอ่อนแอหวั่นไหวง่าย แต่เรื่องนี้ปูมาดีมาก
นางเอกมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แล้วก็พระเอกก็ไม่น่าไว้ใจมาตลอดเหมือนกัน
รักน้องอัยย์อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่22 2/4/62 p15
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 08-04-2019 09:14:51
รออ่านอยู่ค่ะ นี่อ่านรวดเดียวเลยตั้งแต่ตอน 1 สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 09-04-2019 01:37:05
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 23

 

 



 

 

 

            “ขึ้นไปดูอาคิราห์ก่อน”  พิชช์ฌานสั่งลูกน้องเสียงดังท่ามกลางความโกลาหล  เจนภพชะงักหันกลับมาหาเจ้านาย  “ปล่อยรินลดาไป  เดี๋ยวเธอจะกลับมาเอง  ตอนนี้ไปหาอาคิราห์ก่อน”  ชายหนุ่มพูดย้ำ

            กริ่งสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังไปทั่วบริเวณ  ลิฟต์ถูกปิดโดยอัตโนมัติ  พิชช์ฌานกับเจนภพและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งวิ่งสวนทางกับบรรดาแขกขึ้นบันไดหนีไฟไป  พอไปได้ครึ่งทางชายหนุ่มก็ก้มลงหายใจหอบเกาะราวบันไดพยุงตัวเอาไว้แน่น

            “คุณฌานไหวไหมครับ  คุณลงไปรอข้างล่างดีกว่าครับ  ผมกับเด็กๆจะขึ้นไปตามหาคุณอัยย์เอง” เจนภพหันกลับมาพูดอย่างเป็นห่วง  ใบหน้าคมเข้มของเจ้านายตอนนี้ซีดเผือด

            “ฉันไหว  พวกนายรีบขึ้นไปก่อนเลย  เจอกันข้างบน..รีบไปสิ”  พิชช์ฌานสั่ง  กัดฟันเกาะราวบันไดพาตัวเองขึ้นไปจนถึงชั้นที่อาคิราห์อยู่จนได้  เจนภพก้าวลิ่วๆเดินนำไปก่อนแล้ว  น้ำดับเพลิงฉีดเป็นฝอยลงมาจากเพดานข้างบนจนเสื้อเปียกชุ่ม  กลิ่นเหม็นไหม้และควันลอยออกมาจากทางห้องพักของเขานั่นเอง  พิชช์ฌานใจหายวาบ  ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่ไปหมด  ก้าวพรวดเดียวไปหยุดยืนหน้าประตูห้อง

            สภาพข้างในห้องทำเอาชายหนุ่มเกือบเข่าอ่อน  เตียงนอนโดนไฟเผาไหม้ไปครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับพรมและโครงเหล็กที่เดาว่าน่าจะเคยเป็นรถเข็นบรรจุอาหาร  แรงระเบิดทำให้กระจกแตกและผ้าม่านกระจุยกระจาย  เศษคราบอะไรต่อมิอะไรเละเทะเต็มพื้น

            “ใครที่โดนแรงระเบิดนี่ต้องแหลกเป็นชิ้นแน่”  เสียงเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยดับไฟพูด  พิชช์ฌานหันขวับไปถามทันที

            “ผมเป็นแขกที่พักห้องนี้ครับ  ผมชื่อพิชช์ฌาน  ตอนที่คุณมาถึงคุณเห็นคนที่อยู่ในห้องนี้มั้ยครับ  ภรรยาของผมเอง...ผู้ชายตัวสูงประมาณนี้  คุณเห็นบ้างมั้ยครับ”

            “ครับคุณพิชช์ฌาน  ตอนที่ผมมาไม่เห็นใครในห้องเลยนะครับ”  คนพูดขมวดคิ้วมองเข้าไปด้านในห้อง  “แต่เดี๋ยวผมจะประสานงานกับคนอื่นๆให้ครับ  รบกวนรอข้างนอกนะครับ”

            “ห้องผม  ผมจะเข้าไปดูเอง  ให้ผมเข้าไปดูเถอะครับ”   พิชช์ฌานพูดพลางหันไปสั่งลูกน้องให้แยกย้ายกันลงไปหาอาคิราห์ข้างล่างด้วย  ดูจากสภาพการแล้วเจ้าตัวน่าจะออกจากห้องไปก่อนที่จะระเบิด  ไม่อย่างนั้นก็คงเหลือแต่ร่างเอาไว้ให้เห็น

            แค่คิด..พิชช์ฌานก็กัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้นนูน

            “คุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลปรากฏตัวขึ้น  “เกิดไฟไหม้ที่ห้องคุณ  ผมตกใจแทบแย่  คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  เจ้าของรีสอร์ตเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าร้อนใจ  “ยังเข้าไปไม่ได้ครับ  เราควบคุมเพลิงได้แล้วก็จริงแต่ว่าต้องรอให้ตำรวจมาเก็บหลักฐานก่อนครับ  เบื้องต้นคิดว่าไฟลัดวงจรจากกระติกน้ำร้อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นไดร์เป่าผม”

            “ไดร์เป่าผม?”  คนฟังพูดเสียงสูง  เกือบตวาดออกไปแล้วว่ามันคือการวางระเบิดชัดๆ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ได้ทัน  ธีรดลก็คงกลัวเรื่องระเบิดถึงหูนักข่าวถึงได้พยายามบิดเบือนไปเป็นเรื่องธรรมดาเสียเพื่อไม่ให้โรงแรมเสียชื่อเสียง   พิชช์ฌานระบายลมหายใจยาว  กลืนคำพูดแรงๆลงคอแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ  “ต้นเพลิงอาจจะมาจากสาเหตุอื่น”

            “ก็ยังไม่ทราบครับ  ต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานก่อน  ผมเพียงแต่พูดถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ครับ  เพราะถ้าสาเหตุของเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดจากทางโรงแรมล่ะก็  อาจจะต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายครับ”

            คิ้วเข้มกระตุก

            “คุณธีรดลหมายความว่า  ผมจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้คุณงั้นหรือ”  ชายหนุ่มถามเสียงเย็น

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”  คนฟังรีบปฏิเสธ  “ผมเพียงแต่พูดเผื่อเอาไว้ก่อนในหลายๆกรณี  เพราะที่พบมากที่สุดคือลูกค้าลืมเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมครับ”

            “ถ้าคุณหันไปมองสักนิดก็จะเห็นว่าจุดศูนย์กลางระเบิดมันอยู่กลางห้องครับ  แล้วตรงที่ไหม้มากสุดก็คือรถเข็นที่พังไม่มีชิ้นดีนั่นแหละ  ต้องให้ผมถามไหมครับว่ารถเข็นนี่มาจากไหน”  เจนภพพูดสวนอย่างเผ็ดร้อน   เจ้านายยกมือขึ้นห้าม

            “ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้แต่คิดว่าโรงแรมของคุณจะต้องมีประกันอุบัติภัยอยู่แล้วถูกไหมครับ  ส่วนเรื่องต้นเพลิงเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า  เรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือภรรยาของผม...อาคิราห์หายตัวไปจากห้อง  ซึ่งตอนนี้เขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย  ผมคิดว่าคุณมีกล้องวงจรปิดที่ทางเดินข้างนอกนี่   ถ้าผมจะขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยคงไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปใช่ไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเรียบจนน่าแปลกใจ  มีเพียงคนสนิทอย่างเจนภพเท่านั้นที่ดูออกว่าเจ้านายของเขากำลังโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะรับ

            ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นทางเดินด้านนอกเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนที่มีลูกน้องของเขาสองคนเดินวนเวียนอยู่  สักพักก็มีพนักงานโรงแรมเข็นรถเข็นเข้ามาหยุดที่หน้าห้อง  พิชช์ฌานสั่งให้หยุดเทปแล้วซูมหน้าเข้าไปดู

            “ช่วยเช็คให้หน่อยว่าใช่คนของโรงแรมไหม”  ชายหนุ่มพูด  เพ่งดูภาพต่อมาที่เป็นร่างของอาคิราห์เปิดออกมาพูดคุยสั้นๆ  ลูกน้องของเขาเปิดฝาครอบจานอาหารออกตรวจเช็คก่อนจะปล่อยให้เข็นเข้าไปด้านใน

            “คนของนายไม่ได้ก้มลงดูข้างใต้รถเลยเจนภพ”

            “ขอโทษครับคุณฌาน”

            วีดีโอเล่นต่อไปจนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างของเจ้าโอเมก้าที่สะพายเป้เอาไว้  หยุดคุยกับลูกน้องของเขาทั้งสองคนนิดหนึ่งก่อนที่จะเดินผ่านออกไปอย่างง่ายดาย  ไม่ถึงสิบนาทีก็เกิดระเบิดขึ้น

            “ติดต่อสองคนนี้ได้หรือยัง”

            “ได้แล้วครับ  เมื่อครู่นี่เอง  พวกเขาบอกว่าคุณอัยย์บอกว่าคุณฌานให้ลงไปเจอที่ลอบบี้ครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  “แล้วคนนึงปวดท้องเลยแอบไปเข้าห้องน้ำก่อน  ส่วนอีกคนไปไม่ทันลิฟต์คุณอัยย์ก็เลยต้องยืนรอลิฟต์ตอนที่ห้องระเบิด  ผมจะเรียกพวกมันมาทำโทษเองครับฐานที่ประมาทเลินเล่อ”

            “ตามหาอาคิราห์ก่อน  เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง”  พิชช์ฌานโบกมือ

            “ผมจะให้ลูกน้องช่วยกันออกตามหาคุณอาคิราห์อีกแรงหนึ่งครับ”  ธีรดลพูด

            “ขอบคุณครับคุณธีรดล  ผมคิดว่าเขาน่าจะยังไปได้ไม่ไกล”  นักการเมืองหนุ่มยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด  สะกดความร้อนใจเอาไว้ในส่วนลึก  “ผมขอดูกล้องวงจรปิดของประตูทางออกโรงแรมหน่อยครับ”

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน”

            ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นอาคิราห์เดินเร็วๆออกไปด้านหลังของรีสอร์ทที่มีคนน้อยกว่า ชายหนุ่มเม้มปากหรี่ตาลง....ตอนนี้มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าเจ้าโอเมก้าไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดๆแน่  แต่ว่าจะออกไปไหน  กับใครนั้นยังเป็นปริศนาอยู่

            “ข้างหลังโรงแรมนี่ทะลุออกไปที่ไหนได้บ้างครับ”

            “ได้หลายทางเลยครับคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลพูด  “ลัดออกไปนิดเดียวก็ติดถนนใหญ่ขึ้นทางด่วนได้สบาย”

            “คุณสั่งปิดหาดได้มั้ย”  นักการเมืองหนุ่มถามนิ่งๆ  คนฟังชะงัก  “ผมไม่ต้องการให้ใครเข้าออกหาดและโดยรอบบริเวณนี้”

            “ไม่ได้หรอกครับ  นักท่องเที่ยวเยอะด้วย”  ธีรดลคราง  “แค่ไฟไหม้ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว  ขืนไปสั่งปิดหาดอีกมันจะยิ่งดูเป็นเรื่องใหญ่โต  ผมเกรงว่าจะเสียชื่อโรงแรมของระ...”

            “คุณจะเสียชื่อมากกว่านี้อีกครับถ้าไม่ทำตามที่ผม...ขอร้อง”   พิชช์ฌานประสานมือเข้าหากัน  ดวงตาคมกริบมีแววที่ทำให้คนมองไม่กล้าเบือนหลบไปทางไหน  “ช่วยปิดหาดด้วยครับ”

            “ผมทำไม่ได้จริงๆ  มันไม่ใช่ชายหาดของผมคนเดียวนะครับ”

            “ถ้างั้นคุณก็เตรียมตัวล้มละลายได้”  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืนทันควัน  ธีรดลอ้าปากค้างรีบถามละล่ำละลัก

            “คุณจะทำอะไรผม  คุณพิชช์ฌาน ...คิดจะใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบหรอครับ”

            “ผมไม่มีอำนาจรัฐหรอกครับ  แต่ผมมีวิธีของผม”

            “คุณจะแบล็คเมล์อะไรผมสินะ  ผมรู้หรอก...ฉายาของคุณ  แต่คุณไม่มีทางทำได้  เพราะผมมือสะอาดไม่เคยมีอะไรด่างพร้อย”

            “คุณจะลองดูก็ได้  หรือไม่...ก็เตรียมตัวโดนยึดกิจการขายทอดตลาดแล้วออกไปทอดลูกชิ้นขายได้เลย”

            “นี่คุณจะทำกับหุ้นส่วนพรรคของคุณแบบนี้จริงหรือคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลพยายามสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนอีกฝ่ายแต่ก็ดูจะไม่ค่อยสำเร็จ

            “คิดว่าผมสนมั้ยล่ะ”  พิชช์ฌานตอบกลับมา  “ผมไม่คิดจะร่วมธุรกิจกับคนที่ใจไม่ถึงพอหรอกนะครับ  คำขอเพียงเท่านี้มันง่ายมากสำหรับคุณแต่ว่าคุณก็ยังให้ผมไม่ได้  เราก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก”

            ธีรดลหน้าแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  จ้องหน้าเขานิ่งอั้นไปครู่

            “ก็ได้ครับ  ผมจะให้คนปิดหาดเดี๋ยวนี้เลย”

            “ผมขอตัวคนที่เข็นรถรูมเซอร์วิสด้วยนะครับ”  พิชช์ฌานพูด  “ถ้าคุณเอาตัวมาให้ผมไม่ได้  ผมจะถือว่าเป็นความผิดพลาดของโรงแรมคุณที่ทำให้ผมต้องสูญเสียทรัพย์สินนะครับ”

            ชายหนุ่มพูดจบก็ผละออกมาจากห้องที่ดูกล้องวงจรปิดโดยมีมือขวาคนสนิทตามออกมาติดๆ  เจนภพเหลือบมองเจ้านายอย่างเป็นห่วงแกมกังวล

            “คิดว่าคุณธีรดลจะหาตัวคนร้ายให้เราได้เหรอครับ”

            “แค่เขายอมปิดหาดให้ฉันก็ดีมากพอแล้ว”  พิชช์ฌานพึมพำ ก้มลงดูนาฬิกา  “เราต้องทำงานแข่งกับเวลานะเจนภพ  ติดต่อไปทางผู้กำกับที่สน.เขตข้างๆนี่ด้วย  ขอให้เขามาช่วยกันตามหาอาคิราห์  ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยน่าจะยังไปได้ไม่ไกลหรอก  ลองตามหาแถวๆนี้ดู   อ้อ  อย่าลืมให้คนไปดักที่ด่านทางด่วนถัดไปด้วย”

            “แล้วคุณฌานล่ะครับ”

            “ฉันจะไปดูที่สนามบิน”

            .......................................................................

            อาคิราห์กำลังนั่งกุมมืออยู่ในสำนักงานรับจัดหางานโอเมก้า  ตากลมลอบมองสำรวจไปรอบๆห้องทำงานที่ดูสะอาดสะอ้านและน่าเชื่อถือ  รวมถึงคนที่นั่งพิมพ์เอกสารสมัครงานอยู่ตรงหน้าเขาด้วย  เค้าเป็นโอเมก้าเช่นกัน  ดูแวบเดียวก็รู้

            “คุณอยากได้งานประเภทไหนครับ”  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นถามเขายิ้มๆ  พอเห็นอาคิราห์ทำหน้างงก็รีบขยายความต่อ  “อย่างเช่น  งานบ้าน  งานเอกสาร  งานนั่งโต๊ะ  หรือว่างานกลางแจ้ง  งานร้านอาหาร  อะไรทำนองนี้ครับ”

            “เอ่อ...มีงานในห้องสมุด หรือร้านหนังสืออะไรแบบนี้มั้ยครับ”

            “มีครับ  เกี่ยวกับหนังสือนะครับ  ผมจะลงเอาไว้ให้”  ฝ่ายนั้นพูด  ก้มหน้าลงพิมพ์ต่อจนกระทั่งเสร็จก็ปริ้นท์ออกมาส่งให้อาคิราห์ตรวจสอบรายละเอียด  “ลองอ่านดูอีกทีครับนะครับ  คุณอินตรา  ชื่อที่อยู่ถ้าไม่ประสงค์ลงรายละเอียดเอาไว้ก็ได้ครับ  ไม่ต้องห่วงเรื่องชื่อปลอมด้วย...ที่นี่เราใช้ชื่อปลอมกันทั้งนั้น”  คนพูดขยิบตาให้เขานิดหนึ่ง

            อาคิราห์เกือบอ้าปากค้าง  ดันแว่นตาอันใหญ่ขึ้นไปบนดั้งจมูก  ก้มลงอ่านเอกสารตรงหน้า

            “ทำไมถึงเป็นประเทศ...ล่ะครับ  ผมไม่ได้อยากไปที่นั่น”  เขาเอ่ยชื่อประเทศที่เป็นหมู่เกาะทางใต้ขึ้นมาอย่างงุนงง

            “เราต้องไปต่อเครื่องกันที่นั่นครับ  การจะออกนอกประเทศโดยไม่ใช้วีซ่าเป็นเรื่องยากคุณคงทราบ  แต่ว่าทางบริษัทของเราก็มีวิธีเดินทางที่ปลอดภัยและถึงที่หมายอย่างแน่นอน  รับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ  ที่นั่นเรามีคนของเราคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างตั้งแต่ขึ้นจากท่า  รอบนี้คุณอินตรามีเพื่อนไปด้วยกันเยอะเลยด้วยครับ  ไม่ต้องกังวล”

            “ผม..ต้องจ่ายเท่าไหร่นะครับ”

            “คุยกันแล้วไงครับว่าการจ่ายเป็นแบบผ่อนชำระ  เพื่อเป็นการรับรองว่าบริษัทจะจัดหางานให้คุณได้อย่างแน่นอนครับ  พอคุณได้งานแล้วค่อยผ่อนส่งเป็นงวดๆ ประมาณหนึ่งปีก็ครบแล้วครับ  อย่างของคุณอินตราเป็นแพ็คเกจสามประเทศนะครับ  ก็จะได้อยู่ที่ราคานี้...”  ฝ่ายนั้นคิดเครื่องคิดเลขแล้วส่งมาให้เขาดู

            “ถ้าผมจ่ายทีเดียวไม่ต้องผ่อนเป็นงวดได้ไหมครับ”

            “ได้สิครับ”

            “เคยมีคนไม่จ่ายไหมครับ”  อาคิราห์ถามต่อ

            “มีครับ  ...เราก็แค่ส่งเขากลับประเทศเท่านั้นเอง”  อีกฝ่ายตอบเนิบๆ

            “แล้ว...ไม่มีวีซ่า  ผมก็กลายเป็นคนเถื่อนน่ะสิ  ผมจะโดนตำรวจจับกลับมาหรือเปล่า”

            “เราจะทำวีซ่ากันใหม่ที่นี่ครับ”   ฝ่ายนั้นชี้นิ้วลงบนชื่อประเทศหนึ่งในเอกสาร  “คุณจะมีวีซ่าครับ  แล้วถ้าจ่ายเพิ่มอาจจะได้สิทธิอื่นๆอีกด้วย  มีรายละเอียดอยู่ที่แผ่นสุดท้ายครับ  ลองอ่านดูอีกทีก็ได้”

            “ผมอ่านหมดแล้ว  แค่อยากถามให้แน่ใจ”  อาคิราห์พึมพำ  กวาดตามองตัวอักษรที่เรียงรายอยู่เป็นพรืดนั้น

            “ตอนแรกๆผมก็เคยกังวลแบบนี้เหมือนกันครับ”  อีกฝ่ายพูดขึ้นเบาๆ  “ไม่เคยออกไปเผชิญกับโลกกว้างเลย  ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆในบ้านเล็กๆ  โดนพี่น้องทุบตี  ผมหมดหนทางจนคิดอยากจะตายๆไปให้พ้นๆด้วยซ้ำ  จนกระทั่งผมได้รู้จักที่นี่  เค้าช่วยให้ผมได้รู้จักโลกใหม่...มันคุ้มค่าครับคุณอินตรา  โลกข้างนอกมีอะไรมากเกินกว่าจะคาดคิด”

            “คุณไปทำงานอะไรหรอครับ”

            “ผมไปเป็นพ่อบ้านครับ  บริษัทส่งผมไปอยู่ประจำที่บ้านเศรษฐีในเมืองหนึ่งแถบยุโรป  ที่นั่นสวยมาก...มีหิมะตกด้วยนะ  ผมได้สัมผัสหิมะครั้งแรกแทบจะร้องไห้  ทำงานไม่กี่ปีผมก็มีเงินเก็บมากพอที่จะกลับมาที่บ้านเกิด  ตอนนี้ผมไม่ใช่โอเมก้าขี้แพ้คนเดิมแล้ว  แต่ว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่เติบโตปีละสองร้อยเปอร์เซ็นต์  ที่บ้านก็ต้องพึ่งเงินที่ได้จากผม  โอเมก้าคนนี้หาเลี้ยงอัลฟ่ากับเบต้าที่บ้านนะครับ”

            “คุณเก่งมากครับ”  อาคิราห์ประทับใจ  “แต่ผมคงไม่มีปัญญาถึงขั้นหาเลี้ยงคนที่บ้านหรอก  พวกเขาเก่งกว่าผมเยอะ  ผมขอแค่พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องไปพึ่งคนอื่นก็เพียงพอแล้วครับ”

            “เป็นความคิดที่ดีมากครับ  น่ายกย่องจริงๆ  หาโอเมก้าที่มีความคิดก้าวหน้าแบบนี้ยากขึ้นทุกที  ส่วนใหญ่จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างของอัลฟ่าอยู่ร่ำไป  โดยเฉพาะคนที่โดนกัดแล้วด้วยล่ะก็...คุณใจเด็ดนะครับ  ผมนับถือคุณ”

            “คุณ...”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบที่หลังคอ

            “ผมได้กลิ่นก็ทราบแล้วครับว่าเคยโดนกัดหรือเปล่า”  อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ  “คุณไม่ต้องปิดบังหรือตกใจหรอกครับ  อ้อ...รวมถึงลูกในท้องของคุณด้วย”

            คนฟังตกใจขึ้นมาจริงๆ

            “โอเมก้ามีกลิ่นเฉพาะตัวครับ  เช่นเดียวกับอัลฟ่า  เราได้กลิ่นแต่ว่ามีแค่คู่ของเราเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ามันคือกลิ่นของอะไร  เวลาฮีทขึ้นมา  กลิ่นก็จะรุนแรงขึ้น  แต่ถ้าตั้งท้องล่ะก็  กลิ่นจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่งที่หอมหวานมากกว่าปกติ....พอดีผมเคยเจอคนมาเยอะมากก็เลยแยกแยะกลิ่นได้ครับ”

            “ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง...”  อาคิราห์พูดเสียงอ่อน

            “ไม่แปลกหรอกครับ  ผมเคยเจอลูกค้าตั้งท้องอยู่บ่อยๆ  ท้องอ่อนๆยังดูไม่ค่อยออก  ส่วนใหญ่ก็นี่แหละครับ...ถูกอัลฟ่าคู่ครองทำร้ายบ้าง  ปล่อยทิ้งบ้าง  ก็เลยหาทางหนีออกมา  ของคุณอินตราเป็นจากสาเหตุอะไรล่ะครับ”

            “ผม..อยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆบ้างครับ”  อาคิราห์ตอบเลี่ยงไปเสีย  อีกฝ่ายก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีก  นั่งคุยกันได้อีกพักหนึ่ง  เจ้าตัวก็แนะนำตัวว่าชื่อ  วีรัตน์

            “ผมจะพาคุณไปพักผ่อนในห้องรับรองก่อนนะครับ  ที่นั่นจะมีเพื่อนๆโอเมก้าที่จะเดินทางไปด้วยกันกับคุณอยู่ด้วย  พวกคุณจะได้ทำความรู้จักกัน”  วีรัตน์พูดยิ้มๆ  ลุกขึ้นพาเขาเดินเข้าไปข้างหลังสำนักงานที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามคล้ายบ้านพักอาศัย   


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 09-04-2019 01:58:31






          วีรัตน์ตัวเล็กกว่าเขาเยอะ  โอเมก้าเกือบสิบคนที่อยู่ในห้องพักก็เช่นกัน  ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว  อาคิราห์รู้สึกมือไม้เก้งก้างขึ้นมาฉับพลัน  เขาไม่เคยเจอคน ‘พวกเดียวกัน’ มากมายเช่นนี้มาก่อน

            ในโลกของเขา...มีแต่อัลฟ่า

            “สวัสดีครับ  เอ้อ...ผมชื่อ..อินตรา”  แนะนำตัวไปเก้อๆ  บางคนก็ผงกหัวรับ  บางคนก็เพียงแต่เหลือบมองด้วยหางตาแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในห้องแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมที่เหลือมุมหนึ่ง  ตรงข้ามกับเขาเป็นโอเมก้าตัวเล็กแค่ไหล่ของเขาแถวยังผอมจนเห็นแก้มตอบ  “สวัสดีครับ”

            “สวัสดี”  คนๆนั้นตอบกลับมาห้วนสั้นเหมือนไม่อยากพูดมาก

            “คุณชื่ออะไรครับ”

            “ถามทำไม”

            “ผมอยากทำความรู้จักเอาไว้  เดี๋ยวเราจะต้องเดินทางไปด้วยกันอีกไกลเลย”

            “แค่ประเทศหมู่เกาะทางใต้  ไม่ไกลหรอก”  ฝ่ายนั้นตอบ

            “อ้าว...คุณไม่ได้ต่อเครื่องไปยุโรปหรอครับ”

            อีกคนปรายตามองเขา  ไม่ตอบ  อาคิราห์เลยเปลี่ยนคำถาม

            “ทำไมคุณถึงอยากไปที่นู่นครับ”

            “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่”  ฝ่ายนั้นตอบเสียงห้วนกว่าเดิม  แต่พอหันมาสบตาคนฟังเสียงก็อ่อนลงเล็กน้อย  “ฉันมีญาติอยู่ที่นั่น”

            “ดีจังครับ”

            “แล้วเธอล่ะ  ทำไมถึงอยากไปจากที่นี่”

            “ผมอยากไปเที่ยวรอบโลก”

            คำตอบของอาคิราห์ทำให้เกิดแววพิศวงในดวงตาสีเข้มแห้งผากของคนฟัง

            “ไปเที่ยว?  เธอล้อฉันเล่นงั้นหรือ”  โอเมก้าคนนั้นพูด  “เราไปทำงาน  ไม่ได้ไปเที่ยว”

            “ก็รวมๆนั่นแหละครับ  ไปเที่ยวด้วย  ทำงานด้วยไงล่ะ...ว่าแต่คุณจะไปทำงานอะไรหรอครับ  ผมลงไปว่าอยากทำงานในห้องสมุด  คุณว่าบริษัทจะหางานในห้องสมุดให้ผมได้ไหมครับ”

            “......”  คนฟังเงียบไปอีกครั้ง  “...ก็อาจจะได้นะ”  เขาพูดต่อมาในที่สุด  “โอเมก้าไม่มีงานให้เลือกมากนะหรอก”

            “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น”  อาคิราห์ถอนหายใจยาว  “เกิดเป็นโอเมก้านี่มันลำบากจังนะครับ”

            คราวนี้มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของใครอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  เธอเป็นโอเมก้าที่หุ่นท้วมเล็กน้อยและมีผมยาวสยาย  ทว่าเสียงหัวเราะกลับฟังทุ้มๆแปลกๆไม่เหมือนผู้หญิง

            “ฉันว่าเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความลำบากคืออะไร  เจ้าหนู”

            “ผมว่าผมรู้นะ...ผมถูกขังในบ้านมาตั้งแต่จำความได้  ไม่ได้ออกไปไหนเลย  จะทำอะไรก็ต้องหลบๆซ่อนๆ  ล่าสุดก็ต้องแต่งงานโดยที่ไม่ต้องการ”  อาคิราห์ร่ายยาวด้วยความรู้สึกขุ่นมัวขึ้น  รอยยิ้มสมเพชปรากฏในดวงตาของผู้ฟัง

            “ถ้าแค่นั้นเรียกลำบาก ...อย่างฉันก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็นมาแล้ว”  เธอหัวเราะหึๆ แต่ก็ไม่ได้ขยายความต่อ  “เธอจะไปไหนเจ้าหนู  ได้ยินว่าจะไปเที่ยวรอบโลกงั้นหรือ”

            “ใช่”

            “แล้วคิดยังไงถึงมาสมัครที่บริษัทนี้”  ฝ่ายนั้นถามต่อมา  “คิดหรือว่าเขาจะหางานในห้องสมุดให้เธอได้จริงๆน่ะโอเมก้า”

            “คุณคิดว่าเขาโม้เหรอ”  อาคิราห์เริ่มลังเล  “แต่ผมเห็นที่คนรีวิวก็ได้งานกันหมดเลยนะครับ  ...แล้วถ้าคุณไม่มั่นใจในบริษัทนี้งั้นคุณจะเข้ามานั่งตรงนี้ทำไมล่ะครับ”

            “ฉันน่ะมั่นใจอยู่แล้วว่าจะได้งานแน่ๆ”  เธอพูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่จะเป็นงานอะไรนี่สิ”

            “อย่าไปฟังพวกนั้นพูดมากเลยอินตรา”  โอเมก้าอีกคนลุกจากเก้าอี้อีกฟากเดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  “ฉันชื่อมิริน  อยากไปทำงานยุโรปเหมือนเธอนั่นล่ะ”   มิรินเป็นโอเมก้าที่น่ารักมากทีเดียว  อาคิราห์คิดขณะที่ส่งยิ้มกลับไป  “บางคนก็ชอบมองโลกในแง่ร้าย เสียสุขภาพจิตหมด  ถ้าโลกมันโหดร้ายขนาดนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อทำไมล่ะ”  เจ้าตัวพูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา  “อินตรามาจากไหน  ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆหน้าเธอจัง”

            “อ๋อ...ใครๆก็บอกว่าฉันหน้าโหลน่ะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบหน้าพลางดึงผ้าพันคอขึ้นมาบังกึ่งปากกึ่งจมูก  “มิรินก็หน้าคุ้นๆนะ”

            “ถ้าฉันบอกว่าความจริงแล้วฉันเป็นใครล่ะก็  เธอจะต้องอึ้งทึ่งตะลึงไปเลย”  มิรินหัวเราะ  “เธออยากทำงานห้องสมุดหรอ  ฉันอยากทำงานในร้านอาหารล่ะ...ฉันชอบทำอาหารมานานแล้ว”

            “จริงหรือเปล่า  ฉันอยากชิมฝีมือเธอจังมิริน”  อาคิราห์เออออตาม  รู้สึกถูกชะตากับมิรินมากกว่าคนอื่น

            สักพักก็มีคนมาเคาะห้องแล้วบอกพวกเขาว่าพร้อมแล้ว  อาคิราห์เดินตามคนอื่นๆออกไปจากห้อง  เขาประหลาดใจที่พบว่าคนของบริษัทเดินนำพวกเขามาที่ท่าเรือแทนที่จะเป็นรถโดยสาร  มิรินเอียงหน้าเข้ามาไขข้อข้องใจของเขา

            “เราจะไปทางเรือก่อนแล้วค่อยต่อเครื่องกัน  ถ้าไปสนามบินเลยมันจะลำบาก  อ้อ  เธอเอาพาสปอร์ตติดมาหรือเปล่า”

            “ฉันเอามา”

            “พกติดตัวเอาไว้  ถ้าใครถามก็บอกว่าไม่มี”  มิรินกระซิบ

            พวกเขาหยุดตรวจค้นกันก่อนจะขึ้นเรือ  อาคิราห์ปฏิเสธเรื่องพาสปอร์ตตามที่มิรินแนะนำเอาไว้  พยายามซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในเสื้อแต่ก็ถูกจับได้  พวกนั้นบอกว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้โดนตามตัวได้  เอาไว้ไปถึงฝั่งแล้วจะคืนให้ใหม่  อาคิราห์ไม่กล้าแย้งเพราะเริ่มกลัว  นึกอยากหันหลังวิ่งกลับไปยังโรงแรมที่จากมาแต่ว่ามือหนักๆที่กดอยู่ข้างหลังเหมือนจะขู่อยู่ในทีก็ทำให้เขาจำต้องก้าวขึ้นเรือตามหลังคนอื่นๆไปด้วยความรู้สึกกังวล  เหลียวกลับไปมองทางชายหาดก็เห็นแสงสีส้มๆกับกลุ่มควันลอยออกมาจากตึกที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ  เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือโรงแรมของธีรดล  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  ชี้มือให้เพื่อนในเรือดู

            “นั่นอะไรน่ะ  เหมือนไฟไหม้”

            “น่าจะไฟไหม้นะ...ชั้นบนสุดเสียด้วย”  เสียงหวอรถดับเพลิงได้ยินแว่วๆเพราะกระแสลมแรงพัดเสียงไปอีกทาง  อาคิราห์บีบมือตัวเองแน่น...ชั้นบนสุด  ชั้นนั้นมีห้องพักกี่ห้องกัน  อย่าบอกนะว่าจะเป็นห้องของเขากับพิชช์ฌาน

            “เกิดอะไรขึ้น”  เรือที่ติดเครื่องเตรียมพร้อมออกจากท่ากลับหยุดชะงัก  อาคิราห์หันไปมองอย่างตกใจก็เห็นคนหลายคนบนฝั่งเดินแกมวิ่งมาตามชายหาดและเป่านกหวีดดังก้องเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง         

            “ตำรวจเหรอ”  เสียงอุทานดังมาจากโอเมก้าที่นั่งกันอยู่ข้างใน

            เรือที่ดับเครื่องไปเมื่อครู่กลับสตาร์ทเครื่องขึ้นมาใหม่แล้วออกตัวพุ่งไปข้างหน้าเร็วแรงจนคนนั่งเทลงมาจากเก้าอี้ระเนระนาด  อาคิราห์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างตกใจ  ตอนนั้นเองที่เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด

            “หมอบที่พื้น”  เสียงใครสักคนตะโกน  มีมือเอื้อมมาฉุดอาคิราห์ให้ลงนอนแล้วกดหัวของเขาเอาไว้  เสียงปืนยังดังตามมาอีกหลายนัดและบางครั้งคนบนเรือก็ยิงตอบโต้กลับไป

            เรือแล่นฉิวตัดกระแสคลื่นออกห่างจากฝั่งมากขึ้นทุกทีแต่เสียงปืนยังได้ยินอยู่  อาคิราห์แนบหน้าอยู่กับพื้นเรือเย็นเฉียบและขรุขระ  รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ 

            ใบหน้าคมเข้มของพิษฌานปรากฏขึ้นในความคิดเป็นคนแรก  ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังโกรธจัดแน่ๆที่ไม่เจอเขาในห้องพัก  ภาพควันโขมงออกมาจากหน้าต่างห้องพักชั้นบนสุดของโรงแรมกลับเข้ามา...หวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เป็นอะไร  แต่พิษฌานก็มีศัตรูมากมาย  ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครอยากจัดการก็เป็นได้

            ไม่...ไม่ใช่หรอก ...อาคิราห์เม้มปากก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม  กลิ่นที่คุ้นเคยระเหยออกมาจากผ้าพันคอจางๆ  แทนที่มันจะทำให้รู้สึกสงบเหมือนทุกครั้ง  ยามนี้กลับทำให้รู้สึกโหยหาจนอยากจะร้องไห้ออกมา

            “ลุกขึ้นมาได้แล้วอินตรา”  มือแข็งๆของใครคนหนึ่งดึงต้นแขนของเขาเอาไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม  ทุกคนห่อตัวลงด้วยความหนาวและความกลัว  ความหวาดหวั่นแฝงอยู่ในแววตาที่อาคิราห์มองสบ  คนที่ดึงเขาขึ้นมานั่งคือโอเมก้าคนแรกที่คุยด้วยในห้องนั่นเอง

            “ฉันชื่อนิล”   คนๆนั้นบอกสั้นๆ  แล้วชี้ไปที่โอเมก้าที่ท้วมกว่า  “คนนั้นชื่อแทมมี่”

            “คุณบอกชื่อผม?”

            “ไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่”  นิลพูดแกมหัวเราะ

            มิรินเดินกลับเข้ามาในเรือ  เธอบอกเขาสั้นๆว่าไปเข้าห้องน้ำมา

            “เราต้องนั่งเรือไปถึงเมื่อไหร่”

            “กว่าจะถึงคงจะเช้า  เธอนอนหลับไปก่อนเถอะ”  มิรินตอบเรียบๆ  “ฉันถามพวกเขามาแล้ว  เขาบอกว่าเมื่อกี้นี้คือตำรวจชายฝั่ง  พอดีเกิดไฟไหม้ที่โรงแรมก็เลยมีตำรวจมาตรวจตรามากกว่าปกติ”

            “ถึงขั้นยิงกันเลยเหรอ”

            “ก็แบบนี้ล่ะ..เธอคงไม่คิดว่าเรากำลังทำถูกกฎหมายกันอยู่หรอกนะอินตรา”  มิรินพูดด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้นเล็กน้อย  “ถ้าพูดแบบหน้าข่าวก็ต้องบอกว่าเรากำลังลักลอบออกนอกประเทศกันอยู่”

            อาคิราห์อึ้งไป  หันกลับไปมองชายฝั่งที่เห็นเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น

            “กลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว  เราออกมาไกลเกินจะย้อนกลับแล้วล่ะ”  มิรินพูดต่อราวกับอ่านใจออก  “เธอคงไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลๆเลยสินะ”

            “ไม่เคย”

            “เดี๋ยวก็ชิน”  คำตอบของเธอทำให้คนฟังหัวใจถูกบีบลงเล็กนิดเดียว

โอเมก้าคนอื่นๆเริ่มนั่งหลับตาพักเอาแรงกันหมดแล้ว  ไม่มีใครสนใจใครอีก  อาคิราห์นั่งกอดเข่ามองกลับไปยังชาดหาดที่จากมา  ขอบตาร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาเอ่อล้นออกมา  เขาร้องไห้คนเดียวเงียบๆ เหม่อมองฟองคลื่นที่ถูกใบพัดเรือตีแหวกกระจายเป็นทาง

จะย้อนกลับก็ไม่ได้แล้ว  เขาออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไป  ห่างจากบ้านเกิดและคนที่รักมากขึ้นทุกที  พ่อแม่กับพี่ๆจะคิดถึงเขาบ้างไหม  ตอนนี้จะรู้ข่าวแล้วหรือยัง  หรือว่าจะถึงรู้แล้วก็คงจะปล่อยเลยตามเลย  ไม่สนใจว่าเขาจะเป็นจะตายยังไง  ไหนจะพิษฌานอีก....

อาคิราห์กำผ้าพันคอเอาไว้แน่น  นึกถึงน้ำเสียงและสีหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมาได้เพราะเขาจำได้แม่นยำ  คนๆนั้นจะต้องโวยวายแน่  อาจจะส่งเสียงปึงปังเอาจนเจนภพกับป้านิ่มนวลเครียดไปตามๆกัน  แต่แล้วไม่นาน...เค้าคนนั้นก็จะลืม  หรือไม่แน่ว่าอาจจะไม่โวยวายเลยสักคำก็เป็นได้

ในเมื่อโอเมก้า ‘ของเล่น’  หายสาบสูญไปโดยที่ไม่ต้องเสียเวลากำจัดเอง  ผู้ชายคนนั้นอาจจะดีใจก็ได้  ภาพหญิงสาวหุ่นสวยคนนั้นยังติดตา  พวกเขาลอบพบปะกันจริงตามที่มีคนส่งข้อความมาให้เขา  จะด้วยความหวังดีหรืออะไรก็แล้วแต่

คิดมาถึงเรื่องนี้  น้ำตาที่เริ่มแห้งไปแล้วก็กลับไหลออกมาอีก  เขามันช่างอ่อนแอ...อ่อนปวกเปียกไร้ประโยชน์เสียจริง  ขนาดตัดใจจะหนีออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว  ก็ยังตัดใจไม่ขาด  มองไปยังอนาคตข้างหน้ากลับเริ่มมืดมัวไม่สดใสอย่างที่คิดตอนแรก  หน้าตาท่าทางของเพื่อนร่วมเรือนับสิบคนบอกชัดว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน  ต่อให้ไม่เคยออกไปเจอโลกกว้างที่ไหนก็ย่อมจับสังเกตได้

สมน้ำหน้าแล้วที่เขามันโง่เอง  หลงมองโลกในแง่ดีว่าจะสามารถออกนอกประเทศไปได้อย่างสบายๆ  ลืมคิดไปว่าไม่มีอะไรง่ายดายอยู่แล้วโดยเฉพาะถ้ามันผิดกฎหมาย

เป็นเพราะความน้อยใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นด้วยเลยทำให้เขาไม่หยุดคิดซ้ำสองด้วยซ้ำตอนที่เก็บกระเป๋าออกมาจากห้องพักนั่น  เป็นความหุนหันพลันแล่นและคิดน้อยเกินไปจริงๆ  อาคิราห์ถอนหายใจยาว  กลิ่นของพิษฌานเริ่มจางหายไปจากเนื้อไหมพรม  อีกไม่นานก็คงจะจางหายไปหมดเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่เขายัดใส่กระเป๋าสะพายมา

เหลือเอาไว้แต่...คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  ยกมือขึ้นแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างไม่แน่ใจ

เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในนั้น  มันไม่ได้โป่งนูนหรือว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรให้รู้สึก  แม้แต่อาการแพ้ท้องที่ควรจะมีก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ  เหมือนกับว่าการตั้งครรภ์อะไรนี่เป็นแค่เรื่องตลกๆหลอกให้ตกใจเล่น

ไม่หรอก  มันคือเรื่องจริง....ลูกของเขากับพิษฌาน  เสียงเล็กๆในใจบอกกับตัวเอง  ตัวแทนของพิษฌานอยู่ในท้องของเขา  มันยิ่งกว่ากลิ่นจากเสื้อผ้าหรืออะไรเสียอีก

วูบหนึ่งที่เขาสงสัยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสกลับไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้นอีกมั้ย  เขาจากมาทั้งที่ไม่ได้บอกลา ...คนๆนั้นจะคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิด...ชายหนุ่มรีบบอกตัวเองให้หยุดความคิดฟุ้งซ่านนั้นเสีย

อาคิราห์นั่งซุกหน้ากับซอกเข่านิ่งๆ  เขานอนไม่หลับแม้แต่งีบเดียว  ครุ่นคิดไปตลอดทางหาวิธีเอาตัวรอดถ้าเรื่องไม่เป็นไปอย่างที่คิด  ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้ทำงานในห้องสมุดเหมือนที่คิดเอาไว้มั้ย  เผลอๆจะได้ต่อเครื่องจากเกาะนั่นหรือเปล่าก็ยังสงสัย

            หวังว่าพิษฌานจะไม่ใจร้ายเกินไป  หวังว่าจะคิดถึงและตามหาเขาบ้าง...นี่ไงล่ะ  อาคิราห์...เราหนีออกมาแล้วยังคาดหวังให้เขาตามหาอีกหรือ  เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า

            ถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็ช่วยเห็นแก่ลูกในท้องบ้างสิ  เขาไม่รักลูกแล้วหรือไง  ไหนว่าอยากได้ไม่ใช่เหรอ

            เธอคิดจะเอาลูกเป็นตัวประกันหรืออย่างไรอาคิราห์  มาจนถึงขั้นนี้แล้วยังคิดจะขอความช่วยเหลือจากเขาอีกเหรอ  เธอสร้างปัญหาให้เขาไปขนาดไหนจากความโง่เขลาของเธอ  ลองคิดทบทวนดูอีกทีดีกว่า

            มือแข็งๆเขย่าที่แขนของเขาแรงๆ  อาคิราห์สะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนที่ชื่อนิลส่งขนมปังก้อนหนึ่งมาให้เขารับเอาไว้

            อาคิราห์มองไปรอบๆ  ท้องฟ้าไม่ได้มืดสนิทเหมือนตอนแรกแล้วแต่เริ่มมีแสงจางๆที่ปลายขอบฟ้า  ดูเหมือนว่าใกล้จะรุ่งเช้าเต็มที  ชายหนุ่มขยับลำบากเพราะเหน็บกิน  ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่ในท่านี้มานานเท่าไหร่

            “ขอบคุณครับ...ใกล้ถึงแล้วเหรอ”

            “คงอีกไม่ไกลแล้ว”  นิลตอบห้วนๆแบบไม่มองหน้า  “ถ้าไม่กินก็เอามา”

            “กินสิครับ”  อาคิราห์ก้มหน้าลงกัดขนมปังก้อนแข็งๆเย็นชืดไร้รสชาตินั้นเข้าปาก  มันไม่อร่อยจนเขาเคี้ยวได้สองคำก็เบ้หน้า  “ทำไมรสมันเป็นแบบนี้ล่ะ”  คิดถึงฝีมือของป้านิ่มนวลขึ้นมาทันที

            “เรียกว่าอร่อยแล้ว...เธอคงไม่เคยกินขนมปังขึ้นราสินะ”

            “ขนมปังขึ้นรา?”  อาคิราห์อุทานอย่างแปลกใจ  “มันก็เสียแล้วสิ  คุณกินงั้นเหรอ”

            “ไม่มีอะไรจะกินก็ต้องกิน”  นิลตอบพลางยักไหล่  “โอเมก้ามีทางเลือกมากนักหรือ”

            “เห็นคุณพูดเรื่องทางเลือกของโอเมก้าหลายครั้งแล้ว”  อาคิราห์พูดเนิบๆ  “ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้าง  เล่าให้ผมฟังบ้างได้มั้ย”

            “บ้านฉันงั้นหรือ”  นิลเลิกคิ้ว กินขนมปังในมือจนหมดในพริบตา  “ฉันไม่มีบ้าน  มีแต่บ้านที่ไปอาศัยเขาอยู่ในฐานะคนใช้  ถูกอัลฟ่าตีตราตั้งแต่ฮีทครั้งแรกตอนอายุสิบสี่  หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยลิ้มรสคำว่าอิสรภาพอีกเลย”  แววเจ็บปวดยอกแสยงแฝงอยู่ในดวงตาดำขลับเฉยชา  “พวกเขากดขี่โอเมก้าเหมือนทาส  มีหน้าที่บำเรอความสุขสมให้เท่านั้นก็จบไป  ไม่มีสิทธิเรียกร้อง  ไม่มีสิทธิต่อต้านขัดขืน”

            “พวกเขา...ขืนใจคุณเหรอ”  อาคิราห์กระซิบ  หน้าซีดลง

            “มันยิ่งกว่านั้นเสียอีก  ...โอเมก้าเกินครึ่งถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนทารุณ  แต่ไม่มีใครกล้าออกมาเรียกร้องอะไร  เราก้มหน้ารับชะตากรรมที่เกิดมาเป็นโอเมก้า”

            “ผมคิดว่ามีโอเมก้าที่ไม่ถูกกระทำแบบนั้น...”

            “กี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ”  นิลย้อนถาม  อาคิราห์นิ่งไป  “ความจริงก็คือความจริง  โลกความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด  ถ้าเธอยังนึกไม่ออกล่ะก็...ไว้เราขึ้นฝั่งแล้วก็จะรู้เอง”

            “คุณหมายความว่ายังไง  พวกเขาจะพาเราไปไหน”

            “ฉันก็ไม่รู้”

            “อ้าว....ถ้าไม่รู้แล้วคุณกล้ามาได้ยังไงล่ะครับ”  อาคิราห์อุทาน

            “ไม่มีที่ไหนเลวร้ายไปกว่าที่ๆฉันจากมาอีกแล้ว  ฉันเลยไม่กลัวอะไรอีก  พวกเราที่อยู่บนเรือลำนี้ก็เหมือนกัน  เราตัดสินใจหนีออกมาจากนรก  ถ้าจะต้องไปเจอนรกซ้ำ  มันก็คงไม่ต่างกันมากกระมัง...โอเมก้าไม่มีทางเลือกมากนักหรอก”  นิลตอบกลับมาด้วยประโยคเดิม

            คำตอบของเขาทำให้อาคิราห์รู้สึกหดหู่แกมตื่นกลัว  ฝืนยัดขนมปังทั้งก้อนเข้าปากเคี้ยวกลืนพอให้อิ่มท้อง แสงอาทิตย์เริ่มสว่างไปทั่วบริเวณ  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลล้อมรอบตัว  ถ้าขืนกระโดดลงไปจากเรือก็คงตายเปล่า

            คงต้องรอให้ไปเทียบท่าก่อนเท่านั้น

            เรือลำนั้นแล่นวกวนเข้าใกล้เกาะที่เห็นอยู่ไม่ไกล  อาคิราห์กำเป้ในมือแน่น  นั่งเงียบกริบหูผึ่งแอบฟังคนข้างนอกคุยกันเสียงดัง  นัยว่าจะต้องเปลี่ยนเรือก่อนเพื่อเข้าฝั่งอีกทีหนึ่ง

            “ลงมาก่อน  เธอไหวหรือเปล่าอินตรา...หน้าของเธอซีดมาก”  มิรินถาม  มองหน้าเขาอย่างเป็นห่วง  อาคิราห์ส่ายหน้าเบาๆ

            “ฉันนอนไม่พอนิดหน่อย  เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

            “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว  เธอฝากกระเป๋าเอาไว้กับคนเรือได้นะ  เขาจะเอาไปเก็บที่ห้องเก็บของให้ก่อน”  อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ไม่เป็นไร  กระเป๋าของฉันใบเล็กนิดเดียว”  อาคิราห์พึมพำ  รีบเดินตามหลังคนอื่นๆไปยังเรืออีกลำที่จอดเทียบกันอยู่ใกล้ชายฝั่งของเกาะ  “เกาะนี้เหรอที่เราจะมาต่อเครื่อง”

            “ยังไม่ถึงหรอก  เราแค่เปลี่ยนเรือ”  มิรินตอบกลับมา

            อาคิราห์เริ่มสังเกตได้แล้วว่ามิรินคงจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคนของบริษัทแน่ๆ  ท่าทางของเธอไม่ได้ดูหวาดวิตกหรือเฉยชาเหมือนคนอื่นๆ  แถมยังคอยช่วยเหลือสื่อสารระหว่างคนในเรือกับพวกโอเมก้าอีกด้วย

            เรือลำใหม่ที่ขึ้นมาเล็กกว่าลำเดิมมาก  คนบนเรือดึงประตูที่ท้องเรือออกเพื่อให้พวกเขาเข้าไปอัดกันอยู่ในนั้น  ข้างบนมีอวนลากปลาวางพาดอยู่เหมือนจะไว้ตบตาใครที่เห็น....ตอนแรกอาคิราห์ก็คิดว่าอย่างนั้น  จนกระทั่งคนข้างบนนั้นเทปลาสดๆลงมาใต้ท้องเรือที่พวกเขานั่งเบียดกันอยู่จริงๆ

            กลิ่นคาวปลาคละคลุ้งจนแทบอาเจียน  อาคิราห์ยกมือขึ้นอุดจมูกเอาไว้แน่น  พยายามเงยหน้าขึ้นหาอากาศบริสุทธิ์จากด้านบน

            “ไม่เหม็นเหรอ”  เขาหันไปเห็นนิลกับแทมมี่นั่งทำหน้าเฉยก็ถามขึ้น  สองคนนั้นพยักหน้า

            “เหม็น  แต่ไม่รู้จะบ่นทำไม”

            “ทำไมเค้าต้องเทปลาลงมาแบบนี้ด้วย”

            “เพื่อกลบกลิ่นพวกเรา”  แทมมี่ตอบ  “กลิ่นโอเมก้าถึงจะถูกกัดแล้วก็ยังมีกลิ่นอยู่  ยิ่งมารวมกันหลายคนมันจะเตะจมูกพวกตำรวจได้”

            อาคิราห์ไม่เคยได้กลิ่นอะไรเหม็นเน่าขนาดนี้มาก่อน  มันเหม็นคาวจนสำลัก  ยิ่งข้างบนนั้นเทปลาลงมาเพิ่มอีกเท่าไหร่  กลิ่นก็ยิ่งตลบอบอวลจนเริ่มได้ยินเสียงอาเจียนออกมาจากโอเมก้าคนอื่น

            ท้องเรือก็โคลงเคลงขึ้นทุกที   กลิ่นอาเจียนและกลิ่นปลาตีกันตลบจนอาคิราห์งอตัวลงแล้วคายเศษอาหารออกมาหมดไส้หมดพุง  ไม่มีทางเลี่ยงเพราะพื้นที่แคบนิดเดียวเท่านั้น  เขาหน้ามืดแทบจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้น

            “ไหวหรือเปล่า  ใกล้จะขึ้นฝั่งแล้ว”  นิลคว้าคอเสื้อของเขาทางด้านหลังกระชากขึ้นมาให้พ้นจากกองปลาและคราบอาเจียนของตัวเอง   อาคิราห์เวียนหัวหลับตานิ่ง  แสงสว่างรางๆลอดลงมาจากช่องของแผ่นไม้ที่ตีเอาไว้ “กลั้นใจเอาไว้หน่อย”

            “ทุกคนเงียบ”  มีเสียงดังขึ้นจากข้างบน  ตามด้วยเสียงฝีเท้าตึงตัง  โอเมก้านั่งตัวแข็งไม่กล้าขยับตัว

            “มีคนมาตรวจ”  นิลพึมพำเบาๆ 

            อาคิราห์กำมือแน่น  ตั้งใจฟังเสียงฝีเท้าและเสียงพูดข้างบนนั้น  ดูเหมือนจะเป็นเสียงเจ้าหน้าที่หรืออะไรสักอย่าง  เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าส่งเสียงออกไปแล้ว คนข้างบนจะช่วยเขาหรือว่าฆ่าเขากันแน่

            ห้องข้างล่างใต้ท้องเรือเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง  หัวใจเต้นแรงจนเกรงว่าจะมีใครได้ยินเข้า  อาคิราห์เบิกตาโพลงตอนที่ได้ยินเสียงคนพูดสั่งให้เปิดประตูไม้บนหัวเขาออก

            นึกภาวนาขอให้เจอพวกเขาเถอะ  ตอนนี้ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว  อยากกลับบ้านเต็มที

            ...........................................................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ขอบคุณทุกโหวตทุกคอมเม้นต์นะคะ

            อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง55555  เจอกันต่อตอนหน้านะคะ

          ใครเล่นทวิต #ขอรักแค่คุณ  นะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 09-04-2019 02:39:24
อคิราห์ เธอตัดสินใจได้โง่มากจริงๆ ถ้าไม่ห่วงตัวเอง ก็ห่วงลูกในท้องเถอะ เธอพลาดมาก พลาดมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2019 04:45:25
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-04-2019 06:28:00
ได้แต่หวังว่าจะไม่โดนจับไปขายซ่องนะอคิราห์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 09-04-2019 07:00:54
ต้องปล่อยเขาไปเจอโลกแห่งความจริงบ้าง
คอยแต่จะหนีคอยแต่ตามหา
ขนาดแค่อ่านยังเหนื่อยทั้งท้อ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-04-2019 07:19:37
ต้องให้ไปเจอโลกที่โหดร้ายของจริง อัยย์ถึงจะได้รู้ว่าที่ตัวเองเป็นถือว่าดีมากแล้ว ยังจะดิ้นรนไปหาความลำบากอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-04-2019 07:30:53
บางทีอัยย์ก็ต้องเรียนรู้บ้าง ว่าโลกภายนอกไม่ได้ดีมาก
ฝันอะไรไว้ มันก็ไม่ง่ายที่จะออกไปเผชิญ

แย่แน่เลยถ้าพาออกไปได้ ขอให้คนตรวจหาเจอด้วยค่ะ
สงสารฌาณขึ้นมาเลยเวลานี้

ผู้หญิงคนนั้นเล่นแรงมากเลยนะคะ จุดจบคงไม่สวยแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 09-04-2019 08:03:41
รีบๆโตนะอัยย์ แล้วก็ควรเชื่อคำพูดพิชฌานบ้าง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 09-04-2019 08:41:14
ไม่ได้ใจร้ายนะ

แต่รู้สึกสะใจ

ดีจริงอัยย์จะได้รู้ว่า

โลกข้างนอกมันโหดร้าย

กับโอเมก้าขนาดใหน

ขอให้โดนจับไปทรมาณเยอะๆเลย

จะได้รู้ว่าที่ตัวเองเจอน่ะมันจิบจ้อย

กว่าโอเมก้าทั้งหลายเจอมากมายนัก

บอกตามตรงว่าไม่สงสารอัยย์เลยตอนนี้

ตอนอื่นๆอัยย์ถูกคนอื่นตรีกรอบและบงการ

ป้าก็สงสารอัยย์เพราะอัยย์ไม่ได้เลือก

แต่ถูกคนอื่นๆเลือกและบังคับตลอด

แต่ครั้งนี้อัยย์เลือกเองทั้งๆที่ท้องทำอะไรไม่คิดถึงลูก

เจอแบบนี้อ่ะดีสมเจอเจ็บๆไปเลย

สงสารแต่เด็กในท้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-04-2019 09:36:28
ไม่กล้าดื้อไปอีกนานแน่ๆรอบนี้  :เฮ้อ:
ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกในท้องบ้างงงงงงงงงง  :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 09-04-2019 09:42:33
ง่าาาา..ไรท์รีบมาาาา.. :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-04-2019 10:09:18
พอแล้วน้าาาา เอาแค่นี้พอ อย่าให้บู้บี้กับบู้บี้น้อยไปเจอความลำบากกว่านี้เลย สงสารนางงงง แค่นี้นางก็คงรู้แล้วหล่ะว่าโลกข้างนอกมันโหดร้ายสำหรับโอเมก้าขนาดไหน  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-04-2019 11:42:12
ฝฝเจอแบบนี้เข้าไปหวังว่าจะเข้าใจคุณสามมีมากขึ้นนะอัย สามียังดีกว่าพ่อตัวเองเยอะเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 09-04-2019 13:40:06
ไม่สงสารเลยนะ ต้องได้เจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างถึงจะเปลี่ยนความคิดได้บ้างว่าชีวิตโอเมก้าของตัวเองดีมากแค่ไหนแล้ว
เกิดมาในครอบครัวที่ดี ที่ถึงแม้จะตกรอบแต่เพื่อความปลอดภัยของลูก
แล้วนี่อคิราห์ทำอะไรเพื่อลูก หนีทั้งที่ตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด รู้ว่าไม่ได้รักแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับตัวเองกับลูก
ตัวเองจะรู้สึกถึงตราบาปนั้นมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 09-04-2019 15:00:56
มีแต่คนซ้ำเติมอัยย์อ่ะ
เราว่าในมุมของอัยย์ อัยก็ไม่ผิดที่อยากจะหนี อยากออกจากกรอบที่ตัวเองอยู่นะ
ตอนนี้อัยย์แค่ตัดสินใจผิดพลาด แล้วจะได้เรียนรู้มันเองแหละ
ในฐานะคนอ่านเราก็แค่เอาใจช่วยให้ผ่านไปได้ละกันเนอะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 09-04-2019 15:52:40
จะโทษน้องอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะครอบครัวเลี้ยงมาแบบผิดๆ ปิดกั้นโลกภายนอกให้อยู่แต่ในบ้าน
น้องออกมาแต่งงานได้รู้จักโลกภายนอกมากขึ้นทำให้ดีกับตัวน้องเอง คราวนี้ได้รู้ลึกเลยละ :sad4:
แต่น้องดื้อไปหน่อยนะตอนนี้ :katai1: :katai4: :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-04-2019 20:17:35
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-04-2019 20:21:21
บายจ้าอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2019 21:48:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-04-2019 22:15:00
อคิราห์เด็กน้อย ถ้ารอดจากงานนี้ไปคงรู้ได้เองว่า โชคดีขนาดไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 09-04-2019 22:53:13
 :mew2:อัยย์ๆๆ เหตุการณ์ครั้งนี้มันจะสอนให้เข้มแข็งขึ้นน่ะ ขอให้มีคนมาเจอไวๆ. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก์โทษอัยย์ไม่ได้หรอก โดนเลี้ยงมาแบบปิดกั้นทุกอย่าง ไม่ได้ให้เรียนกับโลกภายนอก เพื่อนก็ไม่มี มีฝาแฝด ก็เหมือนไม่มี เอาจริงเวลาทุกข์น่ะ จะหันไปพึ่งใครได้ อัยย์เหมือนเด็กๆที่ไม่มีสังคมเลยน่ะ พอได้ออกมาโลกภายนอก ก็ออกมาเพื่อแต่งงาน แถมคู่ตัวเองตอนแรกก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์จากตัวเองอีก เป็นใครๆ ก็เคว้ง ไม่รู้จะไปบอกใคร หรอปรึกษาใคร. เอาจริงอัยย์น่าสงสารในระดับหนึ่งเลยน่ะ. :katai1: :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-04-2019 23:00:05
……


ลุ้น ลุ้นต่อว่าพิษฌานจะหาน้องเจอมั้ย

น้องมีบทเรียนแล้วนะ การเป็นโอเมก้า การหลบหนี มันไม่ง่าย

อย่าดุด่าน้องเลย น้องอยู่แต่ในกรงทอง

น้องไม่รู้ น้องอยากมีอิสระตามที่น้องแสวงหา

ให้บทเรียนน้องแต่พอประมาณนะ


  :z3:  :z10:  :z13:  :z3:  :z10:  :z13:  :z3:  :z10:  :z13:


………
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 10-04-2019 01:36:53
 :katai1: ค้างงงง อยากรู้ว่าจะใช่พิษไหมหรือใคร อัยย์นะอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-04-2019 10:33:36
อยากจะหาไม้เรียวมาตีอัยย์นะ แต่ก็สงสารด้วย เป็นห่วงด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2019 04:45:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-04-2019 07:30:45
เสียใจด้วยนะหนูอัยย์ที่โลกไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด แล้วจะรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมามันดีนักหนาแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 11-04-2019 08:24:40
บู้บี้ของแม่ จบเรื่องนี้แล้ว อย่าหนีพี่เค้าไปอีกนะลูกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-04-2019 08:48:06
พึ่งเข้ามาอ่าน รู้สึกชอบเลย

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่23 9/4/62 p16
เริ่มหัวข้อโดย: DARALIS ที่ 12-04-2019 09:13:10
รวดเดียวจบจนตอนล่าสุดเลยค่ะสนุกมาก

นี่ทีมตาพิญนะคะ55555 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-04-2019 01:36:06
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 24



 

 

 

 

 

“กลับรถเจนภพ  กลับไปที่โรงแรมนั่น”  พิชช์ฌานสั่งมือขวาคนสนิทหลังจากที่รถออกวิ่งมาเกือบถึงครึ่งทางแล้ว

            “ทำไมล่ะครับคุณฌาน  เราใกล้ถึงสนามบินแล้วนะครับ”

            “ไม่ใช่ทางนั้น  ฉันว่ามันไม่ใช่  อาคิราห์ไม่มีวีซ่าแน่ๆ  ไม่มีทางออกนอกประเทศได้”  นักการเมืองหนุ่มพูดเหมือนพูดคนเดียว  เจนภพเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ  “แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง”

            “ผมไม่เข้าใจ”

            “ให้คนไปเช็คที่ท่าเรือ  ห้ามเรือทุกลำออกจากท่าตอนนี้”  พิชช์ฌานดีดนิ้วเสียงดัง  ตะโกนบอกคนขับรถซ้ำให้รีบเลี้ยวรถกลับไปยังทางเดิม

            ชายหนุ่มนั่งเครียดมาตลอดทาง  มือประสานบีบแน่นจนข้อนิ้วขึ้นขาว  ทั้งกังวลและเป็นห่วงสารพัดแยกแยะไม่ถูกปนกับความโกรธเกรี้ยวที่ทวีมากขึ้นทุกทีโดยเฉพาะยามที่ได้รับรายงานว่ามีเรือหนึ่งลำแอบออกจากท่าไปแล้ว

            “ตามเรือลำนั้นมาให้ได้  ช่วยประสานท้องที่ให้ด้วย”  พิชช์ฌานพูด  ทอดสายตามองทะเลเบื้องหน้าที่มืดสนิทเช่นเดียวกับจิตใจของเขาตอนนี้  ไม่รู้เลยว่าป่านนี้อาคิราห์ไปอยู่ที่ไหนแล้ว  จะอยู่บนเรือที่เขาสงสัยหรือเปล่า

            “คุณฌานครับ  ถ้าเราทำแบบนั้นมันจะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่นะครับ  พวกนักข่าวจะรู้เรื่องนี้แล้วแห่กันมาทำข่าว”

            “ก็ยิ่งดีไง  ทางไหนฉันก็ยอมทั้งนั้น  ขอแค่เจอตัวอาคิราห์ก็พอ”  ชายหนุ่มพูด  ยกมือขึ้นบีบขมับ

            “ผมเกรงว่ามันจะไม่ดีนะครับ  ระหว่างนี้อาจมีพวกสวมรอยมาหาประโยชน์ได้ครับ  ขอให้คุณพิชช์ฌานช่วยพิจารณาใหม่อีกทีครับ”  คนสนิทค้าน

            นักการเมืองหนุ่มนิ่งไปนานแล้วถอนหายใจยาว

            “นายพูดถูก  ฉันใจร้อนเอง  ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยประสายงานอย่างเงียบเชียบที่สุด  ระหว่างนี้ฉันจะไปคุยกับผู้ว่าฯ  เผื่อจะมีทางอื่น”  ชายหนุ่มก้าวยาวๆกลับขึ้นไปที่รถ  “อาคิราห์อาจจะไม่ได้ไปกับเรือลำนั้น  ...เจนภพ  นายลองไปถามหากล้องวงจรปิดตรงแถวหาดมาดู  เรื่องนักข่าวเดี๋ยวฉันจัดการเอง...ไปสิ”

            “ไม่ได้ครับ  ผมต้องติดตามคุณฌานอย่างใกล้ชิดครับ”  เจนภพท้วง  “คุณเพิ่งเกือบโดนลอบสังหารนะครับ”

            “ลอบสังหาร?  ไอ้ระเบิดนั่นน่ะเหรอ  เป้าหมายไม่ใช่ฉันหรอก”

            “ยังไม่แน่นะครับ  ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากตัวผมเอง  ขอให้ผมได้ติดตามคุณไปเถอะครับ”  เจนภพพูดเสียงหนักแน่น  “เรื่องคุณอัยย์หายตัวไปก็สำคัญ  แต่ชีวิตของคุณฌานสำคัญกว่านะครับ”

            พิชช์ฌานอึ้งไป

            “ไม่มีใครสำคัญกว่าใครหรอก  เราสำคัญเท่าๆกัน...ถ้าอย่างนั้นนายก็ตามฉันมา  ฉันจะไปพบผู้ว่าฯ”

            บ้านพักของท่านผู้ว่าฯเปิดไฟสว่างทั่ว  ท่านดูตกอกตกใจไม่น้อยตอนที่พิชช์ฌานเข้าไปขอความช่วยเหลือ  สีหน้าชายหนุ่มร้อนใจจนผู้ใหญ่พลอยเป็นกังวลไปด้วย

            “ลุงจะให้คนช่วยออกตามหา  ไม่ต้องห่วงนะถ้ายังอยู่ในเขตนี้ล่ะก็  ยังไงก็หาเจอแน่นอน”  ชายวัยกลางคนพูดเนิบๆ  “มาที่นี่ทำไมไม่บอก  ไม่เจอหน้ากันนานแล้วนะเจ้าฌานตั้งแต่สมัยเรียนจบมหาลัย  งานแต่งเมียลุงก็ไม่ได้ไปเพราะติดดูงานอยู่ต่างประเทศ”

            “ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับ”  ชายหนุ่มตอบ  หน้าจ๋อยสนิทอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  คนมองถึงกับหัวเราะเบาๆ

            “เป็นห่วงมากรึ  เมียโอเมก้าคนนี้...เห็นทีจะมีดีสินะ”

            “ผม...” พิชช์ฌานพูดไม่ออก  นั่งบีบมือตัวเองด้วยสีหน้าคล้ำเครียด  นัยน์ตาก็เหลือบมองนาฬิกาตลอดเวลา  นับถอยหลังที่จะตามหาคนที่หนีไปดื้อๆ

            “เอาเถอะ ...ใจเย็นๆ  ลุงจะช่วยปิดข่าวเอาไว้ก่อนจนกว่าจะเจอเมียก็แล้วกันนะ”

            “ขอบคุณครับ”

            พิชช์ฌานกลับออกมาจากบ้านท่านผู้ว่าฯ ข่าวจากคนของเขาที่กระจายตัวออกตามหาก็ยังไม่มีข่าวมาเลย  เจนภพเองก็ติดต่อหาวีดีโอกล้องวงจรปิดมาดูจนได้

            “เห็นแค่มุมนี้ครับ  หลังไวๆ  น่าจะเป็นคุณอัยย์”   เจนภพชี้นิ้วไปบนหน้าจอให้เจ้านายดู  ร่างโปร่งบางเดินแกมวิ่งไปทางตึกแถวข้างๆที่เป็นร้านค้า  “แถวนี้เป็นร้านขายของที่ผมพาคุณอัยย์ไปซื้อชุดว่ายน้ำครับ”

            “ตอนนั้นอาคิราห์แวะร้านไหนบ้าง”

            ชายหนุ่มพูด  ก้าวยาวๆขึ้นรถสั่งให้ขับไปจอดที่หน้าตึกแถวแห่งนั้น  ร้านรวงพากันปิดไปหมดแล้ว  บางร้านก็ปิดประตูเหล็กจนมองไม่เห็นด้านใน  พิชช์ฌานก้าวผ่านร้านขายชุดว่ายน้ำไปยังร้านข้างๆ

            “ปิดร้านไปหมดแล้ว  อาคิราห์ไม่น่าจะมาที่นี่”  ชายหนุ่มพูดอย่างครุ่นคิด  “เขาจะมาที่นี่ทำไมกัน  หรือว่าเป็นแค่ทางผ่านไปทะลุที่ไหน”

            “ข้างหลังนี้เป็นกำแพงติดกับถนนข้างหลังครับ  ไม่น่าจะไปไหนได้ถ้าไม่ได้ขึ้นรถ”

            “..................”  พิชช์ฌานเงียบ  เวลาที่ผ่านไปทำให้ความหวังของเขาเริ่มลดลงทุกที  ขนาดคนของผู้ว่าฯก็ยังหาไม่เจอ  แล้วเขาจะไปพลิกแผ่นดินตามหาอาคิราห์ได้ที่ไหนกัน

            ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง  ทำไมถึงได้ใจร้ายนัก  ทิ้งกันได้ลงคอเชียวเหรอ...นัยน์ตากลมโตปรากฏขึ้นในความคิดโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม  ที่ทำเป็นดีด้วยก็เพราะจะหาทางหนีทีหลังแบบนี้งั้นหรือ  เพียงแค่คิดชายหนุ่มก็ปวดหนึบไปทั้งใจ  ไหนจะลูกของเขาที่อยู่ในท้องของอีกฝ่ายอีก

            เล่นหายไปทั้งแม่ทั้งลูกแบบนี้  แล้วเขาจะทำอย่างไรล่ะ ...อยากทรุดตัวลงนั่งที่พื้นเพราะหมดแรงเต็มที  แต่ว่าชายหนุ่มก็หักห้ามใจเอาไว้  เขาไม่สมควรแสดงความอ่อนแอออกมาให้ลูกน้องเห็น  อาการคลื่นเหียนถูกกดข่มเอาไว้ภายในเพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องคิดทำ

            เกือบจะถอยกลับอย่างหมดหวังแล้ว  ตาเขาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรบนประตูกระจกที่อยู่หน้าร้านที่ห่างออกไปไม่มากนัก  ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปโดยเร็ว  ข้อความบนนั้นทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ  เขาร้องเรียกมือขวาทันที

            “เจนภพ  ....ติดต่อคุณธีรดลเร็ว  ฉันอยากได้ข้อมูลผู้ค้าของบริษัทที่เช่าห้องนี้  ด่วนที่สุด”

            ...บริษัทรับจัดหางานโอเมก้า?...เป็นไปได้ไหมว่านี่จะเป็นที่ๆอาคิราห์มา  ชายหนุ่มเม้มปากครุ่นคิดหนักหน่วง  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะยังอยู่ข้างในตึกนี้ก็เป็นได้

            เขาเกือบจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดหวังตอนที่ตามตัวคนของบริษัทรับจัดหางานโอเมก้ามาเปิดประตูห้องให้เข้าไปสำรวจข้างใน  มันว่างเปล่าและมืดทึมไร้คนอยู่จริงๆตามที่พนักงานบริษัทบอก

            “ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้วครับ  ไม่มีใครอยู่จริงๆ”  พนักงานโอเมก้าคนนั้นพูดเรียบๆ ยืนยันกับเขาเสียงแข็ง  “ผมไม่ได้โกหก  พวกคุณมาหาใครกันผมไม่เข้าใจ”

            “ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าหาใครหรือว่าอะไร”  พิชช์ฌานที่ยืนนิ่งอยู่พูดขึ้น  ก้าวเข้าไปหาโอเมก้าคนนั้นอย่างกดดัน  “เธอคิดว่าฉันมาหา ‘ใคร’ งั้นหรือ”

            “ก็...ผมเห็นคุณมาค้นบริษัทผม  ผมก็ต้องเข้าใจว่าหาคนสิครับ”

            “ฉันอาจจะหาของก็ได้ไม่ใช่หรือ  เอาล่ะโอเมก้า...พูดความจริงมา  ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”

            “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”

            “เธอชื่อวีรัตน์สินะ  ....คู่ของเธอคืออัลฟ่าสตีเฟนที่ทำงานบริษัทนี้แล้วก็ส่งของทะเลออกนอกด้วยใช่มั้ย  ได้ยินว่าเขามีเรือหลายลำ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  เอื้อมมือไปแตะที่ติ่งหูของโอเมก้าอย่างคุกคาม  “อยากให้ฉันบุกตรวจเรือของสามีเธอไหม  ฉันว่าเขาน่าจะมีของหนีภาษีนะ”

            “ของหนีภาษีอะไร....เขาทำงานสุจริต  คุณถอยออกไปนะ”

            พิชช์ฌานปล่อยมือแล้วเดินกลับไปที่รถ  เจนภพขยับเขามาแทน  เขาแตะที่เอวของตัวเองพอให้อีกฝ่ายรู้ว่าพกอะไรอยู่  จากนั้นก็ถามเสียงต่ำ

            “จะยอมบอกดีๆหรือต้องให้ผมระเบิดเรือคุณทิ้งก่อนสักลำสองลำพร้อมกับสามีคุณครับ”

            ข่าวที่เค้นมาจากโอเมก้าคนนั้นทำให้พิชช์ฌานกัดฟันแน่น  หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  ทุกอย่างมันจะยิ่งเลวร้ายและแผ่วงกว้างเกินกว่าที่เขาจะจัดการได้  มีความเป็นไปได้สูงว่าอาคิราห์อาจจะออกนอกประเทศไปทางเรือแล้ว

            “เราต้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศ”  ชายหนุ่มพูดขึ้นช้าๆ  “เรื่องต้องถึงหูพ่อของอาคิราห์แน่”

            “เรื่องใหญ่มากๆเลยครับ  อาณาเขตน่านน้ำสำคัญมาก  อาจจะเกิดสงครามได้เลยถ้าฝั่งนั้นเข้าใจผิดในกรณีที่เราบุกไปโต้งๆ”  เจนภพตามความคิดของเจ้านายทันแล้ว  “ยังไงก็ต้องถึงหูท่านนายกฯครับ  แต่ว่าชื่อเสียงคุณฌานคง....”

            “ฝ่ายนั้นเล่นฉันพังยับแน่ๆ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “ถึงขั้นเมียหนีออกนอกประเทศไปแล้ว  ฉันต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส...”  ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  ยกมือขึ้นลูบใบหน้า  เขาไม่ได้นอนมาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วตอนนี้  “เจนภพ  ปล่อยข่าวว่ามีคนระเบิดห้องพักหวังทำร้ายอาคิราห์  น่าจะเป็นพวกอนุรักษ์ฯโอเมก้า  ส่วนตอนนี้อาคิราห์ปลอดภัยแล้วอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบไอ้บริษัทหางานโอเมก้าเฮงซวยอะไรนี่ด้วย  บอกไปว่าสงสัยมีการค้ามนุษย์ข้ามชาติ  ทำให้เป็นข่าวใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้” 

            “คุณพิชช์ฌานครับ”  เจนภพท้วง  แค่ฟังก็รู้ว่าคงเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ  เผลอๆผลลัพธ์ของมันอาจจะรุนแรงเกินกว่าที่พิชช์ฌานจะรับไหวก็เป็นได้  “เรายังไม่รู้ว่าธุรกิจนี้เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลคนไหนบ้างนะครับ  พรรคของเราอาจจะกระทบ..”

            “ฉันคิดดีแล้วเจนภพ ...ถ้าจะพังก็ต้องพังกันไปข้างนี่ล่ะ”  นักการเมืองหนุ่มตอบ  ลืมตาขึ้นมองขอบฟ้าที่เริ่มปรากฏสีทองจางๆ  ใกล้รุ่งสางแล้วไม่รู้ว่าป่านนี้คนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกนั้นจะอยู่ที่ไหนในทะเลกว้าง

ได้แต่หวังว่าเราจะได้พบกันอีก  แม้ว่าเจ้าตัวอาจจะไม่อยากพบหน้าเขาก็ตาม

.....................................................................................

เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยเป็นภาษาท้องถิ่นดังขึ้นรัวเร็วเหนือศีรษะ  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองอย่างมีความหวัง  ขยับเข้าไปใกล้

            “ช่วยด้วย...ช่วย..”  อาคิราห์ส่งเสียงผ่านช่องว่างของตาข่ายออกไปเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่มาด้อมๆมองๆที่ด้านบนเหนือประตูไม้  เพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีกทว่ากลับมีมือหนักๆเอื้อมมาปิดปากของเขาเอาไว้

            “ชู่ว...ไม่ได้นะ  ถ้าถูกพบ...พวกเราจะตายกันหมด”  นิลกระซิบข้างหูเขาเบาๆ  “เงียบเถอะ”

อาคิราห์แอบมองผ่านช่องว่างของตาข่ายอวนลากปลาด้านบนอย่างผิดหวัง  เสียงฝีเท้าหนักๆทยอยจากไปแล้วหลังจากที่ชะโงกหน้าลงมาสำรวจใต้ท้องเรือที่เต็มไปด้วยปลากองใหญ่ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง  เจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่เห็นโอเมก้าเกือบสิบชีวิตที่นั่งซุกอยู่ด้านล่าง

ประตูไม้ถูกปิดลงตามเดิม  นิลปล่อยมือจากเขาแล้วถอยไปนั่งเงียบๆ  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถามทันควัน

“ถ้าถูกพบจะเป็นยังไง”

“พวกเขาจะจับพวกเราไปทารุณ”  อีกฝ่ายตอบเรียบๆ  “โอเมก้าที่หนีออกนอกประเทศแล้วถูกจับได้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ไร้เจ้าของ”

คนฟังอ้าปากค้าง

“แต่พวกเขาเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ”

“ไม่สำคัญเท่ากับพวกเราเป็นโอเมก้าหรอก”  แทมมี่ที่นั่งอยู่อีกฟากตอบกลับมา  “คิดว่าถ้าพวกเขาเจอเราแล้วจะส่งตัวพวกเรากลับบ้านง่ายๆงั้นเหรอ  ...อย่างน้อยก็คงถูกกักบริเวณให้อยู่บำเรอพวกมันอีกเป็นปีๆกว่าจะมีกำหนดส่งตัวกลับ”

“..............” อาคิราห์เงียบกริบ  เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าแม้แต่ผู้รักษากฎหมายอย่างเช่นตำรวจก็ยังไม่สามารถพึ่งพาได้ในสถานการณ์เช่นนี้

“มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว  กฎหมายเขียนเอาไว้เพื่อปกป้องคนที่แข็งแรงและรังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่คุ้มครองอย่างที่ควรจะเป็น  พวกเขาอาศัยช่องว่างของกฎหมายพวกนี้”

“ทำไมถึงไม่ยุติธรรมเลย”  ลูกชายของนายกรัฐมนตรีครางออกมา

“เพราะกฎหมายถูกเขียนโดยอัลฟ่าและเบต้า”  นิลตอบตรงเผ็ง  “กฎหมายคุ้มครองโอเมก้าที่ร่างโดยผู้กดขี่โอเมก้า  คิดว่ามันจะเป็นยังไง”

คนฟังนิ่งอั้นไปอีก

“ทำไมถึงไม่มีโอเมก้าคนไหนออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองบ้าง”

“แค่เอาตัวรอดไปวันๆก็หมดเวลาแล้ว  จะมีใครไปสนใจเรื่องนั้นกันล่ะ”  แทมมี่พูดกลั้วหัวเราะเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เรือจะเข้าเทียบท่า

รออยู่นานมากว่าประตูข้างบนจะถูกเปิดออกอีกครั้ง  คนบนนั้นใช้รอกลากเอาอวนปลาขึ้นไปทำให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้ามายังท้องเรือบ้าง  อาคิราห์รีบขยับตัวลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก  เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม

“ปีนขึ้นมา”  เสียงห้วนๆดังขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับมือที่เอื้อมลงมาฉุดที่คอเสื้อของเขาอย่างหยาบคาย  อาคิราห์เบี่ยงตัวหลบ  ปัดมือนั้นออกอย่างแรงจนเจ้าของมือจุ๊ปาก  “อย่าฤทธิ์มาก”

“อย่าทำรุนแรง”  เสียงของใครอีกคนที่อยู่ข้างบนนั้นเตือน  อีกฝ่ายฮึดฮัดแต่ก็ยอมให้อาคิราห์ปีนขึ้นมาเองแต่โดยดี

โอเมก้าที่เหลือทยอยกันขึ้นมายืนบนดาดฟ้าเรือ  รอบด้านของเขามืดสนิทลงแล้วแทบมองไม่เห็นลายฝ่ามือของตัวเอง  ผ้าห่มเหม็นๆโปะลงมาบนศีรษะและไม่ยอมให้เอาออก  มันเหม็นอับผสมกับกลิ่นคาวปลาจนอยากอาเจียนอีกรอบ

“เราต้องปกปิดกลิ่นน่ะ”  มิรินเดินเข้ามาหาเขาแล้วกระซิบเบาๆ  เธอเองก็มีผ้าผืนใหญ่คลุมอยู่เช่นกัน

พวกเขาเดินตามกันไปเรื่อยๆจากท่าเรือขึ้นไปบนฝั่ง  ได้ยินเสียงซุบซิบเป็นภาษาพื้นเมืองดังเบาๆอยู่รอบตัวมาจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่เป็นเงาตะคุ่มๆน่ากลัว  อาคิราห์ห่อตัวลงรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปจนชิดเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักมากขึ้น

นิลเองก็เงียบกริบ  แม้แต่แทมมี่ที่ดูจะพูดเก่งที่สุดก็ยังพลอยเงียบไปด้วย  พวกเขาเดินไปตามทางเดินแคบๆเหมือนตรอกเล็กๆจากตรอกนั้นทะลุไปตรอกนี้  พื้นดินชื้นแฉะกับโคลนเหลวๆเปื้อนขึ้นมาถึงข้อเท้า  อาคิราห์อุทานรีบเดินหนีพวกหนูตัวใหญ่ๆที่วิ่งตัดหน้าไปอย่างกระชั้นชิด  สภาพรอบกายเสื่อมโทรมเหมือนสลัมที่เขาเคยแต่จินตนาการยามได้ยินพี่เลี้ยงเล่าถึง

ไม่เคยนึกว่ามันมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ด้วย

“ถึงแล้ว”  อาคิราห์อยากจะอุทานออกมาตอนที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น  ทว่าบรรยากาศของ ‘สิ่งปลูกสร้าง’ ตรงหน้าทำให้เขาเข่าอ่อนกว่าเดิม  มันเหมือนอาคารร้างมากกว่าจะเป็นที่พักอาศัยอย่างที่พวกนั้นบอก

“ข้างในสภาพดีกว่านี้แน่ๆ”  มิรินพูดเหมือนปลอบใจตัวเองและเพื่อนๆไปพร้อมๆกัน

“อยู่ที่นี่ไปก่อน”  ผู้ชายตัวใหญ่ที่ดึงคอเสื้อเขาพูด  อาคิราห์กวาดตามองไปรอบๆห้องเล็กๆแคบๆที่เดินตามเข้ามา  สภาพมันไม่ต่างจากข้างนอกเท่าไหร่นัก  ภายในห้องมีฟูกบางๆวางเรียงรายเอาไว้ที่พื้นชิดมุมหนึ่ง  หน้าต่างเล็กๆมีลูกกรงติดอยู่ฝั่งตรงข้ามพอให้ระบายอากาศอับๆได้เล็กน้อย  ห้องนี้เล็กกว่าห้องน้ำที่บ้านของเขาด้วยซ้ำ  ไม่ต้องถามถึงว่าจะอยู่เข้าไปได้อย่างไรเกือบสิบคน

“ไหนบอกว่าจะมาต่อเครื่องที่นี่ไงล่ะ”  อาคิราห์ถามขึ้น

“มันไม่ได้ง่ายๆอย่างนั้นหรอกนะ  ตำรวจเดินให้ควั่กทั้งเมืองไม่เห็นเหรอ  อยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าจะถึงเวลา...อ้อ  อย่าพูดมาก  ถ้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่”  ประโยคหลังอีกฝ่ายตะคอกใส่หน้าเขาโดยเฉพาะ

อาคิราห์ผงะถอยหลังไปสองก้าว  คนพวกนั้นเดินกลับออกไปแล้วพร้อมกับปิดประตูลงกลอนเอาไว้จากด้านนอกอย่างแน่นหนา  โอเมก้าคนอื่นถอยจับจองฟูกของตัวเองบ้างก็ล้มตัวลงนอนราวกับไม่เดือดร้อนกับสถานที่นี้เอาเสียเลย  อาคิราห์กวาดตามองอย่างหวาดๆ เดินตามไปนั่งข้างๆเพื่อนใหม่ที่ดูน่าไว้ใจมากที่สุด

“เราต้องนอนที่นี่จริงๆเหรอ”  เขาถามนิลอีกครั้ง  เห็นฝ่ายนั้นกำลังใช้มือปัดแมลงออกจากที่นอนอย่างคล่องแคล่ว  แต่พออาคิราห์เห็นแมลงสีน้ำตาลเข้มตัวยาวรีได้ถนัดก็ตาเหลือก  รีบกระโดดลุกขึ้นยืนอย่างขยะแขยง

“เป็นอะไรไป  ก็แค่แมลงสาบ”  นิลพูดห้วนๆเหมือนรำคาญ  “นอนที่นี่ก็ดีแล้วนี่  มีฟูกกับเครื่องนอนพร้อม  ห้องน้ำก็มี  ดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก”

“เราต้องอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่”  เขาพูดเสียงเครือโดยไม่ตั้งใจ  แต่แค่คิดว่าต้องนอนที่นี่จริงๆก็น้ำตารื้นแล้ว  คิดถึงเตียงนอนนุ่มๆและห้องสะอาดสะอ้านที่บ้านขึ้นมาจับใจ

“ก็จนกว่าจะได้ต่อเครื่อง”  แทมมี่ตอบกลับมาแทน  “จะนอนหรือไม่นอนล่ะหนู  ถ้าไม่นอนฉันขอผ้าห่มนะ”

“นอนสิ...นอน”  อาคิราห์รีบตอบ  ดึงผ้าห่มไปกอดเอาไว้แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกอย่างแรง  เขาสะดุ้งเฮือกเพราะฟูกมันบางมากเสียจนเหมือนนั่งลงไปกับพื้น  หมอนก็เป็นหมอนสี่เหลี่ยมแข็งๆที่ไม่มีทางนอนสบายอย่างแน่นอน  และดูเหมือนว่าจะไม่เคยซักเลยสักครั้ง

ทว่าโอเมก้าคนอื่นกลับล้มตัวลงนอนหลับไปอย่างง่ายดาย  บางคนก็หลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ล้างเอากลิ่นคาวปลาเหม็นเน่าพวกนั้นออกจากตัวเลยด้วยซ้ำ  อาคิราห์นั่งกอดเข่าพิงกำแพงทอดสายตามองรอบตัวอย่างหมดแรง  ยิ่งสังเกตก็ยิ่งเห็นความสกปรกเลอะเทอะ  ที่นี่มันยิ่งกว่ารูหนูเสียอีก

ภาพชีวิตสุขสบายแสนอิสระที่เมืองนอกพังทลายหายไปในพริบตา  ตอนแรกก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะโดนหลอกเข้าจริงๆ  ตอนเดินลงเรือมาก็ยังแอบฝันว่าคงจะไม่เหมือนอย่างที่คิดหรอก  แต่ยิ่งเวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้  ตอนที่นั่งกอดเข่าอย่างหมดหนทางอยู่ที่นี่  มันทำให้อาคิราห์ต้องยอมรับความจริงว่าเขาคิดผิด

แถมยังไม่รู้ว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไรด้วย

“มัวแต่นั่งอยู่นั่นแหละ  รีบไปอาบน้ำซิ”  ประโยคหลังของนิลอ่อนลงบ้างเล็กน้อย  คงเพราะเห็นเขากำลังนั่งปาดน้ำตาอยู่เงียบๆกระมัง

“ไม่มีผ้าขนหนู”  อาคิราห์พูดแกมสะอื้นเบาๆ  คนฟังเลิกคิ้วเหมือนแทบไม่อยากเชื่อ

“ก็ใช้เสื้อเช็ดเอาสิ  ผ้าคลุมนี่ก็ได้มั้ง”  ผ้าคลุมที่คลุมหัวมาตอนแรกนั่นน่ะรึ  มันเหม็นจนเขาเขวี้ยงทิ้งไปตั้งแต่แรกที่เข้ามาในนี้แล้ว  อาคิราห์เบ้ปากรับผ้าอีกผืนของเพื่อนมาอย่างจำใจ  ลุกขึ้นเดินลากเท้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ริมสุด

ยืนต่อแถวรอคิวจากโอเมก้าอีกสองคน สองคนนั้นก็ดูจะไม่สนใจอะไรเขาเลย  ยืนนิ่งๆทื่อๆเหมือนหุ่นยนต์หรือไม่ก็คนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต

อาคิราห์สะดุดใจ  เขายืนกวาดตามองไปรอบๆห้องนั้นอีกครั้ง  โอเมก้าเหล่านั้นถึงจะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน  แต่ที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือแววตาที่คล้ายยอมรับต่อโชคชะตาของตัวเองแต่โดยดี  ไม่มีความขัดขืนหรือแม้แต่น้อยใจ  ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นและเป็นไปอยู่แล้ว

            “ถึงตาเธอแล้ว  เร็วเข้า”  เสียงแหลมเล็กดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับปลายนิ้วจิ้มมาแรงๆ  อาคิราห์สะดุ้งรีบเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ทำให้เขาตกใจมากกว่าเดิม

            มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแคบๆเท่าแมวดิ้นตาย  ขนาดเขาเป็นคนผอมก็ยังขยับตัวลำบาก   ส้วมแบบหลุมอยู่ข้างซ้าย  ส่วนข้างขวามีก๊อกน้ำที่คนก่อนหน้านี้เปิดน้ำทิ้งใส่ถังเอาไว้ให้  น้ำสีขุ่นคลั่กจนอาคิราห์ไม่แน่ใจว่ามันเอาไว้ใช้ทำความสะอาดตัวหรือจะยิ่งทำให้เนื้อตัวสกปรกมากกว่าเดิมกันแน่  แต่จะมองหาน้ำจากที่อื่นก็ไม่มีให้เห็นอีก  ชายหนุ่มเลยย่อตัวลงใช้ขันบุบๆตักน้ำขึ้นมาล้างมือกับเท้าพอให้สะอาดขึ้นกว่าเดิม

            จะเอาขึ้นมาล้างหน้าก็ทำใจไม่ลง  ยิ่งอาบน้ำทั้งตัวเหมือนอยู่ที่บ้านยิ่งไม่มีทาง  เขาตักน้ำราดๆแขนขาพอให้สดชื่นขึ้นแล้วก็รีบเปิดประตูกลับออกมา  มองเมินสบู่ก้อนเล็กๆเบี้ยวๆอย่างไม่ไยดี

            “ห้องน้ำเปื้อนมาก”

            “อืม”  นิลรับคำแล้วล้มตัวลงนอน  อาคิราห์จะปลุกขึ้นมาคุยต่อก็เกรงใจ  เขาล้มตัวลงนอนตรงกลางระหว่างนิลกับแทมมี่  ห่อตัวลงอย่างอึดอัดเพราะถูกแทมมี่เบียดเข้ามา

เสียงฝีเท้าและกลิ่นเหม็นๆลอยวนอยู่รอบตัว  อาคิราห์นอนเบิกตาค้างมองเพดานที่มีหยากไย่ประดับอยู่แทนที่แชนเดอร์เรีย  จนกระทั่งเขาผล็อยหลับไปเองด้วยความเหนื่อยอ่อน


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-04-2019 01:37:23





       เช้าวันรุ่งขึ้นเขาสะดุ้งตื่นตั้งแต่ท้องฟ้าข้างนอกยังไม่สว่างเพราะคนรอบตัวพากันขยับลุกโดยไม่มีนาฬิกาปลุก  อาคิราห์ต่อคิวเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เดินมานั่งกอดเข่าที่เดิมมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่เงียบๆ

“แล้วเราจะทำอะไรต่อ”

“ไม่รู้สิ  รอให้คนมามั้ง”

“หิวข้าวจัง”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นลูบท้องที่ร้องโครกคราก  เสียงกุกกักตามด้วยเสียงประตูข้างหน้าเปิดออกทำให้เขาผุดลุกขึ้น

“อาหารมาแล้ว”  เสียงห้วนๆดังขึ้นแบบไม่เห็นหน้า  ถุงกระสอบถุงใหญ่ถูกเหวี่ยงเข้ามาภายในห้องจากนั้นประตูก็ปิดลงอีก  อาคิราห์ถลันเข้าไปยืนจนชิดถามเสียงดัง

“เมื่อไหร่เราจะได้ออกไป”

“จนกว่าทุกอย่างจะพร้อม”  เงาตะคุ่มล็อคประตูตามเดิมแล้วถอยออกไป

อาคิราห์หันกลับมาดูถุงกระสอบกลางห้องที่ตอนนี้มีเหล่าโอเมก้าเข้าไปยืนมุงอยู่เต็ม  ขนมปังก้อนเหมือนที่กินบนเรือกับอาหารกระป๋องและน้ำดื่มขวดเล็กถูกแย่งชิงกันอย่างรวดเร็วจนอาคิราห์หยิบไม่ทัน  เหลือเพียงขนมปังก้อนสุดท้ายกับน้ำดื่มที่หกไปครึ่งขวดอยู่ที่ก้นกระสอบ

ทุกคนก้มหน้าก้มตากินกันอย่างหิวโหยไม่มีใครสนใจใคร  อาคิราห์น้ำตาคลอก้มลงหยิบขนมปังแห้งกรังก้อนนั้นขึ้นมากัด  น้ำในขวดที่เหลือมีพอไม่ถึงสองอึกด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มถอยกลับไปนั่งที่เดิมแล้วกล้ำกลืนขนมปังชิ้นนั้นจนหมด

ความแห้งฝืดของมันทำให้เขาติดคอ  น้ำดื่มที่เหลือติดก้นขวดถูกส่งมาให้เขาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณมาก”  เขาพึมพำตอบนิล  รับมาดื่มจนแทบหยดสุดท้าย  เพิ่งรู้ซึ้งถึงคุณค่าของอาหารสามมื้อที่บ้านก็ตอนนี้เอง  ขนมปังชิ้นเล็กกว่ากำปั้นไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย  อากาศที่เริ่มร้อนจัดและอุดอู้ก็ทำให้กระหายน้ำมากกว่าเดิม  อาคิราห์แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง  นึกสงสัยว่าพวกเขาจะต้องมาติดอยู่ที่นี่จริงๆหรือ

ลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบๆห้องแคบๆนั้นอีกครั้งหนึ่ง  เหล่าโอเมก้าที่เหลือบ้างก็ล้มตัวลงนอนตามเดิม  บ้างก็นั่งนิ่งๆเหมือนไม่มีอะไรจะทำมากไปกว่านั้นเริ่มหันมองตามอาคิราห์  ชายหนุ่มลองขยับที่ประตูไม้หนาหนักข้างหน้าดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเกินความสามารถที่จะพังมันออกไป

เขากลับมาดูที่ลูกกรงหน้าต่างเล็กๆแคบๆนั้นอีกครั้ง   มันเล็กเกินกว่าที่ใครจะปีนออกไป  ลูกกรงก็หนาฝังแน่นกับผนังปูนยากที่จะทำให้หลุดออกได้  เดินวกกลับไปสำรวจในห้องน้ำซึ่งปิดทึบทุกด้านแล้วก็กลับมานั่งกอดเข่าตามเดิม  ไม่มีทางออกอื่นที่เขาจะหนีออกไปได้เลย

หันไปมองเพื่อนๆคนอื่นที่นั่งมองเขาอย่างเฉยชาแล้วก็พูดขึ้นดังๆ

            “ไม่มีใครคิดจะหนีออกจากที่นี่เลยงั้นหรือ”

            “...............”

            “เราจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่”

            เงียบเหมือนพูดกับความว่างเปล่า  ทุกคนมองตอบกลับมานิ่งๆแล้วก็เมินมองไปทางอื่น

            “จะหนีไปไหน  ข้างนอกนั่นเผลอๆจะอันตรายกว่าอยู่ในนี้เสียอีก”  นิลพูดขึ้นเรียบๆ  อาคิราห์เหลียวไปมอง

            “รู้ได้ยังไงว่าอันตรายกว่าอยู่ในนี้”

            “ปกติโอเมก้าเดินตามถนนก็น่ากลัวอยู่แล้ว  นี่พวกเราลักลอบเข้ามาอีก...คิดว่ายังไงล่ะ”

            “แล้วเราจะทนอยู่ที่นี่น่ะเหรอ”

            “อย่างน้อยก็ยังไม่มีอัลฟ่าป่าเถื่อนที่ไหนมาลากออกไปก็แล้วกัน”

            “รู้ได้ยังไงว่าจะไม่มี”  อาคิราห์พูดอย่างโมโห  “เราติดอยู่ที่นี่  จะเป็นยังไงต่อก็ไม่รู้  เราต้องหนีออกไปจากที่นี่นะ”

            “หนีไปไหน  เธอรู้หรือไงว่าที่นี่ที่ไหนแล้วจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากใคร”  นิลย้อนกลับมาเรียบๆ  อาคิราห์อ้าปาก  “สถานทูตเหรอ?  ฝันไปหรือเปล่า”

            “ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ  ขอความช่วยเหลือคนอื่น”  ...ใบหน้าคมเข้มปรากฏขึ้นอีกครั้งในความทรงจำ  อันที่จริงอาคิราห์นึกถึงผู้ชายคนนั้นตลอดเวลาทั้งยามหลับยามตื่น  ยิ่งในตอนนี้ก็ยิ่งคิดถึงพิษฌานจับใจ  ปกติเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา  พิษฌานก็จะต้องโผล่มาช่วยเขาเสมอไม่ใช่หรือ  แล้วทำไมคราวนี้ถึงยังไม่มาล่ะ

            พิษฌานจะต้องมา...ต้องมาแน่

            “เราต้องส่งสัญญาณว่าเราอยู่ที่นี่  คนที่จะมาช่วยเราจะได้รู้ไงว่าเราอยู่ที่ไหน”

            “เธอจะบ้าหรือเปล่า”  นิลพูดเสียงแข็งขึ้นมาทันที  “ถ้าเธอทำแบบนั้น  ก็จะถูกคนในนี้นี่แหละฆ่าตายก่อนจะมีคนมาช่วยเสียอีก”

            คนฟังอ้าปากค้าง

            “ทำไมล่ะ”

            “พวกเราไม่มีใครอยากถูกจับได้หรอกนะ  ไม่มีใครอยากหนี...ไม่ได้อยากถูกช่วย  เพราะมันจะยิ่งแย่กว่าเดิม  เข้าใจหรือเปล่า  ตอนนี้เรายังไม่ตาย...มันก็ดีมากแล้ว”

            อาคิราห์สบตาคมที่แห้งผากไร้แววคู่นั้น   เขามองไม่เห็นความหวังอะไรเหลืออยู่ทั้งสิ้น  ราวกับคนๆนี้ทอดทิ้งอนาคตในมือให้ปล่อยไปตามเวรตามกรรม

            “บ้าหรือเปล่า”  เขาอุทานออกมา  “ลองดูห้องที่เราอยู่ตอนนี้สิ  ลองดูอาหารที่มันให้เรากินสิ  คิดว่ามันจะทำอะไรกับพวกเราต่องั้นเหรอ  มันไม่มีทางพาไปต่อเครื่องอะไรนั่นหรอก  พวกมันหลอกเรามาขังและเราต้องหนี...ก่อนที่จะตายเหมือนหมาอยู่ในคุกนี่”

            “เธอต่างหากที่ไม่เข้าใจอินตรา”  นิลพูด  “พวกเราไม่ได้โดนหลอก  ไม่มีใครโดนหลอกมา  หรือถ้าจะมีก็คงมีแค่โอเมก้าโง่ๆที่คิดว่าจะยังมีงานดีๆเงินดีๆรออยู่ที่ต่างประเทศจริงๆแค่นั้น”

            “อ้าว  แล้วพวกคุณมาที่นี่ทำไม”  อาคิราห์กระซิบ

            “เพราะ....”  ความว่างเปล่าในดวงตาของนิลทำให้คนมองขนลุก  หนาวสะท้านเข้าไปลึกถึงกระดูก ...เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าก่อนหน้านี้คนพวกนี้จะพบเจออะไรกันมาบ้าง  มันคงเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการไหว  พวกเขาถึงเลือกที่จะมาตายเอาดาบหน้าแบบนี้

            อาคิราห์นิ่งเงียบไปนาน  เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งแสงแดดจากข้างนอกกลายเป็นสีส้ม  มื้อเที่ยงผ่านไปเพราะไม่มีใครเอาอะไรมาให้อีก  เขานั่งกอดเข่าครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะพาตัวเองออกจากที่แห่งนี้ไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งมีเสียงไขกุญแจที่หน้าห้อง

            ผู้ชายคนเดิมสองคนก้าวเข้ามาข้างใน

            “สองคน”  เสียงห้าวๆพูด

            โอเมก้าที่นั่งอยู่ฝั่งติดประตูรีบลุกขึ้นทันทีแล้วเดินตามพวกเขาออกไปข้างนอกนั่น  อาคิราห์มองตามหลังอย่างสงสัย

            “พวกเขาไปไหนกัน”

            “ไม่รู้สิ”  นิลพึมพำแล้วล้มตัวลงนอนอย่างไม่สนใจ

            อาคิราห์ลอบถอนหายใจยาว  ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ  เขาเอาผ้าห่มของตัวเองเข้าไปด้วย  ล็อคประตูห้องน้ำเสร็จแล้วก็ก้มลงใช้โคลนที่พื้นป้ายบนผ้าห่มเป็นตัวอักษร SOS  แล้วพับซ้อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

            กลับมานั่งกอดเข่ารอเวลาจนเริ่มมืด  ผู้ชายสองคนนั้นกลับเข้ามาพาโอเมก้าออกไปอีกสองคน  อาคิราห์อยากลุกไปถามเหมือนกันว่าจะพาโอเมก้าพวกนั้นไปไหนแต่เกรงว่าจะยิ่งสะดุดตามากเกินไป  นึกเดาเอาว่าคงไม่ใช่ที่ๆดีเป็นแน่

            ตกดึกทุกคนทยอยล้มตัวลงนอนหลับกันหมด  อาคิราห์ค่อยๆดึงตัวลุกขึ้นแล้วเอาผ้าห่มม้วนเป็นแถวยาวๆยกขึ้นสอดผ่านซี่หน้าต่างลูกกรงออกไปข้างนอก  เสียงมันหล่นกระทบพื้นดังตุบ  ชายหนุ่มรีบกระถดตัวลงนอนตามเดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            เช้าวันถัดมากิจวัตรประจำวันก็ยังเหมือนเดิม  เพียงแต่ว่าตอนนี้อาคิราห์เพิ่มความเร็วในการฉกชิงเอาอาหารมาได้มากกว่าเดิมแล้ว  เขาแอบขโมยผ้าห่มของโอเมก้าที่ถูกพาออกไปนั้นมาเขียนตัวอักษรแล้วก็พับซ้อนเอาไว้รอเวลาที่จะหย่อนลงหน้าต่างเหมือนเมื่อคืน  ได้แต่ภาวนาขอให้ใครก็ตามที่ตามหาเขาอยู่ได้โปรดเจอเขาด้วยเถิด

            ถ้ามีใครตามหาเขานะ....

            เสียงไขกุญแจดังขึ้นตอนพลบค่ำตามด้วยร่างสูงใหญ่ผู้ชายสองคนนั้นก้าวเข้ามาในห้องเพื่อพาตัวโอเมก้าออกไปอีกสามคน   ตอนนี้เหลือแค่เขากับนิลและแทมมี่ที่เหลือในห้องแล้ว

            พวกเขาสบตากันในความมืด

            “เราจะถูกพาออกไปคราวหน้าแน่ๆ”  อาคิราห์พึมพำ  “คิดว่าพวกมันพาไปไหน”

            “อาจจะพาขึ้นเครื่องไปยุโรปก็ได้มั้ง”  แทมมี่พูดห้วนๆ  เธอดูอารมณ์ไม่ดีอีกต่อไป  อาคิราห์ดูออกว่าลึกๆแล้วเธอก็มีความกลัวแฝงอยู่ด้วยแม้จะฝืนทำท่าเหมือนไม่แคร์ก็ตาม  “ฉันนอนก่อนล่ะ  นั่งคิดไปก็เสียเวลา”

            “เราควรจะรีบหนีก่อนนะ”  อาคิราห์กระซิบข้างหูนิล  อีกฝ่ายส่ายหน้า

            “อย่าดีกว่า  เราควรรอออกไปกับพวกนั้น”

            “แน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่พาเราไปตายก่อนน่ะนิล  มันอาจจะพาไปยังที่ๆแย่กว่านี้อีกร้อยเท่าก็ได้นะ  ไม่มีอะไรรับรองเลยว่าที่ๆมันพาไปจะดีกว่าที่นี่”

            “ไม่มีอะไรรับรองเหมือนกันว่าหนีออกไปเองจะไม่ตายเปล่า”  นิลตอบสั้นๆ

            อาคิราห์เลยไม่พูดอะไรอีก  เขารอจนเพื่อนหลับสนิทดีแล้วก็แอบเอาผ้าห่มสามผืนที่เตรียมเอาไว้มาหย่อนลงไปจากลูกกรง  ผืนสุดท้ายเขาใช้วิธีผูกมันกับซี่ลูกกรงด้านนอกเสียเลย  ปล่อยให้ชายทิ้งปลิวไสวไปตามลม

            ใครก็ตามที่มองเห็นอาคารแห่งนี้ก็จะต้องเห็นผ้าห่มแน่ๆ

            “หยุดความคิดโง่ๆนั่นเถอะ”  เสียงห้วนจัดดังขึ้นข้างหลัง  ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร  อาคิราห์ถอนหายใจยาว

            “ผมรู้ว่ามันโง่  แต่ก็ดีกว่านั่งรออะไรก็ไม่รู้อยู่เฉยๆแน่  ผมจะสู้จนกว่าจะได้หนีออกไปจากที่นี่  ผมอยากกลับบ้านของผม  ป่านนี้คงมีคนตามหาผมให้ควั่กแล้ว”  อาคิราห์พูด

            “นั่นมันเรื่องของเธอ  แต่เธอจะให้เราซวยกันหมด”

            “ยังมีอะไรซวยกว่าติดอยู่ที่นี่แบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเหรอ”

            “มีสิ”  คนพูดตัวสั่นเล็กน้อย  “เธอเอาผ้าลงเถอะ  ถือว่าฉันขอ  ฉันเองก็ไม่อยากให้มันเลวร้ายไปมากกว่านี้หรอกนะ”  นิลระเบิดออกมาบ้างด้วยเสียงแหบเครือ  “รีบเอาลงมาก่อนที่พวกมันจะเห็น”

            “มันอาจจะเป็นทางเดียวที่จะพาเรากลับบ้านได้”

            “ฉันไม่มีบ้านให้กลับ”

            “ไปอยู่กับผม”  อาคิราห์พูดทันทีโดยไม่ต้องคิดซ้ำ  “ผมจะพาคุณไป...แทมมี่ด้วย  ...พวกเราทุกคนเลย”

            “ชีวิตเราจบสิ้นตั้งแต่เกิดมาเป็นโอเมก้าแล้วอินตรา...ไม่สิ  คุณอาคิราห์”  นิลพูด  คนฟังนิ่งไป  ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อจริงของเขา  เพียงแต่ไม่นึกว่าจะเรียกออกมาตรงๆ  “ชีวิตคุณไม่เหมือนโอเมก้าคนอื่น  คุณเกิดมาบนกองเงินกองทอง  ถึงเป็นโอเมก้าแต่ก็มีคนคอยปกป้องดูแล  คุณโชคดีกว่าพวกเราทุกคน  แต่ถึงกระนั้น...คุณก็ยังโหยหาอิสรภาพที่ไม่มีจริงในโลกโอเมก้า  ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็มอบให้ไม่ได้”

            “ไม่จริง...”  อาคิราห์สวนกลับ  “ยิ่งผมได้มาเห็นพวกคุณ  ได้รู้จักคุณ  ผมยิ่งรู้ว่าอิสรภาพของโอเมก้ามันเป็นไปได้  ถ้าพวกเราทุกคนลุกขึ้นมา  ไม่ใช่ปล่อยตัวเองไปตามโชคชะตานำพาแบบนี้”

            “คุณพูดได้เพราะคุณยังไม่เคยเจอ....  ถ้าคุณลองได้มีชีวิตอยู่ทั้งที่ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม  ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับใคร...”

            “เราทุกคนมีประโยชน์  ผมไม่ได้หมายถึงแค่ประโยชน์บนเตียงด้วย”  อาคิราห์พูดเสียงห้วนจัด

            “อย่าหลอกตัวเองเลยคุณอาคิราห์...คุณพูดได้แต่ว่าลึกๆแล้วคุณเองก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร  เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก  โลกนี้มันเป็นของอัลฟ่าและเบต้ามานานแล้วและก็จะเป็นต่อไป”

            “ถึงตอนนี้ ...ผมกล้าพูดว่าโอเมก้าต่ำต้อยในสังคมนี้นอกเหนือจากถูกกดขี่ขมเหงจากคนชั้นอื่นแล้ว  พวกเราเองก็ยังดูถูกตัวเองอีกด้วย  มันถึงยิ่งไปกันใหญ่ไงล่ะ”  อาคิราห์สูดน้ำมูก

            “คุณก็พูดได้สิ  คุณไม่เคยลำบากนี่”

            “แค่ที่เจอตอนนี้ผมก็เกินจะทนแล้ว  พวกคุณทนกันได้ยังไง  พวกเรา...โอเมก้าทนกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงผมไม่เข้าใจ  ผมโง่โดนบริษัทนี้หลอกมาผมยอมรับว่าผมโง่  แต่พวกคุณรู้ว่ามันหลอกแต่เต็มใจมาคืออะไรล่ะ  ชีวิตโอเมก้าในประเทศเรามันสิ้นหวังถึงขนาดนั้น...”  เสียงของเขาขาดหายไปเพราะรู้สึกที่จุกแน่นในอก  “ผมเห็นพวกคุณแย่งกันกินขนมปังเน่าๆนั่น  เลียน้ำจากพื้นโคลน  จับแมลงสาบมากิน   แต่พวกคุณบอกว่าที่นี่ดีแล้ว  ดีกว่าบ้าน  ไม่คิดจะหนีไปไหน  ให้ตายเหอะ...นี่มันเกินไปแล้วนะ”

            “....................”

            “ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าโอเมก้าคนอื่นชีวิตเป็นยังไง  แต่มาตอนนี้ผมรู้ซึ้งเลยล่ะ  เราใช้ชีวิตเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย  จะเป็นจะตายก็ช่าง...แล้วเรายัง...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆเหรอ”  เขารู้สึกขอบตาร้อนผ่าว  “ความฝันของผมคือไปเที่ยวรอบโลก  ไปกินอาหารมิชลินสามดาวให้ครบทุกร้าน  มีห้องสมุดเป็นของตัวเอง  ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระไม่ต้องกลัวอะไร...แล้วดูผมตอนนี้สิ  ผมติดแหงกอยู่ที่นี่กับความฝันที่ไม่มีวันเป็นไปได้  คุณคิดว่าเพราะอะไร”

            ห้องเงียบกริบ

            “ไม่สิ  ถามใหม่ว่าคุณมีความฝันบ้างมั้ย....โอเมก้าเรามีความฝันบ้างมั้ย  อะไรก็ได้นิล  ที่คุณอยากทำก่อนตายหรือว่าไม่มีเลย”  อาคิราห์ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาแรงๆ  คนตรงหน้าเงียบไปนานจนเขาหมดหวังที่จะรอคำตอบ

            “ฉันอยากเป็นนักบิน”  เสียงห้วนต่ำตอบกลับมา  อาคิราห์ชะงัก  คนพูดเงยหน้าขึ้นมองออกไปยังข้างนอกหน้าต่างนั้น  “ทุกครั้งที่ฉันมองขึ้นไปบนฟ้า  ฉันอยากขึ้นไปอยู่บนนั้น  แต่ความจริงก็คือฉันทำได้แค่แหงนมองมันตอนที่โดน...แค่นั้นเอง”

            “นิล..”

            “ไม่ถามฉันบ้างเหรอ”  เสียงทุ้มๆดังขึ้นใกล้ๆ  แทมมี่ลุกขึ้นมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  “ฉันอยากเป็นนักร้องที่สวยที่สุดบนเวที  อยากได้รางวัลนักร้องยอดนิยม  อยากมีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ต  ทุกคนจะต้องรู้จักแล้วก็ร้องเพลงของฉันได้ ...ฉันแอบซ้อมร้องเพลงในห้องน้ำทุกวันเลยนะ”

            อาคิราห์น้ำตาไหลอาบแก้มพูดไม่ออก  ได้แต่พยักหน้ารับฟังความพูดของเพื่อนโอเมก้าที่เหลืออยู่ทั้งสองคน  พวกเขาร้องไห้ออกมา  โอบกอดกันและกันเอาไว้แน่น   ความหดหู่หมดหวังลอยวนและถูกแทนที่ด้วยกำลังใจอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

            “เราต้องอยู่จนถึงวันนั้น  เราต้องเปลี่ยนมัน”  อาคิราห์พึมพำ  “เราต้องออกไปจากที่นี่”

            “เราจะออกไปยังไง”

            พอสงบสติอารมณ์ลงได้  พวกเขาก็มานั่งครุ่นคิดหาวิธีกันต่อ  แผนผ้าห่มคงช่วยอะไรไม่ได้มาก  ทางที่จะหนีรอดก็คือต้องยอมออกไปกับพวกนั้นก่อนแล้วค่อยหาทางหลบหนีอีกที

            “คิดว่าพวกมันพาไปไหน”

            “พาไปขายแน่นอน”  แทมมี่ตอบแบบไม่ต้องคิด  “ที่เกาะนี้ขึ้นชื่อเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว  เราต้องหาทางติดต่อสถานทูตอย่างที่อาคิราห์บอก  ยังไงตอนนี้ทุกคนก็ต้องตามหาเธอแน่ๆ”

            “คิดว่าพวกมันจะจำผมไม่ได้เชียวเหรอ”  อาคิราห์พูดช้าๆ  “ผมว่ามันน่าจะจำผมได้นะ  แต่ว่าที่ยังไม่ทำอะไรตอนนี้เพราะรออะไรสักอย่างอยู่”

            “ฉันเห็นด้วยกับคุณอาคิราห์”  นิลพูดขึ้นบ้าง  “ขนาดฉันไม่ค่อยได้ดูข่าวยังจำคุณได้เลย  แล้วสามีคุณเขาเป็นอย่างไรบ้าง  ...เขาทำร้ายคุณเหรอ”

            “เปล่า...เขาดีกับผมมาก”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ  นึกถึงหน้าของพิษฌานขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วก็ฝืนกดข่มอารมณ์ลงไปตามเดิม  “ผมหนีออกมาเอง”

            “มีคนมา”  แทมมี่กระซิบ  ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินใกล้เข้ามาถึงหน้าประตูไม้จนกระทั่งหยุดนิ่ง  เสียงไขกุญแจเปิดประตูออกตามด้วยผู้ชายสองคนก้าวเข้ามา

            “สามคน  ออกมา”  พวกมันพูดสั้นๆเหมือนเดิม  อาคิราห์หันไปสบตาเพื่อนที่เหลือแล้วลุกขึ้นเดินตามหลังคนพวกนั้นออกมาข้างนอกอาคารที่มืดสลัว  แทมมี่กับนิลเดินประกบอยู่ข้างตัวเขาเงียบๆ  สอดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่

            อาคิราห์คิดจนหัวแทบระเบิด  พวกเขาไม่มีอาวุธอะไรเลยขณะที่ผู้ชายสองคนนั้นน่าจะพกปืนอยู่ข้างเอว  เขาเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาก็จริงแต่ว่าคงจะสู้ปืนไม่ได้แน่  อย่างมากก็แค่ทำให้เกิดช่วงชุลมุนแล้วหลบหนีเท่านั้น  ติดตรงที่เมืองนี้เขาไม่รู้หนทางเลย  มองไปทางไหนก็มีแต่ตรอกมืดๆแคบๆเต็มไปหมด

            พวกเขามาถึงด้านหลังอาคารแห่งหนึ่งที่ปิดประตูสนิท  ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยดังออกมาจากอีกฟากของตึกแว่วๆ ราวกับเป็นคนละโลกกับข้างหลังตึกนี้  มีคนมาเปิดประตูออกแล้วเบี่ยงตัวหลบให้พวกเขาเข้าไปด้านใน

            มันเป็นห้องแคบๆทึมๆที่ประดับด้วยโคมไฟเป็นระยะ  อาคิราห์ถูกผลักให้ขึ้นไปบนบันไดเล็กๆชันๆ เขาจับราวบันไดเอาไว้แน่น  เดินตามแทมมี่ขึ้นไปจนถึงชั้นสาม

            “สองคนห้องนี้  หนึ่งคน..ห้องนี้” อาคิราห์อ้าปากจะค้านแต่ถูกผลักเข้าไปในห้องอีกห้องอย่างไม่ปรานีปราศรัย  ได้ยินเสียงแทมมี่กับนิลอุทานเช่นกันก่อนจะประตูจะปิด

            มันเป็นห้องอาบน้ำ  อาคิราห์กวาดตามองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวแกมหวาดวิตก  อ่างอาบน้ำมีฟองฟอดเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้วราวกับรอให้คนลงไปขัดสีฉวีวรรณข้างใน  ชายหนุ่มเม้มปากมองหาทางหนีออกจากที่นี่

            “ลงไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะ”  เสียงคุ้นหูดังขึ้น  อาคิราห์หันขวับไปมอง  เขาเจอมิรินยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือ  “ล้างตัวเอากลิ่นคาวพวกนี้ออก”

            “ผมไม่..”

            “เชื่อฉัน...อย่าขัดขืนเลย”  เธอกระซิบแล้วก้าวเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับลงมือถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างชำนาญ  อาคิราห์ร้องลั่นถอยหลังไปหลายก้าว  “เธอคงไม่อยากเจ็บตัวหรอกนะ”

            “คุณจะทำอะไร พาผมมาที่นี่ทำไม”

            “มาส่งให้ ‘ท่าน’”  เธอตอบสั้นๆ

            “ท่านไหน”

            “ฉันก็ไม่รู้  ฉันรับคำสั่งมาแค่ทำความสะอาดตัวเธอแค่นั้น”  โอเมก้าที่อาคิราห์เคยลงความเห็นว่าหน้าตาน่ารักตอบกลับมา  “เธออย่าต่อต้านเลยนะ  ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ”

            “คุณกำลังทำร้ายผมมิริน   แล้วเพื่อนผมอยู่ไหน  ห้องข้างๆหรอ”

            “สองคนนั้นไม่ได้ถูกเลือก  ก็ต้องไปตามนั้น”  เธอยักไหล่แล้วล้วงเข้าไปหยิบมีดพับขึ้นมากางออก  อาคิราห์ชะงัก  จ้องปลาบมีดคมวับเป็นมันปลาบไม่วางตา

            “คุณเองก็เป็นโอเมก้า  ทำไมถึงทำแบบนี้กับโอเมก้าเหมือนกันล่ะครับ”

            “โอเมก้ามีทางเลือกด้วยเหรอ”  มิรินตอบกลับมา ขยับมีดในมือ  “อย่าเสียเวลาเลยอินตรา  ลงไปในอ่างซะ”

            อาคิราห์ไม่มีทางเลือก  เขาจำต้องยอมลงไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำนั้น  กลิ่นคาวปลาเหม็นอับถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสบู่หอมอ่อนๆเหมือนดอกไม้  ชายหนุ่มล้างตัวเสร็จแล้วก็รีบขึ้นมาจากอ่าง  มิรินให้เขาเช็ดตัวแล้วส่งชุดใหม่มาให้  มันเป็นชุดยาวๆเหมือนกี่เพ้าแต่ผ่าสูงสองข้างถึงโคนขาอ่อน

            “นี่มันชุดผู้หญิง”  อาคิราห์ท้วง

            “ท่านให้คุณใส่ชุดนี้”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ทำท่าจะหยิบมีดอีก  อาคิราห์เลยยอมรับมาสวมแต่โดยดี  มันหลวมเล็กน้อย

            “ไม่มีชั้นในเหรอ”

            “ไม่จำเป็น”

            มิรินพาเขาไปยังอีกห้องหนึ่งข้างๆกันนั้น  อาคิราห์รีบพูดรัวเร็ว

            “ผมขอเข้าห้องน้ำก่อน  ผมปวดท้อง....คุณก็รู้  ผมต้องเข้าห้องน้ำ”  ชายหนุ่มพูดย้ำ  อีกฝ่ายมีท่าทางอิดออดแต่ก็ยอมให้เขากลับไปเข้าห้องน้ำ  เธอเข้ามายืนเฝ้าเขาด้วยข้างๆราวกับไม่ยอมให้คลาดสายตา  “คุณไม่เหม็นเหรอ  ผมปวดหนักนะ”

            “รีบๆทำธุระให้เสร็จ  ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”

            อาคิราห์เม้มปาก  เขาทำธุระเสร็จแล้วก็มายืนล้างมือที่อ่างล้างหน้าช้าๆจนอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด  ชายหนุ่มคว้าเอาที่รองสบู่ทำด้วยแก้วขึ้นมาปาเฉียดหน้าของมิรินไป  เธอหันหลบตามสัญชาตญานจากนั้นเขาก็ใช้แจกันที่ประดับดอกไม้ข้างๆฟาดลงไปบนท้ายทอยของเธอเต็มแรง

            อีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น  อาคิราห์ขยับตัวจะคว้ามีดพับทว่ามือของเธอก็เหนี่ยวข้อเท้าของเขาเอาไว้แล้วดึงจนหน้าคะมำ  ชายหนุ่มอุทานฟุบลงไปคว่ำกับพื้น

            “ฉันไม่อยากทำร้ายเธอนะ  ลุกขึ้นมาดีๆ”  เธอขู่ข้างหู  ดึงตัวอาคิราห์ลุกขึ้นมายืนโดยมีมีดพับจี้อยู่ที่หลัง  เขาเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างจำใจ   ข้างในห้องนั้นเหมือนห้องพักที่โรงแรมหรูๆสักแห่ง  เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนแท่น  แสงจากโคมไฟหัวเตียงมืดสลัวได้บรรยากาศ  อาคิราห์ได้กลิ่นควันหอมๆมาจากเทียนที่วางประดับอยู่  เขามองหาสิ่งที่พอจะมาใช้แทนอาวุธป้องกันตัวได้

            ผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่กลางห้อง

            .....................................................................................

           

 

            มาอัพต่อแล้วจร้า

            กำลังมันส์55555

            เจอกันตอนหน้านะคะ  จะรีบมาต่อเร็วๆนี้

            #ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: fdcjsy ที่ 13-04-2019 02:16:05
กำลังสนุกเลยย ยย  อยากอ่านต่อแล้ว555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2019 02:19:15
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-04-2019 03:26:45
ท่านที่ว่าเนี่ยท่านไหนว่ะ โอ๊ยแล้วนิลกับแทมมี่ตะเป็นอะไรหรือเปล่าขอให้ปลอดภัยด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-04-2019 03:33:28
 :เฮ้อ: รันทดมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 13-04-2019 04:35:52
ค้างงงงเลย :z3:
 :katai1:
 :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-04-2019 04:46:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-04-2019 07:51:25
ทำตัวเองแท้ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 13-04-2019 10:29:41
ทำตัวเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 13-04-2019 10:40:05
ขอให้ปลอดภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-04-2019 11:29:46
 :hao7: :hao7:
ไรท์รีบมาาา..
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-04-2019 11:54:42
ออกมาเจอโลกครั้งนี้อัยย์ได้รู้แล้วว่า ตัวเองถูกดูแลดีขนาดไหน แล้วถ้ารอดปลอดภัยกลับไปคงทำให้อัยย์มีเป้าหมายชีวิตมากขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-04-2019 17:57:08
จะทำ อะไรก็ทำกันไป

แต่อย่าให้หลานฉันแท้งหลุดออกมา

ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะไม่ให้อภัยอัยย์เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 13-04-2019 18:19:11
……

อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อาคิราห์มาสนใจการเมือง ที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อโอเมก้า

แล้วทางฝ่ายพ่อถ้ารู้เรื่องนี้จะร่วมมือกับพิษฌานมาช่วยไหมนะ

………


 :katai4:  :katai5:   :katai4: :katai5:  :katai4:  :katai5:   :katai4:  :katai5: :katai4: :katai5:



……
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 13-04-2019 18:39:52
เนี่ยเห็นไหมมันเลวร้ายกว่าที่คิดมากเลย ตาพิษจะมาช่วยหนูทันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-04-2019 19:38:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-04-2019 22:54:42
นายพิษจะมาช่วยทันไหม เครียดเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-04-2019 23:13:56
ถ้าหนูอัยย์รอดไปได้อย่างปลอดภัย ควรจะสมัครลงเลือกตั้งนะ ความคิดดี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 14-04-2019 07:56:54
ทำตัวเองทั้งนั้น  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 14-04-2019 14:24:25
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ไม่อยากให้จบแฮปปี้ แบดเอนด์น้องก็ไม่ติดนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-04-2019 16:06:59
โอ๊ยยย บีบหัวใจมากค่ะ อัยย์รู้ตัวเมื่อสายไปแล้วนะ
หวังว่าท่านที่ว่า จะเป็นมิตรมากกว่าศัตรู กลัวใจเหลือเกิน

สงสารฌาณขึ้นมาเลยค่ะ ออกตามหาให้วุ่น
ใจคอยแต่ห่วงใย และพะวักพะวง

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 15-04-2019 01:12:11
เราก็ไม่อยากให้น้องท้องนะเพราะตอนจบของเราคือน้องได้หลุดพ้นจากทุกคนแล้วได้เดินทางรอบโลกตามที่ฝัน ตอนนี้ภาวนาให้แบดเอนด์ ไม่รู้สิเรารู้สึกพระเอกไม่รักใครจริงเห็นแต่ผลประโยชน์ ยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบพระเอกไปใหญ่อุแงงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 15-04-2019 20:12:24
 :m5: :m5:
ขอล่ะ เลิกซ้ำเติมน้องอัยย์ที
สู้ๆนะอัยย์ ให้อันนี้เป็นบทเรียนนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 15-04-2019 21:44:01
ตัดจบโหดร้ายมากกกกกกก รอๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 16-04-2019 06:05:20
ต้องให้น้องได้เรียนรู้โลกภายนอกบ้าง ฮื่อมาต่อเร็วๆนะคะค้างมากกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่24 13/4/62 p17
เริ่มหัวข้อโดย: OffJii ที่ 16-04-2019 07:49:55
เพราะอะไรหลายๆอย่างทำให้ยัยน้องตัดสินใจแบบนั้น เราเข้าใจนะ มาช่วยน้องให้ทัน ด่วนเลย เร็วเลย ได้โปรดพรีสส :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-04-2019 13:25:41
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 25

 

 

 

 

 

 

            “เกาะนี่น่ะเหรอที่สายข่าวบอกมา”  พิชช์ฌานพึมพำในลำคอพลางกระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่สวมอยู่  มือขวาคนสนิทละสายตาจากกล้องส่องทางไกลหันมาหาเจ้านาย

            “ใช่ครับ  สายข่าวจากทางตำรวจสากลบอกมาว่าเรือต้องสงสัยเข้าไปจอดเทียบท่าที่เกาะแห่งนี้เมื่อคืน  แต่ไม่แน่ใจว่ามีคุณอัยย์อยู่ในเรือด้วยหรือเปล่าครับ  เพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจค้นรายงานว่าไม่มีอะไร เป็นแค่เรือหาปลาธรรมดา”

            “ก็ต้องลองดู”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ

            “คุณฌานจะไปด้วยจริงๆเหรอครับ”

            “คิดว่าฉันจะนั่งรอฟังข่าวอยู่บนนี้เฉยๆหรือไง”           

            “แต่ว่ามันอันตรายมากนะครับ  ผมว่าไม่คุ้ม...มันอาจเป็นกับดักหรือข่าวลวง”

            “หลอกฉันไปฆ่าอย่างนี้น่ะเหรอ...หึๆ”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  “คิดว่าฉันจะกลัวไหม”  พูดยังไม่ทันขาดคำ  ลูกน้องอีกคนก็เดินเข้ามากระซิบข้างหูเจนภพเบาๆ  สีหน้าของคนสนิทเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมทันที  “มีอะไรอีกรึ”

            “ข่าวบอกว่าท่านนายกฯไปสนามบินครับ  อาจจะมุ่งตรงมาที่นี่” 

            พิชช์ฌานลอบถอนหายใจอย่างหนักอก  ไม่รู้ว่าท่านนายกฯไตรคุณเพียงแค่เป็นห่วงบุตรชายเรื่องระเบิดหรือว่าทราบข่าวเรื่องอาคิราห์หายตัวไปกันแน่  ขอให้เป็นเรื่องแรกทีเถอะ

            “เราต้องเร่งมือหน่อยแล้ว  ทีมตำรวจมาหรือยัง...เราจะปล่อยให้ตำรวจเข้าไปก่อน  แล้วเราค่อยตามเข้าไปหาคนของเรา  จำเอาไว้ว่าห้ามฆ่าใครเด็ดขาด  เพราะถ้ามีการพิสูจน์หลักฐานเกิดขึ้นแล้วรู้ว่าไม่ใช่กระสุนของตำรวจ  เราจะลำบาก”  ชายหนุ่มสั่งการณ์ลูกน้อง  งานนี้จะยอมให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาแทรกแซงอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ  อาศัยหมายตรวจของตำรวจบังหน้าเพื่อให้คนของเขาขึ้นฝั่งไปตามหาอาคิราห์ได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น

              เจนภพพยักหน้ารับ  เขาพยายามทัดทานเจ้านายหลายครั้งแล้วให้เจ้าตัวรออยู่แค่บนเรือที่จอดอยู่นอกชายฝั่งแต่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง

            ผู้ชายเกือบยี่สิบคนในชุดสีดำปลอดกลมกลืนกับความมืดแฝงเร้นกายขึ้นฝั่งตามหลังทีมตำรวจที่ขึ้นเคลียร์ทางให้ก่อนแล้วจนโล่งสบาย  พิชช์ฌานเร่งฝีเท้าตามหลังจนกระทั่งถึงจุดนัดพบที่ปลอดภัย  เจนภพหันกลับมาด้วยท่าทางละล้าละลัง

            “รีบตามพวกตำรวจไป  ฉันจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่”

            “ผมเป็นห่วงคุณฌาน”

            “อาคิราห์น่าเป็นห่วงกว่า”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “ฉันไว้ใจนายนะเจนภพ  ช่วยอาคิราห์ให้ได้”

            “ครับคุณฌาน”  เจนภพสบตาเจ้านายแล้วก้มศีรษะลงต่ำ  จากนั้นก็ส่งสัญญาณกับลูกทีมที่เหลือขยับตัวเร้นหายไปในความมืดของตรอกซอยรอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตามหลังทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปบุกตรวจค้นยังที่ๆข่าวบอกมาว่าเป็นแหล่งค้ามนุษย์

            พิชช์ฌานทนนั่งสงบจิตสงบใจรอฟังข่าวจากทีมได้ไม่นานก็ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาอย่างกังวล  ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วยังไม่มีข่าวจากเจนภพติดต่อกลับมาเลย

            “ทำไมถึงเงียบจริงๆ  ลองติดต่ออีกทีซิ”  เขาหันไปสั่งลูกน้องที่นั่งคุ้มกันอยู่เคียงข้าง  ครู่ใหญ่เจนภพก็ติดต่อกลับมา

            “เป็นยังไงบ้าง  บุกค้นหรือยัง”  เขากรอกเสียงลงไปทันที

            “บุกแล้วครับ แต่ว่าไม่เจอใครเลย  เจอแต่ร่องรอยว่ามีคนเคยอาศัยอยู่เท่านั้น”  ลูกน้องตอบกลับมา  คนฟังกำมือแน่น

            “ขอตำแหน่งหน่อย  ฉันจะไป”

            “ไม่ได้ครับคุณฌาน  อันตรายครับ”

            “ขอพิกัดด้วยเจนภพ”  พิชช์ฌานย้ำ  อีกฝ่ายถึงได้ยอมตอบกลับมาสั้นๆ

            ชายหนุ่มเดินแกมวิ่งตามหลังลูกน้องไปอย่างเงียบเชียบ  ในใจแทบลุกเป็นไฟด้วยกลัวว่าจะสายเกินไป  ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายที่เป็นอาคารร้างเก่าๆเขาก็ยิ่งเครียด  ชายผ้าห่มสีเข้มปลิวไสวห้อยลงมาจากหน้าต่างด้านบนเห็นผ่านแสงไฟข้างทางที่มืดสลัวเป็นตัวอักษรสากลขอความช่วยเหลือ         

            “คุณฌานครับ”  เจนภพปราดเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว  “ทีมตำรวจกำลังสะกดรอยตามต่ออยู่ครับว่าพวกมันไปที่ไหน  คงจะได้รายละเอียดเร็วๆนี้”

            “พาฉันขึ้นไปข้างบน”  พิชช์ฌานสั่งสั้นๆ  อีกฝ่ายส่ายหน้า

            “ไม่ได้ครับ  ตำรวจล้อมเอาไว้เป็นเขตห้ามเข้าเพื่อเก็บหลักฐาน  แต่ว่าผมแอบได้สิ่งนี้มา”  มือขวาพูดเสียงเบา  ส่งของสิ่งนั้นให้พิชช์ฌานรับเอาไว้

            มันคือผ้าพันคอของเขาที่เจ้าบู้บี้ยึดเอาไปใช้นั่นเอง ....หัวใจของพิชช์ฌานเต้นแรงขึ้น  สภาพของมันเปื้อนโคลนและคราบสกปรกต่างๆแทบจำเค้าเดิมไม่ได้  แต่ว่ากลิ่นคุกกี้รสนมอ่อนๆของคนใช้ก็ยังแฝงอยู่ให้ได้กลิ่นจางๆ

            “ของอาคิราห์...แสดงว่าเขาอยู่ที่นี่แน่”  ชายหนุ่มคำรามในคอ  รู้สึกมีความหวังมากขึ้น  เขากำผ้าพันคอผืนนั้นเอาไว้แน่น   กวาดตามองรอบเมืองที่เงียบสงัด...ได้แต่หวังว่าจะได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

            ขอร้องล่ะอาคิราห์...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเลยนะ

            ......................................................................

            “คุณ...”  คนที่พิชช์ฌานกำลังตามหาอยู่นั้นกำลังยืนประจันหน้าอยู่กับคนๆหนึ่งในห้องรับรองที่เหมือนห้องนอน  ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาแล้วส่งยิ้มให้อาคิราห์แทนคำทักทาย

            “ไม่เจอกันนานนะครับ..คุณอัยย์”  เสียงทุ้มๆดังลอดออกมาจากริมฝีปากประกอบด้วยหนวดเคราครึ้ม  เขาดูโทรมกว่าตอนแรกที่เคยเจอกันมากทีเดียว  อาคิราห์คิดในใจพลางก้าวถอยหลังไปสามก้าว  แปลกใจมากจริงๆที่เจออีกฝ่ายในห้องนี้

            นึกว่าจะเป็น ‘ท่าน’ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนเสียอีก

            “คุณจักรกฤต”

            “เป็นเกียรติจริงๆที่คุณอัยย์ยังจำชื่อของผมได้อยู่นะครับ”  อดีตนักการเมืองร่วมพรรคของพิชช์ฌานพูดขึ้นยิ้มๆ  มองดูอาคิราห์ด้วยสายตาที่เหมือนหมาป่ามองลูกแกะ  “เชิญนั่งคุยกันก่อน  ดีไหมครับ”  ชายหนุ่มผายมือไปยังเตียงใหญ่กลางห้อง  อาคิราห์ส่ายหน้า  เหลือบตามองหาทางหนีเอาตัวรอด

            ห้องนั้นเป็นห้องทึบที่ไม่มีหน้าต่าง  ถ้าไม่ได้เครื่องปรับอากาศก็คงอุดอู้หายใจไม่ออกเป็นแน่  นอกจากเตียงกลางห้องกับโต๊ะที่วางเทียนประดับแล้วก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรให้พอใช้เป็นอาวุธได้อีก

            “ผมจะยืนคุยตรงนี้  คุณมีอะไรก็ว่ามา”

            อีกฝ่ายเลิกคิ้ว  ผายมือออกกว้างแล้วทิ้งมือลงข้างตัวพลางหัวเราะเบาๆ

            “โอเค  คุณคงไม่ไว้ใจผมกระมัง  อาจจะแปลกใจว่าทำไมถึงได้เจอผมที่นี่...ใช่ไหมครับ”

            “ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่  คนเลวแบบคุณก็ดูเหมาะกับที่นี่ดีอยู่แล้ว”  อาคิราห์หลุดปากออกไป  สายตาของอีกฝ่ายเป็นประกายวูบขึ้นมาทันที

            “หึ...คิดดีแล้วหรือที่จะว่าผมแบบนี้  ระวังจะเข้าตัวสามีของคุณเอานะครับ”  จักรกฤตพูด  ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย  คนฟังขมวดคิ้ว

“คุณต้องการอะไรกันแน่  พาตัวผมมาทำไม”  อาคิราห์ถามเสียงห้วนขึ้น 

            “จะให้ผมบอกตามตรงหรอครับว่าต้องการอะไร”  คนพูดกวาดตาลงมองต่ำที่กลางลำตัวของร่างโปร่งบางที่มีเพียงผ้ากั้นเอาไว้ชั้นเดียวอย่างจาบจ้วง  “คุณอยากรู้จริงเหรอ”

            อาคิราห์ถอยกรูดไปยืนพิงประตูเอาไว้  ลูกบิดถูกล็อคจากด้านนอกไม่มีทางเปิดออกไปได้แน่  เขาครุ่นคิดอย่างตื่นกลัว  ท่าทางของจักรกฤตไม่ได้บอกว่าพูดเล่นเลย

            แต่จะหาทางหนีออกจากห้องนี้ก็คงไม่ง่าย  ถึงเขาจะต่อสู้ป้องกันตัวเป็นแต่อีกฝ่ายสูงกว่าเขาเป็นฟุต  ถ้าสู้กันหนักๆคงมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย  ยังไม่นับว่าฝ่ายนั้นอาจจะมีอาวุธอะไรซ่อนเอาไว้อีกด้วยนะ 

            “เอาอย่างนี้  เราคุยกันก่อน ...ตกลงกันก่อนได้”  เขารีบพูดขึ้น  ตั้งสติเข้าไว้อาคิราห์  “คุณเป็นเจ้าของที่นี่งั้นหรือ”

            “คิดว่ายังไงล่ะ”  จักรกฤตยักไหล่

            “โอเค ...งั้นคุณพาตัวผมมาที่นี่คงไม่ได้มีจุดประสงค์แค่เรื่องบนเตียงหรอกใช่ไหม  เรื่องนั้นมันเรื่องเล็กน้อยมาก  ไว้ ‘คุย’ กันทีหลังก็ยังได้”       

“คุยกันตอนนี้เลยดีมั้ย”

“ไม่...คือว่า...คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมจู่ๆผมถึงขึ้นเรือมาที่นี่”  อาคิราห์พูด

            จักรกฤตชะงักไป  เลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างครุ่นคิด

            “น่าสนใจ...ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างคุณอาคิราห์ อลันไตรจะขึ้นเรือหนีออกนอกประเทศมาทำไม”  ชายหนุ่มถอยกลับไปยืนคุมเชิงไม่ห่างนัก  “แล้วยังไงต่อครับ  ผมกำลังฟังอยู่”

            อาคิราห์คิดหาเหตุผลเร็วรี่

            “ผมมีข้อแลกเปลี่ยน”  คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น  อาคิราห์เลยรีบพูดต่อเนิบๆ  “จาก ‘ท่าน’ ตัวจริง”

            คราวนี้แววตาของจักรกฤตเปลี่ยนไปเล็กน้อย  แม้จะวูบเดียวแต่ก็มองเห็นได้จากสายตาที่จ้องจับอยู่  อาคิราห์ได้ใจ  พยายามรักษาท่าทางสงบเนิบนาบเอาไว้

            “ท่านไหน  ประเทศเราก็มีหลายท่านอยู่นี่นะ”

            “ก็ท่านที่คุณพยายามติดต่อไงล่ะ”  เขาตีขลุมหน้านิ่งทั้งที่มือเย็นเฉียบ  “ท่านให้ผมมาต่อรองกับคุณ”

            “งั้นรึ”   จักรกฤตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า  “แล้ว  ‘ท่าน’ ว่าอย่างไรบ้างล่ะ”  ชายหนุ่มพูดต่อมาด้วยท่าทางสนใจขึ้นเล็กน้อย

            “ท่านสนใจที่จะร่วมงานกับคุณ”  อาคิราห์พูดเสียงเรียบ  นึกภาวนาในใจให้อีกฝ่ายเชื่อทีเถอะ  “และก็มีข้อเสนอดีๆรอให้คุณติดต่อกลับไปพร้อมกับผม” 

            “พร้อมกับคุณหรือ....นายจักรกฤตคนนี้มีค่ามากขนาดยอมส่งคุณอาคิราห์มาต่อรองเลยงั้นเชียว”

            “ท่านให้เกียรติคุณมาก  คุณก็ควรจะให้เกียรติท่านเช่นกัน”  คนฟังพยักหน้าเนิบๆ

            “แล้วสามีของคุณล่ะ  เขาไม่ว่าหรอที่เมียมาเที่ยวต่อรองนอกเกมลับหลังเขาแบบนี้”

            “เขาไม่รู้”  อาคิราห์กระซิบ  “และถ้าคุณสนใจล่ะก็  ..ผมมีความลับของเขามาแบ่งปันอีกด้วย”

            “คุณคิดว่าผมจะเอาความลับของพิชช์ฌานมาทำอะไร  ในเมื่อผมออกจากวงการเมืองแล้ว”

            “ถ้าคุณออกจากวงการการเมืองจริงก็คงไม่พาผมมาที่นี่...คุณแค้นเขาไม่ใช่เหรอ  เอาไว้จัดการเขาสิ”

            “คุณหักหลังสามีตัวเองงั้นเหรอ”  จักรกฤตผิวปากยาว  “น่าสนใจ  ...น่าสนใจมาก”

            “ผมไม่เคยหักหลังใคร  ผมแค่มีแนวทางของผม...ถ้าคุณสนใจจะรับข้อเสนอของท่านและข้อเสนอพิเศษของผม  เราก็มาคุยกันในสภาพที่..ดีกว่านี้  ดีไหมครับ  ....ผมไม่ชอบชุดนี้เอาเสียเลย”

            “หึๆ”  คนฟังหัวเราะ  “แต่ผมชอบชุดนี้ของคุณนะ  ชอบฝีปากของคุณด้วย  ถ้าคุณคิดจะเป็นนักการเมืองล่ะก็  อาจจะไปได้รุ่งทีเดียว...”  โอเมก้าตัวเย็นเฉียบด้วยความลุ้นระทึก  จักรกฤตก้าวเข้ามาหาเขาจนเกือบชิด  อาคิราห์เกร็งตัวแต่ฝืนเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วคล้ายไม่สนใจ   “..แต่ว่าถ้าคิดจะเป็นนักต่อรองล่ะก็  ...ยังห่างชั้นนัก”

            “คุณอยากได้อะไรอีกงั้นหรือ  ผมมีข่าวเด็ดของพิษฌานเพียบเลยนะ”  เขาพูดรัวเร็ว

            “ได้ข่าวว่าไอ้พิชช์ฌานมันหลงโอเมก้าหัวปักหัวปำไม่ใช่หรือ  ผมก็ชักอยากรู้แล้วสิว่าจะ ‘เด็ด’ สมคำร่ำลือหรือเปล่า”  นัยน์ตาเรียวยาวเจ้าเล่ห์จับจ้องแทะโลมไปทั่วร่างที่สวมชุดล่อแหลม  ยิ่งอีกฝ่ายเผลอแสดงความกลัวออกมาให้เห็นเขาก็ยิ่งตื่นเต้น

            “เราไปต่อรองกันบนเตียงน่าจะดีกว่านะ”  จักรกฤตพูดกลั้วหัวเราะ  คว้าแขนเรียวบางเอาไว้แน่นลากไปที่เตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย  อาคิราห์อุทานขืนตัวเอาไว้เต็มที่แต่ก็สู้แรงที่มากกว่าของอัลฟ่าไม่ได้

          “ข่าวเด็ดก็คงสู้คลิปเด็ดของเมียมันไม่ได้หรอกจริงไหม”

            “อย่านะ...อย่ายุ่งกับผม  ปล่อยผมนะ”  เขาถูกเหวี่ยงขึ้นไปนอนบนเตียงตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้อย่างรวดเร็ว  อาคิราห์กลัวจับใจ  ยกมือขึ้นต่อยไม่ยั้งทว่าอีกฝ่ายกลับรับเอาไว้ได้สบายๆ  เขาเสียเปรียบทั้งเรื่องรูปร่างและตำแหน่งที่ถูกกดเอาไว้กับเตียงทั้งตัว

            กลิ่นเหล้าและบุหรี่ผสมกับกลิ่นตัวทะลักเข้าจมูกจนสำลัก  อาคิราห์กรีดร้องออกมาพร้อมกับดิ้นรนอย่างแรง  เขาอาศัยทีเผลอจิ้มนิ้วใส่ลูกตาของจักรกฤตจนอีกฝ่ายอุทานผงะถอยไปด้วยความเจ็บปวด  เจ้าโอเมก้ารีบลุกขึ้นอย่างตะลีตะลานลงจากเตียง  แต่แล้วก็ถูกมือใหญ่คว้าปลายกระโปรงยาวเอาไว้แล้วกระชากอย่างแรง  มันขาดดังแควกติดมือของจักรกฤตไป

            ช่วงล่างเปลือยเปล่าสีน้ำผึ้งสว่างเนียนทำเอาคนมองตาพร่า  อัลฟ่าหนุ่มคำรามลั่นกระโจนลงจากเตียงมาหาด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าแล้วก็ลากร่างแบบบางกลับไปที่เตียงนอนตามเดิม  อาคิราห์ทั้งทุบทั้งตีเต็มที่  ขาก็ถีบเตะไม่หยุดไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำได้ดั่งใจ  เสียงหอบหายใจปนกับเสียงร้องตะโกนดังลั่นทั่วห้อง

            “ปล่อยนะ”

            “โอ๊ย!”  เจ้าโอเมก้าก้มลงงับที่หูของอัลฟ่าจมเขี้ยวแล้วกระชากออก  รสคาวจัดของเลือดติดที่ปลายลิ้นของเขาแต่อาคิราห์ไม่มีเวลามาสนใจอีก  เขาตะเกียกตะกายลงจากเตียงอีกครั้ง

            จักรกฤตร้องโหยหวนด้วยความเจ็บ  เขาเลือดขึ้นหน้าเพราะความเจ็บปวด  ก้าวพรวดเดียวกระชากร่างทั้งร่างขึ้นมาตบเปรี้ยงเข้ากกหูจนหูลั่นกริ่ง  อาคิราห์เซวูบเกือบล้มลงกับพื้น  อีกฝ่ายก็กระชากคอเสื้อเอาไว้แล้วยกมือขึ้นจะต่อยหน้าท้องของอาคิราห์

            โอเมก้าใจหาย  รีบทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นแทบเท้าของอัลฟ่าที่โกรธจัด

            “อย่าทำผมเลย  ผมท้อง...อย่าทำผม”

            คำว่าท้องทำให้อัลฟ่าชะงักไปทันที  จักรกฤตเบิกตากว้างอย่างงุนงงแกมตกใจ  จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความกระหยิ่มยิ้มย่อง  เขากระชากหลังคอเสื้อของโอเมก้าให้ลุกขึ้นมายืนตรงหน้า

            “คุณอาคิราห์ตั้งท้องงั้นหรือ”

            “ชะ...ใช่”  อาคิราห์ไม่แน่ใจแล้วว่าการบอกออกไปทำให้เรื่องเลวร้ายลงอีกหรือเปล่า  น้ำตาร้อนๆไหลลงอาบสองแก้มด้วยความกลัว  กลั้นสะอื้นเอาไว้ในลำคอ  “คุณคงไม่ทำอะไรคนท้อง  มันบาป”

            “คิดว่าผมจะเชื่อไหม”

            “ผมท้องจริงๆ สาบานได้”  อาคิราห์ยกนิ้วขึ้นมาสาบาน  “คุณจักรกฤต  ผมรู้ว่าถึงคุณจะเป็นอย่างไรก็ไม่รังแกคนท้องหรอก  จริงมั้ย”

            อีกฝ่ายหรี่ตาลง  ปล่อยมือจากคอเสื้อของอาคิราห์แล้ววางฝ่ามือแนบลงที่กลางท้องของโอเมก้า

            “ในนี้...มีลูกของไอ้พิชช์ฌานอยู่แน่ใช่มั้ย”

            “ใช่”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  ใจมาเป็นกองที่เห็นท่าทางอีกฝ่ายอ่อนลง  แต่แล้วก็กลับซีดเผือดเมื่อรอยยิ้มย่องบนใบหน้านั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองขนลุกไปทั้งตัว  ...มันเป็นรอยยิ้มที่วิปริตจนน่าตกใจ

            “คนท้อง...ท้องอยู่เสียด้วย”  จักรกฤตพูดซ้ำ  ประคองกึ่งบังคับให้ร่างโปร่งบางเดินไปที่เตียง  “คนท้องก็ต้องเบามือหน่อยถูกไหม  ไม่อย่างนั้นท้องน้อยๆจะช้ำเสียหมด”  มือหนักๆกดที่หลังของอาคิราห์บังคับให้ก้มลงกับเตียง  พอโอเมก้าขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นรัดรอบคอเอาไว้  “คุณอาคิราห์คงไม่ทราบว่าผมมีความเมตตาต่อคนท้องเป็นพิเศษ”

            “หมายว่ายังไง”  อาคิราห์พูดอย่างยากลำบากเพราะถูกแขนรัดรอบคอเอาไว้แน่นเข้า  เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดมาจากด้านหลังพร้อมกับมือหยาบกร้านที่ลูบไล้แผ่นหลังของเขาลงไปยังบั้นท้ายเปลือยเปล่า  อาคิราห์ขนลุกซู่ด้วยความรังเกียจ  ขยับจะยกขาขึ้นเตะข้างหลัง  ร่างสูงใหญ่ก็เข้าประชิดอย่างรู้ทันจนขยับตัวไม่ได้เพราะโดนล็อคเอาไว้ทุกทาง

            รู้สึกถึงริมฝีปากและหนวดที่ซอนไซ้อยู่ที่หลังคอ  มืออีกฝ่ายก็วนเวียนอยู่แถวขาอ่อน  อาคิราห์หนีบขาเข้าหากันแน่น  เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

            “อย่าทำผม  ปล่อยผมเถอะ  ฮึก...อย่าทำผม”  เขากรีดเสียงออกมา  ในใจนึกถึงใบหน้าคมเข้มของพิษฌานขึ้นมาเป็นคนแรก  “พิษฌาน...อยู่ไหนฮึก  อ๊ะ ..อย่า”  ความขยะแขยงพุ่งสูงขึ้นจนอาคิราห์เข่าอ่อนทิ้งตัวลงกับที่นอน  ท่อนแขนที่รัดรอบลำคอแน่นมากทำให้หายใจลำบาก  อาคิราห์หน้ามืดเหมือนคนใกล้จะเป็นลม  ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว

            “ไหนดูซิ  มุมนี้จะเห็นหน้าโอเมก้าคนสวยชัดพอหรือเปล่านะ”  จักรกฤตพูด  แลบลิ้นเลียแก้มเนียนไร้สีเลือดของอาคิราห์  “นุ่มนิ่มไปทั้งตัวแบบนี้นี่เอง  ไอ้พิชช์ฌานถึงได้หลงนัก”  ไม่พูดเปล่า  จักรกฤตกระชากกระดุมเรียงเม็ดด้านหลังชุดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนและเอวคอด  รับกันดีกับสะโพกที่ผายออกได้รูป  “เซ็กซี่เป็นบ้า”  ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างพอใจ ฟาดมือลงไปบนผิวเนื้อแน่นกลมกลึง

            อาคิราห์สะดุ้งเฮือก  เมื่อครู่นี้เขาหมดสติไปพักหนึ่งเหมือนคนเป็นลม  ใบหน้าและลำตัวท่อนบนแนบอยู่กับเตียง  ช่วงล่างคุกเข่าอยู่ที่พื้นโดยมีไอ้จักรกฤตกำลังยืนปลดตะขอกางเกงของตัวเองอย่างเร่งรีบ

          โอเมก้านึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองนับถือขึ้นมาตามด้วยใบหน้าของพ่อแม่พี่ชายฝาแฝด  เขาไม่โทษใครนอกจากตัวเองที่หาเรื่องจนกระทั่งต้องมาถูกกระทำเช่นนี้  ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา  อาจมีคนสมน้ำหน้าในความโง่งม  หวังว่าพ่อจะยกโทษให้ลูกชายโอเมก้าที่ไม่ได้เรื่องคนนี้  แม่คงจะไม่รู้สึกอะไรต่อให้เขาอยู่หรือจากไปก็ตาม  อาจจะมีแค่อคินทร์ที่น่าจะร้องไห้ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว

            ความหมดหวังเข้าครอบงำจิตใจ  อาคิราห์ตระหนักในวินาทีนั้นว่าเขาเป็นคนที่เฝ้ารอความช่วยเหลือจากคนอื่นมาตลอด  ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรก็มักจะมีคนคอยช่วยโอบอุ้มชี้แนะจนกลายเป็นความเคยชินโดยไม่รู้ตัว  แม้กระทั่งตอนนี้...ตอนที่กำลังจะถูกข่มขืนอยู่ที่เกาะห่างไกลกลางทะเล  เขาก็ยังคาดหวังว่าจะมีคนมาช่วยอยู่นั่นเอง

            แต่สุดท้าย...ก็ไม่มี  ไม่มีใครช่วยเขาได้นอกจากตัวเอง ...นัยน์ตาคมเข้มปรากฎขึ้นในความคิด  พิชช์ฌานคงไม่ได้ตามหาเขาอย่างที่เขาคิดหวัง  หรือถึงตามก็คงไม่มีทางเจอ 

            อาคิราห์กัดริมฝีปากด้านในจนได้รสคาวเลือด  ทิ้งตัวลงกับที่นอนเหมือนคนไม่ได้สติ  รอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอเพราะคิดว่าเขาไม่รู้สึกตัว  จักรกฤตขยับเข้ามาชิดพลางเอื้อมมือมาสัมผัสที่กลางกาย  อาคิราห์นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วก็รวบรวมแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดกระแทกตัวไปทางด้านหลังเต็มแรง

...ถ้าเขาหนีออกไปไม่สำเร็จ  เราคงไม่ได้เจอกันอีก

................................................................................

“เจ้านายครับ”  เจนภพกระซิบเรียกชายหนุ่มที่นั่งกอดอกนิ่งรอฟังข่าวอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น  พิชช์ฌานหันขวับมาทันที  “เจอตัวแล้วครับ  อยู่ที่ตึกถัดไปไม่กี่บล็อกนี่เอง”

นักการเมืองหนุ่มลุกขึ้นยืน

“จริงหรือ  ใช่อาคิราห์หรือเปล่า”

“คิดว่าน่าจะใช่ครับ  จากรูปลักษณ์ที่ข่าวบอกมา  ตอนนี้ทางตำรวจกำลังเตรียมแผนบุกเข้าไปอยู่ครับ”

“ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเป็นอาคิราห์”  พิชช์ฌานพึมพำ  “ถ้าข่าวออกไปว่าเป็นอาคิราห์จะยิ่งไปกันใหญ่   ...เจนภพ  เราต้องพาตัวอัยย์ออกมาก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปเจอ”

“ได้ครับคุณฌาน  ผมจะจัดการเอง”

“แต่เราต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้ด้วย”  ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น  “ฉันคิดว่านายกฯน่าจะรู้ข่าวแล้วถึงได้มาด้วยตัวเอง  เชื่อเลยว่านักข่าวต้องได้กลิ่นแล้วแห่กันมาแน่ ...เจนภพ  เอาอย่างนี้ดีกว่า  เปลี่ยนแผนใหม่ทั้งหมด...”  หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านพูดช้าๆ  อธิบายแผนการใหม่ล่าสุดให้คนสนิทฟังอย่างละเอียด  งานนี้เขาจะพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

เพราะนอกจากชีวิตของอาคิราห์แล้ว  ยังหมายถึงชีวิตนักการเมืองของตนเองด้วย

เจนภพกับทีมแฝงกายเข้ามาประชิดอาคารเป้าหมายตามข่าวที่แอบดักฟังมาจากตำรวจ  มันเป็นตึกแถวสามชั้นที่ด้านหน้าเปิดเป็นร้านอาหารธรรมดา  ยังได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาแว่วมาเป็นระยะ  ส่วนข้างหลังติดกับตรอกซอยเล็กๆดูเงียบเชียบตรงข้ามกับด้านหน้า  ประตูปิดสนิทไม่มีคนเฝ้าให้ผิดสังเกต

ชายหนุ่มโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนรออย่างใจเย็น  เสียงเครื่องดักฟังบอกว่าตำรวจเริ่มภารกิจกันแล้ว  เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นสายตำรวจทำทีเดินมาเคาะเรียกประตูข้างหลัง  สักพักก็มีคนเปิดออก

คนเปิดประตูเปิดเพียงแค่แวบเดียวก็รีบกระชากปิดคล้ายรู้ตัวว่าหลงกล  ทว่าไม่ทันแล้วเพราะถูกเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มรออยู่บุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว  เจนภพนิ่งฟังเสียงต่อสู้และเสียงปืนพักหนึ่งแล้วก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องบุกตามเข้าไปตามแผน


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-04-2019 13:32:32



ข้างในชุลมุนไม่รู้ใครเป็นใคร  เสียงโวยวายล้งเล้งและเสียงปืนผสมกันมั่วไปหมด  เจนภพกระโจนขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อตามหาอาคิราห์พร้อมกับก้มหลบกระสุนไปด้วย  ชั้นสองเป็นห้องพักเรียงเป็นตับ  บางห้องก็มีคนเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกอย่างตกใจ  บ้างก็รีบหาทางหนีเอาตัวรอด

“คุณอาคิราห์  คุณอาคิราห์ครับ  คุณอาคิราห์”  เจนภพตัดสินใจตะโกนเรียกชื่อท่ามกลางคนที่วิ่งเข้าวิ่งออกอลหม่าน  คนๆหนึ่งหันขวับมามองหน้าเขาแล้วถามกลับมา

“คุณตามหาอาคิราห์เหรอ  อาคิราห์ใช่ไหม”  คนพูดเป็นโอเมก้าร่างท้วมใหญ่ที่สวมชุดคล้ายๆกระโปรงยาวแปลกตา  เจนภพรีบพยักหน้า

“ใช่”

            “ฉันรู้  เค้าอยู่ข้างบนนั่น   ตามมา...”  โอเมก้าคนนั้นลากแขนของเขาพาขึ้นบันไดไปชั้นบนที่มีห้องน้อยกว่ามาก  เสียงโครมครามดังมาจากห้องที่อยู่ทางซ้ายมือ  “อาคิราห์  มีคนมาช่วยแล้ว  มาแล้ว”  โอเมก้าคนนั้นตะโกนเสียงดัง         

            เจนภพไม่เสียเวลาอีก  ชายหนุ่มส่งสัญญาณเรียกลูกน้องมาชั้นบนจากนั้นก็ถลันเข้าไปในห้องพักที่เปิดประตูห้องค้างเอาไว้  กระโจนผ่านอ่างอาบน้ำตรงหน้าทะลุผ่านเข้าไปยังอีกห้องที่มีเสียงต่อสู้กัน

            ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มชะงักไป   ร่างเปลือยเปล่าสีน้ำผึ้งกำลังนั่งคร่อมทับอยู่บนตัวของผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับรัวกำปั้นลงไปบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นไม่ยั้ง  โดยมีโอเมก้าอีกคนยืนกระทืบกลางลำตัวของฝ่ายนั้นจนร้องโอดโอยฟังไม่ได้ศัพท์ 

            “คุณอัยย์!”

            “เจนภพ!”  อาคิราห์ร้อง  กระโดดลุกขึ้นเตะเข้าไปที่สันกรามของจักรกฤตเต็มแรงก่อนจะวิ่งมาหาเขา  “มาได้ยังไงเจนภพ  แล้วคุณฌานล่ะ”

            เจนภพก้าวยาวๆไปคว้าผ้าห่มมาส่งให้คู่สมรสของเจ้านายเป็นอันดับแรก  โอเมก้าอีกคนยังคงกระทืบลงไปบนส่วนกลางตัวของผู้ชายที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างรุนแรงไม่ยอมหยุดจนเขาต้องร้องห้าม

“พอแล้วคุณ  เดี๋ยวเขาตายก่อน”  เจนภพบอก  จากนั้นก็ก้มลงไปหิ้วคอเสื้อผู้ชายที่นอนงอก่องอขิงอยู่ที่พื้น

            “ไอ้จักรกฤต”  ชายหนุ่มคำราม  กระชากผ้าคลุมเตียงมาผูกข้อมือของมันเอาไว้แน่น  ใบหน้าของจักรกฤตปูดโปน  คิ้วแตกยับแต่ยังไม่เท่ากับส่วนกลางตัวที่ ‘เละ’ จนคนเห็นต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างเสียวไส้  “คุณอัยย์เป็นอะไรมั้ยครับ”

            “ผม..ไม่เป็นไร  มันไม่ทันทำอะไร”  อาคิราห์พูดหอบๆ  กำข้อมือของเพื่อนโอเมก้าข้างๆเอาไว้แน่น  “นิลมาช่วยผม”  ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ย้อนกลับมา  หลังจากที่เขาแกล้งทำเป็นสลบจนอีกฝ่ายเผลอแล้วก็ใช้ศีรษะกระแทกเสยปลายคางของอัลฟ่าเต็มแรงจนฝ่ายนั้นหน้าหงาย  มือก็คว้าเทียนที่วางประดับอยู่มาขว้างใส่หน้า  จากนั้นอาคิราห์ก็ทั้งเตะทั้งต่อยเล็งไปที่จุดตายต่างๆที่เคยเรียนมา  ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเหมือนกัน  คงเป็นแรงฮึดเฮือกสุดท้าย  ก่อนที่เพื่อนโอเมก้าจะเข้ามาในห้อง   “นิลมาได้ยังไงไม่รู้”

            “มีเสียงวุ่นวายข้างนอก  คนในห้องฉันออกไปดู  ฉันกับแทมมี่เลยหนีออกมา”  นิลตอบเสียงสั่น หายใจหอบไม่แพ้กันเพราะใช้แรงไปเยอะเมื่อครู่  จับจ้องไปที่อัลฟ่าที่อยู่นอนหมอบอยู่กับพื้นเขม็ง  ส่วนแทมมี่ชะโงกเข้ามาหาเพื่อนใหม่ทั้งสอง

            “ฉันก็อยากเล่าส่วนของฉันนะ  แต่ว่าเรารีบหนีออกจากที่นี่ก่อนดีมั้ย”

            “คุณพูดถูก”  เจนภพว่า  ลูกน้องของเขาตามเข้ามาในห้องแล้ว  เจนภพสั่งให้ลากเอาจักรกฤตออกไปให้ตำรวจ  ส่วนอาคิราห์กับโอเมก้าที่เหลือให้ตามเขามา  “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นักข่าวจะมาครับคุณอัยย์”

            “.........”   อาคิราห์เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก  เขาพยักหน้าแล้วก้าวตามเจนภพไปทั้งที่ขาสั่นริก  ห่อตัวลงในผ้าห่มผืนใหญ่มิดชิด   นิลกับแทมมี่ก้าวตามหลังมาติดๆโดยมีลูกน้องของเจนภพประกบหลังมาด้วย  เหตุการณ์ข้างนอกเริ่มสงบลงแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้

            อาคิราห์หมดแรงจนไม่นึกแปลกใจอะไรทั้งนั้นที่เจนภพพาพวกเขาเดินผ่านหน้าตำรวจออกมาจากตึกง่ายๆ  รถยนต์สองคันแล่นเข้ามาจอดราวกับรอจังหวะอยู่  เจนภพเปิดประตูรถแล้วรุนหลังให้เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างหลัง  อาคิราห์หันกลับไปมองนิลกับแทมมี่ที่ถูกพาไปยังรถอีกคันอย่างเป็นห่วงก่อนที่ประตูรถจะปิด

            ใครบางคนนั่งอยู่ข้างในรถก่อนแล้ว  อาคิราห์จำกลิ่นของเค้าได้ก่อนที่จะมองเห็นหน้าเสียอีก  รถเคลื่อนที่ออกไปทันทีทำให้แสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามากระทบกับเสี้ยวหน้าคมกริบที่เห็นด้านข้าง  อาคิราห์หัวใจเต้นแรงด้วยความดีใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

            “พิษฌาน!!”  เขาร้อง  พุ่งตัวเข้ามากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่นแล้วก็ผล็อยหลับไปเหมือนปิดสวิตช์

            พิชช์ฌานขยับตัว  ร่างแบบบางนั้นฟุบลงกับตักของเขาหลับไปแล้วโดยที่เขายังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยเลยสักคำ  มือกำชายเสื้อโค้ทของเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวหาย  ผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่นั้นทำให้รู้ว่าเนื้อตัวของอีกฝ่ายเปลือยเปล่า  พิชช์ฌานเม้มปาก  เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มคลุมร่างนั้นให้มิดชิดแล้ววางมือลงบนศีรษะกลมทุยที่ซุกอยู่ที่ตัก

            ความรู้สึกวูบโหวงตลอดเวลาที่อีกฝ่ายหายไปค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโล่งอก  พิชช์ฌานเพิ่งจะหายใจได้ทั่วท้องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้ข่าว  ชายหนุ่มสะบัดมือและต้นคอของตัวเองเบาๆ  เขาเผลอเกร็งตลอดเวลาที่เจนภพส่งข่าวมาสั้นๆว่าจะบุกเข้าไป

            อยากจะหลับตาลงพักเพราะเหนื่อยเต็มที  แต่...ยังก่อน  เขายังพักตอนนี้ไม่ได้

            รถแล่นมาจนถึงท่าเรือที่นัดกันเอาไว้  พิชช์ฌานอุ้มอาคิราห์ลงมาจากรถแล้วพาขึ้นเรือไปเป็นคนแรก  ปล่อยให้นอนบนเตียงในห้องพักของเรือที่แล่นกลับเข้าฝั่งด้วยความเร็วสูง   เรียกมือขวาเข้ามาสอบถามรายละเอียดตามด้วยโอเมก้าอีกสองคนที่พากลับมาด้วยกัน  เรื่องราวการเดินทางของโอเมก้าทั้งหมดปรากฏตรงหน้าเขาชัดเจน

            สมองว่องไวคำนวณหาผลได้ผลเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้  พิชช์ฌานไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ชายหนุ่มวางแผนใหม่อย่างระมัดระวังเพื่อพลิกเกมนี้อีกครั้ง

            อาคิราห์หลับสนิทไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งเขาสะดุ้งตื่นเองแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่น่าจะเป็นห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลสักแห่ง  สายน้ำเกลือต่ออยู่ที่หลังมือระโยงรยางค์  ผ้าห่มมีลายของโรงพยาบาลคลุมอยู่จนชิดคอ  เขาสวมชุดคนไข้เอาไว้แล้วเรียบร้อย

            เสียงเครื่องปรับอากาศดังเบาๆ ผสมกับเสียงกรนที่เขาจำได้ดีว่าเป็นของใคร  ใจมาเป็นกอง  อาคิราห์หันขวับไปหาต้นเสียงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาใกล้ๆ

            เจ้าโอเมก้าขยับลงจากเตียงอย่างยากลำบาก  เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัวคงเพราะเมื่อวานใช้กำลังเกินตัวไปมาก  อาคิราห์ลากเสาน้ำเกลือตรงมาหาร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับสนิทอยู่  ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นข้างตัวของพิษฌานแล้วพิศดูใบหน้าคมเข้มนั้นเงียบๆ

            ปลายคางเขียวครึ้มและแก้มซูบตอบลงเล็กน้อย  พิษฌานดูแก่ลงในเวลาไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกัน  ความรู้สึกหนึ่งพุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอลามขึ้นมายังขอบตาทั้งสองข้าง  ภาพผู้ชายตรงหน้าเริ่มพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาของเขา  อาคิราห์สูดน้ำมูกแล้วซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง  โอบแขนทั้งสองข้างไปรอบลำคอแข็งแรง

            ความตื่นกลัวทั้งหลายที่ฝืนเก็บเอาไว้ภายในทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก  อาคิราห์ร้องไห้โฮ  น้ำตาไหลพรากๆจนเสื้อเชิ้ตของอัลฟ่าหนุ่มเปียกในพริบตา

            ทั้งเสียใจทั้งเสียขวัญจนบรรยายไม่ถูก  อาคิราห์สะอื้นฮัก  เพิ่งรู้ว่าตัวเองกลัวขนาดไหนก็ตอนที่ได้กลับมาอยู่ในที่ๆรู้สึกว่าปลอดภัยแล้วนี่เอง

            คนที่เขากอดอยู่ขยับตัว  อาคิราห์ช้อนตาขึ้นมอง  เขาพบว่านัยน์ตาคมเข้มของอีกฝ่ายทอดมองมาอยู่ก่อนแล้ว  แววตาของพิษฌานทำให้เจ้าโอเมก้าเกร็งตัวยกศีรษะขึ้นจากอกที่ซบอยู่

            “ผม....”  เจ้าตัวอึกอัก  ถอยไปนั่งหน้าจ๋อยที่พื้น

            พิชช์ฌานเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยจนถึงขีดสุดที่ร่างกายจะทนไหว  หลังจากพาอาคิราห์มาโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายปกติดีทุกอย่างโดยเฉพาะ 'ลูก' ในท้องของเขาแล้วนั้น  ชายหนุ่มก็ฝืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่อตามแผนก่อนจะกลับมาที่ห้องพักของภรรยา

            เพื่อจะตื่นมาพบว่ามีคนมาร้องไห้ใส่เขาจนเสื้อเปียกชุ่มไปหมด  แถมยังมานั่งกระพริบตาปริบๆเหมือนเด็กที่รู้ดีว่าจะต้องถูกลงโทษเมื่อทำผิดเข้าอีก  คิดหรือว่าแค่นัยน์ตากลมใสแจ๋วแฝงแววรู้สึกผิดคู่นั้นจะทำให้เขาใจอ่อนหายโกรธได้ง่ายๆ  ...ไม่มีทาง  ต่อให้ทำจมูกแดงตาแดงก็ไม่ได้ผลหรอก

            ความผิดครั้งนี้มันเกินกว่าที่จะให้อภัยจริงๆ  อาคิราห์คงไม่รู้หรอกว่าเขาต้อง ‘แลก’ อะไรไปบ้างเพื่อช่วยเจ้าตัวออกมา  ไหนจะต้องทนอยู่กับความคิดที่ว่าเจ้าโอเมก้าไม่อยากอยู่กับเขาถึงขั้นแอบหนีไปอีก  ใจหนึ่งก็อยากปล่อยให้ออกไปผจญโลกกว้างเองตามใจ  ไม่คิดพากลับมาแล้ว  ทว่าอีกใจก็ทรมานกับความเป็นห่วงที่ตัดไม่ขาดทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อยากอยู่ด้วย

            ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดสิ้นดี ให้ตายสิ

            “ขอโทษ”  เสียงแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากอิ่มเต็มออกมา  พิชช์ฌานเหลือบมองคนพูดที่พยายามฮึบกลั้นสะอื้นเอาไว้นั้น

            “.........”  ชายหนุ่มไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำจนอาคิราห์ใจเสีย  แววตาคมเข้มเฉยชาว่างเปล่าจนเขาอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบด้วยความเสียใจ

            “พิษฌาน  ผมขอโทษ”  เจ้าโอเมก้าพูดซ้ำออกมาอีก  แล้วเขยิบเข้ามาใกล้ๆ อย่างกลัวๆกล้าๆ  “พิษฌาน  ไม่ใช่...พิชช์ฌาน  ผม...ฮึก...ผมผิดเอง”  อาคิราห์ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อย  “ผมมันโง่  คิดหนีไปแบบโง่ๆ  ผม...ผมไม่มีหัวคิด  ฮึก  ผมไม่ได้ตั้งใจ   ผมกลัวแทบตาย  นึกว่า..ฮือ  นึกว่าคุณไม่มา  ....มันน่ากลัวมากๆ ...”

            คนฟังเมินหน้าไปทางอื่นคล้ายไม่ได้ยินแล้วดึงตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟา  พิชช์ฌานไม่ได้ก้าวเข้ามาหาเขาอย่างที่ต้องการแต่กลับก้าวยาวๆออกไปจากห้องพักผู้ป่วย  ทิ้งให้ร่างโปร่งบางนั่งพับเพียบน้ำตาไหลเป็นทางอยู่ที่พื้นคนเดียว

            อาคิราห์มองตามหลังบานประตูที่ปิดสนิทลง  รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบจนเหลือเล็กนิดเดียว

            พิชช์ฌานคงโกรธเขามากจริงๆ

            ............................................................................

            เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นเบาๆ  อาคิราห์หันขวับไปมองทว่าคนที่ก้าวเข้ามาในห้องหาใช่ร่างสูงใหญ่ที่เขารอคอยไม่  คุณหมอที่เขาไม่คุ้นหน้ากับนางพยาบาลอีกสองคนก้าวเข้ามาในห้องตามด้วยเจนภพมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌาน

            “คุณหมอมาตรวจครับคุณอัยย์  กลับขึ้นไปบนเตียงดีไหมครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  สงสารโอเมก้าที่นั่งหงอยอยู่บนโซฟาคนเดียว  ใบหน้าเรียวหวานนั้นแดงก่ำตาบวมปูดเพราะร้องไห้อย่างหนักมาตั้งแต่เช้า  ได้แต่นึกค่อนเจ้านายของตัวเองอยู่ในใจว่าช่างใจร้ายจริงๆ

            อุตส่าห์ตามไปที่เกาะจนกระทั่งบุกเข้าไปช่วยออกมาได้สำเร็จแล้วแท้ๆ  แทนที่จะอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจให้สมกับที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน  คุณพิชช์ฌานดันทำเหมือนคุณอาคิราห์ไม่สำคัญเสียอย่างนั้น

            ถ้าไม่สำคัญจะให้ตามคุณหมอสูติมือหนึ่งของโรงพยาบาลมาตรวจให้ทำไม  ไหนจะนอนเฝ้าอีก  ช่างทำอะไรย้อนแย้งสมเป็นเจ้านายของเขาจริงๆ   รู้ว่าคงโกรธคุณอัยย์มากแต่ใจคอจะปล่อยให้คนท้องแถมเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมานั่งจ๋องอยู่คนเดียวจริงหรือ

            เจนภพยืนดูนายแพทย์ตรวจร่างกายของอาคิราห์เงียบๆ แล้วก็ให้พาคนป่วยไปห้องอัลตราซาวน์

            อาคิราห์ลงจากรถเข็นก้าวขึ้นไปนอนเปิดพุงบนเตียงในห้องมืดสลัว  เขาไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะต้องมาอัลตราซาวน์หน้าท้องในตอนนี้  กวาดตามองรอบห้องอย่างตื่นกลัวเล็กน้อย  นายแพทย์ที่แนะนำตัวว่าชื่อคุณหมอเมธินก็ส่งยิ้มมาให้ปลอบใจ

            “ไม่ต้องเกร็งครับ  นอนลงธรรมดา”

            อาคิราห์ทำตามที่หมอบอก  เจลเย็นๆที่บีบลงที่หน้าท้องทำให้ขนลุกแต่นั่นยังไม่เท่ากับภาพขาวดำที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอที่เห็นตรงหน้า  คุณหมอบอกว่าที่เขาเห็นอยู่นั่นคือตัวอ่อนที่อยู่ข้างในท้อง  และที่กำลังเต้นตุบๆก็คือหัวใจดวงเล็กจิ๋วของลูกนั่นเอง

            เจ้าโอเมก้าอ้าปากค้าง  ตาจ้องเป๋งไปยังหน้าจออย่างตกใจปนกับความรู้สึกประหลาด  ตื่นเต้นก็ไม่ใช่  มันคล้ายๆกับว่ากำลังมองสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่ดันอยู่ในท้องตัวเองมากกว่า

            ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์  แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดแผกไปจากปกติเลยสักนิด  ท้องก็ไม่ได้โต  อาการแพ้ท้องอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น  ทว่าพอได้มาเห็นเป็นตัวเป็นตนแบบนี้  อาคิราห์รู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าช็อคทีเดียว

            ภายใต้พุงนิ่มๆของเขามีสิ่งมีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งอาศัยอยู่จริงๆ

            “เดี๋ยวหมอจะเปิดเสียงหัวใจลูกให้ฟังนะ”  นายแพทย์เมธินพูดเนิบๆ  เขาดูเป็นหมอที่ใจเย็นมาก  ท่าทางก็เนิบนาบน่าดูทั้งที่อายุไม่มาก  “ได้ยินหรือเปล่า  เต้นแรงเลย”

            “ทำไม...เขา..หัวใจเต้นเร็วจัง”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  เขากระดากเกินกว่าจะเรียกแทนสิ่งนั้นว่าลูก

            “เป็นธรรมดาของเด็กครับ  หัวใจจะเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา”  คุณหมอตอบกลับมาพร้อมกับอธิบายให้ฟังง่ายๆ  อาคิราห์พยักหน้าตาม  นอนฟังเสียงนั้นด้วยความรู้สึกที่สงบขึ้น

            จนกระทั่งคุณหมอวัดขนาดนู่นนี่ที่อาคิราห์ก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบางเสร็จ  คุณหมอก็ให้เขาลงมาจากเตียง

            นายแพทย์เมธินเหลือบมองคนไข้โอเมก้าที่นั่งตัวงออยู่ตรงข้ามเงียบๆ  อีกฝ่ายเป็นคนไข้วีไอพีที่ผอ.ของโรงพยาบาลถึงกับมาขอร้องให้เขาช่วยดูเคสให้ด้วยตัวเอง  แค่เห็นนามสกุลของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเป็นใครมาจากไหน  แต่ที่แปลกใจก็คือ  ...เขาไม่นึกว่าโอเมก้าที่มีส่วนร่วมในการทลายซ่องตามข่าวที่ออกครึกโครมเมื่อคืนนั้นจะดู ‘บอบบาง’ กว่าที่คิดถึงเพียงนี้

            ตัวแค่นี้จะมีแรงสู้กับคนร้ายจนฟุบได้ยังไง  ไม่เข้าใจ  ...หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านน่าจะพูดเกินจริงแน่ๆ

            “หมอจะเพิ่มวิตามินบำรุงให้ไปนะครับ  เด็กในท้องแข็งแรงดี  ผลเลือด...”  สูติแพทย์หนุ่มปัดความเห็นทางการเมืองทิ้ง  กลับมาพูดแนะนำคนไข้อย่างละเอียด   ฝ่ายนั้นก็เอาแต่พยักหน้ารับด้วยท่าทางหงอยเหงาจนคนเป็นหมอชักหนักใจขึ้นมา   

            “คุณอาคิราห์มีเรื่องอะไรสงสัยหรือไม่สบายใจไหมครับ”

            “ไม่มีครับ”  คนพูดปฏิเสธทั้งที่น้ำตาคลอ  เมธินลอบถอนหายใจยาว  รอจนคนไข้กลับออกไปที่ห้องพักของตัวเองแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์  ยังไม่ทันกดโทรก็มีคนโทรเข้ามาก่อน

            “สวัสดีครับ”

            “สวัสดีครับคุณหมอเมธิน  ผมพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์นะ”  ปลายสายแนะนำตัวอย่างไม่อ้อมค้อม  นายแพทย์เมธินไม่แปลกใจสักนิด  ยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมวันนี้ถึงไม่มาทั้งที่เมื่อวานยืนเฝ้าเขาตรวจคนไข้ตาไม่กระพริบแถมยังซักถามละเอียดละออจนคนเป็นหมอปวดหัวไปหมด

            “คุณอาคิราห์เพิ่งกลับไปที่ห้องครับ”

            “ผลตรวจวันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ”

            เมธินอธิบายอาการและผลตรวจซ้ำอีกรอบ  เขาเบื่อพวกคนไข้วีไอพีที่เรื่องมากจู้จี้เอาแต่ใจเสียจริง  ซึ่งเกือบทั้งหมดนั้นก็เป็นอัลฟ่า  ชนชั้นที่ถือตัวว่าอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร  ขณะที่เบต้าอย่างเขาแม้จะเก่งแค่ไหนก็ตามในสายอาชีพนี้ก็ไม่สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าใครเขาได้   หึ  แต่พอถึงเวลาเจอเคสยากกลับเรียกหาเขา  คิดแล้วก็น่าขำ...         

            “ขอบคุณคุณหมอมากครับที่ดูแลอาคิราห์อย่างดี”  ปลายสายที่เป็นหนึ่งในตระกูลอัลฟ่าที่ถือสายเลือดบริสุทธิ์พูดเรียบๆก่อนจะวางสาย  จะว่าไปแค่พิชช์ฌานแต่งงานกับโอเมก้าก็นับว่าเรียกเสียงฮือฮาได้มากพอแล้ว  ถ้าทุกคนได้รับรู้อีกว่าโอเมก้าคนนั้นกำลังตั้งท้อง ‘ลูก’ ของเขา คงจะยิ่งฮือฮายิ่งกว่าข่าวทลายซ่องเมื่อคืนแน่...ข่าวที่ทำให้อาคิราห์โด่งดัง แถมยังทำให้ชื่อเสียงของพิชช์ฌานในฐานะนักการเมืองที่พูดจริงทำจริงได้คะแนนเสียงมากขึ้นไปอีก

          ไม่รู้ว่าจะเป็นเกมการเมืองอะไรหรือเปล่า  แต่ที่เขารู้แน่ๆตอนนี้ก็คือ  ดวงตากลมใสของเจ้าโอเมก้าเมื่อกี้ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

            .....................................................................
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 16-04-2019 13:33:14








             อาคิราห์กลับมานั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองในห้องพักผู้ป่วยต่อ  ภาพหัวใจของลูกที่เต้นตุบๆยังติดตา  มันทำให้เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือน  ได้แต่นึกแปลกใจว่าเขาต่อสู้กับจักรกฤตรุนแรงขนาดนั้นแต่เด็กในท้องกลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด

            แค่คิดถึงเหตุการณ์ในห้องคืนนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมาอีก  ความกลัวยังจับแน่นอยู่ในใจของเขาทุกครั้งที่หลับตาลง  กลิ่นเหม็นๆและสัมผัสน่ารังเกียจของมันทำให้เขาขนลุกซู่แม้จะยังไม่ถูกล่วงเกินอะไรมากไปกว่าการสัมผัสแค่ภายนอกก็ตาม

เหตุการณ์คราวนี้มันปลุกอะไรบางอย่างในตัวของเขาขึ้นมา  ชีวิตของโอเมก้าที่เกือบจะต้องทิ้งไปอย่างไร้ค่า  หมดความหมาย  ชีวิตเดิมๆที่แสนจะสุขสบายเทียบกับชีวิตของโอเมก้าคนอื่นข้างนอกนั้น  ‘ความจริง’ ที่เขาไม่เคยรู้  สิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น  ความสิ้นหวังที่แฝงอยู่ในดวงตาทุกคู่ยังแจ่มชัดในใจพอๆกับความหวังที่ต้องการเอาชีวิตรอด

ราวกับคนเพิ่งตื่นจากความฝัน..   

            “คุณอาคิราห์ครับ”  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งในตอนบ่าย  อาคิราห์ละมือจากถาดอาหารที่เขาจัดการจนเรียบวุธแม้ว่าจะไม่รู้สึกหิว   พิจารณารสชาติของข้าวต้มหมูใส่ไข่ถ้วยนั้นอย่างละเอียดในแต่ละคำที่ตักเข้าปาก  มันอร่อยและแตกต่างกับรสชาติของขนมปังก้อนขึ้นราราวฟ้ากับเหว

            เจนภพเข้ามายืนตรงหน้าคู่สมรสของเจ้านาย  มองดูอีกฝ่ายยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง  ดูท่าคงจะกินข้าวต้มเคล้าน้ำตาเป็นแน่  นัยน์ตากลมโตเงยขึ้นสบตาเขานิ่งๆ ผิดไปจากเดิม

            ถ้าจะมีอะไรแปลกไปมากที่สุด  ก็เห็นจะเป็นแววตาของคุณอัยย์กระมัง

            “คุณพิชช์ฌานให้มาแจ้งว่าเย็นนี้จะมีแถลงข่าวของคุณอาคิราห์ที่ห้องประชุมของโรงพยาบาลครับ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทลายซ่องโจรเมื่อคืนแล้วก็เรื่องการตั้งครรภ์ของคุณ”  เจนภพพูดเสียงอ่อน  “นี่เป็นรายละเอียดที่คุณพิชช์ฌานฝากมาให้ครับ  ขอให้คุณอาคิราห์ศึกษาแล้วก็พูดตามนี้ได้เลย”  อีกฝ่ายรับกระดาษสองแผ่นไปอ่านเงียบๆ

            “ทำไม...เรื่องมันถึงกลายเป็นว่าผมแฝงตัวเข้าไปในซ่องเพื่อนำจับล่ะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นหลังจากอ่านจนจบ  เรื่องราวถูกบิดเบือนไปหมด  เขาแทบจะกลายเป็นวีรบุรุษของโอเมก้าที่ช่วยตำรวจบุกทลายแหล่งค้ามนุษย์แทนที่จะเป็นเพียงโอเมก้าโง่ๆที่หลงเชื่อคำโฆษณาของบริษัทจัดหางานโอเมก้าเท่านั้น

            “คุณพิชช์ฌานให้สัมภาษณ์เมื่อคืนตามนั้นครับ  คุณอาคิราห์เพียงแค่เล่าเหตุการณ์ตอนที่อยู่ในนั้นสั้นๆก็พอครับ  แล้วก็บอกว่าที่เหลือเป็นส่วนของทางตำรวจ”  เจนภพพูดเรียบๆ   “จริงๆเรื่องก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงเท่าไหร่  คุณเป็นคนจับนายจักรกฤตได้จริงๆ”

            “แล้วบทของเจ้านายคุณคืออะไรหรือเจนภพ”  อาคิราห์ขัดขึ้น  อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยแล้วก็ตอบตามตรง

            “คุณพิชช์ฌานเป็นคนประสานกับทางตำรวจครับแต่แรกครับ  แล้วคุณอาคิราห์เป็นคนขอแฝงตัวเข้าไปเอง”

            คนฟังถอนหายใจเฮือก

            “เจ้านายของคุณก็เตรียมบทพูดเอาไว้แล้วเหมือนกันใช่ไหมครับ”

            “ครับ”  เจนภพรับคำ  แล้วก็เสริมต่อ  “คุณอาคิราห์อย่าคิดมากเลยนะครับ  เราต้องให้ข่าวออกมาในรูปแบบนี้เพื่อไม่ให้..เอ้อ...เสียชื่อเสียงของคุณ”

            “ไม่ให้คุณพิชช์ฌานเสียชื่อว่ามีเมียโง่ใช่มั้ย”  อาคิราห์พูดต่อเสียงอู้อี้  “ผมเข้าใจเขา  เขาคงจะเสียหน้ามากถ้าข่าวออกมาตามจริงว่าผมหนีออกมา”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”  เจนภพอึกอัก  “คุณอาคิราห์ทราบข่าวเรื่องที่ห้องพักที่โรงแรมระเบิดไหมครับ” 

            “...มันคือห้องของผมเหรอ”  อาคิราห์ตกใจ  เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

            “ใช่ครับ  คิดว่าต้นเพลิงมาจากห้องคุณกับคุณฌานแล้วก็น่าจะระเบิดจากรถเข็นอาหารที่คุณเปิดให้เข้าไปครับ”  เจนภพเล่าเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดให้ฟัง  คนฟังอ้าปากค้าง  “คุณฌานตกใจมากครับ  ถึงได้รู้ว่าคุณออกมาจากห้องก่อนแล้ว  จริงๆก็นับเป็นความโชคดีที่คุณอัยย์ออกมาก่อน  ไม่อย่างนั้นก็คงถูกแรงระเบิดเต็มๆ”

            “ผมไม่รู้เลย”  อาคิราห์คราง  “แล้วใครเป็นคนวางระเบิดห้องผม”

            “คุณฌานสงสัยพวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าครับ”  เจนภพตอบตามที่เจ้านายบอกเอาไว้เป็นฉากๆ  “พวกหัวรุนแรงที่มาชุมนุมเมื่อก่อนหน้านี้  คุณคงจำได้  พวกนั้นโกรธแค้นนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมของคุณฌาน  แถมคุณฌานยังแต่งงานกับคุณอีก  คุณฌานเลยสันนิษฐานว่าน่าจะใช่ครับ”

            “ผมเข้าใจแล้วครับ”  อาคิราห์พยักหน้า  ใบหน้าของผู้หญิงอีกคนปรากฏขึ้นความคิด  เขากัดริมฝีปากคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจถามออกไป  “คุณเจนภพครับ  ...ผมขอถามเรื่อง..คุณรินลดาได้ไหมครับ”

            มือขวาคนสนิทของสามีไม่มีท่าทางสะดุ้งสะเทือนอะไรทั้งนั้น  เจนภพพยักหน้าให้เขาถามต่อได้

            “คุณรินลดามีความสำคัญอย่างไรกับคุณพิชช์ฌานครับ”

            “ความสำคัญในแง่ไหนครับ  ถ้าเป็นด้านการงาน  คุณรินลดาเป็นลูกสาวของคุณชาติชายนายทุนใหญ่ของพรรคเราครับ  คุณพิชช์ฌานถึงยังเกรงใจอยู่บ้าง  แต่ถ้าเป็นด้านอื่น...ผมคิดว่าไม่มีนะ” เจนภพยักไหล่  “ถ้าคุณอัยย์กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา  ผมในฐานะที่ติดตามคุณฌานมานานขอยืนยันว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ”

            อาคิราห์ขยับจะเล่าเรื่องข้อความที่ส่งเข้าโทรศัพท์ของเขาแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นถูกยึดจนหายสาบสูญไปไหนแล้วก็ไม่รู้  เขาไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันความเข้าใจของตัวเองอีกก็เลยเลือกที่จะเงียบไปเสีย

            “ตอนที่หนีออกมา  เพื่อนของผม...นิลกับแทมมี่  พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ”  อาคิราห์เปลี่ยนเรื่อง  ถามถึงเพื่อนโอเมก้าแทน  เจนภพมีท่าทางลำบากใจเล็กน้อย

            “ทั้งคู่พักอยู่อีกโรงพยาบาลนึงครับ แต่คุณอัยย์ไม่ต้องเป็นห่วง  พวกเขาแข็งแรงดี  ไม่ได้เป็นอะไร”

            อาคิราห์พยักหน้ารับ

            “แล้ว...นายจักรกฤต”

            “อยู่ในความควบคุมของตำรวจครับ”  เจนภพละเอาไว้ไม่ขยายความต่อว่าชายหนุ่มผู้นั้นได้พบเจอกับอะไรบ้าง  ความโกรธแค้นของพิชช์ฌานไม่ใช่ธรรมดา

            อาคิราห์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  เจนภพซักซ้อมบทสัมภาษณ์อีกนิดหน่อยจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะพูดได้ไม่พลาดก็ถอยกลับออกมาจากห้องพัก

            มื้อเย็นถูกยกเข้ามาให้พร้อมกับยา  อาคิราห์ปิดโทรทัศน์ที่มีแต่ข่าวของเขากับพิชช์ฌานฉายวนซ้ำไปซ้ำมาทั้งวัน  เนื้อข่าวก็เหมือนๆกับที่เจนภพเล่าให้ฟัง  เพิ่มเติมอีกนิดที่เจนภพไม่ได้เล่าก็คือนายกฯเดินทางมาที่นี่แต่ว่าจนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่เห็นเงาของผู้เป็นบิดาเลย  ไม่รู้ว่ายังเดินทางมาไม่ถึงหรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้มาเยี่ยมเขากันแน่

            คนที่อาคิราห์กำลังนึกถึงอยู่นั้นกำลังนั่งประจันหน้าอยู่กับพิชช์ฌานภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลที่จะใช้เป็นห้องแถลงข่าวในตอนเย็นวันนี้  ท่านไตรคุณมองสำรวจ ‘ลูกเขย’ ตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่บอกอารมณ์ใดๆ

            “ไม่ได้ไปรับท่านที่สนามบิน  ต้องขอประทานโทษด้วยครับ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกพูดเรียบๆ แต่สีหน้าตรงข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง

            “ฉันได้ข่าวก็เลยเป็นห่วงลูก”  ไตรคุณพูดขรึมๆ  “อัยย์เป็นยังไงบ้าง”

            “ไม่เป็นอะไรมากครับ”  เขาตอบ  สบตาอีกฝ่ายตรงๆ “อาคิราห์แข็งแกร่งมาก”

            “อย่าพูดเหมือนฉันไม่รู้จักลูกชายของตัวเองหน่อยเลยคุณพิชช์ฌาน”  ท่านไตรคุณพูด  “คุณจะให้ข่าวกับนักข่าวว่าอย่างไรก็แล้วแต่  แต่ว่า...กับผมที่เป็นพ่อของเขา  คุณควรจะเล่าความจริงให้ผมฟัง”

            “ท่านไม่เชื่อเหรอครับว่าลูกชายท่านเป็นคนอาสาแฝงตัวเข้าไปในซ่องนั่นเอง”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ผมคิดว่าท่านประเมินอาคิราห์ต่ำไปนะครับ”

            “ฉัน ‘รู้จัก’ ลูกชายของตัวเองดี”  ไตรคุณพูดสั้นๆ  “แต่ถ้าคุณจะไม่เล่าก็ไม่เป็นไร  เพราะผมก็จะมีวิธีสืบจนรู้ความจริงอยู่ดี”

            สีหน้าของคนฟังแทบไม่เปลี่ยน

            “แล้วแต่ท่านจะพิจารณาครับว่าจะเลือกเชื่อข่าวไหน  และผมก็คิดว่าที่ท่านรีบมาที่นี่คงไม่ได้เป็นเพราะห่วงลูกชายอย่างเดียวถูกไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ

            “อ๋อแน่นอน  ฉันเป็นนายกฯของประเทศนี้  มีข่าวอาชญากรรมข้ามชาติฉันก็ต้องลงมาดูด้วยตัวเองอยู่แล้ว  ถึงจะไม่ได้บทพระเอกขี่ม้าขาวอย่างคุณก็เถอะ”  ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะในคอแล้วเหลือบมองชายหนุ่มคราวลูกด้วยสายตาคมกริบ  “แต่ฉันจะเตือนอะไรเอาไว้อย่างหนึ่งนะ  คุณพิชช์ฌาน  ในฐานะที่คุณเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง...บางอย่างมีขีดกั้นอยู่บางๆ  มันเป็นเขตแดนที่มองไม่เห็นแต่คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า...อย่าล้ำเส้น  เพราะถ้าคุณก้าวข้ามขีดแดงนั้นเข้าไป  คุณจะสูญเสียทุกอย่างรวมถึงชีวิตของคุณด้วย”

            คิ้วเข้มกระตุกนิดๆ

            “ท่านพูดถึงเรื่องอะไรครับ  ผมไม่เข้าใจ”

            “คุณเข้าใจดีคุณพิชช์ฌาน  ไม่มีใครได้อะไรหมดทุกอย่างตามใจนึกหรอก  มันเป็นสัจธรรม...ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง  เราไม่ควรจะละโมบ  ฉันเตือนในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน  คงไม่ถือกันนะ”  คนพูดลุกขึ้นยืน  “เอาล่ะ  ...ผมคิดว่าจะต้องไปเยี่ยมลูกชายเสียหน่อยก่อนที่เขาจะแถลงข่าวสำคัญ  คุณอนุญาตให้พ่อได้พบกับลูกไหม”

            “อาจจะต้องเป็นหลังจากการแถลงข่าวครับท่าน  ขออภัยจริงๆที่ไม่สะดวกตอนนี้”  พิชช์ฌานปฏิเสธหน้าตาเฉย  แม้แต่คนสนิทยังอ้าปากค้าง  เจนภพเหลือบมองท่านนายกฯอย่างเกรงๆ

            ไตรคุณชะงัก  หันกลับมามองหน้าลูกเขย

            “กลัวว่านักแสดงจะลืมบทงั้นหรือ ถ้าได้เจอฉันเข้า”   

            “ผมเกรงว่าเวลาจะไม่ทันครับ  เพราะใกล้จะถึงกำหนดการณ์แล้ว  ผมอยากให้ท่านกับอาคิราห์ได้พูดคุยกันยาวๆหลังจากงานแถลงข่าวมากกว่าครับ”  พิชช์ฌานยืนยัน

            คนฟังหัวเราะหึๆ

            “ก็ได้...ถ้าอย่างนั้น  ฉันจะรอจนกว่างานแถลงข่าวจะเสร็จสิ้น  เผื่อจะได้พาลูกชายกลับไปพักผ่อนที่บ้านของฉันทีเดียวเลย”  ไตรคุณเน้นคำว่าบ้านของตัวเองอย่างชัดเจน   “เจ้าอัยย์ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วนี่นะ  ตั้งแต่หลังแต่งงาน  พ่อแม่พี่น้องก็บ่นคิดถึงกันทุกคน  ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกก็ยิ่งเป็นห่วงไปกันใหญ่”

            พิชช์ฌานอึ้งไปครู่  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นไม้นี้  ไตรคุณปรายตามองชายหนุ่มที่หน้าเสียจนเก็บอาการไม่อยู่

            “ผม..คิดว่า..ควรจะคุยเรื่องนี้ทีหลังครับ”  หัวหน้าพรรคการเมืองที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์พูดออกมาในที่สุด  ได้ยินเสียงหัวเราะในคอของผู้อาวุโสกว่าก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที  “ใกล้จะได้เวลาแล้ว  ผมต้องขอตัวไปเตรียมตัวก่อนครับ”

            “เชิญตามสบาย”  ท่านนายกฯผายมือออกยิ้มๆ  ทว่าพอร่างสูงใหญ่ของลูกเขยเดินลับสายตาออกไป  รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายวับกลายเป็นความเคร่งขรึมเย็นชา

            ............................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ตอนนี้ยาวมากเลย  ตัดปัญหาความค้างแล้วนะทุกคน5555555

            เจอกันตอนหน้าค่ะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-04-2019 14:26:13
ต่างคนก็ต่างหาประโยชน์กับอัยย์ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-04-2019 15:02:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-04-2019 15:21:53
ขวัญเอ๋ยขวัญมา ต่อไปก็ทำแต่เรื่องดี ๆ มีประโยชน์เพื่อลูกและเพื่อตัวเองนะหนูอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-04-2019 15:44:46
 :เฮ้อ: หรือว่าเรื่องค้ามนุษย์จะเกี่ยวกับฝั่งพ่อ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-04-2019 16:04:49
ถึงจะรู้สึกว่าทั้งพ่อและพิชช์ฌาญหวังดีกับอัยย์จริงๆอยู่บ้าง แต่มันแฝงไปด้วยผลประโยชน์อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-04-2019 16:26:22
โอยย โล่งอกไปที :เฮ้อ: :เฮ้อ:
คุณพ่อคะะ เอาน้องอัยย์กลับไปเลยค่ะ!!
เราจะได้เห็นคนเสียหน้า เสียอาการ
แต่ดูท่าแล้วลูกคุณพ่อจะไม่ยอมไปนะคะ  :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 16-04-2019 17:03:07
ทุกคนหวังแต่จะหาผลประโยชน์กับอัยย์ ถึงจะรัก แต่ก็เอาผลประโยชน์มาก่อน.จะมีใครรักและสู้เพื่ออัยย์โดยไม่หวังผลประโยชน์บ้างไหม :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2019 17:10:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2019 18:26:31
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 16-04-2019 18:39:29
เกมการเมืองนี่ปวดหัวดีจัง หนูอัยย์จะเจออะไรอีกมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 16-04-2019 19:01:55
ลุ้นๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-04-2019 20:02:56
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-04-2019 22:20:01
เห็นบู้บี้ชั้นเป็นแค่หมากตัวหนึ่งกันหรือไง พ่อนี่รักลูกไหม? ตาพิษนี่รักบู้บี้จริงไหม? ดูจะห่วงตำแหน่งมากกว่าเมียอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-04-2019 00:30:04
ขวัญเอ๊ยขวัญมา ปลอดภัยแล้วนะ
จะเจออะไรอีกหลังจากนี้
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: bkachai ที่ 17-04-2019 09:27:35
พ่อตาลูกเขยฟาดฟันกันดีจริงๆ​ อัยย์ดื้อก็ต้องมีบทเรียนบ้าง​ เมินเลยสามี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-04-2019 10:12:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 17-04-2019 18:13:53
โอเมก้าที่น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 17-04-2019 19:55:16
อยากให้เชื่อและเข้าใจกันไวไว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 17-04-2019 22:03:37
สงสารน้อง คือจริงๆแล้วน้องแค่ต้องการคนจริงใจอะ แล้วพระเอกของเรากับพ่อก็ไม่ได้ให้ความรักและความจริงใจเลย ไม่รู้พ่อน้องรักน้องภาษาอะไรอะ พ่อที่คอยแต่ซ่อนน้องแล้วเมื่อถึงเวลาก็มาหาผลประโยชน์แบบนี้ คือแบบที่น้องหนีไปคือน้องต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองเลือกเองซักครั้งไง ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็เถอะ แต่ว่าน้องก็ได้เรียนรู้ไง ถ้ายังอยู่ ยังไม่หนีน้องก็จะไม่โตอะ เรื่องคราวนี้ก็จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับน้องเลย ฮือออ อินมากค่ะ สนุกมากกก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-04-2019 05:37:31
อัยย์ได้บทเรียนราคาแพงเลยทีนี้ โลกไม่สวยงามอย่างที่คิดนะ

โชคดีมากที่อัยย์รอดมาได้แบบปลอดภัย เกือบไปแล้ว
และต้องขอบคุณนิลที่เข้ามาช่วยอีกแรง

ช่วยมาแล้ว มาเจออัยย์หงอยแบบนี้ ก็สงสารไปอีก
แถมยังต้องกลับมาอยู่วังวนเดิม เฮ้อออ น้ำตาไหลแล้วอัยย์เอ้ย

บางทีก็อยากให้ฌาณอยู่เฉยๆ บ้าง เพราะมีแต่คนพุ่งเข้าใส่
และก็อยากให้พ่ออัยย์แสดงออกว่ารักมากกว่านี้ แบบจริงใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-04-2019 08:45:10
พวกตาแก่อย่างแกพ่อตากับลูกเขย

จะชิงใหวชิงพริบอะไรก็เรื่องของพวกแก

แต่แกอย่าเอาเจ้าตัวเล็กเข้าไปในเกมส์เด็ดขาด

แค่พวกแกใช้อัยย์เป็นหมากเดินเกมส์ก็มากเกินทนแล้ว

แต่ตอนนี้ในท้องอัยย์มีเจ้าตัวเล็กนะโว๊ย

นึกถึงเรื่องนี้กันบ้าง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่25 16/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-04-2019 21:34:11
หนูอัยย์โดนสามีงอนหนัก เอาใจสามีแห่งชาติมากๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวก็หายงอนล่ะ สามีทั้งรัก ทั้งหลง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p18
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 19-04-2019 01:49:19
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 26

 

 



 

 

 

            ร่างโปร่งบางนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงมุมเดิมกับที่เขาแอบเห็นเมื่อตอนบ่าย  ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยนอกจากนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิมแบบนั้น  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  คำเปรยของท่านนายกฯทำให้เขาร้อนใจจนต้องมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพักคนไข้ตรงนี้  แทนที่จะไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวแถลงข่าวตามที่วางแผนเอาไว้

            เหลือบมองนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่ง  ...เขายังพอมีเวลาเหลือเล็กน้อย

            เอื้อมมือไปเคาะประตูห้องเบาๆเป็นสัญญาณก่อนจะเปิดเข้าไป  คนบนเตียงสะดุ้งเงยหน้าขึ้นจากท่อนแขนที่กอดเข่าเอาไว้อยู่  นัยน์ตากลมบวมช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุดนั้นทำให้คนมองเกือบสะดุดขาตัวเอง  โชคดีที่ชายหนุ่มเก็บอาการเอาไว้ได้ทัน

            แววตาหงอยๆเซื่องๆเปลี่ยนเป็นดีใจที่เห็นหน้าเขา  แต่แล้วก็กลับหันกลับไปมองหน้าต่างตามเดิม

            “ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีก  ใกล้จะถึงเวลาแถลงข่าวแล้ว”  เขาพูดขึ้นเรียบๆ

            “..........”  อาคิราห์ไม่ได้ตอบออกไป   หางตาแอบเห็นร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆเตียงที่เขานั่งอยู่  หัวใจของโอเมก้าเต้นแรงขึ้นนับตั้งแต่เห็นหน้าของอีกฝ่าย  ทว่าความรู้สึกผิดและสายตาเย็นชาว่างเปล่าที่พิชช์ฌานใช้มองเขาก็ทำให้พูดอะไรไม่ออก

            กลัวว่าน้ำตาที่เริ่มแห้งไปแล้วจะไหลออกมาอีก

            “เธออ่านที่เจนภพเตรียมเอาไว้ให้แล้วใช่มั้ย  อยากเพิ่มตรงไหนหรือเปล่า”  เสียงห้าวๆถามต่อมาอีก  มันเรียบสนิทไร้อารมณ์ราวกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแทนที่จะเป็นคำแถลงการณ์เรื่องลูกของเขา

            อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะออกไปรอที่ห้องแถลงข่าวก่อนนะ”  พิชช์ฌานพูด  เจ้าโอเมก้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย  เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้นจนเขาไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ

            ทำไมมันถึงยากเย็นนัก  ...ยากยิ่งกว่าการวางแผนเลือกตั้งเสียอีก

            ห้องเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ  นักการเมืองหนุ่มลอบระบายลมหายใจยาวอีกครั้งอย่างอึดอัด  สำหรับคนที่เกิดมาพร้อมความมั่นใจมาตลอดชีวิต  เขาบอกตัวเองว่าเกลียดความรู้สึกตอนนี้ชะมัด

            ความรู้สึกที่ไม่กล้าแม้แต่จะถามออกไปตรงๆว่า  ...ไม่อยากอยู่กับเขามากขนาดนั้นเชียวเหรอ ...เขาแย่ขนาดนั้นเลยใช่มั้ย  ถึงยอมไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่าจะอยู่ด้วยกัน...

            ยอมรับว่าเขากลัวคำตอบ

            “คุณ..ช่วยผมเพราะอยากเป็นฮีโร่เหรอ”  เสียงอ่อนเบาดังขึ้นจากคนที่ก้มหน้าอยู่  พิชช์ฌานชะงัก

            “ฮีโร่?  ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น”         

            “ผมฟังบทสัมภาษณ์ของคุณเมื่อคืนในข่าว”

            “คิดว่าฉันลงทุนขึ้นรถลงเรือทั้งที่เมาจะตายอยู่แล้วเพราะอะไร  แค่อยากเป็นฮีโร่งั้นหรือไง”  พิชช์ฌานพูด  รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที  “รู้หรือเปล่าว่ากว่าจะช่วยเธอออกมาได้ฉันต้องวิ่งเต้นไปเท่าไหร่”

            “แต่มันก็คุ้มคะแนนเสียงของคุณที่จะได้มาไม่ใช่เหรอ”

            “คุ้มเหรอ?  จะบ้าหรือเปล่าอาคิราห์  คะแนนเสียงมันเทียบได้ที่ไหนกับ....”  เสียงของคนพูดหายไปในลำคอเมื่อสบตาคนฟังที่เงยหน้าขึ้นพอดี  ดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายวาววับจนพิชช์ฌานรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงอารมณ์มามากเกินไป

            อาคิราห์ขยับตัวลงจากเตียงแล้วก้าวเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่นั้นเอาไว้  แนบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่มีกลิ่นหอมๆที่เขาชอบ  สูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด

            คนตัวสูงนิ่งงันไปด้วยความตกใจแกมตื่นตระหนก  เขาอยากจะสะบัดตัวออกจากวงแขนบอบบางนี้  อยากหมุนตัวหันหลังออกจากห้องเหมือนที่ทำเมื่อตอนเช้า  ทว่า...แรงใจของเขาที่จะฮึดสู้กลับลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว  พอๆกับเมื่อเช้าที่เขาต้องรีบเผ่นออกจากห้องก่อนที่จะแพ้ให้กับน้ำตาของอีกฝ่ายราบคาบ

            “ผมขอโทษ”  คนพูดซุกหน้าลงกับซอกไหล่ของเขาแล้วพูดเสียงอู้อี้  น้ำตาที่แห้งไปเริ่มไหลออกมาใหม่ปนกับขี้มูกขี้ตา  อาคิราห์กอดเอวของพิชช์ฌานเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

            พิชช์ฌานไม่ตอบและอาคิราห์ก็ไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้ว  เขากลัวจะเห็นความหมางเมินของอีกฝ่ายอีก

            “คุณจะไม่ยกโทษให้ผมเลยเหรอ”  เจ้าโอเมก้ากระซิบหลังจากที่อีกคนยืนนิ่งเงียบจนเขาใจไม่ดี

            “เธอ...อยากหนี..มากเลยหรือ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นในที่สุด  คำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมานับตั้งแต่อีกฝ่ายหายตัวไป  “ไม่อยากอยู่กับฉันมากขนาดนั้นเลยหรือไงถึงได้ยอมหนีไปกับ...ไอ้บริษัทบ้าๆนั่น  รู้หรือเปล่าว่าฉันกลัวแค่ไหนตอนที่ห้องระเบิดแล้วไม่เจอเธอ”  ชายหนุ่มพูดเสียงดังขึ้น  “รู้บ้างมั้ยว่าฉันรู้สึกยังไงที่หาเธอไม่เจอ  อาคิราห์!”

            คนชื่ออาคิราห์สะดุ้ง  เงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบคู่นั้นด้วยความตกใจ

            “ฉันตามหาเธอทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยากกลับมามั้ย  แต่ฉันก็ยังตามหาเธอต่อไป...นี่มันบ้ามั้ยล่ะ”  ชายหนุ่มหัวเราะแค่นๆออกมา  นัยน์ตาคมแดงก่ำคล้ายกับมีน้ำตาคลอ  อาคิราห์จ้องมองแทบไม่เชื่อสายตา  “ให้ฉันทำยังไง  อาคิราห์  ฉันควรจะต้องทำยังไงดี  ฉันไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรนักหนา  พอเห็นหน้าเธอ...ฉันกลับไม่กล้าแม้แต่จะถามสักคำว่าเธอช่วย...อยู่กับฉันต่อได้มั้ย”  เสียงห้าวแหบพร่า   น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ไหลลงมาต้องผิวแก้มของพิชช์ฌานท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนมอง  “ฉันจะพูดออกไปได้ยังไงว่าอย่าไปไหนเลยนะ  ฉันไม่มีสิทธิจะห้ามใคร  มันเป็นสิทธิของเธอ”

            “คุณพิชช์ฌาน..”  อาคิราห์ยืนอึ้ง  พิชช์ฌานจับแขนที่โอบรอบตัวออกจนเจ้าโอเมก้าใจหาย

            ทว่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้ผละออกอย่างที่คิดแต่กลับย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้นแทน  อาคิราห์ตกใจยิ่งกว่าเดิมตอนที่พิชช์ฌานดึงตัวเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่น  ฝังใบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบ  ไหล่กว้างสั่นสะท้านเพราะเจ้าของปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้อีก

            “.......”  ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปาก  อาคิราห์เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น  ช่วงเอวของเขาเปียกชุ่มเพราะหยดน้ำตาจากคนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมานั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา  ทุกอย่างมันเกิดความคาดหมายไปหมด  ควรเป็นเขาไม่ใช่หรือไงที่ต้องนั่งร้องไห้  ทำไมถึงกลายเป็นพิชช์ฌานไปได้  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นแตะที่ท้ายทอยและเส้นผมหยักศกดำสนิทอย่างไม่แน่ใจ

            พิชช์ฌานเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง  รู้แค่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย  ความรู้สึกกดดันลึกๆข้างในที่ไม่เคยรู้ว่ามีมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กลับพุ่งขึ้นมาจนเขาไม่สามารถสะกดอารมณ์ให้ราบเรียบได้เหมือนเดิม

            นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา  ...เขากลายเป็นเด็กไร้เหตุผลยิ่งกว่าเจ้าบู้บี้เสียอีก  เพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการอยู่กับเขา

            “คุณฌาน”  เจ้าโอเมก้าคงตกใจกับน้ำตาของเขา  พิชช์ฌานแอบเช็ดน้ำหูน้ำตากับเสื้อคนไข้จนแห้งแล้วก็ลุกขึ้นยืน  อยากจะหันหลังก้าวออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแต่ติดตรงที่อีกฝ่ายกลับยืดตัวขึ้นแล้วประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ด้วยมือเล็กๆทั้งสองข้าง  “คุณโอเคมั้ย”

            ....เป็นคำถามที่เหมือนโลกกลับตาลปัตรสำหรับพิชช์ฌานเหลือเกิน  ให้ตายสิ

            “ฉันไม่เป็นไร”  เขาตอบสั้นๆ พยายามไม่สบตากลมใสแจ๋วคู่นั้นมากเกินไป

            “ทำไมคุณขี้แยจัง”  คนพูดกลั้วหัวเราะในลำคอแล้วเขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากเข้าที่ข้างแก้มของคนตัวสูงกว่าเบาๆ  “คุณอยากให้ผมอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ”  อาคิราห์กระซิบกับปลายจมูกโด่งนั้น

            พิชช์ฌานเริ่มสงสัยว่าเขาคงจะตกหลุมเจ้าโอเมก้าตั้งแต่คำถามแรกที่อีกฝ่ายถามเขาเรื่องฮีโร่อะไรนั่นแล้ว  ร่างโปร่งบางหอมละมุนด้วยกลิ่นคุกกี้รสนมที่คุ้นเคย  ชายหนุ่มตวัดแขนรัดร่างนุ่มมือเข้ามากอดทั้งตัว  ก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายแรงๆแล้วแกล้งถูปลายคางสากด้วยไรหนวดเพิ่งโกนกับซอกคอนวลเนียนเล่น

            อาคิราห์หัวเราะเสียงดัง  ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแข็งแรงที่ให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยนั้น

            ชายเสื้อของเขายังเปียกชื้นอยู่เลยตอนที่พวกเขาสองคนย้ายมานั่งคุยกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะบนโซฟา  คราบน้ำตาของพิชช์ฌานที่คงไม่มีใครได้เห็นง่ายๆ  แต่ว่าอาคิราห์คนนี้ได้เห็นแถมได้สัมผัสมาแล้ว

            “เค็มปะแล่มมากเลย”  จู่ๆ เจ้าโอเมก้าก็พูดขึ้นมา  พิชช์ฌานชะงัก

            “อะไรนะ”  อัลฟ่าหนุ่มงง  เขามัวแต่เพลิดเพลินกับการดมหลังคอของอีกคนเล่น

            “ก็น้ำตาของคุณพิชช์ฌานน่ะซิ”  อาคิราห์พูดเนิบๆ  ถกเสื้อขึ้นมาให้ดูรอยชื้นที่ยังทิ้งไว้อยู่  “เอาไปประมูลจะมีใครซื้อไหมนะ  ขี้มูกขี้ตาของคุณนักการเมืองรูปหล่อ”

            “ล้อกันเหรอเจ้าบู้บี้  เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”  พิชช์ฌานคำราม  ก้มลงไปงับพุงนิ่มๆที่อีกคนถลกเสื้อโชว์นั้น  เจ้าโอเมก้าร้องเสียงหลง  ขยับตัวหนีเพราะความจั๊กจี้  สุดท้ายอัลฟ่าหนุ่มก็เลยทิ้งตัวลงนอนหนุนตักโอเมก้าเสียเลย

            เจ้าของตักทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ไม่ได้ดันหัวหนักๆของพิชช์ฌานออก  ...เห็นว่าเพิ่งบ่อน้ำตาแตกเมื่อกี้  คิดเสียว่าโอ๋เด็กสามขวบนะอัยย์นะ...

            เด็กสามขวบที่ตัวใหญ่เหมือนยักษ์เลย  ทำไมพิชช์ฌานถึงต้องร้องไห้ด้วยนะ  เขาร้องไห้เพราะเราจริงๆเหรอ...เขาเป็นห่วงเรา  อยากให้เราอยู่ด้วยจริงๆหรือว่าเป็นเพียงแค่เกมการเมืองอะไรอีกหรือเปล่า  จะหลอกใช้เราอีกใช่มั้ย  อาคิราห์คิดอย่างใจลอย

            พิชช์ฌานกดริมฝีปากลงกับหน้าท้องของอาคิราห์จนเจ้าตัวสะดุ้ง  ก้มหน้าลงมองเขางงๆ

            “คิดอะไรอยู่”  เสียงห้าวๆถามต่อมา  ตาต่อตาสบกัน  “บอกกันให้รู้บ้าง  อย่าคิดอยู่คนเดียวสิ..อัยย์”  ชื่อเล่นของเขาเวลาที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่ายทำไมถึงน่าฟังกว่าปกติกันนะ  หรือว่าเขาคิดไปเอง...อาคิราห์ขมวดคิ้ว

            “ผม...คุณอยากให้ผมอยู่ด้วยเพราะอะไรหรอ  คุณพิชช์ฌาน”

            “ทำไมถึงไม่เรียกฉันว่าฌานเหมือนเมื่อกี้แล้วล่ะ  เลิกเรียกชื่อเต็มยศได้แล้ว”

            คราวนี้อาคิราห์ยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆเรียงกันสวยเหมือนไข่มุก

            “ก็คุณชื่อพิชช์ฌานที่ไม่ใช่พิษฌานนี่นะ”  คิ้วเข้มขมวดเข้าเพราะไม่เข้าใจ  อาคิราห์ก็ไม่อธิบายเพิ่ม  “คุณฌานอยากให้ผมอยู่ด้วยเพราะอะไรหรอ”  เขาเรียกชื่อเล่นสั้นๆของอีกฝ่ายบ้าง  “เพราะผมท้องลูกของคุณหรือเปล่า”

            “ก็มีส่วน”  ชายหนุ่มตอบแล้วขยายความเพิ่ม  “แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  ความจริงฉันเคยบอกเธอไปแล้วแต่ว่าเธอไม่เชื่อฉัน  ฉันไม่อยากให้เธอไปไหน  อยู่ด้วยกันกับฉันเพราะฉันรักเธอ”

            คนฟังตกใจ  วันนี้เขาตกใจเพราะผู้ชายคนนี้มากี่ครั้งแล้ว

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  เจ้าบู้บี้อ้าปากค้างเบิกตาโตดูน่าขันแต่ก็น่าเอ็นดูเหลือเกินในความคิดของเขา  ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วแตะที่ปลายขนตายาวงอนของเจ้าของตักเล่น

            “คราวนี้จะเชื่อหรือยัง”

            “ผม..เชื่อใจคุณได้แค่ไหนเหรอ  คุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พึมพำหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่  คนฟังนิ่งไปนิดหนึ่ง

            “ฉันไม่มีอะไรจะพิสูจน์กับเธอได้เลยนอกจากการกระทำ”       คำตอบของพิชช์ฌานทำให้คนฟังถอนหายใจยาว  ชายหนุ่มเลยรีบพูดต่อ  “ถ้าเธอไม่สบายใจล่ะก็  ฉันยินดีจะพิสูจน์จนกว่าเธอจะเชื่อ  อะไรก็ได้ทั้งนั้น”

            “ผมจะให้เวลาคุณพิสูจน์ไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะเชื่อคุณ”  อาคิราห์พูดขึ้น  “ผมจะอยู่กับคุณจนถึงวันนั้น”

            รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของพิชช์ฌาน

            “ฉันอาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ให้เธอเห็นสัก...ร้อยปี”

            คิ้วเรียวขมวดมุ่น

            “คุณก็จะอายุเยอะสุดทำลายสถิติโลกไปเลย  ถึงตอนนั้นคุณน่าจะต้องตะบันน้ำกินแล้วก็ใส่ฟันปลอมทั้งปาก  คงตลกดีถ้าคุณใส่วิกผมดำ”

            “พูดซะฉันไม่อยากอยู่เลย”  พิชช์ฌานหัวเราะออกมา  รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก  “ถ้าฉันแก่ เธอเองก็ต้องแก่หงำเหงือกเหมือนกันนั่นแหละน่า”

            “ถึงผมแก่  ก็จะแก่แบบดูดี”  อาคิราห์ว่า

            “แบบบู้บี้น่ะสิ  นึกภาพเธอตอนแก่ไม่ออกเลย  คงหงิกๆย่นๆเป็นก้อนๆแน่ๆ”  นึกภาพตามแล้วก็อดหัวเราะออกมาอีกไม่ได้  อาคิราห์ย่นจมูกยกมือขึ้นทุบหน้าอกคนพูดเต็มแรง  “โอ๊ย! แรงเธอไม่ใช่น้อยๆนะ  แล้วฉันก็ไม่ใช่ไอ้จักรกฤตด้วย”

            พอพูดถึงชื่อจักรกฤต  รอยยิ้มบนใบหน้าของอาคิราห์ก็จางลงจนคนมองสังเกตได้ชัด

            “ยังกลัวอยู่เหรอ”

            “ผมกลัวมาก”  อีกฝ่ายตอบเต็มปากเต็มคำ  “ผมนึกว่าคุณจะมาช่วยผม  แต่ถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครมา  ผมนึกถึงคุณตลอดเวลา  ตอนที่มันเอามือมาจับ...”  คนพูดตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ  ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมานั่งแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้  อาคิราห์กอดตอบ  “ผมคิดในใจว่า  เป็นไงเป็นกัน  ถ้าผมไม่รอดก็คงไม่ได้เจอกันอีก”

            “เธอเก่งมาก”  พิชช์ฌานกระซิบ  “เก่งที่สุดที่ฉันเคยเจอมา”

            “จริงเหรอ”  คนในอ้อมแขนย้อนถามกลับมาเหมือนเด็กไม่มั่นใจ  คนแก่กว่ายิ้มบางๆ

            “จริง... เธอเก่งมากที่เอาชีวิตรอดออกมาได้  ต่อให้ฉันไม่ได้ไปช่วย  ฉันก็เชื่อว่าเธอจะต้องเอาตัวรอดได้แน่”  พิชช์ฌานพึมพำอยู่ข้างขมับ  “แต่ว่าอย่าแอบหนีไปไหนโดยไม่บอกกันก่อนอีกเลยนะ  ฉันหัวใจจะวายเอา”

            “คุณตามมาเจอผมได้ยังไง”

            “แค่ฉันเห็นป้ายชื่อบริษัทหางานโอเมก้าก็เดาออกแล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “คงมีคนตาโตตอนที่เห็นเลยล่ะ”

            “ผมตาเหลือกต่างหาก”  อาคิราห์ยอมรับ  “หลงเชื่อเข้าไปเต็มเปาเลย  โง่จริงๆ”

            “เธอไม่ได้โง่  แต่แค่รู้ไม่เท่าทันเพราะขาดประสบการณ์”  พิชช์ฌานแก้ให้  “ถ้าเธอโง่  เธอก็จะต้องหลงเชื่อมันต่อไปว่าจะต้องหางานมาให้แน่ๆ  เธอคงจะคิดเรื่องป้ายSOS ไม่ออก  แล้วก็ผ้าพันคอของฉันด้วย”

            “ผมตัดใจทิ้งมันเลยนะ”  อาคิราห์งึมงำ  คิดถึงผ้าพันคอผืนโปรดที่ต้องจำใจแอบทิ้งเอาไว้ในห้องน้ำขึ้นมาได้  “คุณเห็นป้ายของผมเหรอ”

            “โบกสะบัดขนาดนั้น  ฉันยังกลัวว่าเธอจะโดนเชือดไปก่อนหรือเปล่า”

            “พวกมันไม่กล้าทำอะไรผมหรอก  เพราะผมยังมีประโยชน์”  อาคิราห์ว่า  “มันรู้ว่าผมเป็นใครตั้งแต่แรกแล้ว  ถึงได้ให้คนตามประกบตลอด  แถมยังให้ผมออกมาเป็นคนสุดท้าย  ตอนที่พวกมันบอกว่าจะพาผมไปหา ‘ท่าน’ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นจักรกฤต”

            “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”  พิชช์ฌานพยักหน้ารับ  “แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่  การทลายซ่องคราวนี้น่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น  พวกตำรวจตามสืบเรื่องแก๊งค้ามนุษย์นี้กันมานานแล้วแต่ว่ายังไม่มีโอกาสลงมือ  เรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใหญ่เกินกว่าจะคาดคิดเอาไว้  ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวหรอก  แต่พอมีเรื่องเธอขึ้นมา...ฉันก็เลยต้องออกหน้า   ...ถ้าวันไหนฉันถูกลอบฆ่าก็ไม่ต้องสงสัยเลยนะ  ฉันเหยียบจมูกมันเต็มๆ”  ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน

            อาคิราห์หน้าเสีย

            “จะถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยเหรอ”

            “เธอกลัวฉันตายมั้ย”  พิชช์ฌานแกล้งถาม  ใจมาเป็นกองที่เห็นเจ้าโอเมก้าดูจ๋อยลงเมื่อคิดว่าเขาตกอยู่ในอันตราย

            “ผมไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้นแหละ”  อาคิราห์ตอบเลี่ยงๆ  “แล้วมันจะรุนแรงขนาดนั้นจริงหรอ”

            “ฉันแกล้งพูดให้เด็กรู้สึกผิดไปงั้นเอง”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “ไม่มีอะไรหรอก  มันก็แค่ซ่องของไอ้จักรกฤตนั่นแหละ  ไอ้นี่มันเลวมานานแล้ว  แต่ก่อนก็ทำบ่อน”

            “คุณโกหกผมอยู่”  อาคิราห์พูดขึ้น  อีกฝ่ายเลิกคิ้ว  “พูดความจริงกับผม”  อาคิราห์พูดซ้ำ

            “ก็ได้ ...มันเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลจริงๆ”  นักการเมืองหนุ่มยอมรับ  “แต่เธอไม่ต้องไปสนใจหรอก  ไม่ใช่เรื่องของเธอ  ตอนนี้เธอสนใจแค่..”

            “จะไม่ใช่เรื่องของผมได้ยังไง”  อาคิราห์แย้งขึ้นทันควัน  “คนที่เดือดร้อนก็คือโอเมก้า  เพื่อนๆที่เป็นคนเหมือนกันกับผม  พวกเขาถูกขายเหมือนสินค้าแบบนี้มานานแล้ว”

            “นึกอยากเป็นนักมนุษย์ฯเรียกร้องสิทธิให้โอเมก้าหรือยังไง”  พิชช์ฌานพูดกลั้วหัวเราะ

            “ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะ”  คำตอบของอาคิราห์หนักแน่นจริงจังกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน  พิชช์ฌานหยุดหัวเราะ  “ผมอยากทำอะไรเพื่อคนแบบผมบ้าง  คนที่ด้อยโอกาสกว่าคนอื่นๆ”

            “เธอจะทำอะไรล่ะ  ออกมาประท้วงเรียกร้องแบบพวกอนุรักษ์ฯหรอ”

            “ถ้ามันจะเป็นหนทางที่ทำให้คนอื่นหันมาสนใจ  ผมก็จะลองดู”  อาคิราห์สูดน้ำมูกดังฟืด  “คุณอย่ามายิ้ม  ผมพูดจริงๆนะ  ผมอยากทำ  เพื่อนผม...นิลกับแทมมี่  พวกเขามีความฝัน  โอเมก้าคนอื่นๆก็มีความฝันที่อยากทำ  เหมือนผมเองที่อยากไปเที่ยวรอบโลก  แต่เราทำได้แค่คิด  ผมสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถทำตามฝันของตัวเองได้เหมือนชนชั้นอื่น  ทั้งที่ก็มีแขนขามีสมองเหมือนกัน”

            “เธอจะเป็นนักปลุกระดมหรือไง  ท่าทางขึงขังดีอยู่หรอกนะ”  พิชช์ฌานพูด  ยิ้มกว้างให้กับท่าทางฮึดฮัดของคนตัวเล็กกว่า  “ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกความฝันของเธอหรือเพื่อนๆหรอกนะ  แต่ว่าการจะทำอะไรแบบนี้  มันไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ  บางประเทศเขาใช้เวลากันเป็นสิบเป็นร้อยปี  เธออาจจะไม่ได้เห็นผลในช่วงชีวิตของเธอ”

            “ไม่เป็นไร  ขอแค่ผมได้ทำอะไรสักอย่างที่มีประโยชน์เพื่อโอเมก้าคนอื่นก็พอแล้ว”  อาคิราห์ตอบ  “ผมตั้งใจเอาไว้แล้วนะ  ก่อนหน้านี้ชีวิตผมมันล่องลอยเพราะผมไม่มีเป้าหมาย  มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง  แต่ว่าตอนนี้ผมมีนี่”  คนพูดจับมือใหญ่มาวางทาบเอาไว้ที่หน้าท้องของตัวเองแล้วยิ้ม  “ผมมีเจ้านี่  แล้วก็มีความฝันของผม”

            “ค่อยยังชั่ว  ฉันนึกว่าเธอจะลืมลูกของเราไปแล้ว”

            “ผมจะลืมได้ยังไง  ว่าผมมีไอ้เจ้าตัวจิ๋วอยู่ในท้อง”  คนพูดสูดน้ำมูกอีกครั้ง  “ผมไม่อยากให้ลูกผมต้องออกมาเจอโลกแบบผม  ผมอยากเปลี่ยนมันให้ดีขึ้น  สักนิดก็ยังดี”

            “ลูกของเธอจะเป็นอัลฟ่าที่เก่งเหมือนฉัน  ฉะนั้นเธอไม่ต้องห่วง”  พิชช์ฌานแกล้งแหย่

            “ผมว่าคนที่ต้องปรับความคิดใหม่คนแรกก็คือคุณเลย คุณพิษฌาน”  อาคิราห์ร้อง  ยกมือขึ้นทุบคนพูดอีกตุ้บ  “คุณชูนโยบายเท่าเทียมแต่ยังไม่ยอมให้ผมออกจากบ้านอยู่เลย”

            “ฉันกลัวเธอจะเป็นอันตราย”  พิชช์ฌานสารภาพ  “ยิ่งเธอพูดแบบนี้ฉันยิ่งกลัว  ฉันไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการเรียกร้องสิทธิอะไรนี่เลยอาคิราห์  มันอันตรายเกินไป  เคยมีโอเมก้าที่ลุกขึ้นมาแล้วถูกฆ่าตายมาแล้ว”

            “...............”

            “เธอก็กำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย  จะออกไปโหวกเหวกเรียกร้องสิทธิอะไรก็คงไม่เหมาะมั้ง”  สีหน้าคนฟังจ๋อยลงฉับพลันเหมือนดอกไม้เฉาแดดเมื่อถูกเบรกหัวทิ่ม  พิชช์ฌานเห็นอีกคนหงอยแล้วก็เลยรีบพูดต่อ  “เอาอย่างนี้  รอให้คลอดก่อน  ถ้าเธอคลอดแล้วจะออกไปเรียกร้องอะไรก็คงง่ายขึ้น  แต่ระหว่างนี้เธออย่าเพิ่งทำอะไรเกินตัว ...จะเป็นนักเรียกร้องสิทธิเนี่ยต้องมีการเตรียมตัวนะ  ไม่ใช่ใครนึกอยากเป็นก็เป็นกันได้ง่ายๆ  เธอรู้กฎหมายงั้นหรือ  ถ้าไม่รู้กฎหมายจะหาช่องทางปรับเปลี่ยนได้ยังไง”

            “ผมจะไปเรียนก่อน”  อาคิราห์ตกหลุมที่สามีขุดล่อเอาไว้เต็มๆ  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจโล่งอก  อย่างน้อยรอจนคลอดอีกฝ่ายก็คงวุ่นวายเลี้ยงลูกจนลืมเรื่องอุดมการณ์พวกนี้ไปเอง         

            “ก็ได้  ฉันจะให้เธอไปเรียนกฎหมายเสียก่อน”

            ตกลงกันได้ด้วยดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  อาคิราห์นั่งพิงอกกว้างเล่าเรื่องตอนที่ถูกพาไปที่เกาะให้พิชช์ฌานฟังต่ออย่างละเอียดลออ

            “...แล้วมันก็ตบผมตรงนี้”  พิชช์ฌานหน้าเครียดเมื่อนึกถึงภาพตอนที่จักรกฤตทำร้ายร่างกายอาคิราห์  แต่พอเห็นท่าทางเอียงหน้าชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเองเหยงๆเหมือนฟ้องของเจ้าโอเมก้าแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้  “เจ็บมากๆด้วย  หูผมลั่นเลย  หน้าชาไปทั้งแถบ”

            “ไหนดูซิ  เจ็บมากเลยเหรอ”

            “เจ็บสุดๆ  แค่จับยังปวด”  อาคิราห์ไม่หลบเลยด้วยซ้ำตอนที่อีกฝ่ายก้มลงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ตรงตำแหน่งที่โดนตบ  รู้สึกเหมือนความเจ็บปวดจะหายไปหน่อยนึงด้วย  “ตรงนี้ก็ปวด”  เขาเอียงแก้มอีกข้างให้ดู

จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องอย่างเกรงใจดังขึ้นเบาๆ

            “ขออนุญาตครับ  คุณฌานครับ  ถึงเวลาแถลงข่าวแล้วครับ”

            เจนภพพูดก่อนที่จะโผล่หน้าเข้าไปในห้อง  เจ้านายทั้งสองคนขยับตัวออกห่างจากกัน  คุณอาคิราห์นั่งตัวตรงเผ็งแต่ก้มหน้างุดจนน่าสงสัยว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรกันอยู่  แต่เขาเลือกจะไม่ถามและพยายามไม่วอกแวกเพราะสายตาของเจ้านายตัวจริงเข้มดุน่ากลัว

            “ขอบใจมากเจนภพ”

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 19-04-2019 01:50:25





            สักพักทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องพัก  คุณพิชช์ฌานกุมมือของคู่สมรสโอเมก้าเอาไว้ไม่ห่าง  พาเดินไปด้วยกันจนถึงห้องแถลงข่าวที่มีนักข่าวมารออยู่เต็ม  แสงแฟลชและเสียงรัวชัตเตอร์ดังรอบห้องไม่เว้นช่วงหายใจ

            พิชช์ฌานพูดสั้นๆถึงการประสานงานกับทางตำรวจเพื่อเข้าจับทลายแหล่งมั่วสุมค้ามนุษย์ในครั้งนี้โดยสืบเนื่องมาจากที่ภรรยาของเขาได้ไปพบใบปลิวของบริษัทรับจัดหางานโอเมก้าเข้า

            นักข่าวจับกล้องมาทางอาคิราห์ต่อเมื่อถึงคิวเจ้าโอเมก้าต้องพูดบ้าง  มือของอาคิราห์เย็นเฉียบ  เขาไม่เคยต้องพูดต่อหน้าคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้มาก่อน  นี่เป็นครั้งแรก

            อาคิราห์นิ่งไปจนคนข้างสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปตบเบาๆที่หน้าตักของเจ้าโอเมก้าแล้วกุมมือข้างนั้นเอาไว้

            “ผมอาคิราห์ อัศวลักษณ์ครับ  ผมได้ใบโฆษณาชวนเชื่อใบนั้นมาจริงๆ  แล้วก็เลยไปเล่าให้สามีของผม  คุณพิชช์ฌานฟัง....”  อาคิราห์สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพูดตามสคริปที่เตรียมเอาไว้  พูดไปแล้วก็เสียงสั่นเพราะรู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นความจริงที่ถูกบิดเบือน  จากความโง่เขลากลายเป็นความฉลาด  จากความขลาดกลายเป็นความกล้าหาญ  แต่ครั้นจะพูดออกไปตามตรงก็ทำไม่ได้  เขาไม่ต้องการให้พิชช์ฌานเสียหายไปมากกว่านี้

            “คุณอาคิราห์เป็นคนอาสาแฝงเข้าไปกับบริษัทเลยเหรอคะ”  นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อนัก

            อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  ฝืนหันไปสบตาคนถาม  บอกตัวเองว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น  ถ้าเขาอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อโอเมก้ามากกว่านี้ล่ะก็

            “ใช่ครับ”

            “คุณกล้าหาญมาก”  ไม่มีความเชื่อถืออยู่ในน้ำเสียงของคนพูดเลยสักนิด  แถมยังมีเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากกลุ่มนักข่าวอีกต่างหาก

            อาคิราห์กระพริบตา

            “คุณคิดว่าผมจะขึ้นเรือลำนั้นไปที่เกาะเพื่ออะไรล่ะครับ”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆ  “ผม...กล้าพูดได้เลยว่าเป็นโอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้  ไม่ใช่เพราะผมเป็นลูกนายกฯ หรือเพราะผมแต่งงานกับคุณพิชช์ฌาน  แต่เป็นเพราะผมได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนโอเมก้าด้วยกัน”  เขาหยุดไปนิดหนึ่ง  ทั้งห้องเงียบกริบ  “คุณทราบไหมครับว่าตอนที่ผมเข้าไปอยู่ร่วมกับเพื่อนโอเมก้าในนั้น  ผมได้เจออะไรบ้าง”

            “..........”

            “ผมเจอความหมดหวังครับ”  อาคิราห์บีบมือของพิชช์ฌานแน่น  “ไม่มีความหวังสำหรับโอเมก้าในประเทศนี้ตราบใดที่โอเมก้ากันเองไม่ลุกขึ้นมาสู้ครับ”

            พิชช์ฌานกระตุกมือของคนพูดเป็นเชิงเตือน  เขาไม่อยากให้อาคิราห์พูดมากกว่านี้

            “และตราบใดที่พวกคุณ อัลฟ่าและเบต้าถือตนว่าอยู่สูงกว่าโอเมก้า  มองไม่เห็นว่าพวกเราเป็น ‘คน’ เท่าเทียมกัน   การค้ามนุษย์อย่างผิดกฎหมายพวกนี้ก็จะยังมีต่อไปครับ..”

            “อาคิราห์ได้พูดแทนใจเพื่อนโอเมก้าไปแล้วครับ  ถึงเวลาที่ผมจะพูดแทนใจตัวเองบ้าง”  พิชช์ฌานพูดขัดขึ้นหน้าตาเฉย  “ผมกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วครับ”

            สิ้นประโยคนั้นก็มีเสียงฮือฮาจากคนฟังรอบด้าน  ทุกคนหันไปสนใจข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของอาคิราห์แทน  พิชช์ฌานรับหน้าที่ตอบคำถามนักข่าวอย่างคล่องแคล่วแทนทั้งหมด  อาคิราห์เพียงแต่ยิ้มรับอย่างเดียวเท่านั้นจนกระทั่งจบงาน  เจ้าโอเมก้าก็เดินนำกลับไปที่ห้องอย่างโกรธๆ

            “คุณไม่ยอมให้ผมพูดจนจบ  ทำไมล่ะครับ”

            “ก็เธอไม่ได้พูดตามที่เตรียมไว้”

            “ผมแค่พูดความจริง”

            “มันยังไม่ถึงเวลา”  พิชช์ฌานพูด  “ใจเย็นๆก่อน  ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับเธอ  ฉันเข้าใจที่เธอพูด  เข้าใจดีเลยล่ะ  แต่ว่าถ้าเธอพูดหรือแสดงออกอะไรไปมากตอนนี้  ภัยจะมาสู่ตัวเธอ”

            “แล้วเมื่อไหร่ถึงจะถึงเวลาล่ะครับ”

            “เมื่อเธอพร้อมแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  ยกขาขึ้นไขว่ห้างทอดสายตามองเจ้าโอเมก้าที่ยืนหน้าหงิกเท้าเอวหมุนตัวไปมาด้วยความหงุดหงิดอยู่กลางห้องอย่างขันๆ  “เธอยังมีเวทีให้ได้พูดอีกเยอะ อาคิราห์  อย่างน้อยถ้าเธอได้เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  ฉันจะให้เธอครอบครองโพเดียมคนเดียวเลย  สัญญาว่าฉันจะไม่พูดขัดซักคำ”

            “............”  คนฟังอ้าปากแล้วก็หุบ  “คุณเป็นนายกฯให้ได้ก่อนเหอะ  แล้วค่อยมาคุย”

            “ฉันได้เป็นอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจตามนิสัย  “ลืมไปว่าคู่แข่งของฉันคือพ่อของเธอนี่นะ”

            “คุณเอาชนะพ่อผมไม่ได้หรอก”

            พิชช์ฌานยังไม่ทันได้พูดตอบกลับไป  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยเจนภพเปิดเข้ามาแจ้งว่าท่านนายกฯรออยู่ข้างนอก  อาคิราห์ตาโตรีบถามอย่างดีใจ

            “ท่านนายกฯ  พ่อผมน่ะเหรอ”

            “ใช่ครับคุณอัยย์”  เจนภพทำเป็นไม่เห็นสายตาหงุดหงิดของเจ้านาย

            “ยังไม่กลับไปอีกเหรอ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เชิญท่านเข้ามาสิ”

            อาคิราห์เดินนำไปก่อนแล้ว  พอเห็นร่างของบิดาก็ตรงเข้าไปกอดเอาไว้แน่น  ท่านไตรคุณหัวเราะตบหลังบุตรชายเบาๆ

            “เจ้าอัยย์  พ่อเป็นห่วงแทบแย่”  ไตรคุณกระซิบ  “จะมีลูกแล้วทำไมไม่บอกพ่อบ้าง  พ่อจะเป็นตาแล้วหรือนี่  ไม่ทันตั้งตัวเลย”  ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับลูกเขยที่เดินมาหยุดยืนข้างๆยิ้มๆ  “เก็บเงียบเชียวนะคุณพิชช์ฌาน  แล้วนี่กี่เดือนแล้วล่ะ”

            “ท้องยังอ่อนครับ  ผมเลยยังไม่กล้าบอก”  พิชช์ฌานตอบอย่างสงบ  “เชิญด้านในดีกว่าครับ ได้นั่งคุยกันสบายๆ”

            “เขารีบเชิญให้พ่อนั่งคุยที่นี่เพราะกลัวว่าจะพาเรากลับไปคุยที่บ้านน่ะอัยย์”  ท่านไตรคุณว่า  อาคิราห์เลิกคิ้ว

            “คุณพ่ออยากพาผมกลับบ้านหรอครับ”

            “อัยย์อยากกลับไหมล่ะ  เราไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลยนี่ตั้งแต่แต่งงาน”

            “ผม..” นัยน์ตากลมโตเหลือบมองผู้ชายหน้าคมที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ  “..ถ้าคุณพิชช์ฌานว่างก็กลับไปค้างที่บ้านด้วยกันก็ดีครับ  ผมอยากให้เขาไปพักบ้านเราบ้าง  จะได้รู้ว่าที่บ้านเราสะดวกสบายขนาดไหน”

            คนที่กลั้นหายใจอยู่เมื่อครู่ลอบผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก  แต่ไม่วายหันไปขมวดคิ้วเข้มๆใส่คนที่หรี่ตาแกล้ง

            “พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณพิชช์ฌานเขาก็น้อยใจแย่  บ้านเขาออกน่าอยู่  พ่อเคยเห็นนิตยสารไปถ่ายบ่อยๆ”  ท่านนายกฯพูดแกมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  “ถ้าอย่างนั้นคุณพิชช์ฌานก็รีบหาเวลาว่างเข้านะ  ฉันอยากให้ลูกชายไปค้างบ้านจะแย่แล้ว  เขาก็ดันติดสามีเสียนี่ เจ้าลูกคนนี้นี่มันยังไง”

            “.....”  อาคิราห์ยิ้มเขินๆ แบบที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก  เจ้าโอเมก้านั่งพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกับบิดาโดยมีพิชช์ฌานนั่งอยู่ด้วยไม่ยอมลุกไปไหนจนท่านนายกฯลุกขึ้นยืน

            “ฉันต้องกลับแล้วล่ะ  เดี๋ยวจะไม่ทันเครื่อง”  ไตรคุณวางมือลงบนศีรษะกลมทุยของลูกชายแล้วลูบเบาๆ  “ดูแลตัวเองด้วยนะอัยย์  พ่อเป็นห่วง”

            “ครับพ่อ”  อาคิราห์พยักหน้า

            “ดูแลหลานฉันด้วย”  ประโยคหลังคนพูดหันไปพูดกับลูกเขย  พิชช์ฌานก้มศีรษะให้พ่อตาแล้วลุกไปส่งที่หน้าประตู  ท่านไตรคุณปฏิเสธไม่ให้ไปส่งถึงที่รถ

            “กลับไปพักผ่อนเถอะอัยย์  ต้องนอนพักเยอะๆ  นี่ถ้าแม่รู้คงดีใจพิลึก”

            อาคิราห์ยิ้ม  โบกมือให้บิดาจนลับตาไป

            พวกเขากลับเข้ามาในห้อง  นั่งคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องขึ้นมาอีก  เจนภพเป็นคนออกไปดู  ชายหนุ่มกลับเข้ามาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

            “ใครมา เจนภพ”

            “เอ่อ...”

            “ฉันเองค่ะ”  คนพูดเยื้องกรายเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยโดยไม่รอคำอนุญาต   อาคิราห์กัดริมฝีปากทันทีที่เห็นร่างอวบอัดในชุดรัดรูปสีน้ำเงินเข้มเข้ามาในห้อง  ใบหน้าของเธอตกแต่งเอาไว้สวยงามเหมือนเช่นวันนั้นที่เขาเห็นในลิฟต์  ไม่นึกเลยว่าเธอจะกล้าเข้ามาในห้องของเขาตรงๆแบบนี้

            “รินลดา  คุณเข้ามาทำไม”

            “ฉันก็มาเยี่ยมภรรยาของคุณไงคะ  เพิ่งดูแถลงข่าวไป...เป็นอย่างไรบ้างคะคุณอาคิราห์  ดีใจด้วยนะคะที่รอดตายมาได้”  เธอพูดยิ้มๆ  “พิชช์ฌานเขาคงจะได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมเร็วๆนี้ล่ะ  ในฐานะที่นำแสดงฉากนำจับลูกน้องตัวเองได้ดีเลิศ”

            “คุณพล่ามอะไร  เจนภพเชิญคุณรินลดาออกไปสิ”

            “อย่าเพิ่งเลยครับ  ผมอยากฟังต่อ” อาคิราห์ขัด  “พูดต่อครับคุณรินลดา  ทำไมคุณพิชช์ฌานแสดงอะไรเหรอครับ”

            “เธอดูไม่ออกจริงๆหรอว่าเรื่องนี้มันเป็นการจัดฉาก”  หญิงสาวเลิกคิ้ว  “อะไรมันจะเหมาะเจาะปานนั้น  ถ้าเป็นเรื่องจริงเธอคงไม่ได้ออกมาง่ายๆแบบนี้หรอก”

            “คุณมีหลักฐานอะไรไหมครับ”  อาคิราห์พูดอย่างสงบ

            “หลักฐานก็อยู่ที่สามีของเธอนั่นแหละ  เขาหลอกใช้เธอหาเสียงยังไม่รู้ตัวอีก  หน้าโง่แล้วยังโง่จริงอีกนะ  โอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้”  เธอพูดเยาะๆ  “โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่  อ้อ  ลืมไปว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา  ระวังเอาไว้เถอะ  พอเธอคลอดลูก  เขาได้เป็นนายกฯสมใจแล้ว เธอก็จะหมดประโยชน์  ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ”

            “เหมือนที่คุณเคยเป็นน่ะเหรอครับ”  อาคิราห์ถามเนิบๆ 

            “ฉันเป็นคนเขี่ยเขาทิ้ง  ไม่ใช่เขาเขี่ยฉัน”  รินลดาแก้ทันควัน

            “ผมเชื่อครับ”  อาคิราห์พูดเสียงซื่อ  “อย่างคุณไม่ใช่รองเท้าหรอก  แต่เป็นส้นเท้า....ผมหมายถึงเท้าที่เขี่ย  ถูกไหมครับ”

            “นี่เธอด่าฉันเหรอ”

            “ผมไม่ฉลาดพอจะด่าใครหรอกครับ”  เจ้าโอเมก้าพูด  เดินไปเกาะแขนพิชช์ฌานเอาไว้บอกความเป็นเจ้าของกลายๆ  “แล้วผมก็โง่พอที่จะเชื่อคุณพิชช์ฌานพูดทุกคำด้วย  คุณกลับไปเถอะครับ  ที่คุณทำอยู่ไม่มีประโยชน์”

            หญิงสาวจ้องอาคิราห์เขม็งด้วยความโกรธจัด

            “แล้วก็เลิกส่งข้อความมาหาผมด้วยนะ  ผมเบื่อมุขนี้แล้ว”

            “...เหอะ  รู้แล้วงั้นหรอ”

            “สรุปเป็นข้อความของคุณจริงรึ”  คนตีขลุมประหลาดใจเสียเองที่อีกฝ่ายดันตอบรับง่ายๆเสียอย่างนั้น  รินลดาหน้าแดงก่ำ  หันขวับไปมองหน้าอดีตคนรัก

            “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะชาร์ล  ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดก็เพราะอะไรคุณคงรู้”  เธอพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส  “คุณพ่อฝากบอกมาว่าท่านตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากๆค่ะ”

            “คุณกลับไปก่อนเถอะ  แล้วผมจะไปเยี่ยมท่านทีหลัง”  พิชช์ฌานตอบสั้นๆด้วยภาษาเดียวกัน

            รินลดาหมุนตัวเดินออกจากห้องไปท่ามกลางความโล่งอกของเจนภพ  อาคิราห์ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง  มองหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

            “คุณพูดอะไรกับเธอ”

            “พูดว่าฉันรักภรรยาของฉัน”

            “โกหก”

            “เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันพูดว่าอะไรแล้วจะถามทำไม”  พิชช์ฌานเดินเข้าไปกอดร่างแบบบางเอาไว้หลวมๆ  “ฉันไม่คิดว่าคนที่อ่านนิยายภาษาฝรั่งเศสจะฟังประโยคง่ายๆเมื่อกี้ไม่ออกหรอกนะ”

            “คุณบอกว่าจะไปหาพ่อของเธอ”

            “พ่อของรินลดาเป็นนายทุนใหญ่ของพรรค  ถ้าฉันอยากชนะเลือกตั้งงานนี้ก็ต้องพึ่งเค้าอยู่”  พิชช์ฌานพูดตรงๆ  “แต่ถ้ามีปัญหากับบู้บี้ของฉัน  ก็คงต้องคุยกันใหม่อีกที  ..เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องข้อความอะไรนั่นเลยนะ”

            “ข้อความอะไร”  อาคิราห์ทำไก๋  นึกว่าอีกคนจะลืมไปแล้วแท้ๆ

            “ฉันได้ยินอยู่เมื่อกี้  ข้อความอะไรงั้นหรือ”

            “ก็ไม่มีอะไรหรอก”  อาคิราห์เล่าให้อีกฝ่ายฟังสั้นๆ  คนฟังมองอย่างทึ่งปนแปลกใจ

            “อย่าบอกนะว่าที่ขอมาที่นี่เพราะอยากรู้ว่าฉันจะมาเจอกับรินลดามั้ย”

            “ก็มีส่วน”  คนพูดงึมงำ  “แต่จริงๆก็อยากมาเที่ยวด้วย  ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”  อาคิราห์แนบหน้าลงกับท่อนแขนล่ำสัน  “ผมนอนไม่หลับ”

            พิชช์ฌานกระแอม  หันไปขมวดคิ้วใส่มือขวาคนสนิทที่ยืนมองอยู่

            เจนภพอึกอัก  รีบถอยออกจากห้องพักแทบไม่ทัน  นึกอยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้อง  ดูท่าคุณอัยย์กับคุณฌานจะปรับความเข้าใจกันได้เรียบร้อยแล้ว  ค่อยยังชั่วหน่อย

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากลูกน้องของเขา  เจนภพกดรับสาย  นิ่งฟังสิ่งที่ลูกน้องรายงานจนครบถ้วน  ชายหนุ่มเหลือบมองในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง  คงไม่ดีถ้าจะผลีผลามเข้าไปบอกข่าวกับเจ้านายตอนนี้แน่  แต่จะเก็บเอาไว้กับตัวก็ไม่ได้อีก

            มือขวาของพิชช์ฌานได้แต่เดินกลับไปกลับมาหน้าห้องอย่างกลุ้มใจ

            .......................................................................................

            มาอัพแล้วจ้า

            พรุ่งนี้วันศุกร์แล้วเย่ๆ

            ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์กดโหวตนะคะ

            ชอบเรื่องนี้จังเลย  ตอนเขียนสนุกมากเลยอ่ะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-04-2019 02:25:51
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 19-04-2019 02:41:57
นว้อง!!!!!!!!!!!!! นว้อง!!!!!!!!!!!! นว้องงงงงงงง ทำไมทำตัวน่ารักแบบนี้อีกแล้ว ก็สมควรที่ตาพิษญาณจะทนไม่ไหว กร้ากกกกก น่ารักน่าฟัดจริงๆเลย ฮึยๆๆๆ

แต่เดี๋ยวนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว? ไม่ให้พักกันเลยรึไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-04-2019 02:53:45
 :serius2: มีอะไรเกิดขึ้นอีกเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2019 07:13:29
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเนี่ย  :ling3:
 :pig4: :pig4:
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-04-2019 07:33:06
ข่าวร้ายแน่ ๆ แต่จะรีบเข้าไปบอกก็กลัวขัดจังหวะเป็นเจนภพนี่ยากจริง 555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-04-2019 10:30:14
มีข่าวอะไรอีกกกกกกกกกกกก
เจ้าบู้บี้ก็ตัวแค่นี้ ฮือออออออออออออออออออออออ
อย่าทำให้น้องระแวงได้มั้ย!!!  :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-04-2019 10:30:36
รักเรื่องนี้.. รักนุ้งอัยย์..
ไรท์รีบมา...
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 19-04-2019 12:00:27
พอเข้าใจกันแล้วโลกนี้ก็เป็นสีชมพูเลยจ้า :katai3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-04-2019 12:32:52
สนุกมากเลยค่ะ ไล่อ่านยันเช้าเลย เจ้าอัยย์น่ารัก แต่ดื้อน่าดูเลย จับตีเลยเจ้าบู้บี้ !  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-04-2019 14:00:03
 บู้บี้น่ารักมากเลย ใจพี่เหลวหมดแล้ว
กำลังหวานๆอยู่เลย มีข่าวร้ายมาอีกแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Rsun ที่ 19-04-2019 14:23:59
อ่านถึงตอน24  เรากลับคิดว่าคนที่สมควรได้รับเรื่องเลวร้ายควรเป็นพ่อและตาพระเอกอะ​ คนๆหนึ่งที่ไม่เคยได้รับอิสระเลยสักครั้งในชีวิตจึงไม่แปลกที่จะมีความคิดขวนขวายอยากได้อิสระมา

การที่น้องตัดสินใจออกมาเราคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว​ การหนีครั้งนี้ทำให้น้องเห็นโลกกว้างขึ้น​ แอบคิดว่าน้องจะต้องเป็นตัวแปรฝ่ายโอเมก้าที่สำคัญมากๆต่อการเมืองครั้งนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 19-04-2019 16:01:13
มีอะไรให้ลุ้นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-04-2019 18:38:22
คนเขียนเขียนมันส์มือ รนอ่านก็อ่านเมามันส์ไปด้วยค่าาา ชอบมากเลยยย แหมมมมม คุณพิษษษ งอนอิท่าไหนไปปล่อยโฮน้ำตาหยดแหมะอ้อนน้องแบบนั้นคะท่านหัวหน้าพรรค  :hao3:  หมั่นใส้มากบอกเลย 55555 ตอนนี้บู้บี้แต้มต่อมีเด็กสามขวบ 1 อัตราไว้ในกำมือแล้ว แกล้งให้เอาใจให้เข็ดเลยนะลูก โทษฐานไม่รีบมาปลอบตอนหนูเสียขวัญ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-04-2019 19:33:59
น้องอัยย์ อ้อนเก่ง ส่วนลุงฌาณลดความมั่นลงปุ๊บ ขี้แงปั๊บ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-04-2019 20:33:16
น้องอัยย์ไม่โง่นะ แค่ประสบการณ์น้อยเลยไม่ทันคน อย่างน้อยก็จับผิดแพรลดาได้ละกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-04-2019 22:17:07
แย่งอำนาจกันไปเถอะ อัยย์อาจจะได้เป็นนายกโอเมก้าคนแรกของประเทศก็ได้นะ#ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 20-04-2019 08:09:44
อ้อนให้หนักเลยบู้บี้ เอาให้ตาพิษ เอ้ย! พิชช์หลงและเขินหนัก ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 20-04-2019 09:14:16
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-04-2019 10:19:22
น้องอัยย์เก่งมากตอนนี้

แบบนี้แหละถึงจะเหมาะสมเป็นแม่ของหลานฉัน

หลานฉันจะเกิดมามีแม่อ่อนปวกเปียกไม่ได้

ริลดาชีวิตมีแต่อิ๋มสมองไม่มีโชคดีที่พ่อรวย

ไม่งั้นอาชีพหลักคือ ออหรี่แน่ๆ

นายพิษทำดีมาก ดูเมียดูลูกนายดีๆล่ะ

สงสารเจนภพ เขาทะเลาะกันเจนภพก็เดือดร้อน

เขาคืนดีกัน เจนภพก็เดือดร้อน

โถ๋ พ่อคุณจะมีคู่กับเขาใหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 20-04-2019 10:56:15
หนูอัยย์ ต่อไปจะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังนะคะ คิดถึงลูกให้เยอะเย้ออออ ไม่ต้องไปคิดถึงเด็กโข่งที่มานั่งคุกเข่าร้องให้ขี้มูกโป่งหรอก รายนั้นคงเสียฟอร์มสุดๆไปเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 20-04-2019 11:53:07
ลุ้นต่อเลยค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 20-04-2019 13:18:41
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า ติดตามอยู่นะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 20-04-2019 13:42:29
เจอรีวิวนิยายเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ ตอนแรกกะลองอ่านฆ่าเวลาเพราะไม่ค่อยชอบแนวนี้ แต่พอลองได้อ่านตอนแรกตอนเก้าโมงเช้า ยาวมาจนตอนล่าสุด
บอกเลยว่าสนุกมากๆๆๆค่ะ มีจุดที่ไม่ชอบอยู่บ้าง แต่ทุกการกระทำของแต่ละคนก็มีที่มาที่ไป ฮือออ สนุกจนวางไม่ลง ติดตามลุ้นต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: mamameya ที่ 20-04-2019 14:07:53
ลุ้นๆ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-04-2019 14:08:26
ในที่สุด ก็ดีกันแล้วค่ะ เปิดใจเปิดปากคุยกันแล้ว
อัยย์น่าเอ็นดูมาก หงอยหนักมากด้วย
ฌาณก็ทนทำใจแข็งไม่ไหว ต้องยอมคุยก่อน

ได้อ้อนกัน ได้ง้อกัน น่ารักมากเลยค่ะ
หาโมเมนท์นี้ได้ยาก แถมคุณพ่อยังร้องไห้โชว์อีก
อัยย์คุ้มมากเลยล่ะสิ ชอบความติดคุณพ่อของคุณแม่มาก

รินลดาควรหยุดนะ กลัวจะไปยุยงเจนภพ
เพราะเหมือนยังมีเรื่องคนตายให้ปั่นอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 20-04-2019 14:27:49
สนุกมากกกกกกกๆๆๆๆๆๆ เจ้าบู้บี้น่ารักที่สุดเลยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-04-2019 17:40:26
………



นั่นนนนน คุณฌานบอกรักน้องอัยย์ละ.

แต่ทำไม ดูไม่ฟิน เหมือนอัยย์ไม่ค่อยเชื่อ

แต่อย่างน้อย คุณฌานก้อแสดงความจริงใจออกมาละนะ


………


 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5: :katai5: :katai5:  :katai5: :katai5:



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 20-04-2019 18:48:07
จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 20-04-2019 18:59:44
อยากเห็นน้องอัยย์อ้อนเยอะๆ :z1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 20-04-2019 19:22:36
ขออยู่กันอย่างสงบๆสักตอนได้มั้ยจ้ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 20-04-2019 20:52:11
ชั้นรักตอนที่พวกเค้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาตรงๆ เป็นตอนที่ดีเลือเกิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 20-04-2019 21:16:40
สะใจอิตาพิษร้องไห้  :laugh: :laugh:
น้องอัยย์น่ารักเต็มสิบเลยรูกกก
เรื่องต่อมาต้องเป็นแผนคุณพ่อหรือป่าวว หรือเรื่องพรรค
โอยย พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจิงๆ  :mew5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Morgen ที่ 20-04-2019 21:28:53
สงสารน้องอัยย์ แต่ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะคุณนักเขียนมาแต่งต่ออีกน้า. อยาก้ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ  น้องจะยังเ็นหมากอยู่มั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 20-04-2019 21:35:37
รอตอนต่อไป :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-04-2019 21:46:56
พระเอกเราอ่อนลงเยอะเลย พอได้รักแล้วอะไรก็ใจอ่อนไปหมดเลยใช่มั้ย รอน้องทำรังใหญ่ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 21-04-2019 03:06:25
น้องอ้อนมากแงงง  :katai1: :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 21-04-2019 10:55:34
เพิ่งมาอ่านเจอเรื่องนี้ คือแบบว่ามันดีมากกกกก น้องน่ารักมุมิมาก กินเก่งกินจุ แถมดื้ออีกด้วย จริงๆ สงสารทั้งตัวน้องเอง เข้าใจความรู้สึกนะที่น้องคิดว่าตัวเองเป็นหมากให้คนนู้นคนนี้ เพราะไม่มีใครพูดความห่วงใยที่มีกับเจ้าตัวแบบตรงๆ ไง ทั้งที่บ้านและตอนที่มาอยู่กับคุณพิชช์ด้วย ก็เลยระแวงไปหมด อยากจะหนีไปมีอิสระจนเกือบเอาตัวไม่รอดแล้วลูกเอ้ย ขวัญเอ๊ยขวัญมา ต่อไปนี้ก็ขอให้เชื่อใจกันนะ ไม่ว่าจะเจออะไร แค่เชื่อใจกัน รับฟัง แล้วทุกอย่างมันจะคลี่คลายไปเองนะลูก แง คุณนักเขียนก็สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ จะรออ่านตอนถัดไปด้วยใจจดจ่อเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: nkl31 ที่ 21-04-2019 11:29:13
ต้องโดดจากตอน23 มาอ่าน 26 ก่อน กลัวน้องไม่ปลอดภัย เดี๋ยวย้อนกลับอ่าน สนุกมากๆเลยค่าา คงไม่มีดราม่าอีกแล้วใช่มั้ยคะ ทำใจไม่ได้ 5555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 21-04-2019 12:47:12
ปรับความเข้าใจกันได้ก็ดี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: beindependence ที่ 21-04-2019 13:08:40
เจ้าบู้บี้สู้ๆ เค้าค่ะลูกกกกก  ต้องเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งให้ได้นะคร๊าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-04-2019 19:56:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 21-04-2019 22:29:02
 o18ลุ้นมากชอยบมากกก เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ สนุกมากกก เอาใจช่วยเจ้าบู้บี้กับคุณพิษนะคะ หลังจากนี้จะมีอะอีกมั้ยนะ กำลังท้องด้วย ลำบากแย่เลย แต่อยากเห็นฉากแบบคุพิษ แพ้ท้องหนักๆป่วยๆเพลียๆแต่ยัยน้องร่าเริงสนุกสนาน แต่สุดท้ายก็กลับมาคอยดูแลคุณพิษที่นอนซมเพราะแพ้ท้องแทนตัวเอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 21-04-2019 23:04:54
คดีเก่าเพิ่งจบ จะมาใหม่อีกแล้วเหรออออ :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 21-04-2019 23:18:40
สนุกมากค่ะ กว่าจะมาถึงเข้าใจกันได้ อ่านลุ้นมาตลอดทาง เอ็นดูเจ้าบู้บี้จังค่ะ // อยากเห็นบู้บี้เป็นคุณแม่แล้วค่ะ ส่วนคุณพิษนั้นเตรียมเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าไว้เลยมั้ยคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-04-2019 07:56:45
สงสารอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-04-2019 16:06:16
อ่านรวดเดียวถึงตอนปจบ.เลยค่ะ อ่านเพลินมาก สนุกมาก
แรกๆคือโอ๋น้องอัยย์หนักมาก คุณพิษคือโดนเพ่งเล็งมาก
จะทำอะไรน้อง! นี่จะเอาน้องไปเป็นเหยื่อล่อหรอ! หลอกน้องอีกแล้ว!
แต่จะสังเกตได้เลนว่าต่อให้จะหลอกหรืออะไร แต่ทุกอย่างที่มีน้องไปเกี่ยวข้อง คุณเค้าวางแผนละเอียด รอบครอบ และรัดกุมมากๆแบบที่ไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำแทนเลยอะ ไม่รู้ว่าด้วยสถานะน้องที่เป็นเหมือน เชลยศักดิ์ มากกว่าเป็นตัวประกันด้วยหรือป่าว
แต่คือมองออกเลยค่ะว่าแพ้ทางน้องกันหมดเลยทั้งบ้าน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

จนมาถึงช่วงที่น้องเริ่มดื้อ นี่คือกำไม้เรียวแน่นมาก แบบน้องอัยย์คะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะคะ!
แต่อีกใจคือรู้แหละว่าถ้าไม่ไปเจอ’โลกจริงๆ’บ้าง น้องก้จะไม่โต
และความใสซื่อขนาดนั้นจะยืนอยู่ข้างคุณพิษก้จะลำบาก ไม่มีใครมาคิยดูน้องได้ตลอดอะ
ต่อให้คุณเค้ายอมทุกอย่างแม้แต่ออกจากวงการเมือง แต่ของแบบนี้ก้รู้กันอยู้ว่าออกไปก้ไม่พ้นอะ
เพราะฉะนั้นยังไงน้องก้ต้องโตขึ้น ต้องทันโลก ทันคนมากขึ้น ถึงจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ด้วยตนเอง

ส่วนเรื่องพ่อน้อง บางทีก้สงสัยว่ารักน้องจริงๆบ้างมั้ยนะ
แต่พอมาคิดดี จะพบว่า รัก อาจจะไม่ได้มาก แต่รักในแบบของเค้า แบบที่น้องจะปลอดภัยมากที่สุด
นี่ว่าการที่ไม่ยอมบอกคนอื่นว่ามีน้องอัยย์ที่เป็นโอเมก้าเป็นลูกนอกจากรักษาชื่อเสียงตระกูล ก้ถือว่าโปรเทคน้องได้ระดับนึงเลยนะ ลองคิดว่า ตระกูลผู้ดีอัลฟาเลือดบริสุทธิ์เก่า+พ่อเป็นนายกที่มีอำนาจในปจบ+พี่คนโตทำงานในสภา+พี่สาวคนรองแต่งกับครอบครัวที่เป็นแหล่งเงินชั้นเยี่ยม+พี่ชายฝาแฝดมีชื่อเสียงและพื้นที่สื่อมากพอสมควร+น้องเป็นโอเมก้าซึ่งท้องได้
คนที่เข้าหาน้องตลอดทั้งชีวิตถ้ารับรู้การมีอยู่นี้คือ = ผลประโยชน์ที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลนี้อะ
บางทีการที่น้องมีชีวิตสงบๆ อยากเรียนอะไรก้มีคนมาสอน อยากได้อะไรก้มีคนหามาให้แบบนี้
อาจจะดีกว่าการต้องตกอยู่ในวงผลประโยชน์ตั้งแต่แรกเลยก้ได้ แบบกันน้องออกมาให้ไกลที่สุดอะ
แต่ก้อย่างว่าว่ารัก แต่อาจจะไม่ได้มากขนาดนั้น ถึงได้ให้น้องแต่งงานเพื่อเป็นหมากของตัวเอง
แต่ก้คงไว้ใจ+เชื่อใจลูกตัวเองพอสมควรเลยนะ ถึงได้ยอมให้น้องไปอยู่กลางดงศัตรูแบบนั้นอะ
นี่ก้ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกที่เดาๆมา แต่ขอคิดในแง่ดีว่าพ่อยังรักน้องอยู่บ้างละกันค่ะ 5555
รอตอนต่อไปนะคะะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 23-04-2019 04:39:36
เข้าใจอัยย์เลยนะใครว่าอัยย์นี่ต้องคิดนะว่าทำไมอัยย์ทำแบบนั้นกล้าหนีแบบนั้น ลองคิดสภาพคนที่โดนขังในบ้านเด็กจนโตเป็นยี่สิบปีเลยนะเฟ้ยยยยยย ไม่รู้แบบจริงๆด้วยซ้ำสภาพภายนอกโลกความจริงเป็นไง ถูกตีกรอบไว้หมดทุกด้าน แถมมืดแปดด้านตอนนั้นดันมาเจอสามีตัวเองกับชะนีอื่นอีกเอาจริงใครไม่สติแตกวะ ขนาดคนปกติยังสติแตกนี่นับประสาอะไรกับลูกนกในกรงทองอยู่ในกรงมาตลอด แต่หวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้อัยย์จะโตขึ้นนะ จริงๆอัยย์เป็นคน)ลาดมีดีเยอะเลยหวังว่าถ้านายพิษฌานได้ขึ้นเป็นนายกอัยย์จะได้ทำอะไรเพื่อสังคมโอเมก้าเปลี่ยนประเทศขึ้นมาจริงๆ แต่ที่อยากรู้มากกว่านั้นคือความรู้สึกพ่อของอัยย์อยากอ่านพาร์ทนางบางนี่ว่านางรักลูกมากนะดีไม่ดีคนที่นางรักและห่วงสุดก็คืออัยย์เนี่ยแหละ มาลุ้นกันว่ารักนางจะจอมปลอมไหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: AkiraRyusuke ที่ 23-04-2019 14:43:20
แม่น่ารักขนาดนี้เบบี๋จะขนาดไหนนะ  รอต่อไปค่ะ สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่26 19/4/62 p19
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 23-04-2019 18:00:37
สนุก น่าติดตาม
ในเรื่องการเมืองน่าลุ้นจะเป็นยังไง
อัยย์ฉลาดขากเพียงประสบการณ์การเจอผู้คน การทันคน
แล้วมาอยู่หมู่อัลฟ่าที่มองเป็นเกมการเมืองด้วยแล้ว
เข้าใจว่ามันยากจะเข้าใจ
แต่อย่างน้อยความเลือมล้ำมันมีอยู่จริง
ความโชคดีในความโชคร้าย ที่เกิดในตระกูลดี ทำให้ไม่ลำบาก แต่ขาดอิสระ
ได้อย่างเสียอย่าง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-04-2019 01:02:39
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 27



 

 

 

 

 

 

            “ผูกคอตายเองงั้นหรือ”  พิชช์ฌานพูดอย่างครุ่นคิด  เหลือบตามองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่มีร่างโปร่งบางของอาคิราห์นอนหลับสนิทอยู่  “ฉันว่าคนอย่างมันไม่น่าจะฆ่าตัวตายได้นะ  น่าจะโดนฆ่าตัดตอนมากกว่า”

            “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นครับคุณฌาน”  เจนภพรับคำ  “ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่เจออะไรเลย  คนลงมือน่าจะเป็นพวกมืออาชีพ”

            “เรื่องนี้ชักจะน่าสงสัยมากกว่าเดิมแล้วนะเจนภพ  ตอนแรกฉันก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่  แต่ว่าตอนนี้เริ่มชัดแล้วล่ะ ..นายจักรกฤตคงเป็นเพียงแค่หมากตัวเล็กๆในเกมนี้ไปแล้ว  ประเด็นก็คือเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงกันแน่”  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  “ลองไปค้นบ้านของจักรกฤตดูมั้ย  น่าจะเจออะไรเพิ่มเติมนะ”

            “ผมกำลังจะรายงานเลยครับ  เราสืบพบว่าโอเมก้าที่ชื่อนิล  คนที่เข้าไปช่วยคุณอาคิราห์  คุณฌานจำได้ไหมครับ   เขาเคยอยู่ในบ้านของนายจักรกฤตมาก่อนครับ”  เจนภพส่งแฟ้มที่มีภาพใบหน้าของโอเมก้าคนนั้นมาให้  “ชื่อจริงของเขาคือนิลลา  เคยทำงานอยู่ในบ่อนของนายจักรกฤตด้วย”

            พิชช์ฌานดีดนิ้วเปาะ

            “งั้นให้นิลลาช่วยหาหลักฐานให้เราสิ”

            “ผมพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่ครับ  แต่ว่าโอเมก้าคนนี้ดูจะไม่ให้ความร่วมมือกับเราเลย  อาจจะต้องให้คุณอาคิราห์ช่วย”

            “นิลลาคนนี้ไว้ใจได้มากแค่ไหน  ฉันไม่อยากให้เข้าใกล้อาคิราห์มากเกินไปถ้ายังไม่แน่ใจ  ไม่รู้ว่าที่เข้ามาช่วยอาคิราห์ตอนนั้นอาจจะหวังผลอะไรหรือเปล่า”  นักการเมืองหนุ่มพูดช้าๆ  “เอาอย่างนี้ดีกว่า  ฉันขอพบนิลลาก่อน”

            “ได้ครับคุณฌาน  เป็นวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะกลับดีไหมครับ”

            “อย่าลืมนัดของธีรดลกับท่านผู้ว่าฯด้วย  ฉันต้องแวะไปขอบคุณเค้าก่อนกลับ”

            “ครับคุณฌาน”

            “หมดเรื่องที่จะรายงานแล้วใช่มั้ย”  คนพูดอยากกลับเข้าไปในห้องเต็มที  คิดถึงเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเจ้าโอเมก้าจะแย่อยู่แล้ว

            มือขวาคนสนิทอึกอัก  คนเป็นนายดูออกทันที

            “มีเรื่องอะไรอีก  รีบบอกมาเร็ว”

            “คือ...คุณนายฝากบอกมาว่าอยากพบคุณฌานครับ”  เจนภพกลืนน้ำลายลงคอ  “น่าจะเรื่องที่ข่าวออกไปว่าคุณอัยย์ตั้งท้อง”

            “กะแล้วเชียว”  พิชช์ฌานพึมพำ  โบกมือให้มือขวาอย่างไม่ใส่ใจนัก  “ไม่เป็นไร  เรื่องนั้นฉันจัดการเอง  นายไปหาหลักฐานของนายจักรกฤตเพิ่มเติมเถอะ”

            พิชช์ฌานกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย  เจ้าโอเมก้าดึงตัวลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาบนเตียง

            “นอนต่อสิ  ลุกขึ้นมาทำไม”

            “คุณไปไหนมา”

            “ถามเหมือนภรรยาระแวงสามีเลยนะ”  ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ  “ฉันออกไปคุยกับเจนภพมา  เรื่องการเดินทางกลับพรุ่งนี้”  เขาบอกความจริงเพียงครึ่งเดียว  อีกฝ่ายพยักหน้าเนิบๆแล้วล้มตัวลงนอนต่อ  พิชช์ฌานช่วยดึงผ้าห่มคลุมให้เหมือนเดิมแล้ววางมือลงบนศีรษะทุยสวยนั้น  “นอนได้แล้ว”

            “เหลือที่ว่างบนนี้อีกนะ”  อาคิราห์พูดลอยๆ  สบตาคมกริบในความมืดสลัวแวบหนึ่งแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้  ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้นเบาๆตามด้วยเสียงเอียดอาดและเตียงยวบลงตามน้ำหนักตัวของคนที่ขยับขึ้นมานอนด้วยจนได้

            “เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก  ขยับเข้ามาอีกสิ”  เสียงอู้อี้ดังขึ้นอีก

            อัลฟ่ายิ้มกว้าง  เอื้อมมือไปรั้งร่างโปร่งบางในชุดคนไข้มาสวมกอดเอาไว้ทั้งตัว  ฝังจมูกเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคย  เจ้าโอเมก้าขยับตัวยุกยิกจนได้ท่าที่สบายก็หลับตาพริ้ม  ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้อัลฟ่าอย่างเขานอนลืมตาโพลงคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ต่ออยู่คนเดียว

            เช้าวันรุ่งขึ้นพิชช์ฌานปล่อยให้อาคิราห์เก็บของเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล  ส่วนตัวเขาแวบออกไปพบกับนิลลา  โอเมก้าที่เข้าไปช่วยอาคิราห์เอาไว้  นิลลาเป็นโอเมก้าตัวเล็กๆแกนๆเหมือนขาดสารอาหาร  หน้าตาซูบตอบจนเห็นโหนกแก้มขึ้นชัด  ผิวพรรณก็ซีดเซียวไม่สดใสเหมือนคนในวัยเดียวกัน

            “คุณคือพิชช์ฌาน  สามีของอาคิราห์”  ฝ่ายนั้นพูดขึ้นหลังจากที่ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปในห้องพักเล็กๆของโรงพยาบาลอีกแห่งที่อยู่ไม่ห่างไปนัก

            “ยินดีที่ได้รู้จักเธอ  นิลลา  ฉันอยากจะมาขอบคุณที่ช่วยอาคิราห์เอาไว้”  พิชช์ฌานพูดขึ้น  สังเกตเห็นว่านัยน์ตาเรียวยาวของอีกฝ่ายดูสนใจขึ้นเล็กน้อย  “ถ้าไม่ได้เธอกับแทมมี่  ก็ไม่รู้ว่าอาคิราห์จะเป็นอย่างไรบ้าง”

            “อาคิราห์เป็นไงบ้าง  เค้าไม่ได้มาด้วยเหรอ”

            “ไม่ได้มาด้วย”

            “เค้าเป็นโอเมก้าที่โชคดี”  อีกฝ่ายตอบ  “ฉันดีใจที่เค้าไม่เป็นอะไร”

            “เธอช่วยอาคิราห์จากนายจักรกฤตสินะ”

            เจ้าโอเมก้าขยับตัว  เมินหน้าไม่สบตาเขา

            “..เธอ...รู้จักจักรกฤตใช่มั้ย”  พิชช์ฌานถามต่อมาอีกด้วยเสียงนุ่มๆ พยายามไม่กดดันอีกฝ่ายมากเกินไป  “ฉันแค่อยากบอก  ว่าจักรกฤตตายแล้วเมื่อคืน”

            “จริงหรอ”  แววดีใจปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในดวงตาของโอเมก้า  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มอย่างพอใจ

            “ใช่  เขาผูกคอตายในห้องขัง”

            “สาสมแล้ว”  นิลลาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน  “คนอย่างมันควรจะตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดอีก”

            “เธอเคยอยู่บ้านของนายจักรกฤตมาก่อนใช่มั้ย”  พิชช์ฌานถามต่ออย่างระมัดระวัง  รู้สึกได้ว่าท่าทางของอีกฝ่ายดูหวาดระแวงขึ้นมาทันที

            “คุณถามทำไม”  นิลถามเสียงห้วน

            “ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอนะนิลลา  ฉันถามเพราะรู้มาว่านายจักรกฤตทารุณโอเมก้ามานานแล้ว  เขากับพวกควรจะถูกลงโทษ  เธอคงรู้ว่าฉันไม่สนับสนุนความทารุณที่มีต่อโอเมก้า  พวกเราทุกคนเป็นคนเหมือนกัน  ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน”

            “คุณต้องการอะไรไม่ทราบ”

            “ฉันอยากให้เธอช่วย”  นักการเมืองหนุ่มตอบกลับไปตรงๆ  “พอจักรกฤตตาย  ฉันก็จนปัญญา  ไม่รู้ว่าจะต้องสืบไปทางไหนต่ออีกถึงจะสาวถึงตัวการสำคัญในขบวนการค้ามนุษย์นี้ได้   ฉันไม่อยากให้เรื่องมันจบลงแค่นี้”

            “คุณไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้หรอกคุณพิชช์ฌาน”  นิลลาพูดขึ้น  “มันจะทำให้คุณยุ่งยากกว่าที่คิด”

            ท่าทางของนิลลาทำให้พิชช์ฌานรู้สึกแปลกใจ  ถึงจะดูทรุดโทรมแค่ไหนทว่าร่างผอมบางนั้นกลับนั่งตัวตรงประสานมือเอาไว้อย่างเรียบร้อย  วิธีพูดแม้จะห้วนสั้นในตอนแรกแต่ว่าไม่กระโชกโฮกฮาก  ดูมีจังหวะจะโคนอยู่มากทีเดียว

            “ฉันก้าวลงมาแล้ว  ฉันต้องจัดการให้จบ”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “อาคิราห์เล่าเรื่องเธอและเพื่อนๆให้ฉันฟัง  ฉันรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับโอเมก้านะ”

            “แค่เรื่องจักรกฤตเนี่ยนะ  นักการเมืองอย่างคุณชอบขายฝันเสียจริงๆ”  นิลลาหัวเราะแค่นๆ  “ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับมันอีกแล้ว  แค่ฉันหนีลงเรือมาแล้วดันมาเจอมันอีกก็มากเกินพอแล้วสำหรับฉัน”

            “ทุกอย่างก็เริ่มต้นจากจุดเล็กๆทั้งนั้นแหละนิลลา  ฉันเชื่อว่าจักรกฤตและพรรคพวกของมันจะสาวไปถึงตัวการใหญ่ได้  แต่ถ้าเราจบเรื่องทุกอย่างตรงนี้  มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนอกจากแค่ไอ้จักรกฤตตายไป”

            “ฉันพอใจแค่นั้น”  นิลลาว่า

            “เธอมีความฝันไม่ใช่เหรอ”  พิชช์ฌานพูดต่อหน้าตาเฉย  “โอเมก้ามีความฝันแต่ไม่เคยได้ทำมัน  เพราะอะไรล่ะ”  เขายืมคำพูดของอาคิราห์มาใช้  รู้สึกว่าน่าจะได้ผลทีเดียวเพราะคนฟังหันกลับมามองหน้าเขานิ่งๆ  “โอเมก้าถูกขังอยู่แต่ในบ้านเพราะว่าอะไร  ถ้าโอเมก้าไม่ช่วยกันแล้วใครจะช่วย  ...นิลลา  ความช่วยเหลือของเธอในครั้งนี้อาจจะช่วยเหลือพี่น้องโอเมก้าได้อีกนับร้อยนับพันชีวิตนะ  ลองนึกถึงโอเมก้าที่กำลังจะลงเรือไปเสี่ยงโชคอย่างที่เธอทำสิ”

            “...........”

            “เอาเถอะ  ถ้าเธอยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร  ฉันเข้าใจว่าสิ่งที่เธอเจอมันมาโหดร้ายเกินกว่าจะไปแตะต้องอีก  ฉันเตรียมที่พักของเธอและแทมมี่เอาไว้ให้ชั่วคราวหลังจากออกจากโรงพยาบาล  จะได้พักฟื้นระหว่างที่เธอกำลังคิดหาหนทางต่อ  ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้  ฉันยินดีช่วยพวกเธอเต็มที่”  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน  เหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง  ใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะต้องไปพบท่านผู้ว่าฯก่อนกลับแล้ว

            “อาคิราห์บอกว่าคุณดีกับเขามาก”  คนที่นั่งเงียบพูดขึ้น

            “......”  พิชช์ฌานไม่พูดเพียงแต่ยักไหล่เท่านั้น

            “คุณเป็นคนพูดเก่งคุณพิชช์ฌาน”  นิลลาว่า  “ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะเก่งแต่พูดหรือเปล่า  ...ฉันตกลงจะร่วมมือกับคุณ  แต่ว่าฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่นัก”

            พิชช์ฌานยิ้ม

            “ฉันเป็นหนี้บุญคุณของเธอนิลลา  เพราะเธอช่วยอาคิราห์เอาไว้  และถ้าเธอร่วมมือกับฉันเพื่อจัดการเรื่องนี้  โอเมก้าในประเทศนี้ก็จะเป็นหนี้บุญคุณของเธอ”

            “ฉันไม่มีสิทธิเลือกตั้ง  คุณไม่ต้องหาเสียงกับฉันมากนักก็ได้”  นิลลาพูดหน้าตาย  “คุณอยากทราบอะไรงั้นหรือ  ฉันจะบอกเท่าที่นึกออก”

            เจนภพก้าวเข้ามาในห้องอย่างรู้งาน

            พิชช์ฌานกลับออกมาทันเวลาที่จะไปพบท่านผู้ว่าฯ  ชายหนุ่มพาอาคิราห์ไปขอบคุณท่านด้วยที่ช่วยส่งคนออกตามหาเป็นการใหญ่  ท่านผู้ว่าฯแอบกระซิบกับเขาลับหลังตอนที่กำลังจะแยกกันกลับว่า

            “มิน่าล่ะหลานฉันถึงได้กระวนกระวายใจนัก  หนูอัยย์น่าเอ็นดูอย่างนี้นี่เอง” 

            “ขอบคุณครับคุณลุง”  ชายหนุ่มรับคำอ้อมแอ้ม

            “ขอบคุณทำไม  ฉันชมหนูอัยย์ไม่ใช่เราเสียหน่อยเจ้าฌาน”  ผู้ว่าฯหัวเราะลงลูกคอ  “ไว้คลอดลูกเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวมาบอกกันบ้างนะ  ฉันจะได้ไปเยี่ยม”

            “ครับคุณลุง”

            ขากลับพิชช์ฌานให้อาคิราห์ไปรอในรถก่อนตอนที่เขาไปพูดคุยกับธีรดลเป็นอันดับสุดท้าย  อาคิราห์ก็ไม่ได้ว่าอะไร  เขาพอจะเดาอะไรได้ลางๆ

            “คุณธีรดลหายเคืองคุณฌานแล้วครับที่สั่งให้ปิดหาด”  เจนภพกระซิบ  เล่าเรื่องพิชช์ฌานสั่งปิดหาดให้อาคิราห์ฟังคร่าวๆ  “ตอนแรกโกรธหน้าเขียว  แต่พอข่าวออกว่าจับพวกขบวนการค้ามนุษย์สำเร็จก็หน้าบาน  รีบให้สัมภาษณ์ว่าร่วมมือกับทางตำรวจตั้งแต่แรก  กลับตัวเก่งจริงๆผมล่ะนับถือ”

            “คุณพิชช์ฌานของคุณก็กลับตัวเก่งพอกันนั่นล่ะ  เผลอๆเก่งกว่าอีก  พูดจากขาวเป็นดำยังได้”  อาคิราห์ค่อนแคะ  เจนภพหัวเราะแห้งๆ

            “คุณฌานจำเป็นต้องทำต่างหากล่ะครับ  ก็เพื่อตัวคุณอัยย์เองนะครับ”

            “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่  เมื่อกี้ผมชมคุณพิชช์ฌานไง”  อาคิราห์พูดหน้าตาย

            เจนภพหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็รีบวางหน้านิ่งเมื่อเจ้านายเดินกลับมาที่รถ

            “คุยอะไรกัน  รีบขึ้นรถสิ”

            “แล้วนิลกับแทมมี่ล่ะครับ คุณบอกผมว่าจะพาพวกเขาไปด้วยไม่ใช่หรอ”  อาคิราห์ท้วง  เขาคุยกับพิชช์ฌานเมื่อคืนนี่เองว่าจะขอพาเพื่อนโอเมก้าทั้งสองคนไปด้วยกัน

            “พวกเขาต้องอยู่ให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติมก่อน  ...แต่ไม่ต้องห่วง  ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันจะให้คนมารับพวกเค้าไปหาเราที่บ้านแน่นอน”  นักการเมืองหนุ่มตอบเนิบๆ

            “งั้นให้ผมพบพวกเขาก่อน  ผมอยากขอบคุณเค้า”  อาคิราห์ยืนยัน  “เค้าช่วยชีวิตผมเอาไว้นะคุณ”

            “ก็ได้  รีบขึ้นรถได้แล้ว  ชักช้าฉันจะทิ้งเอาไว้ที่นี่เลยนะ”

            “ลองทิ้งผมดูจริงๆสิ”  อาคิราห์พูดอุบอิบในลำคอรีบผลุบขึ้นไปนั่งบนรถคนแรก   คนที่ก้าวตามขึ้นมานั่งข้างๆซ่อนยิ้มเอียงหน้าเข้ามาใกล้

            “จะทำไมฉัน”

            “ก็ไม่ทำไม...เห็นสภาพนายจักรกฤตไหมล่ะ”  เจ้าโอเมก้าลอยหน้าตอบพลางยักไหล่  “เละยิ่งกว่าสับให้เป็ดกินอีก”

            พิชช์ฌานผิวปากยาว  ดีดนิ้วใส่หน้าผากเนียนไปทีหนึ่งจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง

            “นี่แน่ะ  คิดว่าฉันกลัวเหรอ”

            “โอ๊ย!”  อาคิราห์ร้อง  กุมหน้าผากไว้มั่น  “คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ  มันกระเทือนท้องผม”  เขาพูดเสียงจริงจังแล้วลดมือลงมาชี้ที่หน้าท้องตัวเอง  “ดูดิ  ลูกร้องใหญ่เลย”

            “เดี๋ยวนะเจ้าบู้บี้  หน้าผากกับท้องเธอมันเชื่อมกันงั้นเหรอ”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “แล้วรู้ได้ไงว่าลูกร้อง  ชักจะแอดวานซ์เกินไปหน่อยแล้ว”

            “จริงๆนะ  ลองฟังดูสิ  ไม่ได้ยินหรอ”  อาคิราห์พูดขึงขังจนอีกฝ่ายสงสัย  ก้มลงไปแนบหูฟังกับหน้าท้องที่คลุมด้วยเสื้อบางๆ

            “ฉันได้ยินแต่เสียงท้องเธอร้องโครกคราก  เพิ่งกินไปเมื่อกี้  หิวอีกแล้วเหรอ”

            “ผมไม่ได้หิว  นี่ไม่ใช่เสียงท้องผมแต่เป็นเสียงลูกร้อง”  อาคิราห์ยืนยัน  “ลูกบอกว่าอยากกินวาฟเฟิลกับไอศกรีมวนิลาราดช็อกโกแลตก่อนกลับ”

            “ลูกบอกเมนูได้เลยเหรอ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว ทั้งฉุนทั้งขันกับท่าทางลูบพุงไปมาของเจ้าโอเมก้า  “ฉันจำได้ว่าลูกเรายังตัวกระเปี๊ยกเดียวเองนะ  ยาวไม่ถึงสิบเซนด้วยซ้ำ”

            “ลูกฉลาด”  อัยย์พูดหน้าตาย  “ฉลาดเหมือนพ่อเค้าไง”

            คราวนี้คนฟังชะงัก  นิ่งคิดแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักตาม

            “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้   เจนภพ...แวะซื้อขนมที่ลูกฉันอยากกินเมื่อกี้ขึ้นไปกินบนเครื่องด้วยก็แล้วกันนะ”

            มือขวาคนสนิทเกือบจะยกมือขึ้นมากุมขมับแต่ก็กลัวว่าเจ้านายจะด่าเอา  เลยได้แต่รับคำในลำคอแล้วทำเป็นไม่เห็นภาพในกระจกหลังเสีย

            พวกเขาแวะที่โรงพยาบาลที่โอเมก้าอีกสองคนพักรักษาตัวอยู่  นิลดูดีใจที่ได้เห็นหน้าอาคิราห์อีก  ส่วนแทมมี่ก็ถามไถ่ถึงเรื่องลูกในท้องไม่หยุดปาก

            “ฉันอยากให้นิลกับแทมมี่ไปอยู่ด้วยกันจัง”  อาคิราห์ปรารภ  มองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้  นิลเหลือบมองพิชช์ฌานที่ยืนรออยู่อย่างสงบข้างหลังแล้วลอบถอนหายใจ

            “เอาไว้จัดการธุระเสร็จแล้วฉันจะไปหา”  นิลพูดเสียงเบา  “อย่าลืมฉันล่ะ”

            “ฉันไม่มีทางลืมนิลกับแทมมี่หรอก  แล้วก็เพื่อนคนอื่นๆด้วย ...ฉันจำได้ตลอดชีวิตแน่ๆ”  อัยย์ว่า  บีบมือผอมบางของนิลเอาไว้  แอบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ข้างหลังด้วยหางตาแล้วล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาส่งให้นิลกับแทมมี่รับเอาไว้  “ฉันให้...”

            “ไม่ต้อง  เราไม่เอา”  นิลส่งคืน  แต่อาคิราห์ดันกลับไป

            “รับเอาไว้เถอะ”

            “เงินไม่มีค่ากับเรา อาคิราห์”  นิลพูดเสียงห้วน  “ถ้าอยากตอบแทน..  ก็ช่วยให้พวกเราได้ทำตามฝันเหมือนที่เธอบอกตอนอยู่ในนั้นเถอะ”

            อาคิราห์ยิ้มกว้าง

            “ฉันทำแน่แต่นั่นมันเป็นเป้าหมายระยะยาว  ตอนนี้ฉันอยากตอบแทนพวกเธอก่อน  พวกเธอคงไม่ใจร้ายปฏิเสธน้ำใจของฉัน”  ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน  “รับเอาไว้เถอะนะ  ...ไว้กลับมาเจอกันเมื่อไหร่  พวกเธอค่อยเอามาคืนฉันก็ได้”

            “ตกลง  ไว้พบกันใหม่อาคิราห์”  นิลพูด  บีบมือเขาตอบ  ส่วนแทมมี่เข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น  อาคิราห์หันกลับไปมองเพื่อนทั้งสองผ่านกระจกรถยนต์  รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

            เหมือนเราจะไม่ได้เจอกันอีก...

            “เดี๋ยวก็ได้เจอกันน่า  เลิกทำหน้าจ๋อยได้แล้ว  แวะซื้อขนมหน่อยดีมั้ย  บ่นหิวไม่ใช่เหรอ”  พิชช์ฌานพูดขึ้น  เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าโอเมก้าไปได้

            พวกเขานั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมายังเมืองหลวง  อาคิราห์แทบจะถอนหายใจเฮือกตอนที่รถเลี้ยวเข้าไปในอาณาเขตบ้านหลังใหญ่ของพิชช์ฌานอีกครั้ง  หลายวันที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าคิดถึงบ้านหลังนี้มากแค่ไหน ...มากพอๆกับบ้านของตัวเองเลยทีเดียว

            “คุณอัยย์ของป้ากลับมาแล้ว  ป้านิ่มเป็นห่วงมากเลยรู้มั้ยคะ  ทำไมต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆด้วย  คุณฌานก็เหลือเกินปล่อยคุณอัยย์ไปแบบนั้นได้ยังไงคะ  เกิดผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง  ดีนะคะที่คุณอัยย์ไม่เป็นอะไรมาก”  ป้านิ่มพูดรัวเป็นชุดจนแทรกไม่ทัน  เข้ามาจับมือของอาคิราห์เอาไว้แน่นพลางมองสำรวจทั่วตัว  “ผอมลงไปเยอะเลย  ทำไมคุณฌานไม่ดูแลคุณอัยย์เลยคะ  กำลังท้องกำลังไส้  อยากกินอะไรคุณอัยย์บอกป้ามา”

            “ผอมตรงไหนป้านิ่ม  ตัวแน่นขนาดนี้  กินๆนอนๆในโรงพยาบาลไปตั้งเยอะ  แถมยังซัดขนมมาตลอดทางอีก  ไม่ต้องมามองหน้าเลยอาคิราห์  เธอบอกจะกินนิดเดียวแต่ไม่ยอมแบ่งใครเลย”

            “ก็คุณเอาแต่อ้วก  ขืนกินเข้าไปก็อ้วกออกมาเสียของน่ะสิ”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วหันไปหาแม่บ้าน  “ป้านิ่มครับ   ผมคิดถึงอาหารฝีมือป้านิ่มที่สุดในโลกเลย  ผมพูดจริงๆนะ”  คิดถึงรสชาติของขนมปังเก่าๆขึ้นมาแล้วก็น้ำตาคลอ  พูดเสียงเครือ  “ผมกลัวมากเลยว่าจะไม่ได้กลับมากินฝีมือของป้าอีก”

            “คุณอัยย์พูดขนาดนี้ ป้าทำตายเลยค่ะ  อยากกินอะไรป้าจะบุกบั่นหามาให้กินจนได้”  นิ่มนวลหัวเราะเบาๆ  “ไปค่ะ  เข้าบ้านกันดีกว่า  ป้าเตรียมของว่างรองท้องเอาไว้ให้...”

            พิชช์ฌานมองตามหลังร่างโปร่งบางที่เดินกอดเอวแม่บ้านอาวุโสอย่างประจบไปตลอดทางแล้วก็ได้แต่ร้องฮึในลำคอ   หมั่นไส้เด็กบางคนจริงๆ

            “คุณฌานจะพักก่อนหรือว่าจะเข้าไปที่ทำการพรรควันนี้ครับ”  เจนภพถามขึ้นอย่างเกรงใจ  หัวหน้าพรรคละสายตาจากประตูบ้านแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่

            “พักอะไรล่ะเจนภพ  ฉันร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว  เราเสียเวลาที่เกาะนั่นไปหลายวันไม่รู้ป่านนี้แผนการเลือกตั้งเป็นอย่างไรบ้าง   เดี๋ยวฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วเราก็ไปกันเลย”

            “ได้ครับคุณฌาน”

            พิชช์ฌานใช้เวลาที่เหลือไปกับการประชุมภายในพรรค  เวลาเริ่มงวดเข้ามาทุกทีก่อนการประกาศการเลือกตั้ง  เขาจำเป็นต้องวางแผนอย่างรัดกุมและใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด  ข่าวการเคลื่อนไหวจากพรรครัฐบาลเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลาจนชายหนุ่มปวดหัว  ไหนจะการเมืองภายในพรรคที่ยังไม่สงบดีนัก

            การเข้าร่วมจับกุมพวกค้ามนุษย์ทำให้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นก็จริง  แต่มันก็เป็นเหมือนดาบสองคมเช่นกัน  คนในพรรคของเขาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเลยที่เขาไปยุ่งกับเรื่องนี้

            “หลังจากข่าวจักรกฤตก็ทำให้คนในพรรคบางคนไม่ไว้ใจเราครับ”  เจนภพกระซิบตอนที่กลับออกมาจากห้องประชุมด้วยกัน  “พวกเค้าคิดว่าเราหักหลังจักรกฤต”

            “หักหลังอะไรของมัน  ไอ้จักรกฤตทำธุรกิจสีดำก็เห็นๆอยู่  หลักฐานคาหนังคาเขา  ทำไมยังคิดว่าหักหลังอีก  หรือว่าเป็นเพราะเรื่องเดิม”

            “ครับคุณฌาน”  เจนภพหลบตาเจ้านายที่วาวโรจน์ขึ้น  “บางส่วนเป็นผลจากเรื่องตอนคุณพ่อของคุณครับ”

            “พวกเค้ายังคิดว่าฉันหักหลังพ่อตัวเองอีกเหรอ”  พิชช์ฌานหัวเราะแค่นๆ  “ทำไมไม่คิดบ้างว่าพ่อเห็นว่าฉันเก่งพอที่จะรับช่วงต่อได้แล้วก็เลยวางมือ”

            “บางคนก็เชื่อข่าวลือมากกว่าความจริงครับ”

            “ถ้างั้นก็ปล่อยให้มันเชื่อต่อไป  เหมือนที่มันเชื่อมาแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเสียงเหี้ยม  “ให้มันเชื่อด้วยว่าฉันกุมความลับของทุกคนในพรรคเอาไว้  ใครที่คิดหักหลังหรือลองดี  ก็จะจบลงแบบนายจักรกฤต”

            “ได้ครับคุณฌาน”  เจนภพก้มศีรษะรับคำ

            “ฉันจะแวะไปหาคุณแม่เสียหน่อยก่อนกลับ”  พิชช์ฌานพูด  เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ  “คงยังไม่นอนหรอกมั้ง”

            พิชช์ฌานพบว่ามารดาไม่ได้อยู่ที่บ้าน  ชายหนุ่มเม้มปากแล้วสั่งให้โทรกลับที่ไปบ้านของตนเองในเวลานี้  นิ่มนวลรับสาย...เป็นไปตามคาด  แม่ของเขาไปอยู่ที่บ้านนู้นเรียบร้อยแล้ว

            นึกเป็นห่วงเจ้าโอเมก้าขึ้นมาจับใจ  แม่เขาเป็นคนยังไงพิชช์ฌานรู้ดี

            .....................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-04-2019 01:03:45






            คนที่เขากำลังเป็นห่วงนั่งประสานมืออยู่บนตักตรงข้ามกับมารดาของพิชช์ฌานอย่างสงบเสงี่ยม  อาคิราห์ตกใจไม่น้อยตอนที่ลงบันไดมาแล้วพบว่าคนที่มาใหม่ไม่ใช่สามีอย่างที่คิดแต่กลับเป็นมารดาอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ของเขาแทน

            คุณนายอัศวลักษณ์นั่งนิ่งพลางลอบสำรวจลูกสะใภ้โอเมก้าด้วยสายตา  บรรยากาศอึดอัดที่เธอจงใจสร้างมันขึ้นมาทำให้อีกฝ่ายนั่งเงียบกริบ  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองซ้ายขวาเหมือนหาทางรอด  พอแม่บ้านเข้ามาเสิร์ฟน้ำก็แทบจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

            “น้ำครับ”  อาคิราห์เลื่อนแก้วไปให้แม่สามี  อีกฝ่ายไม่ได้เอื้อมมือมารับราวกับเกรงว่าจะปนเปื้อนงั้นแหละ  ชายหนุ่มเม้มปาก

            “พิชช์ฌานยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

            “ยังครับ”

            “เขาไปไหน”

            “ไม่ทราบครับ”

            “ไม่ทราบ?”  คิ้วเรียวสวยคนพูดเลิกขึ้น  จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบางๆทำให้ใบหน้าที่ยังสวยสมวัยนั้นดูใจดี  ตรงข้ามกับแววตาที่นิ่งสนิทไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย  “ฉันเข้าใจล่ะ  เขาคงไม่ได้บอกเธอสินะ”

            “......”  อาคิราห์ไม่รู้จะพูดว่าอะไร  ก็เลยเงียบแทน

            “ฉันเห็นในข่าวแล้ว  ที่เธออาสาเข้าไปแฝงตัวนำจับพวกค้ามนุษย์อะไรนั่น....ไม่ได้น่าชื่นชมเลย”  หญิงสูงวัยพูดเรียบๆ  “เธอกำลังทำให้ลูกชายของฉันเดือดร้อน  รู้ตัวหรือเปล่า  ....รวมถึงลูกในท้องของเธอด้วย”

            “ขอโทษครับ”  อาคิราห์พูด  “ผมคิดว่าคุณพิชช์ฌานเองก็ได้ประโยชน์จากข่าวเรื่องนี้  เท่าที่ทราบมา  เขาได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเยอะเลย”

            “คะแนนนิยมแลกมากับอะไรล่ะ  โอเมก้าอย่างเธอคงไม่รู้”  อีกฝ่ายยิ้มให้  “เอาไว้ฉันมีเวลามากกว่านี้จะลองอธิบายให้เธอฟังนะ”

            “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ก้มหน้าลง

            “อายุครรภ์เท่าไหร่แล้วล่ะ  ถึงสองเดือนมั้ย...หรือว่าเกิน?”

            “ยังไม่ถึงครับ”  ชายหนุ่มบอกอายุครรภ์ไป  อีกฝ่ายพยักหน้า

            “ค่อยยังชั่ว  ฉันยังเคยเล่นๆว่าเธอท้องก่อนที่จะมาเจอลูกชายฉันหรือเปล่า  พ่อของเธอถึงได้รีบให้เธอแต่งงาน  โชคดีนะที่ไม่เป็นความจริง   เธอคงไม่โกรธฉันนะที่คิดแบบนั้น”

            คนฟังร้อนวูบไปทั้งตัว อาคิราห์เงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบที่พิชช์ฌานถอดแบบมาคู่นั้น

            “ผมไม่ถือครับ”  ชายหนุ่มตอบ  นับหนึ่งถึงสิบในใจ 

            “ตระกูลทั้งฝั่งฉันและพ่อของนายฌานล้วนเป็นสายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์มาตลอด  จู่ๆจะมีหลานเป็นลูกเสี้ยวโอเมก้าก็อดกังวลใจกันไม่ได้  พี่ป้าน้าอาถามกันให้วุ่นไปหมด  ฉันก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะไม่เคยมีโอเมก้าในบ้านเหมือนกัน”  ฝ่ายนั้นพูดเสียงเย็น

            “.............”

            “แต่ว่าที่บ้านของเธอคงชินแล้วกระมัง  เลี้ยงเธอมาได้เป็นสิบๆปีนี่นะ”

            “ตระกูลพ่อแม่ของผมก็สืบสายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์มาเหมือนกันครับ  มีแค่ผมคนเดียวนี่แหละที่ผ่าเหล่าผ่ากอออกมาเป็นโอเมก้า  แต่ที่บ้านผมก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรเพราะทุกคนเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันได้ครับ”

            “เหรอ?  เรียนรู้ที่จะขังเธอเอาไว้ในบ้านใช่มั้ย”

            “ครอบครัวของผมมีเหตุผลที่จะให้ผมอยู่ในบ้านครับ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลัวว่าจะออกมาเจอกับอัลฟ่าหัวโบราณที่เอาแต่เชิดชูสายเลือดบริสุทธิ์ของตนเองและมองไม่เห็นหัวชนชั้นอื่นครับ”  ชายหนุ่มพูดหน้าตาย

            คนฟังหัวเราะเบาๆ  มองหน้าเขา

            “เธอกำลังว่าฉัน”

            “ผมหมายถึงอัลฟ่าผู้ชุมนุมอนุรักษ์ไม่เอาโอเมก้าที่ออกมาประท้วงเมื่อเดือนก่อนครับ”  อาคิราห์ตอบอย่างสงบ

            “ยิ่งฉันได้คุยกับเธอแบบนี้  ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าคำทำนายเป็นจริง”  อีกฝ่ายพูดขึ้น

            “เรื่องที่บอกว่าผมจะพาหายนะมาสู่ตระกูลของคุณใช่ไหมครับ”  อาคิราห์ถาม  “ผมได้ยินคุณพูดเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”

            “รู้ก็ดีแล้ว  ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกเธออีก”

            “ผมจะไม่ไปไหนครับ”  โอเมก้าพูดเสียงเรียบ  แอบกำเสื้อของตัวเองเอาไว้แน่น  สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเรียกกำลังใจ  “ผมจะอยู่กับคุณพิชช์ฌานต่อไปอีกนาน  แล้วก็มีลูกกับเขาด้วย”

            “ถ้าเธอรักพิชช์ฌานจริง  เธอจะไม่พูดแบบนี้”  เธอพูดเสียงห้วน  “รู้ทั้งรู้ว่าจะพาลูกชายฉันไปสู่หายนะก็ยัง....ดันทุรังอีก  เธอนี่มัน...”

            “ความจริงแล้ว  ก่อนหน้านี้คนที่อยากหนีก็คือผม  ผมพยายามหนีแล้วแต่คุณพิชช์ฌานเองต่างหากที่เป็นคนตามกลับมาทุกครั้ง”  อาคิราห์ยักไหล่  เหลือบมองไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในบ้านพอดี  เขาลุกขึ้นยืน  “ถ้าคุณไม่เชื่อ  ก็ลองถามลูกชายของคุณดู  ว่าเขาอ้อนวอนผมอย่างไรบ้างเพื่อให้อยู่กับเขา”

            เจ้าโอเมก้าพูดจบก็ก้มศีรษะให้มารดาของสามีแล้วก้าวออกมาจากห้องรับแขกเงียบๆ  เขาไม่รู้ว่าพิชช์ฌานพูดอะไรกับแม่ของตัวเองอีก  รู้แค่ว่าเขารู้สึกผิดเหมือนกันที่พูดแบบนั้นกับอีกฝ่ายไป  ทั้งที่พยายามอดทนแล้วแท้ๆ

            ป่านนี้มารดาของพิชช์ฌานคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำยิ่งกว่าเดิม

            พยายามตัดความกังวลใจออกเสีย  อาคิราห์จัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มากดโทรหาฝาแฝดอคินทร์  ผู้จัดการของฝ่ายนั้นเป็นคนรับสาย  บอกว่าศิลปินหนุ่มกำลังเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตอยู่  อาคิราห์เลยฝากความคิดถึงไปให้แล้วกดวางสายลง

            ฝาแฝดก็มีหนทางเป็นของตัวเองแล้ว  เขาเองก็ควรจะมุ่งมั่นกับทางของตัวเองบ้าง  ชายหนุ่มเดินไปหยิบสมุดมานั่งเขียนรายการที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น  พิชช์ฌานบอกว่าเขาควรจะต้องเรียนรู้กฎหมายของโอเมก้าเสียก่อน  อาคิราห์ก็เห็นด้วย  เขาควรเรียนอย่างจริงจัง

            นึกถึงสีหน้าแกมดูถูกของแม่พิชช์ฌานแล้วก็ยิ่งฮึกเหิม

            พิชช์ฌานกลับขึ้นบันไดมาอย่างเหนื่อยอ่อน  เขาถูกมารดาต่อว่าเอายกใหญ่หลังจากที่ถูกเจ้าโอเมก้าทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้  แถมยังโกรธที่เขาปล่อยให้โอเมก้าตั้งครรภ์อีก  สุดท้ายเขาต้องยื่นคำขาดให้มารดากลับออกไปก่อนที่เขาจะหมดความอดทน

            ไม่เข้าใจว่ามารดาคนเดิมที่อ่อนโยนและอ่อนหวานหายไปไหน  ปกติแม่เขาเป็นคนอัธยาศัยดี  เข้ากับคนง่ายด้วยซ้ำ  แต่แม่ปักอกปักใจเชื่อเรื่องคำทำนายเสียจริงๆจังๆจนดูเหมือนฝังใจไปแล้วว่าอาคิราห์จะพาหายนะมาสู่เขา

            ถ้าพาหายนะมาจริง ก็คงมาในรูปแบบของการไม่มีที่นอนมากกว่า

            “อะไรเนี่ย  ทำไมมันรกแบบนี้ล่ะ”  ชายหนุ่มอุทานหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วพบว่าเตียงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยผ้าผ่อนทั้งม้วนทั้งพับวางเรียงล้อมรอบเต็มเตียงไปหมด  “เละไปหมดแล้ว”

            อาคิราห์สะดุ้ง  หันกลับมาจากการก้มหน้าก้มตาเรียงหมอนให้ซ้อนกันไว้รองหลังอย่างพอเหมาะพอเจาะ  กวาดตามองรอบตัวแล้วก็ตกใจ  ตอนแรกก็ว่ามันไม่เยอะขนาดนี้เลยนะ รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือที่ว่างให้เจ้าของเตียงนอนเสียแล้ว

            “เอ่อ...”  ดวงตากลมโตมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก  กองผ้าห่มผสมหมอนวางโค้งเป็นวงสวยน่าทิ้งตัวลงนอนที่สุดในสายตาของเขา  ครั้นจะเอาส่วนใดส่วนหนึ่งออกเพื่อเว้นที่ให้พิชช์ฌานนอน  อัยย์ก็ตัดใจเลือกไม่ถูกว่าจะเอาตรงไหนออกดี

            “ถามจริง  รังของโอเมก้าคนอื่นเค้าเละแบบนี้มั้ยเนี่ยฮึ”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นเท้าสะเอว  “ขนาดพับผ้ายังไม่เท่ากันเลย  เธอไปดูงานของโอเมก้าคนอื่นเขาบ้างดีมั้ย”

            “ผมตั้งใจให้มันเบี้ยวๆ  กองๆ กันแบบนี้แหละนุ่มดี”  พูดจบก็ทิ้งตัวลงกับกองผ้าห่มโชว์ให้ดูเสียเลยว่านุ่มน่านอนขนาดไหน  สูดกลิ่นหอมๆของเครื่องนอนเข้าปอด  ความไม่สบายใจที่เก็บเอาไว้ก็ผ่อนคลายลงเหมือนเคย  “คุณไม่มีที่นอนก็ไปนอนข้างนอกสิ”

            คนฟังคิ้วกระตุก

            “มันจะมากไปแล้วนะเจ้าโอเมก้า  ห้องก็ห้องฉัน  เครื่องนอนเสื้อผ้าพวกนี้ก็ของฉัน  เตียงก็เตียงฉัน  ยังจะไล่ฉันออกไปอีกเรอะ”

            “............”  อีกฝ่ายไม่ตอบ  แต่นอนคว่ำหน้านิ่งอยู่กับที่นอนตามเดิม  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ทิ้งตัวลงนั่งบนกองผ้าห่มแรงๆจนคนที่นอนนิ่งอยู่เด้งผึงลุกขึ้นมานั่งตาขวาง  เอื้อมมือมาฟาดเขาดังเผี๊ยะ   “คุณทำมันเละ”  อาคิราห์จัดผ้าห่มใหม่ให้เข้าที่

            “โกรธที่แม่ฉันมาใช่มั้ย”  พิชช์ฌานถาม  คว้ามือบางมากุมเอาไว้  “แม่ฉันพูดอะไรกับเธอบ้าง”

            อัยย์เม้มปาก  ส่ายหน้าไปมา

            “ไม่ได้พูดอะไรสำคัญ”

            “ถ้าไม่ได้พูดจริงๆ  เธอจะรีบขึ้นมาก่อนทำไมล่ะ”

            “แล้วแม่คุณว่ายังไงบ้าง”

            “แม่ด่าฉันยับเลย”  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  “โดนใครบางคนทิ้งระเบิดเอาไว้”

            คนฟังยิ้มแล้วยกมือขึ้นไหว้เขาอย่างรู้สึกผิด  พิชช์ฌานนิ่งไป...อีกฝ่ายไม่เคยทำท่าทางแบบนี้มาก่อน

            “ผมขอโทษ  ผมพยายามอดกลั้นนับหนึ่งถึงร้อยแล้วนะ  แต่นับได้ถึงสามสิบเองก็....”  อาคิราห์ยิ้มแหย  ถอนหายใจเฮือก  “แม่คุณคงโกรธมาก  ผมจะไปขอโทษท่านทีหลัง”

            “แม่ฉันงมงายเรื่องคำทำนายอะไรนั่น”  พิชช์ฌานพึมพำ  ใช้ปลายนิ้วปัดเส้นผมที่ตกระหน้าผากของอีกคนออกให้  “แม่คิดว่าเธอจะนำหายนะมาให้ตระกูล  อะไรทำนองนั้น”

            “แล้วคุณเชื่อคำทำนายนี้มั้ย”  อาคิราห์ถามเนิบๆ  “สมมุตว่า  ถ้าวันนึงคุณเจอเรื่องร้ายๆขึ้นมา  คุณจะโทษไหมว่าเป็นเพราะผม”

            “คำทำนายอะไรก็ไม่สามารถกำหนดชีวิตได้หรอก  ถ้าฉันเจอเรื่องร้ายๆขึ้นมา  มันก็เป็นเพราะการกระทำของฉันเอง  ฉันเชื่อกฎแห่งกรรมมากกว่าคำทำนาย”

            “คุณพูดไม่เหมือนพิชช์ฌานเลย”  คนฟังเบ้ปาก  “คนอย่างคุณพิชช์ฌานต้องพูดว่า  คำทำนายอะไรก็ไม่มีผลกับฉัน  เพราะหายนะก็สู้ฉันไม่ได้  คนอย่างฉันเอาชนะหายนะได้อยู่แล้ว  อะไรประมาณนี้”

            พิชช์ฌานหัวเราะออกมา

            “ใครเขาจะพูดอวดดีขนาดนั้น”

            “นั่นสิ  ใครกันนะ”

            “ชื่ออาคิราห์แน่ๆ”  พิชช์ฌานยิ้มกริ่ม  “พูดอวดขนาดว่าจะอยู่กับฉันอีกนาน  แล้วก็มีลูกกับฉันสิบคน”

            “ผมไม่ได้พูดว่าสิบคนนะ”  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็อุทาน  “นี่คุณแอบฟังผมพูดก่อนจะเข้ามาหรอ”

            “บังเอิญได้ยินเอง  เล่นพูดดังลั่นขนาดนั้น”  คนพูดนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความยินดีอย่างลึกซึ้ง  ประคองใบหน้าเรียวหวานเอาไว้ในสองมือ  “ฉันน่าจะอัดเสียงเธอเอาไว้เมื่อกี้”

            “ผม...”  อาคิราห์รู้สึกสองข้างแก้มร้อนผ่าวลามลงมายันลำคอ  เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พิชช์ฌานจะก้มลงมาหาเสียอีก  ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน  แผ่วเบาเนิบนาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดื่มยาวนานจนเขาเกือบลืมวิธีหายใจตอนที่อีกฝ่ายปล่อยให้เป็นอิสระ

            หัวใจยังเต้นแรงอยู่เลย  อาคิราห์ฝังใบหน้าลงกับหมอนใบโต  ปลายลิ้นร้ายกาจยังทิ้งสัมผัสเอาไว้ให้รู้สึกวาบหวามในใจเล่น  นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นเป็นประกายแพรวพราวจนเขาไม่กล้ามองสบด้วยอีก

            เขาแกล้งทำเป็นหลับตอนที่ร่างสูงใหญ่กลับออกมาจากห้องน้ำ  แอบหรี่ตามองฝ่ายนั้นแต่งตัวอยู่ปลายเตียงพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย  ทำเป็นไม่รู้สึกตัวเมื่อพิชช์ฌานปีนขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน

            พิชช์ฌานเกือบจะหัวเราะออกมาที่เห็นหน้าคนหลับแดงซ่าน  เสียงกรนผิดธรรมชาตินั้นก็ฟังดูเหมือนปลาสำลักน้ำ  แขนขาเรียวบางแสร้งทำเป็นยกขึ้นเปะปะเหมือนคนนอนดิ้นแล้วก็พลิกตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น  ซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนล่ำสัน

            นักการเมืองหนุ่มแกล้งล็อคคอเจ้าโอเมก้า กึ่งบังคับให้หันหน้าเข้ามาซุกรักแร้ของเขาแทน  อาคิราห์ส่งเสียงขลุกขลักเหมือนหายใจไม่ออกแล้วก็ยกมือขึ้นฟาดตุ้บเข้าที่หน้าอกกว้างอย่างแรงจนพิชช์ฌานต้องยอมปล่อย  เจ้าโอเมก้าพลิกตัวไปนอนหงายพร้อมกับส่งเสียงกรนไม่รู้ไม่ชี้

            พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  ขยับเข้าไปโอบกอดร่างแบบบางเอาไว้  คนหลับนอนนิ่งพร้อมส่งเสียงกรนอย่างต่อเนื่อง  ไม่ได้ขยับหนีไปไหน  อัลฟ่าหนุ่มแตะริมฝีปากเข้าที่หน้าผากอีกฝ่ายเบาๆตำแหน่งเดียวกับที่ดีดนิ้วใส่เมื่อเช้า  เปลือกตาคนหลับขยับยุกยิกแล้วปรือขึ้นแอบมองนิดนึง  พอเห็นว่าถูกมองอยู่ก็รีบหลับตาปี๋ตามเดิม

            ชายหนุ่มยิ้มกว้างในความมืด  ...คงมีใครบางคนกลัวเสียหน้าที่ยอมให้เขานอนในรังด้วยคืนนี้

            ..............................................................................................

                       

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ตอนนี้เบาๆ พักผ่อนหลังพายุเนอะ555555

            เจอกันตอนหน้า

            ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกโหวต  ทุกการแนะนำ/บอกต่อ นิยายเรื่องนี้  ดีใจมากๆค่ะ  ขอฝากโอเมก้าเวิร์สฉบับบู้บี้เอาไว้ด้วย

            #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 24-04-2019 01:41:04
น้องอัยย์ยืนหนึ่งเรื่องดื้อตาใส คนอะไรน่าฟัดจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-04-2019 02:34:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-04-2019 02:52:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-04-2019 03:34:20
 :pig4: เก่งกาจถึงขนาดไล่เจ้าของบ้่นแล้วนะบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-04-2019 03:41:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-04-2019 03:47:13
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 24-04-2019 07:41:22
นิลกับแทมมี่จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-04-2019 07:54:42
 หวังว่าหลังจากนี้จะเป็นฟ้าหลังฝนของอัยย์จริงๆ ซะที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-04-2019 08:37:09
มีความสุข แค่ช่วงสั้นๆ อบอุ่นหัวใจวูบวาบ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 24-04-2019 09:36:11
นุ้งอัยย์ จะน่ารักทุกตอนม่ายด้ายยยย...
พี่ใจบางงง..
งื้อออ..  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-04-2019 10:56:58
  o13 สนุกมากกก ลุ้นมากกก อ่านทีเดียวถึงตอนที่ 26 เสียน้ำตาให้กับเจ้าบู้บี้หลายตอนเลยค่ะ 
ปล.แอบตามมาจากในทวิตเตอร์ ค่ะ 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-04-2019 11:12:26
น่ารัก ถ้าเจ้าตัวเล็กออกมาคงเป็นครอบครัวสุขสันต์แน่นอน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-04-2019 11:20:47
โจทย์เยอะเหลือเกิน
หนักแน่นไว้นะอัยย์  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-04-2019 11:36:34
หวังว่านิลกับแทมมี่จะไม่เป็นอะไรอย่างที่อัยย์สังหรณ์ใจนะ ไม่งั้นถ้ารู้ว่าลับหลังนิลและแทมมี่ช่วยนายพิษทำงานแล้วเกิดอะไรขึ้นคงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดไปกันใหญ่โตแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 24-04-2019 16:57:29
ไล่ตามอ่านจนคบจนได้
สนุกมากๆเลยค่ะ เหมือนยังมีปมอะไรซ่อนอยู่
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-04-2019 17:18:22
เอ็นดูน้องอัยย์ปากแข็ง ก็ตั้งใจแบ่งให้นอนอยู่แล้วอ่ะเนอะ แหมมมมม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-04-2019 18:38:04
ในที่สุดก็มา

ถ้าคุณแม่จะเป็นมนุษย์ป้าที่คร่ำครึก็ปล่อยนางไปขอแค่ไม่ทำร้ายอัยย์ก็พอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-04-2019 20:05:48
บรรยากาศกำลังดีตราบใดที่ผัวเมียปรองดองกัน แม่ผัวก็แม่ผัวเถอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 24-04-2019 20:08:15
เหมือนพายุกำลังจะเข้า  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-04-2019 21:05:08
ฟ้าสงบก่อนพายุจะมารึป่าวเนี่ยย
ประเด็นครอบครัวไม่น่าจะหนักเท่าประเด็นความขัดแย้งอะ
รู้สึกว่าแม่คุณเค้าเกลียดยัยบู้บี้ของเราแบบไม่สุด5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-04-2019 23:35:36
เก่งมากเจ้าบู้บี้ !  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-04-2019 23:52:21
นุ้งอัยย์เหมือนลูกแมวพองขนขู่ฟ่อๆเลย น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 25-04-2019 00:28:14
เจ้าบู้บี้ยึดเตียงแล้ววว แถมเถียงแม่สามีได้สะใจเรามาก ดีมากลูก ทำดีแล้ว 55555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 25-04-2019 04:32:02
เหมือนจะหวานกันแล้ว แต่ก็มีพายุจะเข้ามาแทรก ขอบคุณนะคะคุณคนเขียน :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-04-2019 05:18:59
พิชช์ฌานดูไม่ค่อยจีงใจเลย น้องอัยย์ระวังน้าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: DARALIS ที่ 25-04-2019 09:12:53
ตอนนี้น่ารักมากเลยเหมือนความสัมพันธ์จะไปในทิศทางที่ดีหรือเพราะมีลูกมันเลยดูเปิดใจมากขึ้นพูดคุยกันขึ้น ปัญหาใหญ่แค่ไหนถ้าในบ้านแข็งแรงขาเตียงไม่สั่นแน่นอน สู้ๆนะคุณพิษบู้บี้และตัวเล็กในท้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-04-2019 10:50:56
นิล กะ แทมมี่ รักษาตัวเองดี ๆ เด้อ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 26-04-2019 00:00:22
น่ารักจังเลยยยย :sad4: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 26-04-2019 03:36:03
เจ้าอัยย์ของพี่~~~
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ สนุกมากเลยยยยย
ติดตามต่อนะคะว่าเจ้าอัยย์จะทำตามอุดมการณ์ล่าสุดได้สำเร็จไหม พี่แอบเชียร์อยู่ตรงนี้นะหนู
ไหนๆก็อดข้าวไม่สำเร็จแล้ว เอาอันนี้ให้สำเร็จแทนเนอะ 555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 26-04-2019 15:07:21
อัยย์เหนื่อยบ้างมั้ย น่ารักทุกตอนเลยหนู อยากอุ้มกลับบ้านมากกกกก  ฮือออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 26-04-2019 15:14:20
 :hao7: น้องงงงงง น่ารักน่าฟัดมากกกกก กังวลตรงที่อัยคิดว่าจะไม่ได้เจอเพื่อนอีกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 27-04-2019 09:30:27
รอจ้าา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: janehsih ที่ 27-04-2019 15:11:11
น้องน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 27-04-2019 20:45:34
น้องเป็นเด็กน่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่27 24/4/62 p20
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 27-04-2019 21:41:01
อัยย์น่ารักมากกกกกก พิชช์ฌานจะรักน้องแบบจริงจังแล้วใช่ไหม รักน้องแน่ๆแล้วใช่ไหม ไม่แน่ใจในคุณพระเอกเลยยย
เรื่องค้ามนุษย์นี่จริงๆแล้วสงสัยพ่อของน้องอัยย์แต่ถ้าเป็นพ่อจริง เรื่ิงจะต้องลำบากแน่ๆ เพราะแค่นี้ที่บ้านของพระเอกเราก็ดูไม่ค่อยชอบน้องแล้วอะ ขออย่าเป็นเลย  พ่อพระเอกรึป่าวนะ เอ๊ะๆๆๆๆ สงสัยประเด็นนี้มาก แล้วแทมมี่กับนิลนี่ต้องเป็นอะไรแน่ๆ กลัวอะ สงสารเค้าด้วย เจอเรื่องร้ายๆตลอดเลยยย แงงงง

สนุกมากๆๆเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-04-2019 00:57:47
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 28

 

 

 

 

 

 

            พิชช์ฌานแวะเข้ามาในห้องหนังสือหลังจากทำงานเสร็จแล้ว  เขายิ้มนิดๆเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้ากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มใหญ่พร้อมกับเขียนโน๊ตอะไรยุกยิกใส่สมุดของตัวเอง  บนโต๊ะตัวใหญ่มีหนังสือและกองกระดาษวางเรียงเป็นตั้ง

            “อ่านถึงไหนแล้ว  ...พร้อมจะสอบเทียบหรือยัง”

            อาคิราห์สะดุ้งเงยหน้าขึ้น  พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มไปให้

            “พร้อมแล้ว”

            “พร้อมสอบ?”

          “พร้อมกินมื้อเย็น”  อัยย์ตอบหน้าตาย  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  วางมือลงบนศีรษะทุยสวยนั้น  เจ้าของศีรษะเอียงหัวหลบแล้วปิดหนังสือลง   “อย่าโดนหัวผม  เดี๋ยวความรู้ที่อ่านมากระฉอกออกหมด”

            “นี่แน่ะ  ให้มันกระเด็นออกมาเลย”  ชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเขกหัวแทน

            “กระเทือนท้องหมด”  เจ้าโอเมก้าพึมพำ  เหลือบมองด้วยหางตาราวกับค้อน  คนฟังยิ้มกว้างก้มลงหอมแก้มนวลเนียนทั้งสองข้างฟอดใหญ่

            “กระเทือนอีกมั้ย”  พิชช์ฌานกระซิบ

            เจ้าของแก้มหน้าร้อนผ่าวโดยเฉพาะตำแหน่งที่ถูกสัมผัส  อาคิราห์ยกมือขึ้นแนบแก้มแล้วส่ายหน้าไปมา

            “คุณทำผมลืมที่อ่านหมดแล้วจริงๆนะเนี่ย”

            “งั้นเดี๋ยวคืนนี้ฉันทวนให้”  ดวงตาคมกริบแพรวพราว

            “ไม่เอา”  อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ   เพราะเคยหลงกลยอมให้อีกฝ่าย ‘ทบทวน’ บทเรียนไปหนหนึ่งแล้ว  เล่นเอาใจสั่นวูบวาบแทบนอนไม่หลับทั้งคืน  “ผมอ่านซ้ำก็ได้  จดย่อเอาไว้”

            “ขยันดีมาก  แบบนี้สอบผ่านแน่”  พิชช์ฌานว่า  ทอดสายตามองคนขยันอย่างเอ็นดู  นับตั้งแต่ที่อาคิราห์มาบอกว่าอยากเรียนกฎหมายแบบจริงจัง  เขาก็ค้นหาหนทางต่างๆเพื่อจะให้เจ้าโอเมก้าได้เข้าเรียนจริงๆ  ติดตรงที่ว่าอีกฝ่ายไม่เคยเรียนในหลักสูตรปกติมาก่อน  เลยต้องเริ่มจากการสอบเทียบวุฒิเป็นอันดับแรกก่อนที่จะหาที่เรียนสำหรับโอเมก้าต่อ

            “ผมไม่เคยสอบมาก่อนเลย”  อาคิราห์พูดหงอยๆ  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  “ถ้าเป็นภาษาผมทำได้  แต่เรื่องเลขพวกนี้ผมไม่รู้เรื่องเลย”  คนพูดถอนหายใจเฮือกด้วยท่าทางหนักอกหนักใจ

            พิชช์ฌานขยับตัว  ความจริงเขาก็แค่อยากให้อาคิราห์ ‘ทำที’ ไปสอบเสียหน่อยแค่นั้นเองพอเป็นพิธี  ยังไงก็สอบผ่านเพราะเขาจัดการให้ได้ง่ายๆ

            “ถ้าเธอเครียดมากฉันจะไม่ให้ไปสอบแล้วนะ  เดี๋ยวลูกเป็นอะไรขึ้นมา  รู้หรือเปล่าว่าการที่แม่เครียดน่ะส่งผลต่อลูกมากกว่าที่ฉันหอมแก้มเธอเมื่อกี้นี้อีก”

            “ผมไม่ได้เครียดนะ  จริงๆ”  อาคิราห์รีบปฏิเสธ  “ผมรู้ว่ามันต้องใช้เวลา  อาจจะอีกหลายเดือน  คุณให้ผมไปสอบเถอะนะ  ผมอยากเรียนต่อจริงๆ  แล้วก็...ให้ผมสอบผ่านด้วยตัวเองด้วย”  คนพูดดักคออย่างรู้ทัน  “ผมไม่อยากให้มีคนมาครหาทีหลังว่าใช้อำนาจซื้อวุฒิการศึกษา”

            “ฉันไม่ได้จะทำแบบนั้นเสียหน่อย”  พิชช์ฌานรีบโบกมือ 

            “ดีแล้วครับ  ผมอยากมั่นใจว่าเป็นความสามารถของผมจริงๆ  ไม่ใช่ใช้เส้น  ถ้าคุณทำก็เหมือนดูถูกความสามารถของผม”

            “อาคิราห์คนใหม่นี่จริงจังน่าดูเลยแฮะ”  นักการเมืองหนุ่มอุทาน  “ฉันชักจะนับถือแล้วสิ  ..แบบนี้ต้องให้รางวัลด้วยเมนูมิชลินสตาร์”

            “จริงเหรอ” เจ้าโอเมก้าหน้าบาน  เดินเข้ามาเกาะแขนเขาเอาไว้  “ไปกันเลยดีมั้ย  ลูกร้องแล้วด้วย”

            พิชช์ฌานหัวเราะ  เขาเริ่มรู้ทันกับคำว่าลูกร้องของอีกฝ่ายแล้ว  มันหมายถึงกระเพาะของเจ้าตัวที่กำลังร้องโครกครากต่างหาก

            ชายหนุ่มพาคู่สมรสไปทานอาหารข้างนอกบ้านเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เกาะขึ้น  อาคิราห์ไม่ได้ถามอะไรแม้จะสังเกตได้ว่าพิชช์ฌานเพิ่มคนติดตามขึ้นอีกเกือบเท่าตัวแถมยังเดินทางด้วยรถยนต์สีดำปลอดที่เจ้าตัวเคยบอกว่ากันกระสุนได้ทั้งคันอีกด้วย

            เดาเอาจากท่าทางระมัดระวังของเจนภพร่วมกับข่าวตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา  อาคิราห์ก็พอจะเดาได้รางๆว่าสถานการณ์ตอนนี้คงไม่ปลอดภัยนัก

            การสืบสวนของตำรวจก็เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที  ข่าวการเสียชีวิตในห้องขังของจักรกฤตทำให้เกิดความสงสัยคาดเดากันไปต่างนานา  หลายคนเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดอย่างที่หลักฐานแสดงให้เห็นแต่ว่าถูกเก็บจากคนบงการที่ใหญ่กว่า  แต่จะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม  การที่พิชช์ฌานออกหน้ามีส่วนรู้เห็นกับการจับกุมและทลายแหล่งค้าโอเมก้าครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการเปิดฉากที่รุนแรงและโจ่งแจ้ง  อาจกลายเป็นเป้าหมายถูกโจมตีกลับ

            ไหนจะเหตุการณ์ระเบิดห้องพักที่ยังจับมือใครดมไม่ได้อีก

            “เป็นอะไรไป  นั่งเงียบเชียว”  พิชช์ฌานทักขึ้น  เหลือบมองคนนั่งข้างๆที่อยู่ในชุดสูทสีดำสมกับความหรูหราของร้านที่เขากำลังจะพาไปดินเนอร์

            “ออกมาแบบนี้  จะไม่เป็นไรหรอครับ”

            “ไม่มีอะไรหรอก  กลัวหรือไง”  นักการเมืองหนุ่มยิ้มมุมปาก  “มากับฉันไม่ต้องกลัว”

            “ได้ยินแบบนี้  ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่เลย”  อาคิราห์ฝืนหัวเราะ  “ผมต้องใส่เสื้อกันกระสุนหรืออะไรมั้ย”

            “กอดฉันแน่นๆ  รับรองกระสุนไม่โดนเธอแน่”

            “เพราะไขมันคุณหนาหรอ”

            คนฟังจุ๊ปาก

            “เจนภพ  คืนนี้ฉันจะไปฟิตเนส  อย่าลืมเตือนด้วยนะ”  พิชช์ฌานหันไปบอกมือขวาคนสนิทที่นั่งอยู่ข้างหน้า  ได้ยินเสียงหัวเราะกวนประสาทดังขึ้นข้างตัวก็ขมวดคิ้วฉับ “ไม่ต้องหัวเราะไป  เห็นว่าท้องอยู่หรอกนะ  ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยให้เธอมีพุงแบบนี้แน่ๆ”

            “แต่คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์ว่า  “เมื่อคืนคุณยังเอาหัวมาหนุนเลย”

            คราวนี้เสียงหัวเราะปนกับเสียงไอเหมือนสำลักดังมาจากที่นั่งตอนหน้าแทน  พิชช์ฌานกระแอม  เสียงลูกน้องเงียบไปทันที

            รถมาจอดที่หน้าร้านอาหารหรูหราร้านหนึ่งที่อาคิราห์เคยอ่านเจอจากนิตยสาร  บรรยากาศข้างในร้านตกแต่งสวยงามถูกใจ   อาคิราห์มองซ้ายมองขวาพลางเดินตามหลังพิชช์ฌานเข้าไปด้านในโดยมีลูกน้องของชายหนุ่มเดินล้อมรอบเป็นพรวน

            มีเสียงพึมพำเบาๆจากแขกที่นั่งอยู่ในร้านเป็นระยะเมื่อมองเห็นนักการเมืองชื่อดังกับคู่สมรสโอเมก้าของเขาเข้า  แต่ไม่มีใครกล้าลุกเข้ามาใกล้  อาจเป็นเพราะบอดี้การ์ดร่างใหญ่หลายคนที่อยู่รอบๆโต๊ะของทั้งคู่ด้วย  ได้แต่แอบถ่ายรูปส่งข่าวให้กันและซุบซิบเบาๆเท่านั้น

            “ทำไมคนเยอะจังนะ”  อาคิราห์พึมพำ  เปิดเมนูออกก้มลงดู  ทำเป็นไม่เห็นว่าโต๊ะที่อยู่ทางซ้ายมือของเขากำลังจ้องเป๋งมาอย่างสนใจแค่ไหน

            “ร้านดังก็อย่างนี้แหละ”  พิชช์ฌานพูดยิ้มๆ

            “พรุ่งนี้คงได้ลงข่าวสมใจคุณแน่”

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  ตามด้วยเสียงหัวเราะ

            “เห็นฉันเป็นคนยังไง  ฉันไม่ใช่พวกกระดิกตัวทำอะไรก็ต้องเป็นข่าวหรอกนะ”  เขาค่อน

            อาคิราห์ขมวดคิ้ว  ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจงใจหมายถึงบิดาและพี่ชายของเขาที่ขยันเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ได้ทุกวัน  โดยเฉพาะในช่วงหลังมานี้

            “คุณก็ไม่ได้ต่างเท่าไหร่นักหรอก”  อัยย์ย่นจมูกใส่  “แต่เห็นแก่ความเป็นเจ้ามือมื้อนี้  ผมจะบอกว่าคุณพิชช์ฌานน่ะ  ไม่ใช่คนอย่างนั้น  แต่เป็นคนดีถือศีลกินหมูไม่กินผัก”

            “ไม่กินผักนี่มันเธอแล้วอาคิราห์”

            “ผมชอบกินผัก”

            “งั้นกินเข้าไปเลย  เอาเนื้อมาให้ฉัน”  พิชช์ฌานพูดจิ้มผักในจานใส่จานของเจ้าโอเมก้าแล้วจิ้มเนื้อชิ้นโตน่ากินของฝ่ายนั้นมาใส่จานตัวเองแทน

            อาคิราห์มองตาม  อ้าปากค้างที่ถูกชิงเนื้อไปต่อหน้าต่อตา

            “คุณพิษฌาน  คืนเนื้อให้ผมเลยนะ”  อัยย์ร้อง  ท้องส่งเสียงโครกด้วยความหิว  มองตามเนื้อของตัวเองที่ถูกมีดของอีกฝ่ายตัดหั่นอย่างไม่ปรานีปราศรัยแล้วก็น้ำตาคลอ  “คุณมันใจร้าย”

            พิชช์ฌานชะงัก  สบตากลมโตที่มีน้ำตาคลอหน่วยแล้วก็หัวเราะออกมา

            “เห้ย  ล้อเล่นแค่นี้ร้องไห้จริงๆหรอ”  ชายหนุ่มหั่นเนื้อในจานออกเป็นคำๆเสร็จก็ส่งคืนให้เจ้าของที่นั่งหน้างออยู่ตรงข้าม  “เอามาตัดให้เฉยๆเอง  โกรธจริงเหรอเมื่อกี้”

            “อย่ามาล้อเล่นเรื่องนี้  ผมไม่ชอบ”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  จิ้มเนื้อสัตว์ในจานเข้าปากเคี้ยว  ทำเป็นไม่สนใจสายตาคมกริบคู่นั้นที่มองมาอย่างล้อเลียน

            กว่าจะเสร็จมื้อนั้น  เจ้าโอเมก้าก็น้ำตาคลอไปสามรอบเพราะถูกอีกคนแกล้งเล่นจนพิชช์ฌานได้แต่สงสัยว่านักข่าวจะได้ภาพแบบไหนไปลงข่าวกันแน่

            เจนภพมาบอกเช้าวันรุ่งขึ้นว่านักข่าวเอาภาพอาคิราห์น้ำตาคลอหน้างอง้ำไปลงข่าวจริงๆ  แถมยังพาดหัวเหมือนกับว่าพวกเขาทะเลาะกันบนโต๊ะอาหารอีกด้วย

            “ฉันเดาไม่ผิดเลย”  ชายหนุ่มหัวเราะ  ส่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปให้อาคิราห์ที่นั่งกระดิกเท้าฟังเพลงอยู่  เจ้าโอเมก้าเบิกตาโต  “บอกแล้วให้ยิ้มๆไว้  ดูซิ  หน้าตาเหมือนเต้าหู้ยี้ดูไม่ได้เลย  มีฉันหล่ออยู่คนเดียว”

            “ก็คุณแกล้งผมทำไมล่ะ”  อาคิราห์ร้องฮึในลำคอ  ผลุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวฉับๆออกไปจากห้องทำงาน  “ผมไปอ่านหนังสือดีกว่า  คุณเจนภพอย่าลืมเอาใบสมัครของผมไปส่งนะครับ”

            “ได้ครับคุณอัยย์  ไม่ต้องห่วง”  เจนภพรับคำ   พอลับร่างของโอเมก้าแล้ว  มือขวาของพิชช์ฌานก็หันมาหาเจ้านาย  “คุณฌานจะยอมให้คุณอัยย์ไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจริงๆหรอครับ”

            “ให้เขาสอบเทียบให้ได้ก่อน  แล้วค่อยว่ากันอีกที  คงอีกหลายเดือน”

            “แต่ผมว่าอาจจะเร็วๆนี้ก็ได้นะครับ  คุณอัยย์ดูเอาจริงมาก”

            “ดูไปก่อน  เมื่อวานยังเห็นนั่งเอาหัวโขกโต๊ะเพราะแก้โจทย์ไม่ได้อยู่เลย”  พิชช์ฌานอมยิ้ม  นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง  “นายลองไปหาครูมาติวให้เขาก็ได้  ขอเป็นเบต้านะ  ไม่เอาอัลฟ่า”

            “ได้ครับคุณฌาน  ผมจะหามาให้”

            “ขอเป็นผู้หญิงด้วย”  อีกฝ่ายเสริม  แล้วเปลี่ยนเรื่อง   “เรื่องการประชุมลับของฝั่งรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง  ตกลงจัดวันไหน  ฉันจะได้ชวนอาคิราห์ไปเยี่ยมบ้าน”

            “ข่าวล่าสุดคอนเฟิร์มมาว่ามะรืนนี้ครับ”

            “ดีมาก”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบปลายคางเขียวครึ้ม  “แล้วนิลลาว่าอย่างไรบ้าง  ทำไมถึงเงียบไปเลย”

            “นิลลาให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดีครับ  ตอนนี้ตำรวจได้แผนผังบ้านของจักรกฤตแล้ว  ส่วนเราวางแผนจะบุกเข้าไปก่อนหนึ่งวันเพื่อหาหลักฐานครับ  นิลลาบอกว่ามีตู้เซฟอยู่ในห้องนอนของมันชั้นสาม  คาดว่าน่าจะมีอะไรดีๆอยู่ในนั้น”

            เจ้านายพยักหน้าเนิบๆ  เหลือบมองปลาบู่ในตู้ที่แหวกว่ายไปมาอย่างครุ่นคิด

            “เมื่อวานอาคิราห์ถามถึงเพื่อนคือนิลลากับแทมมี่อีกแล้ว  ถ้าเป็นไปได้  ...อย่าให้พวกเขาเป็นอะไรก็แล้วกันนะ  ฉันไม่อยากให้อาคิราห์เสียใจ”  พูดจบก็เห็นรอยยิ้มของลูกน้องปรากฏขึ้น  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  “มันจะกระทบกระเทือนลูกในท้อง  ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเจนภพ”

            “ผมแค่ดีใจครับ”  เจนภพพูดยิ้ม ๆ “เห็นคุณฌานมีความสุข  ผมก็มีความสุขไปด้วย”

            “ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน”  พิชช์ฌานว่า  “มะรืนนี้ฉันจะพาอาคิราห์กลับบ้าน  ฉันอยากให้มันเป็นข่าว  ประมาณว่าพ่อตาลูกเขยสามัคคีจูบปาก  โดยมีหลานเป็นกาวใจ  อาจมีแนวโน้มให้ฉันสืบทอดเก้าอี้นายกฯ อะไรทำนองนั้น  แต่ไม่เอาเลี่ยนมากนะ  ฉันคลื่นไส้  เอาแค่พอประมาณ  ให้พวกคนในพรรครัฐบาลมันดิ้นพล่านหน่อย  อย่าลืมกำชับคนในพรรคของเราให้รู้ด้วย  ไม่ใช่ข่าวออกแล้วดันมาดิ้นเสียเอง”

            “ได้ครับคุณฌาน  แล้วเรื่องคุณชาติชาย”

            “ฉันจะแวะไปหาเขาพรุ่งนี้หลังเสร็จงาน”

            พิชช์ฌานแวะไปหานายทุนพรรคคนสำคัญในวันถัดมาตามที่โทรนัดหมายเอาไว้  นักธุรกิจใหญ่มีท่าทีมึนตึงจนเห็นได้ชัด  แม้ว่าชายหนุ่มจะชวนพูดคุยแล้วก็ตาม

            “คุณพิชช์ฌาน  ผมขอถามตามตรงนะ  ตกลงการแต่งงานระหว่างคุณกับโอเมก้าเป็นเรื่องจริงหรือว่าเป็นเพียงเกมการเมืองอย่างที่คุณเคยบอกผมกันแน่  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น  ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโอเมก้าคนนั้นถึงตั้งท้องลูกของคุณ”  ชาติชายเปิดปากพูดขึ้น

            “ผมเป็นนักการเมืองครับคุณชาติชาย  ผมขอพูดสั้นๆแค่นี้  ถ้าคุณมองเห็นอนาคตทั้งของคุณและของผม  เราก็มาร่วมมือกันต่อ  เหมือนที่ผ่านมาแล้ว  ผมต้องการเพียงแค่ความเชื่อใจกัน...แค่นั้น”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  “และผมขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคของเราจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้  นั่นหมายความว่าผลประโยชน์ต่างๆจะตกเป็นของคนที่เลือกสนับสนุนได้ถูกฝั่ง”

            คนฟังนิ่งไป

            “ผมไม่คิดว่านโยบายเชิดชูโอเมก้าของคุณมันจะเวิร์ค  ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนเสี่ยงชีวิตถล่มซ่องโอเมก้านั่น  มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอกคุณพิชช์ฌาน  คุณหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ”

            ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ  คิดถึงสีหน้าจริงจังของโอเมก้าที่บ้าน

            “ผมคิดว่ามีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนะ  อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ  ผมคิดว่าในอนาคตกระแสเรื่องนี้จะต้องแรงขึ้น  เรื่องการค้าโอเมก้าเป็นเพียงจุดเล็กๆที่จะนำไปสู่การเรียกร้อง...”

            “นี่แหละที่ผมจะพูด”  คนแก่กว่าขัดขึ้น  “คุณกำลังหาเหาใส่หัว  ทุกคนก็รู้ว่าขบวนการค้าโอเมก้ามีมานานแล้วนับศตวรรษได้มั้ง  ตั้งแต่โลกนี้รู้จักคำว่าชนชั้นนั่นแหละ  พวกโอเมก้ามันเกิดมาเพื่อการนี้ไง  ผมถึงไม่อยากให้ไปยุ่งเรื่องนี้  มันมีคนเสียประโยชน์เยอะ”

            “แต่ผมทำไปแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “เราควรจะลองมองประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว  โลกเปิดกว้างเรื่องชนชั้นพวกนี้มาหลายปีขณะที่ประเทศของเรายังปิดกั้นด้วยคำว่าเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์อยู่เลย  ถ้าผมไม่จัดการเรื่องนี้  ต่อให้ผมได้เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถพาประเทศเดินหน้าได้ทัดเทียมประเทศอื่นหรอกครับ”

            “คุณยังหนุ่มคุณพิชช์ฌาน  คุณไม่เข้าใจหรอกว่าเรื่องนี้มันหยั่งรากลึกเกินกว่าที่คุณจะนึกถึง  สิ่งที่คุณทำจะทำให้คุณเดือดร้อน  เบื้องหลังของขบวนการค้ามนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า...กำแพง..”

            “และผมทลายกำแพงนั้นไปแล้ว”  พิชช์ฌานต่อให้จนจบประโยค  “ผมทำลงไปแล้วคุณชาติชาย  และผมเป็นพวกที่ลงมือทำแล้วต้องทำให้สุด  ถ้าคุณไม่กล้าที่จะลงเรือลำนี้กับผม  คุณบอกมาคำเดียว”

            “............”  นายทุนพรรคอึ้งไป

            “หรือว่าที่คุณมีปัญหากับเรื่องนี้นักเป็นเพราะว่าคุณมีส่วนได้ส่วนเสียกับขบวนการนี้ด้วยกันแน่ครับ”  พิชช์ฌานเห็นท่าทางอีกฝ่ายคงจะไม่อ่อนลงแน่ก็เลยงัดไม้ตายขึ้นมาใช้

            “คุณกำลังกล่าวหาผมนะ”

            “ถ้าผมเกิดหาหลักฐานมาได้ล่ะครับ”

            “ผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการบ้า ๆ พวกนี้  เพราะผมรังเกียจโอเมก้าเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย  เงินจากธุรกิจขายพวกมันผมไม่อยากได้”  ความเกลียดชังที่แผ่ออกมาจากคำพูด  สีหน้าแววตาของคนพูดทำให้พิชช์ฌานชะงักไปนิดหนึ่ง  “ผมไม่เหมือนนายทุนใหม่ของพรรคคุณหรอกคุณพิชช์ฌาน  ...ผมรู้นะว่าคุณได้นายทุนใหม่แล้วถึงกล้าพูดแบบนี้กับผม”

            “คุณหมายถึงคุณธีรดลน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  เก็บความสงสัยเอาไว้ข้างใน  “คุณรินลดาคงเล่าให้คุณฟัง  เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรอกครับ  เขาเป็นคนให้ความร่วมมือในการนำจับด้วยซ้ำ  ส่วนเรื่องทุน...ทั้งเงินและบารมีของเขาไม่ได้ครึ่งของคุณหรอก  ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาหาคุณถึงบ้าน”

            ชาติชายหัวเราะ

            “คุณมันนักการเมือง  คุณพิชช์ฌาน  นักการเมืองก็จะตายด้วยการเมือง  เหมือนหมองูตายเพราะงู  ระวังเอาไว้ให้ดีเถอะ  คุณยังหนุ่มนัก  แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”

            “ขอบคุณมากครับ”  ชายหนุ่มก้มศีรษะให้ด้วยท่าทางไว้ตัวนิดๆอันเป็นเอกลักษณ์  “ผมจะจำเอาไว้”


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-04-2019 00:58:46





            มีเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้านตามด้วยร่างอวบอัดของบุตรสาวเจ้าของบ้านเยื้องกรายเข้ามาในบ้าน  เธอไม่มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มในห้องรับแขก

            “กะแล้วว่าคุณต้องมาวันนี้”  รินลดาพูดเนิบ ๆ “ไม่เฝ้าเมียโอเมก้าเอาไว้แล้วเหรอ  ได้ข่าวว่าทะเลาะกันจนน้ำตานองจานข้าวนี่นะ”  เธอยิ้มแกมเยาะแล้วเดินผ่านขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจอีก

            พิชช์ฌานมองตาม  รักษาท่าทางนิ่งสงบเอาไว้ได้เป็นปกติในสายตาของคนมองที่ลอบสังเกตอยู่เงียบ ๆ

            “รินลดาเสียใจมากที่รู้ว่าโอเมก้าท้อง”   ชาติชายพูด  “นั่นทำให้ผมลำบากใจมากที่จะร่วมกับคุณอีกคุณพิชช์ฌาน  ไม่มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกร้องไห้เสียใจ”

            หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านลอบถอนหายใจยาว  เขาคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าสุดท้ายคนอย่างชาติชายก็จะต้องยกเรื่องลูกสาวคนเดียวมาอ้าง  ก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นเกมกับอีกฝ่ายก่อนด้วยการจีบลูกสาวหวังเงินทุนของพ่อเค้า  พอมาตอนนี้ก็กลับวนเข้าวงจรเดิมอีกรอบ  ต่างกันตรงที่ครั้งนี้เขาแต่งงานแล้วแถมกำลังจะมีลูกอีกด้วย

            นึกถึงหน้าตัวบู้บี้ที่บ้านแล้วชายหนุ่มก็เกือบยิ้มออกมา  เหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง  ...ไม่รู้ป่านนี้จะเข้านอนหรือยัง  หรือว่ากำลังอ้อนป้านิ่มทำมื้อดึกให้อยู่

            “ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ครับ  เพราะผมเองก็กำลังจะเป็นเหมือนกัน”  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน  พอกันทีกับการพูดคุยเกลี้ยกล่อม  ถ้าไม่อยากร่วมทุนกันเขาก็จะไม่ง้ออีกแล้ว  “ผมก็เลยเข้าใจคุณชาติชายมากๆ แล้วก็ไม่โกรธเลยด้วยที่คุณเลือกจะถอนทุนออก  ไม่เป็นไรครับ”

            “ถอนทุนออกอะไรกัน”  ชาติชายอุทาน  เงยหน้าขึ้นมองตาร่างสูงใหญ่ที่ยืนค้ำอยู่  “ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะถอนทุน”

            “ผมก็บอกอยู่นี่ไงครับ”  พิชช์ฌานพูดอย่างสงบ  “ผมไม่อยากให้คุณชาติชายต้องลำบากใจอีก  ส่วนเรื่องข้อตกลงอื่นๆรวมถึงสัมปทานรถโดยสารที่เคยขอเอาไว้  ผมจะถือโอกาสนี้ยกเลิกให้เลยนะครับ  คุณชาติชายจะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจอีกตอนที่ผมได้เป็นรัฐบาล  ขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลาพักผ่อน”  พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวก้าวยาวๆออกมาจากบ้านของนายชาติชายทันที

            เจนภพขยับเข้ามาเปิดประตูรถให้เจ้านายขึ้นไปนั่ง 

            “ทำแบบนี้จะดีหรอครับคุณฌาน   เราจะเหมือนทุบหม้อข้าวตัวเองนะครับ”

            “ไม่หรอกเจนภพ  สันดานนักธุรกิจน่ะ  ผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า  ยังไงก็ต้องกระโดดคว้า  เราก็แค่ใจเย็น ๆ เอาไว้  พรุ่งนี้ให้คนมาจับตามองนายชาติชายด้วย  ฉันเดาว่าเขาจะต้องไปเข้าร่วมประชุมลับของพวกนายทุนรัฐบาลแน่ ๆ”

            “เขาจะไม่แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งนั้นจริง ๆ หรอครับ”

            “ยิ่งเราทำเหมือนไม่ง้อเขามากเท่าไหร่  เขาก็จะยิ่งลังเลมากเท่านั้น  ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็  เขาจะยังไม่กล้าทุ่มฝั่งไหนเต็มตัวจนกว่าจะมั่นใจว่าฝั่งนั้นจะชนะ  รอให้ข่าวพรุ่งนี้ที่ฉันไปเยี่ยมพ่อตาออกเสียก่อนเถอะ  เขาจะเป็นคนแรกที่โทรกลับมาหาฉันเลยล่ะ”

            “แล้วเรื่องคุณรินลดา”

            “รอจังหวะดี ๆ ก่อน  ฉันว่าเธอยังมีประโยชน์อีกแน่”  เจ้านายตอบกลับมา  “วันนี้นายชาติชายเตือนเรื่องที่ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์  ฉันชักสงสัยว่าเขารู้อะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า  ถ้าว่างเมื่อไหร่ลองสืบเรื่องนี้ดูหน่อยนะเจนภพ  ไม่แน่เราอาจจะเจอของเด็ดเข้าก็ได้” 

            เจนภพส่งเจ้านายที่บ้านแล้วก็กลับออกมา  คืนนี้ชายหนุ่มยังมีภารกิจอีกอย่างก็คือการประชุมร่วมกับทีมและโอเมก้านิลลาเพื่อหาทางเข้าไปค้นหาหลักฐานเพิ่มในบ้านของนายจักรกฤต

            นิลลาเงียบขรึมตลอดเวลาการประชุมจนกระทั่งทุกคนต่างแยกย้าย  เจนภพเช่าห้องพักให้นิลลากับแทมมี่พักอาศัยอยู่ก่อนชั่วคราวเพื่อเก็บตัว  มีโอกาสมากที่พยานทั้งสองจะโดนเก็บเสียก่อนที่จะได้ขึ้นศาล  พิชช์ฌานเลยกำชับให้เขาดูแลทั้งคู่เป็นพิเศษ  ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับอาคิราห์ด้วย

            “คุณ...โอเคมั้ย  อยากปรับแผนตรงไหนหรือเปล่า”  เจนภพถามเสียงเบาขณะที่เดินตามหลังร่างผอมบางกลับไปยังห้องพักที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของเขา  นิลลาส่ายหน้า

            “ทุกอย่างดีแล้ว”

            แสงไฟจากระเบียงต้องใบหน้าซูบซีดที่เริ่มมีสีเลือดขึ้นจากการกินดีอยู่ดี  ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือแววตาเศร้านิด ๆ แฝงด้วยความเฉยชาเหมือนรูปปั้นไร้ชีวิตของอีกฝ่ายที่เจนภพสังเกตเห็นตั้งแต่วันแรก  เขาไม่เคยชอบแววตาแบบนั้น   หงุดหงิดทุกครั้งที่มองไปแล้วเจอเข้า

            “คุณเคยออกความเห็นอะไรบ้างมั้ย  หรือแสดงความรู้สึก...อะไรก็ได้”  ชายหนุ่มพูดห้วน ๆ “ชอบหรือไม่ชอบ  เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย  คุณพูดออกมาสิ  ไม่ใช่เก็บเงียบ  แล้วใครมันจะไปรู้ว่าคุณคิดยังไง”  ...ผมรำคาญ.. เจนภพกลืนคำพูดประโยคหลังลงไปได้ทัน

            คนฟังยักไหล่

            “ฉันไม่มีอะไรจะพูด  ขอบคุณมากที่มาส่ง”  นิลลาตอบอย่างสงบ  ยืนรอจนแทมมี่ออกมาเปิดประตูให้

            เจนภพกำชับลูกน้องที่เฝ้าหน้าห้องของโอเมก้าให้เฝ้าระวัง  แล้วก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ในตึกเดียวกันเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะกลับไปที่บ้านของพิชช์ฌานอีกครั้ง  ปัดแววตาเฉยชาของโอเมก้านิลลาทิ้งไปอย่างง่ายดาย   ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัลฟ่าแต่โอเมก้าก็ไม่มีผลอะไรต่อเขายกเว้นอาจจะทำให้ตื่นเต้นขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อยในกรณีที่ฮีทรุนแรงมากๆ อย่างเช่นตอนคุณอาคิราห์

เพราะความเป็นลูกเสี้ยวอัลฟ่าครึ่งเบต้าของเขา  ทำให้สัญชาตญาณดิบของอัลฟ่าไม่รุนแรงเหมือนอัลฟ่าคนอื่น  ขณะเดียวกันเขากลับได้ความฉลาดเฉลียวและสูงสง่ามาจากสายเลือดอัลฟ่าครึ่งหนึ่งและความอดทนอดกลั้นขยันเรียนรู้ได้เร็วมาจากสายเลือดเบต้า  ดังนั้น  จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเจนภพถึงได้เป็นมือขวาคนสนิทของนักการเมืองที่กำลังรุ่งที่สุดตอนนี้

ถ้ามีคนถามว่าเขาทุ่มเทเพื่อพิชช์ฌานมากมายขนาดนี้ไปเพื่ออะไร  ชายหนุ่มก็คงจะแค่ยิ้มรับ  ส่วนคำตอบในใจนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว  ไม่มีทางที่ใครจะล่วงรู้

.....................................................................

อาคิราห์ดีใจมากๆที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน  เขาไม่ได้กลับบ้านเลยนับตั้งแต่แต่งงานกับพิชช์ฌานแล้วออกจากบ้านมา  จะว่าไปก็ไม่นาน  ทว่ากลับรู้สึกคิดถึงคฤหาสน์สามชั้นและห้องนอนของตัวเองเหลือเกิน

“ยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว  จะยิ้มอะไรนักหนา”  เสียงค่อนแคะดังมาจากคนที่นั่งไขว้ห้างข้างตัว  อาคิราห์เลยหันไปฉีกยิ้มให้เห็นฟันครบสามสิบสองซี่เสียเลย

“ก็ผมดีใจได้กลับบ้าน”

“คืนเดียวเท่านั้นแหละ  ฉันมีงานต่อ”

“คืนเดียวเองหรอ”  คนพูดขยับเข้ามาเกาะแขนล่ำสันเอาไว้แล้วช้อนตาขึ้นมอง  แอบยิ้มอยู่ในใจที่เห็นใบหูของคนมองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง  เดี๋ยวนี้อาคิราห์เริ่มจับสังเกตได้แล้วว่าพิชช์ฌานก็มีช่วงออกอาการเขินเหมือนกัน  พอเขินก็จะวางหน้านิ่งค่อนไปทางบึ้งตึงแต่ว่าหูแดงจัด อย่างเช่นตอนนี้  “สองคืนไม่ได้หรอครับ”  อัยย์พูดเสียงอ่อน  กะพริบตาปริบๆ

ชายหนุ่มกระแอม

“ไม่ได้  คืนเดียวก็พอแล้ว”

            “ยังไม่ทันหายคิดถึงบ้านเลย”  อาคิราห์วางคางลงกับไหล่หนา  “สองคืนนะ”

            “ขอดูตารางงานก่อน”  อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยง

            อาคิราห์ยิ้มกว้าง  ถอยกลับไปนั่งตัวตรงที่เดิม  พิชช์ฌานพูดแค่นี้ก็เป็นอันว่าได้ค้างสองคืนแน่นอน เชื่อขนมกินได้  เพราะถ้าไม่ได้ล่ะก็  จะต้องบอกมาแล้วว่าไม่ได้เด็ดขาด

            บ้านหลังใหญ่ของเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมนับตั้งแต่จำความได้  มันใหญ่โตโอ่อ่าเพราะสร้างตามแบบบ้านของต่างประเทศ  ในเนื้อที่กว้างหลายสิบไร่บวกกับเงินทุนของบิดาก็เลยออกมาเป็นคฤหาสน์สถานตั้งตระหง่านอย่างที่เห็น

            “ถึงแล้ว”

            “ทำเหมือนไม่เคยกลับบ้าน”  พิชช์ฌานยั้งปากตัวเองไม่ได้จริงๆ

            “ก็ไม่เคยน่ะซิ  เคยกลับบ้านที่ไหน”

            “เคยครั้งนึงไง  ตอนที่ฉันพาตัวเธอมาแล้วเอามาส่งที่บ้าน”

            “อ๋อ  ผมจำได้ล่ะ  ตอนที่คุณคุกเข่าขอผมแต่งงานหน้าบ้านใช่มั้ย”  อาคิราห์พูดเสียงดัง  “ตลกเป็นบ้า  ผมน่าจะตัดรูปในข่าวเก็บไว้นะ”

            “หน้าเธอตลกกว่าฉันอีกเจ้าบู้บี้  ตกอกตกใจเหมือนปลาจมน้ำ”

            “ปลามันจะจมน้ำได้ไง”

            “มันถึงตกใจไงเล่า”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก

            “มากันแล้วเหรอ  เป็นยังไงกันบ้าง  อัยย์...สบายดีไหม”  ท่านนายกฯอยู่ในชุดกีฬาเหมือนเตรียมตัวจะไปพัดกอล์ฟที่ไหน   อาคิราห์ก้าวเข้าไปกอดพ่อแน่น  “หลานพ่อล่ะ  สบายดีหรือเปล่า”  ไตรคุณก้มลงมองหน้าท้องของลูกชายที่ยังไม่เห็นเด่นชัด  “อ้วนขึ้นนะเรา”

            “กินไม่หยุดเลยครับ”  ลูกเขยขยับเข้ามาร่วมวงด้วย   “กลางคืนยังลุกมากิน”

            “ลูกหิว”  อาคิราห์หันไปขู่ฟ่อใส่สามีแล้วหันส่งยิ้มให้บิดา  “เที่ยงนี้กินอะไรดีครับพ่อ”

            ท่านนายกฯหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  พาเดินนำเข้าไปในบ้านด้วยกัน  เจนภพลากกระเป๋าเสื้อผ้าของเจ้านายทั้งสองคนตามมาด้วย  เขายื่นส่งให้แม่บ้านที่มารอรับ

            คุยกันได้เล็กน้อย  ท่านนายกฯก็บอกว่ามีนัดตีกอล์ฟเลยแยกตัวไป  ปล่อยให้ลูกชายกับลูกเขยพักผ่อนในบ้านได้ตามสบาย

            อาคิราห์พาขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองที่พิชช์ฌานเคยเข้ามาแล้วเมื่อสมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน  พอย่างเท้าเข้าไปในห้องได้  เจ้าโอเมก้าก็ทิ้งตัวลงไปนอนคว่ำบนเตียงนอนที่มีตุ๊กตาหมีตัวเล็กตัวใหญ่วางเรียงรายเต็มหัวเตียง

            “อย่าทิ้งตัวแรงสิ  แล้วตุ๊กตาเยอะอย่างนี้ฉันจะนอนตรงไหนล่ะ”  ร่างสูงใหญ่หมุนคว้างอยู่กลางห้องอย่างมึนงง  มองไปทางไหนก็มีแต่ตุ๊กตากับชั้นหนังสือเต็มห้องไปหมด

            “นอนพื้น”  คนตอบซุกหน้าลงกับตุ๊กตาคุณหมีตัวโปรดที่ตัดใจไม่ได้เอาไปด้วย

            “ฉันจะไปฟ้องพ่อเธอว่าเธอให้ฉันนอนพื้น”

            “ฟ้องเลย  พ่อจะได้ไล่ให้คุณกลับไปนอนบ้านไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย  พิชช์ฌานมองค้อนเจ้าโอเมก้าที่กลิ้งตัวเล่นบนเตียงอย่างฉุนแกมหมั่นไส้

            เขาเดินสำรวจไปรอบๆห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีสว่างดูสดใสนั้น  หยุดยืนพินิจดูกรอบรูปนับสิบที่วางเรียงอยู่บนตู้  เด็กน้อยสองคนที่หน้าเหมือนกันแทบแยกไม่ออกยืนจับมือบิดาเอาไว้คนละข้าง  พิชช์ฌานหรี่ตาลงหันไปเทียบกับรูปอื่นข้างๆ  ไม่นานก็แยกเจ้าโอเมก้าของเขาออกจากอัลฟ่าฝาแฝดได้

            “เธอนี่เบะปากร้องไห้ทุกรูปเลยนะอาคิราห์”  ชายหนุ่มพูดขันๆ  “ร้องไห้มันทุกรูปเลย”  พิศดูใบหน้ากลมแก้มยุ้ยประกอบด้วยปากนิดจมูกหน่อยและนัยน์ตากลมโตดำขลับเหมือนกันสองพี่น้อง  แตกต่างกันแค่คนหนึ่งมักจะยิ้มร่าเต็มไปด้วยความมั่นใจ  ส่วนอีกคนก็ขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังหน้าตาเหยเกเหมือนโดนบังคับให้ถ่ายรูป

            “ผมไม่ได้ร้องไห้พร่ำเพรื่อนะ  ผมร้องมีเหตุผล”

            “เหตุผลอะไร”

            “จำไม่ได้แล้ว”  อาคิราห์ตอบเสียงอ่อย  “ก็มันตอนเด็ก ๆ ใครจะไปจำได้” เขาลุกขึ้นจากเตียง  เดินมาหยุดยืนดูภาพในกรอบรูปบ้าง  “อ๋อ  อันนี้ร้องไห้เพราะโดนอคินทร์แย่งลูกโป่ง  อันนี้ร้องเพราะอดไปห้าง  นี่ก็อดไปเที่ยวเหมือนกัน แต่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน  นี่ก็ทะเลาะอะไรสักอย่างกับคิน”

            “ทุกรูปถ่ายที่บ้านนี้หมดเลยเหรอ”

            เจ้าของภาพพยักหน้าอย่างหงอย ๆ

            “ก็ใช่น่ะสิ  ผมเคยออกจากบ้านที่ไหน”

            “ฉันจะได้ว่าตอนที่พาเธอมาครั้งแรก  เธอแอบออกจากบ้านไปดูคอนเสิร์ตของอคินทร์ไม่ใช่หรือ”  พิชช์ฌานทวนความจำ  คนที่กำลังเรียกคะแนนสงสารอยู่ชะงักกึก  เพิ่งนึกขึ้นได้

            “ผมก็เคยออกครั้งนั้นครั้งเดียวแหละ  นอกนั้นก็อยู่แต่ในบ้าน  เหงาจะตาย”  อาคิราห์พูด  รีบเปลี่ยนเรื่อง  “คุณอยากไปเดินดูรอบๆบ้านไหม  ผมจะพาไป”

            “เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ  ...ตอนเด็กๆเธอผมยาวหน่อยน่ารักดี  เหมือนเด็กผู้หญิงเลย”

            “ผมเกลียดผมยาวจะแย่  แต่แม่ให้ไว้”  อาคิราห์ย่นจมูก  “ร้อนก็ร้อน  สระก็ลำบาก  คุณไม่ต้องมายิ้มเลยนะ  ห้ามล้อผมด้วย  ทีผมยังไม่เคยล้อเรื่องหน้าม้าเต่อของคุณเลย”

            “หน้าม้าเต่ออะไร”  พิชช์ฌานหุบยิ้มฉับ  อีกคนหัวเราะคิก

            “ก็ทรงผมม้าเต่อโชว์หูกางไงคุณ  กับกางเกงหนีน้ำท่วมน่ะ”  อาคิราห์ปล่อยก๊ากออกมา  นึกถึงภาพของพิชช์ฌานสมัยเด็กขึ้นมา  เขาค้นเจออัลบั้มโดยบังเอิญในห้องนอนของอีกฝ่าย   “น่ารักจะตาย”

            “ใครให้แอบค้นของคนอื่นเนี่ย”  พิชช์ฌานอุตส่าห์เอาไปซ่อนเอาไว้เพื่อปิดบังความอัปยศในวัยเด็กแล้วเชียว  ไม่นึกว่าจะมีคนไปค้นเจออีก  กลับไปต้องไปจัดการให้หมด  “ช่างตัดผมให้ฉันผิดนิดหน่อย  แต่ก็ลดความหล่อของฉันไม่ได้หรอก”

            “จริงครับ  ลดไม่ได้เพราะไม่เหลือให้ลดเลย”  อาคิราห์พยักหน้ารับ

            คนฟังเหลือบตามองอย่างเข่นเขี้ยว  เห็นเจ้าโอเมก้าหัวเราะคิกคักก็ยิ่งหมั่นไส้  อยากจะแกล้งให้หัวเราะไม่หยุดเลยเชียว

            คิดดังนั้น  พิชช์ฌานก็อาศัยทีเผลอคล้องเอวของอีกฝ่ายเข้าหาตัวแล้วก้มลงไปถูหนวดสาก ๆ กับผิวแก้มอ่อนบางของอีกคนเล่น  อาคิราห์ร้องลั่นดิ้นหนีขลุกขลัก  ทั้งเจ็บ ๆ คัน ๆ ทั้งจั๊กจี้  หัวเราะจนเหนื่อยแล้วก็ถอยมานั่งหอบอยู่บนตักของคนตัวใหญ่กว่า

            พวกเขานั่งดูรูปวัยเด็กของอาคิราห์ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างเพลินเพลิน  บางเรื่องก็มีความหลัง  บางเรื่องก็มีความสุขจนพิชช์ฌานอดยิ้มตามคนเล่าไม่ได้  แต่ขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอัดอั้นตันใจไม่น้อยที่ไม่เคยได้ออกจากบ้านเลย

            “งานวันเกิดผมหกขวบ  จัดในสวน ...อันนี้ก็งานวันเกิดสิบสองขวบ  จัดที่เดิม  ...จริงๆก็จัดที่เดิมทุกปี  แขกก็มีแค่คนในบ้านนี่แหละ  เรียกให้ดูหรูไปงั้นเอง  ความจริงคือย้ายที่กินข้าวจากในบ้านมาเป็นในสวน”  อาคิราห์หัวเราะเมื่อนึกถึงความหลัง  “แต่ก่อนผมอิจฉาคินมาก  คินได้ทำทุกอย่างที่ผมอยากทำเลย  แถมคินก็ยังทำได้ดีมากๆด้วย”

            “คนเรามีบทบาทหน้าที่ไม่เหมือนกัน”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เธอก็ทำได้ดีในแบบของเธอ”

            “แบบที่ยอมให้ใช้เป็นข้ออ้างในการมาบ้านใช่ไหมครับ”  จู่ ๆ อาคิราห์ก็พูดโพล่งขึ้นมา  พิชช์ฌานนิ่งไปนิด

            “ใช่...ความจริงแล้วคืนนี้จะมีประชุมลับๆของรัฐบาล  ฉันเลยอยากมาที่บ้านเธอ  จะได้เป็นข่าว”  นักการเมืองหนุ่มพูดตามตรง  คนฟังเป็นฝ่ายนิ่งไปแทนเพราะคาดไม่ถึงว่าอีกคนจะพูดออกมา  “ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอก่อน  เธอรู้สึกแย่หรือเปล่า  ฉันไม่ได้ต้องการหลอกใช้เธอนะ แต่เห็นว่าเธอคิดถึงบ้านจริง ๆ ก็เลย...ผลประโยชน์ร่วมไง”

            “คุณควรจะบอกผมก่อน”  อาคิราห์พูดเรียบๆ  “มาบอกทีหลังก็ไม่ต่างกับการหลอกใช้”

            “ฉันเห็นเธอดีใจเลยไม่ได้บอก  กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดแบบนี้ไง”  พิชช์ฌานเริ่มร้อนใจ  เขารัดเอวคนที่นั่งอยู่บนตักแน่นเข้า  “ฉันไม่ได้เจตนาหลอกเธอนะ  ฉันอยากให้เธอได้มาเยี่ยมบ้านจริงๆ”

            “ผมเคยถามคุณว่าเคยทำอะไรโดยไม่หวังผลบ้างไหม  คุณจำได้หรือเปล่า”  โอเมก้าพูดขึ้นช้าๆ  “แม้แต่เพื่อน  คุณเคยคบใครแบบไม่หวังผลบ้าง”

            “ไม่เคย”  พิชช์ฌานส่ายหน้า  “แต่ว่าฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อเธอเลยนะอาคิราห์  มันเป็นเหมือน...ผลพลอยได้  ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง”

            “ผมเป็นคู่สมรสของคุณหรือเปล่าคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์ถาม  “ผมตั้งท้องลูกของคุณด้วยใช่มั้ย”

            “ใช่”  อัลฟ่าหนุ่มพยักหน้ารับ

            “ถ้าอย่างนั้น  ผมก็อยากให้คุณปรับปรุงตัวใหม่  อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ลงเรือลำเดียวกับคุณ  เปรียบเสมือนคนๆเดียวกันกับคุณแล้ว  คุณควรจะต้องบอกผมด้วย...ทุกเรื่อง”  อัยย์พูดอย่างจริงจัง  “ผมไม่อยากเป็นคนโง่ที่ถูกสามีหลอกใช้  ผมอยากให้คนฉลาดอย่างคุณช่วยเห็นใจคนโง่หลอกง่ายอย่างผมบ้าง  เผื่อว่ามีอะไรที่ผมช่วยคุณได้  ผมจะได้ดีใจที่ได้รู้ว่าได้ช่วยคุณไง”

            “อาคิราห์...แต่ว่าเธอเป็นลูกของฝ่ายตรงข้ามกับฉัน”  พิชช์ฌานถอนหายใจ  “ฉันไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ”

            “ผมจะไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิมอีก  ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมจนถึงกับไม่ยอมบอกยอมเล่าอะไรเลย”  อาคิราห์จับมือใหญ่มากางออกแล้วสอดประสานกับนิ้วของเขาเล่น  “ผมอยากช่วยคุณนะ  ถ้าคุณรักผมจริง ๆ  เหมือนที่เคยบอก  ก็อย่าหลอกใช้ผมเหมือนผมเป็นคนโง่เลย  ถึงผมจะโง่จริง ๆ ก็เถอะ”  ประโยคหลังคนพูดหัวเราะแผ่ว ๆ

            ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกพร้อมกับอ้อมแขนที่กระชับขึ้นอีก  ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารดอยู่ข้างแก้ม  อาคิราห์เลิกคิ้วตอนที่ได้ยินเสียงห้าว ๆ กระซิบตอบกลับ

            “คนที่โง่ที่สุดคือฉันเอง  ไม่ใช่เธอหรอกอาคิราห์”

            ............................................................................

           

           มาอัพแล้วจร้าา 

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทุกโหวตนะคะ  ปลาบปลื้มมา ณ จุดนี้

          วันนี้ทอล์คไม่ออกเพราะง่วงผิดปกติ5555 พรุ่งนี้ทำงานต่ออีกแล้ว

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ



           

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-04-2019 01:25:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2019 01:42:16
จะหัวเราะ​ก็ทำได้​ไม่​สุด​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-04-2019 02:01:42
จริงงงงงงงงง มีอะไรก็บอกอัยย์เถอะนะ
มาบอกทีหลังแบบนี้ทำแบบนี้ก็เหมือนหลอกใช้เขาจริงๆน่ะแหละ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 28-04-2019 03:23:26
โธ่หนูลูกกกกกก แม้กระทั่งพ่อหนูเองยังใช้หนูเป็นเครื่องมือเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-04-2019 04:03:33
 :serius2:น้องไม่โง่นะ ถ้าโง่จะรู้ว่าโดนหลอกใข้ได้ไง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2019 06:32:38
ชอบโมเมนท์แบบนี้ ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ได้คุยกัน
เปิดใจให้กันบ้าง อัยย์ก็ชัดเจนและเข้มแข็งขึ้น
ฌาณก็ยอมให้เจ้าบู้บี้เยอะมาก ดูแลเอาใจมาก
หวังว่าอัยย์จะได้อย่างที่ขอนะคะ

นิลกับแทมมี่จะไม่เป็นไรเนาะ กลัวลางสังหรณ์อัยย์จะเป็นจริง

แวบนึงดีใจที่เจนภพ เหมือนให้คำตอบว่าทำไมถึงเป็นฌาณ
แต่อีกแวบก็ก็คิดไปสองทาง ที่ทุ่มเท ไม่หวังผลบวกก็ลบ

เจนภพสนใจนิลลาหรอ หรือแค่ขัดใจนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 28-04-2019 07:11:55
สะดุดกึกเรื่องเจนภพแรงมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 28-04-2019 07:12:10
wเจนภพหวังอะไรอยู่ อย่าให้เป็นเรื่องร้ายเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 28-04-2019 08:22:07
เวลาเค้าอยู่ด้วยกันน่าร้ากกกกกมากกกกกกก
แต่น้องตอนเด็กนี่น่าสงสารมากเลย อยู่แต่ในบ้านชีวิตตรงข้ามกับแฝดตัวเองสุดๆ
รออ่านตอนต่อไปนะคะะะะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-04-2019 09:00:07
ตอนนี้คือรักกันจริงๆแล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 28-04-2019 09:25:49
น้องน่ารักอยากเห็นอาคิราห์ท้องแก่ใกล้คลอดอยากเห็นคุณพิชชฌานเลี้ยงลูกอ่อนเป็นนายกฯพ่อลูกอ่อน..เป็นกำลังให้คุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 28-04-2019 11:13:29
เฮ้ออออออออออออ เหนื่อยไหมพิษ เหนื่อยแทนได้ไหม  :mew5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-04-2019 11:17:49
ทำไมความหวานนี้ถึงมีรสขมแปร่งๆ

งื้อออ คิดถึงหลานฉันให้มากๆนะทุกคน

จะทำอะไรก็ทำแต่ถ้าจะกระทบกับหลานฉัน

ก็ขอให้ข้ามๆผลประโยชน์บ้าบอให้หมด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 28-04-2019 12:36:33
มันครึ้มฟ้าครึ้มฝนยังไงไม่รู้  :ruready
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-04-2019 13:12:49
เจนภพ.. ไม่ได้มีซัมติง ใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-04-2019 18:54:39
ยัยบู้บี้หิวแล้วก็อ้างลูกตลอดอ่ะ คาดว่าดราม่าอีกก้อนมาแน่ เร็วๆนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-04-2019 19:21:27
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 28-04-2019 20:24:07
เฮ้อออออ ความโอเมก้าในเรื่องนี้คือ หนูอัยย์นีจะมีใคร รักจริงๆบ้างไหม รักแบบรักน่ะ.ไม่ใช่รัก เพราะอยากใช้ประโยชน์ เจนภพต้องมีอะไรแน่ๆๆๆๆ เหมือนมาม่ากำลังจ :mew2: :mew2:ะมาาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_j ที่ 28-04-2019 23:10:32
สนุกมากๆค่ะ ชอบอัยย์นะ จริงๆอัยย์น่าจะเป็นคนเก่งคนนึงเลยล่ะ แต่แค่เพราะเป็นโอเมก้า เลยไม่สามารถแสดงออกมาได้ ถ้าให้โอกาส น้องต้องไปไกลแน่ๆ หวังว่าคุณฌานจะให้โอกาสน้องน้าาา

รอน้าาา เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^________^
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-04-2019 23:50:53
เหมือนมันมาไม่สุดไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 29-04-2019 00:16:10
อยากอ่านต่อแล้วววว... :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 29-04-2019 00:21:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Bernini ที่ 29-04-2019 11:45:20

อัยย์น่ารักแบบเด็กๆเลย ชอบที่เวลาบ่นหงุงหงินหรือเถียงคนอื่น แต่ก็มีมุมที่เอาจริงเอาจัง ฌานต้องรัก เอาใจใส่น้องมากๆนะ อย่าให้น้องรู้สึกไร้ค่า หรือเป็นคนโง่เลย

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 29-04-2019 11:46:22
ตอนนี้ถึงมีดราม่าแต่ก็ยังมีความหวานแฝงอยู่
เจนภพ มีเงื่อนงำอะไรหรือเปล่านี่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 29-04-2019 22:50:16
แงงง  กลัวใจคุณเจนภพอ่าา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 29-04-2019 23:38:07
สนุกๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 01-05-2019 09:31:24
เนี่ยเกือบทำเมียงอนแล้วไหมล่ะคุณพิษณานนน
ต่อไปต้องคิดถึงใจเมียให้มากกว่านี้หน่อยน้าาา

แอบสังเกตได้ คุณเจนภพกับนิลลา! จะมีอะไรในกอไผ่รึเปล่าน้าาา
อิอิ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-05-2019 00:53:50
สงสารน้องจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-05-2019 11:00:42
รังของน้องงง โอ๊ย เอ็นดู ชอบตอนที่คุยกับคุณแม่มากเลย อย่าหนีไปไหนอีกนะลูกนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-05-2019 11:13:52
ตลกมาทั้งตอน ทำไมเศร้าอีกแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: kanika_Pun ที่ 02-05-2019 14:26:37
 :L1:
อ่านทันแล้ว....ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเริ่มอ่านเรื่องนี้ดีมั้ย
เราเป็นแฟนนิยายของคุณมาตั้งแต่เรื่องแฟนหมอแมน อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ชอบภาษาวิธีการเล่าเรื่อง และอีกหลายๆองค์ประกอบที่ใช้ในการเขียนนิยายของคุณค่ะ

และเพราะชอบมากๆเลยไม่กล้าอ่านนิยายเรื่องนี้ กลัวค้างนั่นเอง 555
แล้วก้อจริง  :sad4:

หลงรักเรื่องนี้เข้าเต็มเปาอีกจนได้ พอตัวเอกของเรื่องมีบทบาททางสังคมแบบนี้มันคงยากจริงๆที่จะแยกเรื่องส่วนตัวและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำออกจากกันได้ เอาใจช่วยพระเอกทุกตอนอยากให้หลุดจากกรอบของผลประโยชน์และทำเพื่อความรักที่แสนบริสุทธิ์ซะที และที่สำคัญเราเอาใจช่วยให้นู๋อัยย์อดทนเพื่อที่จะได้รับความรักที่คู่ควรเช่นกัน

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-05-2019 01:07:57
น้องอัยย์ไม่โง่หรอกจริงๆนะ
ถ้าโง่จะรู้ทันคุณพิษได้ยังไงกัน
นี่รู้ทันตลอดเลย แต่ก้เชื่อใจอะเลยยอมไหลตาม
กลัวดราม่าแล้ว หวานๆมาทั้งตอนน ฮืออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 03-05-2019 01:11:23
เข้ามาบอกว่าคิดถึงบู้บี้กับนายพิษฌานแล้วค่าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 03-05-2019 01:26:31
บู้บี้น่ารักหิวแล้วอ้างลูกตลอด ๆ 5555 เนี่ยสมควรที่อัยย์จะงอนตาพิชฌ์ทำอะไรไม่บอกน้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 03-05-2019 02:27:30
Ch.5
คูมพิษอย่ากินปากน้องงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่28 28/4/62 p21
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 04-05-2019 03:15:51
Ch.12
น้องอัยย์ลูกน้องน่าสงสารนะ โดนหลอกใช้ทุกทางเลยนังคุณพิษก็ร้ายขนาดนั้นหนูจะไปทันเค้าได้ยังไงฮึ แต่หนูน่ารักมากอะฮือโอเมก้าคนนี้น่ารักจังเลยย ทำอะไรก็น่าเอ็นดูยิ่งตอนทำรังนี้มันแบบงุ้ยยัยน้องอยากบีบ แล้วคือหนูแค่ติดกลิ่นนเค้าอะลูกเค้าไม่ได้วางยาหนู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-05-2019 16:01:03
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 29



 

 

 

 

 

            “...ปัญหาสงครามกลางเมืองของประเทศตะวันออกกลางยังรุนแรง  รัฐบาลที่รัฐประหารขึ้นมาก็น่าจะอยู่ได้ไม่นาน   เศรษฐกิจแถบนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้เร็วๆนี้   ตลาดโลกยังผันผวนกับวิกฤติเศรษฐกิจคราวก่อน  การส่งออกของบ้านเราก็เลยพลอยชะงักไปด้วย  ผมคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะชะลอตัวลงนะครับ  นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศออกมาเมื่อเดือนก่อน   คุณพิชช์ฌานคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ...”

            อาคิราห์เหลือบมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับไตรภพพี่ชายคนโตของเขา  เห็นพิชช์ฌานแสดงความเห็นตอบกลับไปยาวเหยียดดูมีหลักการก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

            “....ผมว่ากว่าจะถึงตอนนั้น  ผู้ค้ารายย่อยน่าจะตายกันหมดก่อน  ผลประโยชน์จะตกอยู่กับผู้ค้ารายใหญ่ที่ทุนหนา ...ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายนั้นครับ”

            “ที่คุณพิชช์ฌานพูดมาก็น่าสนใจ  ...เป็นอะไรเจ้าอัยย์ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”  ประโยคหลัง  ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังหันไปขมวดคิ้วใส่น้องชายคนเล็ก  “ผู้ใหญ่เขาคุยกัน  ไปนั่งเล่นตรงนู้นไป”

            “อยากฟังด้วยไม่ได้เหรอ”

            “ฟังไม่รู้เรื่องหรอกเราน่ะ  ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”  ไตรภพพูด  แม้เสียงจะเคร่งดุ แต่พิชช์ฌานก็สังเกตได้ว่าสายตาที่มองน้องชายไม่ได้มีแววดุจริงจังอย่างน้ำเสียง  อาคิราห์ก็คงรู้ดีเช่นกันเพราะเจ้าตัวไม่ยอมขยับไปไหน

            “อัยย์อยากนั่งฟังพี่ภพพูด  ไม่ได้เจอพี่ภพมานานแล้ว  อัยย์คิดถึง”  เจ้าโอเมก้าตอบกลับไป

            รอยยิ้มผ่านแวบในดวงตาของพี่ชายคนโตก่อนจะจางหายไป  ไตรภพไม่ได้ไล่น้องไปไหนอีก  เขาหันไปถกปัญหาเศรษฐกิจกับน้องเขยต่ออย่างจริงจัง  มุมมองของพิชช์ฌานน่าสนใจและแปลกใหม่แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งหลักการ  ไม่ใช่พูดลอยๆอย่างนักการเมืองคนอื่นที่รู้ไม่จริง  ไตรภพไม่ได้เจอคนที่คิดทันกันแบบนี้มานานแล้ว  น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกัน

            “ผมชักจะเชื่อแล้วสิว่ากุนซือเศรษฐกิจของพรรคคุณคือหัวหน้าพรรคเอง”  ไตรภพพูดยิ้มๆ มองชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างพอใจ  “แนวคิดของคุณดีมากคุณพิชช์ฌาน  ไม่สนใจมาร่วมงานด้วยกันหน่อยเหรอ”

            “ผมอยากจะถามคุณไตรภพมากกว่าว่าไม่สนใจมาทำงานด้วยกันหรือ  ไอเดียของผมที่พูดไปยังไม่ได้ครึ่งของนโยบายเศรษฐกิจพรรคของผมเลยนะ  ทีมของผมก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ทั้งหมด  ไม่มีลูกท่านหลานเธอฝากเข้ามาให้เหนื่อยใจ  ทุกคนเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพาประเทศนี้ออกจากกรอบเดิม ๆ”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ

            คนฟังหัวเราะหึ ๆ

            “ผมได้ยินมาแล้วว่าทีมของคุณแข็งแกร่งทีเดียว  ผมยังเคยคิดเล่น ๆ เลยว่าถ้าผมย้ายไปอยู่พรรคคุณ  มันจะเป็นยังไง”  ไตรภพพูดทีเล่นทีจริง  “ผมไม่ใช่คนยึดติดกับธรรมเนียมเดิม ๆ อย่างเช่นพ่อลูกต้องอยู่พรรคเดียวกัน  อะไรทำนองนั้นหรอกนะ  ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอุดมการณ์”

            พิชช์ฌานเก็บความประหลาดใจเอาไว้  ชายหนุ่มแทบไม่เปลี่ยนสีหน้า

            “เป็นเรื่องน่ายินดีครับ  พรรคของผมพร้อมเปิดรับอยู่แล้ว  ขอแค่คุณมาจริง ๆ เท่านั้นแหละ”

            “ไม่รู้ว่าคนในพรรคของคุณจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่าน่ะซิ”

            “ถ้าเป็นเรื่องที่ดี  ทุกคนในพรรคก็ต้องยินดีอยู่แล้วครับ”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ อีกฝ่ายมองหน้าเขาแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพลางเอื้อมมือมาตบที่ไหล่กว้าง

            “ผมล้อเล่นหรอกน่า  ไม่เห็นจะต้องระวังตัวขนาดนั้นเลย”  ไตรภพว่า  หันไปหาน้องชายของตน  “สามีของเราเขาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งมากเลยนะ  แถมระวังตัวแจทีเดียว  ชักอยากรู้แล้วสิว่าตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนเขาได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาบ้างมั้ย”

            อัยย์อมยิ้ม  เหลือบมองคนนั่งข้างๆแวบนึง

            “เขาคงกลัวพี่ภพล้วงความลับมั้งครับ”

            “จริงหรือเปล่าคุณพิชช์ฌาน  ไม่สิ  เราเกี่ยวดองกันแล้ว  แถมผมก็กำลังจะได้เป็นลุงอีก  ขอเรียกแทนตัวว่าพี่ก็แล้วกันนะ”

            “ครับผม”  พิชช์ฌานรับ  ก้มศีรษะให้เล็กน้อย

            นั่งพูดคุยกันได้ไม่นาน  ท่านนายกฯก็กลับมาจากการเล่นกีฬาที่โปรดปราน  ท่าทางของไตรคุณดูเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดี  อาคิราห์ลุกเดินเข้าไปหาบิดา  ก่อนจะพากันย้ายไปนั่งคุยกันต่อในห้องอาหารที่จัดเตรียมมื้อเย็นเอาไว้พร้อม

            คุณหญิงอารยาเองก็กลับมาจากธุระข้างนอก  เธอทักทายลูกชายคนเล็กสั้นๆก่อนจะเดินหายลับขึ้นไปด้านบนและไม่ได้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย  ท่านไตรคุณเลยแทบจะเป็นคนผูกติดการสนทนาอยู่คนเดียวบนโต๊ะ  อาคิราห์ฟังพ่อพูดถึงชื่อคนนู้นบ้างคนนี้บ้างผ่าน ๆ หู  รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างจนกระทั่งจบที่ของหวานปิดท้าย

            “กลับมากินข้าวที่บ้านเป็นไงบ้าง  รสชาติสู้ที่บ้านคุณพิชช์ฌานเขาได้มั้ย  อัยย์”  เจ้าโอเมก้าเกือบสะดุ้ง  เงยหน้าขึ้นจากจานขนมหวานที่ใช้ช้อนกวาดจนเกลี้ยง

            “อร่อยเหมือนเดิมครับ”  อาคิราห์ตอบ

            “แล้วที่ไหนอร่อยกว่ากัน”  บิดาถามต่อมาอีก

            “อร่อยพอๆกันครับ”  ชายหนุ่มตอบกลับไป

            “อยู่เป็นนี่เรา  ถ้าตอบไม่อร่อย  คุณพิชช์ฌานเขาคงได้ทิ้งเอาไว้ที่นี่แน่”  ไตรคุณหัวเราะ

            “ผมไม่ทิ้งอาคิราห์หรอกครับ  แต่ว่าจะไปหาแม่ครัวคนใหม่มาแทน”

            “อย่าไปเอาใจเจ้าเด็กนี่มากเลยครับ  เดี๋ยวเหลิงหมด”  ไตรภพพูด  เห็นน้องชายยิ้มหน้าบานกับคำตอบของสามีก็จุ๊ปาก  “เอ้า  ยิ้มจมูกบานอยู่นั่นแหละ  เอาของหวานอีกไหมล่ะ”  เขาหันไปเรียกแม่บ้านมาบริการน้องชายแล้วก็ลุกขึ้นยืน  “คุณพ่อครับ  พอดีผมมีธุระต่อต้องขอตัวก่อน  ...เชิญตามสบายนะครับคุณพิชช์ฌาน  ดีใจที่ได้คุยกันวันนี้”  หนุ่มใหญ่พูดยิ้มๆกับน้องเขย

            พิชช์ฌานก้มศีรษะนิดหนึ่ง  ขณะที่อาคิราห์มองตามหลังจนลับร่างพี่ชายไป  ตั้งแต่เด็กจนโตไตรภพเป็นพี่ที่เจอตัวได้ยากมากเพราะมักจะมีธุระยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา  แต่ทุกครั้งที่เจอกันชายหนุ่มก็จะพูดคุยกับเขาอย่างดี  อาจจะมีของมาฝากบ้างเป็นครั้งคราว  นับเป็นพี่ที่ดูแลน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนพอๆกัน  ไม่ค่อยลำเอียงเข้าข้างอคินทร์มากเท่ากับพี่สาวคนรอง

            ท่านนายกฯพาลูกชายและลูกเขยเข้าไปคุยกันต่อในห้องทำงานของตัวเอง  พิชช์ฌานแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยอมให้เขาเข้าไปในห้องที่ควรจะเป็นส่วนตัวแบบนี้  ชายหนุ่มกวาดตามองสำรวจรอบห้องอย่างสนใจเงียบๆ ห้องทำงานของท่านนายกรัฐมนตรีตกแต่งได้เรียบง่ายและเคร่งขรึมสมกับบุคลิกของเจ้าของห้อง

            “ห้องสวยมากครับ”  พิชช์ฌานพูด  ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกข้างๆอาคิราห์  “ท่านคงชอบสีโทนน้ำตาล”

            “เป็นสีโปรดของฉันเลย”  ไตรคุณตอบ  ลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งมาส่งให้อาคิราห์รับเอาไว้  “ว่าจะเอาไปให้หลายรอบแล้วแต่ก็มัวติดนู่นติดนี่ทุกที  ...ของขวัญแต่งงานของพวกเธอน่ะ  ฉันสั่งทำพิเศษเอาไว้ให้  ชอบหรือเปล่า”

            อาคิราห์เบิกตากว้าง  เปิดกล่องใบนั้นออกดู  ข้างในเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างดีเป็นรูปผู้ชายสองคนยืนควงแขนกันเอาไว้  คนหนึ่งสูงใหญ่สวมชุดทักซิโด้สีดำ  ส่วนอีกคนบอบบางกว่าหน้าตาบ้องแบ๊วน่าเอ็นดู  เนื้อกระเบื้องเนียนเรียบลงสีเอาไว้สวยประณีตบ่งบอกราคา

            “สวยมากเลยครับ”  อัยย์พึมพำ  น้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้ม  เขาไม่คิดมาก่อนว่าพ่อจะให้ของขวัญแต่งงานด้วย  “ขอบคุณนะครับพ่อ”

            “ขอบคุณมากครับท่าน”  พิชช์ฌานพูด  รับมาพิจารณาดูบ้าง

            “เก็บไว้ให้ดี  อย่าทำแตกเสียล่ะ”  ไตรคุณพูดแกมหัวเราะ

            ท่านนายกฯชวนคุยเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งคนที่เด็กที่สุดในห้องอ้าปากหาวถึงได้ไล่ให้อาคิราห์ขึ้นไปนอนก่อน  พิชช์ฌานไม่ได้ลุกตามออกไป  เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวตั้งแต่แรกแล้ว

            “ดื่มอะไรหน่อยมั้ย  คุณพิชช์ฌาน”  เจ้าของบ้านเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเครื่องดื่มออกมา  “ไม่ต้องเกรงใจน่า  พ่อตากับลูกเขยก็ควรจะต้องมีช่วงเวลาสังสรรค์กันบ้างเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

            “ครับ”  พิชช์ฌานตอบ  รับแก้วเครื่องดื่มมาถือเอาไว้แล้วยกขึ้นจิบพอเป็นพิธี  “ท่านมีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ”

            “คุณไม่ชอบปล่อยเวลาให้เสียเปล่าสินะ”  ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะเบาๆ  “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อม  ...ได้ข่าวว่าช่วงนี้พรรคของเธอกำลังมีปัญหาภายในไม่ใช่เหรอ”

            “.........”

            “เรื่องในบ้านมักจะเสียงดังแบบนี้ล่ะ  ไม่ต้องแปลกว่าทำไมฉันถึงรู้หรอก  เหมือนที่คุณรู้เรื่องในพรรคของฉันนั่นแหละนะ”  คิ้วเข้มของคนฟังขมวดเข้าหากัน  “ฉันยอมรับว่าตัวเองเบื่อกับการแก่งแย่งนี้เต็มทน  ฉันแก่แล้ว  อยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสงบ”

            “ท่านหมายความว่าอะไรครับ”

            “ฉันจะยกตำแหน่งนายกฯสมัยหน้าให้คุณ  คุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณพูดเรียบๆ ราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศแทนที่จะเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าอะไรในประเทศนี้  “ขอแค่คุณย้ายมาอยู่พรรคของเราเท่านั้น  ฉันพร้อมที่จะสนับสนุนคุณเต็มที่  ความสามารถของคุณเป็นสิ่งที่น่าเสียดายถ้าไม่ได้นำมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ”

            “ขอบคุณมากครับที่ท่านมองเห็นความสามารถของผม แต่ว่า..อุดมการณ์ของเราต่างกันคงจะเป็นไปไม่ได้”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ

            “อุดมการณ์ของคุณคืออะไรล่ะ  คุณอ้างคำว่าอุดมการณ์ให้ได้ยินหลายครั้งแล้ว  แล้วอุดมการณ์ของคุณคืออะไรกันแน่  คือการทำยังไงก็ได้ให้ชนะเหรอ  ถ้างั้นฉันเสนอตำแหน่งนายกฯให้  ไม่ดีหรือไง  ฉันพร้อมจะหลีกทางให้แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นคุณ”

            “เพื่อแลกกับอะไรครับ”

            “ความเจริญของประเทศชาติ”  ไตรคุณตอบทันควัน

            “ผมคิดว่าถึงผมอยู่พรรคเดิม  ก็จะสามารถเป็นนายกฯได้อยู่ดี”  ชายหนุ่มตอบอย่างถือดี  ยิ้มมุมปาก   “อย่าเอาตำแหน่งมาล่อผมเลย  ผมทำเองได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยหรือแม้แต่หลีกทาง  คุณแค่สู้เต็มที่ก็พอ  ผมจะได้ภูมิใจมากๆตอนที่เอาชนะคุณได้แล้ว”

            “ฉันชอบความมั่นใจของคุณนะ  คุณเป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจ”  ไตรคุณว่า  “ฉันมองคุณแล้วเหมือนเห็นตัวเองเมื่อวัยหนุ่ม  ยอมรับว่าตอนแรกฉันไม่ถูกชะตากับคุณ  แต่ว่าถ้าไม่นับเรื่องพ่อของคุณแล้ว  คุณก็เป็นคนที่ฉันเลื่อมใสและเป็นห่วง  ไม่อยากให้เดินทางผิด”

            “ผมคิดว่าตัวเองแยกแยะเองได้ว่าทางไหนถูกทางไหนผิดครับ”

            “ฉันเคยผ่านมาแล้วคุณพิชช์ฌาน  มันไม่ง่ายเลย...เส้นทางที่คุณเลือกเดิน  คุณจะพบกับความพ่ายแพ้และเจ็บปวด”  แววยอกแสยงปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้สูงวัยกว่า  “คุณจะพบกับความสูญเสีย  ต่อให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแค่ไหนก็ตาม  มันจะไม่สำเร็จ ...ฉันผ่านมาก่อนแล้ว  ถึงอยากช่วยคุณ  ฉันอยากเสนอทางเลือกที่ตอนนั้นฉันไม่มี”

            “ขอบคุณในความหวังดีของท่านครับ”

            “แต่คุณคงไม่ต้องการจริงๆสินะ”  ไตรคุณหัวเราะหึๆ  “ลองฟังข้อเสนอเสียหน่อยไหมล่ะ  ฉันพูดตามตรงว่าเสียดายคนอย่างคุณมาก  ถ้าจะต้องตกไปเป็นฝ่ายค้านอีกรอบในสมัยหน้า  อาคิราห์เองก็คงจะดีใจถ้าคุณอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพ่อของเขา”

            “ผมคิดว่าอาคิราห์แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ครับ”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ  “เขาโตพอแล้วที่จะเข้าใจเรื่องนี้”

            “คุณมาเป็นนักการเมืองทำไมคุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณถาม  “อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ  อำนาจ  ชื่อเสียง  เงินทอง  หรือว่าความภาคภูมิใจเฉยๆ  หรือไม่ใช่ที่พูดมาเลย”

            “ถูกหมดทุกข้อครับ  ผมเป็นนักการเมืองด้วยเหตุผลเดียวกับท่านและสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งหลาย  เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งก็คือเพื่อพัฒนาประเทศครับ  เพื่อประชาชน”

            “อัยย์บอกว่าคุณชอบพูดเหมือนหาเสียงตลอดเวลา  ฉันชักจะเชื่อแล้วสิ”  นายกฯหัวเราะ  “แต่คุณไม่ได้ตอบความจริงกับฉัน  เรื่องของเรื่องก็คือ  ตัวคุณเองต้องการอะไร  คุณเคยถามตัวเองเรื่องนี้บ้างมั้ย  หรือว่าหลอกตัวเองตลอดเวลาจนเคยชินไปแล้ว”

            “ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูด”

            “แล้วคุณจะเข้าใจ  ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้หรือจนกว่าคุณจะเริ่มรับรู้ถึงความสูญเสีย  อำนาจไม่ใช่ทุกอย่าง  ชื่อเสียงเงินทองมีได้ก็หมดได้  แต่บางอย่าง...สำคัญมากจนเรายอมเสียไปไม่ได้  เรามีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องสิ่งๆนั้น  แต่ว่า...ความต้องการของเรามักจะส่วนทางกับความจริงเสมอ  และเราจะไม่มีสิทธิ์เลือก”

            “ผมเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกชาย  ผมสัญญาต่อหน้าท่านและคนอื่นๆในพิธีแต่งงานไปแล้วว่าจะดูแลอาคิราห์ให้ดีที่สุด  ถึงแม้ว่าผมกับท่านจะมีอุดมการณ์ต่างกัน  อยู่กันคนละฝั่ง  แต่นั่นจะไม่มีผลอะไรต่อความสัมพันธ์ของผมกับอาคิราห์ครับ”

            “ฉันยังยืนยันที่จะเสนอทางเลือกให้คุณ  มาอยู่พรรคของฉัน...แล้วฉันจะทำให้คุณได้เป็นนายกฯที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์  พ่อของคุณจะต้องยอมรับและภูมิใจในตัวลูกชายอย่างคุณมาก”  คนฟังขยับตัวทำให้คนพูดซ่อนยิ้มในใจ  ไตรคุณพูดต่อเนิบๆ  “ฉันรู้จักกับพ่อของคุณมานานแล้ว  จะเรียกว่าโตมาด้วยกันก็ได้  พ่อของคุณเป็นคนยังไงฉันรู้จักดี  รู้ด้วยว่าเขาเลี้ยงลูกมายังไง”

            “ผมทราบว่าท่านกับคุณพ่อเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน”  พิชช์ฌานรับ

            “นิมมานกับฉันเราร่วมก่อตั้งพรรคขึ้นมาด้วยซ้ำ  ก่อนที่พ่อของคุณจะแยกออกไปตั้งพรรคการเมืองของตัวเองใหม่  แต่สุดท้าย....ก็เป็นอย่างที่เห็น  คุณคงรู้ดีกว่าฉันกระมัง  เพราะฉันไม่ได้ติดต่อกับเขานานแล้ว  แต่ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็  เขาก็คงจะอยากเห็นลูกชายประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำไม่ได้  มากกว่าจบเส้นทางการเมืองด้วยตำแหน่งหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเหมือนกันกับเขา  คุณคงไม่คิดว่าการแพ้เลือกตั้งสองครั้งซ้อนจะทำให้คุณยังรักษาอำนาจภายในพรรคได้อยู่หรอกนะคุณพิชช์ฌาน”

            “ผมมีแนวทางของผมครับ  ขอบคุณท่านมากที่เป็นห่วงอนาคตของผม  แต่ว่า...การที่พ่อของผมแยกตัวออกมาจากท่านก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ผมจะไม่กลับไปร่วมกับพรรคที่พ่อเห็นต่างครับ”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “อีกอย่างก็คือ...ผมไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้การเลือกตั้งสมัยนี้ครับ”

            “อย่าประมาทคุณพิชช์ฌาน  อย่าประเมินคู่ต่อสู้ของคุณต่ำเกินไป  คุณอาจจะไม่รู้ว่ากำลังสู้อยู่กับอะไร”  นายกฯพูดอย่างมีนัย  “ถ้าเป็นไปได้  ถอยออกไปตอนนี้จะดีกว่า  ก่อนที่จะสายเกินไป”

            “คุณขู่ผมงั้นเหรอครับ”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  “ผมคิดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะครับท่านนายกฯ”

            “ฉันเตือนคุณด้วยความเป็นห่วงและหวังดี  ไม่ใช่ขู่คุณ  ฉันไม่มีปืนในมือด้วยซ้ำ” 

            “การข่มขู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ปืนอย่างเดียวนี่ครับ  มีหลายอย่างที่ใช้เป็นอาวุธได้  อย่างเช่น  คำพูด”

            “ลมปากทำอะไรไม่ได้หรอก  ไม่เหมือนกระสุนปืน”

            “ลมปากอาจจะพากระสุนปืนมาสู่ตัวได้ครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างไรก็ตาม  ผมก็ขอบคุณมากที่ท่านเตือนผม  ผมรู้สึกถึงความหวังดีที่ท่านส่งมาให้”

            “ฉันไม่อยากให้หลานของฉันเป็นกำพร้าหรอกนะ”  ไตรคุณถอนหายใจยาว  “แต่จะทำไงได้  คุณมันหัวแข็งเหลือเกิน   เอาเถอะ  ถือว่าฉันได้ทำหน้าที่ของพ่อตาแล้วนะ  หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็อย่ามาว่ากันทีหลัง”

            “ครับผม”  พิชช์ฌานก้มศีรษะให้ต่ำกว่าปกติราวกับล้อเลียนกึ่งเยาะหยันอยู่ในที  “ผมจะทำหน้าที่ของลูกเขยที่ดีด้วยการทำให้อาคิราห์ได้เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งของประเทศนี้ก็แล้วกันนะครับ”

            “ฉันจะรอดูว่าคุณจะทำได้สมกับคำคุยโวของคุณมั้ย”  ไตรคุณยิ้มมุมปาก

            พิชช์ฌานกลับออกมาจากห้องทำงานของพ่อตาด้วยความรู้สึกตึงเครียด  รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าขณะที่พูดคุยจางหายในพริบตา แทนที่ด้วยริ้วรอยเครียดขึ้ง  โดยเฉพาะตอนที่มือขวาคนสนิทเข้ามากระซิบบอกว่าการประชุมลับของฝ่ายรัฐบาลถูกยกเลิกไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด

            “ท่านไตรคุณขู่ฉัน  เจนภพ...วางยามรักษาความปลอดภัยที่บ้านเราเพิ่มขึ้นอีกหน่อยนะ  ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดด้วย  อย่าให้ใครเล็ดลอดเข้าไปได้  ฉันว่าหลังจากนี้เกมน่าจะสกปรกขึ้น”

            “ได้ครับคุณฌาน  แล้วเรื่องประชุมลับ”

            “ไม่เป็นไร  ปล่อยให้มันเลื่อนไป  ดีเสียอีก...เลื่อนมากเข้าความน่าเชื่อถือของฝั่งมันก็จะลดลงไปเอง  อย่างน้อยวันนี้เรามาค้างที่นี่ก็เป็นข่าวสมใจฉันแล้ว  ถ้ารู้ว่าพวกมันจะประชุมกับเมื่อไหร่  ก็ประกาศออกไปเลยว่าเราจะจัดงานเลี้ยงในพรรควันนั้น”

            “จัดชนกันหรอครับคุณฌาน”

            “ใช่  ถึงเวลาต้องเลือกข้างกันแล้ว”  ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงกับระเบียง  ทอดสายตามองสนามเทนนิสข้างหลัง  “เรื่องบุกบ้านจักรกฤตไปถึงไหนแล้วเจนภพ”

            “คุณฌานรอฟังข่าวดีได้เลยครับ”  เจนภพตอบกลับมา  “ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว”

            “ดีมาก  แต่ก็อย่าประมาทนะเจนภพ  อ้อ  อีกอย่างหนึ่ง.. ท่านไตรคุณให้ของขวัญงานแต่งงานมากับอาคิราห์  เป็นตุ๊กตากระเบื้อง  ว่างๆเธอช่วยเอาไปตรวจสอบทีนะว่ามีอะไรหรือเปล่า  ฉันเบื่อมุขซ่อนกล้องเต็มทีแล้ว”

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน  ผมจะจัดการให้”

            “อย่าให้อาคิราห์รู้นะ  ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกว่าฉันระแวงพ่อของเขามากเกินไป  ถึงฉันจะระแวงจริงๆก็เถอะ”  พิชช์ฌานพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะแยกจากมือขวาคนสนิทกลับขึ้นบันไดมายังชั้นที่อาคิราห์พักอยู่

            ร่างสูงสง่าได้สัดส่วนของผู้หญิงคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของอาคิราห์  ชายหนุ่มชะงัก  จะหลบเข้ามุมก็หลบไม่ทัน  สายตาคมกริบของคุณหญิงอารยาเหลือบมาเห็นเข้าเสียก่อน  เธอนิ่งไปครู่ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ

            “เดี๋ยวก่อนครับ  คุณหญิงมีธุระกับอาคิราห์ใช่ไหมครับ  ...ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ”

            “ไม่มีอะไร  ฉันแค่แวะผ่านมาเฉยๆ”  เธอตอบสั้นๆ  “เชิญพักผ่อนตามสบาย”

            พิชช์ฌานมองตามหลังไปอย่างไม่เข้าใจ  ก่อนหน้านี้เขาเคยสังเกตเห็นแล้วว่าแม่ของอาคิราห์ไม่ได้สนิทสนมกับลูกชายคนเล็กอย่างที่ควรจะเป็น  ตอนแต่งงานที่เป็นวันสำคัญที่สุดของลูก  เขาก็ไม่เห็นว่ามารดาของฝ่ายนั้นจะมีท่าทียินดียินร้ายอะไร


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-05-2019 16:02:09












             ชายหนุ่มเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้องนอนของเจ้าโอเมก้า  เจ้าของห้องสะดุ้งหันกลับมาจากเก้าอี้ริมหน้าต่าง  ท่าทางคงกำลังคิดอะไรเพลินอยู่คนเดียว

            “ยังไม่นอนอีกเหรอ”

            “รอคุณกลับมา”

            คนฟังเลิกคิ้วกับคำตอบที่ตรงไปตรงมานั้น

            “ทำไมต้องรอ”  พิชช์ฌานถาม

            “ก็...”  อาคิราห์ปล่อยให้เสียงขาดหายไปในคอแล้วยักไหล่  “ไม่รู้สิ  คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”

            “ก็ดีเหมือนกัน”  พิชช์ฌานว่า  เหลือบไปเห็นของขวัญกล่องหนึ่งวางทิ้งเอาไว้บนเตียง  “นั่นอะไร  ใช่ที่คุณพ่อให้มามั้ย”

            “ไม่ใช่”  อีกฝ่ายส่ายหน้า  “แม่ผมเอามาให้เมื่อกี้”

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  นึกถึงสีหน้าของผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้องเมื่อกี้ขึ้นมาได้  แสดงว่าเธอเข้ามาในห้องแล้วกลับออกไป  ไม่ใช่เพิ่งเดินผ่านมาอย่างที่บอก

            “งั้นหรอ  ข้างในเป็นอะไร  ลองเปิดดูสิ”

            อาคิราห์ส่ายหน้าอีกครั้ง

            “ผมไม่กล้าเปิด”

            “กลัวเป็นระเบิดหรือไง”  คนฟังหัวเราะ  เอื้อมมือไปหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาเขย่าเบาๆ  ไม่มีเสียงกุกกักให้ได้ยินเลย  น้ำหนักก็ค่อนข้างเบาทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดของกล่อง  “อะไรน่ะ  ลองเปิดดูสิ”

            “ผมกลัวเป็นตุ๊กตาหมีอีก”  เจ้าโอเมก้าสารภาพ

            “ไม่ดีหรือไง  เธอชอบตุ๊กตาหมีไม่ใช่เหรอ”  กวาดตามองเหล่าตุ๊กตาที่นอนแอ้งแม้งอยู่เต็มเตียง  พิชช์ฌานไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายจะทำท่าลำบากใจทำไม

            “ก็ชอบ  แต่ว่า...”  อาคิราห์อึกอัก  สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว  “ตุ๊กตาพวกนี้  แม่ของผมซื้อกลับมาให้ทุกครั้งที่พ่อกับแม่พาอคินทร์ไปเที่ยวข้างนอก  เขาซื้อมาเพื่อปลอบใจผมที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว  ผมชอบตุ๊กตาหมีมากแต่ว่าไม่อยากได้มันเพิ่มอีกแล้ว  คุณเข้าใจหรือเปล่า”

            พิชช์ฌานอึ้งไปนาน  จำนวนตุ๊กตาที่ล้นเตียงลามไปยังชั้นเก็บของข้างๆ ทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออก  เพิ่งจะรู้ความหมายของมันก็คราวนี้เอง  มิน่าล่ะอีกฝ่ายถึงไม่เอาตุ๊กตาพวกนี้ติดไปด้วยเลยแม้แต่ตัวเดียว

            “ถ้างั้นก็ยังไม่ต้องเปิด”

            “อืม”  ศีรษะทุยสวยพยักหน้าเห็นด้วย  วางกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสวยงามเอาไว้ที่เดิม  “ผมไม่อยากได้ของขวัญพิเศษอะไรจากแม่เลย  แค่แม่คุยกับผมเหมือนตอนคุยกับพี่ ๆ คนอื่นก็พอแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นเท้าคางกับกรอบหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก  “ผมอยากรู้ว่าตอนแม่ตั้งท้อง  แม่รู้สึกยังไงบ้าง  กังวลเหมือนผมบ้างมั้ย”

            “เธอกังวลอะไรนักหนา”  นักการเมืองหนุ่มถามขึ้นเบาๆ  “ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล”

            “ผมเพิ่งนึกเรื่องนึงขึ้นมาได้  คุณเคยคิดไหมว่าลูกของเราจะออกมาเป็นอัลฟ่า เบต้าหรือโอเมก้า”

            “จะเป็นอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยว  ลูกฉันฉันก็รักทั้งนั้น”  ว่าที่คุณพ่อพูดเนิบๆ “แต่ถ้าออกมาเป็นโอเมก้าจริงๆก็คงปวดหัวหน่อย”

            “เพราะจะไม่ได้เรื่องน่ะเหรอ”  อาคิราห์หน้าจ๋อยเก็บอาการไม่อยู่

            “เพราะฉันต้องวิ่งหาบอดี้การ์ดเพิ่ม”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาย  “ยิ่งถ้าออกมาเหมือนแม่ด้วยแล้วล่ะก็  ...”

            “เหมือนแม่แล้วจะทำไม”  คนฟังขมวดคิ้ว

            “ลองนึกภาพว่ามีคนแบบเธอสองคน  จะเป็นยังไง”

            “เป็นเรื่องที่ดีมากๆ”

            “อืม  เป็นหายนะของฉันเลยล่ะ”  พิชช์ฌานพยักหน้า  “แค่นี้ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”

            อาคิราห์ตาโตแล้วหัวเราะออกมาแก้เขิน  พักนี้พิชช์ฌานชอบพูดอะไรให้รู้สึกใจเต้นผิดจังหวะอยู่เรื่อย  สงสัยจะฝึกฝีปากเตรียมตัวไปไว้หาเสียงแน่ ๆ

            “ไปอาบน้ำได้แล้ว  คุณตัวเหม็นมากเลย”

            “ดมแล้วเหรอถึงรู้ว่าเหม็น  มาดมใกล้ ๆ นี่สิ  หอมออก”  พิชช์ฌานโบกแขนเสื้อตัวเอง  เห็นอีกคนมองด้วยหางตาแล้วย่นจมูกใส่ก็หัวเราะ  “หลอกไม่สำเร็จแฮะ  โอเค  งั้นฉันไปอาบน้ำก่อน  เธอง่วงก็ควรรีบนอนได้แล้ว”

            พิชช์ฌานกลับออกมาอีกทีก็พบว่าเจ้าโอเมก้าย้ายจากริมหน้าต่างมานั่งพิงพนักหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ  ชายหนุ่มอมยิ้ม  แต่งตัวเสร็จแล้วก็ขึ้นไปนอนข้าง ๆ หยิบงานของตัวเองขึ้นมานั่งอ่านบ้าง

            เวลาผ่านไป  ศีรษะของใครบางคนก็ค่อย ๆ เอียงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ซบลงกับไหล่ของพิชช์ฌานพอดิบพอดี  ชายหนุ่มซ่อนยิ้มไม่ได้ขยับตัวหลบ  คนซบเองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จับจ้องไปที่ตัวอักษรบนหนังสือต่อ  สักพักเจ้าโอเมก้าก็เทน้ำหนักลงมากลายเป็นนั่งพิงแผ่นอกกว้างแทนหัวเตียงไปแทน

            “สบายมากมั้ย”  พิชช์ฌานก้มลงถามกับเส้นผมสลวยที่คลอเคลียอยู่แถวซอกไหล่

            “ผมอ่านหนังสืออยู่  ใช้สมาธิ”  อาคิราห์ตอบกลับไป

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆจนได้ยินเสียงทุ้มสั่นสะเทือนผ่านแผ่นอกที่แนบชิดอยู่  อาคิราห์รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายวางเอกสารในมือลงแล้วเปลี่ยนมาโอบกอดเขาเอาไว้หลวมๆ

            “เมื่อกี้พ่อของเธอคุยกับฉันต่อหลังจากที่เธอออกมาแล้ว”

            “ผมรู้... คุยอะไรกันนานจัง”  อาคิราห์วางหนังสือในมือลงบ้าง

            “ท่านไตรคุณถามฉันว่าอยากจะย้ายมาอยู่พรรคของท่านหรือเปล่า  ท่านจะให้ฉันเป็นนายกฯถ้าย้ายมา”  พิชช์ฌานพูดเสียงเบา  “เธอคิดว่ายังไง”

            “แล้วคุณตอบคุณพ่อไปว่าอะไร”  อาคิราห์ย้อนถาม

            “ลองเดาดูสิ”

            “คุณปฏิเสธ”  เจ้าโอเมก้าตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด  “คนอย่างคุณพิชช์ฌานคงไม่รับข้อเสนอของใครง่ายๆแน่”

            คนฟังหัวเราะห้าว ๆ แตะริมฝีปากเข้ากับหน้าผากเนียนไปทีหนึ่ง

            “ความจริง...ฉันเคยคิดนะว่าถ้าฉันย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกันกับพ่อของเธอซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป  มันจะเป็นยังไง”

            “คุณก็ไม่ใช่คุณพิชช์ฌานตัวจริงน่ะสิ”

            “พูดอีกก็ถูกอีก  ....พ่อของเธอถามฉันว่าอยากเป็นนายกฯเพราะอะไร  ฉันไม่ได้ตอบ  อันที่จริงแล้วฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย”  นักการเมืองหนุ่มทอดถอนใจ  เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่เขาจะพูดต่อ  “ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยเดินตามหลังพ่อเวลาไปทำงาน  พ่อของฉันเท่มากนะ  ฉันเข้าเรียนโรงเรียนตามอย่างพ่อ  เดินตามรอยเท้าของพ่อทุกอย่าง  ถึงพ่อไม่บอกแต่ฉันก็รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง”

            “พ่อของคุณดุไหม”

            “เรียกว่าเข้มงวดดีกว่า  พ่อสอนให้ฉันคิดเองโดยที่ไม่พูดออกมา  ฉันรู้ว่าท่านคาดหวังกับฉันมาก  โดยเฉพาะตอนที่พ่อลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค”  เสียงของชายหนุ่มห้วนขึ้นด้วยแรงอารมณ์

            “ทำไมพ่อของคุณต้องออกจากตำแหน่งด้วย”

            “เป็นสิ่งที่พ่อไม่เคยบอกฉัน  แต่ฉันก็คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอยากให้ฉันได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะลูกชายของท่าน”

            “คุณก็เลยอยากจะเป็นนายกฯให้ได้”

            “เป็นความฝันของพ่อตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม  และเป็นความฝันของฉันด้วย”  พิชช์ฌานสรุป

            “ความฝันของคุณดูยากจัง  แต่ผมก็เชื่อว่าคุณจะทำสำเร็จนะ”  อาคิราห์พึมพำ  “เพราะว่าคุณเก่งมาก  คุณพิชช์ฌาน  มองลงมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าคุณเก่งเลย”

            คิ้วเข้มขมวดฉับ

            “นี่ชมจริงๆหรือประชดกันฮึ  เจ้าบู้บี้”

            “โธ่  ผมชมจริงๆ  คุณก็เป็นตาแก่ขี้ระแวงไปได้”  เจ้าโอเมก้าหัวเราะ  พลิกตัวยกแขนขึ้นกอดก่ายร่างสูงใหญ่เอาไว้พลางสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวนั้นเข้าปอดลึกๆ  “คืนนี้ผมขอนอนแบบนี้ได้มั้ย  ไม่งั้นผมนอนไม่หลับแน่ ๆเลย”

            “เธอมันร้าย  ชมฉันหวังผลประโยชน์ตลอด”

            “แล้วได้ผลไหมล่ะ”  คนพูดยิ้มกว้างจนตาหยี  ซุกหน้าเข้ากับซอกไหล่  “ง่วงจัง”

            “ถ้าฉันได้เป็นนายกฯจริง ๆ  เธอก็จะเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  ดีไหม”

            “ผมไม่เห็นอยากเป็น”  อาคิราห์ตอบเสียงอู้อี้  เบียดตัวเข้ามาจนชิด  “ผมอยากเป็นแค่...บู้บี้..ที่หนึ่งของคุณ ..พอแล้ว”

            ประโยคนั้นประโยคเดียวทำเอาคนฟังลืมตาโพลงในความมืด  ความง่วงเพลียละลายหายไปหมดในพริบตา  พิชช์ฌานหัวใจเต้นแรง  ก้มลงมองเจ้าของเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่นอนแนบชิดหลับตาไปแล้วนั้น  ชุดนอนเนื้อบางแนบสนิทกับตัวชวนให้จินตนาการเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน

            ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก  สอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อนอนสัมผัสเข้ากับเนื้อแท้เนียนลื่นมือ  จากแผ่นหลังลามลงไปยังสะโพกแน่นเต็มไม้เต็มมือ  คนที่หลับตาอยู่เมื่อครู่สะดุ้งเบิกตากว้าง  อาคิราห์เอื้อมมือไปยึดมือของเขาเอาไว้

            “ทำอะไรน่ะ”

            “เธอทำฉันตื่น”  พิชช์ฌานกระซิบ  กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  “ขอโทษที”

            “ผมไม่ได้ฮีทนะ  ผมท้องอยู่ด้วย”  เจ้าโอเมก้าพูดเร็วปรื๋อ  พยายามไม่สนใจกับอะไรบางอย่างที่ดุนดันตรงช่วงเอวของเขาอยู่  “คุณสวดมนต์สิ  นั่งสมาธิก็ได้”

            “เธอหยุดเบียดฉันเสียทีเถอะ”   พิชช์ฌานกัดฟัน  จับแขนเรียวบางของอีกฝ่ายออกจากเอว  “อย่าเพิ่งพูด  ..อย่ามองฉัน  อย่าโดนตัว  อย่าหายใจแรง”

            “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”  อาคิราห์ร้อง  จ้องมองอัลฟ่าที่หน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่นราวกับกำลังกล้ำกลืนอะไรลงไป   “คุณโอเคมั้ย  ไปเข้าห้องน้ำ”  พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็รวบตัวเขาเข้าไปกอดแน่น  ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากอุ่นจัดก้มลงมาสัมผัสใบหน้าและซอกคอของเขาไม่เว้นที่ว่าง  อาคิราห์ตกใจยึดต้นแขนลำสันเอาไว้

            พิชช์ฌานดูเหมือนจะหมดความยับยั้งชั่งใจไปแล้ว  ทั้งกลิ่นและสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้อาคิราห์มึนเมาราวกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเกินขนาด  รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าร่างกายของตัวเองเปลือยเปล่าและกำลังถูกสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด

            “คุณ...เดี๋ยวก่อน”  อาคิราห์กำเส้นผมหยักศกเอาไว้แน่นตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายก้มลงสัมผัสกลางตัวของเขา  หัวใจเต้นรัวแรงราวกับจะโลดออกมานอกอก  พิชช์ฌานไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจหายคอเอาเสียเลย

            ภาพห้องนอนเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นขาวโพลนไปชั่วขณะ  ก่อนที่จะแทนที่ด้วยใบหน้าคมเข้มที่ลอยอยู่เหนือตัว  ดวงตาของพิชช์ฌานหยาดเยิ้มด้วยแรงปรารถนาที่ทำให้อาคิราห์ตัวสั่นด้วยความกลัวผสมกับความตื่นเต้น  จูบที่อีกฝ่ายมอบให้ดูดดื่มลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหน  มันจุดอารมณ์ของเขาขึ้นมาใหม่

            พิชช์ฌานแตะริมฝีปากไปบนผิวเนื้อสีน้ำผึ้งทุกส่วน  อาจเพราะการตั้งครรภ์หรือกินแหลกแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยทำให้สัดส่วนเต็มตึงมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าเดิม  ร่างโปร่งบางบิดตัวไปมาจนผ้าปูที่นอนยับย่นไปหมด  ท่อนขาเรียวหนีบเข้าหากันเพราะเจ้าของเขินอาย  ท่าทางเงอะงะไม่เป็นงานทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงกว่าเดิมหลายเท่า  พิชช์ฌานงับที่ต้นขาอ่อนอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วจับปลายเท้าทั้งสองแยกออกจากกัน

            อาคิราห์พยายามร้องเตือนอีกฝ่ายว่าตนเองตั้งครรภ์อยู่  แต่ดูท่าพิชช์ฌานจะไม่ได้ยินเอาเสียเลย

            ................................................................................

            “นึกว่าจะค้างอีกสักคืน  แต่ไม่เป็นไร  ฉันเข้าใจว่างานยุ่ง”  ท่านไตรคุณพูดยิ้มๆ  ทอดสายตามองบุตรชายคนเล็กที่นั่งเงียบกริบบนโต๊ะอาหารตั้งแต่เช้า  “เป็นอะไรไปเจ้าอัยย์  นั่งหน้างอไม่พูดไม่จา”

            “คงไม่ค่อยสบายน่ะครับ”  พิชช์ฌานรีบแก้ให้แทน  รู้สึกได้ว่ามีรังสีอำมหิตปล่อยออกมาจากหางตาตั้งแต่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้ว  เจ้าโอเมก้าไม่ยอมมองหน้าเขา  แถมไม่พูดด้วยอีกต่างหาก

            “ดูแลตัวเองดีๆล่ะ  ตัวแดงๆ..สงสัยจะจับไข้เอาหรือเปล่า”  คนเป็นพ่อพูด

            ลูกชายส่ายหน้า  ตอบกลับไปเสียงแหบแห้ง

            “เป็นหวัดนิดหน่อยครับ”

            “เป็นอะไรก็บอกพิชช์ฌานเค้า  รู้มั้ยอัยย์”

            “บอกไปเขาก็ไม่ฟังผมหรอกครับ”  อาคิราห์ตอบเสียงห้วนจัด  “พวกเอาแต่ใจตัวเอง”

            คนนั่งข้างๆหัวเราะเบาๆ  รีบชวนพ่อตาคุยเปลี่ยนเรื่องไปเสียจนกระทั่งจบมื้ออาหาร  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปประคองหลังร่างโปร่งบางที่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างลำบาก

            เจ้าโอเมก้าก้มลงงับที่หลังมือใหญ่เต็มแรงจนเขาต้องรีบปล่อย

            “ไม่ต้องมาโดนตัวผม”  แว้ดเสร็จแล้วแทนที่จะเดินนำออกไปก่อนอย่างที่ควรก็กลับยืนนิ่ง ๆ ที่เดิม  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ซ่อนยิ้มอยู่ในใจพลางเอื้อมมือไปประคองอีกรอบ  คราวนี้ตัวบู้บี้ของเขาไม่ได้สะบัดหนีอีก

            ออกจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ดันปล่อยให้อารมณ์ครอบงำเสียได้  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีมาตลอดแท้ๆ  ต้องโทษคำพูด สายตา ท่าทาง ..ทุกอย่าง ของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาอดไม่ไหว

            “เจ็บมากเหรอ”  ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนตอนที่เข้ามานั่งด้วยกันในรถแล้ว  เจ้าตัวไม่ตอบแต่หันขวับไปมองนอกรถแทน  ช่วงหลังคอที่พ้นจากคอเสื้อปรากฏรอยเขี้ยวซ้ำที่เดิมอีกรอบแถมยังมีรอยช้ำข้างๆ ให้เห็นเพิ่มเติม  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปลูบรอยฟันของตัวเองเบา ๆ  “เจ็บตรงนี้หรอ”

            อีกคนหันกลับมามองตาเขียว

            “คุณทำตรงไหนก็เจ็บตรงนั้นแหละ”  อาคิราห์พูด  หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้  ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับมาเป็นฉากๆ  โดยเฉพาะตอนที่ช่วงล่างถูกรุกรานจนเจ็บแปลบเหมือนเนื้อตัวจะแยกออกเป็นสองเสี่ยง  “ถ้าผมแท้งก็โทษตัวคุณเลยนะ”

            “ฉันขอโทษ  ไม่แท้งหรอกน่ะ  ฉันเคยถามหมอแล้ว  แค่ทักทายลูกนิดหน่อยเอง...เบามากๆ” พิชช์ฌานลดเสียงลงเพื่อไม่ให้ลูกน้องที่นั่งตอนหน้าได้ยิน 

            คนฟังเบะปาก น้ำตาคลอโดยไม่ตั้งใจเมื่อได้ยินคำว่า เบา จากอีกฝ่าย

            “เบาตรงไหน”  เขายังจำความรู้สึกหัวสั่นหัวคลอนเมื่อคืนได้อยู่เลย

            “ให้หยิกคืนเลยเอ้า”  พิชช์ฌานยื่นท่อนแขนล่ำสันมาให้  “หยิกเท่าที่เธอเจ็บ”

            “ผมต้องหยิกคุณถึงเช้าเลยเหรอ”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  น้ำตาร่วงแหมะลงต้องข้างแก้ม  คนมองอดใจไม่อยู่  ชะโงกเข้าไปจูบซับน้ำตาให้

            “อย่าร้องสิ  เดี๋ยวคนเขานึกว่าฉันรังแก”

            “ก็รังแกจริงๆนี่”  เจ้าโอเมก้าร้อง  “บอกให้หยุดก็ไม่ยอมหยุด”

            “เดี๋ยวคราวหน้าเอาใหม่  รับรองว่าฉันจะเชื่อฟังเธออย่างดีเลย”  พิชช์ฌานรีบพูดเอาใจ

            “ไม่มีคราวหน้าแล้ว”  อาคิราห์น้ำตาร่วงอีกรอบ  “เจ็บจะตาย  ผมนั่งไม่ได้เลยเนี่ย  แล้วผมจะไปดินเนอร์คืนนี้ยังไง  โต๊ะก็จองไว้แล้ว”  เขายกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาออกแรงๆ สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  “อดกิน  อดกินแน่ๆ”

            “เดี๋ยวฉันให้เชฟมาทำให้ที่บ้านเลยเอ้า...หยุดร้องนะ  กลับไปฉันจะทายาให้”

            “ไม่ต้อง  ผมทาเอง”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  “คุณไปพาเชฟมาเลยนะ  ผมต้องฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ  มันบอบช้ำมากรู้มั้ย”

            พิชช์ฌานเกือบหัวเราะออกมากับเหตุผลของโอเมก้า  พอกลับถึงบ้านได้  ชายหนุ่มก็สั่งให้คนไปหาจัดการตามความต้องการของคนท้องที่บอกว่าเดินขึ้นบันไดเองไม่ไหวต้องให้อุ้ม

            “เห็นใจฉันเถอะ  ฉันจะหลังหักก่อนได้เป็นนายกฯไม่ได้”

            “ทีเมื่อคืนคุณยังอุ้มผมไหวเลย”  อาคิราห์ท้วง  แล้วก็หน้าแดงเสียเองเมื่อนึกขึ้นได้  ได้ยินเสียงไอขลุกขลักมาจากมือขวาคนสนิทของสามีก็เลยรีบเปลี่ยนใจ  “ไม่เป็นไร  ผมเดินขึ้นไหวแล้ว”

            “เจนภพ  ไปรอฉันที่รถก่อนแล้วกัน”  เจ้านายพูดเสียงเคร่ง  หูแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  เจนภพไม่ได้อยู่ดูต่อว่าตกลงเจ้านายจะอุ้มคุณอัยย์ขึ้นบันไดหรือว่าจัดการอย่างไรกันแน่


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 04-05-2019 16:02:49






            พิชช์ฌานกลับมาที่รถด้วยสีหน้าแจ่มใสขึ้น  อันที่จริงเจ้านายของเขาก็ดูอารมณ์ดีกว่าปกติมาตั้งแต่เช้า  เจนภพไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่เดาเอาว่าคงจะเกี่ยวข้องกับการเดินขัดๆของคุณอัยย์เป็นแน่  มือขวาคนสนิทพยายามปัดเรื่องส่วนตัวของเจ้านายออกจากความคิด  แล้วกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องการเลือกตั้งตรงหน้าแทน

            “พรรครัฐบาลเริ่มดูดผู้สมัครจากพรรคเราไปครับ  โดยเฉพาะเขตทางใต้  คิดว่าน่าจะเสนอข้อต่อรองที่ดีกว่าให้พวกหัวคะแนนด้วย”  เจนภพพูด  ส่งแฟ้มเอกสารมาให้เจ้านายพิจารณา  “คิดจะตัดคะแนนเสียงของเรา  ให้คนลงไปจัดการหัวคะแนนพวกนี้ดีไหมครับ”

            “ไม่เป็นไร  ใจเย็นๆก่อนเจนภพ  อย่าเพิ่งรุนแรง”  ชายหนุ่มพูดเนิบๆ  เปิดแฟ้มเอกสารนั่งอ่านไปเรื่อย ๆ “คนนี้น่าสนใจ..”  เขาเลือกมาอีกเจ็ดแปดคนแล้วบอกให้ลูกน้องไปพาตัวมาพบ  “เราไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งหมดเจนภพ  เลือกเท่าที่จำเป็น และน่าจะได้ประโยชน์สูงสุดก็พอ”

            “ครับคุณฌาน”

            “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ  ...คุณชาติชายโทรมาหาคุณ”

            “บอกไปว่าฉันไม่ว่าง”

            ชายหนุ่มเข้าประชุมพรรคต่อตอนบ่าย  เจนภพขอตัวหลบหายออกไปจากการประชุมก่อนเวลา  พิชช์ฌานไม่ได้ถามเพราะเขาไว้ใจฝีมือของเจนภพ  มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องกลับมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี

            เจนภพกำลังอยู่ในห้องลับเพื่อประชุมแผนการเป็นครั้งสุดท้าย  งานนี้เสี่ยงมากกว่าทุกครั้งเพราะเรื่องของนายจักรกฤตกำลังเป็นที่จับตามองของสื่ออยู่  เขาคิดเหมือนกับคุณพิชช์ฌานว่าเบื้องหลังของจักรกฤตจะต้องนำไปสู่ขบวนการที่ใหญ่กว่าแน่  และมีแนวโน้มที่เรื่องจะเงียบด้วยอำนาจของผู้มีอิทธิพล

            “คุณกลับไปที่ห้องได้แล้ว”  เขาบอกโอเมก้านิลลาที่เป็นเจ้าของแผนผังของบ้านจักรกฤต  “เก็บตัวอยู่ที่นั่น”

            “ฉันอยากไปด้วยคืนนี้”

            “ไม่ได้ครับ”  เจนภพพูดสั้นๆ

            “ตู้เซฟนั่นเข้ารหัสเอาไว้อยู่  ฉันรู้รหัสของมัน”

            “งั้นคุณก็บอกผมมาได้เลยว่ารหัสคืออะไร”

            “ฉันต้องเห็นตู้ก่อนถึงจะจำได้”

            “คุณนิลลา  ผมไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับคุณนะครับ”  เจนภพหงุดหงิดขึ้นมาเต็มที  “ถ้าคุณอยากบอกก็บอกผมมาได้เลย  แต่ถ้าไม่...ผมก็มีวิธีของผมที่จะเปิดตู้นั่น”

            “............”  โอเมก้าเงียบไปแล้วหมุนตัวกลับออกไปรอข้างนอกตามเดิม  เจนภพจุ๊ปากอย่างหงุดหงิดแกมรำคาญ  นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนของอาคิราห์และยังมีประโยชน์อยู่ล่ะก็  เขาก็คงจะไม่ทนกับคนแบบนี้

            “เอาอย่างไรดีครับนาย  ต้องพาโอเมก้าไปไหม”

            “พาไปก็ได้ตายกันหมดน่ะสิ”  เจนภพสะบัดเสื้อ  “ถ้าเปิดไม่ได้  ก็ยกมาทั้งตู้นั่นแหละ  ไม่ต้องคิดเยอะ”

            “ครับนาย”

            “ทำตามแผนเดิมก็พอแล้ว”  เจนภพลุกขึ้นยืน  “จำเอาไว้ว่าห้ามทิ้งร่องรอย..ถ้าไม่จำเป็น  ใครที่เอาของมาได้  ฉันมีรางวัลพิเศษให้”

            ชายหนุ่มพานิลลาไปส่งที่ห้องพัก  จากนั้นกลับออกมาเพื่อตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง  ที่ๆเต็มไปด้วยสายตาสนใจใคร่รู้ของนักข่าวและพวกที่ตามสะกดรอยทุกความเคลื่อนไหวของเขาอยู่

            ทำทีเป็นเดินวนอยู่ในร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายจนมั่นใจว่ามีคนแอบเก็บภาพของเขาไปแล้วเรียบร้อยตามแผน  เจนภพก็ขึ้นไปยังชั้นบนของโรงภาพยนตร์  ซื้อตั๋วสำหรับดูหนังสองใบ  วางท่าเหมือนชายหนุ่มวัยทำงานทั่วๆไปที่มาพักผ่อนหลังเลิกงาน

            ใครคนหนึ่งเดินผ่านเก้าอี้ที่เรียงรายเข้ามานั่งข้างๆเขา

            “หนังสนุกไหมครับ”  เสียงคนที่นั่งข้างๆดังขึ้น  เจนภพขยับตัว แตะเอวของตัวเองอย่างระมัดระวัง  “อย่าเพิ่งชักปืนมายิ่งผมเลยนะ  ผมมาดี ไม่ได้มาร้าย”

            “คุณเป็นใคร”   เจนภพถามกลับ  หันไปมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ  ในเงาสลัวของโรงหนังที่มีเพียงแสงจากหน้าจอภาพยนตร์   เขาไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อน

            “ท่านส่งผมมาคุยกับคุณ”

            “ท่านไหนอีก”

            “ท่าน....”  ชื่อของคนที่ออกจากปากของอีกฝ่ายมาทำให้เจนภพนิ่งไปทันที  ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องที่หน้าจอภาพยนตร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  “ท่านอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว”

            “ผมไม่สะดวกไปพบ”

            “ไม่ต้องวันนี้ก็ได้  ผมรู้ว่าคุณมีธุระสำคัญ”  หางเสียงนั้นมีเลศนัย  “จัดการให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีไหม  คุณคงไม่อยากให้เจ้านายของคุณระแวง”

            “ผมทำงานให้เจ้านายคนเดียว”

            “ผมก็ได้ยินมาว่าคุณจงรักภักดีกับเจ้านายของคุณมาก  ว่าแต่...เจ้านายของคุณชื่ออะไรกันแน่  พิชช์ฌาน..หรือว่า...”

            เจนภพผุดลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีโดยไม่รอฟังให้จบ  เขาก้าวยาวๆออกมาจากโรงภาพยนตร์แห่งนั้น  ไม่ได้หันกลับไปมองอีกแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่โง่ตามมาแน่  ชายหนุ่มเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีผู้คนพลุกพล่าน  จนกระทั่งได้จังหวะก็หลบแวบกลับออกมาทางด้านหลังของห้างแล้วขึ้นรถที่เตรียมเอาไว้เพื่อตรงไปยังจุดนัดหมาย

            ............................................................

            พิชช์ฌานนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเฝ้ารอ ‘ข่าวดี’ จากมือขวาคนสนิทอยู่อย่างใจจดใจจ่อ  แม้ว่าจะทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

            เสียงหาวรอบที่สามดังขึ้นจากมุมหนึ่งหน้าตู้ปลา  ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ามาจากใครบางคนที่นั่งจุ้มปุ๊กเฝ้าตู้ปลามาตั้งแต่หัวค่ำ  ปากบอกว่าโกรธเขาสารพัดแทบไม่อยากมองหน้า  แต่พอเสร็จมื้อเย็นฝีมือเชฟโรงแรมห้าดาวที่เขาไปเชิญตัวมาทำให้กินถึงบ้านแล้ว  เจ้าโอเมก้าก็มานั่งปักหลักอยู่ในห้องทำงานของเขานั่งอ่านหนังสือสลับกับดูปลาว่ายน้ำเรื่อยเปื่อย

            “ขยันจริง ๆ”  ชายหนุ่มพูดลอย ๆ

            “เมื่อไหร่เจนภพจะกลับมา”

            “ทำไมหรือ”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

            “ผมฝากเขาซื้อของ”

            “ให้คนอื่นไปซื้อก็ได้”  พิชช์ฌานว่า  เอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้พลางเคาะปากกาในมือลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ  “เธอฝากเขาซื้ออะไรล่ะ”

            “ไม่บอกคุณหรอก”

            คนฟังจุ๊ปาก

            “มีความลับกับฉันเหรอ”

            เจ้าโอเมก้ายิ้มมุมปากแล้วยักไหล่

            “อาคิราห์  บอกฉันมาเร็ว  ไม่งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอนแน่”

            “เรื่องของคุณ  เพราะคืนนี้คุณนอนนอกห้องอยู่แล้ว”  อาคิราห์หัวเราะด้วยเสียงกวนประสาท  “เดี๋ยวผมขนเครื่องนอนมาให้แล้วกันนะ  เสื่อผืนหมอนใบคงพอ”  พูดจบก็ดันตัวลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ  ก้มลงคว้าหมอนใบโตที่เอนหลังเล่นเมื่อกี้ขึ้นมากอดไว้ด้วย

            “วางลงเลยเจ้าบู้บี้  มันหมอนฉัน  คุยกันแล้วไงว่าของในห้องทำงานไม่ให้เอาขึ้นห้อง”

            “ติดมือมาแค่นี้ทำเป็นบ่น”  อาคิราห์งึมงำ  วางหมอนใบนั้นลงบนโซฟาตามเดิม  แล้วเดินขยี้ตาไปหยุดยืนหน้าห้อง  “ประตูห้องนอนล็อคห้าทุ่ม  นี่พูดลอย ๆ ไม่ได้บอกใคร”

            พิชช์ฌานมุมปากกระตุก  มองตามหลังอีกฝ่ายที่ผลุบออกไปนอกห้องทำงานอย่างรวดเร็วอย่างหมั่นเขี้ยวแกมขบขัน

            ชายหนุ่มนั่งทำงานเพลินจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาเบอร์ส่วนตัว  ไม่มีใครรู้เบอร์นี้นอกจากลูกน้องคนสนิทเท่านั้น

            “ว่าไงเจนภพ”

            “นายครับ  แผนของเราถูกตลบหลังครับนาย  ตอนนี้ติดต่อคุณเจนภพไม่ได้ครับ”

            .......................................................................................

 

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้บ้างคะ  มาต่อแล้วนะเย่ๆ ทอล์คไม่ออกเพราะร้อนมาก55555หมายถึงสภาพอากาศนะ  ไม่ใช่อารมณ์ของใคร

            #ขอรักแค่คุณ

           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-05-2019 16:44:10
เอ๊า

ค้างกว่าเดิมซะงั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 04-05-2019 17:00:31
เจนภพจะเป็นไงบ้างเนี้ย
แล้วใครเป็นสายอ่ะ
หวังว่าจะไม่ใช่นิลนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-05-2019 17:07:42
ไม่นะเจนภพ เราไว้ใจนายได้ใช่มั้ยย :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-05-2019 17:33:28
เอ้าาาาา ค้างกว่าเดิมอีก ลุ้นว่าจริง ๆ แล้วเจนภพเป็นลูกน้องใครกันแน่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 04-05-2019 17:56:38
มีหลายท่านจริงๆนะ
ท่านพ่อของทั้งสองคนรึเปล่า  อีกท่านอาจจะเป็นชาติชาย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2019 18:19:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-05-2019 18:57:52
เอิ่มมมมมมมม เกมการเมืองแบบไทยๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-05-2019 20:04:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-05-2019 20:19:42
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 04-05-2019 20:28:24
ไม่นะเจนภพ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-05-2019 21:00:35
หืออออออ ไม่หรอกมั้ง เจ้านายคุณเจนภพก็นายพิชช์ฌานไง เนอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 04-05-2019 21:36:25
สรุปคือมีคนที่ใหญ่กว่า ที่เรียกว่านาย...
กำลังเล่นงานคุณฌานอยู่

อย่าปล่อยค้างนานน้าาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-05-2019 21:58:46
ใครทรยศ
ผัวเมียกำลังดีกัน ก็มีเหตุวุ่นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 04-05-2019 22:04:41
อ้าว อยู่ดีก็ร้อนเฉย เจนภพยังไงเนี่ย
ว่าแต่อัยด์โดนอะไรนะทำไมถึงขึ้นบันไดไม่ไหวเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-05-2019 22:29:56
 :เฮ้อ: ปัญหาเยอะจริงๆ ให้ผัวเมียเค้าสงบสุขกันไม่ได้เลย ว่าแต่เจนภพเป็นเด็กใครกันแน่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 04-05-2019 22:31:34
การเมืองไทยก็เครียดพออยู่แล้ว ยังต้องมาเครียดการเมืองในนิยายอี๊กกก :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-05-2019 23:08:32
เมื่อไหร่ชีวิตจะสงบสุขเสียทีนะการเมืองก็แบบนี้แหละไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรขอแค่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ลงตัวใครก็ไว้ใจไม่ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 04-05-2019 23:35:17
Ch.15
น้องอัยย์น่ารักเหมือนเดิมเลยรู้กอยากบีบบคุณพิษนังก็ดูตื่นเต้นดีใจที่น้องท้องแต่ไม่รู้ตัวรึเปล่า น้องมันวุ่นวายมากเลยอะ ตอนพูดถึงเค้านี่ยิ้มแก้มแตกแล้วมั้งคุณพิษ น้องก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยรู้กก ทางคุณพิษกะคือสับสนไปหมด 5555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-05-2019 00:04:18
ซับซ้อนเหลือเกินนวล
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-05-2019 02:21:10
อะไรกันนี่ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-05-2019 05:57:41
อ้าว.. ค้างกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 05-05-2019 12:27:43
……

อากาศร้อน.  ยังไม่เท่าร้อนใจว่าเจนภพทำงานให้ใคร…………

พ่อพิชไหม อย่าให้เป็นคนอื่นเลย 

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าพิชเป็นคนดี


………


  :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1:


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 05-05-2019 14:21:57
ค้างเรยยย...
แต่ว่านายของเจนภพ คือคุณ พิชช์ หรือ พ่อคุณพิชช์ อีกทีเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 05-05-2019 16:07:29
อู้วว ท่านคือใครเนี่ยย  :hao4: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-05-2019 21:54:12
ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 05-05-2019 22:20:23
 :katai1:น่าสงสารน้องอัยย์แต่ตอนนี้เอาใจช่วยเจนภพก่อนดีกว่าเนอะ... เดี๋ยวคุณพิษเครียดมากจะไม่มีเวลาไปแก้ตัวใหม่กะน้อง=^^=
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 05-05-2019 23:15:25
นะ หน่านิ?! เจนภพ นาย...
คนพี่นี่ก็หลงเจ้าบู้บี้จริงจริ๊งงง ขออนุญาตเหม็นความรัก 5555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 05-05-2019 23:52:33
Ch.23
สงสารน้องนะตอนนี้แต่น้องคิดน้อยไปจริงๆอะ ก็เข้าใจว่าครอบครัวน้องปิดกั้นจากโลกภายนอกแต่หนูไม่น่าทำอย่างนี้อะลูก เห้อออยากเข้าข้างแต่มันไม่ได้จริงๆ พักหลังเราว่าน้องค่อนข้างงี่เง่านิดนึงแต่ก็ท้องอะเนอะ ขอให้คุณพิษนางมาช่วยทันแล้วกันจะได้ปลอดภัย น้องคงได้บทเรียนแล้วนะลูกอย่าทำอะไรแบบนี้อีกรอคุณพิษพาไปเที่ยวเถอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 06-05-2019 00:02:04
 :a5:    /// ถูกใจจัดให้ +1 ค่ะ


……

อากาศร้อน.  ยังไม่เท่าร้อนใจว่าเจนภพทำงานให้ใคร…………

พ่อพิชไหม อย่าให้เป็นคนอื่นเลย 

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าพิชเป็นคนดี


………


  :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1: :ling3: :ling1:



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2019 00:06:42
อ้าว อิหยังหนิเจนภพ :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-05-2019 00:50:59
อัยย์เอ้ย ต่อไปจะพูดจาอะไร ก็ระวังบ้างนะ
คำเสี่ยงก่อให้เกิดอารมณ์แปรปรวนจ้า 5555

คือฌาณก็บ้าบอ แค่บอก อยากเป็นบู้บี้ที่หนึ่งของคุณ
ถึงกับไปต่อยาวๆ กู่ไม่กลับเลยนะ

วุ่นวายมาแล้วสินะ ใครเป็นใครกันแน่
ท่านคือใคร แล้วเจ้านายเจนภพมีใครอีก
ตอนนี้มีเงื่อนงำให้สงสัยอีกแล้วจ้า 

เชื่อว่าอัยย์จะช่วยฌาณได้ และฌาณจะรอดได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 06-05-2019 01:56:57
ใครเอาเจนภพไปปปปปป
เลขาก็หาย เมียก็จะล็อคห้อง

เฮ้อน่าวงวารเขานะครับ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 06-05-2019 03:09:19
เอาแล้วๆๆ เจนภพนี่อะไรยังไงเนี้ยะ อยากอ่านต่อแล้วววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: KYLM_s ที่ 06-05-2019 04:03:56
Ch.25
จากตอนก่อนน้องก็ได้บทเรียนแล้วเนอะ ราคาแพงมากๆเลย เห้ออ กลับมาโอ๋น้องแล้วคุณพิษโกรธน้องก็รู้แต่เมินขนาดนี้โหดร้ายมากอะคือน้องพึ่งผ่านเรื่องร้ายมาไงโอ๋น้องมันนิดนึงไม่ได้หรอ แล้วเนี่ยทำเหมือนน้องเป็นหมากในเกมแบบนี้น้องจะไว้ใจได้ยังไง รู้นะว่ารักน้องแต่มันไม่เต็มร้อยรึเปล่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: kanika_Pun ที่ 06-05-2019 14:37:02
 :z3: อารายกันเนี๊ยยยย ใครกล้ามาตลบหลัง
อ่านอีกก้อค้างไปอีก 555 ตัวละครมากมายเหลือเกิน ท่านก้อหลายท่านจนเกือบงง

แต่อย่างไรก้อตาม เราโฟกัสที่ความน่ารักและแสนงอนของเจ้าโอเมก้า 555
โอย...ยอมใจกับความมุ้งมิ้งของนุ้งอัยย์ ยอมๆอิพี่มันไปเถอะ ทำงานแบบนี้มันเครียดต้องมีที่ระบาย 555

รอตอนต่อไปนะคะ ยังคงความสนุกน่าติดตามได้อยู่เสมอ
ปล. แอบจิ้น เจนภพxนิลลา เบาๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 06-05-2019 22:31:52
เจนภพทำงานให้ใครอีกคนน่ะ จะหักหลังพิชญ์ฌานเหรอ
บู้บี้ร้ายกาจมากลูก555 เอ็นดูที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 08-05-2019 01:07:52
 :a5: ยังไงงงเนี้ยเจนภพ โอ้ยยยยย ปมเยอะมาก แล้วพ่อแม่ของอัยย์ เนี้ย ทำไมเย็นชาอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-05-2019 01:18:46
อ้าว อย่าบอกนะคุณเจนภพ  :ruready
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 10-05-2019 01:37:03
บู้บี้มาหรือยังงงงง พี่คิดถึง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 10-05-2019 12:07:05
เจนภพพพ ยังไงนี่
เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-05-2019 12:59:32
อ่าว เอาแล้วไงละ


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: patpattle ที่ 10-05-2019 21:30:24
เจนภพยังไงเนี่ย ลุ้นนนนน

น้องอัยย์นัลร้ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่29 4/5/62 p23
เริ่มหัวข้อโดย: bkachai ที่ 12-05-2019 22:42:11
ตลบหลังก็เกิดขึ้นอีกรอบ​ ถ้าเจนภพเป็นสายบู้บี้จะต้องเป็นผู้กอบกู้แน่ๆ​ หรือที่นิลไม่บอกเพร่ะนิลรู้ว่าเจนภพทำงานให้ใคร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-05-2019 23:15:34
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 30

 

 

 

 

 

 

 

            “ตามหาเจนภพให้เจอ”  เขาสั่งเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะวางสายไป  ชายหนุ่มกดรีโมทเปิดโทรทัศน์ขึ้น  หน้าจอเป็นข่าวด่วนเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านของนายจักรกฤตจริงๆตามที่ลูกน้องเพิ่งรายงานมา  ตำรวจและนักดับเพลิงแห่กันไปล้อมรอบเต็มบ้านไปหมด  โชคดีที่คนของเขาหนีรอดออกมาจากกองเพลิงและตำรวจได้อย่างหวุดหวิดทว่าเจนภพกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับตู้เซฟใบนั้น...หลักฐานที่เขาอยากได้มากที่สุด

            พิชช์ฌานติดต่อไปหาเพื่อนที่เป็นนายตำรวจเพื่อถามข่าวสาเหตุเพลิงไหม้  เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ....เหมือนกับอีกหลายๆเคสที่เคยเกิดขึ้นยามที่มีใครบางคนต้องการทำลายหลักฐานทิ้งให้หมด

            ประเด็นก็คือ  เขาไม่รู้เลยว่ามันจงใจลงมือทำลายหลักฐานในวันนี้เพราะต้องการตลบหลังพวกเขา หรือว่าเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญกันแน่...พิชช์ฌานรู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ

            ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้ปลาอย่างใช้ความคิด  เขาไว้ใจมือขวาคนสนิทมาก  แต่ว่า...

            พิชช์ฌานขึ้นมาเคาะประตูหน้าห้องนอนของตัวเองเบาๆ นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  ข้างในเงียบกริบไม่มีเสียงตอบกลับมา  เขาลองหมุนลูกบิดประตูดูปรากฏว่าเปิดออกได้  ไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้อย่างที่ใครบางคนขู่

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ  เปิดเข้าไปข้างในห้องก็เจอร่างโปร่งบางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหันหลังให้กับประตูห้อง  ศีรษะทุยสวยโงนเงนตามแรงโน้มถ่วงไปมาแต่เจ้าของก็พยายามฝืนเอาไว้เต็มที่ไม่ให้เอนพิงหัวเตียงที่มีหมอนใบใหญ่วางรองอยู่อย่างพอเหมาะพอเจาะ

            พิชช์ฌานเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของคนที่นั่งสัปหงกอยู่นั้น  เจ้าโอเมก้าสะดุ้งหันกลับมามองอย่างตกใจ

            “อ้าว  มาแล้วเหรอ” อาคิราห์พูด  ตาหรี่ปรือเหมือนเปลือกตาถูกตุ้มถ่วงเอาไว้  “...แต่ผมไม่ได้รอคุณอยู่หรอกนะ”  ประโยคหลังทำให้คนฟังเกือบยิ้มออกมาทั้งที่เคร่งเครียดอยู่  พิชช์ฌานจับไหล่ทั้งสองข้างอีกฝ่ายเอาไว้แล้วจับพาให้เอนลงนอนกับที่นอนที่เต็มไปด้วยข้าวของของเขา

            “นอนได้แล้ว  ง่วงแล้วยังจะฝืนอีก  หรือว่ารอให้ฉันมาบอกฝันดี”  ชายหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นและแตะริมฝีปากลงไปตามหลังเหมือนเป็นตราประทับ  “หลับตาเร็วเจ้าบู้บี้”

            “คุณจะไปไหน”  มือเล็กเอื้อมมายืดชายเสื้อคลุมของเขาเอาไว้  ถามเสียงงัวเงีย

            “ผมติดธุระสำคัญนิดหน่อย  เดี๋ยวจะรีบกลับมา”  พิชช์ฌานตอบ  แตะปลายนิ้วเข้ากับปลายจมูกมู่ทู่น่าเอ็นดูนั้น  “จะเล่าให้ฟังพรุ่งนี้  ตอนนี้นอนก่อน  โอเคมั้ย”

            “ก็ได้”  อาคิราห์ไม่ได้ถามอะไรอีก

            ได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าเปิดปิดและเสียงกุกกักอยู่พักหนึ่งก่อนที่พิชช์ฌานจะกลับออกไปจากห้องนอน  อันที่จริงอาคิราห์ก็อยากรู้ว่าธุระสำคัญของอีกฝ่ายคืออะไร  ทำไมต้องไปกลางค่ำกลางคืน  แต่ว่าพิชช์ฌานก็บอกแล้วว่าจะเล่าให้เขาฟัง  ก็เลยตัดสินใจว่าจะนอนรอฟังเรื่องเล่าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน  ไม่ได้เกี่ยวกับความง่วงงุนเลยด้วย

            เช้าวันรุ่งขึ้นอาคิราห์พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับมานอนที่บ้านทั้งคืน  มีเพียงข้อความฝากมาบอกสั้นๆว่าธุระยังไม่เสร็จเรียบร้อย  ต้องไปจัดการต่ออีกหน่อย  ไม่ต้องเป็นห่วง

            พยายามใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือทบทวนเตรียมสอบเทียบวุฒิต่อ  แต่ลึกๆในใจก็อดเป็นห่วงคนที่ไม่อยู่บ้านไม่ได้  ดูท่า ‘ธุระ’ ของอีกฝ่ายคงจะหนักเอาการเพราะเห็นมีลูกน้องของพิชช์ฌานกลับมาเอารถออกไปอีกสองคันด้วยท่าทางเร่งรีบ

            นั่งๆนอนๆอ่านหนังสือจนเบื่อ  สุดท้ายร่างสูงใหญ่ที่เขาเฝ้ารออยู่ก็กลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอ่อนเพลียและเสื้อผ้ายับย่น  กระแสเครียดเคร่งแผ่ซ่านออกมาจนสัมผัสได้

            “คุณทานข้าวหรือยัง”  อัยย์ถามออกมาเป็นประโยคแรก  อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

            “กินกาแฟไปแล้ว”

            “กาแฟจะเหมือนข้าวได้ยังไง  อยากกินอะไรหรือเปล่า”

            “เธอจะทำให้เหรอ”  คิ้วเข้มเลิกสูง  คนถามเกือบส่ายหน้าแล้วก็เปลี่ยนเป็นพยักหน้าเร็วๆ

            “ผมจะทำให้กิน”

            “ฉันไม่มีเวลามาท้องเสียนะอาคิราห์” 

          คนฟังหน้าหงิก  เกือบจะโวยวายออกมาแล้วแต่พอเห็นอีกฝ่ายดูเหน็ดเหนื่อยจริงจังก็เลยเก็บอารมณ์ตัวเองเอาไว้

            “ก็ได้  ผมจะไปบอกป้านิ่มให้  อยากกินอะไรล่ะ”

            “อะไรอร่อยก็เอามาให้ฉันนั่นแหละ  ฉันมีเวลาสามสิบนาทีกลับมาอาบน้ำแล้วเดี๋ยวจะไปต่อ”  ชายหนุ่มตอบ  ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเงยหน้าขึ้นพาดลำคอกับพนักพิงอย่างเหนื่อยอ่อน  “ข้างนอกร้อนชะมัด”

            “คุณ...อยากเล่าอะไรให้ผมฟังมั้ย”  อาคิราห์ถามเสียงเบาหลังจากรีบไปบอกแม่ครัวให้ยกอาหารมาให้เจ้าของบ้านแล้ว  เขาวางผ้าเย็นที่หยิบมาด้วยเอาไว้บนท่อนแขนล่ำสัน  “เช็ดหน้าหน่อยจะได้สดชื่น”

            “เช็ดให้หน่อยสิ  ฉันยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ”  เสียงห้าวๆกระซิบ  ไม่ได้ลืมตาขึ้น

            อาคิราห์เม้มปากนิดหนึ่ง  แต่ก็ยอมหยิบผ้าเย็นขึ้นมาเช็ดให้ที่ใบหน้าคมเข้มและลำคอนั้น  ตอนแรกก็แตะๆก่อน สักพักก็ชักลงน้ำหนักมือหนักขึ้นจนมือใหญ่ต้องคว้าข้อมือของเขาเอาไว้

            “เบาๆหน่อย  เดี๋ยวหน้าฉันหลุดติดออกมาด้วยหรอก”

            “หน้ากากของคุณน่ะเหรอ  ไม่เป็นไรมั้งมีหลายชั้น”  เสียงตอบกวนประสาทกลับมาทำให้พิชช์ฌานลืมตาขึ้น  เห็นใบหน้าเนียนสีน้ำผึ้งจางลอยอยู่ใกล้ๆ  พอสบตากัน  สองข้างแก้มก็ขึ้นสีชมพูอ่อนเป็นริ้ว

            “เอ้อ...ผมจะไปหาขนมมาให้คุณ”   อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้นเบาๆ

            “ฉันไม่ชอบกินขนม ..ยกเว้นคุกกี้รสนม”

            “ผมเห็นมีอยู่ในครัวกระป๋องใหญ่เลย”  มีคนตอบกลับไปอย่างพาซื่อ  “ผมก็เล็งอยู่  คุณอยากกินใช่มั้ย  ผมจะได้เอามาแกะ”

            “อยากกินเองก็บอก”  พิชช์ฌานอดหัวเราะออกมาไม่ได้  เอื้อมมือมาบีบจมูกรั้นๆนั้นไปมาอย่างมันเขี้ยว  “เอามาสิ  ฉันจะกินให้หมดไม่เหลือเอาไว้สักชิ้นเลย”

            “คุณตะกละมาก”  เจ้าโอเมก้าพูดเสียงอู้อี้  ปัดมืออีกฝ่ายออกจากจมูกของตัวเอง  “แล้วนี่คุณเจนภพไปไหน  ไม่เห็นมาเลย”

            รอยยิ้มของพิชช์ฌานจางลง

            “เขาติดธุระอยู่  ยังไม่กลับมา”

            “ธุระเดียวกันกับที่คุณหายไปทั้งคืนหรือเปล่า”  อาคิราห์ถาม  “ผมเดาเอาว่าน่าจะเกี่ยวกับที่บ้านของจักรกฤตไหม้ด้วยใช่มั้ย”

            “แสดงว่านั่งดูทีวีทั้งวัน  ไม่ได้อ่านหนังสือเลยใช่มั้ย”  พิชช์ฌานดักคอ  อาคิราห์ส่ายหน้า

            “เปิดทีวีมาก็เจอแล้ว ข่าวแรกเลย...เขาบอกอีกด้วยนะว่าเจอหลักฐานบางอย่างที่บ่งบอกว่านายจักรกฤตทำงานให้กับนักการเมืองชื่อดังบางคนที่ไม่เปิดเผย”  อาคิราห์พูดเนิบๆ เหลือบมองคนนั่งข้างที่หน้านิ่งเหมือนเดิม  “ให้ผมเดาต่อมั้ยว่าใคร”

            “เดายังไงก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อฉัน”  พิชช์ฌานพูด “เพราะฉันไม่ได้รู้เห็นอะไรกับเรื่องซ่องโอเมก้านั่น”

            “ผมยังไม่ทันพูดเรื่องซ่องเลยนะ”

            “ไม่ต้องมาดักคอหรือหลอกถามฉันเจ้าบู้บี้  แค่เธออ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่เธอแล้ว  ...รู้ด้วยว่าลิ้นไก่เธอรสชาติยังไง”  นักการเมืองหนุ่มพูดแกมหัวเราะ  อีกฝ่ายหน้าแดงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

            “ก็ได้  งั้นผมไม่ถามแล้ว  ไม่ต้องเล่าด้วย  ไม่อยากรู้”

            พิชช์ฌานหัวเราะในลำคอ  ดึงมือฝ่ายนั้นเอาไว้ให้นั่งลงเป็นข้างๆกันต่อเหมือนเดิม

            “ฉันบอกจะเล่าให้ฟังวันนี้ไม่ใช่เหรอ  ก็ต้องเล่าสิ”  ชายหนุ่มว่า  ลงมือตักอาหารเข้าปากเคี้ยวไปด้วย  “ฉันส่งคนเข้าไปในบ้านของจักรกฤตเองล่ะเมื่อคืน  แต่โชคร้ายไม่รู้ยังไงเกิดไฟไหม้ขึ้นแถมยังมีตำรวจกับนักข่าวไปดักรออยู่เต็มไปหมด  คงมีคนรู้แผนการนี้ล่ะมั้ง”

            “อ้าว  แล้วคุณจะเข้าไปในบ้านจักรกฤตทำไมล่ะ”

            “ฉันอยากได้หลักฐานบางอย่างที่จะสืบสาวไปยังตัวการใหญ่ของขบวนการค้ามนุษย์  เธอคงเดาได้อยู่แล้วว่าจักรกฤตไม่ใช่ตัวใหญ่สุดแต่เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดบังหน้าเท่านั้น”  พิชช์ฌานเล่าตรงๆไม่อ้อมค้อม  ยกเว้นแค่ตอนที่เขาขอร้องให้โอเมก้าสองคนเพื่อนของอาคิราห์มาช่วยภารกิจนี้ด้วย  “เจนภพช่วยจัดการงานนี้ให้ฉัน  แต่ตอนนี้เขาหายสาบสูญไปแล้ว”

            “อ้าว”  อาคิราห์อุทานซ้ำ  “คุณเจนภพจะเป็นอะไรมั้ยครับ  หรือว่าถูกจับไป  หรือว่าบาดเจ็บ”

            “ฉันก็ไม่รู้”  พิชช์ฌานพูด  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มราวกับรู้สึกคอแห้งกะทันหัน  “ฉันรอข่าวอยู่เหมือนกัน”

            “คุณไม่ส่งคนออกตามหาล่ะครับ  ยิ่งช้าเดี๋ยวคุณเจนภพจะยิ่งเป็นอันตรายหรือเปล่า”  อัยย์เริ่มร้อนใจ  เขาเป็นห่วงผู้ชายร่างสูงโปร่งนิสัยดีคนนั้น

            “ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวเจนภพก็กลับมาเอง”  พิชช์ฌานพูดด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายเท่าที่ควรจนอัยย์ขมวดคิ้ว

            “ทำไมคุณทำเหมือนไม่เป็นห่วงเค้าเลย  เค้าเป็นมือขวาคนสนิทของคุณไม่ใช่หรือครับ”

            “ฉันเป็นห่วงหลักฐานที่ติดไปกับเขามากกว่า”  ชายหนุ่มตอบเรียบๆ “ถ้าตกอยู่ในมือของคนพวกนั้นป่านนี้ก็คงจะโดนทำลายไปแล้ว  แล้วแผนการของฉันก็จะล้มเหลว”

            “นี่คุณเห็นแผนการของคุณสำคัญกว่าชีวิตของลูกน้องคุณหรอครับ”  คนฟังชักโกรธ

            “เจนภพไม่เป็นไรหรอก  เขาเอาตัวรอดได้”

            “ถ้าเขาเอาตัวรอดได้ก็ควรจะติดต่อคุณกลับมาแล้วสิครับ  แต่นี่คุณก็บอกเองว่าเขาเงียบไป  มีความเป็นไปได้เดียวก็คือเขาอาจจะบาดเจ็บจนติดต่อคุณไม่ได้”

            “หรือไม่ก็รอจังหวะเหมาะๆอยู่  ไม่เอาน่าอาคิราห์  ฉันเชื่อมือเจนภพ  เชื่อใจเขาที่สุด... เดี๋ยวเขาก็จะกลับมาเอง”  พิชช์ฌานพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาดังขึ้น พิชช์ฌานหยิบขึ้นมากดดู             

            มีอีเมล์ฉบับหนึ่งส่งมาจากชื่ออีเมลล์ที่เป็นตัวเลข  ข้อความข้างในนั้นสั้นเพียงบรรทัดเดียว  บอกสถานที่และเวลามาเท่านั้น

            “มีคนอยากพบฉัน”  พิชช์ฌานพึมพำ  ไม่ได้ท้วงตอนที่อาคิราห์ชะโงกเข้ามาอ่านข้อความด้วย

            “ที่จอดรถห้างปาร์ควัน  ห้าทุ่ม”  อาคิราห์พูด  “ใครเป็นคนส่งมาเหรอครับ”

            “ไม่รู้สิ  อาจจะไปรษณีย์นัดไปรับของมั้ง”  พิชช์ฌานพยายามพูดติดตลก  “ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นหรอกน่า  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันถูกนัดหมายแบบแปลกๆ  อันที่จริงอันนี้ออกจะโจ่งแจ้งไปหน่อย  ไม่ค่อยเร้าใจเท่าตอนที่ได้เป็นรหัสมอร์สมานั่งแกะตัวอักษร”

            “มันจะอันตรายมั้ย  คุณจะไปจริงๆเหรอ”

            “อีเมล์ของฉันไม่ใช่ทุกคนจะรู้หรอกนะ”  พิชช์ฌานหัวเราะหึๆในลำคอ

            “หมายความว่า?  จากคุณเจนภพหรอครับ”  อาคิราห์เบิกตากว้าง  “คุณคิดว่าเป็นคุณเจนภพส่งมาหรอ  ถ้างั้นทำไมเขาไม่กลับมาหาคุณเลยล่ะ  หรือว่ามีคนตามล่าเขาอยู่”

            “ดูหนังมากเกินไปล่ะ  ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มพยายามหัวเราะ

            “ไม่จริง  คุณโกหกผมอยู่  คุณคิดว่าไม่ใช่คุณเจนภพ  หรือถ้าใช่ก็ไม่ใช่การรับของธรรมดา”  อาคิราห์ว่า

            “เธอเป็นนักเดาหรือไง”

            “ผมเดาอย่างมีหลักการนะ  หน้าคุณเครียดกว่าเดิมอีกตอนที่อ่านอีเมล์”

            “โอเค  ฉันยอม  ฉันคิดว่าไม่ใช่เจนภพส่งมา  แต่คนที่ส่งมาจะต้องรู้อีเมล์ของฉันมาจากที่ไหนสักแห่ง”  พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก “น่าสนใจใช่มั้ย  ...อยากไปดูด้วยกันไหมล่ะ”

            “คุณให้ผมไปด้วยหรอ”  คนฟังตาโต  “พูดจริงหรอครับ”

            “จริง..  เธออยากไปเยี่ยมพี่สาวของเธอบ้างหรือเปล่า”

            “พี่อริศน่ะเหรอ”  อาคิราห์เพิ่งนึกได้  “ห้างปาร์ควันเป็นของแฟนพี่เค้านี่นา  ...คุณอยากเจอพี่เขยของผมด้วยไหมล่ะครับ”

            พิชช์ฌานพยักหน้าอย่างพอใจ  อาคิราห์คิดตามได้อย่างรวดเร็วดีมาก  เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายยืดยาว

            “เธอเต็มใจไปหรือเปล่า  ...รู้สึกว่ากลายถูกหลอกใช้หรืออะไรมั้ย”  ถึงกระนั้นพิชช์ฌานก็ยังไม่วายถามเจ้าตัวด้วยความกังวลอีกครั้ง  ถึงเขาจะอยากได้ประโยชน์แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกใช้ประโยชน์ฝ่ายเดียว  “เธออยากซื้ออะไรวันนี้ในห้างนั่น  ซื้อได้เลยเต็มที่”  เขาพูดอย่างใจป้ำ

            คนฟังเลิกคิ้ว

            “ยื่นหมูยื่นแมวหรอ”

            “ประมาณนั้น  ถ้าจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น”

            “แค่คุณเล่าให้ผมฟังตรงๆ ผมก็รู้สึกโอเคขึ้นแล้ว” อาคิราห์พูดเนิบๆ  “แต่ถ้ามีของมาแลกเปลี่ยนมันก็ยิ่งดี  ผมขอซื้ออะไรก็ได้ใช่มั้ย”

            “แล้วแต่เธอเลย”

            “ผมขอซื้อ...”

            “ยกเว้นซื้อห้าง”  พิชช์ฌานรีบดักคออย่างรู้ทัน  อีกฝ่ายอ้าปากค้างยังพูดไม่ทันจบ  อาคิราห์อุทานออกมาเสียงดัง

            “อ้าว  ไหนว่าซื้ออะไรก็ได้”

            “เธออยากให้ฉันขายบ้านขายรถใช้หนี้หรือไง  ลูกเราก็ต้องไปคลอดหมอตำแยแทนแล้วล่ะนะเพราะคงคลอดโรงพยาบาลชั้นหนึ่งไม่ไหว”  พิชช์ฌานตวัดเสียง  “ฉันไม่ได้รวยขนาดพี่เขยของเธอหรอกนะ”

            “โธ่  แค่นี้ขนหน้าแข้งคุณพิชช์ฌานไม่ร่วงหรอก  มีตั้งหลายเส้น”  อัยย์หัวเราะคิก

            เขานั่งรถออกมากับพิชช์ฌานที่ขึ้นไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยจนสดชื่นขึ้นแล้ว  รถสีดำปลอดกันกระสุนทั้งคันขับตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง  ที่ๆพิชช์ฌานเคยใช้ขอแต่งงานเขามาก่อนแล้ว  อัยย์คิดมาถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้

            “คุณจำได้ไหมว่าคุณเคยขอผมแต่งงานที่นี่  ตรงลานจอดรถเลย”

            “จำได้สิ”

            “นี่คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง  ทำไมจะต้องนัดมาเจอที่นี่ด้วยล่ะ”

            “เพราะมันเปิดโล่งทุกด้าน เหมาะที่สุดสำหรับคนที่กลัวจะโดนลอบยิง”  พิชช์ฌานว่า

            “คุณเคยโดนลอบยิงกี่ครั้งแล้ว”  อัยย์คิดว่าคำถามนี้ดูเหมาะกว่าจะถามว่า  คุณเคยโดนลอบยิงมั้ย  เพราะดูจากพฤติกรรมและรถกันกระสุนคันนี้ก็ดูจะเป็นคำตอบอย่างดี

            “ฉันไม่เคยนับ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า  เธอแค่ใช้เวลาเดินเล่นในห้าง  พอถึงเวลานัดเดี๋ยวฉันก็จะออกไปจัดการเอง  ไม่เกินสิบนาทีเสร็จ”

            อาคิราห์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  เขานั่งนิ่งๆไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นช่วงลดซัมเมอร์เซลล์  เขากับสามีเข้าไปนั่งรับประทานอาหารด้วยกันในร้านอาหารญี่ปุ่น  จากนั้นก็เดินเล่นตั้งแต่ชั้นล่างสุดไล่ขึ้นมาจนถึงชั้นบน  ระหว่างนั้นมีคนที่จำได้เข้ามาทักทายและถ่ายรูปกันเต็มไปหมด

            “หนูชอบพี่มากเลยค่ะ  พี่เป็นโอเมก้าที่เท่มากๆ  ตอนที่หนูดูข่าวยังคิดอยู่เลยว่าทำไมพี่เท่จัง”  เด็กสาวคนหนึ่งพูด  ส่งกระดาษมาให้อาคิราห์เซ็นชื่อ  เจ้าโอเมก้าทำตัวไม่ถูก  คอยแอบชำเลืองดูคนข้างๆที่ดูชำนาญในการแจกลายเซ็นกว่ามาก

            “ขอบคุณมากครับ”  อัยย์ตอบ  ส่งยิ้มให้กล้อง  หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหายเกร็ง  สามารถพูดคุยกับคนอื่นๆที่เข้ามาคุยด้วยได้มากขึ้น  โดยเฉพาะกับเด็กและคนแก่ที่เขารู้สึกสบายใจมากกว่าวัยอื่น

            “เก่งมากๆ เพิ่งเคยเจอตัวจริง  ฉันเป็นแฟนคลับของคุณนะคุณพิชช์ฌาน  โอเมก้าตัวน้อยของคุณด้วย”  คุณยายพูดเนิบๆ  เอื้อมมือเหี่ยวย่นมาจับแขนของอาคิราห์เอาไว้  “เก่งจริงๆนะ  ฉันอยากเห็นโลกของเราเปลี่ยนไปจริงๆ ทำให้ฉันเห็นก่อนตายนะ”

            พิชช์ฌานตอบกลับไปอย่างคล่องแคล่วและนอบน้อมแบบคนที่เขาผู้ใหญ่เป็น  อาคิราห์ได้แต่มองอย่างทึ่งๆพลางฉีกยิ้มให้กล้องที่ถ่ายรัวไม่หยุดยั้ง  เป็นปืนกลก็คงโดนรัวตายไปแล้ว..เขาคิดในใจ


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 13-05-2019 23:16:30







            “ใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ”  อาคิราห์พึมพำ  เริ่มเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  “คุณจะไปหรือยัง”

            “อยากเดินต่อหรอ”  พิชช์ฌานยิ้มขันๆ

            “เปล่า  ผมตื่นเต้น ปวดฉี่เลยเนี่ย”   อาคิราห์ว่า  “คุณจะให้ผมอยู่กับพี่สาวตอนที่คุณติดต่อธุระใช่มั้ย”

            “ถูกต้อง”  พิชช์ฌานพยักหน้า  อย่างน้อยการที่เจ้าโอเมก้าอยู่กับพี่สาวตัวเองก็พอจะเป็นหลักประกันได้ว่าคงจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง

            “แล้วคุณไม่กลัวคนจะรู้หรือไงว่ามาที่นี่  ถึงได้มาเดินห้างเอิกเกริกขนาดนี้”

            “ถ้าเป็นเธอจะทำยังไง”         

            “ผมก็จะแอบมาเงียบๆตอนห้าทุ่มน่ะสิ”

            “แล้วถ้าเกิดโดนดักทำร้ายล่ะ”  พิชช์ฌานยิ้ม  “การที่ฉันมาปรากฏตัวก่อนก็เพื่อแสดงตัวว่าฉันรับข้อเสนอ  และยังเป็นการบอกอ้อมๆว่าอย่างน้อยใครที่คิดจะเล่นไม่ซื่อก็ต้องคิดหนักหน่อยว่าข้อตกลงอาจไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ

            คนฟังขมวดคิ้ว  มองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

พิชช์ฌานให้คนขึ้นไปติดต่อครู่เดียวพี่สาวของอาคิราห์ก็ลงลิฟต์ออกมารับน้องชายถึงข้างหน้า 

            “อัยย์  มาเที่ยวเหรอ”  อัลฟ่าสาวสวยถามขึ้นด้วยหางเสียงที่ไม่บอกความยินดีแต่ก็ไม่ได้ตวาดหรืออารมณ์เสีย  อาคิราห์ส่งยิ้มให้พี่สาว

            “ครับ  พี่อริศเป็นไงบ้าง  ไม่ได้เจอกันนาน”

            “ก็เรื่อยๆแหละ  สวัสดีค่ะคุณพิชช์ฌาน”  เธอหันไปก้มศีรษะให้น้องเขยเพียงเล็กน้อยอย่างไว้ตัว  “คงไม่ได้มาหาคุณวโรดมหรอกใช่มั้ย  เขาไม่อยู่ค่ะ  ไปต่างประเทศสองอาทิตย์”

            “เปล่าครับ  ผมพาอัยย์มาเดินเที่ยวห้างเล่น  เห็นอยู่บ้านเบื่อๆ”

            “ผมปวดท้อง  ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยพี่”  อัยย์พูด  พี่สาวจุ๊ปากด้วยท่าทางรำคาญเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  ยอมให้น้องชายขึ้นลิฟต์ไปด้วยกันที่ห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นบนสุดของห้าง  อาคิราห์ก้มลงมองร่างสูงใหญ่แวบหนึ่งผ่านกระจกลิฟต์แก้ว  เห็นพิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นมองตามเขาจนลับสายตา

            .......................................................................

            “ใกล้ถึงเวลานัดแล้วครับ”  สารสินลูกน้องอีกคนของเขาพูดขึ้น พิชช์ฌานรับกล้องส่องทางไกลมาจากลูกน้องแล้วยกขึ้นส่องดูลานจอดรถที่เริ่มว่างเปล่าเพราะคนทยอยกลับกันออกไปหมด  เขากำลังนั่งอยู่ในรถส่วนตัวของตัวเองที่จอดซุ่มอยู่เงียบๆ

            “มีคนมา”

            ใครคนหนึ่งสวมเสื้อฮู้ดสีเข้มปิดบังใบหน้าหิ้วถุงดำขนาดใหญ่เดินมาหยุดที่ลานจอดรถก่อนจะเปิดฝาถังขยะออกแล้วเหวี่ยงถุงใบนั้นลงไปในถัง  พิชช์ฌานอัดวีดีโอเอาไว้ทุกขณะ   เขารู้สึกได้ว่าคนๆนั้นเหลือบมามองทางที่รถจอดอยู่แวบหนึ่งก่อนจะเดินดุ่มๆไปอีกทาง

            “ตามไป  จับตัวมาให้ได้”

            “ครับผม”  สารสินสั่งให้ลูกน้องออกสะกดรอยตามคนๆนั้น   “เราจะลงไปเอาถุงเลยมั้ยครับ”

            “ลงไปเอาเลย”  พิชช์ฌานพูด

            ถุงใบนั้นคงจะหนักพอประมาณเพราะท่าทางของลูกน้องของเขาต้องหิ้วมาจนตัวเอียง  พอถึงรถพิชช์ฌานก็บอกให้เอาใส่รถกระบะอีกคันเอาไว้

            “ให้เปิดเลยมั้ยครับนาย”

            “ไปที่โล่งๆก่อน”

            “แล้วคุณอัยย์ล่ะครับ”

            “ไม่เป็นไรให้เขาอยู่กับพี่ไป”  พิชช์ฌานว่า  สั่งให้ลูกน้องขับรถไปยังโกดังรกร้างว่างเปล่าชานเมือง  ระหว่างนั้นก็ให้ตรวจสอบถุงดำที่ได้มาอย่างละเอียด

            “ลักษณะเป็นกล่องโลหะครับ  ห่อกันกระแทกมาอย่างดีเลย  น่าจะเป็นตู้เซฟที่เราตามหา”  ลูกน้องบอก  พิชช์ฌานพยักหน้าอย่างพอใจ

            กะแล้วเชียวว่าสุดท้ายเจนภพก็จะต้องหาทางส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้เขาแน่  แต่แปลกตรงที่ทำไมเจ้าตัวถึงไม่มาหาเขาด้วยตัวเอง...

            พิชช์ฌานเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถรอให้ลูกน้องไปจัดการเปิดถุงดำใบนั้นเสีย  ข้างในเป็นตู้เซฟขนาดเล็กจริงๆตามที่คาด  มันถูกล็อคเข้ารหัสเอาไว้

            “ไปพานิลลามาหาฉัน”  นักการเมืองหนุ่มสั่ง

            ไม่นานโอเมก้าร่างผอมบางก็ลงจากรถที่ส่งไปรับมา  ท่าทางของนิลลาไม่ประหลาดใจนักที่เห็นเซฟสีเงินอันนี้

            “เธอรู้รหัสของมันใช่มั้ย”  พิชช์ฌานถามเนิบๆ  “ได้โปรด ช่วยฉันเปิดหน่อย  หลักฐานที่จะเอาผิดไอ้จักรกฤตและพรรคพวกจะต้องอยู่ในนี้อย่างแน่นอน”

            “ถ้ารหัสยังไม่เปลี่ยนไปล่ะก็...”  นิลลาเอื้อมมือมาหมุนรหัสช้าๆ

            พิชช์ฌานพยายามรักษาอาการตื่นเต้นเอาไว้ในสีหน้า  จับจ้องไปยังกล่องเหล็กใบนั้นนิ่ง  ในที่สุดมันก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงดังกริ๊ก  ของที่อยู่ข้างในทำให้ชายหนุ่มชะงักไปอึดใจก่อนจะตะโกนสุดเสียง

            “ทุกคน หนีออกจากที่นี่!!”  มือคว้าโอเมก้าที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดลากออกมาด้วย

            ตัวเลขสีแดงนับถอยหลังจากสิบเหลือเก้า  แปด  เจ็ด  หก  ห้า ...

            .......................................................................

            เสียงแก้วแตกดังเพล้งทำเอาอาคิราห์สะดุ้ง หันขวับไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ  เห็นพี่สาวกำลังก้มๆเงยๆอยู่ข้างหน้าตู้เย็นก็ลุกเดินเข้าไปหา

            “พี่ทำอะไรอยู่  แก้วแตกเหรอ”

            “อย่าเดินเข้ามา  เดี๋ยวก็เหยียบเอาหรอก”  หญิงสาวพูดเสียงห้วน  “ถอยไปยืนห่างๆ  ฉันขี้เกียจนั่งทำแผลให้เธออีก”  เจ้าของห้องชุดสุดหรูบนห้างสรรพสินค้าโบกมือไล่น้องชายแล้วหันไปกดออดเรียกแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด  “แล้วไม่กลับบ้านกลับช่องหรือไงฮึ  อัยย์”

            “ผมยังดูหนังเรื่องนี้ไม่จบเลย”  อาคิราห์ชี้ไปยังหน้าจอทีวีที่กำลังฉายหนังสายลับสุดระทึกอยู่  “ขอดูให้จบก่อน”

            “เรานี่มันขี้เอาแต่ใจ  แล้วสามีไม่ว่าหรือไง  หายเงียบขึ้นมาแบบนี้”

            “เขาไม่ว่าหรอก”  อาคิราห์ตอบเนิบๆ  เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาต่อ

            “ถามจริง  ทะเลาะกันหรือเปล่าถึงไม่ยอมกลับบ้าน”

            “เปล่า”

            “อัยย์  บอกความจริงฉันมานะ  อย่ามาโกหก”

            “ไม่ได้ทะเลาะจริงๆ”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่พี่สาวแล้วพลิกตัวนอนคว่ำทำท่าเหมือนจะนอนหลับ

            “นี่จะดูหนังก็ดู  ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนในห้องให้มันเป็นที่เป็นทางไป  มานอนเลื้อยแบบนี้พี่ไม่ชอบ”  อริศราพูด  มองน้องชายอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น   อาคิราห์ผล็อยหลับไปพักใหญ่มาตื่นอีกทีเกือบสองชั่วโมงถัดมา  ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมอยู่ถึงคอคงเป็นฝีมือของพี่สาว  โทรทัศน์ถูกปิดไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

            ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่ง   หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพิชช์ฌาน  รอสายอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่มีคนรับสาย  ...หรือจะกำลังยุ่งอยู่กันอยู่   

            ท้องร้องโครกคราก  อาคิราห์เดินไปเปิดตู้เย็นออกสำรวจดูของกินในนั้น  เสียงกุกกักคงทำให้พี่สาวได้ยินเลยเปิดประตูห้องนอนออกมาดู

            “ทำอะไรน่ะอัยย์  หิวเหรอ”

            “พี่มีอะไรกินมั้ย”

            “เดี๋ยวขอดูก่อน”  อริศราว่า  เสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเธอดังขึ้น  หญิงสาวหยิบขึ้นมากดรับนิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองน้องชาย  “อัยย์...ติดต่อสามีเธอได้มั้ย”

            “โทรไปแล้วเค้าไม่รับน่ะ”  ท่าทางที่เปลี่ยนไปของพี่สาวทำให้อาคิราห์เอะใจ  “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “มีคนโทรมาว่าเกิดเหตุระเบิดที่โกดังนอกเมือง  แล้ว...เขาเจอว่ารถของสามีเธอน่ะโดนแรงระเบิดด้วย”

            หัวใจของคนฟังหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม  อาคิราห์มองหน้าพี่สาวอ้าปากค้าง

            “ว่าไงนะ ระเบิดรถเหรอ”  อัยย์พูดตะกุกตะกัก  “แล้วพิชช์..พิชช์ฌานเป็นยังไงบ้าง”

            “ไม่ทราบเหมือนกัน  เขากำลังส่งตัวผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล”  อริศราพูดแล้วก้าวเข้ามาจับแขนของน้องชายเอาไว้  “ใจเย็นๆก่อน  ไปนั่งตรงโซฟาดีกว่า  เกิดล้มไปจะลำบาก  กำลังท้องไส้”  เธอพาอีกฝ่ายไปนั่งที่โซฟา  ใบหน้าเรียวหวานซีดเผือด  ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ

            “พิชช์ฌานจะเป็นอะไรมั้ยครับ  ผมอยากไปที่โรงพยาบาลนั่น”

            “รอข่าวก่อน  พี่ให้คนของพี่ช่วยตามข่าวให้แล้ว”  เธอพูดเรียบๆ เก็บข่าวที่แท้จริงเอาไว้ว่ารถคันนั้นถูกแรงระเบิดพังยับชนิดที่ใครอยู่ในนั้นก็คงแหลกเป็นส่วนเหมือนในข่าวที่บอกมา  แถมผู้บาดเจ็บอีกหลายรายก็ถูกไฟครอกจนระบุตัวบุคคลไม่ได้

            “ผมอยากไปดูที่เกิดเหตุ  ผมไปได้มั้ยครับ”  อาคิราห์ถามเสียงสั่น  มือเย็นเฉียบเอื้อมไปเกาะแขนพี่สาวเอาไว้  “พี่พาผมไปได้มั้ย”

            “ไม่ได้ รอให้เหตุการณ์สงบก่อน  ไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

            อาคิราห์เม้มปากแน่น  ลุกขึ้นไปเปิดโทรทัศน์ดู  ภาพข่าวที่เห็นทำเอาเขาใจหวิวๆด้วยความกลัว  รถยนต์กันกระสุนทั้งคันที่พิชช์ฌานภูมิใจนักหนาพลิกหงายท้องพังยับด้วยแรงระเบิด  กองเพลิงลุกท่วมลามจากโกดังออกมายังพื้นที่รอบข้าง  ในข่าวบอกว่าคนแถวนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นตามด้วยเปลวเพลิงลุกโชน  เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตสองรายและบาดเจ็บหลายราย ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด  ส่วนรถที่เสียหายสืบทราบมาได้ว่าเป็นรถของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่งซึ่งยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆหลังจากเกิดเหตุ

            “ผมจะกลับบ้านก่อน”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  พยายามบังคับเนื้อตัวสั่นเทาให้เป็นปกติที่สุด  “ผมจะไปรอเขาที่บ้าน”  ถึงอย่างไรพิชช์ฌานก็จะต้องกลับบ้านแน่ๆ  อัยย์คิดว่าอย่างนั้น

            “เธอควรรอเขาอยู่ที่นี่”  พี่สาวพูดขึ้นบ้าง  “ขนาดรถยังระเบิดได้  อย่าว่าแต่บ้านเลย  ฉันว่าเธออยู่ที่นี่ดีกว่า  เขาให้เธอมาอยู่กับฉัน  เดี๋ยวเค้าก็จะต้องมารับเธอที่นี่”

            “แต่ว่าผม..กลัวมากเลย”  อัยย์พูดพร้อมกับน้ำตาร่วงเพราะสุดจะฝืนกลั้นเอาไว้ได้อีก  “เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ย”

            “ทำตัวเป็นเด็กไปได้น่า”  หางเสียงของหญิงสาวเริ่มหงุดหงิดแต่ก็เอื้อมมือมาลูบหัวน้องชายแทนการปลอบ  “สามีเธอเคยโดนยิงด้วยบาซูก้าด้วยนะตอนสมัยหาเสียงคราวที่แล้ว  ยังรอดตายมาได้เลย  ข่าวยังออกโครมๆว่าดวงแข็งอย่างกับอะไรดี”

            “.......”  อาคิราห์ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆจนมันแห้งเหือดไปเอง  เขาโทรกลับไปที่บ้านของพิชช์ฌาน   นิ่มนวลเป็นคนรับโทรศัพท์  เธอบอกว่าเจ้าของบ้านยังไม่กลับมา

            “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอัยย์  ทำไมเสียงอู้อี้จัง”

            “เปล่าครับ  ไม่มีอะไร  ถ้าคุณพิชช์ฌานกลับมาแล้วป้านิ่มช่วยโทรบอกผมหน่อยนะครับ”

            “อ้าว  แล้วคุณฌานไม่ได้อยู่กับคุณอัยย์หรอคะ”  นิ่มนวลถามกลับมา  อาคิราห์อึกอัก เลือกที่จะตอบเลี่ยงไปแทน

            “คุณฌานไปทำธุระน่ะครับ  เดี๋ยวไว้เจอกันที่บ้านแล้วผมจะเล่าให้ฟังนะครับป้านิ่ม”  ชายหนุ่มวางสายพลางถอนหายใจ 

            เขาเชื่อมั่นว่าพิชช์ฌานต้องไม่เป็นอะไร  คนอย่างนั้นวางแผนสำรองเอาไว้เสมอ  แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้กันแน่  ทำไมสถานการณ์ถึงได้รุนแรงขนาดนี้หรือว่าที่อีกฝ่ายเคยบอกว่า ไปเหยียบจมูกผู้มีอิทธิพลเข้าจะเป็นเรื่องจริง  ถ้าอย่างนั้นเพราะเขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่า  พิชช์ฌานจะช่วยเขาก็เลยจำเป็นต้องออกหน้าในการทลายขบวนการค้าโอเมก้านั่น...

ภาพใบหน้าคมเข้มที่เงยมองตามเขาในลิฟต์แก้วยังติดตา  หรือว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นกัน  เคยมีคนบอกว่าครั้งสุดท้ายมักไม่มีสัญญาณเตือน ... อาคิราห์ซุกตัวลงกับโซฟาเพราะเกิดหนาวขึ้นมากะทันหัน

            เสียงโทรศัพท์ของพี่สาวดังขึ้น  เธอกดรับและนิ่งฟังครู่หนึ่งก็หันมาทางน้องคนเล็ก

            “คนของสามีเธอมารีบแล้วแน่ะ  รออยู่ข้างล่าง”  อริศราพูด

            อาคิราห์ดีใจรีบลุกขึ้นยืน

            “จริงหรอครับ  ใครมา”

            “บอกว่าชื่อเจนภพ  คงเป็นเจนภพมือขวาคุณพิชช์ฌานนั่นแหละ  วงการนี้มีอยู่เจนภพเดียว”  เธอพูดเรียบๆ  “ฉันจะไปส่งเธอข้างล่าง”  เป็นความใจดีอย่างถึงที่สุดแล้วสำหรับพี่สาวคนนี้ของเขา  ถ้าเป็นเวลาปกติเขาก็คงแปลกใจมากทีเดียว  แต่ในตอนนี้อาคิราห์ทำเพียงพยักหน้าแล้วเดินตามหลังพี่สาวไปที่ลิฟต์เท่านั้น

            ร่างสูงโปร่งของเจนภพยืนรออยู่ก่อนแล้วข้างล่าง  ท่าทางของชายหนุ่มดูกระวนกระวาย  ใบหน้าคมคายมีรอยแผลที่แก้มและหน้าผาก  ส่วนตามลำตัวเขามองไม่เห็นเพราะมีเสื้อผ้าบดบังอยู่   เจนภพพอเห็นเขากับพี่สาวและคนติดตามก็รีบเดินเข้ามาหา

            “คุณอัยย์   คุณพิชช์ฌานให้ผมมารับคุณครับ”

            “คุณพิชช์ฌานเป็นอย่างไรบ้าง”  อาคิราห์รีบถามเป็นประโยคแรก  ดีใจที่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายก็จริงแต่ความเป็นห่วงใครอีกคนมีมากกว่า  อีกฝ่ายอึกอักเหลือบมองไปทางหญิงสาวแวบหนึ่ง

            “คุณฌานสบายดี  ไม่ได้รับอันตรายอะไรครับ”  ชายหนุ่มตอบ  “เชิญคุณอัยย์ทางนี้”  เขาผายมือไปยังรถยนต์อีกคันที่จอดรออยู่ข้างหน้าห้าง 

            “เดี๋ยวก่อน  ถ้าพิชช์ฌานสบายดีทำไมถึงไม่มารับน้องฉันด้วยตัวเองล่ะ”  อริศราถามขึ้น  กวาดตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย  “คุณพิชช์ฌานอยู่ที่ไหน”

            “คุณฌานรอคุณอัยย์อยู่ที่เซฟเฮ้าส์ครับ”  เจนภพตอบอย่างสงบ  “ถ้าคุณจะถามต่อว่าเซฟเฮ้าส์อยู่ที่ไหน  ผมขอไม่ตอบนะครับ   ไปกันเถอะครับคุณอาคิราห์”

            “ผมขอโทรหาคุณพิชช์ฌานก่อนได้มั้ย”  อาคิราห์ไม่ขยับ  ล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดโทรออก  เสียงที่ตอบกลับมาคือ  ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

            “โทรศัพท์ของคุณฌานได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ครับ”  เจนภพว่า  “เชิญคุณอาคิราห์ครับ”

            อาคิราห์คิ้วกระตุก  รู้สึกได้ว่าเจนภพกำลังพยายามปิดบังอะไรบางอย่างอยู่  เขาสังเกตเห็นแววขอร้องที่ส่งมาจากสายตาคู่นั้น  ความระแวงผุดขึ้นในส่วนลึกทว่าคำพูดของพิชช์ฌานที่เคยบอกว่าไว้ใจผู้ชายคนนี้มากที่สุดทำให้อาคิราห์ลังเล

            “ไปเถอะอัยย์  ถ้าถึงที่นู่นแล้วก็โทรหาพี่ด้วย”  อริศราพูดเนิบๆ  วางมือลงบนหลังของน้องชาย

            เจ้าโอเมก้าเดินตามเจนภพออกมาจนถึงรถที่จอดรออยู่  เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างหลัง  ส่วนเจนภพก้าวขึ้นไปนั่งข้างหน้าที่ประจำ  รถแล่นปราดออกจากที่ทันที

            “คุณพิชช์ฌานอยู่ที่ไหน”  อาคิราห์ถามอย่างระมัดระวัง

            “คุณฌานบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิดครับ  ตอนนี้อยู่ไอซียู”  เจนภพว่า  “ผมขอโทษคุณอัยย์ด้วยที่ไม่ได้พูดความจริงตั้งแต่แรก  เพราะไม่อยากให้ข่าวนี้รู้ถึงฝั่งรัฐบาลครับ”  เสียงของคนพูดสั่นนิดๆ  “ผมมารับคุณเพื่อไปโรงพยาบาล”

            อาคิราห์แทบไม่ได้ยินคำพูดหลังจากนั้นที่เจนภพพูดต่อมา  เขารู้สึกหัวสมองว่างเปล่า

            ............................................................................

            มาอัพต่อแล้วจร้า

            หายไปหลายวัน ติดธุระค่ะ

            กลับมาคราวนี้เราจะอัพกันรัวๆ 5555

            เจอกันตอนหน้า  ขอบคุณกำลังใจและทุกคอมเม้นท์นะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 13-05-2019 23:30:33
 :katai1: ค้างยิ่งกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-05-2019 23:53:35
จะเชื่อได้ไหมเนี่ย แล้วใครตลบหลังกันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 13-05-2019 23:55:25
 :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-05-2019 23:56:03
 :serius2: เจนภพอยู่ฝั่งไหนกันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-05-2019 00:19:06
โอ๊ยระแวงไปหมดแล้ว  :katai1: :katai1:
เจนภพก็ไม่ไว้ใจแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-05-2019 00:22:24
หวังว่าเจนภพ จะไม่ทำร้ายทั้งอัยย์และพิชฌาณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-05-2019 00:52:42
เอาตรงๆนะ  เรื่องนี้จะจบสวยใช่ไหม  กลัวใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2019 01:04:55
  :ling3: นิลลาหรือเปล่าที่ตาย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-05-2019 01:32:01
ตอนนี้จะเชื่อใจเจนภพได้ไหมเนี่ย สถานการณ์แบบนี้มันไม่น่าไว้ใจใครได้เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 14-05-2019 04:12:14
เชื่อได้ไหม เราเชื่อใจเจนภพอักครั้งได้ไหม ฮือออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 14-05-2019 06:39:11
ค้างมากกกกก ยังไงเนี่ยเจนภพพพพพพ
แล้วพี่สาวอัยย์อีกคนยังไง ยังไงงงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 14-05-2019 07:03:18
อย่าหลอกน้องนะเจนภพแค่นี้น้องก็ขวัญเสียจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 14-05-2019 07:15:08
……

มาตอนสืบสวน สอบสวนกันละ

มา เรามาเป็นโคนันกัน 

 o8 o8 o8 o8 o8

ใครที่เป็นคนส่งระเบิดมา  นิลลาตายไหม เจนภพหายไปไหนมา

โคนัน :  เจนภพโดนจับตัวได้โดยฝ่ายตรงข้าม โดนทำร้าย และแย่งตู้เซฟไป   :beat:  :beat:  :beat:


              นิลลาต้องไม่ตาย เพราะพิชจับมือวิ่งออกมาด้วยกัน   :call:  :call:  :call:


              คนส่งระเบิด……… ใครวะ ????    :confuse: :o11: :a6:


 :fcuk: :fcuk: :fcuk: :fcuk: :fcuk:


……

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-05-2019 08:38:20
เจนภพฉันใว้ใจนายได้ใช่ใหม

อ๊ากกกกก :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 14-05-2019 10:24:27
ง่าาา... ไรท์รีบมาาาานะคะะะะ..
เราไม่อยากเดา... ง่าาาาา...
อยากอ่านต่อแล้วววว..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 14-05-2019 10:57:30
 :m31:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 14-05-2019 11:02:33
เจนภพน่าสงสัยสุดๆไปเลยค่ะ
พี่สาวน้องอัยย์ก็น่าสงสัยอ่ะ
ลุ้นมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-05-2019 14:47:22
 :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-05-2019 15:39:26
อันนี้คือคุณเจนภพที่อยู่ฝั่งคุณฌาณจริงๆ แล้วใช่ไหมคะเนี่ย? เริ่มไม่มั่นใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-05-2019 15:57:30
ทำไมอยู่ ๆ เจนภพก็โผล่ออกมาล่ะ สรุปเจนภพจะเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่
หวังว่าคงจะไม่หักหลังนายพิษก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: kanika_Pun ที่ 14-05-2019 17:29:43
 o22
กรีดร้อง ใครกำลังหลอกใครอยู่รึเปล่า ใครเล่นละครตบตา

รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 14-05-2019 19:25:02
แงงงง เครียดดด เจนภพยังไง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 14-05-2019 20:56:56
ส่วนตัวว่าเจนภพโกหก 
เจนภพน่าจะเป็นสายจากพ่ออัยย์  ส่วนพวกค้ามนุษย์คงเป็นนายทุนพรรคการเมือง
เจนภพไม่อยากให้พิชช์รู้ว่าตัวเองเป็นสายเลยยอมให้ตู้เซพอีกฝ่าย โดยไม่นึกว่าพวกนั้นจะเอาไปใส่ระเบิด อาจจะนึกว่าเอาไปแค่ทำลายหลักฐาน...คนรู้เมล์ คงเป็นคู่ขาเก่าพิชช์ ตัวที่ส่งอัยย์ไปขายนั่นแหละ...  การที่เจนภพไม่ยอมพูดต่อหน้าพี่สาวอัยย์โดยอ้างว่ากลัวฝ่ายรัฐบาลรู้ น่าจะไม่จริงเพราะข่าวระเบิดดังมากและทุกคนก็รู้ว่ารถพิชช์ถูกระเบิด  ... นี้น่าจะพาอัยย์ไปหาพ่อเพราะคงจะให้พ่อปลอบอัยย์ที่พิชช์ถูกระเบิด(และเจนภพน่าจะนึกว่าพิชช์ตาย)   ส่วนพี่สาวอัยย์ไม่ได้เกี่ยวข้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-05-2019 21:18:41
ระแวงเจนภพสุดตอนนี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-05-2019 21:42:02
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 15-05-2019 00:06:29
 :เฮ้อ:  นี่ยังเชื่อใจเจนภพได้อยู่ใช่ไหม จะลองเชื่อใจเจนภพครั้งนี้นะ อัยย์ต้องได้เจอคุณพิษไม่ว่าจะเจ็บปางตายแค่ไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-05-2019 20:50:46
ใจจะพังค่ะ เต้นตึกตักมาก สงสารอัยย์

ฌาณเจอแต่ละเรื่อง ร้ายแรงทั้งนั้น เล่นกันแรงนะ
แล้วเจนภพหายไปไหนมา กลับมาในสภาพ ดูไม่น่าไว้ใจ

ถึงฌาณจะสงสัย แต่ก็ยังเชื่อใจเจนภพ หวังว่าจะไม่หักหลังกัน
อัยย์ไม่ได้ถูกหลอกให้ไปด้วยใช่ไหมคะ เอ็นดูอัยย์หนักมากแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-05-2019 12:01:34
อ้าว..... :a5: งานเข้าหนักเฉย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-05-2019 17:49:53
แงง ไม่อยากให้สูญเสียใครเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 16-05-2019 20:27:32
พิชฌานต้องรอด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 17-05-2019 23:00:38
รอเรื่องนี้อัพทุกวันเลยค่ะ แง คิดถึงมากๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-05-2019 18:29:03
กลัวเจนภพพาไปที่อื่น เราเชื่อใจได้ไหม  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 18-05-2019 21:22:51
ลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 19-05-2019 11:56:33
ไม่กล้าไว้ใจใครในเรื่องนี้แล้วอ่ะ..
สงสารเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 19-05-2019 16:46:47
เจนภพนี่ยังไงอ่ะ ไว้ใจได้ใช่ไหมมม
เริ่มระแวงละนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่30 13/5/62 p24
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-05-2019 17:10:32
เจนภพจะหักหลังพิชช์ฌาณเหรอ แต่คุณพิชช์ก็ไม่น่าจะโดนหลอกได้ขนาดนั้นนะจะไม่รู้จักลูกน้องตัวเองเชียวเหรอ เจนภพนี่ไว้ใจได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p25
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 20-05-2019 02:26:52
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 31

 

 

 

 

 

 

            “คุณหมอไม่ให้เข้าไปใกล้กว่านี้ครับ  เกรงว่าจะติดเชื้อได้  เนื่องจากคนไข้มีแผลถูกไฟครอกทั้งตัว”  เจนภพพูดเสียงสั่นนิดๆ  พาอาคิราห์เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้ากระจกใสที่มองเข้าไปเห็นร่างๆหนึ่งนอนอยู่  ผ้าพันแผลพันทั่วตัวไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าทำให้แทบจะจำไม่ได้ว่าคือพิชช์ฌาน  ท่อช่วยหายใจใส่เอาไว้ที่ปากเข้ากับเครื่องช่วยหายใจและเครื่องอะไรต่อมิอะไรรอบตัวรุงรัง

            อาคิราห์ทอดมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

            “ใช่เขา..จริงๆหรอ”

            “ผมภาวนาอยากให้เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว”  เจนภพกำมือแน่น  “เพราะผมกลับมาหาคุณฌานช้าเกินไป  เป็นความผิดของผมเองครับ”  เสียงติ๊ดๆของเครื่องอะไรสักอย่างดังขึ้น  นางพยาบาลเดินเข้าไปดูคนไข้ที่นอนอยู่คนเดียวในห้องแยกพิเศษของผู้ป่วยหนัก  “ผมไม่อยากเชื่อเลย”

            “แล้วเค้าจะหายมั้ย”

            “หมอบอกว่าแผลไฟไหม้รุนแรงมากและโดนทั้งตัวร่วมกับแรงอัดตอนระเบิด”  เป็นครั้งแรกที่อาคิราห์เห็นชายหนุ่มตรงหน้าน้ำตาไหล  นั่นยิ่งทำให้ตัวเองใจเสียมากกว่าเดิมหลายเท่า  “อาจจะเสียชีวิตได้ครับ”

            “ผมไม่เชื่อ  นี่ใครเล่นตลกอะไรอยู่หรือเปล่า”  อาคิราห์พึมพำ  หันกลับไปจ้องร่างนั้นผ่านกระจกอีกรอบ  “นั่นไม่ใช่พิชช์ฌาน  ไม่ใช่เขาแน่”

            เจนภพไม่พูดอะไรเลยตอนที่ส่งของอย่างหนึ่งมาให้  มันถูกไฟไหม้จนเกรียมจนอัยย์เกือบจะจำไม่ได้ว่าคือกระเป๋าสตางค์ของนักการเมืองหนุ่ม 

            “เป็นสิ่งที่เจอในกางเกงที่เหลือของเขาครับ”

            อาคิราห์พูดไม่ออก  เขารับมันมาถือเอาไว้อย่างระมัดระวัง  ลักษณะของมันพร้อมที่จะแตกสลายเพียงแค่เขาจับแรงไปนิดหนึ่ง  เช่นเดียวกับชีวิตของคนที่นอนนิ่งเหมือนตายอยู่ในห้องไอซียูแห่งนี้

            “ผมอยากเข้าไปเยี่ยมเค้า  ให้ผมเข้าไปไม่ได้เหรอ”  อัยย์หันไปอ้อนวอน  “ผมสัญญาว่าจะไม่แตะโดนตัวเขาเลยก็ได้  ถ้าคุณกลัวติดเชื้อ”

            “ต้องปรึกษาคุณหมอครับ”  เจนภพเดินหายไปปรึกษานายแพทย์ที่ดูท่าทางอาวุโส  สุดท้ายอาคิราห์ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมได้  แต่ว่าเขาต้องไปอาบน้ำล้างตัวตามด้วยเปลี่ยนชุดเป็นชุดปลอดเชื้อเสียก่อน

            พิชช์ฌานคนที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาดูไม่เหมือนพิชช์ฌานคนเดิมเอาเสียเลย  ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาแพรวพราวคู่นั้นถูกผ้าพันแผลบดบังแทบไม่เหลือที่ว่าง  ร่างกายสูงใหญ่ก็ถูกปกปิดเอาไว้หมดราวกับมัมมี่  อาคิราห์ยกมือขึ้นจนเกือบจะสัมผัสกับท่อนแขนข้างนั้นแต่แล้วก็กลับทิ้งลงข้างตัวตามเดิม

            “คุณพิชช์ฌาน”  เขาเรียกเบาๆ  อีกฝ่ายไม่ขยับ  คุณหมอบอกเขาก่อนแล้วว่าได้ฉีดยาแก้ปวดขนาดสูงเอาไว้ จะได้ไม่ต้องทนทรมานกับบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายมากนัก  แต่ว่าคนไข้ก็จะเคลิ้มๆหลับๆหน่อย

            ภาพนักการเมืองรูปหล่อไฟแรงซ้อนทับกับผู้ชายที่นอนนิ่งอยู่นั้น  อาคิราห์กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น  เขายังจำแววตาสุดท้ายตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาในลิฟต์แก้วได้อยู่เลย  เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ             

            ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...

            “คุณหมอครับ  ผมขอดูหน้าเขาหน่อยได้มั้ยครับ  ผมอยากเห็นกับตาว่าเป็นพิชช์ฌานจริงๆ”  อาคิราห์หันไปพูดเสียงแผ่วกับนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามายืนอยู่ข้างๆ  “นะครับคุณหมอ  ผมขอเห็นหน้าเค้าแค่นิดเดียวก็ได้”

            เขาอ้อนวอนอีกสองสามประโยค  สุดท้ายคุณหมอก็ยอมให้นางพยาบาลเข้ามาเปิดแผลบริเวณใบหน้าออก

            อาคิราห์มือเย็นเฉียบ  ยืนจ้องไปที่ผ้าพันแผลที่ค่อยๆถูกลอกออกทีละชั้น  เส้นผมที่เคยหยักศกสลวยถูกโกนออกหมดเพราะบาดแผลไฟไหม้ที่หนังศีรษะ  คราบขาวๆของยาฆ่าเชื้อที่โปะเอาไว้หนาผสมกับเศษหนังที่หลุดออกดูช้ำเลือดช้ำหนองจนเจ้าโอเมก้าทนดูไม่ได้  เปลือกตาสองข้างพองใสจนไม่อยากเดาถึงสภาพลูกตาข้างในนั้น

            “พอแล้วครับ”

            “.......”  เจนภพก้าวเข้ามาพาร่างสั่นเทาของโอเมก้าออกไปจากห้องปลอดเชื้อ

            อาคิราห์กลับออกมาจากห้อง  ภาพที่เห็นเมื่อครู่กลายเป็นภาพติดตาที่ยากจะลบออกได้  เขายกมือขึ้นกอดอกแน่นพยายามบังคับเนื้อตัวที่สั่นสะท้านเหมือนจับไข้ให้สงบลง  เจนภพพาเขามานั่งพักข้างนอกก่อนครู่ใหญ่ก่อนที่จะบอกเรียบๆว่ามีคนที่เขาควรจะต้องพบอีกคนหนึ่ง

ร่างผอมบางของคนๆนั้นนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยพิเศษอีกชั้นหนึ่ง  อาคิราห์ใช้เวลาเกือบห้านาทีถึงจะจำใบหน้าของเพื่อนโอเมก้าได้  นิลลาอยู่ในชุดคนไข้และมีผ้าพันแผลอยู่ตามตัว

“คุณนิลลา”  เจนภพปลุกคนหลับเบาๆ  ฝ่ายนั้นลืมตาขึ้นมามอง  พอเห็นอาคิราห์ก็รีบลุกขึ้นนั่ง

“อูย”  เสียงอุทานดังขึ้น  นิลลาสูดปากเพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณกลางอกและแขนขา  “คุณอาคิราห์”

“นิล”  อาคิราห์เรียกชื่อ  ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างหมดแรง  “มันเกิดอะไรขึ้น”

นิลลาอึ้งไป  เหลือบไปมองมือขวาของคุณพิชช์ฌานที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลังคุณอาคิราห์  ฝ่ายนั้นพยักหน้านิดหนึ่งให้เล่าเรื่องทั้งหมดออกไป  อาคิราห์ตกใจกว่าเดิมกับแผนการลอบเข้าไปบ้านจักรกฤตเพื่อค้นหาหลักฐานและจบลงที่ระเบิดที่อยู่ในตู้เซฟ

“....พอเปิดเซฟได้  มันคงไปโดนสลักระเบิดเข้า  แล้วตัวเลขก็เริ่มนับถอยหลัง 10 วินาทีเท่านั้นเอง อาคิราห์  สามีของเธอลากฉันออกมาได้นิดเดียวก่อนที่มันจะระเบิด  เขาบังฉันเอาไว้”  ดวงตาของนิลลามีริ้วรอยเสียใจ  “ฉันล้มกระแทกพื้นหมดสติ  มาฟื้นอีกทีที่โรงพยาบาล  ส่วนเขา...”

“........”  อาคิราห์พูดไม่ออก  เขาแทบจะมองเห็นสิ่งที่นิลเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ  เขาจำไม่ได้ว่าได้พูดอะไรออกมาอีกหรือเปล่า  คงจะปลอบใจนิลแล้วก็อวยพรให้หายไวๆกระมัง

อาคิราห์กลับออกมาจากโรงพยาบาลอย่างไรก็ไม่แน่ใจ  ในส่วนลึกเขายังรู้สึกมึนๆชาๆอยู่  ราวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องจริง  รู้สึกลอยๆเหมือนอยู่ในความฝันอย่างไรชอบกล  แต่ก็คงเป็นฝันร้ายที่มีภาพผู้ชายคนนั้นหลอนติดตา ...เขาไม่อยากเชื่อ

            จนกระทั่งเจนภพมาส่งที่บ้านของพิชช์ฌาน  อาคิราห์ก็ก้าวลงจากรถเข้าไปในบ้านอย่างสงบ  เข้าไปยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้องรับแขก  ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนต่อ  รู้ตัวอีกทีป้านิ่มก็เดินเข้ามาหาเขาแล้วก็ร้องไห้

            “คุณอัยย์  โธ่ ...คุณอัยย์  ป้าไม่อยากเชื่อเลย”  เธอจับมือเขาเอาไว้  พร่ำพูดซ้ำๆถึงประโยคเดียวกันกับที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ  “มันเกิดขึ้นได้ยังไง  คุณฌาน...ฮึก  คุณฌานของป้า”

            “..........”  ภาพร่างในผ้าพันแผลผุดซ้ำขึ้นมาอีกครั้งแล้วเริ่มหมุนติ้ว  อาคิราห์ยึดมือของแม่บ้านเอาไว้แน่น

            “คุณฌานหนอคุณฌาน  เคราะห์กรรมอะไรก็ไม่รู้ ...คุณอัยย์  ทำไมมือเย็น..หน้าซีดเหลือเกิน  คุณอัยย์คะ”

            อาคิราห์ได้ยินเสียงเรียกแว่วๆแต่ภาพเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำมืดเสียแล้ว  เขาสูญเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ  รู้สึกรางๆว่าถูกพาไปนอนที่ไหนสักแห่ง

            เสียงร้องไห้ดังขึ้นข้างตัวตอนที่อาคิราห์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาพบว่าตัวเองนอนเอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกโดยมีนิ่มนวลจ่อยาดมอยู่พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย  เจ้าโอเมก้ายันตัวลุกขึ้นนั่ง

            “ป้าอย่าร้องเลยครับ”  เขาพูดออกมาเป็นประโยคแรก  “ผมยังไม่ร้องเลย”  ดวงตาของเขาแห้งผากไร้น้ำตาสักหยด

            “ปะ  ป้าไม่เก่งเหมือนคุณอัยย์นี่คะ  โธ่...ยังหนุ่มแน่น  ป้าทำใจไม่ได้”

            “คุณพิชช์ฌานยังไม่ตายเสียหน่อยนี่ครับ  ...ผมเจอเขาแล้ว  เดี๋ยวก็หาย”  อาคิราห์พูดออกมาด้วยเสียงนิ่งจนตัวเองยังอดแปลกใจไม่ได้  “เขาจะต้องหายแน่ๆครับ”

            “ถึงหายก็คงเสียโฉม กลายเป็นคนพิการ...คุณอัยย์อย่าปลอบใจป้าเลยค่ะ  ป้ารู้”

            อาคิราห์ไม่ได้พูดอะไรอีก  คล้ายกับหมดแรงออกเสียงไปดื้อๆ  เขายกมือขึ้นลูบหลังแทนคำปลอบใจแม่บ้านอาวุโสจนกระทั่งเธอเริ่มสงบลง  ป้านิ่มก็บอกว่าจะไปหาอะไรมาให้เขากิน

            เสียงผู้สื่อข่าวในโทรทัศน์ดังตลอดทั้งวัน  มีคนในพรรคของพิชช์ฌานแวะเวียนเข้ามาหาที่บ้านหลังจากที่ข่าววงในแพร่สะพัดออกไปว่าชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส  อาคิราห์บอกให้ปิดบ้านเอาไว้และงดตอบทุกคำถามชั่วคราว

            เจ้าโอเมก้านั่งอยู่คนเดียวที่ตำแหน่งประจำของตัวเอง  อดเงยหน้าขึ้นมองตำแหน่งหัวโต๊ะที่เคยเป็นของเจ้าของบ้านไม่ได้  เก้าอี้ที่ว่างเปล่าทำให้เขารู้สึกบอกไม่ถูก  ก้มหน้าลงใช้ช้อนตักซุปขึ้นซดอย่างไม่รู้รสชาติ  จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นความแปลกอีกอย่างหนึ่งที่อัยย์สังเกตได้ ...เขาไม่รู้สึกหิวเลยสักนิดเดียว

            เจนภพวิ่งวุ่นรับโทรศัพท์และติดต่อรับหน้าทุกคนมือเป็นระวิง  ชายหนุ่มเล่าให้อาคิราห์ฟังคร่าวๆว่าตอนนี้พรรคเริ่มจะระส่ำระสายเพราะขาดหัวหน้าพรรคไป  รองหัวหน้าพรรคอย่างคุณวริศที่ต้องขึ้นมารักษาการณ์หัวหน้าพรรคแทนก็ยังไม่สามารถรวบรวมความศรัทธาของคนในพรรคเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันได้

            “ผมต้องไปเข้าร่วมประชุมพรรคก่อน  คุณอัยย์อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่มั้ยครับ”  เจนภพเข้ามาถามเขา  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นจากขอบหน้าต่างที่ซบอยู่เป็นชั่วโมง

            “ผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ”

            “เกรงว่าจะยังไม่สะดวกตอนนี้ครับ”  เจนภพพูดอย่างเกรงใจ  “มันจะดูผิดสังเกตถ้าคุณอัยย์กลับบ้าน  ตอนนี้เรายังปิดข่าวเรื่องคุณฌานอยู่ครับ”

            “ถ้างั้น...”  อาคิราห์ปล่อยให้ประโยคขาดหายไปเฉยๆ  เขาหันกลับไปมองข้างนอกหน้าต่างต่อ  ได้ยินเสียงเจนภพพึมพำว่าขอตัวก่อนแล้วก็กลับออกไปจากห้องหนังสือ 

            ความเงียบรอบตัวทำให้อาคิราห์แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง  เขานั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จุดหมายจนกระทั่งนิ่มนวลเข้ามาตามเขาออกไปรับประทานมื้อเย็น

            อาคิราห์เดินตามออกมานั่งที่เดิม  ตักอาหารเข้าปากเหมือนตุ๊กตาไขลานในความรู้สึกของคนมอง  นิ่มนวลแอบยกผ้ากันเปื้อนขึ้นมาซับน้ำตาอีกรอบเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้านิ่งซึมไม่สดใสเหมือนเก่า  ขนาดเธอเป็นแม่บ้านเก่าแก่ยังรู้สึกเหมือนใจจะขาดตอนที่รู้เรื่องคุณพิชช์ฌาน  คงไม่ต้องพูดถึงคุณอาคิราห์ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน

            “คุณอัยย์ทานอีกนิดนะคะ  อย่างน้อยคุณคนเล็กในท้องจะได้มีแรงนะคะ”  นิ่มนวลพูด  คะยั้นคะยอให้เจ้านายตักอาหารเพิ่มอีกสักช้อนสองช้อนก็ยังดี 

            “ผมอิ่มแล้วครับ”  อาคิราห์พึมพำ  วางช้อนลงพลางลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินหายออกไปจากห้องกินข้าว

            นิ่มนวลมาเจอเจ้าโอเมก้านั่งกอดเข่าอยู่ในห้องทำงานของคุณพิชช์ฌาน  นัยน์ตากลมโตแดงก่ำคู่นั้นจ้องเป๋งไปยังปลาบู่ในตู้กระจกไม่กะพริบ  ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง  คุณอัยย์ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

            “คุณอัยย์คะ  ไปอาบน้ำเสียหน่อยจะได้สบายตัวมากขึ้นดีไหมคะ  คุณพิชช์ฌานคงไม่สบายใจแน่ๆถ้ารู้ว่าคุณไม่ดูแลตัวเอง”  เธอพูดเสียงอ่อน  สงสารอีกฝ่ายจับใจโดยเฉพาะตอนที่เห็นร่างเล็กๆนั้นเดินก้มหน้างุดขึ้นบันไดไปเงียบๆไม่พูดอะไรสักคำ

            อาคิราห์ปล่อยให้น้ำเย็นจัดไหลผ่านร่างกายไป  ครุ่นคิดกลับไปกลับมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางย้อนเวลากลับมาได้  เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ  แต่ว่า...ถ้าเขาเรียกพิชช์ฌานให้ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน  ถ้าเขาใส่ใจที่จะถามสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรกันแน่  ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

            ใช่ว่าพิชช์ฌานจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังโดยดี  ผู้ชายคนนั้นมีความลับในชีวิตมากมาย  เป็นคนที่เติบโตมาอย่างซับซ้อนเต็มไปด้วยแบบแผนและเล่ห์กล  คนที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วย  คนที่...เป็นพ่อของลูกในท้องของเขา   อาคิราห์ยกมือขึ้นแนบที่หน้าท้องของตัวเอง  เขาเริ่มจะรู้แล้วว่าความรู้สึกลึกๆข้างในตอนนี้คืออะไรกันแน่

            มันคือความกลัว

            กลัวต่ออนาคตที่ยังไม่มาถึง  ...ถ้าพิชช์ฌานเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ  อาคิราห์จะอยู่อย่างไร  นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว  และไม่เคยเตรียมคำตอบเอาไว้ก่อน

            พอถึงเวลาเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น  อาคิราห์ถึงได้รู้สึกเหมือนถูกผลักตกเขาโดยไม่ทันตั้งใจ  รู้ตัวอีกทีก็นอนหมดสภาพอยู่ที่ตีนเขา  ที่โล่งว่างเปล่าไม่มีถ้ำให้เข้าไปฝึกวิชา  ไม่มีเทพที่ไหนมาช่วย  เขาต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง  เหมือนกับเมื่อตอนนั้นที่ติดอยู่ในเกาะนั่น  ...จริงสินะ  ตอนนั้นพิชช์ฌานเคยบอกว่าเชื่อว่าเขาจะเอาตัวรอดได้แน่  ต่อให้พิชช์ฌานไม่เข้ามาช่วย  ในตอนนี้ก็เหมือนกัน  ...เขาจะต้องเอาตัวรอดพร้อมกับลูกในท้อง

            อาคิราห์กลับออกมาแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย  เขาเปิดโทรทัศน์ขึ้นดูข่าว  พอเห็นหน้าบิดาของตัวเองกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ก็หยุดนิ่งฟังอย่างสนใจ

            “....ทางตำรวจก็กำลังสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ครับ  ยังตอบอะไรมากไม่ได้”  ท่านไตรคุณพูดเรียบๆ

            “ท่านคะ  แล้วการที่ยังไม่มีท่าทีออกมาจากทางพรรคฝ่ายค้าน  ท่านคิดว่าอย่างไรคะ  เหตุเพลิงไหม้ที่บ้านของคุณจักรกฤตและเหตุระเบิดรถของคุณพิชช์ฌานหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านจะเกี่ยวข้องกันไหมคะ”  นักข่าวยิงคำถามรัวเร็ว

            “ผมคงยังตอบไม่ได้  ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวน  แต่ว่าผมทราบอย่างนึงก็คือเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่บ้านคุณจักรกฤตเกิดหลังจากคดีค้าโอเมก้าซึ่งทางตำรวจได้สืบสาวราวเรื่องไปแล้วเข้าใจว่าเกี่ยวข้องสืบเนื่องกัน  ส่วนจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดรถมั้ย  ผมไม่แน่ใจ  อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้เพราะคุณพิชช์ฌานเองก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อยู่แล้วเพราะเขาเป็นคนนำจับ”   คำถามของพ่อทำให้อาคิราห์ขมวดคิ้ว  เช่นเดียวกับนักข่าวที่รายล้อมอยู่

            “แสดงว่ามีแนวโน้มที่คุณพิชช์ฌานอาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าโอเมก้าหรอคะ”

            “ผมไม่ได้พูดนะ  ผมบอกว่าเขาคงไม่ได้เกี่ยวข้อง”  ท่านไตรคุณพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ  “คุณอย่าเอาไปเขียนผิดล่ะ  ไม่งั้นเขาฟ้องผมได้นะ”

            “อีกคำถามค่ะท่าน  การที่คุณพิชช์ฌานยังไม่ออกมาแถลงการณ์อะไรเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดรถครั้งนี้  ท่านมีความเห็นอย่างไรคะ”

            “ไม่มีความเห็นครับ  ...ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่ก็คงออกมาพูดเอง”

            “แล้วแบบนี้จะมีผลอะไรกับการประกาศเลือกตั้งอาทิตย์หน้ามั้ยคะ”

            “คุณพิชช์ฌานก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประกาศเลือกตั้งนี่ครับ  ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อตามระบบครับ”

            “ท่านคะ  อีกคำถามค่ะ”  เสียงนักข่าวดังรอบตัวทว่าท่านนายกฯก็ไม่ได้ตอบคำถามเพิ่มเติมอีกแล้ว

            อาคิราห์กดปิดโทรทัศน์  เขานั่งเอนๆพิงหัวเตียงเอาไว้ในท่าประจำ  ครุ่นคิดถึงคำพูดของบิดาแล้วก็รู้สึกได้ว่าพิชช์ฌานคงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก  การเปิดเผยว่าชายหนุ่มบาดเจ็บหนักอาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย

            แต่ถึงอย่างไร...เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

            เจ้าโอเมก้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดใหม่  คราวนี้เขากดโทรหาพี่ชายฝาแฝดที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง  ภาวนาขอให้อคินทร์มีเวลาคุยด้วยเถิด

            “ฮัลโหล  ว่าไงอัยย์  มีอะไรหรือเปล่า” เสียงคินดังมาตามสายพร้อมกับเสียงโหวกเหวกเหมือนอยู่กลางแจ้ง

            “ว่างคุยมั้ย”  อาคิราห์พูด  อีกฝ่ายเงียบไปนิดหนึ่ง  อัยย์ได้ยินเสียงเหมือนกำลังเดิน  สักพักเสียงรอบด้านก็เงียบลง

            “โอเค  อยู่ในรถแล้ว  มีอะไร..ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”  อคินทร์จับเสียงที่เปลี่ยนไปของน้องชายได้ทันทีแม้จะได้ยินแค่สามคำ  อาคิราห์เม้มปากแน่น

            “เปล่า...คิดถึงเลยโทรหา”

            “เปิดกล้องหน่อยซิอัยย์  ฉันอยากเห็นหน้า  ร้องไห้อยู่หรือเปล่า”

            “ไม่ได้ร้อง  จริงๆนะ”  อัยย์ยกมือขึ้นแตะที่ขอบตาแห้งผากของตัวเอง  “ไม่มีน้ำตาเลย  ดูสิ”  เขาเปิดกล้องให้พี่ชายดูหน้าของตัวเอง

            “ให้ตายเหอะ...นี่มันหนักกว่าร้องไห้อีก  เกิดอะไรขึ้นอาคิราห์  เล่ามานะ”  พี่ชายฝาแฝดสบถออกมาแล้วพูดเสียงเข้ม  มีไม่กี่ครั้งที่อีกฝ่ายจะเรียกชื่อจริงของเขา

            “ไม่มีอะไร”  อาคิราห์รีบปิดกล้อง  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่ชายจะตกใจทำไม  เขาไม่ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนทุกทีเสียหน่อย  “คือมีเรื่องนิดหน่อย  แบบ...รถคุณพิชช์ฌานโดนระเบิด”

            “เห้ย  จริงหรือเปล่า  ฉันมัวแต่ทำงานไม่ได้ตามข่าวเลย  แล้วเค้าเป็นไงบ้าง”  อคินทร์อุทานอย่างตกใจ  ถามต่อมารัวเร็ว  “แล้วนายล่ะอัยย์  ไม่ได้อยู่ในรถใช่มั้ย”

            “ฉันสบายดี  ส่วนคุณพิชช์ฌาน...คุณพิชช์ฌาน...บาดเจ็บนิดหน่อย  ไม่เป็นไร”

            “อาคิราห์”  พี่ชายเรียกชื่อมาอีก  อัยย์เงียบกริบ   “นายไม่เคยโกหกฉันสำเร็จ  พูดความจริงมา”

            “ไม่มีอะไรจริงๆ  นึกขึ้นได้ว่านายกำลังเวิลด์ทัวร์ก็เลยโทรหา  คอนเสิร์ตเป็นไงบ้าง  เสียดายฉันไม่ได้ไปดู”  อาคิราห์กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  “อย่าลืมส่งดีวีดีมานะ  ฉันอยากเห็น...”

            “คุณพิชช์ฌานเจ็บหนักใช่มั้ย”  เสียงเข้มๆของแฝดพี่สวนกลับมาก่อนที่เขาจะพูดจบ  “เขาเป็นอะไร  หรือว่า...ตะ”

            “ยังไม่ตาย”  อัยย์รีบพูดก่อนที่อีกคนจะพูดจบ  “เค้าแค่บาดเจ็บนิดหน่อย  ถูกแรงระเบิดน่ะ”

            “ถ้านายยังเห็นฉันเป็นพี่ชายล่ะก็  เล่าความจริงมาอัยย์”

            “โธ่  คิน....”  อาคิราห์อุทาน  ริมฝีปากสั่นจนต้องกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น  “คุณพิชช์ฌานเค้า..ถูกระเบิด  แล้วทีนี้ ...นายห้ามไปบอกใครนะ  คือ..”

            “ฉันจะไปบอกใครล่ะ  เอางี้ฉันสาบานว่าจะไม่บอกใคร”

            “จริงๆนะ”

            “ฉันเคยผิดสัญญากับนายเหรอ”

            “คิน...คุณพิชช์ฌานเขาอยู่ไอซียู  โดนไฟลวกทั้งตัวเลย”  อาคิราห์พูดพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น  “เค้าไม่รู้สึกตัวด้วย  ใส่ท่อเอาไว้ในปาก  มีผ้าพันแผลเต็มตัว  ตอนแรกอัยย์ก็ไม่เชื่อก็เลยขอให้เขาแกะแผลออก  ...คิน”  เจ้าโอเมก้าหลับตาลง  น้ำตาไหลอาบแก้ม   “หนังเค้าพองหมดเลย  มันแบบ.. แย่มาก  หมอบอกว่าเค้ามีโอกาสตาย  แต่อัยย์ว่าเค้าไม่ตายหรอก  เค้าจะตายได้ยังไง”  เขาพูดปนสะอื้น  “เขาแข็งแรงจะตาย”

            “อัยย์  ใจเย็นๆก่อนนะ”  ปลายสายอึ้งไปเช่นกันก่อนจะพูดปลอบใจมา

            “อัยย์ใจเย็นแล้ว  ใจเย็นสุดๆแล้วคิน  อัยย์ไม่ร้องไห้เลยด้วยจนโทรหาคินเนี่ย  ฮึก  แต่อัยย์...อัยย์ไม่ไหวแล้ว  มันรู้สึกเหมือนอกจะแตก  อัยย์กลัวเค้าตายจริงๆ  อัยย์จะทำยังไงดี”  อาคิราห์ดึงหมอนใบโตขึ้นมากอดเอาไว้แน่น  “อัยย์กลัวจริงๆ”

            “นายกลับไปที่บ้านก่อนมั้ย  อย่างน้อยมีพ่อกับแม่..”

            “อัยย์ไม่อยากกลับไปตอนนี้  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่  มันสับสนไปหมด”  อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ  “ช่างเหอะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  อัยย์ไม่เป็นไร”

            “ไม่เป็นไรจะนั่งร้องไห้แบบนี้เหรอ  รอก่อนนะคินจะรีบบินกลับ”

            “ไม่ต้องนะคิน”  เขารีบห้าม  “ทุกครั้งที่มีเรื่องคินจะต้องเป็นคนมาช่วยอัยย์ตลอด  ตอนนี้อัยย์อยากช่วยตัวเอง  คินแค่รับฟังก็พอแล้ว  ไม่ต้องกลับมา  อยู่ทัวร์คอนเสิร์ตให้จบ”  พูดออกไปแล้วก็นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน  ทำไมเขาถึงไม่นึกอยากให้ฝาแฝดมาช่วยแก้ปัญหาด้วยอย่างเคย  เขาแค่อยากให้อคินทร์รับฟังที่เขาเล่าแค่นั้น  “อัยย์จะดูแลตัวเองและผ่านไปให้ได้”

            “นั่นอัยย์คนเดิมหรือเปล่า”  ปลายสายสงสัย  “หรือใครปลอมตัวมาคุยด้วย”

            “อัยย์คนเดิม”  อาคิราห์ยืนยัน  น้ำตาเริ่มแห้งไปทีละน้อย  “อยากไปเยี่ยมเขาจัง”

            “อยากไปก็ไปสิ  นายไปได้อยู่แล้ว  ...นายเป็นภรรยาของเขานะ  ตั้งท้องลูกของเขาด้วย  ไม่มีใครห้ามนายได้”

            “แต่ฉันกลัวจะไปเกะกะเขา”

            “เวลานี้ไม่มีใครสำคัญเท่านายแล้วนะ  คุณพิชช์ฌานเองเขาก็ต้องอยากได้กำลังใจจากนายที่สุดนะอัยย์”  อคินทร์ว่า  “ไปอยู่กับเขาเถอะ”

            อาคิราห์พูดคุยกับพี่ชายอีกนิดหน่อยแล้วก็วางสาย  เขาล้มตัวลงนอนขดตัวกอดหมอนของพิชช์ฌานเอาไว้แน่น  คิดถึงวงแขนแข็งแรงอบอุ่นที่เคยซุกตัวนอนหลับอย่างสบายนั้นแล้วก็พาลขอบตาร้อนผ่าว  ดูเหมือนว่าพอได้ร้องออกมาเสียครั้งหนึ่งแล้ว  ครั้งต่อมาก็ดูจะง่ายขึ้นหลายเท่า

            อาคิราห์ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนหมอนชุ่ม  ห้องนอนโล่งๆว่างเปล่าดูอ้างว้างกว่าเดิมจนไม่สามารถข่มใจให้หลับได้เลยแม้จะมีกลิ่นของพิชช์ฌานเป็นตัวช่วยแล้วก็ตาม  ความเป็นห่วงกังวลสารพัดทำให้เจ้าโอเมก้านอนหลับๆตื่นๆไปจนถึงเช้า


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p25
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 20-05-2019 02:27:43
 



            วันรุ่งขึ้นอาคิราห์สะดุ้งตื่นพร้อมกับอาการเวียนหัวที่จู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรง  ภาพเพดานหมุนติ้วจนเขาต้องลงนอนหลับตานิ่งๆต่ออีกครู่ใหญ่  อาการเวียนหัวก็ไม่หายไป  แถมยังมีอาการคลื่นไส้เพิ่มขึ้นมาอีก  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำ  เกาะชักโครกก้มลงอาเจียนเอาน้ำลายเหนียวๆออกมายกใหญ่

            เรอเอิ้กออกมาตามหลังจนรู้สึกว่าท้องโล่งขึ้น  คงเป็นเพราะนอนไม่อิ่มเมื่อคืนถึงได้ไม่สบายเอา  อาคิราห์ลุกขึ้นอาบน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ

            เขาบอกเจนภพว่าอยากไปเยี่ยมพิชช์ฌานอีก  มือขวาคนสนิทที่ดูจะหัวหมุนเพราะวิ่งจัดการเรื่องคนนู้นคนนี้รีบตอบตกลงทันทีจนอาคิราห์แปลกใจ  เจนภพเล่าให้ฟังสั้นๆว่าวันนี้จะมีแถลงข่าวพรรคเกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่

            “เราคงปิดข่าวต่อไปไม่ได้แล้วครับ”  เจนภพพูด  “ถ้าปล่อยให้สถานการณ์อึมครึมต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อพรรคครับ  อีกอย่าง...คุณฌานเองก็คงไม่อยากให้พรรคหยุดชะงักด้วย”

            “แล้วอาการของคุณพิชช์ฌาน”

            “คุณหมอบอกผมว่ายากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ครับ  แผลไฟไหม้ทั่วตัวจะกลายเป็นแผลเป็นและต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขอีกหลายครั้ง  อย่างน้อยเป็นปีๆกว่าจะดี  โดยเฉพาะแผลที่ใบหน้าซึ่งถูกดวงตา”  เสียงของเจนภพขาดหายไปเหมือนเจ้าตัวสะเทือนใจ  “คุณฌานมีสิทธิตาบอดครับ”

            “.............”

            อาคิราห์นั่งเงียบกริบจนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านชานเมือง  ไม่เห็นนักข่าวสักคนแสดงว่าคงจะปิดข่าวเอาไว้ได้ดีมาก

          ชายหนุ่มเดินมาตามทางเดินกับเจนภพและผู้ติดตามอีกสองคน   เข้าไปในห้องไอซียูเหมือนเมื่อวาน  ร่างของคนเจ็บยังนอนอยู่ที่เดิม  คุณพยาบาลบอกว่าถึงเวลาทำแผลพอดี  ขอให้ญาติรอข้างนอกก่อน

            อาคิราห์มองเห็นร่างนั้นเพียงแวบเดียวผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดรอบเตียง  ร่างนั้นเป็นสีขาวๆแดงๆคงด้วยยาทาเอาไว้ทั้งตัวกระมัง  ...เจ้าโอเมก้าถอยมานั่งบีบมือรออยู่บนเก้าอี้เกือบชั่วโมงกว่าจะทำแผลเสร็จ  ร่างของพิชช์ฌานมีผ้าพันแผลพันทั่วตัวเรียบร้อย

            “เข้าเยี่ยมได้ครับ”

            พอได้รับอนุญาต  อาคิราห์ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเหมือนเมื่อวาน  วันนี้เขาขยับเข้าไปยืนจนเกือบชิดเตียง  ไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะเพราะกลัวคนไข้ติดเชื้อตามที่นายแพทย์ย้ำนักย้ำหนา  ชายหนุ่มเพียงแต่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆเตียงนั้น

            “คุณพิชช์ฌาน  ผมมาเยี่ยม...”  เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านั้น  “จำผมได้หรือเปล่า  ...อาคิราห์”

            นัยน์ตาสองข้างถูกปิดเอาไว้ป้องกันการติดเชื้อ  อาคิราห์สังเกตเห็นว่าปลายนิ้วของคนไข้ขยับเหมือนตอบรับที่เขาพูด

            “คุณได้ยินผมใช่มั้ย  ผมเอง...ตัวบู้บี้ของคุณไง”  เขารีบพูดต่ออย่างดีใจ  เกือบเอื้อมมือไปแตะปลายนิ้วมือนั้นแต่ก็นึกขึ้นมาได้  “ถ้าคุณได้ยินผม  ช่วยชูนิ้วโป้งหน่อยได้มั้ย”

            นิ้วโป้งกระดิกตอบรับทันที

            “คุณได้ยินจริงๆด้วย  ผมนึกว่าคุณหลับเสียอีก”  อาคิราห์น้ำตาคลอ  “คุณเจ็บมากมั้ย  ถ้าเจ็บมากให้กระดิกนิ้วโป้ง  อา...ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ ผมกลัวคุณตาย  คุณไม่ตายได้มั้ย”

            นิ้วโป้งกระดิกอีกครั้งหนึ่ง  คนมองยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตา

            “คุณสัญญาแล้วนะ”

            “........”  คนป่วยงอตัวลงไอออกมาเพราะสำลักลมหายใจที่ต่อกับเครื่องช่วยหายใจ  พิชช์ฌานคงจะทรมานมาก  การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาหมายความว่าบาดแผลที่ผิวหนังจะต้องถูกยืดหดไปด้วย 

            นางพยาบาลเข้ามาดูแลคนป่วย  อาคิราห์ถอยมายืนห่างๆ อดทนรอจนพิชช์ฌานสงบลงอีกครั้ง

            “หมอฉีดยาแก้ปวดให้คุณ  คุณจะได้ไม่เจ็บนะ”  เขาพึมพำ  มองอีกฝ่ายที่เริ่มนิ่งไปอีกครั้งเหมือนเข้าสู่ห่วงนิทรา  “คุณจะหลับแล้วเหรอ  ดีจัง...เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย  คิดถึง..”  คำพูดของเขาขาดหายไปในลำคอ   เดาเอาว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยินแล้ว  ถ้าเป็นอย่างนั้น  เขาก็จะส่งสารทางโทรจิตแทน

            ‘...เมื่อเช้าผมลุกมาอ้วกด้วย  เวียนหัวมากแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว  คงเป็นเพราะนอนไม่หลับแน่ๆ  เมื่อไหร่คุณจะกลับบ้านเสียที  ผมอยากไปกินร้านมิชลินสตาร์กับคุณอีก  คุณจะได้แบ่งให้ผมกิน  แต่รู้มั้ยว่าสองวันมานี้ผมไม่หิวเลย  แปลกไหมล่ะ  กระเพาะผมคงพังไปแล้วอย่างที่คุณเคยว่าแน่ๆ  เหมือนเจ้าบู้บี้ที่สอง  ผมว่ามันไม่สบาย  เมื่อวานมันเอาแต่ว่ายไปมาแบบหงอยๆ  ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม..’   เขานึกเล่าเรื่องให้อีกฝ่ายฟังไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม

            อาคิราห์เปลี่ยนชุดกลับออกมาจากห้องปลอดเชื้อ  เจนภพรออยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางลำบากใจจนเขาสังเกตเห็น  กำลังจะเอ่ยถาม  คำตอบก็มาถึงตัวพอดี

            “อยู่นี่เองหรอ  โอเมก้า”  เสียงของผู้หญิงดังขึ้นข้างหลัง  อาคิราห์หันไปมอง  ร่างสูงสง่าของอัลฟ่าหญิงวัยกลางคนเดินตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าโกรธขึ้งจนเครื่องสำอางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างดีก็เอาไม่อยู่  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นทำความเคารพ

            “สวัสดีครับ”

            ผั้วะ!!!

            ซีกหน้าด้านซ้ายของอาคิราห์ชาไปทั้งแถบพร้อมกับหูที่ลั่นกริ่ง  แรงจากฝ่ามือของมารดาพิชช์ฌานรุนแรงจนหน้าหัน  เสียงอุทานอย่างตกใจมาจากคนรอบข้างก่อนที่เจนภพจะเข้ามากันเขาเอาไว้

            “คุณนายครับ  นี่โรงพยาบาลนะครับ”

            “ฉันเคยเตือนลูกฉันแล้วว่าเธอมันตัวซวย  เธอเอาความหายนะมาให้ลูกชายฉันแล้วยังมีหน้ามาเยี่ยมเขาอีกเหรอ”  คุณนายนวลพรรณกรีดเสียง  จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  “เธอทำลายอนาคตลูกฉัน  ลูกฉันเคราะห์ร้ายขนาดนี้ก็เพราะเธอคนเดียว”

            “เชิญคุณนายทางนี้ดีกว่าครับ”  เจนภพพยายามดันตัวอาคิราห์ออกมาแต่ว่าแม่ของพิชช์ฌานกลับตวาดเสียงดัง

            “จะไปไหน  ฉันยังพูดไม่จบ  เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โอเมก้า  ชีวิตโอเมก้าอย่างเธอไม่มีค่าพอที่จะมาชดใช้ให้ลูกชายของฉันด้วยซ้ำ  เธอต้องรับกรรมที่ทำให้ลูกฉันเจ็บขนาดนี้  เธอจะต้องทรมานยิ่งกว่าเขา”

            “มันเป็นเรื่องสุดวิสัยครับ  ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอัยย์เลย”  เจนภพพูดเสียงเรียบ  “คุณนายอย่าพูดอย่างนั้นเลย  ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกครับ”

            “ก็มันไงล่ะ   ป่านนี้พ่อของมันคงนั่งหัวเราะแล้วมั้งที่เห็นลูกชายของฉันปางตายขนาดนี้  ฉันบอกฌานแล้วแต่ฌานไม่เคยฟัง  แล้วเป็นไง  มันนำความหายนะอัปรีย์มาให้ตระกูลตามคำทำนายจริงๆ”

            อาคิราห์ตัวชาลงไปถึงปลายเท้า  เขาไม่เคยถูกด่าว่าอย่างรุนแรงขนาดนี้มาก่อน  ไหนจะความเจ็บปวดที่ข้างแก้มนั่นอีก  มั่นใจได้เลยว่าคงจะต้องขึ้นเป็นรอยนิ้วมือแน่ๆ  ท่าทางมารดาของพิชช์ฌานโกรธแค้นเขามากเสียจนแทบจะเข้ามาทำร้าย

            “พาคุณอาคิราห์ออกไปก่อน”  เจนภพหันไปสั่งลูกน้อง

            อาคิราห์ถูกพาออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้น  เขากลับเข้ามาในรถยนต์คันเดิมที่นั่งมา  ครู่ใหญ่เจนภพก็เดินตามออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล

            “คุณอัยย์  โอเคมั้ยครับ”

            “....”  อาคิราห์ยังพูดไม่ออก  ได้แต่พยักหน้ารับ  มือกุมที่แก้มข้างนั้นเอาไว้แน่น

            “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ช่วยกันคุณไม่ทัน  ผมไม่นึกว่าคุณนายจะทำแบบนั้น”  เจนภพพูด  มองซ้ายขวาแล้วก็สั่งให้ลูกน้องไปหาน้ำแข็งมาให้เจ้านายประคบ  “คุณประคบไปก่อนนะครับ  ผมขอไปจัดการข้างในต่อก่อน  คุณอัยย์นั่งรอในนี้ได้มั้ย  อ้อ...ผมจะให้นิลลามาเป็นเพื่อนคุณ”

            “นิล?  เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ”  อาคิราห์เบิกตากว้าง  เจนภพพยักหน้ารับ

            ไม่นานร่างผอมบางของโอเมก้าคนหนึ่งก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลตรงมาที่รถ  นิลอยู่ในชุดลำลองแปลกตาไปจากทุกครั้ง  ผ้าพันแผลยังมีให้เห็นอยู่ตามแขนขา

            “นิล  หายแล้วเหรอ  เป็นยังไงบ้าง”

            “ดีขึ้นแล้ว  ...นั่นโดนอะไรมา”  นิลชี้ที่ข้างแก้มที่ปรากฏรอยนิ้วแดงก่ำ  “ใครทำร้ายคุณ”  เสียงของนิลเครียดขึ้น

            “คนประสาทน่ะ...ช่างเถอะ”  อาคิราห์ตอบ

            “นิลจะไปจัดการให้   แค่บอกมาว่าใคร”

            “โธ่  ไม่เอาน่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากเลย  เทียบกับนิลแล้วก็พิชช์ฌานแล้ว...แค่นี้ยังน้อย”  อาคิราห์พึมพำ  อดนึกถึงคำพูดของแม่พิชช์ฌานขึ้นมาไม่ได้  เขาเป็นโอเมก้าที่นำพาหายนะมาสู่ตระกูลของพิชช์ฌานจริงหรือ  ยังมีคนเชื่อคำทำนายทายทักแบบนี้อยู่อีกหรือไง

            แล้วถ้ามันเป็นจริงล่ะ....

            “คุณโอเคหรือเปล่า”  นิลถามต่อมาอีก  “มีอะไรที่อยากให้ฉันช่วยมั้ย  ฉันพร้อมจะช่วยคุณเต็มที่  เท่าที่ฉันจะทำได้”

            “หมายความว่ายังไงนิล”  อาคิราห์ถามซ้ำ

            “ฉันจะขอติดตามคุณ  คุณอาคิราห์  จากนี้และตลอดไปจนกว่าชีวิตฉันจะหาไม่”  นิลพูดอย่างจริงจัง  เอื้อมมือมาจับมือของอาคิราห์  “สามีของคุณช่วยชีวิตนิลลาคนนี้เอาไว้  ฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเขายังไงนอกเสียจากว่าขอดูแลรับใช้ภรรยาของเขาเท่าที่จะทำได้”

            “รับใช้อะไรกัน  เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์ท้วง  “ไม่เอาน่า  อย่าคิดมากเลย  แค่นิลยอมเป็นเพื่อนกับฉัน  ฉันก็ดีใจมากแล้วล่ะ  ฉันไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคนเดียว”  เขาเป็นฝ่ายกุมมือของนิลลาเอาไว้แทน  “ฉันดีใจที่นิลบอกจะมาอยู่ด้วย  แต่มาในฐานะเพื่อนของฉันเถอะนะ  ฉันอยากมีเพื่อนมานานแล้ว”

            นิลลาพยักหน้ารับ  บีบมือตอบแน่น

            อาคิราห์ขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนเหตุระเบิดให้ฟังอีกครั้ง  นิลลาเล่าอย่างละเอียดเสียจนอาคิราห์อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เล่ามามีอะไรแปลกๆหลายอย่าง

            “...แล้วคุณเจนภพเขาหายไปเลยเหรอ  งั้นเขากลับมาได้ยังไง”

            “นิลลาก็ไม่รู้  รู้แค่ว่าเขาเป็นคนวางแผนปฏิบัติการทั้งหมดตอนบุกเข้าไปในบ้านของจักรกฤตแล้วเขาก็ขาดการติดต่อไป   นิลลาเพิ่งจะเห็นเขาก็ตอนมาโรงพยาบาลนี่ล่ะ”

            “หรือว่าคุณเจนภพจะ..”  อาคิราห์หยุดพูดเพราะรู้ว่าไม่ควรพูดออกมา  พิชช์ฌานไว้ใจเจนภพมากแค่ไหนใครๆก็รู้  เจนภพเองก็ดูแลรับใช้พิชช์ฌานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง  เป็นมือขวาและเป็นคู่คิดของพิชช์ฌานเสมอมา  จะเป็นไปเหรอว่าอีกฝ่ายจะหักหลัง ...  ถ้าอย่างนั้นเจนภพจะทำไปทำไมกัน

            “นิลลาไม่อยากให้คุณอาคิราห์ไว้ใจใครทั้งนั้น”  โอเมก้าพูดขึ้นเรียบๆ  “ตอนนี้ไม่มีใครไว้ใจได้  แม้แต่นิลลาเองก็อย่าไว้ใจ”

            “พูดอะไรอย่างนั้น”  อาคิราห์หัวเราะออกมา

            “พูดจริงๆนะ  จะเรียกว่าสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานก็ได้  นิลลารู้ว่าพวกมันไม่ปล่อยคุณพิชช์ฌานเอาไว้แน่  เพราะคุณพิชช์ฌานไปขัดขาพวกมันเข้า”  นิลลาพูด  “โดยเฉพาะคุณอาคิราห์  คุณต้องระวังตัวเอาไว้  ...คุณเป็นเหมือนความหวังของโอเมก้ายุคใหม่  คุณจะกลายเป็นเป้า”

            “แล้วฉันควรจะต้องทำอย่างไร”

            “คุณต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส”  ฝ่ายนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม  แวบหนึ่งที่อาคิราห์รู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าตาท่าทางแบบนี้ที่ไหนมาก่อน  แต่เขาก็นึกไม่ออก

            “โอกาสงั้นเหรอ  ...ฉันสารภาพว่ายังมืดแปดด้านไปหมด”

            “คนบางส่วนชอบเชียร์มวยรอง  คุณอาคิราห์  โดยเฉพาะฝ่ายที่ถูกรังแกจะได้คะแนนสงสารเป็นพิเศษ”

            “หมายความว่าให้ฉันเรียกคะแนนสงสารเหรอ  ทางไหนล่ะ...”

            “อาจจะลองให้สัมภาษณ์”

            “เดี๋ยวนะนิลลา  ในเมื่อพิชช์ฌานก็ป่วยหนัก  ฉันเองก็ท้องอยู่  ฉันไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวหรอก”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นลูบท้องของตัวเองนิดหนึ่ง  “ฉันไม่อยากเข้าไปเสี่ยงอีก”     

            นิลลาชะงัก

            “ไหนคุณบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกชนชั้นเท่าเทียมอย่างไรล่ะ  ลืมเสียแล้วเหรอ  จำตอนที่คุณอยู่ที่เกาะนั่นได้มั้ย  มีเพื่อนพ้องของเราชาวโอเมก้าถูกกดขี่  ถูกส่งไปค้าขายเยี่ยงสินค้าที่ต่างแดน  ตัวคุณเองก็ถูกเหยียดหยามว่าเป็นโอเมก้าไม่ใช่หรือ  คุณจะปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือไง  หรือคุณลืมความลำบากไปแล้วก็เลยไม่คิดจะใส่ใจอีกต่อไป”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะนิล”  อาคิราห์รีบท้วง  “ฉันยังจำได้ไม่ลืมหรอก  รสชาติของขนมปังขึ้นรานั่นยังติดลิ้นของฉันอยู่เลย  เพียงแต่ว่า ...ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้”

            “คุณพูดไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิม  อาคิราห์คนที่มอบความหวังให้พวกเราโอเมก้าหายไปไหนเสียแล้ว”

            “เขายังอยู่  ฉันแค่คิดว่า...จะสอบเทียบแล้วเรียนรู้กฎหมายเสียก่อน  ค่อยมาจัดการเรื่องอื่น”  เขาพูดตามแนวทางที่พิชช์ฌานเคยวางเอาไว้ให้   “คุณพิชช์ฌานบอกฉันแบบนี้”

            “แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วนะ  คุณพิชช์ฌานเองก็ไม่สามารถมาช่วยอะไรคุณได้แล้ว  คุณต้องช่วยตัวเอง  คุณจะปล่อยไปตามเวรตามกรรมไม่ได้หรอก  ต้องลงมือทำ  ฉันจะช่วยคุณเองคุณอาคิราห์”

            “นี่ฉันได้นักปลุกระดมมาเป็นเพื่อนหรือเปล่า”  อาคิราห์พูด

            “ฉันมีเพื่อนอีกหลายคนที่พร้อมจะช่วยคุณ”  คำตอบของนิลลาทำให้อาคิราห์แปลกใจ  “มีการเคลื่อนไหวลับๆของกลุ่มเครือข่ายโอเมก้าใต้ดินอยู่  เขาจะสนับสนุนคุณอย่างแน่นอน”  นิลลาลดเสียงลงเหลือเพียงกระซิบ  “ฉันจะเล่าให้คุณฟังทีหลัง”

            เจนภพกลับมาที่รถด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ  เขาขอโทษขอโพยอาคิราห์อีกยกใหญ่ที่ดูแลได้ไม่ดีจนถูกทำร้ายเข้า  อาคิราห์พยายามปล่อยวางไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรมารดาของพิชช์ฌานอีก  มือขวาคนสนิทของพิชช์ฌานดูโล่งใจขึ้น  เขาพาโอเมก้าทั้งสองคนไปส่งที่บ้านของพิชช์ฌานแล้วออกไปที่ทำการพรรคต่อ

            อาคิราห์เปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ตลอดการแถลงข่าวของพรรคฝ่ายค้าน  รองหัวหน้าพรรคจรัญขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนหัวหน้าพรรคคนเดิมเนื่องจากนายพิชช์ฌานขอลาหยุดพักไม่มีกำหนด

            นักข่าวรุมถามเหตุผลที่หัวหน้าพรรคหนุ่มหายหน้าหายตาไป  อาคิราห์เห็นนายจรัญหันมามองกล้องแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างสงบ

            “ท่านพิชช์ฌาน  หัวหน้าพรรคของเราได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดโกดังครับ  ขณะนี้อาการยังไม่คงที่เป็นตายเท่ากัน  กำลังพักฟื้นอยู่ในห้องไอซียู”  เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่นักข่าว  “ถึงแม้ว่าท่านพิชช์ฌานจะไม่สามารถกลับมานำพรรคสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้  แต่ว่า...พรรคของเราก็จะยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคต่อไป  ผมในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่  ขอพูดถึงสิ่งที่พรรคของเราตั้งใจจะทำ....”

            อาคิราห์หลับตาลง  ไม่มีคำถามค้างคาใจอีกแล้ว...ความรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งถูกลบล้างด้วยภาพบาดแผลของคนเจ็บ ตามด้วยความโกรธแค้นของมารดาฝ่ายนั้น  จบลงด้วยคำแถลงการณ์ของพรรค  เป็นการปิดฉากชีวิตนักการเมืองของพิชช์ฌานอย่างไม่สวยงามเลย   

            แต่ถึงอนาคตทางการเมืองจะหมดไป  ทว่าในฐานะพ่อของลูกในท้องของเขา  พิชช์ฌานก็ยังคงสถานะอยู่เหมือนเดิม  อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่  อาคิราห์ยกมือขึ้นจับท้องของตัวเองเอาไว้  อดทนเอาไว้ก่อน ...อดทนเอาไว้

            อดทนแทบไม่ไหวแล้ว

            ..............................................................................

            มาอัพต่อแล้วจ้า  มีใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเนอะ  กงกรรมกงเกวียนเด้อ

            #ขอรักแค่คุณ



           
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p25
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 20-05-2019 02:53:35
คนที่โดนระเบิดใช่พิชช์ฌานแน่หรอ
เราว่าไม่น่าใช่นะ พิชช์ฌานอาจจะไปซ่อนตัวเพื่อการใหญ่ก็ได้

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-05-2019 03:02:59
อยากจะหวังว่าคนเจ็บไม่ใช่พิชช์ฌานมันจะดูเป็นไปได้มั้ย
เจ้าบู้บี้ชั้นเครียดจะตายแล้ว ห่วงเจ้าถั่วในท้องด้วย
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-05-2019 03:39:37
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-05-2019 05:15:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-05-2019 05:15:44
 :katai1: :katai1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 20-05-2019 07:47:57
คนที่โดนระเบิดใช่พิชช์ฌานจริงๆหรอ ??
เจนภพนี่ก็ไว้ใจไม่ได้ แล้วคินนี่เชื่อใจได้ไหมอะ
สงสารน้องอัยย์ ต้องมาเผชิญปัญหาคนเดียว  :hao5:
รอตอนต่อไปค่าาา  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-05-2019 08:21:56
สงสารเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-05-2019 08:31:48
ไม่อยากให้คนที่นอนแหม๊ะที่โรงบาลคือพิชฌาณช์ ฮืออออ :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-05-2019 08:36:15
รู้สึกเหมือนเป็นแผน มันมีอะไรแปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 20-05-2019 08:41:20
 :katai4: ต้องไม่ใช่คุณพิช ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ แกเอาตัวปลอมมาใช่มั้ย ตัวจริงไม่มีทางหมดสิ้นหนทางแบบนี้แน่ๆ อาจจะรอโอกาสจับพวกเกลือเป็นหนอนที่อยู่ในพรรค รอดูว่าใครไว้ใจได้จริงๆ หรืออาจจะฝากให้นิลลาช่วยมาอยู่กับเจ้าบู้บี้ก่อน เพราะตัวจริงยังออกมาไม่ได้ อืมม รอตอนต่อไปค่ะ!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-05-2019 10:25:12
จะใช่นายพิษจริงเหรอ ไม่น่าใช่นะเราว่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 20-05-2019 10:38:15
ไม่ใช่พืชฌานชาหรอกไม่ใช่ คุณพิชต้องมีแผนอะไรแน่เลยแต่ตอนนี้ไม่มีใครที่เชื่อใจได้เลย
เจนภพเชื่อใจได้ไหม นิลลาล่ะ จะมีแผนอะไรก็ได้แต่อย่านานได้ไหม เราสงสารเจ้าบู้บี้
น้องไม่เป็นอันกินอันนอนเลย._.
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-05-2019 10:57:33
ต้องฮึดสู้นะ ทั้งคินทั้งฌาน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-05-2019 11:17:58
อยู่ยากเนอะ โลกที่เราไม่รู้ว่าคนข้างตัวจริงๆแล้วคิดยังไง? ไว้ใจใครก็ไม่ได้  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 20-05-2019 11:25:14
ขอให้คนที่โดนระเบิดไม่ใช่พิฌานแล้งไหนจะเรื่องของเจนภพอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-05-2019 11:49:28
เชื่อใจใครไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเจนภพหรือนิลลา +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 20-05-2019 12:35:27
แบบนี้จริงหรอ  :m15: อัยย์อย่าพึ่งยอมแพ้นะ พยายามเข้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-05-2019 12:37:24
นายพิษอยู่ใหนรีบออกมา

เมียนายกำลังโดนคนรอบข้างหลอก

นายต้องรีบเปิดเผยตัวนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 20-05-2019 12:54:25
หื้มมม อัยย์ไว้ใจใครได้บ้างเนี่ย เรารู้สึกหวาดระแวงแทน
นิลลากับเจนภพ ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 20-05-2019 13:58:20
 :m15: :m15: :m15: ช้านก็รู้สึกคล้ายๆกับบู้บี้ตอนนี้ เราจะไว้ใจใครไม่ได้เลยแม้แต่คุณเมเลน่าไลค์ ฮ่าๆๆ
ซับน้ำตาตัวเองไปก่อนคุณพิษไม่น่าจะใช่คนบนเตียง แต่เค้าขยับนิ้วตอยตามบู้บี้ได้ อันนี้น่าสงสัย
เจนภพกับนิลล่า .. ข้างเดียวกับบู้บี้จริงหรอ  :mew6: แต่ที่แน่ๆเราอยู่ข้างบู้บี้แน่นอน สู้ๆนะเจ้าโอเมก้าของเรา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-05-2019 14:02:38
คนรอบตัวดูไม่น่าไว้ใจสักคนเลยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 20-05-2019 14:17:52
อยากจะคิดว่าไม่ใช่คุณพิชฌาน แต่แบบถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นใครไปได้อ่ะ ตรงนั้นระเบิดมีเวลาแค่ 10 วิเอง กระเป๋าเงินที่เป็นหลักฐานในกางเกงอีก จะมีเวลาหาคนเปลี่ยนตัวทันเหรอ แต่ทั้งที่นิลลาก็ดูเหมือนจะไม่เจ็บมาก แต่คนที่อยู่ในไอซียูนั่นปางตายเลยนะ ถึงจะบอกว่าเอาตัวบังไว้ก็เถอะ มันจะเจ็บแตกต่างกันได้จนาดนั้นเลยเหรอ มีแต่เอ๊ะทั้งตอนเลย สงสารหนูอัยย์ แงงง ถ้าไม่เป็นอะไรจริงๆก็รีบกลับมานะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2019 14:33:57
ไม่กล้าเดาอะไรทั้งนั้น​ รออย่างเดียวจ้ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 20-05-2019 16:49:35
 :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 20-05-2019 16:55:12
มันเข้มข้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-05-2019 17:01:21
 :pig4:
 :3123:
โฮ้อ ไว้ใจใครไม่ได้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-05-2019 18:56:23
 :mew6: :mew6: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Poompim ที่ 20-05-2019 19:41:26
 :mew6: :mew6: สรุปไว้ใจใครได้บ้างเนี้ย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 20-05-2019 23:14:37
ตลอดเวลาที่อ่านก็คือ จริงหรอ เกิดขึ้นจริงๆใช่มั้ย

ถึงเราจะเกลียดนายพิษชาณ แต่เรายอมให้บู้บี้เส้าไม่ด้ายย

รีบๆออกมาจากหลังม่านได้แล้วเธอ  :ling3: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-05-2019 23:15:20
ตอนนี้คือเราไม่ไว้ใจนิลลาแปลกๆ มันเอ๊ะหลายจุด แล้วก็มั่นใจว่าเป็นแผนของคุณพระเอก แน่นอน  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 20-05-2019 23:18:03
อยากให้ไม่ใช่คุณพิช ถึงตามสถานการณ์แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าลองวิเคราะห์ดูแล้ว ตัวน้องอัยย์ยังไม่ได้บรรยายความรู้สึกยามเจอกับคนที่นอนอยู่ เช่นกลิ่นที่คุ้นเคย ความรู้สึกระหว่างคู่ที่ส่งถึงกันอะไรแบบนั้น ทั้งนิลลาเองที่บอกว่าอย่าเชื่อใจ อาจหมายความว่านิลลาอาจโกหกก็ได้ว่าตรงนั้นคือคุณพิชจริง แต่ถึงจะเป็นคุณพิชที่นอนอยู่ตรงนั้นจริงเราก็เชื่อว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปได้ อัยย์จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าน้องเก่งและฉลาดแม้จะเป็นโอเมก้าก็ตาม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-05-2019 23:18:47
คนเจ็บเป็นนายพิษจริงๆหรอ ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนรีบกลับมาหาน้องอัยย์กับลูกเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-05-2019 03:20:49
เราว่าคนเจ็บไม่ใช่คุณพิษอะ มันแปลกๆพิรุธหลายจุดเลยนะ
เจนภพไว้ใจไม่ได้ นิลลาก้ยุยงแปลกๆอะ
หัวหมุนเรื่องพรรคแทบตาย แต่พอน้องอัยย์จะมารพ.คือรับคำทันที
แม่คุณพิษรู้เรื่องก่อนแถลงข่าว แปลว่าต้องมีคนไปบอกอะ
ถ้านิลลาเล่าเรื่องในที่เกิดเหตุแบบไม่โกหก นิลลาโดนบังยังเจ็บเลย
คุณพิษก้น่าจะอยู่ในช่วงหลบไปรักษาตัวรึป่าว
คนที่นอนอยู่ก้ไม่ปกติ พันผ้าทั้งตัวไม่สามารถระบุตัวตนได้
แถมฉีดยาแก้ปวดแทบจะตลอดเวลา ยาแรงด้วย สื่อสารกันแทบไม่ได้
ยาแก้ปวดคือไม่ระงับประสาทก้กดประสาทอะ ฉีดแล้วนิ่งๆเบลอๆไปเลย
คนที่นอนอยู่อะน่าจะรู้ความจริง ถ้าน้องถามว่าใช่คุณพิาจริงๆให้ขยับนิ้ว
นี่ว่าโป๊ะนะ ถึงได้พยายามไม่ให้สื่อสารกันตลอดเวลาเลยอะ
อันนี้เป็นแผนแน่ๆละ เชื่ออย่างงั้น แต่ว่าแผนใครนี่สิ แผนคุณพิษ หรือเจนภพ หรือคนอื่น
แถมงูพิษเต็มพรรคขนาดนั้น ไม่มีจังหวะไหนจะเหมาะสมจะคัดคนมากไปกว่าตอนนี้แล้ว
แต่สงสารน้องอัยย์นะ คนไม่รู้อะไรเลยอะทรมานที่สุด
เหมือนถูกบีบให้เชื่อตามนั้น เพราะไม่มีทางอื่นอีกแล้วอะ
ถ้าแผนคุณพิษ ก้ตเองรีบหน่อยแล้วละ ไม่งั้นน้องอัยย์คงทรุด ส่งผลถึงลูกแน่ๆ

เดาแบบมั่นใจไปเองด้วยนะ ไม่มีอะไรมายืนยันด้วย
แต่ยังยืนยันว่าไม่ใช่คุณพิษ!!!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 21-05-2019 09:01:08
นี่เชื่อว่าไม่ใช่นายพิษแน่ๆ นายพิษต้องแอบวางแผนตลบหลังคนร้ายตัวจริงชัวร์!! 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 21-05-2019 09:13:56
น้องอัยย์ไว้ใจใครได้บ้างเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 21-05-2019 10:07:20
รอตอนต่อไปนะคะ..
ไรท์รีบมาน้าาาา...  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: kanika_Pun ที่ 21-05-2019 15:11:18
 :sad4: สงสารเจ้าโอเมก้า

ถ้าคนที่โดนระเบิดไม่ใช่คุณพิษ เป็นแค่การจัดฉากขึ้นเพื่ออะไรซะอย่าง
งานนี้เล่นกับความรู้สึกของอัยย์เต็มๆ เพราะไม่เคยรู้แผนการของทั้งทางพ่อและสามีเลย

เอาใจช่วยเจ้าโอเมก้าให้เข้มแข็ง

 :3123: และเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 21-05-2019 16:37:53
เหตุการณ์ในโกดังมีคุณพิชช์ นิลลา และลูกน้องของพิชช์ฌาณอยู่ตรงนั้นด้วยนะ คนที่อยู่ในไอซียูอาจจะเป็นคนนี้ก็ได้ กอด ๆ ๆ นะบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-05-2019 21:42:37
นี่ถ้าเป็นแผนการของพระเอกอีกละก็จะตีให้ตาย เพราะอัยย์น่าสงสารเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-05-2019 17:29:15
สงสารอัยย์ ตอนนี้เป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย
และไม่รู้ว่าจะถูกหลอกด้วยไหม แถมยังโดนแม่ฌาณอีก
แต่อัยย์ตั้งสติได้ไว และฉุกใจอะไรบ้าง
ขอให้อัยย์เอาตัวรอดให้ได้จากปากเหยี่ยวทั้งหลาย

เจนภพคือยังไง อยู่ดีๆ ก็หายไป และอยู่ดีๆ ก็กลับมา

ฌาณจริงไหม หรือแค่ตัวหลอก สับสนไปหมด
แต่ที่สับสนและน่าสงสารสุดคืออัยย์

นิลมาแนวรุกจนอัยย์ตั้งรับไม่ทันเลยนะ
อัยย์ต้องระวังตัวให้ดี ตอนนี้ไว้ใจใครไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 22-05-2019 19:20:05
มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ อยู่
คนที่อยู่ไอซียู ไม่น่าใช่ตัวจริง น่าจะกำลังทำการใหญ่อะไรสักอย่าง
ส่วนเจนภพก็ยังน่าสงสัยอยู่ ไม่รู้ว่าดีจริงรึป่าว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 23-05-2019 04:00:12
 :ling1: สงสารบู้บี้ เจนภพไม่น่าไว้ใจ มีพิรุธเยอะมาก กลัวพี่ของบู้บี้ไปบอกพ่อจัง ส่วนตัวพ่อมีกลิ่นอายคนเลวเต็มประดา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 23-05-2019 17:27:01
เริ่มมีเงื่อนงำขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ลุ้นๆมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-05-2019 12:18:08
เงื่ิอนเยอะจริงๆ  ทุกอย่างมันดูไม่สมเหตุสมผลไปหมด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่31 20/5/62 p26
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 26-05-2019 22:31:26
รอนะคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว แง :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-05-2019 23:41:17
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 32

 

 

 

 

 

 

            “คุณอัยย์ตื่นหรือยัง”  นิ่มนวลถามโอเมก้าที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องของคุณอาคิราห์ทั้งคืน  ฝ่ายนั้นตอบกลับมาอย่างสงบ

            “ตื่นแล้วแต่ยังไม่ลุกจากที่นอน”  นิลลา...ตามชื่อที่คุณอาคิราห์แนะนำให้รู้จักเมื่อวานพูดแบบไม่มีหางเสียง  แต่วิธีทอดเสียงอ่อนก็ทำให้ไม่ขัดหู  “คุณป้า..นิ่มนวล  จะเข้าไปปลุกหรือ”

            “เปล่า   ฉันแค่จะมาบอกว่าอาหารเช้าพร้อมแล้ว  วันนี้ทำเป็นโจ๊กอ่อนๆ คุณอัยย์เธอจะได้กินได้ง่ายๆคล่องคอ”  นิ่มนวลตอบ  เหลือบมองไปทางประตูที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง  สามวันที่ผ่านมาหลังจากข่าวการบาดเจ็บของคุณพิชช์ฌาน  คุณอาคิราห์ก็กินได้น้อยลงจนเห็นได้ชัด  แถมยังมีอาการเวียนศีรษะอาเจียนตอนเช้าอีก

            “ไม่มีหมอมาดูบ้างเหรอ”  นิลลาถามเนิบๆ  “คุณอาคิราห์ซูบลงไปเยอะเลย”

            “เมื่อวานฉันลองถามคุณอัยย์แล้ว  แต่คุณอัยย์ปฏิเสธไม่ยอมให้หมอตรวจ  เห้อ...นี่ถ้าคุณฌานยังอยู่คงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก”  นิ่มนวลถอนหายใจยาว  พอคิดถึงเจ้านายหนุ่มผู้นั้นน้ำตาก็คอยจะรื้นขึ้นมาอีก  “คุณฌานจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

            นิลลานิ่งไป  ไม่ออกความเห็น

            นั่งรอจนกระทั่งประตูห้องนอนเปิดออกเองพร้อมกับร่างโปร่งบางของอาคิราห์ในชุดอยู่บ้าน  ใบหน้าเรียวหวานซูบเซียวเห็นได้ชัด  ใต้ตาคล้ำเพราะเจ้าตัวนอนไม่หลับต่อกันหลายคืน

            “คุณอาคิราห์  อาหารเช้าพร้อมแล้ว”  นิลลาพูด  เข้ามาใกล้เผื่อจะช่วยพยุงแต่อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ฉันไม่ค่อยหิวเลยนิล  ขมปากขมคอไปหมด”

            “ไปหาหมอไหม  หรือว่าให้หมอมาตรวจ”  นิลลาเสนอขึ้นเหมือนเมื่อวาน  “คุณแทบไม่กินอะไรเลยมาสามวันแล้วนะ”

            “ฉันไม่ค่อยหิว  กินเข้าไปก็คลื่นไส้ออกหมด”  อาคิราห์ว่า  เดินนำลงบันไดไปยังชั้นล่างที่ตั้งโต๊ะอาหารเตรียมเอาไว้ให้แล้ว  นิ่มนวลเข้ามาหาเพื่อคะยั้นคะยอให้กินข้าวเสียหน่อย  เจ้าโอเมก้าเลยจำต้องตักอาหารเข้าปากอย่างผะอืดผะอม

            “รับน้ำผึ้งราดแพนเค้กเสียหน่อยมั้ยคะ  คุณอัยย์ชอบไม่ใช่เหรอคะ  ป้าเพิ่งได้มา”  นิ่มนวลรีบตักอาหารที่สังเกตเห็นว่าเจ้านายกินได้เยอะกว่าอย่างอื่นให้เพิ่ม   อาคิราห์ฝืนกินได้ไม่เท่าไหร่ก็ลุกพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอีก

            “คิดว่าน่าจะต้องตามหมอเสียหน่อยแล้วนะครับ”  นิลลาพูดเนิบๆ เหลือบมองแม่บ้านอาวุโส  “ถ้าปล่อยไปจะไม่ดีต่อเด็กในท้องและคุณอาคิราห์เองด้วย”

            “ฉันจะลองโทรหาคุณหมอฉัตรินดู”  นิ่มนวลว่า  “ถ้าให้คุณอัยย์ไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็คงไม่ยอมไปแน่”

            อาคิราห์ไม่รู้ว่านิ่มนวลกับนิลลาตกลงอะไรกันตอนที่กลับออกมาจากห้องน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน  เขารับแก้วน้ำชาอุ่นๆจากนิลลามาจิบทีละนิด  มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

            นายแพทย์ฉัตรินมาหาเขาที่บ้านตอนเที่ยง  อาคิราห์พอจะเดาได้ว่าคงเป็นใครคนหนึ่งในบ้านโทรตามมาตรวจอาการของเขา  คุณหมอมองหน้าเขาอย่างเห็นใจแต่ก็ไม่ได้พูดปลอบใจอะไรมากไปกว่านั้น  เพียงแต่กำชับให้ดูแลตัวเองและให้ยาแก้เวียนศีรษะกับยาบำรุงเพิ่ม  อาคิราห์แอบเห็นเขาหยุดคุยกับป้าแม่บ้านและนิลลาอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับออกไป

เขารู้ตัวดีว่าสาเหตุหลักตอนนี้น่าจะเกิดจากการนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่าแพ้ท้องอย่างที่หมอคิด  ทุกครั้งที่เอนตัวลงนอนแม้จะแวดล้อมด้วยเสื้อผ้าที่มีกลิ่นของพิชช์ฌานทว่าความรู้สึกข้างในใจของอัยย์กลับแตกต่าง  ภาพคนเจ็บพันผ้าพันแผลทั่วตัวตามติดตามาแม้ยามที่หลับตาลง  เขาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน   

            บ่ายวันนั้นเขาขัดคำสั่งหมอที่ให้นอนพักผ่อนลุกขึ้นแต่งตัวเข้าไปเยี่ยมพิชช์ฌานที่โรงพยาบาลกับนิลลาด้วยกัน  อัยย์เริ่มเคยชินกับการอาบน้ำเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อและเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง  พูดคุยกับคนป่วยบ้างบางครั้งเวลาที่เค้าตื่น  พิชช์ฌานก็จะกระดิกนิ้วโป้งให้เหมือนแทนคำตอบรับ  ส่วนนิลลาก็จะรออยู่ข้างนอกห้อง

            อาคิราห์ไม่เคยพบหน้ามารดาของพิชช์ฌานอีกเลย  เดาเอาว่าเจนภพคงช่วยจัดสรรเวลาเยี่ยมไม่ให้ตรงกันอีก  นับว่าดีเหมือนกัน  เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับอารมณ์โทสะของคนแก่อีกแล้ว  แค่ต้องรับรู้ทำความเข้าใจกับอาการที่เปลี่ยนไปของพิชช์ฌานในแต่ละวันก็เครียดเต็มที

            “อาการของคนไข้ยังไม่ค่อยดีนะครับ  แผลเริ่มมีการติดเชื้อและไข้สูง  ร่วมกับมีเกลือแร่ต่ำเพราะสูญเสียเกลือแร่ออกทางบาดแผลที่ผิวหนัง  คนไข้รับอาหารไม่ได้เลยด้วย  หมอจำเป็นจะต้องให้อาหารทางหลอดเลือดแทน ....”  นายแพทย์คนเดิมอธิบายให้เขาฟังทุกวันอย่างใจเย็น  อัยย์ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรพิชช์ฌานได้มากกว่านั้นนอกจากปล่อยให้อยู่ในความดูแลของหมอ

            “ผมฝากคนไข้ด้วยนะครับ”  เขาพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะกลับบ้านในแต่ละวัน  เพื่อจะกลับมาฟังประโยคเดิมในวันรุ่งขึ้นจากหมอว่าอาการของพิชช์ฌานไม่ดีขึ้นเลย

            การสืบสวนคดีระเบิดของพิชช์ฌานก็ดูจะไม่คืบหน้า ทั้งๆที่เป็นคดีของนักการเมืองชื่อดังแท้ๆ หรือว่าเขาใจร้อนไปเองก็ไม่รู้  อาคิราห์จำต้องรับฟังคำบอกเล่าซ้ำๆจากเจนภพว่าทางตำรวจกำลังเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่  ขอให้เขาใจเย็นๆเอาไว้ก่อน

            “ผมทนใจเย็นไม่ไหวแล้วคุณเจนภพ  เกือบอาทิตย์แล้วนะที่เกิดเรื่องขึ้นแต่ตำรวจยังจับมือใครดมไม่ได้  มันจะเป็นไปได้ยังไง  หรือว่าทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว  มุ่งแต่เรื่องเลือกตั้งอย่างเดียว”

            “ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการครับคุณอัยย์  ไม่มีใครนิ่งนอนใจเรื่องคุณพิชช์ฌานแน่นอนผมรับรองได้  แต่ว่าเราทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ  ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นแทรกแซงกระบวนการของทางตำรวจได้”  เจนภพพูดเรียบๆ “คุณอัยย์กลับบ้าน ทำใจให้สบายนะครับ  อย่างน้อยคุณพิชช์ฌานจะได้ไม่กังวลเรื่องสุขภาพของคุณ  ส่วนเรื่องคดีผมจะตามให้เอง  ไม่ต้องห่วง”

            ถึงเจนภพจะพูดอย่างนั้น  ทว่าชายหนุ่มก็กลับหายหน้าหายตาไปจากบ้านของพิชช์ฌาน  อาคิราห์พอจะรู้จากข่าวสารวงในที่ป้านิ่มแอบมากระซิบบอกว่าพวกฝ่ายค้านกำลังมีปัญหาภายในพรรคเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค  เจนภพเองในฐานะอดีตมือขวาคนสนิทของอดีตหัวหน้าพรรคก็เลยต้องพยายามหาทางรอดให้แก่ตัวเองด้วยเช่นกัน

            “คุณเจนภพเขากำลังหาเจ้านายใหม่”   นิ่มนวลเล่าในตอนมื้ออาหารเย็น  อาคิราห์ฟังแล้วก็รู้สึกใจหายชอบกล  ฝ่ายนั้นเลยพูดต่ออย่างรู้ใจ  “อะไรก็ไม่เที่ยงแบบนี้แหละค่ะคุณอัยย์  เรื่องปกติธรรมดา  มีขึ้นก็ต้องมีลง  เพียงแต่ว่าสำหรับของคุณฌานมันเร็วมากๆ  เร็วเกินไป  เราก็เลยยังทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง  แต่ยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อ”  เธอพูดอย่างคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน

            “ผมเข้าใจครับ”  อาคิราห์พึมพำ  เวลาเพียงไม่กี่วันหลังการแถลงข่าวว่าพิชช์ฌานบาดเจ็บหนักนั้นทำให้มองเห็นสัจธรรมบางอย่างที่น่ากลัว  เดิมบ้านของพิชช์ฌานเป็นที่ต้อนรับใครต่อใครที่มักแวะเวียนมาหาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอยู่เสมอ  แม้แต่ยามวิกาลบางครั้งอัยย์ก็ยังเห็นรถเข้าออกเพื่อมาติดต่อกับพิชช์ฌานยังห้องทำงานชั้นล่างนั้นประจำ  ทว่าพอมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว  ก็มีเพียงลูกพรรคบางคนที่มาเยี่ยมเขาเพราะมิตรจิตรมิตรใจบ้างเท่านั้น  นอกนั้นก็หายเงียบกันหมด

              “อำนาจเป็นของน่ากลัว  คุณอัยย์  แต่ความเสื่อมจากอำนาจน่ากลัวยิ่งกว่า...สมัยก่อนป้าทำงานที่บ้านใหญ่ก่อนจะย้ายมาอยู่กับคุณฌาน...คุณท่าน คุณพ่อของคุณพิชช์ฌานกับคุณนายก็ออกรับแขกไม่เว้นแต่ละวัน  พอคุณท่านลาออกจากพรรคเท่านั้นแหละ  คนในบ้านก็มาเล่าให้ฟังว่าบ้านเงียบกริบเหมือนป่าช้า”

            “คุณพ่อของคุณพิชช์ฌานเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”

            “เห็นว่าท่านก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบกับคุณหญิงท่านนะ”

            “ทำไมคุณพ่อของคุณพิชช์ฌานถึงเลิกกับคุณนายล่ะครับ”  อาคิราห์ถามอย่างอดไม่ได้  นานๆทีเขาจะถามเรื่องครอบครัวของพิชช์ฌานเสียทีหนึ่ง  นิ่มนวลทำท่าอยากเล่า

            “ท่านทะเลาะกัน  ระหองระแหงกันมานานแล้วค่ะ  คุณนาย...ท่านอยากให้คุณท่านได้เป็นนายกฯ  แต่ไปๆมาๆคุณท่านกลับลาออกจากตำแหน่งเฉยเลย  ก็เลยทะเลาะกันหนักแล้วก็หย่ากัน  สุดท้ายคุณท่านไปได้ผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ด้วย  ผู้หญิงคนนั้นเลยได้ยศคุณหญิงที่ได้รับแต่งตั้งทีหลังไปเฉยเลย  เห็นว่าเคยเป็นเลขาฯหน้าห้องของคุณนายนั่นแหละ”

            “โห  แล้วมีลูกไหมครับ”

            “ได้ยินว่ามีลูกคนนึงนะ  แต่อยู่เมืองนอก  เด็กกว่าคุณฌานหลายปี  ไม่รู้ว่าข่าวลือหรือเปล่าเพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าเหมือนกัน   อาจจะไม่มีลูกก็ได้”  นิ่มนวลว่า  “คุณนายก็เลยฝังใจกับเรื่องนี้มาก  เธออยากให้คุณฌานเป็นนายกฯ  หวังกับคุณฌานไว้  พอคุณฌานมาเจ็บถึงได้เสียใจ”

            “ผมเข้าใจ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ

            “คุณอัยย์ก็อย่าไปโกรธแค้นคุณนายเลยนะคะ  นี่ถ้าคุณฌานรู้เรื่องที่คุณแม่ทำร้ายคุณอัยย์ก็คงเสียใจมากแน่ๆ”

            “ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว”  เขาตอบสั้นๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง  “แล้วคุณเจนภพเขาจะย้ายไปทำงานให้ใครล่ะครับ” 

            “ถ้าคุณท่านยังเล่นการเมืองอยู่ก็คงเป็นท่านแต่ว่าตอนนี้ป้าเดาว่าเป็นคุณจรัญนั่นแหละ  เพราะคุณฌานเองก็ชอบคุณจรัญมาก”

            คนที่อาคิราห์กำลังคิดถึงนั้นยืนประสานมืออยู่ตรงหน้าหัวหน้าพรรคคนใหม่อย่างสำรวม  เจนภพกวาดตามองรอบห้องทำงานที่ถูกปรับปรุงใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่ด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์  นายจรัญก้มหน้าลงอ่านรายละเอียดในแฟ้มงานที่เจนภพเอามานำเสนอ

            “นี่คือแผนงานของคุณพิชช์ฌานทั้งหมดแล้วเหรอ”  ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นถามเรียบๆ  “ฉันว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้นะ”

            “มีเท่านี้ครับ  นอกเหนือจากนั้นไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร”

            “หมายความว่ายังไง”

            “คุณฌานเก็บเอาไว้ในหัวครับ  คุณฌานจะค่อยๆบอกแผนพวกผมมาทีละอย่าง”  เจนภพพูดเนิบๆ  “ผมเลยไม่รู้ว่าที่คุณจรัญต้องการนั้นคืออะไรกันแน่”

            “ฉันต้องการ...สิ่งที่ทำให้พิชช์ฌานถึงขั้นโดนระเบิดนั่นแหละ”  อีกฝ่ายตอบเสียงห้วนขึ้น  “ฉันอยากรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเป็นเพียงแค่การลอบฆ่าอย่างเดียวเพราะต้นเพลิงมาจากโกดังไม่ใช่รถ”

            “ผมไม่ทราบครับ”  เจนภพตอบ  “วันนั้นผมไม่ได้อยู่กับคุณฌาน  เป็นช่วงที่ผมลาพักร้อน  พอรู้ข่าวผมก็เลยรีบไปที่เกิดเหตุแล้วก็พบว่าคุณฌานถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว  ส่วนลูกน้องคนอื่นๆที่ไปด้วยกันวันนั้นก็ถูกแรงระเบิดเสียชีวิต  ที่รอดก็อยู่ห่างเกินไปจนไม่รู้เหตุการณ์”

            คนฟังจุ๊ปาก

            “มันจะลึกลับอะไรนักหนา  ฉันถามจริงๆเถอะนะ  ในฐานะที่เธอทำงานให้พิชช์ฌานมาหลายปี  ...ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบเลยถูกไหม  พิชช์ฌานไม่ไว้ใจใครเท่าเธอเจนภพ  แต่ว่าตอนนี้พิชช์ฌานไม่สามารถกลับมาทำงานกับเธอได้อีกแล้ว  ถ้าเธออยากให้ฉันสานต่องานของเขา  เธอก็ควรจะต้องบอกทุกอย่าง”

            “ผมบอกคุณทุกอย่างที่ผมทราบแล้วครับ”

            “ถ้างั้นฉันถามตรงๆ  พิชช์ฌานเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อะไรนั่นจริงมั้ย  เขาจัดฉากเพื่อคะแนนนิยมของตัวเองหรือเปล่า”

            “ผมคิดว่าคุณฌานคงไม่ลงทุนขนาดนั้น”  เจนภพพึมพำ  “แต่เหตุการณ์วันนั้นไม่มีลับลมคมนัยอะไรมากไปกว่าที่นักข่าวนำเสนอแล้วครับ  ผมเองก็อยู่ในปฏิบัติการวันนั้นด้วย  นายจักรกฤตเป็นผู้ร้ายจริงๆ”

            “ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่  พูดก็พูดเถอะนะ  ใครๆก็รู้ว่าเจ้านายของเธอเป็นคนยังไง  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขึ้นมาเร็วขนาดนี้  มีคนเคยมาบอกฉันหลายคนแล้วว่าพิชช์ฌานชอบใช้วิธีแบล็คเมล์คนในพรรค  ซึ่งฉันไม่เห็นด้วย  ถ้ารักที่จะมีอุดมการณ์เดียวกันก็ไม่ควรจะหักหลังกันทีหลัง”

            “ผมไม่ทราบครับ  ไม่เคยเห็นคุณพิชช์ฌานทำอย่างนั้นซักที”

            “เธอไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกเพราะพิชช์ฌานไม่ได้ทำเองไงล่ะ  แต่เขาให้ลูกน้องให้แขนขาของเขาไปทำให้  แม้แต่เธอเองฉันก็รู้นะว่าเคยทำ”

            เจนภพยิ้มนิดๆไม่โต้ตอบ

            “เอาล่ะ  ฉันจะไม่ขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดอีก  ยังไงมันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว  พิชช์ฌานเองก็บาดเจ็บหนักจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้   เลือกตั้งก็ประกาศแล้ว  ถึงอย่างไรพรรคของเราก็ควรจะต้องเดินหน้าต่อ”

            “ครับ คุณจรัญ”

            “ฉันยังไม่ได้ไปเยี่ยมโอเมก้าที่บ้านของพิชช์ฌานเลยนะ”  จรัญพูดเนิบๆ  “จำได้ว่าเขาตั้งท้องไม่ใช่เหรอ”

            “ใช่ครับ  แต่คุณอัยย์คงไม่สะดวกพบใครตอนนี้”  เจนภพพูดหน้าตาย  คนฟังยิ้ม     

            “หึ  แค่ไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบคงไม่เป็นอะไรมากกระมัง  ไม่งั้นจะดูเป็นคนแล้งน้ำใจเอาได้”

            “ผมจะถามคุณอัยย์ให้ครับ”

            “ขอนักข่าวสักสามสี่คนก็ดีนะ”

            “ผมเกรงว่าคุณอัยย์จะไม่สะดวกใจให้สัมภาษณ์  เพราะตอนนี้สภาพจิตใจก็ยังไม่เต็มร้อย”

            “แค่ถามนิดๆหน่อยๆ  ไม่เป็นไรหรอก”  หัวหน้าพรรคยืนยัน  เจนภพเลยจำต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้

            เขากลับออกมาจากที่ว่าการพรรค  ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่เจ้านายนอนรักษาตัวอยู่  เหลือบมองกระจกมองหลังก็เห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งขับตามมาห่างๆ  มีคนคอยสะกดรอยตามหลังเขามาพักใหญ่แล้ว  และไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย  ...ดูเหมือนว่าใครๆก็อยากรู้ความเคลื่อนไหวของอดีตมือขวาคนนี้เหลือเกิน

            ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  เลี้ยวรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถ

            ร่างสูงใหญ่นั้นยังนอนอยู่ที่เดิมภายในห้องไอซียู  เหมือนวันแรกที่เขาวิ่งเข้ามาเจอ  คำบอกเล่าของลูกน้องที่รอดจากเหตุการณ์ระเบิดมาได้ยังก้องอยู่ในหู

            ‘เป็นคุณพิชช์ฌานจริงๆครับนาย  ผมเห็นตอนที่ระเบิดกับตา  ไฟลุกท่วมทั้งตัว’

          เจนภพยกมือขึ้นสัมผัสบานกระจกที่กั้นระหว่างเขากับเจ้านายเอาไว้  หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งภายในใจ  ความจริงที่เขาเพิ่งได้รับรู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีช่างทรมานใจนัก  บางที...เขาก็อยากจะออกจากวงจรนี้ไปเสีย

            ชายหนุ่มกลับออกมาจากโรงพยาบาล  เขาไม่ได้ตรงกลับที่พักแต่กลับขับรถวนรอบเมืองเล่นเสียสองรอบ  พอสบจังหวะก็รีบเลี้ยวเข้าไปในซอยลัดเพื่อทะลุออกทางหนึ่ง  ในที่สุดเข้าก็สลัดพวกติดตามได้สำเร็จ

            ขับตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่เขาเคยติดตามเจ้านายมาด้วยหลายครั้ง  บ้านหลังงามของนักธุรกิจใหญ่แหล่งทุนของพรรค  อดสังเกตไม่ได้ว่ามีรถจอดอยู่ข้างหน้าบ้านหลายคันทีเดียว  เห็นทีวันนี้คงจะมีแขกแวะมาเยี่ยมเยียนหลายคน

            นายชาติชายนั่งคุยอยู่กับคนจากพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล  เขาดูแปลกใจมากที่เห็นหน้าเจนภพที่นี่  ส่วนคนจากฝั่งรัฐบาลก็มีสีหน้าเยาะหยันเป็นต่อมากทีเดียว

            “ผมแวะมาเยี่ยมเยียนคุณ”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆ  เจ้าของบ้านเลยเชิญให้เขานั่งรอในห้องรับแขกก่อน  เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่านายชาติชายจะกลับเข้ามาในห้องรับแขก

            “ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอนาน”  เจ้าของบ้านพูด  ทอดสายตามองแขกยิ้มๆ  “เจ้านายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง  ผมยังไม่ได้หาเวลาไปเยี่ยมเลย  มัวยุ่งๆ”

            “อาการคงที่ดีครับ  คงจะหายดีในเร็ววัน”

            “เร็วแค่ไหนก็คงไม่ทันเลือกตั้งครั้งนี้กระมัง”  ชาติชายเคาะ  “คุณกลับไปเถอะคุณเจนภพ  ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมผม”

            “ผมคิดว่าคุณไม่ควรด่วนตัดสินใจอย่างนั้น  ไม่มีคุณพิชช์ฌานเป็นหัวหน้าพรรคก็ใช่ว่าพรรคของเราจะไม่ชนะการเลือกตั้ง”  เจนภพพูดเนิบๆ  “รัฐบาลคะแนนนิยมตกลงทุกวันใครๆก็รู้”

            “ก่อนหน้านี้ล่ะก็ใช่ แต่หลังจากนี้ไม่แน่... นอกจากคุณพิชช์ฌานแล้ว  พรรคคุณก็ไม่มีใครที่น่าสนับสนุนหรอกนะ  ยกเว้นตัวคุณเองจะลงเล่นการเมืองนั่นแหละ”

            “ถ้าเป็นผมล่ะครับ”  เจนภพพูดแกมหัวเราะ   “คุณคิดว่ายังไง”

            “จริงหรือเปล่า?”  คิ้วของคนฟังเลิกขึ้น  ท่าทางสนใจ

            “ผมทำงานกับคุณพิชช์ฌานมานาน  ทั้งความคิด...แผนการ...การวางหมาก  ทุกอย่าง  ผมรู้ทั้งหมด”

            “คุณพิชช์ฌานวางตัวให้คุณขึ้นแทนอย่างนั้นหรือ”

            “ถ้าไม่ใช่...แล้วผมจะกล้าพูดกับคุณแบบนี้หรอครับ”  เจนภพพูดเนิบๆ  “แม้แต่ท่านนิมมาน  ก็จะสนับสนุนผม”  เขาซ่อนยิ้มเมื่อเห็นคนฟังชะงัก

            “ท่านล้างมือจากการเมืองแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ควรจะเป็นอย่างนั้น  ถ้าไม่มีใครมายุ่งกับลูกชายของท่านเข้า”

            “ถ้าอย่างนั้น  ทำไมท่านถึงไม่ลงมาเล่นเองเลยล่ะ  ฉันคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้วนะ  แม้แต่คุณจรัญ  ฉันก็ว่ายังไม่ใช่  ถ้าเป็นท่าน...การเลือกตั้งก็อาจจะพอมีหวัง”

            “ท่านอยากให้ผมสานต่องานของท่านและลูกชายท่านครับ”  เจนภพพูด  คนฟังนิ่งไป  “และถ้าได้รับการสนับสนุนจากคุณ  ชัยชนะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม”

            “ผมรู้เรื่องคุณกับลูกสาวของผมนะ”  จู่ๆนายชาติชายก็พูดขึ้น  กลายเป็นชายหนุ่มที่นิ่งไปแทน  “ผมไม่รู้ว่าลูกบอกอะไรกับคุณบ้าง  แต่ผมก็หวังว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้จะไม่ใช่เพราะการแก้แค้นของใคร  ผมไม่ชอบความโหดร้ายแบบนั้น  คุณเข้าใจไหม”

            “ผมขอยืนยันว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของผมครับ”  เจนภพถอนหายใจยาว  “ผมกับคุณพิชช์ฌาน...เรารู้จักกันมานานมาก  เรียกว่าโตมาด้วยกันก็ได้  เขาเป็นเหมือนพี่..และคุณครูของผมครับ”  เสียงของคนพูดสะดุดไปเล็กน้อย  “ผมไม่เคยคิดจะทรยศเขาเลยสักครั้งเดียว”

            “แล้ว..ท่านล่ะ”  ชาติชายเอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบนิดหนึ่ง  เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มรุ่นลูกอีกครั้ง

            “ผมตอบไปแล้ว”

            “คุณพิชช์ฌานคงอาการหนักจริงๆ”  ชาติชายถอนหายใจยาว “คิดแล้วก็ใจหาย  ยังหนุ่มแน่นแท้ๆ  ฉันชื่นชมเขามากนะ”

            “..............”  เจนภพเงียบ

            “ขอเวลาฉันคิดดูก่อน”

            “ได้ครับ  ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม  นี่คือเบอร์ส่วนตัวของผมครับ”  เจนภพยื่นนามบัตรไปให้อีกฝ่ายรับไว้  “ติดต่อได้ตลอดเวลา”

            ชายหนุ่มกลับออกมาจากบ้านของนายชาติชาย  เขาแวะกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อดูอาการของคนป่วย  แล้วก็พบว่าคุณหมอและคุณพยาบาลกำลังวิ่งวุ่นอยู่รอบเตียงของคนไข้

            “เกิดอะไรขึ้นครับ”  เขาถาม  หันไปเพ่งมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดล้อมรอบเตียงคนเจ็บอยู่

            “คนไข้อาการทรุดลงค่ะ  ตอนนี้หัวใจหยุดเต้น  คุณหมอกำลังให้การช่วยเหลือด้วยการปั้มหัวใจ”  คุณพยาบาลพูดเร็วปรื๋อ  “รบกวนคุณช่วยติดต่อญาติด้วยค่ะ”

            เจนภพยืนนิ่งด้วยความตกใจ

            ...................................................................

            อาคิราห์ยังไม่เข้านอน  เขากำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทียบวุฒิอยู่บนโซฟา  พักหลังมานี้เขาพบว่ามันช่วยแก้ความฟุ้งซ่านได้ดีทีเดียว  อย่างน้อยเขาก็มีเรื่องอื่นให้คิดนอกเหนือจากภาพจำที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล

            นิลลาเดินเข้ามาในห้องหนังสือด้วยท่าทางรีบเร่งกว่าปกติ

            “มีอะไรหรอนิล”

            “คุณอัยย์รีบไปแต่งตัวเถอะ  เราต้องรีบไปโรงพยาบาลด่วน”

            คนฟังใจหายวูบ  รีบเผ่นขึ้นไปแต่งตัวด้วยความรู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่ในรถมุ่งตรงไปสู่โรงพยาบาลของพิชช์ฌานแล้ว

            “คุณพิชช์ฌานอาการหนักมากเหรอ”  อัยย์กลั้นใจถามนิ่มนวลที่คราวนี้นั่งรถมาด้วย  ฝ่ายนั้นไม่ตอบแต่กลับยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา   “ป้านิ่มร้องไห้ทำไม  ...นิล  ...ตกลงคุณพิชช์ฌานเป็นอะไรมากใช่มั้ย...อย่าโกหกกันนะ”

            “ไม่ทราบรายละเอียด แต่ว่า...คุณเจนภพแจ้งมาว่าคุณพิชช์ฌานอาการทรุดลง ให้รีบไปโรงพยาบาล”  นิลลาตอบ  ไม่สบตาคนฟัง  อาคิราห์เลยเอื้อมมือมาจับท่อนแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ

            “บอกความจริงมาเลยนิล  ฉันรู้ว่านิลรู้”

            “ทราบแค่นี้จริงๆ”  อีกฝ่ายยืนยัน

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-05-2019 23:42:11





            อาคิราห์นั่งบีบมือตัวเองไปตลอดทาง  นึกภาวนาในใจขอให้อาการของพิชช์ฌานดีขึ้น  อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ...ได้โปรด  อย่าทิ้งกัน...อย่าเพิ่ง  จินตนาการเลวร้ายผุดพรายขึ้นมาตลอดเวลาไม่หยุด  ล้วนแล้วแต่ทำให้ใจเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ  แต่ว่าเขาก็ฝืนกลั้นเอาไว้  ไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปมากกว่านี้

            ข้างหน้าโรงพยาบาลมีรถนักข่าวจอดอยู่หลายคันราวกับรู้ข่าวก่อนแล้ว  อาคิราห์ถูกพาเข้าไปอีกด้านหนึ่งทางข้างหลัง  เขาขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องไอซียู

            ร่างสูงสง่าของคุณนายนวลพรรณกระทบสายตาของเขาเป็นอันดับแรกแต่เขาไม่มีเวลามาสนใจ  อาคิราห์ก้าวเข้าไปจับมือเจนภพเอาไว้ 

            “คุณฌานเป็นไงบ้าง  เขาเป็นอะไร  อาการทรุดหรอ”

            “คุณอัยย์...ทำใจดีๆไว้นะครับ”  เจนภพพูด  บีบมือเขาตอบแน่น   “คุณฌานหัวใจหยุดเต้น  หมอกำลังช่วยชีวิตอยู่”

            อาคิราห์รู้เหมือนหัวใจหยุดเต้นตามไปด้วย  เขายืนตัวแข็งมองผ้าม่านสีเข้มที่ปิดบังเหตุการณ์หลังม่านเอาไว้ด้วยดวงตาเบิกโพลง  สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะเพราะความตกใจ

            “เจนภพ  เข้าไปถามซิว่าตาฌานเป็นอย่างไรบ้าง  ไม่งั้นฉันจะเข้าไปเอง”  เสียงของมารดาพิชช์ฌานดังขึ้นข้างตัวทำให้อัยย์รู้สึกตัว   “ถอยไปซิ  ตัวซวยอย่างเธอไม่ควรอยู่ที่นี่”  เธอตวาดเสียงแหลม  “ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปนะ  ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้เธอ”

            “........”  อาคิราห์ไม่ได้โต้ตอบ  เขาปล่อยให้น้ำเสียงนั้นกลายเป็นลมผ่านหูไปเสียเฉยๆ  ดวงตาจับจ้องไปยังเตียงหลังกระจกกั้น   กัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเสียจนได้รสปร่าๆของเลือด

            “ขอคุยกับญาติของคุณพิชช์ฌานครับ”  นายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมาจากไอซียู  อาคิราห์ถลันเข้าไปหาพร้อมกับมารดาของพิชช์ฌานและเจนภพ  คำพูดของนายแพทย์ทำให้อาคิราห์รู้สึกเหมือนล้มทั้งยืน  ขณะที่คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขากลับล้มลงไปจริงๆ

            “คุณนายครับ  คุณนาย....ช่วยหน่อยครับ  คุณนายเป็นลม”  เจนภพร้อง ช่วยประคองร่างของคุณนวลพรรณเอาไว้

            “โธ่  ฌาน  ตาฌานลูกแม่  ไม่จริง  หมออย่ามาหลอกฉัน  ฉันไม่เชื่อ”  หลังจากหน้ามืดไปครู่หนึ่ง  เธอก็ฟื้นขึ้นมากรีดเสียงร้องไห้โฮดังลั่น “ลูกฉันจะตายได้ยังไง  ทำไมหมอไม่ช่วยเขา”

            เจนภพให้ลูกน้องพาแม่ของพิชช์ฌานไปนั่งพักก่อน  เขาหันมามองโอเมก้าที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นตั้งแต่นายแพทย์เริ่มอธิบายอาการของคนไข้จนกระทั่งจบลงที่พิชช์ฌานไม่กลับมา  อาคิราห์ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่เหมือนคนมึนงง

            “คุณอัยย์  ...นั่งพักก่อนครับ  ทำใจดีๆเอาไว้”

            “คุณเจนภพ  เมื่อกี้หมอเขาว่ายังไงนะ  ผมฟังไม่ทัน”   ริมฝีปากซีดพึมพำ  จับแขนของเขาเอาไว้แน่น

            “คุณอัยย์มานั่งตรงนี้ก่อนครับ”  เขาพาอีกฝ่ายมานั่งอยู่อีกด้านหนึ่งห่างจากมารดาที่กำลังฟูมฟาย  “นิลลาไปไหนแล้ว  ช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณอัยย์ก่อน  ฉันต้องไปจัดการเรื่องอื่นๆอีก”

            “ผมขอเข้าไปหาเค้า  นะเจนภพ  ...ให้ผมได้เจอเค้าเถอะนะ”  อาคิราห์พูดเสียงแหบแห้ง  “เผื่อมันมีอะไรผิดพลาด  ผมต้องเข้าไปเรียกเค้า  ผมจะลองเรียกดู  เขาอาจจะตื่น”

            “ผมจะถามคุณหมอให้นะครับ”  เจนภพตอบ  ไม่นานอาคิราห์ก็ได้เข้าไปในห้องนั้นสมใจ

            สภาพร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งเหยียดยาวอยู่บนเตียงนั้นไม่ต่างจากวันอื่นๆหรือแม้แต่เมื่อตอนบ่ายที่เขาเข้ามาเยี่ยมเลยสักนิด  ราวกับพิชช์ฌานแค่หลับไปเฉยๆ เท่านั้น  ผ้าพันแผลบางส่วนหลุดออกมาให้เห็นคงเป็นตอนที่คุณหมอกำลังช่วยชีวิตกระมัง

            ผิวหนังที่มีบาดแผลพองเยิ้มด้วยน้ำเหลืองเปลี่ยนเป็นสีคล้ำๆซีดๆน่ากลัว  อาคิราห์ที่เพิ่งจะทำใจยอมรับได้ว่าอีกฝ่ายถูกระเบิดบาดเจ็บสาหัส  ก็จะต้องมาทำใจยอมรับความจริงที่ว่า  ..พิชช์ฌาน  ตายไปจากโลกนี้แล้ว ..อย่างนั้นหรือ  ทำไมโลกนี้ถึงได้ใจร้ายกับเขานัก

              ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มในดวงตาแพรวพราวคมกริบ   ไม่มีคำพูดหยอกเย้าที่บางคราวก็ทำให้ใจสั่นไหว  ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่เขาซบนอน   ไม่มีอีกแล้ว...จริงหรือ

            “คุณจำได้หรือเปล่า  ว่าเคยติดค้างอะไรผมเอาไว้”  อาคิราห์กระซิบ  เอื้อมมือไปจับที่แขนข้างนั้นแล้วบีบแน่น   “คุณเคยบอกว่าจะให้ผมขออะไรก็ได้ข้อนึง  ยังจำได้มั้ย  คุณลืมไปหมดแล้วล่ะซิ”

            ไม่มีคำตอบกลับมา  แม้แต่การกระดิกนิ้วโป้งอย่างทุกที

            “คุณชอบหลอกผมสินะ   ถึงตอนนี้แล้วก็ยังหลอกกันอยู่อีก  คุณจะไม่ทำตามที่ผมขอหรอ  ผมขอให้คุณลุกขึ้นมาแล้วกลับบ้านพร้อมผมเดี๋ยวนี้”  อัยย์เลื่อนมือไปกุมมือนั้นเอาไว้ผ่านผ้าห่มที่คลุมอยู่  “คุณจะเบี้ยวผมอีกแล้วแน่ๆ  คุณชอบให้ผมรอเก้อ”

            “ขอโทษนะคะ  ญาติกรุณารอข้างนอกก่อนนะคะ”  เสียงคุณพยาบาลดังขึ้นข้างหลัง

            อาคิราห์เลยจำต้องปล่อยมือออก  เขากลับออกจากห้องโดยไม่หันไปมองภาพนั้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง  นิลลารอเขาอยู่ข้างนอกก่อนแล้ว

            “คุณอาคิราห์  เชิญพักก่อน  อีกเดี๋ยวจะมีแถลงข่าว”  นิลลาบอก  กวาดตามองไปรอบๆที่เริ่มมีคนเดินเข้าออกมามากกว่าปกติ  “ไหนว่ากันนักข่าวเอาไว้ข้างนอกแล้วไง  ทำไมถึงมีคนถือกล้องเข้ามาตรงนี้ได้”  พูดยังไม่ทันขาดคำ  แสงแฟลชก็สว่างวาบเข้าตาจนตาพร่า  อาคิราห์ตาพร่าไป  พริบตาเดียวเขาก็ถูกรุมล้อมด้วยกล้องและนักข่าวที่ถือไมค์จ่อปาก

            “คุณพิชช์ฌานเสียชีวิตแล้วเป็นความจริงมั้ยคะ  แล้วคุณอาคิราห์รู้สึกอย่างไรบ้างคะ”

            “คุณจะทำยังไงต่อคะ”

            “ข่าวแม่สามีตบตีลูกสะใภ้เป็นเรื่องจริงมั้ยครับ” 

            “ทุกคนช่วยอยู่ในความสงบก่อนนะครับ  บริเวณนี้ยังไม่ได้ให้สื่อเข้ามานะครับ  ช่วยกลับไปรอข้างนอกด้วย”  ลูกน้องของเจนภพเข้ามาช่วยกันนักข่าวกระหายข่าวออกไปจากอาคิราห์  แต่ดูแล้วไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

            “คุณอาคิราห์มองกล้องหน่อยค่ะ  คุณนวลพรรณไม่ปลื้มคุณจริงหรือเปล่าคะ”

            “แล้วลูกในท้องของคุณเป็นอย่างไรบ้าง”

            “พวกคุณ...ถามอะไรกันน่ะ”  คำพูดประโยคแรกหลุดออกมาจากปากของโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดไร้สีเลือด  “คุณถามว่าผมรู้สึกยังไงที่สามีตายงั้นหรือครับ  ถามว่าผมกับแม่สามีตบตีกันงั้นหรือ  บ้าหรือเปล่า..”   อาคิราห์หันไปมองกล้องที่อยู่ใกล้ที่สุด  “ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไงครับ”

            “ความสัมพันธ์ของคุณกับแม่สามีเกี่ยวเนื่องกับลูกในท้องของคุณด้วยนะคะ  คุณพิชช์ฌานไม่อยู่แล้วแบบนี้  คุณในฐานะโอเมก้าจะทำอย่างไรต่อคะ”

            “ฐานะโอเมก้ามันทำไมเหรอครับ”

            “ก็  อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับของญาติๆฝั่งคุณพิชช์ฌานหรือเปล่า  คุณจะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนะครับ  โอเมก้าเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้หรอก”

            คำถามถูกส่งมาจากคนมากมายที่รุมล้อมเขาอยู่จนหูอื้อตาลาย  อาคิราห์บีบมือของนิลลาเอาไว้แน่นแล้วตอบกลับไปสั้นๆ

            “ผมยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ตอนนี้  ขอโทษด้วยครับ”

            นิลลาลากเขาออกมาจากวงล้อมของนักข่าวได้สำเร็จ  อาคิราห์ได้ยินเสียงเจนภพพูดออกไมค์ให้ทุกคนถอยออกไปก่อน  ไม่อย่างนั้นเขาจะดำเนินการทางกฎหมาย  นักข่าวไร้จรรยาบรรณพวกนั้นถึงได้ยอมล่าถอยออกไป

            “เราคงต้องออกทางอื่น  ทางเดิมที่เข้ามาคงมีนักข่าวไปรออยู่แล้ว”  นิ่มนวลพูดพลางยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตาเป็นระยะ  ความโศกเศร้าแฝงอยู่ในแววตาของทุกคนที่ยืนล้อมรอบอาคิราห์เอาไว้  แม้แต่บอดี้การ์ดที่เคยเห็นหน้ากันทุกวันก็มีสีหน้าเศร้าหมอง  ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเกิดความจำเป็นเลย

            อาคิราห์นั่งเงียบๆคนเดียวที่มุมห้องรับรองของโรงพยาบาลที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรีบรุดมาหาหลังจากรู้ข่าวการเสียชีวิตของพิชช์ฌานและเชิญเขาขึ้นไปนั่งพักก่อน  เจ้าโอเมก้าไม่ได้ฟังด้วยซ้ำกว่าใครพูดอะไรกันบ้าง  เขาจมอยู่กับเสียงห้าวๆของพิชช์ฌานที่ยังดังอยู่ข้างหูตลอดเวลาราวกับเจ้าตัวไม่ได้จากไปไหน

            ตั้งแต่แรกเจอที่เขาถูกอีกฝ่ายลักพาตัวขึ้นรถตู้มายังเซฟเฮ้าส์  อัยย์ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายตัวใหญ่หน้าคมเข้ม  ท่าทางคล่องแคล่วดูเต็มไปด้วยเล่ห์กลนั้นจะกลายมาเป็นคนที่เขาต้องแต่งงานด้วยอย่างจำใจ  จะเรียกว่าจำใจก็ไม่ถูก ...ตอนนั้นเขาเข้าใจว่ามันเป็นการตกลงด้วยผลประโยชน์ที่รอบคอบรัดกุมมากที่สุดทีเดียว

            ‘โรแมนติกพอหรือยัง?’  คำถามกลั้วหัวเราะในวันนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ  คงคิดว่าการจุดพลุเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแบบนั้นดูโรแมนติกเสียเต็มประดากระมัง  ไหนจะประโยคของแต่งงานที่สุดแสนจะธรรมดานั่นอีก  แค่เรียกชื่อเขาไม่ทำให้ใจอ่อนหรอกนะ

            แค่ใจสั่น...สั่นมากๆ แค่นั้นเอง

            อาคิราห์ยิ้มออกมาบางๆ นึกถึงตอนที่อีกฝ่ายเข้าไปยืนเฝ้าเขาท้องเสียขึ้นมาได้  วันนั้นเขาอายมากก็จริงแต่ก็อดนับถือน้ำใจกับความอดทนของคนๆนั้นที่ยืนถือถุงน้ำเกลือไปพลาง เงยหน้าหาอากาศบริสุทธิ์หายใจไปพลางไม่ได้  พิชช์ฌานดูเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง  ภาคหนึ่งก็ดูเคร่งขรึมจริงจังพร้อมด้วยไหวพริบเล่ห์เหลี่ยมจนไม่น่าไว้ใจ  แต่อีกภาคหนึ่งที่ไม่ได้เห็นง่ายนักก็เป็นเพียงผู้ชายขี้เล่นช่างเย้าแหย่ธรรมดา 

            “คุณอัยย์กลับบ้านไหวไหมคะ  เราจะต้องไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”  นิ่มนวลเดินเข้ามาจับมือเขาเอาไว้  อาคิราห์กะพริบตา   หันกลับมาจากหน้าต่างบานใหญ่ที่มองลงไปเห็นตึกรามบ้านช่องยามค่ำคืน   “หรือว่าหิวหรือเปล่า  ป้าจะหาอะไรให้รองท้องก่อน”

            “ไม่เป็นไรครับ  กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ได้”  อาคิราห์พึมพำ  จับมือของนิ่มนวลเอาไว้  ยอมให้เธอพาเดินออกไป

            ร่างสูงตรงของใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น  อาคิราห์ชะงักด้วยความแปลกใจ  ใบหน้าที่ยังเหลือเค้าความหล่อเหลาในอดีตมีร่องรอยเคร่งเครียด  เส้นผมสีดอกเลาบอกอายุของผู้ชายคนนี้ได้ดีพอๆกับริ้วรอยบนใบหน้า

            “ท่านนิมมาน”  นิ่มนวลพูดขึ้นมาก่อนแล้วก้มลงทำความเคารพ  อาคิราห์ทำตาม  อีกฝ่ายเพียงแต่ก้มหัวรับไม่พูดอะไร

            อาคิราห์เบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง  ผู้ติดตามอีกสองคนเดินตามหลังเข้ามาด้วย  เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศกดดันแปลกๆที่เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง

            “เชิญ...คุณอาคิราห์  นั่งคุยกันก่อน”  ผู้อาวุโสหันมาพูดกับเขา  อัยย์เหลือบมองทางแม่บ้านเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าก็เลยเดินเข้าไปหา   “เป็นอย่างไรบ้าง  ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเธอที่บ้านเลย  เนื่องจากไม่สะดวก”

            “ครับ”  อาคิราห์นั่งประสานมืออยู่บนตักนิ่งๆ  สังเกตท่าทางของอีกฝ่ายในใจ

            “ฉันดีใจจริงๆที่จะได้มีหลาน  แม้จะเป็นลูกที่เกิดจากโอเมก้าก็ตาม”  นิมมานพูดต่อเนิบๆ  นัยน์ตาที่ยังคมกริบคู่นั้นเหลือบมองหน้าเขา  “เข้าใจว่าหลังจากนายฌานตายไป  เธอคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านของพ่อเธอ  ฉันเข้าใจถูกไหม”

            “ผมยังไม่ทราบครับ”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ

            “เธอต้องคิดดูแล้วล่ะว่าชีวิตข้างหน้าจะทำอย่างไรต่อไป  ...ถ้ามีอะไรอยากให้ฉันช่วย  ก็บอกมาได้เสมอ  เพราะว่าเขาก็มีสายเลือดของอัศวลักษณ์อยู่ครึ่งหนึ่ง  ฉันจะบอกเธอแค่นั้นแหละ”  ประโยคหลังคนพูดเหมือนตัดบท

            อาคิราห์ทำความเคารพแล้วลุกขึ้นยืน  หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องพักแห่งนั้นเงียบๆด้วยความรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิม  เขาเคยเจอหน้าบิดาของพิชช์ฌานมาก่อนก็จริงตอนสมัยงานแต่งงาน  แต่ว่าตอนนั้นนิมมานไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยสักคำเดียว

            ....กลับไปอยู่ที่บ้านของพ่องั้นหรือ  ...จริงสิ  ไม่มีพิชช์ฌานแล้ว  เขาควรต้องทำอย่างไรต่อไป  ชายหนุ่มเดินตามหลังแม่บ้านและผู้ติดตามออกมาจากโรงพยาบาลไปยังรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว  เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำมืด  มองไม่เห็นดาวสักดวง  มันมืดมิดราวกับอนาคตข้างหน้าของเขาทีเดียว

            ชีวิตที่ไม่มีพิชช์ฌานแล้ว... เขาจะต้องทำอย่างไรต่อ

            .............................................................................

            ภายในห้องพักรับรองแขกวีไอพีของโรงพยาบาลแห่งนั้นมีผู้ชายสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่อย่างสงบ  คนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอย่างสบายหากน่าเกรงขามอยู่ในที  ส่วนอีกคนนั่งตัวตรงประสานมือเอาไว้ข้างหน้า

            “เธอบอกว่าจะติดต่อฉันมาหลังจากจบแผนการ  ...แล้วนี่มันคืออะไรงั้นหรือ  เจนภพ”  อดีตนักการเมืองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอันโด่งดังพูดขึ้นเนิบๆ  สบตาชายหนุ่มรุ่นลูกที่หลบตาเขาวูบ  “ฉันอยากได้คำอธิบายจากเธอ  ก็เลยมาที่นี่  ฉันอยากรู้ว่าทำไมลูกชายของฉันถึงตาย”

            “เกิดความผิดพลาดขึ้นครับ”  เจนภพตอบอย่างสงบ  “ผมได้พยายามแก้ไขความผิดพลาดนั้นแล้วแต่ก็ไม่ทัน  ผมกลับมาช้าเกินไป  ทำให้คุณพิชช์ฌานเกิดอันตราย”

            “เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนฉันช่วยเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  เลี้ยงดูเธออย่างดีโดยมีสัญญาแค่ข้อเดียวก็คือ  ดูแลปกป้องลูกชายฉันยิ่งชีวิต  แล้วตอนนี้...”  เสียงทอดถอนใจยาวดังมาจากผู้อาวุโส  “เธอทำให้ฉันผิดหวังเหลือเกิน”

            “ผมขอโทษครับ”  เจนภพพูด  ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ  “เป็นความผิดของผมเอง  ผมไร้ความสามารถ”

            “ไม่ใช่ว่าเธอแปรพักตร์เสียแล้วเหรอ”  อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ

            “ไม่ครับ  ผมภักดีต่อท่านและคุณพิชช์ฌานเท่านั้น”  เจนภพพูดเสียงสั่น

            “เธอคงรู้ว่าฉันไม่เคยเชื่อคำพูดลอยๆของใครหรอกนะ”  นิมมานพูดเนิบๆ  “ฉันขอหลักฐานที่อยู่ในตู้เซฟคืนนั้น  เธอเป็นคนได้ตู้เซฟไปไม่ใช่หรือ”

            “ผมถูกพวกมันจับได้แล้วชิงตู้เซฟไปครับ”

            “เธอเปิดตู้นั่นได้ก่อนแล้ว”  อีกฝ่ายพูดต่อ  “ฉันอยากได้สิ่งที่อยู่ในเซฟนั่นเจนภพ  อย่าปฏิเสธเพราะฉันรู้ว่าเธอมี”  คิ้วที่เริ่มมีสีขาวแซมเลิกขึ้น  “เธออยากได้ข้อต่อรองอะไรเพิ่มงั้นเหรอ”

            “หลังจากจบงานศพของคุณฌาน  ผมจะขอลาออกจากพรรคครับ”  เจนภพพูด  “ผมจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมืองอีก”

            “โบราณบอกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก  เธอเคยได้ยินหรือเปล่า”       

            “ผมจะให้ความลับทุกอย่างของพรรคตายไปพร้อมกับผมครับ”

            “เอาหลักฐานมาให้ฉันก่อน  แล้วฉันจะบอกคำตอบกับเธอ”  นิมมานพูด

            เจนภพกลับออกมาจากห้องนั้น  เขารู้สึกสองเท้าหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตุ้มเหล็ก  ความจริงที่ได้รับรู้มันช่างทรมานนัก  เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ  ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูชื่อเขาก็รู้ว่าใคร

            มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน

            ตอนที่เขากลับไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เคยใช้ชีวิตอยู่จนเกือบเข้าวัยรุ่น  ความบังเอิญทำให้ได้พบกับคุณครูที่เคยดูแลเขาเมื่อก่อน  เธอหลุดปากออกมาว่าสงสารที่พ่อแม่ของเขาถูกยิงตาย  ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชนตายอย่างที่เข้าใจมาตลอดชีวิต

            ‘ถูกยิงหรอครับ’  เขาในตอนนั้นอุทาน  ไม่อยากเชื่อเลยสักนิด  ‘แล้วทำไมทุกคนบอกผมว่าท่านถูกรถชนตาย’

          คุณครูเก่าแก่เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นมีคนเข้ามาขอร้องแกมข่มขู่ให้แกที่เป็นคนวิ่งออกไปเจอศพคนแรกบอกทุกคนว่าชายหญิงคู่นั้นถูกรถชนตาย  หลังจากนั้นเด็กชายเจนภพก็ถูกส่งเข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา  เขารับรู้ว่าพ่อกับแม่ถูกรถชนและไม่เคยสงสัยเลยสักครั้ง  ใช้ชีวิตตามมีตามเกิดอยู่กับเพื่อนๆวัยไล่เลี่ยกันจนกระทั่งวันหนึ่งก็มีคนมาบอกว่าจะรับเขาไปอุปการะ

            ยังจำวันแรกที่ได้เจอพิชช์ฌานได้   เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงชะลูดที่แก่กว่าเขาไม่กี่ปีทว่าบุคลิกลักษณะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยนั้นทักเขาด้วยเสียงห้าวแบบเด็กเริ่มแตกหนุ่ม

          ‘นายชื่ออะไร’

            เขาสบตา ‘ท่าน’ ผู้มีอุปการะคุณแวบหนึ่ง  เห็นคนๆนั้นพยักหน้าให้  เขาก็เลยยกมือขึ้นไหว้เด็กหนุ่มคนนั้น

            ‘ชื่อเจนภพ...ครับ’

          ‘ยินดีที่ได้รู้จัก  ฉันชื่อฌาน’  อีกฝ่ายพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมก่อนจะหันไปหาคนที่เป็นบิดา ‘ผมชอบเขานะ’

          ‘ก็ดีแล้ว’  เป็นคำตอบของท่านนิมมานผู้อุปการะเขา

            เจนภพย้ายมาอยู่กับพิชช์ฌานตั้งแต่นั้น  เขารู้ว่าตระกูลอัศวลักษณ์เป็นตระกูลอัลฟ่าเก่าแก่  เคยครองตำแหน่งสำคัญๆทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย  จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกชายคนเดียวอย่างคุณพิชช์ฌานจะถูกปลูกฝังและวางทางเดินเอาไว้ให้ตั้งแต่ยังอายุน้อย  และเขาเองก็คือแขนขาที่จะคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยความเคารพและจงรักภักดีอย่างที่ถูกพร่ำสอน

            ไม่ใช่เพราะบุญคุณที่เขายอมอยู่กับพิชช์ฌาน  แต่เป็นเพราะนิสัยของผู้ชายคนนั้นต่างหาก  ที่ทำให้เขาผู้เป็นทั้งเพื่อนที่สนิทที่สุดและลูกน้องยอมติดตาม  พิชช์ฌานเป็นคนแรกที่รู้ว่าเขาไม่ใช่อัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างที่อ้างมาตลอด

            ‘เสี้ยวเบต้า  ก็น่าสนใจดีนี่’

          ‘คุณฌานจะบอกคุณนายไหมครับ  ถ้าอย่างนั้นผมจะได้เตรียมเก็บของแต่เนิ่นๆ’  ยังจำคำพูดของตัวเองได้  เขารู้ดีว่าคุณนายนวลพรรณจริงจังเรื่องสายเลือดแค่ไหน  แม้แต่คุณพิชช์ฌานเองก็เถอะ  ไม่เข้าใกล้โอเมก้าเลยด้วยซ้ำ

            ‘ฉันจะบอกเรื่องอะไร  นายเป็นคนของฉันไม่ใช่ของแม่’

            พิชช์ฌานให้โอกาสเขาอย่างที่คงหาได้ยากในตระกูลอัลฟ่าสายอื่น   ชายหนุ่มไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับใครจนกระทั่งวันดีคืนดีก็มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาใส่หน้า

            รินลดา...  เธอพูดว่าเธอรู้เรื่องการตายของพ่อเขา  ...ความลับที่เขาอยากรู้มาตลอด  เจนภพอดใจไม่ไหวจริงๆเขาติดต่อกลับไปทั้งที่รู้ดีว่ามันผิดต่อพิชช์ฌาน  แต่ว่าเรื่องของพ่อแม่เขาก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เกมการเมืองของใครทั้งนั้น  หญิงสาวอัลฟ่าผู้นั้นตอบตกลงและยอมให้เขาพบ

            ความจริงที่ได้รับรู้ในวันนั้นทำให้เขาต้องตัดสินใจ  แต่เจนภพก็ไม่ใช่คนวู่วาม  เขาใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลจนแน่ใจว่าพ่อแม่ของเขาเคยทำงานในพรรคของนิมมานจริง  พ่อของเขาเป็นอัลฟ่าผู้สมัครลงเลือกตั้งในเขตภาคเหนือเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน  ส่วนแม่เป็นเบต้าทำบัญชีควบคุมรายรับรายจ่ายสำคัญของพรรคเอาไว้

            ...ก่อนที่จะถูกสั่ง ‘เก็บ’ จากผู้ชายคนนั้น...

            เจนภพกำมือแน่นเข้า  เขาพยายามสะกดอารมณ์โกรธแค้นที่คอยพุ่งขึ้นมาเป็นระยะนั้นลงไป  มันทำให้เขาฟุ้งซ่านไร้สมาธิ  และก็พลอยจะทำให้แผนการของเขาเสียหมด  ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับบรรดานักข่าวอย่างใจเย็น  แสดงความเสียใจที่พิชช์ฌานจากไปและบอกแนวทางการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งต่อของพรรค  เขาส่งไม้ให้คุณจรัญสัมภาษณ์ต่อสื่ออย่างสวยงาม

            สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้โกหก  ก็คือเขาเสียใจจริงๆ ที่พิชช์ฌานตาย

            .........................................................................

            “คุณอัยย์คะ  ป้าเตรียมชุดดำเอาไว้ให้แล้วนะคะ  วางเอาไว้ปลายเตียงนะ”  เสียงนิ่มนวลดังขึ้นข้างหน้าห้องน้ำ  อาคิราห์ตะโกนตอบกลับไป

            “ขอบคุณครับ”

            “คุณอัยย์อย่าอาบน้ำนานนะคะ  เดี๋ยวไม่สบาย  นิลลา...ฝากดูคุณอัยย์ด้วยนะ”

            อาคิราห์รับคำอีกรอบแล้วก้มลงถูสบู่ต่ออย่างใจลอย  ปล่อยให้สายน้ำเย็นจัดไหลผ่านใบหน้าและลำตัวไป  น้ำตาของเขาแห้งเหือดไปแล้วตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน  เหมือนกับน้ำตามันหายไปเสียดื้อๆ  บางทีเขาอาจจะเสียใจมากจนไม่มีน้ำตาให้ร้องอีก

            พ่อของพิชช์ฌานถามถึงอนาคตของเขา  ทุกคนล้วนสงสัยในอนาคตที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี  พิชช์ฌานก็ไม่อยู่แล้ว  แล้วโอเมก้าที่ถูกตีตราแถมยังตั้งท้องลูกกำพร้าพ่ออย่างเขา  ควรจะต้องทำอย่างไรต่อ

            กลับบ้านไปพึ่งใบบุญของพ่อเหมือนเด็กไม่รู้จักโตงั้นหรือ  อาคิราห์ส่ายหน้า  เขาไม่รู้สึกอยากกลับไปที่บ้านอีกแล้ว  แต่เขาคงต้องขอเวลาทำใจสักพัก  ใช้เวลาระหว่างรอคลอดสอบเทียบวุฒิให้สำเร็จแล้วก็เข้าเรียนกฎหมายตามที่พิชช์ฌานเคยบอกเอาไว้  ระหว่างนี้ก็สืบหาตัวคนที่ทำร้ายพิชช์ฌานไปด้วย  แต่ว่าโอเมก้าอย่างเขาจะทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกล่ะ  คดีของพิชช์ฌานจะเงียบหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่งไหม

            หรือเขาควรจะให้สัมภาษณ์ตามที่นิลลาแนะนำดี  แล้วถ้าหากว่า...คนที่ทำร้ายพิชช์ฌาน  คือคนที่เขากลัวที่สุดขึ้นมาจริงๆล่ะ  พอคิดมาถึงตรงนี้อาคิราห์ก็ตัวสั่น  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด...แต่ว่าเพราะคิดน่ะสิ  ถึงได้พยายามปิดกั้นความคิดนั้นเอาไว้   ไม่น่าใช่...

            เขาเสียพิชช์ฌานไปแล้วคนหนึ่ง  คงทำใจไม่ได้แน่ถ้าจะต้องเสียใครไปอีกเพราะเกมการเมือง

            พิศดูเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก  เขาก็ยังเป็นโอเมก้าคนเดิม  ไม่ใช่อัลฟ่าอย่างที่ตัวเองเคยภาวนาถึงขั้นอ้อนวอนขอต่อพระเจ้า  หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มมีรอยนูนเล็กน้อยไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า  สัดส่วนบอบบางและผิวเนียนสีน้ำผึ้งคุ้นตาอย่างที่เห็นมาตั้งแต่เกิด  ยกเว้นก็แต่รอยเขี้ยวที่คอที่ยังปรากฏอยู่อย่างนั้น  เหมือนวันแรกที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายของตนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ทุกครั้งที่เขาสัมผัสรอยนั้น  ความรู้สึกวาบหวามในช่องท้องก็จะผุดขึ้นมาด้วยพร้อมกับเสียงหอบปนกับลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ  ทุกการเคลื่อนไหวที่แนบชิดรุนแรงนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายฝังตัวตนเข้ามาลึกที่สุด  อาคิราห์หลับตาลง

            เขากลับออกมาจากห้องน้ำ  นิลลาไม่ได้รออยู่ในห้องแล้ว  ชุดสูทสีดำรีดเรียบอย่างดีวางอยู่ที่ปลายเตียงเรียบร้อยตามที่นิ่มนวลบอกเอาไว้  อะไรอย่างหนึ่งสะดุดตาเขาด้วยกลีบสีแดงสดตัดกับสีดำสนิทของเสื้อ

            อาคิราห์ก้าวเข้าไปหาแล้วหยิบดอกกุหลาบดอกนั้นขึ้นมา  หยดน้ำยังเกาะอยู่ที่กลีบบางใสราวกับเพิ่งถูกตัดจากต้น 

            .......................................................................

              มาอัพต่อแล้วจร้า

            หายไปหลายวัน  ต้องขออภัยด้วย  ติดธุระหลายอย่าง

            กลับมาต่อแล้วว  มีใครยังรอเรื่องนี้กันอยู่บ้างคะ

            กำลังเจ้มจ้ม555555

            เจอกันตอนหน้าน้า

            #ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-05-2019 23:53:50
เริ่มเขวแล้วนะ
ตายง่ายๆงี้จริงเหรอ แต่ก็ไม่อยากเชื่ออ่ะ
ท่านนั้นคือนิมมานหรือนายฌาน
ตอนแรกแอบคิดว่าจะตลบหลังใครซักคนในพรรค
แต่เจนภพเปิดมาขนาดนี้ละ  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 28-05-2019 00:14:45
อ่านไปน้ำตาไหลไป แต่ยังไงก็ไม่เชื่อว่าตายอะเพราะดอกกุหลาบนั่น ใช่รึป่าวนะ ฮืออออ
ไหนจะเรื่องเจนภพอีก ใครฆ่าพ่อแม่เจนภพอะคุณฌานหรือคนพรรคนิมมาน
ไหนจะนิลลาที่ดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ มีอะไรให้คิดเยอะไปหมดเลยแงงงงป่ดหัวววววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 28-05-2019 00:18:58
ว้อท!!!!!!!!! อะไรเนี่ยยย  :katai1: :katai1: ถ้าอัลฟ่าที่คู่กับโอเมก้าตายแล้ว โอเมก้าจะอยู่ยังไง ไม่ใช่ดำเนินเรื่องไป ให้พบรักกับผู้ชายคนใหม่นะ ได้หรอวะ ประเด็นอัยย์ถูกกัดคอแล้ว หรือคนเขียนจะเเหวกแนวให้อัยย์คบกับอัลฟ่า หรือเบต้าคนอื่นได้? แล้วก็ตัดจบสวยๆ ให้เป็นความทรงจำในช่วงนึงของชีวิตแบบนี้หรอ ว้อท ว้อท!!! ว้อทททททท!!!!  แม่งได้เว้ยเฮ้ย (-_-)
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 28-05-2019 00:40:37
ไม่จริง!!! พิชช์ฌาณยังไม่ตายแน่ๆ ต้องเป็นแผนลวง!!!

คุณเค้าจะกลับมาแน่นอน!!! :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-05-2019 01:19:35
อ่านตอนนี้แล้วมันตื้อไปหมดเลย ณ ตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่านายพิษจะเป็นคนที่ตายจริงๆ เจ้าของดอกกุหลาบนั่นคือนายพิษตัวจริงใช่ไหม เจนภพนี่สรุปว่าแปรพรรคไปอยู่กับใคร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-05-2019 01:30:56
 :katai1: ลุ้นมาก เรารู้นะว่าพิชฌานยังไม่ตาย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2019 02:00:59
ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 28-05-2019 02:13:54
 :katai1: :katai1: :ruready :hao5:

เข้มข้นจริงๆ ภาวนาให้มันไม่จริง เป็นแผนลวง หรืออะไรก็ได้

เรื่องคนทรยศก็คงเป็นทุกคนแหละ เกมการเมืองอะเนอะ

ตอนที่ถามว่าน้องอัยยจะไปไหนต่อ ใจนี่คิดถึงสวิตอย่างเดียวเลย

ถ้าพิชฌานตายจริงๆนะ ไปเลี้ยงลูกที่นั่นเถอะ ปล่อยพวกงูพิษแว้งกัดกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-05-2019 03:23:02
ก็ว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เจนภพทรยศ เพราะดูไม่ใช่คนเห็นแก่เงินอ่ะ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาเสียใจจริงๆ
ส่วนคุณพิษเราว่าเขาไหวตัวทันอยู่นะเรื่องเจนภพแล้วก็ทั้งที่วิ่งหนีระเบิดพร้อมนิลลา แต่นิลบาดเจ็บเล็กน้อย ตัวเองตายอันนี้ไม่ค่อยเมคเซ้นส์ เพราะงั้นฟันธงว่ายังอยู่ แต่รอดูว่าอีกฝั่งจะเปิดเกมแบบไหนมากกว่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-05-2019 03:48:15
เข้มข้นมากจริงๆ ค่ะ อึดอัดไปหมดแล้ว น้ำตาไหลเลย

สงสารอัยย์ น้องไม่ได้แพ้ท้อง แต่เพราะเครียดมาก
แล้วต้องมาคิดเรื่องหลังจากนี้ ที่ไม่ฌาณอีก

เมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผยนะ รอให้กลับมานะคะพิชญ์ฌาณ
ดอกไม้มาจากไหน ไม่ใช่ฝากมาวางใช่ไหมคะ น้องรออยู่นะ

เจนภพแค้นใคร เลือกละกันว่าจะแก้แค้นพ่อ หรือแก้แค้นลูก
คิดว่าเรื่องนี้พิชญ์ฌาณไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-05-2019 04:08:30
ขอมั่นใจแบบเดิมอะว่าคุณพิษไม่ตายหรอก!! มันเป็นแผน ต้องเป็นแผนซ้อนมาแน่ๆ
คือตอนเปิดนิลลาอยู่ข้างๆเลยนะ ละบาดเจ็บแค่นั้น คุณพิษจะมาโดนทั้งตัว ไม่ได้อะ
อีกอย่างตอนที่เจนภพหายไปก้เริ่มมีการสงสัยกันแล้วว่าทรยศรึป่าว
ออกไปเอาของจากคนที่สงสัยอยู่ จะไม่มีการเตรียมตัวป้องกันไปเลยก้ไม่น่าใช่นะ
แต่แผนที่ซ้อนไว้เนี่ยใครรู้บ้างเถอะ พ่อไม่รู้ แม่ไม่รู้ เจนภพไม่รู้ ลูกน้องที่ไปด้วยตายหมด
กำลังสงสัยว่านิลลารู้ด้วยรึป่าว คุณพิษไม่น่ากล้าทำตามแผนตัวเองโดยทิ้งอัยย์ไว้ข้างหลังคนเดียวอะ
ยังไงก้ต้องมีการส่งคนมาดูใกล้ๆ ไม่งั้นตัวเองก้อาจจะซุ้มอยู่ใกล้ๆ ...ดอกกุหลาบแดงนั่นอะ?
งานศพ ไว้อาลัย มันควรเป็นสูทเรียบๆ ไม่ก้ดอกไม้สีขาว ดอกไม้จันทน์อะไรแบบนี้
ไม่ใช่กุหลาบแดงที่พึ่งตัดออกจากต้นแบบนี้อะ
เอาเป็นว่า ขอมั่นใจเองไปก่อนเลยค่ะว่าคุณพิษซ้อนแผนเจนภพ โดยมีนิลลาร่วมมือด้วย
 เพื่อกำจัดคนทียศของพรรค หรือ เพื่อเซฟน้องอัยย์ไปด้วยนั่นเอง

ส่วนเจนภพตอนแรกรู้สึกแค่ไม่น่าไว้ใจ แต่คงไม่ทำอะไรที่มันถึงชีวิตคุณพิษอะ ได้แต่หวังว่าจะไม่ทรยศอย่างที่คิด
แต่สุดท้ายก้เป็นไปตามที่คาดไว้ ทรยศเพราะแค้นพ่อคุณพิษ แค้นนิมมานที่สั่งเก็บพ่อแม่ตัวเองซึ่งเป็นคนในพรรค
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เจนภพขอจำแหน่งนายก+บอกว่าจะไปใช่ชีวิตตปท.ไม่กลับมาอีก
เพราะรู้มาแล้วว่าพ่อปม่ตัวเองโดนสั่งเก็บ เลยต้องเองข้อมูลในตู้เซฟอันนั้นเป็นตัวประกันก่อน
ไม่งั้นยังไงก้ไม่รอดอะ ทั้งทำหน้าที่บกพร่องจนเจ้านายตาย ทั้งทรยศ ยังไม่รวมกับที่กล้ามาต่อรองอีก
เจนภพไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายก เงินก้ไม่น่าใช่ อำนาจก้ไม่น่าใช่อีก
เพราะเค้าเข้ามาในวงการนี้เพราะต้องมาช่วยคุณพิษอะ ไม่ได้อยากเข้ามาเองแต่แรก
เค้าคงไม่อยากอยู่ในวังวนนี้ หรือไปรับใช้คนอื่นต่ออะ

นี่ว่าระเบิดไม่ใช่ฝีมือเจนภพแน่ๆอะ แต่ว่าใครคือมือที่3 อันนี้ก้ต้องเดาอะ
พ่อน้องอัยย์? นิลรดา? เหลือให้สงสัยอยู่ไม่กี่คนแล้ว
เผลอๆคุณพิษซ้อนเอาระเบิดมาใส่เองป้ะ แล้วก้หายตัวไปมองมาจากมุมนอกที่เห็นอะไรชัดกว่า
มองดูว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังจะตาย ใครมีท่าทียังไงบ้าง
ส่งนิลลาเข้ามาประกบเมียตัวเองไว้ ไม่ให้อะไรๆมันแย่เกินไปกว่าที่ควรจะเป็น
แต่ถ้าบอกน้องอัยย์ มันก้จะไม่สมจริง เจนภพฉลาดขนาดนั้น ต้องไหวตัวทันแน่ๆอะ
ยังติดใจสายตาคุณพิษที่มองน้องไม่วางตาตอนลงลิฟต์ก่อนเกิดระเบิดอยู่เลยอะ รู้อะไรอยู่แล้วรึป่าว

เดาขนาดนี้ก้คือไม่อยากให้ตายนั่นแหละค่ะ พยายามหาทางเป็นไปได้ทั้งหมด 55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-05-2019 06:56:45
ไม่เดา นั่งเฝ้าตอนอัพเป็นกำลังใจให้นุ้งอัยย์อย่างเดียว สู้ๆนะลูก #บีบมือ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-05-2019 06:57:33
หลานฉันต้องมาเกิดท่ามกลางคนเลวๆ

ไร้ความจริงใจแบบนี้เหรอ

เจนภพฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ

นิลลา ตกลงเธอคือเพื่อนหรืองูพิษ

ตาณาณเมื่อไรนายจะกลับมาหาลูกเมียของนาย

อคิน อัยย์แย่แล้วนายรีบมาหาน้องนายเถอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-05-2019 07:27:09
ใจคิดว่าเป็นแผนของพิชฌาน ร่วมมือกับนิลลา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-05-2019 08:26:56
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 28-05-2019 08:31:54
ยังไงเนี่ยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 28-05-2019 11:39:08
ไม่เชื่อว่าตายต้องมีอะไรแน่ๆเรื่องมันเข้มข้นขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Poompim ที่ 28-05-2019 11:48:14
เฝ้ารอตาพิษฌานอย่างมีความหวัง :sad11: :call: :call: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-05-2019 14:37:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-05-2019 16:25:05
คิดไม่ออก บอกไม่ถูก..  :katai1:
สงสารบู้บี้.. ไรท์รีบมาน้าาาา..  :hao5:
ไม่อยากเดาแล้ววว..ปวดใจเด้อ.  :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-05-2019 19:20:34
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-05-2019 22:11:37
#ขอแค่รักคุณ หมายถึงใคร อัยย์รึเปล่า ถ้าคุณฌาณต้องตายจริงๆ แล้วเป็นเพราะเจนภพมันน่าเสียใจมาก แล้วถ้าเป็นเพราะพ่อของอัยย์ อัยย์ก็คงเสียใจและยิ่งน่าสงสารมากๆไปอีก หวังว่า คุณฌาณจะไม่ตายไปจริงๆหรอกนะ คนที่รู้ความจริงน่าจะเป็นนิลลารึเปล่า??
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 28-05-2019 22:29:26
ยังคงแน่ใจว่าต้องเป็นแผนการของพิชช์ฌาน พอเริ่มระแคะระคายเรื่องเจนภพก็เลยอาจจะคิดแผนระเบิดขึ้นมา สร้างเรื่องว่าตัวเองตายไปแล้ว ซึ่งถ้าทำแบบนั้นได้จริงๆ ก็คิดว่าพิชช์ฌานน่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน เพื่อให้แผนนี้ดำเนินต่อไปได้ ทั้งหาคนที่โดนระเบิดนอนในห้องไอซียู ทั้งแหล่งที่ซ่อนตัวอยู่ตอนนี้ และแน่นอนว่าต้องรู้ความเป็นมาของทุกๆ ฝ่าย โอ้ยยย ลุ้นๆๆๆ อยากอ่านต่อแล้วว สงสารน้องอัยย์ กินข้าวก็กินไม่ลง โถลูกแม่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-05-2019 22:40:38
ลุ้นไปหมด ซับซ้อนน่าดู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 28-05-2019 22:51:36
ท่านของเจนภพคือชาติชาย
ท่านที่ค้ามนุษย์คือพ่อของพิชช์
ท่านที่วางระเบิดคือพ่อของอัยย์
พี่น้องของพิชช์ที่เกิดจากเมียใหม่ของพ่อคือนิลลา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-05-2019 23:21:36
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 29-05-2019 04:08:46
เรายังคงเชื่อมั่นว่าคุณฌาณยังไม่ตาย เพราะเรามั่นใจมากว่าคนที่นอนเจ็บสาหัสคนนั้นไม่ใช่คุณฌาณตั้งแต่แรกอะ แต่เจนภพนี่แบบทำไมทำงี้เรื่องพ่อแม่ที่รู้จากรินลดาเชื่อได้แน่เหรอ กุหลาบดอกนี้จากคุณฌาณหรือเปล่าหรือแผนของใครอี๊กกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 29-05-2019 05:56:49
บีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-05-2019 11:01:53
ไม่เดาละ  รอตอนต่อไปละกัน

ปล.ก่อนจะโดนสั่งเก็บ(ถ้าเป็นจริง)​ต้องสืบก่อนไหมว่าทำไม 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 29-05-2019 13:59:09
จะต้องมีการแผนซ้อนแผน แต่ ๆ หลาย ๆ ขั้นเลยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-05-2019 14:25:55
ไม่เชื่อหรอกว่านายพิชฌาณจะตายอ่ะ แต่ถ้าเรื่องนายเจนหักหลังเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชือครึ่งแล้ว
แล้วยังงี้หนูอัยย์จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 29-05-2019 23:04:30
ปวดหัววว แต่ก็ยังเชื่อว่าฌานยังไม่ตายอยู่ดี มันมีหลายเรื่องที่ยังไม่คลี่คลาย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 29-05-2019 23:08:49
ถ้าเป็นการจัดฉาก ซ้อนแผนกันจริง ๆ ก้ทำได้เนียนมาก สงสารหนูอัยย์เลย .. อยากรู้ว่าใครทรยศจริง ๆ
กลัวหนูอัย มีภาวะแท้งคุกคามมาก
เร่องมันเครียดขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 29-05-2019 23:40:13
คุณพิษเล่นยังไม่คุ้มค่าตัว ยังหายไปไม่ได้กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! มาดูแลบู้บี้กับลูกเธองัย :m15:
สะเทือนใจสิบริกเตอร์/กอดน้องบู้บี้แน่นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 31-05-2019 02:02:20
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 33

 



 

 

 

 

 

 

            “ใครเอากุหลาบมาวางเอาไว้”  อาคิราห์สะกดความตื่นเต้นเอาไว้ในสีหน้า  ถามออกไปเรียบๆ  นิลลากับนิ่มนวลหันกลับมามอง

            “กุหลาบจากไหนคะคุณอัยย์  สวยเชียว”  นิ่มนวลพูด  ลุกขึ้นเดินเข้ามาช่วยเขาจัดชุดสูทสีดำสนิทให้เข้าที่  อาคิราห์ส่งกุหลาบสดดอกนั้นให้แม่บ้านอาวุโสดู  “เหมือนเพิ่งตัดมาไม่นาน”

            “เห็นสวยดีก็เลยตัดเอามาฝากคุณ”  นิลลาพูดขึ้นหลังจากนั่งมองอยู่เงียบๆ  อาคิราห์หันกลับไปมองสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ของคนพูด  ดวงตาแห้งผากของนิลลามองตอบกลับมาโดยไม่หลบ  “คุณอาคิราห์ชอบดอกกุหลาบไม่ใช่หรือ”

            “นิลรู้ได้ยังไง”

            “มีคนบอก”

            อาคิราห์ขมวดคิ้วแวบหนึ่งแล้วก็คลายออก  ไม่ได้พูดว่าอะไรอีก  ชายหนุ่มนั่งตักอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้เข้าปากช้าๆ นิ่มนวลพยายามจะชวนเขาคุยเป็นระยะแต่อัยย์ก็ไม่มีสมาธิมากพอที่จะสานต่อบทสนทนาที่อีกฝ่ายยกขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจของเขา     

            เจนภพเข้ามาบอกว่ารถพร้อมแล้ว  อาคิราห์เดินตามหลังอดีตมือขวาคนสนิทของสามีออกไปยังรถคันใหญ่แปลกตาที่จอดรออยู่ด้านนอก  นายจรัญรักษาการณ์หัวหน้าพรรคก้าวลงมาจากรถเป็นคนแรกตามด้วยอัลฟ่าอีกสี่ห้าคนที่อาคิราห์คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเป็นลูกพรรคของพิชช์ฌาน

            “คุณอาคิราห์  ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”  จรัญพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก  “มันกะทันหันเหลือเกิน  เราทุกคนไม่มีใครทันได้ตั้งตัวเลย  คุณฌานเองก็ยังหนุ่มแน่น  ไม่นึกเลยว่า...” เขาปล่อยหางเสียงให้หายไป  เอื้อมมือมาบีบมือของอาคิราห์เอาไว้อย่างถือวิสาสะ  สัมผัสของอีกฝ่ายทำให้โอเมก้าดึงมือของตัวเองกลับมา

            “ขอบคุณครับ”  เขาตอบกลับไปเรียบๆ

            “ผมเสียใจมากจริงๆ  ผมเองก็เห็นคุณฌานมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ...ใกล้จะถึงเวลาแล้ว  เชิญคุณอาคิราห์ขึ้นรถดีกว่าครับ  ผมกับคนในพรรคเราจะไปด้วยกันที่งานของพิชช์ฌาน”  จรัญผายมือไปที่รถที่เปิดประตูรออยู่

            อาคิราห์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ  เดินนำนิลลากับเจนภพขึ้นไปนั่งบนรถคันนั้น  นายจรัญขยับจะขึ้นมาต่อจากอาคิราห์ทว่านิลลากลับแทรกขึ้นไปนั่งคั่นระหว่างเจ้านายกับอัลฟ่าหัวหน้าพรรคเอาไว้หน้าตาเฉย

            “คุณอาคิราห์  ...ผมขอเรียกคุณอัยย์แล้วกันนะครับ”  จรัญพูดยิ้มๆ มองอาคิราห์ผ่านหน้าโอเมก้าผู้ติดตามอย่างไม่สนใจ  “คุณอัยย์เป็นอย่างไรบ้าง  เรื่องสุขภาพของคุณ  มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ  ผมยินดีช่วยเหลือคุณเต็มที่”

            “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ตอบคำเดิม  สบตานายจรัญแวบหนึ่งแล้วก็เบนออกไปมองข้างนอกหน้าต่างรถแทน

            “แล้วหลังจากเกิดเรื่อง  คุณได้ติดต่อกับคุณพ่อมั้ยครับ  ท่านว่ายังไงบ้าง”

            “ก็เหมือนที่ท่านให้สัมภาษณ์ในข่าวครับ”

            “ท่านคงเป็นห่วงลูกชายกับหลานน่าดู”

            “เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อ”  อาคิราห์ตอบ  ตรงข้ามกับความคิดในใจที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้วบิดาก็ไม่ได้ติดต่อมาเลยสักนิด

            “คุณคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม”

            “ผมยังไม่ทราบครับ”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ  เริ่มอึดอัดกับเกมยี่สิบคำถามที่นายจรัญกำลังเล่น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็พอจะรู้ตัว  คนแก่กว่าส่งยิ้มออกมาราวกับปลอบใจ

            “ผมถามละลาบละล้วงคุณมากไปหรือเปล่า  อย่าถือสาผมเลยนะ  ผมแค่เป็นห่วงคุณ  คุณเป็นโอเมก้าแถมยังตั้งท้องอยู่  คู่อัลฟ่าก็มาเสียชีวิตอีก  ผมไม่อยากให้คุณต้องลำบาก”   หางเสียงของอีกฝ่ายทอดอ่อนอย่างประหลาด

            จู่ๆ นิลลาก็จามออกมาเสียงดังสนั่น

            “ทิชชูไหมครับ”  เจนภพส่งกระดาษทิชชูมาให้จากตอนหน้าของรถ  นิลลารับเอามาเช็ดพลางสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง  ทำเอานายจรัญที่นั่งอยู่ข้างๆต้องกระเถิบถอยห่างอย่างรังเกียจ

            “พอดีนิลลาไม่ค่อยสบาย  ต้องขออภัยด้วยนะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นเนิบๆ

            “ไม่เป็นไรครับ”  นายจรัญตอบกลับมา

            หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งมาถึงงานพิธีที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามสมศักดิ์ศรีของผู้ตาย  แขกเหรื่อที่เห็นล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่อาคิราห์รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง  แสงแฟลชของนักข่าวสว่างวาบเป็นระยะไม่ขาดสาย

            เขาทำตามขั้นตอนที่นายจรัญบอกไปเรื่อยๆ แล้วก็ถอยออกมานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวเงียบๆ ทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าผ่านแท่นตรงกลางที่มีหีบวางเด่นเป็นสง่าไปยังรูปภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มหล่อเหลา

            ...ใครจะนึกว่านักการเมืองอนาคตไกลจะมาจบชีวิตลงง่ายๆแบบนี้กัน... อาคิราห์กำมือแน่นเข้า  ความเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทำให้เขาสะดุ้ง  ก้มลงมองก็เห็นว่าดอกกุหลาบสีแดงที่ติดมือมาจากบ้านนั้นถูกเขาบีบแหลกคามือ  หนามแหลมของมันที่ยังหลงเหลืออยู่แทงเข้าที่ฝ่ามือจนเลือดซิบ

            “คุณอัยย์...จะกลับไปข้างนอกก่อนไหม”  เจนภพเดินเข้ามาถามเขาด้วยท่าทางเป็นห่วง  อาคิราห์ส่ายหน้า  เก็บเศษกุหลาบดอกนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ

            “ผมไม่เป็นไรครับ  เชิญคุณเจนภพตามสบาย”  เขาตอบกลับไป

            อีกฝ่ายหันไปกำชับนิลลาให้คอยดูแลเขาไม่ให้คลาดสายตาแล้วก็จากไปวิ่งวุ่นประสานงานกับคนนู้นคนนี้ตลอดทั้งงาน  คุณนวลพรรณมารดาของพิชช์ฌานก็มาด้วยเช่นกัน  เธอตวัดสายตามองมาทางเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไรแล้วก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่รับไหว้  ส่วนท่านนิมมานมากับคุณหญิงของเขา  เพียงแต่ทักทายลูกสะใภ้สั้นๆแค่นั้น

            “มือคุณเป็นแผล”  นิลลากระซิบขึ้นเบาๆ ขณะที่เสียงบทสวดดังขึ้น  อาคิราห์แบมือออก  รอยเลือดยังค้างอยู่บนฝ่ามือให้เห็น  นิลลาดึงมือของเขาไปเช็ดให้ช้าๆจนสะอาด  “กุหลาบสวยงามน่าทะนุถนอมแต่ถ้าไม่ระวังให้ดีก็จะถูกหนามแหลมทิ่มเอาได้”

            “เธอตัดกุหลาบดอกนี้มาจากไหนงั้นหรือ นิลลา”

            “ในสวนหลังบ้าน...มีคนปลูกเอาไว้”

            “ไม่ใช่มีคนให้มาหรอกเหรอ”   

            “ฉันตัดมาเองกับมือ  คุณอาคิราห์”  นิลลายืนยัน  อาคิราห์ก็เลยไม่ถามอีก

            “ขอบใจมาก  ช่วยตัดมาให้ทุกวันเลยได้มั้ย”

            “นิลลาจะตัดมาให้คุณทุกวัน  จนกว่า...”  ประโยคหลังเสียงของโอเมก้าหายไปในลำคอเพราะมีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านหน้าพิธี  บรรดานักข่าวลุกพรึ่บกรูกันออกไปด้านนอกชุลมุน

            “ใครมาน่ะ”  อาคิราห์พึมพำ  ชะเง้อขึ้นมองออกไปด้านนอก

            กลุ่มคนที่มะรุมมะตุ้มอยู่นั้นเคลื่อนเข้ามาภายในบริเวณงาน  พอเห็นบุคคลที่ก้าวเข้ามาอาคิราห์ก็เบิกตากว้าง  รีบลุกเดินเข้าไปหาอย่างตกใจปนยินดี

            “คุณพ่อ”

            “อาคิราห์”  ท่านรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่น  แสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์รัวรอบตัว  “เป็นอย่างไรบ้าง  อัยย์”  เสียงของพ่อทำให้คนฟังน้ำตาคลอ  อาคิราห์สูดน้ำมูก  แอบซับน้ำตากับอกเสื้อสูทราคาแพงของบิดา

            “ดีใจที่คุณพ่อมา”  เขาพูดเสียงสั่น 

            ไตรคุณยกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวยของบุตรชายเบาๆแล้วดันตัวลูกออก  จับมือเย็นเฉียบนั้นเอาไว้แล้วพาเดินเข้าไปในงานเพื่อทำความเคารพผู้ตาย  ตลอดเวลาเขาไม่ได้ปล่อยมือของอาคิราห์ออกเลยจนกระทั่งเสร็จจึงได้ถอยออกมานั่งด้วยกันข้างหน้าสุด

            “พ่อตกใจมากตอนที่รู้ข่าว  อัยย์ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

            “ผมไม่เป็นไร”  อาคิราห์ส่ายหน้า  ถึงจะอยากโผเข้าไปกอดบิดาอีกรอบแต่ก็ทำไม่ได้  ต้องกลั้นใจนั่งข่มน้ำตาของตัวเองเอาไว้  “แล้วคุณแม่..”

            “แม่เขาไม่สบาย”  บิดาตอบสั้นๆ

            หลังจากนั้นพ่อลูกก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเพราะใครต่อใครต่างเข้ามาทำความเคารพท่านไตรคุณกันไม่ขาดสาย  อาคิราห์นั่งอยู่ข้างๆบิดาจนจบพิธี  ท่านนายกฯก็ลุกขึ้น

            “พ่อมีงานต้องทำต่อ  คงต้องกลับก่อน”  ไตรคุณพูดกับลูกเนิบๆ  ยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของลูกชายเบาๆ “ดูแลตัวเองด้วยนะอัยย์   ...ถ้ามีปัญหาอะไรก็กลับบ้านนะ  พ่อจะช่วยลูกเอง”

            “ครับ”  อาคิราห์พูดไม่ออก

เขาเดินตามออกไปส่งบิดาที่ข้างหน้า   นักข่าวเดินตามมาเป็นพรวนแล้วก็รุมล้อมสัมภาษณ์ต่อ  อาคิราห์ถอยออกมายืนห่างๆมองดูภาพบิดาของตัวเองถามตอบกับนักข่าวอย่างคล่องแคล่วก่อนจะกลับขึ้นรถออกไป  นิลลาเข้ามาจับข้อศอกของเขาเอาไว้

“คุณอาคิราห์เข้ามานั่งพักตรงนี้ดีกว่า”

ร่างๆหนึ่งในชุดสีดำลูกไม้ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้างาน  รูปร่างอวบอัดและท่าทางเยื้องกรายเป็นเอกลักษณ์เรียกสายตาของทุกคนในงานได้อย่างดี  รินลดาเดินเข้ามาจนถึงเก้าอี้ที่อาคิราห์นั่งอยู่  คิ้วโก่งเรียวเลิกขึ้นสูง  มองหน้าเขาแล้วยิ้มมุมปาก

“ไม่เจอกันนาน  ยังไม่ตายอีกเหรอ”

            “........”  อาคิราห์มองผ่านเธอไปคล้ายไม่ได้ยิน

            “ทำเป็นนั่งชูคอไปเถอะ”  เธอลดเสียงลง  มองหน้าเขาอย่างมีความหมาย  “ฌานก็ไม่อยู่แล้ว  ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวให้แล้วนะ  ถึงเวลากลับไปยังที่ของตัวเองแล้วล่ะพวกโอเมก้า”  หางเสียงเยาะหยันอย่างชัดเจนจนอาคิราห์โกรธขึ้นมาวูบ 

            “อ้าว  คุณรินลดามาด้วยเหรอครับ”  เสียงนายจรัญนำหน้ามาแต่ไกลก่อนที่ตัวเองจะเดินมาถึง  หญิงสาวยิ้มกว้างขึ้น  กระซิบเบาๆพอให้ได้ยินแค่เธอกับอาคิราห์

            “ถ้าฉันแนะนำล่ะก็  ...ลองเสนอตัวให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ดูสิ ..ฉันว่าเค้าคงไม่รังเกียจโอเมก้าเหลือเดนหรอกนะ  เผื่อว่าจะพอรั้งตำแหน่งโอเมก้าหมายเลขหนึ่งที่ฝันหวานเอาไว้ได้บ้าง”

            “อย่างที่คุณเคยทำน่ะเหรอครับ”  อาคิราห์พูด  สบตาคมวาวคู่นั้นโดยไม่หลบ  “เสียดายที่คุณพิชช์ฌานเค้าไม่ใช่คนชอบกินของเหลือเดน  ไม่อย่างนั้นคุณคง...”

            “เธอต่างหากอาคิราห์  ที่กินของเหลือเดนจากฉัน”

            “ผมกินแต่อาหารที่มนุษย์เขากินกันครับ  ต้องขอโทษด้วยที่กินอาหารเหลือของคุณไม่ได้”

            “คุยอะไรกัน ท่าทางซีเรียสเชียว”  จรัญเข้ามาถึงตัวทั้งสอง  อาคิราห์หันไปปฏิเสธเบาๆแล้วเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง  ทิ้งให้หญิงสาวมองตามหลังอย่างแค้นเคือง   “คุณชาติชายไม่มาด้วยเหรอครับ”

            รินลดากะพริบตา

            “พอดีคุณพ่อไม่ว่างน่ะค่ะ  เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้”

            “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณชาติชายเป็นการส่วนตัว”  จรัญพูด  ลดเสียงลง

            “คุณเจนภพเข้ามาคุยแล้วค่ะ”  หญิงสาวบอก  เหลือบมองทางอดีตมือขวาของพิชช์ฌานที่ยืนมองตรงมายังทั้งคู่อย่างระแวดระวังในที  “เขาได้บอกคุณหรือเปล่า”

            “เขาไม่ได้บอกผม”  จรัญเครียดขึ้นทันทีแล้วก็ยิ้มออกมากลบเกลื่อน  “แล้วคุณพ่อของคุณว่ายังไงบ้างครับ  สนใจอนาคตของพรรคเราไหม”

            “คุณพ่อของเวลาคิดดูก่อนค่ะ”  เธอตอบอย่างไว้เชิงตามแบบผู้ที่เชี่ยวชาญในการต่อรอง “ไว้ว่างๆคุณลองแวะไปสิคะ  คุณพ่อพูดถึงคุณอยู่นะ”

            “ผมจะแวะไปหา”  คนฟังหน้าชื่นขึ้น

            เจนภพสังเกตเห็นลูกสาวนายทุนพรรคและหัวหน้าพรรคยืนพูดคุยกันอยู่นาน  ชายหนุ่มรอจนสบโอกาสแล้วก็ค่อยแอบเดินตามหลังเธอไปในสวนข้างหลังที่มีแสงจากไฟสนามรัวลาง

            “แผนของคุณดูจะไปได้สวยนะคะ”  รินลดาพูด  เลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในเงามืด

            “แผนอะไรไม่ทราบ”  ชายหนุ่มถามเสียงห้วน  คนฟังหัวเราะเบาๆ

            “ก็แผนหักหลังผู้มีพระคุณของคุณไงล่ะ  คุณเจนภพ”  อัลฟ่าสาวพูดเนิบๆ  “คราวนี้  คุณอยากรู้อะไรจากฉันอีกไหมคะ”

            “ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว”

            “ฉันบังเอิญได้ภาพถ่ายครอบครัวมาจากคนๆหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้  คิดว่าคุณน่าจะสนใจ...อาจจะคุ้นๆหน้าคนในนั้นบ้างกระมัง”  เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือแล้วหยิบซองเล็กๆขึ้นมา  “ภาพถ่ายอัลฟ่าและเบต้าคู่หนึ่ง  กับ...เด็กน้อยลูกชายคนเดียวของเขา”

            ชายหนุ่มชะงัก  แม้เพียงนิดเดียวทว่าคนที่ลอบสังเกตอยู่ก็มองเห็น  เธอซ่อนยิ้ม

            “คิดว่าคุณคงอยากได้เป็นที่ระลึก”  รินลดาพูด

            “ผมต้องแลกกับอะไร”  เจนภพถามเสียงแหบ  มองซองกระดาษนั้นอย่างพินิจ

            “สิ่งที่อยู่ในเซฟที่คุณขโมยมาจากบ้านของนายจักรกฤต”  หญิงสาวบอก

            “มันไม่ได้อยู่ที่ผม”

            “ถ้างั้น...”  หญิงสาวหยิบไฟแช็คขึ้นมาจากกระเป๋า  “ปล่อยให้รูปครอบครัวใบสุดท้ายสลายไปก็แล้วกันนะคะ”

            เจนภพยืนนิ่งไม่กระดิก  มองเปลวไฟแลบลามจนท่วมซองสีขาวกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา

            “ภาพครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่คุณใฝ่หามากที่สุดงั้นหรือ”  หญิงสาวพูดขึ้นอย่างแปลกใจ  เก็บไฟแช็คใส่กระเป๋า

            “ผมรู้ว่าคุณมีข้อเสนอที่ดีกว่านี้”  ชายหนุ่มตอบ

            “คุณอยากได้อะไรล่ะ”

            “คนที่เขาจ้างคุณเขามีข้อเสนออะไรให้ผมบ้างล่ะครับ”  เจนภพถามเรียบๆ  “ผมรู้ว่าคุณคงได้ค่าตอบแทนอย่างงามสำหรับงานนี้  เอาอย่างนี้ไหม  เรามายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า  คุณอยากได้ของในเซฟผมจะมอบให้  แลกกับชื่อของคนที่จ้างคุณ”

            “ฉันไม่หักหลังลูกค้า  ไม่อย่างนั้นจะเสียเครดิตเอาได้”  หญิงสาวพูดแกมหัวเราะ  “คุณต้องยื่นข้อเสนอใหม่”

            “คุณไม่เสียหายอะไรเลยสักนิดนะคุณรินลดา  ยกเว้นแต่ว่าคุณเองพัวพันกับคนที่จ้างคุณเอาไว้”

            “ฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

            “งั้นก็ตอบตกลงสิครับ  คุณเองก็จะได้เครดิตที่ได้ของไป  ส่วนผมรับรองว่าจะไม่แพร่งพรายว่ารู้มาจากคุณเด็ดขาด”

            “คุณอย่ามาหว่านล้อมฉัน”

            “ถ้าคุณไม่ตกลงก็จบ  ...ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว”  เจนภพยักไหล่  เอามือล้วงกระเป๋าเอาไว้  “ลาก่อน  ขอบคุณมากสำหรับเรื่องราวของพ่อและแม่ของผม  ผมซาบซึ้งในน้ำใจของคุณมากครับ”  เขาพูดด้วยเสียงแกมเยาะ  หมุนตัวหันหลังให้

            “เดี๋ยวก่อน  คุณสาบานได้มั้ยว่าจะไม่บอกใครว่าได้ชื่อมาจากฉัน”  รินลดาว่า  มองหน้าเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย  “และฉันขอเพิ่มข้อเสนออีกอย่างก็คือ ...ชีวิตของโอเมก้าอาคิราห์”

            คิ้วเข้มของคนฟังเลิกขึ้น

            “คุณอาคิราห์?  เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยแล้วนี่”

            “ใครๆก็มองออกว่านายจรัญหวังจะให้โอเมก้านั่นมาเป็นพรีเซนเตอร์ของพรรค  ถึงได้พยายามประกบเสียขนาดนั้น  เป็นโอเมก้าไม่รู้จักอยู่ส่วนโอเมก้าแต่กลับมาเพ่นพ่านเรียกคะแนนสงสาร”

            “คุณอาคิราห์ไม่เกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้  ผมขอไม่รับข้อเสนอนี้ครับ”  ชายหนุ่มพูดเสียงหนัก  หมุนตัวเดินกลับออกมาอย่างรวดเร็ว   ไม่ได้หันไปฟังว่าอีกฝ่ายเรียกมาว่าอย่างไรอีก

            ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในงาน  เขาเห็นร่างโปร่งบางของโอเมก้านั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของนักข่าวที่กำลังจ่อไมค์รายล้อมพร้อมกับยิงคำถามไม่หยุด

            “คุณอาคิ..”  เขาอ้าปากจะช่วยพาภรรยาของเจ้านายออกจากวงล้อมของนักข่าวทว่าอีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วส่ายหน้านิดเดียวเป็นสัญญาณว่าไม่ต้อง

            “คุณอาคิราห์คิดอย่างไรกับอนาคตของพรรคที่ไม่มีคุณพิชช์ฌานคะ”  นักข่าวจากสำนักข่าวดังถามขึ้น  เจนภพเห็นโอเมก้าคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง

            “ผมคิดว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  เพราะคุณพิชช์ฌานได้วางแนวทางเอาไว้หมดแล้วครับ...ตอนที่อยู่ด้วยกัน  คุณพิชช์ฌานก็เล่าให้ผมฟังตลอดว่าอยากจะทำอะไรให้กับประเทศนี้บ้าง  สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือ...เขาอยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุขครับ  หมายถึงคนทุกคนที่เท่าเทียมกัน  ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นครับ”

            “เป็นนโยบายหลักของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ใช่มั้ยคะ”

            “ผมคิดว่ามีนโยบายหลักอื่นๆอีกเช่นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือการศึกษา   ไม่ได้มีแค่นโยบายไม่แบ่งแยกชนชั้นหรอกครับ  ลองถามคุณจรัญหัวหน้าพรรคหรือลูกพรรคคนอื่นๆดูก็ได้ครับ”

            “แล้วอนาคตของคุณอาคิราห์จะทำอย่างไรต่อคะ”

            “คุณคิดว่าผมจะทำอะไรดีครับ”  อาคิราห์ย้อนถาม  “ผมไม่มีวุฒิการศึกษา  เหมือนกับโอเมก้าค่อนประเทศนี้  จะไปสมัครงานอะไรกับเค้าได้”

            “ก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก...แบบนั้นใช่มั้ยครับ”  นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้น

            “ควรจะเป็นแบบนั้น”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  “แต่ว่าผมจะไม่หยุดแค่นั้นครับ”  ชายหนุ่มพูดต่อ  เลือกมองเข้าไปในกล้องของสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุด  “ผมจะสานต่อเจตนารมณ์เดิมของสามีผมด้วยการเรียนต่อกฎหมายครับ  อนาคตของผมคือนักกฎหมายเพื่อโอเมก้า”

            เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่คนฟังคล้ายไม่เชื่อถือเท่าไหร่  มีเสียงหัวเราะปนออกมาเล็กน้อยให้ได้ยินแว่วๆ  อาคิราห์นิ่งฟังอย่างสงบ  รอจนทุกคนเงียบค่อยพูดต่อ

            “และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะทำก็คือตามหาตัวคนผิดที่ทำให้สามีของผมเสียชีวิตมาลงโทษตามกฎหมายครับ  ดังนั้น  ผมจึงขอให้ชันสูตรร่างสามีของผมเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมครับ”

            เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นความวุ่นวาย  นักข่าวต่างถามกันเสียงดังเซ็งแซ่  แขกเหรื่อที่ยังพอเหลืออยู่ในงานก็ต่างมึนงงกับสิ่งที่ภรรยาของผู้ตายพูดขึ้น  เจนภพก้าวเข้ามาอาคิราห์แล้วพาเจ้าโอเมก้าออกมาจากวงล้อมตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่

            “หมายความว่ายังไงครับคุณอัยย์  จะเอาศพคุณฌานออกมาผ่าอีกเหรอ  แต่เราจะฝังพรุ่งนี้แล้วนะ”  นายจรัญวิ่งตามหลังมาพลางร้องถามหอบๆ  อาคิราห์หยุดเดิน

            “ใช่ครับ  ผมขอให้พิสูจน์หลักฐานใหม่”

            “โธ่  คุณอัยย์  มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ  แล้วผ่าไปมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ  พิธีฝังพรุ่งนี้ก็เตรียมเอาไว้หมดแล้ว  มายกเลิกแบบนี้ก็ตายสิครับ”

            “งั้นคุณก็ฝัง  แล้วผมจะขุดขึ้นมาใหม่”  อาคิราห์พูด  ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่มีกลีบยุ่ยๆของดอกไม้สีแดงช้ำอยู่  “ผมเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา  ผมมีสิทธิ”

            นายจรัญอึ้งพูดไม่ออก  อาคิราห์เลยก้าวขึ้นรถไปเลยทิ้งให้หัวหน้าพรรคยืนงงอยู่ที่เดิม


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 31-05-2019 02:03:12








            เจนภพเป็นคนขับรถออกมาเองโดยมีนิลลานั่งข้างคนขับและอาคิราห์นั่งด้านหลัง  ลูกครึ่งอัลฟ่าเบต้าขับย้อนออกมาอีกทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงนักข่าวและตรงกลับไปที่บ้านของพิชช์ฌาน

            “ทำไมคุณอัยย์ถึงอยากให้ผ่าพิสูจน์ศพล่ะครับ”  คนขับถามขึ้น

            “เผื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเพิ่ม”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ ไม่อธิบาย  “ผมทำได้ใช่มั้ยครับ”

            “ทำได้ครับ  ผมจะจัดการให้”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            เจนภพส่งโอเมก้าทั้งสองคนที่หน้าบ้านหลังงามก่อนจะขับออกไป  นิ่มนวลเข้ามาหาพวกเขาแล้วไล่ให้นิลลาพาอาคิราห์ขึ้นไปนอน 

            “คุณจะดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนสักแก้วมั้ย”  นิลลาถาม  “มันช่วยให้หลับดีขึ้นนะ”

            “ก็ดีเหมือนกัน”  อาคิราห์พยักหน้า  “นิลไม่ถามฉันบ้างเหรอว่าทำไมจู่ๆถึงให้ชันสูตรศพคุณพิชช์ฌานใหม่”

            “ฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้  ถึงถามก็ไม่เข้าใจเลยไม่ถาม”  นิลลาว่า

            “ฉันไม่เชื่อว่าคนที่ตายคือคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์กระซิบ  “เธอดูไม่ตกใจเลยนิลลา”

            “คนที่สูญเสียโดยไม่ทันตั้งตัวมักจะหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธและปกป้องตัวเอง”  นิลลาพูด  เหลือบมองเจ้านาย  “คุณกำลังเสียใจมาก  กลไกการป้องกันจิตใจก็เลยทำให้คุณคิดไปแบบนั้น  มันเป็นจิตใต้สำนึก”

            “......”  อาคิราห์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเพื่อนโอเมก้า  นิลลามองตอบ  “ช่างเถอะ  ...พรุ่งนี้  หวังว่าจะมีกุหลาบให้ฉันนะนิลลา”

            “ฉันจะไปตัดมาให้คุณ”  อีกฝ่ายตอบ

            อาคิราห์เข้านอนคืนนั้นแล้วหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน

            ......................................................................................

            เสียงฝีเท้าเดินเหยียบไปบนถนนที่โรยด้วยกรวดหินทำให้เกิดเสียงในความมืดสลัว  ชายหนุ่มกวาดตามองรอบตัวเป็นระยะขณะที่เดินเข้าไปจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่  แสงไฟจากห้องทำงานชั้นล่างมองเห็นรางๆผ่านผ้าม่านหนาหนัก  เดาได้ว่าคนข้างในนั้นยังไม่นอนและกำลังรอเขาอยู่ตามนัด

            ชายหนุ่มยืนรอให้คนมาเปิดประตูให้  เขาก้าวเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย  เดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องทำงานนั้น  บอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าห้องขยับตัวแต่เมื่อเห็นหน้าเขาก็ยอมให้เข้าไปได้ง่ายๆ

            ข้างในห้องทำงานที่มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง  เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมอง

            “มาแล้วหรือ”

            “ครับ”  เจนภพก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง  “แล้วข้อเสนอของผมที่จะขอเป็นอิสระจากที่นี่...”

            “ฉันขอดูของในเซฟนั่นก่อนเจนภพ”  อีกฝ่ายพูดขึ้น

            เจนภพมองหน้าอีกฝ่ายอยู่อึดใจแล้วเอื้อมมือไปด้านหลัง  หยิบเอาของที่เขาเตรียมมาด้วย  มันเป็นห่อพลาสติกเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือที่ปิดผนึกเอาไว้อย่างดี

            “นี่น่ะหรือของที่อยู่ในเซฟ”

            “ใช่ครับ”  เจนภพพูด  ก้าวเข้าไปวางของสิ่งนั้นเอาไว้บนโต๊ะ  “ผมยังไม่ได้แกะออกดูว่าข้างคืออะไร  แต่ว่าไม่มีโลหะแน่ๆ  ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นระเบิดเวลา”

            อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างพอใจ

            “ข้อเสนอของเธอคืออะไรนะเจนภพ”

            “ผมขอลาออกจาก...ทุกอย่าง”  ชายหนุ่มตอบ  “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  และผมจะไม่กลับมาอีก”

            “ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอจะไม่หักหลังกันในตอนสุดท้าย”  ท่านนิมมานพูดเนิบๆ

            “ท่านมั่นใจได้ครับ  เพราะผมไม่ใช่คนอย่างท่าน”  เจนภพพูด เอื้อมมือไปด้านหลังอีกครั้ง

            คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่นิ่งงัน  จับตามองปลายกระบอกปืนพกที่สวมที่เก็บเสียงเอาไว้นั้นเขม็ง  ชายหนุ่มรุ่นลูกถือเล็งมาที่เขา  ตาต่อตาสบกัน

            “จะยิงฉันเหรอ”  นิมมานถามขึ้นด้วยเสียงเรียบสงบราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศ  “คิดดีแล้วหรือเปล่า  เธออาจจะไม่ได้กลับออกไปจากห้องนี้อีกแล้วนะ”

            “มันก็คุ้มค่ากับที่ท่านได้ทำลงไปแล้ว”  เจนภพพูดเรียบๆ

            “ฉันทำอะไรให้เธอโกรธเคือง  ถึงขั้นอยากเอาชีวิตกัน”

            “ท่านรู้แก่ใจดีว่าทำอะไรลงไป”  ชายหนุ่มพูด  ความโกรธแค้นที่เพียรเก็บมานานผุดพรายขึ้นมาเหมือนน้ำเดือด  “ท่านฆ่าพ่อแม่ผม”  เขากระชากเสียงอย่างอดไม่อยู่  เห็นอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนกับข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์ก็ยิ่งโกรธ  “ท่านคงจำไม่ได้แล้วกระมัง  อัลฟ่าผู้สมัครเขตภาคเหนือที่ชื่อสมคิดกับเจนรวีเบต้านักบัญชีของท่าน”

            “เธอเอามาจากไหน”  ผู้สูงวัยกว่าถาม  “เรื่องมันนานมากแล้วนะ”

            “นานแค่ไหนก็ยังเหลือหลักฐานเอาไว้”  ชายหนุ่มพูดเสียงเยาะ  “ผมตามจนกระทั่งได้เจอมือปืนที่คุณจ้างวานฆ่า”

            คนฟังหัวเราะออกมา

            “เธอกำลังแต่งเรื่องอะไรเป็นตุเป็นตะให้ฉันฟังงั้นหรือ  ถ้าเธอมีหลักฐานขนาดนั้นก็แจ้งตำรวจสิ”

            “พ่อแม่ของผมไม่ได้ถูกรถชนตายแต่ว่าถูกยิงตายแล้วอำพรางคดี”  เจนภพพูดเสียงสั่นด้วยแรงโทสะในใจ  “คุณโกหกผม  ปั้นหน้าหลอกผมมาตลอดว่าเป็นคนอุปการะเลี้ยงดูผม  แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่  คุณคือฆาตรกรที่ฆ่าพ่อแม่ผม  คุณใช้อำนาจอิทธิพลของคุณปกปิดความจริง  คุณข่มขู่แม้กระทั่งคุณครูที่ช่วยเลี้ยงผมมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น”   

            “ฉันว่าเธอดูละครมากไป  วางปืนลงก่อนมั้ยแล้วค่อยมานั่งคุยกันดีๆ”

            “ผมมาเพื่อแก้แค้นให้พ่อกับแม่”  เจนภพกระซิบ  “ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไรกันอีก”

            “ถ้าเธอไม่ฟังความจริงจากปากของฉัน  เธอจะเสียใจไปตลอดชีวิต”  นิมมานพูด  วางปากกาในมือลงกับโต๊ะดังกึก  เกิดความลังเลขึ้นวูบหนึ่งในแววตาของคนฟัง  แวบเดียวที่ปลายกระบอกปืนเผลอลดลงด้วยความรู้สึกของคนถือ  ตอนนั้นเองที่เจนภพรู้สึกว่าถูกเข้าประชิดตัวพร้อมกับสัมผัสโลหะเย็นๆที่หลังต้นคอ

            มีคนอยู่ในห้องทำงานด้วยอีกคนโดยที่เขาไม่ทันเห็นตอนเข้ามา

            “ถ้าคุณให้ลูกน้องคุณยิงผม  ผมก็จะยิงคุณเหมือนกัน”  เจนภพพูดเสียงเข้ม  ไม่ยอมลดปืนลง

            “ไม่คุ้มกันหรอก”  นิมมานพูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน  “อธิบายกับคนของแกซิพิชช์ฌาน  ฉันเหนื่อยมากแล้ววันนี้กับงานศพของแก”

            เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่เจนภพจะหันกลับไปมองข้างหลัง  ร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเขายืนนิ่งทว่าปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่หน้าผากของเจนภพพอดิบพอดี

            “คุณพิชช์ฌาน?”  เจนภพอุทาน

            “วางปืนลงซะเจนภพ  นายทำให้แผนของฉันพังไม่เป็นท่าเลย”  เสียงห้าวๆพูดพร้อมกับเอื้อมมือมายึดปืนของมือขวาคนสนิทที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจเอาไว้

            “คุณยังไม่ตาย?”

            “ฉันตายไปแล้ว” พิชช์ฌานตอบอย่างหงุดหงิด  “ถ้าไม่ใช่เพราะนายคิดจะยิงพ่อฉัน  ฉันก็คงไม่ต้องออกมา” 

            คำว่าพ่อทำให้สายตาของเจนภพกลับแข็งกร้าวขึ้นมาอีก  ชายหนุ่มทำท่าจะแย่งปืนกลับมาแต่ก็ไม่กล้าเพราะพิชช์ฌานยกขึ้นเล็งมาทางเขา  เขาอยู่กับพิชช์ฌานมานานจนรู้ว่าอีกฝ่ายพร้อมจะยิงโดยไม่ลังเล

            “นั่งลง  และฟัง”   พิชช์ฌานพูดเสียงเฉียบขาด  “พ่อของฉันไม่ได้ฆ่าพ่อของนาย  ไม่เคยฆ่า...นั่นแหละคือ ความจริง”

            “แต่ผมมีหลักฐานจากมือปืนคนนั้น”

            “ที่รินลดาให้มาน่ะเหรอ”  คำพูดของเจ้านายทำให้อีกฝ่ายชะงัก  “ฉันรู้ว่านายทำตัวมีลับลมคมนัยกับฉันมาพักใหญ่แล้ว”

            “แต่มือปืนบอกเองว่าคนสั่งคือมัน”  เจนภพชี้นิ้วไปที่คนที่นั่งหลังโต๊ะ

            ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น

            “ฉันเป็นคนสั่งเก็บพวกเขาเอง”  นิมมานพูดขึ้นเนิบๆ ทำเอาคนในห้องชะงัก

            “คุณพ่อ”

          “ไม่เป็นไร  บางมีมันอาจจะถึงเวลาแล้ว  แกก็ด้วยพิชช์ฌาน”  คนสูงวัยพูดขึ้นช้าๆ “ฉันจ้างมือปืนไปจัดการสมคิดเพราะเขาเอาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งมาขู่แบล็คเมล์ฉัน  ตอนนั้นฉันเป็นนักการเมืองดาวรุ่ง  ฉันไม่ต้องการให้อะไรมาขวางกั้นอนาคตของฉัน”

            “ขู่เรื่องอะไร”

            เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะจนคนฟังนึกว่านิมมานจะเปลี่ยนใจไม่พูด

            “เรื่องลูก”  อดีตนักการเมืองพูดขึ้นเบาๆราวกับกลัวใครจะมาได้ยิน  “ฉัน...มีลูกกับคนในพรรคที่ไม่ใช่แม่ของเจ้าฌาน”  คำสารภาพของนิมมานทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนตกใจ  “ฉันเป็นคนเลว  ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง  ฉันพยายามปกปิดเรื่องนี้  แต่ยิ่งปิดเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนอยากรู้  และสมคิดก็เป็นคนที่รู้เรื่อง...ตอนนั้นลูกของฉันเพิ่งคลอด  ฉันเลยคิดแผนขึ้นมาใหม่”

            “.......”

            “ฉันยกลูกให้สมคิดกับเจนรวีเอาไปเลี้ยง”  นิมมานหลับตาลงอย่างสะเทือนใจ  “เป็นการตัดสินใจผิดที่สุดในชีวิตของฉัน  พวกเขาแว้งกัดฉันทันทีที่ได้โอกาสและขู่จะแบล็คเมล์เรื่องนี้  มันทำให้ฉันตกอยู่ในฝันร้ายหลายปีจนกระทั่ง....”  เขาลืมตาขึ้นมาใหม่  ต้องมองไปยังลูกชายของเขา  “ฉันตัดสินใจจัดการพวกเขาเสียเพื่อรักษาชีวิตของลูกเอาไว้”

            เจนภพรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดบึ้มในหัวของเขาอย่างแรง  ชายหนุ่มยืนจังงังอยู่กลางห้องมองหน้าคนพูดอย่างมึนงง   สิ่งที่นิมมานพูดออกมาอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก

            “แต่คุณ...แต่ว่า... เด็กคนนั้นโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”  เจนภพกระซิบ  ขอบตาร้อนผ่าวมองหน้าคนพูดอย่างค้นคว้า  “คุณปล่อยให้เขาโตขึ้นมาในนั้น”

            “เป็นทางเดียวที่จะปกป้องเขาเอาไว้”  อีกฝ่ายพูด

            “ปกป้องเขาหรือปกป้องตัวคุณเอง”  เจนภพถามเสียงแหบพร่า  “ถ้าอย่างนั้นคุณรับผมมาอยู่ด้วยทำไม  ทำไมไม่ปล่อยให้ผมโตขึ้นในนั้น  เป็นเจนภพ ...เป็นคนที่ไม่เคยรู้จักคุณ”

            “เพราะฉันใจไม่แข็งพอ”  นิมมานพูดสั้นๆ

            “ผมไม่อยากเชื่อ”  เจนภพพูด  “คุณตั้งใจหลอกอะไรผม  คิดจะทำให้ผมไขว้เขวงั้นหรอ  ...คุณพิชช์ฌาน”  ประโยคหลังเขาหันไปทางเจ้านายที่ยืนนิ่งเงียบจนน่ากลัว  เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นความเย็นเยียบในแววตาคมกริบคู่นั้นที่มองไปยังคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงาน

            “เป็นความจริงสินะ”  พิชช์ฌานพูดออกมาประโยคแรก  “พ่อไม่เคยบอกผม  คิดว่าจะเก็บเป็นความลับไปถึงเมื่อไหร่กัน”  คนฟังไม่ตอบ  ทำให้ชายหนุ่มยิ่งโกรธเกรี้ยว

            “มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้”

            “เขา-เป็น-น้อง-ชาย-ของ-ผม  คิดว่าผมไม่จำเป็นต้องรู้หรอ”  พิชช์ฌานพูดแทบจะเป็นตะโกน  “พ่อนอกใจแม่ยังไม่พอ  ยังปิดเรื่องเขาอีก  ให้ตายเถอะ...นี่มันบ้าชัดๆ”

            “เป็นความผิดของฉันเอง”  นิมมานยอมรับแต่โดยดี

            “ใช่  เป็นความผิดของพ่อ”  พิชช์ฌานพูดห้วนจัด

            “แล้วแม่ของผมอยู่ที่ไหน”  คนที่ยืนเงียบถามโพล่งขึ้น  “แม่ของผมล่ะ”

            “แม่ของเธอ...ตอนนั้นทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำการพรรค”  คนพูดทอดสายตามองตรงไปยังอีกฟากหนึ่งของห้องทำงานราวกับมองเห็นภาพในอดีตปรากฏขึ้น  “ฉันเจอเขาตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นวันแรก  หน้าตาท่าทางสะอาดสะอ้าน  มารยาทเรียบร้อยน่ารัก”

            “พ่อก็เลยนอกใจแม่”  พิชช์ฌานกระชากเสียง

          “ฉันผิดเอง  ฉันรู้  ...ฉันทำผิดต่อแม่ของแก  ฉันพยายามจะอธิบายแล้วก็ขอเธอหย่า  แต่ว่าเธอไม่ยอม  สุดท้ายเราก็จบกันแบบไม่สวย  ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง”

            “พ่อก็แต่งงานใหม่กับเลขาฯหน้าห้องไง”  พิชช์ฌานว่า  มองหน้าบิดาของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวัง

            “แม่ผมตายแล้วเหรอ”  เจนภพถาม

            “ยัง...เขายังอยู่”  คำตอบของนิมมาน

            ............................................................................

            อาคิราห์สะดุ้งตื่นตอนเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่าน อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนเขาหลับสนิทกว่าปกติ  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวเหมือนเคย

            ดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่งเสียบเอาไว้ในแจกันหน้ากระจก  หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่บนกลีบดอกบางเบา อาคิราห์ก้มลงแตะจมูกสูดกลิ่นหอมหวานนั้นเข้าปอด  มันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของกุหลาบผสมเข้ากับกลิ่นอีกอย่างหนึ่งที่ปนมาบางๆ  ทว่าติดแน่นอยู่ในความทรงจำ

            ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกครั้ง  อาคิราห์เดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอไปด้วย  เขากลับออกมาจากห้องนอนในชุดพร้อมออกจากบ้าน

            “คุณอาคิราห์จะไปไหนหรือ”  นิลลาที่รออยู่หน้าห้องถามขึ้น  เดินตามหลังเจ้านายลงบันไดมาชั้นล่าง

            “ฉันจะไปทำธุระ  นิลอยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนป้านิ่มแล้วกันนะ”  อาคิราห์หันมาพูดเรียบๆ

            “นิลลาขอไปด้วย”

            “ไม่เป็นไร  ฉันไปเองได้”

            “ไม่ได้หรอก  ไปคนเดียวได้อย่างไรเป็นห่วงแย่เลย”  เพื่อนโอเมก้าพูด  “ให้นิลลาไปด้วยคนเถอะนะ”

            “ฉันจะไปหาหมอ”  อาคิราห์ว่า  ยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง  “จะไปตรวจครรภ์เสียหน่อย”

            “ยังไม่ถึงกำหนดที่หมอนัดไม่ใช่เหรอ”

            “ฉัน...ฉันอยากไปก่อนน่ะ”  คนพูดตะกุกตะกัก

            คนฟังหน้าเครียดขึ้นทันที

            “คุณมีอาการยังไง  ทำไมต้องไปหาก่อน”

            “ฉันแค่อยากไปเจอหมอ  ฉันไม่สบายใจ”  อาคิราห์เลี่ยง  อีกฝ่ายจับพิรุธได้ทันที

            “คุณเป็นอะไร  บอกนิลก็ได้  อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวเลยนะ...ถ้าคุณยังเห็นนิลเป็นเพื่อน”

            “ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้วนิล”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  “ฉันทนไม่ไหว  ฉันไม่สามารถอุ้มท้องคนเดียวได้หรอกนิล  ฉันจะไปโรงพยาบาล  ขอให้หมอเอาเด็กออก”

            “คุณอัยย์”  คนฟังอุทาน  “ไม่ได้นะ  ทำอย่างนั้นไม่ได้”

            “ฉันไม่อยากทนแล้วนิล  เพิ่งสองเดือนเองมันยังทัน  ฉันไม่อยากให้ลูกเกิดมาเป็นกำพร้าไม่มีพ่อตั้งแต่เกิด  ฉันเองก็ไม่พร้อมจะเป็นแม่คน  ฉันคิดดีแล้ว  คิดมาหลายคืน  ถ้าฉันไม่ท้องก็จะได้ไม่มีห่วงอีก  สามารถไปเรียกร้องความยุติธรรมให้โอเมก้าด้วยกันไง  ไม่ดีหรอนิล”

            “อะไรก็ไม่สำคัญเท่าลูกของคุณ  ลูกของคุณมีชีวิตขึ้นมาแล้วเขาก็ต้องได้รับความยุติธรรมเช่นกันนะ  คุณจะมาริดรอนสิทธิของเขาไม่ได้”

            “เขายังไม่เกิดมาเสียหน่อย   ยังอยู่ในท้องของฉันก็เป็นสิทธิของฉัน  นิลไม่ต้องมาห้ามหรอก  ฉันตัดสินใจมาแล้ว  ฉันไม่ได้คิดแค่วันสองวัน  แต่คิดมานานแล้วด้วย”

            “ไม่ได้นะคุณอัยย์  เรื่องนี้สำคัญมาก  คุณจะพูดเล่นๆแบบนี้ได้ยังไง”

            “ฉันไม่ได้พูดเล่นนิลลา  ฉันพูดจริงๆ”  อาคิราห์สูดน้ำมูก  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย  “ฉันไม่ไหวจริงๆนิล  ฉันไม่ใช่คนเข้มแข็งขนาดนั้น  ฉันไม่สามารถอุ้มท้องเขาได้คนเดียวโดยไม่มีพิชช์ฌาน”  โอเมก้าฟูมฟาย  ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร  “ฉันไม่อยากเก็บเด็กไว้แล้ว  ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “คุณอัยย์”

            “ไม่ต้องห้ามฉันแล้วนิล  ฉันจะไปโรงพยาบาล ฉันจะเอาเด็กออก  ฉันไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว”

            นิลลาถอนหายใจเฮือก

            “คุณเห็นกุหลาบที่อยู่ในห้องน้ำนั่นไหม”

            “เห็นแล้ว  ก็สวยดี...ขอบใจมากนะนิลลา  เธอไปเก็บมาจากไหนล่ะ”

            “ในสวน”

            “..........”  อาคิราห์เงียบแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองอีกรอบ  “ฉันจะไปโรงพยาบาล”  อัยย์พูดเสียงสั่น

            “คุณก็รู้ว่าในสวนมีกุหลาบแดงเสียที่ไหนล่ะ”  นิลลาพูดด้วยเสียงอ่อนใจ  “ยังจะต้องให้นิลลาอธิบายอีกเหรอ”  คนพูดทิ้งมือลงข้างตัว  “คุณอัยย์นั่งลงเถอะ”

            “ถ้านิลไม่อธิบาย  ฉันก็จะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  เอาเด็กออกไปเลย”  อาคิราห์พูดเสียงจริงจัง

            “โธ่  คุณอย่าทำให้นิลลาลำบากใจได้มั้ย”

            “งั้นฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว”

            นิลลาหรี่ตาลง

            “เชิญคุณอัยย์ตามสบายเลย”  นิลตอบกลับมาหน้าตาย  ท่าทางไม่ยินดียินร้าย  “แต่ถ้าจะไป ‘จริงๆ’ ก็ช่วยวางช้อนส้อมลงที่เดิมด้วย  นิลลาจะได้กินข้าวพวกนี้ให้หมดคนเดียว”

            คนฟังหน้าหงิก  กลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมด้วยความรู้สึกเสียฟอร์มไม่น้อย  อาคิราห์พูดสะบัดเสียง

            “ก็ได้  ฉันเปลี่ยนใจแล้ว  เห็นว่านิลขอเอาไว้หรอกนะ”  พูดแล้วก็เลื่อนจานอาหารเข้าหาตัว  “ฉันกินหมดเมื่อไหร่  นิลต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังนะ...เล่าใหม่ตั้งแต่ต้น”

            นิลลาลอบถอนหายใจยาว  เหลือบมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างกังวล

            ..................................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            บอกแล้วไงว่านิยายรักโรแมนติกอ่ะ 5555

            ขออภัยทุกคนด้วยที่ดิชั้นเขียนผิดตอนที่แล้วไปนิดชีวิต(เจนภพ)เปลี่ยนเลย

            ตอนที่แล้วที่เจนภพเจอกับนิมมานแล้วคุยกัน  เจนภพบอกว่า  หลังจบงานศพของพิชช์ฌานจะขอลาออก  (เราเขียนผิดเป็นจะขอขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค)  งงกันหมดเลยเด้อ 55555 ขอเป็นหัวหน้าพรรคแล้วจะออกนอกประเทศทำไม 555555  งงในงง

            เอาล่ะไม่งงแระ เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Yui_Panitakarn ที่ 31-05-2019 02:25:38
อัยย์หนูยังห่วงกินอีก คุณฌาณกลับมาหาน้องไวไวนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2019 03:30:13
 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 31-05-2019 04:30:14


สบายสบาย

สบายใจแระ

สามีน้องอัยย์ยังอยู่

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 31-05-2019 04:38:58
 :laugh:  พิชฌานฟื้นแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 31-05-2019 05:52:54
……


พลิกไปหน่อย ไม่คิดว่าเจนภพจะเป็นลูกชายอีกคนของท่านนิมมาน

อัยย์คงน่าจับประเด็นอะไรได้ ถึงได้บีบนิลลาทางอ้อมให้บอกความลับมา

อดทนอีกนิด เกมส์นี้ใกล้จะจบละ

 
………


 :katai4:   :katai4:  :katai4:    :katai4:  :katai4:

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 31-05-2019 06:07:19
เกมส์สนุกขึ้นเรื่อยๆๆๆละ รอดูคนอยู่เบื้องหลัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 31-05-2019 06:44:50
แอบคิดเหมือนกันว่าเจนเป็นน้องคุณพิชรึเปล่า
เริ่มเฉลยหลายๆอย่างแล้ว ดีใจที่คุณพิชยังไม่ตาย :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 31-05-2019 07:13:08
ซีนหนูอัยย์มุ้งมิ้งจนบังซีนตาพิษหมดเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 31-05-2019 07:33:13
ดีต่อใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 31-05-2019 07:35:55
แม่ของเจนภพจะใช่คุณหญิงคนใหม่รึป่าวนะ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-05-2019 07:54:15
น้องชายคนละแม่สินะ เรื่องราวกำลังคลี่คลาย​แล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าบู้บี้ก็จะได้เจอกับนายพิษแล้วสินะ สู้ๆ อยากรู้​ว่าใครคือคนอยู่เบื้องหลังกันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 31-05-2019 08:02:58
ปมเริ่มคลาย แต่จะไปสะดุดปใหมอีกไหท ลุ้นๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Poompim ที่ 31-05-2019 08:43:16
พิษฌานมาแล้วววว :laugh: o22 :hao3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-05-2019 09:13:56
หักมุมมมม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-05-2019 09:29:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-05-2019 09:37:11
เขียนผิดชีวิตเจนภพเปลี่ยนจริงๆค่ะ 555555555555
เคลียร์ไปหนึ่งปม แต่ทำไมเจนภพถึงอยากลาออกจากทุกอย่าง
ส่วนรินลดานี่เป็นนกต่อให้ใครกัน จะสาวไปถึงขบวนการค้าโอเมก้าได้มั้ย
หรือลาสบอสเป็นคนใกล้ตัว T_________T
ส่วนน้องอัยย์ก็คือเอ็นดู อยากหอมหัว อุตส่าห์ได้แผนล่อแล้ว
แต่แพ้ของกินอ่ะลูกกกกกกกกกกก
แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้แล้วๆๆๆ TT
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-05-2019 09:48:41
ก็นะตกใจที่หนูอัยย์บอกว่าจะไปเอาเด็กออก แต่ก็นะแพ้ทางเห็นแก่กินเหมือนเดิม
เซอร์ไพรนิด ๆ ที่เจนเป็นลูกอีกคนของพ่อฌาณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-05-2019 10:41:45
เรามั่นใจว่าคุณพิษหลอกอุอิ แต่มาเซอร์ไพรซ์ตรงเจนภพเป็นน้องนี่สิ แงงงงงงงง น้องอัยย์แกล้งทำให้นิลพูดออกมาได้น่ารักมาก รู้ว่าเอาลูกมาต่อรองจะได้ผล  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-05-2019 11:04:05
อ่านตอนที่แล้วก็งงๆ เจนภพขอเป็นหัวหน้าพรรคแล้วจะลาออกทำไม เขียนผิดชีวิตเปลี่ยนจริงๆค่ะ 5555555
และในที่สุดก็เฉลยปมสักที ที่แท้เจนภพเป็นน้องชายนายพิษนี่เอง ดีใจที่นายพิษปลอดภัย แล้วก็รีบกลับมาหาเจ้าบู้บี้ได้แล้วนะ งอแงใหญ่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-05-2019 13:30:21
น้อนนนนนนนนนนน เรื่องกินสำคัญทีุ่ดสำหรับหนูสินะ :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 31-05-2019 13:48:36
ตอนที่แล้ว ด่าอิคุณพิษฌาณไป ว่าแค่กุหลาบแดงน้องจะไปรู้อะร๊ายยย เอาให้ชัดๆเคลียร์กว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ อุแหม่! ดิฉันก็ลืมไปว่าชัดสุดและเป็นโค้ดลับเฉพาะของคนคู่นี้ ก็กลิ่นคุณฌาณนี่แหละ แหมๆๆๆๆๆ ล้ำลึกๆๆๆๆ เยี่ยมจริงๆ  o13

เจนภพ งงกับชีวิตไหม จะหักหลัง จะล้างแค้นหรือจะภักดี? ทีนี้จะเอาไง เอาไงดีพี่ 55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่32 28/5/62 p27
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 31-05-2019 14:07:16
คือแบบ...  :katai1: มันดูมีลับลมคมในไปหมดอะ แง สงสารอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 31-05-2019 14:27:32
เริ่มคลี่คลายปมแล้ววว  :z2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 31-05-2019 14:40:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 31-05-2019 16:21:33
aww Ai you're so cute :o8: :o8: :man1:
น้องอัยย์คนเดิมกลับมาแล้วว คิดว่ารู้ตั้งแต่เห็นกุหลาบแล้วแหละ :hao3:

เพราะมีกลิ่นติดมา ดีใจที่อย่างน้อยนายพิษฌาณกลับมาแล้ว
สู้ต่อไปนะน้องอัยย์ กินข้าวให้หมดด้วย !  :z2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 31-05-2019 16:49:22
เคยแอบคิดว่าเจนภพเป็นลูกของเมียใหม่ท่านนิมมานแต่ตอนที่แล้วบอกพ่อแม่เจนภพตายเพราะท่านนิมมานก็เลยปัดตกไป แต่ ๆ ท่านมาเฉลยตอนนี้ พูดถึงว่าถ้าตอนนั้นไม่ส่งเจนภพเข้าสถานรับเลี้ยงฯ ก็อาจจะไม่รอดอ่ะเพราะแม่คุณฌานเขาก็ร้ายพอตัว บู้บี้ดีใจด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-05-2019 20:47:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-05-2019 20:50:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-05-2019 22:20:59
สัญชาติญาณของอัยย์ก็ใช่ย่อยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 31-05-2019 23:38:22
คงได้กลิ่พิชช์ฌานจากดอกกุหลาบสินะ ลูกแม่ฉาดที่สุด อิๆ
ที่ทึ่งมากคือเรื่องเจนภพ พลิกไปพลิกมา แม่เจ้า ไม่คิดว่าจะเป็นน้องชายคนละแม่ของพิชช์ฌาน อมก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 31-05-2019 23:53:06
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่พิชช์ฌาน ยังไม่ตายจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 31-05-2019 23:58:55
เจ้าแผนการทั้งคู่ สบายใจล่ะ .. น่าจะไม่ดราม่าเพิ่มแล้วมั้ง เดี๋ยวทุกอย่างก็คงคลี่คลาย
 :katai3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-06-2019 01:16:55
คุณพิษยังไม่ตาย แถมซ้อนแผนจริงๆด้วย
คุณพ่อคือเล่นละครเนียนมากกๆเลยนะคะ
หลงเชื่อไปเลยจริงๆว่าเป็นพวกแบบเย็นชาไม่สนใจลูก
ตกใจเรื่องเจนภพจริงๆค่ะ คือพอเดาได้แหละว่าเค้าจงรักภักดีกับคุณพิษ
ไม่น่าหักหลังกะนจนถึงขั้นเอาระเบิดไปใส่งี้อะ
แต่เพราะความแค้นนิมมาน และพ่อแม่ต้องมาก่อนความจงรักภักดีต่อคนนอกสายเลือดอะ
แต่อันนี้คือพลิกล้อคไปหมดเลยค่ะ 5555555
คุณพิษเหมือนมีสายสัมพันธ์พี่น้องอะ ที่บอกกะน้องอัยย์ว่าไว้ใจเจนภพมากที่สุด
ก้น้องชายทั้งคนนี่นะ
อีกครั้งที่ต้องบอกว่า คุณนิมมานเล่นละครเนียนจริงๆ เก็บความลับเก่งมาก
ปมหลักตอนนี้คือ ใครคือคนให้ข้อมูลกับรินลดา จนเจนภพยอมหักหลังอะ
เพราะข้อมูลก้เช็คแล้วเช็คอีก คนเบื้องหลังต้องมีอำนาจพอตัวเลยนะ
ในการที่จะปิดข้อมูลส่วนที่พ่อแม่เจนภพทรยศ แล้วเหลือแค่ตอนโดนสั่งเก็บอะ
เหมือนเหลือแค่คนเดียวเลยคือพ่อน้องอัยย์ แต่ก้ยังรู้สึกว่า ไม่อะ 5555
ฮืออขอให้ไม่ใช่ๆ สงสารเจ้าบู้บี้
ในส่วนของน้องอัยย์ นี่ว่าน้องไหวตัวตั้งแต่กุหลาบดอกแรก
แบบน้องอาการดีขึ้น นอนหลับได้ กินข้าวได้ มีสติพอจะคิดแผน พอจะถามอะ
พอเช้ามาน้องเลยเล่นใหญ่เลย น่ารักมาก 555555555
ถ้าจะจริงจัง น้องต้องวางช้อนส้อมก่อนลูกก นิลลาเลยจับได้เลย
ตอนหน้าน่าจะได้รู้แผนคุณพิษแล้วว่าวางไว้ถึงไหนบ้าง
รอค่าาาา
ปล. พอเดาถูกก้คือไปหวีดจนลืมเม้นเลยค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-06-2019 07:41:07
วางช้อนส้อมลงก่อนนะบู้บี้ 5555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_nick ที่ 01-06-2019 17:51:44
ว่าแล้วคุณพิษยังไม่ได้ตาย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 01-06-2019 21:57:30
แพ้ทางของกินตลอด ว่าละ มันมีกลิ่นเขาติดมาสินะน้องถึงรู้ว่าเหย ยังไม่ตายนะเหวย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 02-06-2019 00:17:24
พีคมากกกก แต่ก็นะ โอเคละ สบายใจ
นี่ว่าน้องรู้แล้วแน่ๆอะจากกลิ่นที่ติดมากับดอกกุหลาบ
เลยเค้นนิลลา ฉากเรียกน้ำตาก็มา แบบแอบเอ็นดู
แต่สุดท้ายนุ้งก็พ่ายแพ้ต่ออาหารแอแงงง น้องอัยย์ของพรี่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: mickychunchon ที่ 02-06-2019 10:06:13
แม่เจนภพคือนิ่มนวลมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Fiasarinya ที่ 02-06-2019 10:36:26
 ตลกยัยอัยที่ยังห่วงกิน โอ้ยย 555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 02-06-2019 13:50:48
หรือว่าแม่ของเจนภพ คือป้านิ่ม งูยยยยยย

ยัยน้องก็น่าจะเอะใจตอนที่เห็นกุหลาบแน่ ๆ เลยตัดสินใจขู่ เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากเอาลูกออกจริง ๆ แน่เลย

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 02-06-2019 14:40:32
 :hao7: คุณพิษษ มาหาบู้บี้เร็วววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-06-2019 08:14:51
รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-06-2019 12:37:16
เจ้มจ้นไปหมด ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-06-2019 09:27:46
เอ็นดูอัยย์ เข้มแข็งมากขึ้นแล้ว กุหลาบนี้ช่วยได้มากเลยเนาะ
แล้วพอจะเคี่ยวขึ้นมา ดันเผลอห่วงกินซะงั้นคนเรา 5555

นิลเกือบไปแล้วนะ เกือบหลงลมอัยย์แล้ว ไม่งั้นอาจได้เปิดตัวฌาณ

นั่นไง โผล่มาแล้วนะฌาณ ถ้าไม่เพราะเจนภพ ไม่ได้ออกตัวแล้ว
รอเลยจ้าว่า นิลจะเมาท์ยังไง แล้วฌาณจะทำยังไงต่อ

งงเรื่องเจนภพไปหมดแล้วจ้า สรุปคนละแม่จริงหรอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 06-06-2019 14:09:09
แง้~~~~ มาลงชื่อทันถ่ายทอดสดแล้วค่ะ ฮือออออออ
ตื่นเต้นใจบางไปหมดเลย เรื่องราวครบเครื่องมากๆเลยล่ะค่ะ
ทำเอาหัวเราะ เขิน น้ำตาไหล ตื่นเต้น ตื้นตัน มาเต็มมากจริงๆนะคะ
เกาะขอบกระทู้ รอคอยตอนต่อไปนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 07-06-2019 23:53:52
คุณพิษ อย่าปล่อยให้บู้บี้รอนาน สงสารน้องงงงง!  :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: awila ที่ 09-06-2019 00:49:58
ตตอนแรกคิดไว้ว่าเจนภพคือลูกของท่านกับภรรยาใหม่ แต่ยังไงก็คิดถูกที่เป็นพี่น้องกัน55555555
น้องอัยย์น่าจะรู้ตั้งแต่กุหลาบดอกแรกแล้วแหละ ติดกลิ่นขนาดนี้ ชอบวิธีการเอาลูกมาขู่แต่ไม่ยอมวางช้อนจริงๆ
มาต่อไวๆนะคะ กำลังเข้มข้นเลยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่33 31/5/62 p28
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 09-06-2019 02:35:53
อยู่ใกล้ชิด นอนกอดกันทุกวัน อย่ามาหลอกกันให้ยากเลยน่า //ดีใจมากที่คุณพิษกลับมา เราไม่อยากเห็นน้องน้อยเศร้าไปกว่านี้แล้ววว ลูกออกมาหน้าจะยับมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-06-2019 00:03:28
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 34

 

 

 

 

 

 

          “คุณปัทมะมาแล้วค่ะ รออยู่ข้างล่าง”  นิ่มนวลเข้ามาบอกอาคิราห์ที่กำลังเพิ่งแต่งตัวเสร็จ  ชายหนุ่มละสายตาจากนิลลาแล้วหันไปบอกแม่บ้านยิ้มๆ

          “ให้เขารอในห้องรับแขกได้เลยครับ  เดี๋ยวผมจะเข้าไปคุยด้วย”

          “ได้ค่ะ”

          “งั้นนิลลาจะไปช่วยคุณป้านิ่มนวลทำความสะอาด”  นิลลารีบพูด แต่ว่าเจ้านายรีบคว้าข้อมือผอมๆของอีกฝ่ายเอาไว้ทันควัน

          “จะรีบไปไหน  เรายังคุยกันไม่จบเลยนะนิล  เพิ่งถึงตอนที่ระเบิดเอง  แล้วยังไงต่อนะ”

          “คือ...ทราบแค่นี้  แล้วก็สลบไป”  นิลลาอึกอัก  หลบสายตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้น  “โธ่ คุณอาคิราห์อย่าถามนักเลย  ต่อให้คุณถามอีกสิบรอบ  นิลลาก็จะตอบเหมือนเดิมเพราะรู้แค่นี้จริงๆ”

          “เห็นว่าฉันมีธุระต่อหรอกนะ  ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนิลแน่”  อาคิราห์พูดแกมขู่แล้วลุกขึ้นยืน  มองท่าทางเต็มไปด้วยพิรุธของเพื่อนโอเมก้าอย่างจับสังเกต  “ให้เวลาไปเรียบเรียงเรื่องราวใหม่ แล้วฉันจะมาถามซ้ำ  ถ้ายังไม่ได้เรื่องล่ะก็....”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วเดินออกมาจากห้องนอน เขาทั้งขู่ทั้งปลอบทั้งหลอกถามนิลลามาหลายวันแล้ว  อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหลุดปากออกมาเสียที

          คอลัมนิสต์จากนิตยสารชื่อดังรอเขาอยู่ก่อนแล้วในห้องรับแขก  ปัทมะลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรเหมือนคราวที่แล้วที่เคยเจอกันในงานเลี้ยงสโมสร

          “คุณอาคิราห์  ยินดีที่ได้เจอกันอีกครับ  คุณเป็นอย่างไรบ้าง  ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับเรื่องคุณพิชช์ฌาน ...ค่อนข้างกะทันหันมากทีเดียว”

          อาคิราห์ยิ้มรับบางๆ  ผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลง

          “ขอบคุณมากครับที่คุณปัทมะมาในวันนี้”

          “ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณที่คุณอาคิราห์ให้โอกาสผมกับนิตยสารของเรา”  ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่ม  “ผมดีใจมากเลยที่คุณติดต่อไป  เชื่อว่ามีหลายคนตั้งตารอที่จะฟังคำพูดจากปากของคุณ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หลังจากเหตุการณ์น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้น  ผมเองได้เจอคุณวันนี้ก็เป็นเกียรติมากครับ”

          “คุณพูดเกินไป”  อาคิราห์พูดเรียบๆ  “ต้องเป็นผมต่างหากที่ขอบคุณคุณที่ยังไม่ลืมกัน  หลังจากสูญเสียคุณพิชช์ฌานไปแล้ว  ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจโอเมก้าที่เป็นคู่ครองของเขาอีก”

          “ใครว่าล่ะครับ  ทุกคนสนใจมากๆ  ที่คุณให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานเรื่องจะชันสูตรร่างของสามีอีกครั้ง  รวมถึงเรื่องการจะเรียนต่อเพื่อเป็นนักกฎหมายของโอเมก้า  ทุกอย่าง....ทำให้ชื่อของคุณตอนนี้เป็นที่น่าจับตามองสุดๆเลยนะครับ  ยิ่งคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย”

          “ผมแค่...ไม่อยากให้สิ่งที่คุณพิชช์ฌานทำมันสูญเปล่าครับ  ผมอยากให้สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ถูกสานต่อ  และผมเองในฐานะโอเมก้าตัวเล็กๆคนนึงที่บังเอิญมีโอกาสได้พูดมากกว่าเพื่อนโอเมก้าคนอื่นก็ควรจะทำตัวให้มีประโยชน์เท่าที่ผมจะทำได้ครับ”

          “คุณทำให้ผมรู้สึกทึ่งมากขึ้นทุกครั้งที่คุยกัน  คุณอาคิราห์  ...ผมขอเรียกคุณอัยย์นะครับ  ขอถามเหตุผลที่คุณขอระงับพิธีฝังศพแล้วส่งชันสูตรใหม่ได้ไหมครับ  คิดว่าทุกคนคงสงสัยเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

          “อ๋อ...ผมแค่อยากมั่นใจจริงๆว่าคุณพิชช์ฌานเสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด  เท่านั้นเองครับ”  อาคิราห์ละเอาไว้ไม่เล่าต่อว่าที่เขาอยากรู้จริงๆคือผู้ชายคนนั้นคือพิชช์ฌานหรือเปล่าต่างหาก  เผื่อกุหลาบพวกนั้นจะเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆของเขาเอง  จะได้ทำใจทัน

          “แสดงว่าคุณสงสัยว่ามีการฆาตกรรมอะไรทำนองนี้หรือครับ”

          “ผมไม่ทราบ  เรื่องนี้คงต้องรอให้คุณหมอนิติเวชออกมายืนยันครับ”  อาคิราห์ตอบเนิบๆ “คงไม่เหมาะถ้าจะพูดออกไปก่อน”

          “น่าสนใจมากครับ  ผมคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านรักษาการณ์นายกฯไตรคุณได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเอาไว้  มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ  เรื่องไฟไหม้ที่บ้านของคุณจักรกฤตซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกับเรื่องระเบิดของคุณพิชช์ฌาน  คุณอัยย์คิดว่าสองเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกันไหมครับ”  นักเขียนหนุ่มถามพลางหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาด้วย  “ผมขออนุญาตอัดเสียงได้ไหมครับ  รับรองว่าจะถอดเทปออกมาเหมือนที่คุณพูดไม่ผิดเพี้ยน  ไม่มีการเสริมต่อแน่นอน”

          “เชิญครับ”

          “คุณอัยย์คิดว่าเกี่ยวข้องกันไหมครับเรื่องนี้  คุณพิชช์ฌานเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า”

          “ก็ยังบอกไม่ได้ครับว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง  เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรอหลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนอยู่ดี  ผมคงไปฟันธงอะไรไม่ได้  แต่ว่า...สามีของผมให้ความช่วยเหลือในการจับกุมนายจักรกฤตและทลายซ่องโอเมก้า  ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ระเบิดจนทำให้เขาเสียชีวิตนี้เกี่ยวข้องกัน  อาจเป็นการแก้แค้นหรือเพื่อปิดปาก  ผมไม่รู้เลย  ผมได้แต่คาดเดาไปต่างๆนานา”  เสียงของคนพูดเริ่มสั่นเล็กน้อย  ทำให้คนสัมภาษณ์รีบเปลี่ยนเรื่อง

          “คุณคงสะเทือนใจมาก  ผมขอโทษนะครับสำหรับคำถามเมื่อครู่”         

          “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ  ผมพยายามทำใจได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว  คุณพิชช์ฌานเขาก็เคยพูดกับผมเมื่อนานมาแล้วว่าชีวิตของเขาก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย  วงการการเมืองก็อยู่คู่กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและอำนาจ  เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ออก  เมื่อมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์ก็ย่อมต้องมีฝ่ายที่เสียประโยชน์”

          “คุณพิชช์ฌานพูดถูกต้อง”

          “เขาสอนผมเอาไว้หลายอย่าง”  อาคิราห์ว่า  ทอดสายตามองออกไปยังสวนด้านนอกเห็นนิลลาเดินก้มๆเงยๆอยู่ตามพุ่มไม้  “ทั้งเรื่องการเมือง  ความรัก”

          “คุณกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา”  ปัทมะพูด  เหลือบมองกลางตัวของอีกฝ่ายอย่างสุภาพนิดหนึ่ง  “อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ  แพ้มากไหม”

          “ไม่แพ้เลย”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ

          “คุณคาดหวังกับลูกคนนี้ไว้ไหมครับ  เขาก็เหมือนตัวแทนของคุณพิชช์ฌานเลยนะ”

          “คาดหวังอย่างไรครับ  หมายถึงเขาจะออกมาเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าแบบนี้หรอ  ผมไม่คาดหวังเลยเพราะไม่ว่าลูกผมจะออกเป็นแบบไหน  เพศอะไร  เขาก็เป็นลูกของผมกับพิชช์ฌาน  ขอแค่เขาโตขึ้นเป็นคนดี  กระทำประโยชน์ให้แก่สังคมก็พอแล้วครับ”

          “นี่คือเหตุผลที่คุณอยากเปลี่ยนแปลงสังคม  เพื่อลูกของคุณใช่ไหมครับ”  ปัทมะยิงคำถามชงมาให้  อาคิราห์ยิ้มนิดๆ

          “ใช่ครับ  ผมอยากให้ลูกเกิดมาในยุคที่ไม่ว่าคุณจะเป็นอัลฟ่า  เบต้าหรือโอเมก้า  ก็มีสิทธิเท่าเทียมกันหมดไม่แบ่งแยก  ได้รับการประพฤติปฏิบัติเหมือนกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน  ที่โรงเรียน  ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ไม่มีใครอับอายที่มีลูกเป็นโอเมก้า  โอเมก้ามีสิทธิมีเสียงและมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้”

          “ผมเห็นด้วยนะ  การที่โอเมก้าถูกกดเอาไว้ที่บ้านเพราะพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น  เขาจำเป็นต้องพึ่งพาอัลฟ่าและเบต้า”

          “โอเมก้าต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ครับ  เริ่มต้นตั้งแต่การหาอาชีพให้พวกเขา  ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้พวกเขาจะต้องได้เรียนหนังสือในโรงเรียน  อาจจะร่วมกับอัลฟ่าหรือเบต้าก็ได้  ถ้าโอเมก้ามีความรู้มีความสามารถในการทำงานแล้ว  เขาก็จะหาเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งอัลฟ่าหรือเบต้า”

          “คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าโอเมก้าไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนหนังสือ”

          “ผมจะพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเองครับ  ผมจะเรียนให้จบและสอบเป็นนักกฎหมายให้ได้  จะได้เป็นตัวอย่างและก็จะได้เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อชาวโอเมก้าด้วยครับ  ทุกวันนี้เราถูกปิดกั้นเพราะกฎหมายที่ร่างโดยอัลฟ่าและเบต้าอยู่  แม้แต่การเลือกตั้ง  พวกเรายังแทบไม่มีสิทธิมีเสียงเลย  เสียงของโอเมก้าไม่ดังเท่าอัลฟ่าและเบต้า  ทั้งๆที่ก็เป็นพลเมืองในประเทศนี้เหมือนกัน  มันไม่น่าน้อยใจหรอครับ”

          “คงต้องยอมรับว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังมีความคิดเรื่องชนชั้นอยู่  บางคนก็ยึดมั่นเสียจนกลายเป็นการต่อต้านแนวคิดสมัยใหม่  คุณคงจำข่าวที่มีการประท้วงและก่อจลาจลกันขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้  คุณอัยย์มีความเห็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเรื่องนี้”

          “ความคิดเรื่องอัลฟ่าเก่งต้องเป็นผู้นำในเรื่องต่างๆ  ส่วนเบต้าเป็นพลเมืองชั้นกลางที่คอยทำงานตามหลังอัลฟ่า  และโอเมก้าเป็นอยู่ที่บ้านคอยรับใช้พวกเขา  มันเป็นชุดความคิดที่เกิดขึ้นมานานและฝังรากลึกอยู่ในระบบความคิดของเราตั้งแต่เกิดครับ  ดังนั้นการที่จะแก้ไขเรื่องนี้จึงต้องใช้เวลามาก  ผมไม่คิดว่าทุกคนจะสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดแบบนี้ได้ภายในวันสองวันหรือสิบยี่สิบปี  เป้าหมายของผมก็คือการเปลี่ยนความคิดฝังลึกนี้กับคนรุ่นใหม่  มันอาจจะใช้เวลานานกว่าชีวิตของผม  นานกว่ารุ่นของผม  อาจจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของผมก็เป็นได้  แต่ว่านี่คือจุดเริ่มต้น  คือจุดเปลี่ยน”

          “คุณคิดว่าการพาโอเมก้าออกมาสู่แสงสว่าง...ผมขอใช้คำนี้นะ  จะทำให้เกิดอันตรายกับโอเมก้ามากขึ้นไหมครับ  ยกตัวอย่างเช่น  โอเมก้าทำงานออฟฟิศแล้วเกิดฮีทขึ้นมา”

          “จากนั้นก็ถูกอัลฟ่าที่ได้กลิ่นล่วงละเมิดทางเพศและเผลอๆอาจจะถูกกัดคอด้วย  แบบนี้ใช่ไหมครับ”  อาคิราห์เลิกคิ้ว  “คุณปัทมะคิดว่าถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น  โอเมก้าไม่ยินยอม  อัลฟ่าจะถูกลงโทษอย่างไรบ้างครับ”

          “อืม...ผมก็ไม่ค่อยทราบเรื่องกฎหมายเท่าไหร่เสียด้วย  แต่คิดว่าน่าจะต้องจำคุกนะครับ”

          “ผิดครับ”  อาคิราห์พูด  “อัลฟ่าคนนั้นจะไม่ถูกลงโทษทางกฎหมายอะไรเลยเพราะคนที่โดนลงโทษคือโอเมก้าครับ  ถ้าอัลฟ่าจะฟ้องตำรวจขึ้นมาล่ะก็  โอเมก้าจะถูกลงโทษทั้งจำทั้งปรับเพราะความประมาทเลินเล่อจนก่อให้เกิดความวุ่นวาย”

          “อ้าว”  ปัทมะอุทานแล้วเงียบไป

          “ครับ  นั่นคือความจริง  โอเมก้าจะเป็นผู้ผิดเสมอถ้าเรื่องราวถึงศาลกัน  ทั้งๆที่เป็นฝ่ายเสียหาย  ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่ยินยอมแท้ๆ  แล้วถ้าอัลฟ่าคนนั้นกัดคอโอเมก้าด้วยแล้วล่ะก็  เขามีสิทธิที่จะล่วงละเมิดโอเมก้าคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ครับ  คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องดีเพราะเหตุผลทางร่างกายหลังจากถูกกัดแล้วโอเมก้าคนนั้นจะไม่สามารถมีอะไรกับคนอื่นได้  แต่ความจริงมันแย่มากครับโดยเฉพาะถ้าคู่อัลฟ่าคนนั้นไม่ได้มีแค่โอเมก้าเพียงคนเดียว”

          “ผมเข้าใจครับ”  ปัทมะพูด  “มีโอเมก้ามากมายที่ถูกกัดแล้วคู่ก็ปล่อยทิ้งๆขว้างๆ  ถ้าอย่างนั้น  กฎหมายสำหรับโอเมก้าก็เป็นสิ่งจำเป็น”         

          “ผมคิดว่าควรจะต้องมีกฎหมายเพื่อคุ้มครองโอเมก้าครับ”  อาคิราห์สรุปอย่างพอใจ  “คุณปัทมะเคยคุยกับผมเมื่อคราวก่อนว่าอยากให้ผมเล่าเรื่องสมัยที่ผมอยู่ที่บ้านให้ฟังใช่ไหมครับ”

          “ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป”

          “ไม่หรอกครับ”  อาคิราห์ยิ้มออกมาบางๆ ทว่าจับตาคนมอง โดยเฉพาะรอยเศร้านิดๆในดวงตากลมโตคู่นั้น  “คุณปัทมะเชื่อไหมว่าผมไม่เคยได้ออกจากบ้านเลยครับ  ผมโตขึ้นมาในบ้าน  อยู่กับพี่เลี้ยง  เฝ้ามองดูฝาแฝดของผมออกไปเที่ยวเล่น  ทำทุกอย่างที่อยากทำโดยที่ผมได้แต่นึกอิจฉา  บางครั้งก็น้อยใจว่าทำไมผมถึงต้องเกิดเป็นโอเมก้าด้วย”

          “คุณเคยถามคุณพ่อของคุณบ้างไหมครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น”

          “ผมเคยถามครับ  คำตอบก็คือ  เพราะท่านเป็นห่วงผมเลยไม่อยากให้ผมออกจากบ้าน  ไม่อยากให้ผมเจอใคร  ผมคิดว่านั่นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุครับ  ท่านกลัวว่าผมจะเป็นอันตรายจากอัลฟ่าหรือเบต้าคนอื่น  หรือว่ากลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร  ทางแก้ของเรื่องนี้ไม่ใช่การกักขังแต่คือการปรับปรุงแก้ไขให้โลกภายนอกปลอดภัยสำหรับโอเมก้า  นั่นหมายความว่าคนอื่นๆจะต้องยอมรับด้วยว่าโอเมก้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน  ให้เกียรติและมีความเท่าเทียมกัน”

          “คุณกำลังหมายถึงนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมกันที่คุณพิชช์ฌานกำลังเสนอถูกไหมครับ”

          “ถูกต้องครับ”

          “น่าเสียดายที่คุณพิชช์ฌานไม่ได้อยู่สานต่อ”

          “ถึงแม้คุณพิชช์ฌานไม่อยู่แล้ว  แต่ว่าผมจะไม่ล้มเลิกเรื่องนี้ครับ  ผมจะเดินหน้าต่อเรื่องนี้เอง”  อาคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  “มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้การตายของคุณพิชช์ฌานไม่เสียเปล่า”

          “ในอนาคตเราคงได้เห็นนักกฎหมายโอเมก้าคนแรกได้เข้าไปมีบทบาทในการแก้ไขกฎหมายนะครับ”  ปัทมะพูดยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นๆต่อซึ่งโอเมก้าตรงหน้าก็สามารถตอบได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด  หลายครั้งที่ชายหนุ่มนึกทึ่งกับความคิดของอีกฝ่ายมากทีเดียว

          ไม่แปลกใจที่คนอย่างพิชช์ฌานเลือกคนๆนี้มาเป็นคู่ครอง  ถ้ามีคนคอยชี้แนะดีๆล่ะก็  เขาคิดว่าอาคิราห์สามารถไปได้ไกลยิ่งกว่าแค่นักกฎหมายที่เจ้าตัวบอกด้วยซ้ำ  น่าเสียดายที่สามีด่วนเสียชีวิตไปก่อน  ไม่อย่างนั้น...ชายหนุ่มคิดในใจเงียบๆ

          “ขอผมเดินชมรอบๆบริเวณหน่อยได้ไหมครับ”  ปัทมะเอ่ยขึ้นหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ  อาคิราห์ยิ้มรับ

          “เชิญครับ”  เจ้าของบ้านลุกขึ้นเดินพาแขกชมบรรยากาศรอบๆบ้าน  เขาหยุดยืนให้ปัทมะถ่ายรูปประกอบเป็นระยะ  บางครั้งก็รับรู้ได้ว่าคอลัมนิสต์หนุ่มแอบถ่ายรูปเขาทีเผลอไปหลายรูปทีเดียว

          ดอกไม้ในสวนกำลังเบ่งบาน  อาคิราห์โน้มตัวลงไปดมกลิ่นหอมอวลของดอกเบญจมาศสีขาวดอกใหญ่แล้วหันมายิ้มนิดๆให้กับกล้อง  ปัทมะนิ่งงันไป  ดวงตากลมโตที่แฝงแววเศร้าในนั้นน่าดึงดูดจนอัลฟ่าหนุ่มเผลอมองค้าง  ชายหนุ่มลดกล้องลงเมื่อรู้สึกตัว

          “คุณคงคิดถึงคุณพิชช์ฌานมาก”

          “ผมอ้อนวอนขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันไป”  อาคิราห์ตอบ  “คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก  ผมไม่เป็นไร”

          “คุณเข้มแข็งกว่าที่ผมหรือใครหลายๆคนคิด”

          “ผมไม่ได้เข้มแข็งแค่พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ก่อนเพราะผมมีหน้าที่ที่ต้องทำ  ผมต้องดูแลลูกในท้องของผม  ไหนจะแผนการในอนาคตของผมอีก  ผมจะอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้”

          “มีร้องไห้บ้างมั้ย”

          “มีสิครับ”  น้ำใสเอ่อคลอในหน่วยตากว้างเพียงแวบเดียวก็จางหายไปเมื่อเจ้าของกะพริบตา  “ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่าทำไมต้องเป็นผม  ผมทำบาปอะไรมากนักหรือถึงได้อาภัพขนาดนี้  แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว  มันไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งโทษโชคชะตา  ผมมีหน้าที่แค่ทำวันนี้ นาทีนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว  เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”

          คำตอบของโอเมก้าทำให้ปัทมะนิ่งไปนาน  เจ้าของบ้านขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนและให้เขาเดินชมสวนต่อสักครู่  คอลัมนิสต์หนุ่มยกกล้องขึ้นถ่ายรูปบริเวณบ้านใหญ่หลังงามสมบัติของนักการเมืองผู้ล่วงลับคนนั้นอย่างละเอียด  เขาเคยมาที่บ้านของพิชช์ฌานหลายครั้งแต่ไม่เคยได้โอกาสเดินชมนานๆแบบนี้มาก่อน

          เสียงน้ำรดต้นไม้ดังขึ้นข้างหน้าพร้อมกับสายน้ำเย็นๆที่กระเซ็นมาโดน  ชายหนุ่มรีบถอยหลัง  ได้ยินเสียงขอโทษดังขึ้นจากข้างหลังพุ่มไม้ใหญ่ตรงหน้า

          “ขอโทษ  ไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินมา”  เสียงราบเรียบไร้อารมณ์นั้นสะกิดใจคนฟังอย่างประหลาด  ปัทมะขยับเข้าไปอย่างสงสัย  ชะเง้อขึ้นมองผ่านพุ่มไม้ที่กั้นกลาง

          “คุณทำงานที่นี่หรอครับ  ผมขอสัมภาษณ์หน่อยได้มั้ย  ผมชื่อปัทมะเป็นคอลัมนิสต์จากนิตยสารที่มาสัมภาษณ์คุณอาคิราห์วันนี้ครับ”

          “ฉันไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใครและมันไม่จำเป็น”  คำตอบดังออกมาจากหลังพุ่มไม้พร้อมกับเสียงย่ำเท้าเดินออกไปยังอีกด้านหนึ่ง  ปัทมะรีบก้าวตามหลังทันเห็นแค่แผ่นหลังเล็กบางที่หายลับมุมต้นไม้ไป  ชายหนุ่มเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแต่ก็ลืมไม่ได้ถามเจ้าของบ้าน

          ปัทมะกลับไปแล้ว  อาคิราห์กลับเข้ามาในบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน  การให้สัมภาษณ์แม้เพียงช่วงสั้นๆช่างเปลืองพลังงานมากจริงๆ เขาต้องมีสติครุ่นคิดตลอดเวลาเพื่อที่จะไม่ถูกอีกฝ่ายหลอกถามแล้วเผลอเปิดเผยอะไรต่อมิอะไรออกไปเกินควร

          “ฉันให้สัมภาษณ์แล้วนะ  แล้วต้องทำยังไงต่อ”  ชายหนุ่มพูดลอยๆ มองหน้าโอเมก้านิลลาที่ยกถาดขนมหวานเข้ามาวางตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ  สีหน้าของนิลลาไม่บอกอารมณ์เช่นเดิมทว่านัยน์ตาแห้งผากคู่นั้นมีแววขบขันจางๆ

          “คุณคงอยากไปเที่ยวพักผ่อนให้หายเศร้าเรื่องคุณพิชช์ฌานกระมัง”         

          “ไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ”  คิ้วเรียวเลิกสูง  ยกมือขึ้นเท้าคางมองหน้าโอเมก้าที่ควบตำแหน่งเพื่อนและพี่เลี้ยงเข้ามาด้วยหมาดๆ “นิลลองเสนอมาสิ”

          “เกรงว่าจะไม่ถูกใจคุณอาคิราห์”

          “ถูกใจหรือไม่ถูกใจ  ฉันมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ”

          “นิลลาไม่อยากให้คุณไม่สบายใจหรือคิดแบบนั้นเลย”  คราวนี้โอเมก้ารีบหันมาพูดอย่างจริงจัง  “นิลเพียงแค่อยากให้คุณได้ผ่อนคลายบ้าง  แค่นั้น”

          คนฟังยิ้มอย่างรู้ทัน  ไม่พูดอะไรอีก

          เย็นวันนั้นนายจรัญรักษาการณ์หัวหน้าพรรคเข้ามาเยี่ยมเขาที่บ้าน  อาคิราห์ฝืนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดีจนเกือบสามทุ่มคนจากพรรคของสามีถึงได้กลับออกไป  โอเมก้าหนุ่มเข้าไปให้อาหารปลาในห้องทำงานของพิชช์ฌานต่อเงียบๆ คิดถึงคำพูดที่ว่าที่หัวหน้าพรรคบอกมา

          “ผมอยากชวนคุณอาคิราห์มาร่วมงานที่พรรคของเราครับ”  นายจรัญพูดขึ้นเนิบๆ “ผมทราบว่าคุณโกรธแค้นเรื่องการลอบทำร้ายคุณพิชช์ฌานจนถึงแก่ชีวิต  แล้วผมก็ทราบด้วยว่าทางตำรวจดูจะไม่มีความคืบหน้าเอาเสียเลย  ผมเลยอยากเสนอให้คุณอัยย์เข้ามาร่วมทวงคืนความยุติธรรมให้กับการตายของคุณพิชช์ฌาน  ซึ่งจะเป็นภารกิจแรกของผมหลังจากได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเต็มตัว”

          “คุณจรัญอยากให้ผมทำยังไงครับ”  อาคิราห์ถามเสียงซื่อ  อีกฝ่ายได้ทีรีบพูดต่อ

          “อาทิตย์หน้าจะมีการลงคะแนนลับเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นการภายใน  ผมอยากให้คุณอัยย์ไปร่วมงานนี้ด้วยครับ”

          “แต่ผมไม่ใช่คนในพรรค  ไม่มีสิทธิลงคะแนนให้คุณอยู่แล้ว”

          “คุณอัยย์เพียงแค่ไปที่ทำการพรรคก็พอครับ  ผมรับรองว่าเรื่องของคุณพิชช์ฌานจะไม่เงียบไปกับสายลมอย่างแน่นอน  ผมรับรอง”

          “ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”  อาคิราห์พูดด้วยท่าทางมึนงง  “ยังไงคุณก็จะได้เป็นหัวหน้าพรรคต่ออยู่แล้ว  ทำไมต้องให้ผมไปด้วยครับ”

          “เพื่อเป็นเกียรติและเป็นตัวแทนของอดีตหัวหน้าพรรคของเราครับ  นะครับคุณอัยย์”

          “ตกลงครับ  ผมจะไป”  เขาตอบกลับไปอย่างว่าง่าย

          เจ้าปลาบู่ในตู้ว่ายน้ำเข้ามางับอาหารเม็ดที่เขาโปรยลงไปอย่างหิวโหย  อาคิราห์ทอดสายตามองครีบสีเข้มของมันที่สะบัดพริ้วตามการเคลื่อนไหวอย่างใจลอย  เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดทางด้านหลัง

          “นิลพอรู้ไหมว่าใครคือคู่แข่งหัวหน้าพรรคของคุณจรัญ”

          “เห็นว่าเป็นอดีตนายทุนของพรรค  คนที่ชื่อชาติชาย”  คำตอบของนิลลาทำให้คนฟังชะงัก  ความคิดแวบไปถึงผู้หญิงอีกคนขึ้นมาทันควัน

          “คนที่เป็นพ่อของคุณรินลดา”

          “ใช่  ได้ข่าวมาว่าเขาจะลงการเมืองคราวนี้  ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคก็คงมีโอกาสมาก”

          “ไม่มีคนอื่นอีกแล้วเหรอ”       

          นิลลายิ้มอย่างมีเลศนัย  ไม่ได้ตอบเจ้านาย

          “ฉันคิดว่าตัวเองคงจะต้องไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่งจริง ๆ แล้วล่ะ  นิลพอจะมีที่ไหนแนะนำไหม”

          “ได้ยินว่าคุณพิชช์ฌานมีเซฟเฮ้าส์อยู่อีกที่หนึ่งในหุบเขา  ถ้าคุณสนใจ”

          “ฉันจำได้  ฉันเคยไปที่นั่น...เมื่อนานมาแล้ว”  ภาพบ้านไม้สักทั้งหลังแวดล้อมด้วยดอกไม้และไอหมอกปรากฎขึ้นในความคิด  รวมถึงภาพห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่เขานอนขดตัวอยู่ด้วยความกลัว  และ...อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาในห้องด้วยท่าทางคุกคาม  “ฉันจะไปพักที่นั่น  ดีเหมือนกัน นิลช่วยเตรียมให้ฉันทีนะ”

          นิลลาก้มศีรษะรับแล้วถอยออกไปจากห้อง

          เซฟเฮ้าส์ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมนั้นทำให้อาคิราห์รู้สึกผ่อนคลายลงมาก  ได้แต่นึกแปลกใจในโชคชะตาของตัวเองที่พลิกผันจากคนถูกลักพาตัวกลายเป็นเจ้านายของบ้านหลังนี้

          ละอองน้ำค้างยังค้างอยู่บนยอดหญ้า  อากาศบนนี้เย็นชื้นไม่เหมือนข้างล่าง  ชายหนุ่มห่อตัวลงกับผ้าคลุมไหล่  เอนตัวลงนอนบนเก้าอี้นอนที่ยกมาวางริมระเบียง  ได้ยินเสียงนิ่มนวลกำลังทำอะไรสักอย่างล้งเล้งอยู่กับนิลลาในห้องครัวและเสียงฝีเท้าของบอดี้การ์ดสามคนที่ตามมาด้วยกัน

          “คุณอัยย์”  นิ่มนวลเดินเข้ามาปลุกคนที่เผลอหลับไปนาน  “เข้าไปข้างในบ้านดีกว่าค่ะ  ข้างนอกเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย”

          อาคิราห์ลุกขึ้นนั่ง   ท้องฟ้าข้างหน้าเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม  บรรยากาศรอบตัวดูมืดครึ้มเป็นเงาตะคุ่ม  เขาคงนอนหลับไปนานทีเดียว

          ลมพัดมาวูบหนึ่ง  หอบเอากลิ่นหอมเย็นๆของดอกไม้ป่ามาด้วย  อาคิราห์ชะงัก  เอื้อมมือไปจับแขนของแม่บ้านอาวุโสเอาไว้

          “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลก้มลงถาม  มือของเจ้านายเย็นเฉียบ  “หนาวรึคะ  มือเย็นเชียว  หรือว่าจะไม่สบาย”

          “ผม...รู้สึกแปลก ๆ  เหมือนมีคนจับตาดูอยู่ตลอดเวลา”  อาคิราห์พูดช้า ๆ  กวาดตามองออกไปข้างนอกที่เริ่มมืดสนิท  “ป้านิ่มรู้สึกไหมครับ”

          “ไม่นะคะ  ข้างนอกก็มีคนคอยดูตลอด  ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอัยย์  ที่นี่ปลอดภัยไม่มีอะไรหรอก  เป็นเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยที่สุดของคุณฌานแล้ว”  นิ่มนวลปลอบ  “คุณอัยย์อาจจะไม่เคยชินกับสภาพแวดล้อมด้วยป่า  ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  มาทานข้าวดีกว่า  ป้านิ่มได้ปลากับผลไม้ของป่าแปลก ๆ มาเพียบเลย  มาทำเมนูใหม่ให้คุณอัยย์ลองชิม”

          อาคิราห์เดินตามนิ่มนวลเข้าไปในบ้าน  แต่ไม่วายหันกลับมามองรอบบ้านอีกครั้งด้วยความรู้สึกตะครั่นตะครอชอบกล  ...ความรู้สึกที่เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-06-2019 00:04:28






          คืนนั้นอาคิราห์เข้านอนด้วยความรู้สึกประหลาดที่ยังคงติดตามมา  เขานอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเช้า  พอเล่าเรื่องนี้ให้นิลลาและนิ่มนวลฟัง  สองคนนั้นก็ต่างหัวเราะและปลอบใจเขาว่าคงคิดมากไปเอง

          “ผมรู้สึกเหมือนถูกจับตาดูอยู่จริง ๆ นะครับ”  อาคิราห์ยืนยัน

          “ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะคุณอัยย์  เมื่อเช้าป้าก็ให้พวกการ์ดตรวจสอบรอบบ้านอีกรอบแล้ว  ไม่เจอสิ่งผิดปกติเลย  คุณอัยย์ทำใจให้สบายดีกว่าค่ะ  หรือว่าจะกลับไปที่บ้านใหญ่ก็ได้นะคะ  ถ้าไม่สบายใจ”

          “ผมขี้เกียจเจอหน้านายจรัญอีก  เขาต้องแวะมาหาทุกวันแน่จนกว่าจะถึงวันเลือกหัวหน้าพรรค”  อาคิราห์พูดอย่างเซ็ง ๆ “ไม่เป็นไรครับ  ผมจะอยู่ที่นี่อีกวันสองวันแล้วค่อยกลับไปให้ทันวันประชุมพรรค”

          เขาเก็บความรู้สึกแปลก ๆ เอาไว้  ฝืนทำตัวเป็นปกติแม้จะรู้สึกหวาดระแวงกึ่งหงุดหงิดมากก็ตาม  นิลลาเองก็รู้ว่าอัยย์อารมณ์ไม่ดีเลยพยายามมาชวนพูดคุยให้ผ่อนคลายขึ้น

          “คุณอยากจะเล่นหมากรุกบ้างไหม”  นิลลาพูดขึ้น  มองเจ้านายที่นั่งเท้าคางอ่านหนังสือสลับกับมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างเป็นห่วง  อาคิราห์พยักหน้ารับแกน ๆ

          “เอาสิ”

          นิลลายกกระดานหมากรุกที่ทำด้วยแก้วเจียระไนสวยแปลกตามาวางบนโต๊ะ  อาคิราห์หยิบตัวหมากขึ้นมาพิศดูอย่างพอใจ  เลื่อนตัวหมากแก้วไปบนกระดานช้า ๆ

          “สงสารตัวหมากรุกจัง”  อาคิราห์ปรารภ  “ต้องถูกจับวางทางโน้นทีทางนี้ที  ไม่มีโอกาสได้เลือกทางเดินของตัวเองเลย”

          “ถึงอย่างไรคนเล่นก็ย่อมเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้แก่ตัวหมากรุกของตนเอง”  นิลลาตอบเนิบๆ  เอื้อมมือไปเลื่อนตัวหมากบนกระดานบ้าง

          “แม้ว่าบางครั้งจะต้องยอมตายน่ะเหรอ”  อาคิราห์เลื่อนตัวม้าไปกินเรือของอีกฝ่าย

          “เพื่อชัยชนะของส่วนรวม  ก็ต้องมีคนเสียสละบ้าง”  นิลลาพูด  เลื่อนตัวขุนไปแทนที่ตำแหน่งม้าของอาคิราห์

          “เพื่อชัยชนะ  ก็เลยใช้วิธีไหนก็ได้  ทำยังไงก็ได้  ไม่ต้องสนใจเลยใช่มั้ยว่าใครจะรู้สึกยังไงบ้าง”  อาคิราห์พูดเสียงสั่น  “ชัยชนะมันสำคัญถึงขนาดนั้นเชียวหรือ”

          “บางมีมันอาจหมายถึงชีวิตของคนที่..รัก..ก็เป็นได้”  นิลลาพึมพำ  เลื่อนขุนมาอยู่ตรงหน้า  “รุก”

          “พอเถอะนิล  ฉันไม่อยากเล่นหมากเกมนี้แล้วล่ะ”  จู่ ๆ อาคิราห์ก็ตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้นยืน  “จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่”  ประโยคหลังเขาพูดเสียงดัง  ไม่ได้มองหน้านิลลาอีกต่อไป  “เห็นฉันเป็นตัวอะไรไม่ทราบ  เป็นโคน  ม้า หรือว่าแค่เบี้ยธรรมดาไร้ค่ารอวันที่เขาจะส่งฉันออกไปตาย  ฉันเบื่อที่จะต้องเป็นตัวหมากคอยเดินตามแผนที่เขาวางเอาไว้แล้วนะ”

          “คุณอัยย์”

          “ทำอะไรไม่คิดถึงใจฉันบ้าง  ฉันไม่อยากทนแล้วนะจะบอกให้”  อาคิราห์ก้าวยาวๆออกมาจากห้องนั่งเล่นโดยมีนิลลาก้าวตามมาติด  “ไม่ต้องตามมานิลลา  ฉันจะไปเดินเล่นข้างนอก”

          “นิลลาจะไปด้วย”

          “ไม่ต้องตามมา”

          “คุณอัยย์  ฟังก่อน  ป้านิ่มบอกว่าให้คุณอัยย์อยู่ในบ้านอย่าออกไปไหน”

          “ป้านิ่มบอกหรือใครบอกกันแน่”  อาคิราห์สวน       

          “.......”  คนฟังเงียบ

          “เธอยังติดค้างคำอธิบายกับฉันอยู่นะนิลลา”  โอเมก้าพูดแล้วหมุนตัวกลับขึ้นไปบนห้องนอน  ไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกอย่างที่พูดเอาไว้  นิลลามองตามหลังพลางถอนหายใจยาว  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้านายรู้สึกอย่างไร  ถึงแม้จะไม่สามารถพูดความจริงออกไปทั้งหมดได้ว่าใครคนนั้นยังไม่ตาย  แต่เพราะสัจจะและหนี้ชีวิตก็ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านั้น

          ได้แต่คอยปลอบใจและประคับประคองอาคิราห์ไปก่อนเท่าที่จะทำได้  ทว่าความอดทนของฝ่ายนั้นก็ดูจะใกล้ถึงขีดสุดเต็มทีแล้ว

          อาคิราห์กำลังเดินกลับไปกลับมาในห้องนอนอย่างครุ่นคิด  เขาเผลอระเบิดอารมณ์ออกมาใส่คนสนิทเพราะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากมาพักอยู่ที่นี่  เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดทุกการเคลื่อนไหว

          ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว  เขามองไม่เห็นกล้องวงจรปิดหรืออะไรที่ดูน่าสงสัย  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหยิบของที่เขาเตรียมเอาไว้ออกมา

          เงาคมกริบของมีดปลอกผลไม้สะท้อนเข้ากับแสงแดดยามบ่ายจัด  ชายหนุ่มถกแขนเสื้อของตัวเองขึ้น  สูดน้ำมูกฟืดใหญ่พร้อมกับเช็ดน้ำตาลวกๆ  เหลือบมองรอบตัวอีกครั้งก่อนจะยกมีดขึ้นสูง  กลั้นหายใจแล้วปักเข้าที่หน้าท้องของตัวเองจนมิดด้าม

          ..................................................................................

          “คุณอัยย์ยังไม่ตื่นอีกเหรอนิลลา”

          “ยังไม่เห็นออกมา”  นิลลาตอบ  หันไปมองนาฬิกา  “อีกสักชั่วโมงฉันจะเข้าไปตามอีกที  ได้เวลาอาหารเย็นเธอคงจะออกมาเอง”

          “เห็นเมื่อบ่ายคุณอัยย์โมโหอะไรงั้นหรือ  ฉันอยู่ในครัวได้ยินเสียงแว่วๆ”  นิ่มนวลถามเรียบๆ  มือก็คนแกงในหม้อไปด้วย “คุณอัยย์เป็นอะไร”

          “อารมณ์คนท้องก็แปรปรวนอยู่แล้ว”  นิลลาตอบอย่างสงบ

          “ฉันล่ะสงสารเธอเหลือเกิน  ตัวแค่นี้  อายุก็นิดเดียวต้องมาสูญเสียสามีไปอีก  ตัวเองก็ท้องอยู่  ถ้าเป็นฉันคงสติแตกไปแล้ว  คุณอัยย์เข้มแข็งมากจริงๆ”  นิ่มนวลพูดอย่างเลื่อมใส  “เธอก็คอยชวนคุณอัยย์คุยหน่อยสิ  อย่าปล่อยให้เธอนั่งเหงาคนเดียว  ไม่งั้นก็คงคิดถึงคุณฌานอีกแน่ๆ”

          นิลลาไม่ตอบ  แต่นิ่มนวลก็เริ่มเคยชินกับนิสัยของอีกฝ่ายแล้ว   อย่างน้อยเจ้าโอเมก้าก็เป็นคนทำงานดีและไม่เกี่ยงงาน  เธอไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้มากแค่ไหน  แต่เท่าที่สังเกตนอกจากท่าทางเงียบๆปนไว้ตัวนิดๆแล้วนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีก

          “ใครเอามีดฉันไปไหน  นิลลาเห็นบ้างมั้ย”  แม่บ้านก้มๆเงยๆมองหาอุปกรณ์ทำครัวที่ใช้อยู่ประจำ  “อยู่ในอ่างล้างจานหรือเปล่า  ฝากดูหน่อยซิ”

“ไม่เห็นมี..”  นิลลาพูดแค่นั้นแล้วก็นิ่งไปครู่ก่อนจะพุ่งกระโจนออกมาจากห้องครัวด้วยความเร็วสูง  ก้าวขึ้นบันไดแทบจะเป็นเหาะขึ้นไปยังห้องนอนของอาคิราห์ที่ปิดประตูสนิท  เขายกมือขึ้นเคาะเรียกเสียงดัง  “คุณอาคิราห์  คุณอาคิราห์ได้ยินหรือเปล่า  เปิดประตูหน่อย”

          “เกิดอะไรขึ้นน่ะนิลลา  ฉันตกใจหมด”  นิ่มนวลกระหืดกระหอบขึ้นบันไดตามหลังมาด้วย  “มีอะไร คุณอัยย์เป็นอะไร”

          “คุณอาคิราห์  ตอบนิลลานะ  อยู่ข้างในหรือเปล่า”  นิลลาเคาะประตูอย่างร้อนใจ  “ทำอย่างไรดีป้า  มีทางอื่นเข้าไปในห้องได้มั้ย  ฉันกลัวว่าคุณอัยย์จะเป็นคนเอามีดไป”

          “คุณพระช่วย”  นิ่มนวลอุทาน  หน้าซีดเผือด  “คุณอัยย์  ได้ยินเสียงป้านิ่มมั้ยคะ  ป้าจะไปหากุญแจห้องก่อน  มีกุญแจสำรองอยู่ข้างล่าง”  เธอรีบเดินลงบันไดไปหากุญแจห้องขณะที่คนข้างในยังเงียบกริบ

          นิลลาร้อนรน  ยกมือขึ้นทั้งทุบทั้งถีบประตูไม้สักหนาหนักก็ไม่เคลื่อนเอาเสียเลย

          “คุณอัยย์  คุณทำอะไรอยู่  กลับออกมาเถอะนะ”

          “นิลลา  ฉันหากุญแจไม่เจอ  ทำอย่างไรดี”  นิ่มนวลวิ่งขึ้นบันไดมาบอกหอบๆ  “เดี๋ยวฉันจะไปตามพวกการ์ดมาช่วยเผื่อจะเปิดประตูออกได้”

          “ฉันจะลงไปช่วยป้าเอง”  นิลลาพูดแล้ววิ่งลงบันไดนำหน้าคนอาวุโสกว่าลงมาชั้นล่าง  โอเมก้าพานิ่มนวลวิ่งต่อออกมาข้างนอกบ้านแล้วอ้อมไปทางด้านหลัง

          “พวกการ์ดไปไหนกันหมด  ทำไมเราไม่ไปตามการ์ดที่อยู่หน้าบ้านล่ะนิลลา”  นิ่มนวลพูดพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดไปด้วย  “ฉันเหนื่อยจริงๆ  เอ้า ..เธอหยุดทำไม  เหนื่อยเหมือนกันเหรอ”

          “เปล่า  แต่ว่าเรานั่งรอตรงนี้กันดีกว่า”  ร่างผอมบางทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินหน้าตาเฉย  ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนอย่างเมื่อครู่อีกจนคนมองงุนงง

          “อะไรกันนิลลา  นั่งทำไม  เราต้องไปช่วยคุณอัยย์นะ  ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว  โธ่  คนกำลังท้องกำลังไส้คงจะเครียดมากแน่ ๆ ลุกสินิลลา  ถ้าเธอไม่ลุกฉันจะไปเอง”  นิ่มนวลพูด ชักโกรธที่เห็นอีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นแถมยังเอื้อมมือมาฉุดแขนของเธอเอาไว้อีก

          “ไม่ต้องไปไหนหรอกป้า  เชื่อฉัน  หน้าที่ของเราหมดแล้ว”  เสียงราบเรียบนั้นมีแววกลั้วหัวเราะนิดๆแทบไม่รู้สึก  ดวงตาเรียวยาวหรี่ลง  “นั่งตรงนี้แหละ  สักพักค่อยกลับเข้าไป”

          “แล้วคุณอัยย์”  แม่บ้านยังกังวลอยู่

          “มีคนเข้าไปดูแล้วล่ะ”  นิลลาตอบแล้วยกมือขึ้นปิดปาก

          .........................................................................

          ประตูห้องพักของอาคิราห์ถูกไขกุญแจเปิดออกอย่างรวดเร็วเพราะความร้อนใจของคนข้างนอก  พอก้าวเข้ามาในห้องได้  ชายหนุ่มก็ปราดเข้าไปถึงตัวคนที่นอนหงายเหยียดยาวอยู่ที่พื้นจมกองเลือดแดงสดนั้น  ชุดสีขาวที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่แดงฉานไปด้วยเลือดโดยเฉพาะบริเวณกลางท้องที่มีดปักอยู่

          คนมาใหม่ชะงัก  ย่อตัวลงไปมองด้ามมีดที่เริ่มเอียงกระเท่เร่นั้นใกล้ๆ  มันไม่ได้ปักเข้าไปในหน้าท้องอย่างที่เขาเห็นในกล้องวงจรปิด  หากแต่ปักคาไว้กับอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในพุงของเจ้าโอเมก้า  พิชช์ฌานเลิกเสื้อเปียกๆนั้นขึ้น  กลิ่นของผลไม้ชนิดหนึ่งกับถุงพลาสติกและฟองน้ำชุ่มโชกที่มีมีดปักอยู่ด้านบนทำให้ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมา  หันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่พื้นนั้นพลางโคลงหัวอย่างอ่อนใจ

          นี่คนอย่างเขามาเสียรู้แผนตื้นๆอย่างนี้เนี่ยนะ

          “จะลุกขึ้นมาเองหรือให้ฉันทับแบนไปเลยดี”

          คนที่นอนจมกองเลือด(ปลอม)ไม่ขยับตัว

          “อาคิราห์”  อัลฟ่าหนุ่มเรียกชื่อคนแกล้งตาย  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางในชุดขาวเปื้อนของเหลวสีแดงกลิ่นเบอร์รี่นั้นด้วยความรู้สึกฉุนแกมขัน  “ลุกขึ้นมาเร็ว”

          พิชช์ฌานย่อตัวลงดึงมีดปลอกผลไม้ขึ้นมาถือเอาไว้  เห็นอีกฝ่ายยังนอนเฉยก็ได้แต่จุ๊ปาก

         ภาพในกล้องวงจรปิดเมื่อครู่ยังติดตา  โดยเฉพาะตอนที่อาคิราห์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะหยิบมีดขึ้นปักท้องของตัวเองอย่างแรง  จากนั้นเจ้าตัวก็ตัวงอเซแซ่ดๆลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับของเหลวที่ทะลักออกมาจากหน้าท้อง  ทำเอาเขาหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ  ต้องตาลีตาเหลือกออกมาจากที่ซ่อนตัวเพื่อจะพบว่าถูกต้มขนานใหญ่

          “ชักจะร้ายใหญ่แล้วนะเจ้าบู้บี้  จะลุกไม่ลุก”  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปบีบจมูกมู่ทู่ของคนที่ยังนอนหลับตาปี๋  “ลืมตาขึ้นมาเร็ว  ไม่งั้น..”  หางเสียงของเขาขาดหายไป  ชายหนุ่มก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากอิ่มเต็มสีสดนั้นแล้วแกล้งงับริมฝีปากล่างด้วยความหมั่นเขี้ยว

          “โอ๊ย!”  ได้ผล  คราวนี้คนแกล้งตายยกมือขึ้นผลักหน้าคมเข้มออกอย่างแรงแล้วผุดลุกขึ้นนั่งหน้างอ  ดวงตากลมโตใสแจ๋วตวัดขึ้นสบตาคมเข้มที่ก้มลงมองอยู่  “ออกไปเลยนะ  จะไปไหนก็ไป  ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ  คนตายก็อยู่ส่วนคนตายสิ”  อาคิราห์พูดเร็วปรื๋อ

          “เธอก็ตายแล้วเหมือนกันไม่ใช่หรือไง  เมื่อกี้ปักมิดด้ามเลยนี่”  ชายหนุ่มพูดแค้นๆ  “ดีนะที่มีดมันสั้นเลยทะลุพุงเธอไม่ได้”

“หึ  ถือว่าเจ๊ากัน  เจอกับตัวบ้างรู้สึกยังไงล่ะ”

          “หัวใจจะวาย”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่เท่ากับที่ผมเจอหรอก”  คนพูดดึงตัวลุกขึ้นนั่งเองโดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากอัลฟ่า  พิชช์ฌานเม้มปาก  มองท่าทางที่แปลกไปของเจ้าโอเมก้าอย่างครุ่นคิด  อาคิราห์หันหลังให้เขา  พิชช์ฌานก้าวเข้าไปจนชิดแล้วรวบร่างแบบบางนั้นมากอดเอาไว้แน่น  ก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่แก้คิดถึง  คนในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลัก  หันมายกมือขึ้นทุบแผงอกกว้างประท้วง

          “ปล่อยผม  ผมไม่คุยกับผี”

          “ฉันยังไม่ตายเธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง”  เสียงห้าวๆกระซิบริมหูก่อนจะจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง  แก้มนวลสีน้ำผึ้งกลายเป็นสีแดงก่ำแทบจะรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา  “ไม่ดีใจหรืออาคิราห์”

          “ไม่”  คนตอบหันหน้าหนี  แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีออกจากวงแขนแข็งแรงอีก

          “ถ้าไม่แล้วทำไมยอมให้กอดแล้วล่ะ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ

          เจ้าโอเมก้าเม้มปากแน่น  ยกมือขึ้นทุบแผ่นหลังกว้างดังอั้ก  พิชช์ฌานอุทานทรุดตัวลงนั่งที่พื้นจนคนทุบตกใจ

          “เจ็บมากหรอ  ทุบเบาๆเองนะ”  อาคิราห์คุกเข่าลงข้างตัว  จับต้นแขนล่ำสันเอาไว้แน่น  อีกฝ่ายไม่ตอบ  ใบหน้าคมเข้มซีดเผือดสูดปากด้วยความเจ็บ  “เจ็บตรงไหน  ที่หลังหรอ”  อาคิราห์กุลีกุจอเลิกชายเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายสวมไว้ขึ้น  ผ้าพันแผลที่ปิดอยู่เกือบเต็มแผ่นหลังทำเอาคนมองอ้าปากค้าง  “คุณบาดเจ็บนี่”

          “ฉันถูกไฟลวกเอาตอนระเบิด”  พิชช์ฌานกัดฟันตอบ  ความเจ็บปวดตอนที่โดนทุบเมื่อครู่จางลงไปแล้วแต่พอเห็นสีหน้าเป็นห่วงตกอกตกใจของอีกฝ่ายก็ทำให้ชายหนุ่มงอตัวลงอีก  “เจ็บจัง  เธอมือหนักเหมือนเดิมเลยนะ”

          “ผมขอโทษ”  อาคิราห์หน้าเสีย  รีบพยุงร่างสูงใหญ่พาไปนั่งพักบนเตียง  “ไหวหรือเปล่า  บาดเจ็บขนาดนี้ทำไมไม่บอกกัน”

          “จะให้บอกยังไงล่ะ  เธอก็เอาแต่ทุบเอาๆ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเบา  สูดปากอีกเล็กน้อยเพื่อความสมจริง  “ฉันขอกอดนิดหน่อยให้หายคิดถึงก็ยังไม่ยอม  รู้หรือเปล่าว่าฉันเกือบจะไม่ได้กลับมาเจอเธอกับลูกแล้วนะ”

          “หึ  ไม่ใช่แผนการของคุณอยู่ก่อนแล้วหรือไง”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “คิดจะทำอะไรก็ทำ  ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะรู้สึกยังไง”

          “ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ตอนแรกไม่ได้บอกเธอก่อน  แต่เพราะเรื่องมันฉุกละหุกมาก  ฉันเองก็ไม่อยากให้แผนแตกเสียก่อนเลยไม่ได้บอก  ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนซ้อนแผนแกล้งตายหลอกกันแบบนี้”

          “ถ้าผมไม่ทำ  คุณก็คงจะแกล้งตายต่อไปอีกนานเลยสินะ  คุณทำลงไปทำไม  เพื่ออะไร”

          “เพื่อเธอและลูกของเรา”  คำตอบของพิชช์ฌานทำให้คนฟังชะงัก  หัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบ

          “อย่ายกเหตุผลขึ้นมาลอยๆ”

          “เป็นเรื่องจริง  ฉันถูกลอบทำร้ายมาหลายครั้งแต่ว่าครั้งนี้หนักที่สุด  รุนแรงที่สุด  และมันคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย  แล้วเธอกับลูกก็จะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  แววตากลับเข้มขึ้นด้วยความแค้นที่เก็บเอาไว้  “งานนี้มันเล่นฉันกะให้ถึงตาย  เป็นเพราะเรื่องค้ามนุษย์นั้น  ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่อตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องบ้าๆนี่แล้วลากมันออกมาลงโทษซะ  โทษฐานที่มันขัดขวางเส้นทางการเป็นนายกฯของฉัน”

          “พอแค่นี้ไม่ได้เหรอ”  อาคิราห์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน  “คุณจบแค่นี้ได้มั้ย”

          คิ้วเข้มเลิกขึ้น

          “แค่คุณไม่เป็นอะไรมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว  ที่คุณบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกผู้มีอิทธิพลมาก  เขาคงไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่... ผมไม่อยากเห็นคุณ...ตาย..จริงๆนะ  แค่นึกมันก็...”  เสียงของอาคิราห์ขาดหายไปในลำคอ  ตัวสั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น  เพียงแค่คิดว่าคนที่นอนอยู่ในห้องไอซียูคือพิชช์ฌานตัวจริง  ขอบตาก็ร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเหมือนเปิดก๊อก  อาคิราห์เม้มปากเอาไว้แน่นกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้   “คุณพอแค่นี้เถอะนะ  ไม่ต้อง ฮึก ไม่ต้องทำอะไรแล้ว  นายกฯอะไรนั่น  ออกจากการเมือง  ผะ ..ผมไม่อยาก...ฮึก...เสียคุณไปอีก”

          พิชช์ฌานนิ่งงัน  จ้องมองใบหน้าเรียวหวานและดวงตาแดงก่ำฉ่ำด้วยหยาดน้ำตานั้นก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มเนิ่นนาน  รสเค็มปร่าของน้ำตาปะปนมากับความหวานหอมที่ปลายลิ้น  ความรู้สึกโหยหาจากเบื้องลึกของจิตใจกลายเป็นแรงดึงดูดและความรู้สึกผิดที่ยากจะถอนตัวออกมาได้

          คำขอร้องแกมอ้อนวอนของอาคิราห์ยังก้องอยู่ในหัว  พิชช์ฌานน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว     

          “ฌานขอโทษ” ...ที่คงไม่สามารถทำตามที่อีกฝ่ายขอร้องได้  ชายหนุ่มนึกต่อในใจแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแปลความหมายออก  แววเสียใจปรากฏขึ้นในดวงตากลมโตคู่นั้น  “ยกโทษให้ฌานเถอะนะ ...นะครับ”

          “ไม่ได้..ใช่มั้ย”

          “เรามาไกลเกินกว่าจะหยุดหรือหันหลังกลับ”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่ใช่เรา  แต่เป็น..คุณ  แค่คุณ”  อาคิราห์พูดแกมสะอื้นกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างด้วยความรู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆอย่างที่อธิบายไม่ได้  รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่  แต่ก็...

สูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของอัลฟ่าของเขาเข้าปอด  หวังว่าความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในอกนี้จะช่วยบรรเทาลงได้บ้าง  ริมฝีปากอุ่นจัดสัมผัสทั้งดวงหน้าและคลอเคลียอยู่แถวขมับ

“เธอจะไปกับฉันมั้ย”  เสียงห้าวๆกระซิบอยู่ริมหู  มีแววลังเลปรากฏอยู่ในน้ำเสียงเป็นครั้งแรก  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่ดูโทรมกว่าปกติ  ยกมือขึ้นแตะที่ไรหนวดเคราเขียวครึ้มนั้นเบาๆแล้วประคองใบหน้าของพิชช์ฌานเอาไว้ในอุ้งมือของตน

“คุณไม่ต้องถามผมอีกแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  น้ำตาไหลเป็นทางสองข้างแก้ม  “ผมให้โอกาสคุณตัดสินใจไปแล้ว ฮึก  หลังจากนี้ผมจะไม่ถามคุณอีก”

“คำตอบของเธอคือ..”

“ผมเป็นโอเมก้าของคุณ”  อาคิราห์พูดทั้งน้ำตา  คนฟังยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเต็มตื้น  พิชช์ฌานประคองดวงหน้าของคู่ชีวิตเอาไว้เช่นกัน

          “กุหลาบแดงทุกดอกในประเทศนี้จะผลิบานเพื่อเธอคนเดียวอาคิราห์  ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”

          ............................................................................................

         

มาอัพต่อแล้วจ้า

          หายไปหลายวัน ติดภารกิจยาวนาน  ขอบคุณทุกคนมากที่ยังรอกันอยู่

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-06-2019 00:59:38
น้องอัยย์ทำเราใจหายใจคว่ำหมดเลย
ร้ายจริงๆเลยเจ้าบู้บี้
แต่ในที่สุดก้ล่อคุณพิษออกมาได้ซะที
เจ้าบู้บี้จะได้ไม่ต้องอดทนรอขนาดนั้นอีกก
คุณพิษนี่พอเป็นเรื่องยัยบู้บี้ก้ล่กๆเหมือนกันนะ โดนหลอกง่ายเลย
ถ้าเป็นปกติน่าจะฉุกคิดบ้างว่าน้องรู้ตั้งแต่โดนจับตัวมาครั้งแรกแล้ว
ว่าบ้านนี้มีกล้องวงจรปิดคอยจับตาดูอยู่ตลอด
พอเจอกันน้องอัยย์คือทุบๆๆเลย
แล้วคุณพิษบาดเจ็บจริงๆด้วยอะ 555555555555
แต่การแกล้งเจ็บอ้อนเมียนี่มันก้นะ น่าหมั่นไส้จริงๆเลยย
แอบไม่กล้าเดาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเลยอะ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-06-2019 01:09:05
ในที่สุดก็ตามทัน สนุกมากๆ วางไม่ลง เอ็นดูเจ้าบู้บี้อัยย์ที่สุด  :กอด1: 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-06-2019 01:22:31
 o13 อคิราเก่งมาก หลอกณานได้สำเร็จ พระเอกเราฟื้นมาอีกตอนแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-06-2019 01:31:57


เหนือพิษ..ก็มีบู้บี้นี่แหละนะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 11-06-2019 02:36:53
 :hao7: เจ้าบู้บี้ ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2019 03:28:22
 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 11-06-2019 06:58:34
เสียน้ำตาไปกับบู้บี้สองตอนมาแล้ว เฮ่อ กินหมดแล้วน๊ามาม่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Hazamii ที่ 11-06-2019 07:48:59
ศีลเสมอศีล ก็จะเป็นงี้แหล่ะจ้า

Sent from my CPH1803 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 11-06-2019 09:06:40
ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-06-2019 09:20:35
ุตกใจหมดเลยเจ้าบูบี้เอย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 11-06-2019 10:30:38
บู้บี้ลูกกกกกก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-06-2019 10:48:14
นิลลาไวมาก แบบเข้าใจสถานการณ์ไวมาก 5555555555
เผยตัวซักทีนะนายคนนั้น T_____T
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 11-06-2019 11:17:38
แสบจริงๆเลยเจ้าบู้บี้  เอาคืนนายพิษได้สะใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-06-2019 11:38:55
ใจหายใจคว่ำหมดเลย คิดแหล่ะว่าบู้บี้จะเรียกคุณพิษออกมา แต่คิดว่ายอมแทงจริง ไม่คิดว่าจะมามุกนี้ ตลกปนร้องไห้ ยัยบู้บี้เอ๊ย 555555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 11-06-2019 12:25:20
 :katai2-1: งื้อออเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 11-06-2019 12:26:15
 :katai2-1: งื้อออเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 11-06-2019 12:50:15
อิแม่หัวใจจะวาย แต่คงไม่เท่าคุณพิชฌาณ คิๆ อยากรู้จังว่าจะจัดการกับพวกนั้นยังไง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 11-06-2019 14:10:26
เจ้าบู้บี้ความวางแผนล่อคุณฌานนั้นน 555 น่าเอ็นดู แง้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 11-06-2019 16:50:07
โถ บู้บี้เอ้ยยยย แสบจริงๆเลย แต่ก็สงสารน้อง น้องกลัวเสียคุณพิษไปจริงๆอ่ะ ครั้งนี้รอดมาได้นับว่าดีแล้วว  แอบน้ำตาซึมเลย บีบจิตใจมากก นายพิษแทนตัวเองว่า ฌาน ด้วย เขิลได้ไหม5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-06-2019 18:34:31
เจ้าบู้บี้คนเก่ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-06-2019 18:51:33
 :o8:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-06-2019 19:50:29
เจ้าบู้บี้มันร้ายยยยยยย o13 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-06-2019 19:50:46
เจ้าบู้บี้เก่งมาก ซ้อนแผนจนนายพิษยอมออกมาหาจนได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-06-2019 20:30:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 11-06-2019 22:30:25
ใจหายใจคว่ำหมดลูกเอ้ยยย คิดไว้แล้วแหละว่าคนที่มองอยู่คือพิชญ์ฌาน
แล้วแทงท้องอะแผนยัยบู้บี้แน่ๆแต่อ่านแล้วนึกว่าแทงจริงๆ ใจหายเลยนะตอนนั้น
แล้วๆๆๆ ตอนที่คุณเขาแทนตัวเองว่า ฌาน คือแบบ อ๋อยยย ยกโทษให้กะดั้ยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-06-2019 22:51:22
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 11-06-2019 23:34:11
 :hao7: คุณพิษกลับมาแล้วค้าบบบบ ดีใจกับบู้บี้ด้วยน้า กำลังเจ้มจ้นเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 12-06-2019 00:48:40
ไม่คิดว่าจะยอมแทงตัวเองหรอก แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะมีแผน

เก่งมากเจ้าบู้บี้ นายพิษฌาณกลับจากความตายแล้ว
ต่อไปก็ต้องเดินหน้าต่อ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 12-06-2019 12:22:30
ความร้ายกาจมันออสโมซิสหากันได้ใช่มั้ยยยยย ตกอกตกใจหมดแหน่ะ ได้กลับมาเจอกันซักที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 12-06-2019 14:15:35
ในความทรมานมันก็มีความหวานซ่อนอยู่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-06-2019 22:46:47
บู้บี้เอ๊ยยย 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 13-06-2019 08:02:54
ขู่ธรรมดาไม่ชอบนะคุณพิษ ทำไมต้องให้น้องเหนื่อยลงมือด้วย ใจหายใจคว่ำหมด :m15:
รอคอยตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-06-2019 14:03:47
 :hao5: :hao5:
รอตอนต่อไปนะคะ..ไรท์..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 13-06-2019 21:55:49
เพิ่งตามมาอ่านจนชนตอนเี่ยแหละค่าา อยากรู้ความสัมพันธ์ของน้องกับคุณแม่อีก ของขวัญที่แม่ให้คืออะไร รู้สึกหน่วงกับความสัมพันธ์ของแม่ลูก  :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่34 11/6/62 p30
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-06-2019 00:37:27
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 35

 

 

 

 

          “แล้วคุณจะทำยังไงต่อ  บอกผมบ้างได้มั้ย”  อาคิราห์พึมพำขณะที่นั่งพิงอกกว้างเล่นอย่างสบาย  รู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นจัดคลอเคลียอยู่แถวริมหูและซอกคอ  “อย่างน้อยผมก็ควรจะต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”

          “ฉันกำลังจะล่อตัวการของเรื่องนี้ออกมา”  พิชช์ฌานพูด  ไล้ปลายนิ้วลงบนหลังมือของเจ้าโอเมก้าเบาๆ  “อีกไม่นานหรอก อาคิราห์  ทุกอย่างจะถูกเปิดเผย”

          “แล้วคุณจะแกล้งตายไปอีกนานแค่ไหน  ผมเบื่อที่จะต้องคอยตีหน้าเศร้าแล้วนะ”  อาคิราห์ย่นจมูก  “ผมไม่อยากโกหกเลย”

          “แหม  แล้วเมื่อกี้ใครนะเล่นละครเสียใหญ่โต  เอามีดแทงท้องแถมล้มลงไปกองกับพื้นอีก  ยังดีนะไม่ชักแด่วๆแถมด้วย”  ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  พอมานึกย้อนถึงภาพเหตุการณ์คนเล่นใหญ่เมื่อครู่แล้วก็อดขำไม่ได้

          “ก็คุณหลอกผมก่อน”  อาคิราห์ว่า  “ตอนแรกผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าควรจะดิ้นไปรอบๆห้องหน่อยมั้ย  แต่ไม่เอาดีกว่า  หมดแรงแล้ว...เหนื่อย”

          “อย่าบอกว่าหิวอีกแล้วนะ”  พิชช์ฌานรีบดักคอ  อีกคนยิ้มแหยๆ

          “ผมใช้พลังงานไปเยอะนะเมื่อกี้  อดกินน้ำด้วยเพราะต้องเก็บมาราดพุง”  อาคิราห์พูด  ชี้ไปที่เสื้อของตัวเองที่เปื้อนคราบสีแดงเป็นวงกว้าง  “อุตส่าห์บอกป้านิ่มว่าอยากกิน”

          “นี่ถ้าป้านิ่มรู้ว่าเอามาเททิ้งได้โกรธตายเลย”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  คนฟังคิดตามแล้วก็หน้าจ๋อยเพราะไม่เคยทิ้งขว้างของกินมาก่อน  “ป้านิ่มคงไม่ทำให้กินแล้วแน่ๆ”  ชายหนุ่มแกล้งพูดต่อ  กลั้นหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเครียดขึ้นทันที

          “ป้านิ่มต้องไม่รู้เรื่องนี้”  อาคิราห์พูด  ดึงตัวลุกขึ้นอย่างแข็งขัน

          “จะไปไหนน่ะ”

          “ทำลายหลักฐาน”  เจ้าโอเมก้าบอก  คว้าทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดพื้นที่เปียกแฉะ  จากนั้นก็ถอดเสื้อที่เปื้อนออก

          ผิวสีน้ำผึ้งสว่างเนียนปรากฏแก่สายตาจนคนแอบมองตาพร่าไปชั่วขณะ   หน้าท้องที่นูนเล็กน้อยกับเนื้อตัวอิ่มเอิบดูเต็มไม้เต็มมือขึ้นนั้นทำให้พิชช์ฌานกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  จับจ้องมองตามร่างของโอเมก้าตาไม่กะพริบ

          เจ้าของร่างก็ดูจะไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าถูกจ้องมองอยู่  อาคิราห์ถือเสื้อเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  พยายามซักเอาคราบสีแดงเข้มออกจากเนื้อผ้าสีขาวพลางนึกบ่นอยู่ในใจว่าไม่น่าเลือกเสื้อขาวเลย

          ใครบางคนเดินมาพิงประตูห้องน้ำเอาไว้  เอียงคอมองเสี้ยวหน้าเรียวหวานรับกับเส้นผมสลวยสีน้ำตาลเข้มนั้น  ลำคอระหงกับรอยบุ๋มที่ไหปลาร้าทั้งสองข้างเรื่อยลงมายังแผ่นอกเรียบเนียนดึงดูดสายตาอย่างประหลาด  โดยเฉพาะกับจุดสีเข้มสองจุดนั้น 

          “จะมาช่วยผมซักเหรอ”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม  มือก็ขยี้เสื้อไปด้วย  “เสื้อคุณก็เปื้อนนะ  ถอดมาซักสิ”  เขาพยักพเยิดไปทางเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายที่มีคราบสีแดงติดอยู่ด้วย

          คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  ก่อนที่พิชช์ฌานจะถอดเสื้อตัวนั้นออกจากตัวอย่างรวดเร็วตามด้วยกางเกงขายาวที่สวมอยู่  ร่างสูงใหญ่สมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามสวยงามมีเพียงกางเกงชั้นในปกปิดกลางลำตัวเอาไว้  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองอ้าปากค้างอย่างตกใจ

          “เห้ย  คุณถอดทำไม”

          “ก็บอกจะซักไม่ใช่เหรอ”  อัลฟ่าหนุ่มตอบหน้าตาย  ส่งเสื้อกับกางเกงของตนเองไปให้  เจ้าโอเมก้าเหลือบมองหน้าท้องที่มีไรขนอ่อนบางๆเรียงตัวหายไปในขอบชั้นในสีขาวนั้นแล้วก็หน้าร้อนผ่าว  พูดโดยไม่มองหน้า

          “คุณออกไปรอข้างนอกก่อน  ผมจะจัดการให้”

          “กางเกงของเธอก็เปื้อนนะ”  พิชช์ฌานไม่ขยับตัวแถมยังพูดต่อลอยๆ  เลิกคิ้วมองกางเกงที่อาคิราห์สวมอยู่แล้วยิ้มมุมปาก  “ถอดมาซักเลยสิ”

          “เดี๋ยวผมค่อยซักทีหลัง”  อัยย์พูดอุบอิบ  หันไปคว้าผ้าเช็ดผมผืนเล็กมาพาดคอเอาไว้เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสายตาคมวาวที่คอยแวะเวียนมองมาทางเขาผิดปกติ  “คุณออกไปรอข้างนอกก่อน  อยู่ในนี้เกะกะ”

          “เดี๋ยวนี้ไล่ฉันออกจากห้องหรอเจ้าบู้บี้”  เจ้าของบ้านตัวจริงพูดเสียงสูง  นัยน์ตาคมกริบเป็นประกายระยิบระยับ  “นี่มันบ้านของฉันนะ”

          “งั้นคุณมาซักผ้า  ผมจะไปรอข้างนอกเอง”  อาคิราห์พูดหน้าตาย  ส่งผ้าในมือให้อีกฝ่ายรับเอาไว้  พิชช์ฌานรับผ้ากองนั้นมาเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่สนใจแล้วคว้าข้อมือของคนที่จะหลบออกจากห้องน้ำเข้าหาตัว

          อาคิราห์อุทาน  เซเข้ามาปะทะแผ่นอกที่รอรับอยู่

          “ปล่อยผม  ผมไม่เล่นด้วย”

          “ใครเขาเล่นกันเล่า  เขาเอาจริง”  พิชช์ฌานพึมพำ  ก้มลงแตะริมฝีปากและจมูกไปตามผิวเนื้อนวลเนียนนั้น   กลิ่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ยังทิ้งคราบอยู่บนเนื้อตัวของอีกฝ่ายผสมกับกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของโอเมก้าทำให้อารมณ์บางอย่างของอัลฟ่าตื่นตัวขึ้นทันควัน

          “ไม่เอา..”  อาคิราห์โวยวาย  พยายามดิ้นหนีแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มที  สัมผัสของฝ่ายนั้นกระตุ้นให้ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วเหมือนเปลวไฟกับน้ำมัน  ปลายลิ้นอุ่นจัดไล้วนรอบสะดือบุ๋มและหน้าท้องราวกับจะลิ้มชิมรสชาติของน้ำหวานที่ยังเหลืออยู่บนผิว   พิชช์ฌานดันตัวเขาไปจนถึงอ่างอาบน้ำแล้วเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำเอาไว้

          “อาบน้ำกันนะ”  ชายหนุ่มพูดเสียงพร่า  เผลอนิดเดียวกางเกงที่อาคิราห์สวมอยู่ก็ถูกปลดออกจากตัวพร้อมกับชั้นใน  พิชช์ฌานพาเขาเข้ามานั่งในอ่างอาบน้ำด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ  มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวและสะโพกเต็มตึงจนอาคิราห์รู้สึกเจ็บไปหมด  จะไม่แปลกใจเลยถ้าพรุ่งนี้มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆเพราะแรงบีบเค้นเข้า

          โดยเฉพาะยอดอกทั้งสองข้างที่ถูกสัมผัสดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็นของหวานถูกปาก  บางครั้งฟันคมๆนั้นก็จะขบเม้มทำให้เขาสะดุ้งปนกับความวาบหวามจนต้องแอ่นตัวออก  อยากหนีให้พ้นแต่ก็โหยหาอยู่ในที  ไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ได้ถูก

          “เมื่อกี้เธอแทงตรงนี้มิดด้ามเลยใช่มั้ย”  พิชช์ฌานกระซิบ  ก้มลงงับหน้าท้องนิ่มๆนั้นเล่นอย่างมันเขี้ยว

          “อัยย์เปล่าแทงนะ”  อาคิราห์พึมพำแทนชื่อตัวเองอย่างเผลอตัว  ท่อนขาเรียวยาวพาดคาอยู่ที่เอวของอัลฟ่าราวกับไม่ตั้งใจ  ทว่าอาการขยับตัวจนแนบชิดนั้นก็ทำให้พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  มองหน้าคนที่กำลังบิดตัวเร้ามองเขาตาปรอยด้วยแววตาเว้าวอนกันอยู่ในทีอย่างเอ็นดู  ก่อนจะก้มลงไปหาตัวตนของโอเมก้าที่กำลังเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ลุกโชน

          ความร้อนจัดและปลายลิ้นที่เต็มไปด้วยทักษะของอีกฝ่ายทำให้อาคิราห์หวีดร้องเสียงหลง  ขยับตัวเข้าหาโดยไม่รู้ตัว  มือจิกบนขอบอ่างอาบน้ำแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว

          พิชช์ฌานเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าเรียวหวานที่เบะปากออกเหยเกเพราะความเสียวซ่านนั้น  ผิวผ่องกลายเป็นสีแดงระเรื่อทั้งตัว  อาคิราห์ร้องออกมาสุดเสียงแล้วโผเข้ากอดคอเขาเอาไว้แน่น  ตัวสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยออกมา

          อัลฟ่าหนุ่มเช็ดของเหลวออกจากริมฝีปากช้าๆ  ก้มลงจุมพิตอีกฝ่ายยาวนานและดูดดื่ม  ตักตวงเอาความหอมหวานที่เขาคิดถึงทุกครั้งยามที่หลับตาลง  ดันร่างโปร่งบางให้เอนลงกับอ่างอาบน้ำอีกครั้ง  เขาจับท่อนขาเรียวแยกออกจากกันเพื่อสำรวจดูบางสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า 

          อาคิราห์ตัวสั่นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ลูบไล้อยู่รอบช่วงล่าง  เจ้าโอเมก้าพยายามหนีบขาเข้าหากันแต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเอาเสียเลยเพราะร่างสูงใหญ่แทรกอยู่ระหว่างกลาง  พิชช์ฌานสอดนิ้วเข้ามาในตัวของเขาช้าๆ  น้ำอุ่นๆที่รองรับรอบตัวช่วยให้ผ่อนคลายลงบ้างแต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น  พอถึงจุดหนึ่งเขาก็ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นด้วยความเจ็บปวดอยู่ดี

          “ฉันขอมิดด้ามบ้างได้มั้ย”  คำพูดของพิชช์ฌานทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดตู้มอยู่ในหัว อาคิราห์อ้าปากค้าง  ไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธด้วยซ้ำตอนที่อีกฝ่ายทำโดยไม่รอให้เขาอนุญาตก่อน  อาคิราห์ทุบแผ่นหลังกว้างแรงๆข้อหาที่ทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออก  ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้เลย  ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาในตัวของเขาจนสุดตามที่พูดเอาไว้และเริ่มเคลื่อนไหวตามจังหวะที่รู้กันสองคน

          ...ไม่ยุติธรรมเลย... อาคิราห์คิดอยู่ในใจอย่างเลื่อนลอยขณะที่เนื้อตัวสั่นคลอนจนสายน้ำรอบตัวกระฉอกออก  เขาโอบลำคอของพิชช์ฌานเข้ามาจูบบ้าง  ยกสะโพกขึ้นรับความหนักแน่นนั้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นทุกที  ...ให้ตายเถอะ  นี่มันแผนการเอาคืนพิชช์ฌานของเขานะ  ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ...

          .....................................................................................

          ร่างโปร่งบางผล็อยหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน  พิชช์ฌานใช้ผ้าขนหนูบรรจงเช็ดเนื้อตัวที่เปียกปอนให้กับเจ้าโอเมก้าหลังจากทำความสะอาดให้จนเสร็จเรียบร้อย  เขาก้มลงอุ้มอาคิราห์ออกมาจากห้องน้ำไปวางบนเตียงนอน  ดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงอก

          ริมฝีปากอิ่มเต็มบวมช้ำเพราะสัมผัสอย่างลืมตัวของเขา  พิชช์ฌานก้มลงจูบอีกครั้งแผ่วเบา  อดนึกถึงสีหน้าของอีกฝ่ายยามลืมตาตื่นขึ้นมาไม่ได้ ...คงจะทำหน้าบู้บี้โวยวายด้วยความโกรธที่ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแน่ๆ

          ก็ใครใช้ให้ทำท่าแบบนั้นกันล่ะ  ภาพบั้นท้ายกลมกลึงที่ยกลอยเด่นยังติดตา ไหนจะนัยน์ตากลมโตเยิ้มด้วยน้ำตาและแววแห่งความปรารถนานั่นด้วยอีก  เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ  จะได้ทนต่อความยั่วยวนโดยธรรมชาตินั้นได้

          ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของคนหลับเล่นแล้วเปลี่ยนเป็นบีบแก้มทั้งสองข้างไปมาอย่างมันเขี้ยว  เจ้าโอเมก้าย่นจมูก ยกมือขึ้นปัดมือเขาออกแล้วหลับต่อ  ดูท่าคงจะเพลียเต็มแก่

          “ถ่านหมดแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานกระซิบ  แนบมือเข้ากับหน้าท้องนิ่มๆของโอเมก้าครู่หนึ่ง  เขาไม่รู้สึกถึงการสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ข้างในนั้นแต่กลับสัมผัสได้ว่ามีหัวใจอีกดวงเต้นอยู่ใต้ฝ่ามือของเขา  ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนแปลก...

          เหลือบมองดูนาฬิกาบอกเวลา  ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว  ยังมีภารกิจที่เขาจะต้องสะสางให้เสร็จก่อนที่จะกลับมาอย่างเต็มภาคภูมิ

          อยากเขย่าตัวปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาแต่ก็เปลี่ยนใจ  คงดีกว่าถ้าให้อาคิราห์นอนหลับไปก่อน  ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะไม่สามารถเดินออกจากห้องนี้ได้อีก

          แค่เฝ้ามองเจ้าตัวผ่านกล้องวงจรปิดที่ซ่อนเอาไว้ทั่วบ้านก็คงเพียงพอแล้วในตอนนี้  คิดมาถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพคนแทงพุงตัวเอง  เขาเอื้อมมือไปบีบจมูกรั้นๆแล้วก้มลงจูบตามหลัง  ...แสบขนาดนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงมากแล้วมั้ง...

          พิชช์ฌานกลับออกมาจากห้องนอนของอาคิราห์  ชายหนุ่มก้มศีรษะให้นิ่มนวลที่อ้าปากค้างมองหน้าเขาเหมือนเห็นผีก่อนจะกรากเข้ามากอดแน่น  ส่วนนิลลาโอเมก้าเพียงแต่ก้มหัวให้เขานิดๆเท่านั้น  ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

          “ผมฝากอัยย์ด้วยนะป้านิ่ม  แล้วก็....อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณแม่  ผมขอร้อง”

          “โธ่  คุณฌาน  ทำไมล่ะคะ  คุณแม่ของคุณเสียใจมากเลยนะคะที่คุณเสียชีวิต” แม่บ้านอาวุโสท้วง  ลูบแขนเจ้านายที่เลี้ยงมากับมือด้วยความยินดี   “คุณส่งข่าวบอกคุณแม่เสียหน่อยเถอะค่ะ”

          “ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ”  ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ  “ถือว่าผมขอป้านิ่ม  ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยขออะไรป้านิ่มเลยนะ  ผมขอแค่คราวนี้เอง”

          “ก็ได้ค่ะ  ป้าจะไม่บอกใคร”  นิ่มนวลรับคำ  “คุณฌานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ  ป้ากับนิลลาจะดูแลคุณอัยย์เป็นอย่างดีแน่นอน”

          “เขาหลับอยู่  ตื่นมาคงหิว  ผมฝากดูหน่อยนะครับ”  พิชช์ฌานพูดเป็นประโยคสุดท้าย  เงยหน้าขึ้นมองไปทางบันไดชั้นบนอีกครั้ง  ร่ำลาคนที่นอนหลับอยู่ในใจก่อนจะตัดใจเดินกลับออกไปจากบ้านพัก

          คนของเขาจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว  พิชช์ฌานนั่งคิดมาตลอดทางถึงแผนการต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น  ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์ขึ้นติดต่อกับใครบางคนที่รอสัญญาณอยู่  นัดหมายให้ไปเจอกันยังสถานที่นัดพบ

          โกดังร้างที่เพิ่งถูกระเบิดไปเมื่ออาทิตย์ก่อนว่างเปล่าไร้ผู้คน  ร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านเชือกที่กั้นเอาไว้เป็นเขตห้ามเข้าอย่างไม่สนใจ  ร่องรอยความเสียหายของแรงระเบิดยังเห็นได้ชัดแม้แต่คราบเลือดแห้งกรังที่กระจายอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและคราบเขม่า

          เสียงฝีเท้าของเขาดังเป็นจังหวะในความเงียบของบรรยากาศ  พิชช์ฌานก้าวเข้าไปในโกดังที่เคยมีหลังคาบังอยู่  ตรงที่เดิมที่เขาเคยให้เอาตู้เซฟมาเปิดออกมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่แทนที่  เขาคนนั้นกำลังก้มหน้าลงเพ่งพิศอะไรสักอย่างที่พื้นอย่างครุ่นคิด

          “รอนานหรือเปล่า”  พิชช์ฌานพูดขึ้น  ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาแล้วก็เบือนหลบไปทางอื่น  “นึกว่านายจะไม่ยอมมาเจอฉันอีกแล้ว”

          “คุณอยากได้ของในตู้เซฟนั่นใช่ไหม”

          “ไม่ใช่”  ชายหนุ่มตอบสั้นๆ  “ฉันมาเพราะอยากเจอหน้าน้องชาย”

          คนฟังเงียบไปครู่ก่อนจะหัวเราะออกมาแค่นๆ

          “คุณโกรธพ่อของคุณจะเป็นจะตายไม่ใช่หรือที่มีลูกนอกสมรสเอาไว้  มันเป็นความน่าอับอายของตระกูลอัศวลักษณ์ที่คุณภาคภูมิใจ”  ชายหนุ่มผู้นั้นตอบกลับมา  “ผมอยู่กับคุณมานานคุณพิชช์ฌาน นานจนรู้ว่าคุณจะรู้สึกหรือว่าคิดอะไรอยู่”

          “งั้นเธอก็เป็นมือขวาที่ดีเจนภพ”  พิชช์ฌานพูดเรียบๆ  “ฉันโกรธพ่อของฉันก็จริง  แต่ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกรธเธอเลย  มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”

          “คุณอย่าเอาวาทะนักการเมืองมาใช้กับผม  ผมรู้ว่าคุณแค่ต้องการผลประโยชน์  หลังจากนั้นก็จะกำจัดผมทิ้งซะโทษฐานที่เป็นรอยด่างพร้อยของตระกูลคุณ”   ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดด้วยเสียงเจ็บปวด  “เหมือนที่พ่อของคุณส่งแม่ของผมออกไปนอกประเทศ”

          “พ่อฉันตัดสินใจผิด”  พิชช์ฌานว่า  “การที่ฉันเป็นลูกของพ่อ  ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเห็นด้วยกับพ่อ  เธอทำงานกับฉันมานานย่อมรู้ว่าฉันคิดอย่างไร  เธอก็พูดเองว่าเธอรู้  แล้วทำไมคราวนี้ถึงไม่รู้ไปได้  เจนภพ...วันนั้นเธอหนีออกมาจากบ้านของพ่อฉันโดยที่เรายังไม่ทันได้เคลียร์กันเลย”

          “คุณอยากได้ของในเซฟใช่มั้ยครับ”  เจนภพพูดประโยคเดิม  มองหน้าพี่ชายต่างมารดาอย่างเจ็บปวด  “นั่นแหละคือสิ่งที่คุณอยากจะพูด  คุณพูดมาตรงๆก็ได้  ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก  ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไรคุณพิชช์ฌาน”

          พิชช์ฌานนิ่งไปครู่ใหญ่  ทอดสายตามองใบหน้าซูบของอดีตมือขวาคนสนิทเงียบๆ

          “ก็ได้ ... ของในเซฟอยู่ที่ไหน”

          เจนภพยิ้มมุมปาก

          “คุณมีอะไรมาแลกกับผมล่ะ”

          “เธออยากได้อะไรไม่ทราบ”

          “ผมอยาก...เป็นอัศวลักษณ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายและทุกคนได้รับรู้”

          พิชช์ฌานอึ้งไป  คนฟังยิ้มทว่าแววตายอกแสยง

          “คุณไม่กล้าใช่ไหมล่ะ  เพราะมันจะกระทบชื่อเสียงของคุณกับคุณพ่อของคุณ  พวกคุณคงไม่กล้ายอมรับความผิดพลาดที่น่าอับอายนี้”  เจนภพพูด ไม่สามารถเก็บความสะเทือนใจเอาไว้ภายในสีหน้าได้  “จู่ ๆ นักการเมืองรุ่นใหญ่ที่มีแต่คนนับหน้าถือตาก็มีลูกนอกสมรสขึ้นมา  แถมยังเป็นเสี้ยวเบต้าไม่ใช่สายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างที่ภาคภูมิใจอีกด้วย”

          “ถึงตอนนี้  ฉันไม่สนใจเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์อะไรนั่นแล้ว  เธอเองก็ควรจะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เช่นกัน  สายเลือดและชนชั้นไม่มีความสำคัญอีกต่อไป  การกระทำต่างหากล่ะที่เป็นตัวบ่งบอกถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของเธอ  ฉันนึกว่าเธอจะคิดได้แล้วเสียอีกตั้งแต่ได้เจอโอเมก้าอย่างอาคิราห์”

          “เพราะคุณหลงโอเมก้าหน้ามืดตามัวหรือเปล่าคุณพิชช์ฌาน”  อดีตมือขวาพูด  “ถึงอย่างไรคุณก็ต้องยอมรับว่าคนค่อนประเทศนี้ยังมีความคิดฝังหัวอยู่กับเรื่องชนชั้น  โดยเฉพาะลูกเสี้ยวทั้งหลายที่มีสภาพไม่ต่างจากพวกโอเมก้าด้วยซ้ำ  คุณรู้อยู่แล้วอย่าแกล้งพูดให้มันสวยหรูเลย”  ชายหนุ่มพูดจบก็หันไปมองทางอื่น

          “ฉันยอมรับว่าความรักทำให้ความคิดของฉันเปลี่ยนไปมาก”  พิชช์ฌานว่า  “แต่ฉันก็เชื่อว่าความคิดของทุกคนจะเปลี่ยนแปลงได้  แม้แต่พ่อของฉันก็ยังพูดความจริงเรื่องนี้ออกมาทั้งที่เก็บมาเป็นสิบยี่สิบปี”

          “เขาพูดเพราะไม่มีทางเลือกมากกว่า”  เจนภพพูดเสียงห้วน  “ผมรู้ว่าเขาไม่เคยยอมรับผมหรือแม้แต่มองผมเป็นลูกเท่ากับคุณ  ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วเพราะผมมันก็แค่ไอ้เจนภพ ลูกเสี้ยวเบต้าที่มีแม่เป็นเสมียนหน้าห้อง  ไม่ใช่คุณนายอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์  ผมก็เป็นได้แค่มือขวาของคุณจนวันตาย”

          “เธออยากให้ฉันทำอย่างไรเจนภพ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นช้าๆ  “ฉันคิดว่าคนที่เหยียดสายเลือดของเธอมากที่สุดตอนนี้ก็คือตัวเธอเอง  ไม่ใช่ใครอื่น  จริงอยู่ที่พ่อของฉันเก็บเรื่องของเธอเป็นความลับ  เรื่องนี้ฉันไม่เห็นด้วย  ฉันโกรธพ่อของฉัน  ฉันเสียใจที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนสนิทที่ฉันไว้ใจที่สุดคือน้องชายของฉันเอง  ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้  มันก็คงจะดีกว่านี้  แต่จะทำยังไงได้เจนภพ  ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว  เราย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้  เหลือแค่ปัจจุบันกับอนาคตที่ขึ้นกับการตัดสินใจของเรา ซึ่งฉันในตอนนี้ได้ตายไปแล้วในสายตาทุกคนก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก”

          “คุณโกหก”  เจนภพสวน  “คุณในตอนนี้สามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่างต่างหาก  นี่คือเหตุผลที่คุณแกล้งทำเป็นตาย  แต่นั่นไม่สำคัญหรอก  ที่สำคัญก็คือ...  ผมอยากเปิดเผยให้ทุกคนรู้ถึงความเหลวแหลกของตระกูลคุณ”

          “เธอไม่ได้อยากทำอย่างนั้น”  พิชช์ฌานพูดอย่างสงบ  “เพราะถ้าเธออยากให้เป็นอย่างนั้นจริง   แค่กระซิบบอกนักข่าวสักคนก็พอแล้ว   แต่นี่เธอเลือกที่จะเก็บเงียบจนกระทั่งยอมมาพบฉัน  เธอต้องการอะไรกันแน่เจนภพ  ลองบอกมาสิ”

          คนฟังผิวปาก

          “ผมชอบการวิเคราะห์ของคุณนะคุณพิชช์ฌาน  อืม  อยากได้อะไรงั้นหรือ  ยกตำแหน่งนายกฯสมัยหน้าให้ผมเป็นไง”  ชายหนุ่มตอบกลับมาเยาะๆ  “แลกกับของในเซฟ  ตกลงหรือเปล่าล่ะ”

          “แสดงว่าเธอมั่นใจมากว่าฉันจะชนะการเลือกตั้ง”  พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก  “ของในเซฟคงทำให้เธอคิดอย่างนั้น”

          รอยยิ้มของคนอ่อนวัยกว่าจางลง  เจนภพหุบยิ้ม

          “ฉันตกลงเจนภพ  เธอเอาตำแหน่งนายกฯไป  แลกกับของในเซฟ”

          “ผมขอคิดดูก่อน”

          “เมื่อกี้เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้เองนะ  จะมาเปลี่ยนใจได้ยังไง  ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าก่อนจะเสนออะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อน  เพราะคำพูดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทวงคืนได้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “ว่ายังไง”

          “คุณคงวางแผนจะเก็บผมหลังเลือกตั้งใช่มั้ยล่ะ”

          “ไม่เอาน่า  เห็นฉันเป็นคนยังไง  ฉันไม่ใช่คนเหี้ยมโหดเสียหน่อย”

          “ผมทำงานให้คุณมากี่ปี  ผมรู้ดีว่าคุณทำอะไรบ้าง  ถ้าผมออกมาแฉกับนักข่าว อนาคตทางการเมืองของคุณก็คงจบสิ้น”

          “ก็เอาซิ  ...แต่อย่าลืมนะว่าตอนนี้ฉันตายไปแล้ว”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ  “แล้วเธอที่เป็นมือขวาของฉันและเป็นคนลงมือทำทุกอย่างจะไม่กระทบเลยงั้นหรือ  คิดดี ๆ นะ  เอาคนตายมาแลกคนเป็นไม่คุ้มหรอก”

          เจนภพนิ่งอั้น  หันไปมองรอบ ๆ ตัวที่ถูกแรงระเบิดจนเละเทะ

          “วันนั้นหลังจากเกิดเหตุ  คุณไม่ติดต่อผมเลยเป็นเพราะคุณไม่ไว้ใจผมตั้งแต่ตอนนั้นงั้นหรือ”

          “จริงๆแล้วก็ก่อนหน้านั้น”  พิชช์ฌานพูดตามจริง  “นายทำงานกับฉันมานาน  ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าคนของฉันมีอะไรแปลกไป  ฉันคงไม่ต้องลงรายละเอียดว่าฉันรู้มาได้อย่างไรแต่ว่า...ฉันก็รู้มากพอที่จะครุ่นคิดถึงแผนการนี้”

          “เพื่อตบตาผม?  ผมมีค่าถึงขั้นคุณพิชช์ฌานต้องลงทุนแกล้งตายเลยงั้นหรือ”

          “สำหรับคนที่เป็นเหมือนอวัยวะที่สามสิบสามของฉัน   แผนการแค่นี้ถือว่าน้อยมาก”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันพร้อมทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าใครจงรักภักดีกับฉันอย่างแท้จริง  แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดเลยก็คือว่า  อวัยวะที่สามสิบสามของฉันจะถูกหล่อเลี้ยงด้วยสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง...”  คนพูดถอนหายใจ  “ที่เธอขอตำแหน่งนายกฯ  มันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับน้องชายของพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์”

          “คุณอย่าเล่นบทพี่ชายที่แสนดีเลย  มันไม่เนียน”

          “ฉันว่ามันเนียนอยู่นะ  ไม่อย่างนั้นน้องชายของฉันคงเดินหนีออกไปนานแล้ว  ไม่ยืนจ้องเฉยอยู่แบบนี้หรอก”  พิชช์ฌานพูดหน้าตาย  “เลิกวางท่าเสียทีเถอะเจนภพ  ฉันเหนื่อยเต็มที  เอาของในเซฟออกมาได้แล้ว”

          “คุณคิดผิด  ผมไม่ใช่เจนภพคนเดิมอีกแล้วคุณพิชช์ฌาน”  อดีตมือขวาคนสนิทของเขาพูดเสียงเย็น

          พิชช์ฌานกะพริบตา  แวบเดียวรอบตัวก็ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์เกือบสิบคนล้อมรอบเขา  ในมือของทุกคนมีอาวุธสีดำเมื่อมอยู่  ท่าทางและสายตาที่มองมาทำให้พิชช์ฌานเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง  กวาดตามองหาทางหนีทีไล่

          “ข้อเสนอใหม่ของคุณพิชช์ฌานก็คือ ...ของในเซฟแลกกับ...ความตายครับ”

          ...............................................................................

          “คุณอัยย์หิวหรือยังคะ”

          “ผมไม่หิว”

          “ลุกขึ้นมาทานอะไรสักนิดก่อนนะ”

          “ไม่”

          “ไม่งั้นป้าจะโทรบอกคุณฌานนะคะ”

          “ฮึ  ไม่ต้องเอามาขู่  ไม่กลัว”  คราวนี้คนที่นอนซุกอยู่บนเตียงมาครึ่งวันหันกลับมาย่นจมูกใส่แม่บ้านอาวุโสที่เข้ามาปะเหลาะ   “ป่านนี้กลับไปที่ซ่อนแล้วมั้ง  ความลับเยอะนัก”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  นึกถึงสามีที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำ  เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนคนเดียวราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน

          แต่ร่องรอยแดงช้ำเป็นปื้นตามเนื้อตัวก็บอกชัดว่าไม่ใช่เรื่องฝันไป  ผู้ชายคนนั้นกลับมาหาเขาเพื่อจะจากไปอีกครั้ง

          “คอยดูนะ  ผมจะ...”

          “อดข้าวหรอคุณอาคิราห์”  นิลลาก้าวเข้ามาในห้อง  พูดดักคอนิ่มๆ  “คุณทำไม่สำเร็จหรอก  อย่าทรมานตัวเองเลย”

          “เฮอะ”  อาคิราห์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ  พลิกตัวหนีไปอีกทางหนึ่ง  ความปวดเมื่อยเนื้อตัวโดยเฉพาะบริเวณช่วงล่างทำให้ไม่อยากลุกไปไหน  “ผมขออยู่เงียบๆคนเดียวก่อนสักพักนะครับ”

          “ก็ได้ค่ะ  ถ้าคุณอัยย์หิวเมื่อไหร่ก็บอกป้านะคะ  ป้าจะเอาถาดวางไว้ให้ข้างหน้าห้อง”

          “ขอบคุณครับ”

          นิ่มนวลถอยกลับออกมาจากห้องนอนพร้อมกับนิลลา  พอลงบันไดมาถึงชั้นล่างก็ได้ยินเสียงประตูห้องนอนชั้นบนเปิดปิดอีกครั้ง  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงมีคนพ่ายแพ้ต่อความหิวโหยอีกตามเคย  นิลลาหัวเราะออกมาเบาๆ

          “เตรียมคิดเมนูมื้อเย็นต่อเลยนะป้านิ่ม”

          “ไม่เอาเมนูที่มีสีแดงๆแล้วนะ  แหม  คุณอัยย์นี่ร้ายจริงๆ ป้าไม่นึกเลยว่าจะใช้แผนนี้ล่อคุณฌานออกมาจนได้  ไม่ต้องมายิ้มเลย  เธอรู้เห็นเป็นใจกับเจ้านายด้วยล่ะสิ”  นิ่มนวลจุ๊ปาก  มองหน้าโอเมก้า

          “ไม่รู้เสียหน่อย”  นิลลาพูดด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้แล้วยิ้มออกมานิดหนึ่ง  “ขอไปทำงานต่อก่อนนะ”


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 15-06-2019 00:38:34





         เจ้าโอเมก้าเดินแยกออกมาจากนิ่มนวลแล้วเดินออกไปทางด้านหลังที่แวดล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์  ดอกกุหลาบสีแดงสดโดดเด่นสะดุดตาจนอดก้าวเข้าไปก้มลงสำรวจใกล้ๆไม่ได้  นึกถึงคำพูดสั่งเสียของคนๆนั้นขึ้นมา

          ‘ฉันอยากให้เธอช่วยฉัน  นิลลา  มีแค่เธอเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้’  คำพูดของนักการเมืองคนนั้นยังติดอยู่ในหูนับตั้งแต่วันก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น  ‘ฉันอยากให้เธออยู่กับอาคิราห์’

          ‘แล้วคุณจะไปที่ไหนไม่ทราบ’

          ‘ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ  ฉันอาจจะต้องหายตัวไปสักพัก’  ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับมาพร้อมกับส่งเสื้อสีดำสนิทหนักอึ้งมาให้เจ้าโอเมก้าสวมเอาไว้  เหลือบมองออกไปข้างนอกรถที่ติดฟิล์มดำมืด  มันเป็นโกดังร้างไร้ผู้คน  ‘เธอช่วยฉันได้ไหม’

          ‘ทำไมจะต้องช่วยคนอย่างคุณด้วย’  นิลลาจำได้ว่าตัวเองถามออกไปแบบนั้น

          ‘เพราะ...ความหวังของโอเมก้าขึ้นอยู่กับเธอ’  ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

          ‘คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าฉันจะไม่หักหลัง’

          ‘ฉันมั่นใจ’  พิชช์ฌานตอบ  ความมั่นใจในน้ำเสียงของชายหนุ่มทำให้คนฟังเม้มปาก  ‘ฉันคิดว่าตัวเองดูคนไม่ผิด’

          ‘คุณเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากเกินไปคุณพิชช์ฌาน  บางครั้งก็มากเสียจนอาจเป็นภัยต่อตัวเองได้’  นิลลาพูดเนิบๆ  ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอของอีกฝ่าย  นักการเมืองหนุ่มยิ้มนิดๆ พูดต่อลอยๆว่า

          ‘อาคิราห์...เขาชอบสีแดง  กุหลาบสีแดง’  อาจเป็นแววตาอย่างหนึ่งในดวงตาคมเข้มคู่นั้นยามพูดถึงภรรยาที่ทำให้คนฟังชะงักไป   วูบหนึ่งที่เขารู้สึกอิจฉาโอเมก้าอย่างอาคิราห์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

          จะมีอะไรดีไปกว่าการที่รัก และได้ความรักตอบกลับมา...ความรักที่ไม่มีคำว่าชนชั้นหรืออะไรมาขวางกั้นทั้งนั้น

          แล้วพิชช์ฌานก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

          นิลลามาได้สติอีกทีที่โรงพยาบาล  อาการบาดเจ็บของพิชช์ฌานตามด้วยข่าวของความสูญเสียทำให้เขาตั้งตัวไม่ติด   จนกระทั่งได้เห็นดอกกุหลาบสีแดงสดที่วางเอาไว้หน้าประตูบ้าน  เขาก็นึกรู้ทันทีว่าสิ่งที่พิชช์ฌานพูดถึงนั้นคืออะไร

          หน้าที่ของเขา  ก็คือนำดอกกุหลาบหน้าประตูนั้นไปให้เจ้าของของมันที่กำลังตรอมใจอย่างหนัก  ดอกกุหลาบไร้ที่มาจะปรากฏอยู่ที่หน้าประตูบ้านทุกเช้าราวกับเพิ่งถูกตัดออกมาจากต้นสดๆร้อนๆ  มันช่วยเพิ่มรอยยิ้มและความหวังให้แก่คนรับอย่างมากมายมหาศาล  เขาดีใจที่อาคิราห์ไม่ต้องตกอยู่ในบ่วงแห่งความทุกข์ไม่สิ้นสุดเหมือนกับตัวเขาเอง

          อาคิราห์คือพระอาทิตย์ที่กำลังโคจรสูงขึ้นทุกที  ปลดปล่อยแสงสว่างและความอบอุ่นให้กับโอเมก้าที่อยู่ในความมืดมิดมานานอย่างเขาและคนอื่นๆให้มองเห็นทางเดินข้างหน้า  อนาคตของโอเมก้าจะสว่างไสว  เขาเชื่ออย่างนั้น

          ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เชื่อ  อาคิราห์ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีผลต่อโลกของโอเมก้าแค่ไหน

          “มาแล้วเหรอ”  เขาพึมพำ  หันไปมองคนมาใหม่ที่มีผ้าคลุมหัวเอาไว้มิดชิด  “เป็นยังไงบ้าง”

          “ทุกคนอยากเจอคุณอาคิราห์”

          “ไม่ได้หรอก  ยังเสี่ยงเกินไปที่จะปรากฏตัว”  นิลลาพูดเสียงเบา  “เขาติดต่อมาอีกบ้างหรือเปล่า  แทมมี่”

          “ไม่เลย  แต่เขาให้คนติดต่อมาเรื่อย ๆ  ...เราจะเชื่อคำพูดของนักการเมืองอัลฟ่าได้จริงๆเหรอ”

          “เราไม่มีทางเลือกอื่น” นิลลาตอบเนิบๆ

          “คำพูดของอัลฟ่า”  เสียงของแทมมี่ขึ้นจมูกเล็กน้อย  “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เชื่อเขาหรอกนะ  แต่เขามีพรสวรรค์ด้านการโน้มน้าวใจ”

          “แล้วพวกทางใต้เป็นอย่างไรบ้าง”  นิลลาเปลี่ยนเรื่อง

          “ยังจุดกระแสไม่ติด”  แทมมี่พูด  “พวกทางใต้ถูกกดมานานเกินไปจนหงอกันไปหมด  ไม่มีใครอยากหาปัญหาใส่ตัว”

          “เหมือนพวกเราแต่ก่อนไงล่ะ”  นิลลาหัวเราะหึๆ  “ไม่เป็นไร  คงต้องใช้เวลา”

          “เราจะทำมันจริงๆใช่มั้ย”  แทมมี่พูดเบาๆ  พออีกฝ่ายตวัดมองก็ถอนหายใจเฮือก  “ฉันแค่คิดขึ้นมาแวบหนึ่งน่ะ  ว่าเรากำลังหาเรื่องใส่ตัวเกินไปหรือเปล่า  สู้อยู่เฉยๆ หางานทำต่อไม่ดีกว่าหรือ”

          “ไม่มีใครช่วยพวกเราได้ถ้าเราไม่ช่วยตัวเอง  แทมมี่  และถ้าไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใครอีก  รอความหวังลมๆแล้งๆไปวันๆน่ะเหรอ  หรือว่าขึ้นเรือไปขายตัวที่เกาะ  ฉันไม่เอาหรอกนะ  ฉันไม่อยากทนอยู่กับชีวิตโสมมแบบนั้นอีกแล้ว  ถ้าเธอถอดใจล่ะก็  ถอนตัวออกไปก่อนได้เลย”

          “โธ่  ฉันก็แค่นึกขึ้นมาแวบๆเท่านั้น  ว่าแต่ว่า...ผู้นำของเรา  ไปถึงไหนแล้ว”  แทมมี่เหลือบตามองไปทางบ้านพักตากอากาศหลังงามที่ซ่อนอยู่ในแมกไม้  “คุณอาคิราห์เป็นอย่างไรบ้าง”

          “ยังต้องใช้เวลา”  นิลลาตอบอย่างสงบ  “แต่คงไม่นานเกินรอ”

          “บางครั้งฉันก็แปลกใจกับท่าทางของเธอ  นิลลา  ฉันชักไม่อยากเชื่อแล้วสิว่าเธอเป็นโอเมก้าก้นครัวที่หนีออกมาจากบ่อนใต้ดิน”

          อีกฝ่ายไม่ตอบเหมือนทุกครั้ง  แทมมี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก  ทั้งคู่แยกจากกันเพียงแค่นั้น

          .........................................................................................

          อาคิราห์กลับไปที่บ้านของพิชช์ฌานในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปงานประชุมพรรคต่อในตอนบ่าย  มีการลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคเป็นการภายในก่อนการประกาศเลือกตั้ง  หมายความว่าหัวหน้าพรรคในวันนี้จะต้องเป็นผู้นำพรรคสู้ศึกชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยหน้าที่จะมาถึง

          ความตึงเครียดแทรกซึมอยู่ในบรรยากาศเมื่ออาคิราห์เดินทางไปถึงที่ทำการของอดีตพรรคฝ่ายค้าน  นายจรัญเป็นคนเดินมารับเขาจากรถด้วยตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  ท่าทางระมัดระวังทำให้อาคิราห์พลอยเกร็งไปด้วยอีกคน

          “ได้ข่าวว่าคุณไม่ค่อยสบายเลยไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด  อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ”  นายจรัญถาม  กวาดตามองทั่วตัวของโอเมก้าอย่างจาบจ้วง  อาคิราห์สะกดความไม่ชอบใจเอาไว้ในสีหน้า  ตอบสั้นๆ

          “ดีขึ้นแล้วครับ  ขอบคุณมาก”

          “เชิญทางนี้ครับ  ทุกคนกำลังรออยู่ในห้องประชุมพรรค”

          อาคิราห์เดินตามหลังรักษาการณ์หัวหน้าพรรคเข้าไปด้านในที่ทำการของพรรคที่เขาเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์เท่านั้น  มันใหญ่โตหรูหรามากทีเดียว  ภาพของพิชช์ฌานติดอยู่ที่โถงทางเข้าเรียงต่อจากหัวหน้าพรรคคนก่อน  อาคิราห์หยุดพิจารณานิดหนึ่ง

          “รูปนี้คุณพิชช์ฌานดูดีมาก”  นายจรัญพูดพลางเหลือบมองทางอื่นล่อกแล่กเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  “คุณอัยย์ครับ  ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ”  ประโยคหลังอีกฝ่ายกระซิบเสียงเบา

          “อะไรครับ”  อาคิราห์เลิกคิ้ว

          “รบกวนคุณอัยย์พูดได้ไหมครับว่าสนับสนุนผมขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคต่อ”

          “ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะครับ”  โอเมก้าตอบเรียบๆ  อีกฝ่ายมีท่าทางโล่งอกขึ้น

          “ขอบคุณมากครับ”

          คนในพรรคมากันพร้อมหน้าจนเกือบครบแล้ว  อาคิราห์เห็นเจนภพเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ  คนที่เดินตามหลังชายหนุ่มอดีตมือขวาของพิชช์ฌานมานั้นก็คือนายเกรียงไกร  อดีตรองหัวหน้าพรรคที่มีพรรคพวกไม่น้อย

          “ทุกคนมาประชุมพร้อมหน้ากันแล้วนะครับ  ผมจะขอเรียนเชิญท่านนิมมานที่ให้เกียรติมาเป็นประธานของงานเลือกตั้งภายในของพรรคครับ”  เจนภพพูดกลางห้องประชุม  เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเมื่อนักการเมืองอาวุโสที่ออกจากวงการไปแล้วนั้นก้าวขึ้นมาบนเวที  “เชิญครับท่าน”

          ร่างสูงผอมของบิดาพิชช์ฌานหยุดยืนอยู่กลางเวทีพร้อมกับกวาดตามองรอบๆแล้วมาหยุดที่ใบหน้าของโอเมก้าสองคนในห้องนิดหนึ่งก่อนจะเบือนไปทางอื่น   รอยยิ้มนิดๆปรากฏขึ้นที่มุมปากแทบมองไม่เห็น

          นายจรัญดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  เขาเห็นความพ่ายแพ้อยู่ลางๆ  ถึงแม้ว่านิมมานออกจากวงการเมืองไปแล้วแต่ว่าความอาวุโสและชื่อเสียงยังคงอยู่  ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนในพรรคต่างนับหน้าถือตาและยังให้เกียรติอยู่มาก  ถ้านิมมานถือข้างไหนก็คงจะเทคะแนนเสียงไปทางข้างนั้นเป็นแน่

          “ผมขออนุญาตแนะนำชื่อผู้สมัครหัวหน้าพรรคเสียก่อน  มีทั้งสิ้นสามคน  ดังนี้”  เจนภพพูดเรียบๆ  เอ่ยชื่อจรัญตามด้วยประวัติการทำงานยาวเหยียดต่อด้วยนายเกรียงไกรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว  “และคนสมัครคนสุดท้าย  ก็คือ....ผมเองครับ”  คำพูดของชายหนุ่มทำให้คนฟังอ้าปากค้าง  เหลียวมองหน้ากันอย่างมึนงง  “ผม  นายเจนภพ  เป็นผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคคราวนี้ครับ”  เขาพูดประวัติของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว

          “ไอ้เจนภพมันลงด้วยงั้นเหรอ”  นายจรัญอุทานเสียงดัง  “มิน่าล่ะ  ถึงได้พองขนนัก  มีคนหนุนหลังนี่เอง”

          “คุณเจนภพก็ดูเหมาะสมกับตำแหน่งดีนะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นบ้าง  มองหน้าชายหนุ่มที่กำลังพูดนโยบายของพรรคยิ้มๆ “เคยทำงานกับคุณพิชช์ฌานมาก่อนก็มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถพาพรรคก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน”

          “โธ่  คุณอัยย์ครับ”  นายจรัญร้อง

          คนในพรรคเริ่มเอนเอียงและเสียงแตกออกจากกัน  บ้างก็สนับสนุนนายจรัญเพราะเป็นลูกพรรคกันมาแต่เก่าเดิมและขึ้นมาตามตำแหน่งอย่างถูกต้อง  บ้างก็สนับสนุนนายเกรียงไกรที่คุมฐานเสียงใหญ่ทางภาคใต้เอาไว้  ส่วนเจนภพเองก็ทำให้เกิดความไขว้เขวได้อย่างมากเพราะชายหนุ่มมีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอก  อดีตมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌาน  พ่วงด้วยแรงสนับสนุนของนิมมานที่พูดเองว่าสนใจคนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารพรรค  ถ้าชายหนุ่มได้เป็นหัวหน้าพรรคก็จะกลายเป็นหัวหน้าที่เด็กที่สุดในประวัติศาสตร์ล้มสถิติที่พิชช์ฌานเคยทำไว้

          “ตอนผมลงเล่นการเมือง  นายเจนภพยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”  จรัญพูดอย่างโมโห  “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเขาจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ยังไง  ผมไม่เข้าใจ”

          “ผมอยากให้พรรคก้าวไปข้างหน้าครับ”  เจนภพพูด   กวาดตามองรอบ ๆ “ผมอาจจะประสบการณ์สู้อีกสองท่านไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่ผมมีนั้น  อีกสองท่านไม่มีและมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ”

          “ครึ่งอัลฟ่าอย่างเธอจะมาสู้กันไหวหรือ”  นายเกรียงไกรโพล่งขึ้น  ทุกคนเงียบกริบจนน่าตกใจ  “ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าอัลฟ่าเบต้าลูกผสมไม่มีทางเก่งไปกว่าอัลฟ่าแท้ได้  ถ้าข่าวนี้ล่วงรู้ถึงหูนักข่าวล่ะก็  คงถูกพูดถึงมาก”  เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นทั่ว  อาคิราห์เองก็ตกใจไม่น้อยกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับรู้

          “ถูกพูดถึงก็ดีสิครับ  ดีกว่าต้องไปซื้อตัวนักข่าวให้ลงข่าวให้”  เจนภพพูด  พยายามบังคับเสียงที่สั่นให้ราบเรียบเหมือนเดิม  “ผมคิดว่าการที่ผมเป็นลูกครึ่งจะทำให้นโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมของพรรคเราได้ผลยิ่งขึ้น”

          “คงไม่คิดจะชูนโยบายสนับสนุนโอเมก้าให้มาชูคอต่อหรอกนะ”  นายเกรียงไกรพูดเสียงเยาะ  “อ้อ  ขอโทษที  ผมไม่ทันเห็นว่ามีโอเมก้านั่งอยู่ในที่นี้ด้วย”

          อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ  ขยับจะสวนแต่ว่านิลลารีบจับแขนเอาไว้เป็นเชิงเตือน

          “คุณคิดตรงข้ามกับผม  นโยบายนี้แหละที่จะทำให้เราแตกต่างจากพรรคอื่น”  เจนภพพูด  “จนถึงปีนี้แล้วยังมีคนคิดแบ่งแยกชนชั้นอยู่อีกเหรอ  คุณลองดูประเทศอื่นสิ  เขาไปถึงไหนกันแล้ว  ประเทศเราล้าหลังขนาดไหนคุณรู้หรือเปล่า  คุณเองก็ทำธุรกิจน่าจะรู้นะว่าบ้านเราย่ำอยู่กับที่เรื่องสิทธิ์เสรีภาพต่างชนชั้นมานานแค่ไหน”

          “เหอะ  ขนาดครึ่งเบต้ายังมาเป็นหัวหน้าพรรคได้  อีกหน่อยไม่เอาโอเมก้ามาเป็นนายกฯเลยล่ะ  จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป” เกรียงไกรลงเสียงหนัก  เหลือบมองไปทางโอเมก้าแวบหนึ่ง

          “เป็นข้อเสนอที่ดีมาก”  จู่ๆประธานที่นั่งฟังเงียบๆก็พูดขึ้น  “คุณว่าอย่างไรบ้างคุณอาคิราห์  สนใจไหม”

          “ผมไม่มีวุฒิตามคุณสมบัติผู้สมัครครับจึงสมัครไม่ได้”  อาคิราห์ตอบเรียบๆ  “แต่ว่าผมพร้อมที่จะสนับสนุนพรรคในด้านอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เพื่อโอเมก้า”

          “ถ้าอย่างนั้น  ตำแหน่งเลขาฯของพรรคที่ยังว่างอยู่  คุณสนใจไหมล่ะ”  เจนภพถามยิ้มๆ

          “ถ้าคุณให้ผมลาคลอดได้สามเดือน  ผมก็พร้อมจะช่วยคุณครับ คุณเจนภพ”  อาคิราห์ตอบ

          จนถึงเวลาพักครึ่งเพื่อเตรียมตัวลงคะแนนลับในช่วงบ่าย  เจนภพกำลังนั่งประจันหน้าอยู่กับรองหัวหน้าพรรคคนเดิมที่กำลังอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์หัวหน้าพรรคเป็นวันสุดท้าย  นายจรัญจ้องหน้าเขาเขม็งด้วยความไม่พอใจ

          “ทำแบบนี้ทำไมเจนภพ  คิดจะเป็นตัวตายตัวแทนของพิชช์ฌานกับท่านนิมมานงั้นหรือ”

          “ผมคิดว่าตัวเองเหมาะสมและมีความสามารถพอที่จะเป็นหัวหน้าพรรคได้ครับ  ถึงได้ลงชื่อ”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ  “คุณจรัญเองก็ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย เพราะผมเป็นเพียงนักการเมืองมือใหม่  ไม่ใช่มือฉมังอย่างคุณ”

          “เกมนี้ไม่ใช่เกมของเด็กเมื่อวานซืน”  อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนจัด  “ตำแหน่งหัวหน้าพรรคมีเอาไว้เพื่ออัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์”

          “อัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีหลักฐานว่ายัดเงินใต้โต๊ะกับปกปิดรายได้จากสรรพากรก็คงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรอกครับ  หรือคุณจรัญคิดว่าอย่างไร”

          คนฟังนิ่งอึ้งไปทันที

          “แกพูดเรื่องอะไร”

          ชายหนุ่มยักไหล่

          “บังเอิญว่ามีผู้หวังดีส่งบัญชีของบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งมาให้ผม  ผมเห็นชื่อคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนก็เลยว่าจะเอามาถามคุณจรัญดูเสียหน่อย  หรือว่าผมควรเอาไปให้สรรพากรดูเลยดีครับ”

          “คิดว่ามือของแกสะอาดนักเหรอไอ้เจนภพ”  คนแก่กว่าพูดเสียงต่ำ  เหลือบมองนอกกระจกใสก็เห็นคนในพรรคต่างลอบมองมาอย่างสนใจ  “อยากให้ฉันขุดผลงานเก่าๆของแกขึ้นมาบ้างไหมล่ะ”

          “ก็ลองดูครับ  จะได้รู้ว่าผลงานของใครจะเด็ดกว่ากัน”  เจนภพว่า  มองหน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย  “ถ้าเป็นผมนะ  ..ผมจะถอนตัวออกจากผู้สมัครหัวหน้าพรรคเงียบๆ แล้วก็ใช่เงินหลายร้อยล้านที่เลี่ยงภาษีสำเร็จนั้นไปอย่างมีความสุข  น่าจะดีกว่าโดนตรวจสอบย้อนหลังแถมติดคุกอีกนะครับ”

          “......”  นายจรัญโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ  เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ  ชายหนุ่มรุ่นน้องยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้นเดินกลับออกมาจากห้องประชุมเล็กเพื่อกลับไปที่ห้องประชุมใหญ่ของพรรคที่กำลังจะลงคะแนนเสียงลับกัน

          อาคิราห์แปลกใจมากที่จู่ ๆ นายจรัญก็ขอถอนตัวออกจากการลงสมัคร  เหลือเพียงแค่นายเจนภพอดีตมือขวาของหัวหน้าพรรคคนเดิมกับนายเกรียงไกรสมาชิกอาวุโสของพรรคเพียงสองคน  ผลการลงคะแนนออกมาสูสีทีเดียว  แต่สุดท้ายแล้วคนที่ได้ตำแหน่งไปก็คือเจนภพที่เฉือนเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียด  สร้างความไม่พอใจให้แก่นายเกรียงไกรและพวกเป็นอย่างมาก  นักการเมืองวัยกลางคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและกลับออกไปก่อนการประชุมจะเสร็จสิ้น

          “ยินดีด้วยนะครับ  คุณหัวหน้าพรรค”  อาคิราห์พูดยิ้มๆ  มองหน้าเจนภพอย่างจับสังเกต  “ไม่นึกว่าคุณจะมาลงตำแหน่งหัวหน้าพรรค”

          “ผู้ใหญ่ให้โอกาสผมน่ะครับ  แล้วคุณอัยย์ล่ะพร้อมจะเป็นเลขาฯของพรรคผมหรือยัง”  เจนภพถามเหมือนเย้า

          “ผมก็แค่พูดบลัฟเขาเล่นแค่นั้นเอง”  อาคิราห์หัวเราะ 

          “แต่ผมพูดจริงๆนะ  ผมอยากให้คุณอัยย์มาทำงานด้วยกันจริงๆ”  เจนภพว่า

          อาคิราห์กลับมาออกจากที่ทำการพรรคอย่างครุ่นคิด  เขารู้สึกได้ว่าเจนภพไม่เหมือนเจนภพคนเดิม  แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรที่เปลี่ยนไปกันแน่  ชายหนุ่มก็ยังยิ้มแย้ม  พูดคุยกับเขาด้วยดีเหมือนก่อน

          “เธอว่าคุณเจนภพดูแปลกไปหรือเปล่านิลลา”  เขาถามเพื่อนโอเมก้าที่นั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างเงียบๆ

          “ทุกคนเปลี่ยนไปอยู่แล้วตามวันเวลาที่เปลี่ยนแปลง”

          “ช่วยตอบแบบที่เข้าใจง่ายๆหน่อยได้มั้ย”  อาคิราห์โคลงหัว  “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนฉลาดนัก”

          “ฉันรู้ว่าคุณรู้คำตอบอยู่แล้ว  เลยไม่อยากอธิบายอีกให้เสียเวลา”

          “ฉันควรจะต้องถามใครในเวลานี้  ...ไม่มีดอกกุหลาบหรอวันนี้”

          “ยังไม่มีใครเอามาส่ง”  นิลลาตอบตามจริง

          “เขาคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม”

          “หมายถึงคุณพิชช์ฌานหรอ”

          “จะหมายถึงใครได้ล่ะ  ไม่ต้องมาทำไก๋เลยนะนิล  ฉันรู้หรอกว่าเธอร่วมมือกับนายพิชช์ฌานหลอกฉัน   ไม่สำเร็จหรอกนะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองปุๆ  “ฉันมองออกน่ะว่าใครเป็นยังไง”

          “แล้วมองนิลลาออกไหมว่าเป็นยังไง”

          “นิลก็จะเป็นคนช่วยฉันทุกเรื่องน่ะสิ” อาคิราห์ตอบแกมหัวเราะ

          “บางเรื่องก็ไม่มีใครช่วยคุณได้  คุณอาคิราห์”  นิลลาพูดด้วยน้ำเสียงแหบลึกสะดุดหูคนฟัง

          “เรื่องอะไรล่ะ”

          “เรากลับกันดีกว่า”  นิลลาเปลี่ยนเรื่อง  หันออกไปมองข้างนอกรถที่เริ่มเข้าไปในตัวเมือง  “คุณอาคิราห์อยากแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า หรือว่าจะตรงกลับบ้านเลย”

          “ฉันมีที่นึงที่อยากไป”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ

          ..............................................................................................

          มาอัพแล้วจร้า

          กำลังสนุกเลยค่ะ  เอนจอยกับการเขียนเรื่องนี้มาก555555

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และโหวตนะคะ  ดีใจมากกกกก

          เจอกันตอนหน้าเด้อ

          #ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-06-2019 01:16:25
มันซับซ้อนซ่อนหลายเงื่อนมาก  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 15-06-2019 01:17:22
คุณพิชช์เป็นไงบ้างล่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-06-2019 02:45:32
ตอนนี้มีเพิ่มมาอีก2ปมแล้ว ปมเก่าก้ยังคลายไม่หมดด
1. แม่คุณพิษ ทำไมถึงไม่ให้บอก เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้รึป่าว
2. เจนภพ ทำไมอยู่ดีๆถึงยอมลงการเมือง
นี่คิดว่าพิชช์ณานไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะ เจนภพไม่น่าจะทำร้ายกันหนักขนาดนั้นอะ
ไม่งั้นคุณนิมมานไม่ปล่อยไว้หรอก แถมสนับสนุนอีก
ความจงรักภักดีในฐานะมือขวาแบบบริสุทธิ์ใจมาหลายปี
บวกความจริงที่พึ่งรู้ว่าเป็นน้องชายร่วมสายเลือด
ถ้าหักลบกับความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง คิดว่าผลน่าจะยังเป็นบวกอยู่นะ
ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ พิชช์ฌานไปไหน? นี่ยังอยู่ในแผนเดิมที่วางไว้หรอ?คิดว่าไม่แล้วนะ
ถ้าไม่ใช่แผนเดิมจริงๆทำไมถึงยอมเปลี่ยนแผน แถมพ่อก้สนับสนุนแบบออกหน้าขนาดนี้

ส่วนประเด็นแม่นี่น่าคิดเลย
ความเกลียดโอเมก้าของเค้า คำทำนายนั่น ความรักลูก อารมณ์รุนแรงของเจ้าตัว
ทุกอย่างทำให้รู้สึกว่า อาจจะใช่ อาจจะเกี่ยวข้อง

รอออค่าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-06-2019 03:14:01
โอ๊ยยยยยยยยยย
นายพิชช์ฌานเป็นยังไงล่ะคราวนี้
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2019 03:34:59
 แผนซ้อนแผนแล้วก็ซ้อนอีกทีหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 15-06-2019 04:42:43
 :hao7: ชอบตอนเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 15-06-2019 05:04:10
 :ling1: เจนภพ ตกลงนายยังไงเนี้ยยย แถมนิล ยังมาพูดกำกวมอีกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 15-06-2019 08:17:50
หวานได้ไม่นาน เครียดอีกแล้ว นี่ว่าเจณภพไม่ได้ทำอะไรคุณมากอะไม่น่าถึงตาย
แต่นิลลาดูแปลกๆ แงงง อะไรอีกเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 15-06-2019 08:42:00
เป็นไปได้คืออยากอ่านเรืีองนี้ทุกวันเลย นายพิษจะเป็นยังไงบ้างน้ออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 15-06-2019 09:19:49
คนอานก็เอนจอยคะ  อยากอ่านต่อเลยลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 15-06-2019 09:55:32


แอบฮาบู้บี้

ทั้งฮาทั้งสงสาร

อยากให้คลอดไวๆ

หน้าตาบู้บี้น้อย
 
..จะเป็นเช่นใดหนอ

คุณเจนเปลี่ยนไป..

ดูโหดจัง ..เป็นตาย่านนน

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 15-06-2019 13:42:57
เพิ่งลุ้นกับนายพิษว่าจะตายหรือเปล่า นี่ต้องมาลุ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-06-2019 14:27:15
เจนภพ ชั้นเชื่อใจนายได้ไหม โอ้ยยย ครึ่งแรกยิ้มตาปิด ครึ่งหลังจะล้ม  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 15-06-2019 16:11:02
เราว่าป้านิ่มนี่คือแม่เจนภพป่าว เดาๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-06-2019 16:14:15
นายพิษจะเป็นไงบ้างนะ คงโดนขังอยู่แน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 15-06-2019 16:42:00
คุณพิษเป็นยังไงบ้านคะะะะะ
เปิดมาหวานกุ๊กกิ๊กกันให้ชื่นใจ แล้วลงจบพาร์ท อย่างที่ยังไงอยากให้จบเลยค่ะ  :ling1:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 15-06-2019 18:18:34
ยังไงก็ได้.. นายพิช อย่าตายก็พอ.. ไม่อยากให้บู้บี้เสียใจแล้ววว..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-06-2019 18:24:38
มันสะสมมานานเกินไปหรอ เจนภพ ถึงกับต้องฆ่ากันเลย
ฌาณไม่ตาย แต่เจ็บหนัก ไม่งั้นก็ถูกจับตัวขังไว้
เจนภพต้องตอบแทนใครอีกหรอกับเรื่องนี้ ถึงมาหาฌาณตามนัด

เอ็นดู ร้ายนะเรา แหมม ทำเนียนมาก ดีมากค่ะ
หลอกมาหลอกกลับ ไม่โกง ใช่ไหม อัยย์
พิชญ์ฌาณถึงกับอยู่ไม่ได้ ต้องรีบแสดงตัวกันเลยจ้า

นิลลาดูลึกลับ จะช่วยฌาณกับอัยย์จริงใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 15-06-2019 18:34:43
ในเมื่อพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ตาย  เจนรบแกจะเครียดเก็บกดอะไรนักหนาห๊า
ยังจะพาคนมารุมยิงพี่ชายแกอีก   นี่เดาว่าคนที่พามาด้วยน่าจะเป็นคนของพิษ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-06-2019 23:35:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 15-06-2019 23:47:39
ขอให้คุณฌานปลอดภัยนะะ
เจนภพนี่ดูไม่ออกละจะดีจะร้าย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 16-06-2019 01:03:05
นิลลาทางเราจะระแวงเธอแล้วนะ !!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 16-06-2019 02:10:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-06-2019 08:13:42
เป็นห่วงคุณพิชญ์ฌาณ :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-06-2019 10:39:38
เดาความคิดของเจนภพกับนิลลาไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 16-06-2019 11:45:33
 :mew5:  เจนภพนายอีกแล้วหรอ มีอะไรให้หักมุมตลอเลย ว่าแต่ตอนนี้คุณพิษยังไม่จนมุมนานเจนใช่ไหม แล้วนิลลานี่คือที่มาที่ไปเป็นคนยังงัยกันนะ แอบขอเชื่อใจนิลลาเหมือนที่บู้บี้เชือได้ไหม ..​หรือเราจะต้องผิดหวังเหมือนที่เชื่อใจเจนภพอีกแล้วนะ

ลุ้นตอนต่อไปปปป :call:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-06-2019 13:23:19
สรุปทั้งเรื่อง

มีคนดีแค่

อคิราห์กับอคิน แค่นั้นที่เป็นคนดี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-06-2019 20:30:27
เรื่องนี้เดายากมากกก พลิกโผกันทุกตอนเลย

เจนภพจะทรยศพิษฌาณจริงๆหรอ แงง

โกรธพ่อแต่อย่าโกรธพี่ชายเลยนะ

คิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ยังมีปมอีกหลายปมต้องแก้
รอติดตามค่ะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 16-06-2019 23:01:42
 :katai1:  :katai1: เจ้าบู้บี้สู้ๆ นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 17-06-2019 06:52:05
ฮึ่ยโดนบู้บี้หลอกใจหายใจคว่ำหมด  เจนภพอีกแล้วนะทำอะไรคุณพิชช์อี๊กกก แล้วนิลนี่ทำไมต้องพูดให้น้องอัยย์ระแวงด้วย เดาทางไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 17-06-2019 09:04:19
เรื่องนี้ตัวละครซับซ้อนสุดใจไปเลยค่ะ น่าติดตามมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-06-2019 10:35:16
รอค่้ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่35 15/6/62 p31
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-06-2019 12:41:47
ลุ้นทุกตอนเลยอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-06-2019 01:54:14
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 36

 

 



 

 

         “ผมมาแล้ว”  ชายหนุ่มพูด  ก้าวยาวๆเข้าไปหาร่างอวบอัดได้ส่วนสัดของอัลฟ่าสาวที่ยืนรออยู่ในลานจอดรถหลังโรงเรียนแห่งหนึ่ง  เธอหันกลับมามองหน้าเขาแล้วยิ้ม

          “ยินดีด้วยนะคะกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่  แผนการหักหลังผู้มีพระคุณของคุณกำลังไปได้สวยจริงๆ”  เธอพูดพลางยิ้มเยื้อน  “คุณพ่อพอใจมากๆเลยค่ะกับการที่คุณได้รับตำแหน่งนี้”

          “ฝากขอบคุณคุณพ่อของคุณด้วยนะครับ  ไว้ผมจะเข้าไปเยี่ยมท่านอีกที”  เจนภพตอบอย่างสงบ

          “ได้สิคะ”  รินลดาว่า

         “คุณติดต่อผมมาอีก  หวังว่าคราวนี้คงมีข้อเสนอที่ดีขึ้นกว่าเก่านะครับ”

          “แน่นอน  ข้อเสนอใหม่ของฉันก็คือ  ของในเซฟนั้น กับชื่อผู้ว่าจ้างของฉันที่คุณอยากได้”  รินลดาพูดเนิบๆ

          “คุณพร้อมหักหลังผู้ว่าจ้างของคุณแล้วเหรอ”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

          “ฉันบอกข้อเสนอนี้กับเขาและเขาก็ตกลงจะให้ฉันบอก”

          “เห็นทีของในเซฟนั่นคงจะสำคัญกับเขามากเหลือเกินสินะ”  เจนภพเคาะ  “แล้วถ้าผมอยากเพิ่มข้อเสนอด้วยการขอเข้าพบเขาสักครั้งล่ะครับ”

          “แหม  คุณนี่  ได้ทีเอาใหญ่เลยนะคะ  นิสัยเหมือนอดีตเจ้านายของคุณไม่มีผิด”  รินลดาพูด  “แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ  เห็นทีแค่ของในเซฟคงจะไม่พอ  คิดว่าผู้ว่าจ้างของฉันก็คงจะรู้สึกไม่สะดวกใจแน่ๆที่จะให้คุณพบ”

          “ถ้าผมมีของแถมล่ะ”  เจนภพยิ้มพราย  “สิ่งที่จะทำให้นายจ้างของคุณยอมให้ผมเข้าพบ”

          “มันคืออะไรคะ”

          ชายหนุ่มยิ้ม  เปิดคลิปในโทรศัพท์ให้หญิงสาวดู

          ภาพผู้ชายร่างสูงใหญ่ในคลิปไม่ชัดเจนนัก  แต่สำหรับคนที่รู้จักพิชช์ฌานก็พอจะเดาออกว่าคนที่ยืนอยู่กลางวงล้อมคือใคร  รินลดายกมือขึ้นปิดปาก  มองภาพอัลฟ่าหนุ่มทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหวาดเสียว  เลือดสดแดงฉานไหลเจิ่งนอง

          “คุณพิชช์ฌาน...”  รินลดาพูด

          “ถูกต้องครับ”  เจนภพพูดเนิบๆ  จ้องมองภาพอดีตเจ้านายถูกซ้อมอย่างรุนแรงในคลิปจนกระทั่งจบ  ร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานถูกลากออกไปจากโกดังในสภาพร่อแร่เต็มที

          “เขาตายแล้วหรือ”  รินลดากระซิบ  “หรือว่านี่คือคลิปก่อนระเบิด  ไม่สิ  ก็ร่องรอยระเบิดยังอยู่นี่”

          “เป็นคลิปหลังจากระเบิดครับ  คุณพิชช์ฌานไม่ได้เสียชีวิตจากแรงระเบิด  แต่ว่าอยู่ในที่แห่งหนึ่งในความควบคุมของผม”  เจนภพตอบ  “ผมรู้ว่ามีคนไม่เชื่อว่าคุณพิชช์ฌานตายไปแล้วรวมถึงผมด้วย  ผมถึงได้ออกตามหาจนกระทั่งเจอตัวเขาและหาทางล่อเขาออกมาพบ”

          “.........”  หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่คาดคิดแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆด้วยเสียงแหลมสูง  “ฉันกะแล้วเชียวว่าพวกเสี้ยวเบต้าไว้ใจไม่ได้”

          “ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้นะ”  เจนภพพูดเสียงเข้ม  “ผมเปิดไพ่ของผมแล้ว  ตาคุณแล้วครับคุณรินลดา  ผมคิดว่าคุณคงไม่ถนัดแต่การลอบกัดลับหลังอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย  ในสายตาของผม  คุณเป็นผู้หญิงที่แฟร์คนนึง”

          “ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคลิปนี้จะไม่ได้ถูกตัดต่อขึ้นมา”

          “คุณเอาคลิปไปตรวจสอบก็ได้  ผมเชื่อว่าฝีมือคุณดูออกแน่นอนว่าจริงหรือปลอม”

          “ตกลง  ฉันรับข้อเสนอนี้”  รินลดาพูด  ยิ้มมุมปาก  “ถ้าเป็นคลิปจริง  คุณก็เตรียมตัวเข้าพบผู้ว่าจ้างของฉันได้เลย อยากฝากอะไรไปบอกเขาเป็นพิเศษมั้ย”

          “ผมมีข้อเสนอที่ดีที่สุดให้เขา”  เจนภพพูด  ก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง

          “เดี๋ยวก่อน  ฉันนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้”  หญิงสาวรั้งเอาไว้  “โอเมก้านั่น...ยังอยู่ที่บ้านของพิชช์ฌานใช่ไหม”

          “คุณหมายถึงคุณอาคิราห์?  ถามทำไม”

          “ฉันอยากได้อาคิราห์  คุณยกมันให้ฉันได้มั้ย”

          “คุณอาคิราห์ไม่ใช่ทรัพย์สินจะได้ยกให้ใครได้  อีกอย่าง  ถึงแม้ว่าคุณพิชช์ฌานจะไม่อยู่แล้วแต่ว่าเขาก็ยังเป็นลูกของนายกฯประเทศนี้  คุณคงไม่อยากมีปัญหากระมัง”  เจนภพพูดเรียบๆกึ่งเตือน  “คุณอาคิราห์ไม่ใช่โอเมก้าที่ใครจะทำอะไรได้ง่ายๆ”

          “ก็เพราะเป็นแบบนั้น  ฉันถึงยิ่งอยากจัดการมันยังไงล่ะ”  รินลดาว่า  “คุณคงไม่คิดจะปกป้องเมียของคนที่คุณเพิ่งซ้อมปางตายหรอกใช่มั้ย”

          “ผมไม่ปกป้องเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เตือนคุณว่าอย่าทำอะไรล้ำเส้นจะดีกว่า”

          เปลือกตาระยิบระยับด้วยอายแชโดว์ของหญิงสาวหรี่ลง  รินลดาเอียงคอมองชายหนุ่มตรงหน้า

          “รู้อะไรมั้ย  ฉันเริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างคุณเจนภพ  ถ้าฉันเดาไม่ผิด  คุณใช้พิชช์ฌานเป็นข้อต่อรองในการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคกับท่านนิมมาน  ถูกมั้ย”

          “ถูกต้อง”

          “แต่ว่ากับอาคิราห์  คุณกลับปกป้องมันนัก  ทำไมกันนะ”

          “เพราะอาคิราห์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องนี้”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ

          “ไม่ใช่ว่าหวังจะเคลมมันต่อจากพิชช์ฌานหรอกเหรอ”

          คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงก่อนที่จะเจ้าของจะปล่อยเสียงหัวเราะทุ้มๆออกมา

          “ฟังดูน่าสนใจดีนี่ครับ”  เจนภพพูด  “คุณคิดว่ายังไงล่ะ”

          “ฉันเข้าใจล่ะ”  หญิงสาวพยักหน้าเนิบๆ  “ก็ได้  ถ้าอย่างนั้นฉันจะ ‘ยัง’ ไม่แตะต้องมันก็แล้วกันนะ”

          “จนกว่าจะถึงเวลา  คุณผู้หญิง”  เจนภพว่า  แล้วเดินจากมา

          รินลดามองตามหลังอย่างครุ่นคิด  เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า  เธอหยิบขึ้นมาดู  เจนภพส่งคลิปที่เธอเพิ่งดูไปเมื่อครู่นี้มาให้  หญิงสาวกดส่งต่อไปยังใครคนหนึ่งอย่างไม่รอช้า  เสียงเรียกเข้าดังขึ้นทันที

          “ฮัลโหล  กะแล้วเชียวว่าคุณจะต้องรีบโทรมาแน่”  เธอกรอกเสียงลงไป  “ให้ฉันไปหาคุณดีไหมคะ”  ปลายสายบอกสถานที่มา  รินลดากดวางสายแล้วหยิบลิปสติกขึ้นมาเติมสีบนริมฝีปาก

          เกมมันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก

          ..............................................................................

          “วันนี้ก็ไม่มีกุหลาบหรอนิลลา”  คนถามนั่งเท้าคางอยู่หน้าระเบียงบ้าน  ทอดสายตามองจ้องเป๋งไปยังประตูหน้าบ้านที่ปิดสนิท  โอเมก้าคนสนิทเงยหน้าขึ้นจากการปอกผลไม้ให้เจ้านายกิน

          “ยังไม่มี”  นิลลาว่า  ส่งแอปเปิ้ลชิ้นใหญ่ไปให้อาคิราห์รับไว้  “คุณกลับเข้าไปในบ้านเถอะ  ถ้ามีมาเมื่อไหร่  ฉันจะเอาไปให้เอง”

          “ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาหายไปไหน  สามวันแล้วนะ”

          “ก็คงยุ่งๆ”  นิลลาตอบ  “คุณเองก็มีงานต้องทำไม่ใช่หรือไง  อย่าลืมสิว่าพรุ่งนี้จะต้องไปที่พรรคด้วยนะ”

          “ฉันมาคิดดูแล้ว  ไม่น่าสนใจรับตำแหน่งเลขาฯอะไรนั่นเลยนิลลา  ฉันทำอะไรเป็นที่ไหนกัน”  อาคิราห์ถอนหายใจเฮือก  “แค่อ่านหนังสือเตรียมสอบเทียบก็เหนื่อยจะตายแล้ว”

          “โธ่  คุณเจนภพก็บอกเองว่าคุณพิชช์ฌานอยากให้คุณอัยย์รับตำแหน่งนี้  อย่าเพิ่งถอดใจเลย  คุณยังไม่ได้เริ่มเลยนะ  ลืมที่คุณเคยบอกฉันแล้วเหรอว่าอย่าถอดใจง่ายๆ”

          “ฉันก็อยากได้กำลังใจบ้างนี่”  เจ้าโอเมก้าพูดงึมงำอยู่ในลำคอ  ตวัดสายตามองไปยังประตูรั้วอีกรอบ  “แต่ก็ช่างเถอะ  ฉันโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ  ต้องมีความรับผิดชอบ”  อัยย์พูดเหมือนท่องคำขวัญวันเด็ก  กำมือชูขึ้นสูงให้กำลังใจตัวเองแล้วก็กลับเข้าไปในห้องหนังสือต่อ

          นิลลามองตามหลังพลางถอนหายใจยาว  พิชช์ฌานหายจากการติดต่อไปสามวันแล้ว  ไม่มีกุหลาบหน้าประตู  ไม่มีข้อความหรือแผนการฝากมาบอกอีก  ราวกับชายหนุ่มผู้นั้นหายสาบสูญไปเสียเฉยๆ  เจนภพเองก็นิ่งเฉยไม่พูดเรื่องนี้ออกมาเลยสักคำ

          เจนภพเข้ามารับอาคิราห์ไปที่ทำการพรรคด้วยกัน  มีนักข่าวมารออยู่ข้างหน้ากันเต็มไปหมดเพื่อสัมภาษณ์หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์  อาคิราห์เองก็ถูกรุมด้วยนักข่าวไม่แพ้กันในฐานะเลขาฯคนแรกที่เป็นโอเมก้า

          “รู้สึกอย่างไรบ้างคะกับตำแหน่งนี้”  นักข่าวยิงคำถาม  อาคิราห์ยิ้มตอบ

          “ดีใจมากครับที่ได้มีส่วนร่วมกับในการทำงานของพรรค”

          “คิดว่าหลังจากนี้บทบาทของโอเมก้าจะมีมากขึ้นไหมคะ”

          “แน่นอนครับ   นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น  แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมภูมิใจมากครับ”  อาคิราห์โบกมือให้กล้องแล้วส่งรอยยิ้มหวานที่เรียกเสียงอุทานจากใครหลายคน

          ภาพโอเมก้าในชุดสูทเรียบร้อยยืนเคียงคู่กับหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  เรียกกระแสทั้งชื่นชมและต่อต้านจากประชาชนได้ทันตาเห็น  ตามด้วยบทสัมภาษณ์จากนิตยสารชื่อดังที่ตามไปสัมภาษณ์โอเมก้าถึงบ้านของพิชช์ฌานอีก

          ชื่อของอาคิราห์กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง  นักข่าวขุดประวัติของเขาขึ้นมาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก  เรื่องราวเมื่อตอนที่เขาแฝงตัวเข้าไปในการทลายแหล่งค้ามนุษย์นั้นกลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างชื่นชม  ความสามารถพิเศษถูกเอามาบอกต่อปากต่อปาก  บ้างก็บอกว่าคุณอาคิราห์สามารถพูดได้ถึงหกภาษา  บ้างก็บอกว่าคุณอาคิราห์เป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ทางด้านความจำและการคิดคำนวน   แม้ว่าจะไม่มีปริญญาบัตรสักใบเพราะไม่เคยเข้าเรียนในระบบเลยก็ตาม

          “นอกจากนี้คุณอัยย์ยังมีความสามารถพิเศษทางด้านกีฬาด้วยนะ  ว่ายน้ำเก่งมาก  เคยว่ายน้ำชนะคุณพิชช์ฌานด้วยล่ะ  ทั้งที่คุณพิชช์ฌานเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหรียญทองสมัยเรียนมหาลัยเชียวนะ”   นิ่มนวลพูดกับนักข่าวที่มาขอสัมภาษณ์ถึงบ้าน  “แล้วเธอยังมีพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลงและเต้นรำด้วย  อย่าลืมสิว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอเป็นถึงนักร้องซูเปอร์สตาร์นะ  เธอเองก็เก่งไม่แพ้พี่ชาย”

          “ป้านิ่มๆ พอเถอะครับ  อายเค้า”  อาคิราห์แอบสะกิดหลังจากนักข่าวพากันกลับไปหมดแล้ว  “ผมว่าความสามารถพิเศษของผมอย่างเดียวเห็นจะมีแค่เรื่องกินนี่ล่ะ”  เจ้าตัวว่า  ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวอย่างรวดเร็วโชว์ทักษะให้ดูว่าพูดจริง  “ผมสามารถกินได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้  โดยเฉพาะฝีมือป้านิ่ม”

          “ป้าเชื่อค่ะ  ป้าทำอะไรให้ก็กินเรียบไม่เหลือเลย  ไม่ต้องมาพูดอ้อนหรอก  อยากกินอะไรก็บอก  เอ.. มะรืนนี้คุณอัยย์จะต้องตามคุณเจนภพออกไปหาเสียงนอกสถานที่ใช่ไหมคะ”

          “ใช่ครับ  เริ่มหาเสียงกันแล้ว”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  กางหนังสือพิมพ์ออกอ่าน   “วันนี้ไม่มีกุหลาบหรอครับ”  เจ้าโอเมก้าถามต่อลอยๆคล้ายไม่ใส่ใจ  หากคนฟังก็รู้ดีว่าเจ้าตัวเฝ้ารอคำตอบนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด

          นิ่มนวลลอบถอนหายใจยาว

          “ไม่มีค่ะ  คุณอัยย์อยากได้ดอกไม้ชนิดไหนไหม  เดี๋ยวป้านิ่มจะไปตัดในสวนมาให้ค่ะ  ดอกไฮเดรนเยียก็กำลังงามทีเดียว”

          “ขอบคุณครับ  แต่ไม่เป็นไร”  อาคิราห์วางหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะอาหารแล้วลุกขึ้นเดินกลับขึ้นไปด้านบน  นิ่มนวลมองตามหลังอย่างกังวล  หันไปมองโอเมก้าที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

          “นิลลา  ไปไหนทำไมเพิ่งมา  ได้กุหลาบมามั้ย”

          “ไม่ได้” นิลลาส่ายหน้า  “ฉันไปธุระมา  คุณอัยย์ขึ้นไปนอนแล้วเหรอ”

          “ใช่  ฉันถามจริงๆเถอะ  คุณพิชช์ฌานไม่ได้ติดต่อมาอีกหรอ  เธอหายไปเป็นอาทิตย์แล้วนะ  นี่ฉันขึ้นไปชั้นบนแอบได้ยินเสียงคุณอัยย์ร้องไห้เมื่อคืนด้วย”  แม่บ้านอาวุโสว่า  “หาทางติดต่อหน่อยไม่ได้หรือไง”

          “ฉันก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง”

          “ไม่งั้นเดี๋ยวก็ลงอีหรอบเดิมอีกหรอก  ฉันทนเห็นคุณอัยย์จ๋อยอีกไม่ไหวหรอกนะ  สงสาร”

          คนที่ถูกพูดถึงนั้นกำลังนอนขดอยู่บนเตียงใหญ่ที่แวดล้อมด้วยเครื่องนอนและเสื้อผ้าของเจ้าของห้อง  อาคิราห์ซุกหน้ากับผ้าห่มหนานุ่มอวลด้วยกลิ่นของพิชช์ฌานจางๆ  ปล่อยให้น้ำตาไหลออกหางตาเป็นทาง

          ...ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นหายตัวไปไหนอีกแล้ว  คิดจะปล่อยให้เขาคิดถึงอยู่คนเดียวไปถึงเมื่อไหร่... อาคิราห์คิดวนเวียนกลับไปกลับมา  สลับกับการถอนหายใจยาว

          ทำไมถึงต้องทำตัวมีความลับนัก  อย่างน้อยก็ควรจะต้องส่งข่าวมาบอกกันบ้าง  ไม่ใช่หายเงียบไปแบบนี้  หรือว่าต้องใช้มุขแกล้งตายอีกถึงจะออกมากันแน่

          ..............................................................................

         รถตู้สีดำมืดกลมกลืนกับบรรยากาศจอดรออยู่ก่อนแล้วข้างสวนสาธารณะที่เงียบสงัดไร้ผู้คน  เสียงหอนาฬิกาตีบอกเวลาตีหนึ่ง  ไม่ใช่เวลาที่ใครจะมาเดินเล่นในสวนสาธารณะอีก

          เจนภพจอดรถเทียบข้างต้นไม้ใหญ่แล้วเดินเข้าไปหารถคันนั้นอย่างไม่รีบร้อน   พอเข้าไปใกล้ๆก็เห็นว่ามีผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างรถรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

          “ผมชื่อเจนภพ  มาตามที่นัดหมายเอาไว้”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆ  เหลือบมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง

          ชายหนึ่งในสองก้มศีรษะรับแล้วเดินอ้อมไปอีกทาง  เขาได้ยินเสียงประตูรถเปิดออกก่อนที่ใครคนหนึ่งจะก้าวลงมาจากรถแล้วเดินมาหาเขา

          “คุณเจนภพ”  หญิงสาวอัลฟ่าเรียกชื่อเขาเนิบๆ  “กำลังรอคุณอยู่เลย  ไหนล่ะคะของในเซฟที่ตกลงกันเอาไว้”

          “ผมขอพบผู้ว่าจ้างของคุณก่อน”  ชายหนุ่มตอบ  “ยื่นหมูยื่นแมวสิครับคุณรินลดา”

          “แหม  อย่างน้อย ‘เขา’ ก็คงอยากเห็นของแลกเปลี่ยนของคุณก่อนนะคะ”

          “เขาอยู่ในรถคันนี้งั้นหรือ”     

          “เปล่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า  “นี่เป็นรถของฉันเอง  แต่ฉันทราบว่าเขากำลังจับตามองพวกเราอยู่อย่างแน่นอน”

          เจนภพล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบห่อพลาสติกสีเข้มออกมา  เขายื่นออกมาตรงหน้าให้เห็นได้ชัด ๆ

          “นี่คือของที่อยู่เซฟนั่น”

          “ข้างในนี้มันคืออะไรหรอคะ”  หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสนใจ

          “ผู้ว่าจ้างของคุณไม่ได้บอกมาก่อนเหรอว่าคืออะไร”  เจนภพเลิกคิ้ว  คนฟังส่ายหน้า

          “ฉันรู้เพียงแค่ว่ามันเป็นของสำคัญเท่านั้น”  เธอเอื้อมมือทำท่าจะรับของไปทว่าชายหนุ่มดึงคืนกลับไปก่อน

          “เดี๋ยวสิครับ  แล้วข้อแลกเปลี่ยนของเราล่ะ  ผู้ว่าจ้างของคุณอยู่ที่ไหน  ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวออกมาผมก็จะไม่ส่งของให้คุณหรอกนะคุณรินลดา”  เจนภพพูดพลางกวาดตามองรอบตัว  “คุณคงไม่เบี้ยวผมหรอกใช่ไหม”

          “ใครจะทำอย่างนั้นกันล่ะคะ”  หญิงสาวยิ้มพราย  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก  “ฮัลโหล  ของที่ว่าได้มาแล้วค่ะ  ฉันจะส่งรูปไปให้คุณดู”  เธอกดถ่ายรูปของในมือของเจนภพแล้วส่งไปให้คนๆนั้น  เจนภพเห็นหญิงสาวนิ่งฟังปลายสายพูดอะไรต่อมายืดยาว  รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเพิ่มมากขึ้นราวกับถูกใจสิ่งที่ได้ยิน  “ตกลงค่ะ  ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปก่อนนะคะ”  เธอวางสายแล้วหันมาหาชายหนุ่มที่รออยู่  “ผู้ว่าจ้างของฉันอยากจะคุยกับคุณด้วยตัวเองค่ะ  เขากำลังมาที่นี่”

          เจนภพคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงเหมือนล้อรถยนต์บดมาตามถนน  กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาตึงเขม็งด้วยความเครียดที่เกิดขึ้น  ถึงแม้ว่าเขาจะมีพิชช์ฌานเป็นตัวประกันแต่ก็ใช่ว่าจะได้ผล  หญิงสาวเองก็มีท่าทางตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด  เธอห่อไหล่ลงแล้วจ้องมองไปทางถนนหลักที่เข้ามายังสวนสาธารณะแห่งนี้

          “คุณไม่เคยเจอผู้ว่าจ้างของคุณงั้นหรือ  คุณรินลดา”

          “ไม่เคย  เราติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และอีเมล์  แน่นอนว่าเขาใช้เครื่องแปลงเสียงทำให้ไม่รู้ว่าเสียงที่แท้จริงคือใครกันแน่”  เธอตอบ  จับตามองตาไม่กะพริบ 

          “แล้วเขามีชื่อเรียกแทนตัวว่าอะไร”  เจนภพพึมพำ

          “ที่ฉันรู้ก็คือเขาใช่อักษรว่า T.A.แทนตัวเอง”  คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน  “คุณไม่จำเป็นต้องมาถามฉันเพราะอีกเดี๋ยวคุณก็จะได้เจอเขาแล้ว”

          เจนภพนิ่งเงียบ  เขายืนรออย่างสงบแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจะมีใครปรากฏตัวขึ้นมา




หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-06-2019 01:55:54







         “คุณคงไม่ได้หลอกผมใช่ไหม”  ชายหนุ่มถามขึ้นช้า ๆ  เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ  “มันเกือบสิบห้านาทีแล้ว”

          “เขากำลังมา”  รินลดาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน  เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเธอ  หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูข้อความในนั้นแล้วก็เก็บลงกระเป๋า  “เขาให้ฉันกลับก่อน  เอาไว้เจอกันใหม่นะคะคุณเจนภพ”

          “เดี๋ยวสิ”  ชายหนุ่มท้วง  คว้าแขนของอัลฟ่าสาวเอาไว้  “คุณกลับไปก่อนแบบนี้แล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกปาระเบิดใส่หรืออะไรทำนองนั้น”

          “ให้เขากลับไปเถอะ  ผมไม่ใช่คนเล่นตุกติกอะไรแบบนั้นหรอก”  เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลังทั้งสองคน  เจนภพหันขวับไปมองแล้วก็อ้าปากค้างอย่างตกใจแกมประหลาดใจ  ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้นิดๆแล้วก้มศีรษะให้หญิงสาว  “เชิญคุณรินลดากลับก่อนดีกว่าครับ  ดึกมากแล้วไม่เหมาะกับสุภาพสตรีอย่างคุณ”

          “........”  หญิงสาวไม่พูดอะไรออกมาสักคำแต่รีบหมุนตัวเดินอ้อมไปขึ้นรถตู้ของตนเองแล้วขับออกไปทันที  ทิ้งให้ผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่กลางสวนสาธารณะ

          “ไม่นึกเลยว่าเป็นคุณ”  เจนภพพึมพำ  “คุณไตรภพ”

          รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใหญ่เลิกคิ้วแล้วส่งยิ้มให้

          “ทำไมล่ะ  คุณ...เจนภพใช่ไหม  ยินดีที่ได้เจอตัวจริงของคุณนะครับ  ผมชื่นชมคุณมานานแล้วในฐานะมือขวาของคุณพิชช์ฌาน  ไม่นึกเลยว่าคุณจะก้าวหน้ารวดเร็วจนได้มาถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในที่สุด”  ไตรภพพูดเนิบ ๆ  เหลือบตามองของในมือของชายหนุ่มรุ่นน้อง  “ผมคิดว่าคุณคงเปิดดูของในเซฟไปแล้ว  และก็คงสงสัยเต็มทีว่ารายชื่อในนั้นประกอบด้วยใครบ้าง   ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็  คุณคิดว่า T.A. ที่อยู่บนสุดคือ ไตรคุณ  อลันไตร  ถูกต้องไหมครับ”

          คนฟังนิ่งอั้น  กำห่อพลาสติกในมือแน่น  เริ่มรู้สึกถึงความอันตรายที่แฝงมากับน้ำเสียงสุภาพของอีกฝ่าย

          “เสียดายที่คุณคิดผิด  ไม่อย่างนั้นแผนจับปลาใหญ่ในวันนี้ก็คงจะสำเร็จอย่างงดงามเป็นแน่”  ไตรภพพูดยิ้มๆ  เหลือบตามองไปทางด้านหลังของคู่สนทนา  “ผมคิดว่าคุณพิชช์ฌานเองก็คงจะกำลังผิดหวังเป็นอย่างมากเช่นกันที่เป็นผม  ไม่ใช่คุณพ่อ  จริงมั้ยครับ  ...ความจริงแล้ว  คุณพิชช์ฌานควรจะออกมาพูดคุยกันเสียหน่อยนะครับ  ผมอยากแลกเปลี่ยนความคิดด้านนโยบายกับคุณอีก”

          “คุณพิชช์ฌานไม่ได้อยู่ที่นี่”  เจนภพพูดเสียงห้วนจัด  “ผมควบคุมตัวเขาเอาไว้ที่หนึ่ง  ถ้าคุณอยากพบเขา  คุณก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

          “อย่างเช่นอะไรบ้างครับ”  ไตรภพถามกลับ  มองหน้าอีกฝ่ายอย่างประเมิน  “คุณเป็นคนเก่ง  มีความสามารถคุณเจนภพ  แต่ว่าคุณเลือกทางที่ผิด  อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถกลับตัวได้ทันในตอนนี้”

          “คุณพูดถึงอะไร”

          “ท่านนิมมาน พ่อของคุณพิชช์ฌานเป็นคนสั่งเก็บพ่อแม่ของคุณ  คุณคงรู้เรื่องนี้แล้ว”  ไตรภพพูด  ยิ้มมุมปาก  “คุณคงไม่คิดจะทำงานให้กับคนที่สังหารพ่อแม่กระมัง”

          “.........”  เจนภพเงียบกริบ

          “ถ้าคุณมาทำงานกับผม  ผมมีตำแหน่งดีๆให้คุณ  อย่างน้อยรัฐบาลสมัยหน้าจะต้องมีชื่อคุณเจนภพเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีไม่กระทรวงใดก็กระทรวงหนึ่งอย่างแน่นอน   คุณคิดว่ายังไงล่ะ  ตอนนี้คุณก็เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว  ถ้าพรรคของเราร่วมมือกัน  ผลประโยชน์จะไปไหนเสีย”

          “คุณจะให้ตำแหน่งผมงั้นหรือ”  แววละโมบฉายในดวงตาของคนฟัง

          “แล้วแต่คุณจะเลือกเลย  กระทรวงไหนก็ได้ทั้งนั้น  รับรองว่าพวกอัศวลักษณ์จะต้องกระอักเลือดออกมาด้วยความแค้นแน่  แค่คุณร่วมมือกับเรา  คุณคนเดียวที่มีอำนาจในการตัดสินใจ  จะไปทนเป็นพรรคฝ่ายค้านทำไมในเมื่อมีโอกาสงามๆที่จะร่วมรัฐบาลลอยมาถึงมือแล้ว”

          “ผมสนใจสิ่งที่คุณพูดนะ  คุณไตรภพ  แต่ว่า..ก่อนที่ผมจะเข้าไปจับมือกับใครก็ต้องเช็คก่อนว่ามือนั้นมันโสโครกมากแค่ไหน  เพราะผมไม่อยากจะต้องติดคุกหัวโตไปด้วย  คุณจะบอกผมได้มั้ยว่าอักษรย่อที่อยู่ในนี้”  ชายหนุ่มชูห่อพลาสติกที่ด้านในมีกระดาษม้วนซ้อนเอาไว้ขึ้น  “..คือรายชื่อหรือว่าอะไรกันแน่  แล้วทำไมคุณจะต้องอยากได้มัยด้วย”

          “ถามกันตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ”

          “ผมเป็นคนแฟร์ ๆ อยู่แล้ว”

          “ผมคิดว่าคุณรู้อยู่แล้วนะว่ามันคือรายชื่อ  แต่ที่คุณอยากรู้มากกว่าก็คือ ...อักษรย่อพวกนั้นหมายถึงใครบ้าง  ผมพูดถูกหรือเปล่า”

          “ถ้าจะร่วมมือกัน  ผมก็ควรจะรู้ว่าใครที่อยู่ฝั่งเดียวกันบ้างไม่ใช่หรือไง”  เจนภพว่าพลางยักไหล่  “แต่ถ้าคุณไม่บอก  ผมก็คงจะอดรู้สึกลำบากใจไม่ได้  เราต่างอยากทำงานกับคนที่เชื่อใจกันจริงไหม”

          “อืม  คุณพูดถูก  ถ้าอย่างนั้น  ผมจะให้คนมาช่วยแปลอักษรย่อแต่ละคนให้คุณฟังดีไหม  คิดว่าเขาคงเดาได้หลายคนเชียวล่ะ”  ไตรภพยิ้มพราย ดีดนิ้วทีหนึ่ง

          เจนภพหันไปมองตามเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่เดินเข้ามาตรงที่ว่างที่เขายืนอยู่  ภาพร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานถูกล็อคอย่างแน่นหนาพลางลากมาที่ด้านหน้าบริเวณอย่างไม่ปรานีปราศรัยนั้นทำให้เอาอดีตมือขวาอ้าปากค้าง  เก็บอารมณ์ไม่ทัน

          “ว่าไงครับคุณพิชช์ฌาน  ทำไมถึงหน้าบวมอย่างนั้นล่ะ  เดี๋ยวถ่ายรูปออกมาไม่หล่อนะ”  ไตรภพพูดยิ้มๆ  ย่อตัวลงจับที่ปลายคางเขียวครึ้มบวมเป่งของอดึตหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน  “เห็นคุณนั่งคุดคู้แอบอยู่ในรถตั้งนาน  ลูกน้องของผมก็เลยช่วยพาออกมาสูดบรรยากาศหน่อย  สดชื่นขึ้นไหมครับ”

          พิชช์ฌานหรี่ตามองผ่านเปลือกตาที่บวมจนแทบปิดเพราะถูกซ้อมอย่างรุนแรงเมื่อครู่นั้น  เห็นร่างของน้องชายยืนมองมาทางเขาอย่างตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูก  ชายหนุ่มกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดลงไปแล้วสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของลูกน้องไตรภพ

          “ปล่อยให้เขายืน”  ไตรภพโบกมือห้ามไม่ให้ลูกน้องทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายอีก  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืนโซเซกุมชายโครงเอาไว้มั่น

          “คุณ..ไตรภพ..  ทำไมถึง  เป็นคุณไปได้”  แววผิดหวังฉายชัดในดวงตาคมเข้มที่แดงก่ำ  ทอดสายตามองอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น  “ผมอุตส่าห์นับถือคุณ  สุดท้ายคุณก็เลวเหมือนพ่อ”

          “ระวังปากหน่อยคุณพิชช์ฌาน  พ่อของผมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะครับ”  ไตรภพว่า  ลูกน้องที่เหลือลากกึ่งหิ้วปีกคนของพิชช์ฌานมากองรวมกันไว้ได้เกือบยี่สิบคน  “พาคนมาเยอะแยะไปหมด  หวังจะจับปลาใหญ่  ที่ไหนได้ดันโดนตลบหลัง  เป็นอย่างไรบ้างครับ  เจ็บแสบดีไหม”  ไตรภพพูด  เดินไปหยุดตรงหน้าของเจนภพแล้วต่อยเข้าที่หน้าท้องของชายหนุ่มโดยไม่ให้ตั้งตัว  อดีตมือขวาของพิชช์ฌานตัวงอลงทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น  ไตรภพเตะเข้าที่ชายโครงและใบหน้าของเจนภพอีกครั้ง  ไม่เปิดโอกาสให้ลุกขึ้นมาสู้ได้อีก

          พิชช์ฌานอุทาน  ขยับจะเข้าไปช่วยน้องชายแต่ก็ถูกคนของไตรภพล็อคแขนเอาไว้

          “คิดว่าแค่แผนตื้น ๆ อย่างคลิปรุมซ้อมนั้นจะทำให้ผมเชื่อว่าคุณหักหลังพิชช์ฌานหรอครับ  คนหน้าโง่ที่หลงทำงานให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง  จนบัดนี้ก็ยังถูกหลอกใช้ไม่เลิก  ไม่น่าสมเพชไปหน่อยเหรอ”

          “อย่างน้อยคุณพิชช์ฌานก็ไม่เคยหลอกโอเมก้าไปค้ามนุษย์เหมือนพวกคุณ”  เจนภพพูดเสียงสั่น  “พวกคุณมันไม่ใช่คนแล้ว”

          “ครึ่งเบต้าอย่างคุณไม่ควรจะเรียกว่าตัวเองเป็นมนุษย์นะ”   ไตรภพว่า  เอื้อมมือไปบีบคางของอีกฝ่ายแน่น  “คนอย่างคุณกับพวกสวะโอเมก้าก็ควรจะรู้ที่ของตัวเอง  ไม่ควรคิดเผยอหน้าขึ้นมาเทียบกับอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์หรอก  มันคนละชั้นกัน  ทำงานตามคำสั่งไปแต่ละวันก็พอแล้ว”

          “เพราะมีพวกความคิดโบราณเต่าล้านปีอย่างพวกคุณอยู่ไง  ประเทศถึงยังไม่ไปไหนสักที”  พิชช์ฌานพูด  ถ่มเอาก้อนเลือดในปากออกมา  “ขอเดาเลยว่าอักษรย่อในนั้นก็คือคนในพรรคของคุณนั่นแหละ  รวบรวมพวกเลว ๆ เข้าไว้ด้วยกัน  ให้ตายเหอะ คุณไตรภพ  ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นคุณ”

          “ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าแผนการของคุณพิชช์ฌานที่ใคร ๆต่างก็บอกว่ายากที่จะตามทันนั้นจะถูกตลบหลังได้ง่ายๆแบบนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะคุณส่งดอกไม้ไปให้เมียโอเมก้าของคุณทุกวันล่ะก็  ผมก็คงไม่รู้หรอกว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”  ไตรภพยิ้มกว้าง  “โรแมนติก...แต่ผิดเวลา”

          “เมียโอเมก้าที่คุณพูดคือน้องชายแท้ๆของคุณนะ”

          “ผมไม่เคยมีน้องชายเป็นโอเมก้า”  ไตรภพพูดเสียงเย็น  “เอาล่ะ  เราสนุกพอแล้วล่ะมั้ง ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันเสียที  ผมให้คุณเลือกก็แล้วกันนะว่าจะนอนตายท่าไหน  เห็นแก่ที่คุณเคยขึ้นปกนิตยสารมาก่อน”  หนุ่มใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่เปลี่ยน  ทว่าแววตาคมกร้าวคู่นั้นบอกชัดว่าเอาจริง  “ให้คุณพิชช์ฌานเลือกก่อน  ตามด้วยคุณเจนภพ   นอนตายข้างกันเลยดีมั้ย  ผมคิดว่านักข่าวน่าจะสนุกกับการพาดหัวข่าวพรุ่งนี้นะ  อะไรดีล่ะ...เป็น เจ้านายลูกน้องหักเหลี่ยมโหดดีมั้ย  หรือว่าตายเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัวดี  อ้อ  เกือบลืมไปว่าคุณพิชช์ฌานกำลังจะได้ข้อหาใหม่ว่าร่วมขบวนการค้ามนุษย์นี่นะ”

          “คิดว่าทำแบบนี้แล้วพรรคของคุณจะรอดหรือไงคุณไตรภพ  ยังไงความจริงก็ต้องถูกเปิดเผยวันยันค่ำ”

          “ความจริงที่ว่าคุณกับพรรคของคุณเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์น่ะเหรอ”  ไตรภพกระซิบ  “คนตายพูดไม่ได้  คุณก็รู้  คุณพิชช์ฌาน  เสียดายอนาคตคนหนุ่มไฟแรงอย่างคุณจริงๆ”

          พิชช์ฌานรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ดันตัวลุกขึ้นยืนทว่าก็ถูกลูกน้องของไตรภพเตะเข้าที่ข้อพับอย่างแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้นอีก  ไตรภพล้วงเอาปืนพกกระบอกใหญ่พร้อมที่เก็บเสียงออกมา

          “เอาไว้ผมจะจัดท่าให้คุณก็แล้วกันนะ  ไม่ต้องห่วง”  ไตรภพว่า  ยกกระบอกปืนขึ้นเล็งไปยังหน้าผากของพิชช์ฌาน

          โลหะเย็นเยียบแนบอยู่ที่หน้าผาก  พิชช์ฌานหลับตาลงแล้วนับถอยหลัง  สาม..สอง..หนึ่ง  ใบหน้าเรียวหวานของใครบางคนปรากฏขึ้นในความทรงจำ  อาคิราห์ส่งยิ้มมาให้เขา

          ปัง!

     .................................................................................................

          เจ้าโอเมก้าสะดุ้งตื่นกลางดึกเป็นคืนที่สามติดต่อกัน  เขาหายใจหอบถี่และเหงื่อชุ่มโชกโทรมตัวเพราะฝันร้าย  ภาพพิชช์ฌานนอนจมกองเลือดยังติดตา  อาคิราห์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ

          หัวใจยังเต้นรัวเร็วอยู่  ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว  ระบายความกลัดกลุ้มออกไป  เดินออกไปยืนตากลมที่ริมระเบียง  กลิ่นหอมๆของดอกไม้ในสวนพัดมาเข้าจมูกช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

          หันไปมองรูปหัวเตียงที่เป็นรูปถ่ายของเจ้าของห้องตัวจริง  ...เป็นเพราะเขากังวลเรื่องพิชช์ฌานมากเกินไปก็เลยเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ  แท้จริงแล้วตอนนี้พิชช์ฌานอาจจะกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในที่ไหนสักแห่งในประเทศนี้และแผนจัดการพวกค้าโอเมก้าก็กำลังดำเนินไปได้สวยแน่ ๆ

          แล้วเมื่อไหร่พิชช์ฌานจะกลับมาหาเขาซักทีนะ....ชายหนุ่มคิดพลางทอดถอนหายใจยาว

          เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นหน้าห้องนอนจนเขาตกใจ  อาคิราห์รีบเดินไปที่ประตูห้องแล้วมองผ่านตาแมวออกไปด้านนอก  นิลลายืนอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางร้อนใจ

          “มีอะไร”  เขาเปิดประตูออก  “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

          “เรารีบไปโรงพยาบาลกันดีกว่า”  คำพูดของนิลลาทำให้คนฟังหัวใจตกลงไปอยู่ทีตาตุ่มอีกครั้ง  มันเหมือนกับคืนนั้นที่พิชช์ฌานตัวปลอมเสียชีวิตในห้องไอซียูไม่มีผิด  อาคิราห์นั่งบีบมือของตัวเองไปตลอดทางด้วยความตึงเครียด  นิลลาอธิบายสถานการณ์คร่าวๆให้เขาฟังอย่างรวบรัด

          “คุณพิชช์ฌานกับคุณเจนภพวางแผนล่อจับพวกค้ามนุษย์แล้วปรากฏว่าโดนยิง  ตอนนี้อาการสาหัสอยู่ในห้องผ่าตัด”

          น้ำตาของคนฟังทะลักออกมาโดยไม่ต้องฟังจนจบ  อาคิราห์สะอื้นฮักยกชายเสื้อขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้  ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล้มจมกองเลือดในความฝันกลับมาในความคิดกลายเป็นความกลัวจนตัวสั่นสะท้าน  นิลลาเอาเสื้อคลุมร่างเจ้านายเอาไว้   

          “คุณอาคิราห์ใจเย็นๆก่อน  ข่าวมีมาแค่นี้เอง อาจจะมีผิดพลาดตรงไหน..”

          “ฉันรู้  ฉันสังหรณ์มาตลอดว่ามันจะต้องเกิดขึ้น  แล้วมันก็เกิดขึ้นจนได้”  อาคิราห์พูดทั้งน้ำตา  “ฉันเคยขอเขาแล้วให้หยุดแต่ว่าเขาไม่หยุด  สุดท้าย ...สุดท้าย”

          “คุณพิชช์ฌานไม่ใช่คนที่จะตายง่ายๆ”  นิลลาปลอบใจ

          รถยนต์มาถึงหน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น  นักข่าวมารอกันอยู่เต็มไปหมด  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วเดินตามหลังนิลลาเข้าไปด้านในของโรงพยาบาลท่ามกลางเสียงตะโกนและแสงแฟลช  คนของพรรคบางคนรีบเข้ามารับเขารวมถึงนายจรัญรองหัวหน้าพรรค

          “คุณอัยย์  มาแล้วเหรอครับ  ทางนี้ครับ”  จรัญเดินนำหน้าเขาเข้าไปในลิฟต์  อาคิราห์จำเหตุการณ์ระหว่างนั้นไม่ได้ทั้งนั้นว่าได้พบเจอใครบ้าง  เขาหูอื้อตาลายไปหมด  ในใจคิดเพียงแต่ว่าพิชช์ฌานจะต้องไม่เป็นอะไรเท่านั้น

          “อยู่ข้างในครับ”  จรัญพูด

          อาคิราห์ก้าวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษอย่างมึนงง  พิชช์ฌานไม่ได้นอนในห้องไอซียูอย่างที่เขาคิดเอาไว้แต่แรกหลังจากได้ยินข่าว  ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงเดี่ยวกลางห้อง  มีสายน้ำเกลือระโยงรยางค์เอาไว้ที่มือข้างหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจหรือมีเครื่องมือแพทย์รายล้อมยุ่บยั่บเหมือนคราวก่อน  เขารู้สึกคลายใจไปได้เปลาะหนึ่ง  เริ่มมีสติพิจารณาสิ่งต่างๆมากขึ้น  อย่างน้อยอีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นกระมัง

          “คุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์เรียก  เอื้อมมือไปแตะที่ท่อนแขนล่ำสันที่วางอยู่แนบตัว  “ได้ยินหรือเปล่า”

          “อืม”  เปลือกตาบวมช้ำของอีกฝ่ายขยับแล้วเปิดขึ้นมองคนมาใหม่  “มาแล้วเหรอ”

          น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ทะลักออกมาอีก  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดปากแล้วก้มลงกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่มีผ้าพันแผลปิดอยู่นั้น

          “คุณ  ...นึกว่าจะไม่  ฮึก  นึกว่าตายแล้วแน่คราวนี้  ฮือ”  เสียงร้องไห้โฮของโอเมก้าทำให้คนป่วยยิ้มออกมานิดหนึ่ง  ยกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวยที่เคลียอยู่กับอกเบาๆ  “ยังไม่ตายจริงๆด้วย”

          “จะตายได้ยังไงเล่า  ฉันยังไม่ได้เจอหน้าเจ้าบู้บี้ที่สามเลยนะ”  พิชช์ฌานพูดช้า ๆ เพราะยังเจ็บแผลที่มุมปากอยู่  “หยุดร้องได้แล้ว  ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ  ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายวัน”

          อาคิราห์เงยหน้าขึ้นจากอก  มองหน้าอีกฝ่ายเต็มตา  ใบหน้าเรียวหวานแดงก่ำพอๆกับนัยน์ตากลมโตที่คลอด้วยน้ำตา  ส่วนใบหน้าคมเข้มนั้นก็เขียวช้ำแถมยังบวมเป่งในบางจุด  อาคิราห์ยกมือขึ้นแตะที่หัวคิ้วแตกกับโหนกแก้มช้ำๆนั้นเบาๆ

          “เจ็บมากมั้ย”

          “เห็นหน้าอัยย์แล้วก็หายเจ็บ”

          คนฟังเม้มปากนิดหนึ่งแล้วกดน้ำหนักลงบนโหนกแก้มสีม่วงแรง ๆ จนคนป่วยร้องโอย

          “โทษฐานทำให้ผมเป็นห่วงดีนัก”  อาคิราห์ว่า  แล้วก้มลงไปแตะริมฝีปากเข้าที่จุดเดิมเมื่อครู่นี้  “หายไวๆนะ”

          “ปากฉันก็เจ็บนะ”  พิชช์ฌานพูดลอย ๆ  อีกฝ่ายหัวเราะออกมาได้เป็นครั้งแรก  เอื้อมมือไปจิ้มที่ปลายจมูกโด่งคม

          “รอยาหมอไปแล้วกันนะ”

          “จูบเธอช่วยให้แผลหายเร็วแน่ๆ”  นักการเมืองหนุ่มพูดต่อมาอีก  สบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกาย  “โหนกแก้มฉันเหมือนจะหายเจ็บแล้ว”

          “ไม่”  อาคิราห์ปฏิเสธแล้วยิ้มกริ่ม  ลุกขึ้นมายืนข้างเตียง  “คุณต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังก่อน  แล้วผมจะคิดดูอีกทีว่าจะช่วยคุณมั้ย”

          “เดี๋ยวนี้ทำอะไรต้องมีข้อแลกเปลี่ยนตลอด”

          “ก็เรียนรู้มาจากคุณไง”  อาคิราห์หัวเราะเบา ๆ รู้สึกปลอดโปร่งพอที่จะยิ้มออกมาได้  เขาเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง

          พิชช์ฌานเหลือบมองคนที่นั่งเท้าคางรอฟังคำอธิบายจากเขาตาแป๋วอย่างมันเขี้ยว  อยากรวบร่างโปร่งบางนั้นมากอดแน่นๆอีกสักทีให้สมกับความคิดถึง  แต่ดูท่าเจ้าตัวคงจะโวยวายหนักแน่ถ้าขืนเขายังอมพะนำเก็บเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้คนเดียวอีก

          “เรื่องมันเริ่มจากการทลายซ่องโอเมก้าคืนนั้นน่ะแหละ”  ชายหนุ่มเริ่มเล่า  เขาเล่าถึงส่งคนเข้าไปหาหลักฐานในบ้านของจักรกฤตจนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้น  เขาติดต่อกับเจนภพเพื่อซ้อนแผนในการติดต่อกลับไปยังพวกฝั่งตรงข้าม  “ฉันให้เจนภพแกล้งทำเป็นทรยศฉันอีกทีจนกระทั่งได้เจอตัวการ”

          “หมายความว่าคุณได้หลักฐานมาจากบ้านของจักรกฤตงั้นเหรอ”

          “ใช่”  ชายหนุ่มพยักหน้ารับ  “ฉันได้สิ่งที่คาดว่าจะเป็นรายชื่อของผู้ร่วมขบวนการของมันมา  แต่ว่ามันใช้ตัวย่อภาษาอังกฤษเอาไว้  และหนึ่งในนั้นก็คือ  T.A.”

         รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังจางลง  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปกุมมือของโอเมก้าเอาไว้

          “พ่อ...หรอ?”  อาคิราห์กระซิบ

          “ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้น”  อัลฟ่าหนุ่มยอมรับ  “ฉันวางแผนให้เจนภพนัดพบกับพวกมันเพื่อส่งมอบของในเซฟให้  แกล้งทำเป็นถูกมันตลบหลังเพื่อจะได้ข้อมูลจากปากของมันให้มากที่สุดก่อนที่ตำรวจจะมาจัดการ ...ไม่ใช่พ่อของเธอ  อาคิราห์  แต่เป็นพี่ชาย  พี่ไตรภพ”

          “คุณพระช่วย”  อาคิราห์อุทาน  “พี่ภพน่ะเหรอ  เป็นไปไม่ได้หรอก  พี่ภพไม่ใช่คนเลว  เขาไม่มีทางมีส่วนร่วมกับขบวนการบ้าๆนั่น”

          “ฉันก็ตกใจมากเหมือนกัน”  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  “ฉันไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นั่น  ฉันคิดว่าน่าจะเป็นพวกลิ่วล้อสักคน  ใครก็ได้ที่ฉันจะเอามาสืบซักทอดได้”   เขานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นมาได้  พอไตรภพจะลั่นไกก็มีเสียงปืนดังขึ้นก่อนจากด้านนอกพร้อมกับร่างลูกน้องของไตรภพล้มลงไปกองกับพื้น  เกิดความชุลมุนขึ้นในพริบตา  พิชช์ฌานดึงเจนภพให้ก้มลงต่ำกับพื้นหญ้าขณะที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมตัวของนายไตรภพที่พยายามยิงต่อสู้

          “ผมไม่อยากเชื่อ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “พี่ภพเป็นคนดีจริง ๆ นะ  เขาไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”

          “คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนหลังจากนี้แล้ว”  พิชช์ฌานตอบสั้น ๆ ไม่ได้ขยายความต่อ  “เธฮผอมลงไปจากวันนั้น”  เขากำข้อมือเล็กบางของโอเมก้าขึ้นชู

          “ก็ใครจะไปกินลงล่ะ  กุหลาบก็ไม่มีมาส่ง”  อาคิราห์สะบัดเสียง

          “ฉันจำเป็นต้องงดส่งดอกไม้ให้เธอไปเพื่อความแนบเนียน”  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  “ตอนนั้นฉันควรจะกำลังถูกเจนภพซ้อมแล้วก็จับไปขังอยู่  จะมาส่งกุหลาบให้เธอได้ยังไง”  เขารู้อยู่แล้วว่ามีคนจับตามองเด็กส่งดอกกุหลาบอยู่ตลอด  เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น

          “คุณไม่คิดถึงความรู้สึกของผมบ้างเลยเหรอว่าจะรู้สึกยังไงบ้าง”  อาคิราห์พูดเสียงเบา

          “ฉันรู้ว่าเธอเข้มแข็งมากพอที่จะรอฉันได้”  พิชช์ฌานพูดด้วยเสียงมั่นใจ  “เธอสอบผ่านตั้งแต่ตอนอยู่หน้าห้องไอซียูคืนนั้น”

          “แม่คุณตบหน้าผมด้วย”  อาคิราห์เพิ่งนึกขึ้นได้  “ตอนนั้นผมสติแตกมาก ๆ”

          “ถ้าไม่ใช่เธอ  ฉันก็คงจะเครียดกว่านี้  แต่นี่เป็น..เจ้าบู้บี้ของฉัน  ฉันเลยมั่นใจว่าจะต้องไม่เป็นไรแน่”  พิชช์ฌานอ้าแขนออกกว้างแล้วพยักหน้าเรียกอีกฝ่าย  “มากอดอีกทีเร็ว”

          “ฮึ  เห็นว่าเจ็บตัวหรอกนะ”  อาคิราห์พึมพำ  ลุกขึ้นมากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้อีกรอบด้วยท่าทางเหมือนไม่เต็มใจนัก

          “ฉันรู้ว่าภรรยาของฉันเก่งแล้วก็มีเหตุผล  เขาไม่มีทางโกรธแน่  เพราะทุกอย่างที่ฉันทำลงไปก็เพื่อเขากับลูกทั้งนั้น”  พิชช์ฌานกระซิบกับหน้าผากเนียน

          “ไม่คิดว่าผมจะน้อยใจเป็นบ้างเหรอ”

          “หลังจากนี้ฉันจะชดเชยให้เธอจนกว่าเธอจะพอใจเลยดีไหม”  พิชช์ฌานว่า  “ฉันต้องรีบจัดการทุกอย่างให้จบก่อนที่จะเลือกตั้ง  เพราะฉันไม่รู้เลยว่าพวกมันคิดจะทำอะไรอีก  อย่างน้อยตอนนี้เราก็สบายใจได้ว่ามันคงไม่กล้าทำอะไรเราเพราะตำรวจและคนทั้งประเทศกำลังจับตามอง”

          “ผมยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นพี่ไตรภพ”  อาคิราห์พูดกับแผ่นอกกว้าง

          พิชช์ฌานเงียบ  ความจริงเขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเหตุการณ์คราวนี้ดูเหมือนถูกจัดฉากอย่างประหลาด  คนอย่างไตรภพในสายตาของเขาเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรถึงขั้นจะมาร่วมมือในขบวนการณ์ค้ามนุษย์ได้  แต่ว่า...ถ้าอย่างนั้น  เหตุใดถึงเป็นผู้ชายคนนั้น ... คำพูดเหยียดโอเมก้าว่าไม่ใช่น้องชายของตนเองยังติดอยู่ในใจ 

          มีอะไรมากกว่าที่เห็นหรือเปล่า  ทุกอย่างมันดูราบรื่นเกินไป  หรือว่าเขากำลังหลงเดินตามเกมของใครอยู่

...

          มาอัพแล้วจร้า

          ใครรอเรื่องนี้อยู่มั้ง

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

         

 

 

 

 

 

 

 

         

 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2019 02:21:40
หายใจ​หาย​คอ​ไม่​ทัน​กัน​เลย​ทีเดียว​เชียว​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 18-06-2019 02:33:40
แผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อนแผน :sad4: หรืออัยย์กับอคินทร์ไม่ใช่ลูกแม่เดียวกับไตรภพ :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 18-06-2019 03:48:41
ตัวการใหญ่จะหลงเดินมาให้จับง่ายๆเลยเหรอ?  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-06-2019 05:07:52
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 18-06-2019 08:24:43
ขอถามนักเขียนแบบงี่เง่าหน่อยนะ

ทำไมถึงใช้คำว่า “ หรอ “ ซึ่งออกเป็นเสียงสระ “ ออ “ ในประโยคคำถาม

แทนที่จะใช้ “เหรอ “ ซึ่งออกเสียงสระ “ เออ “ ตามที่เคยเรียนมา

นักเขียนหลายท่านเขียนเรื่องได้ดีมาก แต่พออ่านไป ๆ เจอคำนี้แล้วทำให้ขัดกับความรู้สึกอย่างมาก

และทำให้อรรถรสในการอ่านเสียไปเลย และเราก็ยังไม่ได้ไปเปิดดูใน ราชบัณฑิตฯ

หรือเป็นคำเฉพาะของนักเขียนนิยายหลายท่านที่จะถ่ายทอดให้คนอ่านรุ่นหลังใช้

ภาษาเขียน “หรอ “ แทน “ เหรอ “ ให้มันวิบัติไปอีกหนึ่งคำ  :hao5:  :heaven
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 18-06-2019 08:54:30
เหมือนเรื่องจะคลี่คลาย แต่ก็ไม่ใช่ แงง
 :hao5: :hao5:
นายพิษจะได้อยู่ดูเจ้าบู้บี้ที่สามมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 18-06-2019 11:19:21
นั่นสิ เราก็รู้สึกว่าไม่ใช่พี่ไตรภพ ตัวการใหญ่อาจเป็นคนอื่นที่คาดไม่ถึง อาจใช้ครอบครัวกับน้องอัยย์บีบบังคับให้ทำแบบนี้
คุณพิช น้องอัยย์ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-06-2019 12:00:02
 :katai1: ซับซ้อนไปอีกจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 18-06-2019 12:03:30
สลับซับซ้อนจนคิดไม่ออกจริงๆ
แล้วนี่ยังต้องแก้โจทย์อีกว่าเป็นไตรภพจริงหรือไม่
ขอบอกว่าสนุกมากๆ อ่านแล้วต้องคิดตาม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-06-2019 12:05:17
ยังไม่เจอลาสบอสอีกเหรอ  :hao5: :hao5:
จะพลิกล็อคอีกมั้ยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 18-06-2019 12:38:19
ซ้ับซ้อนไปอีกกกก... :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-06-2019 12:38:46
แผนจะเยอะไปไหนเนี่ยยยยเดาทางไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-06-2019 13:37:30
ซ้อนกันไปมาาาาา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-06-2019 14:25:24
โอ๊ยยยยยยย เงื่อนงำเยอะจริง คงจะไม่ใช่พ่อของบูบี้นะ ไม่อยากให้เป็นงั้นเลย
แค่นี้บูบี้ก็น่าสงสารพอแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-06-2019 15:06:54
ไม่น่าจะจบง่ายๆ แบบนี้ ขบวนการมันน่าจะมีผู้บงการสูงกว่านี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 18-06-2019 17:27:17


ยืนงงในดงฌาน..

..แผนซับแผนซ้อน

...หลายชั้นจุง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 18-06-2019 19:17:31
มันจับคนบงการดูง่ายไปต้องมีตัวเอ้อยู่เบื้องหลังแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 18-06-2019 20:55:26
โหย แผนซ้อนแผนไปอีก พี่ภพใจร้ายมากๆ นี่คิดว่ายังไงคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือคุณพ่อนั่นแหละ สงสารอัยย์เลย  :katai1: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 18-06-2019 22:10:21
 :really2: แผนซ้อนแผนซ้อนแผนไปอีกกก ยังติดใจว่าเจนภพคือหักหลังจริงหรือแค่แผนอ่ะ
แล้วเจนเป็นน้องชายคือเรื่องจริงหรือแผน พี่งงไปหมดแล้วเจ้าาา ลุ้นตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-06-2019 22:36:35
แล้วใครคือลาสบอสตัวจริง :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-06-2019 22:42:05
ตงิดๆเกี่ยวกับคนอบครัวของบู้บี้ แม่ดูแปลกๆ แล้วนอกจากฝาแฝดเหมือนไม่มีใครดีกับบู้บี้เลย โอ้ย คิดไม่ออก  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 18-06-2019 23:01:49
มันไม่มีตอนใหนคลี่คลายเลยอ่ะ คนเขียนเขียนได้น่าติดตามตามมากๆ แบะเขียนดีทุกเรื่องเลย หมอแมนก็สนุกมากๆคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-06-2019 23:27:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 18-06-2019 23:29:17
เค่ดดด สงสัยหลายอย่างมากแต่ไม่คิดแร้วรอเขาสวีตกันอย่างเดียว
บู้บี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะอยู่ข้างเธอเอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-06-2019 23:52:41
มาแทนพ่อไหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 19-06-2019 01:43:30
แผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อนแผน :sad4: หรืออัยย์กับอคินทร์ไม่ใช่ลูกแม่เดียวกับไตรภพ :serius2:


เห็นด้วยกับความเห็นนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-06-2019 07:11:09
เมื่อไหร่จะมีความสุขกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-06-2019 07:27:48
……


เราต้องแปลงตัวเป็นโคนันละ. สืบสวนสอบสวนแผนซ้อนแผน

และคาดว่าจะยังไขความลับไม่หมดดี. กับครอบครัวของเจ้าบู้บี้ละ

 :katai4:  :katai4:  :katai4: :katai4:  :katai4: :katai4:

………
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 19-06-2019 11:14:42
โอ๊ยยยย  ซ้อนแผนกันจนงงไปหมด  เมื่อไหร่จะคลี่คลายซะทีน๊อออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 19-06-2019 12:49:35
ฮึ่ยยยยย อึดอัดจังเลยล่ะค่ะ
มันไม่ใช่แค่ซับซ้อนนะคะ แต่มันซ่อนไปด้วยเงื่อนงำอะไรที่ทำให้ยังรู้สึกแปลกๆ ไปอีก
ความอยากรู้ ตื่นเต้นในแต่ละตอนนี้ไม่ลดลงไปเลย จะโล่งก็ไม่สุด  :katai1:
รอคอยตอนต่อไปค่าาาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 20-06-2019 03:54:19
 :ling1: โอ้ยยยย เครียดไปหมดก่อนอ่านก็เครียดอ่านจบเครียดต่อออ สงสารบู้บี้  ไม่อยากให้เกี่ยวกับครอบครัวของบู้บี้เลยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 20-06-2019 08:48:29
สำหรับเรื่องนี้ ใครอ่านตกไปแม้แต่บรรทัดเดียว คุณจะคุยกับเขา ไม่ รู้ เรื้อง เลยทีเดียว เข้มข้นมากเลยค่ะ ความซับซ้อนที่ยอดมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-06-2019 17:29:46
ยิ่งกว่านิยายสืบสวนไปอีกค่ะ ซับซ้อนเหลือเกิน
ลุ้นยิ่งกว่าอะไรไปอีก ใจจะวายค่ะ เอ็นดูอัยย์

นึกว่าพิชญ์ฌาณจะไม่รอดซะแล้ว ถ้าตำรวจมาไม่ทัน มีดับ
เจนภพทำโดนด่าไปหลายรอบละนะ สรุปอยู่ข้างใคร

แต่ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นไตรภพ ยังคิดว่าเป็นพ่ออยู่ดี
ไม่งั้นอาจเป็นพ่อฌาณไม่รู้

งงไปหมดแล้วค่ะ อยากรู้มากเลยตอนนี้


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-06-2019 21:31:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_nick ที่ 21-06-2019 14:03:19
ลึกลับซับซ้อนไปอีกก :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 21-06-2019 22:31:42
ทางจะลึกลับซับซ้อน ใครมันอยู่เบื้องหลังกันแน่ฟะ!!?
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 21-06-2019 22:33:31
ข้อดีของการไม่ว่างมาอ่านนานๆก็คือการได้อ่านรวดทีเดียวไปเลยจ้าา
ถ้ารออ่านทีละตอนคือต้องอกแตกตายเป็นเพื่อนบู้บี้แน่ๆ
แต่คือตอนนี้คุณพิษนางสงสัยต่ออีก ฉันค้างต่ออีก
ฮื่อออ ขออย่าให้มีอะไรมาทำบู้บี้เสียใจอีกเลยน้า สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่36 18/6/62 p32
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 22-06-2019 10:37:56
ตกลงเป็นไตรภพจริงๆ ใช่ไหม จะมีตัวการเพิ่มอีกหรือเปล่า เฮ่อ สงสารเจ้าบู้บี้กมาก เสียน้ำตาหลายลิตรเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-06-2019 21:38:38
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 37



 

 

 

 

 

 

          คลิปภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถูกลากออกมาจากรถตู้ก่อนจะถูกรุมซ้อมทำเอาบรรดานักข่าวอุทานอย่างตกใจ  พิชช์ฌานยกมือขึ้นกอดอกนั่งดูภาพในจอขนาดใหญ่อย่างใจเย็น  ภาพถูกเปลี่ยนมุมไปยังมุมอื่นที่เป็นผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่กลางสวนสาธารณะ

          เสียงสนทนาจากไมโครโฟนที่ถูกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าสูทดังผ่านลำโพงจากห้องประชุมของโรงพยาบาลที่ใช้เป็นห้องแถลงข่าว  คำพูดของนักการเมืองชื่อดังควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯและยังเป็นลูกชายคนโตของนายกรัฐมนตรีคนก่อนทำให้นักข่าวและทุกคนในห้องฮือฮา   เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชสว่างวาบไม่ขาดระยะจนกระทั่งคลิปสิ้นสุดลงที่ตำรวจบุกเข้ามาช่วยเหลือคนที่ถูกรุมทำร้ายอยู่นั้นและจับกุมนายไตรภพ อลันไตรเอาไว้ได้

          “คลิปจบถึงตรงนี้ครับ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเรียบ ๆ เรียกความสนใจของเหล่าสื่อมวลชนกลับมาที่ตัวเอง  “ผมต้องขออภัยกับคุณภาพความชัดและเสียงด้วยนะครับ  เพราะต้องซ่อนกล้องเอาไว้เลยอาจจะไม่ได้ภาพคมชัดเท่าที่ควร  แต่ผมก็คิดว่ามากพอที่จะมองออกว่าใครเป็นใคร”

          “คุณพิชช์ฌานช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเราฟังได้ไหมครับ”  นักข่าวจากสำนักข่าวดังถามขึ้น  “คุณกลับมาจากความตายจริง ๆ หรือเปล่าครับ”  เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้น  ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ         

          “จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ  ผมฟื้นจากความตายพร้อมกับความจริงและหลักฐานที่นำมาให้ทุกท่านในที่นี้ได้ดู  ผมขออนุญาตเท้าความตั้งแต่ตอนที่ผมให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อจับกุมพวกค้ามนุษย์นะครับ”  พิชช์ฌานเล่าถึงเรื่องก่อนหน้านั้นตามด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้ที่บ้านของจักรกฤต  “ผมเชื่อว่าเป็นการทำลายหลักฐานที่อาจยังหลงเหลือในบ้านของนายจักรกฤต  หลักฐานที่จะซัดทอดไปถึงตัวการและเครือข่ายของพวกมันได้”

          “เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดรถหรือเปล่าคะ”

          “เกี่ยวครับ  ผมทำทุกทางที่จะได้หลักฐานที่จะซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่มาให้ได้  สุดท้ายผมได้รับการติดต่อให้ไปที่โกดังแห่งนั้น  เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นความจงใจที่จะทำร้ายผมแต่ว่าโชคดีมากที่ผมรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์  กระนั้นผมก็ยังบาดเจ็บหนักจนต้องพักรักษาตัวอยู่พักหนึ่ง  ผมไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก  โดยเฉพาะกับภรรยาของผมที่กำลังตั้งครรภ์อยู่”   คนพูดทอดสายตามองไปยังร่างโปร่งบางที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ มุมหนึ่ง  อาคิราห์ส่งยิ้มตอบกลับมาให้   “ผมต้องทนดูคนที่รักผมเสียใจที่ผมจากไปในขณะที่ผมรักษาตัวเองและรอจังหวะที่จะกลับมาเพื่อตามหาความจริง”

          “เกิดอะไรขึ้นที่สวนสาธารณะครับ  จากในคลิปผมคิดว่ามีการหักหลังกันเกิดขึ้น”

          “เป็นแผนการของผมเองโดยมีคุณเจนภพร่วมมือด้วย  แต่ว่ารายละเอียดคงยังไม่ขอเปิดเผยเพราะอาจกระทบต่อใครหลายคน  ผมได้ให้ปากคำทั้งหมดกับทางคุณตำรวจแล้ว คาดว่าสรุปผลออกมาได้เร็วๆนี้ครับ”

          “แสดงว่าเบื้องหลังของขบวนการค้ามนุษย์คือคุณไตรภพ อลันไตรเหรอครับ”

          “ยังไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ครับ  ต้องรอให้ทางตำรวจรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อน  แล้วคงจะมีแถลงข่าวจากทางตำรวจออกมาอีกที”

          “สิ่งที่คนในคลิป  ดิฉันคิดว่าเป็นคุณเจนภพหยิบออกมาจากเสื้อ  ที่เป็นห่อสีดำ ๆ คืออะไรคะ  พอจะบอกได้ไหมคะ”  นักข่าวสาวจากสื่อช่องหนึ่งถามขึ้น  พิชช์ฌานอมยิ้มอย่างพอใจ

          “มันคือหลักฐานที่ผมได้มาจากเหตุระเบิดโกดังครับ  ข้างในเป็นรายชื่อของผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์”  สิ้นประโยคของนักการเมืองหนุ่มก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่คนฟังอีกครั้ง  นักข่าวแย่งกันถามว่ารายชื่อนั้นมีใครบ้าง  “ผมยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้  เพราะต้องรอทางตำรวจรวบรวมหลักฐานและพยานให้ครบถ้วนก่อน  แต่ผมมั่นใจว่าครั้งนี้เราจะสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้แน่นอนครับ”

          อาคิราห์นั่งมองบรรดานักข่าวยิงคำถามใส่สามีผู้รอดชีวิตของตัวเองอย่างสงบ  พิชช์ฌานก็ยังเป็นพิชช์ฌาน  คนที่สามารถรับมือกับสถารการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมและมีพรสวรรค์ในการพูดโน้มน้าวใจผู้อื่น  ไม่นานเหล่านักข่าวก็ดูเหมือนจะเต็มใจยกตำแหน่งฮีโร่ให้เขา  พรุ่งนี้ข่าวของพิชช์ฌานคงจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของทุกสำนักข่าวและกลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของปี 

          “อยากทราบทิศทางในอนาคตทางการเมืองของคุณพิชช์ฌานครับ  คุณจะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกไหมครับ”

          “พรรคของผมเน้นหลักประชาธิปไตยครับ  ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะยึดเสียงส่วนมากเสมอ  ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องเป็นการตกลงกันภายในพรรคครับ  ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น”  พิชช์ฌานตอบยิ้ม ๆ

          “แล้วคุณเจนภพเป็นอย่างไรบ้างครับ  ทำไมถึงไม่ออกมาแถลงข่าวด้วย”

          “คุณเจนภพได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนครับ  ต้องได้รับการผ่าตัด  ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นอยู่ก็เลยไม่สะดวกที่จะมาแถลงข่าวด้วยกัน  ส่วนสาเหตุที่ถูกกระสุนปืนนั้น  เป็นเพราะว่าเขาช่วยผมเอาไว้ครับ”  ชายหนุ่มหยุดไปนิดหนึ่งราวกับสะเทือนใจ  “ถ้าไม่ได้คุณเจนภพ  ผมคงจะไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วครับ”  นักข่าวพากันรัวชัตเตอร์อีกรอบ  ภาพนัยน์ตาคมเข้มที่มีน้ำตาคลอนิด ๆ ช่างให้อารมณ์ที่ดีแก่ข่าวยิ่งนัก  “เหตุการณ์ครั้งนี้  พวกเราทุ่มเทเต็มที่เพื่อที่จะได้สืบสาวถึงตัวการหลักในขบวนการครั้งนี้  ถามว่าเราทำขนาดนี้ไปทำไม  มันคุ้มกันเหรอถ้าต้องแลกด้วยชีวิต  ผมขอตอบว่าคุ้มค่ามากครับ  เพราะว่า...”  ชายหนุ่มผายมือไปทางโอเมก้าที่นั่งอยู่  “คุณอาคิราห์  ช่วยขึ้นมาบนนี้หน่อยครับ”

          เจ้าของชื่อตกใจเล็กน้อย  แต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินขึ้นไปหา  พิชช์ฌานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโอบร่างโปร่งบางเข้ามาชิดตัว

          “ผมทำไปทั้งหมดเพราะว่าคน ๆ นี้ครับ”  ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงหนักแน่น  “และเพื่อโอเมก้าของประเทศนี้  ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะมองเห็นโอเมก้าเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกับเราอัลฟ่าและเบต้า  ทำไมโอเมก้าถึงต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ  เป็นพลเมืองชั้นสอง  ถูกล่อลวงไปขายบริการที่ต่างประเทศ  เป็นเพราะอะไร  ทำไมโอเมก้าถึงไม่สามารถเข้าเรียนหรือทำงานได้อย่างคนอื่น ๆ กฎหมายของโอเมก้าเพื่อโอเมก้าหรือเพื่อใครกันแน่  นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกับอาคิราห์และพรรคของเราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง  เพื่ออนาคตของประเทศ”

          “คุณอาคิราห์เข้ามาทำงานตำแหน่งเลขาฯของพรรคแล้ว คุณพิชช์ฌานมองเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ”  นักข่าวถามต่อมา

          “ผมคิดว่าคำถามนี้ควรจะถามเจ้าตัวเขามากกว่าครับ  เพราะเขาเป็นคนอาสาเข้ามาทำงานนี้เอง”  พิชช์ฌานตอบ  ส่งไมโครโฟนไปให้คนรักพร้อมกับบีบมือที่กุมไว้แน่นนิดหนึ่งแทนการให้กำลังใจ  อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดลมหายใจเข้าปอด

          “ขอบคุณมากครับ  ขอบคุณพี่ๆนักข่าวสื่อมวลชนทุกคนด้วยนะครับที่มาทำข่าวในวันนี้  ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มายืนอยู่เคียงข้างอัลฟ่าของผมอีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่หลงคิดว่าตายไปแล้วอยู่นาน”  อาคิราห์หรี่ตามองคนตัวใหญ่ข้าง ๆ เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบา ๆ  “เอาไว้เคลียร์กันทีหลังนะครับเรื่องนี้  ยังไงผมก็ดีใจและภูมิใจมากที่สามีของผมได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม  ส่วนเรื่องตำแหน่งเลขาฯของพรรค  ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะทำงานเพื่อพรรคและประชาชนครับ”

          “คุณอาคิราห์คิดว่าการเป็นเลขานุการของพรรคการเมืองขนาดใหญ่และเก่าแก่ควรจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างคะ”  คำถามจากนักข่าวราวหนึ่งทำเอาคิ้วเข้มของอดีตหัวหน้าพรรคขมวดฉับ  ขยับจะดึงไมค์จากคนรักมาตอบเอง  แต่ว่าอาคิราห์กลับยิ้มกว้าง  ไม่ยอมคืนไมค์ให้

          “ผมคิดว่าคุณสมบัติที่สำคัญในการที่จะทำงานกับพรรคการเมืองเพื่อประชาชนก็คือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมครับ  คำพูดอาจจะฟังดูสวยหรูนะครับ  แต่เชื่อเถอะว่าผมตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ  ผมอยากที่จะเป็นตัวแทนของโอเมก้าทุกคนที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประโยชน์ของเพื่อนพี่น้องโอเมก้า  เสียงของโอเมก้าจะต้องไม่ไร้ความหมายครับ  ถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลากี่ปีก็ตาม  ผมพร้อมที่จะเรียนรู้และต่อสู้กับอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นครับ”

          “อุปสรรคที่คุณอาคิราห์ว่าคืออะไรบ้างคะ”

          “อุปสรรคที่สำคัญที่สุดของผมคือความคิดครับ  ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังติดอยู่กับความคิดเดิม ๆ เช่น โอเมก้าจะต้องอ่อนแอ  เลี้ยงลูกอยู่บ้าน  คอยตอบสนองความต้องการของอัลฟ่าหรือเบต้า  ซึ่งผมคิดว่ามันยังไม่ถูกต้องนัก  การที่จะเปลี่ยนความคิดของคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย  ผมจึงคิดว่ามันคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุดครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นคุณอาคิราห์วางแผนที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรครับ”

          “ผมได้เตรียมเอาไว้แล้วครับ”  คนพูดยิ้มกริ่ม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย  เหลือบมองหน้าคนข้าง ๆ แวบหนึ่ง  “ผมจะก่อตั้งมูลนิธิเพื่อโอเมก้าครับ  เป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือ  ผลักดันและสนับสนุนโอเมก้าทุกคนครับ”

          พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  เก็บความประหลาดใจเอาไว้ในสีหน้ายิ้มแย้มราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว  ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้พร้อมกับทุกคนในที่นี้นี่เอง  เจ้าโอเมก้าปิดเรื่องนี้เงียบไม่ยอมบอกเขาก่อนเลยนะ

          อาคิราห์ให้สัมภาษณ์เรื่องมูลนิธิของตัวเองต่ออีกเล็กน้อยแล้วก็บอกว่าจะแจ้งรายละเอียดอีกทีภายหลัง  นักข่าวต่างตื่นตัวกับข่าวในวันนี้มาก  ทั้งการกลับมาของพิชช์ฌาน  รายชื่อของผู้มีส่วนร่วมในขบวนการค้าโอเมก้า  รวมถึงการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อโอเมก้าโดยโอเมก้าที่กำลังดังที่สุดในขณะนี้

          “ไม่บอกกันก่อนเลยนะ”  พิชช์ฌานเคาะ  ขณะที่เดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยด้วยกัน  เจ้าโอเมก้าของเขาหันมาส่งยิ้มให้ เอื้อมมือมาแตะที่ต้นแขนล่ำสันราวกับประจบ  “ไม่ต้องมาจับเลย  อยากจะทำอะไรก็ทำ  ไม่เห็นบอกกันก่อน”

          “ทีคุณอยากจะแกล้งตายก็ยังทำเลย  ไม่เห็นบอกผมก่อนเหมือนกันนี่”  อาคิราห์ตอบแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนลง  “ผมคิดมาดีแล้ว  ให้นิลลาไปมองหาสถานที่คร่าว ๆ แล้วด้วย  ผมว่าไม่เห็นมันเสียหายตรงไหนเลย  มูลนิธิเพื่อโอเมก้า  เท่ออก”

          “มันก็ดีอยู่หรอก  แต่ว่าเธอจะไม่เหนื่อยไปหน่อยหรือไง  ท้องอยู่นะอย่าลืมสิ  ไหนจะตำแหน่งเลขาฯพรรคอีก”

          “หัวหน้าพรรคคงจะไม่ใช้งานผมหนักหรอกใช่มั้ยครับ”  อาคิราห์แนบหน้าเข้ากับต้นแขนแน่นด้วยมัดกล้ามนั้น  พิชช์ฌานชะงัก  เขาไม่เคยชินกับท่าทางรวมถึงดวงตาเว้าวอนแบบนี้เลย ให้ตายสิ ...ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะเจ้าบู้บี้

          “ไม่ต้องมาซบ  เวลาทำงานฉันไม่เคยยอมผ่อนผันให้หรอกนะ  เวลาลงพื้นที่หาเสียงด้วย  ถ้าใครงอแงหิวข้าวก็ทิ้งเอาไว้ข้างทางเลย  ให้เดินกลับเอาเอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม

          คนฟังหัวเราะเบา ๆ คราวนี้ยกแขนขึ้นกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น

          “คุณจะทิ้งผมได้ลงคอเหรอ  ไม่มีทาง  ผมจะกระโดดล็อคคอคุณเอาไว้แน่นเลย  ไม่ให้หนีไปไหน”  อาคิราห์พูดอย่างหมายมาด  ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่ยังมีผ้าพันแผลติดอยู่ประปราย  “ผมจะพกปิ่นโตไปด้วย  หมดปัญหาหิวกลางทางแน่นอน”  คนพูดพยักหน้าจริงจัง

          พิชช์ฌานหัวเราะพรืดออกมา  นึกภาพเจ้าโอเมก้าหิ้วปิ่นโตเดินตามเขาต้อย ๆ ไปตามซอกซอยต่าง ๆแล้วก็อดขำไม่ได้

          “ฉันไม่ใช่พระออกบิณฑบาตนะเจ้าบู้บี้”  พิชช์ฌานว่า  ยกมือขึ้นบีบจมูกมู่ทู่ของอีกฝ่ายเอาไว้  “ฉันว่าเธออยู่ที่บ้านดีกว่า”

          “ไม่เอา  ผมอยากไปกับคุณด้วย  ผมจะไปกับคุณทุกที่เลยคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ปัดมืออีกฝ่ายออกจากจมูกของตัวเอง

          “มันอาจจะอันตรายนะ  ฉันคิดว่าน่าจะมีคนรอจัดการพวกเราอยู่”  ...โดยเฉพาะหัวหน้าตัวจริงที่น่าจะยังไม่เปิดเผยตัว  ...ชายหนุ่มต่อประโยคในใจ  เก็บความกังวลเอาไว้มิดเม้น  เขาไม่อยากทำลายความชื่นบานที่เกิดขึ้นในตอนนี้  “เธอไม่กลัวเหรอ”

          “ผมไม่กลัวหรอก  ก็ผมมีคุณพิชช์ฌานทั้งคนจะกลัวอะไร”

          “ขืนเธอพูดแบบนี้บ่อย ๆ ฉันได้สอยเดือนสอยดาวมาให้อย่างที่เขาว่ากันแน่”  พิชช์ฌานพูดอุบอิบ  แกล้งผลักหน้าเรียวหวานออกจากอกของตัวเอง  “ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้”

          “ผมแค่พูดความจริง”  อาคิราห์ยืนยัน

          พิชช์ฌานหัวเราะอีกรอบ  รั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้ามาจูบแรง ๆที่ริมฝีปากอวบอิ่ม

          “แบบนี้ฉันตายแน่  แค่นี้ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”  เขากระซิบกับความนุ่มนิ่มหวานหอมนั้น  “ชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันนะเจ้าตัวบู้บี้  ฮึ”  เขารัดตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นเข้าอีก  ก้มลงฟัดแก้มนวลสองข้างจนขึ้นสีแดงก่ำ  อาคิราห์ดิ้นขลุกขลักพอเป็นพิธีแล้วก็ยอมเอียงแก้มให้หอมแต่โดยดี

          เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นเบา ๆ อย่างเกรงใจ  คนในห้องผละแยกออกจากกันก่อนที่ประตูจะเปิดออก  ร่างสูงสง่าของอัลฟ่าหญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องช้า ๆ ทอดสายตามองคนที่นั่งคู่กันอยู่บนเตียงคนไข้

          “คุณแม่”  พิชช์ฌานพึมพำ  ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกับอาคิราห์ที่จับตามองหญิงวัยกลางคนอย่างระแวดระวัง  ความเจ็บปวดจากฝ่ามือของเธอคราวก่อนบนแก้มของเขายังจดจำได้ดี

          เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นทำความเคารพอีกฝ่ายในฐานะที่อาวุโสกว่าแล้วก็ทำท่าจะเลี่ยงออกจากห้อง  แต่ว่าพิชช์ฌานรั้งมือเอาไว้เสียก่อน

          “ถ้าแม่ไม่ได้ดูข่าวก็คงจะไม่รู้เลยสินะว่าลูกชายของตัวเองยังไม่ตาย”  คุณนายนวลพรรณพูดเสียงเรียบสนิท  ทอดสายตามองบุตรชายและลูกสะใภ้นิ่ง  “คิดจะบอกแม่เมื่อไหร่ฌาน  หรือไม่เห็นว่าแม่เป็นแม่ของเธอแล้ว”

          “ไม่ใช่นะครับ  หลังเกิดเรื่องมันยุ่ง ๆ ผมก็เลยยังไม่ทันได้บอกคุณแม่  แต่ว่ายังไงก็ตั้งใจว่าจะไปหาเป็นคนแรกอยู่แล้ว”  ลูกชายพูดเสียงอ่อน  เอื้อมมืออีกข้างมาจับมือมารดาเอาไว้  “คุณแม่อย่าโกรธผมเลยนะครับ  ผมดีใจแทบตายที่เห็นคุณแม่อีก”

          หญิงวัยกลางคนนิ่งอั้น  มองหน้าบุตรชายแล้วก็น้ำตาคลอ  อาคิราห์ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพิชช์ฌานแล้วแตะที่หลังของอีกฝ่ายเบา ๆ

          ชายหนุ่มก้าวเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น

          “คุณแม่  ฌานคิดถึงคุณแม่มากครับ”  เขาก้มลงกระซิบข้างหูมารดาที่ร้องไห้ออกมาเสียงดัง

          คนมองรู้สึกถึงความวูบโหวงในใจอย่างอธิบายไม่ถูก  หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพียงความอิจฉาแบบเด็ก ๆ ก็เป็นได้  อาคิราห์แอบถอยออกมาจากห้องพักแห่งนั้นเงียบ ๆ  ปล่อยให้แม่ลูกได้ปรับความเข้าใจกันเอง

          พิชช์ฌานเห็นสีหน้าจ๋อยสนิทของภรรยาตอนที่แอบออกไปจากห้อง  ชายหนุ่มลอบถอนหายใจยาว  กอดร่างมารดาแน่นเข้าแล้วปล่อยออก  ส่งทิชชูไปให้เธอเช็ดหน้าที่ตกแต่งเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางงดงาม

          “นั่งก่อน  เจ็บตรงไหนไหมลูก”  คนเป็นแม่ลูบหลังลูบไหล่บุตรชายคนเดียวอย่างเป็นห่วง  ยิ่งเห็นบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บนแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วก็ยิ่งใจหาย  นึกขอบคุณเทวดาฟ้าดินที่ดลบันดาลให้บุตรชายรอดชีวิตมาได้  “แม่ร้องไห้ทุกวันเพราะคิดถึงฌาน”

          “คุณแม่  ผมขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณแม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้”  ชายหนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด  “เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ”  เขาช่วยซับน้ำตาให้มารดาอย่างบรรจง  “เดี๋ยวไม่สวยนะ”

          “โธ่ ฌาน  แม่แก่ปูนนี้แล้วจะมาห่วงสวยอะไรอีก”  คนสูงวัยอุทาน  ลูบหน้าลูกชายเบา ๆ  “ลูกไม่เป็นอะไรมากแม่ก็โล่งอก”

          “ผมก็ดีใจมากที่ยังไม่ตาย”  พิชช์ฌานพึมพำ  พูดคุยถามไถ่กันอีกครู่ใหญ่

          “อาคิราห์ออกไปแล้วงั้นหรือ”  จู่ ๆ มารดาของเขาก็ทักขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มชะงัก  มองหน้าคนพูดอย่างไม่แน่ใจ

          “คุณแม่อยากเจอเขาเหรอครับ  ผมคิดว่าคุณแม่อาจจะไม่สบายใจเท่าไหร่ที่พบเขาเพราะว่าครั้งก่อน..”

          “แม่อยากขอโทษที่ตบหน้าเขาคราวก่อน”  นวลพรรณพูดเนิบ ๆ “เป็นความผิดของแม่เองที่เสียใจมากจนขาดสติ  แม่คิดแต่ว่าเขาทำให้ฌานต้องเคราะห์ร้ายถึงเพียงนั้น  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย  เขาเป็นคนทำให้ฌานกลับมาต่างหาก”

          “หมายความว่ายังไงครับ”  ลูกชายถามอย่างสงสัย

          “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะลูก  วันที่เกิดเรื่องขึ้นจนกระทั่งงานศพของลูก  แม่เหนื่อยท้อแท้ไปหมดเลย  มองไปทางไหนก็มืดมนเหมือนมีหมอกบาง ๆ บังตาอยู่ตลอด  แม่กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ ๆ จนวันนึงตอนแม่กำลังกลับจากธุระก็เจอผู้หญิงคนนึงมาล้มขวางรถแม่เอาไว้  แม่ตกใจเลยลงจากรถไปดู  เธอมองหน้าแม่นะ  แล้วก็ตาเหลือกโพลง  จากนั้นก็พูดชื่อนามสกุลของแม่รวมกถึงปู่ย่าตายายของแม่ได้ถูกต้องหมดเลย”  เธอเล่าพร้อมกับลูบแขนของตัวเองไปด้วย  “แม่ตกใจมาก  แล้วเธอก็บอกว่าโชคชะตาของแม่จะต้องอยู่คนเดียว  แต่ว่าโชคดีมีลูกเป็นอภิชาตบุตร  จะนำโชคลาภมาให้”

          “..........”  ชายหนุ่มอ้าปากค้าง  นิ่งฟังมารดาเงียบกริบ

          “เสียดายที่อายุไม่ยืน  ชะตาถึงฆาตตั้งแต่ยังหนุ่ม  แม่ฟังมาถึงตอนนี้ก็ใจหายเหลือเกิน  แต่ว่าเขาพูดต่อว่าโชคยังมีอยู่ที่ได้คู่ครองดี  ดวงชะตาของคู่ครองเดิมเป็นดวงชะตาที่แรงมาก  อาจถึงขั้นทำลายครอบครัวเลยก็ได้แต่ว่าในทางกลับกันก็สามารถต่ออายุดวงชะตาของคู่ครองได้  แม่ฟังครั้งแรกก็ขนลุกเลย  ตอนนั้นใคร ๆ ก็บอกว่าฌานตายแล้ว  แม่เองก็เห็นอยู่กับตา  จะเป็นไปได้ยังไงว่ายังไม่ตาย”

          “แล้วเขาว่ายังไงต่อครับ”

          “เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ชักตาตั้งไปเลย  แม่เลยรีบโทรเรียกรถพยาบาล  แต่พอรถมารับปรากฏว่าเขาก็หายตัวไปแล้ว  คนแถวนั้นก็บอกว่าเมื่อกี้ไม่มีใครเลย  แม่พูดอยู่คนเดียว”  นวลพรรณชูแขนของตัวเองให้ดู  “ดูสิ  แค่พูดถึงแม่ยังขนลุกเลย  ไม่กี่วันถัดมาข่าวก็ออกว่าลูกยังไม่ตาย”

          “เขาคือนักทำนายเหรอครับ  หรือว่าพวกคนทรงเจ้า”

          “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  ลองถาม ๆ ดูเขาก็บอกว่าแถวนั้นเป็นที่เก่าแก่  คงมีเจ้าที่อยู่อารักขากระมัง  เขาคงเห็นว่าแม่กำลังทุกข์หนักก็เลยมาชี้ทางสว่างให้”  นวลพรรณพูดแล้วยิ้มออกมานิดหนึ่ง  “พูดแล้วจะหาว่างมงาย  แม่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้นหรอกแค่ลองมาคิดย้อนดูแล้ว  อาคิราห์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”

          “ผมดีใจที่คุณแม่รู้สึกแบบนั้นครับ”  พิชช์ฌานพูดอย่างโล่งอก  เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  “คุณแม่อยากทานอะไรไหม ผมจะให้อัยย์ยกเข้ามาให้”

          “เอาสิ”  เธออนุญาต

          ชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวยาว ๆ ออกมาจากห้องพัก  เจ้าโอเมก้านั่งเท้าคางรออยู่หน้าห้องนั่นเองไม่ได้ไปไหนไกล  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขานิ่ง ๆ

          “คุณแม่อยากคุยกับเธอ”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ  “นิลลา  ฉันฝากหาขนมมาให้หน่อย”

          นิลลาผละไปตามสั่ง  ชายหนุ่มย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน  จ้องมองนัยน์ตากลมโตนั้นแล้วพูดลอย ๆ

          “มีหมอดูคนนึงมาดูดวงให้แม่ฉันแล้วบอกว่าคู่ครองของฉันเป็นกาลกิณี  จะต้องหย่าแล้วหาคู่ครองใหม่”

          คนฟังขมวดคิ้วฉับ

          “ว่าไงนะครับ  หมอดูที่ไหนบอก”

          “นั่นสิ  ฉันก็ตกใจเหมือนกัน  หมอยังบอกอีกว่าคู่ครองของฉันมีดวงกินสามี  นอกจากกินสามีแล้วก็ยังกินทุกอย่างไม่เลือกอีก  โบราณเรียกดวงล้างผลาญตู้เย็น”

          “หมอดูไม่ได้บอกแบบนี้แน่ ๆ”  คนฟังร้อง  หน้ามุ่ย  “คุณโกหก  หมอดูต้องบอกว่าดวงชะตาผมส่งเสริมคู่ครองต่างหาก”  พูดออกไปแล้วก็เพิ่งนึกได้  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดปาก  ตาเบิกโตเพราะตกใจ  รีบลุกขึ้นยืนอย่างผลีผลาม  “แม่คุณหิวขนมใช่มั้ย  ผมจะไปหามาให้เอง”

          “จะไปไหน”  พิชช์ฌานรีบคว้าคอเสื้อข้างหลังเอาไว้  “แม่ฉันอยากเจอหน้าพ่อหมอเสียหน่อย  ดูดวงแม่นมาก”

          “ไม่ใช่ผมนะ  ผมไม่รู้เรื่องนี้”  อาคิราห์รีบปฏิเสธ  มองซ้ายขวาเลิ่กลั่กหาทางหนีทีไล่  นิลลาก็ไม่อยู่แล้วด้วย  “แม่คุณอยากดูดวงเหรอ  ผมจะไปหามาหมอดูเก่งๆมาให้”

          “เอาคนเดิมที่ไปล้มใส่รถแม่ฉันได้มั้ย”

          “คนไหน”  อีกฝ่ายยังทำไก๋  พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม

          “ถ้าไม่ยอมรับผิดแต่โดยดี  ฉันจะเข้าไปบอกแม่เดี๋ยวนี้ล่ะว่ามีคนเล่นแผนสูงหลอกคนแก่”

          “ไม่เอา  ผมเปล่านะ  โธ่  เห็นผมเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนตัวเองไปได้”  คนพูดยังยืนยัน ปฏิเสธหน้าซื่อตาใส  “ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าคุณพูดอะไร”

          “รอให้กลับถึงบ้านก่อนเหอะ  ฉันจะเค้นเอาความจริงมาจนหมดตัวเลย”  พิชช์ฌานกระซิบอย่างมีนัย  อาศัยทีเผลอชะโงกเข้าไปจูบแก้มของเจ้าโอเมก้าทีหนึ่ง  นิลลาเดินกลับเข้ามาพอดีพร้อมกับถาดบรรจุชาและของว่างน่ากิน

          “เดี๋ยวฉันยกเข้าไปให้เอง”  อาคิราห์รีบพูด



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 22-06-2019 21:40:22








          มารดาของพิชช์ฌานพูดขอโทษเขาเป็นอันดับแรก ท่าทางของผู้สูงวัยอ่อนลงจนเห็นได้ชัด  อาจเป็นเพราะได้บุตรชายคืนกลับมาบวกกับคำทำนายใหม่ที่ได้ยิน  อาคิราห์เองก็รักษาความสงบเสงี่ยมเอาไว้ได้อย่างดี  ไม่พูดอะไรมากไปเกินจำเป็น

          “ไว้แวะไปหาที่บ้านบ้างนะ  ฌานด้วย”  คุณนวลพรรณพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะลากลับ  อาคิราห์ยกมือขึ้นทำความเคารพอย่างเรียบร้อย  คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้ทำเป็นมองไม่เห็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว  แม้ว่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างอ่อนหวานเหมือนคนอื่น  แต่ก็นับว่ามีการพัฒนาในระดับที่น่าพอใจ

          “แม่ฉันทำอาหารอร่อยมากนะ  ป้านิ่มที่ว่าแน่ยังเป็นแค่ลูกมือของแม่ฉันเอง”  พิชช์ฌานพูดลอย ๆ  เหล่มองคนฟังที่เริ่มหันมาสนใจอีกครั้ง  นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายจนเขาต้องกลั้นหัวเราะในใจ  “แม่ชอบหาคนมาชิมเมนูใหม่ ๆ”

          “แม่คุณบอกให้แวะไปหาด้วยว่างๆ”  อาคิราห์พูดขึ้นลอย ๆ บ้าง  ทำเป็นไม่สนใจมากนัก  “คุณจะไปวันไหนก็บอกนะ  ผมจะได้เตรียมตัว”

          “จะล้างไส้ล้างพุงไปรอกินข้าวฝีมือแม่ฉันหรือไง”  คนฟังดักคอ  อีกฝ่ายหน้าหงิก  หันมาย่นจมูกใส่

          “ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะคุณพิชช์ฌาน  ที่ผมอยากไปเพราะความสัมพันธ์แม่ลูกของคุณจะได้ดีขึ้น  ผมไม่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันเพราะผม”  อาคิราห์พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง  “เรื่องกินก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง”  เขาเสริมอีกนิด  พอสบตาคมเข้มพราวระยับก็ยกมือขึ้นฟาดตุบใส่ไหล่หนานั้นไปที

          “โอ๊ย!”  พิชช์ฌานอุทาน งอตัวลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

          “เจ็บมากเหรอ”  คนทุบหน้าเสีย  รีบถามอย่างเป็นห่วง

          อีกฝ่ายเลยได้ทีรวบร่างโปร่งบางมากอดเอาไว้แน่นอีกครั้ง  ริมฝีปากกับจมูกคลอเคลียอยู่ริมขมับ  สูดกลิ่นหอม ๆ ของกันและกันเข้าปอดอย่างชื่นใจ  อาคิราห์ไม่คิดจะขัดขืนอีก  เขาปล่อยให้พิชช์ฌานกอดเอาไว้อย่างนั้น

          “เดี๋ยวนี้ว่านอนสอนง่าย”  พิชช์ฌานพึมพำ  “หรือว่าหมดแรงข้าวต้มแล้ว  ตายล่ะ...จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนี่”

          “รู้เหมือนกันเหรอ”  เจ้าโอเมก้าพูดงึมงำ  “ผมใช้พลังงานในการคุยกับแม่คุณไปเยอะนะ  เกร็งแทบตาย”

          “เห็นนั่งเงียบอย่างเดียว  ใช้พลังงานตรงไหน”

          “กลัวพูดไม่ถูกหูแม่คุณนะสิ”

          “พูดธรรมชาติเถอะ  รับรองว่าแม่ฉันต้องรักเธอมากแน่ ๆ  แม่แพ้คนขี้อ้อน”

          “ผมไม่ใช่คนขี้อ้อน”  อาคิราห์ว่า

          “เหรอ”  ชายหนุ่มลากเสียงยาว  “แล้วที่เอาหน้าถูกับอกฉันตอนนี้นี่คืออะไรฮึ”

          “อันนี้คันหน้าเฉยๆ”  อาคิราห์ตอบหน้าตาย  “อ้อนมันต้องแบบนี้”  โอเมก้าหนุ่มโอบแขนไปรอบลำคอของอัลฟ่าแล้วเขย่งขึ้นจูบที่ข้างแก้มของพิชช์ฌานเบา ๆ “ฌานครับ  อัยย์เบื่อโรงพยาบาลแล้ว  อยากไปเที่ยวข้างนอกบ้าง  พาอัยย์ไปเที่ยวได้มั้ย”

          นัยน์ตากลมโตล้อมด้วยแพขนตายาวคู่นั้นเป็นประกายวิบวับอย่างคนกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  ดวงตาคมกริบตวัดมองหน้าเขาราวกับคาดโทษ  ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นเหมือนกลั้นอารมณ์เอาไว้ 

          “ฌานว่ายังไงครับ  พาอัยย์ไปนะ”  เขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

          พิชช์ฌานกัดฟันเอาไว้แน่น

          “อย่าไปพูดแบบนี้กับใครที่ไหนนะ”  อัลฟ่าหนุ่มพูดเสียงห้วนจัด

          “ทำไมล่ะครับ”  อาคิราห์เอียงคอมองแล้วยิ้มกว้าง

          “เดี๋ยวหัวแตกเอา”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฟังแล้วคันไม้คันมือมากเลย  อยากเขกหัวคนพูดซักทีสองที”

          อาคิราห์อ้าปากค้าง  แล้วก็ปล่อยมือออกจากลำคอด้วยสีหน้างอง้ำอย่างห้ามไม่อยู่  พิชช์ฌานปล่อยเสียงหัวเราะออกมา  เอื้อมมือไปเชยคางของโอเมก้าขึ้น

          “ไม่ต้องมายุ่งกับผม”  อาคิราห์ว่า  ปัดมืออีกฝ่ายออกพลางหันหน้าหนี

          “พูดเล่นแค่นี้ทำโกรธ  ไหนหันหน้ามานี่ซิ  เร็ว”  คนแก่กว่าพูดเสียงนุ่ม  สะกิดที่ไหล่บอบบางเบา ๆ “ไหนเมื่อกี้ใครบอกอยากไปเที่ยวนะ”

          “...........”

          “นาทีทอง  ไม่งั้นโปรโมชั่นพิเศษนี้จะหมดแล้วนะ  ห้า สี่ สาม สอง..”

          “โปรโมชั่นอะไรแค่ห้าวินาที”  อาคิราห์ร้อง  หันกลับมากอดอก  “ไปก็ได้  นี่เห็นแก่ลูกหรอกนะ  วันๆไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากบ้านกับโรงพยาบาล”

          “เหตุผลพอไหว ๆ”  พิชช์ฌานพยักหน้าหงึก ๆ “ตกลงตามนั้น  งั้นออกจากโรงพยาบาลแล้วเราจะไปเที่ยวกัน  อยากไปที่ไหน”

          “ไม่ต้องมาทำเป็นถามผม  สุดท้ายคุณก็พาไปที่ ๆคุณคิดเอาไว้แล้วอยู่ดี”  อาคิราห์พูดเมิน ๆ  อีกฝ่ายขยับเข้ามากอดเข้าเอาไว้จากด้านหลัง

          “เอาอย่างนี้  ช่วงเลือกตั้งเราคงต้องเที่ยวในประเทศไปก่อน  พอหลังเลือกตั้งเสร็จปุ๊บเราก็ขึ้นเครื่องไปสวิสฯกันเลย  โอเคมั้ย”

          “อย่ามาหลอกเด็ก”

          “แล้วเชื่อหรือเปล่า”

          “เชื่อก็ได้”  คนพูดถอนหายใจเฮือก  “เห็นแก่ลูกหรอกนะ  ลูกจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”

          “ตั้งชื่อรอเอาไว้เลยดีมั้ย”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฉันลองคิดดูแล้ว  เอาชื่อของเราสองคนมารวมกันน่าจะดี”  มือใหญ่ลูบลงบนหน้าท้องของอีกฝ่ายเบา ๆ

          “รู้หรือไงว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

          “ฉันตั้งเตรียมเอาไว้ทั้งชื่อผู้หญิงและผู้ชาย”  คนเป็นพ่อยิ้มกริ่ม  เก็บความปลาบปลื้มเอาไว้ไม่มิด  “ลูกเราจะต้องเป็นคนเก่งมาก  ต้องมีชื่อเพราะ ๆ เท่ ๆ เอาไว้”

          “คุณคงไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะเป็นนายกฯหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ”  อาคิราห์รีบดักคอ

          “ถ้าเป็นได้ก็ดี”

          “โธ่  อย่าคาดหวังกับเขาได้มั้ย  เขายังไม่ทันลืมตาดูโลกเลยก็ต้องมาเจอความคาดหวังของพ่ออีก”  โอเมก้าถอนหายใจเฮือก  “อย่าเพิ่งพูดไปถึงตรงนั้นเลย  อาทิตย์หน้าผมต้องไปหาคุณหมอฝากครรภ์ตามนัดด้วย”

          “ฉันจะไปด้วย”  พิชช์ฌานตอบ  “โอเค  ทำตามที่เธอบอก  เราจะคิดไปทีละขั้น  เริ่มจากตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อน  ฉันเองก็เบื่อกับข้าวโรงพยาบาลเต็มที”

          “ชวนคุณเจนภพไปด้วยนะ”

          “หมอนั่นต้องนอนพักต่อไปก่อน”  ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “โดนยิงถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยนะ  จะรีบลุกมากินข้าวได้ไง”  อดีตมือขวาของเขาพ่วงด้วยตำแหน่งน้องชายต่างมารดาถูกยิงเข้าที่ท้องกระสุนฝังในต้องเข้าห้องผ่าตัด

          พอนึกถึงหน้าน้องชาย  เขาก็รู้สึกปวดมวนในท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ  อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครือระหว่างเขากับเจนภพก็เป็นได้  เจนภพร่วมมือกับเขาช่วยเปิดโปงขบวนการก็จริง  แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ยังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

          พิชช์ฌานไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องวางตัวอย่างไร  เป็นเจ้านายกับลูกน้องคนสนิทเหมือนเดิมหรือว่าเป็นพี่ชายกับน้องชายต่างแม่ดี  เขาเลยตัดปัญหาด้วยการยังไม่เจอหน้ากันเสีย

          “สงสารคุณเจนภพ  คงเบื่อตายเลยต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่กับที่”  อาคิราห์ว่า  “นึกถึงคุณคนที่ผมนึกว่าเป็นคุณไม่ได้  ป่านนี้เขาคงจะไปสู่สุขคติแล้วใช่ไหม”     

          รอยยิ้มของพิชช์ฌานจางลงกลายเป็นเคร่งขรึมเมื่อนึกถึงลูกน้องที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเขา

          “ฉันจะทำบุญใหญ่ให้เขา  แล้วก็จะสัญญาว่าจะดูแลลูกเมียของเขาไปตลอดชีวิต  ว่าง ๆ เราไปเยี่ยมเขาที่บ้านกันดีไหม ลูกชายของเขากำลังเรียนอยู่ชั้นประถม  ส่วนภรรยาก็ทำเบอเกอรี่ขาย”

          “ตกลงครับ  ผมสงสารเขาจังเลยยังหนุ่มยังแน่น  ครอบครัวของเขาคงจะรู้สึกใจแตกสลายตอนรู้ข่าว”  อาคิราห์พึมพำ  “ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ซิ”

          “จริงๆแล้วมันควรจะต้องเป็นฉันมากกว่าใช่ไหม”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่ใช่อย่างนั้น...ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้นทั้งนั้นแหละ”

          คนฟังเงียบไปครู่  ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ

          “หลังจากเกิดเรื่อง  เธอได้กลับไปที่บ้านบ้างไหม”

          “ผมยังไม่ได้กลับไปเลยครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “แต่ว่าโทรคุยกับอคินทร์ไป  ทำไมเหรอครับ”

          “เปล่า ...ฉันแค่คิดว่าเธออาจจะอยากกลับบ้าน”

          “พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”   อาคิราห์ยกนิ้วชี้ขึ้นขู่  “คุณคิดอะไรอยู่แน่ ๆ”

          “ชักจะรู้มากไปแล้วนะเจ้าบู้บี้  ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอกับที่บ้านเฉย ๆ ....เธอเคยคิดไหมว่า  สมมตว่าวันดีคืนดีเธอเกิดมีพี่น้องขึ้นมาอีกคนหนึ่ง  โดยที่เธอไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย  เธอจะว่ายังไง”

          คนฟังนิ่งไป

          “หมายความว่ายังไงครับ”  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  มองหน้าคนพูดอย่างค้นหา  “คุณกำลังจะบอกว่าผมมีพี่น้องอีกเหรอ”

          “สมมตว่าเกิดมีขึ้นมา  จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่  แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้มาเจอเข้า  เธอจะว่ายังไง”

          “ผมก็คงตกใจ”  อาคิราห์พูดอย่างระมัดระวัง  “แต่ก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่  เพราะขนาดคนนอกยังไม่เคยรู้เลยว่าอคินทร์มีฝาแฝด  ถ้าผมจะเกิดมีพี่น้องที่ไม่เปิดเผยขึ้นมาอีกคนก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง”

          พิชช์ฌานยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยนั้นเบา ๆ

          “เธอยังเสียใจอยู่ไหมที่พ่อแม่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องของเธอ”

          “มันทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจทุกครั้งที่นึกถึง”  อาคิราห์พูด  “ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ลูกทุกคนอยากได้รับก็คือการยอมรับจากพ่อแม่  ไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม  คงไม่มีลูกคนไหนรู้สึกดีแน่ถ้าพ่อแม่ต้องปิดบังว่ามีเขาเป็นลูกอีกคนเพราะความอับอาย”

          “เป็นไปได้ไหมว่า...เขาอาจจะปิดบังเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง  เช่น  เพื่อปกป้องลูกนั่นเอง”

          “ผมก็เคยคิดครับ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  “เรียกว่าพยายามคิดแบบนั้นก็ได้  จะได้ไม่รู้สึก...เจ็บปวด..มากเกินไป”

          “พี่ ๆ ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”

          “คุณคงหมายถึงพี่ไตรภพ”  แววตาของอาคิราห์เปลี่ยนเป็นเศร้าซึม  คำพูดของพี่ชายที่ได้ยินในคลิปเสียงเมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังติดอยู่ในใจ  ไตรภพไม่เคยนับเขาเป็นพี่น้องแล้วการกระทำที่ผ่านมาคืออะไรงั้นหรือ  เป็นเพียงแค่ละครฉากใหญ่ที่เล่นบังหน้าหรืออย่างไร  “ผมยืนยันคำเดิมว่าไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเค้า  ถ้าเป็นไปได้  ผมอยากเจอพี่ภพอีกสักครั้ง”

          “ยังไม่ใช่เร็วๆนี้ ...”  พิชช์ฌานขยับจะพูดต่อมาอีกแล้วก็เปลี่ยนใจ  ชายหนุ่มลูบแขนของโอเมก้าเบา ๆ แทนคำปลอบใจแล้วก็เปลี่ยนเรื่องอย่างนุ่มนวล

          “ลืมถามเรื่องมูลนิธิของเธอ  ไหนเล่าให้ฟังซิว่าวางแผนว่าอะไรเอาไว้บ้าง  ฉันฟังดูแล้วก็น่าสนใจดี”

          คนฟังยิ้มออกมาได้  รีบเล่าแผนการที่ตนเองคิดเอาไว้คร่าว ๆให้อีกฝ่ายฟัง  รู้สึกมีกำลังใจที่เห็นพิชช์ฌานตั้งใจฟังเขาแถมยังพยักหน้าเป็นระยะด้วย

          “....ผมก็จะเปิดให้โอเมก้ามาลงชื่อเอาไว้  เป็นสมาชิกของมูลนิธิ  เราจะเริ่มที่โครงการง่าย ๆ อย่างเช่นการตั้งศูนย์ฝึกอาชีพให้โอเมก้า หรือเปิดคอร์สสอนการป้องกันตัว...”

          “มันง่ายตรงไหนนะ”  คนฟังท้วง  “ที่เธอพูดมานี่มันโปรเจคยักษ์ ๆ ทั้งนั้นเลยนะ  ไหนจะต้องผ่านร่างกฎหมายก่อนอีก”

          “ผมมีสามีเป็นนายกฯของประเทศนี้จะกลัวอะไร”

          “ไหน  มีโครงการอะไรอีกว่ามาซิ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้มยกมือขึ้นกอดอก  อีกคนหัวเราะคิกเอื้อมมือมาแกล้งทำเป็นบีบ ๆ นวด ๆ ที่ท่อนแขนล่ำสัน

          “นะ ..ช่วยอัยย์หน่อยนะ”

          “ถ้าฉันได้เป็นนายกฯ ฉันจะประกาศให้คำว่าอัยย์เป็นคำต้องห้าม  ห้ามพูดเป็นอันดับแรกเลย”  พิชช์ฌานว่า

          “โธ่”  อาคิราห์ร้อง  “อัยย์ก็พูดกับคุณฌานแค่คนเดียวไง”

          “นี่แหละถึงได้ห้าม  มีหวังฉันได้หมดตัวแน่ ๆ”  ชายหนุ่มพูดราวกับมองเห็นอนาคต  “ไม่เอาล่ะ  ไปดีกว่า  ขืนอยู่ต่อมีหวังโดนล่อลวงไม่เลิก”

          “จะไปไหน”  อาคิราห์พูดลากเสียงแกมหัวเราะ อีกฝ่ายหยุดยืนนิ่ง ๆ เหมือนตัดสินใจอีกรอบแล้วก็พูดเนิบ ๆ

          “ฉันอยากแนะนำคน ๆ นึงให้เธอรู้จัก”  พิชช์ฌานว่า  สบตาคู่สมรสที่เขาไม่ควรจะมีความลับด้วยพลางกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ  เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาวูบหนึ่ง  “เขาเป็นน้องชายของฉันเอง”

          คนฟ้งอ้าปากค้าง

       ...............................................................................................

 

          มาอัพต่อแล้วค่า  ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

          พักผ่อนหย่อนใจกันเนอะ  เหนื่อยกันมาหลายตอน ฮ่าๆ ถึงเวลาไปเที่ยว เสพความหวานให้น้ำตาลพุ่งแล้วค่า เย่ๆๆ

          เจอกันตอนหน้านะคะ 

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ โหวตนะคะ

          #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-06-2019 21:55:46
อัยย์น่ารัก แต่แอบร้ายนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-06-2019 22:15:15
หนูอัยย์สายหวานก็มาาา ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงพัก แจกเสบียงตุนไว้ฮีลในตอนต่อๆไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 22-06-2019 22:21:35
อู้วววว 55555สนุก อัยย์เจ้าเล่ห์มาก ตลกก 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2019 22:31:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-06-2019 22:33:21
คำพูดแบบไม่คิด แต่ว่าออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
ของเจ้าบู้บี้ช่วยได้เสมอเลย
 :z2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2019 22:35:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-06-2019 22:44:26
อัยย์น่ารักขึ้นทุกตอนเลย อยากบีบเจ้าบู้บี้ หวังว่าคงไม่มีอะไรโหดร้ายไปกว่านี้ แต่ว่าตัวการใหญ่ก็ยังไม่ออกมา กลัว สนุกและลุ้นมาก ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-06-2019 22:55:29
 :-[  น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-06-2019 23:08:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 22-06-2019 23:21:31

ตอนที่ผ่านๆมาหนักหน่วงมาก

กลับไปอ่านทวนใหม่ แต่ต้นจนจบ

ตอนใหม่มาพอดี

ไม่ได้มีแค่คุณฌานนะที่หลงบู้บี้

คนอ่านก็หลง อิอิ

อีกหน่อยคุณแม่สามี

หลง..บู้บี้แน่นอน..

เห็นแววลางๆ

อย่างอื่นไม่อยากคาดเดา...

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-06-2019 23:39:42
นู๋อัยย์ไม่โง่นาจาา ร้ายขึ้นทุกวันๆ 55ุ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 23-06-2019 00:06:16
รออล้วลุ้น ลุ้นเกือบทุกตอนว่าจะเจออะไรบ้างงง.
คนขี้อ้อนนมันน่ารักแท้เนาะ55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-06-2019 00:26:22
 เจ้าบู้บี้น่ารักจังเลย อยากบีบแก้มจัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 23-06-2019 01:19:20
เจ้าบู้บี้น่าบีบที่สุด ฮึ่ยๆๆๆ หมั่นเขี้ยว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-06-2019 01:29:02
น้องอัยย์แอบร้ายอะ เจ้าเล่ห์นักนะเจ้าบู้บี้ น่ารัก!!
คุณแม่ก้คือ พลิคล้อคกันน่าดูเลยนะคะ เชื่อคนง่ายเฉยย
เหลือแค่ปมของตัวการใหญ่แล้วสิ
เป็นคุณพี่ชายจริงๆหรอ หรือเค้าปกป้องใครไว้อยู่กัรแน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-06-2019 05:04:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-06-2019 07:08:33
บู้บี้เปิดโหมดอ้อนไม่ใช่แค่คุณฌาณที่จะแย่หรอกค่ะคนอ่านทางนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน น่ารัก น่าฟัดจริง ๆ บู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 23-06-2019 07:22:44
หวานบ้างจะได้ลดความหน่วง ใจของคนอ่าน แต่เวลาขม นี่ขมจนต้องคายทิ้งเลย ทะเทือนใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-06-2019 07:39:57
ชอบความเปิดใจและความคลอเคลียนี้ของอัยย์
พิชญ์ฌาณหลงแล้วหลงอีกค่ะ เดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอม
อัยย์ก็ยิ่งชอบเลยนะ เข้าทางความอยากเกาะแกะ เอ็นดู

แหมมม อัยย์ร้ายนะ มีวางแผนให้แม่ปลื้ม ลงทุนด้วย 5555
ฌาณดูรู้ทันไปหมดเลย แถมมีขู่เจ้าบู้บี้ตัวร้ายให้จำนน

ฌาณถามถูกคนแล้ว อัยย์คือคนที่รู้สึกกับเรื่องนี้ชัดเจนสุด
อัยย์จะได้เจอน้องชายพิชญ์ฌาณแล้วนะคะ

เรื่องราวซับซ้อนอยู่ ยังอยากรู้ว่า คนคอยชักใยเป็นใคร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 23-06-2019 08:57:53
เจ้าบู้บี้ หรอกแม่พี่ฌานเหร๊อออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-06-2019 09:31:31
เจ้าบู้บี้แสบสุดดด คิดได้ไงเอาหมอดูไปหลอกแม่สามี :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 23-06-2019 09:45:51
5555 โดนเจ้าบู้บี้ล่อลวงจนละลายแล้วคุณฌาน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-06-2019 09:49:05
บูบี้นี่แอบร้ายนะ แอบปลอมเป็นหมอดู อยากจะแหมมมมมมม ยาว ๆ ไปให้ถึงดาวอังคารจริง ๆ 555
คิดได้ไงอ่ะสุดยอดมากบูบี้ แล้วนี่นายพิษกำลังจะบอกความจริงเรื่องเจนเป็นน้องอีก บูบี้จะแปลกใจแค่ไหนนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 23-06-2019 12:42:59
เจ้าบู้บี้น่ารักน่าหยิกมาก. แถมเจ้าเล่ห์ขี้อ้อนอีกต่างหาก
อ่านไปแล้วเริ่มสงสัยว่าตัวบงการใหญ่น่าจะเป็นพ่อของน้องอัยย์หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 23-06-2019 13:06:55
 :hao3: บู้บี้เค้าเก่งขึ้นเย้อะเลยนะ มีการวางแผนเพื่อนคุณแม่สามีด้วย ส่วนการอ้อนนั้นยกให้บู้บี้ชนะเลิศ .. แค่เรียกตัวเองสั้นๆว่า อัยย์ คุณพิษก็เตรียมทำตามคำขอไปหมดแล้วนะคะ // ส่วนเจนนั้น ... ที่ผ่านมาเป็นแผนจริงๆใช่ไหม ยังไม่อยากจะเชื่ิอเลยว่าที่เค้าทำมันเป็นแผนทั้งหมด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 23-06-2019 20:07:35
ใครไหวไปก่อนเลยยยย :ling1: :katai1: หวานมากค่าา​าาา แต่เค้าบอก​ว่าคลื่นลมสงบมักจะมีพายุ เอาใจช่วยเจ้าบู้บี้และสามีของเค้าค่ะ ขอบคุณไรท์ค่าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 23-06-2019 21:01:34
 :hao7: คุณพิษโดนเจ้าบู้บี้ล่อลวงหมดตัวแน่ ๆ 55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 23-06-2019 23:15:29
ฮืออออออ อ่านแล้วมีความสุขจนหัวเราะคิกเลยค่ะ
หลังจากรู้สึดอัดอั้นมาซักพัก ก็จัดมาซะหวานจนลืมความรู้สึกไม่สบายใจก่อนหน้าได้ดีเลย~
ชอบในความรักการกินอย่างเสมอต้นเสมอปลายของอัยย์มากเลย มันทำให้มีความสุขในตอนที่ตัวหนังสือผ่านสายตาได้จริงๆนะคะ
รอคอยตอนต่อไปค่าาาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-06-2019 00:17:43
เจ๋งสุด บู้บี้คิดได้ไง..เอาหมอดูไปหลอกแม่สามี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-06-2019 01:33:21
หวานแบบนี้ตอนหน้าจะเป็นยังไง  :ling2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 24-06-2019 04:44:20
น้องอัยย์เก่งขึ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 24-06-2019 08:42:11
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเครียดมากกกกกก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ตอนนี้ยังไม่หายเครียดเลย  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 24-06-2019 15:45:44
;-; อ่านรวดเดียวเลย หักกี่มุมก็ไม่รู้แล้วอ่าเรื่องนี้ จะบ้าตายยยยยย ลุ้นมาก ตอนนี้ปมก็ยังไม่หมดเลยอ่ะ แล้วนิลลา คือยังไง เกี่ยวไรหรือป่าว น้องใครอีกไหมง่ะ ฮืออออ รอตอนหน้านะคะะะ

Sent from my SM-N950F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-06-2019 23:20:33
อย่าบอกนะว่านิลลาเป็นพี่น้องของเจ้าบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-06-2019 11:23:32
เจอคนหลงเมีย 1 อัตรา  555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: PRiiNZE ที่ 25-06-2019 17:21:47
สู้ๆนะคุณพิษ เอาชนะตัวเองให้ได้นะ
เจนภพก็ไม่ใช่ร้ายโดยเนื้อแท้ เขาร้ายเพราะสถานการณ์มันพาให้ร้าย

ส่วนเจ้าบู้บี้นี่มันตัวแสบของแท้ มีการแกล้งแม่คุณพิษไปอีกจ้าา
หาทางออกสมเป็นบู้บี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่37 22/6/62 p34
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 25-06-2019 20:37:58
ตอนนี้หายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย พายุกำลังจะก่อตัวรึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-06-2019 02:46:56
 :impress2: เค้าหวานใส่กันน่าอิจฉา แต่ดรื่องห้องสมุดเหมือนมีเงื่อนงำ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 27-06-2019 03:35:46
พี่ออม มีเรื่องอะไรปิดบังน๊าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 27-06-2019 07:42:45


น่ารักๆ ชอบจัง หวานซะ

ดีใจที่2พี่น้องรักกัน

มีกัน2พี่น้อง

อย่าทิ้งกันเลยนะ


อยากรู้เรื่องออม

ทำน้ำตาคลอเลย

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-06-2019 07:59:53
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 27-06-2019 10:10:33
พี่ออทต้องรู้ความลับอะไรบางอย่างแน่ๆ หรือพี่ออมจะเป็นแม่ของเจนภพ?
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 27-06-2019 11:04:27
ชอบโมเม้นพี่น้องจังเลยย น่าร้ากก
//ปมใหม่ๆมาอีกแล้วว  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 27-06-2019 11:27:56
ง่ะ..ไรท์รีบมาาา..  :katai4:
เราชอบเรื่องนี้มากกกก..  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-06-2019 11:49:19
สงสัยคุณพี่เลี้ยง...
แต่เจ้าบู้บี้น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 23/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-06-2019 13:47:44
เรื่องของพี่ออมคือเรื่องอะไรกันแน่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 27-06-2019 16:30:39
แหมมีแอบชิมปากชิมแก้มกันด้วย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 27-06-2019 18:27:38
เจ้าบู้บี้น่าเอ็นดูจริงๆ เลย 555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 27-06-2019 19:18:56
 :hao7: พี่ออมโดนตามล่าหรือเปล่า ดูกลัว ๆ ลน ๆ  คุณพิษ ทำลูกอีก 2-3 คนก็ดีนะ 555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-06-2019 19:22:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-06-2019 20:12:06
5555 น่ารักมาเลยค่ะ ชอบโมเมนท์ฌาณอัยย์มากเลย
มีความงอแง แหย่กัน หยอกกัน แอบข่มแอบชงเข้ม

อัยย์น่ารักมาก ว่าที่คุณแม่เก่งมากเลยนะ เข้มแข็งขึ้น
และเข้าใจอะไรมากขึ้น เรียนรู้เยอะขึ้น และอยู่เป็น

ฌาณได้คุยกับเจนภพสักทีนะ ยังไงก็เชื่อใจกันเนาะ

นิลลาคือคนที่จะอยู่ช่วยอัยย์จริงๆ ใช่ไหมคะ
อย่าทำร้ายกันนะ บางทีก็เหมือนมีอะไรปิดบังน่ะ

พี่เลี้ยงอัยย์คือยังไง ทำตัวมีความลับที่บอกไม่ได้
เหมือนหนีอะไร หรือซ่อนตัวจากใคร มาเจออัยย์ได้ยังไง
บังเอิญหรือว่าตั้งใจ ไม่อยากให้อัยย์เสียใจอีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-06-2019 21:51:06
มีประเด็นโผล่มาอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 27-06-2019 22:53:18
พี่ออมมาพร้อมปมใหม่  คู่นี้ก้หวานมากแม่จีบกันทุกที่เลยค่า :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 27-06-2019 23:31:47
น่ารักมากกก เหมือนจีบกันตลอดเวลา เจ้าบู้บี้คือตัวแสบมาก น่าจับยืดแก้มที่สุด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 28-06-2019 00:04:57
ตอนนี้หว๊านหวาน อมยิ้มทั้งตอนเลยค่ะ น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-06-2019 00:46:27
พี่เลี้ยงไปรู้อะไรในบ้านมารึเปล่าหรือรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อะไร
 :ling2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-06-2019 08:42:59
เขาหวานกันจังค่ะคุณขา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-06-2019 11:40:35
เขาหวานกันจังเลย ส่วนพี่ออมมีเรื่องอะไรปิดบังอัยย์อยู่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-06-2019 12:04:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-06-2019 13:28:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 28-06-2019 16:56:11
พี่ออมกุมความลับอะไรไว้หรือเปล่า /พี่น้องเขาเข้าใจกันแล้วดีใจด้วยนะคุณพิชช์คุณเจน /สามีภรรยาคู่นี้เขาคุยกันน่ารักมุ้งมิ้งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-06-2019 17:06:12
ปกติไม่สนใจแนวโอเมก้าเบต้าอัลฟ่าเท่าไหร่ แต่นี่ไม่ใช่นิยายวาย mpreg ธรรมดา กลับมีเนื้อหา เฉือนเหลี่ยมเฉือนคมที่เข้มข้นมาก และที่สำคัญ สะท้อนความไม่เท่าเทียมของชนชั้นแบบคมคาย พูดตรงๆ บางแห่ง ในโลกใบนี้ ก็แอบมีชนชั้นที่สูง ที่คิดว่าตนเองควรเป็นฝ่ายปกครองเท่านั้นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 28-06-2019 17:32:39
รอจ้า :katai3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-06-2019 02:24:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 30-06-2019 23:31:54
เหม็นความรักจังเลยค่ะ อะไรมันจะหวานได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ก็ไม่รู้นะคะ 55555
รอตอนต่อไปค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-07-2019 15:52:49
อ่านรวดเดียวเลย เป็นแนวโอเมก้าแบ่งแยกชนชั้นผสมการเมืองชิงไหวชิงพริบกันตลอด เขียนได้ลง น่าติดตามจนวางไม่ลง มันลุ้นใครหักหลังใคร ใครมิตรใครศัตรู  สนุกมากกก ครบทุกรส ร้องไห้ตามน้องอัยย์ ตั้งหลายรอบ

สงสารน้องอัยย์ แต่น้องน่ารักน่าฟัดมากลู๊กก โดนจับตัวไปยังดื้อตาใสสู้ นังคุณพิษถึงกับมึนหัวปวดกะบาล 55555 เป็นเด็กที่เหนือการคาดเดาจริงๆ สายกินแหลก กินได้ทุกอย่างบนโลกนี้ มันน่ารักน่าเอ็นดู แบบน้องลู๊กก จะโกรธ จะงอน เอาของกินมาล่อตาลุกวาว ดุ๊กดิ๊กไปติดกับนังพิษทุกทีเจ้าบู้บี้เอ้ย ยิ่งตอนทำรัง ฮืออออ น่ารักน่าบีบ จนอยากจับฟัดให้หน่ำใจ หนูอัยยยย์ หลงหนูจนหัวปักหัวปำแล้วลู๊กก

นังพิษ ร้อยเล่ห์ เจ้าแผนการ เป็นคนฉลาดที่ไม่น่าคบแต่น่าตบ ยิ่งมาหลอกน้องอัยย์ นี่แอบทดไว้ใจเลย อย่าให้ถึงทีน้องบ้าง
สุดท้ายแพ้ทางเจ้าบู้บึ้ รักเมียหลงเมีย โอ้ยยย ยิ่งช่วงหลังอัพเกรดทั้งแสบทั้งขี้อ้อน ถึงกับไปไม่เป็น จริงๆหมดท่า ตั้งแต่อิตอนร้องไห้ ใส่เมียแล้ว   :laugh:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 02-07-2019 16:23:06
ยอมใจความซับซ้อนของเรื่องนี้ น่าอ่านและน่าติดตามไปทุกประเด็นเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่38 27/6/62 p35
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 03-07-2019 13:34:59
รอไรท์มาต่อ.. คิดถึงเจ้าบู้บี้แล้ว้วว..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-07-2019 02:20:42
 :mew5: นิลลาหายไปไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2019 05:19:45
กลัวทุกตอน​ ก้าวผิดคือเจ็บหรือตายได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 07-07-2019 07:29:10
ลุ้นมากอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 07-07-2019 07:41:51
 :pig4:

นิลลา !
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-07-2019 07:42:22
นิลลา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-07-2019 10:44:05
นิลลาเหรอ ไม่น่านะถ้าใช่เนี่ยเจ้าบู้บี้เสียใจตายเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-07-2019 10:44:26
นิลลาไปไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-07-2019 11:09:56
รอคอยการเริ่มแกะปมใหม่ สงสารเจ้าบู้บี้ที่ 2
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-07-2019 11:18:34
เด่วๆ คนที่หายไปคือนิลลามั้ย ยังไงงงง :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 07-07-2019 11:46:37
บู้บี้ที่สองโดนฆาตรกรรม  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-07-2019 13:00:02
นิลลา??
อาการกำมือใต้โต๊ะดีใจนี่ขี้เก๊กมากกก 5555555555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-07-2019 14:08:04
นิลลา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-07-2019 15:45:43
นิลลาไปไหน !! นี่เชื่อใจไป 70% แล้วว่ามาดี แต่เริ่มหวั่นใจ  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 07-07-2019 20:30:21
ตกใจหมดเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-07-2019 21:23:26
หืออออ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-07-2019 23:04:38
ง่าาาา... ทำให้ตื่นเต้นอีกแย้ววววว...
ไรท์รีบมาาา.. :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 07-07-2019 23:31:12
มีปมใหม่มาให้แก้อีกแล้ว
นิลลาเหรอป่าวนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 08-07-2019 08:55:43
นิลลาหายไป...? ระแวงทุกตอนที่อ่านเลยแงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-07-2019 11:50:45
นิลลา อย่าทำให้เราระแวงเธอสิ! อย่านะ แล้วจะเชื่อใจใครได้บ้างเนี่ยยย!!  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 09-07-2019 22:48:47
เหมือนจะมาแบบสงบๆ ให้อุ่นใจ แต่ไม่ทันไรก็มีเรื่องให้ต้องลุ้นอีกแล้ว
รอตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 10-07-2019 10:25:37
แม่คะ อย่าให้เป็นนิลลาเลยนะคะแม่ สงสารเจ้าบู้บี้
น้องอุตส่าห์มีคนที่ไว้ใจแล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-07-2019 17:28:38
เครียด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 10-07-2019 21:38:37
ความรักที่ต้องฝ่าฟั่นจริง ๆ เลย เจ้าบู้บี้ที่สามจะออกมาหน้าย่นไหมหนอ พ่อแม่เครียดรัว ๆ ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่39 7/7/62 p36
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-07-2019 21:56:26
 :katai1: :katai1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2019 00:40:41
 :m31:  เคลียดโว้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-07-2019 00:57:15


เสียดายยย

กำลังอ่านเพลินๆๆๆ

เรื่องกำลังเข้มข้น....

 :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-07-2019 01:01:25
พ่อแม่อัยย์น่ากลัวทั้งคู่เลย
 :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-07-2019 02:11:26
 :z3: ปมมันเยอะ สนุกแต่คิดไม่ออกว่าใครร้ายกันแน่ :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-07-2019 03:29:56
ต้องมีเรื่องอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 11-07-2019 03:39:29
 :katai1: โอ้ยยยย พ่อแม่ของบู้บี้ มีความลับ น่ากลัว เต็มไปหมดด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-07-2019 04:26:11
มันต้องมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนอีกแน่นอน
ทั้งออมพี่เลี้ยงอัยย์ ทั้งที่พ่ออัยย์พูดแบบนี้
แม่อัยย์เหมือนจะรู้อะไรมากกว่าที่แสดงออก
เหมือนต้องเก็บงำไว้มากกว่าที่จะบอกใครได้

อัยย์น่าสงสารนะ ผิดหวังจากครอบครัวซ้ำๆ
แต่อัยย์ยังมีพิชญ์ฌาณ เจนภพ ป้านิ่มนะคะ
เอ็นดู ร้องไห้น้องปลาตายหนักเลย

ถ้าปลาตายไม่ปกติจริง แล้วใครล่ะ
เข้ามาถึงในบ้านได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยนะ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-07-2019 06:07:03
เรื่องค้ามนุษย์พ่ออัยย์คงมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ ๆ ไม่มากก็น้อยแต่คงจัดการอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-07-2019 11:17:48
เจ้าบู้บี้ฉลาด....
สมกับเป็นลูกนักการเมืองเลย
ภายใต้ความอ่อนแอ ก็มีความเข้มแข็งซ่อนอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 11-07-2019 11:45:13
ยิ่งอ่านยิ่งมั่นใจว่าไตรคุณนี่แหละตัวบงการร้ายสุดๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-07-2019 14:10:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 11-07-2019 15:56:35
หู้ยยยย... ซับซ้อนซ่อนเงื่อนน..มากกกก..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-07-2019 16:18:23
ซับซ้อน ปมถี่ยิบเลอออออ :ling1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-07-2019 18:38:28
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-07-2019 19:08:43
ปริศนาอีกอย่างคือแม่บู้บี้นี่แหล่ะ และคุณพ่อต้องเกี่ยวข้องกะเรื่องใหญ่นี
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 11-07-2019 20:03:43
เครียดๆ อยากอ่านต่ แล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 11-07-2019 21:00:38
TA คือไตรคุณแน่เลย ไตรภพเป็นแค่แพะที่รับแทนพ่อ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 11-07-2019 23:06:49
 :katai1: นิลลาปลาบู่ก็เรื่องนึง คุณแม่ผู้เฉยชาก็เรื่องนึง ไหนจะพ่อตากับพี่เมียอีก คุณพิษสู้เขานะ! ยังแอบลงเรือเจนxนิลลาค่ะ  ลุ้นตอนต่อไปค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 11-07-2019 23:07:22
พี่ออมต้องไปรู้เบื้องหลังของพ่อแม่อัยย์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-07-2019 01:55:24
พ่อแม่อัยย์ทำตัวน่าสงสัยมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 12-07-2019 02:18:29
คุณหญิงใช้คำว่า "สมัยแม่ท้องไตรภพ"
แสดงว่าคุณหญิงเป็นแม่ไตรภพ   แต่ไตรภพบอกว่าอัยย์ไม่ใช่น้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-07-2019 09:21:03
ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 12-07-2019 10:42:46
โอ้ย อึดอัดจังเลยค่ะ!!!!
มีแต่เรื่องชวนให้สงสัยผุดตลอดเลย เหมือนเชือกที่ยิ่งแก้ปม ก็ยิ่งพันกัน แงงงงงง :katai1:
รอคอยตอนต่อไปนะคะ !!!!!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-07-2019 13:18:47
สงสารบู้บี้ฝันอยากให้แม่กอดมาตลอด
แม่น่าสงสัยที่สุด คาใจมาตลอด ไหนจะพ่ออีก เรื่องพี่ออมมีความลับอะไรซ่อนอยู่ โอ้ยยย มีปมให้ขบคิดสงสัยตลอด :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: kik_taki ที่ 12-07-2019 15:03:14
โอ๊ย สงสัยไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 12-07-2019 19:31:57
คุณพ่อ อย่าทำอะไรลูกเขยนะ ถ้ามันเป็นแผนของพ่อตากับพี่ภพหาตัวการละก็ ร่วมมือกันก็ได้ อย่าทำร้ายกันเลยยยย :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-07-2019 21:04:53
เรื่องคุณพี่เลี้ยงก็สงสัยว่ายังไงกันแน่
ส่วนเรื่องพ่อแม่เจ้าบู้บี้นี่ยิ่งแล้วใหญ่....เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 13-07-2019 14:10:43
ผู้ร้ายในมุมมืด ขนาดเจ้าบู้บี้ที่สองก้ไม่เว้นเป็นห่วงน้องอะ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 13-07-2019 18:45:54
เหนื่อยแทนหนูอัยย์จริงๆ  :hao5:
ยังมีเรื่องต้องร้องให้อีกหลายยกเลยเนี่ยยยย :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 13-07-2019 21:54:36
ต้องหาบู้บี้ที่ 3
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่40 11/7/62 p37
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-07-2019 03:17:33
โอ๊ยยย  ปมมันเยอะแยะไปหมด นิลลาไว้ใจได้ไหม แล้วมีเรื่องพี่ออมอีก ไหนจะพี่ไตรคุณยอมรับผิดแทนใคร??
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-07-2019 13:36:22
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 41

 

 

 

 

 

         “ตีกอล์ฟกับคุณพ่อไม่สนุกเหรอครับ”  อาคิราห์ทักขึ้นตอนที่กลับเข้ามานั่งในรถด้วยกันแล้ว  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง

          “ก็สนุกดีนี่  ทำไมเหรอ”

          “เห็นหน้าคุณเครียดจัง”

          “มาเจอพ่อตา  มีลูกเขยคนไหนไม่เครียดบ้าง”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “กลัวเขาเอาเมียคืนน่ะซิ”

          คนฟังยิ้มกว้างพลางส่ายหน้า

          “ไม่มีทางหรอกครับ”  อาคิราห์นิ่งไปนิดหนึ่ง  “คุณพิชช์ฌานช่วยอะไรผมอย่างได้ไหมครับ”

          “หลายอย่างก็ได้”

          “ผมอยากให้ช่วยพาผมไปเจอพี่ออมหน่อยได้ไหมครับ  ผมมีบางอย่างต้องถามเขา”

          “เธอคงต้องเล่าให้ฉันฟังก่อนว่าคุณแม่ของเธอว่าอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ยอมให้เธอไปเจอแน่ ๆ มันอันตราย”  พิชช์ฌานพูดอย่างเคร่งขรึม  “ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นช่วงที่อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นได้  เธอรู้ใช่มั้ย  บางคนก็นิยมกำจัดคู่แข่งด้วยวิธีรุนแรง”

          อาคิราห์ส่ายหน้า  เล่าเรื่องที่ไปคุยกับมารดาให้อีกคนฟัง  พิชช์ฌานลูบปลายคางของตัวเองอย่างครุ่นคิด

          “เธอคิดว่าคุณแม่ของเธอไม่ได้พูดความจริงงั้นเหรอ?”

          “เปล่า  ผมเชื่อแม่ของผม แต่ว่า..”  อาคิราห์ลังเล “พี่ออมดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลย  ผมเลยอยากถามเขาให้แน่ใจ”

          “งั้นฉันจะไปด้วย”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันมีความสามารถพิเศษในการจับเท็จ  เผื่อเธอไม่รู้”

          “ผมรู้  คนที่ชอบโกหกบ่อยก็มักจะจับผิดคนโกหกด้วยกันได้เก่งไงล่ะ”  อาคิราห์พูดหน้าตาเฉย  “ไม่แปลกใจเท่าไหร่”

          พิชช์ฌานตวัดสายตามองอย่างฉุน ๆ ไม่ได้พูดว่าอะไรอีกเพราะกลัวโดนย้อนเข้าตัว

          ...........................................................................

          “ตื่นแล้วเหรอ”  เสียงทุ้ม ๆ ถามขึ้นจากข้างเตียง  นิลลาหันไปมองอย่างมึนงงก็เจอร่างสูงโปร่งของเจนภพยืนมองมาที่เขานิ่ง  “คุณหลับไปนานมาก”

          นิลลาก้มลงสำรวจตัวเองเป็นอันดับแรก  ไม่มีร่องรอยอะไรบนเนื้อตัวของเขา  แสดงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาคงจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ตามที่อีกฝ่ายสัญญาเอาไว้

          “ผมพาคุณมาโรงพยาบาล  คุณดิ้นหนักมากผมเลยต้องมัดคุณเอาไว้  อาจจะมีรอยเชือกนิดหน่อยตรงข้อมือ”  เจนภพพูดอย่างรู้ใจเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้ายกข้อมือบอบบางทั้งสองข้างขึ้นมาเพ่งพิศ  “หมอฉีดยาระงับอาการฮีทให้คุณ  ...ทำไมคุณถึงไม่ได้ทานยาระงับ”

          “ยาหมด  แล้วฉันก็มัวแต่ยุ่ง ๆ “  นิลลาตอบปัด  อีกฝ่ายหรี่ตาลง  เกือบจะพูดออกไปแล้วว่าเขาเจอกระปุกยาระงับอาการฮีทในห้องของนิลลา  ข้างในนั้นยังเหลือเม็ดยาอยู่เกือบครึ่งกระปุก

          “งั้นเหรอ  คุณคงต้องระวังมากกว่านี้หน่อย  เพราะคราวหน้าอาจจะไม่ใช่ผมที่เป็นคนมาเจอเข้า”  เจนภพเลือกที่จะไม่ถามต่อ  “นอนพักไปก่อนนะครับ  ตอนเย็น ๆ คุณพิชช์ฌานกับคุณอาคิราห์บอกว่าจะแวะมาเยี่ยมคุณ”

          “............”  นิลลามองหน้าเขาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย  เจนภพเลิกคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          นิลลาส่ายหน้า

          “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน  คุณมีอะไรก็กดปุ่มเรียกคุณพยาบาลนะครับ”  เจนภพพูดอย่างสุภาพแต่ก็ห่างเหินอยู่ในที  นัยน์ตาเรียวยาวคู่นั้นเงยขึ้นมองตามเขาตาไม่กะพริบ  ริมฝีปากบางแห้งผากแตกเป็นแผลที่มีแต่เขาที่รู้ว่าเกิดจากอะไร  “พยายามทานข้าวเยอะ ๆ หน่อย  คุณผอมเกินไป”  เขาหลุดพูดออกไปแล้วก็นิ่ง

          “คุณกลับออกไปเถอะ”

          เจนภพก้มศีรษะให้แล้วหมุนตัวเดินกลับออกไปจากห้อง

          “ขอบคุณมาก”  ประตูยังไม่ทันปิดสนิทดี  ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงพูดที่เบามากเหมือนกระซิบลอยมาตามลมจากร่างผอมบางที่นอนอยู่บนเตียง  มือขวาคนสนิทของพิชช์ฌานชะงักนิดหนึ่ง  พยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้แล้วก็กลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วยนั้น

          เขาไม่เคยชอบโอเมก้าคนนี้เลยให้ตายสิ

          เจนภพกลับไปทำงานที่พรรคต่อ  สถานะลูกชายของนิมมานยังถูกเก็บเป็นความลับก็จริง  ทว่าการได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคจากการสนับสนุนของคน ๆ นั้นก็ทำให้ใครต่อใครในพรรคเกรงบารมีของเขามากขึ้นจากเดิมที่เป็นเพียงมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌาน   ตอนนี้คนในพรรคให้เกียรติเขาเกือบจะเทียบเท่าพิชช์ฌานทีเดียว

          “คุณเจนภพครับ  มีสายถึงคุณครับ”

          “ใครหรือ”

          “จากท่านครับ”

          แค่นั้นก็เป็นอันรู้กันว่าหมายถึง ‘ท่าน’ คนไหน  เจนภพรับโทรศัพท์มาถือเอาไว้  เม้มปากแน่น  เวลานี้พิชช์ฌานก็ไม่อยู่เสียด้วย

          “สวัสดีครับ”

          “เจนภพเหรอ”  เสียงของคนที่เขาเพิ่งจะรู้ว่าเป็นพ่อแท้ ๆ นั้นดังมาตามสาย  ชายหนุ่มกำหูโทรศัพท์เอาไว้แน่น  “ฉันอยากจะพบเธอเสียหน่อย  สะดวกหรือเปล่า”

          “ช่วงนี้ผมติดธุระหลายอย่าง  คงไม่สะดวก”

          “แต่มีเวลาไปพบนายชาติชายงั้นหรือ”  อีกฝ่ายพูดต่อมา  คนฟังเงียบ  “ไม่ต้องตกใจ  ฉันแค่บังเอิญได้ยินมาผ่าน ๆ หูน่ะ”

          “ผมไปพบเขาตามหน้าที่  ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนายทุนของพรรคเรา”  ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ

          “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำนี่  แต่ถึงอย่างไร...ฉันก็เป็นพ่อของเธอไม่ใช่เหรอ”  นิมมานพูดย้อนประโยคเดิมที่เจนภพพูด  คนเป็นลูกนิ่งไปอีก  “ฉันแค่อยากจะกินข้าวกับเธอสักมื้อ  ชวนพี่ชายของเธอมาด้วยสิ  จะได้พร้อมหน้าพร้อมตา  แต่รายนั้นอาจจะไม่ว่าง...ถ้าฉันเดาไม่ผิด”

          “ผมจะติดต่อกลับไปครับ”

          “อย่าให้ฉันรอเก้อเลยนะ  เห็นแก่คนแก่บ้าง”

          เจนภพกดวางสาย  เขายังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรต่อคน ๆ นั้นกันแน่  อาจจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  เขาไม่คิดจะไปฝืนหรือต่อต้านอะไรอีก

          แต่จะให้รักเหมือนพ่อก็คงจะเป็นไปไม่ได้

          คุณพิชช์ฌานติดต่อมาให้เขาไปหาเบต้าคนหนึ่งที่เคยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคุณอาคิราห์มาก่อน  เจนภพใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็หาตัวผู้หญิงคนนั้นเจอ  เธอดูระวังตัวแจทีเดียวผิดปกติไปจากแม่บ้านทั่วไปที่เขาเคยเห็น

          “ผมจะส่งที่อยู่ไปให้คุณฌานนะครับ”  เจนภพว่า

          “ฝากจับตามองเอาไว้ก่อนนะเจนภพ  ฉันกับอาคิราห์เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวจะไปหา”

          “ได้ครับ”  เจนภพพึมพำ  เคาะปลายนิ้วกับขอบกระจกรถเก๋งเบา ๆ “คุณพิชช์ฌานจะให้ผมเรียกกำลังเสริมไหมครับ”

          “ไม่ต้องหรอก  เราไปฉันท์มิตร”

          คนฟังเกือบเบ้ปาก  ฉันท์มิตรของคุณพิชช์ฌานมักจะลงเอยด้วยการนองเลือดทุกที  ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนใจดีนักหรอก  เขารู้  อดขนลุกไม่ได้ที่พบว่าตัวเองเป็นน้องชายของฝ่ายนั้นจริง ๆ

          ไม่นานรถยนต์ดำปรอทคันใหม่ของคุณพิชช์ฌานก็เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ เขาหน้าปากซอยแคบ ๆ ที่รถวิ่งสวนกันไม่ได้   มอเตอร์ไซค์หลายคันกับวัยรุ่นเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อและรถเข็นขายของ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข้างในซอยคงเป็นบรรยากาศเหมือนสลัมแน่นอน

          “คุณอาคิราห์จะเข้าไปด้วยเหรอครับ”  เจนภพรับท้วงเอาไว้ก่อน  เขาไม่อยากให้เจ้าโอเมก้าวิ่งร้องไห้ออกมาหรอกนะ  “ให้ผมเข้าไปพาตัวเธอออกมาดีไหมครับ”

          “ฉันอยากไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง”  อาคิราห์ยืนยัน  เจนภพเปลี่ยนสายตาไปมองเจ้านายที่ขนาบข้างอยู่  ฝ่ายนั้นพยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงอนุญาต  เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะระยะหลังมานี้เขาไม่เคยเห็นพิชช์ฌานปฏิเสธคุณอาคิราห์เลยสักครั้งเดียว

          “ให้คนของเราประกบอาคิราห์เอาไว้แล้วกัน”  พิชช์ฌานว่า

          พวกเขาส่งคนเข้าไปเคลียร์พื้นที่แล้วก็ดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้ว  พิชช์ฌานเดินตามหลังร่างโปร่งบางของภรรยาเข้าไปในซอยเล็ก ๆ แคบ ๆ นั่นอย่างระมัดระวัง  อาคิราห์เองก็สอดส่ายสายตาไปรอบตัว  เขาไม่อยากเป็นภาระของใครทั้งนั้น

          “บ้านหลังนี้ครับ”  เจนภพกระซิบ  เดินเข้าไปเคาะประตูเรียก  “มีคนอยู่ไหมครับ  ผมมาเก็บค่าเช่า”

          “ฉันจ่ายไปแล้วนะ”  มีเสียงตะโกนตอบกลับมาจากชั้นสองของบ้าน  อาคิราห์กับพิชช์ฌานหันมามองหน้ากัน

          “ใช่เสียงของพี่ออมครับ”  อาคิราห์พยักหน้า

          “คุณยังจ่ายไม่ครบครับ”  เจนภพตะโกนกลับไป  “ขาดอีกเยอะเลย”

          “ฉันมีใบเสร็จ  นี่ไงเล่า”  ได้ยินเสียงลงบันไดตึกตักมาจากชั้นบนก่อนที่ประตูบ้านจะถูกไขเปิดออก  ร่างของอดีตพี่เลี้ยงของอาคิราห์ปรากฏตัวขึ้น  เธออ้าปากค้างแล้วรีบดึงประตูปิดแต่ก็ช้าเกินไปเพราะเจนภพรีบดันเอาไว้ได้ทัน

          “กลับไปนะ  ฉันไม่มีอะไรจะพูดด้วยหรอก”

          “พี่ออม  นี่อัยย์เองนะ  อัยย์มาเยี่ยมเฉย ๆ ได้ข่าวว่าพี่ออมย้ายบ้านย้ายที่ทำงาน”  อาคิราห์รีบพูด  ยื่นหน้าเข้าไประหว่างประตูทำให้อดีตพี่เลี้ยงใจอ่อน  ไม่กล้าปิดประตูงับอีก

          “คุณอัยย์มาทำไมคะ  แถวนี้อันตราย  รีบกลับไปเถอะค่ะ”

          “อัยย์อยากมาเยี่ยม  ให้อัยย์เข้าไปได้มั้ย”

          “บ้านพี่สกปรกค่ะ  คุณอัยย์กลับไปเถอะ”  อรุณาพูดซ้ำประโยคเดิม  แต่ว่าเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาก็ดันประตูเข้ามาจนได้  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในบ้านเช่าซอมซ่อหลังนั้น  กวาดตามองสำรวจรอบบ้านอย่างสะท้อนใจ

          “พี่ออมอยู่ได้อย่างไรนี่”  อาคิราห์อุทาน  “ที่นี่อยู่กี่คน”

          “เอ่อ...รวมพี่ด้วยก็หกคนค่ะ  แต่ว่าคนอื่น ๆ ไปทำงาน”

          “หกคน”  อัยย์ร้อง  บ้านหลังนั้นเป็นบ้านแคบ ๆ แบ่งซอยเป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดเท่าแมวดิ้นตายชนิดที่อยู่สองคนยังอึดอัด  แต่นี่อีกฝ่ายกลับบอกว่าอยู่รวมกันหกชีวิต  ห้องของพี่ออมอยุ่ชั้นสองของบ้าน  อาคิราห์ย่องเท้าเดินขึ้นบันไดไม้เก่า ๆ รอเวลาผุพังตามหลังพี่เลี้ยงขึ้นไปช้า ๆ

          แม้ว่าสภาพห้องจะแคบมากแต่การจัดวางของในห้องของพี่ออมก็ยังเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม  อาคิราห์มองเห็นกรอบรูปวางตั้งอยู่เหนือฟูกบาง ๆที่ปูบนพื้นไม้  เป็นรูปของเขากับอคินทร์  แล้วก็รูปพี่ออมกับเด็กอีกคนที่เขาไม่รู้จักสองสามรูป  คงเป็นเด็กที่พี่ออมเคยรับจ้างเลี้ยงดูมาก่อนหน้านี้กระมัง

          “มีรูปอัยย์ด้วย”  อาคิราห์พึมพำ  หยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ ๆ

          “พี่เก็บรูปเด็ก ๆ ที่เคยเลี้ยงเอาไว้น่ะค่ะ”  อรุณาตอบ  ทรุดลงนั่งกับพื้น  “คุณอัยย์นั่งบนฟูกได้ค่ะ  พี่เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูใหม่”

          “ห้องของพี่ออมสะอาดมาก ๆ ไม่เหมือน เอ่อ..ข้างนอก”  อาคิราห์พูดอย่างเกรงใจ  “ทำไมพี่ออมต้องย้ายงานใหม่ด้วย  งานห้องสมุดไม่ดีเหรอ”

          “ดีค่ะ  แต่เขาก็มีคนอื่นเข้ามาทำใหม่เรื่อย ๆ พี่เองก็ไม่ชอบทำงานเป็นหลักแหล่ง”

          “พี่ออมมีปัญหาด้านการเงินหรือเปล่า  อัยย์ถามจริง ๆ นะ  อัยย์อยากช่วย”  อาคิราห์ถามเสียงจริงจัง  “ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ  พี่ออมเลี้ยงอัยย์มาตั้งแต่เล็ก ๆ อัยย์ไม่เคยตอบแทนอะไรเลย”

          “โถ  ทูนหัวของออม  แค่คุณอัยย์โตมาเป็นคนที่ดีขนาดนี้ พี่ออมก็ดีใจแล้วค่ะ  ไม่ต้องตอบแทนอะไรเลย”  เธอเอื้อมมือมาแตะที่ปลายเท้าของอาคิราห์   น้ำตาไหลเป็นทาง  “พี่ออมอยู่แบบนี้ก็สุขสบายตามอัตภาพแล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

          “แต่ว่าพี่เรียนจบปริญญา  ประสบการณ์ก็มี  ทำไมถึงไม่หางานดี ๆ มั่นคงเป็นหลักแหล่งทำล่ะครับ”  อาคิราห์ว่า  จับมือหยาบกร้านของพี่เลี้ยงเอาไว้  “พี่ออมไม่เห็นจำเป็นต้องมารับจ้างไปวัน ๆ แบบนี้เลยนะ”

          “พี่ออมชอบแบบนี้ค่ะ”  เธอตอบสั้น ๆ  “คุณอัยย์ไม่ต้องห่วงเลย  พี่ออมอยู่แบบนี้มานานแล้วสบายมาก  คุณอัยย์กลับไปเถอะค่ะ  หายขึ้นมานานแล้วเดี๋ยวคุณผู้ชายเป็นห่วง”

          “อัยย์จะไม่กลับจนกว่าจะได้คำตอบจากพี่ออม”  อาคิราห์ยืนยัน  “พี่ออมลาออกมาทำไม  บอกอัยย์ได้มั้ย”

          “พี่มีเหตุจำเป็นค่ะ”

          “เรื่องอะไรเหรอ”

          “พี่ไม่อยากให้คุณอัยย์ไม่สบายใจ  เรื่องของพี่ออมไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร  คุณอัยย์จะต้องออกช่วยหาเสียงอีกไม่ใช่เหรอคะ  เหนื่อยหรือเปล่า”

          “พี่ออมไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย  อัยย์รู้ทันหรอกนะ  ถ้าพี่ออมไม่บอก  อัยย์จะเอารูปพวกนี้กลับไปด้วยแล้วก็จะอดข้าวสามวัน”

          “โธ่”  อดีตพี่เลี้ยงหัวเราะทั้งน้ำตา  “คุณอัยย์ทำไม่สำเร็จหรอกค่ะพี่ออมรู้”

          “เดี๋ยวนี้อัยย์โตแล้ว  อัยย์ใจแข็งนะจะบอกให้”  อาคิราห์ว่า  “ยอมบอกมาเถอะนะ  ..อันที่จริง  อัยย์ก็รู้มาแล้วล่ะจากการที่ไปถามคุณแม่มา”

          ใบหน้าของคนฟังซีดเผือดในพริบตา

          “คุณอัยย์ไปถามคุณหญิงเหรอคะ”  อรุณาถามละล่ำละลัก  “ถามเมื่อไหร่กัน  คุณหญิงว่าอย่างไรบ้าง”

          “แม่ยอมบอกความจริง  แต่อัยย์ไม่อยากเชื่อเลยมาถามจากพี่ออมอีกที”   อาคิราห์พูดเรียบ ๆ แล้วก้มหน้าลงต่ำ  “พี่ออมบอกอัยย์ทีสิว่าที่แม่พูดมันไม่จริง”

          “คุณอัยย์”  อรุณาคราง  เอื้อมมือมาประคองใบหน้าเรียวหวานเอาไว้  “คุณอัยย์ฟังพี่นะ  มันไม่จริงค่ะ  ไม่จริงเลย  คุณแม่รักคุณอัยย์นะคะ  รักมาก ๆ ด้วย  แต่ว่าท่านรู้สึกผิดถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

          อาคิราห์เกือบขมวดคิ้วแต่ยั้งไว้ทัน  เขาเล่นตามน้ำไปต่อ

          “อัยย์ไม่เชื่อ  ถ้าแม่รู้สึกผิดจริงจะทำแบบนี้ทำไม”

          “คุณหญิงรู้สึกผิดจริง ๆ ค่ะ  มันกลายเป็นบาปในใจของท่าน  ตอนที่ท่านคลอดคุณอัยย์ออกมาท่านก็ร้องไห้ใหญ่  แต่ว่าตอนนั้นพี่ออมไม่รู้เรื่องนี้  พี่ออมมารู้ทีหลัง”  อรุณาเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง  ทอดสายตามองรูปถ่ายในกรอบที่วางเอาไว้ราวกับนึกย้อนกลับไปในอดีต  “พี่ออมก็ผิดเองที่อยากรู้อยากเห็น  คุณอัยย์อย่าเข้าใจคุณแม่ผิดนะคะ”

          “ทำไมพี่ออมต้องลาออกด้วย  แม่ใจร้าย”

          “พี่ออมเป็นคนผิดค่ะ  คุณหญิงท่านสั่งแล้วว่าไม่ให้เปิดดู  แต่พี่ออมก็แอบเปิดดู  ถึงได้รู้เรื่อง”  อรุณาพูดพึมพำ  “พี่ออมเข้าใจคุณหญิงนะคะ  สมัยนั้นไม่มีใครยอมรับโอเมก้า  ยิ่งครอบครัวของท่านนายกฯเป็นอัลฟ่าบริสุทธิ์ด้วยแล้ว  มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริง ๆค่ะ  คุณหญิงถึงจำเป็นต้องทำ  แต่ว่ากับคุณอัยย์ไม่เหมือนกันนะคะ  คุณหญิงรักคุณอัยย์แล้วก็รู้สึกผิด...”

          คนฟังหูผึ่ง

          “แม่ทำจริง ๆ เหรอ”  เขาแกล้งถามต่อ  อีกฝ่ายหลงกลตอบกลับมา

          “คุณอัยย์อย่าบอกคุณหญิงนะคะว่าพี่ยังอยู่ที่นี่  ไม่ได้ไปเมืองนอกอย่างที่เธอต้องการ”  อรุณารีบบอก  “คุณหญิงส่งลูกโอเมก้าคนนั้นออกไปจากบ้านจริง ๆค่ะ  พี่รู้เพราะเห็นในเล่มฝากครรภ์ของท่านว่าท่านเคยมีลูกอีกคนก่อนที่จะท้องคุณอัยย์กับคุณคิน”

          อาคิราห์นิ่งตะลึง  มองหน้าพี่อดีตเลี้ยงอย่างตกใจ

          “ลูกอีกคนเหรอครับ”

          “ใช่ค่ะ  อ้าว..คุณอัยย์ไม่ได้รู้อยู่ก่อนแล้วเหรอ”  อรุณาอ้าปากค้างบ้าง  “หรือว่าคุณอัยย์หลอกพี่”

          “แม่มีลูกอีกคนที่เกิดก่อนอัยย์กับคินเหรอ  ...แสดงว่าอัยย์กับคินก็ไม่ใช่ลูกหลงน่ะสิ  อัยย์เคยสงสัยแล้วว่าทำไมเกิดห่างจากพี่อริศราตั้งสิบสองปี  ที่แท้คือคุณแม่มีลูกอีกคนเหรอครับ”  อาคิราห์ตกใจมาก  “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ”

          “น่าจะเสียชีวิตไปแล้วค่ะ”  อรุณาตอบเสียงเบา  “พี่แอบถามแม่บ้านคนก่อนที่ลาออกไป  เขาเล่าให้ฟังว่าคุณหญิงให้อุ้มลูกคนนั้นไปวางเอาไว้ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะ  วันนั้นฝนตกหนัก...อากาศหนาวมาก ๆ”

          อาคิราห์นึกภาพตามแล้วก็ตัวสั่นขึ้นมา

          “แม่ให้ทิ้งลูกตัวเองเหรอครับ  เขาปล่อยให้ลูกของตัวเองตาย”  เขากระซิบเสียงแหบ  “เป็นเรื่องจริงเหรอครับ”

          อดีตพี่เลี้ยงพยักหน้ารับ

          “ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับค่ะ  สมัยก่อนโอเมก้ายังไม่ได้รับการยอมรับเท่าสมัยนี้  อัลฟ่าที่คลอดโอเมก้าออกมาถือเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์จะต้องถูกรุมประนามอย่างหนัก  อย่าว่าแต่ตำแหน่งคุณหญิงเลย  แม้แต่จะใช้ชีวิตธรรมดาก็ยังยากลำบากเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่มีสายเลือดไม่บริสุทธิ์

          “แม่เลือกจะปกป้องตัวเองด้วยการฆ่าลูกที่เป็นโอเมก้าเหรอครับ”  ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้อาคิราห์รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม  “แล้วทำไมแม่ไม่ฆ่าผมด้วยล่ะ  ทำไมผมถึงยังมีชีวิตอยู่”  แม้จะไม่เคยมอบความรักให้เขาอย่างที่มอบให้ฝาแฝด  แต่ว่ามารดาก็ไม่เคยทอดทิ้งเขาอย่างโหดร้ายขนาดนั้น

          “เพราะคุณเป็นแฝดค่ะ”  อรุณาตอบตามจริง  “ทุกคนรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณหญิงท้องแฝด  จึงไม่สามารถทำแบบท้องที่แล้วที่อ้างว่าแท้งได้  อีกอย่าง....ช่วงสิบกว่าปีนั้นก็เกิดการปฏิวัติทางสังคมขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทำให้สังคมเริ่มยอมรับโอเมก้ามากขึ้น  ถึงแม้ประเทศเราจะยังไม่เปิดกว้างแต่ก็ไม่ถึงขึ้นถอดยศคุณหญิง”

          อาคิราห์หลับตาลงอย่างสะเทือนใจ

          “คุณอัยย์...อย่าไปคิดมากเลยนะคะ  ถึงอย่างไรคุณหญิงท่านก็รักแล้วก็เลี้ยงดูคุณอัยย์มาอย่างดีนะคะ  ตอนที่พี่ออมทำงานอยู่ด้วย  พี่ออมก็รู้ว่าท่านรู้สึกผิดมาก ๆ กับลูกคนก่อนของท่านที่ทิ้งไป”

          “เขาก็เลยเย็นชากับผมงั้นเหรอ”

          “เพราะท่านไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกกับคุณอย่างไรมากกว่าค่ะ”  อดีตพี่เลี้ยงแก้ให้  “คุณแม่รักคุณอัยย์นะคะ”  เธอลูบแขนโอเมก้าอย่างปลอบใจ  “อย่าคิดมากเลยนะ”

          “ถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ต้องไล่พี่ออมออกด้วย  แค่เรื่องนี้เหรอ”

          อรุณาอึกอักเหมือนจะเล่าต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ

          “คุณหญิงขอให้พี่ออมไปเมืองนอกแล้วก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับค่ะ”  เธอพูดเรียบ ๆ “พี่ออมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยจนกระทั่งคุณอัยย์มาถามนี่ล่ะ”  เธอเช็ดน้ำตากับน้ำมูกในอาคิราห์โดยไม่รังเกียจ  “หยุดร้องนะคะ  ไม่ต้องร้องแล้วนะ”

          “อัยย์ไม่เคยรู้เลย  แล้วคนอื่นรู้เรื่องนี้มั้ย....คิน”

          “พี่ออมก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”  เธอส่ายหน้า  “พี่ไม่ได้เฉียดไปใกล้บ้านหลังนั้นนานแล้ว”

          อาคิราห์พูดคุยกับพี่เลี้ยงต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็กลับลงมาด้วยสภาพจมูกแดงตาช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก  เขาพบว่าร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นกลางบ้านโดยมีคนอื่นนั่งแอบอยู่มุมห้องเพื่อรอเขา  พิชช์ฌานหันขวับมามองทันที

          “ว่าจะขึ้นไปดูแล้ว  ทำไมหายไปนานจัง”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างของโอเมก้าเอาไว้  “ไปคุยกันในรถแล้วกันนะ”  เขาพึมพำ  พาอาคิราห์กลับออกมาจากบ้านหลังนั้น

          อาคิราห์เงียบอยู่นานจนกระทั่งกลับมาถึงบ้านถึงได้ยอมเปิดปากเล่าให้สามีฟัง  พิชช์ฌานทั้งตกใจและแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น  ชายหนุ่มนิ่งอึ้งฟังภรรยาเล่าไปร้องไห้ไปจนจบ

          “ผมโชคดีมาก ๆ ที่ไม่ถูกทิ้งแบบลูกคนนั้น”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  “เคยได้ยินเรื่องแม่ใจร้ายทิ้งลูก  ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกับตัว”

          พิชช์ฌานนึกภาพของคุณหญิงภรรยาท่านนายกฯคนนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ  หน้าตาท่าทางงดงามสมกับเป็นนางงามหลายเวที  ไม่นึกเลยว่าจะเหี้ยมโหดถึงเพียงนั้น  จะโทษว่าเป็นเพราะบริบทสังคมสมัยก่อนก็ไม่ถูก  ถ้าเจ้าตัวไม่ได้เห็นแก่ตำแหน่งภรรยาของไตรคุณก็คงไม่ทำ

          เขาโอบอาคิราห์เข้าหาตัว  เจ้าโอเมก้าซุกใบหน้าเข้ากับอกของเขาสะอื้นฮัก

          “ใจเย็น ๆ ก่อน  ไม่เอาน่าอาคิราห์”  เขาพึมพำ  แตะริมฝีปากเข้าที่ซีกแก้มข้างนั้นแผ่ว ๆ รสเค็มปะแล่มของหยดน้ำตาติดที่ปลายลิ้น  “นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าจากอดีตพี่เลี้ยงของเธอเองนะ  ไม่มีอะไรพิสูจน์อีกเลย”

          “พี่ออมคงไม่โกหก”

          “จะโกหกหรือเปล่าฉันไม่รู้  แต่ว่าต้องมีหลักฐานมากกว่าคำพูดของคน ๆ เดียวถึงจะพิสูจน์ได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อนเลย”

          “จริงของคุณ”  อาคิราห์ใช้เสื้อของสามีเช็ดหน้า  “แต่ผมก็เชื่อพี่ออมไปแล้ว”  เขาพูดต่อเสียงอ่อย  อีกฝ่ายหัวเราะ

          “ไม่ได้สิ  ห้ามเอนเอียงก่อน  ไม่อย่างนั้นจะไม่ยุติธรรมนะ  วันนั้นอ่านในหนังสือเรียนเขาว่ายังไง  ต้องมีหลักฐานประจักษ์ใช่ไหม”  พิชช์ฌานว่า  ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเบา ๆ “เดี๋ยวฉันจะให้คนช่วยสืบให้  ไม่ต้องห่วง”

          “ผมคิดวิธีเอาไว้แล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  คนฟังขมวดคิ้วอย่างระแวง

          “คงไม่ใช่วิธีแผลง ๆ อีกหรอกนะ  ฉันขอห้ามขาด  ไม่ให้บุ่มบ่ามทำอะไรเองเข้าใจมั้ย  ให้รอฟังผลของฉันก่อน”

          เจ้าโอเมก้าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 14-07-2019 13:37:42





         พิชช์ฌานให้เจนภพช่วยไปสืบเรื่องของคุณหญิงอารยาให้  อีกฝ่ายเข้ามารายงานพร้อมกับเรื่องของปลาบู่ที่ตายอย่างปริศนา

          “สรุปก็คือสัตวแพทย์บอกว่ามันได้รับสารเคมีชื่อ...อะไรนะ  ขออีกที”  พิชช์ฌานทวนคำ  “ทำให้ตายใช่มั้ย  แล้วไอ้สารนี่มันมาอยู่ในตู้ปลาของฉันได้ยังไง”

          “เขารายงานมาแค่นี้ครับ  ส่วนเรื่องน้ำที่กลายเป็นสีแดง  เกิดจากใส่สีลงไปครับ”

          “แสดงว่าต้องมีคนเข้ามาในห้องเพื่อทำสิ  แล้วทำไมกล้องวงจรปิดไม่เห็น”  พิชช์ฌานพูดอย่างครุ่นคิด

          “อาจจะเข้ามาตอนที่ห้องมืดสนิทครับ”  เจนภพพูดขึ้นช้า ๆ “เมื่อคืนผมลองดูแล้ว ถ้าแต่งตัวกลมกลืน เข้าไปในห้องตอนที่ปิดไฟมืดหมดล่ะก็  ดูภาพจากกล้องแทบจะไม่ออกเลยครับ”

          “ฉันว่ากล้องวงจรปิดของฉันถ่ายในที่มืดได้นะ”  พิชช์ฌานเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะ  “ฝากเรียกคนดูแลกล้องมาคุยกับฉันด้วย   ส่วนเรื่องปลาคิดว่าน่าจะต้องเป็นคนในบ้านแล้วล่ะ  ถึงได้รู้เรื่องกล้องเรื่องเวลาปิดไฟของบ้าน  ฝากจับตาดูคนในบ้านเป็นพิเศษด้วย  โดยเฉพาะเวรยามคืนนั้น”

          “ครับ”

“แล้วเรื่องคุณหญิงอารยา  คุณแม่ของคุณอาคิราห์ได้ความว่าไงบ้าง”

          “เป็นความจริงครับ   ผมได้เจอคุณหมอที่ทำคลอดให้คุณหญิงเมื่อสมัยนั้น  คุณหญิงเคยคลอดลูกคนที่สามที่โรงพยาบาล....จริงในปี .....  ก่อนที่จะคลอดคุณอัยย์ในอีกสิบสองปีต่อมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน”

          “แล้วทำไมถึงเก็บเป็นความลับเอาไว้ได้นานขนาดนี้”  พิชช์ฌานพูด  “ถึงจะคลอดออกมาเป็นโอเมก้า  แต่ก็ไม่น่าจะใจร้ายถึงขั้นเอาไปทิ้งเลย  ตระกูลนั้นเลือดเย็นจริง ๆ”  พอเห็นหน้าเจนภพแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายก็ถูกเก็บงำความลับเอาไปเลี้ยงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเช่นกัน  พิชช์ฌานกระแอม  “แล้วอาคิราห์รู้หรือยัง”

          “ยังไม่ได้บอกคุณอัยย์ครับ”

          “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวไว้ฉันจะบอกเอง  ตอนนี้เขาคงลืม ๆ ไปแล้ว  กลับบ้านไปท่องหนังสือเตรียมสอบ  ไหนจะเตรียมงานของตัวเองอีกก็เหนื่อยจะแย่  ตัวแค่นี้ไม่รู้จะคึกอะไรนักหนา”

          “เมื่อวานคุณยังบ่นว่าคุณอัยย์อ้วนปุ้กอยู่เลยครับ”  เจนภพพูดเนิบ ๆ มองพี่ชายด้วยหางตา  “ผมขอไปทำงานก่อนนะครับ”  ชายหนุ่มรีบเดินออกไป

          พิชช์ฌานใช้เวลาคิดหาวิธีบอกความจริงกับอาคิราห์อยู่หลายวัน  ระหว่างนั้นก็จับตาดูคนในบ้านไปด้วยแต่ก็ไม่พบความผิดปกติเลย  ถ้าคนร้ายยังอยู่ในบ้านเขาล่ะก็  มันจะต้องระวังตัวมากทีเดียว

          “ทำอะไรอยู่  อาคิราห์”  ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องสมุดที่มีเจ้าโอเมก้านั่งขีดอะไรอยู่อย่างเคร่งเครียด  มีนิลลานั่งอยู่ด้วยเงียบ ๆ  “หน้าเครียดเชียว”

          “ผมกำลังเลือกสัญลักษณ์ของมูลนิธิฯอยู่  นิลลาเอามาให้เลือก  คุณลองดูสิ”  อาคิราห์ส่งแผ่นภาพในมือมาให้ดู ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่าง ๆ “ผมอยากใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์”

          “ทำไมไม่ใช้อะไรที่มันดูแข็งแกร่งหน่อย  แบบค้อนหรือขวาน  อะไรทำนองนั้น”  พิชช์ฌานว่า  นิลลาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  “จะได้ดูเป็นโอเมก้าเข้มแข็งไงล่ะ”

          “โธ่  ผมไม่อยากให้มันดูแข็งเกินไป  เราไม่ได้จะไปรบกับใครนะ”  อาคิราห์พึมพำ  “เอาดอกกุหลาบดีกว่า  สวยบอบบางแต่ก็มีหนามแหลมคม  สื่อแทนโอเมก้าที่สวยงามแต่ก็สามารถป้องกันตัวได้  ดีไหมครับ”

          “เลือกเพราะชอบเป็นการส่วนตัวก็บอก  ไม่ต้องมาหาเหตุผลนู่นนี่”

          คนฟังหัวเราะ  ยกมือขึ้นปิดปาก  เหลือแต่ลูกตากลมโตเป็นประกายวาววับ

          “รู้ทัน”

          “ไม่รู้ทันจะเป็นสามีเธอได้เหรอ”  พิชช์ฌานย้อน  “นิลลา  ฉันขอกาแฟสักแก้วได้มั้ย”  เขาหันไปบอกคนสนิทของภรรยา  อีกฝ่ายผละออกไปอย่างเงียบกริบ  “นิลลาทำงานเป็นยังไงบ้าง”  เขาถามขึ้นเบา ๆ คล้ายไม่ใส่ใจนัก

          “ทำงานดีทีเดียว  เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก”  อาคิราห์พูดอย่างพอใจ  “แต่ถ้าจะเปิดมูลนิธิฯจริง ๆ แค่นิลลาคงไม่พอ  ผมต้องเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม”

          “ตกลงจะเปิดแน่นะ”

          “แน่นอนสิครับ”  อาคิราห์ยิ้มหวาน  เกาะท่อนแขนล่ำสันเอาไว้  “โครงการแรกของเราคือการจัดสอบเทียบวุฒิให้กับโอเมก้าเพื่อใช้ในการสมัครงานต่าง ๆ  ผมมาคิดดูแล้ว  ส่งเสริมการศึกษาสำคัญที่สุด  อย่างอื่นค่อยว่ากันไปทีละเรื่อง”

          “น่าสนใจนี่ ..ส่งร่างแผนงานมาให้ฉันดูแล้วกัน”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “ขาดสปอนเซอร์ล่ะสิ”

          อาคิราห์พยักหน้ารับ

          “ทำตัวดี ๆ โครงการน่าจะผ่านการพิจารณาได้เร็วเป็นพิเศษ”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  ลูบที่ไหปลาร้าของภรรยาอย่างมีความหมาย  อีกฝ่ายหน้าร้อนซู่  ปัดมือใหญ่ออก

          “ทำตัวเหมือนพวกเสี่ยแก่ ๆ ชอบเลี้ยงอีหนูเลย”

          “ฉันไม่ลงพุงเสียหน่อย”  นักการเมืองหนุ่มว่า  จับมือเล็ก ๆ มาวางบนหน้าท้องแข็งแรงด้วยมัดกล้าม  “เธอก็รู้ว่าฉันฟิตขนาดไหน”

          “สรุปผมใช้ดอกกุหลาบนะ”  อาคิราห์ดึงมือกลับ  เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายหัวเราะหึ ๆ ดึงมือเอาไว้

          “เดี๋ยวก่อน  มีอีกเรื่องหนึ่งต้องบอกเธอ  ..ฉันให้คนไปสืบมาแล้วสรุปว่าคุณหญิงอารยาแม่ของเธอเคยตั้งท้องลูกคนที่สามจริง ๆ”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ  “พี่เลี้ยงของเธอพูดถูก  เขารู้เรื่องนี้เข้าเลยถูกไล่ออก”

          คนฟังใจหายวูบ  แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ตาม

          “แล้วตอนนี้พี่ออมอยู่ที่ไหน”

          “ฉันให้คนตามประกบอยู่  ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยหรอกนะ”  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  “เธอจะเอาอย่างไรต่อ  ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปคงทำให้ความนิยมของพ่อเธอตกฮวบเลยล่ะ”

          “คุณอย่าบอกใครได้มั้ย”  อาคิราห์คว้ามือใหญ่มาบีบแน่น  “อย่าเพิ่งบอกใครเลยนะ  ช่วยเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนได้หรือเปล่า”  น้ำตาร้อน ๆ เริ่มเอ่อคลอ  “แล้วเด็กคนนั้น  เขาก็ตายจริง ๆ ใช่ไหมครับ”

          “ไม่มีหลักฐานอะไรอีก  ถ้าไม่ตายก็คงหายสาบสูญ  ไม่มีทางตามเจออีกแล้ว”  พิชช์ฌานตอบอย่างสงบ  “ขนาดใบแจ้งเกิดยังถูกทำลายไปแล้วเลย  ไม่มีอะไรมายืนยันได้นอกจากตรวจดีเอนเอแล้วล่ะ”

          “แม่ใจร้ายมาก”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นปิดหน้า  “แม่ทำได้ลงคอ  ผมโชคดีแค่ไหนที่ไม่ถูกปล่อยให้ตาย” 

          “ไม่เอาน่ะ  อย่าคิดอย่างนั้น  คนเราหลงผิดกันได้  แม่ของเธอก็คงจะคิดได้แล้วล่ะ”  พิชช์ฌานปลอบใจ

...

          หลายอาทิตย์หลังจากนั้นอาคิราห์ก็งานยุ่งจนแทบจะลืมเรื่องมารดาไปเป็นปลิดทิ้ง  การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้มข้นชนิดที่ไม่มีใครยอมใครทั้งฝ่ายอดีตพรรครัฐบาลและอดีตพรรคฝ่ายค้าน  กลยุทธของพิชช์ฌานในคราวนี้ใช้วิธีแบ่งเป็นกลุ่มย่อย  เน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานเป็นหลักสมกับแผนนโยบายพรรคที่ชูความก้าวหน้าเท่าเทียมกับต่างประเทศและแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่การันตีผลลัพธ์

          “แถบนี้เป็นฐานเสียงของพรรครัฐบาลเดิม  เราคงตียากหน่อย  แต่ว่าฉันรู้มาว่าเขามีปัญหาเรื่องขยะของโรงงานมานานแล้ว  น่าจะชูนโยบายกำจัดขยะของเราเข้าช่วย”  พิชช์ฌานพูดอย่างเคร่งขรึม  “เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงงานพวกนี้  ชาวบ้านน่าจะฟังมากกว่าพวกชุดเก่าที่เอาประโยชน์เข้ากระเป๋า”

          “ครับท่าน”

          “พรุ่งนี้ต้องจบโซนนี้ทั้งหมด  ฉันจะไปช่วยแถวภาคใต้หาเสียงต่อ  เราล่าช้ากว่าแผนไปเกือบอาทิตย์เพราะปัญหาเรื่องถูกซื้อตัว  อย่าให้ช้ากว่านั้น”  หัวหน้าพรรคว่า  รีบขวดน้ำมาดื่มอย่างกระหาย  “นักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์ฉันกับอาคิราห์มาหรือยัง”

          “มาแล้วค่ะท่าน  รออยู่ข้างนอกกับคุณอาคิราห์ค่ะ”

          “ฝากส่งโพลให้ฉันคืนนี้ด้วยนะ”  ชายหนุ่มพูดก่อนจะกลับออกมาจากรถตู้  เจอภรรยากำลังยืนคุยกับนักข่าวอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส  เขาเดินเข้าไปร่วมวงด้วย

          ช่วงที่ผ่านมามีบรรดาสื่อหลากหลายแขนงทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาขอสัมภาษณ์เขากับอาคิราห์มากมาย  ไม่ว่าพวกเขาจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นต้องอยู่ในข่าวทั้งหมดโดยเฉพาะอาคิราห์ที่เป็นโอเมก้าคนแรกที่กำลังมีบทบาทในการเมืองขณะนี้ซึ่งถูกจับตามองมากที่สุดทั้งฐานะภรรยาของเขาควบตำแหน่งเลขานุการพรรค  และว่าที่ประธานมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าที่มีกำหนดจะเปิดอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น

          “ทำงานหนักกันทั้งคู่แบบนี้  มีเวลาเติมความหวานให้กันอย่างไรบ้างคะ”  ผู้สื่อข่าวสาวถามขึ้นยิ้ม ๆ พิชช์ฌานยิ้มกว้าง

          “เขาชอบกอดผมครับ”  หัวหน้าพรรคการเมืองชื่อดังตอบ  “ว่าง ๆ เราก็กอดให้กำลังใจกัน”

          “คือ...เราไม่ได้กอดกันบ่อยขนาดนั้น”  อาคิราห์รีบพูด  หน้าแดงจัดด้วยความเขิน

          “ทุกครั้งที่ว่างครับ  การกอดช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง  ความคิดไหลลื่น  ไม่เชื่อคุณลองดูสิครับ”  พิชช์ฌานว่า  “ใช่ไหม  เธอบอกฉันเมื่อคืนก่อนเอง”  ประโยคหลังเขายื่นหน้าเข้าไปถามภรรยาอย่างขัน ๆ “จะปฏิเสธก็คิดดี ๆ นะ”

          “ก็จริงครับ”  อาคิราห์ตอบอุบอิบเพราะกลัวอดกอดอีก

          เสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นประสานเสียง  นักข่าวยิงคำถามต่อไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ใคร ๆ ก็รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้คิวทองขนาดไหน

          อาคิราห์เป็นนักพูดที่ดีทีเดียว  ถึงแรก ๆ จะตะกุกตะกักไปบ้างด้วยความตื่นเต้นแต่ตอนหลังก็พูดคล่องปรื๋อ  พิชช์ฌานให้เขารับผิดชอบนโยบายเพื่อโอเมก้าโดยเฉพาะ  เขาดีใจมากที่ในหลาย ๆ พื้นที่ที่ไปได้พบกับเหล่าโอเมก้าที่มารอรับพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงที่อาคิราห์ชอบและกลายเป็นสัญลักษณ์มูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าของเขา

          “ผมบอกเจ้านายตอนที่รู้ข่าวว่าคุณมา”  โอเมก้าคนหนึ่งกระซิบเร็วปรื๋อ  ส่งดอกกุหลาบสีแดงสดมาให้  “เขายอมให้ผมหยุดวันนี้หนึ่งวันเพื่อมาหาคุณ”

          “จริงเหรอ”  อาคิราห์ตื่นเต้นไม่แพ้กัน  “ขอบคุณนะที่มา  สนใจเข้าร่วมมูลนิธิของเรามั้ย”

          “สนใจมาก ผมถึงได้มาวันนี้  ผมต้องลงชื่อตรงไหน  ผมมีเงินไม่มากแต่ก็เตรียมมาให้  มันเป็นเงินเก็บครึ่งหนึ่งของผมเลย”  อีกฝ่ายพูดอย่างกระตือรือร้น  ล้วงกระเป๋าย่ามเก่า ๆ หยิบกระเป๋าเงินกับซองเอกสารยับย่นขึ้นมาส่งให้  “ผมอยากเห็นสิ่งที่คุณพูดเป็นจริง”

          “มันจะต้องเป็นจริง  ด้วยความร่วมมือของพวกเราทุกคน”  อาคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ให้นิลลาเข้ามาช่วยลงทะเบียนเอาไว้  เหล่าโอเมก้าคนอื่นค่อย ๆ ทยอยเข้ามาทักทายอาคิราห์และลงชื่อบ้าง

          อาคิราห์มอบเข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีแดงสดเอาไว้ให้

          “มันเป็นเครื่องหมายของผู้ร่วมมูลนิธิฯ ด้านหลังเป็นเบอร์โทรและช่องทางติดต่อ  ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรมาที่เบอร์นี้”  เขาว่า

          “เรารู้ ๆ เราดูในข่าวมา  เห็นคุณออกทีวีทุกวัน  เรารอคอยอยากให้คุณมาจะได้เข้าร่วมมูลนิธิฯของคุณ”  โอเมก้าอีกคนพูดขึ้น  ติดเข็มกลัดเข้าที่อกเสื้อเรียบร้อย  “มันสวยมาก ๆ  และคุณก็ด้วย..อาคิราห์”

          อาคิราห์ยิ้มกว้าง  จับมือทุกคนอย่างตื้นตันใจ

          “ฉันขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่มา  มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยนะ  กว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจะเป็นจริง  นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น...”  อาคิราห์พูด  “แต่ฉันรับรองว่าจะไม่ให้มันสูญเปล่า”

          “เรารอได้คุณอาคิราห์  เรามาเกินครึ่งชีวิตแล้ว  อย่างน้อยลูกหลานของเราก็จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเรา”

          “นั่นคือจุดมุ่งหมายของมูลนิธิฯ”

          พิชช์ฌานกล่าวปราศรัยจบก็ลงจากเวทีมาหาภรรยาโอเมก้าที่นั่งกอดช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่บนตักด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม  ดอกกุหลาบพวกนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นทุกทีจากสองสามดอกในตอนแรก ๆ ที่ไปหาเสียงกลายเป็นช่อใหญ่เต็มอ้อมกอดทุกครั้งที่อาคิราห์ปรากฏตัวขึ้น  เข็มกลัดที่อาคิราห์สั่งทำก็หมดเกลี้ยงทุกครั้งในระยะหลัง  ไม่ใช่เฉพาะแต่โอเมก้าแต่เริ่มมีเบต้าและอัลฟ่าบางคนที่สนใจจะบริจาคให้

          “อุ้มกลับไหวเหรอนั่น”   ชายหนุ่มพูด  “ฉันพูดคอแทบแตกไม่เห็นจะได้สักดอก  เธอนั่งเฉย ๆ ได้เป็นช่อเลย”  พิชช์ฌานค่อนแคะ  ช่วยพยุงร่างโปร่งบางที่ตอนนี้หน้าท้องเริ่มเห็นได้ชัดให้ลุกขึ้นยืน  อาคิราห์ยิ้มจนตาหยี

          “อะไรก็แข่งกันได้ แต่หน้าตาแข่งกันไม่ได้”

          “แถวนี้เขาคงชอบหน้าบู้บี้แบบนี้ล่ะซิ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “วันนี้ได้รายชื่อกี่คน”

          อาคิราห์ชูนิ้วมือให้ดูแล้วเรียกนิลลาให้ยกบัญชีมาอวด

          “อย่าลืมว่าต้องเปิดเผยชื่อผู้บริจาคกับรายรับรายจ่ายให้ชัดเจนนะ  เรื่องเงินต้องเปิดเผยชัดเจน”  พิชช์ฌานพูดอย่างผู้มีประสบการณ์  “ให้เจนภพช่วยดูก็ได้”  เขาเรียกน้องชายที่ยืนคุยกับลูกพรรคอยู่เข้ามา  “วันก่อนข่าวเล่นเรื่องที่เรารับบริจาค  บอกว่าจะเอาไปเป็นทุนหาเสียงของพรรค  ทำท่าจะยกเรื่องนี้มาฟ้องฉัน  แต่ขอโทษ..ทีพวกนั้นนัดกินข้าวระดมทุนกันโต๊ะละหลายล้านฉันยังไม่เคยว่าสักคำ”

          “คุณไม่ว่า  แค่บังเอิญหลุดปากกับนักข่าวใช่ไหมล่ะ”  อาคิราห์พูดอย่างรู้ทัน

          คนฟังหัวเราะ

          “ถึงฉันไม่พูด  ใคร ๆ ก็รู้  ฉะนั้นการบริจาคเข้ามูลนิธิของเธอน่ะมันเล็กน้อยมาก  ยอดเงินกระจึ๋งเดียว  เอาไปทำอะไร  ปริ้นท์ไวนิลผืนเดียวก็หมดแล้ว”

          “แหมดูถูก”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่  “มันแค่เริ่มต้น ๆ เดี๋ยวอีกหน่อยรับรองว่ามูลนิธิของเราจะต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกร”

          “ตึกเสร็จแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานถาม  “เอาแค่ที่ทำการของมูลนิธิฯก่อน  อย่าเพิ่งไปไหนไกล”

          “ใกล้เสร็จแล้วน่า”  อาคิราห์งึมงำ  เขาขอใช้พื้นที่ห้องสมุดแห่งนั้นปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีสำนักงานของมูลนิธิฯอยู่ข้างบนแทน  กำลังอยู่ในช่วงตกแต่ง  “จะทวงเงินแล้วเหรอ”

          “ฉันบริจาคให้ในฐานะสามีของคุณอาคิราห์ไง”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ  “อย่าลืมว่าห้องทำงานของเธอต้องมีรูปหน้าฉันติดอยู่ด้วย  เลือกรูปที่หล่อที่สุดของฉันไปติดเลยในฐานะผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด”

          “ติดในห้องทำงานก็มีแค่ผมเห็นคนเดียว  ผมว่าไม่เวิร์คหรอก  เดี๋ยวผมจะติดรูปคุณเอาไว้หน้าส้วม  ใครผ่านไปผ่านมาจะได้เห็นแล้วก็สำนึกในความใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำของคุณ”  อาคิราห์พูดหน้าตาย

          คนฟังยกมือขึ้นเขกหัวเจ้าโอเมก้าดังโป๊ก  อาคิราห์คอย่น  รีบอุ้มช่อดอกไม้เดินหนีพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักส่งท้าย

          พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

          “คุณพิชช์ฌานครับ  เมื่อกี้คุณนายโทรมาอยากให้คุณกับคุณอาคิราห์แวะไปทานข้าวเย็นครับ”  เจนภพขยับเข้ามากระซิบข้าง ๆ

          “แม่เหรอ?  หรือว่าพ่อฉันกันแน่”

          “คุณปฏิเสธคุณพ่อไปแล้วนี่ครับ”  เจนภพพูดเรียบ ๆ “เป็นคุณนายครับ”

          “เวลาพอไหม  ฉันมีนัดพบนายทุนพรรคคืนนี้ไม่ใช่เหรอ”

          “พอครับ”  เจนภพพยักหน้ารับ  “ผมเตรียมของฝากไปเยี่ยมคุณนายให้แล้วครับ”

          พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

          “ยังไงก็ต้องไปหาสินะ”

          บ้านของแม่เขายังอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อหลังสุดที่มา  อาคิราห์หันมามองหน้าเขาเหมือนขอกำลังใจ  ท่าทางเจ้าโอเมก้าตื่นเต้นแกมวิตกไม่น้อยที่จะได้มาเจอหน้าแม่สามีเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวมาก่อน   

          “จะกลัวอะไร  แม่ฉันเจอแม่หมอทำนายตอนนั้นก็เรียกหาเธอเป็นสะใภ้คนโปรดแล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ

          “ผมต้องทำยังไงบ้าง  เกิดแม่คุณไม่พอใจขึ้นมาทำไง”  อาคิราห์พูดประโยคเดิมที่บ่นมาตลอดทาง  “ผมต้องวิ่งออกจากบ้านหรือเปล่า”

          “ไม่หรอกน่า”  พิชช์ฌานลูบหลังไปมา  “ถ้าเธอจะวิ่งเมื่อไหร่ก็ส่งสัญญาณมาแล้วกัน  ฉันจะได้เผ่นออกมาด้วย”

          “โธ่  ไม่มีประโยชน์เลยคุณนี่”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก

          คุณนายนวลพรรณดูดีใจที่ได้เจอบุตรชายอีก  มีการตัดพ้อเล็กน้อยว่าพักหลังมานี้ไม่ค่อยจะแวะมาหาเธอบ้างเลย

          “ได้เจอหน้าลูกผ่านหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น  คิดดูแล้วกันว่าฉันเป็นแม่ที่อาภัพแค่ไหน”  เธอว่า “แล้วดูซินี่หาเสียงทั้งวันไม่ดูแลตัวเองเลยเหรอ  คล้ำลงตั้งเยอะ  เมียเราเขาไม่ช่วยดูหรือไง”

          “เขาบอกให้ผมทาครีมกันแดดแล้วครับ  แต่บางทีมันก็เอาไม่อยู่”  พิชช์ฌานอ้อมแอ้ม  อาคิราห์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  เจ้าโอเมก้าเดินตรงมานั่งประสานมือเรียบร้อยเคียงข้างสามี

          “มาพอดี ...ปกติการดูแลรูปลักษณ์ของสามีเนี่ยก็เป็นหน้าที่โดยตรงของภรรยา  เธอคงรู้อยู่แล้วใช่มั้ย”  คุณนายนวลพรรณพูดขึ้น  มองหน้าอาคิราห์นิ่ง ๆ “ยิ่งช่วงนี้ฌานทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลตัวเอง  เรายิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่เอาแต่สนใจมูลนิธิฯอะไรนั่นที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง”

          อาคิราห์ขยับตัว

          “คุณแม่อยากให้ผมปรับปรุงตรงไหนครับ  ถ้าเป็นเรื่องรูปลักษณ์...พวกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นรสนิยมของคุณพิชช์ฌานที่ดีอยู่แล้ว  ผมไม่เคยก้าวก่าย  แต่ถ้าคุณแม่เห็นว่าคุณพิชช์ฌานดูหน้าดำคร่ำเครียดก็เป็นเพราะเขาจริงจังในการทำงาน  ผมว่าเป็นลุคที่ดีสำหรับคนทำงานครับ  ผมแบ่งเวลาไปดูแลมูลนิธิฯก็จริงแต่ว่าเรื่องของลูกชายคุณแม่มาเป็นอันดับหนึ่งครับ”

          อัลฟ่าหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยสง่าเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย

          “คิดได้อย่างนั้นก็ดี  ฉันหวังว่าคงไม่ได้ดีแต่ปากหรอกนะ”  เธอพูดแล้วลุกขึ้นยืน  “ฉันจะไปเตรียมอาหารเย็น  เธอก็มาด้วยสิ”

          อาคิราห์เม้มปาก  ลุกขึ้นเดินตามหลังมารดาของพิชช์ฌานไปโดยมีสายตาเป็นห่วงของสามีมองตามหลัง

          ........................................................................................

         

          มาอัพต่อแล้วค่า

          ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้ทุกช่องทางนะคะ  ดีใจมากเลย

          เจอกันตอนหน้านะ

          #ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-07-2019 15:13:23
พี่อีกคนของน้องคือนิลลาแน่เลย​ คุณ​แม่ใจร้ายมากๆ​ พี่เลี้ยงเหมือนเป็นกุญแจ​ดอกสำคัญอะไรสักอย่างยังไงไม่รู้​ค่ะ​ ส่วนแม่ผัวก็ห่วงลูกชายเบาๆน่าเอ็นดู​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 14-07-2019 15:18:48
เรื่องนี้มันดีมากเรยอ่ะ..  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 14-07-2019 15:42:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2019 16:39:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 14-07-2019 17:38:06
มีปมอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 14-07-2019 17:39:29
 :hao4:  นิลลาต้องเป็นพี่บู้บี้แน่เลย แต่จะพิสูจน์ได้อย่างไรกัน / ใครคือคนทำบู้บี้ที่สองตาย คนในบ้านที่น่าสงสัยก็เหลือแค่นิลลากับป้านิ่ม ...​ยังงัยดีหล่ะนี่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-07-2019 18:11:57


ไม่กล้าคาดเดา

อ่านไปเรื่อยดีกว่า

..แอบสงสารบู้บี้1,2

 :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 14-07-2019 18:23:42
เงื้อนปมขมวดแน่นรอวันคลายนิลลาดูจะเป็นกุญแจสำคัญใครฆ่าบู้บี้แล้วทำไมนิลลาไม่กินยาระงับฮีท
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 14-07-2019 19:24:03
เหมือนนิ่งๆแล้วความตรึงเครียดจะตามมา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 14-07-2019 19:41:30
นิลลาน่าสงสัยมากกดดด แต่ก็ น่าจะเป็นพี่โอเมก้าที่ถูกทิ้งของบู้บี้หรือเปล่า อาจถูกหลอกใช้ เหมือนเจนภพให้มาแก้แค้นอีกก็ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-07-2019 21:21:57
ศึกแม่สามี-ลูกสะใภ้ยังไม่จบสินะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-07-2019 22:38:09
แล้วอีกเรื่องที่พี่เลี้ยงยังไม่ได้บอกคืออะไร
แล้วนิลลาเจอหรือรู้อะไรที่ไม่ได้บอกเจนภพ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-07-2019 00:40:53
ใครฆ่าบูบี้ที่ 2 กันแน่ยังไม่รู้ตัวคนร้ายเลย แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกตั้งเยอะที่เพิ่งได้รู้ และมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ โอ้โห้ อะไรมันจะมีปมซ่อนเงื่อนเยอะขนาดนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-07-2019 00:46:41
 :เฮ้อ: แม่ผัวนี้ก็ยังอคติไม่เลิก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 15-07-2019 03:18:28
นายของนิลลาอาจจะเป็นพ่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-07-2019 16:09:05
นิลลาต้องเป็นพี่ชายอัยย์แน่ๆ

แล้วนิลลาก็ต้องเคยโดนรังแกตอนฮีทแน่ๆ

ฮือออๆงงไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 15-07-2019 16:50:18
อ่านแล่วก็เครียดนะคะ พอจะบอกได้มั้ยคะว่าเรื่องเดินมากี่เปอร์เซ็นแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 16-07-2019 08:34:22
ในหัวมีแต่ นิลลา นิลลา นิลลา นิลาคือพี่ของอัยย์รึป่าว? หรือนิลลาคือคนฆ่าบู้บี้ ฮือออออ อะไรเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 16-07-2019 11:31:17
บ้านหนูอัยย์นี่คือรวมโคตรปมไว้เลย ไม่รู้จะลุ้นปมไหนก่อน หน่วงทุกปมเลย ขอบคุณไรท์ค่าา o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 16-07-2019 13:15:10
นิลลา จะใช่พี่ของอัยย์ไหม? ถ้าใช่ก็ไม่เกินความคาดหมายนัก เพราะนิลลาดูธรรมดาเหมือนโอเมก้าทั่วไป
แต่บ้านอัยย์ ขยะที่ซุกใต้พรมอะไรมันจะเยอะขนาดนี้

แต่ที่แน่ๆ ว่าที่นายกคนใหม่ กลัวเมีย โอ๋เมียตามใจ ที่สุดในประเทศนี้แล้วว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 16-07-2019 16:53:04
เนี่ยๆๆ เราว่านิลลาดูเก่งและฉลาด มีความติดหยิ่งนิดๆ เค้าต้องเป็นพี่ชายของอัยย์แน่ๆ :กอด1:
ว่าแต่ใครฆ่าเจ้าบู้บี้ที่สองล่ะ คนในบ้าน? คนแอบเข้ามา? อยากรู้ๆๆ :katai1:
ส่วนคุณแม่ผัวและลูกสะใภ้ก็ยังคงมีจิกกันเล็กน้อย :laugh:
รอลุ้นตอนต่อไปแล้ววว :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 16-07-2019 21:05:54
ใครฆ่าบู้บี้ที่2!!! :fire:
ต้องเป็นคนของพ่ออัยย์แน่เลย  :angry2:
แล้วก็ถ้านิลลาเป็นพี่ของอัยย์ แสดงว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังนิลลาอีกเหรอ? คิดจนเหนื่อยแล้วจ้าาาา :ling2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 17-07-2019 04:04:40
ใครคือพี่บู้บี้กันน๊าาา  คงไม่ใช่นิลลาหรอกนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 17-07-2019 04:34:51
 :katai4: แม่คุณพิษ อย่าร้ายมากได้ไหมม กลัวแทนบู้บี้แล้วววว. ส่วนคุณแม่ของบู้บี้ สุด ๆ ไปเลย นิลลาหรือเปล่าที่เป็นลูกอีกคน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-07-2019 07:30:25
นิลลาเป็นพี่ของอัยย์รึป่าว ครอบครัวนี้ความลับเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่41 14/7/62 p38
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-07-2019 13:10:09
นิลลาเป็นพี่หนูอัยย์แน่ๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-07-2019 00:28:20
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 42

 

 



 

 

 

         “อยู่ที่บ้านนู้นได้เข้าครัวทำอาหารบ้างหรือเปล่า”  มารดาของพิชช์ฌานถามขึ้นขณะที่ให้อาคิราห์ช่วยเตรียมผักให้  “ให้แม่ครัวทำให้ล่ะสิ”  เธอดักคอ

          คนเป็นเด็กยิ้มแหย

          “คือ...ผมไม่ค่อยมีเวลาครับ”

          “ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า  ตอบตามตรงนะ”

          “ถ้าง่าย ๆ ก็พอทำได้ครับ”  อาคิราห์ตอบอ้อมแอ้ม

          “ส่วนใหญ่ถนัดชิมมากกว่าใช่มั้ย  ฉันเห็นเธอในโทรทัศน์ทีไรเคี้ยวเต็มปากทุกที  มันน่าเกลียด...ไม่คีพลุคเอาเสียเลย”

          คนฟังหน้าจ๋อย

          “ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเขาถ่ายไปตอนไหนครับ”

          “ยิ่งแล้วใหญ่  ก็แสดงว่ากินทั้งวันเลยล่ะสิ”  คุณนวลพรรณร้อง  มองหน้าเจ้าโอเมก้าอย่างฉุน ๆ “ปรับปรุงเสียใหม่นะ  ฉันไม่อยากให้ใครนินทาว่าสะใภ้บ้านนี้เห็นแก่กิน  แล้วก็เรื่องเข้าครัว...จริงอยู่ว่าที่บ้านมีแม่ครัวดูแล  แต่ว่าเราก็ต้องทำเป็นด้วย  ยิ่งเมนูโปรดที่สามีชอบกิน  เราก็ควรจะต้องทำให้เป็น  โบราณเรียกเสน่ห์ปลายจวักเคยได้ยินหรือเปล่า”

          “เอ่อ...ครับ”  อาคิราห์พยักหน้า

          “รู้ไหมว่าพิชช์ฌานชอบกินอะไร”

          อาคิราห์ตอบเมนูมาสามอย่างที่เห็นอีกฝ่ายชอบสั่งให้ป้านิ่มทำบ่อย ๆ แม่สามีพยักหน้าอย่างพอใจ

          “อย่างน้อยก็ยังรู้จักสังเกตแล้วก็จดจำบ้าง”  คุณนวลพรรณว่า  “ถ้ายืนนาน ๆ ปวดหลังมั้ย”  เธอพยักพเยิดไปที่ครรภ์ที่เริ่มขยายขนาด

          “ไม่ครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “คุณแม่จะให้ผมช่วยทำอะไรก็บอกมาได้เลย”

          “หั่นผักก่อนแล้วกัน  อย่าหั่นมือตัวเองล่ะ  จับมีดให้มันถนัดมือหน่อยสิ  ไม่ใช่แบบนี้”  คนพูดขยับเข้ามาหั่นให้ดูเป็นตัวอย่าง  พออาคิราห์ทำบ้างก็สั่นหัวอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายก็จบลงที่การจับมือทำแทบจะทุกอย่าง  “มีใครเคยบอกไหมว่าเธอหัวช้า”  คุณนวลพรรณพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย

          คนฟังคอย่น  ส่งยิ้มหวานเข้าไปปะเหลาะเอาไว้ก่อน  ขยับเข้าไปยืนจนชิดผู้สูงวัยแล้วโบกมือพัดให้อย่างเอาใจ

          “คุณแม่ร้อนไหมครับ  ดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนแล้วออกไปรอข้างนอกก็ได้  เดี๋ยวผมเฝ้าหม้อเอาไว้เอง”

          “ไม่เอาล่ะ  เดี๋ยวเธอเผาครัวฉันวอดวายหมดพอดี  ไม่ต้องมาพัด...ไปนั่งตรงโน้นนู่น  เก้าอี้มีคนละตัว”  เธอชี้นิ้วไปที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่ง  “ไม่ต้องแวะชิมแล้ว  รสมันพอดีแล้ว  ชิมอีกก็หมดหม้อพอดี”  เธอพูดอย่างฉุน ๆ ขมวดคิ้วใส่สะใภ้ที่ทำท่าจะไปวนเวียนอยู่แถวหม้อที่กำลังเดือดอีกรอบ

          อาคิราห์หันมาหัวเราะแก้เก้อ  ถอยไปนั่งตัวตรงแน่วอยู่อีกมุมของห้องครัว  สูดกลิ่นหอมอวล ๆ ของอาหารบนเตาอย่างพอใจ  นั่งไปนั่งมาก็หนังตาชักหนัก ๆ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองสะดุ้งตื่นเพราะถูกตีที่ท้อง

          “เกิดอะไรขึ้น”  เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นมานั่งตาโต  มองซ้ายขวาอย่างตกใจ  เห็นมารดาของพิชช์ฌานกำลังตักอาหารใส่จานอยู่  เธอเหลียวมามองอย่างสงสัย

          “เป็นอะไร  แอบงีบแล้วยังจะมาตกใจอะไรอีก”  เธอว่า

          “เมื่อกี้มีใครตีผมหรือเปล่าครับ”

          “ใครตี  จะใส่ความฉันเรอะ”

          “เปล่านะครับ  แต่ว่าเมื่อกี้นี้มันแบบ...โอ๊ย”  อาคิราห์ลืมตาโพลง  ก้มลงดูหน้าท้องของตัวเองที่รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น  “เป็นลำไส้ของผมแน่ ๆ  มันอาจจะทำงานมากเกินไป  ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ”  เขาลุกพรวดรีบเดินไปห้องน้ำโดยเร็วเพราะเกรงว่าข้าศึกจะทะลุป้อมปราการเสียก่อน

          มารดาของพิชช์ฌานมองตามไปอย่างงุนงง  เธอกับแม่บ้านช่วยจัดโต๊ะเรียบร้อย  พิชช์ฌานก็ถามหาเจ้าโอเมก้าใหญ่ว่าหายไปไหน

          “เห็นว่าไปห้องน้ำ”

          “เขาร้องไห้เหรอครับ”  ลูกชายเธอคิดในแง่ร้ายทันที  มองหน้าแม่อย่างเอาเรื่อง  ...มีลูกชายกับเขาคนเดียว  พอมันมีเมียก็ลืมแม่  เห็นเมียสำคัญกว่าแม่สินะ ...เธอคิดในใจ

          “แม่ไม่ได้ทำอะไร  ไม่ต้องมามองหน้าแม่อย่างนั้นนะตาฌาน”

          “ผมมาแล้วครับ”  อาคิราห์พูด  เดินโซเซเข้ามาหาอย่างหมดแรง  พิชช์ฌานรีบลุกขึ้นไปพยุงตัวให้เข้ามานั่งเรียบร้อย  “ผมนึกว่าท้องเสีย  แต่ว่าเข้าห้องน้ำแล้วก็ยังไม่หายเลย”  เจ้าโอเมก้ากุมท้องตัวเองเอาไว้แน่น  “เนี่ย...มันเป็นอีกแล้ว  จึ๊ด ๆ เหมือนมีพยาธิอยู่ข้างในท้อง  ต้องเป็นอาหารทะเลเมื่อวานแน่ ๆ เลย”

          “มันเป็นยังไงอัยย์  ปวดมากเหรอ”  พิชช์ฌานถามอย่างร้อนใจ  จับเนื้อจับตัวภรรยาไปด้วย

          “มันไม่ได้ปวด  แต่มันแบบ...เหมือนมีอะไรขยับ  แบบตื้ดๆๆ แล้วก็หยุด  แล้วก็ขยับอีก  เป็น ๆ หาย ๆ”  อาคิราห์พูด  หน้าซีดด้วยความกังวล  “หรือมีใครเล่นของใส่ผม  เสกหนังควายเข้าท้องแบบในหนัง  ผมรู้สึกเหมือนมันมีเท้าวิ่งได้เลย”

          สามียิ่งตกใจ

          “นอนลงก่อน ๆ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปตามหมอ..”

          “นี่พวกเธอสองคนตั้งสติก่อนมั้ย”  มารดาที่นั่งดูอยู่นานแล้วพูดขึ้น  ยกมือขึ้นนวดที่ขมับข้างหนึ่งเพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ  “เธอท้องได้กี่เดือนแล้วอาคิราห์”

          เจ้าโอเมก้าตอบกลับไป

          “เคยได้ยินคำว่าลูกดิ้นมั้ย”

          “เคยสิครับ”  พูดจบแล้วก็หันหน้ามองสามีที่อ้าปากค้างอยู่  พิชช์ฌานหน้าแดงก่ำลามลงมาถึงลำคอ  เอื้อมมือมาจับที่หน้าท้องของเจ้าโอเมก้าอย่างตื่นเต้น

          “ที่ฉันถามวันนั้นไง  ลูกดิ้นแล้ว”   พิชช์ฌานพูดเสียงดัง  วางมือทิ้งเอาไว้บนหน้าท้องครู่หนึ่งก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างใต้นั้น  “นี่ไง  ว่าไงครับลูกพ่อ”

          อาคิราห์นั่งอึ้ง  อันที่จริงเขาเริ่มรู้สึกนิด ๆ มาได้วันสองวันแล้วแต่เข้าใจเอาเองว่าเป็นเรื่องของลำไส้และแก๊สในกระเพาะก็เลยไม่ได้บอกใคร  ยังไงก็ต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ก่อน  ให้พิชช์ฌานรู้เรื่องนี้ไม่ได้  ยิ่งรายนี้เฝ้ารอเวลาแบบนี้อยู่แล้วด้วย

          “ลูกเพิ่งจะดิ้น  ผมตกใจหมดเลย”  เขารีบพูด

          “ไหนขอฉันดูหน่อย”  คุณนวลพรรณลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหา  วางมือทาบลงบนหน้าท้องของเจ้าโอเมก้า  “ตายล่ะ  ถีบใหญ่เชียว  สงสัยจะหิวแล้วล่ะมั้ง”

          “หิวมากครับคุณแม่”

          “ฉันหมายถึงหลาน”  คุณนวลพรรณว่า  ตวัดสายตามองลูกสะใภ้อย่างหมั่นไส้  “ลุกไหวไหมล่ะ  จะได้ไปนั่งกินให้เป็นที่เป็นทาง”

          “ไหวครับ”  อาคิราห์ยิ้มกว้าง  จับมือสามีลุกขึ้นเดินไปนั่งประจำที่บนโต๊ะอาหาร

          บรรยากาศดูดีขึ้นจนเห็นได้ชัด  คุณนายนวลพรรณคงจะเอ็นดูหลานไม่มากก็น้อย  คอยถามไถ่และเลื่อนจานอาหารมาให้อาคิราห์อยู่เป็นระยะ  ยิ่งเห็นลูกสะใภ้กินอาหารที่ตักให้จนหมดเกลี้ยงก็ยิ่งอารมณ์ดี

          “จานนี้เมียเธอเขาเป็นคนทำนะ  ลองชิมดูสิฌาน”

          “อร่อยมากครับ”  พิชช์ฌานรีบพูด

          “ยังไม่ทันเข้าปากเลย”  อาคิราห์ร้อง

          “แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอร่อยแน่ ๆ”  สามีว่า  ตักใส่ปากแล้วก็แกล้งทำตาเหลือก  “ฉันว่าคืนนี้ไม่ได้นอนเพราะวิ่งเข้าส้วมแน่ ๆ เลยบู้บี้”

          “จริงเหรอ”  คนทำหน้าเสีย

          “ฌานอย่าแกล้งน้อง”  มารดาผู้นั่งหัวโต๊ะจุ๊ปาก  ลูกชายหัวเราะลั่น

          “อร่อยสุด ๆ แบบนี้รักตายเลย”

          คนฟังยิ้มร่า  หันไปหาแม่สามีคนสอนอย่างดีใจแล้วยกนิ้วโป้งให้  คุณนวลพรรณมุมปากกระตุก  จะยิ้มตอบก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง  เธอขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดุ

          “บนโต๊ะอาหารอย่าเล่น  จะกินก็กิน”

          “ครับคุณแม่”  อัยย์ตอบอย่างหงอย ๆ

          เสร็จมื้อนั้นอาคิราห์ก็มานั่งเอนหลังผึ่งพุงอยู่บนโซฟา   นับลูกดิ้นอย่างสบายใจ  นับไปนับมาเจ้าโอเมก้าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้  หันขวับไปหาสามีที่นั่งคุยกับมารดาอยู่อีกมุมหนึ่ง

          “คุณพิชช์ฌาน  ผมเพิ่งคิดอะไรได้ล่ะ”

          คิ้วเข้มเลิกสูง

          “เคยสงสัยไหมว่าเจ้าบู้บี้ที่สองตายแล้วไปไหน”

          คนฟังขมวดคิ้ว  มองใบหน้ายิ้มกริ่มของภรรยาสลับกับมือที่ลูบวนอยู่ที่พุงแล้วก็ส่ายหน้า

          “ไม่ใช่แน่นอน  อย่าแม้แต่จะคิด  ป่านนี้เจ้าปลาบู่นั่นไปเกิดเป็นเต่าแล้วมั้ง”  พิชช์ฌานว่า  “ฉันไม่อยากมีลูกเป็นปลา  หยุดคิดเรื่องประหลาด ๆ ได้แล้วเจ้าบู้บี้  ถึงเวลากลับบ้านแล้วด้วย”

          “จะกลับแล้วเหรอ”  อาคิราห์ตาโต  “แต่คุณแม่บอกว่ากำลังอบขนมให้อยู่”  เขาท้วงเสียงอ่อย  หันไปมองทางมารดาของพิชช์ฌานที่นั่งอยู่

          “งั้นก็อยู่เฝ้าเตาอบไปแล้วกันนะ  ฉันกลับก่อน” พิชช์ฌานพูด  ทำท่าจะลุกหนี  เจ้าโอเมก้าหน้าจ๋อยรีบลุกขึ้นตามอย่างไม่เต็มใจนัก

          “เมียเธอนี่มันเห็นแก่กินจริง ๆ เลยนะตาฌาน”  คุณนายนวลพรรณพูด  ขมวดคิ้วใส่อาคิราห์  “ขนมยังไม่เสร็จ  ไม่ต้องมาทำหน้าเซื่อง  ลูกฉันยังมีธุระปะปังต้องไปทำอีก  จะมานั่งรอเธอได้ยังไง”     

          “ครับคุณแม่”  อาคิราห์พูด

          “เดี๋ยวขนมเสร็จแล้วให้คนมารับไปแล้วกัน  น่ารำคาญจริง ๆ”  เธอกระแทกเสียง  ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัวแล้วก็กลับมาพร้อมกับกล่องบรรจุคุกกี้เอาไว้จนเต็ม  “เอาไปกินพลาง ๆ ก่อน  เดี๋ยวหลานฉันหิว”

          “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ค่อยยิ้มออก  ยกมือขึ้นทำความเคารพแม่สามีก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับพิชช์ฌาน

          “แม่ชักจะชอบเธอแล้วสิ”  นักการเมืองหนุ่มว่า

          “ชอบตรงไหน  ดุจะตาย  ขมวดคิ้วใส่ผมตลอดเลยไม่เห็นเหรอ”  อาคิราห์พูด  แกะกล่องคุกกี้เปิดออกดู  “โอ้โห  กินได้เป็นเดือนเลยมั้ง  ให้มาเยอะจัง”

          “ฉันให้สามวันหมด”

          “หมดเพราะผมแบ่งคุณกินน่ะ”  เจ้าโอเมก้าหยิบคุกกี้ขึ้นมาป้อนถึงปากของสามีอย่างเอาใจ  พิชช์ฌานส่ายหน้า  ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายได้คุกกี้สูตรพิเศษของรักของหวงของมารดามาทั้งกล่อง  ก็ดูทำหน้าทำตาเข้า  แม่เขาก็คงต้านทานความบุบบิบบู้บี้นี้ไม่ไหว

          “อยากกินคุกกี้รสนมมากกว่า”  พิชช์ฌานพูดทั้งที่เคี้ยวเต็มปาก  อีกฝ่ายเหลือบมองด้วยหางตาอย่างรู้ทัน  อาคิราห์รู้แล้วว่ากลิ่นที่เขาได้จากเนื้อตัวของตนเองเหมือนกับคุกกี้รสนมหวานหอม

          “กลับดึกก็นอนนอกห้อง”  เจ้าโอเมก้าพูดลอย ๆ

          “แต่ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อคนะ”  ชายหนุ่มต่อให้  อีกคนย่นจมูกใส่เขาแล้วหันหน้าหนี

          หลังจากวันนั้นก็มักจะมีอาหารจากมารดาของเขาส่งมาให้อาคิราห์ถึงบ้าน  อาคิราห์ก็มักจะตอบแทนด้วยการให้ป้านิ่มสอนทำอาหารแบบง่าย ๆ บรรจุกลับคืนลงไปในกล่องอาหาร  พอครั้งถัดไปก็จะมีจดหมายเขียนด้วยลายมือของคุณนายนวลพรรณติชมรสชาติกลับมาด้วยเสมอ

          โค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปอย่างดุเดือดมากขึ้นทุกที  พิชช์ฌานตระเวนขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ  ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทุรกันดารเกินไป  อาคิราห์ก็จะได้ไปด้วย  โครงการมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้าของเขากำลังไปได้สวย   มีโอเมก้าเข้าร่วมทั่วประเทศเกินครึ่งทีเดียว

          “คุณครูสอนพิเศษกลับไปแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานเดินเข้ามาในห้องหนังสือ  เจอภรรยากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างคร่ำเคร่ง

          “กลับไปแล้วครับ  คุณพิชช์ฌานมีอะไรหรือเปล่า”

          “จะถามพัฒนาการเด็กหน่อยว่าพอมีหวังจะสอบผ่านมั้ย”  ชายหนุ่มตอบแกมหัวเราะ

          “ผ่านฉลุยแน่ ๆ”  เจ้าโอเมก้ายืดตัวขึ้น  “ว่าแต่คุณเถอะ  จะสอบผ่านหรือสอบตกก็ยังไม่รู้”  เขาอมยิ้ม  “ได้ข่าวว่าคะแนนสูสีไม่ใช่เหรอ”

          “กำลังขึ้นนำต่างหาก”  พิชช์ฌานแก้  “เดี๋ยวรอดูดีเบตนี่ก่อน  รับรองว่าทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น”  ชายหนุ่มไม่พูดต่อว่าฝั่งอดีตรัฐบาลขาดมันสมองอย่างไตรภพไปก็เลยทำให้ดูด้อยลงจนเห็นได้ชัด  เพราะหนุ่มใหญ่ผู้นั้นจำเป็นต้องวางมือทางการเมืองก่อนชั่วคราวเพื่อสะสางคดีของตน  “เย็นนี้ช่างจะเข้ามาวัดตัวตัดชุดนะ  เลือกแบบได้หรือยัง”

          “แค่ไปดีเบตถึงกับต้องตัดชุดใหม่เลยเหรอ”

          “ชุดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งต่างหากล่ะ”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  เดินเข้ามาหอมแก้มของคนตัวเล็กกว่าฟอดใหญ่

          “อื้อหือ  มั่นใจอะไรขนาดนั้น”

          “......”  พิชช์ฌานไม่ตอบ  แต่แววตาคมกริบคู่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่ปิดบัง

          เพราะการลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนักและข่าวเสีย ๆ ของอดีตพรรครัฐบาลที่ถูกปล่อยเป็นระยะทำให้คะแนนนิยมของพิชช์ฌานพุ่งสูงขึ้นจนเป็นที่จับตามอง  ทุกโพลบอกชัดว่าโอกาสที่เขาจะชนะการเลือกตั้งในคราวนี้แทบจะเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์  ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

          อะไรที่จะเกิดผิดพลาดขึ้นในวินาทีสุดท้าย...นี่แหละคือสิ่งที่พิชช์ฌานกำลังกลัวอยู่  คดีค้าโอเมก้าถูกปิดข่าวจนเงียบเชียบ  ไม่มีใครพูดถึงอีก  เขาไปหาสารวัตรใหญ่ที่ดูแลคดีนี้ก็ได้คำตอบเพียงว่า  ไม่สามารถสืบหาหลักฐานมากไปกว่านี้ได้  ทุกอย่างราวกับถึงทางตัน   อักษรย่อในรายชื่อที่เจนภพได้มาไม่เพียงพอที่จะเอาผิดใครทั้งนั้น  แม้แต่ไตรภพเองที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาก็สามารถหาทางบิดพริ้ว  ประกันตัวออกมาอยู่ข้างนอกได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          ขั้นตอนในชั้นศาลถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนทนายฝั่งเขาหมดกำลังใจ  พิชช์ฌานเองก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

          “ยังมีอีเมล์ขู่แบล็คเมล์ส่งมาอีกมั้ย”  พิชช์ฌานถามเจนภพเรียบ ๆ หลังจากประชุมพรรคเสร็จสิ้น

          “มีครับ  เป็นเรื่องของโรงงานผลิตกระป๋องเมื่อสามปีก่อน”

          “ยังไม่จบอีกหรือไง”  ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย  “ใช้เงินปิดปากไปก่อน  โค้งสุดท้ายแล้วอย่าให้กระโตกกระตากขึ้นมาได้”

          “ครับ”  เจนภพรับคำ  “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ  มีคนมารอพบคุณฌาน  ...คุณธีรดล”

          “ธีรดลไหน”  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “คนที่เป็นเจ้าของโรงแรม ...ที่เกิดระเบิดหามือใครดมไม่ได้ไงครับ”

          “อ๋อ”  คนฟังลากเสียง  “มันจะเป็นไปได้ยังไงหามือระเบิดไม่ได้  คนทำมันก็อยู่ในโรงแรมนั่นแหละจะเป็นใครที่ไหน  ไม่ให้ความร่วมมือกับเรามากกว่า”

          “ผมก็คิดว่าแบบนั้นครับ  ดูท่าแล้วอาจจะอยากมาต่อรองผลประโยชน์กับคุณฌานเรื่องขอบเขตของหาดกับค่าเช่าที่”

          “บอกปัดไปก่อนว่าไว้คุยกันทีหลัง  ถ้าสนับสนุนฉันก็ไม่ควรมีข้อแม้  ฉันไม่ชอบคนเรื่องมาก”

          “ผมจะบอกให้ครับ”  เจนภพก้มศีรษะรับ  “คุณฌานจะไปพบหัวหน้าพรรคย่อยเย็นนี้ใช่ไหมครับ”

          “ใช่  มีอะไรหรือเปล่า”

          “มีคนกลุ่มหนึ่งขอเข้าพบคุณฌานครับ  เขาบอกว่าเป็นกลุ่มสนับสนุนโอเมก้า  ที่ผมไปสืบเพิ่มมารู้สึกจะเป็นการรวมกลุ่มของพวกโอเมก้าหัวรุนแรงครับ  ตอนแรกพวกเขาพยายามติดต่อมาหลายครั้งเพื่อเข้าพบคุณอาคิราห์แต่ว่าผมปฏิเสธไป”

          “กลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเหรอ  ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”  พิชช์ฌานนิ่งคิด  “แสดงว่าเป็นคนละขั้วกับพวกกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าใช่มั้ย  กลุ่มนั้นยังมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้างแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเหมือนแต่ก่อนเพราะคนจับตาดูอยู่  ไอ้พวกฝั่งรัฐบาลที่สนับสนุนมันก็ไม่กล้าออกหน้าเพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง”

          “ใช่ครับคุณฌาน  คุณจำแทมมี่  โอเมก้าที่หนีออกมากับคุณอัยย์และนิลลาได้มั้ยครับ”

          “ฉันจำได้  ที่บอกว่าขอกลับบ้านไปใช่มั้ย”     

          “แทมมี่ไปเข้าร่วมกับกลุ่มนี้ครับ  เป็นคนติดต่อผมมา”

          “ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มสนับสนุนอะไรนี่”  พิชช์ฌานถาม  คนฟังส่ายหน้า  “ฉันไม่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะสร้างขึ้นมาได้เอง  ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่  นายลองไปสืบดู  เขาอยากเข้าพบฉันใช่มั้ย  ...เป็นช่วงเย็นก็ได้  แทรกตารางลงไป”

          “ได้ครับ”

          “อย่าเพิ่งให้อาคิราห์รู้เรื่องนี้นะ”

          โอเมก้าสามคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเข้ามาพบเขาตามเวลานัด  หลังจากพูดคุยด้วยแล้วพิชช์ฌานก็พอจะมองออกราง ๆว่าพวกนี้คงนิยมความรุนแรงมากกว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนตามกฎหมายโดยใช้กลไกของเวลา  คนที่ชื่อแทมมี่เป็นคนออกปากว่าอยากขอพบอาคิราห์

          “ช่วงนี้อาคิราห์กำลังยุ่งมาก  เขาต้องเตรียมตัวสอบแล้วก็เรื่องมูลนิธิฯด้วย”

          “พวกเราได้ข่าวเรื่องมูลนิธิฯแล้ว  เราอยากเข้าร่วมโครงการของเขา  ให้เราได้เข้าพบคุณอาคิราห์เถอะครับ”  แทมมี่พูดอย่างสุภาพ  “เรามีเพื่อน ๆ สมาชิกโอเมก้าที่พร้อมจะสนับสนุนชาวโอเมก้าด้วยกันอีกมาก  ให้เราได้ช่วยผลักดันความฝันของโอเมก้าให้เป็นจริงด้วยรูปแบบต่าง ๆ นอกเหนือจากการก่อตั้งมูลนิธิฯหรือปรับเปลี่ยนกฎหมาย”

          “เธอมีวิธีอื่นงั้นหรือ”

          “อะไรที่อัลฟ่าเคยทำ  เราก็ทำได้ทั้งนั้น”  อีกคนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าใหญ่พูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง  “หรือแม้แต่ต้องใช้กำลัง  ..ถ้าจำเป็น  เราก็พร้อม”

          “ฉันไม่อยากให้เกิดการใช้กำลังกันในช่วงรัฐบาลของฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานรีบเบรก  “ฉันไม่นิยมความรุนแรง  เราพูดคุยกันได้  ฉันจะสนับสนุนสิ่งที่อาคิราห์จะทำอย่างเต็มที่  ไม่นานเกินรอจะต้องมีกฎหมายคุ้มครองโอเมก้า  และหน่วยงานรองรับพร้อมช่วยเหลือพวกเขา”

          “จะต้องให้รอไปถึงเมื่อไหร่  จนพวกเราตายก่อนมั้ย”  โอเมก้าอีกคนพูดขึ้น  ดูท่าทางใจร้อนที่สุด  “เราทนรอวันนั้นไม่ไหวหรอก  บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อ”

          คำพูดของโอเมก้าทำให้พิชช์ฌานหรี่ตาลง

          “เธอมีแผนอะไรงั้นเหรอ”

          “ขึ้นกับว่าคุณกับคุณอาคิราห์ตกลงจะร่วมมือด้วยหรือเปล่า”

          “ลองเสนอมาก่อน  แล้วฉันจะคิดดูอีกที”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้น

          เขาให้เจนภพจับตาดูกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าเอาไว้  ไม่ให้เข้าใกล้อาคิราห์เด็ดขาด  เพิ่มการคุ้มกันที่บ้านและเวลาเดินทางเป็นสองเท่า  ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นโอเมก้าแต่เขาก็ไม่อยากประมาท 

          ...................................................................................

          “ฉันดูดีมั้ย”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทรับกับเรือนผมหยักศกและคิ้วเข้มคม  ริมฝีปากแดงสดประดับรอยยิ้มมีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่อใครพากันคลั่งไคล้สมกับฉายานักการเมืองเทพบุตร  แต่อะไรก็ไม่ร้ายกาจเท่ากับแววตาวิบวับเป็นประกายคู่นั้น  อาคิราห์คิดว่ามันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

          “พอดูได้”  เขาตอบกลับไปสั้น ๆ  หันกลับไปมองกระจกตรงหน้า  พยายามจัดแต่งทรงผมสลวยของตนเองให้เข้าทรงตามเดิม  “มันไม่ยอมเรียบเลย”

          “ก็ใครใช้ให้แอบงีบเมื่อกี้ล่ะ”  หัวหน้านักการเมืองที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ว่าพลางจุ๊ปากเบา ๆ ดึงหวีมาจากมือของภรรยาแล้วจัดการสางผมยุ่งเหยิงให้อย่างเบามือ  “อุตส่าห์ทำผมรอตั้งสองชั่วโมง”

          “หนังท้องตึง หนังตาก็ต้องหย่อนสิ”  อาคิราห์ท้วง  “อุ้ย  ลูกดิ้น  แสดงว่าเห็นด้วยแน่ ๆ”

          “ชักจะโมเมใหญ่แล้วเจ้าบู้บี้”

          อาคิราห์หมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับสามีของเขา  เขย่งขึ้นยกแขนโอบรอบลำคอหนาเอาไว้แล้วยิ้มกว้าง

          “วันนี้คุณหล่อที่สุดเลย”

          พิชช์ฌานกระแอมออกมา  สบตากลมโตคู่นั้นแล้วก็เมินหลบไป

          “แน่อยู่แล้ว”  เขาพูดเสียงแหบ  “แล้วไงอีก”

          “แล้วไง?  คุณก็ชมผมกลับสิ  ตามมารยาทไงล่ะ”  อาคิราห์พูดหน้าตาย  เขาหัวเราะออกมาเพราะเห็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดในสายตาเขาทำหน้าหงิกใส่  มุมนี้ของพิชช์ฌานใช่ว่าคนทั่วไปจะได้เห็นง่ายนัก

          “ไว้ให้เสร็จการดีเบตเสียก่อนเถอะ”  พิชช์ฌานว่า  ตบมือลงบนบั้นท้ายงอนงามของเจ้าโอเมก้าอย่างมันเขี้ยว  เจ้าของก้นสะดุ้ง  ฟาดมือตุบใส่แผ่นอกกว้างไปทีหนึ่ง

          ทีมงานของรายการดีเบตวันนี้เข้ามาตามพวกเขา  พิชช์ฌานจูงมืออาคิราห์ออกมาจากห้องรับรอง  พาไปส่งที่เก้าอี้ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้กับผู้ติดตามของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในวันนี้  อาคิราห์หันไปทักทายกล้องนิดหนึ่งอย่างรู้งาน  เสียงรัวชัตเตอร์ดังรอบตัวก่อนที่หัวหน้าพรรครัฐบาลจะเดินทางมาถึง

          “ท่านไตรคุณมาแล้ว  ท่านไตรคุณมาเองเลย”  เสียงฮือฮาดังขึ้นตั้งแต่ปากทางเข้า  อาคิราห์ชะเง้อคอมองก็เห็นบิดาของตนเองลงจากรถมากับผู้ติดตามอีกขบวนใหญ่

          “กะแล้วว่าต้องมา”  พิชช์ฌานพึมพำ  หันไปพยักหน้าให้เจนภพที่ยืนอยู่มุมหนึ่งอย่างรู้กัน     

          อดีตนายกรัฐมนตรีสมัยที่แล้วเดินเข้ามาจนถึงที่เขากับอาคิราห์ยืนอยู่  พิชช์ฌานทำความเคารพอย่างนอบน้อมแต่ก็แฝงความไว้ตัวอยู่ในที  ส่วนอาคิราห์กอดพ่อเอาไว้แน่น

          “ลูกพ่อก็มาด้วย”   ไตรคุณพูด  “พี่ไตรภพก็มาด้วยนะ”

          อาคิราห์อึ้งไป  เขาไม่ทันเห็นพี่ชายคนโตในตอนแรก  พี่ภพของเขาส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกันทว่าอาคิราห์กลับไม่สามารถรู้สึกสนิทใจได้เหมือนเดิม  คำพูดของอีกฝ่ายยังติดอยู่ในหู ....ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นโอเมก้า....         

          ไตรภพเองก็คงรู้   หนุ่มใหญ่ไม่ได้เข้ามาพูดอะไรกับน้องชายคนเล็กมากไปกว่านั้น  เขาถอยไปนั่งอยู่ริมสุดอีกด้านหนึ่งของเวที

          “กล้ามาขนาดนี้แสดงว่ามั่นใจมากนะครับว่าไม่มีใครเอาผิดมันได้”  เจนภพพึมพำ  พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก

          “ปล่อยให้ตายใจไปก่อน  เอาไว้ฉันได้ขึ้นเป็นนายกฯเมื่อไหร่  ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่”


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-07-2019 00:30:02






          พิธีกรเริ่มดำเนินรายการ  บรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองหัวกะทิทั้งหลายเริ่มถกเถียงและเปิดฉากโจมตีพรรคอดีตรัฐบาลกันอย่างเมามัน  พิชช์ฌานยังไม่พูดสักคำ  เขายืนดูเหล่าหัวหน้าพรรคเล็ก ๆ ที่หวังจะร่วมรัฐบาลหน้ากับเขาพูดปราศรัยโจมตีท่านไตรคุณอย่างใจเย็น

          ด้วยความที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากทำให้วาทะเหล่านั้นแทบไม่กระเทือนอดีตนายกฯเลย  ท่านไตรคุณยังคงยิ้มเยื้อนรักษาอาการสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างดี

          “ผมว่าเราอยากฟังเสียงของคุณพิชช์ฌานกันบ้างแล้วนะครับ”  พิธีกรเริ่มส่งลูกตามที่เตรียมกันเอาไว้  “เชิญครับคุณพิชช์ฌาน  มีความเห็นอย่างไรกับปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ครับ”

          “ขอบคุณครับ  อย่างที่ผมได้ตระเวนหาเสียงมาแล้วทั่วประเทศนะครับ  นโยบายของพรรคเราเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก  เพราะปากท้องย่อมสำคัญที่สุดนะครับ ...”  ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยเสียงทรงพลัง  เขารักษาสายตาเอาไว้ได้ดี  ไม่ล่อกแล่กเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ  ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้คนฟังนึกภาพตามได้อย่างง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นทำให้คนมีความรู้สึกคล้อยตาม  “...จะเห็นว่านโยบายของผมเชื่อมโยงกันทุกเรื่องนะครับ  ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ  การศึกษา  การคมนาคมหรือแม้แต่เรื่องวัฒนธรรม  เพราะประเทศเราจะเจริญขึ้น  ไม่ใช่เจริญเพียงแค่ด้านใดด้านหนึ่ง  แต่ต้องไปด้วยกัน  ไปพร้อม ๆ กันทุกด้านนะครับ”  พิชช์ฌานปิดท้ายอย่างมั่นอกมั่นใจ

          อาคิราห์ยกมือขึ้นปรบคนแรก  พิชช์ฌานหันมาทางเขาแล้วก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง  เสียงกล้องจับภาพคู่สามีภรรยารัว

          “ตอบดีมากครับ  ใครฟังคุณพิชช์ฌานแล้วไม่เคลิ้มบ้างมีไหมครับ”  พิธีกรพูดยิ้ม ๆ “ทีนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่และวิจารณญาณของผู้รับชมและพี่น้องประชาชนทุกท่านแล้วนะครับว่าจะเลือกใคร  เชียร์ใคร”

          “มาสู่อีกประเด็นหนึ่งที่กำลังเป็นที่ถกเถียงร้อนแรงอยู่ในโลกโซเชียลในขณะนี้นะครับ  เป็นเรื่องของการสนับสนุนโอเมก้าเพื่อความเท่าเทียม  มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยและต่อต้านนะครับ  มีท่านไหนอยากพูดก่อนไหมครับ”

          “ผมว่าเริ่มต้นที่คุณพิชช์ฌาน  เจ้าของนโยบายดีกว่าครับ”

          “ขอบคุณครับ  แต่เจ้าของนโยบายตัวจริงก็คือคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์  ภรรยาของผมครับ”  พิชช์ฌานผายมือไปทางโอเมก้าที่นั่งอยู่  อาคิราห์ส่งยิ้มหวานให้กล้องอีกรอบ  พิชช์ฌานเริ่มปราศรัยนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมของโอเมก้าโดยมีอาคิราห์เป็นตัวชูโรง  เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดว่าอาคิราห์ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร  แต่เลือกใช้คำพูดที่ให้คนฟังไปคิดเปรียบเทียบเอาเองถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม   “...ล่าสุดที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ..คดีการค้าโอเมก้าครับ  คุณทราบหรือเปล่าว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้  สารวัตรใหญ่ ท่านวิญญูถูกคำสั่งย้ายกลับกรมด่วน  ทุกคดีต้องหยุดชะงักรวมถึงคดีนี้ด้วย”

          เกิดความเงียบขึ้นในห้องส่ง  อาคิราห์บีบมือตัวเองแน่น  เขาไม่กล้าชำเลืองมองไปทางบิดาที่ยืนประจันหน้ากับพิชช์ฌานอยู่อีกด้านของโพเดียม

          “เชื่อไหมว่าผมไม่แปลกใจเท่าไหร่กับข่าวนี้”  ชายหนุ่มพูดต่อด้วยเสียงเข้ม  “เหมือนกับคดีอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา  เป็นที่ฮือฮาอยู่พักหนึ่งในสังคมพอสืบสาวราวเรื่องไปแล้วทำท่าจะเกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตเบื้องหลัง  คนดูแลคดีก็มีอันต้องได้ย้ายหรือป่วยเสียชีวิตไป  แล้วเรื่องที่ดัง ๆ นี่ก็เงียบหายไปในกลีบเมฆรอจนทุกคนลืม  คนผิดก็กลับมาลอยนวลอยู่ในสังคมใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมเคยสงสัยนะครับ  ว่ามันเป็นอาถรรพ์อะไรของประเทศนี้หรือเปล่า  แล้วมันก็เป็นจริงอีกครั้งในคดีค้ามนุษย์ครั้งนี้”

          “................”  พิธีกรอ้ำอึ้ง  มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่าออกอากาศได้หรือเปล่า

          “แต่ว่าผม...พิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์  จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด  ผมจะทำให้การสอบสวนของรัฐและตำรวจเป็นไปอย่างโปร่งใส  ตรวจสอบได้  โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับโอเมก้า  คดีที่โอเมก้าเป็นผู้เสียหาย  จะมีหน่วยงานรองรับดูแลเรื่องทนายและปกป้องในกรณีที่เป็นพยาน  ภรรยาของผมคุณอาคิราห์จะก่อตั้งมูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้า เพื่อดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของโอเมก้าในประเทศนี้  ...ฟังดูยิ่งใหญ่เกินตัวนะครับ  แต่มันจะเกิดขึ้นจริงในยุคที่ผมเป็นรัฐบาล  ถ้าคุณไม่เชื่อ  โปรดให้โอกาสผมได้พิสูจน์  ผมไม่สัญญาแต่ผมจะทำให้คุณเห็น”

          “ผมชอบนโยบายเพื่อโอเมก้าของคุณพิชช์ฌานนะครับ  แล้วก็แอบชื่นชมอยู่เงียบ ๆ มานานแล้ว”  ท่านไตรคุณพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของนักการเมืองน้ำดีที่จะเข้ามาบริหารประเทศ...แต่ว่า..”  ไตรคุณเว้นระยะนิดหนึ่ง  เหลือบมองหน้าลูกเขยแล้วยิ้ม  “ผมขอเน้นว่า...น้ำดี นะครับ  ซึ่งในที่นี่ไม่มี”

          เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบตัว

          “ผมอาจจะพูดตรงเกินไปหน่อย”  ท่านไตรคุณหัวเราะเบา ๆ “อาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนฟังหรือแฟนคลับของใครในที่นี้นะครับ  เนื่องจากว่าผมเกิดความเป็นห่วงต่ออนาคตของประเทศจริง ๆ ยังมีนโยบายอีกมากที่ผมยังทำเอาไว้ไม่เสร็จและรอที่จะสานต่อในสมัยหน้า  อย่างเช่นนโยบายปลอดภาษี  และอื่น ๆ ที่ทุกท่านคงจะพอทราบกันอยู่แล้ว  ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นแล้วครับ  ไม่ใช่ขายฝันไปวัน ๆ พูดถึงแต่เรื่องปรัชญาความเท่าเทียมโดยไม่ได้ดูบริบทของประเทศว่าตอนนี้บ้านเราเป็นยังไง”

          “ท่านไตรคุณจะบอกว่า การที่เราเป็นหนึ่งในสองประเทศสุดท้ายของโลก ที่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองโอเมก้าแล้วเราจะสร้างกฎหมายนั้นขึ้นมาเป็นเรื่องขายฝันเหรอครับ”  พิชช์ฌานแย้ง  “การที่นานาประเทศไม่ยอมรับเราในเวทีโลกก็เป็นเพราะว่าเรายังปิดกั้นเรื่องนี้  ประเทศอื่นเขาเปิดกว้างกันหมดแล้ว  บางประเทศโอเมก้าสามารถขึ้นเป็นประธานาธิบดีได้ด้วยซ้ำ  แล้วคุณหันมามองบ้านเราสิครับ  เรากดหัวให้โอเมก้าเป็นอะไร  เป็นสินค้าเอาไว้ค้าขายหรือว่าเป็นแรงงานทาสที่ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาจ้าง  เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ  มันเป็นเรื่องของการเคารพสิทธิมนุษยชน”

          “ผมเข้าใจที่คุณพิชช์ฌานจะพูดครับ  แต่ที่ผมพูดถึงก็คือบริบทประเทศของเราที่โอเมก้าถูกเก็บอยู่ในบ้านมาช้านาน  จู่ ๆ จะมาเปิดให้พวกเขาออกมา  คุณคิดดูสิครับว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า  คนเฒ่าคนแก่บ้านเราไม่ยอมทานข้าวร่วมโต๊ะกับโอเมก้าด้วยซ้ำ”

          “เหมือนที่บ้านของท่านใช่ไหมครับ”  พิชช์ฌานโกรธจัด  “เหมือนที่ท่านเก็บลูกชายคนเล็กเอาไว้ในบ้าน  ไม่ยอมให้ออกมาเจอโลกภายนอก  เหมือนที่ท่านลิดรอนสิทธิมนุษยชนของลูกชายท่านโดยที่ท่านไม่เคยมองเห็นผลลัพธ์ของการกระทำของท่านเลย”

          “คุณไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวในบ้านของผม”  ไตรคุณพูดเสียงเย็น  “ไม่ว่าผมจะเลี้ยงดูบุตรชายของผมอย่างไรก็ตาม  ผลลัพธ์ที่คุณเห็นก็คือเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ดีและงดงาม”

          “เขาคือผู้โชคดีหนึ่งในล้านไงครับ”  พิชช์ฌานพูด  “จะมีโอเมก้าคนไหนอีกที่เติบโตมาได้แบบนี้  ที่ผมเห็นก็คือ...พวกเขาเติบโตมากับการกดขี่ข่มเหง  โตมากับซากปรักหักพังของสังคมที่เชิดชูอัลฟ่าและเบต้า  ผมคิดว่าเราเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า  คุณลองถามตัวคุณดูสิ  คุณเห็นโอเมก้าเป็นคนเท่ากับตัวคุณเองไหม  นั่นแหละครับคือคำตอบ”

          “ผมว่าคุณออกนอกประเด็นไปกันใหญ่แล้วนะครับคุณพิชช์ฌาน”  อดีตนายกฯพูดเสียงเรียบ  “อันที่จริง  สิ่งที่ผมอยากพูดที่สุดก็คือ ....คนที่ชอบใช้การแบล็กเมล์คนอื่นเป็นอาวุธในการต่อรองผลประโยชน์  ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่  ว่าไหมครับคุณพิชช์ฌาน”   

          คนฟังชะงักกึก  เก็บอาการไม่ทัน

          “หมายความว่าไงครับ”

          “ก็หมายถึงคุณไงครับ”

          “ท่านกำลังปรักปรำผม  ผมสามารถฟ้องท่านได้นะครับ”

          “เอาเลยครับ  ผมกำลังหาวิธีส่งหลักฐานให้ตำรวจอยู่พอดี”  นักการเมืองอาวุโสชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้นสูงให้ทุกคนได้มองเห็นชัด ๆ “อยากดูเลยไหมครับ  หรือว่าจะไปดูพร้อมกันที่สถานีตำรวจดี”

          “เอ่อ...เราต้องตัดเข้าช่วงโฆษณาก่อนนะครับ”  พิธีกรรีบตัดบท  ทว่าเสียงผู้สื่อข่าวกลับดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม  พิชช์ฌานจ้องแฟลชไดร์ฟในมือของพ่อตาเขม็ง 

          “นับถือความพยายามเฮือกสุดท้ายของท่านนะครับ”  ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ สะกดความโกรธเอาไว้ให้มากที่สุด  “ถึงขั้นต้องเล่นของเล่นหลอกเด็กเลยหรือ”

          “เดี๋ยวก็รู้ว่าของจริงหรือของเล่น”  ไตรคุณยิ้ม  “เสร็จจากนี่ก็ไปเจอกันที่สถานีตำรวจก็แล้วกันนะ  งานนี้คงแก้ต่างยากหน่อยเพราะรวมกันแล้วเกือบสิบคดีทีเดียว”

          “ผมไม่สนใจหลักฐานเท็จที่คุณสร้างขึ้นมาหรอกครับ”  พิชช์ฌานพูด

          “แต่ดูเหมือนว่าประชาชนจะสนนะครับ”

          พิชช์ฌานกลับลงมาจากเวทีอย่างโกรธจัด  บรรยากาศในสตูดิโอคุกกรุ่นแตกต่างจากตอนแรกราวกับหน้ามือกับหลังเท้า  อาคิราห์รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาบิดา

          “คุณพ่อครับ”

          “อาคิราห์  ...จะกลับกับพ่อหรือเปล่า หรือว่ารอกลับพร้อมพิชช์ฌาน”

          “หลักฐานที่คุณพ่อเอามาคืออะไรครับ”

          “เราถามในฐานะลูกของพ่อหรือภรรยาของนายพิชช์ฌาน”

          “ทั้งสองอย่างครับ”

          “ไม่ได้หรอกอัยย์”  ไตรคุณบอกเสียงนุ่ม  จับต้นแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้  “ลูกไม่สามารถอยู่ตรงกลางได้อีกแล้ว  ลูกจะต้องเลือก”

          “ผมเลือกความถูกต้องครับ”  อาคิราห์ตอบเสียงหนักแน่น  “คุณพ่อบอกได้ไหมครับว่าหลักฐานพวกนั้นคืออะไร”

          “พิชช์ฌานใช้วิธีแบล็คเมล์ในการขึ้นมาถึงจุดนี้”  ไตรคุณพูดเรียบ ๆ “ไม่สงสัยหรือว่าทำไมเขาถึงขึ้นมาอยู่ตำแหน่งนี้เร็วนัก  เขาไม่ใช่คนเถรตรงหรอกนะ”  คนฟังนิ่งไป

          “มันเป็นอดีตของเขา”

          “อดีต ‘ของเขา’  ลูกพูดถูกต้อง  มันเป็นของเขา  เป็นผลลัพธ์ที่เขาจะต้องรับให้ได้  ถ้าเขาผ่านไปไม่ได้  เขาก็คงไม่สามารถเป็นนายกฯได้อย่างที่ใฝ่ฝันหรอก  เขาต้องเคลียร์ซากเน่า ๆ พวกนี้ก่อน”

          “................”  อาคิราห์พูดไม่ออก

          “พ่อจะรอลูกอยู่ที่บ้านเสมอ”  ไตรคุณทิ้งท้ายเอาไว้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะก้าวผ่านเขาไป

          อาคิราห์กลับไปหาพิชช์ฌานที่ห้องพัก  เขาเจอชายหนุ่มกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟามุมห้อง  คิ้วเข้มคมขมวดมุ่นเปลือกตาปิดสนิทราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

          “คุณไม่ควรสูบบุหรี่”  อาคิราห์พูด “ควันของมันจะส่งผลต่อทารกในครรภ์”  เดินไปหยิบบุหรี่มวนนั้นออกดับกับที่เขี่ยบุหรี่  “คุณไม่เคยสูบมาก่อน”

          “ฉันเคยติดมันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเลิก”  พิชช์ฌานตอบ  ดึงตัวลุกขึ้นนั่ง  พอเห็นหน้าของภรรยาเขาก็พูดเรียบ ๆ  “กลับไปคุยกันที่บ้านแล้วกันนะ”

          อาคิราห์พยักหน้ารับ  เดินตามหลังอีกฝ่ายออกมาจากห้องพักเงียบ ๆ บรรดานักข่าวที่รอดักอยู่ก่อนแล้วพากันโหมเข้ามาเพื่อสัมภาษณ์และถ่ายรูปอย่างโกลาหล   เจนภพช่วยกันไม่ให้อาคิราห์ถูกดันจนได้ขึ้นรถไปในที่สุด

          “พรุ่งนี้คงเป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับ  เห็นว่าท่านไตรคุณไปที่สถานีตำรวจแล้ว”

          “ฉันขอเวลาคิดก่อน”  พิชช์ฌานพูด  เคาะปลายนิ้วกับขอบหน้าต่างของรถกันกระสุนที่วิ่งอย่างรวดเร็วไปบนถนนเพื่อตรงกลับบ้าน  “ไม่นึกมาก่อนว่าฝั่งนั้นจะเล่นไม้นี้  คงเข้าตาจนเต็มที  ถึงต้องขุดเรื่องสมัยก่อนมาพูดอีก”

          อาคิราห์เงียบกริบจนถึงบ้าน  เขาเดินตามสามีเข้าไปในสวนข้างหลังที่จัดเอาไว้อย่างร่มรื่น  บรรยากาศเงียบสงัดแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเองและคำถามใคร่รู้ที่ดังออกมาจากส่วนลึก

          “เธอคงมีคำถามอยากถามฉัน”  พิชช์ฌานเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน  เขายืนพิงต้นไม้ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่บนชิงช้าเตี้ย ๆ

          อาคิราห์เงยหน้าขึ้น  สบตาคมกริบคู่นั้น

          “คุณทำจริง ๆ หรือเปล่า”

          “หมายถึงเรื่องไหน”

          “คุณรู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร”  เสียงคนพูดสั่นนิด ๆ “คุณใช้วิธีแบล็คเมล์จริงเหรอ”

          “เป็นความจริง”  พิชช์ฌานก้มศีรษะรับ  “เส้นทางการเมืองของฉันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก  มันค่อนข้างจะขมุกขมัว...แต่มันสว่างขึ้นตอนที่เจอเธอ”

          “คุณเคยเปรียบเทียบคนที่เจอให้ฟังว่าเป็นสีขาว  สีเทา หรือสีดำ...แล้วคุณเป็นสีอะไร”  อาคิราห์ถามต่อ  นิ่งฟังอย่างรอคอย

          “ของฉันเป็นสีแดง”  พิชช์ฌานตอบ

          “หมายถึงเต็มไปด้วยเลือดงั้นหรือ”  คนฟังใจหายวูบ  มองใบหน้าคมเข้มอย่างไม่อยากเชื่อ  “คุณไม่เคยบอกผม  ผมเคยสงสัยว่าทำไมคุณถึงร่ำรวยนักแต่ว่า...”

          “ไม่ใช่เลือดหรอกอาคิราห์  มันเป็นสีแดงเพราะว่าเธอ  ฉันกล้าพูดว่าฉันไม่ใช่พิชช์ฌานคนเดิมอีกแล้ว  ฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิต”

          “แต่คุณก็ลบอดีตไม่ได้อยู่ดี”

          “เป็นสิ่งที่ฉันต้องยอมรับ”  ชายหนุ่มก้มศีรษะ  “เธอ...คิดว่ายังไงบ้าง  อยากจะ...ไปจากฉันหรือเปล่า”  มีความลังเลเป็นครั้งแรกของวันในน้ำเสียงของพิชช์ฌานที่เขาได้ยิน  อาคิราห์เม้มปากแน่น  “ฉันเข้าใจได้นะถ้าหากว่าเธอจะไม่สบายใจ...เพราะตอนนี้ก็พูดได้ว่าฉันอาจจะแพ้การเลือกตั้งแล้วก็ติดคุกแทน”  เขาพูดเร็วขึ้น  ใบหน้าคมคร้ามซีดเผือดไร้สีเลือด  “เธออาจจะสบายใจกว่าถ้าได้กลับบ้าน...”

          “หยุดพูดเสียที”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน  “ผมถามคุณคำเดียวเท่านั้นว่าคุณจะไปต่อหรือเปล่า  คุณจะถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้มั้ย  ตอบมาคำเดียวว่าใช่หรือไม่ใช่”

          “ถ้าฉันตอบว่า..ไม่ถอนตัวล่ะ”

          “แม้ว่าผมจะขอร้องงั้นเหรอ”  อาคิราห์เอื้อมมือมาประคองใบหน้าของสามีเอาไว้  “ผมรู้ว่าที่คุณพ่อทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้คุณถอนตัวจากการเลือกตั้ง  ผมไม่อยากให้คุณต้องติดคุกเลย  คุณยอมถอยเถอะนะ”

          “เธอขอร้องให้ฉันถอนตัวเป็นครั้งที่สองแล้ว”

         “แล้วคุณจะยอมไหม”

          “ฉันยืนยันคำตอบเดิมอาคิราห์  ฉันมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ  ถ้าคุณพ่อของเธออยากจะเอาผิดฉันก็ไปสู้กันในศาล  ฉันไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่”  พิชช์ฌานพูด  จับมือของเจ้าโอเมก้าเอาไว้  “ที่ผ่านมาฉันไม่กล้าทำอะไรที่มันรุนแรงหรือว่าแตกหักเพราะกลัวว่าเธอจะเสียใจ  อาคิราห์  ฉันไม่อยากกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาของเธอ”

          “คุณไม่ใช่คนใจร้าย”

          “จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนใจร้าย  ...มากเสียด้วย”  พิชช์ฌานแก้ให้อย่างอ่อนโยน  “เธอกลับไปอยู่กับคุณพ่อก็ได้นะ  ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดมากเกินไปหลังจากนี้”

          “คุณไล่ภรรยาที่ตั้งท้องลูกคุณกลับบ้านงั้นเหรอ”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “คุณคิดได้ยังไง”

          “...................”  พิชช์ฌานเงียบ

          “ไม่ว่าคุณจะตอบว่ายังไง  ผมก็จะอยู่กับคุณ  ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจอีก  เพียงแต่ว่า....เพียงแต่ว่า...”  น้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอขึ้นมาในดวงตากลมโตคู่นั้น  อาคิราห์พยายามที่จะกลั้นสะอื้นเอาไว้แล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ  “อีกฝั่งหนึ่ง...เขาก็เป็นพ่อของผม”

          “ฉันรู้  อาคิราห์...ฉันรู้”  พิชช์ฌานรวบร่างโปร่งบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น  พรมจูบไปทั่วใบหน้าเพื่อซับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก  หัวใจของเขาปวดหนึบ   ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง  จุดแตกหักระหว่างขั้วตรงข้ามทางการเมือง...

         “ผมไม่อยากเลือกฝั่งไหนเลย  ถ้าเป็นได้”  อาคิราห์กระซิบ  “แต่ความคิดที่ว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งทำผิด  มันก็ทำให้ผมทรมานมาก”

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานกระซิบตอบ  “ขอโทษด้วยที่ฉันหยุดตอนนี้ไม่ได้”

          “ผมรู้ว่าตำแหน่งนายกฯสำคัญสำหรับคุณ  ...เผลอ ๆ อาจจะสำคัญมากกว่าผม”

          “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเธอกับลูกแล้ว  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันพูดจริง ๆ”

          อาคิราห์ยิ้มทั้งน้ำตา  ...เขารู้ว่ามันไม่จริง...

          .................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่า

          มีใครยังตามอ่านเรื่องนี้บ้างคะ  ใช้คำว่ายังตามเลยนะฮ่าๆๆ เขียนยาวนานมากจริง

          ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ติชมนะคะ

          เจอกันตอนหน้า  พรุ่งนี้ใครทำงานบ้าง  ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ

          #ขอรักแค่คุณ



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-07-2019 00:47:37
เจ้าบู้บี้  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-07-2019 03:46:39
 :sad4: สงสารน้องที่ต้องอยู่ตรงกลาง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 18-07-2019 06:04:56
สงสารน้องงงงง แต่เข้าใจคุณพิชชานนะ น้องสำคัญที่สุดก็จริงแต่เรื่องนี้ก็อยากลองสู้สักตั้งก่อนแ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 18-07-2019 07:15:12
ฟ้าสว่างแป่บๆ เมฆฝนจะมาอีกแล้ว :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-07-2019 07:57:26
เมื่อไหร่เรื่องยุ่งๆจะหมดไปกลัวส่งผลกระทยถึงเด็กน้อยในท้องจัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-07-2019 07:58:16
ไม่มีใครขาวสะอาดในวงการเมือง พ่อน้องอัยย์ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ สงสัเบื้องหลังครอบครัวอัยย์มาก แต่ก็กล้าทิ้งลูก พ่อก็ทำทุกทางเพื่อชัยชนะของตัวเอง งงใจครอบครัวนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 18-07-2019 08:30:06
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 18-07-2019 08:48:11
ยาวเข้มข้น แต่ชอบอ่าน
แม่พิษนี่ปากร้ายแต่ใจดีน๊า  พ่ออัยย์นี่ปากดีแต่ใจร้ายอ่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2019 10:00:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 18-07-2019 11:13:43
อุปสรรคใหม่ที่ต้องก้าวข้ามให้ได้  นายพิษต้องค่อยๆคิดว่าจะแก้เกมอย่างไร
ในเมื่อเรามีจุดอ่อนฝั่งนั้นเค้าก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: joyko26 ที่ 18-07-2019 12:31:58
เข้าใจทุกคนเลย แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง พลิกเกมกันไปมาสู้กันเต็มที่
สงสารบู้บี้น้องเลือกแทบไม่ได้เลย แม้ใจน้องจะเลือกแล้ว  :m15:
อยากรู้ตอนจบพร้อมๆกับที่อยากอ่านไปเรื่อยๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ มันส์มากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-07-2019 14:04:38
สงสารบูบี้จังอยู่ตรงกลางลำบากใจน่าดู
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-07-2019 14:28:31
โอ๊ย

หลานฉันเกิด้ท่ามกลางสงคราม

พ่อตาลูกเขย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 18-07-2019 15:26:20
งงง่าาาา... มาต่อเร็วนะคะไรท์.. :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-07-2019 16:11:06
อยากเห็นพิชช์ฌาณชนะ อยากเห็นบู้บี้เป็นท่านผู้หญิงภริยาท่านนายก ลุยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 18-07-2019 20:11:55
 :ling1: บทสรุปเรื่องนี้จะยังไง สรุปพี่คุณเลวจริงเปล่า รักน้องมั้งไหม แล้วคุณพ่ออีก รักลูกบ้างไหม แต่ที่อ่านมาดูออกว่าไม่รักแต่แสดงบทบาท สงสาร บู้บี้ แล้วยังเรื่อง พี่เลี้ยง นิลลาอีก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 18-07-2019 20:20:20
นี่เป็นนิยายที่ยาวแต่เข้มข้นมาก เนื้อๆเลยแทบไม่มีน้ำ  :L2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 18-07-2019 21:09:52
สงสารน้องอัยย์ การเป็นคนกลางไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ลำบากใจทั้งนั้น  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-07-2019 22:03:19
นี่คิดว่าเบื้องหลังครอบครัวบู้บี้ก็ไม่ธรรมดา ไม่ได้ขาวสะอาดเช่นกัน ท่านนายกต้องมีอะไรมากกว่าจะอยากได้แค่ตำแหน่งนายก เบื้องหลังการค้ามนุษย์มันต้องมีอะไร และนิลลาต้องเป็นพี่ชายของบู้บี้แน่เลย !
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 18-07-2019 23:24:17
สู้ๆนะเจ้าบู้บี้ เป็นว่าที่คุณแม่ที่มีเรืีองเครียดเข้ามาไม่ขาดสายจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-07-2019 00:35:51
ขำคุณแม่คุณพ่อมือใหม่บู้บี้น้อยแค่ดิ้นเอง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 19-07-2019 08:06:22

มีความรู้สึกว่า..

แม่สามีเอ็นดูลูกสะใภ้

เฮ้อ..สงสารบู้บี้

คนกลาง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-07-2019 12:02:09
ว่าแล้วมันต้องมีเรื่องมาให้ดราม่าอีกแน่
สงสารน้องอัยย์จังเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 19-07-2019 12:15:30
สงสารบู้บี้ คนกลางเจ็บปวดที่สุด นั้นก็พ่อ นี่ก็สามีพ่อของลูก
เกมการเมืองไม่มีคำว่าแฟร์ดกมและขาวสะอาด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปกปิดแผลตัวเองได้มากกว่ากัน
ยิ่งครอบครัวอัยย์ มีแต่เรื่องน่าสงสัย ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย มีแต่ ? เต็มไปหมด
นิลลาเป็นพี่ชายอีกคนของบู้บี้แน่ๆ หวังว่าจะไม่มีใครใช้ประโยชน์จากบู้บี้ให้ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้นะ สงสาร...
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 19-07-2019 23:36:25
ตามอ่านจนครบค่ะ สงสารบู้บี้ที่สุดเลยค่ะ
แถมคุณสามีก็ยังต้องเจอทั้งศึกในศึกนอกอีก
เอาใจช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-07-2019 07:44:57
สงสารบู้บี้ แต่ก็อยากให้นายพิษชนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 20-07-2019 09:07:23
สงสารเจ้าบู้บี้จริง ๆ เลย เกมการเมืองนี่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-07-2019 15:22:37
โอ๊ยยย อะไรกันมากมายนะ ไม่จบไม่สิ้น
พ่ออัยย ก็ร้ายพอกัน ในเมื่อคุยแล้ว ไม่จบ
ก็พร้อมลุย ให้พังกันไปข้างหนึ่ง
แต่ที่บอกให้อัยย์กลับบ้านได้เสมอ ก็ไม่ควร
เพราะยังไง ตอนอัยย์อยู่ก็ไม่ได้แคร์มาก

อัยย์น่าสงสาร เป็นคนกลางที่ยุ่งยากมากเลย
แล้วท้องด้วยไง เครียดไปอีกจ้า
เรื่องแม่ยังไม่จบดี ยังมาเรื่องพ่อกับเรื่องพิชญ์ฌาณอีก

ที่แม่อัยย์ทิ้งลูกคนที่สองไป คือไม่มีใครห้ามเลยหรอ
แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน ในใจคิดว่าเป็นนิลลา หรือเปล่า
ยังงงอยู่ว่าปลาตายได้ยังไง ใครทำ ใกล้ตัวมากเลยนะ

ชอบโมเมนท์อัยย์กับฌาณ น่ารักดีค่ะ ตอนงอแง ตอนแกล้งกัน
แต่พอตอนเจอเรื่องเครียดคือ สงสารอัยย์ ขึ้นมาเลยจ้า

เจนภพจะไปเจอพ่อไหมล่ะ หรือรอไปพร้อมกัน
แม่ฌาณก็น่ารักดีนะ เพราะรักลูกเลยเป็นหนัก
แต่งานนี้หมอดูช่วยได้ใช่ไหม 55555

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-07-2019 22:38:34
เปิดตอนมาสดใสเชียว
่อ่านไปอ่านมาต้องมาลุ้นกันอีกแล้ว ฮือออ สงสารคนกลางอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 21-07-2019 00:17:17
โอ่ยยยๆๆๆๆ ปวดใจ :katai1:
ดีที่ยัยบู้บี้เข้มแข็ง เคียงข้างต่อสู้ข้างสามี แม้ตาคุณพิษจะคลุมเครือก็เหอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 21-07-2019 23:57:21
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 43



 

 

 

 

 

 

         “ทางตำรวจออกหมายเรียกเราไปชี้แจงแล้วครับ”  เจนภพเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของหัวหน้าพรรคที่กำลังนั่งทำงานอยู่อย่างเคร่งเครียด  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์  “เขาให้เราไปพรุ่งนี้เช้า”

          “สรุปมีเรื่องของใครบ้าง”

          “มีของ....”  เจนภพร่ายรายชื่อบุคคลในอดีตที่เขาเคย ‘จัดการ’ มาแล้วให้ฟัง  “...จักรกฤต  รินลดา แล้วก็ธีรดลด้วยครับ”

          คิ้วของคนฟังเลิกสูง

          “จักรกฤตตายแล้วคงตกไป  ส่วนรินลดากับธีรดลนี่คิดยังไงถึงมาแว้งกัดฉัน  โดยเฉพาะรินลดาที่พ่อของเธอเป็นนายทุนให้พรรคเรา”

          “ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ  ดูเหมือนว่าเธอจะทะเลาะกับคุณชาติชาย  ส่วนนายธีรดลน่าจะไม่พอใจที่คุณไม่ยอมให้เข้าพบ”

          “สองคนนั่นไม่มีหลักฐานหรอก  ถึงมีก็อ่อนเกินไปใช้การไม่ได้  แค่สร้างกระแสให้ตัวเองดูมีค่าขึ้นเฉย ๆ”  นักการเมืองหนุ่มว่า  ยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด  “ที่น่าเป็นห่วงคือชื่อก่อนหน้านั้นต่างหาก  ส่วนใหญ่ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนั้นเสียด้วย”

          “ผมคิดว่างานนี้เราน่าจะยาก  แต่ถ้าคุณฌานให้ท่านช่วยก็คง..”

          “ถ้าฉันอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น  ก็ต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง  ไม่ใช่ถึงเวลาก็วิ่งไปให้พ่อช่วย”  พิชช์ฌานพูดเสียงห้วน  “จริงอยู่ว่าคนพวกนี้เกรงใจพ่ออยู่มาก  บางคนก็เป็นหนี้บุญคุณกัน  แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้นหรอกนะเจนภพ”

          “ผมก็คิดว่าคุณฌานคงไม่ทำแบบนั้น”  น้องชายพูด  ยิ้มมุมปาก  “เพราะถ้าคุณทำ  ผมคงยื่นใบลาออกจริง ๆ”

          “ฉันคิดว่าบางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องดับเครื่องชน”  พิชช์ฌานพูดช้า ๆ “ถึงมันจะสุ่มเสี่ยง  แต่คงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

          “ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับที่คุณอาคิราห์ให้ผมขับรถไปส่งที่บ้านเมื่อเช้านี้”  เจนภพเดา  “คุณอัยย์คงไม่ได้คิดถึงบ้านเฉย ๆ แน่”

          “ฉันไม่สามารถไปบังคับอะไรเขาได้  เขาต้องเลือกด้วยตัวเอง  ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไรก็ตาม...ฉันจะน้อมรับมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”  พิชช์ฌานพูด  ซ่อนความเศร้าเอาไว้อย่างมิดเม้น

    ..................................................................................................

          ห้องนอนใหญ่ยังมืดสลัวเพราะผ้าม่านหนาหนักที่รูดปิดหมดรอบด้าน  เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องมีร่างสูงสง่าของผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้นเห็นเป็นเงาราง ๆ  คุณหญิงอารยารู้สึกถึงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เตียง  เธอคิดว่าเป็นแม่บ้านอย่างทุกวันทว่ากลับไม่ได้กลิ่นของกาแฟกับอาหารเช้าอย่างทุกครั้ง

          “เธอคือใคร  เข้ามาในนี้ได้ยังไง” คนบนเตียงขยับตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่แม่บ้าน  คุณหญิงอารยาดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ  “ออกไปนะ  เข้ามาได้ยังไง”

          “คุณจำฉันไม่ได้สินะ”  นิลลาพูดเสียงเย็นเยียบ  “ก็แน่ล่ะ  คุณทิ้งให้ฉันตายอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนไม่ใช่หรือ”

          “แกเป็นใคร  พูดพล่ามเรื่องอะไร”  เธอกรีดร้องออกมาอย่างมึนงงแกมตกใจ  ขยับถอยหลังไปจนสุดเตียง  จ้องมองร่างผอม ๆ ตาไม่กะพริบ

          “ฉันคือลูกที่คุณเอาไปปล่อยทิ้งเอาไว้ให้ตายอย่างทรมานยังไงล่ะ”  โอเมก้าร่างผอมบางพูดเสียงแหบ  ขยับเข้าไปใกล้เธอมากยิ่งขึ้น  “จำกันไม่ได้ล่ะสิ  แต่ว่าฉันจำคุณได้ดีเลยล่ะ  จำได้ขึ้นใจ...คุณไม่ยอมอุ้มฉันด้วยซ้ำ”

          “แกพูดอะไร  ฉันไม่รู้เรื่อง  ออกไปก่อนที่ฉันจะเรียกยาม”  เธอกรีดเสียง

          “เรียกมาเลย  ทุกคนจะได้รู้ถึงความโหดร้ายของคุณ”  ผู้บุกรุกพูดแล้วยิ้มอย่างเยาะหยัน  “คุณหญิงอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ที่เอาลูกโอเมก้าวัยสองวันไปทิ้งเอาไว้กลางสวนสาธารณะในคืนที่ฝนตกหนัก  พาดหัวข่าวน่าสนใจดีนะ”  รอยยิ้มของโอเมก้าทำให้คนมองใจหล่นวูบ

          “อย่าบอกนะว่าแกคือ..”

          “โอเมก้าผู้รอดชีวิต...ฉันชอบฉายานี้นะ”  นิลลาพูด  “ฉันคือลูกของเธอไงล่ะอารยา  จำกันได้บ้างหรือยัง”

          “ไม่จริง ....ไม่ใช่  ฉันไม่เคยมีลูกเป็นโอเมก้าแบบแก  ฉันมีอาคิราห์คนเดียว  ถอยออกไปซะ  ยามอยู่ที่ไหน”  เธอหันไปคว้าโทรศัพท์แต่ว่านิลลาก็รีบดึงเอาไว้เสียก่อน  เธอสะบัดอย่างแรงแล้วพุ่งลงจากเตียงทว่าเจ้าโอเมก้าก็กระชากเส้นผมของเธอกลับมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย   “ปล่อยนะ  แกต้องการอะไร”

          “ต้องการให้คุณชดใช้ให้ไงล่ะ  ชีวิตแลกด้วยชีวิต”  นิลลาตบเปรี้ยงลงบนเสี้ยวหน้าของคุณหญิงจนเธอหน้าหัน

          “ไม่...ออกไป  ออกไปนะ”  เสียงของเธอสั่นด้วยความกลัว  เจ้าโอเมก้าล้วงเอาปืนพกอันเล็กขึ้นมาถือเอาไว้   นิลลากดมันลงกับเนินอกของอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์  “ได้โปรด  อย่าทำฉันเลยนะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

          “ไม่ได้ตั้งใจอะไร  ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกหรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้ฉันเกิดมา”

          “มันเป็นความผิดพลาด  ฉันไม่ได้อยากทิ้งเธอ แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือก  ครอบครัวของไตรคุณบีบฉันมาก  ฉันให้ไตรคุณรู้เรื่องนี้ไม่ได้   ฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ที่เหลือ”  เธอพูดตะกุกตะกัก  “ฉันขอร้องล่ะ  อย่าทำฉันเลยนะ  เธอจะบาปมากรู้มั้ยถ้าฆ่าแม่ของเธอ”

          “เรียกตัวเองว่าแม่แล้วเหรอ”  นิลลาเลิกคิ้ว  “มันไม่สายไปหน่อยหรือไง”

          “ฉันขอแก้ไขความผิด  ฉันขอโทษเธอที่ทำแบบนั้นลงไป”          คุณหญิงพูดละล่ำละลัก  “ถอยออกไปเถอะนะ  ได้โปรดอย่าทำอะไรฉัน”

          “คุณอาคิราห์”  นิลลาหันไปเรียกเจ้านายที่ยืนถ่ายคลิปอยู่ในมุมมืดตั้งแต่แรก  มือของอาคิราห์สั่นสะท้านแต่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว

          “เป็นเรื่องจริงสินะ”  อาคิราห์พูด  ก้าวออกมาช้า ๆ “คุณแม่ทิ้งลูกโอเมก้าให้ตายจริง ๆ”

          “อาคิราห์”  คุณหญิงอุทาน  มองหน้าลูกชายคนเล็กอย่างตกใจแกมเจ็บปวด  “ฟังแม่ก่อนนะ”

          “ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดกับผมแล้วตอนนี้จะให้มาฟังอะไรอีกเหรอครับ”  อาคิราห์พูดช้า ๆ สะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายใน  “ผมไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมผมถึงโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้  ผมโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่ถูกเอาไปทิ้งอย่างลูกคนนั้นของคุณ”

          “อัยย์  ฟังแม่ก่อน”  คุณหญิงอารยาพูด  “สมัยนั้นแม่ไม่มีทางเลือกเลย  ถ้าแม่ไม่ทำ  ลูกของแม่อาจจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่น แม่เองก็คงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อีก  แม่คิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่แม่จะทำได้  เป็นทางออก...ไม่มีใครยอมรับอัลฟ่าที่ให้กำเนิดโอเมก้า”

          “สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ...แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ยังไม่ยอมรับลูกของตนเองเพียงเพราะว่าเป็นโอเมก้า  เจ็บปวดดีไหมล่ะ”  อาคิราห์ทิ้งมือลงข้างลำตัว  “แม่รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

          “ไม่ใช่..เขา...ใช่ไหม   ลูกหลอกแม่...”  เธอเหลือบมองไปทางนิลลาที่ยืนประสานมืออยู่อย่างสงบ

          “อ๋อ  ไม่ใช่แน่  นี่คือคนของผมเอง  ไม่ใช่ลูกของคุณแม่หรอกครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “ลูกของคุณน่าจะตายไปแล้ว”

          “ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

          “ผมบอกแล้วว่าไม่มีความลับในโลก”

          “...อรุณา”  คุณหญิงอารยาพูดชื่อของอดีตพี่เลี้ยงออกมาทันที  “วันนั้นลูกถามว่าทำไมมันถึงลาออกไป  แสดงว่ามันไม่ได้ไปต่างประเทศจริง ๆ ด้วยสินะ”

          “ไม่ใช่หรอกครับ”  อาคิราห์ปฏิเสธ  “มีผู้หวังดีส่งหลักฐานกับประวัติการคลอดบุตรของคุณมาให้”

          คนฟังนิ่งอั้น

          อาคิราห์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย หมุนตัวก้าวออกมาจากห้องนอนแห่งนั้น  เขาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง

          “ผมเกลียดตุ๊กตาหมีที่แม่ซื้อมาปลอบใจผมทุกครั้งหลังจากที่พาคินไปเที่ยว  แต่ว่าตอนนี้...ผมยิ่งเกลียดมันเลยล่ะ”  เจ้าโอเมก้าพูดทิ้งท้ายแล้วก้าวออกไปจากห้องนอน

          “คุณอาคิราห์จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”  นิลลาถามขึ้นเสียงเบาขณะที่พวกเขาขึ้นมานั่งคู่กันบนรถที่เจนภพส่งมารับ  อาคิราห์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็หันไปกอดร่างผอม ๆ ของคนสนิทแน่น  ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น

          “นิลลา  นิลลา...”

          “..........”  นิลลาไม่ได้พูดอะไรออก  เขายกมือขึ้นแตะแผ่นหลังของเจ้านายแผ่วเบาแทนการปลอบโยน  ปล่อยให้คุณอาคิราห์ร้องไห้ออกมาอย่างนั้น  เนื้อตัวสั่นสะท้านเพราะความเสียใจที่พุ่งขึ้นมาผ่านกำแพงที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้

          อาคิราห์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา  ร้องจนปวดหน้าปวดตาไปหมด  จมูกบวมแดงหายใจไม่ออก  เขารับทิชชูมาเช็ดหน้าเช็ดตา  ความรู้สึกข้างในยังอัดแน่นอยู่ในอกเหมือนมีมือมาบีบตลอดเวลา  ถึงจะทำใจมาก่อนตั้งนานแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง  ทว่า...พอได้รู้จากปากของคนเป็นแม่เข้า  ความรู้สึกมันกลับแตกต่างลิบลับ

          นึกถึงคำพูดที่คุยกับพิชช์ฌานขึ้นมาได้  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาเลือกที่จะอยู่กับพิชช์ฌาน  ทว่า...ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจที่ยังตกค้างผสมกับความผูกพันทางสายเลือดทำให้รู้สึกทรมานเหมือนตกลงไปในกองไฟทีเดียว

          นิลลาลูบหลังของเจ้านายเบา ๆ ไม่มีคำพูดปลอบโยนจากปากจนกระทั่งเจ้านายเริ่มสงบลงเอง

          “ขอบใจมากนิลลา”  อาคิราห์ดันตัวออกมานั่งหลับตาพิงพนักเงียบ ๆ จนกระทั่งรถมาถึงบ้านของพิชช์ฌาน

          ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรออยู่ก่อนแล้ว  อาคิราห์ส่งโทรศัพท์มือถือให้โดยไม่พูดไม่จาแล้วก็เดินขึ้นห้องนอนชั้นบนไป  พิชช์ฌานรับโทรศัพท์มาถือเอาไว้  สอบถามนิลลาจนได้ความว่าแผนสำเร็จลงด้วยดีแล้วก็ปล่อยให้นิลลาขึ้นไปเฝ้าเจ้านาย  ส่วนตัวเขาถือโทรศัพท์ที่มีหลักฐานชั้นดีเอาไว้อย่างระมัดระวัง

          เขาเปิดคลิปนั้นดูหลายรอบ  ให้ทีมช่วยเพิ่มเสียงและความคมชัดให้จนมั่นใจว่ามันกลายเป็นหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะไว้ต่อรองกับอดีตนายกฯ  ชายหนุ่มให้เจนภพติดต่อไปยังฝั่งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อนัดหมายพูดคุยกัน

          “คุณอัยย์จะต้องเสียใจมาก”

          “เขาเลือกแล้ว”  พิชช์ฌานพูด  “ยังไงวันนี้ก็จะต้องมาถึง  ไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้  ถ้าเขาไม่เห็นด้วย..ก็คงไม่ไปเอาหลักฐานชิ้นนี้มาให้ฉัน”

          “คิดว่าท่านไตรคุณจะรับข้อเสนอไหมครับ”

          “เขาไม่มีทางเลือก”  หัวหน้าพรรคทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ทำงาน  เคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะอย่างที่ชอบทำเวลาใช้ความคิด  “เขาบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง  ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปด้วยซ้ำเพราะเห็นแก่อาคิราห์”

          เจนภพลอบถอนหายใจยาว  ไม่มีใครสามารถหยุดคุณพิชช์ฌานในตอนนี้ได้อีกแล้ว

         .........................................................................

          พิชช์ฌานก้าวเข้าไปภายในห้องอาหารชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เป็นจุดนัดพบ  นักการเมืองอาวุโสอดีตนายกรัฐมนตรีนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์  แม้ว่าชายหนุ่มรุ่นลูกจะส่งยิ้มไปให้แทนคำทักทายก็ตาม

          “เชิญนั่ง”  ไตรคุณพูดเรียบ ๆ ผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกัน

          บริกรเข้ามาเสิร์ฟอาหารให้อย่างนอบน้อม

          “ผมคิดว่า...”

          “รับประทานอาหารด้วยกันก่อนคุณพิชช์ฌาน  สำหรับฉันกองทัพต้องเดินด้วยท้องเสมอ”  ท่านไตรคุณพูด

          “อาคิราห์ก็เคยบอกกับผมแบบนี้”  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจระบายความตึงเครียด

          “ฉันเป็นคนสอนเขาเอง”

          ชายทั้งสองนั่งรับประทานอาหารด้วยกันเงียบ ๆ จนกระทั่งจบคอร์ส  ท่านไตรคุณโบกมือให้บริกรและผู้ติดตามออกไปรอข้างนอกห้องให้หมด  เหลือแค่เขากับลูกเขยเท่านั้น

          “คุณพิชช์ฌานขอเข้าพบฉันทั้งทีคิดว่าคงมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าการมาขอร้องธรรมดานะ”  ไตรคุณพูดเนิบ ๆ เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มแล้วยิ้มมุมปาก  “ฉันไม่ได้ตั้งความหวังสูงเกินไปหรอกใช่ไหม”

          “ไม่หรอกครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปวีดีโอส่งไปให้อดีตนายกฯ รับไปดู  เสียงกรีดร้องโวยวายและคำพูดตะโกนในนั้นฟังออกชัดเจนว่าคนในคลิปพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่  สีหน้าแววตาของผู้หญิงในภาพก็บอกอารมณ์ได้ดีเยี่ยม

          ไตรคุณจับตามองภาพในคลิปตาไม่กะพริบ  สีหน้าของนักการเมืองรุ่นเก๋าแทบไม่เปลี่ยนยกเว้นแต่เส้นเลือดที่ขมับที่เต้นตุบ ๆ จนพิชช์ฌานสังเกตเห็น  ชายหนุ่มซ่อนยิ้มอยู่ในใจ  อดทนรอจนกระทั่งคลิปสิ้นสุด

          “คิดว่าคลิปตัดต่อแบบนี้จะทำอะไรฉันได้งั้นหรือ”  ไตรคุณพูดออกเป็นประโยคแรก

          “ให้ประชาชนพิสูจน์ดีไหมครับว่าเป็นคลิปตัดต่อหรือเปล่า”  พิชช์ฌานยิ้มพราย

          “ต้องการอะไร”

          “ผมต้องการให้ท่านจัดการคดีแบล็คเมล์ของผมให้เรียบร้อย  และแถลงข่าวด้วยว่าหลักฐานของท่านเป็นเท็จ”

          “ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”   

          “น้อยเกินไปด้วยซ้ำ  ผมควรจะต้องเอาผิดท่านกับภรรยาของท่านให้ถึงที่สุด  พวกท่านฆ่าคนตายนะครับ  อย่าลืม”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “ความผิดนี้เทียบไม่ได้เลยกับคดีแบล็คเมล์ของผม”

          ไตรคุณนิ่งไป

          “ฉันคงไม่สามารถแถลงได้ว่าหลักฐานแบล็คเมล์พวกนั้นของคุณเป็นเท็จ”  นักการเมืองอาวุโสพูดช้า ๆ

          “ถ้างั้นก็ต้องบอกว่าไม่มีมูล  ท่านต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของผมที่เสียไป”

          “แต่ว่าคุณก็ทำมันลงไปจริง ๆ ไม่ใช่หรือไงคุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณเลิกคิ้ว  “คุณคงไม่คิดจะบิดเบือนความจริงหรอกนะ  เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ  ทำอะไรไว้ก็ต้องกล้ารับ”

          “เป็นผมคงไม่กล้าพูดประโยคเมื่อกี้ออกมาแน่ครับ  โดยเฉพาะถ้าผมเป็นท่าน”  พิชช์ฌานโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน

          “ฉันไม่รู้เรื่องลูกโอเมก้าคนนี้  อารยาไม่เคยบอกฉัน  ฉันรู้เพียงแค่ว่าเธอแท้งเท่านั้น”  ไตรคุณปกป้องตนเอง

          “แล้วท่านรู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ภรรยาของท่านเอาลูกแท้ ๆ ไปทิ้งเพียงเพราะว่าเป็นโอเมก้า  หรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลย”  พิชช์ฌานกำมือ  ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอาคิราห์ผุดขึ้นในความคิด  “ท่านไม่เคยสนใจความรู้สึกของโอเมก้าอยู่แล้วนี่ครับ  ขนาดลูกชายของท่าน  ท่านยังขังเอาไว้ในบ้านไม่ยอมให้เห็นเดือนเห็นตะวัน”

          “คุณพูดเกินไปแล้วคุณพิชช์ฌาน  จริงอยู่ว่าฉันให้อาคิราห์อยู่ในบ้าน  แต่ก็ทำไปเพื่อปกป้องตัวเขาเอง  ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของฉันเลย  ฉันเจ็บปวดด้วยซ้ำที่ไม่สามารถพาลูกไปเที่ยวข้างนอกได้”  ไตรคุณหยุดไปนิดหนึ่ง  “เอาไว้คุณเป็นพ่อคนแล้วก็จะเข้าใจ  หัวอกของคนเป็นพ่อที่ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าความปลอดภัยของลูก”

          “อย่าเอาวาทะของนักการเมืองมาใช้กับผมครับ  เพราะมันไม่ได้ผล”  พิชช์ฌานพูด  “คุณจะพูดให้มันสวยหรูอย่างไรก็ได้  แต่ว่าความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยันค่ำ  ความจริงที่ว่าคุณไม่ยอมรับโอเมก้า  ไม่ได้มองว่าเขาเป็นมนุษย์เท่า ๆ กันกับคุณ”

          ไตรคุณยักไหล่

          “แล้วแต่คุณจะคิด  คุณพิชช์ฌาน  ฉันจะไม่โต้แย้งด้วยอีก”  คนพูดลุกขึ้นยืนแทนการบอกว่าเสร็จธุระกลาย ๆ “ฉันจะต้องไปจัดการธุระต่อ”

          “หวังว่าการไปสถานีตำรวจของผมพรุ่งนี้จะมีข่าวดีนะครับ”  พิชช์ฌานพูดตามหลัง

          ชายหนุ่มกลับออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่เป็นของลูกเขยคนกลางของท่านไตรคุณ  เขากลับไปที่บ้านด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย  อย่างน้อยในวันพรุ่งนี้  ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิด  ข้อกล่าวหาของเขาจะต้องถูกปิดตกไปอย่างแน่นอน

          “คุณฌานกลับมาแล้ว”  เจนภพเข้ามารับหน้า  สีหน้าของน้องชายทำให้พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่า”

          “ท่านสารวัตรวิญญูที่เคยดูแลคดีค้าโอเมก้ามารอพบครับ”

          “เคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ  ทำไมถึงได้มาอีก”

          “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นฝากคนขึ้นไปดูอาคิราห์ที  ไว้ฉันคุยกับสารวัตรเสร็จแล้วจะตามขึ้นไป”  พิชช์ฌานพูด  เขาตั้งใจจะขึ้นไปปลอบใจภรรยาก่อนในตอนแรก  เป็นอันต้องล้มเลิกเพราะเรื่องสำคัญกว่า

          นายตำรวจใหญ่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว  พอเจ้าของบ้านเดินเข้าไปก็ลุกขึ้นยืนก้มหัวให้  พิชช์ฌานก้มศีรษะรับ  เชิญให้นั่งอย่างเจ้าของบ้านที่ดี

          “ท่านวิญญูมาที่บ้านเองแบบนี้คงมีเรื่องสำคัญมากแน่ ๆ”

          “ผมทราบว่าคุณพิชช์ฌานกำลังถูกฝ่ายนั้นเล่นงานเอาเรื่องคดีแบล็คเมล์  ผมเลยอยากจะมาช่วยคุณครับ  ในฐานะที่คุณเคยช่วยผมมาหลายครั้ง”

          คิ้วเข้มของคนฟังเลิกขึ้น  พิชช์ฌานยิ้ม

          “ท่านจะกรุณาช่วยผมอย่างไรครับ”

          “ก่อนที่ผมจะโดนย้ายกลับส่วนกลาง  ผมกับทีมสืบสวนไล่แกะตัวอักษรย่อบนรายชื่อพวกนั้นได้ครบถ้วนแล้ว  แต่อย่างที่คุณฌานทราบก็คือ  มันเป็นเพียงแค่อักษรย่อเท่านั้น  ไม่สามารถใช้ไปยืนยันตัวตนใครได้”

          “ท่านอยากให้ผมทำยังไง”

          “ผมคิดว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่อักษรย่อ  แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ในการต่อรองครับ”  นายตำรวจส่งซองเอกสารมาให้พิชช์ฌานรับไว้  “ผมคิดว่าคุณฌานคงมีวิธีจัดการให้หลักฐานที่มีอยู่พวกนี้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุดครับ”

          “ขอบคุณท่านมาก”  พิชช์ฌานพูดอย่างจริงใจ  “ท่านเป็นมิตรในยามยากของผม  ถ้าผมสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้  ผมจะไม่ลืมท่าน”

          “ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพิชช์ฌาน  เราตามขบวนการนี้มานานหลายปีแล้วแต่ไม่เคยกล้าที่จะทำอะไรเพราะรู้ดีว่ามีใครที่ใหญ่กว่าอยู่เบื้องหลัง  คุณเป็นนักการเมืองคนแรกที่กล้าเข้ามาจัดการปัญหานี้  ทำให้พวกผมมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่  ถึงแม้จะปิดคดีไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร  ถือว่าผมและทีมได้ทำเต็มที่แล้ว  ผมเองก็จะได้เกษียณอย่างเต็มภาคภูมิ”

          “ถ้าผมได้เป็นนายกฯ  ผมจะไม่ทิ้งทีมของคุณและจะสานต่อคดีนี้ให้สำเร็จแน่นอนครับ  ท่านไม่ต้องห่วง”

          พิชช์ฌานส่งเอกสารให้เจนภพไปตรวจสอบ  ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนบ้าน  เห็นนิลลานั่งเท้าคางอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ของตัวเองก็ทักขึ้น

          “อาคิราห์ยังไม่ออกมาอีกเหรอ”

          “ยัง...ไม่ยอมกินข้าวด้วย”

          “ไปเอาถาดอาหารมา  เดี๋ยวฉันจัดการเอง”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่รูดม่านเอาไว้มืดสลัว  เขาเดินไปเปิดม่านออกทุกด้านจนห้องสว่างไสวในพริบตา

          “โอ๊ย แสบตา”  เสียงแหบ ๆ ดังมาจากคนที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของเขา  พิชช์ฌานเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ชะโงกเข้าไปดูคนที่นอนร้องไห้จนตาบวมฉึ่ง

          “หน้าเธอบวมเหมือนอึ่งเลยอาคิราห์”  พิชช์ฌานว่า  ดึงตัวอีกคนให้ลุกขึ้นมานั่ง  “ไหนดูซิ  ร้องไห้น้ำตาหมดตัวหรือยัง”

          “ไม่ต้องมายุ่งกับผม  ผมอยากอยู่คนเดียว”

          “แต่ฉันอยากอยู่กับลูก  ลูกก็อยากอยู่กับฉันด้วย”  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ทิ้งตัวลงนอนบนตักของเจ้าโอเมก้า  แนบใบหน้าเข้ากับหน้าท้องกลมนูนนั้น  “ไหนว่าไงครับ  ปลอบคุณแม่หน่อยซิลูก  เขาร้องไห้แง ๆ เลย  ขี้แยกว่าลูกอีกมั้ง”

          “ผมไม่เก่งเหมือนลูกของคุณพิชช์ฌานหรอก”  อาคิราห์ตอบเสียงอู้อี้

          “น้อยใจ ๆ มีคนน้อยใจใหญ่แล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “เมื่อกี้ฉันไปคุยกับคุณพ่อของเธอมา  อาคิราห์”

          “พ่อว่ายังไงบ้าง  ยอมไหม”

          “พ่อของเธอยอมถอย”  พิชช์ฌานพูดสั้น ๆ “แต่เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องที่แม่ของเธอทำลงไป”

          อาคิราห์เงียบกริบ

          “เธอ...มีอะไรอยากพูด  อยากระบายกับฉันก็บอกมาได้นะ  ฉันจะอยู่ตรงนี้  ไม่ไปไหน”  พิชช์ฌานพูดเสียงนุ่ม

          “ผม...ผมแค่สงสัยว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่  แม่ผมทำขนาดนี้แล้วผมยังสมควรที่จะรักแม่เป็นแม่อยู่อีกมั้ย  แล้วพ่อของผมล่ะ  ผมสับสนไปหมด”     

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “สมัยก่อนตอนที่พ่อกับแม่ฉันแยกทางกัน  ฉันเห็นตอนที่พ่อตบหน้าแม่แล้วก็ผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น  ตอนนั้นฉันตกใจมากแล้วก็เกลียดพ่อมากด้วย”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  “ฉันร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องจนแม่ขึ้นมาหา  แม่บอกให้ฉันยกโทษให้พ่อ”

          “แล้วคุณยกโทษให้มั้ย”

          “ฉันยกโทษให้  แต่ว่าฉันจำความรู้สึกนั้นเอาไว้  แม้ว่าหลังจากนั้นพ่อจะดูแลฉันเหมือนเดิมแต่ความรู้สึกข้างในก็ไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก  มันก็เหมือนแก้วที่มีรอยร้าว  ไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมนอกจากเอาไปหลอมใหม่เท่านั้น  แต่ถึงอย่างไร  พ่อก็คือผู้ให้กำเนิดฉัน  ทำให้ฉันเป็นพิชช์ฌานอย่างทุกวันนี้”

          “คุณกำลังจะบอกให้ผมยกโทษให้แม่งั้นหรือ”

          “ไม่มีใครสามารถบังคับอารมณ์ให้เป็นดั่งใจได้หรอกอาคิราห์  มันอยู่นอกเหนือการควบคุม  ที่ฉันจะบอกก็คือ..ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ให้เวลาเป็นตัวจัดการกับความรู้สึกนั้นแต่เราต้องอย่าไปจับไปยึดมันเอาไว้กับตัว  ปล่อยวาง..ยกโทษให้เขาไป”

          “คุณพูดเหมือนตาเฒ่าแก่ ๆ สักคนมากกว่าจะเป็นนักการเมืองที่ชื่อพิชช์ฌาน”  อาคิราห์เคาะ  อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ         

          “ฉันแค่พูดให้ดูดี  ถ้าฉันคิดได้จริงก็คงไม่วิ่งหัวหมุนแบบนี้”

          “ผมลองนึกถึงภาพที่เราสามคน  พ่อแม่ลูก  อยู่ด้วยอย่างมีความสุขในที่สักแห่งหนึ่ง  ไม่ต้องวุ่นวายกับโลก  ไม่ต้องคอยระวังตัวแจว่าจะมีใครลอบทำร้าย  ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแอบถ่าย  ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นยังไง  มันคงจะมีความสุขมากนะครับ”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นลูบเส้นผมหยักศกบนตักเล่น  “ผมอยากตื่นตอนเช้ามาทำกับข้าวให้คุณกิน  ตอนบ่ายนั่งอ่านหนังสือกับลูก   ตอนเย็นเดินชมดอกไม้รอบบ้าน  คุณว่าดีไหม”

          “ดีสิ...หลังจากฉันเป็นนายกฯสักสามสมัยก่อนนะ”  พิชช์ฌานพูดกลั้วหัวเราะ

          “ผมกลัวว่าเราจะเปลี่ยนไป  อำนาจทำให้คนเปลี่ยน  มันมีผลขนาดนั้น”

          “มนุษย์เราเปลี่ยนไปทุกวันอาคิราห์  ไม่ใช่แต่เพียงมนุษย์แต่เป็นทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป  อำนาจอาจเป็นเพียงตัวเร่งให้เปลี่ยนไปในทางใดทางหนึ่ง”  พิชช์ฌานตอบ  “แต่ไม่ว่าอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  สำหรับฉันแล้วเธอก็จะยังเป็นเจ้าตัวบู้บี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

          คนฟังย่นจมูก

          “ไม่พัฒนาบ้างเหรอ  ใจคอจะให้ผมเป็นตัวบู้บี้จนตายเลยเหรอไง”

          พิชช์ฌานยิ้ม  ดันตัวลุกขึ้นแล้วจรดริมฝีปากเข้ากับกลีบปากอวบอิ่มนั้นแผ่วเบาก่อนจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เปลี่ยนไป  อาคิราห์เอนตัวลงกับเตียงนอนพลางโอบรอบลำคอหนาเอาไว้แน่น  ลูบไล้ท้ายทอยที่ปกคลุมด้วยผมหยักหนาอย่างเลื่อนลอย

          ...ถ้าสามารถหยุดเวลาเอาไว้ที่ตอนนี้ได้ก็คงจะดีมาก...อาคิราห์คิด

          ..........................................................................................

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 21-07-2019 23:58:28






          นักข่าวแตกฮือเข้าไปรุมล้อมรถยนต์สีดำปรอดที่แล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณของสถานีตำรวจตามเวลานัดหมาย  ร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานก้าวลงมาจากรถด้วยความมั่นใจตามบุคลิกเดิม  พร้อมกับผู้ติดตามอีกเกือบสิบคน  ก้าวเข้าไปในตัวอาคาร

          “ท่านเตรียมตัวมาอย่างไรบ้างคะ  สำหรับข้อกล่าวหานี้”

          “ท่านคิดว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงมากน้อยแค่ไหนคะ”

          “ท่านจะหาทางรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้างครับ”

          นักข่าวยิงคำถามรอบตัวของนักการเมืองหนุ่ม  พิชช์ฌานยิ้มให้กล้องยกมือขึ้นปราม

          “ผมขอเข้าไปคุยกับทางตำรวจก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ  ว่าเป็นอย่างไรบ้าง”  เขาพูดสั้น ๆ แล้วเดินฝ่ากองทัพนักข่าวเข้าไปด้านใน

          บรรดานักข่าวต่างจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านนอก  คาดเดาเหตุการณ์ไปต่าง ๆ นานา  ใคร ๆ ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้คะแนนเสียงของพิชช์ฌานกำลังขึ้นนำทว่าพอเจอเรื่องคดีแบล็คเมล์นี้เข้าไปก็เหมือนกลายเป็นโอกาสให้ทางไตรคุณกลับขึ้นมานำอีกครั้ง  การต่อสู้ที่ดุเดือดของการเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นที่น่าจับตามองโดยเฉพาะจากสื่อต่างชาติด้วย

          “มาแล้ว  ออกมาแล้ว”  เสียงพูดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาปรากฏตัว  รอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มบอกอารมณ์ของนักการเมืองหนุ่มได้เป็นอย่างดี

          “เป็นอย่างไรบ้างคะท่าน  กับการมาฟังและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันนี้”

          “ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและมาวันนี้นะครับ  ผมดีใจที่ทุกท่านมา  สำหรับการมารับฟังข้อกล่าวหาในวันนี้ผมขอเรียนทุกท่านดังนี้นะครับ ..”  ชายหนุ่มยิ้ม  “วันนี้ผมมายืนยันความบริสุทธิ์ของผมว่าผมไม่เคย..กระทำการตามที่ได้ถูกกล่าวหาเอาไว้นะครับ  และในเบื้องต้นที่ผมทราบตอนนี้ก็คือ หลักฐานที่ทางตำรวจมีอยู่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผมกระทำผิดจริงตามที่กล่าวหา”

          นักข่าวส่งเสียงกระหึ่ม

          “แสดงว่าเป็นการกล่าวเท็จหรือปรักปรำกันอย่างนั้นเหรอคะ”

          “ผมไม่อยากจะเรียกแบบนั้นนะครับ  เพราะผมก็เข้าใจความหวังดีของท่านอดีตนายกฯไตรคุณที่อยากจะช่วยเหลือ  ผดุงความยุติธรรมนะครับ  ผมคิดว่าเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจดีกว่า  เดี๋ยวทางตำรวจจะออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้อีกทีตอนเย็น”

          “เรื่องนี้กระทบความน่าเชื่อถือและฐานคะแนนเสียงของคุณ  คุณพิชช์ฌานมองเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ  กังวลมั้ย”

          “ไม่กังวลเลยครับ”  พิชช์ฌานยิ้มนิด ๆ “เพราะผมเชื่อในวิจารณญาณของประชาชนและคนที่จะเลือกผมเข้ามารับใช้ประชาชน  ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าผมพูดว่าอะไรหรือใครบอกว่าผมเป็นยังไง  แต่ว่าคือ...ผมทำอะไรต่างหาก  สิ่งที่ผมได้ลงมือทำไปนั้นเป็นสิ่งที่นักการเมืองหลายยุคหลายสมัยไม่มีใครกล้าทำ  แต่ผมจะทำ”

          “มีอะไรอยากฝากถึงท่านไตรคุณหรือว่าพรรคการเมืองอื่น ๆไหมครับ”

          “ผมไม่มีอะไรฝากถึงครับ  พวกเราทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  ไม่ก้าวก่ายไม่รุกล้ำ  เล่นการเมืองอย่างสะอาด  ผมอยากเห็นการเมืองของเราโปร่งใส  ทุกคนสามารถแสดงความคิดได้อย่างเท่าเทียมครับ”

          “หลังจากนี้ท่านมีแผนจะทำอะไรอีกคะ”

          “ผมว่าจะกลับไปทานข้าวกับภรรยาก่อนเป็นอันดับแรก  เธอรอผมอยู่ที่บ้านครับ  ส่วนวันพรุ่งนี้ผมจะจัดปราศรัยครั้งสุดท้ายที่.....”  เขาพูดชื่อสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุง  “ใครสนใจไปฟังกันได้ครับ  ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง”

          “ท่านคะ  อีกคำถามค่ะท่าน  ท่านคะ”

          “ไว้ถามต่อพรุ่งนี้แล้วกันครับ  รอฟังจากทางตำรวจแถลงข่าวเย็นนี้ก็ได้  ผมต้องรีบกลับก่อน  ภรรยาผมหิวมากแล้ว”

          พิชช์ฌานก้าวยาว ๆออกมาขึ้นรถที่จอดรออยู่  นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจยาวทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน  แม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีก็ตาม

          “กลับบ้านเลยไหมครับคุณฌาน”

          “เดี๋ยวก่อน  พาฉันไปพบคน ๆ หนึ่ง”  พิชช์ฌานว่า  เขาคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่มากกว่าที่คน ๆ นั้นบอกอาคิราห์

          เป็นไปไม่ได้ที่เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะรอดพ้นสายตาของไตรคุณไปได้  เผลอ ๆ อาจจะเป็นตัวไตรคุณเองด้วยซ้ำที่ให้คุณหญิงกำจัดลูกโอเมก้าคนนั้น

          .........................................................................

          อาคิราห์นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่กำลังเปิดช่องแถลงข่าวเด่นวันนี้  ตำรวจใหญ่ผู้ดูแลคดีออกมาแถลงเรื่องหลักฐานของพิชช์ฌาน  ตรงตามที่นักการเมืองหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าตัวเขาพ้นจากข้อกล่าวหาทุกประการ

          “เห็นทีคราวนี้ท่านไตรคุณคงจะเจอกระแสโต้กลับหนัก”   นิ่มนวลหลุดพูดออกมาแล้วก็นึกขึ้นได้  เหลียวไปมองคุณอาคิราห์อย่างเกรงใจ

          “ไม่เป็นไรป้านิ่ม  เรื่องการเมืองสามารถแสดงความคิดเห็นได้อยู่แล้ว”  อาคิราห์ตอบเรียบ ๆ

          “ป้าไม่อยากให้คุณอัยย์ไม่สบายใจ”  แม่บ้านอาวุโสเอื้อมมือไปมาบีบนวดขาทั้งสองข้างของเจ้าโอเมก้าเอาไว้  “พรุ่งนี้คุณฌานจะมีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายแล้ว  คุณอัยย์ไปด้วยใช่ไหมคะ  ป้าจะได้เตรียมปิ่นโตไปให้เป็นพิเศษ”  พูดถึงปิ่นโตแล้วคนฟังค่อยตาใสขึ้นมาหน่อย  อาคิราห์ลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง

          “ผมจะไปช่วยป้านิ่มทำปิ่นโตเองครับ”

          “เอ่อ..แต่คุณพิชช์ฌานไม่ควรท้องเสียนะครับวันนั้น”  เจนภพเดินเข้ามาได้ยินพอดีรีบพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ  “ผมหมายถึงว่า...อากาศอาจจะร้อนจนอาหารบูด”

          อาคิราห์ตวัดสายตามองน้องชายของสามีเร็ว ๆ อย่างขวาง ๆ

          “งั้นคุณเจนภพก็ไม่ต้องกินก็แล้วกัน”

          “โธ่  คุณอัยย์  ผมพูดเล่นน่ะครับ”  เจนภพรีบบอก  “ทำเผื่อผมอีกสักคนจะไม่ลืมพระคุณเลยครับ  ยังไงพรุ่งนี้จะต้องยุ่งมากแน่ ๆ  ฝีมือคุณอัยย์อร่อยจะตาย  ผมทานคราวก่อนยังติดคอ เอ๊ย..ติดใจ”

          “คุณเจนภพ”  อาคิราห์เข่นเขี้ยว

          คืนนั้นพิชช์ฌานกลับบ้านดึกกว่าทุกครั้ง  อาคิราห์เดาเอาไว้คงเป็นเพราะว่าต้องเตรียมตัวปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง  เจ้าโอเมก้าแกล้งทำเป็นหลับตอนที่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหยุดยืนข้างเตียงนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ก้มลงมาจูบที่แก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะผละไปอาบน้ำ

          อาคิราห์ผล็อยหลับไปเองก่อนที่สามีจะกลับออกมานอนด้วย

...

          วันปราศรัยใหญ่ได้มาถึง  อาคิราห์ตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความตื่นเต้น  เขาช่วยป้านิ่มจัดเตรียมอาหารสำหรับสามีและทีมงานพรรคบางส่วน  ลูกพรรคทยอยมาประชุมที่บ้านของพิชช์ฌานตั้งแต่เช้าเช่นกัน  ท่าทางแต่ละคนตื่นเต้นไม่แพ้กัน

          “คุณอาคิราห์  เป็นอย่างไรบ้างครับ”  นายจรัญทักทายเขา  “มูลนิธิฯของคุณไปได้สวยไหมครับ  ผมสนใจที่จะบริจาคอยู่นะ”

          “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ตอบ  “ลงชื่อเอาไว้เลยไหมครับ  นิลลา..”  เขาเรียกหาโอเมก้าคนสนิทให้เข้ามาจดรายการ   “คุณจรัญไม่ต้องเกรงใจนะครับ  มูลนิธิฯของเราไม่มีขั้นต่ำ  บริจาคให้ได้ตามกำลังทรัพย์ของคุณเลยครับ”

          นายจรัญหัวเราะแห้ง ๆ ล้วงสมุดเช็คขึ้นมาเซ็นส่งให้นิลลารับไว้  อาคิราห์เหลือบมองตัวเลขบนนั้นอย่างพอใจ  เห็นทีนายจรัญจะเป็นคนหน้าใหญ่ใช้ได้ทีเดียว

          พวกเขาเดินทางไปยังสวนสาธารณะกลางเมืองที่ใช้เป็นที่จัดเวทีปราศรัยครั้งสุดท้าย  ผู้คนพากันเดินทางมาสมทบทีละส่วนจนเต็มพื้นที่ไปหมด  บรรดาเพื่อนโอเมก้าต่างก็แวะเวียนกันเข้ามาพูดคุยทักทายกับเขา  ใครที่เข้าร่วมกับมูลนิธิฯแล้วก็ติดเข็มกลัดดอกกุหลาบสีแดงสดเอาไว้บนหน้าอกอย่างภาคภูมิ  ใครที่ยังไม่มีก็เข้ามาต่อแถวรอลงชื่อกันอย่างคึกคัก

          ระหว่างนี้บนเวทีก็มีบรรดาผู้สมัครของพรรคจากเขตต่าง ๆ เวียนกันขึ้นมากล่าวปราศรัยสลับกับเล่นเกมสร้างบรรยากาศสนุกสนานจนกระทั่งล่วงไปเวลาบ่ายแก่  ก็ถึงเวลาของพิชช์ฌานที่จะขึ้นมากล่าวปราศรัยซึ่งเป็นเวลาที่คนเลิกงานพอดี  พื้นที่โล่งกว้างของสวนสาธารณะแห่งนั้นดูแคบไปถนัดใจเมื่อคนเมืองต่างมากันมืดฟ้ามัวดิน

          หัวหน้าพรรคการเมืองหนุ่มเดินขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ  โบกมือส่งยิ้มให้กล้องแบบคนเจนสนาม  เขาไม่ลืมส่งจูบให้ภรรยาที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของเวทีด้วย  อาคิราห์ส่งจูบตอบกลับมาพร้อมกับหน้าแดง

          “สวัสดีทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานปราศรัยครั้งสุดท้ายของพรรคในวันนี้ครับ”  พิชช์ฌานเกริ่นก่อนจะเริ่มสรุปนโยบายในส่วนต่าง ๆ สั้น ๆ ด้วยภาษาที่เข้าในง่าย  เขาแทรกมุกตลกเป็นระยะเพื่อให้ผู้รับฟังผ่อนคลาย  “...นโยบายหลัก ๆ ของผมก็มีเพียงเท่านี้  รายละเอียดลงลึกผมขอไม่พูดแล้วนะ  ผมใส่ไว้ให้ในแผ่นพับหมดแล้ว  ส่วนเรื่องจะทำได้จริงหรือไม่  ผมคิดว่าทุกท่านที่มาในวันนี้น่าเชื่อมั่นในตัวผมและพรรคพอสมควร  ...มีคำถามไหมครับ”  เขาเปิดโอกาสให้คนฟังยกมือขึ้นถาม

          อาคิราห์นั่งฟังพิชช์ฌานตอบคำถามจากคนที่มาฟังอย่างภาคภูมิใจ  เพราะพิชช์ฌานลงมือทำจริง  บางนโยบายเป็นความคิดของชายหนุ่มล้วน ๆ เขาถึงสามารถตอบได้หมดทุกคำถามพร้อมกับความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ

          “...ผมเชื่อว่าพี่น้องทุกท่านที่เสียภาษีให้กับรัฐไม่ว่าจะมากหรือน้อยต่างก็อยากได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากบริการของรัฐ  ให้คุ้มกับภาษีที่เสียไป  ไม่ใช่ต้องตื่นตีสี่เผื่อเวลาเดินทางไปทำงานสามชั่วโมง  วันไหนฝนตกจราจรเป็นอัมพาตไม่ต้องออกจากบ้าน   เผลอ ๆ น้ำท่วมอีก  นี่คือปัญหาที่ผมมองเห็น  รัฐได้งบประมาณไปปรับปรุงเรื่องพวกนี้ทุกปี  แต่ว่า...ทำไมปัญหากลับไม่ได้รับการแก้ไขเสียที  เกิดซ้ำวนเวียนเป็นวัฏจักรอยู่นั่นเอง  เผลอ ๆ อีกยี่สิบสามสิบปีก็จะยังเป็นเหมือนเดิมหรือหนักขึ้น”   พิชช์ฌานเว้นระยะ  มีเสียงพึมพำอย่างเห็นด้วยมาจากผู้ฟังด้านล่าง

“นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยว่างบประมาณพวกนั้นหายไปไหน  ผมและทีมงานได้ไปตรวจสอบ...คร่าว ๆ นะครับ ยังไม่ได้ลงลึก  เพราะว่ายังไม่มีอำนาจที่จะลงลึกได้  แต่แค่คร่าว ๆ ผมก็พบว่ามีเม็ดเงินที่สูญไปในระหว่างการดำเนินโครงการต่าง ๆ เรียกว่าเงินค่าดำเนินงานเนี่ยนะครับ  เป็นจำนวนมากพอดู  เงินหายไปอย่างสมเหตุสมผลหรือเปล่า  นี่คือคำถาม   ถ้าคุณเลือกผมและทีม  ผมจะเข้ามาจัดการเรื่องนี้  ทวงคืนผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของพวกคุณกลับคืนมา”

คำถามยังคงมาจากทุกทางไม่หยุดยั้ง  พิชช์ฌานเองก็ตอบได้ลื่นไหลไม่ติดขัดเช่นกันจนกระทั่งแสงแดดหมดลงต้องพึ่งแสงจากเสาไฟฟ้าแทน

“มืดแล้วเหรอเนี่ย  เราคุยกันจนมืดเลย..พวกคุณเมื่อยหรือเปล่า  ...ขอบคุณครับ” เด็กหญิงคนหนึ่งถือดอกกุหลาบสีแดงมายื่นให้ข้างหน้าเวที  “ให้อาใช่ไหมคะ  ค่อยยังชั่ว”  พอเด็กพยักหน้ารับเขาถึงได้รับมาถือเอาไว้  “เดี๋ยวนี้เวลามีคนให้ดอกกุหลาบต้องถามก่อนว่าให้ผมหรือเปล่า  เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่  เป็นของเมียผม”

          อาคิราห์หัวเราะ

          “แต่ไม่เป็นไรครับ  เพราะผมเองก็เคยบอกกับเขาเองว่า  ดอกกุหลาบทุกดอกในประเทศนี้จะบานเพื่อเขาคนเดียว”  พิชช์ฌานกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหน้าของคนฟังแดงก่ำ   ตัวบู้บี้ของเขาเขินจนแทบจะม้วนลงจากเก้าอี้  “ใจเย็น ๆ ท้องอยู่  เดี๋ยวตกเก้าอี้ไปไม่มีใครอุ้มไหวนะ”

          อาคิราห์ย่นจมูกใส่

          พิชช์ฌานกล่าวปิดการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายพร้อมกับสนับสนุนให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มาก ๆ แม้จะไม่ได้เลือกเขาก็ไม่เป็นไร  “....หวังว่าในวันเลือกตั้ง  ประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันของสิทธิมนุษยชนจะเบ่งบานเหมือนดอกกุหลาบในมือผมนะครับ”   เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนานจนอาคิราห์รู้สึกใจเต้นตึกตัก  เขาเดินเข้าไปหาสามีด้วยความดีใจ

          “ฉันพูดดีไหม”

          “ดีทุกอย่างยกเว้นตอนที่หันมาหาผม”  อาคิราห์ว่า  อีกฝ่ายหัวเราะหึ ๆ โอบเอวของเขาเข้าหาตัว

          “จริง ๆ วันนี้ต้องไปหาหมอตามนัดฝากครรภ์นี่ใช่มั้ย”

          “ใช่  แต่ไว้วันหลังก็ได้”

          “ไม่ได้  นัดเป็นนัด  เดี๋ยวเสร็จงานทีนี่แล้วเราไปกัน”  พิชช์ฌานกระซิบข้างหู  “ฉันโทรไปบอกหมอเอาไว้แล้วให้รอด้วย”

          “เกรงใจหมอ”  อาคิราห์พึมพำ  แต่ก็ไม่ขัดใจสามี

          พวกเขาอยู่ถ่ายรูปและพูดคุยต่อจนทุกคนเริ่มแยกย้ายกันกลับถึงได้นั่งรถแยกออกมาตรงไปยังโรงพยาบาลด้วยกัน  คุณหมอฉัตรินรออยู่ก่อนแล้ว

          “ผมได้ดูปราศรัยใหญ่เมื่อกี้นี้ด้วย  คุณอาคิราห์ดูดีมากจริง ๆ ครับ”  นายแพทย์หนุ่มพูด

          “อาคิราห์ไม่ได้พูดสักคำ  ทำไมไม่ชมผมบ้างล่ะ”  รุ่นน้องรีบถาม  “ผมเป็นคนพูดตั้งสามชั่วโมง”

          “นายก็ดูดีอยู่แล้วนี่  ต้องให้ชมอีกเหรอ”  ฉัตรินหัวเราะหึ ๆ “วันนี้หมอจะอัลตราซาวน์นะครับ  ถ้าโชคดีก็จะเห็นเพศด้วย”

          ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที  อาคิราห์กระวีกระวาดขึ้นไปนอนบนเตียงเตรียมตรวจ  เปิดเสื้อโชว์หน้าท้องกลมนูนให้หมอตรวจอย่างเต็มใจ  ตาจ้องเป๋งไปยังหน้าจอขาวดำที่ปรากฏขึ้น

          “...ถามก่อนว่าอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

          “เพศไหนก็ได้ครับ” อาคิราห์เป็นคนตอบ  สูติแพทย์หัวเราะเบา ๆ

          “เพศอะไรก็ได้หมอ  ผมตั้งชื่อเตรียมเอาไว้แล้วทั้งคู่”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  “ดูแบบนี้ผู้หญิงแน่ ๆ”

          “อืม...ผู้หญิงนะคนนี้”  คุณหมอว่า

          อาคิราห์จ้องที่หน้าจอนิ่ง  เพ่งมองจุดวิบวับที่เป็นตำแหน่งของหัวใจเด็กอย่างตั้งใจ  คุณหมอเปิดเสียงหัวใจของลูกให้ฟังด้วย  มันถี่เร็วแต่ก็จับใจคนเป็นแม่นัก

          “ลูกแข็งแรงมั้ยครับ”

          “แข็งแรงดี”  คุณหมอตอบกลับมา  “กินวิตามินที่ให้ไปมั้ย”

          “ผมกินทุกวันไม่เคยขาด”

          “ดีมาก  วันนี้ผลเลือดก็ดี”

          รอพิชช์ฌานอัดคลิปครบทุกมุมแถมด้วยเสียงเต้นของหัวใจลูกเสร็จแล้ว  อาคิราห์ถึงได้ลงมาจากเตียงได้  คุณหมอนัดตรวจอีกทีเดือนหน้า

          “ถึงตอนนั้นฉันคงกลายเป็นแพทย์ประจำตัวโอเมก้าหมายเลขหนึ่งแล้วกระมัง”  ฉัตรินพูดยิ้ม ๆ

          “อะไรก็เกิดขึ้นได้  ผมก็ไม่อยากพูดไปก่อน”  พิชช์ฌานว่าทั้งที่ยิ้มไม่หุบ

          “คงไม่พลิกโผแล้วล่ะ”

          “ขอให้เป็นอย่างนั้น”

          พวกเขากลับออกมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน  เจนภพขับรถพาพี่ชายและพี่สะใภ้มาส่งที่บ้านก่อนจะกลับออกไป  พิชช์ฌานบอกว่าช่วงก่อนวันเลือกตั้งมักจะยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ

          “คุณไม่ได้ซื้อเสียง  หรืออะไรทำนองนั้นใช่มั้ย”  อาคิราห์ดักคอ  สามีหัวเราะ

          “เอาเงินซื้อมันโบราณแล้ว”

          “แสดงว่าใช้อย่างอื่นล่ะสิ”

          คนฟังหัวเราะ ไม่ยอมตอบ  อาคิราห์ก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรอีก  เขาอยู่กับพิชช์ฌานจนรู้แล้วว่าอะไรที่อีกฝ่ายอยากบอกก็จะบอกออกมาเอง  แต่ถ้าไม่อยากบอกล่ะก็  ต่อให้เซ้าซี้หลอกถามแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้

          “มานั่งนี่มา”  พิชช์ฌานตบเบา ๆ ข้างตัว  เจ้าโอเมก้าขยับขึ้นมานั่งบนเตียงพิงอกเขาเอาไว้  “วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า”

          “ไม่เหนื่อย”  อาคิราห์ส่ายหน้าไปมา  “แต่ร้อนไปหน่อย”

          “รอบหน้าไม่เอาแล้วสวนสาธารณะ  ไปปราศรัยบนห้างดีกว่า  เมียฉันจะได้ไม่ร้อน”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “เหงื่อไหลไคลย้อย  หน้าม้าแตกหมด”

          “หน้าม้าแตกอะไรของคุณ”  อาคิราห์พ่นลมออกจากจมูก  “แล้วพรุ่งนี้คุณต้องทำอะไรบ้าง”

          “ก็คงประชุมพรรคทั้งวัน  เตรียมแผนสำรองเอาไว้ในรูปแบบต่าง ๆ”  พิชช์ฌานว่า  “ไปนั่งเล่นที่พรรคไหมล่ะ”

          “ก็ดีเหมือนกัน”

          มือใหญ่เอื้อมมาลูบไล้ที่หน้าท้องนูน ๆของเจ้าโอเมก้าเบา ๆ ผิวสีน้ำผึ้งกระจ่างยิ่งดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นไปกว่าเดิมในสายตาของพิชช์ฌาน  เขาเคาะที่หน้าท้องเบา ๆ

          “ยัยหนู  หลับหรือยังน่ะ”  เขาเรียก  “กินอิ่มแล้วก็นอนหลับอุตุเหมือนแม่แน่ ๆ”

          “แหม  คุณนี่มันชอบใส่ร้าย”  อาคิราห์ขยับตัว  “หนูอย่าไปฟังพ่อเขานะลูก”

          “เฌอริชช์”  พิชช์ฌานพูดชื่อ ๆ หนึ่งออกมา  คนฟังขมวดคิ้ว

          “อะไรนะครับ”

          “เฌอริชช์  ชื่อยัยหนูของพ่อคือเฌอริชช์”  พิชช์ฌานสะกดให้ฟัง  อาคิราห์ตาโต   “เธอชอบไหม  ชื่อนี้”

          “ชอบมาก”  เขาตอบเต็มปากเต็มคำ  เจ้าโอเมก้าวางมือทับลงบนมือของสามี   “เฌอริชช์...”

อดใจรอพบหน้ายัยหนูแทบไม่ไหวแล้วล่ะ   

     .................................................................................................

         

          มาอัพตอนใหม่แล้วค่า อิอิ

          ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  ปลาบปลื้มกับทุกฟีดแบคค่ะ  วิเคราะห์กันทุกแง่มุม  แค่อ่านคอมเม้นท์ก็สนุกมาก ๆ แล้วค่ะ  ฮ่าๆๆ

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

         
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 22-07-2019 01:09:34
โอ้ได้ลูกสาว แถมตั้งชื่อเรียบร้อยแล้ว อย่ามีมาม่ามาเร็วๆนี้เลยน๊า ไม่อยากกิน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 22-07-2019 01:14:18
ชื่อยัยหนูเพราะจังเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-07-2019 01:27:51
เชื่อว่าทางฝั่งพ่อเจ้าบู้บี้ยังไม่หมดมุกที่จะเล่นงาน  :ling2:
ไปหาพี่เลี้ยงคนเดียวจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มบ้างมั้ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-07-2019 02:58:34
นอกจากจะหลงเมียแล้ว คุณพิชณานยัง้ห่ลูกมากๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-07-2019 03:39:56
ไม่อยากจะคาดเดาอะไรทั้งนั้น​ ใจลุ้นอยู่​อย่าง​เดียว​จะ​มี​ดราม่า​อะไร​มา​อีก​ไหม​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-07-2019 08:28:24
เหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่อย่างพิชช์ฌานว่า มันยังไม่แน่นอน  อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-07-2019 08:53:39
ตาพิษนี่มีเซ้นต์์์ดีนะเนี่ย ชื่อเพราะเชียว
หนูอัยย์ก็สู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-07-2019 09:09:19
ลุ้น

ลุ้น

ลุ้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-07-2019 09:36:44
เป็นยัยหนูละ คงต้องรอลุ้นต่อว่าจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าต่อ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรนายพิษกับเจ้าบูบี้ก็รักละนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-07-2019 10:06:29
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 22-07-2019 11:47:20
เอากงๆ คือไม่กล้าเดา ตอนต่อไปเรยจย้าา... :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 22-07-2019 11:53:45
“เฌอริชช์'' โอ้ยยย ได้หลานสาว รอเจอหนูอยู่นะลูก

นิลลาไม่ใช่พี่อัยย์ คิดว่าใช่แน่ๆแล้วเชียว เงิบบบบบบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-07-2019 12:02:03
เหม็นนนนนน เหม็นความรักเมีย หลงเมียของอิตาพิชช์มาก ไม่ใช่แค่บู้บี้เขิน เรายังเขินแทนเลย :o8: 

ฉันได้หลานสาวเหรอเนี่ยยยย แอร๊ยยยยยย น่าร้ากกกก รับขวัญหลาน ระดับลูกสาวท่านนายกเนี่ย ต้องผูกข้อมือเท่าไหร่เนี่ยยย 55555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-07-2019 12:10:38
ยัยหนูจะออกมาเป็นเพศไหนนะ พ่ออัลฟ่าแม่โอเมก้า ลุ้นให้ไม่มีอะไรรุนแรงอีกต่อไป ใจหวิวมากค่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 22-07-2019 12:15:43
ผู้แต่ง น่าจะไปเป็นคนเขียนสครปต์ตอบคำถามนักข่าวให้นักการเมืองนะคะเนี่ย พิชฌาณตอบเก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-07-2019 14:50:13
ถ้าน้องอัยย์ไม่ยอมร่วมมือด้วยอย่าหวังว่านายพิษจะแก้เกมได้สำเร็จ
แบบนี้ต้องยกความดีให้น้องนะนายพิษ. อยากเจอน้องเฌอริชช์เร็วๆแล้วน้า
คงน่ารักมากๆเลย ขอให้เป็นอัลฟ่าดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-07-2019 15:36:10
แค่ชื่อก็น่ารักแล้วว cherish เหมาะมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่42 18/7/62 p39
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 22-07-2019 16:36:36
บู้บี้สู้นะ เรื่องราวมันช่างซับซ้อน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 22-07-2019 20:52:23


เฌอริชช์

ว่าที่ลูกสาวนายยก

มีบุญจังเลยลูก

เกิดมาปุุ๊ป..

มีพ่อเป็นนายยกเรยย

มั่นใจว่าคุณฌานได้แน่
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-07-2019 22:03:02
อัยย์เอ้ย เลือกข้างแล้วสินะ แต่ก็นั่นแหละ บางทีก็ต้องเลือก
อัยย์น่าสงสารนะ อยู่ข้างโดดเดี่ยว แม่รักไม่เท่าไม่แสดงออก
ไม่พอยังไม่ค่อยดูแลเท่าที่ควร พ่อก็ละเลย เอ็นดูน้องมาก
โชคดีที่อัยย์เป็นคนคิดบวกพอตัว ไม่ค่อยคิดแค้นอะไร
ที่อัยย์พูด คืออยากใช้ชีวิตครอบครัวจริงๆ แบบสงบๆ
แต่คงต้องรอให้ฌาณไม่ได้ตำแหน่งก่อนนะ

ฌาณกล้าพุ่งชนมาก งานนี้ไม่รู้ใครจะรอด ใครจะร่วง
แล้วไปเจอใครมาอีกล่ะ หลังจากที่ไปสถานีตำรวจมา
หรือว่าไปเจอพี่เลี้ยงอัยย์มาอีก เผื่อได้อะไรเพิ่ม

เจนภพเป็นคนดีเลยแหละ ถึงจะยังไง ก็ยังอยู่เคียงข้างพี่ชาย

นิลลาเป็นคนดีจริงใช่ไหม ยังคงสงสัยอยู่
แล้วใครที่เป็นลูกอีกคน ก็ยังคิดว่าเป็นนิลลา
แต่ดูจากที่ผ่านมา นิลลายังดูไม่แก่กว่าอัยย์มาก
เลยสับสนพอสมควรว่าใครกันที่เป็นลูกโอเมก้าอีกคน

ว้าวว คุณพ่อตั้งชื่อให้หนูแล้วนะคะลูกสาว สุดที่รัก

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-07-2019 23:08:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 23-07-2019 02:10:49
คนที่ร้ายที่สุด จะเป็นใครร รอวันเฉลย ตอนแรกดีใจนะ นึกว่านิลาเป็นพี่จริง ๆ  ขอให้นิลลาพักอย่างแท้จริง อยากเห็นบู้บี้หลาย ๆ คน อาจจะมีถึงบู้บี้ที่ 4 จะได้ไหมนะ 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 23-07-2019 04:21:30
เจ้มจ้นพิเศษทุกตอนเลยค่ะ อ่านสนุกมาก ๆ ไม่รู้จะเดาไปทางไหนแล้ววววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 23-07-2019 12:27:56
 :katai2-1: หลานจะมาแล้ว มาปราบคุณพ่อให้คุณแม่ทีนะคะน้องเฌอริช
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-07-2019 18:03:43
ถึงจะเห็นความรักไปหน่อย แต่ก็เอาใจช่วยทุกคนอยู่นะคะ...ฮาาาาา

อยากเห็นเจ้าตัวเล็กแล้ววววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-07-2019 00:58:08
ยัยหนู.. ชื่อน่ารักจังเลยย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 24-07-2019 12:40:16
ทำไมบรรยากาศการเมืองในเรื่องถึงทำให้อินได้ขนาดนี้กันคะ อย่างกับได้เจอมากับตัวเองเลยค่ะ 55555
รอคอยที่จะได้เห็นตอนที่ลูกสาวออกมาดูโลกแล้วล่ะค่ะ อยากรู้ว่าคุณพ่อเค้าจะเห่อ จะหวงลูกขนาดไหน  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 24-07-2019 13:23:21
การเมืองในเรื่องเข้มข้นมากกก ฟาดฟันสุด นี่ลุ้นว่าประชากรโอเมก้าในเรื่องจะได้ใครเป็นนาโย้กกก  :katai1:
ส่วนยัยบู้บี้ก็น่ารักมากกกกก อยากเจอเจ้าบู้บี้น้อยแล้ววววว :impress2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-07-2019 22:22:18
ยัยหนู เฌอริช ชื่อน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 25-07-2019 00:31:18
เจ้าบู้บี้น้อยจะมาแล้ววว อย่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลยนะ เดี๋ยวคุณพ่อเขาจะไม่มีเวลามาเล่นกับลูกเอา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 25-07-2019 07:47:18
สงสารเจ้าบู้บี้อะเหมือนอยู่ในบ้านที่มีแต่ความลับ พ่อแม่เหมือนไม่ใช่พ่อแม่ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน :m15:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-07-2019 22:12:39
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่43 22/7/62 p40
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-07-2019 11:45:44
ดูท่าแล้วจะมีคนหลงลูกสาวหัวปักหัวปำ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-07-2019 15:46:09
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 44

 



 

 

 

 

          หนึ่งวันในที่ทำการพรรคก่อนการเลือกตั้งผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาคิราห์ใช้เวลาอยู่กับการพูดคุยวางแผนเรื่องมูลนิธิฯของตนเองกับทีมงานที่พิชช์ฌานหามาให้  ส่วนพิชช์ฌานก็หายเข้าไปในห้องประชุมพรรคทั้งวันแทบไม่เห็นหน้ากัน  ทีมงานสถิติวิ่งวุ่นเข้าออกเพื่อรายงานผลโพลครั้งสุดท้ายให้กับพรรค

          เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น  จู่ ๆ ก็มีแขกที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้นที่หน้าอาคาร  อาคิราห์รีบออกไปทำความเคารพพ่อสามีอย่างนอบน้อม  อีกฝ่ายก็ทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง

          “เป็นอย่างไรบ้างหนู  เตรียมตัวเลือกตั้งกัน  วันนี้ยุ่งมากล่ะซิ”

          “ครับคุณพ่อ”

          “แล้วพิชช์ฌานอยู่ข้างในหรือเปล่า”

          “อยู่ครับ”  อาคิราห์เดินตามหลังอดีตหัวหน้าพรรคที่วางมือจากการเมืองเพื่อให้ลูกชายขึ้นบริหารพรรคแทนเมื่อหลายปีก่อน  นิมมานก้าวเนิบ ๆ เข้าไปภายใน  คนในพรรคต่างออกมาทำความเคารพราวกับต้นอ้อลู่ลม  มีเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นจากนักข่าวที่มาเฝ้าสถานการณ์อยู่มุมหนึ่ง

          พิชช์ฌานออกมาต้อนรับบิดาของตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่แปลกใจนัก  นิมมานขอให้ทุกคนออกไปก่อนเพื่อคุยกับลูกชายคนเดียว

          “พ่อคงไม่ได้มาอวยพรผมเฉย ๆ หรอกมั้งครับ”

          “ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ”  คำพูดสั้น ๆ จากบิดาทำเอาคนฟังชะงักกึก

          “อะไรนะครับ”  พิชช์ฌานนึกว่าตัวเองได้ยินผิด

          “ถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้  ให้คนอื่นขึ้นแทน”  นิมมานพูดย้ำ  คนฟังอ้าปากค้าง

          “พ่อล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ  แกล้งอำผมใช่มั้ย”  พิชช์ฌานพูด  “คะแนนเสียงผมกำลังขึ้นนำเห็น ๆ ยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน”

          “ก็เพราะคะแนนแกนำไงล่ะ  ถึงต้องสละสิทธิ์ไปซะ”  นิมมานพูดเรียบ ๆ  “เพื่อตัวแกกับลูกเมียของแก  เชื่อฉัน  อำนาจไม่ใช่สิ่งยั่งยืน” 

          “พ่อรู้อะไรมาครับ  พ่อจะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ไม่ใช่จู่ ๆ มาขอให้ผมถอนตัว”

          “มีคนจะลอบฆ่าแกกับเมียแกหลังได้ตำแหน่ง”  นิมมานถอนหายใจยาว  “ฉันได้ข่าวมาสักพักหนึ่งแล้ว”

          “ถ้าเป็นเรื่องลอบสังหาร  ผมเองก็ได้ข่าวมาแล้วครับ  ผมถูกลอบฆ่าปีละสามหน  จะเพิ่มอีกซักหนหนึ่งจะเป็นอะไรไป  พวกมันไม่เคยทำสำเร็จ”  พิชช์ฌานยักไหล่

          “แกไม่ควรประมาท  ฉันรู้ว่าแกเชื่อว่าตัวเองสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้  แต่ว่า..งานนี้เกี่ยวพันกับคนหลายคนโดยเฉพาะผู้มีอำนาจบารมีบางคนที่เขาไม่พอใจแกเรื่องนโยบายโอเมก้าพวกนั้น  แกคงรู้อยู่แล้วว่ามันกระทบกับผลประโยชน์ของเขา”

          “ผมรู้ครับ  ผมถึงได้อยากลากตัวพวกผู้มีอำนาจเบื้องหลังพวกนั้นออกมาไงล่ะ”

          “ไม่ใช่ตอนนี้  ประเทศของเรายังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง  ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก  ถ้าแกไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิตก็ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ  ไปกบดานต่างประเทศซักพักรอให้ทุกอย่างสงบลงแล้วค่อยกลับมา”

          “พ่อไม่เคยสอนผมให้หนีปัญหา”

          “แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่  ครั้งนี้พวกมันเอาจริงแน่  มันต้องการกำจัดแก”   

          “มันที่ว่าคงไม่เกี่ยวพันผลประโยชน์กับพ่อด้วยหรอกนะครับ”  คิ้วเข้มของลูกชายเลิกสูง  รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้น  “พ่อดูเดือดเนื้อร้อนใจกับนโยบายโอเมก้าของผมเหลือเกินนี่”

          “พิชช์ฌาน  ...ฉันเป็นพ่อของแกนะ”  นิมมานพูดอย่างโกรธจัด  “ถ้าแกไม่ฟังฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

          “ผมไม่ใช่คนขี้ขลาดแบบพ่อหรอกนะ”  พิชช์ฌานสวนกลับบ้าง  “ผมไม่ใช่คนที่พอเจออุปสรรคแล้วก็จะยอมถอยง่าย ๆ เหมือนกับใครบางคนที่ลาออกจากการเมืองทั้งที่กำลังรุ่งโรจน์หรอกครับ  ผมไม่ใช่คนตาขาว  อำนาจมันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว”

          “แกยังไม่เข้าใจ”  นิมมานคราง  มองหน้าบุตรชายนิ่งงัน

          “ทำไมผมจะไม่เข้าใจ  หรือว่าจริง ๆ แล้วพ่ออยากลาออกไปเสวยสุขกับเมียเด็กของพ่อล่ะครับ...ผมก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพ่อหรอกนะ  แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ”

          “ฉันลาออกเพราะ...”  ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจยาว  “นั่งลงก่อนพิชช์ฌาน  ฉันจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง  ...หลายสิบปีก่อนมีเพื่อนรักสองคนโตมาด้วยกัน  เรียนมาด้วยกัน  แล้วก็มีอุดมการณ์เดียวกัน  พวกเขาเริ่มทำงานในพรรคเก่าแก่แห่งหนึ่งด้วยตำแหน่งผู้ติดตามของท่านรัฐมนตรีคนหนึ่ง..”

          พิชช์ฌานทรุดตัวลงนั่งช้า ๆ จ้องเขม็งไปที่บิดาตาไม่กะพริบ

          “...ด้วยไหวพริบความสามารถก็ทำให้หน้าที่การงานของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว  ไม่นานก็สามารถลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคในเขตเล็ก ๆ ได้ทั้งคู่  พวกเขาคาดหวังที่จะเปลี่ยนโลกด้วยมือของตัวเอง...เป็นความคิดที่น่าขันของเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”  นิมมานหัวเราะเบา ๆทอดสายตามองออกไปยังหน้าต่างราวกับกำลังทบทวนความหลัง  “พวกเขาค่อย ๆ เรียนรู้ทีละน้อยว่าการจะเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่สามารถทำได้ง่าย ๆเหมือนพลิกฝ่ามือ  นอกจากกำลังความสามารถแล้วก็ยังต้องมีอำนาจบารมีอีกด้วย  ทว่า...สิ่งเหล่านั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมหาศาล”

          “...............”

          “ข้อแลกเปลี่ยนนั้นหอมหวานเชิญชวนแต่ต้องแลกมาในราคาสูงลิ่ว  หนึ่งในสองคนนั้นเลือกที่จะถอนตัวออกมา  ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาด  แต่ว่าเขามีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่านั้น  เขาไม่เห็นด้วยเลยออกมาสร้างพรรคของตัวเอง  แต่ว่า...เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น  มีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้  สุดท้ายเขาก็จำต้องทิ้งอุดมการณ์และความหวังที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบเอาไว้เบื้องหลังแล้วกลับออกมาใช้ชีวิตสามัญธรรมดา  ในขณะที่เพื่อนของเขาเลือกที่จะรับข้อเสนอนั้นและเดินหน้าต่อ ....ถลำลึกลงไปทุกที”

          “พ่อหมายถึง...ท่านไตรคุณ”  พิชช์ฌานกระซิบ

          “โบราณพูดถูกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก  ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอก”  นิมมานถอนหายใจอีกครั้ง  “พ่อ..อาจไม่ใช่พ่อที่ดีในอุดมคติที่ลูกอยากจะมี  แต่ว่า...สิ่งหนึ่งที่พ่อมั่นใจว่าพ่อมีก็คือ  พ่อไม่อยากเห็นลูกของตัวเองถลำลงไปแบบนั้น”

          “ผมไม่มีทางไปร่วมกับพวกอำนาจมืดพวกนั้น  ไม่มีทาง”

          “มันจะบีบจนแกไม่มีทางเลือก  ถ้าแกไม่เลือก...คนรอบตัวของแกก็จะมีปัญหา  พิชช์ฌาน  ฉันไม่ได้มาเตือนแต่มาบอก  ยิ่งแกประกาศลั่นว่าจะลากพวกมันออกมา  มันยิ่งเดือดพล่านเหมือนสาดน้ำมันลงไปในกองเพลิง”

          “แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยนะครับ  ยกเว้น...”  ปลาที่ลอยเท้งเต้งในน้ำแดงฉานกลับมาในความคิด  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “มันรอโอกาสเหมาะอยู่”  นิมมานสรุป  “และถ้าฉันเดาไม่ผิด  เมียโอเมก้าของแกจะเป็นเป้าหมายแรกอย่างแน่นอน”

          “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรีบลากคอพวกมันออกมาก่อนที่พวกมันจะทันทำอะไร  พ่อคงไม่ทราบว่าผมได้รายชื่อของพวกมันมาจากสารวัตรวิญญู  ทันทีที่ผมได้ตำแหน่ง  คนเหล่านี้จะต้องถูกรวบตัวก่อน”

          “คนในรายชื่อนั่นเป็นเพียงลิ่วล้อ”  นิมมานพูดอย่างสงบ  “คนเบื้องหลังตัวจริงนั้นมีอำนาจมากจนลูกอาจคาดไม่ถึง  มันเป็นปัญหาสะสมมาเนิ่นนานนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา”

          พิชช์ฌานอึ้งไป

          “ถอนตัวเสียเถอะพิชช์ฌาน  เห็นแก่ลูกเมียของแก  ฉันมาในวันนี้เพราะไม่อยากเห็นแกต้องเจ็บปวด”

          “ผมคิดว่าผมสามารถปกป้องลูกเมียของผมได้ครับ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นช้า ๆ หลังจากเงียบไปนาน  “ขอบคุณคุณพ่อที่เป็นห่วง  แต่ว่าผมคงถอยหลังกลับตอนนี้ไม่ได้  ...ผมมาไกลแล้ว  อีกไม่นานก็จะถึงฝั่ง  ไหนจะประชาชนที่เค้าเห็นด้วยกับผม  คนในพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน  มูลนิธิฯของอาคิราห์ก็กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง  ผมเชื่อว่าโลกในตอนนี้เปลี่ยนไปจากสมัยคุณพ่อมากแล้ว”

          “ไม่มีใครเปลี่ยนโลกได้ด้วยมือเดียว”

          “ผมคิดว่ามีอีกหลายมือที่อยากร่วมมือกับผมครับ”  พิชช์ฌานพูด  “ผมเลือกทางนี้แล้วคุณพ่อ  ผมไม่เปลี่ยนใจ”

          “หึ”  ผู้สูงวัยหัวเราะในลำคอ  “ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่  ถ้าแกมั่นใจฉันก็จะไม่ว่าอะไรอีก  แต่ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ฉันเตือน  ก็อย่ามาร้องห่มร้องไห้เสียใจก็แล้วกัน  อย่าลืมว่าเวลามันย้อนกลับไม่ได้หรอกนะ”

          “ขอบคุณครับ”  นักการเมืองหนุ่มพูด

          ท่านนิมมานกลับไปได้พักใหญ่  อาคิราห์แอบเข้ามาถามสามีอย่างเป็นห่วงว่าอดีตนักการเมืองรุ่นใหญ่คนนั้นมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้มาหา  พิชช์ฌานหัวเราะ  ชะโงกเข้ามาหอมแก้มคนถามแรง ๆ

          “พ่อมาอวยพรฉันน่ะ”  พิชช์ฌานว่า  “กลับบ้านกันดีกว่า  พรุ่งนี้เราต้องไปเข้าคูหาแต่เช้า”

          “คุณประชุมเสร็จแล้วเหรอ”

          “เหลือแค่สวดมนต์รอผลพรุ่งนี้”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  “อย่าพลิกล็อคแล้วกัน  ไม่งั้นเมียฉันแต่งตัวเก้อเลยนะ  อุตส่าห์ตัดชุดใหม่รอ”

          คนฟังย่นจมูกใส่

          พิชช์ฌานให้เพิ่มการคุ้มกันให้รัดกุมขึ้นอีกจนอาคิราห์อึดอัด  ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนเดินตามอีกอย่างน้อยสามคนเสมอ  แถมสามียังขอร้องแกมบังคับให้สวมเสื้อกันกระสุนสั่งตัดพิเศษเพิ่มพื้นที่ช่วงเอวให้เขาใส่ติดตัวเวลาออกข้างนอก

          “มันทำให้ผมเหมือนไส้กรอก”  เจ้าโอเมก้าโอดครวญ  หมุนตัวไปมาหน้ากระจก  “คุณดูสิ”

          “ไม่เห็นเหมือนตรงไหน”  พิชช์ฌานละสายตาหน้าจอโทรทัศน์มามอง  “เธอเหมือนหมอนข้างมากกว่า”

          “ผมไม่อยากใส่แล้ว”  อาคิราห์โกรธแต่ก็แกะชุดออกไม่ได้เพราะมีพุงค้ำเอาไว้  ได้แต่หมุนตัวฮึดฮัดไปมา  “นิลลาไปไหน  มาช่วยฉันแกะหน่อย  มันมองไม่เห็น”

          “เอาน่า  แค่ใส่ไปลงคะแนนเสียงเสร็จแล้วก็กลับมาถอดที่บ้าน  ฉันจะถอดให้”

          “แต่ผมอยากไปนั่งลุ้นที่ที่ทำการพรรคด้วยนี่”

          “ถ้าจะไปก็ต้องใส่ตลอด”  พิชช์ฌานว่า “ฉันกลัวเธอโดนยิงไส้แตก  เสียดายอาหารที่กินเข้าไปตายเลย”

          คนฟังหน้าหงิกกว่าเดิม  ถอยมานั่งบนเตียง  สักพักก็เปลี่ยนเป็นนอนกลิ้ง

          “เห็นมั้ย  ใส่สบายออก  ฉันให้เขาบุฟองน้ำนิ่ม ๆ เพิ่มตั้งเยอะ  อ้วนนิดก็ไม่เป็นไรเพื่อความปลอดภัยของเธอกับน้องเฌอริชช์ไง”

          “เรียกลูกเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทำไมเรียกผมเสียงแข็งตลอด”

          “ก็เธอเป็นเมียหรือเป็นลูกล่ะ”

          อาคิราห์เบะปาก

          “ผมอยากเป็นพ่อของคุณ”

          “ว่าไงนะเจ้าบู้บี้  อยากเป็นพ่อฉันเลยเรอะ”  พิชช์ฌานรวบเอาร่างที่แน่นเหมือนไส้กรอกมากอดเอาไว้แน่น  แกล้งก้มลงงับแก้มอมเลือดฝาดนั้นเล่น  “ชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้วนะ”

          อาคิราห์หัวเราะคิก  ดิ้นหนีจากวงแขนขลุกขลัก  เสียงหัวเราะของทั้งสองดังก้องไปทั่วห้องนอน

          ...................................................................................

          ประชาชนออกมาเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก  พิชช์ฌานหลังจากใช้สิทธิเสร็จแล้วก็ยืนรอภรรยาอยู่ด้านหน้าคูหาอย่างอารมณ์ดี  อาคิราห์เดิมยิ้มออกมาเกาะแขนสามีเอาไว้แอคท่าให้นักข่าวถ่ายรูป

          “อย่ายิ้มออกนอกหน้ามาก  ผลยังไม่ประกาศเสียหน่อย”  พิชช์ฌานกระซิบ  เห็นเจ้าโอเมก้ายิ้มกว้างจนตาแทบปิด

          “บอกตัวคุณเองเถอะ  ยิ้มจนตีนกาขึ้นแทบจะนับได้แล้ว”

          พิชช์ฌานเกือบยกมือขึ้นเขกหัวคนพูดสักทีแต่ดีที่ยั้งเอาไว้ทัน  ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้สื่อข่าวและคนที่มารอรับเขาคงจะตกอกตกใจเป็นแน่

          เขากลับมาที่ทำการของพรรคเพื่อมารอลุ้นผลการเลือกตั้งที่จะประกาศหลังจากปิดหีบหนึ่งชั่วโมง  ที่พรรคครึกครื้นด้วยเหล่าแขกเหรื่อที่มาแสดงความยินดีล่วงหน้า  บรรดาสื่อต่าง ๆ ก็จับจองที่นั่งรอถ่ายทอดสดบรรยากาศของพรรคกันอย่างคึกคัก  อาคิราห์เองก็ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด  ผุดลุกผุดนั่งจนสามีทัก

          “ริดสีดวงกำเริบหรือไง  ลุกขึ้นลุกลงอยู่นั่น”

          “นี่แน่ะ  ริดสีดวง”  อาคิราห์แอบคีบเนื้อต้นขาของอัลฟ่าหนุ่มแล้วบิดอย่างแรง  “คนมันตื่นเต้น”

          “นั่งเฉย ๆ รักษาภาพลักษณ์หน่อย  เธอลุกไปลุกมาฉันเวียนหัว”

          “เอายาดมมั้ย”  อาคิราห์เสนอด้วยความหวังดี  “คุณชอบเอายัดจมูกตอนปวดหัวนี่”

          “ไม่”  พิชช์ฌานกระแอม  จัดปกเสื้อของตัวเองอีกรอบ  “วันนี้ฉันต้องคีพลุคเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง”

          “นั่นมันตำแหน่งผม”

          “แน่ะมีทวง”

          “แน่นอน”  อาคิราห์งึมงำ  “คุณก็ต้องเป็นนายกฯ สิ”

          “ปลื้มใช่มั้ย”

          “ก็..เฉย ๆ”  เจ้าโอเมก้ายักไหล่

          “เดี๋ยวกลับบ้านเองเลยนะ  ทิ้งไว้เนี่ยแหละ  เดี๋ยวฉันไปหาเมียใหม่เอาข้างหน้า”

          “โธ่”  อาคิราห์แนบแก้มเข้ากับต้นแขนล่ำสันใต้เสื้อเชิ้ต  “ปลื้มจนตัวจะลอยได้แล้ว  ยิ้มปากแทบฉีกไม่เห็นเหรอ  เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ”

          “ตื่นเต้น?”

          “ปวดท้องเข้าส้วม”

          “ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว”  พิชช์ฌานพูดอย่างฉุน ๆ เอื้อมมือมาบีบจมูกมู่ทู่ของอีกคนอย่างมันเขี้ยว

          ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่รอคอยคือการปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มนับคะแนน  เปอร์เซ็นต์ของพิชช์ฌานขึ้นนำตั้งแต่แรกและก็พุ่งทะยานขึ้นทิ้งห่างคู่แข่งพรรคอื่นจนเห็นได้ชัด  คนในพรรคเริ่มเฉลิมฉลองกันอย่างยินดี  คะแนนถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา  เป็นอันว่านายพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้อง   พิชช์ฌานเปิดแชมเปญขวดใหญ่ฉลองชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างมีความสุข  เขาอุ้มภรรยาโอเมก้าจนตัวลอยแล้วจูบอย่างดูดดื่มที่สุดท่ามกลางความความดีอกดีใจของทุกคน

“สำเร็จแล้ว   ชนะแล้ว”  อาคิราห์พูดซ้ำ ๆ รั้งต้นคอสามีมาจูบซ้ำอีกรอบ  “สุดยอดมาก  คุณเยี่ยมมาก ๆเลย”  อัยย์น้ำตาคลอ  คนที่ยืนกอดเขาอยู่ก็มีน้ำตาเช่นกัน  พิชช์ฌานแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากเนียน  จูบปลายจมูกและริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นเบา ๆ

“ใครชมก็ไม่เหมือนเมียชม”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ชื่นใจจริง ๆ”

“ยอมให้วันนึง”  อาคิราห์ตอบ  ส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก  “เห็นว่าเป็นนายกฯ นะเนี่ย”

“อย่ายิ้มแบบนี้ใส่กล้องนะ”  ชายหนุ่มว่า  คนฟังตาโต

“ทำไมล่ะ”

“ฉันหวง”  พิชช์ฌานตอบสั้น ๆ เจ้าโอเมก้าหน้าแดงจัด  ทุบแผ่นอกกว้างไปทีหนึ่งแก้เขิน

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงแถลงข่าวประกาศชัยชนะของพรรครวมถึงแผนการในอนาคตต่อ  บรรดาพรรคเล็กตบเท้าเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับพูดคุยตกลงผลประโยชน์  เหล่านายทุนพรรคก็ปรากฏตัวพร้อมหน้าพร้อมตาชนิดที่ไม่มีใครยอมใครทีเดียว

อาคิราห์ถอยออกมาดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นเงียบ ๆ ผลประโยชน์ช่างหอมหวานเสียจริง  ถ้าพิชช์ฌานไม่ชนะการเลือกตั้งก็คงตาลปัตรกลับเป็นตรงข้าม  คิดแล้วก็นึกถึงบิดาขึ้นมาได้  เขากดโทรไปหาพ่อของตน

“อัยย์เหรอ  ว่ายังไงโทรมาหาพ่อ  ยินดีกับคุณพิชช์ฌานเขาด้วยนะ”  ไตรคุณพูดมาตามสาย

“คุณพ่อ...ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรกันอัยย์”   อีกฝ่ายดุเบา ๆ “โตแล้วอย่าขี้แยเป็นเด็ก  รักษาภาพลักษณ์ของสามีเราด้วย”

“อัยย์รู้”

“ไว้ว่าง ๆ ค่อยมาหาพ่อ  นี่เจ้าคินก็กลับมาจากทัวร์แล้ว  มาอยู่ที่บ้าน  อยากคุยกับคินมั้ย”

“คินอยู่บ้านเหรอ”  อาคิราห์กรอกเสียงลงไปอย่างดีใจ  “ติดต่อนายยากจัง  โทรไปทีไรก็ปิดเครื่อง”

“โทรศัพท์ฉันหายน่ะอัยย์เลยโทรไม่ได้เลย  ต้องติดต่อผ่านผู้จัดการ  ดีใจด้วยนะคุณโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  เท่ระเบิดสุด ๆ  ฉันเห็นนายในทีวีด้วยนะ”

“.........”

“นายจะร้องไห้ใช่มั้ย  พ่อบอกว่าอะไร  ห้ามร้องไง...แล้วไว้เจอกันนะ”

“อืม  ดูแลตัวเองดี ๆ นะคิน”

“นายก็ด้วย  ฉันรอเจอหน้าหลานอยู่รู้หรือเปล่า  มีของรับขวัญหลานเพียบเลย  ฉันไม่รู้ว่าเพศหญิงหรือชายก็เลยซื้อมาทั้งสองแบบ  ไว้นายมาเลือกเอานะ  พาท่านนายกฯมาด้วยถ้าเขาว่าง”  อคินทร์หัวเราะมาตามสาย  ชวนคุยอีกนิดหน่อยแล้วก็วางสายไป

“คุณอาคิราห์เข้าไปนั่งพักในห้องรับรองดีกว่า”  นิลลาเข้ามากระซิบ  “ตรงนี้คนเยอะเดี๋ยวโดนชนล้มเอา”

“ก็ดีเหมือนกัน”         

          ช่วงเวลาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความชื่นมื่น  พิชช์ฌานพาเขาเข้าไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ตามด้วยพาร่วมงานเลี้ยงที่จัดต่อกันหลายงานจนอาคิราห์ต้องเป็นฝ่ายร้องบอกให้พอแล้ว  ของขวัญจากหลาย ๆ ที่ส่งมาให้ถึงบ้านทั้งที่อัยย์เห็นและยังมีอีกมากที่มอบให้พิชช์ฌานเป็นการส่วนตัว

          “เป็นไงบ้าง  มิชลินสามดาวสะใจมั้ย”  ร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอย่างเคยก้าวออกมาจากห้องน้ำ  ถามภรรยาที่นอนอืดผึ่งพุงอยู่บนเตียงอย่างขัน ๆ

          “รู้สึกเหมือนท้องจะแตก”  อาคิราห์ตอบกลับไป  ตบบนหน้าท้องตัวเองเบา ๆ “ลูกก็เต้นซูมบ้าอยู่ในท้องไม่เลิกเลย  จะคึกอะไรนักหนา”

          “เค้าก็ดีใจที่คุณพ่อได้เป็นนายกฯน่ะซิ”  พิชช์ฌานว่า  เดินเข้ามาทำท่าจะโอบกอดคนบนเตียงเอาไว้

          “ไม่เอา  ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย”

          “แต่งทำไม  เดี๋ยวก็ถอดอีก”

          “หื้อ  ไม่เอา  คนกำลังอิ่มอยู่”  อาคิราห์ผลักอกอีกฝ่ายออกไป  “เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเข้าพิธีสาบานตนแล้ว  เดี๋ยวนอนไม่พอแล้วหน้าโทรม”

          “รอบเดียวเลิก”

          “ไม่”

          “ฉลองกับฉันหน่อยสิ”  อัลฟ่าโอดครวญ  “เราไม่ได้กอดกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”

          “นอนกอดเฉย ๆ ออกบ่อย”

          “มากกว่านั้นสิ”  มือใหญ่วางแปะลงบนต้นขาของภรรยา  ลูบขึ้นลูบลงอย่างมีความหมาย  “นะครับ  นะครับอัยย์”  พิชช์ฌานเลิกชายเสื้อคลุมตัวยาวของโอเมก้าขึ้นโดยที่เจ้าของไม่ได้คัดค้านอีก  เพียงแต่ปัดป้องเล็กน้อยพอเป็นพิธี

          ท่อนขาเรียวยาวสีน้ำผึ้งสว่างเนียนน่าสัมผัส  พิชช์ฌานก้มลงไปแตะทั้งปากและจมูกกับผิวเนื้อแท้ที่หอมหวานนั้น  เขารู้จักทุกซอกทุกของร่างกายนี้ดียิ่งกว่าตัวเจ้าของเองเสียอีก  ไม่นานร่างเนียนสีน้ำผึ้งก็บิดตัวเร้าอยู่ข้างใต้ด้วยความเสียวซ่าน  อาคิราห์กำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นระบายอารมณ์ตอนที่อีกฝ่ายครอบครองตัวตนของเขาด้วยโพรงปากอุ่นจัด

          อารมณ์พุ่งสูงขึ้นทุกทีตามที่ถูกชักนำ  อาคิราห์หวีดร้องออกมาอย่างสุขสม  โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  หายใจหอบด้วยความรู้สึกที่ยังไม่สงบดีนัก  พิชช์ฌานไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พักนาน  ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บีบเคล้นตามเนื้อตัวและสะโพกเต็มตึง

          “เธอผิวแตกตรงนี้”  อัลฟ่าหนุ่มพึมพำ  ก้มลงจูบที่รอยแตกเป็นริ้วบนผิวเนื้อสีแทนจาง  ปลายลิ้นลากผ่านตำแหน่งนั้นช้า ๆ เหมือนจะแกล้งให้เจ้าของขาดใจ  “ตรงนี้ด้วย”

          “ไม่ต้องบอกผม”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้า  “หยุด ใช้ลิ้น ด้วย”  เสียงของเจ้าโอเมก้าขาดเป็นห้วง ๆ ตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น  พิชช์ฌานหัวเราะเบา ๆ

          “ไม่เห็นต้องอาย  ฉันชอบรอยพวกนี้...”  เขาจูบที่รอยเหล่านั้นอย่างหลงใหล  “มันเกิดจากการตั้งท้องลูกสาวของฉัน”

          “มันน่าเกลียด”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดบังเนื้อตัวเปลือยเปล่า

          “มันเซ็กซี่”  พิชช์ฌานกระซิบตอบแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อของตนเองออกโชว์แผงอกและกล้ามท้องแข็งแรง  ไรขนอ่อนจากสะดือเรียงตัวสวยไล่เป็นแนวลงไปยังเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยอารมณ์ลุกโชน  อาคิราห์เบือนหน้าหนี  ...เขาไม่เคยชินสักที

          ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาหาเขาจนแนบสนิท  อาคิราห์ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ  พูดให้ถูกก็คือแล้วแต่การนำของพิชช์ฌานเป็นหลัก  อัลฟ่าหนุ่มไม่ใช่คนที่อ่อนโยนนักหรอก  เขาคิดขณะที่อีกฝ่ายขยับตัวแบบไม่ปล่อยให้เขาหยุดพักหายใจเลยแม้แต่นิดเดียว

          พิชช์ฌานอาจพูดจริงบางอย่าง แต่ที่แน่ ๆคือเขาโกหกเรื่องหนึ่ง  ..รอบเดียว  ไม่เคยมีจริง

          .....................................................................................
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 28-07-2019 15:48:07








             เขามองตามแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีดำสนิทก้าวขึ้นไปบนแท่นพิธีเพื่อสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ด้วยความรู้สึกชื่นชมปนกับความรู้สึกอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

          สีหน้าของพิชช์ฌานเคร่งขรึมจริงจังเหมือนเวลาที่เขาตั้งใจทำงาน  คำปฏิญาณที่เปล่งออกมาชัดเจนหนักแน่นดูน่าเชื่อถือสมกับตำแหน่งที่สุด  เสียงปรบมือดังก้องหอประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้จัดพิธี  แขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มาเป็นสักขีพยานต่างลุกขึ้นยืนให้เกียรติกับพิชช์ฌาน...สามีของเขา วูบหนึ่งที่อาคิราห์รู้สึกว่าตนเองช่างห่างไกลจากสามีเหลือเกิน  ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของพิชช์ฌานมีเขาเป็นรอยด่างหรือเปล่า

          เจ้าโอเมก้าถอนหายใจเฮือก  ไล่ความคิดในแง่ร้ายพวกนั้นออกไป  พักหลังมานี้มีคนพูดให้เขาได้ยินเข้าหูอยู่บ่อย ๆ ยิ่งสามีได้ตำแหน่งแล้วด้วย  โอเมก้าคนเดียวในงานพิธีนี้อย่างเขาก็ย่อมจะต้องหวั่นไหวไปบ้างเป็นธรรมดา

          “เชิญคุณอาคิราห์ครับ”  เจ้าหน้าที่เข้ามาเชิญเขาให้เดินไปหยุดยืนเคียงข้างพิชช์ฌาน  อาคิราห์ตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ  ไม่เคยมีภรรยาของผู้นำประเทศคนไหนได้รับโอกาสให้พูดในพิธีนี้มาก่อนแม้จะเป็นตอนสิ้นสุดพิธีแล้วก็ตาม  เขาเป็นคนแรก .... ดูเหมือนว่าสามีจะรู้ทันเพราะพิชช์ฌานเอื้อมมือมากุมมือของเขาเอาไว้

          “หายใจเข้าลึก ๆ”  เสียงห้าว ๆ กระซิบบอก  ขณะที่พิธีกรกำลังกล่าวดำเนินงาน  “เธอหน้าซีดมาก”

          “ผมกลัวพูดผิด”

          “พูดเหมือนที่เธอซ้อมให้ฉันฟัง”  พิชช์ฌานตบหลังแทนการให้กำลังใจ  “ทำได้อยู่แล้วอาคิราห์”

          อาคิราห์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  กำมือให้กำลังใจตัวเองนิดหนึ่งแล้วก็ก้าวขึ้นไปบนแท่นที่มีไมโครโฟนตั้งเอาไว้รออยู่แล้ว  เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง  สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว  ไหนจะกล้องที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศอีก

          อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

          “สวัสดีทุกท่านในที่นี้และประชาชนทางบ้าน  ผมอาคิราห์  อัศวลักษณ์  ภรรยาของคุณพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์และประธานมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้า ..”  พอขึ้นต้นได้  อัยย์ก็เริ่มพูดคล่องขึ้น  ถ้อยคำที่ร่างเตรียมเอาไว้หลั่งไหลเข้ามาในความคิด  เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ  พยายามไม่ลนมากเกินไป  “.....ผมโตขึ้นมาในบ้าน  ใช้เวลานานเพื่อค้นหาคำตอบว่าผมโตขึ้นมาทำไมและตอนนี้ผมได้ค้นพบแล้ว  มีสิ่งที่ผมอยากจะทำให้เต็มที่เต็มกำลังของผม  ไม่ใช่แค่มีชีวิตไปเพียงวัน ๆ หนึ่ง  ผมได้พบเจอกับเพื่อน ๆ โอเมก้ามากมายจากทั่วประเทศ  ผมมองเห็นความหวังในแววตาของพวกเขา  มันทำให้ผมมายืนตรงนี้  ท่ามกลางอัลฟ่าทุกท่าน  เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย  ผมจะทำตามสิ่งที่ได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้  และสัญญาว่าจะไม่ทำให้โอกาสที่ได้รับมาเสียเปล่าเด็ดขาด  เพื่อที่โอเมก้าจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ”

          พิชช์ฌานปรบมือให้เป็นคนแรกตามด้วยเสียงปรบมือจากทุกคนในห้องนั้น   อาคิราห์เหลียวมามองและเห็นสามีแอบส่งนิ้วโป้งกลับมาให้  เจ้าโอเมก้ายิ้มกว้างก้มศีรษะให้ก่อนจะถอยลงมาจากโพเดียม 

          “เป็นไง  ตื่นเต้นดีมั้ย”

          “สุดยอด”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือให้อีกฝ่ายดู  “มือยังสั่นอยู่เลยดูสิ”

          พิชช์ฌานอมยิ้ม  คว้ามือของภรรยามากุมเอาไว้  พาเดินกลับไปนั่งประจำที่ด้วยกัน  พิธีกรเข้ามาดำเนินรายการต่อจนกระทั่งจบ

          “คืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงราตรีสโมสร”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ มองหน้าเจ้าโอเมก้านิ่งครู่หนึ่ง  “เตรียมตัวเต้นรำด้วยนะ”

          คนฟังตื่นเต้นหนักกว่าเดิม  ร้อนถึงนิลลาคนสนิทต้องมาช่วยซ้อมเสต็ปการก้าวเดินเป็นการใหญ่  แถมเขายังต้องออกรับแขกกับสามีอีก  อาคิราห์ไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งจะวุ่นวายขนาดนี้

          “ฉันไม่อยากเป็นแล้ว  เมื่อยขา”  เจ้าโอเมก้านอนผึ่งบนเตียง  ปล่อยให้คนสนิทเข้ามาช่วยถอดรองเท้าออกให้  “ปวดขาจะตายแล้ว”

          “คุณต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปงานเลี้ยงคืนนี้นะ”  นิลลาเตือน  “ลุกขึ้นได้แล้ว  นิลลาเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย”

          “ลุกไม่ไหว  อุ้มหน่อย”  อาคิราห์พูดลากเสียง

          “เดี๋ยวฉันอุ้มแล้วห้ามร้องจะลงนะ”  เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นที่ประตูตามด้วยร่างสูงใหญ่ของนายกฯคนปัจจุบันก้าวเข้ามาในห้องนอนเนิบ  ๆ  “จะอุ้มไม่วางเลยล่ะ”

          “ไม่เอา”  คนท้องตะลีตะลานลุกขึ้น  เดินตุบตับเข้าไปในห้องน้ำเองโดยไม่ต้องขอให้ใครอุ้มอีก  พิชช์ฌานหัวเราะเบา ๆ นั่งไขว่ห้างรออยู่ในห้องนอน  ส่วนนิลลาหลบฉากออกจากห้องไปแล้ว

          งานราตรีสโมสรฉลองตำแหน่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรา  เชิญแขกผู้มีเกียรติจากทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วม  อาคิราห์อยู่ในชุดออกงานเข้าคู่กับสามีที่วันนี้หล่อเหลาจนนักข่าวรัวชัตเตอร์ตลอดเวลา  พิชช์ฌานกระชับมือที่คล้องแขนล่ำสันเอาไว้แน่น  ไม่ยอมให้เจ้าโอเมก้าแอบแวบไปทางไหนเลย

          “หิวแล้ว”  อาคิราห์ทำปากพะงาบ ๆ บ่นแบบไม่มีเสียง  “หิว”

          “เดี๋ยวพาไปกิน”  พิชช์ฌานกระซิบกลับ  “บอกแล้วให้กินมาก่อนไม่เชื่อ”

          “อาหารงานเลี้ยงก็ต้องอร่อยสุดยอดสิ  เรื่องอะไรจะกินมาให้อิ่มก่อนล่ะ เสียของหมด”  คนพูดเริ่มหน้าเหี่ยวหมดเรี่ยวหมดแรงตามเวลาที่ผ่านไปจนสุดท้ายสามีต้องออกปากกับแขกเหรื่อ  ขอตัวพาภรรยาไปเติมพลังก่อน

          เสียงนักร้องที่ดังแว่ว ๆ เข้ามาภายในห้องรับรองทำให้คนที่กำลังกินอยู่ตาโต  หันไปมองพิชช์ฌานอย่างแปลกใจ

          “เสียงเหมือนคินเลย  คินหรือเปล่า  คินมาเหรอ”

          “เคี้ยวให้หมดก่อนจะกลับออกไป”  พิชช์ฌานเอ็ด  ส่งผ้าเช็ดปากไปให้  “ค่อย ๆ ลุกด้วย  อย่าลืมว่าท้องอยู่”

          “โธ่  คินแน่ ๆ ผมจำเสียงได้  แฝดของผม”  อาคิราห์ลากสามีให้รีบเดินออกมาดูด้วยกัน

          เวทีที่จัดไฟเอาไว้สวยงามมีร่างของใครคนหนึ่งกำลังเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาอย่างไพเราะ  ใบหน้าของเค้าเหมือนกับคนที่กำลังเกาะแขนท่านนายกฯ อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน  แม้จะแต่งเติมให้ดูเข้มขึ้นเมื่ออยู่กลางสปอร์ตไลท์

          อคินทร์ยิ้มนิด ๆ เหลือบมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองแล้วโบกมือให้  ศิลปินชื่อดังร้องเพลงจนจบแล้วก็เดินลงจากเวทีเข้ามาหาน้องชายที่ปรบมืออย่างตื่นเต้น

          “คิน  นายมาด้วย  ฉันดีใจมากเลย”

          “งานสำคัญแบบนี้ฉันก็ต้องมาหานายอยู่แล้ว”  อคินทร์พูดยิ้ม ๆ หันไปทักทายพิชช์ฌาน  “ยินดีด้วยครับ  ท่านพิชช์ฌาน”

          “เรียกผมเหมือนเดิมเถอะ  ไม่ต้องท่านอะไร”  นายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ว่า  “คุณเองก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของอาคิราห์  เท่ากับเป็นพี่ชายของผมด้วย”

          “ขอตัวอาคิราห์สักครู่นะครับ”  อคินทร์พูด  อาคิราห์เดินตามหลังพี่ชายฝาแฝดไปด้วยทันที  เขาไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายมานานแค่ไหนแล้ว

          “ชุดนายสวยจังคิน”  อาคิราห์มองชุดปักเลื่อมละเอียดยิบนั้นอย่างชื่นชม

          “นายก็ดูดีมาก ๆ ไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิมเลย  ...นายเปลี่ยนไปมากอัยย์”

          “ฉันอ้วนขึ้นมาก  ดูพุงนี่สิ”     

          “ไม่ได้หมายถึงทางร่างกาย  ฉันหมายถึงความคิด...แววตาของนาย  มันเปลี่ยนไป  ฉันดีใจที่นายโตขึ้นนะ”

          “หมายถึงฉันดูแก่ขึ้นน่ะเหรอ”  อาคิราห์หัวเราะ  “มันฟังดูเป็นคำชมใช่มั้ย”

          “คำชมสิ  นายดูเหมือน...ผู้นำของโอเมก้า  อะไรทำนองนั้น”  อคินทร์แตะที่เข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีแดงสดบนอกเสื้อของอาคิราห์  “ฉันดูในข่าว  สิ่งที่นายทำ  ...มันสุดยอดมาก”

          “นายก็สุดยอด  คอนเสิร์ตของนายเจ๋งที่สุดอคินทร์”

          “ไม่หรอก...”  แววอะไรอย่างหนึ่งวูบผ่านดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มไป  รวดเร็วทว่าอาคิราห์ก็ไวพอที่จะจับอารมณ์อีกคนเอาไว้ได้

          “นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”  เขาถามทันที  “อย่าปิดฉัน  เราเป็นแฝด  ฉันรับรู้อารมณ์ของนายได้...นายกำลังเศร้าเหรอ”

          “บ้าน่า  อัยย์...ฉันจะเศร้าทำไม”  อีกฝ่ายปฏิเสธ

          “นั่นสิ  ศิลปินที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ อย่างนายไม่มีอะไรจะต้องเศร้าแล้ว  โลกทั้งโลกต้อนรับนาย”  อาคิราห์ว่า  จับสังเกตอีกฝ่ายไปด้วย  เขาคิดว่าอคินทร์น่าจะมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่  “แล้วนายจะทำอะไรต่อหลังจากนี้  ออกเพลงเหรอ”

          “ฉันคงรอก่อนน่ะ  อาจจะพักผ่อน  ไปเที่ยวรอบโลกสักรอบเป็นไง”  อคินทร์พูด  คนฟังตาโต

          “ก็ดีสิ  ฉันอยากไปด้วย”  พูดไปแล้วก็นึกขึ้นได้  “แต่ฉันต้องคลอดลูกอีก  คงไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนแน่ ๆ คุณพิชช์ฌานก็เพิ่งได้รับตำแหน่ง”

          “เอาไว้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อนก็ได้”  ฝาแฝดปลอบ  “อีกสิบปีไปด้วยกันก็ยังไม่สาย  ชวนคุณพิชช์ฌานไปฮันนีมูนรอบสอง”

          “รอบแรกยังไม่พาฉันไปเลย”  อาคิราห์เข่นเขี้ยว  “คนบ้างาน  ช่างเขาเถอะ”

          เขาพูดคุยกับฝาแฝดอยู่พักใหญ่ก็มีคนเข้ามาตาม  บอกว่าพิชช์ฌานถามหาตัว  อคินทร์กลับขึ้นร้องเพลงบนเวทีที่เปลี่ยนทำนองเป็นเพลงช้า

          “เพลงนี้ผมขออนุญาตมอบให้กับน้องชายผมคุณอาคิราห์และสามีของเขา ...ท่านพิชช์ฌานนะครับ”  ศิลปินหนุ่มพูด

          พิชช์ฌานยิ้ม  ก้มลงโค้งให้กับภรรยาแทนความหมายของการเชื้อเชิญ  อาคิราห์หน้าแดงส่งมือไปให้สามีจับแล้วเดินเคียงข้างกันเข้าไปในฟลอร์กลางสวน

          “เธอเกร็ง”  พิชช์ฌานกระซิบ  แตะริมฝีปากเข้าที่หน้าผากเนียนเบา ๆ  “ปล่อยตัวตามสบาย”

          “ผมกลัวสะดุด”  อาคิราห์ตอบกลับไป

          “ถ้าสะดุดก็กอดฉันไว้”  พิชช์ฌานพูด  “เดี๋ยวฉันหิ้วปีกเอง”

          อาคิราห์เหลือบตามองขึ้นมองเหมือนค้อน  ดวงตาคมเข้มคู่นั้นแพรวพราวด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองสะเทิ้นอาย   พิชช์ฌานเต้นรำเก่งเหมือนเดิม  อาคิราห์เพียงแต่ก้าวตามปล่อยให้ลื่นไหลไปตามจังหวะเพลงเท่านั้น  เสียงทุ้มนุ่มของฝาแฝดทำให้บรรยากาศดูคล้ายมีมนต์ขลังอย่างไม่น่าเชื่อ

          “เหมือนความฝันเลยนะ”  อาคิราห์พึมพำ

          “ดีกว่านั้นเพราะมันเป็นความจริง”  พิชช์ฌานตอบเนิบ ๆ

          คืนวันนั้นผ่านไปอย่างงดงามในความทรงจำของอาคิราห์  เป็นงานฉลองตำแหน่งที่เขาจะเก็บเอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังไปอีกนาน

          พิชช์ฌานเองก็รู้สึกผ่อนคลายหลังจากผ่านงานพิธีต่าง ๆ มาได้อย่างราบรื่นและเรียบร้อย  ไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นอย่างที่กลัว  แม้แต่บิดาของเขาที่มาเยี่ยมหลังจากวันนั้นก็ยังออกปากว่าคงจะวิตกกังวลมากไป  แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ประมาท  เขายังคงให้คนตรวจตราที่รอบบ้านอย่างเข้มงวดและคุ้มกันอาคิราห์เหมือนเมื่อก่อนเลือกตั้ง

          “คุณแม่ให้แวะไปหารับที่บ้านก่อนไปงานเปิดมูลนิธิฯ”  อาคิราห์พูด  มือก็ช่วยนิลลาเก็บเข็มกลัดกับเอกสารใส่กระเป๋าไปด้วย  “คุณแม่ทำกับข้าวเอาไว้เตรียมจะเลี้ยง”

          “คำก็คุณแม่ สองคำก็คุณแม่  สรุปแม่ฉันกลายเป็นแม่เธอไปแล้วสินะ”  พิชช์ฌานพูดอย่างไม่จริงจังนัก  เขาเห็นภรรยาเข้ากับมารดาของตนได้ก็รู้สึกดีใจอยู่แล้ว

          “ยกให้เป็นแม่ผมเลยได้ไหมล่ะ  ผมจะดูแลอย่างดี...เพราะแม่จริง ๆ ของผม...”  อาคิราห์หยุดพูดแล้วเปลี่ยนเรื่อง  “รายชื่ออาสาสมัครที่มาช่วยวันนี้อยู่ที่ไหนแล้วนะนิลลา”

          พิชช์ฌานไม่ถามอะไรอีก  เขารู้ว่าเรื่องของมารดายังเป็นบาดแผลในใจของอาคิราห์อยู่  เจ้าตัวไม่ยอมกลับไปที่บ้านเลยด้วยซ้ำ

          อาคารสองชั้นที่เดิมเคยเป็นห้องสมุดชุมชนถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ให้กลายเป็นสำนักงานของมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้า  วันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดมูลนิธิอย่างเป็นทางการโดยมีท่านนายกฯมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน  นักข่าวมาทำข่าวกันเต็มเพราะเป็นมูลนิธิเพื่อโอเมก้าแห่งแรกของประเทศซึ่งก่อตั้งโดยภริยาของท่านนายกฯเอง

          “คุณอาคิราห์มองเป้าหมายของมูลนิธิฯอย่างไรบ้างคะ”

          “เป้าหมายของเราก็คือ ...โอเมก้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขครับ”  อาคิราห์ตอบยิ้ม ๆ “ตอนนี้เราเปิดรับเพื่อน ๆ โอเมก้าทั่วประเทศที่สนใจบริจาคเข้าร่วมมูลนิธิฯอยู่นะครับ  สามารถติดต่อมาทางเบอร์โทรศัพท์  จดหมาย  อีเมล์หรือว่ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้  สำหรับโครงการแรกที่เราจะทำกันก็คือการส่งเสริมการศึกษา  โอเมก้าควรจะมีวุฒิการศึกษาภาคพื้นฐานเพื่อใช้ในการสมัครงานครับ....”

          พิชช์ฌานหันไปมองประธานมูลนิธิฯที่กำลังพูดน้ำไหลไฟดับอยู่กับบรรดาสื่อแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกมากับมือขวาคนสนิท   

          “ไม่อยู่ให้จบงานแน่เหรอครับ”  เจนภพถามขึ้น

          “ไม่ล่ะ  ฉันบอกอาคิราห์แล้วว่าติดประชุมต่อคงต้องกลับก่อน”  ชายหนุ่มพูดเรียบ ๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  เขาเก่งอยู่แล้ว  คนของเราที่ให้เข้าไปช่วยทำงานก็ไว้ใจได้  คงไม่พากันกิน ๆ นอน ๆ หรอกกระมัง”

          “คุณอาคิราห์มีเสน่ห์เวลาพูดนะครับ  พูดแล้วคนอยากฟังต่อ”

          “ฟังไปฟังมาเผลอควักเงินให้ทุกที”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ “เดี๋ยวจะไปสอบเทียบแล้วรอบนี้คงผ่านแล้วล่ะ  ฉันฝากนายหาหลักสูตรมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมกับเขาหน่อยสิ”

          “เอาในประเทศหรือต่างประเทศครับ”

          “ในประเทศก่อน  เขาท้องอยู่...ฉันไม่อยากให้ไปไหนไกลตา”  พิชช์ฌานตอบขรึม ๆ “ประชุมตอนบ่ายพร้อมหรือยังเจนภพ  ฉันจะให้นายเป็นคนสรุปนะ  ส่วนเรื่องลงพื้นที่ภาคเหนือฉันขอเป็นหลังช่วงเดือนหน้า รอให้ผลผลิตออกก่อนน่าจะดีกว่า อ้อ...ยกเว้นพื้นที่ที่มีปัญหาเขื่อนฉันจะลงไปดูก่อน  เย็นนี้ให้คนเอาแผนที่มากางเลยก็ได้ว่าเป็นยังไง  ฝากส่งดอกไม้ให้มาดามเป็ดด้วยนะ  แนบการ์ดขอบคุณที่เขาช่วยเชียร์ฉัน”

          “ได้ครับ”  เจนภพรับคำทีเดียว

          หลังจากที่พิชช์ฌานได้ตำแหน่ง  เจนภพในฐานะมือขวาคนสนิทก็มีงานให้ทำมากมายจนหัวหมุน  ตัวคุณพิชช์ฌานเองจากเดิมที่เป็นคนทำงานหนักอยู่แล้วก็แทบจะกลายเป็นทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงทีเดียว 

          พิชช์ฌานเข้าประชุมตามวาระ  การก้าวมาอยู่ในจุดที่ตัวเองเคยวาดฝันมาตลอดตั้งแต่สมัยยังเด็กช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ แม้ว่าเขาจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ตาม  เขามีปัญหารอให้ค้นหาสาเหตุและแก้ไขมากมาย  ไหนจะสารพัดโครงการร้อยแปดพันเก้าที่คนนำมาเสนออีก  ยังไม่นับผลประโยชน์มหาศาลที่แฝงมากับนโยบายต่าง ๆ ชนิดที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ  ตอนแรกก็กระอักกระอวนอยู่หรอก

          “ท่านครับ  ตอนเย็นมีนายทุนต่างชาติอยากขอพบท่าน”  เลขาฯสำนักนายกฯเข้ามากระซิบบอกเขา คิ้วเข้มขมวดฉับ

          “ประเทศอะไร”  อีกฝ่ายบอกคำตอบ

          “ให้เขาลงนัดเอาไว้  เย็นนี้ผมไม่ว่าง”

          “แต่ว่าเขาบอกว่าเกี่ยวกับโครงการรถสาธารณะครับ  เขาสนใจร่วมทุนกับรัฐบาล”  คราวนี้คนฟังชะงัก เหลือบมองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง

          “ฉันน่าจะพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมง   คุณไปหาคุณเจนภพนะแล้วบอกว่าฉันให้แทรกตารางเย็นนี้”

          “ครับท่าน”

          ผลประโยชน์นับหมื่นล้านขึ้นกับความเห็นชอบของเขา  โครงการที่รอลายเซ็นของเขาเพื่ออนุมัติมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งหมายถึงค่าตอบแทนสูงลิ่วที่มาในรูปแบบต่าง ๆ พิชช์ฌานคิดว่าเขารู้เรื่องผลประโยชน์พวกนี้มาก่อนแล้ว  แต่นั่นไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์จากของจริงที่เขาได้เจอกับตัว

          “อาคิราห์ถึงบ้านหรือยัง”  ชายหนุ่มก้าวออกมาจากห้องประชุม  เจนภพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาลูกน้องที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่มูลนิธิฯ

          “ไม่รับสาย”  มือขวาคนสนิทว่า  ลองกดโทรเบอร์อื่น  “ฮัลโหล  ทำไมรับช้า  คุณอาคิราห์ถึงบ้านหรือยัง...”  เจนภพกรอกเสียงลงไปทันทีที่ปลายสายรับ  ทว่าคำพูดรัวเร็วที่ตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้าง  “อะไรนะ  พูดใหม่อีกที”

          พิชช์ฌานอดรนทนไม่ไหว  ดึงโทรศัพท์มาแนบหูเสียเอง  เสียงลูกน้องปลายสายดังละล่ำละลักมาอย่างตกใจสุดขีด

          “เกิดระเบิดขึ้นครับ  ห้องคุณอาคิราห์ชั้นสองของมูลนิธิฯ ระเบิดเมื่อกี้นี่เอง  ดังลั่นเลยครับ  กระจกป่นหมด...”

          พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปครู่

          “แล้วอาคิราห์อยู่ที่ไหน”  เขาตะโกน  “อาคิราห์อยู่ไหน”

          “คุณ...คุณอาคิราห์...หยะ..อยู่ในห้องทำงานครับ”  ลูกน้องจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของพิชช์ฌานก็ยิ่งสั่นสะท้าน  คำตอบตะกุกตะกัก

          “ว่าไงนะ”

          “คุณอาคิราห์เข้าไปในห้องทำงานก่อนที่มันจะระเบิดออก”

          โทรศัพท์หล่นจากมือของพิชช์ฌานตกกระแทกพื้น  เจนภพก้มลงตะครุบขึ้นมาพูดสายต่อพลางก้าวยาว ๆ ตามหลังพี่ชายออกไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอก 

          หัวใจของพิชช์ฌานเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัวจากเบื้องลึกที่สุด  คำเตือนจากบิดาและใครต่อใครผุดขึ้นมาในความคิดราวกับกระแสน้ำ  เขาพยายามกดโทรไปอาคิราห์แต่ว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

          “ติดต่อนิลลา  นิลลาอยู่กับอาคิราห์ตลอดจะต้องรู้”  เขาพูดเร็วปรื๋อ

          “นิลลาปิดเครื่องครับ”  เจนภพว่า  “ข่าวออกแล้วครับ” มือขวาเปิดหน้าจอโทรทัศน์ขนาดเล็กภายในรถให้เขาดู  ภาพอาคารห้องสมุดเดิมที่เพิ่งถูกบูรณะใหม่ให้กลายเป็นที่ทำการของมูลนิธิฯนั้นกลายเป็นซากปรักหักพังที่มีควันไฟลุกโขมง  คนในเหตุการณ์ต่างวิ่งวุ่นชุลมุนไปหมด  เสียงรถดับเพลิงและรถพยาบาลดังลั่น

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในอาคารของมูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้าที่เพิ่งเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรก  เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร  และคาดว่ามีผู้ที่ติดอยู่ในภายในซากอาคารอย่างน้อยสิบคน  รวมถึงคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์ ประธานมูลนิธิฯและภริยาของท่านนายกรัฐมนตรี

          คนฟังมือเย็นเฉียบ  เขาติดต่อไปยังตำรวจผู้บังคับการสถานีที่รับผิดชอบทันที  นายตำรวจยืนยันตรงกันกับที่ออกในข่าว  มีคนเห็นคุณอาคิราห์หายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ชั้นสองของอาคารก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น

          “อาคิราห์อาจจะออกมาแล้ว  เขาน่าจะออกมาก่อน”  พิชช์ฌานพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ เป็นการให้กำลังใจตัวเอง  เขาเร่งให้คนขับรถขับไปที่ยังที่เกิดเหตุจนแทบจะเป็นเหาะ  รถติดยาวเพราะถูกกันให้รถพยาบาลและรถดับเพลิงวิ่งเข้าออก

          “ท่านนายกฯ มีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรคะ”  พอพิชช์ฌานไปถึงที่เกิดเหตุก็ถูกนักข่าวยิงคำถามใส่ทันที  ชายหนุ่มหยุดกึก  พูดด้วยเสียงต่ำ

          “ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามว่าผมมีความเห็นอย่างไรนะครับ  กรุณาเปิดทางให้ผมด้วย  ผมต้องไปหาภรรยาของผม”

          “ท่านคะ..”

          “เจนภพ  นักข่าวคนไหนตามเข้ามาวุ่นวายช่วยจัดการให้ด้วย”

          “ครับ”  เจนภพหันไปกันบรรดานักข่าวผู้หิวกระหายพวกนั้น 

          พิชช์ฌานเดินลัดสวนที่จัดเอาไว้อย่างสวยงามเมื่อเช้านี้  ต้นหญ้าถูกเหยียบย่ำเละเทะไปหมดไม่เหลือสภาพเดิมเช่นเดียวกับอาคารสองชั้นที่พังถล่มลงมากลายเป็นซากอิฐซากปูน  เหลือเพียงผนังกับเสาที่ดำไหม้เป็นตอตะโกให้เห็น  เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยกันพาร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในซากอาคารออกมา  สภาพของแต่ละคนสะบักสะบอมบ้างก็บาดเจ็บรุนแรงต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

          “ท่านพิชช์ฌาน”  นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเข้ามาหาเขา  เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดว่าหลังจากเสร็จพิธีเปิดมูลนิธิฯแล้ว  แขกเหรื่อก็อยู่รับประทานอาหารกันจากนั้นก็เริ่มทยอยกลับเหลือเพียงแค่เจ้าหน้าที่กับนักข่าวบางคน  มีคนเห็นคุณอาคิราห์กับคนสนิทเข้าไปในห้องทำงานด้วยกันก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น

          “ไม่มีใครเห็นตอนที่พวกเขาออกมาเลยเหรอ  ลองถามดูสิ” พิชช์ฌานพูด  “ถ้าอาคิราห์อยู่ในนั้นจริงก็ต้องเจอร่างของเขา...”

          “เกรงว่าอาจจะไม่เจอร่างก็ได้ครับ  เพราะแรงระเบิดรุนแรงมากขนาดที่อาคารพังทั้งหลัง  คาดว่าจุดศูนย์กลางของระเบิดน่าจะอยู่ในห้องทำงานของคุณอาคิราห์  ดังนั้น...อาจจะ..”  นายตำรวจอึกอัก  ไม่กล้าพูดต่อเพราะเกรงใจ       

          “อาจจะไม่เหลือซาก...งั้นเหรอ”  พิชช์ฌานต่อประโยคเสียงแหบแห้ง  เข่าอ่อนจนเนื้อตัวโงนเงน  “ไม่จริง  ฉันไม่เชื่อหรอก  ค้นหาต่อไปจนกว่าจะเจอร่างของอาคิราห์  ออกตามหาละแวกแถวนี้ด้วย  ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะอยู่ข้างในนั้น”

          “คุณฌานนั่งลงก่อนครับ”  เจนภพเข้ามาพยุงแขนเขาเอาไว้  พาไปนั่งบนเก้าอี้สนาม  “ยาดมครับ”

          “นี่มันต้องเป็นแผนการแน่ ๆ ฉันเคยใช้แผนนี้มาก่อน  อย่าหวังว่ามันจะได้ผล”  พิชช์ฌานคำราม  “ตามหาตัวอาคิราห์ให้เจอ ...”

          “ท่านครับ”  เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับส่งอะไรบางอย่างมาให้ มันเป็นใบปลิวที่มีตัวอักษรสีแดงสดพิมพ์เอาไว้   “ใบปลิวพวกนี้หล่นกระจายลงมาจากอาคารใกล้ ๆ นี่ครับ”

          ข้อความบนนั้นเขียนว่า ... นี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะแห่งโอเมก้าที่ไม่รู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตนเอง  ...ไม่มีคำขึ้นต้นและลงท้ายอีก  นอกจากรูปดอกกุหลาบสีแดงที่ถูกมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

          “ไอ้พวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าแน่”  พิชช์ฌานกำมือแน่น  “นึกว่ามันจะเงียบกันไปหมดแล้วเสียอีก”

          “ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับการที่เราจะรื้อคดีค้าโอเมก้าขึ้นมาใหม่”  เจนภพออกความเห็น  “แต่ไม่นึกว่ามันจะเล่นแรงขนาดนี้เลย”  ชายหนุ่มพูด

          “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”  พิชช์ฌานพูด  “ไปตามจับคนที่โปรยใบปลิวพวกนี้  และที่สำคัญที่สุดก็คือ  ต้องตามหาอาคิราห์ให้พบให้ได้...ต่อให้เป็นซากชิ้นส่วนก็ต้องหาให้พบ”  คนพูดตาแดงก่ำ

          “จะได้เวลานัดคุยกับนายทุนแล้วครับ”  เจนภพพูดเรียบ ๆ “ให้ผมเลื่อนไปก่อนดีไหมครับ”

          พิชช์ฌานนิ่งเงียบ  เหม่อมองกองเพลิงที่ถูกควบคุมเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว

          “ไม่ต้องเลื่อน  เราต้องการนายทุนมาร่วมทุนโครงการนี้ให้ได้”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับ  “ขอเวลาฉันสับสิบนาทีก่อนไป”

          “ครับ”

          เจนภพมองตามหลังร่างสูงสง่าที่ยามนี้ไหล่กว้างกลับงองุ้มลงเหมือนคนที่เหนื่อยจนหมดแรงจะเดิน  พิชช์ฌานเดินเข้าไปหยุดยืนจ้องซากกองปรักหักพังพวกนั้นอยู่นานสิบนาทีถึงได้หันหลังเดินกลับออกมา  นัยน์ตาคมคู่นั้นแดงจนเห็นเส้นเลือดทว่าไม่มีน้ำตาสักหยด

          มือขวาควบตำแหน่งน้องชายอย่างเขาเองก็พูดไม่ออก  ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไรในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้  แม้แต่นายตำรวจที่สนิทกันก็ยังส่ายหน้าเป็นความหมายว่าไม่มีทางรอด

          คุณอาคิราห์เสียชีวิตในกองเพลิงจากเหตุระเบิดโดยผู้ไม่หวังดี...มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ

        ..............................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่ะ

          ใครรอเรื่องนี้กันอยู่บ้างคะ

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ 

          #ขอรักแค่คุณ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-07-2019 17:01:31
ซี้ดดปาก
ความเห็นอื่นๆต้องเน้นเรื่องอาคิราแน่ๆ
แต่เราบอกเลย นิยายเรื่องนี้สะท้อนความจริงเรื่องชนชั้นของบางประเทสแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-07-2019 17:04:36
เอางี้เลยนะ เมื่อไรจะได้อยู่กันแบบดีๆอะแม่ ฮือออเเ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Neraneve ที่ 28-07-2019 17:20:54
 :a5: เครียดแทนนนนน เมื่อไหร่จะสงบสุข
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 28-07-2019 17:22:52
ทำมัยทำกับบู้บี้ แบบนี้ใจไม่ดีเลยนะเนี่ย เอาบู้บี้ที่หนึ่งคืนมาเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-07-2019 17:44:57
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-07-2019 17:54:32
นึกถึงการเมืองบางประเทศจริงๆ นี่มันคือนิยายสะท้อนความเน่าเฟะของการเมืองระดับประเทศจริงๆ

ของให้อัยย์และน้องเฌอริชช์ปลอดภัยนะ
ท่านนิมมานต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังที่กุมอำนาจใหญ่สุดแน่ๆ แต่พูดไม่ำด้ ส่วนพ่ออัยย์ คือครอบครัวนี้เห็นแก่ตัว หลงในอำนาจจนแทบไม่เหลือความเป็นคนแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2019 17:54:51
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-07-2019 18:00:33
น้องไม่เป็นไรหรอก ออกไปหาคุณแม่ทันใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-07-2019 18:08:49
เจ้าบู้บี้กับลูกในท้องและนิลลา

หนูต้องปลอดภัยนะลูก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-07-2019 19:06:53
ยิ่งอ่านยิ่งเหนื่อยและเครียดแต่ก็รอติดตามต่อไป :mew5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-07-2019 19:10:33
นิลลาจะต้องรู้อะไรและต้องช่วยบู้บี้ออกไป นิลลาต้องดีสิ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-07-2019 19:13:47
บู้บี้ต้องไม่เปนไรนะ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 28-07-2019 19:22:30
บู้บี้ต้องรอด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-07-2019 20:19:10
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 28-07-2019 20:28:37
 :o12:  น้องกับลูกต้องปลอดภัยนะ คิณจะรู้ไหมดูเหมือนมีพิรุธ ...​และยังเชื่อว่านิลลาจะเป็นทีมเดียวกับอัยย์ ขอให้ปลอดภัยทุกคนนะ คุณพิษเข้มแข็งนะคะ 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-07-2019 21:39:01
ขอร้อง..น้องอยู่กับแม่
น้องอยู่กับแม่ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-07-2019 22:06:56
เจ้าบู้บี้ไม่เป็นไรหรอก เราเชื่ออย่างน้านนนน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-07-2019 22:43:50
ต้องตายกันอีกคนละกี่รอบนะ ถึงจะสงบ วิถีอาคิราห์นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

อคินทร์ ตัวเต็งงานนี้เลย แฝดกันยังทำกันได้ บู้บี้นี่มันอาภัพมากจริงๆอ่ะ มากไปมาก  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 28-07-2019 23:25:03
เหนื่อยแทนเลยพิชช์ฌานตามเกมไม่ทันแล้วกล้าปล่อยชีวิตลูกเมียมาเสี่ยงทำไมคู่แฝดเจ้าบู้บี้ต้องเศร้าเพราะรุ้เรื่องอะไรอยู่หรือเปล่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงครอบครัวบู้บี้ก็โหดร้ายเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-07-2019 23:33:56
โอ๊ยยยยยยย ชีวิตพวกเธอเสี่ยงกันเหลือเกิน  :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ฝาแฝดมีหลุดมานิดนึงเกี่ยวข้องกับขบวนการหรือรู้อะไรมา?
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 28-07-2019 23:46:00
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 28-07-2019 23:54:56
น้องไม่เป็นอะไรหรอก ใช่ไหม เราเชื่อใจนิลลานะ เราเชื่อว่านิลลาพาน้องออกมาได้
ฮื่ออออ เครียด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 29-07-2019 01:08:15


พิชช์ฌาน..

กำลังโดนอำนาจมืด

มือที่มองไม่เห็น

..เล่นงาน อยู่สิเนอะ

คุ้นๆคล้ายๆกับ..

ในบางประเทศ

อืมมมม น่าคิด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 29-07-2019 09:44:15
เล่นกันแบบนี้เลยหรอน้องต้องไม่เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-07-2019 10:11:42
ที่อคินหลุดเศร้าขึ้นมาเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าบูบี้ใช่ไหม หรือจริง ๆ แล้วเป็นตัวเองที่แอบเข้าไปวางระเบิดซะเองเพราะดูท่าแล้วคนจะสงสัยน้อยสุดด้วยเหตุที่เป็นพี่แฝดและสนิทกับเจ้าบูบี้ที่สุด แต่ถ้าอคินเป็นคนวางระเบิดไว้จริง ๆ ก็ถือว่าโหดเหี้ยมเกินไปแล้วแม้กระทั้งน้องที่คลานตามกันมายังไม่เว้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 29-07-2019 12:06:37
 :ling1: โอ้ยยยย เครียดแทนนน ขอให่เป็นแผนเถอะนะ อย่าให้บู้บี้เป็นหนักเลย แล้วพ่อมาเตือนขนาดนี้ พิษฟังบ้างง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 29-07-2019 15:25:18
ฝากความหวังไว้ที่นิลลาได้ใช่ไหม
หวังว่านิลลาจะดีและจริงใจกับอัยย์
พลีสสส  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-07-2019 21:16:04
 ขอให้บู้บี้กับลูกและนิลลาปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 29-07-2019 21:30:32
ฮรือออ นู๋อัยย์ ตัองรอดนะลูกกกก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 31-07-2019 09:15:43
หนูอัยย์ต้องปลอดภัย เจ้าบู้บี้เก่ง เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เชื่อเราสิ!!!
เข้าใจคุณพ่อของนายพิษเลย ว่าเพราะความปลอดภัยของครอบครัวเลยต้องถอนตัว
แต่กับนายพิษ นายเลือกทางนี้แล้วเราเป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 31-07-2019 15:46:54
 :sad4: :sad4: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 03-08-2019 09:02:02
แง้~~~~ ยัยบู้บี้ต้องไม่เป็นอะไรนะะะะะะ   :hao5:
ยังไงก็ยังมีนิลลาที่ยังอยู่ด้วยกัน ปกป้องน้องอัยย์และตัวน้อยในท้องด้วยนะ

รอคอยตอนต่อไปด้วยใจลุ้นๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 08-08-2019 05:40:25
ต้องออกมาทันสิ ยัยบู้บี้ของชั้นอย่าเป็นอะไรนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-08-2019 08:01:43
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-08-2019 18:59:58
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 45



 

 

 

 

 

          “ทาสีขาวเรียบ ๆ แบบนี้ก็ดูสวยไปอีกแบบเนอะนิลลา”  อาคิราห์ลูบมือไปบนผนังห้องทำงานของตนเองอย่างพอใจ  “เดี๋ยวต้องหาแจกันมาวางตรงนั้นเสียหน่อย จะได้ดูสดชื่นขึ้น”

          “เดี๋ยวนิลลาจะไปหามาให้”  ร่างผอมบางทำท่าจะหมุนตัวออกไป  อาคิราห์รีบคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

          “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้  เอาไว้เราค่อยไปเดินเลือกด้วยกัน”  คนเป็นนายเปลี่ยนเรื่อง  “เอารายชื่อของคนที่ลงทะเบียนวันนี้มาดูกันดีกว่า  จะได้ไม่เสียเวลา"  เจ้าโอเมก้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่ตั้งเอาไว้กลางห้อง  เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มรายชื่อมาเปิดอ่าน  “นิลลาจะไปไหนอีกน่ะ”

          “จะไปหาของว่างมาให้  คุณจะได้มีแรงทำงาน”

          “รู้ใจฉันจริง ๆ”  อาคิราห์หัวเราะ  นั่งอ่านไปได้ครู่เดียวก็ยกมือเท้าคาง  หันไปมองวิวข้างนอกหน้าต่างที่ยังเหลือเวทีที่ใช้ในงานพิธีการตอนเช้ากับนักข่าวบางคนที่ยังเตร็ดเตร่อยู่ในสวนข้างหน้าห้องสมุด  อาสาสมัครโอเมก้าที่มาช่วยงานวันนี้ต่างแยกย้ายทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว

มานึกดูอีกที  อาคิราห์ก็อดปลื้มใจไม่ได้  เขามีความสุขมากตอนที่ทุกคนช่วยกันทำให้งานเปิดมูลนิธิฯในวันนี้สำเร็จ  ถึงแม้ว่าต่างคนต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทว่าพวกเขาก็เข้ากันได้ดี  รู้สึกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างน่าประหลาด  อาจเป็นเพราะสายเลือดโอเมก้าที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเหมือน ๆ กันหรือเปล่า

ถ้าโอเมก้าไม่ช่วยกันเอง แล้วใครจะช่วย...คำพูดที่เขาได้ยินบ่อยครั้งในระยะหลัง  อาคิราห์อมยิ้มนิด ๆ เหลือบมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ...ผู้ชายหน้าเข้มยิ้มกว้างตอบกลับมา  เขาย่นจมูกใส่...ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ไปติดรูปหน้าส้วมจริง ๆ น่ะ

          ป่านนี้คงกำลังประชุมหัวหมุนแล้วมั้ง....พวกบ้างาน  แต่ก็สบายใจได้ว่าคงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่น่าเป็นห่วงอย่างเช่นที่เพื่อน ๆ โอเมก้าพากันมาเล่าปรับทุกข์ให้ฟัง

          ‘สามีของฉันเขาไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกเต็มไปหมด  ทิ้งให้ฉันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านคนเดียว  ฉันจะไปไหนก็ไม่ได้  จะออกมาทำงานเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง  มูลนิธิฯของคุณเหมือนแสงสว่างของฉันเลยนะ’

          ‘เราก็เหมือนกัน  เราถูกกัดโดยคนที่เราไม่ได้รัก  แต่ก็จำใจต้องอยู่ด้วยเพราะไม่มีทางเลือก  ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน  ออกไปอยู่กับโอเมก้าคนอื่น...’

         อาคิราห์ไม่เคยมีความคิดเรื่องนอกใจหรืออะไรแบบนี้มาก่อนเลย  พอมาได้ฟังประสบการณ์จากผู้อาวุโสกว่าเข้าก็เริ่มกลัวขึ้นมา  ตั้งใจว่าจะแอบกระซิบถามคุณเจนภพเสียหน่อยถ้ามีอะไรผิดปกติไป  แต่ว่าคนอย่างนายพิชช์ฌานคงไม่ทำแบบนั้นกับเขาหรอกน่า...คิดมากเกินไปแล้วอาคิราห์

          ท้องร้องโอดครวญขึ้นมา  อาคิราห์ขมวดคิ้ว...นิลลาหายไปนานกว่าที่คิด

          ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยร่างของคนสนิทที่ถือถาดน้ำชากับของว่างเข้ามา  อาคิราห์ส่งยิ้มให้

          “กำลังคิดอยู่เลยว่านิลลาหายไปไหน”

          “ไม่ชินกับห้องครัวใหม่ก็เลยช้าหน่อย”  นิลลาตอบเรียบ ๆ เหมือนเคย แล้วก็นั่งดูเจ้านายรับประทานของว่างจนหมด  “ไม่อิ่มใช่ไหมคุณอาคิราห์”

          “อิ่มแล้ว  ขอบใจมาก”  อาคิราห์รีบบอกเพราะเกรงใจอีกฝ่าย

          นิลลาเงียบไปครู่หนึ่ง

          “มีร้านขนมหวานแห่งหนึ่งเพิ่งเปิดใหม่  อยู่ไม่ไกลจากที่นี่  คุณอยากไปชิมดูไหม”  นิลลาพูดช้า ๆ เหมือนครุ่นคิดไปด้วย  “แต่ถ้าคุณอยากทำงานต่อให้เสร็จก่อนก็ไม่เป็นไร”

          “งานฉันจะเสร็จแล้ว”  อาคิราห์พูดทันที  “เอากลับไปทำต่อที่บ้านก็ได้”

          “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”  นิลลายิ้มนิด ๆ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  ช่วยอาคิราห์ถือกระเป๋าเอกสารกลับออกมาจากห้องทำงานด้วยกัน  “ออกทางข้างหลังจะใกล้กว่า”  โอเมก้าคนสนิทพูดเรียบ ๆ

          อาคิราห์พยักหน้า  เดินตามหลังคนสนิทออกทางบันไดเหล็กข้างหลังอาคาร  ไม่แน่ใจว่าจะใกล้กว่าจริงอย่างที่นิลลาบอกหรือเปล่า  แต่ดูจากท่าทางมั่นใจของอีกฝ่ายแล้วอาคิราห์ก็ตัดสินใจเดินตามไปเงียบ ๆ จนกระทั่งมาหยุดยืนที่ซอยด้านหลังห้องสมุดที่เขาไม่เคยรู้ว่ามี

          “ซอยนี้ทะลุออกที่ไหนน่ะ”  อาคิราห์ชะเง้อคอมองอย่างสนใจ  เห็นร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ติดกับร้านขายอาหารแห้ง  คนน้อยจนแทบจะเรียกว่าเปลี่ยว  “ไปทางนี้เหรอ”

          “เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

          “ฉันขอแวะซื้อน้ำที่ร้านชำก่อนได้มั้ย”  อาคิราห์ว่า  “รู้สึกระคายคอ”

          นิลลาไม่ว่าอะไร  ยืนรอจนเจ้านายกลับออกมาพร้อมกับน้ำขวดเย็นจัด  พวกเขาเริ่มออกเดินต่อจนมาทะลุอีกด้านหนึ่งที่ติดถนนใหญ่  อาคิราห์พยักหน้าอย่างพอใจ

          “เพิ่งรู้ว่าทะลุกันได้  แบบนี้น่าจะขยายถนนในซอยเสียหน่อยนะ  เราจะได้เข้าออกได้ง่ายขึ้น”  อาคิราห์พึมพำ  “แล้วไปยังไงต่อล่ะ”

          “ขึ้นรถดีกว่า  คุณกำลังท้องอยู่  นิลลากลัวว่าเดินมากแล้วจะกระเทือน”

          “ฉันก็เดินมาทั้งวันแล้วนะ”  อาคิราห์หัวเราะ  เหลือบมองรอบตัว  “คิดไปคิดมาก็ชักขี้เกียจไปแล้วล่ะ  เรากลับบ้านไปรอคุณพิชช์ฌานกันดีกว่ามั้ย...”  เสียงของอาคิราห์ขาดหายไปเมื่อรู้สึกถึงโลหะเย็น ๆ ที่กดเข้าที่หลัง  เขาหันกลับไปมองอาวุธดำเมื่อมในมือของนิลลา

          “ขึ้นรถเถอะคุณอาคิราห์  อย่าให้ครรภ์ของคุณต้องกระทบกระเทือนเลย”  นิลลาพูดแล้วดันปลายกระบอกปืนที่ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อเข้าที่หลังของเขาอีกครั้ง  อาคิราห์เม้มปากแน่นก้าวเข้าไปในรถแท็กซี่คันนั้นโดยมีนิลลาก้าวตามขึ้นมานั่งข้าง ๆ

          เขาพยายามสบตากับคนขับ  ทว่าฝ่ายนั้นกลับมองเฉยเหมือนไม่รับรู้

“หลับตาดีกว่าคุณอาคิราห์  คุณเหนื่อยมากคงต้องการพัก”  ประโยคที่เหมือนเป็นห่วงนั้นมาพร้อมกับแรงกดของปลายกระบอกปืน  อาคิราห์หลับตาลงอย่างจำใจ  ครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เกินความคาดหมายนี้  นิลลาหักหลังเขาด้วยจุดประสงค์อะไรก็ยังไม่ทราบได้  รู้แค่ว่ายังไงก็ต้องพาตัวเองกับลูกออกไปอย่างปลอดภัยให้ได้

พิชช์ฌานจะต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าเขาติดกับแผนง่าย ๆ เพราะเห็นแก่ของกินในตอนแรกและความไว้เนื้อเชื่อใจ...

จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง  เขาลืมตาขึ้นพบว่ารถมาจอดที่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่เขาไม่เคยมา

          “เธอตั้งใจจะทำอะไรนิลลา”  อาคิราห์ถามเสียงเรียบ ก้าวลงมาจากรถ กวาดตามองรอบ ๆ สวนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่รกครึ้มเหมือนขาดการดูแล  ไม่มีคนเดินผ่านไปมาเลยแม้แต่คนเดียว  “ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ  พิชช์ฌานจะหาฉันเจอในเวลาไม่นาน”

          “แต่ก็คงนานพอที่จะคุยกันจบ”  คนสนิทตอบ  “เดินเข้าไปเถอะคุณอาคิราห์”

          อาคิราห์หยุดกึกแล้วหันกลับมาพร้อมกับปล่อยหมัดเล็งเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่ายฉับพลัน  ทว่านิลลากลับเอี้ยวตัวหลบได้  เสียงกริ๊กดังขึ้น  อาวุธสีดำเมื่อมอยู่ในมือของคนสนิทเล็งมาทางเขา  ใบหน้าของนิลลาบอกว่าเอาจริง

          “เดินเข้าไปในสวนกันเถอะคุณอาคิราห์”  นิลลาพูดซ้ำ

          เสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบเพราะเท้าที่เหยียบลงไปดังก้องอยู่ในความเงียบสงัด  แสงแดดส่องผ่านยอดไม้ลงมาเล่นแสงเงาสวยงามกว่าที่เคยเห็น  อาคิราห์ได้ยินเสียงคนข้าง ๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว

          “มีอะไรคุยกันดี ๆ ดีกว่ามั้ยนิลลา”  เขาพูดเสียงอ่อน  มองอาวุธที่จ่ออยู่ที่เอวอย่างระมัดระวัง

          “คุณอาคิราห์ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก  เป็นเพราะไม่กลัว...”  นิลลาว่า  “หรือว่ารู้อยู่ก่อนแล้ว”

          “รู้เรื่องอะไร  ...ก็นิลลาจะพาฉันไปกินขนมไม่ใช่หรือไง”  อาคิราห์ตอบเสียงเนิบ ๆ รักษาอาการตื่นตระหนกเอาไว้ในสีหน้าเรียบเฉย  “ฉันเชื่อใจนิลลานะ”

          “.........”  อีกฝ่ายถอนหายใจยาวแล้วหยุดเดิน  หันหน้ามาเผชิญหน้ากัน  “คุณอาคิราห์รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้จะพาไปกินขนม  ฉันโกหกคุณ”

          “ไม่ว่านิลลาจะพาไปที่ไหน  ฉันเชื่อว่ามีเหตุผลที่ดีเสมอ”  อาคิราห์พูดเนิบ ๆ “จริงมั้ยล่ะ”

          “คุณไว้ใจคนมากเกินไปคุณอาคิราห์  เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นบทเรียนให้กับคุณเลยเหรอ”  นิลลากระซิบ

          “ฉันรู้จุดอ่อนของฉันดีนิลลา  ฉันไม่ใช่คนฉลาดนักหรอก  แต่ว่าฉันคิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิด  นิลลาไม่มีทางทำร้ายฉัน  ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น”  อาคิราห์พูดจากใจ  “ต่อให้ความเชื่อของฉันผิด  ฉันก็ยอมรับ”

          “คุณชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย”  นิลลาพูดเหมือนปรารภกับตัวเอง  “มันทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปหมด”

          “นิลลามีอะไรจะบอกฉันอีกหรือเปล่า”

          เกิดความเงียบขึ้นระหว่างกันชั่วครู่หนึ่ง

          “เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน  มีเด็กทารกคนหนึ่งถูกนำมาทิ้งที่ใต้ต้นไม้ต้นนี้”  โอเมก้าร่างผอมบางพูดขึ้นช้า ๆ เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สูงใหญ่ที่ออกดอกสีขาวนวลหอมกรุ่น  “มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักแล้วก็มืดสนิท..”

          “เธอกำลังจะเล่าเรื่องที่ฉันเล่าให้เธอฟังซ้ำใช่มั้ย”

          “ที่คุณเล่ามานั้นถูกต้อง  แต่ไม่ทั้งหมด..คุณอาคิราห์”  คำพูดของนิลลาทำให้อาคิราห์ชะงัก  จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างมึนงงแกมไม่แน่ใจ  “เด็กทารกคนนั้นถูกนำมาทิ้งจริง  แต่ว่าเขารอดชีวิต”

          “อย่าบอกนะว่า..”  คนฟังเบิกตากว้าง  ถามต่อมาด้วยเสียงกระซิบ

          “เสียงร้องไห้ของเขาดังพอที่จะมีคนได้ยิน  และพาเขากลับไปเลี้ยงดู”  นิลลายิ้มนิด ๆ รอยขมขื่นปรากฎขึ้นในดวงตาแห้งผาก  “ไม่ใช่เลี้ยงอย่างลูกหรอก  แต่มันก็ดีพอที่จะทำให้เด็กโอเมก้าคนนั้นเติบโตมาได้  แม้ว่าเขาจะหนีออกจากบ้านในตอนหลังก็ตาม”

          “นิลลา...นิลลาเหรอ”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก

          “คือฉันเอง...อาคิราห์”  นิลลาพยักหน้ารับ  “ฉันเพิ่งรู้พร้อมกับคุณ  ก่อนหน้านี้ฉันรู้เพียงว่าฉันถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่สวนสาธารณะแห่งนี้เท่านั้น  แม่ที่เลี้ยงฉันมาเล่าให้ฉันฟังไม่รู้กี่ร้อยครั้งเพื่อให้ฉันสำนึกในบุญคุณของเขา  ฉันรู้...แต่ที่ฉันไม่เคยรู้เลยก็คือเรื่องก่อนหน้านั้น...”

          คำพูดของนิลลาทำให้อาคิราห์ตกใจจนตั้งตัวไม่ทัน  ได้แต่มองหน้าสลับกับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น

          “ทำไมเธอไม่บอกฉัน  ทำไมไม่บอกกันก่อน”

          “ฉันยังไม่พร้อมจะบอก”  นิลลาตอบอย่างสงบ  “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอก  คุณอาจจะไม่เชื่อและหาว่าฉันกุเรื่องขึ้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง”

          “แล้วเธอบอกฉันวันนี้ทำไม”

          “เพราะว่า....”  นิลลาอึ้งไป

          เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังขึ้นทางด้านหลัง  อาคิราห์ขยับตัวเป็นเวลาเดียวกับที่นิลลาเอื้อมมือมาล็อคแขนทั้งสองของเขาเอาไว้แน่น

          “เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของคุณอาคิราห์ถ้าคุณไม่ร่วมมือกับเรา”  ร่างผอมชะลูดของใครอีกคนปรากฏตัวขึ้น  อาคิราห์ไม่เคยเห็นหน้าคน ๆ นี้มาก่อน เขาดูเป็นโอเมก้าที่ผ่านอะไรมามากและมีท่าทีแข็งกร้าวทีเดียว  “ยินดีที่ได้เจอกันเสียที  คุณอาคิราห์”

          “คุณคือใคร”

          “ผมคือหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนโอเมก้า”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

          “คุณต้องการอะไร”  อาคิราห์ถาม  “นิลลาปล่อยฉัน”

         “คุณอาคิราห์ต้องสัญญาว่าจะไม่วิ่งหนีออกไป”

          “ฉันไม่หนี”  อาคิราห์พูด  พยายามตั้งสติ  “มีอะไรก็พูดกันดี ๆ ไม่จำเป็นต้องมาจับ  เราเป็นโอเมก้าเหมือนกัน”

          “ทั้งถูกและผิดครับ”  อีกฝ่ายบอก  “เราเป็นโอเมก้าเหมือนกันก็จริงแต่ว่าเราถูกปฏิบัติไม่เหมือนกันเลยสักนิด  ขณะที่คุณอาคิราห์ได้เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง  ใช้ชีวิตอยู่บนหอคอยงาช้าง  พวกเราถูกทิ้งขว้าง  ถูกกระทำเหมือนเป็นขยะปฏิกูลเน่าเหม็นน่ารังเกียจ”

          “ฉันรู้ ...ฉันเคยสัมผัสมาแล้ว ฉันถึงได้พยายามที่จะช่วยพวกคุณไงล่ะ”

          “ด้วยมูลนิธิฯเด็กเล่นอะไรของคุณนั่นน่ะเหรอ”  คนพูดยิ้มหยัน  “ถ้ามันสำเร็จก็คงสำเร็จไปนานแล้ว”

          “มันต้องสำเร็จ  เราเพิ่งเริ่มต้น”

          “แล้วอีกนานแค่ไหนล่ะครับคุณอาคิราห์  พวกเราชาวโอเมก้าถึงจะได้ลืมตาอ้าปากกันบ้างเสียที  คุณคงไม่เดือดร้อนหรอกเพราะตอนนี้คุณก็เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งของประเทศนี้แล้วนี่  จะมารู้สึกรู้สมอะไรกับโอเมก้าที่ยังมุดอยู่ในครัวล่ะ  พอได้ตำแหน่งพ้นช่วงหาเสียงไปแล้วก็เข้าอีหรอบเดิม”

          “ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ  ฉันตั้งใจที่จะทำมูลนิธิฯนี้จริง ๆ ฉันอยากช่วยเหลือพวกเราทุกคน  คุณทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลย  ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมมือกับฉันล่ะ  คุณเองก็เป็นคนที่ดูเข้มแข็งมากคงจะสามารถช่วยกันผลักดันให้มูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้าพัฒนาไปได้ไกลแน่ ๆ”  อาคิราห์พูด

          “คุณก็คงเหมือนบรรดานักการเมืองอัลฟ่าที่แวดล้อมคุณนั่นล่ะ”  อีกฝ่ายโต้กลับ  “กฎหมายเพื่อโอเมก้าอะไรของคุณพวกนั้นมันเป็นสิ่งเพ้อฝัน  ไม่มีทางเป็นจริง  แม้แต่สามีของคุณเองตอนนี้ก็คงจะไม่ได้สนใจเรื่องความเท่าเทียมพวกนั้นมากเท่าตอนหาเสียงหรอกจริงไหม”

          “ไม่จริง  ฉันกับคุณพิชช์ฌานตั้งใจที่จะทำเพื่อโอเมก้าจริง ๆ นะ”

          “คุณไม่ใช่คนแรกที่เคยพูดประโยคนี้หรอกคุณอาคิราห์  เคยมีอัลฟ่าคนหนึ่งสัญญากับพวกเราเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วสุดท้ายก็....”  คนพูดยักไหล่  “อย่างที่เห็น  ไม่มีสัจจะในหมู่นักการเมืองอัลฟ่า  รวมถึงโอเมก้าไฮโซอย่างคุณด้วย”

          “แล้วการที่ทำแบบนี้มันมีประโยชน์หรือไง”  อาคิราห์กระชากเสียง 

          “มีสิ”  รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ด้านเกรียม  “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณอาคิราห์...ตาย...จากฝีมือของกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้า”  คำพูดของหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนโอเมก้าทำให้คนฟังใจหายวูบ  “ขอเดาเอาว่าอย่างแรกเลยก็คือ ...สามีของคุณ  คุณพิชช์ฌานจะต้องพลิกแผ่นดินเพื่อล้มล้างกลุ่มอัลฟ่าบ้าเลือดพวกนั้นแน่ ๆ เอ๊ะ...หรือว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยเพราะกลัวกระทบผลประโยชน์กันนะ  แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ  คุณจะไม่ตายฟรี  อย่างน้อยการตายของคุณอาคิราห์ที่เป็นเหมือนแสงสว่างของโอเมก้าก็จะต้องกระทบกับจิตใจของโอเมก้าในประเทศนี้บ้างล่ะ  โดยเฉพาะถ้าหากข่าวแพร่ออกไปยังต่างประเทศเข้า”

          อาคิราห์เบิกตากว้าง  เริ่มตามความคิดของอีกฝ่ายทัน

          “แกจะทำให้เกิดจลาจลใช่มั้ย”

          “ฉลาดไม่เบาเลยนี่ ....การตายของคุณจะเป็นประโยชน์คุณอาคิราห์  แน่นอนว่าผมจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้มันสูญเปล่า  โอเมก้าในประเทศนี้จะต้องลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรมที่กดหัวพวกเรามานาน”

          “ความรุนแรงไม่มีทางแก้ปัญหาได้”

          “ความรุนแรงที่ถูกที่ถูกเวลาคือการแก้ปัญหาที่เด็ดขาดและได้ผลดียิ่งกว่าการนั่งคุยกันแน่นอนคุณอาคิราห์”

          “คิดว่าโอเมก้าจะไปสู้พวกอัลฟ่าได้ยังไง  แค่คิดจะสู้ด้วยกำลังก็คิดผิดแล้ว”  อาคิราห์โต้  “ร่างกายของพวกเราไม่ได้สร้างมาเพื่อการต่อสู้ปะทะ”

          “เรามีอาวุธ”  คนพูดยิ้มพราย  “ขอไม่บอกนะว่าได้มาจากไหน”

          “แกกำลังทำให้คนนอกแทรกแซงเรื่องในประเทศ  แกจะทำให้ประเทศของเราตกเป็นเบี้ยล่างของพวกมหาอำนาจที่หวังเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากประเทศเรา”

          “ไม่เป็นแบบนั้นหรอกคุณอาคิราห์  พันธมิตรจากอีกซีกโลกหนึ่งของเราจะสนับสนุนเพียงอาวุธเท่านั้น  แล้วที่เหลือก็ให้พวกเราจัดการเอง”  ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับโอเมก้ารอบ ๆ ที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมอาวุธครบมือ  อาคิราห์หันไปมองคนเหล่านั้น

          “แทมมี่?”  เขาเรียกเพื่อนโอเมก้าที่เคยเจอกันในเกาะนั้น  “อย่าไปฟังมัน  มันโกหกนะ  เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องร่วมมือกับพวกต่างชาติเข้ามาตักตวงประโยชน์จากประเทศของเรา  อย่าไปฟังมัน”

          “ถ้ามันเป็นทางเดียวที่จะทำให้โอเมก้าอย่างเราพ้นจากความทรมานนี้  ฉันก็ยินดีจะเชื่อ”  แทมมี่ว่า

          “พวกเธอจะแค่พ้นจากใต้อำนาจหนึ่งไปอยู่ในใต้อำนาจอื่นแทน  แถมมันจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ  เชื่อฉันเถอะนะ  อย่าโดนมันหลอก”

          “เราไม่ได้วางแผนกันแค่เดือนสองเดือนคุณอาคิราห์  เราวางแผนกันมาเป็นหลายปี  เพียงแค่รอโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะมีใครเข้ามาเป็นชนวนจุดระเบิดนี้   เราพยายามติดต่อกับคุณและสามีของคุณก่อนหน้านี้แล้วแต่ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับเรา  ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะดำเนินการกันต่อเอง”

          “ให้ฉันกลับไปทำมูลนิธิฯของฉันต่อเถอะ  นี่มันบ้าสิ้นดีเลย”  อาคิราห์ร้อง  “มันไม่มีทางสำเร็จ  การต่อสู้ด้วยความรุนแรงมันไม่มีทางได้ผล  ไม่อย่างนั้นทุกประเทศก็คงเลือกวิธีนี้ไปแล้วแทนที่จะจัดการกันด้วยกฎหมาย  ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา  ไม่ใช่พลิกฝ่ามือ”

          “ที่คุณพูดก็อาจจะใช่  แต่ว่าไม่ใช่กับประเทศด้อยพัฒนาอย่างนี้หรอก”

          “ก็เพราะมีคนฉลาดน้อยแบบพวกแกไงล่ะประเทศถึงไม่พัฒนา”  อาคิราห์พูดอย่างหมดความอดทน  “ใช้สมองคิดหน่อยได้มั้ย  จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร  นานาชาติไม่ยอมรับความรุนแรงอยู่แล้ว  คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่โอเมก้าแต่เป็นคนที่สนับสนุนพวกแก  ง่ายสุดก็คือคนที่ขายอาวุธให้พวกแกน่ะ  การใช้กำลังไม่มีทางได้ประโยชน์  เผลอ ๆ โอเมก้าจะยิ่งถูกรังเกียจและทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม”

          “เรามีแผนสำรองเตรียมการเอาไว้แล้วคุณอาคิราห์  ไม่ต้องเป็นห่วงถึงตรงนั้นหรอกนะ”  ฝ่ายนั้นพูดเสียงเย็น  “เอาล่ะ  เหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่จะต้องดำเนินการตามแผนต่อไป”

          “เดี๋ยวก่อน”  นิลลาพูดแทรก  “ฉันอยากเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  ให้ฉันเป็นคนจัดการ”

          “งั้นหรือ”  คนฟังเลิกคิ้ว  มองหน้านิลลาอย่างเพ่งพิศ  “ฉันไม่ไว้ใจความผูกพันระหว่างเจ้านายกับลูกน้องหรอกนะ”

          “แต่ฉันก็พาคุณอาคิราห์มาที่นี่จริง ๆ”

          “พูดผิดพูดใหม่นะนิลลา  ความจริงแล้วคุณอาคิราห์ควรจะ ‘ตาย’ ในกองเพลิงไปแล้วไม่ใช่หรือไง  ถ้าแกไม่ขอเปลี่ยนแผนในนาทีสุดท้ายน่ะ”

          “เพราะฉันอยากเป็นคนจัดการคุณอาคิราห์ด้วยมือของตัวเองต่างหาก”  นิลลาพูดช้า ๆ “ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้างเวลาที่มองไปที่เขา..โอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้”  เขาเรียกอาคิราห์ตามพาดหัวข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงกันด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน  “ขอโอกาสให้ฉันได้เป็นคนจัดการเขาเอง”

          หัวหน้ากลุ่มพยักหน้าเนิบ ๆ  ลูกน้องสองคนเข้ามาล็อคตัวอาคิราห์แล้วพาไปยืนเด่นตรงกลางวงล้อม  นิลลายกปืนขึ้นเล็งตรงไปที่กลางหน้าอกของโอเมก้า

          “นิลลา”  อาคิราห์เรียกด้วยความเสียใจ  “ทำไมทำกับฉันแบบนี้  ที่ผ่านมาฉันรักนิลลามากแค่ไหน  ไว้ใจนิลลามากที่สุด...นิลลาเป็นเพื่อนของฉันนะ”  น้ำตาร้อน ๆ ไหลอาบแก้ม  อาคิราห์มองผ่านม่านน้ำตาพร่ามัวไปยังร่างผอมบางที่ยืนจังก้าเล็งปืนมาที่เขา  “นิลลาจะฆ่าฉันได้ลงคอจริง ๆ เหรอ”

          “จะทำก็ทำ  อย่ามัวร่ำไร  เราต้องจัดการศพอีก”

          นิลลาเม้มปากแน่นแล้วเหนี่ยวไกปืน

          “ขอโทษนะคุณอาคิราห์”

          ....แด่ ความทรมานตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ขอให้มันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ด้วยเถิด

    ..................................................................................................

          “ไม่เจอร่องรอยของคุณอาคิราห์เลยครับ”  เจนภพเข้ามารายงานทันทีที่พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องประชุม  “กำลังให้คนสืบหาอยู่”

          “เกือบสองชั่วโมงแล้ว”  นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้พูดเสียงแหบ  “ฝากส่งแขกกลับไปที่โรงแรมด้วยนะ  พรุ่งนี้เอาร่างสัญญาที่คุยกันวันนี้มาให้ฉันดูด้วย  พวกเขาสนใจมาก”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด  เขาต้องเจรจาผลประโยชน์ของประเทศไปพร้อม ๆ กับความห่วงกังวลถึงภรรยาแทบบ้าจนอยากจะล้มโต๊ะประชุมแล้วก้าวออกมาจากห้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ช่างหัวประเทศมัน .... แต่ว่าเขาก็ทำไม่ได้  ต้องกัดฟันเจรจาต่อจนเสร็จ

          ...เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

          พิชช์ฌานนั่งรถย้อนกลับไปที่ซากอาคารมูลนิธิฯอีกครั้งหนึ่ง  คนเจ็บถูกลำเลียงออกมาจนหมดแล้ว  ส่วนคนที่หายสาบสูญไปหาศพไม่พบมีเพียงสี่คน  คืออาคิราห์  นิลลา  และพนักงานมูลนิธิฯอีกสองคนที่ทำงานอยู่บนชั้นสองของอาคาร

          “ถ้ายังไม่เจอศพ  ก็ยังมีความหวัง”  พิชช์ฌานพูดเป็นการให้กำลังใจตัวเองไปในตัว  หัวใจแผดเผาด้วยความทรมานเหมือนมีไฟสุมในอก  สิ่งที่เขากลัวที่สุดกำลังกัดกร่อนเนื้อหัวใจของเขาจนกลายเป็นโพรงลึก  เคยมีคนเตือนเขาแล้วหลายต่อหลายครั้งถึงความสูญเสียที่อาจมาถึง  แต่เพราะความทะนงตัวและทะเยอทะยานของเขา...

          เขารู้แค่ว่าตัวเองไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก  ..คนอย่างพิชช์ฌานไม่เคยยอมแพ้ให้กับอะไรง่าย ๆ เป้าหมายของเขาจะต้องสำเร็จลงด้วยดีด้วยความสามารถของเขา  ทุกอย่างสามารถควบคุมได้  มันเคยเป็นเช่นนั้นมาตลอดทว่าตอนนี้กลับไม่

          รอยยิ้มสดใสของอาคิราห์ยังติดอยู่ในความทรงจำ...เป็นความผิดของเขา...จริง ๆ หรือ

          “คุณพิชช์ฌานจะกลับบ้านก่อนไหมครับ”  เจนภพถามเสียงเบา  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขยับตัว

          “ฉันขอนั่งอยู่ที่นี่ต่อก่อนอีกหน่อย”  พิชช์ฌานตอบกลับไป  “ไม่มีตารางงานอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ”

          “ผมยกเลิกไปให้หมดแล้วครับ”  เจนภพตอบ  “คิดว่าคุณคงไม่มีอารมณ์จะไปพบปะใครในเวลานี้”

          “จนกว่าจะเจอร่างของเขา  หรือหลักฐานอะไรก็ได้...ที่ยืนยันว่าเขาตาย...หรือยังมีชีวิตอยู่”  พิชช์ฌานพึมพำ  ทอดสายตามองไปยังร่างของเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำการค้นหาผู้เสียชีวิตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตามคำสั่งของท่านนายกรัฐมนตรี  “ฉันหวังมากเกินไปไหมเจนภพ”

          เจนภพถอนหายใจยาว  วางมือลงบนไหล่กว้างที่งองุ้มของพี่ชายต่างมารดา

          “คนเราไม่ควรหมดหวัง”  เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้น  “ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่  บอกผมนะครับ”

          เขาปล่อยให้พิชช์ฌานนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ

          การค้นหายังดำเนินต่อไป  แต่ละนาทีที่ผ่านทำให้หัวใจของพิชช์ฌานเต้นช้าลงทุกที  ปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นล้วงเข้ามาบีบจนหายใจไม่ออก  ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาจนถึงคอหอย  เป็นเพราะเขา....ที่อาคิราห์เสียชีวิตครั้งนี้  เป็นเพราะเขา

          ..มันสายไปแล้วงั้นหรือ...เขาไม่มีทางกลับตัว  ไม่มีทางย้อนเวลาได้เลยเหรอ...

          น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงต้องหลังมือที่วางอยู่บนตัก  ตามด้วยหยดที่สองและสาม  พิชช์ฌานปล่อยให้มันไหลออกมาเงียบ ๆ โดยไม่ฝืนกลั้นอีก  แสงไฟสนามส่องให้เห็นซากต้นกุหลาบที่ถูกเหยียบย่ำจนเละไม่เหลือเค้าความสวยงามก่อนหน้า  ช่างเป็นความทารุณโหดร้ายเกินจะรับไหว

          ทำไมเขาถึงไม่คิดมาก่อนหน้านี้

          ทำไม...


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-08-2019 19:05:26





          เสียงรถยนต์หลายคันแล่นเข้ามาในบริเวณของสถานที่เกิดเหตุ  ชายสูงวัยก้าวลงจากรถคันแรกสุดเดินตรงเข้ามาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่  แววตาเย็นเยียบในดวงตาที่ยังคมกริบแม้มากด้วยวัยนั้นทำให้พิชช์ฌานรู้สึกยำเกรงขึ้นมาเป็นครั้งแรก

          “ท่านไตรคุณ”  เขาลุกขึ้นยืน  อีกฝ่ายหยุดนิ่งประจันหน้าเขา   ได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชจากที่ไกล ๆ คงมาจากนักข่าวที่รอเก็บภาพสำคัญระหว่างพ่อตากับลูกเขยนายกฯอยู่

          “เจออาคิราห์มั้ย”  ไตรคุณถามขึ้นเป็นประโยคแรก  “อาคิราห์อยู่ที่ไหน”  เสียงของนักการเมืองอาวุโสสั่นนิด ๆ ไตรคุณเดินผ่านหน้าลูกเขยเข้าไปยังซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกระเบิด   “อัยย์ล่ะ”

          “กำลังค้นหาอยู่ครับ  ยังไม่เจอร่าง”  พิชช์ฌานตอบเสียงแหบ  “ผมให้เขากระจายกำลังออกค้นหารอบ ๆ ด้วย  เผื่อว่า...”

          “..........”  ไตรคุณไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย  เขายืนมองกองอิฐกองปูนพวกนั้นนิ่งนานก่อนจะหันกลับมามองหน้าลูกเขย  นัยน์ตาคู่นั้นแดงก่ำบอกอารมณ์ของเจ้าของโดยไม่ต้องพูดออกมาซักคำเดียว  พิชช์ฌานอึ้งไปนานแล้วก้มหัวลงต่ำ  พูดประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดกับอีกฝ่าย

          “ผมขอโทษ”

          “ไม่มีประโยชน์”

          “ผมจะตามหาเขาจนกว่าจะเจอ  บางที...มันอาจจะไม่...”  ความรู้สึกผิดพุ่งสูงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  โดยเฉพาะยามที่สบตาบิดาของอาคิราห์  ความสูญเสียที่ไม่ต้องบอกออกมาเป็นคำพูดมันเกินกว่าที่เขาคาดคิด

          ท่านไตรคุณ...รัก...ลูกชายโอเมก้าจริง ๆ งั้นหรือ  ถ้าเป็นเพียงแค่การแสดงต่อหน้ากล้องนักข่าวก็ควรจะได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมไปครอง

          “...ถ้าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมผมจะแจ้งท่านไปครับ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกพูด

          “ฉันจะรอ...”  ศัตรูทางการเมืองของพิชช์ฌานตอบกลับมาห้วนสั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินดุ่ม ๆ กลับไปที่ขบวนรถของตน   พิชช์ฌานมองตามหลังไปจนแสงสีแดงท้ายรถลับสายตา

          ความรุ่มร้อนเพิ่มสูงขึ้นอีกตามเวลาที่ผ่านไป  เจ้าหน้าที่ออกกระจายค้นหาตามตรอกซอยข้างเคียงเท่าที่จะทำได้  พิชช์ฌานเองก็นั่งไม่ติด  ความหวังที่ยังลงเหลืออยู่ในใจเริ่มริบหรี่ลงทุกที

          “คุณพิชช์ฌานครับ”   เจนภพเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นกว่าปกติ  ชายหนุ่มที่นั่งพิงกำแพงอย่างหมดแรงหันขวับไปมอง

“เจออาคิราห์แล้วเหรอ”  เขาถามด้วยความหวัง

“ยังไม่เจอครับ  แต่เราเจอเบาะแสใหม่ที่อาจจะเป็นคุณอาคิราห์”  เจนภพตอบกลับมา  “ผมให้คนเดินสำรวจรอบ ๆ ซอยแถวนี้แล้วไปเจอแม่ค้าคนนึงบอกว่าเห็นคนหน้าเหมือนคุณอาคิราห์เข้ามาซื้อน้ำ  แม่ค้าจำได้เพราะคุณอาคิราห์จ่ายแบงค์พันให้”

          คนฟังหัวใจเต้นรัวเร็ว  ผุดลุกขึ้นยืน

          “จริงหรือเปล่า  อยู่ที่ไหน  พาฉันไปเลยเจนภพ”

          ความหวังที่ริบหรี่ในตอนแรกเริ่มปรากฏแสงสว่างขึ้นรำไร  พิชช์ฌานแทบจะเข้าไปคว้าคอเสื้อของแม่ค้าคนนั้นเพื่อถามถึงคนที่เธอเจอ  แม่ค้าตกใจใหญ่ที่จู่ ๆ ก็มีคนหน้าเหมือนนายกฯมาปรากฎตัวตรงหน้า

          รูปร่างลักษณะที่แม่ค้าบอกตรงกับอาคิราห์ทุกประการ  พอเปิดรูปให้ดูเธอก็ยืนยันว่าเป็นอาคิราห์จริง ๆ

          “ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ  เพราะเขาควักแบงค์พันมาจ่ายเงินค่าน้ำฉัน  ฉันไม่มีทอน  เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร  ไม่ต้องทอน  นี่ไงล่ะคะ...”  เธอหยิบธนบัตรสีเทาขึ้นมาส่งให้ดู  “หน้าตาดีเชียวล่ะคุณ  ฉันยังคิดอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน  เขามากับผู้ชายอีกคนตัวผอมซีด ๆ หน้าตอบ ๆ”

          “ขอบคุณมากนะป้า”  พิชช์ฌานพูด  รับธนบัตรใบนั้นมาแตะจมูก  กลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของอาคิราห์ยังปะปนอยู่จาง ๆ ...เจ้าตัวคงตั้งใจทิ้งเอาไว้ให้เขา  ขอบตาของชายหนุ่มร้อนผ่าว  เขาหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีลูกน้องอยู่แล้วยกปลายนิ้วขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว   “ลองไล่ถามคนในละแวกนี้ดูว่ามีใครเห็นอาคิราห์อีกหรือเปล่า”

          พิชช์ฌานสั่งการ พับธนบัตรใบนั้นใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้แนบหัวใจอย่างบรรจง  เวลาผ่านไปจนกระทั่งเขาสืบได้ความเพิ่มว่ามีคนเห็นโอเมก้าสองคนโบกรถรับจ้างไปด้วยกัน

          “ดูกล้องวงจรปิด  ต้องมีถ่ายติดไว้แน่”

          “กล้องเสียครับท่าน”  นายตำรวจตอบอ้อมแอ้ม  “ทำเรื่องไปแล้วตั้งแต่ปีก่อนยังไม่ได้ซ่อมเลยครับ  กล้องเสียตลอดแนวถนนนี้เลยครับ”

          ชายหนุ่มทิ้งมือลงข้างตัวอย่างหัวเสีย

          “ใครรับผิดชอบเรื่องนี้เจนภพ  กลับไปฉันต้องจัดการ”  พิชช์ฌานพูดอย่างโกรธจัด  “มีทางอื่นอีกมั้ย  มีใครเห็นทั้งคู่อีก”  เขาเริ่มเดินกลับไปกลับมาอีกครั้ง  “พวกเขาไปไหนกันแน่  ไปกันสองคนไม่มีผู้คุ้มกัน  พนันได้เลยว่านิลลาจะต้องเป็นนางนกต่อของอะไรสักอย่าง..”  ชายหนุ่มเค้นสมองคิดอย่างหนักหน่วง  “ติดต่อรินลดาให้ที  ถามว่าเธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

          “ได้ครับ” เจนภพรับคำ  กดโทรศัพท์ไปหาหญิงสาวผู้นั้น 

          ตำรวจออกค้นหาตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องสงสัย คนของพิชช์ฌานเองก็กระจายออกตามหาร่องรอยของโอเมก้าหมายเลขหนึ่งที่อาจจะยังมีชีวิตอยู่  เวลาผ่านไปท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกที  เจนภพกลับมาบอกว่ารินลดาปฏิเสธไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น

          “คุณรินลดาบอกว่าอยู่ต่างประเทศตอนนี้ครับ”

          “..........”  พิชช์ฌานนิ่ง  มองไปยังถนนเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยรถแน่นขนัด  “ตามหารถรับจ้างคันนั้นให้เจอ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “ติดต่อไปที่พี่เลี้ยงเก่าของอาคิราห์ด้วย  ไม่แน่ว่าเธออาจจะรู้เรื่องนี้”  เขาหมายถึงอรุณา...อดีตพี่เลี้ยงของอาคิราห์ที่ปากแข็งเหลือเกิน  ไม่ยอมเล่าอะไรเพิ่มทั้งนั้นไม่ว่าเขาจะทั้งขู่ทั้งปลอบอย่างไรก็ตาม

          “ท่านครับ  มีคนแจ้งข่าวว่าเจอคนคล้ายคุณอาคิราห์ที่สวนสาธารณะครับ”

          นายตำรวจเข้ามารายงานเขา  พิชช์ฌานไม่รอช้ารีบตามขึ้นรถไปยังสถานที่ ๆ บอกทันที  แม้ว่าเจนภพจะทักท้วงเอาไว้ก่อนก็ตาม 

          “มันอาจเป็นกับดักเพื่อจัดการคุณนะครับ”  ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดอย่างกังวล  “ให้ผมไปดูก่อนดีกว่า”

          “ไม่เป็นไรเจนภพ  ....นั่นลูกเมียฉัน  ฉันจะไปหาเขาด้วยตัวเอง”  พิชช์ฌานตอบ  นั่งกำมือไปตลอดทางนึกภาวนาขอให้โอเมก้าหมายเลขหนึ่งของเขายังมีชีวิตอยู่ 

          สวนสาธารณะที่เขามาถึงดูทรุดโทรมเหมือนสวนที่ถูกปล่อยให้รกร้าง  ต้นไม้ใหญ่สูงแผ่เงาครึ้มทำให้บรรยากาศดูน่าตะครั่นตะครอน่ากลัว  ตำรวจลงจากรถเข้าล้อมรอบพื้นที่อย่างฉับไว  พิชช์ฌานก้าวลงจากรถ

          “มีร่องรอยของคนเดินเข้าไปในนั้นจริง ๆ ครับ  เราเจอขวดน้ำที่คาดว่าน่าจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อร้านนั้น”  พิชช์ฌานรับขวดน้ำเปล่ามาดูใกล้ ๆ กลิ่นหอมหวานของคุกกี้นมยังอวลอยู่จาง ๆ เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเขามาถูกทางแล้ว  “มีรอยเท้าของคนหลายคนครับ  คิดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบหรือมากกว่านั้น”  นายตำรวจพูดต่อด้วยท่าทางหนักใจ  “คิดว่ามีอาวุธด้วย”

          พิชช์ฌานลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักอก  สารวัตรใหญ่เข้ามาพูดคุยถึงแผนการที่จะเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งนี้

          “ผมเกรงว่าจะเป็นการลักพาตัวเพื่อประโยชน์อะไรสักอย่าง  แต่ที่แปลกก็คือทำไมถึงเลือกสถานที่กบดานเป็นสวนสาธารณะกลางแจ้งแทนที่จะเป็นที่ ๆ รัดกุมกว่านี้”

          “หรือว่าพวกมันมีแผนอะไรซ่อนเอาไว้อีก  อย่างเช่น...คิดจะระเบิดซ้ำ”  เจนภพเสนอความคิด  “เป็นไปได้ไหมครับท่าน”

          “เป็นไปได้...แต่ถ้าตั้งใจจะลักพาตัวจริง  ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาเลยล่ะ  มันต้องเรียกร้องผลประโยชน์กลับมาสิ  ไม่ใช่เงียบไปจนถูกตามเจอแบบนี้”  พิชช์ฌานพูดช้า ๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่น  “ต้องมีอะไรสักอย่าง”

          “ผมเรียกกำลังเสริมมาพร้อมแล้วครับ  เดี๋ยวเราจะบุกเข้าไป”  ตำรวจว่า  “ยังไงก็ต้องพาคุณอาคิราห์กลับออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้”

          พิชช์ฌานเม้มปากแน่น  เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายคล้าย ๆ กับว่าจะจับไข้   หัวใจเริ่มเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ  มันอาจจะเป็นลางสังหรณ์หรืออะไรบางอย่างที่เขายังไม่แน่ใจ

          “คุณกลับไปนั่งพักข้างในรถก่อนดีไหมครับ  หน้าคุณซีดมากเลย”  เจนภพเหลียวมาเห็นเขาเข้า  ก้าวเข้ามาจับท่อนแขนของท่านนายกฯเอาไว้  “คุณพิชช์ฌาน”

          “อาคิราห์อยู่ข้างในนั้นแน่”  นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้พึมพำ  จ้องเขม็งเข้าไปในสุมทุมพุ่มไม้ที่บดบังสายตาเอาไว้  “รีบเข้าไปเถอะครับ  เขาอยู่ข้างใน”  ประโยคหลังเขาหันไปบอกนายตำรวจใหญ่ที่กำลังสั่งการอยู่

          “เริ่มภารกิจแล้วครับ”  คำตอบกลับมาจากทางเจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเต็มยศที่กระจายตัวแฝงเข้าไปในสวนสาธารณะอย่างระมัดระวัง  พิชช์ฌานยืนนิ่งค้าง  มือเย็นเฉียบ  หัวใจเต้นรัวเร็วกระแทกแผ่นอกจนเจ็บไปหมด  ความกลัวหลั่งไหลมาจากไหนไม่ทราบมากมายจนเขาหายใจไม่ออก

          “เจน...ภพ”  เขาเอื้อมมือชื้นเหงื่อไปจับแขนของคนสนิทเอาไว้  ความตะครั่นตะครอที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้รู้สึกอยากอาเจียนออกมา  “พาฉันเข้าไป  บอกให้..ตำรวจ..เร่งมือ”

          “คุณฌาน”  น้องชายต่างมารดาเรียกอย่างตกใจกับท่าทางของพี่ชายที่งอตัวลงกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้แน่น  “เป็นอะไรไปครับ  แน่นหน้าอกเหรอ  ....หมอครับ  ช่วยดูท่านนายกฯหน่อย”

          “ฉัน..ไม่เป็นไร..”  พิชช์ฌานพูดอย่างยากลำบาก  ผลักมือแพทย์สนามออกไป  “อาคิราห์...ตามหาอาคิราห์ให้เจอเร็ว ๆ”

          “กำลังเข้าใกล้เป้าหมายแล้วครับ”  เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานกลับมา  “มีอาวุธ”  เสียงวอตอบกลับมาห้วน ๆ แทรกด้วยคลื่นเสียงซ่า ฟังไม่ถนัด  พิชช์ฌานกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น  ความกลัวจับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเข้าครอบครองสติ  สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าจะต้องหนี ...หนีไปให้ไกลที่สุด

          “คุณฌานจะไปไหนครับ”  เจนภพร้องเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเดินโซเซออกไปข้างหน้า  พิชช์ฌานไม่ตอบ  มือกุมหน้าอกเอาไว้  ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงปืนดังก้องบริเวณต่อกันหลายนัด  ชายหนุ่มรู้สึกจุกแน่นที่ท้องก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น

          เจนภพถลาเข้ามาประคองเจ้านายเอาไว้  พิชช์ฌานกดท้องของตัวเองเอาไว้แน่น  ความจุกเสียดตีขึ้นแทบหน้ามืด   เหงื่อแตกซิก  ภาพใบหน้าของเจนภพลอยอยู่เหนือหัวของเขาพร่าเบลอก่อนจะดับวูบ

          กลิ่นแอมโมเนียฉุนจัดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง  ความรู้สึกจุกเสียดจางลงไปทว่าหัวใจของเขายังเต้นรัวเร็วอยู่ด้วยความกลัวที่พุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม  พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นนั่ง  เขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ภายในรถพยาบาลโดยมีแพทย์กับพยาบาลครบทีมกำลังตรวจร่างกาย

          “ท่านฟื้นแล้ว  ท่านเป็นลมไปเมื่อครู่ครับ”  นายแพทย์สนามว่า  “นอนลงก่อนให้ผมวัดความดัน”

          “ผมไม่เป็นไร  ผมต้องไปดูเมียผม  เขาเป็นยังไงบ้าง”  พิชช์ฌานพูดเร็วปรื๋อ  กระชากเครื่องมือที่พันรอบแขนกับหน้าอกของตัวเองทิ้ง  กระโจนออกมาจากรถพยาบาลคันนั้น

          ข้างนอกวุ่นวายราวกับเกิดกลียุค  พิชช์ฌานเห็นเจ้าหน้าที่ติดอาวุธวิ่งผ่านหน้าเขาเข้าไปภายในสวนสาธารณะแห่งนั้นกลุ่มใหญ่  ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นแว่ว ๆ บางครั้ง  คล้ายกับว่ายังมีการต่อสู้อยู่ข้างในนั้น  ร่างสูงโปร่งของเจนภพกำลังยืนพูดคุยกับทางตำรวจอย่างเคร่งเครียด

          “เจนภพ  อาคิราห์ล่ะ..”

          ใบหน้าของเจนภพคล้ำซีดจนคนมองใจหายวูบ

          “คุณฌานไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

          “ฉันถามว่าอาคิราห์อยู่ไหน”  พิชช์ฌานถามกลับแทบจะเป็นเสียงตวาด  “อาคิราห์ออกมาหรือยัง”

          “เรากำลังพาคุณอัยย์ออกมาครับ”  เจนภพตอบ  “ฝ่ายนั้นไม่ยอมวางอาวุธแล้วโต้ตอบกลับมาครับ  เลยยังไม่สามารถพาคุณอาคิราห์ออกมาได้”

          “ฉันจะเข้าไป..”

          “ท่านเข้าไม่ได้ครับ”

          “คุณฌานรอที่นี่เถอะครับ  ความปลอดภัยของคุณสำคัญที่สุดตอนนี้นะครับ”  เจนภพพูดเร็วปรื๋อ  เสียงปืนยังได้ยินอยู่เป็นระยะ  พิชช์ฌานกำมือแน่น  ฝืนความรู้สึกมึนงงเหมือนจะล้มลงอีกครั้งเอาไว้

          “เข้าถึงตัวคุณอาคิราห์แล้วครับ  กำลังพาออกมา”  มีรายงานออกมาจากสวนสาธารณะที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่   พิชช์ฌานยืนจ้องไปยังปากทางออกที่ฉายไฟเอาไว้สว่างจ้านั้น  นับถอยหลังอยู่ในใจ  แต่ละนาทีที่ผ่านไปคือความทรมานคล้ายไม่มีวันสิ้นสุด  กว่าร่างหลายร่างจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเปลสนาม

          พิชช์ฌานก้าวพรวดเข้าไปหา  ใบหน้าเล็กซีดเผือดหลับตาแน่น  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้  ผ้าขาวที่คลุมร่างแดงฉานด้วยสีเลือด  พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนก้าวลงไปในหลุมลึกโดยไม่ทันตั้งตัว

          “อาคิราห์  ...อัยย์ ..ลืมตาสิ  ได้ยินฉันมั้ย”  เขาเรียกเสียงดัง  แนบมือเข้ากับซีกแก้มข้างซ้ายที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ  “อัยย์”

          “ขอทางก่อนครับท่าน  คุณอาคิราห์ถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง  น่าจะเสียเลือดมาก”  ทีมแพทย์พูดเร็วปรื๋อ  เข้ามารุมจัดล้อมรอบร่างโปร่งบางที่เล็กนิดเดียวในความรู้สึกของคนมอง  พิชช์ฌานก้าวถอนหลังเปิดทางให้แพทย์เข้าไปดูแล  เขาเบือนหน้าหนีตอนที่เสื้อของโอเมก้าถูกตัดออกเพื่อตรวจดูบาดแผล  เลือดไหลซึมออกมาจากแผลรูเจาะที่หน้าท้องกลมนูน   

          “ความดันตก  ต้องรีบพาเข้าห้องผ่าตัดด่วนที่สุด  เอาเลือดมาให้เร็ว”  พิชช์ฌานได้ยินนายแพทย์ใหญ่ว่า  เขาเห็นร่างของคนรักเต็มไปด้วยสายระโยงระยางค์เต็มตัว  เปลือกตาคู่นั้นหรี่ปรือมองมาตามเสียงเรียกแวบหนึ่ง

          “อัยย์  ได้ยินฉันมั้ย...”  พิชช์ฌานขยับเข้าไปบีบมือเล็กบางเอาไว้  “ฉันพิชช์ฌาน  ได้ยินหรือเปล่า”

          “.....”  ริมฝีปากแห้งผากขยับเป็นคำพูดที่ฟังไม่ออก  พิชช์ฌานจำต้องถอยออกมาจากที่ว่างข้างตัวคนเจ็บอีกครั้งเพื่อให้แพทย์เข้ามารักษาต่อ  รถพยาบาลคันนั้นขับออกไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้คำสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีที่ขอขึ้นรถไปด้วย

          อาคิราห์ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดด่วน  ส่วนตัวเขาเองนั่งก้มหน้าอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดคนเดียวรอคอยผลการผ่าตัดที่แพทย์ไม่กล้ารับรอง  มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับฝันร้ายที่สุดในชีวิตของพิชช์ฌาน

          .......................................................................................


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 11-08-2019 19:19:01






          อากาศหนาวเย็นจนเขาสั่นไปหมดทั้งตัว  ลำคอแห้งผากเจ็บแสบราวกับมีกรวดร้อน ๆ อยู่ข้างใน  เนื้อตัวหนักอึ้งคล้ายมีตุ้มเหล็กถ่วงเอาไว้  อาคิราห์ฝืนความรู้สึกสะลึมสะลือกึ่งง่วงงุนขึ้นลืมตามองไปรอบ ๆ เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องสีขาวที่แวดล้อมด้วยเครื่องอะไรสักอย่างส่งเสียงติ๊ด ๆ ตลอดเวลา

          ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องด้วยความเคยชิน  มันนุ่มนิ่มและมีผ้าโปะอยู่หนาหลายชั้นจนน่าแปลกใจ  อาคิราห์พยายามผงกศีรษะขึ้นดู  ความเจ็บปวดแล่นปราดจากหน้าท้องขึ้นมาจนเขานิ่วหน้า  มันปวดมากแม้จะขยับเพียงนิดเดียวก็ตาม

          “คนไข้ตื่นแล้วค่ะ”  เสียงหวานใสของใครสักคนดังขึ้นข้างเตียง  อาคิราห์เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่เพียงคนเดียวในห้องอย่างที่คิด  แต่ว่ามีผู้หญิงใส่ชุดสีเขียวและสีขาวเดินอยู่รอบเตียงด้วยท่าทางเร่งรีบ  เขาหลับไปอีกครั้งด้วยความง่วงงุน  ไม่ทันได้เห็นร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของนางพยาบาล

          พิชช์ฌานก้าวเข้ามายืนนิ่งข้าง ๆ เตียงของผู้ป่วย  ทอดสายตามองร่างที่อ่อนเปลี้ยนั้นด้วยหัวใจที่เหมือนถูกบีบจนเหลือนิดเดียว  หน้าท้องนูนเล็กน้อยด้วยผ้าพันแผลที่โปะเอาไว้หนาไม่ใช่จากสิ่งมีชีวิตข้างในครรภ์ทำให้ขอบตาของคนเป็นพ่อร้อนผ่าว

          “กระสุนทะลุลำไส้ตัดเข้าที่มดลูกพอดี  ทารกเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ครับ  แพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดเอาทารกออกและเย็บซ่อมมดลูกรวมถึงลำไส้ที่ฉีกขาดเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ก่อนครับ”

          คำบอกเล่าของแพทย์ยังก้องอยู่ในหัวเหมือนมีคนมาเปิดเทปกรอย้อนกลับไปกลับมา  พิชช์ฌานกำราวเหล็กที่ข้างเตียงเอาไว้แน่นจนข้อนิ้วขึ้นขาว  ความเจ็บปวดของเขาไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้  ถึงแม้ว่าจะดีใจที่คู่ชีวิตปลอดภัยแต่ว่าพิชช์ฌานกลับยิ้มไม่ออก

          ...เฌอริชช์  ลูกสาวของพ่อ...

          อุตส่าห์เฝ้าถนอมเฝ้ารอที่จะได้พบหน้า  วันนี้กลับได้เห็นเพียงกองผ้าสีเขียวที่ปกปิดร่างไร้วิญญาณของลูกเอาไว้  เขาไม่กล้าที่จะให้เปิดผ้าออกดูด้วยซ้ำ  ความรู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้าก็คงจะไม่เกินจริง  ลูกไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว  ทั้ง ๆ ที่เมื่อวันก่อนเขายังนั่งฟังเสียงหัวใจลูกเต้นอยู่เลย

          เสี้ยวหน้าเรียวซีดเซียวของเจ้าโอเมก้าวางทาบอยู่กับหมอน  เจ้าตัวคงจะยังไม่รับรู้ถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น  ทว่าไม่นานหลังจากฟื้นคืนสติดีก็คงจะต้องรู้ว่าภายในท้องกลม ๆ นั้นไม่มีใครอยู่อีกแล้ว  พิชช์ฌานไม่อยากจะนึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเสียใจมากขนาดไหน  และการที่จะต้องเห็นเจ้าตัวร้องไห้มันยิ่งทำให้เขาอยากจะตายแทนไปเสียเลยตรงนั้น

          เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ชายหนุ่มกดตัดสายทิ้ง  ไม่นานร่างสูงโปร่งของมือขวาคนสนิทก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องผู้ป่วยหนัก

          “ขออนุญาตครับ  คุณพิชช์ฌาน  ใกล้จะถึงเวลาให้สัมภาษณ์แล้วครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  เหลือบมองใบหน้าคมคล้ำของเจ้านาย  ความทุกข์ของชายหนุ่มฉายชัดแทบจะสัมผัสได้ด้วยมือเปล่า  “ถ้าคุณฌานไม่พร้อม  ให้ผมเลื่อนไปก่อน...”

          “ไม่เป็นไร”  นายกรัฐมนตรีของประเทศตอบกลับมา  “ไม่เป็นไร”  ชายหนุ่มพูดซ้ำอีกครั้งราวกับจะย้ำกับตัวเองไปด้วย  “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองเจนภพ  ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด  ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”  เหตุการณ์ทุกอย่างเกี่ยวพันกันไม่รู้จุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด  กลุ่มคนร้ายที่ถูกทางการจับตัวได้ซัดทอดว่าถูกว่าจ้างจากนายทุนอัลฟ่าที่สนับสนุนกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าทว่าคนลงมือกลับเป็นกลุ่มสนับสนุนโอเมก้าหัวรุนแรงที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้  ไม่มีใครสามารถให้ปากคำเพิ่มเติมได้  แม้แต่นิลลาเองก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

          ความสับสนทำให้เกิดความหวาดกลัว  มีคนใช้โอกาสนี้ในการสร้างความวุ่นวายภายในเมือง โอเมก้าถูกลอบทำร้ายทุกวันอย่างต่อเนื่อง  บางครั้งถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส  ทุกคนที่ถูกทำร้ายล้วนมีรายชื่อร่วมในมูลนิธิฯของอาคิราห์ทั้งสิ้น  ความโกรธแค้นของเหล่าโอเมก้าที่ถูกปลุกปั่นด้วยจุดประสงค์บางอย่างทำให้โอเมก้าเริ่มหันไปสนับสนุนกลุ่มโอเมก้าหัวรุนแรงที่ยังเหลืออยู่และเริ่มก่อเหตุวุ่นวายตามสถานที่ทำงานของอัลฟ่า

          “พวกมันต้องการให้เราใช้ความรุนแรง”  พิชช์ฌานพูดต่อ  “ฉันมั่นใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จงใจสร้างสถานการณ์วุ่นวายพวกนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง  ที่ฉันกลัวที่สุดก็คือจะมีคนฉวยโอกาสทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับอย่างประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ”

          “ผมก็เกรงว่าอย่างนั้น  ถึงแม้ว่าทหารประเทศเราจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองมาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม  แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้”

          “เราควรจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  เจนภพ  ก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้  ฉันจะแถลงการณ์จุดยืนของรัฐบาล”

          เจนภพมีท่าทีลำบากใจ

          “แล้วเหตุการณ์ไล่ทำร้ายโอเมก้าที่มีเข็มกลัดมูลนิธิฯล่ะครับ  คุณฌานจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยมั้ย  หลักฐานค่อนข้างชัดแล้วว่าเป็นฝีมือของพวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้า  แต่ว่า...”  เจนภพอึกอัก  ไม่ต้องพูดต่อพิชช์ฌานก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงจดหมายเตือนที่ถูกส่งมาที่บ้านอย่างลึกลับเมื่อวาน  “ผมเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก”  ชายหนุ่มปรายตามองไปทางคนเจ็บที่นอนนิ่งอยู่

          “ฉันรู้...”  พิชช์ฌานพูดเสียงแหบลึก  “ฉันรู้แล้วเจนภพ  แต่ถ้าเราหยุดก็เท่ากับเราแพ้  ไม่มีที่ว่างให้กับคนแพ้หรอกนะ”

          “แต่ว่าครั้งหน้า...อาจจะ...เป็นคุณ”  เจนภพกระซิบ  มองหน้าพี่ชายต่างมารดานิ่ง  “ผมไม่เคยคิดจะพูดแบบนี้มาก่อนแต่ว่า...ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป  ผมไม่อยาก...เสีย..พี่ชาย..ไปเพราะสาเหตุนี้”  ชายหนุ่มพูดขาดเป็นห้วง ๆ จ้องมองนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นอย่างขอร้อง  “ถอยเถอะครับพี่   พวกเขาไม่ปล่อยพี่เอาไว้แน่  เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ไปหมด  ยากที่จะแก้ออกได้ด้วยมือของคน ๆ เดียว  ผมไม่อยากเห็นพี่เป็นอะไรไปอีกคน  ถือเสียว่าเป็นคำขอจากน้องชายของพี่”         

          พิชช์ฌานสูดลมหายใจเข้าปอดลึก  ยิ้มออกมาบาง ๆ

          “พี่เสียสละตัวเองเข้ามาก็หวังว่าจะทำให้ประเทศชาติเจริญเทียบเท่ากับอารยประเทศ  ถ้าถึงที่สุดแล้วมันไม่สามารถทำได้  พี่ก็จะยอมรับและวางมือ”

          “ที่ผมกลัวก็คือ...พี่จะไม่มีโอกาสนั้น”   เจนภพพูดเสียงเบา

          คนฟังเงียบ  หันไปกุมมือของภรรยาที่หลับสนิทเอาไว้  ประสานมือเข้ากับนิ้วเรียวเล็กนั้นกระชับแน่น  ก้มลงไปแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มเนียนไร้สีเลือดนั้นแผ่วเบา

          “อาคิราห์อยากไปสวิตเซอร์แลนด์มานานแล้ว  ...ช่วยฉันทีนะเจนภพ  คิดเสียว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันเช่นกัน”

          .........................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่ะ

          หายไปสองอาทิตย์  ต้องขออภัยด้วยนะคะติดภารกิจเพื่อการเรียนต่อ  ตอนนี้กลับมาอัพนิยายรัวๆเหมือนเดิมแล้วค่า

          สำหรับตอนนี้...เป็นไปตามพล็อตที่ถูกวางเอาไว้แต่แรก  เมื่อตัดสินใจเขียนแล้วก็น้อมรับทุกคำติชมนะคะ  ขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ  แต่ว่า  ชีวิตของตัวละครก็ยังต้องดำเนินต่อไปตามเส้นทางของเค้า  บทเรียนราคาแพงบางคนก็เจอหลายครั้ง  บางคนเจอครั้งเดียว  บางคนไม่เคยเจอเลย  บางคนคิดได้บางคนก็คิดไม่ได้อยู่นั่นเอง

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์  ทุกการติดตามช่องทางต่าง ๆ นะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

         

 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่44 28/7/62 p41
เริ่มหัวข้อโดย: Poompim ที่ 11-08-2019 19:27:09
เศร้ามากคะ แต่ทุกชีวิตต้องเดินต่อไป บทเรียนราคาแสนแพง  ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :sad11: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-08-2019 19:42:28


ไม่กล้าอ่าน

สงสารบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-08-2019 19:50:54
โธ่ เฌอริช
เศร้าจัง ไม่น่าเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-08-2019 20:03:25
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 11-08-2019 20:03:48
มีลางสังหรณ์กะยัยตัวเล็กอยู่แล้วเลยไม่ค่อยตกใจเท่าไร แต่ตกใจนิลลามากกว่า ตอนแรกนึกว่าจะได้คู่กับเจนภพด้วย ทั้งๆที่มีโอกาสได้ออกมาอยู่ในที่ดีๆกับคนดีๆแต่ก็ยังติดกับอดีตของตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว น่าสงสาร ตอนนี้นิลลาก็ตายไปทั้งๆที่ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแถมยังตายไปแบบไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของเขาเลย นี่ชอบนิลลามาก เป็นตลค.ที่มีเสน่ห์ แต่เขาก็ได้รับผลการกระทำของเขาแล้ว สนุกมากค่ะ รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 11-08-2019 20:14:24
ขอมาเดาตอนจบไว้ก่อน ไม่นายพิชญาณตายก็คุณไตรคุณตายแน่ๆ
1 คุณไตรคุณอาจจะตายเพราะงัดข้อกับนายใหญ่ซัมวันที่เป็นเบื้องหลังเพื่ออัยย์ ไม่ใช่เพื่อโอเมก้า
2 ถ้าเป็นนายพิชญาณที่ตาย ก็เพราะทุ่มสุดตัวล้มนายใหญ่ข้างหลังเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าให้อัยย์กับโอเมก้า เพราะตานี่เกิดมาเพื่อประชาชนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-08-2019 21:12:14
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-08-2019 22:25:08
โอ้โห ฟื้นมาจะเป็นยังไงเนี่ยเจ้าบูบี้
อย่าพูดอะไรเป็นลางได้มั้ยนาย
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 11-08-2019 22:46:49
มันดูใจร้ายมากไปกับการทำลายชีวิตเด็กที่บริสุทธิ์และไม่รุ้เรื่องด้วยนิลลาต้องการฆ่าน้องตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองชัดๆแม้ว่าจะถูกเลี้ยงมาไม่ดีแต่ควรมีสามัญสำนึกของความเป็นคนที่พวกตัวเองกำลังเรียกร้องจากคนอื่นทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับที่แม่นำตัวเองมาทิ้งอีกอย่างพิชฌานก็ควรทำอะไรให้เด็ดขาดกว่าเป็นผู้นำประเทศไม่ตายง่ายๆหรอกเพราะระดับการคุ้มครองมันเกือบสูงสุดอยู่แล้วเกมนี้มันรุนแรงไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-08-2019 23:14:22
 :o12: :o12:เข้มข้นเหลือเกินแม่คุณเอ๊ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 11-08-2019 23:50:02
  ฮือออ T^T  เศร้าจริงๆกันยัยหนูเฌอริช
 แต่ก็นั่นแหละทุกชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ไม่ว่าจะมีอีกเหตุการณ์ ก็ขอให้จบแบบแฮปปี้ทีเถอะนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 12-08-2019 00:58:47
ทำใจไม่ได้ สงสารมากๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-08-2019 01:02:05
 :hao5: นิลลาตายแล้ว ใครเป็นคนหลอดใช้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-08-2019 01:14:19
 :pig4: :pig4:

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-08-2019 02:50:28
ฮือออ ถ้าน้องตื่นมารู้ความจริง ไม่อยากจะคิดเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-08-2019 08:52:39
น่าเสียดายที่นิลลาไม่อยู่ข้างเดียวกับบู้บี้ ไม่งั้นอนาคตอาจไม่ต้องจบแบบนี้ก็ได้ เสียดายจังนึกว่าบู้บี้จะได้มีเพื่อนที่ไว้ใจได้จริง ๆ จัง ๆ ซักคนอยู่ข้าง ๆ แล้วที่บอกว่าวางแผนกันมาหลายปีแล้ว แล้วตอนที่ติดอยู่บนเรือประมงนั้นก็เป็นแผนด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 12-08-2019 11:42:32
นายกจะสู้คนเดียวเหรอ บู้บี้คงอยากอยู่ด้วนนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 12-08-2019 14:59:31
หู็ยยย..
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 12-08-2019 20:14:59
 :o12: :o12:  เศร้าาาาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 12-08-2019 21:08:59
ไม่อยากนึกถึงตอนบู้บี้ฟื้นเลย น้องต้องร้องไห้หนักมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-08-2019 21:39:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 13-08-2019 12:15:30
เข้าใจทุกอย่าง แต่อดใจหาย เสียใจไม่ได้ น้ำตาไหลพราก

..เฌอริชช์  ลูกสาวของพ่อ...

บีบหัวใจมาก ถ้าบู้บี้ รู้คงใจสลาย

นิลลาลึกๆคงไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ดูจากการพยายามเปลี่ยนแผนพาอัยย์ออกมา ความผูกพัน ความรัก ความจริงใจของอัยย์ น่าจะส่งถึงใจนิลลบ้างไม่มากก็น้อย แต่สถานการณ์มันบีบ มันมาไกลเกินกว่าจะถอนตัว อีกอย่างเราไม่รู้ว่าจริงๆนิลลา เคยผ่านอะไรมาบ้าง มันคงเหมือนตกอยู่ในขุมนรก ที่ฝังลึกในใจนิลลา และสุดท้ายนิลลาก็ตายไปอย่างโดดเดียว ไม่มีใครเสียใจกับการจากไปของนิลลา คงต้องรอรายละเอียดของเหตุการณ์จากอัยย์อีกที
มันบีบหัวใจไปหมด ทั้งความรู้สึก ทั้งสถานการณ์ตอนนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 13-08-2019 21:51:24
เศร้าาาาาาา ฮืออออออออออออ เฌอริชช์หนูลูกไว้เราเจอกันใหม่นะลูก :mew4:
นิลลาคงปกป้องหนูอัยย์เต็มที่แล้วแหละ แต่อยากรู้เหตุผลของการพาไปหาคนพวกนั้นจัง :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-08-2019 21:55:08
เล่นแรงกับบู้บี้มากเลยค่าา แงง เตรียมร้องไห้ตอนตื่นมาพุงหาย ฮื่อ คุณพิษต้องทำอะไรแล้วป่ะ เอาให้เด็ดขาดนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 15-08-2019 18:27:39
โง้ยยยยย จะร้องงงง  :sad4:
ยัยตัวน้อยจากไปแล้วง่ะ คือแบบ...เผื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ต่อให้ต้องทำร้ายหรือทำลายชีวิตใครก็คือไม่สนแบบนั้นอ่ะ จิตใจต้องทำด้วยอะไรอ่ะ ฮือออออ :hao5:
ปวดใจ รอตอนต่อไปนะคะ :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 15-08-2019 20:14:54
 :sad4:สงสารบู้บี้ ลูกไม่อยู่แล้วบู้บี้ต้องเข้มแข็งนะ // ปลายทางถ้าคุณพิษจากไปอีกคนนี่ร้องไห้รอเลยค่ะ เจนภพยอมเรียกพี่ชายแล้วคุณพิษจะตัดสินใจยังงัยดีคะ ลุ้นมาก ขอไว้อาลัยให้นิลลา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-08-2019 23:25:50
เจ้าบู้บี้  :sad4:
สู้ๆ คุณพิษคุณทำได้!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-08-2019 00:02:55
สงสารอัยย์กับคุณพิชญ์อีกไม่กี่เดือนก็จะได้เจอลูกแล้วอ่ะเพิ่งฟังเสียงหัวใจเพิ่งรู้เพศลูก โดยเฉพาะอัยย์คนเป็นแม่น่ะจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-08-2019 01:38:12
 สงสารอัยย์กับคุณพิชญ์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-08-2019 19:59:22
เจ็บปวดหัวใจมากค่ะ การแบ่งแยกทำให้คนเกิดความกังวล
เกิดความไม่เท่าเทียม รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของชีวิต
จนลามไปถึงสร้างความขัดแย้ง และความรุนแรง

ฌาณต้องได้บทเรียนที่ใหญ่หลวงมากแน่แล้ว
ชีวิตคนเรา ต้องเจอกับความสูญเสีย
และต้องเรียนรู้กับชะตาที่ไม่คาดคิด
แต่ก็หวังให้ฌาณปลอดภัยทและพาอัยย์ไปฮันนีมูน

ถึงจะต้องจบชีวิตทางการเมืองไม่สวยงาม
แต่ความสุขปลายทางสำคัญกว่าอุดมการณ์ ในเวลานี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 16-08-2019 22:42:30
พวกหล่อนมันโง่เหมือนที่อัยย์พูด ในขณะที่เขาพยายามเพื่อช่วยพวกเธอ เรียนหนังสือ อ่านหนังสือ พวกเธอที่ไม่คิดจะศึกษาอะไรเลยก็จะเอาแต่ใช้ความรุนแรง คิดว่าสุดท้ายมันอาจจะจบที่ใคราักคนตาย ได้แต่หวังว่าอัยย์จะได้มีความสุขสักที สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-08-2019 11:43:03
น้ำตาคลอออ :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่45 11/8/62 p42
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 17-08-2019 23:06:18
โถ่ลูกกก น่าสงสารไปหมด สงสัยนิลลามานานแล้ว ติดใจตั้งแต่เล่นละครให้แม่ดูตอนนั้นแล้วก็ลงล็อคพอดี เหลือแค่ว่า คนบงการใหญ่จริง ๆ คือใคร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-08-2019 22:58:49
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 46

 

 



 

 

 

          ความเจ็บแปลบที่หลังมือทำให้อาคิราห์สะดุ้งตื่นขึ้น  เขากวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง  หญิงสาวในชุดสีขาวกำลังใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดจากหลังมือของเขาออกไป  เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยแทนคำปลอบใจ

          “หิวน้ำ”  อาคิราห์ขยับปาก แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา  ลำคอของเขาแห้งผากราวกับอยู่กลางทะเลทราย

          “คุณหมอยังไม่อนุญาตให้ดื่มน้ำนะคะ”  พยาบาลสาวตอบกลับมา  “คุณเพิ่งผ่าตัดลำไส้  คุณหมอให้งดน้ำงดอาหารก่อนนะคะ”

          “ผมหิวน้ำ”  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  พูดย้ำคำเดิมแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน  ร่างกายของเขาหนักอึ้งแทบขยับไม่ไหว  เหมือนกับเพิ่งผ่านสงครามมาอย่างไรอย่างนั้น

          ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ค่อย ๆ กลับเข้ามาในความทรงจำทีละน้อย  โอเมก้าร่างผอมเกร็งใบหน้าซูบและมีนัยน์ตาเศร้าลึกยังติดอยู่ในใจของเขา  ...นิลลา  เพื่อนโอเมก้าคนแรกและคนสนิทที่เขาไว้ใจที่สุด  นิลลาร่วมมือกับคนพวกนั้น  หักหลังด้วยการพาเขาเข้าไปติดกับดัก 

          นิลลาที่เขาไว้ใจ...แววตาแฝงด้วยแววลึกล้ำที่เขาไม่เคยแปลออก  แท้จริงแล้วเก็บซ่อนความรู้สึกอย่างไรเอาไว้กันแน่   ปลายกระบอกปืนที่เล็งมาที่เขาโดยไม่ลังเลพร้อมกับกดเหนี่ยวไกในวินาทีสุดท้าย ...กระสุนไม่ได้พุ่งเข้าใส่ร่างกายของเขาอย่างที่ควรจะเป็น  ทว่ากลับพุ่งเข้าใส่คนที่ล็อคแขนเขาเอาไว้แทน

          นิลลาเหนี่ยวไกอีกนัดอย่างรวดเร็วทำให้อาคิราห์เป็นอิสระ  เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่านิลลาไม่ได้หักหลังเขา  ร่างผอมเกร็งของโอเมก้าคนสนิทก็ล้มลงตรงหน้าพร้อมกับกระสุนหลายนัดที่ยิงรัวเข้าใส่ราวกับเป็นตุ๊กตาผ้า  นิลลาใช้ตัวบังเขาเอาไว้  แต่กระนั้นก็เขาก็ยังถูกกระสุนเข้าจนได้

          ความปวดแปลบที่หน้าท้องและแรงกระแทกทำให้อาคิราห์หงายหลังล้มทั้งยืน  เลือดแดงฉานไหลออกมาจากบาดแผลที่หน้าท้องราวกับเปิดก๊อก  ความปวดกลายเป็นความชาแต่ยังไม่เท่ากับความตกใจที่มีต่อลูกในท้อง  เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่เขาอีกแล้ว  ดูเหมือนว่าจะมีคนตามมาช่วยเขาได้ทัน

          อาคิราห์คลานไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ๆ เขาปวดเกินกว่าจะลุกขึ้นวิ่งไหว  เลือดไหลออกมาจนเริ่มรู้สึกหน้ามืด  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มอุ้งมือของเขาที่อุดปิดบาดแผลเอาไว้  เขาลากตัวอย่างยากลำบากเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุด

          หัวใจเต้นเร็วแรง  ใบหน้าของพิชช์ฌานคือสิ่งสุดท้ายที่นึกออกในขณะที่สติเริ่มจะเลื่อนลอย  สิ่งเดียวที่เขาคิดถึง...รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะห้าว ๆ ของคน ๆ นั้น  พิชช์ฌานจะต้องมาช่วยเขา  เราจะต้องได้เจอกันอีก ....

          อาคิราห์หลับตาลง  ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้  เจ้าโอเมก้าเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เขายกมือขึ้นวางบนหน้าท้อง  อะไรบางอย่างที่พันอยู่ที่ท้องทำให้อดแปลกใจไม่ได้  ก็เขาถูกยิงเข้าที่ท้องนี่นะ...ก็ย่อมต้องมีผ้าพันแผลเป็นธรรมดา อาคิราห์คิดอย่างมึนงง

          “เป็นอย่างไรบ้างครับ  ปวดแผลมากไหม”  เสียงทุ้ม ๆ ของนายแพทย์ถามขึ้นข้างเตียง  อาคิราห์เปลี่ยนสายตาจากถุงน้ำเกลือไปมองหน้าหมอแทน  เขาส่งยิ้มไปให้หมอแล้วส่ายหน้า  “ถ้าปวดก็บอกนะครับ  มียาแก้ปวดฉีดให้นะ”

          “ผมหิวน้ำมาก ๆ”  อาคิราห์พูด  ชี้นิ้วมาที่ริมฝีปากที่แตกเป็นแผล

          “คุณยังไม่สามารถดื่มน้ำได้ครับ  อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้  ส่วนในวันนี้ขอให้อดทนก่อน  ไม่อย่างนั้นแผลที่ลำไส้เย็บเอาไว้จะรั่วได้”  คุณหมอตอบเนิบ ๆ

          “แล้วลูกของผม”  อาคิราห์พึมพำ  “เขาสบายดีไหม”

          เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ราวกับนายแพทย์ไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไร  สีหน้าลังเลนั้นทำให้อาคิราห์ใจเสียทันที

          “ลูกผมเป็นอะไร  เขายังดีอยู่ใช่มั้ย”  เขาถามเร็วปรื๋อด้วยเสียงแหบแห้งแทบฟังไม่เป็นคำ  ยกมือขึ้นแตะที่หน้าท้องอีกครั้ง  เพิ่งจับสังเกตได้ว่ามันไม่ได้นูนกลมออกมาเหมือนเดิม

          หัวใจหล่นวูบหายเหมือนถูกผลักตกเหวโดยไม่ทันตั้งตัว  อาคิราห์เบิกตากว้าง  จ้องมองหน้าหมออย่างคาดคั้น

          “ลูกผมยังอยู่ใช่มั้ยครับ”

          “รอคุณหมอสูติมาดีกว่าครับ  เขาน่าจะให้คำตอบได้ดีที่สุด”  นายแพทย์คนนั้นว่า  “ตอนนี้คุณนอนพักก่อน  อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก  ไม่อย่างนั้นแผลจะหายช้า”

          “ผมอยากทราบเรื่องลูกของผม  ทำไมต้องบ่ายเบี่ยงด้วย  ลูกผม...ไม่อยู่แล้วใช่มั้ย”  อาคิราห์ปล่อยโฮออกมา  ยกมือขึ้นจับท้องตัวเองแน่น  ไม่มีการเคลื่อนไหวข้างในนั้น  นิ่งสนิทราวกับก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน  “ลูกผมอยู่ที่ไหน  หมอ..ลูกผมอยู่ไหน”  เขาพูดพลางสะอื้น  น้ำตาร้อนผ่าวทะลักออกมาจากสองเบ้าตาราวกับเขื่อนแตก

          “ผมเสียใจด้วย”  นายแพทย์ถอนหายใจยาว  “ลูกของคุณเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์  เราพยายามช่วยเต็มที่แล้วแต่ว่าเขาไม่กลับมา  คุณเองก็บาดเจ็บสาหัสเสียเลือดไปมาก  เราจำต้องรักษาชีวิตของคุณเอาไว้ก่อน”

          อาคิราห์ไม่ได้ยินเสียแล้วว่าอีกฝ่ายพูดมาว่าอะไรต่อ  เขาหูอื้อตาลายไปหมด  ได้แต่นอนตาเบิกโพลงจ้องเพดานอยู่อย่างนั้น  ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ จนหมอนเปียกโชก  เสียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังอยู่รอบตัวแต่เขากลับไม่รับรู้เลยสักนิด

          ภาพตู้ปลาแดงฉานแวบกลับเข้ามาในความทรงจำ  ...เจ้าบู้บี้ที่สองที่นอนหงายท้องตายอย่างอนาถ  ตอนนั้นเขาเสียใจที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไป   แต่ว่าตอนนี้...ความรู้สึกนั้นกลับเทียบกันไม่ได้เลย  มันรู้สึกเหมือนอยู่ดี ๆ ข้างในตัวเขาก็ว่างเปล่า  กลายเป็นช่องว่าง ๆ โล่ง ๆ ไร้ประโยชน์

          “คุณอาคิราห์ไม่ขยับตัวเลยค่ะ  คุณหมอกลัวว่าถ้านอนอย่างเดียวปอดจะแฟบ  แล้วลำไส้ก็จะไม่ได้กระตุ้นด้วยนะคะทำให้ฟื้นตัวช้า”  นางพยาบาลกระซิบบอกคนมาเยี่ยมเบา ๆ

          ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดเดียวกับที่ออกโทรทัศน์เมื่อสองชั่วโมงก่อนพยักหน้าช้า ๆ ก้าวเข้าไปยืนชิดเตียงที่มีคนป่วยนอนหลับตานิ่งอยู่  มือคู่นั้นวางเอาไว้บนหน้าท้องที่มีผ้าพันแผลโปะไว้หนา

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานเรียก  เอื้อมมือไปแตะที่หลังมือ

          “............” คนเจ็บยังนอนนิ่งเช่นเดิม  เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทไม่ขยับ

          “คุณให้ยานอนหลับเขาหรือ”  ท่านนายกฯหันไปถามพยาบาลอีกครั้ง

          “เปล่าค่ะ  แต่คนไข้นอนหลับแบบนี้ทั้งวันเลยค่ะ  คุณหมอให้เริ่มทานอาหารอ่อน ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมทานอะไรเลย”

          “ไม่ยอมกินแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงดังขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน  ชายหนุ่มเลื่อนมือไปบีบข้อมือเล็กบาง  “อัยย์  ฉันรู้ว่าเธอตื่นอยู่  ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้ว”

          ไม่มีคำตอบจากคนป่วย

          “ผมขอคุยกับเขาตามลำพัง”  พิชช์ฌานหันไปบอกนางพยาบาลอย่างสุภาพแล้วหันกลับมามองใบหน้าซีดเซียวบนหมอนอีกครั้ง  ริมฝีปากแตกระแหงนั้นเม้มเข้าหากันเล็กน้อยพอสังเกตเห็น  “โต ๆ กันแล้ว  ช่วยคุยกันอย่างผู้ใหญ่ได้มั้ย  เธอก็รู้ว่าฉันมีเวลาไม่มาก”  หางเสียงของพิชช์ฌานแข็งขึ้น

          คราวนี้คนหลับก็เปิดเปลือกตาขึ้น  มองเพดานนิ่ง

          “คุณหมอบอกให้เธอลุกนั่งบ้าง  จะได้หายเร็ว ๆ”  พิชช์ฌานพูดต่อ  กดปรับหัวเตียงให้สูงขึ้น  “เธอจะนอนแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะอาคิราห์”

          ดวงตากลมโตคู่นั้นเหลือบมองเขาแวบเดียวแล้วก็เมินไปอีกทาง  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจ  เอื้อมมือไปหยิบชามซุปมาถือเอาไว้  ยกขึ้นดมแล้วก็ตักเข้าปาก

          “รสชาติดีมาก  เหมือนที่ป้านิ่มทำเลยนะ  ลองชิมดูสิ”  ชายหนุ่มตักซุปไปจ่อที่ริมฝีปากของเจ้าโอเมก้า  “อ้าปากเร็ว  ถ้าไม่กินฉันจะกินให้หมดเลยนะ”

          อาคิราห์หันหน้าหนี

          “ผมไม่หิว  คุณกลับไปเถอะ”  อาคิราห์พูดออกมาเป็นประโยคแรก

          “ไม่หิวก็ต้องกิน”  ชายหนุ่มว่า  “ฉันรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมัน...ร้ายแรงมาก  แต่ว่าถึงอย่างไร  เธอก็ต้องอยู่ต่อ  อย่าจมอยู่กับมัน”

          “มันที่คุณว่า...คือลูกของผม”

          “ลูกของเธอแล้วไม่ใช่ลูกของฉันหรือไง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “ฉันก็เสียใจที่เสียเขาไป  แต่จะทำไงได้....มันเกิดขึ้นไปแล้ว  ลูกตายไปแล้ว  เธอย้อนเวลาได้ไหมล่ะ”

          “ผมอยากย้อนเวลาถ้าทำได้  อยากกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น  อยากให้มันไม่ใช่ความจริง”  อาคิราห์พูดรัวเร็ว  นัยน์ตาแดงก่ำน้ำตาคลอ  “แต่ผมทำไม่ได้  ยอมรับไม่ได้”

          “เธอต้องยอมรับ  มันเป็นความจริง”  อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนจัด  “เธอจะหลอกตัวเองว่าลูกยังอยู่หรือยังไง”

          “คุณกลับไปเถอะ  ผมอยากอยู่คนเดียว”

          “ฉันไม่กลับจนกว่าเธอจะกินหมด”  พิชช์ฌานตักซุปขึ้นมาอีกครั้ง

          อาคิราห์สบตาคมกริบคู่นั้น  ความเคร่งขรึมเย็นชาแกมบังคับในทีทำให้เขาจำต้องอ้าปากกินซุปจนหมดถ้วยทั้งน้ำตา  ท่าทางของพิชช์ฌานไม่บ่งบอกเลยว่ารู้สึกเสียใจกับการจากไปของลูกสาว  หรือว่าลูกจากโอเมก้าอย่างเขาไม่ได้มีค่าพอให้รู้สึกสูญเสียขนาดนั้น

          เขารับผ้าเช็ดปากมาซับคราบซุปที่เปื้อน

          “หมอบอกว่าอีกไม่กี่วันเธอน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลถ้ายอมทำตามที่หมอสั่ง  ...ขอร้องเถอะนะอัยย์  ทำตามที่หมอเขาบอก  อย่าให้ฉันต้องเป็นห่วงเลย”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้จนตาบวมไปหมด  เขาขยับเข้าไปจนชิดแล้วโอบร่างเล็กบางมากอดเอาไว้หลวม ๆ “ฉันรู้ว่าเธอเสียใจมาก  แต่ถ้าคิดในแง่ดี  เฌอริชช์ก็ไปสู่ภพภูมิที่ดีแล้ว”

          “ผมไม่เก่งเหมือนคุณหรอกคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พึมพำ  ขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้งเพียงได้ยินชื่อของลูก  “ผมทำไม่ได้  ผมหยุดคิดเรื่องลูกไม่ได้  มันเป็นความผิดของผม  เพราะผมโง่  ...ผมไร้ความสามารถ  ถึงปกป้องเขาเอาไว้ไม่ได้  ฮึก...ต้องมาตาย  ไปแบบนี้  หน้าก็ยังไม่เคยเห็นกันเลย..”  เสียงสะอื้นปนกับคำพูดฟังแทบไม่ออก  “ผมคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าคนอย่างผมคงให้กำเนิดใครไม่ได้  แล้วมันก็เป็นจริง ๆ ผมไม่ดีเอง  ผมทำให้เขาตาย”

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานกระชับวงแขนแน่นเข้า  ความรู้สึกข้างในของเขาตอนนี้ยิ่งกว่าความเสียใจที่เคยรู้สึกมาทั้งชีวิตเสียอีก  ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกพังทลายเหมือนปราสาททรายที่ถูกคลื่นซัด  ทว่าถ้าเขาแสดงความรู้สึกออกมามาก  อาคิราห์ก็จะยิ่งฟูมฟายแน่  “เธอไม่ได้ทำให้เขาตาย  คนชั่วที่จับเธอไปต่างหากล่ะที่เป็นคนฆ่าลูกของเรา”

          “แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะผมนั่นเอง  ผมไว้ใจเขามากไป”  อาคิราห์พูด  ซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง

          “มันเกิดขึ้นเพราะฉัน  ฉันเป็นคนดึงเธอเข้ามา”  พิชช์ฌานพูดอย่างเจ็บปวด  “ฉันเป็นคนผิดที่สุด”

          “.........”  อาคิราห์สะอื้นแทนคำตอบ

          พิชช์ฌานปลอบอยู่นานจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มสงบลง  เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาบนผิวแก้มเนียนให้เบา ๆ อดทนรออย่างใจเย็น  เขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นบาดแผลใหญ่ในใจของอีกฝ่ายไปจนตาย ...เช่นเดียวกับเขา

          “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้มั้ย  เธอกับนิลลาไปไหนมา”  พิชช์ฌานถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

          อาคิราห์เงียบไปพักใหญ่

          “ผม...ผมตามนิลลาออกมา...”  เขาเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นอย่างกระท่อนกระแท่น  คนฟังก็นิ่งรอฟังอย่างสงบโดยไม่ขัดจังหวะ  “...นิลลาบอกผมว่าเขาคือลูกโอเมก้าของแม่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่สวนสาธารณะนั่น  ผมตกใจมาก...”  พิชช์ฌานเบิกตากว้าง  “...แล้วพวกแทมมี่ก็มาล้อมผมเอาไว้  มันบอกว่าจะฆ่าผมแล้วโยนความผิดให้พวกอัลฟ่า  ผมไม่ยอม  ผมถามว่าพวกมันจะสู้อัลฟ่าได้ยังไง  มันบอกว่ามันมีพันธมิตรอยู่ต่างประเทศ  แล้วนิลลาก็อาสาเป็นคนยิงผม...จริงสิ  นิลลาล่ะ  เขาอยู่ที่ไหน”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม

          “นิลลาเป็นคนยิงเธอเหรอ”  พิชช์ฌานย้อนถามเสียงเย็นเยียบ

          “ใช่...ไม่ใช่ เขายิงคนที่จับตัวผมไว้  แล้วจากนั้น...”  ลำคอของคนพูดแห้งผาก  ภาพร่างของคนสนิทล้มลงจมกองเลือดยังติดตา  “เขารับกระสุนแทนผม  โดนยิงทั้งตัว”  อาคิราห์ตัวสั่น  “ผมพยายามหนีแต่สุดท้ายก็...” เขายกมือขึ้นจับที่หน้าท้องแน่น

          พิชช์ฌานหลับตาลง  กอดโอเมก้าแน่นเข้า

          “เธอเก่งมากแล้วที่ไม่ตาย  อาคิราห์...ถ้าเธอตายอีกคนล่ะก็..”  เสียงของพิชช์ฌานขาดหายไปในลำคอ  จูบที่ขมับเบา ๆ

          “ให้ผมตายเสียยังดีกว่า”  คนพูดหันหน้าหนี  “ผมไม่อยากอยู่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้  มันทรมานเกินไป”

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานว่า

          “คุณไม่เข้าใจหรอก  คุณไม่ได้เป็นคนอุ้มท้อง  ผมอยู่กับเขามาตลอด  เขาเป็นยังไงชอบถีบชอบดิ้นตอนไหนผมรู้หมด  แล้วดูตอนนี้สิ   คุณคิดว่าผมจะทำใจได้ไหม”

          “......”  พิชช์ฌานนิ่ง  ลมหายใจอุ่นจัดรดที่ซีกแก้มของอาคิราห์เป็นจังหวะ

          “ผมเคยบอกคุณแล้ว  เคยขอร้องคุณแล้วว่าให้หยุด  แต่คุณก็ไม่ยอมหยุด  แล้วเป็นไงล่ะ...ผมบอกคุณแล้ว”  อาคิราห์พูดเสียงแหบเครือ  “คราวหน้าจะเป็นใครอีก  ถ้าไม่ใช่คุณ”

          “เธอยังอยาก...ไปสวิตเซอร์แลนด์อยู่ไหม”  คนที่เงียบไปนานพูดขึ้น  คนฟังชะงัก

          “หมายความว่ายังไง”

          “ถ้าเธออยาก...ไปเที่ยว  พักผ่อนซักพักให้รู้สึก...สบายใจขึ้นล่ะก็”

          “คุณจะให้ผมไปเหรอ”  แววตาแห้งผากเริ่มมีประกายขึ้นเล็กน้อย  “คุณจะลางานไปได้เหรอ  หรือว่า...”  พูดออกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้เอง  อาคิราห์นิ่งงัน

          “ฉันยังไปไหนไม่ได้”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฉันต้องจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน  อย่างน้อยก็ต้องลากตัวเอาไอ้คนที่ฆ่าลูกของเราออกมารับโทษก่อน”

          “คุณจะให้ผมไปคนเดียวเหรอ”  อาคิราห์พูดด้วยเสียงเบาหวิว

          “ฉันอยากให้เธอได้พัก”

          “คุณไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย”  อาคิราห์รู้สึกถึงความหนาวเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากข้างในอก  “คุณไม่ต้องการผมแล้ว”

          “ไม่ใช่อย่างนั้น  ฉันเป็นห่วงเธอ....ฉันไม่อยากให้เธอได้รับอันตรายอะไรอีก  อย่างน้อย...ออกนอกประเทศไปก่อนสักพักก็น่าจะปลอดภัย”  พิชช์ฌานแก้

          “ตอนแรกผมอยากไปเที่ยวมาก  คุณไม่ยอมให้ผมไป  บอกสารพัดเหตุผลให้ผมอยู่ต่อเพื่อประโยชน์ของคุณ  พอมาตอนนี้คุณกลับผลักให้ผมไปไกล ๆ จะเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมหมดประโยชน์แล้ว”

          “ไปกันใหญ่แล้วอัยย์  ฉันไม่ได้ไล่เธอไปเมืองนอกเพราะหมดประโยชน์นะ  ฉันรักเธอแค่ไหนเธอก็รู้  คิดว่าฉันอยากให้เธอไปห่างสายตาหรือยังไง  แต่มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้  ตราบใดที่เรื่องราวยังไม่เรียบร้อย  เธอก็จะเป็นเป้า  เป็นหมากให้พวกนั้นใช้มาทำลายฉัน”

          “.........”

          “อัยย์  ฟังฉันนะ  สถานการณ์ตอนนี้มันรุนแรงเกินกว่าที่ฉันจะป้องกันได้  ฉันเสียลูกไปแล้ว  ฉันไม่อยากเสียเธอไปอีกคนนะ”

          “คุณก็ไปกับผมสิ”  อาคิราห์โพล่งออกมา  “เราไปด้วยกัน  ทิ้งเรื่องบ้า ๆ เฮงซวยนี่ไว้  ช่างมัน”

          “ฉันทำไม่ได้”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันเป็นนายกฯ  ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ฉัน  ฉันต้องจัดการให้จบ”

          “คุณคิดว่าตัวเองมีกี่ชีวิตกันคุณพิชช์ฌาน  คิดว่าตัวเองมีเก้าชีวิตเหรอ หรือว่าเป็นคนเหล็ก  โดนระเบิดโดนอะไรก็ไม่ตาย  คุณไม่อยากเห็นผมตาย  ผมก็ไม่อยากเห็นคุณตายเหมือนกันนะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา  “ถ้าคุณจะให้ผมไปคนเดียวล่ะก็  ผมไม่ไปหรอก”

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานคราง  “ฉันเลือกทางที่ดีที่สุดให้เธอแล้วนะ   อย่าทำให้เรื่องมันยากได้มั้ย”

          “คุณก็เลือกทางของคุณ  ผมก็เลือกของผม”  อาคิราห์พูด

          “เธอไม่ฟังกันบ้างเลย”  คนพูดถอนหายใจเฮือก

          “ทีคุณยังไม่ฟังผมเลย  ทำไมผมจะต้องฟังคุณด้วยคุณพิชช์ฌาน”

          พิชช์ฌานกลับออกไปแล้ว  ทิ้งให้อาคิราห์นอนนิ่ง ๆ มองเพดานต่อตามเดิม  คำพูดของสามียังวนเวียนอยู่ในหัวสลับกับความจริงที่ว่าเขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปแล้วอย่างไม่มีทางหวนกลับ

          ท่านไตรคุณพ่อของเขากับอคินทร์มาเยี่ยมในตอนเย็น  อคินทร์เข้ามากอดแล้วปลอบไม่ให้เขาร้องไห้  แต่อาคิราห์ก็ทำไม่ได้  เขาปล่อยให้น้ำตาซึมออกมาเองโดยไม่คิดจะพยายามกลั้นเอาไว้อีก

          “แล้วคุณพิชช์ฌานว่าอย่างไรบ้าง”  ท่านไตรคุณถามขึ้นเรียบ ๆ ยกมือขึ้นลูบหัวของลูกชายเบา ๆ “คงเสียใจมาก”

          “เขาอยากให้อัยย์...”  อาคิราห์กลืนคำว่าไปอยู่สวิสฯลงคอได้ทัน  พิชช์ฌานคงไม่อยากให้เขาเล่าให้ใครฟัง โดยเฉพาะกับคนที่เจ้าตัวมองว่าเป็นศัตรูอย่างพ่อของเขา    “..ทำใจให้ได้”

          “เป็นพ่อก็คงจะถอนตัวออก”  ไตรคุณหลุดปากออกมา  “พ่อหมายความว่า  ...ไม่อยากให้อัยย์อยู่คนเดียว”

          “อัยย์...”  อาคิราห์ก้มหน้าลง  ความน้อยใจที่เพียรเก็บเอาไว้ผุดขึ้นมาเป็นระลอก  ในเวลาที่เขาต้องการพิชช์ฌานมากที่สุด  แต่อีกฝ่ายกลับเห็นงานสำคัญกว่าภรรยาอย่างเขา  จะทำอย่างไรได้...  “เขาก็ต้องทำตามหน้าที่”

          “อัยย์อยากกลับไปอยู่ที่บ้านเราสักพักไหม”  อคินทร์เสนอขึ้น  “เผื่อจะได้สบายใจขึ้น”

          คนฟังอึ้งไป  ภาพใบหน้าของมารดาผุดขึ้นมาทันควัน  เขายังไม่พร้อมกลับไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้นในตอนนี้  เพียงแค่คิดก็ขนลุกไปหมดด้วยความรู้สึกกดดันแกมรังเกียจ

          เขาไม่มีวันรับได้กับความจริงที่เธอทิ้งลูกโอเมก้าของตัวเองให้ตาย

          “ไว้ดูก่อน”  อาคิราห์พึมพำ  “หมอจะให้ออกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

          “แล้วจะยังมีลูกอีกได้มั้ย”  อคินทร์ถามต่อมา   คนฟังกำมือแน่นจนเจ็บ

          “หมอบอกว่าได้  แต่ว่า...อาจจะยากขึ้น”

          “ก็ยังดีกว่าไม่ได้นะอัยย์”  อคินทร์ปลอบใจ  “ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตของอัยย์ไว้ก่อน  สำคัญที่สุดนะ”

          “คินจะกลับไปทัวร์อีกเมื่อไหร่”

          “ใกล้แล้วล่ะ  อาทิตย์หน้าก็จะปล่อยอัลบั้มใหม่แล้ว”  ศิลปินหนุ่มตอบเรียบ ๆ “เอาไว้อัยย์หายดีแล้วไปดูคอนเสิร์ตคินนะ  จองแถวหน้าให้เหมือนเดิม”

          อาคิราห์ยิ้มออกมา  พยักหน้ารับ

          ไตรคุณไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากลูบหัวลูกชายอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งกลับออกมาจากห้องพัก

          ......................................................................

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 18-08-2019 22:59:46








          “คุณอาคิราห์ออกจากโรงพยาบาลวันนี้”  เจนภพพูดขึ้นหลังจากที่พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน  “คุณฌานจะไปรับไหมครับ”

          “ไปสิ มีอะไรหรือเปล่า  ฉันให้เลื่อนประชุมผู้ค้ารายใหญ่ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

          “ครับ  แต่คุณอัยย์อยากจะแวะที่มูลนิธิฯครับ”  เจนภพพูดอย่างลำบากใจ  “ผมเกรงว่า....”

          “เขารู้ข่าวแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “เขาเห็นข่าวในโทรทัศน์เมื่อวาน”   

          “คุณอัยย์คงเสียใจมาก”

          พิชช์ฌานไม่ได้พูดอะไร

          ซากกองปรักหักพังตรงหน้าของอาคิราห์ทำให้เจ้าตัวถึงกับเข่าอ่อน  หมดแรงเดินเสียดื้อ ๆ  กลิ่นเหม็นไหม้ยังคลุ้งอยู่ในบรรยากาศที่แห้งแล้งและหม่นหมอง  สนามหญ้าด้านหน้าทรุดโทรมแม้แต่แปลงกุหลาบของเขาก็ยืนต้นแห้งตาย

          “ใจร้ายมาก”  อาคิราห์พูดไม่ออก  จับมือของพิชช์ฌานเอาไว้แน่น

          ความพยายามหลายเดือนของเขาสูญเปล่า  หายไปในพริบตา  อาคิราห์ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่  ความเจ็บปวดเรื่องลูกยังไม่คลายก็กลับมาเจอเรื่องมูลนิธิฯที่เขาสร้างมากับมืออีก  ไหนจะคนสนิทที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาจนเป็นรูปเป็นร่างได้ถึงขนาดนี้

          ไม่มีค่า  ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

          สมาชิกเพื่อนโอเมก้าไม่มีใครกล้ากลับมาที่มูลนิธิฯอีก  เข็มกลัดดอกกุหลาบกลายเป็นของต้องห้ามที่ต้องเก็บงำไว้มิดชิดไม่ก็ทำลายทิ้งเสียถ้าไม่อยากถูกหมายหัว  อาคิราห์ทอดสายตามองกองเถ้าถ่านตรงหน้า  เปลวเพลิงไม่ได้ทำลายเพียงแค่อาคารตึกปูนแต่มันทำลายความหวังของเขาจนย่อยยับ

          ที่เขาทุ่มเทลงไปทั้งหมด  สิ่งที่ได้รับก็คือ ลูกสาวของเขาตาย  ไม่มีโอเมก้าคนไหนลุกขึ้นมาปกป้องเขา   โอเมก้าด้วยกันก็เป็นคนทำลายชีวิตน้อย ๆ ที่ยังไม่ได้ออกมาดูโลก  แล้วเขาจะทำเพื่อโอเมก้าไปทำไมกัน  สู้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนกองเงินกองทองอย่างที่พวกมันพูดเอาไว้ไม่ดีกว่าเหรอ  อาคิราห์ยิ้มขื่น

จิตวิญญาณที่จะทำเพื่อโอเมก้าถูกเผามอดดับไปพร้อมกับกองเพลิงแล้ว 

“อาคิราห์”  พิชช์ฌานบีบมือของคู่ชีวิตแน่นเข้า  เสี้ยวหน้าที่ก้มลงมองพื้นนั้นซีดเหลืองเหมือนกระดาษ  “กลับไปพักก่อนเถอะ  เรื่องมูลนิธิฯ...ค่อยว่ากันทีหลัง”

“ผมเคยพยายามเพื่อพวกเค้า”  อาคิราห์พึมพำ  เงยหน้าขึ้น  “ไม่มีประโยชน์เลย”

“ใครว่าไม่มีประโยชน์  สิ่งที่เธอทำมันส่งผลมาก ๆ เลยนะ  ถึงได้มีคนไม่พอใจไงล่ะ”  พิชช์ฌานพูด

“คุณไม่โกรธหรือที่มันฆ่าลูกของเรา”

“โกรธสิ”  เสียงราบเรียบของพิชช์ฌานเปลี่ยนไป  “ฉันโกรธจนอยากจะแล่เนื้อมันออกมาทีละชิ้นเลยล่ะ” 

“ผมขอโทษ”  อาคิราห์พูดขึ้น

“ขอโทษเรื่องอะไร  ถ้าเป็นเรื่องลูกล่ะก็...แค่เธอไม่ตายก็ดีมากแล้ว  แต่ถ้าเป็นเรื่องมูลนิธิฯ  พังไปก็สร้างใหม่ได้”

“ผมไม่อยากทำมูลนิธิฯนี่แล้วล่ะ”  อาคิราห์ส่ายหน้า

“คนผิดก็อยู่ส่วนคนผิด  เป็นแค่โอเมก้าส่วนน้อยที่หลงผิดคิดจะใช้ความรุนแรง  แต่มันไม่เกี่ยวกับโอเมก้าที่เหลือที่รอความช่วยเหลืออยู่หรอกนะ”  พิชช์ฌานว่า  “เธอจะเหมารวมไม่ได้”

“ผม....ไม่อยากทำแล้ว”  เจ้าโอเมก้าถอนหายใจยาว  “มันท้อแล้วล่ะ”

พิชช์ฌานโอบไหล่บางเข้าหาตัว

“ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เรากลับกันก่อนเถอะ  แล้วค่อยว่ากันอีกที”  ชายหนุ่มพาอีกฝ่ายเดินกลับมาที่รถที่จอดรออยู่

พิชช์ฌานไม่ได้พากลับบ้านอย่างที่คิดแต่กลับพาไปที่บ้านของคุณนายนวลพรรณมารดาของตนเองแทน  คุณนายเข้ามาลูบเนื้อลูบตัวของลูกสะใภ้โอเมก้าอย่างสงสารแกมเห็นใจ  เก็บถ้อยคำที่อยากเหน็บแนมเอาไว้ทีหลัง

“นอนในห้องใหญ่นั่นแหละ  ขาดเหลืออะไรก็บอก”  เธอพูดเรียบ ๆ มองตามหลังร่างบอบบางที่เดินห่อไหล่ขึ้นบันไดไปยังชั้นบนบ้านเงียบ ๆ  “แล้วเมียลูกไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนยิงเอานะ”  เธอหันกลับมาถามลูกชายที่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก

พิชช์ฌานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง

“ตลกดีนะ  พวกโอเมก้าหัวรุนแรงอะไรเนี่ย  ร้อยวันพันปีไม่เห็นโผล่หัวออกมา  จู่ ๆ ก็ออกมาวางระเบิดซะงั้น”

“ผมก็คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังน่าจะหวังผลบางอย่าง”  ลูกชายตอบเนิบ ๆ

“จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าเขาหวังผลอะไร”

“ผมคิดว่ารู้”  พิชช์ฌานตอบอย่างเหนื่อยอ่อน

“ก็ให้มันไปสิฌาน  เอาชีวิตตัวเองไปแลกไม่คุ้มหรอกนะ”  คุณนายนวลพรรณว่า

“ผมให้ไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้”  ผู้สูงวัยกว่าพูดเสียงแหลม  “รู้หรือเปล่าว่าลูกกำลังพูดเหมือนกับใครคนหนึ่งที่แม่เคยรู้จัก  เขาก็หัวรั้นแบบนี้แหละ  ดื้อด้านจนสุดท้ายเกือบตาย”

“คุณพ่อใช่ไหมครับ”

“ฮึ”  มารดาของเขาหันหน้าหนี  “ฉันพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟังหรอกนะ  ไม่เห็นแก่ฉันก็ควรเห็นแก่ลูกบ้าง”

“แต่สุดท้ายคุณพ่อก็วางมือนี่ครับ”

“เพราะเห็นแก่นังนั่นไงล่ะ  กลัวนางคนนั้นมันตายถึงได้ยอมวางมือ”  แม่ของเขากระแทกเสียง  คนเป็นลูกอึ้งไป  “เรื่องสมัยก่อนก็ช่างมันเถอะ  ฉันไม่อยากจะใส่ใจแล้ว  แต่ว่าเรื่องของลูกมันเพิ่งเกิด  อะไรเป็นอะไรก็คงจะรู้ดี  ฉันเสียหลานไปคนหนึ่งแล้วไม่อยากเสียลูกไปหรอกนะฌาน”

“คุณแม่”  พิชช์ฌานถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้  “ผมรู้ว่าคุณแม่เป็นห่วงผม  ผมเองก็กำลังพยายามให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ...อาคิราห์เองก็เสียใจมากจนไม่มีแก่ใจจะทำอะไร  ตอนแรกผมจะส่งเขาไปอยู่เมืองนอกสักพัก  รอให้อะไรมันดีขึ้นค่อยกลับมา  แต่ว่าเขาไม่ยอมไป”

“ใครจะยอมไป  ผัวอยู่ที่นี่ทั้งคน”

“แต่พอเป็นแบบนี้ผมก็เลยยิ่งเป็นห่วง  ห่วงหน้าพะวงหลังไปหมด  ไม่กล้าจะทำอะไรรุนแรง  ยิ่งมันเกี่ยวข้องกับ..”  พิชช์ฌานลดเสียงลง  “ช่างเถอะ  ...เอาเป็นว่าช่วงนี้ผมขอฝากอัยย์ไว้กับคุณแม่ก่อน  ฝากแม่ดูเขาด้วย  ชวนเข้าครัวหรืออะไรก็ได้  อัยย์คงจะดีขึ้นเองเร็ว ๆ นี้”

“แล้วลูกล่ะฌาน  จะไปไหน”

“ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการต่อครับ”  ลูกชายตอบอย่างสงบ

อาคิราห์มองผ่านช่องว่างของผ้าม่านไปยังคนข้างนอกหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่เดินกลับขึ้นรถออกไปจากบ้านของมารดาแล้ว  ทิ้งให้เขาอยู่เบื้องหลังเพียงคนเดียว

โฮ่ง ๆ

เสียงสุนัขดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับร่างป้อม ๆ ขนฟูที่วิ่งเข้ามาหา  อาคิราห์ย่อตัวลงเล่นกับสัตว์เลี้ยงที่คุณนายเลี้ยงเอาไว้นั้น  ปล่อยให้พวกมันเลียหน้าเลียมือของเขาเล่น

หันไปมองปฏิทินที่ตั้งอยู่ข้างโทรทัศน์  ผ่านไปสิบสามวันแล้วที่ลูกไม่ได้อยู่กับเขา   

คุณนายนวลพรรณพยายามหาอะไรมาให้ลูกสะใภ้ทำตลอดเวลาไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว  แต่เมื่อไหร่ที่เผลอเธอจะเห็นอีกฝ่ายนั่งเหม่อลอย  มองออกไปยังหน้าต่างราวกับเฝ้ารออะไรบางอย่างที่ยังมาไม่ถึง

พิชช์ฌานแวะมาหาในตอนเย็นเกือบทุกวัน  บางวันก็มาตอนดึก ๆ ที่อาคิราห์เข้านอนไปแล้ว  ขึ้นกับว่าปลีกตัวมาจากตารางแสนยุ่งเหยิงได้มากน้อยแค่ไหน  ลูกชายของเธอผอมซูบลงไปมาก  ดวงตาคมเข้มที่เคยแพรวพราวคู่นั้นแห้งแล้งไร้ความสุขจนคนเป็นแม่ใจหาย

“วันนี้มาดึกจัง  นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว”  เธอทักเบา ๆ กระวีกระวาดลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม  “ทานอะไรมาหรือยัง  มีข้าวต้ม กินเสียหน่อยรองท้อง”

“ขอบคุณครับ  เดี๋ยวผมต้องกลับไปทำงานต่ออีก”  คนพูดทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา  ยกมือขึ้นนวดขมับ  “อาคิราห์นอนแล้วเหรอ”

“นอนไปแล้วล่ะ  เห็นบ่น ๆ ว่าครั่นเนื้อครั่นตัว  ทำท่าจะไม่สบายเอา”  มารดาตอบกลับมาแล้วยกชามข้าวต้มควันฉุยมาวางตรงหน้าบุตรชาย  “กินเสียก่อน  กำลังอุ่น ๆ  สีหน้าลูกดูไม่ค่อยดีเลยนะ  ช่วงนี้งานหนักเหรอ”

“มีเรื่องต้องทำหลายอย่างน่ะครับ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”  พิชช์ฌานพึมพำ  ตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยว  “ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเดิม”

“ฝีมืออาคิราห์ต่างหาก”  มารดาแก้  คนฟังเลิกคิ้ว

“พัฒนาแล้วนี่”  ชายหนุ่มตักข้าวต้มเข้าปากอย่างรวดเร็วจนหมดชาม

“ฌาน”  แม่เขาเอื้อมมือไปเปิดโทรทัศน์ให้มีเสียงคลอเบา ๆ แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบ  “แม่ได้ยินมาว่าลูกถูกลอบยิงเหรอ”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

“เอามาจากไหนครับ   ข่าวโคมลอยทั้งนั้น”  พิชช์ฌานพูดเสียงแข็ง  “ถ้าผมถูกยิงจะมานั่งตรงหน้าแม่ได้แบบนี้เหรอ”  เขาหัวเราะ  พูดเสียงอ่อนลง  “ไม่มีอะไรหรอกครับ  สบายใจได้”

“ฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมวางมือใช่มั้ย”  เธอพูดต่อ  “ฌาน...มันเกี่ยวกับคดีค้าโอเมก้าที่เป็นข่าวตอนนี้ใช่ไหมลูก”

“แม่ผมยังทันข่าวสารเหมือนเดิม”

“ถ้าใครเปิดทีวีก็ต้องเจอข่าวนี้ทั้งนั้น  แล้วที่พี่ชายของอัยย์เขาถูกจับอีกรอบนี่...ลูกได้คุยกับอัยย์บ้างมั้ย”

“ผมยังไม่ได้คุยเลยครับ  มาทีไร..เขาก็หลับไปแล้วตลอด”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ  “ความจริง  ผมก็ไม่อยากทำอะไรคนในครอบครัวของเขาเลย  เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่น้องกับอาคิราห์แต่ว่าหลักฐานคราวนี้มันมัดตัวว่าเป็นเขา  ผมก็ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“ไตรภพคนนี้ฉันเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นเด็กดีมาก  ไม่อยากเชื่อเลยว่าโตขึ้นจะเปลี่ยนไปขนาดนี้”  คุณนวลพรรณว่า

“อำนาจทำให้คนเปลี่ยน”  พิชช์ฌานพูดขรึม ๆ

“แล้วลูกล่ะ  ..เปลี่ยนไปหรือยัง”

“ผมเหรอ”  ชายหนุ่มหัวเราะห้าว ๆ “ไม่รู้สิครับ”  เขายักไหล่  หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมากดปิดแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ  เขาก้มลงกอดมารดาเอาไว้แน่น

“โตแล้วยังมาอ้อนแม่อีกเหรอ”  คุณนวลพรรณพึมพำ  ลูบผมหยักศกของบุตรชายเบา ๆ

“พักนี้กินเยอะแน่ ๆ ตัวแน่นมากครับ”  ลูกชายว่าพลางแกล้งบีบเนื้อต้นแขนของแม่เล่น  คนเป็นแม่ฟาดมือเข้าที่หลังแล้วหัวเราะ  “ล้อเล่นครับ  แม่ยังสวยเหมือนเดิม”

“อยากได้อะไรอีกก็ว่ามา  ลูกฉันน่ะแผนสูงนักแหละ”

“ผม...ฝากอาคิราห์ด้วยนะครับ  ไม่มีใครที่ผมไว้ใจเท่ากับคุณแม่อีกแล้ว”  คำพูดของลูกชายทำให้คุณนายนวลพรรณต้องดันตัวออกแล้วมองหน้า

“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไรฌาน  มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรครับ  ผมก็แค่เป็นห่วงเขา”  พิชช์ฌานส่ายหน้า   ยิ้มกว้าง  “ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย”

“เอ้า  จู่ ๆ มาบอกฝากก็ต้องตกใจสิ  นึกว่าจะไปไหน”

“ผมไม่ไปไหนหรอกครับ  ต่อให้ตายก็วนเวียนอยู่แถวนี้แหละ”  เขาหัวเราะ ขณะที่คนฟังหน้าเครียด

“พูดอะไรเป็นลาง  แม่ไม่ชอบนะฌาน”

“ผมพูดไปอย่างนั้นเอง  แม่อย่าคิดมากเลยนะ  เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูอาคิราห์เสียหน่อย”

“ขึ้นไปสิ”

ห้องนอนเดิมที่เป็นห้องนอนเก่าของเขาถูกจับจองโดยเจ้าโอเมก้ามาเกือบเดือนแล้ว แสงไฟฟ้าลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในห้องพอเห็นเป็นเงารางๆ ว่ามีคนนอนหลับอยู่บนเตียง

พิชช์ฌานจรดฝีเท้าเข้าไปยืนจนชิด  ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นข้างเตียงแล้วชะโงกเข้าไปดูหน้าคนหลับใกล้ ๆ ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มเต็ม  เขาเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ตกระหน้าผากออกเบา ๆ  ระวังไม่ให้อีกคนตื่น

“อืม..พิชช์ฌานหรอ”  สุดท้ายอีกฝ่ายก็ตื่นขึ้นจนได้  ดวงตากลมโตใสแจ๋วสะท้อนเงาในความมืด  พิชช์ฌานอมยิ้มเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง   “กี่โมงแล้ว  ทำไมวันนี้มาดึกจัง”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างง่วงงุน

“เพิ่งเลิกงานเลยแวะมาหา  วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”  เจ้าโอเมก้าขยับตัวให้ร่างสูงใหญ่ขึ้นมานั่งข้างกันบนเตียง  พิชช์ฌานสอดแขนไปโอบรอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้  รู้สึกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องแล้วเจ้าบู้บี้ของเขาจะผอมลงไปมาก  “ทำอะไรกินวันนี้”

คนฟังหันขวับมาตาโต

“คุณกินอะไรมาหรือยัง  มีข้าวต้มในหม้อแหละ...อร่อยมากเลย”

“โฆษณาเกินจริงหรือเปล่า”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  แตะที่ปลายจมูกมู่ทู่เบา ๆ “ฝีมือเธอหรอ”

“ไม่เกินจริงเลย  คุณแม่ยังกินตั้งสองชาม”  อาคิราห์ว่า  “นึกว่าคุณจะไม่มา  ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเก็บไว้พรุ่งนี้จะเสียหรือเปล่า”

“ลงไปกินด้วยกันไหม”

“ไม่เอาล่ะ  คุณกินเลย  ทั้งหม้อผมยกให้คุณ”  อัยย์พูด  ซุกหน้าลงกับอกของพิชช์ฌาน  นิ่งไปครู่หนึ่ง  “พี่ภพ...เป็นไงบ้าง”

“ตำรวจยังไม่ให้ประกันตัว”  พิชช์ฌานตอบเรียบ ๆ “มีหลักฐานว่าเขาสนับสนุนกลุ่มโอเมก้าหัวรุนแรงจริง ๆ”

คนฟังอึ้งไป

“หมายความว่า...เขา...เห็นด้วยกับแผนที่จะฆ่าผมเหรอ”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน  ทั้ง ๆ ที่รู้สึกสงบลงมากแล้ว  “เขาเป็นคนบงการหรอ”

“ยังไม่มีหลักฐานขนาดนั้น  แต่ว่าเขาให้สนับสนุนเงินทุนกับกลุ่มนี้จริงๆ”  พิชช์ฌานถอนหายใจ  “อย่าเพิ่งคิดมากเลย  คดียังอีกยาว  อาจจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ก็ได้”

“เค้าเคยบอกว่าไม่เคยมีน้องเป็นโอเมก้า”  อาคิราห์พึมพำ  “ตั้งแต่เกิดเรื่อง  เค้าไม่เคยมาเยี่ยมผมเลย”  เขาพูด  อดเสียใจไม่ได้แม้จะทำใจเอาไว้แล้วก็ตาม  “พี่ภพใจดีกับผมมากที่สุด  ไม่นึกเลยจริง ๆ”

พิชช์ฌานขยับตัว  ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ

“พรุ่งนี้เธอจะไปหานิลลาใช่มั้ย  เห็นเจนภพบอกฉัน”

“ใช่ครับ  ครบเดือนพอดีที่เขาจากไป”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่แบนราบเหมือนเดิมเบา ๆ บาดแผลจากการผ่าตัดสมานดีแล้วทิ้งเอาไว้แต่รอยแผลเป็นกลางท้อง

“ถ้าเสร็จงานทัน...ฉันจะไปหา”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ “แต่ถ้าเลยหกโมงเย็นไปแล้วยังไม่ไป  ก็ไม่ต้องรอนะ...กลับบ้านได้เลย  ไม่ต้องรอแล้ว”

“กลับมารอต่อที่บ้าน”  อาคิราห์ยิ้มบาง ๆ “เมื่อคืนผมฝันด้วยนะ”

“ฝันว่าอะไร”  พิชช์ฌานถามกลับ  เม้มใบหูเล็ก ๆ นั้นเล่น  “ฝันถึงฉันหรือเปล่า”

“ผมจะฝันถึงคุณทำไมเล่า”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่  “ผมฝันเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง  ใส่กระโปรงบานสีขาว  วิ่งเล่นในทุ่งหญ้า  ผมไม่เห็นหน้าเธอหรอก  แต่เสียงหัวเราะของเธอเพราะจับใจมาก ๆ”

“..เฌอริชช์”  คนฟังพูดหลังจากนิ่งไปนาน

“ลูกคงจะมาบอกว่าไม่ต้องห่วง  ยัยหนูคงไปอยู่ในที่ ๆ สบายแล้ว  ได้วิ่งเล่นในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่  มีความสุขกว่าเกิดมาในโลกนี้เป็นไหน ๆ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงต้องที่หน้าผากของอาคิราห์  เจ้าโอเมก้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  เขารู้ดีว่าใครบางคนไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น  แม้ว่าจะยังพกรูปอัลตราซาวน์ของลูกติดในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลาก็ตาม

“ดีแล้วล่ะ”  พิชช์ฌานพึมพำ

“เอาไว้ ...ตอนที่ทุกอย่างดีกว่านี้  ค่อยมาเกิดใหม่นะ”  อาคิราห์จับมือใหญ่วางลงบนหน้าท้องของตัวเองแล้วกุมเอาไว้แน่น  “อดทนรอก่อน”

“เธอเข้มแข็งกว่าฉันเสียอีก  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดเสียงพร่า

“ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้”  อาคิราห์ตอบอย่างสงบ  พลิกตัวกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  “คุณ...อย่าทิ้งผมไปไหนอีกคนนะ  ผมคงรับไม่ไหวแน่ ๆ”  เจ้าโอเมก้าพึมพำ

“ฉันจะทิ้งตัวบู้บี้ไปไหนได้”  พิชช์ฌานกระซิบ  จูบที่ข้างแก้มแผ่วเบา  “อดทนรออีกนิดนะ  อาคิราห์”

ร่างโปร่งบางในอ้อมกอดผล็อยหลับไปง่าย ๆ พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกคนตื่น  ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนอีกรอบก่อนจะตัดใจผละออกมาจากห้องนอน

.........................................................................................

“ท่านไตรคุณมาแล้วครับ”  เจนภพเข้ามากระซิบบอกเขาข้างหู  พิชช์ฌานขยับตัว  หันกลับไปมองผ่านบรรดาผู้แทนฯที่ยืนคุยกันอยู่ข้างหน้าห้องประชุมขวักไขว่  อดีตนายกฯ เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง

“คุณพิชช์ฌาน”

“ผมกำลังรอท่านอยู่เลย”  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ผายมือไปยังห้องด้านข้าง  “เชิญครับ”

“ฉันคิดว่าเราควรจะไปหาที่ ๆ เป็นส่วนตัวกว่านี้อีกสักหน่อย”  ไตรคุณว่า

“ที่บ้านผมเป็นไงครับ”  นายกฯคนปัจจุบันเสนอ  อีกคนไม่ปฏิเสธ

เจนภพบีบมือแน่นมาตลอดทางทั้งที่รู้ว่าแผนการของพี่ชายวางเอาไว้อย่างรอบคอบรัดกุมแค่ไหน  แต่ก็ไม่วายกังวลอยู่นั่นเอง  ชายหนุ่มมองไปยังกระจกหลังเพื่อดูรถที่ขับตามมาอีกรอบ

“ไม่มีใครลอบยิงเราตอนนี้หรอกน่า”  พิชช์ฌานพูดมาจากด้านหลัง

“ผมกลัวมันจะบ้าดีเดือด  ขับชนเราเลยมากกว่า”  เจนภพบอก  “ทำไมถึงต้องมาคุยที่บ้านด้วยครับ  ไม่กลัวมันระเบิดบ้านเหรอ”

“ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละถ้ามันคิดจะระเบิด”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ “ทางสารวัตรพร้อมแล้วใช่มั้ย”

“พร้อมครับ  โอย...คุณฌาน  เกิดมันควักปืนมายิงคุณจะทำยังไง”

“ยิงมาฉันก็หลบสิ”  ชายหนุ่มหัวเราะอีก

“ใครจะไปหลบกระสุนได้เล่า”  เจนภพเหมือนจะสติแตกไปแล้ว  “ให้ผมเข้าไปในห้องด้วยเถอะครับ  ผมรับรองว่าจะนั่งเงียบ ๆ ตอนที่คุณเจรจา”

“ฉันดูแลตัวเองได้น่าเจนภพ  อีกฝ่ายเป็นตาลุงแก่ๆนะ จะมาสู้แรงอะไรฉันไหว”

“คุณอย่าประมาทนะครับ  นายไตรคุณสมัยหนุ่ม ๆ ดุไม่แพ้คุณหรอกนะครับ  ขึ้นชื่อเลยแหละว่าโหดเอาเรื่อง”

“เจนภพ  เลิกพูดเหมือนคนแก่ทีเถอะ  ไม่งั้นฉันจะไล่นายลงจากรถตอนนี้เลย”  พิชช์ฌานพูดอย่างหงุดหงิด  “แล้วอัยย์อยู่ที่ไหนแล้ว  ส่งข่าวมายัง”

“คุณอัยย์ไปถึงแล้วครับ”

“ดีมาก  แล้วแม่ฉันล่ะ”

“อยู่กับคุณอัยย์ครับ  บ้านของคุณนายก็ปิดเอาไว้หมด”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าลืมที่สัญญากับฉันเอาไว้นะเจนภพ  ห้ามทิ้งอัยย์นะ”

“โธ่ คุณฌานอย่าพูดแบบนี้สิครับ”

“ฉันพูดไว้ก่อน  แต่ยังไงเจรจาวันนี้ก็ต้องสำเร็จแน่  นายไตรคุณไม่มีทางดิ้นแล้ว”  พิชช์ฌานกำมือเข้าหากัน  “กลายเป็นลูกไก่ในกำมือฉันไงล่ะ”

..............................................................................

มาอัพต่อแล้วค่า

หายไปติดซีรี่ย์มา 5555

กลับมาต่อนิยายกันดีกว่าค่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

#ขอรักแค่คุณ

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 19-08-2019 00:01:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-08-2019 00:35:37
  อ่านแล้วก็จะร้องไห้ตาม ระวังตัวกันด้วยนะเป็นห่วงมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-08-2019 00:52:07
พิชฌาณทำเรื่องเสี่ยงอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Sorasora ที่ 19-08-2019 01:04:51
ข้ามไปตอนจบเลยได้มั้ย หัวใจจะวายแล้ว.... :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 19-08-2019 01:09:14
 อ่านละนำตมซึมเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกที่เสียลูกไปมากๆ  :hao5: ถ้าฌาณไปอีกคนนี่อัยย์ใจสลายเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 19-08-2019 01:21:00
พอก่อนนะมาม่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-08-2019 01:46:10
ไม่อยากให้มีใครเจ็บตัวอีกแล้ว  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 19-08-2019 01:49:44
 :ling1: ขออย่าวให้ถึงขนาดนายพิษตายเลยนะ เกินจะรับไหว สงสารบู้บี้ แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อจะทำร้ายลูกขนาดนี้ แต่เพราะคงไม่อยากมีโอเมกเาให้ด่างพร้อยอะนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 19-08-2019 05:02:20
อย่าว่าแต่บู้บี้ไม่ไหวเลย เราก็ไม่ไหวจ้าาา  ร้องไห้น้ำตาซึมเลย..  สูญเสียลูกไปนี่เศร้าโศกสุดๆ ขออย่าให้นายพิษอย่าเป็นอะไรไปนําาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 19-08-2019 05:56:14
โอ้ยยยยจะร้อง อย่าให้ใครเป็นอะไรไปอีกเลยนะ ขอเถอะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-08-2019 05:59:47
จะมีใครจะเป็นอะไรอีกมั้ยเนี่ยลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 19-08-2019 07:43:20
เมื่อไหร่จะมีความสุขเสียทีนะเหนื่อยใจแทน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-08-2019 11:37:31
อ๋อย

ชีวิตฉันอยู่กับความเศร้าไปมากกว่านี้ไม่ใหว

แล้วอัยย์น่ะเข้มแข็ง

แต่คนอ่านแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2019 12:17:57
กระหน่ำเข้าไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-08-2019 13:42:39
อยากอ่านต่อ แย้ววว..  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 19-08-2019 15:06:58
เป็นห่วงนางอ่ะ กลัวโดนพ่อตาตลบหลังอีกกกก :ling2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-08-2019 15:27:43
สรุป คนที่อยู่เบื้องหลังสุดคือพ่อของอัยย์ใช่ไหม แล้วแฝดคินมีส่วนรู้เห็นด้วยไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 19-08-2019 16:21:37
เสี่ยงอีกแล้วว ฮืออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-08-2019 19:17:13
………


ลุ้นตามไปทุกตอน.   คิดว่าพ่อของพิชฌานต้องมาออกโรงอีกสักรอบนะ

เสือเฒ่าสองตัว ถึงจะทันเหลี่ยมกันไหม


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4: :katai4:


………
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-08-2019 23:35:17
โอ้ยยยยย...เจ็บปวดด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-08-2019 01:15:18
ลุ้นอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 20-08-2019 08:23:57
อ่านไป น้ำตาจะไหลไปเลยค่ะ กลัวไปหมด
ลึกๆ ในใจก็อยากให้ถอยเหมือนกันนะคะ แต่ก็ก้าวมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ทิ้งสิ่งที่วาดฝันไว้ก็คงทำได้ยาก... แงงงงงง ปวดใจจังเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2019 09:56:33
ขอให้อย่าดราม่าเลยยยยย

ใจเลยจะพัง

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-08-2019 11:59:39
ตีปากๆ นายพิชช์ฌาน อย่ามาพูดเป็นลางนะ ห้ามทิ้งบู้บี้เด็ดขา!
ฮืออออ แค่นี้ก็ใจพังหมดแล้ววว :o12:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-08-2019 19:14:10
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 21-08-2019 19:24:43
โอ๊ยยยย อะไรมันจะซ่อนเงื่อนกันขนาดนี้ กลัวแทนบู้บี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 21-08-2019 21:11:09
ไรท์ทำเราร้องให้อีกแล้ว ต่อจากนี้จะมีใครเจ็บตัวอีกไหม
คำพูดแต่ละคนคือเป็นลางมากๆเลย กลัวใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-08-2019 19:25:54
สงสารอัยย์มาก ต้องอดทนแต่เล็ก ยังต้องมาเจอแบบนี้อีก
พ่อก็เหมือนพร้อมหักหลังลูกตลอดเวลาน่ะ
คินเหมือนมีอะไรในใจ แต่ทำไมไม่หาเวลาโทรหาอัยย์ล่ะ

จริงที่เริ่มต้นแล้ว ต้องทำให้จบ เพราะชีวิตอีกหลายคนในมือ
แต่บางครั้ง เราก็เชื่อใจใครไม่ได้ แต่อำนาจมาเหนือความถูกต้อง
มีเยอะแยะไป จนแยกไม่ออกว่าใครดีหรือไม่ดีจริง

เตรียมการดี มันก็ดีนะพิชญ์ฌาณ แต่อย่าประมาท
แล้วพูดทำไมเป็นลางแบบนั้น ไม่ดีเลย

ขอให้ปลอดภัยทุกคนนะคะ ไม่อยากเจอเรื่องร้ายอีกแล้ว



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่46 18/8/62 p44
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 24-08-2019 00:03:01
ลุ้นมากกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :hao7:
คือระทึกทุกตอน อ่านๆไปใจหวิวๆไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-08-2019 23:12:24
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 47

 



 

 

 

 

 

         “เชิญครับ”  พิชช์ฌานผายมือให้อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศเดินเข้าไปในภายในห้องทำงานของเขา  เจนภพกับผู้ติดตามของท่านไตรคุณหยุดยืนรออยู่ด้านนอกห้อง  ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงซึ่งกันและกันอย่างระมัดระวัง

          “รับเครื่องดื่มอะไรไหมครับ”  ชายหนุ่มถามอย่างเจ้าบ้านที่ดี  อีกฝ่ายนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วส่ายหน้า  เป็นครั้งแรกที่พิชช์ฌานรู้สึกว่าท่านไตรคุณเก็บอาการได้ไม่แนบเนียนเหมือนเคย  ราวกับมีอะไรคอยรบกวนใจอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา  เห็นทีงานนี้คงจะกระทบกับฝ่ายนั้นมากกว่าที่คิด

          “เข้าเรื่องกันดีกว่าไหมคุณพิชช์ฌาน”  นักการเมืองอาวุโสพูดช้า ๆ มองตรงไปยังเจ้าของบ้านที่กำลังรินไวน์ลงในแก้ว  “คุณก็รู้ว่าฉันมาเพื่อจะคุยเรื่องอะไร”

          “ผมพอจะทราบอยู่บ้าง”   พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก

          “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วล่ะนะ”  สายตาของคนพูดมีแววแข็งกร้าวขึ้น  “ปิดคดีโอเมก้าของไตรภพซะ  ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาผิดเขาได้หรอก”

          “แต่ผมคิดตรงข้ามนะ”  ชายหนุ่มบอกง่าย ๆ เอนตัวลงพิงพนักพลางยกขาขึ้นไขว่ห้าง  “ไม่อย่างนั้นท่านก็คงไม่มา ‘ขอร้อง’ ผมถึงที่นี่”

          “นี่ไม่ใช่คำขอร้อง  คุณพิชช์ฌาน  แต่ว่าเป็นคำสั่ง”

          “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผมเหรอครับท่าน”  พิชช์ฌานยิ้มพราย  “ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้  โปรดอย่าลืม”

          “คุณไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้หรอกคุณพิชช์ฌาน  แต่ก่อนฉันก็เคยหลงคิดว่าตัวเองกุมอำนาจมากที่สุดในฐานะนายกฯ แต่แล้วฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่  มีคนที่ใหญ่กว่าคุณ  มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตำแหน่งนายกฯ”  ท่านไตรคุณพูดเรียบ ๆ “ฉันคิดว่าตัวเองเคยเตือนคุณมาหลายครั้งแล้ว  แต่ว่าคุณไม่ฟังฉันเลย  ...เด็กสมัยใหม่ก็แบบนี้”

          “ท่านเคยเตือนผมแล้วครับ  แล้วผมก็ทราบดีว่าที่ท่านหมายถึงอำนาจเบื้องหลังตำแหน่งนั้นคืออะไร  ผมเข้าใจทั้งหมด  แต่ว่า...ผมก็เลือกแล้วที่จะสู้ต่อในแบบของผม  ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่ให้หนทางของผมซ้ำรอยของท่าน  ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่  ก็คือว่าผมได้เลือกแล้ว”

          “ต้องให้สูญเสียอีกเท่าไหร่เธอถึงจะพอใจ  พิชช์ฌาน”  สรรพนามที่เปลี่ยนไปของไตรคุณบ่งบอกอารมณ์ที่คุกรุ่นของเจ้าตัว  “เสียลูกไปคนหนึ่งแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ”

          แววตาของคนฟังปรากฏรอยเจ็บปวดแวบหนึ่งก่อนจะสงบลงตามเดิม

          “เป็นคำถามที่ผมควรจะต้องถามท่านมากกว่าครับ  หรือว่าท่านไม่รู้สึกอะไร  ก็คงเหมือน ๆ กับตอนที่ท่านสั่งให้กำจัดลูกโอเมก้าคนนั้นทิ้งซะ”

          “ฉันไม่เคยรู้เรื่องนั้น”

          “ถ้าผมบอกว่าผมมีหลักฐานล่ะ”  พิชช์ฌานสวนทันควัน  “ผมมีพยานบุคคลตัวเป็น ๆ เลยด้วยที่ยืนยันได้ว่าท่านทะเลาะกับคุณหญิงอารยาคืนนั้นแล้วบังคับให้เธอเอาลูกไปทิ้ง”

          เส้นเลือดข้างขมับของท่านไตรคุณเริ่มปูดโปน

          “หลักฐานเท็จ  คิดว่าฉันจะหลงกลคุณง่าย ๆ งั้นเหรอ”

          พิชช์ฌานยิ้ม  หันไปที่มุมหนึ่งของห้องที่มีตู้ปลาขนาดใหญ่ตั้งอยู่  เงาของคนสองคนขยับก้าวออกมาตรงหน้า  ไตรคุณอ้าปากค้าง

          “อรุณา  เจนรวี!!!”    ผู้หญิงสองคนยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของอดีตนายกรัฐมนตรี  คนหนึ่งคืออดีตพี่เลี้ยงที่ไว้ใจที่สุด  ส่วนอีกคนคือภรรยาลับ ๆ ของเพื่อนสนิทที่เข้าใจว่าเสียชีวิตไปนานแล้ว  “เธอยังไม่ตาย”

          “ค่ะท่าน  ดิฉันยังไม่ตาย”  เจนรวีก้มศีรษะรับ  เวลาที่ผ่านมาหลายสิบปีทำให้เธอดูมีอายุขึ้นกว่าสมัยที่เขาเคยเจอตอนที่นิมมานพามาแนะนำตัว  “ยินดีที่ได้พบกับท่านอีก”

          “หึ ๆ คนของนิมมานทำพลาดงั้นหรือ”  ไตรคุณเลิกคิ้ว “ฉันไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าจะได้เจอเธออีก”

          “คนของคุณพ่อไม่ได้ทำพลาดหรอกครับ”  พิชช์ฌานขัดขึ้น  “แต่ว่าท่านตั้งใจให้เป็นแบบนี้ต่างหาก”

          “ตัดใจไม่ขาด”  ไตรคุณจุ๊ปาก  ส่ายหน้าไปมา  “นิมมานก็แบบนี้แหละ  ...ใจอ่อนไม่เข้าท่า”

          “คุณพ่อไม่ได้ใจคอเหี้ยมโหดเกินมนุษย์อย่างท่านมากกว่าครับ”  ชายหนุ่มสวนอย่างเผ็ดร้อน

          “แล้วเอาเบต้าสองคนนี้มาคิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ  คุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณกวาดตามองอย่างประเมิน  “คิดจะเอามาเป็นหลักฐานจัดการฉันเหรอ  ขอโทษทีเถอะนะ...คนนึงก็เป็นเมียน้อยนอกกฎหมาย  ส่วนอีกคนก็เป็นแม่บ้านธรรมดา  คุณคิดว่าประชาชนจะฟังพวกเขาหรือว่าฉันล่ะ”  คนพูดยิ้มหยัน

          “ประชาชนจะเชื่อสิ่งที่ถูกต้องครับ”  พิชช์ฌานตอบอย่างสงบ  หันไปหาทั้งสองคน  “รบกวนพวกคุณช่วยเล่าเรื่องที่เห็นให้ผมฟังอีกทีได้ไหมครับ”

          อรุณาพยักหน้าและเริ่มก่อน

          “ฉันเป็นพี่เลี้ยงให้กับคุณอัยย์และก็คุณคินตั้งแต่คุณ ๆ เขาเกิดค่ะ  มีอยู่คืนหนึ่งหลังจากที่พาคุณหนูเข้านอน  ฉันจะมาหาคุณหญิงเพื่อขออนุญาตลาหยุดกลับบ้านสุดสัปดาห์นั้น  ปรากฏว่าฉันได้ยินเสียงโต้เถียงดังออกมาจากห้องนอนของท่านค่ะ  ด้วยความอยากรู้ก็เลยแอบฟัง  คุณหญิงท่านร้องไห้แล้วก็พูดกับท่านเรื่องที่เก็บคุณอัยย์เอาไว้”

          เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง  อรุณากลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดต่อ

          “คุณหญิงถามว่าทำไมถึงไม่กำจัดคุณอัยย์เหมือนที่เคยทำกับลูกคนก่อน  ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ ...ทำนองนี้ค่ะ  ส่วนท่านไตรคุณก็ยืนนิ่ง  ไม่พูดอะไรเลย  ฉันตกใจมาก...ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหญิงท่านมีลูกอีกคนก็เลยแอบไปเปิดดูบันทึกการตั้งครรภ์ของท่านค่ะ  ...คุณหญิงเคยมีลูกอีกถัดจากคุณอริศราจริง ๆ”

          “............”

          “ฉันกลัวคุณอัยย์จะเป็นอันตรายก็เลยเฝ้าคุณอัยย์เอาไว้ตลอดเวลาไม่ยอมให้ใครพาไปไหน  ระหว่างนั้นฉันได้เจอแม่บ้านคนก่อนที่ลาออกไป  เธอเล่าให้ฉันฟังว่าคุณหญิงบังคับให้เธอเอาลูกไปทิ้งเอาไว้ในสวนสาธารณะจริง ๆ อาทิตย์ต่อมาแม่บ้านคนนั้นก็ตาย  แล้วฉันก็ถูกจับได้  คุณหญิงให้ฉันเลือกระหว่างความตายกับหนีออกนอกประเทศ ...ฉันเลยเลือกจะหนี ...เรื่องของฉันมีเพียงเท่านี้ค่ะ”

          “แล้วยังไง”  ไตรคุณเลิกคิ้ว  “เธอทำให้ฉันผิดหวังนิดหน่อยนะอรุณา  คิดว่าจะมีอะไรที่น่าประทับใจมากกว่านี้เสียอีก”

          “ผมคิดว่าท่านรอฟังจากคุณเจนรวีดีกว่าครับ”  พิชช์ฌานอมยิ้ม

          “ของดิฉันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นค่ะ  ท่านนิมมาน...เป็นเพื่อนสนิทของท่านไตรคุณ  ฉันก็เลยเคยเจอท่านอยู่บ้าง”  เจนรวีเริ่ม  มองหน้านักการเมืองอาวุโสนิ่ง  “พวกท่านเคยมีอุดมการณ์เดียวกันก่อนที่จะตอนหลังท่านนิมมานจะเปลี่ยนใจ  เหตุการณ์ของดิฉันเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่ท่านนิมมานยังหลงในอำนาจค่ะ”

          “ฉันจำเธอได้เจนรวี”  ไตรคุณว่า  “ไม่ต้องเท้าความมาก”

          “อย่างที่รู้...ดิฉันเป็นภรรยาของท่านนิมมานแม้จะไม่ได้ออกหน้าแต่ก็มีลูกชายให้ท่านหนึ่งคน  น่าเสียดายที่ตอนนั้นมีคนรู้ความลับเรื่องนี้เข้าเลยคิดจะเอามาแบล็คเมล์ท่าน  ดิฉันทราบเรื่องนี้เลยทนไม่ได้ เสนอแผนการให้ท่านใหม่ด้วยการที่ดิฉันแต่งงานกับคนอื่นเสียแล้วพาลูกไปที่อื่น  ท่านเห็นด้วย  ฉันเลยแต่งงานกับคุณสมคิด  แต่ว่า...”  ดวงตาของเธอหม่นลง  “มีคนไม่หวังดีใส่ร้ายว่าดิฉันกับสมคิดจะหักหลังท่าน  ท่านหลงเชื่อคนพวกนั้นก็เลยส่งคนมาเก็บดิฉันกับสมคิด  สมคิดเสียชีวิตคาที่แต่ว่าดิฉันรอดมาได้  มีคนช่วยพาไปรักษาตัวจนหาย”

          “พูดต่อได้เลยครับ”  พิชช์ฌานบอกเสียงนุ่ม

          “ดิฉันคิดจะกลับไปหาลูกแต่ก็กลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย  เขาถูกส่งไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  ดิฉันไปแอบดูอยู่สามวันจนแน่ใจว่าลูกปลอดภัยถึงได้ลงเรือจะหนีไปเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศอื่น”  เจนรวีถอนหายใจยาว  “ดิฉันต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลเสียใหม่เพื่อปิดบังตัวตน  เพราะไม่มีบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตวีซ่าเลยต้องลักลอบเข้าไปกับพวกค้าของเถื่อน   เราขึ้นไปซ่อนอยู่ใต้ท้องเรือร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ลักลอบข้ามประเทศ  คืนที่ออกจากฝั่งดิฉันมองลอดช่องไม้ของเรือไปแล้วเห็นท่านไตรคุณยืนอยู่บนท่าเรือ  กำลังพูดคุยกับหัวหน้าที่ต้อนพวกดิฉันขึ้นเรือมา”

          “ต่อให้เธอยกเมฆขึ้นมาทั้งหมดก็คงไม่มีใครทำอะไรได้”  ไตรคุณหัวเราะห้าว ๆ “เธอจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น  ปั้นน้ำเป็นตัว  ...มิน่าล่ะนิมมานถึงได้กำจัดเธอซะ”

          “ท่านเข้าใจผิดแล้วครับ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเรียบ ๆ “คุณพ่อเชื่ออยู่แล้วว่าคุณเจนรวีไม่ได้หักหลังท่าน  แต่ว่าท่านก็เล่นตามน้ำไปก่อนเพราะไม่อยากผิดใจกับเพื่อนสนิทที่ท่านรักที่สุด”

          “ฉันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”  ไตรคุณร้อง

          “ทำไมจะไม่เกี่ยวครับ  ข่าวที่บอกว่าคุณเจนรวีหักหลังก็มาจากคนของท่านไม่ใช่เหรอ”  พิชช์ฌานโต้  “จะให้ผมบอกด้วยไหมว่าตอนแรกท่านนั่นแหละที่คิดจะหักหลังเพื่อน  ใช้เรื่องลูกลับแบล็คเมล์เพื่อนสนิทของตัวเอง  แต่พอพลาดก็เลยเปลี่ยนแผนเป็นกำจัดซะ  ท่านไม่แปลกใจเหรอครับว่าทำไมไม่กี่เดือนหลังจากนั้นคุณพ่อถึงได้ถอนตัวออกจากพรรคแล้วไปตั้งพรรคใหม่”

          “เพราะมันไม่พอใจโควตารัฐมนตรีต่างหาก”  ไตรคุณแย้ง  “พวกของมันไม่ได้ตำแหน่งครบตามที่ขอ”

          “ไม่ใช่ครับ  แต่เป็นเพราะคุณพ่อเสียใจมากเรื่องคุณเจนรวี  ยิ่งความจริงที่เพื่อนสนิทของท่านทำกับท่านเพราะเห็นแก่อำนาจ  ท่านก็ยิ่งเสียใจ...เพื่อนสนิทของท่านเปลี่ยนไปมากจริง ๆ  ท่านรู้เรื่องผลประโยชน์เบื้องหลังอำนาจของนายกฯครับ  ท่านรับไม่ได้ที่เพื่อนรักที่ร่วมอุดมการณ์กันมากลับไปเห็นดีเห็นงามกับเรื่องชั่วช้าอย่างเช่นการค้ามนุษย์หรือแม้แต่บ่อนใต้ดินหรือยาเสพติด”

          “............”  คราวนี้ท่านไตรคุณเงียบกริบ

          “คุณพ่อเคยขอให้ท่านถอยออกมา  เคยบอกให้ท่านหยุด....ท่านจำได้ไหมครับ”  พิชช์ฌานกระชากเสียง  “แต่ท่านก็ยังทำต่อไปแม้กระทั่งตอนนี้ที่ท่านให้ลูกชายออกมารับโทษความผิดแทนท่าน  ท่านถือตนเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่สูงส่งแต่กลับทำเรื่องเลวร้ายไม่มีความละอายใจ  ท่านยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้างมั้ยครับ”

          “เธอ...กล้าดียังไง....พูดกับฉันแบบนี้”  ไตรคุณโกรธจัด  “คิดว่าฉันอยากทำนักหรือไง  คิดว่าฉันมีทางเลือกงั้นเหรอ”  นักการเมืองอาวุโสล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทของตัวเอง

          “ท่านเอามือออกมาดีกว่าครับ”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “อย่าให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่านี้เลย  ถึงขนาดนี้แล้ว  ท่านหยุดเถอะครับ  ผมขอร้องล่ะ”

          “ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าการเป็นนายกฯมีสิ่งที่ต้องแลก”

          “ผมทราบครับ  แล้วผมก็เลือกแล้วด้วย  ถึงอย่างไรผมก็จะไม่มีทางก้าวลงไปในวังวนอย่างท่านเด็ดขาด  ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเดินทางผิดมาก่อนเหมือนกัน  จนกระทั่งได้มาเจอกับลูกชายท่าน...อาคิราห์  เขาทำให้ผมรู้ว่าผมมีสิทธิเลือก  จะดีหรือไม่ดีขึ้นกับการกระทำที่ผมเลือกเอง  ไม่เกี่ยวกับอะไรเลยแม้แต่สายเลือด  ความภูมิใจในสายเลือดโอเมก้าของเขาทำให้ผมคิดได้และกลับตัวทัน”

          “เธอไม่เข้าใจหรอก”  ไตรคุณพูดเสียงห้วน  “ถ้าเธอไม่มีทางถอยหลังกลับ  นอกจากก้าวถลำลึกลงไปในโคลน  โคลนพวกนั้นก็จะดูดเธอจมลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งเธอดิ้นรนมันก็จะยิ่งดูดรุนแรงขึ้น  เธอมีครอบครัวของเธอ  มีคนที่รักเป็นตัวประกัน  เพื่อแลกกับคนพวกนั้น  ก็ต้องยอมจมลงไปกับมัน”

          พิชช์ฌานยืนนิ่ง

          เสียงโหวกเหวกดังขึ้นข้างหน้าประตูก่อนที่มันจะถูกเปิดออก   ร่างโปร่งบางของใครบางคนก้าวพรวดเข้ามาในห้องทำงานของพิชช์ฌานด้วยท่าทางเคร่งเครียดแกมตื่นตระหนก

          “คุณพิชช์ฌาน!  คุณพ่ออย่าทำอะไรเขานะ”  อาคิราห์สะดุดพรมเช็ดเท้าตรงหน้าแล้วเซแซ่ด ๆ เข้ามากลางวงสนทนา  พิชช์ฌานตกใจก้าวออกไปรับตัวเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะหน้าคะมำลงพื้น  “โอ๊ย!!”

          “อะไรกันอาคิราห์  ระวังหน่อยสิ  แล้วมาที่นี่ได้ยังไง”  สามีอุทาน  ประคองอีกฝ่ายเอาไว้ในอ้อมแขน  “แล้วคุณแม่ล่ะ”

          “แม่คุณอยู่ในรถ”  เจ้าโอเมก้าว่า  หันขวับไปหาบิดาที่ยืนมองนิ่งอยู่  “คุณพ่อจะทำอะไรพิชช์ฌาน  อัยย์ไม่ยอมนะ”

          “หึ”  นักการเมืองอาวุโสพ่นลมออกจมูกแรง ๆ มองหน้าลูกชายคนเล็ก  “ฉันจะทำอะไรต้องขออนุญาตเราก่อนหรือไง  เจ้าอัยย์”

          “อัยย์ขอล่ะ”  อาคิราห์ออกมายืนขวางหน้าระหว่างสามีกับบิดาเอาไว้  ยกมือขึ้นกางออกเหมือนแม่นกกางปีกปกป้องลูกนก  อารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่คลอหน่วย  “อัยย์รู้ว่าคุณพ่อไม่ชอบคุณพิชช์ฌาน  แต่ที่อัยย์เสียลูกไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกนะ  เขาพยายามเต็มที่แล้ว  เป็นความผิดของอัยย์เอง”

          คนฟังชะงัก  พิชช์ฌานเหลือบมองหน้าไตรคุณแวบหนึ่ง

          “อาคิราห์”  ไตรคุณเรียกลูกชายเสียงต่ำ  “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก  กลับออกไปรอข้างนอก”

          “อัยย์ไม่ไปไหน”  อาคิราห์สวนกลับทันที  “อัยย์จะอยู่ด้วย  อยากฟังด้วย”

          “อาคิราห์  กลับออกไปรอข้างนอกเถอะนะ  ฉันขอร้อง”  พิชช์ฌานพูดขึ้นบ้าง  “ฉันกับคุณพ่อของเธอแค่พูดคุยกันเฉย ๆ เท่านั้นเอง”

          “แค่คุยแล้วทำไมต้องให้คนเฝ้าหน้าห้องเยอะแยะด้วย  แถมเจนภพยังบอกอีกว่ากลัวคุณจะเป็นอันตราย”  อาคิราห์ว่า

          “เจนภพบอกเหรอ”  พิชช์ฌานคำรามในคอ  เหลือบมองประตูแวบหนึ่ง  “เอาล่ะ  ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว  ออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”

          อาคิราห์อ้าปากจะค้านอีกรอบแต่พอสบตาคมเข้มคู่นั้นแล้วก็เปลี่ยนใจ  เจ้าโอเมก้าหมุนตัวเดินออกมาจากห้องทำงานของสามีอย่างไม่เต็มใจนัก

          “ผมจะรออยู่หน้าห้องนะ”  เขาพูดทิ้งท้าย  ปิดประตูห้องทำงานตามหลัง

          พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  นักการเมืองอาวุโสเหลือบตาขึ้นมองหน้าแล้วยิ้มมุมปาก

          “ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วมั้ง”  ไตรคุณว่า  ปรายตามองผู้หญิงอีกสองคนในห้องอีกครั้ง  “หลักฐานอ่อนขนาดนี้  ฉันผิดหวังอยู่นิด ๆ นะคุณพิชช์ฌาน  นึกว่าคุณจะมีอะไรให้เซอร์ไพรซ์มากกว่านี้เสียอีก”

          พิชช์ฌานยิ้มบาง ๆ  ก้มศีรษะให้อดีตนายกฯควบตำแหน่งพ่อตาเล็กน้อย

          “ไม่มีแล้วครับ  ยอมรับว่าท่านเป็นคนละเอียดรอบคอบดีมาก  ผมไม่เจอหลักฐานอะไรเป็นลายลักษณ์อักษรอีกนอกจากรายชื่ออักษรย่อที่เจอในตู้เซฟคืนนั้น  และถ้าลูกชายคนโตของท่านไม่ซัดทอดถึงท่าน  ทุกอย่างก็คงจบ”  ชายหนุ่มก้มลงมองมือของตัวเองแวบหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น  “ผมไม่มีทางที่จัดการอย่างอื่นอีก  อย่าว่าแต่อำนาจที่หนุนหลังท่านอยู่เลย  แม้แต่ท่านเอง...เชื่อไหมว่าจนถึงตอนนี้ผมก็ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเพราะรู้ว่าอาคิราห์รักท่านมาก  และผมรู้ว่าถ้าผมยังดึงดัน  ครอบครัวของผมก็จะเป็นอันตราย  แต่ว่าผม...ก็ทนไม่ได้อีกที่จะยอมจมลงไปกับโคลนดูดแบบท่าน  ดังนั้น...ผมจึงตัดสินใจแล้วที่จะเลือก...เส้นทางที่ถูกต้อง  สิ่งที่ท่านไม่กล้าทำ...ผมจะลงมือทำเองครับ”

          “แล้วอาคิราห์...เธอจะปล่อยให้อัยย์เป็นอันตรายงั้นหรือ”   ไตรคุณอุทาน  อีกฝ่ายส่ายหน้า

          “ผมจะส่งเขาไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด  ที่ ๆ มั่นใจว่าเขาจะไม่เป็นอันตราย  ผมจะหย่าและเราจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก  ท่านวางใจได้ว่าลูกชายของท่านจะไม่โดนลูกหลงไปด้วยแน่นอน  ...เพียงแค่เสียลูกไปคนเดียว  อาคิราห์ก็เสียใจมากเกินพอแล้ว”

          “รู้ว่าอัยย์เสียใจแล้วยังจะทำแบบนี้อีกเหรอพิชช์ฌาน  อัยย์เสียลูกไปแล้วยังต้องมาเสียสามีอีกหรือ  พวกมันคงไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่  ยิ่งเธอขวางลำผลปะโยชน์เอาไว้  มันยิ่งต้องกำจัด  แล้วอัยย์จะอยู่ยังไง”

          “ผมไม่มีทางเลือก  ท่านไม่เหลือทางเลือกให้ผม”  พิชช์ฌานตอบเสียงเรียบ  “ผมไม่มีทางอื่นนอกจากดับเครื่องชนตรง ๆ แล้ว  ถ้าท่านไม่กล้า  ทุกคนไม่กล้า  ผมก็ยอมเสียสละตัวเองเป็นคนจัดการกวาดล้างขบวนการนี้ให้มันจบเอง  ให้มันสิ้นสุดที่รุ่นผม”

          “ไม่มีทางสำเร็จ”  ไตรคุณคราง  มองหน้าชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างโกรธเกรี้ยวแกมเจ็บปวด  “คิดว่าฉันไม่เคยคิดหรือไง  แต่ทุกครั้งที่ฉันคิดจะกลับตัว  พวกมันก็จะขู่ฉันด้วยการระเบิดบ้าง  ลอบยิงคนในบ้านบ้าง”

          “ผมถึงบอกไงครับว่าผมจะจัดการเอง”  พิชช์ฌานพูดซ้ำ  “ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว”

          “ไม่มีอะไรจะเสีย?”  ไตรคุณพูดเสียงสูง  นัยน์ตาคมกริบแดงก่ำขึ้นเส้นเลือด  “แล้วลูกชายฉันล่ะ  เธอพูดเหมือนอัยย์ไม่สำคัญสักนิดเลย”

          “บางที...เราก็มีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องปกป้อง”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ใครบางคนเคยบอกผมเรื่องนี้”

          “คนโง่น่ะสิ”  ไตรคุณตอบ  ผลักอกอีกฝ่ายออกแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน

          อาคิราห์ลุกขึ้นยืนก้าวเข้าไปหาบิดาทันควัน  สีหน้าติดจะบึ้งตึงของผู้สูงวัยกว่าทำให้คนเป็นลูกชะงัก  ไตรคุณนิ่งอยู่อึดใจแล้วก็หันมาหาบุตรชาย

          “อัยย์  แข็งแรงดีแล้วเหรอ”  น้ำเสียงของเขาเกือบจะเป็นปกติ  อาคิราห์ยิ้มออกมาได้

          “แข็งแรงดีแล้วครับ”  เขาเอื้อมมือไปแตะที่ท่อนแขนของบิดา  “คุณพ่อจะกลับแล้วเหรอครับ”

          “........”  ไตรคุณไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นวางบนศีรษะของลูกชายคนเล็กเหมือนที่เคยทำ  ชั่วขณะหนึ่งที่อัยย์รู้สึกเหมือนพ่อจะกอดเขา  ทว่าคนเป็นพ่อกลับปล่อยมือจากศีรษะแล้วเดินกลับออกไปแทน

          ร่างสูงสง่าที่เริ่มร่วงโรยตามวัยนั้นเดินผ่านพ้นประตูหน้าบ้านตามด้วยเหล่าผู้ติดตามที่เดินตามหลังออกไปเป็นพรวน  แผ่นหลังที่เคยยืดตรงผึ่งผายงองุ้มลงเล็กน้อยคล้ายกับว่าเจ้าตัวเริ่มเหน็ดเหนื่อยเต็มที  อาคิราห์ถอนหายใจยาว  ชะเง้อมองตามหลังท้ายรถที่แล่นออกไปจากบริเวณหน้าบ้าน

          พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องทำงาน  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางของภรรยาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินมากอดเอาไว้แน่น  ไม่สนใจสายตาของลูกน้องผู้ติดตามทั้งหลายที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก

          อาคิราห์ซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างนิ่งนาน  สูดกลิ่นหอมจัดเฉพาะตัวของอัลฟ่าของเขาเข้าปอด  ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเมื่อครู่สงบลงอย่างรวดเร็ว  มือใหญ่ลูบหลังไปมาเหมือนปลอบเด็ก  พิชช์ฌานวางคางลงกับกระหม่อมของเขา

          “คุณพ่อกลับไปแล้ว”  อัยย์พึมพำ  “พ่อโกรธมากใช่มั้ย  คงอยากให้คุณช่วยพี่ภพ”  คำพูดของอาคิราห์ทำให้คนฟังนิ่งไปนิดหนึ่ง

          “แล้วเธอคิดว่ายังไง”

          “คุณไม่ต้องสนใจผม  ผิดก็ว่าไปตามผิด”  อาคิราห์ตอบ  “ไม่เกี่ยวว่าเขาเป็นพี่...หรือว่า...เป็นใคร”  ประโยคหลังเขาพูดสะดุด  “...ผมไม่เป็นไร”

          “เธอเป็นคนเข้มแข็งจริง ๆ อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดอยู่ริมหู  “ฉันนับถือหัวใจของเธอ”

          คนฟังอมยิ้ม

          “ไม่เท่าคุณหรอก  คุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์ตอบกลับไป

          เจนภพเดินผ่านพวกเขาเข้าไปภายในห้องทำงานที่ยังมีผู้หญิงสองคนอยู่ในนั้น  ชายหนุ่มจ้องเขม็งไปยังคน ๆ หนึ่งที่ตัวสูงกว่า  ใบหน้าคมคายคุ้นตาดูคล้ายกับคนในรูปภาพที่เขาเคยพกเมื่อนานมาแล้ว  ริ้วรอยตามวัยกับสีผิวที่คล้ำขึ้นไม่ทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมในความทรงจำของเขา

          “เจนภพ”  ผู้หญิงคนนั้นเรียก

          “สรุปว่า...คุณคือแม่ของผมจริง ๆ ใช่มั้ย”

          “ใช่”

          “ทำไมตอนที่ผมตามคุณออมไปเจอคุณ  คุณไม่บอกผม  คุณปล่อยให้ผมเข้าใจผิดว่าเป็นคนทรยศพ่อ”  เจนภพร้อง  “ผมเคยเข้าใจว่าแม่ตายไปแล้วจนเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งรู้ว่าแม่ยังอยู่  รู้หรือเปล่าว่าผมไปตามหาคุณทุกที่  ที่แท้...คุณกลับอยู่นี่เอง”  ชายหนุ่มพูดอย่างเสียใจ

          “แม่ขอโทษ”  เจนรวีพูดเสียงแหบเครือ  “แต่ว่าแม่ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บปวดหรือมีอันตราย  ลูกอยู่กับท่านนิมมานก็ดีอยู่แล้ว”

          เจนภพไม่พูดอะไรออกมาอีก  ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับออกไปจากห้องทำงาน  อาคิราห์เงยขึ้นมองหน้าสามีอย่างสงสัย  พิชช์ฌานบอกว่าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง

          “เจนภพคงอยากอยู่คนเดียว  ...เรา ...ไปหาลูกกันดีไหม”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ เลื่อนมือไปกุมมือของคู่ชีวิตเอาไว้แน่น

          ......................................................................................

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 24-08-2019 23:14:09






         สุสานที่พิชช์ฌานกับอาคิราห์เดินเข้ามาถูกตกแต่งและทำความสะอาดเอาไว้แล้วเรียบร้อย  สีขาวของแผ่นป้ายหินอ่อนตัดกับสีแดงสดของดอกกุหลาบที่อาคิราห์ถือติดมือเข้ามา  บรรยากาศเงียบสงัดแม้แต่ลมก็หยุดพัดชั่วขณะ

          “ตรงนี้สินะ”  พิชช์ฌานพึมพำ  หยุดยืนตรงหน้าหลุมศพที่นำร่างของลูกสาวมาฝังเอาไว้  ตัวอักษรสีทองเขียนเอาไว้ว่า เฌอริชช์  อัศวลักษณ์  งดงามแต่ก็เยือกเย็นจับใจ

          อาคิราห์ทอดสายตามองเงียบ ๆ ความรู้สึกของเขาสงบลงมากแล้วเมื่อเทียบกับเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า  เหมือนพลุที่พุ่งขึ้นสูงแล้วก็แตกสลายตกกลับมาบนพื้นดินราบเรียบ   หันไปมองข้าง ๆ กันนั้นคือที่พักของเพื่อนโอเมก้าคนแรกและคนเดียวของเขา  ...นิลลา

          “เวลาผ่านไปไวจังนะ  เหมือนไม่กี่วันก่อนเรายังอยู่ด้วยกันอยู่เลย”  อาคิราห์กระซิบ  หลุบตาลงมองดอกกุหลาบสีแดงสดในมือของตัวเอง  “ฉันเอาดอกกุหลาบมาฝาก  รู้ว่านิลลาก็ชอบเหมือนกัน”  เขาย่อตัวลงวางดอกกุหลาบดอกนั้นลง  “เฌอริชช์ด้วยนะลูก  ไม่รู้ว่าหนูชอบดอกกุหลาบหรือเปล่าแต่เดาว่าคงชอบมากแน่ ๆ”

          “ถ้าลูกได้ออกมาดูโลกก็คงจะเหมือนเธอที่สุด  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดเสียงเครือพร้อมกับสูดน้ำมูก  เขาไม่เคยห้ามตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลได้เลยทุกครั้งที่นึกถึงลูกสาว  “คงจะน่ารักมาก”

          อาคิราห์ยิ้ม

          “สุดท้ายคุณก็ยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะว่าบู้บี้แปลว่าน่ารัก”

          “ฉันก็ไม่เคยว่าเธอน่าเกลียดนี่”

          “ผมน่าจะอัดเสียงคุณสมัยนั้นเอาไว้  ว่าผมอย่างกับอะไรดี”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วกอดแขนล่ำสันแน่น  “เรากลับกันเถอะครับ”  เขาพูดเนิบ ๆ เหลือบมองที่ ๆ นิลลากับเฌอริชช์นอนพักผ่อนอยู่นั้นแวบเดียว  จากนั้นก็เดินกอดแขนสามีกลับออกมาจากสุสานโดยไม่หันกลับไปมองอีก

          พิชช์ฌานกลับไปส่งอาคิราห์ที่บ้านของคุณนายนวลพรรณแล้วอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน  นักการเมืองหนุ่มมีท่าทางเคร่งเครียดยามเผลอตัวจนเจ้าโอเมก้าสังเกตได้  สายตาเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะ

          “คุณมีประชุมต่อเหรอครับ”  เขาเอียงหน้าเข้าไปกระซิบถาม  สามีส่ายหน้า

          “เปล่า  ฉันไม่มีตารางแล้ววันนี้”

          คนฟังเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาขรึม ๆ

          “ทานข้าวเสร็จแล้ว  ผมมีอะไรจะให้คุณช่วยหน่อย”  อาคิราห์ช่วยเก็บล้างจานเสร็จก็เดินนำหน้าสามีขึ้นไปบนห้องนอนที่เขาครอบครองอยู่คนเดียวมาหนึ่งเดือนเต็ม  พิชช์ฌานกวาดตามองรอบ ๆ ห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัวของเจ้าโอเมก้า

          “ห้องเริ่มรกแล้วนะ...นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ”  นายกรัฐมนตรีหนุ่มชะงัก  มองภรรยาของตนเองถอดเสื้อออกอย่างตกใจ  อาคิราห์ส่งครีมหลอดหนึ่งมาให้เขารับไว้

          “ครีมลดรอยแผลเป็น  ช่วยทาให้หน่อย”  อาคิราห์พูด  เอนตัวลงนอนหงายบนเตียงพร้อมกับตบมือลงที่หน้าท้องของตนเบา ๆ

          พิชช์ฌานขมวดคิ้วแต่ก็ยอมเดินมานั่งข้าง ๆ ก้มลงสำรวจรอยแผลผ่าตัดกลางท้องอย่างระมัดระวัง

          “สีจางลงบ้างมั้ย  ยังดีที่ไม่นูนขึ้นมามาก”  ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปบนแผลเป็นเบา ๆ แล้วบีบเนื้อครีมออกมาทาให้บาง ๆ “แผลเป็นก็อยู่ที่ท้อง  เธอทาเองก็ถึง  ไม่เห็นจะต้องให้ฉันช่วยทาให้เลย...”  พูดจบแล้วก็นึกขึ้นได้  เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หน้าแดงจัดลามลงมาถึงลำคอ  คิ้วเข้มเลิกสูง...พิชช์ฌานตามความคิดของภรรยาได้ทัน  เขายิ้มออกมาขัน ๆ ก้มลงจูบที่ข้าง ๆ สะดือบุ๋มเล็กนั้นแรง ๆ แล้วแกล้งงับเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว

          อาคิราห์หัวเราะ  ผลักอีกฝ่ายออกเพราะจั๊กจี้  คราวนี้พิชช์ฌานไม่ขยับตัวออกแต่กลับถอดเสื้อของตัวเองตามด้วยกางเกงออกอย่างรวดเร็ว  ทำเอาคนที่คิดหาวิธีเชิญชวนแทบตายเขินจนไม่กล้าสบตาคมเข้มอีก

          “แล้วไงต่อ...ถ้าไม่มีอะไรฉันจะไปอาบน้ำแล้วนะ”  พิชช์ฌานเห็นอีกฝ่ายก้มหน้างุดก็แกล้งถามทั้ง ๆ ที่มีเพียงชั้นในตัวเดียวปกปิดร่างกาย  อาคิราห์อึกอักแล้วก็กัดฟันรูปซิปกางเกงขายาวของตัวเองออกบ้าง  ขยับตัวลุกขึ้นคุกเข่าคร่อมทับสามีเอาไว้อย่างเงอะงะ  ใจเต้นแรงจนแทบจะโลดออกมานอกอก

          พิชช์ฌานมองใบหน้าเจ้าตัวบู้บี้ของเขาอย่างเอ็นดู  คิดอยากจะเชิญชวนเขาทั้งทีแต่กลับไม่กล้า  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือแบบบางนั้นเอาไว้แล้วเลื่อนมากุมทับกลางตัวของเขา  อาคิราห์สะเทิ้นราวกับเจ้าสาวแรกเข้าหอเสียอย่างนั้น  เห็นทีเวลาเดือนกว่าที่ร้างราไปคงจะมีผลไม่มากก็น้อย

          เขาช่วยเหลือภรรยาอีกนิดหน่อยจนกระทั่งมือเล็กนั้นกอบกุมตัวตนของเขาได้อย่างทะมัดทะแมงขึ้น   อาคิราห์ก้มลงใช้ริมฝีปากช่วยแบบที่รู้ว่าพิชช์ฌานชอบ  ปลายลิ้นขยับอย่างรู้ใจจนกระทั่งพิชช์ฌานสมองพร่าเบลอไปชั่วขณะและเจ้าโอเมก้าถอยไปกระอักกระไอหน้าดำหน้าแดง

          “...หายเครียด...บ้างมั้ย”  อาคิราห์หันมาถาม  พิชช์ฌานอมยิ้ม  เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วงเขามากถึงได้พยายามหาทางผ่อนคลายให้แบบนี้  ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าว่าเขาเองก็รอเวลานี้มานานแล้ว  ...รอให้แผลของอาคิราห์หายสนิทดีพอ

          “ยังเครียดอยู่เลย ...หนักกว่าเดิมอีก”  พิชช์ฌานตอบ  เขาไม่ได้หมายถึงอารมณ์แต่หมายถึงอวัยวะอื่นที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งในชั่วพริบตา  ผิวเนื้อสีน้ำผึ้งอ่อนเนียนลื่นมือนั้นถูกเขาสัมผัสซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกตารางนิ้วไม่เว้นแม้แต่ส่วนที่ลับที่สุด  อาคิราห์บิดตัวเร้าเมื่อปลายลิ้นร้อนผ่าวสัมผัสเข้าที่ส่วนนั้นให้อย่างชำนาญ

          พิชช์ฌานรู้จักร่างกายของเขาดียิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก  อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นของเขาทะยานขึ้นสูงตามอุณหภูมิของร่างกายที่เปลี่ยนไป  กลิ่นคุกกี้รสนมหอมตลบอบอวลไปหมดทั้งห้อง  พิชช์ฌานเบิกตากว้าง

          “เธอไม่ได้กินยากันฮีท”

          “...........”  เจ้าโอเมก้าไม่ตอบแต่รั้งลำคอของอัลฟ่าเข้ามาจูบหนักหน่วง

          พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนสมองสว่างวาบกลายเป็นลำแสงจ้า  เขาลืมเรื่องหนักอกทุกสิ่งไปเสียสิ้นนอกจากการสัมผัสบีบเคล้นมือไปตามผิวเนื้อนุ่มนิ่มขึ้นสีเรื่อทุกการสัมผัส  โดยเฉพาะตัวตนของเจ้าโอเมก้าของเขาที่น่ารักจนไม่สามารถหยุดยั้งได้

          อาคิราห์หวีดร้องออกมาหลายต่อหลายครั้ง   อีกฝ่ายฝังตัวตนเข้ามาในตัวของเขาลึกสุดตัวและขยับตัวอย่างไม่ปรานีปราศรัย  แรงกระแทกหนักหน่วงที่ช่วงสะโพกทำเอาหัวสั่นหัวคลอน   ยอดอกเปียกชื้นบวมเป่งจากการสัมผัสซ้ำ ๆ  ผ้าปูที่นอนยับย่นหมอนผ้าห่มกระจายเต็มเตียง  เขาถูกจับพลิกหงายพลิกคว่ำอยู่หลายตลบจนจำไม่ได้

          รู้แค่ว่าอีกฝ่ายคงคิดถึงเขามาก  เหมือนกับที่เขาคิดถึงพิชช์ฌานเช่นกัน

          .............................................................................

          “ปล่อยได้หรือยัง”  อาคิราห์ถามเสียงแหบ  เจ็บคอไปหมด  หันไปมองนอกหน้าต่างก็เริ่มเห็นแสงจาง ๆ ของพระอาทิตย์แล้ว  ...พิชช์ฌานไม่ยอมหยุดจนกระทั่งเช้า  และยังไม่ยอมปล่อยเขาเป็นอิสระอีกด้วย

          “ยังไม่หมด”  อัลฟ่าของเขาคำรามตอบกลับมาในลำคอ  มือใหญ่ยืดเอวของเขาเอาไว้แน่น  อาคิราห์คุกเข่าจนเริ่มเมื่อยไปหมดร้อนถึงอีกฝ่ายต้องหาหมอนมารองให้  “ยังไม่หลุดเลย”

          ร่างกายของเขายังเชื่อมต่อกันอยู่ราวกับมีกาวทาติดเอาไว้แต่อาคิราห์รู้ดีว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร  เขารู้สึกถึงความอุ่นจัดที่อยู่ในท้องน้อย  ทุกครั้งที่ขยับตัวก็จะรู้สึกได้ถึงชีพจรที่เต้นตุบ ๆ อยู่ภายใน

          “เปลี่ยนท่าได้มั้ย”  เขาร้องขออีกครั้ง  คราวนี้พิชช์ฌานอุ้มเขาลอยขึ้นมาทั้งที่ตัวยังติดกันแล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวลงนั่งแทน  ความกระเทือนทำให้ร่างโปร่งบางสะดุ้งเฮือก  หันไปค้อนคนที่กำลังกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง  “เมื่อไหร่จะหลุด”  เขาร้องโอดครวญอีกครั้งหนึ่ง

          พิชช์ฌานที่กำลังไล่เม้มปากลงบนผิวเนื้อหลังลำคอระหงเหลือบตาขึ้นมองนิดหนึ่ง  แล้วก็ก้มลงงับที่รอยฟันเดิมแรง ๆ เหมือนแกล้งกัน

          “โอ๊ย...เจ็บนะ”  อาคิราห์อุทาน  หน้างอ  จะลุกหนีก็ลุกไม่ได้เพราะตัวติดกันอยู่  จะขยับตัวมากก็ไม่ได้เพราะจะรู้สึกมากกว่าเดิม  ช่างเป็นความทรมานที่เอาเปรียบกันชะมัด  “วันหลังไม่เอาแล้ว”

          “ใครเริ่มก่อน”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ทำมาเป็นชวนทาครีม” เขางับที่ปลายจมูกกลมทู่เล่น  “แผนสูงเหรอ”

          “ก็..ก็เห็นเครียด ๆ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้า  สะดุ้งอีกครั้งเพราะคนข้างล่างขยับเอวสวนขึ้นมา  “โอ๊ย!  หยุดนะ”

          “แต่เธอมีอารมณ์อีกแล้วนะ  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพยักพเยิดไปที่ยังหลักฐานกลางตัวเขา  “ใครกันแน่ที่ไม่ยอมหยุด”

          “ฮือ  ไม่เอาแล้ว  เจ็บก้น  ช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย”  เจ้าบู้บี้ของเขาคร่ำครวญพลางยกแขนให้ดูราวกับขอความเห็นใจ  “มีแต่รอย”  พิชช์ฌานอมยิ้มกวาดตามองร่องรอยบนผิวสีน้ำผึ้งกระจ่างนั้นอย่างพอใจ   ชะโงกเข้าไปจูบเม้มที่ยอดอกสีเข้มทีหนึ่ง

          “เหนื่อยก็งีบก่อนก็ได้”  เขาพูดเสียงนุ่ม  ซ่อนยิ้มไว้ในใจเมื่อเห็นเจ้าโอเมก้าเอนตัวพิงอกเขาเปลือกตาปิดลงในทันที   อัลฟ่าหนุ่มแกล้งขยับตัวอีกครั้งทำให้คนหลับสะดุ้งขึ้นมานั่งตัวตรงแล้วฟาดมือใส่เต็มแรง

          “แกล้งกันเหรอ  แกล้งกันอยู่นั่นแหละ”  อาคิราห์พูดเข่นเขี้ยว  ก้มลงไปมองข้างล่างอย่างสังเกตพลางลองขยับตัวดู  “หลุดแล้ว”  ร่างโปร่งบางขยับลุกขึ้นแล้วก็เซวูบเพราะความปวดแปลบที่ช่วงเอว  ของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากด้านหลังยามขยับตัว

          “กลั้นไว้  ลูกจะได้มาเกิดเร็ว ๆ”  พิชช์ฌานกระซิบ  ใช้ปลายนิ้วลูบตรงรอยจีบข้างหลังแผ่วเบาทำเอาเจ้าของขนลุกไปทั้งตัว

          พอพูดถึงคำว่าลูก  ดวงตากลมโตก็กลับหม่นลง  พิชช์ฌานเองก็นิ่งไปนาน

          “คราวก่อน...ตอนเฌอริชช์  ไม่ได้ตั้งใจ”  อาคิราห์พึมพำ  ลูบท้องน้อยที่นูนออกมาเล็กน้อยเบา ๆ “คราวนี้คงจะไม่...”

          พิชช์ฌานเชยคางอีกฝ่ายขึ้นแล้วแนบริมฝีปากของตนเองลงไป  เขาจูบอาคิราห์อย่างดูดดื่มลึกซึ้งที่สุด  ถ่ายทอดความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ  ทั้งรักและสงสารไปให้  อาคิราห์จูบตอบกลับมา  ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมหยักศกอย่างเลื่อนลอย

          “เธอจะกลับมาเกิดอีกไหม ...น้องเฌอริชช์น่ะ”   ริมฝีปากสีแดงจัดกระซิบ  พิชช์ฌานอมยิ้มใช้ปลายนิ้วไล้ที่ริมฝีปากนุ่มที่ให้รสหวานเหมือนน้ำผึ้งไปมา

          “ถ้าเธอคิดถึง  น้องก็จะกลับมาแน่ ๆ”  เขาว่า  “อดทนหน่อยนะ”

          อาคิราห์ยิ้มออกมาได้  กอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซบหน้าลงด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ

          “ผมจะรอ”  จะรอวันนั้น..

          ............................................................................................

          พิชช์ฌานกลับออกมาจากห้องนอนในตอนสายมากแล้ว  ชายหนุ่มกระแอมไปมา  รู้สึกขัดเขินต่อหน้าสายตามารดาที่ยกอาหารมาให้อาคิราห์ถึงห้องนอน  แม้ว่าคุณนายนวลพรรณจะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม

          “ผม...ไปทำงานก่อน  เอ่อ...ฝากอาคิราห์ด้วยนะครับ  คือ...เขาไม่ค่อยสบาย”  นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจเฮือก  หันกลับไปมองทางห้องนอนอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย  “ถ้ามีอะไรโทรหาผมนะครับแม่”

          “จะไปทำงานก็ไป  มัวแต่ละล้าละลังเสียงานเสียการหมด”

          “ครับแม่”  พิชช์ฌานทำตัวไม่ถูก  เขาไม่ถูกมารดาดุเหมือนเด็ก ๆ มานานมากแล้ว

          คุณนายนวลพรรณมองตามหลังร่างสูงใหญ่พลางส่ายหน้า  หันกลับไปที่ห้องนอน...สายโร่ขนาดนี้เห็นทีลูกสะใภ้ของเธอคงจะยังลุกไม่ขึ้นเป็นแน่   

...เจ้าฌานนะเจ้าฌาน

          คนที่มารดากำลังบ่นถึงนั้นกำลังเดินกลับไปกลับมาภายในห้องทำงานของตนเองอย่างเคร่งเครียด  ข่าวการประกันตัวของไตรภพทำให้เขารู้สึกหมดกำลังใจไม่น้อย

          “เห็นทีเราคงจะจัดการกับการแทรกแซงตำรวจไม่ได้จริง ๆ ครับ  ท่านวิญญูเองก็บอกว่าฝั่งนั้นมีแบ็คที่ใหญ่กว่า”  เจนภพพูดขรึม ๆ

          “ฉันจะบีบให้ย้ายให้หมด”  พิชช์ฌานพูด

          “คุณจะบีบยังไงคุณพิชช์ฌาน  เราไม่มีเส้นใหญ่พอ”   นายจรัญพูดเรียบ ๆ หันไปมองนักข่าวที่กำลังรายงานข่าวอยู่ในโทรทัศน์

          “แต่เราตัดงบพวกเขาได้  ลองดูซิว่าจะอยู่ไหวมั้ยถ้าไม่มีเงิน”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ “ในเมื่อไม่มีความละอายกันแล้วล่ะก็  ฉันก็จะไม่ไว้หน้า”

          “แต่ว่าคุณพิชช์ฌานครับ  นั่นเท่ากับว่าหันปลายกระบอกปืนมาหาคุณโดยตรง”  เจนภพค้าน  “ผมไม่เห็นด้วย”

          พิชช์ฌานเงียบไปนาน  เขาคิดถึงบทสนทนาที่เขาพูดกับท่านไตรคุณ  อดรู้สึกผิดหวังในตัวนักการเมืองอาวุโสคนนั้นไม่ได้  หรือว่าแท้จริงแล้วเขามองโลกในแง่ดีมากเกินไป  คิดว่าคนเราจะกลับตัวกลับใจได้

          “โบราณว่าไม้แก่ดัดยากนะครับ  คงไม่ได้ผลแล้วล่ะครับ”  เจนภพพูดต่อราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่  พิชช์ฌานพยักหน้าช้า ๆ

          “บอกไปว่าฉันจะไปเป็นพยานในคดีของไตรภพ  แล้วก็มีพยานอีกสองคนที่คิดว่าประชาชนคงอยากได้ยินคำพูดจากปากพวกเขา”  ชายหนุ่มหยุดไปนิดหนึ่ง  เคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะทำงาน  “เจนภพ  ตั๋วเครื่องบินกับวีซ่าของอาคิราห์เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”

          “เรียบร้อยแล้วครับ  เหลือแต่ของคุณ”

          “นายคงไม่คิดว่าฉันจะไปด้วยหรอกนะ”  นายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์หัวเราะด้วยเสียงต่ำกว่าปกติ  “ฉันกำลังคิดอยู่ว่า...ถ้าชวนอาคิราห์ไปหย่าตอนนี้  กับหย่าทีหลังหลังจากบินไป  แบบไหนจะดีกว่ากัน”

          “ไม่ว่าแบบไหนก็ย่อมเจ็บปวดไม่ต่างกันครับ”  เจนภพพูด  “ผมคิดว่าคุณอัยย์ก็คงจะไม่ยอมไปด้วย”

          “เขาจะไปแน่ ๆ ฉันอาจจะบอกให้เขาไปเที่ยวเล่นรอฉันก่อน  แล้วฉันก็จะบินตามไป  เราจะฮันนีมูนที่นั่นตามที่เขาอยาก”

          “คุณอัยย์จะยิ่งโกรธคุณถ้ามารู้ทีหลังว่าคุณโกหก”

          พิชช์ฌานยักไหล่

          “โกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  ..ฉันแพ้ท่านไตรคุณตรงไหนรู้ไหม  จริงอย่างที่เขาบอก  ฉันเหมือนพ่อ  ใจอ่อนเกินไป...รัก...มากเกินไป   ไม่เหมือนเขาที่สามารถอยู่ต่อไปได้ทั้งแบบนี้”

          “............”  เจนภพนิ่งเงียบ  รู้ดีว่าถ้าพิชช์ฌานตัดสินใจไปแล้วก็คงไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ แน่

          “ในเมื่อเขาไม่ยอมหยุด  ฉันก็จะลองหยุดเขาด้วยตัวเองดู”  ชายหนุ่มพูดเหมือนปรารภ  “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกเจนภพ  ฉันยังรักตัวกลัวตายอยู่  ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็จะเผ่นไปสมทบที่นู่นแน่นอน”

          “ผมกลัวอะไรก็ตามที่คาดไม่ถึง  ถ้าพวกมันเล่นตามเกมมันก็ไม่น่ากลัว  แต่นี่มันเล่นนอกกติกา  คราวก่อนคุณก็เกือบตาย  ไม่รู้มันจะลอบฆ่าอีกเมื่อไหร่”  เจนภพพูด

          “เจนภพพูดถูกนะคุณพิชช์ฌาน”  จรัญพูดขึ้นบ้าง  “คุณเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน  ผมเข้าใจ  ผมก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่เรามีอีกหลายวิธีที่จะจัดการปัญหาโดยไม่ต้องเอาตัวเข้าแลกกระสุน  สงสารคุณอาคิราห์ที่ต้องเป็นหม้ายเถอะ”

          พิชช์ฌานหัวเราะอีก  ไม่พูดอะไร  เขาลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องทำงานตามด้วยคนสนิท  พวกเขากลับไปประชุมต่อที่พรรคจนกระทั่งตอนเย็นก็มีโทรศัพท์สายตรงมาหาเจนภพ

          มือขวาของเขาลุกขึ้นเดินออกไปคุยข้างนอกห้องประชุมครู่ใหญ่แล้วก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าตื่น ๆ

          “คุณฌานครับ”

          พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  เอียงหูเข้ามาฟังคนสนิทที่ก้มลงกระซิบเร็วปรื๋อ

          “มีข่าวว่าท่านไตรคุณยิงตัวตายที่บ้านครับ”

          ...........................................................................................

       



          มาอัพแล้วค่า

          ใกล้ถึงบทสรุปของเรื่องนี้เต็มทีแล้ว

          ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน  เข้าเดือนที่แปดแล้วนะเออ  เขียนนิยายปีละเรื่องฮ่า ๆ

          ดีใจที่มาถึงตอนที่ 47 แล้ว  เรียกว่าประสบความสำเร็จ  ตัวละครมีความพัฒนาตามที่คาดหวังเอาไว้

          ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริง ๆ มีกำลังใจเขียนต่อเด้อ

          #ขอรักแค่คุณ

          ปล. นี่เปิดเรื่องใหม่เอาไว้ เป็นแนว Mpreg เรื่อง Nevertheless, I still love you. #เวฬาหยุดรัก  แนวแฟนเก่าน้ำเน่า มีเด็กด้วย  ลงไปสองตอน สนใจลองอ่านได้ค่ะ


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 24-08-2019 23:40:46
ท่านไตรคุณ​คะยิ่งตัวตายนี่ตายจริงรึแกล้งตายคะ​ อยากให้น้องอัยย์มีลูกอีกจังค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-08-2019 23:43:29
เสี่ยงไปหมดเลยตอนนี้ TT
แผนแต่ละอย่างของนายคนนี้คือแบบ ฮือออออออออ แล้วเจ้าบู้บี้เลือกอะไรได้มั้ย
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2019 23:44:01
 :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-08-2019 00:25:56
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-08-2019 01:18:23
พลิกอีกล่ะ ลุ้นไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-08-2019 03:36:05
 :m16: โดนฆ่าตัดตอนแน่ๆ สงสารเจ้าบู้บี้จัง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 25-08-2019 07:35:43
ลุ้นจริงๆใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-08-2019 10:06:47
อย่าบอกนัว่าคนอยู่


เบื้องหลังคือ แม่ อคิราห์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 25-08-2019 10:10:32
กลัวว่าจะกลายเป็นพ่อของพิชช์ฌานหรือแม่ของบู้บี้จังแล้วพี่ชายบู้บี้ล่ะระแวงไปหมดเลยคุณนักเขียนเจ้าขาสงสารน้องเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-08-2019 12:12:25
โอ้ยยย เครียดมาก สงสารเจ้าอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-08-2019 12:22:43
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 25-08-2019 12:37:01
ขอให้สมหวังอย่าได้มีพรากจากกันอีกน๊า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 25-08-2019 14:43:09
รอต่อจ้า  :z13:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-08-2019 18:43:10
หรือว่าท่านไตรคุณจะยอมหยุด แต่คนแบบนั้นจะเกินเยียวยาแล้วหรือป่าว สงสารแต่บู้บี้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ไม่จบสิ้นเสียที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-08-2019 21:17:45
ดุเดือดเลือดพล่านกันทีเดียว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 25-08-2019 23:17:30
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเล้ยยย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 25-08-2019 23:41:28
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าให้เจ้าบู้บี้เจ็บปวดอีกเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-08-2019 00:04:43
ตายจริงหรือเปล่า สงสารบูบี้จังบูบี้รักพ่อมากด้วย แล้วใครคือตัวการที่กระทั้งพ่อบูบี้ยังต้องกลัวล่ะ ก่อนตายได้มีเขียนอะไรทิ้งไว้บ้างไหม พวกที่มีลายลักษณ์อักษรเอาผิดพวกตัวโต ๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 26-08-2019 00:12:29
 ขอให้น้องเฌอริช มาเกิดกับแม่อัยย์ในเร็ววัน
และขอให้เหตุการณ์สูญเสียคุณพ่อนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่จะทำให้อัยย์เสียใจ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-08-2019 07:17:31
กดดันนนน
ความสุขเดียวของคุณฌานคือตอนอยู่กับเจ้าบู้บี้
จะทิ้งความสุขเหรอ...หื้มมมมคุณฌาน!
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-08-2019 10:04:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: ploy789456 ที่ 26-08-2019 15:33:47
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าพิชฌานย์เหมือนไม่ได้รักอัยย์มากขนาดนั้นก็ไม่รู้ อ่านมาตั้งแต่ต้นเหมือนว่าความรักของพิชฌานย์จะไม่เต็มร้อยอ่ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 26-08-2019 15:58:57
อัยย์จะต้องเสียใจอีกกี่ครั้งกัน นายพิษจะทำอะไรก็ทำแต่อย่าทำให้บู้บี้ต้องเป็นหม้าย เด็ดขาด!! ลากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา สิ่งที่ทำลงไปมันไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่เพื่ออนาคต ของลูกหลานโอเมก้ารุ่นต่อๆไป
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-08-2019 20:26:12
แลกชีวิตไตรคุณคนเดียว เรื่องจบ สงสารคนข้างหลังนะ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้สูญเสีย แต่ทุกอย่างมันก็คือผลจากการกระทำของตัวเองทั้งนั้น

หนูเฌอริชช์ กลับมาแล้วใช่ไหมลูก อย่าแต่พิชช์ฌาณกลั้นน้ำตาไม่ได้เลย เราก็ร้องตามทุกครั้งที่คิดถึงบู้บี้น้อย กลับมาเร็วๆนะลูก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-08-2019 21:34:22
ตกใจเรื่องท่านไตรคุณเหมือนพยายามจะจบปัญหาที่เรื้อรัง แต่ไม่รู้ว่าถูกจุดไหม สงสารบู้บี้มาก เพิ่งเสียลูก นี่ก็พ่อ ไหนสามีจะขอหย่าอีก แง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 26-08-2019 23:55:31
แง้~~~ มาหยอดทิ้งไว้แบบให้อ้าปากค้างอีกแล้ว ~~~~ :ling1:
เหมือนจะจบ แต่อะไรอะไร ก็ยังดูมะรุมมะตุ้มกันอยู่แบบนี้นะคะ

แล้วคุณพิษนี่มันยังไงกัน มาหยอดเด็กน้อยไว้แล้วจะมาหย่านี่นะ ใช้ได้ที่ไหนกันคะ!!!
รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 27-08-2019 15:12:00
เรื่องราวเข้มข้นสุดๆๆๆๆๆๆๆ ลุ้นมากกกกก ไตรคุณมาฆ่าตัวตายอี๊กกก :katai1:
แล้วอัยย์จะยอมหย่ารึป่าว จะแอบเสียใจไหม แต่เราว่าเด็กบู้บี้คนใหม่มาแน่ๆ knot ซะนานเลย คุคิ คุคิ :-[
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-08-2019 20:00:14
สงสารอัยย์ น้องก็ยังเป็นคนคิดบวกเสมอ
คิดว่าพ่อก็มีเยื่อใยบ้าง และคงมีรักให้ลูกบ้าง

พิชญ์ฌาณคิดไปไกล คิดการใหญ่มาก ถึงขั้นจะหย่าเลยหรอ
แค่นี้อัยย์ก็น่าสงสารพอแล้วนะ ถ้าจะทำจริง บอกเหตุผลดีๆ

เอ็นดูความหลอกล่อของอัยย์ แหมมม ช่วยคลายเครียดหรอ
ความคิด คำพูดของอัยย์ ทำให้ยิ้มได้ในเวลานี้

ไตรคุณยิงตัวเองจริงหรอคะ ไม่ใช่หลอกใช่ไหม
ไม่ค่อยเชื่อเลยว่าจะทำจริง เพราะไตรภพออกมาได้แล้ว
ไม่รู้จะแปรผันไปทางไหนเลย จะช่วยอัยย์ไหมน้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 29-08-2019 06:22:51
สงสารอัยย์ :hao5: นี่ยังไม่รู้ว่าพิชช์ฌาณมีแผนจะหย่าเพื่อปกป้องอัยย์ ยัยบู้บี้ชั้นคงไม่ยอมแน่ ๆ อะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่47 24/8/62 p45
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 30-08-2019 18:06:35
เรื่องราวกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว อัยย์พึ่งทำใจเรื่องเสียลูกไปเองต้องมาเจอกับข่าวเสียพ่อไปอีก น้องจะรับไหวมั้ยสงสารจับใจเลยค่ะ คนอ่านเสียน้ำตาแทนน้องรอแล้วㅠㅠ เดาเรื่องไม่ถูกเลยรอติดตามนะคะ เอาใจช่วยทั้งตัวละครและคุณนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-09-2019 01:18:29
 :katai1: สงสารหนูอัยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-09-2019 02:18:01
โอ๊ยยยยยยย เจ้าอัยย์ก็ตัวแค่นี้  :hao5:
สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ในเงามืดจริงๆจะเอามารับความผิดได้มั้ย
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-09-2019 05:12:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-09-2019 06:53:45
สงสารน้องอัยย์ ทุกอย่างกำลังคลี่คลาย แต่ก็ประดังประเดเข้าหาน้องอัยย์หมดเลย สู้ๆ นะ นายพิชฌาน​ช์ต้องดูและน้องดีๆ นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 02-09-2019 08:25:28
สงสารเจ้าอัยย์อ่ะ ฮืออออ ทำไมต้องมาเจออะไรเยอะแยะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-09-2019 08:29:48
โอ้ยบีบหัวใจค่ะ​
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-09-2019 09:00:42
ใครคือคนที่อยู่ในเงามืดดดดดด
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-09-2019 09:08:04
โอ้ยยยย...เจ้าบู้บี้สูญเสียอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-09-2019 09:43:39
โอ๊ยยยยย สงสารทุกคน สงสารอัยย์ที่เจอแต่การสูญเสีย สงสารคุณไตรคุณที่เลือกเส้นทางชีวิตที่ผิดไป หวังว่าการสูญเสียครั้งนี้จะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้ายของอัยย์และทุกอย่างจะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-09-2019 09:54:19
แม้สิ่งที่ท่านไตรคุณเลือก จะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ไม่ว่าอย่างไร ความสญูเสียก็ไม่เคยทำให้ใครมีความสุข

ดีใจ ที่อย่างน้อยก่อนตาย คุณพ่อยังได้บอกรักลูกอัยย์  :hao5: ใกล้จบแล้ว ฮึดๆๆๆๆ สู้ๆ นักอ่านทุกท่าน สู้ๆค่ะ นักเขียน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-09-2019 10:35:13
ท่ามกลางนิยายวายรักๆ ใสๆ เสริฟจิ้นเสิร์ฟดราม่านิดหน่อย คุณเป็นเรื่องเดียวที่เขียนความขัดแย้งได้มีมิติลึกมาก แถมแอบสะท้อนอะไรบางอย่างในประเทศนี้ ชื่นชมมากๆ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-09-2019 11:44:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-09-2019 12:28:32
ทำไมเราอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังสงสารอัยย์มากขอบคุณสำหรับนิยายสนุกสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-09-2019 13:39:31
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 02-09-2019 18:20:39
รออยู่ค่ะ ตามลุ้นตามเชียร์ ตามแช่งพากนั้นอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-09-2019 20:44:59
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 02-09-2019 23:48:46
มรสุมชีวิตมากยัยอัยย์ กอดๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 03-09-2019 00:19:42
ตอนหน้าจะถึงคราวอตกฝ่ายสูญเสียบ้างหรือยัง สงสาร
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-09-2019 00:27:32
สงสารหนูอัยย์ รอ ลิปดา ต่อจร้า ถ้าเรื่องนี้จบ คิดถึงลิปดามากมาย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 03-09-2019 12:14:30
โอ๊ยยย น้ำตาไหลล สงสารทั้งคุณพ่อและน้องอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-09-2019 12:32:08
...เจ้าอัยย์ของพ่อ  อัยย์ตัวเล็กของพ่อทำได้จริง ๆ

น้ำตาไหลพราก ความรู้สึกที่แท้จริง ควมรักของพ่อที่มีต่อลูกโอไมก้า ถึงแม้ที่ผ่านมาคุณไตรคุณจะถูกปลูกฝังความเชื่อแบบเห็นแก่ตัว ถลำลึกไปกับผลประโยชน์และการเมืองจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่เพระาความรักที่มีต่ออัยย์ มันทำให้ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง จนเอาชีวิตตัวเองแลก มันบีบหัวใจ
อัยย์ต้องสูญเสียและเสียใจอีกแล้ว เจ้าบู้บี้ของช้าน ฮือออ สงสารทุกคนเลย
 
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 03-09-2019 12:55:12
 :katai4: :katai4:
ชอบมากค่ะ.. รีบมาต่อนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-09-2019 14:40:55
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-09-2019 20:53:41
สงสารเจ้าอัยย์มากๆเลย น้องต้องสูญเสียอีกกี่ครั้ง
ภาวนาให้จับคนที่อยู่เบื้องหลังได้เร็วๆ เป็นห่วงความปลอดภัยของอัยย์กับพิชญ์มากเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-09-2019 23:02:44
เป็นเครียดทุกตอนแง เมื่อไหร่เจ้าอัยย์จะได้มีความสุขกับเขาสักที  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 05-09-2019 16:12:10
เราร้องไห้อีกแล้ว ฮือออ สงสารอัยย์เมื่อไหร่น้องตะมีความสุขซักที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 06-09-2019 08:14:12
อ่านจบแล้วเฮือกเลยค่ะ มันอึดอัดจนลืมหายใจไปในบางทีเลย  :hao5:
สงสารยัยน้องอัยย์ มีแต่เรื่องให้ต้องสูญเสีย
แต่จากเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของท่านไตรคุณนี่ก็ทำให้รู้ได้เลยนะคะ ว่าเขาเองก็รักลูกตัวเองมากขนาดไหน แม้จะเลือกทางเดินที่ไม่ถูกต้องมาตลอด แต่สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะปกป้องลูกตัวเองจนผลลัพท์ออกมาเป็นแบบนี้

กระพริบตาถี่เลยตอนอ่าน หน่วงใจไปหมด :sad4:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-09-2019 08:35:00
วัน

นี้

จะ

มา

ต่อ

ใหม

รอ

อยู่

นะ

รออออออออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 06-09-2019 10:55:04
สงสารอัยย์มากๆเลยอ่ะ สภาพจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหน ยิ่งตัวเองเป็นคนคุยกับพ่อคนสุดท้าย
ตอนอ่านพาร์ทของพ่อก็น้ำตาคลอเหมือนกันนะ ขมขื่นจังเลย
ครั้งนี้อัยย์จะเป็นยังไงนะ เป็นคนที่อัยย์รักที่สุดแล้วในครอบครัวแล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 06-09-2019 12:24:39
 :sad4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-09-2019 08:58:52
รอๆ :z2:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 09-09-2019 15:25:18
สงสารบู้บี้ แงงงงงง  :ling1: คุณไรท์เขียนเรื่องการเมืองได้ลึกดีอะ มันคือจริง ๆ เลย ยังกับประเทศแถวนี้ 5555
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่48 2/9/62 p46
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 10-09-2019 14:17:33
เจ็บปวดมากค่ะ สงสารอัยย์ที่สุดเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p49
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-09-2019 19:41:59
สู้ๆน้าาาา

ทุกอย่างต้องมีช่องทางแก้ไข

มันไม่ง่ายแต่ถ้าทุกคนร่วมมือกัน

มันย่อมสำเร็จ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p49
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-09-2019 20:07:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p49
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-09-2019 20:18:20
ครอบครัวสำคัญที่สุด คุณฌาณเลือกได้ถูกต้องแล้ววว เป็นกำลังใจให้จ้าาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p49
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-09-2019 21:12:33
ใจหายแทนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 16-09-2019 21:21:06
ตอนหน้าบู้บี้ก็จบแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-09-2019 23:35:01
ไม่สิ...โถ่ๆๆๆ
ยังไม่อยากให้จบอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 16-09-2019 23:37:25
ใจหายมากๆ จะจบซะแล้ว
 แต่เราก็ยินดีเช่นกัน ยินดีที่บู้บี้จะมีความสุขแล้ว
ความสุขที่เป็นความสุขจริงๆซะที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 17-09-2019 00:18:52
ไม่รู้จะพูดอะไร อ่านแล้วแบบ ไม่ได้นึกถึงที่ไหนจริงๆ นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-09-2019 00:51:09
เลือกทางนี้แหละ มันคือความจริงที่เราต้องปล่อยบางอย่างที่เกินตัวไปเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้
สู้ๆๆนะทั้งคู่เลย ปล่อยโลกที่บ้าบอไป แล้วไปปั๊มเบบี๋บู้บี้กันเหอะ :katai3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 17-09-2019 00:55:33
จะจบแล้วหรอ ยังรู้สึกค้างคาอยู่เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-09-2019 01:16:52
คนๆเดียวไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ก็จริงแหละ
แต่ผลกระทบของมันก็คงเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-09-2019 03:31:01
ใจหายเหมือนกันนะคะ​ สู้กับปัญหามาตั้งนานแล้วอยู่ๆมันเหมือนนกปีกหักที่บินต่อไม่ได้​ แล้วเลี่ยวหันไปเดินอีกทางนึงเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 17-09-2019 05:38:24
ตาม​อ่าน​ใน​นี้​มั้ง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 17-09-2019 06:45:54
เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งได้แค่ผลิกฝ่ามือ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคุณฌาณและน้องอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-09-2019 08:24:30
คนชั่วต้องใหญ่แค่ไหน กินบ้านกินเมืองของจริง อ่านแล้วโมโหเลย เกลียดมากกกกก แง  :fire: :m31: :angry2: สงสารคุณไตรคุณ สงสารทุกคน สงสารคุณฌานที่สุดสู้ไม่ไหวอีก แงงงง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-09-2019 10:50:35
ดีแล้วล่ะที่เลือกทางนี้ ไม่อยากคิดถ้าไม่ลงจากตำแหน่งต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-09-2019 12:06:37
คุณพิช ลงพื้นที่ ช่วยเหลือน้ำท่วม ที่ภาคใหนคร้า จะไปส่อง เลขทะเบียนรถ อิอิ ผู้อยู่เบื้องหลัง คงอยู่เบื้องบน ของทุกคนซิเนอะ ภูมิใจ ที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 17-09-2019 12:46:08
แค่นี้ก็แข็งแกร่งกันทั้งสองคนแล้วค่าาา
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 17-09-2019 16:21:54
ใจหายจะจบแล้วเหรอ เจ้าโอเมก้าปุ๊กปิ๊กได้ไปเที่ยวสมใจแล้วววว
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 18-09-2019 05:06:14
โกรธที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้กับฝั่งอำนาจมืดพวกนั้น ตอนหน้าจะจบแล้วใจห่ยเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-09-2019 15:38:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 18-09-2019 17:05:49
อ่านแล้วอิน อ่านแล้วอยากจะลุกมาทำอะไร แต่สุดท้ายก็คือ ได้แต่รอว่าสักวันมันจะมาถึง เข้าใจในการตัดสินใจ มันอยากสู้แต่ก็เกินกำลัง ไปใช้ชีวิตให้มีความสุข มีบู้บี้ที่ 2 3 4 จะจบแล้วอ่าาาา ใจหาย ชอบมาก ชอบความโรแมนติกดราม่า นิยายที่มีอะไรให้เราคิดตาม นิยายน้ำดี เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะน้อง
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 20-09-2019 16:25:41
 :angry2:อำนาจมันน่ากลัวเสมออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-09-2019 19:03:28
เข้าใจนายพิชช์ฌานนะ ถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า ในเวลานี้คนที่สำคัญที่สุดก็คือครอบครัว และในที่สุดบู้บี้ก็จะได้ไปเที่ยวแล้ว ขากลับต้องมีตัวน้อยๆมาฝากคุณปู่คุณย่าแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่49 16/9/62 p47
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-09-2019 01:16:00
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 50

 



 

 

 

 

 

         “หันมาทางนี้หน่อย  ดีมาก”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กดชัตเตอร์ถ่ายรูปนายแบบที่หันมาส่งยิ้มกว้างให้กล้องไปหลายรูป  “เงยหน้าขึ้นอีกนิด”

          “แดดแรงจัง”  นายแบบเริ่มบ่น  แต่ก็ยังแอคท่าส่งยิ้มหวานให้กล้องต่อไป   “คุณมาถ่ายคู่กันเร็ว”  อาคิราห์กวักมือเรียก  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ส่งกล้องให้คนสนิทรับไป

          เขาเดินเข้าไปโอบเอวคนรักเอาไว้  ภาพวิวข้างหลังเป็นปราสาทโบราณสวยจับตา  ข้างหน้าเป็นสวนดอกไม้หลากสีหลายสายพันธุ์ที่ทำเอาอาคิราห์ตื่นตาตื่นใจใหญ่  เดินเล่นอยู่ทั้งวันไม่ยอมกลับ

          “อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปจัง”  เจ้าโอเมก้าว่า  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก  “คุณซื้อที่นี่เลยได้มั้ย”

          คนฟังเกือบสำลัก  เหลือบมองคนพูดเหมือนจะค้อน

          “ตอนนี้ฉันเป็นคนตกงานอยู่  จะเอาเงินจากไหนมาซื้อล่ะเธอก็”  พิชช์ฌานพูด  “เราลงเขาแล้วนั่งรถไฟไปต่อดีกว่า  เดี๋ยวมืดแล้วจะนั่งกระเช้าไม่ได้  ...อย่าทำหน้างั้น  ใครบอกอยากเล่นสกี”

          “อัยย์อยากเล่นสกี”  อาคิราห์พูด  แนบหน้าเข้ากับต้นแขนล่ำสันของสามี  ช้อนตาขึ้นมองอย่างที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธ  “แต่ว่าอยากเดินขึ้นไปดูตรงนู้นอีกหน่อย  นะครับ”  ตรงนู้นที่ว่าคือหอคอยโบราณสูงลิบที่มีกุหลาบเลื้อยปกคลุม  พิชช์ฌานมองตามแล้วถอนหายใจเฮือก  ยอมเดินไปดูด้วยกันแต่โดยดี

          นั่งรถไฟข้ามประเทศไปยังอีกประเทศหนึ่ง  ทิวทัศน์หุบเขาสลับซับซ้อนสวยราวกับภาพวาด  อาคิราห์นั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างไปตลอดทางพลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเป็นระยะ ๆ อดหมั่นไส้สามีไม่ได้ที่เอาแต่นอนหลับกรนคร่อกเหมือนไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนงั้นแหละ

“คุณฌานทำงานหนักเลยไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะครับ”  เจนภพพูดแก้ให้พี่ชายยิ้ม ๆ “เดี๋ยวพอถึงยอดเขาแล้วก็จะตื่นขึ้นมาเอง  คุณอัยย์ไม่ต้องห่วง”

“มาเที่ยวเอาแต่หลับ”  อาคิราห์งึมงำ  หันไปเห็นแม่บ้านอาวุโสนั่งอมยิ้มอยู่ก็พูดขึ้น  “ป้านิ่มหนาวไหมครับ  อัยย์มีผ้าพันคออีกผืนนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ  ป้าไม่หนาว  คุณอัยย์ใส่เถอะ”

“อัยย์ไม่มีที่ให้ใส่เพิ่มแล้ว”  อาคิราห์หัวเราะ  เจ้าตัวเล่นพอกทั้งเสื้อกันหนาวหมวกและผ้าพันคอหลายชั้นจนกลมไปหมด  “หนาวมาก ๆ หิมะก็ตกไม่หยุดเลย”

“นี่ขนาดมีฮีทเตอร์นะคุณอัยย์  ถ้าออกไปสกีล่ะก็”  เจนภพหัวเราะ  “ตัวแข็งเหมือนอยู่ในช่องฟรีซแน่ ๆ”

“เด็ก ๆ อัยย์จะโชว์ความสามารถด้านสกีให้ทุกคนได้ชม”  อาคิราห์โอ่

“แข่งกันไหมล่ะ  ใครแพ้โดนลงโทษ”  คนที่นอนกรนอยู่พูดขึ้น  อาคิราห์สะดุ้ง  หันไปเห็นสามีลืมตาขึ้นมองตัวเองยิ้ม ๆ อยู่ก่อนแล้ว

“ก็ได้  แต่ผมขอเรียนก่อนนะ”  อาคิราห์รีบพูด  “แข่งหลังจากที่ผมเล่นเก่งแล้ว”

“ถึงตอนนั้นฉันอาจจะต้องตะบันน้ำกินก่อน”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ  ดันตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง  “ถึงไหนแล้วเจนภพ  ใกล้หรือยัง”

“ใกล้แล้วครับ  ตอนนี้อยู่ห่างจากยอดเขา...”  เจนภพบอกอย่างคล่องแคล่ว  “แต่วันนี้คาดว่าพายุหิมะเข้าคิดว่าน่าจะไม่ให้ขึ้นกระเช้าครับคุณฌาน”

“อ้าว”  อาคิราห์อุทาน  หน้าจ๋อย  หันไปมองสามีอีกรอบ

“ก็ค้างอีกคืนก็ได้  ไม่รีบไปไหนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รีบไปไหนเลย  อยู่ที่นี่เลยได้มั้ย”  อาคิราห์พูดแกมหัวเราะ

พิชช์ฌานส่ายหน้ากึ่งระอากึ่งเอ็นดู

คืนนั้นพวกเขาเข้าพักในโรงแรมที่เจนภพจัดการจองเอาไว้ให้ก่อนเรียบร้อยแล้ว  วันรุ่งขึ้นถึงได้นั่งกระเช้าต่อขึ้นไปบนยอดเขา  หิมะสีขาวปกคลุมทั่วอาณาบริเวณทำเอาคนไม่เคยเห็นถึงกับส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลา

“คุณฌาน  ดูนั่นสิ  หมี..หมีขาวล่ะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นชี้  พิชช์ฌานกำราวเหล็กเอาไว้แน่น  ไม่ยอมหันไปมองตามที่คนรักชี้บอก  อาคิราห์พูดต่อ  “หมีจริง ๆ ด้วยแฮะ  ทำไมถึงมีหมีบนนี้ได้”

“ไหนคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลเริ่มสนใจ  ยอมขยับตัวมาชะโงกดูข้างล่างบ้าง  “โธ่  ไม่ใช่หมีค่ะ  นั่นมันคนชัด ๆ”

“ผมรู้แล้ว”  อาคิราห์ยอมรับง่าย ๆ แล้วบุ้ยใบ้ไปทางร่างสูงใหญ่ที่นั่งเกร็งมาตั้งแต่ขึ้นกระเช้า  “ผมอยากให้คุณฌานขยับตัวบ้าง  ไม่น่าเชื่อว่าคุณฌานจะกลัวความสูง”

“ฉันไม่ได้กลัวความสูง”  พิชช์ฌานพูดทันควัน  ไม่มองไปทางไหนเลยนอกจากคนที่นั่งตรงข้ามเท่านั้น  “ฉันแค่ไม่ชิน  โอ๊ะ...อย่าลุกเดิน  นั่งนิ่ง ๆ ไม่งั้นกระเช้ามันจะแกว่ง”  ชายหนุ่มรีบห้ามไม่ให้เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นเดิน

อาคิราห์ยิ้มกว้าง  เดินไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนสามีเริ่มตาเขียวถึงได้ยอมถอยกลับมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นลูบหลังคนตัวใหญ่กว่าไปมาเหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็ก

“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวนะ  มาซบอกพี่อัยย์มา”  เจ้าโอเมก้าพูด  ยืดตัวขึ้นตบอกตัวเองปุ ๆ  ยิ่งเห็นสามีหน้าซีดหน้าเซียวก็ยิ่งรู้สึกสนุกกว่าเดิม

“แค่ซบอย่างเดียวเหรอ”  พิชช์ฌานกระซิบ  หรี่ตาลงมองหน้าอีกฝ่ายแบบฝากไว้ก่อน  คนฟังเบิกตาโต  แก้มขึ้นสีเรื่อทันตาเห็น

“แค่ซบสิ”  อาคิราห์ว่า  “หยุดคิดเรื่องอื่นเลยนะ  รอยเดิมยังไม่หายเลย”  ประโยคหลังเจ้าตัวลดเสียงลงให้พอได้ยินกันสองคน  “เมื่อยด้วย”

พิชช์ฌานเอียงคอฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้งนั้นแล้วอมยิ้ม

“เดี๋ยวคืนนี้นวดให้อีก”  พูดจบก็เอื้อมมือไปบีบคลึงต้นขาของภรรยาหนัก ๆ อาคิราห์รีบยึดมือของเขาเอาไว้แล้วดึงออก

“ไม่คุยด้วยแล้ว ...ป้านิ่มครับ”  อาคิราห์ย้ายที่  รีบลุกไปนั่งกับแม่บ้านอาวุโสแทน  ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ ดังขึ้นตามหลัง

ยอดเขาสูงลิบที่พวกเขานั่งกระเช้าขึ้นมาสวยจับตาจับใจ  หิมะสีขาวปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ  บรรดานักท่องเที่ยวเดินขึ้นลงกันขวักไขว่  บ้างก็เล่นสกีจากยอดเขาลงไปข้างล่าง  อาคิราห์ยืนเกาะกระจกโรงแรมดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“อู้หู  ดูนั่นสิคุณฌาน  คนนั้นเล่นเก่งสุด ๆ เท่เหมือนในหนังเลย”  เจ้าโอเมก้าชี้นิ้วไปยังนักสกีชุดแดงที่ลงจากยอดเขาไปอย่างรวดเร็ว  “ว้าว  ดูคนโน้นเมื่อกี้เขากระโดดลงมาด้วยล่ะ”

“ขึ้นไปดูห้องพักก่อนอาคิราห์  เดี๋ยวค่อยลงมา”  พิชช์ฌานพูด  ลากตัวคนที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องพักที่วิวดีที่สุดเท่าที่เจนภพจะจองให้ได้  อดีตนายกฯอยากจะล้มตัวลงนอนสักงีบทว่าคนข้างตัวกลับกระตุกแขนเขาไม่เลิกจนต้องยอมออกมาจากโรงแรมด้วยกัน

อากาศข้างนอกหนาวจัดจนลมหายใจกลายเป็นไอ  อาคิราห์ตัวสั่นกึก ๆ ยกมือขึ้นกอดอกตัวเองเอาไว้แน่นแม้ว่าจะพอกตัวด้วยเครื่องกันหนาวเต็มสตรีมแล้วก็ตาม

“ไหนใครบอกว่าฤดูใบไม้ผลินะ”  เจ้าโอเมก้าพูด  ฟันกระทบกัน  เดินเข้ามากอดแขนสามีเอาไว้

“ก็ใครบอกอยากเล่นสกี”  พิชช์ฌานย้อน  ก้มลงมองใบหน้ากลม ๆ ที่ถูกปกปิดด้วยแว่นตาอันใหญ่กับผ้าพันคอและหมวกเต็มยศ  “ไปเล่นสิ  เมื่อกี้ใครบอกอยากเล่นนะ”  ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าบู้บี้ของเขาไม่ยอมขยับตัว

“ไม่เอาแล้ว  หนาวจะตายแล้ว”  อาคิราห์โอดครวญ  “อยากกลับเข้าไปในโรงแรม”

“ไม่ได้  มาจนถึงที่แล้วต้องเล่น”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม

“นี่คุณเอาคืนผมเหรอ”  คนฟังหน้าหงิก  ยกมือขึ้นทุบร่างสูงใหญ่ดังอั้ก  “คุณเล่นกับคุณเจนภพไปก็แล้วกันนะ  หนาวจนเหมือนหูผมจะหลุดออกมา”

“ถ้าเธอตบหูแรง ๆ มันก็จะหลุดออกมา  จริง ๆ นะ”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  ยิ่งเห็นคนฟังเบิกตาโตทำหน้าเลิ่กลั่กก็ยิ่งขำแกมเอ็นดู

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังหูคุณเอาไว้ให้ดีเลย  ลมพัดมาแรง ๆ อาจจะหูหลุดไปเลยก็ได้”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ยกมือขึ้นมาล้อเลียนหูกาง ๆ ของเขา  พิชช์ฌานเกือบสำลักน้ำลาย  ได้ยินเสียงหัวเราะกึก ๆ ดังมาจากเหล่าผู้ติดตามก็ชักฉุน  ออกแรงลากเจ้าตัวบู้บี้กลมปุ๊กให้เดินตามมาอีกทาง

อัยย์บ่นกระปอดกระแปดอยากกลับเข้าไปในโรงแรมให้ได้  แต่พอได้ลองเล่นสกีดูแล้วก็หายหนาวเป็นปลิดทิ้ง  เหงื่อแตกแทบจะถอดผ้าพันคออกแทน  เขาหัดเล่นต้วมเตี้ยมอยู่กับนิ่มนวลและครูฝึกสองคน  ส่วนพิชช์ฌานกับเจนภพนั้นกลับเล่นสกีอย่างคล่องแคล่วลงไปถึงข้างล่างแล้ว

“สนุกมั้ยคะคุณอัยย์”  แม่บ้านอาวุโสถอยมายืนดูเจ้านายล้มลุกคลุกคลานแทน  เธออุทานแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูที่เห็นเจ้าโอเมก้าเสียหลักหน้าทิ่มลงไปบนหิมะ  อาคิราห์หัวเราะร่า  เขาลุกไม่ขึ้นร้อนถึงครูฝึกกับนิ่มนวลต้องมาช่วยกันดึงขึ้นมา

“เหนื่อยมากเลยป้านิ่ม  อัยย์เหนื่อยสุด ๆ  แต่สนุกมาก”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  “แล้วนี่คุณฌานกับคุณเจนภพไปไหนแล้ว”   

“เดี๋ยวก็กลับขึ้นมาค่ะ  คงเล่นเพลิน”  นิ่มนวลตอบยิ้ม ๆ “คุณอัยย์เหนื่อยยังคะ  เรากลับเข้าไปพักในโรงแรมกันก่อนดีไหม”

“ดีเหมือนกันครับ  ท้องร้องแล้ว”  เสียงร้องโครกดังขึ้นประกอบ  อาคิราห์ยิ้มจนตาหยี  เดินตามแม่บ้านอาวุโสกลับเข้าไปในโรงแรมเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนจะถึงมื้อเย็นที่พิชช์ฌานจองโต๊ะดินเนอร์สุดหรูเอาไว้

พิชช์ฌานตามกลับมาที่โรงแรมในอีกชั่วโมงถัดมา  ใบหน้าคมเข้มแดงจัดและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ดูเหมือนพิชช์ฌานจะอายุลดลงไปสักสิบปี  ริ้วรอยความเคร่งเครียดในแววตาจางหายไปไม่มีเหลือ  ราวกับว่าชายหนุ่มทิ้งคราบของนักการเมืองมากประสบการณ์คนเก่าเอาไว้ที่ตีนเขาแล้ว

เจนภพเองก็เช่นกัน  ชายหนุ่มเดินพูดคุยอะไรสักอย่างกับพี่ชายอย่างออกรส  ท่าทางผ่อนคลายเต็มที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวแจเหมือนเดิม

“ไว้คราวหน้าฉันจะเอาจริงแน่ ๆ เจนภพ  หนนี้แค่ซ้อม ๆ เอาไว้ก่อน”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  โบกมือให้น้องชาย

“ครับผม  ผมจะรอแก้มือนะครับคุณพิชช์ฌาน”  เจนภพก้มศีรษะให้อย่างล้อเลียน

“เป็นยังไงบ้าง  สกีแข่งกันเหรอครับ  ผมขอเดาว่าคุณฌานแพ้แน่ ๆ”  อาคิราห์พูด  มองคู่ชีวิตแล้วอมยิ้ม  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาบีบจมูกคนพูดอย่างมันเขี้ยว

“ไม่เคยเข้าข้างฉันเลยนะ  เจ้าบู้บี้”

อาคิราห์ปัดมือออก  ยกมือขึ้นคลำจมูกของตัวเองป้อย ๆ

“ฮื้อ  อย่ามาจับ  เดี๋ยวจมูกหลุดออกมา”  เจ้าตัวยังกลัวอยู่  “ผมเห็นก็รู้แล้ว  คุณเจนภพเป็นยอดฝีมือแน่ ๆ”

“ฉันอ่อนให้เจนภพต่างหาก”  พิชช์ฌานแก้

“คุณฌานยอมให้ผมไปก่อนจริง ๆ ครับ”  เจนภพยืนยัน  “ถ้าแข่งกันจริง ๆ ผมแพ้ตั้งแต่ออกตัวแล้ว”

“อยากได้อะไรเจนภพ  ว่ามาเลย”  พิชช์ฌานพูดขึงขัง  มือขวาคนสนิทหัวเราะลั่น

“ผมขอตัวคุณอัยย์สักวันได้มั้ยครับ”  เจนภพยิ้มพราย  คนฟังขมวดคิ้วฉับ  พูดเสียงดุทันที

“ฉันไล่นายออกแน่เจนภพ”

“คุณเจนภพจะพาผมไปไหนเหรอ”  อาคิราห์หันไปหาอย่างสนใจ  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  ยกมือขึ้นบังหน้าเจ้าโอเมก้าเอาไว้

“ไม่ต้องไปสนใจมัน  เธอสนใจฉันคนเดียวพอแล้ว  ไป...ขึ้นห้อง”

          อาคิราห์หัวเราะ  ยอมเดินตามสามีไปอย่างว่าง่าย

          ช่วงเวลาบนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะนั้นติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาพอ ๆ กับตอนที่ได้นั่งเรือเล่นในทะเลสาบกว้างใหญ่สีเขียวมรกต  นอนจับมือกันดูดาวในสวนใบไม้เปลี่ยนสีและจบลงที่การเดินช็อปปิ้งหาของกินอร่อย ๆ ในตัวเมือง

          “กลับไปเธอได้กลิ้งแน่ ๆ อัยย์”  คนพูดกำลังหยิบช็อคโกแลตชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยว  “กลิ้งกลับแน่ ๆ เดินไม่ไหวแน่นอนอัยย์หยุดกินเดี๋ยวนี้”  ปากพูดแต่มือก็หยิบขนมเข้าปากเคี้ยวต่ออยู่ดี

          “เธอพูดกับใครน่ะอาคิราห์”  สามีหันมาถามงง ๆ “พูดกับฉันเหรอ”  พิชช์ฌานกำลังยืนเลือกนาฬิกาเรือนใหม่อยู่อย่างขะมักเขม้น

          “เปล่า  ผมพูดคนเดียว”  อาคิราห์ส่ายหน้า  เผลอนิดเดียวขนมในมือก็หมดเกลี้ยง  “คุณแอบกินของผมหรือเปล่า”

          “กินอะไรล่ะ  เห็นถือกินอยู่คนเดียวไม่ยอมแบ่งใคร”  พิชช์ฌานขมวดคิ้วใส่  “บ่นว่ากางเกงคับแต่ก็ไม่ยอมหยุดกินหมายความว่าอะไรนะ”

          “ถ้าผมตัวอ้วนตุ๊ต๊ะ  คุณจะยังรักผมมั้ย”  จู่ ๆ คนที่ดูดนิ้วเลียคราบหวาน ๆ ของขนมอย่างเพลิดเพลินก็ถามขึ้น  ร่างสูงใหญ่หันมามอง  หรี่ตาลงจับอารมณ์คนถามไม่ถูก

          “ถามทำไมเนี่ย”

          “ก็อยากรู้  ตอบสิ ๆ”

          “เธอถามตอนฉันเลือกนาฬิกาเนี่ยนะ”

          “ถามตอนนี้ไม่ได้เหรอ  ก็มันสงสัย”

          “ฉันก็ไม่ได้รักเธอเพราะเธอดูดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่”  พิชช์ฌานตอบตรง ๆ “หน้าตาบู้บี้ขนาดนี้ต่อให้ตัวกลมป๊อกก็คงบู้บี้เหมือนเดิม  หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วย  ไม่แน่อาจจะเข้ากับเธอมากกว่าผอมแห้งหัวโตก็ได้นะ  ฉันหมายถึงว่าน่ารักดี”

          “เหมือนถูกหลอกด่ายังไงไม่รู้”  อาคิราห์อุบอิบ

          “แล้วถ้าฉันแก่กว่านี้ล่ะ  เธอจะยังรักฉันอยู่ไหม”

          “คุณแก่อยู่แล้ว  คงไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอกนอกจากหัวล้านมากขึ้น  ผมหมายถึง...จะหาวิกให้นะ”  เจ้าโอเมก้าตอบหน้าตาเฉย  หมุนตัวเดินออกจากร้านนาฬิกาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวโดนเอาคืน

          พิชช์ฌานพาเขาเที่ยวแถบยุโรปและอเมริกาจนทะลุปรุโปร่ง  อาคิราห์เพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีบ้านที่ซื้อเก็บเอาไว้อยู่หลายประเทศแถมยังมีเงินฝากเอาไว้ในธนาคารอีกหลายแห่ง

          “ฉันก็ต้องเตรียมตัวบ้างสิเธอ  ใครจะรู้  เกิดต้องหนีออกนอกประเทศขึ้นมาจะได้ไม่อดตาย”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ มือก็พิมพ์ตอบอีเมล์ในคอมพิวเตอร์ไปด้วย  “เธอชอบเมืองไหนมากที่สุดล่ะ”

          “ผมเหรอ..”  อาคิราห์ครุ่นคิดแล้วก็บอกชื่อประเทศที่ชอบที่สุด  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง

          “กะแล้วเชียว”  เขาโอบภริยาเข้าหาตัว  “ที่นั่นเป็นประเทศเสรีที่สุด  แม้แต่โอเมก้าก็มีโอกาสเป็นประธานาธิบดีได้  เธอคงจะมีความสุข”

          “ผมมีความสุขเสมอถ้าอยู่กับคุณ”  อาคิราห์ตอบ  ซบหน้าลงกับอกกว้าง  พวกเขานอนคุยกันบนเตียงเหมือนทุกคืน   พิชช์ฌานยิ้มออกมาในความมืดสลัว  วางโน๊ตบุ๊คลงข้างตัว

          “ไปหัดพูดหวาน ๆ แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ไม่เห็นต้องหัด  ผมพูดออกมาจากใจ”

          “ต้องมีอะไรแน่ ๆ นี่ไม่ใช่เจ้าบู้บี้ของฉันตัวจริง”  พิชช์ฌานหรี่ตาลงอย่างระแวง  “วางแผนอะไรเอาไว้บอกมานะ”

          อาคิราห์หัวเราะ  กอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น

          “ผมมาคิดดูแล้ว  ผมไม่อยากเที่ยวแล้วล่ะ  อยากจะลงหลักปักฐานสักที่หนึ่ง  หาที่เรียนต่อให้จบ”  อาคิราห์พูดเสียงจริงจังขึ้น  “ผมเห็นโอเมก้าที่นี่แล้วอิจฉาจัง  พวกเขามีชีวิตที่เป็นอิสระ  ไม่ต้องติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ ของโอเมก้า  ผมอยากเป็นอย่างนั้น”

          “เธอโตขึ้นอีกแล้ว”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ “ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหยุดพักที่ไหนดี  รอให้เธอเรียนจบ  ออกท่องเที่ยวหาประสบการณ์ด้วยกันไปเรื่อย ๆ ดีไหม”

          “ดีที่สุดเลย”  อาคิราห์ดึงตัวขึ้นหอมแก้มของพิชช์ฌานเบา ๆ

          “ว่าแต่...เมื่อไหร่ตัวเล็กจะกลับมาหาเราเสียทีนะ”  มือใหญ่นวดคลึงบนหน้าท้องนิ่ม ๆ ไปมา

          “เมื่อเขาพร้อมก็จะมาเอง”  อาคิราห์ตอบ  วางมือทาบทับบนหลังมือของสามี  “อย่าใจร้อนสิครับ”  คนพูดนิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นที่ไกลตัว

          “คิดถึงเฌอริชช์เหรอ”

          “ผมฝันเห็นเด็กผู้หญิง ...บางครั้ง”  อาคิราห์กระซิบ

          “ใกล้จะครบรอบหนึ่งปีที่เฌอริชช์จากไปแล้ว  เวลาผ่านไปเร็วมาก”  พิชช์ฌานพึมพำ  อดคิดในใจด้วยความวูบโหวงไม่ได้ว่าป่านนี้ลูกสาวคงไปเกิดใหม่ในที่ ๆ ดีกว่า  อาจจะดีก็ได้ที่เธอไม่ได้มาอยู่กับพวกเขาตอนนี้  “เธออยากกลับไปหาลูกหรือเปล่า”

          นั่นหมายความว่าต้องกลับประเทศสินะ...อาคิราห์คิดในใจ  เวลาเกือบหนึ่งปีที่จากบ้านเกิดมานั้นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายทั้งกับตัวเขาและพิชช์ฌาน   โลกกว้างที่ได้มาทำความรู้จักทำให้อาคิราห์ยังไม่นึกอยากกลับไปสู่จุดเดิม

          “ยังไม่ถึงเวลานั้นครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “ผมยังไม่พร้อมกลับไป”

          ...........................................................

ถึง คุณแม่

          อัยย์เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเมื่อตอนบ่าย  โปรเฟสเซอร์ชมว่าธีสิสของอัยย์ดีมาก  ถ้าอัยย์ผ่านหมดล่ะก็คงจะเรียนจบทันฟอลแน่ ๆ  อัยย์ได้เป็นประธานชมรมโอเมก้าสัมพันธ์ด้วย  คุณแม่เคยได้ยินไหม  คุณพิชช์ฌานหัวเราะใหญ่เลยตอนที่อัยย์เล่าให้ฟัง  ไม่เข้าใจเลยว่ามันน่าขำตรงไหน  ชมรมของเราออกจะมีประโยชน์  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสมาชิกมากมายหลายร้อยคนหรอก  นี่อัยย์ไม่ได้โม้นะ 

          อยากให้คุณแม่ได้มาเห็นมหาวิทยาลัยของอัยย์  ตอนนี้ใบไม้เปลี่ยนสีแล้วสวยมาก ๆ เลยครับ  วันก่อนอัยย์ไปพายเรือเล่นในทะเลสาบมาด้วย  กลับมาปวดแขนไปหมดเลย  โดนคุณพิชช์ฌานดุซ้ำอีกต่างหาก  อัยย์ล่ะหมั่นไส้คุณพิชช์ฌานชะมัด  ทีตัวเองแอบไปขี่จักรยานเสือภูเขากับคุณเจนภพทั้งวัน  กลับมาปวดขาลุกไม่ขึ้นอัยย์ยังไม่เคยบ่นเลยสักคำ  คอยดูนะถ้าอัยย์สอบเป็นทนายได้เมื่อไหร่ล่ะก็  อัยย์จะไม่ต้องง้อขอเงินเขาอีกต่อไป

          ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างครับ  คงเข้าหน้าฝนแล้วใช่มั้ย  คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ  อัยย์เป็นห่วง  พี่ภพกับพี่อริศด้วย  ฝากความคิดถึงด้วยนะครับ  ส่วนอัยย์สบายดี  คุณพิชช์ฌานก็สบายดี  เราอ้วนขึ้นหลายกิโลเลยครับ  อัยย์แนบรูปล่าสุดของเราไปด้วย  คุณแม่ต้องจำไม่ได้แน่ ๆ อัยย์ไว้ผมยาวล่ะ

 

คิดถึงนะครับ

อาคิราห์

 



ถึง  อาคิราห์

          แม่ได้รับจดหมายของลูกแล้ว  ขอบใจมากที่เขียนมาถึง  มหาวิทยาลัยของลูกดูน่าเรียนดี  ตั้งใจเรียนให้จบเร็ว ๆ นะ  อากาศเปลี่ยนระวังสุขภาพด้วย  ตอนนี้แม่มาเที่ยวหมู่เกาะทางใต้กับอริศรา  ก็สนุกดีเหมือนกันนาน ๆ ได้ไปเที่ยวบ้าง  ลูกคงไม่รู้ข่าวล่าสุดว่าพี่อริศของลูกตั้งท้องแล้ว  น่าจะสักสองเดือนกว่า ๆ ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่

          หวังว่าลูกจะสบายดี  คุณพิชช์ฌานก็ด้วย

คิดถึงเช่นกัน

แม่ของลูก

 





ถึง  คุณแม่นวลพรรณ

          อัยย์ส่งขนมมากับจดหมายนี้ด้วย  อัยย์ไปกินมาวันก่อนอร่อยมาก  คิดว่าคุณแม่จะต้องชอบก็เลยเหมาร้านเขาส่งกลับไปให้  คุณพิชช์ฌานเล่าหรือยังครับว่าอัยย์ได้เป็นทนายสมใจแล้วนะ  เท่สุด ๆ ไปเลย  อัยย์ว่าความให้กับพวกโอเมก้าด้อยโอกาสทั้งหลาย  ค่าตอบแทนไม่มากเท่าไหร่แต่อัยย์ชอบมาก  คุณพิชช์ฌานบอกว่าอัยย์ว่าความชนะเพราะอัยย์พูดไม่หยุดจนผู้พิพากษารำคาญเลยให้ชนะจะได้หยุดพูด  คุณแม่ดูลูกชายคุณแม่สิครับ  นี่อัยย์ไม่ได้ฟ้องนะ

          คุณพิชช์ฌานตอนนี้ก็รับงานหลายอย่างจนอัยย์เริ่มงงว่าเขาแบ่งภาคไปได้ยังไง  ทั้งเป็นที่ปรึกษาบริษัทต่าง ๆ แล้วยังเล่นหุ้นเล่นอะไรเต็มไปหมด  ล่าสุดได้เข้าพบท่านประธานาธิบดีด้วย  มีนักการเมืองแวะมาหาเขาบ่อย ๆ จนบางครั้งอัยย์ก็กลัวว่าเขาจะกลับไปเล่นการเมืองอีก  ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูมีเสรีภาพมากกว่าที่บ้านเราแต่อัยย์เชื่อว่ายังไงก็ต้องมีเรื่องอำนาจผลประโยชน์ซ่อนอยู่แน่นอน  มีข่าวคนถูกเก็บอยู่บ่อย ๆ ให้เห็น  แต่คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ  ถ้าคุณพิชช์ฌานดูท่าจะออกนอกลู่นอกทางล่ะก็  อัยย์จะจัดการดึงเขากลับมาเอง

          เห็นคุณพิชช์ฌานบอกว่าคุณแม่อยากมาเที่ยวเหรอครับ  ผมอยากเจอคุณแม่มาก  จะรอนะครับ

ด้วยรัก

อาคิราห์




ถึง อาคิราห์

          ฉันได้รับจดหมายของเธอแล้ว  ได้ขนมของเธอแล้วด้วย รสชาติอร่อยดีมาก  ฉันเลยลองทำดูแล้วส่งกลับไปให้เธอชิมว่าอร่อยสู้ของต้นตำรับได้ไหม  แบ่งให้ฌานชิมด้วยนะ  ไม่ใช่กินหมดคนเดียวล่ะ  ฉันเห็นในรูปแล้วเธออ้วนขึ้นเยอะอาคิราห์  หน้ากลมอิ่มเชียว  อาหารที่นั่นคงถูกปากล่ะสิ  ฉันอยากจะไปเยี่ยมพวกเธออยู่เหมือนกันติดตรงที่ช่วงนี้ฉันปวดเข่า  เดินไม่ค่อยไหว  คงต้องรอให้ดีก่อนถึงค่อยไป  พวกเธอกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างสิ

          ปล. เธอก็เรียนจบแล้ว  เมื่อไหร่ฉันจะได้ยินข่าวดีเรื่องหลานบ้าง

อย่าลืมแบ่งขนมให้ฌานด้วย

นวลพรรณ     

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-09-2019 01:17:39
 







           อาคิราห์พับจดหมายฉบับนั้นเก็บเข้าซองตามเดิม  อดเป็นห่วงนิดหน่อยไม่ได้ที่เห็นคุณนวลพรรณบ่นปวดเข่า  สงสัยเขาต้องไปยาบำรุงอะไรส่งไปให้เสียแล้ว  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนหน้าชั้นหนังสือที่มีหนังสือวางเรียงรายแน่นขนัด  เกินครึ่งเกี่ยวกับกฎหมายทั้งหมดตามวิชาที่เขาร่ำเรียนมาจนจบปริญญาโท  เจ้าโอเมก้าเลือกเล่มที่เกี่ยวข้องกับคดีที่เขากำลังช่วยเหลือเพื่อนโอเมก้าด้วยกันมานั่งอ่าน

          เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเบา ๆ อย่างเกรงใจก่อนที่ร่างของเลขานุการของเขาจะเข้ามาหา  เธอถือแฟ้มหนามาด้วยท่าทางตื่นเต้น

          “คุณอัยย์คะ  มีคนมาหาคุณค่ะ”

          “ใครน่ะคุณมิเชล”   อาคิราห์ละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้า

          “เป็นดาราค่ะ  หน้าเหมือนคุณเปี๊ยบเลย”  เธอพูดแค่นั้นอาคิราห์ก็เดาออกทันทีว่าคือใคร  ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนก้าวยาว ๆ ออกมาจากห้องทำงาน  ร่างสูงโปร่งของใครบางคนยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้วข้างหน้าสำนักงานทนายความ

          “คิน”  อัยย์อุทาน  ก้าวเข้าไปกอดพี่ชายฝาแฝดเอาไว้แน่น  ฝ่ายนั้นกอดตอบแน่นพอกัน  อคินทร์ดูผอมลงไปนิดหน่อยจากที่เจอกันคราวก่อน  “มาได้ยังไงเนี่ย  ไหนว่ามีถ่ายหนัง”

          อคินทร์ที่ตอนนี้มีชื่ออยู่ในแถวหน้าของดาราฮอลลีวูดยิ้มกว้างให้น้องชาย

          “ฉันแอบแวบมา  คิดถึงนาย”

          “คิดถึงฉันหรือว่าคิดถึงใครกันแน่”  อาคิราห์ยิ้มกริ่ม  มองหน้าอย่างรู้ทัน  “คุณเจนภพไม่อยู่หรอกนะ  ไปกับคุณพิชช์ฌาน”

          “อ้าว งั้นเหรอ”  คนพูดมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย  แล้วก็ยักไหล่  “ฉันก็ไม่ได้อยากเจอเขาเท่าไหร่หรอก”

          “เชื่อมาก”  อาคิราห์ลากเสียง  โดนพี่ชายยกมือขึ้นเขกหัวไปหนึ่งทีข้อหาล้อเลียน  พวกเขาออกไปหาที่นั่งคุยกันต่อ  อคินทร์มีของมาฝากเขาด้วยจากการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งล่าสุด

          “นึกว่าคินจะเลิกร้องเพลงแล้วเสียอีก  เห็นเล่นแต่หนัง”  อาคิราห์ว่า  หยิบเข็มกลัดรูปดอกไม้ขึ้นดูอย่างพอใจ  “สวยจังเลยนะ”

          “เล่นหนังก็แค่อาชีพรอง  จริง ๆ ฉันชอบร้องเพลงมากกว่า นายก็รู้”  อคินทร์ยกขาขึ้นไขว่ห้าง  บุคลิกของเขาโดดเด่นจับตาจนใครต่อใครที่เดินผ่านอดหันมามองไม่ได้  อาคิราห์ยิ้มมุมปาก  เมื่อก่อนเขาเคยนึกอิจฉาความโดดเด่นของพี่ชายทว่าตอนนี้เขาไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอีกต่อไป

          ทุกคนก็มีดี...ในแบบของตัวเอง

          “แล้วหนังเรื่องใหม่เล่นคู่กับใคร”

          “......”  อคินทร์บอกชื่อดาราหญิงตัวท้อปมาคนหนึ่ง  อาคิราห์พยักหน้าเนิบ ๆ นั่งฟังพี่ชายเล่าเรื่องที่ไปเจอมาจากกองถ่ายอย่างเพลิดเพลินเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก  เวลาผ่านไปรวดเร็วรู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้ค่ำเสียแล้ว

          “อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”  อาคิราห์พูดยิ้ม ๆ  “รีบกลับหรือเปล่า”

          พี่ชายก้มลงมองนาฬิกา

          “ไม่รีบ  ฉันมีคิวถ่ายต่อพรุ่งนี้”  อคินทร์ว่า  ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

          “นายผอมลงคิน  ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า”

          คิ้วเรียวยาวของคนฟังเลิกสูงแล้วยิ้มขัน ๆ     

          “นายอ้วนขึ้นต่างหากล่ะอัยย์  ถึงได้มองคนอื่นผอมไปหมด  เป็นทนายนี่วัน ๆ ไม่ต้องลุกเดินเลยใช่มั้ย  เอาแต่นั่งจุ้มปุ๊กล่ะซิ”

          “ฉันก็พยายามจะออกกำลังกายอยู่”  อาคิราห์งึมงำ  แอบยกมือขึ้นลูบพุงของตัวเองที่เริ่มนูนเป็นชั้น  “ช่วงนี้กินเยอะไปหน่อย”

          “งั้นเย็นนี้ไดเอทแล้วกันนะ”

          “ไม่เอา  กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิคิน”  อาคิราห์ย่นจมูก  พี่ชายทอดสายตามองอย่างเอ็นดู  ต่อให้เวลาผ่านไปกี่ปี  อีกฝ่ายก็ยังเป็นน้องของเขาอยู่เสมอ

          “เรื่องกินเรื่องใหญ่”  ฝาแฝดพูดล้อ ๆ กอดคอพาแฝดน้องเดินกลับไปตามทางเดินที่สว่างไสวด้วยไฟสองข้างทาง  บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบ  ทางเท้าเรียบกริบไม่มีหลุมบ่อตะปุ่มตะป่ำให้ต้องคอยระวัง  ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดสมกับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอันดับต้น ๆ ของโลก

          “นายเคยคิดเรื่องกลับบ้านบ้างมั้ย”  จู่ ๆ อคินทร์ก็ถามขึ้นขณะที่กำลังหั่นเสต็กเป็นชิ้นพอคำ  “เคยคุยกับคุณพิชช์ฌานบ้างหรือเปล่า”

          “เคยเหมือนกัน”  อาคิราห์ตอบ  เคี้ยวเนื้อเต็มปาก  “คุณฌานบอกว่าแล้วแต่ฉัน”

          “แล้วนายคิดว่ายังไง”

          “ฉันอยากกลับบ้านนะ  แต่อีกใจหนึ่งฉันก็กลัว  ฉันจากที่นั่นมานานเกินไป  ถ้ากลับไปก็เหมือนต้องเริ่มใหม่”  อาคิราห์พูด  กลืนอาหารลงคอ  “ตอนนี้ฉันเป็นรองหัวหน้าสำนักงานทนายความแล้วอีกไม่นานก็คงได้ขึ้นเป็นหัวหน้า  นายคิดว่าถ้าฉันกลับไปที่นู่น  พวกเขาจะยอมให้โอเมก้าอย่างฉันทำงานต่อไหม  อย่าว่าแต่เป็นทนายเลย  เอาแค่ออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัยก่อนยังยาก”

          คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย

          “นายเปลี่ยนไปอัยย์  เมื่อหลายปีก่อนตอนที่นายมาถึงนี่ใหม่ ๆ นายไม่ได้พูดแบบนี้”  อคินทร์พูดเรียบ ๆ “ตอนนั้นนายบอกว่าอยากเรียนกฎหมายจะได้กลับไปช่วยโอเมก้าที่บ้านเกิด”

          “เวลาเปลี่ยน  คนเปลี่ยน  อคินทร์....ฉันมาถึงนี่แล้ว  ทำไมฉันจะต้องกลับไปลำบากด้วยล่ะ”  อาคิราห์ยักไหล่  “ฉันเคยยอมเสี่ยงเพื่อโอเมก้าจนเกือบตาย  แล้วดูสิว่าตอนนี้ฉันได้อะไรกลับมาบ้าง  พวกเขาลืมฉันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ  ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่”

          “นายคงไม่รู้ว่าตอนนี้ที่นู่นเริ่มมีกระแสโอเมก้าแล้วนะ  มันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอวันระเบิด”

          “ฉันจะไม่ใช่คนจุดชนวนแน่ ๆ คิน”  อาคิราห์ตอบหนักแน่น  “ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่ใช่เอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว”

          “นายพูดถูก”  อคินทร์ถอนหายใจยาว  เอนหลังพิงพนักพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นแกว่งเบา ๆ “แด่อิสรภาพของโอเมก้าประเทศเราที่ไม่มีวันมาถึง”

          อาคิราห์ชะงัก  แล้วหยิบแก้วของตนเองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

          คืนนั้นอคินทร์มาค้างที่บ้านเป็นเพื่อนเขาเพราะพิชช์ฌานไม่อยู่  อาคิราห์นั่งคุยกับพี่ชายจนดึกดื่นถึงได้แยกย้ายกันเข้านอน  เจ้าโอเมก้านอนไม่หลับทั้งคืน  คำพูดของอคินทร์วนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนทนไม่ไหว  ต้องลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์เช็คข่าวคราวของประเทศบ้านเกิดอีกฟากหนึ่งของโลก

          กระแสโอเมก้ากำลังเริ่มจุดติดจริง ๆ ตามที่อคินทร์บอก  คลื่นใต้น้ำที่รอวันปะทุ  คราวนี้ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ แล้วแต่การชุมนุมประท้วงของโอเมก้าเริ่มขยายวงกว้างไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ  แม้รัฐบาลจะพยายามออกกฎต่าง ๆ ห้ามปรามก็ตาม

          ...คงอีกไม่นาน...

          ทนายโอเมก้าชื่อดังคิดในใจ  ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาในห้องนอนอย่างกังวลปนกับความรู้สึกกระวนกระวายแปลก ๆ บอกไม่ถูก  ชายหนุ่มผุดลุกผุดนั่งเหงื่อแตกเพราะไม่สบายตัว

          หรือว่าจะใกล้ช่วงฮีท  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  ลุกไปนั่งนับปฏิทินที่จดเอาไว้ทุกเดือน  ก่อนหน้านี้เขากินยาคุมมาตลอดเพราะไม่อยากท้องป่องตอนเรียน  แต่พอเรียนจบก็หยุดกินไปพักใหญ่

          แย่ล่ะสิ  เขาจะปล่อยให้ตัวเองฮีทตอนพิชช์ฌานไม่อยู่ไม่ได้

          เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหายาระงับอาการฮีทที่เก็บเอาไว้ในลิ้นชัก  กลิ่นหอมประหลาดเหมือนหนังสือเล่มโปรดที่เขาจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของพิชช์ฌานลอยมาจากเสื้อกันหนาวไหมพรมตัวใหญ่ของสามี  อาคิราห์เม้มปาก  ดึงเสื้อตัวนั้นจากไม้แขวนออกมาดมใกล้ ๆ

          ...กลิ่นมาจากเสื้อจริง ๆ ด้วย...เขายกเสื้อขึ้นสูดกลิ่นเข้าปอดลึก ๆ อะไรหนัก ๆ ในอกค่อยจางลงอย่างน่าประหลาด  เจ้าโอเมก้าขยับจะถอยกลับไปนั่งที่เตียงทว่ากลิ่นหอมรุนแรงนั้นกลับระเหยออกมาจากผ้าพันคอผืนโปรดของพิชช์ฌานอีก  มันหอมกว่าเสื้อในมือของเขาเท่าตัว

          มือไวกว่าความคิด  เจ้าโอเมก้าคว้าผ้าพันคอผืนนั้นมาพันรอบคอตัวเอง  ตามด้วยหมวกและเสื้อโค้ท  รู้ตัวอีกทีบนเนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของสามีโปะเอาไว้แน่นหน้าเหลือแต่ลูกตาโผล่ออกมา  อาคิราห์เลือกไม่ถูกว่าควรจะเก็บชิ้นไหนเข้าตู้ดี  แต่ละอันดูจะมีกลิ่นที่น่าพึงพอใจไปเสียหมด

          เขาคัดเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาห่อตัวเอาไว้  เพิ่งค้นพบว่าหมอนของสามีก็มีกลิ่นที่เขาไม่สามารถปล่อยให้วางอยู่เฉย ๆ ตามเดิมได้  แม้แต่หมอนข้างก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังกอดสามีอยู่

          อาคิราห์พยายามฝืนลืมตาลุกจากเตียง  เขาไม่ควรปล่อยให้ห้องรกรุงรังด้วยเสื้อผ้าแบบนี้  ขืนพิชช์ฌานกลับมาเห็นเข้าจะต้องโดนดุแน่ ๆ คุณชายเจ้าระเบียบไม่มีทางยอมให้เขาคุ้ยเสื้อมาโยนเล่นรอบเตียงแน่นอน แต่ว่าหนังตาของเขาหนักเกินไป  อาคิราห์คิดอย่างมึนงง  กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยวนรอบตัวทำให้ผ่อนคลายจนไม่นึกอยากลุกไปเก็บของ  เตียงนุ่ม ๆ กับหมอนที่วางรองที่หลังก็ช่างพอดิบพอดี

          ช่างเถอะ...งีบสักสิบนาทีแล้วค่อยตื่นมารีบเก็บของก่อนพิชช์ฌานกลับมาก็ได้...เขาคิดอย่างง่วงงุน

          พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าตรู่  ก่อนที่ใครบางคนจะลุกขึ้นมาเก็บของได้ทัน  ชายหนุ่มจุ๊ปากทันทีที่เห็นสภาพห้องนอนที่เละเทะด้วยฝีมือของคนที่นอนกลิ้งเป็นดักแด้บนเตียง  ตู้เสื้อผ้าเปิดทิ้งเอาไว้อ้าซ่า  ข้าวของของเขากระจัดกระจายมาจนถึงเตียงนอน  เห็นแล้วก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

          “อัยย์...อาคิราห์  ตื่นสิ  ตื่นเร็ว”  เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าพันคอของตัวเองออกจากหัวกลม ๆ ของเจ้าโอเมก้า  “เล่นอะไรเนี่ย  ห้องรกเหมือนรังหนูเลย”  เขาบ่น  ก้มลงเก็บกางเกงของตัวเองเข้าที่  “อัยย์  ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยนะ  รู้ว่าตื่นแล้ว”

          “ยังไม่ตื่น”  เสียงอู้อี้ดังตอบกลับมาจากคนที่พลิกตัวนอนคว่ำไม่ยอมลุก

          “ยังไม่ตื่นแล้วตอบได้ยังไงฮึ”  พิชช์ฌานโคลงหัว  เขย่าตัวคนที่เล่นเป็นเด็ก ๆ ให้ลุกขึ้นมา  “ลุกมาเก็บของเร็ว ๆ รื้อของฉันเละไปหมดเลย”

          “อัยย์ไม่ตื่น”  เจ้าโอเมก้าตอบงึมงำ  ไม่ยอมลืมตาขึ้น

          พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ก้มลงช้อนตัวดักแด้ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน  ทำเอาคนแกล้งหลับเบิกตากว้าง  ตื่นเต็มตา

          “ปล่อยผม  เดี๋ยวหล่น”  อาคิราห์รีบคล้องคอสามีเอาไว้เพราะกลัวตก  “ตื่นก็ได้  วางลงก่อน”

          “เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย”  พิชช์ฌานว่า  “ตัวหนักขึ้นนะเนี่ย”

          “คุณแก่ลงต่างหากล่ะ  ผมหนักเท่าเดิม”  เจ้าโอเมก้าพูดหน้าตาย  “ดูสิ  กล้ามเหี่ยวหมดแล้ว  วัน ๆ เอาแต่ประชุม ไม่ยอมออกกำลังกาย”

          “ฉันว่าฉันก็ออกกำลังกายบ่อยนะ  ...เกือบทุกคืน”  พิชช์ฌานพูด  คนฟังหน้าแดง  เบือนหน้าหนีไปซุกกับซอกคอของสามี  แอบสูดกลิ่นหอม ๆ ของอัลฟ่าเข้าปอด  “เอ้า...ปล่อยมือจากคอฉันได้แล้ว  จะลงไม่ใช่เหรอ”

          “ปล่อยแล้วนี่ไง” ปากบอกว่าปล่อยแต่มือกลับเหนี่ยวรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเอาไว้เต็มที่  สีหน้าของอาคิราห์ก็งุนงงกับการกระทำของตัวเองเต็มที  เงยหน้าขึ้นมองสามีแล้วพูดเสียงอ่อย  “มือมันไม่ยอมปล่อย  ทำไงดี”

          “เล่นแบบนี้เดี๋ยวไม่ต้องไปทำงานกันพอดี”  คนตัวสูงขมวดคิ้ว  ก้มลงมองศีรษะเล็ก ๆ ที่นัวเนียอยู่แถวซอกคอไม่ยอมห่าง  “อาคิราห์  ฉันมีประชุมกับผู้ถือหุ้นตอนบ่ายอีกนะ”

          “ไม่อยากให้คุณไปเลย”  อาคิราห์ว่า

          “งานต้องเป็นงานสิ  เป็นอะไรไป...มีอะไรหรือเปล่า  หรือว่าอคินทร์มาพูดอะไร”  ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม  “ไม่สบายใจอะไร  เล่าให้ฉันฟังสิอัยย์”

          “มันแค่...”  เจ้าโอเมก้าส่ายหน้าไปมา  พูดไม่ถูก  แต่ก็ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่าย

          พิชช์ฌานยิ้ม  ก้มลงหอมแก้มอย่างเอ็นดูแล้วก็ผละเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ  พอกลับออกมาแต่งตัวก็พบว่าร่างโปร่งบางยังคงนั่งห่อตัวอยู่บนเตียงตามเดิม  ดวงตากลมโตจับจ้องมองเขาทุกอิริยาบถราวกับไม่ให้คลาดสายตา

          “มีอะไรหรือเปล่า  ฉันว่าต้องมีอะไรแน่”  พิชช์ฌานเลื่อนหมอนข้างกับกองเสื้อของเขาออกไปไว้อีกมุมหนึ่งของเตียงแล้วนั่งลงใกล้ ๆ  “คิดถึงฉันมากล่ะซิ  ฉันไปประชุมเดี๋ยวก็กลับมาเย็นนี้”

          “อยากไปด้วย”  อาคิราห์งึมงำ  ก้มหน้างุด

          “จะไปยังไง  วันนี้เธอมีบรรยายที่มหาลัยไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์รับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษด้วยในบางวัน  “ไม่ไปทำงานหรือไง  จะสิบโมงแล้วนะ  หรือไม่สบาย  ตัวก็ไม่ร้อนนี่”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นอังที่หน้าผาก  อีกฝ่ายคว้ามือของเขาเอาไว้แล้วยกแนบแก้ม

          เจ้าของมือหัวเราะเบา ๆ ดึงตัวอีกคนเข้ามากอด

          “จู่ ๆ ก็งอแง  ฉันว่าเมื่อคืนอคินทร์ต้องพูดอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหม  ฉันเดาถูกหรือเปล่า”  พิชช์ฌานกระซิบกับข้างแก้มนวลเรื่อด้วยเลือดฝาดนั้น  “เมียฉันถึงได้กลายเป็นเด็กแบบนี้”

          “คินไม่ได้พูดอะไร  แต่ผมเป็นอะไรไม่รู้  น่าจะใกล้ฮีทล่ะมั้ง”  อาคิราห์ตอบ  ซบหน้ากับแผ่นอกกว้างแล้วถูไปมาอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยนัก  “คุณไปทำงานเถอะ”

          “เธอจะฮีทแล้วฉันจะไปทำงานได้ยังไง”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันต้องอยู่ดูแลเธอสิอัยย์”

          “ผมกินยาระงับไปแล้ว  ไม่ฮีทหรอก  แต่คงเป็นผลข้างเคียงของยามั้ง”  อาคิราห์โกหก  เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่ายังไม่ได้กินยา  เดี๋ยวพอพิชช์ฌานกลับออกไปค่อยหามากินตามหลังก็ได้มั้ง  “คุณไปทำงานเถอะครับ  เดี๋ยวสาย”

          “อยู่ได้แน่นะ  ถ้างั้นเลคเชอร์ตอนบ่ายก็โทรไปยกเลิกคลาสเถอะ  นอนพักที่บ้านปลอดภัยกว่า”

          “ผมจะโทรไปครับ”  อัยย์พูดอย่างสงบเสงี่ยม

          กว่าพิชช์ฌานจะตัดใจกลับออกมาจากบ้านได้ก็ผ่านไปอีกพักใหญ่  ไม่รู้ทำไมวันนี้อาคิราห์ถึงได้อ้อนเขานัก  เดี๋ยวก็ได้ตบะแตกกันตอนกลางวันพอดี  ชายหนุ่มคิดขณะที่นั่งรถกลับออกมาจากบ้านตรงไปยังบริษัทที่เขารับเป็นที่ปรึกษาอยู่  เจนภพเองก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่เห็นหน้าพี่ชายฝาแฝดของอาคิราห์เข้าเมื่อเช้า

          แต่พิชช์ฌานก็ไม่มีอารมณ์จะแซวน้องชาย  เพราะเขาเองก็รู้สึกตะครั่นตะครอแปลก ๆ บอกไม่ถูก  เหมือนคนจะเป็นหวัด

          “ฉันขอกาแฟอีกแก้วนะ”  พิชช์ฌานพูดกับมือขวาคนสนิทขรึม ๆ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมในตอนบ่ายแล้ว  ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ กลับไปที่รถของตัวเอง

          “วันนี้คุณกินไปสามแก้วแล้วนะครับคุณฌาน”  เจนภพท้วง  “เดี๋ยวนอนไม่หลับหรอกครับ”

         “ไม่เป็นไร  ฉันอยากกิน”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “ฝากส่งแฟ้มรายงานวันนี้เข้าอีเมล์ของฉันด้วยนะ  คืนนี้จะได้นั่งอ่าน”

          “คุณฌานมีนัดกับคุณหวังเย็นนี้นะครับ”

          “จริงสิ  ฉันลืมไปเลย”  ชายหนุ่มชะงัก  นึกแวบถึงคนที่บ้านขึ้นมาทันที  “เลื่อนไปก่อนได้มั้ย  บอกว่าฉันติดธุระสำคัญจริง ๆ”

          “ผมจะจัดการให้ครับ”  เจนภพรับคำ  “ผมขอถามเรื่องนึงได้ไหมครับ”

          “ได้สิ  เรื่องอะไร”  คนเป็นน้องอึกอัก

          “คือ...ตอนที่คุณฌานขอคุณอัยย์แต่งงาน  คุณบอกเธอว่าอะไรครับ”

          คราวนี้พี่ชายหยุดเดิน  หันขวับมาจ้องหน้าน้องชายเขม็ง เจนภพหน้าแดงจัดจนถึงใบหู  ท่าทางตกใจพอสมควรที่โพล่งถามออกไปแบบนั้น

          “นายจะแต่งกับใคร”

          “ผมแค่ถามดูเฉย ๆ”

          “ถ้าไม่บอก  ฉันก็ไม่บอกหรอกนะ”

          “งั้นผมไม่ถามแล้ว”  ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดเร็วปรื๋อ  หมุนตัวเดินจ้ำอ้าวไปที่รถโดยไม่รอ  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ ...เดี๋ยวกลับถึงบ้านต้องไปเล่าให้อัยย์ฟังเสียหน่อยแล้ว  ในที่สุดก็มีคนยอมทุบกำแพงน้ำแข็งของตัวเองเสียที

          พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นวันนั้น  นิ่มนวลบอกเขาว่าคุณอาคิราห์ไม่ยอมลงมาจากห้องนอนเลย  เอาแต่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงท่าเดียว  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  เขามั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่สบายแน่ ๆ บางทีอาจจะเกี่ยวกับช่วงใกล้ฮีทอย่างที่เจ้าตัวบอก

          “อัยย์  ไปโรงพยาบาลไหม  ให้คุณหมอเขาดูให้”  อาคิราห์มีนายแพทย์ประจำตัวที่เป็นโอเมก้า  คุณหมอคอยดูแลตรวจสุขภาพของเขาอยู่เป็นประจำ  “ไม่สบายตัวใช่หรือเปล่า  ฉันอาบน้ำให้ดีไหม”  พิชช์ฌานพูดอย่างเอาใจ

          “อุ้มหน่อย”  อาคิราห์ตอบกลับมาประโยคเดียว  ยกมือขึ้นชูสูง  สีหน้าเว้าวอนทั้งน่ารักน่าเอ็นดูและน่าเขกหัวในเวลาเดียวกันนั้นทำให้พิชช์ฌานปฏิเสธไม่ลง  เขาพาอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำ  ช่วยถอดเสื้อผ้าออกให้ทีละชิ้นจนร่างเนียนสีน้ำผึ้งเปล่าเปลือย

          พิศดูทีละส่วนของร่างกายภริยาอย่างระมัดระวัง  อาคิราห์ดูเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย  ผิวพรรณเปล่งปลั่งกว่าตอนสมัยเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ เสียอีก  เนื้อนิ่ม ๆ นั้นก็เต็มไม้เต็มมือโดยเฉพาะช่วงสะโพกกลมกลึงสวยเหมือนรูปปั้น

          เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นปิดหน้า

          “รุ่นนี้แล้วยังอายกันอยู่อีกเหรอ”  พิชช์ฌานหัวเราะขำ  ใช้ฝักบัวบรรจงสระผมให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ  อาคิราห์หลับตาลงปล่อยให้สามีล้างยาสระผมให้ตามสบายจนสะอาด  พิชช์ฌานถูสบู่ไปตามเนื้อตัวลื่น ๆ เนียนมือทุกซอกทุกมุม  อีกฝ่ายก็ยกมือยกขาคุกเข่าให้อย่างว่าง่าย

          “ผมว่าตรงนั้นมันเกลี้ยงแล้วนะ”  อาคิราห์พูด  สะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกนิ้วยาว ๆ แกล้งลูบไปมาให้ขนลุกเล่น  อีกคนไม่ยอมหยุดมือทำเอาเขาต้องหันขวับไปมอง  พอเห็นใบหน้าคมเข้มแดงก่ำ  นัยน์ตาเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแน่เลยรีบลุกขึ้นยืน   “ผมอาบต่อเองดีกว่า”

          “ไม่ทันแล้วอัยย์”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ  “มารับผิดชอบด้วยเลยนะ”

          “ง่า...ผมต้องไปเตรียมเอกสารพรุ่งนี้”

          “อาคิราห์”  อัลฟ่าของเขาเรียกเสียงเรียบ  ตบมือลงกับหน้าขาแข็งแรงของตัวเองอย่างแรง  “มานั่งนี่มา”

          เจ้าโอเมก้ายิ้มแหย่  หน้าจ๋อยเพราะเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองดี  ลงถ้าพิชช์ฌานพูดเสียงเข้มขนาดนี้ล่ะก็  มีหวังยาวถึงเช้าแน่ ๆ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยอาคิราห์...แต่เขาไม่สามารถอยู่ห่างพิชช์ฌานได้เลย  ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา

          พิชช์ฌานสูดกลิ่นหอมหวานเหมือนคุกกี้รสนมของโอเมก้าเข้าปอด  มันจุดอารมณ์ของเขาให้ลุกโชนยากจะดับลงได้โดยง่าย  อาคิราห์ก็น่ารักไปทุกส่วนสัดจนยากจะถอนตัว  เสียงร้องครวญครางเรียกชื่อเขาดังอยู่ข้างหูตลอดทั้งคืน  แผ่นหลังของชายหนุ่มแสบไปหมดเพราะรอยเล็บของเจ้าตัวที่ฝากเอาไว้ทุกครั้งที่เขาขยับเข้าลึกเกินไป

          จากห้องน้ำมาถึงเตียงนอนที่ยังคงเละเทะ  โอเมก้าของเขาน่ารักกว่าปกติจนพิชช์ฌานรู้สึกเหมือนตัวเองดื่มไวน์เข้าไปทั้งขวด  ได้แต่ลิ้มชิมรสชาติหวานหอมของคนในอ้อมแขนไปจนถึงเช้า  อาคิราห์หลับสนิทเหมือนถูกปิดสวิตช์ทีเดียว  ผิวเนียนสีน้ำผึ้งใสเต็มไปด้วยริ้วรอยจากฝีมือของเขา  พิชช์ฌานนอนรออย่างใจเย็นจนกระทั่งร่างกายของพวกเขาหลุดออกจากกันถึงได้อุ้มภรรยาไปทำความสะอาดให้ในห้องน้ำ




หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 27-09-2019 01:18:29






         ของเหลวสีขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนต้นขาด้านในของอาคิราห์  พิชช์ฌานใช้ฝักบัวล้างให้เหมือนทุกครั้ง  เจ้าตัวปรือตาขึ้นมองเขาแล้วก็ซบหน้าลงกับอกตามเดิม  ปล่อยให้เขาจัดการให้อย่างเชื่อใจเต็มที่  พิชช์ฌานรับหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว  ใกล้จะย่างเข้าปีที่เจ็ดอยู่ร่อมร่อ  คล่องแคล่วคุ้นเคยดีว่าต้องทำอย่างไรบ้างอีกฝ่ายถึงจะสบายตัว

          คราบแดง ๆ ไหลปนออกมาจากข้างหลัง  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  ลูบดูร่องรอยแล้วก็ไม่เจอรอยฉีกขาดอะไร  ทว่าของเหลวสีแดงสดนั้นยังไหลออกมาปนกับสายน้ำจนชายหนุ่มใจเสีย   เป็นเลือดไม่ผิดแน่  หรือว่าเขาจะรุนแรงกับคู่เกินไปโดยไม่รู้ตัว  พิชช์ฌานเขย่าตัวปลุกคนที่หลับอยู่

          “อัยย์...ปวดหรือเปล่า  เจ็บตรงนั้นมากมั้ย”

          “หือ  ไม่นะ”  อาคิราห์ใช้มือแตะ ๆ คลำ ๆ ดูแล้วก็ส่ายหน้าไปมา  “ทำไมเหรอ  ...เลือดนี่  เลือดออก”  ดวงตากลมโตเบิกกว้างตอนที่เห็นเลือดติดมือตัวเองมา  “ผมเลือดออกเหรอ”

          “ใช่  เธอไม่เคยเลือดออกมาก่อนเลย”  พิชช์ฌานเริ่มเครียดแล้ว  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  ก้มลงสำรวจร่างกายของเจ้าโอเมก้าอย่างละเอียดอีกครั้ง  “เลือดยังซึม ๆ ออกมาตลอด  น่าจะไหลออกมาจากข้างใน...  ฉันมองไม่เห็นมากกว่านี้แล้ว”

          อาคิราห์หน้าซีด  จับสะโพกของตัวเองเอาไว้อย่างกังวล

          “แต่ผมไม่ปวดเลยนะ  ไม่เจ็บเลยด้วย”

          “ไปโรงพยาบาลกัน”  พิชช์ฌานตัดสินใจได้ทันที  เขาอุ้มภรรยาออกมาจากห้องน้ำแล้วจัดการสวมชุดให้เรียบร้อย  อีกมือก็โทรตามมือขวาคนสนิทให้ช่วยติดต่อคุณหมอประจำตัวของอาคิราห์ให้  ไม่นานเจนภพก็ขับรถมารับทั้งคู่ตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด

          “อัยย์ไหวไหม  จะเป็นลมหรือเปล่า”

          “เวียนหัวมากเลย”  อาคิราห์พึมพำ  หน้าซีดเผือดจนสามีใจเสียกว่าเดิม  เลือดซึมออกมาจนเปื้อนกางเกงเป็นดวง ๆ “ผมยังไม่ตายเสียหน่อย  ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น”

          พิชช์ฌานชะงัก  ยกมือขึ้นจิ้มหน้าผากของเจ้าโอเมก้าไปที

          “ยังจะมาพูดเรื่องตายอีก  ใช่เวลาเล่นไหม”

          “คุณกอดผมแน่น ๆ หน่อยสิ  แล้วผ้าพันคอของคุณล่ะ...เอามาด้วยหรือเปล่า”  พิชช์ฌานส่งผ้าพันคอของตัวเองให้อย่างงง ๆ  เห็นอีกฝ่ายรับไปพันรอบคอตวัดขึ้นมาจนถึงศีรษะเห็นแต่นัยน์ตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ในความมืดของรถ

          “หนาวเหรอ  ทำไมพันผ้าขนาดนั้น”

          “กอดผมแน่น ๆ”  อาคิราห์พึมพำ

          คุณหมอประจำตัวมารออยู่ก่อนแล้วที่โรงพยาบาล  อาคิราห์นอนนิ่งให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างว่าง่ายโดยมีร่างสูงใหญ่ยืนบีบมือกระวนกระวายอยู่ข้างหลังม่าน  คุณหมอให้เขาเจาะเลือดเก็บปัสสาวะแล้วก็หายเงียบไปเลยพร้อมกับพิชช์ฌาน

          “คุณเจนภพ  อยู่ข้างนอกหรือเปล่า”  อาคิราห์เรียก  มือขวาคนสนิทโผล่เข้ามาในห้องพักอย่างรวดเร็ว

          “ครับคุณอัยย์  มีอะไรหรือ”

          “คุณหมอยังไม่มาอีกเหรอ  แล้วคุณฌานล่ะครับ”

          “คุณหมอให้คุณอัยย์นอนพักก่อนครับ  ส่วนคุณฌานกำลังคุยกับคุณหมออยู่”

          “สรุปผมเป็นอะไรน่ะ”

          “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”  เจนภพส่ายหน้า

          “ผมรู้ว่าคุณเจนภพรู้  ถ้าคุณบอกผม  รับรองว่าผมจะช่วยให้คุณสมหวังเรื่อง...นั้นน่ะ  อย่างแน่นอน”  อาคิราห์พูด  มองหน้าน้องชายสามีอย่างเจ้าเล่ห์  “ผมมีไฟล์ทและตารางงานของ ‘เขา’ นะครับ”

          “ผมก็มีครับคุณอัยย์”  เจนภพตอบอย่างสงบแล้วยิ้มมุมปาก  “คุณอัยย์รอคุณฌานดีกว่าครับ  เดี๋ยวก็คงเข้ามา”

          เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ เจนภพรีบถอยกลับออกไปจากห้องทันทีที่ร่างสูงใหญ่ปรากฎตัว  พิชช์ฌานมองร่างโปร่งบางที่นั่งจ๋องอยู่บนเตียงครู่หนึ่งแล้วก็เดินเข้ามาสวมกอดเอาไว้ทั้งตัว

          อาคิราห์แทบจะจมหายเข้าไปในแผ่นอกกว้างนั้น  เขาได้ยินเสียงหัวใจของพิชช์ฌานเต้นรัวแรงอยู่ข้างหูนี่เอง  เสียงอีกฝ่ายสูดลมหายใจลึกยาวเข้าปอดทำให้เขารู้สึกใจเสียชอบกล  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นแตะที่หลังอย่างไม่แน่ใจเมื่อได้ยินเสียงคล้ายสะอื้นดังมาจากคนที่กอดเขาอยู่

          “...หมอบอกว่าผมจะอยู่ได้อีกกี่เดือนเหรอ”  อาคิราห์รวบรวมความกล้าถามขึ้น  มั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าคงไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นพิชช์ฌานก็คงไม่เข้ามากอดเขาร้องไห้อย่างนี้  “คุณฌาน...บอกผมมาเถอะ  ผมรับได้  ไม่เป็นไร”  ผ่านความเป็นความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง  ได้ใช้ชีวิตตามอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้  อาคิราห์รู้สึกว่าเขาไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว  เว้นอย่างเดียว...เจ้าของอ้อมแขนนี้เท่านั้น

          “แปดเดือน...อีกแปดเดือน”  พิชช์ฌานตอบกลับมาเสียงสั่น

          ขอบตาของอาคิราห์ร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาร้อน ๆ ไหลอาบแก้มทันที  ถึงจะรู้ว่าร่างกายของตนเองไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนเมื่อก่อนที่จะถูกยิง  แต่ก็ไม่นึกว่าจะอายุสั้นถึงเพียงนี้  เป็นเพราะเขาเอาแต่กินขนมไม่ยอมออกกำลังกายแน่ ๆ กรรมถึงได้ตามสนองอย่างรวดเร็ว

          “ฮือ”  อาคิราห์เบะปาก  ปล่อยโฮออกมาเต็มเสียงจนคนที่กอดอยู่ตกใจ  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นมองภรรยาอย่างตระหนก

          “เธอตกใจใช่มั้ย  ไม่เป็นไร  ไม่ต้องร้อง  ฉันก็ตกใจเหมือนกัน  ไม่นึกเลย..”

          “ผะ...ผม ฮึก เสียใจ  แค่ แปดเดือน ...แปดเดือนเอง”

          “ใช่  อีกแค่แปดเดือน”

          “ผมไม่ทัน ฮึก เตรียมตัวเลย  จะเตรียมอะไรทัน  ฮึก  ผมยังไม่ได้เป็นผู้พิพากษาเลยนะ  ฮือ”

          พิชช์ฌานรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดอีกครั้ง  โยกตัวไปมาปลอบประโลม  เข้าใจอยู่ว่าเจ้าโอเมก้าของเขาคงจะไม่ทันตั้งตัวแน่ ๆ

          “ใจเย็น ๆ นะอัยย์  ยังมีเวลา  เราค่อย ๆ เตรียมไปทีละอย่างก็ได้  แต่ว่าตอนนี้เธอต้องนอนลงก่อน  คุณหมอบอกว่าเธอต้องนอนนิ่ง ๆ รอดูอาการ  ให้เลือดหยุดไหล”  ชายหนุ่มดันตัวอีกฝ่ายนอนลงตามเดิม  อาคิราห์น้ำตาไหลพราก  จับมือสามีเอาไว้แน่น       

          “คุณอย่าเพิ่งไปไหนนะ  อยู่กับผมก่อน”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  “คุณหมอบอกว่าผมอยู่ขั้นไหนแล้ว”  ต้องเป็นมะเร็งแน่ ๆ ไม่ต้องถามกูเกิ้ลก็รู้ว่ามะเร็งแหง ๆ หัวใจของอาคิราห์ฝ่อเหลือนิดเดียว

          “ขั้นเหรอ?”  คนฟังงงไปเล็กน้อย  “เอ่อ...ไม่น่าจะเป็นเยอะนะ  หมอบอกให้นอนพักดูอาการไปก่อน  ส่วนใหญ่เลือดก็จะหยุดเอง  เธอไม่ปวดท้องไม่ใช่เหรอ”

          “ไม่ปวด”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “มันแพร่กระจายหรือยัง”

          “แพร่กระจายอะไร”  คราวนี้พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  คราบน้ำตายังค้างอยู่บนใบหน้าคมเข้ม

          “คุณบอกผมมาตามตรงเถอะ  ผมรับได้”  อาคิราห์พูดทั้งน้ำตา  “ไม่ต้องปิดผมหรอก  มาถึงขั้นนี้แล้ว  ผมต้องผ่าตัดใช่มั้ย”

          “หมอก็บอกว่าต้องผ่าตัดคลอดแน่ ๆ แต่ก็รอดูก่อนให้พ้นช่วงแท้งคุกคามนี่ไป” พิชช์ฌานพูดจริงจัง  “มดลูกของเธอเคยเย็บซ่อมมาก่อนอาจจะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวไม่สมบูรณ์  ต้องรอลุ้นเอาว่าจะเป็นยังไง”

          “ผ่าคลอด...ตัวอ่อน.. คุณพูดถึงอะไร”  อาคิราห์มองหน้าสามี  “ผมเป็นมะเร็งมดลูกเหรอ”

          “มะเร็งมาจากไหน”  ถึงคราวพิชช์ฌานงงบ้าง  จ้องหน้าเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตาครู่หนึ่งแล้วก็ตามเรื่องทัน  “อย่าบอกนะว่าเธอเข้าใจว่าตัวเองเป็นมะเร็ง”

          “ไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์อ้าปากค้างเมื่อคิดออก  เขายกมือขึ้นทุบไหล่กว้างเต็มแรง  “ใครให้คุณร้องไห้ล่ะคุณพิชช์ฌาน  ผมเข้าใจผิดหมดเลย  ร้องไห้ทำไมเนี่ย”

          “อ้าว ก็ฉันดีใจนี่”  พิชช์ฌานยิ้มกว้างจนเห็นรอยพับที่หางตา  พอเห็นเจ้าบู้บี้ของเขาหน้าหงิกก็ยิ่งขำ  “นี่เข้าใจว่าตัวเองเป็นมะเร็งจริง ๆ เหรอ  อ๋อ...ที่บอกว่าอยู่ได้แปดเดือนน่ะนะ”

          คนฟังตวัดค้อน  ยกมือขึ้นปิดหน้า

          “ก็คุณนั่นแหละ  เดินมาปล่อยโฮก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องร้ายสิ  โธ่  หยุดยิ้มเลยนะผมซีเรียส”

          “ฉันก็ซีเรียสเหมือนกันนะเธอ”  พิชช์ฌานยิ้มกริ่ม  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองออกจากหางตาง่าย ๆ “ตอนที่หมอบอกว่าเธอท้อง  ฉันดีใจจนพูดไม่ถูกเลย”

          “ท้องจริง ๆ เหรอเนี่ย”  อาคิราห์ทวนคำ  ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องนิ่ม ๆของตัวเองเบา ๆ “ผมนึกว่าพุงออกเสียอีก”

          “พุงนั่นแหละ  เธอท้องอ่อนมากแต่ที่นูนออกมาน่ะไขมันล้วน ๆ”  สามีพูดหน้าตาเฉย

          อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วก็อ้าแขนออกกว้าง  โอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซบหน้าลงกับแผ่นอกพ่อของลูก

          “ลูกกลับมาแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ

          พิชช์ฌานเชยคางเขาขึ้นแล้วก้มลงมาจูบหนักหน่วง  ความยินดีแกมตื้นตันท่วมท้นโดยไม่ต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูด  อาคิราห์รู้ดีพอ ๆ กับอีกฝ่ายว่าพวกเขาเฝ้ารอลูกคนนี้มานานแค่ไหน

          เจ็ดปีที่สูญเสียลูกคนแรกไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำให้สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ไม่นึกเลยว่าวันนี้การรอคอยจะสิ้นสุดลงแล้ว

          “อีกแปดเดือนแน่ะ”  อาคิราห์พูด

          “รอมานานกว่านั้นยังรอได้  แค่แปดเดือน ..”  คนพูดยักไหล่  ก้มลงมาจูบอีกครั้ง  “คราวนี้ไม่ตั้งชื่อรอแล้วนะ  แก้เคล็ด  ไม่อยากรู้เพศด้วย  ไปลุ้นวันคลอดเลย”

          อาคิราห์หัวเราะ

          “กำลังคิดเรื่องจะกลับบ้านเสียหน่อย”

          “รอให้คลอดก่อนค่อยว่ากัน”  พิชช์ฌานตอบ

          “ก็คงจะต้องอย่างนั้น”  อาคิราห์ยิ้ม         

          ..............................................................................

          อาคารสีขาวสองชั้นตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะที่จัดเอาไว้สวยงามเป็นระเบียบนั้นคือห้องสมุดเพื่อประชาชนที่เพิ่งถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน  นัยว่ามีผู้ใหญ่บริจาคเงินมาให้เพื่อปรับปรุงอาคารโดยเฉพาะ  ผู้อุปการะคุณคนนั้นยังย้ำอีกด้วยว่าอยากให้มีสนามเด็กเล่นอยู่ทางด้านหลัง  เลยเป็นที่มาของเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานดังมาแว่ว ๆ

          “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”  บรรณารักษ์สาวเดินเข้าไปถามชายหนุ่มร่างโปร่งบางที่ก้าวเข้ามาหยุดยืนมองรอบ ๆ อย่างสนใจ  เขาหันมาส่งยิ้มให้

          “ผมแวะมาหาหนังสืออ่านเล่นน่ะครับ”

          “ชอบอ่านแนวไหนคะ”

          “เกี่ยวกับ...กฎหมายก็ได้ครับ”  ชายผู้นั้นตอบกลับมาอย่างสุภาพ  ใบหน้าเรียวหวานแต้มรอยยิ้มมีเสน่ห์นั้นดูคุ้นตาเธออย่างประหลาด  แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน   

          “หมวดกฎหมายอยู่ชั้นสองค่ะ  เชิญตามสบายนะคะ”  เธอตอบ

          ชายหนุ่มผู้นั้นก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน  บรรณารักษ์สาวหันไปซ่อมแซมหนังสือต่ออย่างขะมักเขม้น  เธอเกือบลืมผู้ชายคนนั้นจนกระทั่งประตูห้องสมุดเปิดออกอีกครั้ง  คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาพร้อมกับจูงมือเด็กผู้ชายวัยไม่เกินห้าขวบคนหนึ่ง  กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มอีกคนหนึ่งเข้ามาด้วย

          “สวัสดีค่ะ  ให้ช่วยอะไรไหมคะ”

          “ผมมารับคนน่ะครับ เอ่อ...สูงประมาณนี้  ใส่เสื้อสีครีม..”  เขาพยายามอธิบาย  ขยับไม้ขยับมือ  ดูจากผิวพรรณที่ขาวนวลอมชมพูแล้ว  เธอเดาว่าเขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกแน่ ๆ เด็ก ๆ ทั้งสองคนก็เช่นกัน

          “คุณฌาน”  เสียงเรียกดังมาจากบันได  คนที่อธิบายให้เธอฟังอยู่ชะงัก  เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนที่เดินลงบันไดมาหา

          ยังไม่ทันถึงตัว  เด็กน้อยสองคนก็วิ่งเข้าไปหาเสียก่อน  จับมือชายคนนั้นเอาไว้คนละข้าง

          “มัมมี๊  อีฟอยากขึ้นไปข้างบนบ้าง”  เด็กหญิงชี้

          “แอลด้วย”  เด็กชายบอกอย่างกระตือรือร้น  ใบหน้าข้างใต้หมวกใบใหญ่นั้นดูจริงจังจนน่าขัน  “แอลอยากอ่านหนังสือ”

          “ไม่ต้องมาขยันตอนนี้เลยแอล  มัมมี๊รู้ทันหรอกน่ะ”  คนพูดย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กทั้งสองที่น่าจะเป็นลูกของเขา  “กลับบ้านกันได้แล้วลูก  คุณย่ากับคุณยายรออยู่นะครับ  มีขนมอร่อย ๆ รออยู่เพียบเลย”

          “อู้ว  อีฟอยากกินขนม พี่แอลขึ้นไปดูหนังสือสิ  อีฟจะไปกับมัมเอง”  เด็กหญิงพูดจ้อย ๆ กระตุกมือมารดาให้ออกเดิน

          “เห็นแก่กินเหมือนใครเนี่ย”  ชายร่างสูงใหญ่หัวเราะ  เดินเข้ามาอุ้มเด็กชายขึ้น  “ไปกับแด๊ดดีกว่าแอล  ถ้าแอลชอบไว้เราค่อยแวะมาใหม่ดีไหม”

          “ดีครับ”  เด็กคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดีขึ้น  ดูไปดูมาบรรณารักษ์สาวก็เริ่มรู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันไม่น้อย  บางทีอาจจะเป็นฝาแฝด

          “ไปกันเถอะ”  คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวหันมาโอบไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าให้ออกเดินกลับออกไปจากห้องสมุดแห่งนั้น

          ใบหน้าของผู้ชายทั้งสองคนยังติดอยู่ในความทรงจำของหญิงสาว  แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหน  จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน  เธอเดินกลับบ้านผ่านแผงหนังสือที่มีหนังสือพิมพ์วางเรียงรายเต็มชั้น  ใบหน้าของผู้ชายสองคนนั้นเด่นหราอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

          กลับมาแล้ว...คุณพิชช์ฌานและคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์  เดินทางถึงสนามบินเมื่อเช้ามืดของวันนี้พร้อมกับคณะผู้ติดตามและกลุ่มผู้สนับสนุนที่ไปรอรับกันคับคั่ง  โดยอดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าเขาเพียงแต่เดินทางกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเกิดและพักผ่อนกับครอบครัวเท่านั้น  ไม่ได้มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด  และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มปฏิวัติโอเมก้าในขณะนี้ด้วย  ย้ำว่าดอกกุหลาบแดงที่ทุกคนนำมาให้เป็นเพราะภรรยาของตนชอบดอกกุหลาบสีแดง  ไม่ใช่สัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างที่ลือกัน

 

 

          ...............................จบบริบูรณ์....................................

         

          โอ้มายก้อดดดอ  จบแล้วค่า  ในที่สุด  น้ำตาจะไหล  เป็นการเขียนที่ยาวนานก้าเดือนกว่าเกือบสิบเดือน  ดีใจมาก ๆ นะคะที่มาถึงบทสรุปของเรื่องแล้ว  เป็นอย่างไรกันบ้าง  การเดินทางของอาคิราห์กับพิชช์ฌานก็มาถึงตอนจบแล้วนะคะ  แต่เรื่องราวของพวกเขาก็จะต้องดำเนินต่อไปเนอะ

          ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมายาวนานมากกกก ประทับใจมากค่ะ  โดยเฉพาะคอมเม้นท์ที่ดุเดือดเมามัน วิเคราะห์แกทเชื่อมโยงกันเต็มไปเลยค่ะ อิอิ  เขียนเรื่องนี้สนุกมาก ๆ นะคะ ขอบคุณฟีดแบ็คจากทุกช่องทางด้วย โดยเฉพาะทางทวิตที่สนุกกันมาก ฮ่าๆ

          อย่าลืมฝากความทรงจำกันเอาไว้ด้วยนะคะ  นักอ่านเงาแสดงตัวได้แล้วเด้อ  ตอนจบแล้วค่ะ อิอิ  ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อนะคะ  เย่ๆ

          แจ้งข่าวด้วยว่าเรื่อง ขอรักแค่คุณ มีร่วมเล่มนะคะ  ตอนหลักห้าสิบตอนและตอนพิเศษห้าตอน  รีเควสตอนพิเศษกันมาได้นะคะ  น่าจะเป็นช่วงปลายปีค่ะ  ยาวๆปายยย

          เจอกันในเล่มแล้วกันนะคุณ

          ปล.  ตอนนี้เปิดเรื่องใหม่เอาไว้แล้วสองเรื่องสองรส

          เรื่องแรก  Nevertheless, I still love you. #เวฬาหยุดรัก Mpreg แนวโรแมนติกดราม่าแฟนเก่าค่ะ

          เรื่องที่สอง BeluKailoveyou #หวาฬรัก  แนวรักเบา ๆ ไฮบริดวิทยาศาสตร์สายลับค่ะ

          สนใจเรื่องไหน  ไปเจอกันต่อได้นะคะ

          ขอบคุณอีกรอบ

          #ขอรักแค่คุณ  (ไม่ใช่ ขอแค่รักคุณ นะคะ อิอิ)



หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-09-2019 01:59:07
จบดีมากๆๆๆ T________T
เจ้าบู้บี้ก็ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2019 03:06:55
อยากจะร้องไห้​ ให้กับทุกความสำเร็จของอัยย์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-09-2019 03:26:00
 :pig4: :pig4: เป็นตอนที่ยาวสามการรอคอย ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ยินดีกับบู้บี้เเละสามีที่มีความสุขซะที
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-09-2019 03:53:18
เสียดายแต่คุณไตรไม่ได้เห็นความสำเร็จของลูกชายที่รักอย่างอัยย์ว่าทำสำเร็จตามที่ฝันไว้แล้วน่าเสียดายจริง ๆ ใจหายที่เรื่องนี้จบแล้วสนุกและลุ้นทุกตอนเลย ขอบคุณไรท์จริงที่แต่งได้ออกมามีอรรถรสแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-09-2019 04:32:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig2:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 27-09-2019 07:13:29
รอรวมเล่มนะคะ อยากเก็บครอบครัวบู้บี้ไว้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 27-09-2019 07:57:31
ตอนจบอบอุ่นมากหายเครียดเลยขอตอนพิเศษเป็นเจนภพขอคุณคินแต่งงานนะค้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-09-2019 08:52:14
จบ...ซะแล้ว
รอรวมเล่มเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-09-2019 09:26:29
จะมีเรื่องใหม่

ของอคินน์กับคณเจนภพใหมคะ


รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 27-09-2019 10:17:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องนี้ดีมากกก...
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-09-2019 10:37:16
จบแล้ววววว ขอบคุณคุณนักเขียนที่ยอมให้เรื่องนี้จบแบบไม่ปวดใจ แฮปปี้มากกก ชอบเรื่องนี้มากกกก อาจจะขัดใจบางช่วง อาจจะบีบหน่วงเป็นระยะ แต่โดยรวมแล้ว มันก็เป็นนิยายในแบบที่คนเขียนได้แพลนไว้แล้ว

ขอบคุณคุณนักเขียน ที่หนักแน่นผ่านคำวิจารณ์และคอมเม้นท์อันหนักหน่วงและยืนหยัดในแนวทางของเรื่องตามที่ต้ังใจไว้จนมาจบในวันนี้ สนุกจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-09-2019 10:58:18
 :pig4: :pig4:

มีน้องแฝดด้วยยย

ดีใจแล้วที่ครอบครัวของเจ้าบู้บี้มีความสุข

ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 27-09-2019 12:52:07
รอมาเจ็ดปี ได้ลูกแฝดไปเลยจย้าาา อยากรู้ว่าเจนภพกับอคินทร์ไปสปาร์คกันตอนไหนเนี่ย 55
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 27-09-2019 13:58:50
ชอบมาก ชอบมาก ๆๆๆ มีลูกแฝดไปเลยนะเนี่ยมามี๊บู้บี้กับคุณพ่อฌาณ ชอบที่เขียนจม.คุยกันไปมาน่ารักมากกกก ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ รักเจ้าอัยย์มาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 27-09-2019 15:12:17
จบแล้วจบแบบดีมากๆๆๆขอบคุณคนเขียนที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-09-2019 15:30:12
 7 ปีที่รอคอยในที่สุดก็ได้ลูกแฝดมาเลย
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-09-2019 17:10:38
มีความสุข อบอุ่นหัวใจ ขอบคุณ คร้าบ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 27-09-2019 19:09:32
ได้ลูกแฝดน่ารักมาก ...อบอุ่นจริงๆครอบครัวนี้
รอเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-09-2019 19:51:47
ดีใจที่คุณพิษเลือกครอบครัว บางอย่างเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันด้วยด้วยกำลังแค่นี้จริงๆ ได้แต่รอวันที่ความจริงเปิดเผย ดีใจกับเจ้าบู้บี้ในที่สุดก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์และทำตามความฝันได้ ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว อ่านแล้วอิจฉาที่เขามีเงินไปอยู่เมืองนอก ส่วนเรานั้นขื่นขมเหลือเกินค่ะ 5555555555555

ยังไงก็ตาม ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกเรื่องนะคะ จะติดตามงานเขียนตลอดไปค่าา  :call:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: prympws ที่ 27-09-2019 22:52:57
ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เขียนนิยายเรื่องนี้มาให้ได้อ่าน สนุกมากจริงๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 28-09-2019 01:40:07
ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ อ่านแล้วลุ้นตามตลอดเล
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-09-2019 08:58:58
น่ารักมากค่ะ น่าเอ็นดูอัยย์ เข้มแข็งและก็พยายามจนสำเร็จเลย
ได้เป็นคุณทนายสมใจ มีพิชญ์ฌาณสนับสนุนเสมอ ตลอดเวลา

เอ็นดูทริปเค้าจังเลยค่ะ มีความงอแง มีความแหย่กันตลอด น่ารัก

ว้าววว ดีใจด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่ พิชญ์ฌาณถึงกับน้ำตาไหลน่ะ
รอคอยกันขนาดไหน เห็นอาการอัยย์กลับมานัวเนียกองผ้าเป็นดักแด้
อยากอยู่ใกล้สามีตลอดเวลา ก็คิดไปแล้ว ว่า ตัวเล็กมาแน่นอน
ได้แฝดกันไปเลย สมใจที่รอคอย ตลกอัยย์คิดไปโน่น คนบ้าทำน้องตกใจ 5555

ว้าวววที่สอง เจนภพอคินทร์หรอ คืบหน้ายังไงบ้างน้า อยากรู้จัง

ฌาณอัยย์กลับมาบ้านแล้ว ในที่สุดก็พอทำใจกลับมาได้เนาะ
แต่ถามว่าอยากให้กลับมาอยู่เลยไหม ก็ไม่อยาก

อีฟต้องได้อัยย์มามากแน่นอนเลย เซี้ยวเลยล่ะ ดูจากคำพูดคำจา
แอลก็คงได้พ่อแม่ มีความหนอนหนังสือ และออกแนวขรึม

ขอบคุณมากนะคะ นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วได้ฟีลมาก
อินมาก ตอนซึ้งก็ร้องไห้ ตอนเศร้าก็ร้องไห้
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ และติดตามเรื่องอื่นๆ ต่อด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-09-2019 13:50:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-09-2019 15:51:43
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :impress2: :impress2: :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 28-09-2019 16:33:13
จบดีงามมาก ฮือออ ทั้งที่ยังไม่อยากให้จบเลย อัยย์ได้ทำตามความฝันแล้วทุกอย่าง แถมได้น้องแฝดมาแบบไม่ทั้งตัว ขำเจ้าบู้บี้ฟูมฟายร้องไห้ นึกว่าตายแล้วแน่ๆ55555 สมเป็นเจ้าบู้บี้ที่น่ารัก น่ามันเขี้ยวของนายพิษ  :hao5: เป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่ารักมากก

แอบเซอร์ไพร้คู่ คินกับเจนภพ โอ้มายก๊อดดด!! ไปสปาร์คกันตอนไหนเนี่ยย!?

ขอบคุณนะคะ สนุกที่ได้ลุ้น อินร้องไห้น้ำตาไหลพราก และหัวเราะไปกับความบู้บี้ มีครบทุกอรรถรส ประทับใจมากกก ทุกอย่างลงตัวสมบูรณ์ ไม่มากไม่น้อย มีจังหวะเเละเวลาตามที่ควรจะเป็น ชื่นชมจากใจเลยค่ะ 'ขอแค่รักคุณ' เป็นอีกเรื่องที่เดอะ เบส ของเราเลยค่ะ  :pig4: :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 29-09-2019 00:18:04
ในที่สุดทุกอย่างก็แฮปปี้แล้ววววว :katai2-1:
ยัยอัยย์กับนายพิษมีเบบี๋สองคนเติมเต็มให้ครอบครัวแล้ววว ดีใจอ้ะะะะ :hao5:
ขอบคุณนะคะเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆ ร้องไห้ หัวเราะ เอ็นดู ตื่นเต้น มีครบทุกอย่างเลย ปรบมือค่าาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 29-09-2019 10:40:08
จบแล้วววว  :hao5:
แอบรู้สึกโหวงๆ นิดหน่อย กับความรู้สึกที่เทำอะไรกับปัญหาใหญ่นั้นไม่ได้เลย มันเป็นความสิ้นหวังที่มองแล้วก็ดูท้อตามไปด้วยเหมือนกันนะคะ .. แต่เอาเถอะนะ ยังไงชีวิตคนเราก็ต้องดำเนินต่อไป

ขอบคุณเรื่องราวสนุกๆ นี้มากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 30-09-2019 20:31:48
 :mew1: จบแล้ววววว ถ้ามีโอกาส อยากให้มีตอนพิเศษบ้างนะคะ จะไปติดตามเรื่องใหม่ สู้ ๆ นะคะ ไรท์เตอร์
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 01-10-2019 00:21:27
สนุกค่ะ ตอนแรกๆอาจดำเนินเรื่องเอื่อยๆแต่หลังๆมาก็ดีกระชับขึ้น อ่าน3วันแน่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-10-2019 15:03:08
ขอบคุณมากค่ะ ฮือ อยู่ด้วยกันมานานมาก
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: rawi62442 ที่ 03-10-2019 12:29:20
จบแล้ว อยู่ด้วยกันมานานจริงๆเรื่องนี้ เราคงคิดถึงเจ้าบู้บี้แย่เลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ผลิตนิยายดีๆแบบนี้ต่อไปนะคะ☺️
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-10-2019 23:23:59
รวดเดียวจบ แบบอยากให้มีภาคต่อ ไม่อยากพอแค่นี้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Summerset ที่ 07-10-2019 11:46:24
น่ารักมากเลยยยย  อ่านรวดเดียวจบ ปลื้มคุณสา  :impress3:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-10-2019 10:58:16
ขอบคุณ​ที่จบดีมากๆค่ะ  ติดตามตลอดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 23-11-2019 02:14:48
กว่าจะมีความสุขแบบนี้ ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 02-01-2020 19:45:09
บู้บี้น่ารักที่สุดดดดดด

น้องอัยย์คือนายเอกแห่งปีของเราเลย

ชอบความคู่รักคู่กัดมาก ทันกันทุกมุก คือตัดอารมณ์ดราม่าได้ดีมาก

เอาจริงคือเดาพลอตไม่ออกเลยตลอดเรื่องอะ

เลยเลิกเดาแล้วอ่านเพลินๆ ลุ้นๆ อยากอ่านเจนกับคินด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 03-01-2020 11:33:24
จบแล้วผู้แต่งไม่แจ้งย้ายห้องล่ะคะจะได้ มีคนไปอ่านอีก เสียดายเรื่องดีๆต้องตกไปหน้าอื่นๆ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 21-02-2020 07:48:11
รักเรื่องนี้ เจ้าบู้บี้น่ารักมาก ผูกพันเหมือนเป็นลูกสาว 5555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่มีทั้งดราม่าเศร้าซึ้ง เสียดสีสังคม
และทำให้เรายิ้มได้ จบแล้ววสินะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 24-02-2020 06:01:37
ดีมากค่ะ อ่านแล้วก็นะแบ็คใหญ่เนี่ย เหอะๆ แต่ชอบมากค่ะชอบหมดเลย คืออ่านแล้ววางไม่ได้
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++อัพบทที่50 27/9/62 p48
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 01-03-2020 01:37:20
ชอบมากๆ เลย เข้มข้นทุกตอน มีครบทุกรสชาติ  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์25มีนา-30เมษา
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 19-03-2020 22:05:56
สวัสดีค่ะ 

กลับมาเจอกันอีกแล้ว  ยังคิดถึงกันอยู่หรือเปล่า  วันนี้เราจะมาแจ้งข่าวดีก็คือการเปิดพรีออเดอร์นิยายเรื่อง Ai Adore You.  #ขอรักแค่คุณ  กันค่า  เย่ๆๆๆ ตื่นเต้นมาก

สองเล่มจบนะคะ หนามากเด้อ ตอนพิเศษห้าตอน  มีแบบบ็อกเซ็ตด้วยยยย  กล่องสวยสุดใจ  ไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ 

เริ่มเปิดพรีออเดอร์ วันที่ 25 มีนาคม - 30 เมษายน 2563 (เดี๋ยวจะมาแปะลิ้งค์อีกทีนะคะ)

รายละเอียดตามภาพเลยน้า

บอกเลยว่าซื้อตอนงานหนังสือคือคุ้มสุด 

(https://pbs.twimg.com/media/ETepbFkU0AACVWv?format=jpg&name=large)
(https://pbs.twimg.com/media/ETepcVhU8AA8zLq?format=jpg&name=900x900)
(https://pbs.twimg.com/media/ETepcAXUUAADfEb?format=jpg&name=900x900)
(https://pbs.twimg.com/media/ETepb0-UcAAEYx4?format=jpg&name=900x900)
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์25มีนา-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: ็Hollyk ที่ 25-03-2020 13:54:11






มาแล้วจ้า  สิ้นสุดการรอคอย ทางเราขอเปิดพรีออเดอร์ Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ แบบรูปเล่มสวยงาม แถมมีกล่องด้วยนะคะ  กล่องสวยมากเลย  ฝีมือการออกแบบของอาจารย์ฉงกงรับประกันความงามแน่นอน 

หนังสือหนามากกกกก  ห้าสิบตอนแถมยังมีตอนพิเศษอีกห้าตอน  กระซิบตรงนี้ว่าเกี่ยวกับพิษฌานและลูกแฝดของเขา และใครที่รอคุณเจนภพมีคู่อยู่  บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

E-book จะออกตามมาทีหลังนะคะ  อาจจะต้องรอนิดนึง  แต่จริง ๆ แนะนำให้เก็บเล่มค่ะเพราะเล่มสวยมาก ๆๆ  มาหาซื้อตอนหลังบอกเลยว่าอาจจะยากเน้อ  แล้วเดี๋ยวเสียดายทีหลังนา  จะหาว่าไม่เตือน อิอิ

ตอนนี้มีโปรโมชั่นงานหนังสืออยู่ด้วยค่ะ คุ้มแสนคุ้มนะเออ ไม่อยากให้พลาดจริง ๆ เรื่องนี้

ปล.  สุดท้ายเราขอโปรโมทนิยายเรื่องใหม่ด้วย  จะบอกว่าเป็นภาคต่อของบู้บี้ก็ไม่เชิง เรียกว่าเป็นโลกใบใหม่ที่แล้วกันนะคะ ใครที่ติดค้างกับบทสรุปของบู้บี้  เราขอแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ Ai Cherish You. #คุณขอแค่รัก

เอาล่ะ  ถึงเวลาที่รอคอย ไปพาบู้บี้กลับบ้านกันเถอะค่ะ__Melenalike




สั่งซื้อหนังสือคลิกเลยจ้า (http://www.bookishhouse.com/)

หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:00:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 19-04-2020 16:54:06
หนักหน่วง intensedสุดๆ ฮือออออออ ชอบมากค่ะ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย เหมือนกำลังดูซีรี่ย์อยุเลย ชอบมากเลยนะคะ ขอบคุณนักเขียนที่เขียนนิยายดีๆมาให้เราได้อ่านกัน เป็นกำลังใจให้สร้างผลงานดีๆต่อไปน้าาาาาา :)
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: kiddie ที่ 23-04-2020 10:18:08
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:  :3123:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 23-04-2020 21:46:25
โคดสนุกเลย o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-04-2020 17:42:48
อยากอ่านคู่คินกับเจนภพจัง
นู๋อัยย์น่ารักน่าบีบมาก
น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 02-05-2020 23:34:06
เริ่มต้นด้วยความเกลียดชัง แต่พออยู่กันไป ค่อยๆซึมซับและเรียนรู้กันทำให้ทั้งสองคนรักกันได้ในที่สุด
เป็นนิยายที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย
ไม่รู้เลยว่าอ่าน ๆ ไป มีความสุขหัวเราะอยู่ดี ๆ บรรทัดถัดมา อ่าวว ดราม่าเฉย
เป็นความสุขที่จุก ๆ หน่วง ๆ แบบแปลกๆ
แต่โดยรวมแล้วเราชอบมากกกก อ่านทุกตัวอักษร
ทุกตัวละครคือ มีปม มีความซับซ้อนของการกระทำ
ยิ่งเรื่องการเมืองด้วยแล้ว มันยิ่งชี้ให้เห็นถึงความจริงที่เราทุกๆคนก็ต่างปฏิเสธไม่ได้ และเลือกที่จะไม่เอ่ยถึง"ใคร"ให้จุกอก ..
ขอบคุณในความกล้าหาญของคนเขียนมากๆ
ที่แสดงจุดยืนและบรรยายความรู้สึกของคุณผ่านนิยายเรื่องนี้ ..จะติดตามและสนับสนุนคุณต่อไป


ขอบคุณมากๆจริง #ขอบแสดงความนับถือ  o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 03-05-2020 18:03:43
ติดตามมาตั้งแต่เรื่องแฟนหมอแมนแล้ว
เรื่องนั้นก็สนุก พอมาเรื่องนี้ก็ดีมาก
เห็นพัฒนาการของคนเขียนชัดเจน
ดำเนินเรื่องดีมาก เรื่อยๆแต่ไม่เอื่อย
บีบหัวใจตอนคุณพ่อยิงตัวตาย
เศร้ามาก สงสารอัยย์มาก
รออ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 13-05-2020 10:45:13
งานดีมากจ้า. ชอบทุกตัวละคร มีความลงตัวและเป็นเหตุเป็นผลมาก ชอบมุขการเย้าแหย่ของฌาณกับอัยย์ ความรู้สึกรักที่ฌาณมีให้กับอัยย์ ตั้งแต่ยังไม่รู้ตัวว่า ดูแลและปกป้อง ไปตามความรู้สึกที่ตัวเองทั้งห่วงและหวง น่ารักมากกกก
รู้สึกประทับใจ ในความรู้สึกผ่านบทบาทของตัวละคร ซึม เศร้า เหงา รัก หดหู่ ความกดดัน ความแค้น มีให้ครบทุกรส และสามารถจบแบบแฮปปี้
ขอขอบคุณนักเขียนมากๆและจะเป็นกำลังใจให้ ติดตามผลงานต่อไป
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
 o13
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: 末っ子 ที่ 13-05-2020 22:04:30
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: 末っ子 ที่ 13-05-2020 22:05:35
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: 末っ子 ที่ 14-05-2020 12:12:06
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากค่าา  :L2:
เขียนดีมากเลย ผูกเรื่องเก่งมาก เรียลจนสะอึก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 15-05-2020 00:01:59
555555555555555555555555555
สนุกค่า
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: casson ที่ 20-05-2020 07:58:24
เพิ่งอ่านจบ สนุกมากๆค่ะ วางพล็อตดีมาก ตัวละครก็มีมิติทุกตัว
ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 22-05-2020 23:56:45
สุดยอดมากกกกกกกกก
ตอนอ่าน รู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งดูละคร เรื่องๆนึงอยู่
คนแต่งเก่งมากอ่ะ สือให้เราเห็นภาพได้เป็นฉากๆ

การเขียน การใช้ภาษา
การดำเนินเรื่อง ดีมากๆเลย
10/10 ไปเลยจ้า


หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: wipor ที่ 23-05-2020 15:36:14
สนุกมากๆ วางไม่เลยค่ะ แต่ก็เศร้าไปในคราวเดียวกัน
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 24-05-2020 23:57:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 02-06-2020 10:44:33
น่ารักดีค่ะ กว่าจะอยู่กันอย่างมีความสุขก็ผ่านเรื่องราวมามากมาย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 13-06-2020 08:42:38
อยากให้มีต่ออยากเห็นความน่ารักของแฝดอยากเห็นความเห่อลูกของพระเอก แต่เรื่องราวเข้มข้นดีจริงๆ ชอบบบบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 24-09-2020 04:39:24
สนุก ลุ้น เดาไม่ออกทั้งเรื่อง เป็นนิยายที่อ่านแล้วหยุดไม่ได้
แต่เหมือน​นักเขียน จะลบบางตอนออกนะคะ ตอนสำคัญ น่าจะ 2-3 ตอน