The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 263295 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
มันได้อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือจริง ๆ แหละ  แต่พี่ว่ามันอ่านยากไปนิดนะ
ขนาด monitor พี่ตอนนี้ 21"  ยังต้องเพ่ง  ถ้ากลับบ้านไปเจอ 13" พี่ต้องตาลายแน่เลยอ่ะ
ใช่คะ เรื่องราวชวนตื่นเต้นตั้งกะเริ่มต้น วิธีการลงเรื่องก็แปลกตา
แต่ว่า อ่านยากไปจ้ะ

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
 :z13: กรีนมาแล้ว

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
โอเค กลัวคนอ่านๆไม่ทัน ตอน 8 อัพวันเสาร์ ตอน
9 อัพวันอาทิตย์
ตอน 10 เดือนหน้าเลยแล้วกัน 555
 
ดีไหม คิๆ

ภาพฝัน

  • บุคคลทั่วไป

   เช้านี้เตชวัฒน์หอบอาหารสดพร้อมตำราทำอาหารมาแต่เช้าก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในทีแรกเขาลังเลว่าจะเจอวริศรินทร์ในสภาพไหน แต่กลับผิดคาด เมื่อวันนี้เขาเห็นวริศรินทร์นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบ ใบหน้ายามหลับของวริศรินทร์ไม่ต่างจากตอนปกตินักแต่ดูผ่อนคลายลงมาก เขาไม่อยากรบกวนเวลานอนของอีกฝ่าย จึงเดินไปที่ส่วนของห้องครัวเพื่อลองประกอบอาหาร

   วริศรินทร์แพ้ไข่ดังนั้นอาหารที่กินได้จึงมีไม่มากนัก พวกขนมหวานทานไม่ได้เลยเพราะทุกอย่างล้วนมีไข่เป็นส่วนประกอบด้วยกันทั้งนั้น สำหรับเขาเช้านี้คงลองทำข้าวต้มดูเพราะดูเป็นอะไรที่ทำง่ายที่สุด เขารื้อหาหม้อหุงข้าว แล้วจัดการหุงข้าวสวยไว้รอ แล้วต้มน้ำซุบเพื่อราดข้าว เตชวัฒน์ตั้งใจจะทำข้าวต้มหมู หลังจากเพ่งเมนูอาหารอยู่นานแม้ว่าจะทำตามขั้นตอนเขาก้ไม่มั่นใจว่าจะทำออกมาอร่อยจนอีกฝ่ายยอมกินไหม กว่าจะทำเสร็จเตชวัฒน์ต้องปาดเหงื่อหลายครั้ง เขาไม่ชินกับการทำอาหารแต่เขาก็ยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจที่สองวันที่่ผ่านมาเขาเอาแต่อาหารที่ไนท์ทานไม่ได้มาวางไว้ให้ทั้งที่เขาก็รู้ว่าไนท์หิว

   เสียงเปิดประตูดังมาจากด้านหลัง เขาหันหลังกลับไปเจอไนท์ยืนอยู่ที่หน้าประตูเหมือนกำลังมึนงง เตชวัฒน์นึกได้ว่าลืมเปิดพัดลมดูดอากาศทำให้ภายในห้องมีกลิ่นข้าวต้มลอยคละคลุ้งไปหมด เขารีบเดินไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศทันที พอหันมาเขาเห็นไท์ที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนยืนอยู่

   “พี่ทำข้าวต้มเสร็จพอดีไนท์จะทานเลยไหม หรือจะอาบน้ำก่อน” ไม่มีคำตอบมีเพียงร่างโปร่งที่เดินตรงไปนั่งแล้งฟุ๊บหน้าลงกับโต๊ะ เตชวัฒน์ลอบยิ้มกับการกระทำของอีกฝ่าย เขาตักข้าวต้มใส่ชามแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับอีกฝ่าย วริศรินทร์เงยหน้าขึ้นมามองข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมฉุย

   “ทานเลยสิ” พอได้คำอนุญาติจากเตชวัฒน์ เขาหยิบบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มขึ้นมาปล่อย เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายเขารู้สึกว่าในบางครั้งไนท์ก็เหมือนเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ ภาพที่ไนท์นั่งเท้าคางเป่าข้าวต้ม มันทั้งดูเหมือนคนเกลียดค้านและน่าขัน

   “อร่อยไหม” เตชวัฒน์อดถามไม่ได้เมื่อเห็นวริศรินทร์นั่งเคี้ยวข้าวต้มไปเรื่อยๆ ไม่มีคำตอบอีกเช่นเคย แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำความคุ้นเคยกับอีกฝ่าย

   “พี่ไม่เคยทำอาหาร แต่ไนท์แพ้ไข่คงกินอะไรได้ยาก พี่จะลองหัดทำให้ไนท์ทานถ้าพี่ทำไม่อร่อยหรือไนทืไม่ชอบอะไรก็บอกพี่น่ะ” วริศรินทร์ไม่พูดอีกเช่นเคย เขาทานอาหารไปเงียบๆ เตชวัฒน์ได้แต่ถอนใจ คิดในดีว่าอย่างน้อยวริศรินทร์ก็ยอมทานอาหารที่เขาทำ

   “อย่าเพิ่งไปไหนไนท์ ดื่มน้ำผลไม้ก่อน” เตชวัฒน์เดินไปหยิบน้ำผลไม้คั้นสดที่เขาแวะซื้อก่อนเข้ามา เขารู้ว่าดาราผิวพรรณจำเป็น และวริศรินทร์จำเป็นต้องปรับปรุงเรื่องการกินอาหารอีกมาก วริศรินทร์รับแก้วน้ำผลไม้ เขามองแก้วน้ำสีเขียวในมือเหมือนสงสัยว่ามันคืออะไร

   “น้ำกีวีสดนะ พี่อ่านเจอมาว่ามันมีวิตตามินสูงช่วยบำรุงผิว” เตชวัฒน์ตอบในสิ่งที่เขาคิดว่าวริศรินทร์ต้องการจะรู้ ดวงตาสีดำเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

   “ถ้าไนท์ไม่ชอบก็บอกพี่ได้ คราวหน้าพี่จะได้ซื้ออย่างอื่น” เตชวัฒน์ตอบอย่างใจเย็น เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป เขาสองคนได้แต่ยืนสบตากัน และเป็นฝ่ายวริศรินทร์ที่ละสายตาออก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว ริมฝีปากนุ่มก็ระทับลงมาที่ข้างแก้มอย่างแผ่วเบา

   “ขอบคุณ” เสียงทุ้มนุ่มที่ฟังดูสดใสไม่แหบแห้งเหมือนทุกครั้งที่ได้ยิน ไนท์หัวกลังกลับเข้าห้องทันทีที่กล่าวจบ ทิ้งให้เตชวัฒน์ยื่นนิ่งอยู่กับที่

   “ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด” เขายิ้มให้กับตัวเองพลางยกมือลูบข้างแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกถึงรอยสัมผัสบางเบายังคงอยู่ที่ผิวกาย


..............................................


 o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 17:21:49 โดย ภาพฝัน »

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
นี่ไงนี่ๆงของจริงเริ่มมาแล้ว 
เรื่องแบบนี้ผมอ่านได้เฉพาะกลางวันละครับป้า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ๊ายยยยยยยยยยย
น้องไนท์ ทานผลไม้อย่างอื่นมั้ยค่ะ พี่แนะนำน้ำฝรั่งมีวิตามินซีสูง
แถมน้องทานไข่ไม่ได้ ระวังขาดวิตามินกลุ่ม ADEK
ทานอโวคาโด เสริมนะคะ จะได้โอเมก้า 6 บำรุงผิวเพิ่ม
*เผื่อได้คิสจากน้องบ้างไรบ้าง


ว่าแต่ใครจะ...ใครกันแน่ เปลี่ยนมาลุ้นเรื่องนี้ดีกว่า

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เอิมคุณ ChCh13 ไหงมาโทษผมละครับ  :o12: หนีไปแต่งเรื่องต่อซะเลย

ไป ๆ มา ๆ มีแต่คนไม่อยากให้พระเอกนายเอกของผมได้กันเสียแล้ว

หรือว่าจะไม่ทำให้ได้กันดี สายลมตายอย่างที่หลาย ๆ คนคิด

เอ๊ะ เอาไงดีหว่า  :serius2:

ปล. ล้อเล่นนะครับ เรื่องของผมมันมีทางจบอยู่แล้วแต่จะแบบไหนก็รอลุ้นกันนะครับ

ปล2. ปลายฟ้าเขาก็น่าสงสารนะครับ (หรือว่าไม่อะ  :laugh: )

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
น่ารักไปไหนเนี่ย^___^

ออฟไลน์ CHOKUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เอาใจช่วยให้คุณเต เข้าใจไนท์ไว ๆ ๆ น้องจะได้ยิ้มบ้าง   :L2: :L2: :L2:

hahn

  • บุคคลทั่วไป
 :o8:  น้องไนท์ทำน่ารักเป็นด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
มกุฏโกเมน อ่าฮะ ชื่อเหรอเนี่ย น่าเอาไปตั้งให้ลูกจัง อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 20:33:37 โดย eiky »

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป
มันได้อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือจริง ๆ แหละ  แต่พี่ว่ามันอ่านยากไปนิดนะ
ขนาด monitor พี่ตอนนี้ 21"  ยังต้องเพ่ง  ถ้ากลับบ้านไปเจอ 13" พี่ต้องตาลายแน่เลยอ่ะ

กลับไปบ้าน น่ากลัวว่าจะใหญ่คับจอเลยล่ะค่ะ

ถ้าเกิดขนาดหน้าจอของใครเกิน 1,024 ppi ก็กดปุ่ม Ctrl กับ ปุ่ม + ตรง แถบ Num Lock ดูสิคะ
อยากขยายให้ใหญ่ ก็กด + โลด แต่แนะนำให้ จำเอาไว้ด้วยว่ากดไปกี่ครั้ง ไม่งั้น พอจะกลับคืนค่าเดิม
จะจำไม่ได้

เวลาคืนค่าตามเดิม ก็กด - แทน + เอานะคะ ลองดูสิคะ

MonarcH

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 2 [18/05/2011]
«ตอบ #462 เมื่อ20-05-2011 20:59:27 »

Butterfly 3

...คืนแรกที่ผมทำงานก็ต้องเจอกับอะไรหลายอย่างที่ทำให้ตัวเองสับสน การที่นิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่สุงสิงกับอบายมุข แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นพระอิฐพระปูน สิ่งกระตุ้นสมัยเรียนมันทำอะไรไม่ได้ก็เพราะผมรู้หน้าที่ของตัวเองคือต้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นภาระ และทำให้ป้าธเนศภูมิใจในตัวผม...

...ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไรมากมาย ความต้องการอยากรู้อยากเห็นตามประสาวัยรุ่นก็ยังมีอยู่ เพียงแต่มันถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมมาทำงานที่ The Butterfly Boy แต่ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเยือน...เมื่อตอนที่ผมเป็นนักเรียน ผมแอบมากับ “เทียนบุญ” เพื่อนสนิทที่ปัจจุบันนี้ผมติดต่อผ่านอีเมล์เท่านั้น เพราะเค้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เทียนบุญไม่เหมือนผม เพราะเค้าสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างที่อยากทำตามประสาคนมีเงิน เทียนติดใจบาร์แห่งนี้มาก เค้าไปบ่อยจนกลายเป็นลูกค้าประจำ แต่ไม่เคยบอกใครว่าเป็นเพื่อนกับผมซึ่งเป็นหลานเจ้าของบาร์...

...ทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน ผมก็ส่งข้อความไปหาเทียนบุญโดยบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ไปเจอมา โดยไม่ลืมบอกว่าพี่ธัญญ่าตอนนี้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นมาม่าซังคุมร้าน ไม่ใช่กัปตันสาวเชียร์แขกแบบเดิม แต่ลีลาการเชียร์แขกก็ยังดีอยู่ เด็กโดนอ็อฟไปครึ่งค่อนร้าน พูดถึงเด็ก ผมก็คิดถึงบรรยากาศในร้านตอนที่โชว์ค็อก โชว์ฟัก โชว์อาบน้ำ แค่คิดผมก็หน้าร้อนผ่าว ต้องรีบพิมพ์บอกเล่าสิ่งที่ไปพบเจอที่ร้าน และระบายความกดดันที่ต้องแบกความคาดหวังของป้าธเนศไว้...
*
*
...เมื่อได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่ม ผมต้องใช้สติในการแก้ปัญหา ไม่ใช่ต่อต้านฟูมฟายกับภาระหน้าที่ที่บังเอิญได้รับ...เราได้รับมาแล้ว และต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องไม่เป็นตัวของตัวเอง ถือซะว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เพื่อนผมเคยบอกว่า “เกย์หลายนางยอมตายเพื่อให้ได้งานนี้” เราควรจะใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุดถึงจะถูก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ป้าธเนศกลับมา ผมก็ต้องกลับไปเป็นกริชคนเดิม ใส่แว่น ใส่เจลหวีผมเรียบ เป็นพนักงานออฟฟิศในอาคารสำนักงาซักแห่งบนถนนสุขุมวิท...
“อุ๊ย กริช ผีเจ๊ธเนศเข้าสิงเหรอ”  พี่ธัญญ่าทักผมทันทีที่เห็นหน้าในเวลาห้าโมงเย็น
“อะไรพี่ธัญญ่า”  ผมปรายตามองแล้วยื่นถุงขนมที่แวะซื้อในห้างย่านนั้นให้พี่ธัญญ่าไปแบ่งเด็กบาร์คนอื่น
“ก็วันนี้หนูเดินได้เชิดเริ่ดรัศมีไฮโซเปล่งประกาย”
“ต่อไปกริชจะเป็นคนที่ป้าอยากให้เป็น โน มอร์ แอ๊บ โอเค๊”  ผมพูดพลางเชิดหน้ายิ้มมุมปากแบบที่เคยเห็นป้าตัวเองทำบ่อย ๆ
“จ้า ที่ซิดนี่ย์กี่โมงแล้วเนี่ย อยากจะโทรไปเม้าท์กับเจ๊จัง”  พี่ธัญญ่ายิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น
“เด็กจะเข้ากันกี่โมงพี่” ผมมองกวาดไปทั่วร้าน เห็นแค่เด็กบาร์ที่พักอยู่ชั้นสี่ไม่กี่คนใส่บ็อกเซอร์นั่งคุยกันที่มุมหนึ่ง
“ตอกบัตรไม่เกิน 1 ทุ่ม ถ้ามาสายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่มีเหตุอันควรโดนตัดค่าเบี้ยงเลี้ยงสิบห้านาทีละหนึ่งร้อย” 
“โหดเหมือนกันนะเนี่ย...แต่ทำงานเย็นขนาดนี้ ไม่ควรมาสาย การเดินทางก็มีหลายวิธี หักเงินแบบนั้นแหละดีแล้ว”
“นอกจากจะถอดความอลังการของเจ๊มา ยังเอาความเขี้ยวมาด้วยนะเนี่ย เริ่ดมากน้องกริช”  พี่ธัญญ่าหัวเราะคิกคัก
*
*
...ผมนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวในห้องทำงาน การเปลี่ยนบุคลิกให้สมกับการเป็นผู้รักษาการณ์เจ้าของบาร์ The Butterfly Boy ผมเดินดูทั่วร้านเป็นครั้งแรก เข้าไปดูตั้งแต่ในล็อกเกอร์ที่พนักงานทุกคนต้องเอาของใช้ส่วนตัวมาเก็บแล้วเปลี่ยนเป็นชุดฟอร์มตัวจิ๋วของร้าน ห้องน้ำ ห้องเก็บเครื่องดื่ม และห้องพักของพนักงานที่มาจากต่างจังหวัดแล้วต้องพักที่ร้านชั่วคราว...ผมใช้ความรู้ที่เรียนมาคิดวางแผนปรับปรุงหลายอย่างในบาร์นี้ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคิด “บริหารคน” ท่ามกลางสายตาของพนักงานส่วนใหญ่ที่มองผมอย่างเกรงใจ ก็มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่มองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อาจจะเพราะเราอายุใกล้เคียงกัน แล้วผมต้องมาอยู่ในสถานะเจ้านายที่ควบคุมอาชีพที่ไม่มีใครภูมิใจหรือกล้าบอกใคร ๆ ว่ามีอาชีพ “ขายบริการ”...
“เข้ามาได้ครับ”  ผมอนุญาตโดยไม่ได้เงยหน้ามอง
“คุณกริช มีคนมาสมัครงานใหม่สองคนค่ะ”   พี่ธัญญ่าพูดกับผมอย่างเป็นทางการ
“สองคน”  ผมถามย้ำ เพราะเห็นชายหนุ่มคนเดียวที่ยืนด้านหลังพี่ธัญญ่า
“ค่ะ สองคน แต่ขึ้นมาสัมภาษณ์ทีละคน ส่วนอีกคนให้รออยู่ข้างล่าง”
“อืม ตามสบายครับ”  ผมทำท่าจะลุกให้พี่ธัญญ่าจัดการ
“เราช่วยกันสัมภาษณ์ดีกว่านะคะ”  พี่ธัญญ่าส่งซิก
“โอเค เชิญนั่งครับ” 
*
*
...พี่ธัญญ่าถามประวัติเด็กคนนั้นเหมือนคนมาสมัครงานปกติ ชื่อ ชื่อเล่น ส่วนสูง น้ำหนัก ผมก็นั่งอ่านใบสมัครของเค้าไปพลาง ๆ...
“คุณกริชมีอะไรจะถามเค้ามั้ยคะ”
“เรียนจบ ม. 3 ไปทำงานโรงงานก็ได้นะ”  ผมพูดด้วยความหวังดี พี่ธัญญ่ากระแอมเตือน
“ผมมีภาระทางบ้านเยอะครับ ทำงานโรงงานคงไม่พอใช้”  เด็กนั่นตอบ
“พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย”  ผมถามต่อ
“คุณกริชหมายถึง ถ้ามีลูกค้าต่างชาติมาใช้บริการ เธอจะพูดคุยสื่อสารได้มั้ย” 
“ก็พอได้ครับ เยส โน โอเค ไอฟักยู ออ ยูฟักมี ไอแอมบิ๊กนะ” เค้าทำท่านึกประโยคจะพูดต่อ
“คุณมองอาชีพนี้ยังไง วางแผนอนาคตไว้แบบไหน จุดด้อยจุดเด่นของคุณคืออะไร” ผมถามแทรก เพราะไม่อยากได้ยินศัพท์พวกนั้นอีก
“คุณกริชคะ น้องเค้ามาขายน้ำนะคะ ไม่ใช่มาเป็นผู้จัดการธนาคาร คำถามยากไปค่ะ”  พี่ธัญญ่าเบรก
“กริชไม่รู้จะถามอะไรนี่นา”  ผมกระซิบเบา ๆ
*
*
...พี่ธัญญ่าแสดงตัวอย่างคำถามให้ผมดู ถึงจะทำใจไว้แล้วแต่ก็ต้องอึ้งกับคำถามหลาย ๆ คำถาม เช่น น้องชายใหญ่แค่ไหน มีออฟชั่นเสริมพวกมุก แคปซูล เจาะ หรือผ่าหัวเบ็นซ์มั้ย มีรอยสักตรงไหนบ้าง เคยเข้าคุกหรือเปล่า เคยมีประสบการณ์ทางเพศกับเกย์หรือผู้ชายด้วยกันมั้ย ลีลาบนเตียงเป็นยังไง มีน้ำอดน้ำทนแค่ไหน คืนนึงสามารถฟินได้กี่ครั้ง รุก รับ ดูด อม เลีย ไซร้เก่งมั้ย มีอะไรที่ไม่ยอมทำบ้าง สุดท้ายให้ผู้สมัครงานแก้ผ้าเปลือยกายล่อนจ้อน และปั่นของตัวเองให้แข็งตัวเต็มที่โดยไม่มีสิ่งกระตุ้น และจับเวลาดูว่าจะแข็งได้นานกี่นาที และต้องสำเร็จความใคร่ให้เสร็จโดยจะจับเวลาไว้เช่นกัน...ก่อนจะจบการสัมภาษณ์พี่ธัญญ่าบอกให้เริ่มงานได้ในคืนพรุ่งนี้ โดยต้องไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลและนำเอกสารมาแสดงเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจากโรคติดต่อร้ายแรง ส่วนเรื่องรายได้และเงื่อนไขอื่น ๆ ทางกัปตันจะเป็นคนอธิบาย...
“ทำไมพี่ถึงรับคนนั้นเข้าทำงานล่ะ”  ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันไปถามพี่ธัญญ่าหลังจากเด็กคนนั้นไหว้ลา และถือเอกสารลงไปให้กัปตัน
“เซนส์มั้ง เห็นแล้วอยากมีอะไรด้วย ถึงหน้าตาเค้าจะธรรมดา แต่บอดี้เริ่ดมาก แบบนี้ฝรั่งชอบ เราต้องหาเด็กหลายแบบไว้ให้ลูกค้าเลือก”
“งั้นอีกคนที่รออยู่พี่ก็จัดการเองเลยก็ได้นะ”
“ไม่เอา คนนี้พี่เก็บไว้ให้กริชลองสัมภาษณ์ ไม่น่าจะยาก พี่ไปดูงานอื่นก่อน รู้สึกว่าเด็กจะเริ่มมากันเยอะแล้ว...พร้อมหรือยัง พี่ไปตามเขามาเลยนะ”  พี่ธัญญ่าจะถามว่าผมพร้อมหรือยังทำไม เพราะแกไม่ฟังคำตอบ กลับรีบเดินจ้ำออกจากห้องไป
*
*
...ผมลุกขึ้นส่องกระจกจัดผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ หายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อข่มความตื่นเต้น นึกทบทวนว่าต้องถามอะไรคนสมัครงานบ้าง รู้สึกกระดากปากไม่น้อยที่ต้องพูดอะไรตรง ๆ เกี่ยวกับเพศ ถึงจะคุยเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่คนที่มาสมัครงานเค้าเป็นคนแปลกหน้า การที่จะพูดในเรื่องใต้ร่มผ้ามันดูแปลก ๆ ยังไงชอบกล...ผมกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น...
“เชิญครับ”
“ทำยังไงก็ได้ให้คุณกริชรับเธอเข้าทำงานนะ”  เสียงพี่ธัญญ่าดังลอดประตู ก่อนที่จะดันร่างชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้อง

...เค้าก้มหัวนิด ๆ เพื่อให้พันวงกบประตูที่สูงไม่มาก ผมเองก็ต้องก้มเพราะกลัวหัวจะโขกกับประตู ท่าทางจะสูงกว่าผมซึ่งก็ประมาณ 180 กว่า ทันทีที่เข้าเงยหน้าขึ้น ตาเราประสานกันอย่างจัง ดวงตายาวรีคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ประดับด้วยขนตาหนา รับกับคิ้วดกดำได้รูป มองไล่มาสะดุดกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูเข้ม ประกอบกับไรหนวดอ่อน ๆ ทำให้หน้าหล่อนั้นคมเข้มมากขึ้น ผิวขาวเหลืองเนียนเรียบ เสื้อยืดราคาถูกผ้าทิ้งตัวทำให้เห็นกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกดันขึ้นมาเป็นลูก ต้นแขนที่พ้นเสื้อดูกำยำสมชาย หน้าท้องแบนราบ ผมต้องสะดุดตาอีกครั้งที่บริเวณกลางลำตัวที่แม้ใส่กางเกงยีนส์สีซีดอยู่ แต่สัดส่วนความเป็นชายของเขามันนูนเด่นจนแทบจะกลายเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดไปแล้ว ณ เวลานี้...

“สวัสดีครับ”  ชายหนุ่มตรงหน้ายกมือไหว้ผมด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“สวัสดี เชิญนั่งครับ”  ผมรับไหว้ แล้วปรับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึม
“ใบสมัครงานครับ”  เขายื่นเอกสารให้ผม
“แนะนำตัวด้วยครับ”  ผมพูดพลางพลิกดูเอกสารในมือ
“ผมชื่อยุทธกร เรียกสั้น ๆ ว่ายุทธก็ได้ครับ อายุ 23 ปี สูง 180 หนัก 68”  เค้าพูดเหมือนท่องมา บอกเล่าว่าเพิ่งมาจากจังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือตอนล่าง เป็นการมากรุงเทพฯเป็นครั้งแรก ตอนนี้พักกับเพื่อนที่แถวถนนเพชรบุรี แต่กำลังจะย้ายออกเร็ว ๆ นี้เพราะไม่มีงานทำ ไม่อยากรบกวนเพื่อน
“ทำไมถึงมาสมัครงานที่นี่ครับ”
“ผมไม่มีความรู้ จบแค่ประถมหก มีคนแนะนำว่าอาชีพนี้รายได้ดี ผมอยากทำงานที่ได้เงินเยอะ ๆ แล้วส่งไปให้ทางบ้านน่ะครับ”  ยุทธตอบซื่อ ๆ
“รูปร่างหน้าตาอย่างคุณไปเป็นดารานายแบบได้สบายเลยนะ”
“พวกดาราเค้าต้องมีพื้นฐานดี มีความรู้ ผมคงเป็นไม่ได้หรอกครับ”
“รู้หรือเปล่าว่างานนี้เป็นยังไง”
“เพื่อนผมบอกหมดแล้วครับ”
“คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนมั้ย”  ผมถามด้วยเสียงเข้มขรึมกลบความอาย
“ไม่เคยครับ”  เขาตอบทันที
“แล้วจะทำเป็นเหรอ”
“ผมเป็นคนเรียนรู้ไวครับ”
“น่าจะใช้ข้อดีของการเรียนรู้ไวไปทำอะไรที่ดีกว่านี้นะ”  ผมเผลอหลุดปากออกไป
“.....................................”  เค้าหน้าเจื่อน
“งานนี้ก็ต้องอาศัยไหวพริบ และการเรียนรู้ไวเหมือนกัน”  ผมรีบแก้
“เพื่อนผมเคยบอกว่าเอากับเกย์มันส์กว่า ผมก็เลยอยากลองบ้าง”  ยุทธพูดด้วยสีหน้าเขิน ๆ แต่ผมเขินกว่า
“เอ่อ...ไอ้นั่นของคุณ...เอ่อ...ใหญ่มั้ย”  ผมกลั้นใจถาม หน้าร้อนเหมือนคนเป็นไข้
“ผมว่าคุณกริชลองดูเองดีกว่า”  พูดจบเค้าก็ลุกขึ้นยืนแล้วปลดเข็มขัดออก
“เดี๋ยวก่อน...เรื่องบนเตียงของคุณเป็นยังไงมั่ง รุก หรือ รับ ทำอะไรได้บ้าง ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหลั่ง คืนนึงทำได้กี่ครั้ง”  ผมรีบถามลิ้นแทบพันกัน
“เรื่องบนเตียงกับผู้ชายไม่เคยครับ ก็เลยไม่รู้ คิดว่าผมเป็นรุกอย่างเดียว ทำอะไรได้บ้าง ผมทำได้ทุกอย่างครับ ใช้เวลานานแค่ไหนถึงเสร็จ ต้องแล้วแต่คนที่ผมมีอะไรด้วย คืนนึงทำได้กี่ครั้งเหรอ ก็จนกว่าน้ำจะหมดตัวนั่นแหละครับ”  ยุทธตอบพลางจับชายเสื้อยืดย้วย ๆ ถอดออกทำให้เห็นไรขนใต้วงแขนที่ดูเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา กล้ามอก กล้ามท้องไม่มากไม่น้อย ดูรู้ว่าไม่ใช่คนที่จงใจกินโปรตีนเสริมแล้วเข้าฟิตเนสผลิตกล้ามออกมา แต่เป็นกล้ามเนื้อลีน ๆ ของชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ที่ใช้แรงกายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการกินอาหารแบบพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก
“เดี๋ยว คุณจะทำอะไรอ่ะ”  ผมถามเสียงดัง เมื่อยุทธถอดเข็มขัด และปลดกระดุมกางเกงยีนส์ซีดตัวนั้น
“ก็ทดลองงานไงครับ พี่ที่พาขึ้นมาเค้าบอกผมว่าต้องทำอะไรบ้าง”  เขาพูดยิ้ม ๆ โชว์ฟันขาวสะอาดเรียงตัวเป็นระเบียบ แต่ตอนนี้ไรขนที่เลื้อยจากสะดือไปที่ขอบกางเกงชั้นในมันน่ามองกว่า
“ไม่ต้องทำขนาดนั้น” ผมลุกขึ้นยืนหันหลังพยายามข่มใจตัวเอง
“ถ้าผมไม่ทำ แล้วคุณกริชจะรับผมทำงานมั้ยครับ”  เสียงทุ้มนุ่มของยุทธดังข้างหู ผมถึงกับขนลุกซู่เมื่อเขาหายใจรดต้นคอเหมือนจงใจยั่วยุปลุกอารมณ์
“ออกไปยืนห่าง ๆ ผมหน่อย”  ผมพูดเสียงแข็งพลางเบี่ยงตัวหลบ
“พี่เค้าบอกว่าคุณกริชต้องการพิสูจน์ทดลองงานผมด้วยมือของคุณกริชเอง ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว เชิญตามสบายเลยครับ”  ยุทธไม่พูดเปล่า เค้าก้าวมาเบียดผมจากด้านหลัง ผมเอามือดันออกทันที ทำให้รู้ว่าตอนนี้เค้าเปลือยล่อนจ้อนแล้ว
“ผมไม่รับคุณเข้าทำงานที่นี่ ไปแต่งตัวแล้วกลับไปซะ”  ผมกลั้นใจพูดเสียงดัง
“นึกแล้วว่าคุณต้องพูดอย่างนี้”  ยุทธหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกอดผมแน่นแล้วซุกหน้าลงมาที่คอของผม
“ปล่อย พี่ธัญญ่าช่วยกริชด้วย”  ผมพยายามส่งเสียงร้อง แต่เพราะตอนนี้ผมตัวอ่อนปวกเปียก เสียงที่ร้องไปคงไม่ดังไปถึงข้างนอกแน่นอน
“คุณกริช คุณน่ารักมากเลยรู้มั้ย ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่ทำให้คุณเจ็บหรอก” ยุทธใช้ปลายจมูกโด่ง ๆ ไล้ไปซอกคอพลางกระซิบเสียงกระเส่า ก่อนจะใช้จากชื้น ๆ เม้มเบา ๆ ที่ใบหู ผมถึงกับตัวสั่นยืนแทบไม่อยู่
“พอ หยุด ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้ ปล่อย” ผมรวมรวมกำลังครั้งสุดท้ายสะบัดตัวหลุดจากอ้อมแขนแกร่ง
“คุณร้องไห้ทำไมครับ”  ยุทธถามหน้าตาตื่น
“ไม่มีอะไร คุณรีบแต่งตัวเถอะ” ผมปาดน้ำตา แล้วทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน ก่อนจะก้มอ่านเอกสารทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้า
“เสร็จแล้วครับ” 
“ลงไปแล้วเรียกพี่ธัญญ่าขึ้นมาหาผมด้วย”  ผมพูดเสียงเข้ม
*
*
...ผมดึงกระดาษทิชชู่มาซับหน้าและส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเอง ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเองเลย น้ำตาที่ไหล มันเป็นเพราะการที่ต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินเลยกับคนแปลกหน้าทั้งที่ใจอ่อนยวบ และถึงแม้ผมจะไม่มีเยื่อพรหมจรรย์ แต่ผมก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับคนที่เพิ่งรู้จักเด็ดขาด คนที่ผมจะมีอะไรด้วยต้องเป็นคนที่ผมรัก และแน่นอน เค้าต้องรักผมด้วย...เหตุการทีเพิ่งเจอมันไม่ควรถึงขนาดที่ทำให้ต้องเสียน้ำตาหรอก แต่ผมต้องยอมรับว่าผมหวั่นไหวกับยุทธมาก อาจจะเพราะรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น เสียงทุ้มนุ่ม แววตาเจ้าชู้ ฟันขาวเรียงตัวสวยยามยิ้ม...ความขัดแย้งในตัวเองกดดันผม...ผมคิดอะไรกับยุทธไม่ได้ เพราะ หนึ่ง เค้าเป็นผู้ชายที่กำลังเข้ามาทำงานขายบริการ และสอง เค้าไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน ดังนั้น เค้าไม่ใช่เกย์...คืนนี้ผมจะไม่รับเค้าเข้าทำงานเด็ดขาด แม้ว่าเค้าอาจจะกลายเป็นดาวเบอร์หนึ่งของที่นี่ เหตุผลเพียงเพราะผมกลัวใจตัวเองยามที่อยู่ใกล้เค้า และอีกอย่างผมไม่อยากเห็นเค้าต้องมาทำงานแบบนี้ ถ้าเค้าอยากขายตัวจริง ๆ ให้ไปทำบาร์อื่น...

****************************************************************************************************

คืนวันศุกร์ ทุกที่คึกคัก ผู้เขียนนำตอนใหม่มาโพสก่อนแล้วค่อยไปลั้นลา ต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน แล้วค่อย แRด 555++

MonarcH

จงกลนี

  • บุคคลทั่วไป

 
ตอนที่ 8 "บุญบาป"
หน่องลุกขึ้นมาแต่เช้าฟ้ายังไม่ทันจะสางดี เรียกได้ว่าตื่นก่อนไก่โห่เสียด้วยซ้ำ หน่องลงไปในครัวทำกับข้าวอย่างง่ายๆ แต่ด้วยความตั้งใจ หมูทอดกระเทียมพริกไทกับผัดผักรวมใส่กุ้ง ถูกตักใส่ถุงพลาสติกมัดเอาไว้ด้วยหนังยางอย่างเรียบร้อยในถาดอลูมิเนียมใบ ใหญ่บนโต๊ะกินข้าวกลางครัวเล็กๆ กับข้าวถูกจัดเอาไว้อย่างละห้าถุง หน่องหันกลับไปคดข้าวที่ไอน้ำร้อนพลุ่งออกจากหม้อทันทีที่เปิดฝาออก ข้าวเมล็ดสวยยาวเรียวส่งกลิ่นของข้าวสุกกระจายไปทั่ว
"หน่องตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้าเลยหรือลูก กลิ่นหอมยั่วน้ำลายดีจัง" คุณสุมาลีที่เดินลงมาจากชั้นบนเอ่ยถามก่อนจะกล่าวชม
"หน่องจะใส่บาตรให้หรั่งครับแม่" หน่องตอบพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ
"ดีแล้วลูก เดี๋ยวแม่ไปใส่บาตรกับหน่องด้วยนะจ๊ะ เอ๊ะยังขาดของหวานนี่หน่อง" คุณสุมาลีบอกก่อนจะทักถามด้วยสังเกตเห็นในสิ่งที่ขาดหายไป
"ไม่เป็นไรมั้งครับแม่แค่นี้ก็คงพอแล้วละครับ" หน่องตอบ
"พอดีเลยป้านีข้างบ้านเอาเค้กกล้วยหอมก้อนใหญ่มาให้เมื่อว่านตอนบ่าย ยังไม่มีใครได้กิน เราเอามาหั่นใส่ถุงเอาก็ได้" คุณสุมาลีบอกพลางหันเดินไปเปิดตู้กับข้าวก่อนจะหยิบขนมออกมาจัดการตามที่ว่า
 
 
โต๊ะพับเล็ก ๆ ที่หน่องยกไปกางปูผ้าลายดอกไม้สีสวยเอาไว้อย่างเรียบร้อยบริเวณหน้ารั้วบ้าน บนโต๊ะมีถาดที่บรรจุถุงอาหารคาวหวานวางเอาไว้เคียงคู่กับขันอลูมิเนียมลายไทยที่บรรจุข้าวสวยพร้อมทัพพีตักข้าวลายเข้าคู่กันอย่างสวยงาม พระภิกษุสามรูปเดินแถวมาช้าๆ  อย่างเป็นระเบียบและสำรวม ชายจีวรสีเหลืองไหวน้อยๆ ขณะย่างก้าว มองเห็นได้ชัดมาแต่ไกล ด้วยเป็นเวลาเช้าและถนนในซอยตัดเป็นเส้นตรง บางคราท่านก็แวะรับภัตตาหารคาวหวานที่มีบางบ้านนิมนต์ให้รับบาตรตามรายทาง ก่อนพระสงฆ์ทั้งสามรูปจะเดินมาจนถึงหน้าบ้านที่หน่องและคุณสุมาลีคอยท่าอยู่
"นิมนต์รับบาตรด้วยเจ้าค่ะหลวงพ่อ" คุณสุมาลีเอ่ยเชื้อเชิญ พร้อมยกมือพนมไหว้  
พระสงฆ์ทั้งสามรูปเปิดฝาบาตรออกเพื่อรับข้าวที่หน่องตักถวาย ก่อนที่คุณสุมาลีจะหยิบกับข้าวในถุงใส่ลงไปในบาตรแล้วจึงตามด้วยขนมที่จัดไว้เป็นอันดับสุดท้าย  พระสงฆ์ปิดฝาบาตรก่อนจะเอ่ยให้พร แล้วจึงเดินจากไปด้วยกิริยาสำรวม
"แม่ครับ พระมาบิณฑบาตแค่สามรูปเองเหรอครับ" หน่องถามอย่างสงสัย
"ปรกติแม่ใส่บาตรเฉพาะวันพระ แม่ก็เห็นท่านเข้ามาบิณฑบาตในซอยบ้านเราแค่สามรูปนี้เท่านั้นแหละจ้ะ เอ๊ะ!" คุณสุมาลีบอกก่อนสายตาจะสังเกตเห็น จีวรสีกลักที่โผล่พ้นจากหัวมุมของซอยย่อยเบื้องหน้า
"หน่อง พระมาอีกสองรูปแน่ะ" คุณสุมาลีบอกพลางระบายยิ้มบาง หน่องจึงหันกลับไปมองตามสายตาของผู้เป็นแม่
"ครบห้าองค์...ดีจังเลยนะครับ" หน่องบอกอย่างพึงใจ
"นมัสการพระคุณเจ้า นิมนต์รับบาตรด้วยครับท่าน" หน่องเอ่ยอย่างสุภาพ ด้วยสังเกตเห็นภิกษุสูงวัยที่เดินนำอีกองค์ที่ยังดูหนุ่มกว่าหลายปี ด้วยท่าทางที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ผิดแผกแตกต่างไปกว่าพระรูปอื่นที่พานพบมา
ทั้งสองหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหน่องและคุณสุมาลี ก่อนจะเปลื้องฝาบาตรเพื่อรับภัตตาหารที่ค่อยๆ ลำเลียงใส่ลงไปด้วยมือของหน่องและคุณสุมาลี ทั้งสองรูปปิดฝา กล่าวให้พร ในขณะที่หน่องและคุณสุมาลีย่อตัวลงก้มหน้ายกมือพนมไหว้
"เกิดแก่เจ็บตายไม่มีใครหลีกหนีได้พ้นหรอกนะโยม ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง การจากเป็นทุกก็จริง แต่ไม่มีใครหลีกหนีกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ได้พ้นแม้สักคน บุญกับบาปไม่อาจสามารถหักล้างกันหรือทำแทนกันได้ กรรมย่อมตามทันผู้ประพฤติกรรมเสมอ แม้วันนี้อาจไม่เห็น แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่คนที่ยังอยู่พึงมีสตินะโยม" เสียงกังวานฟังชัดแม้นจะแหบพร่าไปบ้างตามวัยเอ่ยบอกพร้อมกับมองตรงมาที่หน่องด้วยความเมตตา
"อะไรที่เป็นห่วงคอยผูกมัดก็ควรปล่อยวาง อย่ายึดมั่นถือมั่นกันอีกเลย" น้ำเสียงรื่นหูจากภิกษุหนุ่มเอ่ยเพียงเบา ๆ
"อาตมาทั้งสองเพียงผ่านทางมา เลยมาขอบิณฑบาต อย่าจองเวรต่อกันไปอีกเลย ในเมื่ออยู่กันคนละภพภูมิเสียแล้ว" ภิกษุชราเอ่ยบอกอย่างเมตตา พลางหันมองผ่านไปยังริมกำแพงรั้วเบื้องหลังของหน่อง
"โชคดีมีสุข บุญรักษานะโยม" ประโยคอวยพรเพียงสั้น ๆ ประโยคเดียวที่หน่องและคุณสุมาลีได้ยินและสัมผัสความเมตตาได้จากน้ำเสียงของภิกษุชรา รอยยิ้มอิ่มเอมอย่างเป็นสุขถูกจุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน "สาธุ"  เมื่อหน่องและคุณสุมาลีเงยหน้าขึ้นมากลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่าภิกษุทั้งสองที่เคยอยู่ตรงหน้ากลับหายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
 
 
"หน่องเดี๋ยวอย่าลืมกรวดน้ำด้วยนะลูก" คุณสุมาลีเอ่ยบอกขณะที่ช่วยหน่องถือภาชนะเข้ามาเก็บในบ้าน
"ครับแม่" หน่องตอบรับก่อนจะวางโต๊ะพับแอบไว้ที่มุมหนึ่งในห้องครัว
 
 
"หลวงลุงครับ ดูท่าว่าเรื่องคงยังไม่จบลงง่าย ๆ เพียงเท่านี้นะครับ" ฐานวโรเอ่ยกับภิกษุผู้สูงวัยกว่า
"เราทำได้เพียงแค่นี้แหละฐานวโร อันที่จริงมันก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่แรกแล้ว กรรมของใคร ไม่มีใครไปตัดกรรมนั้นแทนได้ เราคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของแต่ละคนเถิด" ภิกษุชราเอ่ยตอบ
 
 
น้ำในแก้วใสไหลรินรดยังโคนต้นไม้ใหญ่ด้วยมือของหน่อง ก่อนจะซึมหายลงไปในดินจนหมด
"หน่องทำบุญใส่บาตรไปให้แล้วนะหรั่ง ขอให้บุญที่หน่องทำไปถึงหรั่งด้วยนะ  หน่องจะหาตัวคนที่ทำกับหรั่งให้ได้ เขาจะต้องชดใช้ความผิดที่ทำกับหรั่ง กฎหมายจะลงโทษพวกมันเอง" หน่องบอกพร้อมกับเอาแก้วน้ำไปเก็บ แล้วจึงรีบออกจากบ้านเพื่อไปทำงานโดยที่หน่องไม่ได้ยินเสียงขอบใจเบา ๆ ของเพื่อนผู้จากไป เสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบฝากผ่านสายลมที่โชยพัดมาเอื่อยๆ
 
 
 

 
 
 
"เฮ้ย!" พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ตัวใหญ่หรา ทำให้ร้อยตำรวจโทพชร เผลอร้องเสียงดังและกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง จากที่เขาเพิ่งจะเดินเข้ามาคลี่หนังสือพิมพ์กรอบบ่ายซึ่งเพิ่งจะฝากเด็กร้านข้าวข้างล่างซื้อเข้ามาให้อ่าน  จนเพื่อนตำรวจนายอื่นหันกลับมามองที่เขาเป็นตาเดียวกัน
"ขอโทษครับ ไม่มีอะไรครับ"  ผู้หมวดหนุ่มแก้ตัวพร้อมส่งยิ้มเก้อเขินไปทั่ว   ก่อนจะลงนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานอีกครั้งพลางครุ่นคิด 'ก็บอกให้ช่วยกันปิดข่าวไว้ก่อน ไหงเล่นออกสื่อขนาดนี้... ฝีมือนายตัวเล็กแน่ ๆ เลย เห็นเงียบ ๆ ติ๋ม ๆ ดื้อเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ' แล้วอ่านข่าวด้านในโดยละเอียด
 
 
"สวัสดีครับ" หน่องยกหูโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาขึ้นรับสาย หลังจากที่ปล่อยให้มันส่งเสียงเรียกอยู่นาน
"สวัสดีครับ ขอสายคุณนิวัฒน์  แก่นกำภูครับ"
"กำลังพูดครับ ไม่ทราบว่าใครกำลังพูดสายอยู่ครับ" หน่องตอบรับเสียงคนปลายสาย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ผมร้อยตำรวจโทพชร พงษ์ภิญโญครับ จะโทรมาถามเรื่องข่าววันนี้..." ผู้หมวดหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ
"อ๋อ ข่าวขอหรั่ง ผมเขียนเองแหละครับหมวด" หน่องพูดสวนกลับไป
"ผมว่าแล้วว่าต้องเป็นฝีมือคุณ ก็ไหนผมบอกว่าให้ช่วยปิดข่าวไว้ก่อน ทำไมคุณถึงทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นมาขนาดนี้" ผู้หมวดหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มกลับมา
"ผมก็ทำตามหน้าที่ของผม เหมือนกับที่หมวดก็ต้องทำตามหน้าที่ของหมวด ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ คุณจะมาห้ามไม่ให้ผมนำเสนอข่าวไม่ได้เสียด้วย" หน่องตอบยียวนใส่
"ผมไม่ได้ห้ามคุณเขียนข่าว แต่ผมขอความร่วมมือปิดเรื่องสาเหตุการตายเอาไว้ก่อน แต่คุณเองเขียนข่าวจนคนเค้ารู้ไปทั่วแล้วว่าดาราถูกฆ่าถ่วงน้ำ" หมวดหนุ่มยังคงต่อว่าเสียงแข็ง
"ก็มันจริงนี่ แต่ผมก็ยังไม่ได้เขียนในส่วนที่อยู่ในรายงานของคุณเลยนะหมวด หมวดว่างให้ผมสัมภาษณ์ไหมล่ะ ผมจะได้เขียนข่าวฉบับพรุ่งนี้เสียเลย" หน่องเถียงกลับพร้อมกับยิ้มสะใจที่ได้กวนคนขี้โมโหที่อยู่ปลายสาย
"ผมไม่บอกอะไรกับคุณแล้ว... คุณนี่มัน... ดื้อจริง ๆ ดื้อเสียจน...  ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมจะเอาไม้เรียวไปฟาดให้ก้นลายเลยเชียว" ผู้หมวดหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกก่อนจะวางสายไป
 
 
เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องสายสี่ชิ้นแว่วกังวานขับกล่อมแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานมงคลสมรสสุดหรูบนดาดฟ้าเรือลำใหญ่ที่ตกแต่งด้วยดวงไฟขนาดเล็กกระพริบแข่งกับแสงของดวงดาวบนฟ้ากว้าง
ลิลลี่และกุหลาบสีขาวแซมด้วยริบบิ้นผ้าสีเงินยวงประดับเอาไว้ทั่วส่งกลิ่นหอมกรุ่น สายลมตามธรรมชาติจากลำน้ำเจ้าพระยาพัดนำความเย็นสบายมาให้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศ เจ้าบ่าวในทักซิโด้สีขาวและเจ้าสาวยืนคล้องแขนคอยทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้ม  ชุดยาวเกาะอกสีงาช้างช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งของเจ้าสาวให้นวลเนียน แหวนเพชรเจ็ดกะรัตที่นิ้วนางข้างซ้ายส่องประกายพราวล้อแสงไฟ เรือลำหรูแล่นออกจากท่าเมื่อแขกสองร้อยคนที่เชิญไว้ทยอยขึ้นเรือจนครบตามรายชื่อ ขวดแก้วคริสตัลเนื้อดีเจียระไนเหลี่ยมสะท้อนแสงไฟระยิบบรรจุน้ำหอมกลิ่นหวานนุ่มในถุงผ้าไหมสีกลีบบัวซึ่งปักชื่อคู่บ่าวสาวเอาไว้ด้วยไหมสีทองรับกับเกลียวไหมที่ปากถุง คือของชำร่วยที่ผู้มาร่วมงานได้รับหลังจากลงนามอวยพรบ่าวสาวในสมุดประสาทพร
 
 
พิธีกรกล่าวเชิญให้แขกนั่งประจำที่ซึ่งมีป้ายชื่อกำกับเอาไว้เด่นชัด ก่อนจะกล่าวเชิญบ่าวสาวขึ้นไปบนเวที ขั้นตอนของพิธีการดำเนินไปอย่างเรียบร้อยก่อนที่บ่าวสาวจะกล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงาน บริกรนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟตามลำดับจนจบด้วยเมนคอร์ส บ่าวสาวจึงขึ้นมาทำการตัดเค้กฉลองสมรสเจ็ดชั้นที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม วงดนตรีเริ่มเล่นเพลงที่เร็วขึ้นจังหวะสนุกสนาน บางคนออกมาเต้นรำบนฟลอร์ด้านหน้า ไวน์แดงชั้นดีราคาแพงถูกบริกรนำเสิร์ฟอยู่ตลอดราวกับว่าเป็นน้ำเปล่าเพื่อ ตอกย้ำสถานภาพทางการเงินของบ่าวสาว
"ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ดื่มเข้าไปเยอะเกิน" เจ้าบ่าวกระซิบบอกที่ข้างหูของเจ้าสาว
"เดี๋ยวชั้นรออยู่ตรงนี้แล้วกัน ไหวไหมล่ะคะคุณ เมารึเปล่า" สาวเจ้าตอบเพียงให้ได้ยินกันสองคน
"เมา แต่ผมไหวน่า ไม่ต้องห่วง คุณรอตรงนี้เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวผมมา" เจ้าบ่าวบอกพร้อมดวงตาหวานเยิ้มก่อนจะเดินหนีไปทำธุระส่วนตัว
ร่างของเจ้าบ่าวในชุดสูทสากลสีขาวเดินมุ่งไปทางท้ายเรือตามความยาวของลำเรือใหญ่ เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นเพียงเบา ก่อนจะดังขึ้นเมื่อเขาก้าวลงไปตามขั้นบันใดที่ทำจากเหล็ก เพื่อเดินไปจักการกับธุระส่วนตัวของเขา ฝ่ามือหนาผลักบานสวิงไม้ของประตูห้องน้ำออกก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม พื้นกระเบื้องดินเผาเคลือบด้านสีน้ำตาลแดง อัจกลับแบบโบราณลวดลายอ่อนช้อยแต่แทนที่จะจุดด้วยเปลวไฟแบบสมัยเก่ากลับใช้ หลอดไฟสีส้มนวลใส่เอาไว้แทนที่ แสงสลัวเย็นตาส่องกระทบกระจกเงาบานใหญ่ในกรอบไม้สลักเสลาลายเครือวัลย์ปิดทองประดับกระจกสีแวววาม เงาดำพาดผ่านไปทั่วขณะที่เขาเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มเดินตรงไปหยุดอยู่หน้าโถปัสสาวะกระเบื้องเคลือบสีนวลริมในสุดของห้องสุขาแล้วรูดซิบจัดการปลดเปลื้องความอัด แน่นเจ็บหน่วงในกระเพาะปัสสาวะของตน อันเป็นผลมาจากเครื่องดื่มที่กินเข้าไปมาก จนเมื่อรู้สึกโล่งสบายจึงเก็บเข้าที่แล้วหันกายเดินไปที่อ่างล้างหน้าซึ่งทำจากไม้มะค่าโมงลวดลายสวยงามตามธรรมชาติหน้ากระจกเงาบานใหญ่ เขาเปิดก๊อกเอาอุ้งมือรองน้ำไว้แล้วจึงก้มลงไปล้างหน้าเพียงหวังจะใช้น้ำเย็นขับไล่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างให้เบาบางลง เขาเอื้อมมือไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าด้านข้างขึ้นมาซับน้ำบนใบหน้า  เหลือบแลไปเห็นสิ่งผิดแปลกออกไปผ่านทางหางตา ด้วยความสงสัยใคร่รู้เขาหมุนตัวหันกลับไปมอง พลันพบกับความว่างเปล่า
'เมาจนตาลายเลยกู' เขาเดินออกไปอย่างช้าๆ  มือหนาจับยึดราวบันใดเหล็กเอาไว้มั่นเพื่อช่วยพยุงส่งตัวเองให้เดินขึ้นไปยังดาดฟ้าเรืออีกครั้ง เสียงรองเท้าหนังดังกุกกัก เมื่อกระทบกับขั้นบันใดที่เดินผ่าน ลมเย็นกรรโชกแรงพัดร่างของเขาจนเซนิดๆ ก่อนที่สายเปลือยสื่อนำไฟฟ้าที่ขาดร่วงหล่นลงมาเฉียดร่างตกไปอยู่บนพื้นตรงที่ร่างของเขาเซออกมาจากจุดเดิม เขาเผลอระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"ปัง... ฟิ้ว... พึบ...พึบ..." เสียงพลุดังขึ้นฟ้าก่อนจะไปแตกกระจายบนม่านดำของรัตติกาล ก่อให้เกิดประกายแสงสว่างไสวไปทั่วดาดฟ้าของเรือสำราญลำใหญ่ที่แล่นเอื่อยไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจต่อสิ่งสวยงามบนฟากฟ้า จนไม่มีใครพอที่จะให้ความสนใจกับเจ้าบ่าวที่กำลังเดินโซเซ ขึ้นบันใดที่ทางท้ายเรือ ท่ามกลางความมืด ไฟที่ส่องให้แสงสว่างบริเวณท้ายเรือกับดับลง  สายของดวงไฟกระพริบที่ประดับตกแต่งเอาไว้ กลับขาดร่วงลงมาใส่เจ้าบ่าวที่ยืนโงนเงนสั่นไหว เพราะสายเปลือยของสื่อนำไฟฟ้าชั้นดีตกมาค้างคาอยู่ที่ลำคอก่อนสายเส้นอื่นๆ ที่เจ้าตัวกระเสือกกระสนหมุนร่างพานม้วนเอาไว้ด้วยลำคอขอตนจนแน่นขึ้นแน่นขึ้น เขากระเสือกกระสนพยายามดิ้นรนให้ร่างหลุดรอดจากพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น นัยน์ตาเบิกโพลงลิ้นจุกออกมานอกริมฝีปากที่ค่อยๆ เขียวคล้ำ ร่างสั่นเทิ้มเริ่มกระตุกน้อยลงพร้อมๆ กับลมหายใจ ที่ค่อยๆ แผ่วลง  ก่อนที่ร่างของเขาจะหมุนเป็นครั้งสุดท้ายปะทะเข้ากับราวกั้นตรงกราบเรือ แล้วร่วงหล่นลงจากเรือสำราญหรู สู่ผืนน้ำดำมืด ด้วยแรงดูดมหาศาลจากใต้ท้องเรือที่กำลังแล่นดูดกลืนร่างของเขาลงไป สายน้ำพัดร่างของเขาไปยังส่วนท้ายเรือ ซึ่งมีใบจักรที่กำลังหมุนตัดสายน้ำเต็มกำลัง ใบจักรเหล็กขนาดใหญ่หมุนฟาดเข้าใส่ร่างเจ้าบ่าวหมาดๆ จนชุดสากลสีขาวที่สวมใส่ถูกย้อมอาบไปด้วยสีแดงฉาน ส่วนของลำคอหลุดออกจากร่างพร้อมกับลมหายใจ ร่างไร้หัวที่ถูกสายไฟพันม้วนลากลอยผลุบโผล่อยู่ในน้ำตามหลังเรือลำหรูไปติดๆ ทิ้งไว้เพียงใบหน้าสยองขาวซีดที่กำลังแสยะยิ้มน่ากลัวอย่างพึงใจราวกับเด็กที่ได้ของเล่น โดยมีส่วนศีรษะของเจ้าบ่าวหนุ่มรูปหล่อซึ่งอยู่ในอุ้งมือของอมนุษย์ที่ยืนอยู่บนผืนน้ำท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 21:14:04 โดย จงกลนี »

onjazz26

  • บุคคลทั่วไป
 :sad3:
อ่านอีกรอบก้อยังน่ากลัวมากมาย...บรื้ออออออออ

กุ๊ก กุ๊ก กู๋....ผีมาแย้ววววว......

เจ๊จง...จงรีบลงตอน 9 ตอน 10 น้า....ห้ามเลยนะ...ไอ้เรื่องลงเดือนหน้าอ่ะ :m12:

เรนเจอร์สีม่วง....สู้ต่อไป :a9:

ปอหล๊อ....หลังจากตอน 10 แล้วก็ต้องลงถี่ๆ แบบนี้อีกนะ :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
รอตอนต่อๆ ไปเน้อ^^

สายลมห่มฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ผมคงต้องรอภาพฟันลงตอนหน้าก่อนถึงจะลงได้นะครับ

เพราะงั้นอยากอ่านเร็ว ๆ ต้องไปเร่ง ภาพฝันนะครับ

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
อ่านกี่ครั้งก็น่ากลัว :o

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เป็นการเอาคืนอย่างสาแก่ใจเป็นที่สุด

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #469 เมื่อ20-05-2011 22:12:48 »

ใครแต่งไม่รู้  แต่ที่รู้ ๆ คือคนแต่งต้องเป็นกูรูบาร์เกย์แน่ ๆ
ให้ตาย  รู้กระทั่งว่าเขาจะสัมภาษณ์งานกันแบบไหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
« ตอบ #469 เมื่อ: 20-05-2011 22:12:48 »





ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #470 เมื่อ20-05-2011 22:22:39 »

แต่ละคำถาม :m25:

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ตอนแรกก็เลือดสาดแล้ว o18

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
ขนาดน้องไนท์ไม่ค่อยพูดยังน่ารักได้ขนาดนี้  :o8:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เสร็จไปอีกราย เหลืออีกกี่รายเนี่ย
หรั่งมาแก้แค้นเหรอ แล้วใครทำ เพราะอะไร


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ฮูเร่ ฮูเร่ น้องไนท์น่ารัก
พี่เตก็แสนดี หวานวันละนิดจิตแจ่มใส :-[

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #475 เมื่อ20-05-2011 22:53:08 »

โถ อิหนูร้องไห้ซะแล้ว
(แต่ดันร้องเพราะอยากแต่ทำไรไม่ได้555)

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #476 เมื่อ20-05-2011 23:11:55 »

 :impress: สีแสดเปิดโลกการเรียนรู้ให้พวกเราอีกแล้ว

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #477 เมื่อ20-05-2011 23:21:47 »

 :z1: รับพนักงานเสริฟ หรือ เมด บ้างหรือเปล่าอยากไปทำงานที่บาร์นี้จัง  :m25:

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
อร๊ายยยย บอกแล้วว่าน้องน่ารว๊ากอ่ะ
อยู่ใกล้ๆ จะกัดแก้มซักที ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 3 PG. 2 [20/05/2011]
«ตอบ #479 เมื่อ20-05-2011 23:28:19 »

น้องกริชของเราหวั่นไหวซะแล้ว
รับเลยค่ะรับเลย เอาไปรับใช้ส่วนตัวที่บ้านก็ได้ อิอิ :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด