[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 268156 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ยังไงเนี่ยย

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ไม่เชื่อว่าตายต้องมีอะไรแน่ๆเรื่องมันเข้มข้นขึ้นแล้ว

ออฟไลน์ Poompim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฝ้ารอตาพิษฌานอย่างมีความหวัง :sad11: :call: :call: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คิดไม่ออก บอกไม่ถูก..  :katai1:
สงสารบู้บี้.. ไรท์รีบมาน้าาาา..  :hao5:
ไม่อยากเดาแล้ววว..ปวดใจเด้อ.  :o12:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
#ขอแค่รักคุณ หมายถึงใคร อัยย์รึเปล่า ถ้าคุณฌาณต้องตายจริงๆ แล้วเป็นเพราะเจนภพมันน่าเสียใจมาก แล้วถ้าเป็นเพราะพ่อของอัยย์ อัยย์ก็คงเสียใจและยิ่งน่าสงสารมากๆไปอีก หวังว่า คุณฌาณจะไม่ตายไปจริงๆหรอกนะ คนที่รู้ความจริงน่าจะเป็นนิลลารึเปล่า??

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังคงแน่ใจว่าต้องเป็นแผนการของพิชช์ฌาน พอเริ่มระแคะระคายเรื่องเจนภพก็เลยอาจจะคิดแผนระเบิดขึ้นมา สร้างเรื่องว่าตัวเองตายไปแล้ว ซึ่งถ้าทำแบบนั้นได้จริงๆ ก็คิดว่าพิชช์ฌานน่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน เพื่อให้แผนนี้ดำเนินต่อไปได้ ทั้งหาคนที่โดนระเบิดนอนในห้องไอซียู ทั้งแหล่งที่ซ่อนตัวอยู่ตอนนี้ และแน่นอนว่าต้องรู้ความเป็นมาของทุกๆ ฝ่าย โอ้ยยย ลุ้นๆๆๆ อยากอ่านต่อแล้วว สงสารน้องอัยย์ กินข้าวก็กินไม่ลง โถลูกแม่

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ลุ้นไปหมด ซับซ้อนน่าดู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ท่านของเจนภพคือชาติชาย
ท่านที่ค้ามนุษย์คือพ่อของพิชช์
ท่านที่วางระเบิดคือพ่อของอัยย์
พี่น้องของพิชช์ที่เกิดจากเมียใหม่ของพ่อคือนิลลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2019 23:02:33 โดย kanj1005 »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรายังคงเชื่อมั่นว่าคุณฌาณยังไม่ตาย เพราะเรามั่นใจมากว่าคนที่นอนเจ็บสาหัสคนนั้นไม่ใช่คุณฌาณตั้งแต่แรกอะ แต่เจนภพนี่แบบทำไมทำงี้เรื่องพ่อแม่ที่รู้จากรินลดาเชื่อได้แน่เหรอ กุหลาบดอกนี้จากคุณฌาณหรือเปล่าหรือแผนของใครอี๊กกก

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
บีบหัวใจ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ไม่เดาละ  รอตอนต่อไปละกัน

ปล.ก่อนจะโดนสั่งเก็บ(ถ้าเป็นจริง)​ต้องสืบก่อนไหมว่าทำไม 

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
จะต้องมีการแผนซ้อนแผน แต่ ๆ หลาย ๆ ขั้นเลยย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่เชื่อหรอกว่านายพิชฌาณจะตายอ่ะ แต่ถ้าเรื่องนายเจนหักหลังเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชือครึ่งแล้ว
แล้วยังงี้หนูอัยย์จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ

ออฟไลน์ ntpmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ปวดหัววว แต่ก็ยังเชื่อว่าฌานยังไม่ตายอยู่ดี มันมีหลายเรื่องที่ยังไม่คลี่คลาย

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ถ้าเป็นการจัดฉาก ซ้อนแผนกันจริง ๆ ก้ทำได้เนียนมาก สงสารหนูอัยย์เลย .. อยากรู้ว่าใครทรยศจริง ๆ
กลัวหนูอัย มีภาวะแท้งคุกคามมาก
เร่องมันเครียดขนาดนี้

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณพิษเล่นยังไม่คุ้มค่าตัว ยังหายไปไม่ได้กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! มาดูแลบู้บี้กับลูกเธองัย :m15:
สะเทือนใจสิบริกเตอร์/กอดน้องบู้บี้แน่นๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 33

 



 

 

 

 

 

 

            “ใครเอากุหลาบมาวางเอาไว้”  อาคิราห์สะกดความตื่นเต้นเอาไว้ในสีหน้า  ถามออกไปเรียบๆ  นิลลากับนิ่มนวลหันกลับมามอง

            “กุหลาบจากไหนคะคุณอัยย์  สวยเชียว”  นิ่มนวลพูด  ลุกขึ้นเดินเข้ามาช่วยเขาจัดชุดสูทสีดำสนิทให้เข้าที่  อาคิราห์ส่งกุหลาบสดดอกนั้นให้แม่บ้านอาวุโสดู  “เหมือนเพิ่งตัดมาไม่นาน”

            “เห็นสวยดีก็เลยตัดเอามาฝากคุณ”  นิลลาพูดขึ้นหลังจากนั่งมองอยู่เงียบๆ  อาคิราห์หันกลับไปมองสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ของคนพูด  ดวงตาแห้งผากของนิลลามองตอบกลับมาโดยไม่หลบ  “คุณอาคิราห์ชอบดอกกุหลาบไม่ใช่หรือ”

            “นิลรู้ได้ยังไง”

            “มีคนบอก”

            อาคิราห์ขมวดคิ้วแวบหนึ่งแล้วก็คลายออก  ไม่ได้พูดว่าอะไรอีก  ชายหนุ่มนั่งตักอาหารที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้เข้าปากช้าๆ นิ่มนวลพยายามจะชวนเขาคุยเป็นระยะแต่อัยย์ก็ไม่มีสมาธิมากพอที่จะสานต่อบทสนทนาที่อีกฝ่ายยกขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจของเขา     

            เจนภพเข้ามาบอกว่ารถพร้อมแล้ว  อาคิราห์เดินตามหลังอดีตมือขวาคนสนิทของสามีออกไปยังรถคันใหญ่แปลกตาที่จอดรออยู่ด้านนอก  นายจรัญรักษาการณ์หัวหน้าพรรคก้าวลงมาจากรถเป็นคนแรกตามด้วยอัลฟ่าอีกสี่ห้าคนที่อาคิราห์คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเป็นลูกพรรคของพิชช์ฌาน

            “คุณอาคิราห์  ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”  จรัญพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก  “มันกะทันหันเหลือเกิน  เราทุกคนไม่มีใครทันได้ตั้งตัวเลย  คุณฌานเองก็ยังหนุ่มแน่น  ไม่นึกเลยว่า...” เขาปล่อยหางเสียงให้หายไป  เอื้อมมือมาบีบมือของอาคิราห์เอาไว้อย่างถือวิสาสะ  สัมผัสของอีกฝ่ายทำให้โอเมก้าดึงมือของตัวเองกลับมา

            “ขอบคุณครับ”  เขาตอบกลับไปเรียบๆ

            “ผมเสียใจมากจริงๆ  ผมเองก็เห็นคุณฌานมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ...ใกล้จะถึงเวลาแล้ว  เชิญคุณอาคิราห์ขึ้นรถดีกว่าครับ  ผมกับคนในพรรคเราจะไปด้วยกันที่งานของพิชช์ฌาน”  จรัญผายมือไปที่รถที่เปิดประตูรออยู่

            อาคิราห์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ  เดินนำนิลลากับเจนภพขึ้นไปนั่งบนรถคันนั้น  นายจรัญขยับจะขึ้นมาต่อจากอาคิราห์ทว่านิลลากลับแทรกขึ้นไปนั่งคั่นระหว่างเจ้านายกับอัลฟ่าหัวหน้าพรรคเอาไว้หน้าตาเฉย

            “คุณอาคิราห์  ...ผมขอเรียกคุณอัยย์แล้วกันนะครับ”  จรัญพูดยิ้มๆ มองอาคิราห์ผ่านหน้าโอเมก้าผู้ติดตามอย่างไม่สนใจ  “คุณอัยย์เป็นอย่างไรบ้าง  เรื่องสุขภาพของคุณ  มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ  ผมยินดีช่วยเหลือคุณเต็มที่”

            “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ตอบคำเดิม  สบตานายจรัญแวบหนึ่งแล้วก็เบนออกไปมองข้างนอกหน้าต่างรถแทน

            “แล้วหลังจากเกิดเรื่อง  คุณได้ติดต่อกับคุณพ่อมั้ยครับ  ท่านว่ายังไงบ้าง”

            “ก็เหมือนที่ท่านให้สัมภาษณ์ในข่าวครับ”

            “ท่านคงเป็นห่วงลูกชายกับหลานน่าดู”

            “เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อ”  อาคิราห์ตอบ  ตรงข้ามกับความคิดในใจที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้วบิดาก็ไม่ได้ติดต่อมาเลยสักนิด

            “คุณคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม”

            “ผมยังไม่ทราบครับ”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ  เริ่มอึดอัดกับเกมยี่สิบคำถามที่นายจรัญกำลังเล่น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็พอจะรู้ตัว  คนแก่กว่าส่งยิ้มออกมาราวกับปลอบใจ

            “ผมถามละลาบละล้วงคุณมากไปหรือเปล่า  อย่าถือสาผมเลยนะ  ผมแค่เป็นห่วงคุณ  คุณเป็นโอเมก้าแถมยังตั้งท้องอยู่  คู่อัลฟ่าก็มาเสียชีวิตอีก  ผมไม่อยากให้คุณต้องลำบาก”   หางเสียงของอีกฝ่ายทอดอ่อนอย่างประหลาด

            จู่ๆ นิลลาก็จามออกมาเสียงดังสนั่น

            “ทิชชูไหมครับ”  เจนภพส่งกระดาษทิชชูมาให้จากตอนหน้าของรถ  นิลลารับเอามาเช็ดพลางสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง  ทำเอานายจรัญที่นั่งอยู่ข้างๆต้องกระเถิบถอยห่างอย่างรังเกียจ

            “พอดีนิลลาไม่ค่อยสบาย  ต้องขออภัยด้วยนะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นเนิบๆ

            “ไม่เป็นไรครับ”  นายจรัญตอบกลับมา

            หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งมาถึงงานพิธีที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามสมศักดิ์ศรีของผู้ตาย  แขกเหรื่อที่เห็นล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่อาคิราห์รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง  แสงแฟลชของนักข่าวสว่างวาบเป็นระยะไม่ขาดสาย

            เขาทำตามขั้นตอนที่นายจรัญบอกไปเรื่อยๆ แล้วก็ถอยออกมานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวเงียบๆ ทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าผ่านแท่นตรงกลางที่มีหีบวางเด่นเป็นสง่าไปยังรูปภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มหล่อเหลา

            ...ใครจะนึกว่านักการเมืองอนาคตไกลจะมาจบชีวิตลงง่ายๆแบบนี้กัน... อาคิราห์กำมือแน่นเข้า  ความเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทำให้เขาสะดุ้ง  ก้มลงมองก็เห็นว่าดอกกุหลาบสีแดงที่ติดมือมาจากบ้านนั้นถูกเขาบีบแหลกคามือ  หนามแหลมของมันที่ยังหลงเหลืออยู่แทงเข้าที่ฝ่ามือจนเลือดซิบ

            “คุณอัยย์...จะกลับไปข้างนอกก่อนไหม”  เจนภพเดินเข้ามาถามเขาด้วยท่าทางเป็นห่วง  อาคิราห์ส่ายหน้า  เก็บเศษกุหลาบดอกนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ

            “ผมไม่เป็นไรครับ  เชิญคุณเจนภพตามสบาย”  เขาตอบกลับไป

            อีกฝ่ายหันไปกำชับนิลลาให้คอยดูแลเขาไม่ให้คลาดสายตาแล้วก็จากไปวิ่งวุ่นประสานงานกับคนนู้นคนนี้ตลอดทั้งงาน  คุณนวลพรรณมารดาของพิชช์ฌานก็มาด้วยเช่นกัน  เธอตวัดสายตามองมาทางเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไรแล้วก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่รับไหว้  ส่วนท่านนิมมานมากับคุณหญิงของเขา  เพียงแต่ทักทายลูกสะใภ้สั้นๆแค่นั้น

            “มือคุณเป็นแผล”  นิลลากระซิบขึ้นเบาๆ ขณะที่เสียงบทสวดดังขึ้น  อาคิราห์แบมือออก  รอยเลือดยังค้างอยู่บนฝ่ามือให้เห็น  นิลลาดึงมือของเขาไปเช็ดให้ช้าๆจนสะอาด  “กุหลาบสวยงามน่าทะนุถนอมแต่ถ้าไม่ระวังให้ดีก็จะถูกหนามแหลมทิ่มเอาได้”

            “เธอตัดกุหลาบดอกนี้มาจากไหนงั้นหรือ นิลลา”

            “ในสวนหลังบ้าน...มีคนปลูกเอาไว้”

            “ไม่ใช่มีคนให้มาหรอกเหรอ”   

            “ฉันตัดมาเองกับมือ  คุณอาคิราห์”  นิลลายืนยัน  อาคิราห์ก็เลยไม่ถามอีก

            “ขอบใจมาก  ช่วยตัดมาให้ทุกวันเลยได้มั้ย”

            “นิลลาจะตัดมาให้คุณทุกวัน  จนกว่า...”  ประโยคหลังเสียงของโอเมก้าหายไปในลำคอเพราะมีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านหน้าพิธี  บรรดานักข่าวลุกพรึ่บกรูกันออกไปด้านนอกชุลมุน

            “ใครมาน่ะ”  อาคิราห์พึมพำ  ชะเง้อขึ้นมองออกไปด้านนอก

            กลุ่มคนที่มะรุมมะตุ้มอยู่นั้นเคลื่อนเข้ามาภายในบริเวณงาน  พอเห็นบุคคลที่ก้าวเข้ามาอาคิราห์ก็เบิกตากว้าง  รีบลุกเดินเข้าไปหาอย่างตกใจปนยินดี

            “คุณพ่อ”

            “อาคิราห์”  ท่านรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่น  แสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์รัวรอบตัว  “เป็นอย่างไรบ้าง  อัยย์”  เสียงของพ่อทำให้คนฟังน้ำตาคลอ  อาคิราห์สูดน้ำมูก  แอบซับน้ำตากับอกเสื้อสูทราคาแพงของบิดา

            “ดีใจที่คุณพ่อมา”  เขาพูดเสียงสั่น 

            ไตรคุณยกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวยของบุตรชายเบาๆแล้วดันตัวลูกออก  จับมือเย็นเฉียบนั้นเอาไว้แล้วพาเดินเข้าไปในงานเพื่อทำความเคารพผู้ตาย  ตลอดเวลาเขาไม่ได้ปล่อยมือของอาคิราห์ออกเลยจนกระทั่งเสร็จจึงได้ถอยออกมานั่งด้วยกันข้างหน้าสุด

            “พ่อตกใจมากตอนที่รู้ข่าว  อัยย์ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

            “ผมไม่เป็นไร”  อาคิราห์ส่ายหน้า  ถึงจะอยากโผเข้าไปกอดบิดาอีกรอบแต่ก็ทำไม่ได้  ต้องกลั้นใจนั่งข่มน้ำตาของตัวเองเอาไว้  “แล้วคุณแม่..”

            “แม่เขาไม่สบาย”  บิดาตอบสั้นๆ

            หลังจากนั้นพ่อลูกก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเพราะใครต่อใครต่างเข้ามาทำความเคารพท่านไตรคุณกันไม่ขาดสาย  อาคิราห์นั่งอยู่ข้างๆบิดาจนจบพิธี  ท่านนายกฯก็ลุกขึ้น

            “พ่อมีงานต้องทำต่อ  คงต้องกลับก่อน”  ไตรคุณพูดกับลูกเนิบๆ  ยกมือขึ้นแตะที่ข้างแก้มของลูกชายเบาๆ “ดูแลตัวเองด้วยนะอัยย์   ...ถ้ามีปัญหาอะไรก็กลับบ้านนะ  พ่อจะช่วยลูกเอง”

            “ครับ”  อาคิราห์พูดไม่ออก

เขาเดินตามออกไปส่งบิดาที่ข้างหน้า   นักข่าวเดินตามมาเป็นพรวนแล้วก็รุมล้อมสัมภาษณ์ต่อ  อาคิราห์ถอยออกมายืนห่างๆมองดูภาพบิดาของตัวเองถามตอบกับนักข่าวอย่างคล่องแคล่วก่อนจะกลับขึ้นรถออกไป  นิลลาเข้ามาจับข้อศอกของเขาเอาไว้

“คุณอาคิราห์เข้ามานั่งพักตรงนี้ดีกว่า”

ร่างๆหนึ่งในชุดสีดำลูกไม้ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้างาน  รูปร่างอวบอัดและท่าทางเยื้องกรายเป็นเอกลักษณ์เรียกสายตาของทุกคนในงานได้อย่างดี  รินลดาเดินเข้ามาจนถึงเก้าอี้ที่อาคิราห์นั่งอยู่  คิ้วโก่งเรียวเลิกขึ้นสูง  มองหน้าเขาแล้วยิ้มมุมปาก

“ไม่เจอกันนาน  ยังไม่ตายอีกเหรอ”

            “........”  อาคิราห์มองผ่านเธอไปคล้ายไม่ได้ยิน

            “ทำเป็นนั่งชูคอไปเถอะ”  เธอลดเสียงลง  มองหน้าเขาอย่างมีความหมาย  “ฌานก็ไม่อยู่แล้ว  ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวให้แล้วนะ  ถึงเวลากลับไปยังที่ของตัวเองแล้วล่ะพวกโอเมก้า”  หางเสียงเยาะหยันอย่างชัดเจนจนอาคิราห์โกรธขึ้นมาวูบ 

            “อ้าว  คุณรินลดามาด้วยเหรอครับ”  เสียงนายจรัญนำหน้ามาแต่ไกลก่อนที่ตัวเองจะเดินมาถึง  หญิงสาวยิ้มกว้างขึ้น  กระซิบเบาๆพอให้ได้ยินแค่เธอกับอาคิราห์

            “ถ้าฉันแนะนำล่ะก็  ...ลองเสนอตัวให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ดูสิ ..ฉันว่าเค้าคงไม่รังเกียจโอเมก้าเหลือเดนหรอกนะ  เผื่อว่าจะพอรั้งตำแหน่งโอเมก้าหมายเลขหนึ่งที่ฝันหวานเอาไว้ได้บ้าง”

            “อย่างที่คุณเคยทำน่ะเหรอครับ”  อาคิราห์พูด  สบตาคมวาวคู่นั้นโดยไม่หลบ  “เสียดายที่คุณพิชช์ฌานเค้าไม่ใช่คนชอบกินของเหลือเดน  ไม่อย่างนั้นคุณคง...”

            “เธอต่างหากอาคิราห์  ที่กินของเหลือเดนจากฉัน”

            “ผมกินแต่อาหารที่มนุษย์เขากินกันครับ  ต้องขอโทษด้วยที่กินอาหารเหลือของคุณไม่ได้”

            “คุยอะไรกัน ท่าทางซีเรียสเชียว”  จรัญเข้ามาถึงตัวทั้งสอง  อาคิราห์หันไปปฏิเสธเบาๆแล้วเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง  ทิ้งให้หญิงสาวมองตามหลังอย่างแค้นเคือง   “คุณชาติชายไม่มาด้วยเหรอครับ”

            รินลดากะพริบตา

            “พอดีคุณพ่อไม่ว่างน่ะค่ะ  เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้”

            “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณชาติชายเป็นการส่วนตัว”  จรัญพูด  ลดเสียงลง

            “คุณเจนภพเข้ามาคุยแล้วค่ะ”  หญิงสาวบอก  เหลือบมองทางอดีตมือขวาของพิชช์ฌานที่ยืนมองตรงมายังทั้งคู่อย่างระแวดระวังในที  “เขาได้บอกคุณหรือเปล่า”

            “เขาไม่ได้บอกผม”  จรัญเครียดขึ้นทันทีแล้วก็ยิ้มออกมากลบเกลื่อน  “แล้วคุณพ่อของคุณว่ายังไงบ้างครับ  สนใจอนาคตของพรรคเราไหม”

            “คุณพ่อของเวลาคิดดูก่อนค่ะ”  เธอตอบอย่างไว้เชิงตามแบบผู้ที่เชี่ยวชาญในการต่อรอง “ไว้ว่างๆคุณลองแวะไปสิคะ  คุณพ่อพูดถึงคุณอยู่นะ”

            “ผมจะแวะไปหา”  คนฟังหน้าชื่นขึ้น

            เจนภพสังเกตเห็นลูกสาวนายทุนพรรคและหัวหน้าพรรคยืนพูดคุยกันอยู่นาน  ชายหนุ่มรอจนสบโอกาสแล้วก็ค่อยแอบเดินตามหลังเธอไปในสวนข้างหลังที่มีแสงจากไฟสนามรัวลาง

            “แผนของคุณดูจะไปได้สวยนะคะ”  รินลดาพูด  เลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในเงามืด

            “แผนอะไรไม่ทราบ”  ชายหนุ่มถามเสียงห้วน  คนฟังหัวเราะเบาๆ

            “ก็แผนหักหลังผู้มีพระคุณของคุณไงล่ะ  คุณเจนภพ”  อัลฟ่าสาวพูดเนิบๆ  “คราวนี้  คุณอยากรู้อะไรจากฉันอีกไหมคะ”

            “ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว”

            “ฉันบังเอิญได้ภาพถ่ายครอบครัวมาจากคนๆหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้  คิดว่าคุณน่าจะสนใจ...อาจจะคุ้นๆหน้าคนในนั้นบ้างกระมัง”  เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือแล้วหยิบซองเล็กๆขึ้นมา  “ภาพถ่ายอัลฟ่าและเบต้าคู่หนึ่ง  กับ...เด็กน้อยลูกชายคนเดียวของเขา”

            ชายหนุ่มชะงัก  แม้เพียงนิดเดียวทว่าคนที่ลอบสังเกตอยู่ก็มองเห็น  เธอซ่อนยิ้ม

            “คิดว่าคุณคงอยากได้เป็นที่ระลึก”  รินลดาพูด

            “ผมต้องแลกกับอะไร”  เจนภพถามเสียงแหบ  มองซองกระดาษนั้นอย่างพินิจ

            “สิ่งที่อยู่ในเซฟที่คุณขโมยมาจากบ้านของนายจักรกฤต”  หญิงสาวบอก

            “มันไม่ได้อยู่ที่ผม”

            “ถ้างั้น...”  หญิงสาวหยิบไฟแช็คขึ้นมาจากกระเป๋า  “ปล่อยให้รูปครอบครัวใบสุดท้ายสลายไปก็แล้วกันนะคะ”

            เจนภพยืนนิ่งไม่กระดิก  มองเปลวไฟแลบลามจนท่วมซองสีขาวกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา

            “ภาพครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่คุณใฝ่หามากที่สุดงั้นหรือ”  หญิงสาวพูดขึ้นอย่างแปลกใจ  เก็บไฟแช็คใส่กระเป๋า

            “ผมรู้ว่าคุณมีข้อเสนอที่ดีกว่านี้”  ชายหนุ่มตอบ

            “คุณอยากได้อะไรล่ะ”

            “คนที่เขาจ้างคุณเขามีข้อเสนออะไรให้ผมบ้างล่ะครับ”  เจนภพถามเรียบๆ  “ผมรู้ว่าคุณคงได้ค่าตอบแทนอย่างงามสำหรับงานนี้  เอาอย่างนี้ไหม  เรามายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า  คุณอยากได้ของในเซฟผมจะมอบให้  แลกกับชื่อของคนที่จ้างคุณ”

            “ฉันไม่หักหลังลูกค้า  ไม่อย่างนั้นจะเสียเครดิตเอาได้”  หญิงสาวพูดแกมหัวเราะ  “คุณต้องยื่นข้อเสนอใหม่”

            “คุณไม่เสียหายอะไรเลยสักนิดนะคุณรินลดา  ยกเว้นแต่ว่าคุณเองพัวพันกับคนที่จ้างคุณเอาไว้”

            “ฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

            “งั้นก็ตอบตกลงสิครับ  คุณเองก็จะได้เครดิตที่ได้ของไป  ส่วนผมรับรองว่าจะไม่แพร่งพรายว่ารู้มาจากคุณเด็ดขาด”

            “คุณอย่ามาหว่านล้อมฉัน”

            “ถ้าคุณไม่ตกลงก็จบ  ...ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว”  เจนภพยักไหล่  เอามือล้วงกระเป๋าเอาไว้  “ลาก่อน  ขอบคุณมากสำหรับเรื่องราวของพ่อและแม่ของผม  ผมซาบซึ้งในน้ำใจของคุณมากครับ”  เขาพูดด้วยเสียงแกมเยาะ  หมุนตัวหันหลังให้

            “เดี๋ยวก่อน  คุณสาบานได้มั้ยว่าจะไม่บอกใครว่าได้ชื่อมาจากฉัน”  รินลดาว่า  มองหน้าเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย  “และฉันขอเพิ่มข้อเสนออีกอย่างก็คือ ...ชีวิตของโอเมก้าอาคิราห์”

            คิ้วเข้มของคนฟังเลิกขึ้น

            “คุณอาคิราห์?  เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยแล้วนี่”

            “ใครๆก็มองออกว่านายจรัญหวังจะให้โอเมก้านั่นมาเป็นพรีเซนเตอร์ของพรรค  ถึงได้พยายามประกบเสียขนาดนั้น  เป็นโอเมก้าไม่รู้จักอยู่ส่วนโอเมก้าแต่กลับมาเพ่นพ่านเรียกคะแนนสงสาร”

            “คุณอาคิราห์ไม่เกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้  ผมขอไม่รับข้อเสนอนี้ครับ”  ชายหนุ่มพูดเสียงหนัก  หมุนตัวเดินกลับออกมาอย่างรวดเร็ว   ไม่ได้หันไปฟังว่าอีกฝ่ายเรียกมาว่าอย่างไรอีก

            ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในงาน  เขาเห็นร่างโปร่งบางของโอเมก้านั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของนักข่าวที่กำลังจ่อไมค์รายล้อมพร้อมกับยิงคำถามไม่หยุด

            “คุณอาคิ..”  เขาอ้าปากจะช่วยพาภรรยาของเจ้านายออกจากวงล้อมของนักข่าวทว่าอีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วส่ายหน้านิดเดียวเป็นสัญญาณว่าไม่ต้อง

            “คุณอาคิราห์คิดอย่างไรกับอนาคตของพรรคที่ไม่มีคุณพิชช์ฌานคะ”  นักข่าวจากสำนักข่าวดังถามขึ้น  เจนภพเห็นโอเมก้าคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง

            “ผมคิดว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  เพราะคุณพิชช์ฌานได้วางแนวทางเอาไว้หมดแล้วครับ...ตอนที่อยู่ด้วยกัน  คุณพิชช์ฌานก็เล่าให้ผมฟังตลอดว่าอยากจะทำอะไรให้กับประเทศนี้บ้าง  สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือ...เขาอยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุขครับ  หมายถึงคนทุกคนที่เท่าเทียมกัน  ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นครับ”

            “เป็นนโยบายหลักของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ใช่มั้ยคะ”

            “ผมคิดว่ามีนโยบายหลักอื่นๆอีกเช่นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือการศึกษา   ไม่ได้มีแค่นโยบายไม่แบ่งแยกชนชั้นหรอกครับ  ลองถามคุณจรัญหัวหน้าพรรคหรือลูกพรรคคนอื่นๆดูก็ได้ครับ”

            “แล้วอนาคตของคุณอาคิราห์จะทำอย่างไรต่อคะ”

            “คุณคิดว่าผมจะทำอะไรดีครับ”  อาคิราห์ย้อนถาม  “ผมไม่มีวุฒิการศึกษา  เหมือนกับโอเมก้าค่อนประเทศนี้  จะไปสมัครงานอะไรกับเค้าได้”

            “ก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก...แบบนั้นใช่มั้ยครับ”  นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้น

            “ควรจะเป็นแบบนั้น”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  “แต่ว่าผมจะไม่หยุดแค่นั้นครับ”  ชายหนุ่มพูดต่อ  เลือกมองเข้าไปในกล้องของสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุด  “ผมจะสานต่อเจตนารมณ์เดิมของสามีผมด้วยการเรียนต่อกฎหมายครับ  อนาคตของผมคือนักกฎหมายเพื่อโอเมก้า”

            เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่คนฟังคล้ายไม่เชื่อถือเท่าไหร่  มีเสียงหัวเราะปนออกมาเล็กน้อยให้ได้ยินแว่วๆ  อาคิราห์นิ่งฟังอย่างสงบ  รอจนทุกคนเงียบค่อยพูดต่อ

            “และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะทำก็คือตามหาตัวคนผิดที่ทำให้สามีของผมเสียชีวิตมาลงโทษตามกฎหมายครับ  ดังนั้น  ผมจึงขอให้ชันสูตรร่างสามีของผมเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมครับ”

            เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นความวุ่นวาย  นักข่าวต่างถามกันเสียงดังเซ็งแซ่  แขกเหรื่อที่ยังพอเหลืออยู่ในงานก็ต่างมึนงงกับสิ่งที่ภรรยาของผู้ตายพูดขึ้น  เจนภพก้าวเข้ามาอาคิราห์แล้วพาเจ้าโอเมก้าออกมาจากวงล้อมตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่

            “หมายความว่ายังไงครับคุณอัยย์  จะเอาศพคุณฌานออกมาผ่าอีกเหรอ  แต่เราจะฝังพรุ่งนี้แล้วนะ”  นายจรัญวิ่งตามหลังมาพลางร้องถามหอบๆ  อาคิราห์หยุดเดิน

            “ใช่ครับ  ผมขอให้พิสูจน์หลักฐานใหม่”

            “โธ่  คุณอัยย์  มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ  แล้วผ่าไปมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ  พิธีฝังพรุ่งนี้ก็เตรียมเอาไว้หมดแล้ว  มายกเลิกแบบนี้ก็ตายสิครับ”

            “งั้นคุณก็ฝัง  แล้วผมจะขุดขึ้นมาใหม่”  อาคิราห์พูด  ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่มีกลีบยุ่ยๆของดอกไม้สีแดงช้ำอยู่  “ผมเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา  ผมมีสิทธิ”

            นายจรัญอึ้งพูดไม่ออก  อาคิราห์เลยก้าวขึ้นรถไปเลยทิ้งให้หัวหน้าพรรคยืนงงอยู่ที่เดิม



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








            เจนภพเป็นคนขับรถออกมาเองโดยมีนิลลานั่งข้างคนขับและอาคิราห์นั่งด้านหลัง  ลูกครึ่งอัลฟ่าเบต้าขับย้อนออกมาอีกทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงนักข่าวและตรงกลับไปที่บ้านของพิชช์ฌาน

            “ทำไมคุณอัยย์ถึงอยากให้ผ่าพิสูจน์ศพล่ะครับ”  คนขับถามขึ้น

            “เผื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเพิ่ม”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ ไม่อธิบาย  “ผมทำได้ใช่มั้ยครับ”

            “ทำได้ครับ  ผมจะจัดการให้”  อีกฝ่ายตอบกลับมา

            เจนภพส่งโอเมก้าทั้งสองคนที่หน้าบ้านหลังงามก่อนจะขับออกไป  นิ่มนวลเข้ามาหาพวกเขาแล้วไล่ให้นิลลาพาอาคิราห์ขึ้นไปนอน 

            “คุณจะดื่มนมอุ่นๆก่อนนอนสักแก้วมั้ย”  นิลลาถาม  “มันช่วยให้หลับดีขึ้นนะ”

            “ก็ดีเหมือนกัน”  อาคิราห์พยักหน้า  “นิลไม่ถามฉันบ้างเหรอว่าทำไมจู่ๆถึงให้ชันสูตรศพคุณพิชช์ฌานใหม่”

            “ฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้  ถึงถามก็ไม่เข้าใจเลยไม่ถาม”  นิลลาว่า

            “ฉันไม่เชื่อว่าคนที่ตายคือคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์กระซิบ  “เธอดูไม่ตกใจเลยนิลลา”

            “คนที่สูญเสียโดยไม่ทันตั้งตัวมักจะหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธและปกป้องตัวเอง”  นิลลาพูด  เหลือบมองเจ้านาย  “คุณกำลังเสียใจมาก  กลไกการป้องกันจิตใจก็เลยทำให้คุณคิดไปแบบนั้น  มันเป็นจิตใต้สำนึก”

            “......”  อาคิราห์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเพื่อนโอเมก้า  นิลลามองตอบ  “ช่างเถอะ  ...พรุ่งนี้  หวังว่าจะมีกุหลาบให้ฉันนะนิลลา”

            “ฉันจะไปตัดมาให้คุณ”  อีกฝ่ายตอบ

            อาคิราห์เข้านอนคืนนั้นแล้วหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน

            ......................................................................................

            เสียงฝีเท้าเดินเหยียบไปบนถนนที่โรยด้วยกรวดหินทำให้เกิดเสียงในความมืดสลัว  ชายหนุ่มกวาดตามองรอบตัวเป็นระยะขณะที่เดินเข้าไปจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่  แสงไฟจากห้องทำงานชั้นล่างมองเห็นรางๆผ่านผ้าม่านหนาหนัก  เดาได้ว่าคนข้างในนั้นยังไม่นอนและกำลังรอเขาอยู่ตามนัด

            ชายหนุ่มยืนรอให้คนมาเปิดประตูให้  เขาก้าวเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย  เดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องทำงานนั้น  บอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าห้องขยับตัวแต่เมื่อเห็นหน้าเขาก็ยอมให้เข้าไปได้ง่ายๆ

            ข้างในห้องทำงานที่มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง  เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมอง

            “มาแล้วหรือ”

            “ครับ”  เจนภพก้มศีรษะให้นิดหนึ่ง  “แล้วข้อเสนอของผมที่จะขอเป็นอิสระจากที่นี่...”

            “ฉันขอดูของในเซฟนั่นก่อนเจนภพ”  อีกฝ่ายพูดขึ้น

            เจนภพมองหน้าอีกฝ่ายอยู่อึดใจแล้วเอื้อมมือไปด้านหลัง  หยิบเอาของที่เขาเตรียมมาด้วย  มันเป็นห่อพลาสติกเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือที่ปิดผนึกเอาไว้อย่างดี

            “นี่น่ะหรือของที่อยู่ในเซฟ”

            “ใช่ครับ”  เจนภพพูด  ก้าวเข้าไปวางของสิ่งนั้นเอาไว้บนโต๊ะ  “ผมยังไม่ได้แกะออกดูว่าข้างคืออะไร  แต่ว่าไม่มีโลหะแน่ๆ  ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นระเบิดเวลา”

            อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างพอใจ

            “ข้อเสนอของเธอคืออะไรนะเจนภพ”

            “ผมขอลาออกจาก...ทุกอย่าง”  ชายหนุ่มตอบ  “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  และผมจะไม่กลับมาอีก”

            “ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอจะไม่หักหลังกันในตอนสุดท้าย”  ท่านนิมมานพูดเนิบๆ

            “ท่านมั่นใจได้ครับ  เพราะผมไม่ใช่คนอย่างท่าน”  เจนภพพูด เอื้อมมือไปด้านหลังอีกครั้ง

            คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่นิ่งงัน  จับตามองปลายกระบอกปืนพกที่สวมที่เก็บเสียงเอาไว้นั้นเขม็ง  ชายหนุ่มรุ่นลูกถือเล็งมาที่เขา  ตาต่อตาสบกัน

            “จะยิงฉันเหรอ”  นิมมานถามขึ้นด้วยเสียงเรียบสงบราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศ  “คิดดีแล้วหรือเปล่า  เธออาจจะไม่ได้กลับออกไปจากห้องนี้อีกแล้วนะ”

            “มันก็คุ้มค่ากับที่ท่านได้ทำลงไปแล้ว”  เจนภพพูดเรียบๆ

            “ฉันทำอะไรให้เธอโกรธเคือง  ถึงขั้นอยากเอาชีวิตกัน”

            “ท่านรู้แก่ใจดีว่าทำอะไรลงไป”  ชายหนุ่มพูด  ความโกรธแค้นที่เพียรเก็บมานานผุดพรายขึ้นมาเหมือนน้ำเดือด  “ท่านฆ่าพ่อแม่ผม”  เขากระชากเสียงอย่างอดไม่อยู่  เห็นอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนกับข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์ก็ยิ่งโกรธ  “ท่านคงจำไม่ได้แล้วกระมัง  อัลฟ่าผู้สมัครเขตภาคเหนือที่ชื่อสมคิดกับเจนรวีเบต้านักบัญชีของท่าน”

            “เธอเอามาจากไหน”  ผู้สูงวัยกว่าถาม  “เรื่องมันนานมากแล้วนะ”

            “นานแค่ไหนก็ยังเหลือหลักฐานเอาไว้”  ชายหนุ่มพูดเสียงเยาะ  “ผมตามจนกระทั่งได้เจอมือปืนที่คุณจ้างวานฆ่า”

            คนฟังหัวเราะออกมา

            “เธอกำลังแต่งเรื่องอะไรเป็นตุเป็นตะให้ฉันฟังงั้นหรือ  ถ้าเธอมีหลักฐานขนาดนั้นก็แจ้งตำรวจสิ”

            “พ่อแม่ของผมไม่ได้ถูกรถชนตายแต่ว่าถูกยิงตายแล้วอำพรางคดี”  เจนภพพูดเสียงสั่นด้วยแรงโทสะในใจ  “คุณโกหกผม  ปั้นหน้าหลอกผมมาตลอดว่าเป็นคนอุปการะเลี้ยงดูผม  แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่  คุณคือฆาตรกรที่ฆ่าพ่อแม่ผม  คุณใช้อำนาจอิทธิพลของคุณปกปิดความจริง  คุณข่มขู่แม้กระทั่งคุณครูที่ช่วยเลี้ยงผมมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่น”   

            “ฉันว่าเธอดูละครมากไป  วางปืนลงก่อนมั้ยแล้วค่อยมานั่งคุยกันดีๆ”

            “ผมมาเพื่อแก้แค้นให้พ่อกับแม่”  เจนภพกระซิบ  “ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไรกันอีก”

            “ถ้าเธอไม่ฟังความจริงจากปากของฉัน  เธอจะเสียใจไปตลอดชีวิต”  นิมมานพูด  วางปากกาในมือลงกับโต๊ะดังกึก  เกิดความลังเลขึ้นวูบหนึ่งในแววตาของคนฟัง  แวบเดียวที่ปลายกระบอกปืนเผลอลดลงด้วยความรู้สึกของคนถือ  ตอนนั้นเองที่เจนภพรู้สึกว่าถูกเข้าประชิดตัวพร้อมกับสัมผัสโลหะเย็นๆที่หลังต้นคอ

            มีคนอยู่ในห้องทำงานด้วยอีกคนโดยที่เขาไม่ทันเห็นตอนเข้ามา

            “ถ้าคุณให้ลูกน้องคุณยิงผม  ผมก็จะยิงคุณเหมือนกัน”  เจนภพพูดเสียงเข้ม  ไม่ยอมลดปืนลง

            “ไม่คุ้มกันหรอก”  นิมมานพูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน  “อธิบายกับคนของแกซิพิชช์ฌาน  ฉันเหนื่อยมากแล้ววันนี้กับงานศพของแก”

            เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่เจนภพจะหันกลับไปมองข้างหลัง  ร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเขายืนนิ่งทว่าปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่หน้าผากของเจนภพพอดิบพอดี

            “คุณพิชช์ฌาน?”  เจนภพอุทาน

            “วางปืนลงซะเจนภพ  นายทำให้แผนของฉันพังไม่เป็นท่าเลย”  เสียงห้าวๆพูดพร้อมกับเอื้อมมือมายึดปืนของมือขวาคนสนิทที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจเอาไว้

            “คุณยังไม่ตาย?”

            “ฉันตายไปแล้ว” พิชช์ฌานตอบอย่างหงุดหงิด  “ถ้าไม่ใช่เพราะนายคิดจะยิงพ่อฉัน  ฉันก็คงไม่ต้องออกมา” 

            คำว่าพ่อทำให้สายตาของเจนภพกลับแข็งกร้าวขึ้นมาอีก  ชายหนุ่มทำท่าจะแย่งปืนกลับมาแต่ก็ไม่กล้าเพราะพิชช์ฌานยกขึ้นเล็งมาทางเขา  เขาอยู่กับพิชช์ฌานมานานจนรู้ว่าอีกฝ่ายพร้อมจะยิงโดยไม่ลังเล

            “นั่งลง  และฟัง”   พิชช์ฌานพูดเสียงเฉียบขาด  “พ่อของฉันไม่ได้ฆ่าพ่อของนาย  ไม่เคยฆ่า...นั่นแหละคือ ความจริง”

            “แต่ผมมีหลักฐานจากมือปืนคนนั้น”

            “ที่รินลดาให้มาน่ะเหรอ”  คำพูดของเจ้านายทำให้อีกฝ่ายชะงัก  “ฉันรู้ว่านายทำตัวมีลับลมคมนัยกับฉันมาพักใหญ่แล้ว”

            “แต่มือปืนบอกเองว่าคนสั่งคือมัน”  เจนภพชี้นิ้วไปที่คนที่นั่งหลังโต๊ะ

            ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น

            “ฉันเป็นคนสั่งเก็บพวกเขาเอง”  นิมมานพูดขึ้นเนิบๆ ทำเอาคนในห้องชะงัก

            “คุณพ่อ”

          “ไม่เป็นไร  บางมีมันอาจจะถึงเวลาแล้ว  แกก็ด้วยพิชช์ฌาน”  คนสูงวัยพูดขึ้นช้าๆ “ฉันจ้างมือปืนไปจัดการสมคิดเพราะเขาเอาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งมาขู่แบล็คเมล์ฉัน  ตอนนั้นฉันเป็นนักการเมืองดาวรุ่ง  ฉันไม่ต้องการให้อะไรมาขวางกั้นอนาคตของฉัน”

            “ขู่เรื่องอะไร”

            เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะจนคนฟังนึกว่านิมมานจะเปลี่ยนใจไม่พูด

            “เรื่องลูก”  อดีตนักการเมืองพูดขึ้นเบาๆราวกับกลัวใครจะมาได้ยิน  “ฉัน...มีลูกกับคนในพรรคที่ไม่ใช่แม่ของเจ้าฌาน”  คำสารภาพของนิมมานทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนตกใจ  “ฉันเป็นคนเลว  ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง  ฉันพยายามปกปิดเรื่องนี้  แต่ยิ่งปิดเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนอยากรู้  และสมคิดก็เป็นคนที่รู้เรื่อง...ตอนนั้นลูกของฉันเพิ่งคลอด  ฉันเลยคิดแผนขึ้นมาใหม่”

            “.......”

            “ฉันยกลูกให้สมคิดกับเจนรวีเอาไปเลี้ยง”  นิมมานหลับตาลงอย่างสะเทือนใจ  “เป็นการตัดสินใจผิดที่สุดในชีวิตของฉัน  พวกเขาแว้งกัดฉันทันทีที่ได้โอกาสและขู่จะแบล็คเมล์เรื่องนี้  มันทำให้ฉันตกอยู่ในฝันร้ายหลายปีจนกระทั่ง....”  เขาลืมตาขึ้นมาใหม่  ต้องมองไปยังลูกชายของเขา  “ฉันตัดสินใจจัดการพวกเขาเสียเพื่อรักษาชีวิตของลูกเอาไว้”

            เจนภพรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดบึ้มในหัวของเขาอย่างแรง  ชายหนุ่มยืนจังงังอยู่กลางห้องมองหน้าคนพูดอย่างมึนงง   สิ่งที่นิมมานพูดออกมาอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก

            “แต่คุณ...แต่ว่า... เด็กคนนั้นโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”  เจนภพกระซิบ  ขอบตาร้อนผ่าวมองหน้าคนพูดอย่างค้นคว้า  “คุณปล่อยให้เขาโตขึ้นมาในนั้น”

            “เป็นทางเดียวที่จะปกป้องเขาเอาไว้”  อีกฝ่ายพูด

            “ปกป้องเขาหรือปกป้องตัวคุณเอง”  เจนภพถามเสียงแหบพร่า  “ถ้าอย่างนั้นคุณรับผมมาอยู่ด้วยทำไม  ทำไมไม่ปล่อยให้ผมโตขึ้นในนั้น  เป็นเจนภพ ...เป็นคนที่ไม่เคยรู้จักคุณ”

            “เพราะฉันใจไม่แข็งพอ”  นิมมานพูดสั้นๆ

            “ผมไม่อยากเชื่อ”  เจนภพพูด  “คุณตั้งใจหลอกอะไรผม  คิดจะทำให้ผมไขว้เขวงั้นหรอ  ...คุณพิชช์ฌาน”  ประโยคหลังเขาหันไปทางเจ้านายที่ยืนนิ่งเงียบจนน่ากลัว  เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นความเย็นเยียบในแววตาคมกริบคู่นั้นที่มองไปยังคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงาน

            “เป็นความจริงสินะ”  พิชช์ฌานพูดออกมาประโยคแรก  “พ่อไม่เคยบอกผม  คิดว่าจะเก็บเป็นความลับไปถึงเมื่อไหร่กัน”  คนฟังไม่ตอบ  ทำให้ชายหนุ่มยิ่งโกรธเกรี้ยว

            “มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้”

            “เขา-เป็น-น้อง-ชาย-ของ-ผม  คิดว่าผมไม่จำเป็นต้องรู้หรอ”  พิชช์ฌานพูดแทบจะเป็นตะโกน  “พ่อนอกใจแม่ยังไม่พอ  ยังปิดเรื่องเขาอีก  ให้ตายเถอะ...นี่มันบ้าชัดๆ”

            “เป็นความผิดของฉันเอง”  นิมมานยอมรับแต่โดยดี

            “ใช่  เป็นความผิดของพ่อ”  พิชช์ฌานพูดห้วนจัด

            “แล้วแม่ของผมอยู่ที่ไหน”  คนที่ยืนเงียบถามโพล่งขึ้น  “แม่ของผมล่ะ”

            “แม่ของเธอ...ตอนนั้นทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำการพรรค”  คนพูดทอดสายตามองตรงไปยังอีกฟากหนึ่งของห้องทำงานราวกับมองเห็นภาพในอดีตปรากฏขึ้น  “ฉันเจอเขาตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นวันแรก  หน้าตาท่าทางสะอาดสะอ้าน  มารยาทเรียบร้อยน่ารัก”

            “พ่อก็เลยนอกใจแม่”  พิชช์ฌานกระชากเสียง

          “ฉันผิดเอง  ฉันรู้  ...ฉันทำผิดต่อแม่ของแก  ฉันพยายามจะอธิบายแล้วก็ขอเธอหย่า  แต่ว่าเธอไม่ยอม  สุดท้ายเราก็จบกันแบบไม่สวย  ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง”

            “พ่อก็แต่งงานใหม่กับเลขาฯหน้าห้องไง”  พิชช์ฌานว่า  มองหน้าบิดาของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวัง

            “แม่ผมตายแล้วเหรอ”  เจนภพถาม

            “ยัง...เขายังอยู่”  คำตอบของนิมมาน

            ............................................................................

            อาคิราห์สะดุ้งตื่นตอนเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่าน อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนเขาหลับสนิทกว่าปกติ  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวเหมือนเคย

            ดอกกุหลาบสีแดงสดดอกหนึ่งเสียบเอาไว้ในแจกันหน้ากระจก  หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่บนกลีบดอกบางเบา อาคิราห์ก้มลงแตะจมูกสูดกลิ่นหอมหวานนั้นเข้าปอด  มันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของกุหลาบผสมเข้ากับกลิ่นอีกอย่างหนึ่งที่ปนมาบางๆ  ทว่าติดแน่นอยู่ในความทรงจำ

            ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าทุกครั้ง  อาคิราห์เดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอไปด้วย  เขากลับออกมาจากห้องนอนในชุดพร้อมออกจากบ้าน

            “คุณอาคิราห์จะไปไหนหรือ”  นิลลาที่รออยู่หน้าห้องถามขึ้น  เดินตามหลังเจ้านายลงบันไดมาชั้นล่าง

            “ฉันจะไปทำธุระ  นิลอยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนป้านิ่มแล้วกันนะ”  อาคิราห์หันมาพูดเรียบๆ

            “นิลลาขอไปด้วย”

            “ไม่เป็นไร  ฉันไปเองได้”

            “ไม่ได้หรอก  ไปคนเดียวได้อย่างไรเป็นห่วงแย่เลย”  เพื่อนโอเมก้าพูด  “ให้นิลลาไปด้วยคนเถอะนะ”

            “ฉันจะไปหาหมอ”  อาคิราห์ว่า  ยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง  “จะไปตรวจครรภ์เสียหน่อย”

            “ยังไม่ถึงกำหนดที่หมอนัดไม่ใช่เหรอ”

            “ฉัน...ฉันอยากไปก่อนน่ะ”  คนพูดตะกุกตะกัก

            คนฟังหน้าเครียดขึ้นทันที

            “คุณมีอาการยังไง  ทำไมต้องไปหาก่อน”

            “ฉันแค่อยากไปเจอหมอ  ฉันไม่สบายใจ”  อาคิราห์เลี่ยง  อีกฝ่ายจับพิรุธได้ทันที

            “คุณเป็นอะไร  บอกนิลก็ได้  อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวเลยนะ...ถ้าคุณยังเห็นนิลเป็นเพื่อน”

            “ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้วนิล”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  “ฉันทนไม่ไหว  ฉันไม่สามารถอุ้มท้องคนเดียวได้หรอกนิล  ฉันจะไปโรงพยาบาล  ขอให้หมอเอาเด็กออก”

            “คุณอัยย์”  คนฟังอุทาน  “ไม่ได้นะ  ทำอย่างนั้นไม่ได้”

            “ฉันไม่อยากทนแล้วนิล  เพิ่งสองเดือนเองมันยังทัน  ฉันไม่อยากให้ลูกเกิดมาเป็นกำพร้าไม่มีพ่อตั้งแต่เกิด  ฉันเองก็ไม่พร้อมจะเป็นแม่คน  ฉันคิดดีแล้ว  คิดมาหลายคืน  ถ้าฉันไม่ท้องก็จะได้ไม่มีห่วงอีก  สามารถไปเรียกร้องความยุติธรรมให้โอเมก้าด้วยกันไง  ไม่ดีหรอนิล”

            “อะไรก็ไม่สำคัญเท่าลูกของคุณ  ลูกของคุณมีชีวิตขึ้นมาแล้วเขาก็ต้องได้รับความยุติธรรมเช่นกันนะ  คุณจะมาริดรอนสิทธิของเขาไม่ได้”

            “เขายังไม่เกิดมาเสียหน่อย   ยังอยู่ในท้องของฉันก็เป็นสิทธิของฉัน  นิลไม่ต้องมาห้ามหรอก  ฉันตัดสินใจมาแล้ว  ฉันไม่ได้คิดแค่วันสองวัน  แต่คิดมานานแล้วด้วย”

            “ไม่ได้นะคุณอัยย์  เรื่องนี้สำคัญมาก  คุณจะพูดเล่นๆแบบนี้ได้ยังไง”

            “ฉันไม่ได้พูดเล่นนิลลา  ฉันพูดจริงๆ”  อาคิราห์สูดน้ำมูก  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย  “ฉันไม่ไหวจริงๆนิล  ฉันไม่ใช่คนเข้มแข็งขนาดนั้น  ฉันไม่สามารถอุ้มท้องเขาได้คนเดียวโดยไม่มีพิชช์ฌาน”  โอเมก้าฟูมฟาย  ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร  “ฉันไม่อยากเก็บเด็กไว้แล้ว  ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “คุณอัยย์”

            “ไม่ต้องห้ามฉันแล้วนิล  ฉันจะไปโรงพยาบาล ฉันจะเอาเด็กออก  ฉันไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว”

            นิลลาถอนหายใจเฮือก

            “คุณเห็นกุหลาบที่อยู่ในห้องน้ำนั่นไหม”

            “เห็นแล้ว  ก็สวยดี...ขอบใจมากนะนิลลา  เธอไปเก็บมาจากไหนล่ะ”

            “ในสวน”

            “..........”  อาคิราห์เงียบแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองอีกรอบ  “ฉันจะไปโรงพยาบาล”  อัยย์พูดเสียงสั่น

            “คุณก็รู้ว่าในสวนมีกุหลาบแดงเสียที่ไหนล่ะ”  นิลลาพูดด้วยเสียงอ่อนใจ  “ยังจะต้องให้นิลลาอธิบายอีกเหรอ”  คนพูดทิ้งมือลงข้างตัว  “คุณอัยย์นั่งลงเถอะ”

            “ถ้านิลไม่อธิบาย  ฉันก็จะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  เอาเด็กออกไปเลย”  อาคิราห์พูดเสียงจริงจัง

            “โธ่  คุณอย่าทำให้นิลลาลำบากใจได้มั้ย”

            “งั้นฉันจะไปโรงพยาบาลแล้ว”

            นิลลาหรี่ตาลง

            “เชิญคุณอัยย์ตามสบายเลย”  นิลตอบกลับมาหน้าตาย  ท่าทางไม่ยินดียินร้าย  “แต่ถ้าจะไป ‘จริงๆ’ ก็ช่วยวางช้อนส้อมลงที่เดิมด้วย  นิลลาจะได้กินข้าวพวกนี้ให้หมดคนเดียว”

            คนฟังหน้าหงิก  กลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิมด้วยความรู้สึกเสียฟอร์มไม่น้อย  อาคิราห์พูดสะบัดเสียง

            “ก็ได้  ฉันเปลี่ยนใจแล้ว  เห็นว่านิลขอเอาไว้หรอกนะ”  พูดแล้วก็เลื่อนจานอาหารเข้าหาตัว  “ฉันกินหมดเมื่อไหร่  นิลต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังนะ...เล่าใหม่ตั้งแต่ต้น”

            นิลลาลอบถอนหายใจยาว  เหลือบมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างกังวล

            ..................................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            บอกแล้วไงว่านิยายรักโรแมนติกอ่ะ 5555

            ขออภัยทุกคนด้วยที่ดิชั้นเขียนผิดตอนที่แล้วไปนิดชีวิต(เจนภพ)เปลี่ยนเลย

            ตอนที่แล้วที่เจนภพเจอกับนิมมานแล้วคุยกัน  เจนภพบอกว่า  หลังจบงานศพของพิชช์ฌานจะขอลาออก  (เราเขียนผิดเป็นจะขอขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค)  งงกันหมดเลยเด้อ 55555 ขอเป็นหัวหน้าพรรคแล้วจะออกนอกประเทศทำไม 555555  งงในงง

            เอาล่ะไม่งงแระ เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

 

ออฟไลน์ Yui_Panitakarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อัยย์หนูยังห่วงกินอีก คุณฌาณกลับมาหาน้องไวไวนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


สบายสบาย

สบายใจแระ

สามีน้องอัยย์ยังอยู่

 :mew1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :laugh:  พิชฌานฟื้นแล้ว

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


พลิกไปหน่อย ไม่คิดว่าเจนภพจะเป็นลูกชายอีกคนของท่านนิมมาน

อัยย์คงน่าจับประเด็นอะไรได้ ถึงได้บีบนิลลาทางอ้อมให้บอกความลับมา

อดทนอีกนิด เกมส์นี้ใกล้จะจบละ

 
………


 :katai4:   :katai4:  :katai4:    :katai4:  :katai4:


ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เกมส์สนุกขึ้นเรื่อยๆๆๆละ รอดูคนอยู่เบื้องหลัง

ออฟไลน์ oily06

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แอบคิดเหมือนกันว่าเจนเป็นน้องคุณพิชรึเปล่า
เริ่มเฉลยหลายๆอย่างแล้ว ดีใจที่คุณพิชยังไม่ตาย :sad4:

ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ซีนหนูอัยย์มุ้งมิ้งจนบังซีนตาพิษหมดเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด