เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{50}
“เฮ้อ…เหนื่อย!”
“มาพักก่อน อีกนานเลยกว่าไอ้พี่น้องสองแสบจะตื่น”
พูดพลางดึงคนรักที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มานอนหนุนแขน หลังจากที่พากันเล่นน้ำมานานนับชั่วโมงจนน้องซนกับพี่มณีกินขนมอิ่มจนหลับไปแล้ว
“ขอบคุณ” พูดบอกเสียงเบาก่อนที่จะขยับตัวออกจากแขนแกร่งหันหัวเปลี่ยนทิศไปนอนหนุนพุงแน่นๆ ของพอร์ชแทน
“เรื่อง?”
“ทุกเรื่องตั้งแต่เราเจอกัน” อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักในความรักของเขาทั้งสองคนที่เป็นเพศเดียวกัน แต่สำหรับโซ่แล้วการได้เจอ ได้รักและได้อยู่กับพอร์ชนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วในชีวิตนี้
“แน่นอนเพราะกูมันรูปหล่อพ่อรวยแถม…โคตรใหญ่!” พ่อคนหล่อก็ยังคงคอนเซ็ปเดิมที่ชอบอวดอ้างสรรพคุณอันดีงาม(?)ของตนเองกับคนรักตั้งแต่แรกเริ่มที่เจอกัน
“ถุย…ไอ้พอร์ชถ้ากูจะคบใครเพราะหน้าตานะกูคงไม่เสียเวลาอยู่กับมึงจนถึงทุกวันนี้หรอก สู้เอาเวลาอันแสนมีค่าของกูไปชัก…เอากับตัวเองที่หน้ากระจกไม่ดีกว่าหรอ เพราะกูหล่อกว่ามึงเยอะ!” ว่าแล้วก็ยกหัวกระแทกท้องคนมั่นหน้าในความหล่อของตัวเองไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนคนกำลังจะซึ้งเสือกพาออกนอกทะเลตลอด
“แหม…มั่นหน้าจังนะเมีย” เบ้ปากให้กับความมั่นใจของคนรักที่หลงผิดคิดว่าตัวเองหล่อทั้งที่จริงแล้วตัวมันออกจะน่ารักน่าหยิก โดยเฉพาะแก้มกลมๆที่พองลมขึ้นทุกวันเป็นอะไรที่พอร์ชชอบมาก(ก.ไก่ล้านตัว)
“น้อยกว่ามึงแล้วกัน”
“ฮึ่ย…หมั่นเขี้ยวว่ะ!”
พอร์ชละอดไม่ได้ที่จะใช้สองมือจับแก้มโซ่ยืดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว ส่วนโซ่เองก็ไม่น้อยหน้ายื่นมือไปตบปากห้อยๆของคนกวนประสาทไปเพียะใหญ่จนพอร์ชร้องโอดโอยออกมา
“โอ้ย! เจ็นนะเว้ย”
“สม!” โซ่เงื้อมือเตรียมที่จะฟาดคนรักอีกระลอกเมื่อโดนคนรักแกล้งปัดมือผ่านยอดอกของตนเองอย่างจงใจซ้ำไปมาหลายรอบ แต่มีหรือที่พ่อบ้านใจกล้าอย่างพอร์ชจะยอม คว้าฝ่ามือมรณะของโซ่ไว้ได้ทันก่อนที่มันจะฟาดโดนหน้าตนเอง
“พอๆ ไม่แกล้งแล้ว มาดูพระอาทิตย์ตกกันดีกว่า ชอบไม่ใช่หรอ? กำลังสวยเลยนะนั่น”
“มึงนั่นแหละ!”
“โอ๋…ขอโทษครับเมียที่พาเสียบรรยากาศ แต่กูไม่อยากฟังคำขอบคุณจากมึง เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ได้มีแค่กูที่ทุ่มเทแต่มึงเองก็พยายามประคับประคองความรักของเราให้เดินไปพร้อมกับคำว่าครอบครัวเหมือนกัน”
เอ่ยห้ามพลางชี้ชวนให้ดูพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่กำลังจะตกลงกระทบกับผิวน้ำทะเลเบื้องหน้าเพราะรู้ดีว่าคนรักชอบอะไรอย่างนี้มากขนาดไหน ขอแค่มีผืนฟ้าเป็นกระดาษแผ่นใหญ่รูปข้างในจะเป็นเดือนเป็นดาวหรือเป็นนกโซ่ก็ชอบทั้งนั้น เพราะการนั่งมองดูฟ้าดูฝนช่วยทำให้เจ้าตัวผ่อนคลายสบายใจ
“กูรักและชอบทุกอย่างที่มึงทำ เพราะมึงไม่เคยงี่เง่าหยิบยื่นข้อเสนอไร้สาระให้กูเลือกเหมือนคนอื่นที่ว่ามีแฟนแล้วจะต้องอยู่กับแฟนตลอดเวลา อย่าไปกับเพื่อนหรืออย่าให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าความรักของเราอะไรประมาณนั้น”
ใช่แล้ว…ความจริงแล้วพอร์ชก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรมากนัก เพียงแต่ความรักที่ผ่านมามักจะมาพร้อมกับความงี่เง่าเอาแต่ใจของผู้หญิงที่ชอบจับผิดไร้สาระ ทั้งยังไม่ให้อิสระเท่าที่ควร เหมือนเอาชีวิตไปผูกติดกับใครบางคนที่ต้องยึดความต้องการของเขาเป็นหลัก
มันเป็นอะไรที่ทำให้พอร์ชไม่ชอบ อึดอัดและลำบากใจมากจนหาความสุขไม่เจอ แต่อยู่อย่างนั้นได้ไม่นานจากที่คิดว่าจะรักเดียวใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นคนละคนมาหลงชอบความสำพันธ์ฉาบฉวยคบหากับใครก็เป็นได้แค่แฟนข้ามคืนจนกระทั่งมาพบกับโซ่คนเป็นดั่งเข็มทิศช่วยชี้ทางชีวิตที่หลงผิดของเขาให้กลับมาเข้าที่เข้าทางให้เป็นคนเต็มคนดังเดิม
“ขอแค่มึงเป็นมึงก็พอ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือคิดลึกซึ้งเป็นบุญคุณให้วุ่นวายเพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะต้องช่วยกันรักษาดูแลครอบครัวเล็กๆ แต่สมาชิกโคตรเยอะของเราให้มีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ”
โซ่หลับตาลงเพื่อซึมซับบรรยากาศรอบตัวแว่วเสียงคลื่นกระทบฝั่งเคล้าเสียงเพลงในใจเช่นเดียวกันกับพอร์ชที่หลับตาลงไปพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสดงถึงความสุขใจไม่แพ้กัน
“บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองอยู่ตรงนี้~”
“หืม?”
เสียงฮัมเพลงดังมาจากปากของคนรักที่พอร์ชคิดว่าน่าจะหลับไปแล้วก็เลยอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยได้ยินโซ่ร้องเพลงให้ฟังแบบสดๆไร้เสียงดนตรีรบกวนแบบนี้เลยสักครั้งนอกเหนือจากตอนที่พี่เขยอย่างเค้กจ้างให้ไปร้องที่ร้านในวันที่นักร้องประจำลาหยุด ซึ่งมันก็แค่สองครั้งเท่านั้นและดูเหมือนว่าโซ่จะร้องเพียงแค่ให้งานผ่านพ้นไปไม่ได้ร้องออกมาจากความรู้สึกเช่นนี้ถ้าวักจากอารมณ์ร่วมในโทนเสียงล่ะนะ
“บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากตรงนี้ เดี๋ยวก็มืดเดี๋ยวก็สว่าง อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุหรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง…”
แม้ว่าจะมีเสียงฮึมฮำในลำคอของคนรักแว่วเข้ามาให้ได้ยินแต่โซ่ก็เมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินและร้องเพลงท่อนนั้นจนจบ
“นึกยังไงถึงร้องเพลง?” เอ่ยถามออกมาด้วยความเอ็นดูเพราะนานๆทีโซ่จะเปิดโหมดน่ารักทำตัวมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอย่างคนอื่นเขาบ้างไม่ใช่เอาแต่ทำตัวโหดไล่เตะผัวอย่างทุกที
“ก็แค่อยากร้อง” ใช่ซะที่ไหน! เพราะมีความสุขมากเกินไปต่างหากล่ะเขาถึงได้หลุดร้องเพลงท่อนนี้ที่จู่ๆก็ลอยเข้ามาในหัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“มีความสุขก็พูดออกมาสิไม่เห็นต้องเขินเลย” ด้วยความที่คบกันมากว่าสองปีแล้วซึ่งก็เป็นเวลาที่นานพอสมควรสำหรับความรักที่มักจะฉาบฉวยของวัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนี้พอร์ชเลยอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าเหย้าแหย่ออกมาอย่างรู้ทัน
“ไม่ได้เขิน!” และเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่าคนปากหนักอย่างโซ่ตอบปฏิเสธในทันที
แต่มีหรือที่คนขี้แกล้งอย่างพอร์ชจะยอมหยุดง่ายๆ ในเมื่อหลักฐานมันออกมาพาดให้เห็นเด่นชัดบนสองแก้มของคนรักชัดเจนขนาดนั้น
“จ้า…ไม่เขินก็ไม่เขินก็แค่แก้มแดงเฉยๆ เองเนอะ!”
“เนอะป้ามึงสิ!” ว่าแล้วก็ตบตุบลงไปบนแผ่นอกกว้างให้สมกับความเจ้าเล่ห์ของคนรักที่ชอบหาเรื่องมาเย้าแหย่ให้เขาหงุดหงิดเล่นได้ตลอดเวลา
“เจ็บนะเมียชอบเล่นอะไรแรงๆตลอด นี่ผัวนะไม่ใช่กระสอบทราย!” เหมือนจะโกรธแต่เปล่าเลยเพราะในขณะที่พูดอยู่นั้นเจ้าตัวก็บีบแก้มโซ่เล่นไปด้วย
หม๊าว~
“งื้อ…คุณป๋า~ พ่อจ๋า~”
เข้าโหมดส่วนตัวกันได้ไม่นานเจ้าสองแสบลูกรักหนึ่งคนหนึ่งแมวก็พากันคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาหา พี่มณีทิ้งตัวนอนขดบนอกพอร์ชส่วนจอมซนก็ไม่น้อยหน้ารีบทิ้งหัวนอนหนุนพุงโซ่เช่นกัน จะบอกว่านอนเรียงกันเป็นวงกลมก็คงไม่ผิดนักเพราะสี่พ่อลูกเขานอนกอดกันเป็นกลุ่มก้อนไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตายัดนุ่นที่มีคนมาลืมไว้
19:30 น.
“พ่อจ๋าอย่าแอบเปิดผ้าปิดตาของน้องซนนะฮะ!” เด็กแสบบอกเสียงดุด้วยท่าทางขึงขังเพราะรู้สึกอินกับหน้าที่แสนสำคัญที่คุณป๋ามอบให้
“ไม่อยากให้พ่อเปิดน้องซนก็เดินดีๆ สิ” ถึงคราวคนเป็นพ่อเปิดปากโวยบ้างเพราะตลอดทางตามแรงจูงของลูกชายนั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพราะถ้าไม่ดินตะหิน เหยียบเปลือกหอยก็ต้องโดนกิ่งไม้เกี่ยวขาจนแสบไปหมดแล้ว
“ชิ! พ่อจ๋าไม่เห็นเก่งเหมือนคุณป๋าเลยอ่ะ!” เด็กแสบกระเง้ากระงอดจนโซ่อดไม่ได้ที่จะยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โดนเจ้าตัวจับจูงโบกลงไปเบาๆ ตรงหัวทุยๆของผู้นำทางที่ไม่รู้ช่วงนี้มันเป็นยังไงถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งที่ปกติจะทะเลาะกันแทบจะตลอดเวลา
“ใช่สิ! เดี๋ยวนี้อะไรก็คุณป๋าๆ พ่อจ๋าคนนี้ตกกระป๋องไปแล้วมั้ง!” ใครว่าผู้ชายไม่มีมารยา โซ่แสร้งทำเป็นน้อยใจพูดบ่นเสียงแผ่วเบาเสียจนเด็กแสบที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกถึงกลับหยุดเดินและโผเข้ากอดคนเป็นพ่อทันทีด้วยความรู้สึกผิดต่างจากโซ่ที่ซ่อนรอยยิ้มปีศาจไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งได้อย่างแนบเนียน
“งื้อ! ไม่ใช่น้า~ น้องซนรักสองคนเลย! รักคุณป๋า รักพ่อจ๋า รักพี่มณีด้วย!”
‘ขอโทษนะลูกชายที่ทำให้หนูเสียน้ำตา แต่พ่อจ๋าหมั่นเขี้ยวลูกจริงจัง…หึหึ’
โซ่ที่รับรู้ได้ถึงหยดน้ำตาของลูกชายที่เปื้อนซึมอยู่บนแผ่นอกได้แต่ขอโทษในใจ แต่ก็นะ จะปล่อยให้พ่อลูกเป็นต่อไปนานๆ ก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวจะเสียการปกครอง ดังนั้นในฐานะหัวหน้าครอบครัวตัวจริงอย่างโซ่ที่โดนท้าทายอำนาจอยู่บ่อยครั้ง จึงจำต้องหาวิธีกระตุ้นแนวจิตวิทยามาเตือนความจำให้สมาชิกครอบครัวตัวน้อยๆ ของตนเองได้รู้ขอบเขตอำนาจเป็นระยะ
“ไปๆ ไม่ต้องร้องแล้ว ป่านนี้คุณป๋าของลูกชะเง้อคอยาวแล้วมั้ง” โซ่พูดพลางจับจอมซนหันหลังทั้งที่ยังใส่ผ้าปิดตา เพื่อเบี่ยงประเด็นเพราะยังไม่พร้อมเคลียร์ใจกับลูกชาย
ก็นะ…นานมาแล้วที่ไม่ได้แกล้งแหย่ลูกชายแบบนี้…ขอยื้อหน่อยแล้วกัน!
เด็กแสบเดินคอตกจูงพ่อจ๋าไปส่งให้คุณป๋าตามหน้าที่ที่ได้รับ(จ้าง)มา ทุกย่างก้าวของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความว้าวุ่นในหัวใจ เพราะคิดว่าคนเป็นพ่อโกรธจริง จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความรักที่แสนอบอุ่นจากโซ่อีก
“น้องซนพาพ่อจ๋ามาส่งแล้วฮะคุณป๋า” พอมาถึงจุดหมายปลายทางแล้วเด็กแสบก็ทิ้งพ่อจ๋าไว้กับคุณป๋า ก่อนจะอุ้มพี่มณีเดินแยกตัวออกไปเงียบๆ ตามการนัดหมาย
“เปิดผ้าได้รึยัง?” เอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกได้ถึงคนรักที่อยู่ไม่ห่างจากตัวมากนัก เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวพอร์ชลอยจางๆ มาตามลม
พอร์ชเดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังโซ่ ก่อนจะช่วยเปิดผ้าปิดตาออกช้าๆ พร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของโซ่ว่า…
“สุขสันวันเกิดครบรอบสิบแปดปีครับที่รัก”
โซ่เบิกตามองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเปล่งประกายในยามที่ท้องฟ้าและผืนน้ำต่อกลายเป็นผืนเดียวกัน ไหนจะหมู่ดาวที่ระยิบระยับอยู่บนแผ่นฟ้ากลับกลายเป็นเพชรเม็ดงามล้ำค่าอย่างหาที่สุดไม่ได้เมื่อสะท้อนตกลงบนผิวน้ำ งดงามจนโซ่ต้องเสียน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพแห่งความฝันในชีวิตจริง
“ชอบหรือเปล่า?” เสียงกระซิบจากคนรักที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาโซ่หลุดจากภวังค์
“ชอบ…ชอบมาก ชอบจนไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริง” โซ่ตอบเสียงเบาเหมือนคนเพ้อเพราะภาพตรงหน้านี้มันเหมือนกับที่เขาใช้จินตนาการวาดไว้บนผืนผ้าใบไว้มาก เหมือนจนต้องแอบหยิกแขนตัวเองเบาๆ เพราะคิดว่าฝันไป
พอร์ชยิ้มรับให้กับความสำเร็จในการเซอร์ไพส์ของตนเอง ก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้กับผู้ช่วยสองแสบที่กำลังพากันเดินย่องมาตามทางข้างหลัง
“หม่ามี้ฮะ~” เสียงเรียกแผ่วเบาไร้ความมั่นใจที่ดังมาจากข้างหลังเรียกให้โซ่หันกลับไปเพราะมันเป็นเสียงอันคุ้นเคยของลูกรักที่ตนเองได้ยินอยู่ประจำ แม้ว่าเจ้าตัวแสบจะแอบเรียกสรรพนามต้องห้ามก็ตาม แต่วันนี้เป็นวันดีโซ่จะเว้นให้วันนึงก็แล้วกัน
“ว่าไงครับลูกชาย” โซ่ตอบรับเสียงละมุนด้วยรอยยิ้มต่างจากเสียงแข็งๆ ที่แกล้งไว้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“Happy Birthday ฮะ” เด็กแสบพูดบอกพร้อมกับยื่นช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินแซมขาวซึ่งเป็นสีโปรดของโซ่ส่งให้ด้วยความลังเลเพราะคิดว่าโซ่ยังโกรธเรื่องเมื่อครู่นี้อยู่
“ขอบคุณครับลูกชาย…ฟอด!” โซ่พูดบอกพร้อมกับรับช่อดอกไม้มาจากลูกชายโดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มเด็กแสบตอบแทนเป็นของรางวัล
“น้องซนรักพ่อจ๋าฮะ…รักพ่อจ๋าที่สุดในโลกเลย”
“พ่อจ๋าก็รักน้องซนที่สุดในโลกเหมือนกันครับ”
“เย้! พ่อจ๋ารักน้องซน! น้องซนรักพ่อจ๋า! พ่อจ๋ารักน้องซน…เย้เย้!”
จากที่เศร้าสร้อยในตอนแรกก็กลับมากระโดดโลดเต้นเป็นเด็กแสบที่สดใสร่าเริงคนเดิมเมื่อได้รับพลังงานชีวิตในรูปแบบของความรัก
หม๊าว~
“ไหนพี่มณีมีอะไรมาให้พ่อบ้างไหมเอ่ย?” โซ่โน้มตัวอุ้มพี่มณีขึ้นมากอดแนบอกโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ตนเองพูดแหย่ลูกเล่นไปอย่างนั้นมันคือเรื่องจริง เพราะของขวัญชิ้นสุดท้ายจากพอร์ชฝากไว้ที่พี่มณี
หม๊าว~
“หืม? อะไรเนี่ย?” เพราะรู้สึกถึงความเย็นเล็กบนหลังมือโซ่จึงยกตัวพี่มณีขึ้นลอยบนอากาศเพื่อจะตรวจดูว่ามีเศษแก้วหรือเปลือกหอยติดขนมาหรือเปล่าหรือไม่เจ้าตัวก็อาจจะไปซุ่มซ่ามเดินเหยียบน้ำที่ไหนมา เพราะก่อนหน้านี้เขาได้จัดการอาบน้ำเป่าขนให้เจ้าตัวจนสะอาดเอี่ยมตัวหอมฟุ้งไปรอบนึงแล้ว
“ของขวัญชิ้นสุดท้าย…ยื่นมือมาสิ” พอร์ชรีบเข้ามาปิดตาโซ่ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะได้เห็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ตนเองเตรียมมาให้ ก่อนที่จะส่งสัญญาณไปให้จอมซนช่วยแกะออกจากปลอกคอพี่มณีตามที่นัดแนะคิวกันไว้
“หืม?” ปฏิกิริยาแปลกใจจากโซ่เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของพอร์ชได้เป็นอย่างดี…ไม่เสียแรงที่วางแผนมาอย่างรอบคอบที่ใช้คิดเวลานานอยู่พอสมควร
“หมั้นไว้ก่อน เรียนจบแล้วจะให้แม่ไปขอ” พูดบอกพร้อมกับก้มลงจุมพิตบนหลังมือของคนรักทันทีที่ใส่สร้อยข้อมือลายโซ่เสร็จ
“จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีแล้วกัน ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ถ้ายอมมาขอกูตามคำพูดกูจะตามจองล้างจองผลาญให้มึงไม่ได้ผุดได้เกิดเลย…ขอบคุณนะ” พูดขู่ด้วยคำพูดที่แสนน่ากลัวจนไม่รู้ว่าพูดจริงพูดเล่นเพราะพี่ท่านหน้านิ่งเหลือเกิน ก่อนจะขอบคุณปิดท้ายด้วยแววตาหวานชื่น
“จูบหน่อย” พอร์ชหลับตาทำปากจู๋ด้วยทีเล่นทีจริงเพราะรู้อยู่แล้วว่าโซ่ไม่ชอบทำประเจิดประเจ้อต่อหน้าลูกชายอย่างจอมซนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ช่างจดช่างจำ
แต่พอร์ชคิดผิด! ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศพาไปหรือโซ่อยากจะตอบแทนความรักของคนรักจริงๆ ถึงได้ยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบตามคำขอของพอร์ชที่เบิกตากว้างทันทีที่รู้สึกสัมผัสนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากตนเอง
“ขอบคุณครับ…ที่รัก” โซ่ละริมฝีปากออกมาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ข้างหูคนรักจนพอร์ชถึงกลับขนลุกเพราะไม่เคยได้ยินโทนเสียงนี้ของโซ่มาก่อน
ไม่รู้สิ! มันนุ่มๆ หวานๆ ฟินๆ ยังไงก็ไม่รู้พอร์ชเองก็อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่า…ไอ้โซ่เมียพี่นั้นมันคือเสือร้ายตัวจริงที่ประมาทไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว! เพราะหลังจากที่มันเรียกเขาว่าที่รักแล้วมันยังกระซิบต่ออีกว่า…
“ทริปนี้คุณป๋าของน้องโซ่ทำดีมาก…เพราะฉะนั้นกูจะถือซะว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเงินก้อนที่มึงซ่อนไว้ในช่องแอร์และซองประแจก็แล้วกัน…หึหึ!”
หมดกัน! ความภาคภูมิใจของพ่อบ้านใจกล้าอย่างพี่ที่ก่อกบฏคิดซ่อนเงินเมีย!
“อย่าเครียดไปเลยที่รัก ต่อให้มึงเอาขึ้นไปซ่อนบนดาวพลูโตกูก็หาเจอ…มากินข้าว!”
เมื่อเมียพูดเช่นนั้นแล้วผัวตัวน้อยๆ อย่างพี่จะทำอะไรได้นอกจากเช็ดน้ำตาและเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปนั่งกินข้าวกับลูกเมียด้วยความนอบน้อม แต่สมองอันชาญฉลาด(แกมโกง)ยังคงคิดวิธีการป้องกันอำนาจเมียอย่างไม่หยุดหย่อน จนประมวลผลได้ว่า…
เฮ้อ! รักชีวิตอย่าคิดสู้เมียเลยไอ้พอร์ชเอ้ย! เดี๋ยวจะอยู่ไม่ถึงตอนลูกบวช…ปาดน้ำตาเบาๆ
{The End}
จบเถอะ! อย่าให้พระเอกเราน่าสงสารไปกว่านี้เลย!
ก่อนอื่นเลยต้องกราบขอโทษที่ให้รอนานและขอพระคุณที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ยังอยู่ข้างๆ กันเสมอ แม้ว่าจะมีปัญหาติดขัดมากมายที่ผ่านมาได้ก็เพราะกำลังใจจากคนอ่านล้วนๆ
ภาคนี้จบแล้วไปเจอกันต่อภาคสอง เพราะนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความรัก ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ทั้งสองคนจะต้องเผชิญ เพราะคำว่ารักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตคู่
ส่วนใครที่แนวน่ารักสดใสหัวใจสีคัลเลอร์ฟูลคนอ่านแนะนำ เรื่อง พี่เลี้ยง(พ่อ)เด็ก เลยจ้า!
อย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งหนี อย่าเพิ่งหาย มาสู้ไปด้วยกันก่อน ปลายทางแห่งความฝันรอเราอยู่ #ด้วยรัก