41
งานเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์ดังภายในห้างใหญ่ใจกลางเมืองจบลง เหล่าดารานักแสดงที่ถูกเชิญให้มาร่วมงานต่างพากันเดินลงมาจากเวที และแยกย้ายกันไปยืนด้านหน้าแบ็คดรอปขนาดใหญ่ มีโลโก้นาฬิกาเป็นฉากหลัง
ทัชชาเป็นหนึ่งในผู้ถูกสัมภาษณ์และประเด็นร้อนในช่วงนี้คงไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชาริสา ซึ่งทัชชาได้ให้คำตอบแบบเดิม ๆ ทุกครั้งว่าเขาทั้งสองเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น เรื่องช่วยแก้ข่าวที่เกิดขึ้น เขาเพียงพูดไปตามความจริงเท่านั้น
หลังนักข่าวหมดคำถาม ทัชชาจึงกลับมายังห้องแต่งตัวรวม ที่ทางสต๊าฟเตรียมไว้ให้เหล่าดารา มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาหาเขาพร้อมกล่องใส่นาฬิกา เขาจึงถอดนาฬิกาเรือนหรูส่งคืนให้ เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงไปเก็บนาฬิกาเรือนต่อไปจากดาราคนอื่น ๆ
ทัชชาถอดสูทที่สวมใส่อยู่และเริ่มเก็บของใช้ส่วนตัว สต๊าฟของงานคนหนึ่งจึงช่วยนำสูทของเขาไปเก็บในถุงคลุมเสื้อสูท
“พี่ทัช ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” นักแสดงรุ่นน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย
“นั่นสิ พี่ไม่ได้เจอกับเจตั้งแต่ละครเมื่อปลายปีมั้ง”
“ครับ ผมไม่รับงานละครแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่กับงานเพลงมากกว่า”
“พยายามเข้าละ พี่เอาใจช่วย”
“เอ่อ...พี่ทัช สูทเมื่อกี้ พี่ได้มาจากไหนครับ ผมสะดุดตาตั้งแต่พี่ขึ้นเวทีแล้ว”
“มีคนส่งมาให้น่ะ” ทัชชาอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาได้มาจากคนพิเศษ
“ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากได้บ้าง”
“เอาสิ” ทัชชาเดินไปที่ราวแขวน และเปิดถุงคลุมเสื้อสูทออก นักแสดงรุ่นน้องจึงเดินเขามาลูบ ๆ คลำ ๆ พลิกซ้ายพลิกขวา
“หืม? ผมเพิ่งรู้ว่า YNW มีเสื้อสูทด้วย”
“เจรู้จักยี่ห้อนี้เหรอ พี่ไม่ค่อยคุ้น”
“YNW มีช้อปตามห้าง แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นก็มีแต่เสื้อผ้าของเด็ก วัยรุ่น เสื้อผ้าลำลองแบบใส่สบาย ๆ มากกว่า นี่ผมยังเป็นลูกค้าของยี่ห้อนี้เลยนะ กางเกงของ YNW ใส่สบายดี ผมชอบใส่เวลาต้องซ้อมเต้น”
“อ่อ คงจะออกแนวสปอร์ตสินะ”
“ก็ไม่เชิงนะพี่ ล่าสุดผมเห็นว่าเพิ่งเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ เป็นชุดของพวกผู้หญิงวัยทำงาน แต่สูทผู้ชายนี่ ผมเพิ่งเคยเห็น”
“อ่อ” เขาเริ่มเห็นเค้าราง ๆ ถึงที่มาที่ไปของสูทยี่ห้อนี้ หวังว่าเขาใส่มางานเปิดตัวสินค้าแบบนี้ คงจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังนะ
ยังไม่ทันที่สองนักแสดงต่างวัยจะคุยอะไรกันมากไปกว่านี้ ก็มีเสียงประตูห้องเปิดพรวดพลาดเข้ามาภายใน
“ทัช ๆๆ” อามันต์พูดเสียงปนหอบ ก่อนชะงักเมื่อเห็นนักแสดงรุ่นน้องอีกคน
“ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อย ๆ พูด” ทัชชาเห็นผู้จัดการของตนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา จึงหยิบขวดน้ำที่ยังไม่ได้ดื่มส่งให้
“ขอบใจ”
“พี่ทัช งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” นักแสดงรุ่นน้องเห็นว่ารุ่นพี่คงมีเรื่องตั้องคุยกับผู้จัดการส่วนตัว อีกอย่างตนเองก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว จึงเลี่ยงออกจากห้องแต่งตัวไป
“นายมีอะไร ทำไมถึงรีบขนาดนี้”
“นายต่างหากที่ต้องบอกฉัน นายไปตกลงรับงานอะไรทำไมไม่บอกฉัน”
“รับงาน? ...” เขานิ่งคิด “ไม่มีนี่ งานทั้งหมดฉันก็รับผ่านนาย”
“แล้วเรื่องพรีเซนเตอร์ของ YNW นายจะว่ายังไง?”
“หา?” ชุดสูทที่พัสกาญส่งมาให้เขาท่าทางจะมีปัญหาซะแล้ว
“ไม่ต้องมาหงมาหาเลย”
“อืม ไปคุยกันที่รถ คุยที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ”
“นี่นายมีอะไรปิดบังฉันอยู่ใช่ไหม?”
“อืม”
อามันต์ช่วยเขาเก็บของส่วนเขาก็คว้าสูทของพัสกาญ เก็บให้เรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไปทันที โดยมีอามันต์เดินตามหลัง
“นายจะบอกว่า นายได้รับสูทชุดนี้มาจากคนที่นายกำลังคบหาดูใจกันอยู่?”
“อืม เขาส่งมาให้ฉันเมื่อวันก่อน”
“เขาเป็นใคร?”
“ฉันยังบอกนายไม่ได้ จนกว่าฉันจะได้คุยกับเขา”
“ไอ้ทัชๆ นายรู้ไหมว่าสูทตัวนี้ราคาเท่าไร แล้วมันยังไม่มีขายที่ไทยด้วย” อามันต์เหมือนอยากจะบีบขอของเขาหากไม่ติดว่าขับรถอยู่ ทำให้ได้แต่ส่งสายตาไม่พอใจผ่านกระจกมองหลังมาให้
“ไม่รู้”
“โอ้ย กูจะบ้าตาย”
“แล้วเรื่องสูทนี่ นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นของ YNW ขนาดเจยังเข้ามาของดูเลย”
“เจมาขอนายดู แล้วนายก็ให้เขาดู?”
“อืม ก็มันไม่ได้เป็นความลับอะไรนี่”
“นายรู้ไหม ว่าสูทตัวนี้มันจะเริ่มวางขายครั้งแรกในที่ช้อปทั่วประเทศจีนพรุ่งนี้ รวมไปถึงที่ไต้หวันและฮองกง ส่วนประเทศอื่นในเอเชีย อย่างสิงค์โป ญี่ปุ่น เกาหลี จะเริ่มวางขายอาทิตย์หน้า แล้วอยู่ ๆ ก็มีสูทตัวนึงมาโพล่ที่ไทย”
ทัชชาไม่ได้ฟังสิ่งที่อามันต์บ่นต่อหลังจากนั้น เขากำลังคิดว่า สูทตัวนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งของครอบครัวพัสกาญแน่ ๆ และการที่เขาเลือกใส่สูทของอีกฝ่ายในงานวันนี้ ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรต่ออีกฝ่ายหรือไม่
“เดี๋ยวๆๆ มันต์ นายอย่าเพิ่งบ่น นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านายรู้เรื่องสูทตัวนี้ได้ยังไง”
“ก็หลังจบงาน ระหว่างที่นายให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่ มีคนโทรมาหาฉัน คนของฝู่มู่ตานโทรเข้ามา โทรตรงมาจากฮ่องกงเลยนะโว้ย…”
“มันต์ ใจเย็น ๆ แล้วเล่ามาดีๆ” อามันต์หายใจเขาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเล่าต่อ
“เขาบอกว่าเขาส่งตารางงานของนาย ให้กับฉันทางอีเมลแล้ว และบอกอีกว่าที่ไทยจะเปิดตัวเมนแวร์คอลเล็กชั่นนี้ที่ไทยพร้อมกับประเทศอื่นในเอเชียอาทิตย์หน้า ระหว่างนี้เขาให้นายใส่ชุดของ YNW ไปจนกว่าจะเปิดงาน เพื่อเป็นการโปรโมทสินค้า”
“แต่ฉันได้สูทนี้มาตัวเดียว”
“เขาบอกว่าจะส่งให้นายทีหลัง และขอที่อยู่ที่คอนโดของนาย แต่ฉันยังไม่ได้ให้ ฉันต้องการคุยกับนายก่อน”
“นายช่วยส่งฉันที่หนึ่งก่อน จากนั้นนายก็ไปรอฉันที่คอนโด”
“นายจะไปหาแฟนของนาย คนที่ส่งสูทให้กับนายใช่ไหม? ฉันไปด้วย ยังไงฉันก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของนาย ฉันมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้นาย”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ไปหาเขา...แต่ถ้านายจะไปด้วย นายห้ามพูดอะไรทั้งนั้น แค่ฟังเฉย ๆ นายทำได้รึเปล่า”
“คนที่นายจะไปหา เขาเป็นใคร? หรือว่านายมีอะไรปิดบังฉันอีก”
“ไม่มี เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเล่ายังไง และฉันเองยังไม่แน่ใจว่าคนคนนี้เกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องนี้”
“นายกลัวว่าฉันจะปากไม่ดี ทำงให้นายซวย?”
“ฉันคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นบททดสอบอีกอย่างของฉัน”
“บททดสอบอะไรของนาย”
“นายยังไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่านายช่วยทำตัวดี ๆ ก็แล้วกัน แค่นี้ก็ถือว่าช่วยฉันแล้ว”
“เอ่อๆ ความลับเยอะจริง ไหนบอกว่าไม่มีอะไรปิดบัง”
“ขับรถของนายไปดีๆ อย่าบ่น เดี๋ยวนายขับรถไปขึ้นทางด่วนข้างหน้า วิ่งไปทางแจ้งวัฒนะ”
“ได้ครับ คุณพระเอก”
.........................................................................
พัสกาญจัดการงานที่คั่งค้างที่ร้านจนเสร็จ โดยมีต้อยติ่งเป็นผู้ช่วยที่ดี ทำให้งานเสร็จเร็วกว่าเวลามาก เขาจึงเตรียมออกจากร้านไปตามนัด วันนี้เขานัดสังสรรกับเพื่อน ๆ ที่ร้านอาหารของน้านิล หลังจากที่เขาไม่ได้เข้าไปยังกองถ่ายเสียหลายวัน
“คุณพัสไม่รอคุณกรมารับเหรอคะ?”
“ไม่อ่ะ กรน่าจะยังไม่เสร็จงาน ผมไปเองดีกว่า”
“คุณพัสจะเอารถออกเหรอคะ?”
“ครับ ผมไปก่อนนะ”
พัสกาญเดินออกจากร้านไปยังที่จอดรถประจำ รปภ.บริเวณนั้นรีบลุกออกมาปิดผ้าคลุมรถให้เหมือนอย่างเคย
“ขอบคุณครับ”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นคุณพัสมาที่ร้านเลย หรือว่าเพื่อกลับจากเมืองนอก”
“ไม่ใช่เมืองนอกอะไรหรอกครับลุง บ้านนอกต่างหาก” พัสกาญบอกยิ้ม ๆ ลุงรปภ. ก็ยิ้มรับก่อนเอาผ้าคลุมรถไปเก็บไว้ให้
ระหว่างทางที่ขับรถไปยังร้านของน้านิล เขาได้โทรบอกกรกฤตแล้วว่าจะเดินทางมาที่ร้านเอง จึงได้รู้ว่า นอกจากกรกฤต ชาญ เอมแล้ว ยังมีกะทิ ไลลา และตาลที่ตามมาด้วย
“ให้กูไปรับไหม รถมึงน่าจะมาไม่หมด”
‘แล้วรถมึงรับคนเพิ่มกี่คนกันเชียว ไอ้คุณหนู’
“อย่างน้อยมึงก็มากับกู ส่วนคนอื่น ๆ ก็มารถมึงไง จะได้ไม่ต้องเรียกแทกซี่”
‘ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวกูให้ชาญมันเอารถตู้ไปกับเอม ส่วนคนที่เหลือไปรถกูก็ได้’
“ตามใจมึง แค่นี้นะ กูจะถึงร้านแล้ว”
‘เฮ้ย งานมึงเสร็จแล้วเหรอ’
“อืม กูมีผู้ช่วยดี”
‘งั้นมึงก็นั่งรอไปก่อน กูจะรีบตามไป’
เมื่อวางสายไม่นาน พัสกาญก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารของน้านิลไป เด็กในร้านออกมารับและพาเขาไปนั่งรอในห้องด้านหลังอย่างเคยเพราะเขามาในช่วงที่ยังไม่เปิดร้านอีกเช่นเคย
วันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาที่ร้านแม้แต่คนเดียวไม่ว่าจะเป็นน้ากล้า น้านิล หรือแม้แต่พี่นนท์ เมื่อถามกับผู้จัดการร้าน เขาจึงได้รู้ว่า พี่นนท์ถูกน้ากล้าตามตัวให้ไปช่วยงาน
“พี่ม่อนครับ โต๊ะพร้อมแล้ว พี่ม่อนจะรอเพื่อนก่อนหรือจะไปที่โต๊ะเลยครับ” เด็กในร้านเดินเข้ามาถาม หลังจากผู้จัดการร้านเดินออกไปไม่นาน
“อืม เอาสิ พี่ขออาหารทานเล่นสัก 2-3 อย่างนะ ส่วนอาหารไว้เรอเพื่อนพี่มาก่อนค่อยสั่ง”
“ครับเดี๋ยวผมให้เด็กจัดการให้”
พัสกาญเดินตามเด็กในร้านไปยังโต๊ะพิเศษ ที่จัดไว้ในห้องปรับอากาศ เขาเลือกโต๊ะในห้องนี้เพราะคนที่มาเพิ่มดูท่าทางคงจะโหวกเหวกไม่น้อย จะได้ไม่ไปเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น ๆ ของน้านิล
เขารอไม่นานก็เห็นคนกลุ่มแรกเดินเข้ามาในร้าน เพราะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งเปิดร้านใหม่ ๆ โซนปกติจึงไม่ค่อยมีลูกค้า ทำให้กรกฤตสามารถมองเห็นเขาผ่านกระจกใสได้ตั้งแต่เดินเข้ามา
กรกฤตเดินนำคนอื่น ๆ เข้ามาภายในห้องวีไอพี สำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือจัดเลี้ยงเล็กๆ จากในห้องสามารมองดูบรรยากาศของร้านได้โดยรอบ
“น้องม่อน เป็นยังไงบ้างคะ คิดถึงพี่กะทิคนนี้ไหมเอ่ย” กะทิส่งเสียงทักทายเมื่อก้าวเข้ามายังไม่ทันพ้นประตู ก่อนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เขา
“คิดถึงครับ ไม่ได้ยินพี่ทิแล้วมันเหงา ๆ ยังไงชอบกล”
“พี่ม่อนหายดีแล้วใช่ไหมครับ ผมไม่เห็นพี่ม่อนไปช่วยงานพี่กรที่กองเลย” เด็กตาลถามหลังจากนั่งลงถัดจากกะทิ
“พี่หายดีแล้ว ขอบใจตาลมากที่เป็นห่วง”
“งานจวนจะปิดกลอ้งแล้ว นังกรมันเลยไม่ให้น้องม่อนมาช่วย” กะทิบอกตาลก่อนหันไปเรียกไลลา “อีลา มานั่งสิ มัวตะลึงอะไร ไม่เคยเห็นร้านอาหารรึไง”
“บ้าน่าพี่ทิ ฉันสนใจรถคันนั้นต่างหาก นั่นใช่รถคุณเตอร์หรือเปล่า?” ไลลาชี้ไปที่รถของเขาที่จอดแอบอยู่ด้านนอก กรกฤตหันมาทางเขาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง
“ใช่หรือไม่ใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหล่อนหะ” กะทิว่าให้หลังจากไลลาเลือกที่นั่งได้แล้ว
“ถ้าคุณเตอร์อยู่นี่ แล้วเราจะไม่เจอแม่นางฟ้านางสวรรค์นั่นเหรอ”
“เจอก็ช่าง เราก็ต่างคนต่างอยู่ไปสิ”
“นางฟ้านางสวรรค์ที่ไหนเหรอครับ” เขาถามอย่างสงสัย
“น้องม่อนไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้น้องพราวเขาเป็นนางฟ้านางสวรรค์ไปแล้ว อะไรๆ ก็ต้องตามใจนาง นาทีนี้นางสำคัญที่สุด”
“กะทิ อย่าไปพูดถึงเรื่องคนอื่นเลย วันนี้แกมาฉลองปิดงานไม่ใช่เหรอ?”
“อีลาเป็นคนเริ่ม” กะทิโบ้ยชี้ไม้ชี้มือไปที่ไลลาทันที
“อ่าว อิพี่ทิ อยู่ ๆ ก็โยนมา” ระหว่างที่สองสาวถกเถียงกัน ชาญกับเอมก็ตามเข้ามาสมทบ
“โห...สนุกอะไรกันอยู่ครับ”
“สนุกบ้านป้าแกสิ” ชาญโดนลูกหลงจากกะทิถึงกับหน้าเหว๋อ รีบลงไปนั่งข้างกรกฤตทันที ตามด้วยเอม
“มาครบแล้ว สั่งอาหารกันเลยดีไหมครับ เดี๋ยวถ้าลูกค้ามาเยอะกว่านี้ อาหารจะออกช้านะครับ” พัสกาญรีบห้ามทัพ และกวักมือเรียกเด็กในร้าน เมื่อทุกคนได้รับเมนูก็ต่างสั่งอาหารที่แต่ละคนต้องการ
“ม่อน มึงออกมาคุยกับกูหน่อย” กรกฤตเรียกเขาออกไปคุย พวกเขาจึงเดินเลี่ยงออกมา
“มีอะไร?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นที่พัทยา คนที่บ้านบอกอะไรกับมึงรึเปล่า?”
“ไม่นี่ เฮ้อ...จะมีก็แต่เรื่องพี่ทัชที่โดนแม่กูแกล้งเข้าให้แล้ว”
“ไม่โดนสิแปลก กูเป็นเพื่อนสนิทมึงยังโดนซะอ่วม แล้วคุณทัชนั่น จะไปเป็นลูกเขยแม่มึงมีหรือจะไม่โดน กูหวังว่าคุณทัชเขาจะไม่ถอดใจไปซะก่อน”
“มึงไม่คิดว่าเขาจะมาเป็นสะใภ้บ้างเหรอว่ะ?” กรกฤตเดินห่างจากเขาไปก้าวหนึ่งก่อนมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอาไว้ถ้าคนที่มาจีบมึงดูสวยกว่ามึง กูค่อยคิดว่าเขาจะมาเป็นสะใภ้ก็แล้วกัน”
“ทำไมใครๆ ก็คิดแบบนี้”
“มึงไม่ดูหนังหน้าตัวเอง ได้แม่ได้ป้าได้ลุงมาซะขนาดนี้”
“อ่อ ๆ แล้วมึงลากกูออกมาคุยข้างนอกนี่ มีเรื่องอะไร?”
“ที่มึงเจ็บตัวคราวนั้น กูคิดว่ามึงรับเคราะห์แทนยัยแหม่ม”
“มึงพูดเหมือนมีคนจงใจทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
“อืม เฮียเจมส์รู้เรื่องนี้ดี แต่เฮียไม่เข้ามายุ่ง มึงคงเข้าใจนะว่าเพราะอะไร?”
“อืม ถ้าเป้าหมายไม่ใช่กู คนที่บ้านก็จะไม่มายุ่งเกี่ยว”
“ใช่ แต่เรื่องนี้กูกำลังตามสืบอยู่ และกูมีเรื่องจะขอร้องให้มึงช่วย”
“อืม ถ้ากูช่วยได้ กูช่วยเต็มที่”
“งานแฟชั่นวีคที่ฮองกง กับญี่ปุ่นมึงตัดสินใจยัง ว่าจะเอายังไง”
“อืม กูคุยกับแม่แล้ว กูจะไป”
“ให้แหม่มไปร่วมงานด้วยได้ไหม?”
“เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เท่าที่กูรู้ แหม่มน่าจะเซ็นต์สัญญากับทางซีดับบิวแล้ว ทางค่ายน่าจะส่งคนมาร่วมงาน”
“อืม งั้นกูฝากมึงจัดการด้วย แล้วกูขอข่าวนี้”
“มึงจะทำอะไร?”
“กูแค่จะจับคนที่ทำร้ายมึง และคิดจะทำร้ายแหม่ม”
“มันไม่อันตรายใช่ไหม?”
“ไอ้คุณหนู มันอันตรายไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของคนที่บ้านมึงเหอะ ไปเข้าไปในห้องได้แล้ว อาหารมาแล้วนั่น” กรกฤตชี้ไปยังเด็กในร้านที่ทยอยยกอาหารเข้าไปในห้อง
To Be Continued