[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267818 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คนเจ็บเป็นนายพิษจริงๆหรอ ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนรีบกลับมาหาน้องอัยย์กับลูกเลยนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เราว่าคนเจ็บไม่ใช่คุณพิษอะ มันแปลกๆพิรุธหลายจุดเลยนะ
เจนภพไว้ใจไม่ได้ นิลลาก้ยุยงแปลกๆอะ
หัวหมุนเรื่องพรรคแทบตาย แต่พอน้องอัยย์จะมารพ.คือรับคำทันที
แม่คุณพิษรู้เรื่องก่อนแถลงข่าว แปลว่าต้องมีคนไปบอกอะ
ถ้านิลลาเล่าเรื่องในที่เกิดเหตุแบบไม่โกหก นิลลาโดนบังยังเจ็บเลย
คุณพิษก้น่าจะอยู่ในช่วงหลบไปรักษาตัวรึป่าว
คนที่นอนอยู่ก้ไม่ปกติ พันผ้าทั้งตัวไม่สามารถระบุตัวตนได้
แถมฉีดยาแก้ปวดแทบจะตลอดเวลา ยาแรงด้วย สื่อสารกันแทบไม่ได้
ยาแก้ปวดคือไม่ระงับประสาทก้กดประสาทอะ ฉีดแล้วนิ่งๆเบลอๆไปเลย
คนที่นอนอยู่อะน่าจะรู้ความจริง ถ้าน้องถามว่าใช่คุณพิาจริงๆให้ขยับนิ้ว
นี่ว่าโป๊ะนะ ถึงได้พยายามไม่ให้สื่อสารกันตลอดเวลาเลยอะ
อันนี้เป็นแผนแน่ๆละ เชื่ออย่างงั้น แต่ว่าแผนใครนี่สิ แผนคุณพิษ หรือเจนภพ หรือคนอื่น
แถมงูพิษเต็มพรรคขนาดนั้น ไม่มีจังหวะไหนจะเหมาะสมจะคัดคนมากไปกว่าตอนนี้แล้ว
แต่สงสารน้องอัยย์นะ คนไม่รู้อะไรเลยอะทรมานที่สุด
เหมือนถูกบีบให้เชื่อตามนั้น เพราะไม่มีทางอื่นอีกแล้วอะ
ถ้าแผนคุณพิษ ก้ตเองรีบหน่อยแล้วละ ไม่งั้นน้องอัยย์คงทรุด ส่งผลถึงลูกแน่ๆ

เดาแบบมั่นใจไปเองด้วยนะ ไม่มีอะไรมายืนยันด้วย
แต่ยังยืนยันว่าไม่ใช่คุณพิษ!!!

ออฟไลน์ CRP_N

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นี่เชื่อว่าไม่ใช่นายพิษแน่ๆ นายพิษต้องแอบวางแผนตลบหลังคนร้ายตัวจริงชัวร์!! 

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องอัยย์ไว้ใจใครได้บ้างเนี่ย :katai1:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอตอนต่อไปนะคะ..
ไรท์รีบมาน้าาาา...  :hao5:

ออฟไลน์ kanika_Pun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :sad4: สงสารเจ้าโอเมก้า

ถ้าคนที่โดนระเบิดไม่ใช่คุณพิษ เป็นแค่การจัดฉากขึ้นเพื่ออะไรซะอย่าง
งานนี้เล่นกับความรู้สึกของอัยย์เต็มๆ เพราะไม่เคยรู้แผนการของทั้งทางพ่อและสามีเลย

เอาใจช่วยเจ้าโอเมก้าให้เข้มแข็ง

 :3123: และเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยค่ะ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหตุการณ์ในโกดังมีคุณพิชช์ นิลลา และลูกน้องของพิชช์ฌาณอยู่ตรงนั้นด้วยนะ คนที่อยู่ในไอซียูอาจจะเป็นคนนี้ก็ได้ กอด ๆ ๆ นะบู้บี้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
นี่ถ้าเป็นแผนการของพระเอกอีกละก็จะตีให้ตาย เพราะอัยย์น่าสงสารเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารอัยย์ ตอนนี้เป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย
และไม่รู้ว่าจะถูกหลอกด้วยไหม แถมยังโดนแม่ฌาณอีก
แต่อัยย์ตั้งสติได้ไว และฉุกใจอะไรบ้าง
ขอให้อัยย์เอาตัวรอดให้ได้จากปากเหยี่ยวทั้งหลาย

เจนภพคือยังไง อยู่ดีๆ ก็หายไป และอยู่ดีๆ ก็กลับมา

ฌาณจริงไหม หรือแค่ตัวหลอก สับสนไปหมด
แต่ที่สับสนและน่าสงสารสุดคืออัยย์

นิลมาแนวรุกจนอัยย์ตั้งรับไม่ทันเลยนะ
อัยย์ต้องระวังตัวให้ดี ตอนนี้ไว้ใจใครไม่ได้จริงๆ

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ อยู่
คนที่อยู่ไอซียู ไม่น่าใช่ตัวจริง น่าจะกำลังทำการใหญ่อะไรสักอย่าง
ส่วนเจนภพก็ยังน่าสงสัยอยู่ ไม่รู้ว่าดีจริงรึป่าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :ling1: สงสารบู้บี้ เจนภพไม่น่าไว้ใจ มีพิรุธเยอะมาก กลัวพี่ของบู้บี้ไปบอกพ่อจัง ส่วนตัวพ่อมีกลิ่นอายคนเลวเต็มประดา

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
เริ่มมีเงื่อนงำขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ลุ้นๆมากค่ะ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เงื่ิอนเยอะจริงๆ  ทุกอย่างมันดูไม่สมเหตุสมผลไปหมด

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอนะคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว แง :hao5:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 32

 

 

 

 

 

 

            “คุณอัยย์ตื่นหรือยัง”  นิ่มนวลถามโอเมก้าที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องของคุณอาคิราห์ทั้งคืน  ฝ่ายนั้นตอบกลับมาอย่างสงบ

            “ตื่นแล้วแต่ยังไม่ลุกจากที่นอน”  นิลลา...ตามชื่อที่คุณอาคิราห์แนะนำให้รู้จักเมื่อวานพูดแบบไม่มีหางเสียง  แต่วิธีทอดเสียงอ่อนก็ทำให้ไม่ขัดหู  “คุณป้า..นิ่มนวล  จะเข้าไปปลุกหรือ”

            “เปล่า   ฉันแค่จะมาบอกว่าอาหารเช้าพร้อมแล้ว  วันนี้ทำเป็นโจ๊กอ่อนๆ คุณอัยย์เธอจะได้กินได้ง่ายๆคล่องคอ”  นิ่มนวลตอบ  เหลือบมองไปทางประตูที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง  สามวันที่ผ่านมาหลังจากข่าวการบาดเจ็บของคุณพิชช์ฌาน  คุณอาคิราห์ก็กินได้น้อยลงจนเห็นได้ชัด  แถมยังมีอาการเวียนศีรษะอาเจียนตอนเช้าอีก

            “ไม่มีหมอมาดูบ้างเหรอ”  นิลลาถามเนิบๆ  “คุณอาคิราห์ซูบลงไปเยอะเลย”

            “เมื่อวานฉันลองถามคุณอัยย์แล้ว  แต่คุณอัยย์ปฏิเสธไม่ยอมให้หมอตรวจ  เห้อ...นี่ถ้าคุณฌานยังอยู่คงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก”  นิ่มนวลถอนหายใจยาว  พอคิดถึงเจ้านายหนุ่มผู้นั้นน้ำตาก็คอยจะรื้นขึ้นมาอีก  “คุณฌานจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

            นิลลานิ่งไป  ไม่ออกความเห็น

            นั่งรอจนกระทั่งประตูห้องนอนเปิดออกเองพร้อมกับร่างโปร่งบางของอาคิราห์ในชุดอยู่บ้าน  ใบหน้าเรียวหวานซูบเซียวเห็นได้ชัด  ใต้ตาคล้ำเพราะเจ้าตัวนอนไม่หลับต่อกันหลายคืน

            “คุณอาคิราห์  อาหารเช้าพร้อมแล้ว”  นิลลาพูด  เข้ามาใกล้เผื่อจะช่วยพยุงแต่อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ฉันไม่ค่อยหิวเลยนิล  ขมปากขมคอไปหมด”

            “ไปหาหมอไหม  หรือว่าให้หมอมาตรวจ”  นิลลาเสนอขึ้นเหมือนเมื่อวาน  “คุณแทบไม่กินอะไรเลยมาสามวันแล้วนะ”

            “ฉันไม่ค่อยหิว  กินเข้าไปก็คลื่นไส้ออกหมด”  อาคิราห์ว่า  เดินนำลงบันไดไปยังชั้นล่างที่ตั้งโต๊ะอาหารเตรียมเอาไว้ให้แล้ว  นิ่มนวลเข้ามาหาเพื่อคะยั้นคะยอให้กินข้าวเสียหน่อย  เจ้าโอเมก้าเลยจำต้องตักอาหารเข้าปากอย่างผะอืดผะอม

            “รับน้ำผึ้งราดแพนเค้กเสียหน่อยมั้ยคะ  คุณอัยย์ชอบไม่ใช่เหรอคะ  ป้าเพิ่งได้มา”  นิ่มนวลรีบตักอาหารที่สังเกตเห็นว่าเจ้านายกินได้เยอะกว่าอย่างอื่นให้เพิ่ม   อาคิราห์ฝืนกินได้ไม่เท่าไหร่ก็ลุกพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอีก

            “คิดว่าน่าจะต้องตามหมอเสียหน่อยแล้วนะครับ”  นิลลาพูดเนิบๆ เหลือบมองแม่บ้านอาวุโส  “ถ้าปล่อยไปจะไม่ดีต่อเด็กในท้องและคุณอาคิราห์เองด้วย”

            “ฉันจะลองโทรหาคุณหมอฉัตรินดู”  นิ่มนวลว่า  “ถ้าให้คุณอัยย์ไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็คงไม่ยอมไปแน่”

