ตอนที่ 22 : ความแตก
[บีทส์]
อ๊าก!!!
ผมจะทำยังไงดีๆ ประโยคนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมมาตั้งแต่เช้า ไม่ยอมหลุดออกไปจากสมอง
“หึ เป็นอะไรของมึงอีก ทำหน้าแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว” พี่ซันเอ่ยแซ็วขึ้นมาขำๆ ขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ กันในช่วงสายๆ ของวัน
“เพราะพี่นั่นแหละ”
ผมโวยกลับหน้ายุ่ง ไอ้พี่บ้า!! มาทำให้คนเขาคิดมากยังมาหน้ามาทำหน้าระรื่นอีก! ผมจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆ ให้ฟังนะครับ แบบ...นึกแล้วอยากเอาหัวโขกหน้ารถจริงๆ
กลับไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่พี่ซันพูดประโยคชวนสั่นสะท้านโลกานั่นมา ผมก็ได้แต่เบิกตากว้างมองหน้าพี่มันด้วยความตกใจจนพี่ซันต้องเอื้อมมือมาเขย่าตัว
‘เฮ้ย บีทส์มึงโอเคมั้ย?’
‘พี่พูดอะไรออกมา คนข้างๆ อะไรกันผมไม่เข้าใจ’
พี่ซันถอนหายใจ แล้วพูดต่อด้วยแววตาจริงจัง ‘มันไม่มีสถานะตายตัว กูแค่ขอให้มึงช่วยอยู่ข้างๆ กูก่อน อย่าผลักไสให้กูไปไกลๆ อย่าเพิ่งหนีกูไปไหนจะได้มั้ยวะ’ ผมพยายามหรี่ตามองอย่างจับผิด ผมยังไม่อยากไว้ใจแต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
‘แต่พี่มีพี่ฟ้าอยู่แล้วนะ แล้วเขาก็เป็นพี่รหัสของผมด้วย มันจะไม่โหดร้ายเกินไปเหรอ’
‘เขาก็อยู่ส่วนเขา กูรู้จักฟ้าดีพอๆ กับที่รู้จักตัวเองดี เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเถียง ฟังกูพูดให้จบ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันไม่เหมือนกันเข้าใจมั้ย กูสัญญาว่ากลับไปกูจะพยายามทำทุกอย่างให้ฟ้าเข้าใจ’
‘จะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร แฟนเก็บ คนคั่นเวลา หรือแค่ตัวสำรอง รอให้พี่เหงาแล้วมาหา จากนั้นก็กลับไปหาคนของพี่’
‘ไม่ใช่ แต่เป็น...คนข้างๆ กูต่างหาก’
‘แล้วมันต่างอะไรกับเมียน้อยเล่า!’
‘กูเพิ่งจะรู้ตัวได้ไม่นานมานี้...ว่ามึงมีอิทธิพลกับตัวกูมากแค่ไหน” เขาเหลือบมองหน้าผมแล้วเว้นวรรคคำพูด “ไม่เจอมึงก็ร้อนรน เจอมึงอยู่กับคนอื่นก็หงุดหงุด มันเหมือนยาเสพติดนะว่ามั้ย รู้ว่าไม่ดียังคิดอยากจะลองซ้ำๆ’
!!!
‘พี่ซัน...’ ผมครางเรียกชื่อเขา
‘ขอเวลาให้กูได้เคลียร์ตัวเองก่อนได้มั้ย?’
‘แต่พี่รู้ใช่มั้ยว่าถ้าอยู่กับผม พี่จะโดนคนอื่นมองว่าเป็นเกย์...พี่ยอมได้เหรอ’ ผมถามกลับด้วยความคาใจ เป็นจุดที่ผมเองก็เป็นห่วงพี่ซัน
‘กูไม่ได้เป็น กูรู้อยู่แก่ใจ แค่มึงคนเดียวเท่านั้นบีทส์’
‘แต่...’
‘ลองเสี่ยงกับกูสักครั้งได้หรือเปล่า’
สายตาเคร่งขรึมถูกปรับลงให้เหลือไว้แต่ความอ่อนโยนและเว้าวอน พี่ซันกระชับมือผมขึ้นสองข้าง แล้วมองตรงมาที่ผม สายตาทั้งสองข้างสะท้อนแค่เงาของผม…
“กูทำไม” พี่ซันถามกลับอารมณ์ดี สายตาโฟกัสอยู่ที่ถนน
“ผมถาม ทำไมไม่ยอมตอบเล่า!”
พี่ซันหันมาเลิกคิ้ว
“ตอบอะไร”
“พี่รู้ความหมายของคำถามพี่ดีใช่มั้ย...ว่ามันสื่อว่าอะไร” ผมหันไปถาม พี่ซันหรี่ตาลงก่อนจะหันไปขับรถต่อ ผมทำปากยู่
“รู้”
“นั่นมันคำบอก...บอกชอบทางอ้อมแท้ๆ เลยนะ!?” ผมถามย้ำขึ้นอีกรอบ จริงๆ เป็นคำถามที่ผมเคยถามไปตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากพี่มันก็แค่ยิ้มแล้วยีหัวผม ไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธอะไรเลย แค่บอกว่าชอบว่ารักแค่นี้มันลำบากมากเลยหรือยังไงห๊า!!!?
“มึงก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกูเลยเหมือนกัน” พี่ซันแย้ง
“ก็มันยังไม่เคลียร์เลยนี่”
“กูรู้ว่ามึงคงรู้สึกไม่ดีเรื่องฟ้า...ความผิดนั้นกูขอเก็บไว้แค่คนเดียว ขอแค่มึงเชื่อในตัวกู และอยู่ข้างๆ กูแบบนี้ กูสัญญาว่าจะเป็นคนเคลียร์ทุกอย่างด้วยตัวกูเอง” พี่ซันพูดขึ้น
“แต่...”
“กูพอจะเดาคำตอบของมึงได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่มึงอยากถามเอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะ” พี่ซันพูดแล้วฉีกยิ้มให้ผมนิดๆ ก่อนจะหันไปขับรถต่อ
ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของพี่ซันที่มองตรงไปข้างหน้า มันเป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ ความรู้สึกค้างคายังเกาะกินในใจผม แต่ผมขอแค่ครั้งนี้ให้ผมได้ลองทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ผมจะยอมรับความผิดบาปนี้ไว้และถอนตัวออกมา
ผมลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือหนาที่จับอยู่ที่พวงมาลัยแล้วบีบเบาๆ พี่ซันหันมาส่งยิ้มมุมปากให้ เราเพียงแค่ยิ้มเพื่อเติมกำลังใจให้แก่กันและกัน
...ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
“มึงจะแวะซื้ออะไรเข้าคอนโดมั้ย” พี่ซันหันมาถาม
ผมส่ายหัว ยังจมอยู่กับความคิด
ให้อยู่ข้างๆ กันงั้นเหรอ
แล้วถ้าสักวันพี่มันมีคนข้างๆ ที่เป็นตัวจริงเข้ามาล่ะ
ผมก็ต้องเป็นคนถอยหรือเปล่า…
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกรอบหลังจากเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ อุตส่าห์คุยโวไว้ว่าจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนคนข้างๆ จนถึงกรุงเทพแท้ๆ ก่อนจะหันไปถามร่างหนาของคนคุ้นเคยที่หันมามองด้วยแววตาขบขัน
“พี่หมอนัดที่คอนโดใช่มั้ยครับ”
“อืม...เพราะมันคนเดียวทำทุกอย่างพลาดไปหมด ไม่รู้ว่ามีธุระด่วนอะไรถึงเคลียร์กันไม่ได้ ต้องโทรตามตัวกูให้กลับ” พี่ซันตอบอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกไปถึงต้นเหตุที่ทำให้เราต้องรีบกลับกรุงเทพกันตั้งแต่ตอนสายของวัน
ผมพยักหน้ารับก่อนจะถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของพี่ซันขึ้นมาเล่นเกมอีกรอบหลังจากที่พี่เขาคงเห็นผมนั่งว่างเบื่อๆ เลยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองยื่นให้ผม บอกว่าเอาไปเล่นปากจะได้ไม่ว่าง…
จะว่าไปโทรศัพท์ของพี่มันก็แทบไม่มีแอพลิเคชั่นอะไรเลย ผมลองแอบกดเข้าไปดูในกล่องข้อความก็ไม่มีอะไร จะมีก็แต่กล่องข้อความเข้าจากพี่ฟ้าทั้งนั้น แต่กล่องข้อความออกกลับมีแต่พวกวันเวลา สถานที่ ถึงใครก็ไม่รู้ แถมยังมีตัวเลขที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นจำนวนเงินอะไรสักอย่างที่พี่มันส่งออกไป เป็นมูลค่าที่เยอะทีเดียวครับ
พอจะลองกดเข้าไปเช็คเฟสบุ๊คส่วนตัวของพี่มัน ก็ดันไม่ล๊อกอินไว้อีก คนหล่อเซ็ง เอาง่ายๆ เลยครับ พี่มันมีโทรศัพท์ไว้แค่โทรเข้ากับโทรออกจริงๆ ไอ้พวกโซเชียลนี่คงจะไม่เคยแตะ
ผมเล่นเกม (ที่เพิ่งโหลดใหม่เอง) ไปได้สักพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับเส้นทางเมื่อพี่มันเลี้ยวเข้าซอยคอนโด ผมหันไปหยิบเป้ของตัวเองที่วางอยู่ตรงท้ายเบาะหลังมากอดไว้ ก่อนจะกดออกจากเกมยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของเครื่อง
“พรุ่งนี้มึงมีเรียนเช้าใช่มั้ย” พี่ซันเอ่ยปากถามก่อนจะวนหาที่จอดรถ ผมเลิกคิ้ว แต่ก็กดหน้าลงหงึกหงักเป็นเชิงตอบรับ
“เดี๋ยวกูไปส่ง” พี่ซันหันมาเฉลย ก่อนจะจอดรถนิ่งสนิท
ผมขมวดคิ้ว “เดี๋ยวพี่ก็ปล่อยผมลงหน้ามหาลัยอีกอ่ะ ไม่เอาด้วยหรอก”
พี่ซันทำหน้าแหยแกด้วยความไม่ชอบใจ
“อะไรที่มันผ่านมาแล้วมึงจะปล่อยผ่านมันไปไม่ได้เหรอวะ” เขาถามเสียงอ่อน ผมทำหน้าช่วยไม่ได้ ก็คนมันกลัวนี่หว่า พี่แม่งยิ่งเอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วย
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ”
“เออ กูจะส่งมึงให้ถึงหน้าคณะเลยพอใจมั้ย พูดมากลงไปได้แล้ว จะได้อาบน้ำ เหนียวตัวฉิบหาย” พี่ซันพูดเสียงฉุนที่ผมตอกย้ำการกระทำของเขาในอดีต ผมหัวเราะคิกคักก่อนจะก้าวลงจากรถตามร่างสูงที่เปิดประตูรถออกไปก่อนแล้ว
“อ้าวน้องบีทส์”
พี่รปภ. หน้าคอนโดเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นผม ผมหันไปยิ้มทักทายให้อย่างเป็นกันเอง คุยกันตั้งหลายครั้งไม่เคยได้ถามชื่อสักที คุณนายเขาชอบฝากของกินมาให้พี่แกนะครับ เลยสนิทกันโดยปริยาย จำได้กันไหมครับตอนที่ผมย้ายมาอยู่แรกๆ ที่คุณนายฝากฝังผมไว้กับพี่แกไง
“พี่เห็น...”
“ยืนทำอะไร ทำไมไม่ขึ้นห้อง”
พี่รปภ. หน้าเหวอเมื่อคนที่เดินถือถุงของฝากตามผมมาเอ่ยขัดขึ้นเสียงเข้ม ผมหันไปมองหน้าพี่ซันก่อนจะรีบฉีกยิ้มประจบเมื่อเจ้าตัวหันมามองผมหน้าดุ ชิส์ เห็นว่าขับรถมาเหนื่อยหรอกนะ
“เดี๋ยวว่างๆ ผมมาคุยด้วยนะพี่ พอดีพี่ผมเขาขับรถมาเหนื่อย” ผมรีบหันไปกระซิบพี่เขาทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปกดลิฟท์ให้พี่ซันที่ถือของฝากมาเต็มสองมือ ให้พี่ฟ้านั่นแหละครับ อ่อ แต่มีของผมด้วยนะ
“เดี๋ยว” ผมชะงักมือที่กำลังจะกดชั้นที่จะให้ลิฟท์จอดไปมองหน้าพี่ซัน
“ครับ?”
“จอดแค่ชั้นของมึงพอ” พี่ซันต่อคำ
ผมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “อ้าว แล้วพี่จะไม่ไปห้องพี่รึไง ของผมมีไม่เยอะ เดี๋ยวผมถือไปเองได้ ไหนว่าพี่อาร์ตรออยู่” ไม่เห็นต้องถือของไปให้เลย ตัวเองก็มีธุระด่วนแท้ๆ
“เออน่า”
ติ้งงงง
ผมเดินนำพี่ซันออกมาจากลิฟท์ก่อนจะล้วงหากุญแจห้องในกระเป๋าออกมา เฮ้อ สงสัยพรุ่งนี้คงต้องแวะไปเอาโทรศัพท์ที่บ้านหลังเลิกคลาสซะแล้ว หวังว่าไบร์ทคงจะไม่สงสัยอะไรหรอกนะ
แกรก~
ผมไขประตูเข้ามาในห้อง โดยมีร่างสูงของพี่ซันเดินตามเข้ามาด้วย รอให้เขาเข้าห้องผมถึงปิดประตูแล้วเดินตามร่างสูงเข้าไปในห้อง แต่ต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นพี่ซันยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน
“มี...ไบร์ท!!!?”
ผมกำลังจะเอ่ยถามพี่ซัน แต่ก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างของคนคุ้นเคยนั่งอยู่บนโซฟา ตรงข้ามกับพี่อาร์ตที่ยิ้มน้อยๆ ให้พวกผมอย่างลำบากใจ
“ใช่...ไบร์ทเอง”
ไบร์ทหันมาตอบรับแล้วแสยะยิ้มให้น้อยๆ ผมทำหน้าอึกอัก เชี่ยแล้วไง พี่ซันหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจเหมือนเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ เขาเดินเลี่ยงเอาของไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับมาคว้าเอาข้อมือผมให้เดินตามไปนั่งที่โซฟา พี่อาร์ตขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่ว่าง
“พี่บีทส์มานั่งนี่”
ผมกำลังจะนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับน้องเด้งตัวขึ้นยืนตัวตรง เตรียมขยับไปนั่งตามคำขอแต่พี่ซันคว้าข้อมือผมไว้ รู้สึกว่าอากาศในนี้ร้อนทั้งๆ ที่เปิดแอร์อยู่ ไบร์ทเม้มปากมองหน้าผม ก่อนจะตวัดดวงตากลมโตกลับไปมองกดดันคนข้างตัวผมแทน
พี่ซันมองหน้าผมนิ่ง แล้วหันไปมองหน้าน้องผม
“ตรงนี้ก็ว่าง” พี่ซันพูดขึ้นเสียงเรียบไม่สะทกสะท้าน ผมทำหน้าอึกอัก
“เอ่อ พะ.../ พี่บีทส์จะนั่งตรงนี้” ผมกำลังจะเอ่ยปากท้วงพี่ซัน แต่โดนใครบางคนพูดแทรกขึ้นก่อนจนต้องเก็บคำไว้ในปาก บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที ผมมองหน้าน้องสลับกับพี่ซันก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
เอาวะ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
“พี่เขาแค่พามาส่งน่ะไบร์ท” ผมเอ่ยแก้ตัว แต่แอบเอานิ้วไข่วไว้ด้านหลัง
ขอโทษนะไบร์ท
ไบร์ทลุกขึ้นยืนมองหน้าผม พี่หมอลุกตามแล้วก้าวมายืนขนาบข้าง
“พี่บีทส์ไม่เคยโกหกไบร์ทแบบนี้เลยนะ” ผมเม้มปาก พี่ซันลุกขึ้นยืนซ้อนหลังผม กระชับแรงที่มือส่งกำลังใจให้ผมโดยไร้คำพูด
ไบร์ทเหลือบมองมือพี่ซันที่จับข้อมือผมไว้ “ปล่อยมือ” น้องบอกพี่ซัน แต่เขาไม่ยอมปล่อย ผมเม้มปาก ส่งสายตาให้พี่ซันปล่อย แต่พี่ซันยืนกรานความคิดเดิม
“พี่บีทส์ทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“พี่ว่าเราคุยกับพี่เขาดีๆ ดีกว่านะไบร์ท” พี่หมอเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง ไบร์ทตวัดสายตาใส่อย่างเคืองจัด แต่พี่หมอก็ไม่ยอมปล่อยมือจากข้อศอกของไบร์ท คงกลัวหลุดมาเสยคางเพื่อนตัวเอง ขนาดผมยังแอบหวั่นในใจ ไบร์ทค่อนข้างใจร้อนและรั้นมากด้วย
“มึงไม่ต้องยุ่ง เรื่องของคนในครอบครัว!!” ไบร์ทตะคอกใส่พี่หมอหน้าแดง พี่หมอหน้าเสียไปเลย แต่ยังยืนนิ่งไม่มีการขยับหนี ผมขยับเข้าไปใกล้น้องแต่ก็ถูกพี่ซันรั้งแขนไว้
“พี่แค่อยากให้เราใจเย็นๆ” พี่หมออธิบาย
“กูเย็นมานานแล้ว แต่นี่มันลากพี่กูไปไหนก็ไม่รู้แถมยังไม่ให้ติดต่อกับกู มึงจะให้กูคิดยังไง!?” ไบร์ทหันไปตะคอกถามต่อแล้วมองพี่ซันอย่างเคืองจัด
“คนเราทุกคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง พี่ไม่อยากให้เราใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา” พี่หมอพูดต่ออย่างใจเย็น
“ไบร์ทใจเย็นๆ” ผมออกปากห้ามเมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย มือสั่นทั้งสองข้าง ไม่รู้จะแก้ไขกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง ไม่รู้ว่าน้องรู้อะไรบ้าง หรือรู้ไปถึงขั้นไหน
“มึงปล่อยมือพี่กูเลยนะ!” ไบร์ทตะคอกใส่หน้าพี่ซัน แล้วทำท่าจะเข้ามาดึงมือพี่ซันออกจากผม พี่หมอรีบเกี่ยวเอวเล็กแล้วจับยึดไว้สองมือ ส่วนผมตอนนี้ถูกพี่ซันรั้งไปยืนอยู่หลังร่างหนาแทน
“พี่ซันปล่อยผม นั่นน้องผมนะ!” ผมทำหน้าจะร้องไห้ เมื่อเห็นอาการหัวเสียของน้อง ไบร์ทเองก็ไม่ต่างกัน คงโมโหที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
“แต่...” พี่ซันทำท่าจะท้วง
ผมส่ายหัวแล้วตะคอกย้ำคำพูดของตัวเอง “ปล่อย!”
พี่ซันส่งเสียงหึในลำคอ แต่ก็ยอมปล่อยมือผม ผมเดินขาสั่นเข้าไปหาน้อง ไบร์ทเม้มปากแน่นก่อนจะคว้าข้อมือผมไปยืนข้างหลัง
“พูดความจริงมาให้หมด” ไบร์ทยื่นคำขาด ผมเบิกตากว้าง หมายความว่ายังไง ไบร์ทรู้เรื่องของผมกับพี่ซันแล้วอย่างงั้นเหรอ!?
“ไบร์ท” ผมครางเรียกชื่อน้องเสียงสั่น แล้วหันไปมองหน้าพี่ซัน พี่มันหรี่ตาลง อย่างใช้ความคิด ก่อนจะปรับสายตาให้เรียบนิ่งเหมือนเดิม
ไบร์ทไม่ฟังเสียงผม แต่เลือกหันไปพูดกับพี่ซันแทน “ถ้าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าคนรู้จักกับพี่บีทส์ก็แค่พูดมา แต่ถ้ามี...ก็บอกมาให้หมด”
ผมจับมือน้องไว้แล้วดึงไว้เบาๆ พยายามจะเรียกน้อง
“คะ...คือไบร์ท”
พอเจอผมรบเร้ามากๆ ไบร์ทก็หันมาพูดกับผมแล้วจับมือผมไว้เบาๆ เป็นการขอร้อง “พี่บีทส์ตอนนี้ไบร์ทขอให้พี่บีทส์อยู่เฉยๆ ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
ผมทำหน้าลำบากใจแล้วหันไปมองหน้าพี่ซัน พี่มันพยักหน้าให้ผม
“พาพี่บีทส์เข้าไปในห้องก่อนอย่าเพิ่งให้ออกมา” ไบร์ทหันไปสั่งพี่หมอ รายนั้นก็พยักหน้าตอบรับคำขออย่างดีเยี่ยม ผมส่ายหัวไม่ยอม
“พี่จะอยู่ด้วย” ผมต่อรอง
ไบร์ทส่ายหัว “ไบร์ทจะคุยเองและต้องคุยแค่กับเขา”
“ไปเถอะบีทส์ ไม่มีอะไรหรอกเชื่อพี่นะ” พี่หมอเอ่ยสำทับ ทั้งๆ ที่ก็มีสีหน้าเป็นห่วงทั้งเพื่อนตัวเองและน้องผม ผมหันหน้าไปมองพี่ซัน เขาส่งยิ้มให้ผม
“ไม่มีอะไรให้มึงต้องห่วง เข้าไปข้างในก่อนไป”
ผมรู้ว่าพี่ซันก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ทำอะไรรุนแรงแน่นอน แต่ที่ผมห่วงคือน้องผม ไบร์ทใจร้อนและเคยมีเรื่องกับเด็กผู้ชายบ่อย เขาเรียนการต่อสู้ เคยล้มผู้ชายตัวโต แล้วยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยากที่จะควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะปกติ
“ไปเถอะ” พี่ซันสำทับ
“อือ”
ผมครางรับในลำคอ ยอมเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง พี่หมอเดินตามเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งตรงปลายเตียงในท่านั่งชันเข่า
“ไม่ต้องกังวลหรอก” พี่หมอพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ไม่ให้ผมกังวลได้ยังไงล่ะพี่” ผมค้านแล้วใช้หลังมือปาดหางตา ซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง คนหนึ่งเป็นน้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา กับอีกคนที่มีน้ำหนักในหัวใจของผมไม่แพ้กัน
คนสำคัญของผมทั้งคู่…
Talk :: ถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำยังไง