24
หลังจากมีการเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้คนส่วนหนึ่งที่รายล้อมอยู่รอบเวทีก็สลายตัวไปจับจองพื้นที่สำหรับรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันผ่านจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ทางด้านหนึ่งของเวที
ส่วนผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย รวมถึงนักข่าวที่เดินตามผู้ที่เปิดงานพร้อมบุตรชายที่พิธีกรเปิดตัวว่าเป็นผู้ที่ออกแบบลวดลายบนเสื้อยืดที่จำหน่ายในงาน และยังเป็นเจ้าของแบรนด์ดังชื่อเดียวกับเจ้าตัวอีกด้วย
ทัชชามองตามกลุ่มคนดังกล่าวไปจากระยะไกล เขาที่นึกหาทางจะเข้าไปหาอีกฝ่ายแต่โดนอามันต์รั้งไว้
“ทัช นายจะไปไหน”
“ไปห้องน้ำ”
“ขืนนายจะไปห้องน้ำของโรงแรม ฉันรับรองว่านายไปไม่ถึงแน่ๆ ดีนะที่ฉันถามชาญไว้แล้ว นั่น...ด้านหลังซุ้มทางด้านนั้น มีห้องน้ำเคลื่อนที่เตรียมไว้ให้ทีมงาน ฉันว่านายไปเข้าที่นั่นเถอะ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” อามันต์ชี้ไปยังทางเดินด้านหลังซุ้ม
“อ่อ ถ้าแถวๆ นี้มี เอาไว้ฉันค่อยไปแล้วกัน ไว้อีกสักพัก”
ทัชชามองกลับไปทางด้านเวที กลุ่มคนต่างๆ ได้สลายตัวไปเกือบหมด และต่างไปหาที่นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ หรือไม่ก็เดินตรงมาโซนของพวกเขาที่เป็นซุ้มขายของ
“แหม่ม แกอยู่นี่กับพวกน้องดาไปก่อน ฉันจะเดินไปรอรับไอ้ม่อน” ทัชชาได้ยินกรกฤตคุยกับชาริศา จึงทำทีเดินเจ้าไปใกล้ๆ แต่ก็ยังช่วยอามันต์ขายเสื้อเช่นเดิม
“อีกสัก 10 นาทีก็ได้มั้งแก กว่าม่อนจะจัดการตัวเองเสร็จ อีกอย่างแกดูรอบๆ สิ” ชาริศามองไปทางด้านหลัง ทำให้เขาอดที่จะมองตามไปไม่ได้
“นายมองหาใครรึเปล่า ทัช”
“อ่อ เปล่า ไม่มีอะไร”
เขาเห็นเพียงเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อคอโปโลสีเทาสกรีนชื่องานยืนอยู่ประจำจุดต่างๆ ซึ่งไม่เห็นจะมีอะไรผิดสังเกต และเพราะโดนอามันต์ขัดขึ้นซะก่อน ทำให้เขาไม่รู้ว่ากรกฤตกับชาริศาคุยอะไรต่อจากนั้น หันมาอีกที ทั้งสองก็กลับมาช่วยกันชายเสื้อยืดดังเดิม และไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อหลังจากนั้น
.........................................................................
พัสกาญเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย กลับมาอยู่ในสภาพเดิมเหมือนทุกวัน เขากำลังลงลิฟท์มาพร้อมกับคนของลุงเถิง 2 คน
“เดี๋ยวถึงชั้นล่างแล้ว ไม่ต้องตามนะ ผมไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น”
“ไม่มีใครสนใจพวกผมหรอกครับคุณพัส ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย” บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งตอบ
“ใช่ครับ ผมพวกแค่เดินไปส่งคุณพัสที่ซุ้มเสร็จก็จะรีบแยกย้ายทันที อีกอย่าง พวกผมก็แต่งตัวเหมือนคนมาช่วยงานทั่วๆ ไป คุณพัสทำใจให้สบายนะครับ”
เขามองดูการแต่งตัวของคนทั้งสอง ซึ่งไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนที่มาช่วยขายเสื้อยืด หรือดูแลซุ้มอาหารเลย เพราะทุกคนได้รับเสื้อยืดที่เขาออกแบบ และขอความร่วมมือให้ใส่เพื่อโปรโมทเสื้อยืดอีกด้วย เขาคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาสองคนนี้เกินไป เลยทำให้เป็นกังวล
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง บอร์ดี้การ์คคนหนึ่งก็เดินนำหน้าเขาไปเล็กน้อย ส่วนอีกคนเดินเคียงเขาไป ดูๆ แล้วเหมือนเพื่อนร่วมงานกันมากกว่า ทำให้เขาหายเกร็งโดยไม่รู้ตัว
“คุณพัสครับ ดูเหมือนว่าคุณกรกำลังเดินมาทางนี้” บอร์ดี้การ์ดคนที่เดินนำหน้าหันมาบอก ทำให้เขามองตามสายตานั้นไป
“อืม กรคงจะเดินมารับผม ตั้งแต่มาถึง ผมยังไม่รู้เลยว่ากรอยู่ซุ้มไหน” เขาพูดไปตามความจริง
พวกเขาทั้งสามเดินมาสมทบกับกรกฤต แถวๆ เก้าอี้ที่วางเรียงรายหน้ามอนิเตอร์จอยักษ์
“กูนึกแล้ว ว่าลุงมึงต้องให้คนตามมาส่ง แต่ไม่คิดว่าจะเนียนขนาดนี้” กรกฤตทักระหว่างเดินตามบอรี้การ์ดคนหนึ่งไป และอีกคนที่เดินเคียงกับเขา เปลี่ยนเป็นเดินรั้งท้ายแทน
“ตอนแรกกูก็เกร็ง แต่พี่ๆ เขาเนียนอย่างที่มึงว่าจริงๆ นั่นแหละ”
“เอ่อ… รีบไปช่วยพวกกูขายเสื้อเถอะ นี่ยังไม่ทันเที่ยง หมดไปหลายลายแล้ว บางลายไซด์ไม่พอด้วยมึง”
“แหม่มขายเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ หรือแฟนคลับมาช่วยเหมา”
“ใครว่า เป็นเพราะพ่อพระเอกต่างหาก มายืนขายอยู่ที่ซุ้มพวกเราด้วย แล้วยังบังเอิญใช่เสื้อลายเดียวกับแหม่มอีก เลยขายดิบขายดีเพราะแฟนคลับของทั้งสองซื้อตาม อ่อ ลายที่มึงใส่เมื่อกี้ตอนอยู่บนนั้นก็จะไม่เหลือแล้ว” พัสกาญรู้ดีว่ากรกฤตเลี่ยงที่จะพูดถึงเวที
“ปีนี้น้ากล้าน่าจะได้เงินไปช่วยโรงเรียนบนดอยเยอะเลย”
“อ่าว? แทนที่จะดีใจ ที่เสื้อมึงมึงขายดี”
“มึง เบาๆ ดิว่ะ”
“ไอ้ม่อน ไม่มีใครได้ยินกูคุยกับมึงหรอก แถวนี้เสียงดังจะตาย”
พวกเขาเดินมาอีกสักพักก็ถึงซุ้มขายเสื้อที่กรกฤตและคนอื่นๆ รวมตัวกันอยู่ บอร์ดี้การ์ดสองคนที่เดินมาส่งก็แยกย้ายกันไปตามที่กล่าวไว้จริงๆ พัสกาญกวาดตามมองเพียงรอบเดียวก็เห็นโดยรอบของซุ้ม แต่กลับไม่เห็นคนที่โกรธเขาอยู่เมื่อตอนเช้า
“อ่าว ทำไมเหลือกันแค่นี้ล่ะ?” กรกฤตถามคนที่เหลือ ซึ่งมีเพียงชาญ และเอมเท่านั้น
“ทางทีมงานขอให้พี่แหม่มกับพี่ทัชไปถ่ายรูปหมู่ร่วมกับเจ้าภาพตรงจุดปล่อยรถค่ะ” เอมเป็นคนตอบ
“อ่อ น้องดากับอามันต์เลยต้องตามไปด้วย”
“คนแค่นี้ก็น่าจะพอช่วยกันขายน่า นี่ก็เหลือไม่เยอะแล้วนี่” พัสกาญมองไปที่ลังกระดาษด้านหลัง เหลือเสื้ออยู่ไม่มากแล้ว “ถ้าของซุ้มเราหมดแล้ว พวกเราไปช่วยขายที่ซุ้มพี่ทิต่อดีไหม” เขาเสนอความเห็น
“ไปสิค่ะ เอมอยากไป”
“เธออยากไปช่วยขายหรือจะไปส่องดาราที่อยู่ประจำซุ้มนั้นกันแน่” ชาญพูดดักขึ้นมา
“แกรู้แล้วจะมาถามฉันทำไมย่ะ” พัสกาญปล่อยให้ทั้งสองคนเถียงกันไป ส่วนเขาก็หันมาตั้งคำถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“กร เมื่อเช้านี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“ทำไมว่ะ? เมื่อเช้ามีอะไร?”
“มีคนโมโหกู กูเห็น… ตอนที่อยู่บนนั้น”
“ไม่นะ กูก็เห็นเขาปกติดี อาจจะตกใจที่เห็นมึงเมื่อเช้านิดหน่อย นี่กูเพิ่งรู้นะ ว่าอามันต์เป็นแฟนคลับคุณพัสกาญเขาด้วย” กรกฤตพูดล้อเลียนชื่อเขา
“เฮ้ย… มึงตอบดีๆ ดิ”
“กูก็ไม่ได้ล้อเล่น กูพูดเรื่องจริงทั้งนั้น”
“แล้วทำไมกูถึงเห็นว่าเขากำลังโกรธกูอยู่”
“นี่มึงแค่เปรยๆ ไม่ต้องการคำตอบ หรือจะให้กูตอบมึงตรงๆ”
“คือกู…”
“มึงได้คุยกับเฮียเจมส์ หรือป้าหงส์รึยัง”
“อืม”
“แล้วคำตอบของมึงล่ะ?”
“กูว่า… กูจะลองดู”
“เฮ้อ...ก็แค่นั้น แล้วคำถามของมึงเมื่อกี้นี้ล่ะ?”
“กูก็อยากรู้คำตอบ แต่มึงไม่น่าจะรู้”
“แม่ง!! ดูถูกกูเกินไปแระ”
“เฮ้ย!! มึงโกรธกูจริงๆ เหรอ” เขาพยายามมองออร่ารอบๆ ตัวกรกฤต แต่กลับไม่เห็นอะไร
“กูแค่ล้อมึงเล่น กูไม่ได้โกรธมึง”
“มึงแม่งเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”
“เออๆ กูขอโทษ สรุปแล้วมึงจะฟังคำตอบจากกูไหม?” เขาพยักหน้ารับ “ที่เขาโมโหหรือโกรธ มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรก เขาโมโหที่มึงขึ้นไปโชว์ตัวบนนั้น”
“แต่กูแค่ไปช่วยงานยายกูเองนะ”
“มึงรู้ไหม ตอนมึงอยู่บนนั้น สาวๆ แถวนี้พอได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าด ก็พากันหันไปมอง พอเห็นมึงเท่านั้นแหละ ทิ้งเสื้อที่กำลังเลือกๆ อยู่ไปตามดูมึงถึงขอบเวทีเลยล่ะ”
“เขาโกรธที่ถูกกูแย่งแฟนคลับอย่างนั้นเหรอ”
“โถ่...ไอ้ม่อน ไอ้บื้อเอ้ย เขาหวงมึง เขาหึงมึงต่างหาก” กรกฤตเว้นช่วงให้เขาคิดตาม “เชี่ยล่ะ ไอ้ม่อน มึงไม่ต้องมาทำหูแดงใส่กู”
“เอ่อ...มึงบอกว่ามี 2 ข้อ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข้อนี้ก็ได้ แล้วอีกข้อหนึ่งละ”
“อีกข้อที่กูคิดได้ เขาอาจจะกำลังโมโหตัวเขาเอง ที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนอยู่ตรงนี้”
“หมายความว่าไงว่ะ?”
“ก็หมายความว่า ตอนนี้เขายังไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปห้ามมึงไม่ให้ขึ้นไปบนนั้นไง”
“อืม มันก็จริงของเขา เขาคงโมโหเพราะข้อนี้มากกว่า”
“โถ่… ไอ้ม่อนเอ้ย กูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามึงถึงจะสาสมกับความโง่ของมึง”
“อ่าว ไมมาว่ากูอย่างนี้ว่ะ นี่กูก็คิดตามที่มึงพูดนะ ถ้าจะโง่ มันก็มาจากคนเริ่มต้นอย่างมึงนั่นแหละไอ้กร”
“เออๆ เอาที่มึงเข้าใจเถอะไอ้คุณหนู”
พัสกาญขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับกรกฤต จึงหันไปดูบรรยายกาศรอบๆ ซุ้มขายเสื้อ เห็นซุ้มอื่นๆ ยังมีคนมุงซื้อเสื้อกันหนาแน่น ส่วนซุ้มของเขาคนกลับบางตาลงไป คงเป็นเพราะไม่มีดารากลับเข้ามาประจำซุ้ม
“นักแสดงคนอื่นกลับเข้าซุ้มกันหมดแล้ว ทำไมซุ้มเรายังไม่มีใครมาว่ะกร?”
“หึ มึงถามหาไอ้แหม่มหรือคนอื่น”
“กูก็ต้องหมายถึงแหม่มสิว่ะ”
“เออ กูจะพยายามเชื่อ”
เขาเลือกจะไปนั่งที่ด้านในของซุ้ม ข้างๆ ชาญกับเองที่เพิ่งจะลงมานั่งพัก ให้กรกฤตเฝ้าอยู่ด้านหน้าคนเดียว ก่อนนำโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน ทำให้เขาเพิ่งเห็นข้อความที่เข้ามาตั้งแต่เช้า แต่เขาไม่ได้ยินเพราะปิดเสียงไว้
........................................................................
กรกฤตมองตามเพื่อนของเขา ที่เข้าไปนั่งข้างๆ ลูกน้องทั้งสองคน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว เขามั่นใจในระดับหนึ่งว่าทัชชาเป็นคนดี ตั้งแต่เข้าวงการมาก็ไม่เคยมีข่าวเสียหาย แต่คนธรรมดาอย่างทัชชาจะรับมือกับคนที่บ้านของเพื่อนเขาได้ไหม
รอบๆ งานมีคนของลุงเสือเต็มไปหมด ล้วนเป็นหูเป็นตาให้กับคนที่บ้านได้เป็นอย่างดี เพื่อนของเขาถือว่าเป็นน้องเล็กที่สุดในตระกูล ทำให้ทุกคนในบ้านให้ความรักและเอ็นดูราวกับไข่ในหิน
อย่างคราวของโมนิกา เพียงแต่เจ้าเพื่อนของเขาบอกเรื่องราวของแฟนสาวให้แม่ของมันฟัง แม่ของมันถึงขนาดให้ลุงเถิงช่วยสืบประวัติเลยทีเดียว ซึ่งเขาเพิ่งจะมานึกได้ทีหลังว่าคงหมายถึงออร่านั่นเอง แหม่มเคยเล่าให้เขาฟังว่า พัสกาญไม่เห็นออร่าจากโมนิกา
กรกฤตหันไปเห็นทัชชาเดินมากันอามันต์พอดี เขาจึงเร่งเดินไปดัก ถ้าพัสกาญจะลองคบกับทัชชาดู ด่านแรกที่ทัชชาจะต้องเจอก็คือเขา
“ม่อน เดี๋ยวกูมา ไปหาไรกินแป๊บ มึงเอาอะไรไหม?”
“ไม่อ่ะ ขอบใจ”
“พี่กร ผมไปด้วย” เสียงของชาญแทรกตามหลังมา
“แกอยู่ช่วยเอมไปเลย จะเอาอะไรเดี๋ยวฉันซื้อมาให้”
“งั้นไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวค่อยสลับกันไปก็ได้”
“อืม”
กรกฤตรีบเร่งฝีเท้าออกจากซุ้มไป จนกระทั่งเดินมาถึงตัวทัชชาและอามันต์
“แล้วแหม่มกับน้องดาล่ะครับ” เขาถามคนทั้งสองที่ดูตกใจเล็กน้อยที่อยู่ ๆ ก็เจอเขาเดินมาดักหน้า
“กำลังเดินตามมา นายมีอะไรรึเปล่า” อามันต์เป็นคนถามขึ้น
“ฉันกำลังจะเดินไปเอาข้าวกล่องที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้นะ แต่กลัวว่าจะถือคนเดียวไม่ไหม เลยจะชวนแหม่มไป”
“อ่าว แล้วทำไมไม่ให้คนที่ซุ้มมาช่วยล่ะ?” อามันต์ถามออกมาติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย
“ถ้าชาญหรือเอมมาสักคน ที่ซุ้มคงจะวุ่นวาย” ทัชชาหันไปบอกอามันต์ “เอาอย่างนี้แล้วกัน มันต์ นายไปรอที่ซุ้ม ฉันจะไปช่วยกรเอง”
“อืม ก็ได้ แล้วน้องแหม่มกับน้องดาล่ะ?”
“น้องแหม่มคงตามไปช่วยงานในซุ้มแหละ”
“โอเค” อามันต์พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินตรงไปยังซุ้มขายเสื้อ
“เราไปกันเถอะกร ต้องไปรับอาหารกล่องที่ไหนล่ะ?”
“อันที่จริงก็รับได้หลายจุดนะ คุณทัชจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะชวนคุณเดินไปไกลหน่อย แถวๆ ข้างเวทีใกล้ๆ กับทางเข้าโรงแรม”
“ไปสิ ไม่มีปัญหา”
จากนั้นกรกฤตก็เดินนำทัชชาตรงไปยังเวทีที่มีงานเมื่อเช้า แต่เดินเลยเข้ามาในส่วนของโรงแรม ซึ่งทัชชาก็ดูจะสงสัยไม่น้อย
“ผมนึกว่าเราต้องไปเอาอาหารกล่องกันแถวๆ เวทีที่จัดงานซะอีก ไม่คิดว่าจะเข้ามาในตัวโรงแรม” ทัชชาถามขึ้นมาระหว่างที่เดินอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างหาดกับสระว่ายน้ำของโรงแรม
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องม่อน” กรกฤตตอบโดยไม่หันกลับไปมองคนถามแม้แต่น้อย จนเดินมาถึงล๊อบบี้ของโรงแรม
“อ่าว คุณกร เข้ามาตามคุณพัสรึค่ะ” คุณวรรณาเลขาของลุงเสือทักทายเมื่อเห็นเขา
“ไม่ใช่ครับ พี่ๆ เขาพาม่อนไปส่งที่ซุ้มเรียบร้อยแล้ว พอดีผมมาหาที่เงียบๆ คุณงานนิดหน่อยครับ”
“วรรณจัดการให้ไหมค่ะ?”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปนั่งในล๊อบบี้ก็ได้ครับ” กรกฤตปฏิเสธพัลวัน
“วันนี้ล๊อบบี้คนแน่นค่ะ เดี๋ยววรรณให้คนพาไปที่ห้องรับรองดีกว่าค่ะ”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนคุณวรรณแล้วล่ะครับ”
เขาเดินตามคุณวรรณาไปจนพบกับพนักงานโรงแรมคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้มานั่งคุยกับทัชชาในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมกับของว่างที่ถูกจัดมาให้
“คุณคงแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้ห้องรับรองง่ายๆ จากทางโรงแรมเพียงเพราะต้องการจะคุยกับคุณ” กรกฤตเริ่มบทสนทนาขึ้น
“เมื่อครู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถึงพัส คงหมายถึงม่อนสินะ” ดูเหมือนพระเอกตรงหน้าเริ่มเดาอะไรได้บ้างแล้ว
“ใช่ ที่ผมต้องการคุยกับคุณก็เพราะผมอยากรู้ว่าคุณรู้จักม่อนมันดีแค่ไหน หรือรู้แค่เพียงว่ามันคือ
พัสกาญ หิรัญสิงหนิราศ”
“ผมก็รู้เท่าที่คุณพูดนั่นแหละ ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมยอมรับว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวม่อนเลย และผมพร้อมที่จะเรียนรู้หากม่อนเปิดโอกาสให้ผม”
คำพูดของทัชชาที่แสนจะตรงไปตรงมา เผยให้เห็นความจริงใจ ทำให้กรกฤตถึงกับถอนหายใจ นี่เขาควรจะเป็นด่านแรกไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมเขากลับสงสารที่พ่อพระเอกหนุ่มตรงหน้าที่รู้เรื่องเพื่อนของเขาเพียงเท่านี้
“เฮ้อ...คุณไม่คิดจะทำการบ้าน หาข้อมูลเกี่ยวกับคนที่คุณจะจีบเลยรึไง?”
“ผมรู้ว่าม่อนเป็นใคร เป็นคนมีชื่อเสียงแค่ไหน การที่ม่อนไม่ชอบออกสื่อแสดงว่าเขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ผมสังเกตจากเวลาที่เขาแอบไปนั่งทำงานเวลาที่ว่างจากช่วยคุณ และส่วนตัวผม ผมคิดว่า ผมไม่ควรเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของม่อน หากม่อนไม่อนุญาต ผมรอได้”
“เฮ้อ… สงสัยผมคงต้องช่วยคุณซะแล้ว คุณทัช”
“ช่วยผม?”
“คุณคงไม่รู้ว่าว่าการจะจีบม่อนต้องเจอกับอะไรบ้าง เอาเป็นว่า ก่อนอื่นคุณต้องรู้เรื่องเยี่ยนหวอ กรุ๊ปก่อน”
“เยี่ยนหวอ กรุ๊ป? มันคืออะไร?”
กรกฤตได้แตส่ายหน้า อยากจะเอามือกุมขมับนัก ขนาดเยี่ยนหวอ กรุ๊ปคืออะไรยังไม่รู้ แล้วแบบนี้จะรับมือคนที่บ้านของเพื่อนเขาได้ยังไงกัน
To Be Continued