            อาคิราห์ไม่รู้ว่านิ่มนวลกับนิลลาตกลงอะไรกันตอนที่กลับออกมาจากห้องน้ำอย่างเหนื่อยอ่อน  เขารับแก้วน้ำชาอุ่นๆจากนิลลามาจิบทีละนิด  มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

            นายแพทย์ฉัตรินมาหาเขาที่บ้านตอนเที่ยง  อาคิราห์พอจะเดาได้ว่าคงเป็นใครคนหนึ่งในบ้านโทรตามมาตรวจอาการของเขา  คุณหมอมองหน้าเขาอย่างเห็นใจแต่ก็ไม่ได้พูดปลอบใจอะไรมากไปกว่านั้น  เพียงแต่กำชับให้ดูแลตัวเองและให้ยาแก้เวียนศีรษะกับยาบำรุงเพิ่ม  อาคิราห์แอบเห็นเขาหยุดคุยกับป้าแม่บ้านและนิลลาอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับออกไป

เขารู้ตัวดีว่าสาเหตุหลักตอนนี้น่าจะเกิดจากการนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่าแพ้ท้องอย่างที่หมอคิด  ทุกครั้งที่เอนตัวลงนอนแม้จะแวดล้อมด้วยเสื้อผ้าที่มีกลิ่นของพิชช์ฌานทว่าความรู้สึกข้างในใจของอัยย์กลับแตกต่าง  ภาพคนเจ็บพันผ้าพันแผลทั่วตัวตามติดตามาแม้ยามที่หลับตาลง  เขาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน   

            บ่ายวันนั้นเขาขัดคำสั่งหมอที่ให้นอนพักผ่อนลุกขึ้นแต่งตัวเข้าไปเยี่ยมพิชช์ฌานที่โรงพยาบาลกับนิลลาด้วยกัน  อัยย์เริ่มเคยชินกับการอาบน้ำเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อและเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง  พูดคุยกับคนป่วยบ้างบางครั้งเวลาที่เค้าตื่น  พิชช์ฌานก็จะกระดิกนิ้วโป้งให้เหมือนแทนคำตอบรับ  ส่วนนิลลาก็จะรออยู่ข้างนอกห้อง

            อาคิราห์ไม่เคยพบหน้ามารดาของพิชช์ฌานอีกเลย  เดาเอาว่าเจนภพคงช่วยจัดสรรเวลาเยี่ยมไม่ให้ตรงกันอีก  นับว่าดีเหมือนกัน  เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับอารมณ์โทสะของคนแก่อีกแล้ว  แค่ต้องรับรู้ทำความเข้าใจกับอาการที่เปลี่ยนไปของพิชช์ฌานในแต่ละวันก็เครียดเต็มที

            “อาการของคนไข้ยังไม่ค่อยดีนะครับ  แผลเริ่มมีการติดเชื้อและไข้สูง  ร่วมกับมีเกลือแร่ต่ำเพราะสูญเสียเกลือแร่ออกทางบาดแผลที่ผิวหนัง  คนไข้รับอาหารไม่ได้เลยด้วย  หมอจำเป็นจะต้องให้อาหารทางหลอดเลือดแทน ....”  นายแพทย์คนเดิมอธิบายให้เขาฟังทุกวันอย่างใจเย็น  อัยย์ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรพิชช์ฌานได้มากกว่านั้นนอกจากปล่อยให้อยู่ในความดูแลของหมอ

            “ผมฝากคนไข้ด้วยนะครับ”  เขาพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะกลับบ้านในแต่ละวัน  เพื่อจะกลับมาฟังประโยคเดิมในวันรุ่งขึ้นจากหมอว่าอาการของพิชช์ฌานไม่ดีขึ้นเลย

            การสืบสวนคดีระเบิดของพิชช์ฌานก็ดูจะไม่คืบหน้า ทั้งๆที่เป็นคดีของนักการเมืองชื่อดังแท้ๆ หรือว่าเขาใจร้อนไปเองก็ไม่รู้  อาคิราห์จำต้องรับฟังคำบอกเล่าซ้ำๆจากเจนภพว่าทางตำรวจกำลังเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่  ขอให้เขาใจเย็นๆเอาไว้ก่อน

            “ผมทนใจเย็นไม่ไหวแล้วคุณเจนภพ  เกือบอาทิตย์แล้วนะที่เกิดเรื่องขึ้นแต่ตำรวจยังจับมือใครดมไม่ได้  มันจะเป็นไปได้ยังไง  หรือว่าทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว  มุ่งแต่เรื่องเลือกตั้งอย่างเดียว”

            “ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการครับคุณอัยย์  ไม่มีใครนิ่งนอนใจเรื่องคุณพิชช์ฌานแน่นอนผมรับรองได้  แต่ว่าเราทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ  ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นแทรกแซงกระบวนการของทางตำรวจได้”  เจนภพพูดเรียบๆ “คุณอัยย์กลับบ้าน ทำใจให้สบายนะครับ  อย่างน้อยคุณพิชช์ฌานจะได้ไม่กังวลเรื่องสุขภาพของคุณ  ส่วนเรื่องคดีผมจะตามให้เอง  ไม่ต้องห่วง”

            ถึงเจนภพจะพูดอย่างนั้น  ทว่าชายหนุ่มก็กลับหายหน้าหายตาไปจากบ้านของพิชช์ฌาน  อาคิราห์พอจะรู้จากข่าวสารวงในที่ป้านิ่มแอบมากระซิบบอกว่าพวกฝ่ายค้านกำลังมีปัญหาภายในพรรคเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค  เจนภพเองในฐานะอดีตมือขวาคนสนิทของอดีตหัวหน้าพรรคก็เลยต้องพยายามหาทางรอดให้แก่ตัวเองด้วยเช่นกัน

            “คุณเจนภพเขากำลังหาเจ้านายใหม่”   นิ่มนวลเล่าในตอนมื้ออาหารเย็น  อาคิราห์ฟังแล้วก็รู้สึกใจหายชอบกล  ฝ่ายนั้นเลยพูดต่ออย่างรู้ใจ  “อะไรก็ไม่เที่ยงแบบนี้แหละค่ะคุณอัยย์  เรื่องปกติธรรมดา  มีขึ้นก็ต้องมีลง  เพียงแต่ว่าสำหรับของคุณฌานมันเร็วมากๆ  เร็วเกินไป  เราก็เลยยังทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง  แต่ยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อ”  เธอพูดอย่างคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน

            “ผมเข้าใจครับ”  อาคิราห์พึมพำ  เวลาเพียงไม่กี่วันหลังการแถลงข่าวว่าพิชช์ฌานบาดเจ็บหนักนั้นทำให้มองเห็นสัจธรรมบางอย่างที่น่ากลัว  เดิมบ้านของพิชช์ฌานเป็นที่ต้อนรับใครต่อใครที่มักแวะเวียนมาหาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอยู่เสมอ  แม้แต่ยามวิกาลบางครั้งอัยย์ก็ยังเห็นรถเข้าออกเพื่อมาติดต่อกับพิชช์ฌานยังห้องทำงานชั้นล่างนั้นประจำ  ทว่าพอมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว  ก็มีเพียงลูกพรรคบางคนที่มาเยี่ยมเขาเพราะมิตรจิตรมิตรใจบ้างเท่านั้น  นอกนั้นก็หายเงียบกันหมด

              “อำนาจเป็นของน่ากลัว  คุณอัยย์  แต่ความเสื่อมจากอำนาจน่ากลัวยิ่งกว่า...สมัยก่อนป้าทำงานที่บ้านใหญ่ก่อนจะย้ายมาอยู่กับคุณฌาน...คุณท่าน คุณพ่อของคุณพิชช์ฌานกับคุณนายก็ออกรับแขกไม่เว้นแต่ละวัน  พอคุณท่านลาออกจากพรรคเท่านั้นแหละ  คนในบ้านก็มาเล่าให้ฟังว่าบ้านเงียบกริบเหมือนป่าช้า”

            “คุณพ่อของคุณพิชช์ฌานเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”

            “เห็นว่าท่านก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบกับคุณหญิงท่านนะ”

            “ทำไมคุณพ่อของคุณพิชช์ฌานถึงเลิกกับคุณนายล่ะครับ”  อาคิราห์ถามอย่างอดไม่ได้  นานๆทีเขาจะถามเรื่องครอบครัวของพิชช์ฌานเสียทีหนึ่ง  นิ่มนวลทำท่าอยากเล่า

            “ท่านทะเลาะกัน  ระหองระแหงกันมานานแล้วค่ะ  คุณนาย...ท่านอยากให้คุณท่านได้เป็นนายกฯ  แต่ไปๆมาๆคุณท่านกลับลาออกจากตำแหน่งเฉยเลย  ก็เลยทะเลาะกันหนักแล้วก็หย่ากัน  สุดท้ายคุณท่านไปได้ผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ด้วย  ผู้หญิงคนนั้นเลยได้ยศคุณหญิงที่ได้รับแต่งตั้งทีหลังไปเฉยเลย  เห็นว่าเคยเป็นเลขาฯหน้าห้องของคุณนายนั่นแหละ”

            “โห  แล้วมีลูกไหมครับ”

            “ได้ยินว่ามีลูกคนนึงนะ  แต่อยู่เมืองนอก  เด็กกว่าคุณฌานหลายปี  ไม่รู้ว่าข่าวลือหรือเปล่าเพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าเหมือนกัน   อาจจะไม่มีลูกก็ได้”  นิ่มนวลว่า  “คุณนายก็เลยฝังใจกับเรื่องนี้มาก  เธออยากให้คุณฌานเป็นนายกฯ  หวังกับคุณฌานไว้  พอคุณฌานมาเจ็บถึงได้เสียใจ”

            “ผมเข้าใจ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ

            “คุณอัยย์ก็อย่าไปโกรธแค้นคุณนายเลยนะคะ  นี่ถ้าคุณฌานรู้เรื่องที่คุณแม่ทำร้ายคุณอัยย์ก็คงเสียใจมากแน่ๆ”

            “ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว”  เขาตอบสั้นๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง  “แล้วคุณเจนภพเขาจะย้ายไปทำงานให้ใครล่ะครับ” 

            “ถ้าคุณท่านยังเล่นการเมืองอยู่ก็คงเป็นท่านแต่ว่าตอนนี้ป้าเดาว่าเป็นคุณจรัญนั่นแหละ  เพราะคุณฌานเองก็ชอบคุณจรัญมาก”

            คนที่อาคิราห์กำลังคิดถึงนั้นยืนประสานมืออยู่ตรงหน้าหัวหน้าพรรคคนใหม่อย่างสำรวม  เจนภพกวาดตามองรอบห้องทำงานที่ถูกปรับปรุงใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่ด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์  นายจรัญก้มหน้าลงอ่านรายละเอียดในแฟ้มงานที่เจนภพเอามานำเสนอ

            “นี่คือแผนงานของคุณพิชช์ฌานทั้งหมดแล้วเหรอ”  ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นถามเรียบๆ  “ฉันว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้นะ”

            “มีเท่านี้ครับ  นอกเหนือจากนั้นไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร”

            “หมายความว่ายังไง”

            “คุณฌานเก็บเอาไว้ในหัวครับ  คุณฌานจะค่อยๆบอกแผนพวกผมมาทีละอย่าง”  เจนภพพูดเนิบๆ  “ผมเลยไม่รู้ว่าที่คุณจรัญต้องการนั้นคืออะไรกันแน่”

            “ฉันต้องการ...สิ่งที่ทำให้พิชช์ฌานถึงขั้นโดนระเบิดนั่นแหละ”  อีกฝ่ายตอบเสียงห้วนขึ้น  “ฉันอยากรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเป็นเพียงแค่การลอบฆ่าอย่างเดียวเพราะต้นเพลิงมาจากโกดังไม่ใช่รถ”

            “ผมไม่ทราบครับ”  เจนภพตอบ  “วันนั้นผมไม่ได้อยู่กับคุณฌาน  เป็นช่วงที่ผมลาพักร้อน  พอรู้ข่าวผมก็เลยรีบไปที่เกิดเหตุแล้วก็พบว่าคุณฌานถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว  ส่วนลูกน้องคนอื่นๆที่ไปด้วยกันวันนั้นก็ถูกแรงระเบิดเสียชีวิต  ที่รอดก็อยู่ห่างเกินไปจนไม่รู้เหตุการณ์”

            คนฟังจุ๊ปาก

            “มันจะลึกลับอะไรนักหนา  ฉันถามจริงๆเถอะนะ  ในฐานะที่เธอทำงานให้พิชช์ฌานมาหลายปี  ...ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบเลยถูกไหม  พิชช์ฌานไม่ไว้ใจใครเท่าเธอเจนภพ  แต่ว่าตอนนี้พิชช์ฌานไม่สามารถกลับมาทำงานกับเธอได้อีกแล้ว  ถ้าเธออยากให้ฉันสานต่องานของเขา  เธอก็ควรจะต้องบอกทุกอย่าง”

            “ผมบอกคุณทุกอย่างที่ผมทราบแล้วครับ”

            “ถ้างั้นฉันถามตรงๆ  พิชช์ฌานเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อะไรนั่นจริงมั้ย  เขาจัดฉากเพื่อคะแนนนิยมของตัวเองหรือเปล่า”

            “ผมคิดว่าคุณฌานคงไม่ลงทุนขนาดนั้น”  เจนภพพึมพำ  “แต่เหตุการณ์วันนั้นไม่มีลับลมคมนัยอะไรมากไปกว่าที่นักข่าวนำเสนอแล้วครับ  ผมเองก็อยู่ในปฏิบัติการวันนั้นด้วย  นายจักรกฤตเป็นผู้ร้ายจริงๆ”

            “ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่  พูดก็พูดเถอะนะ  ใครๆก็รู้ว่าเจ้านายของเธอเป็นคนยังไง  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขึ้นมาเร็วขนาดนี้  มีคนเคยมาบอกฉันหลายคนแล้วว่าพิชช์ฌานชอบใช้วิธีแบล็คเมล์คนในพรรค  ซึ่งฉันไม่เห็นด้วย  ถ้ารักที่จะมีอุดมการณ์เดียวกันก็ไม่ควรจะหักหลังกันทีหลัง”

            “ผมไม่ทราบครับ  ไม่เคยเห็นคุณพิชช์ฌานทำอย่างนั้นซักที”

            “เธอไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกเพราะพิชช์ฌานไม่ได้ทำเองไงล่ะ  แต่เขาให้ลูกน้องให้แขนขาของเขาไปทำให้  แม้แต่เธอเองฉันก็รู้นะว่าเคยทำ”

            เจนภพยิ้มนิดๆไม่โต้ตอบ

            “เอาล่ะ  ฉันจะไม่ขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดอีก  ยังไงมันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว  พิชช์ฌานเองก็บาดเจ็บหนักจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้   เลือกตั้งก็ประกาศแล้ว  ถึงอย่างไรพรรคของเราก็ควรจะต้องเดินหน้าต่อ”

            “ครับ คุณจรัญ”

            “ฉันยังไม่ได้ไปเยี่ยมโอเมก้าที่บ้านของพิชช์ฌานเลยนะ”  จรัญพูดเนิบๆ  “จำได้ว่าเขาตั้งท้องไม่ใช่เหรอ”

            “ใช่ครับ  แต่คุณอัยย์คงไม่สะดวกพบใครตอนนี้”  เจนภพพูดหน้าตาย  คนฟังยิ้ม     

            “หึ  แค่ไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบคงไม่เป็นอะไรมากกระมัง  ไม่งั้นจะดูเป็นคนแล้งน้ำใจเอาได้”

            “ผมจะถามคุณอัยย์ให้ครับ”

            “ขอนักข่าวสักสามสี่คนก็ดีนะ”

            “ผมเกรงว่าคุณอัยย์จะไม่สะดวกใจให้สัมภาษณ์  เพราะตอนนี้สภาพจิตใจก็ยังไม่เต็มร้อย”

            “แค่ถามนิดๆหน่อยๆ  ไม่เป็นไรหรอก”  หัวหน้าพรรคยืนยัน  เจนภพเลยจำต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้

            เขากลับออกมาจากที่ว่าการพรรค  ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่เจ้านายนอนรักษาตัวอยู่  เหลือบมองกระจกมองหลังก็เห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งขับตามมาห่างๆ  มีคนคอยสะกดรอยตามหลังเขามาพักใหญ่แล้ว  และไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย  ...ดูเหมือนว่าใครๆก็อยากรู้ความเคลื่อนไหวของอดีตมือขวาคนนี้เหลือเกิน

            ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  เลี้ยวรถเข้าไปจอดยังที่จอดรถ

            ร่างสูงใหญ่นั้นยังนอนอยู่ที่เดิมภายในห้องไอซียู  เหมือนวันแรกที่เขาวิ่งเข้ามาเจอ  คำบอกเล่าของลูกน้องที่รอดจากเหตุการณ์ระเบิดมาได้ยังก้องอยู่ในหู

            ‘เป็นคุณพิชช์ฌานจริงๆครับนาย  ผมเห็นตอนที่ระเบิดกับตา  ไฟลุกท่วมทั้งตัว’

          เจนภพยกมือขึ้นสัมผัสบานกระจกที่กั้นระหว่างเขากับเจ้านายเอาไว้  หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งภายในใจ  ความจริงที่เขาเพิ่งได้รับรู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีช่างทรมานใจนัก  บางที...เขาก็อยากจะออกจากวงจรนี้ไปเสีย

            ชายหนุ่มกลับออกมาจากโรงพยาบาล  เขาไม่ได้ตรงกลับที่พักแต่กลับขับรถวนรอบเมืองเล่นเสียสองรอบ  พอสบจังหวะก็รีบเลี้ยวเข้าไปในซอยลัดเพื่อทะลุออกทางหนึ่ง  ในที่สุดเข้าก็สลัดพวกติดตามได้สำเร็จ

            ขับตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่เขาเคยติดตามเจ้านายมาด้วยหลายครั้ง  บ้านหลังงามของนักธุรกิจใหญ่แหล่งทุนของพรรค  อดสังเกตไม่ได้ว่ามีรถจอดอยู่ข้างหน้าบ้านหลายคันทีเดียว  เห็นทีวันนี้คงจะมีแขกแวะมาเยี่ยมเยียนหลายคน

            นายชาติชายนั่งคุยอยู่กับคนจากพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล  เขาดูแปลกใจมากที่เห็นหน้าเจนภพที่นี่  ส่วนคนจากฝั่งรัฐบาลก็มีสีหน้าเยาะหยันเป็นต่อมากทีเดียว

            “ผมแวะมาเยี่ยมเยียนคุณ”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆ  เจ้าของบ้านเลยเชิญให้เขานั่งรอในห้องรับแขกก่อน  เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่านายชาติชายจะกลับเข้ามาในห้องรับแขก

            “ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอนาน”  เจ้าของบ้านพูด  ทอดสายตามองแขกยิ้มๆ  “เจ้านายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง  ผมยังไม่ได้หาเวลาไปเยี่ยมเลย  มัวยุ่งๆ”

            “อาการคงที่ดีครับ  คงจะหายดีในเร็ววัน”

            “เร็วแค่ไหนก็คงไม่ทันเลือกตั้งครั้งนี้กระมัง”  ชาติชายเคาะ  “คุณกลับไปเถอะคุณเจนภพ  ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมผม”

            “ผมคิดว่าคุณไม่ควรด่วนตัดสินใจอย่างนั้น  ไม่มีคุณพิชช์ฌานเป็นหัวหน้าพรรคก็ใช่ว่าพรรคของเราจะไม่ชนะการเลือกตั้ง”  เจนภพพูดเนิบๆ  “รัฐบาลคะแนนนิยมตกลงทุกวันใครๆก็รู้”

            “ก่อนหน้านี้ล่ะก็ใช่ แต่หลังจากนี้ไม่แน่... นอกจากคุณพิชช์ฌานแล้ว  พรรคคุณก็ไม่มีใครที่น่าสนับสนุนหรอกนะ  ยกเว้นตัวคุณเองจะลงเล่นการเมืองนั่นแหละ”

            “ถ้าเป็นผมล่ะครับ”  เจนภพพูดแกมหัวเราะ   “คุณคิดว่ายังไง”

            “จริงหรือเปล่า?”  คิ้วของคนฟังเลิกขึ้น  ท่าทางสนใจ

            “ผมทำงานกับคุณพิชช์ฌานมานาน  ทั้งความคิด...แผนการ...การวางหมาก  ทุกอย่าง  ผมรู้ทั้งหมด”

            “คุณพิชช์ฌานวางตัวให้คุณขึ้นแทนอย่างนั้นหรือ”

            “ถ้าไม่ใช่...แล้วผมจะกล้าพูดกับคุณแบบนี้หรอครับ”  เจนภพพูดเนิบๆ  “แม้แต่ท่านนิมมาน  ก็จะสนับสนุนผม”  เขาซ่อนยิ้มเมื่อเห็นคนฟังชะงัก

            “ท่านล้างมือจากการเมืองแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ควรจะเป็นอย่างนั้น  ถ้าไม่มีใครมายุ่งกับลูกชายของท่านเข้า”

            “ถ้าอย่างนั้น  ทำไมท่านถึงไม่ลงมาเล่นเองเลยล่ะ  ฉันคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้วนะ  แม้แต่คุณจรัญ  ฉันก็ว่ายังไม่ใช่  ถ้าเป็นท่าน...การเลือกตั้งก็อาจจะพอมีหวัง”

            “ท่านอยากให้ผมสานต่องานของท่านและลูกชายท่านครับ”  เจนภพพูด  คนฟังนิ่งไป  “และถ้าได้รับการสนับสนุนจากคุณ  ชัยชนะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม”

            “ผมรู้เรื่องคุณกับลูกสาวของผมนะ”  จู่ๆนายชาติชายก็พูดขึ้น  กลายเป็นชายหนุ่มที่นิ่งไปแทน  “ผมไม่รู้ว่าลูกบอกอะไรกับคุณบ้าง  แต่ผมก็หวังว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้จะไม่ใช่เพราะการแก้แค้นของใคร  ผมไม่ชอบความโหดร้ายแบบนั้น  คุณเข้าใจไหม”

            “ผมขอยืนยันว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของผมครับ”  เจนภพถอนหายใจยาว  “ผมกับคุณพิชช์ฌาน...เรารู้จักกันมานานมาก  เรียกว่าโตมาด้วยกันก็ได้  เขาเป็นเหมือนพี่..และคุณครูของผมครับ”  เสียงของคนพูดสะดุดไปเล็กน้อย  “ผมไม่เคยคิดจะทรยศเขาเลยสักครั้งเดียว”

            “แล้ว..ท่านล่ะ”  ชาติชายเอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบนิดหนึ่ง  เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มรุ่นลูกอีกครั้ง

            “ผมตอบไปแล้ว”

            “คุณพิชช์ฌานคงอาการหนักจริงๆ”  ชาติชายถอนหายใจยาว “คิดแล้วก็ใจหาย  ยังหนุ่มแน่นแท้ๆ  ฉันชื่นชมเขามากนะ”

            “..............”  เจนภพเงียบ

            “ขอเวลาฉันคิดดูก่อน”

            “ได้ครับ  ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม  นี่คือเบอร์ส่วนตัวของผมครับ”  เจนภพยื่นนามบัตรไปให้อีกฝ่ายรับไว้  “ติดต่อได้ตลอดเวลา”

            ชายหนุ่มกลับออกมาจากบ้านของนายชาติชาย  เขาแวะกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อดูอาการของคนป่วย  แล้วก็พบว่าคุณหมอและคุณพยาบาลกำลังวิ่งวุ่นอยู่รอบเตียงของคนไข้

            “เกิดอะไรขึ้นครับ”  เขาถาม  หันไปเพ่งมองผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดล้อมรอบเตียงคนเจ็บอยู่

            “คนไข้อาการทรุดลงค่ะ  ตอนนี้หัวใจหยุดเต้น  คุณหมอกำลังให้การช่วยเหลือด้วยการปั้มหัวใจ”  คุณพยาบาลพูดเร็วปรื๋อ  “รบกวนคุณช่วยติดต่อญาติด้วยค่ะ”

            เจนภพยืนนิ่งด้วยความตกใจ

            ...................................................................

            อาคิราห์ยังไม่เข้านอน  เขากำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทียบวุฒิอยู่บนโซฟา  พักหลังมานี้เขาพบว่ามันช่วยแก้ความฟุ้งซ่านได้ดีทีเดียว  อย่างน้อยเขาก็มีเรื่องอื่นให้คิดนอกเหนือจากภาพจำที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล

            นิลลาเดินเข้ามาในห้องหนังสือด้วยท่าทางรีบเร่งกว่าปกติ

            “มีอะไรหรอนิล”

            “คุณอัยย์รีบไปแต่งตัวเถอะ  เราต้องรีบไปโรงพยาบาลด่วน”

            คนฟังใจหายวูบ  รีบเผ่นขึ้นไปแต่งตัวด้วยความรู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่ในรถมุ่งตรงไปสู่โรงพยาบาลของพิชช์ฌานแล้ว

            “คุณพิชช์ฌานอาการหนักมากเหรอ”  อัยย์กลั้นใจถามนิ่มนวลที่คราวนี้นั่งรถมาด้วย  ฝ่ายนั้นไม่ตอบแต่กลับยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา   “ป้านิ่มร้องไห้ทำไม  ...นิล  ...ตกลงคุณพิชช์ฌานเป็นอะไรมากใช่มั้ย...อย่าโกหกกันนะ”

            “ไม่ทราบรายละเอียด แต่ว่า...คุณเจนภพแจ้งมาว่าคุณพิชช์ฌานอาการทรุดลง ให้รีบไปโรงพยาบาล”  นิลลาตอบ  ไม่สบตาคนฟัง  อาคิราห์เลยเอื้อมมือมาจับท่อนแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ

            “บอกความจริงมาเลยนิล  ฉันรู้ว่านิลรู้”

            “ทราบแค่นี้จริงๆ”  อีกฝ่ายยืนยัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2019 21:03:15 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





            อาคิราห์นั่งบีบมือตัวเองไปตลอดทาง  นึกภาวนาในใจขอให้อาการของพิชช์ฌานดีขึ้น  อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ...ได้โปรด  อย่าทิ้งกัน...อย่าเพิ่ง  จินตนาการเลวร้ายผุดพรายขึ้นมาตลอดเวลาไม่หยุด  ล้วนแล้วแต่ทำให้ใจเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ  แต่ว่าเขาก็ฝืนกลั้นเอาไว้  ไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปมากกว่านี้

            ข้างหน้าโรงพยาบาลมีรถนักข่าวจอดอยู่หลายคันราวกับรู้ข่าวก่อนแล้ว  อาคิราห์ถูกพาเข้าไปอีกด้านหนึ่งทางข้างหลัง  เขาขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องไอซียู

            ร่างสูงสง่าของคุณนายนวลพรรณกระทบสายตาของเขาเป็นอันดับแรกแต่เขาไม่มีเวลามาสนใจ  อาคิราห์ก้าวเข้าไปจับมือเจนภพเอาไว้ 

            “คุณฌานเป็นไงบ้าง  เขาเป็นอะไร  อาการทรุดหรอ”

            “คุณอัยย์...ทำใจดีๆไว้นะครับ”  เจนภพพูด  บีบมือเขาตอบแน่น   “คุณฌานหัวใจหยุดเต้น  หมอกำลังช่วยชีวิตอยู่”

            อาคิราห์รู้เหมือนหัวใจหยุดเต้นตามไปด้วย  เขายืนตัวแข็งมองผ้าม่านสีเข้มที่ปิดบังเหตุการณ์หลังม่านเอาไว้ด้วยดวงตาเบิกโพลง  สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะเพราะความตกใจ

            “เจนภพ  เข้าไปถามซิว่าตาฌานเป็นอย่างไรบ้าง  ไม่งั้นฉันจะเข้าไปเอง”  เสียงของมารดาพิชช์ฌานดังขึ้นข้างตัวทำให้อัยย์รู้สึกตัว   “ถอยไปซิ  ตัวซวยอย่างเธอไม่ควรอยู่ที่นี่”  เธอตวาดเสียงแหลม  “ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปนะ  ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้เธอ”

            “........”  อาคิราห์ไม่ได้โต้ตอบ  เขาปล่อยให้น้ำเสียงนั้นกลายเป็นลมผ่านหูไปเสียเฉยๆ  ดวงตาจับจ้องไปยังเตียงหลังกระจกกั้น   กัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเสียจนได้รสปร่าๆของเลือด

            “ขอคุยกับญาติของคุณพิชช์ฌานครับ”  นายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมาจากไอซียู  อาคิราห์ถลันเข้าไปหาพร้อมกับมารดาของพิชช์ฌานและเจนภพ  คำพูดของนายแพทย์ทำให้อาคิราห์รู้สึกเหมือนล้มทั้งยืน  ขณะที่คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขากลับล้มลงไปจริงๆ

            “คุณนายครับ  คุณนาย....ช่วยหน่อยครับ  คุณนายเป็นลม”  เจนภพร้อง ช่วยประคองร่างของคุณนวลพรรณเอาไว้

            “โธ่  ฌาน  ตาฌานลูกแม่  ไม่จริง  หมออย่ามาหลอกฉัน  ฉันไม่เชื่อ”  หลังจากหน้ามืดไปครู่หนึ่ง  เธอก็ฟื้นขึ้นมากรีดเสียงร้องไห้โฮดังลั่น “ลูกฉันจะตายได้ยังไง  ทำไมหมอไม่ช่วยเขา”

            เจนภพให้ลูกน้องพาแม่ของพิชช์ฌานไปนั่งพักก่อน  เขาหันมามองโอเมก้าที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นตั้งแต่นายแพทย์เริ่มอธิบายอาการของคนไข้จนกระทั่งจบลงที่พิชช์ฌานไม่กลับมา  อาคิราห์ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่เหมือนคนมึนงง

            “คุณอัยย์  ...นั่งพักก่อนครับ  ทำใจดีๆเอาไว้”

            “คุณเจนภพ  เมื่อกี้หมอเขาว่ายังไงนะ  ผมฟังไม่ทัน”   ริมฝีปากซีดพึมพำ  จับแขนของเขาเอาไว้แน่น

            “คุณอัยย์มานั่งตรงนี้ก่อนครับ”  เขาพาอีกฝ่ายมานั่งอยู่อีกด้านหนึ่งห่างจากมารดาที่กำลังฟูมฟาย  “นิลลาไปไหนแล้ว  ช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณอัยย์ก่อน  ฉันต้องไปจัดการเรื่องอื่นๆอีก”

            “ผมขอเข้าไปหาเค้า  นะเจนภพ  ...ให้ผมได้เจอเค้าเถอะนะ”  อาคิราห์พูดเสียงแหบแห้ง  “เผื่อมันมีอะไรผิดพลาด  ผมต้องเข้าไปเรียกเค้า  ผมจะลองเรียกดู  เขาอาจจะตื่น”

            “ผมจะถามคุณหมอให้นะครับ”  เจนภพตอบ  ไม่นานอาคิราห์ก็ได้เข้าไปในห้องนั้นสมใจ

            สภาพร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งเหยียดยาวอยู่บนเตียงนั้นไม่ต่างจากวันอื่นๆหรือแม้แต่เมื่อตอนบ่ายที่เขาเข้ามาเยี่ยมเลยสักนิด  ราวกับพิชช์ฌานแค่หลับไปเฉยๆ เท่านั้น  ผ้าพันแผลบางส่วนหลุดออกมาให้เห็นคงเป็นตอนที่คุณหมอกำลังช่วยชีวิตกระมัง

            ผิวหนังที่มีบาดแผลพองเยิ้มด้วยน้ำเหลืองเปลี่ยนเป็นสีคล้ำๆซีดๆน่ากลัว  อาคิราห์ที่เพิ่งจะทำใจยอมรับได้ว่าอีกฝ่ายถูกระเบิดบาดเจ็บสาหัส  ก็จะต้องมาทำใจยอมรับความจริงที่ว่า  ..พิชช์ฌาน  ตายไปจากโลกนี้แล้ว ..อย่างนั้นหรือ  ทำไมโลกนี้ถึงได้ใจร้ายกับเขานัก

              ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มในดวงตาแพรวพราวคมกริบ   ไม่มีคำพูดหยอกเย้าที่บางคราวก็ทำให้ใจสั่นไหว  ไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่เขาซบนอน   ไม่มีอีกแล้ว...จริงหรือ

            “คุณจำได้หรือเปล่า  ว่าเคยติดค้างอะไรผมเอาไว้”  อาคิราห์กระซิบ  เอื้อมมือไปจับที่แขนข้างนั้นแล้วบีบแน่น   “คุณเคยบอกว่าจะให้ผมขออะไรก็ได้ข้อนึง  ยังจำได้มั้ย  คุณลืมไปหมดแล้วล่ะซิ”

            ไม่มีคำตอบกลับมา  แม้แต่การกระดิกนิ้วโป้งอย่างทุกที

            “คุณชอบหลอกผมสินะ   ถึงตอนนี้แล้วก็ยังหลอกกันอยู่อีก  คุณจะไม่ทำตามที่ผมขอหรอ  ผมขอให้คุณลุกขึ้นมาแล้วกลับบ้านพร้อมผมเดี๋ยวนี้”  อัยย์เลื่อนมือไปกุมมือนั้นเอาไว้ผ่านผ้าห่มที่คลุมอยู่  “คุณจะเบี้ยวผมอีกแล้วแน่ๆ  คุณชอบให้ผมรอเก้อ”

            “ขอโทษนะคะ  ญาติกรุณารอข้างนอกก่อนนะคะ”  เสียงคุณพยาบาลดังขึ้นข้างหลัง

            อาคิราห์เลยจำต้องปล่อยมือออก  เขากลับออกจากห้องโดยไม่หันไปมองภาพนั้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง  นิลลารอเขาอยู่ข้างนอกก่อนแล้ว

            “คุณอาคิราห์  เชิญพักก่อน  อีกเดี๋ยวจะมีแถลงข่าว”  นิลลาบอก  กวาดตามองไปรอบๆที่เริ่มมีคนเดินเข้าออกมามากกว่าปกติ  “ไหนว่ากันนักข่าวเอาไว้ข้างนอกแล้วไง  ทำไมถึงมีคนถือกล้องเข้ามาตรงนี้ได้”  พูดยังไม่ทันขาดคำ  แสงแฟลชก็สว่างวาบเข้าตาจนตาพร่า  อาคิราห์ตาพร่าไป  พริบตาเดียวเขาก็ถูกรุมล้อมด้วยกล้องและนักข่าวที่ถือไมค์จ่อปาก

            “คุณพิชช์ฌานเสียชีวิตแล้วเป็นความจริงมั้ยคะ  แล้วคุณอาคิราห์รู้สึกอย่างไรบ้างคะ”

            “คุณจะทำยังไงต่อคะ”

            “ข่าวแม่สามีตบตีลูกสะใภ้เป็นเรื่องจริงมั้ยครับ” 

            “ทุกคนช่วยอยู่ในความสงบก่อนนะครับ  บริเวณนี้ยังไม่ได้ให้สื่อเข้ามานะครับ  ช่วยกลับไปรอข้างนอกด้วย”  ลูกน้องของเจนภพเข้ามาช่วยกันนักข่าวกระหายข่าวออกไปจากอาคิราห์  แต่ดูแล้วไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

            “คุณอาคิราห์มองกล้องหน่อยค่ะ  คุณนวลพรรณไม่ปลื้มคุณจริงหรือเปล่าคะ”

            “แล้วลูกในท้องของคุณเป็นอย่างไรบ้าง”

            “พวกคุณ...ถามอะไรกันน่ะ”  คำพูดประโยคแรกหลุดออกมาจากปากของโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดไร้สีเลือด  “คุณถามว่าผมรู้สึกยังไงที่สามีตายงั้นหรือครับ  ถามว่าผมกับแม่สามีตบตีกันงั้นหรือ  บ้าหรือเปล่า..”   อาคิราห์หันไปมองกล้องที่อยู่ใกล้ที่สุด  “ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไงครับ”

            “ความสัมพันธ์ของคุณกับแม่สามีเกี่ยวเนื่องกับลูกในท้องของคุณด้วยนะคะ  คุณพิชช์ฌานไม่อยู่แล้วแบบนี้  คุณในฐานะโอเมก้าจะทำอย่างไรต่อคะ”

            “ฐานะโอเมก้ามันทำไมเหรอครับ”

            “ก็  อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับของญาติๆฝั่งคุณพิชช์ฌานหรือเปล่า  คุณจะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนะครับ  โอเมก้าเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้หรอก”

            คำถามถูกส่งมาจากคนมากมายที่รุมล้อมเขาอยู่จนหูอื้อตาลาย  อาคิราห์บีบมือของนิลลาเอาไว้แน่นแล้วตอบกลับไปสั้นๆ

            “ผมยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ตอนนี้  ขอโทษด้วยครับ”

            นิลลาลากเขาออกมาจากวงล้อมของนักข่าวได้สำเร็จ  อาคิราห์ได้ยินเสียงเจนภพพูดออกไมค์ให้ทุกคนถอยออกไปก่อน  ไม่อย่างนั้นเขาจะดำเนินการทางกฎหมาย  นักข่าวไร้จรรยาบรรณพวกนั้นถึงได้ยอมล่าถอยออกไป

            “เราคงต้องออกทางอื่น  ทางเดิมที่เข้ามาคงมีนักข่าวไปรออยู่แล้ว”  นิ่มนวลพูดพลางยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตาเป็นระยะ  ความโศกเศร้าแฝงอยู่ในแววตาของทุกคนที่ยืนล้อมรอบอาคิราห์เอาไว้  แม้แต่บอดี้การ์ดที่เคยเห็นหน้ากันทุกวันก็มีสีหน้าเศร้าหมอง  ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเกิดความจำเป็นเลย

            อาคิราห์นั่งเงียบๆคนเดียวที่มุมห้องรับรองของโรงพยาบาลที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรีบรุดมาหาหลังจากรู้ข่าวการเสียชีวิตของพิชช์ฌานและเชิญเขาขึ้นไปนั่งพักก่อน  เจ้าโอเมก้าไม่ได้ฟังด้วยซ้ำกว่าใครพูดอะไรกันบ้าง  เขาจมอยู่กับเสียงห้าวๆของพิชช์ฌานที่ยังดังอยู่ข้างหูตลอดเวลาราวกับเจ้าตัวไม่ได้จากไปไหน

            ตั้งแต่แรกเจอที่เขาถูกอีกฝ่ายลักพาตัวขึ้นรถตู้มายังเซฟเฮ้าส์  อัยย์ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายตัวใหญ่หน้าคมเข้ม  ท่าทางคล่องแคล่วดูเต็มไปด้วยเล่ห์กลนั้นจะกลายมาเป็นคนที่เขาต้องแต่งงานด้วยอย่างจำใจ  จะเรียกว่าจำใจก็ไม่ถูก ...ตอนนั้นเขาเข้าใจว่ามันเป็นการตกลงด้วยผลประโยชน์ที่รอบคอบรัดกุมมากที่สุดทีเดียว

            ‘โรแมนติกพอหรือยัง?’  คำถามกลั้วหัวเราะในวันนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ  คงคิดว่าการจุดพลุเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแบบนั้นดูโรแมนติกเสียเต็มประดากระมัง  ไหนจะประโยคของแต่งงานที่สุดแสนจะธรรมดานั่นอีก  แค่เรียกชื่อเขาไม่ทำให้ใจอ่อนหรอกนะ

            แค่ใจสั่น...สั่นมากๆ แค่นั้นเอง

            อาคิราห์ยิ้มออกมาบางๆ นึกถึงตอนที่อีกฝ่ายเข้าไปยืนเฝ้าเขาท้องเสียขึ้นมาได้  วันนั้นเขาอายมากก็จริงแต่ก็อดนับถือน้ำใจกับความอดทนของคนๆนั้นที่ยืนถือถุงน้ำเกลือไปพลาง เงยหน้าหาอากาศบริสุทธิ์หายใจไปพลางไม่ได้  พิชช์ฌานดูเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง  ภาคหนึ่งก็ดูเคร่งขรึมจริงจังพร้อมด้วยไหวพริบเล่ห์เหลี่ยมจนไม่น่าไว้ใจ  แต่อีกภาคหนึ่งที่ไม่ได้เห็นง่ายนักก็เป็นเพียงผู้ชายขี้เล่นช่างเย้าแหย่ธรรมดา 

            “คุณอัยย์กลับบ้านไหวไหมคะ  เราจะต้องไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”  นิ่มนวลเดินเข้ามาจับมือเขาเอาไว้  อาคิราห์กะพริบตา   หันกลับมาจากหน้าต่างบานใหญ่ที่มองลงไปเห็นตึกรามบ้านช่องยามค่ำคืน   “หรือว่าหิวหรือเปล่า  ป้าจะหาอะไรให้รองท้องก่อน”

            “ไม่เป็นไรครับ  กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ได้”  อาคิราห์พึมพำ  จับมือของนิ่มนวลเอาไว้  ยอมให้เธอพาเดินออกไป

            ร่างสูงตรงของใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น  อาคิราห์ชะงักด้วยความแปลกใจ  ใบหน้าที่ยังเหลือเค้าความหล่อเหลาในอดีตมีร่องรอยเคร่งเครียด  เส้นผมสีดอกเลาบอกอายุของผู้ชายคนนี้ได้ดีพอๆกับริ้วรอยบนใบหน้า

            “ท่านนิมมาน”  นิ่มนวลพูดขึ้นมาก่อนแล้วก้มลงทำความเคารพ  อาคิราห์ทำตาม  อีกฝ่ายเพียงแต่ก้มหัวรับไม่พูดอะไร

            อาคิราห์เบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้อง  ผู้ติดตามอีกสองคนเดินตามหลังเข้ามาด้วย  เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศกดดันแปลกๆที่เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง

            “เชิญ...คุณอาคิราห์  นั่งคุยกันก่อน”  ผู้อาวุโสหันมาพูดกับเขา  อัยย์เหลือบมองทางแม่บ้านเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าก็เลยเดินเข้าไปหา   “เป็นอย่างไรบ้าง  ขอโทษด้วยที่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเธอที่บ้านเลย  เนื่องจากไม่สะดวก”

            “ครับ”  อาคิราห์นั่งประสานมืออยู่บนตักนิ่งๆ  สังเกตท่าทางของอีกฝ่ายในใจ

            “ฉันดีใจจริงๆที่จะได้มีหลาน  แม้จะเป็นลูกที่เกิดจากโอเมก้าก็ตาม”  นิมมานพูดต่อเนิบๆ  นัยน์ตาที่ยังคมกริบคู่นั้นเหลือบมองหน้าเขา  “เข้าใจว่าหลังจากนายฌานตายไป  เธอคงจะกลับไปอยู่ที่บ้านของพ่อเธอ  ฉันเข้าใจถูกไหม”

            “ผมยังไม่ทราบครับ”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ

            “เธอต้องคิดดูแล้วล่ะว่าชีวิตข้างหน้าจะทำอย่างไรต่อไป  ...ถ้ามีอะไรอยากให้ฉันช่วย  ก็บอกมาได้เสมอ  เพราะว่าเขาก็มีสายเลือดของอัศวลักษณ์อยู่ครึ่งหนึ่ง  ฉันจะบอกเธอแค่นั้นแหละ”  ประโยคหลังคนพูดเหมือนตัดบท

            อาคิราห์ทำความเคารพแล้วลุกขึ้นยืน  หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องพักแห่งนั้นเงียบๆด้วยความรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิม  เขาเคยเจอหน้าบิดาของพิชช์ฌานมาก่อนก็จริงตอนสมัยงานแต่งงาน  แต่ว่าตอนนั้นนิมมานไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยสักคำเดียว

            ....กลับไปอยู่ที่บ้านของพ่องั้นหรือ  ...จริงสิ  ไม่มีพิชช์ฌานแล้ว  เขาควรต้องทำอย่างไรต่อไป  ชายหนุ่มเดินตามหลังแม่บ้านและผู้ติดตามออกมาจากโรงพยาบาลไปยังรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว  เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำมืด  มองไม่เห็นดาวสักดวง  มันมืดมิดราวกับอนาคตข้างหน้าของเขาทีเดียว

            ชีวิตที่ไม่มีพิชช์ฌานแล้ว... เขาจะต้องทำอย่างไรต่อ

            .............................................................................

            ภายในห้องพักรับรองแขกวีไอพีของโรงพยาบาลแห่งนั้นมีผู้ชายสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่อย่างสงบ  คนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอย่างสบายหากน่าเกรงขามอยู่ในที  ส่วนอีกคนนั่งตัวตรงประสานมือเอาไว้ข้างหน้า

            “เธอบอกว่าจะติดต่อฉันมาหลังจากจบแผนการ  ...แล้วนี่มันคืออะไรงั้นหรือ  เจนภพ”  อดีตนักการเมืองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอันโด่งดังพูดขึ้นเนิบๆ  สบตาชายหนุ่มรุ่นลูกที่หลบตาเขาวูบ  “ฉันอยากได้คำอธิบายจากเธอ  ก็เลยมาที่นี่  ฉันอยากรู้ว่าทำไมลูกชายของฉันถึงตาย”

            “เกิดความผิดพลาดขึ้นครับ”  เจนภพตอบอย่างสงบ  “ผมได้พยายามแก้ไขความผิดพลาดนั้นแล้วแต่ก็ไม่ทัน  ผมกลับมาช้าเกินไป  ทำให้คุณพิชช์ฌานเกิดอันตราย”

            “เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนฉันช่วยเธอออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  เลี้ยงดูเธออย่างดีโดยมีสัญญาแค่ข้อเดียวก็คือ  ดูแลปกป้องลูกชายฉันยิ่งชีวิต  แล้วตอนนี้...”  เสียงทอดถอนใจยาวดังมาจากผู้อาวุโส  “เธอทำให้ฉันผิดหวังเหลือเกิน”

            “ผมขอโทษครับ”  เจนภพพูด  ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ  “เป็นความผิดของผมเอง  ผมไร้ความสามารถ”

            “ไม่ใช่ว่าเธอแปรพักตร์เสียแล้วเหรอ”  อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ

            “ไม่ครับ  ผมภักดีต่อท่านและคุณพิชช์ฌานเท่านั้น”  เจนภพพูดเสียงสั่น

            “เธอคงรู้ว่าฉันไม่เคยเชื่อคำพูดลอยๆของใครหรอกนะ”  นิมมานพูดเนิบๆ  “ฉันขอหลักฐานที่อยู่ในตู้เซฟคืนนั้น  เธอเป็นคนได้ตู้เซฟไปไม่ใช่หรือ”

            “ผมถูกพวกมันจับได้แล้วชิงตู้เซฟไปครับ”

            “เธอเปิดตู้นั่นได้ก่อนแล้ว”  อีกฝ่ายพูดต่อ  “ฉันอยากได้สิ่งที่อยู่ในเซฟนั่นเจนภพ  อย่าปฏิเสธเพราะฉันรู้ว่าเธอมี”  คิ้วที่เริ่มมีสีขาวแซมเลิกขึ้น  “เธออยากได้ข้อต่อรองอะไรเพิ่มงั้นเหรอ”

            “หลังจากจบงานศพของคุณฌาน  ผมจะขอลาออกจากพรรคครับ”  เจนภพพูด  “ผมจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมืองอีก”

            “โบราณบอกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก  เธอเคยได้ยินหรือเปล่า”       

            “ผมจะให้ความลับทุกอย่างของพรรคตายไปพร้อมกับผมครับ”

            “เอาหลักฐานมาให้ฉันก่อน  แล้วฉันจะบอกคำตอบกับเธอ”  นิมมานพูด

            เจนภพกลับออกมาจากห้องนั้น  เขารู้สึกสองเท้าหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตุ้มเหล็ก  ความจริงที่ได้รับรู้มันช่างทรมานนัก  เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ  ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูชื่อเขาก็รู้ว่าใคร

            มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน

            ตอนที่เขากลับไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เคยใช้ชีวิตอยู่จนเกือบเข้าวัยรุ่น  ความบังเอิญทำให้ได้พบกับคุณครูที่เคยดูแลเขาเมื่อก่อน  เธอหลุดปากออกมาว่าสงสารที่พ่อแม่ของเขาถูกยิงตาย  ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชนตายอย่างที่เข้าใจมาตลอดชีวิต

            ‘ถูกยิงหรอครับ’  เขาในตอนนั้นอุทาน  ไม่อยากเชื่อเลยสักนิด  ‘แล้วทำไมทุกคนบอกผมว่าท่านถูกรถชนตาย’

          คุณครูเก่าแก่เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นมีคนเข้ามาขอร้องแกมข่มขู่ให้แกที่เป็นคนวิ่งออกไปเจอศพคนแรกบอกทุกคนว่าชายหญิงคู่นั้นถูกรถชนตาย  หลังจากนั้นเด็กชายเจนภพก็ถูกส่งเข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา  เขารับรู้ว่าพ่อกับแม่ถูกรถชนและไม่เคยสงสัยเลยสักครั้ง  ใช้ชีวิตตามมีตามเกิดอยู่กับเพื่อนๆวัยไล่เลี่ยกันจนกระทั่งวันหนึ่งก็มีคนมาบอกว่าจะรับเขาไปอุปการะ

            ยังจำวันแรกที่ได้เจอพิชช์ฌานได้   เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงชะลูดที่แก่กว่าเขาไม่กี่ปีทว่าบุคลิกลักษณะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยนั้นทักเขาด้วยเสียงห้าวแบบเด็กเริ่มแตกหนุ่ม

          ‘นายชื่ออะไร’

            เขาสบตา ‘ท่าน’ ผู้มีอุปการะคุณแวบหนึ่ง  เห็นคนๆนั้นพยักหน้าให้  เขาก็เลยยกมือขึ้นไหว้เด็กหนุ่มคนนั้น

            ‘ชื่อเจนภพ...ครับ’

          ‘ยินดีที่ได้รู้จัก  ฉันชื่อฌาน’  อีกฝ่ายพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมก่อนจะหันไปหาคนที่เป็นบิดา ‘ผมชอบเขานะ’

          ‘ก็ดีแล้ว’  เป็นคำตอบของท่านนิมมานผู้อุปการะเขา

            เจนภพย้ายมาอยู่กับพิชช์ฌานตั้งแต่นั้น  เขารู้ว่าตระกูลอัศวลักษณ์เป็นตระกูลอัลฟ่าเก่าแก่  เคยครองตำแหน่งสำคัญๆทางการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย  จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกชายคนเดียวอย่างคุณพิชช์ฌานจะถูกปลูกฝังและวางทางเดินเอาไว้ให้ตั้งแต่ยังอายุน้อย  และเขาเองก็คือแขนขาที่จะคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายด้วยความเคารพและจงรักภักดีอย่างที่ถูกพร่ำสอน

            ไม่ใช่เพราะบุญคุณที่เขายอมอยู่กับพิชช์ฌาน  แต่เป็นเพราะนิสัยของผู้ชายคนนั้นต่างหาก  ที่ทำให้เขาผู้เป็นทั้งเพื่อนที่สนิทที่สุดและลูกน้องยอมติดตาม  พิชช์ฌานเป็นคนแรกที่รู้ว่าเขาไม่ใช่อัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างที่อ้างมาตลอด

            ‘เสี้ยวเบต้า  ก็น่าสนใจดีนี่’

          ‘คุณฌานจะบอกคุณนายไหมครับ  ถ้าอย่างนั้นผมจะได้เตรียมเก็บของแต่เนิ่นๆ’  ยังจำคำพูดของตัวเองได้  เขารู้ดีว่าคุณนายนวลพรรณจริงจังเรื่องสายเลือดแค่ไหน  แม้แต่คุณพิชช์ฌานเองก็เถอะ  ไม่เข้าใกล้โอเมก้าเลยด้วยซ้ำ

            ‘ฉันจะบอกเรื่องอะไร  นายเป็นคนของฉันไม่ใช่ของแม่’

            พิชช์ฌานให้โอกาสเขาอย่างที่คงหาได้ยากในตระกูลอัลฟ่าสายอื่น   ชายหนุ่มไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับใครจนกระทั่งวันดีคืนดีก็มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาใส่หน้า

            รินลดา...  เธอพูดว่าเธอรู้เรื่องการตายของพ่อเขา  ...ความลับที่เขาอยากรู้มาตลอด  เจนภพอดใจไม่ไหวจริงๆเขาติดต่อกลับไปทั้งที่รู้ดีว่ามันผิดต่อพิชช์ฌาน  แต่ว่าเรื่องของพ่อแม่เขาก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เกมการเมืองของใครทั้งนั้น  หญิงสาวอัลฟ่าผู้นั้นตอบตกลงและยอมให้เขาพบ

            ความจริงที่ได้รับรู้ในวันนั้นทำให้เขาต้องตัดสินใจ  แต่เจนภพก็ไม่ใช่คนวู่วาม  เขาใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลจนแน่ใจว่าพ่อแม่ของเขาเคยทำงานในพรรคของนิมมานจริง  พ่อของเขาเป็นอัลฟ่าผู้สมัครลงเลือกตั้งในเขตภาคเหนือเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน  ส่วนแม่เป็นเบต้าทำบัญชีควบคุมรายรับรายจ่ายสำคัญของพรรคเอาไว้

            ...ก่อนที่จะถูกสั่ง ‘เก็บ’ จากผู้ชายคนนั้น...

            เจนภพกำมือแน่นเข้า  เขาพยายามสะกดอารมณ์โกรธแค้นที่คอยพุ่งขึ้นมาเป็นระยะนั้นลงไป  มันทำให้เขาฟุ้งซ่านไร้สมาธิ  และก็พลอยจะทำให้แผนการของเขาเสียหมด  ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับบรรดานักข่าวอย่างใจเย็น  แสดงความเสียใจที่พิชช์ฌานจากไปและบอกแนวทางการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งต่อของพรรค  เขาส่งไม้ให้คุณจรัญสัมภาษณ์ต่อสื่ออย่างสวยงาม

            สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้โกหก  ก็คือเขาเสียใจจริงๆ ที่พิชช์ฌานตาย

            .........................................................................

            “คุณอัยย์คะ  ป้าเตรียมชุดดำเอาไว้ให้แล้วนะคะ  วางเอาไว้ปลายเตียงนะ”  เสียงนิ่มนวลดังขึ้นข้างหน้าห้องน้ำ  อาคิราห์ตะโกนตอบกลับไป

            “ขอบคุณครับ”

            “คุณอัยย์อย่าอาบน้ำนานนะคะ  เดี๋ยวไม่สบาย  นิลลา...ฝากดูคุณอัยย์ด้วยนะ”

            อาคิราห์รับคำอีกรอบแล้วก้มลงถูสบู่ต่ออย่างใจลอย  ปล่อยให้สายน้ำเย็นจัดไหลผ่านใบหน้าและลำตัวไป  น้ำตาของเขาแห้งเหือดไปแล้วตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน  เหมือนกับน้ำตามันหายไปเสียดื้อๆ  บางทีเขาอาจจะเสียใจมากจนไม่มีน้ำตาให้ร้องอีก

            พ่อของพิชช์ฌานถามถึงอนาคตของเขา  ทุกคนล้วนสงสัยในอนาคตที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี  พิชช์ฌานก็ไม่อยู่แล้ว  แล้วโอเมก้าที่ถูกตีตราแถมยังตั้งท้องลูกกำพร้าพ่ออย่างเขา  ควรจะต้องทำอย่างไรต่อ

            กลับบ้านไปพึ่งใบบุญของพ่อเหมือนเด็กไม่รู้จักโตงั้นหรือ  อาคิราห์ส่ายหน้า  เขาไม่รู้สึกอยากกลับไปที่บ้านอีกแล้ว  แต่เขาคงต้องขอเวลาทำใจสักพัก  ใช้เวลาระหว่างรอคลอดสอบเทียบวุฒิให้สำเร็จแล้วก็เข้าเรียนกฎหมายตามที่พิชช์ฌานเคยบอกเอาไว้  ระหว่างนี้ก็สืบหาตัวคนที่ทำร้ายพิชช์ฌานไปด้วย  แต่ว่าโอเมก้าอย่างเขาจะทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกล่ะ  คดีของพิชช์ฌานจะเงียบหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่งไหม

            หรือเขาควรจะให้สัมภาษณ์ตามที่นิลลาแนะนำดี  แล้วถ้าหากว่า...คนที่ทำร้ายพิชช์ฌาน  คือคนที่เขากลัวที่สุดขึ้นมาจริงๆล่ะ  พอคิดมาถึงตรงนี้อาคิราห์ก็ตัวสั่น  ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด...แต่ว่าเพราะคิดน่ะสิ  ถึงได้พยายามปิดกั้นความคิดนั้นเอาไว้   ไม่น่าใช่...

            เขาเสียพิชช์ฌานไปแล้วคนหนึ่ง  คงทำใจไม่ได้แน่ถ้าจะต้องเสียใครไปอีกเพราะเกมการเมือง

            พิศดูเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก  เขาก็ยังเป็นโอเมก้าคนเดิม  ไม่ใช่อัลฟ่าอย่างที่ตัวเองเคยภาวนาถึงขั้นอ้อนวอนขอต่อพระเจ้า  หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มมีรอยนูนเล็กน้อยไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า  สัดส่วนบอบบางและผิวเนียนสีน้ำผึ้งคุ้นตาอย่างที่เห็นมาตั้งแต่เกิด  ยกเว้นก็แต่รอยเขี้ยวที่คอที่ยังปรากฏอยู่อย่างนั้น  เหมือนวันแรกที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายของตนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ทุกครั้งที่เขาสัมผัสรอยนั้น  ความรู้สึกวาบหวามในช่องท้องก็จะผุดขึ้นมาด้วยพร้อมกับเสียงหอบปนกับลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ  ทุกการเคลื่อนไหวที่แนบชิดรุนแรงนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายฝังตัวตนเข้ามาลึกที่สุด  อาคิราห์หลับตาลง

            เขากลับออกมาจากห้องน้ำ  นิลลาไม่ได้รออยู่ในห้องแล้ว  ชุดสูทสีดำรีดเรียบอย่างดีวางอยู่ที่ปลายเตียงเรียบร้อยตามที่นิ่มนวลบอกเอาไว้  อะไรอย่างหนึ่งสะดุดตาเขาด้วยกลีบสีแดงสดตัดกับสีดำสนิทของเสื้อ

            อาคิราห์ก้าวเข้าไปหาแล้วหยิบดอกกุหลาบดอกนั้นขึ้นมา  หยดน้ำยังเกาะอยู่ที่กลีบบางใสราวกับเพิ่งถูกตัดจากต้น 

            .......................................................................

              มาอัพต่อแล้วจร้า

            หายไปหลายวัน  ต้องขออภัยด้วย  ติดธุระหลายอย่าง

            กลับมาต่อแล้วว  มีใครยังรอเรื่องนี้กันอยู่บ้างคะ

            กำลังเจ้มจ้ม555555

            เจอกันตอนหน้าน้า

            #ขอรักแค่คุณ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 18:34:33 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เริ่มเขวแล้วนะ
ตายง่ายๆงี้จริงเหรอ แต่ก็ไม่อยากเชื่ออ่ะ
ท่านนั้นคือนิมมานหรือนายฌาน
ตอนแรกแอบคิดว่าจะตลบหลังใครซักคนในพรรค
แต่เจนภพเปิดมาขนาดนี้ละ  :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านไปน้ำตาไหลไป แต่ยังไงก็ไม่เชื่อว่าตายอะเพราะดอกกุหลาบนั่น ใช่รึป่าวนะ ฮืออออ
ไหนจะเรื่องเจนภพอีก ใครฆ่าพ่อแม่เจนภพอะคุณฌานหรือคนพรรคนิมมาน
ไหนจะนิลลาที่ดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ มีอะไรให้คิดเยอะไปหมดเลยแงงงงป่ดหัวววววว

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
ว้อท!!!!!!!!! อะไรเนี่ยยย  :katai1: :katai1: ถ้าอัลฟ่าที่คู่กับโอเมก้าตายแล้ว โอเมก้าจะอยู่ยังไง ไม่ใช่ดำเนินเรื่องไป ให้พบรักกับผู้ชายคนใหม่นะ ได้หรอวะ ประเด็นอัยย์ถูกกัดคอแล้ว หรือคนเขียนจะเเหวกแนวให้อัยย์คบกับอัลฟ่า หรือเบต้าคนอื่นได้? แล้วก็ตัดจบสวยๆ ให้เป็นความทรงจำในช่วงนึงของชีวิตแบบนี้หรอ ว้อท ว้อท!!! ว้อทททททท!!!!  แม่งได้เว้ยเฮ้ย (-_-)

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่จริง!!! พิชช์ฌาณยังไม่ตายแน่ๆ ต้องเป็นแผนลวง!!!

คุณเค้าจะกลับมาแน่นอน!!! :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ่านตอนนี้แล้วมันตื้อไปหมดเลย ณ ตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่านายพิษจะเป็นคนที่ตายจริงๆ เจ้าของดอกกุหลาบนั่นคือนายพิษตัวจริงใช่ไหม เจนภพนี่สรุปว่าแปรพรรคไปอยู่กับใคร

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: ลุ้นมาก เรารู้นะว่าพิชฌานยังไม่ตาย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :katai1: :katai1: :ruready :hao5:

เข้มข้นจริงๆ ภาวนาให้มันไม่จริง เป็นแผนลวง หรืออะไรก็ได้

เรื่องคนทรยศก็คงเป็นทุกคนแหละ เกมการเมืองอะเนอะ

ตอนที่ถามว่าน้องอัยยจะไปไหนต่อ ใจนี่คิดถึงสวิตอย่างเดียวเลย

ถ้าพิชฌานตายจริงๆนะ ไปเลี้ยงลูกที่นั่นเถอะ ปล่อยพวกงูพิษแว้งกัดกันต่อไป

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ก็ว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เจนภพทรยศ เพราะดูไม่ใช่คนเห็นแก่เงินอ่ะ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาเสียใจจริงๆ
ส่วนคุณพิษเราว่าเขาไหวตัวทันอยู่นะเรื่องเจนภพแล้วก็ทั้งที่วิ่งหนีระเบิดพร้อมนิลลา แต่นิลบาดเจ็บเล็กน้อย ตัวเองตายอันนี้ไม่ค่อยเมคเซ้นส์ เพราะงั้นฟันธงว่ายังอยู่ แต่รอดูว่าอีกฝั่งจะเปิดเกมแบบไหนมากกว่า  :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เข้มข้นมากจริงๆ ค่ะ อึดอัดไปหมดแล้ว น้ำตาไหลเลย

สงสารอัยย์ น้องไม่ได้แพ้ท้อง แต่เพราะเครียดมาก
แล้วต้องมาคิดเรื่องหลังจากนี้ ที่ไม่ฌาณอีก

เมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผยนะ รอให้กลับมานะคะพิชญ์ฌาณ
ดอกไม้มาจากไหน ไม่ใช่ฝากมาวางใช่ไหมคะ น้องรออยู่นะ

เจนภพแค้นใคร เลือกละกันว่าจะแก้แค้นพ่อ หรือแก้แค้นลูก
คิดว่าเรื่องนี้พิชญ์ฌาณไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน



ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ขอมั่นใจแบบเดิมอะว่าคุณพิษไม่ตายหรอก!! มันเป็นแผน ต้องเป็นแผนซ้อนมาแน่ๆ
คือตอนเปิดนิลลาอยู่ข้างๆเลยนะ ละบาดเจ็บแค่นั้น คุณพิษจะมาโดนทั้งตัว ไม่ได้อะ
อีกอย่างตอนที่เจนภพหายไปก้เริ่มมีการสงสัยกันแล้วว่าทรยศรึป่าว
ออกไปเอาของจากคนที่สงสัยอยู่ จะไม่มีการเตรียมตัวป้องกันไปเลยก้ไม่น่าใช่นะ
แต่แผนที่ซ้อนไว้เนี่ยใครรู้บ้างเถอะ พ่อไม่รู้ แม่ไม่รู้ เจนภพไม่รู้ ลูกน้องที่ไปด้วยตายหมด
กำลังสงสัยว่านิลลารู้ด้วยรึป่าว คุณพิษไม่น่ากล้าทำตามแผนตัวเองโดยทิ้งอัยย์ไว้ข้างหลังคนเดียวอะ
ยังไงก้ต้องมีการส่งคนมาดูใกล้ๆ ไม่งั้นตัวเองก้อาจจะซุ้มอยู่ใกล้ๆ ...ดอกกุหลาบแดงนั่นอะ?
งานศพ ไว้อาลัย มันควรเป็นสูทเรียบๆ ไม่ก้ดอกไม้สีขาว ดอกไม้จันทน์อะไรแบบนี้
ไม่ใช่กุหลาบแดงที่พึ่งตัดออกจากต้นแบบนี้อะ
เอาเป็นว่า ขอมั่นใจเองไปก่อนเลยค่ะว่าคุณพิษซ้อนแผนเจนภพ โดยมีนิลลาร่วมมือด้วย
 เพื่อกำจัดคนทียศของพรรค หรือ เพื่อเซฟน้องอัยย์ไปด้วยนั่นเอง

ส่วนเจนภพตอนแรกรู้สึกแค่ไม่น่าไว้ใจ แต่คงไม่ทำอะไรที่มันถึงชีวิตคุณพิษอะ ได้แต่หวังว่าจะไม่ทรยศอย่างที่คิด
แต่สุดท้ายก้เป็นไปตามที่คาดไว้ ทรยศเพราะแค้นพ่อคุณพิษ แค้นนิมมานที่สั่งเก็บพ่อแม่ตัวเองซึ่งเป็นคนในพรรค
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เจนภพขอจำแหน่งนายก+บอกว่าจะไปใช่ชีวิตตปท.ไม่กลับมาอีก
เพราะรู้มาแล้วว่าพ่อปม่ตัวเองโดนสั่งเก็บ เลยต้องเองข้อมูลในตู้เซฟอันนั้นเป็นตัวประกันก่อน
ไม่งั้นยังไงก้ไม่รอดอะ ทั้งทำหน้าที่บกพร่องจนเจ้านายตาย ทั้งทรยศ ยังไม่รวมกับที่กล้ามาต่อรองอีก
เจนภพไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายก เงินก้ไม่น่าใช่ อำนาจก้ไม่น่าใช่อีก
เพราะเค้าเข้ามาในวงการนี้เพราะต้องมาช่วยคุณพิษอะ ไม่ได้อยากเข้ามาเองแต่แรก
เค้าคงไม่อยากอยู่ในวังวนนี้ หรือไปรับใช้คนอื่นต่ออะ

นี่ว่าระเบิดไม่ใช่ฝีมือเจนภพแน่ๆอะ แต่ว่าใครคือมือที่3 อันนี้ก้ต้องเดาอะ
พ่อน้องอัยย์? นิลรดา? เหลือให้สงสัยอยู่ไม่กี่คนแล้ว
เผลอๆคุณพิษซ้อนเอาระเบิดมาใส่เองป้ะ แล้วก้หายตัวไปมองมาจากมุมนอกที่เห็นอะไรชัดกว่า
มองดูว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังจะตาย ใครมีท่าทียังไงบ้าง
ส่งนิลลาเข้ามาประกบเมียตัวเองไว้ ไม่ให้อะไรๆมันแย่เกินไปกว่าที่ควรจะเป็น
แต่ถ้าบอกน้องอัยย์ มันก้จะไม่สมจริง เจนภพฉลาดขนาดนั้น ต้องไหวตัวทันแน่ๆอะ
ยังติดใจสายตาคุณพิษที่มองน้องไม่วางตาตอนลงลิฟต์ก่อนเกิดระเบิดอยู่เลยอะ รู้อะไรอยู่แล้วรึป่าว

เดาขนาดนี้ก้คือไม่อยากให้ตายนั่นแหละค่ะ พยายามหาทางเป็นไปได้ทั้งหมด 55555

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ไม่เดา นั่งเฝ้าตอนอัพเป็นกำลังใจให้นุ้งอัยย์อย่างเดียว สู้ๆนะลูก #บีบมือ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
หลานฉันต้องมาเกิดท่ามกลางคนเลวๆ

ไร้ความจริงใจแบบนี้เหรอ

เจนภพฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ

นิลลา ตกลงเธอคือเพื่อนหรืองูพิษ

ตาณาณเมื่อไรนายจะกลับมาหาลูกเมียของนาย

อคิน อัยย์แย่แล้วนายรีบมาหาน้องนายเถอะ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ใจคิดว่าเป็นแผนของพิชฌาน ร่วมมือกับนิลลา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด