[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 268091 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ตลกยัยอัยที่ยังห่วงกิน โอ้ยย 555555555

ออฟไลน์ akashita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หรือว่าแม่ของเจนภพ คือป้านิ่ม งูยยยยยย

ยัยน้องก็น่าจะเอะใจตอนที่เห็นกุหลาบแน่ ๆ เลยตัดสินใจขู่ เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากเอาลูกออกจริง ๆ แน่เลย


ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :hao7: คุณพิษษ มาหาบู้บี้เร็วววว

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
รีบมาต่อนะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เจ้มจ้นไปหมด ลุ้นๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูอัยย์ เข้มแข็งมากขึ้นแล้ว กุหลาบนี้ช่วยได้มากเลยเนาะ
แล้วพอจะเคี่ยวขึ้นมา ดันเผลอห่วงกินซะงั้นคนเรา 5555

นิลเกือบไปแล้วนะ เกือบหลงลมอัยย์แล้ว ไม่งั้นอาจได้เปิดตัวฌาณ

นั่นไง โผล่มาแล้วนะฌาณ ถ้าไม่เพราะเจนภพ ไม่ได้ออกตัวแล้ว
รอเลยจ้าว่า นิลจะเมาท์ยังไง แล้วฌาณจะทำยังไงต่อ

งงเรื่องเจนภพไปหมดแล้วจ้า สรุปคนละแม่จริงหรอ

ออฟไลน์ gibari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง้~~~~ มาลงชื่อทันถ่ายทอดสดแล้วค่ะ ฮือออออออ
ตื่นเต้นใจบางไปหมดเลย เรื่องราวครบเครื่องมากๆเลยล่ะค่ะ
ทำเอาหัวเราะ เขิน น้ำตาไหล ตื่นเต้น ตื้นตัน มาเต็มมากจริงๆนะคะ
เกาะขอบกระทู้ รอคอยตอนต่อไปนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณพิษ อย่าปล่อยให้บู้บี้รอนาน สงสารน้องงงงง!  :o12:

ออฟไลน์ awila

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตตอนแรกคิดไว้ว่าเจนภพคือลูกของท่านกับภรรยาใหม่ แต่ยังไงก็คิดถูกที่เป็นพี่น้องกัน55555555
น้องอัยย์น่าจะรู้ตั้งแต่กุหลาบดอกแรกแล้วแหละ ติดกลิ่นขนาดนี้ ชอบวิธีการเอาลูกมาขู่แต่ไม่ยอมวางช้อนจริงๆ
มาต่อไวๆนะคะ กำลังเข้มข้นเลยย

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยู่ใกล้ชิด นอนกอดกันทุกวัน อย่ามาหลอกกันให้ยากเลยน่า //ดีใจมากที่คุณพิษกลับมา เราไม่อยากเห็นน้องน้อยเศร้าไปกว่านี้แล้ววว ลูกออกมาหน้าจะยับมั้ยเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 34

 

 

 

 

 

 

          “คุณปัทมะมาแล้วค่ะ รออยู่ข้างล่าง”  นิ่มนวลเข้ามาบอกอาคิราห์ที่กำลังเพิ่งแต่งตัวเสร็จ  ชายหนุ่มละสายตาจากนิลลาแล้วหันไปบอกแม่บ้านยิ้มๆ

          “ให้เขารอในห้องรับแขกได้เลยครับ  เดี๋ยวผมจะเข้าไปคุยด้วย”

          “ได้ค่ะ”

          “งั้นนิลลาจะไปช่วยคุณป้านิ่มนวลทำความสะอาด”  นิลลารีบพูด แต่ว่าเจ้านายรีบคว้าข้อมือผอมๆของอีกฝ่ายเอาไว้ทันควัน

          “จะรีบไปไหน  เรายังคุยกันไม่จบเลยนะนิล  เพิ่งถึงตอนที่ระเบิดเอง  แล้วยังไงต่อนะ”

          “คือ...ทราบแค่นี้  แล้วก็สลบไป”  นิลลาอึกอัก  หลบสายตากลมโตที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้น  “โธ่ คุณอาคิราห์อย่าถามนักเลย  ต่อให้คุณถามอีกสิบรอบ  นิลลาก็จะตอบเหมือนเดิมเพราะรู้แค่นี้จริงๆ”

          “เห็นว่าฉันมีธุระต่อหรอกนะ  ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนิลแน่”  อาคิราห์พูดแกมขู่แล้วลุกขึ้นยืน  มองท่าทางเต็มไปด้วยพิรุธของเพื่อนโอเมก้าอย่างจับสังเกต  “ให้เวลาไปเรียบเรียงเรื่องราวใหม่ แล้วฉันจะมาถามซ้ำ  ถ้ายังไม่ได้เรื่องล่ะก็....”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วเดินออกมาจากห้องนอน เขาทั้งขู่ทั้งปลอบทั้งหลอกถามนิลลามาหลายวันแล้ว  อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหลุดปากออกมาเสียที

          คอลัมนิสต์จากนิตยสารชื่อดังรอเขาอยู่ก่อนแล้วในห้องรับแขก  ปัทมะลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรเหมือนคราวที่แล้วที่เคยเจอกันในงานเลี้ยงสโมสร

          “คุณอาคิราห์  ยินดีที่ได้เจอกันอีกครับ  คุณเป็นอย่างไรบ้าง  ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับเรื่องคุณพิชช์ฌาน ...ค่อนข้างกะทันหันมากทีเดียว”

          อาคิราห์ยิ้มรับบางๆ  ผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลง

          “ขอบคุณมากครับที่คุณปัทมะมาในวันนี้”

          “ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณที่คุณอาคิราห์ให้โอกาสผมกับนิตยสารของเรา”  ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่ม  “ผมดีใจมากเลยที่คุณติดต่อไป  เชื่อว่ามีหลายคนตั้งตารอที่จะฟังคำพูดจากปากของคุณ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หลังจากเหตุการณ์น่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้น  ผมเองได้เจอคุณวันนี้ก็เป็นเกียรติมากครับ”

          “คุณพูดเกินไป”  อาคิราห์พูดเรียบๆ  “ต้องเป็นผมต่างหากที่ขอบคุณคุณที่ยังไม่ลืมกัน  หลังจากสูญเสียคุณพิชช์ฌานไปแล้ว  ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจโอเมก้าที่เป็นคู่ครองของเขาอีก”

          “ใครว่าล่ะครับ  ทุกคนสนใจมากๆ  ที่คุณให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานเรื่องจะชันสูตรร่างของสามีอีกครั้ง  รวมถึงเรื่องการจะเรียนต่อเพื่อเป็นนักกฎหมายของโอเมก้า  ทุกอย่าง....ทำให้ชื่อของคุณตอนนี้เป็นที่น่าจับตามองสุดๆเลยนะครับ  ยิ่งคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย”

          “ผมแค่...ไม่อยากให้สิ่งที่คุณพิชช์ฌานทำมันสูญเปล่าครับ  ผมอยากให้สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ถูกสานต่อ  และผมเองในฐานะโอเมก้าตัวเล็กๆคนนึงที่บังเอิญมีโอกาสได้พูดมากกว่าเพื่อนโอเมก้าคนอื่นก็ควรจะทำตัวให้มีประโยชน์เท่าที่ผมจะทำได้ครับ”

          “คุณทำให้ผมรู้สึกทึ่งมากขึ้นทุกครั้งที่คุยกัน  คุณอาคิราห์  ...ผมขอเรียกคุณอัยย์นะครับ  ขอถามเหตุผลที่คุณขอระงับพิธีฝังศพแล้วส่งชันสูตรใหม่ได้ไหมครับ  คิดว่าทุกคนคงสงสัยเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

          “อ๋อ...ผมแค่อยากมั่นใจจริงๆว่าคุณพิชช์ฌานเสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด  เท่านั้นเองครับ”  อาคิราห์ละเอาไว้ไม่เล่าต่อว่าที่เขาอยากรู้จริงๆคือผู้ชายคนนั้นคือพิชช์ฌานหรือเปล่าต่างหาก  เผื่อกุหลาบพวกนั้นจะเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆของเขาเอง  จะได้ทำใจทัน

          “แสดงว่าคุณสงสัยว่ามีการฆาตกรรมอะไรทำนองนี้หรือครับ”

          “ผมไม่ทราบ  เรื่องนี้คงต้องรอให้คุณหมอนิติเวชออกมายืนยันครับ”  อาคิราห์ตอบเนิบๆ “คงไม่เหมาะถ้าจะพูดออกไปก่อน”

          “น่าสนใจมากครับ  ผมคิดว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านรักษาการณ์นายกฯไตรคุณได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเอาไว้  มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ  เรื่องไฟไหม้ที่บ้านของคุณจักรกฤตซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกับเรื่องระเบิดของคุณพิชช์ฌาน  คุณอัยย์คิดว่าสองเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกันไหมครับ”  นักเขียนหนุ่มถามพลางหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาด้วย  “ผมขออนุญาตอัดเสียงได้ไหมครับ  รับรองว่าจะถอดเทปออกมาเหมือนที่คุณพูดไม่ผิดเพี้ยน  ไม่มีการเสริมต่อแน่นอน”

          “เชิญครับ”

          “คุณอัยย์คิดว่าเกี่ยวข้องกันไหมครับเรื่องนี้  คุณพิชช์ฌานเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า”

          “ก็ยังบอกไม่ได้ครับว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง  เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรอหลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนอยู่ดี  ผมคงไปฟันธงอะไรไม่ได้  แต่ว่า...สามีของผมให้ความช่วยเหลือในการจับกุมนายจักรกฤตและทลายซ่องโอเมก้า  ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ระเบิดจนทำให้เขาเสียชีวิตนี้เกี่ยวข้องกัน  อาจเป็นการแก้แค้นหรือเพื่อปิดปาก  ผมไม่รู้เลย  ผมได้แต่คาดเดาไปต่างๆนานา”  เสียงของคนพูดเริ่มสั่นเล็กน้อย  ทำให้คนสัมภาษณ์รีบเปลี่ยนเรื่อง

          “คุณคงสะเทือนใจมาก  ผมขอโทษนะครับสำหรับคำถามเมื่อครู่”         

          “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ  ผมพยายามทำใจได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว  คุณพิชช์ฌานเขาก็เคยพูดกับผมเมื่อนานมาแล้วว่าชีวิตของเขาก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย  วงการการเมืองก็อยู่คู่กับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและอำนาจ  เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ออก  เมื่อมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์ก็ย่อมต้องมีฝ่ายที่เสียประโยชน์”

          “คุณพิชช์ฌานพูดถูกต้อง”

          “เขาสอนผมเอาไว้หลายอย่าง”  อาคิราห์ว่า  ทอดสายตามองออกไปยังสวนด้านนอกเห็นนิลลาเดินก้มๆเงยๆอยู่ตามพุ่มไม้  “ทั้งเรื่องการเมือง  ความรัก”

          “คุณกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา”  ปัทมะพูด  เหลือบมองกลางตัวของอีกฝ่ายอย่างสุภาพนิดหนึ่ง  “อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ  แพ้มากไหม”

          “ไม่แพ้เลย”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ

          “คุณคาดหวังกับลูกคนนี้ไว้ไหมครับ  เขาก็เหมือนตัวแทนของคุณพิชช์ฌานเลยนะ”

          “คาดหวังอย่างไรครับ  หมายถึงเขาจะออกมาเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าแบบนี้หรอ  ผมไม่คาดหวังเลยเพราะไม่ว่าลูกผมจะออกเป็นแบบไหน  เพศอะไร  เขาก็เป็นลูกของผมกับพิชช์ฌาน  ขอแค่เขาโตขึ้นเป็นคนดี  กระทำประโยชน์ให้แก่สังคมก็พอแล้วครับ”

          “นี่คือเหตุผลที่คุณอยากเปลี่ยนแปลงสังคม  เพื่อลูกของคุณใช่ไหมครับ”  ปัทมะยิงคำถามชงมาให้  อาคิราห์ยิ้มนิดๆ

          “ใช่ครับ  ผมอยากให้ลูกเกิดมาในยุคที่ไม่ว่าคุณจะเป็นอัลฟ่า  เบต้าหรือโอเมก้า  ก็มีสิทธิเท่าเทียมกันหมดไม่แบ่งแยก  ได้รับการประพฤติปฏิบัติเหมือนกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน  ที่โรงเรียน  ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ไม่มีใครอับอายที่มีลูกเป็นโอเมก้า  โอเมก้ามีสิทธิมีเสียงและมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้”

          “ผมเห็นด้วยนะ  การที่โอเมก้าถูกกดเอาไว้ที่บ้านเพราะพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น  เขาจำเป็นต้องพึ่งพาอัลฟ่าและเบต้า”

          “โอเมก้าต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ครับ  เริ่มต้นตั้งแต่การหาอาชีพให้พวกเขา  ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้พวกเขาจะต้องได้เรียนหนังสือในโรงเรียน  อาจจะร่วมกับอัลฟ่าหรือเบต้าก็ได้  ถ้าโอเมก้ามีความรู้มีความสามารถในการทำงานแล้ว  เขาก็จะหาเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งอัลฟ่าหรือเบต้า”

          “คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าโอเมก้าไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนหนังสือ”

          “ผมจะพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเองครับ  ผมจะเรียนให้จบและสอบเป็นนักกฎหมายให้ได้  จะได้เป็นตัวอย่างและก็จะได้เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อชาวโอเมก้าด้วยครับ  ทุกวันนี้เราถูกปิดกั้นเพราะกฎหมายที่ร่างโดยอัลฟ่าและเบต้าอยู่  แม้แต่การเลือกตั้ง  พวกเรายังแทบไม่มีสิทธิมีเสียงเลย  เสียงของโอเมก้าไม่ดังเท่าอัลฟ่าและเบต้า  ทั้งๆที่ก็เป็นพลเมืองในประเทศนี้เหมือนกัน  มันไม่น่าน้อยใจหรอครับ”

          “คงต้องยอมรับว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังมีความคิดเรื่องชนชั้นอยู่  บางคนก็ยึดมั่นเสียจนกลายเป็นการต่อต้านแนวคิดสมัยใหม่  คุณคงจำข่าวที่มีการประท้วงและก่อจลาจลกันขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้  คุณอัยย์มีความเห็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเรื่องนี้”

          “ความคิดเรื่องอัลฟ่าเก่งต้องเป็นผู้นำในเรื่องต่างๆ  ส่วนเบต้าเป็นพลเมืองชั้นกลางที่คอยทำงานตามหลังอัลฟ่า  และโอเมก้าเป็นอยู่ที่บ้านคอยรับใช้พวกเขา  มันเป็นชุดความคิดที่เกิดขึ้นมานานและฝังรากลึกอยู่ในระบบความคิดของเราตั้งแต่เกิดครับ  ดังนั้นการที่จะแก้ไขเรื่องนี้จึงต้องใช้เวลามาก  ผมไม่คิดว่าทุกคนจะสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดแบบนี้ได้ภายในวันสองวันหรือสิบยี่สิบปี  เป้าหมายของผมก็คือการเปลี่ยนความคิดฝังลึกนี้กับคนรุ่นใหม่  มันอาจจะใช้เวลานานกว่าชีวิตของผม  นานกว่ารุ่นของผม  อาจจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของผมก็เป็นได้  แต่ว่านี่คือจุดเริ่มต้น  คือจุดเปลี่ยน”

          “คุณคิดว่าการพาโอเมก้าออกมาสู่แสงสว่าง...ผมขอใช้คำนี้นะ  จะทำให้เกิดอันตรายกับโอเมก้ามากขึ้นไหมครับ  ยกตัวอย่างเช่น  โอเมก้าทำงานออฟฟิศแล้วเกิดฮีทขึ้นมา”

          “จากนั้นก็ถูกอัลฟ่าที่ได้กลิ่นล่วงละเมิดทางเพศและเผลอๆอาจจะถูกกัดคอด้วย  แบบนี้ใช่ไหมครับ”  อาคิราห์เลิกคิ้ว  “คุณปัทมะคิดว่าถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น  โอเมก้าไม่ยินยอม  อัลฟ่าจะถูกลงโทษอย่างไรบ้างครับ”

          “อืม...ผมก็ไม่ค่อยทราบเรื่องกฎหมายเท่าไหร่เสียด้วย  แต่คิดว่าน่าจะต้องจำคุกนะครับ”

          “ผิดครับ”  อาคิราห์พูด  “อัลฟ่าคนนั้นจะไม่ถูกลงโทษทางกฎหมายอะไรเลยเพราะคนที่โดนลงโทษคือโอเมก้าครับ  ถ้าอัลฟ่าจะฟ้องตำรวจขึ้นมาล่ะก็  โอเมก้าจะถูกลงโทษทั้งจำทั้งปรับเพราะความประมาทเลินเล่อจนก่อให้เกิดความวุ่นวาย”

          “อ้าว”  ปัทมะอุทานแล้วเงียบไป

          “ครับ  นั่นคือความจริง  โอเมก้าจะเป็นผู้ผิดเสมอถ้าเรื่องราวถึงศาลกัน  ทั้งๆที่เป็นฝ่ายเสียหาย  ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่ยินยอมแท้ๆ  แล้วถ้าอัลฟ่าคนนั้นกัดคอโอเมก้าด้วยแล้วล่ะก็  เขามีสิทธิที่จะล่วงละเมิดโอเมก้าคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ครับ  คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องดีเพราะเหตุผลทางร่างกายหลังจากถูกกัดแล้วโอเมก้าคนนั้นจะไม่สามารถมีอะไรกับคนอื่นได้  แต่ความจริงมันแย่มากครับโดยเฉพาะถ้าคู่อัลฟ่าคนนั้นไม่ได้มีแค่โอเมก้าเพียงคนเดียว”

          “ผมเข้าใจครับ”  ปัทมะพูด  “มีโอเมก้ามากมายที่ถูกกัดแล้วคู่ก็ปล่อยทิ้งๆขว้างๆ  ถ้าอย่างนั้น  กฎหมายสำหรับโอเมก้าก็เป็นสิ่งจำเป็น”         

          “ผมคิดว่าควรจะต้องมีกฎหมายเพื่อคุ้มครองโอเมก้าครับ”  อาคิราห์สรุปอย่างพอใจ  “คุณปัทมะเคยคุยกับผมเมื่อคราวก่อนว่าอยากให้ผมเล่าเรื่องสมัยที่ผมอยู่ที่บ้านให้ฟังใช่ไหมครับ”

          “ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงมากเกินไป”

          “ไม่หรอกครับ”  อาคิราห์ยิ้มออกมาบางๆ ทว่าจับตาคนมอง โดยเฉพาะรอยเศร้านิดๆในดวงตากลมโตคู่นั้น  “คุณปัทมะเชื่อไหมว่าผมไม่เคยได้ออกจากบ้านเลยครับ  ผมโตขึ้นมาในบ้าน  อยู่กับพี่เลี้ยง  เฝ้ามองดูฝาแฝดของผมออกไปเที่ยวเล่น  ทำทุกอย่างที่อยากทำโดยที่ผมได้แต่นึกอิจฉา  บางครั้งก็น้อยใจว่าทำไมผมถึงต้องเกิดเป็นโอเมก้าด้วย”

          “คุณเคยถามคุณพ่อของคุณบ้างไหมครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น”

          “ผมเคยถามครับ  คำตอบก็คือ  เพราะท่านเป็นห่วงผมเลยไม่อยากให้ผมออกจากบ้าน  ไม่อยากให้ผมเจอใคร  ผมคิดว่านั่นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุครับ  ท่านกลัวว่าผมจะเป็นอันตรายจากอัลฟ่าหรือเบต้าคนอื่น  หรือว่ากลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร  ทางแก้ของเรื่องนี้ไม่ใช่การกักขังแต่คือการปรับปรุงแก้ไขให้โลกภายนอกปลอดภัยสำหรับโอเมก้า  นั่นหมายความว่าคนอื่นๆจะต้องยอมรับด้วยว่าโอเมก้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน  ให้เกียรติและมีความเท่าเทียมกัน”

          “คุณกำลังหมายถึงนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมกันที่คุณพิชช์ฌานกำลังเสนอถูกไหมครับ”

          “ถูกต้องครับ”

          “น่าเสียดายที่คุณพิชช์ฌานไม่ได้อยู่สานต่อ”

          “ถึงแม้คุณพิชช์ฌานไม่อยู่แล้ว  แต่ว่าผมจะไม่ล้มเลิกเรื่องนี้ครับ  ผมจะเดินหน้าต่อเรื่องนี้เอง”  อาคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  “มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้การตายของคุณพิชช์ฌานไม่เสียเปล่า”

          “ในอนาคตเราคงได้เห็นนักกฎหมายโอเมก้าคนแรกได้เข้าไปมีบทบาทในการแก้ไขกฎหมายนะครับ”  ปัทมะพูดยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นๆต่อซึ่งโอเมก้าตรงหน้าก็สามารถตอบได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด  หลายครั้งที่ชายหนุ่มนึกทึ่งกับความคิดของอีกฝ่ายมากทีเดียว

          ไม่แปลกใจที่คนอย่างพิชช์ฌานเลือกคนๆนี้มาเป็นคู่ครอง  ถ้ามีคนคอยชี้แนะดีๆล่ะก็  เขาคิดว่าอาคิราห์สามารถไปได้ไกลยิ่งกว่าแค่นักกฎหมายที่เจ้าตัวบอกด้วยซ้ำ  น่าเสียดายที่สามีด่วนเสียชีวิตไปก่อน  ไม่อย่างนั้น...ชายหนุ่มคิดในใจเงียบๆ

          “ขอผมเดินชมรอบๆบริเวณหน่อยได้ไหมครับ”  ปัทมะเอ่ยขึ้นหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ  อาคิราห์ยิ้มรับ

          “เชิญครับ”  เจ้าของบ้านลุกขึ้นเดินพาแขกชมบรรยากาศรอบๆบ้าน  เขาหยุดยืนให้ปัทมะถ่ายรูปประกอบเป็นระยะ  บางครั้งก็รับรู้ได้ว่าคอลัมนิสต์หนุ่มแอบถ่ายรูปเขาทีเผลอไปหลายรูปทีเดียว

          ดอกไม้ในสวนกำลังเบ่งบาน  อาคิราห์โน้มตัวลงไปดมกลิ่นหอมอวลของดอกเบญจมาศสีขาวดอกใหญ่แล้วหันมายิ้มนิดๆให้กับกล้อง  ปัทมะนิ่งงันไป  ดวงตากลมโตที่แฝงแววเศร้าในนั้นน่าดึงดูดจนอัลฟ่าหนุ่มเผลอมองค้าง  ชายหนุ่มลดกล้องลงเมื่อรู้สึกตัว

          “คุณคงคิดถึงคุณพิชช์ฌานมาก”

          “ผมอ้อนวอนขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันไป”  อาคิราห์ตอบ  “คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก  ผมไม่เป็นไร”

          “คุณเข้มแข็งกว่าที่ผมหรือใครหลายๆคนคิด”

          “ผมไม่ได้เข้มแข็งแค่พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ก่อนเพราะผมมีหน้าที่ที่ต้องทำ  ผมต้องดูแลลูกในท้องของผม  ไหนจะแผนการในอนาคตของผมอีก  ผมจะอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้”

          “มีร้องไห้บ้างมั้ย”

          “มีสิครับ”  น้ำใสเอ่อคลอในหน่วยตากว้างเพียงแวบเดียวก็จางหายไปเมื่อเจ้าของกะพริบตา  “ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่าทำไมต้องเป็นผม  ผมทำบาปอะไรมากนักหรือถึงได้อาภัพขนาดนี้  แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว  มันไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งโทษโชคชะตา  ผมมีหน้าที่แค่ทำวันนี้ นาทีนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว  เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”

          คำตอบของโอเมก้าทำให้ปัทมะนิ่งไปนาน  เจ้าของบ้านขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนและให้เขาเดินชมสวนต่อสักครู่  คอลัมนิสต์หนุ่มยกกล้องขึ้นถ่ายรูปบริเวณบ้านใหญ่หลังงามสมบัติของนักการเมืองผู้ล่วงลับคนนั้นอย่างละเอียด  เขาเคยมาที่บ้านของพิชช์ฌานหลายครั้งแต่ไม่เคยได้โอกาสเดินชมนานๆแบบนี้มาก่อน

          เสียงน้ำรดต้นไม้ดังขึ้นข้างหน้าพร้อมกับสายน้ำเย็นๆที่กระเซ็นมาโดน  ชายหนุ่มรีบถอยหลัง  ได้ยินเสียงขอโทษดังขึ้นจากข้างหลังพุ่มไม้ใหญ่ตรงหน้า

          “ขอโทษ  ไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินมา”  เสียงราบเรียบไร้อารมณ์นั้นสะกิดใจคนฟังอย่างประหลาด  ปัทมะขยับเข้าไปอย่างสงสัย  ชะเง้อขึ้นมองผ่านพุ่มไม้ที่กั้นกลาง

          “คุณทำงานที่นี่หรอครับ  ผมขอสัมภาษณ์หน่อยได้มั้ย  ผมชื่อปัทมะเป็นคอลัมนิสต์จากนิตยสารที่มาสัมภาษณ์คุณอาคิราห์วันนี้ครับ”

          “ฉันไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใครและมันไม่จำเป็น”  คำตอบดังออกมาจากหลังพุ่มไม้พร้อมกับเสียงย่ำเท้าเดินออกไปยังอีกด้านหนึ่ง  ปัทมะรีบก้าวตามหลังทันเห็นแค่แผ่นหลังเล็กบางที่หายลับมุมต้นไม้ไป  ชายหนุ่มเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแต่ก็ลืมไม่ได้ถามเจ้าของบ้าน

          ปัทมะกลับไปแล้ว  อาคิราห์กลับเข้ามาในบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน  การให้สัมภาษณ์แม้เพียงช่วงสั้นๆช่างเปลืองพลังงานมากจริงๆ เขาต้องมีสติครุ่นคิดตลอดเวลาเพื่อที่จะไม่ถูกอีกฝ่ายหลอกถามแล้วเผลอเปิดเผยอะไรต่อมิอะไรออกไปเกินควร

          “ฉันให้สัมภาษณ์แล้วนะ  แล้วต้องทำยังไงต่อ”  ชายหนุ่มพูดลอยๆ มองหน้าโอเมก้านิลลาที่ยกถาดขนมหวานเข้ามาวางตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ  สีหน้าของนิลลาไม่บอกอารมณ์เช่นเดิมทว่านัยน์ตาแห้งผากคู่นั้นมีแววขบขันจางๆ

          “คุณคงอยากไปเที่ยวพักผ่อนให้หายเศร้าเรื่องคุณพิชช์ฌานกระมัง”         

          “ไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ”  คิ้วเรียวเลิกสูง  ยกมือขึ้นเท้าคางมองหน้าโอเมก้าที่ควบตำแหน่งเพื่อนและพี่เลี้ยงเข้ามาด้วยหมาดๆ “นิลลองเสนอมาสิ”

          “เกรงว่าจะไม่ถูกใจคุณอาคิราห์”

          “ถูกใจหรือไม่ถูกใจ  ฉันมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ”

          “นิลลาไม่อยากให้คุณไม่สบายใจหรือคิดแบบนั้นเลย”  คราวนี้โอเมก้ารีบหันมาพูดอย่างจริงจัง  “นิลเพียงแค่อยากให้คุณได้ผ่อนคลายบ้าง  แค่นั้น”

          คนฟังยิ้มอย่างรู้ทัน  ไม่พูดอะไรอีก

          เย็นวันนั้นนายจรัญรักษาการณ์หัวหน้าพรรคเข้ามาเยี่ยมเขาที่บ้าน  อาคิราห์ฝืนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดีจนเกือบสามทุ่มคนจากพรรคของสามีถึงได้กลับออกไป  โอเมก้าหนุ่มเข้าไปให้อาหารปลาในห้องทำงานของพิชช์ฌานต่อเงียบๆ คิดถึงคำพูดที่ว่าที่หัวหน้าพรรคบอกมา

          “ผมอยากชวนคุณอาคิราห์มาร่วมงานที่พรรคของเราครับ”  นายจรัญพูดขึ้นเนิบๆ “ผมทราบว่าคุณโกรธแค้นเรื่องการลอบทำร้ายคุณพิชช์ฌานจนถึงแก่ชีวิต  แล้วผมก็ทราบด้วยว่าทางตำรวจดูจะไม่มีความคืบหน้าเอาเสียเลย  ผมเลยอยากเสนอให้คุณอัยย์เข้ามาร่วมทวงคืนความยุติธรรมให้กับการตายของคุณพิชช์ฌาน  ซึ่งจะเป็นภารกิจแรกของผมหลังจากได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเต็มตัว”

          “คุณจรัญอยากให้ผมทำยังไงครับ”  อาคิราห์ถามเสียงซื่อ  อีกฝ่ายได้ทีรีบพูดต่อ

          “อาทิตย์หน้าจะมีการลงคะแนนลับเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นการภายใน  ผมอยากให้คุณอัยย์ไปร่วมงานนี้ด้วยครับ”

          “แต่ผมไม่ใช่คนในพรรค  ไม่มีสิทธิลงคะแนนให้คุณอยู่แล้ว”

          “คุณอัยย์เพียงแค่ไปที่ทำการพรรคก็พอครับ  ผมรับรองว่าเรื่องของคุณพิชช์ฌานจะไม่เงียบไปกับสายลมอย่างแน่นอน  ผมรับรอง”

          “ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”  อาคิราห์พูดด้วยท่าทางมึนงง  “ยังไงคุณก็จะได้เป็นหัวหน้าพรรคต่ออยู่แล้ว  ทำไมต้องให้ผมไปด้วยครับ”

          “เพื่อเป็นเกียรติและเป็นตัวแทนของอดีตหัวหน้าพรรคของเราครับ  นะครับคุณอัยย์”

          “ตกลงครับ  ผมจะไป”  เขาตอบกลับไปอย่างว่าง่าย

          เจ้าปลาบู่ในตู้ว่ายน้ำเข้ามางับอาหารเม็ดที่เขาโปรยลงไปอย่างหิวโหย  อาคิราห์ทอดสายตามองครีบสีเข้มของมันที่สะบัดพริ้วตามการเคลื่อนไหวอย่างใจลอย  เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดทางด้านหลัง

          “นิลพอรู้ไหมว่าใครคือคู่แข่งหัวหน้าพรรคของคุณจรัญ”

          “เห็นว่าเป็นอดีตนายทุนของพรรค  คนที่ชื่อชาติชาย”  คำตอบของนิลลาทำให้คนฟังชะงัก  ความคิดแวบไปถึงผู้หญิงอีกคนขึ้นมาทันควัน

          “คนที่เป็นพ่อของคุณรินลดา”

          “ใช่  ได้ข่าวมาว่าเขาจะลงการเมืองคราวนี้  ถ้าได้เป็นหัวหน้าพรรคก็คงมีโอกาสมาก”

          “ไม่มีคนอื่นอีกแล้วเหรอ”       

          นิลลายิ้มอย่างมีเลศนัย  ไม่ได้ตอบเจ้านาย

          “ฉันคิดว่าตัวเองคงจะต้องไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่งจริง ๆ แล้วล่ะ  นิลพอจะมีที่ไหนแนะนำไหม”

          “ได้ยินว่าคุณพิชช์ฌานมีเซฟเฮ้าส์อยู่อีกที่หนึ่งในหุบเขา  ถ้าคุณสนใจ”

          “ฉันจำได้  ฉันเคยไปที่นั่น...เมื่อนานมาแล้ว”  ภาพบ้านไม้สักทั้งหลังแวดล้อมด้วยดอกไม้และไอหมอกปรากฎขึ้นในความคิด  รวมถึงภาพห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่เขานอนขดตัวอยู่ด้วยความกลัว  และ...อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาในห้องด้วยท่าทางคุกคาม  “ฉันจะไปพักที่นั่น  ดีเหมือนกัน นิลช่วยเตรียมให้ฉันทีนะ”

          นิลลาก้มศีรษะรับแล้วถอยออกไปจากห้อง

          เซฟเฮ้าส์ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมนั้นทำให้อาคิราห์รู้สึกผ่อนคลายลงมาก  ได้แต่นึกแปลกใจในโชคชะตาของตัวเองที่พลิกผันจากคนถูกลักพาตัวกลายเป็นเจ้านายของบ้านหลังนี้

          ละอองน้ำค้างยังค้างอยู่บนยอดหญ้า  อากาศบนนี้เย็นชื้นไม่เหมือนข้างล่าง  ชายหนุ่มห่อตัวลงกับผ้าคลุมไหล่  เอนตัวลงนอนบนเก้าอี้นอนที่ยกมาวางริมระเบียง  ได้ยินเสียงนิ่มนวลกำลังทำอะไรสักอย่างล้งเล้งอยู่กับนิลลาในห้องครัวและเสียงฝีเท้าของบอดี้การ์ดสามคนที่ตามมาด้วยกัน

          “คุณอัยย์”  นิ่มนวลเดินเข้ามาปลุกคนที่เผลอหลับไปนาน  “เข้าไปข้างในบ้านดีกว่าค่ะ  ข้างนอกเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย”

          อาคิราห์ลุกขึ้นนั่ง   ท้องฟ้าข้างหน้าเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม  บรรยากาศรอบตัวดูมืดครึ้มเป็นเงาตะคุ่ม  เขาคงนอนหลับไปนานทีเดียว

          ลมพัดมาวูบหนึ่ง  หอบเอากลิ่นหอมเย็นๆของดอกไม้ป่ามาด้วย  อาคิราห์ชะงัก  เอื้อมมือไปจับแขนของแม่บ้านอาวุโสเอาไว้

          “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลก้มลงถาม  มือของเจ้านายเย็นเฉียบ  “หนาวรึคะ  มือเย็นเชียว  หรือว่าจะไม่สบาย”

          “ผม...รู้สึกแปลก ๆ  เหมือนมีคนจับตาดูอยู่ตลอดเวลา”  อาคิราห์พูดช้า ๆ  กวาดตามองออกไปข้างนอกที่เริ่มมืดสนิท  “ป้านิ่มรู้สึกไหมครับ”

          “ไม่นะคะ  ข้างนอกก็มีคนคอยดูตลอด  ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอัยย์  ที่นี่ปลอดภัยไม่มีอะไรหรอก  เป็นเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยที่สุดของคุณฌานแล้ว”  นิ่มนวลปลอบ  “คุณอัยย์อาจจะไม่เคยชินกับสภาพแวดล้อมด้วยป่า  ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  มาทานข้าวดีกว่า  ป้านิ่มได้ปลากับผลไม้ของป่าแปลก ๆ มาเพียบเลย  มาทำเมนูใหม่ให้คุณอัยย์ลองชิม”

          อาคิราห์เดินตามนิ่มนวลเข้าไปในบ้าน  แต่ไม่วายหันกลับมามองรอบบ้านอีกครั้งด้วยความรู้สึกตะครั่นตะครอชอบกล  ...ความรู้สึกที่เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          คืนนั้นอาคิราห์เข้านอนด้วยความรู้สึกประหลาดที่ยังคงติดตามมา  เขานอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเช้า  พอเล่าเรื่องนี้ให้นิลลาและนิ่มนวลฟัง  สองคนนั้นก็ต่างหัวเราะและปลอบใจเขาว่าคงคิดมากไปเอง

          “ผมรู้สึกเหมือนถูกจับตาดูอยู่จริง ๆ นะครับ”  อาคิราห์ยืนยัน

          “ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะคุณอัยย์  เมื่อเช้าป้าก็ให้พวกการ์ดตรวจสอบรอบบ้านอีกรอบแล้ว  ไม่เจอสิ่งผิดปกติเลย  คุณอัยย์ทำใจให้สบายดีกว่าค่ะ  หรือว่าจะกลับไปที่บ้านใหญ่ก็ได้นะคะ  ถ้าไม่สบายใจ”

          “ผมขี้เกียจเจอหน้านายจรัญอีก  เขาต้องแวะมาหาทุกวันแน่จนกว่าจะถึงวันเลือกหัวหน้าพรรค”  อาคิราห์พูดอย่างเซ็ง ๆ “ไม่เป็นไรครับ  ผมจะอยู่ที่นี่อีกวันสองวันแล้วค่อยกลับไปให้ทันวันประชุมพรรค”

          เขาเก็บความรู้สึกแปลก ๆ เอาไว้  ฝืนทำตัวเป็นปกติแม้จะรู้สึกหวาดระแวงกึ่งหงุดหงิดมากก็ตาม  นิลลาเองก็รู้ว่าอัยย์อารมณ์ไม่ดีเลยพยายามมาชวนพูดคุยให้ผ่อนคลายขึ้น

          “คุณอยากจะเล่นหมากรุกบ้างไหม”  นิลลาพูดขึ้น  มองเจ้านายที่นั่งเท้าคางอ่านหนังสือสลับกับมองออกไปข้างนอกหน้าต่างอย่างเป็นห่วง  อาคิราห์พยักหน้ารับแกน ๆ

          “เอาสิ”

          นิลลายกกระดานหมากรุกที่ทำด้วยแก้วเจียระไนสวยแปลกตามาวางบนโต๊ะ  อาคิราห์หยิบตัวหมากขึ้นมาพิศดูอย่างพอใจ  เลื่อนตัวหมากแก้วไปบนกระดานช้า ๆ

          “สงสารตัวหมากรุกจัง”  อาคิราห์ปรารภ  “ต้องถูกจับวางทางโน้นทีทางนี้ที  ไม่มีโอกาสได้เลือกทางเดินของตัวเองเลย”

          “ถึงอย่างไรคนเล่นก็ย่อมเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้แก่ตัวหมากรุกของตนเอง”  นิลลาตอบเนิบๆ  เอื้อมมือไปเลื่อนตัวหมากบนกระดานบ้าง

          “แม้ว่าบางครั้งจะต้องยอมตายน่ะเหรอ”  อาคิราห์เลื่อนตัวม้าไปกินเรือของอีกฝ่าย

          “เพื่อชัยชนะของส่วนรวม  ก็ต้องมีคนเสียสละบ้าง”  นิลลาพูด  เลื่อนตัวขุนไปแทนที่ตำแหน่งม้าของอาคิราห์

          “เพื่อชัยชนะ  ก็เลยใช้วิธีไหนก็ได้  ทำยังไงก็ได้  ไม่ต้องสนใจเลยใช่มั้ยว่าใครจะรู้สึกยังไงบ้าง”  อาคิราห์พูดเสียงสั่น  “ชัยชนะมันสำคัญถึงขนาดนั้นเชียวหรือ”

          “บางมีมันอาจหมายถึงชีวิตของคนที่..รัก..ก็เป็นได้”  นิลลาพึมพำ  เลื่อนขุนมาอยู่ตรงหน้า  “รุก”

          “พอเถอะนิล  ฉันไม่อยากเล่นหมากเกมนี้แล้วล่ะ”  จู่ ๆ อาคิราห์ก็ตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้นยืน  “จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่”  ประโยคหลังเขาพูดเสียงดัง  ไม่ได้มองหน้านิลลาอีกต่อไป  “เห็นฉันเป็นตัวอะไรไม่ทราบ  เป็นโคน  ม้า หรือว่าแค่เบี้ยธรรมดาไร้ค่ารอวันที่เขาจะส่งฉันออกไปตาย  ฉันเบื่อที่จะต้องเป็นตัวหมากคอยเดินตามแผนที่เขาวางเอาไว้แล้วนะ”

          “คุณอัยย์”

          “ทำอะไรไม่คิดถึงใจฉันบ้าง  ฉันไม่อยากทนแล้วนะจะบอกให้”  อาคิราห์ก้าวยาวๆออกมาจากห้องนั่งเล่นโดยมีนิลลาก้าวตามมาติด  “ไม่ต้องตามมานิลลา  ฉันจะไปเดินเล่นข้างนอก”

          “นิลลาจะไปด้วย”

          “ไม่ต้องตามมา”

          “คุณอัยย์  ฟังก่อน  ป้านิ่มบอกว่าให้คุณอัยย์อยู่ในบ้านอย่าออกไปไหน”

          “ป้านิ่มบอกหรือใครบอกกันแน่”  อาคิราห์สวน       

          “.......”  คนฟังเงียบ

          “เธอยังติดค้างคำอธิบายกับฉันอยู่นะนิลลา”  โอเมก้าพูดแล้วหมุนตัวกลับขึ้นไปบนห้องนอน  ไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกอย่างที่พูดเอาไว้  นิลลามองตามหลังพลางถอนหายใจยาว  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้านายรู้สึกอย่างไร  ถึงแม้จะไม่สามารถพูดความจริงออกไปทั้งหมดได้ว่าใครคนนั้นยังไม่ตาย  แต่เพราะสัจจะและหนี้ชีวิตก็ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านั้น

          ได้แต่คอยปลอบใจและประคับประคองอาคิราห์ไปก่อนเท่าที่จะทำได้  ทว่าความอดทนของฝ่ายนั้นก็ดูจะใกล้ถึงขีดสุดเต็มทีแล้ว

          อาคิราห์กำลังเดินกลับไปกลับมาในห้องนอนอย่างครุ่นคิด  เขาเผลอระเบิดอารมณ์ออกมาใส่คนสนิทเพราะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากมาพักอยู่ที่นี่  เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดทุกการเคลื่อนไหว

          ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว  เขามองไม่เห็นกล้องวงจรปิดหรืออะไรที่ดูน่าสงสัย  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหยิบของที่เขาเตรียมเอาไว้ออกมา

          เงาคมกริบของมีดปลอกผลไม้สะท้อนเข้ากับแสงแดดยามบ่ายจัด  ชายหนุ่มถกแขนเสื้อของตัวเองขึ้น  สูดน้ำมูกฟืดใหญ่พร้อมกับเช็ดน้ำตาลวกๆ  เหลือบมองรอบตัวอีกครั้งก่อนจะยกมีดขึ้นสูง  กลั้นหายใจแล้วปักเข้าที่หน้าท้องของตัวเองจนมิดด้าม

          ..................................................................................

          “คุณอัยย์ยังไม่ตื่นอีกเหรอนิลลา”

          “ยังไม่เห็นออกมา”  นิลลาตอบ  หันไปมองนาฬิกา  “อีกสักชั่วโมงฉันจะเข้าไปตามอีกที  ได้เวลาอาหารเย็นเธอคงจะออกมาเอง”

          “เห็นเมื่อบ่ายคุณอัยย์โมโหอะไรงั้นหรือ  ฉันอยู่ในครัวได้ยินเสียงแว่วๆ”  นิ่มนวลถามเรียบๆ  มือก็คนแกงในหม้อไปด้วย “คุณอัยย์เป็นอะไร”

          “อารมณ์คนท้องก็แปรปรวนอยู่แล้ว”  นิลลาตอบอย่างสงบ

          “ฉันล่ะสงสารเธอเหลือเกิน  ตัวแค่นี้  อายุก็นิดเดียวต้องมาสูญเสียสามีไปอีก  ตัวเองก็ท้องอยู่  ถ้าเป็นฉันคงสติแตกไปแล้ว  คุณอัยย์เข้มแข็งมากจริงๆ”  นิ่มนวลพูดอย่างเลื่อมใส  “เธอก็คอยชวนคุณอัยย์คุยหน่อยสิ  อย่าปล่อยให้เธอนั่งเหงาคนเดียว  ไม่งั้นก็คงคิดถึงคุณฌานอีกแน่ๆ”

          นิลลาไม่ตอบ  แต่นิ่มนวลก็เริ่มเคยชินกับนิสัยของอีกฝ่ายแล้ว   อย่างน้อยเจ้าโอเมก้าก็เป็นคนทำงานดีและไม่เกี่ยงงาน  เธอไม่รู้ว่าจะไว้ใจได้มากแค่ไหน  แต่เท่าที่สังเกตนอกจากท่าทางเงียบๆปนไว้ตัวนิดๆแล้วนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีก

          “ใครเอามีดฉันไปไหน  นิลลาเห็นบ้างมั้ย”  แม่บ้านก้มๆเงยๆมองหาอุปกรณ์ทำครัวที่ใช้อยู่ประจำ  “อยู่ในอ่างล้างจานหรือเปล่า  ฝากดูหน่อยซิ”

“ไม่เห็นมี..”  นิลลาพูดแค่นั้นแล้วก็นิ่งไปครู่ก่อนจะพุ่งกระโจนออกมาจากห้องครัวด้วยความเร็วสูง  ก้าวขึ้นบันไดแทบจะเป็นเหาะขึ้นไปยังห้องนอนของอาคิราห์ที่ปิดประตูสนิท  เขายกมือขึ้นเคาะเรียกเสียงดัง  “คุณอาคิราห์  คุณอาคิราห์ได้ยินหรือเปล่า  เปิดประตูหน่อย”

          “เกิดอะไรขึ้นน่ะนิลลา  ฉันตกใจหมด”  นิ่มนวลกระหืดกระหอบขึ้นบันไดตามหลังมาด้วย  “มีอะไร คุณอัยย์เป็นอะไร”

          “คุณอาคิราห์  ตอบนิลลานะ  อยู่ข้างในหรือเปล่า”  นิลลาเคาะประตูอย่างร้อนใจ  “ทำอย่างไรดีป้า  มีทางอื่นเข้าไปในห้องได้มั้ย  ฉันกลัวว่าคุณอัยย์จะเป็นคนเอามีดไป”

          “คุณพระช่วย”  นิ่มนวลอุทาน  หน้าซีดเผือด  “คุณอัยย์  ได้ยินเสียงป้านิ่มมั้ยคะ  ป้าจะไปหากุญแจห้องก่อน  มีกุญแจสำรองอยู่ข้างล่าง”  เธอรีบเดินลงบันไดไปหากุญแจห้องขณะที่คนข้างในยังเงียบกริบ

          นิลลาร้อนรน  ยกมือขึ้นทั้งทุบทั้งถีบประตูไม้สักหนาหนักก็ไม่เคลื่อนเอาเสียเลย

          “คุณอัยย์  คุณทำอะไรอยู่  กลับออกมาเถอะนะ”

          “นิลลา  ฉันหากุญแจไม่เจอ  ทำอย่างไรดี”  นิ่มนวลวิ่งขึ้นบันไดมาบอกหอบๆ  “เดี๋ยวฉันจะไปตามพวกการ์ดมาช่วยเผื่อจะเปิดประตูออกได้”

          “ฉันจะลงไปช่วยป้าเอง”  นิลลาพูดแล้ววิ่งลงบันไดนำหน้าคนอาวุโสกว่าลงมาชั้นล่าง  โอเมก้าพานิ่มนวลวิ่งต่อออกมาข้างนอกบ้านแล้วอ้อมไปทางด้านหลัง

          “พวกการ์ดไปไหนกันหมด  ทำไมเราไม่ไปตามการ์ดที่อยู่หน้าบ้านล่ะนิลลา”  นิ่มนวลพูดพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดไปด้วย  “ฉันเหนื่อยจริงๆ  เอ้า ..เธอหยุดทำไม  เหนื่อยเหมือนกันเหรอ”

          “เปล่า  แต่ว่าเรานั่งรอตรงนี้กันดีกว่า”  ร่างผอมบางทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินหน้าตาเฉย  ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนอย่างเมื่อครู่อีกจนคนมองงุนงง

          “อะไรกันนิลลา  นั่งทำไม  เราต้องไปช่วยคุณอัยย์นะ  ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว  โธ่  คนกำลังท้องกำลังไส้คงจะเครียดมากแน่ ๆ ลุกสินิลลา  ถ้าเธอไม่ลุกฉันจะไปเอง”  นิ่มนวลพูด ชักโกรธที่เห็นอีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นแถมยังเอื้อมมือมาฉุดแขนของเธอเอาไว้อีก

          “ไม่ต้องไปไหนหรอกป้า  เชื่อฉัน  หน้าที่ของเราหมดแล้ว”  เสียงราบเรียบนั้นมีแววกลั้วหัวเราะนิดๆแทบไม่รู้สึก  ดวงตาเรียวยาวหรี่ลง  “นั่งตรงนี้แหละ  สักพักค่อยกลับเข้าไป”

          “แล้วคุณอัยย์”  แม่บ้านยังกังวลอยู่

          “มีคนเข้าไปดูแล้วล่ะ”  นิลลาตอบแล้วยกมือขึ้นปิดปาก

          .........................................................................

          ประตูห้องพักของอาคิราห์ถูกไขกุญแจเปิดออกอย่างรวดเร็วเพราะความร้อนใจของคนข้างนอก  พอก้าวเข้ามาในห้องได้  ชายหนุ่มก็ปราดเข้าไปถึงตัวคนที่นอนหงายเหยียดยาวอยู่ที่พื้นจมกองเลือดแดงสดนั้น  ชุดสีขาวที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่แดงฉานไปด้วยเลือดโดยเฉพาะบริเวณกลางท้องที่มีดปักอยู่

          คนมาใหม่ชะงัก  ย่อตัวลงไปมองด้ามมีดที่เริ่มเอียงกระเท่เร่นั้นใกล้ๆ  มันไม่ได้ปักเข้าไปในหน้าท้องอย่างที่เขาเห็นในกล้องวงจรปิด  หากแต่ปักคาไว้กับอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในพุงของเจ้าโอเมก้า  พิชช์ฌานเลิกเสื้อเปียกๆนั้นขึ้น  กลิ่นของผลไม้ชนิดหนึ่งกับถุงพลาสติกและฟองน้ำชุ่มโชกที่มีมีดปักอยู่ด้านบนทำให้ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมา  หันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ที่พื้นนั้นพลางโคลงหัวอย่างอ่อนใจ

          นี่คนอย่างเขามาเสียรู้แผนตื้นๆอย่างนี้เนี่ยนะ

          “จะลุกขึ้นมาเองหรือให้ฉันทับแบนไปเลยดี”

          คนที่นอนจมกองเลือด(ปลอม)ไม่ขยับตัว

          “อาคิราห์”  อัลฟ่าหนุ่มเรียกชื่อคนแกล้งตาย  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางในชุดขาวเปื้อนของเหลวสีแดงกลิ่นเบอร์รี่นั้นด้วยความรู้สึกฉุนแกมขัน  “ลุกขึ้นมาเร็ว”

          พิชช์ฌานย่อตัวลงดึงมีดปลอกผลไม้ขึ้นมาถือเอาไว้  เห็นอีกฝ่ายยังนอนเฉยก็ได้แต่จุ๊ปาก

         ภาพในกล้องวงจรปิดเมื่อครู่ยังติดตา  โดยเฉพาะตอนที่อาคิราห์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะหยิบมีดขึ้นปักท้องของตัวเองอย่างแรง  จากนั้นเจ้าตัวก็ตัวงอเซแซ่ดๆลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมกับของเหลวที่ทะลักออกมาจากหน้าท้อง  ทำเอาเขาหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ  ต้องตาลีตาเหลือกออกมาจากที่ซ่อนตัวเพื่อจะพบว่าถูกต้มขนานใหญ่

          “ชักจะร้ายใหญ่แล้วนะเจ้าบู้บี้  จะลุกไม่ลุก”  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปบีบจมูกมู่ทู่ของคนที่ยังนอนหลับตาปี๋  “ลืมตาขึ้นมาเร็ว  ไม่งั้น..”  หางเสียงของเขาขาดหายไป  ชายหนุ่มก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากอิ่มเต็มสีสดนั้นแล้วแกล้งงับริมฝีปากล่างด้วยความหมั่นเขี้ยว

          “โอ๊ย!”  ได้ผล  คราวนี้คนแกล้งตายยกมือขึ้นผลักหน้าคมเข้มออกอย่างแรงแล้วผุดลุกขึ้นนั่งหน้างอ  ดวงตากลมโตใสแจ๋วตวัดขึ้นสบตาคมเข้มที่ก้มลงมองอยู่  “ออกไปเลยนะ  จะไปไหนก็ไป  ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ  คนตายก็อยู่ส่วนคนตายสิ”  อาคิราห์พูดเร็วปรื๋อ

          “เธอก็ตายแล้วเหมือนกันไม่ใช่หรือไง  เมื่อกี้ปักมิดด้ามเลยนี่”  ชายหนุ่มพูดแค้นๆ  “ดีนะที่มีดมันสั้นเลยทะลุพุงเธอไม่ได้”

“หึ  ถือว่าเจ๊ากัน  เจอกับตัวบ้างรู้สึกยังไงล่ะ”

          “หัวใจจะวาย”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่เท่ากับที่ผมเจอหรอก”  คนพูดดึงตัวลุกขึ้นนั่งเองโดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากอัลฟ่า  พิชช์ฌานเม้มปาก  มองท่าทางที่แปลกไปของเจ้าโอเมก้าอย่างครุ่นคิด  อาคิราห์หันหลังให้เขา  พิชช์ฌานก้าวเข้าไปจนชิดแล้วรวบร่างแบบบางนั้นมากอดเอาไว้แน่น  ก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่แก้คิดถึง  คนในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลัก  หันมายกมือขึ้นทุบแผงอกกว้างประท้วง

          “ปล่อยผม  ผมไม่คุยกับผี”

          “ฉันยังไม่ตายเธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง”  เสียงห้าวๆกระซิบริมหูก่อนจะจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง  แก้มนวลสีน้ำผึ้งกลายเป็นสีแดงก่ำแทบจะรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา  “ไม่ดีใจหรืออาคิราห์”

          “ไม่”  คนตอบหันหน้าหนี  แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีออกจากวงแขนแข็งแรงอีก

          “ถ้าไม่แล้วทำไมยอมให้กอดแล้วล่ะ”  พิชช์ฌานพูดแกมหัวเราะ

          เจ้าโอเมก้าเม้มปากแน่น  ยกมือขึ้นทุบแผ่นหลังกว้างดังอั้ก  พิชช์ฌานอุทานทรุดตัวลงนั่งที่พื้นจนคนทุบตกใจ

          “เจ็บมากหรอ  ทุบเบาๆเองนะ”  อาคิราห์คุกเข่าลงข้างตัว  จับต้นแขนล่ำสันเอาไว้แน่น  อีกฝ่ายไม่ตอบ  ใบหน้าคมเข้มซีดเผือดสูดปากด้วยความเจ็บ  “เจ็บตรงไหน  ที่หลังหรอ”  อาคิราห์กุลีกุจอเลิกชายเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายสวมไว้ขึ้น  ผ้าพันแผลที่ปิดอยู่เกือบเต็มแผ่นหลังทำเอาคนมองอ้าปากค้าง  “คุณบาดเจ็บนี่”

          “ฉันถูกไฟลวกเอาตอนระเบิด”  พิชช์ฌานกัดฟันตอบ  ความเจ็บปวดตอนที่โดนทุบเมื่อครู่จางลงไปแล้วแต่พอเห็นสีหน้าเป็นห่วงตกอกตกใจของอีกฝ่ายก็ทำให้ชายหนุ่มงอตัวลงอีก  “เจ็บจัง  เธอมือหนักเหมือนเดิมเลยนะ”

          “ผมขอโทษ”  อาคิราห์หน้าเสีย  รีบพยุงร่างสูงใหญ่พาไปนั่งพักบนเตียง  “ไหวหรือเปล่า  บาดเจ็บขนาดนี้ทำไมไม่บอกกัน”

          “จะให้บอกยังไงล่ะ  เธอก็เอาแต่ทุบเอาๆ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเบา  สูดปากอีกเล็กน้อยเพื่อความสมจริง  “ฉันขอกอดนิดหน่อยให้หายคิดถึงก็ยังไม่ยอม  รู้หรือเปล่าว่าฉันเกือบจะไม่ได้กลับมาเจอเธอกับลูกแล้วนะ”

          “หึ  ไม่ใช่แผนการของคุณอยู่ก่อนแล้วหรือไง”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “คิดจะทำอะไรก็ทำ  ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะรู้สึกยังไง”

          “ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ตอนแรกไม่ได้บอกเธอก่อน  แต่เพราะเรื่องมันฉุกละหุกมาก  ฉันเองก็ไม่อยากให้แผนแตกเสียก่อนเลยไม่ได้บอก  ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนซ้อนแผนแกล้งตายหลอกกันแบบนี้”

          “ถ้าผมไม่ทำ  คุณก็คงจะแกล้งตายต่อไปอีกนานเลยสินะ  คุณทำลงไปทำไม  เพื่ออะไร”

          “เพื่อเธอและลูกของเรา”  คำตอบของพิชช์ฌานทำให้คนฟังชะงัก  หัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบ

          “อย่ายกเหตุผลขึ้นมาลอยๆ”

          “เป็นเรื่องจริง  ฉันถูกลอบทำร้ายมาหลายครั้งแต่ว่าครั้งนี้หนักที่สุด  รุนแรงที่สุด  และมันคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย  แล้วเธอกับลูกก็จะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  แววตากลับเข้มขึ้นด้วยความแค้นที่เก็บเอาไว้  “งานนี้มันเล่นฉันกะให้ถึงตาย  เป็นเพราะเรื่องค้ามนุษย์นั้น  ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่อตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องบ้าๆนี่แล้วลากมันออกมาลงโทษซะ  โทษฐานที่มันขัดขวางเส้นทางการเป็นนายกฯของฉัน”

          “พอแค่นี้ไม่ได้เหรอ”  อาคิราห์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน  “คุณจบแค่นี้ได้มั้ย”

          คิ้วเข้มเลิกขึ้น

          “แค่คุณไม่เป็นอะไรมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว  ที่คุณบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกผู้มีอิทธิพลมาก  เขาคงไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่... ผมไม่อยากเห็นคุณ...ตาย..จริงๆนะ  แค่นึกมันก็...”  เสียงของอาคิราห์ขาดหายไปในลำคอ  ตัวสั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น  เพียงแค่คิดว่าคนที่นอนอยู่ในห้องไอซียูคือพิชช์ฌานตัวจริง  ขอบตาก็ร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเหมือนเปิดก๊อก  อาคิราห์เม้มปากเอาไว้แน่นกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้   “คุณพอแค่นี้เถอะนะ  ไม่ต้อง ฮึก ไม่ต้องทำอะไรแล้ว  นายกฯอะไรนั่น  ออกจากการเมือง  ผะ ..ผมไม่อยาก...ฮึก...เสียคุณไปอีก”

          พิชช์ฌานนิ่งงัน  จ้องมองใบหน้าเรียวหวานและดวงตาแดงก่ำฉ่ำด้วยหยาดน้ำตานั้นก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มเนิ่นนาน  รสเค็มปร่าของน้ำตาปะปนมากับความหวานหอมที่ปลายลิ้น  ความรู้สึกโหยหาจากเบื้องลึกของจิตใจกลายเป็นแรงดึงดูดและความรู้สึกผิดที่ยากจะถอนตัวออกมาได้

          คำขอร้องแกมอ้อนวอนของอาคิราห์ยังก้องอยู่ในหัว  พิชช์ฌานน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว     

          “ฌานขอโทษ” ...ที่คงไม่สามารถทำตามที่อีกฝ่ายขอร้องได้  ชายหนุ่มนึกต่อในใจแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแปลความหมายออก  แววเสียใจปรากฏขึ้นในดวงตากลมโตคู่นั้น  “ยกโทษให้ฌานเถอะนะ ...นะครับ”

          “ไม่ได้..ใช่มั้ย”

          “เรามาไกลเกินกว่าจะหยุดหรือหันหลังกลับ”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่ใช่เรา  แต่เป็น..คุณ  แค่คุณ”  อาคิราห์พูดแกมสะอื้นกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างด้วยความรู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆอย่างที่อธิบายไม่ได้  รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่  แต่ก็...

สูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของอัลฟ่าของเขาเข้าปอด  หวังว่าความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในอกนี้จะช่วยบรรเทาลงได้บ้าง  ริมฝีปากอุ่นจัดสัมผัสทั้งดวงหน้าและคลอเคลียอยู่แถวขมับ

“เธอจะไปกับฉันมั้ย”  เสียงห้าวๆกระซิบอยู่ริมหู  มีแววลังเลปรากฏอยู่ในน้ำเสียงเป็นครั้งแรก  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่ดูโทรมกว่าปกติ  ยกมือขึ้นแตะที่ไรหนวดเคราเขียวครึ้มนั้นเบาๆแล้วประคองใบหน้าของพิชช์ฌานเอาไว้ในอุ้งมือของตน

“คุณไม่ต้องถามผมอีกแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ  น้ำตาไหลเป็นทางสองข้างแก้ม  “ผมให้โอกาสคุณตัดสินใจไปแล้ว ฮึก  หลังจากนี้ผมจะไม่ถามคุณอีก”

“คำตอบของเธอคือ..”

“ผมเป็นโอเมก้าของคุณ”  อาคิราห์พูดทั้งน้ำตา  คนฟังยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเต็มตื้น  พิชช์ฌานประคองดวงหน้าของคู่ชีวิตเอาไว้เช่นกัน

          “กุหลาบแดงทุกดอกในประเทศนี้จะผลิบานเพื่อเธอคนเดียวอาคิราห์  ฉันสัญญาว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”

          ............................................................................................

         

มาอัพต่อแล้วจ้า

          หายไปหลายวัน ติดภารกิจยาวนาน  ขอบคุณทุกคนมากที่ยังรอกันอยู่

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ


ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น้องอัยย์ทำเราใจหายใจคว่ำหมดเลย
ร้ายจริงๆเลยเจ้าบู้บี้
แต่ในที่สุดก้ล่อคุณพิษออกมาได้ซะที
เจ้าบู้บี้จะได้ไม่ต้องอดทนรอขนาดนั้นอีกก
คุณพิษนี่พอเป็นเรื่องยัยบู้บี้ก้ล่กๆเหมือนกันนะ โดนหลอกง่ายเลย
ถ้าเป็นปกติน่าจะฉุกคิดบ้างว่าน้องรู้ตั้งแต่โดนจับตัวมาครั้งแรกแล้ว
ว่าบ้านนี้มีกล้องวงจรปิดคอยจับตาดูอยู่ตลอด
พอเจอกันน้องอัยย์คือทุบๆๆเลย
แล้วคุณพิษบาดเจ็บจริงๆด้วยอะ 555555555555
แต่การแกล้งเจ็บอ้อนเมียนี่มันก้นะ น่าหมั่นไส้จริงๆเลยย
แอบไม่กล้าเดาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเลยอะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ในที่สุดก็ตามทัน สนุกมากๆ วางไม่ลง เอ็นดูเจ้าบู้บี้อัยย์ที่สุด  :กอด1: 

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o13 อคิราเก่งมาก หลอกณานได้สำเร็จ พระเอกเราฟื้นมาอีกตอนแล้ว

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


เหนือพิษ..ก็มีบู้บี้นี่แหละนะ

 :mew1:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :hao7: เจ้าบู้บี้ ๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เสียน้ำตาไปกับบู้บี้สองตอนมาแล้ว เฮ่อ กินหมดแล้วน๊ามาม่า

ออฟไลน์ Hazamii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ศีลเสมอศีล ก็จะเป็นงี้แหล่ะจ้า

Sent from my CPH1803 using Tapatalk


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว เย้ๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ุตกใจหมดเลยเจ้าบูบี้เอย

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บู้บี้ลูกกกกกก


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
นิลลาไวมาก แบบเข้าใจสถานการณ์ไวมาก 5555555555
เผยตัวซักทีนะนายคนนั้น T_____T

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
แสบจริงๆเลยเจ้าบู้บี้  เอาคืนนายพิษได้สะใจจริงๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ใจหายใจคว่ำหมดเลย คิดแหล่ะว่าบู้บี้จะเรียกคุณพิษออกมา แต่คิดว่ายอมแทงจริง ไม่คิดว่าจะมามุกนี้ ตลกปนร้องไห้ ยัยบู้บี้เอ๊ย 555555555555

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: งื้อออเจ้าบู้บี้

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: งื้อออเจ้าบู้บี้

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อิแม่หัวใจจะวาย แต่คงไม่เท่าคุณพิชฌาณ คิๆ อยากรู้จังว่าจะจัดการกับพวกนั้นยังไง

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เจ้าบู้บี้ความวางแผนล่อคุณฌานนั้นน 555 น่าเอ็นดู แง้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด